The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ


บริษัทด้วย จ�ำเลยท้งหกจงใจกระท�ำละเมิดและผิดสัญญำต่อโจทก์โดยลอกเลียนหลักสูตร






กำรฝึกอบรมอนเป็นสทธเฉพำะของโจทก์ไปเป็นของตนและร่วมกนโฆษณำหลกสตรกำร
ฝึกอบรมว่ำได้รับกำรรับรองมำตรฐำนจำกสถำบันฝึกอบรมนอกชำยฝั่งของสหรำชอำณำจักร



(OPITO) โดยมีอัตรำค่ำฝึกอบรมท่มีรำคำต่ำกว่ำโจทก์ท้งท่หลำยหลักสูตรยังไม่ได้รับกำร

รับรอง ท�ำให้ลูกค้ำบริษัทโจทก์หลงเช่อและถอนกำรฝึกอบรมแล้วเปล่ยนไปฝึกอบรมกับ


จ�ำเลยที่ ๑ เป็นกำรแสวงหำประโยชน์ในทำงกำรค้ำโดยรู้อยู่แล้วว่ำเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์และ
จงใจแย่งลูกค้ำไปจำกโจทก์ โดยจงใจท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งหก


ร่วมกันช�ำระเงิน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำก
วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยท้งหกระงับกำรด�ำเนินกิจกำรซ่งได้ลอกเลียน


หลักสูตรกำรฝึกอบรมทั้งหมดอันเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ค�ำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้บรรยำยว่ำหลักสูตรของโจทก์มีหลักสูตรใดบ้ำง หลักสูตร

ท่โจทก์อ้ำงว่ำเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์น้นโจทก์ไม่ได้น�ำไปจดทะเบียนสิทธิบัตรหรือลิขสิทธ ิ ์



น่ำจะไม่ได้เป็นควำมลับทำงกำรค้ำแต่เป็นงำนสำธำรณะท่สำมำรถเข้ำถึงได้ จ�ำเลยท่ ๑

ไม่ได้ประกอบกิจกำรในลักษณะเดียวกับโจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๖ ไม่ได้ร่วมกันลอกเลียน


หลักสูตรของโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๔ ร่วมกันคิดและก�ำหนดอัตรำค่ำฝึกอบรมด้วยควำมรู้


ควำมสำมำรถ ทักษะและประสบกำรณ์ของตนเองโดยไม่ได้ลอกเลียนจำกผู้ใด จ�ำเลยท่ ๑

ได้รับกำรรับรองมำตรฐำนจำกสถำบันฝึกอบรมนอกชำยฝั่งของสหรำชอำณำจักร (OPITO) แล้ว







และทำตำมหลักเกณฑ์เกยวกบกำรฝึกอบรมของสถำบนดงกล่ำวหรือสถำบนอ่น ก่อนหน้ำน ้ ี



จ�ำเลยท่ ๑ เพียงแต่เตรียมกำรและแจ้งแก่ลูกค้ำว่ำยังไม่เร่มรับสมัครกำรฝึกอบรมและไม่เคย




โฆษณำวำผำนกำรรบรองมำตรฐำนกอนเรมรบสมครกำรฝกอบรม โจทกทำบนทกขอตกลงเลกจำง













จ�ำเลยท่ ๕ และท่ ๖ โดยจ�ำกัดสิทธิหรือเสรีภำพในกำรประกอบวิชำชีพอันไม่เป็นธรรม จ�ำเลยท่ ๒



ถึงท่ ๖ ไม่เคยน�ำควำมลับทำงกำรค้ำหรือทำงธุรกิจหรือหลักสูตรกำรเรียนกำรสอนของโจทก์


ไปเผยแพร่แก่จ�ำเลยท่ ๑ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่ำเสียหำยตำมค�ำฟ้อง คดีระหว่ำงโจทก์กับ
จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ อยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลแรงงำนภำค ๒ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพัทยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
473

วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประกอบกิจกำรในลักษณะเดียวกับโจทก์

โดยมีจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ซึ่งเคยเป็นพนักงำนบริษัทโจทก์ เป็นกรรมกำรบริษัท และมีจ�ำเลยที่ ๕

และที่ ๖ ซึ่งเคยเป็นพนักงำนโจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ ด้วย ระหว่ำงที่จ�ำเลยที่ ๒
ถึงที่ ๖ ท�ำงำนกับโจทก์ มีสัญญำระบุว่ำจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ จะไม่น�ำควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์





หรอเอำหลักสตรกำรเรียนกำรสอนไปเผยแพร่แก่บคคลภำยนอก แต่จ�ำเลยท ๒ ถึงท่ ๖ กลับ












ร่วมกันจัดตงบรษทจำเลยท่ ๑ เพอประกอบกจกำรในลกษณะเดียวกับโจทก์แล้วลำออกจำก
บริษัทโจทก์เพ่อไปท�ำงำนท่บริษัทจ�ำเลยท่ ๑ และได้ลอกเลียนหลักสูตรกำรฝึกอบรมอันเป็น



สิทธิเฉพำะของโจทก์ไปเป็นของตนและร่วมกันโฆษณำหลักสูตรกำรฝึกอบรมว่ำได้รับกำรรับรอง
มำตรฐำนจำกสถำบันฝึกอบรมนอกชำยฝั่งของสหรำชอำณำจักร (OPITO) โดยมีอัตรำค่ำฝึกอบรม

ท่มีรำคำต่ำกว่ำโจทก์ท้งท่หลำยหลักสูตรยังไม่ได้รับกำรรับรอง ท�ำให้ลูกค้ำบริษัทโจทก์หลงเช่อและ




ถอนกำรฝึกอบรมแล้วเปลี่ยนไปฝึกอบรมกับจ�ำเลยที่ ๑ เป็นกำรแสวงหำประโยชน์ในทำงกำรค้ำ
โดยรู้อยู่แล้วว่ำเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์และจงใจแย่งลูกค้ำไปจำกโจทก์ โดยจงใจท�ำให้โจทก์
ได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ เคยมีนิติสัมพันธ์เป็น



นำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ ได้ปฏิบัติผิดข้อตกลงใน


สัญญำจ้ำงแรงงำนท่ให้ไว้ต่อโจทก์ในขณะท่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงและกระท�ำละเมิด

ต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงเกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนด้วยกำรจัดตั้งบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ ขึ้น


เพ่อประกอบกิจกำรท่มีลักษณะเดียวกันแข่งขันกับโจทก์และน�ำควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์



เกยวกบหลกสตรกำรฝึกอบรมต่ำง ๆ ไปเผยแพร่หำประโยชน์จำกบคคลภำยนอกและชกชวน




ลูกค้ำโจทก์ไปเป็นลูกค้ำจ�ำเลยท่ ๑ รวมท้งเรียกเก็บค่ำฝึกอบรมแต่ละหลักสูตรต่ำกว่ำโจทก์



แม้จ�ำเลยที่ ๑ จะเป็นนิติบุคคลแยกต่ำงหำกจำกจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ก็ตำม แต่จ�ำเลยที่ ๑ ก็เป็น




นิติบุคคลท่จัดต้งข้นโดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ท่ต่ำงร่วมกันเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำร


แทนจ�ำเลยที่ ๑ โดยมีจ�ำเลยที่ ๕ และที่ ๖ เป็นพนักงำน ซึ่งจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ล้วนแต่เคยเป็น
พนักงำนโจทก์ ดังน้น กำรประกอบกิจกำรในทำงธุรกิจของจ�ำเลยท่ ๑ อันเป็นกำรแข่งขันกับโจทก์









โดยจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ ดังกล่ำวย่อมเป็นกรณีท่สืบเน่องมำจำกกำรท่จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ ผิดสัญญำ
จ้ำงแรงงำนที่ท�ำไว้แก่โจทก์และเกี่ยวเนื่องกับสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑
ถึงท่ ๖ จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่



มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัต ิ

จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
474

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ





















































475

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทนครภิรมย์ พร็อพเพอร์ตี้


ที่ วร ๑๐/๒๕๖๑ จำกด โจทก์
นำงสำวตวงปภำ

กฤตพันทวี จ�ำเลย

โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ โดยมีสัญญำจ้ำงงำนและสัญญำ
















รกษำควำมลบและหำมแขงขน ระบวำ จำเลยตองไม่เปิดเผยขอมลของโจทกใหแกบคคลใด
และห้ำมแข่งขันกับโจทก์ โดยระหว่ำงกำรท�ำงำนและภำยในก�ำหนดเวลำสองปีนับแต่วัน



ส้นสุดกำรท�ำงำน จ�ำเลยจะไม่รับจ้ำงท�ำงำนกับผู้อ่นท่ประกอบกิจกำรคล้ำยคลึงกับโจทก์

ท้งโดยตรงหรือโดยอ้อม ต่อมำจ�ำเลยได้ลำออกแล้วเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของบริษัท อ.

ท่ประกอบกิจกำรบริหำรอำคำรชุดเช่นเดียวกับโจทก์ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย


ซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนท่ให้ไว้ต่อโจทก์ในขณะท่ม ี



นิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำของโจทก์

ตำมค�ำฟ้องจึงสืบเน่องมำจำกสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันที่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๑๙ กรกฎำคม ๒๕๕๙ โจทก์
ทำสญญำจ้ำงจำเลยท�ำงำนตำแหน่งผ้จดกำรอำคำร กำหนดค่ำจ้ำงเดอนละ ๓๑,๕๐๐ บำท










มีหน้ำท่บริหำรจัดกำรควบคุมอำคำรชุดตำมท่โจทก์มอบหมำย โดยมีสัญญำจ้ำงก�ำหนดว่ำจ�ำเลย
ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของโจทก์ให้แก่บุคคลใดและห้ำมแข่งขันกับโจทก์ โดยระหว่ำงกำรท�ำงำน








และภำยในกำหนดเวลำสองปีนบแต่วนสนสดกำรทำงำน จำเลยจะไม่รบจ้ำงทำงำนกบผ้อนท ี ่







ประกอบกิจกำรคล้ำยคลึงกับโจทก์ท้งโดยตรงหรือโดยอ้อมหำกฝ่ำฝืนยอมให้โจทก์เลิกจ้ำงและ
จ�ำเลยจะต้องช�ำระค่ำเสียหำย ๒๘๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ ต่อมำโจทก์ได้รับจ้ำงบริหำรอำคำรชุด

แบงค์คอก ฮอไรซอน พี ๔๘ จึงมอบหมำยให้จ�ำเลยจัดกำรดูแลอำคำรชุดดังกล่ำว ต่อมำเม่อ

โจทกสนสดสญญำจำงบรหำรอำคำรชดแบงคคอก ฮอไรซอน พ ๔๘ แลว จำเลยไดลำออกแลวเขำ














ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของบริษัทอินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จ�ำกัด ที่ประกอบกิจกำรบริหำรอำคำร
ชุดและเข้ำรับจ้ำงบริหำรอำคำรชุดแบงค์คอก ฮอไรซอน พี ๔๘ แทนโจทก์ จึงเป็นกำรฝ่ำฝืน
สัญญำจ้ำงท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒๘๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๒๗๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
476

จ�ำเลยให้กำรว่ำ หนังสือมอบอ�ำนำจไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง สัญญำจ้ำง

ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท�ำข้นโดยกรรมกำรบริษัทโจทก์ลงนำมแต่ไม่ประทับตรำส�ำคัญของบริษัท


จึงไม่มีผลผูกพันตำมกฎหมำย ข้อสัญญำท่ห้ำมจ�ำเลยท�ำงำนกับนำยจ้ำงอ่นหลังส้นสุดกำรท�ำงำน




กับโจทก์เป็นข้อสัญญำท่ไม่เป็นธรรม งำนท่โจทก์ท�ำไม่มีลักษณะท่เป็นควำมลับ ฟ้องโจทก์
เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงพระนครเหนือเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ








พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ












วนจฉัยตำมพระรำชบญญัตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง


วนิจฉัยว่ำ โจทกบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลกจำงโจทก์โดยมสญญำจำงงำน





เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ และสัญญำรักษำควำมลับและห้ำมแข่งขัน เอกสำรท้ำยค�ำฟ้อง
หมำยเลข ๔ ระบุว่ำ จ�ำเลยต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของโจทก์ให้แก่บุคคลใดและห้ำมแข่งขันกับ

โจทก์ โดยระหว่ำงกำรท�ำงำนและภำยในก�ำหนดเวลำสองปีนับแต่วันส้นสุดกำรท�ำงำน จ�ำเลย



จะไม่รับจ้ำงท�ำงำนกับผู้อ่นท่ประกอบกิจกำรคล้ำยคลึงกับโจทก์ท้งโดยตรงหรือโดยอ้อม หำก
ฝ่ำฝืนยอมให้โจทก์เลิกจ้ำงและจ�ำเลยจะต้องช�ำระค่ำเสียหำย ๒๘๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ ต่อมำ
จ�ำเลยได้ลำออกแล้วเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของบริษัทอินเตอร์ เรียลต้ แมเนจเม้นท์ จ�ำกัด ท ี ่

ประกอบกิจกำรบริหำรอำคำรชุดเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรฝ่ำฝืนสัญญำจ้ำงท�ำให้โจทก์เสียหำย

จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน


ท่ให้ไว้ต่อโจทก์ในขณะท่มีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่ง



ข้อหำของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจึงสืบเน่องมำจำกสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน


ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
477

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแอคเซส เวิลด์ โลจิสติกส์

ที่ วร ๒๖/๒๕๖๑ (ประเทศไทย) จ�ำกัด

กับพวก โจทก์
นำงสำวระพีพรรณ

จันทรัศมี จ�ำเลย


ฟ้องว่ำจ�ำเลยจดทะเบียนตั้งบริษัท ซ. ซึ่งประกอบกิจกำรที่มีสภำพเดียวกันหรือ



ธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสองโดยตรง และดึงตัวลูกค้ำและพนักงำนของ








โจทก์ทงสองไป เป็นกำรไม่ซอสตย์และมผลประโยชน์ขดแย้งกบผลประโยชน์ของโจทก์
ท้งสอง จงใจท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย เป็นกำรฝ่ำฝืนสัญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมิด


ต่อโจทก์ทั้งสอง ท�ำให้โจทก์ทั้งสองได้รับควำมเสียหำย เป็นคดีแรงงำน
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน เม่อวันท่ ๑ ตุลำคม ๒๕๔๗
จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนกับโจทก์ท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรประจ�ำประเทศไทย แผนกกำรบริกำรจัดกำร


สินค้ำหลักประกัน มีอ�ำนำจควบคุมดูแลกิจกำรและพนักงำนของโจทก์ท้งสองในฐำนะผู้บริหำร
สูงสุดในประเทศไทย ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๒๓๓,๒๐๐ บำท โดยมีสัญญำจ้ำงแรงงำน

ระบุว่ำจ�ำเลยจะไม่เปิดเผยควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์ท้งสองไม่ช่วยเหลือหรือท�ำงำนในองค์กร






อ่นใดท่ประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกันหรือธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสอง และห้ำม
ชักชวนหรือโน้มน้ำวลูกค้ำหรือพนักงำนของโจทก์ท้งสองเพ่อให้เลิกสัญญำจ้ำงกับโจทก์ท้งสอง






แล้วไปท�ำงำนกับผู้อ่น ต่อมำวันท่ ๒๙ กันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยย่นหนังสือลำออก โดยให้มีผล
เป็นกำรลำออกวันที่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๕๙ แต่ในวันที่ ๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยจดทะเบียน


ต้งบริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซ่งประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกัน


หรือธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสองโดยตรง และดึงตัวลูกค้ำและพนักงำนของโจทก์











ทงสองไป เป็นกำรไม่ซอสตย์และมผลประโยชน์ขดแย้งกบผลประโยชน์ของโจทก์ทงสอง จงใจ



ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย เป็นกำรฝ่ำฝืนสญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมดต่อโจทก์ท้งสอง


ทำให้โจทก์ทงสองได้รบควำมเสยหำย โจทก์ทงสองจงเลกจ้ำงจำเลยได้โดยไม่ต้องจ่ำยโบนส










และสิทธิประโยชน์แก่จ�ำเลยขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยจำกกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำน
478






๔,๑๒๘,๘๙๔.๓๘ บำทพรอมดอกเบี้ยอัตรำรอยละ ๗.๕ ตอป จำกตนเงิน ๓,๙๓๓,๓๐๖.๖๗ บำท
นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ท้งสองและช�ำระค่ำเสียหำยจำกกำร

ผิดสัญญำห้ำมค้ำแข่งขันและห้ำมชักชวนลูกค้ำหรือพนักงำน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะหยุดกำรปฏิบัติผิดสัญญำห้ำมค้ำแข่งขัน

และห้ำมชักชวนลูกค้ำหรือพนักงำนหรือจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ท้งสองและให้จ�ำเลยยุต ิ
กำรประกอบธุรกิจแข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสองและยุติกำรประกอบธุรกิจของบริษัทซีเอ็ม

เอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด เป็นระยะเวลำ ๑๒ เดือน ให้จ�ำเลยลำออกจำกกำรเป็น

กรรมกำรและโอนหุ้นที่ถือในบริษัทดังกล่ำวให้บุคคลอื่นเป็นระยะเวลำ ๑๒ เดือน หรือให้จ�ำเลย

ชดใช้ค่ำเสียหำยเดือนละ ๕๐๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำจะพ้นก�ำหนดระยะเวลำ ๑๒ เดือน นับแต่วันที่

ศำลมีค�ำพิพำกษำถึงที่สุด แก่โจทก์ทั้งสอง และให้จ�ำเลยด�ำเนินกำรให้บริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส

(ประเทศไทย) จ�ำกัด ยกเลิกกำรให้บริกำรกับอดีตลูกค้ำของโจทก์ทั้งสอง และห้ำมชักชวนลูกค้ำ
ของโจทก์ท้งสองท่จ�ำเลยเคยติดต่อในช่วง ๓ ปีสุดท้ำย ก่อนพ้นสภำพกำรเป็นลูกจ้ำงไปเป็นลูกค้ำ


หรือท�ำธุรกิจกับจ�ำเลยหรือบุคคลใดท่จ�ำเลยเป็นกรรมกำร ผู้ถือหุ้น หรือมีส่วนร่วมในกำรประกอบ

ธุรกิจอันเป็นกำรแข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ทั้งสองเป็นระยะเวลำ ๑๒ เดือน หรือให้จ�ำเลยชดใช้
ค่ำเสียหำยเดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท ต่อเดือน ส�ำหรับลูกค้ำหน่งรำยจนกว่ำจะปฏิบัติให้เป็นไป

ตำมค�ำพิพำกษำแก่โจทก์ทั้งสอง

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นลูกจ้ำงของโจทก์ที่ ๒ จ�ำเลยไม่ได้ท�ำสัญญำจะไม่เปิด

เผยควำมลับทำงธุรกิจ ไม่ช่วยเหลือหรือท�ำงำนในองค์กรอ่นใดท่ประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกัน



หรือธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำ และห้ำมชักชวนหรือโน้มน้ำวลูกค้ำหรือพนักงำนกับโจทก์ท่ ๑



เพียงแต่ท�ำสัญญำกับโจทก์ท่ ๒ ซ่งข้อสัญญำดังกล่ำวมีวัตถุประสงค์ขัดต่อควำมสงบเรียบร้อย


และศีลธรรมอันดีของประชำชนจึงเป็นโมฆะ หำกไม่เป็นโมฆะก็ถือเป็นข้อสัญญำท่ไม่เป็นธรรม
กำรจัดตั้งบริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ไม่ได้กระทบกำรท�ำงำนของจ�ำเลย
ในฐำนะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ท่ ๑ ไม่เป็นกำรละเมิดหรือผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ท่ ๑


โจทก์ท้งสองไม่ได้มีควำมลับทำงกำรค้ำ จึงไม่ได้รับควำมเสียหำย ค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ท้งสอง


ไม่สำมำรถปฏิบัติตำมได้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙

วรรคสอง

479



วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสองบรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน

จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนกับโจทก์ท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรประจ�ำประเทศไทย แผนกกำรบริกำรจัดกำร
สินค้ำหลักประกัน มีอ�ำนำจควบคุมดูแลกิจกำรและพนักงำนของโจทก์ท้งสองในฐำนะผู้บริหำร

สูงสุดในประเทศไทย โดยมีสัญญำจ้ำงแรงงำนระบุว่ำจ�ำเลยจะไม่เปิดเผยควำมลับทำงธุรกิจของ




โจทก์ท้งสอง ไม่ช่วยเหลือหรือท�ำงำนในองค์กรอ่นใดท่ประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกันหรือธุรกิจ
ที่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ทั้งสอง และห้ำมชักชวนหรือโน้มน้ำวลูกค้ำหรือพนักงำนของโจทก์

ท้งสองเพ่อให้เลิกสัญญำจ้ำงกับโจทก์ท้งสองแล้วไปท�ำงำนกับผู้อ่น ระหว่ำงสัญญำจ้ำงแรงงำน



ยังไม่สิ้นสุด จ�ำเลยจดทะเบียนตั้งบริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซึ่งประกอบ
กิจกำรที่มีสภำพเดียวกันหรือธุรกิจที่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ทั้งสองโดยตรง และดึงตัวลูกค้ำ


และพนักงำนของโจทก์ท้งสองไป เป็นกำรไม่ซ่อสัตย์และมีผลประโยชน์ขัดแย้งกับผลประโยชน์

ของโจทก์ท้งสอง จงใจท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย เป็นกำรฝ่ำฝืนสัญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมิด



ต่อโจทก์ท้งสอง ท�ำให้โจทก์ท้งสองได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ท้งสองกับ





จำเลยเคยมนิตสมพนธ์เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน แต่จำเลยปฏบัตผิด





ข้อตกลงในสัญญำจ้ำงแรงงำนท่ให้ไว้ต่อโจทก์ท้งสองในขณะท่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงและ




ลูกจ้ำงและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองผู้เป็นนำยจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน

คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำง



แรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒



มำตรำ ๘ (๑) และ (๕) ส่วนจ�ำเลยจะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ท่ ๒ ตำมท่จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ด้วย
หรือไม่เป็นเนื้อหำแห่งคดีที่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำพิพำกษำจำกองค์คณะผู้พิพำกษำต่อไป
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

480

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทวิชั่น ออน จ�ำกัด โจทก์

ที่ วร ๔๐/๒๕๖๒ นำงกรเอก ทำคำฮำชิ จ�ำเลย


โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน บิดำ



และพ่สำวของโจทก์เปิดบริษัท บ. โดยใช้ภูมิล�ำเนำของจ�ำเลยเป็นท่ต้งส�ำนักงำน



และจ�ำเลยได้น�ำข้อมูลของบริษัท อ. ซ่งเป็นลูกค้ำประจ�ำของโจทก์ไปใช้ส่งซ้อ

สินค้ำและบริกำรจำกบริษัท บ. ท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำรขำดรำยได้จำกบริษัท
ดังกล่ำว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำม


สัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันที่ ๑๖ มิถุนำยน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๑ โจทก์

จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำร ก�ำหนดค่ำจ้ำงเดือนละ ๓๑,๕๐๐ บำท มีหน้ำท ี ่


บริหำรจัดกำรติดต่อประสำนงำนกับลูกค้ำตำมปกติกำรค้ำของโจทก์ ต่อมำวันท่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๑

จ�ำเลยได้ลำออกจำกกำรท�ำงำน ต่อมำโจทก์ตรวจสอบพบว่ำ ปี ๒๕๕๖ บิดำและพ่สำว

ของโจทก์เปิดบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด โดยใช้ภูมิล�ำเนำของจ�ำเลยเป็นท่ต้งส�ำนักงำน และในระหว่ำง

ท่จ�ำเลยท�ำงำนกับโจทก์น้น จ�ำเลยได้น�ำข้อมูลของบริษัทแอส เทลลัส ฟำร์มำ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด



ซ่งเป็นลูกค้ำประจ�ำของโจทก์ไปใช้ส่งซ้อสินค้ำและบริกำรจำกบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด


ท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำรขำดรำยได้จำกบริษัทดังกล่ำว รวม ๒๗๐,๙๗๕.๑๕ บำท ขอให้
บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒๗๐,๙๗๕.๑๕ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน

๒๗๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


ช้นไกล่เกล่ย ศำลแขวงสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ


พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน บิดำ



และพ่สำวของโจทก์เปิดบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด โดยใช้ภูมิล�ำเนำของจ�ำเลยเป็นท่ต้งส�ำนักงำน

และจ�ำเลยได้น�ำข้อมูลของบริษัทแอส เทลลัส ฟำร์มำ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด ซ่งเป็นลูกค้ำประจ�ำ

ของโจทก์ไปใช้สั่งซื้อสินค้ำและบริกำรจำกบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด ท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำร



481

ขำดรำยได้จำกบริษัทดังกล่ำว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซึ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำที่


ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท ่ ี

ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




นำยไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ










































482

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำววีรวรรณ ขอไพบูลย์ โจทก์

ที่ วร ๑๑๗/๒๕๖๑ บริษัทไทยสโตเรจ แบตเตอรี่

จ�ำกัด (มหำชน) กับพวก จ�ำเลย





โจทก์ไม่มีวันเวลำท�ำงำนท่แน่นอน หำกจ�ำเลยท ๑ ต้องกำรปรึกษำงำนกับ




โจทก์ โจทก์จะเข้ำไปท�ำงำนตำมท่จ�ำเลยท ๑ นัดหมำย โจทก์ไม่เคยย่นใบลำป่วยหรือ
ลำพักผ่อน อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์มีอิสระในกำรท�ำงำนโดยไม่อยู่ภำยใต้ข้อบังคับ
เก่ยวกับกำรท�ำงำนของจ�ำเลยท ๑ ดงนน กำรท�ำงำนของโจทก์ในฐำนะเป็นท่ปรึกษำ












ในกำรด�ำเนินกิจกำรของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นกรณีท่โจทก์ตกลงรับท�ำกำรส่งใดส่งหน่ง



จนส�ำเร็จให้แก่จ�ำเลยท้งส แล้วจ�ำเลยท้งส่ตกลงจ่ำยสินจ้ำงเพ่อผลส�ำเร็จแห่งกำร








ท่ท�ำน้น อันมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงท�ำของ โจทก์และจ�ำเลยท้งส่จึงไม่มีนิติสัมพันธ์ใน
ฐำนะเป็นลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________

โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นกรรมกำรและประธำนเจ้ำหน้ำท่บริหำร

ของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคล
ประเภทบริษัทจ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีจ�ำเลยที่ ๔ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน























จำเลยท ๓ เป็นนตบคคลประเภทบรษทจำกด ตงอย่ทประเทศญป่น มจำเลยท ๒ เป็นผ้แทน

หรอตวแทนในประเทศไทย ปี ๒๕๖๐ โจทก์และบุคคลในครอบครวขอไพบลย์ได้ทำสญญำขำย





หุ้นในกิจกำรผลิตและจ�ำหน่ำยแบตเตอร่สำมเคท่ด�ำเนินกำรโดยบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ พร้อมขำย



กิจกำรบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ และบริษัทในเครืออีก ๔ บริษัท ให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ โดยโจทก์และบุคคล


ในครอบครัวขอไพบูลย์มีข้อตกลงกับจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ซ่งเป็นผู้บริหำรบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ ว่ำ


จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ จะให้โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ด�ำรงต�ำแหน่งประธำนเจ้ำหน้ำที่
บรหำรรวมในบรษทจำเลยท ๑ และบรษทในเครอ ตอมำภำยหลงจำกขำยหนดงกลำว จำเลยท ๒




















ถึงท่ ๔ จ้ำงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ให้เป็นประธำนเจ้ำหน้ำท่บริหำรร่วมท�ำหน้ำท ่ ี

ท่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำรและรับผิดชอบควบคุมข้อโต้แย้ง ฟ้องร้อง หรือต่อสู้ในข้อพิพำท



เก่ยวกับภำษีศุลกำกรตำมท่ได้รับกำรแจ้งเป็นครำว ๆ ไปโดยไม่ก�ำหนดวันเวลำและสถำนท่ท�ำงำน

จ�ำเลยท่ ๑ และบริษัทในเครือตกลงจะจ่ำยเงินตอบแทนรำยเดือนพร้อมโบนัสประจ�ำปีให้โจทก์

483


และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์จนถึงปี ๒๕๖๑ หรือ ๒๕๖๒ แล้วแต่ข้อตกลงท่ท�ำกับแต่ละบุคคล
โดยโจทก์จะได้รับค่ำตอบแทนเดือนละ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมโบนัสประจ�ำปีเท่ำกับค่ำตอบแทน









รำยเดอน ๘ เดอน โจทก์ได้รบค่ำตอบแทนรำยเดอนนบแต่วนทำสญญำขำยห้นจนถงเดอน


มกรำคม ๒๕๖๑ แต่ยังไม่ได้รับโบนัสประจ�ำปี ๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ จ�ำเลยที่ ๔


ให้โจทก์ท�ำกำรวิเครำะห์เหตุผลต่ำง ๆ ท่บริษัทจ�ำเลยท่ ๑ เผชิญอยู่ในปัจจุบันและก�ำหนดให้
โจทก์ต้องเข้ำท�ำงำนที่บริษัทดังกล่ำวระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และ
วันพฤหัสบดี อันเป็นกำรเปล่ยนแปลงสำระส�ำคัญของข้อตกลงโดยโจทก์มิได้ยินยอม ต่อมำ


จ�ำเลยท่ ๔ มหนังสือแจ้งว่ำโจทก์ละท้งงำนพร้อมกับเลิกกำรจ้ำงโจทก์พร้อมกับระงบกำรจ่ำย



ค่ำตอบแทนรำยเดือนนับแต่เดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๑และระงับกำรจ่ำยโบนัสประจ�ำปี ๒๕๖๐

แก่โจทก์ โจทก์มิได้ท�ำงำนในฐำนะเป็นลูกจ้ำงหรืออยู่ภำยใต้อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยท้ง
สี่ กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสี่เป็นกำรผิดสัญญำต่ำงตอบแทน ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสี่ร่วมกันจ่ำย
ค่ำตอบแทนรำยเดือนและโบนัส รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน ๒๗,๓๘๒,๕๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๒๗,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
แก่โจทก์




จ�ำเลยท้งส่ให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ท�ำสัญญำซ้อขำยหุ้นบริษัท
จ�ำเลยที่ ๑ กับโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ ส่วนจ�ำเลยอื่นไม่เคยเป็นคู่สัญญำซื้อขำย

หุ้นดังกล่ำวจึงไม่มีหน้ำท่และควำมรับผิดใดต่อโจทก์ตำมสัญญำซ้อขำยหุ้น นอกจำกน้นตำมสัญญำ



ซ้อขำยหุ้นไม่มีข้อตกลงใดท่จะให้โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ด�ำรงต�ำแหน่งประธำน

เจ้ำหน้ำท่บริหำรร่วมในบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ และบริษัทในเครือ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนำยจ้ำงเพียง









รำยเดยวของโจทก์ตงแต่ก่อนทำสญญำซอขำยห้น กระทงขำยห้นแล้ว แม้โจทก์จะถอนตว







จำกกำรเป็นเจ้ำหน้ำท่บริหำรแต่ยังคงเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ ต่อไปจนถึงวันท่ ๒๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑




อันเป็นวันเลิกจ้ำงโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นนำยจ้ำงท่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำโจทก์ตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน แต่จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ไม่มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ จ�ำเลยท้งส ่ ี



ไม่เคยมีข้อตกลงก�ำหนดขอบเขตกำรท�ำงำนของโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ตำมฟ้อง
ไม่เคยมีข้อตกลงจ่ำยโบนัสประจ�ำปีแก่โจทก์ เม่อโจทก์เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ จึงต้องท�ำหน้ำท ี ่


ตำมค�ำสั่ง กฎระเบียบ ข้อบังคับของจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อจ�ำเลยที่ ๑ ก�ำหนดให้โจทก์ต้องเข้ำท�ำงำน
ระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และวันพฤหัสบดี แล้วโจทก์ไม่เข้ำท�ำงำน




จึงเป็นกำรละท้งหน้ำท่สำมวันท�ำงำนติดต่อกัน กำรท่จ�ำเลยท่ ๑ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์จึงชอบ





ด้วยกฎหมำยแลว ขอตกลงทจ�ำเลยท่ ๓ รบรองว่ำจะไม่เลกจำงลูกจำงของจ�ำเลยท ๑ หมำยควำม






เฉพำะลูกจ้ำงทั่วไป ไม่รวมถึงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคล
484



แยกต่ำงหำกจำกจ�ำเลยท่ ๓ จ�ำเลยท่ ๒ ประกอบธุรกิจในนำมตนเองไม่ได้เป็นตัวแทนของ
จ�ำเลยที่ ๓ และจ�ำเลยที่ ๓ ไม่ได้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ










พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ











วนจฉัยตำมพระรำชบญญัตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ท�ำสัญญำขำย


หุ้นในกิจกำรผลิตและจ�ำหน่ำยแบตเตอร่สำมเคท่ด�ำเนินกำรโดยบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ พร้อมขำยกิจกำร

บริษัทจ�ำเลยที่ ๑ และบริษัทในเครืออีก ๓ บริษัท ให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔
ซึ่งเป็นผู้บริหำรจ�ำเลยที่ ๑ จ้ำงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ให้เป็นประธำนเจ้ำหน้ำที่
บริหำรร่วมตำมที่ได้ตกลงกันไว้ โดยโจทก์ท�ำหน้ำที่ที่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำรและรับผิดชอบ


ควบคุมข้อโต้แย้ง ฟ้องร้อง หรือต่อสู้ในข้อพิพำทเก่ยวกับภำษีศุลกำกรตำมท่ได้รับกำรแจ้ง
เป็นครำว ๆ ไปโดยไม่ก�ำหนดวันเวลำและสถำนท่ท�ำงำน โจทก์มิได้ท�ำงำนในฐำนะเป็นลูกจ้ำง


หรืออยู่ภำยใต้อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยท้งส่ โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ได้รับ


เงินตอบแทนเป็นรำยเดือนพร้อมโบนัสประจ�ำปี แต่ต่อมำจ�ำเลยท่ ๔ ให้โจทก์ท�ำกำรวิเครำะห์
เหตุผลต่ำง ๆ ที่บริษัทจ�ำเลยที่ ๑ เผชิญอยู่ในปัจจุบันและก�ำหนดให้โจทก์ต้องเข้ำท�ำงำนที่บริษัท
ดังกล่ำวระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และวันพฤหัสบดี เป็นกำรเปล่ยนแปลง



สำระส�ำคัญของข้อตกลงโดยโจทก์มิได้ยินยอม ต่อมำจ�ำเลยท่ ๔ มีหนังสือแจ้งว่ำโจทก์ละท้งงำน

พร้อมกับเลิกจ้ำงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งส่เป็นกำร


ผิดสัญญำต่ำงตอบแทนตำมค�ำฟ้องโจทก์ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ซ่งเป็น




คู่สัญญำตำมสัญญำซ้อขำยหุ้นและกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ กระท�ำผิดข้อตกลงอันเป็นส่วนหน่ง


ของสัญญำซ้อขำยหุ้นท่ตกลงให้โจทก์ท�ำหน้ำท่ท่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำรและรับผิดชอบ



ควบคุมข้อโต้แย้ง ฟ้องร้อง หรือต่อสู้ในข้อพิพำทเก่ยวกับภำษีศุลกำกรตำมท่ได้รับกำรแจ้งเป็น


ครำว ๆ ไปโดยไม่ก�ำหนดวันเวลำและสถำนที่ท�ำงำน แต่ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔







เปลยนแปลงสำระสำคญของข้อตกลงดงกล่ำวโดยกำหนดให้โจทก์ต้องเข้ำทำงำนทบรษทจำเลย





ที่ ๑ ระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และวันพฤหัสบดี ทั้งยังกล่ำวอ้ำงด้วย


ว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท้งส่มิได้มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน

ซ่งเม่อพิจำรณำประกอบส�ำเนำข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนของจ�ำเลยท่ ๑ เอกสำรท้ำยค�ำให้



กำรหมำยเลข ๗ ก�ำหนดให้ค�ำจ�ำกัดควำมของ “พนักงำน” แยกต่ำงหำกจำก “ที่ปรึกษำบริษัทฯ”

โดย “พนักงำน” หมำยถึง ลูกจ้ำงตำมกฎหมำยคุ้มครองแรงงำน ส่วน “ท่ปรึกษำบริษัทฯ”
485





หมำยถึง ผู้ทรงคุณวุฒิทบริษัทฯ โดยประธำนบริษัทฯ หรือกรรมกำรผู้จัดกำรข้นไป แต่งต้ง




ให้ท�ำหน้ำท่ให้ค�ำปรึกษำและเสนอควำมคิดเหนเก่ยวกบกิจกำรของบริษัทฯ นอกจำกน้น



ข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนดังกล่ำวยังได้ก�ำหนดคุณสมบัติ วันเวลำท�ำงำนและข้อบังคับอ่น
ของพนักงำนไว้อย่ำงชัดเจน โดยมิได้ก�ำหนดให้ข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนใช้บังคับกับ


ท่ปรึกษำบริษัทฯ ด้วยแต่อย่ำงใด และปรำกฏตำมส�ำเนำรำยงำนกระบวนพิจำรณำของศำลจังหวัด


ฉะเชิงเทรำ ลงวันท่ ๒๕ กรกฎำคม ๒๕๖๑ ท้ำยค�ำแถลงโจทก์ลงวันท่ ๑๙ กันยำยน ๒๕๖๑ ว่ำ
โจทก์กับบริษัทไทย นันเฟอรัส เมทัล จ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๑ ในคดีดังกล่ำวซึ่งโจทก์อ้ำงมำในค�ำฟ้อง
คดีน้ด้วยว่ำเป็นบริษัทในเครือของบริษัทไทยสโตเรจ แบตเตอร่ จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลยท่ ๑





คดน ได้รบข้อเทจจรงกนว่ำ โจทก์ไม่มวนเวลำทำงำนทแน่นอน หำกจำเลยท ๑ ต้องกำร













ปรึกษำงำนกับโจทก์ โจทก์จะเข้ำไปท�ำงำนตำมที่จ�ำเลยที่ ๑ นัดหมำย โจทก์ไม่เคยยื่นใบลำป่วย













หรอลำพกผ่อน อนแสดงให้เหนว่ำโจทก์มอสระในกำรทำงำนโดยไม่อย่ภำยใต้ข้อบงคบเกยวกบ
กำรท�ำงำนของจ�ำเลยที่ ๑ ดังนั้น กำรท�ำงำนของโจทก์ในฐำนะเป็นที่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำร






ของจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นกำรกรณีท่โจทก์ตกลงรับท�ำกำรส่งใดส่งหน่งจนส�ำเร็จให้แก่จ�ำเลยท้งส ี ่
แล้วจ�ำเลยท้งส่ตกลงจ่ำยสินจ้ำงเพ่อผลส�ำเร็จแห่งกำรท่ท�ำน้น อันมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำง







ท�ำของ โจทก์และจ�ำเลยท้งส่ไม่มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะเป็นลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งส่ไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำม



พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำว
ในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
486

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทพรินเซส โอเซียน

ที่ วร ๓๖/๒๕๕๙ จ�ำกัด โจทก์

นำยอุดม ลือไชย จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงลักทรัพย์หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือ

ซ่งอยู่ในกำรครอบครองของโจทก์ไป เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นลูกจ้ำงปฏิบัต ิ
ผิดหน้ำที่และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำง เป็นคดีแรงงำน

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์และบริษัทอื่น ๆ ในเครือของโจทก์ ต�ำแหน่ง


สุดท้ำยเป็นผู้จัดกำรท่วไป มีหน้ำท่ควบคุม ติดต่อ ประสำนงำน ดูแลติดตำมกำรท�ำงำนของ

กัปตันเรือ ลูกเรือและกิจกำรรับส่งสินค้ำของเรือบรรทุกสินค้ำท่อยู่ในกำรดูแลและครอบครอง

ของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำนโจทก์มอบหมำยให้จ�ำเลยเป็นผู้ควบคุมดูแลกำรท�ำงำนของเรือ

เทรเชอะพรินเซสที่โจทก์เช่ำมำจำกบริษัทอยุธยำ ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง จ�ำกัด แต่จ�ำเลยทุจริต

ต่อหน้ำท่โดยกำรหลอกลวงรับเงินค่ำซ่อมแซมเรือเทรเชอะพรินเซสไปจำกโจทก์และลักทรัพย์

หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือเทรเชอะพรินเซสซ่งอยู่ในควำมครอบครองของโจทก์ไป ท�ำให้
โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ แต่จ�ำเลยไม่ได้หลอกลวงรับเงินค่ำซ่อมแซม

เรือเทรเชอะพรินเซสและไม่ได้ลักทรัพย์หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือเทรเชอะพรินเซส
ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน

ศำลจังหวัดพิจิตรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวน








ให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษวนจฉยตำมพระรำชบญญตจดต้งศำลแรงงำนและ





วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงปฏิบัติงำนจ�ำเลยทุจริตต่อหน้ำท ่ ี
โดยลักทรัพย์หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือเทรเชอะพรินเซสซ่งอยู่ในควำมครอบครอง

ของโจทก์ไป ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นลูกจ้ำงปฏิบัต ิ

ผิดหน้ำท่และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน

487



คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและ

เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๐ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ













































488

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบิวตี้แล็บ อินโนเวชั่น

ที่ วร ๓๘/๒๕๕๙ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์

นำงสำวปวีณำ
จันทร์คุณำภำส จ�ำเลย





จ�ำเลยโพสต์ข้อควำมผ่ำนส่อออนไลน์ท�ำให้บุคคลภำยนอกเข้ำใจคลำดเคล่อน

ต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำง และเข้ำออกงำนโดยไม่สแกนลำยน้วมือ ต่อมำขอลำออกโดย
ไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำตำมสัญญำ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นลูกจ้ำงปฏิบัติผิดหน้ำท ่ ี

ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำจ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนต�ำแหน่งแพทย์ เป็นเวลำ ๑ ปี โดย

จ�ำเลยจะปฏิบัติตำมระเบียบและข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลย



โพสต์ข้อควำมผ่ำนส่อออนไลน์ท�ำให้บุคคลภำยนอกมีควำมเข้ำใจคลำดเคล่อนต่อโจทก์ และ
เข้ำออกงำนโดยไม่สแกนลำยนิ้วมือ โจทก์ในฐำนะนำยจ้ำงได้ว่ำกล่ำวตักเตือนจ�ำเลยแล้ว ต่อมำ
จ�ำเลยขอลำออกและบอกเลิกสัญญำจ้ำงก่อนครบก�ำหนดโดยไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำตำมสัญญำ

กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยจำกกำรผิดสัญญำ

พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนให้กับโจทก์ในต�ำแหน่งแพทย์ จ�ำเลยโพสต์ข้อควำม
ผ่ำนสื่อออนไลน์เพื่อขอควำมเป็นธรรม มิได้ท�ำให้โจทก์เสียหำย ตัวแทนโจทก์ข่มขู่คุกคำมจ�ำเลย

ให้เกรงกลัว จ�ำเลยเข้ำออกท่ท�ำงำนตำมเวลำท่โจทก์ก�ำหนด กำรบอกเลิกสัญญำของจ�ำเลย


ถูกต้องตำมสัญญำจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง








ระหว่ำงพจำรณำ ศำลจงหวดมนบรเหนว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดอย่ในอำนำจของศำล




แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำจ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนต�ำแหน่งแพทย์ เป็นเวลำ
๑ ปี โดยจ�ำเลยจะปฏิบัติตำมระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับกำรท�ำงำนของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน

จ�ำเลยโพสต์ข้อควำมผ่ำนส่อออนไลน์ท�ำให้บุคคลภำยนอกมีควำมเข้ำใจคลำดเคล่อนต่อโจทก์

489


และเข้ำออกงำนโดยไม่สแกนลำยน้วมือ โจทก์ในฐำนะนำยจ้ำงได้ว่ำกล่ำวตักเตือนจ�ำเลยแล้ว ต่อมำ
จ�ำเลยขอลำออกและบอกเลิกสัญญำจ้ำงก่อนครบก�ำหนดโดยไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำตำมสัญญำ


เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนท�ำให้โจทก์



ได้รับควำมเสียหำย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำม








สญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒




มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ




































490

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยธวรรษชัย กิจธรรมพิทักษ์

ที่ วร ๔๕ - ๔๖/๒๕๖๐ กับพวก โจทก์

บริษัทสำมคิว โซลูชั่น
จ�ำกัด จ�ำเลย






จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสอง โดยกล่ำวหำว่ำโจทก์ท้งสองจัดซ้ออุปกรณ์และกล่อง


บรรจุช้นส่วนของสินค้ำในรำคำสูงผิดปกติโดยมีส่วนได้รับผลประโยชน์ แล้วประกำศ


ให้พนักงำนของจ�ำเลยและบคคลภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมท�ำให้โจทก์ท้งสองเสย



ช่อเสียงเกียรติคุณอันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ท้งสองเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำ




จ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยส่วนน้จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือ

หน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำง
เกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________




คดีท้งสองส�ำนวนน้ ศำลแรงงำนกลำงมีค�ำส่งให้รวมพิจำรณำเป็นคดีเดียวกันโดยให้
เรียกโจทก์ตำมล�ำดับส�ำนวนว่ำ โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ และเรียกจ�ำเลยทุกส�ำนวนว่ำจ�ำเลย







โจทกทงสองฟองทำนองเดยวกนวำ เมอวนท ๒๐ มกรำคม ๒๕๕๘ และวนท ๑ สงหำคม ๒๕๕๙











จำเลยจ้ำงโจทก์ทงสองเข้ำทำงำน ตำแหน่งผ้จดกำรฝ่ำยขำยและกำรตลำด และตำแหน่ง







ผู้ช่วยผู้จัดกำรฝ่ำยขำยและกำรตลำด ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๗๘,๘๐๐ บำท และ
เดือนละ ๔๐,๐๐๐ บำท ตำมล�ำดับ ระหว่ำงท�ำงำนโจทก์ท้งสองออกเงินทดรองจ่ำยในกิจกำร

ของจ�ำเลยไปแล้วยังไม่ได้รับคืน ต่อมำจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองโดยกล่ำวหำว่ำโจทก์ท้งสอง




จัดซ้ออุปกรณ์และกล่องบรรจุช้นส่วนของสินค้ำ Q turf ในรำคำสูงผิดปกติโดยมีส่วนได้รับ
ผลประโยชน์ แล้วประกำศให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบเป็นกำรใส่ควำมท�ำให้
โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณอันเป็นกำรละเมิด และจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองโดยไม่บอก







กล่ำวล่วงหน้ำและไม่เป็นธรรม ขอให้บงคบจำเลยคนเงนทดรองจ่ำยแก่โจทก์ทงสองและจ่ำย



ค่ำชดเชย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรมและจ่ำย
ค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำละเมิดแก่โจทก์ทั้งสองคนละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
491

จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ทั้งสองมีหน้ำที่จัดซื้ออุปกรณ์และกล่องบรรจุชิ้นส่วน

ของสินค้ำ Q turf จำกบริษัทเค.ที.เค บรรจุภัณฑ์ จ�ำกัด และจัดพิมพ์สติกเกอร์จำกบริษัท

สติกเกอร์ แอนด์ เลเบิ้ล จ�ำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตโดยตรงเพื่อใช้ในกิจกำรจ�ำเลย แต่โจทก์ทั้งสองกลับ


ร่วมกันจัดซ้อในนำมร้ำนพอยท์ ครีเอช่น ดีไซน์ แล้วจึงจ�ำหน่ำยต่อให้จ�ำเลยในรำคำสูงผิดปกต ิ
















โดยมขอสงสยวำโจทกทงสองจะมสวนได้รับผลประโยชน อนเปนกำรจงใจทำใหจำเลยไดรบควำม


เสียหำยและเป็นกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนเป็นกรณีร้ำยแรง จ�ำเลยจึงได้เลิกจ้ำง

โจทก์ท้งสองแต่ไม่ได้ประกำศให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบ คดีส่วนท่โจทก์


ท้งสองฟ้องว่ำจ�ำเลยประกำศกำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบ



ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน

จ�ำเลยจึงไม่ต้องจ่ำยเงินตำมฟ้องให้แก่โจทก์ท้งสอง ขอให้ยกฟ้อง กำรกระท�ำของโจทก์ท้งสอง


ข้ำงต้นเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลย อีกท้งโจทก์ท่ ๑ ยังได้จัดซ้อกล่องบรรจุสินค้ำจำก



















บรษททวผลอนเตอรพรนท จำกด ในนำมบรษทวนนจต จำกด และทำลำยขอมลทำงกำรตลำดใน



เคร่องคอมพิวเตอร์ท�ำให้จ�ำเลยเสียหำย ขอให้บังคับโจทก์ท้งสองจ่ำยค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบ้ย



นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย
โจทก์ทั้งสองให้กำรแก้ฟ้องแย้ง ปฏิเสธควำมรับผิดตำมฟ้องแย้ง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีระหว่ำงโจทก์ท้งสอง



กับจ�ำเลยในส่วนท่โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกำศกำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของ










จำเลยและบคคลภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมทำให้โจทก์ทงสองเสยชอเสยงเกยรตคณ




เป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองน้น อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่

จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์ทั้งสองกับจ�ำเลยในส่วนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกำศ
กำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมท�ำให้


โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณ เป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองน้น อยู่ในอ�ำนำจ



พิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ

คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์




ท้งสองโดยกล่ำวหำว่ำโจทก์ท้งสองจัดซ้ออุปกรณ์และกล่องบรรจุช้นส่วนของสินค้ำ Q turf





ในรำคำสงผดปกตโดยมส่วนได้รบผลประโยชน์ แล้วประกำศให้พนกงำนของจ�ำเลยและบคคล



492



ภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณอันเป็นกำรละเมิดต่อ



โจทก์ท้งสอง จึงเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย เป็นกรณีท่โจทก์ท้งสองกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์


ระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธ ิ

เรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรทโจทก์ทงสองกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง







เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยส่วนน้จึงเป็นคด ี

พิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำง

นำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล


แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์ทั้งสองกับจ�ำเลยในส่วนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกำศ

กำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบเป็นกำรใส่ควำมท�ำให้
โจทก์ทั้งสองเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน

วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐


เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

























493

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยวิรัตน์ หนูกลับ โจทก์

ที่ วร ๔๘/๒๕๖๐ นำงสำวฐิติรัตน์ ยิ้มสรวล
กับพวก จ�ำเลย





โจทก์ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของนำงสำว ม. ฟ้องให้จ�ำเลยท ๑ ซ่งเป็นผู้กระท�ำ





ละเมิดโดยตรงและจ�ำเลยท ๒ ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมกันรับผิดกับจ�ำเลยท ๑ ในผลแห่ง
ละเมิดซึ่งจ�ำเลยที่ ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำงกระท�ำไปในทำงกำรที่จ้ำงดังกล่ำว คดีระหว่ำงโจทก์กับ
จ�ำเลยที่ ๑ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงที่เกิดจำกกำรท�ำงำน



ในทำงกำรท่จ้ำง ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท ๒ แม้โจทก์จะมิได้กล่ำวในฟ้องว่ำ
จ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนำยจ้ำงเป็นผู้กระท�ำละเมิดต่อนำงสำว ม. โดยตรง แต่เมื่อโจทก์ฟ้อง





ขอให้จ�ำเลยท ๒ ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซ่งจ�ำเลยท ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำง
กระท�ำไปในทำงกำรที่จ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน

_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำงสำวมณฑำ นำงสำวมณฑำ

และจ�ำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๒ ระหว่ำงกำรท�ำงำน เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวำคม ๒๕๕๘


จ�ำเลยท่ ๑ ขับรถยกของซ่งเป็นเคร่องจักรกลด้วยควำมประมำทปรำศจำกควำมระมัดระวังทับ

ขำซ้ำยของนำงสำวมณฑำ เป็นเหตให้นำงสำวมณฑำบำดเจบ ต้องเข้ำรบกำรรกษำพยำบำล




และต่อมำได้ถึงแก่ควำมตำย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นกำรกระท�ำละเมิดในทำงกำรท่จ้ำง


ของจ�ำเลยท่ ๒ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำรักษำพยำบำล



ค่ำเดินทำงและต้องหยุดงำนเพ่อเฝ้ำไข้ ค่ำท�ำศพ ค่ำสูญเสียรำยได้ และค่ำเสียหำยต่อจิตใจ

รวมเป็นเงิน ๒,๐๓๘,๔๐๔.๒๕ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน
๑,๘๙๖,๑๙๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ขับรถยกของตำมหลักเกณฑ์และขั้นตอนกำรท�ำงำน
โดยคำนึงถึงควำมปลอดภยของผ้อนแล้ว แต่นำงสำวมณฑำเดินมำในเวลำท่จำเลยท ๑ ถอย









รถยกของ นำงสำวมณฑำจึงมีส่วนในกำรกระท�ำผิดและเป็นเหตุสุดวิสัย โดยมิได้เกิดจำกกำร
กระท�ำละเมิดของจ�ำเลยทั้งสอง ควำมตำยของนำงสำวมณฑำเกิดจำกเหตุแทรกแซงอื่น จ�ำเลยที่ ๒
ได้ช่วยเหลือจัดงำนศพและโจทก์ได้รับเงินตำมพระรำชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗
ไปครบถ้วนแล้ว คดีโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
494


ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสุรำษฎร์ธำนีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ









พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒

มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ นำงสำวมณฑำ และจ�ำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๒


ระหว่ำงกำรท�ำงำน จ�ำเลยท่ ๑ ขับรถยกของซ่งเป็นเคร่องจักรกลด้วยควำมประมำทปรำศจำก

ควำมระมัดระวังทับขำซ้ำยของนำงสำวมณฑำ เป็นเหตุให้นำงสำวมณฑำบำดเจ็บต้องเข้ำรับ
กำรรักษำพยำบำลและต่อมำได้ถึงแก่ควำมตำย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นกำรกระท�ำละเมิด

ในทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท่ ๒ โจทก์ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของนำงสำวมณฑำจึงฟ้องให้





จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นผู้กระท�ำละเมิดโดยตรงและจ�ำเลยท่ ๒ ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมกันรับผิดกับจ�ำเลยท่ ๑

ในผลแห่งละเมิดซึ่งจ�ำเลยที่ ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำงกระท�ำไปในทำงกำรที่จ้ำงดังกล่ำว คดีระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำน


ในทำงกำรที่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๕) ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยที่ ๒ นั้น แม้โจทก์จะมิได้กล่ำวในฟ้องว่ำจ�ำเลยที่ ๒
ซึ่งเป็นนำยจ้ำงเป็นผู้กระท�ำละเมิดต่อนำงสำวมณฑำโดยตรง แต่เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยที่ ๒

ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซ่งจ�ำเลยท่ ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำงกระท�ำไปในทำงกำรท่จ้ำง


คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นคดีพิพำท อันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำง


เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ



495

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงลักษณำ ไข่กลิ่น กับพวก โจทก์

ที่ วร ๒๕/๒๕๖๒ นำงสำวบุญตำ แซ่หั่น

กับพวก จ�ำเลย




โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเคยเป็นลูกจ้ำงและเป็นเจ้ำหน้ของบริษัท น. ตำม
ค�ำพิพำกษำของศำลแรงงำนกลำง ซึ่งศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำให้บริษัท น. จ่ำยค่ำจ้ำง


ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชยแก่โจทก์ทงแปดสบห้ำตำม



ค�ำส่งพนักงำนตรวจแรงงำน จ�ำเลยท้งสำมเป็นกรรมกำรและอดีตกรรมกำรบริษัท

ดงกล่ำวได้ร่วมกนฉ้อฉลกำรชำระหนตำมคำพพำกษำทำให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสยหำย









เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ท้งแปดสิบห้ำในฐำนะลูกจ้ำงของ

บริษัท น. ซ่งเป็นนิติบุคคลมีจ�ำเลยท้งสำมเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนใน



แต่ละช่วงเวลำซ่งถือเป็นนำยจ้ำง เพ่อเพิกถอนนิติกรรมซ่งจ�ำเลยท้งสำมได้กระท�ำลง



ท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสียเปรียบหรือใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำย






จำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำมซ่งเป็นนำยจ้ำงร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งแปดสิบห้ำ



ท้งยังเป็นกรณีท่เก่ยวเน่องกับกำรบังคับคดีเน่องจำกกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน


ระหว่ำงโจทก์ทั้งแปดสิบห้ำกับบริษัท น. อีกด้วย คดีระหว่ำงโจทก์ทั้งแปดสิบห้ำกับจ�ำเลย


ท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคด ี



อนเกดแต่มลละเมดระหว่ำงนำยจ้ำงและลกจ้ำงเกยวกบกำรทำงำนตำมสญญำจ้ำง








แรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ท้งแปดสิบห้ำฟ้องวำ ระหวำงวันท่ ๓๐ มกรำคม ๒๕๕๗ ถึงวันท่ ๕ ตุลำคม ๒๕๕๙




จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ เป็นกรรมกำรของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ส่วนจ�ำเลยท่ ๓




เป็นกรรมกำรต้งแต่วันท่ ๒๒ มกรำคม ๒๕๖๑ ถึงปัจจุบัน บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด

เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ในกำรประกอบกิจกำรผลิตและจ�ำหน่ำยเคร่องรับ

วิทยุโทรทัศน์และอุปกรณ์ท่เก่ยวข้อง โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเป็นลูกจ้ำงของบริษัทนำโกย่ำ



อุตสำหกรรม จ�ำกัด ระหว่ำงท�ำงำน บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงและเลิกจ้ำง
โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำ โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำจึงร้องต่อพนักงำนตรวจแรงงำน พนักงำนตรวจแรงงำน
496

มีค�ำสั่งให้บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด จ่ำยค่ำจ้ำง ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และ



ค่ำชดเชยแก่โจทก์ท้งแปดสิบห้ำ แต่บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ไม่ปฏิบัติตำมค�ำส่ง

พนักงำนตรวจแรงงำน โจทก์ท้งแปดสิบห้ำจึงฟ้องบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ต่อศำล
แรงงำนกลำง ต่อมำศำลแรงงำนกลำงมีค�ำพิพำกษำคดีหมำยเลขแดงที่ ๑๓๒๙ - ๑๔๑๕/๒๕๖๐

และคดีหมำยเลขแดงที่ ๑๑๒๑ - ๑๒๐๗/๒๕๖๐ ให้บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ปฏิบัติ

ตำมค�ำส่งพนักงำนตรวจแรงงำน และได้มีกำรบังคับคดีแต่บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด

ไม่มีทรัพย์สินให้บังคับคดีเอำช�ำระหนี้แก่โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำได้ วันที่ ๒๙ ธันวำคม ๒๕๕๘ เกิด


อัคคีภัยกับบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ซ่งบริษัทกรุงเทพประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) ผู้รับ
ประกันวินำศภัยจะต้องช�ำระค่ำสินไหมทดแทนแก่บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด จ�ำนวน



๕๒,๙๗๔,๗๘๖.๖๙ บำท แต่จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ได้ขอให้บริษัทกรุงเทพประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน)
จ่ำยค่ำสินไหมทดแทนแก่จ�ำเลยที่ ๑ เป็นกำรส่วนตัว บริษัทกรุงเทพประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน)

จึงจ่ำยเช็คเป็นค่ำสินไหมทดแทนแก่จ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะท่เป็นเจ้ำของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด




ต่อมำจ�ำเลยท ๑ นำเช็คเรียกเก็บเงินแล้วนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์ท้งแปดสิบห้ำ



ได้ขอให้จ�ำเลยท่ ๓ เรียกให้จ�ำเลยท่ ๑ น�ำเงินจ�ำนวน ๔๓,๐๐๐,๗๐๔.๙๙ บำท มำช�ำระแก่


บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด เพ่อช�ำระหน้ตำมค�ำบังคับของศำลแรงงำนกลำงแล้ว แต่

จ�ำเลยที่ ๓ ไม่ด�ำเนินกำรใด กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสำมเป็นกำรฉ้อฉลกำรช�ำระหนี้ ท�ำให้โจทก์


ท้งแปดสิบห้ำเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย ๔๘,๔๓๔,๖๙๘.๑๘ บำท







พร้อมดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงน ๔๓,๐๐๐,๗๐๔.๙๙ บำท นบแต่วนถดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำ










จำเลยทงสำมให้กำรว่ำ จำเลยทงสำมเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ทงแปดสบห้ำ คดนจงอย่ ู



ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน จ�ำเลยท้งสำมเป็นเพียงกรรมกำรจึงไม่ต้องรับผิดเป็นกำรส่วนตัว

ร่วมกับบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด และไม่ใช่คู่ควำมในคดีเดิม กำรฟ้องคดีน้ต่อจ�ำเลย

ท้งสำมจึงเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต จ�ำเลยท้งสำมไม่ได้เลิกจ้ำงโจทก์ท้งแปดสิบห้ำแต่เป็นกำร





ด�ำเนินกำรของนำยวิวัฒน์ ซ่งได้ซ้อกิจกำรบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ไปก่อนแล้ว

ค่ำสนไหมทดแทนจำกกำรประกันวนำศภัยเป็นสทธโดยชอบของจำเลยท ๑ ท่เกิดข้นก่อน








กำรขำยกิจกำรให้นำยวิวัฒน์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นกรรมกำรบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด

ในภำยหลัง จึงไม่ต้องรับผิดชอบ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ได้ช�ำระเงินบำงส่วนเพ่อบรรเทำควำม














เสยหำยแก่โจทก์ทงแปดสบห้ำแล้ว โจทก์ทงแปดสบห้ำฟ้องคดนเกนกว่ำ ๑ ปี นบแต่เกดสทธ ิ


เรียกร้อง คดีจึงขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
497



ศำลจังหวัดตล่งชันเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง


วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งแปดสิบห้ำบรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเคยเป็นลูกจ้ำง

และเป็นเจ้ำหน้ของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ตำมค�ำพิพำกษำของศำลแรงงำนกลำง





คดีหมำยเลขแดงท ๑๓๒๙ - ๑๔๑๕/๒๕๖๐ และคดีหมำยเลขแดงท ๑๑๒๑ - ๑๒๐๗/๒๕๖๐
ซึ่งศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำให้บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด จ่ำยค่ำจ้ำง ค่ำจ้ำงแทนกำร
บอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชยแก่โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำตำมค�ำสั่งพนักงำนตรวจแรงงำน จ�ำเลย

ท้งสำมเป็นกรรมกำรและอดีตกรรมกำรบริษัทดังกล่ำวได้ร่วมกันฉ้อฉลกำรช�ำระหน้ตำม

ค�ำพิพำกษำท�ำให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์

ทั้งแปดสิบห้ำในฐำนะลูกจ้ำงของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล มีจ�ำเลย


ท้งสำมเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนในแต่ละช่วงเวลำซ่งถือเป็นนำยจ้ำงด้วยตำม



พระรำชบญญตค้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๕ (๒) เพอเพกถอนนตกรรมซงจำเลย












ท้งสำมได้กระท�ำลงท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสียเปรียบหรือใช้สิทธิเรียกร้อง
ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำมซ่งเป็นนำยจ้ำงร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งแปดสิบห้ำ





ท้งยังเป็นกรณีท่เก่ยวเน่องกับกำรบังคับคดีเน่องจำกกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน




ระหว่ำงโจทก์ท้งแปดสิบห้ำกับบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด อีกด้วย คดีระหว่ำงโจทก์




ท้งแปดสิบห้ำกับจ�ำเลยท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน


และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำ

จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

498

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยวรเทพ ยุกตำนนท์ โจทก์

ที่ วร ๒/๒๕๖๓ บริษัทไทยโพลิเมอร์ ซัพพลำย

จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย





จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยจ�ำเลยท ๓ เป็นลูกจ้ำงของ

จ�ำเลยที่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นลูกจ้ำง




จ�ำเลยท ๑ ท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท ๓ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่




มูลละเมิดระหวำงลูกจำงกับลูกจำงที่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรที่จำง จึงเปนคดีแรงงำน

_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำร
ผู้มีอ�ำนำจ ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล เมื่อวันที่ ๑๗

มกรำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยที่ ๑ จ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นทนำยควำม ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ

๔๔,๗๐๐ บำท วันที่ ๑๓ กรกฎำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันกลั่นแกล้งเลิกจ้ำงโจทก์โดย

ไม่มีควำมผิดและไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โดยจ�ำเลยท่ ๓ เรียกโจทก์ไปรับค�ำส่งเลิกจ้ำงท ่ ี

จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ลงลำยมือช่อในค�ำส่ง กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมเป็นกำรเลิกจ้ำงโดย




ไม่เป็นธรรมและเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ต้องเสียหำยไม่ได้รับค่ำจ้ำงจนถึงวันเกษียณอำย ุ










กำรทำงำน ขำดเงินโบนสประจำป ตองเสยชอเสียงทนทุกขเวทนำขำดคำผอนรถยนต์ ไม่มีเงน



ผ่อนค่ำบ้ำน ต้องเสียหำยทำงจิตใจ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำร

ท�ำละเมิด รวม ๑๙,๒๕๗,๔๕๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ โจทก์เคยฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต่อศำลแรงงำนภำค ๑ เรียก

ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม คดีน้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่ำว ระหว่ำงท�ำงำน






โจทก์ช่วยเหลือปกปิดกำรทำทจริตของพนกงำนจ�ำเลยท ๑ จ�ำเลยท ๑ จงเลกจ้ำงโดยจ่ำย



สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำแก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยใดจึงไม่มีสิทธ ิ
ได้รับค่ำเสียหำยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
499


คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง


วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด



มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ ส่วนจ�ำเลยท่ ๓ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำร


ฝ่ำยบคคล จ�ำเลยท่ ๑ จ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นทนำยควำม ต่อมำจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันกล่นแกล้ง


เลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่มีควำมผิดและไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำ เป็นกำรเลิกจ้ำงโดยไม่เป็นธรรมและ

เป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำรท�ำละเมิดแก่โจทก์
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งเป็นนำยจ้ำงกลั่นแกล้งเลิกจ้ำงอันเป็นกำรท�ำละเมิด
ต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำง


และลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน

และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕)



ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท่ ๓ น้น เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสำมร่วมกัน



ท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยจ�ำเลยท่ ๓ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล
จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์


และจ�ำเลยท่ ๓ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำน
ในทำงกำรที่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๕)

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ






500

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยกฤตบุญ จีระพันธุ โจทก์

ที่ วร ๓๑/๒๕๖๔ ธนำคำรบีเอ็นพี พำรีบำส์

กับพวก จ�ำเลย








โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยท ๒ และท ๓ ซ่งเป็นผู้บริหำร
จ�ำเลยที่ ๑ ร่วมกันยุยงปลุกปั่นใช้อ�ำนำจมิชอบให้จ�ำเลยที่ ๔ ร้องทุกข์ และให้จ�ำเลยที่ ๔




ถึงท ๘ ให้กำรปรักปร�ำโจทก์ต่อคณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจริงของจ�ำเลยท ๑ โดย
กล่ำวหำว่ำโจทก์มีพฤติกรรมคุกคำมทำงเพศต่อจ�ำเลยที่ ๔ และลวนลำมหญิงอื่นท�ำนอง



ชู้สำว ซ่งไม่ตรงต่อควำมจริง เพ่อกล่นแกล้งเลิกจ้ำงและไม่ให้โจทก์ไปท�ำงำนแห่งใหม่


ซ่งเป็นคู่แข่งทำงกำรค้ำกับจ�ำเลยท ๑ เป็นกำรร่วมกันกระท�ำละเมิดโดยกำรกล่ำวหรือ

ไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืนต่อควำมจริง ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ




ขอให้ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยหรือให้จ�ำเลยท ๑ รับโจทก์กลับเข้ำท�ำงำนดังเดิม เป็นกรณ ี


ท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ในฐำนะลูกจ้ำง



กับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่โจทก์กล่ำวอ้ำง


ว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กระท�ำละเมิดต่อโจทก์เกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน



ส่วนจ�ำเลยท ๓ ถึงท ๘ เป็นพนักงำนจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำง



ลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงที่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรที่จ้ำง เป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนประกอบธุรกิจธนำคำรท่สำธำรณรัฐ




ฝร่งเศสและขออนุญำตเป็นคนต่ำงด้ำวต้งสำขำท่ประเทศไทย เพ่อประกอบกิจกำรธนำคำรพำณิชย์











ซอขำย แลกเปลยนเงินตรำระหวำงประเทศและอ่น ๆ มจำเลยท ๒ เป็นผมอำนำจกระท�ำกำรแทน




จ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๓ เป็นหัวหน้ำฝ่ำยบุคคล จ�ำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ เป็นพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ ส่วน
จ�ำเลยที่ ๗ และที่ ๘ เป็นอดีตพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์เคยเป็นพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ ต�ำแหน่ง
สุดท้ำยผู้จัดกำรฝ่ำยเทรดเดอร์ห้องค้ำตลำดโลก ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๗๐๗,๑๒๗ บำท




ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ซ่งเป็นผู้บริหำรจ�ำเลยท่ ๑ ร่วมกันยุยงปลุกปั่น


ใช้อ�ำนำจมิชอบให้จ�ำเลยท่ ๔ ร้องทุกข์ และให้จ�ำเลยท่ ๔ ถึงท่ ๘ ให้กำรปรักปร�ำโจทก์ต่อ




คณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจรงของจำเลยท ๑ โดยกล่ำวหำวำโจทก์มพฤติกรรมคกคำมทำงเพศ




501

ต่อจ�ำเลยที่ ๔ และลวนลำมหญิงอื่นท�ำนองชู้สำว ซึ่งไม่ตรงต่อควำมจริง เพื่อกลั่นแกล้งเลิกจ้ำง



ท้งท่โจทก์ขอลำออกล่วงหน้ำแล้วและไม่ให้โจทก์ไปท�ำงำนแห่งใหม่ซ่งเป็นคู่แข่งทำงกำรค้ำ




กับจ�ำเลยท่ ๑ ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ ไม่อำจหำงำนใหม่ได้เร่อยมำจนถึงปัจจุบัน
อันเป็นกำรร่วมกันกระท�ำละเมิด โดยกำรกล่ำวหรือไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืนต่อควำมจริง


ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งแปดร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำย
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำช�ำระ
เสร็จแก่โจทก์ และชดใช้ค่ำเสียหำยเดือนละ ๗๐๗,๑๒๗ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำโจทก์
ได้งำนใหม่หรือจ�ำเลยที่ ๑ รับโจทก์กลับเข้ำท�ำงำนดังเดิม ให้จ�ำเลยทั้งแปดยุติกำรกระท�ำละเมิด
ตำมฟ้อง โฆษณำค�ำพิพำกษำลงหนังสือพิมพ์รำยวันไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน บำงกอกโพสต์และ

ทำงโทรทัศน์ทุกช่องเป็นเวลำ ๓ วัน ด้วยค่ำใช้จ่ำยของจ�ำเลยทั้งแปด ให้จ�ำเลยทั้งแปดประกำศ








คำขอขมำโจทก์ในเฟสบุ๊กส่วนตวของจำเลยทงแปดโดยตงค่ำสำธำรณะและเวบไซต์ BBC,

Reuters และ Bloomberg เป็นเวลำ ๑ เดือน นับแต่ศำลมีค�ำพิพำกษำ และห้ำมมิให้จ�ำเลย
ทั้งแปดน�ำส�ำนวนกำรสอบสวนโจทก์ไปเผยแพร่แก่ผู้ใด
จ�ำเลยทั้งแปดให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำกำรกล่ำวหรือไขข่ำวแพร่หลำย


เป็นกำรกระท�ำต่อบุคคลท่เป็นพวกเดียวกัน ไม่มีบุคคลท่สำม จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมำยแพ่ง





และพำณิชย์ มำตรำ ๔๒๓ มูลเหตุคดีน้สืบเน่องจำกจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ได้








รบเร่องร้องเรยนจำกจ�ำเลยท ๔ เกยวกับพฤตกรรมล่วงละเมดคกคำมทำงเพศและใช้อ�ำนำจ



ไม่ชอบต่อจ�ำเลยท่ ๔ จ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๓ หัวหน้ำฝ่ำยบุคคล จึงมีหน้ำท่ด�ำเนินกำรสอบสวน



ตำมระเบียบ จ�ำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๘ ให้ข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจริงตำมควำม

รู้เห็นของตนเองตำมควำมเป็นจริง จ�ำเลยท้งแปดไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้อง โจทก์



เคยฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ ต่อศำลแรงงำนกลำง คดีน้จึงเป็นฟ้องซ้อนและด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำ
และเป็นคดีที่อยู่ในอ�ำนำจศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนประกอบธุรกิจธนำคำรท ่ ี





สำธำรณรัฐฝร่งเศสและขออนุญำตเป็นคนต่ำงด้ำวต้งสำขำท่ประเทศไทย มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็น
ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน จ�ำเลยที่ ๓ เป็นหัวหน้ำฝ่ำยบุคคล จ�ำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ เป็นพนักงำน


จ�ำเลยท่ ๑ ส่วนจ�ำเลยท่ ๗ และท่ ๘ เป็นอดีตพนักงำนจ�ำเลยท่ ๑ โจทก์เคยเป็นพนักงำน



จ�ำเลยท่ ๑ ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ซ่งเป็นผู้บริหำรจ�ำเลยท่ ๑ ร่วมกันยุยง




502




ปลุกปั่นใช้อ�ำนำจมิชอบให้จ�ำเลยท่ ๔ ร้องทุกข์ และให้จ�ำเลยท่ ๔ ถึงท่ ๘ ให้กำรปรักปร�ำโจทก์ต่อ

คณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจริงของจ�ำเลยท่ ๑ โดยกล่ำวหำว่ำโจทก์มีพฤติกรรมคุกคำม
ทำงเพศต่อจ�ำเลยที่ ๔ และลวนลำมหญิงอื่นท�ำนองชู้สำว ซึ่งไม่ตรงต่อควำมจริง เพื่อกลั่นแกล้ง


เลิกจ้ำงและไม่ให้โจทก์ไปท�ำงำนแห่งใหม่ซ่งเป็นคู่แข่งทำงกำรค้ำกับจ�ำเลยท่ ๑ กำรกระท�ำ

ของจ�ำเลยท้งแปดเป็นกำรร่วมกันกระท�ำละเมิดโดยกำรกล่ำวหรือไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำม

อันฝ่ำฝืนต่อควำมจริง ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ ขอให้ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยหรือให้

จ�ำเลยท่ ๑ รับโจทก์กลับเข้ำท�ำงำนดังเดิม เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำง



โจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธ ิ









เรียกร้องค่ำเสยหำยจำกกำรทโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจำเลยท ๑ และท่ ๒ กระท�ำละเมดต่อโจทก์


เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ จึงเป็น


คดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด









ระหว่ำงนำยจ้ำงและลกจ้ำงเกยวกบกำรทำงำนตำมสญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบญญต ิ

จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)



ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๘ น้น เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลย


ท้งแปดร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยขณะเกิดเหตุคดีน้จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๘ เป็นพนักงำนจ�ำเลยท่ ๑




คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำง
ท่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรท่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ



คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ






503

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยพงษธรณ์

ที่ วร ๓๕/๒๕๖๔ นิติอมรโรจน์ โจทก์

นำยภูชิต เที่ยงไธสง จ�ำเลย



โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์และจ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำง

แต่จ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่ำงกำรท�ำงำน แล้วท�ำสัญญำชดใช้ควำมเสียหำย
แก่โจทก์แต่กลับไม่ช�ำระคืนตำมสัญญำ จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินตำมสัญญำดังกล่ำว



พร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้




ค่ำเสียหำยตำมสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำยอันมีลักษณะเป็นกำรรับสภำพหน้ท่ท�ำข้นเน่อง

มำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็น

นำยจ้ำง จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________







โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นกรรมกำรผู้จดกำรบรษทพีเคแอล โลจสติกส์ จำกด จำเลย



เป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่งพนักงำนขับรถ มีหน้ำท่ควบคุมยำนพำหนะรถยนต์ของโจทก์คัน
หมำยเลขทะเบียน ๗๐ - ๗๗๘๘/๘๙ ขอนแก่น จ�ำเลยขับรถยนต์โดยประมำทประสบอุบัติเหตุ


ท�ำให้รถยนต์คันดังกล่ำวและสินค้ำของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย เม่อวันท่ ๖ สิงหำคม ๒๕๖๓
โจทก์กับจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำย โดยจ�ำเลยตกลงชดใช้ค่ำเสียหำยในกรณีท ่ ี
จ�ำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์ของโจทก์คันหมำยเลขทะเบียน ๗๐ - ๗๗๘๘/๘๙ ขอนแก่น ประสบอุบัติเหต ุ
เมื่อวันที่ ๑๑ เมษำยน ๒๕๖๓ เป็นค่ำเสียหำยจำกกำรซ่อมรถยนต์ ๕๕๐,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำย


จำกสินค้ำท่ได้รับควำมเสียหำย ๑๐๓,๗๑๐ บำท รวมเป็นค่ำเสียหำยท้งส้น ๖๕๓,๗๑๐ บำท


และโจทก์ต้องเสียค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำเนินคดีอีก ๔๐,๐๐๐ บำท ดอกเบ้ยคิดถึงวันฟ้อง


๓๕,๕๕๑.๙๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย ๗๒๙,๒๖๑.๙๒ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


ศำลแรงงำนภำค ๔ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ

จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง






504

วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่งพนักงำนขับรถ

มีหน้ำที่ควบคุมยำนพำหนะรถยนต์ของโจทก์คันหมำยเลขทะเบียน ๗๐ - ๗๗๘๘ / ๘๙ ขอนแก่น

ต่อมำจ�ำเลยขับรถยนต์คันดังกล่ำวโดยประมำทประสบอุบัติเหตุ ท�ำให้รถยนต์และสินค้ำของโจทก์


ได้รับควำมเสียหำย เม่อวันท่ ๖ สิงหำคม ๒๕๖๓ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำย
โดยจ�ำเลยตกลงชดใช้ค่ำเสียหำยจำกกำรซ่อมรถยนต์ ๕๕๐,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำยจำกสินค้ำ



ท่ได้รับควำมเสียหำย ๑๐๓,๗๑๐ บำท รวมเป็นค่ำเสียหำยท้งส้น ๖๕๓,๗๑๐ บำท แต่จ�ำเลย


ไม่ช�ำระเงินตำมสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำยดังกล่ำวให้แก่โจทก์ จึงเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ
โจทก์และจ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำง แต่จ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ใน
ระหว่ำงกำรท�ำงำน แล้วท�ำสัญญำชดใช้ควำมเสียหำยแก่โจทก์แต่กลับไม่ช�ำระคืนตำมสัญญำ

จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินตำมสัญญำดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้


จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยตำมสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำยอันมีลักษณะเป็นกำร





รับสภำพหน้ท่ท�ำข้นเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิด
ต่อโจทก์ซงเป็นนำยจ้ำง คดระหว่ำงโจทก์กบจำเลยจงเป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำท ี ่













ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงตำมสัญญำ

จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ









505

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวปวีณำ พุ่มสุวรรณ โจทก์

ที่ วร ๖๖/๒๕๖๔ บริษัทบี พริตตี้ จ�ำกัด จ�ำเลย



โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ระหว่ำงท�ำงำน

โจทก์มีอำกำรป่วยเป็นไข้หวัด ไอ มีน�้ำมูก จึงเข้ำตรวจรักษำที่โรงพยำบำล ผลกำรตรวจ




ไม่เข้ำเกณฑ์กำรตรวจหำเช้อโรคติดเช้อไวรสโคโรนำ ๒๐๑๙ แต่แพทย์แนะนำให้กักตัว

เป็นเวลำ ๒ สัปดำห์ โจทก์จึงแจ้งผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยทรำบและขอ
ลำหยุดงำนในเวลำดังกล่ำว แต่ผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยกลับน�ำใบรับรอง
แพทย์ของโจทก์แจ้งนิติบุคคลอำคำรชุดที่โจทก์พักอำศัย เป็นเหตุให้นิติบุคคลอำคำรชุด

สั่งให้พนักงำนรักษำควำมปลอดภัยห้ำมมิให้โจทก์เข้ำที่พัก เป็นกรณีที่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึง

ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน



เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมหน้ำท่ของ
นำยจ้ำงอันเป็นกำรผิดสัญญำและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เมื่อวันที่ ๘ มกรำคม ๒๕๖๑

โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๓๑,๐๐๐ บำท ก�ำหนด

จ่ำยค่ำจ้ำงทุกวันสิ้นเดือน ระหว่ำงท�ำงำนโจทก์มีอำกำรป่วยเป็นไข้หวัด ไอ มีน�้ำมูก จึงเข้ำตรวจ




รักษำท่โรงพยำบำล ผลกำรตรวจไม่เข้ำเกณฑ์กำรตรวจหำเช้อโรคติดเช้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙
หรือโรคโควิด ๑๙ (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) แต่แพทย์แนะน�ำให้กักตัว

เป็นเวลำ ๒ สัปดำห์ ระหว่ำงวันท่ ๗ เมษำยน ๒๕๖๓ ถึงวันท่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๖๓ โจทก์

จึงแจ้งผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยทรำบและขอลำหยุดงำนในเวลำดังกล่ำว แต่ผู้จัดกำร

ฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยกลับน�ำใบรับรองแพทย์ของโจทก์แจ้งนิติบุคคลอำคำรชุดท่โจทก์
พักอำศัย เป็นเหตุให้นิติบุคคลอำคำรชุดส่งให้พนักงำนรักษำควำมปลอดภัยห้ำมมิให้โจทก์









เข้ำทพก กำรกระทำของจำเลยดงกล่ำวเป็นกำรละเมดทำให้โจทก์เสยหำย โจทก์ต้องเสย




ค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำรงชีวิตและซ้อของใช้จ�ำเป็นคิดเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท เม่อกักตัวครบ
๒ สัปดำห์แล้ว โจทก์ได้กลับเข้ำท�ำงำนกับจ�ำเลยกระทั่งวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๓ โจทก์จึงได้
ลำออก ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำย ๑๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
506


จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ กำรท่หัวหน้ำฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยแจ้งข้อมูล

อำกำรป่วยของโจทก์ให้นิติบุคคลอำคำรชุดท่โจทก์พักอำศัยเป็นกำรด�ำเนินกำรส่วนตัวของ

ผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลเองโดยจ�ำเลยไม่ได้มอบหมำยหรือมีค�ำส่งให้กระท�ำ แต่เป็นกำร


ด�ำเนินกำรในฐำนะประชำชนท่วไปท่ต้องกระท�ำตำมนโยบำยของรัฐบำลในกำรป้องกันกำรแพร่
ระบำดของโรคติดเช้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ (Coronavirus Disease 2019





(COVID-19)) จงมใช่กำรกระท�ำในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำง คดีนจึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำน โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลย ค่ำใช้จ่ำยตำมฟ้องเป็นค่ำใช้จ่ำยปกติ













ของโจทก โจทกไมไดรบควำมเสยหำยตำมฟอง นอกจำกนนระหวำงกำรทำงำนเดอนตลำคม ๒๕๖๒

ถึงเดือนเมษำยน ๒๕๖๓ โจทก์ได้ขอลำหยุดงำนหลำยคร้งแล้วเอำเวลำไปท�ำงำนให้แก่


บริษัทดอกเตอร์เรย กรุป จ�ำกัด ท�ำให้จ�ำเลยตองจำยคำจำงให้โจทก์โดยไม่ไดรับผลงำนตอบแทน





เป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยท�ำให้จ�ำเลยเสียหำย ขอให้ยกฟ้องและ
บังคับโจทก์จ่ำยค่ำเสียหำย ๒๑๗,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ ระหว่ำงท่โจทก์ท�ำงำนให้จ�ำเลยนน โจทก์ทำงำนให้เตม





















ควำมสำมำรถ กำรทโจทกใชสทธลำหยดงำนแลวไปทำสงใดเปนไปตำมทจำเลยไดกำหนดไวโดย


หัวหน้ำงำนของโจทก์รับทรำบมำตลอด กำรที่โจทก์ไปท�ำงำนให้บริษัทดอกเตอร์เรย์ กรุ๊ป จ�ำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับจ�ำเลย ไม่มีข้อห้ำมในสัญญำว่ำจะกระท�ำไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ระหว่ำง
ท�ำงำน โจทก์มีอำกำรป่วยเป็นไข้หวัด ไอ มีน�้ำมูก จึงเข้ำตรวจรักษำที่โรงพยำบำล ผลกำรตรวจ

ไม่เข้ำเกณฑ์กำรตรวจหำเช้อโรคติดเชอไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ หรอโรคโควิด ๑๙ (Coronavirus



Disease 2019 (COVID-19))แต่แพทย์แนะน�ำให้กักตัวเป็นเวลำ ๒ สัปดำห์ โจทก์จึงแจ้งผู้จัดกำร
ฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยทรำบและขอลำหยุดงำนในเวลำดังกล่ำว แต่ผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกร

บุคคลจ�ำเลยกลับน�ำใบรับรองแพทย์ของโจทก์แจ้งนิติบุคคลอำคำรชุดท่โจทก์พักอำศัย เป็นเหต ุ


ให้นิติบุคคลอำคำรชุดส่งให้พนักงำนรักษำควำมปลอดภัยห้ำมมิให้โจทก์เข้ำท่พัก กำรกระท�ำ
ของจ�ำเลยดังกล่ำวเป็นกำรละเมิดท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์

เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำง
507

ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำม


หน้ำท่ของนำยจ้ำงอันเป็นกำรผิดสัญญำและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำม


ค�ำฟ้อง จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่
มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัต ิ



จัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕) ส่วนคดีท่จ�ำเลย
ฟ้องแย้งโจทก์ว่ำ ระหว่ำงกำรทำงำน โจทก์ได้ขอลำหยดงำนหลำยครงแล้วเอำเวลำไปทำงำน





ให้แก่บริษัทดอกเตอร์เรย์ กรุ๊ป จ�ำกัด ท�ำให้จ�ำเลยต้องจ่ำยค่ำจ้ำงให้โจทก์โดยไม่ได้รับผลงำน

ตอบแทน เป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยท�ำให้จ�ำเลยเสียหำยน้น

เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำขณะโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยน้น โจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำ

จ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงจ�ำเลย



กับโจทก์ตำมฟ้องแย้งจึงเป็นคดพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำทตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็น


คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
และ (๕) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ






อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ









508

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยปิติ จันทนไพรวัน โจทก์

ที่ วร ๖/๒๕๖๕ บริษัทโปรเทค ซิสเต็มส์

(ประเทศไทย) จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย






จ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นนำยจ้ำงมีค�ำส่งให้โจทก์เข้ำร่วมกิจกรรมกีฬำ Bubble


Bump และ Bubble Bump Football ซ่งเป็นกีฬำท่มีควำมเส่ยงอันตรำยโดยจ�ำเลย



ท้งสองไม่แจ้งเตือนหรือบอกกล่ำวให้โจทก์ทรำบถึงอันตรำย เป็นเหตุให้ระหว่ำงท่โจทก์

เข้ำแข่งขันกีฬำดังกล่ำวมีบุคคลอ่นกระแทกโจทก์ล้มลงได้รับบำดเจ็บเอ็นหัวเข่ำขวำขำด


หมอนรองกระดูกขำดบำงส่วนและช้ำ โจทก์ต้องเข้ำรักษำพยำบำลอย่ำงต่อเน่องยำวนำน

จนปัจจุบันยังไม่หำยจำกอำกำรบำดเจ็บ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรกระท�ำ


โดยปรำศจำกควำมระมัดระวังซ่งบุคคลเช่นน้นจักต้องมีตำมวิสัยและพฤติกำรณ์
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองดังกล่ำวเป็นกำรกระท�ำละเมิดให้โจทก์เสียหำย

เป็นคดีแรงงำน
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำร


ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน เม่อวันท่ ๑ สิงหำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง


ต�ำแหน่งฝ่ำยขำยอำวุโสและวิศวกรประยุกต์ ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๕๙,๕๐๐ บำท






















กำหนดจำยคำจำงทกวนสนเดอน ระหวำงทำงำนจำเลยทงสองมคำสงใหโจทกไปรวมกำรประชม
สัมมนำยอดขำยประจ�ำปีของบริษัทโปรเทค ซิสเต็มส์ (ประเทศสิงคโปร์) ซ่งเป็นบริษัทในเครือ

ของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่ำงวันที่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๔ ตุลำคม ๒๕๖๒
จ�ำเลยท้งสองมีค�ำส่งให้โจทก์เข้ำร่วมกิจกรรมกีฬำ Bubble Bump และ Bubble Bump Football



ซ่งเป็นกีฬำท่มีควำมเส่ยงอันตรำยโดยจ�ำเลยท้งสองไม่แจ้งเตือนหรือบอกกล่ำวให้โจทก์



ทรำบถึงอันตรำย เป็นเหตุให้ระหว่ำงท่โจทก์เข้ำแข่งขันกีฬำดังกล่ำวมีบุคคลอ่นกระแทกโจทก์


ล้มลงได้รับบำดเจ็บเอ็นหัวเข่ำขวำขำด หมอนรองกระดูกขำดบำงส่วนและช้ำ โจทก์ต้องเข้ำ




รกษำพยำบำลอย่ำงต่อเน่องยำวนำนจนปัจจบันยงไม่หำยจำกอำกำรบำดเจบ กำรกระทำ





ของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรกระท�ำโดยปรำศจำกควำมระมัดระวังซ่งบุคคลเช่นน้นจักต้องมีตำม

509


วิสัยและพฤติกำรณ์ เป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยท้งสองต้องร่วมชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน

เป็นค่ำรักษำพยำบำลท้งในปัจจุบันและต่อเน่องในอนำคต ค่ำใช้จ่ำยในกำรเดินทำงไปรักษำ

พยำบำล ค่ำเสียหำยจำกกำรไม่สำมำรถประกอบกำรงำนและงำนเสริม ค่ำขำดประโยชน์จำกกำร
ใช้อุปกรณ์กีฬำ และค่ำเสียหำยอื่นกับดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง รวมเป็นเงิน ๑๒,๙๒๓,๑๙๙.๒๐ บำท


โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย

๑๒,๙๒๓,๑๙๙.๒๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ บริษัทโปรเทค ซิสเต็มส์ (ประเทศสิงคโปร์) ไม่ได้เป็นบริษัท
ในเครือของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นผู้จัดให้มีกำรประชุมสัมมนำยอดขำยประจ�ำปีและ

กิจกรรมกีฬำ Bubble Bump และ Bubble Bump Football กำรเล่นกีฬำดังกล่ำวมีเครื่องป้องกัน

กำรกระแทกจึงไม่ได้มีควำมเส่ยงหรืออันตรำย กำรท่โจทก์ได้รับอันตรำยจำกกำรสมัครใจเข้ำ


ร่วมกิจกรรมกีฬำโดยทรำบกติกำและกฎควำมปลอดภัยแล้ว และกำรถูกกระแทกล้มเกิดจำกกำร

กระท�ำของบุคคลอ่น ไม่ใช่เกิดจำกกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสอง และเหตุเกิดท่ประเทศสิงคโปร์


จึงไม่ใช่เน่องจำกกำรท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง คดีน้ไม่ใช่คดีท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ




ของศำลแรงงำน โจทก์จะต้องย่นค�ำร้องขอรับเงินทดแทนต่อส�ำนักงำนประกันสังคมตำม

พระรำชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ไม่อำจฟ้องให้จ�ำเลยท้งสองรับผิดได้ หลังเกิดเหต ุ

จ�ำเลยท้งสองรักษำพยำบำลเบ้องต้นแก่โจทก์ โจทก์ได้รับค่ำรักษำพยำบำลแล้ว ค่ำรักษำพยำบำล



ในอนำคตเป็นเร่องคำดคะเนและสูงเกินจริง ค่ำเสียหำยอ่นเป็นกำรเรียกโดยปรำศจำกหลักฐำน

เป็นค่ำเสียหำยซ�้ำซ้อนและเรียกโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๑ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ


พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ







วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง

วินิจฉัยวำ โจทกบรรยำยฟองวำ โจทกเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยทั้งสอง ระหวำง





ท�ำงำนจ�ำเลยท้งสองมีค�ำส่งให้โจทก์ไปร่วมกำรประชุมสัมมนำยอดขำยประจ�ำปีของบริษัทโปรเทค


ซิสเต็มส์ (ประเทศสิงคโปร์) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่ำงนั้น
จ�ำเลยทั้งสองมีค�ำสั่งให้โจทก์เข้ำร่วมกิจกรรมกีฬำ Bubble Bump และ Bubble Bump Football


ซ่งเป็นกีฬำท่มีควำมเส่ยงอันตรำยโดยจ�ำเลยท้งสองไม่แจ้งเตือนหรือบอกกล่ำวให้โจทก์ทรำบ


510



ถึงอันตรำย เป็นเหตุให้ระหว่ำงท่โจทก์เข้ำแข่งขันกีฬำดังกล่ำวมีบุคคลอ่นกระแทกโจทก์ล้มลง
ได้รับบำดเจ็บเอ็นหัวเข่ำขวำขำด หมอนรองกระดูกขำดบำงส่วนและช้ำ โจทก์ต้องเข้ำรักษำพยำบำล

อย่ำงต่อเน่องยำวนำนจนปัจจุบันยังไม่หำยจำกอำกำรบำดเจ็บ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสอง




เป็นกำรกระท�ำโดยปรำศจำกควำมระมัดระวังซ่งบุคคลเช่นน้นจักต้องมีตำมวิสัยและพฤติกำรณ์
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองดังกล่ำวเป็นกำรกระท�ำละเมิดให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลย


ท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำง



โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้อง
ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสองไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมหน้ำท่ของนำยจ้ำงอันเป็นกำรผิด




สัญญำและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธ ิ

หรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำง

เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ


คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕




อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

















511

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวโสภิต ยุทธชัย โจทก์

ที่ วร ๘/๒๕๖๕ บริษัทเน็ตซีส แอนด์ คอมพิวเตอร์
จ�ำกัด จ�ำเลย



โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ระหว่ำงท�ำงำนนับแต่

ปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์ล่ำช้ำและจ่ำยไม่ครบถ้วนในครำวเดียวกันมำโดยตลอด

ท�ำให้โจทก์ขำดสภำพคล่องทำงกำรเงินท่จ�ำเป็นต้องใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน ท�ำให้รำยกำร

เดินบัญชีธนำคำรของโจทก์ขำดควำมน่ำเช่อถือ ไม่สำมำรถรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียม และ
ไม่สำมำรถกู้ยืมเงินจำกสถำบันกำรเงินใด กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรละเมิดโดยจงใจ








กระทำผดกฎหมำยและผิดสญญำโดยจำยค่ำจำงแก่โจทก์ลำชำ ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสียหำย



เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงจงใจไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
และตำม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ เป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑ กรกฎำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่ง

พนักงำนฝ่ำยขำย ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๔๐,๐๐๐ บำท ก�ำหนดจ่ำยค่ำจ้ำงทุกวัน

ส้นเดือนโดยวิธีจ่ำยผ่ำนบัญชีธนำคำร ระหว่ำงท�ำงำนนับแต่ปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์
ล่ำช้ำและจ่ำยไม่ครบถ้วนในครำวเดียวกันมำโดยตลอด ท�ำให้โจทก์ขำดสภำพคล่องทำงกำรเงิน
ท่จ�ำเป็นต้องใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน ท�ำให้รำยกำรเดินบัญชีธนำคำรของโจทก์ขำดควำม

น่ำเช่อถือ ไม่สำมำรถรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียม และไม่สำมำรถกู้ยืมเงินจำกสถำบันกำรเงินใด

กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรละเมิดโดยจงใจกระท�ำผิดกฎหมำยและผิดสัญญำโดยจ่ำยค่ำจ้ำง

แก่โจทก์ล่ำช้ำ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย วันที่ ๑๕ ธันวำคม ๒๕๖๓ โจทก์จึงลำออกจำก
กำรเป็นพนักงำนของจ�ำเลย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำเสียหำย ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย

อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ ค�ำฟ้องโจทก์แม้จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดแต่ไม่ใช่กำรกระท�ำ
ละเมิดท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน โจทก์ไม่บรรยำยฟ้องให้ชัดเจนจึงเป็น

ฟ้องเคลือบคลุม จ�ำเลยรู้ถึงกำรกระท�ำละเมิดและรู้ตัวผู้กระท�ำละเมิดมำต้งแต่ปี ๒๕๖๐ คดีจึง


ขำดอำยุควำมแล้ว ควำมเสียหำยท่จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงมำเป็นเร่องคำดคะเน จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำ

ตำมฟ้องโจทก์ ไม่ได้จงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้โจทก์เสียหำยแต่จ�ำเลยขำดสภำพคล่อง







ทำงกำรเงนและพยำยำมหำเงนมำจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์ให้ครบและเรวทสดแล้ว จำเลยแจ้งให้โจทก์
512

ทรำบกำรจ่ำยค่ำจ้ำงล่ำช้ำล่วงหน้ำมำตลอดและโจทก์ยินยอมแล้ว จึงไม่สำมำรถน�ำคดีมำฟ้อง

จ�ำเลยได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ระหว่ำงท�ำงำน

นับแต่ปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์ล่ำช้ำและจ่ำยไม่ครบถ้วนในครำวเดียวกันมำโดยตลอด

ท�ำให้โจทก์ขำดสภำพคล่องทำงกำรเงินท่จ�ำเป็นต้องใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน ท�ำให้รำยกำร
เดินบัญชีธนำคำรของโจทก์ขำดควำมน่ำเชื่อถือ ไม่สำมำรถรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียม และไม่สำมำรถ

กู้ยืมเงินจำกสถำบันกำรเงินใด กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรละเมิดโดยจงใจกระท�ำผิดกฎหมำย
และผิดสัญญำโดยจ่ำยค่ำจ้ำงแก่โจทก์ล่ำช้ำ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ


จ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงจงใจไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมพระรำชบัญญัต ิ

คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำงได้รับ


ควำมเสียหำย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ

จ้ำงแรงงำน ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน และเป็นคดอันเกิดแต่มูลละเมดระหว่ำง


นำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล

แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) (๒) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ






513

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยถำวร คงสม โจทก์

ที่ วร ๘๓/๒๕๖๐ นำยชูเกียรติ ถำวรวสุ

กับพวก จ�ำเลย


แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยทั้งสองซึ่งเป็นกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำร ก.


กระท�ำกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับสหภำพแรงงำนธนำคำร ก. แต่ก็เพ่อให้เห็นว่ำกำรกระท�ำ

ดังกล่ำวเป็นผลให้เกิดควำมเสียหำยแก่ช่อเสียง เกียรติคุณ หรือทำงท�ำมำหำได้หรือ








ทำงเจรญโดยประกำรอนของโจทก์โดยตรง เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจำเลยทงสองทำละเมด
ต่อโจทก์เป็นกำรส่วนตัว ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ ลักษณะ ๕ ละเมิดโดยทั่วไป ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงของบริษัทธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน)

และเคยเป็นกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ จ�ำเลยท้งสองเป็นสมำชิกและเคยเป็น


กรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ ระหว่ำงท่โจทก์และจ�ำเลยท้งสองด�ำรงต�ำแหน่ง

กรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพนั้น จ�ำเลยทั้งสองท�ำเอกสำรเผยแพร่ด้วยข้อควำมอัน

เป็นเท็จไปยังบุคคลท่สำมท่วประเทศว่ำโจทก์และคณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ

ผลักดันโครงกำรต่ำง ๆ โดยทุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นกำรปลุกระดมให้สมำชิกเกลียดชัง


คณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ ท�ำให้โจทก์ซ่งเกษียณอำยุกำรท�ำงำนและพ้น
ต�ำแหน่งกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพต้องเสียหำย และเป็นเหตุให้โจทก์และจ�ำเลย













ทงสองกบพวกมคดแพงและคดอำญำตอกนหลำยคด กำรกระทำของจำเลยทงสองเปนกำรใชสทธ ิ







โดยไม่สจรต เป็นกำรใส่ควำมโจทก์ต่อบคคลทสำมโดยประกำรทน่ำจะทำให้โจทก์เสยชอเสยง












ถูกดูหม่นหรือถูกเกลียดชัง หรือเป็นท่เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำงเจริญโดยประกำรอ่น
อันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ เป็นกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ พระรำชบัญญัติ
แรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ และประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๕ และมำตรำ ๔๒๐
ถึงมำตรำ ๔๒๓ ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำละเมิดเป็นเงิน
๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระ
เสร็จแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยท้งสองน�ำค�ำพิพำกษำของศำลประกำศหนังสือพิมพ์ เป็นระยะเวลำ

ไม่น้อยกว่ำ ๓ วัน ติดต่อกัน ลงประกำศในเฟซบุ๊ก กับหนังสือข่ำวสำรของสหภำพแรงงำนธนำคำร
กรุงเทพ เป็นระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ ๓ ฉบับ ติดต่อกัน
514



จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องเพ่มเติมเน้อหำอันเป็นข้อควำมเท็จ ข้อควำม



ตำมเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑ เพียงแต่ต้งค�ำถำม มิได้กล่ำวหำว่ำโจทก์ทุจริต จ�ำเลยท้งสอง
ใช้สิทธิทำงศำลโดยชอบ โจทก์ไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำมกำรกระท�ำของจ�ำเลย

ท้งสองเป็นไปตำมกฎหมำยทุกประกำรจึงไม่เป็นกำรกระท�ำละเมดต่อโจทก์และโจทก์ไม่ได้รับ

ควำมเสียหำย คดีในส่วนของพระรำชบัญญัติแรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำน โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย


ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง



วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ
จัดท�ำเอกสำรเผยแพร่ซ่งมีข้อควำมอันเป็นเท็จไปยังบุคคลท่สำมท่วประเทศว่ำโจทก์และ



คณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพผลักดันโครงกำรต่ำง ๆ โดยทุจริตเพื่อประโยชน์


ส่วนตัว และจ�ำเลยท้งสองได้ฟ้องร้องคณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพซ่งกระท�ำ
กำรแทนสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ เป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและฝ่ำฝืนข้อบังคับ

สหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ ท้งเป็นกำรใส่ควำมโจทก์ต่อบุคคลท่สำมโดยประกำรท่น่ำ




จะท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง ถูกดูหม่นหรือถูกเกลียดชัง เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ท�ำให้โจทก์
เสียหำย ตำมค�ำฟ้องดังกล่ำว แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นกรรมกำรสหภำพ


แรงงำนธนำคำรกรุงเทพกระท�ำกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ แต่ก็เพื่อให้



เหนวำกำรกระทำดงกลำวเปนผลใหเกดควำมเสยหำยแกชอเสยง เกยรตคณ หรอทำงทำมำหำได ้
















หรือทำงเจริญโดยประกำรอ่นของโจทก์โดยตรง เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองท�ำละเมิด





ตอโจทกเป็นกำรสวนตว ตำมประมวลกฎหมำยแพงและพำณชย บรรพ ๒ ลกษณะ ๕ ละเมด







โดยท่วไป มิใช่กำรใช้สิทธิตำมกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนสัมพันธ์ จึงมิใช่คดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธ ิ
หรือหน้ำที่ตำมกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนสัมพันธ์ และมิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำง
และลูกจ้ำงสืบเน่องจำกข้อพิพำทแรงงำนหรือเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และ


มิใช่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรท่จ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์





กับจ�ำเลยท้งสองจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
515

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐.



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ถชุโรจน์ - ตรวจ





















































516

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยทวีป บุญโยทก กับพวก โจทก์

ที่ วร ๔๓/๒๕๖๐ บริษัทวิวพอยทส์ จ�ำกัด

กับพวก จ�ำเลย




ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสองเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิด
โดยร้องทุกข์ด�ำเนินคดีอำญำจนท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำร

กระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง แต่เป็นกำร





ใช้สิทธิเรียกร้องตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ หน ลักษณะ ๕ ละเมิด คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสอง
กับจ�ำเลยทั้งสองจึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________



โจทก์ทั้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็น

กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน เมื่อปี ๒๕๔๖ จ�ำเลยทั้งสองจ้ำงโจทก์ที่ ๑ ท�ำงำนต�ำแหน่ง

ชิปปิ้ง ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๒๒,๐๐๐ บำท และจ้ำงโจทก์ที่ ๒ ท�ำงำนต�ำแหน่งพนักงำนบัญชี

ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๑๘,๐๐๐ บำท โจทก์ท้งสองได้ลำออกจำกกำรเป็นลูกจ้ำงเม่อเดือน

ธันวำคม ๒๕๕๗ ต่อมำเดือนกุมภำพันธ์และเดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิด


ต่อโจทก์ท้งสองโดยน�ำควำมเท็จร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำ โจทก์ท้งสองกับพวกร่วมกัน


ลักทรัพย์นำยจ้ำงและปลอมเอกสำร ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง และต้องเสีย



ค่ำใช้จ่ำยในกำรแก้ข้อกล่ำวหำ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ท่ ๑

เป็นเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บำท และช�ำระแก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมประกำศขอขมำ
โจทก์ทั้งสองทำงหนังสือพิมพ์ด้วยค่ำใช้จ่ำยของจ�ำเลยทั้งสอง




จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ โจทก์ท้งสองเคยเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ แต่ไม่เคยเป็นลูกจ้ำง
จ�ำเลยที่ ๒ หลังจำกโจทก์ทั้งสองลำออก จ�ำเลยที่ ๒ ตรวจสอบพบว่ำโจทก์ทั้งสองและนำงสำว

วำสนำ ร่วมกันลักสมุดเช็คและปลอมเช็คของจ�ำเลยท่ ๒ แล้วเรียกเก็บเงิน จึงได้ร้องทุกข์ต่อ
พนักงำนสอบสวน จ�ำเลยท้งสองใช้สิทธิโดยสุจริตและจ�ำเลยท่ ๒ ไม่ได้กระท�ำในฐำนะส่วนตัว





จึงไม่เกิดควำมเสียหำยแก่โจทก์ท้งสองเก่ยวกับกำรจ้ำงแรงงำน มูลคดีท่โจทก์ท้งสองอ้ำงว่ำ

ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน ส่วน
ค่ำใช้จ่ำยในกำรแก้ข้อกล่ำวหำก็มิใช่ค่ำเสียหำยจำกมูลละเมิด ขอให้ยกฟ้อง



517


ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๕ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย


ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง



วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสองซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์








ทงสองซงเป็นลกจ้ำง โดยนำควำมเทจร้องทกข์ต่อพนกงำนสอบสวนว่ำโจทก์ทงสองกบพวก




ร่วมกันลักทรัพย์นำยจ้ำงและปลอมเอกสำร ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง



และต้องเสียค่ำใช้จ่ำยในกำรแก้ข้อกล่ำวหำ ดังน้ แม้โจทก์ท้งสองจะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสอง





ซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงนำยจ้ำงกัน


ก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสองเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ

จ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดโดยร้องทุกข์ด�ำเนินคดีอำญำจนท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย อันเป็น


กำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง



แต่เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หน้ ลักษณะ ๕ ละเมิด



คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท้งสองจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ถชุโรจน์ - ตรวจ














518

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยณกรณ์ อำนำภรณ์ โจทก์

ที่ วร ๘๘/๒๕๖๐ บริษัทแวนเทค อมตะ โลจิสติกส์
(ประเทศไทย) จ�ำกัด จ�ำเลย




ข้อกล่ำวอ้ำงตำมค�ำฟ้องท่ว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงน�ำควำมเท็จร้องทุกข์ต่อ


พนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์ซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงยักยอกเงิน ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง ถูกดูหม่น




เกลียดชัง ดังน แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ใน














ระหวำงทมนตสมพนธเปนนำยจำงลกจำงกนกตำม แตขออำงทอำศยเปนหลกแหงขอหำ











ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดโดยร้องทุกข์ด�ำเนินคด ี
อำญำท�ำให้โจทก์เสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกที่ไม่เกี่ยวข้องกับกำร
ท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง จึงมิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและ
ลูกจ้ำงเกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๔ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๔ โจทก์เข้ำท�ำงำนกับบริษัทแวนเทค เวิล์ด
ทรำนสปอร์ต (ประเทศไทย) จ�ำกัด และส้นสุดกำรท�ำงำนในเดือนธันวำคม ๒๕๕๗ เน่องจำกบริษัท


ดังกล่ำวปิดกิจกำร ต่อมำในปี ๒๕๕๘ บริษัทดังกล่ำวได้ควบรวมกับบริษัทฮิตำชิ ทรำนสปอร์ต
ซิสเต็ม แวนเทค (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์ได้เข้ำท�ำงำนกับบริษัทฮิตำชิ ทรำนสปอร์ต ซิสเต็ม
แวนเทค (ประเทศไทย) จ�ำกัด ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล กระท่งเดือนพฤษภำคม ๒๕๕๙

จึงโอนย้ำยไปท�ำงำนกับจ�ำเลย ต่อมำวันท่ ๘ พฤษภำคม ๒๕๖๐ จึงถูกกล่นแกล้งโอนย้ำยไป


ท�ำงำนที่บริษัทซูมิโตโม รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด วันที่ ๒๖ พฤษภำคม ๒๕๖๐ โจทก์ฟ้อง
บริษัทแวนเทค เวิล์ด ทรำนสปอร์ต (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซึ่งมีกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจคนเดียวกัน
กับจ�ำเลยต่อศำลแรงงำนภำค ๒ เพ่อเรียกค่ำตอบแทนกำรท�ำงำน จ�ำเลยจึงมีค�ำส่งให้โจทก์ไป





ท�ำงำนท่ส�ำนักงำนใหญ่โดยไม่มอบหมำยงำนให้ ต่อมำจ�ำเลยมีค�ำส่งพักงำนโจทก์เพ่อสอบสวน
กรณีที่โจทก์ไม่น�ำเงินที่หักจำกบัญชีเงินเดือนพนักงำนจ�ำนวน ๑๙,๐๐๐ บำท ส่งส�ำนักงำนบังคับคดี
จังหวัดชลบุรี และได้ร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์ยักยอกเงินดังกล่ำว อันเป็นกำร
ท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จ�ำเลยเสนอว่ำ

หำกโจทก์ลำออกและถอนฟ้องคดีแรงงำนก็จะไม่ด�ำเนินคดีอำญำต่อโจทก์ วันท่ ๑๓ มิถุนำยน ๒๕๖๐
จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิด ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำชดเชยสินจ้ำง
แทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม และค่ำเสียหำยจำก
กำรท�ำละเมิด พร้อมดอกเบี้ยตำมค�ำขอท้ำยฟ้องแก่โจทก์
519

ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแรงงำนภำค ๒ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้ในส่วนที่โจทก์ฟ้อง

ว่ำจ�ำเลยร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์ยักยอกทรัพย์ เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ท�ำให้


โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ในส่วนท่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์

ยักยอกทรัพย์ เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น
เกลียดชังอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน

และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องส่วนนี้ว่ำ จ�ำเลยซึ่ง

เคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโดยน�ำควำมเท็จร้องทุกข์ต่อพนักงำน

สอบสวนว่ำโจทก์ยักยอกเงินท�ำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ดังนี้ แม้โจทก์จะกล่ำว

อ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่ำงท่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำง


ลูกจ้ำงกันก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำง
ว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดโดยร้องทุกข์ด�ำเนินคดีอำญำท�ำให้โจทก์เสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำง

กำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง จึงมิใช่คด ี


อันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน








แต่เป็นกำรใช้สทธเรยกร้องตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๒ หน ลกษณะ ๕


ละเมิดท่วไปคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยส่วนน้จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใด

ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ในส่วนท่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์
ยักยอกทรัพย์ เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น
เกลียดชังไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐


เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ



520

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเจริญโรจน์แลนด์

ที่ วร ๖๓/๒๕๖๑ จ�ำกัด โจทก์

ว่ำที่ร้อยเอกสุวโรจน์หรือ
นำยสุวโรจน์ โฆษิตพุฒิพัฒน์ จ�ำเลย




โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงของบริษัท อ. กระท�ำละเมิดต่อโจทก์












ทงยงปรำกฏวำโจทกและบรษทดงกลำวมฐำนะเปนนตบคคลตำงหำกจำกกน คดระหวำง







โจทก์กับจ�ำเลยจึงไม่ใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำร
ท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดและเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดิน


โฉนดเลขที่ ๓๗๔๔๙ ต�ำบลประชำธิปัตย์ (คลองรังสิตฝั่งเหนือ) อ�ำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธำนี

โจทก์มอบหมำยให้บริษัทเอส. เอ็น แอสเซ็ท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด น�ำท่ดินออกหำประโยชน์
แทนโจทก์ บริษัทดังกล่ำวได้มอบหมำยให้จ�ำเลยเป็นผู้ด�ำเนินกำรแทนโจทก์ในฐำนะผู้ได้รับ

มอบหมำยให้จัดกำรน�ำท่ดินดังกล่ำวออกหำผู้เช่ำแทนโจทก์ เม่อวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๙ นำยสุเมธ



ได้ตกลงท�ำสัญญำเช่ำท่ดินดังกล่ำวในนำมส่วนตัวและในนำมของนำงสำวเตือนใจนับแต่เดือน

มีนำคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนเมษำยน ๒๕๖๐ จ�ำเลยรับเงินค่ำเช่ำท่ดินและเงินค่ำประกันจำกนำยสุเมธ
หลำยคร้งแล้วไม่น�ำเงินดังกล่ำวส่งให้โจทก์ รวม ๔๔๐,๐๐๐ บำท ท�ำให้โจทก์เสียหำย โจทก์

ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔๔๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับบริษัท







เอส. เอน แอสเซท ดเวลลอปเม้นท์ จำกด และบรษทเสนำดเวลลอปเม้นท์ จำกด จำเลย




สมัครงำนกับบริษัทเสนำดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด แต่ได้หนังสือผ่ำนกำรทดลองงำนจำกบริษัท
เอส. เอ็น แอสเซ็ท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด และจำเลยท�ำงำนให้โจทก์จงเป็นลูกจ้ำงโจทก์ด้วย


คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
ศำลจังหวัดธัญบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
521

วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำโจทก์มอบหมำยให้บริษัทเอส. เอ็น แอสเซ็ท ดีเวลลอป


เม้นท์ จ�ำกัด น�ำท่ดินของโจทก์ออกหำประโยชน์แทนโจทก์ บริษัทดังกล่ำวได้มอบหมำยให้

จ�ำเลยเป็นผู้ด�ำเนินกำรจัดกำรน�ำท่ดินดังกล่ำวออกหำผู้เช่ำแทนโจทก์ แต่จ�ำเลยกลับรับเงิน


ค่ำเช่ำท่ดินและเงินค่ำประกันจำกผู้เช่ำหลำยคร้งแล้วไม่น�ำเงินดังกล่ำวส่งให้โจทก์ โจทก์ทวงถำมแล้ว

แต่จ�ำเลยเพิกเฉย จึงเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงของบริษัทเอส. เอ็น

แอสเซ็ท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยังปรำกฏว่ำโจทก์และบริษัทดังกล่ำว
มีฐำนะเป็นนิติบุคคลต่ำงหำกจำกกัน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงไม่ใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิด


ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลักษณะเป็น
คดีแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒

มำตรำ ๘

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

























522


Click to View FlipBook Version