The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ




เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์ท่ ๑ และน�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์ รีเทล” และ “BOOTS
RETAIL” ช่อนิติบุคคลของโจทก์ท่ ๒ ไปย่นขอจองช่อนิติบุคคล และจดทะเบียนจัดต้งบริษัท






จำเลยท ๑ ต่อจำเลยท ๓ โดยมวตถประสงค์ประกอบธรกจประเภทเดยวกบโจทก์ทงสอง คอ















จ�ำหน่ำยอำหำรบ�ำรุงสุขภำพ เครื่องส�ำอำง อำหำร อำหำรเสริม กำรกระท�ำของจ�ำเลยที่ ๑ และ
ที่ ๒ เป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริตล่วงละเมิดสิทธิต่อโจทก์ทั้งสองท�ำให้ได้รับควำมเสียหำย ส่วน

จ�ำเลยท่ ๓ ประมำทเลินเล่อในกำรปฏิบัติหน้ำท่ด�ำเนินกำรรับจดทะเบียนโดยไม่ชอบ ขอให้

บังคับจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อ และดวงตรำของจ�ำเลยที่ ๑


โดยไม่ให้มีค�ำว่ำ “บู๊ทส์” และหรือ “BOOTS” รวมถึงค�ำอ่นใดท่เหมือนหรือคล้ำยกับค�ำดังกล่ำว
หำกจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่ด�ำเนินกำร ให้จ�ำเลยที่ ๓ เพิกถอนชื่อและดวงตรำของจ�ำเลยที่ ๑
ออกจำกสำรบบทะเบียน หำกจ�ำเลยที่ ๓ ไม่ปฏิบัติตำม ให้ถือเอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำร
แสดงเจตนำ ห้ำมจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้ชื่อทำงกำรค้ำ และหรือยื่นขอจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วน
บริษัท เครื่องหมำยกำรค้ำหรือเครื่องหมำยบริกำร หรือเข้ำเกี่ยวข้องใด ๆ กับชื่อทำงกำรค้ำและ
เครื่องหมำยกำรค้ำ BOOTS และ บู๊ทส์ ของโจทก์ทั้งสอง รวมถึงชื่อและหรือเครื่องหมำยใด ๆ

ทเหมอนหรอคล้ำยกับชอทำงกำรค้ำและเคร่องหมำยกำรค้ำดงกล่ำวไม่ว่ำกบกิจกำรค้ำสนค้ำ









หรือบริกำรใด ๆ ให้จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ร่วมกันชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนและค่ำขำดประโยชน์


แก่โจทก์ทั้งสอง ๕๐๐,๐๐๐ บำท กับให้จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยในอนำคต
แก่โจทก์ทั้งสองเดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒
จะจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อและดวงตรำของจ�ำเลยที่ ๑ เสร็จสิ้น
จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร







จำเลยท ๓ ให้กำรว่ำ จำเลยท ๓ รบจดทะเบยนชอนตบคคลและดวงตรำนตบคคล

















ตลอดจนรับจดทะเบยนจัดต้งจำเลยท่ ๑ เป็นไปตำมระเบยบสำนักงำนทะเบยนห้นส่วนบริษัทกลำง
ว่ำด้วยกำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๓๘, ๔๐, ๔๑ ระเบียบส�ำนักงำน
ทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลำงว่ำด้วยกำรจดทะเบียนห้ำงหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๒๘

และชอบด้วยประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๐๑๙ จึงมีค�ำส่งรับจดทะเบียนเม่อ

วันที่ ๑๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๘ หำกโจทก์ทั้งสองเห็นว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้ชื่อพ้องกับโจทก์
ที่ ๒ ที่จดทะเบียนไว้แล้ว หรือคล้ำยคลึงกับชื่อเช่นว่ำนั้นจนอำจท�ำให้เกิดควำมหลงผิดได้ ย่อม
สำมำรถฟ้องร้องให้จ�ำเลยที่ ๑ รับผิดได้ตำมมำตรำ ๑๘, ๖๗, ๑๑๑๕ ขอให้ยกฟ้อง


ในช้นสืบพยำนจ�ำเลยท่ ๓ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง

เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำ


ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
23

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙





วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำและคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำท
ในชื่อทำงกำรค้ำตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๓) และ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมฟ้องของโจทก์ท้งสองและค�ำให้กำรของจ�ำเลยท่ ๓






มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินจฉัยว่ำ โจทก์ท ๑ เป็นเจ้ำของช่อทำงกำรค้ำเคร่องหมำยกำรค้ำ
และเครื่องหมำยบริกำรค�ำว่ำ “BOOTS” อ่ำนว่ำ “บู้ทส์” หรือ “บู๊ทส์” และมีโจทก์ที่ ๒ เป็นบริษัท
ในเครือเดียวกันหรือไม่ กำรที่จ�ำเลยที่ ๒ น�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์” และ “BOOTS” และน�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์
รีเทล” และ “BOOTS RETAIL” ชื่อของโจทก์ที่ ๒ ไปยื่นขอจองชื่อและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
จ�ำเลยที่ ๑ ต่อจ�ำเลยที่ ๓ นั้น จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีสิทธิใช้ได้โดยชอบหรือเป็นกำรใช้ชื่อโดย



ล่วงละเมิดสิทธิในช่อทำงกำรค้ำเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์ท้งสอง










และกำรกระทำดงกล่ำวทำให้โจทก์ทงสองได้รบควำมเสยหำยหรอไม่ เพยงใด ซงเป็นประเดน



ข้อพิพำทที่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิในชื่อทำงกำรค้ำ เครื่องหมำยกำรค้ำ เครื่องหมำยบริกำร และกำร
ล่วงละเมิดสิทธิดังกล่ำว คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำและคดีแพ่งท่เก่ยวกับ







ข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๓) และ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙





วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ












ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๔ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
24

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ มหำวิทยำลัยเทคโนโลยี

ที่ วทป ๓๔/๒๕๖๐ สุรนำรี โจทก์

บริษัทเน็ตเซอร์พลัส
จ�ำกัด จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธิในเทคโนโลย ตู้แดง



อัจฉริยะท่โจทก์พัฒนำข้น แต่จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำไม่ท�ำกำรตลำด/ติดต้งระบบตู้แดง
อัจฉริยะภำยในเวลำ ๒ ปี นับแต่วันลงนำมในสัญญำ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและเรียก

ค่ำเสียโอกำสตำมท่มีข้อตกลงในสัญญำ จ�ำเลยปฏิเสธควำมรับผิดโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลย

ด�ำเนินกำรท�ำกำรตลำดแล้ว แต่เน่องจำกมีเหตุกำรณ์ควำมไม่สงบในประเทศท�ำให้
ไม่สำมำรถด�ำเนินกำรต่อไปได้ จึงเป็นกรณีมีเหตุผลสมควร ดังน้น ตำมค�ำฟ้องและ











คำให้กำร มประเดนข้อพพำทให้ต้องวนิจฉัยถงสทธ หน้ำท และควำมรบผดของโจทก์


และจ�ำเลย ซึ่งเป็นคู่สัญญำตำมสัญญำดังกล่ำว ที่มีวัตถุประสงค์ในกำรอนุญำตให้จ�ำเลย
ใช้สิทธิในเทคโนโลยีตู้แดงอัจฉริยะซ่งมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมประมวลผล

ตู้แดงอัจฉริยะ เวอร์ช่น ๒.๐ ท่ได้จดแจ้งลิขสิทธ์ไว้กับกรมทรัพย์สินทำงปัญญำแล้วเป็น




ส่วนประกอบ กรณีจึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ ์ ิ
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๘ มกรำคม ๒๕๕๖ จ�ำเลยท�ำสัญญำรับอนุญำตให้ใช้สิทธิใน


เทคโนโลยี ตู้แดงอัจฉริยะ จำกโจทก์ ซึ่งมีโปรแกรมซอฟต์แวร์ประมวลผลตู้แดงอัจฉริยะที่โจทก์


ได้ย่นจดแจ้งลิขสิทธ์ไว้กับกรมทรัพย์สินทำงปัญญำแล้ว โจทก์ตกลงอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธิใน
เทคโนโลยีเรื่องตู้แดงอัจฉริยะเป็นระยะเวลำ ๑๐ ปี เพื่อใช้ในกิจกำรของจ�ำเลยเท่ำนั้น โดยโจทก์


จะไม่อนุญำตให้บุคคลอ่นใช้สิทธิในเทคโนโลยีดังกล่ำวอีกตลอดระยะเวลำท่ได้ตกลงในสัญญำ

จ�ำเลยมีสิทธิด�ำเนินกำรผลิต ขำย มีไว้เพ่อขำย ติดต้งและกระจำยสินค้ำภำยในประเทศ และจ�ำเลย


ต้องท�ำกำรตลำด/ติดตั้งระบบตู้แดงอัจฉริยะภำยใน ๒ ปี นับแต่วันลงนำมในสัญญำ หำกจ�ำเลย
ไม่ท�ำกำรตลำด/ติดตั้งระบบโดยไม่มีเหตุอันควร จ�ำเลยต้องจ่ำยค่ำเสียโอกำสให้แก่โจทก์เป็นเงิน

25













๒๐๐,๐๐๐ บำท สญญำระหว่ำงโจทก์และจำเลยเรมต้นเมอวนท ๘ มกรำคม ๒๕๕๖ สนสดลง






ในวันท ๗ มกรำคม ๒๕๖๖ หำกจ�ำเลยฝ่ำฝืนหรอละเลยไม่ปฏบตตำมข้อกำหนดและเง่อนไข



ตำมสัญญำท้งหมดหรือแต่บำงส่วน โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญำได้ทันทีโดยไม่จ�ำต้องบอกกล่ำว
ล่วงหน้ำและมีสิทธิเรียกให้จ�ำเลยรับผิดบรรดำค่ำเสียหำย ค่ำใช้จ่ำย และค่ำชดเชยท่เกิดข้น



ภำยหลังจำกท่จ�ำเลยท�ำสัญญำกับโจทก์ จ�ำเลยวำงแผนกำรตลำดโดยมุ่งเน้นกำรตลำดกับ
หน่วยงำนรำชกำรส่วนภูมิภำค ต่อมำเกิดวิกฤติทำงกำรเมืองส่งผลต่อกำรท�ำกำรตลำดของ

จ�ำเลย จ�ำเลยจึงไม่สำมำรถท�ำกำรตลำดได้ตำมข้อตกลงท่ท�ำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ
กับจ�ำเลย และเรียกค่ำเสียโอกำส ๒๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยได้รับหนังสือบอกกล่ำวแล้ว แต่เพิกเฉย
ไม่ช�ำระเงินให้กับโจทก์ จึงถือว่ำจ�ำเลยเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ ๙ เมษำยน ๒๕๕๙ โจทก์จึงมีสิทธิ
คิดดอกเบี้ยผิดนัดอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันดังกล่ำว เป็นดอกเบี้ย ๘,๘๓๕.๖๒ บำท เมื่อ
รวมกับเงินต้นเป็นเงน ๒๐๘,๘๓๕.๖๒ บำท ขอให้บังคบจำเลยชำระเงิน ๒๐๘,๘๓๕.๖๒ บำท





พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้อง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยได้ด�ำเนินกำรท�ำแผนกำรตลำด โดยท�ำแปลน แผ่นพับโฆษณำ
และแผนโครงกำรที่น�ำเสนอต่อหน่วยงำนรำชกำรเพื่อท�ำกำรตลำดแล้ว มีกำรจัดสัมมนำ ประชุม




เก่ยวกับเทคโนโลยีเร่องตู้แดงอัจฉริยะต้งแต่เดือนตุลำคม ๒๕๕๖ แต่เน่องจำกเหตุกำรณ์ควำม
ไม่สงบในประเทศ ท�ำให้ไม่สำมำรถท่จะด�ำเนินกำรและท�ำกำรตลำดต่อไปได้ ซ่งเป็นเหตุผล


เพียงพอและเป็นกำรสมควร จ�ำเลยได้ปฏิบัติตำมสัญญำแล้ว ตำมสัญญำจ�ำเลยมีหน้ำที่ท�ำกำรตลำด
เท่ำน้น แต่จะท�ำกำรตลำดได้หรือไม่เป็นควำมต้องกำรของผู้ซ้อหรืองบประมำณในกำรจัดซ้อ



โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงนครรำชสีมำพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ี ้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์


คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำง



26

ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ

โจทก์ท�ำสัญญำอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธิในเทคโนโลยี ตู้แดงอัจฉริยะ ที่โจทก์พัฒนำขึ้น แต่จ�ำเลย


ปฏิบัติผิดสัญญำไม่ท�ำกำรตลำด/ติดต้งระบบตู้แดงอัจฉริยะภำยในเวลำ ๒ ปี นับแต่วันลงนำม

ในสัญญำ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและเรียกค่ำเสียโอกำสตำมท่มีข้อตกลงในสัญญำ จ�ำเลยปฏิเสธ
ควำมรับผิดโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยด�ำเนินกำรท�ำกำรตลำดแล้ว แต่เนื่องจำกมีเหตุกำรณ์ควำมไม่สงบ


ในประเทศท�ำให้ไม่สำมำรถด�ำเนินกำรต่อไปได้จึงเป็นกรณีมีเหตุผลสมควร ดังน้น ตำมค�ำฟ้อง
และค�ำให้กำรมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดของโจทก์และ



จ�ำเลยซ่งเป็นคู่สัญญำตำมสัญญำดังกล่ำว ท่มีวัตถุประสงค์ในกำรอนุญำตให้จ�ำเลยใช้สิทธ ิ
ในเทคโนโลยีตู้แดงอัจฉริยะซ่งมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมประมวลผลตู้แดงอัจฉริยะ

เวอร์ชัน ๒.๐ ท่ได้จดแจ้งลิขสิทธ์ไว้กับกรมทรัพย์สินทำงปัญญำแล้วเป็นส่วนประกอบ กรณ ี


จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ


พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙









วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ








ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ












27

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีชำญพิเศษ บริษัทซีนิเพล็กซ์

ที่ วทป ๓๕/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทสยำมสปอร์ต ซินดิเคท
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย




โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซึ่งเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในกำรถ่ำยทอดภำพ
และเสียง กำรแข่งขันฟุตบอลของสมำคมกีฬำแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์






ได้ท�ำสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิงำนอนมลขสทธ์ดงกล่ำวกับโจทก์ประจำฤดูกำรแข่งขัน


ปี ๒๕๕๗ ถึงปี ๒๕๕๙ โดยโจทก์มีหน้ำท่ช�ำระค่ำตอบแทนกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิใน

แต่ละฤดูกำรแข่งขันให้แก่จ�ำเลยตำมก�ำหนด แต่นับต้งแต่ในวันเปิดฤดูกำรแข่งขัน


ปี ๒๕๕๙ จนกระท่งจบฤดูกำรแข่งขัน จ�ำเลยไม่ส่งสัญญำณถ่ำยทอดเสียงและภำพกำร
แข่งขันให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ ท�ำให้โจทก์ต้องผิดสัญญำกับสมำชิกลูกค้ำของโจทก์
ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้ำ ไม่ได้รับชมกำรถ่ำยทอดกำรแข่งขันฟุตบอล ข้ออ้ำงที่โจทก์อำศัย

เป็นหลักแห่งข้อหำจึงเก่ยวพันโดยตรงกับกำรได้ลิขสิทธ์กำรถ่ำยทอดกำรแข่งขันฟุตบอล

ของจ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยต่อสู้ปฏิเสธว่ำไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญำตำมฟ้อง คดีจึงต้องวินิจฉัยถึง
สิทธิในงำนลิขสิทธ์กำรแพร่เสียงแพร่ภำพกำรถ่ำยทอดฟุตบอลระหว่ำงจ�ำเลยกับโจทก์


อันเป็นประเด็นเก่ยวกับงำนอันมีลิขสิทธ์ว่ำ จ�ำเลยผิดสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ ิ ์


ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือสัญญำ


อนุญำตให้ใช้สิทธ์ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำง
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทในเครือของทรูวิชั่นส์ ให้บริกำรโทรทัศน์ทั่วประเทศผ่ำน
ดำวเทียมในระบบดิจิทัลตรงสู่บ้ำนท่บอกรับเป็นสมำชิก โดยน�ำเสนอควำมบันเทิงหลำยช่อง


รำยกำร ท้งรำยกำรภำพยนตร์ สำระบันเทิง และกีฬำ เม่อวันท่ ๑๘ ธันวำคม ๒๕๕๖ จ�ำเลย


ซ่งเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในกำรถ่ำยทอดภำพและเสียงกำรแข่งขันฟุตบอลรำยกำรต่ำง ๆ

ท่จัดโดยสมำคมกีฬำฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์ได้ท�ำสัญญำอนุญำตให้ใช้

28


สิทธิในกำรแพร่เสียงและภำพกำรแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (ไทยลีก), ดิวิช่น ๑, เอฟเอ
คัพ และลีก คัพ ประจ�ำฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๗ ถึงปี ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นงำนอันมีลิขสิทธิ์กับโจทก์

โดยจ�ำเลยมีหน้ำท่ให้สิทธิแก่โจทก์ในกำรแพร่เสียงและภำพกำรแข่งขันฟุตบอลประจ�ำฤดูกำร

แข่งขันดังกล่ำว และโจทก์มีหน้ำท่ช�ำระค่ำตอบแทนกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในแต่ละฤดูกำร
แข่งขันปีละ ๖๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท แบ่งช�ำระปีละ ๓ งวด งวดแรก ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ภำยใน

วันที่ ๓๑ มกรำคม ของแต่ละปี งวดที่ ๒ และงวดที่ ๓ งวดละ ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ภำยใน
วันที่ ๓๐ มิถุนำยน และวันที่ ๓๐ กันยำยน ของแต่ละปีตำมล�ำดับ ต่อมำฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๙


โจทก์ช�ำระค่ำตอบแทนกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิงวดแรก ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่จ�ำเลยเม่อ
วันที่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๙ แต่ปรำกฏว่ำนับแต่วันที่ ๕ มีนำคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันเปิดฤดูกำร

แข่งขันฟุตบอลปี ๒๕๕๙ จนกระท่งจบฤดูกำรแข่งขัน จ�ำเลยมิได้ส่งสัญญำณถ่ำยทอดเสียง

และภำพกำรแข่งขันให้กับโจทก์ตำมสัญญำ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ










เงน ๓๙๐,๗๕๐,๐๐๐ บำท พรอมดอกเบยอตรำรอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงน ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
และของต้นเงิน ๑๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีตำมฟ้องเป็นข้อพิพำททำงแพ่งกรณีผิดสัญญำต่ำงตอบแทน
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลแพ่ง ค�ำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเพรำะโจทก์
ร่วมกับสมำคมกีฬำฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์เจ้ำของสิทธิเดิมผู้โอนได้ระงับ



หรอห้ำม ตลอดจนกลำวอ้ำงบอกเลิกสัญญำกำรบริหำรสิทธประโยชน์กับจ�ำเลย โดยสมคบคิดกัน
ฉ้อฉลจ�ำเลย ท�ำให้จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำกำรส่งสัญญำณเสียงและภำพกำรแข่งขันฟุตบอลอย่ำง
ต่อเนื่องไปจนจบฤดูกำรแข่งขันในปี ๒๕๕๙ ให้แก่โจทก์ โดยโจทก์กับตัวแทนและหรือบริษัทใน

เครือของบริษัททรูวิช่นส์ กรุ๊ป จ�ำกัด ไปท�ำสัญญำในกำรรับสัญญำณกำรถ่ำยทอดจำกสมำคม
กีฬำฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์โดยตรง มิได้บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยก่อน

และน�ำค่ำตอบแทนตำมสัญญำท่มีหน้ำท่ต้องจ่ำยให้จ�ำเลยไปจ่ำยให้แก่สมำคมดังกล่ำวอันเป็นกำร


ผิดสัญญำต่อจ�ำเลย ท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย จ�ำเลยมิได้ผิดสัญญำโจทก์จึงไม่มีสิทธ ิ
เรียกร้องตำมฟ้องจำกจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง


ในช้นช้สองสถำน ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ


กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์


คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙




29





วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิท่อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ

๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธ ี
พิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์

บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในกำรถ่ำยทอดภำพและเสียงกำรแข่งขัน
ฟุตบอลของสมำคมกีฬำแห่งประเทศไทยในพระบรมรำชูปถัมภ์ ได้ท�ำสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิงำน

อันมีลิขสิทธ์ดังกล่ำวกับโจทก์ประจ�ำฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๗ ถึงปี ๒๕๕๙ โดยโจทก์มีหน้ำท ี ่








ชำระค่ำตอบแทนกำรอนญำตให้ใช้สทธในแต่ละฤดกำรแข่งขนให้แก่จำเลยตำมกำหนด แต่


นับต้งแต่ในวันเปิดฤดูกำรแข่งขันปี ๒๕๕๙ จนกระท่งจบฤดูกำรแข่งขัน จ�ำเลยไม่ส่งสัญญำณ
ถ่ำยทอดเสียงและภำพกำรแข่งขันให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ ท�ำให้โจทก์ต้องผิดสัญญำกับสมำชิก

ลูกค้ำของโจทก์ท่ตกลงกันไว้ล่วงหน้ำ ไม่ได้รับชมกำรถ่ำยทอดกำรแข่งขันฟุตบอล ข้ออ้ำงท ี ่











โจทก์อำศยเป็นหลกแห่งข้อหำจงเกยวพนโดยตรงกบกำรได้ลขสทธกำรถ่ำยทอดกำรแข่งขน

ฟุตบอลของจ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยต่อสู้ปฏิเสธว่ำไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญำตำมฟ้อง คดีจึงต้องวินิจฉัย






ถงสทธในงำนลขสทธกำรแพร่เสยงแพร่ภำพกำรถ่ำยทอดฟตบอลระหว่ำงจำเลยกบโจทก์ อน







เป็นประเด็นเก่ยวกับงำนอันมีลิขสิทธ์ว่ำ จ�ำเลยผิดสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์ท�ำให้โจทก์


ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำม

บทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙










วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ







ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
30

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัท ๙๔๕ โฮลดิ้ง

ที่ วทป ๓๖/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัททรำนส์ โลจิสติกส์
จ�ำกัด จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำกำรบริหำรธุรกิจกับจ�ำเลย เพ่อเปิดศูนย์ให้



บริกำรรับขนส่งและกระจำยสินค้ำหรือวัสดุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ำท่ส่งซ้อสินค้ำและบริกำร


จำกโจทก์และให้แก่บุคคลท่วไป ภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ บล แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส

ของจ�ำเลย แต่เม่อโจทก์ได้ทดสอบคุณภำพกำรบริหำรกิจกำรรับขนส่งสินค้ำและวัสดุภัณฑ์



ของจ�ำเลย พบว่ำกำรด�ำเนินกำรจัดส่งโดยเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยไม่เป็นไปตำมท่จ�ำเลย
ได้ยืนยันพรรณนำคุณภำพไว้ โจทก์ได้แจ้งปัญหำควำมบกพร่องให้จ�ำเลยทรำบแล้ว

แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำได้ กำรท่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำกำรบริหำรจัดกำร

ให้มีคุณภำพตำมท่ตกลงกันเป็นกำรปฏิบัติผิดสัญญำกับโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ
และเรียกเงินท่ช�ำระไปแล้วตำมสัญญำคืนจำกจ�ำเลย จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลย


ไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำกับโจทก์ แต่กำรท่โจทก์ไม่ด�ำเนินกำรเปิดร้ำน โจทก์เป็นฝ่ำย


ผิดสัญญำ และจ�ำเลยฟ้องแย้งเรียกค่ำเสียหำยพร้อมค่ำปรับจำกโจทก์ ดังน เห็นได้ว่ำ
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรและฟ้องแย้งของจ�ำเลย มีข้ออ้ำงและข้อเถียงเป็น



ประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวนิจฉยว่ำ โจทก์หรอจำเลยเป็นฝ่ำยผดสัญญำ อนเป็นประเด็น








ข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ หน้ำท และควำมรับผิดของโจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำกำร


บริหำรธรกจซ่งมีสำระสำคัญของสญญำเป็นกำรอนญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ



















ของจำเลยรวมอย่ด้วย คดนจงเป็นคดแพ่งทพพำทกนตำมสญญำอนญำตให้ใช้สทธิใน




เครองหมำยกำรค้ำอนอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพย์สนทำงปัญญำและ





กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

31

โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลำคม ๒๕๕๙ โจทก์ท�ำสัญญำกำรบริหำรธุรกิจ บลู แอนด์

ไวท์ เอ็กซ์เพรส ช็อป (Blue & White Express Shop) กับจ�ำเลย เพื่อเปิดศูนย์ให้บริกำรรับขนส่ง



และกระจำยสินค้ำหรือวัสดุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ำท่ส่งซ้อสินค้ำและบริกำรจำกโจทก์และให้แก่บุคคล

ทั่วไป ภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ของจ�ำเลย โดยพนักงำนหรือเจ้ำหน้ำที่
แผนกหรือส่วนงำนข้นตอนขนส่งจะเป็นบุคลำกรของจ�ำเลย สัญญำมีก�ำหนดระยะเวลำ ๓ ปี














นบแตวนท ๑๕ ตลำคม ๒๕๕๙ ถงวนท ๑๔ ตลำคม ๒๕๖๒ กำหนดคำใชสทธในเครองหมำยกำรคำ






และอุปกรณ์ประจ�ำร้ำนของจ�ำเลยเป็นเงิน ๒๒๐,๐๐๐ บำท ซึ่งโจทก์ช�ำระให้จ�ำเลยครบถ้วนแล้ว
ต่อมำระหว่ำงที่โจทก์ยังไม่ได้เปิดท�ำกำรร้ำน บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส เพื่อให้บริกำรแก่บุคคล













ทวไปและยังไม่ได้ใช้เครองมอ อุปกรณ และทรพย์สนทจ�ำเลยสงมอบให โจทกไดทดสอบคณภำพ


กำรบริหำรกิจกำรรับขนส่งสินค้ำและวัสดุภัณฑ์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ซ่งประกอบกิจกำรจัดจ�ำหน่ำย

สินค้ำจ�ำพวกอำหำรสัตว์มอบหมำยให้พนักงำนแผนกจัดส่งของจ�ำเลยจัดส่งสินค้ำให้แก่ลูกค้ำ
ที่สั่งซื้อสินค้ำจำกโจทก์หลำยร้อยรำยในช่วงระหว่ำงวันที่ ๑๐ ถึงวันที่ ๒๓ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙

พบว่ำกำรด�ำเนินกำรจัดส่งโดยเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยไม่เป็นไปตำมท่จ�ำเลยได้ยืนยันพรรณนำ

คุณภำพ กล่ำวคือ เจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยส่งของล่ำช้ำ มีสินค้ำท่ต้องจัดส่งหลำยรำยกำรตกค้ำง


ท่จ�ำเลยเป็นเวลำนำน และมีกำรส่งคืนสินค้ำกลับมำยังโจทก์หลำยรำยกำร ท�ำให้โจทก์ได้รับควำม



เสียหำย โจทก์แจ้งปัญหำข้อบกพร่องดังกล่ำวให้จำเลยทรำบและแก้ไขหลำยครง แต่จ�ำเลยไม่

สำมำรถแก้ไขปัญหำได้ โจทก์จึงไม่สำมำรถเปิดให้บริกำรร้ำน บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ตำม


สัญญำได้ เน่องจำกเกรงว่ำจะเกิดปัญหำในกำรให้บริกำรแก่บุคคลท่วไป อันจะท�ำให้โจทก์เสียหำย
เพ่มข้น กำรท่จำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำกำรบริหำรจัดกำรในข้นตอนกำรขนส่งจัดส่งสินค้ำ





และวัสดุภัณฑ์ให้ได้คุณภำพตำมท่ตกลงกับโจทก์ไว้จึงเป็นกำรปฏิบัติผิดสัญญำ โจทก์จึงมีหนังสือ

บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยและขอคืนสิทธิในกำรใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและอุปกรณ์ประจ�ำร้ำนให้


แก่จ�ำเลย จ�ำเลยได้รับหนังสือแจ้งกำรบอกเลิกสัญญำแล้ว เม่อโจทก์บอกเลิกสัญญำโดยชอบ

คู่สัญญำแต่ละฝ่ำยต้องให้อีกฝ่ำยหน่งได้กลับคืนสู่ฐำนะดังท่เป็นอยู่เดิม ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ













เงนคำสทธในกำรใชเครองหมำยกำรคำและอปกรณประจำรำนเปนเงน ๒๒๐,๐๐๐ บำท คนแก ่



โจทก์ และให้จ�ำเลยรับมอบเครื่องมือ อุปกรณ์ และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่จ�ำเลยส่งมอบให้โจทก์เพื่อ
ประกอบกิจกำรตำมสัญญำคืนกลับไป

จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยเป็นเจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์
เอ็กซ์เพรส (Blue & White Express) จ�ำเลยปฏิบัติตำมสัญญำที่ตกลงไว้กับโจทก์ เช่น จัดหำ
32





เคร่องมือ เคร่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ อันจ�ำเป็นท่ต้องใช้ตำมท่ระบุไว้ในสัญญำให้แก่โจทก์ครบถ้วน
แล้ว หลังจำกท�ำสัญญำ โจทก์ได้ใช้พนักงำนของจ�ำเลยจัดส่งสินค้ำให้โจทก์แล้วหลำยร้อยรำย
จึงถือว่ำโจทก์ได้ด�ำเนินกำรบริหำรธุรกิจตำมสัญญำท่ท�ำไว้กับจ�ำเลยภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ



บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส โดยปริยำยแล้ว ตำมสัญญำโจทก์มีหน้ำท่ต้องด�ำเนินกำรเปิดร้ำน
โจทก์จึงเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ เม่อโจทก์ผิดสัญญำและบอกเลิกสัญญำ ท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำม













เสยหำยและเสยโอกำสทำงธรกจ จำเลยมสทธรบเงนประกนควำมเสยหำยของโจทก์และโจทก์
ต้องช�ำระค่ำปรับให้แก่จ�ำเลยอตรำวนละ ๕,๐๐๐ บำท ตำมสัญญำ กำรกระท�ำของโจทก์ท�ำให้


จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย กล่ำวคือ ค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลยต้องจัดซื้อเครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์
และว่ำจ้ำงให้จัดท�ำเคร่องหมำยกำรค้ำเพ่อติดต้งให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๓๐,๐๐๐ บำท ค่ำระบบ





ปฏิบัติกำรทำงคอมพิวเตอร์และแฟรนไชส์เป็นเงิน ๑๔,๐๐๐ บำท ค่ำภำษีมูลค่ำเพ่มท่จ�ำเลย
จ่ำยไปแล้วเป็นเงิน ๑๓,๕๐๐ บำท และค่ำปรับตำมสัญญำซึ่งจ�ำเลยขอคิดเพียง ๑๔๒,๕๐๐ บำท
รวมเป็นค่ำเสียหำยท้งส้น ๓๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์เลิกใช้หรือ


กล่ำวอ้ำงถึง รวมทั้งส่งมอบคืนเครื่องหมำยกำรค้ำ เครื่องหมำยบริกำร ชื่อทำงกำรค้ำ ควำมลับ
ทำงกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ของจ�ำเลยโดยทันที และให้โจทก์ช�ำระค่ำเสียหำยเป็นเงิน

๓๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่จ�ำเลยพร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว
นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงดอนเมืองพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่

จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙



วนิจฉยว่ำ คดน้เป็นคดแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สทธในเครองหมำยกำรค้ำ








ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศพ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ
โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำกำรบริหำรธุรกิจ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ช็อป กับจ�ำเลย

เพ่อเปิดศูนย์ให้บริกำรรับขนส่งและกระจำยสินค้ำหรือวัสดุภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ำท่ส่งซ้อสินค้ำและ





บริกำรจำกโจทก์และให้แก่บุคคลท่วไป ภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ บลู แอนด์ ไวท์ เอ็กซ์เพรส ของ
33


จ�ำเลย แต่เม่อโจทก์ได้ทดสอบคุณภำพกำรบริหำรกิจกำรรับขนส่งสินค้ำและวัสดุภัณฑ์ของจ�ำเลย


พบว่ำกำรด�ำเนินกำรจัดส่งโดยเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยไม่เป็นไปตำมท่จ�ำเลยได้ยืนยันพรรณนำ
คุณภำพไว้ โจทก์ได้แจ้งปัญหำควำมบกพร่องให้จ�ำเลยทรำบแล้ว แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำ

ได้ กำรท่จ�ำเลยไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำกำรบริหำรจัดกำรให้มีคุณภำพตำมท่ตกลงกันเป็นกำร


ปฏิบัติผิดสัญญำกับโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและเรียกเงินท่ช�ำระไปแล้วตำมสัญญำคืน
จำกจ�ำเลย จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำกับโจทก์ แต่กำรที่โจทก์
ไม่ด�ำเนินกำรเปิดร้ำน โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ และจ�ำเลยฟ้องแย้งเรียกค่ำเสียหำยพร้อมค่ำปรับ

จำกโจทก์ ดังนี้ เห็นได้ว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรและฟ้องแย้งของจ�ำเลยมีข้ออ้ำงและ

ข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์หรือจ�ำเลยเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ อันเป็น


ประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดของโจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำ


กำรบริกำรธุรกิจซ่งมีสำระส�ำคัญของสัญญำเป็นกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ

ของจ�ำเลยรวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิใน


เคร่องหมำยกำรค้ำอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙













วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ





ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ






34

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทมวยไทยพรีเมียร์ลีก

ที่ วทป ๕๑/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

กำรกีฬำแห่งประเทศไทย
กับพวก จ�ำเลย





โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นผู้คิดค้นริเร่มสร้ำงสรรค์ผลงำนจัดกำรแข่งขัน
โครงกำรมวยไทยระบบลีกหรือมวยไทยพรีเมียร์ลีกขึ้น โจทก์ได้พูดคุยบอกกล่ำวแนะน�ำ

กำรแข่งขันมวยไทยระบบลีกเพื่อขอให้จ�ำเลยที่ ๑ สนับสนุนและร่วมมือกับโจทก์ ต่อมำ







ผ้ว่ำกำรกำรกฬำแห่งประเทศไทยได้แถลงข่ำวพธลงนำมตำมสญญำอนญำตให้สทธ ิ




จัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกแก่จ�ำเลยท ๒ โดยมีจ�ำเลยท ๓ เข้ำร่วมในกำรจัดงำน และ


จ�ำเลยท้งส่ได้ร่วมกันจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกคร้งท ๑ ประจ�ำปี ๒๕๕๙ ข้น ณ สนำมมวย







ลุมพิน อันเป็นกำรละเมิดสิทธิของโจทก์ ส่วนจ�ำเลยท้งส่ให้กำรต่อสู้ในท�ำนองเดียวกัน
















วำ ระบบหรอรปแบบกำรแขงขันกฬำมวยไทยไมใช่สทธิหรอลขสิทธทมกฎหมำยรบรอง


ค้มครอง โจทก์จงไม่อำจมสทธในรปแบบกำรแข่งขนกฬำมวยไทยได้ คดจงมปัญหำให้









ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ ระบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยตำมท่โจทก์กล่ำวอ้ำงในฟ้องเป็นงำน



อันมีลิขสิทธ์และได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยหรือไม่ ดังน้น คดีน้ย่อมเป็นคดีแพ่ง

ท่เก่ยวกับลิขสิทธ์ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ




กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำม พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๓)
____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำในปี ๒๕๕๖ โจทก์คิดค้นสร้ำงสรรค์ผลงำนจัดกำรแข่งขันโครงกำรมวยไทย
ระบบลีกหรือมวยไทยพรีเมียร์ลีกข้นโดยจัดแถลงข่ำวเม่อวันท่ ๑ ตุลำคม ๒๕๕๖ และจัดกำร






แข่งขนเม่อวันท่ ๒๘ ธันวำคม ๒๕๕๖ หลังจำกน้นโจทก์พูดคุยบอกกล่ำวแนะน�ำกำรแข่งขัน




มวยไทยระบบลีกเพ่อขอให้จ�ำเลยท่ ๑ สนับสนุนและร่วมมือกับโจทก์ ซ่งขณะน้นมีนำยสกล



ผู้ว่ำกำรกำรกีฬำแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับเร่องไว้ ต่อมำวันท่ ๒๖ พฤษภำคม ๒๕๕๙
นำยสกลแถลงข่ำวพิธีลงนำมตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกกับจ�ำเลย
35



ท่ ๒ ให้จ�ำเลยท่ ๒ ดูแลเป็นระยะเวลำห้ำปี โดยอ้ำงว่ำมวยไทยลีกถือเป็นกำรแข่งขันมวยไทย


ระบบลีกคร้งแรกของโลก มีจ�ำเลยท่ ๓ เข้ำร่วมในกำรจัดงำน โจทก์จึงท�ำหนังสือลงวันท่ ๖




มิถุนำยน ๒๕๕๙ ถึงกระทรวงกำรท่องเท่ยวและกีฬำซ่งเป็นต้นสังกัดของจ�ำเลยท่ ๑ ขอให้ม ี
ค�ำส่งระงับหรือยุติกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยระบบลีกตำมท่ผู้ว่ำกำรกำรกีฬำแห่งประเทศไทย






และจ�ำเลยท่ ๒ ลงนำมอนุญำตไป แต่ไม่ได้รับกำรตอบกลับ ท้งจ�ำเลยท้งส่ยังคงร่วมกัน
จัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกครั้งที่ ๑ ประจ�ำปี ๒๕๕๙ ขึ้น ณ สนำมมวยลุมพินี ใช้ชื่อรำยกำรว่ำ

“โตโยต้ำ มวยไทยลีก” ซ่งกำรกระท�ำดังกล่ำวเป็นกำรละเมิดสิทธิของโจทก์ เพรำะโจทก์เป็น

ผู้คิดค้นสร้ำงสรรค์กำรแข่งขันมวยไทยลีกข้นและน�ำไปจัดกำรแข่งขันโฆษณำเผยแพร่
ทั้งในประเทศและต่ำงประเทศมำแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ จึงไม่มีสิทธิน�ำผลงำนที่โจทก์คิดค้นสร้ำงสรรค์

ข้นไปจัดกำรแข่งขันหรือลงนำมท�ำสัญญำอนุญำตให้สิทธิแก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับอนุญำตจำก
โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสี่เป็นกำรโต้แย้งสิทธิโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้
บังคับจ�ำเลยท้งส่ร่วมกันหรือแทนกันช�ำระค่ำเสียหำย ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ



ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยที่ ๑ ระงับ

หรือเพิกถอนสัญญำอนุญำตให้สิทธิจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกกับจ�ำเลยท่ ๒ และห้ำมจ�ำเลย







ท้งส่กระท�ำกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกท่แถลงข่ำวมำท้งหมด รวมถึงท่จ�ำเลยท้งส่จะด�ำเนินกำร
จัดกำรแข่งขันต่อไปในอนำคตทั้งในและต่ำงประเทศ
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม โจทก์ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นริเริ่มสร้ำงสรรค์
และไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิในระบบหรือรูปแบบกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยระบบลีก เน่องจำกระบบ

กำรแข่งขันและโปรแกรมกำรแข่งขันตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นเพียงระบบหรือรูปแบบกำรแข่งขัน
กีฬำมวยไทยแบบแบ่งสำยพบกันหมดเพ่อเก็บคะแนน ซ่งเป็นระบบหรือรูปแบบท่พบได้ในกำร



แข่งขันกีฬำท่วไปและมีแพร่หลำยต่อสำธำรณชนท่วโลกมำนำนแล้ว และกีฬำมวยก็มีกำรแข่งขัน


ในระบบหรือรูปแบบน้มำนำนแล้วโดยเรียกว่ำ มวยรอบ และระบบหรือรูปแบบของกำรแข่งขัน















กฬำไม่ใช่สทธหรอลขสทธทกฎหมำยรบรองค้มครอง จำเลยท ๑ เป็นผ้มแนวคดในกำรจดทำ






โครงกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยระบบลีกมำก่อนโจทก์ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำอนุญำตให้สิทธิในกำร
แข่งขันมวยไทยรุ่นใหญ่ รำยกำร มวยไทยลีก แก่จ�ำเลยที่ ๒ โดยก่อนท�ำสัญญำได้มีกำรเจรจำ



ต่อรองกำหนดเงอนไขหน้ำทควำมรับผดชอบและผลประโยชน์ททุกฝ่ำยจะได้รบถูกต้องตำม






ระเบียบและข้อบังคับของจ�ำเลยที่ ๑ แล้ว อีกทั้งกำรมอบสิทธิให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ นั้น จ�ำเลยที่ ๑


ใช้ช่อว่ำกำรแข่งขันมวยไทยรุ่นใหญ่ มวยไทยลีก ซ่งแตกต่ำงจำกช่อรำยกำรของโจทก์ กรณ ี

36



จึงเป็นกำรจัดกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยต่ำงรำยกัน ไม่ซ้ำซ้อนกัน กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๑
จึงเป็นกำรกระท�ำโดยชอบ ไม่เป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำย คดีน ี ้

อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้
ยกฟ้อง

จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่ใช่เจ้ำของสิทธิและผู้สร้ำงสรรค์ในผลงำนกำร







จดกำรแข่งขนโครงกำรมวยไทยระบบลก มวยไทยเป็นศลปะกำรต่อส้ป้องกนตวโจทก์ไม่อำจ

กล่ำวอ้ำงกำรเป็นเจ้ำของลิขสิทธิ์ได้ กำรที่จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีก
ครั้งที่ ๑ ประจ�ำปี ๒๕๕๙ ขึ้น โดยมีจ�ำเลยที่ ๔ เป็นผู้สนับสนุนเป็นกำรจัดกำรแข่งขันโดยชอบ
มิได้เป็นกำรโต้แย้งสิทธิโจทก์ และไม่ได้ท�ำให้โจทก์เสียหำย ค่ำเสียหำยของโจทก์ไม่มีอยู่จริง

ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๔ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๔ ให้กำรสนับสนุนกำรจัดกำรแข่งขันมวยไทยรุ่นใหญ่

โครงกำรโตโยต้ำ มวยไทยลีก ๒๐๑๖ ต่อกำรกีฬำแห่งประเทศไทยตำมท่ได้รับกำรร้องขอ

ให้สนับสนุนมำโดยสุจริต อันเป็นกำรช่วยเหลือ ส่งเสริม ผลักดัน และพัฒนำวงกำรกีฬำของ

ประเทศไทยเป็นกำรตอบแทนสังคมของจ�ำเลยท่ ๔ จ�ำเลยท่ ๔ มิได้กระท�ำกำรใดร่วมกับ

จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ อันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ โจทก์มิใช่เจ้ำของลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิในกำรจัดกำร

แข่งขันชกมวยไทยลีกแต่เพียงผู้เดียว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยใด ๆ

คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำกรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอ












กำรพจำรณำพพำกษำคดไว้ช่วครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดีช�ำนญพเศษ


เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิตำมพระรำชบัญญัต ิ



จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้อง

โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นผู้คิดค้นริเร่มสร้ำงสรรค์ผลงำนจัดกำรแข่งขันโครงกำรมวยไทย
37


ระบบลีกหรือมวยไทยพรีเมียร์ลีกข้น โจทก์ได้พูดคุยบอกกล่ำวแนะน�ำกำรแข่งขันมวยไทยระบบลีก


เพ่อขอให้จ�ำเลยท่ ๑ สนับสนุนและร่วมมือกับโจทก์ ต่อมำผู้ว่ำกำรกำรกีฬำแห่งประเทศไทย
ได้แถลงข่ำวพิธีลงนำมตำมสัญญำอนุญำตให้สิทธิจัดกำรแข่งขันมวยไทยลีกแก่จ�ำเลยที่ ๒ โดยมี


จำเลยท่ ๓ เข้ำร่วมในกำรจัดงำน และจ�ำเลยท้งส่ได้ร่วมกนจดกำรแข่งขันมวยไทยลกคร้งท ๑
















ประจำปี ๒๕๕๙ ข้น ณ สนำมมวยลมพน อนเป็นกำรละเมดสทธของโจทก์ ส่วนจำเลยทงส ่ ี




ให้กำรต่อสู้ในท�ำนองเดียวกันว่ำ ระบบหรือรูปแบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยไม่ใช่สิทธิหรือลิขสิทธ ์ ิ
ที่มีกฎหมำยรับรองคุ้มครอง โจทก์จึงไม่อำจมีสิทธิในรูปแบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยได้ คดีจึงมี

ปัญหำให้ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ ระบบกำรแข่งขันกีฬำมวยไทยตำมท่โจทก์กล่ำวอ้ำงในฟ้องเป็นงำน




อันมีลิขสิทธ์และได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยหรือไม่ ดังน้น คดีน้ย่อมเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับ



ลิขสิทธ์ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)










วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ







ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ






38

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวอธิชำ เทศข�ำ โจทก์

ที่ วทป ๒๖/๒๕๖๑ บริษัทสกำยปำร์ค มิวสิค

จ�ำกัด จ�ำเลย



จ�ำเลยน�ำผลงำนเพลงสองเพลงตำมฟ้องท่โจทก์ขับร้องและแสดงในมิวสิก


วิดีโอไปเผยแพร่ต่อสำธำรณชนผ่ำนทำงคล่นวิทยุกระจำยเสียงและส่อออนไลน์ และให้

ประชำชนดำวน์โหลดเพลงโดยเสียค่ำตอบแทน คดีจึงมีประเด็นท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวข้อง

กับสิทธิของนักแสดงและสิทธิในกำรได้รับค่ำตอบแทนของนักแสดง จึงเป็นคดีแพ่ง
เกี่ยวกับลิขสิทธิ์

_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๘ โจทก์กับจ�ำเลยได้ท�ำสัญญำจ้ำงขับร้อง

เพลงและนักแสดงมีก�ำหนดระยะเวลำ ๓ ปี นับแต่วันท�ำสัญญำซ่งมีข้อตกลงว่ำโจทก์ตกลง

เป็นดำรำแสดงภำพยนตร์ละครและขับร้องเพลงไทยสำกลและเพลงลูกทุ่งบันทึกเสียงให้จ�ำเลย
โดยสัญญำข้อที่ ๓ ก�ำหนดให้ค่ำใช้จ่ำยในกำรบันทึกเสียง ถ่ำยภำพ ถ่ำยท�ำละครและภำพยนตร์

รวมทั้งกำรโฆษณำเพื่อสนับสนุนกำรจ�ำหน่ำยผลงำน ตลอดจนค่ำใช้จ่ำยใด ๆ ในกำรด�ำเนินกำร

เพ่อจ�ำหน่ำยส่งบนทึกเสียง โสตทัศนวัสดุ ตำมสัญญำน้ จำเลยเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยท้งหมด






แต่เพียงผู้เดียว และข้อที่ ๘ ก�ำหนดว่ำ นักร้อง/นักแสดง ไม่มีสิทธิในกำรแสดงภำพยนตร์ ละคร
ไม่มีสิทธิรับงำนดนตรีหรือแสดงแบบ ถ่ำยโฆษณำและรับงำนต่ำง ๆ ไม่ว่ำจะมีค่ำตอบแทนหรือ




ไม่ก็ตำม งำนท่จะรับได้ต้องเป็นงำนท่บริษัทจัดหำให้เท่ำน้น ภำยหลังจำกท่โจทก์ได้ท�ำสัญญำ
ดังกล่ำวกับจ�ำเลย โจทก์ได้ปฏิบัติตำมสัญญำตลอดมำ แต่จ�ำเลยไม่เคยผลักดันหรือสนับสนุน
ผลงำนเพลงของโจทก์อันเป็นหน้ำท่ตำมสัญญำของจ�ำเลย บำงคร้งโจทก์ต้องเป็นผู้ออกจ่ำยชุด




นักแสดงและค่ำใช้จ่ำยในกำรท�ำโปสเตอร์โปรโมท ซ่งโดยปกติแล้วเป็นหน้ำท่ของจ�ำเลย จ�ำเลย



ไม่จัดหำงำนแสดงโชว์ขับร้องเพลงให้กับโจทก์ซ่งเป็นกำรไม่ปฏิบัติตำมสญญำข้อท่ ๘ ขณะท ี ่











โจทกเปนศิลปนของจำเลยนน โจทกมผลงำนเพลงทขบรองชอวำ “ไมไดเจำชแตเนอคหนเยอะ”





















และ “คบไมไดผูชำยเจำชู” ซึ่งจ�ำเลยน�ำไปเผยแพรตอสำธำรณชนผำนทำงคลื่นวิทยุกระจำยเสียง


และส่อออนไลน์ และให้ประชำชนดำวน์โหลดเพลงท้งสองโดยเสียค่ำตอบแทน แต่ไม่ได้ก�ำหนด














คำตอบแทนใหแก่โจทก์ สญญำจำงขบรองเพลงและนกแสดงไมมข้อกำหนดคำจำงข้นตำต่องำนไว ้



39




และในข้อสัญญำหลำยข้อท�ำให้โจทก์ต้องรับภำระมำกกว่ำท่โจทก์จะคำดหมำยได้ ท้งเร่อง



ควำมชัดเจนในค่ำจ้ำงและสิทธิเสรีภำพในกำรรับจ้ำงงำนแสดงในกรณท่จำเลยไม่มีงำนแสดง
ให้แก่โจทก์และสิทธินักแสดงก็ไม่มีก�ำหนดโดยชัดเจนว่ำ ศิลปินจะได้ค่ำตอบแทนกันอย่ำงไร
ดังน้น หำกโจทก์ต้องผูกพันตำมสัญญำต่อไปจะท�ำให้โจทก์เสียหำย โจทก์จึงขอบอกเลิกสัญญำ

และขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินที่โจทก์ได้ขับร้องและแสดงในมิวสิกวิดีโอของเพลง “ไม่ได้เจ้ำชู้แต่เนื้อคู่

หนูเยอะ” และ “คบไม่ได้ผู้ชำยเจ้ำชู้” เพลงละ ๑๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ได้ให้ทนำยควำมมีหนังสือ
บอกกล่ำวทวงถำมและบอกเลิกสัญญำไปยังจ�ำเลยแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพำกษำ

ให้สัญญำจ้ำงขับร้องเพลงและนักแสดงระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเลิกกัน และให้จ�ำเลยชดใช้

ค่ำขับร้องและแสดงในมิวสิกวิดีโอเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์

จ�ำเลยขำดนัดยื่นค�ำให้กำร

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิจำรณำแล้ว

เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ






กำรค้ำระหว่ำงประเทศหรอไม่ จงให้รอกำรพจำรณำพพำกษำคดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำ


ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน


ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลย
นำผลงำนเพลงสองเพลงตำมฟ้องทโจทก์ขบร้องและแสดงในมวสกวดโอไปเผยแพร่ต่อสำธำรณชน










ผ่ำนทำงคล่นวิทยุกระจำยเสียงและส่อออนไลน์ และให้ประชำชนดำวน์โหลดเพลงโดยเสีย

ค่ำตอบแทนและขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินท่โจทก์ได้ขับร้องและแสดงในมิวสิกวิดีโอของเพลง

ท้งสองตำมฟ้องให้แก่โจทก์ คดีจึงมีประเด็นท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวข้องกับสิทธิของนักแสดงและ


สิทธิในกำรได้รับค่ำตอบแทนของนักแสดง คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ อันอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)




40















วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ



ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































41

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฮอนด้ำ ออโตโมบิล

ที่ วทป ๔๕/๒๕๖๑ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์

บริษัทเคกรุ๊ป ฮอนด้ำ
ออโตโมบิล จ�ำกัด

กับพวก จ�ำเลย






คดีมีประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ หน้ำท่ของโจทก์และจ�ำเลยท้งสอง



ตำมสัญญำแต่งต้งผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร ซ่งมีสำระส�ำคัญของสัญญำเป็นกำรอนุญำต


ให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์รวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกัน

ตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมำยกำรค้ำ
_____________________________





โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๓ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๒

ท�ำสัญญำแต่งต้งผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร โจทก์อนุญำตให้จ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยท่ได้รับอนุญำต




ให้ด�ำเนินกำรขำยและส่งเสริมกำรขำยรถยนต์และสินค้ำย่ห้อฮอนด้ำและให้บริกำรตำมมำตรฐำน
ของฮอนด้ำ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เป็นต้นมำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยที่ได้รับอนุญำตของโจทก์และ



มีกำรลงนำมโดยจ�ำเลยท่ ๒ กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจเพ่อต่อระยะเวลำสัญญำเร่อยมำทุกปี ต่อมำ
ปรำกฏว่ำจ�ำเลยที่ ๑ โดยกำรด�ำเนินงำนของจ�ำเลยที่ ๒ ไม่ได้กระท�ำหน้ำที่ผู้จ�ำหน่ำยตำมสัญญำ


อย่ำงเหมำะสม ท�ำให้โจทก์ไม่ไว้วำงใจท่จะร่วมท�ำธุรกิจกับจ�ำเลยท้งสองอีกต่อไป จึงตัดสินใจ



ไม่ต่อสัญญำกบจำเลยท่ ๑ ต้งแต่เดอนธันวำคม ๒๕๕๙ เป็นต้นมำ โจทก์ส่งหนังสือแจ้ง


ไม่ต่อสัญญำถึงจ�ำเลยที่ ๑ และขอให้จ�ำเลยที่ ๑ ยุติกำรแสดงตนเป็นผู้แทนจ�ำหน่ำยที่รับอนุญำต

หยุดขำยสินค้ำย่ห้อฮอนด้ำ หยุดกำรใช้เคร่องหมำยกำรค้ำฮอนด้ำ ขอให้ส่งคืนเอกสำรและ


ทรัพย์สินของโจทก์และขอให้จ�ำเลยท่ ๑ รักษำข้อมูลควำมลับอันเก่ยวกับกำรท�ำหน้ำท่ของ


ผู้จ�ำหน่ำย แต่จ�ำเลยที่ ๑ โดยกำรด�ำเนินกำรของจ�ำเลยที่ ๒ ยังคงเพิกเฉย กำรกระท�ำของจ�ำเลย

ท้งสองจึงเป็นกำรผิดสัญญำและร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ เน่องจำกจ�ำเลยท้งสองไม่ปฏิบัต ิ





หน้ำท่ภำยหลังสัญญำส้นสุดลงให้ถูกต้องตำมท่ได้ตกลงกันและร่วมกันยึดหน่วงทรัพย์สินของ
โจทก์ไว้โดยไม่มีสิทธิ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรปลดป้ำย






ต่ำง ๆ ท่มีเคร่องหมำยกำรค้ำ ตรำสัญลักษณ์ ช่อทำงกำรค้ำของฮอนด้ำ ซ่งเป็นกรรมสิทธ์ของโจทก์
42


ณ สถำนประกอบกำรของจ�ำเลยท่ ๑ หรือมีค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำให้โจทก์สำมำรถ

เข้ำไปด�ำเนินกำรดังกล่ำวให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันส่งมอบคืนแก่โจทก์หรือท�ำลำยซ่งทรัพย์สิน

ของโจทก์ เอกสำรหรือระบบปฏิบัติกำรใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำรส่งเสริมกำรขำยผลิตภัณฑ์ของ
โจทก์ หรือมีค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำให้โจทก์สำมำรถเข้ำไปด�ำเนินกำรดังกล่ำวใน

สถำนประกอบกำรของจ�ำเลยที่ ๑ หำกโดยสภำพไม่สำมำรถบังคับให้จ�ำเลยทั้งสองปฏิบัติตำมได้




ขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้รำคำทรัพย์สินต่ำง ๆ ของโจทก์ท่จ�ำเลยท้งสองได้

ยดหน่วงไว้ ให้จ�ำเลยทงสองร่วมกันหรือแทนกนชดใช้ค่ำเสียหำย ๖๐,๑๕๙,๔๓๕ บำท พร้อม




ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ



จ�ำเลยท้งสองจะร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงินค่ำเสียหำยให้แก่โจทก์เสร็จส้น และให้จ�ำเลยท้งสอง






ร่วมกนหรอแทนกนชดใช้ค่ำใช้ประโยชน์จำกทรัพย์สินของโจทก์ คอป้ำยสญลกษณ์ทำงกำรค้ำ

ต่ำง ๆ เอกสำร และระบบปฏิบัติ คิดเป็นรำยวันวันละ ๑๔,๕๐๐ บำท นับต้งแต่วันท่ ๑๕ กรกฎำคม ๒๕๖๐

เป็นต้นไป แก่โจทก์จนกว่ำจ�ำเลยทั้งสองจะท�ำกำรส่งมอบทรัพย์สินคืนโจทก์ครบถ้วน


จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ





และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ จำเลยท ๑ ไม่ได้ผดสญญำ โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ โจทก์ใช้สิทธ ิ
ไม่สุจริตจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม กำรก�ำหนดอำยุสัญญำ
ครำวละ ๑ ปี และข้อตกลงให้สัญญำสิ้นสุดลงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือสิทธิบอกเลิกสัญญำ
ได้โดยอีกฝ่ำยมิได้ผิดสัญญำในข้อสำระส�ำคัญ เป็นข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม สัญญำระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยที่ ๑ ครบก�ำหนดแล้ว แต่โจทก์ยังคงให้จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยและบริกำรเรื่อยมำ


จึงถือว่ำโจทก์แต่งต้งให้จ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้จ�ำหน่ำยและบริกำรโดยไม่มีก�ำหนดระยะเวลำ ขอให้
ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้กระท�ำกำรแทนจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ ไม่มี

นิติสัมพันธ์กับโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีน้เป็นกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำกับคด ี



หมำยเลขด�ำท่ ๗๘๗/๒๕๖๐ ของศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยท่ ๑
ไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำ โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ข้อสัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เป็นข้อสัญญำ
ที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่ำเสียหำยและคิดดอกเบี้ยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง









ในวนนดพจำรณำ ศำลจงหวดธญบรพจำรณำแล้ว เหนว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดนอย่ ู







ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่

จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

43


คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙




วินิจฉัยว่ำ คดีนเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำหรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธ ิ
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ

ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยว่ำ


โจทก์หรือจ�ำเลยท้งสองเป็นฝ่ำยปฏิบัติผิดสัญญำแต่งต้งผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร โจทก์มีสิทธ ิ
บอกเลิกสัญญำกับจ�ำเลยท้งสองหรือไม่ และโจทก์ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด อันเป็น




ประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำท่ของโจทก์และจ�ำเลยท้งสองตำมสัญญำแต่งต้ง



ผู้จ�ำหน่ำยและบริกำร ซ่งมีสำระส�ำคัญของสัญญำเป็นกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ

ของโจทก์รวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิใน

เคร่องหมำยกำรค้ำ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ


ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)











วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ






ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ









44

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงรัศมี ลอระวี โจทก์

ที่ วทป ๓/๒๕๖๒ บริษัทแอนนิเมชั่น

อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย





แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสองจงใจกระท�ำละเมิดต่อโจทก์โดยไป
แจ้งควำมร้องทุกข์ น�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจเข้ำตรวจค้นจับกุมและด�ำเนินคดีกับโจทก์



ในข้อหำละเมิดลิขสิทธ์ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนท่หมดอำยุควำมคุ้มครองตำมกฎหมำย

ลิขสิทธ์แล้ว แต่ในกำรวินิจฉัยปัญหำว่ำจ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้อง

หรือไม่ จะต้องพิจำรณำด้วยว่ำ ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนเป็นงำนที่ยังได้รับควำมคุ้มครอง

ตำมกฎหมำยลิขสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งต้องพิจำรณำไปตำม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ คดีนี้
จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์

_____________________________




โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ จ�ำเลยท่ ๑ มอบ







อำนำจให้จ�ำเลยท่ ๒ เข้ำแจ้งควำมร้องทกข์กับพนกงำนสอบสวนเพอให้ดำเนนคดอำญำกบ




ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอน จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ น�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจไปยัง
ร้ำนก้องวิทยำซึ่งโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงอยู่และชี้ให้จับกุมโจทก์ โดยยืนยันว่ำโจทก์เป็นผู้กระท�ำ






ควำมผิดข้อหำละเมิดลขสทธ และเจรจำขอให้โจทก์ชำระเงินแลกกับกำรไม่ด�ำเนนคดีอันมีลกษณะ

เป็นกำรกรรโชกทรัพย์ โจทก์ไม่ยินยอม ทั้งนี้จ�ำเลยทั้งสองทรำบเป็นอย่ำงดีตั้งแต่ก่อนแจ้งควำม
ด�ำเนินคดีแล้วว่ำ ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนไม่มีลิขสิทธิ์ตำมกฎหมำยแล้ว แต่ยังยืนยันแจ้งข้อควำม
อันเป็นเท็จ ช้ตัว และน�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจจับกุมโจทก์ จงใจให้เกิดควำมเสียหำยแก่โจทก์














เป็นผลให้โจทก์ต้องถกดำเนนคดอำญำในข้อหำละเมดลขสทธทงทไม่เป็นควำมจรง ก่อให้เกิด



ควำมเสยหำยต่อชอเสยงและสทธเสรภำพของโจทก์ โจทก์ต้องเสียค่ำว่ำจ้ำงทนำยควำม ต้อง






ยืมเงินประกันตัวและเสียดอกเบ้ย เสียค่ำใช้จ่ำยในกำรเดินทำงมำพบพนักงำนสอบสวนและ
พนักงำนอัยกำรหลำยคร้ง ต่อมำพนักงำนอัยกำรมีค�ำส่งไม่ฟ้องโจทก์ เน่องจำกตัวกำร์ตูน




โดรำเอมอนไม่ใช่งำนท่ได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยเพรำะหมดอำยุควำมคุ้มครองตำม
กฎหมำยลิขสิทธ์แล้ว กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรกระท�ำละเมิดและก่อให้เกิดควำม



เสียหำยต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
45


พร้อมดอกเบ้ยอัตรำละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนเป็นงำน
สร้ำงสรรค์ประเภทงำนศิลปกรรม ลักษณะงำนจิตรกรรม มีอำยุกำรคุ้มครอง ๕๐ ปี นับแต่วัน

โฆษณำงำนคร้งแรก บริษัทฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ โปร จ�ำกัด เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำย


ของประเทศญ่ปุ่น และเป็นผู้สร้ำงสรรค์งำนศิลปกรรมตัวกำร์ตูนโดรำเอมอน ซ่งโฆษณำงำน


















คร้งแรกเม่อวนท่ ๑ ธนวำคม ๒๕๑๒ ดังนน ในวันท ๑๑ กมภำพนธ ๒๕๖๐ วนเกดเหต ตวกำรตูน

โดรำเอมอนจึงยังอยู่ในระยะเวลำอำยุกำรคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ์ กำรกระท�ำของจ�ำเลย

ท้งสองเป็นกำรใช้สิทธิโดยสุจริตตำมกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำท่ให้อ�ำนำจแก่จ�ำเลย


ท้งสองในฐำนะผู้รับมอบอ�ำนำจจำกบริษัทฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ โปร จ�ำกัด ในกำรด�ำเนินคด ี


อำญำกับโจทก์ จ�ำเลยท้งสองไม่ได้มีเจตนำกล่นแกล้งโจทก์และไม่ได้เรียกร้องให้โจทก์ช�ำระเงิน
แลกกับกำรไม่ด�ำเนินคดีแต่อย่ำงใด จ�ำเลยทั้งสองไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร
พิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน




ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลย
ท้งสองจงใจกระท�ำละเมิดต่อโจทก์โดยไปแจ้งควำมร้องทุกข์ น�ำเจ้ำพนักงำนต�ำรวจเข้ำตรวจ

ค้นจับกุมและด�ำเนินคดีในข้อหำละเมิดลิขสิทธ์ตัวกำร์ตูนโดรำเอมอนกับโจทก์ ท้งท่ตัวกำร์ตูน




โดรำเอมอนเป็นงำนท่หมดอำยุควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ์แล้ว แต่ในกำรวินิจฉัย

ปัญหำว่ำ จ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้องหรือไม่ จะต้องพจำรณำด้วยว่ำ ตัวกำร์ตูน





โดรำเอมอนเป็นงำนท่ยังได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ์หรือไม่ ซ่งต้องพิจำรณำ




ไปตำมกฎหมำยลขสทธ คอ พระรำชบญญตลขสทธ พ.ศ. ๒๕๓๗ คดนจึงเป็นคดแพ่ง












เก่ยวกับลิขสิทธ์ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ



ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
46
















วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ


ระหว่ำงประเทศ

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ















































47

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทศรีค�ำรุ้ง จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๒๒/๒๕๖๒ นำงสำวญีนำหรือจีน่ำ

ซำลำส กับพวก จ�ำเลย





จ�ำเลยท ๑ ปฏิบัติผิดสัญญำจ้ำงเป็นนักแสดงในสังกัดของโจทก์โดยไปรับจ้ำง




เป็นนักแสดงของจ�ำเลยท ๓ คดีจึงมีปัญหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เก่ยวกับมูลหน้ระหว่ำง






โจทก์กับจ�ำเลยท ๑ ท่เกิดข้นตำมสัญญำจ้ำงท่มีข้อตกลงเก่ยวกับกำรโอนลิขสิทธ์ต่อกัน

และกำรห้ำมไปรับงำนแสดงกับบุคคลอื่น คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนำคม ๒๕๕๗ จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้เยำว์โดยควำมยินยอม
ของจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็นมำรดำและผู้ใช้อ�ำนำจปกครองของจ�ำเลยท่ ๑ ได้ตกลงเป็นนักแสดง



ในสังกัดโจทก์มีก�ำหนด ๕ ปี นับแต่วันที่ ๑๐ มีนำคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๙ มีนำคม ๒๕๖๒ เพื่อให้
จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำงำนเป็นนักแสดงภำพยนตร์ งำนละคร งำนร้องเพลง และงำนธุรกิจบันเทิงอื่น ๆ



ตำมท่โจทก์เห็นสมควร จ�ำเลยท่ ๑ จะได้รับเงินค่ำจ้ำงท่โจทก์จ่ำยให้เป็นรำยเดือน เดือนละ



๑๐,๐๐๐ บำท และรำยได้ส่วนอ่นท่โจทก์จัดให้ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ตกลงโอนลิขสิทธ์กำรแสดง












ของตนทงหมดให้แกโจทก และห้ำมจำเลยท ๑ ไปรบงำนกำรแสดงกบบคคลอนภำยในกำหนด



สญญำดังกล่ำวโดยไม่ได้รบควำมยินยอมจำกโจทก์ หลังจำกนนโจทก์จัดให้จ�ำเลยท่ ๑ ได้รบ






กำรฝึกฝนกำรแสดง จนกระท่งมอบหมำยงำนให้จ�ำเลยท่ ๑ แสดงเป็นนำงเอกในละครชุด




เร่อง “ปริศนำ” และ “รัตนำวดี” เม่อปี ๒๕๕๘ จนมีช่อเสียงเป็นนักแสดงดำวรุ่งในสังกัดโจทก์

ต่อมำประมำณเดือนมีนำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท่ ๑ ละเลยหลีกเล่ยงเข้ำซ้อมบทละครตำมท่โจทก์


ก�ำหนด และปลำยเดือนกรกฎำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยละท้งไม่เข้ำมำท�ำงำนให้แก่โจทก์ไปรับจ้ำง



เป็นนักแสดงในสังกัดของจ�ำเลยท่ ๓ ซ่งว่ำจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ เข้ำร่วมเป็นนักแสดงน�ำฝ่ำยหญิง

ในละครเรื่อง “ดวงใจในไฟหนำว” ออกอำกำศเผยแพร่ให้ประชำชนได้รับชมทำงโทรทัศน์ ตั้งแต่
วันท่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ท่จ�ำเลยท้งสำมร่วมกัน



ละเมิดลิขสิทธิ์ตำมสัญญำจ้ำงนักแสดงของจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะนักแสดงในสังกัดของโจทก์ ขอให้
บังคับจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันช�ำระเงิน ๔,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงินดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
48



จ�ำเลยท้งสำมให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่เคยประพฤติผิดสัญญำจ้ำง จ�ำเลย


ท่ ๒ และท่ ๓ ไม่เคยร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ สิทธิเรียกร้องโจทก์เร่องละเมิดเกินกว่ำ ๑ ปี

ขำดอำยุควำม สัญญำจ้ำงเป็นนักแสดงในสังกัดระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ ๒๕
สิงหำคม ๒๕๕๙ เนื่องจำกโจทก์ผิดสัญญำไม่ช�ำระค่ำจ้ำงแก่จ�ำเลยอัตรำเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท

ตั้งแต่เดือนมีนำคมและเมษำยน ๒๕๕๙ จนพ้นก�ำหนดทวงถำม โจทก์เพิกเฉยไม่ช�ำระจ�ำเลยที่ ๑

จึงบอกเลิกสัญญำและมีสิทธิเข้ำรับจ้ำงเป็นนักแสดงกับจ�ำเลยที่ ๓ ได้ จ�ำเลยทั้งสำมไม่มีหน้ำที่










ต้องชดใช้ค่ำเสียหำยใด ๆ ตำมฟ้องแก่โจทก์ หน้ทโจทก์ฟ้องเป็นหนเงนซงมใช่หนท่ไม่อำจ


แบ่งแยกกันช�ำระได้ โจทก์ไม่อำจน�ำหลักเร่องลูกหน้ร่วมมำใช้บังคับจ�ำเลยท่ ๓ ให้ร่วมรับผิดชดใช้



ค่ำสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ และฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ในช้นช้สองสถำน ศำลจังหวัดมีนบุรี เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ



พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องพิจำรณำตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ


และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ ว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์หรือไม่ เห็นว่ำ

โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ โดยควำมยินยอมของจ�ำเลยท่ ๒ มำรดำซ่งเป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครอง




ของจ�ำเลยท่ ๑ ปฏิบัติผิดสัญญำจ้ำงเป็นนักแสดงในสังกัดของโจทก์โดยไปรับจ้ำงเป็นนักแสดง

ของจ�ำเลยท่ ๓ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมให้ร่วมรับผิดต่อโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยและค่ำสินไหม

ทดแทน จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรปฏิเสธว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญำและท�ำละเมิดต่อโจทก์
แต่สัญญำจ้ำงระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ สิ้นสุดลงแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ จึงได้ไปรับจ้ำงเป็นนักแสดง
ในสังกัดจ�ำเลยท่ ๓ จ�ำเลยท้งสำมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีจึงมีปัญหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์


เกี่ยวกับมูลหนี้ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ที่เกิดขึ้นตำมสัญญำจ้ำงให้จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนักแสดง


ในสังกัดของโจทก์ โดยมีข้อตกลงเก่ยวกับกำรโอนลิขสิทธ์ต่อกัน และกำรห้ำมไปรับงำนแสดง




กับบุคคลอ่น ต่อมำจำเลยท ๑ ผดสญญำ ส่วนจำเลยท้งสำมให้กำรปฏเสธควำมรับผิด คดีน ี ้





จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ



และกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

49

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ




วินิจฉัย ณ วันที่ ๑ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ













































50

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ มหำวิทยำลัยรำชภัฏ

ที่ วทป ๒๘/๒๕๖๒ พระนครศรีอยุธยำ โจทก์

บริษัทเบสท์ เอ็คซ์เพิร์ท
อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี

จ�ำกัด จ�ำเลย






เม่อสัญญำท่โจทก์และจ�ำเลยพิพำทกันมีขอบเขตท่จ�ำเลยจะจัดหำ พัฒนำ และ


ติดต้งอุปกรณ์ฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ศึกษำ วิเครำะห์ ออกแบบรำยงำน เพ่อน�ำเสนอ

ข้อมูลท่สนับสนุนกำรตัดสินใจ อบรมและพัฒนำบุคลำกรของโจทก์ เม่อซอฟต์แวร์หรือ




ชุดค�ำส่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นงำนวรรณกรรมจึงเป็นงำนอันมีลิขสิทธ และกำร
จัดท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจโดยต้องมีกำรอบรมและพัฒนำบุคลำกร


ของโจทก์จึงเข้ำข่ำยกำรถ่ำยทอดเทคโนโลย สญญำดงกล่ำวนับเป็นสญญำท่เก่ยวกบ










ลิขสิทธ์และกำรถ่ำยทอดเทคโนโลย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์และเป็น
คดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยี
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๒ เมษำยน ๒๕๕๘ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้จัดท�ำระบบสำรสนเทศ
สนับสนุนกำรตัดสินใจ ๑ ระบบ ในรำคำ ๑,๙๐๐,๐๐๐ บำท ตกลงช�ำระค่ำจ้ำงแบ่งเป็น ๔ งวด

ตำมควำมคืบหน้ำของงำน หำกจ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนให้แล้วเสร็จตำมเวลำท่ก�ำหนดในสัญญำ







ยอมเสยค่ำปรบอตรำวนละ ๑,๙๐๐ บำท จำเลยส่งมอบงำนในงวดท ๑ และโจทก์ชำระค่ำจ้ำง



ในงำนงวดดังกล่ำวแล้ว ๓๘๐,๐๐๐ บำท ต่อมำเม่อวันท่ ๕ มิถุนำยน๒๕๕๘ จ�ำเลยขอ
ส่งมอบงำนในงวดท่ ๒ แต่คณะกรรมกำรของโจทก์มีมติไม่รับกำรส่งงำนในงวดท่ ๒ และส่ง





ให้จำเลยจดทำแผนกำรทำงำนทละเอยด work plan แสดงรำยกำรในแต่ละขนตอนของกำร







ท�ำงำนให้ชัดเจน ตรวจเช็คข้อมูลแต่ละรำยกำรในทุกระบบเดิม (check list) ให้ทบทวนกับแต่ละ

หน่วยงำนอีกคร้ง รำยงำนผลหน้ำจอให้หน่วยงำนดูว่ำครอบคลุมแล้วหรือไม่ และให้น�ำเสนอ
รูปแบบกำรวิเครำะห์ให้ชัดเจนภำยในวันที่ ๘ กรกฎำคม ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๘
จ�ำเลยขอขยำยระยะเวลำกำรส่งมอบงำนงวดที่ ๓ และงวดที่ ๔ ออกไปอีก ๓๐ วัน เนื่องจำกงำน
ในงวดที่ ๒ ยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎำคม ๒๕๕๘ คณะกรรมกำรของโจทก์พิจำรณำแล้ว
51

ไม่รับมอบงำนในงวดที่ ๒ และให้จ�ำเลยด�ำเนินกำรพบผู้บริหำรโจทก์เพื่อสรุปควำมต้องกำรและ

น�ำเสนอข้อมูลรำยงำน ออกแบบหน้ำจอแสดงผลและส่วนของกำรเข้ำใช้งำนในระบบให้เป็นไป

ตำมที่คณะกรรมกำรเสนอแนะ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎำคม ๒๕๕๘ โจทก์มีหนังสือทวงถำมให้จ�ำเลย
ส่งมอบงำนในงวดที่ ๒ ต่อมำในวันที่ ๑๖ กรกฎำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยมีหนังสือขอขยำยระยะเวลำ

ส่งมอบงำนไปอีก ๒๐ วัน คณะกรรมกำรโจทก์พิจำรณำแล้วไม่อนุญำต เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหำคม ๒๕๕๘


จ�ำเลยมีหนังสือส่งมอบงำนงวดท่ ๒ คณะกรรมกำรโจทก์พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ จ�ำเลยท�ำงำน
ในงวดที่ ๒ ยังไม่ครบถ้วน จึงไม่รับมอบงำนในงวดที่ ๒ หลังจำกนั้น โจทก์ติดตำมทวงถำมอีก

หลำยครั้ง แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถส่งมอบงำนได้ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ โจทก์มีหนังสือ












บอกเลกสญญำและเรยกใหจำเลยช�ำระคำปรบแก่โจทกจำนวน ๒๒๙,๙๐๐ บำท แต่จำเลยเพกเฉย

โจทก์จึงเรียกดอกเบ้ยอัตรำผิดนัดของต้นเงินค่ำปรับดังกล่ำวนับแต่วันผิดนัดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน
๒๗,๙๖๐.๑๖ บำท แต่โจทก์ว่ำจ้ำงบริษัททรินนเทค จ�ำกัด มำจัดท�ำระบบสำรสนเทศต่อในรำคำ
๑,๔๔๙,๕๐๐ บำท ซึ่งต�่ำกว่ำค่ำจ้ำงจ�ำเลยตำมส่วนที่เหลือของสัญญำ ๗๐,๕๐๐ บำท จึงน�ำเงิน

ดังกล่ำวและค่ำประกันควำมเสียหำย ๙๕,๐๐๐ บำท ท่จ�ำเลยวำงไว้มำหักช�ำระดอกเบ้ยและค่ำปรับแล้ว


ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๖๒,๘๖๐.๑๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของ
ต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวนับแต่วันที่ ๓๑ กรกฎำคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยรับท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจตำมฟ้องและ






ส่งมอบงำนในงวดท่ ๑ แล้ว เม่อวนท่ ๕ มิถุนำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยส่งมอบงำนในงวดท ๒








ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในวนท ๒๖ มถนำยน ๒๕๕๘ คณะกรรมกำรโจทก์มมตไม่รบงำนดงกล่ำว



โดยน�ำเง่อนไขกำรส่งมอบงำนงวดท่ ๓ มำเป็นเกณฑ์ในกำรพิจำรณำตรวจรับงำนในงวดท่ ๒

และโจทก์ยังเพิ่มเติมงำนในส่วนอื่นเข้ำมำอีก จ�ำเลยด�ำเนินกำรต่ำง ๆ ตำมที่โจทก์ประสงค์แล้ว

แต่โจทก์พิจำรณำตรวจรับงำนงวดท่ ๒ เกินเวลำอันสมควร จ�ำเลยจึงขอขยำยระยะเวลำกำรส่งมอบ
งำนงวดที่ ๓ และงวดที่ ๔ ออกไปอีก โจทก์เคยอนุญำตให้ขยำยระยะเวลำแล้ว แต่ต่อมำ โจทก์

กลับมติเดิมและปฏิเสธไม่ขยำยระยะเวลำให้ เหตุท่จ�ำเลยส่งงำนล่ำช้ำเน่องจำกควำมบกพร่อง

ของโจทก์ จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นพิจำรณำ ศำลแขวงพระนครศรีอยุธยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอ

กำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ



และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
52





วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์และสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยีซ่งอยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้จัดท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจ แล้วต่อมำ










จำเลยผดนดไม่ส่งมอบงำนภำยในกำหนด ส่วนจำเลยให้กำรปฏเสธว่ำ เหตทส่งมอบงำนล่ำช้ำ



เน่องจำกควำมบกพร่องของโจทก์ เม่อสัญญำท่โจทก์และจ�ำเลยพิพำทกันมีขอบเขตท่จ�ำเลย


จะจัดหำ พัฒนำ และติดต้งอุปกรณ์ฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ศึกษำ วิเครำะห์ ออกแบบรำยงำน




เพอนำเสนอข้อมูลท่สนับสนุนกำรตัดสินใจ อบรมและพัฒนำบคลำกรของโจทก์ ตำมสัญญำจ้ำง



เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ เม่อซอฟต์แวร์หรือชุดค�ำส่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นงำน
วรรณกรรมจึงเป็นงำนอันมีลิขสิทธ์ และกำรจัดท�ำระบบสำรสนเทศสนับสนุนกำรตัดสินใจ

โดยต้องมีกำรอบรมและพัฒนำบุคลำกรของโจทก์จึงเข้ำข่ำยกำรถ่ำยทอดเทคโนโลยี สัญญำ



ดังกล่ำวนับเป็นสัญญำท่เก่ยวกับลิขสิทธ์และกำรถ่ำยทอดเทคโนโลยี คดีน้จึงเป็นคดีแพ่ง




เก่ยวกับลิขสิทธ์และเป็นคดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยี ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)











วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ






ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
53

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สมำคมกีฬำฟุตบอล

ที่ วทป ๓๐/๒๕๖๒ แห่งประเทศไทย

ในพระบรมรำชูปถัมภ์ โจทก์
บริษัทสยำมสปอร์ต ซินดิเคท

จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย



โจทก์และจ�ำเลยท�ำสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอลลีกอำชีพ โดย
จ�ำเลยเป็นตัวแทนบริหำรสิทธิประโยชน์ในกำรแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฟุตบอล















ดวชน ๑ ลกภมภำค เอฟเอคพ ลกคพ รวมทงกำรแข่งขนภำยในสมำคมฟตบอล
แห่งประเทศไทย โจทก์ตกลงให้บรรดำลิขสิทธ ทรัพย์สินทำงปัญญำท่เกิดข้นหรือเก่ยวข้อง





กับกำรด�ำเนินกำรแพร่ภำพกำรถ่ำยทอดสดกำรแข่งขันฟุตบอลท่จัดข้นตำมสัญญำ




เป็นสิทธ กรรมสิทธ์และทรัพย์สินทำงปัญญำของจ�ำเลย โดยโจทก์ตกลงมอบผลตอบแทน
ให้จ�ำเลย แต่จ�ำเลยผิดสัญญำไม่ช�ำระเงินส่วนแบ่งรำยได้ตำมท่ก�ำหนดในสัญญำ

เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอล
ลีกอำชีพ โดยโจทก์ตกลงให้จ�ำเลยเป็นตัวแทนบริหำรสิทธิประโยชน์ในกำรแข่งขันฟุตบอลไทย
พรีเมียร์ลีก ฟุตบอลดิวิช่น ๑ ลีกภูมิภำค เอฟเอคัพ ลีกคัพ รวมท้งกำรแข่งขันภำยในสมำคม


ฟุตบอลแห่งประเทศไทยประจ�ำปี ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ โจทก์ตกลงมอบผลตอบแทนให้จ�ำเลย
ร้อยละ ๕๐ ของรำยได้ ต่อมำโจทก์ตรวจสอบบัญชีและกิจกำรของสมำคมไม่พบว่ำจ�ำเลยจ่ำย
เงินค่ำสิทธิประโยชน์ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ ขอให้บังคับ
จ�ำเลยช�ำระเงินส่วนแบ่งรำยได้ ๑,๑๓๙,๗๘๑.๗๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงิน ๙๐๐,๘๕๔,๖๔๗.๒๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำที่ ทป ๗๙/๒๕๖๐

กำรมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคดีท�ำโดยไม่ชอบ ฟ้องโจทก์เป็นเร่องตัวกำรตัวแทนตำมประมวล

กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศกลำง จ�ำเลยได้ปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำและได้แบ่งผลประโยชน์ให้แก่โจทก์




54

ครบถ้วนแล้ว โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำและท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย ขอให้ยกฟ้อง และ

บังคับโจทก์ช�ำระเงิน ๒๔๙,๖๓๓,๓๗๗.๑๘ บำท แก่จ�ำเลย

โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องแย้งของจ�ำเลยเป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำท ่ ี
ทป ๗๙/๒๕๖๐ โจทก์ไม่ได้เปิดเผยควำมลับที่จะท�ำให้จ�ำเลยได้รับควำมเสียหำย แต่โจทก์ท�ำไป

ตำมหน้ำที่ ขอให้ยกฟ้องแย้ง


ในวันนัดช้สองสถำนและก�ำหนดแนวทำงกำรด�ำเนินคดีหรือสืบพยำนโจทก์

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร


















พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ


เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์ ตำมพระรำชบัญญัต ิ



จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้อง
ว่ำ โจทก์และจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอลลีกอำชีพ โดยโจทก์

ตกลงให้จ�ำเลยเป็นตัวแทนบริหำรสิทธิประโยชน์ในกำรแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฟุตบอล
ดิวิชั่น ๑ ลีกภูมิภำค เอฟเอคัพ ลีกคัพ รวมทั้งกำรแข่งขันภำยในสมำคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ประจ�ำปี ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ ตำมสัญญำดังกล่ำว เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ ข้อ ๒ ก�ำหนดว่ำ
โจทก์ตกลงให้บรรดำลิขสิทธ์ ทรัพย์สินทำงปัญญำท่เกิดข้นหรือเก่ยวข้องกับกำรด�ำเนินกำร






แพร่ภำพกำรถ่ำยทอดสดกำรแข่งขันฟุตบอลท่จัดข้นตำมสัญญำเป็นสิทธิ กรรมสิทธ์และทรัพย์สิน


ทำงปัญญำของจำเลย โดยโจทก์ตกลงมอบผลตอบแทนให้จ�ำเลยร้อยละ ๕๐ ของรำยได้ แต่
จ�ำเลยผิดสัญญำไม่ช�ำระเงินส่วนแบ่งรำยได้ตำมท่ก�ำหนดในสัญญำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับ

ค�ำให้กำรและฟ้องแย้งของจ�ำเลยจึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงเป็นประเด็นให้ต้องพิจำรณำว่ำ โจทก์
หรือจ�ำเลย เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ อันเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดของ
โจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำแต่งต้งผู้บริหำรสิทธิประโยชน์ฟุตบอลลีกอำชีพ ซ่งมีสำระส�ำคัญ



ของสัญญำเป็นกำรอนุญำตให้ใช้สิทธิในลิขสิทธ์รวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำ


อนุญำตให้ใช้สิทธิท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
55


















วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































56

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยโรเบิร์ต จอห์น ฟิลล์ โจทก์

ที่ วทป ๑๐/๒๕๖๓ บริษัทมำลำพลำส จ�ำกัด

กับพวก จ�ำเลย



โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของลิขสิทธ์เทคโนโลยีและน�ำมำให้
บริษัท ว. ได้ใช้ประโยชน์ ส่วนจ�ำเลยทั้งสี่ให้กำรต่อสู้คดีในส่วนนี้ว่ำ เทคโนโลยีดังกล่ำว
เป็นสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์ออกให้แก่ บริษัท ว. มิใช่ทรัพย์สินทำงปัญญำของโจทก์ จึงเป็น





คดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ สิทธิบัตร คดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลย หรือสัญญำ
อนุญำตให้ใช้สิทธิ
_____________________________





โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ก่อต้งบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด เพ่อท�ำธุรกิจเก่ยวกับเทคโนโลย ี



กำรจัดกำรเพ่อไม่ให้มีเศษพลำสติกหลงเหลือจำกแม่พิมพ์ในกำรปั๊มช้นงำนออกมำเป็นรูปร่ำง
และย่นระยะเวลำกำรปั๊มชิ้นงำนให้เร็วขึ้น อันเป็นกำรลดต้นทุนกำรผลิต มีชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ว่ำ
Hot Runner โจทก์เป็นเจ้ำของลิขสิทธ์ในเทคโนโลยีดังกล่ำวและน�ำมำให้บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด




ใช้ประโยชน์ เม่อวันท่ ๑๔ พฤษภำคม ๒๕๕๑ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ขอเข้ำร่วมหุ้นในกิจกำร

ของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ในระหว่ำงปี ๒๕๕๒ ถึงปี ๒๕๕๗ โจทก์เป็นกรรมกำรผู้อ�ำนำจ
ในกำรบรหำร สำมำรถทำยอดขำยให้เตบโตได้อย่ำงต่อเน่อง ในช่วงปลำยปี ๒๕๕๗ โจทก์




มีปัญหำด้ำนสุขภำพจึงลำออกจำกกำรเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ ในปี ๒๕๕๙ โจทก์กลับเข้ำมำ



เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจอีกคร้ง แต่มิได้ท�ำหน้ำท่เป็นผู้บริหำรหลัก โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ ท�ำหน้ำท ่ ี

ผู้บริหำรหลักแทน ในระหว่ำงน้น จ�ำเลยท้งส่พยำยำมเข้ำครอบง�ำกิจกำรของบริษัทวอลลำสติก


จ�ำกัด และกีดกันมิให้โจทก์เข้ำมำมีส่วนหรือมีบทบำทในกำรบริหำร โดยใช้วิธีท่ผิดกฎหมำย มีกำร


จัดกำรประชุมใหญ่โดยมิชอบซ่งต่อมำศำลแพ่งก็มีค�ำพิพำกษำให้เพิกถอนกำรประชุมใหญ่ดังกล่ำว
พฤติกำรณ์ของจ�ำเลยทงสเป็นกำรผดข้อตกลงในกำรประกอบธรกจร่วมกัน ผดต่อเจตนำรมณ์








ของกำรเข้ำหุ้นท่ต้องมีควำมไว้วำงใจ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้ศำลพิพำกษำให้

จ�ำเลยที่ ๑ หยุดกำรใช้ลิขสิทธิ์ของโจทก์ผลิต Hot Runner ในนำมของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด

หรือในนำมตนเอง ให้จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ออกจำกกำรเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของบริษัท



วอลลำสติก จ�ำกัด ให้จ�ำเลยท้งส่ร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยจำกกำรท่โจทก์ต้องขำดรำยได้

57

อันเป็นก�ำไรจำกกำรขำยผลิตภัณฑ์ Hot Runner ของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗









จนถึงวนฟ้องและชดใช้ค่ำเสยหำยจำกกำรทจำเลยทงส่ยึดอำนำจกำรบรหำรของโจทก์ เป็นเงิน


๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์







จำเลยท ๑ ให้กำรว่ำ กำรบรหำรงำนของบรษทวอลลำสตก จำกด กระทำโดยคณะ



กรรมกำรที่แต่งตั้งโดยที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น กำรบริหำรงำนเป็นไปอย่ำงอิสระตำมวัตถุประสงค์
ของบริษัท โดยไม่ต้องได้รับควำมยินยอมจำกจ�ำเลยท่ ๑ กำรบริหำรงำนของจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท ี ่


๔ จึงเป็นไปโดยอิสระ ไม่อยู่ภำยใต้กำรครอบง�ำของจ�ำเลยท่ ๑ ผลิตภัณฑ์หัวฉีดส�ำหรับกำร

หล่อข้นรูปด้วยกำรฉีดและส่วนปลำยยอดของหัวฉีด (Hot Runner) เป็นสิทธิบัตรของ


บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ซ่งได้รับโอนมำจำก วอลลำสติก ลิมิเต็ด หำใช่ของโจทก์ไม่ ท่โจทก์




ขอให้จ�ำเลยท่ ๑ หยุดกำรใช้ลิขสิทธ์ของโจทก์ผลิต Hot Runner เป็นคดีเก่ยวกับทรัพย์สิน
ทำงปัญญำอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด มอบให้จ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ Hot Runner ให้แก่บริษัท

วอลลำสติก จ�ำกัด โดยจ�ำเลยที่ ๑ ซื้อเครื่องจักรและวัตถุดิบทั้งหมด ในกรณีที่บริษัทวอลลำสติก
จ�ำกัด น�ำสินค้ำไปขำยเอง บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด จ่ำยผลประโยชน์ให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ ในรูปของ
ค่ำจ้ำง แต่หำกบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท่ ๑ ขำยสินค้ำในนำมของจ�ำเลย

ที่ ๑ บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ตกลงจ่ำยผลประโยชน์ให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ ในรูปแบบค่ำคอมมิชชั่น


ท่โจทก์อ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ได้น�ำเงินเข้ำบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด จึงไม่เป็นควำมจริง ขอให้
ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ให้กำรมำในท�ำนองเดียวกันว่ำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยที่ ๒

ถึงท่ ๔ ไม่เคยปฏิบัติผิดเง่อนไขสัญญำกำรถือหุ้น กำรบริหำรงำนของจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๔ ใน



ฐำนะกรรมกำรบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด เป็นอิสระ ปรำศจำกกำรครอบง�ำของผู้ใด โจทก์ทรำบ
ก�ำหนดกำรประชุมผู้ถือหุ้นและประชุมกรรมกำรแล้ว แต่ไม่เข้ำประชุมเอง กำรจ่ำยเงินเดือนตำม


ฟ้องน้น เป็นเร่องท่โจทก์ขอควำมช่วยเหลือต่อคณะกรรมกำรและผู้ถือหุ้นให้ช่วยเหลือในภำระ

และค่ำใช้จ่ำยของโจทก์ สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ Hot Runner เป็นของบริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด




ที่โจทกขอใหจ�ำเลยที่ ๑ หยุดกำรใชลิขสิทธิ์ของโจทกผลิต Hot Runner เปนคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน

ทำงปัญญำอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง


58

ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น

ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ สิทธิบัตร และคดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอด

เทคโนโลยี หรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของลิขสิทธ ์ ิ

เทคโนโลยีชื่อ “Hot Runner” และน�ำมำให้บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด ได้ใช้ประโยชน์ ส่วนจ�ำเลย
ทั้งสี่ให้กำรต่อสู้คดีในส่วนนี้ว่ำ เทคโนโลยีดังกล่ำวเป็นสิทธิบัตรกำรประดิษฐ์เลขที่ ๖๖๖๐๖ ออก

ให้แก่บริษัทวอลลำสติก จ�ำกัด มิใช่ทรัพย์สินทำงปัญญำของโจทก์ จึงมีประเด็นท่ต้องพิจำรณำว่ำ




เทคโนโลยีช่อ “Hot Runner” ท่โจทก์อ้ำงสิทธิน้นได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยลิขสิทธ ์ ิ
หรือสิทธิบัตร หรือเป็นสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยีหรือสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิหรือไม่ โจทก์
มีสิทธิในเทคโนโลยีดังกล่ำวเพียงใด คดีในส่วนท่เก่ยวข้องกับเทคโนโลยีช่อ “Hot Runner”



จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับลิขสิทธ์ สิทธิบัตร คดีพิพำทตำมสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยี หรือสัญญำ


อนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

59

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทนำรำ ทรี จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๑๖/๒๕๖๓ บริษัทช้อปปี้ (ประเทศไทย)

จ�ำกัด จ�ำเลย





ค�ำฟ้องของโจทก์อ้ำงว่ำ จ�ำเลยได้น�ำสินค้ำซ่งเป็นผลิตภณฑ์ของโจทก์และม ี

เคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ประกำศขำยผ่ำนเว็บไซต์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ไม่ได้ตกลง
ยินยอม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของสิทธิเครื่องหมำยกำรค้ำ “พิณนำรำ” หรือ “PINNARA”


ซ่งใช้กับสินค้ำประเภทชุดเคร่องส�ำอำงใช้บ�ำรุงผิวหน้ำและผิวกำย นับต้งแต่เดือนสิงหำคม ๒๕๖๒


เป็นต้นมำ จ�ำเลยได้น�ำสินค้ำประเภทเซร่มน้ำมันมะพร้ำวซ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของโจทก์



และมีเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ประกำศขำยผ่ำนเว็บไซต์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ไม่ได้ตกลง

ยินยอมด้วยในรำคำท่ต่ำกว่ำรำคำขำยปลีกท่โจทก์ก�ำหนดไว้มำกและเป็นสินค้ำท่มีกำรลบเลขท ี ่



แสดงครั้งที่ผลิต (Lot number) วันที่ผลิตสินค้ำและวันที่สินค้ำหมดอำยุ ท�ำให้โจทก์และตัวแทน
จ�ำหน่ำยของโจทก์สูญเสียรำยได้และท�ำให้บุคคลภำยนอกที่ซื้อสินค้ำไปหลงเชื่อว่ำโจทก์ในฐำนะ

เจ้ำของและผู้ผลิตสินค้ำระบุข้อควำมบนฉลำกสินค้ำประเภทเคร่องส�ำอำงไม่ครบถ้วนตำม

กฎหมำยเป็นกำรลดทอนคุณค่ำ ควำมน่ำเช่อถือและท�ำลำยภำพลักษณ์ของสินค้ำของโจทก์
อันเป็นกำรกระท�ำละเมิดท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยหยุดกำรแสดง










หยดกำรเผยแพร่และหยดกำรจำหน่ำยสนค้ำประเภทเซรมนำมนมะพร้ำวภำยใต้เครองหมำยกำรค้ำ

“พิณนำรำ” หรือ “PINNARA” ของโจทก์ผ่ำนเว็บไซต์ www.shopee.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของ
จ�ำเลย ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยในอัตรำวันละ ๕๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะหยุดกำรแสดง หยุดกำรเผยแพร่และหยุดกำรจ�ำหน่ำยสินค้ำประเภท



เซร่มน้ำมันมะพร้ำวภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำ “พิณนำรำ” หรือ “PINNARA” ของโจทก์ผ่ำน
เว็บไซต์ www.shopee.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของจ�ำเลย
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นผู้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ เน่องจำกกำรน�ำเสนอขำยสินค้ำ

ผ่ำนเว็บไซต์ได้กระท�ำโดยบุคคลภำยนอกท่ลงทะเบียนเป็นสมำชิก ฟ้องโจทก์อยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ โจทก์และจ�ำเลยไม่ม ี
นิติสัมพันธ์ต่อกัน กำรประกำศรำคำของโจทก์จึงไม่มีผลบังคับจ�ำเลยหรือบุคคลภำยนอก โจทก์
ไม่ได้รับควำมเสียหำยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง


60

ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ













คดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์อ้ำงว่ำ
จ�ำเลยได้น�ำสินค้ำซ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของโจทก์และมีเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ประกำศขำยผ่ำน


เว็บไซต์ของจ�ำเลย โดยโจทก์ไม่ได้ตกลงยินยอม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จึงขอให้ศำลบังคับ
จ�ำเลยให้หยุดกำรแสดง หยุดกำรเผยแพร่และหยุดกำรจ�ำหน่ำยสินค้ำภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำ
ของโจทก์ผ่ำนเว็บไซต์ของจ�ำเลย ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรของจ�ำเลยจึงมีปัญหำให้ต้อง
พจำรณำว่ำ โจทก์ซงเป็นเจ้ำของเครองหมำยกำรค้ำตำมฟ้องมสทธิห้ำมจ�ำเลยมให้ขำยสินค้ำ









ท่มีเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์หรือไม่ อันเป็นประเด็นท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิของโจทก์ในฐำนะ




เจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ



พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙










วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ







ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
61

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทชูไก จ�ำกัด

ที่ วทป ๒๖/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์

บริษัทอัลฟำเมตริคส์
จ�ำกัด จ�ำเลย







เม่อสัญญำจ้ำงก�ำหนดให้จ�ำเลยเป็นเจ้ำของลิขสิทธ์ในซอฟต์แวร์ท่ได้พัฒนำข้น
และจ�ำเลยอนุญำตให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่ำว กรณีจึงเป็นคดีแพ่งท่ต้อง

พิจำรณำเกี่ยวกับข้อตกลงตำมสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๕ กันยำยน ๒๕๖๐ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยออกแบบ พัฒนำ และ

ติดต้งโปรแกรมระบบอีอำร์พี (ERP) ให้แก่โจทก์ จำเลยมหน้ำทให้บรกำรต้งแต่รับข้อมลและ







รำยละเอียดควำมต้องกำรใช้งำน ออกแบบ พัฒนำระบบ อบรมกำรใช้งำน แก้ปัญหำ จนระบบแล้ว
เสร็จใช้งำนได้จริง และรับประกันผลงำนพร้อมบริกำรหลังกำรขำย โดยจ�ำเลยเป็นผู้จัดซื้อและติดตั้ง

ซอฟต์แวร์พร้อมลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์ให้แก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยไม่สำมำรถส่งมอบงำนให้แก่โจทก์
ตำมก�ำหนดระยะเวลำ และระบบงำนมีควำมบกพร่องไม่สำมำรถท�ำงำนได้ตำมวัตถุประสงค์ของ
กำรว่ำจ้ำงที่ตกลงกัน โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยแก้ไขปัญหำและปฏิบัติตำมสัญญำ แต่จ�ำเลยแจ้งขอยุติกำร
ให้บริกำรหรือด�ำเนินงำนตำมสัญญำว่ำจ้ำงมำยังโจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำ จ�ำเลยเป็นฝ่ำยผิด
สัญญำจ้ำงและต้องชดใช้ค่ำเสียหำยให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงินค่ำจ้ำงหรือค่ำด�ำเนินกำร
พัฒนำโปรแกรม ๕,๗๗๘,๐๐๐ บำท กับค่ำซอฟต์แวร์ตำมสัญญำจ้ำง ๔,๒๖๖,๓๕๑.๙๔ บำท


และชดใช้ค่ำเสียหำยอันเป็นค่ำใช้จ่ำยท่โจทก์ชำระไปเพ่อดำเนินงำนท่เก่ยวข้องกบสัญญำจ้ำง






๔,๗๘๒,๙๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจ�ำนวนดังกล่ำว

นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยด�ำเนินงำนตำมท่ได้รับว่ำจ้ำงจนถึงข้นตอนกำรฝึกอบรมกำร
ใช้งำนระบบให้แก่ผู้ใช้งำนของโจทก์แล้ว ระบบอีอำร์พี (ERP) ตำมสัญญำจ้ำงไม่สำมำรถใช้งำน

ได้จริงเน่องจำกกำรจัดกำรข้อมูลของโจทก์และข้อจ�ำกัดของซอฟต์แวร์ จ�ำเลยจึงแจ้งขอยุติกำร


ด�ำเนินงำนไปยังโจทก์ จ�ำเลยพัฒนำโปรแกรมตำมสัญญำจ้ำงและซ้อลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์ติดต้ง

ให้แก่โจทก์แล้ว จึงไม่จ�ำต้องคืนเงินค่ำจำงหรือค่ำด�ำเนินงำนพัฒนำโปรแกรม ๕,๗๗๘,๐๐๐ บำท

และค่ำซอฟต์แวร์ตำมสัญญำว่ำจ้ำง ๔,๒๖๖,๓๕๑.๙๔ บำท ให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ได้รับควำม


เสียหำยตำมค�ำฟ้อง จ�ำเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่ำเสียหำยอันเป็นค่ำใช้จ่ำยท่โจทก์ช�ำระไปเพ่อ
ด�ำเนินงำนที่เกี่ยวข้องกับสัญญำจ้ำง ๔,๗๘๒,๙๐๐ บำท ขอให้ยกฟ้อง
62

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสระบุรีพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่



จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมพระรำชบัญญัต ิ


จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำ โจทก์
ว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้ออกแบบและพัฒนำระบบอีอำร์พี (ERP) ให้แก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยไม่สำมำรถ









สงมอบงำนใหแก่โจทกตำมกำหนดระยะเวลำและระบบงำนมควำมบกพรองไมสำมำรถทำงำนได ้
จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธควำมรับผิดว่ำ จ�ำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ระบบอีอำร์พี (ERP) ตำมสัญญำจ้ำง




ไม่สำมำรถใช้งำนได้เน่องจำกกำรจดกำรข้อมูลของฝ่ำยโจทก์และข้อจำกดของซอฟต์แวร์
คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำว่ำ จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำจ้ำงออกแบบและพัฒนำ
ระบบอีอำร์พี (ERP) หรือไม่ ซ่งย่อมต้องพิจำรณำขอบเขตของงำนตำมสัญญำถึงสิทธิ หน้ำท่และ


ควำมรับผิดของคู่สัญญำท้งสองฝ่ำย เม่อสัญญำจ้ำงก�ำหนดให้จ�ำเลยเป็นเจ้ำของลิขสิทธ์ใน





ซอฟต์แวร์ท่ได้พัฒนำข้น และจ�ำเลยอนุญำตให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่ำว กรณีจึงเป็น
คดีแพ่งที่ต้องพิจำรณำเกี่ยวกับข้อตกลงตำม สัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙











วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ






ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
63

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทกำร์ด แอสโซซิเอท

ที่ วทป ๔๙/๒๕๖๓ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด โจทก์

บริษัทจี.เอ.ที. ซับคอนแทรค
เซอร์วิส จ�ำกัด จ�ำเลย




กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ หรือไม่นั้น เนื่องจำก



คดน้โจทก์ได้บรรยำยฟ้องประกอบเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยบริกำร

G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. มำจดทะเบียนกับกิจกำรจ�ำพวก ๓๕ ซ่งเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์


และเคร่องหมำยบริกำรมีลักษณะส่วนใหญ่คล้ำยกับเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์


อันท�ำให้บุคคลท่วไปเข้ำใจได้ว่ำกิจกำรน้นเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์ ส่วนจ�ำเลยอ้ำงว่ำ






จำเลยได้จดทะเบียนเครองหมำยกำรค้ำ และเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จ.เอ.ท.













โดยชอบดวยกฎหมำย จำเลยยอมมสทธทจะใชเครองหมำยกำรคำและเครองหมำยบรกำร



ดังกล่ำว กรณีจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำวินิจฉัยด้วยว่ำ กำรจดทะเบียนเคร่องหมำยบริกำร
ของจ�ำเลย ในจ�ำพวก ๓๕ นั้นเหมือนหรือคล้ำยกับเครื่องหมำยบริกำรของโจทก์จนท�ำให้
ประชำชนสับสนหลงผิดหรือไม่ และจ�ำเลยละเมิดสิทธิในเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์หรือ


ไม่ ตลอดจนจ�ำเลยใช้สิทธิในฐำนะเจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรโดย

สุจริตหรือไม่ ซ่งล้วนเป็นประเด็นข้อพิพำทท่เก่ยวข้องกับเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์




และจ�ำเลย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓)
แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เม่อประมำณ

ปี ๒๕๔๗ นำยวีรนันท์ กรรมกำรของโจทก์กับเจ้ำสุรสีห์ กรรมกำรของจ�ำเลยได้ร่วมกันก่อต้ง

โจทก์ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในกำรประกอบกิจกำรประเภทรักษำควำมปลอดภัย จัดหำบุคลำกร
ท�ำควำมสะอำดเพื่อให้บริกำรแก่หน่วยงำนต่ำง ๆ โดยใช้เครื่องหมำย G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. แต่


ไม่ได้จดทะเบียน ต่อมำในปี ๒๕๕๕ ได้ร่วมกันก่อต้งจ�ำเลย จนกระท่งเม่อประมำณปี ๒๕๕๗

นำยวีรนันท์กับเจ้ำสุรสีห์มีควำมเห็นไม่ตรงกันทำงธุรกิจจึงตกลงแยกกันด�ำเนินธุรกิจโดย


เจ้ำสุรสีห์ออกมำบริหำรจ�ำเลย และได้สิทธิเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร G.A.T.
64



หรือ จี.เอ.ที. ไปใช้ โดยมีข้อตกลงห้ำมจ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร

G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. ไปใช้ส�ำหรับกิจกำรอย่ำงอ่นนอกจำกกิจกำรรักษำควำมปลอดภัย ส่วนโจทก์



ไปจดทะเบียนเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรใหม่ เป็นเคร่องหมำยกำรค้ำและ
เคร่องหมำยบริกำร ตัวจี ตัวเดียวหรือ G และจดทะเบียนเคร่องหมำยบริกำรในจ�ำพวก ๓๕


ส�ำหรับรำยกำร จัดหำสัญญำซื้อขำยสินค้ำ จัดหำคนงำนชั่วครำว จัดหำงำน ต่อมำเมื่อประมำณ
ปลำยปี ๒๕๖๒ จ�ำเลยได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมำยบริกำรโดยใช้เครื่องหมำย G.A.T. หรือ

จี.เอ.ที. ในจ�ำพวก ๓๕ ซ่งเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์ อันมิใช่กิจกำรรักษำควำมปลอดภัยซ่ง




ผิดสัญญำท่ให้ไว้ และอำจท�ำให้บุคคลอ่นเข้ำใจได้ว่ำ กิจกำรท่จ�ำเลยกระท�ำน้นเป็นกิจกำรเดียว

กับโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำย ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป

จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และห้ำมจ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยกำรค้ำ G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. มำใช้กับ

กิจกำรจ�ำพวก ๓๕ อย่ำงเดียวกับโจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยได้สิทธิในเครื่องหมำยกำรค้ำถูกต้องตำม



กฎหมำยและจดทะเบียนไว้โดยชอบตำมกฎหมำยแล้ว จ�ำเลยจึงมีสิทธิท่จะใช้เคร่องหมำยกำรค้ำ

และเคร่องหมำยบริกำรโดยสมบูรณ์ จ�ำเลยไม่เคยตกลงกับโจทก์ในกำรห้ำมน�ำเคร่องหมำยกำรค้ำ

และเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. ไปใช้กับกิจกำรอย่ำงอ่น โจทก์ฟ้องคดีน้โดยกำร






ใช้สิทธิไม่สุจรต ค่ำเสียหำยท่โจทก์กล่ำวอ้ำงมำตำมฟ้องน้นเป็นกำรกล่ำวอ้ำงข้นลอย ๆ ไม่ม ี

หลักฐำนชัดเจน ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดธัญบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง



ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ได้บรรยำยฟ้องประกอบ


เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยน�ำเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จี.เอ.ที. มำจดทะเบียนกับกิจกำร
จ�ำพวก ๓๕ ส�ำหรับรำยกำร จัดหำสัญญำซื้อขำยสินค้ำ จัดหำคนงำนชั่วครำว จัดหำงำน ซึ่งเป็น


กิจกำรเดียวกับโจทก์และเคร่องหมำยบริกำรมีลักษณะส่วนใหญ่คล้ำยกับเคร่องหมำยบริกำร

65



ของโจทก์ อันท�ำให้บุคคลท่วไปเข้ำใจได้ว่ำกิจกำรน้นเป็นกิจกำรเดียวกับโจทก์ ส่วนจ�ำเลย


อ้ำงว่ำ จ�ำเลยได้จดทะเบียนเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร G.A.T. หรือ จี.เอ.ที.
โดยชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยย่อมมีสิทธิท่จะใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร




กรณีจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำว่ำ กำรจดทะเบียนเคร่องหมำยบริกำรของจ�ำเลยในจ�ำพวก ๓๕ น้น


เหมือนหรือคล้ำยกับเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์จนท�ำให้ประชำชนสับสนหลงผิดหรือไม่
และจ�ำเลยละเมิดสิทธิในเคร่องหมำยบริกำรของโจทก์หรือไม่ ตลอดจนจ�ำเลยใช้สิทธิในฐำนะ

เจ้ำของเคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรโดยสุจริตหรือไม่ ซ่งล้วนเป็นประเด็น




ข้อพิพำทท่เก่ยวข้องกับเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์และจ�ำเลย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ




เคร่องหมำยกำรค้ำ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน


ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ


วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓




ภำวนำ สุคันธวณิช

(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)

ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

















66

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์

ที่ วทป ๒๕/๒๕๖๔ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก
อินเตอร์ กรุ๊ป จ�ำกัด จ�ำเลย



กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ หรือไม่นั้น
เนื่องจำกคดีนี้เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำแฟรนไชส์ “ร้ำน วุฒิศักดิ์



คลินิก” โดยให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสยหำยอันเกิดจำกกำรไม่จดให้มีกำรฝึกอบรมพนักงำน
และไม่จัดส่งวัตถุดิบ ยำและอุปกรณ์ต่ำง ๆ ตำมสัญญำ และให้จ�ำเลยปฏิบัติตำมสัญญำ




โดยให้ด�ำเนินกำรจดทะเบียนอนญำตให้ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเครองหมำยบริกำร


ตลอดจนให้โอนใบอนุญำตในกำรประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลท้งหมด ๒๑ สำขำ
ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ โดยจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธอ้ำงว่ำสัญญำ ดังกล่ำวโจทก์และจ�ำเลย
ไม่มีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำเพรำะเป็นกำรท�ำสัญญำโดยไม่ได้รับควำมเห็นชอบจำก




ท่ประชุมผู้ถือหุ้นของจ�ำเลย ท�ำให้สัญญำดังกล่ำวไม่ชอบด้วยกฎหมำย ดังน กรณีจึง









มประเดนต้องพจำรณำถงสทธ หน้ำทและควำมรบผดชอบของโจทก์และจำเลยตำม



สัญญำแฟรนไชส์ท่โจทก์กล่ำวอ้ำง ซ่งมีลักษณะเป็นสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในช่อ




เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร อันเป็นสิทธิในทรัพย์สินทำงปัญญำ คดีน ี ้
จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ.

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด โดยโจทก์ประกอบ
กิจกำรคลินิกเวชกรรมด้ำนสุขภำพ และควำมงำม ส่วนจ�ำเลยประกอบกิจกำรสถำนพยำบำล

คลินิกเวชกรรม และขำยธุรกิจแฟรนไชส์เก่ยวกับกำรรักษำสุขภำพผิวหนังและควำมงำม

ทุกประเภท เม่อวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑ โจทก์และจ�ำเลยได้ตกลงเข้ำท�ำและแก้ไขสัญญำแฟรนไชส์


“วุฒิศักด์ คลินิก” โดยจ�ำเลยตกลงให้สิทธิโจทก์ด�ำเนินธุรกิจ “วุฒิศักด์ คลินิก” ในโซน

ภำคตะวันออกและภำคกลำงบำงส่วนและบำงส่วนของเขตกรุงเทพมหำนคร จ�ำนวน ๒๕ สำขำ





เป็นคลนิกทมีอย่แล้วจ�ำนวน ๒๑ สำขำ และสำขำในอนำคตอกจ�ำนวน ๔ สำขำ โดยจ�ำเลย
67





มีหน้ำท่จัดให้โจทก์ส่งซ้อสินค้ำภำยใต้ช่อทำงกำรค้ำของจ�ำเลย จัดเตรียมอุปกรณ์ เคร่องมือ

ทำงกำรแพทย์ จัดให้มีกำรฝึกอบรมแก่ผู้บริหำรโจทก์และพนักงำนของโจทก์ ตลอดจนอนุญำต


ให้โจทก์ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำรของจ�ำเลย และเพ่อเป็นกำรตอบแทน

โจทก์ตกลงช�ำระค่ำธรรมเนียม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ค่ำสิทธิ อัตรำร้อยละ ๖ ของยอดรำยรับ



รำยเดอนไม่รวมภำษีมูลค่ำเพ่ม และค่ำกำรตลำด อัตรำร้อยละ ๔ ของยอดรำยรับรำยเดอนไม่รวม
ภำษีมูลค่ำเพิ่ม นอกจำกนี้ โจทก์ตกลงปฏิบัติตำมมำตรฐำนระบบแฟรนไชส์ของจ�ำเลย อันได้แก่



สินค้ำและบริกำรท่เข้ำมำจ�ำหน่ำยในคลินิกต้องจ�ำหน่ำยภำยใต้ช่อทำงกำรค้ำ เคร่องหมำยกำรค้ำ






หรอเครองหมำยบรกำรของจำเลย ตลอดจนไม่ทำกำรอนก่อให้เกดควำมเสยหำยต่อชอเสยง






ควำมนิยม ในชื่อทำงกำรค้ำ และเครื่องหมำยบริกำรของจ�ำเลย หลังจำกนั้นโจทก์ได้ด�ำเนินกำร
เร่อยมำ ปรำกฏว่ำจ�ำเลยมิได้ปฏิบัติตำมสัญญำ คือ จ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำรให้มีกำรจัดฝึกอบรม



พนักงำนของโจทก์ ส่งมอบอุปกรณ์และเคร่องมือท่มีควำมช�ำรุดบกพร่อง ตลอดจนไม่จัดส่งสินค้ำ
วัตถุดิบยำ วัสดุสิ้นเปลือง และอุปกรณ์ต่ำง ๆ ตำมสัญญำ ทั้งไม่ด�ำเนินกำรจดทะเบียนอนุญำต

ให้โจทก์ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำ และไม่โอนใบอนุญำตให้ประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลท้งหมด

๒๑ สำขำ ให้แก่โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยล้วนเป็นกำรกระท�ำผิดสัญญำต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์
ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับให้จ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๑๘๗,๑๗๗,๘๗๔.๕๘ บำท พร้อม

ดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ

จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยไปย่นจดทะเบียนอนุญำตให้โจทก์ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำและ

เครื่องหมำยบริกำร หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำเป็นแทนกำรแสดงเจตนำ ให้
จ�ำเลยโอนใบอนุญำตประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลทั้ง ๒๑ สำขำ ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ หำก
ไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ และห้ำมจ�ำเลยติดต่อว่ำจ้ำงแพทย์
และพนักงำนของโจทก์ไปท�ำงำนกับจ�ำเลย
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเนื่องจำกสัญญำแฟรนไชส์ไม่ชอบด้วยกฎหมำย
โจทก์และจ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กัน โดยกำรท�ำสัญญำแฟรนไชส์ เป็นกำรกระท�ำตำมมติของ

คณะกรรมกำรของจ�ำเลยชุดเดิมซ่งไม่มีอ�ำนำจ และสัญญำดังกล่ำวไม่ผ่ำนกำรอนุมัติของ



ท่ประชุมผู้ถือหุ้นของจ�ำเลย ซ่งต่อมำบริษัทอี ฟอร์ แอล เอม จ�ำกัด (มหำชน) และบริษัท



ดับบลิวซีไอ โฮลด้ง จ�ำกัด ได้ย่นฟ้องขอเพิกถอนสัญญำแฟรนไชส์ท้งหมดระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลย
ในคดีหมำยเลขด�ำ พ ๒๓๖๓/๒๕๖๑ ของศำลจังหวัดนนทบุรี และได้ยื่นฟ้องกรรมกำรของจ�ำเลย








ชดเดม เป็นคดอำญำหมำยเลขดำท อ ๓๖๐๐/๒๕๖๑ ของศำลจงหวดนนทบร และเมอสญญำ





แฟรนไชส์ดังกล่ำวไม่ชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยจึงไม่มีหน้ำท่ต้องปฏิบัติตำมสัญญำ ค่ำเสียหำย

ที่โจทก์เรียกร้องมำนั้นเป็นกำรกล่ำวอ้ำงลอย ๆ ของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
68


ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดนนทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น
ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ มีปัญหำที่ต้องวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ
ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัญญำแฟรนไชส์

“วุฒิศักด์ คลินิก” โดยให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยอันเกิดจำกกำรไม่จัดให้มีกำรฝึกอบรมพนักงำน

และไม่จัดส่งวัตถุดิบ ยำและอุปกรณ์ต่ำง ๆ ตำมสัญญำ และให้จ�ำเลยปฏิบัติตำมสัญญำโดยให้



ดำเนินกำรจดทะเบียนอนญำตให้ใช้เคร่องหมำยกำรค้ำและเครองหมำยบรกำร ตลอดจนให้




โอนใบอนุญำตในกำรประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลท้งหมด ๒๑ สำขำ ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ
โดยจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธอ้ำงว่ำ โจทก์และจ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำดังกล่ำว เพรำะ

เป็นกำรท�ำสัญญำโดยไม่ได้รับควำมเห็นชอบจำกท่ประชุมผู้ถือหุ้นของจ�ำเลย ท�ำให้สัญญำดังกล่ำว


ไม่ชอบด้วยกฎหมำย ดังน้ กรณีจึงมีประเด็นต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำท่และควำมรับผิดชอบ
ของโจทก์และจ�ำเลยตำมสัญญำแฟรนไชส์ท่โจทก์กล่ำวอ้ำง ซ่งมีลักษณะเป็นสัญญำอนุญำตให้ใช้






สิทธิในช่อ เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำยบริกำร อันเป็นสิทธิในทรัพย์สินทำงปัญญำ คดีน้จึง
เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับสัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙








วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ









ระหว่ำงประเทศ

วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
69

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทพี เอส เอ็น อินเตอร์ฟู้ด

ที่ วทป ๕๙/๒๕๖๔ จ�ำกัด โจทก์

นำงสำวณณิตชญำ
ธัญธำดำธัญพบ จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยผลิตและจ�ำหน่ำยสินค้ำโดยระบุช่อโจทก์ว่ำเป็นผู้ผลิต


เป็นกำรแอบอ้ำงใช้ช่อเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญำต อันเป็นกำร

ลวงขำยและเป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้ช่อเสียงของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย
จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกำรผลิต ขำยปลีก ขำยส่ง ผลิตภัณฑ์พวก

พืช ผัก ธัญพืช ผลไม้อบแห้งและอำหำรแปรรูปทุกชนิด เป็นต้น เมื่อประมำณปลำยปี ๒๕๖๒



จ�ำเลยติดต่อสอบถำมโจทก์เก่ยวกับกำรว่ำจ้ำงผลิตและบรรจุซองโปรตีนถ่วลันเตำให้จ�ำเลย แต่
ไม่สำมำรถตกลงค่ำบริกำรกันได้ จ�ำเลยจึงไม่ได้ว่ำจ้ำงโจทก์ให้เป็นผู้ผลิตสินค้ำดังกล่ำว เม่อ




วันท่ ๒๕ พฤษภำคม ๒๕๖๔ มีลูกค้ำท่ซ้อสินค้ำโปรตีนถ่วลันเตำของจ�ำเลยติดต่อโจทก์

แจ้งว่ำสินค้ำมีปัญหำเนื่องจำกมีควำมชื้น โจทก์ตรวจสอบแล้วพบว่ำ มีสินค้ำอำหำรเสริมโปรตีน
ถั่วลันเตำยี่ห้อ PEA Protein Isolate ซึ่งบนห่อที่บรรจุผลิตภัณฑ์ระบุว่ำ โจทก์เป็นผู้ผลิตสินค้ำ

อำหำรเสริมดังกล่ำว อันเป็นควำมเท็จ ควำมจริงแล้วโจทก์มิได้ผลิตสินค้ำโปรตีนถ่วลันเตำดังกล่ำว


และไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ เก่ยวกับกำรผลิตสินค้ำ กำรท่จ�ำเลยผลิตและจ�ำหน่ำยสินค้ำดังกล่ำว














โดยอำงใชชอเครองหมำยกำรคำของโจทกโดยไมไดรบอนญำตเปนกำรลวงขำย เปนควำมผดตำม





พระรำชบัญญัตเครองหมำยกำรค้ำ พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๔๖ ท�ำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย


เพรำะเม่อสินค้ำมีปัญหำ ผู้บริโภคหรือบุคคลอ่นจะเข้ำใจว่ำสินค้ำท่โจทก์ผลิตไม่มีคุณภำพ



กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรจงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย เป็นกำร
ละเมิดตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๔๒๐ ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย
๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ

จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
70



ช้นตรวจรับค�ำฟ้อง ศำลแขวงเชียงดำวเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร














พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ




เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง




ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลย

ผลิตและจ�ำหน่ำยสินค้ำโดยแอบอ้ำงใช้ช่อเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญำต

อันเป็นกำรลวงขำยตำมพระรำชบัญญัติเคร่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๔๖ และเป็นกำร


ท�ำละเมิดต่อโจทก์ท�ำให้ช่อเสียงของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย คดีมีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธ ิ


ในเคร่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ว่ำจะได้รับควำมคุ้มครองตำมพระรำชบัญญัติเคร่องหมำยกำรค้ำ
พ.ศ. ๒๕๓๔ มำตรำ ๔๖ หรือไม่ จ�ำเลยกระท�ำละเมิดสิทธิในเครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์หรือไม่


และโจทก์ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำอัน
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ






สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

71

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวสิวินีย์ ปำกช�ำนิ โจทก์

ที่ วท ๒/๒๕๕๙ บริษัทสยำม ฟอร์จูน กรุ๊ป

จ�ำกัด จ�ำเลย





ตำมค�ำฟ้องโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์เข้ำใช้พ้นท่บริกำรตำมข้อตกลงจนครบ
ก�ำหนดระยะเวลำและส่งมอบพื้นที่คืนจ�ำเลยแล้ว จ�ำเลยจึงต้องคืนเงินประกันกำรปฏิบัติ














ตำมบนทกขอตกลงใหแกโจทก สวนจำเลยใหกำรโตแยงวำ โจทกไมชำระคำใชจำยตำง ๆ





จนเกิดหนี้ค้ำงช�ำระกับบริษัท ห. สำขำร้อยเอ็ด และไม่ส่งมอบพื้นที่คืนในสภำพเรียบร้อย







ตำมกำหนดเวลำเป็นเหตให้บริษัท ห. หักหน้ทค้ำงชำระและริบเงินประกันทงหมด

กรณีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำในกำรเข้ำใช้พ้นท่บริกำรหรือไม่


และจ�ำเลยต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด แม้โจทก์จะได้ท�ำสัญญำ

แฟรนไชส์ในกำรขอใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ COOL OCHAYA หรือ OCHAYA กับ
บริษัท อ. ซ่งมีกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนเป็นบุคคลคนเดียวกับกรรมกำร

ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลย แต่ก็เป็นเพียงกำรระบุถึงสิทธิของโจทก์ในกำรใช้
เคร่องหมำยกำรค้ำ COOL OCHAYA หรือ OCHAYA ในกำรประกอบกิจกำรจ�ำหน่ำย



เคร่องด่มประเภทชำนมไข่มุกภำยใต้เคร่องหมำยกำรค้ำดังกล่ำวในบริเวณพ้นท่ท่โจทก์




ท�ำข้อตกลงขอใช้บริกำรจำกจ�ำเลยเท่ำน้น กรณีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวข้องกับ


สัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำแต่อย่ำงใด จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับ



สัญญำอนุญำตให้ใช้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ

ศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัตมำตรำ ๗ (๓) แห่ง


พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้ขอใช้สิทธิเคร่องหมำยกำรค้ำ COOL OCHAYA หรือ OCHAYA
โดยท�ำสัญญำแฟรนไชส์กับบริษัทโอชำยะ กรุ๊ป จ�ำกัด ก�ำหนดระยะเวลำ ๒ ปี นับแต่วันที่ ๑๔
มิถุนำยน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๓ มิถุนำยน ๒๕๕๙ ต่อมำวันที่ ๑๒ พฤศจิกำยน ๒๕๕๗ จ�ำเลย
โดยนำยหยู กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนและยังเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน
72


Click to View FlipBook Version