ื
ื
ี
เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์ท่ ๑ และน�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์ รีเทล” และ “BOOTS
RETAIL” ช่อนิติบุคคลของโจทก์ท่ ๒ ไปย่นขอจองช่อนิติบุคคล และจดทะเบียนจัดต้งบริษัท
ื
ั
ื
ื
ี
่
จำเลยท ๑ ต่อจำเลยท ๓ โดยมวตถประสงค์ประกอบธรกจประเภทเดยวกบโจทก์ทงสอง คอ
�
ี
ั
้
�
ั
ุ
ั
ิ
ุ
ี
ี
ี
่
ื
จ�ำหน่ำยอำหำรบ�ำรุงสุขภำพ เครื่องส�ำอำง อำหำร อำหำรเสริม กำรกระท�ำของจ�ำเลยที่ ๑ และ
ที่ ๒ เป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริตล่วงละเมิดสิทธิต่อโจทก์ทั้งสองท�ำให้ได้รับควำมเสียหำย ส่วน
ี
จ�ำเลยท่ ๓ ประมำทเลินเล่อในกำรปฏิบัติหน้ำท่ด�ำเนินกำรรับจดทะเบียนโดยไม่ชอบ ขอให้
ี
บังคับจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อ และดวงตรำของจ�ำเลยที่ ๑
ื
ี
โดยไม่ให้มีค�ำว่ำ “บู๊ทส์” และหรือ “BOOTS” รวมถึงค�ำอ่นใดท่เหมือนหรือคล้ำยกับค�ำดังกล่ำว
หำกจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่ด�ำเนินกำร ให้จ�ำเลยที่ ๓ เพิกถอนชื่อและดวงตรำของจ�ำเลยที่ ๑
ออกจำกสำรบบทะเบียน หำกจ�ำเลยที่ ๓ ไม่ปฏิบัติตำม ให้ถือเอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำร
แสดงเจตนำ ห้ำมจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้ชื่อทำงกำรค้ำ และหรือยื่นขอจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วน
บริษัท เครื่องหมำยกำรค้ำหรือเครื่องหมำยบริกำร หรือเข้ำเกี่ยวข้องใด ๆ กับชื่อทำงกำรค้ำและ
เครื่องหมำยกำรค้ำ BOOTS และ บู๊ทส์ ของโจทก์ทั้งสอง รวมถึงชื่อและหรือเครื่องหมำยใด ๆ
่
ทเหมอนหรอคล้ำยกับชอทำงกำรค้ำและเคร่องหมำยกำรค้ำดงกล่ำวไม่ว่ำกบกิจกำรค้ำสนค้ำ
ื
ี
ั
ื
ิ
ั
่
ื
ื
หรือบริกำรใด ๆ ให้จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ร่วมกันชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนและค่ำขำดประโยชน์
ี
ี
แก่โจทก์ทั้งสอง ๕๐๐,๐๐๐ บำท กับให้จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยในอนำคต
แก่โจทก์ทั้งสองเดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒
จะจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อและดวงตรำของจ�ำเลยที่ ๑ เสร็จสิ้น
จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
�
่
ั
ุ
ี
ิ
ื
จำเลยท ๓ ให้กำรว่ำ จำเลยท ๓ รบจดทะเบยนชอนตบคคลและดวงตรำนตบคคล
่
ิ
�
ี
ิ
ี
ิ
ุ
่
ุ
ี
�
ั
ี
ี
ี
�
ตลอดจนรับจดทะเบยนจัดต้งจำเลยท่ ๑ เป็นไปตำมระเบยบสำนักงำนทะเบยนห้นส่วนบริษัทกลำง
ว่ำด้วยกำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๓๘, ๔๐, ๔๑ ระเบียบส�ำนักงำน
ทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลำงว่ำด้วยกำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๒๘
ื
และชอบด้วยประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๐๑๙ จึงมีค�ำส่งรับจดทะเบียนเม่อ
ั
วันที่ ๑๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๘ หำกโจทก์ทั้งสองเห็นว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้ชื่อพ้องกับโจทก์
ที่ ๒ ที่จดทะเบียนไว้แล้ว หรือคล้ำยคลึงกับชื่อเช่นว่ำนั้นจนอำจท�ำให้เกิดควำมหลงผิดได้ ย่อม
สำมำรถฟ้องร้องให้จ�ำเลยที่ ๑ รับผิดได้ตำมมำตรำ ๑๘, ๖๗, ๑๑๑๕ ขอให้ยกฟ้อง
ั
ี
ในช้นสืบพยำนจ�ำเลยท่ ๓ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
ี
เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำ
ั
ั
ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
23
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ื
ี
ี
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำและคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำท
ในชื่อทำงกำรค้ำตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๓) และ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ั
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมฟ้องของโจทก์ท้งสองและค�ำให้กำรของจ�ำเลยท่ ๓
ี
ื
ิ
่
ื
ี
มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินจฉัยว่ำ โจทก์ท ๑ เป็นเจ้ำของช่อทำงกำรค้ำเคร่องหมำยกำรค้ำ
และเครื่องหมำยบริกำรค�ำว่ำ “BOOTS” อ่ำนว่ำ “บู้ทส์” หรือ “บู๊ทส์” และมีโจทก์ที่ ๒ เป็นบริษัท
ในเครือเดียวกันหรือไม่ กำรที่จ�ำเลยที่ ๒ น�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์” และ “BOOTS” และน�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์
รีเทล” และ “BOOTS RETAIL” ชื่อของโจทก์ที่ ๒ ไปยื่นขอจองชื่อและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
จ�ำเลยที่ ๑ ต่อจ�ำเลยที่ ๓ นั้น จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีสิทธิใช้ได้โดยชอบหรือเป็นกำรใช้ชื่อโดย
ื
ื
ื
ล่วงละเมิดสิทธิในช่อทำงกำรค้ำเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์ท้งสอง
ั
ั
็
�
้
ั
่
ึ
ี
�
และกำรกระทำดงกล่ำวทำให้โจทก์ทงสองได้รบควำมเสยหำยหรอไม่ เพยงใด ซงเป็นประเดน
ื
ั
ี
ข้อพิพำทที่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิในชื่อทำงกำรค้ำ เครื่องหมำยกำรค้ำ เครื่องหมำยบริกำร และกำร
ล่วงละเมิดสิทธิดังกล่ำว คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำและคดีแพ่งท่เก่ยวกับ
ี
ี
ี
ื
ี
ี
ื
ข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๓) และ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
์
ิ
�
ั
ิ
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
้
ิ
ั
ิ
้
ิ
่
ู
ั
่
ี
ี
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๔ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
24
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ มหำวิทยำลัยเทคโนโลยี
ที่ วทป ๓๔/๒๕๖๐ สุรนำรี โจทก์
บริษัทเน็ตเซอร์พลัส
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธิในเทคโนโลย ตู้แดง
ั
ี
ึ
อัจฉริยะท่โจทก์พัฒนำข้น แต่จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำไม่ท�ำกำรตลำด/ติดต้งระบบตู้แดง
อัจฉริยะภำยในเวลำ ๒ ปี นับแต่วันลงนำมในสัญญำ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและเรียก
ี
ค่ำเสียโอกำสตำมท่มีข้อตกลงในสัญญำ จ�ำเลยปฏิเสธควำมรับผิดโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลย
ื
ด�ำเนินกำรท�ำกำรตลำดแล้ว แต่เน่องจำกมีเหตุกำรณ์ควำมไม่สงบในประเทศท�ำให้
ไม่สำมำรถด�ำเนินกำรต่อไปได้ จึงเป็นกรณีมีเหตุผลสมควร ดังน้น ตำมค�ำฟ้องและ
ั
ึ
�
ี
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
็
ิ
คำให้กำร มประเดนข้อพพำทให้ต้องวนิจฉัยถงสทธ หน้ำท และควำมรบผดของโจทก์
่
ั
และจ�ำเลย ซึ่งเป็นคู่สัญญำตำมสัญญำดังกล่ำว ที่มีวัตถุประสงค์ในกำรอนุญำตให้จ�ำเลย
ใช้สิทธิในเทคโนโลยีตู้แดงอัจฉริยะซ่งมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมประมวลผล
ึ
ตู้แดงอัจฉริยะ เวอร์ช่น ๒.๐ ท่ได้จดแจ้งลิขสิทธ์ไว้กับกรมทรัพย์สินทำงปัญญำแล้วเป็น
ิ
ั
ี
ี
ส่วนประกอบ กรณีจึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ ์ ิ
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ั
ประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๘ มกรำคม ๒๕๕๖ จ�ำเลยท�ำสัญญำรับอนุญำตให้ใช้สิทธิใน
ื
ี
เทคโนโลยี ตู้แดงอัจฉริยะ จำกโจทก์ ซึ่งมีโปรแกรมซอฟต์แวร์ประมวลผลตู้แดงอัจฉริยะที่โจทก์
ิ
ื
ได้ย่นจดแจ้งลิขสิทธ์ไว้กับกรมทรัพย์สินทำงปัญญำแล้ว โจทก์ตกลงอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธิใน
เทคโนโลยีเรื่องตู้แดงอัจฉริยะเป็นระยะเวลำ ๑๐ ปี เพื่อใช้ในกิจกำรของจ�ำเลยเท่ำนั้น โดยโจทก์
ี
จะไม่อนุญำตให้บุคคลอ่นใช้สิทธิในเทคโนโลยีดังกล่ำวอีกตลอดระยะเวลำท่ได้ตกลงในสัญญำ
ื
จ�ำเลยมีสิทธิด�ำเนินกำรผลิต ขำย มีไว้เพ่อขำย ติดต้งและกระจำยสินค้ำภำยในประเทศ และจ�ำเลย
ั
ื
ต้องท�ำกำรตลำด/ติดตั้งระบบตู้แดงอัจฉริยะภำยใน ๒ ปี นับแต่วันลงนำมในสัญญำ หำกจ�ำเลย
ไม่ท�ำกำรตลำด/ติดตั้งระบบโดยไม่มีเหตุอันควร จ�ำเลยต้องจ่ำยค่ำเสียโอกำสให้แก่โจทก์เป็นเงิน
25
ิ
่
ื
ั
�
่
ิ
้
ุ
ั
่
ี
๒๐๐,๐๐๐ บำท สญญำระหว่ำงโจทก์และจำเลยเรมต้นเมอวนท ๘ มกรำคม ๒๕๕๖ สนสดลง
ี
�
ิ
ิ
่
ั
ในวันท ๗ มกรำคม ๒๕๖๖ หำกจ�ำเลยฝ่ำฝืนหรอละเลยไม่ปฏบตตำมข้อกำหนดและเง่อนไข
ื
ื
ั
ตำมสัญญำท้งหมดหรือแต่บำงส่วน โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญำได้ทันทีโดยไม่จ�ำต้องบอกกล่ำว
ล่วงหน้ำและมีสิทธิเรียกให้จ�ำเลยรับผิดบรรดำค่ำเสียหำย ค่ำใช้จ่ำย และค่ำชดเชยท่เกิดข้น
ี
ึ
ี
ภำยหลังจำกท่จ�ำเลยท�ำสัญญำกับโจทก์ จ�ำเลยวำงแผนกำรตลำดโดยมุ่งเน้นกำรตลำดกับ
หน่วยงำนรำชกำรส่วนภูมิภำค ต่อมำเกิดวิกฤติทำงกำรเมืองส่งผลต่อกำรท�ำกำรตลำดของ
ี
จ�ำเลย จ�ำเลยจึงไม่สำมำรถท�ำกำรตลำดได้ตำมข้อตกลงท่ท�ำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ
กับจ�ำเลย และเรียกค่ำเสียโอกำส ๒๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยได้รับหนังสือบอกกล่ำวแล้ว แต่เพิกเฉย
ไม่ช�ำระเงินให้กับโจทก์ จึงถือว่ำจ�ำเลยเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ ๙ เมษำยน ๒๕๕๙ โจทก์จึงมีสิทธิ
คิดดอกเบี้ยผิดนัดอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันดังกล่ำว เป็นดอกเบี้ย ๘,๘๓๕.๖๒ บำท เมื่อ
รวมกับเงินต้นเป็นเงน ๒๐๘,๘๓๕.๖๒ บำท ขอให้บังคบจำเลยชำระเงิน ๒๐๘,๘๓๕.๖๒ บำท
ั
ิ
�
�
ี
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้อง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยได้ด�ำเนินกำรท�ำแผนกำรตลำด โดยท�ำแปลน แผ่นพับโฆษณำ
และแผนโครงกำรที่น�ำเสนอต่อหน่วยงำนรำชกำรเพื่อท�ำกำรตลำดแล้ว มีกำรจัดสัมมนำ ประชุม
ื
ื
ี
ั
เก่ยวกับเทคโนโลยีเร่องตู้แดงอัจฉริยะต้งแต่เดือนตุลำคม ๒๕๕๖ แต่เน่องจำกเหตุกำรณ์ควำม
ไม่สงบในประเทศ ท�ำให้ไม่สำมำรถท่จะด�ำเนินกำรและท�ำกำรตลำดต่อไปได้ ซ่งเป็นเหตุผล
ี
ึ
เพียงพอและเป็นกำรสมควร จ�ำเลยได้ปฏิบัติตำมสัญญำแล้ว ตำมสัญญำจ�ำเลยมีหน้ำที่ท�ำกำรตลำด
เท่ำน้น แต่จะท�ำกำรตลำดได้หรือไม่เป็นควำมต้องกำรของผู้ซ้อหรืองบประมำณในกำรจัดซ้อ
ื
ื
ั
โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงนครรำชสีมำพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ี ้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
ั
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำง
ั
26
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ
โจทก์ท�ำสัญญำอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธิในเทคโนโลยี ตู้แดงอัจฉริยะ ที่โจทก์พัฒนำขึ้น แต่จ�ำเลย
ั
ปฏิบัติผิดสัญญำไม่ท�ำกำรตลำด/ติดต้งระบบตู้แดงอัจฉริยะภำยในเวลำ ๒ ปี นับแต่วันลงนำม
ี
ในสัญญำ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและเรียกค่ำเสียโอกำสตำมท่มีข้อตกลงในสัญญำ จ�ำเลยปฏิเสธ
ควำมรับผิดโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยด�ำเนินกำรท�ำกำรตลำดแล้ว แต่เนื่องจำกมีเหตุกำรณ์ควำมไม่สงบ
ั
ในประเทศท�ำให้ไม่สำมำรถด�ำเนินกำรต่อไปได้จึงเป็นกรณีมีเหตุผลสมควร ดังน้น ตำมค�ำฟ้อง
และค�ำให้กำรมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดของโจทก์และ
ี
ี
ึ
จ�ำเลยซ่งเป็นคู่สัญญำตำมสัญญำดังกล่ำว ท่มีวัตถุประสงค์ในกำรอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธ ิ
ในเทคโนโลยีตู้แดงอัจฉริยะซ่งมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมประมวลผลตู้แดงอัจฉริยะ
ึ
เวอร์ชัน ๒.๐ ท่ได้จดแจ้งลิขสิทธ์ไว้กับกรมทรัพย์สินทำงปัญญำแล้วเป็นส่วนประกอบ กรณ ี
ี
ิ
จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ิ
ี
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ู
์
�
ิ
ั
ิ
ิ
ิ
ั
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
้
ั
้
ี
่
่
ิ
ี
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
27
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีชำญพิเศษ บริษัทซีนิเพล็กซ์
ที่ วทป ๓๕/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทสยำมสปอร์ต ซินดิเคท
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซึ่งเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในกำรถ่ำยทอดภำพ
และเสียง กำรแข่งขันฟุตบอลของสมำคมกีฬำแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์
ิ
ิ
ั
�
ี
ได้ท�ำสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิงำนอนมลขสทธ์ดงกล่ำวกับโจทก์ประจำฤดูกำรแข่งขัน
ั
ิ
ปี ๒๕๕๗ ถึงปี ๒๕๕๙ โดยโจทก์มีหน้ำท่ช�ำระค่ำตอบแทนกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิใน
ี
แต่ละฤดูกำรแข่งขันให้แก่จ�ำเลยตำมก�ำหนด แต่นับต้งแต่ในวันเปิดฤดูกำรแข่งขัน
ั
ั
ปี ๒๕๕๙ จนกระท่งจบฤดูกำรแข่งขัน จ�ำเลยไม่ส่งสัญญำณถ่ำยทอดเสียงและภำพกำร
แข่งขันให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ ท�ำให้โจทก์ต้องผิดสัญญำกับสมำชิกลูกค้ำของโจทก์
ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้ำ ไม่ได้รับชมกำรถ่ำยทอดกำรแข่งขันฟุตบอล ข้ออ้ำงที่โจทก์อำศัย
ิ
เป็นหลักแห่งข้อหำจึงเก่ยวพันโดยตรงกับกำรได้ลิขสิทธ์กำรถ่ำยทอดกำรแข่งขันฟุตบอล
ี
ของจ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยต่อสู้ปฏิเสธว่ำไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญำตำมฟ้อง คดีจึงต้องวินิจฉัยถึง
สิทธิในงำนลิขสิทธ์กำรแพร่เสียงแพร่ภำพกำรถ่ำยทอดฟุตบอลระหว่ำงจ�ำเลยกับโจทก์
ิ
ี
อันเป็นประเด็นเก่ยวกับงำนอันมีลิขสิทธ์ว่ำ จ�ำเลยผิดสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ ิ ์
ิ
ี
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือสัญญำ
ิ
ิ
อนุญำตให้ใช้สิทธ์ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำง
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทในเครือของทรูวิชั่นส์ ให้บริกำรโทรทัศน์ทั่วประเทศผ่ำน
ดำวเทียมในระบบดิจิทัลตรงสู่บ้ำนท่บอกรับเป็นสมำชิก โดยน�ำเสนอควำมบันเทิงหลำยช่อง
ี
ื
รำยกำร ท้งรำยกำรภำพยนตร์ สำระบันเทิง และกีฬำ เม่อวันท่ ๑๘ ธันวำคม ๒๕๕๖ จ�ำเลย
ี
ั
ซ่งเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในกำรถ่ำยทอดภำพและเสียงกำรแข่งขันฟุตบอลรำยกำรต่ำง ๆ
ึ
ท่จัดโดยสมำคมกีฬำฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์ได้ท�ำสัญญำอนุญำตให้ใช้
ี
28
ั
สิทธิในกำรแพร่เสียงและภำพกำรแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (ไทยลีก), ดิวิช่น ๑, เอฟเอ
คัพ และลีก คัพ ประจ�ำฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๗ ถึงปี ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นงำนอันมีลิขสิทธิ์กับโจทก์
ี
โดยจ�ำเลยมีหน้ำท่ให้สิทธิแก่โจทก์ในกำรแพร่เสียงและภำพกำรแข่งขันฟุตบอลประจ�ำฤดูกำร
ี
แข่งขันดังกล่ำว และโจทก์มีหน้ำท่ช�ำระค่ำตอบแทนกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในแต่ละฤดูกำร
แข่งขันปีละ ๖๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท แบ่งช�ำระปีละ ๓ งวด งวดแรก ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ภำยใน
วันที่ ๓๑ มกรำคม ของแต่ละปี งวดที่ ๒ และงวดที่ ๓ งวดละ ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ภำยใน
วันที่ ๓๐ มิถุนำยน และวันที่ ๓๐ กันยำยน ของแต่ละปีตำมล�ำดับ ต่อมำฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๙
ื
โจทก์ช�ำระค่ำตอบแทนกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิงวดแรก ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่จ�ำเลยเม่อ
วันที่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๙ แต่ปรำกฏว่ำนับแต่วันที่ ๕ มีนำคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันเปิดฤดูกำร
แข่งขันฟุตบอลปี ๒๕๕๙ จนกระท่งจบฤดูกำรแข่งขัน จ�ำเลยมิได้ส่งสัญญำณถ่ำยทอดเสียง
ั
และภำพกำรแข่งขันให้กับโจทก์ตำมสัญญำ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ
ี
้
้
ิ
ั
ี
ิ
่
้
้
เงน ๓๙๐,๗๕๐,๐๐๐ บำท พรอมดอกเบยอตรำรอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงน ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
และของต้นเงิน ๑๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีตำมฟ้องเป็นข้อพิพำททำงแพ่งกรณีผิดสัญญำต่ำงตอบแทน
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลแพ่ง ค�ำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเพรำะโจทก์
ร่วมกับสมำคมกีฬำฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์เจ้ำของสิทธิเดิมผู้โอนได้ระงับ
ื
ิ
่
หรอห้ำม ตลอดจนกลำวอ้ำงบอกเลิกสัญญำกำรบริหำรสิทธประโยชน์กับจ�ำเลย โดยสมคบคิดกัน
ฉ้อฉลจ�ำเลย ท�ำให้จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำกำรส่งสัญญำณเสียงและภำพกำรแข่งขันฟุตบอลอย่ำง
ต่อเนื่องไปจนจบฤดูกำรแข่งขันในปี ๒๕๕๙ ให้แก่โจทก์ โดยโจทก์กับตัวแทนและหรือบริษัทใน
ั
เครือของบริษัททรูวิช่นส์ กรุ๊ป จ�ำกัด ไปท�ำสัญญำในกำรรับสัญญำณกำรถ่ำยทอดจำกสมำคม
กีฬำฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์โดยตรง มิได้บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยก่อน
และน�ำค่ำตอบแทนตำมสัญญำท่มีหน้ำท่ต้องจ่ำยให้จ�ำเลยไปจ่ำยให้แก่สมำคมดังกล่ำวอันเป็นกำร
ี
ี
ผิดสัญญำต่อจ�ำเลย ท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย จ�ำเลยมิได้ผิดสัญญำโจทก์จึงไม่มีสิทธ ิ
เรียกร้องตำมฟ้องจำกจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ั
ในช้นช้สองสถำน ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ
ี
ี
กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
ั
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
29
ี
ิ
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิท่อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ
ั
๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธ ี
พิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์
ึ
บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในกำรถ่ำยทอดภำพและเสียงกำรแข่งขัน
ฟุตบอลของสมำคมกีฬำแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์ ได้ท�ำสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิงำน
ิ
อันมีลิขสิทธ์ดังกล่ำวกับโจทก์ประจ�ำฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๗ ถึงปี ๒๕๕๙ โดยโจทก์มีหน้ำท ี ่
�
ั
ุ
�
ิ
�
ิ
ู
ชำระค่ำตอบแทนกำรอนญำตให้ใช้สทธในแต่ละฤดกำรแข่งขนให้แก่จำเลยตำมกำหนด แต่
ั
ั
นับต้งแต่ในวันเปิดฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๙ จนกระท่งจบฤดูกำรแข่งขัน จ�ำเลยไม่ส่งสัญญำณ
ถ่ำยทอดเสียงและภำพกำรแข่งขันให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ ท�ำให้โจทก์ต้องผิดสัญญำกับสมำชิก
ี
ลูกค้ำของโจทก์ท่ตกลงกันไว้ล่วงหน้ำ ไม่ได้รับชมกำรถ่ำยทอดกำรแข่งขันฟุตบอล ข้ออ้ำงท ี ่
ิ
ึ
ั
์
ิ
ี
ั
ิ
ั
ั
่
โจทก์อำศยเป็นหลกแห่งข้อหำจงเกยวพนโดยตรงกบกำรได้ลขสทธกำรถ่ำยทอดกำรแข่งขน
ั
ฟุตบอลของจ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยต่อสู้ปฏิเสธว่ำไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญำตำมฟ้อง คดีจึงต้องวินิจฉัย
ุ
ี
ิ
ิ
ั
ิ
ถงสทธในงำนลขสทธกำรแพร่เสยงแพร่ภำพกำรถ่ำยทอดฟตบอลระหว่ำงจำเลยกบโจทก์ อน
ั
ึ
�
ิ
์
ิ
ิ
เป็นประเด็นเก่ยวกับงำนอันมีลิขสิทธ์ว่ำ จ�ำเลยผิดสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์ท�ำให้โจทก์
ี
ิ
ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำม
ี
บทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ั
ิ
ั
้
์
ี
่
้
ี
ิ
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ั
ิ
่
ิ
ิ
�
ู
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
30
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัท ๙๔๕ โฮลดิ้ง
ที่ วทป ๓๖/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์
บริษัททรำนส์ โลจิสติกส์
จ�ำกัด จ�ำเลย
ื
โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำกำรบริหำรธุรกิจกับจ�ำเลย เพ่อเปิดศูนย์ให้
ั
ี
ื
บริกำรรับขนส่งและกระจำยสินค้ำหรือวัสดุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ำท่ส่งซ้อสินค้ำและบริกำร
ื
ั
จำกโจทก์และให้แก่บุคคลท่วไป ภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ บล แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส
ู
ของจ�ำเลย แต่เม่อโจทก์ได้ทดสอบคุณภำพกำรบริหำรกิจกำรรับขนส่งสินค้ำและวัสดุภัณฑ์
ื
ี
ี
ของจ�ำเลย พบว่ำกำรด�ำเนินกำรจัดส่งโดยเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยไม่เป็นไปตำมท่จ�ำเลย
ได้ยืนยันพรรณนำคุณภำพไว้ โจทก์ได้แจ้งปัญหำควำมบกพร่องให้จ�ำเลยทรำบแล้ว
ี
แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำได้ กำรท่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำกำรบริหำรจัดกำร
ี
ให้มีคุณภำพตำมท่ตกลงกันเป็นกำรปฏิบัติผิดสัญญำกับโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ
และเรียกเงินท่ช�ำระไปแล้วตำมสัญญำคืนจำกจ�ำเลย จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลย
ี
ี
ไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำกับโจทก์ แต่กำรท่โจทก์ไม่ด�ำเนินกำรเปิดร้ำน โจทก์เป็นฝ่ำย
ี
้
ผิดสัญญำ และจ�ำเลยฟ้องแย้งเรียกค่ำเสียหำยพร้อมค่ำปรับจำกโจทก์ ดังน เห็นได้ว่ำ
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรและฟ้องแย้งของจ�ำเลย มีข้ออ้ำงและข้อเถียงเป็น
ิ
ิ
ประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวนิจฉยว่ำ โจทก์หรอจำเลยเป็นฝ่ำยผดสัญญำ อนเป็นประเด็น
ั
ั
ื
�
ิ
่
ี
ี
ข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ หน้ำท และควำมรับผิดของโจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำกำร
ั
ุ
บริหำรธรกจซ่งมีสำระสำคัญของสญญำเป็นกำรอนญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ
ื
ึ
�
ิ
ุ
่
ิ
ั
ิ
ุ
ั
ี
ี
้
ี
ู
�
ึ
ี
ของจำเลยรวมอย่ด้วย คดนจงเป็นคดแพ่งทพพำทกนตำมสญญำอนญำตให้ใช้สทธิใน
ั
ื
ิ
่
เครองหมำยกำรค้ำอนอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพย์สนทำงปัญญำและ
�
ิ
ิ
ู
ั
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
31
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลำคม ๒๕๕๙ โจทก์ท�ำสัญญำกำรบริหำรธุรกิจ บลู แอนด์
ไวท์ เอ็กซ์เพรส ช็อป (Blue & White Express Shop) กับจ�ำเลย เพื่อเปิดศูนย์ให้บริกำรรับขนส่ง
ื
ั
และกระจำยสินค้ำหรือวัสดุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ำท่ส่งซ้อสินค้ำและบริกำรจำกโจทก์และให้แก่บุคคล
ี
ทั่วไป ภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ของจ�ำเลย โดยพนักงำนหรือเจ้ำหน้ำที่
แผนกหรือส่วนงำนข้นตอนขนส่งจะเป็นบุคลำกรของจ�ำเลย สัญญำมีก�ำหนดระยะเวลำ ๓ ปี
ั
่
่
�
ั
่
ี
ั
ั
ุ
ึ
ื
่
ุ
นบแตวนท ๑๕ ตลำคม ๒๕๕๙ ถงวนท ๑๔ ตลำคม ๒๕๖๒ กำหนดคำใชสทธในเครองหมำยกำรคำ
้
ิ
้
ี
่
ิ
และอุปกรณ์ประจ�ำร้ำนของจ�ำเลยเป็นเงิน ๒๒๐,๐๐๐ บำท ซึ่งโจทก์ช�ำระให้จ�ำเลยครบถ้วนแล้ว
ต่อมำระหว่ำงที่โจทก์ยังไม่ได้เปิดท�ำกำรร้ำน บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส เพื่อให้บริกำรแก่บุคคล
ื
ื
่
้
่
์
ุ
้
ั
์
ิ
่
ี
ทวไปและยังไม่ได้ใช้เครองมอ อุปกรณ และทรพย์สนทจ�ำเลยสงมอบให โจทกไดทดสอบคณภำพ
ั
่
กำรบริหำรกิจกำรรับขนส่งสินค้ำและวัสดุภัณฑ์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ซ่งประกอบกิจกำรจัดจ�ำหน่ำย
ึ
สินค้ำจ�ำพวกอำหำรสัตว์มอบหมำยให้พนักงำนแผนกจัดส่งของจ�ำเลยจัดส่งสินค้ำให้แก่ลูกค้ำ
ที่สั่งซื้อสินค้ำจำกโจทก์หลำยร้อยรำยในช่วงระหว่ำงวันที่ ๑๐ ถึงวันที่ ๒๓ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙
ี
พบว่ำกำรด�ำเนินกำรจัดส่งโดยเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยไม่เป็นไปตำมท่จ�ำเลยได้ยืนยันพรรณนำ
ี
คุณภำพ กล่ำวคือ เจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยส่งของล่ำช้ำ มีสินค้ำท่ต้องจัดส่งหลำยรำยกำรตกค้ำง
ี
ี
ท่จ�ำเลยเป็นเวลำนำน และมีกำรส่งคืนสินค้ำกลับมำยังโจทก์หลำยรำยกำร ท�ำให้โจทก์ได้รับควำม
ี
ั
้
เสียหำย โจทก์แจ้งปัญหำข้อบกพร่องดังกล่ำวให้จำเลยทรำบและแก้ไขหลำยครง แต่จ�ำเลยไม่
�
สำมำรถแก้ไขปัญหำได้ โจทก์จึงไม่สำมำรถเปิดให้บริกำรร้ำน บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ตำม
ั
ื
สัญญำได้ เน่องจำกเกรงว่ำจะเกิดปัญหำในกำรให้บริกำรแก่บุคคลท่วไป อันจะท�ำให้โจทก์เสียหำย
เพ่มข้น กำรท่จำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำกำรบริหำรจัดกำรในข้นตอนกำรขนส่งจัดส่งสินค้ำ
ิ
�
ี
ึ
ั
และวัสดุภัณฑ์ให้ได้คุณภำพตำมท่ตกลงกับโจทก์ไว้จึงเป็นกำรปฏิบัติผิดสัญญำ โจทก์จึงมีหนังสือ
ี
บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยและขอคืนสิทธิในกำรใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและอุปกรณ์ประจ�ำร้ำนให้
ื
ื
แก่จ�ำเลย จ�ำเลยได้รับหนังสือแจ้งกำรบอกเลิกสัญญำแล้ว เม่อโจทก์บอกเลิกสัญญำโดยชอบ
ึ
คู่สัญญำแต่ละฝ่ำยต้องให้อีกฝ่ำยหน่งได้กลับคืนสู่ฐำนะดังท่เป็นอยู่เดิม ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ
ี
่
ิ
ุ
้
ิ
่
ื
้
ิ
ื
ิ
์
เงนคำสทธในกำรใชเครองหมำยกำรคำและอปกรณประจำรำนเปนเงน ๒๒๐,๐๐๐ บำท คนแก ่
�
้
็
โจทก์ และให้จ�ำเลยรับมอบเครื่องมือ อุปกรณ์ และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่จ�ำเลยส่งมอบให้โจทก์เพื่อ
ประกอบกิจกำรตำมสัญญำคืนกลับไป
ื
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยเป็นเจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์
เอ็กซ์เพรส (Blue & White Express) จ�ำเลยปฏิบัติตำมสัญญำที่ตกลงไว้กับโจทก์ เช่น จัดหำ
32
ื
ื
ี
ี
เคร่องมือ เคร่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ อันจ�ำเป็นท่ต้องใช้ตำมท่ระบุไว้ในสัญญำให้แก่โจทก์ครบถ้วน
แล้ว หลังจำกท�ำสัญญำ โจทก์ได้ใช้พนักงำนของจ�ำเลยจัดส่งสินค้ำให้โจทก์แล้วหลำยร้อยรำย
จึงถือว่ำโจทก์ได้ด�ำเนินกำรบริหำรธุรกิจตำมสัญญำท่ท�ำไว้กับจ�ำเลยภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ
ี
ื
ี
บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส โดยปริยำยแล้ว ตำมสัญญำโจทก์มีหน้ำท่ต้องด�ำเนินกำรเปิดร้ำน
โจทก์จึงเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ เม่อโจทก์ผิดสัญญำและบอกเลิกสัญญำ ท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำม
ื
ิ
�
ี
ี
ิ
ั
ิ
ิ
ุ
ี
ี
ิ
เสยหำยและเสยโอกำสทำงธรกจ จำเลยมสทธรบเงนประกนควำมเสยหำยของโจทก์และโจทก์
ต้องช�ำระค่ำปรับให้แก่จ�ำเลยอตรำวนละ ๕,๐๐๐ บำท ตำมสัญญำ กำรกระท�ำของโจทก์ท�ำให้
ั
ั
จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย กล่ำวคือ ค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลยต้องจัดซื้อเครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์
และว่ำจ้ำงให้จัดท�ำเคร่องหมำยกำรค้ำเพ่อติดต้งให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๓๐,๐๐๐ บำท ค่ำระบบ
ื
ื
ั
ิ
ี
ปฏิบัติกำรทำงคอมพิวเตอร์และแฟรนไชส์เป็นเงิน ๑๔,๐๐๐ บำท ค่ำภำษีมูลค่ำเพ่มท่จ�ำเลย
จ่ำยไปแล้วเป็นเงิน ๑๓,๕๐๐ บำท และค่ำปรับตำมสัญญำซึ่งจ�ำเลยขอคิดเพียง ๑๔๒,๕๐๐ บำท
รวมเป็นค่ำเสียหำยท้งส้น ๓๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์เลิกใช้หรือ
ิ
ั
กล่ำวอ้ำงถึง รวมทั้งส่งมอบคืนเครื่องหมำยกำรค้ำ เครื่องหมำยบริกำร ชื่อทำงกำรค้ำ ควำมลับ
ทำงกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ของจ�ำเลยโดยทันที และให้โจทก์ช�ำระค่ำเสียหำยเป็นเงิน
ี
๓๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่จ�ำเลยพร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว
นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงดอนเมืองพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
ั
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
ิ
ิ
ื
วนิจฉยว่ำ คดน้เป็นคดแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สทธในเครองหมำยกำรค้ำ
่
ั
ิ
ี
ี
ี
ี
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศพ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ
โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำกำรบริหำรธุรกิจ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ช็อป กับจ�ำเลย
ั
เพ่อเปิดศูนย์ให้บริกำรรับขนส่งและกระจำยสินค้ำหรือวัสดุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ำท่ส่งซ้อสินค้ำและ
ื
ื
ี
ื
ั
บริกำรจำกโจทก์และให้แก่บุคคลท่วไป ภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ของ
33
ื
จ�ำเลย แต่เม่อโจทก์ได้ทดสอบคุณภำพกำรบริหำรกิจกำรรับขนส่งสินค้ำและวัสดุภัณฑ์ของจ�ำเลย
ี
ี
พบว่ำกำรด�ำเนินกำรจัดส่งโดยเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยไม่เป็นไปตำมท่จ�ำเลยได้ยืนยันพรรณนำ
คุณภำพไว้ โจทก์ได้แจ้งปัญหำควำมบกพร่องให้จ�ำเลยทรำบแล้ว แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำ
ี
ได้ กำรท่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำกำรบริหำรจัดกำรให้มีคุณภำพตำมท่ตกลงกันเป็นกำร
ี
ี
ปฏิบัติผิดสัญญำกับโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและเรียกเงินท่ช�ำระไปแล้วตำมสัญญำคืน
จำกจ�ำเลย จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำกับโจทก์ แต่กำรที่โจทก์
ไม่ด�ำเนินกำรเปิดร้ำน โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ และจ�ำเลยฟ้องแย้งเรียกค่ำเสียหำยพร้อมค่ำปรับ
จำกโจทก์ ดังนี้ เห็นได้ว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรและฟ้องแย้งของจ�ำเลยมีข้ออ้ำงและ
ข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์หรือจ�ำเลยเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ อันเป็น
ี
ประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดของโจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำ
ี
ึ
กำรบริกำรธุรกิจซ่งมีสำระส�ำคัญของสัญญำเป็นกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ
ื
ของจ�ำเลยรวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิใน
ี
ี
เคร่องหมำยกำรค้ำอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ื
ระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ั
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
ิ
ิ
ิ
ั
้
ั
์
�
่
ี
ี
ั
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ิ
ิ
ู
่
้
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
34
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทมวยไทยพรีเมียร์ลีก
ที่ วทป ๕๑/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์
กำรกีฬำแห่งประเทศไทย
กับพวก จ�ำเลย
ิ
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นผู้คิดค้นริเร่มสร้ำงสรรค์ผลงำนจัดกำรแข่งขัน
โครงกำรมวยไทยระบบลีกหรือมวยไทยพรีเมียร์ลีกขึ้น โจทก์ได้พูดคุยบอกกล่ำวแนะน�ำ
กำรแข่งขันมวยไทยระบบลีกเพื่อขอให้จ�ำเลยที่ ๑ สนับสนุนและร่วมมือกับโจทก์ ต่อมำ
ิ
ุ
ั
ี
ู
ี
ผ้ว่ำกำรกำรกฬำแห่งประเทศไทยได้แถลงข่ำวพธลงนำมตำมสญญำอนญำตให้สทธ ิ
ิ
ี
่
่
จัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกแก่จ�ำเลยท ๒ โดยมีจ�ำเลยท ๓ เข้ำร่วมในกำรจัดงำน และ
ี
ี
จ�ำเลยท้งส่ได้ร่วมกันจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกคร้งท ๑ ประจ�ำปี ๒๕๕๙ ข้น ณ สนำมมวย
่
ึ
ั
ี
ั
ี
ี
ลุมพิน อันเป็นกำรละเมิดสิทธิของโจทก์ ส่วนจ�ำเลยท้งส่ให้กำรต่อสู้ในท�ำนองเดียวกัน
ั
่
ี
่
ี
่
ั
ี
ิ
ื
ิ
์
ิ
่
ื
ู
วำ ระบบหรอรปแบบกำรแขงขันกฬำมวยไทยไมใช่สทธิหรอลขสิทธทมกฎหมำยรบรอง
ุ
ั
ค้มครอง โจทก์จงไม่อำจมสทธในรปแบบกำรแข่งขนกฬำมวยไทยได้ คดจงมปัญหำให้
ี
ึ
ี
ี
ึ
ิ
ิ
ู
ี
ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ ระบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยตำมท่โจทก์กล่ำวอ้ำงในฟ้องเป็นงำน
ี
ั
ี
อันมีลิขสิทธ์และได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยหรือไม่ ดังน้น คดีน้ย่อมเป็นคดีแพ่ง
ิ
ท่เก่ยวกับลิขสิทธ์ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ิ
ี
ึ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำม พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ั
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๓)
____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำในปี ๒๕๕๖ โจทก์คิดค้นสร้ำงสรรค์ผลงำนจัดกำรแข่งขันโครงกำรมวยไทย
ระบบลีกหรือมวยไทยพรีเมียร์ลีกข้นโดยจัดแถลงข่ำวเม่อวันท่ ๑ ตุลำคม ๒๕๕๖ และจัดกำร
ื
ี
ึ
ื
ั
ั
แข่งขนเม่อวันท่ ๒๘ ธันวำคม ๒๕๕๖ หลังจำกน้นโจทก์พูดคุยบอกกล่ำวแนะน�ำกำรแข่งขัน
ี
ั
ื
ึ
มวยไทยระบบลีกเพ่อขอให้จ�ำเลยท่ ๑ สนับสนุนและร่วมมือกับโจทก์ ซ่งขณะน้นมีนำยสกล
ี
ี
ื
ผู้ว่ำกำรกำรกีฬำแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับเร่องไว้ ต่อมำวันท่ ๒๖ พฤษภำคม ๒๕๕๙
นำยสกลแถลงข่ำวพิธีลงนำมตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกกับจ�ำเลย
35
ี
ี
ท่ ๒ ให้จ�ำเลยท่ ๒ ดูแลเป็นระยะเวลำห้ำปี โดยอ้ำงว่ำมวยไทยลีกถือเป็นกำรแข่งขันมวยไทย
ี
ั
ระบบลีกคร้งแรกของโลก มีจ�ำเลยท่ ๓ เข้ำร่วมในกำรจัดงำน โจทก์จึงท�ำหนังสือลงวันท่ ๖
ี
ี
ึ
ี
มิถุนำยน ๒๕๕๙ ถึงกระทรวงกำรท่องเท่ยวและกีฬำซ่งเป็นต้นสังกัดของจ�ำเลยท่ ๑ ขอให้ม ี
ค�ำส่งระงับหรือยุติกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยระบบลีกตำมท่ผู้ว่ำกำรกำรกีฬำแห่งประเทศไทย
ี
ั
ี
ั
ี
ั
และจ�ำเลยท่ ๒ ลงนำมอนุญำตไป แต่ไม่ได้รับกำรตอบกลับ ท้งจ�ำเลยท้งส่ยังคงร่วมกัน
จัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกครั้งที่ ๑ ประจ�ำปี ๒๕๕๙ ขึ้น ณ สนำมมวยลุมพินี ใช้ชื่อรำยกำรว่ำ
ึ
“โตโยต้ำ มวยไทยลีก” ซ่งกำรกระท�ำดังกล่ำวเป็นกำรละเมิดสิทธิของโจทก์ เพรำะโจทก์เป็น
ึ
ผู้คิดค้นสร้ำงสรรค์กำรแข่งขันมวยไทยลีกข้นและน�ำไปจัดกำรแข่งขันโฆษณำเผยแพร่
ทั้งในประเทศและต่ำงประเทศมำแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ จึงไม่มีสิทธิน�ำผลงำนที่โจทก์คิดค้นสร้ำงสรรค์
ึ
ข้นไปจัดกำรแข่งขันหรือลงนำมท�ำสัญญำอนุญำตให้สิทธิแก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับอนุญำตจำก
โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสี่เป็นกำรโต้แย้งสิทธิโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้
บังคับจ�ำเลยท้งส่ร่วมกันหรือแทนกันช�ำระค่ำเสียหำย ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ี
ี
ั
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยที่ ๑ ระงับ
ี
หรือเพิกถอนสัญญำอนุญำตให้สิทธิจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกกับจ�ำเลยท่ ๒ และห้ำมจ�ำเลย
ั
ี
ั
ี
ี
ั
ี
ท้งส่กระท�ำกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกท่แถลงข่ำวมำท้งหมด รวมถึงท่จ�ำเลยท้งส่จะด�ำเนินกำร
จัดกำรแข่งขันต่อไปในอนำคตทั้งในและต่ำงประเทศ
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม โจทก์ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นริเริ่มสร้ำงสรรค์
และไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิในระบบหรือรูปแบบกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยระบบลีก เน่องจำกระบบ
ื
กำรแข่งขันและโปรแกรมกำรแข่งขันตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นเพียงระบบหรือรูปแบบกำรแข่งขัน
กีฬำมวยไทยแบบแบ่งสำยพบกันหมดเพ่อเก็บคะแนน ซ่งเป็นระบบหรือรูปแบบท่พบได้ในกำร
ื
ี
ึ
แข่งขันกีฬำท่วไปและมีแพร่หลำยต่อสำธำรณชนท่วโลกมำนำนแล้ว และกีฬำมวยก็มีกำรแข่งขัน
ั
ั
ในระบบหรือรูปแบบน้มำนำนแล้วโดยเรียกว่ำ มวยรอบ และระบบหรือรูปแบบของกำรแข่งขัน
ี
ิ
ู
ี
ั
ี
่
�
�
ิ
ิ
ิ
์
ื
ี
กฬำไม่ใช่สทธหรอลขสทธทกฎหมำยรบรองค้มครอง จำเลยท ๑ เป็นผ้มแนวคดในกำรจดทำ
ิ
ิ
ั
่
ี
ุ
โครงกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยระบบลีกมำก่อนโจทก์ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำอนุญำตให้สิทธิในกำร
แข่งขันมวยไทยรุ่นใหญ่ รำยกำร มวยไทยลีก แก่จ�ำเลยที่ ๒ โดยก่อนท�ำสัญญำได้มีกำรเจรจำ
ั
ิ
�
ต่อรองกำหนดเงอนไขหน้ำทควำมรับผดชอบและผลประโยชน์ททุกฝ่ำยจะได้รบถูกต้องตำม
ี
ี
่
่
่
ื
ระเบียบและข้อบังคับของจ�ำเลยที่ ๑ แล้ว อีกทั้งกำรมอบสิทธิให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ นั้น จ�ำเลยที่ ๑
ื
ื
ใช้ช่อว่ำกำรแข่งขันมวยไทยรุ่นใหญ่ มวยไทยลีก ซ่งแตกต่ำงจำกช่อรำยกำรของโจทก์ กรณ ี
ึ
36
ี
�
จึงเป็นกำรจัดกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยต่ำงรำยกัน ไม่ซ้ำซ้อนกัน กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๑
จึงเป็นกำรกระท�ำโดยชอบ ไม่เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำย คดีน ี ้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้
ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่ใช่เจ้ำของสิทธิและผู้สร้ำงสรรค์ในผลงำนกำร
ั
ั
ู
ิ
ั
ั
จดกำรแข่งขนโครงกำรมวยไทยระบบลก มวยไทยเป็นศลปะกำรต่อส้ป้องกนตวโจทก์ไม่อำจ
ี
กล่ำวอ้ำงกำรเป็นเจ้ำของลิขสิทธิ์ได้ กำรที่จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีก
ครั้งที่ ๑ ประจ�ำปี ๒๕๕๙ ขึ้น โดยมีจ�ำเลยที่ ๔ เป็นผู้สนับสนุนเป็นกำรจัดกำรแข่งขันโดยชอบ
มิได้เป็นกำรโต้แย้งสิทธิโจทก์ และไม่ได้ท�ำให้โจทก์เสียหำย ค่ำเสียหำยของโจทก์ไม่มีอยู่จริง
ี
ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๔ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๔ ให้กำรสนับสนุนกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยรุ่นใหญ่
โครงกำรโตโยต้ำ มวยไทยลีก ๒๐๑๖ ต่อกำรกีฬำแห่งประเทศไทยตำมท่ได้รับกำรร้องขอ
ี
ให้สนับสนุนมำโดยสุจริต อันเป็นกำรช่วยเหลือ ส่งเสริม ผลักดัน และพัฒนำวงกำรกีฬำของ
ี
ประเทศไทยเป็นกำรตอบแทนสังคมของจ�ำเลยท่ ๔ จ�ำเลยท่ ๔ มิได้กระท�ำกำรใดร่วมกับ
ี
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ อันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มิใช่เจ้ำของลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิในกำรจัดกำร
แข่งขันชกมวยไทยลีกแต่เพียงผู้เดียว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยใด ๆ
คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ี
ขอให้ยกฟ้อง
ี
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำกรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอ
่
ั
ั
ิ
์
้
ุ
ั
ี
ั
ิ
กำรพจำรณำพพำกษำคดไว้ช่วครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดีช�ำนญพเศษ
ิ
้
เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิตำมพระรำชบัญญัต ิ
ิ
ี
ี
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน
ั
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้อง
ิ
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นผู้คิดค้นริเร่มสร้ำงสรรค์ผลงำนจัดกำรแข่งขันโครงกำรมวยไทย
37
ึ
ระบบลีกหรือมวยไทยพรีเมียร์ลีกข้น โจทก์ได้พูดคุยบอกกล่ำวแนะน�ำกำรแข่งขันมวยไทยระบบลีก
ื
ี
เพ่อขอให้จ�ำเลยท่ ๑ สนับสนุนและร่วมมือกับโจทก์ ต่อมำผู้ว่ำกำรกำรกีฬำแห่งประเทศไทย
ได้แถลงข่ำวพิธีลงนำมตำมสัญญำอนุญำตให้สิทธิจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกแก่จ�ำเลยที่ ๒ โดยมี
ั
ี
จำเลยท่ ๓ เข้ำร่วมในกำรจัดงำน และจ�ำเลยท้งส่ได้ร่วมกนจดกำรแข่งขันมวยไทยลกคร้งท ๑
�
ี
ั
ี
่
ั
ั
ี
ิ
ุ
ิ
ึ
ิ
�
ั
้
ประจำปี ๒๕๕๙ ข้น ณ สนำมมวยลมพน อนเป็นกำรละเมดสทธของโจทก์ ส่วนจำเลยทงส ่ ี
ั
ิ
ี
�
ให้กำรต่อสู้ในท�ำนองเดียวกันว่ำ ระบบหรือรูปแบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยไม่ใช่สิทธิหรือลิขสิทธ ์ ิ
ที่มีกฎหมำยรับรองคุ้มครอง โจทก์จึงไม่อำจมีสิทธิในรูปแบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยได้ คดีจึงมี
ี
ปัญหำให้ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ ระบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยตำมท่โจทก์กล่ำวอ้ำงในฟ้องเป็นงำน
ั
ี
ี
ี
อันมีลิขสิทธ์และได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยหรือไม่ ดังน้น คดีน้ย่อมเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับ
ิ
ึ
ิ
ลิขสิทธ์ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
์
ิ
ั
้
ั
ี
่
้
ี
ิ
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ั
ิ
่
ิ
ิ
�
ู
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
38
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวอธิชำ เทศข�ำ โจทก์
ที่ วทป ๒๖/๒๕๖๑ บริษัทสกำยปำร์ค มิวสิค
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
จ�ำเลยน�ำผลงำนเพลงสองเพลงตำมฟ้องท่โจทก์ขับร้องและแสดงในมิวสิก
ื
ื
วิดีโอไปเผยแพร่ต่อสำธำรณชนผ่ำนทำงคล่นวิทยุกระจำยเสียงและส่อออนไลน์ และให้
ี
ประชำชนดำวน์โหลดเพลงโดยเสียค่ำตอบแทน คดีจึงมีประเด็นท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวข้อง
ี
กับสิทธิของนักแสดงและสิทธิในกำรได้รับค่ำตอบแทนของนักแสดง จึงเป็นคดีแพ่ง
เกี่ยวกับลิขสิทธิ์
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๘ โจทก์กับจ�ำเลยได้ท�ำสัญญำจ้ำงขับร้อง
เพลงและนักแสดงมีก�ำหนดระยะเวลำ ๓ ปี นับแต่วันท�ำสัญญำซ่งมีข้อตกลงว่ำโจทก์ตกลง
ึ
เป็นดำรำแสดงภำพยนตร์ละครและขับร้องเพลงไทยสำกลและเพลงลูกทุ่งบันทึกเสียงให้จ�ำเลย
โดยสัญญำข้อที่ ๓ ก�ำหนดให้ค่ำใช้จ่ำยในกำรบันทึกเสียง ถ่ำยภำพ ถ่ำยท�ำละครและภำพยนตร์
รวมทั้งกำรโฆษณำเพื่อสนับสนุนกำรจ�ำหน่ำยผลงำน ตลอดจนค่ำใช้จ่ำยใด ๆ ในกำรด�ำเนินกำร
เพ่อจ�ำหน่ำยส่งบนทึกเสียง โสตทัศนวัสดุ ตำมสัญญำน้ จำเลยเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยท้งหมด
ื
ี
ั
ั
�
ิ
แต่เพียงผู้เดียว และข้อที่ ๘ ก�ำหนดว่ำ นักร้อง/นักแสดง ไม่มีสิทธิในกำรแสดงภำพยนตร์ ละคร
ไม่มีสิทธิรับงำนดนตรีหรือแสดงแบบ ถ่ำยโฆษณำและรับงำนต่ำง ๆ ไม่ว่ำจะมีค่ำตอบแทนหรือ
ี
ี
ี
ั
ไม่ก็ตำม งำนท่จะรับได้ต้องเป็นงำนท่บริษัทจัดหำให้เท่ำน้น ภำยหลังจำกท่โจทก์ได้ท�ำสัญญำ
ดังกล่ำวกับจ�ำเลย โจทก์ได้ปฏิบัติตำมสัญญำตลอดมำ แต่จ�ำเลยไม่เคยผลักดันหรือสนับสนุน
ผลงำนเพลงของโจทก์อันเป็นหน้ำท่ตำมสัญญำของจ�ำเลย บำงคร้งโจทก์ต้องเป็นผู้ออกจ่ำยชุด
ั
ี
ี
ึ
นักแสดงและค่ำใช้จ่ำยในกำรท�ำโปสเตอร์โปรโมท ซ่งโดยปกติแล้วเป็นหน้ำท่ของจ�ำเลย จ�ำเลย
ี
ั
ึ
ไม่จัดหำงำนแสดงโชว์ขับร้องเพลงให้กับโจทก์ซ่งเป็นกำรไม่ปฏิบัติตำมสญญำข้อท่ ๘ ขณะท ี ่
้
่
่
ี
ื
่
่
้
ั
้
ู
โจทกเปนศิลปนของจำเลยนน โจทกมผลงำนเพลงทขบรองชอวำ “ไมไดเจำชแตเนอคหนเยอะ”
่
ั
็
ิ
ู
�
้
ื
ี
้
์
่
ู
้
์
่
่
้
้
้
่
และ “คบไมไดผูชำยเจำชู” ซึ่งจ�ำเลยน�ำไปเผยแพรตอสำธำรณชนผำนทำงคลื่นวิทยุกระจำยเสียง
้
่
และส่อออนไลน์ และให้ประชำชนดำวน์โหลดเพลงท้งสองโดยเสียค่ำตอบแทน แต่ไม่ได้ก�ำหนด
ื
ั
่
้
้
�
ั
้
ั
ั
่
่
�
ี
คำตอบแทนใหแก่โจทก์ สญญำจำงขบรองเพลงและนกแสดงไมมข้อกำหนดคำจำงข้นตำต่องำนไว ้
ั
้
่
39
ื
ี
ั
และในข้อสัญญำหลำยข้อท�ำให้โจทก์ต้องรับภำระมำกกว่ำท่โจทก์จะคำดหมำยได้ ท้งเร่อง
ี
ี
�
ควำมชัดเจนในค่ำจ้ำงและสิทธิเสรีภำพในกำรรับจ้ำงงำนแสดงในกรณท่จำเลยไม่มีงำนแสดง
ให้แก่โจทก์และสิทธินักแสดงก็ไม่มีก�ำหนดโดยชัดเจนว่ำ ศิลปินจะได้ค่ำตอบแทนกันอย่ำงไร
ดังน้น หำกโจทก์ต้องผูกพันตำมสัญญำต่อไปจะท�ำให้โจทก์เสียหำย โจทก์จึงขอบอกเลิกสัญญำ
ั
และขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินที่โจทก์ได้ขับร้องและแสดงในมิวสิกวิดีโอของเพลง “ไม่ได้เจ้ำชู้แต่เนื้อคู่
หนูเยอะ” และ “คบไม่ได้ผู้ชำยเจ้ำชู้” เพลงละ ๑๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ได้ให้ทนำยควำมมีหนังสือ
บอกกล่ำวทวงถำมและบอกเลิกสัญญำไปยังจ�ำเลยแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพำกษำ
ให้สัญญำจ้ำงขับร้องเพลงและนักแสดงระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเลิกกัน และให้จ�ำเลยชดใช้
ค่ำขับร้องและแสดงในมิวสิกวิดีโอเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์
จ�ำเลยขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิจำรณำแล้ว
ี
เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ึ
ื
่
ี
ั
ิ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศหรอไม่ จงให้รอกำรพจำรณำพพำกษำคดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำ
ิ
ั
ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
ิ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ั
ี
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลย
นำผลงำนเพลงสองเพลงตำมฟ้องทโจทก์ขบร้องและแสดงในมวสกวดโอไปเผยแพร่ต่อสำธำรณชน
ิ
ิ
ี
่
ี
ิ
ั
�
ื
ื
ผ่ำนทำงคล่นวิทยุกระจำยเสียงและส่อออนไลน์ และให้ประชำชนดำวน์โหลดเพลงโดยเสีย
ี
ค่ำตอบแทนและขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินท่โจทก์ได้ขับร้องและแสดงในมิวสิกวิดีโอของเพลง
ั
ท้งสองตำมฟ้องให้แก่โจทก์ คดีจึงมีประเด็นท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวข้องกับสิทธิของนักแสดงและ
ี
ี
สิทธิในกำรได้รับค่ำตอบแทนของนักแสดง คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ อันอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติ
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
40
�
ิ
ู
้
่
ิ
ั
้
ิ
ั
์
ิ
ั
ิ
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ี
ี
่
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
41
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฮอนด้ำ ออโตโมบิล
ที่ วทป ๔๕/๒๕๖๑ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์
บริษัทเคกรุ๊ป ฮอนด้ำ
ออโตโมบิล จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ิ
ี
ี
คดีมีประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ หน้ำท่ของโจทก์และจ�ำเลยท้งสอง
ั
ั
ึ
ตำมสัญญำแต่งต้งผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร ซ่งมีสำระส�ำคัญของสัญญำเป็นกำรอนุญำต
ี
ื
ให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์รวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกัน
ี
ตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมำยกำรค้ำ
_____________________________
ื
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๒
ี
ท�ำสัญญำแต่งต้งผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร โจทก์อนุญำตให้จ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยท่ได้รับอนุญำต
ั
ี
ี
ี
ให้ด�ำเนินกำรขำยและส่งเสริมกำรขำยรถยนต์และสินค้ำย่ห้อฮอนด้ำและให้บริกำรตำมมำตรฐำน
ของฮอนด้ำ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เป็นต้นมำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยที่ได้รับอนุญำตของโจทก์และ
ื
ี
ื
มีกำรลงนำมโดยจ�ำเลยท่ ๒ กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจเพ่อต่อระยะเวลำสัญญำเร่อยมำทุกปี ต่อมำ
ปรำกฏว่ำจ�ำเลยที่ ๑ โดยกำรด�ำเนินงำนของจ�ำเลยที่ ๒ ไม่ได้กระท�ำหน้ำที่ผู้จ�ำหน่ำยตำมสัญญำ
ี
ั
อย่ำงเหมำะสม ท�ำให้โจทก์ไม่ไว้วำงใจท่จะร่วมท�ำธุรกิจกับจ�ำเลยท้งสองอีกต่อไป จึงตัดสินใจ
ื
ั
ั
ไม่ต่อสัญญำกบจำเลยท่ ๑ ต้งแต่เดอนธันวำคม ๒๕๕๙ เป็นต้นมำ โจทก์ส่งหนังสือแจ้ง
�
ี
ไม่ต่อสัญญำถึงจ�ำเลยที่ ๑ และขอให้จ�ำเลยที่ ๑ ยุติกำรแสดงตนเป็นผู้แทนจ�ำหน่ำยที่รับอนุญำต
ื
หยุดขำยสินค้ำย่ห้อฮอนด้ำ หยุดกำรใช้เคร่องหมำยกำรค้ำฮอนด้ำ ขอให้ส่งคืนเอกสำรและ
ี
ี
ทรัพย์สินของโจทก์และขอให้จ�ำเลยท่ ๑ รักษำข้อมูลควำมลับอันเก่ยวกับกำรท�ำหน้ำท่ของ
ี
ี
ผู้จ�ำหน่ำย แต่จ�ำเลยที่ ๑ โดยกำรด�ำเนินกำรของจ�ำเลยที่ ๒ ยังคงเพิกเฉย กำรกระท�ำของจ�ำเลย
ื
ท้งสองจึงเป็นกำรผิดสัญญำและร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ เน่องจำกจ�ำเลยท้งสองไม่ปฏิบัต ิ
ั
ั
ี
ี
ิ
หน้ำท่ภำยหลังสัญญำส้นสุดลงให้ถูกต้องตำมท่ได้ตกลงกันและร่วมกันยึดหน่วงทรัพย์สินของ
โจทก์ไว้โดยไม่มีสิทธิ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรปลดป้ำย
ั
ิ
ื
ื
ี
ึ
ต่ำง ๆ ท่มีเคร่องหมำยกำรค้ำ ตรำสัญลักษณ์ ช่อทำงกำรค้ำของฮอนด้ำ ซ่งเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์
42
ี
ณ สถำนประกอบกำรของจ�ำเลยท่ ๑ หรือมีค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำให้โจทก์สำมำรถ
ั
เข้ำไปด�ำเนินกำรดังกล่ำวให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันส่งมอบคืนแก่โจทก์หรือท�ำลำยซ่งทรัพย์สิน
ึ
ของโจทก์ เอกสำรหรือระบบปฏิบัติกำรใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำรส่งเสริมกำรขำยผลิตภัณฑ์ของ
โจทก์ หรือมีค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำให้โจทก์สำมำรถเข้ำไปด�ำเนินกำรดังกล่ำวใน
สถำนประกอบกำรของจ�ำเลยที่ ๑ หำกโดยสภำพไม่สำมำรถบังคับให้จ�ำเลยทั้งสองปฏิบัติตำมได้
ี
ั
ั
ขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้รำคำทรัพย์สินต่ำง ๆ ของโจทก์ท่จ�ำเลยท้งสองได้
ั
ยดหน่วงไว้ ให้จ�ำเลยทงสองร่วมกันหรือแทนกนชดใช้ค่ำเสียหำย ๖๐,๑๕๙,๔๓๕ บำท พร้อม
ึ
้
ั
ี
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
ั
ั
ิ
จ�ำเลยท้งสองจะร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงินค่ำเสียหำยให้แก่โจทก์เสร็จส้น และให้จ�ำเลยท้งสอง
ื
ั
ั
ั
ื
ั
ร่วมกนหรอแทนกนชดใช้ค่ำใช้ประโยชน์จำกทรัพย์สินของโจทก์ คอป้ำยสญลกษณ์ทำงกำรค้ำ
ี
ต่ำง ๆ เอกสำร และระบบปฏิบัติ คิดเป็นรำยวันวันละ ๑๔,๕๐๐ บำท นับต้งแต่วันท่ ๑๕ กรกฎำคม ๒๕๖๐
ั
เป็นต้นไป แก่โจทก์จนกว่ำจ�ำเลยทั้งสองจะท�ำกำรส่งมอบทรัพย์สินคืนโจทก์ครบถ้วน
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
�
่
ี
ั
ิ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ จำเลยท ๑ ไม่ได้ผดสญญำ โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ โจทก์ใช้สิทธ ิ
ไม่สุจริตจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม กำรก�ำหนดอำยุสัญญำ
ครำวละ ๑ ปี และข้อตกลงให้สัญญำสิ้นสุดลงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือสิทธิบอกเลิกสัญญำ
ได้โดยอีกฝ่ำยมิได้ผิดสัญญำในข้อสำระส�ำคัญ เป็นข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม สัญญำระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยที่ ๑ ครบก�ำหนดแล้ว แต่โจทก์ยังคงให้จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยและบริกำรเรื่อยมำ
ี
ั
จึงถือว่ำโจทก์แต่งต้งให้จ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยและบริกำรโดยไม่มีก�ำหนดระยะเวลำ ขอให้
ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้กระท�ำกำรแทนจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ ไม่มี
ี
นิติสัมพันธ์กับโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีน้เป็นกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำกับคด ี
�
ี
ี
หมำยเลขด�ำท่ ๗๘๗/๒๕๖๐ ของศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยท่ ๑
ไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำ โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ข้อสัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เป็นข้อสัญญำ
ที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่ำเสียหำยและคิดดอกเบี้ยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
้
ี
ี
ี
ี
ิ
ั
ั
ในวนนดพจำรณำ ศำลจงหวดธญบรพจำรณำแล้ว เหนว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดนอย่ ู
ั
ั
ั
ี
ิ
็
ุ
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
ิ
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
43
ั
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
้
ี
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ คดีนเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำหรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธ ิ
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ
ั
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยว่ำ
ั
ั
โจทก์หรือจ�ำเลยท้งสองเป็นฝ่ำยปฏิบัติผิดสัญญำแต่งต้งผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร โจทก์มีสิทธ ิ
บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยท้งสองหรือไม่ และโจทก์ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด อันเป็น
ั
ั
ี
ั
ประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำท่ของโจทก์และจ�ำเลยท้งสองตำมสัญญำแต่งต้ง
ี
ึ
ื
ผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร ซ่งมีสำระส�ำคัญของสัญญำเป็นกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ
ี
ของโจทก์รวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิใน
ี
เคร่องหมำยกำรค้ำ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ื
ั
ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
ิ
ั
้
ิ
ั
์
ิ
่
ี
ี
ั
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ิ
ิ
้
�
่
ู
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
44
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงรัศมี ลอระวี โจทก์
ที่ วทป ๓/๒๕๖๒ บริษัทแอนนิเมชั่น
อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ั
แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสองจงใจกระท�ำละเมิดต่อโจทก์โดยไป
แจ้งควำมร้องทุกข์ น�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจเข้ำตรวจค้นจับกุมและด�ำเนินคดีกับโจทก์
ิ
ี
ในข้อหำละเมิดลิขสิทธ์ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนท่หมดอำยุควำมคุ้มครองตำมกฎหมำย
ั
ลิขสิทธ์แล้ว แต่ในกำรวินิจฉัยปัญหำว่ำจ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้อง
ิ
หรือไม่ จะต้องพิจำรณำด้วยว่ำ ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนเป็นงำนที่ยังได้รับควำมคุ้มครอง
ตำมกฎหมำยลิขสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งต้องพิจำรณำไปตำม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ คดีนี้
จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
_____________________________
ี
ื
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ จ�ำเลยท่ ๑ มอบ
ี
่
�
ี
ั
ุ
ื
อำนำจให้จ�ำเลยท่ ๒ เข้ำแจ้งควำมร้องทกข์กับพนกงำนสอบสวนเพอให้ดำเนนคดอำญำกบ
ี
ั
ิ
�
ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอน จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ น�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจไปยัง
ร้ำนก้องวิทยำซึ่งโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงอยู่และชี้ให้จับกุมโจทก์ โดยยืนยันว่ำโจทก์เป็นผู้กระท�ำ
ั
ิ
ิ
์
ิ
ิ
ควำมผิดข้อหำละเมิดลขสทธ และเจรจำขอให้โจทก์ชำระเงินแลกกับกำรไม่ด�ำเนนคดีอันมีลกษณะ
�
เป็นกำรกรรโชกทรัพย์ โจทก์ไม่ยินยอม ทั้งนี้จ�ำเลยทั้งสองทรำบเป็นอย่ำงดีตั้งแต่ก่อนแจ้งควำม
ด�ำเนินคดีแล้วว่ำ ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนไม่มีลิขสิทธิ์ตำมกฎหมำยแล้ว แต่ยังยืนยันแจ้งข้อควำม
อันเป็นเท็จ ช้ตัว และน�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจจับกุมโจทก์ จงใจให้เกิดควำมเสียหำยแก่โจทก์
ี
ิ
ี
ั
ิ
่
้
ิ
ิ
ิ
์
ู
ี
�
เป็นผลให้โจทก์ต้องถกดำเนนคดอำญำในข้อหำละเมดลขสทธทงทไม่เป็นควำมจรง ก่อให้เกิด
ิ
ี
ี
ควำมเสยหำยต่อชอเสยงและสทธเสรภำพของโจทก์ โจทก์ต้องเสียค่ำว่ำจ้ำงทนำยควำม ต้อง
ื
่
ิ
ิ
ี
ี
ยืมเงินประกันตัวและเสียดอกเบ้ย เสียค่ำใช้จ่ำยในกำรเดินทำงมำพบพนักงำนสอบสวนและ
พนักงำนอัยกำรหลำยคร้ง ต่อมำพนักงำนอัยกำรมีค�ำส่งไม่ฟ้องโจทก์ เน่องจำกตัวกำร์ตูน
ื
ั
ั
ี
โดรำเอมอนไม่ใช่งำนท่ได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยเพรำะหมดอำยุควำมคุ้มครองตำม
กฎหมำยลิขสิทธ์แล้ว กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรกระท�ำละเมิดและก่อให้เกิดควำม
ิ
ั
ั
เสียหำยต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
45
ี
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ั
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนเป็นงำน
สร้ำงสรรค์ประเภทงำนศิลปกรรม ลักษณะงำนจิตรกรรม มีอำยุกำรคุ้มครอง ๕๐ ปี นับแต่วัน
โฆษณำงำนคร้งแรก บริษัทฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ โปร จ�ำกัด เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำย
ั
ี
ของประเทศญ่ปุ่น และเป็นผู้สร้ำงสรรค์งำนศิลปกรรมตัวกำร์ตูนโดรำเอมอน ซ่งโฆษณำงำน
ึ
ี
ั
ุ
ั
ื
ั
์
ี
ุ
่
ิ
ั
ั
ั
้
์
ั
คร้งแรกเม่อวนท่ ๑ ธนวำคม ๒๕๑๒ ดังนน ในวันท ๑๑ กมภำพนธ ๒๕๖๐ วนเกดเหต ตวกำรตูน
ิ
โดรำเอมอนจึงยังอยู่ในระยะเวลำอำยุกำรคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ์ กำรกระท�ำของจ�ำเลย
ี
ท้งสองเป็นกำรใช้สิทธิโดยสุจริตตำมกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำท่ให้อ�ำนำจแก่จ�ำเลย
ั
ั
ท้งสองในฐำนะผู้รับมอบอ�ำนำจจำกบริษัทฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ โปร จ�ำกัด ในกำรด�ำเนินคด ี
ั
ั
อำญำกับโจทก์ จ�ำเลยท้งสองไม่ได้มีเจตนำกล่นแกล้งโจทก์และไม่ได้เรียกร้องให้โจทก์ช�ำระเงิน
แลกกับกำรไม่ด�ำเนินคดีแต่อย่ำงใด จ�ำเลยทั้งสองไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ี
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร
พิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
ั
เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ี
ี
ิ
ั
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลย
ท้งสองจงใจกระท�ำละเมิดต่อโจทก์โดยไปแจ้งควำมร้องทุกข์ น�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจเข้ำตรวจ
ั
ค้นจับกุมและด�ำเนินคดีในข้อหำละเมิดลิขสิทธ์ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนกับโจทก์ ท้งท่ตัวกำร์ตูน
ิ
ั
ี
ี
โดรำเอมอนเป็นงำนท่หมดอำยุควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ์แล้ว แต่ในกำรวินิจฉัย
ิ
ปัญหำว่ำ จ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้องหรือไม่ จะต้องพจำรณำด้วยว่ำ ตัวกำร์ตูน
ั
ิ
ึ
ิ
ี
โดรำเอมอนเป็นงำนท่ยังได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ์หรือไม่ ซ่งต้องพิจำรณำ
ิ
ี
์
้
ไปตำมกฎหมำยลขสทธ คอ พระรำชบญญตลขสทธ พ.ศ. ๒๕๓๗ คดนจึงเป็นคดแพ่ง
ี
ี
ิ
์
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ื
ั
ั
เก่ยวกับลิขสิทธ์ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ิ
ึ
ี
ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
46
�
ิ
ู
ี
่
ิ
ั
้
ิ
ั
์
้
ั
ิ
ิ
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ี
่
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
47
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทศรีค�ำรุ้ง จ�ำกัด โจทก์
ที่ วทป ๒๒/๒๕๖๒ นำงสำวญีนำหรือจีน่ำ
ซำลำส กับพวก จ�ำเลย
่
ี
จ�ำเลยท ๑ ปฏิบัติผิดสัญญำจ้ำงเป็นนักแสดงในสังกัดของโจทก์โดยไปรับจ้ำง
่
ี
ี
ี
เป็นนักแสดงของจ�ำเลยท ๓ คดีจึงมีปัญหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เก่ยวกับมูลหน้ระหว่ำง
ึ
ี
ี
่
ี
ี
โจทก์กับจ�ำเลยท ๑ ท่เกิดข้นตำมสัญญำจ้ำงท่มีข้อตกลงเก่ยวกับกำรโอนลิขสิทธ์ต่อกัน
ิ
และกำรห้ำมไปรับงำนแสดงกับบุคคลอื่น คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนำคม ๒๕๕๗ จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้เยำว์โดยควำมยินยอม
ของจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็นมำรดำและผู้ใช้อ�ำนำจปกครองของจ�ำเลยท่ ๑ ได้ตกลงเป็นนักแสดง
ี
ึ
ี
ในสังกัดโจทก์มีก�ำหนด ๕ ปี นับแต่วันที่ ๑๐ มีนำคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๙ มีนำคม ๒๕๖๒ เพื่อให้
จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำงำนเป็นนักแสดงภำพยนตร์ งำนละคร งำนร้องเพลง และงำนธุรกิจบันเทิงอื่น ๆ
ี
ี
ี
ตำมท่โจทก์เห็นสมควร จ�ำเลยท่ ๑ จะได้รับเงินค่ำจ้ำงท่โจทก์จ่ำยให้เป็นรำยเดือน เดือนละ
ี
ี
ิ
๑๐,๐๐๐ บำท และรำยได้ส่วนอ่นท่โจทก์จัดให้ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ตกลงโอนลิขสิทธ์กำรแสดง
ื
ั
ุ
่
ี
�
ั
่
์
�
ั
้
ของตนทงหมดให้แกโจทก และห้ำมจำเลยท ๑ ไปรบงำนกำรแสดงกบบคคลอนภำยในกำหนด
ื
่
ั
สญญำดังกล่ำวโดยไม่ได้รบควำมยินยอมจำกโจทก์ หลังจำกนนโจทก์จัดให้จ�ำเลยท่ ๑ ได้รบ
้
ั
ี
ั
ั
ี
กำรฝึกฝนกำรแสดง จนกระท่งมอบหมำยงำนให้จ�ำเลยท่ ๑ แสดงเป็นนำงเอกในละครชุด
ั
ื
ื
ื
เร่อง “ปริศนำ” และ “รัตนำวดี” เม่อปี ๒๕๕๘ จนมีช่อเสียงเป็นนักแสดงดำวรุ่งในสังกัดโจทก์
ี
ต่อมำประมำณเดือนมีนำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท่ ๑ ละเลยหลีกเล่ยงเข้ำซ้อมบทละครตำมท่โจทก์
ี
ี
ก�ำหนด และปลำยเดือนกรกฎำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยละท้งไม่เข้ำมำท�ำงำนให้แก่โจทก์ไปรับจ้ำง
ิ
ึ
ี
เป็นนักแสดงในสังกัดของจ�ำเลยท่ ๓ ซ่งว่ำจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ เข้ำร่วมเป็นนักแสดงน�ำฝ่ำยหญิง
ี
ในละครเรื่อง “ดวงใจในไฟหนำว” ออกอำกำศเผยแพร่ให้ประชำชนได้รับชมทำงโทรทัศน์ ตั้งแต่
วันท่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ท่จ�ำเลยท้งสำมร่วมกัน
ี
ั
ี
ละเมิดลิขสิทธิ์ตำมสัญญำจ้ำงนักแสดงของจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะนักแสดงในสังกัดของโจทก์ ขอให้
บังคับจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันช�ำระเงิน ๔,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงินดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
48
ี
ั
จ�ำเลยท้งสำมให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยประพฤติผิดสัญญำจ้ำง จ�ำเลย
ี
ี
ท่ ๒ และท่ ๓ ไม่เคยร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ สิทธิเรียกร้องโจทก์เร่องละเมิดเกินกว่ำ ๑ ปี
ื
ขำดอำยุควำม สัญญำจ้ำงเป็นนักแสดงในสังกัดระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ ๒๕
สิงหำคม ๒๕๕๙ เนื่องจำกโจทก์ผิดสัญญำไม่ช�ำระค่ำจ้ำงแก่จ�ำเลยอัตรำเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท
ตั้งแต่เดือนมีนำคมและเมษำยน ๒๕๕๙ จนพ้นก�ำหนดทวงถำม โจทก์เพิกเฉยไม่ช�ำระจ�ำเลยที่ ๑
จึงบอกเลิกสัญญำและมีสิทธิเข้ำรับจ้ำงเป็นนักแสดงกับจ�ำเลยที่ ๓ ได้ จ�ำเลยทั้งสำมไม่มีหน้ำที่
ี
ี
่
ี
้
ึ
่
ี
ี
ิ
ต้องชดใช้ค่ำเสียหำยใด ๆ ตำมฟ้องแก่โจทก์ หน้ทโจทก์ฟ้องเป็นหนเงนซงมใช่หนท่ไม่อำจ
้
ิ
แบ่งแยกกันช�ำระได้ โจทก์ไม่อำจน�ำหลักเร่องลูกหน้ร่วมมำใช้บังคับจ�ำเลยท่ ๓ ให้ร่วมรับผิดชดใช้
ี
ื
ี
ค่ำสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ และฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ในช้นช้สองสถำน ศำลจังหวัดมีนบุรี เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ี
ั
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
ั
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องพิจำรณำตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัต ิ
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
ี
ี
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ ว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือไม่ เห็นว่ำ
ิ
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ โดยควำมยินยอมของจ�ำเลยท่ ๒ มำรดำซ่งเป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครอง
ี
ึ
ี
ี
ของจ�ำเลยท่ ๑ ปฏิบัติผิดสัญญำจ้ำงเป็นนักแสดงในสังกัดของโจทก์โดยไปรับจ้ำงเป็นนักแสดง
ี
ของจ�ำเลยท่ ๓ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมให้ร่วมรับผิดต่อโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยและค่ำสินไหม
ั
ทดแทน จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรปฏิเสธว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำและท�ำละเมิดต่อโจทก์
แต่สัญญำจ้ำงระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ สิ้นสุดลงแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ จึงได้ไปรับจ้ำงเป็นนักแสดง
ในสังกัดจ�ำเลยท่ ๓ จ�ำเลยท้งสำมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีจึงมีปัญหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์
ั
ี
เกี่ยวกับมูลหนี้ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ที่เกิดขึ้นตำมสัญญำจ้ำงให้จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนักแสดง
ิ
ี
ในสังกัดของโจทก์ โดยมีข้อตกลงเก่ยวกับกำรโอนลิขสิทธ์ต่อกัน และกำรห้ำมไปรับงำนแสดง
ิ
่
ี
�
กับบุคคลอ่น ต่อมำจำเลยท ๑ ผดสญญำ ส่วนจำเลยท้งสำมให้กำรปฏเสธควำมรับผิด คดีน ี ้
ื
ั
�
ิ
ั
จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
ี
ิ
ี
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ั
49
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
50
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ มหำวิทยำลัยรำชภัฏ
ที่ วทป ๒๘/๒๕๖๒ พระนครศรีอยุธยำ โจทก์
บริษัทเบสท์ เอ็คซ์เพิร์ท
อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
ี
ื
เม่อสัญญำท่โจทก์และจ�ำเลยพิพำทกันมีขอบเขตท่จ�ำเลยจะจัดหำ พัฒนำ และ
ั
ื
ติดต้งอุปกรณ์ฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ศึกษำ วิเครำะห์ ออกแบบรำยงำน เพ่อน�ำเสนอ
ื
ข้อมูลท่สนับสนุนกำรตัดสินใจ อบรมและพัฒนำบุคลำกรของโจทก์ เม่อซอฟต์แวร์หรือ
ี
์
ิ
ั
ชุดค�ำส่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นงำนวรรณกรรมจึงเป็นงำนอันมีลิขสิทธ และกำร
จัดท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจโดยต้องมีกำรอบรมและพัฒนำบุคลำกร
ั
ั
ของโจทก์จึงเข้ำข่ำยกำรถ่ำยทอดเทคโนโลย สญญำดงกล่ำวนับเป็นสญญำท่เก่ยวกบ
ั
ี
ี
ี
ั
ิ
ี
ี
ี
ิ
ลิขสิทธ์และกำรถ่ำยทอดเทคโนโลย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์และเป็น
คดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยี
_____________________________
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๒ เมษำยน ๒๕๕๘ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้จัดท�ำระบบสำรสนเทศ
สนับสนุนกำรตัดสินใจ ๑ ระบบ ในรำคำ ๑,๙๐๐,๐๐๐ บำท ตกลงช�ำระค่ำจ้ำงแบ่งเป็น ๔ งวด
ี
ตำมควำมคืบหน้ำของงำน หำกจ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนให้แล้วเสร็จตำมเวลำท่ก�ำหนดในสัญญำ
�
�
่
ี
ั
ั
ั
ยอมเสยค่ำปรบอตรำวนละ ๑,๙๐๐ บำท จำเลยส่งมอบงำนในงวดท ๑ และโจทก์ชำระค่ำจ้ำง
ี
ื
ี
ในงำนงวดดังกล่ำวแล้ว ๓๘๐,๐๐๐ บำท ต่อมำเม่อวันท่ ๕ มิถุนำยน๒๕๕๘ จ�ำเลยขอ
ส่งมอบงำนในงวดท่ ๒ แต่คณะกรรมกำรของโจทก์มีมติไม่รับกำรส่งงำนในงวดท่ ๒ และส่ง
ี
ี
ั
ั
ี
ให้จำเลยจดทำแผนกำรทำงำนทละเอยด work plan แสดงรำยกำรในแต่ละขนตอนของกำร
้
�
�
ี
�
่
ั
ท�ำงำนให้ชัดเจน ตรวจเช็คข้อมูลแต่ละรำยกำรในทุกระบบเดิม (check list) ให้ทบทวนกับแต่ละ
ั
หน่วยงำนอีกคร้ง รำยงำนผลหน้ำจอให้หน่วยงำนดูว่ำครอบคลุมแล้วหรือไม่ และให้น�ำเสนอ
รูปแบบกำรวิเครำะห์ให้ชัดเจนภำยในวันที่ ๘ กรกฎำคม ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๘
จ�ำเลยขอขยำยระยะเวลำกำรส่งมอบงำนงวดที่ ๓ และงวดที่ ๔ ออกไปอีก ๓๐ วัน เนื่องจำกงำน
ในงวดที่ ๒ ยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎำคม ๒๕๕๘ คณะกรรมกำรของโจทก์พิจำรณำแล้ว
51
ไม่รับมอบงำนในงวดที่ ๒ และให้จ�ำเลยด�ำเนินกำรพบผู้บริหำรโจทก์เพื่อสรุปควำมต้องกำรและ
น�ำเสนอข้อมูลรำยงำน ออกแบบหน้ำจอแสดงผลและส่วนของกำรเข้ำใช้งำนในระบบให้เป็นไป
ตำมที่คณะกรรมกำรเสนอแนะ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎำคม ๒๕๕๘ โจทก์มีหนังสือทวงถำมให้จ�ำเลย
ส่งมอบงำนในงวดที่ ๒ ต่อมำในวันที่ ๑๖ กรกฎำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยมีหนังสือขอขยำยระยะเวลำ
ส่งมอบงำนไปอีก ๒๐ วัน คณะกรรมกำรโจทก์พิจำรณำแล้วไม่อนุญำต เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหำคม ๒๕๕๘
ี
จ�ำเลยมีหนังสือส่งมอบงำนงวดท่ ๒ คณะกรรมกำรโจทก์พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ จ�ำเลยท�ำงำน
ในงวดที่ ๒ ยังไม่ครบถ้วน จึงไม่รับมอบงำนในงวดที่ ๒ หลังจำกนั้น โจทก์ติดตำมทวงถำมอีก
หลำยครั้ง แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถส่งมอบงำนได้ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ โจทก์มีหนังสือ
ิ
ั
์
�
�
่
�
้
ี
ั
ิ
บอกเลกสญญำและเรยกใหจำเลยช�ำระคำปรบแก่โจทกจำนวน ๒๒๙,๙๐๐ บำท แต่จำเลยเพกเฉย
ี
โจทก์จึงเรียกดอกเบ้ยอัตรำผิดนัดของต้นเงินค่ำปรับดังกล่ำวนับแต่วันผิดนัดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน
๒๗,๙๖๐.๑๖ บำท แต่โจทก์ว่ำจ้ำงบริษัททรินนเทค จ�ำกัด มำจัดท�ำระบบสำรสนเทศต่อในรำคำ
๑,๔๔๙,๕๐๐ บำท ซึ่งต�่ำกว่ำค่ำจ้ำงจ�ำเลยตำมส่วนที่เหลือของสัญญำ ๗๐,๕๐๐ บำท จึงน�ำเงิน
ี
ดังกล่ำวและค่ำประกันควำมเสียหำย ๙๕,๐๐๐ บำท ท่จ�ำเลยวำงไว้มำหักช�ำระดอกเบ้ยและค่ำปรับแล้ว
ี
ี
ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๖๒,๘๖๐.๑๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของ
ต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวนับแต่วันที่ ๓๑ กรกฎำคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยรับท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจตำมฟ้องและ
ั
ี
ื
่
ี
ี
ส่งมอบงำนในงวดท่ ๑ แล้ว เม่อวนท่ ๕ มิถุนำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยส่งมอบงำนในงวดท ๒
ั
ุ
ิ
ั
ี
ั
่
ี
ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในวนท ๒๖ มถนำยน ๒๕๕๘ คณะกรรมกำรโจทก์มมตไม่รบงำนดงกล่ำว
ิ
ี
ื
โดยน�ำเง่อนไขกำรส่งมอบงำนงวดท่ ๓ มำเป็นเกณฑ์ในกำรพิจำรณำตรวจรับงำนในงวดท่ ๒
ี
และโจทก์ยังเพิ่มเติมงำนในส่วนอื่นเข้ำมำอีก จ�ำเลยด�ำเนินกำรต่ำง ๆ ตำมที่โจทก์ประสงค์แล้ว
ี
แต่โจทก์พิจำรณำตรวจรับงำนงวดท่ ๒ เกินเวลำอันสมควร จ�ำเลยจึงขอขยำยระยะเวลำกำรส่งมอบ
งำนงวดที่ ๓ และงวดที่ ๔ ออกไปอีก โจทก์เคยอนุญำตให้ขยำยระยะเวลำแล้ว แต่ต่อมำ โจทก์
ื
กลับมติเดิมและปฏิเสธไม่ขยำยระยะเวลำให้ เหตุท่จ�ำเลยส่งงำนล่ำช้ำเน่องจำกควำมบกพร่อง
ี
ของโจทก์ จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นพิจำรณำ ศำลแขวงพระนครศรีอยุธยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอ
ั
กำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ิ
ั
ั
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
52
ิ
ี
ึ
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์และสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยีซ่งอยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้จัดท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจ แล้วต่อมำ
ั
่
�
ิ
�
�
ิ
ี
ุ
จำเลยผดนดไม่ส่งมอบงำนภำยในกำหนด ส่วนจำเลยให้กำรปฏเสธว่ำ เหตทส่งมอบงำนล่ำช้ำ
ี
ื
ี
เน่องจำกควำมบกพร่องของโจทก์ เม่อสัญญำท่โจทก์และจ�ำเลยพิพำทกันมีขอบเขตท่จ�ำเลย
ื
ั
จะจัดหำ พัฒนำ และติดต้งอุปกรณ์ฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ศึกษำ วิเครำะห์ ออกแบบรำยงำน
ุ
ี
�
ื
เพอนำเสนอข้อมูลท่สนับสนุนกำรตัดสินใจ อบรมและพัฒนำบคลำกรของโจทก์ ตำมสัญญำจ้ำง
่
ื
ั
เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ เม่อซอฟต์แวร์หรือชุดค�ำส่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นงำน
วรรณกรรมจึงเป็นงำนอันมีลิขสิทธ์ และกำรจัดท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจ
ิ
โดยต้องมีกำรอบรมและพัฒนำบุคลำกรของโจทก์จึงเข้ำข่ำยกำรถ่ำยทอดเทคโนโลยี สัญญำ
ิ
ี
ี
ดังกล่ำวนับเป็นสัญญำท่เก่ยวกับลิขสิทธ์และกำรถ่ำยทอดเทคโนโลยี คดีน้จึงเป็นคดีแพ่ง
ี
ี
ั
ิ
เก่ยวกับลิขสิทธ์และเป็นคดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยี ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
ิ
ั
้
ิ
ั
์
ี
่
้
ี
ิ
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ั
ิ
�
ิ
่
ู
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
53
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สมำคมกีฬำฟุตบอล
ที่ วทป ๓๐/๒๕๖๒ แห่งประเทศไทย
ในพระบรมรำชูปถัมภ์ โจทก์
บริษัทสยำมสปอร์ต ซินดิเคท
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย
ั
โจทก์และจ�ำเลยท�ำสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอลลีกอำชีพ โดย
จ�ำเลยเป็นตัวแทนบริหำรสิทธิประโยชน์ในกำรแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฟุตบอล
ี
ิ
ู
ิ
ิ
ั
่
ั
ั
ุ
้
ั
ี
ั
ดวชน ๑ ลกภมภำค เอฟเอคพ ลกคพ รวมทงกำรแข่งขนภำยในสมำคมฟตบอล
แห่งประเทศไทย โจทก์ตกลงให้บรรดำลิขสิทธ ทรัพย์สินทำงปัญญำท่เกิดข้นหรือเก่ยวข้อง
ี
ิ
์
ี
ึ
กับกำรด�ำเนินกำรแพร่ภำพกำรถ่ำยทอดสดกำรแข่งขันฟุตบอลท่จัดข้นตำมสัญญำ
ึ
ี
ิ
ิ
เป็นสิทธ กรรมสิทธ์และทรัพย์สินทำงปัญญำของจ�ำเลย โดยโจทก์ตกลงมอบผลตอบแทน
ให้จ�ำเลย แต่จ�ำเลยผิดสัญญำไม่ช�ำระเงินส่วนแบ่งรำยได้ตำมท่ก�ำหนดในสัญญำ
ี
เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
_____________________________
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอล
ลีกอำชีพ โดยโจทก์ตกลงให้จ�ำเลยเป็นตัวแทนบริหำรสิทธิประโยชน์ในกำรแข่งขันฟุตบอลไทย
พรีเมียร์ลีก ฟุตบอลดิวิช่น ๑ ลีกภูมิภำค เอฟเอคัพ ลีกคัพ รวมท้งกำรแข่งขันภำยในสมำคม
ั
ั
ฟุตบอลแห่งประเทศไทยประจ�ำปี ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ โจทก์ตกลงมอบผลตอบแทนให้จ�ำเลย
ร้อยละ ๕๐ ของรำยได้ ต่อมำโจทก์ตรวจสอบบัญชีและกิจกำรของสมำคมไม่พบว่ำจ�ำเลยจ่ำย
เงินค่ำสิทธิประโยชน์ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ ขอให้บังคับ
จ�ำเลยช�ำระเงินส่วนแบ่งรำยได้ ๑,๑๓๙,๗๘๑.๗๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงิน ๙๐๐,๘๕๔,๖๔๗.๒๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำที่ ทป ๗๙/๒๕๖๐
กำรมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคดีท�ำโดยไม่ชอบ ฟ้องโจทก์เป็นเร่องตัวกำรตัวแทนตำมประมวล
ื
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศกลำง จ�ำเลยได้ปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำและได้แบ่งผลประโยชน์ให้แก่โจทก์
ี
54
ครบถ้วนแล้ว โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำและท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย ขอให้ยกฟ้อง และ
บังคับโจทก์ช�ำระเงิน ๒๔๙,๖๓๓,๓๗๗.๑๘ บำท แก่จ�ำเลย
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องแย้งของจ�ำเลยเป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำท ่ ี
ทป ๗๙/๒๕๖๐ โจทก์ไม่ได้เปิดเผยควำมลับที่จะท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย แต่โจทก์ท�ำไป
ตำมหน้ำที่ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ี
ในวันนัดช้สองสถำนและก�ำหนดแนวทำงกำรด�ำเนินคดีหรือสืบพยำนโจทก์
ี
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร
่
ั
้
ั
ิ
ิ
้
ี
�
ี
ิ
ั
์
่
ั
ุ
้
พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ
ั
ิ
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ั
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ิ
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้อง
ว่ำ โจทก์และจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอลลีกอำชีพ โดยโจทก์
ั
ตกลงให้จ�ำเลยเป็นตัวแทนบริหำรสิทธิประโยชน์ในกำรแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฟุตบอล
ดิวิชั่น ๑ ลีกภูมิภำค เอฟเอคัพ ลีกคัพ รวมทั้งกำรแข่งขันภำยในสมำคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ประจ�ำปี ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ ตำมสัญญำดังกล่ำว เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ ข้อ ๒ ก�ำหนดว่ำ
โจทก์ตกลงให้บรรดำลิขสิทธ์ ทรัพย์สินทำงปัญญำท่เกิดข้นหรือเก่ยวข้องกับกำรด�ำเนินกำร
ิ
ึ
ี
ี
ึ
ิ
แพร่ภำพกำรถ่ำยทอดสดกำรแข่งขันฟุตบอลท่จัดข้นตำมสัญญำเป็นสิทธิ กรรมสิทธ์และทรัพย์สิน
ี
�
ทำงปัญญำของจำเลย โดยโจทก์ตกลงมอบผลตอบแทนให้จ�ำเลยร้อยละ ๕๐ ของรำยได้ แต่
จ�ำเลยผิดสัญญำไม่ช�ำระเงินส่วนแบ่งรำยได้ตำมท่ก�ำหนดในสัญญำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับ
ี
ค�ำให้กำรและฟ้องแย้งของจ�ำเลยจึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงเป็นประเด็นให้ต้องพิจำรณำว่ำ โจทก์
หรือจ�ำเลย เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ อันเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดของ
โจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอลลีกอำชีพ ซ่งมีสำระส�ำคัญ
ั
ึ
ี
ของสัญญำเป็นกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์รวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำ
ิ
ี
อนุญำตให้ใช้สิทธิท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ี
ระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
55
�
ิ
ู
้
่
ิ
ั
้
ิ
ั
์
ั
่
ิ
ิ
ี
ี
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
56
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยโรเบิร์ต จอห์น ฟิลล์ โจทก์
ที่ วทป ๑๐/๒๕๖๓ บริษัทมำลำพลำส จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ิ
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของลิขสิทธ์เทคโนโลยีและน�ำมำให้
บริษัท ว. ได้ใช้ประโยชน์ ส่วนจ�ำเลยทั้งสี่ให้กำรต่อสู้คดีในส่วนนี้ว่ำ เทคโนโลยีดังกล่ำว
เป็นสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์ออกให้แก่ บริษัท ว. มิใช่ทรัพย์สินทำงปัญญำของโจทก์ จึงเป็น
์
ี
ี
ิ
คดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ สิทธิบัตร คดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลย หรือสัญญำ
อนุญำตให้ใช้สิทธิ
_____________________________
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ก่อต้งบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด เพ่อท�ำธุรกิจเก่ยวกับเทคโนโลย ี
ั
ื
ิ
กำรจัดกำรเพ่อไม่ให้มีเศษพลำสติกหลงเหลือจำกแม่พิมพ์ในกำรปั๊มช้นงำนออกมำเป็นรูปร่ำง
และย่นระยะเวลำกำรปั๊มชิ้นงำนให้เร็วขึ้น อันเป็นกำรลดต้นทุนกำรผลิต มีชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ว่ำ
Hot Runner โจทก์เป็นเจ้ำของลิขสิทธ์ในเทคโนโลยีดังกล่ำวและน�ำมำให้บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด
ิ
ี
ื
ี
ใช้ประโยชน์ เม่อวันท่ ๑๔ พฤษภำคม ๒๕๕๑ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ขอเข้ำร่วมหุ้นในกิจกำร
ี
ของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ในระหว่ำงปี ๒๕๕๒ ถึงปี ๒๕๕๗ โจทก์เป็นกรรมกำรผู้อ�ำนำจ
ในกำรบรหำร สำมำรถทำยอดขำยให้เตบโตได้อย่ำงต่อเน่อง ในช่วงปลำยปี ๒๕๕๗ โจทก์
�
ื
ิ
ิ
มีปัญหำด้ำนสุขภำพจึงลำออกจำกกำรเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ ในปี ๒๕๕๙ โจทก์กลับเข้ำมำ
ั
ี
ี
เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจอีกคร้ง แต่มิได้ท�ำหน้ำท่เป็นผู้บริหำรหลัก โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ท�ำหน้ำท ่ ี
ั
ผู้บริหำรหลักแทน ในระหว่ำงน้น จ�ำเลยท้งส่พยำยำมเข้ำครอบง�ำกิจกำรของบริษัทวอลลำสติก
ี
ั
จ�ำกัด และกีดกันมิให้โจทก์เข้ำมำมีส่วนหรือมีบทบำทในกำรบริหำร โดยใช้วิธีท่ผิดกฎหมำย มีกำร
ี
ึ
จัดกำรประชุมใหญ่โดยมิชอบซ่งต่อมำศำลแพ่งก็มีค�ำพิพำกษำให้เพิกถอนกำรประชุมใหญ่ดังกล่ำว
พฤติกำรณ์ของจ�ำเลยทงสเป็นกำรผดข้อตกลงในกำรประกอบธรกจร่วมกัน ผดต่อเจตนำรมณ์
ิ
ิ
ุ
่
ิ
้
ั
ี
ของกำรเข้ำหุ้นท่ต้องมีควำมไว้วำงใจ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้ศำลพิพำกษำให้
ี
จ�ำเลยที่ ๑ หยุดกำรใช้ลิขสิทธิ์ของโจทก์ผลิต Hot Runner ในนำมของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด
ี
หรือในนำมตนเอง ให้จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ออกจำกกำรเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของบริษัท
ี
ี
ั
วอลลำสติก จ�ำกัด ให้จ�ำเลยท้งส่ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยจำกกำรท่โจทก์ต้องขำดรำยได้
ี
57
อันเป็นก�ำไรจำกกำรขำยผลิตภัณฑ์ Hot Runner ของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗
ี
ี
้
ิ
�
ั
ั
ี
จนถึงวนฟ้องและชดใช้ค่ำเสยหำยจำกกำรทจำเลยทงส่ยึดอำนำจกำรบรหำรของโจทก์ เป็นเงิน
�
่
๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ิ
ิ
ั
ิ
�
ี
่
จำเลยท ๑ ให้กำรว่ำ กำรบรหำรงำนของบรษทวอลลำสตก จำกด กระทำโดยคณะ
ั
�
�
กรรมกำรที่แต่งตั้งโดยที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น กำรบริหำรงำนเป็นไปอย่ำงอิสระตำมวัตถุประสงค์
ของบริษัท โดยไม่ต้องได้รับควำมยินยอมจำกจ�ำเลยท่ ๑ กำรบริหำรงำนของจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท ี ่
ี
ี
๔ จึงเป็นไปโดยอิสระ ไม่อยู่ภำยใต้กำรครอบง�ำของจ�ำเลยท่ ๑ ผลิตภัณฑ์หัวฉีดส�ำหรับกำร
ี
หล่อข้นรูปด้วยกำรฉีดและส่วนปลำยยอดของหัวฉีด (Hot Runner) เป็นสิทธิบัตรของ
ึ
ึ
บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ซ่งได้รับโอนมำจำก วอลลำสติก ลิมิเต็ด หำใช่ของโจทก์ไม่ ท่โจทก์
ี
ิ
ี
ี
ขอให้จ�ำเลยท่ ๑ หยุดกำรใช้ลิขสิทธ์ของโจทก์ผลิต Hot Runner เป็นคดีเก่ยวกับทรัพย์สิน
ทำงปัญญำอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด มอบให้จ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ Hot Runner ให้แก่บริษัท
ี
วอลลำสติก จ�ำกัด โดยจ�ำเลยที่ ๑ ซื้อเครื่องจักรและวัตถุดิบทั้งหมด ในกรณีที่บริษัทวอลลำสติก
จ�ำกัด น�ำสินค้ำไปขำยเอง บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด จ่ำยผลประโยชน์ให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ ในรูปของ
ค่ำจ้ำง แต่หำกบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท่ ๑ ขำยสินค้ำในนำมของจ�ำเลย
ี
ที่ ๑ บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ตกลงจ่ำยผลประโยชน์ให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ ในรูปแบบค่ำคอมมิชชั่น
ี
ี
ท่โจทก์อ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ได้น�ำเงินเข้ำบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด จึงไม่เป็นควำมจริง ขอให้
ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ให้กำรมำในท�ำนองเดียวกันว่ำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยที่ ๒
ี
ถึงท่ ๔ ไม่เคยปฏิบัติผิดเง่อนไขสัญญำกำรถือหุ้น กำรบริหำรงำนของจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ใน
ื
ี
ี
ฐำนะกรรมกำรบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด เป็นอิสระ ปรำศจำกกำรครอบง�ำของผู้ใด โจทก์ทรำบ
ก�ำหนดกำรประชุมผู้ถือหุ้นและประชุมกรรมกำรแล้ว แต่ไม่เข้ำประชุมเอง กำรจ่ำยเงินเดือนตำม
ื
ี
ฟ้องน้น เป็นเร่องท่โจทก์ขอควำมช่วยเหลือต่อคณะกรรมกำรและผู้ถือหุ้นให้ช่วยเหลือในภำระ
ั
และค่ำใช้จ่ำยของโจทก์ สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ Hot Runner เป็นของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด
้
้
์
็
ที่โจทกขอใหจ�ำเลยที่ ๑ หยุดกำรใชลิขสิทธิ์ของโจทกผลิต Hot Runner เปนคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
์
ทำงปัญญำอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
58
ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
ั
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น
ั
ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
ิ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ สิทธิบัตร และคดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอด
ี
เทคโนโลยี หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของลิขสิทธ ์ ิ
เทคโนโลยีชื่อ “Hot Runner” และน�ำมำให้บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ได้ใช้ประโยชน์ ส่วนจ�ำเลย
ทั้งสี่ให้กำรต่อสู้คดีในส่วนนี้ว่ำ เทคโนโลยีดังกล่ำวเป็นสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์เลขที่ ๖๖๖๐๖ ออก
ให้แก่บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด มิใช่ทรัพย์สินทำงปัญญำของโจทก์ จึงมีประเด็นท่ต้องพิจำรณำว่ำ
ี
ื
ั
ี
เทคโนโลยีช่อ “Hot Runner” ท่โจทก์อ้ำงสิทธิน้นได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ ์ ิ
หรือสิทธิบัตร หรือเป็นสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยีหรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิหรือไม่ โจทก์
มีสิทธิในเทคโนโลยีดังกล่ำวเพียงใด คดีในส่วนท่เก่ยวข้องกับเทคโนโลยีช่อ “Hot Runner”
ี
ื
ี
จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ สิทธิบัตร คดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยี หรือสัญญำ
ิ
ี
อนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ั
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
59
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทนำรำ ทรี จ�ำกัด โจทก์
ที่ วทป ๑๖/๒๕๖๓ บริษัทช้อปปี้ (ประเทศไทย)
จ�ำกัด จ�ำเลย
ั
ึ
ค�ำฟ้องของโจทก์อ้ำงว่ำ จ�ำเลยได้น�ำสินค้ำซ่งเป็นผลิตภณฑ์ของโจทก์และม ี
ื
เคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ประกำศขำยผ่ำนเว็บไซต์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ไม่ได้ตกลง
ยินยอม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของสิทธิเครื่องหมำยกำรค้ำ “พิณนำรำ” หรือ “PINNARA”
ั
ื
ซ่งใช้กับสินค้ำประเภทชุดเคร่องส�ำอำงใช้บ�ำรุงผิวหน้ำและผิวกำย นับต้งแต่เดือนสิงหำคม ๒๕๖๒
ึ
ึ
เป็นต้นมำ จ�ำเลยได้น�ำสินค้ำประเภทเซร่มน้ำมันมะพร้ำวซ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของโจทก์
ั
�
ื
และมีเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ประกำศขำยผ่ำนเว็บไซต์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ไม่ได้ตกลง
ี
ยินยอมด้วยในรำคำท่ต่ำกว่ำรำคำขำยปลีกท่โจทก์ก�ำหนดไว้มำกและเป็นสินค้ำท่มีกำรลบเลขท ี ่
�
ี
ี
แสดงครั้งที่ผลิต (Lot number) วันที่ผลิตสินค้ำและวันที่สินค้ำหมดอำยุ ท�ำให้โจทก์และตัวแทน
จ�ำหน่ำยของโจทก์สูญเสียรำยได้และท�ำให้บุคคลภำยนอกที่ซื้อสินค้ำไปหลงเชื่อว่ำโจทก์ในฐำนะ
ื
เจ้ำของและผู้ผลิตสินค้ำระบุข้อควำมบนฉลำกสินค้ำประเภทเคร่องส�ำอำงไม่ครบถ้วนตำม
ื
กฎหมำยเป็นกำรลดทอนคุณค่ำ ควำมน่ำเช่อถือและท�ำลำยภำพลักษณ์ของสินค้ำของโจทก์
อันเป็นกำรกระท�ำละเมิดท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยหยุดกำรแสดง
้
ิ
ั
่
�
�
ุ
่
ื
ั
หยดกำรเผยแพร่และหยดกำรจำหน่ำยสนค้ำประเภทเซรมนำมนมะพร้ำวภำยใต้เครองหมำยกำรค้ำ
ุ
“พิณนำรำ” หรือ “PINNARA” ของโจทก์ผ่ำนเว็บไซต์ www.shopee.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของ
จ�ำเลย ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยในอัตรำวันละ ๕๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะหยุดกำรแสดง หยุดกำรเผยแพร่และหยุดกำรจ�ำหน่ำยสินค้ำประเภท
�
ั
ื
เซร่มน้ำมันมะพร้ำวภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ “พิณนำรำ” หรือ “PINNARA” ของโจทก์ผ่ำน
เว็บไซต์ www.shopee.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของจ�ำเลย
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นผู้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ เน่องจำกกำรน�ำเสนอขำยสินค้ำ
ื
ผ่ำนเว็บไซต์ได้กระท�ำโดยบุคคลภำยนอกท่ลงทะเบียนเป็นสมำชิก ฟ้องโจทก์อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ โจทก์และจ�ำเลยไม่ม ี
นิติสัมพันธ์ต่อกัน กำรประกำศรำคำของโจทก์จึงไม่มีผลบังคับจ�ำเลยหรือบุคคลภำยนอก โจทก์
ไม่ได้รับควำมเสียหำยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
60
ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ
่
ั
ิ
ั
ิ
ี
ู
ี
ั
ุ
ิ
ั
�
คดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์อ้ำงว่ำ
จ�ำเลยได้น�ำสินค้ำซ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของโจทก์และมีเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ประกำศขำยผ่ำน
ึ
ื
เว็บไซต์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ไม่ได้ตกลงยินยอม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จึงขอให้ศำลบังคับ
จ�ำเลยให้หยุดกำรแสดง หยุดกำรเผยแพร่และหยุดกำรจ�ำหน่ำยสินค้ำภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำ
ของโจทก์ผ่ำนเว็บไซต์ของจ�ำเลย ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรของจ�ำเลยจึงมีปัญหำให้ต้อง
พจำรณำว่ำ โจทก์ซงเป็นเจ้ำของเครองหมำยกำรค้ำตำมฟ้องมสทธิห้ำมจ�ำเลยมให้ขำยสินค้ำ
ิ
ี
ื
่
ิ
ิ
ึ
่
ื
ท่มีเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์หรือไม่ อันเป็นประเด็นท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิของโจทก์ในฐำนะ
ี
ี
ื
ี
เจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ื
ี
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง
ั
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
้
ั
ิ
์
ั
ี
่
้
ี
ิ
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ั
ิ
่
ิ
ิ
�
ู
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
61
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทชูไก จ�ำกัด
ที่ วทป ๒๖/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์
บริษัทอัลฟำเมตริคส์
จ�ำกัด จ�ำเลย
ิ
ื
ึ
ี
เม่อสัญญำจ้ำงก�ำหนดให้จ�ำเลยเป็นเจ้ำของลิขสิทธ์ในซอฟต์แวร์ท่ได้พัฒนำข้น
และจ�ำเลยอนุญำตให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่ำว กรณีจึงเป็นคดีแพ่งท่ต้อง
ี
พิจำรณำเกี่ยวกับข้อตกลงตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
_____________________________
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๕ กันยำยน ๒๕๖๐ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยออกแบบ พัฒนำ และ
ั
ติดต้งโปรแกรมระบบอีอำร์พี (ERP) ให้แก่โจทก์ จำเลยมหน้ำทให้บรกำรต้งแต่รับข้อมลและ
ั
ู
�
่
ี
ิ
ี
รำยละเอียดควำมต้องกำรใช้งำน ออกแบบ พัฒนำระบบ อบรมกำรใช้งำน แก้ปัญหำ จนระบบแล้ว
เสร็จใช้งำนได้จริง และรับประกันผลงำนพร้อมบริกำรหลังกำรขำย โดยจ�ำเลยเป็นผู้จัดซื้อและติดตั้ง
ิ
ซอฟต์แวร์พร้อมลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์ให้แก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยไม่สำมำรถส่งมอบงำนให้แก่โจทก์
ตำมก�ำหนดระยะเวลำ และระบบงำนมีควำมบกพร่องไม่สำมำรถท�ำงำนได้ตำมวัตถุประสงค์ของ
กำรว่ำจ้ำงที่ตกลงกัน โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยแก้ไขปัญหำและปฏิบัติตำมสัญญำ แต่จ�ำเลยแจ้งขอยุติกำร
ให้บริกำรหรือด�ำเนินงำนตำมสัญญำว่ำจ้ำงมำยังโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ จ�ำเลยเป็นฝ่ำยผิด
สัญญำจ้ำงและต้องชดใช้ค่ำเสียหำยให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงินค่ำจ้ำงหรือค่ำด�ำเนินกำร
พัฒนำโปรแกรม ๕,๗๗๘,๐๐๐ บำท กับค่ำซอฟต์แวร์ตำมสัญญำจ้ำง ๔,๒๖๖,๓๕๑.๙๔ บำท
�
และชดใช้ค่ำเสียหำยอันเป็นค่ำใช้จ่ำยท่โจทก์ชำระไปเพ่อดำเนินงำนท่เก่ยวข้องกบสัญญำจ้ำง
�
ื
ี
ั
ี
ี
๔,๗๘๒,๙๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจ�ำนวนดังกล่ำว
ี
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ั
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยด�ำเนินงำนตำมท่ได้รับว่ำจ้ำงจนถึงข้นตอนกำรฝึกอบรมกำร
ใช้งำนระบบให้แก่ผู้ใช้งำนของโจทก์แล้ว ระบบอีอำร์พี (ERP) ตำมสัญญำจ้ำงไม่สำมำรถใช้งำน
ื
ได้จริงเน่องจำกกำรจัดกำรข้อมูลของโจทก์และข้อจ�ำกัดของซอฟต์แวร์ จ�ำเลยจึงแจ้งขอยุติกำร
ิ
ั
ด�ำเนินงำนไปยังโจทก์ จ�ำเลยพัฒนำโปรแกรมตำมสัญญำจ้ำงและซ้อลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์ติดต้ง
ื
ให้แก่โจทก์แล้ว จึงไม่จ�ำต้องคืนเงินค่ำจำงหรือค่ำด�ำเนินงำนพัฒนำโปรแกรม ๕,๗๗๘,๐๐๐ บำท
้
และค่ำซอฟต์แวร์ตำมสัญญำว่ำจ้ำง ๔,๒๖๖,๓๕๑.๙๔ บำท ให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ได้รับควำม
ี
ื
เสียหำยตำมค�ำฟ้อง จ�ำเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่ำเสียหำยอันเป็นค่ำใช้จ่ำยท่โจทก์ช�ำระไปเพ่อ
ด�ำเนินงำนที่เกี่ยวข้องกับสัญญำจ้ำง ๔,๗๘๒,๙๐๐ บำท ขอให้ยกฟ้อง
62
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสระบุรีพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
ี
ั
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์
ว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้ออกแบบและพัฒนำระบบอีอำร์พี (ERP) ให้แก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยไม่สำมำรถ
์
่
�
่
่
�
้
ี
สงมอบงำนใหแก่โจทกตำมกำหนดระยะเวลำและระบบงำนมควำมบกพรองไมสำมำรถทำงำนได ้
จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธควำมรับผิดว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ระบบอีอำร์พี (ERP) ตำมสัญญำจ้ำง
ั
ื
�
ั
ไม่สำมำรถใช้งำนได้เน่องจำกกำรจดกำรข้อมูลของฝ่ำยโจทก์และข้อจำกดของซอฟต์แวร์
คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำว่ำ จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำจ้ำงออกแบบและพัฒนำ
ระบบอีอำร์พี (ERP) หรือไม่ ซ่งย่อมต้องพิจำรณำขอบเขตของงำนตำมสัญญำถึงสิทธิ หน้ำท่และ
ึ
ี
ควำมรับผิดของคู่สัญญำท้งสองฝ่ำย เม่อสัญญำจ้ำงก�ำหนดให้จ�ำเลยเป็นเจ้ำของลิขสิทธ์ใน
ั
ื
ิ
ี
ึ
ซอฟต์แวร์ท่ได้พัฒนำข้น และจ�ำเลยอนุญำตให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่ำว กรณีจึงเป็น
คดีแพ่งที่ต้องพิจำรณำเกี่ยวกับข้อตกลงตำม สัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓)
ั
แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
้
ิ
ั
ิ
ั
์
ิ
่
ี
้
ั
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ิ
ิ
ี
�
ู
่
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
63
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทกำร์ด แอสโซซิเอท
ที่ วทป ๔๙/๒๕๖๓ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด โจทก์
บริษัทจี.เอ.ที. ซับคอนแทรค
เซอร์วิส จ�ำกัด จ�ำเลย
กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ หรือไม่นั้น เนื่องจำก
ื
ี
ี
คดน้โจทก์ได้บรรยำยฟ้องประกอบเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยบริกำร
ึ
G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. มำจดทะเบียนกับกิจกำรจ�ำพวก ๓๕ ซ่งเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์
ื
ื
และเคร่องหมำยบริกำรมีลักษณะส่วนใหญ่คล้ำยกับเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์
ั
ั
อันท�ำให้บุคคลท่วไปเข้ำใจได้ว่ำกิจกำรน้นเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์ ส่วนจ�ำเลยอ้ำงว่ำ
ี
�
ี
ื
่
ื
จำเลยได้จดทะเบียนเครองหมำยกำรค้ำ และเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จ.เอ.ท.
ี
ิ
่
�
ื
่
้
่
ิ
ี
ิ
้
ื
โดยชอบดวยกฎหมำย จำเลยยอมมสทธทจะใชเครองหมำยกำรคำและเครองหมำยบรกำร
่
้
ื
ดังกล่ำว กรณีจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำวินิจฉัยด้วยว่ำ กำรจดทะเบียนเคร่องหมำยบริกำร
ของจ�ำเลย ในจ�ำพวก ๓๕ นั้นเหมือนหรือคล้ำยกับเครื่องหมำยบริกำรของโจทก์จนท�ำให้
ประชำชนสับสนหลงผิดหรือไม่ และจ�ำเลยละเมิดสิทธิในเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์หรือ
ื
ื
ไม่ ตลอดจนจ�ำเลยใช้สิทธิในฐำนะเจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรโดย
ื
สุจริตหรือไม่ ซ่งล้วนเป็นประเด็นข้อพิพำทท่เก่ยวข้องกับเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์
ื
ึ
ี
ี
และจ�ำเลย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓)
แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เม่อประมำณ
ื
ปี ๒๕๔๗ นำยวีรนันท์ กรรมกำรของโจทก์กับเจ้ำสุรสีห์ กรรมกำรของจ�ำเลยได้ร่วมกันก่อต้ง
ั
โจทก์ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในกำรประกอบกิจกำรประเภทรักษำควำมปลอดภัย จัดหำบุคลำกร
ท�ำควำมสะอำดเพื่อให้บริกำรแก่หน่วยงำนต่ำง ๆ โดยใช้เครื่องหมำย G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. แต่
ั
ั
ไม่ได้จดทะเบียน ต่อมำในปี ๒๕๕๕ ได้ร่วมกันก่อต้งจ�ำเลย จนกระท่งเม่อประมำณปี ๒๕๕๗
ื
นำยวีรนันท์กับเจ้ำสุรสีห์มีควำมเห็นไม่ตรงกันทำงธุรกิจจึงตกลงแยกกันด�ำเนินธุรกิจโดย
ื
ื
เจ้ำสุรสีห์ออกมำบริหำรจ�ำเลย และได้สิทธิเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร G.A.T.
64
ื
ื
หรือ จี.เอ.ที. ไปใช้ โดยมีข้อตกลงห้ำมจ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร
ื
G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. ไปใช้ส�ำหรับกิจกำรอย่ำงอ่นนอกจำกกิจกำรรักษำควำมปลอดภัย ส่วนโจทก์
ื
ื
ื
ไปจดทะเบียนเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรใหม่ เป็นเคร่องหมำยกำรค้ำและ
เคร่องหมำยบริกำร ตัวจี ตัวเดียวหรือ G และจดทะเบียนเคร่องหมำยบริกำรในจ�ำพวก ๓๕
ื
ื
ส�ำหรับรำยกำร จัดหำสัญญำซื้อขำยสินค้ำ จัดหำคนงำนชั่วครำว จัดหำงำน ต่อมำเมื่อประมำณ
ปลำยปี ๒๕๖๒ จ�ำเลยได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมำยบริกำรโดยใช้เครื่องหมำย G.A.T. หรือ
ึ
จี.เอ.ที. ในจ�ำพวก ๓๕ ซ่งเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์ อันมิใช่กิจกำรรักษำควำมปลอดภัยซ่ง
ึ
ั
ี
ี
ผิดสัญญำท่ให้ไว้ และอำจท�ำให้บุคคลอ่นเข้ำใจได้ว่ำ กิจกำรท่จ�ำเลยกระท�ำน้นเป็นกิจกำรเดียว
ื
กับโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำย ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
ี
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และห้ำมจ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยกำรค้ำ G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. มำใช้กับ
ื
กิจกำรจ�ำพวก ๓๕ อย่ำงเดียวกับโจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยได้สิทธิในเครื่องหมำยกำรค้ำถูกต้องตำม
ี
ื
กฎหมำยและจดทะเบียนไว้โดยชอบตำมกฎหมำยแล้ว จ�ำเลยจึงมีสิทธิท่จะใช้เคร่องหมำยกำรค้ำ
ื
และเคร่องหมำยบริกำรโดยสมบูรณ์ จ�ำเลยไม่เคยตกลงกับโจทก์ในกำรห้ำมน�ำเคร่องหมำยกำรค้ำ
ื
และเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. ไปใช้กับกิจกำรอย่ำงอ่น โจทก์ฟ้องคดีน้โดยกำร
ื
ี
ื
ั
ึ
ี
ใช้สิทธิไม่สุจรต ค่ำเสียหำยท่โจทก์กล่ำวอ้ำงมำตำมฟ้องน้นเป็นกำรกล่ำวอ้ำงข้นลอย ๆ ไม่ม ี
ิ
หลักฐำนชัดเจน ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดธัญบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
ั
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ิ
ั
ั
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ื
ี
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ได้บรรยำยฟ้องประกอบ
ื
เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. มำจดทะเบียนกับกิจกำร
จ�ำพวก ๓๕ ส�ำหรับรำยกำร จัดหำสัญญำซื้อขำยสินค้ำ จัดหำคนงำนชั่วครำว จัดหำงำน ซึ่งเป็น
ื
กิจกำรเดียวกับโจทก์และเคร่องหมำยบริกำรมีลักษณะส่วนใหญ่คล้ำยกับเคร่องหมำยบริกำร
ื
65
ั
ั
ของโจทก์ อันท�ำให้บุคคลท่วไปเข้ำใจได้ว่ำกิจกำรน้นเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์ ส่วนจ�ำเลย
ื
ื
อ้ำงว่ำ จ�ำเลยได้จดทะเบียนเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จี.เอ.ที.
โดยชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยย่อมมีสิทธิท่จะใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร
ี
ื
ื
ั
กรณีจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำว่ำ กำรจดทะเบียนเคร่องหมำยบริกำรของจ�ำเลยในจ�ำพวก ๓๕ น้น
ื
ื
เหมือนหรือคล้ำยกับเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์จนท�ำให้ประชำชนสับสนหลงผิดหรือไม่
และจ�ำเลยละเมิดสิทธิในเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์หรือไม่ ตลอดจนจ�ำเลยใช้สิทธิในฐำนะ
ื
เจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรโดยสุจริตหรือไม่ ซ่งล้วนเป็นประเด็น
ึ
ื
ื
ี
ข้อพิพำทท่เก่ยวข้องกับเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์และจ�ำเลย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ
ื
ี
ี
ี
เคร่องหมำยกำรค้ำ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ื
ั
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
66
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์
ที่ วทป ๒๕/๒๕๖๔ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก
อินเตอร์ กรุ๊ป จ�ำกัด จ�ำเลย
กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ หรือไม่นั้น
เนื่องจำกคดีนี้เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำแฟรนไชส์ “ร้ำน วุฒิศักดิ์
ั
ี
คลินิก” โดยให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสยหำยอันเกิดจำกกำรไม่จดให้มีกำรฝึกอบรมพนักงำน
และไม่จัดส่งวัตถุดิบ ยำและอุปกรณ์ต่ำง ๆ ตำมสัญญำ และให้จ�ำเลยปฏิบัติตำมสัญญำ
ุ
ื
่
โดยให้ด�ำเนินกำรจดทะเบียนอนญำตให้ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเครองหมำยบริกำร
ื
ั
ตลอดจนให้โอนใบอนุญำตในกำรประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลท้งหมด ๒๑ สำขำ
ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ โดยจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธอ้ำงว่ำสัญญำ ดังกล่ำวโจทก์และจ�ำเลย
ไม่มีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำเพรำะเป็นกำรท�ำสัญญำโดยไม่ได้รับควำมเห็นชอบจำก
ี
้
ี
ท่ประชุมผู้ถือหุ้นของจ�ำเลย ท�ำให้สัญญำดังกล่ำวไม่ชอบด้วยกฎหมำย ดังน กรณีจึง
ิ
ึ
ิ
ิ
ิ
�
ั
ี
่
มประเดนต้องพจำรณำถงสทธ หน้ำทและควำมรบผดชอบของโจทก์และจำเลยตำม
ี
็
ี
สัญญำแฟรนไชส์ท่โจทก์กล่ำวอ้ำง ซ่งมีลักษณะเป็นสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในช่อ
ึ
ื
ื
ื
เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร อันเป็นสิทธิในทรัพย์สินทำงปัญญำ คดีน ี ้
จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ.
ั
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด โดยโจทก์ประกอบ
กิจกำรคลินิกเวชกรรมด้ำนสุขภำพ และควำมงำม ส่วนจ�ำเลยประกอบกิจกำรสถำนพยำบำล
ี
คลินิกเวชกรรม และขำยธุรกิจแฟรนไชส์เก่ยวกับกำรรักษำสุขภำพผิวหนังและควำมงำม
ื
ทุกประเภท เม่อวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑ โจทก์และจ�ำเลยได้ตกลงเข้ำท�ำและแก้ไขสัญญำแฟรนไชส์
ี
ิ
“วุฒิศักด์ คลินิก” โดยจ�ำเลยตกลงให้สิทธิโจทก์ด�ำเนินธุรกิจ “วุฒิศักด์ คลินิก” ในโซน
ิ
ภำคตะวันออกและภำคกลำงบำงส่วนและบำงส่วนของเขตกรุงเทพมหำนคร จ�ำนวน ๒๕ สำขำ
ู
่
ี
ิ
ี
เป็นคลนิกทมีอย่แล้วจ�ำนวน ๒๑ สำขำ และสำขำในอนำคตอกจ�ำนวน ๔ สำขำ โดยจ�ำเลย
67
ั
ื
ื
ื
มีหน้ำท่จัดให้โจทก์ส่งซ้อสินค้ำภำยใต้ช่อทำงกำรค้ำของจ�ำเลย จัดเตรียมอุปกรณ์ เคร่องมือ
ี
ทำงกำรแพทย์ จัดให้มีกำรฝึกอบรมแก่ผู้บริหำรโจทก์และพนักงำนของโจทก์ ตลอดจนอนุญำต
ื
ื
ให้โจทก์ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรของจ�ำเลย และเพ่อเป็นกำรตอบแทน
ื
โจทก์ตกลงช�ำระค่ำธรรมเนียม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ค่ำสิทธิ อัตรำร้อยละ ๖ ของยอดรำยรับ
ื
ื
ิ
รำยเดอนไม่รวมภำษีมูลค่ำเพ่ม และค่ำกำรตลำด อัตรำร้อยละ ๔ ของยอดรำยรับรำยเดอนไม่รวม
ภำษีมูลค่ำเพิ่ม นอกจำกนี้ โจทก์ตกลงปฏิบัติตำมมำตรฐำนระบบแฟรนไชส์ของจ�ำเลย อันได้แก่
ี
ื
ื
สินค้ำและบริกำรท่เข้ำมำจ�ำหน่ำยในคลินิกต้องจ�ำหน่ำยภำยใต้ช่อทำงกำรค้ำ เคร่องหมำยกำรค้ำ
่
ื
ื
ื
่
ั
หรอเครองหมำยบรกำรของจำเลย ตลอดจนไม่ทำกำรอนก่อให้เกดควำมเสยหำยต่อชอเสยง
�
ิ
ิ
�
ี
ี
ควำมนิยม ในชื่อทำงกำรค้ำ และเครื่องหมำยบริกำรของจ�ำเลย หลังจำกนั้นโจทก์ได้ด�ำเนินกำร
เร่อยมำ ปรำกฏว่ำจ�ำเลยมิได้ปฏิบัติตำมสัญญำ คือ จ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำรให้มีกำรจัดฝึกอบรม
ื
ี
ื
พนักงำนของโจทก์ ส่งมอบอุปกรณ์และเคร่องมือท่มีควำมช�ำรุดบกพร่อง ตลอดจนไม่จัดส่งสินค้ำ
วัตถุดิบยำ วัสดุสิ้นเปลือง และอุปกรณ์ต่ำง ๆ ตำมสัญญำ ทั้งไม่ด�ำเนินกำรจดทะเบียนอนุญำต
ั
ให้โจทก์ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำ และไม่โอนใบอนุญำตให้ประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลท้งหมด
ื
๒๑ สำขำ ให้แก่โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยล้วนเป็นกำรกระท�ำผิดสัญญำต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์
ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับให้จ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๑๘๗,๑๗๗,๘๗๔.๕๘ บำท พร้อม
ี
ดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
ื
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยไปย่นจดทะเบียนอนุญำตให้โจทก์ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำและ
ื
เครื่องหมำยบริกำร หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำเป็นแทนกำรแสดงเจตนำ ให้
จ�ำเลยโอนใบอนุญำตประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลทั้ง ๒๑ สำขำ ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ หำก
ไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ และห้ำมจ�ำเลยติดต่อว่ำจ้ำงแพทย์
และพนักงำนของโจทก์ไปท�ำงำนกับจ�ำเลย
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเนื่องจำกสัญญำแฟรนไชส์ไม่ชอบด้วยกฎหมำย
โจทก์และจ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กัน โดยกำรท�ำสัญญำแฟรนไชส์ เป็นกำรกระท�ำตำมมติของ
คณะกรรมกำรของจ�ำเลยชุดเดิมซ่งไม่มีอ�ำนำจ และสัญญำดังกล่ำวไม่ผ่ำนกำรอนุมัติของ
ึ
ี
ึ
ท่ประชุมผู้ถือหุ้นของจ�ำเลย ซ่งต่อมำบริษัทอี ฟอร์ แอล เอม จ�ำกัด (มหำชน) และบริษัท
ั
ื
ิ
ดับบลิวซีไอ โฮลด้ง จ�ำกัด ได้ย่นฟ้องขอเพิกถอนสัญญำแฟรนไชส์ท้งหมดระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลย
ในคดีหมำยเลขด�ำ พ ๒๓๖๓/๒๕๖๑ ของศำลจังหวัดนนทบุรี และได้ยื่นฟ้องกรรมกำรของจ�ำเลย
ั
ื
ุ
่
ี
ี
�
ิ
ชดเดม เป็นคดอำญำหมำยเลขดำท อ ๓๖๐๐/๒๕๖๑ ของศำลจงหวดนนทบร และเมอสญญำ
ุ
ี
ั
ั
่
แฟรนไชส์ดังกล่ำวไม่ชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยจึงไม่มีหน้ำท่ต้องปฏิบัติตำมสัญญำ ค่ำเสียหำย
ี
ที่โจทก์เรียกร้องมำนั้นเป็นกำรกล่ำวอ้ำงลอย ๆ ของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
68
ี
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดนนทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
ั
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น
ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ มีปัญหำที่ต้องวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ั
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำแฟรนไชส์
“วุฒิศักด์ คลินิก” โดยให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยอันเกิดจำกกำรไม่จัดให้มีกำรฝึกอบรมพนักงำน
ิ
และไม่จัดส่งวัตถุดิบ ยำและอุปกรณ์ต่ำง ๆ ตำมสัญญำ และให้จ�ำเลยปฏิบัติตำมสัญญำโดยให้
ิ
�
ื
ดำเนินกำรจดทะเบียนอนญำตให้ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเครองหมำยบรกำร ตลอดจนให้
่
ื
ุ
ั
โอนใบอนุญำตในกำรประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลท้งหมด ๒๑ สำขำ ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ
โดยจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธอ้ำงว่ำ โจทก์และจ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำดังกล่ำว เพรำะ
ี
เป็นกำรท�ำสัญญำโดยไม่ได้รับควำมเห็นชอบจำกท่ประชุมผู้ถือหุ้นของจ�ำเลย ท�ำให้สัญญำดังกล่ำว
ี
ี
ไม่ชอบด้วยกฎหมำย ดังน้ กรณีจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำท่และควำมรับผิดชอบ
ของโจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำแฟรนไชส์ท่โจทก์กล่ำวอ้ำง ซ่งมีลักษณะเป็นสัญญำอนุญำตให้ใช้
ี
ึ
ื
ื
ี
ื
สิทธิในช่อ เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร อันเป็นสิทธิในทรัพย์สินทำงปัญญำ คดีน้จึง
เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
ั
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
์
ิ
ิ
ิ
ั
ิ
ั
่
วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
้
ิ
ั
่
ู
�
ี
้
ี
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
69
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทพี เอส เอ็น อินเตอร์ฟู้ด
ที่ วทป ๕๙/๒๕๖๔ จ�ำกัด โจทก์
นำงสำวณณิตชญำ
ธัญธำดำธัญพบ จ�ำเลย
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยผลิตและจ�ำหน่ำยสินค้ำโดยระบุช่อโจทก์ว่ำเป็นผู้ผลิต
ื
ื
เป็นกำรแอบอ้ำงใช้ช่อเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญำต อันเป็นกำร
ื
ลวงขำยและเป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้ช่อเสียงของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย
จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกำรผลิต ขำยปลีก ขำยส่ง ผลิตภัณฑ์พวก
พืช ผัก ธัญพืช ผลไม้อบแห้งและอำหำรแปรรูปทุกชนิด เป็นต้น เมื่อประมำณปลำยปี ๒๕๖๒
ี
ั
จ�ำเลยติดต่อสอบถำมโจทก์เก่ยวกับกำรว่ำจ้ำงผลิตและบรรจุซองโปรตีนถ่วลันเตำให้จ�ำเลย แต่
ไม่สำมำรถตกลงค่ำบริกำรกันได้ จ�ำเลยจึงไม่ได้ว่ำจ้ำงโจทก์ให้เป็นผู้ผลิตสินค้ำดังกล่ำว เม่อ
ื
ั
ี
ี
วันท่ ๒๕ พฤษภำคม ๒๕๖๔ มีลูกค้ำท่ซ้อสินค้ำโปรตีนถ่วลันเตำของจ�ำเลยติดต่อโจทก์
ื
แจ้งว่ำสินค้ำมีปัญหำเนื่องจำกมีควำมชื้น โจทก์ตรวจสอบแล้วพบว่ำ มีสินค้ำอำหำรเสริมโปรตีน
ถั่วลันเตำยี่ห้อ PEA Protein Isolate ซึ่งบนห่อที่บรรจุผลิตภัณฑ์ระบุว่ำ โจทก์เป็นผู้ผลิตสินค้ำ
อำหำรเสริมดังกล่ำว อันเป็นควำมเท็จ ควำมจริงแล้วโจทก์มิได้ผลิตสินค้ำโปรตีนถ่วลันเตำดังกล่ำว
ั
ี
และไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ เก่ยวกับกำรผลิตสินค้ำ กำรท่จ�ำเลยผลิตและจ�ำหน่ำยสินค้ำดังกล่ำว
ี
์
็
็
ิ
ุ
่
้
ั
้
่
้
่
ื
โดยอำงใชชอเครองหมำยกำรคำของโจทกโดยไมไดรบอนญำตเปนกำรลวงขำย เปนควำมผดตำม
้
ื
ั
่
ื
พระรำชบัญญัตเครองหมำยกำรค้ำ พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๔๖ ท�ำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย
ิ
ี
เพรำะเม่อสินค้ำมีปัญหำ ผู้บริโภคหรือบุคคลอ่นจะเข้ำใจว่ำสินค้ำท่โจทก์ผลิตไม่มีคุณภำพ
ี
ื
ื
กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรจงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย เป็นกำร
ละเมิดตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๔๒๐ ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย
๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
ี
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
70
ี
ั
ช้นตรวจรับค�ำฟ้อง ศำลแขวงเชียงดำวเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร
ิ
ั
ุ
้
่
ิ
ั
่
้
ั
ี
้
์
ิ
พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ
ั
ี
�
ั
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ิ
ั
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ื
ี
ี
ั
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลย
ื
ผลิตและจ�ำหน่ำยสินค้ำโดยแอบอ้ำงใช้ช่อเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญำต
ื
อันเป็นกำรลวงขำยตำมพระรำชบัญญัติเคร่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๔๖ และเป็นกำร
ื
ื
ท�ำละเมิดต่อโจทก์ท�ำให้ช่อเสียงของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย คดีมีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ ิ
ื
ื
ในเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ว่ำจะได้รับควำมคุ้มครองตำมพระรำชบัญญัติเคร่องหมำยกำรค้ำ
พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๔๖ หรือไม่ จ�ำเลยกระท�ำละเมิดสิทธิในเครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์หรือไม่
ี
ื
และโจทก์ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำอัน
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม
ั
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
ี
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
71
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวสิวินีย์ ปำกช�ำนิ โจทก์
ที่ วท ๒/๒๕๕๙ บริษัทสยำม ฟอร์จูน กรุ๊ป
จ�ำกัด จ�ำเลย
ื
ี
ตำมค�ำฟ้องโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์เข้ำใช้พ้นท่บริกำรตำมข้อตกลงจนครบ
ก�ำหนดระยะเวลำและส่งมอบพื้นที่คืนจ�ำเลยแล้ว จ�ำเลยจึงต้องคืนเงินประกันกำรปฏิบัติ
้
�
้
้
ั
้
่
้
่
์
ึ
้
่
�
ตำมบนทกขอตกลงใหแกโจทก สวนจำเลยใหกำรโตแยงวำ โจทกไมชำระคำใชจำยตำง ๆ
่
่
่
์
่
จนเกิดหนี้ค้ำงช�ำระกับบริษัท ห. สำขำร้อยเอ็ด และไม่ส่งมอบพื้นที่คืนในสภำพเรียบร้อย
้
�
ุ
่
ี
ั
ี
ตำมกำหนดเวลำเป็นเหตให้บริษัท ห. หักหน้ทค้ำงชำระและริบเงินประกันทงหมด
�
กรณีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำในกำรเข้ำใช้พ้นท่บริกำรหรือไม่
ี
ื
และจ�ำเลยต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด แม้โจทก์จะได้ท�ำสัญญำ
ื
แฟรนไชส์ในกำรขอใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ COOL OCHAYA หรือ OCHAYA กับ
บริษัท อ. ซ่งมีกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนเป็นบุคคลคนเดียวกับกรรมกำร
ึ
ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลย แต่ก็เป็นเพียงกำรระบุถึงสิทธิของโจทก์ในกำรใช้
เคร่องหมำยกำรค้ำ COOL OCHAYA หรือ OCHAYA ในกำรประกอบกิจกำรจ�ำหน่ำย
ื
ี
ื
เคร่องด่มประเภทชำนมไข่มุกภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำดังกล่ำวในบริเวณพ้นท่ท่โจทก์
ื
ี
ื
ื
ท�ำข้อตกลงขอใช้บริกำรจำกจ�ำเลยเท่ำน้น กรณีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวข้องกับ
ั
ี
สัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำแต่อย่ำงใด จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับ
ื
ี
ี
สัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ื
ศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัตมำตรำ ๗ (๓) แห่ง
ิ
ั
พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้ขอใช้สิทธิเคร่องหมำยกำรค้ำ COOL OCHAYA หรือ OCHAYA
โดยท�ำสัญญำแฟรนไชส์กับบริษัทโอชำยะ กรุ๊ป จ�ำกัด ก�ำหนดระยะเวลำ ๒ ปี นับแต่วันที่ ๑๔
มิถุนำยน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๓ มิถุนำยน ๒๕๕๙ ต่อมำวันที่ ๑๒ พฤศจิกำยน ๒๕๕๗ จ�ำเลย
โดยนำยหยู กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนและยังเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน
72