วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
923
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ป. โจทก์
ที่ วยช ๒๕/๒๕๖๒ นำย ญ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส
มีบุตรด้วยกัน ๑ คน อำยุ ๒ ปีเศษ จ�ำเลยเป็นผู้แจ้งกำรเกิดและให้ใช้ชื่อสกุลของจ�ำเลย
ี
ื
โจทก์จ�ำเลยและบุตรผู้เยำว์อยู่ร่วมกันท่บ้ำนของจ�ำเลย ต่อมำจ�ำเลยน�ำหญิงอ่นมำอยู่
ร่วมกันกับโจทก์ โจทก์จึงพำบุตรผู้เยำว์ออกจำกบ้ำนของจ�ำเลยไปเช่ำบ้ำนอยู่อำศัย
จ�ำเลยไม่เคยช่วยเหลือและจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำย
ี
ี
ค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์จนกว่ำบุตรผู้เยำว์จะบรรลุนิติภำวะ จ�ำเลยให้กำรว่ำ ผู้เยำว์
ี
มิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลย จ�ำเลยไม่จ�ำต้องจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรให้
แก่โจทก์ กรณีตำมค�ำฟ้องแม้โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์
ื
ด้วยกัน แต่เม่อโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เยำว์จึงไม่ใช่บุตรชอบด้วย
กฎหมำยของจ�ำเลย ประกอบกับโจทก์เพียงขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงด ู
ี
ั
บุตรผู้เยำว์แก่โจทก์เท่ำน้น ไม่ได้ขอให้จ�ำเลยรับผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยด้วย
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ จ�ำเลย และบุตรผู้เยำว์จึงไม่อยู่ภำยใต้ข้อบังคับแห่งบทบัญญัต ิ
ป.พ.พ. บรรพ ๕ ว่ำด้วยครอบครัว คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
_____________________________
ั
่
ิ
ั
�
ู
ิ
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เมอปี ๒๕๕๕ โจทก์กบจำเลยอย่กนฉนสำมภรยำโดยไม่ได้จดทะเบยน
ื
สมรส มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือเด็กหญิง ก. ผู้เยำว์ เกิดวันที่ ๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ อำยุ ๒ ปีเศษ
จ�ำเลยเป็นผู้แจ้งกำรเกิดและให้ใช้ช่อสกุลของจ�ำเลย โจทก์จ�ำเลยและบุตรผู้เยำว์อยู่ร่วมกัน
ื
ที่บ้ำนของจ�ำเลยจนกะทั่งวันที่ ๒๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ จ�ำเลยน�ำหญิงอื่นมำอยู่ร่วมกันกับโจทก์
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมอับอำยขำยหน้ำอย่ำงร้ำยแรงจึงพำบุตรผู้เยำว์ออกจำกบ้ำนของจ�ำเลยไป
ี
เช่ำบ้ำนอยู่อำศัย จ�ำเลยไม่เคยช่วยเหลือและจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ ขอให้บังคับจ�ำเลย
ี
ี
จ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์นับแต่วันท่ศำลมีค�ำพิพำกษำจนกว่ำบุตรผู้เยำว์จะบรรลุนิติภำวะ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เยำว์มิใช่บุตรชอบด้วย
กฎหมำยของจ�ำเลยและโจทก์มิได้ขอให้จ�ำเลยรับรองผู้เยำว์เป็นบุตร จ�ำเลยไม่จ�ำต้องจ่ำย
ี
ค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรให้แก่โจทก์ โจทก์ฟ้องโดยอำศัยมูลหน้ละเมิด จึงไม่ใช่คดีครอบครัว
ี
924
ั
ั
ู
ี
ิ
�
ื
จำเลยไม่ได้ท�ำละเมดต่อโจทก์เน่องจำกขณะท่โจทก์มำพกอำศยอย่กบจ�ำเลย โจทก์ทรำบด ี
ั
อยู่แล้วว่ำจ�ำเลยอยู่กินกับหญิงอ่นซ่งต้งครรภ์และคลอดบุตรในเวลำไล่เล่ยกับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ั
ึ
ื
ี
ิ
ุ
�
ี
ี
่
ู
่
ื
�
ระหว่ำงพจำรณำ จำเลยยนคำร้องขอให้ประธำนศำลฎกำ (ทถกประธำนศำลอทธรณ์
ี
คดีช�ำนัญพิเศษ) วินิจฉัยว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
หรือไม่ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรีจึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้แม้โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน แต่
เม่อโจทก์กบจำเลยไม่ได้จดทะเบยนสมรสกน ผ้เยำว์จงไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมำยของจำเลย
ื
ั
ึ
ู
ั
�
ี
�
ประกอบกับสภำพแห่งค�ำฟ้องและค�ำขอบังคับของโจทก์เพียงขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระ
ี
ั
เล้ยงดูบุตรผู้เยำว์แก่โจทก์เท่ำน้น โจทก์ไม่ได้ขอให้จ�ำเลยรับผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยด้วย
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ จ�ำเลย และบุตรผู้เยำว์จึงไม่อยู่ภำยใต้ข้อบังคับแห่งบทบัญญัต ิ
ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ว่ำด้วยครอบครัว คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
925
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ช. โจทก์
ที่ วยช ๘๗/๒๕๖๒ นำย ท. จ�ำเลย
แม้โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน ๒ คน แต่
ั
ื
เม่อโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เยำว์ท้งสองจึงไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วย
กฎหมำยของจ�ำเลยประกอบกับตำมค�ำฟ้องของโจทก์ โจทก์เพียงแต่ขอให้บังคับจ�ำเลย
ี
ั
ช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูผู้เยำว์ท้งสองตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมโดยไม่ได้
ั
ฟ้องขอให้จ�ำเลยรับผู้เยำว์ท้งสองเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยด้วย ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
ั
โจทก์ จ�ำเลย และผู้เยำว์ท้งสองจึงไม่อยู่ภำยใต้บังคับแห่งบทบัญญัต ป.พ.พ. บรรพ ๕
ิ
ว่ำด้วยครอบครัว แต่เป็นกำรฟ้องบังคับตำมสัญญำทำงแพ่งท่วไป จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
ั
___________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อประมำณปี ๒๕๔๘ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำ
ื
โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ เด็กชำย ว. อำยุ ๑๓ ปี ๔ เดือน และ
เด็กชำย ร. อำยุ ๑๐ ปี ๖ เดือน ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยแยกกันอยู่ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภำคม ๒๕๖๒
โจทก์กับจ�ำเลยท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมกันว่ำ จ�ำเลยจะช�ำค่ำเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์คนละ
ี
ั
ี
๓,๐๐๐ บำท ต่อเดือน ให้แก่โจทก์ รวมเป็นเงินเดือนละ ๖,๐๐๐ บำท เร่มต้งแต่วันท่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๒
ิ
ั
และทุก ๆ ส้นเดือน จนกว่ำบุตรผู้เยำว์ท้งสองจะบรรลุนิติภำวะ หำกจ�ำเลยผิดนัด โจทก์มีสิทธ ิ
ิ
ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยรับผิดช�ำระค่ำเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ได้ หลังจำกท�ำสัญญำจ�ำเลยผิดนัดช�ำระ
ี
ี
ั
ี
ั
ค่ำเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ท้งสองต้งแต่วันท่ ๓๐ กรกฎำคม ๒๕๖๒ เป็นต้นมำ ท�ำให้โจทก์ได้รับ
ี
ั
ควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ท้งสองคนละ ๓,๐๐๐ บำท
นับแต่วันผิดสัญญำจนกว่ำบุตรผู้เยำว์แต่ละคนจะมีอำยุ ๒๐ ปี บริบูรณ์
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดภูเกตเหนว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคด ี
็
็
ั
นี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ แม้โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน
๒ คน แต่เมื่อโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เยำว์ทั้งสองจึงไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วย
926
กฎหมำยของจ�ำเลย ประกอบกับตำมค�ำฟ้องของโจทก์ โจทก์เพียงแต่ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ
ี
ั
ค่ำอุปกำระเล้ยงดูผู้เยำว์ท้งสองตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมโดยไม่ได้ฟ้องขอให้จ�ำเลย
รับผู้เยำว์ทั้งสองเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยด้วย ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ จ�ำเลย และผู้เยำว์
ั
ท้งสองจึงไม่อยู่ภำยใต้บังคับแห่งบทบัญญัติประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ั
ว่ำด้วยครอบครัว แต่เป็นกำรฟ้องบังคับตำมสัญญำทำงแพ่งท่วไป จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
927
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ห. โจทก์
ที่ วยช ๘๓/๒๕๖๓ นำย จ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส
มีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน ๑ คน ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยเลิกกันโดยทั้งสองไปลงบันทึกรำยงำน
ี
ประจ�ำวันรับแจ้งเป็นหลักฐำนไว้ท่สถำนีต�ำรวจ มีข้อตกลงว่ำ จ�ำเลยยอมชดใช้เงิน
ี
ให้แก่โจทก์ ๒๐,๐๐๐ บำท และช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรเดือนละ ๕,๐๐๐ บำท นับ
แต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๖ เป็นต้นไปจนกว่ำบุตรผู้เยำว์จะบรรลุนิติภำวะ แม้โจทก์กับ
จ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน แต่เม่อโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้
ื
จดทะเบียนสมรสกัน บุตรผู้เยำว์จึงไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลย ประกอบกับ
ี
สภำพแห่งค�ำฟ้องและค�ำขอบังคับของโจทก์เพียงขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงด ู
บุตรผู้เยำว์แก่โจทก์ตำมข้อตกลงในบันทึกรำยงำนประจ�ำวันรับแจ้งเป็นหลักฐำนเท่ำนั้น
โจทก์ไม่ได้ขอให้จ�ำเลยรับผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยด้วย ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
โจทก์ จ�ำเลย และบุตรผู้เยำว์จึงไม่อยู่ภำยใต้ข้อบังคับแห่งบทบัญญัติใน ป.พ.พ. บรรพ ๕
ว่ำด้วยครอบครัว คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
___________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อปี ๒๕๕๑ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส
มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือเด็กชำย ศ. ผู้เยำว์ เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหำคม ๒๕๕๔ อำยุ ๘ ปีเศษ
่
ื
ต่อมำประมำณปี ๒๕๕๖ จ�ำเลยแอบไปมีหญิงอนในลักษณะชู้สำว โจทก์และจ�ำเลยตกลงกัน
ี
ไม่ได้จึงเลิกกันโดยลงบันทึกรำยงำนประจ�ำวันรับแจ้งเป็นหลักฐำนไว้ท่สถำนีต�ำรวจภูธรเพ
จังหวัดระยอง ลงวันท่ ๑๕ สิงหำคม ๒๕๕๖ มีข้อตกลงว่ำ จ�ำเลยยอมชดใช้เงินให้แก่โจทก์
ี
ี
๒๐,๐๐๐ บำท และช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรเดือนละ ๕,๐๐๐ บำท โดยโอนเงินเข้ำบัญช ี
โจทก์ทุกวันที่ ๑ ของเดือน นับแต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป โจทก์และบุตรยินยอมออก
จำกบ้ำนจ�ำเลยภำยใน ๗ วัน นับแต่วันท�ำบันทึกประจ�ำวัน โจทก์ได้รับเงิน ๒๐,๐๐๐ บำทแล้ว
ี
โจทก์และบุตรจึงได้ออกไปจำกบ้ำนของจ�ำเลย แต่จ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรเพียง ๑๖ งวด
ั
เป็นเงิน ๗๙,๐๐๐ บำท หลังจำกน้นผิดนัดไม่ช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรตำมข้อตกลงใน
ี
บันทึกรำยงำนประจ�ำวันรับแจ้งเป็นหลักฐำน ค�ำนวณถึงวันฟ้องจ�ำเลยคงค้ำงช�ำระค่ำอุปกำระ
928
ี
ี
เล้ยงดูบุตร ๓๓๑,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ ๓๓๑,๐๐๐ บำท
่
�
�
ี
่
ั
็
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ตอปี นับแตวันฟ้องไปจนกว่ำจะชำระเสรจแก่โจทก์ กบให้จำเลย
ช�ำระค่ำอุปกำระเลี้ยงดูบุตรเดือนละ ๕,๐๐๐ บำท นับแต่เดือนกันยำยน ๒๕๖๓ เป็นต้นไปจนกว่ำ
เด็กชำย ศ. จะบรรลุนิติภำวะ
�
จำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส
และมีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือเด็กชำย ศ. โจทก์กับจ�ำเลยสมัครใจแยกทำงกัน โดยท�ำบันทึกเรื่อง
ค่ำอุปกำระเลี้ยงดูบุตรไว้ที่สถำนีต�ำรวจภูธรเพ จังหวัดระยอง ตกลงช�ำระค่ำอุปกำระเลี้ยงดูบุตร
เดือนละ ๕,๐๐๐ บำท เริ่มช�ำระงวดแรกวันที่ ๑ กันยำยน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป จ�ำเลยเริ่มผิดนัด
งวดที่ ๑๗ ประจ�ำวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๘ แต่โจทก์น�ำคดีมำฟ้องเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหำคม ๒๕๖๓
เป็นเวลำเกินกว่ำ ๕ ปี คดีโจทก์จึงขำดอำยุควำมตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
มำตรำ ๑๙๓/๓๓ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และเป็นข้อพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิและหน้ำท่ของ
ี
ี
บิดำมำรดำกับบุตร จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ปัจจุบัน
จ�ำเลยตกงำน ไม่มีรำยได้ประจ�ำ จ�ำเลยสำมำรถช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูได้เพียง ๓,๐๐๐ บำท
ี
ต่อเดือน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดระยองเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้แม้โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน แต่
ั
ี
�
�
ู
เม่อโจทก์กบจำเลยไม่ได้จดทะเบยนสมรสกน ผ้เยำว์จงไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมำยของจำเลย
ั
ื
ึ
ประกอบกับสภำพแห่งค�ำฟ้องและค�ำขอบังคับของโจทก์เพียงขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระ
เล้ยงดูบุตรผู้เยำว์แก่โจทก์ตำมข้อตกลงในบันทึกรำยงำนประจ�ำวันรับแจ้งเป็นหลักฐำนไว้ท ่ ี
ี
สถำนีต�ำรวจภูธรเพ จังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๕ สิงหำคม ๒๕๕๖ เท่ำนั้น โจทก์ไม่ได้ขอให้จ�ำเลย
รับผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยด้วย ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ จ�ำเลย และบุตรผู้เยำว์
จึงไม่อยู่ภำยใต้ข้อบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ว่ำ
ี
ด้วยครอบครัว คดีน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
929
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
930
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ส. โจทก์
ที่ วยช ๑๑๓/๒๕๖๓ นำง ส. จ�ำเลย
ี
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นบุตรของโจทก์ โจทก์ออกเงินซ้อท่ดินพิพำท โจทก์ยอม
ี
ื
ื
ให้ใส่ช่อจ�ำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธ์ในท่ดินร่วมกับโจทก์ โดยจ�ำเลยไม่ได้ออกเงินค่ำซ้อท่ดิน
ี
ิ
ื
ี
แต่อย่ำงใด ท่ดินดังกล่ำวจึงเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์แต่ผู้เดียว จ�ำเลยมีช่อในโฉนด
ิ
ั
ิ
ั
ิ
ดงกล่ำวในฐำนะตวแทนโจทก์ และยังไม่มีกำรแบ่งกรรมสทธ์รวมระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ื
ี
ี
โจทก์ประสงค์ใช้ท่ดินเพ่อจัดสรรขำยท่ดิน และบอกกล่ำวให้จ�ำเลยคืนท่ดินดังกล่ำวให้
ี
โจทก์ แต่จ�ำเลยไม่ยอมด�ำเนินกำร คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท่จะต้อง
ี
ี
ิ
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ จ�ำเลยมีช่อเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทแทนโจทก์หรือไม่ อันเป็นปัญหำ
ี
เก่ยวกับหน้ำท่และควำมรับผิดของตัวแทนต่อตัวกำรท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓
ี
ี
ลักษณะ ๑๕ แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นบุตรของโจทก์ แต่ก็มิได้มีประเด็น
ที่เกี่ยวกับบิดำมำรดำและบุตรซึ่งพิพำทกันตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
_______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นบุตรของโจทก์ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกำยน ๒๕๖๒ โจทก์ออก
เงินซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๖๒๗ เลขที่ดิน ๑๐๙ ต�ำบลสำกเหล็ก อ�ำเภอสำกเหล็ก จังหวัดพิจิตร
ิ
เน้อท่ ๒ งำน ๖๘ ตำรำงวำ โจทก์ยอมให้ใส่ช่อจ�ำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธ์ในท่ดินร่วมกับโจทก์
ี
ี
ื
ื
ี
ิ
โดยจ�ำเลยไม่ได้ออกเงินค่ำซ้อท่ดินแต่อย่ำงใด ท่ดินดังกล่ำวจึงเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์แต่ผู้เดียว
ี
ื
ั
ี
์
ี
ื
จำเลยมชอในโฉนดดงกล่ำวในฐำนะตวแทนโจทก์ และยงไม่มกำรแบ่งกรรมสทธรวมระหว่ำง
�
ิ
ั
ั
่
ิ
โจทก์กับจ�ำเลย ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ประสงค์ใช้ที่ดินเพื่อจัดสรรขำยที่ดิน และบอกกล่ำวให้จ�ำเลย
คืนที่ดินดังกล่ำวให้โจทก์ แต่จ�ำเลยไม่ยอมด�ำเนินกำรอันเป็นกำรโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพำท
ของโจทก์ท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้จ�ำเลยจดทะเบยนโอนกรรมสิทธ์ท่ดนพิพำทให้กับโจทก์
ิ
ี
ิ
ี
หำกจ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำรขอให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
ั
ในช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดพิจิตรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ
ึ
�
้
ู
ี
คดนอย่ในอ�ำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้
ี
ั
ื
ิ
ิ
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
931
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท่จะต้องวินิจฉัยว่ำ จ�ำเลย
ี
มีช่อเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทแทนโจทก์หรือไม่ อันเป็นปัญหำเก่ยวกับหน้ำท่และ
ื
ิ
ี
ี
ี
ควำมรับผิดของตัวแทนต่อตัวกำรท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
บรรพ ๓ ลักษณะ ๑๕ แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นบุตรของโจทก์ แต่ก็มิได้มีประเด็น
ท่เก่ยวกับบิดำมำรดำและบุตรซ่งพิพำทกันตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ึ
ี
ี
ี
คดีน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตำม พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๗ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
932
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย พ. โจทก์
ที่ วยช ๕๙/๒๕๖๔ นำงสำว พ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับนำง ธ. เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีบุตร
ี
ั
�
ื
ั
ด้วยกน ๒ คน คอ จำเลยและนำย ธ. ต่อมำโจทก์กบนำง ธ. จดทะเบยนหย่ำกน
ั
ในบันทึกท้ำยทะเบียนกำรหย่ำระบุว่ำ โจทก์กับนำง ธ. ยกท่ดินพิพำทให้จ�ำเลยและ
ี
ั
นำย ธ. บุตรท้งสอง หลังจำกน้นนำง ธ. ฟ้องโจทก์เป็นจ�ำเลยต่อศำลเยำวชนและครอบครัว
ั
จังหวัดอุตรดิตถ์ ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนโอนท่ดินพิพำทให้แก่บุตรท้งสอง
ี
ั
ี
หำกไม่สำมำรถจดทะเบียนโอนท่ดินพิพำทได้ ให้โจทก์ชดใช้เงินแทน นำง ธ. กับโจทก์
ท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมในคดีดังกล่ำวและศำลมีค�ำพิพำกษำตำมยอม โดย
้
่
้
ในสัญญำประนีประนอมยอมควำมระบุวำ โจทกยินยอมใหบุตรทั้งสองเขำไปครอบครอง
์
ท�ำประโยชน์ในท่ดินพิพำทตลอดไป โดยโจทก์ท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำม
ี
ในฐำนะกรรมกำรและผู้ถือหุ้นของบริษัท ฤ. ซึ่งเป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำท ต่อมำ
จ�ำเลยเข้ำไปปลูกต้นไผ่ในที่ดินพิพำท แต่จ�ำเลยไม่ได้ดูแลต้นไผ่ ภำยหลังโจทก์เข้ำไปใน
ี
ท่ดินพิพำทเพ่อดูแลท่ดินและไม้ยืนต้นท่บริษัท ฤ. ปลูกไว้ก่อนหน้ำน โดยไม่ได้ยุ่งเก่ยวกับ
ี
ื
ี
ี
ี
้
ั
ต้นไผ่ของจ�ำเลยแต่อย่ำงใด หลังจำกน้นโจทก์ทรำบว่ำจ�ำเลยแจ้งควำมร้องทุกข์ต่อ
ี
ึ
พนักงำนสอบสวนให้ด�ำเนินคดีแก่โจทก์ในข้อหำบุกรุกท่ดินพิพำทซ่งเป็นกำรใส่ร้ำยโจทก์
ี
ื
เพ่อให้โจทก์ต้องรับโทษทำงอำญำท้งท่โจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิด อันเป็นกำรประพฤต ิ
ั
ื
เนรคุณต่อโจทก์ โจทก์จึงแจ้งจ�ำเลยเพ่อขอยกเลิกสิทธิในกำรให้จ�ำเลยเข้ำไปครอบครอง
ท�ำประโยชน์ในท่ดินพิพำท และให้จ�ำเลยคืนสิทธิกำรครอบครองท�ำประโยชน์ในท่ดิน
ี
ี
พิพำทแก่โจทก์หรือบริษัท ฤ. แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้จ�ำเลยส่งมอบสิทธิกำรครอบครอง
ิ
่
ี
ท�ำประโยชน์ในทดินพิพำทคืนแก่โจทก์หรือบริษท ฤ. และห้ำมมิให้จ�ำเลยและบรวำร
ั
เข้ำไปยุ่งเกี่ยวหรือครอบครองท�ำประโยชน์ในที่ดินพิพำทอีกต่อไป คดีนี้สภำพแห่งข้อหำ
ของโจทก์และค�ำขอบังคับตำมค�ำฟ้องเป็นเร่องกำรเรียกถอนคืนกำรให้เพรำะเหตุผู้รับ
ื
ประพฤติเนรคุณ อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓ มำตรำ ๕๓๑ คดีน ี ้
ี
จึงมิใช่คดีครอบครัว
______________________________
933
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับนำง ธ. เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีบุตรด้วยกัน ๒ คน
คือ จ�ำเลยและนำย ธ. ต่อมำโจทก์กับนำง ธ. จดทะเบียนหย่ำขำดจำกกัน ในบันทึกท้ำยทะเบียน
กำรหย่ำ ข้อ ๓. ระบุว่ำ ที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๒๐๕ ต�ำบลไม้เค็ด อ�ำเภอเมืองปรำจีนบุรี จังหวัด
ปรำจีนบุรี โจทก์กับนำง ธ. ยกให้จ�ำเลยและนำย ธ. บุตรทั้งสอง เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนำยน ๒๕๖๒
นำง ธ. ฟ้องโจทก์เป็นจ�ำเลยต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดอุตรดิตถ์ ขอให้บังคับโจทก์
ี
ี
ี
ไปจดทะเบียนโอนท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๔๒๐๕ ให้แก่บุตรท้งสอง หำกไม่สำมำรถจดทะเบียนโอนท่ดิน
ั
ดังกล่ำวได้ ให้ชดใช้เงินแทนจ�ำนวน ๑๒,๒๒๙,๑๐๐ บำท นำง ธ. กับโจทก์ท�ำสัญญำประนีประนอม
ยอมควำมในคดีดังกล่ำวและศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดอุตรดิตถ์มีค�ำพิพำกษำตำมยอม
โดยในสัญญำประนีประนอมยอมควำม ข้อ ๓. ระบุว่ำ โจทก์ยินยอมให้บุตรท้งสองเข้ำไปครอบครอง
ั
ี
ี
ท�ำประโยชน์ในท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๔๒๐๕ ตลอดไป กำรท่โจทก์ท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำม
ี
ให้จ�ำเลยเข้ำไปครอบครองท�ำประโยชน์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๒๐๕ นั้น โจทก์กระท�ำไปในฐำนะ
ี
ี
กรรมกำรและผู้ถือหุ้นของบริษัท ฤ. ซ่งเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๔๒๐๕ ต่อมำ
ิ
ึ
เมื่อประมำณเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ จ�ำเลยเข้ำไปปลูกต้นไผ่บริเวณบำงส่วนในที่ดินดังกล่ำว แต่
�
ั
ี
จ�ำเลยไม่ได้ดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยต้นไผ่ท่จ�ำเลยปลูก โดยจ�ำเลยจะเข้ำมำในท่ดินปีละ ๑ ถึง ๒ คร้ง
ี
เท่ำนั้น เมื่อวันที่ ๒๙ มีนำคม ๒๕๖๔ โจทก์เข้ำไปในที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๒๐๕ เพื่อดูแลที่ดิน
ี
ี
ี
และไม้ยืนต้นท่บริษัท ฤ. ปลูกไว้ก่อนหน้ำน้ โดยไม่ได้ยุ่งเก่ยวกับต้นไผ่ของจ�ำเลยแต่อย่ำงใด
ื
หลังจำกน้นโจทก์ได้รับหมำยเรียกจำกพนักงำนสอบสวนสถำนีต�ำรวจภูธรเมืองปรำจีนบุรีเม่อ
ั
วันท่ ๘ เมษำยน ๒๕๖๔ โจทก์จึงทรำบว่ำจ�ำเลยแจ้งควำมร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนให้
ี
ด�ำเนินคดีแก่โจทก์ในข้อหำบุกรุกที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๒๐๕ กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรใส่ร้ำย
ี
ั
ื
โจทก์เพ่อให้โจทก์ต้องรับโทษทำงอำญำ ท้ง ๆ ท่โจทก์ไม่ได้กระท�ำผิดตำมข้อกล่ำวหำ อันเป็นกำร
ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์จึงแจ้งจ�ำเลยเพ่อขอยกเลิกสิทธิในกำรให้จ�ำเลยเข้ำไปครอบครอง
ื
ท�ำประโยชน์ในท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๔๒๐๕ และให้จ�ำเลยคืนสิทธิกำรครอบครองท�ำประโยชน์
ี
ี
ในที่ดินดังกล่ำวแก่โจทก์หรือบริษัท ฤ. แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้
จ�ำเลยส่งมอบสิทธิกำรครอบครองท�ำประโยชน์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๒๐๕ ต�ำบลไม้เค็ด อ�ำเภอ
เมืองปรำจีนบุรี จังหวัดปรำจีนบุรี คืนแก่โจทก์หรือบริษัท ฤ. และห้ำมมิให้จ�ำเลยและบริวำร
เข้ำไปยุ่งเกี่ยวหรือครอบครองท�ำประโยชน์ในที่ดินดังกล่ำวอีกต่อไป
ี
ั
ในช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดอุตรดิตถ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
934
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ื
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับตำมค�ำฟ้องเป็นเร่องกำร
ี
เรียกถอนคืนกำรให้เพรำะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวล
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๓ มำตรำ ๕๓๑ คดีนี้จึงมิใช่คดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
935
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย อ. โจทก์
ที่ วยช ๖๗/๒๕๖๐ นำงสำว พ. จ�ำเลย
ี
ี
ี
คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทส�ำคัญท่ต้องพิจำรณำว่ำ แหวนเพชรกับจ้พลอย
ี
ตำมค�ำฟ้องเป็นทรัพย์สินท่โจทก์ส่งมอบให้แก่จ�ำเลยเป็นของหม้นหรือไม่ และจ�ำเลย
ั
ึ
ิ
ิ
ื
ั
ี
ี
ั
ปฏบัตผิดสัญญำหม้นจึงต้องคนของหม้นให้แก่โจทก์หรือไม่ ซ่งเป็นกรณท่จะต้องบังคับ
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๓๗ วรรคหน่ง และ ๑๔๓๙ ประเด็นข้อพิพำทส่วนน ้ ี
ึ
จึงเป็นคดีครอบครัว
ี
ส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔๓๕,๑๑๔ บำท แม้ไม่เป็น
ั
คดีครอบครัวเพรำะไม่มีปัญหำต้องวินิจฉัยถึงสถำนะกำรหม้นระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ี
แต่มูลควำมแห่งคดีส่วนน้เก่ยวข้องกับส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยคืนของหม้น
ี
ี
ั
ึ
ี
โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำศำลใดศำลหน่งเป็น
คดีเดียวกันได้ตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๕ และเน่องจำก พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัว
ื
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๒ บัญญัติว่ำ ภำยใต้
ี
ี
บังคับบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติน้ว่ำด้วยกำรโอนคดีในท้องท่ท่ศำลเยำวชนและ
ี
ี
ครอบครัวเปิดท�ำกำรแล้ว ห้ำมมิให้ศำลช้นต้นอ่นใดในท้องท่น้นรับคดีท่อยู่ในอ�ำนำจศำล
ื
ั
ั
ี
เยำวชนและครอบครัวไว้พิจำรณำพิพำกษำ คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัว
_________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงหม้นกันโดยโจทก์ส่งมอบแหวนเพชร ๒ วง
ั
จี้พลอย ๑ อัน และแหวนทองค�ำ ๑ วง ให้แก่จ�ำเลยเป็นของหมั้น นอกจำกนี้ในปี ๒๕๕๗ จ�ำเลย
ขอให้โจทก์ช่วยเหลือเรื่องกำรเงินโดยมีข้อตกลงว่ำ เมื่อโจทก์หำเงินให้จ�ำเลยได้แล้วจ�ำเลยจะคืน
เงินให้แก่โจทก์โดยเร็ว จ�ำเลยแนะน�ำให้โจทก์น�ำรถยนต์ของโจทก์ไปเข้ำไฟแนนซ์ แล้วน�ำเงิน
ั
ิ
ั
�
�
�
มำมอบให้แก่จำเลย โจทก์นำรถยนต์ของโจทก์ไปเข้ำไฟแนนซ์ของบรษท อ. จำกด ได้เงน
ิ
มำ ๒๐๑,๐๙๘ บำท แล้วโจทก์ท�ำสัญญำเช่ำซ้อรถยนต์ดังกล่ำวคืน โจทก์โอนเงิน ๒๐๑,๐๙๘
ื
บำท ท่ได้มำน้นเข้ำบัญชีเงินฝำกของจ�ำเลย ต่อมำระหว่ำงเดือนธันวำคม ๒๕๕๗ ถึงเดือน
ี
ั
ั
เมษำยน ๒๕๕๙ โจทก์ยังโอนเงินเข้ำบัญชีเงินฝำกของจ�ำเลยอีก ๑๐ คร้ง รวมเป็นเงิน
936
ื
ื
๑๖๕,๔๐๐ บำท โจทก์ผ่อนช�ำระค่ำเช่ำซ้อรถยนต์ให้แก่บริษัทผู้ให้เช่ำซ้อไปแล้ว ๒๖๙,๗๑๔ บำท
ี
ื
ั
เม่อรวมกับเงินท่โจทก์โอนเข้ำบัญชีเงินฝำกของจ�ำเลยอีก ๑๐ คร้ง ดังกล่ำวแล้ว จ�ำเลยจะต้อง
ี
ช�ำระเงินคืนให้แก่โจทก์ ๔๓๕,๑๑๔ บำท นอกจำกน้จ�ำเลยยังปฏิบัติผิดสัญญำหม้น จ�ำเลยจึงต้อง
ั
คืนของหมั้นให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔๓๕,๑๑๔ บำท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
ั
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ กับให้จ�ำเลยคืนของหม้น
ให้แก่โจทก์ หำกคืนไม่ได้ให้ใช้รำคำแทน ๖๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เดิมโจทก์กู้ยืมเงินจำกจ�ำเลย ๒๖๐,๐๐๐ บำท ต่อมำโจทก์น�ำรถยนต์
ของโจทก์ไปเข้ำไฟแนนซ์เพ่อน�ำเงินมำช�ำระหน้ให้แก่จ�ำเลย ส่วนท่โจทก์โอนเงินเข้ำบัญชีเงินฝำก
ี
ื
ี
ของจ�ำเลย ๑๐ ครั้ง ระหว่ำงเดือนธันวำคม ๒๕๕๗ ถึงเดือนเมษำยน ๒๕๕๙ ก็เป็นกำรกระท�ำ
ื
ี
ั
ี
เพ่อช�ำระหน้ดังกล่ำวบำงส่วนและเป็นกำรยกให้แก่จ�ำเลยโดยเสน่หำบำงส่วน ของหม้นท่โจทก์
ส่งมอบให้แก่จ�ำเลยได้แก่เงิน ๔๐๐,๐๐๐ บำท กับแหวนทองค�ำ ๑ วง ส่วนแหวนเพชร ๒ วง
กับจี้พลอย ๑ อัน ตำมค�ำฟ้องมิใช่ของหมั้น จ�ำเลยมิได้ปฏิบัติผิดสัญญำหมั้น แต่โจทก์เป็นฝ่ำย
ขอถอนหม้นและขอของหม้นคืนเพ่อจะน�ำไปช�ำระหน้ จ�ำเลยคืนเงินสดท่เป็นของหม้นให้แก่โจทก์
ั
ั
ี
ี
ื
ั
ไปเต็มจ�ำนวนแล้ว สิทธิเรียกร้องของโจทก์กรณีขอให้บังคับจ�ำเลยคืนของหม้นขำดอำยุควำม
ั
และค�ำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดชลบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทส�ำคัญท่ต้องพิจำรณำว่ำ แหวนเพชรกับจ้พลอย
ั
ตำมค�ำฟ้องเป็นทรัพย์สินท่โจทก์ส่งมอบให้แก่จ�ำเลยเป็นของหม้นหรือไม่ และจ�ำเลยปฏิบัต ิ
ี
ี
ั
่
ึ
ี
ั
ผดสญญำหมนจงต้องคนของหม้นให้แก่โจทก์หรอไม่ ซงเป็นกรณทจะต้องบงคบตำมประมวล
ั
่
ิ
ึ
ั
ื
้
ั
ื
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๓๗ วรรคหนึ่ง และ ๑๔๓๙ ประเด็นข้อพิพำท
ิ
ส่วนนจงเป็นคดีครอบครวตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวิธพจำรณำ
ี
ั
ั
ึ
ี
้
ิ
ั
ั
ี
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓) ส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลย
ช�ำระเงิน ๔๓๕,๑๑๔ บำท แม้ไม่เป็นคดีครอบครัวเพรำะไม่มีปัญหำต้องวินิจฉัยถึงสถำนะกำรหม้น
ั
ี
ี
ี
ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย แต่มูลควำมแห่งคดีส่วนน้เก่ยวข้องกับส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลย
937
ี
ึ
คืนของหม้น โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำศำลใดศำลหน่ง
ั
ื
เป็นคดีเดียวกันได้ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๕ และเน่องจำก
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๒ บัญญัติว่ำ ภำยใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัตินี้ว่ำด้วยกำรโอนคดีในท้องที่
ั
ี
ื
ี
ท่ศำลเยำวชนและครอบครัวเปิดท�ำกำรแล้ว ห้ำมมิให้ศำลช้นต้นอ่นใดในท้องท่น้นรับคดีท่อยู่ใน
ี
ั
ี
ิ
้
ิ
ิ
อ�ำนำจศำลเยำวชนและครอบครัวไว้พจำรณำพพำกษำ คดีนจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
938
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ย. โจทก์
ที่ วยช ๙๒/๒๕๖๔ นำงสำว น. จ�ำเลย
ี
ี
คดีน้ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำและค�ำขอบังคับของโจทก์เป็นกรณีท่โจทก์
ี
ฟ้องขอแบ่งสินสมรสจำกจ�ำเลยเพรำะเหตุที่โจทก์กับจ�ำเลยหย่ำกัน อันเป็นกรณีที่ต้องบังคับ
ึ
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ และ ๑๕๓๓ ซ่งเป็นคดีครอบครัว ส่วนท่โจทก์ฟ้อง
ี
ี
ึ
เก่ยวกับกำรขอแบ่งห้องชุด แม้มีช่อน้องของจ�ำเลยซ่งเป็นบุคคลภำยนอกเป็นเจ้ำของ
ื
แต่โจทก์ก็กล่ำวอ้ำงว่ำห้องชุดดังกล่ำวเป็นสินสมรสซ่งใส่ช่อน้องของจ�ำเลยไว้แทนโจทก์
ื
ึ
ั
ี
ึ
กับจ�ำเลยเท่ำน้น คดีในส่วนน้จึงเป็นคดีฟ้องขอแบ่งสินสมรสซ่งเป็นคดีครอบครัวเช่นกัน
ั
ี
ส่วนท่โจทก์ขอให้มีค�ำส่งเลิกห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. และห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. กับต้งเจ้ำพนักงำน
ั
บังคับคดีเป็นผู้ช�ำระบัญชีของห้ำงดังกล่ำวและให้แบ่งทรัพย์สินท่เหลือจำกกำรช�ำระบัญช ี
ี
ึ
ึ
ี
ึ
ของห้ำงดังกล่ำวให้แก่โจทก์ก่งหน่งแม้เป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓ ซ่งมิใช่
ี
ี
คดีครอบครัว แต่มูลควำมแห่งคดส่วนน้เกยวข้องกับส่วนทโจทก์ฟ้องขอให้บงคับจำเลย
ี
่
�
่
ี
ั
ึ
แบ่งสินสมรส โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำศำลใดศำลหน่ง
ี
เป็นคดีเดียวกันได้ตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๕ และเนื่องจำก พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๒ บัญญัติว่ำ “ภำยใต้บังคับ
ี
ี
ี
บทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติน้ว่ำด้วยกำรโอนคดีในท้องท่ท่ศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
เปิดท�ำกำรแล้ว ห้ำมมิให้ศำลช้นต้นอ่นใดในท้องท่น้นรับคดีท่อยู่ในอ�ำนำจศำลเยำวชน
ั
ื
ั
ี
และครอบครัวไว้พิจำรณำพิพำกษำ” คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
ี
และครอบครัว
_______________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันเม่อวันท่ ๕
ี
ื
สิงหำคม ๒๕๒๕ ไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมำปี ๒๕๒๗ โจทก์กับจ�ำเลยน�ำเงินที่ท�ำมำค้ำขำยร่วมกัน
ในชื่อร้ำน พ. มำเปิดร้ำนใหม่โดยจดทะเบียนนิติบุคคลใช้ชื่อว่ำห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด พ. หลังจำกนั้น
ี
ปี ๒๕๓๕ โจทก์กับจ�ำเลยน�ำเงินท่ได้จำกกำรท�ำมำค้ำขำยของห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด พ. มำเปิด
กิจกำรใหม่ในชื่อห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. โดยน�ำเงินสินสมรส ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท มำลงหุ้นในห้ำง
ั
ดังกล่ำว และในปี ๒๕๓๕ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนต้งห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. เพ่อจ�ำหน่ำย
ื
939
ั
�
ิ
ิ
ุ
ั
ิ
ิ
สนค้ำของบรษท ส. โดยนำเงนสนสมรส ๔,๐๐๐,๐๐๐ บำท มำลงห้นในห้ำงดงกล่ำว ต่อมำ
ี
ื
วันท่ ๑๓ กันยำยน ๒๕๖๑ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดแพร่เพ่อ
ึ
ี
ขอแยกสินสมรส เป็นคดีแพ่งหมำยเลขด�ำท่ พ ๕๘/๒๕๖๑ ซ่งศำลเยำวชนและครอบครัว
จังหวัดแพร่พิพำกษำยกฟ้องและยกฟ้องแย้งเมื่อวันที่ ๒๖ มีนำคม ๒๕๖๒ คดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อ
วันที่ ๕ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ จ�ำเลยฟ้องหย่ำโจทก์ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดแพร่ และ
ี
วันท่ ๖ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ โจทก์กับจำเลยท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมตกลงหย่ำกน
�
ั
ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดแพร่พิพำกษำให้คดีเสร็จเด็ดขำดไปตำมยอม ในระหว่ำง
ี
์
ั
็
ิ
ั
ิ
์
ี
่
�
ี
้
สมรสโจทกกบจำเลยมทรพยสนทเปนสนสมรสประกอบดวยทดนพรอมสงปลกสรำง ๔๙ แปลง
่
่
้
ิ
้
ิ
ู
ี
แต่จ�ำเลยขำยท่ดินและส่งปลูกสร้ำงโดยโจทก์ไม่ได้ให้ควำมยินยอม ๔ แปลง ห้องชุด ๑ ห้อง เงินค่ำหุ้น
ิ
ในห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. เงินค่ำหุ้นในห้ำหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. เคร่องเพชร ทอง เคร่องประดับและทรัพย์สิน
ื
ื
ี
มีค่ำท่เก็บรักษำไว้ในตู้เซฟ เงินฝำกในบัญชีธนำคำร ๓๖ บัญชี สลำกออมทรัพย์ หุ้นใน
ตลำดหลักทรัพย์ หุ้นในนิติบุคคลต่ำง ๆ ทรัพย์สินในห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. ทรัพย์สินในห้ำงหุ้น
ส่วนจ�ำกัด ค. พระพุทธรูปเชียงแสน งำช้ำง ๓ คู่ ขันโตกไม้สัก ๑๐ ใบ ชุดรับแขกไม้สัก ๓ ชุด เงิน
ิ
ี
ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยขำยท่ดินสนสมรสไปโดยโจทก์ไม่ได้ให้ควำมยินยอม เงินสินสมรสท ่ ี
ี
ี
จ�ำเลยถอนออกจำกบัญชีธนำคำรต่ำง ๆ ในระหว่ำงสมรสก่อนวันท่โจทก์ฟ้องขอแยกสินสมรสและ
ก่อนวันฟ้องหย่ำ เงินฝำกในบัญชีธนำคำรชื่อบัญชีของจ�ำเลย ๕ บัญชี ที่จ�ำเลยเปิดบัญชีภำยหลัง
ี
ู
จำกศำลพิพำกษำตำมยอมให้หย่ำกัน เงินสนสมรสท่จ�ำเลยน�ำไปช�ำระหน้เงินก้และไถ่ถอนจ�ำนอง
ิ
ี
่
่
ั
ิ
ทดน รถยนต ๑๘ คน สทธกำรเชำทดนพรอมสงปลูกสรำง เงนรำยไดจำกค่ำบรกำรรบจอดรถยนต ์
ิ
้
ี
ิ
้
ี
่
ิ
์
ั
ิ
่
ิ
้
ิ
เงินค่ำเช่ำห้องแถวและอำคำรพำณิชย์ และในระหว่ำงสมรสโจทก์ไว้วำงใจให้จ�ำเลยบริหำรจัดกำร
ทำงด้ำนกำรเงิน แต่จ�ำเลยได้ยักย้ำย จ�ำหน่ำย จ่ำยโอนเงินสินสมรสในบัญชีต่ำง ๆ รวมทั้งเงิน
ี
สินสมรสท่ฝำกไว้ในบัญชีห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. และห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. โจทก์จึงได้ฟ้องจ�ำเลยเป็น
คดีอำญำต่อศำลจังหวัดแพร่ในควำมผิดฐำนปลอมเอกสำรสิทธิ ใช้เอกสำรสิทธิปลอม และลักทรัพย์
่
ึ
ื
ิ
ิ
ิ
�
พฤตกำรณ์ของจ�ำเลยแสดงถงควำมไม่ซอสัตย์ต่อโจทก์ กำรให้จำเลยยังคงเอำเงนสนสมรส
ซ่งเป็นกรรมสิทธ์รวมของโจทก์ร่วมอยู่ด้วยให้จ�ำเลยเป็นผู้จัดกำรในนำมห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร.
ึ
ิ
และห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. ต่อไปจะเกิดควำมเสียหำย โจทก์ไม่ประสงค์จะเป็นหุ้นส่วนกับจ�ำเลย
ี
ี
ิ
อีกต่อไป ขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งสินสมรสส่วนท่เป็นท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำง ห้องชุด เงินค่ำหุ้น
ั
ี
ิ
ั
ิ
ี
ื
ื
ั
่
ั
เครองเพชร ทอง เคร่องประดบและทรพย์สนมค่ำทเกบรกษำไว้ในต้เซฟ เงนฝำกในบญชธนำคำร
ู
็
่
ี
สลำกออมทรัพย์ หุ้นในตลำดหลักทรัพย์ หุ้นในนิติบุคคล พระพุทธรูปเชียงแสน งำช้ำง ขันโตก
940
ไม้สัก และชุดรับแขกไม้สักให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง กับให้มีค�ำสั่งเลิกห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. และห้ำงหุ้นส่วน
ั
จ�ำกัด ค. กับต้งเจ้ำพนักงำนบังคับคดีเป็นผู้ช�ำระบัญชีของห้ำงดังกล่ำวและให้แบ่งทรัพย์สิน
ที่เหลือจำกกำรช�ำระบัญชีของห้ำงดังกล่ำวให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง และให้จ�ำเลยชดใช้เงินค่ำเสียหำย
จำกกำรที่จ�ำเลยขำยที่ดินสินสมรสแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง กับให้จ�ำเลยชดใช้เงินกึ่งหนึ่งของจ�ำนวนเงิน
ี
ท่จ�ำเลยเบิกถอนไปจำกบัญชีธนำคำรในระหว่ำงสมรสก่อนวันฟ้องขอแยกสินสมรสและก่อน
ี
ี
วันฟ้องหย่ำ พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ให้แก่โจทก์ ให้คืนเงินสินสมรสท่จ�ำเลย
ี
ึ
ี
�
น�ำไปช�ำระหน้เงินกู้และไถ่ถอนจ�ำนองท่ดินแก่โจทก์ก่งหน่ง ให้จำเลยช�ำระเงินรำคำรถยนต์
ึ
ึ
ึ
๑๘ คันก่งหน่งให้แก่โจทก์ หำกไม่ช�ำระให้น�ำรถยนต์ทุกคันประมูลขำยระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ี
ี
หำกขำยไม่ได้น�ำออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำแบ่งกัน และให้จ�ำเลยแบ่งเงินค่ำเช่ำท่ดินท่ได้รับ
ในแต่ละเดือน สิทธิกำรเช่ำท่ดิน เงินค่ำบริกำรจอดรถยนต์ และเงินค่ำเช่ำห้องแถวและอำคำร
ี
พำณิชย์ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยน�ำทรัพย์สินส่วนตัวของจ�ำเลยบำงส่วนมำกกว่ำท่โจทก์กล่ำว
ในฟ้องมำร่วมลงทุนในกิจกำรกับโจทก์ โดยจ�ำเลยเป็นผู้ดูแลบริหำรกิจกำร เมื่อมีผลก�ำไรจ�ำเลย
จะแบ่งปันส่วนก�ำไรน�ำมำใช้ต่อยอดบริหำรกิจกำรรวมถึงลงทุนซ้ออสังหำริมทรัพย์และ
ื
สังหำริมทรัพย์ หำกน�ำเงินสินสมรสไปซ้อจ�ำเลยจะใส่ช่อโจทก์กับจ�ำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธ์ร่วมกัน
ิ
ื
ื
หำกใช้เงินส่วนตัวซื้อจ�ำเลยจะใส่ชื่อของตนเองฝ่ำยเดียวเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ กำรบริหำรงำนและ
กำรแบ่งรำยได้หรือผลประโยชน์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยมีสัดส่วนและควำมชัดเจนมำโดยตลอด
ซ่งโจทก์ไม่เคยโต้แย้งว่ำกำรบริหำรงำนและบริหำรทรัพย์สินของจ�ำเลยไม่ถูกต้องแต่ประกำรใด
ึ
ื
ั
�
่
ั
ิ
ิ
์
ั
็
ทรพย์สินใดเปนสนสมรสระหว่ำงโจทกกบจำเลย หรอทรพย์สินใดเป็นสนสวนตวของจำเลยหรือ
�
ั
ึ
ไม่ต้องฟังเป็นยุติตำมค�ำพิพำกษำในคดีแพ่งหมำยเลขด�ำท่ พ ๕๘/๒๕๖๑ ซ่งคดีถึงท่สุดแล้ว
ี
ี
ในระหว่ำงสมรสโจทก์กับจ�ำเลยมีทรัพย์สินท่เป็นสินสมรส คือ ท่ดินตำมฟ้องข้อ ๑.๑ ถึง
ี
ี
ข้อ ๑.๔๒ และข้อ ๑.๔๔ ขันโตกไม้สัก และชุดรับแขกไม้สัก ส่วนที่ดินตำมฟ้องข้อ ๑.๔๓ และ
ข้อ ๑.๔๕ สลำกออมทรัพย์ หุ้นในตลำดหลักทรัพย์ หุ้นในนิติบุคคล เคร่องประดับเพชรและ
ื
ทอง พระพุทธรูปเชียงแสน งำช้ำง และที่ดินที่จ�ำเลยขำยไป ๔ แปลง เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลย
ห้องชุดเป็นของพันเอก ช. น้องชำยของจ�ำเลย จ�ำเลยใช้เงินสินส่วนตัวของจ�ำเลยลงหุ้น
ในห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. และห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. ผลประโยชน์ต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับห้ำงหุ้นส่วน
ดังกล่ำวจึงมิใช่สินสมรส เงินฝำกในบัญชีธนำคำร ๓๖ บัญชี มีที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ ๖ บัญชี
เป็นทรัพย์สินของห้ำงหุ้นส่วน ๒๔ บัญชี และเป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลย ๖ บัญชี ทรัพย์สินของ
941
ี
ื
ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. และห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. โจทก์ต้องไปเรียกร้องเก่ยวกับเร่องกำรจัดกำร
ิ
ี
ิ
�
ทรัพย์สนของห้ำงหุ้นส่วนต่ำงหำก ท่โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำจำเลยถอนเงนสินสมรสออกจำกบัญช ี
ี
ั
ี
ธนำคำรต่ำง ๆ จ�ำนวนมำกก่อนและหลังจำกท่โจทก์ฟ้องขอแยกสินสมรสน้น เงินท่จ�ำเลยถอน
ไม่ใช่เงินสินสมรส เนื่องจำกเป็นเงินในบัญชีที่ใช้หมุนเวียนในธุรกิจของห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. หรือ
ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค. และเป็นบัญชีสินส่วนตัวของจ�ำเลย จ�ำเลยจึงไม่ต้องคืนให้แก่โจทก์ เงินฝำก
ี
ในบัญชีธนำคำร ๕ บัญชี ท่จ�ำเลยเปิดหลังจำกท่ฟ้องหย่ำไม่ใช่เงินสินสมรส รถยนต์ ๑๘ คัน
ี
ิ
ไม่ใช่สินสมรส โจทก์ไม่อำจเรียกให้จ�ำเลยแบ่งกรรมสิทธ์ได้และไม่สำมำรถเรียกให้จ�ำเลยช�ำระ
เงินแทนได้ เงินที่จ�ำเลยน�ำไปช�ำระหนี้เงินกู้และไถ่ถอนจ�ำนองที่ดินเป็นเงินสินส่วนตัวของจ�ำเลย
ี
สิทธิกำรเช่ำและให้เช่ำช่วงอำคำรเป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลย และสิทธิกำรเช่ำท่ดินโฉนดเลขท ่ ี
๒๑๙๙ ต�ำบลในเวียง อ�ำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ไม่ใช่สินสมรส ขอให้ยกฟ้อง
ี
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ย่นค�ำร้องว่ำ คดีมีปัญหำว่ำคดีส่วนท่เก่ยวกับห้องชุดซ่งม ี
ึ
ื
�
ี
่
�
ี
่
ี
ื
่
ิ
ั
่
ชอน้องของจำเลยเป็นเจ้ำของแทนตำมคำขอท้ำยฟ้องข้อท ๓ ส่วนทเกยวกบกำรขอให้เลก
ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. ตำมค�ำขอท้ำยฟ้องข้อที่ ๑๑ และเกี่ยวกับกำรขอให้เลิกห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ค.
ู
ื
�
ตำมคำขอท้ำยฟ้องข้อท ๑๒ อย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่
ิ
ิ
่
ี
�
ั
ขอให้ส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยเร่องอ�ำนำจศำล ศำลเยำวชน
ื
และครอบครัวจงหวัดแพร่จงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัย
ุ
ั
�
ึ
ิ
ี
ิ
ั
ี
ั
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
ั
ิ
ั
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำและค�ำขอบังคับของโจทก์เป็นกรณ ี
ี
ี
ท่โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสจำกจ�ำเลยเพรำะเหตุท่โจทก์กับจ�ำเลยหย่ำกัน อันเป็นกรณีท่ต้อง
ี
ึ
บังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ และ ๑๕๓๓ ซ่งเป็น
คดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓) ส่วนท่โจทก์ฟ้องเก่ยวกับกำรขอแบ่งห้องชุด แม้ม ี
ี
ี
ชื่อน้องของจ�ำเลยซึ่งเป็นบุคคลภำยนอกเป็นเจ้ำของ แต่โจทก์ก็กล่ำวอ้ำงว่ำห้องชุดดังกล่ำวเป็น
ึ
สินสมรสซ่งใส่ช่อน้องของจ�ำเลยไว้แทนโจทก์กับจ�ำเลยเท่ำน้น คดีในส่วนน้จึงเป็นคดีฟ้องขอแบ่ง
ี
ั
ื
ี
สินสมรสซ่งเป็นคดีครอบครัวเช่นกัน ส่วนท่โจทก์ขอให้มีค�ำส่งเลิกห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ร. และห้ำงหุ้นส่วน
ึ
ั
ั
ั
้
ั
จ�ำกัด ค. กบตงเจ้ำพนักงำนบังคบคดีเป็นผู้ช�ำระบัญชีของห้ำงดังกล่ำวและให้แบ่งทรพย์สินท ี ่
ั
ึ
ี
เหลือจำกกำรช�ำระบัญชีของห้ำงดังกล่ำวให้แก่โจทก์ก่งหน่ง แม้เป็นกรณีท่ต้องบังคับตำมประมวล
ึ
942
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๓ ซึ่งมิใช่คดีครอบครัว แต่มูลควำมแห่งคดีส่วนนี้เกี่ยวข้องกับ
ี
ี
ส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งสินสมรส โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องต่อศำลท่มีอ�ำนำจ
ึ
พิจำรณำพิพำกษำศำลใดศำลหน่งเป็นคดีเดียวกันได้ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง
มำตรำ ๕ และเน่องจำกพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ื
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๒ บัญญัติว่ำ “ภำยใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัตินี้
ั
ี
ว่ำด้วยกำรโอนคดีในท้องท่ท่ศำลเยำวชนและครอบครัวเปิดท�ำกำรแล้ว ห้ำมมิให้ศำลช้นต้น
ี
ั
ี
ื
อ่นใดในท้องท่น้นรับคดีท่อยู่ในอ�ำนำจศำลเยำวชนและครอบครัวไว้พิจำรณำพิพำกษำ” คดีน ้ ี
ี
จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
943
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง อ. โจทก์
ที่ วยช ๑๑๙/๒๕๖๔ นำย ด. กับพวก จ�ำเลย
ึ
่
โจทก์ซ่งเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท ๑ ฟ้องเพิกถอนกำรจดทะเบียน
ี
ี
่
ี
ี
่
ี
โอนให้ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยท ๑ และท ๓ และกำรจดทะเบียนโอนขำยท่ดิน
พร้อมบ้ำนพิพำทดังกล่ำวระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กับจ�ำเลยที่ ๔ อ้ำงว่ำ ที่ดินพร้อม
ี
บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ จ�ำเลยท ๑ ท�ำนิติกรรมให้ท่ดินพร้อม
่
่
ี
ี
�
ิ
ี
่
ี
่
ี
�
บ้ำนพพำทในส่วนของจำเลยท ๑ แก่จำเลยท ๓ โดยเสน่หำ ไม่มค่ำตอบแทนและไม่ได้
รับควำมยินยอมจำกโจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ให้กำรว่ำ ที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทไม่ใช่
สินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ และจ�ำเลยที่ ๔ ให้กำรว่ำซื้อที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำท
่
ี
จำกจ�ำเลยท ๒ และท ๓ โดยสุจริตและเสียค่ำตอบแทน กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ
่
ี
ึ
ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ หรือไม่ ซ่งจะมีผลไปถึง
ี
ี
่
ิ
ั
ิ
่
ี
ี
ี
ั
ั
�
ั
อำนำจในกำรจดกำรทรพย์สนดงกล่ำว อนเป็นคดเกยวกบทรพย์สนระหว่ำงสำมภรยำ
ั
ิ
ั
ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ มำตรำ ๑๔๘๐ จึงเป็นคดี
ี
่
ครอบครัว ส่วนค�ำฟ้องของโจทก์ท่ขอให้บังคับจ�ำเลยท ๔ ด้วยน้น แม้จ�ำเลยท ๔ ไม่ม ี
่
ี
ี
ั
นิติสัมพันธ์ในทำงครอบครัวเก่ยวข้องกับโจทก์ก็ตำม แต่กรณีเป็นกำรขอให้เพิกถอน
ี
่
ี
ิ
่
กำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยท ๒ ท ๓ กับ
ี
ี
ี
่
ึ
ี
จ�ำเลยท ๔ ซ่งเป็นนิติกรรมเก่ยวกับทรัพย์แปลงเดียวกัน ถือได้ว่ำมูลควำมแห่งคด ี
ี
เก่ยวข้องกันตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๕ ประกอบ พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๖ โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้อง
ในส่วนที่เกี่ยวกับจ�ำเลยที่ ๔ ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวได้ด้วย
____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนสมรส
ี
ี
ี
ื
เม่อวันท่ ๖ สิงหำคม ๒๕๔๖ มีทรัพย์สินซ่งเป็นสินสมรสร่วมกัน ได้แก่ บ้ำนพิพำทส่วนท่ต่อ
ึ
เติมขึ้นใหม่ปลูกสร้ำงอยู่บนที่ดินซึ่งมีชื่อจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ถือกรรมสิทธิ์รวมคนละส่วนเท่ำกัน
สลำกออมสิน ๑ ฉบับ จ�ำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บำท เงินฝำกออมทรัพย์พิเศษแบบสูงอำยุจ�ำนวน
๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท ทรัพย์สินภำยในบ้ำนรวมเป็นเงิน ๒๓๑,๐๐๐ บำท อำคำรชุด ๒ ห้อง รำคำ
944
ี
ี
ื
๑,๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ๒๐๐,๐๐๐ บำท เม่อวันท่ ๑๓ พฤษภำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยท่ ๑
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทส่วนของจ�ำเลยที่ ๑ ให้แก่จ�ำเลยที่ ๓ โดยเสน่หำ
ไม่มีค่ำตอบแทนและไม่สุจริต โดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ ต่อมำวันที่ ๑๓ กรกฎำคม ๒๕๖๓
ี
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ จดทะเบียนโอนขำยท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทให้แก่จ�ำเลยท่ ๔ ในรำคำ
ี
๓,๕๐๐,๐๐๐ บำท โดยจ�ำเลยท้งส่ทรำบว่ำท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทบำงส่วนเป็นสินสมรสระหว่ำง
ี
ั
ี
ี
ิ
โจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ และจ�ำเลยท่ ๑ เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวมในบ้ำนพิพำทบำงส่วน จึงเป็น
กำรท�ำนิติกรรมโดยไม่สุจริต ขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนให้ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทระหว่ำง
ี
ี
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๓ ฉบับลงวันท่ ๑๓ พฤษภำคม ๒๕๖๓ และกำรจดทะเบียนโอนขำยท่ดิน
พร้อมบ้ำนพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กับจ�ำเลยที่ ๔ ฉบับลงวันที่ ๑๓ กรกฎำคม ๒๕๖๓
ั
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๓ ให้กำรว่ำ เดิมจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนสมรสกับนำง ส. ต้งแต่ปี ๒๕๑๖
ี
มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทเป็นทรัพย์สินที่จ�ำเลยที่ ๑
กับนำง ส. ร่วมกันซื้อมำในระหว่ำงที่เป็นสำมีภริยำกัน ต่อมำปี ๒๕๓๓ นำง ส. ถึงแก่ควำมตำย
ิ
ี
ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทจึงเป็นกรรมสิทธ์รวมระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับนำง ส. บ้ำนพิพำทไม่เคยมีกำร
ี
ต่อเติมใหม่ตำมท่โจทก์อ้ำง จ�ำเลยท่ ๑ โอนกรรมสิทธ์ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทในส่วนของจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
�
�
่
ิ
ี
ี
ให้แก่จำเลยท ๓ โดยไม่มค่ำตอบแทนเพรำะจำเลยท ๓ เป็นบตร ทดนพร้อมบ้ำนพพำท
่
่
ุ
ิ
ี
จึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กำรจดทะเบียนโอนขำยที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทให้แก่
ี
จ�ำเลยท่ ๔ เป็นกำรท�ำนิติกรรมโดยสุจริตและเสียค่ำตอบแทน โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องขอให้
เพิกถอนนิติกรรมดังกล่ำว ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยท่ ๔ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๔ เป็นบุคคลภำยนอกซ้อท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทจำก
ี
ี
ี
ื
จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ โดยสุจริตและเสียค่ำตอบแทน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำล
อุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ซ่งเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท่ ๑ ฟ้องเพิกถอน
ึ
ี
กำรจดทะเบียนโอนให้ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๓ และกำรจดทะเบียน
ี
ี
ี
โอนขำยท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทดังกล่ำวระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ กับจ�ำเลยท่ ๔ อ้ำงว่ำ
ี
ี
ี
ที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำนิติกรรมให้ที่ดิน
945
พร้อมบ้ำนพิพำทในส่วนของจ�ำเลยที่ ๑ แก่จ�ำเลยที่ ๓ โดยเสน่หำ ไม่มีค่ำตอบแทนและไม่ได้รับ
ควำมยินยอมจำกโจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ให้กำรว่ำ ที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทไม่ใช่สินสมรส
ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ และจ�ำเลยที่ ๔ ให้กำรว่ำซื้อที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทจำกจ�ำเลยที่ ๒
ี
ี
และท่ ๓ โดยสุจริตและเสียค่ำตอบแทน กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำท
เป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ หรือไม่ ซึ่งจะมีผลไปถึงอ�ำนำจในกำรจัดกำรทรัพย์สิน
ึ
ี
ดังกล่ำว อันเป็นคดีเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำซ่งต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ มำตรำ ๑๔๘๐ จึงเป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
ั
ี
ี
มำตรำ ๑๐ (๓) ส่วนค�ำฟ้องของโจทก์ท่ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๔ ด้วยน้น แม้จ�ำเลยท่ ๔ ไม่ม ี
ี
นิติสัมพันธ์ในทำงครอบครัวเก่ยวข้องกับโจทก์ก็ตำม แต่กรณีเป็นกำรขอให้เพิกถอนกำร
ี
ี
ิ
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓ กับจ�ำเลยท่ ๔ ซ่ง
ี
ี
ึ
ี
ี
เป็นนิติกรรมเก่ยวกับทรัพย์แปลงเดียวกัน ถือได้ว่ำมูลควำมแห่งคดีเก่ยวข้องกันตำมประมวล
ี
กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๕ ประกอบพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๖ โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องในส่วน
ที่เกี่ยวกับจ�ำเลยที่ ๔ ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวได้ด้วย
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
946
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ส. โจทก์
ที่ วยช ๖๘/๒๕๖๔ นำยหรือหมวดโท ส. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์แต่งงำนและอยู่กินฉันสำมีภริยำกับจ�ำเลยโดยจ�ำเลยสัญญำ
ว่ำจะจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ภำยหลัง มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ เด็กหญิง ณ. ซึ่งจ�ำเลย
จดทะเบียนรับผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยแล้ว ระหว่ำงอยู่กินฉันสำมีภริยำโจทก์
กับจ�ำเลยมีทรัพย์สินร่วมกันคือรถยนต์ ๑ คัน ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นผู้เช่ำซื้อ ต่อมำโจทก์กับ
จ�ำเลยเลิกร้ำงกัน จ�ำเลยน�ำรถยนต์คันดังกล่ำวไปใช้เพียงผู้เดียว โดยจ�ำเลยตกลงว่ำ
ี
ื
ี
จะเป็นผู้ผ่อนช�ำระค่ำเช่ำซ้องวดท่เหลือเองและจะคืนเงินดำวน์แก่โจทก์กับเปล่ยนช่อ
ื
ื
ั
ื
ผู้เช่ำซ้อเป็นช่อจ�ำเลย แต่จ�ำเลยไม่ผ่อนช�ำระค่ำเช่ำซ้อและคืนเงินดำวน์แก่โจทก์ ท้งต้งแต่
ั
ื
ี
้
ี
โจทก์กับจ�ำเลยเลิกร้ำงกัน จ�ำเลยไม่เคยอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ นอกจำกน กำรท่จ�ำเลย
ี
ไม่จดทะเบียนสมรสกับโจทก์จนกระท่งเลิกร้ำงกับโจทก์ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย
ั
ิ
ิ
ื
แก่ร่ำงกำย จตใจ และช่อเสียง ขอให้พพำกษำให้โจทก์เป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครอง
เด็กหญิง ณ. บุตรผู้เยำว์ แต่เพียงผู้เดียว กับบังคับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเลี้ยงดูบุตร
ผู้เยำว์เป็นรำยเดือนจนกว่ำบุตรผู้เยำว์จะมีอำยุครบ ๒๐ ปี หรือจบกำรศึกษำในระดับชั้น
อุดมศึกษำ ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย กับให้จ�ำเลยคืนรถยนต์ในสภำพเรียบร้อยใช้กำร
ี
ได้ดีแก่โจทก์ หำกคืนไม่ได้ให้ใช้รำคำแทน คดีน้โจทก์ขอให้พิพำกษำให้โจทก์เป็นผู้ใช้
ี
อ�ำนำจปกครองบุตรผู้เยำว์แต่เพียงผู้เดียว กับบังคับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงด ู
บุตรผู้เยำว์ ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยคืนรถยนต์หรือใช้รำคำ
ี
�
แทนแก่โจทก์ ส�ำหรับค�ำฟ้องท่ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เป็นกำรฟ้อง
โดยอำศัยมูลละเมิดตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ ลักษณะ ๕ ส่วนที่ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนรถยนต์
หรอใช้รำคำแทนแก่โจทก์น้น เนองจำกโจทก์กบจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
�
ั
่
ื
ื
ั
ิ
จึงเป็นกำรขอแบ่งทรัพย์สินโดยอำศัยหลักกรรมสิทธ์รวมตำม ป.พ.พ. บรรพ ๔ ลักษณะ ๒
ั
ี
ค�ำฟ้องท้งสองส่วนน้ไม่อยู่ภำยใต้บังคับแห่ง ป.พ.พ. บรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
ี
ิ
�
ส่วนค�ำฟ้องท่ขอให้พพำกษำให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนำจปกครองบุตรผู้เยำว์แต่เพยงผู้เดียว
ี
ื
ี
กับบังคับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์นน เม่อจ�ำเลยได้จดทะเบียนรับ
้
ั
ผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยแล้ว กรณีมีปัญหำต้องพิจำรณำถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
บิดำมำรดำและบุตร รวมทั้งสิทธิและหน้ำที่ของบิดำมำรดำและบุตร จึงอยู่ภำยใต้บังคับ
แห่ง ป.พ.พ. บรรพ ๕ ค�ำฟ้องส่วนนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________
947
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์แต่งงำนและอยู่กินฉันสำมีภริยำกับจ�ำเลยต้งแต่ปี ๒๕๕๙ และ
จ�ำเลยสัญญำว่ำจะจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ภำยหลัง โจทก์กับจ�ำเลยมีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ
เด็กหญิง ณ. อำยุ ๔ ปี โดยจ�ำเลยจดทะเบียนรับผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยแล้ว ระหว่ำง
�
์
ั
์
ั
ี
ิ
ู
่
ิ
ี
ั
ิ
ู
ิ
้
ี
ิ
ิ
ื
ั
่
ี
่
์
อยกนฉนสำมภรยำ โจทกกบจำเลยมทรพยสนรวมกน คอ รถยนตยหอมตซบช หมำยเลขทะเบยน
๘ กผ ๕๖๓๖ กรุงเทพมหำนคร ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นผู้เช่ำซื้อ ต่อมำเดือนพฤษภำคม ๒๕๖๓ โจทก์
กับจ�ำเลยเลิกร้ำงกัน จ�ำเลยน�ำรถยนต์คันดังกล่ำวไปใช้เพียงผู้เดียว โดยจ�ำเลยตกลงว่ำจะเป็น
ผู้ผ่อนช�ำระค่ำเช่ำซื้องวดที่เหลือเองและจะคืนเงินดำวน์แก่โจทก์ ๓๐๐,๐๐๐ บำท กับเปลี่ยนชื่อ
ื
ื
ผเช่ำซ้อเป็นช่อจ�ำเลย แต่จ�ำเลยไม่ผ่อนช�ำระค่ำเช่ำซ้อและคืนเงินดำวน์แก่โจทก์ ท�ำให้ผู้ให้เชำซ้อ
ื
่
ู้
ื
ั
ั
ั
้
�
ี
ั
ิ
�
ุ
้
ื
้
ั
ั
ี
มหนงสอทวงถำมมำยงโจทก์ ทงตงแต่โจทก์กบจำเลยเลกร้ำงกน จำเลยไม่เคยอปกำระเลยงด ู
ี
บุตรผู้เยำว์ นอกจำกน้ กำรท่จ�ำเลยไม่จดทะเบียนสมรสกับโจทก์จนกระท่งเลิกร้ำงกับโจทก์ท�ำให้โจทก์
ั
ี
ี
ื
ได้รับควำมเสียหำยแก่ร่ำงกำย จิตใจ และช่อเสียง ขอให้พิพำกษำให้โจทก์เป็นผู้ปกครอง (ท่ถูก
ผู้ใช้อ�ำนำจปกครอง) เด็กหญิง ณ. บุตรผู้เยำว์ แต่เพียงผู้เดียว กับบังคับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระ
เล้ยงดูบุตรผู้เยำว์เดือนละ ๒๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำบุตรผู้เยำว์จะมีอำยุครบ ๒๐ ปี หรือจบกำรศึกษำ
ี
ในระดับชั้นอุดมศึกษำ ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันที่ศำลมีค�ำพิพำกษำเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ ให้จ�ำเลยคืนรถยนต์
ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมำยเลขทะเบียน ๘ กผ ๕๖๓๖ กรุงเทพมหำนคร ในสภำพเรียบร้อยใช้กำรได้ดี
แก่โจทก์ หำกคืนไม่ได้ให้ใช้รำคำแทนเป็นเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี
ี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดหนองคำยเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ
ั
ั
ึ
ู
ิ
ื
้
ี
ิ
คดนอย่ในอ�ำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้
ี
�
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ุ
ิ
ู
ิ
ู
ี
ิ
้
ี
ั
�
วนจฉยว่ำ คดนโจทก์ขอให้พพำกษำให้โจทก์เป็นผ้ใช้อำนำจปกครองบตรผ้เยำว์
แต่เพียงผู้เดียว กับบังคับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเลี้ยงดูบุตรผู้เยำว์ ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย
ี
แก่โจทก์ และให้จ�ำเลยคืนรถยนต์ย่ห้อมิตซูบิชิ หมำยเลขทะเบียน ๘ กผ ๕๖๓๖ กรุงเทพมหำนคร
ี
หรือใช้รำคำแทนแก่โจทก์ ส�ำหรับค�ำฟ้องท่ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เป็นกำร
ฟ้องโดยอำศัยมูลละเมิดตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ ลักษณะ ๕ ส่วนที่ขอ
ให้บังคับจ�ำเลยคืนรถยนต์หรือใช้รำคำแทนแก่โจทก์น้น เน่องจำกโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียน
ื
ั
948
ิ
สมรสกัน จึงเป็นกำรขอแบ่งทรัพย์สินโดยอำศัยหลักกรรมสิทธ์รวมตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
ั
ี
ู
�
ั
้
ิ
ั
และพำณชย์ บรรพ ๔ ลกษณะ ๒ คำฟ้องทงสองส่วนน้ไม่อย่ภำยใต้บงคับแห่งประมวลกฎหมำย
ี
ั
แพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕ จงไม่เป็นคดครอบครว ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครว
ึ
ิ
ั
ิ
ั
ั
�
ิ
ี
และวิธีพจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓) ส่วนคำฟ้องท่ขอให้
พิพำกษำให้โจทก์เป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครองบุตรผู้เยำว์แต่เพียงผู้เดียว กับบังคับให้จ�ำเลยช�ำระ
ื
ั
ค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์น้น เม่อจ�ำเลยได้จดทะเบียนรับผู้เยำว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยแล้ว
ี
ี
ุ
ั
ั
ิ
กรณีมปัญหำต้องพิจำรณำถงควำมสัมพนธ์ระหว่ำงบิดำมำรดำและบตร รวมท้งสิทธและหน้ำท ่ ี
ึ
ั
ึ
ิ
ั
ของบิดำมำรดำและบุตร จงอย่ภำยใต้บงคบแห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕
ู
ค�ำฟ้องส่วนน้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
ี
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ ค�ำฟ้องส่วนท่ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์กับคืนรถยนต์หรือ
ี
ใช้รำคำแทนแก่โจทก์ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว แต่ค�ำฟ้อง
ี
่
ส่วนทขอให้โจทก์เป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครองบุตรผู้เยำว์แต่เพียงผู้เดียวกับบังคับให้จ�ำเลยช�ำระ
ค่ำอุปกำระเลี้ยงดูบุตรผู้เยำว์อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
949
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว อ. โจทก์
ที่ วยช ๑๒๐/๒๕๖๔ นำย ภ. จ�ำเลย
ี
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตร และให้จ�ำเลยแบ่ง
ึ
ี
ทรัพย์สินท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันระหว่ำงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำให้แก่โจทก์ก่งหน่ง
ึ
ี
ส�ำหรับค�ำฟ้องท่ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรน้น เป็นกรณีพิพำทกัน
ั
ี
ี
่
ี
ิ
ี
ั
ั
ิ
ุ
่
เก่ยวกับสทธิและหน้ำทของบดำมำรดำและบตรทจะต้องบงคบตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
ี
มำตรำ ๑๕๖๔ ค�ำฟ้องส่วนน้จึงเป็นคดีครอบครัว ส่วนค�ำฟ้องท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งทรัพย์สิน
ี
ึ
ึ
ท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันระหว่ำงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำให้แก่โจทก์ก่งหน่ง เน่องจำก
ี
ื
โจทก์กบจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จงเป็นกำรฟ้องขอแบ่งโดยอำศยหลกกรรมสทธ์รวม
ึ
ิ
ั
ั
ิ
ั
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๔ ลักษณะ ๒ ไม่อยู่ภำยใต้บังคับแห่ง ป.พ.พ. บรรพ ๕ ค�ำฟ้อง
ส่วนนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
_________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อประมำณปี ๒๕๔๗ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำโดย
ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ เด็กหญิง จ. จ�ำเลยได้จดทะเบียนรับรองว่ำ
เด็กหญิง จ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลย ต่อมำเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๔ จ�ำเลยม ี
ผู้หญิงคนใหม่ท�ำให้โจทก์กับจ�ำเลยทะเลำะวิวำทกันเป็นประจ�ำทุกวัน โจทก์ไม่สำมำรถทนอยู่กิน
ฉันสำมีภริยำกับจ�ำเลยได้อีกต่อไป จึงแยกทำงกับจ�ำเลยและขนย้ำยทรัพย์สินออกมำเช่ำบ้ำน
อยู่กับบุตร ต้งแต่โจทก์ย้ำยออกมำจ�ำเลยไม่เคยช่วยค่ำใช้จ่ำยอุปกำระเล้ยงดูบุตรแต่อย่ำงใด
ั
ี
ระหว่ำงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำโจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้มีทรัพย์สินเป็นเงินฝำก
ในบัญชีธนำคำร ๓ บัญชี ซึ่งเป็นชื่อของจ�ำเลย รถยนต์ ๑ คัน และรถกระบะ ๑ คัน โจทก์มีหนังสือ
บอกกล่ำวให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรและแบ่งทรัพย์สินดังกล่ำวแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย
ี
ี
ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
ั
จนกว่ำเดกหญง จ. จะบรรลุนตภำวะหรือจนกว่ำจะจบปรญญำตร และให้จ�ำเลยแบ่งทรพย์สน
็
ิ
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ที่ท�ำมำหำได้ร่วมกันระหว่ำงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำดังกล่ำวให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำ จ�ำเลย
ี
ั
เป็นผู้รับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยภำยในครอบครัวรวมท้งค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรแต่เพียงฝ่ำยเดียว
950
ื
ื
ื
เม่อต้นปี ๒๕๖๔ โจทก์ลำออกจำกงำนเพ่อมำประกอบธุรกิจเปิดร้ำนค้ำขำยของสะดวกซ้อ
จ�ำเลยลงทุนเปิดร้ำนดังกล่ำวให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บำท ต่อมำเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๔
ั
โจทก์ขนย้ำยสินค้ำท้งหมดในร้ำนไปค้ำขำยในสถำนท่แห่งใหม่พร้อมกับพำบุตรไปด้วยโดยไม่แจ้ง
ี
ี
ี
ให้จ�ำเลยทรำบ โจทก์กับจ�ำเลยจึงยุติควำมสัมพันธ์ฉันสำมีภริยำ ท่โจทก์เรียกค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตร
เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บำท สูงเกินควร เน่องจำกท้งโจทก์กับจ�ำเลยต่ำงมีหน้ำท่ในกำรอุปกำระ
ี
ื
ั
เล้ยงดูบุตรร่วมกัน จ�ำเลยมีหน้ำท่ในกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรไม่เกินเดือนละ ๕,๐๐๐ บำท รถพิพำท
ี
ี
ี
ื
ั
ท้งสองคันซ้อจำกเงินส่วนตัวของจ�ำเลย และเงินฝำกในบัญชีธนำคำรเป็นเงินส่วนตัวของจ�ำเลย
โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอแบ่งทรัพย์สินดังกล่ำว ขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งเรียกค่ำเสียหำยจำกกำร
ลงทุนเปิดร้ำนค้ำดังกล่ำว ๒๐๐,๐๐๐ บำท และโจทก์ต้องร่วมรับผิดชอบภำระหนี้สินในระหว่ำง
โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำเป็นเงิน ๙๐๐,๐๐๐ บำท กึ่งหนึ่ง
ั
ั
ุ
�
�
ศำลเยำวชนและครอบครวจงหวัดสมทรปรำกำรมค�ำสงรับคำให้กำรจำเลย ส่วนฟ้องแย้ง
ี
ั
่
เห็นว่ำไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่รับฟ้องแย้ง
ี
ในวันนัดไกล่เกล่ยช้สองสถำนหรือก�ำหนดนัดสืบพยำน ทนำยโจทก์แถลงขอท�ำค�ำให้กำร
ี
แก้ฟ้องแย้งภำยใน ๑๕ วัน นับแต่วันนัดไกล่เกลี่ยชี้สองสถำน ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัด
สมุทรปรำกำรอนุญำต
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำ
ี
ว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑ และรอสั่งค�ำให้กำรแก้ฟ้องแย้ง
ของโจทก์เมื่อประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษมีค�ำวินิจฉัยแล้ว
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตร และให้จ�ำเลย
ี
แบ่งทรัพย์สินท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันระหว่ำงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำให้แก่โจทก์ก่งหน่ง ส�ำหรับ
ี
ึ
ึ
ี
ค�ำฟ้องท่ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรน้น เป็นกรณีพิพำทกันเก่ยวกับสิทธิและ
ี
ี
ั
ี
ี
หน้ำท่ของบิดำมำรดำและบุตรท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
มำตรำ ๑๕๖๔ ค�ำฟ้องส่วนนี้จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓) ส่วนค�ำฟ้องท่ขอให้จ�ำเลย
ื
ึ
ี
แบ่งทรัพย์สินท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันระหว่ำงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำให้แก่โจทก์ก่งหน่ง เน่องจำก
ึ
โจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จึงเป็นกำรฟ้องขอแบ่งโดยอำศัยหลักกรรมสิทธ์รวมตำม
ิ
951
ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๔ ลักษณะ ๒ ไม่อยู่ภำยใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ค�ำฟ้องส่วนนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ ค�ำฟ้องส่วนท่ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรอยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว แต่ค�ำฟ้องส่วนท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งทรัพย์สิน
ี
ท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันระหว่ำงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
952
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ม. โจทก์
ที่ วยช ๘๓/๒๕๖๔ นำย ภ. จ�ำเลย
้
ั
ั
ั
ี
ี
ั
ึ
่
ั
ั
คดนโจทก์ฟ้องจ�ำเลยต่อศำลจงหวัดพทยำซงศำลจงหวดพทยำรบฟ้องไว้
ื
ี
ื
พิจำรณำพิพำกษำ เม่อจ�ำเลยย่นค�ำให้กำรต่อสู้คด จ�ำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้ำนว่ำ
ั
ี
ั
ี
้
ศำลจงหวดพทยำไม่มอำนำจรบพจำรณำพพำกษำคดน ทงในระหว่ำงกำรพจำรณำ
ั
ิ
ิ
ี
�
้
ั
ิ
ั
่
็
ั
่
ี
ั
ั
ั
ั
ื
ของศำลจงหวดพทยำกไม่ปรำกฏว่ำมกำรโต้แย้งคดค้ำนในเรองดงกล่ำวจนกระทง
ั
ศำลจังหวัดพัทยำด�ำเนินกระบวนพิจำรณำแล้วเสร็จและมีค�ำพิพำกษำแล้ว ดังน้แสดง
ี
ว่ำศำลจังหวัดพัทยำเห็นว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัดพัทยำและ
คู่ควำมต่ำงก็ยอมรับในเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล อันเป็นกำรเห็นพ้องตรงกัน
ื
ในเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแล้ว จึงไม่ใช่กรณีท่มีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่ใน
ื
ี
ี
อ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ กรณีไม่มีเหตุให้ส่งส�ำนวนมำให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัย
______________________________
ี
ื
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์จดทะเบียนสมรสกับนำง ส. เม่อวันท่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๑๒
ั
มบตรด้วยกน ๔ คน คอ นำง ว. จำเลย นำงสำวหรอนำง อ. และพระ พ. ระหว่ำงอย่กน
ุ
ิ
ู
ี
ื
�
ื
ี
ื
ี
ฉันสำมีภริยำโจทก์และนำง ส. ร่วมกันซ้อท่ดินพิพำทโฉนดเลขท่ ๔๘๑๖๐๑, ๑๗๘๐๒๕ และ
ี
๑๒๖๖๘๓ ต�ำบลตะเคียนเต้ย อ�ำเภอบำงละมุง จังหวัดชลบุรี และท่ดินพิพำทโฉนดเลขท่ ๕๙๔๘๔
ี
ี
ิ
ื
ต�ำบลบำงบุตร อ�ำเภอบ้ำนค่ำย จังหวัดระยอง โดยลงช่อจ�ำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธ์แทน ต่อมำ
ี
ิ
โจทก์แจ้งจ�ำเลยให้โอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทคืนแก่โจทก์ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลย
ี
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทคืนแก่โจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำ
ิ
ี
ิ
แทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย หำกจ�ำเลยไม่สำมำรถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทได้
ด้วยเหตุพ้นวิสัย ให้จ�ำเลยชดใช้เงิน ๒,๓๑๗,๖๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์กับนำง ส. จดทะเบียนสมรสแต่ไม่ได้อยู่กินฉันสำมีภริยำกัน ทั้ง
ไม่เคยประกอบธุรกิจหรือท�ำมำหำได้ร่วมกัน โดยโจทก์และนำง ส. แยกกันอยู่ต้งแต่ปี ๒๕๔๓ จนถึง
ั
ี
ื
ปัจจุบันเน่องจำกโจทก์มีภริยำใหม่ โจทก์และนำง ส. ไม่เคยร่วมกันซ้อท่ดินพิพำทแล้วลงช่อจ�ำเลย
ื
ื
953
เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน จ�ำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพำททั้งสี่แปลงด้วยเงินส่วนตัวของจ�ำเลย จ�ำเลย
ไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทแทนโจทก์และนำง ส. โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศำลจังหวัดพัทยำพิจำรณำแล้ว พิพำกษำยกฟ้อง ค่ำฤชำธรรมเนียมและค่ำใช้จ่ำย
ในกำรด�ำเนินคดีให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลอุทธรณ์ภำค ๒ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ กรณีต้องส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
ั
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ จึงจ�ำหน่ำยคดีออกจำกสำรบบควำมของศำลอุทธรณ์ภำค ๒ ช่วครำว
และคืนส�ำนวนให้ศำลจังหวัดพัทยำ ศำลจังหวัดพัทยำจึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
วินิจฉัยว่ำ มำตรำ ๑๑ แห่งพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ บัญญัติว่ำ ในกรณีมีปัญหำว่ำคดีใดจะอยู่ในอ�ำนำจ
ึ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ ไม่ว่ำปัญหำน้นจะเกิดข้นในศำลเยำวชนและครอบครัว
ั
ื
ั
ั
ั
หรือศำลยุติธรรมอ่น ให้ศำลน้นรอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำวแล้วเสนอปัญหำน้นให้
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย คดีนี้โจทก์ฟ้องจ�ำเลยต่อศำลจังหวัดพัทยำซึ่ง
ื
ื
ศำลจังหวัดพัทยำรับฟ้องไว้พิจำรณำพิพำกษำ เม่อจ�ำเลยย่นค�ำให้กำรต่อสู้คดี จ�ำเลยก็ไม่ได้โต้แย้ง
ั
คัดค้ำนว่ำศำลจังหวัดพัทยำไม่มีอ�ำนำจรับพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ ท้งในระหว่ำงกำรพิจำรณำ
ี
ั
ื
ของศำลจังหวัดพัทยำก็ไม่ปรำกฏว่ำมีกำรโต้แย้งคัดค้ำนในเร่องดังกล่ำวจนกระท่งศำลจังหวัด
พัทยำด�ำเนินกระบวนพิจำรณำแล้วเสร็จและมีค�ำพิพำกษำแล้ว ดังน้แสดงว่ำศำลจังหวัดพัทยำ
ี
ื
เห็นว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัดพัทยำและคู่ควำมต่ำงก็ยอมรับในเร่อง
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล อันเป็นกำรเห็นพ้องตรงกันในเรื่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแล้ว จึงไม่ใช่กรณีท่มีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่
ี
ี
กรณีไม่มีเหตุให้ส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมบทบัญญัต ิ
ดังกล่ำว จึงไม่รับวินิจฉัย
ิ
ู
ิ
ี
้
ั
ั
ั
ื
้
่
�
ิ
�
ื
ใหสงสำนวนคนศำลจงหวดพทยำเพอดำเนนกำรใหมกำรพจำรณำพพำกษำตำมรปคด ี
่
ต่อไป
954
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
955
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. ในฐำนะ
ที่ วยช ๑๖/๒๕๖๕ ผู้จัดกำรมรดกของ
นำง ห. โจทก์
นำง ต. โดยนำง พ.
ผู้เข้ำเป็นคู่ควำมแทน จ�ำเลย
ึ
โจทก์ฟ้องจ�ำเลยต่อศำลจังหวัดภูเขียวซ่งศำลจังหวัดภูเขียวรับฟ้องไว้พิจำรณำ
่
�
ื
่
้
้
ิ
ื
้
ู
้
�
ี
็
้
�
่
่
ั
ั
ู
พพำกษำ เมอจำเลยยนคำใหกำรตอสคดจำเลยกไมไดโตแยงคดคำนวำศำลจงหวดภเขยว
ี
้
ั
่
ไม่มีอ�ำนำจรับพิจำรณำพิพำกษำคดีนี้ ทั้งในระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลจังหวัดภูเขียว
ั
ก็ไม่ปรำกฏว่ำมีกำรโต้แย้งคัดค้ำนในเร่องดังกล่ำวจนกระท่งคดีเสร็จกำรพิจำรณำและ
ื
ศำลจังหวัดภูเขียวได้นัดฟังค�ำพิพำกษำแล้ว ดังน้แสดงว่ำศำลจังหวัดภูเขียวเห็นว่ำ
ี
คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัดภูเขียวและคู่ควำมต่ำงก็ยอมรับในเร่อง
ื
ื
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล อันเป็นกำรเห็นพ้องตรงกันในเร่องอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแล้ว จึงไม่ใช่กรณีท่มีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและ
ี
ครอบครัวหรือไม่ กรณีไม่มีเหตุให้ส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยตำมบทบัญญัติดังกล่ำว จึงไม่รับวินิจฉัย
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำง ห. กับนำย อ. หลังจำกนำง ห.
กับนำย อ. จดทะเบียนหย่ำกัน เมื่อประมำณปี ๒๕๔๑ นำง ห. อยู่กินฉันสำมีภริยำกับนำย ส.
ี
ต่อมำวันท่ ๗ พฤษภำคม ๒๕๕๑ ได้จดทะเบียนสมรสกัน ระหว่ำงอยู่กินร่วมกันมีสินสมรส
คือ ที่ดินพิพำท โดยใส่ชื่อนำย ส. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยำยน ๒๕๕๖ นำง ห.
กับนำย ส. จดทะเบียนหย่ำกันโดยไม่ได้บันทึกกำรแบ่งสินสมรสไว้ ภำยหลังจดทะเบียนหย่ำ
นำง ห. กับนำย ส. ยังคงอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำจนกระทั่งนำง ห. ถึงแก่ควำมตำยเมื่อวันที่
๒๑ พฤษภำคม ๒๕๖๒ โจทก์ย่นค�ำร้องขอจัดกำรมรดกและศำลจังหวัดภูเขียวมีค�ำส่งต้งโจทก์
ั
ื
ั
เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำง ห. ต่อมำวันที่ ๑๗ มกรำคม ๒๕๖๔ นำย ส. ถึงแก่ควำมตำย จ�ำเลย
ซงเป็นมำรดำและเป็นทำยำทผ้มสิทธรับมรดกของนำย ส. ยนคำร้องขอจดทะเบียนโอนมรดก
ู
ึ
ิ
ี
ื
�
่
่
ของนำย ส. ให้แก่จ�ำเลย กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลย
956
ิ
ิ
่
้
ิ
ี
ี
์
ึ
่
�
ึ
ู
ิ
้
้
จดทะเบยนแบ่งกรรมสิทธท่ดนพพำทพรอมสงปลกสรำงใหแกโจทก์ก่งหน่ง หำกจ�ำเลยไม่ดำเนินกำร
ให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ก่อนนำง ห. กับนำย ส. จะไปจดทะเบียนหย่ำได้มีกำรตกลงแบ่งสินสมรส
กันแล้วโดยให้ที่ดินพิพำทพร้อมสิ่งปลูกสร้ำงเป็นของนำย ส. ส่วนนำง ห. ได้ที่ดินอีกแปลงหนึ่ง
เมื่อนำง ห. กับนำย ส. ไปจดทะเบียนหย่ำกันจึงไม่ได้บันทึกเกี่ยวกับกำรแบ่งสินสมรสไว้ โจทก์
ี
รู้ถึงควำมตำยของนำง ห. เม่อวันท่ ๒๑ พฤษภำคม ๒๕๖๒ นับถึงวันฟ้องพ้นก�ำหนด ๑ ปี
ื
คดีของโจทก์จึงขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยถึงแก่ควำมตำย นำง พ. ย่นค�ำร้องขอเข้ำเป็นคู่ควำมแทน
ื
ศำลจังหวัดภูเขียวมีค�ำสั่งอนุญำต
ระหว่ำงนัดฟังค�ำพิพำกษำ ศำลจังหวัดภูเขียวเห็นว่ำ คดีมีประเด็นว่ำท่ดินพิพำทพร้อม
ี
สิ่งปลูกสร้ำงเป็นสินสมรสของนำง ห. กับนำย ส. ที่ยังไม่มีกำรแบ่งกันหรือไม่ กรณีมีปัญหำว่ำ
คดนอย่ในอ�ำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้
ิ
ิ
ี
ึ
ั
ื
้
ู
�
ี
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องจ�ำเลยต่อศำลจังหวัดภูเขียวซ่งศำลจังหวัดภูเขียวรับฟ้อง
ี
ึ
ื
ื
ไว้พิจำรณำพิพำกษำ เม่อจ�ำเลยย่นค�ำให้กำรต่อสู้คดีจ�ำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้ำนว่ำศำลจังหวัด
ี
ภูเขียวไม่มีอ�ำนำจรับพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ ท้งในระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลจังหวัดภูเขียว
ั
ื
ก็ไม่ปรำกฏว่ำมีกำรโต้แย้งคัดค้ำนในเร่องดังกล่ำวจนกระท่งคดีเสร็จกำรพิจำรณำและศำลจังหวัด
ั
ี
ภูเขียวได้นัดฟังค�ำพิพำกษำแล้ว ดังน้แสดงว่ำศำลจังหวัดภูเขียวเห็นว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ิ
่
ื
พพำกษำของศำลจงหวดภเขยวและค่ควำมต่ำงกยอมรบในเรองอำนำจพจำรณำพพำกษำ
ิ
�
ิ
ู
ั
ั
ู
ี
ั
็
ของศำล อันเป็นกำรเห็นพ้องตรงกันในเรื่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแล้ว จึงไม่ใช่กรณี
ี
ี
ท่มีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ กรณีไม่มีเหตุให้ส่งส�ำนวน
มำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมบทบัญญัติดังกล่ำว จึงไม่รับวินิจฉัย
ให้ส่งส�ำนวนคืนศำลจังหวัดภูเขียวเพื่อด�ำเนินกำรให้มีค�ำพิพำกษำต่อไป
957
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
958
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ร้อยโท พ. โจทก์
ที่ วยช ๗๒/๒๕๖๒ นำงหรือนำงสำว ส. จ�ำเลย
ี
ี
ค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งเงินท่ได้จำกกำรขำยรถยนต์เป็น
่
ั
ื
ี
่
�
่
ี
ิ
�
ั
คำฟ้องทเกยวเนองกบกำรบงคบคดตำมคำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครว
ั
ั
ี
ึ
ี
จังหวัดเพชรบูรณ์ซ่งจ�ำต้องมีค�ำวินิจฉัยของศำลก่อนท่กำรบังคับคดีจะได้ด�ำเนินไปได้
โดยครบถ้วนและถูกต้องตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๗ (๒) โจทก์ชอบท่จะเสนอต่อศำลท่มีอ�ำนำจ
ี
ี
ในกำรบังคับคดีตำมมำตรำ ๒๗๑ คือ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์
้
ดังนน ค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
ั
ค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งเงินท่จ�ำเลยได้รับช�ำระหน้เงินกู้จำก
ี
ี
ี
ั
�
บคคลภำยนอกโดยอ้ำงว่ำโจทก์กบจำเลยให้บคคลภำยนอกก้ยืมเงินไปในระหว่ำงสมรส
ุ
ู
ุ
ี
เป็นค�ำฟ้องท่ต้องวินิจฉัยว่ำเงินท่ได้รับช�ำระหน้เงินกู้จ�ำนวนดังกล่ำวเป็นสินสมรสหรือไม่
ี
ี
ี
เป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔ ค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนน ้ ี
จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
ส่วนค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งค่ำเช่ำบ้ำนพักและค่ำเช่ำเต็นท์
ิ
ั
ั
�
้
ุ
ในรีสอร์ตหลังจำกกำรสมรสระหว่ำงโจทก์กบจ�ำเลยสนสดลงแล้วน้น แม้คำฟ้องส่วนน ้ ี
ี
จะไม่เป็นคดีครอบครัว แต่เน่องจำกมูลควำมแห่งคดีส่วนน้เก่ยวข้องกับส่วนท่โจทก์
ื
ี
ี
ี
ฟ้องคดีครอบครัวดังกล่ำวข้ำงต้น โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำศำลใดศำลหนึ่งเป็นคดีเดียวกันได้ตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๕ และเนื่องจำก พ.ร.บ.
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
ี
มำตรำ ๑๒ บัญญัติว่ำ ภำยใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติน้ว่ำด้วยกำรโอนคด ี
ื
ั
ี
ในท้องท่ท่ศำลเยำวชนและครอบครัวเปิดท�ำกำรแล้ว ห้ำมมิให้ศำลช้นต้นอ่นใด
ี
ี
ในท้องท่น้นรับคดีท่อยู่ในอ�ำนำจศำลเยำวชนและครอบครัวไว้พิจำรณำพิพำกษำ คดีน ี ้
ี
ั
จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
__________________________
959
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนหย่ำกัน
เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวำคม ๒๕๖๐ ต่อมำศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์มีค�ำพิพำกษำ
ี
ในคดีแพ่งหมำยเลขแดงท่ ๖๙/๒๕๖๑ ให้จ�ำเลยแบ่งสินสมรส ได้แก่ อำคำรบ้ำนพักเรือนทิพย์
นำคำ รีสอร์ต รถยนต์ และรถกระบะ ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง หำกกำรแบ่งตกลงกันไม่ได้ให้ประมูลกัน
ึ
ึ
ั
ระหว่ำงคู่ควำมหรือมิฉะน้นให้ขำยทอดตลำดน�ำเงินมำแบ่งกันคนละก่งหน่ง ในกำรแบ่งให้
หักเงินเพ่อชดใช้รำคำสินส่วนตัวให้แก่จ�ำเลยก่อนเป็นเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บำท กับให้จ�ำเลยและโจทก์
ื
ึ
ึ
ร่วมกันช�ำระหน้บุคคลภำยนอกคนละก่งหน่ง ระหว่ำงบังคับคดีจ�ำเลยขำยรถยนต์ไปในรำคำ
ี
๕๑๐,๕๗๕ บำท แต่ยังไม่ได้แบ่งเงินให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ๒๕๕,๒๘๗ บำท และจ�ำเลยได้รับช�ำระหนี้
เงินกู้ ๔๐๐,๐๐๐ บำท ซึ่งบุคคลภำยนอกกู้ยืมไปจำกโจทก์และจ�ำเลยระหว่ำงสมรส จ�ำเลยต้อง
ึ
ึ
แบ่งเงินดังกล่ำวให้โจทก์ก่งหน่ง ๒๐๐,๐๐๐ บำท นอกจำกน้จ�ำเลยยังได้รับค่ำเช่ำบ้ำนพัก
ี
ิ
เรือนทิพย์นำคำและค่ำเต็นท์ในรีสอร์ตซ่งเป็นกรรมสิทธ์รวมต้งแต่วันท่ ๑๓ ธันวำคม ๒๕๖๐
ั
ึ
ี
จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๒,๓๘๘,๖๘๖ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี เป็นเวลำ ๑ ปี
รวมเป็นเงิน ๒,๕๖๗,๘๓๗ บำท แต่โจทก์ขอแบ่งทรัพย์สินดังกล่ำวจำกจ�ำเลยเพียง ๑ ส่วน
ใน ๓ ส่วน เป็นเงิน ๓,๐๒๓,๑๒๔ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๓,๐๒๓,๑๒๔ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ี
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยน�ำเงินท่ได้จำกกำรขำยรถยนต์ไปช�ำระหน้ท่เกิดข้นระหว่ำงสมรส
ึ
�
ิ
ิ
�
กบโจทกและนำไปชดใชรำคำสนสวนตัวของจำเลยตำมคำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครว
่
้
�
์
ั
ั
จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนค่ำเช่ำบ้ำนพักเป็นรำยได้ท่เกิดข้นภำยหลังกำรหย่ำและเม่อน�ำค่ำเช่ำ
ึ
ี
ื
ี
ไปหักกับค่ำใช้จ่ำยบ�ำรุงรักษำรีสอร์ตแล้ว ไม่หลือเงินท่แบ่งให้แก่โจทก์ ส่วนกำรให้เช่ำเต็นท์
ี
ี
ในรีสอร์ตเป็นกำรกำงเต็นท์ในท่ดินสินส่วนตัวของจ�ำเลยไม่เก่ยวกับอำคำรบ้ำนพักเรือนทิพย์นำคำ
รีสอร์ต โจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่ง ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดหล่มสักเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ ค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งเงินท่ได้จำกกำรขำยรถยนต์
ี
ี
ี
เป็นค�ำฟ้องท่เก่ยวเน่องกับกำรบังคับคดีตำมค�ำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัด
ื
เพชรบูรณ์ซ่งจ�ำต้องมีค�ำวินิจฉัยของศำลก่อนท่กำรบังคับคดีจะได้ด�ำเนินไปได้โดยครบถ้วน
ี
ึ
960
และถูกต้องตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๗ (๒) โจทก์ชอบที่จะเสนอต่อ
ี
ศำลท่มีอ�ำนำจในกำรบังคับคดีตำมมำตรำ ๒๗๑ คือ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์
ี
ั
ดังน้น ค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
ี
ี
มำตรำ ๑๐ (๓) และค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งเงินท่จ�ำเลยได้รับช�ำระหน้เงิน
ี
กู้จำกบุคคลภำยนอกโดยอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยให้บุคคลภำยนอกกู้ยืมเงินไปในระหว่ำงสมรส
ิ
�
ี
่
ิ
ิ
�
ี
้
ิ
ั
�
ี
เป็นคำฟ้องทต้องวนจฉัยว่ำเงนท่ได้รับชำระหนเงนกู้จำนวนดงกล่ำวเป็นสนสมรสหรอไม่
ิ
ื
เป็นกรณีที่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔ ค�ำฟ้อง
ของโจทก์ในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
ส่วนค�ำฟ้องของโจทก์ในส่วนท่ขอให้จ�ำเลยแบ่งค่ำเช่ำบ้ำนพักและค่ำเช่ำเต็นท์ในรีสอร์ต
ี
ั
หลังจำกกำรสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยส้นสุดลงแล้วน้น แม้ค�ำฟ้องส่วนน้จะไม่เป็นคดีครอบครัว
ี
ิ
ี
แต่เน่องจำกมูลควำมแห่งคดีส่วนน้เก่ยวข้องกับส่วนท่โจทก์ฟ้องคดีครอบครัวดังกล่ำวข้ำงต้น
ื
ี
ี
ึ
โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำศำลใดศำลหน่งเป็นคดีเดียวกันได้
ี
ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๕ และเน่องจำกพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
ื
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๒ บัญญัติว่ำ ภำยใต้
บังคับบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติน้ว่ำด้วยกำรโอนคดีในท้องท่ท่ศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
ี
ี
ั
ี
ี
ื
ั
เปิดท�ำกำรแล้ว ห้ำมมิให้ศำลช้นต้นอ่นใดในท้องท่น้นรับคดีท่อยู่ในอ�ำนำจศำลเยำวชนและ
ิ
ิ
ครอบครัวไว้พจำรณำพพำกษำ คดีนจึงอย่ในอ�ำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและ
ิ
ี
้
ู
ครอบครัว
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
961
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนอัยกำร
ที่ วยช ๑๙/๒๕๕๙ จังหวัดเชียงใหม่ โจทก์
นำย บ. จ�ำเลย
ี
ี
ั
่
วนทโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำเป็นวันท่กำรกระท�ำควำมผิดฐำนเป็นคนต่ำงด้ำว
ึ
เข้ำมำในรำชอำณำจักรโดยผิดกฎหมำยได้เกิดข้นจ�ำเลยยังมีอำยุไม่ครบสิบแปดปีบริบูรณ์
ี
และช่วงวันท่โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำเป็นวันท่กำรกระท�ำควำมผิดฐำนเป็นคนต่ำงด้ำวอยู่
ี
ึ
ึ
ในรำชอำณำจักรโดยผิดกฎหมำยได้เกิดข้นส่วนหน่งอยู่ระหว่ำงจ�ำเลยยังมีอำยุไม่ครบ
ึ
ิ
ิ
ี
่
�
ึ
ื
�
้
สบแปดปีบริบูรณ์ จงถอว่ำจำเลยเป็นเยำวชนในวันทกำรกระทำควำมผิดได้เกดขน
คดีส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดท้งสองฐำนดังกล่ำวจึงอยู่ในอ�ำนำจ
ี
ั
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ส่วนวันท่โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำเป็น
ี
ึ
วันท่กำรกระท�ำควำมผิดฐำนบุกรุกได้เกิดข้นน้นจ�ำเลยมีอำยุครบสิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว
ั
ี
จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
___________________________
่
ิ
�
�
โจทกฟองวำ จำเลยกระทำควำมผดหลำยกรรมตำงกน กลำวคอ เมอวนเวลำใดไมปรำกฏชด
่
้
ื
ื
่
ั
ั
่
ั
์
่
ึ
เดือนมกรำคม ๒๕๕๕ จ�ำเลยซ่งเป็นคนต่ำงด้ำวสัญชำติเมียนมำ มีภูมิล�ำเนำอยู่ท่สำธำรณรัฐ
ี
แห่งสหภำพเมียนมำ เข้ำมำในรำชอำณำจักรโดยกำรเดินผ่ำนชำยแดนในต�ำบลใดไม่ปรำกฏชัด
ี
ึ
อ�ำเภอแม่สอด จังหวัดตำก ซ่งไม่ใช่ช่องทำงตำมท่รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทยประกำศ
ในรำชกิจจำนุเบกษำ โดยไม่มีหนังสือเดินทำงหรือเอกสำรท่ใช้แทนหนังสือเดินทำงและไม่ผ่ำน
ี
กำรตรวจอนุญำตของพนักงำนเจ้ำหน้ำท่ของด่ำนตรวจคนเข้ำเมือง นับแต่วันเวลำดังกล่ำวจนถึง
ี
ี
ื
วันท่ ๑๗ ตุลำคม ๒๕๕๙ เวลำกลำงวันและกลำงคืนต่อเน่องกันตลอดมำ จ�ำเลยอยู่ในรำชอำณำจักร
ั
ทต�ำบลช้ำงคลำน อำเภอเมองเชยงใหม่ จงหวดเชียงใหม่ โดยไม่ได้รบอนญำตจำกพนกงำน
ี
ุ
ั
่
ี
ื
ั
ั
�
ี
เจ้ำหน้ำท่ วันท่ ๑๗ ตุลำคม ๒๕๕๙ เวลำกลำงคืนหลังเท่ยง จ�ำเลยบุกรุกเข้ำไปในบ้ำนเลขท ่ ี
ี
ี
ี
�
ั
ั
๓๕๔/๔ ถนนเจรญประเทศ ตำบลช้ำงคลำน อำเภอเมองเชยงใหม่ จงหวดเชยงใหม่ อนเป็น
ื
ิ
ั
�
ี
เคหสถำนท่อยู่อำศัยของนำงสำว จ. ผู้เสียหำย โดยไม่มีเหตุอันสมควร เหตุเกิดท่ต�ำบลใด
ี
ี
ั
ี
ั
ั
ั
ั
�
ื
�
ไม่ปรำกฏชด อำเภอแม่สอด จงหวดตำก และตำบลช้ำงคลำน อำเภอเมองเชยงใหม่ จงหวด
�
เชียงใหม่ ต่อเน่องเก่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๙๑, ๓๖๔, ๓๖๕
ี
ื
พระรำชบัญญัติคนเข้ำเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๔, ๑๑, ๑๒, ๑๘, ๔๑, ๖๒, ๘๑
จ�ำเลยให้กำรรับสำรภำพ
962
ื
ุ
�
ี
ิ
ี
่
ั
ั
ระหว่ำงพจำรณำ ศำลจงหวดเชยงใหม่มคำสงให้พนกงำนคมประพฤตสบเสำะและ
ั
ั
ิ
ื
�
ั
ุ
ิ
ิ
ิ
ั
ั
ี
ิ
พนจจำเลย ต่อมำพนกงำนคมประพฤตรำยงำนกำรสบเสำะและพนจต่อศำลจงหวดเชยงใหม่
ิ
จ�ำเลยเกิดเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภำคม ๒๕๓๙ ศำลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำล
อุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ จ�ำเลยเกิดเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภำคม ๒๕๓๙ จึงมีอำยุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
ในวันที่ ๒๐ พฤษภำคม ๒๕๕๗ ดังนี้ วันที่โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำเป็นวันที่กำรกระท�ำควำมผิดฐำน
ึ
เป็นคนต่ำงด้ำวเข้ำมำในรำชอำณำจักรโดยผิดกฎหมำยได้เกิดข้นจ�ำเลยยังมีอำยุไม่ครบ
ี
ี
สิบแปดปีบริบูรณ์ และช่วงวันท่โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำเป็นวันท่กำรกระท�ำควำมผิดฐำนเป็น
ึ
ู
คนต่ำงด้ำวอย่ในรำชอำณำจักรโดยผิดกฎหมำยได้เกิดข้นส่วนหน่งอยู่ระหว่ำงจ�ำเลยยังมีอำย ุ
ึ
้
ึ
ไม่ครบสิบแปดปีบริบูรณ์จึงถือว่ำจ�ำเลยเป็นเยำวชนในวันท่กำรกระทำควำมผดได้เกิดขน คดีส่วนท ่ ี
�
ี
ิ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดท้งสองฐำนดังกล่ำวจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ั
ของศำลเยำวชนและครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๑) ส่วนวันที่โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำเป็นวันที่
ั
ี
ึ
กำรกระท�ำควำมผิดฐำนบุกรุกได้เกิดข้นน้นจ�ำเลยมีอำยุครบสิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว คดีส่วนท่โจทก์
ี
ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดฐำนน้ จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
และครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๑)
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดฐำนเป็นคนต่ำงด้ำว
เขำมำในรำชอำณำจักรโดยผิดกฎหมำยและเป็นคนต่ำงด้ำวอยในรำชอำณำจักรโดยผิดกฎหมำย
ู่
้
ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว แต่คดีส่วนท่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ
จ�ำเลยในควำมผิดฐำนบุกรุกไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
963
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ศ. โจทก์
ที่ วยช ๒๕/๒๕๖๓ พลโท ส. จ�ำเลย
ิ
ี
ิ
ี
ั
พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำหรือมีค�ำสั่งในคดีที่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำที่ของศำลเยำวชนและ
ี
ั
ี
�
ุ
ั
�
ครอบครว คดน้โจทก์ฟ้องจำเลยฐำนกระทำควำมรุนแรงในครอบครวตำม พ.ร.บ. ค้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง รวมมำกับ
ฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ โดยตำมมำตรำ ๔ วรรคสอง ได้บัญญัติให้ควำมผิด
ึ
ฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ ซ่งปัญหำ
กำรแก้ไขควำมรุนแรงในครอบครัวมีควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เกี่ยวกับบุคคลใกล้ชิด
ั
มีลักษณะพิเศษแตกต่ำงจำกกำรท�ำร้ำยร่ำงกำยระหว่ำงบุคคลท่วไป กำรใช้มำตรกำร
ทำงอำญำตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำบังคับกับกำรกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ื
ในครอบครัวจึงไม่เหมำะสมเน่องจำกกฎหมำยอำญำมีเจตนำท่จะลงโทษผู้กระท�ำควำมผิด
ี
มำกกว่ำท่จะแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท�ำควำมผิด หรือปกป้องคุ้มครองผู้ท่ถูกกระท�ำด้วย
ี
ี
ั
่
ู
ี
ควำมรุนแรงในครอบครัวโดยมรปแบบ วธีกำร และข้นตอนทมีลกษณะแตกต่ำงจำก
ิ
ั
ี
ั
กำรด�ำเนินคดีอำญำโดยท่วไป โดยให้ผู้กระท�ำควำมผิดมีโอกำสกลับตัวและยับย้ง
ั
�
กำรกระท�ำควำมผิดซ้ำ รวมท้งสำมำรถรักษำควำมสัมพันธ์อันดีในครอบครัวไว้ได้
ั
กำรที่มำตรำ ๔ วรรคสอง ได้บัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕
เป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ เม่อพิจำรณำหลักกำรและเหตุผลในกำรตรำ พ.ร.บ.
ื
คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงถือได้ว่ำควำมผิด
ตำมฟ้องฐำนทำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ เป็นฐำนควำมผดท่บัญญัติไว้ตำม
�
ี
ิ
มำตรำ ๔ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ กรณีจึงไม่ใช่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นท่ให้ด�ำเนินคดีต่อศำลท่มีอ�ำนำจ
ี
ี
ื
ั
ื
พิจำรณำควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นตำมควำมหมำยของมำตรำ ๘ วรรคสอง ดังน้น
ควำมผิดท้งสองฐำนตำมฟ้องจึงต้องด�ำเนินคดีต่อศำลเยำวชนและครอบครัวตำม พ.ร.บ.
ั
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๕)
______________________________
964
ิ
ี
ุ
ี
�
ั
ั
ู
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กบจำเลยอย่กินฉนสำมภริยำโดยมได้จดทะเบียนสมรส มบตร
๑ คน คือ เด็กชำย ณ. อำยุ ๓ ปีเศษ ซึ่งจ�ำเลยรับรองบุตรแล้ว เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวำคม ๒๕๖๑
เวลำกลำงคืนหลังเท่ยง จ�ำเลยท�ำร้ำยร่ำงกำยโจทก์โดยใช้มือข้ำงซ้ำยบีบคอ ใช้ก�ำปั้นขวำ
ี
ชกต่อยท่ใบหน้ำและศีรษะของโจทก์อย่ำงแรงหลำยคร้ง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบำดเจ็บบริเวณ
ั
ี
ั
ใต้ตำซ้ำยช้ำ โหนกแก้มซ้ำยบวมช้ำ ริมฝีปำกล่ำงข้ำงขวำแตก ปำกช้นในแตกและปวดศีรษะ
�
�
ี
ี
เป็นอันตรำยแก่กำย และวันท่ ๒๘ มกรำคม ๒๕๖๒ เวลำกลำงคืนก่อนเท่ยง จ�ำเลยท�ำร้ำยร่ำงกำย
โจทก์โดยใช้ก�ำปั้นขวำชกต่อยที่ใบหน้ำและศีรษะของโจทก์อย่ำงแรงหลำยครั้ง เป็นเหตุให้โจทก์
�
ได้รับบำดเจ็บบริเวณดวงตำด้ำนซ้ำยและด้ำนขวำฟกช้ำ โหนกแก้มซ้ำยบวมช้ำและปวดศีรษะ
�
อันเป็นอันตรำยแก่กำย กำรกระท�ำของจ�ำเลยมีเจตนำมุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรำยแก่ร่ำงกำย
จิตใจ หรือสุขภำพของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวอันเป็นควำมรุนแรงในครอบครัว เหตุเกิด
ที่ต�ำบลบึงค�ำพร้อย อ�ำเภอล�ำลูกกำ จังหวัดปทุมธำนี ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ ๒๙๕, ๙๑ พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
มำตรำ ๔
ศำลจังหวัดธัญบุรีไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีค�ำสั่งจ�ำหน่ำยคดีออกเสียจำกสำรบบควำม
โจทก์อุทธรณ์
ั
ศำลอุทธรณ์ภำค ๑ พิจำรณำแล้ว ยกค�ำส่งศำลจังหวัดธัญบุรี ให้ศำลจังหวัดธัญบุร ี
เสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ี
ั
พิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
ึ
คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท�ำร้ำยโจทก์ซ่งเป็นภริยำท่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและเป็นบุคคล
ี
ในครอบครัว เป็นเหตุให้เกิดอันตรำยแก่กำย ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ ๒๙๕ และพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
ึ
มำตรำ ๔ ซ่งมำตรำ ๘ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ี
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ “ในกรณีท่กำรกระท�ำควำมผิดตำมมำตรำ ๔ วรรคหน่ง
ึ
ิ
ิ
�
เป็นควำมผดกรรมเดยวกบควำมผดตำมกฎหมำยอน ให้ดำเนนคดควำมผดตำมมำตรำ ๔
ี
ั
ื
ิ
ิ
่
ี
ื
ึ
ั
วรรคหน่ง ต่อศำลรวมไปกับควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้น เว้นแต่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่น
ื
ื
ั
ั
ี
น้นมีอัตรำโทษสูงกว่ำให้ด�ำเนินคดีต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้น...”
ี
ื
เม่อคดีน้โจทก์ฟ้องจ�ำเลยฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวตำมมำตรำ ๔ วรรคหน่ง รวมมำ
ึ
965
ั
�
กบฐำนทำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ โดยมำตรำ ๔ วรรคสอง
ได้บัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิด
อันยอมควำมได้ ซ่งปัญหำกำรแก้ไขควำมรุนแรงในครอบครัวมีควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน
ึ
ั
ี
เก่ยวกับบุคคลใกล้ชิดมีลักษณะพิเศษแตกต่ำงจำกกำรท�ำร้ำยร่ำงกำยระหว่ำงบุคคลท่วไป
กำรใช้มำตรกำรทำงอำญำตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำบังคับกับกำรกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ื
ี
ในครอบครัวจึงไม่เหมำะสมเน่องจำกกฎหมำยอำญำมีเจตนำท่จะลงโทษผู้กระท�ำควำมผิดมำกกว่ำ
ี
ู
่
้
ื้
ุ
ู้
่
�
ั
ุ
ทจะแก้ไขฟนฟูผกระท�ำควำมผิด หรือปกปองค้มครองผ้ทถกกระทำด้วยควำมรนแรงในครอบครว
ู
ี
โดยมีรูปแบบ วิธีกำรและขั้นตอนที่มีลักษณะแตกต่ำงจำกกำรด�ำเนินคดีอำญำโดยทั่วไป โดยให้
้
ั
ี
้
ิ
�
ั
ั
ั
�
�
ู
ผ้กระทำควำมผดมโอกำสกลับตวและยบย้งกำรกระทำควำมผดซำ รวมทงสำมำรถรักษำควำม
ิ
ี
สัมพันธ์อันดีในครอบครัวไว้ได้ กำรท่มำตรำ ๔ วรรคสอง ได้บัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ เมื่อพิจำรณำหลักกำร
และเหตุผลในกำรตรำพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐จึงถือได้ว่ำ ควำมผิดตำมฟ้องฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ ๒๙๕ เป็นฐำนควำมผิดที่บัญญัติไว้ตำมมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ กรณีจึงไม่ใช่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่น
ื
ิ
ี
่
ื
ทให้ดำเนนคดต่อศำลทมอำนำจพจำรณำควำมผดตำมกฎหมำยอนตำมควำมหมำยของ
่
ี
ิ
ิ
�
ี
่
ี
�
ั
ั
มำตรำ ๘ วรรคสอง ดังน้น ควำมผิดท้งสองฐำนตำมฟ้องจึงต้องด�ำเนินคดีต่อศำลเยำวชน
และครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
966
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนอัยกำร โจทก์
ที่ วยช ๑๐๗/๒๕๖๓ จังหวัดพิษณุโลก
นำย อ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเข้ำไปก่อสร้ำง ก่นสร้ำง แผ้วถำง เผำป่ำ และเข้ำยึดถือ
ื
ี
ึ
ครอบครองท�ำประโยชน์ในท่ดินเพ่อตนเองซ่งอยู่ภำยในเขตป่ำสงวนแห่งชำต จ�ำเลย
ิ
่
ั
ิ
ให้กำรปฏิเสธ ระหว่ำงพจำรณำ จ�ำเลยแถลงยืนยันโดยโจทก์ไม่คดค้ำนได้ควำมวำ จ�ำเลย
ี
ุ
ี
เข้ำครอบครองและท�ำประโยชน์ในท่ดินท่เกิดเหตุมำต้งแต่ปี ๒๕๕๓ ซ่งจ�ำเลยมีอำย ๑๓ ปี
ึ
ั
ี
ี
ั
ี
จนกระท่งถูกจับกุมในวันท ๑๕ มิถุนำยน ๒๕๕๘ และต้นยำงพำรำท่ปลูกไว้ในท่ดิน
่
ที่เกิดเหตุมีอำยุ ๓ ถึง ๗ ปี ย่อมแสดงให้เห็นว่ำ วันที่จ�ำเลยกระท�ำควำมผิดส่วนหนึ่งอยู่
ื
ี
ิ
ในช่วงเวลำท่จ�ำเลยมีอำยุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ เม่อกำรกระท�ำควำมผิดเร่มต้นขณะ
ื
จ�ำเลยอำยุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์เร่อยมำจนจ�ำเลยมีอำยุเกินกว่ำสิบแปดปีบริบูรณ์
ี
ดังน ต้องถือว่ำจ�ำเลยกระท�ำควำมผิดขณะเป็นเยำวชน คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
้
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนำยน ๒๕๕๘ เวลำกลำงวัน จ�ำเลยบุกรุกเข้ำไปก่อสร้ำง
ก่นสร้ำง แผ้วถำง เผำป่ำ และเข้ำยึดถือครอบครองท�ำประโยชน์ในท่ดินเพ่อตนเองบริเวณป่ำ
ี
ื
ี
ึ
ท้ำยหมู่บ้ำนห้วยเฮ้ย หมู่ท่ ๓ ต�ำบลห้วยเฮ้ย อ�ำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ซ่งอยู่ภำยใน
ี
ี
เขตป่ำสงวนแห่งชำติป่ำเนินเพิ่ม โดยจ�ำเลยปรับพื้นที่ดินแล้วปลูกต้นยำงพำรำ ๑ แปลง เนื้อที่
๖๑ ไร่ ๑ งำน ๔๔ ตำรำงวำ คิดเป็นค่ำเสียหำยของรัฐเป็นเงิน ๓,๔๗๕,๖๔๐ บำท อันเป็นกำร
บุกรุก ก่อสร้ำง ก่นสร้ำง แผ้วถำง เผำป่ำ หรือกระท�ำด้วยประกำรใด ๆ อันเป็นกำรท�ำลำยป่ำ
และเป็นกำรท�ำให้เสื่อมเสียแก่สภำพป่ำสงวนแห่งชำติ และเข้ำไปยึดถือครอบครองท�ำประโยชน์
ึ
ื
ี
หรืออยู่อำศัยในท่ดินในเขตป่ำสงวนแห่งชำติ และป่ำซ่งเป็นท่ดินของรัฐเพ่อตนเองหรือผู้อ่น
ี
ื
ี
ี
่
้
ื
ิ
ิ
ื
่
�
้
โดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย และได้กระทำต่อพนทป่ำสงวนแห่งชำตเป็นเนอทเกนยสบห้ำไร่
่
ี
ิ
ื
ี
ี
ท้งพ้นท่ดังกล่ำวมิได้อยู่ในเขตท่ได้จ�ำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรม และรัฐมนตรีได้ประกำศ
ั
ในรำชกิจจำนุเบกษำ ท้งน้โดยจ�ำเลยไม่ได้รับใบอนุญำตจำกพนักงำนเจ้ำหน้ำท่ หรือได้รับกำร
ั
ี
ี
ี
ยกเว้นใด ๆ อันเป็นกำรฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย เหตุเกิดท่ต�ำบลห้วยเฮ้ย อ�ำเภอนครไทย จังหวัด
ี
967
พิษณุโลก ขอให้ลงโทษตำมพระรำชบัญญัติป่ำสงวนแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มำตรำ ๔, ๕, ๖,
๘, ๙, ๑๔, ๒๖/๔, ๒๖/๕, ๓๑ พระรำชบัญญัติป่ำไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มำตรำ ๔, ๕๔, ๕๕, ๗๒ ตรี
ี
ู
ั
่
ิ
�
ิ
ประมวลกฎหมำยทดน พ.ศ. ๒๔๙๗ มำตรำ ๙ (๑), ๑๐๘ ทว ให้จำเลย คนงำน ผ้รบจ้ำง
ี
ิ
ี
ผู้แทน และบริวำรออกจำกท่ดินในเขตป่ำสงวนแห่งชำติท่เกิดเหตุ และให้ร้อถอนส่งปลูกสร้ำงหรือ
ื
ิ
น�ำส่งใด ๆ อันก่อให้เกิดกำรเส่อมเสียสภำพป่ำสงวนแห่งชำติออกจำกป่ำสงวนแห่งชำติภำยใน
ื
ระยะเวลำที่ก�ำหนด กับให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่กรมป่ำไม้เป็นเงิน ๓,๔๗๕,๖๔๐ บำท
จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธ
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยแถลงว่ำ จ�ำเลยเกิดเม่อวันท่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๔๐ จ�ำเลย
ื
ี
รับโอนที่ดินที่เกิดเหตุมำจำกบิดำจ�ำเลยเมื่อปี ๒๕๕๓ ขณะจ�ำเลยมีอำยุ ๑๓ ปี จำกนั้นจึงปลูก
ต้นยำงพำรำ ๒ ครั้ง และครอบครองที่ดินดังกล่ำวเรื่อยมำจนกระทั่งเจ้ำพนักงำนป่ำไม้เข้ำตรวจ
พ้นท่และยึดท่ดินดังกล่ำวเม่อเดือนมิถุนำยน ๒๕๕๘ ปัจจุบันต้นยำงพำรำมีอำยุ ๓ ถึง ๗ ปี
ี
ี
ื
ื
ี
ี
ี
โจทก์แถลงว่ำ ท่ดินท่เกิดเหตุมีบุคคลครอบครองและท�ำประโยชน์อยู่ก่อนวันท่เจ้ำพนักงำนป่ำไม้
เข้ำยึดที่ดินดังกล่ำว จำกกำรตรวจสอบภำพถ่ำยจำกดำวเทียมพบว่ำ ในปี ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๗
ี
ี
ื
ี
ี
มีกำรปลูกต้นยำงพำรำเต็มพ้นท่ของท่ดินท่เกิดเหตุ และขณะเจ้ำพนักงำนป่ำไม้เข้ำยึดท่ดินดังกล่ำว
ต้นยำงพำรำมีอำยุ ๓ ถึง ๗ ปี
ี
ศำลจังหวัดพิษณุโลกเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ บัญญัติว่ำ ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำหรือมีค�ำสั่งในคดีดังต่อไปนี้ (๑) คดีอำญำที่มีข้อหำว่ำเด็กหรือเยำวชนกระท�ำควำมผิด
มำตรำ ๔ บัญญัติว่ำ “เด็ก” หมำยควำมว่ำ บุคคลซ่งมีอำยุเกินกว่ำอำยุท่ก�ำหนดไว้ตำมมำตรำ ๗๓
ึ
ี
แห่งประมวลกฎหมำยอำญำ แต่ยังไม่เกินสิบห้ำปีบริบูรณ์ “เยำวชน” หมำยควำมว่ำ บุคคล
อำยุเกินสิบห้ำปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ และมำตรำ ๕ บัญญัติว่ำ คดีอำญำ
ื
่
ี
�
ั
้
ั
ี
็
ื
ทมข้อหำว่ำเดกหรอเยำวชนกระทำควำมผด ให้ถออำยเดกหรอเยำวชนนนในวนทกำรกระทำ
่
ี
็
ิ
ุ
ื
�
ี
ื
ึ
ควำมผิดได้เกิดข้น ดังน้ เม่อปรำกฏตำมรำยงำนกระบวนพิจำรณำของศำลจังหวัดพิษณุโลก
ลงวันท่ ๑๒ พฤศจิกำยน ๒๕๖๓ ประกอบกับส�ำเนำบัตรประจ�ำตัวประชำชนของจ�ำเลยว่ำ
ี
968
ื
ี
ื
ี
จ�ำเลยเกิดเม่อวันท่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๔๐ จ�ำเลยจึงมีอำยุครบสิบแปดปีบริบูรณ์เม่อวันท่ ๑๙
เมษำยน ๒๕๕๘ และจ�ำเลยแถลงยืนยันโดยโจทก์ไม่คัดค้ำนได้ควำมว่ำ จ�ำเลยเข้ำครอบครอง
และท�ำประโยชน์ในที่ดินที่เกิดเหตุมำตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ ซึ่งจ�ำเลยมีอำยุ ๑๓ ปี จนกระทั่งถูกจับกุม
ี
ี
ี
ี
ในวันท่ ๑๕ มิถุนำยน ๒๕๕๘ และต้นยำงพำรำท่ปลูกไว้ในท่ดินท่เกิดเหตุมีอำยุ ๓ ถึง ๗ ปี
�
ึ
่
ิ
ี
ุ
ึ
�
ู
ี
่
่
ี
็
ั
�
ย่อมแสดงให้เหนว่ำ วนทจำเลยกระทำควำมผดส่วนหนงอย่ในช่วงเวลำทจำเลยมอำยไม่ถง
สิบแปดปีบริบูรณ์ เมื่อกำรกระท�ำควำมผิดเริ่มต้นขณะจ�ำเลยอำยุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์เรื่อยมำ
ี
จนจ�ำเลยมีอำยุเกินกว่ำสิบแปดปีบริบูรณ์ ดังน้ ต้องถือว่ำจ�ำเลยกระท�ำควำมผิดขณะเป็นเยำวชน
คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
969
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนอัยกำร โจทก์
ที่ วยช ๔/๒๕๖๔ จังหวัดนรำธิวำส
นำย ส. จ�ำเลย
ิ
ี
ิ
ี
ั
พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐(๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
ั
ี
ี
พิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของศำลเยำวชน
และครอบครัว คดีน้โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลยท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้เสียหำยซ่งเป็นบิดำ
ี
ึ
ของจ�ำเลย โดยชกต่อยบริเวณใบหน้ำเป็นเหตุให้มีบำดแผลฉีกขำดบริเวณค้วขวำและ
ิ
�
ั
ตำขวำบวมแดง อนเป็นกำรกระทำควำมรุนแรงในครอบครว ขอให้ลงโทษตำม ป.อ.
ั
ึ
และ พ.ร.บ. ส่งเสริมกำรพัฒนำและค้มครองสถำบนครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ ซ่ง พ.ร.บ.
ั
ุ
ิ
ส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้มีกำรแก้ไขเพ่มเติมโดย
ิ
พ.ร.ก. แก้ไขเพ่มเติมพระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมำตรำ ๓ ให้ยกเลิกมำตรำ ๒ เดิม และให้ พ.ร.บ. ส่งเสริมกำรพัฒนำและ
คุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ จะใช้บังคับเม่อใดให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ
ื
ี
ส่วนมำตรำ ๔ บัญญัติให้ในระหว่ำงท่ยังไม่มีกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำตำมมำตรำ ๒
ึ
แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ ซ่งแก้ไข
ี
เพ่มเติมโดยพระรำชก�ำหนดน้ให้ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงใน
ิ
ั
ุ
ั
ครอบครว พ.ศ. ๒๕๕๐ ยงคงมผลใช้บงคบ ปัจจบนยงไม่มกำรตรำพระรำชกฤษฎกำให้
ี
ี
ั
ั
ี
ั
ั
ใช้บังคับจึงต้องบังคับตำม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
ื
พ.ศ. ๒๕๕๐ เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลยกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว ซ่งแม้จะ
ึ
ขอให้ลงโทษตำม พ.ร.บ. ส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒
มำตรำ ๔, ๓๖ แต่ก็เป็นควำมผิดที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ กับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ี
ตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ และ ๒๙๖ ท่มำตรำ ๘ วรรคสอง บัญญัติว่ำ “ในกรณีท่กำร
ี
ึ
กระท�ำควำมผิดตำมมำตรำ ๔ วรรคหน่ง เป็นควำมผิดกรรมเดียวกับควำมผิดตำม
กฎหมำยอื่น ให้ด�ำเนินคดีควำมผิดตำมมำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง ต่อศำลรวมไปกับควำมผิด
ื
ื
ั
ตำมกฎหมำยอ่นน้น เว้นแต่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้นมีอัตรำโทษสูงกว่ำให้ด�ำเนิน
ั
970
ื
่
ั
ี
ี
้
ี
่
ี
ี
ิ
ี
่
ื
ิ
่
ี
คดต่อศำลทมอ�ำนำจพจำรณำควำมผดตำมกฎหมำยอนน้น...” เมอคดนมปัญหำทจะ
ต้องพิจำรณำว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวตำม
พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง
และเป็นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ โดยตำมมำตรำ ๔ วรรคสอง
ได้บัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิด
อันยอมควำมได้ ซ่งกำรแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงในครอบครัวมีควำมละเอียดอ่อน
ึ
ซับซ้อนและเก่ยวข้องกับบุคคลใกล้ชิด จึงมีลักษณะพิเศษโดยมีรูปแบบ วิธีกำร และข้นตอน
ั
ี
ั
ี
ท่มีลักษณะแตกต่ำงจำกกำรด�ำเนินคดีอำญำโดยท่วไป กำรน�ำมำตรกำรทำงอำญำตำม
ป.อ. มำใช้บังคับกับกำรกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัวจึงไม่เหมำะสม เน่องจำก
ื
ี
ื
กำรพิจำรณำคดีอำญำในศำลอ่นมีควำมมุ่งหมำยท่จะลงโทษผู้กระท�ำควำมผิดมำกกว่ำ
ี
กำรพิจำรณำคดีในศำลเยำวชนและครอบครัวท่มุ่งแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท�ำควำมผิด หรือ
ุ
�
ิ
ี
�
ั
ู
ู
ู
ุ
ี
ปกป้องค้มครองผ้ทถกกระทำควำมรนแรงในครอบครว โดยผ้กระทำควำมผดมโอกำส
่
ั
ั
กลับตัวและยับย้งกำรกระท�ำควำมผิดซ้ำ รวมท้งสำมำรถรักษำควำมสัมพันธ์อันด ี
�
ี
ในครอบครัวไว้ กำรท่มำตรำ ๔ วรรคสอง ได้บัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผดอนยอมควำมได้ เมอพจำรณำประกอบเหตผล
ุ
ิ
ื
่
ิ
ั
ในกำรตรำ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงถือ
�
ิ
ั
้
็
ไดวำควำมผดตำมฟองฐำนทำรำยรำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ เปนควำมผดทไดบญญต ิ
่
้
ั
ี
่
้
้
ิ
่
้
�
ไว้ตำมมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. ค้มครองผถกกระทำดวยควำมรุนแรงในครอบครว
ู
ุ
ั
ู้
ี
พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วย ส่วนท่โจทก์ฟ้องในควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๖ ด้วย
เพรำะผู้เสียหำยเป็นบุพกำรีโดยเป็นบิดำของจ�ำเลยอันเป็นบุคคลในครอบครัว
ั
จึงเป็นเหตุฉกรรจ์ของมำตรำ ๒๙๕ ให้ต้องรับโทษหนักข้นเท่ำน้น กรณียังเป็นควำม
ึ
ื
ี
ี
ผิดตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ จึงไม่ใช่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นท่ให้ด�ำเนินคดีต่อศำลท่ม ี
ั
ื
อ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นตำมควำมหมำยของมำตรำ ๘ วรรคสอง ดังน้น
ควำมผิดทั้งสองฐำนจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
_______________________________
971
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๔ ธันวำคม ๒๕๖๓ เวลำกลำงวัน จ�ำเลยได้บังอำจท�ำร้ำย
ร่ำงกำยนำย อ. ผู้เสียหำย ซึ่งเป็นบิดำของจ�ำเลย โดยกำรชกต่อยที่บริเวณใบหน้ำของผู้เสียหำย
ิ
ี
้
ั
อย่ำงแรงหลำยครง ท�ำให้มบำดแผลฉีกขำดบริเวณค้วขวำและตำขวำบวมแดงปรำกฏ
ตำมใบรับรองแพทย์ท้ำยฟ้อง อันเป็นกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว เหตุเกิดที่ต�ำบลบองอ
อ�ำเภอระแงะ จังหวัดนรำธิวำส ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕, ๒๙๖
พระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัวพ.ศ. ๒๕๖๒ มำตรำ ๔, ๓๖
จ�ำเลยให้กำรรับสำรภำพตำมฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดนรำธิวำสเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลยได้ท�ำร้ำยร่ำงกำยนำย อ. ผู้เสียหำยซึ่งเป็น
ิ
บิดำของจ�ำเลย โดยชกต่อยบริเวณใบหน้ำเป็นเหตุให้มีบำดแผลฉีกขำดบริเวณค้วขวำและ
ตำขวำบวมแดง อันเป็นกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำย
อำญำ มำตรำ ๒๙๕, ๒๙๖ และพระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๖๒ มำตรำ ๔, ๓๖ ซึ่งพระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว
ิ
ิ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้มีกำรแก้ไขเพ่มเติมโดยพระรำชก�ำหนดแก้ไขเพ่มเติมพระรำชบัญญัติส่งเสริม
กำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมำตรำ ๓ ให้ยกเลิกมำตรำ ๒ เดิม
และให้พระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ จะใช้
บังคับเม่อใดให้ตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ ส่วนมำตรำ ๔ บัญญัติให้ในระหว่ำงท่ยังไม่มีกำรตรำ
ี
ื
พระรำชกฤษฎีกำตำมมำตรำ ๒ แห่งพระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบัน
ิ
ี
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ ซ่งแก้ไขเพ่มเติมโดยพระรำชก�ำหนดน้ให้พระรำชบัญญัติคุ้มครอง
ึ
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ยังคงมีผลใช้บังคับ ปัจจุบันยังไม่ม ี
กำรตรำพระรำชกฤษฎีกำให้ใช้บังคับจึงต้องบังคับตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ื
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลยกระท�ำควำม
รุนแรงในครอบครัว ซ่งแม้จะขอให้ลงโทษตำมพระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครอง
ึ
สถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ มำตรำ ๔, ๓๖ แต่ก็เป็นควำมผิดท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคหน่ง
ึ
ี
แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ กับควำมผิด
972