The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทนวกิจประกันภัย จ�ำกัด

ที่ วทป ๗/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์

บริษัทอินเตอร์ ยูเนี่ยน
(ประเทศไทย) จ�ำกัด จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ หรือไม่น้น


เน่องจำกค�ำฟ้องของโจทก์สรุปได้ใจควำมว่ำ โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัย
ในฐำนะผู้รับประกันภัยตำมกฎหมำยในกำรเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรขนส่งสินค้ำ

จำกท่ำเรือเจนัว สำธำรณรัฐอิตำล ถึงท่ำเรือกรุงเทพ ประเทศไทย โดยภำยหลังได้รับกำร

ตรวจสอบปรำกฏว่ำ สินค้ำบำงส่วนได้รับควำมเสียหำย ดังน้น เม่อจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธ

ควำมรับผิดและต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่งสินค้ำอันต้องรับผิดท่เกิดจำกควำมเสียหำย


ในกำรขนส่งและไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับผู้เอำประกันภัยท่โจทก์รับช่วงสิทธิตำมสัญญำ








รบขนส่งสนค้ำ กรณีจงมปัญหำให้ต้องพจำรณำว่ำ จ�ำเลยมนิตสัมพันธ์กบผู้เอำประกันภัย
ท่โจทก์รับช่วงสิทธิตำมสัญญำรับขนของทำงทะเลและต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด

และเม่อกำรขนส่งสินค้ำรำยน้เป็นกำรขนส่งสินค้ำจำกสำธำรณรัฐอิตำลีมำยังประเทศไทย





จึงเป็นกำรขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ คดีนจึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำง
ประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด โจทก์เป็นผู้รบประกันภัย


สินค้ำท่ขนส่งตำมกรมธรรม์ประกันภัยไว้กับบริษัท ๑๒๘ กรุ๊ป จ�ำกัด ผู้เอำประกันภัย ตำม


กรมธรรม์ประกันภัยเลขท่ เอ็ม ๐๘ เอฟเคเอ็น-๐๐๑-๐๐๐ โดยกรมธรรม์ดังกล่ำวมีเง่อนไขว่ำ



หำกสินค้ำท่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับควำมเสียหำยอย่ำงใดท่เกิดข้นในระหว่ำงเวลำประกันภัย
โจทก์จะเป็นฝ่ำยด�ำเนินกำรชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอำประกันภัยส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคล
ประเภทบริษัทจ�ำกัด โดยจ�ำเลยได้รับว่ำจ้ำงจำกผู้เอำประกันให้เป็นผู้ขนส่งสินค้ำประเภทแผ่น

หนังโคฟอกย้อมสี จำกท่ำเรอเจนัว สำธำรณรัฐอิตำลี มำยังท่ำเรือกรงเทพ ประเทศไทย และ


เม่อสินค้ำถึงปลำยทำงท่ท่ำเรือกรุงเทพแล้วมีกำรน�ำสินค้ำมำพักไว้ท่คลังสินค้ำหมำยเลข ๑๕



173

ต่อมำเมื่อวันที่ ๑๓ กันยำยน ๒๕๖๑ พนักงำนของผู้เอำประกันภัย ได้ตรวจสอบพบว่ำ มีสินค้ำ

ได้รับควำมเสียหำยอันเกิดจำกควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงของจ�ำเลยในกำรขนส่งสินค้ำ


โดยคิดเป็นค่ำเสยหำย ๓๐๔,๗๘๙.๗๑ บำท ต่อมำขำยซำกสินค้ำได้รับเงิน ๓๐,๐๐๐ บำท
จึงคงเหลือควำมเสียหำย ๒๗๔,๗๘๙.๗๑ บำท โจทก์ในฐำนะผู้รับประกันภัยสินค้ำได้ช�ำระค่ำ

สินไหมทดแทนแล้ว จึงเป็นผู้เข้ำรับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัยตำมกฎหมำย โจทก์ได้บอกกล่ำว







ทวงถำมแล้ว แต่จำเลยเพกเฉย กำรกระท�ำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ขอให้

บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๒๙๒,๖๓๒.๒๒ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงินจ�ำนวน ๒๗๔,๗๘๙.๗๑ บำท นับจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องคดีน้และจ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับผู้เอำประกัน


ภัยของโจทก์รวมท้งโจทก์ กำรฟ้องคดีของโจทก์เป็นกำรฟ้องผิดตัวและเป็นเหตุให้จ�ำเลยต้อง
ได้รับควำมเสียหำย เน่องจำกจ�ำเลยไม่ได้เป็นผู้ขนส่งสินค้ำพิพำทให้แก่ผู้เอำประกันภัย แต่จ�ำเลย

เป็นเพียงตัวแทนผู้ขนส่ง มีหน้ำท่ด�ำเนินกำรในประเทศไทยส�ำหรับเอกสำรท่เก่ยวข้องกับกำร






รับสินค้ำของผู้ซ้อสินค้ำท่ประเทศไทย และคอยประสำนงำนกับผู้ขนส่งอ่นในกำรรับว่ำจ้ำงให้ขนส่ง
นอกจำกน้ท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำไม่มีกำรจัดกำรป้องกันควำมเสียหำยอย่ำงเหมำะสมจนเป็นเหตุให้


สินค้ำได้รับควำมเสียหำยน้นก็ปรำกฏว่ำสินค้ำไม่ได้รับควำมเสียหำยจำกกำรขนส่งแต่อย่ำงใด

กำรกระท�ำของโจทก์เป็นไปโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงธนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ


พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ


จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องได้

ควำมว่ำ โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัยในฐำนะผู้รับประกันภัยตำมกฎหมำยในกำร

เรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรขนส่งสินค้ำจำกท่ำเรือเจนัว สำธำรณรัฐอิตำลี ถึงท่ำเรือกรุงเทพ

ประเทศไทย โดยภำยหลังได้รับกำรตรวจสอบปรำกฏว่ำ สินค้ำบำงส่วนได้รับควำมเสียหำย
ดังนั้น เมื่อจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธควำมรับผิดและต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่งสินค้ำอันต้องรับผิดที่




174


เกิดจำกควำมเสียหำยในกำรขนส่งและไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับผู้เอำประกันภัยท่โจทก์รับช่วงสิทธ ิ
ตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำ กรณีจึงมีปัญหำให้ต้องพิจำรณำว่ำ จ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์กับผู้เอำประกัน


ภัยท่โจทก์รับช่วงสิทธิตำมสัญญำรับขนของทำงทะเลและต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด
และเม่อกำรขนส่งสินค้ำรำยน้เป็นกำรขนส่งสินค้ำจำกสำธำรณรัฐอิตำลี มำยังประเทศไทย




จึงเป็นกำรขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ

ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ




วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ































175

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโคโมโตโม จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๑๘/๒๕๖๔ บริษัทเวลเทรด แปซิฟิค

จ�ำกัด จ�ำเลย
นำยนิชชิน

ประสำระเอ จ�ำเลยร่วม






กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรม






อ่นท่เก่ยวเน่องหรือไม่น้น เน่องจำกคดีน้โจทก์ฟ้องในมูลหน้ผิดสัญญำซ้อขำยสินค้ำท่จ�ำเลย




ผู้ซ้อซ่งอยู่ในประเทศไทยท�ำสัญญำกับโจทก์ผู้ขำยซ่งอยู่ต่ำงประเทศและมีภูมิล�ำเนำอยู่ใน














ตำงประเทศ โดยโจทก์กลำวอำงวำได้ขำยและจดสงสินคำให้แกจำเลยครบถวนแลว แต่จำเลย

กลับช�ำระหน้ไม่ครบถ้วนโดยได้ช�ำระหน้เพียงบำงส่วน ต่อมำภำยหลังจ�ำเลยได้ท�ำหนังสือ



รับสภำพหน้กับโจทก์ แต่ก็ผิดนัดไม่ปฏิบัติกำรช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธว่ำ

จ�ำเลยไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำ จ�ำเลยได้รับสินค้ำไม่ครบถ้วน และหนังสือรับสภำพหน ี ้
ที่โจทก์กล่ำวอ้ำงนั้นไม่ชอบ คดีจึงมีประเด็นให้ต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิด

ของคู่สัญญำตำมสัญญำซ้อขำยซ่งเป็นกำรซ้อขำยระหว่ำงผู้ซ้อในประเทศไทยกับผู้ขำยใน




ต่ำงประเทศ และส่งมอบสินค้ำเพ่อใช้ประโยชน์ในประเทศไทยอันเข้ำลักษณะกำรซ้อขำย


ระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่น




ท่เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ




กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ





พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำย
สหรัฐอเมริกำ ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยไทย
ประกอบกิจกำรค้ำขำยและบริกำร เมื่อวันที่ ๗ กรกฎำคม ๒๕๕๙ โจทก์แต่งตั้งจ�ำเลยเป็นผู้จัด

จ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์เก่ยวกับเด็กทำรกของโจทก์ในประเทศไทย ต่อมำโจทก์ได้ขำยและจัดส่งสินค้ำ

ดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลยหลำยคร้งเป็นเงินจ�ำนวน ๑,๑๕๗,๕๑๓.๔๐ ดอลลำร์สหรัฐ โดยจ�ำเลยได้ช�ำระ
เงินให้แก่โจทก์บำงส่วน โจทก์ได้ติดตำมทวงถำมเรื่อยมำ ต่อมำเมื่อวันที่ ๑๐ กันยำยน ๒๕๖๒


จ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำรับสภำพหน้ไว้ต่อโจทก์ แต่จ�ำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติกำรช�ำระหน้ให้
176

แก่โจทก์ โจทก์ได้ติดตำมทวงถำมแล้ว จ�ำเลยเพิกเฉย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย





ขอให้บงคับจ�ำเลยชำระเงินแก่โจทก์จ�ำนวน ๖๙๙,๕๕๙.๓๗ ดอลลำร์สหรัฐ พร้อมดอกเบ้ยในอตรำ
ร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวน ๖๓๐,๖๒๒.๘๐ ดอลลำร์สหรัฐ นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง เน่องจำกหนังสือมอบอ�ำนำจในกำรด�ำเนินคด ี

ไม่ชอบ จ�ำเลยเป็นลูกค้ำของโจทก์ โดยจ�ำเลยได้ส่งซ้อสินค้ำจำกโจทก์ตำมฟ้อง แต่จำกกำร





ตรวจสอบกำรส่งซ้อสินค้ำดังกล่ำวปรำกฏว่ำ นำยนิชชิน ซ่งเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลย

และเป็นผู้ได้รับมอบหมำยให้เป็นผู้ช�ำระค่ำสินค้ำ ไม่ได้ด�ำเนินกำรช�ำระรำคำสินค้ำ และเปล่ยน












ชอผ้รบสนค้ำจำกชอของจำเลยไปเป็นชอของบคคลอน เป็นเหตให้จำเลยไม่ได้รบสนค้ำตำมท ่ ี






ได้ส่งซ้อไว้กับโจทก์ครบถ้วน ส่วนหนังสือรับสภำพหน้น้นนำยนิชชินได้เข้ำท�ำหนังสือรับสภำพ



หนี้ในฐำนะส่วนตัว โดยไม่ได้แจ้งให้กรรมกำรและผู้ถือหุ้นของจ�ำเลยทรำบ หนังสือรับสภำพหนี้
ดังกล่ำวจึงไม่มีผลผูกพันจ�ำเลย จ�ำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำจ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้นำยนิชชินเข้ำมำเป็นจ�ำเลยร่วม ศำลแพ่ง

มีค�ำสั่งอนุญำต
จ�ำเลยร่วมขำดนัดยื่นค�ำให้กำร

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ







คดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย







ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท ่ ี






เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)




หรือไม่ เห็นว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องในมูลหน้ผิดสัญญำซ้อขำยสินค้ำท่จ�ำเลย ผู้ซ้อ ซ่งอยู่ในประเทศไทย



ท�ำสัญญำกับโจทก์ ผู้ขำย ซ่งอยู่และมีภูมิล�ำเนำในต่ำงประเทศ โดยโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำได้ขำย
และจัดส่งสินค้ำให้แก่จ�ำเลยครบถ้วนแล้ว จ�ำเลยกลับช�ำระหน้ไม่ครบถ้วนโดยได้ช�ำระหน้เพียง


บำงส่วน ต่อมำภำยหลังจ�ำเลยได้ท�ำหนังสือรับสภำพหน้ต่อโจทก์ แต่ก็ผิดนัดไม่ปฏิบัติกำร


ช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำ แต่จ�ำเลยได้รับสินค้ำ
177



ไม่ครบถ้วน และหนังสือรับสภำพหน้ท่โจทก์กล่ำวอ้ำงน้นไม่ชอบ คดีจึงมีประเด็นให้ต้องพิจำรณำ





ถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดของคู่สัญญำตำมสัญญำซ้อขำยซ่งเป็นกำรซ้อขำยระหว่ำงผู้ซ้อ

ในประเทศไทย และผู้ขำยในต่ำงประเทศ และส่งมอบสินค้ำเพ่อใช้ประโยชน์ในประเทศไทยอัน

เข้ำลักษณะกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ





และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๗ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔



ภำวนำ สุคันธวณิช

(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ































178

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทที เอส คอนเทนเนอร์ ไลน์

ที่ วทป ๒๖/๒๕๖๔ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์

บริษัทเอ็มพีเอสที โลจิสติกส์
จ�ำกัด จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรม

















อนทเกยวเนองหรอไม่นน เนองจำกคดน โจทก์บรรยำยฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ จำเลยได้ว่ำจ้ำง
โจทก์ให้รับขนสินค้ำของจ�ำเลยจำกท่ำเรือเมืองจำกำร์ตำ สำธำรณรัฐอินโดนีเซีย มำยัง
ท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย โดยจองใช้ตู้คอนเทนเนอร์ของโจทก์เพ่อกำรขนส่งสินค้ำ

ดังกล่ำว และเม่อสินค้ำของจ�ำเลยมำถึงท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย และจ�ำเลยรับมอบ

สินค้ำแล้ว จ�ำเลยมีหน้ำที่ต้องส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์คืนให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยกลับเพิกเฉย
ไม่ส่งมอบคืน ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ดังน้น ตำมค�ำฟ้องจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำ


เก่ยวกับควำมรับผิดของจ�ำเลยตำมสัญญำรับขนท่โจทก์กล่ำวอ้ำง เม่อสัญญำดังกล่ำว


มีลักษณะเป็นสัญญำกำรขนส่งสินค้ำจำกต่ำงประเทศมำยังประเทศไทย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่ง

เก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)









แห่ง พ.ร.บ. จดตงศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคด ี



ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เม่อวันท่ ๑๑


กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓ จ�ำเลยว่ำจ้ำงให้โจทก์รับขนสินค้ำของจ�ำเลยจำกท่ำเรือเมืองจำกำร์ตำ
สำธำรณรัฐอินโดนีเซีย มำยังท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย โดยจ�ำเลยได้จองใช้ตู้คอนเทนเนอร์



ของโจทก์เลขท่ TEMU ๙๓๗๔๗๓๒ เพ่อใช้ในกำรขนส่งสินค้ำดังกล่ำว ต่อมำเม่อสินค้ำของจ�ำเลย

มำถึงท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย และจ�ำเลยได้รับสินค้ำแล้ว จ�ำเลยมีหน้ำท่ต้องส่งมอบ
ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่ำวคืนให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยกลับเพิกเฉยไม่ยอมส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์
คืนให้แก่โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน
๓๙๓,๙๖๖.๙๓ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๗๒,๕๓๓.๕๐ บำท
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
179

จ�ำเลยขำดนัดยื่นค�ำให้กำร

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร















พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ




เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท ี ่


เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่
เห็นว่ำ คดีน้โจทก์บรรยำยฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยได้ว่ำจ้ำงโจทก์ให้รับขนสินค้ำของจ�ำเลยจำก






ท่ำเรอเมองจำกำร์ตำ สำธำรณรฐอนโดนีเซย มำยงท่ำเรอแหลมฉบัง ประเทศไทย โดยจองใช้


ตู้คอนเทนเนอร์ของโจทก์เพ่อกำรขนส่งสินค้ำดังกล่ำว และเม่อสินค้ำของจ�ำเลยมำถึงท่ำเรือ


แหลมฉบัง ประเทศไทย และจ�ำเลยรับมอบสินค้ำแล้ว จ�ำเลยมีหน้ำที่ต้องส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์
คนให้แก่โจทก์ แต่จำเลยกลบเพกเฉยไม่ส่งมอบคน ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ดงนน













ตำมค�ำฟ้องจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำเก่ยวกับควำมรับผิดของจ�ำเลยตำมสัญญำรับขนท่โจทก์
กล่ำวอ้ำง เม่อสัญญำดังกล่ำวมีลักษณะเป็นสัญญำกำรขนส่งสินค้ำจำกต่ำงประเทศมำยัง

ประเทศไทย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
180

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัททีเอ็นที เอ็กซเพรส

ที่ วทป ๔๕/๒๕๖๔ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย)

จ�ำกัด โจทก์
บริษัทลอฟบำซ

จ�ำกัด จ�ำเลย


จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้ขนส่งสินค้ำทำงอำกำศโดยรับสินค้ำจำกผู้ส่งในประเทศไทย









ไปส่งมอบแก่ผ้รบในต่ำงประเทศหลำยครง จำเลยยงมหนค่ำขนส่งและค่ำภำษศลกำกร




ค้ำงช�ำระโจทก์อยู่ ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้และยังฟ้องแย้งเรียกค่ำเสียหำยอันเน่องมำ



จำกกำรท่โจทก์ขนส่งล่ำช้ำ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ และ



ในส่วนฟ้องแย้งเป็นคดีท่เก่ยวกับกำรรับขนของทำงอำกำศระหว่ำงประเทศซ่ง พ.ร.บ.
กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก�ำหนดให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้ขนส่งสินค้ำทำงอำกำศโดยรับสนค้ำจำกผู้ส่งใน

ประเทศไทยขนส่งไปส่งมอบแก่ผู้รับในต่ำงประเทศหรือรับสินค้ำจำกผู้ส่งในต่ำงประเทศขนส่ง
มำส่งมอบแก่ผู้รับในประเทศไทย มีกำรท�ำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อก�ำหนดในกำร
รับขนสินค้ำ จ�ำเลยยังแต่งต้งโจทก์ให้เป็นตัวแทนของจ�ำเลยในกำรน�ำสินค้ำออกจำกหรือเข้ำมำ

ในประเทศไทย หำกมีภำษีเกิดข้นจำกกำรส่งออกหรือน�ำเข้ำ ไม่ว่ำจะเป็นท่ต่ำงประเทศหรือใน


ประเทศไทย จ�ำเลยตกลงรับผิดชอบค่ำภำษีศุลกำกรดังกล่ำว เมื่อระหว่ำงวันที่ ๑๓ พฤศจิกำยน

๒๕๖๐ ถึงวันท่ ๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ โจทก์จัดส่งสินค้ำตำมข้อตกลงข้ำงต้นจำกต้นทำงใน

ประเทศไทยขนส่งไปส่งมอบแก่ผู้รับในต่ำงประเทศหลำยครั้ง คิดเป็นค่ำขนส่ง ค่ำระวำงพำหนะ

และค่ำบริกำร เป็นเงินรวมภำษีมูลค่ำเพ่ม ๓,๒๔๔,๘๖๕.๐๒ บำท โจทก์ยังได้ทดรองจ่ำยค่ำ

ภำษีศุลกำกรและค่ำธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นหลำยครั้งเป็นเงิน ๑,๑๔๘,๑๕๗.๓๖ บำท โจทก์

ได้เรียกเก็บเงินดังกล่ำวจำกจ�ำเลยแล้วตำมรอบระยะเวลำที่ได้ตกลงกัน เมื่อถึงก�ำหนดช�ำระเงิน



ในแต่ละคร้ง จ�ำเลยขอผัดผ่อนกำรช�ำระหน้และแจ้งว่ำมีกำรขนส่งสินค้ำล่ำช้ำ โจทก์จึงได้ลดหน ี ้
ให้แก่จ�ำเลยโดยกำรออกใบลดหน้ให้หลำยคร้ง รวมเป็นเงินส่วนลด ๒๗๒,๔๖๒.๘๙ บำท และ



181



เรียกเก็บเงินส่วนท่เหลือรวม ๔,๑๒๐,๕๕๙.๔๙ บำท แต่จ�ำเลยเพิกเฉยไม่ช�ำระหน้แก่โจทก์




โจทก์จึงคิดค่ำเสียหำยเป็นดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดชำระจนถึง

วันฟ้องเป็นเงิน ๓๙๗,๓๐๗ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔,๕๑๗,๘๖๖.๔๙ บำท พร้อม







ดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงน ๔,๑๒๐,๕๕๙.๔๙ บำท นบแต่วันถดจำกวนฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ฟ้องโจทก์ในส่วนของกำรลดค่ำ



บริกำรและออกใบลดหน้เป็นฟ้องเคลือบคลุม ยอดหน้ค่ำขนส่งสินค้ำท่โจทก์ฟ้องมำไม่ถูกต้อง


จ�ำเลยไม่มหน้ำทต้องช�ำระค่ำภำษศุลกำกรในกำรขนส่งบำงรำยกำร โจทก์ให้ส่วนลดอันเนอง




มำจำกกำรขนส่งล่ำช้ำน้อยเกินไป ดอกเบ้ยผิดนัดท่โจทก์เรียกมำไม่ถูกต้องตำมกฎหมำย คดีน ้ ี


เป็นคดีผู้บริโภค ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำยจำกกำรที่โจทก์ขนส่งล่ำช้ำ จัดกำรเอกสำรผิดพลำด และ
ยังได้รับควำมเสียหำยจำกกำรท่โจทก์เปล่ยนแปลงโครงสร้ำงภำยในบริษัท คิดเป็นค่ำเสียหำย













เกนกวำจำนวนทโจทกเรยกรองมำ ขอใหยกฟองและบงคบโจทกชำระคำเสยหำย ๔,๖๑๐,๐๐๐ บำท





พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำ

จะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย
ในชั้นพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ กรณี
มีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน








ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญัติจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและเป็นคดีท่เก่ยวกับ



กำรรับขนของทำงอำกำศระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๘ ท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)
และ (๑๐) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวในค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้ขนส่งสินค้ำทำงอำกำศ









โดยรบสนค้ำจำกผ้ส่งในประเทศไทยไปส่งมอบแก่ผ้รบในต่ำงประเทศหลำยครง จำเลยยงม ี
182



หน้ค่ำขนส่งและค่ำภำษีศุลกำกรค้ำงช�ำระโจทก์อยู่ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้ท่ค้ำงช�ำระพร้อม











ดอกเบย ส่วนจำเลยให้กำรต่อส้ว่ำ สทธเรยกร้องตำมคำฟ้องของโจทก์ขำดอำยควำม คำฟ้อง


ในส่วนท่เป็นส่วนลดเคลือบคลุม ยอดหน้ท่โจทก์เรียกร้องไม่ถูกต้อง และจ�ำเลยยังฟ้องแย้ง









เรยกค่ำเสยหำยอนเนองมำจำกกำรทโจทก์ขนส่งล่ำช้ำ ดงน คดจงมประเดนข้อพพำทและ









ประเด็นแห่งคดีให้ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำรับขนของทำงอำกำศท่คู่สัญญำตกลงให้ถ่นต้นทำง


และถ่นปลำยทำงต้งอยู่ในอำณำเขตของสองประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่ง



ระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)

และในส่วนฟ้องแย้งเป็นคดีท่เก่ยวกับกำรรับขนของทำงอำกำศระหว่ำงประเทศท่โจทก์มีสิทธ ิ




ทจะเสนอค�ำฟ้องในรำชอำณำจักรซงพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ


พ.ศ. ๒๕๕๘ มำตรำ ๕๖/๔ ประกอบมำตรำ ๕๖/๑ ก�ำหนดให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ จึงเป็นกรณีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่

ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐) ด้วย

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



183

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไปรษณีย์ไทย จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๔๗/๒๕๖๔ บริษัทไชน่ำ ไทย มำร์เก็ตติ้ง

จ�ำกัด จ�ำเลย




ควำมรับผิดตำมสัญญำใช้บริกำรจัดส่งส่งของจ�ำนวนมำกระหว่ำงประเทศซ่ง

ผู้ส่งอยู่ในประเทศไทยและมีผู้รับอยู่ในต่ำงประเทศ เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่ง
ระหว่ำงประเทศ

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นรัฐวิสำหกิจประกอบกิจกำรกำรไปรษณีย์ ประเทศไทยเป็นภำคี

สหภำพสำกลไปรษณีย์ซ่งมีผลให้โจทก์ต้องปฏิบัติตำมอนุสัญญำสำกลไปรษณีย์และระเบียบ

ปฏิบัติแห่งอนุสัญญำดังกล่ำว เม่อวันท่ ๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำสัญญำใช้บริกำรจัด



ส่งส่งของจ�ำนวนมำกระหว่ำงประเทศกับโจทก์ มีก�ำหนดระยะเวลำเร่มต้งแต่วันท�ำสัญญำถึง


วันที่ ๓๑ ตุลำคม ๒๕๖๑ มีข้อตกลงในกรณีที่ประเทศปลำยทำงเรียกเก็บอัตรำค่ำบริกำรฝำกส่ง
ไปรษณียภัณฑ์จ�ำนวนมำกว่ำ จ�ำเลยจะเป็นผู้รับผิดชอบภำระค่ำใช้จ่ำยดังกล่ำวตำมเงื่อนไขของ

สหภำพสำกลไปรษณีย์ โดยจ�ำเลยน�ำเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท มำวำงไว้เป็นหลักประกันต่อโจทก์ ต่อมำ

จ�ำเลยใช้บริกำรโจทก์ฝำกส่งไปรษณียภัณฑ์ไปยังปลำยทำงประเทศต่ำง ๆ รวมถึงปลำยทำงท ี ่

ประเทศอังกฤษ เมื่อระหว่ำงเดือนเมษำยน ๒๕๖๑ ถึงเดือนตุลำคม ๒๕๖๑ กำรไปรษณีย์อังกฤษได้



จัดส่งใบแจ้งเหตุเพ่อแจ้งโจทก์ว่ำ ไปรษณียภัณฑ์ท่จ�ำเลยฝำกส่งผ่ำนโจทก์เข้ำข่ำยเป็นกำรฝำกส่ง
จ�ำนวนมำก คือเกิน ๑,๕๐๐ ชิ้นต่อเที่ยวไปรษณีย์ต่อวัน หรือเกิน ๕,๐๐๐ ชิ้น ภำยใน ๒ สัปดำห์
จำกผู้ฝำกส่งรำยเดียวกัน ซ่งจ�ำเลยจะต้องเสียค่ำบริกำรตำมท่กำรไปรษณีย์อังกฤษเรียกเก็บตำม


ระเบียบปฏิบัติว่ำด้วยไปรษณียภัณฑ์ของสหภำพสำกลไปรษณีย์จ�ำนวน ๓๐๔ เท่ยวไปรษณีย์

โจทก์ช�ำระค่ำบริกำรให้แก่กำรไปรษณีย์อังกฤษแล้ว จึงน�ำจ�ำนวนเงินดังกล่ำวมำหักกับค่ำบริกำร

ที่จ�ำเลยช�ำระต่อโจทก์ คงเหลือค่ำบริกำรที่จ�ำเลยจะต้องช�ำระอีก ๑๔,๖๔๒,๒๕๓.๒๙ บำท โจทก์

ออกใบแจ้งหนี้เรียกให้จ�ำเลยช�ำระเงินดังกล่ำวแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีหนังสือทวงถำม

อีกหลำยคร้งและแจ้งสงวนสิทธิในกำรริบหลักประกันท่จ�ำเลยวำงไว้ แต่จ�ำเลยยังคงเพิกเฉย


เมื่อวันที่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ โจทก์จึงริบหลักประกันมำเพื่อช�ำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่จ�ำเลย
ค้ำงไว้ แต่คงช�ำระหนี้ได้บำงส่วน จ�ำเลยยังคงค้ำงช�ำระต้นเงิน ๑๓,๒๗๓,๕๓๐.๓๒ บำท โจทก์มี




184

หนังสือแจ้งภำระหนี้ให้จ�ำเลยทรำบแล้ว แต่จ�ำเลยยังคงเพิกเฉยไม่ช�ำระหนี้ โจทก์จึงคิดดอกเบี้ย

อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๒๔,๕๔๖.๙๔ บำท ขอให้


บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๓,๒๙๘,๐๗๗.๒๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของ
ต้นเงิน ๑๓,๒๗๓,๕๓๐.๓๒ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ทรำบดีแล้วว่ำ บริษัท Profit Group Logistics

(Hong Kong) Limited จะรับผิดช�ำระหนี้ค่ำใช้บริกำรและเงินอื่นใดตำมสัญญำแทนจ�ำเลย หำก


โจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บหน้ค่ำใช้บริกำรและเงินอ่นใดตำมสัญญำในทุกกรณีจำกจ�ำเลย โจทก์

จึงไม่มีสิทธิเรียกเก็บเงินจำกจ�ำเลย สัญญำกำรให้บริกำรจัดส่งส่งของจ�ำนวนมำกระหว่ำงประเทศ
เป็นสัญญำที่ไม่เป็นธรรม กำรที่ฟ้องโจทก์อ้ำงสัญญำดังกล่ำวประกอบกับข้อก�ำหนดของสหภำพ

สำกลไปรษณีย์นั้น ไม่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยช�ำระค่ำบริกำรให้โจทก์ถูกต้องแล้ว



เป็นควำมบกพร่องของโจทก์ท่ไม่ตรวจสอบของท่รับฝำก จ�ำเลยจึงไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ โจทก์
ไม่มีสิทธิริบหลักประกันและต้องคืนหลักประกัน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ

ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันริบหลักประกัน ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์คืนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐

บำทพร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ เป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์




















ระหวำงพจำรณำ จำเลยยนคำรองวำ คดนเปนคดทอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ





ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหวำงประเทศ ศำลจังหวดสระบุรีเห็นวำ กรณีมีปัญหำวำ

คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

หรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำวแล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน



ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญัติจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำ





และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ


จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็น












รฐวสำหกจประกอบกจกำรกำรไปรษณย์ จำเลยใช้บรกำรจดส่งสงของไปรษณยภณฑ์ระหว่ำง
ประเทศจ�ำนวนมำกกับโจทก์ โดยจ�ำเลยวำงเงินหลักประกันค่ำใช้จ่ำยไว้ จ�ำเลยค้ำงช�ำระค่ำบริกำร
ส่งไปรษณียภัณฑ์ไปยังประเทศอังกฤษ ส่วนจ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
185


สัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสัญญำท่ไม่เป็นธรรม จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ โจทก์

ไม่มีสิทธิริบเงินประกัน และขอให้บังคับโจทก์คืนเงินหลักประกันแก่จ�ำเลย ดังน้ คดีมีประเด็น
ข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดตำมสัญญำใช้บริกำรจัดส่งสิ่งของจ�ำนวน

มำกระหว่ำงประเทศซ่งผู้ส่งอยู่ในประเทศไทยและมีผู้รับอยู่ในต่ำงประเทศ จึงเป็นคดีแพ่ง


เก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔




อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

























186

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด

ที่ วท ๑/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอส.ดับเบิ้ลยู. เกรท จ�ำกัด

กบพวก จ�ำเลย




















โจทกฟองจำเลยท ๑ ในฐำนะลกหนชนตน จำเลยท ๒ กบท ๓ ในฐำนะผคำประกน










และจ�ำเลยท ๔ ในฐำนะผู้จ�ำนองประกันในมูลหน้ของจ�ำเลยท ๑ ตำมสัญญำขำย


ต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพ่อกำรน�ำเข้ำ เม่อจ�ำเลยท้งส่ให้กำรปฏิเสธหน ี ้





ท้งหมดตำมค�ำฟ้อง คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งส่จึงมีประเด็น



ข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของจ�ำเลยท้งส่ในอันท่จะต้องช�ำระหน้ตำม



สัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินดังกล่ำวกับกำรประกันหน้ตำมสัญญำค้ำประกันและจ�ำนอง





เท่ำน้น มูลหน้ตำมวงเงินพี/เอ็นท่มีกำรรับซ้อต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อน�ำเงินไปช�ำระให้




ผู้ขำยสินค้ำท่ต่ำงประเทศก็เป็นกรณีท่โจทก์ซ่งอยู่ในประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเช่อ



แก่จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพื่อจ�ำเลยที่ ๑ จะได้ใช้เงินนั้นในกำรน�ำเข้ำ


สินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำร


น�ำเข้ำสินค้ำ จึงมิใช่กำรซ้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ เพรำะประเด็น



ข้อพิพำทในคดีน้ไม่เก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำ หรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ







หรือเก่ยวกับสิทธ หน้ำท และควำมรับผิดระหว่ำงจ�ำเลยท ๑ กับคู่ค้ำท่ต่ำงประเทศ
แต่อย่ำงใด ทั้งไม่ใช่กำรบริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำง


ู้
ประเทศน้นต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผรับบริกำรได้รับบริกำร


น้นในอีกประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำงผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรท ่ ี

ต่ำงอยู่ในประเทศไทยด้วยกันเช่นน แม้โจทก์จะฟ้องว่ำจ�ำเลยท ๑ ท�ำค�ำขอใช้วงเงิน พี/เอ็น




ร่วมกบเลตเตอร์ออฟเครดตและทรสต์รซทเพ่อซอสนค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ












แต่คดีน้โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยท ๑ รับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือ
ทรัสต์รีซีทแต่อย่ำงใด ควำมรับผิดของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นไปตำมเง่อนไขในสัญญำขำย




ต๋วสัญญำใช้เงินระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ เท่ำน้น ไม่เก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำ









เลตเตอร์ออฟเครดตหรอทรสต์รซทเพอซ้อสินค้ำจำกผ้ขำยในต่ำงประเทศ ดงนน คดน ี ้









จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ กำรให้

187





บริกำรระหว่ำงประเทศ เลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำย

ระหว่ำงประเทศ หรือทรัสต์รีซีท ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ.

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________










โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยท ๑ ท�ำคำขอใช้วงเงน พ/เอน (ขำยต๋วสญญำใช้เงน) เพ่อชำระ







บี/ซี ร่วมกับวงเงินเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีท และจ�ำเลยท่ ๑ ได้ออกต๋วสัญญำใช้เงิน


และน�ำต๋วสัญญำใช้เงินมำท�ำสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพ่อกำรน�ำเข้ำ

กับโจทก์ ๓ ครั้ง รวมเป็นเงิน ๗๑,๙๔๗.๙๕ เหรียญสหรัฐอเมริกำ โดยจ�ำเลยที่ ๑ ขอให้โจทก์

โอนเงินท่ระบุในต๋วสัญญำใช้เงินแต่ละฉบับเข้ำบัญชีของธนำคำรซ่งอยู่ต่ำงประเทศเพ่อเป็นกำร






ช�ำระค่ำสินค้ำแทนจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งโจทก์ได้โอนเงินเข้ำบัญชีของผู้ขำยสินค้ำท่ต่ำงประเทศแล้ว




จ�ำเลยท่ ๑ ตกลงช�ำระเงินท่ได้รับจำกกำรขำยต๋วสัญญำใช้เงินให้แก่โจทก์ในวันท่ต๋วสัญญำใช้เงิน

แต่ละฉบับครบก�ำหนดพร้อมดอกเบี้ย และเพื่อเป็นหลักประกันกำรช�ำระหนี้ทั้งหมด จ�ำเลยที่ ๒











และท่ ๓ เข้ำทำสญญำคำประกนกำรช�ำระหนของจ�ำเลยท ๑ ท่มต่อโจทก์ และจ�ำเลยท ๒







และท่ ๔ ได้ท�ำสัญญำจ�ำนองท่ดินและห้องชุดประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ ท่มีต่อโจทก์

ตำมล�ำดับ ภำยหลังเม่อต๋วสัญญำใช้เงินแต่ละฉบับครบก�ำหนดโจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บเงินจำก


จ�ำเลยท่ ๑ ได้ โจทก์จึงแปลงสกุลเงินของหน้ท่เกิดจำกสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำ




ต่ำงประเทศเพ่อท�ำกำรน�ำเข้ำจำกเงินตรำต่ำงประเทศเป็นสกุลเงินไทยจ�ำเลยท้งส่ต้องร่วมกัน





ชดใช้ต้นเงินพร้อมดอกเบ้ยตำมสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพ่อกำรน�ำ


เข้ำแต่ละฉบับให้แก่โจทก์ รวมเป็นเงินต้น ๒,๓๕๕,๖๑๖ บำท ดอกเบ้ย ๓๔๘,๒๒๘.๙๑ บำท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๗๐๓,๘๔๕.๑๔ บำท โจทก์มีหนังสือทวงถำมถึงจ�ำเลยทั้งสี่ให้ช�ำระหนี้และ




บอกกล่ำวบังคับจ�ำนองแล้ว แต่จ�ำเลยท้งส่เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส่ร่วมกันช�ำระเงิน
๒,๗๐๓,๘๔๕.๑๔ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๓๕๕,๖๑๖.๒๓ บำท
นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลยท้งส่ไม่ช�ำระขอให้ยึดทรัพย์จ�ำนอง


ของจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๔ และทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยทั้งสี่ออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระหนี้
แก่โจทก์จนครบถ้วน
188
















จำเลยทงสใหกำรในทำนองเดยวกนวำ โจทกไมมอำนำจฟอง ผรบมอบอำนำจไมมอำนำจ







ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ ค�ำฟ้องโจทก์อ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำค�ำขอใช้วงเงิน พี/เอ็น ร่วมกับเลตเตอร์


ออฟเครดิตและทรัสซ์รีซีทเพ่อซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศและให้โจทก์โอนเงินเข้ำบัญช ี



ของผู้ขำยสินค้ำท่ธนำคำรในต่ำงประเทศ เพ่อเป็นกำรช�ำระค่ำสินค้ำแทนจ�ำเลยท่ ๑ และต๋วสัญญำ


ใช้เงินเป็นเงินสกุลต่ำงประเทศ กรณีจึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ซ่งอยู่ใน

เขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
จ�ำเลยที่ ๑ ไม่เคยท�ำค�ำขอใช้เงิน พี/เอ็น เพื่อช�ำระ บี/ซี ร่วมกับวงเงินเลตเตอร์ออฟเครดิตและ


ทรัสต์รีซีทกับโจทก์และไม่เคยออกต๋วสัญญำใช้เงินและท�ำสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินกับโจทก์
จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยขอให้โจทก์โอนเงินเข้ำบัญชีของผู้ขำยสินค้ำท่อยู่ต่ำงประเทศ จ�ำเลยท่ ๑




ไม่เคยได้รับเงินตำมต๋วสัญญำใช้เงิน จ�ำเลยท่ ๑ จึงไม่ใช่ผู้ผิดสัญญำและไม่ได้ผิดนัดช�ำระหน ้ ี



จ�ำเลยท้งส่จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ สัญญำค้ำประกันและสัญญำจ�ำนองท่โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒



ถึงท่ ๔ ท�ำกับโจทก์เป็นเวลำนำนกว่ำ ๑๘ ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขำดอำยุควำม สัญญำจ�ำนอง


ตำมฟ้องเป็นโมฆะและไม่ชอบด้วยกฎหมำย เน่องจำกสัญญำจ�ำนองไม่ได้จ�ำนองหน้ตำมฟ้อง






ในคดีน้ โจทก์คิดดอกเบ้ยเกินอัตรำท่กฎหมำยก�ำหนดและคิดดอกเบ้ยทบต้นซ่งไม่ชอบ
ด้วยกฎหมำย ดอกเบี้ยจึงตกเป็นโมฆะ จ�ำเลยทั้งสี่ไม่เคยได้รับหนังสือทวงถำมและบังคับจ�ำนอง
จำกโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ค�ำฟ้องโจทก์ในคดีน้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมำยเลขด�ำท ี ่

ผบ ๙๐๔/๒๕๕๙ ของศำลแพ่ง และคดีแพ่งหมำยเลขด�ำท่ กค ๒๙/๒๕๕๙ ของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจำรณำของศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญญำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงส่งส�ำนวน

มำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ



หรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ เลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออก




เก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ หรือทรัสต์รีซีท ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑
189

ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น จ�ำเลยที่ ๒ กับที่ ๓ ในฐำนะผู้ค�้ำประกัน และจ�ำเลยที่ ๔ ในฐำนะผู้จ�ำนอง

ประกันในมูลหนี้ของจ�ำเลยที่ ๑ ตำมสัญญำขำยตั๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพื่อกำร





น�ำเข้ำ เม่อจ�ำเลยท้งส่ให้กำรปฏิเสธหน้ท้งหมดตำมค�ำฟ้อง คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์และ





ค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งส่จึงมีประเด็นพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของจ�ำเลยท้งส่ในอัน




ท่จะต้องช�ำระหน้ตำมสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินดังกล่ำวกับกำรประกันหน้ตำมสัญญำค้ำประกัน

และจ�ำนองเท่ำนั้น มูลหนี้ตำมวงเงิน พี/เอ็น ที่มีกำรรับซื้อตั๋วสัญญำใช้เงินเพื่อน�ำเงินไปช�ำระให้
ผู้ขำยสินค้ำที่ต่ำงประเทศ ก็เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งอยู่ในประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเชื่อแก่จ�ำเลยที่ ๑
ซงอย่ในประเทศไทยด้วยกน เพอจำเลยท ๑ จะได้ใช้เงนนนในกำรนำเข้ำสนค้ำจำกผ้ขำย





























ในต่ำงประเทศ อนมลกษณะเป็นเรองสนเชอเพอสนบสนนกำรนำเข้ำสนค้ำ จงมใช่กำรซอขำย




สินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ เพรำะประเด็นข้อพิพำทในคดีน้ไม่เก่ยวกับนิติกรรม


กำรซื้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ หรือเกี่ยวกับสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิด


ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับคู่ค้ำท่ต่ำงประเทศแต่อย่ำงใด ท้งไม่ใช่กำรบริกำรระหว่ำงประเทศ



เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและ



เป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำง


ผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรท่ต่ำงอยู่ในประเทศไทยด้วยกันเช่นน้ แม้โจทก์จะฟ้องว่ำจ�ำเลยท่ ๑

ท�ำค�ำขอใช้วงเงิน พี/เอ็น ร่วมกับเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสซ์รีซีทเพ่อซ้อสินค้ำจำกผู้ขำย


ในต่ำงประเทศ แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยที่ ๑ รับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิต













และทรัสซ์รซทแต่อยำงใด ควำมรบผดของจำเลยท ๑ จึงเปนไปตำมเงอนไขในสญญำขำยตวสญญำ


ใช้เงินระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ เท่ำน้น ไม่เก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิต



และทรัสต์รีซีทเพื่อซื้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ ดังนั้น คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อ
ขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศเลตเตอร์ออฟเครดิต
ที่ออกเกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ หรือทรัสต์รีซีท ที่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗
(๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
190


วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































191

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรทหำรไทย จ�ำกัด

ที่ วท ๔/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์

บริษัท ไทยมำร์ท สโตร์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย




โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น และจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกัน
ในมูลหนี้ ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว ทั้งจ�ำเลยทั้งสองก็ให้กำรยอมรับว่ำ หนี้ตำม


สัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับระงับไปแล้ว เน่องจำกมีกำร



แปลงหน้ใหม่โดยกำรท�ำสินเช่อประเภทสินเช่อเงินกู้ระยะยำว คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์
และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของ





จ�ำเลยท้งสองในอันท่จะต้องช�ำระหน้ตำมสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวเท่ำน้น แม้มูลหน ้ ี




เดิมของสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวจะเป็นหน้ตำมสัญญำสินเช่อเลตเตอร์ออฟเครดิต


ทรัสต์รีซีท รับซ้อต๋วแลกเงินหรือเอกสำรกำรส่งสินค้ำออกและวงเงินซ้อขำยเงินตรำ

ต่ำงประเทศล่วงหน้ำก็ตำม และแม้จ�ำเลยท้งสองจะให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท ๑ ได้ขำยสินค้ำ



และช�ำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสตรีซีท
ทุกฉบับแล้ว กรณีเป็นเพียงกำรต่อสู้ถึงจ�ำนวนยอดหนี้ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว



เท่ำน้น ไม่ใช่กำรปฏิเสธหน ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีทท่จะก่อให้

เกิดประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท



จึงไม่ใช่กรณีพิพำทเก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท
คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกเกี่ยวกับกำรซื้อขำย แลกเปลี่ยน
สินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงิน
เข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้งกำรประกัน










เกยวกบกจกำรดงกลำว อนจะอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำ






และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำง

ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
192





โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๕ ตุลำคม ๒๕๕๕ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำสินเช่อเลตเตอร์
ออฟเครดิต (Letter of Credit) (L/C) และ/หรือ Domestic Letter Of Credit (DL/C) และ/หรือ


ทรสต์รซท (Trust Receipt) (T/R) และ/หรอ Domestic Trust Receipt (DT/R) และ/หรอ





Shipping Guarantee (S/G) รวมเรียกว่ำ สินเช่อก่อนกำรขำย (Pre Sale) และรับซ้อต๋วแลกเงิน/หรือ

เอกสำรกำรส่งสินค้ำออก (B/P) และหรือ Post Packing รวมเรียกว่ำสินเช่อหลังกำรขำย

(Post Sale) โดยจ�ำเลยท่ ๑ มีสิทธิใช้สินเช่อก่อนกำรขำยและสินเช่อหลังกำรขำยในวงเงิน









รวมกน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท และวงเงนซอขำยเงนตรำตำงประเทศลวงหนำ (FX Global Line และ


Option Line) ในวงเงิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ไว้กับโจทก์ โดยมีรำยละเอียดตำมสัญญำสินเช่อ











และบนทกข้อตกลงแนบท้ำยสญญำสนเช่อ ต่อมำวนท ๒๐ ธนวำคม ๒๕๕๖ จำเลยท่ ๑







ขอเปลยนแปลงประเภทสนเชอเป็นประเภทสนเชอเงนก้ระยะยำวเป็นเงน ๒๔,๓๐๕,๐๐๐ บำท





ตกลงเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตรำดอกเบี้ย MLR ต่อปี ซึ่งขณะท�ำสัญญำโจทก์ประกำศก�ำหนด




อัตรำดอกเบ้ยร้อยละ ๗.๒๕ ต่อปี ในกรณีผิดนัดช�ำระหน้เงินต้นหรือดอกเบ้ยงวดใดงวดหน่ง


หรือปฏิบัติผิดสัญญำไม่ว่ำข้อใดข้อหน่ง ให้ถือว่ำตกเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญำและให้หน้ท้งหมด



ถึงก�ำหนดช�ำระ และจ�ำเลยท่ ๑ ยินยอมเสียดอกเบ้ยในอัตรำดอกเบ้ยผิดนัด ในกำรกู้เงินน ี ้


จ�ำเลยท่ ๑ ได้รับเงินกู้ไปจำกโจทก์ถูกต้องครบถ้วนแล้วเพ่อช�ำระหน้ตำมสัญญำสินเช่อฉบับ



ลงวันท่ ๕ ตุลำคม ๒๕๕๕ และเพ่อเป็นกำรประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒





ผูกพันตนเข้ำค้ำประกันจ�ำเลยท่ ๑ ในหน้ทุกประเภทอย่ำงลูกหน้ร่วม และจ�ำเลยท่ ๑ น�ำสมุด





เงินฝำกประจ�ำมำท�ำสัญญำจ�ำน�ำสิทธิกำรรับเงินฝำกคืนให้กับโจทก์ในฐำนะผู้รับจ�ำน�ำและยินยอม




มอบเงินฝำกประจ�ำดังกล่ำวเพ่อเป็นประกันหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ ท่มีต่อโจทก์ ภำยหลังจำกท ี ่





จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำสินเช่อเงินกู้กับโจทก์แล้ว จ�ำเลยท่ ๑ ผ่อนช�ำระหน้ให้แก่โจทก์หลำยคร้ง



แต่ไม่ตรงตำมจ�ำนวนและภำยในก�ำหนดระยะเวลำ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ช�ำระหน้คร้งสุดท้ำยเม่อ

วันที่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๘ ยังคงมีหนี้เงินต้นคงค้ำง ๑๕,๗๖๒,๔๙๕.๘๘ บำท โจทก์มีหนังสือ
บอกกล่ำวทวงถำมให้จ�ำเลยทั้งสองช�ำระหนี้ แต่จ�ำเลยทั้งสองเพิกเฉย โจทก์จึงน�ำเงินฝำกประจ�ำ

ของจ�ำเลยท่ ๑ ท่ท�ำสัญญำจ�ำน�ำและท�ำหนังสือยินยอมไว้กับโจทก์มำหักช�ำระหน้เงินกู้ของ




จ�ำเลยท่ ๑ คงเหลือภำระหน้ค้ำงช�ำระ เป็นเงินต้น ๕,๙๕๓,๕๕๒.๗๕ บำท พร้อมดอกเบ้ย

จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๔๙,๒๗๑.๗๗ บำท รวมเป็นเงินท้งส้น ๖,๐๐๒,๘๒๔.๕๒ บำท ขอให้บังคับ


จ�ำเลยทั้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๖,๐๐๒,๘๒๔.๕๒ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕.๕๐ ต่อปี
ของต้นเงิน ๕,๙๕๓,๕๕๒.๗๕ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
193




จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ ผู้ท่ลงลำยมือช่อในหนังสือมอบอ�ำนำจและใบแต่งทนำย ไม่ม ี
อ�ำนำจกระท�ำกำรแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง หน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและ




สัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับระงับไปแล้ว เน่องจำกมีกำรแปลงหน้ใหม่โดยกำรท�ำสินเช่อประเภท
สินเชื่อเงินกู้ระยะยำว จ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกันตำมมูลหนี้เดิมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีก
โจทก์ไม่ได้บอกกล่ำวให้ช�ำระหน้และบังคับจ�ำน�ำเงินฝำกแก่จ�ำเลยท้งสอง โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจ





ฟ้อง จ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัดช�ำระหน้มำนำนก่อนปี ๒๕๕๘ แต่โจทก์ไม่น�ำเงินฝำกของจ�ำเลยท่ ๑







มำหักช�ำระหน้กลับปล่อยให้จ�ำเลยท้งสองเป็นหน้โจทก์เพ่มข้นและคิดดอกเบ้ยและเบ้ยปรับ
มำโดยตลอดเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต สัญญำระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท้งสองเป็นสัญญำไม่เป็นธรรม

จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบ้ยผิดนัดในอัตรำร้อยละ ๑๕.๕๐ ต่อปี และเป็นกำร

เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรำที่กฎหมำยก�ำหนดจึงตกเป็นโมฆะ สัญญำค�้ำประกันเป็นโมฆะ และโจทก์
ไม่ได้บอกกล่ำวไปยังจ�ำเลยที่ ๒ ผู้ค�้ำประกันภำยใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่จ�ำเลยที่ ๑ ผิดนัด จ�ำเลย
ที่ ๒ จึงหลุดพ้นควำมรับผิดตำมสัญญำทรัสต์รีซีท โจทก์มีเพียงสิทธิในสินค้ำที่ผู้ขำยส่งมำให้แก่
จ�ำเลยที่ ๑ หรือมีเพียงสิทธิเรียกร้องในเงินที่จ�ำเลยที่ ๑ ขำยสินค้ำดังกล่ำวได้เท่ำนั้น ไม่มีสิทธิ

เรียกร้องในเงินหรือทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยทั้งสอง และจ�ำเลยที่ ๑ ได้ขำยสินค้ำและช�ำระเงินให้




แก่โจทก์ครบถ้วนตำมสญญำเลตเตอร์ออฟเครดตและสญญำทรสต์รีซททกฉบบแล้ว ฟ้องโจทก์



เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยทั้งสองยื่นค�ำร้องว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกเกี่ยวเนื่อง

กับกำรแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ

หรือกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมท้งกำร

ประกันเก่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง ตำมมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


ในวันนัดพิจำรณำศำลจังหวัดมีนบุรีพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงส่ง

ส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙




194




วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ เลตเตอร์ออฟเครดิต


ท่ออกเก่ยวกับกำรซ้อขำยแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ หรือกำรให้บริกำร


ระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท

รวมท้งกำรประกันเก่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ


และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น
และจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกัน ในมูลหนี้ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว ทั้งจ�ำเลยทั้งสอง


ก็ให้กำรยอมรับว่ำ หน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับระงับไปแล้ว

เน่องจำกมีกำรแปลงหน้ใหม่โดยกำรท�ำสินเช่อประเภทสินเช่อเงินกู้ระยะยำว คดีตำมค�ำฟ้องของ



โจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของ

จ�ำเลยทั้งสองในอันที่จะต้องช�ำระหนี้ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำวเท่ำนั้น โจทก์เป็นธนำคำร
พำณิชย์ในประเทศไทย สัญญำสินเช่อท�ำข้นในประเทศไทย มิใช่กรณีกำรให้บริกำรจำกผู้ให้บริกำร






ในประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรท่อยู่ในอีกประเทศหน่งได้รับประโยชน์จำกบริกำรน้น

อันจะเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ แม้มูลหน้เดิมของสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวจะเป็นหน ้ ี

ตำมสัญญำสินเช่อเลตเตอร์ออฟเครดิต ทรัสต์รีซีท รับซ้อต๋วแลกเงินหรือเอกสำรกำรส่งสินค้ำ



ออก และวงเงินซื้อขำยเงินตรำต่ำงประเทศล่วงหน้ำก็ตำม และแม้จ�ำเลยทั้งสองจะให้กำรต่อสู้ว่ำ
จ�ำเลยท่ ๑ ได้ขำยสินค้ำและช�ำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและ



สัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับแล้ว กรณีก็เป็นเพียงกำรต่อสู้ถึงจ�ำนวนยอดหน้ตำมสัญญำสินเช่อเงินก ู้



ระยะยำวเท่ำน้น ไม่ใช่กำรปฏิเสธหน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีทท่จะก่อให้


เกิดประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท จึงไม่ใช่

กรณีพิพำทเก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่ง


เก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวกับกำรซ้อขำยแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงิน




ระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออก
ไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้งกำรประกันเกี่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว อันจะอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙






195

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































196

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรซีไอเอ็มบีไทย จ�ำกัด

ที่ วท ๗/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์

บริษัท ดิสทริบิวแอนด์มำร์เก็ตติ้ง
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย










ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรจ�ำเลยท ๑ ถึงท ๖ ท ๘ และท ๙ มีข้ออ้ำง


และข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำกู้เงินหมุนเวียนระยะส้น






เพ่อส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำย ต่ำงประเทศว่ำ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จ�ำเลยท ๑ ช�ำระหน ี ้








ตำมสัญญำดังกล่ำว และจ�ำเลยท ๒ ถึงท ๖ ท ๘ และท ๙ ต้องร่วมรับผิดตำมสัญญำ
ค้ำประกันและสัญญำจ�ำน�ำหรือไม่ แม้โจทก์จะให้บริกำรทำงกำรเงินเพ่อสนับสนุนธุรกิจ


ของจ�ำเลยที่ ๑ ในกำรสั่งซื้อสินค้ำจำกต่ำงประเทศก็ตำม แต่ควำมรับผิดของจ�ำเลยที่ ๑
ตำมสัญญำดังกล่ำวก็แยกต่ำงหำกจำกนิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำท่จ�ำเลยท ๑ ท�ำกับ




ผู้ขำยในต่ำงประเทศ นอกจำกนั้นตำมค�ำฟ้องก็ไม่ปรำกฏว่ำ โจทก์ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑
ถึงท ๖ ท ๘ และท ๙ ร่วมกันรับผิดตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำน้นแต่อย่ำงใด ท้งกำรท ี ่












โจทก์ให้บริกำรทำงกำรเงินแก่จ�ำเลยท ๑ ผู้รับบริกำรซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน มิใช่












กำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ สญญำคำประกันและสญญำจำนำททำไว้กับโจทก์เพอ



ประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท ๑ ตำมสัญญำกู้เงินหมุนเวียนระยะส้น เพ่อใช้ในกำร



ส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยต่ำงประเทศจึงเป็นนิติกรรมท่เก่ยวเน่องกับสัญญำให้บริกำรใน





ประเทศด้วย คดีน้จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำ สัญญำ







ให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ย่อมไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อ
ขำยสินค้ำหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจ





พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

197

โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยำยน ๒๕๕๑ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำค�ำขอใช้

วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น ๔๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บำท ค�ำขอวงเงินสินเชื่อประเภทกู้เบิกเงินเกิน



บัญชี ๖,๐๐๐,๐๐๐ บำท และท�ำสัญญำกำรใช้วงเงินสินเช่อประเภทต๋วเงินไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
กับวันที่ ๑๖ มกรำคม ๒๕๕๕ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำกำรใช้วงเงินสินเชื่อประเภทตั๋วเงินโดยเพิ่ม
วงเงินขำย/ขำย ลดตั๋วเงินกับธนำคำรโจทก์อีก ๑๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บำทรวมเป็น ๔๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บำท






โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๙ เป็นผู้ค้ำประกันและผู้จ�ำน�ำหุ้นเป็นประกันหน้ของจ�ำเลยท่ ๑

ดังกล่ำวต่อโจทก์และยอมรับผิดอย่ำงลูกหน้ร่วม จ�ำเลยท่ ๑ ได้ส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ







เม่อสินค้ำมำถึงประเทศไทย จ�ำเลยท่ ๑ ใช้วงเงินสินเช่อดังกล่ำวจำกโจทก์เพ่อให้โจทก์ช�ำระ


ค่ำสินค้ำให้แก่ผู้ขำยในต่ำงประเทศไปก่อน ซ่งจ�ำเลยท่ ๑ จะท�ำสัญญำทรัสต์รีซีทหรือน�ำต๋วสัญญำ



ใช้เงินมำขำยลดกับโจทก์ เม่อครบก�ำหนดช�ำระตำมสัญญำทรัสต์รีซีทหรือต๋วสัญญำใช้เงิน
แต่ละฉบับ จ�ำเลยที่ ๑ ก็จะน�ำเงินค่ำซื้อสินค้ำมำช�ำระคืนแก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ ไม่สำมำรถ
ช�ำระหนี้ให้แก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๑ จึงท�ำบันทึกข้อตกลงช�ำระหนี้และสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้
กับโจทก์ตำมล�ำดับ นอกจำกนั้นนำยวิกร วิวิธคุณำภรณ์ (ผู้ตำย) โดยจ�ำเลยที่ ๙ ในฐำนะผู้จัดกำร


มรดกของผู้ตำยได้ท�ำหนังสือรับสภำพหน้ค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ ณ วันท่ ๓๑ ตุลำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยท่ ๑









มหนค้ำงชำระต้นเงน ๑๘๑,๐๔๘,๐๐๙.๗๙ บำท ดอกเบย ๕๕,๘๔๗,๙๒๙.๙๘ บำท รวม
เป็นเงิน ๒๓๖,๘๙๕,๙๓๙.๗๗ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งเก้ำช�ำระเงิน ๒๔๔,๘๓๖,๖๙๘.๓๙ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของเงินต้น ๑๘๔,๑๐๔,๙๒๕.๑๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง

เป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยท้งเก้ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วนให้ยึด
ทรัพย์สินของจ�ำเลยท้งเก้ำออกขำยทอดตลำดช�ำระหน้แก่โจทก์จนครบถ้วน พร้อมกับบังคับจ�ำน�ำ


หุ้นตำมค�ำขอท้ำยค�ำฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ขอถอนฟ้องจ�ำเลยท่ ๗ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศกลำงมีค�ำสั่งอนุญำตและจ�ำหน่ำยคดีเฉพำะจ�ำเลยที่ ๗ ออกจำกสำรบบควำม
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ให้กำรท�ำนองเดียวกันปฏิเสธควำมรับผิดตำมฟ้อง
ขอให้ยกฟ้อง โดยจ�ำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๘ และที่ ๙ ให้กำรว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ แปลงหนี้



ใหม่ต่อกันแล้วตำมบันทึกข้อตกลงกำรช�ำระหน้ คดีน้จึงไม่ใช่หน้กำรค้ำระหว่ำงประเทศไม่อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง








198



ในช้นช้สองสถำน ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง เห็นว่ำ

กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่

จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำย กำรให้





บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรจ�ำเลยท่ ๑
ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ มีข้ออ้ำงและข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำกู้เงิน

หมุนเวียนระยะส้นเพ่อส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยต่ำงประเทศว่ำ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จ�ำเลยท่ ๑




ช�ำระหนี้ตำมสัญญำดังกล่ำว และจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ต้องร่วมรับผิดตำมสัญญำค�้ำ
ประกันและสัญญำจ�ำน�ำหรือไม่ แม้โจทก์จะให้บริกำรทำงกำรเงินเพ่อสนับสนุนธุรกิจของจ�ำเลยท่ ๑



ในกำรส่งซ้อสินค้ำจำกต่ำงประเทศก็ตำม แต่ควำมรับผิดของจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำดังกล่ำว


ก็แยกต่ำงหำกจำกนิติกรรมกำรซื้อขำยสินค้ำที่จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำกับผู้ขำยในต่ำงประเทศ นอกจำก
นั้นตำมค�ำฟ้องก็ไม่ปรำกฏว่ำ โจทก์ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ร่วมกันรับผิด
ตำมสัญญำซื้อขำยสินค้ำนั้นแต่อย่ำงใด ทั้งกำรที่โจทก์ให้บริกำรทำงกำรเงินแก่จ�ำเลยที่ ๑ ผู้รับ


บริกำรซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน มิใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ สัญญำค้ำประกันและสัญญำ






จ�ำน�ำท่ท�ำไว้กับโจทก์เพ่อประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำกู้เงินหมุนเวียนระยะส้น






เพ่อใช้ในกำรส่งซอสินค้ำจำกผู้ขำยต่ำงประเทศจงเป็นนติกรรมทเก่ยวเน่องกับสญญำให้บรกำร






ในประเทศด้วย คดีน้จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำ สัญญำ








ให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ย่อมไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ
หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ





ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
199


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































200

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด

ที่ วท ๘/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์

บริษัทลีโอฟู้ดส์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย




โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น จ�ำเลยที่ ๒ และจ�ำเลยที่ ๓ ในฐำนะ








ผู้ค้ำประกันและผ้จ�ำนองในมลหน้ของจ�ำเลยท ๑ ตำมมลหน้แพคก้งเครดิตท่มีกำรรับ


















ซอตวสญญำใช้เงน เพอนำเงนไปใช้ในกำรส่งออกสนค้ำ จงเป็นกรณทโจทก์ซงอย่ใน


ประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเชื่อแก่จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพื่อจ�ำเลยที่ ๑

จะได้ใช้เงนน้นในกำรส่งออกสินค้ำ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเชอเพ่อสนับสนุนกำรส่ง





ออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่กำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ทั้งไม่ใช่กำรให้

บริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำร
ให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง




นอกจำกน้นมูลหน้ดังกล่ำวยังไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ






และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง เพรำะคดีแพ่งท่จะถือว่ำเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำง











ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องน้น ต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำย


สินค้ำระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน ข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำร



ซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศนั้น จึงจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน



ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้ไม่มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ


ระหว่ำงประเทศ มูลหน้ดังกล่ำวจึงไม่อำจเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำง





ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องไปได้ คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำย สินค้ำ





หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรม


กำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือบริกำรระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)
และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
201




โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำค�ำขอวงเงินแพคก้งเครดิตกับโจทก์ (วงเงินขำยลด ต๋วสัญญำ
ใช้เงินเพื่อกำรส่งสินค้ำออก) ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท และท�ำสัญญำขำยลดตั๋ว สัญญำใช้เงินเพื่อกำร
ส่งสินค้ำออกกับโจทก์ ๒๑ ฉบับ เป็นเงิน ๔๑,๓๕๐,๐๐๐ บำท เพื่อเป็นกำรประกันกำรช�ำระหนี้




ของจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒ ท�ำสัญญำค้ำประกันหน้ทุกชนิดหลำยฉบับโดยยอมรับผิดกับจ�ำเลยท่ ๑

อย่ำงลูกหน้ร่วม จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำจ�ำนองเคร่องจักร รวม ๗ เคร่อง เป็นเงิน ๒๒,๕๐๐,๐๐๐ บำท







และจ�ำเลยท่ ๓ ท�ำหนังสือสัญญำจ�ำนองท่ดินเป็นประกันหน้ตำมสัญญำขำยลดต๋วเงินของ

จ�ำเลยที่ ๑ เมื่อถึงวันครบก�ำหนดใช้เงินตำมตั๋วสัญญำใช้เงินทั้ง ๒๑ ฉบับ จ�ำเลยที่ ๑ มิได้น�ำเงิน
มำช�ำระให้แก่โจทก์ จ�ำเลยท้งสำมจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ ๓๙,๔๒๘,๐๐๐ บำท และ

ดอกเบี้ย ๒,๔๘๖,๒๗๘.๓๖ บำท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๑,๙๑๔,๒๗๘.๓๖ บำท ก่อนฟ้องคดีนี้

โจทก์มีหนังสือทวงถำมไปยังจ�ำเลยท้งสำมและบอกกล่ำวบังคับจ�ำนองไปยังจ�ำเลยท่ ๑ และ



จ�ำเลยท่ ๓ แล้ว ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระเงิน ๔๑,๙๑๔,๒๗๘.๓๖ บำท พร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๙,๔๒๘,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้อง


เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ แก่โจทก์ หำกจ�ำเลยท้งสำมไม่ช�ำระ ขอให้ยึดทรัพย์จ�ำนองของ










จำเลยท่ ๑ และจำเลยท ๓ และทรัพย์สนอนของจำเลยทงสำมออกขำยทอดตลำดนำเงินมำ


ช�ำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ ข้อตกลงในสัญญำค�้ำประกันระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับโจทก์ ที่ให้
จ�ำเลยที่ ๒ รับผิดอย่ำงลูกหนี้ร่วมเป็นโมฆะ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่จ�ำต้องรับผิดเกินกว่ำวงเงิน ในทรัพย์


จ�ำนอง ข้อตกลงในสัญญำจ�ำนองท่ให้จ�ำเลยท่ ๑ รับผิดเกินกว่ำทรัพย์จ�ำนองเป็นโมฆะ สัญญำ


ค้ำประกันท่จ�ำเลยท่ ๒ ท�ำกับโจทก์เพ่อค้ำประกันสินเช่อประเภทอ่นมิใช่กำรค้ำประกันสินเช่อ







แพคกิ้งเครดิต สัญญำค�้ำประกันดังกล่ำวจึงมิได้ค�้ำประกันหนี้ตำมสัญญำขำยลดตั๋วเงิน ทั้ง ๒๑ ฉบับ
ตำมฟ้อง สัญญำจ�ำนองท่จ�ำเลยท่ ๓ ท�ำไว้กับโจทก์ไม่ผูกพันหน้ตำมฟ้อง และจำเลยท่ ๓








ไม่ต้องรับผิดเกินกว่ำรำคำทรัพย์จ�ำนอง มูลหน้ตำมฟ้องเป็นมูลหน้ตำมค�ำขอใช้วงเงินแพคก้ง


เครดิตและเลตเตอร์ออฟเครดิต หรือสินเช่อเพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกสินค้ำระหว่ำงประเทศ

มูลคดีน้จึงอยู่ในเขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๖)
ในวันนัดพิจำรณำศำลจังหวัดเชียงใหม่พิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
202

















จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษวนจฉยตำมพระรำชบญญตจดตงศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับค�ำขอใช้วงเงินแพคก้ง





เครดิตและเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือ

กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น จ�ำเลยที่ ๒ และ
จ�ำเลยที่ ๓ ในฐำนะผู้ค�้ำประกันและผู้จ�ำนอง ในมูลหนี้ของจ�ำเลยที่ ๑ ตำมมูลหนี้แพคกิ้งเครดิต




ท่มีกำรรับซ้อต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อน�ำเงินไปใช้ในกำรส่งออกสินค้ำ จึงเป็นกรณีท่โจทก์ซ่งอยู่ใน




ประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเช่อแก่จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพ่อจ�ำเลยท่ ๑



จะได้ใช้เงินน้นในกำรส่งออกสินค้ำ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำ




ไปขำยต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ท้งไม่ใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ



เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่ง

และเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรนั้นในอีกประเทศหนึ่ง นอกจำกนั้นมูลหนี้ดังกล่ำวยังไม่ใช่







คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง เพรำะคดีแพ่งท่จะ
ถือว่ำเกี่ยวกับกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องนั้น ต้องมีข้อพิพำท
เกี่ยวกับนิติกรรมกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน ข้อพิพำทเกี่ยวกับนิติกรรมอื่น

ท่เก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศน้นจึงจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ






ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้ไม่มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ



ระหว่ำงประเทศ มูลหน้ดังกล่ำวจึงไม่อำจเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ




และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องไปได้ คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำหรือกำรให้บริกำร





ระหว่ำงประเทศ หรือเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ



หรือบริกำรระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
203


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































204

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พี/เอฟ ฟำโร มำรีน
ที่ วท ๑๕ - ๑๖/๒๕๕๙ โปรดักต์ส (P/E Faroe

Marine Products) โจทก์

บริษัทเอ็กซ์เพรส ทรำนสปอร์ต ซิสเต็ม
(เชียงใหม่) จ�ำกัด จ�ำเลย

บริษัทเอ็กซ์เพรส ทรำนสปอร์ต ซิสเต็ม

(เชียงใหม่) จ�ำกัด โจทก์
พี/เอฟ ฟำโร มำรีน

โปรดักต์ส จ�ำเลย


ส�ำนวนแรก แม้โจทก์และจ�ำเลยจะมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำ

ระหว่ำงประเทศและโจทก์ได้ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำโดยกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร

ให้แก่จ�ำเลย แต่โจทก์ ไม่ได้ฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ


แต่ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยคืนเงินท่โจทก์ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำเกินมำคืนให้แก่โจทก์ในฐำน

ลำภมิควรได้ ท้งจ�ำเลยให้กำรรับว่ำ จ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำให้โจทก์เสร็จส้นและ

ได้รับช�ำระเงินค่ำขนส่งจำกโจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์โอนเงินค่ำขนส่งสินค้ำเกินกว่ำ











ใบแจ้งหนมำให้จำเลย จำเลยโอนเงนท่เกนมำดงกล่ำวคนให้แก่โจทก์ไปยงบัญชของ




บคคลอนในประเทศไทยทโจทก์แจ้งให้จำเลยโอนแล้ว คดจงไม่มประเดนข้อพพำทท ี ่








ต้องพิจำรณำเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร
แต่อย่ำงใด คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท ี ่





เก่ยวเน่อง กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร อันจะ
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙

ส�ำหรับส�ำนวนหลัง โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยไม่มีระบบป้องกันท่ดีและปล่อยปละ
ละเลยให้ผู้อื่นเข้ำมำล้วงควำมลับของข้อมูลที่ใช้ติดต่อสื่อสำรระหว่ำงตนกับคู่ค้ำ จ�ำเลย





มีหน้ำท่ท่ต้องมีระบบป้องกันทำงเครือข่ำยท่ดีกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไปเพ่อป้องกันควำม

เสียหำยทำงธุรกิจ แต่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติหน้ำท่ดังกล่ำว อีกท้งจ�ำเลยปล่อยเวลำให้เน่นช้ำกว่ำ


205

จะทวงถำมให้โจทก์คืนเงินเป็นควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงของจ�ำเลย เป็นเหตุให้

โจทก์โอนเงินไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้ำหนี้ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย กรณีเป็นกำร

ฟ้องจ�ำเลยในมูลละเมิด ค�ำฟ้องโจทก์จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยสิทธิ หน้ำที่



และควำมรับผิดตำมสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง







คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง อันจะ
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________


คดีท้งสองส�ำนวนน้ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงมีค�ำส่ง



ให้รวมพิจำรณำคดีเข้ำด้วยกัน
โจทก์ส�ำนวนแรกฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยของประเทศ

เดนมำร์ก จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยไทย ประกอบ
ธุรกิจให้บริกำรขนส่ง โจทก์ให้จ�ำเลยขนส่งสินค้ำจำกประเทศไทยไปยังประเทศเดนมำร์ก

จ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำให้โจทก์และออกใบแจ้งหน้เรียกเก็บค่ำบริกำรจำกโจทก์เป็นเงิน

๓๓๘,๑๑๖ บำท โจทก์โอนเงินระหว่ำงประเทศเข้ำบัญชีจ�ำเลยเป็นเงิน ๒๑๒,๐๗๙.๔๑ เหรียญสหรัฐ

ในวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๗ จ�ำเลยแจ้งโจทก์ทรำบทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ว่ำ โจทก์โอนเงิน

ค่ำบริกำรให้แก่จ�ำเลยเกินไปกว่ำที่เรียกเก็บตำมใบแจ้งหนี้เป็นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท โจทก์

จึงทวงถำมให้จ�ำเลยโอนเงินส่วนท่เกินคืน จ�ำเลยมีหน้ำท่ต้องส่งเงินจ�ำนวนดังกล่ำวคืนโจทก์

ในฐำนลำภมิควรได้ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยเป็นต้นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท

และดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจำกวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๗ จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน

๔๘๔,๕๒๖.๙๘ บำท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบ้ย ๗,๐๑๖,๕๑๗.๒๘ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ
เงิน ๗,๐๑๖,๕๑๗.๒๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท

นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยส�ำนวนแรกให้กำรว่ำ เม่อจ�ำเลยได้รับเงินค่ำบริกำรท่โจทก์ช�ำระมำเกินกว่ำ

ใบแจ้งหน้เป็นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท จ�ำเลยติดต่อกับโจทก์ทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์


ให้โจทก์แจ้งเลขท่บัญชีเพ่อด�ำเนินกำรส่งเงินท่โอนมำเกินคืนแก่โจทก์ โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยโอน



206


เงินไปยังหัวหน้ำฝ่ำยบัญชีของโจทก์ท่ประเทศจีน แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถโอนเงินให้โจทก์ได้


เน่องจำกเจ้ำหน้ำท่ธนำคำรแจ้งว่ำ จ�ำเลยไม่สำมำรถโอนเงินระหว่ำงประเทศได้มำกกว่ำคร้งละ



๕,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ เม่อจ�ำเลยแจ้งให้โจทก์ทรำบ โจทก์จึงแจ้งให้จ�ำเลยโอนเงินคืนท่บัญช ี
ธนำคำรกสิกรไทย จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำนวน ๒ บัญชี จ�ำเลยได้โอนเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท ไปยัง
บัญชีท้งสองบัญชีท่โจทก์แจ้งมำครบถ้วนแล้ว ถือว่ำจ�ำเลยได้ช�ำระหน้ต่อผู้มีอ�ำนำจรับช�ำระหน ี ้



แทนเจ้ำหนี้แล้ว หนี้จึงระงับ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ส�ำนวนหลังฟ้องว่ำ จ�ำเลยติดต่อใช้บริกำรขนส่งสินค้ำกับโจทก์ โจทก์ด�ำเนินกำร

ขนส่งสินค้ำให้จ�ำเลย และจ�ำเลยช�ำระค่ำบริกำรให้แก่โจทก์เกินกว่ำใบแจ้งหนี้ โจทก์ติดต่อจ�ำเลย



ผ่ำนทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์เพ่อด�ำเนินกำรโอนเงินท่เกินคืนให้แก่จ�ำเลย และเม่อวันท่ ๔


กรกฎำคม ๒๕๕๗ โจทก์โอนเงินคืนจ�ำเลยไปยังเลขที่บัญชีที่จ�ำเลยแจ้งโจทก์มำจ�ำนวน ๒ บัญชี
ครบถ้วนแล้ว ในวันที่ ๒๙ สิงหำคม ๒๕๕๗ จ�ำเลยส่งจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์มำทวงถำมโจทก์
ให้โอนเงินท่ช�ำระเกินมำคืนแก่จ�ำเลย โจทก์จึงแจ้งว่ำโจทก์โอนเงินคืนจ�ำเลยไปยังบัญชีท่จ�ำเลย


แจ้งมำครบถ้วนแล้ว ต่อมำจ�ำเลยฟ้องโจทก์ท่ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

กลำง เป็นคดีหมำยเลขด�ำท่ กค ๑๒๒/๒๕๕๘ โจทก์จึงตรวจสอบโดยผู้เช่ยวชำญด้ำนคอมพิวเตอร์



พบว่ำ มีบุคคลอ่นเข้ำไปดักเจำะข้อมูลของจ�ำเลยไว้เพ่อไม่ให้จ�ำเลยส่งจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์

มำถึงโจทก์ได้ แล้วบุคคลดังกล่ำวแสดงตนว่ำเป็นจ�ำเลยติดต่อกับโจทก์ทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์
เร่อยมำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยประเทศเดนมำร์กประกอบอำชีพค้ำขำยระหว่ำงประเทศ


ย่อมต้องมีภำวะและวิสัยท่ต้องใช้ควำมระมัดระวังเป็นพิเศษมำกกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไป แต่จ�ำเลย


กระท�ำกำรประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง ไม่มีระบบป้องกันท่ดีและปล่อยปละละเลยให้ผู้อ่น





เข้ำมำล้วงควำมลับของข้อมูลท่ใช้ติดต่อส่อสำรระหว่ำงตนกับคู่ค้ำ จ�ำเลยมีหน้ำท่ท่ต้องมีระบบ
ป้องกันทำงเครือข่ำยท่ดีกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไปเพ่อป้องกันควำมเสียหำยทำงธุรกิจ แต่จ�ำเลย



ไม่ปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำว อีกทั้งจ�ำเลยปล่อยเวลำให้เนิ่นช้ำกว่ำจะทวงถำมให้โจทก์คืนเงิน กำรกระท�ำ

ของจ�ำเลยเป็นกำรประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยหลงเช่อ
โอนเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท ไปยังบุคคลอ่นท่มิใช่เจ้ำหน้ และท�ำให้โจทก์ถูกฟ้องเป็นคดีเพ่อ




เรียกเงินคืน จ�ำเลยจึงต้องชดใช้เงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันท�ำละเมิดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๗๑๙,๘๕๙ บำท รวมเป็นเงิน ๗,๒๕๑,๘๔๙ บำท คืน
แก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๗,๒๕๑,๘๔๙ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์




207


จ�ำเลยส�ำนวนหลังให้กำรว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน







ทำงปัญญำและกำรคำระหวำงประเทศ โจทก์จงไมมอ�ำนำจฟ้อง คดโจทก์ขำดอำยควำม ฟ้องโจทก์


เคลือบคลุม กำรท่โจทก์ไม่ตรวจสอบควำมถูกต้องของท่อยู่ของจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ท่บุคคล






อ่นปลอมข้นมำ และโอนเงินไปยังบัญชีของบุคคลอ่นท่ไม่ใช่บัญชีของจ�ำเลยท่ประเทศเดนมำร์ก
อันเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัย เป็นควำมประมำทเลินเล่อของโจทก์เอง ขอให้ยกฟ้อง


จ�ำเลยส�ำนวนแรกย่นค�ำร้องว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยในเร่องลำภมิควรได้ กรณีจึงไม่อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิจำรณำ

แล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีท้งสองส�ำนวนน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยประกำรแรกว่ำ คดีหมำยเลขด�ำท่ กค ๑๒๒/๒๕๕๘



เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวข้อง กำรส่งเงินเข้ำมำใน




รำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักรท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน



ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สนทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ แม้โจทก์และจ�ำเลยจะมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำ
รับขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศและโจทก์ได้ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำโดยกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร
ให้แก่จ�ำเลย แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ แต่


ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยคืนเงินท่โจทก์ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำเกินมำคืนให้แก่โจทก์ในฐำนลำภมิควรได้

ท้งจ�ำเลยให้กำรรับว่ำจ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำให้โจทก์เสร็จส้นและได้รับช�ำระเงินค่ำขนส่ง

จำกโจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์โอนเงินค่ำขนส่งสินค้ำเกินกว่ำใบแจ้งหน้มำให้จ�ำเลย จ�ำเลย










โอนเงนทเกนมำดงกล่ำวคืนให้แก่โจทก์ไปยงบญชของบุคคลอนในประเทศไทยท่โจทก์แจ้งให้




จ�ำเลยโอนแล้ว คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทท่ต้องพิจำรณำเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ
หรือกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรแต่อย่ำงใด คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำง


ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอก


รำชอำณำจักร อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
208

ระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยประกำรสุดท้ำยว่ำ คดีหมำยเลขด�ำท่ กค ๑๔/๒๕๕๙ เป็น






คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยไม่มี




ระบบป้องกันท่ดีและปล่อยปละละเลยให้ผู้อ่นเข้ำมำล้วงควำมลับของข้อมูลท่ใช้ติดต่อส่อสำร




ระหว่ำงตนกับคู่ค้ำ จ�ำเลยมีหน้ำท่ท่ต้องมีระบบป้องกันทำงเครือข่ำยท่ดีกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไป
เพ่อป้องกันควำมเสียหำยทำงธุรกิจ แต่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติหน้ำท่ดังกล่ำว อีกท้งจ�ำเลยปล่อยเวลำ




ให้เน่นช้ำกว่ำจะทวงถำมให้โจทก์คืนเงิน เป็นควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงของจ�ำเลย

เป็นเหตให้โจทก์โอนเงินไปยังบคคลอ่นทไมใช่เจ้ำหน้ ทำให้โจทก์ไดรบควำมเสยหำย กรณเปนกำร













ฟ้องจ�ำเลยในมูลละเมิด ค�ำฟ้องโจทก์จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยสิทธิ หน้ำท่ และ



ควำมรับผิดตำมสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง คดีน้จึงมิใช่คด ี


แพ่งเกี่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


วินิจฉัยว่ำ คดีท้งสองส�ำนวนน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



209

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโลจิสติคส์ แมเนจเมนท์

ที่ วทป ๑๔/๒๕๖๐ เซอร์วิสเซส จ�ำกัด

กับพวก โจทก์
บริษัทเพิรธ์ ไฮด์ แอนด์

สกิน เอ็กซ์ปอร์ต จ�ำกัด

กับพวก จ�ำเลย






โจทก์ท้งสองฟ้องจ�ำเลยท้งเจ็ดเน่องจำกกำรปฏิบัติผิดสัญญำตัวแทนค้ำต่ำง

และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง โดยเรียกร้องให้จ�ำเลยท้งเจ็ดช�ำระเงินค่ำบริกำรและ

ค่ำบ�ำเหน็จตัวแทนค้ำต่ำง ที่ยังค้ำงช�ำระต่อโจทก์ทั้งสอง และค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำ






ละเมด อันได้แก่ ค่ำเสียหำยท่โจทก์ทงสองต้องให้พนกงำนของโจทก์ท้งสองแก้ไขกำร

ประพฤติผิดสัญญำของจ�ำเลยท้งเจ็ด ค่ำเสียหำยจำกกำรแก้ไขคลังสินค้ำท่เกิดกล่นเน่ำ



เหม็นของซำกสัตว์ ค่ำเสียหำยต่อช่อเสียงและประวัติในกำรเป็นผู้ประกอบกำรในเขต

ประกอบกำรเสรีนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบังของโจทก์ท้งสอง ค่ำเสียหำยจำกกำรท ี ่

จ�ำเลยท้งเจ็ดใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท ๒ แล้วลักลอบน�ำซำกสัตว์ไปเก็บในคลังสินค้ำ




ท่ยังไม่ได้รับอนุญำต ค่ำทนำยควำมในกำรด�ำเนินคด แต่ปรำกฏตำมค�ำฟ้องของโจทก์
ท้งสองว่ำโจทก์ท้งสองไม่ได้ด�ำเนินกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ หรือท�ำสัญญำขนส่งระหว่ำง





ประเทศกับจ�ำเลยท ๑ แต่อย่ำงใด นิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท้งเจ็ด


ตำมฟ้องจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวข้องกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ นอกจำกน ้ ี
กำรปฏิบัติงำนตำมสัญญำของโจทก์ท้งสองก็ไม่มีลักษณะเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ

เพรำะกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศต้องปรำกฏว่ำมีกำรให้บริกำรจำกประเทศหนึ่ง และ




เป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรในอีกประเทศหน่ง คดีน้แม้โจทก์ท้งสองและจ�ำเลยท ๑


จะอยู่คนละประเทศ แต่กำรปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำของโจทก์ท้งสองต้งแต่เร่มต้นจน





เสร็จส้นกระท�ำลงในประเทศไทยประเทศเดียวเท่ำน้น ลักษณะของสัญญำตำมฟ้อง

จึงไม่ใช่สัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ในส่วนท่โจทก์ท้งสองฟ้องจ�ำเลยท้งเจ็ด




ในมูลละเมิดน้น กรณีเป็นค�ำฟ้องท่ไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ หน้ำท ี ่

และควำมรับผิดตำมสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ


แต่อย่ำงใด คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่ง
210

ระหว่ำงประเทศ อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ


กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สิน






ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สนทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________


โจทก์ท้งสองฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำย
ของประเทศออสเตรเลีย จ�ำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยของประเทศสิงคโปร์

จ�ำเลยท่ ๓ เป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยไทย จ�ำเลยท่ ๔ ท่ ๕ และท่ ๖ เป็นกรรมกำรของจ�ำเลยท่ ๒





และที่ ๓ ส่วนจ�ำเลยที่ ๗ เป็นกรรมกำรของจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๓ จ�ำเลยที่ ๑ แต่งตั้งให้โจทก์ทั้งสอง
เป็นตัวแทนค้ำต่ำงให้เป็นผู้น�ำเข้ำและส่งออกสินค้ำจำกประเทศออสเตรเลียมำยังประเทศไทยแทน
จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๑ จะจัดส่งสินค้ำคือซำกสัตว์จำกประเทศออสเตรเลียมำยังประเทศไทย




โดยระบุช่อโจทก์ท้งสองเป็นผู้รับสินค้ำในใบตรำส่ง โจทก์ท้งสองจะใช้ใบอนุญำตให้ท�ำกำรค้ำสัตว์

หรือซำกสัตว์ของโจทก์ท้งสองเป็นหลักฐำนกำรเป็นผู้น�ำเข้ำซำกสัตว์ และน�ำซำกสัตว์มำเก็บ

ท่คลังสินค้ำของโจทก์ท้งสอง เพ่อให้จ�ำเลยท่ ๔ สำมำรถรับจ้ำงฟอกหนังสัตว์จำกจ�ำเลยท่ ๑




ณ คลังสินค้ำของโจทก์ทั้งสอง หลังจำกนั้นจ�ำเลยที่ ๑ จะสั่งให้จ�ำเลยที่ ๒ และ/หรือ จ�ำเลยที่ ๓





ส่งคนงำนเข้ำมำทำกำรเลำะ ปรับแต่ง และฟอกซำกสัตว์ในคลงสนค้ำของโจทก์ท้งสอง เมอ



















ฟอกหนงสตวเรยบรอยแลว จำเลยท ๒ และ/หรอจำเลยท ๓ จะใหลกคำมำดหนงสัตวและแจ้ง


ลูกค้ำท่ซ้อหนังสัตว์ช�ำระเงินให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ แล้วจ�ำเลยท่ ๑ จะออกใบค�ำส่งให้ส่งสินค้ำมำยัง





โจทก์ท้งสองเพ่อให้ส่งสินค้ำไปยังลูกค้ำของจ�ำเลยท่ ๑ ในประเทศไทย โดยโจทก์ท้งสองจะน�ำ



เอกสำรกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและใบค�ำส่งให้ส่งสินค้ำไปด�ำเนินกำรผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกร


และส่งสินค้ำไปให้ลูกค้ำของจ�ำเลยท่ ๑ ในประเทศไทยด้วยกำรใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท้งสอง

ที่ให้ท�ำกำรค้ำซำกโค-กระบือในประเภททั่วรำชอำณำจักร และโจทก์ทั้งสองจะรวบรวมค่ำใช้จ่ำย
ค่ำอำกรขำเข้ำ ค่ำโกดังสินค้ำ ค่ำบ�ำเหน็จตัวแทนค้ำต่ำง และอื่น ๆ ระบุในใบแจ้งหนี้ให้จ�ำเลยที่ ๑
โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๗ เป็นผู้ท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๑ แต่ปรำกฏต่อมำว่ำกำรเลำะปรับแต่ง





หนังสัตว์ดังกล่ำวก่อให้เกิดปัญหำกล่นเน่ำเหม็นของซำกสัตว์จนโจทก์ท้งสองได้รับค�ำส่งให้

ระงับกำรน�ำสินค้ำหนังวัวน�ำเข้ำมำยังเขตประกอบกำรนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบังซ่งคลังสินค้ำ





ของโจทก์ท้งสองต้งอยู่ ก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อช่อเสียงของโจทก์ท้งสอง ต่อมำจ�ำเลยท่ ๓

211


ไปเช่ำคลังสินค้ำใหม่ในจังหวัดสมุทรปรำกำร เม่อซำกสัตว์ขนส่งมำถึงประเทศไทยได้ผ่ำน



พิธีกำรทำงศุลกำกรโดยใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท่ ๒ แล้วจ�ำเลยท้งเจ็ดน�ำซำกสัตว์ไปเก็บท่คลัง
สินค้ำใหม่ที่ยังไม่ได้รับอนุญำต กำรกระท�ำดังกล่ำวท�ำให้โจทก์ที่ ๒ เสี่ยงต่อกำรถูกกรมปศุสัตว์









ด�ำเนนคดอำญำเพรำะไม่ได้น�ำซำกสัตว์ไปกกไว้ ณ สถำนทท่มีใบอนุญำตต่อมำจำเลยทงเจ็ด



ขอให้โจทก์ท้งสองย่นค�ำขออนุญำตใช้คลังสินค้ำใหม่เป็นสถำนท่พักซำกสัตว์ ใบอนุญำตให้ค้ำ
ซำกโค-กระบือในประเภทส่งต่ำงประเทศ และใบอนุญำตให้ท�ำกำรค้ำสัตว์หรือซำกสัตว์ในประเภท


ท่วรำชอำณำจักรจำกกรมปศุสัตว์ให้แก่จ�ำเลยท้งเจ็ด โจทก์ท้งสองจึงมอบหมำยให้พนักงำน

ของโจทก์ท้งสองไปด�ำเนินกำรให้จนจ�ำเลยท่ ๓ ได้รับใบอนุญำตแต่จ�ำเลยท้งเจ็ดยังคงใช้ใบ



อนุญำตต่ำง ๆ ของโจทก์ที่ ๒ ต่อไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๕๘ ดังนั้น จ�ำเลยทั้งเจ็ดจึง
ยังต้องช�ำระค่ำบ�ำเหน็จตัวแทนค้ำต่ำงให้โจทก์ท้งสองต่อไปแต่จ�ำเลยท้งเจ็ดไม่ช�ำระค่ำบ�ำเหน็จ


ตัวแทนค้ำต่ำงให้แก่โจทก์ทั้งสอง และจ�ำเลยที่ ๓ ยังฟ้องโจทก์ที่ ๑ ต่อศำลแพ่งเป็นคดีหมำยเลขด�ำที่

พ ๑๔๕๓/๒๕๕๙ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งเจ็ดท�ำให้โจทก์ท้งสองได้รับควำมเสียหำย กล่ำวคือ




เงินค่ำบ�ำเหน็จท่จ�ำเลยท้งเจ็ดค้ำงช�ำระต่อโจทก์ท้งสองเป็นเงิน ๑,๑๘๑,๓๔๒.๒๔ บำท พร้อม
ดอกเบี้ย ๖๙,๖๖๖.๘๓ บำท รวมเป็นเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ๑,๒๕๑,๐๐๙.๐๗ บำท ค่ำเสียหำย

ท่โจทก์ท้งสองให้พนักงำนแก้ไขกำรประพฤติผิดสัญญำของจ�ำเลยเป็นเงิน ๒,๔๐๗,๘๙๔.๗๔ บำท





เงินท่โจทก์ท้งสองต้องเสียไปในกำรท่จ�ำเลยท้งเจ็ดก่อให้เกิดกล่นเน่ำเหม็นในโกดังสินค้ำ

๖๑๖,๐๐๒ บำท ค่ำเสียหำยท่จ�ำเลยท้งเจ็ดปิดบังข้อเท็จจริงน�ำซำกสัตว์ไปเก็บไว้ในคลังสินค้ำ




ท่ยังไม่ได้รับอนุญำตและค่ำเสียหำยจำกประวัติท่เสียหำยของโจทก์ท้งสอง ๔,๒๓๐,๐๐๐ บำท

ค่ำเสียหำยที่จ�ำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันส่งซำกสัตว์ไปยังคลังสินค้ำที่ยังไม่ได้รับอนุญำต ๓,๖๐๐,๐๐๐ บำท
ค่ำทนำยควำม ๑,๖๐๐,๐๐๐ บำท รวมเป็นค่ำเสียหำยและดอกเบี้ยเป็นเงิน ๑๓,๗๐๔,๙๐๕.๘๑ บำท
ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งเจ็ดช�ำระเงิน ๑๓,๗๐๔,๙๐๕.๘๑ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จ�ำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ที่ ๖ และที่ ๗ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร



จ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓ และท่ ๕ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำจ�ำเลยท่ ๒ รับจ้ำง




เป็นท่ปรึกษำทำงธุรกิจให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๓ รับจ้ำงปรับแต่งและฟอกหนังท่ส่งมำยัง

ประเทศไทยให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๕ เป็นกรรมกำรบริษัทจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จ�ำเลยที่ ๒
ที่ ๓ และที่ ๕ ไม่ได้เป็นตัวแทนของจ�ำเลยที่ ๑ สัญญำระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ และโจทก์ทั้งสองไม่ใช่

สัญญำตัวแทนค้ำต่ำงแต่เป็นสัญญำแต่งต้งตัวแทนน�ำเข้ำและส่งออก โดยโจทก์ท้งสองมีหน้ำท ่ ี

212

ผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกรไทยน�ำสินค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ออกจำกท่ำเรือ ขนส่งสินค้ำของจ�ำเลยที่ ๑





ไปยังสถำนท่ท่ตกลง และครอบครองสินค้ำแทนจ�ำเลยท่ ๑ เท่ำน้น ตำมสัญญำไม่มีข้อตกลง
เรื่องค่ำบริกำรของตัวแทนน�ำเข้ำในอัตรำร้อยละ ๓.๕ และสัญญำดังกล่ำวมีระยะเวลำ ๑ ปี นับแต่
วันท�ำสัญญำคือวันที่ ๑ ธันวำคม ๒๕๕๖ สัญญำได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อมำประมำณเดือนมกรำคม

๒๕๕๘ จ�ำเลยท่ ๓ ว่ำจ้ำงโจทก์ท่ ๑ เป็นตัวแทนขนส่งสินค้ำประเภทหนังสัตว์ซ่งจ�ำเลยท่ ๑






เป็นผู้ขนส่งมำยังประเทศไทยเพ่อให้จ�ำเลยท่ ๓ ท�ำกำรปรับแต่งและฟอกหนัง โดยโจทก์ท่ ๑
เป็นผู้ด�ำเนินกำรผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือกรุงเทพและไปส่งให้จ�ำเลยท่ ๓

ณ คลังสินค้ำที่จ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้เช่ำ โจทก์ที่ ๑ จะเรียกเก็บค่ำขนส่งและค่ำบริกำร ค่ำธรรมเนียม



รวมถึงค่ำภำษีอำกรท่ต้องช�ำระจำกจ�ำเลยท่ ๓ ซ่งเป็นกำรช�ำระในนำมของจ�ำเลยท่ ๓ เอง


กำรเลำะ ปรับแต่ง และฟอกหนังสัตว์ท่ท�ำให้เกิดกล่นเน่ำเหม็นของซำกสัตว์รุนแรง เป็นหน้ำท่ของ


โจทก์ท้งสองท่ต้องควบคุมดูแลและหำมำตรกำรป้องกันเพรำะโจทก์ท้งสองสมัครใจเข้ำเส่ยงต่อ




ปัญหำที่เกิดขึ้นจำกกำรรับจ้ำงเอง ส่วนคดีแพ่งหมำยเลขด�ำที่ พ. ๑๔๕๓/๒๕๕๙ ของศำลแพ่ง
ระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๓ และโจทก์ที่ ๑ นั้น คดียังอยู่ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ทั้งสองทรำบดีว่ำเมื่อน�ำ




สินค้ำผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกรแล้วจะต้องขนสินค้ำไปเก็บไว้ ณ ท่ใด ตำมท่ได้รับจ้ำงท่โจทก์ท้งสอง

อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งเจ็ดลักลอบน�ำซำกสัตว์ไปเก็บไว้ในคลังสินค้ำท่ไม่ได้รับอนุญำต ท�ำให้โจทก์

ท้งสองตกเป็นผู้กระท�ำควำมผิดทำงอำญำ กรณียังไม่ปรำกฏว่ำมีควำมผิดเกิดข้น จ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓




และท่ ๕ ไม่ได้ผิดสัญญำและไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง จึงไม่ต้องรับผิดในจ�ำนวนเงิน




และค่ำเสียหำยท่โจทก์ท้งสองเรียกร้องมำ ฟ้องโจทก์ท้งสองเคลือบคลุม ค�ำฟ้องในส่วนละเมิด


ขำดอำยุควำม และฟ้องของโจทก์ท้งสองไม่ได้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำจ�ำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ ยื่นค�ำร้องว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี



ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ เน่องจำกจ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓ และ

ที่ ๕ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ทั้งสองเกี่ยวข้องกับกำรซื้อขำย กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือ
กำรขนส่งระหว่ำงประเทศ และไม่ได้เป็นตัวแทนหรือผู้แทนของจ�ำเลยที่ ๑






โจทก์ทงสองยนคำคดค้ำนว่ำ คดนเป็นคดแพ่งเกยวกบกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ








หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

213

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๗ (๕)

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณ ี

มีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำและพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำว














ให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลทรพย์สน



ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำง


ประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)



หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ท้งสองฟ้องจ�ำเลยท้งเจ็ดเน่องจำกกำรปฏิบัติผิดสัญญำตัวแทนค้ำต่ำง

และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง โดยเรียกร้องให้จ�ำเลยท้งเจ็ดช�ำระเงินค่ำบริกำรและค่ำบ�ำเหน็จ







ตวแทนค้ำต่ำงทยงค้ำงชำระต่อโจทก์ทงสอง และค่ำเสยหำยจำกกำรกระทำละเมิด อนได้แก่





ค่ำเสียหำยท่โจทก์ท้งสองต้องให้พนักงำนของโจทก์ท้งสองแก้ไขกำรประพฤติผิดสัญญำของ


จ�ำเลยท้งเจ็ด ค่ำเสียหำยจำกกำรแก้ไขคลังสินค้ำท่เกิดกล่นเน่ำเหม็นของซำกสัตว์ ค่ำเสียหำย




ต่อชอเสยงและประวัตในกำรเป็นผู้ประกอบกำรในเขตประกอบกำรเสรนิคมอตสำหกรรม





ลำดกระบังของโจทก์ทั้งสอง ค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลยทั้งเจ็ดใช้ใบอนุญำตของโจทก์ที่ ๒ แล้ว

ลักลอบน�ำซำกสัตว์ไปเก็บในคลังสินค้ำท่ยังไม่ได้รับอนุญำต ค่ำทนำยควำมในกำรด�ำเนินคดีน ้ ี

และคดีหมำยเลขด�ำท่ พ ๑๔๕๓/๒๕๕๙ ของศำลแพ่ง โดยโจทก์ท้งสองกล่ำวอ้ำงในฟ้องว่ำ



จ�ำเลยท่ ๑ แต่งต้งให้โจทก์ท้งสองเป็นตัวแทนค้ำต่ำงให้เป็นผู้น�ำเข้ำและส่งออกสินค้ำจำกประเทศ

ออสเตรเลียมำยังประเทศไทยแทนจ�ำเลยที่ ๑โดยจ�ำเลยที่ ๑ จะจัดส่งสินค้ำคือซำกสัตว์จำกประเทศ
ออสเตรเลียมำยังประเทศไทย ระบุชื่อโจทก์ทั้งสองเป็นผู้รับสินค้ำในใบตรำส่ง โจทก์ทั้งสองจะใช้

ใบอนุญำตให้ท�ำกำรค้ำสัตว์หรือซำกสัตว์ของโจทก์ท้งสองเป็นหลักฐำนกำรเป็นผู้น�ำเข้ำซำกสัตว์



และน�ำซำกสัตว์มำเก็บท่คลังสินค้ำของโจทก์ท้งสองเพ่อให้จ�ำเลยท่ ๔ สำมำรถรับจ้ำงฟอกหนัง




สัตว์จำกจ�ำเลยท่ ๑ ณ คลังสินค้ำของโจทก์ท้งสอง หลังจำกน้นจ�ำเลยท่ ๑ จะส่งให้จ�ำเลยท่ ๒ และ/หรือ



จ�ำเลยท่ ๓ ส่งคนงำนเข้ำมำท�ำกำรเลำะ ปรับแต่งและฟอกซำกสัตว์ในคลังสินค้ำของโจทก์

ทั้งสอง เมื่อฟอกหนังสัตว์เรียบร้อยและจ�ำเลยที่ ๒ และ/หรือจ�ำเลยที่ ๓ จะให้ลูกค้ำมำดูหนังสัตว์
214

และแจ้งลูกค้ำที่ซื้อหนังสัตว์ช�ำระเงินให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ แล้วจ�ำเลยที่ ๑ จะออกใบค�ำสั่งให้ส่งสินค้ำ

มำยังโจทก์ทั้งสองเพื่อให้ส่งสินค้ำไปยังลูกค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ในประเทศไทย โดยโจทก์ทั้งสองจะ

น�ำเอกสำรกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและใบค�ำส่งให้ส่งสินค้ำไปด�ำเนินกำรผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกร

และส่งสินค้ำไปให้ลูกค้ำของจ�ำเลยท่ ๑ ในประเทศไทยด้วยกำรใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท้งสอง



ท่ให้ท�ำกำรค้ำซำกโค-กระบือในประเภทท่วรำชอำณำจักร ดังน้ เห็นได้ว่ำโจทก์ท้งสองไม่ได้


ด�ำเนินกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ หรือท�ำสัญญำขนส่งระหว่ำงประเทศกับจ�ำเลยที่ ๑ แต่อย่ำงใด



นิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท้งเจ็ดตำมฟ้องจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวข้องกับ

กำรขนส่งระหว่ำงประเทศ นอกจำกน้กำรปฏิบัติงำนตำมสัญญำของโจทก์ท้งสองก็ไม่มีลักษณะ

เป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศต้องปรำกฏว่ำมีกำรให้



บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรในอีกประเทศหน่ง คดีน้แม้โจทก์



ท้งสองและจ�ำเลยท่ ๑ จะอยู่คนละประเทศ แต่กำรปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำของโจทก์ท้งสอง

ต้งแต่เร่มต้นจนเสร็จส้นกระท�ำลงในประเทศไทยประเทศเดียวเท่ำน้น ลักษณะของสัญญำ














ตำมฟ้องจงไม่ใช่สญญำกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ ในส่วนทโจทก์ทงสองฟ้องจำเลยทงเจด

ในมูลละเมิดนั้น กรณีเป็นค�ำฟ้องที่ไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำม
รับผิดตำมสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศหรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศแต่อย่ำงใด คดีน ี ้
จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ อันจะอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



215

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแสงฟ้ำอะกริโปรดักส์

ที่ วทป ๒๔/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทมิดแลนด์ บิซิเนส จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย








โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่งกับโจทก์ โดยโจทก์ผู้ขำยต้อง

ส่งสินค้ำไปยังท่ำเรือกรุงเทพเพ่อให้มีกำรขนส่งสินค้ำต่อไปให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยท้ง


สำมท่สำธำรณรัฐเยเมน โจทก์ส่งสินค้ำถูกต้องครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้รับช�ำระค่ำ

สินค้ำเน่องจำกธนำคำร ส. กรุงซำนำ สำธำรณรัฐเยเมน ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิต

ปฏิเสธกำรจ่ำยเงิน คดีน้โจทก์และจ�ำเลยท้งสำมอยู่ในประเทศไทย ท�ำสัญญำซ้อขำย


สินค้ำกันในประเทศไทย กำรส่งมอบและรับมอบสินค้ำท�ำในประเทศไทย จ�ำเลยทั้งสำม
ก็ให้กำรยอมรับว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำซื้อขำยข้ำวนึ่งกับโจทก์ตำมฟ้อง และจ�ำเลยที่ ๑




มีหน้ำท่ต้องส่งสินค้ำข้ำวน่งดังกล่ำวให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยท ๑ ท่ท่ำเรือโฮเดดะ





สำธำรณรัฐเยเมน ซ่งเป็นเร่องท่ฝ่ำยจ�ำเลยผู้ซ้อด�ำเนินกำรเอง กรณีข้อพิพำทระหว่ำง



โจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงไม่มีปัญหำต้องพิจำรณำถึงสิทธ หน้ำท และควำมรับผิด


ของผู้ซ้อและผู้ขำยตำมหลักกฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือกำร


ขนส่งระหว่ำงประเทศ ส่วนที่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยทั้งสำมอ้ำงว่ำ กำรที่จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๓

แสดงออกโดยชัดแจ้งว่ำจะช�ำระหน้ค่ำสินค้ำให้โจทก์โดยเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิด







เพกถอนไม่ได้ของธนำคำร ก. ท�ำให้โจทก์หลงเช่อและเข้ำทำสัญญำกบจำเลยท ๑ ซ่งหำก



จ�ำเลยท ๑ ไม่ได้ปกปิดข้อเท็จจริงว่ำ ธนำคำร ก. เป็นเพียงธนำคำรผู้เรียกเก็บเงิน
ไม่ใช่ธนำคำรผ้ออกเลตเตอร์ออฟเครดต อนเป็นกำรปกปิดข้อเทจจรงอนเป็น






สำระส�ำคัญ โจทก์คงไม่เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท ๑ พร้อมเรียกค่ำเสียหำยอันเป็น



ค่ำเสียโอกำสทำงกำรค้ำ จึงเป็นเร่องท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสำมในมูลละเมิด


กรณจึงมิได้มีข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยในปัญหำเก่ยวกับเน้อหำของสัญญำ






เลตเตอร์ออฟเครดตแต่อย่ำงใด คดน้จงมิใช่คดแพ่งเกยวกับกำรซ้อขำยระหวำงประเทศ







กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง หรือคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์








ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
216

มำตรำ ๗ (๕) (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำร

ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน และมีจ�ำเลยที่ ๓ เป็นเจ้ำของบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ แสดงตนออกชัดแจ้ง
และ/หรือโดยปริยำยในกำรติดต่อสั่งซื้อข้ำวกับโจทก์ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยที่ ๑

ท�ำสัญญำซื้อขำยข้ำวนึ่งกับโจทก์ ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน รำคำ ๓,๗๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ก�ำหนด



ส่งสินค้ำโดยเง่อนไขเอฟโอบี คือ ควำมรับผิดของผู้ขำยส้นสุดลงเม่อสินค้ำข้ำมพ้นกรำบเรือ

ณ ท่ำเรือกรุงเทพ จ�ำเลยทั้งสำมเสนอกำรช�ำระรำคำสินค้ำโดยตรำสำรเลตเตอร์ออฟเครดิตของ
ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์ส่งมอบสินค้ำแก่จ�ำเลยท่ ๑ ณ ท่ำเรือกรุงเทพครบถ้วน

แล้ว และโจทก์ทรำบว่ำสินค้ำไปถึงท่ำเรือปลำยทำงท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมนแล้ว โจทก์จึง


น�ำเอกสำรต่ำงๆ ส่งมอบให้ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) เพ่อเบิกเงินตำมเลตเตอร์ออฟ
เครดิต แต่ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) แจ้งว่ำธนำคำรสินเชื่อเพื่อสหกรณ์และกำรเกษตร
กรุงซำนำ ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมนปฏิเสธกำรจ่ำยเงิน กำรที่จ�ำเลยที่ ๑



โดยจ�ำเลยท่ ๓ แสดงออกชัดแจ้งว่ำจะช�ำระหน้ค่ำสินค้ำโดยเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอน
ไม่ได้ของธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ท�ำให้โจทก์หลงเชื่อและเข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยที่ ๑

ซึ่งหำกจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ปกปิดข้อเท็จจริงว่ำธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) เป็นเพียงธนำคำร




ผู้เรียกเก็บเงินเท่ำน้น โจทก์กจะไม่เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท่ ๑ อันเป็นกำรปกปิดข้อเทจจริง

อันเป็นสำระส�ำคัญ อีกท้งจ�ำเลยท้งสำมมิได้ขวนขวำยในกำรช�ำระรำคำข้ำวแก่โจทก์หรือหำ


หลักประกันใด ๆ เพื่อประกันกำรช�ำระหนี้โจทก์ อันเป็นกำรงดเว้นกำรกระท�ำกำรและก่อให้เกิด
ควำมเสียหำยแก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ก่อตั้งบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ มำด้วยเจตนำทุจริต รู้ว่ำตน

ไม่มีเงินช�ำระค่ำสินค้ำแต่กลับส่งสินค้ำจ�ำนวนมำก จ�ำเลยท้งสำมจึงร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์



โจทก์บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยท้งสำมเม่อวันท่ ๓ สิงหำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท้งสำมจึงต้องท�ำให้


โจทก์กลับสู่ฐำนะเดิม ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมส่งมอบข้ำว ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน คืนโจทก์ โดย
จ�ำเลยท้งสำมต้องด�ำเนินกำรใด ๆ เพ่อน�ำสินค้ำของโจทก์กลับมำยังประเทศไทยโดยค่ำใช้จ่ำย


ของจ�ำเลยทั้งสำมเอง พร้อมช�ำระค่ำเสียโอกำสทำงกำรค้ำ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ พร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลย




217













ทงสำมเพกเฉยไม่ดำเนนกำร ให้โจทก์เป็นผ้ดำเนนกำรโดยจำเลยทงสำมเป็นผ้ออกใช้ในบรรดำ
ค่ำเก็บสินค้ำของท่ำเรือเอเดน ค่ำเช่ำตู้คอนเทนเนอร์ของสำยกำรเดินเรือ ซีเอ็มเอ ค่ำส่งสินค้ำ
กลับจำกท่ำเรือเอเดนถึงท่ำเรือกรุงเทพ พิธีกำรศุลกำกร และค่ำหัวลำกจำกท่ำเรือถึงโรงงำน


เป็นเงินท้งส้น ๑๒๔,๕๙๒,๓๖๔ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง





เป็นต้นไปจนกวำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จ�ำเลยทงสำมร่วมกันหรอแทนกันช�ำระคำเสียโอกำส

ทำงกำรค้ำ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกส่งมอบทรัพย์คืนไม่ได้ ให้จ�ำเลยท้งสำมช�ำระค่ำเสียหำยในมูลค่ำ

ของข้ำว ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน ในรำคำ ๑๒๙,๙๕๑,๔๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

นับแต่วันที่ ๒๘ กรกฎำคม ๒๕๕๘ จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันหรือ
แทนกันช�ำระสินไหมทดแทนกำรเสียโอกำสทำงธุรกิจ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยท้งสำมให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่ง ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน ใน



รำคำ ๓,๗๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐอเมริกำ จำกโจทก์ โดยโจทก์ทรำบดีว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ต้องส่งมอบ
สินค้ำทั้งหมดให้ลูกค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ท่ำเรือโฮเดดะ ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน เมื่อลูกค้ำของ


จ�ำเลยท่ ๑ ได้รับสินค้ำ ธนำคำรสินเช่อสหกรณ์และกำรเกษตร กรุงซำนำ ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิต
ท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน จะช�ำระเงินให้ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) และธนำคำร


กรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) จะช�ำระเงินให้โจทก์ โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ ซ้อขำยและปฏิบัติวิธีกำร


ช�ำระเงินเช่นน้มำแล้วหลำยคร้ง จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยปกปิดข้อเท็จจริงท้งในเร่องกำรซ้อขำยและ





วิธีกำรช�ำระเงิน ส่วนคดีน้ท่โจทก์ไม่ได้รับช�ำระเงิน เน่องจำกบริษัทซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม เอส.เอ.




ซ่งเป็นบริษัทท่รับขนส่งสินค้ำไม่ส่งสินค้ำท้งหมดไปท่ท่ำเรือโฮเดดะ ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน



ซึ่งเป็นท่ำเรือจุดหมำยปลำยทำงที่ว่ำจ้ำง แต่กลับส่งไปที่ท่ำเรือเอเดน ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน
แทน โดยอ้ำงว่ำเกิดปัญหำภำยในประเทศ โจทก์แจ้งจ�ำเลยท้งสำมว่ำมีควำมประสงค์จะขำยสินค้ำ





ข้ำวน่งท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมนให้แก่ลูกค้ำของโจทก์ท่ต่ำงประเทศรำยอ่นด้วยตนเอง และขอ
ให้จ�ำเลยที่ ๑ เรียกเอกสำรที่จ�ำเลยที่ ๑ ส่งให้ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) คืน โดยธนำคำร


กรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ต้องเรียกเอกสำรท้งหมดกลับคืนมำจำกธนำคำรสินเช่อเพ่อสหกรณ์



และกำรเกษตร กรุงซำนำ ซ่งจ�ำเลยท่ ๑ ด�ำเนินกำรตำมควำมประสงค์ของโจทก์แล้ว จ�ำเลย

ทงสำมจึงพ้นจำกควำมรับผด ส่วนค่ำเสยหำยเป็นเรองข้อตกลงระหว่ำงโจทก์กับบรษัทซีเอ็มเอ








ซีจีเอ็ม เอส.เอ. จ�ำเลยท้งสำมไม่ได้ผิดสัญญำกับโจทก์ ปัจจุบันสินค้ำท้งหมดจ�ำเลยท้งสำมได้

218

ส่งมอบคืนโจทก์โดยอยู่ในควำมครอบครองภำยใต้กำรดูแลของโจทก์และตัวแทนโจทก์แล้ว

จ�ำเลยทั้งสำมจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยใด ๆ ให้แก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำรของ

จ�ำเลยที่ ๑ กระท�ำกำรในนำมจ�ำเลยที่ ๑ ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้จัดกำรฝ่ำยต่ำงประเทศและเป็น
ลูกจ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นกำรส่วนตัว ขอให้ยกฟ้อง


ในวันนัดช้สองสถำน ศำลแพ่งกรุงเทพใต้พิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่

จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙




วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำง








ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง คดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่อง

กับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่งกับ




โจทก์ โดยโจทก์ผู้ขำยต้องส่งสินค้ำไปยังท่ำเรือกรุงเทพเพ่อให้มีกำรขนส่งสินค้ำต่อไปให้แก่


ลูกค้ำของจ�ำเลยท้งสำมท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน โจทก์ส่งสินค้ำถูกต้องครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์
ไม่ได้รบชำระค่ำสนค้ำเนองจำกธนำคำรสนเชอเพอสหกรณ์และกำรเกษตร กรงซำนำ ประเทศ













สำธำรณรัฐเยเมน ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตปฏิเสธกำรจ่ำยเงิน คดีน้โจทก์และจ�ำเลยท้งสำม

อยู่ในประเทศไทย ท�ำสัญญำซ้อขำยสินค้ำกันในประเทศไทย กำรส่งมอบและรับมอบสินค้ำท�ำ


ในประเทศไทย จ�ำเลยท้งสำมก็ให้กำรยอมรับว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่งกับโจทก์


ตำมฟ้อง และจ�ำเลยที่ ๑ มีหน้ำที่ต้องส่งสินค้ำข้ำวนึ่งดังกล่ำวให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ท่ำเรือ
โฮเดดะ ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน ซ่งเป็นเร่องท่ฝ่ำยจ�ำเลยผู้ซ้อด�ำเนินกำรเอง กรณีข้อพิพำท








ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงไม่มีปัญหำสืบเน่องมำจำกกำรท่โจทก์มีหน้ำท่ต้องส่งสินค้ำ

ให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยท้งสำมท่ต่ำงประเทศอันจะต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิด



ของผู้ซ้อและผู้ขำยตำมหลักกฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือกำรขนส่ง






ระหว่ำงประเทศ ส่วนท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสำมอ้ำงว่ำ กำรท่จ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๓ แสดงออก

โดยชัดแจ้งว่ำจะช�ำระหน้ค่ำสินค้ำให้โจทก์โดยเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้ของ

219



ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ท�ำให้โจทก์หลงเช่อและเข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งหำก



จำเลยท่ ๑ ไม่ได้ปกปิดข้อเทจจรงว่ำ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) เป็นเพียงธนำคำร


ผู้เรียกเก็บเงินไม่ใช่ธนำคำรผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตอันเป็นกำรปกปิดข้อเท็จจริงอันเป็น

สำระส�ำคัญ โจทก์คงไม่เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท่ ๑ พร้อมเรียกค่ำเสียหำยอันเป็น


ค่ำเสียโอกำสทำงกำรค้ำ จึงเป็นเร่องท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสำมในมูลละเมิด กรณีจึงมิได้ม ี

ข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยในปัญหำเก่ยวกับเน้อหำของสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตแต่อย่ำงใด




คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและ








นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง หรือคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับ


กำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

















220

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเอ็ม เอส ไอ จี

ที่ วทป ๒๕/๒๕๖๐ ประกันภัย (ประเทศไทย)

จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
บริษัทที เค เอส ลอจิสติคส์

จ�ำกัด จ�ำเลย

















โจทก์ฟ้องคดนโดยอำศยสทธเรยกร้องของผ้เอำประกนภยซงโจทก์เป็นผ้รบ
ประกันภัยสินค้ำตำมค�ำฟ้องไว้จำกผู้เอำประกันภัยและได้ชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่

ผู้เอำประกันภัยและรับช่วงสิทธิมำฟ้องจ�ำเลยให้รับผิดต่อโจทก์เป็นคดีน เม่อข้อพิพำทตำม






สิทธิเรียกร้องของผ้เอำประกันภัยสบเน่องมำจำกค่ำเสียหำยตำมสัญญำท่ผู้เอำประกันว่ำจ้ำง
จ�ำเลยไปขนส่งสินค้ำจำกท่ำเรือกรุงเทพไปยังโรงงำนของผู้เอำประกันอันเป็นสัญญำ
รับขนสินค้ำภำยในประเทศ กรณีจึงไม่ใช่ข้อพิพำทตำมสิทธิเรียกร้องตำมสัญญำให้บริกำร
ระหว่ำงประเทศหรือสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศและสัญญำประกันภัยสินค้ำ
ดังกล่ำว คดีน้ย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำง



ประเทศหรือสัญญำขนส่งสินคำระหว่ำงประเทศและสัญญำประกันภัยสินค้ำน้นแต่อย่ำงใด

จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ


และกำรประกันภัยท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต มำตรำ ๗ (๕)


แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________


โจทกฟองวำ บริษัทไทยสตีล อิมปอรต จ�ำกัด ผูเอำประกันภัย ไดสั่งซื้อสินคำเหล็กมวน







จำกผ้ขำยในประเทศสำธำรณรฐประชำชนจนเข้ำมำในรำชอำณำจกรไทย ภำยใต้เงอนไข






ข้อตกลงแบบ ซีเอฟอำร์ ผู้เอำประกันภัยจึงติดต่อขอเอำประกันภัยสินค้ำที่สั่งซื้อกับโจทก์ โจทก์
ตกลงรับประกันภัยเพื่อควำมเสี่ยงภัยทุกประเภทที่อำจเกิดขึ้นกับสินค้ำ โดยไม่ว่ำควำมสูญหำย


หรือเสียหำยน้นจะเกิดข้นจำกเหตุใด ๆ ก็ตำม หำกแต่ได้เกิดข้นกับสินค้ำในระหว่ำงกำรขนส่ง

ต้งแต่โรงงำนหรือโกดังของผู้ขำยมำส่งมอบให้แก่ผู้เอำประกันภัยยังโรงงำนหรือโกดังของ


ผู้เอำประกันภัย ส�ำหรับกำรขนส่งสินค้ำพิพำท ผู้ขำยมีหน้ำท่ว่ำจ้ำงผู้ขนส่งสินค้ำ ผู้ขำยจึงส่ง
221



สินค้ำมำกับเรือเดินสมุทรช่อ MV. SCSC FORTUNE V.๑๖๐๖ ซ่งเป็นผู้ขนส่งทำงทะเล และ

ออกเดินทำงจำกท่ำเรือต้นทำงประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีน มำถึงท่ำเรือกรุงเทพเม่อวันท ี ่


๘ พฤษภำคม ๒๕๕๙ ซ่งเป็นอันส้นสุดภำระหน้ำท่ของผู้ขำย ผู้เอำประกันภัยว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้

ด�ำเนินกำรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือ ขนถ่ำย และขนย้ำยสินค้ำทั้งหมดออกจำกเรือเพื่อไปส่งมอบ

ยังโรงงำนหรือโกดังของผู้เอำประกันภัย ภำยหลังจำกท่จ�ำเลยด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรเสร็จแล้ว
และขนส่งสินค้ำมำถึงโรงงำนหรือโกดังของผู้เอำประกันภัย และก่อนผู้เอำประกันภัยรับมอบ


สินค้ำไว้กลับพบว่ำ สินค้ำท่จ�ำเลยขนส่งมำได้รับควำมเสียหำยบุบ ยุบ เปียกน้ำ และข้นสนิม




จ�ำนวนมำก ซ่งเกิดข้นในขณะท่จ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำและอยู่ในควำมครอบครองของ
จ�ำเลยด้วยควำมประมำทเลินเล่อปรำศจำกควำมระมัดระวังของจ�ำเลยหรือพนักงำนหรือลูกจ้ำง

หรือตัวแทนของจ�ำเลยผู้เอำประกันภัยโต้แย้งควำมเสียหำยไว้กับจ�ำเลยก่อนท่จะรับมอบสินค้ำไว้
และแจ้งมำยังโจทก์ โจทก์จึงมอบหมำยให้ผู้ส�ำรวจภัยอิสระตรวจสอบควำมเสียหำยร่วมกับ
ผู้เอำประกันภัย พบว่ำสินค้ำเหล็กม้วนเสียหำยเป็นจ�ำนวนมำกไม่สำมำรถน�ำมำใช้ได้ท้งส้น


๔๐ ม้วน เป็นค่ำเสียหำย ๖๕๕,๗๙๓.๖๒ บำท โจทก์จึงพิจำรณำชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนดังกล่ำว


ให้แก่ผู้เอำประกันภัยเป็นเงิน ๖๑๔,๘๙๘.๖๘ บำท และรับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัยท่จะติดตำม
เรียกร้องคืนจำกจ�ำเลย โจทก์มอบหมำยให้ทนำยควำมมีหนังสือทวงถำมไปยังจ�ำเลย แต่จ�ำเลย

เพิกเฉย จ�ำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เต็มจ�ำนวนมูลค่ำควำมเสียหำยอันมิอำจจะกล่ำวอ้ำง

หรือจ�ำกัดควำมรับผิดได้ตำมกฎหมำย โจทก์ได้ช�ำระค่ำสินไหมทดแทนและรับช่วงสิทธิจำก




ผู้เอำประกันภัยต้งแต่วันท่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ เป็นเงิน ๖๕๕,๗๙๓.๖๒ บำท พร้อมดอกเบ้ย






อตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนถงวนฟ้องเป็นเวลำ ๑๖๕ วน เป็นดอกเบย ๒๒,๒๓๔.๑๐ บำท
รวมเป็นเงิน ๖๗๘,๐๒๗.๗๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์ ๖๗๘,๐๒๗.๗๒ บำท

พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖๕๕,๗๙๓.๖๒ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้น
ไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์




ในช้นตรวจฟ้อง ศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง พจำรณำ
แล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำ


ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙




222


Click to View FlipBook Version