ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง จ. ในฐำนะ
ที่ วยช ๙๓/๒๕๖๔ ผู้จัดกำรมรดก
ของนำย ส. โจทก์
นำง บ. จ�ำเลย
์
คดีนี้โจทกในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำย ส. ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยซึ่งเคยเป็น
ั
ี
ภริยำของนำย ส. คืนหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์และโฉนดท่ดินพิพำทท้ง ๖ แปลง
ื
ให้แก่โจทก์เพ่อรวบรวมทรัพย์สินของเจ้ำมรดกน�ำมำแบ่งปันให้แก่ทำยำท ส่วน
ั
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ท่ดินพิพำทท้ง ๖ แปลง เป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยและนำย ส. ไม่ใช่
ี
ี
ี
สินส่วนตัวของนำย ส. เจ้ำมรดก กรณีจึงมีปัญหำท่ต้องพิจำรณำก่อนว่ำท่ดินพิพำท
ท้ง ๖ แปลง เป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยและนำย ส. หรือเป็นสินส่วนตัวของนำย ส.
ั
ี
อันเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็น
คดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำย ส. ส่วนจ�ำเลยเคยเป็นภริยำของนำย ส.
เจ้ำมรดก แต่จดทะเบียนหย่ำกันเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภำคม ๒๕๕๒ โจทก์ในฐำนะผู้จัดกำรมรดก
ของนำย ส. มีหน้ำท่รวบรวมทรัพย์สินของเจ้ำมรดกเพ่อจัดกำรแบ่งปันให้แก่ทำยำท โจทก์
ื
ี
มอบหมำยให้ทนำยควำมมีหนังสือแจ้งจ�ำเลยให้ส่งมอบต้นฉบับหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์
(น.ส.๓) เลขที่ ๓๒๗ และหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๙๔๗ ต�ำบลอ่ำวน้อย
อ�ำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๓๕๗ ต�ำบลเกำะหลัก
ี
ี
อ�ำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และโฉนดท่ดินเลขท่ ๓๕๑๙๖, ๓๕๒๐๕,
๔๒๗๗๔ ต�ำบลอ่ำวน้อย อ�ำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่โจทก์
เพ่อจัดกำรตำมหน้ำท่ของผู้จัดกำรมรดกต่อไป แต่จ�ำเลยเพิกเฉยอันเป็นกำรโต้แย้งสิทธิโจทก์
ี
ื
ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์และโฉนดท่ดินท้ง ๖ แปลง ให้แก่โจทก์
ั
ี
หำกจ�ำเลยไม่ส่งมอบคืนขอให้ศำลออกหมำยจับและคุมขังจ�ำเลยไว้จนกว่ำจ�ำเลยจะส่งมอบ
ต้นฉบับหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์และโฉนดท่ดินดังกล่ำวให้แก่โจทก์ หำกไม่สำมำรถคืน
ี
ได้ให้ถือค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย และหำกไม่สำมำรถคืนได้เป็นเหตุให้ออก
เอกสำรสิทธิฉบับใหม่แทน ให้จ�ำเลยเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยแทนโจทก์
823
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยกับนำย ส. ก่อนนำย ส. จะ
ี
ั
ถึงแก่ควำมตำย นำย ส. เป็นคนไร้ควำมสำมำรถ มี นำง ด. พ่สำวโจทก์เป็นผู้อนุบำลตำมค�ำส่งศำล
ี
เยำวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่ดินพิพำทท้ง ๖ แปลง เป็นสินสมรสหรือกรรมสิทธ ิ ์
ั
รวมของจ�ำเลยและนำย ส. เจ้ำมรดก ซ่งศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์วินิจฉัย
ึ
ื
ี
ี
ไว้ในคดีแพ่งหมำยเลขแดงท่ ยชพ ๑๒๖/๒๕๖๓ ท่นำง ด. ผู้อนุบำลของนำย ส. ย่นค�ำร้องขอและศำลม ี
ั
ค�ำส่งอนุญำตให้ผู้ร้องในฐำนะผู้อนุบำลของคนไร้ควำมสำมำรถท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำม
รังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทซึ่งเป็นสินสมรสให้แก่นำย ส. และจ�ำเลยฝ่ำยละกึ่งหนึ่ง คดี
ดังกล่ำวถงท่สุดแล้ว ค�ำส่งดงกล่ำวย่อมผูกพันโจทก์ซ่งเป็นผู้จัดกำรมรดกของนำย ส. ในฐำนะผ้สืบสิทธ ิ
ึ
ึ
ั
ู
ั
ี
ในกำรไปจดทะเบียนรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทตำมค�ำส่งศำลเพ่อแบ่งให้แก่จ�ำเลย
ั
ื
ิ
ี
ี
ึ
ื
ี
ึ
ก่งหน่งและแบ่งปันส่วนท่เป็นทรัพย์มรดกของนำย ส. ให้แก่ทำยำทต่อไป เม่อท่ดินพิพำทเป็น
สินสมรสไม่ใช่สินส่วนตัวของนำย ส. จ�ำเลยจึงมีกรรมสิทธิ์รวมกึ่งหนึ่ง ดังนั้น จ�ำเลยย่อมมีสิทธิ
ยึดถือครอบครองหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์และโฉนดที่ดินพิพำททั้ง ๖ แปลง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
ิ
ิ
ี
ั
ี
ิ
ั
ิ
ิ
คดชำนญพเศษวนจฉย ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชน
ี
�
ั
ั
ิ
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำย ส. ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยคืน
ี
ื
ี
ั
หนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์และโฉนดท่ดินพิพำทท้ง ๖ แปลง ให้แก่โจทก์เพ่อรวบรวมทรัพย์สิน
ของเจ้ำมรดกน�ำมำแบ่งปันให้แก่ทำยำท ส่วนจ�ำเลยให้กำรว่ำ ท่ดินพิพำทท้ง ๖ แปลง เป็นสินสมรส
ี
ั
ระหว่ำงจ�ำเลยและนำย ส. ไม่ใช่สินส่วนตัวของนำย ส. เจ้ำมรดก กรณีจึงมีปัญหำที่ต้องพิจำรณำ
ก่อนว่ำที่ดินพิพำททั้ง ๖ แปลง เป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยและนำย ส. หรือเป็นสินส่วนตัวของ
นำย ส. อันเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑
และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
824
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
825
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ว. โจทก์
ที่ วยช ๑๐๐/๒๕๖๔ นำย ส. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกันแล้ว ขอให้บังคับจ�ำเลย
ื
ด�ำเนินกำรย้ำยช่อออกจำกทะเบียนบ้ำนพิพำท และให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินส่วนตัว
ี
ของจ�ำเลยออกจำกบ้ำนพิพำทและท่ดินของโจทก์ จ�ำเลยให้กำรว่ำ บ้ำนพิพำทเป็น
สินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทว่ำ บ้ำนพิพำทเป็นของ
ี
โจทก์หรือเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยอันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
ี
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกันเม่อวันท่ ๑๐ มีนำคม ๒๕๖๔ ตำม
ค�ำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ โดยจ�ำเลยเป็นฝ่ำยกระท�ำกำร
ี
เป็นปฏิปักษ์ต่อกำรท่เป็นสำมีภริยำกันอย่ำงร้ำยแรง จ�ำเลยจึงไม่มีสิทธิในสินสมรส โจทก์ได้ม ี
หนังสือบอกกล่ำวให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินของจ�ำเลยออกจำกบ้ำนพิพำทและท่ดินของโจทก์
ี
ี
แต่ปรำกฏว่ำวันท่ ๑๕ เมษำยน ๒๕๖๔ จ�ำเลยกลับขนย้ำยกระท่อมของมำรดำโจทก์เอำไปไว้
ท่บ้ำนของมำรดำจ�ำเลย โดยไม่ยอมขนย้ำยทรัพย์สินส่วนตัวของจ�ำเลยออกจำกบ้ำนพิพำท
ี
ี
และท่ดินดังกล่ำว อันเป็นกำรรบกวนกำรครอบครองอสังหำริมทรัพย์ของโจทก์ ท�ำให้โจทก์
และครอบครัวได้รับควำมเดือดร้อนเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยด�ำเนินกำรย้ำยช่อออกจำก
ื
ี
ทะเบียนบ้ำนพิพำท และให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินส่วนตัวของจ�ำเลยออกจำกบ้ำนพิพำทและท่ดิน
ื
ดังกล่ำว หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมขอให้ศำลมีค�ำส่งย้ำยช่อจ�ำเลยออกจำกทะเบียนบ้ำนพิพำท
ั
ไปไว้ในทะเบียนบ้ำนกลำงและให้ถือว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรบุกรุกอสังหำริมทรัพย์
ี
ของโจทก์ และให้โจทก์มีสิทธิน�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจพำจ�ำเลยออกจำกบ้ำนพิพำทและท่ดิน
ดังกล่ำวได้ ห้ำมมิให้จ�ำเลยเกี่ยวข้องกับโจทก์และทรัพย์สินของโจทก์อีกต่อไป
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำกัน บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส
้
ั
ิ
้
์
�
ระหวำงโจทกกับจำเลย โจทก์จงไม่มอำนำจฟ้องให้จ�ำเลยขนยำยทรพย์สนออกไปจำกบำนพิพำท
่
�
ี
ึ
และคดีน้เป็นคดีครอบครัว ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัดกันทรลักษ์ ขอให้
ี
ยกฟ้อง
826
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดกันทรลักษ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
ั
ั
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
ี
ั
ิ
ิ
�
ี
คดชำนญพเศษวนจฉย ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชน
ั
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้มีประเด็นข้อพิพำทที่โจทก์กับจ�ำเลยโต้เถียงกันว่ำ บ้ำนพิพำทเป็นของ
โจทก์หรือเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยอันเป็นกรณีที่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
827
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ค. โจทก์
ที่ วยช ๑๐๖/๒๕๖๔ นำย ท. จ�ำเลย
ี
ี
โจทก์กับจ�ำเลยต่ำงกล่ำวอ้ำงว่ำ ท่ดินพิพำทเป็นสินส่วนตัวของตนท่ได้มำ
ี
ก่อนอยู่กินกันฉันสำมีภริยำและจดทะเบียนสมรส กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ ท่ดิน
่
�
ิ
ี
ึ
ิ
่
ั
ั
ื
ิ
ั
ิ
พพำทเป็นสนส่วนตวของโจทก์หรอจำเลย ซงเป็นข้อพพำทเกยวกบทรพย์สนระหว่ำง
สำมีภริยำอันต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินฉันสำมีภริยำต้งแต่ก่อนปี ๒๕๑๕ จดทะเบียนสมรสกัน
ื
ี
เม่อวันท่ ๖ มิถุนำยน ๒๕๓๙ ก่อนโจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินฉันสำมีภริยำ โจทก์ได้รับสิทธิครอบครอง
ที่ดิน เนื้อที่ ๘ ไร่ ๑ ตำรำงวำ จำกนิคมสร้ำงตนเองโนนสัง ต�ำบลปำงกู่ อ�ำเภอโนนสัง จังหวัด
�
ี
ู
ั
ั
ั
ุ
ิ
้
ั
(อดรธำน) หนองบวลำภ โดยกำรรบมรดกจำกบดำมำรดำ หลงจำกนนโจทก์เข้ำครอบครอง
ี
่
่
ิ
�
ทำประโยชน์และซ้อท่ดินเพมอก ๔ ไร ๓ งำน ๙๙ ตำรำงวำ รวมเป็น ๑๓ ไร่ โดยโจทก์มอบ
ี
ื
หมำยให้จ�ำเลยเป็นผู้มีชื่อในหนังสือแสดงกำรท�ำประโยชน์ (น.ค.๓) แทน ปัจจุบันมีกำรออกเป็น
โฉนดที่ดินพิพำท เนื้อที่ ๑๓ ไร่ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยำยน ๒๕๕๑ จ�ำเลยแบ่งแยกที่ดินบำงส่วนแล้ว
น�ำไปขำยช�ำระหนี้คงเหลือที่ดินเนื้อที่ ๔ ไร่ ๔๘ ตำรำงวำ ที่คืนให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ปลูกบ้ำน
พิพำทเป็นบ้ำนพักอำศัยบนที่ดินพิพำท ต่อมำวันที่ ๖ กรกฎำคม ๒๕๖๒ โจทก์กับจ�ำเลยทะเลำะ
ี
วิวำทกันเร่องท่ดินพิพำทของโจทก์เน่องจำกจ�ำเลยประสงค์จะขำยท่ดินพิพำทของโจทก์ให้แก่
ื
ื
ี
ั
บคคลอน และจำเลยขับไล่โจทก์ออกจำกทดนและบ้ำนพพำททำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย
�
ิ
ี
่
่
�
ื
ี
ิ
ุ
ขอให้ศำลเพิกถอนชื่อจ�ำเลยในโฉนดที่ดินพิพำทเนื้อที่ ๔ ไร่ ๔๘ ตำรำงวำ เป็นชื่อโจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ที่ดินพิพำทเนื้อที่ ๔ ไร่ ๔๘ ตำรำงวำ เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลยที่ได้มำ
ก่อนสมรส จ�ำเลยเป็นสมำชิกนิคมสร้ำงตนเองโนนสังและเป็นผู้ได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์
ในที่ดินพิพำท เนื้อที่ประมำณ ๑๓ ไร่ ตำมพระรำชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อกำรครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑
ี
ี
ั
ี
ต้งแต่วันท่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๓๒ ท่ดินพิพำทจึงไม่ใช่ท่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยำน ศำลจังหวัดหนองบัวล�ำภูเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
828
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์กับจ�ำเลยต่ำงกล่ำวอ้ำงว่ำที่ดินพิพำทเป็นสินส่วนตัวของตนที่ได้
ี
มำก่อนอยู่กินกันฉันสำมีภริยำ กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ ท่ดินพิพำทเป็นสินส่วนตัวของ
ี
โจทก์หรือจ�ำเลย ซ่งเป็นข้อพิพำทเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำอันต้องบังคับตำมประมวล
ึ
ี
ึ
ิ
ั
กฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ จงเป็นคดครอบครวตำมพระรำชบญญต ิ
ั
ั
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
829
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง อ. โจทก์
ที่ วยช ๑๑๗/๒๕๖๔ นำง ด. จ�ำเลย
ิ
�
้
์
ั
้
์
้
ั
ั
ิ
้
ิ
โจทกฟองขอใหบงคบจำเลยและบรวำรขนยำยทรพยสนออกไปจำกบำนพพำท
และเรียกค่ำเสียหำย โดยกล่ำวอ้ำงว่ำบ้ำนพิพำทเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์ ส่วนจ�ำเลย
ิ
ให้กำรต่อสู้ว่ำบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยกับนำย พ. บุตรของโจทก์ ภำยหลัง
นำย พ. ถึงแก่ควำมตำย จ�ำเลยได้ครอบครองปรปักษ์บ้ำนพิพำทอีกก่งหน่งของนำย พ.
ึ
ึ
โดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของตลอดมำเป็นเวลำกว่ำ ๒๓ ปี แล้ว บ้ำนพิพำท
ี
ิ
จึงเป็นกรรมสิทธ์ของจ�ำเลย กรณีมีประเด็นท่ต้องวินิจฉัยก่อนว่ำ บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส
ระหว่ำงจ�ำเลยกับนำย พ. บุตรของโจทก์ หรือไม่ อันจะมีผลต่อกำรวินิจฉัยข้อพิพำทเรื่อง
กรรมสิทธ์ในบ้ำนพิพำทต่อไป ซ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔ ด้วย
ึ
ิ
จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปท่ดิน (ส.ป.ก.)
ั
ั
ุ
แปลงเลขท ๒ เลขท ๔๕๙๖ เล่ม ๔๖ อำเภอท่ำแซะ จงหวดชมพร เนอท ๔๖ ไร่ ๒ งำน
�
ี
่
่
ี
้
ื
่
ี
๑ ตำรำงวำ ซึ่งโจทก์ได้ท�ำประโยชน์บนที่ดินโดยปลูกปำล์มน�้ำมัน และปลูกสร้ำงบ้ำน ๒ หลัง คือ
บ้ำนเลขที่ ๑๓๕ หมู่ที่ ๕ ต�ำบลหงส์เจริญ อ�ำเภอท่ำแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งโจทก์พักอำศัย และ
ื
ี
ี
บ้ำนพิพำทเลขท่ ๑๓๕/๒ หมู่ท่ ๕ ต�ำบลหงส์เจริญ อ�ำเภอท่ำแซะ จังหวัดชุมพร อยู่ในพ้นท ี ่
เดียวกันเพื่อให้นำย พ. บุตรของโจทก์อยู่อำศัย โดยโจทก์เป็นผู้ขอเลขที่บ้ำน มิเตอร์ไฟฟ้ำ และ
มิเตอร์น�้ำ ต่อมำนำย พ. ให้จ�ำเลยซึ่งเป็นภริยำพักอำศัยในบ้ำนพิพำทโดยอำศัยสิทธิของนำย พ.
ปี ๒๕๔๐ นำย พ. ถึงแก่ควำมตำยโดยจ�ำเลยยังคงอำศัยอยู่ในบ้ำนพิพำทเรื่อยมำและมีสำมีใหม่
หลังจำกน้นจ�ำเลยพำสำมีใหม่และบุตรเข้ำมำพักอำศัยในบ้ำนพิพำทโดยไม่ได้รับอนุญำตจำกโจทก์
ั
และเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยขอจดทะเบียนออกบ้ำนเลขที่และเล่มทะเบียนบ้ำนใหม่
โดยใช้เลขที่บ้ำนเดิมคือเลขที่ ๑๓๕/๒ และระบุว่ำจ�ำเลยเป็นเจ้ำของบ้ำนอันเป็นกำรโต้แย้งสิทธิ
โจทก์ โจทก์บอกกล่ำวให้จ�ำเลยโอนย้ำยช่อออกจำกเล่มทะเบียนบ้ำน กับให้จ�ำเลยพร้อมบริวำร
ื
ขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนพิพำทของโจทก์แล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำม
เสียหำยและขำดประโยชน์จำกกำรน�ำบ้ำนออกให้บุคคลอ่นเช่ำ ขอให้บังคับจ�ำเลยและบริวำร
ื
830
ขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนพิพำทเลขที่ ๑๓๕/๒ หมู่ที่ ๕ ต�ำบลหงส์เจริญ อ�ำเภอท่ำแซะ
ื
ี
จังหวัดชุมพร ห้ำมจ�ำเลยและบริวำรเข้ำมำเก่ยวข้อง ให้จ�ำเลยและบริวำรโอนย้ำยช่อออกจำก
ี
ทะเบียนบ้ำนเลขท่ดังกล่ำว หำกไม่ปฏิบัติตำมให้ถือค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
กับให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เดือนละ ๒,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จ�ำเลยและบริวำรจะขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนพิพำท
จ�ำเลยให้กำรว่ำ บ้ำนเลขที่ ๑๓๕/๒ หมู่ที่ ๕ ต�ำบลหงส์เจริญ อ�ำเภอท่ำแซะ จังหวัด
ชุมพร เป็นกรรมสิทธ์ของจ�ำเลย ซ่งจ�ำเลยกับนำย พ. บุตรของโจทก์ร่วมกันออกค่ำใช้จ่ำยก่อสร้ำง
ิ
ึ
ี
ึ
ี
ื
ข้นก่อนจดทะเบียนสมรสและก่อนท่ส�ำนักงำนปฏิรูปท่ดินเพ่อกำรเกษตร (ส.ป.ก.) ออกส�ำรวจ
ื
เพ่อให้สิทธิท�ำประโยชน์ในท่ดินแก่โจทก์ แต่เน่องจำกโจทก์เป็นมำรดำของสำมีจ�ำเลย จ�ำเลยและ
ี
ื
นำย พ. จึงไม่ติดใจ ซึ่งหลังจำกโจทก์ได้รับสิทธิท�ำกินในที่ดิน ส.ป.ก. ดังกล่ำวแล้ว โจทก์ไม่เคย
ิ
เข้ำครอบครองและทำประโยชน์ในท่ดนบรเวณรอบบ้ำนพิพำทซ่งจ�ำเลยได้ครอบครองทำประโยชน ์
ึ
�
ิ
�
ี
และปลูกบ้ำนพิพำทอยู่อำศัยมำโดยตลอด โดยโจทก์สละสิทธ์ในท่ดินบริเวณรอบบ้ำนพิพำทมำ
ิ
ี
ิ
ั
ต้งแต่ปี ๒๕๑๗ บ้ำนพิพำทจึงเป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยกับนำย พ. จ�ำเลยจึงมีกรรมสิทธ์ใน
บ้ำนพิพำทกึ่งหนึ่ง ภำยหลังนำย พ. ถึงแก่ควำมตำยเมื่อวันที่ ๒๐ มกรำคม ๒๕๔๐ จ�ำเลยได้
ครอบครองปรปักษ์บ้ำนพิพำทอีกก่งหน่งของผู้ตำยโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของตลอด
ึ
ึ
มำเป็นเวลำกว่ำ ๒๓ ปี แล้ว บ้ำนพิพำทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดชุมพรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ี
ิ
ี
ิ
ั
ิ
ั
ิ
ิ
ิ
�
ั
ั
ั
ชำนญพเศษวนจฉยตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยและบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำก
ี
บ้ำนพิพำทและเรียกค่ำเสียหำย โดยกล่ำวอ้ำงว่ำบ้ำนพิพำทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ส่วนจ�ำเลย
ให้กำรต่อสู้ว่ำบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยกับนำย พ. บุตรของโจทก์ ภำยหลังนำย พ.
ถึงแก่ควำมตำย จ�ำเลยได้ครอบครองปรปักษ์บ้ำนพิพำทอีกกึ่งหนึ่งของนำย พ. โดยสงบ เปิดเผย
ิ
ด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของตลอดมำเป็นเวลำกว่ำ ๒๓ ปี แล้ว บ้ำนพิพำทจึงเป็นกรรมสิทธ์ของจ�ำเลย
ี
กรณีมีประเด็นท่ต้องวินิจฉัยก่อนว่ำ บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยกับนำย พ. บุตร
ของโจทก์หรือไม่ อันจะมีผลต่อกำรวินิจฉัยข้อพิพำทเรื่องกรรมสิทธิ์ในบ้ำนพิพำทต่อไป ซึ่งต้อง
บังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔ ด้วย จึงเป็นคดีครอบครัว
831
ั
ิ
ั
ิ
ี
ั
ี
ิ
ั
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
832
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ว. ในฐำนะส่วนตัว
ที่ วยช ๑/๒๕๖๕ และในฐำนะผู้จัดกำรมรดก
ของนำย ส. โจทก์
นำง น. จ�ำเลย
ึ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรของนำย ส. กับนำง ล. ซ่งจดทะเบียนหย่ำกันแล้ว
ั
หลังจำกน้นนำย ส. จดทะเบียนสมรสกับจ�ำเลย ต่อมำนำย ส. ถึงแก่ควำมตำย ขอให้
บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์มรดกของนำย ส. ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ส่วนจ�ำเลยให้กำรว่ำ ทรัพย์
พิพำทไม่ใช่สินสมรสระหว่ำงนำย ส. และจ�ำเลย แม้โจทก์ฟ้องเรียกร้องทรัพย์มรดกของ
นำย ส. ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๖ แต่กรณีต้องวินิจฉัยประเด็นข้อพิพำทตำมที่
โจทก์กับจ�ำเลยโต้แย้งกันเสียก่อนว่ำ ทรัพย์พิพำทบำงรำยกำรเป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ส.
กับจ�ำเลยหรือไม่ และบำงรำยกำรเป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ส. กับจ�ำเลยหรือเป็น
ี
ี
สินส่วนตัวของจ�ำเลย คดีน้จึงเก่ยวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำในทำงทรัพย์สิน
ที่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ ซึ่งเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรของนำย ส. กับนำง ล. ซึ่งจดทะเบียนหย่ำกันเมื่อวันที่ ๔
ั
ิ
ั
ั
ี
่
้
ื
่
ั
ี
ั
ธนวำคม ๒๕๓๒ หลงจำกนนนำย ส. จดทะเบยนสมรสกบจ�ำเลยเมอวนท ๗ พฤศจกำยน ๒๕๓๓
ไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมำวันที่ ๕ พฤษภำคม ๒๕๖๔ นำย ส. ถึงแก่ควำมตำยโดยท�ำพินัยกรรม
้
ี
่
ึ
ี
ี
ั
เอกสำรฝ่ำยเมืองยกทรพย์สนของตนทมีอยู่และท่จะเกิดมีขนในภำยหน้ำรวมท้งท่ดนโฉนด
ิ
ั
ิ
เลขท่ ๖๓๖๕ ต�ำบลสันโป่ง อ�ำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ให้แก่โจทก์ และต้งให้โจทก์เป็น
ั
ี
ผู้จัดกำรมรดก โจทก์ยื่นค�ำร้องขอจัดกำรมรดกและศำลจังหวัดเชียงใหม่มีค�ำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดกำร
มรดกของนำย ส. ระหว่ำงสมรสนำย ส. กับจ�ำเลยยังมีทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสตำมฟ้องข้อ ๔.๑
ื
ื
ี
ิ
ถึงข้อ ๔.๑๐ คือ เงนฝำกในบัญชีธนำคำรท่มีช่อจ�ำเลยเป็นเจ้ำของบัญชี ๖ บัญชี กับมีช่อ
�
นำย ส. เป็นเจ้ำของบัญชี ๓ บัญชี และสร้อยคอทองค�ำน้ำหนัก ๙ บำท รวมมูลค่ำเป็นเงิน
๑,๔๓๓,๖๗๖.๕๓ บำท ซ่งโจทก์มีสิทธิได้รับก่งหน่งในฐำนะเป็นทรัพย์มรดกของนำย ส.
ึ
ึ
ึ
ท่ตกทอดแก่โจทก์ตำมพินัยกรรมเป็นเงิน ๗๑๖,๘๓๘ บำท โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จ�ำเลยแบ่ง
ี
ทรัพย์มรดกของนำย ส. แล้ว แต่จ�ำเลยมีหนังสือแจ้งว่ำทรัพย์สินส่วนที่เป็นสินสมรสเหลือเพียง
833
ื
ั
เงินฝำกในบัญชีธนำคำรตำมฟ้องข้อ ๔.๓ เท่ำน้น ส่วนทรัพย์สินอ่นมิได้อยู่ในควำมครอบครอง
ของจ�ำเลย พฤติกำรณ์ของจ�ำเลยเป็นกำรปิดบังหรือยักย้ำยทรัพย์มรดก ขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่ง
ทรัพย์มรดกของนำย ส. ตำมฟ้องข้อ ๔.๑ ถึงข้อ ๔.๑๐ ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง หำกปรำกฏว่ำจ�ำเลย
ปิดบังทรัพย์มรดกไว้เท่ำส่วนท่ตนจะได้หรือมำกกว่ำก็ขอให้ก�ำจัดมิให้จ�ำเลยได้รับมรดกโดยให้ตก
ี
ี
แก่โจทก์ฝ่ำยเดียว หำกปิดบังไว้น้อยกว่ำส่วนท่ตนจะได้ก็ขอให้ก�ำจัดไม่ให้จ�ำเลยได้รับมรดกเฉพำะ
ส่วนที่ปิดบังไว้โดยให้ตกแก่โจทก์
จำเลยให้กำรว่ำ เงนฝำกในบัญชีธนำคำรตำมฟ้องข้อ ๔.๑ เป็นเงินสวัสดิกำรผู้สูง
�
ิ
อำยุและผู้พิกำรของนำย ส. กับบุคคลอ่นรวม ๕ คน ท่โอนเงินผ่ำนบัญชีดังกล่ำวและเป็นเงิน
ื
ี
�
ค่ำน้ำประปำท่จ�ำเลยเรียกเก็บจำกผู้ใช้น้ำประปำแล้วน�ำฝำกเข้ำบัญชีดังกล่ำว เงินฝำกในบัญช ี
ี
�
ธนำคำรตำมฟ้องข้อ ๔.๙ เป็นของนำง ห. ที่ฝำกธนำคำรโดยใส่ชื่อจ�ำเลยในบัญชีแทน เงินฝำก
ในบัญชีธนำคำรดังกล่ำวจึงไม่ใช่สินสมรสระหว่ำงนำย ส. กับจ�ำเลย เงินฝำกในบัญชีธนำคำร
ตำมฟ้องข้อ ๔.๑ ข้อ ๔.๓ และข้อ ๔.๕ ถึงข้อ ๔.๗ เป็นสินสมรส จ�ำเลยเบิกถอนเงินมำใช้จ่ำย
งำนปลงศพนำย ส. ๒๕๐,๐๐๐ บำท ส่วนเงินฝำกในบัญชีธนำคำรตำมฟ้องข้อ ๔.๔ และข้อ ๔.๘
เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลย ส�ำหรับสร้อยคอทองค�ำตำมฟ้องข้อ ๔.๑๐ เป็นสินสมรส แต่นำย ส.
น�ำไปขำยแล้วน�ำเงินที่ได้ไปซื้อที่ดิน ๒ แปลง ให้แก่โจทก์ จึงท�ำให้จ�ำเลยกับนำย ส. มีปำกเสียง
ั
ทะเลำะกัน จนกระท่งนำย ส. ได้กระท�ำอัตวินิบำตกรรมในวันท่ ๕ พฤษภำคม ๒๕๖๔ ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้แม้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกร้องทรัพย์มรดกซึ่งต้องบังคับตำมประมวล
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๖ แต่กรณีต้องวินิจฉัยประเด็นข้อพิพำทตำมที่โจทก์กับจ�ำเลย
โต้แย้งกันเสียก่อนว่ำ ทรัพย์พิพำทบำงรำยกำรเป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ส. กับจ�ำเลยหรือไม่
และบำงรำยกำรเป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ส. กับจ�ำเลยหรือเป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลย คดีน ้ ี
จึงเก่ยวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำในทำงทรัพย์สินท่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
ี
ี
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ ซึ่งเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
834
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
835
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ก. โจทก์
ที่ วยช ๕/๒๕๖๕ นำงสำว ป. จ�ำเลย
�
ั
ี
ี
ั
�
คดก่อนจำเลยฟ้องหย่ำโจทก์ ต่อมำโจทก์กบจำเลยทำสญญำประนประนอม
�
ั
ิ
้
ี
�
ยอมควำมกัน คดีนแม้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จำเลยปฏิบตผิด
ื
ี
สัญญำประนีประนอมยอมควำมในส่วนข้อตกลงท่ให้โจทก์เข้ำบริหำรร้ำนค้ำ แต่เม่อ
ข้อตกลงดังกล่ำวเป็นผลมำจำกกำรท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมในคดีครอบครัว
ซ่งมีลักษณะเป็นสัญญำเก่ยวกับทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยได้ท�ำไว้ต่อกันในระหว่ำง
ึ
ี
ี
เป็นสำมีภริยำกัน จึงเป็นกรณีเก่ยวเน่องท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ หมวด ๔
ื
ี
ี
มำตรำ ๑๔๖๙ คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวำคม ๒๕๖๑ ต่อมำ
จ�ำเลยฟ้องหย่ำโจทก์ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรำ ระหว่ำงพิจำรณำคด ี
ดังกล่ำวโจทก์กับจ�ำเลยท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมกัน โดยสัญญำประนีประนอมยอมควำม
ข้อ ๕. มีใจควำมว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงแบ่งกำรบริหำรร้ำนค้ำเซเว่นอีเลฟเว่นสโตร์ ฝ่ำยละสำขำ
โดยจ�ำเลยตกลงรับบริหำรร้ำนค้ำเซเว่นอีเลฟเว่นสโตร์ สำขำหมู่บ้ำนวนำรมย์ กรุงเทพมหำนคร
ส่วนโจทก์ตกลงบริหำรร้ำนค้ำเซเว่นอีเลฟเว่นสโตร์ สำขำอ่อนนุช ๗๖ กรุงเทพมหำนคร ภำยหลัง
ท�ำสัญญำจ�ำเลยไม่น�ำพำให้โจทก์เข้ำบริหำรร้ำนดังกล่ำว สำขำอ่อนนุช ๗๖ ได้ทันทีตำมที่ตกลง
ื
กันไว้ จ�ำเลยกลับเจตนำทุจริตท�ำเร่องบอกเลิกสัญญำจ้ำงและคืนร้ำนดังกล่ำวแก่คู่สัญญำ โดย
จ�ำเลยได้รับเงินประกันประมำณ ๕๐๐,๐๐๐ บำท ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน เงินประกันดังกล่ำว
ี
ั
เป็นเงินท่คู่สัญญำทยอยเรียกเก็บจำกโจทก์กับจ�ำเลยเป็นรำยเดือนอันเป็นเงินสะสมต้งแต่
ึ
ิ
เร่มกิจกำรจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นเงินพึงได้ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยซ่งท�ำมำหำได้ร่วมกัน พฤติกำรณ์
ของจ�ำเลยเป็นกำรท�ำผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำมท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยไม่ได้
ประโยชน์ในกำรเข้ำบริหำรกิจกำรร้ำนดังกล่ำว ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยเป็นเงิน
๒,๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
ี
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
836
ั
ี
ในช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดฉะเชิงเทรำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้แม้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยปฏิบัต ิ
ี
ื
ผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำมในส่วนข้อตกลงท่ให้โจทก์เข้ำบริหำรร้ำนค้ำ แต่เม่อข้อตกลง
ึ
ดังกล่ำวเป็นผลมำจำกกำรท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมในคดีครอบครัว ซ่งมีลักษณะเป็น
่
ั
ิ
ี
ั
ี
ิ
ั
�
�
ี
่
ึ
ั
ั
สญญำเกยวกบทรพย์สนทโจทก์กบจำเลยได้ทำไว้ต่อกนในระหว่ำงเป็นสำมภรยำกน จงเป็น
ั
กรณีเก่ยวเน่องท่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ หมวด ๔ มำตรำ ๑๔๖๙
ี
ื
ี
คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
837
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ช. ในฐำนะ
ที่ วยช ๗/๒๕๖๕ ผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. โจทก์
นำย ม. กับพวก จ�ำเลย
ั
โจทก์ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกัน
่
ี
ั
ี
ิ
เพิกถอนกำรจดทะเบียนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงจำกจ�ำเลยท ๒ กลับมำ
ื
ึ
เป็นช่อของจ�ำเลยท ๑ และโอนกรรมสิทธ์ท่ดินให้แก่โจทก์ก่งหน่งในฐำนะสินสมรส
ึ
่
ิ
ี
ี
ั
กับให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยในอนำคตแก่โจทก์ โดยกล่ำวอ้ำงว่ำ
จ�ำเลยที่ ๑ น�ำเงินสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับนำง ส. ไปซื้อที่ดินพิพำททั้งเจ็ดแปลง
่
ื
ี
ิ
ั
ี
่
และลงช่อจ�ำเลยท ๒ เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์แทน จ�ำเลยท้งสองให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท ๑
ั
ื
่
ี
ื
ี
ี
่
ี
ไม่เคยให้เงินจ�ำเลยท ๒ ไปซ้อท่ดิน จ�ำเลยท ๒ ซ้อท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงด้วยเงิน
ี
ี
่
ของตนเอง ท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงจึงไม่ใช่สินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยท ๑ กับนำง ส.
ั
ี
แต่เป็นทรัพย์สินของจ�ำเลยท ๒ เพียงผู้เดียว กรณีต้องวินิจฉัยประเด็นข้อพิพำทตำมท ี ่
่
ี
ั
โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองโต้แย้งกันเสียก่อนว่ำ ท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงเป็นสินสมรสระหว่ำง
ั
จ�ำเลยที่ ๑ กับนำง ส. หรือไม่ จึงเป็นเรื่องพิพำทกันเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ
ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔ อันเป็นคดีครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. ตำมค�ำส่งศำลจังหวัดพัทยำ
ั
จ�ำเลยที่ ๑ กับนำง ส. จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๑๒ มีบุตรด้วยกัน ๔ คน
จ�ำเลยที่ ๑ กับนำง ส. ร่วมกันประกอบอำชีพเริ่มตั้งแต่ขำยปำท่องโก๋ ขำยส่งเบ็ดเตล็ด ท�ำโรงงำน
น�้ำดื่ม ท�ำโรงงำนขนมปัง และเป็นนำยหน้ำขำยที่ดิน เมื่อได้เงินจำกกำรค้ำขำยและค่ำนำยหน้ำ
ขำยที่ดินจะน�ำมำซื้อที่ดิน และเมื่อที่ดินแปลงใดขำยได้ก�ำไรก็จะน�ำเงินดังกล่ำวไปซื้อที่ดินแปลง
ึ
ใหม่ ท�ำให้กิจกำรของครอบครัวดีข้นจนสำมำรถเป็นเจ้ำของท่ดินหลำยแปลงในเขตจังหวัดชลบุร ี
ี
จังหวัดระยอง และจังหวัดจันทบุรี ต่อมำประมำณปี ๒๕๔๔ จ�ำเลยที่ ๑ ละทิ้งนำง ส. ไปอยู่กินกับ
จ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งประกอบอำชีพเป็นลูกจ้ำงในธุรกิจน�้ำดื่มของจ�ำเลยที่ ๑ กับนำง ส. เมื่อวันที่ ๑๓
มิถุนำยน ๒๕๖๒ นำง ส. ถึงแก่ควำมตำย โจทก์ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกรวบรวมทรัพย์สินของ
ี
ื
นำง ส. เพ่อแบ่งปันแก่ทำยำทจึงพบว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ลักลอบน�ำเงินสินสมรสไปซ้อท่ดินพิพำท
ี
ื
838
ั
ั
ิ
ี
ื
ท้งเจ็ดแปลง โดยลงช่อจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์แทน กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองท�ำให้
ั
โจทก์และทำยำทของนำง ส. ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันเพิกถอน
กำรจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำททั้งเจ็ดแปลงจำกจ�ำเลยที่ ๒ กลับมำเป็นชื่อของจ�ำเลยที่ ๑
ึ
ึ
ิ
และโอนกรรมสิทธ์ท่ดินให้แก่โจทก์ก่งหน่งในฐำนะสินสมรส กับให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันชดใช้
ี
ั
ค่ำเสียหำยในอนำคตแก่โจทก์ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ี
จ�ำเลยท้งสองให้กำรในท�ำนองเดียวกันว่ำ คดีน้เป็นกำรฟ้องเรียกสินสมรสคืนและแบ่ง
ั
ึ
สินสมรสจึงเป็นคดีครอบครัว ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
จังหวัดชลบุรี ค�ำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ใช้สิทธิในกำรฟ้องคดีโดยไม่สุจริตและหำเหต ุ
มำฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งจ�ำเลยทั้งสอง ในระหว่ำงที่จ�ำเลยที่ ๑ อยู่กินกับจ�ำเลยที่ ๒ นั้น จ�ำเลยที่ ๑
ยังคงอยู่กินกับนำง ส. จนกระท่งถึงวันท่นำง ส. ถึงแก่ควำมตำย จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยให้เงิน
ี
ี
ั
ี
ี
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๒ ไปซ้อท่ดิน จ�ำเลยท่ ๒ ประกอบอำชีพค้ำขำยและรับจ้ำงมีรำยได้เป็นของตนเอง
จ�ำเลยที่ ๒ ไม่เคยเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ กับนำง ส. จ�ำเลยที่ ๒ ซื้อที่ดินพิพำททั้งเจ็ดแปลง
็
้
ั
ิ
ี
่
ิ
่
�
ี
ด้วยเงนของตนเอง ทดนพพำททงเจดแปลงจงไม่ใช่สนสมรสระหว่ำงจำเลยท ๑ กบนำง ส.
ั
ึ
ิ
ิ
ี
แต่เป็นทรัพย์สินของจ�ำเลยท่ ๒ เพียงผู้เดียว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนกรรมสิทธ ์ ิ
ในที่ดินพิพำททั้งเจ็ดแปลงของจ�ำเลยที่ ๒ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยท้งสองย่นค�ำร้องว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ั
ื
ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดชลบุรีขอให้ส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ ศำล
ี
จังหวัดพัทยำจึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัต ิ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลย
ั
ี
ั
ิ
ี
ท้งสองร่วมกันเพิกถอนกำรจดทะเบียนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงจำกจ�ำเลยท่ ๒ กลับมำ
เป็นชื่อของจ�ำเลยที่ ๑ และโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งในฐำนะสินสมรส กับให้จ�ำเลย
ทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยในอนำคตแก่โจทก์ โดยกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ น�ำเงินสินสมรส
ั
ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับนำง ส. ไปซ้อท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงและลงช่อจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ถือ
ื
ี
ี
ี
ื
ั
ื
ี
กรรมสิทธ์แทน จ�ำเลยท้งสองให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยให้เงินจ�ำเลยท่ ๒ ไปซ้อท่ดิน
ี
ี
ิ
ั
จ�ำเลยท่ ๒ ซ้อท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงด้วยเงินของตนเอง ท่ดินพิพำทท้งเจ็ดแปลงจึงไม่ใช่
ื
ั
ี
ี
ี
ู
ี
ี
�
ั
่
ั
ี
ิ
ี
่
สนสมรสระหว่ำงจำเลยท ๑ กบนำง ส. แต่เป็นทรพย์สนของจำเลยท ๒ เพยงผ้เดยว กรณ ี
ิ
�
839
ี
ั
ี
ต้องวินิจฉัยประเด็นข้อพิพำทตำมท่โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองโต้แย้งกันเสียก่อนว่ำ ท่ดินพิพำท
ทั้งเจ็ดแปลงเป็นสินสมรสระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับนำง ส. หรือไม่ จึงเป็นเรื่องพิพำทกันเกี่ยวกับ
ทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำซ่งต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ึ
มำตรำ ๑๔๗๔ อันเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
840
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ร. โจทก์
ที่ วยช ๙/๒๕๖๕ นำง ภ. จ�ำเลย
ึ
โจทก์ซ่งเป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยฟ้องว่ำ ก่อนจดทะเบียนสมรส
ื
ื
ี
ื
ื
โจทก์ให้เงิน ๔๐๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลยเพ่อซ้อท่ดินพิพำท แต่ใส่ช่อจ�ำเลยเป็นผู้ซ้อแทน
และโจทก์ได้สร้ำงบ้ำนเลขที่ ๒๐/๓ บนที่ดินดังกล่ำวด้วยเงินของโจทก์เพียงผู้เดียว ขอให้
บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทดังกล่ำวให้แก่โจทก์หรือบุคคลอื่นที่โจทก์ประสงค์
่
ให้ถือกรรมสิทธ์แทน กับให้จ�ำเลยและบริวำรย้ำยออกจำกบ้ำนเลขท ๒๐/๓ ส่วนจ�ำเลย
ิ
ี
ี
ให้กำรว่ำจ�ำเลยไม่ได้เป็นตัวแทนโจทก์ในกำรซ้อท่ดินพิพำท จ�ำเลยเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ิ ์
ื
ท่ดินพิพำทและบ้ำนเลขท ๒๐/๓ เป็นส่วนควบของท่ดินจึงเป็นกรรมสิทธ์ของจ�ำเลย
ิ
่
ี
ี
ี
่
ี
่
ึ
ิ
ิ
ิ
�
ิ
ื
ั
ี
ี
เป็นกรณมข้อพพำทว่ำทดนและบ้ำนพพำทเป็นสนส่วนตวของโจทก์หรอจำเลย ซงเป็น
กรณีที่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๑๔๗๑ จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________
็
ิ
ิ
้
ั
โจทกฟองวำ โจทกเปนคนสญชำตสวส โจทกกบจำเลยเปนสำมภรยำชอบดวยกฎหมำย
์
่
ี
็
์
้
ิ
์
ั
�
จดทะเบียนสมรสกันเม่อวันท่ ๑๐ เมษำยน ๒๕๕๘ ก่อนจดทะเบียนสมรสโจทก์กับจ�ำเลย
ี
ื
ั
�
�
ั
ั
ี
ั
่
ี
คบหำกนต้งแต่ปี ๒๕๕๔ ระหว่ำงทโจทก์กบจำเลยคบหำกนก่อนจดทะเบยนสมรสจำเลย
ื
ี
ื
หลอกลวงให้โจทก์ซ้อแหวนให้แก่จ�ำเลยและชักชวนโจทก์ซ้อท่ดินของมำรดำจ�ำเลยคืนจำก
ี
ธนำคำร โจทก์จึงมอบเงิน ๔๓๕,๐๐๐ บำท ให้จ�ำเลยน�ำไปช�ำระหน้แล้วจ�ำเลยจัดท�ำสัญญำให้โจทก์
ึ
เช่ำท่ดินดังกล่ำวไว้เป็นหลักฐำนโดยสัญญำดังกล่ำวจ�ำเลยท�ำข้นเพ่อหลอกลวงให้โจทก์มอบเงิน
ื
ี
ี
แก่จ�ำเลยไปไถ่ถอนท่ดินของมำรดำจ�ำเลย โจทก์เป็นคนต่ำงชำติอ่ำนภำษำไทยไม่ได้ เข้ำใจว่ำ
สัญญำเช่ำดังกล่ำวมีก�ำหนดกำรเช่ำ ๓๐ ปี แต่ปรำกฏว่ำสัญญำเช่ำดังกล่ำวไม่ได้จดทะเบียน
ตำมกฎหมำยจึงไม่สำมำรถบังคับได้ ต่อมำปี ๒๕๕๖ จ�ำเลยหลอกลวงโจทก์อีกโดยชักชวน
โจทก์ซื้อที่ดินเพื่อปลูกสร้ำงบ้ำนอยู่อำศัยร่วมกัน โจทก์จึงมอบเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่จ�ำเลย
ื
ื
ื
ื
ี
เพ่อซ้อท่ดินพิพำท โดยใส่ช่อจ�ำเลยเป็นผู้ซ้อแทนแล้วให้จ�ำเลยท�ำสัญญำกู้เงินโจทก์
ี
๔๐๐,๐๐๐ บำท ไว้เป็นหลักฐำน ต่อมำโจทก์สร้ำงบ้ำนเลขท่ ๒๐/๓ บนท่ดินพิพำทด้วยเงิน
ี
ึ
ของโจทก์เพียงผู้เดียวโดยควำมยินยอมของจ�ำเลย ซ่งโจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินฉันสำมีภริยำกัน
ี
ท่บ้ำนดังกล่ำวตลอดมำ ภำยหลังจดทะเบียนสมรสและจ�ำเลยบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว จ�ำเลย
841
ี
ี
ขนย้ำยของในห้องท่เคยนอนกับโจทก์ไปนอนท่ห้องบุตรชำยของจ�ำเลยและไม่ต้องกำร
มีเพศสัมพันธ์หรือมีควำมสัมพันธ์กับโจทก์แบบสำมีภริยำกันต่อไปเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อำจด�ำเนิน
ี
ื
ชีวิตต่อไปได้โดยปกติสุข ขอให้บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทให้แก่โจทก์หรือบุคคลอ่น
ิ
ที่โจทก์ประสงค์ให้ถือกรรมสิทธิ์แทน หำกสภำพแห่งกฎหมำยไม่เปิดช่องให้กระท�ำได้ ให้จ�ำเลย
ั
้
ื
จดทะเบียนสิทธิเหนือพนดินให้แก่โจทก์ตลอดชีวิตของโจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบติตำมให้ถือ
ค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย กับให้จ�ำเลยและบริวำรย้ำยออกจำกบ้ำน
เลขที่ ๒๐/๓ หมู่ที่ ๓ ต�ำบลปรำณบุรี อ�ำเภอปรำณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยกับโจทก์อย่กินฉันสำมีภริยำกันก่อนจดทะเบียนสมรส จ�ำเลย
ู
ไม่ได้เป็นตัวแทนโจทก์ในกำรซื้อที่ดินพิพำท แต่จ�ำเลยยืมเงินโจทก์บำงส่วนจ�ำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บำท
ื
ื
ี
เพ่อน�ำไปซ้อท่ดินดังกล่ำวและต้งใจจะอยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ไปตลอดชีวิตจึงตกลง
ั
ให้โจทก์สร้ำงบ้ำนเลขที่ ๒๐/๓ บนที่ดินดังกล่ำวซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจ�ำเลยเพื่ออยู่อำศัยร่วมกัน
ิ
บ้ำนจึงเป็นส่วนควบของท่ดินและเป็นกรรมสิทธ์ของจ�ำเลย จ�ำเลยไม่เคยหลอกลวงโจทก์ตำมท ี ่
ี
โจทก์กล่ำวอ้ำง ไม่ได้ประพฤติชั่วและทรมำนจิตใจโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สำมำรถอยู่กินฉัน
ี
สำมีภริยำกับจ�ำเลย จ�ำเลยไม่ได้ขนย้ำยของในห้องท่เคยนอนกับโจทก์ไปนอนท่ห้องบุตรชำย
ี
ของจ�ำเลยและไม่เคยบอกโจทก์ว่ำไม่ต้องกำรมีเพศสัมพันธ์หรือมีควำมสัมพันธ์กับโจทก์ หำกแต่
ู
ี
ั
ื
�
่
ิ
ั
โจทก์เป็นฝ่ำยไปชอบพอผ้หญงคนใหม่และต้องกำรหย่ำกบจำเลยเพอไปจดทะเบยนสมรสกบ
ผู้หญิงคนใหม่ โดยโจทก์ฟ้องหย่ำจ�ำเลยต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
�
ึ
ี
ซ่งต่อมำศำลมีคำพพำกษำยกฟ้องตำมคดหมำยเลขแดงท่ ยชพ ๓/๒๕๖๕ โจทก์ฟ้องคดโดย
ี
ี
ิ
ไม่สุจริต และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดหัวหินเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยฟ้องว่ำ ก่อนจดทะเบียน
ื
ื
ี
สมรสโจทก์ให้เงน ๔๐๐,๐๐๐ บำท แก่จำเลยเพอซ้อท่ดินพิพำท แต่ใส่ช่อจ�ำเลยเป็นผ้ซ้อแทน
่
ู
ิ
�
ื
ื
และโจทก์ได้สร้ำงบ้ำนเลขที่ ๒๐/๓ บนที่ดินดังกล่ำวด้วยเงินของโจทก์เพียงผู้เดียว ขอให้บังคับ
ิ
ี
ื
้
์
่
์
ื
ิ
ิ
่
ั
ิ
่
ี
์
ิ
้
ุ
จำเลยโอนกรรมสทธทดนพพำทดงกลำวใหแกโจทกหรอบคคลอนทโจทกประสงคใหถอกรรมสทธ ิ ์
ื
์
่
่
�
แทน หำกสภำพแห่งกฎหมำยไม่เปิดช่องให้กระท�ำได้ ให้จ�ำเลยจดทะเบียนสิทธิเหนือพ้นดิน
ื
842
ให้แก่โจทก์ตลอดชีวิตของโจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำร
แสดงเจตนำของจ�ำเลย กับให้จ�ำเลยและบริวำรย้ำยออกจำกบ้ำนเลขที่ ๒๐/๓ ส่วนจ�ำเลยให้กำร
ี
ื
ั
์
ิ
ี
ิ
ว่ำจ�ำเลยไม่ได้เป็นตวแทนโจทก์ในกำรซ้อท่ดินพิพำท จ�ำเลยเป็นเจ้ำของกรรมสิทธท่ดินพพำท
ิ
์
ึ
ี
ิ
ิ
ี
ิ
และบ้ำนเลขท ๒๐/๓ เป็นส่วนควบของทดนจงเป็นกรรมสทธของจำเลย เป็นกรณมข้อพพำท
�
ี
่
ี
่
ึ
ว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินส่วนตัวของโจทก์หรือจ�ำเลย ซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำมประมวล
ี
ี
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๔๗๑ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
843
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ย. โจทก์
ที่ วยช ๔๖/๒๕๖๒ นำย ส. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำมีบุตรด้วยกัน ๑ คน
ึ
ซ่งจ�ำเลยได้จดทะเบียนว่ำเป็นบุตรแล้ว ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยตกลงแยกทำงกัน
ั
ี
ึ
โดยท�ำบันทึกข้อตกลงเก่ยวกับอ�ำนำจปกครองบุตรซ่งขณะน้นยังเป็นผู้เยำว์ว่ำ ให้
ี
บุตรผู้เยำว์อยู่ในควำมปกครองของโจทก์ฝ่ำยเดียว จ�ำเลยจะจ่ำยค่ำอุปกำระเล้ยงด ู
ิ
เดือนละ ๑๘,๐๐๐ บำท และจ�ำเลยจะยกกรรมสิทธ์ห้องชุดให้แก่บุตรผู้เยำว์ภำยใน ๖ เดือน
ิ
ั
นับแต่วันท�ำบันทึกข้อตกลง หลังจำกน้นจ�ำเลยเพิกเฉยไม่โอนกรรมสิทธ์ห้องชุดให้แก่
บุตรผู้เยำว์ ขอให้บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดพิพำทให้แก่บุตรผู้เยำว์ หำก
ิ
ี
ไม่ด�ำเนินกำรให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์
ิ
ื
เป็นเร่องฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดพิพำทให้แก่บุตรของโจทก์กับจ�ำเลย
โดยกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผิดสัญญำบันทึกข้อตกลง อันมีลักษณะเป็นสัญญำประนีประนอม
ยอมควำมเพ่อประโยชน์ของบุคคลภำยนอกซ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๘๕๐
ื
ึ
และมำตรำ ๓๗๔ ซึ่งมิใช่บทบัญญัติในบรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำมีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ นำย ช.
ี
ึ
ี
ื
เกิดเม่อวันท่ ๒๐ มกรำคม ๒๕๒๕ ซ่งจ�ำเลยได้จดทะเบียนว่ำเป็นบุตรแล้ว ต่อมำวันท่ ๗
ี
เมษำยน ๒๕๓๘ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงแยกทำงกันโดยท�ำบันทึกข้อตกลงเก่ยวกับอ�ำนำจ
ึ
ั
ปกครองบุตร ซ่งขณะน้นนำย ช. ยังเป็นผู้เยำว์ว่ำ ให้นำย ช. อยู่ในควำมปกครองของโจทก์
ฝ่ำยเดียว จ�ำเลยจะจ่ำยค่ำอุปกำระเลี้ยงดูเดือนละ ๑๘,๐๐๐ บำท และจ�ำเลยจะยกกรรมสิทธิ์ห้องชุด
ั
เลขท่ ๑๙/๑๕๕ ช้น ๙ อำคำรเลขท่ ๑๙ ช่ออำคำรชุดจุลดิศแมนช่น ซ่งต้งอยู่บนท่ดินโฉนด
ั
ึ
ื
ี
ี
ั
ี
เลขที่ ๑๖๐๑ และ ๑๖๐๒ ต�ำบลพญำไท (ประแจจีน) อ�ำเภอพญำไท (ดุสิต) กรุงเทพมหำนคร
ให้แก่นำยสุชำติภำยใน ๖ เดือน นับแต่วันท�ำบันทึกข้อตกลง โจทก์และนำย ช. ย้ำยเข้ำไปอยู่ในห้อง
ชุดดังกล่ำวหลังจำกท�ำบันทึกข้อตกลงจนถึงปัจจุบน หลังจำกน้นจำเลยเพิกเฉยไม่โอนกรรมสิทธ ิ ์
ั
ั
�
ห้องชุดให้แก่นำย ช. ขอให้บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดพิพำทให้แก่นำย ช. หำกจ�ำเลย
ิ
ไม่ด�ำเนินกำรให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
844
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ปัจจุบันนำย ช. บรรลุนิติภำวะแล้ว ทั้งจ�ำเลยขำยห้องชุดพิพำทให้แก่
นำย ซ. ไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องและค�ำฟ้องของโจทก์ขำดอำยุควำมตำมประมวล
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๕๒๖ ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ื
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นเร่องฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธ ์ ิ
ึ
ห้องชุดพิพำทให้แก่นำย ช. ซ่งเป็นบุตรของโจทก์กับจ�ำเลย โดยกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผิดสัญญำบันทึก
ข้อตกลงระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย อันมีลักษณะเป็นสัญญำประนีประนอมยอมควำมเพื่อประโยชน์
ึ
่
ิ
ั
ั
ุ
ของบคคลภำยนอกซงต้องบงคบตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ มำตรำ ๘๕๐ และ
มำตรำ ๓๗๔ ซ่งมิใช่บทบัญญัติในบรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ึ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
845
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง จ. โจทก์
ที่ วยช ๓๔/๒๕๖๓ นำย ธ. กับพวก จ�ำเลย
่
ี
ิ
ิ
�
ิ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภรยำชอบด้วยกฎหมำยของพนตำรวจเอก ท. ทดนพพำท
ั
ระบุชื่อ พันต�ำรวจเอก ท. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยเป็นสินสมรสของโจทก์กับพันต�ำรวจเอก ท.
ี
ต่อมำพันต�ำรวจเอก ท. ท�ำสัญญำกู้เงินจำกนำง ล. โดยมอบโฉนดท่ดินพิพำทและ
หนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) พร้อมหนังสือมอบอ�ำนำจ ส�ำเนำบัตรประจ�ำตัว
ื
ประชำชน และส�ำเนำทะเบียนบ้ำนของพันต�ำรวจเอก ท. ให้แก่นำง ล. เพ่อยึดถือไว้เป็น
้
�
ั
ั
�
ื
ี
ี
ั
ประกนหน ต่อมำโจทก์ตรวจสอบพบว่ำ มกำรนำหนงสอมอบอำนำจของพนตำรวจเอก ท.
�
ท่มอบไว้แก่นำง ล. ไปจดทะเบียนขำยท่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยท ๑ โดยปรำศจำกควำมยินยอม
ี
่
ี
ี
่
ี
ี
่
่
ี
ี
ของโจทก์ ต่อมำจ�ำเลยท ๑ ขำยท่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยท ๒ และท ๓ จำกน้นจ�ำเลยท ๓
ั
ี
่
ขำยที่ดินเฉพำะส่วนของตนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยที่ ๔ ขอให้พิพำกษำ
ี
่
ี
เพิกถอนนิติกรรมกำรซ้อขำยท่ดินพิพำทระหว่ำงพันต�ำรวจเอก ท. กับจ�ำเลยท ๑ และ
ื
่
่
ี
ี
่
ี
่
ระหว่ำงจ�ำเลยท ๑ กับจ�ำเลยท ๒ และท ๓ และระหว่ำงจ�ำเลยท ๓ กับจ�ำเลยท ๔ คดีน ้ ี
ี
่
ี
ั
จ�ำเลยท้งส่ไม่มีนิติสัมพันธ์ทำงครอบครัวกับโจทก์ ตำมค�ำฟ้องไม่ได้กล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
พันต�ำรวจเอก ท. เป็นผู้ท�ำนิติกรรมดังกล่ำวด้วยตนเองและไม่ใช่เร่องฟ้องขอให้เพิกถอน
ื
ึ
่
ั
ั
นิติกรรมอนเน่องมำจำกกำรจัดกำรสินสมรสของพนต�ำรวจเอก ท. ซงได้ท�ำนิติกรรมไป
ื
แต่เพียงฝ่ำยเดียวหรือโดยปรำศจำกควำมยินยอมของโจทก์ตำมมำตรำ ๑๔๘๐ แห่ง ป.พ.พ.
บรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
_______________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของพันต�ำรวจเอก ท. ท่ดินพิพำท
โฉนดเลขที่ ๑๖๐๗๒๑ และ ๑๖๐๗๒๒ ต�ำบลศิลำ อ�ำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ระบุชื่อ
พันต�ำรวจเอก ท. เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์เป็นสินสมรสของโจทก์กับพันต�ำรวจเอก ท. เม่อวันท ี ่
ื
ิ
ี
๑๖ ตุลำคม ๒๕๔๖ พันต�ำรวจเอก ท. ท�ำสัญญำกู้เงินจำกนำง ล. โดยมอบโฉนดท่ดินพิพำท
ั
ั
ั
ื
ท้งสองแปลงและหนงสอรบรองกำรท�ำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขท ๑๐๙๗ ต�ำบลโนนทอง
ี
่
(ส�ำรำญ) อ�ำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พร้อมหนังสือมอบอ�ำนำจ ส�ำเนำบัตรประจ�ำตัว
ื
ประชำชน และส�ำเนำทะเบียนบ้ำนของพันต�ำรวจเอก ท. ให้แก่นำง ล. เพ่อยึดถือไว้เป็นประกันหน ้ ี
846
ั
ั
ี
จำกน้นพันเอก อ. คู่สมรสของนำง ล. มอบโฉนดท่ดินพิพำทท้งสองแปลงพร้อมหนังสือมอบอ�ำนำจ
ส�ำเนำบัตรประจ�ำตัวประชำชน และส�ำเนำทะเบียนบ้ำนของพันต�ำรวจเอก ท. ให้แก่นำย ญ.
ต่อมำเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกำยน ๒๕๕๑ โจทก์ตรวจสอบพบว่ำเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลำคม ๒๕๕๐ มีกำร
น�ำหนังสือมอบอ�ำนำจของพันต�ำรวจเอก ท. ท่มอบไว้แก่นำงล�ำเจียกไปจดทะเบียนขำยท่ดิน
ี
ี
ื
ั
ี
พิพำทท้งสองแปลงให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ โดยปรำศจำกควำมยินยอมของโจทก์ นิติกรรมกำรซ้อ
ึ
ื
ี
ี
ี
ขำยท่ดินพิพำทจึงตกเป็นโมฆียะ ต่อมำเม่อวันท่ ๑๗ มีนำคม ๒๕๕๒ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งรับโอน
ี
ี
ั
ั
ี
ท่ดินพิพำทท้งสองแปลงมำโดยไม่สุจริตได้ขำยท่ดินพิพำทท้งสองแปลงให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ และ
ที่ ๓ โดยจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ รู้หรือควรรู้ว่ำนิติกรรมกำรซื้อขำยระหว่ำงพันต�ำรวจเอก ท. กับ
ี
่
ั
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๑ เป็นโมฆียะ และเมอวันท่ ๒๓ ธนวำคม ๒๕๕๒ จ�ำเลยท่ ๓ ขำยท่ดินเฉพำะส่วน
ี
ี
ี
ั
ของตนซ่งเป็นส่วนหน่งของท่ดินพิพำทท้งสองแปลงให้แก่จ�ำเลยท่ ๔ ขอให้พิพำกษำเพิกถอน
ึ
ี
ึ
ั
ั
นิติกรรมกำรซ้อขำยท่ดินพิพำทท้งสองแปลงระหว่ำงพนต�ำรวจเอก ท. กับจ�ำเลยท่ ๑ และระหว่ำง
ื
ี
ี
จ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ และเพิกถอนนิติกรรมกำรซื้อขำยที่ดินพิพำททั้งสองแปลง
เฉพำะส่วนระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๓ กับจ�ำเลยที่ ๔ หำกไม่สำมำรถกระท�ำได้ ให้จ�ำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือ
แทนกันช�ำระค่ำเสียหำย ๘,๕๓๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ั
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ิ
ั
ึ
ั
ั
ิ
ี
ี
้
ั
วนจฉยว่ำ คดนจ�ำเลยทงสไม่มนตสมพันธ์ทำงครอบครวกบโจทก์ โจทก์ซ่งเป็นภรยำ
ิ
ิ
่
ี
ี
้
ิ
ั
ื
ชอบด้วยกฎหมำยของพันต�ำรวจเอก ท. ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรซ้อขำยท่ดินพิพำท
ี
ท้งสองแปลงระหว่ำงพันต�ำรวจเอก ท. กับจ�ำเลยท่ ๑ โดยกล่ำวอ้ำงว่ำนิติกรรมดังกล่ำวเป็น
ั
ี
โมฆียะเนื่องจำกพันต�ำรวจเอก ท. มอบโฉนดที่ดินพิพำททั้งสองแปลงพร้อมหนังสือมอบอ�ำนำจ
ส�ำเนำบัตรประจ�ำตัวประชำชน และส�ำเนำทะเบียนบ้ำนให้แก่นำง ล. ยึดถือไว้เป็นประกันหน้เงินก ู้
ี
ั
ี
แต่มีผู้น�ำหนังสือมอบอ�ำนำจของพันต�ำรวจเอก ท. ไปจดทะเบียนขำยท่ดินพิพำทท้งสองแปลง
ให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ โดยปรำศจำกควำมยินยอมของโจทก์ ตำมค�ำฟ้องไม่ได้กล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
ื
พันต�ำรวจเอก ท. เป็นผู้ท�ำนิติกรรมดังกล่ำวด้วยตนเองและไม่ใช่เร่องฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรม
อันเนื่องมำจำกกำรจัดกำรสินสมรสของพันต�ำรวจเอก ท. ซึ่งได้ท�ำนิติกรรมไปแต่เพียงฝ่ำยเดียว
847
หรือโดยปรำศจำกควำมยินยอมของโจทก์ตำมมำตรำ ๑๔๘๐ แห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและ
พำณิชย์ บรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
848
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ฐ. โจทก์
ที่ วยช ๗๗/๒๕๖๓ บริษัท ท. กับพวก จ�ำเลย
ั
ิ
ี
โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำง
ิ
ื
ั
ให้แก่โจทก์ ซ่งเป็นกำรใช้สิทธิในฐำนะผู้จะซ้อฟ้องร้องบังคับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จะขำย
ึ
ให้ปฏิบัติตำมสัญญำจะซื้อจะขำยอันเป็นกรณีต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓ ลักษณะ ๑
แม้จ�ำเลยทั้งสองจะให้กำรว่ำ ที่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ร. กับโจทก์
และนำย ร. แจ้งจ�ำเลยทั้งสองให้ระงับกำรโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์
ี
ก็ตำม แต่ประเด็นข้อพิพำทในคดีน้มีว่ำ จ�ำเลยท้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ตำมสัญญำ
ั
จะซ้อจะขำยหรือไม่ ซ่งเป็นเร่องท่มีผลเฉพำะตัวของจ�ำเลยท้งสองเท่ำน้น ไม่เก่ยวข้อง
ึ
ื
ี
ี
ั
ั
ื
ื
ึ
กับนำย ร. ซ่งเป็นบุคคลภำยนอกสัญญำ กรณีจึงไม่มีประเด็นเร่องทรัพย์สินระหว่ำง
สำมีภริยำโดยตรง คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑๒ มกรำคม ๒๕๖๐ โจทก์ท�ำสัญญำจะซ้อจะขำยท่ดินโฉนด
ื
ื
ี
ี
ิ
ี
เลขท่ ๔๕๔๐๔ ต�ำบลหนองแก อ�ำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมส่งปลูกสร้ำงบ้ำน
ี
เลขท่ ๑๒๑/๒๘ ซอยหมู่บ้ำนเขำเต่ำ ถนนเพชรเกษม ต�ำบลหนองแก อ�ำเภอหัวหิน จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ กับจ�ำเลยทั้งสองในรำคำ ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ช�ำระเงินครบถ้วนและจ�ำเลย
ั
ท้งสองส่งมอบท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์โดยโจทก์ย้ำยภูมิล�ำเนำเข้ำอยู่ในบ้ำนหลังดังกล่ำว
ี
แล้ว ต่อมำโจทก์แจ้งให้จ�ำเลยท้งสองไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำทตำมสัญญำ
ี
ิ
ั
จะซ้อจะขำยหลำยคร้ง แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับ
ั
ั
ื
ั
จ�ำเลยท้งสองโอนกรรมสิทธ์ท่ดินโฉนดเลขท่ ๔๕๔๐๔ ต�ำบลหนองแก อ�ำเภอหัวหิน จังหวัด
ี
ี
ิ
ิ
ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมส่งปลูกสร้ำงดังกล่ำวให้แก่โจทก์โดยปลอดจ�ำนองหรือภำระผูกพันใด ๆ
ิ
ี
ั
และให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำธรรมเนียมในกำรโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนดังกล่ำว หำก
จ�ำเลยทั้งสองไม่ด�ำเนินกำรให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง
ื
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ เม่อประมำณปี ๒๕๕๙ นำย ร. สำมีชอบด้วยกฎหมำยของโจทก์
ั
ี
ื
และโจทก์ประสงค์จะซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำทจำกจ�ำเลยท่ ๑ แต่เน่องจำกนำย ร. เป็นชำวต่ำงชำต ิ
ี
ื
ไม่สำมำรถถือกรรมสิทธ์ในอสังหำริมทรัพย์ได้ จึงให้โจทก์เป็นผู้ท�ำสัญญำจะซ้อจะขำยแทน
ิ
ื
849
โดยนำย ร. เป็นผู้ช�ำระรำคำที่ดินและบ้ำนพิพำทแต่เพียงผู้เดียว หลังจำกนั้นเมื่อกลำงปี ๒๕๖๒
นำย ร. แจ้งจ�ำเลยที่ ๒ ให้ระงับกำรโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้ำนพิพำทตำมสัญญำจะซื้อจะขำย
ื
ี
เน่องจำกท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ร. และต่อมำนำย ร. ได้ฟ้องโจทก์และ
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ เป็นจ�ำเลยในคดีแพ่งหมำยเลขด�ำท่ ยชพ ๑๖๒/๒๕๖๒ ของศำลเยำวชนและครอบครัว
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอแบ่งสินสมรสคือ ที่ดินและบ้ำนพิพำท และให้โจทก์และจ�ำเลยที่ ๑
ร่วมกันโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่นำย ร. กึ่งหนึ่ง และโจทก์ยื่นค�ำให้กำรต่อสู้คดี
ึ
ั
ี
ดังกล่ำวแล้ว ซ่งคดีดังกล่ำวมีประเด็นเดียวกันกับคดีน้ กำรท่โจทก์มำฟ้องจ�ำเลยท้งสองในคดีน ี ้
ี
ี
ี
ก็เพ่อให้ค�ำพิพำกษำของศำลสองศำลขัดกัน โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง นอกจำกน้ จ�ำเลยท่ ๒
ื
ี
ิ
เป็นเพียงกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยท่ ๑ ไม่ใช่เจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำท
ี
จ�ำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดหัวหินเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ิ
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธ์ท่ดินโฉนด
ั
ี
เลขท่ ๔๕๔๐๔ ต�ำบลหนองแก อ�ำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมส่งปลูกสร้ำงบ้ำน
ิ
ี
เลขท่ ๑๒๑/๒๘ ซอยหมู่บ้ำนเขำเต่ำ ถนนเพชรเกษม ต�ำบลหนองแก อ�ำเภอหัวหิน จังหวัด
ื
ั
ประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่โจทก์ ซ่งเป็นกำรใช้สิทธิในฐำนะผู้จะซ้อฟ้องร้องบังคับจ�ำเลยท้งสอง
ึ
ในฐำนะผู้จะขำยให้ปฏิบัติตำมสัญญำจะซื้อจะขำย อันเป็นกรณีต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
ี
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๓ ลักษณะ ๑ แม้จ�ำเลยท้งสองจะให้กำรว่ำ ท่ดินและบ้ำนพิพำท
ั
เป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ร. กับโจทก์ และนำย ร. แจ้งจ�ำเลยทั้งสองให้ระงับกำรโอนกรรมสิทธิ์
ที่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์ก็ตำม แต่ประเด็นข้อพิพำทในคดีนี้มีว่ำ จ�ำเลยทั้งสองต้องรับผิด
ื
ี
ั
ั
ื
ึ
ต่อโจทก์ตำมสัญญำจะซ้อจะขำยหรือไม่ซ่งเป็นเร่องท่มีผลเฉพำะตัวของจ�ำเลยท้งสองเท่ำน้น
ไม่เกี่ยวข้องกับนำย ร. ซึ่งเป็นบุคคลภำยนอกสัญญำ กรณีจึงไม่มีประเด็นเรื่องทรัพย์สินระหว่ำง
สำมีภริยำโดยตรง คดีน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
850
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
851
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ป. โจทก์
ที่ วยช ๙๑/๒๕๖๓ นำง ส. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และนำย ส. เป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย นำย ส. กู้เงิน
ื
จำกธนำคำร ท. จ�ำนวน ๒,๐๘๐,๐๐๐ บำท ไปใช้เพ่อประโยชน์ส่วนตัว โดยโจทก์
ี
ั
ได้น�ำท่ดินท้งสองโฉนดอันเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ไปจดทะเบียนจ�ำนองเป็นประกัน
หน้เงินกู้ดังกล่ำว นำย ส. ท�ำสัญญำเป็นลำยลักษณ์อักษรว่ำจะด�ำเนินกำรไถ่ถอนท่ดิน
ี
ี
ี
ั
ท้งสองโฉนดมำคืนโจทก์ภำยในก�ำหนดเวลำไถ่ถอน และระหว่ำงท่ยังไม่ได้มีกำรไถ่ถอน
หำกมีกำรหย่ำร้ำงระหว่ำงโจทก์และนำย ส. นำย ส. จะโอนทรัพย์สินของนำย ส. ทั้งหมด
ี
ให้แก่นำย อ. บุตรของโจทก์และนำย ส. ทันท แต่เม่อถึงก�ำหนดเวลำไถ่ถอน นำย ส.
ื
ก็มิได้ไถ่ถอนที่ดินทั้งสองโฉนดมำคืนโจทก์ ต่อมำโจทก์และนำย ส. จดทะเบียนหย่ำขำด
จำกกันโดยที่นำย ส. ยังมิได้ไถ่ถอนที่ดินทั้งสองโฉนดมำคืนโจทก์ โจทก์จึงน�ำเงินไปช�ำระ
ี
ั
ื
ธนำคำร ท. ด้วยเงินของโจทก์เพ่อไถ่ถอนท่ดินท้งสองโฉนด ต่อมำนำย ส. ถึงแก่ควำมตำย
ิ
ขณะถึงแก่ควำมตำย นำย ส. เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดินโฉนดท้งหกแปลง โจทก์แจ้ง
ี
ั
ึ
จ�ำเลยซ่งเป็นมำรดำของนำย ส. ในฐำนะทำยำทโดยธรรมให้ด�ำเนินกำรจดทะเบียน
โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตำมโฉนดทั้งหกแปลงให้แก่นำย อ. แต่จ�ำเลยเพิกเฉย สัญญำจะโอน
้
ั
ทรพยสนของนำย ส. ทงหมดใหแกนำย อ. มลกษณะเปนสญญำประนประนอมยอมควำม
ั
่
ี
ั
้
็
ี
ิ
ั
์
ื
ี
เพ่อประโยชน์ของบุคคลภำยนอกท่จะต้องบังคับตำมบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มำตรำ ๘๕๐
และมำตรำ ๓๗๔ เมื่อโจทก์และนำย ส. จดทะเบียนหย่ำกันก่อนที่นำย ส. จะด�ำเนินกำร
ไถ่ถอนท่ดินท้งสองโฉนดคืนแก่โจทก์ และต่อมำ นำย ส. ถึงแก่ควำมตำย โจทก์ขอให้
ั
ี
บังคับจ�ำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทซึ่งเป็นทรัพย์ของนำย ส. ให้แก่นำย อ.
ื
จึงเป็นกำรฟ้องขอให้บังคับตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมเพ่อประโยชน์ของบุคคล
่
ี
่
ึ
ี
ี
้
ิ
่
่
ภำยนอก ซงมใชบทบญญัตแหง ป.พ.พ. ในบรรพ ๕ แตอยำงใด คดนจงไมเป็นคดครอบครัว
ึ
ั
่
่
ิ
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และนำย ส. เป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนสมรส
กันวันที่ ๓๐ มีนำคม ๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๔ นำย ส. กู้เงินจำกธนำคำร ท.
จ�ำนวน ๒,๐๘๐,๐๐๐ บำท ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยโจทก์ได้น�ำที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๙๔๖๗
852
และ ๒๒๓๗๕๐ ต�ำบลบ้ำนพรุ อ�ำเภอหำดใหญ่ จังหวัดสงขลำ อันเป็นสินส่วนตัวของโจทก์
ี
ไปจดทะเบียนจ�ำนองเป็นประกันหน้เงินกู้ดังกล่ำว นำย ส. ตกลงกับโจทก์ด้วยวำจำว่ำจะด�ำเนินกำร
ี
ื
ี
ไถ่ถอนท่ดินท้งสองโฉนดมำคืนโจทก์ภำยในวันท่ ๒๒ พฤษภำคม ๒๕๕๕ แต่เม่อถึงก�ำหนด
ั
นำย ส. มิได้ไถ่ถอนที่ดินทั้งสองโฉนดมำคืนโจทก์ ต่อมำเมื่อวันที่ ๗ มิถุนำยน ๒๕๕๕ นำย ส.
ั
ี
จึงได้ท�ำสัญญำเป็นลำยลักษณ์อักษรว่ำจะด�ำเนินกำรไถ่ถอนท่ดินท้งสองโฉนดมำคืนโจทก์
ให้แล้วเสร็จภำยในวันท่ ๑๒ สิงหำคม ๒๕๕๕ และระหว่ำงท่ยังไม่ได้มีกำรไถ่ถอน หำกมีกำร
ี
ี
หย่ำร้ำงระหว่ำงโจทก์และนำย ส. นำย ส. จะโอนทรัพย์สินของนำย ส. ทั้งหมดให้แก่นำย อ. บุตร
ั
ิ
ของโจทก์และนำย ส. ทันที แต่เม่อถึงก�ำหนดเวลำไถ่ถอน นำย ส. ก็มได้ไถ่ถอนท่ดินท้งสอง
ี
ื
โฉนดมำคืนโจทก์แต่อย่ำงใด เมื่อวันที่ ๘ เมษำยน ๒๕๕๗ โจทก์และนำย ส. จดทะเบียนหย่ำขำด
ี
ั
ี
จำกกันโดยท่นำย ส. ยังมิได้ไถ่ถอนท่ดินท้งสองโฉนดมำคืนโจทก์ โจทก์จึงน�ำเงินไปช�ำระธนำคำร ท.
ั
ื
ี
ด้วยเงินของโจทก์เพ่อไถ่ถอนท่ดินท้งสองโฉนด ต่อมำเม่อวันท่ ๑๗ สิงหำคม ๒๕๖๒ นำย ส.
ี
ื
ถึงแก่ควำมตำย ขณะถึงแก่ควำมตำย นำย ส. เป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๖๖๘๘,
๑๖๖๙๐, ๑๖๖๙๑, ๑๖๖๙๒, ๓๓๕๘๒ และ ๓๖๘๘๓ ต�ำบลถ้ำใหญ่ อ�ำเภอทุ่งสง จังหวัด
�
นครศรีธรรมรำช หลังจำกนำย ส. ถึงแก่ควำมตำย โจทก์เคยแจ้งจ�ำเลยซึ่งเป็นมำรดำของนำย ส.
ในฐำนะทำยำทโดยธรรมให้ด�ำเนินกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินตำมโฉนดท้งหกแปลงให้
ี
ิ
ั
แก่นำย อ. แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้จ�ำเลยไปด�ำเนินกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตำมโฉนด
ั
ท้งหกแปลงให้แก่นำย อ. หำกจ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำร ให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
ของจ�ำเลย หรือให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำที่ดินตำมโฉนดทั้งหกแปลงรวม ๑,๐๒๗,๔๒๐ บำท แทนกำร
โอนกรรมสิทธิ์
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดทุ่งสงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ั
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำ นำย ส. ตกลงท�ำสัญญำจะโอนทรัพย์สินของนำย ส. ท้งหมด
ี
ให้แก่นำย อ. บุตรของโจทก์และนำย ส. หำกนำย ส. ไม่ด�ำเนินกำรไถ่ถอนท่ดินโฉนดเลขท่ ๕๙๔๖๗
ี
ี
และ ๒๒๓๗๕๐ ต�ำบลบ้ำนพรุ อ�ำเภอหำดใหญ่ จังหวัดสงขลำ คืนแก่โจทก์ก่อนท่โจทก์และ
นำย ส. จะหย่ำร้ำงกัน อันมีลักษณะเป็นสัญญำประนีประนอมยอมควำมเพื่อประโยชน์ของบุคคล
ภำยนอกท่จะต้องบังคับตำมบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๘๕๐ และ
ี
853
ื
ี
มำตรำ ๓๗๔ เม่อโจทก์และนำย ส. จดทะเบียนหย่ำกันก่อนท่นำย ส. จะด�ำเนินกำรไถ่ถอน
ที่ดินทั้งสองโฉนดคืนแก่โจทก์ และต่อมำนำย ส. ถึงแก่ควำมตำย โจทก์จึงขอให้บังคับจ�ำเลยจด
ทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตำมโฉนดเลขที่ ๑๖๖๘๘, ๑๖๖๙๐, ๑๖๖๙๑, ๑๖๖๙๒, ๓๓๕๘๒ และ
ึ
๓๖๘๘๓ ต�ำบลถ้ำใหญ่ อ�ำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมรำชซ่งเป็นทรัพย์ของนำย ส. ให้แก่นำย อ.
�
อันเป็นกำรฟ้องขอให้บังคับตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมเพ่อประโยชน์ของบุคคลภำยนอก
ื
ึ
ดังกล่ำว ซ่งมิใช่บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ ในบรรพ ๕ แต่อย่ำงใด
ี
คดีน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
854
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว พ. โจทก์
ที่ วยช ๑๘/๒๕๖๔ นำย ว. จ�ำเลย
ื
แม้โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน แต่เม่อ
ี
โจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน กำรท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยร่วมกับโจทก์
ี
ช�ำระค่ำเบ้ยประกันสุขภำพของโจทก์และของบุตรผู้เยำว์ท้งสอง ให้ศำลพิพำกษำว่ำ
ั
ี
ิ
้
ั
ั
ิ
์
�
ี
ั
ั
�
ิ
ู
ี
ิ
ทรพย์สนตำมฟ้องเป็นกรรมสทธของโจทก์เพยงผ้เดยว ให้บงคบจำเลยชำระหนอนเกด
ิ
ี
จำกกิจกำรร้ำนอ๊กหมูสด และให้จ�ำเลยช�ำระหน้เงินทดรองท่โจทก์ช�ำระแทนไปตำมบันทึก
ี
ื
ึ
ึ
ึ
ข้อตกลงท่ท�ำข้นระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย ซ่งเป็นข้อตกลงท่ท�ำข้นเพ่อประสงค์จะระงับ
ี
ี
ึ
ข้อพิพำทท่มีอยู่หรือจะมีข้นให้เสร็จไปด้วยยอมผ่อนผันให้แก่กันอันมีลักษณะเป็นสัญญำ
ี
ประนีประนอมยอมควำมซึ่งอยู่ภำยใต้บังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓ ลักษณะ ๑๗ มิได้อยู่
ภำยใต้บังคับแห่ง ป.พ.พ. บรรพ ๕ ค�ำฟ้องส่วนนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
______________________________
ุ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบตร
ด้วยกัน ๒ คน คือ เด็กหญิง ป. และ เด็กหญิง ว. โดยในสูติบัตรระบุชื่อจ�ำเลยเป็นบิดำและจ�ำเลย
แสดงออกต่อบุคคลท่วไปว่ำตนเป็นบิดำ ระหว่ำงอยู่กินด้วยกัน โจทก์และจ�ำเลยมีทรัพย์สิน
ั
อันเป็นกรรมสิทธิ์รวม ได้แก่ บ้ำนและที่ดิน รถยนต์ รถจักรยำนยนต์ ป้ำยทะเบียนประมูลรถยนต์
ี
ี
และรำยได้ท่เกิดจำกกำรท�ำกิจกำรร้ำนอ๊กหมูสดร่วมกัน เป็นต้น วันท่ ๑๙ ธันวำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลย
ิ
ท�ำบันทึกข้อตกลงยินยอมยกทรัพย์สินข้ำงต้นให้แก่โจทก์และบุตรผู้เยำว์ทั้งสอง รวมทั้งตกลงว่ำ
จะไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ และร่วมกับโจทก์ช�ำระเบ้ยประกันสุขภำพของโจทก์และของ
ี
บุตรผู้เยำว์ทั้งสอง แต่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมบันทึกข้อตกลงดังกล่ำว โจทก์ต้องเป็นผู้ผ่อนช�ำระหนี้
ื
ี
ค่ำบ้ำน ค่ำงวดรถยนต์และหน้สินอ่น ๆ แต่เพียงผู้เดียว โดยจ�ำเลยไม่เคยช่วยผ่อนช�ำระหน ้ ี
ี
ดังกล่ำวแต่อย่ำงใด ต่อมำจ�ำเลยนอกใจโจทก์โดยยกย่องและเล้ยงดูหญิงอ่นเสมือนภริยำและ
ื
ี
ิ
ุ
ิ
ู
�
ุ
ไม่รบผดชอบในค่ำอปกำระเลยงดบตรผ้เยำว์ทงสอง ขอให้พพำกษำให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนำจ
ั
้
ั
้
ู
ุ
ั
้
ู
้
ี
ู
ั
ปกครองบตรผ้เยำว์ทงสองแต่เพยงผ้เดยว ให้จำเลยจดทะเบยนบตรผ้เยำว์ทงสองเป็นบตร
ุ
ู
ี
�
ุ
ี
ชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลย หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
ของจ�ำเลย ให้จ�ำเลยช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ท้งสองในอัตรำเดือนละ ๖๐,๐๐๐ บำท
ี
ั
855
ั
ั
นับแต่วันฟ้องจนกว่ำบุตรผู้เยำว์ท้งสองจะบรรลุนิติภำวะหรือส�ำเร็จกำรศึกษำระดับช้นปริญญำตร ี
ี
ั
ให้จ�ำเลยร่วมกับโจทก์ช�ำระค่ำเบ้ยประกันสุขภำพของโจทก์และของบุตรผู้เยำว์ท้งสอง
ให้พิพำกษำว่ำทรัพย์สินตำมฟ้องเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์เพียงผู้เดียว โดยให้จ�ำเลยไปด�ำเนิน
ิ
ื
์
่
ิ
ี
ิ
ิ
่
ี
กำรเปลยนชอทำงทะเบยนในทรพย์สนต่ำง ๆ ให้เป็นกรรมสทธของโจทก์โดยปลอดภำระหน ้ ี
ั
ทั้งสิ้น หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย หรือหำก
สภำพแห่งหนี้ไม่เปิดช่อง ให้จ�ำเลยใช้รำคำตำมฟ้องพร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่
วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยช�ำระหน้อันเกิดจำกกิจกำรร้ำนอ๊กหมูสด
ี
ิ
๑,๔๔๓,๒๙๓ บำท และช�ำระหนี้เงินทดรองที่โจทก์ช�ำระแทน ๑,๗๑๐,๒๒๙ บำท แก่โจทก์
ั
จ�ำเลยให้กำร แก้ไขค�ำให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยจะจดทะเบียนบุตรผู้เยำว์ท้งสอง
เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำย ในส่วนค่ำอุปกำระเลี้ยงดูบุตรผู้เยำว์ทั้งสองนั้น จ�ำเลยยกรำยได้จำก
ิ
ึ
กิจกำรร้ำนอ๊กหมูสดให้โจทก์ไปแล้ว โจทก์ซ่งมีรำยได้จำกกิจกำรดังกล่ำว จึงต้องมีหน้ำท่ช�ำระ
ี
ี
ั
ค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ท้งสองด้วย เดิมจ�ำเลยประสงค์จะจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แต่โจทก์
มีพฤติกรรมเปล่ยนไปโดยไม่ดูแลจ�ำเลยและบุตรผู้เยำว์ท้งสอง ท้งโจทก์มีคนรักใหม่ท�ำให้จ�ำเลย
ี
ั
ั
ไม่สำมำรถจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ได้ โจทก์มีพฤติกรรมไม่เหมำะสมดังกล่ำวจึงไม่สมควร
ั
ั
เป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครองบุตรผู้เยำว์ท้งสอง จ�ำเลยเป็นผู้ดูแลบุตรผู้เยำว์ท้งสองมำโดยตลอด
จึงสมควรเป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครองบุตรผู้เยำว์ท้งสองแต่เพียงผู้เดียว จ�ำเลยจะช�ำระค่ำเบ้ยประกัน
ี
ั
ี
ี
สุขภำพของบุตรผู้เยำว์ท้งสองตำมบันทึกข้อตกลง แต่จ�ำเลยไม่มีหน้ำท่ต้องช�ำระค่ำเบ้ยประกัน
ั
ิ
สุขภำพของโจทก์เพรำะโจทก์ได้รับรำยได้จำกกิจกำรร้ำนอ๊กหมูสดไปแล้ว โจทก์เป็นชำวต่ำงชำต ิ
จึงไม่มีสิทธิเป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ในบ้ำนและที่ดินได้ ส่วนรถยนต์และรถจักรยำนยนต์นั้น จ�ำเลย
เป็นเพียงผู้เช่ำซื้อจึงไม่สำมำรถด�ำเนินกำรเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ให้เป็นของโจทก์ได้ และโจทก์
ก็ไม่ใช่คู่สัญญำในสัญญำเช่ำซ้อ จ�ำเลยไม่ต้องรับผิดในหน้ของกิจกำรร้ำนอ๊กหมูสดเพรำะจ�ำเลย
ี
ื
ิ
ี
ึ
ยกรำยได้ท้งหมดจำกกิจกำรดังกล่ำวให้โจทก์ไปแล้ว ส่วนหน้เงินทดรองเกิดข้นภำยหลัง
ั
จำกท่โจทก์และจ�ำเลยท�ำบันทึกข้อตกลง จ�ำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในหน้ดังกล่ำว ขอให้ยกฟ้อง
ี
ี
์
ิ
่
ั
ี
หลงจำกโจทกไดรำยไดทงหมดไปจำกจำเลยแลว โจทกกระทำกำรใหเกดควำมเสยหำยแกทรพยสน
้
้
์
์
ั
�
้
้
�
้
ิ
ั
ของจ�ำเลย โจทก์จึงมีหน้ำที่ช�ำระหนี้บัตรเครดิตรวม ๔๓๖,๐๖๑ บำท ขอให้บังคับโจทก์ช�ำระหนี้
จ�ำนวน ๔๓๖,๐๖๑ บำท แก่จ�ำเลย และขอให้พิพำกษำให้เด็กหญิง ป. และ เด็กหญิง ว. เป็นบุตร
ั
ชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยและให้จ�ำเลยเป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครองบุตรผู้เยำว์ท้งสองแต่เพียง
ผู้เดียว
856
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
็
ั
้
�
่
ิ
้
ั
่
ั
ระหวำงพจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครวจงหวดนครปฐมเหนวำ ตำมคำขอทำยฟอง
ี
็
ี
ั
กรณมีปัญหำว่ำ ประเดนทโจทก์ขอให้บังคับจ�ำเลยร่วมกบโจทก์ช�ำระค่ำเบ้ยประกันสุขภำพของ
่
ี
ั
โจทก์และของบุตรผู้เยำว์ท้งสอง ให้ศำลพิพำกษำว่ำทรัพย์สินตำมฟ้องเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์
ิ
เพียงผู้เดียว ให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้อันเกิดจำกกิจกำรร้ำนอ๊กหมูสด และช�ำระหน้เงินทดรอง
ิ
ี
ี
ท่โจทก์ช�ำระแทนไปน้น เป็นคดีครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
ี
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้แม้โจทก์กับจ�ำเลยเคยอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรผู้เยำว์ด้วยกัน
แต่เมื่อโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน กำรที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยร่วมกับโจทก์
ช�ำระค่ำเบ้ยประกันสุขภำพของโจทก์และของบุตรผู้เยำว์ท้งสอง ให้ศำลพิพำกษำว่ำทรัพย์สิน
ั
ี
ี
ตำมฟ้องเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์เพียงผู้เดียว ให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้อันเกิดจำกกิจกำร
ิ
�
้
ึ
ิ
�
ึ
ั
่
ี
่
ี
ี
ิ
๊
ู
้
�
ร้ำนอกหมสด และชำระหนเงนทดรองทโจทก์ชำระแทนไปตำมบนทกข้อตกลงททำขนระหว่ำง
โจทก์กับจ�ำเลยซึ่งเป็นข้อตกลงที่ท�ำขึ้นเพื่อประสงค์จะระงับข้อพิพำทที่มีอยู่ หรือจะมีขึ้นให้เสร็จ
ึ
ไปด้วยยอมผ่อนผันให้แก่กันอันมีลักษณะเป็นสัญญำประนีประนอมยอมควำมซ่งอยู่ภำยใต้บังคับ
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์บรรพ ๓ ลักษณะ ๑๗ มิได้อยู่ภำยใต้บังคับแห่งประมวล
ึ
ี
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ค�ำฟ้องส่วนน้จงไม่เป็นคดครอบครัว ตำมพระรำชบัญญต ิ
ั
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ ค�ำฟ้องส่วนท่ขอให้บังคับจ�ำเลยร่วมกับโจทก์ช�ำระค่ำเบ้ยประกันสุขภำพของ
โจทก์และของบุตรผู้เยำว์ท้งสอง ให้ศำลพิพำกษำว่ำทรัพย์สินตำมฟ้องเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์
ิ
ั
ี
ู
ิ
เพยงผเดยว ใหบงคบจำเลยชำระหนอนเกดจำกกจกำรรำนอกหมสด และชำระหนเงนทดรองท ่ ี
�
ี
้
ิ
ั
ิ
�
้
ี
ั
�
ั
ิ
ู
้
๊
้
้
ี
ี
โจทก์ช�ำระแทนไป ไม่เป็นคดีท่อยู่ในอ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
857
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ว. โจทก์
ที่ วยช ๔๙/๒๕๖๔ นำง ณ. จ�ำเลย
ึ
ี
ื
เน้อหำค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงบ้ำนพิพำทซ่งเป็นทรัพย์สิน
ิ
ี
ท่มีอยู่ก่อนสมรส และมีค�ำขอบังคับให้จ�ำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์บ้ำนพิพำทคืน
แก่โจทก์ โดยอ้ำงว่ำจ�ำเลยเป็นเพียงผู้ถือครองบ้ำนพิพำทแทนโจทก์ และโจทก์ปลูกสร้ำง
ื
้
้
�
็
้
ิ
�
่
ื
บำนพิพำทเพรำะถูกกลฉอฉลของจำเลย เม่อจำเลยขำดนัดยนค�ำให้กำร ประเดนขอพพำท
จึงเกิดจำกข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมฟ้องโจทก์ท่ว่ำ จ�ำเลยมีช่อถือกรรมสิทธ ิ ์
ี
ื
ี
ิ
ในบ้ำนพิพำทแทนโจทก์หรือไม่ และจ�ำเลยต้องโอนกรรมสิทธ์บ้ำนพิพำทคืนแก่โจทก์
ื
ี
เน่องจำกโจทก์แสดงเจตนำเพรำะถูกกลฉ้อฉลของจ�ำเลยหรือไม่ อันเป็นปัญหำเก่ยวกับ
กำรแสดงเจตนำท�ำนิติกรรมตลอดจนหน้ำท่และควำมรับผิดของตัวแทนต่อตัวกำร
ี
ที่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๑ ลักษณะ ๔ และบรรพ ๓ ลักษณะ ๑๕ คดีนี้จึงไม่เป็น
คดีครอบครัว
___________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อเดือนมีนำคม ๒๕๕๙ โจทก์พบกับจ�ำเลยและตกลงอยู่กินร่วมกัน
ี
ฉันสำมีภริยำ จ�ำเลยแจ้งโจทก์ว่ำ จ�ำเลยมีท่ดินเปล่ำซ่งไม่มีภำระผูกพันใด ๆ และชักชวนให้
ึ
โจทก์ปลูกสร้ำงบ้ำนบนที่ดินดังกล่ำวเพื่อใช้อยู่อำศัยร่วมกัน ต่อมำเดือนสิงหำคม ๒๕๕๙ โจทก์
จึงปลูกสร้ำงบ้ำนบนที่ดินของจ�ำเลยด้วยควำมยินยอมของจ�ำเลย โดยโจทก์เป็นผู้ช�ำระค่ำใช้จ่ำย
ในกำรปลูกสร้ำงบ้ำนท้งหมด แต่ให้จ�ำเลยเป็นผู้ด�ำเนินกำรขอใบอนุญำตก่อสร้ำงในช่อของ
ั
ื
ื
จ�ำเลยแทน เน่องจำกโจทก์เป็นบุคคลต่ำงชำติไม่สะดวกในกำรติดต่อส่อสำรภำษำไทย กำรปลูกสร้ำง
ื
ี
ื
ี
บ้ำนแล้วเสร็จเม่อวันท่ ๙ ตุลำคม ๒๕๖๐ โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจ�ำเลยเม่อวันท่ ๕ มิถุนำยน ๒๕๖๑
ื
ี
หลังจำกน้นจ�ำเลยแจ้งโจทก์ว่ำ จ�ำเลยเป็นหน้จำกกำรซ้อท่ดินท่ให้โจทก์ปลูกสร้ำงบ้ำน
ื
ี
ั
ี
ี
เป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้โจทก์ช�ำระค่ำท่ดินดังกล่ำว โจทก์ตรวจสอบส�ำเนำหนังสือสัญญำ
ื
ี
ื
ซ้อขำยท่ดินและส�ำเนำโฉนดท่ดินแล้วพบว่ำจ�ำเลยซ้อท่ดินดังกล่ำวจำกนำย พ. เม่อวันท่ ๘
ี
ื
ี
ี
กรกฎำคม ๒๕๕๗ ในรำคำ ๖,๐๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยวำงมัดจ�ำไว้แล้ว ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท ส่วนท่เหลือ
ี
อีก ๔,๐๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยตกลงผ่อนช�ำระเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บำท ตั้งแต่เดือนสิงหำคม ๒๕๕๗
ิ
ี
ถึงเดือนเมษำยน ๒๕๗๔ โดยท่ดินดังกล่ำวมีช่อจ�ำเลยเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์และมีนำย พ.
ื
858
ั
�
ิ
ู
่
ี
ั
�
เป็นผ้รบจำนอง ต่อมำจำเลยแจ้งให้โจทก์ช�ำระรำคำทดินดงกล่ำวเป็นเงน ๒,๓๐๐,๐๐๐ บำท
ี
โดยอ้ำงว่ำโจทก์เป็นสำมของจ�ำเลยจึงต้องรับผดชอบหนสินท้งหมดของจำเลยด้วย โจทก์ไป
้
ี
�
ั
ิ
ตรวจสอบท่ส�ำนักงำนท่ดินพบว่ำท่ดินดังกล่ำวมีรำคำประเมินเพียง ๖๘๖,๔๐๐ บำท และม ี
ี
ี
ี
�
ู
ี
ภำระจำนองเป็นประกนกำรก้ยมเงนเพยง ๑,๒๐๐,๐๐๐ บำท กำรกระทำของจ�ำเลยเป็นกำร
�
ื
ั
ิ
ฉ้อฉลท�ำให้โจทก์เสียหำยถึงขนำดหำกมิได้มีกำรฉ้อฉลของจ�ำเลย โจทก์คงมิได้แสดงเจตนำ
ปลูกสร้ำงบ้ำนบนท่ดินของจ�ำเลย โจทก์ไม่อำจไว้วำงใจให้จ�ำเลยถือครองบ้ำนหลังดังกล่ำว
ี
แทนโจทก์อีกต่อไป โจทก์จึงมีหนังสือบอกกล่ำวทวงถำมให้จ�ำเลยจดทะเบียนโอนบ้ำน
ิ
หลงพพำทดงกล่ำวคนแก่โจทก์ แต่จำเลยเพกเฉย ขอให้บงคบจำเลยโอนกรรมสทธบ้ำนพพำท
ิ
ิ
�
ิ
์
�
ั
ิ
ั
ั
ื
ั
แก่โจทก์ หำกไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
จ�ำเลยขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดนครรำชสีมำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ึ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เน้อหำค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงบ้ำนพิพำทซ่ง
ื
ี
ี
เป็นทรัพย์สินท่มีอยู่ก่อนสมรส และมีค�ำขอบังคับให้จ�ำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์บ้ำนพิพำท
ิ
คืนแก่โจทก์ โดยอ้ำงว่ำจ�ำเลยเป็นเพียงผู้ถือครองบ้ำนพิพำทแทนโจทก์ และโจทก์ปลูกสร้ำง
ิ
ื
็
บ้ำนพพำทเพรำะถกกลฉ้อฉลของจำเลย เมอจำเลยขำดนดยนคำให้กำร ประเดนข้อพพำท
่
�
่
�
�
ื
ั
ิ
ู
จึงเกิดจำกข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมฟ้องโจทก์ที่ว่ำ จ�ำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในบ้ำน
พิพำทแทนโจทก์หรือไม่ และจ�ำเลยต้องโอนกรรมสิทธ์บ้ำนพิพำทคืนแก่โจทก์เน่องจำกโจทก์
ิ
ื
ี
แสดงเจตนำเพรำะถูกกลฉ้อฉลของจ�ำเลยหรือไม่ อันเป็นปัญหำเก่ยวกับกำรแสดงเจตนำ
ี
ี
ท�ำนิติกรรมตลอดจนหน้ำท่และควำมรับผิดของตัวแทนต่อตัวกำรท่จะต้องบังคับตำมประมวล
ี
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๑ ลักษณะ ๔ และบรรพ ๓ ลักษณะ ๑๕ คดีน้จงไม่เป็น
ึ
คดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
859
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
860
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง อ. โจทก์
ที่ วยช ๑๑/๒๕๖๐ นำงสำว ส. ในฐำนะ
ผู้จัดกำรมรดกของ
นำย ณ. กับพวก จ�ำเลย
ั
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำย ณ. จ่ำย
ี
ึ
ี
ค่ำเล้ยงชีพแก่โจทก์ตำมบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำท่ท�ำข้นระหว่ำงโจทก์กับ
ี
นำย ณ. ซ่งเป็นข้อตกลงในเร่องท่เก่ยวข้องกับกำรส้นสุดแห่งกำรสมรสตำม ป.พ.พ.
ี
ื
ึ
ิ
มำตรำ ๑๕๒๖ อันเป็นบทบัญญัติใน ป.พ.พ. บรรพ ๕ จึงเป็นคดีครอบครัว
___________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ณ. ต่อมำโจทก์จดทะเบียน
หย่ำกับนำย ณ. และท�ำบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำโดยนำย ณ. ตกลงจ่ำยค่ำเลี้ยงชีพ
ี
ี
ุ
ื
แก่โจทก์เดอนละ ๑๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำโจทก์มอำยครบ ๖๐ ปี แต่ นำย ณ. จ่ำยค่ำเล้ยงชพ
ี
แก่โจทก์เพียง ๒ งวด ต่อมำนำย ณ. ถึงแก่ควำมตำย ศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำมีค�ำส่ง
ั
ั
ี
ั
ี
ั
ต้งจ�ำเลยท้งสองเป็นผู้จัดกำรมรดก โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยท้งสองจ่ำยค่ำเล้ยงชีพท่นำย ณ.
ยังไม่ได้จ่ำยแก่โจทก์นับถึงวันฟ้องเป็นเวลำ ๙ ปี ๙ เดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๑๗๐,๐๐๐ บำท
ั
แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๑,๑๗๐,๐๐๐ บำท
ั
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำย ณ.
ึ
ี
ี
จ่ำยค่ำเล้ยงชีพแก่โจทก์ตำมบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำท่ท�ำข้นระหว่ำงโจทก์กับ
ื
ึ
นำย ณ. ซ่งเป็นข้อตกลงในเร่องท่เก่ยวข้องกับกำรส้นสุดแห่งกำรสมรสตำมประมวลกฎหมำย
ี
ิ
ี
แพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๕๒๖ อันเป็นบทบัญญัติในประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
บรรพ ๕ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
861
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
862
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว อ. โจทก์
ที่ วยช ๓๗/๒๕๖๐ นำย ส. จ�ำเลย
ึ
ึ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินพิพำทให้แก่โจทก์รำยกำรละก่งหน่ง
ี
โดยอ้ำงว่ำทรัพย์สินพิพำทเป็นทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้ก่อน
ี
จดทะเบียนสมรส หำกควำมจริงเป็นไปตำมข้ออ้ำงของโจทก์ดังกล่ำว ขณะท่โจทก์กับ
ิ
จ�ำเลยได้มำซ่งทรัพย์สินพิพำทรำยกำรใด โจทก์กับจ�ำเลยย่อมเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวม
ึ
ในทรัพย์สินพิพำทรำยกำรนั้น แต่เมื่อโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันแล้วทรัพย์สิน
พิพำททุกรำยกำรย่อมมีสถำนะเป็นสินส่วนตัวของโจทก์กับจ�ำเลยตำมส่วนท่แต่ละฝ่ำย
ี
เป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๑๔๗๑ ซึ่งสินส่วนตัวถือเป็นทรัพย์สินระหว่ำง
ื
ั
ี
สำมภรยำตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๑๔๗๐ เม่อโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกนกจะต้อง
็
ิ
จัดกำรแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๑๕๓๒ วรรคสอง (ก) ดังน้น
ั
ี
กำรท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินพิพำทให้แก่โจทก์จึงเป็นกำรฟ้องโดย
อำศัยสิทธิตำมบทบัญญัติแห่งกฎหมำยมำตรำดังกล่ำว คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
___________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำเม่อปี ๒๕๓๗ แต่จดทะเบียน
สมรสกันเมื่อวันที่ ๑๙ มีนำคม ๒๕๕๖ และจดทะเบียนหย่ำกันเมื่อวันที่ ๗ เมษำยน ๒๕๕๘ โดย
มีกำรท�ำบันทึกเร่องแบ่งสินสมรสไว้ท้ำยใบส�ำคัญกำรหย่ำ แต่ยังมีทรัพย์สินพิพำท ๔ รำยกำร
ื
ี
ท่โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้ก่อนจดทะเบียนสมรสซ่งจ�ำเลยยังไม่ได้แบ่งให้แก่โจทก์
ึ
ขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินพิพำทให้แก่โจทก์รำยกำรละกึ่งหนึ่ง
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำ
ั
ึ
ี
้
�
ว่ำ คดีนอยู่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จงส่งสำนวนให้
ิ
�
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินพิพำทให้แก่โจทก์รำยกำร
ึ
ละก่งหน่ง โดยอ้ำงว่ำทรัพย์สินพิพำทเป็นทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้ก่อน
ึ
ี
ี
จดทะเบียนสมรส หำกควำมจริงเป็นไปตำมข้ออ้ำงของโจทก์ดังกล่ำว ขณะท่โจทก์กับจ�ำเลย
863
ั
ิ
ิ
ิ
ึ
่
ิ
ิ
์
ั
ั
�
ได้มำซงทรพย์สนพพำทรำยกำรใด โจทก์กบจำเลยย่อมเป็นเจ้ำของกรรมสทธรวมในทรพย์สน
ั
ื
พิพำทรำยกำรน้น แต่เม่อโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันแล้วทรัพย์สินพิพำททุกรำยกำร
ี
ย่อมมีสถำนะเป็นสินส่วนตัวของโจทก์กับจ�ำเลยตำมส่วนท่แต่ละฝ่ำยเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ิ ์
ั
ิ
ิ
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ มำตรำ ๑๔๗๑ ซงสนส่วนตวถอเป็นทรพย์สนระหว่ำง
่
ิ
ั
ื
ึ
สำมีภริยำตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๔๗๐ เมื่อโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียน
ิ
ี
ั
ั
หย่ำกนกจะต้องจดกำรแบ่งทรพย์สนของสำมภรยำตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์
ั
็
ิ
ิ
มำตรำ ๑๕๓๒ วรรคสอง (ก) ดังน้น กำรท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินพิพำท
ั
ี
ให้แก่โจทก์จึงเป็นกำรฟ้องโดยอำศัยสิทธิตำมบทบัญญัติแห่งกฎหมำยมำตรำดังกล่ำว คดีน ี ้
จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
864
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย พ. โจทก์
ที่ วยช ๒๗/๒๕๖๑ นำง ส. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีบุตรด้วย
ั
กัน ๕ คน หลังจำกจดทะเบียนหย่ำ โจทก์ตกลงยกทรัพย์สินท้งหมดให้แก่จ�ำเลย แต่ม ี
ื
ี
ข้อตกลงด้วยวำจำให้จ�ำเลยเก็บทรัพย์สินบำงรำยกำรไว้ให้แก่บุตรเพ่อใช้เป็นท่อยู่อำศัย
หรือเป็นท่ประกอบอำชีพ ต่อมำจ�ำเลยจัดกำรทรัพย์สินในลักษณะฉ้อฉลโดยมีเจตนำ
ี
ยักย้ำยถ่ำยเทท�ำให้บุตรไม่ได้รับประโยชน์ ขอให้เพิกถอนอ�ำนำจของจ�ำเลยในกำรจัดกำร
ี
ทรัพย์สินท่โจทก์ยกให้แก่จ�ำเลย และให้โจทก์มีอ�ำนำจจัดกำรทรัพย์สินท่โจทก์ยกให้แก่
ี
ื
ี
จ�ำเลยเพ่อโจทก์จะได้แบ่งให้แก่บุตรต่อไป หำกไม่มทรัพย์สินท่โจทก์ยกให้แก่จ�ำเลย
ี
ึ
ื
เหลืออยู่ก็ขอให้โจทก์มีสิทธิยึดหรืออำยัดทรัพย์สินอ่นของจ�ำเลยซ่งคำดว่ำน่ำจะได้มำ
จำกกำรยักย้ำยถ่ำยเททรัพย์สินท่โจทก์ยกให้แก่จ�ำเลย หำกไม่มีท้งทรัพย์สินท่โจทก์ยก
ี
ั
ี
ื
ให้แก่จ�ำเลยและทรัพย์สินอ่นของจ�ำเลยเหลืออยู่ก็ขอให้โจทก์มีสิทธิยึดหรืออำยัดบ้ำน
ื
ื
ของจ�ำเลย กับบังคับจ�ำเลยจ่ำยเงินหรือทรัพย์สินอ่นให้แก่บุตรเพ่อน�ำไปเป็นท่อยู่อำศัย
ี
และทุนประกอบอำชีพหรือเพ่อกำรรักษำอำกำรเจ็บป่วยตำมสมควร อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำง
ื
ว่ำจ�ำเลยปฏิบัติผิดข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำอันเน่องมำจำกโจทก์กับจ�ำเลย
ื
ี
จดทะเบียนหย่ำกันและจ�ำเลยไม่อุปกำระเล้ยงดูแก่บุตรตำมสมควร ซ่งเป็นกรณีท่จะต้อง
ึ
ี
บังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ และ ๑๕๖๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย และมีบุตรด้วยกัน
๕ คน ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกันเม่อปี ๒๕๑๗ โดยโจทก์ตกลงยกทรัพย์สิน
ื
ุ
ิ
ั
�
ทงหมดให้แก่จำเลย แต่มข้อตกลงด้วยวำจำให้จำเลยเกบทรพย์สนบำงรำยกำรไว้ให้แก่บตร
้
ี
�
็
ั
เพื่อใช้เป็นที่อยู่อำศัยหรือเป็นที่ประกอบอำชีพ แต่หลังจำกนั้นจ�ำเลยจัดกำรทรัพย์สินในลักษณะ
ฉ้อฉลโดยมีเจตนำยักย้ำยถ่ำยเทผิดลักษณะกำรกระท�ำของวิญญูชนท่สุจริต ท�ำให้บุตรไม่ได้
ี
รับประโยชน์ อีกท้งจ�ำเลยไม่มีควำมสำมำรถในกำรบริหำรจัดกำรทรัพย์สิน ท�ำให้ทรัพย์สินได้
ั
รับควำมเสียหำย หำกให้จ�ำเลยจัดกำรทรัพย์สินต่อไปโดยล�ำพังก็อำจไม่เหลือทรัพย์สินตกเป็น
มรดกแก่บุตร ปัจจุบันบุตรคนสุดท้องมีปัญหำสุขภำพ เจ็บป่วยเป็นโรคร้ำยหลำยโรค และไม่ม ี
865
ื
ี
ึ
ท่อยู่อำศัยของตนเอง ต้องพ่งพำบุคคลอ่น แต่จ�ำเลยบอกปัดไม่ยอมอุปกำระเล้ยงดู ขอให้
ี
ี
เพิกถอนอ�ำนำจของจ�ำเลยในกำรจัดกำรทรัพย์สินท่โจทก์ยกให้แก่จ�ำเลย และให้โจทก์มีอ�ำนำจ
ื
ุ
ั
ั
ิ
ี
ั
จดกำรทรพย์สนท่โจทก์ยกให้แก่จ�ำเลยเพ่อโจทก์จะได้แบ่งให้แก่บตรต่อไป หำกไม่มีทรพย์สินท ่ ี
ั
ื
ี
ึ
ิ
�
ู
่
โจทก์ยกให้แก่จ�ำเลยเหลืออย่กขอให้โจทก์มสทธิยดหรออำยดทรพย์สนอนของจำเลยซงคำดว่ำ
ึ
ื
็
ั
ิ
่
น่ำจะได้มำจำกกำรยักย้ำยถ่ำยเททรัพย์สินท่โจทก์ยกให้แก่จ�ำเลย หำกไม่มีท้งทรัพย์สินท่โจทก์
ี
ั
ี
�
ึ
ิ
�
ั
่
ื
ี
ู
ยกใหแก่จำเลยและทรพยสนอ่นของจำเลยเหลออยก็ขอให้โจทก์มสทธิยดหรืออำยดบ้ำนของจำเลย
ั
้
�
์
ิ
ื
ี
ื
กับบังคับจ�ำเลยจ่ำยเงินหรือทรัพย์สินอ่นให้แก่บุตรเพ่อน�ำไปเป็นท่อยู่อำศัยและทุนประกอบอำชีพ
ื
หรือเพื่อกำรรักษำอำกำรเจ็บป่วยตำมสมควร
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ั
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยปฏิบัติผิด
ี
ื
ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำอันเน่องมำจำกโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกัน และ
จำเลยไม่อปกำระเล้ยงดแก่บุตรตำมสมควร อันเป็นกรณีทจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
่
ู
ี
ุ
�
ี
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ และ ๑๕๖๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
866
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย จ. โจทก์
ที่ วยช ๕๗/๒๕๖๑ นำง ค. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบิดำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ช. จ�ำเลยเคยเป็นภริยำ
ชอบด้วยกฎหมำยของนำย ช. แต่ได้จดทะเบียนหย่ำกันแล้ว ต่อมำนำย ช. ถึงแก่ควำมตำย
ี
ี
ท่ดินและบ้ำนพิพำทส่วนท่เป็นสินสมรสของนำย ช. จึงตกเป็นมรดกแก่โจทก์ ขอให้
ี
ึ
บังคับจ�ำเลยแบ่งท่ดินพิพำทแก่โจทก์แปลงละก่งหน่ง หำกแบ่งไม่ได้ให้น�ำท่ดินพิพำท
ี
ึ
ึ
ึ
ออกขำยทอดตลำดแล้วน�ำเงินมำแบ่งแก่โจทก์ก่งหน่ง กับให้น�ำบ้ำนพิพำทออก
ึ
ึ
ขำยทอดตลำดแล้วน�ำเงินมำแบ่งแก่โจทก์ก่งหน่ง จ�ำเลยให้กำรว่ำ หลังจำกนำย ช.
ี
ั
ถึงแก่ควำมตำย จ�ำเลยได้ครอบครองท่ดินพิพำทท้งสองแปลงโดยควำมสงบและโดย
เปิดเผยด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของเป็นเวลำนำนกว่ำ ๕ ปี และโจทก์ยังตกลงให้จ�ำเลย
ี
ั
โอนสิทธิครอบครองท่ดินพิพำทท้งสองแปลงให้แก่นำย น. บุตรของนำย ช. ปัจจุบัน
ี
ั
นำย น. ครอบครองท่ดินพิพำทท้งสองแปลงโดยควำมสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนำ
เป็นเจ้ำของเป็นเวลำนำนกว่ำ ๑ ปี โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง ประเด็นแห่งคดีและสภำพ
แห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับดังกล่ำวเป็นกรณีท่ทำยำทโดยธรรมของคู่สมรส
ี
ฝ่ำยหน่งฟ้องแบ่งสินสมรสจำกคู่สมรสอีกฝ่ำยหน่งอันเน่องมำจำกกำรหย่ำ ซ่งเป็นกรณ ี
ึ
ึ
ื
ึ
ี
ท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ และ ๑๕๓๓ กับบรรพ ๖ มำตรำ ๑๕๙๙,
๑๖๐๐ และ ๑๖๒๙ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบิดำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ช. จ�ำเลยเคยเป็นภริยำชอบ
ด้วยกฎหมำยของนำย ช. แต่ได้จดทะเบียนหย่ำกันแล้ว นำย ช. กับจ�ำเลยมีสินสมรสคือ
ี
ท่ดินพิพำท ๒ แปลง และบ้ำนพิพำท ๑ หลัง ซ่งนำย ช. กับจ�ำเลยยังมิได้แบ่งสินสมรสกัน
ึ
ต่อมำนำย ช. ถึงแก่ควำมตำย ที่ดินและบ้ำนพิพำทส่วนที่เป็นสินสมรสของนำย ช. จึงตกเป็นมรดก
แก่โจทก์ ภำยหลังนำย ช. ถึงแก่ควำมตำยโจทก์แจ้งให้จ�ำเลยแบ่งที่ดินและบ้ำนพิพำทแก่โจทก์
กึ่งหนึ่ง แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งที่ดินพิพำทแก่โจทก์แปลงละกึ่งหนึ่ง หำกแบ่ง
ไม่ได้ให้น�ำที่ดินพิพำททั้งสองแปลงออกขำยทอดตลำดแล้วน�ำเงินมำแบ่งแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง กับให้
น�ำบ้ำนพิพำทออกขำยทอดตลำดแล้วน�ำเงินมำแบ่งแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง
867
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ค�ำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและขำดอำยุควำมแล้ว ท่ดินพิพำท
ั
ี
ท้งสองแปลงเป็นท่ดินไม่มีเอกสำรสิทธิ ภำยหลังนำย ช. ถึงแก่ควำมตำย จ�ำเลยได้ครอบครอง
ที่ดินพิพำททั้งสองแปลงโดยควำมสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของเป็นเวลำนำนกว่ำ
๕ ปี จ�ำเลยจึงได้ไปซ่งสิทธิครอบครอง นอกจำกน้โจทก์ยังตกลงให้จ�ำเลยโอนสิทธิครอบครอง
ี
ึ
ที่ดินพิพำททั้งสองแปลงให้แก่นำย น. บุตรของนำย ช. ปัจจุบันนำย น. ครอบครองที่ดินพิพำท
ท้งสองแปลงโดยควำมสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของเป็นเวลำนำนกว่ำ ๑ ปี
ั
โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินดังกล่ำวแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์
ื
เสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์เห็นว่ำ กรณ ี
มีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่ง
ี
ส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและ
ครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ึ
ึ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งท่ดินและบ้ำนพิพำทแก่โจทก์ก่งหน่ง
ี
โดยอ้ำงว่ำ ที่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ช. กับจ�ำเลย ต่อมำนำย ช. กับจ�ำเลย
ี
จดทะเบียนหย่ำกันโดยท่ยังมิได้ตกลงแบ่งท่ดินและบ้ำนพิพำท หลังจำกน้นนำย ช. ถึงแก่ควำมตำย
ี
ั
ั
ิ
้
ั
�
โจทก์ในฐำนะทำยำทโดยธรรมชนบดำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ช. จงฟ้องขอให้บงคบจำเลย
ึ
ั
ึ
ี
ึ
ี
แบ่งท่ดินและบ้ำนพิพำทแก่โจทก์ก่งหน่ง ดังน้ สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับ
ึ
่
่
ิ
ู
ี
่
ี
ี
ดงกล่ำวเป็นกรณททำยำทโดยธรรมของค่สมรสฝ่ำยหนงฟ้องแบ่งสนสมรสจำกค่สมรสอกฝ่ำยหนง
ั
ึ
ู
ึ
อันเน่องมำจำกกำรหย่ำ ซ่งเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
ี
ื
บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ และ ๑๕๓๓ กับบรรพ ๖ มำตรำ ๑๕๙๙, ๑๖๐๐ และ ๑๖๒๙ คดีนี้
จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
868
วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
869
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ท. โจทก์
ที่ วยช ๘๔/๒๕๖๑ นำย ช. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยแต่จดทะเบียน
ื
ี
ี
หย่ำกันแล้ว โดยท�ำบันทึกท้ำยทะเบียนหย่ำเก่ยวกับเร่องว่ำจ�ำเลยตกลงยกท่ดินและ
บ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์ และจ�ำเลยจะขนย้ำยทรัพย์สินพร้อมบริวำรออกไปจำกท่ดิน
ี
ิ
ั
และบ้ำนพิพำทภำยในก�ำหนด ๑ ปี นบแต่วันจดทะเบยนหย่ำ แต่จ�ำเลยไม่ปฏิบตตำม
ั
ี
ี
ข้อตกลง ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินพร้อมบริวำรออกไปจำกท่ดินและบ้ำนพิพำท
กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์เป็นรำยเดือน จึงเป็นกรณีท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ
ี
ื
ื
จ�ำเลยปฏิบัติตำมบันทึกข้อตกลงเร่องกำรแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำอันเน่องมำจำก
กำรหย่ำ และให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์เพรำะเหตุท่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมบันทึก
ี
ข้อตกลงดังกล่ำว อันเป็นกรณีที่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖
มำตรำ ๑๕๓๒ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยแต่จดทะเบียนหย่ำกัน
ี
แล้ว โดยท�ำบันทึกท้ำยทะเบียนหย่ำเก่ยวกับเร่องทรัพย์สินมีใจควำมว่ำ จ�ำเลยตกลงยกท่ดินและ
ื
ี
บ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์ จ�ำเลยจะขนย้ำยทรัพย์สินพร้อมบริวำรออกไปจำกท่ดินและบ้ำนพิพำท
ี
ภำยในก�ำหนด ๑ ปี นับแต่วันจดทะเบียนหย่ำ แต่เมื่อครบก�ำหนดดังกล่ำวจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำม
ข้อตกลง ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินพร้อมบริวำรออกไปจำกที่ดินและบ้ำนพิพำท กับให้
จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์เป็นรำยเดือนนับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลย
ขนย้ำยทรัพย์สินพร้อมบริวำรออกไปจำกที่ดินและบ้ำนพิพำท
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพัทยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้ออ้ำงของโจทก์และ ค�ำขอบังคับเป็นกรณีท่โจทก์ฟ้องขอ
ื
�
ั
ให้บงคับจำเลยปฏิบติตำมบนทึกข้อตกลงเร่องกำรแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำอนเน่องมำจำก
ั
ั
ื
ั
870
กำรหย่ำ และให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์เพรำะเหตุที่จ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมบันทึกข้อตกลง
ดังกล่ำว อันเป็นกรณีที่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๑
ี
หมวด ๖ มำตรำ ๑๕๓๒ คดีน้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
871
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย พ. โจทก์
ที่ วยช ๔/๒๕๖๒ นำงสำว ต. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของนำงสำว ส. ระหว่ำงท ่ ี
โจทก์กับนำงสำว ส. ยังเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย นำงสำว ส. ได้คบหำกับจ�ำเลย
ในท�ำนองชู้สำวแบบรักร่วมเพศ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยใช้
ี
ค่ำทดแทนพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยมีพฤติกำรณ์ในกำร
ล่วงเกินภริยำของโจทก์ในท�ำนองชู้สำว จึงเป็นกรณีอยู่ในบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
มำตรำ ๑๕๒๓ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
ื
ั
ี
ี
ี
่
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นสำมของนำงสำว ส. โดยจดทะเบยนสมรส เมอวนท ๑๐
่
พฤษภำคม ๒๕๔๙ มีบุตรสำวด้วยกัน ๑ คน ต่อมำระหว่ำงวันที่ ๑ ถึง ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๑
ี
โจทก์พบว่ำนำงสำว ส.ได้คบหำกับจ�ำเลยในท�ำนองชู้สำวแบบรักร่วมเพศ ในท่สุดโจทก์กับ
นำงสำว ส.จึงจดทะเบียนหย่ำในวันท่ ๑๗ กันยำยน ๒๕๖๑ กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรล่วงเกิน
ี
ภริยำของโจทก์ในท�ำนองชู้สำว ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยใช้ค่ำทดแทน
จ�ำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดสกลนครเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ
ิ
ึ
�
ั
ื
้
ู
ี
คดนอย่ในอ�ำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้
ี
ิ
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วนิจฉยว่ำ คดน้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำทดแทนจำกจำเลยโดยอ้ำงว่ำจ�ำเลยมีพฤตกำรณ์
ิ
ี
ิ
ี
ั
�
ในกำรล่วงเกินภริยำของโจทก์ในท�ำนองชู้สำว จึงเป็นกรณีอยู่ในบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
และพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๒๓ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
872