ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สมำคมฌำปนกิจสงเครำะห์
ที่ วร ๒๖/๒๕๖๕ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจันทบุรี จ�ำกัด
และครอบครัวหรือสมำคม
ฌำปนกิจสงเครำะห์สมำชิก
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจันทบุรี จ�ำกัด
และครอบครัว โจทก์
ประจวบ มะลิทอง กับพวก จ�ำเลย
่
ี
ี
ี
่
จ�ำเลยท ๑ ถึงท ๓ เป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรจึงมีอ�ำนำจหน้ำท่ด�ำเนินกิจกำร
ี
ของโจทก์ภำยใต้กำรควบคุมของท่ประชุมใหญ่สมำชิกโจทก์เท่ำน้น โดยมิได้มีฐำนะเป็น
ั
เจ้ำหน้ำที่หรือลูกจ้ำงของโจทก์ ส�ำหรับจ�ำเลยที่ ๒ นั้น แม้จะปรำกฏตำมค�ำร้องขอแก้ไข
ั
ิ
ี
�
ค�ำให้กำรของจำเลยท ๑ และส�ำเนำสญญำจ้ำงเจ้ำหน้ำท สมำคมฌำปนกจสงเครำะห์
่
ี
่
สมำชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ. และครอบครัว และส�ำเนำหนังสือค�้ำประกันกำรท�ำงำน
่
ู
�
ี
่
ี
ั
ู
ของผ้รับจ้ำงของจ�ำเลยท ๑ ดงกล่ำวว่ำ จ�ำเลยท ๒ เป็นผ้ค้ำประกันกำรท�ำงำนของ
จ�ำเลยที่ ๔ แต่เมื่อโจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะเป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรของโจทก์
่
ี
�
ให้ร่วมรับผิดกับจ�ำเลยอ่นโดยไม่ได้ฟ้องจ�ำเลยท ๒ ในฐำนะเป็นผู้ค้ำประกันกำรท�ำงำน
ื
ของจ�ำเลยที่ ๔ มำด้วย จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ซึ่งเป็นคณะกรรมกำร
ด�ำเนินกำรร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์เท่ำนั้น ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์มีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทสมำคมฌำปนกิจสงเครำะห์ ตำม
พระรำชบัญญัติกำรฌำปนกิจสงเครำะห์ พ.ศ. ๒๕๔๕ จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ เคยเป็นคณะกรรมกำร
ี
ด�ำเนินกำรของโจทก์ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ด�ำรงต�ำแหน่งนำยกสมำคม จ�ำเลยท่ ๒ เป็นอุปนำยก
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๓ เป็นเหรัญญิก จ�ำเลยท่ ๔ เป็นเจ้ำหน้ำท่ของโจทก์ โจทก์ตรวจสอบพบว่ำระหว่ำง
ี
ี
วันที่ ๒๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๔ จ�ำเลยทั้งสี่จงใจหรือประมำทเลินเล่อ
ื
ี
ี
กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๓ ร่วมกันลงลำยมือช่อในใบถอนเงินหรือเช็คแล้ว
ี
ให้จ�ำเลยท่ ๔ เบิกเงินในบัญชีธนำคำรของโจทก์แล้วจ�ำเลยท้งส่เบียดบังเอำเงินของโจทก์ไป
ั
ี
จ�ำนวนมำกต่อเนื่อง ๓๗ ครั้ง เป็นเงินรวม ๗,๐๙๓,๑๕๑.๖๐ บำท จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ในฐำนะ
623
ี
คณะกรรมกำรด�ำเนินกำรในช่วงเวลำดังกล่ำวมีหน้ำท่ต้องตรวจสอบกำรปฏิบัติงำนของเจ้ำหน้ำท ี ่
ั
แทนโจทก์และควบคุมตรวจสอบบัญชีกำรเงินตลอดจนทรัพย์สินท้งปวงของโจทก์ แต่ไม่ท�ำหน้ำท ่ ี
ั
็
้
์
ั
ั
่
ั
ู
�
่
ิ
่
้
ั
็
้
ดงกลำวใหถกตอง เปนกำรดำเนนงำนไมเปนไปตำมระเบยบและขอบงคบของโจทก กลบรวมกน
ี
ี
กับจ�ำเลยท่ ๔ ทุจริตเบียดบังเอำเงินของโจทก์ไปดังกล่ำว จึงต้องร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย
ี
ั
แก่โจทก์ด้วย โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยท้งส่เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส่ร่วมกันช�ำระเงิน
ี
ั
๗,๒๙๖,๙๘๕.๙๒ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำ
ี
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำขณะเกิดเหตุจ�ำเลยที่ ๔
เป็นลูกจ้ำงของโจทก์ กำรท�ำงำนของจ�ำเลยที่ ๔ มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค�้ำประกันกำรท�ำงำน คดีนี้
จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน จ�ำเลยท่ ๑ เป็นข้ำรำชกำรบ�ำนำญ เข้ำท�ำงำน
ี
ี
ให้โจทก์ในฐำนะนำยกสมำคมโดยไม่มีเงินเดือน จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยกระท�ำกำรทุจริตตำมฟ้อง
ี
ี
ื
ื
เหตุเกิดจำกจ�ำเลยท่ ๑ ลงลำยมือช่อในใบถอนเงินหรือเช็คท่ยังไม่ได้กรอกข้อควำมเพ่อควำม
ิ
ิ
�
ิ
สะดวกและรวดเรวในกำรเบกถอนเงน ต่อมำจำเลยท ๔ ทำหลกฐำนกำรตำยของสมำชกโจทก์
�
ี
็
ั
่
่
ิ
ื
ิ
่
ิ
ี
ิ
เพ่อเบิกเงนฌำปนกจสงเครำะห์แสดงต่อจ�ำเลยท ๓ เพอเบกจ่ำยแก่ทำยำทของสมำชกโจทก์
ื
่
ี
�
ี
่
จำเลยท ๓ จงน�ำใบถอนเงินหรือเช็คท่จำเลยท ๑ ลงลำยมือชอไว้แต่ยังไม่ได้กรอกข้อควำมมอบให้
�
ื
ี
ึ
่
จ�ำเลยที่ ๔ แล้วจ�ำเลยที่ ๔ ได้น�ำใบถอนเงินหรือเช็คดังกล่ำวให้จ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นบิดำของจ�ำเลย
ที่ ๔ ลงลำยมือชื่อเพื่อถอนเงิน แต่จ�ำเลยที่ ๔ ไม่น�ำเงินที่ถอนไปมอบให้ทำยำทของสมำชิกโจทก์
เมื่อจ�ำเลยที่ ๓ ตรวจสอบพบจึงแจ้งให้จ�ำเลยที่ ๑ ทรำบเรื่อง ต่อมำคณะกรรมกำรสมำคมโจทก์
ไล่จ�ำเลยที่ ๔ ออกจำกงำนแล้วร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวน จ�ำเลยที่ ๔ กระท�ำทุจริตแต่เพียง
ผู้เดียว โจทก์ใช้สิทธิฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ โดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ เป็นเพียงอุปนำยก ท�ำหน้ำท่ตำมท่นำยกสมำคมมอบหมำย
ี
ี
ี
ี
ี
แต่ไม่มีหน้ำท่ตรวจสอบควำมถูกต้องของกำรส่งจ่ำยเงินหรือกำรท�ำบัญชีของจ�ำเลยท่ ๔
ั
ั
กำรแต่งต้งนำยกสมำคมไม่ถูกต้องตำมระเบียบ กำรลงนำมในค�ำส่งของโจทก์จึงไม่ชอบ โจทก์
ั
จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ี
จ�ำเลยท่ ๓ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่เคยมีมติท่ประชุมคณะกรรมกำรแต่งต้งมอบหมำยให้
ั
ี
�
บคคลใดฟ้องดำเนนคดน หนงสอมอบอำนำจให้ฟ้องคดีเป็นเอกสำรปลอม จำเลยท ๓ ไม่เคย
ี
่
�
ิ
�
ี
ี
้
ื
ุ
ั
กระท�ำทุจริต เงินท้งหมดตำมฟ้องมิได้สูญหำยแต่อยู่ในกำรเก็บรักษำของโจทก์และได้ใช้ไปในกำร
ั
ั
ด�ำเนินกิจกำรของโจทก์ท้งส้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหำยเพรำะเป็นเงินท่ถอนจำกบัญชีธนำคำร
ิ
ี
624
ธนำคำรจึงมีหน้ำที่คืนเงินดังกล่ำวแก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๓ ไม่เคยได้รับกำรทวงถำมก่อน ฟ้องโจทก์
เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๔ ให้กำรว่ำ กำรเบิกจ่ำยเงินของโจทก์เป็นกำรเบิกจ่ำยเพ่อมอบแก่ทำยำท
ของสมำชิกสมำคมโจทก์ และทำยำทได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว กำรเบิกจ่ำยเงินเป็นกำรท�ำตำมท ี ่
ี
ึ
ได้รับมอบหมำยจำกจ�ำเลยท่ ๓ ซ่งจะได้รับอนุมัติจำกจ�ำเลยท่ ๑ ก่อน กำรแต่งต้งนำยก
ั
ี
สมำคมไม่ถูกต้องตำมระเบียบ กำรลงนำมในค�ำสั่งของโจทก์จึงไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๔ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดจันทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
ั
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์มีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทสมำคมฌำปนกิจ
สงเครำะห์ ตำมพระรำชบัญญัติกำรฌำปนกิจสงเครำะห์ พ.ศ. ๒๕๔๕ จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ เคย
เป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรของโจทก์ โดยจ�ำเลยที่ ๑ ด�ำรงต�ำแหน่งนำยกสมำคม จ�ำเลยที่ ๒
เป็นอุปนำยก จ�ำเลยที่ ๓ เป็นเหรัญญิก จ�ำเลยที่ ๔ เป็นเจ้ำหน้ำที่ของโจทก์ ต่อมำจ�ำเลยทั้งสี่
จงใจหรือประมำทเลินเล่อกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ร่วมกันลงลำยมือชื่อใน
ใบถอนเงินหรือเช็คแล้วให้จ�ำเลยที่ ๔ เบิกเงินในบัญชีธนำคำรของโจทก์แล้วจ�ำเลยทั้งสี่เบียดบัง
เอำเงินของโจทก์ไปจ�ำนวนมำกต่อเนื่อง ๓๗ ครั้ง เป็นเงินรวม ๗,๐๙๓,๑๕๑.๖๐ บำท จ�ำเลยที่ ๑
ี
ี
ถึงท่ ๓ ในฐำนะคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรในช่วงเวลำดังกล่ำวมีหน้ำท่ต้องตรวจสอบกำรปฏิบัติงำน
ี
ของเจ้ำหน้ำท่แทนโจทก์และควบคุมตรวจสอบบัญชีกำรเงินตลอดจนทรัพย์สินท้งปวงของโจทก์
ั
ี
แต่ไม่ทำหน้ำทดงกล่ำวให้ถกต้องเป็นกำรดำเนนงำนไม่เป็นไปตำมระเบยบและข้อบงคบของ
�
ิ
ู
ั
่
�
ั
ั
ี
โจทก์ กลับร่วมกันกับจ�ำเลยท่ ๔ ทุจริตเบียดบังเอำเงินของโจทก์ไปดังกล่ำวจึงต้องร่วมกัน
ี
ช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ เป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำร
ี
ึ
ี
ซ่งมีอ�ำนำจหน้ำท่ด�ำเนินกิจกำรของโจทก์ โดยมิได้มีฐำนะเป็นเจ้ำหน้ำท่หรือลูกจ้ำงของโจทก์
ี
ี
ั
ส�ำหรับจ�ำเลยท่ ๒ น้น แม้จะปรำกฏตำมค�ำร้องขอแก้ไขค�ำให้กำรของจ�ำเลยท่ ๑ และส�ำเนำ
ี
สัญญำจ้ำงเจ้ำหน้ำท่ สมำคมฌำปนกิจสงเครำะห์สมำชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจันทบุรี จ�ำกัด
และครอบครัว และส�ำเนำหนังสือค�้ำประกันกำรท�ำงำนของผู้รับจ้ำง เอกสำรท้ำยค�ำร้องขอแก้ไข
ค�ำให้กำรของจ�ำเลยที่ ๑ ว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค�้ำประกันกำรท�ำงำนของจ�ำเลยที่ ๔ อีกฐำนะหนึ่ง
625
ื
�
ี
ี
แต่เม่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องจ�ำเลยท่ ๒ ในฐำนะเป็นผู้ค้ำประกันกำรท�ำงำนของจ�ำเลยท่ ๔ มำด้วย
จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ซึ่งเป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรร่วมกันกระท�ำละเมิด
ึ
่
่
ตอโจทกเทำนน คดระหวำงโจทกกบจำเลยท ๑ ถงท ๓ จงมใชคดอนเกดแตมลละเมดระหวำง
์
ั
่
ี
่
้
ิ
ี
์
ิ
ั
ี
ั
่
�
ู
ี
่
่
่
ิ
ึ
ี
นำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำท
ั
ึ
อย่ำงหน่งอย่ำงใด ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘
ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๔ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๔ เป็นเจ้ำหน้ำที่ของโจทก์
ระหว่ำงกำรท�ำงำน จ�ำเลยที่ ๔ ทุจริตเอำเงินในบัญชีธนำคำรของโจทก์ไปดังกล่ำว เป็นกำรกล่ำว
ี
ี
อ้ำงว่ำโจทก์และจ�ำเลยท่ ๔ เคยมีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกับโจทก์ แต่จ�ำเลยท่ ๔
ไม่ปฏิบัติหน้ำท่ให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำง
ี
ึ
ี
เก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๔ จึงเป็นคดีพิพำท
ี
เกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำง
และลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลแรงงำน
ั
ิ
ี
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ของศำลแรงงำน ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๔ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
626
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงบัวแรง ดำทอง
ที่ วร ๑๘ - ๓๒/๒๕๖๐ กับพวก โจทก์
นำงสำวณัฐชยำ กุลชล
กับพวก จ�ำเลย
โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๓ ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ
่
ี
ี
ี
ท่ถึงแก่ควำมตำยฟ้องจ�ำเลยท ๑ ในฐำนะเป็นตัวแทนจ�ำเลยท ๒ ซ่งเป็นนำยจ้ำงและ
ึ
่
ึ
ี
่
ั
ี
ี
ในฐำนะเป็นลูกจ้ำงปฏิบัติหน้ำท่ตำมค�ำส่งในทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท ๒ ซ่งขับรถ
ด้วยควำมประมำทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้ครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำดังกล่ำวถึงแก่
ควำมตำยและบำดเจ็บ และฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะนำยจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ ให้ร่วมรับผิด
่
ี
ี
ในผลแห่งละเมิดกับจ�ำเลยท ๑ ได้กระท�ำไปในทำงกำรท่จ้ำงดังกล่ำว ตำม ป.พ.พ.
มำตรำ ๔๒๕ และในฐำนะเป็นนำยจ้ำงของครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำดังกล่ำวท ่ ี
่
ี
่
ี
่
ถึงแก่ควำมตำยและในฐำนะเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ท ๑๔ และท ๑๕ และคดีท่โจทก์ท ๓
ี
ี
ถึงที่ ๕ ฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ อ้ำงเหตุว่ำจ�ำเลยที่ ๒ ไม่น�ำส่งเงินสมทบบุคลำกรทำงกำรศึกษำเข้ำ
กองทุนสงเครำะห์ กระทรวงศึกษำธิกำร ท�ำให้นำง ว. และนำงสำว อ. ไม่มีสิทธิได้รับ
ี
ี
ุ
เงินทนเล้ยงชีพและค่ำทดแทนตำม พ.ร.บ. โรงเรยนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๗๖ และ
มำตรำ ๗๘ และเป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นกำรฟ้องให้จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ รับผิดตำม
ึ
ี
มูลหน้เดิมซ่งเป็นพิพำทเก่ยวกับสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีอันเกิดแต่
ี
ี
มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และ
ี
เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำร
ี
ที่จ้ำง ส่วนคดีที่โจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ฟ้องขอให้จ�ำเลยทั้งสองจ่ำยค่ำจ้ำงและค่ำชดเชย
ตำมระเบียบกระทรวงศึกษำธิกำร ว่ำด้วยกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนของครูใหญ่และคร ู
โรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งออกโดยอำศัยอ�ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ มำตรำ ๑๗
มำตรำ ๔๔ และมำตรำ ๖๖ แห่ง พ.ร.บ. โรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๒๕ อันถือได้ว่ำ
เป็นกำรเรียกร้องสิทธิตำมกฎหมำยคุ้มครองแรงงำน คดีนี้จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
627
คดีทั้งสิบห้ำส�ำนวนนี้ศำลแรงงำนกลำงสั่งให้รวมพิจำรณำเป็นคดีเดียวกัน โดยให้เรียก
โจทก์ตำมล�ำดับส�ำนวนว่ำ โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๕ และเรียกจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ทุกส�ำนวนว่ำ จ�ำเลย
ที่ ๑ และที่ ๒
ั
ี
โจทก์ท้งสิบห้ำส�ำนวนฟ้องเป็นใจควำมท�ำนองเดียวกันว่ำ โจทก์ท่ ๑ เป็นมำรดำและโจทก์
ที่ ๒ เป็นบิดำชอบด้วยกฎหมำยของนำงสำวนันทิภัคค์ โจทก์ที่ ๓ เป็นบุตรและโจทก์ที่ ๔ เป็น
ั
ี
ั
่
ี
�
์
ี
็
่
่
์
ี
ี
่
สำมของนำงวรำพร โจทกท ๕ เปนพชำยรวมมำรดำเดยวกนกบนำงสำวอำภำ โจทกท ๖ เปนบดำ
ิ
็
ชอบด้วยกฎหมำยและโจทก์ที่ ๗ เป็นมำรดำของนำงสำวกุลธิดำ โจทก์ที่ ๘ เป็นมำรดำและโจทก์
ที่ ๙ เป็นบุตรของนำงสำวเลขำ โจทก์ที่ ๑๐ เป็นสำมี โจทก์ที่ ๑๑ เป็นมำรดำ โจทก์ที่ ๑๒ และที่
๑๓ เป็นบุตรของนำงสำวเยำวลักษณ์ นำงสำวนันทิภัคค์ นำงสำวกุลธิดำ นำงสำวเลขำ นำงสำว
ี
เยำวลักษณ์ โจทก์ท่ ๑๔ และท่ ๑๕ ท�ำงำนเป็นครูลูกจ้ำง ส่วนนำงวรำพรและนำงสำวอ�ำภำ ท�ำงำน
ี
ึ
เป็นบุคลำกรทำงกำรศึกษำของจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งมีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทโรงเรียนเอกชน โดยม ี
ี
จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้อ�ำนวยกำรโรงเรียน มีอ�ำนำจสั่งกำรแทนจ�ำเลยที่ ๒ ให้ครูและบุคลำกรทำงกำร
ศึกษำปฏิบัติตำมค�ำสั่งได้ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยที่ ๑ ได้รับค�ำสั่งจำกนำยกฤษณะ
ี
ั
ึ
ผู้รับใบอนุญำต ซ่งกระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๒ ส่งกำรให้ครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำเข้ำร่วม
ิ
ี
ื
สัมมนำท่จังหวัดระยอง เม่อเสร็จส้นกำรสัมมนำระหว่ำงเดินทำงกลับจำกจังหวัดระยองมุ่งหน้ำ
เข้ำกรุงเทพมหำนคร จ�ำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ตู้ หมำยเลขทะเบียน ฮย - ๖๔๒๓ กรุงเทพมหำนคร
ั
ด้วยควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงชนแท่งคอนกรีตก้นกลำงถนน เป็นเหตุให้นำงสำว
นันทิภัคค์ นำงวรำพร นำงสำวอ�ำภำ นำงสำวกุลธิดำ นำงสำวเลขำ นำงสำวเยำวลักษณ์ และ
เด็กหญิงกัญญภัค ถึงแก่ควำมตำย และเป็นเหตุให้โจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ บำดเจ็บ กำรกระท�ำ
ของจ�ำเลยที่ ๑ เป็นกำรละเมิดในทำงกำรที่จ้ำงของจ�ำเลยที่ ๒ นอกจำกนั้นจ�ำเลยที่ ๒ ไม่น�ำส่ง
เงินสมทบบคลำกรทำงกำรศกษำเข้ำกองทุนสงเครำะห์ กระทรวงศึกษำธิกำร ท�ำให้นำงวรำพร
ึ
ุ
และนำงสำวอ�ำภำไม่มีสิทธิได้รับเงินทุนเล้ยงชีพและค่ำทดแทนตำมพระรำชบัญญัติโรงเรียน
ี
เอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๗๖ และมำตรำ ๗๘ และเป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำน ข้อ ๗
นอกจำกนั้นจ�ำเลยที่ ๒ ยังได้เลิกจ้ำงโจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ท�ำให้โจทก์ดังกล่ำวเสียโอกำสและ
ขำดรำยได้จำกกำรเป็นครู จ�ำเลยท้งสองยังค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงบำงส่วนและจะต้องจ่ำยค่ำชดเชย
ั
ให้แก่โจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ด้วย โจทก์ที่ ๑๕ ต้องทุพพลภำพเจ็บปวดทนทุกข์ทรมำนร่ำงกำย
จึงขอคิดค่ำเสียหำยส่วนนี้ด้วย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำปลงศพ ค่ำใช้จ่ำยในกำร
ท�ำศพ ค่ำขำดไร้อุปกำระเลี้ยงดู เงินทุนเลี้ยงชีพ ค่ำทดแทน ค่ำรักษำพยำบำล ค่ำเสียโอกำสและ
ขำดประโยชน์ ค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ค่ำชดเชย และค่ำเสียหำยจำกควำมเจ็บปวดทนทุกข์ทรมำนร่ำงกำย
พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสิบห้ำส�ำนวน รำยละเอียดตำมค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์แต่ละส�ำนวน
628
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ตู้ตำมค�ำสั่งนำยกฤษณะ เป็นกำรกระท�ำใน
ี
ี
ี
ทำงกำรท่จ้ำงและในกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๒ ด้วยควำมระมัดระวังใช้ควำมเร็วไม่เกินกว่ำท่กฎหมำย
ี
ก�ำหนด สำเหตุของอุบัติเหตุเกิดจำกยำงรถยนต์ตู้ระเบิดท�ำให้จ�ำเลยท่ ๑ ไม่สำมำรถควบคุม
�
รถยนต์ตู้ได้จึงเสียหลักพลิกคว่ำ เหตุท่เกิดข้น จึงเป็นเหตุสุดวิสัย หลังเกิดเหตุบริษัทธนชำต
ึ
ี
ประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) และบริษัทเจ้ำพระยำประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) ได้จ่ำยค่ำสินไหม
ทดแทนแก่โจทก์ทั้งสิบห้ำแล้ว กำรเรียกค่ำเสียหำยของโจทก์ทั้งสิบห้ำส�ำนวนจึงสูงเกินส่วนและ
ี
�
ี
เป็นค่ำเสียหำยซ้ำซ้อน ในส่วนของค่ำเสียโอกำสและขำดประโยชน์เป็นหน้ำท่ของจ�ำเลยท่ ๒
ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ขอให้ยกฟ้อง
ี
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ได้ขับรถยนต์ตู้ตำมค�ำส่ง
ี
่
ี
ี
นำยกฤษณะ ในทำงกำรท่จ้ำงและในกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๒ แต่เป็นกำรเดินทำงไปท่องเทยว
ส่วนตัว โดยผู้ร่วมเดินทำงขออนุญำตใช้รถยนต์ตู้ของจ�ำเลยท่ ๒ เป็นพำหนะในกำรเดินทำง
ี
หลังเกิดเหตุจ�ำเลยท่ ๒ ช่วยเหลือค่ำท�ำศพและค่ำรักษำพยำบำลแก่ผู้ถึงแก่ควำมตำยและ
ี
ั
บำดเจ็บแล้ว โจทก์ท้งสิบห้ำยังได้รับชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนจำกบริษัทผู้รับประกันภัยแล้ว
กำรเรียกค่ำเสียหำยของโจทก์ท้งสิบห้ำส�ำนวนจึงสูงเกินส่วน ในส่วนท่อ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒ ไม่ได้
ี
ี
ั
หักเงินสมทบน�ำส่งกองทุนสงเครำะห์ กระทรวงศึกษำธิกำร ท�ำให้นำงวรำพร และนำงสำวอ�ำภำ
ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่ำทดแทนตำมพระรำชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ น้นก็ไม่ได้บรรยำย
ั
ี
ี
ฟ้องให้ชัดเจนว่ำจ�ำเลยท่ ๒ มีหน้ำท่ต้องน�ำส่งในอัตรำใด เพียงใด จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ที่ ๑๔ ไม่ยอมไปรับค่ำจ้ำงค้ำงเอง ส่วนของโจทก์ที่ ๑๕ จ�ำเลยที่ ๒ จ่ำยให้แล้ว หลังเกิดเหตุ
โจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ละทิ้งหน้ำที่ติดต่อกันเป็นเวลำเกินกว่ำสำมวัน จ�ำเลยที่ ๒ จึงเลิกจ้ำงได้
โดยไม่ต้องจ่ำยค่ำชดเชย คดีน้มิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำร
ี
ี
ท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
ิ
ิ
วนจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ นำงสำวนันทิภคค์ นำงสำวเลขำ นำงสำวกุลธิดำ นำงสำว
ู
ู
�
่
ี
่
ั
ี
เยำวลกษณ์ โจทก์ท ๑๔ และท ๑๕ ทำงำนเป็นครลกจ้ำง ส่วนนำงวรำพร และนำงสำวอำภำ
�
ี
ึ
ท�ำงำนเป็นบุคลำกรทำงกำรศึกษำของจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งมีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทโรงเรียนเอกชน
โดยมีจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้อ�ำนวยกำรโรงเรียน มีอ�ำนำจสั่งกำรแทนจ�ำเลยที่ ๒ ให้ครูและบุคลำกร
ทำงกำรศึกษำปฏิบัติตำมค�ำส่งได้ จ�ำเลยท่ ๑ ได้รับค�ำส่งจำกนำยกฤษณะ ผู้รับใบอนุญำต ซ่ง
ั
ี
ึ
ั
ี
กระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๒ ส่งกำรให้ครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำเข้ำร่วมสัมมนำท่จังหวัดระยอง
ั
ี
629
ระหว่ำงเดินทำงกลับจำกจังหวัดระยองมุ่งหน้ำเข้ำกรุงเทพมหำนคร จ�ำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ตู้ด้วย
ควำมประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงชนแท่งคอนกรีตกั้นกลำงถนน เป็นเหตุให้นำงสำวนันทิภัคค์
นำงวรำพร นำงสำวอ�ำภำ นำงสำวกุลธิดำ นำงสำวเลขำ นำงสำวเยำวลักษณ์ และเด็กหญิง
ี
ี
กัญญภัค ถึงแก่ควำมตำย และเป็นเหตุให้โจทก์ท่ ๑๔ และท่ ๑๕ บำดเจ็บ คดีของโจทก์
ี
ั
ี
ี
ี
ท้งสิบห้ำส�ำนวนส่วนท่เก่ยวกับจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะเป็นตัวแทน
่
่
ี
ี
ิ
ู
�
ิ
ึ
จำเลยท่ ๒ ซงเป็นนำยจ้ำงและในฐำนะเป็นลกจ้ำงปฏบัตหน้ำทตำมค�ำส่งในทำงกำรทจ้ำง
่
ี
ั
ของจ�ำเลยที่ ๒ ด้วยควำมประมำทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้ครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำดังกล่ำว
ถึงแก่ควำมตำยและบำดเจ็บ โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๓ ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของครูและบุคลำกร
ทำงกำรศึกษำที่ถึงแก่ควำมตำยและโจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ผู้บำดเจ็บจึงฟ้องให้จ�ำเลยที่ ๑ รับผิด
ี
ี
ี
ตำมมูลหน้ละเมิด คดีส่วนน้จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิด
จำกกำรท�ำงำนในทำงกำรท่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
ี
แรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕) และคดีในส่วนของจ�ำเลยที่ ๒ โจทก์ทั้งสิบห้ำส�ำนวนฟ้อง
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ในฐำนะนำยจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ และในฐำนะเป็นนำยจ้ำงของครูและบุคลำกร
ี
ทำงกำรศึกษำดังกล่ำวที่ถึงแก่ควำมตำยและในฐำนะเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ให้
ี
ี
ึ
ี
ร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซ่งจ�ำเลยท่ ๑ ลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๒ ได้กระท�ำไปในทำงกำรท่จ้ำง
และกระท�ำละเมิดเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ
ี
ดังกล่ำวท่ถึงแก่ควำมตำยและในฐำนะเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ท่ ๑๔ และท่ ๑๕ และต้องร่วม
ี
ี
ี
รับผิดในผลแห่งละเมิดกับจ�ำเลยท่ ๑ ตำมบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
ี
มำตรำ ๔๒๕ โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๓ ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ
ี
ท่ถึงแก่ควำมตำยและโจทก์ท่ ๑๔ และท่ ๑๕ ผู้บำดเจ็บจึงฟ้องให้จ�ำเลยท่ ๒ ร่วมรับผิดกับ
ี
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ในมูลหน้ละเมิด แม้โจทก์ท้งสิบห้ำจะมิได้ฟ้องว่ำจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้กระท�ำละเมิด
ั
ี
ี
ั
ั
ต่อโจทก์ท้งสิบห้ำโดยตรง แต่ตำมมำตรำ ๘ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ ยังหมำยถึงกรณีลูกจ้ำงผู้เสียหำยฟ้องนำยจ้ำงให้รับผิดแห่ง
ละเมิดที่ลูกจ้ำงด้วยกันได้กระท�ำไปในทำงกำรที่จ้ำงอีกด้วย คดีของโจทก์ทั้งสิบห้ำส�ำนวนส่วนที่
เกี่ยวกับจ�ำเลยที่ ๒ นี้ จึงเป็นคดีพิพำทอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเกี่ยวกับ
ี
กำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและมูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำน
ั
ี
ในทำงกำรท่จ้ำงตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
่
่
์
้
มำตรำ ๘ (๕) นอกจำกนี้คดีที่โจทกที่ ๓ ถึงที่ ๕ ฟองจ�ำเลยที่ ๒ อำงเหตุวำจ�ำเลยที่ ๒ ไมน�ำสงเงิน
่
้
สมทบบุคลำกรทำงกำรศึกษำเข้ำกองทุนสงเครำะห์ กระทรวงศึกษำธิกำร ท�ำให้นำงวรำพร และ
นำงสำวอ�ำภำ ไม่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพและค่ำทดแทนตำมพระรำชบัญญัติโรงเรียนเอกชน
630
พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๗๖ และมำตรำ ๗๘ และเป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำน ข้อ ๗ เป็นกำร
ี
ึ
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็นนำยจ้ำงของนำงวรำพรและนำงสำวอ�ำภำ จงใจไม่ปฏิบัต ิ
ี
ให้ถูกต้องตำมพระรำชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นเหตุให้โจทก์ท่ ๓ ถึงท่ ๕
ี
ี
เสียหำยและปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อนำงวรำพรและนำงสำวอ�ำภำ โจทก์ท่ ๓
ี
ี
ถึงท่ ๕ ในฐำนะทำยำทโดยธรรมของนำงวรำพรและนำงสำวอ�ำภำจึงฟ้องให้จ�ำเลยท่ ๑ รับผิด
ี
ี
ี
ี
ี
ี
ในมูลหน้ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีของโจทก์ท่ ๓ ถึงท่ ๕ ส่วนท่เก่ยวกับจ�ำเลยท่ ๒ น ี ้
ี
ี
ี
จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) ด้วย อีกทั้งคดีในส่วนที่โจทก์
ที่ ๑๔ และที่ ๑๕ ฟ้องให้จ�ำเลยทั้งสองจ่ำยค่ำจ้ำงและค่ำชดเชยตำมระเบียบกระทรวงศึกษำธิกำร
ี
ู
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองกำรทำงำนของครูใหญ่และครโรงเรยนเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๑๑ และ
�
ึ
ข้อ ๓๒ ซ่งระเบียบฉบับน้ออกโดยอำศัยอ�ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๖ มำตรำ ๑๗ มำตรำ ๔๔ และ
ี
มำตรำ ๖๖ แห่งพระรำชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๒๕ ซ่งใช้บังคับโดยอนุโลมตำม
ึ
พระรำชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๑๖๖ น้นถือได้ว่ำเป็นกำรเรียกร้องสิทธ ิ
ั
ี
ตำมกฎหมำยคุ้มครองแรงงำนจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำร
ี
คุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
631
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ กรมส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิต
ที่ วร ๔/๒๕๖๑ คนพิกำร โจทก์
บริษัทออกซิเจน โฮลดิ้ง จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๐ ก�ำหนดสิทธิของ
ี
คนพิกำรในกำรท�ำงำนและก�ำหนดหน้ำท่หลักของนำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำร
ี
ท่ต้องไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิกำรในกำรเข้ำท�ำงำนและก�ำหนดมำตรกำร
ั
ี
เชิงลงโทษแก่นำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรท่ไม่ด�ำเนินกำรรวมท้งก�ำหนด
มำตรกำรให้รำงวัลแก่นำยจ้ำงท่ด�ำเนินกำร ก�ำหนดจ�ำนวนคนพิกำรท่นำยจ้ำงหรือ
ี
ี
เจ้ำของสถำนประกอบกำรและหน่วยงำนของรัฐจะต้องรับเข้ำท�ำงำน เพ่อให้นำยจ้ำง
ื
หรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรรับคนพิกำรเข้ำท�ำงำนตำมลักษณะของงำนในอัตรำส่วน
ี
ท่เหมำะสมกับผู้ปฏิบัติงำนในสถำนประกอบกำรรวมท้งก�ำหนดจ�ำนวนเงินท่นำยจ้ำง
ี
ั
หรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรจะต้องน�ำส่งเข้ำกองทุนส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิต
ึ
คนพิกำร จึงถือได้ว่ำบทบัญญัติข้ำงต้นเป็นส่วนหน่งของกำรคุ้มครองแรงงำนคนพิกำร
ื
เม่อโจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยท้งสองส่งเงินให้แก่โจทก์เพ่อส่งเงินเข้ำกองทุนดังกล่ำว คด ี
ั
ื
ั
ี
�
ื
ี
่
ิ
ั
ระหว่ำงโจทก์กบจำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธหรอหน้ำทตำมกฎหมำย
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
�
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลมีฐำนะเป็นกรมในรัฐบำล มีหน้ำท่กำกับดูแลกองทุน
ั
ส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร ซ่งจัดต้งข้นเพ่อเป็นทุนส�ำหรับกำรใช้จ่ำยในกำรคุ้มครอง
ื
ึ
ึ
ส่งเสริม สงเครำะห์ ช่วยเหลือ ฟื้นฟูสมรรถภำพ กำรศึกษำ และกำรประกอบอำชีพของคนพิกำร
ึ
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๑ เป็นบริษัทจ�ำกัดซ่งได้จดทะเบียนเลิกบริษัทแล้วเม่อปี ๒๕๕๘ โดยมีจ�ำเลยท่ ๒
ี
เป็นผู้ช�ำระบัญชี ระหว่ำงด�ำเนินกิจกำร ปี ๒๕๕๕ จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนำยจ้ำงซึ่งมีลูกจ้ำงตั้งแต่
ึ
ี
ึ
หน่งร้อยคนข้นไป มีหน้ำท่ต้องรับคนพิกำรเข้ำท�ำงำนตำมอัตรำส่วนหรือให้สัมปทำนหรือช่วย
ั
ุ
่
ิ
ิ
เหลออนใดแก่คนพกำร มฉะนนจะต้องส่งเงนให้แก่โจทก์เพอส่งเข้ำกองทนดงกล่ำว ตำมท ่ ี
ื
ื
ิ
ื
่
ั
้
พระรำชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๓๓ ถึงมำตรำ ๓๕
632
ี
ี
และกฎกระทรวงท่เก่ยวข้องก�ำหนดไว้แต่จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ด�ำเนินกำร โจทก์จึงมีหนังสือแจ้งเตือน
ี
ี
ี
ี
ให้จ�ำเลยท่ ๑ ส่งเงินตำมจ�ำนวนท่ต้องช�ำระในปีดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยเข้ำกองทุนดังกล่ำวแล้ว
แต่จ�ำเลยที่ ๑ เพิกเฉย จ�ำเลยที่ ๑ จึงต้องส่งเงินเข้ำกองทุนดังกล่ำวประจ�ำปี ๒๕๕๕ เมื่อรวม
ดอกเบี้ยแล้วเป็นเงิน ๘๓,๑๙๖.๗๕ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองช�ำระเงิน ๘๓,๑๙๖.๗๕ บำท
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๕๘,๐๓๕ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้อง
ี
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงพระนครใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่ง
ึ
ิ
ู
ยกเลกพระรำชบัญญัติกำรฟื้นฟสมรรถภำพคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๓๔ มีวัตถุประสงค์ส่วนหน่ง
ในกำรก�ำหนดแนวทำงและวิธีกำรในกำรส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำรให้มีควำม
เหมำะสมและก�ำหนดบทบัญญัติเก่ยวกับสิทธิประโยชน์และควำมคุ้มครองคนพิกำรเพ่อมิให้ม ี
ื
ี
กำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม เพรำะเหตุสภำพทำงกำยหรือสุขภำพเพ่อให้คนพิกำรมีคุณภำพ
ื
ี
ชีวิตท่ดีและพ่งตนเองได้ เพ่อให้เป็นไปตำมวัตถุประสงค์ดังกล่ำว มำตรำ ๒๓ จึงก�ำหนดให้
ื
ึ
จัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำรเพื่อด�ำเนินกำรในเรื่องต่ำง ๆ รวมทั้งเป็น
ทุนส่งเสริมกำรประกอบอำชีพของคนพิกำรด้วยมำตรำ ๓๓ ถึงมำตรำ ๓๕ แห่งพระรำชบัญญัติ
ดังกล่ำวจึงได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์กำรด�ำเนินกำรในกำรรับคนพิกำรเข้ำท�ำงำนและกำรส่งเงิน
เข้ำกองทุนดังกล่ำวเพ่อประโยชน์แก่ลูกจ้ำงท่เป็นคนพิกำร โดยมำตรำ ๓๓ ก�ำหนดให้นำยจ้ำงหรือ
ี
ื
ี
เจ้ำของสถำนประกอบกำรรับคนพิกำรเข้ำท�ำงำนตำมลักษณะของงำนในอัตรำส่วนท่เหมำะสม
กับผู้ปฏิบัติงำนในสถำนประกอบกำร หำกนำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรไม่รับคนพิกำร
เข้ำท�ำงำนตำมจ�ำนวนท่ก�ำหนดจะต้องส่งเงินเข้ำกองทุนส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิต
ี
คนพิกำรตำมมำตรำ ๒๔ (๕) และมำตรำ ๓๔ หรือหำกนำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำร
ไม่ประสงค์จะรับคนพิกำรเข้ำท�ำงำนตำมมำตรำ ๓๓ และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ำกองทุน
ี
่
่
ั
ดงกลำวตำมมำตรำ ๓๔ จะต้องด�ำเนินกำรตำมมำตรำ ๓๕ โดยอำจให้สัมปทำนจัดสถำนทจ�ำหน่ำย
สินค้ำหรือบริกำร จัดจ้ำงเหมำช่วงงำน ฝึกงำน หรือให้กำรช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิกำรหรือผู้ดูแล
คนพิกำรแทนอันเป็นกำรก�ำหนดสิทธิของคนพิกำรในกำรท�ำงำน และก�ำหนดหน้ำท่หลัก
ี
ี
ของนำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรท่ต้องไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิกำร
633
ในกำรเข้ำท�ำงำน และก�ำหนดมำตรกำรเชิงลงโทษแก่นำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรท ่ ี
ั
ี
ไม่ด�ำเนินกำรรวมท้งก�ำหนดมำตรกำรให้รำงวัลแก่นำยจ้ำงท่ด�ำเนินกำรโดยรัฐมนตรีว่ำกำร
กระทรวงแรงงำนและสวัสดิกำรสังคมได้ออกกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตำมควำมใน
พระรำชบัญญัติกำรฟื้นฟูสมรรถภำพคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๓๔ และต่อมำรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวง
แรงงำนซึ่งเป็นผู้รักษำกำรตำมมำตรำ ๓๓ และมำตรำ ๓๔ ได้ออกกฎกระทรวง ก�ำหนดจ�ำนวน
ี
คนพิกำรท่นำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรและหน่วยงำนของรัฐจะต้องรับเข้ำท�ำงำน และ
ี
จ�ำนวนเงินท่นำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรจะต้องน�ำส่งเข้ำกองทุนส่งเสริมและพัฒนำ
คุณภำพชีวิตคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อให้นำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรรับคนพิกำร
ิ
ี
ั
เข้ำท�ำงำนตำมลักษณะของงำนในอตรำส่วนท่เหมำะสมกบผ้ปฏบัตงำนในสถำนประกอบกำร
ิ
ู
ั
ี
รวมท้งก�ำหนดจ�ำนวนเงินท่นำยจ้ำงหรือเจ้ำของสถำนประกอบกำรจะต้องน�ำส่งเข้ำกองทุนส่งเสริม
ั
และพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร จึงถือได้ว่ำบทบัญญัติข้ำงต้นเป็นส่วนหน่งของกำรคุ้มครอง
ึ
ั
ื
แรงงำนคนพิกำร เม่อโจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยท้งสองส่งเงินให้แก่โจทก์เพ่อส่งเงินเข้ำกองทุน
ื
ี
ดังกล่ำว คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำม
ี
ั
กฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
634
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเบ็นไลน์ เอเยนซีส์
ที่ วร ๑๓๐/๒๕๖๑ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์
นำงนุชจรี พิมพ์พันธุ์ จ�ำเลย
ึ
ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงรับเงินสมทบและผลประโยชน์ของ
เงินสมทบไปจำกโจทก์ซึ่งเป็นนำยจ้ำงโดยไม่ถูกต้องตำมข้อบังคับกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ บ.
ึ
ซ่งจดทะเบียนแล้ว เป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์และไม่ชอบด้วยข้อบังคับ
ื
ั
ึ
ึ
ี
ึ
กองทุนส�ำรองเล้ยงชีพดังกล่ำวซ่งจัดต้งข้นเพ่อเป็นสวัสดิกำรอันถือเป็นส่วนหน่งของ
สัญญำจ้ำงแรงงำนหรือข้อตกลงเก่ยวกับสภำพกำรจ้ำงระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลย คดีระหว่ำง
ี
่
ี
�
ี
ิ
ี
ิ
ื
่
ึ
ิ
ื
โจทก์และจำเลยจงเป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำทตำมสญญำจ้ำงแรงงำนหรอ
ั
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภำพกำรจ้ำง จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำเมื่อปี ๒๕๑๙ จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ปี ๒๕๓๕ จ�ำเลยสมัคร
เป็นสมำชิกกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพเบ็นไลน์ ไทยแลนด์ กรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ต่อมำปี ๒๕๔๕
จ�ำเลยลำออกจำกกำรเป็นสมำชิกกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพดังกล่ำวโดยไม่ลำออกจำกงำนและได้
ี
รับเงินสะสมไปครบถ้วนแล้ว แต่เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบจ�ำเลยไม่มีสิทธิได้รับ
ึ
ี
ซ่งกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพต้องส่งคืนแก่โจทก์ อันเป็นไปตำมข้อบังคับกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพ
ี
ดังกล่ำว ข้อ ๕.๔.๒ และข้อ ๗.๘ ปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยเกษียณอำยุกำรท�ำงำน โจทก์ได้จ่ำยค่ำชดเชย
และเงินช่วยเหลือพิเศษแก่จ�ำเลยครบถ้วนแล้ว แต่จ�ำเลยกลับฟ้องโจทก์ต่อศำลแรงงำนกลำง
เพื่อเรียกค่ำชดเชยอีก ซึ่งศำลแรงงำนกลำงวินิจฉัยว่ำ เงินที่โจทก์จ่ำยแก่จ�ำเลยเมื่อเกษียณอำยุ
์
่
่
ิ
ิ
้
่
่
่
มใชคำชดเชยแตเปนเงนสมทบและผลประโยชนของเงนสมทบ พพำกษำใหโจทกจำยคำชดเชย
ิ
ิ
์
็
ี
แก่จ�ำเลย ดังน้นจ�ำเลยจึงต้องคืนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบท่รับไปโดยไม่มีสิทธ ิ
ั
แก่โจทก์ตำมข้อบังคับกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพดังกล่ำว ข้อ ๕.๔.๒ โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยคืน
ี
ี
แล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยเงิน ๑,๓๔๒,๐๗๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๑,๒๐๗,๓๖๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ตำมสัญญำจ้ำงก�ำหนดให้จ�ำเลยเกษียณอำยุเมื่ออำยุครบ ๕๐ ปี แต่
โจทก์ตกลงให้จ�ำเลยท�ำงำนกับโจทก์ต่อไปหลังจำกเกษียณอำยุโดยโจทก์จะน�ำเงินสมทบและ
635
ผลประโยชน์ที่โจทก์ได้รับไว้จำกกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพเบ็นไลน์ ไทยแลนด์ กรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียน
ื
แล้วไปหำผลประโยชน์ก่อน แล้วจะจ่ำยแก่จ�ำเลยเม่อพ้นสภำพกำรเป็นพนักงำนของโจทก์
เป็นกำรตอบแทน จ�ำเลยตกลงท�ำงำนกับโจทก์ต่อมำอีก ๑๔ ปี จึงขอเกษียณอำยุ จ�ำเลยจึงมีสิทธ ิ
ี
ี
ได้รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์ท่โจทก์ได้รับไว้จำกกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพดังกล่ำวตำม
ื
ื
ข้อตกลง แต่เม่อโจทก์ไม่จ่ำยค่ำชดเชย จ�ำเลยจึงฟ้องโจทก์ต่อศำลแรงงำนกลำงเพ่อเรียก
ค่ำชดเชยซึ่งศำลแรงงำนกลำงได้พิพำกษำให้โจทก์จ่ำยค่ำชดเชยแก่จ�ำเลย จ�ำเลยไม่ต้องคืนเงิน
ตำมฟ้องแก่โจทก์ ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยทวงถำมให้จ�ำเลยจ่ำยเงินตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ี
ศำลแพ่งธนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำโจทก์เคยเป็นนำยจ้ำงจ�ำเลย ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลย
ี
ึ
สมัครเป็นสมำชิกกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพเบ็นไลน์ ไทยแลนด์ กรุ๊ป ซ่งจดทะเบียนแล้ว ต่อมำ
จ�ำเลยลำออกจำกกำรเป็นสมำชิกกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพดังกล่ำวโดยไม่ลำออกจำกงำนและได้
ี
รับเงินสะสมไปครบถ้วนแล้วแต่เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบจ�ำเลยไม่มีสิทธิได้รับ
ี
ึ
ุ
ั
่
ุ
ี
ั
ซงกองทนส�ำรองเล้ยงชีพต้องส่งคืนแก่โจทก์อนเป็นไปตำมข้อบังคบกองทนส�ำรองเล้ยงชีพ
ื
ดังกล่ำว ข้อ ๕.๔.๒ และข้อ ๗.๘ ต่อมำเม่อจ�ำเลยเกษียณอำยุกำรท�ำงำน โจทก์ได้จ่ำย
ค่ำชดเชยและเงินช่วยเหลือพิเศษแก่จ�ำเลยครบถ้วนแล้ว แต่จ�ำเลยกลับฟ้องโจทก์ต่อ
ื
ี
ื
ศำลแรงงำนกลำงเพ่อเรียกค่ำชดเชยอีก เม่อศำลแรงงำนกลำงวินิจฉัยว่ำ เงินท่โจทก์จ่ำยแก่
ื
จ�ำเลยเม่อเกษียณอำยุมิใช่ค่ำชดเชยแต่เป็นเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ จึงขอ
ี
ให้จ�ำเลยคืนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบท่รับไปโดยไม่มีสิทธิแก่โจทก์ เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงรับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบไปจำกโจทก์
ึ
ึ
ซ่งเป็นนำยจ้ำงโดยไม่ถูกต้องตำมข้อบังคับกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพเบ็นไลน์ ไทยแลนด์ กรุ๊ป ซ่ง
ี
ึ
จดทะเบียนแล้ว เป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์และไม่ชอบด้วยข้อบังคับกองทุนส�ำรอง
เล้ยงชีพดังกล่ำวซ่งจัดต้งข้นเพ่อเป็นสวัสดิกำรอันถือเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือ
ึ
ั
ึ
ื
ี
ึ
ี
ข้อตกลงเก่ยวกับสภำพกำรจ้ำงระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยจึงเป็น
ี
ี
ี
คดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือข้อตกลงเก่ยวกับสภำพกำรจ้ำง
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
636
วินิจฉัยว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๗ พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๑
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
637
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยธนิต กมลวัฒน์ โจทก์
ที่ วร ๘๐/๒๕๖๔ บริษัทหลักทรัพย์จัดกำรกองทุน
กรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย
ี
ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยปฏิบัติไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. กองทุนส�ำรองเล้ยงชีพ
�
้
ั
ั
ุ
ี
ึ
พ.ศ. ๒๕๓๐ มำตรำ ๒๓ และไม่ชอบด้วยข้อบงคบกองทนสำรองเลยงชพดงกล่ำวซง
่
ี
ั
ึ
ั
ึ
ื
จัดต้งข้นเพ่อเป็นสวัสดิกำรอันถือเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือข้อตกลง
เกี่ยวกับสภำพกำรจ้ำงระหว่ำงโจทก์และบริษัท ก. คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยเป็นกรณีที่
เกี่ยวด้วยสิทธิและหน้ำที่ระหว่ำงโจทก์และบริษัท ก. จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือ
หน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภำพกำรจ้ำง จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ใน
กำรจัดกำรกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล จ�ำเลยเป็นบริษัทจัดกำรกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพ
ี
กรุงไทย มำสเตอร์ พูล ฟันด์ ซ่งจดทะเบียนแล้ว มีหน้ำท่จัดกำรกองทุนดังกล่ำวให้แก่บริษัท
ึ
ี
กรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด โจทก์เคยเป็นพนักงำนของบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด วันท่ ๓ ตุลำคม ๒๕๖๐
ี
โจทก์ขอลำออกแต่บริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด ไม่อนุมัติกำรลำออก แต่กลับมีค�ำส่ง
ั
เลิกจ้ำงโจทก์เมื่อวันที่ ๒๖ มกรำคม ๒๕๖๑ ต่อมำโจทก์มีหนังสือถึงจ�ำเลยขอให้จ่ำยเงินสมทบ
ี
กองทุนส�ำรองเล้ยงชีพ ๔๙๙,๗๐๔.๘๕ บำท แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยแจ้งว่ำโจทก์ท�ำผิดวินัยและ
พ้นสภำพกำรเป็นพนักงำนของบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด โดยถูกเลิกจ้ำงจึงไม่มีสิทธิได้รับเงิน
สมทบกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพและจ�ำเลยได้ส่งเงินดังกล่ำวให้บริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด แล้ว
โจทก์จึงฟ้องบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด กับพวก ต่อศำลแรงงำนกลำง ศำลแรงงำนกลำง
พิพำกษำยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ต่อมำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษพิพำกษำยืนแต่ได้วินิจฉัย
ว่ำกำรที่โจทก์ลำออกเป็นกำรแสดงเจตนำเลิกสัญญำจ้ำงแรงงำน สัญญำจ้ำงแรงงำนจึงสิ้นสุดลง
ตำมเจตนำของโจทก์โดยบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด ไม่สำมำรถเลิกจ้ำงโจทก์ได้อีก ดังน้น
ั
จึงเป็นกรณีท่โจทก์ลำออกจำกกำรเป็นพนกงำนของบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกด ไม่ได้ถูก
ี
ั
ั
ี
เลิกจ้ำงเพรำะกระท�ำผิดวินัยดังท่จ�ำเลยแจ้งมำแต่อย่ำงใด จ�ำเลยจึงต้องส่งมอบเงินสมทบกองทุน
638
ี
ี
ส�ำรองเล้ยงชีพแก่โจทก์พร้อมดอกเบ้ย โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำย
เงิน ๖๒๔,๑๘๖.๑๒ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๔๙๙,๗๐๔.๘๕ บำท
นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์เป็นสมำชิกกองทุนจ�ำเลยตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๔๖ ต่อมำ
ี
ื
ิ
วันท่ ๑๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ จ�ำเลยได้รับแบบแจ้งกำรส้นสุดสมำชิกภำพของโจทก์เน่องจำก
ถูกบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด นำยจ้ำงไล่ออก จ�ำเลยจึงได้ด�ำเนินกำรตำมข้อบังคับกองทุน
โดยคืนเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมแก่โจทก์ และคืนเงินสมทบและผลประโยชน์ของ
ั
เงินสมทบแก่บริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด แล้ว โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลย อีกท้งโจทก์
ไม่ได้เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ส�ำหรับกรณีท่โจทก์อ้ำงตำมค�ำฟ้องเป็นข้อเท็จจริงระหว่ำงโจทก์กับ
ี
บริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด ซึ่งเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ โจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน ๑ ปี นับแต่ทรำบ
มูลละเมิดจึงขำดอำยุควำมแล้ว จ�ำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินตำมฟ้องแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ื
ื
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องโต้แย้งเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำว่ำ โจทก์
กับจ�ำเลยไม่ได้เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกัน ศำลแรงงำนกลำง เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
ั
พิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นกฎหมำยที่ส่งเสริม
ั
ี
ื
ให้มีกำรจัดต้งกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพโดยควำมสมัครใจของนำยจ้ำงและลูกจ้ำง เพ่อประสงค์จะให้
ื
ื
เป็นสวัสดิกำรแก่ลูกจ้ำงเม่อออกจำกงำนตลอดจนส่งเสริมกำรระดมเงินออมภำคเอกชนเพ่อน�ำ
ไปใช้ในกำรพัฒนำเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์กำรด�ำเนินกำรและกำรจัดกำร
ี
ึ
ั
ั
ั
กองทุนให้เกิดควำมม่นคงและเป็นประโยชน์แก่ลูกจ้ำง ดังน้น กำรจัดต้งกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพข้น
ึ
ตำมกฎหมำยดังกล่ำวจึงถือเป็นสวัสดิกำรของนำยจ้ำงท่ให้แก่ลูกจ้ำงอันเป็นส่วนหน่งของสัญญำ
ี
จ้ำงแรงงำนหรือข้อตกลงเก่ยวกับสภำพกำรจ้ำง เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นบริษัทจัดกำร
ี
ื
ึ
ี
ี
กองทุนส�ำรองเล้ยงชีพกรุงไทย มำสเตอร์ พูล ฟันด์ ซ่งจดทะเบียนแล้วมีหน้ำท่จัดกำรกองทุน
ดังกล่ำวให้แก่บริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด โจทก์เคยเป็นพนักงำนของบริษัทกรุงไทยกฎหมำย
ี
จ�ำกัด ต่อมำโจทก์ลำออก แต่จ�ำเลยไม่จ่ำยเงินสมทบกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพและผลประโยชน์
ของเงินสมทบดังกล่ำวแก่โจทก์ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยปฏิบัติไม่ชอบด้วยพระรำชบัญญัติ
กองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ มำตรำ ๒๓ และไม่ชอบด้วยข้อบังคับกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ
639
ั
ึ
ึ
ี
ื
ึ
ดังกล่ำวซ่งจัดต้งข้นเพ่อเป็นสวัสดิกำรท่ถือเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือข้อตกลง
ี
เก่ยวกับสภำพกำรจ้ำงระหว่ำงโจทก์และบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด คดีระหว่ำงโจทก์และ
จ�ำเลยเป็นกรณีท่เก่ยวด้วยสิทธิและหน้ำท่ระหว่ำงโจทก์และบริษัทกรุงไทยกฎหมำย จ�ำกัด
ี
ี
ี
ี
ี
ี
จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือตำมข้อตกลงเก่ยวกับ
ั
ั
ั
สภำพกำรจ้ำง ตำมพระรำชบัญญติจดต้งศำลแรงงำนและวิธีพจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
ิ
มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
640
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงพนอ รักค�ำมี โจทก์
ที่ วร ๓๑/๒๕๖๒ ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด
ภิญโญจักรำชบริกำร กับพวก จ�ำเลย
พ.ร.บ. ควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔
ี
ถือได้ว่ำเป็นกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำนท่ให้ควำมคุ้มครองลูกจ้ำงด้ำนควำม
ื
ปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ
ั
ึ
จ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นนำยจ้ำงไม่ด�ำเนินกำรให้ถูกต้องตำมควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย
และสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน เป็นกำรไม่ปฏิบัติตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครอง
แรงงำนและยังเป็นกำรท�ำละเมิดเป็นเหตุให้นำย ส. ซึ่งเป็นลูกจ้ำงถึงแก่ควำมตำย โจทก์
ั
ในฐำนะทำยำทของนำย ส. ฟ้องให้จ�ำเลยท้งสองรับผิดตำมมูลหน้เดิมดังกล่ำวคดีระหว่ำง
ี
ี
ั
โจทก์กับจ�ำเลยท้งสอง จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำร
ี
คุ้มครองแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
่
ึ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภรยำโดยชอบด้วยกฎหมำยของนำยสมหมำย ซงเป็นลกจ้ำง
ู
ิ
ของจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัดมีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดกำร จ�ำเลยที่ ๑ รับจ้ำง
ี
บริกำรก่อสร้ำงอำคำรเรียน โรงเรียนบ้ำนโนนสมบูรณ์ เม่อวันท่ ๒๗ พฤศจิกำยน ๒๕๖๐ จ�ำเลยท่ ๑
ื
ี
ั
ให้นำยสมหมำยซ่อมแซมโครงสร้ำงของน่งร้ำนท่ไม่ได้มำตรฐำนควำมแข็งแรง ระหว่ำงอำคำร
ี
ชั้น ๓ ถึงชั้น ๔ ซึ่งมีควำมสูงประมำณ ๙ เมตร โดยจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ให้นำยสมหมำยใช้สำยช่วยชีวิต
และเข็มขัดนิรภัย ตำมกฎหมำยว่ำด้วยควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำร
ท�ำงำน เป็นเหตุให้น่งร้ำนหักท�ำให้นำยสมหมำยตกจำกอำคำรก่อสร้ำงถึงแก่ควำมตำย กำรกระท�ำ
ั
ของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นกำรท�ำละเมิดต่อนำยสมหมำยเป็นเหตุให้โจทก์ต้องขำดไร้อุปกำระ ต้องเสียหำย
ี
ั
อันมิใช่ตัวเงินและต้องเสียค่ำใช้จ่ำยจำกกำรปลงศพนำยสมหมำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสอง
ี
ร่วมกันช�ำระเงินค่ำเสียหำยรวม ๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของ
ต้นเงิน ๔๗๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ึ
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ นำยสมหมำยเป็นลูกจ้ำงของนำยเฉลิม ซ่งเป็นผู้รับเหมำ
ั
ช่วงจำกจ�ำเลยที่ ๑ จึงมิใช่ลูกจ้ำงของจ�ำเลยทั้งสอง โจทก์และทำยำทของนำยสมหมำย ได้รับเงิน
ี
จำกส�ำนักงำนประกันสังคม ๕๖๐,๐๐๐ บำท ไปแล้ว จ�ำเลยท้งสองปฏิบัติตำมกฎหมำยท่เก่ยวข้อง
ั
ี
641
เพื่อรักษำควำมปลอดภัยโดยถูกต้องทุกประกำรแล้วและมิได้ประมำทเลินเล่อ จ�ำเลยทั้งสองช่วย
ค่ำปลงศพของนำยสมหมำยแก่โจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดนครรำชสีมำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
ั
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำร
ท�ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ มีวัตถุประสงค์ในกำรวำงมำตรกำรควบคุม ก�ำกับ ดูแล และบริหำรจัดกำร
ด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำนอย่ำงเหมำะสม ส�ำหรับ
ื
ป้องกัน สงวนรักษำทรัพยำกรบุคคลอันเป็นก�ำลังส�ำคัญของชำติ เน่องจำกในปัจจุบันมีกำรน�ำ
เทคโนโลยีเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ สำรเคมี และสำรเคมีอันตรำยมำใช้ในกระบวนกำรผลิต
กำรก่อสร้ำง และบริกำร แต่ขำดกำรพัฒนำควำมรู้ควำมเข้ำใจควบคู่กันไป ท�ำให้ส่งผลกระทบต่อ
ผู้ใช้แรงงำนในด้ำนควำมปลอดภัยอำชีวอนำมัย สภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน และก่อให้เกิด
อันตรำยจำกกำรท�ำงำน จนถึงแก่บำดเจ็บ พิกำร ทุพพลภำพ เสียชีวิต หรือเกิดโรคอันเนื่องจำก
ึ
ึ
ึ
กำรท�ำงำนซ่งมีแนวโน้มสูงข้นและทวีควำมรุนแรงข้นด้วย ประกอบกับพระรำชบัญญัติคุ้มครอง
แรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มีหลักกำรส่วนใหญ่เป็นเร่องกำรคุ้มครองแรงงำนท่วไปและมีขอบเขต
ั
ื
จ�ำกัด ไม่สำมำรถก�ำหนดกลไกและมำตรกำรบริหำรงำนควำมปลอดภัยได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
จึงจ�ำเป็นต้องตรำพระรำชบัญญัติน้เพ่อให้มีกฎหมำยว่ำด้วยควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และ
ื
ี
สภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำนเป็นกำรเฉพำะ พระรำชบัญญัติควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และ
สภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ จึงถือได้ว่ำเป็นกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน
ี
ท่ให้ควำมคุ้มครองลูกจ้ำงด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน
พระรำชบัญญัตินี้ มำตรำ ๔ นิยำมค�ำว่ำ “นำยจ้ำง” หมำยควำมว่ำ นำยจ้ำงตำมกฎหมำยว่ำด้วย
กำรคุ้มครองแรงงำนและให้หมำยควำมรวมถึงผู้ประกอบกิจกำรซ่งยอมให้บุคคลหน่งบุคคลใด
ึ
ึ
มำท�ำงำนหรือท�ำผลประโยชน์ให้แก่หรือในสถำนประกอบกิจกำร ไม่ว่ำกำรท�ำงำนหรือกำรท�ำ
ั
ั
ึ
ผลประโยชน์น้นจะเป็นส่วนหน่งส่วนใดหรือท้งหมดในกระบวนกำรผลิตหรือธุรกิจในควำม
ั
รับผิดชอบของผู้ประกอบกิจกำรน้นหรือไม่ก็ตำม และนิยำมค�ำว่ำ “ลูกจ้ำง” หมำยควำมว่ำ ลูกจ้ำง
ู
ึ
ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำนและให้หมำยควำมรวมถงผ้ซ่งได้รับควำมยินยอมให้
ึ
ื
ท�ำงำนหรือท�ำผลประโยชน์ให้แก่หรือในสถำนประกอบกิจกำรของนำยจ้ำงไม่ว่ำจะเรียกช่อ
อย่ำงไรก็ตำม และก�ำหนดหน้ำที่ของนำยจ้ำงตำมมำตรำ ๖ วรรคหนึ่ง และมำตรำ ๘ ให้นำยจ้ำง
มีหน้ำที่จัดและดูแลสถำนประกอบกิจกำรและลูกจ้ำงให้มีสภำพกำรท�ำงำนและสภำพแวดล้อมใน
642
กำรท�ำงำนที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ ส่งเสริมสนับสนุนกำรปฏิบัติงำนของลูกจ้ำงมิให้ลูกจ้ำง
ได้รับอันตรำยต่อชีวิต ร่ำงกำย จิตใจ และสุขภำพอนำมัย รวมทั้งต้องบริหำร จัดกำร และด�ำเนินกำร
ี
ด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัยและสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำนตำมมำตรฐำนท่ก�ำหนด
ี
ึ
ื
ี
ในกฎกระทรวง เม่อโจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งมีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดกำร
ิ
ให้นำยสมหมำยท�ำงำนโดยไม่ใช้สำยช่วยชีวตและเข็มขัดนรภัย ตำมกฎหมำยว่ำด้วยควำม
ิ
ปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน เป็นเหตุให้น่งร้ำนหักท�ำให้นำยสมหมำย
ั
�
ิ
ู
ึ
ั
้
ิ
ตกจำกอำคำรก่อสร้ำงถงแก่ควำมตำย ขอให้จำเลยทงสองรบผดจำกกำรไม่ปฏบติให้ถกต้อง
ั
ั
ึ
ี
ี
ตำมหน้ำท่ของนำยจ้ำงท่ต้องด�ำเนินกำร โดยจ่ำยค่ำเสียหำยแก่โจทก์ซ่งเป็นภริยำโดยชอบ
ด้วยกฎหมำยของนำยสมหมำย จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำนำยสมหมำยและจ�ำเลยทั้งสองมีนิติสัมพันธ์
เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมพระรำชบัญญัติควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อม
ในกำรท�ำงำน พ.ศ. ๒๕๕๔ มำตรำ ๔ จ�ำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนำยจ้ำงไม่ด�ำเนินกำรให้ถูกต้องเพื่อ
ควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรท�ำงำน จึงเป็นกำรไม่ปฏิบัติตำมกฎหมำย
่
�
ว่ำด้วยกำรค้มครองแรงงำนและยงเป็นกำรทำละเมดเป็นเหตให้นำยสมหมำยซงเป็นลกจ้ำง
ิ
ุ
ุ
ั
ู
ึ
ถึงแก่ควำมตำยอีกด้วย โจทก์ในฐำนะทำยำทของนำยสมหมำยจึงฟ้องให้จ�ำเลยท้งสองรับผิดตำม
ั
มูลหน้เดิมดังกล่ำว คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท ี ่
ั
ี
ี
ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและ
้
้
ลูกจำงตำมสัญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
643
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวณฐภัทร อุรุพงศำ โจทก์
ที่ วร ๕๒/๒๕๖๔ มหำวิทยำลัยหอกำรค้ำไทย
กับพวก จ�ำเลย
ั
ี
่
่
ี
ั
ี
ตำมค�ำฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท ๑ โดยจ�ำเลยท ๒ มีค�ำส่งแต่งต้งจ�ำเลยท ๓
่
ให้รักษำกำรต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรแทนโดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์
ี
�
่
ื
ั
ี
เป็นกำรกระทำทมผลกระทบต่อโจทก์จนโจทก์ต้องลำออกโดยไม่สมครใจ ถอเป็นกำร
ั
ิ
้
ั
่
ิ
เลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ทงยงเป็นกรณีพพำทเกยวด้วยควำมรบผดตำม
ี
ั
กฎกระทรวง ว่ำด้วยกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนและผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ปฏิบัติงำน
ุ
ึ
ในสถำบนอดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซ่งออกโดย พ.ร.บ. อุดมศกษำเอกชน
ึ
ั
พ.ศ. ๒๕๔๖ มำตรำ ๒๓ วรรคสอง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครอง
แรงงำนอีกด้วย จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลตำมพระรำชบัญญัติสถำบันอุดมศึกษำเอกชน
ี
พ.ศ. ๒๕๔๖ มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นอธิกำรบดีผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน และจ�ำเลยท่ ๓ เป็น
ี
ลูกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ ต�ำแหน่งคณบดีคณะกำรศึกษำปฐมวัย เม่อวันท่ ๑ พฤษภำคม ๒๕๖๒
ื
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำจ้ำงโจทก์เป็นลูกจ้ำงปฏิบัติงำนในต�ำแหน่งอำจำรย์คณะกำรศึกษำปฐมวัย
ี
มีระยะเวลำปฏิบัติงำนตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภำคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ เมษำยน ๒๕๖๓ และมีกำร
ต่อสัญญำจ้ำงเมื่อวันที่ ๑ พฤษภำคม ๒๕๖๓ ให้ปฏิบัติงำนต่อในปีกำรศึกษำ ๒๕๖๓ จนถึงวันที่
๓๐ เมษำยน ๒๕๖๔ ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๓๑,๕๔๐ บำท ท�ำหน้ำที่สอนนักศึกษำ
ี
ท�ำงำนวิจัยและผลงำนวิชำกำร งำนท่คณะหรือมหำวิทยำลัยมอบหมำยหรือเห็นชอบ นอกจำกน ้ ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ยังจ้ำงให้โจทก์ด�ำรงต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำร คณะกำรศึกษำปฐมวัย ได้รับ
ค่ำจ้ำงในต�ำแหน่ง ๙,๓๕๐ บำท ระหว่ำงกำรท�ำงำนโจทก์ปฏิบัติหน้ำท่อย่ำงมีประสิทธิภำพ
ี
จนได้รับกำรแต่งต้งให้รับผิดชอบงำนประกันคุณภำพหลักสูตรและด�ำรงต�ำแหน่งหัวหน้ำหลักสูตร
ั
ี
รวมท้งได้รับผลกำรประเมินในระดับดี ต่อมำวันท่ ๑๐ ธันวำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยท่ ๓ ได้แจ้ง
ั
ี
ถอดถอนโจทก์จำกต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรผ่ำนแอปพลิเคชันไลน์ กลุ่มคณะกำรศึกษำ
ั
ิ
ี
ึ
ี
่
ั
้
ี
่
ุ
ปฐมวย ซงมอำจำรย์และเจ้ำหน้ำทเป็นสมำชกในกล่ม ว่ำ “...หลงจำกนต่อไป ผมคงไม่รบกวน
644
ิ
�
ู
ี
ิ
อำจำรย์ในตำแหน่งรองคณบดฝ่ำยวชำกำร โดยผมจะเป็นคนดแลงำนวชำกำรของคณะเอง
โดยมีผลต้งแต่วันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๔” อันเป็นค�ำส่งลดต�ำแหน่งและลดค่ำจ้ำงโจทก์ใน
ั
ี
ั
ี
ต�ำแหน่งดังกล่ำวโดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ ถือเป็นกำรเปล่ยนแปลงสภำพกำรจ้ำง
ั
ั
ั
�
ท้งกำรแจ้งค�ำส่งดังกล่ำวโดยเปิดเผยในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มดังกล่ำว ทำให้โจทก์ได้รบควำม
ี
ื
ี
ั
อับอำยและเส่อมเสียช่อเสียง โดยท่จ�ำเลยท้งสำมไม่เคยช้แจง สอบถำม หรือขอควำมยินยอม
ื
จำกโจทก์ก่อน ท้งไม่เคยแจ้งผลกำรประเมินกำรท�ำงำนให้โจทก์ทรำบ โจทก์จึงคัดค้ำนและขอ
ั
ให้จ�ำเลยท่ ๓ ทบทวนค�ำส่งดังกล่ำวแต่จ�ำเลยท่ ๓ ยังคงยืนยันค�ำส่งเดิม โจทก์จึงมีหนังสือ
ี
ี
ั
ั
ร้องเรียนค�ำสั่งดังกล่ำวต่อจ�ำเลยที่ ๒ แต่จ�ำเลยที่ ๒ เพิกเฉย ต่อมำวันที่ ๒๕ ธันวำคม ๒๕๖๓
จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ มีหนังสือแจ้งค�ำสั่งมหำวิทยำลัยหอกำรค้ำไทยที่ ๗๕๖/๒๕๖๓ เรื่อง
ั
ี
แต่งต้งผู้รักษำกำรต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำร คณะกำรศึกษำปฐมวัย แต่งต้งจ�ำเลยท่ ๓
ั
่
ให้รักษำกำรในต�ำแหน่งดังกล่ำว โดยค�ำส่งดังกล่ำวไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ กำรกระท�ำดังกลำว
ั
เสมือนกำรกล่นแกล้ง ท�ำให้โจทก์อับอำยและไม่ได้รับควำมเป็นธรรม โจทก์จึงมีหนังสือถึง
ั
ั
ั
จ�ำเลยท้งสำมขอคัดค้ำนค�ำส่งดังกล่ำวและให้คืนสภำพกำรจ้ำงแก่โจทก์ดังเดิม ค�ำส่งท่เปล่ยนแปลง
ั
ี
ี
สภำพกำรจ้ำงดังกล่ำวเป็นค�ำส่งท่ไม่ชอบ ท้งยังมีผลกระทบต่อโจทก์ทำงกำรเงิน ช่อเสียง และ
ี
ั
ื
ั
ั
ี
ี
จิตใจ จนในวันท่ ๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ โจทก์จ�ำต้องย่นหนังสือลำออกท้งท่ไม่สมัครใจ ท�ำให้โจทก์
ื
ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมชดใช้ค่ำชดเชย ๑๒๒,๖๗๐ บำท ค่ำจ้ำงตำมระยะ
�
ื
�
เวลำทำงำนคงเหลอตำมสัญญำจ้ำง ๘๑,๗๘๐ บำท ค่ำตำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำร
เดือนมกรำคมและเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ เป็นเงิน ๑๘,๗๐๐ บำท ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำง
ไม่เป็นธรรม ๑๐,๓๐๔,๒๘๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของต้นเงินแต่ละจ�ำนวน
ดังกล่ำวนับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยท้งสำมให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทสถำบันอุดมศึกษำเอกชน
ี
ั
ี
ั
จ�ำเลยท่ ๒ เป็นอธิกำรบดี มีอ�ำนำจหน้ำท่ในกำรควบคุมดูแลกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ รวมท้งม ี
ี
ี
อ�ำนำจแต่งต้งและถอดถอนอำจำรย์ อำจำรย์พิเศษ เจ้ำหน้ำท่ รวมท้งยังเป็นผู้แทนจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ั
ั
ี
ี
ส่วนจ�ำเลยท่ ๓ ขณะเกิดเหตุคดีน้ด�ำรงต�ำแหน่งคณบดีหลักสูตรศึกษำศำสตร์บัณฑิต สำขำ
ี
กำรศึกษำปฐมวัย คณะกำรศึกษำปฐมวัย โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ ในต�ำแหน่งอำจำรย์
ั
คณะกำรศึกษำปฐมวัย มีระยะเวลำกำรท�ำงำนตำมค�ำฟ้อง ท้งยังได้รับกำรคัดเลือกให้ด�ำรง
ั
ต�ำแหน่งในฝ่ำยบริหำรของคณะกำรศึกษำปฐมวัย ต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำร ต้งแต่วันท ่ ี
๑ มิถุนำยน ๒๕๖๒ ได้รับค่ำตอบแทนในต�ำแหน่งเป็นเงิน ๙,๓๕๐ บำท มีหน้ำที่ในกำรบริหำร
645
ี
ี
ี
งำนวิชำกำรของคณะหรือตำมท่ได้รับมอบหมำยจำกจ�ำเลยท่ ๓ ต่อมำวันท่ ๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔
โจทก์มีหนังสือขอลำออกจำกกำรเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มีนำคม ๒๕๖๔
ั
ี
ั
ต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรท่โจทก์ได้รับกำรแต่งต้งน้นเป็นต�ำแหน่งในฝ่ำยบริหำรของ
ิ
ื
ี
่
ึ
้
คณะกำรศึกษำปฐมวัย ขนอยู่กับดุลพินจของจ�ำเลยท ๓ ในกำรเสนอช่อบุคคลทสมควรได้รับ
ี
่
ั
กำรแต่งต้งให้ช่วยเหลืองำนด้ำนบริหำรภำยในคณะ ซ่งโดยท่วไปจะมีระยะเวลำกำรด�ำรงต�ำแหน่ง
ั
ึ
เท่ำกับระยะเวลำกำรด�ำรงต�ำแหน่งคณบดี รวมทั้งยังเป็นดุลพินิจของจ�ำเลยที่ ๓ ในกำรพิจำรณำ
ื
เปล่ยนแปลงผู้บริหำรงำนของคณะเพ่อควำมเหมำะสมและควำมมีประสิทธิภำพในกำรบริหำรงำน
ี
ี
ี
ต�ำแหน่งดังกล่ำวมิได้เก่ยวข้องกับงำนของโจทก์ท่มีหน้ำท่สอนนักศึกษำตำมสัญญำจ้ำง
ี
กำรแต่งต้งหรือถอดถอนโจทก์จำกต�ำแหน่งดังกล่ำวจึงมิใช่กำรเปล่ยนแปลงสภำพกำรจ้ำง แต่
ั
ี
เป็นเร่องกำรบริหำรงำนในคณะ เหตุท่จ�ำเลยท่ ๓ ต้องถอดถอนโจทก์จำกต�ำแหน่งรองคณบด ี
ี
ี
ื
ฝ่ำยวิชำกำร เน่องจำกโจทก์ละเลยต่อหน้ำท่ในต�ำแหน่งรองคณบดี ไม่ยอมจัดตำรำงกำรเรียน
ื
ี
กำรสอนส�ำหรับภำคเรียนที่สอง ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๓ ตำมที่จ�ำเลยที่ ๓ มอบหมำย โดยได้แจ้ง
ี
ั
ี
ให้จ�ำเลยท่ ๓ จัดท�ำเอง อันเป็นกำรละเลยต่อหน้ำท่และไม่ให้เกียรติผู้บังคับบัญชำ ท้งโจทก์
ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมต่อกำรด�ำรงต�ำแหน่งอีกหลำยประกำร อำทิ กำรไม่ให้เกียรติจ�ำเลย
ี
ท่ ๒ ซ่งเป็นผู้บังคับบัญชำสูงสุดในระหว่ำงกำรประชุม กำรไม่ยอมเข้ำร่วมกลุ่มส�ำหรับรองคณบด ี
ึ
ฝ่ำยวิชำกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ในแอปพลิเคชันไลน์ท�ำให้เกิดควำมเสียหำยต่อกำรด�ำเนินงำนของ
ี
คณะ ละเลยหน้ำที่ในกำรเข้ำร่วมประชุมฝ่ำยวิชำกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งจ�ำเลยที่ ๓ ได้ตักเตือน
ี
ี
ด้วยวำจำหลำยคร้งแล้ว กำรท่จ�ำเลยท่ ๓ ใช้อ�ำนำจในต�ำแหน่งคณบดีปรับเปล่ยนต�ำแหน่ง
ั
ี
ื
รองคณบดีฝ่ำยวิชำกำร จึงเป็นกำรใช้อ�ำนำจบริหำรงำนภำยในคณะเพ่อควำมเหมำะสมและ
เป็นธรรมตำมระเบียบของจ�ำเลยที่ ๑ แล้ว นอกจำกนี้ กำรที่จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ได้มีค�ำสั่ง
มหำวทยำลยหอกำรค้ำไทยท ๗๕๖/๒๕๖๓ แต่งตงจำเลยท ๓ ให้เป็นผ้รกษำกำรในตำแหน่ง
ิ
่
ู
ั
ี
ี
�
้
ั
�
ั
่
รองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรยังเป็นกำรอำศัยอ�ำนำจตำมพระรำชบัญญัติสถำบันอุดมศึกษำเอกชน
พ.ศ. ๒๕๔๖ และข้อบังคับมหำวิทยำลัยหอกำรค้ำไทยว่ำด้วยกำรบริหำรงำนบุคคล พ.ศ. ๒๕๕๒
เป็นค�ำส่งท่ชอบด้วยกฎหมำยและเป็นธรรม โดยค�ำนึงถึงผลประโยชน์ทำงกำรศึกษำของนักศึกษำ
ั
ี
เป็นส�ำคัญ จ�ำเลยทั้งสำมมิได้กลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับควำมเสียหำยตำมฟ้อง กำรที่โจทก์ลำออก
เป็นไปโดยควำมสมัครใจของโจทก์เอง จ�ำเลยที่ ๑ มิได้เลิกจ้ำงโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงิน
ที่เรียกร้องตำมฟ้อง ค่ำเสียหำยที่เรียกร้องสูงเกินส่วน คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ื
ศำลแรงงำน เน่องจำกกิจกำรของสถำบันอุดมศึกษำเอกชนไม่อยู่ภำยใต้บังคับกฎหมำยว่ำด้วย
646
กำรคุ้มครองแรงงำนและกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนสัมพันธ์ ก่อนฟ้องโจทก์ต้องด�ำเนินกำรตำม
ั
ื
ข้นตอนในกำรร้องทุกข์ต่อคณะกรรมกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนประจ�ำสถำบันเพ่อให้วินิจฉัย
ื
ี
เร่องรำวร้องทุกข์ของโจทก์เสียก่อน โจทก์จึงยังไม่มีอ�ำนำจฟ้อง อัตรำดอกเบ้ยท่โจทก์เรียกร้อง
ี
ี
ั
ี
ตำมฟ้องแตกต่ำงจำกท่กฎหมำยก�ำหนด จึงไม่อำจเรียกให้จ�ำเลยท้งสำมช�ำระดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
ั
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นอธิกำรบด ี
ี
ี
ี
ี
และจ�ำเลยท่ ๓ เป็นคณบดีคณะกำรศึกษำปฐมวัย ระหว่ำงสัญญำจ้ำง จ�ำเลยท่ ๓ แจ้ง
ั
ค�ำส่งลดต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรให้โจทก์ทรำบทำงแอปพลิเคชันไลน์ กลุ่มคณะกำรศึกษำ
ื
ี
่
ปฐมวย ท�ำให้โจทก์อับอำยและเสอมเสียช่อเสียง เป็นกำรเปลยนแปลงสภำพกำรจ้ำง ลดต�ำแหน่ง
่
ื
ั
ื
ี
และลดค่ำจ้ำงในต�ำแหน่งดังกล่ำวโดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ เม่อโจทก์โต้แย้งจ�ำเลยท่ ๒
และที่ ๓ ต่ำงเพิกเฉย ทั้งจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ยังมีค�ำสั่งแต่งตั้งจ�ำเลยที่ ๓ ให้รักษำกำร
ต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำร โดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ เป็นกำรกระท�ำท่มีผลกระทบ
ี
ต่อโจทก์ท้งทำงกำรเงิน ช่อเสียงและจิตใจจนโจทก์ต้องลำออกโดยไม่สมัครใจ ถือเป็นกำรเลิกจ้ำง
ั
ื
โดยไม่เป็นธรรม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมจ่ำยค่ำชดเชย ค่ำจ้ำง
ค่ำต�ำแหน่ง และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ ดังนี้ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำร
ี
ี
ึ
กล่ำวอ้ำงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่ง
ี
เป็นนำยจ้ำง มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำน เปลี่ยนแปลงสภำพกำรจ้ำงโดยกำรลดต�ำแหน่งและค่ำจ้ำง ทั้งจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒
ยังมีค�ำสั่งแต่งตั้งจ�ำเลยที่ ๓ ให้รักษำกำรต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรแทนโดยไม่ได้รับควำม
ยินยอมจำกโจทก์ เป็นกำรกระท�ำท่มีผลกระทบต่อโจทก์จนโจทก์ต้องลำออกโดยไม่สมัครใจ
ี
ถือเป็นกำรเลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ท้งยังเป็นกรณีพิพำทเก่ยวด้วยควำมรับผิดตำม
ั
ี
กฎกระทรวง ว่ำด้วยกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนและผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ปฏิบัติงำนในสถำบัน
อุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซ่งออกโดยพระรำชบัญญัติสถำบันอุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖
ึ
ี
ื
่
ึ
ึ
มำตรำ ๒๓ วรรคสอง ซงถอเป็นส่วนหนงของกฎหมำยว่ำด้วยกำรค้มครองแรงงำนอกด้วย
่
ุ
647
ี
ี
ี
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำน หรือตำมข้อตกลงเกี่ยวกับสภำพกำรจ้ำง และตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
ั
และ (๒)
ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๓ นั้น เมื่อโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้ำง
ของจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชำของโจทก์ แจ้งถอดถอนโจทก์จำกต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำย
ึ
ี
วิชำกำร ผ่ำนแอปพลิเคชันไลน์ กลุ่มคณะกำรศึกษำปฐมวัย ซ่งมีอำจำรย์และเจ้ำหน้ำท่เป็น
สมำชิกในกลุ่ม อันเป็นค�ำส่งลดต�ำแหน่งและลดค่ำจ้ำงโจทก์ในต�ำแหน่งดังกล่ำวโดยไม่ได้รับควำม
ั
ั
ั
ี
ยินยอมจำกโจทก์ ถือเป็นกำรเปล่ยนแปลงสภำพกำรจ้ำง ท้งกำรแจ้งค�ำส่งดังกล่ำวโดยเปิดเผยใน
ั
ื
�
่
ั
่
่
ี
ื
แอปพลเคชนไลน์กล่มดงกล่ำว เป็นกำรกลนแกล้ง ทำให้โจทก์อบอำย เสอมเสยชอเสยงและ
ี
ั
ิ
ั
ุ
ไม่ได้รับควำมเป็นธรรม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๓ ซ่งเป็น
ึ
ี
ี
ลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ กระท�ำละเมิดเก่ยวกับกำรท�ำงำนในทำงกำรท่จ้ำงต่อโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำง
ี
ี
ึ
ี
�
ของจำเลยท ๑ เช่นกน คดระหว่ำงโจทก์กบจ�ำเลยท ๓ จึงเป็นคดีอนเกิดแต่มลละเมิดระหว่ำง
ู
่
ั
ั
ั
ี
่
ี
ั
ี
ลูกจ้ำงกับลูกจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำนในทำงกำรท่จ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน
ี
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
648
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยพรศักดิ์ แกล้วทนงค์ โจทก์
ที่ วร ๔๖/๒๕๖๓ บริษัทขอนแก่นชำญเทรดดิ้ง
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
่
ี
โจทก์บรรยำยฟ้องและย่นค�ำร้องว่ำ จ�ำเลยท ๒ และจ�ำเลยร่วมเป็นบริษัทมหำชนจ�ำกัด
ื
ี
ี
่
ั
ั
ั
ทรบประกนภยรถยนต์โดยสำร หมำยเลขทะเบยน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น ตำม
พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจำกรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ระหว่ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของ
ั
่
ี
จ�ำเลยท ๑ น้น โจทก์ขับรถยนต์โดยสำร หมำยเลขทะเบียน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น
่
ื
ี
ี
ไปตำมทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท ๑ จำกสถำนีขนส่งจังหวัดนครพนมเพ่อไปจังหวัดระยอง
ระหว่ำงทำงมีฝนตกหนักเป็นเหตุให้รถยนต์โดยสำรท่โจทก์ขับเสียหลักไปชนกับรถยนต์
ี
โดยสำรอีกคันหน่ง โจทก์ได้รับบำดเจ็บสำหัสและต้องเสียขำซ้ำย จึงขอให้จ�ำเลยท ๑
ึ
่
ี
ที่ ๒ และจ�ำเลยร่วม ร่วมกันจ่ำยค่ำเสียหำยแก่โจทก์นั้น ตำมค�ำฟ้องและค�ำร้องไม่ปรำกฏ
ี
่
�
ี
ิ
ั
ิ
ั
ั
ว่ำโจทก์กบจำเลยท ๒ และจำเลยร่วมมนตสมพนธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลกจ้ำงกน
ั
�
ู
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน แต่เป็นกรณีท่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องแก่จ�ำเลยท ๒ และจ�ำเลยร่วม
ี
ี
่
โดยอำศัยสิทธิตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๒๐ ประกันภัย คดีระหว่ำง
โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ เป็นบริษัท
ี
มหำชนจ�ำกัดท่รับประกันภัยรถยนต์โดยสำร หมำยเลขทะเบียน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น ตำม
ื
ี
พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจำกรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ เม่อวันท่ ๒๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๒
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง มีหน้ำท่ขับรถยนต์โดยสำรประจ�ำทำง ได้รับ
เงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงรวมเดือนละ ๓๖,๐๐๐ บำท วันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๖๒ โจทก์ขับรถยนต์
ี
ี
โดยสำร หมำยเลขทะเบียน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น ไปตำมทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ จำก
ื
สถำนีขนส่งจังหวัดนครพนมเพ่อไปจังหวัดระยอง ระหว่ำงทำงมีฝนตกหนักเป็นเหตุให้รถยนต์
โดยสำรท่โจทก์ขับเสียหลักไปชนกับรถยนต์โดยสำรอีกคันหน่ง โจทก์ได้รับบำดเจ็บสำหัสและ
ี
ึ
ี
ั
ต้องเสียขำซ้ำย ระหว่ำงท่โจทก์ได้รับอุบัติเหตุน้น จ�ำเลยท่ ๑ ไม่แจ้งสิทธิประกันสังคมหรือ
ี
ี
เงินทดแทนกับทำงเจ้ำหน้ำท่และยังได้เลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ
649
ั
โจทก์ต้องเสียค่ำรักษำพยำบำลจึงมีสิทธิได้รับคืน นอกจำกน้นยังมีสิทธิได้รับค่ำทดแทนส�ำหรับ
ี
กำรประสบอันตรำยหรือเจ็บป่วยเป็นรำยเดือนส�ำหรับกรณีท่โจทก์ทุพพลภำพ ค่ำจ้ำงระหว่ำง
ี
รักษำตัว ค่ำท�ำงำนในวันหยุด และค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๑
จ่ำยเงินดังกล่ำวโดยให้จ�ำเลยท่ ๒ ร่วมรับผิดกับจ�ำเลยท่ ๑ ตำมอัตรำตำมค�ำขอท้ำยฟ้องแก่โจทก์
ี
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ยื่นค�ำร้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำประกันภัยรถยนต์โดยสำร
หมำยเลขทะเบียน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น ไว้กับบริษัทวิริยะประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) จึงขอให้
ศำลแรงงำนภำค ๔ เรียกบริษัทดังกล่ำวเข้ำมำเป็นจ�ำเลยร่วม ศำลแรงงำนภำค ๔ อนุญำต
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง มีหน้ำท่ขับ
รถยนต์โดยสำรประจ�ำทำง ระหว่ำงท�ำงำน โจทก์ขับรถยนต์โดยสำรด้วยควำมประมำทเลินเล่อ
ใช้ควำมเร็วสูงและไม่เว้นระยะห่ำงจำกรถยนต์โดยสำรคันหน้ำ จนเกิดอุบัติเหตุเสียหำยแก่จ�ำเลย
ี
ี
ี
ท่ ๑ และผู้โดยสำรอันเป็นกำรฝ่ำฝืนข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนของจ�ำเลยท่ ๑ อย่ำงร้ำยแรง
ี
จ�ำเลยท่ ๑ จึงเลิกจ้ำงโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และไม่ต้องจ่ำยเงินตำมฟ้องแก่โจทก์
ค่ำเสียหำยตำมฟ้องสูงเกินส่วน ขอให้ยกฟ้อง
ี
จ�ำเลยท่ ๒ และจ�ำเลยร่วมให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ และจ�ำเลยร่วมเป็นผู้รับ
ี
ประกันภัยรถยนต์โดยสำร หมำยเลขทะเบียน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น เป็นกำรประกันภำคบังคับ
ุ
ั
ตำมพระรำชบัญญติค้มครองผ้ประสบภัยจำกรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ จ�ำเลยท่ ๒ ได้จ่ำยค่ำเสียหำย
ู
ี
ื
เบ้องต้นแก่โจทก์แล้ว ส่วนค่ำเสียหำยจำกกำรทุพพลภำพน้นจะจ่ำยให้ต่อเม่อโจทก์ไม่มีส่วนใน
ื
ั
ื
ควำมประมำทเลินเล่อ เม่อโจทก์ขับรถยนต์โดยสำรด้วยควำมประมำทเลินเล่อใช้ควำมเร็วสูง
และไม่เว้นระยะห่ำงจำกรถยนต์โดยสำรคันหน้ำ จนเกิดอุบัติเหตุ โจทก์จึงไม่สำมำรถเรียกร้อง
ี
ื
ค่ำเสียหำยดังกล่ำว ค่ำเสียหำยอ่นตำมฟ้องสูงเกินส่วน คดีส�ำหรับจ�ำเลยท่ ๒ และจ�ำเลยร่วม
ไม่อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ี
ศำลแรงงำนภำค ๔ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒ และ
จ�ำเลยร่วมอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องและย่นค�ำร้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ และจ�ำเลยร่วมเป็นบริษัท
ี
ื
มหำชนจ�ำกัดท่รับประกันภัยรถยนต์โดยสำร หมำยเลขทะเบียน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น ตำม
ี
พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจำกรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ระหว่ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง
650
ของจ�ำเลยที่ ๑ นั้น โจทก์ขับรถยนต์โดยสำร หมำยเลขทะเบียน ๑๐-๗๗๐๘ ขอนแก่น ไปตำม
ทำงกำรที่จ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ จำกสถำนีขนส่งจังหวัดนครพนมเพื่อไปจังหวัดระยอง ระหว่ำงทำง
ึ
ี
มีฝนตกหนักเป็นเหตุให้รถยนต์โดยสำรท่โจทก์ขับเสียหลักไปชนกับรถยนต์โดยสำรอีกคันหน่ง
โจทก์ได้รับบำดเจ็บสำหัสและต้องเสียขำซ้ำย จึงขอให้จ�ำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และจ�ำเลยร่วม ร่วมกัน
ี
ั
จ่ำยค่ำเสียหำยแก่โจทก์น้น ตำมค�ำฟ้องและค�ำร้องไม่ปรำกฏว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒ และ
จ�ำเลยร่วมมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน แต่เป็นกรณ ี
ี
ท่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องแก่จ�ำเลยท่ ๒ และจ�ำเลยร่วมโดยอำศัยสิทธิตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
ี
และพำณิชย์ บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๒๐ ประกันภัย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒
และจ�ำเลยร่วมจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ึ
ั
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒ และจ�ำเลยร่วมไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
651
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอินดิเพนเด้นท์ อำร์ทิสท์
ที่ วร ๒๓/๒๕๖๕ เมเนจเม้นท์ จ�ำกัด โจทก์
นำงสำวสุมิตตำ ดวงแก้ว จ�ำเลย
ตำมค�ำฟ้องโจทก์ประกอบส�ำเนำสัญญำในกำรบริหำรจัดกำรศิลปิน กล่ำวอ้ำง
ี
ื
เพียงว่ำจ�ำเลยท�ำสัญญำดังกล่ำวเพ่อกำรแบ่งส่วนรำยได้ท่เกิดจำกกำรรับงำนอัน
ี
เก่ยวกับธุรกิจด้ำนกำรบันเทิง โดยมิได้มีฐำนะเป็นลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนของ
ื
โจทก์ เม่อจ�ำเลยผิดสัญญำในกำรบริหำรจัดกำรศิลปินและเรียกค่ำเสียหำยมำดังกล่ำว
ี
ี
ิ
ึ
ี
ั
ั
้
จงเป็นกำรใช้สิทธเรยกร้องค่ำเสยหำยตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ หน ลกษณะ ๒ สญญำ
จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด วันที่ ๙ กรกฎำคม ๒๕๖๒ โจทก์
ั
ิ
ิ
�
ั
ั
ิ
�
ั
ั
�
ทำสญญำในกำรบรหำรจดกำรศลปินกบจำเลย โดยโจทก์เป็นต้นสงกดและจำเลยเป็นศลปิน
ี
ในสังกัด BNK48 ของโจทก์ จนถึงวันท่ ๑ พฤษภำคม ๒๕๖๗ ตำมสัญญำจ�ำเลยรับรองว่ำจะ
ี
มีควำมประพฤติท่เหมำะสม ดีงำม ด�ำรงไว้ซ่งภำพลักษณ์ของศิลปินท่ดี เป็นเยำวชนต้นแบบ
ี
ึ
ี
ให้แก่สำธำรณชน และงดเว้นกำรเข้ำร่วมกิจกรรมใดหรือมีส่วนเก่ยวข้องหรือแสดงควำมเห็น
ั
ทำงกำรเมืองกำรปกครองในระหว่ำงสัญญำหรือหลังจำกน้น อันจะท�ำควำมเสียหำยแก่
ภำพลักษณ์ของต้นสังกัด ศิลปิน และวง BNK48 และหำกจ�ำเลยบอกเลิกสัญญำหรือลำออกโดย
ี
ไม่ได้รับอนุญำตจำกโจทก์จะต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เท่ำกับค่ำใช้จ่ำยท่โจทก์จ่ำยไป
ในกำรฝึกสอนเป็น ๒ เท่ำ และหำกมีกำรบอกเลิกสัญญำจะต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ด้วย
ั
ื
จำกน้นโจทก์ได้บริหำรจัดกำรโดยได้ให้จ�ำเลยเปิดบัญชี Facebook ในช่อ Faii BNK48 และ
ื
ื
Instagram ในช่อ faii.bnk48official เพ่อโปรโมทวงร่วมกับศิลปินวง BNK48 และสร้ำงฐำน
แฟนคลับ จนวง BNK48 มีช่อเสียงแพร่หลำยท้งในและต่ำงประเทศ ต่อมำจ�ำเลยท�ำผิดสัญญำ
ั
ื
โดยแสดงควำมเห็นทำงกำรเมืองกำรปกครอง ไม่รักษำภำพลักษณ์ของศิลปินโดยยกเท้ำข้นถีบ
ึ
ี
ื
กล้องในขณะไลฟ์หรือพูดคุยกับแฟนคลับ ไม่ยอมออกแบบเส้อวันเกิดตำมท่โจทก์มอบหมำย
ี
ื
ั
่
ี
ื
ั
และยงได้เปลยนช่อในบญชี Facebook เป็น FaiiNique BNK48 ต่อมำจำเลยมหนงสอบอก
ั
�
ี
เลิกสัญญำโดยอ้ำงว่ำถูกโจทก์ข่มขู่ให้ท�ำสัญญำจึงขอเลิกสัญญำในวันท่ ๓๐ เมษำยน ๒๕๖๔
652
ื
โจทก์จึงแจ้งให้จ�ำเลยพ้นสภำพศิลปินและขอให้จ�ำเลยคืน user และ password บัญชีของส่อ
สังคมออนไลน์แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย กำรกระท�ำของจ�ำเลยจึงเป็นกำรผิดสัญญำท�ำให้
โจทก์เสียหำยเป็นค่ำจ้ำงครูผู้ฝึกสอนและพัฒนำศิลปินในปี ๒๕๖๑ ถึงปี ๒๕๖๔ ค่ำผู้ดูแล
่
ึ
ศิลปิน ค่ำหอพัก และสวัสดิกำรอน รวม ๘๔๒,๗๖๕.๐๒ บำท ซ่งจ�ำเลยต้องชดใช้คืนเป็น
ื
๒ เท่ำ เป็นเงิน ๑,๖๘๕,๕๓๐.๐๔ บำท และกำรที่จ�ำเลยผิดสัญญำท�ำให้โจทก์ขำดรำยได้เป็นเงิน
๑๐,๓๔๒,๓๓๓.๓๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้เงิน ๑๒,๐๒๗,๘๖๓.๓๖ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยส่งมอบ user
และ password บัญชี Facebook ในชื่อ Faii BNK48 และ Instagram ในชื่อ faii.bnk48official
เป็นลำยลักษณ์อักษร ณ ที่ท�ำกำรของโจทก์ มิฉะนั้นให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
ต่อไป
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เดิมสัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ี
แต่โจทก์ต้องกำรเล่ยงกฎหมำยแรงงำน จึงเปล่ยนลักษณะของสัญญำเป็นสัญญำประเภทแบ่ง
ี
รำยได้ และคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน สัญญำดังกล่ำวเป็นสัญญำ
ส�ำเร็จรูปที่ท�ำให้โจทก์ได้เปรียบจ�ำเลยเกินสมควร เป็นสัญญำที่ไม่เป็นธรรมตำมพระรำชบัญญัติ
ว่ำด้วยข้อสัญญำท่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ และโจทก์ข่มขู่ให้จ�ำเลยลงนำม กำรท�ำสัญญำ
ี
ดังกล่ำวจึงเป็นโมฆะ จ�ำเลยมีสิทธิแสดงควำมเห็นทำงกำรเมืองกำรปกครองตำมระบอบ
ึ
ี
ประชำธิปไตย กำรท่จ�ำเลยยกเท้ำข้นถีบกล้องในขณะไลฟ์หรือพูดคุยกับแฟนคลับเป็นกำรท�ำ
ตำมค�ำร้องขอของแฟนคลับ กำรเปลี่ยนชื่อในบัญชี Facebook เป็น FaiiNique BNK48 ก็เป็น
เพียงกำรหยอกล้อกับแฟนคลับในเวลำส้น ๆ และเพ่อให้แฟนคลับจ�ำภำพลักษณ์ของจ�ำเลยได้
ั
ื
โจทก์ให้จ�ำเลยออกแบบเสื้อวันเกิดตำมที่โจทก์มอบหมำยเป็นกำรใช้อ�ำนำจบังคับบัญชำ ข้ออ้ำง
ึ
ท่ให้จ�ำเลยพ้นสภำพเป็นเหตุไม่ร้ำยแรงซ่งโจทก์สำมำรถตักเตือนได้ จ�ำเลยไม่ได้ก่อควำมเสียหำย
ี
แก่โจทก์ โจทก์ใช้สิทธิฟ้องโดยไม่สุจริต user และ password บัญชี Facebook ในชื่อ Faii BNK48
และ Instagram ในชื่อ faii.bnk48official เป็นสิทธิโดยชอบของจ�ำเลย เมื่อจ�ำเลยปิดกำรใช้งำน
แล้วจึงไม่เป็นกำรโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
653
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำในกำรบริหำรจัดกำรศิลปินกับจ�ำเลย โดย
โจทก์เป็นต้นสังกัดและจ�ำเลยเป็นศิลปินในสังกัด BNK48 ของโจทก์ ตำมสัญญำจ�ำเลยรับรองว่ำ
จะมีควำมประพฤติที่เหมำะสม ดีงำม ด�ำรงไว้ซึ่งภำพลักษณ์ของศิลปินที่ดี เป็นเยำวชนต้นแบบ
ี
ให้แก่สำธำรณชน และงดเว้นกำรเข้ำร่วมกิจกรรมใดหรือมีส่วนเก่ยวข้องหรือแสดงควำมเห็น
ั
ทำงกำรเมืองกำรปกครองในระหว่ำงสัญญำหรือหลังจำกน้น อันจะท�ำควำมเสียหำยแก่ภำพ
ลักษณ์ของต้นสังกัด ศิลปิน และวง BNK48 และหำกจ�ำเลยบอกเลิกสัญญำหรือลำออกโดยไม่ได้
ี
รับอนุญำตจำกโจทก์จะต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เท่ำกับค่ำใช้จ่ำยท่โจทก์จ่ำยไปในกำรฝึกสอน
ั
เป็น ๒ เท่ำ และหำกมีกำรบอกเลิกสัญญำจะต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ด้วย จำกน้นโจทก์
ื
ได้บริหำรจัดกำรโดยได้ให้จ�ำเลยเปิดบัญชี Facebook ในช่อ Faii BNK48 และ Instagram
ในช่อ faii.bnk48official เพ่อโปรโมทวงร่วมกับศิลปินวง BNK48 และสร้ำงฐำนแฟนคลับ
ื
ื
ั
จนวง BNK48 มีช่อเสียงแพร่หลำยท้งในและต่ำงประเทศ ต่อมำจ�ำเลยท�ำผิดสัญญำโดยแสดง
ื
ึ
ควำมเห็นทำงกำรเมืองกำรปกครอง ไม่รักษำภำพลักษณ์ของศิลปินโดยยกเท้ำข้นถีบกล้อง
ี
ในขณะไลฟ์หรือพูดคุยกับแฟนคลับ ไม่ยอมออกแบบเส้อวันเกิดตำมท่โจทก์มอบหมำย และยัง
ื
ได้เปลี่ยนชื่อในบัญชี Facebook เป็น FaiiNique BNK48 ต่อมำจ�ำเลยมีหนังสือบอกเลิกสัญญำ
้
่
้
ู
�
์
ิ
ั
ั
ึ
ึ
่
้
�
ิ
โดยอำงวำถกโจทกขมขใหทำสญญำจงขอเลกสญญำ โจทกจงแจงใหจำเลยพนสภำพศลปนและ
ิ
ู
้
์
้
่
ขอให้จ�ำเลยคืน user และ password บัญชีของส่อสังคมออนไลน์แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย
ื
กำรกระท�ำของจ�ำเลยจึงเป็นกำรผิดสัญญำท�ำให้โจทก์เสียหำย ตำมค�ำฟ้องโจทก์ประกอบส�ำเนำ
สัญญำในกำรบริหำรจัดกำรศิลปินพิพำทท้ำยค�ำแถลงของโจทก์ลงวันที่ ๑๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๕
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์และจ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์กันในลักษณะของสัญญำต่ำงตอบแทน
โดยไม่ปรำกฏว่ำโจทก์มีอ�ำนำจบังคับบัญชำในกำรท�ำงำนแก่จ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของ
ี
ั
สัญญำจ้ำงแรงงำน ท้งสัญญำในกำรบริหำรจัดกำรศิลปินพิพำท ยังระบุว่ำ ในกรณีท่ต้นสังกัด
้
้
และศิลปินได้เคยเขำท�ำสัญญำจำงแรงงำน หรือสัญญำหรือข้อตกลงอื่นใดมำก่อนหน้ำนี้ คู่สัญญำ
ิ
ั
ท้งสองฝ่ำยประสงค์จะให้สัญญำท้งปวงท่เคยมีมำก่อนหน้ำน้นเลิกและส้นสุดผลผูกพันในทันท ี
ี
ั
ั
และคู่สัญญำตกลงให้ใช้ข้อตกลงใหม่ตำมที่ระบุในสัญญำฉบับนี้แทน โดยตำมสัญญำข้อ ๑๔ ระบุ
ั
ควำมสัมพันธ์ของคู่สัญญำว่ำไม่มีลักษณะเป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงต่อกันไว้ชัดเจน ดังน้น ตำม
ค�ำฟ้องโจทก์ประกอบส�ำเนำสัญญำในกำรบริหำรจัดกำรศิลปิน จึงกล่ำวอ้ำงเพียงว่ำจ�ำเลยท�ำ
ี
ี
ื
สัญญำดังกล่ำวเพ่อกำรแบ่งส่วนรำยได้ท่เกิดจำกกำรรับงำนอันเก่ยวกับธุรกิจด้ำนกำรบันเทิง โดย
ื
มิได้มีฐำนะเป็นลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนของโจทก์ เม่อจ�ำเลยผิดสัญญำในกำรบริหำรจัดกำร
654
ศิลปินและโจทก์เรียกค่ำเสียหำยมำดังกล่ำว จึงเป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมประมวล
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๒ สัญญำ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงมิใช่
ี
ี
คดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและและไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำท
ึ
ั
อย่ำงหน่งอย่ำงใด ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
655
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยทนงศักดิ์ ศรีทองค�ำ โจทก์
ที่ วร ๔๓/๒๕๖๓ บริษัทดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่
จ�ำกัด (มหำชน) กับพวก จ�ำเลย
ี
ี
่
ี
ี
่
คดีท่จ�ำเลยท ๑ ฟ้องโจทก์คดีน้เป็นจ�ำเลยในคดีหมำยเลขด�ำท ๑๐๐๗/๒๕๖๓
ซ่งศำลแรงงำนกลำงส่งให้รวมกำรพิจำรณำเป็นคดีเดียวกันกับคดีน จ�ำเลยท ๑ ฟ้องว่ำ
ี
่
ึ
ี
้
ั
่
ึ
ิ
ู
ี
่
ั
ี
่
ี
�
่
ิ
โจทก์ซงเป็นลกจ้ำงของบรษท ว. กระทำทจรตต่อหน้ำทตำมทจำเลยท ๑
�
ุ
ึ
ิ
ซงเป็นนำยจ้ำงให้กำรมำข้ำงต้น เป็นเหตุให้จ�ำเลยท ๑ ซงควบรวมกจกำรมำจำก
่
่
ึ
่
ี
บริษัท ว. เสียหำยรวมเป็นเงิน ๑๑๕,๖๙๑,๗๓๗ บำท จ�ำเลยท ๑ จึงขอให้บังคับ
ี
่
โจทก์ช�ำระเงินจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อมดอกเบี้ยนั้น เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องจำกคดีที่โจทก์ฟ้อง
่
จ�ำเลยท ๑ คดีน ท้งตำมค�ำฟ้องก็เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงจ�ำเลยท ๑
ี
่
ี
ั
้
ี
กับโจทก์ในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์
ี
่
ซ่งเป็นลูกจ้ำงจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยท ๑
ึ
เกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๒ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เป็นผู้จัดกำรกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพสินสถำพร
ซึ่งจดทะเบียนแล้ว วันที่ ๒๙ มกรำคม ๒๕๕๑ โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ ต�ำแหน่ง
สุดท้ำยเป็นกรรมกำรผู้อ�ำนวยกำรใหญ่ ได้รับค่ำจ้ำงและค่ำตอบแทนรวมเดือนละ ๕๒๒,๖๘๖ บำท
ี
ี
ระหว่ำงท�ำงำนวันท่ ๒๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๗ จ�ำเลยท่ ๑ มีมติคณะกรรมกำรบริษัทให้โจทก์
�
่
พ้นจำกกำรเป็นลกจ้ำงของจำเลยท ๑ เป็นกำรเลิกจ้ำงโดยโจทก์ไม่ได้กระทำควำมผดและไม่ได้
ู
ิ
�
ี
บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับสินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำเสียหำยจำกกำร
ี
ั
ิ
เลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ค่ำชดเชย เงินเพ่ม พร้อมดอกเบ้ย นอกจำกน้นโจทก์ยังมีสิทธิได้รับเงิน
ึ
ี
สมทบจำกกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพสินสถำพร ซ่งจดทะเบียนแล้ว ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๑ จ่ำยสินจ้ำง
ี
แทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ๕๒๒,๖๘๖ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วัน
ผิดนัดค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ๖,๙๖๙,๑๔๖.๖๗ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ
ี
๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง จ่ำยค่ำชดเชย ๔,๑๘๑,๔๘๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี
656
ิ
และเงินเพ่มอัตรำร้อยละ ๑๕ ทุกระยะเวลำ ๗ วัน นับจำกวันเลิกจ้ำงถึงวันฟ้อง เป็นเงิน
ั
ี
๑๙๒,๒๘๘,๗๑๒.๔๖ บำท ให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันจ่ำยเงินสมทบจำกกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพ
๔,๐๕๘,๕๘๓.๐๕ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจำกวันผิดนัดจนกว่ำจะช�ำระ
เสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรว่ำ โจทก์เป็นลูกจ้ำงของบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ต่อมำ
ุ
ู
ู
ั
ั
ิ
ั
ได้รับมอบหมำยจำกผ้ถือห้นให้เป็นกรรมกำรผ้จัดกำร ต่อมำบรษทดังกล่ำวควบรวมกบบริษท
ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด (มหำชน) เกิดเป็นบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ ระหว่ำงท�ำงำนกับบริษัทเวิลด์
แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์ทุจริตสั่งจ่ำยเงินจำกบัญชีของบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด
ั
เข้ำบัญชีตนเองและบุคคลภำยนอกหลำยคร้ง บริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด จึง
เลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่จ่ำยค่ำชดเชย ต่อมำหลังจำกกำรควบรวมกิจกำรแล้ว จ�ำเลยท่ ๑ คดีน ้ ี
ี
ี
ี
จึงได้ฟ้องโจทก์เป็นจ�ำเลยในคดีอำญำท่ศำลจังหวัดพระโขนง กระท่งมีค�ำพิพำกษำถึงท่สุดโดย
ั
ึ
ี
ี
ศำลฎีกำพิพำกษำให้จ�ำคุกโจทก์คดีน้เป็นเวลำ ๒ ปี และมีคดีอำญำอีกหน่งคดีท่อยู่ระหว่ำง
กำรนัดสืบพยำนโจทก์ท่ศำลจังหวัดพระโขนง นอกจำกน้นระหว่ำงท่โจทก์เป็นลูกจ้ำงของบริษัท
ั
ี
ี
ี
เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์ได้ร่วมกับกรรมกำรบริษัทตกลงรับใช้หน้และจ�ำนองท่ดินของ
ี
บริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด เพื่อประกันกำรช�ำระหนี้ให้กับบุคคลภำยนอกให้กับบริษัท
หลักทรัพย์ยูไนเต็ด จ�ำกัด (มหำชน) ต่อมำบุคคลภำยนอกล้มละลำย บริษัทหลักทรัพย์ยูไนเต็ด
จ�ำกัด (มหำชน) ได้ยื่นฟ้องบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด เป็นคดีคุ้มครองผู้บริโภค แต่
โจทก์ปกปิดเร่อง ไม่ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในคดีล้มละลำย และไม่แจ้งให้กรรมกำรชุดใหม่ทรำบ
ี
ื
ื
เป็นกำรจงใจให้บริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซึ่งเป็นนำยจ้ำงได้รับควำมเสียหำย ส่วน
ั
เงินสมทบจำกกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพจ�ำเลยท่ ๒ น้น เม่อโจทก์ทุจริตต่อหน้ำท่และถูกเลิกจ้ำง
ื
ี
ี
ี
โดยมีควำมผิดร้ำยแรงจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่ำว และไม่มีสิทธิได้รับเงินใดตำมฟ้อง ขอให้
ยกฟ้อง
ึ
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ฟ้องโจทก์คดีน้เป็นจ�ำเลยในคดีหมำยเลขด�ำท่ ๑๐๐๗/๒๕๖๓ ซ่ง
ศำลแรงงำนกลำงส่งให้รวมกำรพิจำรณำเป็นคดีเดียวกันกับคดีน้ว่ำ กำรกระท�ำของโจทก์
ั
ี
ี
ซ่งเป็นลูกจ้ำงของบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด แล้วกระท�ำทุจริตต่อหน้ำท่ตำมท ี ่
ึ
จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนำยจ้ำงให้กำรมำข้ำงต้นนั้น เป็นเหตุให้จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งควบรวมกิจกำรมำจำก
บริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด เสียหำยรวมเป็นเงิน ๑๑๕,๖๙๑,๗๓๗ บำท จ�ำเลยที่ ๑
ี
จึงขอให้บังคับโจทก์ช�ำระเงินจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลยที่ ๑
657
โจทก์ให้กำรว่ำ โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงของบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ต่อมำ
บริษัทดังกล่ำวควบรวมกับบริษัทปิกนิก คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด (มหำชน) เกิดเป็นบริษัทจ�ำเลยที่ ๑
ี
ี
ื
ี
เม่อมีกำรเปล่ยนแปลงตัวนำยจ้ำงโดยกำรควบรวมบริษัท จ�ำเลยท่ ๑ จึงต้องรับสิทธิหน้ำท่ของ
บริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด มำด้วย ในช่วงเวลำดังกล่ำวบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด
ต้องปรับโครงสร้ำงงำนเพ่อน�ำบริษัทจดทะเบียนในตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงต้อง
ื
ี
เลิกจ้ำงโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดใดตำมท่จ�ำเลยท่ ๑ ฟ้อง ส่วนกำรด�ำเนินกำร
ี
ในคดีอำญำเป็นกำรสอบสวนควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติหลักทรัพย์และตลำดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งไม่ใช่เหตุที่จะยกเว้นสิทธิที่โจทก์จะได้รับค่ำชดเชย ส่วนที่จ�ำเลยที่ ๑ กล่ำวหำว่ำ
ั
โจทก์ทุจริตส่งจ่ำยเงินจำกบัญชีของบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด เข้ำบัญชีตนเอง
ั
และบุคคลภำยนอกหลำยคร้ง เป็นเพียงกำรโอนเงินให้บุคคลภำยนอกโดยผิดหลงซ่งโจทก์
ึ
ได้ชดใช้คืนแล้ว และโจทก์ด�ำเนินกำรในฐำนะเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของบริษัทเวิลด์แก๊ส
ี
ี
(ประเทศไทย) จ�ำกัด มิได้กระท�ำในฐำนะลูกจ้ำง และสิทธิเรียกร้องดอกเบ้ยตำมฟ้องของจ�ำเลยท่ ๑
ั
ุ
ี
้
ี
็
ิ
่
์
่
ี
้
ื
่
�
ี
ขำดอำยควำมแลว ทนทรพยทเรยกรองกเกนกวำควำมเสยหำยจรง ฟองของจำเลยท ๑ เคลอบคลม
้
ุ
ุ
ิ
ื
็
ิ
ี
่
ี
่
ี
�
ี
คดตำมฟ้องของจำเลยท ๑ มใช่คดแรงงำน เน่องจำกข้อเทจจรงตำมทฟ้องล้วนอ้ำงว่ำโจทก์
ิ
ึ
กระท�ำละเมิดในฐำนะเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจซ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคล เพรำะแม้ระหว่ำง
วันที่ ๒๙ มกรำคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกำยน ๒๕๕๒ นอกจำกโจทก์จะมีฐำนะเป็นลูกจ้ำง
ของบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด แล้ว โจทก์ยังมีฐำนะเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของ
บริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ด้วย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ขอถอนฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ศำลแรงงำนกลำงอนุญำต
ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ี
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ ระหว่ำงท�ำงำน
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ มีมติคณะกรรมกำรบริษัทให้โจทก์พ้นจำกกำรเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นกำร
เลิกจ้ำงโดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับสินจ้ำง
แทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ค่ำชดเชย เงินเพ่มพร้อม
ิ
ดอกเบี้ย ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำง
ื
กับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำม
658
ี
ี
พระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ คดระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย
ี
ี
ี
สิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมกฎหมำย
ั
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
ส่วนคดีที่จ�ำเลยที่ ๑ ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจ�ำเลยในคดีหมำยเลขด�ำที่ ๑๐๐๗/๒๕๖๓ ซึ่ง
ศำลแรงงำนกลำงสั่งให้รวมกำรพิจำรณำเป็นคดีเดียวกันกับคดีนี้ จ�ำเลยที่ ๑ ฟ้องว่ำกำรกระท�ำ
ึ
ของโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำงของบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด แล้วกระท�ำทุจริตต่อหน้ำท ี ่
ตำมที่จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนำยจ้ำงให้กำรมำข้ำงต้นนั้น เป็นเหตุให้จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งควบรวมกิจกำร
มำจำกบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด เสียหำยรวมเป็นเงิน ๑๑๕,๖๙๑,๗๓๗ บำท จ�ำเลย
ที่ ๑ จึงขอให้บังคับโจทก์ช�ำระเงินจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อมดอกเบี้ยนั้น เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องจำกคดี
ที่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ข้ำงต้น ทั้งตำมค�ำฟ้องก็เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงจ�ำเลย
ี
ท่ ๑ กับโจทก์ในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์
ื
ซึ่งเป็นลูกจ้ำงจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยที่ ๑ เกี่ยวกับ
ี
ี
กำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับโจทก์ส่วนน้จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยว
ี
ั
ิ
ู
ิ
ี
ั
ี
ิ
ื
ด้วยสทธหรอหน้ำทตำมสญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดอนเกดแต่มลละเมดระหว่ำงนำยจ้ำงและ
ิ
่
ิ
ู
ลกจ้ำงเกยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลแรงงำนและ
ั
่
ี
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
659
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอเมริกันมอเตอร์ (เชียงใหม่)
ที่ วร ๒๗/๒๕๖๕ จ�ำกัด โจทก์
นำยจตุพร เวียงทอง จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องคดีต่อศำลแขวงเชียงใหม่ ศำลแขวงเชียงใหม่รับฟ้องไว้พิจำรณำ
ื
ื
พิพำกษำ เม่อจ�ำเลยไม่ได้โต้แย้งเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแขวงเชียงใหม่
ื
แต่กลับด�ำเนินกระบวนพิจำรณำสบพยำนโจทก์และพยำนจ�ำเลยต่อมำจนคดีเสร็จกำร
พิจำรณำ และนัดฟังค�ำพิพำกษำ โดยไม่ปรำกฏว่ำมีกำรโต้แย้งหรือยกปัญหำเรื่องอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลแขวงเชียงใหม่เลย ดังน้แสดงว่ำศำลแขวงเชียงใหม่และคู่ควำม
ี
ทุกฝ่ำยยอมรับในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแขวงเชียงใหม่ จึงเป็นกำรเห็นพ้อง
ี
ื
ตรงกันเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล ไม่ใช่กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ต่อไป จึงไม่รับวินิจฉัย
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ประกอบ
กิจกำรจ�ำหน่ำยรถยนต์ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรแผนกศูนย์บริกำร
ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยปฏิบัติงำนผิดพลำดท�ำให้โจทก์เสียหำยเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บำท วันที่ ๑๔
พฤศจิกำยน ๒๕๖๒ จ�ำเลยยอมรับผิดและท�ำหนังสือรับสภำพหน้โดยตกลงจะช�ำระค่ำเสียหำย
ี
เดือนละ ๔,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ เริ่มช�ำระงวดแรกเดือนพฤศจิกำยน ๒๕๖๒ เป็นต้นไปจนกว่ำ
จะครบถ้วน แต่หลังจำกท�ำหนังสือรับสภำพหนี้แล้ว จ�ำเลยช�ำระเงินให้โจทก์รวม ๒๖,๐๐๐ บำท
ี
แล้วได้ออกจำกกำรเป็นพนักงำนและไม่ช�ำระส่วนท่เหลืออีกเลย ท�ำให้โจทก์เสียหำยไม่ได้รับช�ำระ
เงินที่ค้ำงอีก ๑๒๔,๐๐๐ บำท โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน
๑๒๕,๑๔๖.๕๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๒๔,๐๐๐ บำท นับแต่
วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ กำรท�ำหนังสือรับสภำพหน้เป็นไปเพ่อบังคับ
ื
ั
ไม่ให้จ�ำเลยออกจำกงำนเท่ำน้น จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำควำมเสียหำยตำมฟ้องแต่อย่ำงใด จ�ำเลย
จ�ำเป็นต้องยอมลงลำยมือชื่อในหนังสือรับสภำพหนี้เพรำะเกรงกลัวโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
660
ี
ในวันนัดฟังค�ำพิพำกษำศำลแขวงเชียงใหม่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
ั
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
วินิจฉัยว่ำ แม้ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง บัญญัติว่ำ “ในกรณีมีปัญหำว่ำคดีใดจะอยู่ในอ�ำนำจของ
ื
ึ
ศำลแรงงำนหรือไม่ ไม่ว่ำปัญหำน้นจะเกิดข้นในศำลแรงงำนหรือศำลยุติธรรมอ่น ให้ศำลน้น
ั
ั
ั
ี
รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำวแล้วเสนอปัญหำน้นให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดช�ำนัญพิเศษ
ั
ี
ึ
เป็นผู้วินิจฉัย” แต่คดีน้โจทก์ฟ้องคดีต่อศำลแขวงเชียงใหม่ ซ่งศำลแขวงเชียงใหม่รับฟ้องไว้
พจำรณำพพำกษำ เมอจำเลยยนคำให้กำร จำเลยไม่ได้โต้แย้งเรองอำนำจพจำรณำพพำกษำ
�
�
ิ
�
่
ื
ิ
ื
่
ิ
ิ
ื
่
�
ของศำลแขวงเชียงใหม่ ศำลแขวงเชียงใหม่ด�ำเนินกระบวนพิจำรณำสืบพยำนโจทก์และพยำน
ื
จ�ำเลยต่อมำจนคดีเสร็จกำรพิจำรณำและนัดฟังค�ำพิพำกษำ โดยไม่ปรำกฏว่ำมีเร่องอ�ำนำจ
ิ
ี
ู
ี
พจำรณำพิพำกษำของศำลแขวงเชียงใหม่เลย ดังน้แสดงว่ำศำลแขวงเชยงใหม่และค่ควำม
ทุกฝ่ำยยอมรับในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแขวงเชียงใหม่ จึงเป็นกำรเห็นพ้องตรงกัน
ี
ื
เร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล ไม่ใช่กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน
ี
หรือไม่ต่อไปตำมบทบัญญัติดังกล่ำว จึงไม่รับวินิจฉัยปัญหำตำมท่ศำลแขวงเชียงใหม่ส่งมำและ
ให้ส่งส�ำนวนคืนศำลแขวงเชียงใหม่เพื่อด�ำเนินกำรพิพำกษำคดีต่อไป
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
661
รวมค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
คดีล้มละลำย
662
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงส�ำรวย ทำสิงห์ค�ำ โจทก์
ที่ วล ๓/๒๕๕๙ บริษัทบริหำรสินทรัพย์
กรุงเทพพำณิชย์ จ�ำกัด
(มหำชน) ผู้ร้อง
นำงลมหนำว สำยค�ำวงศ์
กับพวก จ�ำเลย
่
ิ
ี
โจทก์น�ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดียึดท่ดินและส่งปลูกสร้ำงของจ�ำเลยท ๑ และ
ี
่
ี
ี
ึ
่
ท ๒ ออกขำยทอดตลำด ผู้ร้องซ่งรับโอนสิทธิเรียกร้องท่มีต่อจ�ำเลยท ๑ และท ๒ จำก
ี
ี
่
่
�
ื
ี
้
�
�
่
ี
ั
้
ี
ธนำคำร ท. ยนคำร้องต่อศำลในคดแพ่งขอรบชำระหนจำนองก่อนเจ้ำหนรำยอน แม้
ื
ี
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท ๑ คัดค้ำนว่ำธนำคำร ท. ได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน ้ ี
่
ื
่
จำกกองทรัพย์สินของจ�ำเลยท ๑ ในฐำนะเจ้ำหน้มีประกันแล้ว ผู้ร้องไม่อำจร้องขอรับ
ี
ี
ี
ช�ำระหน้บุริมสิทธิในส่วนของจ�ำเลยท ๑ ในคดีแพ่งได้ โดยผู้ร้องต้องขอสวมสิทธิต่อ
่
ี
ื
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์เพ่อให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนและท�ำควำมเห็นค�ำขอ
รับช�ำระหนี้ต่อไปก็ตำม แต่กำรขอรับช�ำระหนี้บุริมสิทธิจำกทรัพย์จ�ำนองเป็นกำรใช้สิทธิ
ของผู้ร้องในช้นบังคับคดีโดยอำศัยอ�ำนำจแห่งกำรจ�ำนองท่อำจบังคับได้ ผู้ร้องจะมีสิทธ ิ
ั
ี
บังคับช�ำระหน้จำกทรัพย์จ�ำนองเพียงใดเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของ
ี
บุคคลในทำงแพ่ง ค�ำร้องของผู้ร้องมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย
_____________________________
ึ
ื
ี
คดีสืบเน่องมำจำกโจทก์ซ่งเป็นเจ้ำหน้ตำมค�ำพิพำกษำได้น�ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดียึด
ที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๓๖๖๔, ๔๐๘๕๐ ต�ำบลหนองควำย อ�ำเภอหำงดง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่ง
ปลูกสร้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เพื่อน�ำออกขำยทอดตลำดช�ำระหนี้ตำมค�ำพิพำกษำ
ผู้ร้องย่นค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องจำกธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน)
ื
ที่มีต่อจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในมูลหนี้กู้ยืมเงิน โดยจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จ�ำนองที่ดินโฉนดเลขที่
๓๓๖๖๔, ๔๐๘๕๐ ต�ำบลหนองควำย อ�ำเภอหำงดง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้ำง ประกัน
กำรช�ำระหนี้ดังกล่ำว ผู้ร้องในฐำนะเจ้ำหนี้บุริมสิทธิในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้ำงดังกล่ำว ชอบที่จะ
ี
ี
ี
ได้รับช�ำระหน้ก่อนเจ้ำหน้สำมัญ จึงขอให้มีค�ำส่งให้ผู้ร้องได้รับเงินท่ได้จำกกำรขำยทอดตลำดท่ดิน
ี
ั
663
พร้อมสิ่งปลูกสร้ำงดังกล่ำวก่อนโจทก์และเจ้ำหนี้อื่น หำกโจทก์สละสิทธิหรือเพิกเฉยไม่บังคับคดี
ขอให้มีค�ำสั่งให้ผู้ร้องสวมสิทธิเป็นโจทก์แทน
จ�ำเลยที่ ๒ ยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ โจทก์ถอนฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ และคดีถึงที่สุดแล้ว จ�ำเลยที่ ๒
ไม่เกี่ยวข้องกับกำรบังคับคดี เมื่อผู้ร้องมิได้ฟ้องบังคับจ�ำนองเอำแก่จ�ำเลยที่ ๒ จึงไม่มีสิทธิได้รับ
ี
ี
ี
ช�ำระหน้ในทรัพย์จ�ำนองท่เป็นส่วนของจ�ำเลยท่ ๒ ประกอบกับจ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำง
ี
ี
ี
มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด ผู้ร้องต้องไปย่นค�ำร้องขอเฉล่ยในส่วนของจ�ำเลยท่ ๑ ในคด ี
ื
ั
ล้มละลำย ขอให้ยกค�ำร้อง
ศำลจังหวัดเชียงใหม่มีค�ำส่งให้ส่งส�ำเนำค�ำร้องให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ของ
ั
จ�ำเลยที่ ๑ ว่ำประสงค์จะเข้ำมำในคดีหรือไม่
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยที่ ๑ ยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่ง
ี
ั
พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดจ�ำเลยท่ ๑ ต้งแต่วันท่ ๑ กรกฎำคม ๒๕๕๗ และพิพำกษำให้ล้มละลำย
ี
ื
ื
เม่อวันท่ ๒๑ เมษำยน ๒๕๕๘ ธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) เจ้ำหน้รำยท่ ๓ ได้ย่น
ี
ี
ี
ี
ี
ค�ำขอรับช�ำระหน้จำกกองทรัพย์สินของจ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะเจ้ำหน้มีประกันตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๖ (๓) ขณะน้อยู่ระหว่ำงเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์สอบสวน
ี
ี
ี
ี
ี
ค�ำขอรับช�ำระหน้รำยน้ กำรท่ผู้ร้องในฐำนะเจ้ำหน้มีประกันจะมีสิทธิบังคับคดีเอำจำกทรัพย์
ั
หลักประกันได้เพียงใดย่อมเป็นไปตำมข้นตอนของกฎหมำยในคดีล้มละลำย โดยผู้ร้องต้องขอ
ั
สวมสิทธิในช้นเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์พร้อมส่งเอกสำรประกอบมูลหน้และทรัพย์หลักประกัน
ี
ี
ื
ี
เพ่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์จะได้สอบสวนเก่ยวกับหน้สินและท�ำควำมเห็นเสนอศำลล้มละลำยกลำง
ว่ำเห็นควรให้ผู้ร้องได้รับช�ำระหน้จำกกำรบังคับคดีขำยทอดตลำดทรัพย์หลักประกันเพียงใด
ี
ู
ี
ี
ผู้ร้องจงไม่มสทธยนคำร้องขอรบชำระหนบรมสทธในคดน ขอให้จำหน่ำยคดของผ้ร้องในส่วน
�
้
ิ
ิ
ี
ิ
ี
ิ
ั
ึ
ื
ิ
�
่
�
้
ี
ุ
ของจ�ำเลยที่ ๑ ออกจำกสำรบบควำม
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ผู้ร้องบรรยำยค�ำร้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ กู้เงินจำกธนำคำรไทย
ี
ี
ี
พำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) โดยจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จ�ำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๓๖๖๔, ๔๐๘๕๐
ิ
ื
ต�ำบลหนองควำย อ�ำเภอหำงดง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมส่งปลูกสร้ำง เป็นประกัน ต่อมำเม่อ
664
ผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้รำยนี้มำจำกธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ผู้ร้อง
ี
ี
ี
ได้บอกกล่ำวกำรโอนสิทธิเรียกร้อง ทวงถำมให้จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ช�ำระหน้พร้อมบอกกล่ำว
บังคับจ�ำนอง เมื่อโจทก์น�ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดี ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๓๖๖๔, ๔๐๘๕๐ ต�ำบล
หนองควำย อ�ำเภอหำงดง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมส่งปลูกสร้ำง ผู้ร้องจึงได้ย่นค�ำร้องในคดีน ี ้
ื
ิ
ี
ี
ขอให้น�ำเงินท่ได้จำกกำรขำยทอดตลำดทรัพย์จ�ำนองมำช�ำระหน้แก่ผู้ร้องก่อนโจทก์และเจ้ำหน้อ่น
ื
ี
ั
ึ
ซ่งเป็นกำรใช้สิทธิของผู้ร้องในช้นบังคับคดีตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๘๙
ื
กรณีจึงเป็นเร่องผู้ร้องใช้สิทธิในฐำนะผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องในกำรท่จะได้รับเงินท่ได้จำกกำร
ี
ี
ี
ี
ขำยหรือจ�ำหน่ำยทรัพย์สินของจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ในคดีน้โดยอำศัยอ�ำนำจแห่งกำรจ�ำนองท ่ ี
ี
ี
ี
อำจบังคับได้ กำรท่ผู้ร้องจะมีสิทธิบังคับช�ำระหน้เอำจำกทรัพย์จ�ำนองได้เพียงใดจะต้องเป็นไป
ตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง กรณีจึงมิใช่คดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับ
ี
ี
คดีล้มละลำย อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
665
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด
ที่ วล ๒/๒๕๖๒ (มหำชน) โจทก์
หลุย เดรย์ฟัส คอมโมดิตี้ส์
เอเชีย พีทีอี แอลทีดี ผู้ร้องสอด
บริษัททีเอ็มพี ไรซ์ มิลล์
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ี
้
ั
ี
โจทก์ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยท้งส่ร่วมกันช�ำระหน หำกไม่ช�ำระให้ยึดทรัพย์จ�ำนอง
ออกขำยทอดตลำด แม้ทรัพย์ท่โจทก์ประสงค์จะบังคับจ�ำนองเป็นทรัพย์ของจ�ำเลยท ๒
ี
่
ี
ึ
ู
่
ึ
ั
ี
่
�
ี
ี
ซงเป็นลกหน้ในคดล้มละลำย แต่กำรทโจทก์ฟ้องขอให้ยดทรพย์จำนองออกขำยทอด
ตลำดเป็นกำรใช้สิทธิในฐำนะผู้รับจ�ำนอง โจทก์จะมีสิทธิบังคับช�ำระหน้เอำจำกทรัพย์
ี
จ�ำนองได้เพียงใดหรือไม่ย่อมเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลใน
ี
ทำงแพ่ง จึงมิใช่คดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย คดีน้จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ี
พิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ได้ขอสินเช่อหลำยประเภทจำกโจทก์ โดยจ�ำเลย
ี
ื
ที่ ๑ และที่ ๒ จดทะเบียนจ�ำนองและจ�ำน�ำทรัพย์สินเป็นประกันไว้แก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔
ท�ำสัญญำค้ำประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ แต่จ�ำเลยท้งส่ผิดสัญญำไม่ช�ำระหน้ให้โจทก์
�
ี
ี
ั
ี
ี
ี
ี
ขอให้จ�ำเลยท้งส่ร่วมกันช�ำระหน้พร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ หำกไม่ช�ำระให้ยึดทรัพย์จ�ำนองและ
ี
ั
ทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยทั้งสี่ออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยทั้งสี่ให้กำรว่ำ จ�ำเลยทั้งสี่ไม่ได้ผิดสัญญำและไม่ผิดนัดช�ำระหนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ื
วันนัดพร้อม เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์แถลงว่ำ เม่อวันท่ ๘ พฤษภำคม ๒๕๖๐
ี
ั
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท่ ๒ เด็ดขำด เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ไม่
ี
ประสงค์เข้ำด�ำเนินคดีแทนจ�ำเลยที่ ๒ ศำลจึงมีค�ำสั่งจ�ำหน่ำยคดีในส่วนของจ�ำเลยที่ ๒ ออกจำก
สำรบบควำม
่
ี
ิ
ิ
่
ื
ผ้ร้องสอดยนคำแถลงว่ำ ศำลแพ่งกรงเทพใต้พพำกษำให้เพกถอนกำรโอนทดนพร้อม
ู
ุ
ิ
�
สิ่งปลูกสร้ำงรวม ๘ แปลง และเพิกถอนกำรโอนเครื่องจักร รวม ๔๐ เครื่อง ซึ่งจ�ำเลยที่ ๒ คดีนี้
666
ี
ี
โอนให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ คดีน้ ทรัพย์สินดังกล่ำวล้วนเป็นทรัพย์สินท่โจทก์ประสงค์บังคับจ�ำนอง
ี
ั
ี
ื
ิ
คดีน้ท้งส้น เม่อศำลพิพำกษำให้เพิกถอนกำรโอน ทรัพย์สินดังกล่ำวจึงกลับมำเป็นของ
จ�ำเลยที่ ๒ และต้องถือว่ำเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลำย ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่ง
ที่เกี่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้ให้เพิกถอนกำรโอนทรัพย์สินซ่งเป็นทรัพย์ท่โจทก์ฟ้องขอ
ึ
ี
ให้บังคับจ�ำนองคดีนี้ให้กลับมำเป็นของจ�ำเลยที่ ๒ โดยมิได้เพิกถอนกำรจ�ำนอง กำรที่โจทก์ฟ้อง
ขอให้ยึดทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำดเป็นกำรใช้สิทธิในฐำนะผู้รับจ�ำนอง ตำมประมวล
ี
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๗๒๘ และโจทก์ผู้รับจ�ำนองชอบท่จะได้รับช�ำระหน้จำกทรัพย์สิน
ี
ท่จ�ำนองก่อนเจ้ำหน้สำมัญ มิพักต้องพิเครำะห์ว่ำกรรมสิทธ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคล
ิ
ี
ี
ี
ี
ภำยนอกแล้วหรือไม่ ตำมมำตรำ ๗๐๒ วรรคสอง กำรท่โจทก์จะมีสิทธิบังคับช�ำระหน้เอำจำกทรัพย์
ื
ิ
จำนองได้เพยงใดหรอไม่ย่อมเป็นไปตำมบทบัญญัตว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง กรณ ี
�
ี
ี
ี
จึงมิใช่คดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยโดยตรง อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
667
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ โจทก์
ที่ วล ๒๔/๒๕๖๔ นำยวำสิน สุภประ
กับพวก จ�ำเลย
่
ี
จ�ำเลยท ๑ ท�ำสัญญำกู้เงินพร้อมจดทะเบียนจ�ำนองทรัพย์เป็นหลักประกัน
ต่อมำเมื่อศำลมีค�ำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยที่ ๑ เด็ดขำด โจทก์ได้ยื่นค�ำขอรับช�ำระหนี้
ั
ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งงด
ี
ด�ำเนินกำรแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ท่จะด�ำเนินกำรกับทรัพย์หลักประกันต่อไป โจทก์จึงฟ้อง
ขอบังคับจ�ำนอง ข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรใช้สิทธิ
ั
ั
ุ
ั
ิ
ิ
ั
�
ตำมบทบญญตว่ำด้วยควำมรบผดของบคคลในทำงแพ่งในฐำนะผ้รบจำนอง ฟ้องโจทก์
ู
จึงมิใช่คดีล้มละลำย
______________________________
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๙ ตุลำคม ๒๕๔๕ จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำกู้เงินและรับเงิน
ื
ี
ไปจำกโจทก์จ�ำนวน ๑๒,๘๘๐,๐๐๐ บำท โดยน�ำห้องชุด อำคำรเลขท่ ๑ อำคำรชุดแกรนด์วิลเฮ้ำ ๒
ี
�
ั
�
ี
่
่
้
ั
ี
ตงอยู่บนทดินโฉนดเลขท ๖๓๒๕, ๖๓๒๗ ตำบลคลองตน (ท่ ๑๑ พระโขนงฝั่งเหนือ) อำเภอ
พระโขนง กรุงเทพมหำนคร และท่ดินโฉนดเลขท่ ๒๔๔๓๘, ๒๔๒๗๒๒ ต�ำบลหัวหมำก
ี
ี
(หัวหมำกใต้) อ�ำเภอบำงกะปิ กรุงเทพมหำนคร จดทะเบียนจ�ำนองเป็นประกันกำรช�ำระหน ี ้
ต่อโจทก์ ภำยหลังท�ำสัญญำจ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัดช�ำระหน้ และเม่อวันท่ ๒๘ ธันวำคม ๒๕๔๗
ี
ี
ี
ื
ี
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท่ ๑ เด็ดขำด โจทก์จึงย่นค�ำขอรับช�ำระหน ี ้
ั
ื
ี
ในคดีล้มละลำยตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ จ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็น
ึ
ั
เจ้ำพนักงำนพิทกษ์ทรพย์ของจำเลยท ๑ มีค�ำส่งว่ำไม่เป็นประโยชน์ต่อกองทรพย์สินในคด ี
�
ี
ั
ั
่
ั
ล้มละลำยให้งดด�ำเนินกำร แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะด�ำเนินกำรกับทรัพย์หลักประกันตำมกฎหมำยอื่น
ี
ั
ั
โจทก์จึงฟ้องจ�ำเลยท้งสองเป็นคดีน้ ก่อนฟ้องคดีโจทก์มีหนังสือบอกกล่ำวให้จ�ำเลยท้งสอง
ั
ี
ช�ำระหน้และไถ่ถอนจ�ำนองแล้วแต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้พิพำกษำบังคับจ�ำเลยท้งสอง
ั
ร่วมกันช�ำระเงินจ�ำนวน ๓๕,๗๐๙,๓๓๘.๙๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยและช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัย
ี
ี
จ�ำนวน ๑๘,๐๒๔.๔๑ บำท หำกไม่ช�ำระให้ยึดทรัพย์จ�ำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้ำงและทรัพย์สินอื่น
ออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
668
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต โจทก์
ี
ี
�
ี
ได้ใช้สิทธิขอรับช�ำระหน้ในคดีล้มละลำยแล้วกำรน�ำมูลหน้เดิมมำฟ้องเป็นคดีน้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องและฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์ในหนี้ประธำนตำมหนังสือสัญญำกู้เงินขำดอำยุควำม
ี
และไม่มีสิทธิเรียกช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัย คงมีสิทธิบังคับกับหน้อุปกรณ์ซ่งเป็นทรัพย์จ�ำนอง
ึ
ี
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ มำตรำ ๑๙๓/๒๗ และมำตรำ ๗๔๕ แต่จะบงคบ
ิ
ั
ั
ช�ำระดอกเบี้ยย้อนหลังได้ไม่เกิน ๕ ปี
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยท่ ๑ ย่นค�ำร้องขอให้ช้ขำดว่ำคดีอยู่ในเขตอ�ำนำจของ
ี
ื
ศำลล้มละลำยกลำงหรือไม่ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ เมื่อข้อเท็จจริงตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรฟังเป็นยุติว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำ
ี
ื
กู้เงินโจทก์ โดยน�ำทรัพย์สินมำจดทะเบียนจ�ำนองเป็นประกันกำรช�ำระหน้ เม่อศำลล้มละลำยกลำง
มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท่ ๑ เด็ดขำด โจทก์ได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ต่อจ�ำเลยท่ ๒ ตำม
ี
ั
ี
ี
ื
พระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ แล้ว จ�ำเลยที่ ๒ มีค�ำสั่งให้งดด�ำเนินกำร
แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ท่จะด�ำเนินกำรกับทรัพย์หลักประกันตำมกฎหมำยอ่นต่อไป โจทก์จึงฟ้อง
ี
ื
เป็นคดีน้ น้น ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรใช้สิทธิตำม
ั
ี
ี
บทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่งในฐำนะผู้รับจ�ำนองตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
และพำณิชย์ มำตรำ ๗๒๘ ประกอบพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๑๐ วรรคสำม
กรณีจึงมิใช่คดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ี
ึ
ิ
ี
ั
ั
ศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลล้มละลำยและวิธพจำรณำคดล้มละลำย
ี
ั
้
พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
669
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
670
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บรรษัทบริหำร
ที่ วล ๑๑/๒๕๖๒ สินทรัพย์ไทย โจทก์
ธนำคำรพัฒนำวิสำหกิจ
ขนำดกลำงและขนำดย่อม
แห่งประเทศไทย ผู้ร้อง
นำงสำวกัลยำณี
ุ
์
รทระกำญจน ผู้คัดค้ำน
บริษัทมณีอินเตอร์เนชั่นแนล
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ื
ี
ผู้ร้องซ่งเป็นผู้รับจ�ำนองย่นค�ำร้องขอรับช�ำระหน้ตำมค�ำพิพำกษำจำกเงิน
ึ
ที่ได้จำกขำยทอดตลำดทรัพย์จ�ำนองซึ่งถูกยึดในคดีล้มละลำย โดยทรัพย์จ�ำนองนั้นเป็น
ิ
ื
ี
กรรมสิทธ์รวมของลูกหน้ในคดีล้มละลำยและผู้คัดค้ำน เม่อผู้ร้องขอรับช�ำระหน้จ�ำนอง
ี
ี
ื
ู
ั
ี
ั
ในส่วนของผ้คดค้ำนก่อนเจ้ำหน้รำยอ่น จงเป็นกำรใช้สิทธิในคดีแพ่งทเกยวพนกันกับ
่
ึ
่
ี
คดีล้มละลำย จึงเป็นคดีล้มละลำย
______________________________
ี
�
่
�
ิ
ั
ั
่
ี
่
ื
ื
็
ี
ั
คดสบเนองมำจำกศำลล้มละลำยกลำงมคำสงพทกษ์ทรพย์ของจำเลยท ๒ เดดขำด
เมื่อวันที่ ๓ สิงหำคม ๒๕๕๔ และศำลฎีกำพิพำกษำยืน
ผู้ร้องยื่นค�ำร้องว่ำ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวำคม ๒๕๖๑ เจ้ำหนี้รำยที่ ๕ คดีล้มละลำยคดีนี้
ได้น�ำเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๓๓๖๘ ต�ำบลบำงกะปิ (ลำดพร้ำวฝั่งเหนือ)
ิ
อ�ำเภอพญำไท (บำงกะปิ) จังหวัดกรุงเทพมหำนคร พร้อมส่งปลูกสร้ำง กรรมสิทธ์รวมของ
ิ
จ�ำเลยที่ ๒ และผู้คัดค้ำนเพื่อน�ำออกขำยทอดตลำด ผู้ร้องเป็นเจ้ำหนี้ตำมค�ำพิพำกษำในคดีของ
ศำลแพ่งหมำยเลขแดงที่ ธ.๒๓๔๒/๒๕๕๑ โดยศำลพิพำกษำให้จ�ำเลยที่ ๒ และผู้คัดค้ำนในคดีนี้
ี
ี
ร่วมกันช�ำระเงินให้แก่ผู้ร้อง หำกไม่ช�ำระให้ยึดทรัพย์จ�ำนองท่ดินโฉนดเลขท่ ๕๓๓๖๘ ต�ำบล
บำงกะปิ (ลำดพร้ำวฝั่งเหนือ) อ�ำเภอพญำไท (บำงกะปิ) จังหวัดกรุงเทพมหำนคร พร้อมส่งปลูกสร้ำง
ิ
ออกขำยทอดตลำดช�ำระหน้ หำกไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอ่นของจ�ำเลยท่ ๒ และผู้คัดค้ำน
ี
ื
ี
ี
ี
ี
ออกขำยทอดตลำดช�ำระหน้ให้แก่ผู้ร้องจนครบ ผู้ร้องในฐำนะเจ้ำหน้บุริมสิทธิท่จะบังคับเหนือ
ี
ทรัพย์ในท่ดินโฉนดเลขท่ ๕๓๓๖๘ ต�ำบลบำงกะปิ (ลำดพร้ำวฝั่งเหนือ) อ�ำเภอพญำไท (บำงกะปิ)
ี
671
ิ
ี
จังหวัดกรุงเทพมหำนคร พร้อมส่งปลูกสร้ำง ท่เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้จึงมีสิทธิได้รับ
ี
ี
้
้
�
้
ั
่
็
ิ
ื
ี
้
้
ชำระหนก่อนเจำหนรำยอนเปนเงน ๑๗,๖๑๙,๕๖๑.๗๓ บำท พรอมดอกเบ้ยอตรำรอยละ ๑๐ ต่อป ี
ของต้นเงิน ๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันย่นค�ำร้องน้ไปจนกว่ำจ�ำเลยจะช�ำระเสร็จส้น
ี
ื
ิ
ขอให้มีค�ำส่งให้ผู้ร้องได้รับช�ำระหน้จำกเงินท่ขำยทอดตลำดในส่วนของผู้คัดค้ำนก่อนเจ้ำหน ้ ี
ี
ั
ี
รำยอื่นรวมทั้งโจทก์ด้วย
จ�ำเลยท่ ๒ และผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ บริษัทบริหำรสินทรัพย์กรุงเทพพำณิชย์
ื
ี
จ�ำกัด (มหำชน) ผู้รับมอบอ�ำนำจคดีน้ เป็นนิติบุคคลภำคบังคับตำมกฎหมำยพิเศษเป็นกำรเฉพำะ
ี
ั
จึงมิใช่นิติบุคคลโดยท่วไปในทำงแพ่งท่อำจเป็นผู้รับมอบอ�ำนำจจำกผู้ร้องขอรับช�ำระหน้บุริมสิทธ ิ
ี
ี
แห่งกำรจ�ำนอง ผู้รับมอบอ�ำนำจจึงไม่มีอ�ำนำจมอบอ�ำนำจช่วง ค�ำร้องขอรับช�ำระหน้บุริมสิทธ ิ
ี
แห่งกำรจ�ำนองเป็นค�ำร้องเข้ำข่ำยธุรกรรมท่มีเหตุอันควรสงสัยเพ่อหวังประทุษร้ำยต่อทรัพย์ของ
ื
ี
ผู้คัดค้ำนอันเป็นควำมผิดอำญำเข้ำข่ำยควำมผิดมูลฐำนตำมพระรำชบัญญัติป้องกันและ
ปรำบปรำมกำรฟอกเงิน หนังสือมอบอ�ำนำจของผู้ร้องไม่ปรำกฏวัตถุประสงค์เพ่อให้ผู้รับมอบ
ื
อ�ำนำจด�ำเนินกำรให้ผู้มอบอ�ำนำจได้รับช�ำระหน้บุริมสิทธิกำรจ�ำนอง ผู้รับมอบอ�ำนำจจึงไม่ม ี
ี
ี
ั
อ�ำนำจมอบอ�ำนำจช่วง เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งให้ผู้รับมอบอ�ำนำจคดีน้เข้ำสวมสิทธ ิ
เป็นเจ้ำหนี้แทนผู้ร้องที่ได้ยื่นค�ำขอรับช�ำระหนี้จำกกองทรัพย์สินของจ�ำเลยที่ ๒ ในคดีล้มละลำย
ในฐำนะเจ้ำหนี้มีประกันตำมมำตรำ ๙๖ (๒) โดยไม่แจ้งให้จ�ำเลยที่ ๒ ทรำบ จ�ำเลยที่ ๒ ได้ยื่น
ค�ำคัดค้ำนไว้แล้ว แต่เม่อยังไม่มีค�ำส่งเปล่ยนแปลงค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้อง
ั
ี
ั
ื
จึงมิใช่เจ้ำหน้ในคดีล้มละลำยอีกต่อไป ผู้ร้องไม่มีอ�ำนำจท่จะมอบอ�ำนำจย่นค�ำร้องขอรับช�ำระ
ี
ี
ื
ี
ี
หน้บุริมสิทธิจ�ำนองในทรัพย์ส่วนของผู้คัดค้ำน ผู้ร้องท�ำสัญญำโอนสินทรัพย์รวมถึงหน้ตำม
ี
�
้
่
ื
ู
่
�
ี
ั
ิ
ู
ี
ี
้
�
คำพพำกษำในคดนให้แก่ผ้รบมอบอำนำจผ้ร้องก่อนทผ้ร้องจะยนคำร้องขอรบชำระหนตำม
�
ู
ั
ิ
ู
�
คำร้องน ผ้ร้องจงมใช่เจ้ำหนตำมคำพิพำกษำและไม่ใช่เจ้ำหนบุริมสทธจำนองแต่อย่ำงใด ขอให้
�
ี
้
้
ี
�
ี
้
ิ
ิ
ึ
ยกค�ำร้อง
ก่อนสืบพยำน ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำตำมบันทึกถ้อยค�ำของผู้รับมอบอ�ำนำจ
จ�ำเลยที่ ๒ อ้ำงว่ำคดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย กรณีจึงมีปัญหำว่ำ
คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน
ั
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
672