ั
บริษัทด้วย จ�ำเลยท้งหกจงใจกระท�ำละเมิดและผิดสัญญำต่อโจทก์โดยลอกเลียนหลักสูตร
ั
ั
ู
ิ
ิ
ั
กำรฝึกอบรมอนเป็นสทธเฉพำะของโจทก์ไปเป็นของตนและร่วมกนโฆษณำหลกสตรกำร
ฝึกอบรมว่ำได้รับกำรรับรองมำตรฐำนจำกสถำบันฝึกอบรมนอกชำยฝั่งของสหรำชอำณำจักร
ี
�
ี
(OPITO) โดยมีอัตรำค่ำฝึกอบรมท่มีรำคำต่ำกว่ำโจทก์ท้งท่หลำยหลักสูตรยังไม่ได้รับกำร
ั
รับรอง ท�ำให้ลูกค้ำบริษัทโจทก์หลงเช่อและถอนกำรฝึกอบรมแล้วเปล่ยนไปฝึกอบรมกับ
ี
ื
จ�ำเลยที่ ๑ เป็นกำรแสวงหำประโยชน์ในทำงกำรค้ำโดยรู้อยู่แล้วว่ำเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์และ
จงใจแย่งลูกค้ำไปจำกโจทก์ โดยจงใจท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งหก
ั
ี
ร่วมกันช�ำระเงิน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำก
วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยท้งหกระงับกำรด�ำเนินกิจกำรซ่งได้ลอกเลียน
ึ
ั
หลักสูตรกำรฝึกอบรมทั้งหมดอันเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ค�ำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้บรรยำยว่ำหลักสูตรของโจทก์มีหลักสูตรใดบ้ำง หลักสูตร
ท่โจทก์อ้ำงว่ำเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์น้นโจทก์ไม่ได้น�ำไปจดทะเบียนสิทธิบัตรหรือลิขสิทธ ิ ์
ี
ั
ี
น่ำจะไม่ได้เป็นควำมลับทำงกำรค้ำแต่เป็นงำนสำธำรณะท่สำมำรถเข้ำถึงได้ จ�ำเลยท่ ๑
ี
ไม่ได้ประกอบกิจกำรในลักษณะเดียวกับโจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๖ ไม่ได้ร่วมกันลอกเลียน
ี
ี
หลักสูตรของโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๔ ร่วมกันคิดและก�ำหนดอัตรำค่ำฝึกอบรมด้วยควำมรู้
ี
ี
ควำมสำมำรถ ทักษะและประสบกำรณ์ของตนเองโดยไม่ได้ลอกเลียนจำกผู้ใด จ�ำเลยท่ ๑
ี
ได้รับกำรรับรองมำตรฐำนจำกสถำบันฝึกอบรมนอกชำยฝั่งของสหรำชอำณำจักร (OPITO) แล้ว
ั
ื
ั
ั
่
ี
และทำตำมหลักเกณฑ์เกยวกบกำรฝึกอบรมของสถำบนดงกล่ำวหรือสถำบนอ่น ก่อนหน้ำน ้ ี
�
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๑ เพียงแต่เตรียมกำรและแจ้งแก่ลูกค้ำว่ำยังไม่เร่มรับสมัครกำรฝึกอบรมและไม่เคย
ิ
ั
�
์
โฆษณำวำผำนกำรรบรองมำตรฐำนกอนเรมรบสมครกำรฝกอบรม โจทกทำบนทกขอตกลงเลกจำง
่
้
ึ
้
ิ
่
ั
ิ
ั
ึ
ั
่
่
จ�ำเลยท่ ๕ และท่ ๖ โดยจ�ำกัดสิทธิหรือเสรีภำพในกำรประกอบวิชำชีพอันไม่เป็นธรรม จ�ำเลยท่ ๒
ี
ี
ี
ถึงท่ ๖ ไม่เคยน�ำควำมลับทำงกำรค้ำหรือทำงธุรกิจหรือหลักสูตรกำรเรียนกำรสอนของโจทก์
ี
ี
ไปเผยแพร่แก่จ�ำเลยท่ ๑ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่ำเสียหำยตำมค�ำฟ้อง คดีระหว่ำงโจทก์กับ
จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ อยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลแรงงำนภำค ๒ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพัทยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
473
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประกอบกิจกำรในลักษณะเดียวกับโจทก์
โดยมีจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ซึ่งเคยเป็นพนักงำนบริษัทโจทก์ เป็นกรรมกำรบริษัท และมีจ�ำเลยที่ ๕
และที่ ๖ ซึ่งเคยเป็นพนักงำนโจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ ด้วย ระหว่ำงที่จ�ำเลยที่ ๒
ถึงที่ ๖ ท�ำงำนกับโจทก์ มีสัญญำระบุว่ำจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ จะไม่น�ำควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์
ู
่
ี
ุ
หรอเอำหลักสตรกำรเรียนกำรสอนไปเผยแพร่แก่บคคลภำยนอก แต่จ�ำเลยท ๒ ถึงท่ ๖ กลับ
ี
ื
�
ี
้
ิ
ั
ิ
ั
ั
ื
่
ร่วมกันจัดตงบรษทจำเลยท่ ๑ เพอประกอบกจกำรในลกษณะเดียวกับโจทก์แล้วลำออกจำก
บริษัทโจทก์เพ่อไปท�ำงำนท่บริษัทจ�ำเลยท่ ๑ และได้ลอกเลียนหลักสูตรกำรฝึกอบรมอันเป็น
ื
ี
ี
สิทธิเฉพำะของโจทก์ไปเป็นของตนและร่วมกันโฆษณำหลักสูตรกำรฝึกอบรมว่ำได้รับกำรรับรอง
มำตรฐำนจำกสถำบันฝึกอบรมนอกชำยฝั่งของสหรำชอำณำจักร (OPITO) โดยมีอัตรำค่ำฝึกอบรม
�
ท่มีรำคำต่ำกว่ำโจทก์ท้งท่หลำยหลักสูตรยังไม่ได้รับกำรรับรอง ท�ำให้ลูกค้ำบริษัทโจทก์หลงเช่อและ
ั
ี
ื
ี
ถอนกำรฝึกอบรมแล้วเปลี่ยนไปฝึกอบรมกับจ�ำเลยที่ ๑ เป็นกำรแสวงหำประโยชน์ในทำงกำรค้ำ
โดยรู้อยู่แล้วว่ำเป็นสิทธิเฉพำะของโจทก์และจงใจแย่งลูกค้ำไปจำกโจทก์ โดยจงใจท�ำให้โจทก์
ได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ เคยมีนิติสัมพันธ์เป็น
ี
ี
ี
นำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ ได้ปฏิบัติผิดข้อตกลงใน
ี
ี
สัญญำจ้ำงแรงงำนท่ให้ไว้ต่อโจทก์ในขณะท่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงและกระท�ำละเมิด
ี
ต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงเกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนด้วยกำรจัดตั้งบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ ขึ้น
ี
ื
เพ่อประกอบกิจกำรท่มีลักษณะเดียวกันแข่งขันกับโจทก์และน�ำควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์
่
ุ
ั
เกยวกบหลกสตรกำรฝึกอบรมต่ำง ๆ ไปเผยแพร่หำประโยชน์จำกบคคลภำยนอกและชกชวน
ั
ู
ี
ั
ลูกค้ำโจทก์ไปเป็นลูกค้ำจ�ำเลยท่ ๑ รวมท้งเรียกเก็บค่ำฝึกอบรมแต่ละหลักสูตรต่ำกว่ำโจทก์
ี
ั
�
แม้จ�ำเลยที่ ๑ จะเป็นนิติบุคคลแยกต่ำงหำกจำกจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ก็ตำม แต่จ�ำเลยที่ ๑ ก็เป็น
ี
ี
ั
ึ
นิติบุคคลท่จัดต้งข้นโดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ท่ต่ำงร่วมกันเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำร
ี
ี
แทนจ�ำเลยที่ ๑ โดยมีจ�ำเลยที่ ๕ และที่ ๖ เป็นพนักงำน ซึ่งจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ล้วนแต่เคยเป็น
พนักงำนโจทก์ ดังน้น กำรประกอบกิจกำรในทำงธุรกิจของจ�ำเลยท่ ๑ อันเป็นกำรแข่งขันกับโจทก์
ี
ั
ี
ี
ี
ี
ี
ื
ี
โดยจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ ดังกล่ำวย่อมเป็นกรณีท่สืบเน่องมำจำกกำรท่จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ ผิดสัญญำ
จ้ำงแรงงำนที่ท�ำไว้แก่โจทก์และเกี่ยวเนื่องกับสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑
ถึงท่ ๖ จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่
ี
ี
ี
มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
474
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
475
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทนครภิรมย์ พร็อพเพอร์ตี้
ั
�
ที่ วร ๑๐/๒๕๖๑ จำกด โจทก์
นำงสำวตวงปภำ
กฤตพันทวี จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ โดยมีสัญญำจ้ำงงำนและสัญญำ
ุ
่
ั
ั
ั
่
้
�
้
่
ุ
์
้
้
ู
รกษำควำมลบและหำมแขงขน ระบวำ จำเลยตองไม่เปิดเผยขอมลของโจทกใหแกบคคลใด
และห้ำมแข่งขันกับโจทก์ โดยระหว่ำงกำรท�ำงำนและภำยในก�ำหนดเวลำสองปีนับแต่วัน
ิ
ี
ื
ส้นสุดกำรท�ำงำน จ�ำเลยจะไม่รับจ้ำงท�ำงำนกับผู้อ่นท่ประกอบกิจกำรคล้ำยคลึงกับโจทก์
ั
ท้งโดยตรงหรือโดยอ้อม ต่อมำจ�ำเลยได้ลำออกแล้วเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของบริษัท อ.
ี
ท่ประกอบกิจกำรบริหำรอำคำรชุดเช่นเดียวกับโจทก์ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย
ี
ี
ซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนท่ให้ไว้ต่อโจทก์ในขณะท่ม ี
ึ
ี
ี
นิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำของโจทก์
ื
ตำมค�ำฟ้องจึงสืบเน่องมำจำกสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันที่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๑๙ กรกฎำคม ๒๕๕๙ โจทก์
ทำสญญำจ้ำงจำเลยท�ำงำนตำแหน่งผ้จดกำรอำคำร กำหนดค่ำจ้ำงเดอนละ ๓๑,๕๐๐ บำท
�
ั
�
ื
ู
ั
�
�
ี
ี
มีหน้ำท่บริหำรจัดกำรควบคุมอำคำรชุดตำมท่โจทก์มอบหมำย โดยมีสัญญำจ้ำงก�ำหนดว่ำจ�ำเลย
ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของโจทก์ให้แก่บุคคลใดและห้ำมแข่งขันกับโจทก์ โดยระหว่ำงกำรท�ำงำน
�
่
�
ู
�
ั
ั
�
และภำยในกำหนดเวลำสองปีนบแต่วนสนสดกำรทำงำน จำเลยจะไม่รบจ้ำงทำงำนกบผ้อนท ี ่
ิ
ั
ั
้
ื
ุ
ั
ประกอบกิจกำรคล้ำยคลึงกับโจทก์ท้งโดยตรงหรือโดยอ้อมหำกฝ่ำฝืนยอมให้โจทก์เลิกจ้ำงและ
จ�ำเลยจะต้องช�ำระค่ำเสียหำย ๒๘๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ ต่อมำโจทก์ได้รับจ้ำงบริหำรอำคำรชุด
ื
แบงค์คอก ฮอไรซอน พี ๔๘ จึงมอบหมำยให้จ�ำเลยจัดกำรดูแลอำคำรชุดดังกล่ำว ต่อมำเม่อ
�
โจทกสนสดสญญำจำงบรหำรอำคำรชดแบงคคอก ฮอไรซอน พ ๔๘ แลว จำเลยไดลำออกแลวเขำ
้
้
้
ุ
์
้
ิ
ุ
ิ
ั
้
ี
้
์
ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของบริษัทอินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จ�ำกัด ที่ประกอบกิจกำรบริหำรอำคำร
ชุดและเข้ำรับจ้ำงบริหำรอำคำรชุดแบงค์คอก ฮอไรซอน พี ๔๘ แทนโจทก์ จึงเป็นกำรฝ่ำฝืน
สัญญำจ้ำงท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒๘๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๒๗๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
476
จ�ำเลยให้กำรว่ำ หนังสือมอบอ�ำนำจไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง สัญญำจ้ำง
ึ
ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท�ำข้นโดยกรรมกำรบริษัทโจทก์ลงนำมแต่ไม่ประทับตรำส�ำคัญของบริษัท
ี
ิ
จึงไม่มีผลผูกพันตำมกฎหมำย ข้อสัญญำท่ห้ำมจ�ำเลยท�ำงำนกับนำยจ้ำงอ่นหลังส้นสุดกำรท�ำงำน
ื
ี
ี
ี
กับโจทก์เป็นข้อสัญญำท่ไม่เป็นธรรม งำนท่โจทก์ท�ำไม่มีลักษณะท่เป็นควำมลับ ฟ้องโจทก์
เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงพระนครเหนือเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ุ
ิ
ิ
ึ
ั
ื
�
ี
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
�
้
ั
ั
ั
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
ิ
ี
วนจฉัยตำมพระรำชบญญัตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
ี
วนิจฉัยว่ำ โจทกบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลกจำงโจทก์โดยมสญญำจำงงำน
้
ู
ิ
์
้
เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ และสัญญำรักษำควำมลับและห้ำมแข่งขัน เอกสำรท้ำยค�ำฟ้อง
หมำยเลข ๔ ระบุว่ำ จ�ำเลยต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของโจทก์ให้แก่บุคคลใดและห้ำมแข่งขันกับ
ิ
โจทก์ โดยระหว่ำงกำรท�ำงำนและภำยในก�ำหนดเวลำสองปีนับแต่วันส้นสุดกำรท�ำงำน จ�ำเลย
ั
ี
ื
จะไม่รับจ้ำงท�ำงำนกับผู้อ่นท่ประกอบกิจกำรคล้ำยคลึงกับโจทก์ท้งโดยตรงหรือโดยอ้อม หำก
ฝ่ำฝืนยอมให้โจทก์เลิกจ้ำงและจ�ำเลยจะต้องช�ำระค่ำเสียหำย ๒๘๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ ต่อมำ
จ�ำเลยได้ลำออกแล้วเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของบริษัทอินเตอร์ เรียลต้ แมเนจเม้นท์ จ�ำกัด ท ี ่
ี
ประกอบกิจกำรบริหำรอำคำรชุดเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรฝ่ำฝืนสัญญำจ้ำงท�ำให้โจทก์เสียหำย
ี
จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ึ
ี
ท่ให้ไว้ต่อโจทก์ในขณะท่มีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่ง
ี
ี
ื
ข้อหำของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจึงสืบเน่องมำจำกสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ี
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
477
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแอคเซส เวิลด์ โลจิสติกส์
ที่ วร ๒๖/๒๕๖๑ (ประเทศไทย) จ�ำกัด
กับพวก โจทก์
นำงสำวระพีพรรณ
จันทรัศมี จ�ำเลย
ฟ้องว่ำจ�ำเลยจดทะเบียนตั้งบริษัท ซ. ซึ่งประกอบกิจกำรที่มีสภำพเดียวกันหรือ
ี
ั
ธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสองโดยตรง และดึงตัวลูกค้ำและพนักงำนของ
ั
ื
ั
้
ั
่
ั
ี
โจทก์ทงสองไป เป็นกำรไม่ซอสตย์และมผลประโยชน์ขดแย้งกบผลประโยชน์ของโจทก์
ท้งสอง จงใจท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย เป็นกำรฝ่ำฝืนสัญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมิด
ั
ั
ต่อโจทก์ทั้งสอง ท�ำให้โจทก์ทั้งสองได้รับควำมเสียหำย เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ื
ี
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน เม่อวันท่ ๑ ตุลำคม ๒๕๔๗
จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนกับโจทก์ท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรประจ�ำประเทศไทย แผนกกำรบริกำรจัดกำร
ี
ั
สินค้ำหลักประกัน มีอ�ำนำจควบคุมดูแลกิจกำรและพนักงำนของโจทก์ท้งสองในฐำนะผู้บริหำร
สูงสุดในประเทศไทย ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๒๓๓,๒๐๐ บำท โดยมีสัญญำจ้ำงแรงงำน
ระบุว่ำจ�ำเลยจะไม่เปิดเผยควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์ท้งสองไม่ช่วยเหลือหรือท�ำงำนในองค์กร
ั
ื
ี
ั
ี
ี
อ่นใดท่ประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกันหรือธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสอง และห้ำม
ชักชวนหรือโน้มน้ำวลูกค้ำหรือพนักงำนของโจทก์ท้งสองเพ่อให้เลิกสัญญำจ้ำงกับโจทก์ท้งสอง
ั
ั
ื
ื
ี
ื
แล้วไปท�ำงำนกับผู้อ่น ต่อมำวันท่ ๒๙ กันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยย่นหนังสือลำออก โดยให้มีผล
เป็นกำรลำออกวันที่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๕๙ แต่ในวันที่ ๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยจดทะเบียน
ี
ั
ต้งบริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซ่งประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกัน
ึ
ั
หรือธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสองโดยตรง และดึงตัวลูกค้ำและพนักงำนของโจทก์
ี
ั
ั
้
ั
ั
ั
่
้
ื
ี
ทงสองไป เป็นกำรไม่ซอสตย์และมผลประโยชน์ขดแย้งกบผลประโยชน์ของโจทก์ทงสอง จงใจ
ั
ิ
ั
ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย เป็นกำรฝ่ำฝืนสญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมดต่อโจทก์ท้งสอง
ั
�
ทำให้โจทก์ทงสองได้รบควำมเสยหำย โจทก์ทงสองจงเลกจ้ำงจำเลยได้โดยไม่ต้องจ่ำยโบนส
ั
ั
ี
ั
้
ึ
�
้
ิ
ั
และสิทธิประโยชน์แก่จ�ำเลยขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยจำกกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำน
478
้
้
ี
่
้
๔,๑๒๘,๘๙๔.๓๘ บำทพรอมดอกเบี้ยอัตรำรอยละ ๗.๕ ตอป จำกตนเงิน ๓,๙๓๓,๓๐๖.๖๗ บำท
นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ท้งสองและช�ำระค่ำเสียหำยจำกกำร
ั
ผิดสัญญำห้ำมค้ำแข่งขันและห้ำมชักชวนลูกค้ำหรือพนักงำน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะหยุดกำรปฏิบัติผิดสัญญำห้ำมค้ำแข่งขัน
ั
และห้ำมชักชวนลูกค้ำหรือพนักงำนหรือจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ท้งสองและให้จ�ำเลยยุต ิ
กำรประกอบธุรกิจแข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ท้งสองและยุติกำรประกอบธุรกิจของบริษัทซีเอ็ม
ั
เอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด เป็นระยะเวลำ ๑๒ เดือน ให้จ�ำเลยลำออกจำกกำรเป็น
กรรมกำรและโอนหุ้นที่ถือในบริษัทดังกล่ำวให้บุคคลอื่นเป็นระยะเวลำ ๑๒ เดือน หรือให้จ�ำเลย
ชดใช้ค่ำเสียหำยเดือนละ ๕๐๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำจะพ้นก�ำหนดระยะเวลำ ๑๒ เดือน นับแต่วันที่
ศำลมีค�ำพิพำกษำถึงที่สุด แก่โจทก์ทั้งสอง และให้จ�ำเลยด�ำเนินกำรให้บริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส
(ประเทศไทย) จ�ำกัด ยกเลิกกำรให้บริกำรกับอดีตลูกค้ำของโจทก์ทั้งสอง และห้ำมชักชวนลูกค้ำ
ของโจทก์ท้งสองท่จ�ำเลยเคยติดต่อในช่วง ๓ ปีสุดท้ำย ก่อนพ้นสภำพกำรเป็นลูกจ้ำงไปเป็นลูกค้ำ
ี
ั
หรือท�ำธุรกิจกับจ�ำเลยหรือบุคคลใดท่จ�ำเลยเป็นกรรมกำร ผู้ถือหุ้น หรือมีส่วนร่วมในกำรประกอบ
ี
ธุรกิจอันเป็นกำรแข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ทั้งสองเป็นระยะเวลำ ๑๒ เดือน หรือให้จ�ำเลยชดใช้
ค่ำเสียหำยเดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท ต่อเดือน ส�ำหรับลูกค้ำหน่งรำยจนกว่ำจะปฏิบัติให้เป็นไป
ึ
ตำมค�ำพิพำกษำแก่โจทก์ทั้งสอง
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นลูกจ้ำงของโจทก์ที่ ๒ จ�ำเลยไม่ได้ท�ำสัญญำจะไม่เปิด
เผยควำมลับทำงธุรกิจ ไม่ช่วยเหลือหรือท�ำงำนในองค์กรอ่นใดท่ประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกัน
ื
ี
ี
หรือธุรกิจท่แข่งขันทำงกำรค้ำ และห้ำมชักชวนหรือโน้มน้ำวลูกค้ำหรือพนักงำนกับโจทก์ท่ ๑
ี
ี
ึ
เพียงแต่ท�ำสัญญำกับโจทก์ท่ ๒ ซ่งข้อสัญญำดังกล่ำวมีวัตถุประสงค์ขัดต่อควำมสงบเรียบร้อย
ี
ี
และศีลธรรมอันดีของประชำชนจึงเป็นโมฆะ หำกไม่เป็นโมฆะก็ถือเป็นข้อสัญญำท่ไม่เป็นธรรม
กำรจัดตั้งบริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ไม่ได้กระทบกำรท�ำงำนของจ�ำเลย
ในฐำนะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ท่ ๑ ไม่เป็นกำรละเมิดหรือผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ท่ ๑
ี
ี
โจทก์ท้งสองไม่ได้มีควำมลับทำงกำรค้ำ จึงไม่ได้รับควำมเสียหำย ค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ท้งสอง
ั
ั
ไม่สำมำรถปฏิบัติตำมได้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
ั
วรรคสอง
479
ั
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสองบรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน
ี
จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนกับโจทก์ท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรประจ�ำประเทศไทย แผนกกำรบริกำรจัดกำร
สินค้ำหลักประกัน มีอ�ำนำจควบคุมดูแลกิจกำรและพนักงำนของโจทก์ท้งสองในฐำนะผู้บริหำร
ั
สูงสุดในประเทศไทย โดยมีสัญญำจ้ำงแรงงำนระบุว่ำจ�ำเลยจะไม่เปิดเผยควำมลับทำงธุรกิจของ
ี
ื
ั
ี
โจทก์ท้งสอง ไม่ช่วยเหลือหรือท�ำงำนในองค์กรอ่นใดท่ประกอบกิจกำรท่มีสภำพเดียวกันหรือธุรกิจ
ที่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ทั้งสอง และห้ำมชักชวนหรือโน้มน้ำวลูกค้ำหรือพนักงำนของโจทก์
ั
ท้งสองเพ่อให้เลิกสัญญำจ้ำงกับโจทก์ท้งสองแล้วไปท�ำงำนกับผู้อ่น ระหว่ำงสัญญำจ้ำงแรงงำน
ื
ื
ั
ยังไม่สิ้นสุด จ�ำเลยจดทะเบียนตั้งบริษัทซีเอ็มเอฟ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซึ่งประกอบ
กิจกำรที่มีสภำพเดียวกันหรือธุรกิจที่แข่งขันทำงกำรค้ำกับโจทก์ทั้งสองโดยตรง และดึงตัวลูกค้ำ
ั
ื
และพนักงำนของโจทก์ท้งสองไป เป็นกำรไม่ซ่อสัตย์และมีผลประโยชน์ขัดแย้งกับผลประโยชน์
ั
ของโจทก์ท้งสอง จงใจท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย เป็นกำรฝ่ำฝืนสัญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมิด
ั
ั
ั
ต่อโจทก์ท้งสอง ท�ำให้โจทก์ท้งสองได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ท้งสองกับ
ั
�
ั
ิ
�
จำเลยเคยมนิตสมพนธ์เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน แต่จำเลยปฏบัตผิด
ิ
ั
ิ
ี
ั
ข้อตกลงในสัญญำจ้ำงแรงงำนท่ให้ไว้ต่อโจทก์ท้งสองในขณะท่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงและ
ี
ี
ั
ี
ลูกจ้ำงและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองผู้เป็นนำยจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำง
ี
ั
ี
แรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
ั
ี
ี
มำตรำ ๘ (๑) และ (๕) ส่วนจ�ำเลยจะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ท่ ๒ ตำมท่จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ด้วย
หรือไม่เป็นเนื้อหำแห่งคดีที่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำพิพำกษำจำกองค์คณะผู้พิพำกษำต่อไป
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
480
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทวิชั่น ออน จ�ำกัด โจทก์
ที่ วร ๔๐/๒๕๖๒ นำงกรเอก ทำคำฮำชิ จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน บิดำ
ี
ี
และพ่สำวของโจทก์เปิดบริษัท บ. โดยใช้ภูมิล�ำเนำของจ�ำเลยเป็นท่ต้งส�ำนักงำน
ั
ึ
ื
และจ�ำเลยได้น�ำข้อมูลของบริษัท อ. ซ่งเป็นลูกค้ำประจ�ำของโจทก์ไปใช้ส่งซ้อ
ั
สินค้ำและบริกำรจำกบริษัท บ. ท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำรขำดรำยได้จำกบริษัท
ดังกล่ำว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำม
ึ
ี
สัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันที่ ๑๖ มิถุนำยน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๑ โจทก์
จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำร ก�ำหนดค่ำจ้ำงเดือนละ ๓๑,๕๐๐ บำท มีหน้ำท ี ่
ี
บริหำรจัดกำรติดต่อประสำนงำนกับลูกค้ำตำมปกติกำรค้ำของโจทก์ ต่อมำวันท่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๑
ี
จ�ำเลยได้ลำออกจำกกำรท�ำงำน ต่อมำโจทก์ตรวจสอบพบว่ำ ปี ๒๕๕๖ บิดำและพ่สำว
ี
ของโจทก์เปิดบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด โดยใช้ภูมิล�ำเนำของจ�ำเลยเป็นท่ต้งส�ำนักงำน และในระหว่ำง
ั
ท่จ�ำเลยท�ำงำนกับโจทก์น้น จ�ำเลยได้น�ำข้อมูลของบริษัทแอส เทลลัส ฟำร์มำ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด
ั
ี
ื
ซ่งเป็นลูกค้ำประจ�ำของโจทก์ไปใช้ส่งซ้อสินค้ำและบริกำรจำกบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด
ั
ึ
ท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำรขำดรำยได้จำกบริษัทดังกล่ำว รวม ๒๗๐,๙๗๕.๑๕ บำท ขอให้
บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒๗๐,๙๗๕.๑๕ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน
ี
๒๗๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ช้นไกล่เกล่ย ศำลแขวงสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ั
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน บิดำ
ั
ี
และพ่สำวของโจทก์เปิดบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด โดยใช้ภูมิล�ำเนำของจ�ำเลยเป็นท่ต้งส�ำนักงำน
ี
และจ�ำเลยได้น�ำข้อมูลของบริษัทแอส เทลลัส ฟำร์มำ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด ซ่งเป็นลูกค้ำประจ�ำ
ึ
ของโจทก์ไปใช้สั่งซื้อสินค้ำและบริกำรจำกบริษัทบี เอ็นจอย จ�ำกัด ท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำร
481
ขำดรำยได้จำกบริษัทดังกล่ำว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซึ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำที่
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท ่ ี
ั
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
นำยไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
482
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำววีรวรรณ ขอไพบูลย์ โจทก์
ที่ วร ๑๑๗/๒๕๖๑ บริษัทไทยสโตเรจ แบตเตอรี่
จ�ำกัด (มหำชน) กับพวก จ�ำเลย
ี
ี
่
โจทก์ไม่มีวันเวลำท�ำงำนท่แน่นอน หำกจ�ำเลยท ๑ ต้องกำรปรึกษำงำนกับ
ี
่
ื
ี
โจทก์ โจทก์จะเข้ำไปท�ำงำนตำมท่จ�ำเลยท ๑ นัดหมำย โจทก์ไม่เคยย่นใบลำป่วยหรือ
ลำพักผ่อน อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์มีอิสระในกำรท�ำงำนโดยไม่อยู่ภำยใต้ข้อบังคับ
เก่ยวกับกำรท�ำงำนของจ�ำเลยท ๑ ดงนน กำรท�ำงำนของโจทก์ในฐำนะเป็นท่ปรึกษำ
ี
้
ั
ั
ี
่
ี
ิ
่
ี
ึ
ี
ในกำรด�ำเนินกิจกำรของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นกรณีท่โจทก์ตกลงรับท�ำกำรส่งใดส่งหน่ง
ิ
ี
ั
จนส�ำเร็จให้แก่จ�ำเลยท้งส แล้วจ�ำเลยท้งส่ตกลงจ่ำยสินจ้ำงเพ่อผลส�ำเร็จแห่งกำร
ี
่
ั
ื
ี
ี
ั
ั
ท่ท�ำน้น อันมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงท�ำของ โจทก์และจ�ำเลยท้งส่จึงไม่มีนิติสัมพันธ์ใน
ฐำนะเป็นลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นกรรมกำรและประธำนเจ้ำหน้ำท่บริหำร
ี
ของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคล
ประเภทบริษัทจ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีจ�ำเลยที่ ๔ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน
ั
�
ี
ุ
ี
่
ี
�
่
ู
้
ั
ู
่
ี
่
ุ
�
ิ
ี
ิ
ิ
ั
จำเลยท ๓ เป็นนตบคคลประเภทบรษทจำกด ตงอย่ทประเทศญป่น มจำเลยท ๒ เป็นผ้แทน
ั
หรอตวแทนในประเทศไทย ปี ๒๕๖๐ โจทก์และบุคคลในครอบครวขอไพบลย์ได้ทำสญญำขำย
�
ู
ื
ั
ั
หุ้นในกิจกำรผลิตและจ�ำหน่ำยแบตเตอร่สำมเคท่ด�ำเนินกำรโดยบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ พร้อมขำย
ี
ี
ี
กิจกำรบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ และบริษัทในเครืออีก ๔ บริษัท ให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ โดยโจทก์และบุคคล
ี
ี
ในครอบครัวขอไพบูลย์มีข้อตกลงกับจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ซ่งเป็นผู้บริหำรบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ ว่ำ
ี
ึ
จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ จะให้โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ด�ำรงต�ำแหน่งประธำนเจ้ำหน้ำที่
บรหำรรวมในบรษทจำเลยท ๑ และบรษทในเครอ ตอมำภำยหลงจำกขำยหนดงกลำว จำเลยท ๒
ี
ั
้
ั
ิ
�
ี
่
่
่
�
่
ิ
ั
ั
่
ุ
ื
ิ
ี
ถึงท่ ๔ จ้ำงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ให้เป็นประธำนเจ้ำหน้ำท่บริหำรร่วมท�ำหน้ำท ่ ี
ี
ท่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำรและรับผิดชอบควบคุมข้อโต้แย้ง ฟ้องร้อง หรือต่อสู้ในข้อพิพำท
ี
ี
ี
เก่ยวกับภำษีศุลกำกรตำมท่ได้รับกำรแจ้งเป็นครำว ๆ ไปโดยไม่ก�ำหนดวันเวลำและสถำนท่ท�ำงำน
ี
จ�ำเลยท่ ๑ และบริษัทในเครือตกลงจะจ่ำยเงินตอบแทนรำยเดือนพร้อมโบนัสประจ�ำปีให้โจทก์
ี
483
ี
และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์จนถึงปี ๒๕๖๑ หรือ ๒๕๖๒ แล้วแต่ข้อตกลงท่ท�ำกับแต่ละบุคคล
โดยโจทก์จะได้รับค่ำตอบแทนเดือนละ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมโบนัสประจ�ำปีเท่ำกับค่ำตอบแทน
�
ื
ั
ั
ึ
ุ
ั
ื
ั
รำยเดอน ๘ เดอน โจทก์ได้รบค่ำตอบแทนรำยเดอนนบแต่วนทำสญญำขำยห้นจนถงเดอน
ื
ื
มกรำคม ๒๕๖๑ แต่ยังไม่ได้รับโบนัสประจ�ำปี ๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ จ�ำเลยที่ ๔
ี
ี
ให้โจทก์ท�ำกำรวิเครำะห์เหตุผลต่ำง ๆ ท่บริษัทจ�ำเลยท่ ๑ เผชิญอยู่ในปัจจุบันและก�ำหนดให้
โจทก์ต้องเข้ำท�ำงำนที่บริษัทดังกล่ำวระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และ
วันพฤหัสบดี อันเป็นกำรเปล่ยนแปลงสำระส�ำคัญของข้อตกลงโดยโจทก์มิได้ยินยอม ต่อมำ
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๔ มหนังสือแจ้งว่ำโจทก์ละท้งงำนพร้อมกับเลิกกำรจ้ำงโจทก์พร้อมกับระงบกำรจ่ำย
ั
ิ
ี
ค่ำตอบแทนรำยเดือนนับแต่เดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๑และระงับกำรจ่ำยโบนัสประจ�ำปี ๒๕๖๐
ั
แก่โจทก์ โจทก์มิได้ท�ำงำนในฐำนะเป็นลูกจ้ำงหรืออยู่ภำยใต้อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยท้ง
สี่ กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสี่เป็นกำรผิดสัญญำต่ำงตอบแทน ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสี่ร่วมกันจ่ำย
ค่ำตอบแทนรำยเดือนและโบนัส รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน ๒๗,๓๘๒,๕๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๒๗,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
แก่โจทก์
ั
ี
ี
ื
จ�ำเลยท้งส่ให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ท�ำสัญญำซ้อขำยหุ้นบริษัท
จ�ำเลยที่ ๑ กับโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ ส่วนจ�ำเลยอื่นไม่เคยเป็นคู่สัญญำซื้อขำย
ี
หุ้นดังกล่ำวจึงไม่มีหน้ำท่และควำมรับผิดใดต่อโจทก์ตำมสัญญำซ้อขำยหุ้น นอกจำกน้นตำมสัญญำ
ั
ื
ี
ซ้อขำยหุ้นไม่มีข้อตกลงใดท่จะให้โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ด�ำรงต�ำแหน่งประธำน
ื
เจ้ำหน้ำท่บริหำรร่วมในบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ และบริษัทในเครือ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนำยจ้ำงเพียง
ี
ี
ี
ื
้
ุ
ุ
่
ั
รำยเดยวของโจทก์ตงแต่ก่อนทำสญญำซอขำยห้น กระทงขำยห้นแล้ว แม้โจทก์จะถอนตว
ั
้
�
ี
ั
ั
ี
จำกกำรเป็นเจ้ำหน้ำท่บริหำรแต่ยังคงเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ ต่อไปจนถึงวันท่ ๒๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑
ี
ี
ี
ี
อันเป็นวันเลิกจ้ำงโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นนำยจ้ำงท่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำโจทก์ตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน แต่จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ไม่มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ จ�ำเลยท้งส ่ ี
ั
ี
ี
ไม่เคยมีข้อตกลงก�ำหนดขอบเขตกำรท�ำงำนของโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ตำมฟ้อง
ไม่เคยมีข้อตกลงจ่ำยโบนัสประจ�ำปีแก่โจทก์ เม่อโจทก์เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ จึงต้องท�ำหน้ำท ี ่
ี
ื
ตำมค�ำสั่ง กฎระเบียบ ข้อบังคับของจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อจ�ำเลยที่ ๑ ก�ำหนดให้โจทก์ต้องเข้ำท�ำงำน
ระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และวันพฤหัสบดี แล้วโจทก์ไม่เข้ำท�ำงำน
ี
ี
ิ
ี
จึงเป็นกำรละท้งหน้ำท่สำมวันท�ำงำนติดต่อกัน กำรท่จ�ำเลยท่ ๑ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์จึงชอบ
่
ี
ี
่
้
ด้วยกฎหมำยแลว ขอตกลงทจ�ำเลยท่ ๓ รบรองว่ำจะไม่เลกจำงลูกจำงของจ�ำเลยท ๑ หมำยควำม
้
ี
้
้
ิ
ั
เฉพำะลูกจ้ำงทั่วไป ไม่รวมถึงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคล
484
ี
ี
แยกต่ำงหำกจำกจ�ำเลยท่ ๓ จ�ำเลยท่ ๒ ประกอบธุรกิจในนำมตนเองไม่ได้เป็นตัวแทนของ
จ�ำเลยที่ ๓ และจ�ำเลยที่ ๓ ไม่ได้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
�
ึ
ิ
ิ
ื
ุ
ี
�
ั
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ิ
ิ
ิ
ั
ิ
ิ
ี
ี
ั
้
ั
วนจฉัยตำมพระรำชบญญัตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ท�ำสัญญำขำย
ี
ี
หุ้นในกิจกำรผลิตและจ�ำหน่ำยแบตเตอร่สำมเคท่ด�ำเนินกำรโดยบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ พร้อมขำยกิจกำร
ี
บริษัทจ�ำเลยที่ ๑ และบริษัทในเครืออีก ๓ บริษัท ให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔
ซึ่งเป็นผู้บริหำรจ�ำเลยที่ ๑ จ้ำงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ให้เป็นประธำนเจ้ำหน้ำที่
บริหำรร่วมตำมที่ได้ตกลงกันไว้ โดยโจทก์ท�ำหน้ำที่ที่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำรและรับผิดชอบ
ี
ี
ควบคุมข้อโต้แย้ง ฟ้องร้อง หรือต่อสู้ในข้อพิพำทเก่ยวกับภำษีศุลกำกรตำมท่ได้รับกำรแจ้ง
เป็นครำว ๆ ไปโดยไม่ก�ำหนดวันเวลำและสถำนท่ท�ำงำน โจทก์มิได้ท�ำงำนในฐำนะเป็นลูกจ้ำง
ี
ั
หรืออยู่ภำยใต้อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยท้งส่ โจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ได้รับ
ี
ี
เงินตอบแทนเป็นรำยเดือนพร้อมโบนัสประจ�ำปี แต่ต่อมำจ�ำเลยท่ ๔ ให้โจทก์ท�ำกำรวิเครำะห์
เหตุผลต่ำง ๆ ที่บริษัทจ�ำเลยที่ ๑ เผชิญอยู่ในปัจจุบันและก�ำหนดให้โจทก์ต้องเข้ำท�ำงำนที่บริษัท
ดังกล่ำวระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และวันพฤหัสบดี เป็นกำรเปล่ยนแปลง
ี
ิ
ี
สำระส�ำคัญของข้อตกลงโดยโจทก์มิได้ยินยอม ต่อมำจ�ำเลยท่ ๔ มีหนังสือแจ้งว่ำโจทก์ละท้งงำน
ี
พร้อมกับเลิกจ้ำงโจทก์และบุคคลในครอบครัวขอไพบูลย์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งส่เป็นกำร
ั
ึ
ผิดสัญญำต่ำงตอบแทนตำมค�ำฟ้องโจทก์ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ซ่งเป็น
ี
ี
ี
ื
คู่สัญญำตำมสัญญำซ้อขำยหุ้นและกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ กระท�ำผิดข้อตกลงอันเป็นส่วนหน่ง
ึ
ื
ของสัญญำซ้อขำยหุ้นท่ตกลงให้โจทก์ท�ำหน้ำท่ท่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำรและรับผิดชอบ
ี
ี
ี
ควบคุมข้อโต้แย้ง ฟ้องร้อง หรือต่อสู้ในข้อพิพำทเก่ยวกับภำษีศุลกำกรตำมท่ได้รับกำรแจ้งเป็น
ี
ี
ครำว ๆ ไปโดยไม่ก�ำหนดวันเวลำและสถำนที่ท�ำงำน แต่ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔
ิ
ั
่
�
ี
�
ี
เปลยนแปลงสำระสำคญของข้อตกลงดงกล่ำวโดยกำหนดให้โจทก์ต้องเข้ำทำงำนทบรษทจำเลย
่
ั
ั
�
�
ที่ ๑ ระหว่ำงเวลำ ๙ ถึง ๑๕ นำฬิกำ ทุกวันอังคำร วันพุธ และวันพฤหัสบดี ทั้งยังกล่ำวอ้ำงด้วย
ั
ี
ว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท้งส่มิได้มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ซ่งเม่อพิจำรณำประกอบส�ำเนำข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนของจ�ำเลยท่ ๑ เอกสำรท้ำยค�ำให้
ึ
ี
ื
กำรหมำยเลข ๗ ก�ำหนดให้ค�ำจ�ำกัดควำมของ “พนักงำน” แยกต่ำงหำกจำก “ที่ปรึกษำบริษัทฯ”
ี
โดย “พนักงำน” หมำยถึง ลูกจ้ำงตำมกฎหมำยคุ้มครองแรงงำน ส่วน “ท่ปรึกษำบริษัทฯ”
485
่
ี
ึ
ั
หมำยถึง ผู้ทรงคุณวุฒิทบริษัทฯ โดยประธำนบริษัทฯ หรือกรรมกำรผู้จัดกำรข้นไป แต่งต้ง
็
ี
ั
ั
ให้ท�ำหน้ำท่ให้ค�ำปรึกษำและเสนอควำมคิดเหนเก่ยวกบกิจกำรของบริษัทฯ นอกจำกน้น
ี
ี
ื
ข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนดังกล่ำวยังได้ก�ำหนดคุณสมบัติ วันเวลำท�ำงำนและข้อบังคับอ่น
ของพนักงำนไว้อย่ำงชัดเจน โดยมิได้ก�ำหนดให้ข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนใช้บังคับกับ
ี
ี
ท่ปรึกษำบริษัทฯ ด้วยแต่อย่ำงใด และปรำกฏตำมส�ำเนำรำยงำนกระบวนพิจำรณำของศำลจังหวัด
ี
ี
ฉะเชิงเทรำ ลงวันท่ ๒๕ กรกฎำคม ๒๕๖๑ ท้ำยค�ำแถลงโจทก์ลงวันท่ ๑๙ กันยำยน ๒๕๖๑ ว่ำ
โจทก์กับบริษัทไทย นันเฟอรัส เมทัล จ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๑ ในคดีดังกล่ำวซึ่งโจทก์อ้ำงมำในค�ำฟ้อง
คดีน้ด้วยว่ำเป็นบริษัทในเครือของบริษัทไทยสโตเรจ แบตเตอร่ จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ี
ั
ิ
คดน ได้รบข้อเทจจรงกนว่ำ โจทก์ไม่มวนเวลำทำงำนทแน่นอน หำกจำเลยท ๑ ต้องกำร
่
ี
ี
ั
�
็
ี
ี
ั
่
�
ี
้
ปรึกษำงำนกับโจทก์ โจทก์จะเข้ำไปท�ำงำนตำมที่จ�ำเลยที่ ๑ นัดหมำย โจทก์ไม่เคยยื่นใบลำป่วย
ี
�
ู
ิ
ั
ี
่
ื
ั
ั
ั
็
ั
หรอลำพกผ่อน อนแสดงให้เหนว่ำโจทก์มอสระในกำรทำงำนโดยไม่อย่ภำยใต้ข้อบงคบเกยวกบ
กำรท�ำงำนของจ�ำเลยที่ ๑ ดังนั้น กำรท�ำงำนของโจทก์ในฐำนะเป็นที่ปรึกษำในกำรด�ำเนินกิจกำร
ั
ี
ึ
ี
ิ
ิ
ของจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นกำรกรณีท่โจทก์ตกลงรับท�ำกำรส่งใดส่งหน่งจนส�ำเร็จให้แก่จ�ำเลยท้งส ี ่
แล้วจ�ำเลยท้งส่ตกลงจ่ำยสินจ้ำงเพ่อผลส�ำเร็จแห่งกำรท่ท�ำน้น อันมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำง
ื
ั
ี
ั
ี
ี
ั
ท�ำของ โจทก์และจ�ำเลยท้งส่ไม่มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะเป็นลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งส่ไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำม
ั
ี
ึ
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำว
ในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
486
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทพรินเซส โอเซียน
ที่ วร ๓๖/๒๕๕๙ จ�ำกัด โจทก์
นำยอุดม ลือไชย จ�ำเลย
ึ
โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงลักทรัพย์หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือ
ึ
ซ่งอยู่ในกำรครอบครองของโจทก์ไป เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นลูกจ้ำงปฏิบัต ิ
ผิดหน้ำที่และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำง เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์และบริษัทอื่น ๆ ในเครือของโจทก์ ต�ำแหน่ง
ั
สุดท้ำยเป็นผู้จัดกำรท่วไป มีหน้ำท่ควบคุม ติดต่อ ประสำนงำน ดูแลติดตำมกำรท�ำงำนของ
ี
กัปตันเรือ ลูกเรือและกิจกำรรับส่งสินค้ำของเรือบรรทุกสินค้ำท่อยู่ในกำรดูแลและครอบครอง
ี
ของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำนโจทก์มอบหมำยให้จ�ำเลยเป็นผู้ควบคุมดูแลกำรท�ำงำนของเรือ
เทรเชอะพรินเซสที่โจทก์เช่ำมำจำกบริษัทอยุธยำ ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง จ�ำกัด แต่จ�ำเลยทุจริต
ี
ต่อหน้ำท่โดยกำรหลอกลวงรับเงินค่ำซ่อมแซมเรือเทรเชอะพรินเซสไปจำกโจทก์และลักทรัพย์
ึ
หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือเทรเชอะพรินเซสซ่งอยู่ในควำมครอบครองของโจทก์ไป ท�ำให้
โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ แต่จ�ำเลยไม่ได้หลอกลวงรับเงินค่ำซ่อมแซม
เรือเทรเชอะพรินเซสและไม่ได้ลักทรัพย์หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือเทรเชอะพรินเซส
ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
ื
ศำลจังหวัดพิจิตรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวน
ิ
ั
ิ
ิ
ั
ิ
ั
ั
ให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษวนจฉยตำมพระรำชบญญตจดต้งศำลแรงงำนและ
ั
ี
�
ั
ุ
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงปฏิบัติงำนจ�ำเลยทุจริตต่อหน้ำท ่ ี
โดยลักทรัพย์หรือสนับสนุนให้มีกำรลักทรัพย์เรือเทรเชอะพรินเซสซ่งอยู่ในควำมครอบครอง
ึ
ของโจทก์ไป ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นลูกจ้ำงปฏิบัต ิ
ี
ผิดหน้ำท่และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
487
ี
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและ
ี
เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๐ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
488
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบิวตี้แล็บ อินโนเวชั่น
ที่ วร ๓๘/๒๕๕๙ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์
นำงสำวปวีณำ
จันทร์คุณำภำส จ�ำเลย
ื
ื
จ�ำเลยโพสต์ข้อควำมผ่ำนส่อออนไลน์ท�ำให้บุคคลภำยนอกเข้ำใจคลำดเคล่อน
ิ
ต่อโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำง และเข้ำออกงำนโดยไม่สแกนลำยน้วมือ ต่อมำขอลำออกโดย
ไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำตำมสัญญำ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นลูกจ้ำงปฏิบัติผิดหน้ำท ่ ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำจ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนต�ำแหน่งแพทย์ เป็นเวลำ ๑ ปี โดย
จ�ำเลยจะปฏิบัติตำมระเบียบและข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลย
ี
ื
ื
โพสต์ข้อควำมผ่ำนส่อออนไลน์ท�ำให้บุคคลภำยนอกมีควำมเข้ำใจคลำดเคล่อนต่อโจทก์ และ
เข้ำออกงำนโดยไม่สแกนลำยนิ้วมือ โจทก์ในฐำนะนำยจ้ำงได้ว่ำกล่ำวตักเตือนจ�ำเลยแล้ว ต่อมำ
จ�ำเลยขอลำออกและบอกเลิกสัญญำจ้ำงก่อนครบก�ำหนดโดยไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำตำมสัญญำ
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยจำกกำรผิดสัญญำ
พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนให้กับโจทก์ในต�ำแหน่งแพทย์ จ�ำเลยโพสต์ข้อควำม
ผ่ำนสื่อออนไลน์เพื่อขอควำมเป็นธรรม มิได้ท�ำให้โจทก์เสียหำย ตัวแทนโจทก์ข่มขู่คุกคำมจ�ำเลย
ให้เกรงกลัว จ�ำเลยเข้ำออกท่ท�ำงำนตำมเวลำท่โจทก์ก�ำหนด กำรบอกเลิกสัญญำของจ�ำเลย
ี
ี
ถูกต้องตำมสัญญำจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ี
็
ุ
ี
ู
ี
ี
ี
ระหว่ำงพจำรณำ ศำลจงหวดมนบรเหนว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดอย่ในอำนำจของศำล
�
ั
ั
ิ
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำจ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนต�ำแหน่งแพทย์ เป็นเวลำ
๑ ปี โดยจ�ำเลยจะปฏิบัติตำมระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับกำรท�ำงำนของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน
ื
จ�ำเลยโพสต์ข้อควำมผ่ำนส่อออนไลน์ท�ำให้บุคคลภำยนอกมีควำมเข้ำใจคลำดเคล่อนต่อโจทก์
ื
489
ิ
และเข้ำออกงำนโดยไม่สแกนลำยน้วมือ โจทก์ในฐำนะนำยจ้ำงได้ว่ำกล่ำวตักเตือนจ�ำเลยแล้ว ต่อมำ
จ�ำเลยขอลำออกและบอกเลิกสัญญำจ้ำงก่อนครบก�ำหนดโดยไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำตำมสัญญำ
ึ
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนท�ำให้โจทก์
ี
ี
ี
ได้รับควำมเสียหำย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำม
้
ิ
ั
ิ
ี
ี
ั
ิ
สญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
้
ั
ั
ั
มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
490
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยธวรรษชัย กิจธรรมพิทักษ์
ที่ วร ๔๕ - ๔๖/๒๕๖๐ กับพวก โจทก์
บริษัทสำมคิว โซลูชั่น
จ�ำกัด จ�ำเลย
ั
ื
จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสอง โดยกล่ำวหำว่ำโจทก์ท้งสองจัดซ้ออุปกรณ์และกล่อง
ั
ิ
บรรจุช้นส่วนของสินค้ำในรำคำสูงผิดปกติโดยมีส่วนได้รับผลประโยชน์ แล้วประกำศ
ี
ั
ให้พนักงำนของจ�ำเลยและบคคลภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมท�ำให้โจทก์ท้งสองเสย
ุ
ั
ี
ช่อเสียงเกียรติคุณอันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ท้งสองเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำ
ื
ั
ี
ี
จ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยส่วนน้จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือ
ี
หน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำง
เกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ั
ั
ี
คดีท้งสองส�ำนวนน้ ศำลแรงงำนกลำงมีค�ำส่งให้รวมพิจำรณำเป็นคดีเดียวกันโดยให้
เรียกโจทก์ตำมล�ำดับส�ำนวนว่ำ โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ และเรียกจ�ำเลยทุกส�ำนวนว่ำจ�ำเลย
ิ
่
่
ั
ี
ื
ั
โจทกทงสองฟองทำนองเดยวกนวำ เมอวนท ๒๐ มกรำคม ๒๕๕๘ และวนท ๑ สงหำคม ๒๕๕๙
่
ี
ั
่
ี
ั
�
้
์
้
้
จำเลยจ้ำงโจทก์ทงสองเข้ำทำงำน ตำแหน่งผ้จดกำรฝ่ำยขำยและกำรตลำด และตำแหน่ง
ั
ู
ั
�
�
�
�
ผู้ช่วยผู้จัดกำรฝ่ำยขำยและกำรตลำด ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๗๘,๘๐๐ บำท และ
เดือนละ ๔๐,๐๐๐ บำท ตำมล�ำดับ ระหว่ำงท�ำงำนโจทก์ท้งสองออกเงินทดรองจ่ำยในกิจกำร
ั
ของจ�ำเลยไปแล้วยังไม่ได้รับคืน ต่อมำจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองโดยกล่ำวหำว่ำโจทก์ท้งสอง
ั
ั
ื
ิ
จัดซ้ออุปกรณ์และกล่องบรรจุช้นส่วนของสินค้ำ Q turf ในรำคำสูงผิดปกติโดยมีส่วนได้รับ
ผลประโยชน์ แล้วประกำศให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบเป็นกำรใส่ควำมท�ำให้
โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณอันเป็นกำรละเมิด และจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองโดยไม่บอก
ั
ั
ื
้
ั
ั
ั
กล่ำวล่วงหน้ำและไม่เป็นธรรม ขอให้บงคบจำเลยคนเงนทดรองจ่ำยแก่โจทก์ทงสองและจ่ำย
ื
ิ
�
ค่ำชดเชย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรมและจ่ำย
ค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำละเมิดแก่โจทก์ทั้งสองคนละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
491
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ทั้งสองมีหน้ำที่จัดซื้ออุปกรณ์และกล่องบรรจุชิ้นส่วน
ของสินค้ำ Q turf จำกบริษัทเค.ที.เค บรรจุภัณฑ์ จ�ำกัด และจัดพิมพ์สติกเกอร์จำกบริษัท
สติกเกอร์ แอนด์ เลเบิ้ล จ�ำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตโดยตรงเพื่อใช้ในกิจกำรจ�ำเลย แต่โจทก์ทั้งสองกลับ
ื
ั
ร่วมกันจัดซ้อในนำมร้ำนพอยท์ ครีเอช่น ดีไซน์ แล้วจึงจ�ำหน่ำยต่อให้จ�ำเลยในรำคำสูงผิดปกต ิ
้
็
ั
้
�
ี
�
้
ั
่
ี
่
ั
์
์
้
โดยมขอสงสยวำโจทกทงสองจะมสวนได้รับผลประโยชน อนเปนกำรจงใจทำใหจำเลยไดรบควำม
ั
ี
เสียหำยและเป็นกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนเป็นกรณีร้ำยแรง จ�ำเลยจึงได้เลิกจ้ำง
ั
โจทก์ท้งสองแต่ไม่ได้ประกำศให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบ คดีส่วนท่โจทก์
ี
ั
ท้งสองฟ้องว่ำจ�ำเลยประกำศกำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบ
ั
ื
ั
ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
ั
จ�ำเลยจึงไม่ต้องจ่ำยเงินตำมฟ้องให้แก่โจทก์ท้งสอง ขอให้ยกฟ้อง กำรกระท�ำของโจทก์ท้งสอง
ั
ี
ข้ำงต้นเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลย อีกท้งโจทก์ท่ ๑ ยังได้จัดซ้อกล่องบรรจุสินค้ำจำก
ื
ั
้
ิ
ั
ั
ิ
�
์
ั
์
์
ิ
ั
ี
ู
้
�
ั
บรษททวผลอนเตอรพรนท จำกด ในนำมบรษทวนนจต จำกด และทำลำยขอมลทำงกำรตลำดใน
ิ
ิ
�
เคร่องคอมพิวเตอร์ท�ำให้จ�ำเลยเสียหำย ขอให้บังคับโจทก์ท้งสองจ่ำยค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบ้ย
ื
ี
ั
นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย
โจทก์ทั้งสองให้กำรแก้ฟ้องแย้ง ปฏิเสธควำมรับผิดตำมฟ้องแย้ง
ั
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีระหว่ำงโจทก์ท้งสอง
ั
ั
ี
กับจ�ำเลยในส่วนท่โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกำศกำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของ
ื
่
ุ
ี
ี
�
้
ี
ั
�
จำเลยและบคคลภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมทำให้โจทก์ทงสองเสยชอเสยงเกยรตคณ
ิ
ุ
ั
ั
เป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองน้น อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่
ั
จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์ทั้งสองกับจ�ำเลยในส่วนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกำศ
กำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมท�ำให้
ั
ั
โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณ เป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองน้น อยู่ในอ�ำนำจ
ั
ื
ั
พิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์
ั
ั
ั
ิ
ท้งสองโดยกล่ำวหำว่ำโจทก์ท้งสองจัดซ้ออุปกรณ์และกล่องบรรจุช้นส่วนของสินค้ำ Q turf
ื
ี
ั
ุ
ั
ในรำคำสงผดปกตโดยมส่วนได้รบผลประโยชน์ แล้วประกำศให้พนกงำนของจ�ำเลยและบคคล
ู
ิ
ิ
492
ื
ั
ภำยนอกทรำบ เป็นกำรใส่ควำมท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียงเกียรติคุณอันเป็นกำรละเมิดต่อ
ั
ั
ี
โจทก์ท้งสอง จึงเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย เป็นกรณีท่โจทก์ท้งสองกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์
ั
ื
ระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธ ิ
่
เรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรทโจทก์ทงสองกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง
ี
ั
ั
้
ี
ี
ั
เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยส่วนน้จึงเป็นคด ี
ี
พิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำง
ี
นำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ั
ี
แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์ทั้งสองกับจ�ำเลยในส่วนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกำศ
ั
กำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งสองให้พนักงำนของจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกทรำบเป็นกำรใส่ควำมท�ำให้
โจทก์ทั้งสองเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
493
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยวิรัตน์ หนูกลับ โจทก์
ที่ วร ๔๘/๒๕๖๐ นำงสำวฐิติรัตน์ ยิ้มสรวล
กับพวก จ�ำเลย
่
ี
โจทก์ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของนำงสำว ม. ฟ้องให้จ�ำเลยท ๑ ซ่งเป็นผู้กระท�ำ
ึ
่
่
ี
ี
ละเมิดโดยตรงและจ�ำเลยท ๒ ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมกันรับผิดกับจ�ำเลยท ๑ ในผลแห่ง
ละเมิดซึ่งจ�ำเลยที่ ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำงกระท�ำไปในทำงกำรที่จ้ำงดังกล่ำว คดีระหว่ำงโจทก์กับ
จ�ำเลยที่ ๑ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงที่เกิดจำกกำรท�ำงำน
ี
ี
่
ในทำงกำรท่จ้ำง ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท ๒ แม้โจทก์จะมิได้กล่ำวในฟ้องว่ำ
จ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนำยจ้ำงเป็นผู้กระท�ำละเมิดต่อนำงสำว ม. โดยตรง แต่เมื่อโจทก์ฟ้อง
่
ี
ึ
่
ี
ขอให้จ�ำเลยท ๒ ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซ่งจ�ำเลยท ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำง
กระท�ำไปในทำงกำรที่จ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
ี
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำงสำวมณฑำ นำงสำวมณฑำ
และจ�ำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๒ ระหว่ำงกำรท�ำงำน เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวำคม ๒๕๕๘
ึ
ื
จ�ำเลยท่ ๑ ขับรถยกของซ่งเป็นเคร่องจักรกลด้วยควำมประมำทปรำศจำกควำมระมัดระวังทับ
ี
ขำซ้ำยของนำงสำวมณฑำ เป็นเหตให้นำงสำวมณฑำบำดเจบ ต้องเข้ำรบกำรรกษำพยำบำล
ั
ุ
ั
็
และต่อมำได้ถึงแก่ควำมตำย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นกำรกระท�ำละเมิดในทำงกำรท่จ้ำง
ี
ี
ของจ�ำเลยท่ ๒ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำรักษำพยำบำล
ั
ี
ื
ค่ำเดินทำงและต้องหยุดงำนเพ่อเฝ้ำไข้ ค่ำท�ำศพ ค่ำสูญเสียรำยได้ และค่ำเสียหำยต่อจิตใจ
ี
รวมเป็นเงิน ๒,๐๓๘,๔๐๔.๒๕ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน
๑,๘๙๖,๑๙๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ขับรถยกของตำมหลักเกณฑ์และขั้นตอนกำรท�ำงำน
โดยคำนึงถึงควำมปลอดภยของผ้อนแล้ว แต่นำงสำวมณฑำเดินมำในเวลำท่จำเลยท ๑ ถอย
�
ี
่
ู
ี
ื
่
ั
�
รถยกของ นำงสำวมณฑำจึงมีส่วนในกำรกระท�ำผิดและเป็นเหตุสุดวิสัย โดยมิได้เกิดจำกกำร
กระท�ำละเมิดของจ�ำเลยทั้งสอง ควำมตำยของนำงสำวมณฑำเกิดจำกเหตุแทรกแซงอื่น จ�ำเลยที่ ๒
ได้ช่วยเหลือจัดงำนศพและโจทก์ได้รับเงินตำมพระรำชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗
ไปครบถ้วนแล้ว คดีโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
494
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสุรำษฎร์ธำนีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ุ
�
ี
�
ิ
ิ
ึ
ื
ั
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
ั
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ นำงสำวมณฑำ และจ�ำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๒
ึ
ี
ระหว่ำงกำรท�ำงำน จ�ำเลยท่ ๑ ขับรถยกของซ่งเป็นเคร่องจักรกลด้วยควำมประมำทปรำศจำก
ื
ควำมระมัดระวังทับขำซ้ำยของนำงสำวมณฑำ เป็นเหตุให้นำงสำวมณฑำบำดเจ็บต้องเข้ำรับ
กำรรักษำพยำบำลและต่อมำได้ถึงแก่ควำมตำย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นกำรกระท�ำละเมิด
ี
ในทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท่ ๒ โจทก์ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของนำงสำวมณฑำจึงฟ้องให้
ี
ี
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นผู้กระท�ำละเมิดโดยตรงและจ�ำเลยท่ ๒ ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมกันรับผิดกับจ�ำเลยท่ ๑
ึ
ในผลแห่งละเมิดซึ่งจ�ำเลยที่ ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำงกระท�ำไปในทำงกำรที่จ้ำงดังกล่ำว คดีระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำน
ี
ี
ในทำงกำรที่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๕) ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยที่ ๒ นั้น แม้โจทก์จะมิได้กล่ำวในฟ้องว่ำจ�ำเลยที่ ๒
ซึ่งเป็นนำยจ้ำงเป็นผู้กระท�ำละเมิดต่อนำงสำวมณฑำโดยตรง แต่เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยที่ ๒
ี
ผู้เป็นนำยจ้ำงร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซ่งจ�ำเลยท่ ๑ ผู้เป็นลูกจ้ำงกระท�ำไปในทำงกำรท่จ้ำง
ี
ึ
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นคดีพิพำท อันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำง
ั
ี
เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
495
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงลักษณำ ไข่กลิ่น กับพวก โจทก์
ที่ วร ๒๕/๒๕๖๒ นำงสำวบุญตำ แซ่หั่น
กับพวก จ�ำเลย
ี
ั
โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเคยเป็นลูกจ้ำงและเป็นเจ้ำหน้ของบริษัท น. ตำม
ค�ำพิพำกษำของศำลแรงงำนกลำง ซึ่งศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำให้บริษัท น. จ่ำยค่ำจ้ำง
ิ
้
ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชยแก่โจทก์ทงแปดสบห้ำตำม
ั
ั
ั
ค�ำส่งพนักงำนตรวจแรงงำน จ�ำเลยท้งสำมเป็นกรรมกำรและอดีตกรรมกำรบริษัท
ั
ดงกล่ำวได้ร่วมกนฉ้อฉลกำรชำระหนตำมคำพพำกษำทำให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสยหำย
�
ิ
�
้
ี
ี
ั
ั
�
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ท้งแปดสิบห้ำในฐำนะลูกจ้ำงของ
ั
บริษัท น. ซ่งเป็นนิติบุคคลมีจ�ำเลยท้งสำมเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนใน
ึ
ั
ื
แต่ละช่วงเวลำซ่งถือเป็นนำยจ้ำง เพ่อเพิกถอนนิติกรรมซ่งจ�ำเลยท้งสำมได้กระท�ำลง
ึ
ั
ึ
ท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสียเปรียบหรือใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำย
ั
ั
ั
ึ
ั
ี
จำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำมซ่งเป็นนำยจ้ำงร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งแปดสิบห้ำ
ื
ั
ื
ท้งยังเป็นกรณีท่เก่ยวเน่องกับกำรบังคับคดีเน่องจำกกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ี
ระหว่ำงโจทก์ทั้งแปดสิบห้ำกับบริษัท น. อีกด้วย คดีระหว่ำงโจทก์ทั้งแปดสิบห้ำกับจ�ำเลย
ี
ี
ท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคด ี
ั
ู
่
อนเกดแต่มลละเมดระหว่ำงนำยจ้ำงและลกจ้ำงเกยวกบกำรทำงำนตำมสญญำจ้ำง
ั
�
ี
ั
ิ
ั
ู
ิ
แรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ี
โจทก์ท้งแปดสิบห้ำฟ้องวำ ระหวำงวันท่ ๓๐ มกรำคม ๒๕๕๗ ถึงวันท่ ๕ ตุลำคม ๒๕๕๙
่
่
ี
ั
จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ เป็นกรรมกำรของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ส่วนจ�ำเลยท่ ๓
ี
ี
ี
ี
เป็นกรรมกำรต้งแต่วันท่ ๒๒ มกรำคม ๒๕๖๑ ถึงปัจจุบัน บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด
ั
เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ในกำรประกอบกิจกำรผลิตและจ�ำหน่ำยเคร่องรับ
ื
วิทยุโทรทัศน์และอุปกรณ์ท่เก่ยวข้อง โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเป็นลูกจ้ำงของบริษัทนำโกย่ำ
ั
ี
ี
อุตสำหกรรม จ�ำกัด ระหว่ำงท�ำงำน บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงและเลิกจ้ำง
โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำ โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำจึงร้องต่อพนักงำนตรวจแรงงำน พนักงำนตรวจแรงงำน
496
มีค�ำสั่งให้บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด จ่ำยค่ำจ้ำง ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และ
ั
ั
ค่ำชดเชยแก่โจทก์ท้งแปดสิบห้ำ แต่บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ไม่ปฏิบัติตำมค�ำส่ง
ั
พนักงำนตรวจแรงงำน โจทก์ท้งแปดสิบห้ำจึงฟ้องบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ต่อศำล
แรงงำนกลำง ต่อมำศำลแรงงำนกลำงมีค�ำพิพำกษำคดีหมำยเลขแดงที่ ๑๓๒๙ - ๑๔๑๕/๒๕๖๐
และคดีหมำยเลขแดงที่ ๑๑๒๑ - ๑๒๐๗/๒๕๖๐ ให้บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ปฏิบัติ
ตำมค�ำส่งพนักงำนตรวจแรงงำน และได้มีกำรบังคับคดีแต่บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด
ั
ไม่มีทรัพย์สินให้บังคับคดีเอำช�ำระหนี้แก่โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำได้ วันที่ ๒๙ ธันวำคม ๒๕๕๘ เกิด
ึ
อัคคีภัยกับบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ซ่งบริษัทกรุงเทพประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) ผู้รับ
ประกันวินำศภัยจะต้องช�ำระค่ำสินไหมทดแทนแก่บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด จ�ำนวน
ี
ี
๕๒,๙๗๔,๗๘๖.๖๙ บำท แต่จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ได้ขอให้บริษัทกรุงเทพประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน)
จ่ำยค่ำสินไหมทดแทนแก่จ�ำเลยที่ ๑ เป็นกำรส่วนตัว บริษัทกรุงเทพประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน)
ี
จึงจ่ำยเช็คเป็นค่ำสินไหมทดแทนแก่จ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะท่เป็นเจ้ำของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด
ี
�
�
ั
ต่อมำจ�ำเลยท ๑ นำเช็คเรียกเก็บเงินแล้วนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์ท้งแปดสิบห้ำ
่
ี
ี
ได้ขอให้จ�ำเลยท่ ๓ เรียกให้จ�ำเลยท่ ๑ น�ำเงินจ�ำนวน ๔๓,๐๐๐,๗๐๔.๙๙ บำท มำช�ำระแก่
ี
ี
บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด เพ่อช�ำระหน้ตำมค�ำบังคับของศำลแรงงำนกลำงแล้ว แต่
ื
จ�ำเลยที่ ๓ ไม่ด�ำเนินกำรใด กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสำมเป็นกำรฉ้อฉลกำรช�ำระหนี้ ท�ำให้โจทก์
ั
ั
ท้งแปดสิบห้ำเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย ๔๘,๔๓๔,๖๙๘.๑๘ บำท
ิ
ั
ั
ั
ั
้
ี
พร้อมดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงน ๔๓,๐๐๐,๗๐๔.๙๙ บำท นบแต่วนถดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำ
ี
ึ
้
ิ
้
ั
ั
้
ี
้
จำเลยทงสำมให้กำรว่ำ จำเลยทงสำมเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ทงแปดสบห้ำ คดนจงอย่ ู
�
ั
�
ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน จ�ำเลยท้งสำมเป็นเพียงกรรมกำรจึงไม่ต้องรับผิดเป็นกำรส่วนตัว
ั
ร่วมกับบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด และไม่ใช่คู่ควำมในคดีเดิม กำรฟ้องคดีน้ต่อจ�ำเลย
ี
ท้งสำมจึงเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต จ�ำเลยท้งสำมไม่ได้เลิกจ้ำงโจทก์ท้งแปดสิบห้ำแต่เป็นกำร
ั
ั
ั
ื
ึ
ด�ำเนินกำรของนำยวิวัฒน์ ซ่งได้ซ้อกิจกำรบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ไปก่อนแล้ว
�
ค่ำสนไหมทดแทนจำกกำรประกันวนำศภัยเป็นสทธโดยชอบของจำเลยท ๑ ท่เกิดข้นก่อน
ี
ี
่
ึ
ิ
ิ
ิ
ิ
กำรขำยกิจกำรให้นำยวิวัฒน์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นกรรมกำรบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด
ี
ในภำยหลัง จึงไม่ต้องรับผิดชอบ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ได้ช�ำระเงินบำงส่วนเพ่อบรรเทำควำม
ื
ี
ั
ิ
ิ
้
ั
ิ
ิ
ั
้
ี
ิ
ี
เสยหำยแก่โจทก์ทงแปดสบห้ำแล้ว โจทก์ทงแปดสบห้ำฟ้องคดนเกนกว่ำ ๑ ปี นบแต่เกดสทธ ิ
ี
้
เรียกร้อง คดีจึงขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
497
ี
ิ
ศำลจังหวัดตล่งชันเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งแปดสิบห้ำบรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเคยเป็นลูกจ้ำง
ั
และเป็นเจ้ำหน้ของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ตำมค�ำพิพำกษำของศำลแรงงำนกลำง
ี
่
ี
่
ี
คดีหมำยเลขแดงท ๑๓๒๙ - ๑๔๑๕/๒๕๖๐ และคดีหมำยเลขแดงท ๑๑๒๑ - ๑๒๐๗/๒๕๖๐
ซึ่งศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำให้บริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด จ่ำยค่ำจ้ำง ค่ำจ้ำงแทนกำร
บอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชยแก่โจทก์ทั้งแปดสิบห้ำตำมค�ำสั่งพนักงำนตรวจแรงงำน จ�ำเลย
ั
ท้งสำมเป็นกรรมกำรและอดีตกรรมกำรบริษัทดังกล่ำวได้ร่วมกันฉ้อฉลกำรช�ำระหน้ตำม
ี
ค�ำพิพำกษำท�ำให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์
ั
ทั้งแปดสิบห้ำในฐำนะลูกจ้ำงของบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล มีจ�ำเลย
ั
ึ
ท้งสำมเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนในแต่ละช่วงเวลำซ่งถือเป็นนำยจ้ำงด้วยตำม
ิ
ื
ิ
พระรำชบญญตค้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๕ (๒) เพอเพกถอนนตกรรมซงจำเลย
ุ
ิ
ิ
่
ึ
ั
ั
�
่
ั
ั
ั
ท้งสำมได้กระท�ำลงท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์ท้งแปดสิบห้ำเสียเปรียบหรือใช้สิทธิเรียกร้อง
ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำมซ่งเป็นนำยจ้ำงร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งแปดสิบห้ำ
ั
ึ
ี
ั
ื
ท้งยังเป็นกรณีท่เก่ยวเน่องกับกำรบังคับคดีเน่องจำกกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ั
ี
ื
ี
ระหว่ำงโจทก์ท้งแปดสิบห้ำกับบริษัทนำโกย่ำ อุตสำหกรรม จ�ำกัด อีกด้วย คดีระหว่ำงโจทก์
ั
ี
ั
ั
ท้งแปดสิบห้ำกับจ�ำเลยท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ี
และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำ
ั
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
498
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยวรเทพ ยุกตำนนท์ โจทก์
ที่ วร ๒/๒๕๖๓ บริษัทไทยโพลิเมอร์ ซัพพลำย
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ี
่
จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยจ�ำเลยท ๓ เป็นลูกจ้ำงของ
ั
จ�ำเลยที่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นลูกจ้ำง
่
ี
ี
่
จ�ำเลยท ๑ ท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท ๓ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่
้
่
็
้
มูลละเมิดระหวำงลูกจำงกับลูกจำงที่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรที่จำง จึงเปนคดีแรงงำน
้
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำร
ผู้มีอ�ำนำจ ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล เมื่อวันที่ ๑๗
มกรำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยที่ ๑ จ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นทนำยควำม ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ
๔๔,๗๐๐ บำท วันที่ ๑๓ กรกฎำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันกลั่นแกล้งเลิกจ้ำงโจทก์โดย
ั
ไม่มีควำมผิดและไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โดยจ�ำเลยท่ ๓ เรียกโจทก์ไปรับค�ำส่งเลิกจ้ำงท ่ ี
ี
จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ลงลำยมือช่อในค�ำส่ง กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมเป็นกำรเลิกจ้ำงโดย
ั
ื
ี
ั
ไม่เป็นธรรมและเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ต้องเสียหำยไม่ได้รับค่ำจ้ำงจนถึงวันเกษียณอำย ุ
้
ี
่
่
์
ื
ี
�
ั
ิ
กำรทำงำน ขำดเงินโบนสประจำป ตองเสยชอเสียงทนทุกขเวทนำขำดคำผอนรถยนต์ ไม่มีเงน
�
่
ั
ผ่อนค่ำบ้ำน ต้องเสียหำยทำงจิตใจ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำร
ี
ท�ำละเมิด รวม ๑๙,๒๕๗,๔๕๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ โจทก์เคยฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต่อศำลแรงงำนภำค ๑ เรียก
ี
ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม คดีน้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่ำว ระหว่ำงท�ำงำน
ึ
่
ิ
ี
ุ
�
โจทก์ช่วยเหลือปกปิดกำรทำทจริตของพนกงำนจ�ำเลยท ๑ จ�ำเลยท ๑ จงเลกจ้ำงโดยจ่ำย
ั
่
ี
สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำแก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยใดจึงไม่มีสิทธ ิ
ได้รับค่ำเสียหำยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
499
ั
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ี
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด
ี
ี
ี
มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ ส่วนจ�ำเลยท่ ๓ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำร
ี
ั
ฝ่ำยบคคล จ�ำเลยท่ ๑ จ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นทนำยควำม ต่อมำจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันกล่นแกล้ง
ั
ุ
เลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่มีควำมผิดและไม่บอกกล่ำวล่วงหน้ำ เป็นกำรเลิกจ้ำงโดยไม่เป็นธรรมและ
ั
เป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำรท�ำละเมิดแก่โจทก์
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งเป็นนำยจ้ำงกลั่นแกล้งเลิกจ้ำงอันเป็นกำรท�ำละเมิด
ต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำง
ี
และลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน
ั
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕)
ื
ั
ี
ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท่ ๓ น้น เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสำมร่วมกัน
ั
ี
ี
ท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยจ�ำเลยท่ ๓ เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล
จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์
ี
ี
และจ�ำเลยท่ ๓ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำน
ในทำงกำรที่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
500
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยกฤตบุญ จีระพันธุ โจทก์
ที่ วร ๓๑/๒๕๖๔ ธนำคำรบีเอ็นพี พำรีบำส์
กับพวก จ�ำเลย
ี
ึ
่
ี
่
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยท ๒ และท ๓ ซ่งเป็นผู้บริหำร
จ�ำเลยที่ ๑ ร่วมกันยุยงปลุกปั่นใช้อ�ำนำจมิชอบให้จ�ำเลยที่ ๔ ร้องทุกข์ และให้จ�ำเลยที่ ๔
่
่
ี
ี
ถึงท ๘ ให้กำรปรักปร�ำโจทก์ต่อคณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจริงของจ�ำเลยท ๑ โดย
กล่ำวหำว่ำโจทก์มีพฤติกรรมคุกคำมทำงเพศต่อจ�ำเลยที่ ๔ และลวนลำมหญิงอื่นท�ำนอง
ึ
ั
ื
ชู้สำว ซ่งไม่ตรงต่อควำมจริง เพ่อกล่นแกล้งเลิกจ้ำงและไม่ให้โจทก์ไปท�ำงำนแห่งใหม่
ึ
่
ซ่งเป็นคู่แข่งทำงกำรค้ำกับจ�ำเลยท ๑ เป็นกำรร่วมกันกระท�ำละเมิดโดยกำรกล่ำวหรือ
ี
ไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืนต่อควำมจริง ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ
ื
ึ
่
ี
ขอให้ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยหรือให้จ�ำเลยท ๑ รับโจทก์กลับเข้ำท�ำงำนดังเดิม เป็นกรณ ี
่
่
ท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ในฐำนะลูกจ้ำง
ี
ี
ี
กับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่โจทก์กล่ำวอ้ำง
ี
ื
ว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กระท�ำละเมิดต่อโจทก์เกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
่
ี
ส่วนจ�ำเลยท ๓ ถึงท ๘ เป็นพนักงำนจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำง
่
ี
่
ลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงที่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรที่จ้ำง เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ี
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนประกอบธุรกิจธนำคำรท่สำธำรณรัฐ
ี
ั
ื
ี
ฝร่งเศสและขออนุญำตเป็นคนต่ำงด้ำวต้งสำขำท่ประเทศไทย เพ่อประกอบกิจกำรธนำคำรพำณิชย์
ั
ี
้
ื
�
่
้
ู
ี
ื
ี
ซอขำย แลกเปลยนเงินตรำระหวำงประเทศและอ่น ๆ มจำเลยท ๒ เป็นผมอำนำจกระท�ำกำรแทน
�
่
ี
่
จ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๓ เป็นหัวหน้ำฝ่ำยบุคคล จ�ำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ เป็นพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ ส่วน
จ�ำเลยที่ ๗ และที่ ๘ เป็นอดีตพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์เคยเป็นพนักงำนจ�ำเลยที่ ๑ ต�ำแหน่ง
สุดท้ำยผู้จัดกำรฝ่ำยเทรดเดอร์ห้องค้ำตลำดโลก ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๗๐๗,๑๒๗ บำท
ี
ี
ี
ึ
ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ซ่งเป็นผู้บริหำรจ�ำเลยท่ ๑ ร่วมกันยุยงปลุกปั่น
ี
ี
ใช้อ�ำนำจมิชอบให้จ�ำเลยท่ ๔ ร้องทุกข์ และให้จ�ำเลยท่ ๔ ถึงท่ ๘ ให้กำรปรักปร�ำโจทก์ต่อ
ี
ุ
�
ี
คณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจรงของจำเลยท ๑ โดยกล่ำวหำวำโจทก์มพฤติกรรมคกคำมทำงเพศ
ิ
่
ี
่
501
ต่อจ�ำเลยที่ ๔ และลวนลำมหญิงอื่นท�ำนองชู้สำว ซึ่งไม่ตรงต่อควำมจริง เพื่อกลั่นแกล้งเลิกจ้ำง
ี
ึ
ท้งท่โจทก์ขอลำออกล่วงหน้ำแล้วและไม่ให้โจทก์ไปท�ำงำนแห่งใหม่ซ่งเป็นคู่แข่งทำงกำรค้ำ
ั
ื
ี
ื
กับจ�ำเลยท่ ๑ ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ ไม่อำจหำงำนใหม่ได้เร่อยมำจนถึงปัจจุบัน
อันเป็นกำรร่วมกันกระท�ำละเมิด โดยกำรกล่ำวหรือไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืนต่อควำมจริง
ึ
ั
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งแปดร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำย
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำช�ำระ
เสร็จแก่โจทก์ และชดใช้ค่ำเสียหำยเดือนละ ๗๐๗,๑๒๗ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำโจทก์
ได้งำนใหม่หรือจ�ำเลยที่ ๑ รับโจทก์กลับเข้ำท�ำงำนดังเดิม ให้จ�ำเลยทั้งแปดยุติกำรกระท�ำละเมิด
ตำมฟ้อง โฆษณำค�ำพิพำกษำลงหนังสือพิมพ์รำยวันไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน บำงกอกโพสต์และ
ทำงโทรทัศน์ทุกช่องเป็นเวลำ ๓ วัน ด้วยค่ำใช้จ่ำยของจ�ำเลยทั้งแปด ให้จ�ำเลยทั้งแปดประกำศ
�
้
�
ั
ั
ั
็
คำขอขมำโจทก์ในเฟสบุ๊กส่วนตวของจำเลยทงแปดโดยตงค่ำสำธำรณะและเวบไซต์ BBC,
้
Reuters และ Bloomberg เป็นเวลำ ๑ เดือน นับแต่ศำลมีค�ำพิพำกษำ และห้ำมมิให้จ�ำเลย
ทั้งแปดน�ำส�ำนวนกำรสอบสวนโจทก์ไปเผยแพร่แก่ผู้ใด
จ�ำเลยทั้งแปดให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำกำรกล่ำวหรือไขข่ำวแพร่หลำย
ี
ี
เป็นกำรกระท�ำต่อบุคคลท่เป็นพวกเดียวกัน ไม่มีบุคคลท่สำม จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมำยแพ่ง
ี
ื
ี
ี
ี
และพำณิชย์ มำตรำ ๔๒๓ มูลเหตุคดีน้สืบเน่องจำกจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ได้
ี
ิ
่
ี
ิ
ื
ั
ุ
รบเร่องร้องเรยนจำกจ�ำเลยท ๔ เกยวกับพฤตกรรมล่วงละเมดคกคำมทำงเพศและใช้อ�ำนำจ
ี
่
ี
ไม่ชอบต่อจ�ำเลยท่ ๔ จ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๓ หัวหน้ำฝ่ำยบุคคล จึงมีหน้ำท่ด�ำเนินกำรสอบสวน
ี
ี
ี
ตำมระเบียบ จ�ำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๘ ให้ข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจริงตำมควำม
ั
รู้เห็นของตนเองตำมควำมเป็นจริง จ�ำเลยท้งแปดไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้อง โจทก์
ี
ี
�
เคยฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ ต่อศำลแรงงำนกลำง คดีน้จึงเป็นฟ้องซ้อนและด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำ
และเป็นคดีที่อยู่ในอ�ำนำจศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนประกอบธุรกิจธนำคำรท ่ ี
ี
ี
ั
ี
ั
สำธำรณรัฐฝร่งเศสและขออนุญำตเป็นคนต่ำงด้ำวต้งสำขำท่ประเทศไทย มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็น
ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน จ�ำเลยที่ ๓ เป็นหัวหน้ำฝ่ำยบุคคล จ�ำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ เป็นพนักงำน
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ส่วนจ�ำเลยท่ ๗ และท่ ๘ เป็นอดีตพนักงำนจ�ำเลยท่ ๑ โจทก์เคยเป็นพนักงำน
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ซ่งเป็นผู้บริหำรจ�ำเลยท่ ๑ ร่วมกันยุยง
ี
ี
ี
ึ
502
ี
ี
ี
ปลุกปั่นใช้อ�ำนำจมิชอบให้จ�ำเลยท่ ๔ ร้องทุกข์ และให้จ�ำเลยท่ ๔ ถึงท่ ๘ ให้กำรปรักปร�ำโจทก์ต่อ
ี
คณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจริงของจ�ำเลยท่ ๑ โดยกล่ำวหำว่ำโจทก์มีพฤติกรรมคุกคำม
ทำงเพศต่อจ�ำเลยที่ ๔ และลวนลำมหญิงอื่นท�ำนองชู้สำว ซึ่งไม่ตรงต่อควำมจริง เพื่อกลั่นแกล้ง
ึ
ี
เลิกจ้ำงและไม่ให้โจทก์ไปท�ำงำนแห่งใหม่ซ่งเป็นคู่แข่งทำงกำรค้ำกับจ�ำเลยท่ ๑ กำรกระท�ำ
ึ
ของจ�ำเลยท้งแปดเป็นกำรร่วมกันกระท�ำละเมิดโดยกำรกล่ำวหรือไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำม
ั
อันฝ่ำฝืนต่อควำมจริง ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ ขอให้ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยหรือให้
ื
จ�ำเลยท่ ๑ รับโจทก์กลับเข้ำท�ำงำนดังเดิม เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
ี
ี
ี
โจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธ ิ
ื
ี
�
ี
่
ี
่
ี
ิ
เรียกร้องค่ำเสยหำยจำกกำรทโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจำเลยท ๑ และท่ ๒ กระท�ำละเมดต่อโจทก์
ี
ี
เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ จึงเป็น
ี
ี
คดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ี
ี
�
ั
ั
ั
ี
่
ู
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลกจ้ำงเกยวกบกำรทำงำนตำมสญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบญญต ิ
ั
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
ั
ื
ี
ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๘ น้น เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลย
ี
ี
ท้งแปดร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยขณะเกิดเหตุคดีน้จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๘ เป็นพนักงำนจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ั
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำง
ท่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรท่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ี
ี
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
503
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยพงษธรณ์
ที่ วร ๓๕/๒๕๖๔ นิติอมรโรจน์ โจทก์
นำยภูชิต เที่ยงไธสง จ�ำเลย
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์และจ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำง
แต่จ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่ำงกำรท�ำงำน แล้วท�ำสัญญำชดใช้ควำมเสียหำย
แก่โจทก์แต่กลับไม่ช�ำระคืนตำมสัญญำ จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินตำมสัญญำดังกล่ำว
ี
ึ
พร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้
ึ
ื
ี
ี
ค่ำเสียหำยตำมสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำยอันมีลักษณะเป็นกำรรับสภำพหน้ท่ท�ำข้นเน่อง
ึ
มำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็น
ี
นำยจ้ำง จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ิ
�
ั
ั
ิ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นกรรมกำรผู้จดกำรบรษทพีเคแอล โลจสติกส์ จำกด จำเลย
�
ั
ี
เป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่งพนักงำนขับรถ มีหน้ำท่ควบคุมยำนพำหนะรถยนต์ของโจทก์คัน
หมำยเลขทะเบียน ๗๐ - ๗๗๘๘/๘๙ ขอนแก่น จ�ำเลยขับรถยนต์โดยประมำทประสบอุบัติเหตุ
ื
ี
ท�ำให้รถยนต์คันดังกล่ำวและสินค้ำของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย เม่อวันท่ ๖ สิงหำคม ๒๕๖๓
โจทก์กับจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำย โดยจ�ำเลยตกลงชดใช้ค่ำเสียหำยในกรณีท ่ ี
จ�ำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์ของโจทก์คันหมำยเลขทะเบียน ๗๐ - ๗๗๘๘/๘๙ ขอนแก่น ประสบอุบัติเหต ุ
เมื่อวันที่ ๑๑ เมษำยน ๒๕๖๓ เป็นค่ำเสียหำยจำกกำรซ่อมรถยนต์ ๕๕๐,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำย
ิ
จำกสินค้ำท่ได้รับควำมเสียหำย ๑๐๓,๗๑๐ บำท รวมเป็นค่ำเสียหำยท้งส้น ๖๕๓,๗๑๐ บำท
ี
ั
และโจทก์ต้องเสียค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำเนินคดีอีก ๔๐,๐๐๐ บำท ดอกเบ้ยคิดถึงวันฟ้อง
ี
ี
๓๕,๕๕๑.๙๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย ๗๒๙,๒๖๑.๙๒ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ศำลแรงงำนภำค ๔ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
504
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่งพนักงำนขับรถ
มีหน้ำที่ควบคุมยำนพำหนะรถยนต์ของโจทก์คันหมำยเลขทะเบียน ๗๐ - ๗๗๘๘ / ๘๙ ขอนแก่น
ต่อมำจ�ำเลยขับรถยนต์คันดังกล่ำวโดยประมำทประสบอุบัติเหตุ ท�ำให้รถยนต์และสินค้ำของโจทก์
ื
ี
ได้รับควำมเสียหำย เม่อวันท่ ๖ สิงหำคม ๒๕๖๓ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำย
โดยจ�ำเลยตกลงชดใช้ค่ำเสียหำยจำกกำรซ่อมรถยนต์ ๕๕๐,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำยจำกสินค้ำ
ิ
ั
ท่ได้รับควำมเสียหำย ๑๐๓,๗๑๐ บำท รวมเป็นค่ำเสียหำยท้งส้น ๖๕๓,๗๑๐ บำท แต่จ�ำเลย
ี
ี
ไม่ช�ำระเงินตำมสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำยดังกล่ำวให้แก่โจทก์ จึงเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ
โจทก์และจ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำง แต่จ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ใน
ระหว่ำงกำรท�ำงำน แล้วท�ำสัญญำชดใช้ควำมเสียหำยแก่โจทก์แต่กลับไม่ช�ำระคืนตำมสัญญำ
จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินตำมสัญญำดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้
ี
ึ
จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยตำมสัญญำชดใช้ค่ำเสียหำยอันมีลักษณะเป็นกำร
ี
ึ
ี
ื
ี
รับสภำพหน้ท่ท�ำข้นเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิด
ต่อโจทก์ซงเป็นนำยจ้ำง คดระหว่ำงโจทก์กบจำเลยจงเป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำท ี ่
ิ
�
ึ
ี
ิ
ื
ิ
่
ี
ั
ึ
ี
่
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงตำมสัญญำ
ั
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
505
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวปวีณำ พุ่มสุวรรณ โจทก์
ที่ วร ๖๖/๒๕๖๔ บริษัทบี พริตตี้ จ�ำกัด จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ระหว่ำงท�ำงำน
โจทก์มีอำกำรป่วยเป็นไข้หวัด ไอ มีน�้ำมูก จึงเข้ำตรวจรักษำที่โรงพยำบำล ผลกำรตรวจ
ื
ื
ั
ไม่เข้ำเกณฑ์กำรตรวจหำเช้อโรคติดเช้อไวรสโคโรนำ ๒๐๑๙ แต่แพทย์แนะนำให้กักตัว
�
เป็นเวลำ ๒ สัปดำห์ โจทก์จึงแจ้งผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยทรำบและขอ
ลำหยุดงำนในเวลำดังกล่ำว แต่ผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยกลับน�ำใบรับรอง
แพทย์ของโจทก์แจ้งนิติบุคคลอำคำรชุดที่โจทก์พักอำศัย เป็นเหตุให้นิติบุคคลอำคำรชุด
สั่งให้พนักงำนรักษำควำมปลอดภัยห้ำมมิให้โจทก์เข้ำที่พัก เป็นกรณีที่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึง
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ื
ี
ี
เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมหน้ำท่ของ
นำยจ้ำงอันเป็นกำรผิดสัญญำและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เมื่อวันที่ ๘ มกรำคม ๒๕๖๑
โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๓๑,๐๐๐ บำท ก�ำหนด
จ่ำยค่ำจ้ำงทุกวันสิ้นเดือน ระหว่ำงท�ำงำนโจทก์มีอำกำรป่วยเป็นไข้หวัด ไอ มีน�้ำมูก จึงเข้ำตรวจ
ื
ี
ื
รักษำท่โรงพยำบำล ผลกำรตรวจไม่เข้ำเกณฑ์กำรตรวจหำเช้อโรคติดเช้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙
หรือโรคโควิด ๑๙ (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) แต่แพทย์แนะน�ำให้กักตัว
ี
เป็นเวลำ ๒ สัปดำห์ ระหว่ำงวันท่ ๗ เมษำยน ๒๕๖๓ ถึงวันท่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๖๓ โจทก์
ี
จึงแจ้งผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยทรำบและขอลำหยุดงำนในเวลำดังกล่ำว แต่ผู้จัดกำร
ี
ฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยกลับน�ำใบรับรองแพทย์ของโจทก์แจ้งนิติบุคคลอำคำรชุดท่โจทก์
พักอำศัย เป็นเหตุให้นิติบุคคลอำคำรชุดส่งให้พนักงำนรักษำควำมปลอดภัยห้ำมมิให้โจทก์
ั
ั
�
ิ
ี
ี
ี
่
�
เข้ำทพก กำรกระทำของจำเลยดงกล่ำวเป็นกำรละเมดทำให้โจทก์เสยหำย โจทก์ต้องเสย
ั
�
ื
ื
ค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำรงชีวิตและซ้อของใช้จ�ำเป็นคิดเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท เม่อกักตัวครบ
๒ สัปดำห์แล้ว โจทก์ได้กลับเข้ำท�ำงำนกับจ�ำเลยกระทั่งวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๓ โจทก์จึงได้
ลำออก ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำย ๑๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
506
ี
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ กำรท่หัวหน้ำฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยแจ้งข้อมูล
ี
อำกำรป่วยของโจทก์ให้นิติบุคคลอำคำรชุดท่โจทก์พักอำศัยเป็นกำรด�ำเนินกำรส่วนตัวของ
ั
ผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลเองโดยจ�ำเลยไม่ได้มอบหมำยหรือมีค�ำส่งให้กระท�ำ แต่เป็นกำร
ี
ั
ด�ำเนินกำรในฐำนะประชำชนท่วไปท่ต้องกระท�ำตำมนโยบำยของรัฐบำลในกำรป้องกันกำรแพร่
ระบำดของโรคติดเช้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ (Coronavirus Disease 2019
ื
ี
ึ
ิ
้
(COVID-19)) จงมใช่กำรกระท�ำในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำง คดีนจึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำน โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลย ค่ำใช้จ่ำยตำมฟ้องเป็นค่ำใช้จ่ำยปกติ
์
่
์
้
ี
้
ั
้
่
ั
�
ุ
ื
ของโจทก โจทกไมไดรบควำมเสยหำยตำมฟอง นอกจำกนนระหวำงกำรทำงำนเดอนตลำคม ๒๕๖๒
ั
ถึงเดือนเมษำยน ๒๕๖๓ โจทก์ได้ขอลำหยุดงำนหลำยคร้งแล้วเอำเวลำไปท�ำงำนให้แก่
้
๊
บริษัทดอกเตอร์เรย กรุป จ�ำกัด ท�ำให้จ�ำเลยตองจำยคำจำงให้โจทก์โดยไม่ไดรับผลงำนตอบแทน
้
่
่
์
้
เป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยท�ำให้จ�ำเลยเสียหำย ขอให้ยกฟ้องและ
บังคับโจทก์จ่ำยค่ำเสียหำย ๒๑๗,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ ระหว่ำงท่โจทก์ท�ำงำนให้จ�ำเลยนน โจทก์ทำงำนให้เตม
ั
ี
้
็
�
้
�
่
ี
�
ิ
้
่
�
็
้
้
ิ
์
ี
ิ
ควำมสำมำรถ กำรทโจทกใชสทธลำหยดงำนแลวไปทำสงใดเปนไปตำมทจำเลยไดกำหนดไวโดย
่
ุ
หัวหน้ำงำนของโจทก์รับทรำบมำตลอด กำรที่โจทก์ไปท�ำงำนให้บริษัทดอกเตอร์เรย์ กรุ๊ป จ�ำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับจ�ำเลย ไม่มีข้อห้ำมในสัญญำว่ำจะกระท�ำไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ระหว่ำง
ท�ำงำน โจทก์มีอำกำรป่วยเป็นไข้หวัด ไอ มีน�้ำมูก จึงเข้ำตรวจรักษำที่โรงพยำบำล ผลกำรตรวจ
้
ไม่เข้ำเกณฑ์กำรตรวจหำเช้อโรคติดเชอไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ หรอโรคโควิด ๑๙ (Coronavirus
ื
ื
ื
Disease 2019 (COVID-19))แต่แพทย์แนะน�ำให้กักตัวเป็นเวลำ ๒ สัปดำห์ โจทก์จึงแจ้งผู้จัดกำร
ฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลจ�ำเลยทรำบและขอลำหยุดงำนในเวลำดังกล่ำว แต่ผู้จัดกำรฝ่ำยทรัพยำกร
ี
บุคคลจ�ำเลยกลับน�ำใบรับรองแพทย์ของโจทก์แจ้งนิติบุคคลอำคำรชุดท่โจทก์พักอำศัย เป็นเหต ุ
ี
ั
ให้นิติบุคคลอำคำรชุดส่งให้พนักงำนรักษำควำมปลอดภัยห้ำมมิให้โจทก์เข้ำท่พัก กำรกระท�ำ
ของจ�ำเลยดังกล่ำวเป็นกำรละเมิดท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์
ี
เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำง
507
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำม
ี
หน้ำท่ของนำยจ้ำงอันเป็นกำรผิดสัญญำและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำม
ี
ี
ค�ำฟ้อง จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่
มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ั
ี
จัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕) ส่วนคดีท่จ�ำเลย
ฟ้องแย้งโจทก์ว่ำ ระหว่ำงกำรทำงำน โจทก์ได้ขอลำหยดงำนหลำยครงแล้วเอำเวลำไปทำงำน
�
�
้
ุ
ั
ให้แก่บริษัทดอกเตอร์เรย์ กรุ๊ป จ�ำกัด ท�ำให้จ�ำเลยต้องจ่ำยค่ำจ้ำงให้โจทก์โดยไม่ได้รับผลงำน
ั
ตอบแทน เป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยท�ำให้จ�ำเลยเสียหำยน้น
ั
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำขณะโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยน้น โจทก์ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำ
ี
จ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงจ�ำเลย
ี
ี
่
กับโจทก์ตำมฟ้องแย้งจึงเป็นคดพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำทตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็น
ี
ี
คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
และ (๕) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
508
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยปิติ จันทนไพรวัน โจทก์
ที่ วร ๖/๒๕๖๕ บริษัทโปรเทค ซิสเต็มส์
(ประเทศไทย) จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ั
ึ
ั
จ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นนำยจ้ำงมีค�ำส่งให้โจทก์เข้ำร่วมกิจกรรมกีฬำ Bubble
ี
ี
Bump และ Bubble Bump Football ซ่งเป็นกีฬำท่มีควำมเส่ยงอันตรำยโดยจ�ำเลย
ึ
ี
ั
ท้งสองไม่แจ้งเตือนหรือบอกกล่ำวให้โจทก์ทรำบถึงอันตรำย เป็นเหตุให้ระหว่ำงท่โจทก์
ื
เข้ำแข่งขันกีฬำดังกล่ำวมีบุคคลอ่นกระแทกโจทก์ล้มลงได้รับบำดเจ็บเอ็นหัวเข่ำขวำขำด
ื
�
หมอนรองกระดูกขำดบำงส่วนและช้ำ โจทก์ต้องเข้ำรักษำพยำบำลอย่ำงต่อเน่องยำวนำน
ั
จนปัจจุบันยังไม่หำยจำกอำกำรบำดเจ็บ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรกระท�ำ
ึ
ั
โดยปรำศจำกควำมระมัดระวังซ่งบุคคลเช่นน้นจักต้องมีตำมวิสัยและพฤติกำรณ์
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองดังกล่ำวเป็นกำรกระท�ำละเมิดให้โจทก์เสียหำย
ั
เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำร
ี
ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน เม่อวันท่ ๑ สิงหำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง
ื
ั
ต�ำแหน่งฝ่ำยขำยอำวุโสและวิศวกรประยุกต์ ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๕๙,๕๐๐ บำท
�
่
้
ั
์
ุ
่
่
้
�
ั
�
ี
�
ุ
ั
่
่
้
้
ิ
ื
กำหนดจำยคำจำงทกวนสนเดอน ระหวำงทำงำนจำเลยทงสองมคำสงใหโจทกไปรวมกำรประชม
สัมมนำยอดขำยประจ�ำปีของบริษัทโปรเทค ซิสเต็มส์ (ประเทศสิงคโปร์) ซ่งเป็นบริษัทในเครือ
ึ
ของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่ำงวันที่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๔ ตุลำคม ๒๕๖๒
จ�ำเลยท้งสองมีค�ำส่งให้โจทก์เข้ำร่วมกิจกรรมกีฬำ Bubble Bump และ Bubble Bump Football
ั
ั
ึ
ซ่งเป็นกีฬำท่มีควำมเส่ยงอันตรำยโดยจ�ำเลยท้งสองไม่แจ้งเตือนหรือบอกกล่ำวให้โจทก์
ั
ี
ี
ทรำบถึงอันตรำย เป็นเหตุให้ระหว่ำงท่โจทก์เข้ำแข่งขันกีฬำดังกล่ำวมีบุคคลอ่นกระแทกโจทก์
ี
ื
ล้มลงได้รับบำดเจ็บเอ็นหัวเข่ำขวำขำด หมอนรองกระดูกขำดบำงส่วนและช้ำ โจทก์ต้องเข้ำ
�
ื
ั
็
รกษำพยำบำลอย่ำงต่อเน่องยำวนำนจนปัจจบันยงไม่หำยจำกอำกำรบำดเจบ กำรกระทำ
�
ั
ุ
ั
ึ
ของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรกระท�ำโดยปรำศจำกควำมระมัดระวังซ่งบุคคลเช่นน้นจักต้องมีตำม
ั
509
ั
วิสัยและพฤติกำรณ์ เป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยท้งสองต้องร่วมชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน
ื
เป็นค่ำรักษำพยำบำลท้งในปัจจุบันและต่อเน่องในอนำคต ค่ำใช้จ่ำยในกำรเดินทำงไปรักษำ
ั
พยำบำล ค่ำเสียหำยจำกกำรไม่สำมำรถประกอบกำรงำนและงำนเสริม ค่ำขำดประโยชน์จำกกำร
ใช้อุปกรณ์กีฬำ และค่ำเสียหำยอื่นกับดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง รวมเป็นเงิน ๑๒,๙๒๓,๑๙๙.๒๐ บำท
ั
โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย
ั
๑๒,๙๒๓,๑๙๙.๒๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ั
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ บริษัทโปรเทค ซิสเต็มส์ (ประเทศสิงคโปร์) ไม่ได้เป็นบริษัท
ในเครือของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นผู้จัดให้มีกำรประชุมสัมมนำยอดขำยประจ�ำปีและ
กิจกรรมกีฬำ Bubble Bump และ Bubble Bump Football กำรเล่นกีฬำดังกล่ำวมีเครื่องป้องกัน
กำรกระแทกจึงไม่ได้มีควำมเส่ยงหรืออันตรำย กำรท่โจทก์ได้รับอันตรำยจำกกำรสมัครใจเข้ำ
ี
ี
ร่วมกิจกรรมกีฬำโดยทรำบกติกำและกฎควำมปลอดภัยแล้ว และกำรถูกกระแทกล้มเกิดจำกกำร
ั
กระท�ำของบุคคลอ่น ไม่ใช่เกิดจำกกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสอง และเหตุเกิดท่ประเทศสิงคโปร์
ี
ื
จึงไม่ใช่เน่องจำกกำรท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง คดีน้ไม่ใช่คดีท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ั
ี
ื
ี
ของศำลแรงงำน โจทก์จะต้องย่นค�ำร้องขอรับเงินทดแทนต่อส�ำนักงำนประกันสังคมตำม
ื
พระรำชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ไม่อำจฟ้องให้จ�ำเลยท้งสองรับผิดได้ หลังเกิดเหต ุ
ั
จ�ำเลยท้งสองรักษำพยำบำลเบ้องต้นแก่โจทก์ โจทก์ได้รับค่ำรักษำพยำบำลแล้ว ค่ำรักษำพยำบำล
ั
ื
ื
ในอนำคตเป็นเร่องคำดคะเนและสูงเกินจริง ค่ำเสียหำยอ่นเป็นกำรเรียกโดยปรำศจำกหลักฐำน
ื
เป็นค่ำเสียหำยซ�้ำซ้อนและเรียกโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๑ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ื
�
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ึ
ุ
�
ั
ี
ิ
ิ
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
่
วินิจฉัยวำ โจทกบรรยำยฟองวำ โจทกเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยทั้งสอง ระหวำง
้
่
่
์
์
ท�ำงำนจ�ำเลยท้งสองมีค�ำส่งให้โจทก์ไปร่วมกำรประชุมสัมมนำยอดขำยประจ�ำปีของบริษัทโปรเทค
ั
ั
ซิสเต็มส์ (ประเทศสิงคโปร์) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่ำงนั้น
จ�ำเลยทั้งสองมีค�ำสั่งให้โจทก์เข้ำร่วมกิจกรรมกีฬำ Bubble Bump และ Bubble Bump Football
ั
ี
ซ่งเป็นกีฬำท่มีควำมเส่ยงอันตรำยโดยจ�ำเลยท้งสองไม่แจ้งเตือนหรือบอกกล่ำวให้โจทก์ทรำบ
ึ
ี
510
ื
ี
ถึงอันตรำย เป็นเหตุให้ระหว่ำงท่โจทก์เข้ำแข่งขันกีฬำดังกล่ำวมีบุคคลอ่นกระแทกโจทก์ล้มลง
ได้รับบำดเจ็บเอ็นหัวเข่ำขวำขำด หมอนรองกระดูกขำดบำงส่วนและช้ำ โจทก์ต้องเข้ำรักษำพยำบำล
�
อย่ำงต่อเน่องยำวนำนจนปัจจุบันยังไม่หำยจำกอำกำรบำดเจ็บ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสอง
ั
ื
ั
ึ
เป็นกำรกระท�ำโดยปรำศจำกควำมระมัดระวังซ่งบุคคลเช่นน้นจักต้องมีตำมวิสัยและพฤติกำรณ์
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองดังกล่ำวเป็นกำรกระท�ำละเมิดให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลย
ั
ั
ท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
ี
ั
ื
โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้อง
ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสองไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมหน้ำท่ของนำยจ้ำงอันเป็นกำรผิด
ั
ี
ี
ี
สัญญำและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธ ิ
ั
หรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำง
ี
เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ี
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
511
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวโสภิต ยุทธชัย โจทก์
ที่ วร ๘/๒๕๖๕ บริษัทเน็ตซีส แอนด์ คอมพิวเตอร์
จ�ำกัด จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ระหว่ำงท�ำงำนนับแต่
ปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์ล่ำช้ำและจ่ำยไม่ครบถ้วนในครำวเดียวกันมำโดยตลอด
ี
ท�ำให้โจทก์ขำดสภำพคล่องทำงกำรเงินท่จ�ำเป็นต้องใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน ท�ำให้รำยกำร
ื
เดินบัญชีธนำคำรของโจทก์ขำดควำมน่ำเช่อถือ ไม่สำมำรถรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียม และ
ไม่สำมำรถกู้ยืมเงินจำกสถำบันกำรเงินใด กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรละเมิดโดยจงใจ
้
่
�
ิ
ั
่
้
กระทำผดกฎหมำยและผิดสญญำโดยจำยค่ำจำงแก่โจทก์ลำชำ ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสียหำย
ั
�
ึ
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงจงใจไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
และตำม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑ กรกฎำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่ง
ี
พนักงำนฝ่ำยขำย ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๔๐,๐๐๐ บำท ก�ำหนดจ่ำยค่ำจ้ำงทุกวัน
ิ
ส้นเดือนโดยวิธีจ่ำยผ่ำนบัญชีธนำคำร ระหว่ำงท�ำงำนนับแต่ปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์
ล่ำช้ำและจ่ำยไม่ครบถ้วนในครำวเดียวกันมำโดยตลอด ท�ำให้โจทก์ขำดสภำพคล่องทำงกำรเงิน
ท่จ�ำเป็นต้องใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน ท�ำให้รำยกำรเดินบัญชีธนำคำรของโจทก์ขำดควำม
ี
น่ำเช่อถือ ไม่สำมำรถรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียม และไม่สำมำรถกู้ยืมเงินจำกสถำบันกำรเงินใด
ื
กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรละเมิดโดยจงใจกระท�ำผิดกฎหมำยและผิดสัญญำโดยจ่ำยค่ำจ้ำง
แก่โจทก์ล่ำช้ำ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย วันที่ ๑๕ ธันวำคม ๒๕๖๓ โจทก์จึงลำออกจำก
กำรเป็นพนักงำนของจ�ำเลย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำเสียหำย ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ค�ำฟ้องโจทก์แม้จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดแต่ไม่ใช่กำรกระท�ำ
ละเมิดท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน โจทก์ไม่บรรยำยฟ้องให้ชัดเจนจึงเป็น
ี
ฟ้องเคลือบคลุม จ�ำเลยรู้ถึงกำรกระท�ำละเมิดและรู้ตัวผู้กระท�ำละเมิดมำต้งแต่ปี ๒๕๖๐ คดีจึง
ั
ื
ขำดอำยุควำมแล้ว ควำมเสียหำยท่จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงมำเป็นเร่องคำดคะเน จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำ
ี
ตำมฟ้องโจทก์ ไม่ได้จงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้โจทก์เสียหำยแต่จ�ำเลยขำดสภำพคล่อง
ุ
่
�
ิ
็
ิ
ี
ทำงกำรเงนและพยำยำมหำเงนมำจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์ให้ครบและเรวทสดแล้ว จำเลยแจ้งให้โจทก์
512
ทรำบกำรจ่ำยค่ำจ้ำงล่ำช้ำล่วงหน้ำมำตลอดและโจทก์ยินยอมแล้ว จึงไม่สำมำรถน�ำคดีมำฟ้อง
จ�ำเลยได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ระหว่ำงท�ำงำน
นับแต่ปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์ล่ำช้ำและจ่ำยไม่ครบถ้วนในครำวเดียวกันมำโดยตลอด
ี
ท�ำให้โจทก์ขำดสภำพคล่องทำงกำรเงินท่จ�ำเป็นต้องใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน ท�ำให้รำยกำร
เดินบัญชีธนำคำรของโจทก์ขำดควำมน่ำเชื่อถือ ไม่สำมำรถรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียม และไม่สำมำรถ
กู้ยืมเงินจำกสถำบันกำรเงินใด กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรละเมิดโดยจงใจกระท�ำผิดกฎหมำย
และผิดสัญญำโดยจ่ำยค่ำจ้ำงแก่โจทก์ล่ำช้ำ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ
ึ
จ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงจงใจไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมพระรำชบัญญัต ิ
ึ
คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำงได้รับ
ี
ี
ควำมเสียหำย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ
ี
จ้ำงแรงงำน ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน และเป็นคดอันเกิดแต่มูลละเมดระหว่ำง
ิ
ั
นำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ี
แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) (๒) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
513
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยถำวร คงสม โจทก์
ที่ วร ๘๓/๒๕๖๐ นำยชูเกียรติ ถำวรวสุ
กับพวก จ�ำเลย
แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยทั้งสองซึ่งเป็นกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำร ก.
ื
กระท�ำกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับสหภำพแรงงำนธนำคำร ก. แต่ก็เพ่อให้เห็นว่ำกำรกระท�ำ
ื
ดังกล่ำวเป็นผลให้เกิดควำมเสียหำยแก่ช่อเสียง เกียรติคุณ หรือทำงท�ำมำหำได้หรือ
่
ิ
ื
�
ิ
ั
�
้
ทำงเจรญโดยประกำรอนของโจทก์โดยตรง เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจำเลยทงสองทำละเมด
ต่อโจทก์เป็นกำรส่วนตัว ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ ลักษณะ ๕ ละเมิดโดยทั่วไป ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงของบริษัทธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน)
และเคยเป็นกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ จ�ำเลยท้งสองเป็นสมำชิกและเคยเป็น
ั
ั
กรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ ระหว่ำงท่โจทก์และจ�ำเลยท้งสองด�ำรงต�ำแหน่ง
ี
กรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพนั้น จ�ำเลยทั้งสองท�ำเอกสำรเผยแพร่ด้วยข้อควำมอัน
ี
เป็นเท็จไปยังบุคคลท่สำมท่วประเทศว่ำโจทก์และคณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ
ั
ผลักดันโครงกำรต่ำง ๆ โดยทุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นกำรปลุกระดมให้สมำชิกเกลียดชัง
ึ
คณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ ท�ำให้โจทก์ซ่งเกษียณอำยุกำรท�ำงำนและพ้น
ต�ำแหน่งกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพต้องเสียหำย และเป็นเหตุให้โจทก์และจ�ำเลย
่
ั
็
้
ิ
้
�
ี
ั
�
ั
ี
ี
ทงสองกบพวกมคดแพงและคดอำญำตอกนหลำยคด กำรกระทำของจำเลยทงสองเปนกำรใชสทธ ิ
้
ั
่
ี
ี
ุ
�
โดยไม่สจรต เป็นกำรใส่ควำมโจทก์ต่อบคคลทสำมโดยประกำรทน่ำจะทำให้โจทก์เสยชอเสยง
ี
ื
่
่
ุ
ิ
ี
ี
่
ื
ิ
ี
ถูกดูหม่นหรือถูกเกลียดชัง หรือเป็นท่เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำงเจริญโดยประกำรอ่น
อันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ เป็นกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ พระรำชบัญญัติ
แรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ และประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๕ และมำตรำ ๔๒๐
ถึงมำตรำ ๔๒๓ ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำละเมิดเป็นเงิน
๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระ
เสร็จแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยท้งสองน�ำค�ำพิพำกษำของศำลประกำศหนังสือพิมพ์ เป็นระยะเวลำ
ั
ไม่น้อยกว่ำ ๓ วัน ติดต่อกัน ลงประกำศในเฟซบุ๊ก กับหนังสือข่ำวสำรของสหภำพแรงงำนธนำคำร
กรุงเทพ เป็นระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ ๓ ฉบับ ติดต่อกัน
514
ื
ิ
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องเพ่มเติมเน้อหำอันเป็นข้อควำมเท็จ ข้อควำม
ั
ั
ั
ตำมเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑ เพียงแต่ต้งค�ำถำม มิได้กล่ำวหำว่ำโจทก์ทุจริต จ�ำเลยท้งสอง
ใช้สิทธิทำงศำลโดยชอบ โจทก์ไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำมกำรกระท�ำของจ�ำเลย
ิ
ท้งสองเป็นไปตำมกฎหมำยทุกประกำรจึงไม่เป็นกำรกระท�ำละเมดต่อโจทก์และโจทก์ไม่ได้รับ
ั
ควำมเสียหำย คดีในส่วนของพระรำชบัญญัติแรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำน โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
ั
ึ
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ
จัดท�ำเอกสำรเผยแพร่ซ่งมีข้อควำมอันเป็นเท็จไปยังบุคคลท่สำมท่วประเทศว่ำโจทก์และ
ึ
ี
ั
คณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพผลักดันโครงกำรต่ำง ๆ โดยทุจริตเพื่อประโยชน์
ั
ึ
ส่วนตัว และจ�ำเลยท้งสองได้ฟ้องร้องคณะกรรมกำรสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพซ่งกระท�ำ
กำรแทนสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ เป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและฝ่ำฝืนข้อบังคับ
ี
สหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ ท้งเป็นกำรใส่ควำมโจทก์ต่อบุคคลท่สำมโดยประกำรท่น่ำ
ั
ี
ื
ิ
จะท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง ถูกดูหม่นหรือถูกเกลียดชัง เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ท�ำให้โจทก์
เสียหำย ตำมค�ำฟ้องดังกล่ำว แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นกรรมกำรสหภำพ
ึ
ั
แรงงำนธนำคำรกรุงเทพกระท�ำกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับสหภำพแรงงำนธนำคำรกรุงเทพ แต่ก็เพื่อให้
ื
ุ
ี
เหนวำกำรกระทำดงกลำวเปนผลใหเกดควำมเสยหำยแกชอเสยง เกยรตคณ หรอทำงทำมำหำได ้
ิ
่
ี
ี
่
ิ
�
ั
ื
็
่
�
้
่
็
ื
หรือทำงเจริญโดยประกำรอ่นของโจทก์โดยตรง เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองท�ำละเมิด
ั
ิ
์
ั
่
ตอโจทกเป็นกำรสวนตว ตำมประมวลกฎหมำยแพงและพำณชย บรรพ ๒ ลกษณะ ๕ ละเมด
่
ั
ิ
์
่
ี
ั
โดยท่วไป มิใช่กำรใช้สิทธิตำมกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนสัมพันธ์ จึงมิใช่คดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธ ิ
หรือหน้ำที่ตำมกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนสัมพันธ์ และมิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำง
และลูกจ้ำงสืบเน่องจำกข้อพิพำทแรงงำนหรือเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และ
ื
ี
มิใช่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรท่จ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์
ี
ี
ั
ึ
ั
กับจ�ำเลยท้งสองจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
515
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐.
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ถชุโรจน์ - ตรวจ
516
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยทวีป บุญโยทก กับพวก โจทก์
ที่ วร ๔๓/๒๕๖๐ บริษัทวิวพอยทส์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ั
ั
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสองเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิด
โดยร้องทุกข์ด�ำเนินคดีอำญำจนท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำร
ั
กระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง แต่เป็นกำร
ี
ี
้
ี
ั
ใช้สิทธิเรียกร้องตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ หน ลักษณะ ๕ ละเมิด คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสอง
กับจ�ำเลยทั้งสองจึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็น
กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน เมื่อปี ๒๕๔๖ จ�ำเลยทั้งสองจ้ำงโจทก์ที่ ๑ ท�ำงำนต�ำแหน่ง
ชิปปิ้ง ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๒๒,๐๐๐ บำท และจ้ำงโจทก์ที่ ๒ ท�ำงำนต�ำแหน่งพนักงำนบัญชี
ั
ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๑๘,๐๐๐ บำท โจทก์ท้งสองได้ลำออกจำกกำรเป็นลูกจ้ำงเม่อเดือน
ื
ธันวำคม ๒๕๕๗ ต่อมำเดือนกุมภำพันธ์และเดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิด
ั
ต่อโจทก์ท้งสองโดยน�ำควำมเท็จร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำ โจทก์ท้งสองกับพวกร่วมกัน
ั
ั
ลักทรัพย์นำยจ้ำงและปลอมเอกสำร ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง และต้องเสีย
ื
ิ
ี
ค่ำใช้จ่ำยในกำรแก้ข้อกล่ำวหำ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ท่ ๑
ั
เป็นเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บำท และช�ำระแก่โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมประกำศขอขมำ
โจทก์ทั้งสองทำงหนังสือพิมพ์ด้วยค่ำใช้จ่ำยของจ�ำเลยทั้งสอง
ี
ั
ั
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ โจทก์ท้งสองเคยเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ แต่ไม่เคยเป็นลูกจ้ำง
จ�ำเลยที่ ๒ หลังจำกโจทก์ทั้งสองลำออก จ�ำเลยที่ ๒ ตรวจสอบพบว่ำโจทก์ทั้งสองและนำงสำว
ี
วำสนำ ร่วมกันลักสมุดเช็คและปลอมเช็คของจ�ำเลยท่ ๒ แล้วเรียกเก็บเงิน จึงได้ร้องทุกข์ต่อ
พนักงำนสอบสวน จ�ำเลยท้งสองใช้สิทธิโดยสุจริตและจ�ำเลยท่ ๒ ไม่ได้กระท�ำในฐำนะส่วนตัว
ี
ั
ี
ั
ี
จึงไม่เกิดควำมเสียหำยแก่โจทก์ท้งสองเก่ยวกับกำรจ้ำงแรงงำน มูลคดีท่โจทก์ท้งสองอ้ำงว่ำ
ั
ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน ส่วน
ค่ำใช้จ่ำยในกำรแก้ข้อกล่ำวหำก็มิใช่ค่ำเสียหำยจำกมูลละเมิด ขอให้ยกฟ้อง
517
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๕ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
ึ
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสองซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์
ั
ู
ั
้
่
ึ
�
็
ทงสองซงเป็นลกจ้ำง โดยนำควำมเทจร้องทกข์ต่อพนกงำนสอบสวนว่ำโจทก์ทงสองกบพวก
ั
ุ
้
ั
ร่วมกันลักทรัพย์นำยจ้ำงและปลอมเอกสำร ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง
ื
ิ
ั
และต้องเสียค่ำใช้จ่ำยในกำรแก้ข้อกล่ำวหำ ดังน้ แม้โจทก์ท้งสองจะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสอง
ี
ั
ั
ึ
ั
ซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงนำยจ้ำงกัน
ึ
ี
ก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสองเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ
ั
จ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดโดยร้องทุกข์ด�ำเนินคดีอำญำจนท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย อันเป็น
ั
ั
กำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง
ี
ี
ี
แต่เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หน้ ลักษณะ ๕ ละเมิด
ึ
ั
ั
คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท้งสองจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ถชุโรจน์ - ตรวจ
518
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยณกรณ์ อำนำภรณ์ โจทก์
ที่ วร ๘๘/๒๕๖๐ บริษัทแวนเทค อมตะ โลจิสติกส์
(ประเทศไทย) จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
ึ
ข้อกล่ำวอ้ำงตำมค�ำฟ้องท่ว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงน�ำควำมเท็จร้องทุกข์ต่อ
ึ
ิ
พนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์ซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงยักยอกเงิน ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง ถูกดูหม่น
ื
ี
้
ึ
เกลียดชัง ดังน แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ใน
้
ี
่
้
ั
่
ี
ิ
ั
ั
ิ
ู
็
็
ระหวำงทมนตสมพนธเปนนำยจำงลกจำงกนกตำม แตขออำงทอำศยเปนหลกแหงขอหำ
ั
้
่
ั
่
่
็
์
ี
้
้
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดโดยร้องทุกข์ด�ำเนินคด ี
อำญำท�ำให้โจทก์เสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกที่ไม่เกี่ยวข้องกับกำร
ท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง จึงมิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและ
ลูกจ้ำงเกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๔ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๔ โจทก์เข้ำท�ำงำนกับบริษัทแวนเทค เวิล์ด
ทรำนสปอร์ต (ประเทศไทย) จ�ำกัด และส้นสุดกำรท�ำงำนในเดือนธันวำคม ๒๕๕๗ เน่องจำกบริษัท
ิ
ื
ดังกล่ำวปิดกิจกำร ต่อมำในปี ๒๕๕๘ บริษัทดังกล่ำวได้ควบรวมกับบริษัทฮิตำชิ ทรำนสปอร์ต
ซิสเต็ม แวนเทค (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์ได้เข้ำท�ำงำนกับบริษัทฮิตำชิ ทรำนสปอร์ต ซิสเต็ม
แวนเทค (ประเทศไทย) จ�ำกัด ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล กระท่งเดือนพฤษภำคม ๒๕๕๙
ั
จึงโอนย้ำยไปท�ำงำนกับจ�ำเลย ต่อมำวันท่ ๘ พฤษภำคม ๒๕๖๐ จึงถูกกล่นแกล้งโอนย้ำยไป
ี
ั
ท�ำงำนที่บริษัทซูมิโตโม รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด วันที่ ๒๖ พฤษภำคม ๒๕๖๐ โจทก์ฟ้อง
บริษัทแวนเทค เวิล์ด ทรำนสปอร์ต (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซึ่งมีกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจคนเดียวกัน
กับจ�ำเลยต่อศำลแรงงำนภำค ๒ เพ่อเรียกค่ำตอบแทนกำรท�ำงำน จ�ำเลยจึงมีค�ำส่งให้โจทก์ไป
ั
ื
ื
ั
ี
ท�ำงำนท่ส�ำนักงำนใหญ่โดยไม่มอบหมำยงำนให้ ต่อมำจ�ำเลยมีค�ำส่งพักงำนโจทก์เพ่อสอบสวน
กรณีที่โจทก์ไม่น�ำเงินที่หักจำกบัญชีเงินเดือนพนักงำนจ�ำนวน ๑๙,๐๐๐ บำท ส่งส�ำนักงำนบังคับคดี
จังหวัดชลบุรี และได้ร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์ยักยอกเงินดังกล่ำว อันเป็นกำร
ท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จ�ำเลยเสนอว่ำ
ี
หำกโจทก์ลำออกและถอนฟ้องคดีแรงงำนก็จะไม่ด�ำเนินคดีอำญำต่อโจทก์ วันท่ ๑๓ มิถุนำยน ๒๕๖๐
จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิด ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำชดเชยสินจ้ำง
แทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม และค่ำเสียหำยจำก
กำรท�ำละเมิด พร้อมดอกเบี้ยตำมค�ำขอท้ำยฟ้องแก่โจทก์
519
ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแรงงำนภำค ๒ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้ในส่วนที่โจทก์ฟ้อง
ว่ำจ�ำเลยร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์ยักยอกทรัพย์ เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ท�ำให้
ื
ิ
โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ในส่วนท่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์
ี
ยักยอกทรัพย์ เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น
เกลียดชังอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน
ั
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องส่วนนี้ว่ำ จ�ำเลยซึ่ง
เคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโดยน�ำควำมเท็จร้องทุกข์ต่อพนักงำน
ึ
สอบสวนว่ำโจทก์ยักยอกเงินท�ำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ดังนี้ แม้โจทก์จะกล่ำว
ี
อ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่ำงท่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำง
ึ
ี
ลูกจ้ำงกันก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำง
ว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดโดยร้องทุกข์ด�ำเนินคดีอำญำท�ำให้โจทก์เสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำง
กำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง จึงมิใช่คด ี
ี
ี
อันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ั
ี
ิ
้
ิ
ิ
ี
แต่เป็นกำรใช้สทธเรยกร้องตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๒ หน ลกษณะ ๕
ึ
ั
ละเมิดท่วไปคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยส่วนน้จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใด
ี
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ในส่วนท่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนว่ำโจทก์
ยักยอกทรัพย์ เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น
เกลียดชังไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
520
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเจริญโรจน์แลนด์
ที่ วร ๖๓/๒๕๖๑ จ�ำกัด โจทก์
ว่ำที่ร้อยเอกสุวโรจน์หรือ
นำยสุวโรจน์ โฆษิตพุฒิพัฒน์ จ�ำเลย
ึ
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงของบริษัท อ. กระท�ำละเมิดต่อโจทก์
ั
่
ิ
์
้
ี
ั
่
ั
ั
ิ
ุ
ทงยงปรำกฏวำโจทกและบรษทดงกลำวมฐำนะเปนนตบคคลตำงหำกจำกกน คดระหวำง
ิ
็
่
ั
ี
่
ี
โจทก์กับจ�ำเลยจึงไม่ใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำร
ท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดและเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดิน
ิ
ี
โฉนดเลขที่ ๓๗๔๔๙ ต�ำบลประชำธิปัตย์ (คลองรังสิตฝั่งเหนือ) อ�ำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธำนี
ี
โจทก์มอบหมำยให้บริษัทเอส. เอ็น แอสเซ็ท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด น�ำท่ดินออกหำประโยชน์
แทนโจทก์ บริษัทดังกล่ำวได้มอบหมำยให้จ�ำเลยเป็นผู้ด�ำเนินกำรแทนโจทก์ในฐำนะผู้ได้รับ
ี
มอบหมำยให้จัดกำรน�ำท่ดินดังกล่ำวออกหำผู้เช่ำแทนโจทก์ เม่อวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๙ นำยสุเมธ
ี
ื
ี
ได้ตกลงท�ำสัญญำเช่ำท่ดินดังกล่ำวในนำมส่วนตัวและในนำมของนำงสำวเตือนใจนับแต่เดือน
ี
มีนำคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนเมษำยน ๒๕๖๐ จ�ำเลยรับเงินค่ำเช่ำท่ดินและเงินค่ำประกันจำกนำยสุเมธ
หลำยคร้งแล้วไม่น�ำเงินดังกล่ำวส่งให้โจทก์ รวม ๔๔๐,๐๐๐ บำท ท�ำให้โจทก์เสียหำย โจทก์
ั
ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔๔๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ื
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับบริษัท
�
ั
ี
�
ี
�
็
เอส. เอน แอสเซท ดเวลลอปเม้นท์ จำกด และบรษทเสนำดเวลลอปเม้นท์ จำกด จำเลย
็
ั
ิ
ั
สมัครงำนกับบริษัทเสนำดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด แต่ได้หนังสือผ่ำนกำรทดลองงำนจำกบริษัท
เอส. เอ็น แอสเซ็ท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด และจำเลยท�ำงำนให้โจทก์จงเป็นลูกจ้ำงโจทก์ด้วย
ึ
�
คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
ศำลจังหวัดธัญบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
521
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำโจทก์มอบหมำยให้บริษัทเอส. เอ็น แอสเซ็ท ดีเวลลอป
ี
เม้นท์ จ�ำกัด น�ำท่ดินของโจทก์ออกหำประโยชน์แทนโจทก์ บริษัทดังกล่ำวได้มอบหมำยให้
ี
จ�ำเลยเป็นผู้ด�ำเนินกำรจัดกำรน�ำท่ดินดังกล่ำวออกหำผู้เช่ำแทนโจทก์ แต่จ�ำเลยกลับรับเงิน
ั
ี
ค่ำเช่ำท่ดินและเงินค่ำประกันจำกผู้เช่ำหลำยคร้งแล้วไม่น�ำเงินดังกล่ำวส่งให้โจทก์ โจทก์ทวงถำมแล้ว
ึ
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย จึงเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงของบริษัทเอส. เอ็น
ี
แอสเซ็ท ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยังปรำกฏว่ำโจทก์และบริษัทดังกล่ำว
มีฐำนะเป็นนิติบุคคลต่ำงหำกจำกกัน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงไม่ใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ี
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลักษณะเป็น
คดีแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
ั
มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
522