ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทนวกิจประกันภัย จ�ำกัด
ที่ วทป ๗/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์
บริษัทอินเตอร์ ยูเนี่ยน
(ประเทศไทย) จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
ี
กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ หรือไม่น้น
ั
ื
เน่องจำกค�ำฟ้องของโจทก์สรุปได้ใจควำมว่ำ โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัย
ในฐำนะผู้รับประกันภัยตำมกฎหมำยในกำรเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรขนส่งสินค้ำ
ี
จำกท่ำเรือเจนัว สำธำรณรัฐอิตำล ถึงท่ำเรือกรุงเทพ ประเทศไทย โดยภำยหลังได้รับกำร
ั
ตรวจสอบปรำกฏว่ำ สินค้ำบำงส่วนได้รับควำมเสียหำย ดังน้น เม่อจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธ
ื
ควำมรับผิดและต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่งสินค้ำอันต้องรับผิดท่เกิดจำกควำมเสียหำย
ี
ี
ในกำรขนส่งและไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับผู้เอำประกันภัยท่โจทก์รับช่วงสิทธิตำมสัญญำ
ี
ึ
ิ
ิ
ี
ั
ิ
ั
รบขนส่งสนค้ำ กรณีจงมปัญหำให้ต้องพจำรณำว่ำ จ�ำเลยมนิตสัมพันธ์กบผู้เอำประกันภัย
ท่โจทก์รับช่วงสิทธิตำมสัญญำรับขนของทำงทะเลและต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด
ี
และเม่อกำรขนส่งสินค้ำรำยน้เป็นกำรขนส่งสินค้ำจำกสำธำรณรัฐอิตำลีมำยังประเทศไทย
ี
ื
ี
้
ี
จึงเป็นกำรขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ คดีนจึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำง
ประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด โจทก์เป็นผู้รบประกันภัย
ั
ี
สินค้ำท่ขนส่งตำมกรมธรรม์ประกันภัยไว้กับบริษัท ๑๒๘ กรุ๊ป จ�ำกัด ผู้เอำประกันภัย ตำม
ี
ื
กรมธรรม์ประกันภัยเลขท่ เอ็ม ๐๘ เอฟเคเอ็น-๐๐๑-๐๐๐ โดยกรมธรรม์ดังกล่ำวมีเง่อนไขว่ำ
ึ
ี
ี
หำกสินค้ำท่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับควำมเสียหำยอย่ำงใดท่เกิดข้นในระหว่ำงเวลำประกันภัย
โจทก์จะเป็นฝ่ำยด�ำเนินกำรชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอำประกันภัยส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคล
ประเภทบริษัทจ�ำกัด โดยจ�ำเลยได้รับว่ำจ้ำงจำกผู้เอำประกันให้เป็นผู้ขนส่งสินค้ำประเภทแผ่น
หนังโคฟอกย้อมสี จำกท่ำเรอเจนัว สำธำรณรัฐอิตำลี มำยังท่ำเรือกรงเทพ ประเทศไทย และ
ุ
ื
เม่อสินค้ำถึงปลำยทำงท่ท่ำเรือกรุงเทพแล้วมีกำรน�ำสินค้ำมำพักไว้ท่คลังสินค้ำหมำยเลข ๑๕
ื
ี
ี
173
ต่อมำเมื่อวันที่ ๑๓ กันยำยน ๒๕๖๑ พนักงำนของผู้เอำประกันภัย ได้ตรวจสอบพบว่ำ มีสินค้ำ
ได้รับควำมเสียหำยอันเกิดจำกควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงของจ�ำเลยในกำรขนส่งสินค้ำ
ี
โดยคิดเป็นค่ำเสยหำย ๓๐๔,๗๘๙.๗๑ บำท ต่อมำขำยซำกสินค้ำได้รับเงิน ๓๐,๐๐๐ บำท
จึงคงเหลือควำมเสียหำย ๒๗๔,๗๘๙.๗๑ บำท โจทก์ในฐำนะผู้รับประกันภัยสินค้ำได้ช�ำระค่ำ
สินไหมทดแทนแล้ว จึงเป็นผู้เข้ำรับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัยตำมกฎหมำย โจทก์ได้บอกกล่ำว
ิ
�
�
ี
ั
�
ทวงถำมแล้ว แต่จำเลยเพกเฉย กำรกระท�ำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ขอให้
ี
บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๒๙๒,๖๓๒.๒๒ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงินจ�ำนวน ๒๗๔,๗๘๙.๗๑ บำท นับจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องคดีน้และจ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับผู้เอำประกัน
ี
ั
ภัยของโจทก์รวมท้งโจทก์ กำรฟ้องคดีของโจทก์เป็นกำรฟ้องผิดตัวและเป็นเหตุให้จ�ำเลยต้อง
ได้รับควำมเสียหำย เน่องจำกจ�ำเลยไม่ได้เป็นผู้ขนส่งสินค้ำพิพำทให้แก่ผู้เอำประกันภัย แต่จ�ำเลย
ื
เป็นเพียงตัวแทนผู้ขนส่ง มีหน้ำท่ด�ำเนินกำรในประเทศไทยส�ำหรับเอกสำรท่เก่ยวข้องกับกำร
ี
ี
ี
ี
ื
ื
รับสินค้ำของผู้ซ้อสินค้ำท่ประเทศไทย และคอยประสำนงำนกับผู้ขนส่งอ่นในกำรรับว่ำจ้ำงให้ขนส่ง
นอกจำกน้ท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำไม่มีกำรจัดกำรป้องกันควำมเสียหำยอย่ำงเหมำะสมจนเป็นเหตุให้
ี
ี
สินค้ำได้รับควำมเสียหำยน้นก็ปรำกฏว่ำสินค้ำไม่ได้รับควำมเสียหำยจำกกำรขนส่งแต่อย่ำงใด
ั
กำรกระท�ำของโจทก์เป็นไปโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงธนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
ั
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องได้
ควำมว่ำ โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัยในฐำนะผู้รับประกันภัยตำมกฎหมำยในกำร
เรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรขนส่งสินค้ำจำกท่ำเรือเจนัว สำธำรณรัฐอิตำลี ถึงท่ำเรือกรุงเทพ
ประเทศไทย โดยภำยหลังได้รับกำรตรวจสอบปรำกฏว่ำ สินค้ำบำงส่วนได้รับควำมเสียหำย
ดังนั้น เมื่อจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธควำมรับผิดและต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่งสินค้ำอันต้องรับผิดที่
174
ี
เกิดจำกควำมเสียหำยในกำรขนส่งและไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับผู้เอำประกันภัยท่โจทก์รับช่วงสิทธ ิ
ตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำ กรณีจึงมีปัญหำให้ต้องพิจำรณำว่ำ จ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์กับผู้เอำประกัน
ี
ภัยท่โจทก์รับช่วงสิทธิตำมสัญญำรับขนของทำงทะเลและต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด
และเม่อกำรขนส่งสินค้ำรำยน้เป็นกำรขนส่งสินค้ำจำกสำธำรณรัฐอิตำลี มำยังประเทศไทย
ื
ี
ี
ี
จึงเป็นกำรขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ
ั
ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
175
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโคโมโตโม จ�ำกัด โจทก์
ที่ วทป ๑๘/๒๕๖๔ บริษัทเวลเทรด แปซิฟิค
จ�ำกัด จ�ำเลย
นำยนิชชิน
ประสำระเอ จ�ำเลยร่วม
ี
ื
ี
กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรม
ั
ี
ื
ี
ื
ี
อ่นท่เก่ยวเน่องหรือไม่น้น เน่องจำกคดีน้โจทก์ฟ้องในมูลหน้ผิดสัญญำซ้อขำยสินค้ำท่จ�ำเลย
ี
ี
ื
ื
ผู้ซ้อซ่งอยู่ในประเทศไทยท�ำสัญญำกับโจทก์ผู้ขำยซ่งอยู่ต่ำงประเทศและมีภูมิล�ำเนำอยู่ใน
ื
ึ
ึ
่
้
้
�
�
้
่
ั
่
้
่
ตำงประเทศ โดยโจทก์กลำวอำงวำได้ขำยและจดสงสินคำให้แกจำเลยครบถวนแลว แต่จำเลย
่
กลับช�ำระหน้ไม่ครบถ้วนโดยได้ช�ำระหน้เพียงบำงส่วน ต่อมำภำยหลังจ�ำเลยได้ท�ำหนังสือ
ี
ี
ี
รับสภำพหน้กับโจทก์ แต่ก็ผิดนัดไม่ปฏิบัติกำรช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธว่ำ
ี
จ�ำเลยไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำ จ�ำเลยได้รับสินค้ำไม่ครบถ้วน และหนังสือรับสภำพหน ี ้
ที่โจทก์กล่ำวอ้ำงนั้นไม่ชอบ คดีจึงมีประเด็นให้ต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิด
ึ
ของคู่สัญญำตำมสัญญำซ้อขำยซ่งเป็นกำรซ้อขำยระหว่ำงผู้ซ้อในประเทศไทยกับผู้ขำยใน
ื
ื
ื
ื
ต่ำงประเทศ และส่งมอบสินค้ำเพ่อใช้ประโยชน์ในประเทศไทยอันเข้ำลักษณะกำรซ้อขำย
ื
ี
ระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่น
ื
ี
ื
ื
ท่เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ั
ี
ี
ิ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ี
ี
ิ
ิ
ั
พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำย
สหรัฐอเมริกำ ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยไทย
ประกอบกิจกำรค้ำขำยและบริกำร เมื่อวันที่ ๗ กรกฎำคม ๒๕๕๙ โจทก์แต่งตั้งจ�ำเลยเป็นผู้จัด
ี
จ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์เก่ยวกับเด็กทำรกของโจทก์ในประเทศไทย ต่อมำโจทก์ได้ขำยและจัดส่งสินค้ำ
ั
ดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลยหลำยคร้งเป็นเงินจ�ำนวน ๑,๑๕๗,๕๑๓.๔๐ ดอลลำร์สหรัฐ โดยจ�ำเลยได้ช�ำระ
เงินให้แก่โจทก์บำงส่วน โจทก์ได้ติดตำมทวงถำมเรื่อยมำ ต่อมำเมื่อวันที่ ๑๐ กันยำยน ๒๕๖๒
ี
ี
จ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำรับสภำพหน้ไว้ต่อโจทก์ แต่จ�ำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติกำรช�ำระหน้ให้
176
แก่โจทก์ โจทก์ได้ติดตำมทวงถำมแล้ว จ�ำเลยเพิกเฉย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย
ั
ั
ี
�
ขอให้บงคับจ�ำเลยชำระเงินแก่โจทก์จ�ำนวน ๖๙๙,๕๕๙.๓๗ ดอลลำร์สหรัฐ พร้อมดอกเบ้ยในอตรำ
ร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวน ๖๓๐,๖๒๒.๘๐ ดอลลำร์สหรัฐ นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง เน่องจำกหนังสือมอบอ�ำนำจในกำรด�ำเนินคด ี
ื
ไม่ชอบ จ�ำเลยเป็นลูกค้ำของโจทก์ โดยจ�ำเลยได้ส่งซ้อสินค้ำจำกโจทก์ตำมฟ้อง แต่จำกกำร
ื
ั
ื
ึ
ั
ตรวจสอบกำรส่งซ้อสินค้ำดังกล่ำวปรำกฏว่ำ นำยนิชชิน ซ่งเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลย
ี
และเป็นผู้ได้รับมอบหมำยให้เป็นผู้ช�ำระค่ำสินค้ำ ไม่ได้ด�ำเนินกำรช�ำระรำคำสินค้ำ และเปล่ยน
�
ิ
ู
ั
ุ
ื
่
ื
ิ
ุ
่
ั
ชอผ้รบสนค้ำจำกชอของจำเลยไปเป็นชอของบคคลอน เป็นเหตให้จำเลยไม่ได้รบสนค้ำตำมท ่ ี
่
�
ื
่
ื
ั
ได้ส่งซ้อไว้กับโจทก์ครบถ้วน ส่วนหนังสือรับสภำพหน้น้นนำยนิชชินได้เข้ำท�ำหนังสือรับสภำพ
ั
ื
ี
หนี้ในฐำนะส่วนตัว โดยไม่ได้แจ้งให้กรรมกำรและผู้ถือหุ้นของจ�ำเลยทรำบ หนังสือรับสภำพหนี้
ดังกล่ำวจึงไม่มีผลผูกพันจ�ำเลย จ�ำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำจ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้นำยนิชชินเข้ำมำเป็นจ�ำเลยร่วม ศำลแพ่ง
ื
มีค�ำสั่งอนุญำต
จ�ำเลยร่วมขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ี
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ
ิ
ุ
ั
ี
ี
่
ิ
คดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย
�
ั
ั
ู
ั
ิ
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท ่ ี
ื
ี
ี
ื
ื
ี
เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)
ึ
ื
ี
ี
หรือไม่ เห็นว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องในมูลหน้ผิดสัญญำซ้อขำยสินค้ำท่จ�ำเลย ผู้ซ้อ ซ่งอยู่ในประเทศไทย
ื
ี
ึ
ท�ำสัญญำกับโจทก์ ผู้ขำย ซ่งอยู่และมีภูมิล�ำเนำในต่ำงประเทศ โดยโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำได้ขำย
และจัดส่งสินค้ำให้แก่จ�ำเลยครบถ้วนแล้ว จ�ำเลยกลับช�ำระหน้ไม่ครบถ้วนโดยได้ช�ำระหน้เพียง
ี
ี
บำงส่วน ต่อมำภำยหลังจ�ำเลยได้ท�ำหนังสือรับสภำพหน้ต่อโจทก์ แต่ก็ผิดนัดไม่ปฏิบัติกำร
ี
ี
ช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำ แต่จ�ำเลยได้รับสินค้ำ
177
ี
ั
ไม่ครบถ้วน และหนังสือรับสภำพหน้ท่โจทก์กล่ำวอ้ำงน้นไม่ชอบ คดีจึงมีประเด็นให้ต้องพิจำรณำ
ี
ึ
ื
ี
ื
ถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดของคู่สัญญำตำมสัญญำซ้อขำยซ่งเป็นกำรซ้อขำยระหว่ำงผู้ซ้อ
ื
ในประเทศไทย และผู้ขำยในต่ำงประเทศ และส่งมอบสินค้ำเพ่อใช้ประโยชน์ในประเทศไทยอัน
ื
เข้ำลักษณะกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ
ื
ั
ี
ี
ื
และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๗ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
178
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทที เอส คอนเทนเนอร์ ไลน์
ที่ วทป ๒๖/๒๕๖๔ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์
บริษัทเอ็มพีเอสที โลจิสติกส์
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
ี
กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรม
่
ี
่
ื
่
่
ื
ี
ื
้
ี
�
ี
ั
้
่
ื
อนทเกยวเนองหรอไม่นน เนองจำกคดน โจทก์บรรยำยฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ จำเลยได้ว่ำจ้ำง
โจทก์ให้รับขนสินค้ำของจ�ำเลยจำกท่ำเรือเมืองจำกำร์ตำ สำธำรณรัฐอินโดนีเซีย มำยัง
ท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย โดยจองใช้ตู้คอนเทนเนอร์ของโจทก์เพ่อกำรขนส่งสินค้ำ
ื
ดังกล่ำว และเม่อสินค้ำของจ�ำเลยมำถึงท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย และจ�ำเลยรับมอบ
ื
สินค้ำแล้ว จ�ำเลยมีหน้ำที่ต้องส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์คืนให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยกลับเพิกเฉย
ไม่ส่งมอบคืน ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ดังน้น ตำมค�ำฟ้องจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำ
ั
ี
เก่ยวกับควำมรับผิดของจ�ำเลยตำมสัญญำรับขนท่โจทก์กล่ำวอ้ำง เม่อสัญญำดังกล่ำว
ื
ี
มีลักษณะเป็นสัญญำกำรขนส่งสินค้ำจำกต่ำงประเทศมำยังประเทศไทย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่ง
ื
เก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)
ี
ี
ื
ี
ิ
ิ
ี
ั
้
แห่ง พ.ร.บ. จดตงศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคด ี
ั
ิ
ั
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เม่อวันท่ ๑๑
ี
ื
กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓ จ�ำเลยว่ำจ้ำงให้โจทก์รับขนสินค้ำของจ�ำเลยจำกท่ำเรือเมืองจำกำร์ตำ
สำธำรณรัฐอินโดนีเซีย มำยังท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย โดยจ�ำเลยได้จองใช้ตู้คอนเทนเนอร์
ื
ื
ี
ของโจทก์เลขท่ TEMU ๙๓๗๔๗๓๒ เพ่อใช้ในกำรขนส่งสินค้ำดังกล่ำว ต่อมำเม่อสินค้ำของจ�ำเลย
ี
มำถึงท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย และจ�ำเลยได้รับสินค้ำแล้ว จ�ำเลยมีหน้ำท่ต้องส่งมอบ
ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่ำวคืนให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยกลับเพิกเฉยไม่ยอมส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์
คืนให้แก่โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน
๓๙๓,๙๖๖.๙๓ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๗๒,๕๓๓.๕๐ บำท
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
179
จ�ำเลยขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร
้
ั
ั
่
ั
ี
ิ
ิ
่
้
้
ิ
�
ั
พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ
ุ
์
ี
ั
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท ี ่
ี
ั
เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ื
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่
เห็นว่ำ คดีน้โจทก์บรรยำยฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยได้ว่ำจ้ำงโจทก์ให้รับขนสินค้ำของจ�ำเลยจำก
ี
ั
ี
ั
ื
ื
ท่ำเรอเมองจำกำร์ตำ สำธำรณรฐอนโดนีเซย มำยงท่ำเรอแหลมฉบัง ประเทศไทย โดยจองใช้
ื
ิ
ตู้คอนเทนเนอร์ของโจทก์เพ่อกำรขนส่งสินค้ำดังกล่ำว และเม่อสินค้ำของจ�ำเลยมำถึงท่ำเรือ
ื
ื
แหลมฉบัง ประเทศไทย และจ�ำเลยรับมอบสินค้ำแล้ว จ�ำเลยมีหน้ำที่ต้องส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์
คนให้แก่โจทก์ แต่จำเลยกลบเพกเฉยไม่ส่งมอบคน ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ดงนน
ั
ื
�
ั
ั
ั
้
�
ื
ิ
ี
ี
ี
ตำมค�ำฟ้องจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำเก่ยวกับควำมรับผิดของจ�ำเลยตำมสัญญำรับขนท่โจทก์
กล่ำวอ้ำง เม่อสัญญำดังกล่ำวมีลักษณะเป็นสัญญำกำรขนส่งสินค้ำจำกต่ำงประเทศมำยัง
ื
ประเทศไทย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
180
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัททีเอ็นที เอ็กซเพรส
ที่ วทป ๔๕/๒๕๖๔ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย)
จ�ำกัด โจทก์
บริษัทลอฟบำซ
จ�ำกัด จ�ำเลย
จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้ขนส่งสินค้ำทำงอำกำศโดยรับสินค้ำจำกผู้ส่งในประเทศไทย
ี
้
ั
ุ
ู
ั
ี
ี
ไปส่งมอบแก่ผ้รบในต่ำงประเทศหลำยครง จำเลยยงมหนค่ำขนส่งและค่ำภำษศลกำกร
้
�
ั
ื
ค้ำงช�ำระโจทก์อยู่ ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้และยังฟ้องแย้งเรียกค่ำเสียหำยอันเน่องมำ
ี
ี
ี
จำกกำรท่โจทก์ขนส่งล่ำช้ำ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ และ
ึ
ี
ี
ในส่วนฟ้องแย้งเป็นคดีท่เก่ยวกับกำรรับขนของทำงอำกำศระหว่ำงประเทศซ่ง พ.ร.บ.
กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก�ำหนดให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________
ิ
โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้ขนส่งสินค้ำทำงอำกำศโดยรับสนค้ำจำกผู้ส่งใน
�
ประเทศไทยขนส่งไปส่งมอบแก่ผู้รับในต่ำงประเทศหรือรับสินค้ำจำกผู้ส่งในต่ำงประเทศขนส่ง
มำส่งมอบแก่ผู้รับในประเทศไทย มีกำรท�ำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อก�ำหนดในกำร
รับขนสินค้ำ จ�ำเลยยังแต่งต้งโจทก์ให้เป็นตัวแทนของจ�ำเลยในกำรน�ำสินค้ำออกจำกหรือเข้ำมำ
ั
ในประเทศไทย หำกมีภำษีเกิดข้นจำกกำรส่งออกหรือน�ำเข้ำ ไม่ว่ำจะเป็นท่ต่ำงประเทศหรือใน
ี
ึ
ประเทศไทย จ�ำเลยตกลงรับผิดชอบค่ำภำษีศุลกำกรดังกล่ำว เมื่อระหว่ำงวันที่ ๑๓ พฤศจิกำยน
๒๕๖๐ ถึงวันท่ ๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ โจทก์จัดส่งสินค้ำตำมข้อตกลงข้ำงต้นจำกต้นทำงใน
ี
ประเทศไทยขนส่งไปส่งมอบแก่ผู้รับในต่ำงประเทศหลำยครั้ง คิดเป็นค่ำขนส่ง ค่ำระวำงพำหนะ
และค่ำบริกำร เป็นเงินรวมภำษีมูลค่ำเพ่ม ๓,๒๔๔,๘๖๕.๐๒ บำท โจทก์ยังได้ทดรองจ่ำยค่ำ
ิ
ภำษีศุลกำกรและค่ำธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นหลำยครั้งเป็นเงิน ๑,๑๔๘,๑๕๗.๓๖ บำท โจทก์
ได้เรียกเก็บเงินดังกล่ำวจำกจ�ำเลยแล้วตำมรอบระยะเวลำที่ได้ตกลงกัน เมื่อถึงก�ำหนดช�ำระเงิน
ี
ั
ในแต่ละคร้ง จ�ำเลยขอผัดผ่อนกำรช�ำระหน้และแจ้งว่ำมีกำรขนส่งสินค้ำล่ำช้ำ โจทก์จึงได้ลดหน ี ้
ให้แก่จ�ำเลยโดยกำรออกใบลดหน้ให้หลำยคร้ง รวมเป็นเงินส่วนลด ๒๗๒,๔๖๒.๘๙ บำท และ
ั
ี
181
ี
ี
เรียกเก็บเงินส่วนท่เหลือรวม ๔,๑๒๐,๕๕๙.๔๙ บำท แต่จ�ำเลยเพิกเฉยไม่ช�ำระหน้แก่โจทก์
�
�
ี
ั
โจทก์จึงคิดค่ำเสียหำยเป็นดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดชำระจนถึง
้
วันฟ้องเป็นเงิน ๓๙๗,๓๐๗ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔,๕๑๗,๘๖๖.๔๙ บำท พร้อม
ั
ั
ี
ั
้
ิ
ั
ดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงน ๔,๑๒๐,๕๕๙.๔๙ บำท นบแต่วันถดจำกวนฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ฟ้องโจทก์ในส่วนของกำรลดค่ำ
ี
ี
ี
บริกำรและออกใบลดหน้เป็นฟ้องเคลือบคลุม ยอดหน้ค่ำขนส่งสินค้ำท่โจทก์ฟ้องมำไม่ถูกต้อง
่
ื
จ�ำเลยไม่มหน้ำทต้องช�ำระค่ำภำษศุลกำกรในกำรขนส่งบำงรำยกำร โจทก์ให้ส่วนลดอันเนอง
ี
่
ี
ี
มำจำกกำรขนส่งล่ำช้ำน้อยเกินไป ดอกเบ้ยผิดนัดท่โจทก์เรียกมำไม่ถูกต้องตำมกฎหมำย คดีน ้ ี
ี
ี
เป็นคดีผู้บริโภค ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำยจำกกำรที่โจทก์ขนส่งล่ำช้ำ จัดกำรเอกสำรผิดพลำด และ
ยังได้รับควำมเสียหำยจำกกำรท่โจทก์เปล่ยนแปลงโครงสร้ำงภำยในบริษัท คิดเป็นค่ำเสียหำย
ี
ี
้
ี
้
ั
้
ั
์
์
่
�
ิ
เกนกวำจำนวนทโจทกเรยกรองมำ ขอใหยกฟองและบงคบโจทกชำระคำเสยหำย ๔,๖๑๐,๐๐๐ บำท
ี
ี
่
�
่
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำ
ี
จะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย
ในชั้นพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ กรณี
มีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ี
ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน
ั
ั
ั
ั
ิ
ู
ิ
ิ
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญัติจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำ
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและเป็นคดีท่เก่ยวกับ
ี
ี
ี
กำรรับขนของทำงอำกำศระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๘ ท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ี
ประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)
และ (๑๐) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวในค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้ขนส่งสินค้ำทำงอำกำศ
ั
�
ู
ิ
ู
ั
้
ั
ั
โดยรบสนค้ำจำกผ้ส่งในประเทศไทยไปส่งมอบแก่ผ้รบในต่ำงประเทศหลำยครง จำเลยยงม ี
182
ี
ี
หน้ค่ำขนส่งและค่ำภำษีศุลกำกรค้ำงช�ำระโจทก์อยู่ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้ท่ค้ำงช�ำระพร้อม
ี
�
ี
�
้
ุ
ี
�
ิ
ู
ิ
ดอกเบย ส่วนจำเลยให้กำรต่อส้ว่ำ สทธเรยกร้องตำมคำฟ้องของโจทก์ขำดอำยควำม คำฟ้อง
ี
ี
ในส่วนท่เป็นส่วนลดเคลือบคลุม ยอดหน้ท่โจทก์เรียกร้องไม่ถูกต้อง และจ�ำเลยยังฟ้องแย้ง
ี
ั
ี
ี
ี
ื
็
ึ
่
เรยกค่ำเสยหำยอนเนองมำจำกกำรทโจทก์ขนส่งล่ำช้ำ ดงน คดจงมประเดนข้อพพำทและ
ี
ั
่
ิ
ี
ี
้
ี
ี
ประเด็นแห่งคดีให้ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำรับขนของทำงอำกำศท่คู่สัญญำตกลงให้ถ่นต้นทำง
ิ
ี
และถ่นปลำยทำงต้งอยู่ในอำณำเขตของสองประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่ง
ั
ิ
ี
ระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)
ี
และในส่วนฟ้องแย้งเป็นคดีท่เก่ยวกับกำรรับขนของทำงอำกำศระหว่ำงประเทศท่โจทก์มีสิทธ ิ
ี
ี
่
ี
ทจะเสนอค�ำฟ้องในรำชอำณำจักรซงพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ
ึ
่
พ.ศ. ๒๕๕๘ มำตรำ ๕๖/๔ ประกอบมำตรำ ๕๖/๑ ก�ำหนดให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ จึงเป็นกรณีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่
ั
ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐) ด้วย
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
183
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไปรษณีย์ไทย จ�ำกัด โจทก์
ที่ วทป ๔๗/๒๕๖๔ บริษัทไชน่ำ ไทย มำร์เก็ตติ้ง
จ�ำกัด จ�ำเลย
ิ
ึ
ควำมรับผิดตำมสัญญำใช้บริกำรจัดส่งส่งของจ�ำนวนมำกระหว่ำงประเทศซ่ง
ี
ผู้ส่งอยู่ในประเทศไทยและมีผู้รับอยู่ในต่ำงประเทศ เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่ง
ระหว่ำงประเทศ
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นรัฐวิสำหกิจประกอบกิจกำรกำรไปรษณีย์ ประเทศไทยเป็นภำคี
สหภำพสำกลไปรษณีย์ซ่งมีผลให้โจทก์ต้องปฏิบัติตำมอนุสัญญำสำกลไปรษณีย์และระเบียบ
ึ
ปฏิบัติแห่งอนุสัญญำดังกล่ำว เม่อวันท่ ๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำสัญญำใช้บริกำรจัด
ื
ี
ิ
ส่งส่งของจ�ำนวนมำกระหว่ำงประเทศกับโจทก์ มีก�ำหนดระยะเวลำเร่มต้งแต่วันท�ำสัญญำถึง
ั
ิ
วันที่ ๓๑ ตุลำคม ๒๕๖๑ มีข้อตกลงในกรณีที่ประเทศปลำยทำงเรียกเก็บอัตรำค่ำบริกำรฝำกส่ง
ไปรษณียภัณฑ์จ�ำนวนมำกว่ำ จ�ำเลยจะเป็นผู้รับผิดชอบภำระค่ำใช้จ่ำยดังกล่ำวตำมเงื่อนไขของ
สหภำพสำกลไปรษณีย์ โดยจ�ำเลยน�ำเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท มำวำงไว้เป็นหลักประกันต่อโจทก์ ต่อมำ
จ�ำเลยใช้บริกำรโจทก์ฝำกส่งไปรษณียภัณฑ์ไปยังปลำยทำงประเทศต่ำง ๆ รวมถึงปลำยทำงท ี ่
ประเทศอังกฤษ เมื่อระหว่ำงเดือนเมษำยน ๒๕๖๑ ถึงเดือนตุลำคม ๒๕๖๑ กำรไปรษณีย์อังกฤษได้
ื
ี
จัดส่งใบแจ้งเหตุเพ่อแจ้งโจทก์ว่ำ ไปรษณียภัณฑ์ท่จ�ำเลยฝำกส่งผ่ำนโจทก์เข้ำข่ำยเป็นกำรฝำกส่ง
จ�ำนวนมำก คือเกิน ๑,๕๐๐ ชิ้นต่อเที่ยวไปรษณีย์ต่อวัน หรือเกิน ๕,๐๐๐ ชิ้น ภำยใน ๒ สัปดำห์
จำกผู้ฝำกส่งรำยเดียวกัน ซ่งจ�ำเลยจะต้องเสียค่ำบริกำรตำมท่กำรไปรษณีย์อังกฤษเรียกเก็บตำม
ี
ึ
ระเบียบปฏิบัติว่ำด้วยไปรษณียภัณฑ์ของสหภำพสำกลไปรษณีย์จ�ำนวน ๓๐๔ เท่ยวไปรษณีย์
ี
โจทก์ช�ำระค่ำบริกำรให้แก่กำรไปรษณีย์อังกฤษแล้ว จึงน�ำจ�ำนวนเงินดังกล่ำวมำหักกับค่ำบริกำร
ที่จ�ำเลยช�ำระต่อโจทก์ คงเหลือค่ำบริกำรที่จ�ำเลยจะต้องช�ำระอีก ๑๔,๖๔๒,๒๕๓.๒๙ บำท โจทก์
ออกใบแจ้งหนี้เรียกให้จ�ำเลยช�ำระเงินดังกล่ำวแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีหนังสือทวงถำม
อีกหลำยคร้งและแจ้งสงวนสิทธิในกำรริบหลักประกันท่จ�ำเลยวำงไว้ แต่จ�ำเลยยังคงเพิกเฉย
ี
ั
เมื่อวันที่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ โจทก์จึงริบหลักประกันมำเพื่อช�ำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่จ�ำเลย
ค้ำงไว้ แต่คงช�ำระหนี้ได้บำงส่วน จ�ำเลยยังคงค้ำงช�ำระต้นเงิน ๑๓,๒๗๓,๕๓๐.๓๒ บำท โจทก์มี
184
หนังสือแจ้งภำระหนี้ให้จ�ำเลยทรำบแล้ว แต่จ�ำเลยยังคงเพิกเฉยไม่ช�ำระหนี้ โจทก์จึงคิดดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๒๔,๕๔๖.๙๔ บำท ขอให้
ี
บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๓,๒๙๘,๐๗๗.๒๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของ
ต้นเงิน ๑๓,๒๗๓,๕๓๐.๓๒ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ทรำบดีแล้วว่ำ บริษัท Profit Group Logistics
(Hong Kong) Limited จะรับผิดช�ำระหนี้ค่ำใช้บริกำรและเงินอื่นใดตำมสัญญำแทนจ�ำเลย หำก
ี
ื
โจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บหน้ค่ำใช้บริกำรและเงินอ่นใดตำมสัญญำในทุกกรณีจำกจ�ำเลย โจทก์
ิ
จึงไม่มีสิทธิเรียกเก็บเงินจำกจ�ำเลย สัญญำกำรให้บริกำรจัดส่งส่งของจ�ำนวนมำกระหว่ำงประเทศ
เป็นสัญญำที่ไม่เป็นธรรม กำรที่ฟ้องโจทก์อ้ำงสัญญำดังกล่ำวประกอบกับข้อก�ำหนดของสหภำพ
สำกลไปรษณีย์นั้น ไม่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยช�ำระค่ำบริกำรให้โจทก์ถูกต้องแล้ว
ี
ี
เป็นควำมบกพร่องของโจทก์ท่ไม่ตรวจสอบของท่รับฝำก จ�ำเลยจึงไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ โจทก์
ไม่มีสิทธิริบหลักประกันและต้องคืนหลักประกัน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ี
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันริบหลักประกัน ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์คืนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐
บำทพร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ เป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
่
่
�
ื
้
้
่
ู
�
ิ
ิ
็
ี
ี
ี
่
ิ
่
ระหวำงพจำรณำ จำเลยยนคำรองวำ คดนเปนคดทอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ
�
่
่
่
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหวำงประเทศ ศำลจังหวดสระบุรีเห็นวำ กรณีมีปัญหำวำ
ี
คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ั
หรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำวแล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน
ิ
ิ
ั
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญัติจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำ
ิ
ั
ั
ั
ู
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ี
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็น
ิ
ี
ั
่
ิ
ิ
ี
�
ั
ั
ิ
ิ
รฐวสำหกจประกอบกจกำรกำรไปรษณย์ จำเลยใช้บรกำรจดส่งสงของไปรษณยภณฑ์ระหว่ำง
ประเทศจ�ำนวนมำกกับโจทก์ โดยจ�ำเลยวำงเงินหลักประกันค่ำใช้จ่ำยไว้ จ�ำเลยค้ำงช�ำระค่ำบริกำร
ส่งไปรษณียภัณฑ์ไปยังประเทศอังกฤษ ส่วนจ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
185
ี
สัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสัญญำท่ไม่เป็นธรรม จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ โจทก์
ี
ไม่มีสิทธิริบเงินประกัน และขอให้บังคับโจทก์คืนเงินหลักประกันแก่จ�ำเลย ดังน้ คดีมีประเด็น
ข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดตำมสัญญำใช้บริกำรจัดส่งสิ่งของจ�ำนวน
ึ
มำกระหว่ำงประเทศซ่งผู้ส่งอยู่ในประเทศไทยและมีผู้รับอยู่ในต่ำงประเทศ จึงเป็นคดีแพ่ง
ี
ึ
เก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
186
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด
ที่ วท ๑/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์
บริษัทเอส.ดับเบิ้ลยู. เกรท จ�ำกัด
ั
กบพวก จ�ำเลย
�
�
ั
้
่
ี
์
้
ู
้
�
้
้
ู
่
ี
ี
โจทกฟองจำเลยท ๑ ในฐำนะลกหนชนตน จำเลยท ๒ กบท ๓ ในฐำนะผคำประกน
ี
ั
่
้
ั
่
ี
ี
ี
่
และจ�ำเลยท ๔ ในฐำนะผู้จ�ำนองประกันในมูลหน้ของจ�ำเลยท ๑ ตำมสัญญำขำย
ื
ั
ต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพ่อกำรน�ำเข้ำ เม่อจ�ำเลยท้งส่ให้กำรปฏิเสธหน ี ้
ี
ั
ื
ั
ี
ท้งหมดตำมค�ำฟ้อง คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งส่จึงมีประเด็น
ั
ี
ี
ข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของจ�ำเลยท้งส่ในอันท่จะต้องช�ำระหน้ตำม
ี
ั
ั
สัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินดังกล่ำวกับกำรประกันหน้ตำมสัญญำค้ำประกันและจ�ำนอง
�
ี
ื
ั
ื
เท่ำน้น มูลหน้ตำมวงเงินพี/เอ็นท่มีกำรรับซ้อต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อน�ำเงินไปช�ำระให้
ี
ั
ี
ื
ผู้ขำยสินค้ำท่ต่ำงประเทศก็เป็นกรณีท่โจทก์ซ่งอยู่ในประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเช่อ
ึ
ี
ี
แก่จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพื่อจ�ำเลยที่ ๑ จะได้ใช้เงินนั้นในกำรน�ำเข้ำ
ื
ื
สินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำร
ื
ื
น�ำเข้ำสินค้ำ จึงมิใช่กำรซ้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ เพรำะประเด็น
ี
ี
ื
ข้อพิพำทในคดีน้ไม่เก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำ หรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ
ี
่
ี
ี
่
ี
ิ
หรือเก่ยวกับสิทธ หน้ำท และควำมรับผิดระหว่ำงจ�ำเลยท ๑ กับคู่ค้ำท่ต่ำงประเทศ
แต่อย่ำงใด ทั้งไม่ใช่กำรบริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำง
ั
ึ
ู้
ประเทศน้นต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผรับบริกำรได้รับบริกำร
ึ
ั
น้นในอีกประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำงผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรท ่ ี
ื
ต่ำงอยู่ในประเทศไทยด้วยกันเช่นน แม้โจทก์จะฟ้องว่ำจ�ำเลยท ๑ ท�ำค�ำขอใช้วงเงิน พี/เอ็น
ี
่
ี
้
ร่วมกบเลตเตอร์ออฟเครดตและทรสต์รซทเพ่อซอสนค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ
ี
ี
ั
ื
้
ื
ิ
ิ
ั
่
ี
ี
แต่คดีน้โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยท ๑ รับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือ
ทรัสต์รีซีทแต่อย่ำงใด ควำมรับผิดของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นไปตำมเง่อนไขในสัญญำขำย
ื
ี
่
ั
ต๋วสัญญำใช้เงินระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ เท่ำน้น ไม่เก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำ
ั
่
ี
ี
ี
ู
ั
้
ั
เลตเตอร์ออฟเครดตหรอทรสต์รซทเพอซ้อสินค้ำจำกผ้ขำยในต่ำงประเทศ ดงนน คดน ี ้
่
ื
ี
ี
ิ
ื
ั
ื
ี
จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ กำรให้
ื
187
ี
ี
ื
ื
บริกำรระหว่ำงประเทศ เลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำย
ี
ระหว่ำงประเทศ หรือทรัสต์รีซีท ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ.
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
ั
็
ั
ี
ิ
ี
่
โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยท ๑ ท�ำคำขอใช้วงเงน พ/เอน (ขำยต๋วสญญำใช้เงน) เพ่อชำระ
�
�
ิ
�
ื
ั
ี
บี/ซี ร่วมกับวงเงินเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีท และจ�ำเลยท่ ๑ ได้ออกต๋วสัญญำใช้เงิน
ื
ั
และน�ำต๋วสัญญำใช้เงินมำท�ำสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพ่อกำรน�ำเข้ำ
ั
กับโจทก์ ๓ ครั้ง รวมเป็นเงิน ๗๑,๙๔๗.๙๕ เหรียญสหรัฐอเมริกำ โดยจ�ำเลยที่ ๑ ขอให้โจทก์
ั
โอนเงินท่ระบุในต๋วสัญญำใช้เงินแต่ละฉบับเข้ำบัญชีของธนำคำรซ่งอยู่ต่ำงประเทศเพ่อเป็นกำร
ี
ึ
ื
ี
ึ
ี
ช�ำระค่ำสินค้ำแทนจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งโจทก์ได้โอนเงินเข้ำบัญชีของผู้ขำยสินค้ำท่ต่ำงประเทศแล้ว
ั
ี
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ตกลงช�ำระเงินท่ได้รับจำกกำรขำยต๋วสัญญำใช้เงินให้แก่โจทก์ในวันท่ต๋วสัญญำใช้เงิน
ี
แต่ละฉบับครบก�ำหนดพร้อมดอกเบี้ย และเพื่อเป็นหลักประกันกำรช�ำระหนี้ทั้งหมด จ�ำเลยที่ ๒
ี
้
ั
ี
้
ี
ี
ี
�
ี
่
และท่ ๓ เข้ำทำสญญำคำประกนกำรช�ำระหนของจ�ำเลยท ๑ ท่มต่อโจทก์ และจ�ำเลยท ๒
่
ั
�
ี
ี
ี
ี
และท่ ๔ ได้ท�ำสัญญำจ�ำนองท่ดินและห้องชุดประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ ท่มีต่อโจทก์
ี
ตำมล�ำดับ ภำยหลังเม่อต๋วสัญญำใช้เงินแต่ละฉบับครบก�ำหนดโจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บเงินจำก
ั
ื
จ�ำเลยท่ ๑ ได้ โจทก์จึงแปลงสกุลเงินของหน้ท่เกิดจำกสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำ
ั
ี
ี
ี
ต่ำงประเทศเพ่อท�ำกำรน�ำเข้ำจำกเงินตรำต่ำงประเทศเป็นสกุลเงินไทยจ�ำเลยท้งส่ต้องร่วมกัน
ี
ั
ื
ื
ี
ชดใช้ต้นเงินพร้อมดอกเบ้ยตำมสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพ่อกำรน�ำ
ั
ี
เข้ำแต่ละฉบับให้แก่โจทก์ รวมเป็นเงินต้น ๒,๓๕๕,๖๑๖ บำท ดอกเบ้ย ๓๔๘,๒๒๘.๙๑ บำท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๗๐๓,๘๔๕.๑๔ บำท โจทก์มีหนังสือทวงถำมถึงจ�ำเลยทั้งสี่ให้ช�ำระหนี้และ
ี
ี
ั
ั
บอกกล่ำวบังคับจ�ำนองแล้ว แต่จ�ำเลยท้งส่เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส่ร่วมกันช�ำระเงิน
๒,๗๐๓,๘๔๕.๑๔ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๓๕๕,๖๑๖.๒๓ บำท
นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลยท้งส่ไม่ช�ำระขอให้ยึดทรัพย์จ�ำนอง
ั
ี
ของจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๔ และทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยทั้งสี่ออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระหนี้
แก่โจทก์จนครบถ้วน
188
ั
ี
�
่
์
่
้
ั
�
้
่
ี
่
�
ั
จำเลยทงสใหกำรในทำนองเดยวกนวำ โจทกไมมอำนำจฟอง ผรบมอบอำนำจไมมอำนำจ
�
ี
้
�
ี
้
ู
ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ ค�ำฟ้องโจทก์อ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำค�ำขอใช้วงเงิน พี/เอ็น ร่วมกับเลตเตอร์
ื
ื
ออฟเครดิตและทรัสซ์รีซีทเพ่อซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศและให้โจทก์โอนเงินเข้ำบัญช ี
ี
ั
ี
ของผู้ขำยสินค้ำท่ธนำคำรในต่ำงประเทศ เพ่อเป็นกำรช�ำระค่ำสินค้ำแทนจ�ำเลยท่ ๑ และต๋วสัญญำ
ื
ี
ใช้เงินเป็นเงินสกุลต่ำงประเทศ กรณีจึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ซ่งอยู่ใน
ึ
เขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
จ�ำเลยที่ ๑ ไม่เคยท�ำค�ำขอใช้เงิน พี/เอ็น เพื่อช�ำระ บี/ซี ร่วมกับวงเงินเลตเตอร์ออฟเครดิตและ
ั
ั
ทรัสต์รีซีทกับโจทก์และไม่เคยออกต๋วสัญญำใช้เงินและท�ำสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินกับโจทก์
จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยขอให้โจทก์โอนเงินเข้ำบัญชีของผู้ขำยสินค้ำท่อยู่ต่ำงประเทศ จ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ี
ั
ไม่เคยได้รับเงินตำมต๋วสัญญำใช้เงิน จ�ำเลยท่ ๑ จึงไม่ใช่ผู้ผิดสัญญำและไม่ได้ผิดนัดช�ำระหน ้ ี
ี
�
ี
จ�ำเลยท้งส่จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ สัญญำค้ำประกันและสัญญำจ�ำนองท่โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒
ั
ี
ี
ถึงท่ ๔ ท�ำกับโจทก์เป็นเวลำนำนกว่ำ ๑๘ ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขำดอำยุควำม สัญญำจ�ำนอง
ี
ื
ตำมฟ้องเป็นโมฆะและไม่ชอบด้วยกฎหมำย เน่องจำกสัญญำจ�ำนองไม่ได้จ�ำนองหน้ตำมฟ้อง
ี
ี
ึ
ี
ี
ี
ในคดีน้ โจทก์คิดดอกเบ้ยเกินอัตรำท่กฎหมำยก�ำหนดและคิดดอกเบ้ยทบต้นซ่งไม่ชอบ
ด้วยกฎหมำย ดอกเบี้ยจึงตกเป็นโมฆะ จ�ำเลยทั้งสี่ไม่เคยได้รับหนังสือทวงถำมและบังคับจ�ำนอง
จำกโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ค�ำฟ้องโจทก์ในคดีน้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมำยเลขด�ำท ี ่
ี
ผบ ๙๐๔/๒๕๕๙ ของศำลแพ่ง และคดีแพ่งหมำยเลขด�ำท่ กค ๒๙/๒๕๕๙ ของศำลทรัพย์สิน
ี
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ี
ในวันนัดพิจำรณำของศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญญำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงส่งส�ำนวน
ั
มำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ื
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ
ี
ี
ี
หรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ เลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออก
ี
ื
ั
ื
เก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ หรือทรัสต์รีซีท ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑
189
ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น จ�ำเลยที่ ๒ กับที่ ๓ ในฐำนะผู้ค�้ำประกัน และจ�ำเลยที่ ๔ ในฐำนะผู้จ�ำนอง
ประกันในมูลหนี้ของจ�ำเลยที่ ๑ ตำมสัญญำขำยตั๋วสัญญำใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพื่อกำร
ี
ื
ั
ั
น�ำเข้ำ เม่อจ�ำเลยท้งส่ให้กำรปฏิเสธหน้ท้งหมดตำมค�ำฟ้อง คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์และ
ี
ี
ั
ี
ั
ค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งส่จึงมีประเด็นพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของจ�ำเลยท้งส่ในอัน
ี
�
ี
ี
ท่จะต้องช�ำระหน้ตำมสัญญำขำยต๋วสัญญำใช้เงินดังกล่ำวกับกำรประกันหน้ตำมสัญญำค้ำประกัน
ั
และจ�ำนองเท่ำนั้น มูลหนี้ตำมวงเงิน พี/เอ็น ที่มีกำรรับซื้อตั๋วสัญญำใช้เงินเพื่อน�ำเงินไปช�ำระให้
ผู้ขำยสินค้ำที่ต่ำงประเทศ ก็เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งอยู่ในประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเชื่อแก่จ�ำเลยที่ ๑
ซงอย่ในประเทศไทยด้วยกน เพอจำเลยท ๑ จะได้ใช้เงนนนในกำรนำเข้ำสนค้ำจำกผ้ขำย
ี
่
่
ื
�
ั
ิ
ิ
่
ึ
�
ั
้
ู
ู
ิ
�
ั
่
ุ
ื
ึ
ื
่
ื
่
ิ
ี
ั
ในต่ำงประเทศ อนมลกษณะเป็นเรองสนเชอเพอสนบสนนกำรนำเข้ำสนค้ำ จงมใช่กำรซอขำย
ั
้
ื
ิ
สินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ เพรำะประเด็นข้อพิพำทในคดีน้ไม่เก่ยวกับนิติกรรม
ี
ี
กำรซื้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ หรือเกี่ยวกับสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิด
ี
ั
ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับคู่ค้ำท่ต่ำงประเทศแต่อย่ำงใด ท้งไม่ใช่กำรบริกำรระหว่ำงประเทศ
ี
ึ
ั
เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและ
ึ
ื
ั
เป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำง
ี
ี
ผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรท่ต่ำงอยู่ในประเทศไทยด้วยกันเช่นน้ แม้โจทก์จะฟ้องว่ำจ�ำเลยท่ ๑
ี
ท�ำค�ำขอใช้วงเงิน พี/เอ็น ร่วมกับเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสซ์รีซีทเพ่อซ้อสินค้ำจำกผู้ขำย
ื
ื
ในต่ำงประเทศ แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยที่ ๑ รับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิต
ั
ั
ั
๋
ี
�
่
ี
ั
ิ
็
ื
่
และทรัสซ์รซทแต่อยำงใด ควำมรบผดของจำเลยท ๑ จึงเปนไปตำมเงอนไขในสญญำขำยตวสญญำ
ี
่
ใช้เงินระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ เท่ำน้น ไม่เก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิต
ี
ั
ี
และทรัสต์รีซีทเพื่อซื้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ ดังนั้น คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อ
ขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศเลตเตอร์ออฟเครดิต
ที่ออกเกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ หรือทรัสต์รีซีท ที่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗
(๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
190
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
191
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรทหำรไทย จ�ำกัด
ที่ วท ๔/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์
บริษัท ไทยมำร์ท สโตร์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น และจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกัน
ในมูลหนี้ ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว ทั้งจ�ำเลยทั้งสองก็ให้กำรยอมรับว่ำ หนี้ตำม
ื
สัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับระงับไปแล้ว เน่องจำกมีกำร
ื
ี
ื
แปลงหน้ใหม่โดยกำรท�ำสินเช่อประเภทสินเช่อเงินกู้ระยะยำว คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์
และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของ
ั
ี
ั
ั
ื
จ�ำเลยท้งสองในอันท่จะต้องช�ำระหน้ตำมสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวเท่ำน้น แม้มูลหน ้ ี
ี
ี
ื
ื
เดิมของสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวจะเป็นหน้ตำมสัญญำสินเช่อเลตเตอร์ออฟเครดิต
ื
ื
ทรัสต์รีซีท รับซ้อต๋วแลกเงินหรือเอกสำรกำรส่งสินค้ำออกและวงเงินซ้อขำยเงินตรำ
ั
ต่ำงประเทศล่วงหน้ำก็ตำม และแม้จ�ำเลยท้งสองจะให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท ๑ ได้ขำยสินค้ำ
ี
่
ั
และช�ำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสตรีซีท
ทุกฉบับแล้ว กรณีเป็นเพียงกำรต่อสู้ถึงจ�ำนวนยอดหนี้ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว
ี
ี
้
เท่ำน้น ไม่ใช่กำรปฏิเสธหน ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีทท่จะก่อให้
ั
เกิดประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท
ี
ี
ี
จึงไม่ใช่กรณีพิพำทเก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท
คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกเกี่ยวกับกำรซื้อขำย แลกเปลี่ยน
สินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงิน
เข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้งกำรประกัน
ิ
ิ
ั
์
ิ
ั
ิ
ั
่
ั
เกยวกบกจกำรดงกลำว อนจะอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำ
่
ี
่
ู
�
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้ง
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำง
ี
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
192
ี
ื
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๕ ตุลำคม ๒๕๕๕ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำสินเช่อเลตเตอร์
ออฟเครดิต (Letter of Credit) (L/C) และ/หรือ Domestic Letter Of Credit (DL/C) และ/หรือ
ื
ั
ทรสต์รซท (Trust Receipt) (T/R) และ/หรอ Domestic Trust Receipt (DT/R) และ/หรอ
ื
ี
ี
ื
ื
Shipping Guarantee (S/G) รวมเรียกว่ำ สินเช่อก่อนกำรขำย (Pre Sale) และรับซ้อต๋วแลกเงิน/หรือ
ั
เอกสำรกำรส่งสินค้ำออก (B/P) และหรือ Post Packing รวมเรียกว่ำสินเช่อหลังกำรขำย
ื
(Post Sale) โดยจ�ำเลยท่ ๑ มีสิทธิใช้สินเช่อก่อนกำรขำยและสินเช่อหลังกำรขำยในวงเงิน
ี
ื
ื
ั
ื
้
ิ
่
้
รวมกน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท และวงเงนซอขำยเงนตรำตำงประเทศลวงหนำ (FX Global Line และ
ิ
่
Option Line) ในวงเงิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ไว้กับโจทก์ โดยมีรำยละเอียดตำมสัญญำสินเช่อ
ื
ั
ั
ี
ี
�
ื
ิ
่
ั
ั
และบนทกข้อตกลงแนบท้ำยสญญำสนเช่อ ต่อมำวนท ๒๐ ธนวำคม ๒๕๕๖ จำเลยท่ ๑
ึ
ิ
่
ี
ิ
ู
ิ
ขอเปลยนแปลงประเภทสนเชอเป็นประเภทสนเชอเงนก้ระยะยำวเป็นเงน ๒๔,๓๐๕,๐๐๐ บำท
่
ื
่
ื
ิ
ตกลงเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตรำดอกเบี้ย MLR ต่อปี ซึ่งขณะท�ำสัญญำโจทก์ประกำศก�ำหนด
ึ
ี
ี
ี
อัตรำดอกเบ้ยร้อยละ ๗.๒๕ ต่อปี ในกรณีผิดนัดช�ำระหน้เงินต้นหรือดอกเบ้ยงวดใดงวดหน่ง
ั
ี
หรือปฏิบัติผิดสัญญำไม่ว่ำข้อใดข้อหน่ง ให้ถือว่ำตกเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญำและให้หน้ท้งหมด
ึ
ี
ี
ถึงก�ำหนดช�ำระ และจ�ำเลยท่ ๑ ยินยอมเสียดอกเบ้ยในอัตรำดอกเบ้ยผิดนัด ในกำรกู้เงินน ี ้
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๑ ได้รับเงินกู้ไปจำกโจทก์ถูกต้องครบถ้วนแล้วเพ่อช�ำระหน้ตำมสัญญำสินเช่อฉบับ
ื
ี
ี
ลงวันท่ ๕ ตุลำคม ๒๕๕๕ และเพ่อเป็นกำรประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒
ื
ี
ี
ี
ี
ผูกพันตนเข้ำค้ำประกันจ�ำเลยท่ ๑ ในหน้ทุกประเภทอย่ำงลูกหน้ร่วม และจ�ำเลยท่ ๑ น�ำสมุด
�
ี
ี
ี
ี
เงินฝำกประจ�ำมำท�ำสัญญำจ�ำน�ำสิทธิกำรรับเงินฝำกคืนให้กับโจทก์ในฐำนะผู้รับจ�ำน�ำและยินยอม
ี
ี
ี
ื
มอบเงินฝำกประจ�ำดังกล่ำวเพ่อเป็นประกันหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ ท่มีต่อโจทก์ ภำยหลังจำกท ี ่
ี
ั
ี
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำสินเช่อเงินกู้กับโจทก์แล้ว จ�ำเลยท่ ๑ ผ่อนช�ำระหน้ให้แก่โจทก์หลำยคร้ง
ื
ี
ั
แต่ไม่ตรงตำมจ�ำนวนและภำยในก�ำหนดระยะเวลำ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ช�ำระหน้คร้งสุดท้ำยเม่อ
ี
วันที่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๘ ยังคงมีหนี้เงินต้นคงค้ำง ๑๕,๗๖๒,๔๙๕.๘๘ บำท โจทก์มีหนังสือ
บอกกล่ำวทวงถำมให้จ�ำเลยทั้งสองช�ำระหนี้ แต่จ�ำเลยทั้งสองเพิกเฉย โจทก์จึงน�ำเงินฝำกประจ�ำ
ี
ของจ�ำเลยท่ ๑ ท่ท�ำสัญญำจ�ำน�ำและท�ำหนังสือยินยอมไว้กับโจทก์มำหักช�ำระหน้เงินกู้ของ
ี
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ คงเหลือภำระหน้ค้ำงช�ำระ เป็นเงินต้น ๕,๙๕๓,๕๕๒.๗๕ บำท พร้อมดอกเบ้ย
ี
จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๔๙,๒๗๑.๗๗ บำท รวมเป็นเงินท้งส้น ๖,๐๐๒,๘๒๔.๕๒ บำท ขอให้บังคับ
ั
ิ
จ�ำเลยทั้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๖,๐๐๒,๘๒๔.๕๒ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕.๕๐ ต่อปี
ของต้นเงิน ๕,๙๕๓,๕๕๒.๗๕ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
193
ี
ั
ื
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ ผู้ท่ลงลำยมือช่อในหนังสือมอบอ�ำนำจและใบแต่งทนำย ไม่ม ี
อ�ำนำจกระท�ำกำรแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง หน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและ
ี
ื
ี
ื
สัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับระงับไปแล้ว เน่องจำกมีกำรแปลงหน้ใหม่โดยกำรท�ำสินเช่อประเภท
สินเชื่อเงินกู้ระยะยำว จ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกันตำมมูลหนี้เดิมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีก
โจทก์ไม่ได้บอกกล่ำวให้ช�ำระหน้และบังคับจ�ำน�ำเงินฝำกแก่จ�ำเลยท้งสอง โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจ
ี
ั
ี
ี
ี
ฟ้อง จ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัดช�ำระหน้มำนำนก่อนปี ๒๕๕๘ แต่โจทก์ไม่น�ำเงินฝำกของจ�ำเลยท่ ๑
ิ
ั
ึ
ี
ี
ี
ี
มำหักช�ำระหน้กลับปล่อยให้จ�ำเลยท้งสองเป็นหน้โจทก์เพ่มข้นและคิดดอกเบ้ยและเบ้ยปรับ
มำโดยตลอดเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต สัญญำระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยท้งสองเป็นสัญญำไม่เป็นธรรม
ั
จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบ้ยผิดนัดในอัตรำร้อยละ ๑๕.๕๐ ต่อปี และเป็นกำร
ี
เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรำที่กฎหมำยก�ำหนดจึงตกเป็นโมฆะ สัญญำค�้ำประกันเป็นโมฆะ และโจทก์
ไม่ได้บอกกล่ำวไปยังจ�ำเลยที่ ๒ ผู้ค�้ำประกันภำยใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่จ�ำเลยที่ ๑ ผิดนัด จ�ำเลย
ที่ ๒ จึงหลุดพ้นควำมรับผิดตำมสัญญำทรัสต์รีซีท โจทก์มีเพียงสิทธิในสินค้ำที่ผู้ขำยส่งมำให้แก่
จ�ำเลยที่ ๑ หรือมีเพียงสิทธิเรียกร้องในเงินที่จ�ำเลยที่ ๑ ขำยสินค้ำดังกล่ำวได้เท่ำนั้น ไม่มีสิทธิ
เรียกร้องในเงินหรือทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยทั้งสอง และจ�ำเลยที่ ๑ ได้ขำยสินค้ำและช�ำระเงินให้
ั
ิ
ุ
ั
แก่โจทก์ครบถ้วนตำมสญญำเลตเตอร์ออฟเครดตและสญญำทรสต์รีซททกฉบบแล้ว ฟ้องโจทก์
ั
ั
ี
เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยทั้งสองยื่นค�ำร้องว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกเกี่ยวเนื่อง
ี
กับกำรแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
ั
หรือกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมท้งกำร
ี
ประกันเก่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ี
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง ตำมมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ี
ในวันนัดพิจำรณำศำลจังหวัดมีนบุรีพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงส่ง
ส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ั
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
194
ี
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ เลตเตอร์ออฟเครดิต
ี
ี
ท่ออกเก่ยวกับกำรซ้อขำยแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ หรือกำรให้บริกำร
ี
ื
ระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท
ี
รวมท้งกำรประกันเก่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
ั
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น
และจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกัน ในมูลหนี้ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว ทั้งจ�ำเลยทั้งสอง
ี
ก็ให้กำรยอมรับว่ำ หน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับระงับไปแล้ว
ื
เน่องจำกมีกำรแปลงหน้ใหม่โดยกำรท�ำสินเช่อประเภทสินเช่อเงินกู้ระยะยำว คดีตำมค�ำฟ้องของ
ื
ื
ี
โจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของ
ั
จ�ำเลยทั้งสองในอันที่จะต้องช�ำระหนี้ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำวเท่ำนั้น โจทก์เป็นธนำคำร
พำณิชย์ในประเทศไทย สัญญำสินเช่อท�ำข้นในประเทศไทย มิใช่กรณีกำรให้บริกำรจำกผู้ให้บริกำร
ึ
ื
ึ
ี
ั
ึ
ในประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรท่อยู่ในอีกประเทศหน่งได้รับประโยชน์จำกบริกำรน้น
ี
อันจะเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ แม้มูลหน้เดิมของสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวจะเป็นหน ้ ี
ื
ตำมสัญญำสินเช่อเลตเตอร์ออฟเครดิต ทรัสต์รีซีท รับซ้อต๋วแลกเงินหรือเอกสำรกำรส่งสินค้ำ
ั
ื
ื
ออก และวงเงินซื้อขำยเงินตรำต่ำงประเทศล่วงหน้ำก็ตำม และแม้จ�ำเลยทั้งสองจะให้กำรต่อสู้ว่ำ
จ�ำเลยท่ ๑ ได้ขำยสินค้ำและช�ำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและ
ี
ี
ื
สัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับแล้ว กรณีก็เป็นเพียงกำรต่อสู้ถึงจ�ำนวนยอดหน้ตำมสัญญำสินเช่อเงินก ู้
ี
ี
ั
ระยะยำวเท่ำน้น ไม่ใช่กำรปฏิเสธหน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีทท่จะก่อให้
ี
ี
เกิดประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท จึงไม่ใช่
ี
กรณีพิพำทเก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่ง
ี
ี
เก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวกับกำรซ้อขำยแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงิน
ี
ื
ี
ี
ระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออก
ไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้งกำรประกันเกี่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว อันจะอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
195
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
196
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรซีไอเอ็มบีไทย จ�ำกัด
ที่ วท ๗/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์
บริษัท ดิสทริบิวแอนด์มำร์เก็ตติ้ง
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ี
่
่
ี
่
่
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรจ�ำเลยท ๑ ถึงท ๖ ท ๘ และท ๙ มีข้ออ้ำง
ี
ี
และข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำกู้เงินหมุนเวียนระยะส้น
ั
่
ี
ื
ั
ื
เพ่อส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำย ต่ำงประเทศว่ำ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จ�ำเลยท ๑ ช�ำระหน ี ้
ี
่
ี
ี
่
่
่
ี
ตำมสัญญำดังกล่ำว และจ�ำเลยท ๒ ถึงท ๖ ท ๘ และท ๙ ต้องร่วมรับผิดตำมสัญญำ
ค้ำประกันและสัญญำจ�ำน�ำหรือไม่ แม้โจทก์จะให้บริกำรทำงกำรเงินเพ่อสนับสนุนธุรกิจ
�
ื
ของจ�ำเลยที่ ๑ ในกำรสั่งซื้อสินค้ำจำกต่ำงประเทศก็ตำม แต่ควำมรับผิดของจ�ำเลยที่ ๑
ตำมสัญญำดังกล่ำวก็แยกต่ำงหำกจำกนิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำท่จ�ำเลยท ๑ ท�ำกับ
ื
ี
่
ี
ผู้ขำยในต่ำงประเทศ นอกจำกนั้นตำมค�ำฟ้องก็ไม่ปรำกฏว่ำ โจทก์ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑
ถึงท ๖ ท ๘ และท ๙ ร่วมกันรับผิดตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำน้นแต่อย่ำงใด ท้งกำรท ี ่
ี
ี
ั
ื
่
่
ั
่
ี
ึ
่
ี
โจทก์ให้บริกำรทำงกำรเงินแก่จ�ำเลยท ๑ ผู้รับบริกำรซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน มิใช่
ี
่
ื
�
�
่
�
ั
ิ
�
้
ั
กำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ สญญำคำประกันและสญญำจำนำททำไว้กับโจทก์เพอ
ั
ื
ี
ประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท ๑ ตำมสัญญำกู้เงินหมุนเวียนระยะส้น เพ่อใช้ในกำร
ี
่
ื
ส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยต่ำงประเทศจึงเป็นนิติกรรมท่เก่ยวเน่องกับสัญญำให้บริกำรใน
ี
ี
ั
ื
ื
ประเทศด้วย คดีน้จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำ สัญญำ
ี
ื
ี
ี
ี
ื
ื
ให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ย่อมไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อ
ขำยสินค้ำหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจ
ื
ี
ี
ื
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
197
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยำยน ๒๕๕๑ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำค�ำขอใช้
วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น ๔๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บำท ค�ำขอวงเงินสินเชื่อประเภทกู้เบิกเงินเกิน
ื
ั
บัญชี ๖,๐๐๐,๐๐๐ บำท และท�ำสัญญำกำรใช้วงเงินสินเช่อประเภทต๋วเงินไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
กับวันที่ ๑๖ มกรำคม ๒๕๕๕ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำกำรใช้วงเงินสินเชื่อประเภทตั๋วเงินโดยเพิ่ม
วงเงินขำย/ขำย ลดตั๋วเงินกับธนำคำรโจทก์อีก ๑๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บำทรวมเป็น ๔๓๗,๕๐๐,๐๐๐ บำท
ี
ี
�
ี
ี
โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๙ เป็นผู้ค้ำประกันและผู้จ�ำน�ำหุ้นเป็นประกันหน้ของจ�ำเลยท่ ๑
ั
ดังกล่ำวต่อโจทก์และยอมรับผิดอย่ำงลูกหน้ร่วม จ�ำเลยท่ ๑ ได้ส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ
ื
ี
ี
ื
ื
ี
ื
เม่อสินค้ำมำถึงประเทศไทย จ�ำเลยท่ ๑ ใช้วงเงินสินเช่อดังกล่ำวจำกโจทก์เพ่อให้โจทก์ช�ำระ
ั
ึ
ค่ำสินค้ำให้แก่ผู้ขำยในต่ำงประเทศไปก่อน ซ่งจ�ำเลยท่ ๑ จะท�ำสัญญำทรัสต์รีซีทหรือน�ำต๋วสัญญำ
ี
ั
ื
ใช้เงินมำขำยลดกับโจทก์ เม่อครบก�ำหนดช�ำระตำมสัญญำทรัสต์รีซีทหรือต๋วสัญญำใช้เงิน
แต่ละฉบับ จ�ำเลยที่ ๑ ก็จะน�ำเงินค่ำซื้อสินค้ำมำช�ำระคืนแก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ ไม่สำมำรถ
ช�ำระหนี้ให้แก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๑ จึงท�ำบันทึกข้อตกลงช�ำระหนี้และสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้
กับโจทก์ตำมล�ำดับ นอกจำกนั้นนำยวิกร วิวิธคุณำภรณ์ (ผู้ตำย) โดยจ�ำเลยที่ ๙ ในฐำนะผู้จัดกำร
�
ี
มรดกของผู้ตำยได้ท�ำหนังสือรับสภำพหน้ค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ ณ วันท่ ๓๑ ตุลำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ี
้
้
�
ี
ี
ิ
มหนค้ำงชำระต้นเงน ๑๘๑,๐๔๘,๐๐๙.๗๙ บำท ดอกเบย ๕๕,๘๔๗,๙๒๙.๙๘ บำท รวม
เป็นเงิน ๒๓๖,๘๙๕,๙๓๙.๗๗ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งเก้ำช�ำระเงิน ๒๔๔,๘๓๖,๖๙๘.๓๙ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของเงินต้น ๑๘๔,๑๐๔,๙๒๕.๑๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง
ั
เป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยท้งเก้ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วนให้ยึด
ทรัพย์สินของจ�ำเลยท้งเก้ำออกขำยทอดตลำดช�ำระหน้แก่โจทก์จนครบถ้วน พร้อมกับบังคับจ�ำน�ำ
ี
ั
หุ้นตำมค�ำขอท้ำยค�ำฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ขอถอนฟ้องจ�ำเลยท่ ๗ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ี
ระหว่ำงประเทศกลำงมีค�ำสั่งอนุญำตและจ�ำหน่ำยคดีเฉพำะจ�ำเลยที่ ๗ ออกจำกสำรบบควำม
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ให้กำรท�ำนองเดียวกันปฏิเสธควำมรับผิดตำมฟ้อง
ขอให้ยกฟ้อง โดยจ�ำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๘ และที่ ๙ ให้กำรว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ แปลงหนี้
ี
ี
ี
ใหม่ต่อกันแล้วตำมบันทึกข้อตกลงกำรช�ำระหน้ คดีน้จึงไม่ใช่หน้กำรค้ำระหว่ำงประเทศไม่อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
198
ั
ี
ในช้นช้สองสถำน ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง เห็นว่ำ
ี
กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
ั
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
ื
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำย กำรให้
ื
ั
ี
ี
ื
บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ี
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรจ�ำเลยท่ ๑
ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ มีข้ออ้ำงและข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำกู้เงิน
ั
หมุนเวียนระยะส้นเพ่อส่งซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยต่ำงประเทศว่ำ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จ�ำเลยท่ ๑
ื
ื
ี
ั
ช�ำระหนี้ตำมสัญญำดังกล่ำว และจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ต้องร่วมรับผิดตำมสัญญำค�้ำ
ประกันและสัญญำจ�ำน�ำหรือไม่ แม้โจทก์จะให้บริกำรทำงกำรเงินเพ่อสนับสนุนธุรกิจของจ�ำเลยท่ ๑
ี
ื
ื
ในกำรส่งซ้อสินค้ำจำกต่ำงประเทศก็ตำม แต่ควำมรับผิดของจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำดังกล่ำว
ี
ั
ก็แยกต่ำงหำกจำกนิติกรรมกำรซื้อขำยสินค้ำที่จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำกับผู้ขำยในต่ำงประเทศ นอกจำก
นั้นตำมค�ำฟ้องก็ไม่ปรำกฏว่ำ โจทก์ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ร่วมกันรับผิด
ตำมสัญญำซื้อขำยสินค้ำนั้นแต่อย่ำงใด ทั้งกำรที่โจทก์ให้บริกำรทำงกำรเงินแก่จ�ำเลยที่ ๑ ผู้รับ
�
บริกำรซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน มิใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ สัญญำค้ำประกันและสัญญำ
ึ
ี
ั
ี
ื
ี
จ�ำน�ำท่ท�ำไว้กับโจทก์เพ่อประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำกู้เงินหมุนเวียนระยะส้น
่
ี
ี
ื
ั
ิ
เพ่อใช้ในกำรส่งซอสินค้ำจำกผู้ขำยต่ำงประเทศจงเป็นนติกรรมทเก่ยวเน่องกับสญญำให้บรกำร
ั
ื
ื
ิ
ึ
้
ในประเทศด้วย คดีน้จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำ สัญญำ
ื
ี
ื
ี
ื
ี
ี
ื
ให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ย่อมไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ
หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ื
ี
ี
ี
ื
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
199
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
200
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด
ที่ วท ๘/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์
บริษัทลีโอฟู้ดส์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น จ�ำเลยที่ ๒ และจ�ำเลยที่ ๓ ในฐำนะ
ี
ี
่
ู
ู
ี
ิ
ี
ผู้ค้ำประกันและผ้จ�ำนองในมลหน้ของจ�ำเลยท ๑ ตำมมลหน้แพคก้งเครดิตท่มีกำรรับ
�
ู
ิ
ื
ั
ั
่
ี
ิ
ึ
ิ
�
่
ี
๋
่
ึ
ู
ซอตวสญญำใช้เงน เพอนำเงนไปใช้ในกำรส่งออกสนค้ำ จงเป็นกรณทโจทก์ซงอย่ใน
้
ื
ประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเชื่อแก่จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพื่อจ�ำเลยที่ ๑
่
จะได้ใช้เงนน้นในกำรส่งออกสินค้ำ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเชอเพ่อสนับสนุนกำรส่ง
ื
ิ
ื
ื
ั
ออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่กำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ทั้งไม่ใช่กำรให้
ั
บริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำร
ให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง
ึ
ั
ึ
ี
นอกจำกน้นมูลหน้ดังกล่ำวยังไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ
ื
ี
ั
ี
ื
ี
และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง เพรำะคดีแพ่งท่จะถือว่ำเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำง
ื
ื
ี
ี
ื
ี
ี
ื
ื
ั
ี
ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องน้น ต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำย
ื
ี
สินค้ำระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน ข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำร
ี
ื
ี
ซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศนั้น จึงจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ี
ื
ี
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้ไม่มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ
ี
ี
ระหว่ำงประเทศ มูลหน้ดังกล่ำวจึงไม่อำจเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำง
ื
ื
ี
ื
ี
ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องไปได้ คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำย สินค้ำ
ื
ี
ี
ื
ี
หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรม
ี
ื
กำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือบริกำรระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)
และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
201
ั
ิ
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำค�ำขอวงเงินแพคก้งเครดิตกับโจทก์ (วงเงินขำยลด ต๋วสัญญำ
ใช้เงินเพื่อกำรส่งสินค้ำออก) ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท และท�ำสัญญำขำยลดตั๋ว สัญญำใช้เงินเพื่อกำร
ส่งสินค้ำออกกับโจทก์ ๒๑ ฉบับ เป็นเงิน ๔๑,๓๕๐,๐๐๐ บำท เพื่อเป็นกำรประกันกำรช�ำระหนี้
ี
ี
ี
�
ของจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒ ท�ำสัญญำค้ำประกันหน้ทุกชนิดหลำยฉบับโดยยอมรับผิดกับจ�ำเลยท่ ๑
ี
อย่ำงลูกหน้ร่วม จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำจ�ำนองเคร่องจักร รวม ๗ เคร่อง เป็นเงิน ๒๒,๕๐๐,๐๐๐ บำท
ื
ี
ื
ี
ี
ี
ี
และจ�ำเลยท่ ๓ ท�ำหนังสือสัญญำจ�ำนองท่ดินเป็นประกันหน้ตำมสัญญำขำยลดต๋วเงินของ
ั
จ�ำเลยที่ ๑ เมื่อถึงวันครบก�ำหนดใช้เงินตำมตั๋วสัญญำใช้เงินทั้ง ๒๑ ฉบับ จ�ำเลยที่ ๑ มิได้น�ำเงิน
มำช�ำระให้แก่โจทก์ จ�ำเลยท้งสำมจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์ ๓๙,๔๒๘,๐๐๐ บำท และ
ั
ดอกเบี้ย ๒,๔๘๖,๒๗๘.๓๖ บำท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๑,๙๑๔,๒๗๘.๓๖ บำท ก่อนฟ้องคดีนี้
ั
โจทก์มีหนังสือทวงถำมไปยังจ�ำเลยท้งสำมและบอกกล่ำวบังคับจ�ำนองไปยังจ�ำเลยท่ ๑ และ
ี
ี
ั
จ�ำเลยท่ ๓ แล้ว ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระเงิน ๔๑,๙๑๔,๒๗๘.๓๖ บำท พร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๙,๔๒๘,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้อง
ี
ั
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ แก่โจทก์ หำกจ�ำเลยท้งสำมไม่ช�ำระ ขอให้ยึดทรัพย์จ�ำนองของ
ั
้
�
�
ิ
่
ื
่
ี
�
จำเลยท่ ๑ และจำเลยท ๓ และทรัพย์สนอนของจำเลยทงสำมออกขำยทอดตลำดนำเงินมำ
�
ี
ช�ำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ ข้อตกลงในสัญญำค�้ำประกันระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับโจทก์ ที่ให้
จ�ำเลยที่ ๒ รับผิดอย่ำงลูกหนี้ร่วมเป็นโมฆะ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่จ�ำต้องรับผิดเกินกว่ำวงเงิน ในทรัพย์
ี
ี
จ�ำนอง ข้อตกลงในสัญญำจ�ำนองท่ให้จ�ำเลยท่ ๑ รับผิดเกินกว่ำทรัพย์จ�ำนองเป็นโมฆะ สัญญำ
ื
ื
ค้ำประกันท่จ�ำเลยท่ ๒ ท�ำกับโจทก์เพ่อค้ำประกันสินเช่อประเภทอ่นมิใช่กำรค้ำประกันสินเช่อ
�
ื
ื
ี
ี
�
�
แพคกิ้งเครดิต สัญญำค�้ำประกันดังกล่ำวจึงมิได้ค�้ำประกันหนี้ตำมสัญญำขำยลดตั๋วเงิน ทั้ง ๒๑ ฉบับ
ตำมฟ้อง สัญญำจ�ำนองท่จ�ำเลยท่ ๓ ท�ำไว้กับโจทก์ไม่ผูกพันหน้ตำมฟ้อง และจำเลยท่ ๓
ี
�
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
ไม่ต้องรับผิดเกินกว่ำรำคำทรัพย์จ�ำนอง มูลหน้ตำมฟ้องเป็นมูลหน้ตำมค�ำขอใช้วงเงินแพคก้ง
ื
ื
เครดิตและเลตเตอร์ออฟเครดิต หรือสินเช่อเพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกสินค้ำระหว่ำงประเทศ
ี
มูลคดีน้จึงอยู่ในเขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๖)
ในวันนัดพิจำรณำศำลจังหวัดเชียงใหม่พิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
202
�
ิ
ั
ิ
้
ั
ึ
ั
ั
�
ิ
ั
ั
ิ
ี
ุ
จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษวนจฉยตำมพระรำชบญญตจดตงศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ิ
ี
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับค�ำขอใช้วงเงินแพคก้ง
ี
ี
ี
ื
ื
เครดิตและเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือ
ั
กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น จ�ำเลยที่ ๒ และ
จ�ำเลยที่ ๓ ในฐำนะผู้ค�้ำประกันและผู้จ�ำนอง ในมูลหนี้ของจ�ำเลยที่ ๑ ตำมมูลหนี้แพคกิ้งเครดิต
ั
ี
ื
ึ
ท่มีกำรรับซ้อต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อน�ำเงินไปใช้ในกำรส่งออกสินค้ำ จึงเป็นกรณีท่โจทก์ซ่งอยู่ใน
ื
ี
ึ
ี
ประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเช่อแก่จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพ่อจ�ำเลยท่ ๑
ื
ี
ื
จะได้ใช้เงินน้นในกำรส่งออกสินค้ำ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำ
ั
ื
ื
ื
ไปขำยต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ท้งไม่ใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
ั
ื
ั
เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่ง
ึ
และเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรนั้นในอีกประเทศหนึ่ง นอกจำกนั้นมูลหนี้ดังกล่ำวยังไม่ใช่
ี
ื
ี
ื
ี
ี
ื
คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง เพรำะคดีแพ่งท่จะ
ถือว่ำเกี่ยวกับกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องนั้น ต้องมีข้อพิพำท
เกี่ยวกับนิติกรรมกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน ข้อพิพำทเกี่ยวกับนิติกรรมอื่น
ี
ท่เก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศน้นจึงจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ื
ื
ั
ี
ื
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้ไม่มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ
ี
ี
ี
ระหว่ำงประเทศ มูลหน้ดังกล่ำวจึงไม่อำจเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ
ื
ี
ื
ี
และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องไปได้ คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำหรือกำรให้บริกำร
ื
ี
ี
ื
ื
ระหว่ำงประเทศ หรือเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ
ี
ี
ื
หรือบริกำรระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
203
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
204
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พี/เอฟ ฟำโร มำรีน
ที่ วท ๑๕ - ๑๖/๒๕๕๙ โปรดักต์ส (P/E Faroe
Marine Products) โจทก์
บริษัทเอ็กซ์เพรส ทรำนสปอร์ต ซิสเต็ม
(เชียงใหม่) จ�ำกัด จ�ำเลย
บริษัทเอ็กซ์เพรส ทรำนสปอร์ต ซิสเต็ม
(เชียงใหม่) จ�ำกัด โจทก์
พี/เอฟ ฟำโร มำรีน
โปรดักต์ส จ�ำเลย
ส�ำนวนแรก แม้โจทก์และจ�ำเลยจะมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำ
ระหว่ำงประเทศและโจทก์ได้ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำโดยกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร
ให้แก่จ�ำเลย แต่โจทก์ ไม่ได้ฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ
ี
แต่ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยคืนเงินท่โจทก์ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำเกินมำคืนให้แก่โจทก์ในฐำน
ิ
ลำภมิควรได้ ท้งจ�ำเลยให้กำรรับว่ำ จ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำให้โจทก์เสร็จส้นและ
ั
ได้รับช�ำระเงินค่ำขนส่งจำกโจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์โอนเงินค่ำขนส่งสินค้ำเกินกว่ำ
�
ี
�
้
ี
ั
ั
ื
ิ
ี
ิ
ใบแจ้งหนมำให้จำเลย จำเลยโอนเงนท่เกนมำดงกล่ำวคนให้แก่โจทก์ไปยงบัญชของ
่
ี
ึ
ี
บคคลอนในประเทศไทยทโจทก์แจ้งให้จำเลยโอนแล้ว คดจงไม่มประเดนข้อพพำทท ี ่
ิ
ี
�
ุ
่
็
ื
ี
ต้องพิจำรณำเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร
แต่อย่ำงใด คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท ี ่
ื
ี
ี
ื
ี
เก่ยวเน่อง กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร อันจะ
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ั
ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
ี
ส�ำหรับส�ำนวนหลัง โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยไม่มีระบบป้องกันท่ดีและปล่อยปละ
ละเลยให้ผู้อื่นเข้ำมำล้วงควำมลับของข้อมูลที่ใช้ติดต่อสื่อสำรระหว่ำงตนกับคู่ค้ำ จ�ำเลย
ี
ื
ี
ี
ั
มีหน้ำท่ท่ต้องมีระบบป้องกันทำงเครือข่ำยท่ดีกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไปเพ่อป้องกันควำม
ิ
เสียหำยทำงธุรกิจ แต่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติหน้ำท่ดังกล่ำว อีกท้งจ�ำเลยปล่อยเวลำให้เน่นช้ำกว่ำ
ี
ั
205
จะทวงถำมให้โจทก์คืนเงินเป็นควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงของจ�ำเลย เป็นเหตุให้
โจทก์โอนเงินไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้ำหนี้ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย กรณีเป็นกำร
ฟ้องจ�ำเลยในมูลละเมิด ค�ำฟ้องโจทก์จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยสิทธิ หน้ำที่
ี
ื
ี
และควำมรับผิดตำมสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง
ื
ื
ี
ี
ี
ื
ี
คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง อันจะ
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ั
ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
คดีท้งสองส�ำนวนน้ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงมีค�ำส่ง
ี
ั
ั
ให้รวมพิจำรณำคดีเข้ำด้วยกัน
โจทก์ส�ำนวนแรกฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยของประเทศ
เดนมำร์ก จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยไทย ประกอบ
ธุรกิจให้บริกำรขนส่ง โจทก์ให้จ�ำเลยขนส่งสินค้ำจำกประเทศไทยไปยังประเทศเดนมำร์ก
จ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำให้โจทก์และออกใบแจ้งหน้เรียกเก็บค่ำบริกำรจำกโจทก์เป็นเงิน
ี
๓๓๘,๑๑๖ บำท โจทก์โอนเงินระหว่ำงประเทศเข้ำบัญชีจ�ำเลยเป็นเงิน ๒๑๒,๐๗๙.๔๑ เหรียญสหรัฐ
ในวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๗ จ�ำเลยแจ้งโจทก์ทรำบทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ว่ำ โจทก์โอนเงิน
ค่ำบริกำรให้แก่จ�ำเลยเกินไปกว่ำที่เรียกเก็บตำมใบแจ้งหนี้เป็นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท โจทก์
ี
จึงทวงถำมให้จ�ำเลยโอนเงินส่วนท่เกินคืน จ�ำเลยมีหน้ำท่ต้องส่งเงินจ�ำนวนดังกล่ำวคืนโจทก์
ี
ในฐำนลำภมิควรได้ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยเป็นต้นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท
และดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจำกวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๗ จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน
ี
๔๘๔,๕๒๖.๙๘ บำท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบ้ย ๗,๐๑๖,๕๑๗.๒๘ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ
เงิน ๗,๐๑๖,๕๑๗.๒๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท
ี
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
จ�ำเลยส�ำนวนแรกให้กำรว่ำ เม่อจ�ำเลยได้รับเงินค่ำบริกำรท่โจทก์ช�ำระมำเกินกว่ำ
ื
ใบแจ้งหน้เป็นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐.๓๐ บำท จ�ำเลยติดต่อกับโจทก์ทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์
ี
ี
ให้โจทก์แจ้งเลขท่บัญชีเพ่อด�ำเนินกำรส่งเงินท่โอนมำเกินคืนแก่โจทก์ โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยโอน
ื
ี
206
ี
เงินไปยังหัวหน้ำฝ่ำยบัญชีของโจทก์ท่ประเทศจีน แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถโอนเงินให้โจทก์ได้
ั
ี
เน่องจำกเจ้ำหน้ำท่ธนำคำรแจ้งว่ำ จ�ำเลยไม่สำมำรถโอนเงินระหว่ำงประเทศได้มำกกว่ำคร้งละ
ื
ื
ี
๕,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ เม่อจ�ำเลยแจ้งให้โจทก์ทรำบ โจทก์จึงแจ้งให้จ�ำเลยโอนเงินคืนท่บัญช ี
ธนำคำรกสิกรไทย จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำนวน ๒ บัญชี จ�ำเลยได้โอนเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท ไปยัง
บัญชีท้งสองบัญชีท่โจทก์แจ้งมำครบถ้วนแล้ว ถือว่ำจ�ำเลยได้ช�ำระหน้ต่อผู้มีอ�ำนำจรับช�ำระหน ี ้
ี
ี
ั
แทนเจ้ำหนี้แล้ว หนี้จึงระงับ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ส�ำนวนหลังฟ้องว่ำ จ�ำเลยติดต่อใช้บริกำรขนส่งสินค้ำกับโจทก์ โจทก์ด�ำเนินกำร
ขนส่งสินค้ำให้จ�ำเลย และจ�ำเลยช�ำระค่ำบริกำรให้แก่โจทก์เกินกว่ำใบแจ้งหนี้ โจทก์ติดต่อจ�ำเลย
ื
ี
ผ่ำนทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์เพ่อด�ำเนินกำรโอนเงินท่เกินคืนให้แก่จ�ำเลย และเม่อวันท่ ๔
ี
ื
กรกฎำคม ๒๕๕๗ โจทก์โอนเงินคืนจ�ำเลยไปยังเลขที่บัญชีที่จ�ำเลยแจ้งโจทก์มำจ�ำนวน ๒ บัญชี
ครบถ้วนแล้ว ในวันที่ ๒๙ สิงหำคม ๒๕๕๗ จ�ำเลยส่งจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์มำทวงถำมโจทก์
ให้โอนเงินท่ช�ำระเกินมำคืนแก่จ�ำเลย โจทก์จึงแจ้งว่ำโจทก์โอนเงินคืนจ�ำเลยไปยังบัญชีท่จ�ำเลย
ี
ี
แจ้งมำครบถ้วนแล้ว ต่อมำจ�ำเลยฟ้องโจทก์ท่ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ี
กลำง เป็นคดีหมำยเลขด�ำท่ กค ๑๒๒/๒๕๕๘ โจทก์จึงตรวจสอบโดยผู้เช่ยวชำญด้ำนคอมพิวเตอร์
ี
ี
ื
พบว่ำ มีบุคคลอ่นเข้ำไปดักเจำะข้อมูลของจ�ำเลยไว้เพ่อไม่ให้จ�ำเลยส่งจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์
ื
มำถึงโจทก์ได้ แล้วบุคคลดังกล่ำวแสดงตนว่ำเป็นจ�ำเลยติดต่อกับโจทก์ทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์
เร่อยมำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยประเทศเดนมำร์กประกอบอำชีพค้ำขำยระหว่ำงประเทศ
ื
ี
ย่อมต้องมีภำวะและวิสัยท่ต้องใช้ควำมระมัดระวังเป็นพิเศษมำกกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไป แต่จ�ำเลย
ั
ี
กระท�ำกำรประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง ไม่มีระบบป้องกันท่ดีและปล่อยปละละเลยให้ผู้อ่น
ื
ี
ี
ื
ี
เข้ำมำล้วงควำมลับของข้อมูลท่ใช้ติดต่อส่อสำรระหว่ำงตนกับคู่ค้ำ จ�ำเลยมีหน้ำท่ท่ต้องมีระบบ
ป้องกันทำงเครือข่ำยท่ดีกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไปเพ่อป้องกันควำมเสียหำยทำงธุรกิจ แต่จ�ำเลย
ั
ี
ื
ไม่ปฏิบัติหน้ำที่ดังกล่ำว อีกทั้งจ�ำเลยปล่อยเวลำให้เนิ่นช้ำกว่ำจะทวงถำมให้โจทก์คืนเงิน กำรกระท�ำ
ื
ของจ�ำเลยเป็นกำรประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยหลงเช่อ
โอนเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท ไปยังบุคคลอ่นท่มิใช่เจ้ำหน้ และท�ำให้โจทก์ถูกฟ้องเป็นคดีเพ่อ
ื
ื
ี
ี
เรียกเงินคืน จ�ำเลยจึงต้องชดใช้เงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันท�ำละเมิดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๗๑๙,๘๕๙ บำท รวมเป็นเงิน ๗,๒๕๑,๘๔๙ บำท คืน
แก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๗,๒๕๑,๘๔๙ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงิน ๖,๕๓๑,๙๙๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
207
ี
จ�ำเลยส�ำนวนหลังให้กำรว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ึ
้
่
ี
ุ
่
ี
ทำงปัญญำและกำรคำระหวำงประเทศ โจทก์จงไมมอ�ำนำจฟ้อง คดโจทก์ขำดอำยควำม ฟ้องโจทก์
ี
ี
เคลือบคลุม กำรท่โจทก์ไม่ตรวจสอบควำมถูกต้องของท่อยู่ของจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ท่บุคคล
ี
ึ
ื
ี
ี
ื
อ่นปลอมข้นมำ และโอนเงินไปยังบัญชีของบุคคลอ่นท่ไม่ใช่บัญชีของจ�ำเลยท่ประเทศเดนมำร์ก
อันเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัย เป็นควำมประมำทเลินเล่อของโจทก์เอง ขอให้ยกฟ้อง
ื
ื
จ�ำเลยส�ำนวนแรกย่นค�ำร้องว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยในเร่องลำภมิควรได้ กรณีจึงไม่อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิจำรณำ
ั
แล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีท้งสองส�ำนวนน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ี
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยประกำรแรกว่ำ คดีหมำยเลขด�ำท่ กค ๑๒๒/๒๕๕๘
ี
ี
ื
เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวข้อง กำรส่งเงินเข้ำมำใน
ี
ี
ี
ี
รำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักรท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ั
ั
ิ
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สนทำงปัญญำ
ิ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ แม้โจทก์และจ�ำเลยจะมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำ
รับขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศและโจทก์ได้ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำโดยกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร
ให้แก่จ�ำเลย แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำรับขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ แต่
ี
ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยคืนเงินท่โจทก์ช�ำระค่ำขนส่งสินค้ำเกินมำคืนให้แก่โจทก์ในฐำนลำภมิควรได้
ิ
ท้งจ�ำเลยให้กำรรับว่ำจ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำให้โจทก์เสร็จส้นและได้รับช�ำระเงินค่ำขนส่ง
ั
จำกโจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์โอนเงินค่ำขนส่งสินค้ำเกินกว่ำใบแจ้งหน้มำให้จ�ำเลย จ�ำเลย
ี
่
ื
ิ
ี
่
ิ
ั
ี
ั
โอนเงนทเกนมำดงกล่ำวคืนให้แก่โจทก์ไปยงบญชของบุคคลอนในประเทศไทยท่โจทก์แจ้งให้
ั
ี
ี
ี
จ�ำเลยโอนแล้ว คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทท่ต้องพิจำรณำเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ
หรือกำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรแต่อย่ำงใด คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำง
ี
ื
ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอก
ื
ี
รำชอำณำจักร อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
208
ระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ี
กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยประกำรสุดท้ำยว่ำ คดีหมำยเลขด�ำท่ กค ๑๔/๒๕๕๙ เป็น
ี
ื
ี
ื
ี
ี
คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยไม่มี
ี
ื
ื
ี
ระบบป้องกันท่ดีและปล่อยปละละเลยให้ผู้อ่นเข้ำมำล้วงควำมลับของข้อมูลท่ใช้ติดต่อส่อสำร
ั
ี
ี
ี
ระหว่ำงตนกับคู่ค้ำ จ�ำเลยมีหน้ำท่ท่ต้องมีระบบป้องกันทำงเครือข่ำยท่ดีกว่ำบุคคลธรรมดำท่วไป
เพ่อป้องกันควำมเสียหำยทำงธุรกิจ แต่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติหน้ำท่ดังกล่ำว อีกท้งจ�ำเลยปล่อยเวลำ
ั
ี
ื
ิ
ให้เน่นช้ำกว่ำจะทวงถำมให้โจทก์คืนเงิน เป็นควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงของจ�ำเลย
ี
เป็นเหตให้โจทก์โอนเงินไปยังบคคลอ่นทไมใช่เจ้ำหน้ ทำให้โจทก์ไดรบควำมเสยหำย กรณเปนกำร
่
ั
้
ี
�
ี
ุ
ี
ุ
็
่
ื
ี
ฟ้องจ�ำเลยในมูลละเมิด ค�ำฟ้องโจทก์จึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยสิทธิ หน้ำท่ และ
ื
ี
ี
ควำมรับผิดตำมสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง คดีน้จึงมิใช่คด ี
ื
ี
แพ่งเกี่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)
ั
แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีท้งสองส�ำนวนน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
209
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโลจิสติคส์ แมเนจเมนท์
ที่ วทป ๑๔/๒๕๖๐ เซอร์วิสเซส จ�ำกัด
กับพวก โจทก์
บริษัทเพิรธ์ ไฮด์ แอนด์
สกิน เอ็กซ์ปอร์ต จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ั
ั
ื
โจทก์ท้งสองฟ้องจ�ำเลยท้งเจ็ดเน่องจำกกำรปฏิบัติผิดสัญญำตัวแทนค้ำต่ำง
ั
และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง โดยเรียกร้องให้จ�ำเลยท้งเจ็ดช�ำระเงินค่ำบริกำรและ
ั
ค่ำบ�ำเหน็จตัวแทนค้ำต่ำง ที่ยังค้ำงช�ำระต่อโจทก์ทั้งสอง และค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำ
ั
ี
ั
้
ิ
ั
ละเมด อันได้แก่ ค่ำเสียหำยท่โจทก์ทงสองต้องให้พนกงำนของโจทก์ท้งสองแก้ไขกำร
ั
ประพฤติผิดสัญญำของจ�ำเลยท้งเจ็ด ค่ำเสียหำยจำกกำรแก้ไขคลังสินค้ำท่เกิดกล่นเน่ำ
ี
ิ
ื
เหม็นของซำกสัตว์ ค่ำเสียหำยต่อช่อเสียงและประวัติในกำรเป็นผู้ประกอบกำรในเขต
ั
ประกอบกำรเสรีนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบังของโจทก์ท้งสอง ค่ำเสียหำยจำกกำรท ี ่
ั
จ�ำเลยท้งเจ็ดใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท ๒ แล้วลักลอบน�ำซำกสัตว์ไปเก็บในคลังสินค้ำ
่
ี
ี
ี
ท่ยังไม่ได้รับอนุญำต ค่ำทนำยควำมในกำรด�ำเนินคด แต่ปรำกฏตำมค�ำฟ้องของโจทก์
ท้งสองว่ำโจทก์ท้งสองไม่ได้ด�ำเนินกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ หรือท�ำสัญญำขนส่งระหว่ำง
ั
ั
ั
ั
ี
ประเทศกับจ�ำเลยท ๑ แต่อย่ำงใด นิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท้งเจ็ด
่
ี
ตำมฟ้องจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวข้องกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ นอกจำกน ้ ี
กำรปฏิบัติงำนตำมสัญญำของโจทก์ท้งสองก็ไม่มีลักษณะเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
ั
เพรำะกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศต้องปรำกฏว่ำมีกำรให้บริกำรจำกประเทศหนึ่ง และ
ึ
ี
ั
่
เป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรในอีกประเทศหน่ง คดีน้แม้โจทก์ท้งสองและจ�ำเลยท ๑
ี
ั
จะอยู่คนละประเทศ แต่กำรปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำของโจทก์ท้งสองต้งแต่เร่มต้นจน
ี
ิ
ั
ิ
ั
เสร็จส้นกระท�ำลงในประเทศไทยประเทศเดียวเท่ำน้น ลักษณะของสัญญำตำมฟ้อง
ั
จึงไม่ใช่สัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ในส่วนท่โจทก์ท้งสองฟ้องจ�ำเลยท้งเจ็ด
ี
ั
ี
ิ
ในมูลละเมิดน้น กรณีเป็นค�ำฟ้องท่ไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ หน้ำท ี ่
ั
และควำมรับผิดตำมสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ
ี
ี
แต่อย่ำงใด คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่ง
210
ระหว่ำงประเทศ อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ั
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สิน
ั
ิ
ี
ิ
ี
ิ
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สนทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
ั
ี
โจทก์ท้งสองฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำย
ของประเทศออสเตรเลีย จ�ำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยของประเทศสิงคโปร์
จ�ำเลยท่ ๓ เป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยไทย จ�ำเลยท่ ๔ ท่ ๕ และท่ ๖ เป็นกรรมกำรของจ�ำเลยท่ ๒
ี
ี
ี
ี
ี
และที่ ๓ ส่วนจ�ำเลยที่ ๗ เป็นกรรมกำรของจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๓ จ�ำเลยที่ ๑ แต่งตั้งให้โจทก์ทั้งสอง
เป็นตัวแทนค้ำต่ำงให้เป็นผู้น�ำเข้ำและส่งออกสินค้ำจำกประเทศออสเตรเลียมำยังประเทศไทยแทน
จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๑ จะจัดส่งสินค้ำคือซำกสัตว์จำกประเทศออสเตรเลียมำยังประเทศไทย
ื
ั
ั
โดยระบุช่อโจทก์ท้งสองเป็นผู้รับสินค้ำในใบตรำส่ง โจทก์ท้งสองจะใช้ใบอนุญำตให้ท�ำกำรค้ำสัตว์
ั
หรือซำกสัตว์ของโจทก์ท้งสองเป็นหลักฐำนกำรเป็นผู้น�ำเข้ำซำกสัตว์ และน�ำซำกสัตว์มำเก็บ
ี
ท่คลังสินค้ำของโจทก์ท้งสอง เพ่อให้จ�ำเลยท่ ๔ สำมำรถรับจ้ำงฟอกหนังสัตว์จำกจ�ำเลยท่ ๑
ี
ั
ื
ี
ณ คลังสินค้ำของโจทก์ทั้งสอง หลังจำกนั้นจ�ำเลยที่ ๑ จะสั่งให้จ�ำเลยที่ ๒ และ/หรือ จ�ำเลยที่ ๓
�
ื
่
ั
ิ
ส่งคนงำนเข้ำมำทำกำรเลำะ ปรับแต่ง และฟอกซำกสัตว์ในคลงสนค้ำของโจทก์ท้งสอง เมอ
ั
�
ื
์
้
ี
่
ู
ั
ู
้
ั
้
�
ี
้
์
่
ั
ฟอกหนงสตวเรยบรอยแลว จำเลยท ๒ และ/หรอจำเลยท ๓ จะใหลกคำมำดหนงสัตวและแจ้ง
ี
ี
ลูกค้ำท่ซ้อหนังสัตว์ช�ำระเงินให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ แล้วจ�ำเลยท่ ๑ จะออกใบค�ำส่งให้ส่งสินค้ำมำยัง
ื
ี
ั
ี
ี
โจทก์ท้งสองเพ่อให้ส่งสินค้ำไปยังลูกค้ำของจ�ำเลยท่ ๑ ในประเทศไทย โดยโจทก์ท้งสองจะน�ำ
ั
ั
ื
เอกสำรกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและใบค�ำส่งให้ส่งสินค้ำไปด�ำเนินกำรผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกร
ั
ั
และส่งสินค้ำไปให้ลูกค้ำของจ�ำเลยท่ ๑ ในประเทศไทยด้วยกำรใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท้งสอง
ี
ที่ให้ท�ำกำรค้ำซำกโค-กระบือในประเภททั่วรำชอำณำจักร และโจทก์ทั้งสองจะรวบรวมค่ำใช้จ่ำย
ค่ำอำกรขำเข้ำ ค่ำโกดังสินค้ำ ค่ำบ�ำเหน็จตัวแทนค้ำต่ำง และอื่น ๆ ระบุในใบแจ้งหนี้ให้จ�ำเลยที่ ๑
โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๗ เป็นผู้ท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๑ แต่ปรำกฏต่อมำว่ำกำรเลำะปรับแต่ง
ี
ี
ี
ั
ิ
หนังสัตว์ดังกล่ำวก่อให้เกิดปัญหำกล่นเน่ำเหม็นของซำกสัตว์จนโจทก์ท้งสองได้รับค�ำส่งให้
ั
ระงับกำรน�ำสินค้ำหนังวัวน�ำเข้ำมำยังเขตประกอบกำรนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบังซ่งคลังสินค้ำ
ึ
ื
ั
ั
ั
ของโจทก์ท้งสองต้งอยู่ ก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อช่อเสียงของโจทก์ท้งสอง ต่อมำจ�ำเลยท่ ๓
ี
211
ื
ไปเช่ำคลังสินค้ำใหม่ในจังหวัดสมุทรปรำกำร เม่อซำกสัตว์ขนส่งมำถึงประเทศไทยได้ผ่ำน
ี
ั
ี
พิธีกำรทำงศุลกำกรโดยใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท่ ๒ แล้วจ�ำเลยท้งเจ็ดน�ำซำกสัตว์ไปเก็บท่คลัง
สินค้ำใหม่ที่ยังไม่ได้รับอนุญำต กำรกระท�ำดังกล่ำวท�ำให้โจทก์ที่ ๒ เสี่ยงต่อกำรถูกกรมปศุสัตว์
้
ั
ี
ี
�
ิ
ั
ี
่
ด�ำเนนคดอำญำเพรำะไม่ได้น�ำซำกสัตว์ไปกกไว้ ณ สถำนทท่มีใบอนุญำตต่อมำจำเลยทงเจ็ด
ั
ื
ี
ขอให้โจทก์ท้งสองย่นค�ำขออนุญำตใช้คลังสินค้ำใหม่เป็นสถำนท่พักซำกสัตว์ ใบอนุญำตให้ค้ำ
ซำกโค-กระบือในประเภทส่งต่ำงประเทศ และใบอนุญำตให้ท�ำกำรค้ำสัตว์หรือซำกสัตว์ในประเภท
ั
ั
ท่วรำชอำณำจักรจำกกรมปศุสัตว์ให้แก่จ�ำเลยท้งเจ็ด โจทก์ท้งสองจึงมอบหมำยให้พนักงำน
ั
ของโจทก์ท้งสองไปด�ำเนินกำรให้จนจ�ำเลยท่ ๓ ได้รับใบอนุญำตแต่จ�ำเลยท้งเจ็ดยังคงใช้ใบ
ี
ั
ั
อนุญำตต่ำง ๆ ของโจทก์ที่ ๒ ต่อไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๕๘ ดังนั้น จ�ำเลยทั้งเจ็ดจึง
ยังต้องช�ำระค่ำบ�ำเหน็จตัวแทนค้ำต่ำงให้โจทก์ท้งสองต่อไปแต่จ�ำเลยท้งเจ็ดไม่ช�ำระค่ำบ�ำเหน็จ
ั
ั
ตัวแทนค้ำต่ำงให้แก่โจทก์ทั้งสอง และจ�ำเลยที่ ๓ ยังฟ้องโจทก์ที่ ๑ ต่อศำลแพ่งเป็นคดีหมำยเลขด�ำที่
ั
พ ๑๔๕๓/๒๕๕๙ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งเจ็ดท�ำให้โจทก์ท้งสองได้รับควำมเสียหำย กล่ำวคือ
ั
ั
ั
ี
เงินค่ำบ�ำเหน็จท่จ�ำเลยท้งเจ็ดค้ำงช�ำระต่อโจทก์ท้งสองเป็นเงิน ๑,๑๘๑,๓๔๒.๒๔ บำท พร้อม
ดอกเบี้ย ๖๙,๖๖๖.๘๓ บำท รวมเป็นเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ๑,๒๕๑,๐๐๙.๐๗ บำท ค่ำเสียหำย
ั
ท่โจทก์ท้งสองให้พนักงำนแก้ไขกำรประพฤติผิดสัญญำของจ�ำเลยเป็นเงิน ๒,๔๐๗,๘๙๔.๗๔ บำท
ี
ั
ี
ั
ิ
เงินท่โจทก์ท้งสองต้องเสียไปในกำรท่จ�ำเลยท้งเจ็ดก่อให้เกิดกล่นเน่ำเหม็นในโกดังสินค้ำ
ี
๖๑๖,๐๐๒ บำท ค่ำเสียหำยท่จ�ำเลยท้งเจ็ดปิดบังข้อเท็จจริงน�ำซำกสัตว์ไปเก็บไว้ในคลังสินค้ำ
ั
ี
ี
ั
ท่ยังไม่ได้รับอนุญำตและค่ำเสียหำยจำกประวัติท่เสียหำยของโจทก์ท้งสอง ๔,๒๓๐,๐๐๐ บำท
ี
ค่ำเสียหำยที่จ�ำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันส่งซำกสัตว์ไปยังคลังสินค้ำที่ยังไม่ได้รับอนุญำต ๓,๖๐๐,๐๐๐ บำท
ค่ำทนำยควำม ๑,๖๐๐,๐๐๐ บำท รวมเป็นค่ำเสียหำยและดอกเบี้ยเป็นเงิน ๑๓,๗๐๔,๙๐๕.๘๑ บำท
ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งเจ็ดช�ำระเงิน ๑๓,๗๐๔,๙๐๕.๘๑ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จ�ำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ที่ ๖ และที่ ๗ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓ และท่ ๕ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำจ�ำเลยท่ ๒ รับจ้ำง
ี
ี
ี
ี
เป็นท่ปรึกษำทำงธุรกิจให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๓ รับจ้ำงปรับแต่งและฟอกหนังท่ส่งมำยัง
ี
ประเทศไทยให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๕ เป็นกรรมกำรบริษัทจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จ�ำเลยที่ ๒
ที่ ๓ และที่ ๕ ไม่ได้เป็นตัวแทนของจ�ำเลยที่ ๑ สัญญำระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ และโจทก์ทั้งสองไม่ใช่
ั
สัญญำตัวแทนค้ำต่ำงแต่เป็นสัญญำแต่งต้งตัวแทนน�ำเข้ำและส่งออก โดยโจทก์ท้งสองมีหน้ำท ่ ี
ั
212
ผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกรไทยน�ำสินค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ออกจำกท่ำเรือ ขนส่งสินค้ำของจ�ำเลยที่ ๑
ี
ี
ั
ี
ไปยังสถำนท่ท่ตกลง และครอบครองสินค้ำแทนจ�ำเลยท่ ๑ เท่ำน้น ตำมสัญญำไม่มีข้อตกลง
เรื่องค่ำบริกำรของตัวแทนน�ำเข้ำในอัตรำร้อยละ ๓.๕ และสัญญำดังกล่ำวมีระยะเวลำ ๑ ปี นับแต่
วันท�ำสัญญำคือวันที่ ๑ ธันวำคม ๒๕๕๖ สัญญำได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อมำประมำณเดือนมกรำคม
ี
๒๕๕๘ จ�ำเลยท่ ๓ ว่ำจ้ำงโจทก์ท่ ๑ เป็นตัวแทนขนส่งสินค้ำประเภทหนังสัตว์ซ่งจ�ำเลยท่ ๑
ี
ึ
ี
ี
ื
ี
เป็นผู้ขนส่งมำยังประเทศไทยเพ่อให้จ�ำเลยท่ ๓ ท�ำกำรปรับแต่งและฟอกหนัง โดยโจทก์ท่ ๑
เป็นผู้ด�ำเนินกำรผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือกรุงเทพและไปส่งให้จ�ำเลยท่ ๓
ี
ณ คลังสินค้ำที่จ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้เช่ำ โจทก์ที่ ๑ จะเรียกเก็บค่ำขนส่งและค่ำบริกำร ค่ำธรรมเนียม
ี
ี
ึ
รวมถึงค่ำภำษีอำกรท่ต้องช�ำระจำกจ�ำเลยท่ ๓ ซ่งเป็นกำรช�ำระในนำมของจ�ำเลยท่ ๓ เอง
ี
ี
กำรเลำะ ปรับแต่ง และฟอกหนังสัตว์ท่ท�ำให้เกิดกล่นเน่ำเหม็นของซำกสัตว์รุนแรง เป็นหน้ำท่ของ
ี
ิ
โจทก์ท้งสองท่ต้องควบคุมดูแลและหำมำตรกำรป้องกันเพรำะโจทก์ท้งสองสมัครใจเข้ำเส่ยงต่อ
ี
ั
ั
ี
ปัญหำที่เกิดขึ้นจำกกำรรับจ้ำงเอง ส่วนคดีแพ่งหมำยเลขด�ำที่ พ. ๑๔๕๓/๒๕๕๙ ของศำลแพ่ง
ระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๓ และโจทก์ที่ ๑ นั้น คดียังอยู่ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ทั้งสองทรำบดีว่ำเมื่อน�ำ
ี
ั
ี
ี
สินค้ำผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกรแล้วจะต้องขนสินค้ำไปเก็บไว้ ณ ท่ใด ตำมท่ได้รับจ้ำงท่โจทก์ท้งสอง
ั
อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งเจ็ดลักลอบน�ำซำกสัตว์ไปเก็บไว้ในคลังสินค้ำท่ไม่ได้รับอนุญำต ท�ำให้โจทก์
ี
ท้งสองตกเป็นผู้กระท�ำควำมผิดทำงอำญำ กรณียังไม่ปรำกฏว่ำมีควำมผิดเกิดข้น จ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓
ี
ึ
ี
ั
และท่ ๕ ไม่ได้ผิดสัญญำและไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง จึงไม่ต้องรับผิดในจ�ำนวนเงิน
ั
ี
ั
ี
และค่ำเสียหำยท่โจทก์ท้งสองเรียกร้องมำ ฟ้องโจทก์ท้งสองเคลือบคลุม ค�ำฟ้องในส่วนละเมิด
ั
ั
ขำดอำยุควำม และฟ้องของโจทก์ท้งสองไม่ได้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำจ�ำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ ยื่นค�ำร้องว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
ี
ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ เน่องจำกจ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓ และ
ื
ที่ ๕ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ทั้งสองเกี่ยวข้องกับกำรซื้อขำย กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือ
กำรขนส่งระหว่ำงประเทศ และไม่ได้เป็นตัวแทนหรือผู้แทนของจ�ำเลยที่ ๑
ิ
�
ื
ี
ั
ั
โจทก์ทงสองยนคำคดค้ำนว่ำ คดนเป็นคดแพ่งเกยวกบกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ
่
้
ี
ี
่
้
ี
ั
หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
213
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕)
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณ ี
ี
มีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ั
ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำและพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำว
ิ
ิ
ั
ั
ู
ี
ุ
�
ิ
ั
ั
ั
ั
ิ
ให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลทรพย์สน
ิ
ั
้
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำง
ี
ี
ประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)
ื
ั
ั
หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ท้งสองฟ้องจ�ำเลยท้งเจ็ดเน่องจำกกำรปฏิบัติผิดสัญญำตัวแทนค้ำต่ำง
ั
และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง โดยเรียกร้องให้จ�ำเลยท้งเจ็ดช�ำระเงินค่ำบริกำรและค่ำบ�ำเหน็จ
ั
ั
�
้
�
ี
ั
ตวแทนค้ำต่ำงทยงค้ำงชำระต่อโจทก์ทงสอง และค่ำเสยหำยจำกกำรกระทำละเมิด อนได้แก่
ั
ั
่
ี
ั
ค่ำเสียหำยท่โจทก์ท้งสองต้องให้พนักงำนของโจทก์ท้งสองแก้ไขกำรประพฤติผิดสัญญำของ
ั
ี
จ�ำเลยท้งเจ็ด ค่ำเสียหำยจำกกำรแก้ไขคลังสินค้ำท่เกิดกล่นเน่ำเหม็นของซำกสัตว์ ค่ำเสียหำย
ั
ิ
ี
ิ
ต่อชอเสยงและประวัตในกำรเป็นผู้ประกอบกำรในเขตประกอบกำรเสรนิคมอตสำหกรรม
ี
ุ
่
ื
ี
ลำดกระบังของโจทก์ทั้งสอง ค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลยทั้งเจ็ดใช้ใบอนุญำตของโจทก์ที่ ๒ แล้ว
ี
ลักลอบน�ำซำกสัตว์ไปเก็บในคลังสินค้ำท่ยังไม่ได้รับอนุญำต ค่ำทนำยควำมในกำรด�ำเนินคดีน ้ ี
ั
และคดีหมำยเลขด�ำท่ พ ๑๔๕๓/๒๕๕๙ ของศำลแพ่ง โดยโจทก์ท้งสองกล่ำวอ้ำงในฟ้องว่ำ
ี
ั
ั
จ�ำเลยท่ ๑ แต่งต้งให้โจทก์ท้งสองเป็นตัวแทนค้ำต่ำงให้เป็นผู้น�ำเข้ำและส่งออกสินค้ำจำกประเทศ
ี
ออสเตรเลียมำยังประเทศไทยแทนจ�ำเลยที่ ๑โดยจ�ำเลยที่ ๑ จะจัดส่งสินค้ำคือซำกสัตว์จำกประเทศ
ออสเตรเลียมำยังประเทศไทย ระบุชื่อโจทก์ทั้งสองเป็นผู้รับสินค้ำในใบตรำส่ง โจทก์ทั้งสองจะใช้
ั
ใบอนุญำตให้ท�ำกำรค้ำสัตว์หรือซำกสัตว์ของโจทก์ท้งสองเป็นหลักฐำนกำรเป็นผู้น�ำเข้ำซำกสัตว์
ี
ื
ั
และน�ำซำกสัตว์มำเก็บท่คลังสินค้ำของโจทก์ท้งสองเพ่อให้จ�ำเลยท่ ๔ สำมำรถรับจ้ำงฟอกหนัง
ี
ั
ี
ี
สัตว์จำกจ�ำเลยท่ ๑ ณ คลังสินค้ำของโจทก์ท้งสอง หลังจำกน้นจ�ำเลยท่ ๑ จะส่งให้จ�ำเลยท่ ๒ และ/หรือ
ั
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๓ ส่งคนงำนเข้ำมำท�ำกำรเลำะ ปรับแต่งและฟอกซำกสัตว์ในคลังสินค้ำของโจทก์
ี
ทั้งสอง เมื่อฟอกหนังสัตว์เรียบร้อยและจ�ำเลยที่ ๒ และ/หรือจ�ำเลยที่ ๓ จะให้ลูกค้ำมำดูหนังสัตว์
214
และแจ้งลูกค้ำที่ซื้อหนังสัตว์ช�ำระเงินให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ แล้วจ�ำเลยที่ ๑ จะออกใบค�ำสั่งให้ส่งสินค้ำ
มำยังโจทก์ทั้งสองเพื่อให้ส่งสินค้ำไปยังลูกค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ในประเทศไทย โดยโจทก์ทั้งสองจะ
ั
น�ำเอกสำรกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและใบค�ำส่งให้ส่งสินค้ำไปด�ำเนินกำรผ่ำนพิธีกำรทำงศุลกำกร
ั
และส่งสินค้ำไปให้ลูกค้ำของจ�ำเลยท่ ๑ ในประเทศไทยด้วยกำรใช้ใบอนุญำตของโจทก์ท้งสอง
ี
ั
ั
ท่ให้ท�ำกำรค้ำซำกโค-กระบือในประเภทท่วรำชอำณำจักร ดังน้ เห็นได้ว่ำโจทก์ท้งสองไม่ได้
ี
ี
ด�ำเนินกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ หรือท�ำสัญญำขนส่งระหว่ำงประเทศกับจ�ำเลยที่ ๑ แต่อย่ำงใด
ั
ั
ี
นิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท้งเจ็ดตำมฟ้องจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวข้องกับ
ี
กำรขนส่งระหว่ำงประเทศ นอกจำกน้กำรปฏิบัติงำนตำมสัญญำของโจทก์ท้งสองก็ไม่มีลักษณะ
ั
เป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศต้องปรำกฏว่ำมีกำรให้
ึ
ี
ึ
บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรในอีกประเทศหน่ง คดีน้แม้โจทก์
ี
ั
ี
ท้งสองและจ�ำเลยท่ ๑ จะอยู่คนละประเทศ แต่กำรปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำของโจทก์ท้งสอง
ั
ต้งแต่เร่มต้นจนเสร็จส้นกระท�ำลงในประเทศไทยประเทศเดียวเท่ำน้น ลักษณะของสัญญำ
ิ
ิ
ั
ั
�
ั
ี
่
้
้
็
ั
ั
ึ
ตำมฟ้องจงไม่ใช่สญญำกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ ในส่วนทโจทก์ทงสองฟ้องจำเลยทงเจด
ิ
ในมูลละเมิดนั้น กรณีเป็นค�ำฟ้องที่ไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำม
รับผิดตำมสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศหรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศแต่อย่ำงใด คดีน ี ้
จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ อันจะอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
215
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแสงฟ้ำอะกริโปรดักส์
ที่ วทป ๒๔/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทมิดแลนด์ บิซิเนส จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
่
ี
ื
ึ
โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่งกับโจทก์ โดยโจทก์ผู้ขำยต้อง
ั
ส่งสินค้ำไปยังท่ำเรือกรุงเทพเพ่อให้มีกำรขนส่งสินค้ำต่อไปให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยท้ง
ื
ี
สำมท่สำธำรณรัฐเยเมน โจทก์ส่งสินค้ำถูกต้องครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้รับช�ำระค่ำ
ื
สินค้ำเน่องจำกธนำคำร ส. กรุงซำนำ สำธำรณรัฐเยเมน ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิต
ั
ปฏิเสธกำรจ่ำยเงิน คดีน้โจทก์และจ�ำเลยท้งสำมอยู่ในประเทศไทย ท�ำสัญญำซ้อขำย
ี
ื
สินค้ำกันในประเทศไทย กำรส่งมอบและรับมอบสินค้ำท�ำในประเทศไทย จ�ำเลยทั้งสำม
ก็ให้กำรยอมรับว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำซื้อขำยข้ำวนึ่งกับโจทก์ตำมฟ้อง และจ�ำเลยที่ ๑
ี
ึ
่
ี
มีหน้ำท่ต้องส่งสินค้ำข้ำวน่งดังกล่ำวให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยท ๑ ท่ท่ำเรือโฮเดดะ
ี
ื
ี
ึ
ื
สำธำรณรัฐเยเมน ซ่งเป็นเร่องท่ฝ่ำยจ�ำเลยผู้ซ้อด�ำเนินกำรเอง กรณีข้อพิพำทระหว่ำง
ั
่
ิ
โจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงไม่มีปัญหำต้องพิจำรณำถึงสิทธ หน้ำท และควำมรับผิด
ี
ี
ของผู้ซ้อและผู้ขำยตำมหลักกฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือกำร
ื
ื
ขนส่งระหว่ำงประเทศ ส่วนที่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยทั้งสำมอ้ำงว่ำ กำรที่จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๓
ี
แสดงออกโดยชัดแจ้งว่ำจะช�ำระหน้ค่ำสินค้ำให้โจทก์โดยเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิด
ั
�
ิ
ื
ึ
�
่
เพกถอนไม่ได้ของธนำคำร ก. ท�ำให้โจทก์หลงเช่อและเข้ำทำสัญญำกบจำเลยท ๑ ซ่งหำก
ี
่
ี
จ�ำเลยท ๑ ไม่ได้ปกปิดข้อเท็จจริงว่ำ ธนำคำร ก. เป็นเพียงธนำคำรผู้เรียกเก็บเงิน
ไม่ใช่ธนำคำรผ้ออกเลตเตอร์ออฟเครดต อนเป็นกำรปกปิดข้อเทจจรงอนเป็น
ั
ิ
็
ั
ู
ิ
สำระส�ำคัญ โจทก์คงไม่เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท ๑ พร้อมเรียกค่ำเสียหำยอันเป็น
่
ี
ื
ค่ำเสียโอกำสทำงกำรค้ำ จึงเป็นเร่องท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสำมในมูลละเมิด
ั
ี
กรณจึงมิได้มีข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยในปัญหำเก่ยวกับเน้อหำของสัญญำ
ี
ื
ี
ื
่
ี
เลตเตอร์ออฟเครดตแต่อย่ำงใด คดน้จงมิใช่คดแพ่งเกยวกับกำรซ้อขำยระหวำงประเทศ
ึ
ี
ี
ี
่
ิ
ี
กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง หรือคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์
ี
ี
ื
ื
ื
ี
ี
ื
ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
216
มำตรำ ๗ (๕) (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำร
ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน และมีจ�ำเลยที่ ๓ เป็นเจ้ำของบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ แสดงตนออกชัดแจ้ง
และ/หรือโดยปริยำยในกำรติดต่อสั่งซื้อข้ำวกับโจทก์ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยที่ ๑
ท�ำสัญญำซื้อขำยข้ำวนึ่งกับโจทก์ ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน รำคำ ๓,๗๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ก�ำหนด
ื
ิ
ส่งสินค้ำโดยเง่อนไขเอฟโอบี คือ ควำมรับผิดของผู้ขำยส้นสุดลงเม่อสินค้ำข้ำมพ้นกรำบเรือ
ื
ณ ท่ำเรือกรุงเทพ จ�ำเลยทั้งสำมเสนอกำรช�ำระรำคำสินค้ำโดยตรำสำรเลตเตอร์ออฟเครดิตของ
ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์ส่งมอบสินค้ำแก่จ�ำเลยท่ ๑ ณ ท่ำเรือกรุงเทพครบถ้วน
ี
แล้ว และโจทก์ทรำบว่ำสินค้ำไปถึงท่ำเรือปลำยทำงท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมนแล้ว โจทก์จึง
ี
ื
น�ำเอกสำรต่ำงๆ ส่งมอบให้ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) เพ่อเบิกเงินตำมเลตเตอร์ออฟ
เครดิต แต่ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) แจ้งว่ำธนำคำรสินเชื่อเพื่อสหกรณ์และกำรเกษตร
กรุงซำนำ ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมนปฏิเสธกำรจ่ำยเงิน กำรที่จ�ำเลยที่ ๑
ี
ี
โดยจ�ำเลยท่ ๓ แสดงออกชัดแจ้งว่ำจะช�ำระหน้ค่ำสินค้ำโดยเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอน
ไม่ได้ของธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ท�ำให้โจทก์หลงเชื่อและเข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยที่ ๑
ซึ่งหำกจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ปกปิดข้อเท็จจริงว่ำธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) เป็นเพียงธนำคำร
ั
็
ี
ผู้เรียกเก็บเงินเท่ำน้น โจทก์กจะไม่เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท่ ๑ อันเป็นกำรปกปิดข้อเทจจริง
็
อันเป็นสำระส�ำคัญ อีกท้งจ�ำเลยท้งสำมมิได้ขวนขวำยในกำรช�ำระรำคำข้ำวแก่โจทก์หรือหำ
ั
ั
หลักประกันใด ๆ เพื่อประกันกำรช�ำระหนี้โจทก์ อันเป็นกำรงดเว้นกำรกระท�ำกำรและก่อให้เกิด
ควำมเสียหำยแก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ก่อตั้งบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ มำด้วยเจตนำทุจริต รู้ว่ำตน
ั
ไม่มีเงินช�ำระค่ำสินค้ำแต่กลับส่งสินค้ำจ�ำนวนมำก จ�ำเลยท้งสำมจึงร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์
ั
ี
ั
โจทก์บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยท้งสำมเม่อวันท่ ๓ สิงหำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท้งสำมจึงต้องท�ำให้
ื
ั
โจทก์กลับสู่ฐำนะเดิม ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมส่งมอบข้ำว ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน คืนโจทก์ โดย
จ�ำเลยท้งสำมต้องด�ำเนินกำรใด ๆ เพ่อน�ำสินค้ำของโจทก์กลับมำยังประเทศไทยโดยค่ำใช้จ่ำย
ั
ื
ของจ�ำเลยทั้งสำมเอง พร้อมช�ำระค่ำเสียโอกำสทำงกำรค้ำ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ พร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลย
ี
217
�
ิ
ู
้
ั
ิ
้
ั
ู
�
ิ
�
ทงสำมเพกเฉยไม่ดำเนนกำร ให้โจทก์เป็นผ้ดำเนนกำรโดยจำเลยทงสำมเป็นผ้ออกใช้ในบรรดำ
ค่ำเก็บสินค้ำของท่ำเรือเอเดน ค่ำเช่ำตู้คอนเทนเนอร์ของสำยกำรเดินเรือ ซีเอ็มเอ ค่ำส่งสินค้ำ
กลับจำกท่ำเรือเอเดนถึงท่ำเรือกรุงเทพ พิธีกำรศุลกำกร และค่ำหัวลำกจำกท่ำเรือถึงโรงงำน
ิ
ั
เป็นเงินท้งส้น ๑๒๔,๕๙๒,๓๖๔ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
ี
่
่
้
ื
เป็นต้นไปจนกวำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จ�ำเลยทงสำมร่วมกันหรอแทนกันช�ำระคำเสียโอกำส
ั
ทำงกำรค้ำ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกส่งมอบทรัพย์คืนไม่ได้ ให้จ�ำเลยท้งสำมช�ำระค่ำเสียหำยในมูลค่ำ
ั
ของข้ำว ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน ในรำคำ ๑๒๙,๙๕๑,๔๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ี
นับแต่วันที่ ๒๘ กรกฎำคม ๒๕๕๘ จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันหรือ
แทนกันช�ำระสินไหมทดแทนกำรเสียโอกำสทำงธุรกิจ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ื
จ�ำเลยท้งสำมให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่ง ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน ใน
ี
ั
ึ
รำคำ ๓,๗๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐอเมริกำ จำกโจทก์ โดยโจทก์ทรำบดีว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ต้องส่งมอบ
สินค้ำทั้งหมดให้ลูกค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ท่ำเรือโฮเดดะ ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน เมื่อลูกค้ำของ
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ได้รับสินค้ำ ธนำคำรสินเช่อสหกรณ์และกำรเกษตร กรุงซำนำ ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิต
ท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน จะช�ำระเงินให้ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) และธนำคำร
ี
ี
กรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) จะช�ำระเงินให้โจทก์ โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ ซ้อขำยและปฏิบัติวิธีกำร
ื
ั
ช�ำระเงินเช่นน้มำแล้วหลำยคร้ง จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยปกปิดข้อเท็จจริงท้งในเร่องกำรซ้อขำยและ
ื
ี
ี
ื
ั
วิธีกำรช�ำระเงิน ส่วนคดีน้ท่โจทก์ไม่ได้รับช�ำระเงิน เน่องจำกบริษัทซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม เอส.เอ.
ื
ี
ี
ึ
ซ่งเป็นบริษัทท่รับขนส่งสินค้ำไม่ส่งสินค้ำท้งหมดไปท่ท่ำเรือโฮเดดะ ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน
ี
ี
ั
ซึ่งเป็นท่ำเรือจุดหมำยปลำยทำงที่ว่ำจ้ำง แต่กลับส่งไปที่ท่ำเรือเอเดน ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน
แทน โดยอ้ำงว่ำเกิดปัญหำภำยในประเทศ โจทก์แจ้งจ�ำเลยท้งสำมว่ำมีควำมประสงค์จะขำยสินค้ำ
ั
ื
ึ
ี
ี
ข้ำวน่งท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมนให้แก่ลูกค้ำของโจทก์ท่ต่ำงประเทศรำยอ่นด้วยตนเอง และขอ
ให้จ�ำเลยที่ ๑ เรียกเอกสำรที่จ�ำเลยที่ ๑ ส่งให้ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) คืน โดยธนำคำร
ื
ื
กรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ต้องเรียกเอกสำรท้งหมดกลับคืนมำจำกธนำคำรสินเช่อเพ่อสหกรณ์
ั
ึ
ี
และกำรเกษตร กรุงซำนำ ซ่งจ�ำเลยท่ ๑ ด�ำเนินกำรตำมควำมประสงค์ของโจทก์แล้ว จ�ำเลย
ั
ทงสำมจึงพ้นจำกควำมรับผด ส่วนค่ำเสยหำยเป็นเรองข้อตกลงระหว่ำงโจทก์กับบรษัทซีเอ็มเอ
้
ิ
่
ื
ิ
ี
ั
ั
ซีจีเอ็ม เอส.เอ. จ�ำเลยท้งสำมไม่ได้ผิดสัญญำกับโจทก์ ปัจจุบันสินค้ำท้งหมดจ�ำเลยท้งสำมได้
ั
218
ส่งมอบคืนโจทก์โดยอยู่ในควำมครอบครองภำยใต้กำรดูแลของโจทก์และตัวแทนโจทก์แล้ว
จ�ำเลยทั้งสำมจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยใด ๆ ให้แก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำรของ
จ�ำเลยที่ ๑ กระท�ำกำรในนำมจ�ำเลยที่ ๑ ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้จัดกำรฝ่ำยต่ำงประเทศและเป็น
ลูกจ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นกำรส่วนตัว ขอให้ยกฟ้อง
ี
ในวันนัดช้สองสถำน ศำลแพ่งกรุงเทพใต้พิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
ั
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
ี
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำง
ี
ื
ี
ื
ี
ี
ื
ี
ประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง คดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่อง
ื
กับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕) และ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่งกับ
ี
ึ
ื
ื
โจทก์ โดยโจทก์ผู้ขำยต้องส่งสินค้ำไปยังท่ำเรือกรุงเทพเพ่อให้มีกำรขนส่งสินค้ำต่อไปให้แก่
ี
ั
ลูกค้ำของจ�ำเลยท้งสำมท่ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน โจทก์ส่งสินค้ำถูกต้องครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์
ไม่ได้รบชำระค่ำสนค้ำเนองจำกธนำคำรสนเชอเพอสหกรณ์และกำรเกษตร กรงซำนำ ประเทศ
ื
่
่
ิ
ื
ิ
ื
่
�
ุ
ั
ั
ี
สำธำรณรัฐเยเมน ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตปฏิเสธกำรจ่ำยเงิน คดีน้โจทก์และจ�ำเลยท้งสำม
ื
อยู่ในประเทศไทย ท�ำสัญญำซ้อขำยสินค้ำกันในประเทศไทย กำรส่งมอบและรับมอบสินค้ำท�ำ
ึ
ี
ในประเทศไทย จ�ำเลยท้งสำมก็ให้กำรยอมรับว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่งกับโจทก์
ื
ั
ตำมฟ้อง และจ�ำเลยที่ ๑ มีหน้ำที่ต้องส่งสินค้ำข้ำวนึ่งดังกล่ำวให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ที่ท่ำเรือ
โฮเดดะ ประเทศสำธำรณรัฐเยเมน ซ่งเป็นเร่องท่ฝ่ำยจ�ำเลยผู้ซ้อด�ำเนินกำรเอง กรณีข้อพิพำท
ื
ึ
ี
ื
ี
ี
ื
ั
ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงไม่มีปัญหำสืบเน่องมำจำกกำรท่โจทก์มีหน้ำท่ต้องส่งสินค้ำ
ั
ให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลยท้งสำมท่ต่ำงประเทศอันจะต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิด
ี
ี
ื
ของผู้ซ้อและผู้ขำยตำมหลักกฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือกำรขนส่ง
ื
ี
ี
ี
ี
ี
ระหว่ำงประเทศ ส่วนท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสำมอ้ำงว่ำ กำรท่จ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๓ แสดงออก
ั
โดยชัดแจ้งว่ำจะช�ำระหน้ค่ำสินค้ำให้โจทก์โดยเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้ของ
ี
219
ื
ึ
ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ท�ำให้โจทก์หลงเช่อและเข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งหำก
ี
�
ี
จำเลยท่ ๑ ไม่ได้ปกปิดข้อเทจจรงว่ำ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) เป็นเพียงธนำคำร
็
ิ
ผู้เรียกเก็บเงินไม่ใช่ธนำคำรผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตอันเป็นกำรปกปิดข้อเท็จจริงอันเป็น
ี
สำระส�ำคัญ โจทก์คงไม่เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท่ ๑ พร้อมเรียกค่ำเสียหำยอันเป็น
ี
ื
ค่ำเสียโอกำสทำงกำรค้ำ จึงเป็นเร่องท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสำมในมูลละเมิด กรณีจึงมิได้ม ี
ั
ข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยในปัญหำเก่ยวกับเน้อหำของสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตแต่อย่ำงใด
ี
ื
ี
ื
คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและ
ี
ี
ี
ี
ื
ี
ี
ื
นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง หรือคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับ
ื
ื
กำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัต ิ
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
220
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเอ็ม เอส ไอ จี
ที่ วทป ๒๕/๒๕๖๐ ประกันภัย (ประเทศไทย)
จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
บริษัทที เค เอส ลอจิสติคส์
จ�ำกัด จ�ำเลย
ั
ู
ี
่
ึ
ั
ี
ี
้
ิ
ิ
ั
ู
ั
โจทก์ฟ้องคดนโดยอำศยสทธเรยกร้องของผ้เอำประกนภยซงโจทก์เป็นผ้รบ
ประกันภัยสินค้ำตำมค�ำฟ้องไว้จำกผู้เอำประกันภัยและได้ชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่
ี
ผู้เอำประกันภัยและรับช่วงสิทธิมำฟ้องจ�ำเลยให้รับผิดต่อโจทก์เป็นคดีน เม่อข้อพิพำทตำม
ื
้
ู
ื
ื
ี
สิทธิเรียกร้องของผ้เอำประกันภัยสบเน่องมำจำกค่ำเสียหำยตำมสัญญำท่ผู้เอำประกันว่ำจ้ำง
จ�ำเลยไปขนส่งสินค้ำจำกท่ำเรือกรุงเทพไปยังโรงงำนของผู้เอำประกันอันเป็นสัญญำ
รับขนสินค้ำภำยในประเทศ กรณีจึงไม่ใช่ข้อพิพำทตำมสิทธิเรียกร้องตำมสัญญำให้บริกำร
ระหว่ำงประเทศหรือสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศและสัญญำประกันภัยสินค้ำ
ดังกล่ำว คดีน้ย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำง
ี
้
ั
ประเทศหรือสัญญำขนส่งสินคำระหว่ำงประเทศและสัญญำประกันภัยสินค้ำน้นแต่อย่ำงใด
ี
จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ
ื
ิ
และกำรประกันภัยท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต มำตรำ ๗ (๕)
ี
ี
แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
้
โจทกฟองวำ บริษัทไทยสตีล อิมปอรต จ�ำกัด ผูเอำประกันภัย ไดสั่งซื้อสินคำเหล็กมวน
้
์
้
้
่
้
์
จำกผ้ขำยในประเทศสำธำรณรฐประชำชนจนเข้ำมำในรำชอำณำจกรไทย ภำยใต้เงอนไข
่
ื
ั
ี
ู
ั
ข้อตกลงแบบ ซีเอฟอำร์ ผู้เอำประกันภัยจึงติดต่อขอเอำประกันภัยสินค้ำที่สั่งซื้อกับโจทก์ โจทก์
ตกลงรับประกันภัยเพื่อควำมเสี่ยงภัยทุกประเภทที่อำจเกิดขึ้นกับสินค้ำ โดยไม่ว่ำควำมสูญหำย
ึ
ั
หรือเสียหำยน้นจะเกิดข้นจำกเหตุใด ๆ ก็ตำม หำกแต่ได้เกิดข้นกับสินค้ำในระหว่ำงกำรขนส่ง
ึ
ต้งแต่โรงงำนหรือโกดังของผู้ขำยมำส่งมอบให้แก่ผู้เอำประกันภัยยังโรงงำนหรือโกดังของ
ั
ี
ผู้เอำประกันภัย ส�ำหรับกำรขนส่งสินค้ำพิพำท ผู้ขำยมีหน้ำท่ว่ำจ้ำงผู้ขนส่งสินค้ำ ผู้ขำยจึงส่ง
221
ื
ึ
สินค้ำมำกับเรือเดินสมุทรช่อ MV. SCSC FORTUNE V.๑๖๐๖ ซ่งเป็นผู้ขนส่งทำงทะเล และ
ื
ออกเดินทำงจำกท่ำเรือต้นทำงประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีน มำถึงท่ำเรือกรุงเทพเม่อวันท ี ่
ิ
ี
๘ พฤษภำคม ๒๕๕๙ ซ่งเป็นอันส้นสุดภำระหน้ำท่ของผู้ขำย ผู้เอำประกันภัยว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้
ึ
ด�ำเนินกำรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือ ขนถ่ำย และขนย้ำยสินค้ำทั้งหมดออกจำกเรือเพื่อไปส่งมอบ
ี
ยังโรงงำนหรือโกดังของผู้เอำประกันภัย ภำยหลังจำกท่จ�ำเลยด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรเสร็จแล้ว
และขนส่งสินค้ำมำถึงโรงงำนหรือโกดังของผู้เอำประกันภัย และก่อนผู้เอำประกันภัยรับมอบ
ี
ึ
สินค้ำไว้กลับพบว่ำ สินค้ำท่จ�ำเลยขนส่งมำได้รับควำมเสียหำยบุบ ยุบ เปียกน้ำ และข้นสนิม
�
ึ
ึ
ี
จ�ำนวนมำก ซ่งเกิดข้นในขณะท่จ�ำเลยด�ำเนินกำรขนส่งสินค้ำและอยู่ในควำมครอบครองของ
จ�ำเลยด้วยควำมประมำทเลินเล่อปรำศจำกควำมระมัดระวังของจ�ำเลยหรือพนักงำนหรือลูกจ้ำง
ี
หรือตัวแทนของจ�ำเลยผู้เอำประกันภัยโต้แย้งควำมเสียหำยไว้กับจ�ำเลยก่อนท่จะรับมอบสินค้ำไว้
และแจ้งมำยังโจทก์ โจทก์จึงมอบหมำยให้ผู้ส�ำรวจภัยอิสระตรวจสอบควำมเสียหำยร่วมกับ
ผู้เอำประกันภัย พบว่ำสินค้ำเหล็กม้วนเสียหำยเป็นจ�ำนวนมำกไม่สำมำรถน�ำมำใช้ได้ท้งส้น
ิ
ั
๔๐ ม้วน เป็นค่ำเสียหำย ๖๕๕,๗๙๓.๖๒ บำท โจทก์จึงพิจำรณำชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนดังกล่ำว
ี
ให้แก่ผู้เอำประกันภัยเป็นเงิน ๖๑๔,๘๙๘.๖๘ บำท และรับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัยท่จะติดตำม
เรียกร้องคืนจำกจ�ำเลย โจทก์มอบหมำยให้ทนำยควำมมีหนังสือทวงถำมไปยังจ�ำเลย แต่จ�ำเลย
เพิกเฉย จ�ำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เต็มจ�ำนวนมูลค่ำควำมเสียหำยอันมิอำจจะกล่ำวอ้ำง
หรือจ�ำกัดควำมรับผิดได้ตำมกฎหมำย โจทก์ได้ช�ำระค่ำสินไหมทดแทนและรับช่วงสิทธิจำก
ี
ั
ี
ผู้เอำประกันภัยต้งแต่วันท่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ เป็นเงิน ๖๕๕,๗๙๓.๖๒ บำท พร้อมดอกเบ้ย
้
ั
ั
ี
ั
ึ
อตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนถงวนฟ้องเป็นเวลำ ๑๖๕ วน เป็นดอกเบย ๒๒,๒๓๔.๑๐ บำท
รวมเป็นเงิน ๖๗๘,๐๒๗.๗๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์ ๖๗๘,๐๒๗.๗๒ บำท
ี
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖๕๕,๗๙๓.๖๒ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้น
ไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ิ
ั
ั
ิ
ในช้นตรวจฟ้อง ศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง พจำรณำ
แล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
ี
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำ
ั
ั
ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
222