The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดประสบการณ์ชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nmatroeng1, 2022-05-21 10:13:46

แผนการจัดประสบการณ์ชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

แผนการจัดประสบการณ์ชั้นอนุบาล 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565

แผนการจัดประสบการณ์รายวนั วันท่ี ๔ หน่วย 32

จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้
การเรียนรู้
ประสบการณส์ าคัญ สาระท่คี วรเรียนรู้
กจิ กรรมเคลอ่ื นไหว
และจังหวะ (๑) กำรเคลื่อนไหวอยู่ ๑. กจิ กรรมเคล
เคลอ่ื นไหวทำ่ ทำง กบั ที่ รำ่ งกำยไปทัว่ บร
เพื่อสื่อสำรควำมคิด (๒) กำรเคล่ือนไหว ยินสญั ญำณหยุด
ควำมรูส้ ึก กำรเป็น เคล่ือนท่ี ๒. เดก็ จับเปน็ ก
ผู้นำและผ้ตู ำม ของ (๑) กำรฟังเพลง กลำงวงใหญ่แล
ตนเองได้ กำรรอ้ งเพลง และ ดู ๑ รอบ รอบท
กำรแสดงปฏกิ ิริยำ 3. ทำแบบข้อ ๒
กิจกรรมเสรมิ โต้ตอบเสยี งดนตรี สนใจ
ประสบการณ์ 4. ให้เด็กฟงั ผอ่
๑. คน้ หำคำตอบ (1) กำรสำรวจ แหล่งพลงั งำนมีจำก
ของข้อสงสัยต่ำง ๆ สง่ิ ตำ่ ง ๆ และ หลำยแหล่ง เช่น 1.ครแู ละเดก็ สน
ตำมวิธีกำรของ แหล่งเรยี นร้รู อบตัว พลังงำนจำกดวง ห้องเรยี น โดยค
ตนเองได้ (4) กำรมีส่วนรว่ มใน อำทิตย์ สงสัยในชีวิตปร
๒. ใช้ประโยคคำถำม กำรรวบรวมข้อมูล - ทำไมจึงมีกลำ
“ทไี่ หน”“ทำไม”ใน และนำเสนอขอ้ มลู - ทำไมห้องเรำ
กำรค้นหำคำตอบได้ (4) กำรพูด แสดง - แสงสวำ่ งมำจ
ควำมคดิ ควำมรสู้ ึก - จะเกิดอะไรข
และควำมต้องกำร - เรำได้ประโยช
๒.กำรทดลองใช
วำ่ จะเกิดอะไรข
๒. สรุปรว่ มกันถ

แรงและพลังงานในชีวิตประจาวัน ชน้ั อนบุ าลปีท่ี ๒

กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ

ลือ่ นไหวพนื้ ฐำนใหเ้ ด็กเคลื่อนไหว เครื่องเคำะจงั หวะ สังเกต
รเิ วณอย่ำงอิสระตำมจงั หวะเม่อื ได้ กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยใน
ดให้หยุดเคลื่อนไหวในทำ่ น้นั ทนั ที กำรเป็นผ้นู ำ ผูต้ ำม
กลมุ่ วงกลมใหญ่ ให้ผูน้ ำเข้ำไปใน
ลว้ ทำท่ำประกอบจังหวะให้เพื่อนๆ
ที่ ๒ใหเ้ พ่ือนๆทำตำมไปพร้อมๆกนั
๒ อีก ๔ - ๕ คร้ังหรอื ตำมควำม

อนคลำยสบำย ๆ 1. รูปภำพสง่ิ ตำ่ งๆทไี่ ด้ สงั เกต
ประโยชนจ์ ำกพลังงำน ๑. กำรคน้ หำคำตอบของ
นทนำกนั ถึงส่งิ แวดล้อมใน แสงอำทติ ย์ ขอ้ สงสยั ตำ่ ง ๆ ตำม
ครูกระตุ้นใหเ้ ด็กต้ังคำถำมทตี่ นเอง ๒. เลนสเ์ วำ้ วธิ ีกำร ของตนเอง
ระจำวัน เชน่ ๓. สำลี ๒. กำรใชป้ ระโยคคำถำม
ำงวนั กลำงคนื
ำถงึ สว่ำง เพรำะอะไร วำ่ “ทีไ่ หน” “ทำไม”ใน
จำกทไี่ หน
ข้ึนถ้ำไมม่ ีแสงสว่ำง กำรคน้ หำคำตอบ
ชนอ์ ะไรจำกแสงอำทิตยบ์ ำ้ ง
ชเ้ ลนส์เว้ำ รวมแสงให้เด็กคำดเดำ
ขึน้ และใชส้ ำลเี ปน็ จุดรับแสง
ถงึ ประโยชนข์ องแสงอำทติ ย์

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ ก

การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระทีค่ วรเรยี นรู้ ใหเ้ ด็กเลอื กทำก

กิจกรรมศลิ ปะ (2) กำรเขียนภำพ การหยดสี และ
สร้างสรรค์ (2) กำรแสดง
สรำ้ งผลงำนศลิ ปะ ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ ๑. ใหเ้ ดก็ เลือกก
เพอื่ ส่ือสำร ศิลปะ ๒. ถำมเดก็ เวลำ
ควำมคิด (๓) กำรทำศิลปะ ๓. ทำเสร็จนำเส
ควำมรูส้ ึก แบบร่วมมือ 4. เดก็ ๆ ชว่ ยก
ของตนเองได้ (5) กำรทำงำนศิลปะ เก็บของเข้ำที่ไดเ้

กจิ กรรมเลน่ ตาม (2) กำรเลน่ และ มุมประสบกำรณ
ทำงำนร่วมกบั ผู้อ่นื เด็กเลือกกิจกรร
มุม (3) กำรเลน่ ตำมมุม สนใจ ไดแ้ ก่
ประสบกำรณ์ 1.๑ มุมหนงั ส
๑. ช่วยเหลือและ แผ่นพบั ตำ่ งๆสสี
แบ่งปนั ผูอ้ ื่นไดเ้ ม่ือ เรอื่ งแรงและพล
มีผู้ชแี้ นะ ๑.๒ มมุ สรำ้ งส
๒. เก็บของเลน่ ฉกี ตัดปะ และก
ของใชเ้ ข้ำท่ีด้วย ๑.๓ มุมบลอ็ ก
ตนเอง ๑.๔ มุมวิทยำศ
เกี่ยวกับกำรทดล
ต่ำงๆ
2. เมือ่ หมดเวลำ

กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ

กิจกรรมที่สนใจ 1. สีนำ้ แมส่ ี ๓ สี สงั เกต
2. ดินน้ำมัน กำรสรำ้ งผลงำนศิลปะ
ะ การปั้นดินน้ามัน เพ่อื สื่อสำรควำมคิด
ควำมรู้สึกของตนเอง
กิจกรรมตำมควำมสนใจ ๑ อย่ำง
ำเลือกกิจกรรมคิดตดั สนิ ใจอยำ่ งไร สังเกต
สนอผลงำนที่สำเรจ็ ๑. กำรชว่ ยเหลอื และ
กันทำควำมสะอำดอุปกรณ์ และ แบง่ ปนั ผ้อู น่ื ไดเ้ มื่อมีผู้
เรยี บรอ้ ย ชแ้ี นะ
๒. กำรเก็บของเลน่ ของใช้
ณ์ควรมีอยำ่ งน้อย ๔ มมุ 1. มุมประสบกำรณ์ เขำ้ ทด่ี ว้ ยตนเอง

รมในมุมประสบกำรณ์ตำมควำม ในห้องเรยี น

อื วำงหนงั สือนิทำน หนังสอื ภำพ
สันงดงำมดงึ ดูดใจเดก็ เก่ียวกับ
ลังงำนตำ่ งๆ
สรรค์ จดั วำงอุปกรณ์ เกี่ยวกับ
กำรสรำ้ งงำนจำกกำรใชส้ นี ำ้ ต่ำงๆ

ศำสตร์ วำงอปุ กรณข์ องจรงิ
ลองประดิษฐ์ของเล่นด้วยพลังงำน

ำเด็กเกบ็ ของเขำ้ ทใ่ี หเ้ รยี บร้อย

จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ กิจ

การเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้ ๑. ครูพำเด็กไปสน
และแบง่ เด็กเป็นก
กจิ กรรมกลางแจง้ (๔) กำรเคลื่อนไหว เกมกำรละเล่นแข
แข่งเรอื บก เป็นก
๑. เลน่ หรือทำงำน ท่ใี ชก้ ำรประสำน กำลงั กำย สรำ้ งคว
วิธีเลน่
ร่วมกับเพ่ือนเปน็ สัมพันธ์ของกำรใช้
จดั ใหม้ ีผเู้ ล่นท
กลมุ่ ได้ กล้ำมเนือ้ ใหญใ่ น โดยใหค้ นทนี่ ั่งอยู่ข
ต่อกันเรื่อย ๆ จน
๒. เขำ้ แถว กำรจับ กำรโยน กรรมกำรจะใหส้ ญั
พยำยำมกระเถิบต
ตำมลำดับ กำรเตะ ห้ำมไม่ให้ขำหลดุ จ
กรรมกำรจะทำโท
ก่อนหลังได้ ดว้ ย (2) กำรเลน่ และ เริ่มใหม่ได้) ทมี ท่เี
2. ควรเล่นท่สี นำ
ตนเอง กำรทำงำนรว่ มกับ ประมำณ ๑ - ๒ เ
3. เสร็จกจิ กรรมเ
ผอู้ ่นื 4. เม่ือหมดเวลำ
อปุ กรณ์ และทำค
หอ้ งเรยี น

จกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ

นำม ทบทวนข้อตกลงในกำรเลน่ ๑. อปุ กรณใ์ ห้สัญญำณ สงั เกต
กลุม่ ประมำณ ๓ - ๕คน ใหเ้ ล่น เชน่ นกหวีด ระฆงั ๑.กำรเลน่ หรือทำงำน
ข่งเรอื บก ร่วมกบั เพ่ือนเปน็ กลุ่ม
กำรละเลน่ พ้ืนบำ้ น ท่เี ปน็ กำรออก ๒.กำรเข้ำแถวตำมลำดบั
วำมสำมัคคีในหมูค่ ณะ ก่อนหลัง ด้วยตนเอง

ทีมละ 10 คน นั่งเรยี งแถวตอน
ขำ้ งหลงั ใช้ขำรัดเอวคนข้ำงหน้ำ
นครบคน เมื่อเรม่ิ กำรเล่น
ญญำณ โดยแต่ละทมี ตอ้ ง
ตวั ไปขำ้ งหน้ำให้เรว็ ท่ีสุด โดย
จำกเอวคนข้ำงหนำ้ (ถ้ำหลดุ
ทษให้หยดุ พักไป 3 วนิ ำที จงึ จะ
เข้ำเส้นชยั เร็วท่ีสดุ เป็นผู้ชนะ
ำมหญ้ำหรอื พ้ืนที่นุ่ม และระยะ
เมตร
เดก็ เลือกเลน่ อสิ ระในสนำม
ชว่ ยกันเก็บทำควำมสะอำด
ควำมสะอำดร่ำงกำย กลับเข้ำ

จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้
การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระทค่ี วรเรยี นรู้

เกมการศกึ ษา (13) กำรจบั คู่ เกมพนื้ ฐำนกำรลบ 1. ครสู ำธติ เกม
๒. ครูแบ่งเด็กเป
๑. เล่นเกมจบั คู่และ เปรยี บเทยี บสิง่ ตำ่ งๆ เกมที่เคยเลน่ มำ
๓. เมื่อครบกำห
เปรียบเทยี บ (๘) กำรนับและแสดง
ควำมรู้สกึ เก่ียวก
จำนวนได้ จำนวนของสง่ิ ต่ำงๆ ๔. เดก็ ช่วยกนั เ

๒. จำแนกและจดั ในชีวติ ประจำวนั

กลุ่มจำนวนของส่ิง (๑๓) กำรจับคู่

ตำ่ งๆได้ กำรเปรยี บเทียบ

(๕) กำรคดั แยก

กำรจดั กลุม่ และ

กำรจำแนกสิง่ ต่ำงๆ

ตำมลักษณะและ

รปู รำ่ ง รปู ทรง

กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ

มพื้นฐำนกำรลบจำนวนไมเ่ กนิ ๑๘ 1. เกมพ้นื ฐำนกำรลบ สงั เกต

ปน็ กลุ่มย่อยๆ ใหเ้ ดก็ เลน่ เกมใหมแ่ ละ จำนวนไม่เกิน ๑๘ ๑. เล่นเกมจบั ค่แู ละ
เปรยี บเทยี บ จำนวน
ำแล้ว สลบั หมุนเวียนกัน 2. เกมชดุ เดมิ ในมมุ ๒. จำแนกและจัดกลมุ่

หนดเวลำ ครนู ำเด็กสนทนำบอก เกมกำรศึกษำ

กับเกมทเี่ ลน่ จำนวนของส่ิงต่ำงๆ

เกบ็ เกมเขำ้ ท่ใี หเ้ รยี บรอ้ ย

แผนการจดั ประสบการณร์ ายวัน วนั ที่ ๕ หน่วย 32

จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้
การเรยี นรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้
กิจกรรมเคลอ่ื นไหว (๑) กำรเคลื่อนไหว
และจังหวะ ๑. กจิ กรรมเคล
เคลื่อนไหวประกอบ อยู่กับท่ี ร่ำงกำยไปทว่ั บร
เพลง เพื่อสื่อสำร (๒) กำรเคล่ือนไหว สญั ญำณหยุดให
๒. ครรู ้องเพลงไ
ควำมคิด ควำมรสู้ ึก เคลือ่ นที่ ร้องตำม ๑ รอบ
ของตนเองได้ เดก็ แสดงท่ำทำ
(๑) กำรฟังเพลง ๓. ทำตำมข้อ ๒
๔. เดก็ นัง่ ผอ่ นค
กำรรอ้ งเพลง และ

กำรแสดงปฏกิ ิริยำ

โตต้ อบเสยี งดนตรี

กิจกรรมเสรมิ (1) กำรสำรวจ ๑. แสงและไฟฟำ้ ไดม้ ำ 1. ครแู ละเดก็ ส
ประสบการณ์
๑. ค้นหำคำตอบ ส่งิ ต่ำง ๆ และ จำกแหล่งพลังงำน เชน่ ๒. ใหเ้ ดก็ ช่วยก
ของขอ้ สงสยั ต่ำง ๆ
ตำมวิธกี ำรของ แหลง่ เรยี นรรู้ อบตัว ดวงอำทิตย์ ลม นำ้ คำถำม เช่น ไฟ
ตนเองได้
๒. ใช้ประโยค (4) กำรมีสว่ นร่วม เชอื้ เพลงิ - ทำไมไฟฟ้ำจงึ
ในกำรรวบรวมขอ้ มลู ๒. แสงชว่ ยใหเ้ รำมองเหน็ - ไฟฟ้ำทำให้เก
คำถำม“ท่ีไหน” และนำเสนอขอ้ มูล ๓. ทำไมถึงมเี งำ
(4) กำรพูด แสดง เมือ่ มสี ิ่งต่ำง ๆ ไปบังแสง นำผำ้ มำดึงเปน็ ฉ
“ทำไม” ในกำร ควำมคดิ ควำมรสู้ ึก จะเกดิ เงำ
ด้ำนหลัง ใหเ้ ด็ก
คน้ หำคำตอบได้
และควำมต้องกำร ๓. ไฟฟ้ำทำให้สงิ่ ของ จินตนำกำร
เครอ่ื งใชบ้ ำงอย่ำงทำงำน ๒. สรปุ ร่วมกนั ถ
ไฟฟ้ำ

2 แรงและพลงั งานในชีวิตประจาวัน ชั้นอนุบาลปีท่ี ๒

กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ
สงั เกต
ลือ่ นไหวพ้ืนฐำนให้เด็กเคลื่อนไหว 1. เคร่อื งเคำะจังหวะ กำรเคลอ่ื นไหว
ริเวณอยำ่ งอสิ ระตำมจงั หวะเม่ือไดย้ นิ 2. เพลง ไฟฟ้ำ ประกอบเพลง
หห้ ยุดเคล่ือนไหวในทำ่ น้ันทนั ที เพอื่ ส่ือสำรควำมคดิ
ไฟฟ้ำ ใหเ้ ด็กฟัง ๑ รอบ และให้เด็ก ควำมรู้สึกของตนเอง
บ รอบต่อๆไปร้องพร้อมกันและให้
ำงประกอบเพลง
๒ ซำ้ อกี 4 - 5 คร้ัง
คลำยสบำย ๆ

สนทนำจำกเน้ือเพลงไฟฟำ้ 1. รปู ภำพส่งิ ต่ำงๆท่ี สังเกต

กนั หำคำตอบเก่ียวกับไฟฟ้ำโดยใช้ ได้ประโยชนจ์ ำก ๑. กำรค้นหำคำตอบของ

ฟฟ้ำอยู่ทไ่ี หนไหน พลังงำนไฟฟ้ำ ขอ้ สงสยั ต่ำง ๆ ตำม

งใช้กบั อุปกรณ์ไดห้ ลำยชนดิ ๒. ผ้ำขำว ๑ ผืนขนำด วธิ ีกำร ของตนเอง

กิดพลงั งำนอะไรบ้ำง ๑ ตำรำงเมตร ๒. กำรใช้ประโยคคำถำม

ำเมื่อเรำบงั แสง ทดลองเลน่ กับเงำ ๓ ไฟฉำย วำ่ “ท่ีไหน” “ทำไม”

ฉำกจอ ปดิ ห้องใหม้ ืดและฉำยไฟฉำย ในกำรค้นหำคำตอบ
กออกมำทดลองทำเงำตำม

ถงึ ประโยชน์และโทษของพลังงำน

จุดประสงค์ การ สาระการเรยี นรู้ ก

เรยี นรู้ ประสบการณส์ าคญั สาระท่คี วรเรียนรู้ ใหเ้ ด็กเลือกทำก

กจิ กรรมศลิ ปะ (2) กำรเขยี นภำพ การป้นั ดินน้ามัน

สร้างสรรค์ (2) กำรแสดงควำมคิด กำรประดิษฐ์หุน่

สรำ้ งผลงำนศลิ ปะ สร้ำงสรรค์ ศลิ ปะ และตดั ขอบนอก
เพอ่ื ส่ือสำร ควำมคดิ (๓) กำรทำศลิ ปะแบบ
ควำมรูส้ ึกของตนเอง ร่วมมอื ๑. ใหเ้ ดก็ เลือกก
ได้ ๒. ถำมเด็กเวลำ
(5) กำรทำงำนศิลปะ ๓. ทำเสรจ็ นำเส
ทำควำมสะอำดอ
กิจกรรมเล่นตามมุม (2) กำรเลน่ และทำงำน มมุ ประสบกำรณ
๑. ช่วยเหลือและ ร่วมกับผอู้ ่ืน เดก็ เลือกกิจกรร
แบง่ ปันผู้อ่นื ได้เมื่อมี (3) กำรเลน่ ตำมมุม สนใจ ได้แก่
ผู้ช้ีแนะ ประสบกำรณ์ 1.๑ มุมหนงั ส
๒. เกบ็ ของเล่นของ แผน่ พบั ตำ่ งๆสสี
ใชเ้ ขำ้ ทดี่ ว้ ยตนเอง เรือ่ งแรงและพล
๑.๒ มุมสร้ำงส
ฉีกตดั ปะ และก
๑.๓ มมุ บลอ็ ก
๑.๔ มมุ วิทยำศ
เกย่ี วกบั กำรทดล
ต่ำงๆ
2. เมอ่ื หมดเวลำ

กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ

กิจกรรมท่สี นใจ ๑. ดนิ น้ำมนั สังเกต
๒. กระดำษขำวเทำหรอื กำรสรำ้ งผลงำนศลิ ปะ
น และการประดิษฐห์ นุ่ เงา กระดำษแก้วสี เพ่ือสื่อสำรควำมคดิ
๓. กำว ควำมรู้สกึ ของตนเอง
นเงำ ใหเ้ ด็กวำดภำพหุน่ ตำมใจชอบ ๔. กรรไกร
๕. ไม้เสยี บลกู ชิ้น สงั เกต
ก และครชู ว่ ยเจำะรำยละเอยี ด ๑.กำรช่วยเหลอื และ
1. มุมประสบกำรณ์ แบ่งปันผอู้ นื่ ได้เมื่อมีผู้
กจิ กรรมตำมควำมสนใจ ๑ อยำ่ ง ในหอ้ งเรียน ชีแ้ นะ
ำเลอื กกิจกรรมคิดตัดสนิ ใจอยำ่ งไร ๒.กำรเกบ็ ของเลน่ ของใช้
สนอผลงำนที่สำเร็จ เดก็ ๆ ชว่ ยกนั เขำ้ ทีด่ ้วยตนเอง
อปุ กรณ์ และเกบ็ ของเขำ้ ที่
ณ์ควรมอี ยำ่ งน้อย ๔ มมุ
รมในมุมประสบกำรณต์ ำมควำม

ือ วำงหนงั สอื นทิ ำน หนังสือภำพ
สนั งดงำมดงึ ดูดใจเดก็ เก่ยี วกับ
ลังงำนตำ่ งๆ
สรรค์ จัดวำงอปุ กรณ์ เกย่ี วกบั
กำรสรำ้ งงำนจำกกำรใชส้ นี ำ้ ต่ำงๆ

ศำสตร์ วำงอปุ กรณ์ของจรงิ
ลองประดิษฐ์ของเล่นดว้ ยพลังงำน

ำเดก็ เก็บของเขำ้ ทีใ่ ห้เรียบร้อย

จุดประสงค์ การ สาระการเรยี นรู้ ก

เรียนรู้ ประสบการณส์ าคญั สาระทค่ี วรเรยี นรู้ ๑. ครพู ำเดก็ ไปส
และแบง่ เด็กเปน็
กจิ กรรมกลางแจ้ง (๔) กำรเคล่ือนไหวทใี่ ช้ โบวล์ ิง่ และแจกอ
เกมกำรโยนลูกโ
๑. เลน่ หรือทำงำน กำรประสำนสัมพนั ธ์ของ วิธีเลน่
๑. ขวดน้ำแบง่ เป
ร่วมกบั เพ่ือนเป็น กำรใชก้ ลำ้ มเน้ือใหญ่ใน เปล่ำไม่ใส่อะไร
ด้ำนหน้ำ ๔ ลูกถ
กลุ่มได้ กำรจบั กำรโยน กำรเตะ และ ๑ ลกู
๒. จัดให้มีผเู้ ลน่
๒. เข้ำแถว (2) กำรเล่นและกำร แนวลูกโบว์ลงิ่ ห่ำ
๓. ควรเล่นท่ีพ้ืน
ตำมลำดบั ก่อนหลัง ทำงำนรว่ มกบั ผู้อื่น มัน่ คง
๔. เมอื่ ครบแลว้
ได้ ดว้ ยตนเอง ๕. สรุปร่วมกนั
ต่ำงกนั หรือไม่
๖. เสร็จกจิ กรรม
๗. เม่อื หมดเวลำ
อปุ กรณ์ และทำ
หอ้ งเรียน

กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ

สนำม ทบทวนขอ้ ตกลงในกำรเล่น ๑. ขวดนำ้ ดมื่ จำนวน สังเกต
๑. กำรเลน่ หรือทำงำน
น๓กลุ่ม ใหเ้ ล่นเกมกำรโยนลกู ๓๐ ลกู ขนำดรูปทรง รว่ มกบั เพ่ือนเปน็ กลุ่ม
๒. กำรเข้ำแถวตำมลำดับ
อุปกรณ์ของแตล่ ะกลมุ่ เดียวกนั ก่อนหลงั ดว้ ยตนเอง

โบวล์ ่งิ ๒. ลูกบอลขนำดลูก

เทนนสิ จำนวน ๓ ลูก

ป็น ๓ ชดุ ใสน่ ้ำ ใสท่ รำย และขวด ๓. สีผสมอำหำร ๑ สี

วำงในลักษณะเหมือนลกู โบวล์ งิ่ ๔. ทรำยใส่ในขวดน้ำได้

ถดั ไปขำ้ งหลังสลับช่องวำ่ ง ๓ , ๒ ๑๐ ลกู

นแตล่ ะกล่มุ เข้ำแถวตอนให้ตรง
ำงประมำณ ๓ เมตร
นเรยี บเพอื่ กำรต้ังลูกโบว์ลง่ิ ได้

วใหส้ ลับแถวโยนให้ครบท้ัง ๓ แบบ
ลกู โบว์ลิง่ แตล่ ะแบบโยนให้ลม้

มเด็กเลอื กเลน่ อสิ ระในสนำม
ำ ช่วยกันเกบ็ ทำควำมสะอำด
ำควำมสะอำดรำ่ งกำย กลบั เข้ำ

จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ ก
ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้
การเรียนรู้ (๕) กำรคดั แยก กำรจดั เกมจับคู่บตั รภำพกับ 1. ครสู ำธิตกำรเ
กลุ่มและกำรจำแนก สัญลกั ษณต์ ำแหน่ง สัญลักษณ์ตำแห
เกมการศกึ ษา สิง่ ต่ำงๆ ตำมลักษณะ ของเครื่องใช้ไฟฟำ้ 2. จดั เดก็ เขำ้ กล
๑. เล่นเกมจับคู่ และรูปรำ่ ง รปู ทรง ชดุ ใหม่ และเกม
และเปรยี บเทยี บ (๘) กำรนับและแสดง 3. เม่ือไดย้ นิ สญั
จำนวนได้ จำนวนของสิ่งต่ำง ๆ ใน ให้เรยี นร้อย
๒. จำแนกและจดั ชวี ิตประจำวนั
(๑๓) กำรจับคู่
กลุ่มจำนวนของสง่ิ กำรเปรียบเทยี บและ
กำรเรยี งลำดบั สงิ่ ตำ่ ง ๆ
ต่ำงๆได้ ตำมลกั ษณะควำมยำว/
ควำมสงู

กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ

เลน่ เกมจบั คบู่ ัตรภำพกับ 1. เกมจบั คู่บัตรภำพกับ สงั เกต
สัญลักษณ์ตำแหน่งของ ๑. เลน่ เกมจบั คู่และ
หนง่ ของเครื่องใช้ไฟฟำ้ เคร่อื งใช้ไฟฟำ้ เปรยี บเทียบ จำนวน
2. เกมชดุ เดมิ ในมมุ ๒. จำแนกและจดั กลุ่ม
ลุม่ เลน่ เกมหมุนเวยี น เล่นเกม เกมกำรศึกษำ
มชุดที่เคยเล่นมำแล้ว จำนวนของส่งิ ตำ่ งๆ
ญญำณเด็กชว่ ยกันจัดเก็บเกมเข้ำที่

๑. เลขที่ ชื่อ – สกลุ
๒.
๓.
๔.
๕.
6.
7.
8.
9.
10.

1.เคลอ่ื นไหวรำ่ งกำยอย่ำงคล่องแคลว่ ประสำน ด้านรา่ งกาย
สัมพันธแ์ ละทรงตวั ได้
2. ใช้กรรไกรตดั กระดำษในกิจกรรมต่ำงๆได้ ดา้ นอารมณ์ แบบสังเกตพฤตกิ รรมเด็ก หน่วยท่ี 3๒ แรงแล

3. แสดงควำมพอใจในผลงำนและควำมสำมำรถของ ด้านสังคม
ตนเองได้

๔.ช่วยเหลอื และแบ่งปนั ผอู้ นื่ ได้เมอื่ มีผชู้ ้แี นะ

๕.ทำงำนที่ไดร้ บั หมอบหมำยจนสำเร็จได้
เม่อื มผี ู้ช้แี นะ
๖. เข้ำแถวตำมลำดบั กอ่ นหลังได้ ดว้ ยตนเอง

๗. เล่นหรอื ทำงำนรว่ มกับเพ่ือนเปน็ กล่มุ ได้

๘.สื่อสำร สนทนำโตต้ อบสอดคลอ้ งอยำ่ งเข้ำใจกบั
เรือ่ งทีฟ่ ังได้

๙. เลำ่ เร่อื งเปน็ ประโยคอย่ำงต่อเนอื่ งให้ผูอ้ ืน่ เขำ้ ใจได้ ละพลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ชน้ั อนุบาลปที ่ี ๒

๑๐.เขยี นชอื่ ของตนเองตำมแบบ เขยี นข้อควำม ประเมนิ พัฒนาการ
คล้ำยตัวอกั ษรได้ ดา้ นสติปญั ญา

๑๑.จบั คู่และเปรยี บเทยี บควำมแตกต่ำงหรือควำม
เหมือนของสิ่งตำ่ งๆ โดยลักษณะทส่ี ังเกตพบเพยี ง
ลักษณะเดียวได้

๑๒.จำแนกและจัดกลุ่มจำนวนของสงิ่ ต่ำงๆได้

๑๓.อธบิ ำยกำรทำงำนทเ่ี กดิ ขน้ึ ของตนเองได้
สอดคล้องกบั ผลงำนได้เมื่อมผี ู้ชี้แนะ

๑๔.กำรสร้ำงผลงำนศลิ ปะอยำ่ งอิสระเพอื่ สอื่ สำร
ควำมคดิ ควำมรสู้ กึ ของตนได้

๑๕.เคลอื่ นไหวรำ่ งกำยแสดงท่ำทำงตำมคำบรรยำย
โดยใช้กำรประสำนสมั พันธ์กลำ้ มเนือ้ และทรงตัวได้

1๖. คน้ หำคำตอบของขอ้ สงสยั ตำ่ ง ๆ ตำมวิธกี ำร
ของตนเองได้

๑๗.ใชป้ ระโยคคำถำมวำ่ “ทไ่ี หน” “ทำไม”ใน กำร
คน้ หำคำตอบได้

หมาย
เหตุ

1๑. เลขท่ี ชอื่ – สกุล
1๒.
1๓. 1.เคลอ่ื นไหวรำ่ งกำยอย่ำงคล่องแคลว่ ประสำน ดา้ นร่างกาย ดา้ นอารมณ์
1๔. สัมพันธแ์ ละทรงตวั ได้
1๕. 2. ใช้กรรไกรตดั กระดำษในกิจกรรมต่ำงๆได้ ด้านสงั คม
16.
17. 3. แสดงควำมพอใจในผลงำนและควำมสำมำรถของ
18. ตนเองได้
19. ๔.ช่วยเหลอื และแบ่งปนั ผอู้ นื่ ได้เมอื่ มีผชู้ ้แี นะ
20.
๕.ทำงำนที่ไดร้ บั หมอบหมำยจนสำเร็จได้
คาอธบิ าย ครูสงั เกตพฤติกรรมเดก็ รำยบคุ คล จดบนั ทกึ สรปุ เป็นรำยสปั ดำห์ระบุระดบั คณุ เม่อื มผี ู้ช้แี นะ
ระดบั ๓ ดี ระดับ ๒ ปำนกลำง ระดบั ๖. เข้ำแถวตำมลำดบั กอ่ นหลังได้ ดว้ ยตนเอง

๗. เล่นหรอื ทำงำนรว่ มกับเพ่ือนเปน็ กล่มุ ได้

๘.สื่อสำร สนทนำโตต้ อบสอดคลอ้ งอยำ่ งเข้ำใจกบั
เรือ่ งทีฟ่ ังได้

ณภำพเป็น ๓ ระดบั คอื ๙. เลำ่ เร่อื งเปน็ ประโยคอย่ำงต่อเนอื่ งให้ผูอ้ ืน่ เขำ้ ใจได้ ประเมินพัฒนาการ
๑ ต้องสง่ เสรมิ
๑๐.เขยี นชอื่ ของตนเองตำมแบบ เขยี นข้อควำม
คล้ำยตัวอกั ษรได้ ดา้ นสติปญั ญา

๑๑.จบั คู่และเปรยี บเทยี บควำมแตกต่ำงหรือควำม
เหมือนของสิ่งตำ่ งๆ โดยลักษณะทส่ี ังเกตพบเพยี ง
ลักษณะเดียวได้

๑๒.จำแนกและจัดกลุ่มจำนวนของสงิ่ ต่ำงๆได้

๑๓.อธบิ ำยกำรทำงำนทเ่ี กดิ ขน้ึ ของตนเองได้
สอดคล้องกบั ผลงำนได้เมื่อมผี ู้ชี้แนะ

๑๔.กำรสร้ำงผลงำนศลิ ปะอยำ่ งอิสระเพอื่ สอื่ สำร
ควำมคดิ ควำมรสู้ กึ ของตนได้

๑๕.เคลอื่ นไหวรำ่ งกำยแสดงท่ำทำงตำมคำบรรยำย
โดยใช้กำรประสำนสมั พันธ์กลำ้ มเนือ้ และทรงตัวได้

1๖. คน้ หำคำตอบของขอ้ สงสยั ตำ่ ง ๆ ตำมวิธกี ำร
ของตนเองได้

๑๗.ใชป้ ระโยคคำถำมวำ่ “ทไ่ี หน” “ทำไม”ใน กำร
คน้ หำคำตอบได้

หมาย
เหตุ

หนว่ ยท่ี 33 เสยี งรอบตวั

นางสาวนนั ทนา มาตรเลงิ
ครปู ระจาช้ันอนบุ าล ๒

โรงเรียนบา้ นทา่ เยยี่ มวิทยายล

สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๗
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน

การวิเคราะหโ์ ครงสร้างหนว่ ยการจัดประสบการณ์ต
หน่วยท่ี 33 เสยี งรอบตัว ชัน้ อ

รายการ อนุบาลปที ่ี 1 1. เสยี งเก
สาระทค่ี วรเรียนรู้ 1. เสียงเกิดจากการสนั่ ของสิ่งตา่ ง ๆ 2. เสียงท
2. เสยี งทเ่ี กดิ จากแหลง่ ท่ีมาของเสียง แตกต่างก
มาตรฐาน แตกต่างกัน เสียงจะไม่เหมือนกัน 3. การมสี
ตัวบ่งชี้ 3. เสยี งรอบตัวทเี่ กดิ จากธรรมชาติ
สภาพที่พงึ ประสงค์ 4. เสียงทีไ่ ม่ไดเ้ กิดตามธรรมชาติ - การแ
5. หู เป็นอวัยวะรบั เสยี ง - วัตถตุ
4. เสยี งส
- การดแู ลรักษา เสียงไซเรน
- การป้องกันอันตรายจากเสียงดัง เสยี งกร่งิ ป
5. การดูแ
มฐ. 2 ตบช.2.1 (2.1.1)
ตบช.2.2 (2.2.2) - กา
- มา
มฐ. 5 ตบช.5.2 (5.2.1) มฐ. 2 ตบ
ตบช.5.4 (5.4.1) ตบ
มฐ. 5 ตบ
มฐ. 6 ตบช.6.2 (6.2.1) ตบ
ตบช.6.3 (6.3.1) มฐ. 6 ตบ
ตบ
มฐ. 8 ตบช.8.2 (8.2.1) มฐ. 8 ตบ
ตบช.8.3 (8.3.1)
มฐ. 9 ตบ
มฐ. 9 ตบช.9.1 (9.1.1)

ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐
อนุบาลปีท่ี 1 – 3 ภาคเรยี นที่ 2

อนุบาลปที ่ี 2 อนบุ าลปที ่ี 3
กดิ จากการสน่ั ของส่ิงต่าง ๆ
ท่ีเกิดจากแหลง่ ที่มาของเสยี ง 1. เสยี งเกิดจากการสนั่ ของส่ิงตา่ ง ๆ
กันจะไมเ่ หมือนกนั 2. เสยี งที่เกดิ จากแหล่งท่ีมาของเสยี ง
สมาธใิ นการฟังเสียง แตกต่างกันจะไม่เหมือนกัน
แยกเสยี งดัง เสยี งเบา 3. การมสี มาธใิ นการฟงั เสยี ง
ต่างกนั ทาใหเ้ กดิ เสียงต่างกัน
สอื่ สัญญาณสาคญั ตา่ ง ๆ เช่น - จาแนกทิศทางของเสียง
นของรถพยาบาล เสียงนาฬกิ าปลกุ - เสียงจากเครอื่ งดนตรแี ละจากเครื่องมือ
ประตู ตา่ ง ๆ
แลรกั ษาหู 4. การสารวจเสยี งจากวัตถตุ ่าง ๆ (กระดาษ
ารป้องกนั อันตรายจากเสียงดัง แก้ว ไม้ โลหะ)
ารยาทในการใชเ้ สียง 5. การดูแลรักษาหู
บช.2.1 (2.1.1)
บช.2.2 (2.2.2) - การปอ้ งกนั อันตรายจากเสียงดัง
บช.5.2 (5.2.1) - มารยาทในการใช้เสยี ง
บช.5.4 (5.4.1)
บช.6.2 (6.2.1) มฐ. 2 ตบช.2.1 (2.1.1)
บช.6.3 (6.3.1) ตบช.2.2 (2.2.2)
บช.8.2 (8.2.1)
มฐ. 5 ตบช.5.2 (5.2.1)
บช.9.1 (9.1.1) ตบช.5.4 (5.4.1)

มฐ. 6 ตบช.6.2 (6.2.1)
ตบช.6.3 (6.3.1)

มฐ. 8 ตบช.8.2 (8.2.1)
ตบช.8.3 (8.3.2)

มฐ. 9 ตบช.9.1 (9.1.1)

รายการ อนุบาลปที ี่ 1

มฐ. 10 ตบช.10.1 (10.1.1) มฐ. 10 ต
(10.1.2)
(10.1.3) ต
(10.1.4) มฐ. 11

มฐ. 11 ตบช.11.1 (11.1.1)
ตบช.11.2 (11.2.1)

มฐ. 12 ตบช.12.2 (12.2.1)

ประสบการณ์สาคญั รา่ งกาย ร่างกาย
1.1.1 (1) การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ 1.1.1 (2

(2) การเคลื่อนไหวเคลอ่ื นท่ี (3
(3) การเคลือ่ นไหวพร้อมวัสดุอปุ กรณ์ (4
(4) การเคลอื่ นไหวท่ีใชป้ ระสาท สมั พันธข์ อ
สมั พันธ์ของการใช้กลา้ มเนื้อใหญใ่ นการขวา้ ง การจับ กา
การจับ การโยน การเตะ (5
(5) การเล่นเคร่อื งเล่นสนาม อย่างอิสร
1.1.2 (1) การเล่นเคร่ืองเลน่ สมั ผสั และ 1.1.2 (1
การสร้างแท่งไม้ บล็อก การสร้างจ
(2) การเขยี นภาพและการเลน่ กับสี (2
(3) การปั้น (3
(4) การประดษิ ฐ์สิง่ ตา่ ง ๆ (4
ด้วยเศษวสั ดุ ด้วยเศษว
(5) การหยิบจบั การใช้กรรไกร (5

อนบุ าลปีที่ 2 อนุบาลปที ี่ 3
ตบช.9.2 (9.2.1)
ตบช.10.1 (10.1.2) มฐ. 10 ตบช.10.1 (10.1.2)
(10.1.3)
(10.1.4) (10.1.4)
ตบช.10.2 (10.2.1)
ตบช.10.2 (10.2.2)
ตบช.11.1 (11.1.2) มฐ. 11 ตบช.11.1 (11.1.1)
ตบช.11.2 (11.2.1)
(11.2.1)
มฐ. 12 ตบช.12.2 (12.2.1)

ร่างกาย

2) การเคลอ่ื นไหวเคล่อื นท่ี 1.1.1 (2) การเคลื่อนไหวเคลอ่ื นที่

3) การเคลอ่ื นไหวพร้อมวสั ดอุ ุปกรณ์ (3) การเคลื่อนไหวพร้อมวัสดุอุปกรณ์

4) การเคลอ่ื นไหวที่ใชใ้ นการประสาน (4) การเคลอื่ นไหวที่ใช้การประสาน

องการใช้กล้ามเนื้อใหญใ่ นการขว้าง สัมพันธข์ องการใช้กลา้ มเน้ือใหญ่ในการขวา้ ง

ารโยน การเตะ การจับ การโยน การเตะ

5) การเลน่ เครื่องเลน่ สนาม (5) การเล่นเคร่ืองเล่นสนาม

ระ อยา่ งอิสระ

1) การเลน่ เครื่องเลน่ สัมผสั และ 1.1.2 (1) การเล่นเคร่ืองเล่นสัมผสั และ

จากแท่งไม้ บลอ็ ก การสร้างจากแทง่ ไม้ บลอ็ ก

2) การเขยี นภาพและการเล่นกับสี (2) การเขียนภาพและการเลน่ กับสี

3) การปน้ั (3) การป้นั

4) การประดษิ ฐ์สง่ิ ต่าง ๆ (4) การประดษิ ฐส์ ิ่งต่าง ๆดว้ ยเศษวสั ดุ

วสั ดุ (5) การหยิบจับ การใช้กรรไกร

5) การหยิบจับ การใชก้ รรไกร การฉกี การฉกี การตดั การปะ การพับ และ

รายการ อนบุ าลปที ี่ 1

การฉกี การตัด การปะ และการร้อยวัสดุ การตดั กา
อารมณ์ อารมณ์
1.2.2 (1) การเล่นอิสระ 1.2.2 (1

(2) การเล่นรายบุคคล กลุม่ ย่อย (2
กลุ่มใหญ่ กลุ่มใหญ่

(3) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์ (3
(4) การเล่นนอกห้องเรียน (4
1.2.4 (5) การทางานศิลปะ 1.2.4 (5
สงั คม สงั คม
1.3.2 (2) การใช้วสั ดุและสิ่งของเครือ่ งใช้ 1.3.2 (2
อยา่ งคุ้มคา่ อย่างคุ้มค
1.3.4 (2) การปฏิบตั ติ นเปน็ สมาชิกทดี่ ี 1.3.4 (2
ของห้องเรยี น ของห้องเร
(3) การให้ความร่วมมือในการปฏิบัติ (4
กจิ กรรมตา่ ง ๆ 1.3.5 (2
(4) การดูแลหอ้ งเรียนรว่ มกนั
1.3.7 (1) การเล่นหรือทากิจกรรมร่วมกบั สติปญั ญา
กลุ่มเพื่อน 1.4.1 (1
สตปิ ัญญา
1.4.1 (1) การฟังเสยี งต่าง ๆ ในสิ่งแวดลอ้ ม (2
(2) การฟงั และปฏิบตั ิตามคาแนะนา (3
(3) การฟงั เพลง นทิ าน หรอื เรื่องราว บทร้อยกร
ตา่ ง ๆ (4
(4) การพดู แสดงความคดิ

อนุบาลปที ่ี 2 อนบุ าลปที ี่ 3
ารปะ การพบั และการรอ้ ยวสั ดุ
การรอ้ ยวสั ดุ
1) การเลน่ อิสระ อารมณ์
2) การเล่นรายบุคคล กลุ่มยอ่ ย 1.2.2 (1) การเล่นอิสระ

3) การเลน่ ตามมุมประสบการณ์ (2) การเล่นรายบุคคล กลุม่ ย่อย
4) การเล่นนอกห้องเรยี น กลุม่ ใหญ่
5) การทางานศลิ ปะ
(3) การเล่นตามมุมประสบการณ์
2) การใช้วสั ดุและสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ (4) การเรยี นนอกห้องเรียน
ค่า 1.2.4 (5) การทางานศลิ ปะ
2) การปฏบิ ตั ิตนเป็นสมาชิกทดี่ ี สงั คม
รียน 1.3.2 (2) การใช้วัสดุและส่ิงของเครอ่ื งใช้
4) การดแู ลหอ้ งเรียนรว่ มกนั อย่างคุ้มคา่
2) การเล่นและทางานรว่ มกับผอู้ ื่น 1.3.4 (2) การปฏบิ ัตติ นเปน็ สมาชกิ ท่ีดี
ของห้องเรยี น
(3) การใหค้ วามร่วมมือในการปฏบิ ัติ
กจิ กรรมต่าง ๆ
(4) การดแู ลหอ้ งเรยี นร่วมกนั
1.3.5 (2) การเลน่ และทางานร่วมกบั ผอู้ ื่น

า สติปญั ญา
1) การฟงั ส่ิงต่าง ๆ ในส่งิ แวดลอ้ ม 1.4.1 (1) การฟงั เสยี งตา่ ง ๆ ในส่ิงแวดล้อม
2) การฟงั และปฏบิ ัติตามคาแนะนา
3) การฟังเพลง นทิ าน คาคลอ้ งจอง (2) การฟงั และปฏบิ ตั ิตามคาแนะนา
รองหรือเรอื่ งราวต่าง ๆ (3) การฟังเพลง นิทานหรอื เร่อื งราว
4) การพูดแสดงความคิด ตา่ ง ๆ
(4) การพดู แสดงความคดิ

รายการ อนุบาลปีที่ 1

(8) การรอจงั หวะทเี่ หมาหะสม (6
ในการพูด เหตกุ ารณ

(9) การพดู เรียงลาดับคาเพ่ือใช้ (8
ในการสื่อสาร (12
ท่ถี กู ต้อง
(19) การเห็นแบบอย่างของการเขียน (19
ท่ถี กู ต้อง ทีถ่ ูกต้อง
1.4.2 (5) การคดั แยก การจัดกลมุ่ (21
ตามลกั ษณะต่าง ๆ กบั ตัวเด็ก
1.4.2 (5
(6) การต่อชิ้นเล็กเตมิ ในชิน้ ใหญ่ การจาแน
ใหส้ มบรู ณ์และการแยกชนิ้ ส่วน รปู ทรง
(6)
(13) การจบั คู่ การเปรียบเทยี บ และ ใหส้ มบูรณ
การเรยี งลาดบั สิ่งต่าง ๆ (11
1.4.3 (1) การรับรู้และแสดงความรสู้ กึ
ผ่านช้ินงาน (13
และการเร
(2) การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผา่ น ความยาว
การเคลอ่ื นไหว
1.4.4 (3) การสบื เสาะหาความรู้เพื่อคน้ หา (16
คาตอบของข้อสงสัยต่าง ๆ ผลทีเ่ กดิ ข

(17
ส่งิ ทอ่ี าจจ

(18

อนบุ าลปที ี่ 2 อนบุ าลปีท่ี 3
6) การพูดอธิบายเก่ียวกบั ส่งิ ของ
ณ์ และความสัมพนั ธ์ของสิง่ ตา่ ง ๆ (6) การพูดอธิบายเกยี่ วกบั ส่งิ ของ
8) การอจังหวะทเี่ หมาะสมในการพดู เหตกุ ารณ์ และความสัมพนั ธ์ของส่งิ ตา่ ง ๆ
2) การเห็นแบบอย่างของการอา่ น
(7) การพูดอย่างสร้างสรรคใ์ นการเลน่
9) การเหน็ แบบอยา่ งของการเขียน และการกระทาต่าง ๆ

1) การเขยี นคาที่มีความหมาย (8) การรอจงั หวะทีเ่ หมาะสม
ก / คาคุน้ เคย ในการพูด
5) การคดั แยก การจัดกลุ่ม
นกสง่ิ ต่าง ๆ ตามลักษณะและรูปรา่ ง (9) การพดู เรียงลาดบั คาเพ่ือใช้
ในการสอื่ สาร
) การต่อของชน้ิ เลก็ เตมิ ในช้ินใหญ่
ณ์ และการแยกช้ินส่วน (12) การเห็นแบบอยา่ งของการอา่ น
1) การบอกและแสดงอนั ดับที่ ที่ถูกต้อง

3) การจับคู่ การเปรียบเทยี บ (19) การเห็นแบบอย่างของการเขียน
รียงลาดบั สงิ่ ต่าง ๆ ตามลักษณะ (21) การเขยี นคาท่ีมีความหมาย
ว / ความสูง นา้ หนกั ปรมิ าตร กบั ตวั เดก็ / คาค้นุ เคย
6) การอธบิ ายเช่อื มโยงสาเหตแุ ละ 1.4.2 (6) การต่อช้ินเลก็ เตมิ ในชิน้ ใหญ่
ขนึ้ ในเหตุการณห์ รือการกระทา ใหส้ มบรู ณ์และการแยกชิ้นสว่ น
7) การคาดเดาหรือการคาดคะเน (8) การนบั และแสดงจานวน
จะเกิดขนึ้ อย่างมเี หตุผล (13) การจับคเู่ ปรยี บเทียบ และ
8) การมีส่วนรว่ มในการลงความเหน็ การเรยี งลาดบั สง่ิ ต่าง ๆ
1.4.3 (1) การรบั รู้ และแสดงความคดิ
ความรสู้ ึก ผา่ นสอื่ วัสดุ ของเลน่ และช้นิ งาน
(2) การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน
ภาษา ท่าทาง การเคลื่อนไหว และศิลปะ
1.4.4 (3) การสบื เสาะหาความรู้เพื่อคน้ หา
คาตอบของข้อสงสยั ต่าง ๆ

รายการ อนบุ าลปีที่ 1
คณิตศาสตร์
จากข้อมูล
1.4.3 (2
ผ่านภาษา

1. นับและแสดงจานวน 1 - 5 1. นบั และ

2. เรียงลาดับท่ขี องสิ่งต่าง ๆ จานวนไมเ่ กนิ 4 2. เรียงลา

3. การจบั ค่กู ารเปรียบเทยี บสง่ิ ต่าง ๆ 3. เปรียบ

4. การคัดแยก การจัดกลมุ่ สิง่ ตา่ ง ๆ ท่เี กดิ จากธ

5. การต่อของช้นิ เลก็ เตมิ ในชิน้ ใหญใ่ ห้สมบรู ณ์ สงิ่ ท่ปี ระด

และการแยกช้ินส่วน 4. วาดภา

สเี่ หลยี่ ม

วทิ ยาศาสตร์ 1. สารวจแหลง่ กาเนดิ เสียงในชวี ิตประจาวัน 1. การสา
2. ใชป้ ระสาทสัมผัสในการสงั เกตและ เสียงในชวี
เปรียบเทยี บเสียงรอบตวั 2. การแส
3. การสืบเสาะหาความรู้เพอื่ คน้ หาคาตอบ
ของข้อสงสัย

พัฒนาการทางภาษา 1.4.1 พัฒนาการทางภาษาและการรู้หนังสือ 1.4.1 พฒั
และการรู้หนงั สอื
- การฟงั และการปฏิบัติตามคาแนะนา -ก

- การฟงั เพลง นทิ าน หรือเร่ืองราว -ก

อนุบาลปีท่ี 2 อนุบาลปีท่ี 3

ลอย่างมีเหตผุ ล (4) การมีส่วนรว่ มในการรวบรวม
2) การแสดงความคิดสร้างสรรค์ ข้อมูลและนาเสนอข้อมูลจากการสืบเสาะหา
า ท่าทาง การเคลอ่ื นไหวและศิลปะ ความรใู้ นรปู แบบต่าง ๆ และแผนภมู อิ ยา่ งง่าย

ะแสดงจานวน 1 - 10 1. นับแสดงจานวน 1 - 18

าดบั ทข่ี องสงิ่ ตา่ ง ๆ จานวนไม่เกนิ 6 2. เรยี งลาดับทีข่ องสง่ิ ต่าง ๆ จานวนไมเ่ กนิ 8

บเทยี บจาแนก จดั กลุ่ม เสยี ง 3. จาแนก จดั กลุ่มเสยี งที่ได้ยินบริเวณ

ธรรมชาติ และเสยี งท่ีเกิดจาก โรงเรยี น เชน่ เสยี งสัตว์ เสยี งสญั ญาณตา่ ง ๆ

ดษิ ฐ์ขน้ึ (เชน่ เครือ่ งดนตรี) เสียงยานพาหนะ เสยี งส่ิงแวดล้อมใน

าพ พับ ตดั ต่อเตมิ ภาพจากรปู วงกลม ธรรมชาติ

4. วาดภาพ พับ ตดั ต่อเติมภาพจากรูป

สามเหลย่ี ม วงรี

ารวจและเปรียบเทียบแหล่งกาเนดิ 1. สังเกตและสารวจเสยี งต่าง ๆ ในธรรมชาติ
วิตประจาวนั 2. สบื ค้นและบนั ทึกขอ้ มูลแหลง่ กาเนดิ เสยี ง
สดงวธิ ีการใชเ้ สยี งทเ่ี หมาะสม ในชวี ติ ประจาวนั อย่างงา่ ย ๆ
3. แสดงวิธกี ารใชเ้ สยี งทเี่ หมาะสมปลอดภยั
4. สบื คืนขอ้ มูลเก่ียวกับประโยชนแ์ ละโทษ
ทเ่ี กดิ จากการใชเ้ สียง

ฒนาการทางภาษาและการรู้หนงั สือ 1.4.1 พฒั นาการทางภาษาและการรู้หนังสอื

การฟังและการปฏบิ ัตติ ามคาแนะนา - การฟงั และการปฏิบตั ติ ามคาแนะนา

การฟังเพลงหรือเร่ืองราวตา่ ง ๆ - การฟงั เพลง นิทาน หรือเรื่องราวต่าง ๆ

รายการ อนุบาลปีที่ 1

ต่าง ๆ -ก
- การพดู แสดงความคิด -ก
- การรอจงั หวะทีเ่ หมาะสมในการพูด เหตกุ ารณ
- การพูดเรียงลาดบั คาเพ่อื ใช้ในการ -ก
-ก
ส่ือสาร ทถ่ี ูกต้อง
- การเหน็ แบบอย่างของการเขียน -ก
ท่ถี ูกต้อง
ท่ถี ูกต้อง -ก
กับตวั เดก็

อนุบาลปีที่ 2 อนบุ าลปีท่ี 3
การพดู แสดงความคิด
การพดู อธิบายเกยี่ วกบั สงิ่ ของ - การพูดแสดงความคดิ
ณ์ และความสมั พนั ธ์ของสิ่งต่าง ๆ - การพดู อธบิ ายเกี่ยวกับสง่ิ ของ
การรอจังหวะทเี่ หมาะสมในการพูด เหตุการณแ์ ละความสมั พันธ์ของสงิ่ ตา่ ง ๆ
การเหน็ แบบอย่างของการอา่ น - การรอจังหวะท่ีเหมาะสมในการพูด
- การพูดเรียงลาดับคาเพื่อใช้ในการ
การเห็นแบบอย่างของการเขียน สอ่ื สาร
- การเห็นแบบอยา่ งของการอา่ นที่ถกู ต้อง
การเขียนคาทม่ี คี วามหมาย - การเห็นแบบอยา่ งของการเขียนท่ี
ก / คาคุ้นเคย ถูกต้อง
- การเขยี นคาท่ีมีความหมายกบั ตัวเดก็ /
คาคุ้นเคย

หน่วยการจัดประสบการณ์ท่ี 33

แนวคิด
เสยี งเกิดจากการสัน่ ไหวของสิง่ ต่าง ๆ เสียงรอบตัวเรามีท้ังเกิดตามธรรมชาต

เสยี งจะไม่เหมอื นกัน การมสี มาธใิ นการฟังเสยี งทาใหจ้ าแนกทศิ ทางของเสยี งได้ เสียงบ
อวยั วะสาหรบั รบั เสียง เราตอ้ งปอ้ งกนั อนั ตรายจากเสียงดงั และเราควรเรยี นรู้มารยาทใ

มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย

มาตรฐาน ตวั บง่ ช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์

มาตรฐานที่ 2 ตัวบ่งช้ี 2.1 2.1.1 เดนิ ต่อเทา้ ไป 1.
ขา้ งหน้าเปน็ เส้นตรงได้ ข้า
กล้ามเน้อื ใหญ่และกล้ามเนื้อ เคล่อื นไหวรา่ งกายอยา่ ง โดยไมต่ ้องกางแขน โด

เล็กแข็งแรง ใชไ้ ด้อย่าง คลอ่ งแคลว่ ประสาน

คล่องแคล่วและประสาน สมั พนั ธ์และทรงตวั ได้

สัมพันธก์ นั

ตวั บง่ ช้ี 2.2 2.2.2 เขียนรปู ส่ีเหลย่ี ม 2.
ใช้มอื -ตา ตามแบบไดอ้ ยา่ งมมี ุม ตา
ประสานสัมพันธ์กัน ชดั เจน ชัด

3 เสียงรอบตวั ช้ันอนบุ าลปีท่ี 2

ตแิ ละไมไ่ ดเ้ กิดตามธรรมชาติ มที งั้ เสียงดัง เสียงเบา เสยี งท่ีเกดิ จากแหลง่ ที่มาต่างกัน
บางเสยี งสอ่ื ความหมายสาคัญ เชน่ เสยี งไซเรนของรถพยาบาล เสยี งกร่ิงประตู หเู ป็น
ในการใช้เสียงกบั สถานทบ่ี างแห่ง

จุดประสงค์การ สาระการเรียนรู้

เรียนรู้ ประสบการณ์สาคัญ สาระทค่ี วรเรยี นรู้

. เดินต่อเทา้ ไป 1.1.1 การใชก้ ล้ามเนื้อใหญ่

างหน้าเปน็ เส้นตรง (2) การเคล่อื นไหวเคลอ่ื นท่ี

ดยไมต่ ้องกางแขนได้ (3) การเคลอ่ื นไหวพรอ้ ม

วสั ดอุ ปุ กรณ์

(4) การเคลอ่ื นไหวท่ีใช้การ

ประสานสัมพันธข์ องการใช้

กล้ามเน้ือใหญ่ในการขว้าง

การจบั การโยน การเตะ

(5) การเล่นเครือ่ งเล่น

สนามอยา่ งอสิ ระ

. เขยี นรปู ส่ีเหลย่ี ม 1.1.2 การใชก้ ล้ามเนอ้ื เลก็

ามแบบอย่างมีมมุ (1) การเลน่ เคร่อื งเล่น

ดเจนได้ สมั ผสั และการสรา้ งจาก

แท่งไม้ บล็อก

มาตรฐานหลักสตู รปฐมวัย

มาตรฐาน ตัวบง่ ช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์

มาตรฐานท่ี 5 ตวั บง่ ชี้ 5.2 5.2.1 ช่วยเหลือและ 3.
มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และ มคี วามเมตตา กรุณา แบ่งปันผู้อ่นื ได้ แบ
มีจติ ใจท่ีดีงาม มีน้าใจและช่วยเหลอื เม่ือมีผู้ช้ีแนะ เม
แบง่ ปัน

ตัวบ่งช้ี 5.4 5.4.1 ทางานท่ไี ดร้ ับ 4.
มีความรบั ผิดชอบ มอบหมายจนสาเรจ็ มอ
เมื่อมีผ้ชู ี้แนะ เม

จุดประสงค์การ สาระการเรยี นรู้
เรยี นรู้
ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้
. ชว่ ยเหลือและ
บ่งปนั ผ้อู น่ื (2) การเขยี นภาพและการ
มอ่ื มีผชู้ ้ีแนะได้
เลน่ กบั สี
. ทางานที่ได้รับ
อบหมายจนสาเรจ็ (3) การป้ัน
มื่อมีผู้ชีแ้ นะได้
(4) การประดษิ ฐ์สง่ิ ตา่ ง ๆ

ด้วยเศษวัสดุ

(5) การหยบิ จับ

การใชก้ รรไกร การฉีก

การตดั การปะ การพับและ

การร้อยวัสดุ

1.2.2 การเล่น

(1) การเลน่ อิสระ

(2) การเลน่ รายบุคคล

กลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่

(3) การเลน่ ตามมมุ

ประสบการณ์

(4) การเลน่ นอกห้องเรยี น

1.2.4 การแสดงออก

ทางอารมณ์

(5) การทางานศลิ ปะ

มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย

มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์

มาตรฐานที่ 6 ตวั บง่ ชี้ 6.2 6.2.1 เกบ็ ของเล่น 5.
ของใชเ้ ข้าทด่ี ้วยตนเอง ดว้
มที ักษะชีวติ และปฏิบัตติ น มีวินยั ในตนเอง

ตามหลกั ปรัชญาของ

เศรษฐกิจพอเพียง

ตวั บง่ ชี้ 6.3 6.3.1 ใชส้ งิ่ ของ 6.
ประหยัดและพอเพียง เครอ่ื งใช้อยา่ งประหยัด ทใี่
และพอเพียง เป
เมอ่ื มีผู้ชี้แนะ

มาตรฐานท่ี 8 ตัวบ่งช้ี 8.2 8.2.1 เลน่ หรือทางาน 7.
อย่รู ว่ มกบั ผู้อ่นื ได้อย่างมี
ความสุขและปฏิบตั ิตน มีปฏสิ มั พันธ์ท่ดี ีกับผู้อ่ืน รว่ มกบั เพ่ือนเป็นกลุ่ม เป
เป็นสมาชกิ ท่ีดขี องสังคม
ในระบอบประชาธิปไตย
อนั มีพระมหากษัตริย์
ทรงเปน็ ประมขุ

จุดประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้

เรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้

. เกบ็ ของเข้าที่ 1.3.4 การมีปฏสิ ัมพันธ์

วยตนเองได้ มีวินัย มสี ่วนรว่ มและบทบาท

สมาชิกทดี่ ีของสังคม

(2) การปฏบิ ตั ิตนเปน็

สมาชกิ ท่ดี ขี องห้องเรยี น

(4) การดูแลห้องเรยี น

รว่ มกัน

. นาวสั ดหุ รอื สิ่งของ 1.3.2 การดูแลรกั ษา

ใช้แล้วมาประดิษฐ์ ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม

ป็นของเล่นได้ (2) การใช้วัสดแุ ละสิง่ ของ

เครือ่ งใช้อย่างคุ้มค่า

. เลน่ รว่ มกับเพ่อื น 1.3.5 การเลน่ และทางาน
ปน็ กลมุ่ ได้ แบบรว่ มมอื รว่ มใจ

(2) การเล่นและทางาน
รว่ มกบั ผอู้ ่ืน

มาตรฐาน มาตรฐานหลักสตู รปฐมวัย สภาพท่ีพึงประสงค์ 8.
เช
มาตรฐานท่ี 9 ตวั บ่งชี้ 9.1.1 ฟงั ผอู้ ืน่ พูดจน ได
ใชภ้ าษาสอื่ สาร จบและสนทนาโตต้ อบ
ได้เหมาะสมกบั วัย ตัวบง่ ชี้ 9.1 สอดคล้องกับเร่ืองท่ีฟัง
สนทนาโตต้ อบและ
เลา่ เรือ่ งให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจ

จดุ ประสงค์การ สาระการเรียนรู้
เรยี นรู้
ประสบการณส์ าคญั สาระที่ควรเรียนรู้
. ฟังและพดู
ชอ่ื มโยงกับเร่ืองท่ีฟัง 1.4.1 การใชภ้ าษา
ด้
(1) การฟังเสยี งตา่ ง ๆ

ในสิง่ แวดล้อม

(2) การฟังและปฏบิ ตั ติ าม

คาแนะนา

(3) การฟงั เพลง นิทาน

คาคล้องจอง บทร้อยกรอง

หรือเรือ่ งราวตา่ ง ๆ

(4) การพดู แสดงความคิด

ความรูส้ กึ และความต้องการ

(6) การพูดอธบิ ายเกยี่ วกับ

สงิ่ ของ เหตุการณ์และ

ความสัมพนั ธ์ของส่ิงตา่ ง ๆ

(8) การรอจังหวะ

ท่เี หมาะสมในการพดู

(12) การเห็นแบบอย่าง

ของการอา่ นทีถ่ ูกตอ้ ง

(19) การเหน็ แบบอย่าง

ของการเขียนท่ถี กู ต้อง

(21) การเขยี นคาทมี่ ี

ความหมายกบั ตัวเด็ก /

คาคุ้นเคย

มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย

มาตรฐาน ตวั บ่งชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์

มาตรฐานที่ 10 ตวั บง่ ชี้ 10.1 10.1.2 จบั ค่แู ละ 9.
ตา
มคี วามสามารถในการคดิ มคี วามสามารถในการคิด เปรยี บเทียบความ

ที่เปน็ พนื้ ฐานในการเรยี นรู้ รวบยอด แตกตา่ งหรือความ

เหมอื นของส่งิ ตา่ ง ๆ

โดยใชล้ กั ษณะที่สังเกต

พบเพยี งลักษณะเดยี ว

10
ภา
โด
ทเี่

10.1.3 จาแนกและ 11
จัดกลุม่ ส่ิงตา่ ง ๆ โดยใช้ ตา
อย่างน้อยหน่ึงลักษณะ
เป็นเกณฑ์

10.1.4 เรียงลาดบั 12
ส่งิ ของหรือเหตุการณ์ ส่งิ
อย่างน้อย 4 ลาดับ ตา

จดุ ประสงคก์ าร สาระการเรียนรู้

เรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรียนรู้

. เล่นเกมจบั คู่ 1.4.2 การคดิ รวบยอดการคิด

ามทกี่ าหนดได้ เชิงเหตผุ ล การตัดสินใจและ

แกป้ ญั หา

(13) การจบั คู่

การเปรยี บเทียบ และ

การเรยี งลาดบั สง่ิ ต่าง ๆ

ตามลักษณะความยาว /

ความสูง น้าหนกั ปรมิ าตร

0. เปรียบเทียบ (6) การต่อชน้ิ เลก็

าพใหญก่ บั ภาพยอ่ ย เตมิ ในชน้ิ ใหญใ่ หส้ มบรู ณ์

ดยสังเกตลักษณะ

เหมือนกันได้

1. จัดกลุ่มสงิ่ ต่าง ๆ (5) การคดั แยก
ามทก่ี าหนดได้ การจัดกลมุ่ และการจาแนก

สิง่ ต่าง ๆ ตามลกั ษณะและ
รปู รา่ ง รูปทรง

2. เรียงลาดับ
งต่าง ๆ
ามทีก่ าหนดได้

มาตรฐาน มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย สภาพท่ีพึงประสงค์
ตัวบง่ ชี้
10.2.2 คาดเดาหรือ 13
ตัวบ่งชี้ 10.2 คาดคะเนส่งิ ท่ีอาจจะ เก
เกิดขน้ึ หรือมสี ่วนร่วม ใน
มีความสามารถในการคดิ ในการลงความเห็นจาก จา
เชงิ เหตผุ ล ข้อมูล

มาตรฐานท่ี 11 ตวั บ่งชี้ 11.1 11.1.1 สร้างผลงาน 14
มีจนิ ตนาการและความคิด ทางานศลิ ปะตาม ศิลปะเพือ่ สื่อสาร ศลิ
สรา้ งสรรค์ จนิ ตนาการและความคิด ความคิด ความรู้สึก รา
สรา้ งสรรค์ ของตนเอง โดยมีการ
ดัดแปลงและแปลกใหม่
จากเดมิ หรือมี
รายละเอยี ดเพม่ิ ขึ้น

จุดประสงค์การ สาระการเรยี นรู้

เรียนรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระท่คี วรเรียนรู้

3. คาดเดาสง่ิ ทอี่ าจ 1.4.2 การคดิ รวบยอดการคิด

กดิ ขนึ้ หรือมสี ่วนรว่ ม เชงิ เหตุผล การตัดสนิ ใจและ

นการลงความเหน็ แก้ปัญหา

ากข้อมูลได้ (16) การอธบิ ายเชือ่ มโยง

สาเหตุและผลทเ่ี กดิ ขนึ้

ในเหตกุ ารณ์หรือการกระทา

(17) การคาดเดาหรือการ

คาดคะเนส่ิงที่อาจจะเกิดข้นึ

อยา่ งมเี หตผุ ล

(18) การมีสว่ นร่วมในการ

ลงความคิดเหน็ จากข้อมูล

อยา่ งมีเหตผุ ล

4. สร้างผลงาน 1.4.3 จินตนาการและ

ลปะโดยมี ความคดิ สรา้ งสรรค์

ายละเอียดเพ่ิมขนึ้ ได้ (2) การแสดงความคดิ

สร้างสรรคผ์ า่ นภาษา ท่าทาง

การเคลื่อนไหว และศลิ ปะ

มาตรฐาน มาตรฐานหลักสตู รปฐมวัย สภาพที่พงึ ประสงค์

ตัวบง่ ช้ี 11.2.1 เคล่ือนไหว 15
ท่าทางเพอ่ื ส่ือสาร ทา่
ตัวบง่ ชี้ 11.2 ความคดิ ความรู้สึกของ แป
แสดงท่าทางเคลอ่ื นไหว ตนเองอย่างหลากหลาย
ตามจนิ ตนาการ หรอื แปลกใหม่
อย่างสร้างสรรค์

จุดประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้
เรยี นรู้
ประสบการณ์สาคัญ สาระท่คี วรเรยี นรู้
5. เคลื่อนไหว
าทาง โดยมคี วาม
ปลกใหม่ได้

ผังความคิดแผนการจดั ประสบการณ์ห

๑. กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจงั หวะ ๒. กิจกรรมเส

1. เคล่อื นไหวรา่ งกายตามขอ้ ตกลง 1. เสยี งเกดิ จากการสน่ั ของส
2. เคลื่อนไหวรา่ งกายพรอ้ มอุปกรณ์ 2. เสยี งท่เี กิดจากแหลง่ ท่มี า
3เ.ลเ่นคเลกอื่ มน“ไหลวูกรบา่ องลกหายรแรษบาบ”ผนู้ า - ผู้ตาม
4. เคล่อื นไหวรา่ งกายตามคาสัง่ จะไมเ่ หมือนกนั
5. เคล่อื นไหวรา่ งกายตามจนิ ตนาการ 3. การมสี มาธใิ นการฟงั เสยี ง

วตั ถตุ ่างกนั ทาใหเ้ กดิ เสยี
4. เสยี งสอื่ สญั ญาณสาคัญต

ของรถพยาบาล เสียงนา
5. การดูแลรักษาหู

- การปอ้ งกนั อัตรายจ
มารยาทในการใช้เสียง

๔. กจิ กรรมเลน่ ตามมมุ หน่ว
ชน้ั อ
เลน่ ในมุมประสบการณ์ต่าง ๆ ภายใน
หอ้ งเรียน ๕. กจิ กรรมก
1. เล่นเครื่องเลน่ สนาม
2. เล่นนา้ เล่นทราย
3. เลน่ เกมเดนิ ต่อเท้าไป

เป็นเสน้ ตรงโยนหว่ งล
4. เล่นนา้ เล่นทราย
5. เล่นเครื่องเลน่ สนาม

หน่วยเสียงรอบตัว ช้ันอนบุ าลปีท่ี 2

สรมิ ประสบการณ์ ๓. กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์

ส่งิ ตา่ ง ๆ 1. เป่าสนี ้า, ป้นั ดินน้ามนั อสิ ระ
าของเสียงแตกต่างกัน 2. สรา้ งภาพจากรูปวงกลม สเี่ หลย่ี ม

ง, การแยกเสียงดงั - เสยี งเบา, แล้ววาดต่อเตมิ ด้วยสเี ทยี น
ยงตา่ งกนั 3. ประดษิ ฐโ์ ทรศัพทจ์ ากถ้วยพลาสติก,
ต่าง ๆ เชน่ เสียงไซเรน
าฬกิ าปลุก เสียงกร่ิงประตู วาดภาพจากสีน้าอสิ ระ
4. ตกแต่งหนิ , วาดภาพจากสเี ทียนอิสระ
จากเสยี งดัง 5. ประดิษฐโ์ ทรโข่งจากกระดาษปฏทิ ินแข็ง,

ร้อยลกู ปดั

วยเสียงรอบตวั ๖. กิจกรรมเกมการศกึ ษา
อนุบาลปีที่ 2
1. เกมเรยี งลาดับท่ีส่งิ ของต่างๆ จานวนไม่เกิน 6
กลางแจ้ง 2. เกมจาแนก จดั กลมุ่ เสยี งตามธรรมชาตกิ บั เสยี งดนตรี
3. เกมจบั คูภ่ าพเสยี งสญั ญาณต่าง ๆ กบั สถานท่ีที่
ปขา้ งหนา้
ลงหลัก สมั พนั ธ์กัน
4. เกมเรียงลาดับภาพพบั จากรปู วงกลม สเ่ี หล่ียม
5. เกมสงั เกตรายละเอียดของภาพ (สัตว์)

การวางแผนกิจกรรมรายหน่วยการจัดประสบก

วนั ที่ เคลอื่ นไหวและจงั หวะ เสริมประสบการณ์ ก
ศิลปะสร้างสรรค์
1 เคลอ่ื นไหวรา่ งกาย เสียงเกดิ จากการสั่น
เป่าสีนา้ , ปั้นดินน้ามัน
ตามข้อตกลง ของสง่ิ ต่าง ๆ อิสระ

2 เคลอ่ื นไหวรา่ งกาย เสียงท่เี กิดจากแหลง่ ที่มา สรา้ งภาพจากรูป
พรอ้ มอุปกรณ์ ของเสียงแตกต่างกัน วงกลม สเ่ี หลี่ยม
จะไม่เหมือนกนั แลว้ วาดตอ่ เตมิ
ดว้ ยสีเทียน

3 เคลื่อนไหวรา่ งกาย การมีสมาธิในการฟงั เสยี ง - ประดษิ ฐ์โทรศพั ท์
แบบผูน้ า - ผู้ตาม - การแยกเสยี งดัง เสียงเบา จากถว้ ยพลาสติก
- วัตถุต่างกนั ทาใหเ้ กิดเสียง - วาดภาพ
ต่างกนั จากสีนา้ อิสระ

4 เคลอื่ นไหวร่างกาย เสยี งส่ือสญั ญาณ - ตกแตง่ หิน วาดภาพ
ตามคาส่งั สาคัญต่าง ๆ เชน่ จากสีเทียนอิสระ
เสยี งไซเรนของรถพยาบาล
เสียงนาฬิกาปลุก
เสยี งกริง่ ประตู


Click to View FlipBook Version