ิ
กล่ำวอ้ำงว่ำ หลังจำกจ�ำเลยเสร็จส้นกำรอบรมดังกล่ำวแล้ว จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนกับโจทก์ไม่ครบ
ก�ำหนดระยะเวลำตำมสัญญำและไม่แจ้งกำรลำออกจำกกำรท�ำงำนล่วงหน้ำ เป็นกำรผิดข้อตกลง
ึ
ิ
ั
ี
่
�
ู
ึ
�
ทำให้โจทก์เสยหำย จงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจำเลยซงเป็นลกจ้ำงปฏบตผดหน้ำทตำมสญญำจ้ำง
่
ั
ี
ิ
ิ
ี
ี
แรงงำน คดีตำมค�ำฟ้องระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำม
ั
ิ
ี
ิ
ี
ั
ั
้
ั
ิ
ั
้
สญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
573
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยชัยกำญจน์ วรนิทัศน์ โจทก์
ที่ วร ๒๙/๒๕๖๑ นำยไพบูลย์ พิลึก จ�ำเลย
ื
แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ แต่เม่อทนำยควำมโจทก์
ิ
แถลงข้อเท็จจริงอันถือได้ว่ำเป็นกำรเพ่มเติมรำยละเอียดของค�ำฟ้อง แสดงให้เห็นว่ำ
ึ
จ�ำเลยมิได้ท�ำงำนภำยใต้กำรบังคับบัญชำของโจทก์ซ่งเป็นลักษณะส�ำคัญของสัญญำจ้ำง
ื
ิ
่
้
ึ
่
้
้
ิ
ั
�
�
แรงงำน เมอพจำรณำคำฟองประกอบขอเท็จจรงตำมคำแถลงดงกลำวแลว จงเป็นกรณ ี
ึ
ี
ื
ท่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำ
ี
ึ
จำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำง
ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑ กันยำยน ๒๕๕๗ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนขับรถยนต์เทรลเลอร์
ี
เพ่อบรรทุกรถเก่ยวข้ำว จ�ำนวน ๒ คัน ออกไปรับจ้ำงเก่ยวข้ำวและข้ำวโพดในพ้นท่จังหวัด
ี
ื
ื
ี
นครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง แล้วท�ำบัญชีรำยได้รำยจ่ำย และน�ำส่งเงินรำยได้หลังหักค่ำใช้จ่ำย
ในแต่ละเดือนส่งโจทก์ ได้รับค่ำจ้ำงเดือนละ ๒๕,๐๐๐ บำท ระหว่ำงท�ำงำนในปี ๒๕๕๗
ถึงปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยรับจ้ำงเกี่ยวข้ำวและข้ำวโพดแล้วได้น�ำเงินส่งให้แก่โจทก์บำงส่วนโดยโอนเงิน
เข้ำบัญชีธนำคำรของภริยำโจทก์ แต่ในปี ๒๕๖๐ ไม่ได้น�ำส่งรำยได้ให้แก่โจทก์ โดยยังคงค้ำงส่ง
เงินรำยได้ รวมเป็นเงิน ๑,๔๕๖,๙๔๙ บำท โจทก์จึงเลิกสัญญำจ้ำงงำนจ�ำเลยและทวงถำมให้จ�ำเลย
ช�ำระเงินดังกล่ำวแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑,๔๕๖,๙๔๙ บำท พร้อม
ดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ระหว่ำงพิจำรณำ ทนำยควำมโจทก์แถลงว่ำ โจทก์และจ�ำเลยไม่มีกำรท�ำสัญญำจ้ำงเป็น
่
้
่
�
ิ
ุ
ี
ั
�
่
ี
้
ั
ลำยลกษณอกษร ไมมขอบงคบเกยวกบกำรทำงำน ไมมวนเวลำทำงำนปกต กำรหยดงำนไมตองลำ
ั
์
ั
่
ี
ั
ั
ไม่มีข้อตกลงเก่ยวกับกำรลงโทษหำกกระท�ำผิดสัญญำ จ�ำเลยสำมำรถตกลงรับงำนได้เอง
ี
เม่อมีรำยได้จำกค่ำจ้ำงเก่ยวข้ำวจ�ำเลยจะน�ำไปจ่ำยเป็นค่ำน้ำมันและค่ำดูแลรักษำรถ ค่ำนำยหน้ำ
ื
�
ี
หำงำนเก่ยวข้ำว ค่ำจ้ำงคนขับรถ รวมท้งเงินเดือนของจ�ำเลย หำกจ�ำเลยเป็นนำยหน้ำหรือ
ี
ั
ขับรถเองจ�ำเลยก็จะได้รับค่ำนำยหน้ำและค่ำขับรถด้วย
574
ี
ศำลแรงงำนภำค ๖ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
ิ
ิ
�
ู
�
วนจฉยว่ำ แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องว่ำ จำเลยเคยเป็นลกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงทำงำน
ี
จ�ำเลยท�ำงำนขับรถยนต์เทรลเลอร์ เพ่อบรรทุกรถเก่ยวข้ำว จ�ำนวน ๒ คัน ออกไปรับจ้ำงเก่ยวข้ำว
ี
ื
และข้ำวโพดในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง ในปี ๒๕๕๗ ถึงปี ๒๕๖๐ แล้วได้น�ำ
เงินส่งให้แก่โจทก์บำงส่วนโดยโอนเงินเข้ำบัญชีธนำคำรของภริยำโจทก์ แต่ในปี ๒๕๖๐ ไม่ได้น�ำ
ส่งรำยได้ให้แก่โจทก์ โดยยังคงค้ำงน�ำส่งเงินรำยได้ รวมเป็นเงิน ๑,๔๕๖,๙๔๙ บำท ก็ตำม แต่
เมื่อทนำยควำมโจทก์แถลงข้อเท็จจริงอันถือได้ว่ำเป็นกำรเพิ่มเติมรำยละเอียดของค�ำฟ้อง แสดง
ให้เห็นว่ำจ�ำเลยมิได้ท�ำงำนภำยใต้กำรบังคับบัญชำของโจทก์ซ่งเป็นลักษณะส�ำคัญของสัญญำจ้ำง
ึ
แรงงำน เม่อพิจำรณำค�ำฟ้องประกอบข้อเท็จจริงตำมค�ำแถลงดังกล่ำวแล้ว จึงเป็นกรณีท่โจทก์
ี
ื
ื
ึ
มิได้ฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัต ิ
ี
ึ
ผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหนึ่งอย่ำงใด ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำน
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
575
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยชำติ วำนิชสวัสดิ์ โจทก์
ที่ วร ๑๙/๒๕๖๕ บริษัทโรงพยำบำลบ�ำรุงรำษฎร์
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย
ู
ั
โจทก์เป็นผ้คิดค่ำรกษำพยำบำลของแพทย์ตำมควำมยำกง่ำยของโรคของผู้
ี
ู
ิ
ั
ิ
ี
ั
ิ
ป่วย โดยโจทก์มอสระในกำรคดค่ำรกษำพยำบำลผ้ป่วยเพยงแต่จะต้องคดค่ำรกษำ
พยำบำลผู้ป่วยตำมอัตรำที่เป็นไปตำมข้อตกลงกับโรงพยำบำลเท่ำนั้น ค่ำรักษำพยำบำล
ี
ดังกล่ำวจึงไม่ใช่เงินของจ�ำเลยแต่เป็นเงินท่เกิดจำกกำรประกอบโรคศิลปะของโจทก์ท่ได ้
ี
ั
ู
ู
รบจำกผ้ป่วย โดยโจทก์มอบหมำยให้จำเลยเป็นผ้เรยกเกบค่ำรกษำพยำบำลแทนโจทก์
�
ั
็
ี
เป็นรำย ๆ ไป แล้วรวบรวมจ่ำยคืนให้โจทก์เดือนละ ๒ คร้ง จึงไม่ใช่ค่ำจ้ำงท่นำยจ้ำงจ่ำย
ี
ั
ให้แก่ลูกจ้ำง ส่วน “ธรรมนูญส�ำหรับองค์กรแพทย์และทันตแพทย์ของโรงพยำบำล บ.”
เป็นข้อปฏิบัติเพ่อใช้ในกำรรักษำพยำบำลให้ได้ระดับมำตรฐำนตำมเจตนำของจ�ำเลย
ื
ั
ั
เท่ำน้น ไม่ใช่หลักเกณฑ์ก�ำหนดสิทธิหน้ำท่ระหว่ำงนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงแต่อย่ำงใด ท้ง
ี
ตำมข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพื่อกำรประกอบโรคศิลปะ ยังมีข้อควำมระบุว่ำ สัญญำฉบับนี้
ี
ื
ั
ต้งอยู่บนพ้นฐำนท่เท่ำเทียมกัน โรงพยำบำลหรือแพทย์ไม่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำเหนือ
ี
ต่อกันไม่ว่ำในทำงใด ๆ ...และแพทย์ไม่อยู่ภำยใต้ข้อบังคับเก่ยวกับกำรท�ำงำนของ
�
ั
ั
ิ
โรงพยำบำล จงไม่ใช่กำรควบคุมทำงวนยอันเป็นกำรใช้อำนำจบงคบบัญชำต่อโจทก์
ึ
ั
ที่ปฏิบัติงำนกับจ�ำเลยในลักษณะของนำยจ้ำงที่มีต่อลูกจ้ำง จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นบริษัทมหำชนจ�ำกัด ประกอบกิจกำรโรงพยำบำลเอกชน ใช้ชื่อ
ทำงกำรค้ำว่ำโรงพยำบำลบ�ำรุงรำษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จ�ำเลยมีข้อตกลงที่ก�ำหนดหลักเกณฑ์
ี
ั
่
และเงอนไขในกำรปฏิบติหน้ำท่ต่อกันระหว่ำงจ�ำเลยกับแพทย์ซงเรียกว่ำ “ธรรมนูญส�ำหรับ
่
ึ
ื
่
�
ึ
่
ั
ุ
�
ั
ิ
องค์กรแพทย์และทนตแพทย์ของโรงพยำบำลบำรงรำษฎร์ อนเตอร์เนชนแนล” ซงกำหนดให้
ี
ม Privilege ของแพทย์เพ่อปกป้องแพทย์จำกกำรถูกห้ำมท�ำหน้ำท่ในโรงพยำบำลโดยไม่ชอบ
ี
ื
นอกจำกแพทย์จะต้องอยู่ภำยใต้ธรรมนูญแพทย์ดังกล่ำวแล้วยังต้องเป็นสมำชิกองค์กรแพทย์
ึ
ซ่งมีคณะกรรมกำรบริหำรแพทย์และทันตแพทย์เป็นคณะกรรมกำรหลักของโรงพยำบำลจ�ำเลยด้วย
โจทก์ปฏิบัติหน้ำท่แพทย์แบบฟูลไทม์ของแผนกหัวใจและหลอดเลือดท่โรงพยำบำลจ�ำเลย
ี
ี
576
ั
�
แห่งเดียว โจทก์ไม่มีเงินเดือนประจ�ำและไม่มีข้อตกลงค่ำแพทย์ข้นต่ำกับโรงพยำบำลจ�ำเลย
ื
จ�ำเลยให้โจทก์และแพทย์ทุกคนลงนำมในข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อกำรประกอบโรคศิลป์หรือ
ื
ื
ข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อกำรประกอบโรคศิลปะเพ่อประโยชน์ในทำงบัญชีและกำรเสีย
ี
ภำษีเงินได้ของโจทก์และจ�ำเลย วันท่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๖๑ ผู้อ�ำนวยกำรด้ำนปฏิบัติกำรทำง
คลินิก แจ้งโจทก์ทรำบว่ำจ�ำเลยต้งคณะกรรมกำรสืบเสำะข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ป่วยร้องเรียน
ั
ี
ึ
กล่ำวหำว่ำโจทก์มีพฤติกรรมไม่เหมำะสม ซ่งโจทก์ได้ให้ข้อเท็จจริงไปแล้วว่ำเป็นกรณีท่ผู้ป่วย
ี
เห็นว่ำค่ำใช้จ่ำยท่จ�ำเลยเรียกเก็บมีจ�ำนวนสูงกว่ำท่จ�ำเลยเคยประมำณกำรไว้จึงไม่ยอมจ่ำย
ี
�
์
่
้
่
่
ี
่
ี
ี
็
ี
ี
่
่
่
้
ั
่
่
่
ุ
ู
ี
ิ
่
้
คำใชจำยตำมทจำเลยเรยกเกบ ไมใชกรณทผปวยรองเรยนโจทกแตอยำงใด แตวนท ๑๙ มถนำยน ๒๕๖๑
ื
จ�ำเลยกลับมีหนังสือบอกเลิกข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อประกอบโรคศิลป์หรือข้อตกลง
ื
กำรใช้คลินิกเพ่อกำรประกอบโรคศิลปะโดยอ้ำงว่ำโจทก์มีพฤติกรรมไม่เหมำะสมก่อให้เกิดควำม
เสียหำยต่อช่อเสียงและโอกำสทำงธุรกิจของจ�ำเลย กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรด�ำเนินกำรท่ขัด
ี
ื
ต่อธรรมนูญแพทย์และน�ำข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อประกอบโรคศิลป์หรือข้อตกลงกำรใช้คลินิก
ื
เพ่อกำรประกอบโรคศิลปะ ซ่งเป็นเพียงข้อตกลงให้แพทย์ลงนำมเพ่อประโยชน์ทำงบัญชีและ
ื
ื
ึ
้
ภำษีอำกรมำเป็นข้ออ้ำงให้กำรบอกเลิกข้อตกลงเพื่อประสงค์ให้โจทก์ไม่ได้ท�ำหนำที่แพทย์ต่อไป
ี
ั
ท้งท่โจทก์ไม่ได้กระท�ำผิด ถือเป็นกำรยกเลิก Privilege จงใจท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำร
ื
เสียช่อเสียงเกียรติคุณ ขำดรำยได้จำกกำรท�ำหน้ำท่แพทย์ และท�ำให้โจทก์ได้รับผลกระทบต่อ
ี
�
ี
ี
ั
ั
ิ
ี
้
�
กำรประกอบวชำชพ ขอให้บงคบจำเลยชำระค่ำเสยหำย ๘๐๔,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบย
่
้
้
อัตรำรอยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟองจนกวำจะช�ำระเสร็จแกโจทก์ และใหจ�ำเลยออกหนังสือ
่
้
รับรองว่ำโจทก์ไม่เคยถูกเพิกถอน Privilege และรับรองว่ำโจทก์ไม่ได้มีพฤติกรรมอันไม่เหมำะสม
ซึ่งก่อให้เกิดควำมเสียหำยต่อชื่อเสียงและโอกำสทำงธุรกิจของจ�ำเลย และให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำฤชำ
ธรรมเนียมและค่ำทนำยควำมแทนโจทก์ต่อไป
ิ
จำเลยใหกำรวำ ขอตกลงกำรใชคลนกเพอประกอบโรคศลปหรอขอตกลงกำรใชคลนก
้
้
์
ื
ิ
ิ
่
ิ
้
ื
้
้
�
่
ิ
ื
เพ่อกำรประกอบโรคศิลปะเป็นข้อตกลงท่ท้งสองฝ่ำยต้องปฏิบัติต่อกันไม่ใช่เป็นเพียงข้อตกลงให้
ั
ี
แพทย์ลงนำมเพื่อประโยชน์ทำงบัญชีและภำษีอำกร โจทก์ขอใช้พื้นที่ของโรงพยำบำลจ�ำเลยเพื่อ
เปิดคลินิกแต่โจทก์คิดอัตรำคำรักษำพยำบำลผป่วยเกินกวำมำตรฐำน ท�ำให้ผู้ป่วยเข้ำใจว่ำจ�ำเลย
่
่
ู้
ั
คิดค่ำตรวจรักษำเกินกว่ำมำตรฐำน จ�ำเลยเคยตักเตือนโจทก์หลำยคร้งแล้ว กำรกระท�ำของโจทก์
เป็นกำรผิดข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อประกอบโรคศิลป์หรือข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อกำรประกอบ
ื
ื
โรคศิลปะ จ�ำเลยไม่ได้จงใจใส่ควำมให้โจทก์ต้องเสียช่อเสียงเกียรติคุณแต่จ�ำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญำ
ื
577
โดยชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยไม่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับเงินเดือนจำกจ�ำเลย
ี
ื
ี
ค่ำตอบแทนท่โจทก์ได้รับแต่ละเดือนเป็นเงินท่ผู้ป่วยช�ำระให้แก่โจทก์เพ่อตอบแทนกำรรักษำ
ซ่งมีจ�ำนวนไม่แน่นอน จ�ำเลยเป็นตัวแทนรับช�ำระเงินแทนโจทก์และหักเงินภำษีตำมเงินได้
ึ
ู
้
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
ึ
พงประเมนประเภทเงนไดจำกวชำชพอสระตำมมำตรำ ๔๐ (๖) แห่งประมวลรษฎำกร ธรรมนญสำหรับ
�
ั
ั
�
องค์กรแพทย์และทนตแพทย์ของจำเลยไม่ใช่ข้อบงคับเกยวกบกำรทำงำน แต่มวตถุประสงค์
ี
�
ั
่
ั
ั
ี
เพ่อก�ำกับดูแลตรวจสอบและควบคุมให้มำตรฐำนกำรรักษำทำงกำรแพทย์ของจ�ำเลยเป็นไปใน
ื
ื
ื
มำตรฐำนสูงสุด เม่อจ�ำเลยบอกเลิกข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อประกอบโรคศิลป์หรือข้อตกลง
ี
ื
กำรใช้คลินิกเพ่อกำรประกอบโรคศิลปะกับโจทก์ เน่องจำกโจทก์มีพฤติกรรมท่ไม่เหมำะสม
ื
ในขณะให้บริกำรทำงกำรแพทย์ อันเป็นกำรกระท�ำผิดสัญญำต่อจ�ำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับ
ค่ำเสียหำยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นบริษัทมหำชนจ�ำกัด ประกอบกิจกำรโรงพยำบำล
ี
ี
เอกชน โจทก์ปฏิบัติหน้ำท่แพทย์แบบฟูลไทม์ของแผนกหัวใจและหลอดเลือดท่โรงพยำบำล
�
จ�ำเลยแห่งเดียว โจทก์ไม่มีเงินเดือนประจ�ำและไม่มีข้อตกลงค่ำแพทย์ข้นต่ำกับโรงพยำบำลจ�ำเลย
ั
ื
ี
จ�ำเลยมีข้อตกลงท่ก�ำหนดหลักเกณฑ์และเง่อนไขในกำรปฏิบัติหน้ำท่ต่อกันระหว่ำงจ�ำเลยกับ
ี
แพทย์ซ่งเรียกว่ำ “ธรรมนูญส�ำหรับองค์กรแพทย์และทันตแพทย์ของโรงพยำบำลบ�ำรุงรำษฎร์
ึ
ิ
่
่
ั
ึ
ู
ี
อนเตอร์เนชนแนล” ซงกำหนดให้ม Privilege ของแพทย์เพอปกป้องแพทย์จำกกำรถกห้ำม
ื
�
่
�
่
ู
ทำหน้ำทในโรงพยำบำลโดยไม่ชอบ นอกจำกแพทย์จะต้องอย่ภำยใต้ธรรมนญแพทย์ดงกล่ำว
ั
ี
ู
ึ
แล้วยังต้องเป็นสมำชิกองค์กรแพทย์ซ่งมีคณะกรรมกำรบริหำรแพทย์และทันตแพทย์เป็น
คณะกรรมกำรหลกของโรงพยำบำลจำเลยด้วย จำเลยให้โจทก์และแพทย์ทุกคนลงนำมในข้อ
�
�
ั
ื
ตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อกำรประกอบโรคศิลป์หรือข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อประกอบโรคศิลปะ
ื
เพื่อประโยชน์ในทำงบัญชีและกำรเสียภำษีเงินได้ของโจทก์และจ�ำเลย ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์ปฏิบัติหน้ำที่แพทย์แบบฟูลไทม์ของแผนกหัวใจและหลอดเลือดที่โรงพยำบำล
จ�ำเลย โดยโจทก์ต้องเป็นสมำชิกองค์กรแพทย์ซ่งมีคณะกรรมกำรบริหำรแพทย์และทันตแพทย์
ึ
�
ั
เป็นคณะกรรมกำรหลกของโรงพยำบำลจำเลย นอกจำกนนโจทก์ต้องลงนำมในข้อตกลงกำรใช้
ั
้
578
คลินิกเพื่อกำรประกอบโรคศิลป์ ลงวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๔๓ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑๖
ึ
ี
ข้อ ๑ ซ่งตำมข้อตกลงน้แม้จะมีข้อควำมระบุว่ำ แพทย์เป็นผู้ประกอบวิชำชีพอิสระในทำงกำรแพทย์
โดยไม่มีฐำนะเป็นพนักงำนลูกจ้ำง และข้อ ๒ ระบุให้แพทย์เป็นผู้คิดค่ำรักษำพยำบำลของแพทย์
ตำมควำมยำกง่ำยของโรคของผู้ป่วยเป็นรำย ๆ ไป และแพทย์มอบหมำยให้โรงพยำบำลเป็น
ผู้เรียกเก็บค่ำรักษำพยำบำลแทนแพทย์เป็นรำย ๆ ไป แล้วรวบรวมจ่ำยคืนให้แพทย์เดือนละ
ื
ี
๒ คร้ง และตำมข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อกำรประกอบโรคศิลปะ ลงวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑
ั
เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑๗ ซ่งเป็นข้อตกลงฉบับต่อมำก็มีข้อระบุว่ำ โรงพยำบำลตกลง
ึ
ี
ให้แพทย์เข้ำมำใช้สถำนท่ของโรงพยำบำลในกำรเปิดคลินิกรักษำพยำบำลแก่ผู้ป่วยของแพทย์
ั
และแพทย์ตกลงเข้ำท�ำกำรรักษำพยำบำลผู้ป่วยในและผู้ป่วยท่วไป ณ สถำนท่ และวันเวลำ ท ่ ี
ี
แพทย์ได้ตกลงกับโรงพยำบำล และข้อ ๓ มีข้อควำมเพ่มเติมให้แพทย์เป็นผู้แจ้งให้ผู้ป่วยทรำบ
ิ
ค่ำรักษำพยำบำลของแพทย์แก่ผู้ป่วยให้ทรำบโดยตรงเป็นรำย ๆ ไป โดยอัตรำค่ำรักษำพยำบำล
ู
ิ
ึ
ั
ี
่
ต้องเป็นไปตำมข้อตกลงระหว่ำงแพทย์กบโรงพยำบำล จงเป็นกรณทโจทก์เป็นผ้คดค่ำรกษำ
ี
ั
พยำบำลของแพทย์ตำมควำมยำกง่ำยของโรคของผู้ป่วย โดยโจทก์มีอิสระในกำรคิดค่ำรักษำ
ั
พยำบำลผ้ป่วยเพียงแต่จะต้องคดค่ำรกษำพยำบำลผ้ป่วยตำมอตรำทเป็นไปตำมข้อตกลงกับ
ู
ิ
่
ู
ี
ั
โรงพยำบำลเท่ำน้น ค่ำรักษำพยำบำลดังกล่ำวจึงไม่ใช่เงินของจ�ำเลยแต่เป็นเงินท่เกิดจำกกำร
ั
ี
ประกอบโรคศิลปะของโจทก์ท่ได้รับจำกผู้ป่วย โดยโจทก์มอบหมำยให้จ�ำเลยเป็นผู้เรียกเก็บ
ี
ค่ำรักษำพยำบำลแทนโจทก์เป็นรำย ๆ ไป แล้วรวบรวมจ่ำยคืนให้โจทก์เดือนละ ๒ ครั้ง จึงไม่ใช่
ื
ี
ค่ำจ้ำงท่นำยจ้ำงจ่ำยให้แก่ลูกจ้ำง ส่วนกำรท่โจทก์ต้องปฏิบัติตำมหลักเกณฑ์และเง่อนไขในกำรปฏิบัต ิ
ี
ี
หน้ำท่ต่อกันระหว่ำงจ�ำเลยกับแพทย์ซ่งเรียกว่ำ “ธรรมนูญส�ำหรับองค์กรแพทย์และทันตแพทย์ของ
ึ
โรงพยำบำลบ�ำรุงรำษฎร์ อินเตอร์เนช่นแนล” เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑๕ ซ่งตำมธรรมนูญ
ึ
ั
ดังกล่ำวระบุวัตถุประสงค์ในบทที่ ๓ ข้อ ๕ ว่ำ “เพื่อก�ำหนดและรักษำกฎระเบียบต่ำง ๆ ให้กำร
ปฏิบัติงำนของแพทย์และทันตแพทย์ ตลอดจนพนักงำนผู้ปฏิบัติงำนอื่น ๆ เป็นไปตำมมำตรฐำน
ี
ของวิชำชีพและจริยธรรม” จึงก�ำหนดในบทท่ ๖ กำรเข้ำเป็นสมำชิกและกำรอนุมัติ Privilege
กรณีปกติและกรณีพิเศษ แสดงให้เห็นว่ำกำรก�ำหนด Privilege เป็นกำรก�ำหนดควำมสำมำรถ
ี
ื
เฉพำะทำงของแพทย์เพ่อสร้ำงควำมม่นใจแก่ผู้ป่วยว่ำจะได้รับกำรรักษำท่เป็นมำตรฐำนจำก
ั
แพทย์เฉพำะทำง ส�ำหรับกำรด�ำเนินกำรทำงวินัยตำมบทท่ ๘ โดยมีมำตรกำรในเชิงปกติ เช่น
ี
กำรตักเตือนด้วยวำจำ กำรตักเตือนเป็นลำยลักษณ์อักษร กำรภำคทัณฑ์ เป็นต้น และมำตรกำร
ในเชิงลบ คือกำรลดหรือยกเลิก Privilege โดยมีระยะเวลำ หรือเป็นกำรถำวรหรือกำรระงับสถำนะ
579
ั
สมำชิกองค์กำรแพทย์เป็นกำรช่วครำว หรือยกเลิกสถำนะสมำชิกภำพเป็นกำรถำวร ก็ถือ
ึ
เป็นเพียงกำรรักษำคุณภำพทำงกำรปฏิบัติงำนของแพทย์ซ่งต่ำงจำกกำรด�ำเนินกำรทำงวินัย
ั
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงท่ว “ธรรมนูญส�ำหรับองค์กรแพทย์และทันตแพทย์ของโรงพยำบำล
ั
บ�ำรุงรำษฎร์ อินเตอร์เนช่นแนล” เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑๕ จึงเป็นข้อปฏิบัติเพ่อใช้
ื
ั
ในกำรรักษำพยำบำลให้ได้ระดับมำตรฐำนตำมเจตนำของจ�ำเลยเท่ำน้นไม่ใช่หลักเกณฑ์ก�ำหนด
ื
ี
ั
สิทธิหน้ำท่ระหว่ำงนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงแต่อย่ำงใด ท้งตำมข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อประกอบโรค
ศิลปะ ลงวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑๗ ข้อ ๗ ยังมีข้อควำมระบุว่ำ
ั
ื
สัญญำฉบับน้ต้งอยู่บนพ้นฐำนท่เท่ำเทียมกัน โรงพยำบำลหรือแพทย์ไม่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำเหนือ
ี
ี
่
ั
้
่
่
ตอกนไมวำในทำงใด ๆ ...และแพทยไมอยภำยใตขอบงคบเกยวกบกำรทำงำนของโรงพยำบำล
ั
์
�
ั
่
ู
้
ี
่
่
ั
จึงไม่ใช่กำรควบคุมทำงวินัยอันเป็นกำรใช้อ�ำนำจบังคับบัญชำต่อโจทก์ท่ปฏิบัติงำนกับจ�ำเลย
ี
ในลักษณะของนำยจ้ำงที่มีต่อลูกจ้ำง ดังนั้น เมื่อโจทก์บรรยำยฟ้องต่อไปว่ำ ระหว่ำงกำรปฏิบัติ
ั
หน้ำท่ของโจทก์ ผู้อ�ำนวยกำรด้ำนปฏิบัติกำรทำงคลินิกแจ้งโจทก์ทรำบว่ำจ�ำเลยต้งคณะกรรมกำร
ี
สืบเสำะข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ป่วยร้องเรียนกล่ำวหำว่ำโจทก์มีพฤติกรรมไม่เหมำะสม ซ่งโจทก์ได้ให้
ึ
ี
ี
ี
ข้อเท็จจริงไปแล้วว่ำเป็นกรณีท่ผู้ป่วยเห็นว่ำค่ำใช้จ่ำยท่จ�ำเลยเรียกเก็บมีจ�ำนวนสูงกว่ำท่จ�ำเลย
ี
ี
เคยประมำณกำรไว้จึงไม่ยอมจ่ำยค่ำใช้จ่ำยตำมท่จ�ำเลยเรียกเก็บ ไม่ใช่กรณีท่ผู้ป่วยร้องเรียนโจทก์
แต่อย่ำงใด แต่ต่อมำจ�ำเลยกลับมีหนังสือบอกเลิกข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพ่อประกอบโรคศิลป์หรือ
ื
ข้อตกลงกำรใช้คลินิกเพื่อประกอบโรคศิลปะโดยอ้ำงว่ำ โจทก์มีพฤติกรรมไม่เหมำะสมก่อให้เกิด
ื
ควำมเสียหำยต่อช่อเสียงและโอกำสทำงธุรกิจของจ�ำเลย กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรด�ำเนิน
ื
ี
กำรท่ขัดต่อธรรมนูญแพทย์และบอกเลิกข้อตกลง เพ่อประสงค์ให้โจทก์ไม่ได้ท�ำหน้ำท่แทพย์ต่อไป
ี
ท้งท่โจทก์ไม่ได้กระท�ำผิด ถือเป็นกำรยกเลิก Privilege จงใจท�ำให้โจทก์เสียหำยจำกกำร
ั
ี
ื
ี
เสียช่อเสียงเกียรติคุณ ขำดรำยได้จำกกำรท�ำหน้ำท่แพทย์ และท�ำให้โจทก์ได้รับผลกระทบต่อ
ั
กำรประกอบวิชำชีพน้น จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผิดสัญญำตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
้
และพำณชย์ บรรพ ๒ หน ลกษณะ ๒ สัญญำ และกระท�ำละเมดตำมลักษณะ ๕ ต่อโจทก์
ิ
ิ
ั
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงมิใช่เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำง
เกยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลกษณะเป็นคดีพพำทอย่ำงหนงอย่ำงใด
ึ
่
่
ิ
ั
ี
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
580
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
581
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยไกรวัล ทองค�ำสำร โจทก์
ที่ วร ๓๐/๒๕๖๕ บริษัทพญำแลอินเตอร์เนชั่นแนล
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
ี
จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ให้ท�ำหน้ำท่ทนำยควำมฟ้องคดีและบังคับคด โดยโจทก์ได้รับ
ี
ค่ำตอบแทนเป็นค่ำวิชำชีพทนำยควำมตำมแต่ละคด โดยไม่ปรำกฏว่ำโจทก์ต้องท�ำงำน
ภำยใต้อ�ำนำจควบคุมบังคับบัญชำของจ�ำเลยแต่ประกำรใด จึงเป็นกำรว่ำจ้ำงโดยยึด
ี
ผลส�ำเร็จของงำนเป็นส�ำคัญ กำรว่ำจ้ำงดังกล่ำวจึงเป็นสัญญำท่โจทก์ตกลงรับท�ำกำรงำน
ิ
ิ
ึ
ส่งใดส่งหน่งจนส�ำเร็จให้แก่จ�ำเลยแล้วจ�ำเลยจึงจะจ่ำยสินจ้ำงเพ่อผลส�ำเร็จแห่งกำร
ื
ที่ท�ำนั้น อันมีลักษณะของสัญญำจ้ำงท�ำของ จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ประกอบกิจกำรรับจ้ำงด�ำเนินคด ี
เป็นท่ปรึกษำกฎหมำยและจัดท�ำนิติกรรมสัญญำ ปี ๒๕๕๙ โจทก์เป็นทนำยควำมรับจ้ำงฟ้อง
ี
คดีและบังคับคดีให้จ�ำเลย โดยจ�ำเลยรับงำนฟ้องคดีและบังคับคดีมำจำกบริษัทบริหำรสินทรัพย์
สุขุมวิท จ�ำกัด (SAM) มำแจกจ่ำยให้ทนำยควำมในบริษัทจ�ำเลยในลักษณะเป็นกำรจ้ำงท�ำของ
ยึดผลส�ำเร็จของงำนเป็นส�ำคัญ โดยแบ่งค่ำวิชำชีพท่ได้รับจำกบริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท
ี
จ�ำกัด (SAM) ตำมงวดวงรอบท่ขอเบิก ต่อมำนำยวิโรจน์ทนำยควำมในบริษัทจ�ำเลยลืมไปศำล
ี
ศำลจึงจ�ำหน่ำยคดีเป็นเหตุให้บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท จ�ำกัด (SAM) เสียหำยเป็นเงิน
๒๕๔,๔๔๒.๐๓ บำท จ�ำเลยท�ำหนังสือรับสภำพควำมผิดและให้ทนำยควำมทุกคนในบริษัทจ�ำเลย
ร่วมรับผิดชอบ โดยหักเงินตำมสัดส่วนค่ำวิชำชีพท่ทนำยควำมได้รับ โจทก์ถูกหักไปโดยไม่ยินยอม
ี
หลำยงวดรวมเป็นเงิน ๓๕,๒๕๗.๗๒ บำท เดือนมกรำคม ๒๕๖๓ โจทก์จึงแจ้งจ�ำเลยว่ำจะไม่รับ
ี
งำนคดีจำกจ�ำเลยอีกต่อไป โดยจ�ำเลยยังไม่จ่ำยค่ำวิชำชีพทนำยควำมท่รอกำรจ่ำย ๒๘,๐๗๙.๙๒ บำท
แก่โจทก์ โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยช�ำระเงินท้งสองจ�ำนวนแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับ
ั
จ�ำเลยจ่ำยค่ำวิชำชีพทนำยควำมท่ค้ำงและคืนเงินท่หักไปรวม ๖๙,๔๒๐.๑๘ บำท พร้อมดอกเบ้ย
ี
ี
ี
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖๓,๓๓๗.๖๔ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
582
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นผู้รับงำนจำกบริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท จ�ำกัด (SAM)
มำให้โจทก์ฟ้องคดีภำยใต้กำรควบคุมดูแลกำรท�ำงำนของบริษัทดังกล่ำว จ�ำเลยเป็นเพียงตัวแทน
ของบริษัทดังกล่ำว จึงเป็นกำรจ้ำงงำนแบบเหมำค่ำแรงตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน
ึ
พ.ศ. ๒๕๔๑ ซ่งให้ถือว่ำบริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท จ�ำกัด (SAM) เป็นนำยจ้ำงของโจทก์
โจทก์จึงต้องฟ้องคดีนี้ที่ศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ื
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องโต้แย้งว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลแรงงำน ศำลแขวงพระนครเหนือพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ั
ุ
ื
�
ิ
ิ
ี
ึ
�
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ั
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ประกอบ
ี
กิจกำรรับจ้ำงด�ำเนินคดี เป็นที่ปรึกษำกฎหมำยและจัดท�ำนิติกรรมสัญญำ ปี ๒๕๕๙ โจทก์เป็น
ทนำยควำมรับจ้ำงฟ้องคดีและบังคับคดีให้จ�ำเลย โดยจ�ำเลยรับงำนฟ้องคดีและบังคับคดีมำจำก
ิ
ุ
ุ
�
ั
้
ิ
่
์
ั
ิ
ิ
บรษทบรหำรสนทรพยสขมวท จำกด (SAM) มำแจกจำยใหทนำยควำมในบรษทจำเลยในลกษณะ
ั
�
ั
ั
ิ
ี
เป็นกำรจ้ำงท�ำของยึดผลส�ำเร็จของงำนเป็นส�ำคัญ โดยแบ่งค่ำวิชำชีพท่ได้รับจำกบริษัทบริหำร
สินทรัพย์สุขุมวิท จ�ำกัด (SAM) ตำมงวดวงรอบที่ขอเบิก ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
ี
จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ให้ท�ำหน้ำท่ทนำยควำมฟ้องคดและบังคับคดี โดยโจทก์ได้รับค่ำตอบแทนเป็น
ค่ำวิชำชีพทนำยควำมตำมแต่ละคดี โดยไม่ปรำกฏว่ำโจทก์ต้องท�ำงำนภำยใต้อ�ำนำจควบคุมบังคับ
บัญชำของจ�ำเลยแต่ประกำรใด จึงเป็นกำรว่ำจ้ำงโดยยึดผลส�ำเร็จของงำนเป็นส�ำคัญ กำรว่ำจ้ำง
ึ
ิ
ี
ดังกล่ำวจึงเป็นสัญญำท่โจทก์ตกลงรับท�ำกำรงำนส่งใดส่งหน่งจนส�ำเร็จให้แก่จ�ำเลยแล้วจ�ำเลย
ิ
ี
ื
จึงจะจ่ำยสินจ้ำงเพ่อผลส�ำเร็จแห่งกำรท่ท�ำน้น อันมีลักษณะของสัญญำจ้ำงท�ำของ จึงเป็นกำร
ั
กล่ำวอ้ำงเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๓ เอกเทศ
ื
สัญญำ ลักษณะ ๗ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใด
ึ
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
583
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
584
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทสหกรณ์กำรเกษตรเวียงชัย
ที่ วร ๔๖/๒๕๕๙ จ�ำกัด โจทก์
นำงเนตรนภำ สันติธรรม
กับพวก จ�ำเลย
ิ
ึ
่
ิ
ั
ี
�
่
ี
ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำจำเลยท ๑ ซงเป็นลกจ้ำงได้ใช้สทธกู้ยืมเงนทโจทก์จดให้เป็น
ู
่
ิ
สวัสดิกำรเจ้ำหน้ำที่และลูกจ้ำง โดยมีจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นผู้ค�้ำประกัน ถือได้ว่ำสิทธิ
�
กำรกู้ยืมเงินและค้ำประกันดังกล่ำวเป็นข้อตกลงเก่ยวกับสภำพกำรจ้ำงและเป็นส่วนหน่ง
ี
ึ
ของสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลตำมพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ จ�ำเลย
ี
ั
ท้งสำมเป็นลูกจ้ำงและพนักงำนของโจทก์ ต�ำแหน่งสุดท้ำยจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้จัดกำรใหญ่
ี
ู
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผ้จัดกำรสำขำเวียงชัย จ�ำเลยท่ ๓ เป็นผู้จัดกำรสำขำเวียงเชียงรุ้ง เม่อวันท่ ๒๕
ี
ู
ั
ิ
ิ
้
่
์
ั
้
ื
ื
่
้
้
้
ู
ี
ิ
�
่
�
ี
ั
พฤศจกำยน ๒๕๕๗ จำเลยท ๑ ทำสญญำกเงนสวสดกำรเจำหนำทและลกจำงกบโจทกเพอซอ
อสังหำริมทรัพย์ ช�ำระหน้สินเดิมและเพ่อกำรไถ่ถอนจำกสถำบันกำรเงินอ่น ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
ื
ื
ี
ตกลงช�ำระ ๑๖๘ งวดงวดละ ๙,๒๘๕ บำท เริ่มช�ำระงวดแรกวันที่ ๒๕ ธันวำคม ๒๕๕๗ เพื่อเป็น
ประกันกำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท่ ๑ ดังกล่ำว จ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ตกลงเข้ำผูกพันตน
ี
ี
ี
ี
ี
ี
เป็นผู้ค้ำประกัน หลังจำกท�ำสัญญำจ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัดไม่ช�ำระหน้แก่โจทก์นับแต่วันท่ ๒๕
�
ี
ี
มิถุนำยน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป คงค้ำงต้นเงิน ๙๕๘,๓๓๖ บำท และดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๔ ต่อปี
ั
ถึงวันฟ้อง ๓๔,๑๕๗ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระเงิน ๙๙๒,๔๙๓ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๔ ต่อปี ของต้นเงิน ๙๕๘,๓๓๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ เม่อวันท่ ๑๐ กรกฎำคม ๒๕๕๘ โจทก์ได้เลิกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑
ื
ี
ี
ี
ี
ี
ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมท�ำให้จ�ำเลยท่ ๑ ขำดรำยได้ไม่อำจช�ำระหน้ได้ตำมสัญญำ ถือไม่ได้ว่ำ
จ�ำเลยที่ ๑ ผิดนัด แต่โจทก์ต่ำงหำกเป็นฝ่ำยผิดนัดและท�ำละเมิดต่อจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์จึงไม่มีสิทธิ
ื
ี
ั
คิดเบ้ยปรับในอัตรำร้อยละ ๓ ต่อปี โจทก์ฟ้องคดีโดยใช้สิทธิไม่สุจริต อีกท้งมูลเหตุคดีสืบเน่อง
�
มำจำกกำรกู้ยืมเงินและกำรค้ำประกันจึงไม่ใช่คดีแรงงำนแต่เป็นคดีผู้บริโภค โจทก์จึงไม่ม ี
อ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
585
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๕ พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ี ้
ึ
ู
อย่ในอำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์
�
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
ั
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องประกอบเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑๑ อ้ำงว่ำ
ั
จ�ำเลยท้งสำมเป็นลูกจ้ำงโจทก์โดยจ�ำเลยท่ ๑ เคยเป็นพนักงำนโจทก์ต�ำแหน่งผู้จัดกำรใหญ่
ี
จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดกำรสำขำเวียงชัย จ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้จัดกำรสำขำเวียงเชียงรุ้ง ระหว่ำงท�ำงำน
จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำกู้เงินสวัสดิกำรเจ้ำหน้ำที่และลูกจ้ำงกับโจทก์ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท ตกลงช�ำระ
๑๖๘ งวด งวดละ ๙,๒๘๕ บำท มีจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เข้ำผูกพันตนเป็นผู้ค�้ำประกันกำรช�ำระ
หนี้ดังกล่ำว หลังจำกท�ำสัญญำจ�ำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ช�ำระหนี้ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ดังนี้
ั
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ประกอบเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์และจ�ำเลยท้งสำม
มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกัน จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นลูกจ้ำงได้ใช้สิทธิกู้ยืมเงินท่โจทก์จัด
ึ
ี
ี
ี
ี
ั
ี
�
ให้เป็นสวสดิกำรเจ้ำหน้ำท่และลูกจ้ำง โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกัน อันถือได้ว่ำ
ั
ั
่
ึ
ั
ี
่
ู
ื
ิ
สทธกำรก้ยมเงนและคำประกนดงกล่ำวเป็นข้อตกลงเกยวกบสภำพกำรจ้ำงและเป็นส่วนหนง
ิ
ิ
้
�
ของสัญญำจ้ำงแรงงำน เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันช�ำระหนี้เงินกู้ที่ค้ำงช�ำระ
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ั
ี
หรือตำมข้อตกลงเกี่ยวกับสภำพกำรจ้ำง ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
586
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยเจน ชูวีระ กับพวก โจทก์
ที่ วร ๒๕/๒๕๖๑ มูลนิธิแห่งสภำคริสตจักร
ในประเทศไทย กับพวก จ�ำเลย
ั
โจทก์และจ�ำเลยท้งสำมเคยมีนิติสัมพันธ์กันในฐำนะลูกจ้ำงและนำยจ้ำงตำม
ั
ั
สัญญำจ้ำงแรงงำน แต่จ�ำเลยท้งสำมไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงในกำรจัดต้งกองทุนเงิน
ี
ึ
ิ
เพ่มพิเศษหลังเกษียณอำยุของบุคลำกร ซ่งเป็นข้อตกลงท่เกิดข้นและมีผลผูกพันโจทก์
ึ
ึ
ั
ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำและจ�ำเลยท้งสำมนับแต่ท่จัดต้งกองทุนดังกล่ำวอันเป็นส่วนหน่ง
ึ
ั
ี
ั
ึ
่
ี
ั
ของสัญญำจ้ำงแรงงำน ส่วนโจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำจะเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท ๒ และ
ั
ึ
่
ท ๓ หรือไม่ และโจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำจะมีสิทธิได้รับเงินจำกข้อตกลงดังกล่ำวคืน
ี
ึ
ั
้
ั
ั
้
่
�
ื
หรอไม่ และจะต้องบงคบตำมคำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ทงหนงร้อยสบเก้ำหรอไม่นน
ื
ิ
ั
ื
ี
เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะ
ั
ึ
ั
ผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำกับจ�ำเลยท้งสำมจึงเป็น
คดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ั
ึ
ึ
ั
โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำฟ้องว่ำ โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำเคยท�ำงำนเป็นพนักงำน
ี
โรงพยำบำลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่ ซ่งมีจ�ำเลยท่ ๑ เป็นเจ้ำของ โดยมีจ�ำเลยท่ ๒
ี
ึ
เป็นผู้อ�ำนวยกำรโรงพยำบำล และจ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้รักษำกำรผู้จัดกำรโรงพยำบำลระหว่ำงกำร
ท�ำงำนจ�ำเลยที่ ๑ จัดตั้งกองทุนเงินเพิ่มพิเศษหลังเกษียณอำยุของบุคลำกรก�ำหนดให้น�ำดอกผล
ของกองทุนจัดสรรเป็นงบประมำณเงินเพ่มพิเศษจ่ำยแก่พนักงำนท่เกษียณอำยุกำรท�ำงำนเสมือน
ี
ิ
ึ
ั
เป็นเงินบ�ำนำญของรำชกำร ปัจจุบันโจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำเกษียณอำยุกำรท�ำงำนแล้ว และ
ได้รับสิทธิสวัสดิกำรเป็นเงินสะสม เงินบ�ำเหน็จและเงินชดเชยหลังเกษียณอำยุ ค่ำรักษำพยำบำล
ั
ึ
จำกกองทุนดังกล่ำวตลอดมำ กระท่งเดือนพฤษภำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยท้งสำมซ่งท�ำหน้ำท่ผู้บริหำร
ั
ี
กองทุนดังกล่ำว ได้มีมติและออกระเบียบให้หักเงินเพิ่มพิเศษหลังเกษียณอำยุกำรท�ำงำนที่โจทก์
ึ
ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำได้รับทุกเดือน ประมำณร้อยละ ๒๔ โดยอ้ำงว่ำดอกผลของกองทุนดังกล่ำว
ั
ไม่เพียงพอท่จะรับภำระค่ำใช้จ่ำย ท้งท่เป็นหน้ำท่ของจ�ำเลยท้งสำมท่จะต้องบริหำรกองทุนให้
ี
ั
ี
ี
ั
ี
ี
ได้ดอกผลจึงเป็นระเบียบท่เป็นโทษแก่โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำ และจ�ำเลยท้งสำมต้องคืนเงิน
ั
ั
ึ
587
ี
ึ
ั
ั
ท่หักไปแก่โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันคืนเงินท่หักไปเดือนละ
ี
ี
๑๓๗,๖๖๕.๘๙ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่เดือนพฤษภำคม ๒๕๖๐ จนกว่ำ
ั
ึ
ั
ี
ั
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำและห้ำมจ�ำเลยท้งสำมมีมติหรือค�ำส่งให้หักเงินท่ต้องจ่ำย
ึ
ั
ั
ี
ึ
ั
แก่โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำอีกต่อไป ท้งให้จ�ำเลยท่ ๑ ยอมให้มีตัวแทนของโจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำ
ร่วมเป็นกรรมกำรบริหำรกองทุนเงินเพิ่มพิเศษหลังเกษียณอำยุกำรท�ำงำน
จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มีวัตถุประสงค์ด�ำเนินกำรเพื่อกำรกุศลและกิจกำร
ทำงศำสนำที่มิได้แสวงหำก�ำไรในทำงเศรษฐกิจ ไม่อยู่ภำยใต้บังคับกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครอง
แรงงำน ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นผู้บริหำรโรงพยำบำลแมคคอร์มิค มิใช่นำยจ้ำงของโจทก์
ี
ั
ึ
ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำ และไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลแรงงำน จ�ำเลยที่ ๑ ไม่เคยตกลงจ่ำยเงินเพิ่มพิเศษหลังเกษียณอำยุกำรท�ำงำนตำมจ�ำนวน
ึ
ี
ท่ฟ้องตลอดไป แต่ข้นอยู่กับดอกผลของกองทุนท่ได้รับและจ�ำนวนลูกจ้ำงท่เกษียณอำยุกำรท�ำงำน
ี
ี
แต่ละปี ซึ่งเป็นดุลพินิจของจ�ำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๕ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ื
ั
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
�
ุ
ี
ึ
�
ิ
ิ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
ั
ึ
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำบรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำเคยท�ำงำน
ึ
ี
เป็นพนักงำนโรงพยำบำลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่ ซ่งจ�ำเลยท่ ๑ เป็นเจ้ำของโดยม ี
ึ
จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้อ�ำนวยกำรโรงพยำบำล และจ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้รักษำกำรผู้จัดกำรโรงพยำบำล
ั
โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำเกษียณอำยุกำรท�ำงำนแล้ว และได้รับสิทธิสวัสดิกำรเป็นเงินสะสม
ึ
ี
ิ
ิ
ิ
เงนบำเหนจและเงนชดเชยหลงเกษยณอำย ค่ำรกษำพยำบำล จำกกองทนเงนเพมพเศษหลง
ั
ุ
ุ
�
ั
่
็
ิ
ั
ิ
เกษียณอำยุของบุคลำกร ท่จ�ำเลยท่ ๑ จัดต้งข้นตลอดมำ ต่อมำจ�ำเลยท้งสำมได้มีมติและ
ึ
ั
ี
ี
ั
ั
่
ี
ั
ุ
ั
้
�
ั
ี
่
ิ
ิ
ิ
ี
่
ึ
ออกระเบยบให้หกเงนเพมพิเศษหลงเกษยณอำยกำรทำงำนทโจทก์ทงหนงร้อยสบเก้ำได้รบ
ทุกเดือน ประมำณร้อยละ ๒๔ จึงเป็นกำรออกระเบียบท่เป็นโทษแก่โจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำ
ี
ั
ึ
ิ
ึ
�
้
จงขอใหจำเลยท้งสำมรวมกนคนเงนท่หกไปแกโจทก์ทงหน่งรอยสบเกำและดำเนนกำรตำมคำขอ
�
ิ
ั
ี
�
้
่
ั
่
ื
ั
ิ
ั
้
ึ
้
ิ
ท้ำยฟ้องของโจทก์ทงหน่งร้อยสบเก้ำจงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์ท้งหนงร้อยสบเก้ำกบจำเลย
ั
ั
้
ั
ิ
ึ
ึ
่
ึ
�
์
้
ั
้
ั
ี
ั
ั
ทงสำมเคยมนิติสัมพนธกนในฐำนะนำยจำงและลูกจำงตำมสญญำจำงแรงงำน แต่จำเลยทงสำม
้
ั
้
�
้
ึ
ิ
ั
ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงในกำรจัดต้งกองทุนเงินเพ่มพิเศษหลังเกษียณอำยุของบุคลำกรซ่งเป็น
588
ึ
่
ั
้
ิ
ึ
่
ี
้
ั
ข้อตกลงทเกดขนและมีผลผูกพันโจทก์ท้งหนงร้อยสิบเก้ำและจ�ำเลยท้งสำมนับแต่ทจดตง
ั
ั
่
ี
ึ
กองทุนดังกล่ำวอันเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำน ส่วนโจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำจะเป็น
ึ
ั
ี
ลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ และมีสิทธิได้รับเงินจำกข้อตกลงดังกล่ำวคืนหรือต้องบังคับ
ี
ึ
ื
ั
ั
ตำมค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ท้งหน่งร้อยสิบเก้ำหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท ่ ี
ั
จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์ท้ง
หน่งร้อยสิบเก้ำกับจ�ำเลยท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ี
ึ
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
589
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทปตท. ส�ำรวจและผลิต
ที่ วร ๑๒/๒๕๖๒ ปิโตรเลียม จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
นำยนิพิฐ อิศรำงกูร
ณ อยุธยำ จ�ำเลย
่
ึ
โจทก์เรียกร้องให้จ�ำเลยซงเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินสมทบคืนตำมบันทก
ึ
ข้อตกลงโครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน ซ่งเป็น
ึ
ื
ี
ั
โครงกำรท่โจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงจัดต้งข้นเพ่อเป็นสวัสดิกำรหรือให้ประโยชน์แก่จ�ำเลย
ึ
ซ่งเป็นลูกจ้ำงเน่องจำกกำรจ้ำงอันถือว่ำเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์
ึ
ึ
ื
ิ
ั
�
่
ี
่
ี
ั
กบจำเลย คดีระหวำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำท่ตำมสญญำ
ื
ิ
จ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๓๒ ถึงวันที่ ๒๕ กันยำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลย
ท�ำงำนเป็นพนักงำนของโจทก์ ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นผู้ช่วยผู้จัดกำรใหญ่ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลย
เข้ำร่วมโครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน ซ่งโจทก์ต้งข้น
ึ
ึ
ั
ั
ิ
ู
ั
ู
ู
่
เพอสร้ำงแรงจงใจให้ลกจ้ำงมส่วนร่วมในควำมเป็นเจ้ำของและรกษำลกจ้ำงไว้กับบรษทโจทก์
ื
ี
พนักงำนท่เข้ำร่วมโครงกำรจะลงทุนทยอยซ้อหุ้นสำมัญหรือใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ท่เกิดจำก
ี
ี
ื
หลักทรัพย์อ้ำงอิงของหุ้นบริษัทโจทก์ที่ซื้อขำยอยู่ในตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยโจทก์
จะหักเงินเดือนของผู้เข้ำร่วมโครงกำรอัตรำร้อยละ ๒ ถึงร้อยละ ๑๐ ในแต่ละเดือน และโจทก์จะ
จ่ำยเงินสมทบอัตรำร้อยละ ๑๐๐ ของเงินลงทุนของผู้เข้ำร่วมโครงกำร โดยมีบริษัทหลักทรัพย์
ี
ทิสโก้ จ�ำกัด เป็นตัวแทนซ้อและจัดสรรหุ้นดังกล่ำว โดยมีเง่อนไขว่ำเม่อพนักงำนท่เข้ำร่วมโครงกำร
ื
ื
ื
ลำออกหรือถูกเลิกจ้ำงก่อนหุ้นท้งหมดจะครบเง่อนไขกำรถือครองหุ้น ผู้เข้ำร่วมโครงกำรจะต้อง
ื
ั
คืนเงินสมทบแก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน เดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๕๖ จ�ำเลยตกลงเข้ำร่วมโครงกำร
ดังกล่ำวและยอมให้โจทก์หักเงินเดือนอัตรำร้อยละ ๑๐ โจทก์ได้จ่ำยเงินสมทบอัตรำร้อยละ ๑๐๐
ั
ี
ของเงินลงทุนของจ�ำเลยมำโดยตลอด กระท่งวันท่ ๒๕ กันยำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยถูกเลิกจ้ำง
จ�ำเลยจึงต้องคืนเงินสมทบ ๘๔๐,๓๘๑.๒๕ บำท แก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน โจทก์ทวงถำมแล้วแต่
ี
จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงินสมทบ ๑,๐๓๑,๘๘๔.๕๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
590
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๘๔๐,๓๘๑.๒๕ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน
ื
ั
ึ
ซ่งโจทก์ต้งข้นเพ่อเป็นสวัสดิกำรให้แก่ลูกจ้ำง จึงอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน จ�ำเลยไม่เคยได้
ึ
รับหนังสือบอกกล่ำวทวงถำม สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขำดอำยุควำม ๒ ปี แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
้
�
่
�
ั
่
ิ
์
ิ
็
�
์
่
ั
วนจฉยวำ โจทกบรรยำยฟองวำ จำเลยเคยทำงำนเปนพนกงำนของโจทก ระหวำงทำงำน
จ�ำเลยเข้ำร่วมโครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน ซ่งโจทก์
ึ
ี
ต้งข้นโดยพนักงำนท่เข้ำร่วมโครงกำรจะลงทุนทยอยซ้อหุ้นสำมัญหรือใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์
ึ
ื
ั
ี
ท่เกิดจำกหลักทรัพย์อ้ำงอิงของหุ้นบริษัทโจทก์ท่ซ้อขำยอยู่ในตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ี
ื
และโจทก์จะหักเงินเดือนของผู้เข้ำร่วมโครงกำรอัตรำร้อยละ ๒ ถึงร้อยละ ๑๐ ในแต่ละเดือน
โดยโจทก์จะจ่ำยเงินสมทบอัตรำร้อยละ ๑๐๐ ของเงินลงทุนของผู้เข้ำร่วมโครงกำร โดยมีเงื่อนไข
ื
ั
ื
ว่ำเม่อพนักงำนท่เข้ำร่วมโครงกำรลำออกหรือถูกเลิกจ้ำงก่อนหุ้นท้งหมดจะครบเง่อนไขกำร
ี
ถือครองหุ้น ผู้เข้ำร่วมโครงกำรจะต้องคืนเงินสมทบแก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน จ�ำเลยตกลงเข้ำร่วม
โครงกำรดังกล่ำวและยอมให้โจทก์หักเงินเดือนอัตรำร้อยละ ๑๐ โจทก์ได้จ่ำยเงินสมทบอัตรำ
ร้อยละ ๑๐๐ ของเงินลงทุนของจ�ำเลยมำโดยตลอด ต่อมำจ�ำเลยถูกเลิกจ้ำง จ�ำเลยต้องคืนเงิน
สมทบ ๘๔๐,๓๘๑.๒๕ บำท แก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ตำม
ค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกำรเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินสมทบคืนตำมบันทึก
ึ
ข้อตกลงโครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน ส�ำเนำเอกสำร
ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๕ ซึ่งเป็นโครงกำรที่โจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิกำร
หรือให้ประโยชน์แก่จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงเน่องจำกกำรจ้ำงอันถือว่ำเป็นส่วนหน่งของสัญญำ
ื
ึ
ึ
ี
จ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธ ิ
ี
หรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
แรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
591
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
592
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น
ที่ วร ๒๘/๒๕๖๒ เทคโนโลยี่ (ที) จ�ำกัด โจทก์
นำงสำวทักษพร ชุมสำย
ณ อยุธยำ จ�ำเลย
ึ
โจทก์เรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินกู้ยืมคืนตำมส�ำเนำ
สัญญำกู้ยืมเงิน ซึ่งเป็นกำรกู้ยืมเงินจำกโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงที่ได้ตกลงเพื่อเป็นสวัสดิกำร
ึ
ื
ึ
หรือให้ประโยชน์แก่จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงเน่องจำกกำรจ้ำงอันถือว่ำเป็นส่วนหน่งของ
สัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำท
เกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๔๕ จ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นพนักงำนโจทก์
ุ
�
ิ
ิ
ั
ู
ตำแหน่งสดท้ำยเป็นผู้ช่วยผ้จดกำรฝ่ำยขำย ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยใช้สทธควำมเป็นพนักงำน
กู้เงินสวัสดิกำรซึ่งโจทก์จัดไว้เป็นสวัสดิกำรส�ำหรับลูกจ้ำงทั่วไปเพื่อซื้อรถยนต์ ๕๖๗,๐๐๐ บำท
ี
จ�ำเลยยอมให้โจทก์หักเงินเดือนช�ำระเงินกู้ ๖๐ งวด งวดละ ๙,๔๕๐ บำท พร้อมดอกเบ้ย
ื
ร้อยละ ๗.๑๒ ต่อปี หำกจ�ำเลยพ้นจำกกำรเป็นพนักงำนเม่อใดจะต้องช�ำระเงินกู้ท่คงค้ำงอยู่ท้งหมด
ี
ั
ภำยใน ๗ วัน ต่อมำจ�ำเลยยักยอกทรัพย์ของโจทก์รวมเป็นค่ำเสียหำย ๕,๔๒๕,๖๕๔ บำท วันที่
๑๑ เมษำยน ๒๕๖๑ จ�ำเลยจึงเลิกจ้ำงโจทก์ จ�ำเลยจึงต้องคืนเงินกู้ที่คงค้ำงอยู่ ๕๒๙,๒๐๐ บำท
แก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน โจทก์ทวงถำมแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงิน
๕๙๖,๖๒๗.๐๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๑๒ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๒๙,๐๐๐ บำท
ี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยน�ำรถยนต์ส่วนตัวใช้ในกำรท�ำงำนตำมทำงกำรท่จ้ำงของโจทก์
ี
ั
ิ
ิ
ั
ื
ี
ั
ิ
ุ
ุ
แต่รถยนต์คนดงกล่ำวเกดอบตเหตเสยหำย โจทก์ตกลงจะชดใช้หรอซ่อมแซมให้แต่เพกเฉย
ต่อมำโจทก์จึงให้จ�ำเลยกู้เงินเพื่อซื้อรถยนต์คันใหม่ กำรกู้เงินจึงไม่ใช่เป็นสวัสดิกำรที่โจทก์ให้แก่
ี
ลูกจ้ำง ข้อพิพำทตำมสัญญำกู้ยืมเงินตำมฟ้องไม่อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน ฟ้องโจทก์ท่กล่ำวหำ
ว่ำจ�ำเลยทุจริตเป็นเท็จ เม่อโจทก์เลิกจ้ำงจ�ำเลยได้ฟ้องคดีโจทก์ต่อศำลแรงงำนกลำง ต่อมำ
ื
ศำลแรงงำนกลำงได้มีค�ำพิพำกษำให้โจทก์ช�ำระเงินแก่จ�ำเลย ระหว่ำงกำรด�ำเนินคดีดังกล่ำวโจทก์
ได้รับรถยนต์คันดังกล่ำวคืนแล้ว หนี้จึงระงับไปด้วยกำรหักกลบลบหนี้แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
593
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
่
์
ิ
ิ
ั
�
็
�
ั
้
่
์
่
วนจฉยวำ โจทกบรรยำยฟองวำ จำเลยเคยทำงำนเปนพนกงำนของโจทก ระหวำงทำงำน
�
จ�ำเลยใช้สิทธิควำมเป็นพนักงำนกู้เงินสวัสดิกำรซึ่งโจทก์จัดไว้เป็นสวัสดิกำรส�ำหรับลูกจ้ำงทั่วไป
เพ่อซ้อรถยนต์โดยจ�ำเลยยอมให้โจทก์หักเงินเดือนช�ำระหน้พร้อมดอกเบ้ยร้อยละ ๗.๑๒ ต่อปี
ี
ี
ื
ื
หำกจำเลยพ้นจำกกำรเป็นพนกงำนเมอใดจะชำระเงนก้ทคงค้ำงอย่ทงหมดภำยใน ๗ วน
่
ั
ื
�
ี
่
�
ู
้
ั
ิ
ู
ั
ต่อมำจ�ำเลยยักยอกทรัพย์ของโจทก์ จ�ำเลยจึงเลิกจ้ำงโจทก์ จ�ำเลยจึงต้องคืนเงินกู้ท่คงค้ำงอยู่
ี
แก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน โจทก์ทวงถำมแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ตำมค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกำร
ึ
เรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินกู้ยืมคืนตำมส�ำเนำสัญญำกู้ยืมเงิน เอกสำร
ื
ี
ึ
ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ ซ่งเป็นกำรกู้ยืมเงินจำกโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงท่ได้ตกลงเพ่อเป็นสวัสดิกำร
หรือให้ประโยชน์แก่จ�ำเลยซึ่งเป็นลูกจ้ำงเนื่องจำกกำรจ้ำง อันถือว่ำเป็นส่วนหนึ่งของสัญญำจ้ำง
แรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือ
ี
หน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
594
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัท เค. เอ็ม. อินเตอร์แล็บ
ที่ วร ๑๓/๒๕๖๓ จ�ำกัด โจทก์
นำงประเทือง ชัยธณัทกุล จ�ำเลย
ึ
โจทก์เรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินกู้ยืมคืนตำมสัญญำ
ึ
กู้ยืมเงินสวัสดิกำรพนักงำน ซ่งโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงให้จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงกู้ยืม
ึ
ื
ื
เพ่อเป็นสวัสดิกำรหรือให้ประโยชน์แก่จ�ำเลยเน่องจำกกำรจ้ำงโดยมีสัญญำจ�ำนอง
ึ
เป็นสัญญำอุปกรณ์ สัญญำกู้ยืมเงินและสัญญำจ�ำนองดังกล่ำวจึงถือเป็นส่วนหน่งของ
สัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยด้วย จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันที่ ๖ สิงหำคม ๒๕๔๕ ถึงวันที่ ๑๔ พฤศจิกำยน ๒๕๖๐ จ�ำเลย
ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยกู้ยืมเงิน ๑,๔๔๔,๐๐๐ บำท ไปจำกโจทก์
ตกลงผ่อนช�ำระเป็นงวดทุกเดือน เดือนละไม่น้อยกว่ำ ๑๗,๐๐๐ บำท เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภำพันธ์
ี
�
๒๕๕๙ เป็นต้นไป พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ MRR ของธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ หำกจำเลย
พ้นสภำพกำรเป็นลูกจ้ำงเมื่อใดยอมให้คิดดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี หำกผิดนัดช�ำระงวดใด
ี
ี
ี
ั
ยอมให้โจทก์เรียกเอำช�ำระหน้ท้งหมดได้ทันที และจ�ำเลยได้จ�ำนองท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๖๗๒๒
�
่
ั
ุ
ั
ตำบลบำงเพรยง อำเภอบำงบ่อ จงหวดสมทรปรำกำร พร้อมสงปลกสร้ำงเป็นประกนกำรชำระ
ิ
ู
�
�
ั
ี
เงินกู้ยืมดังกล่ำว แต่จ�ำเลยผ่อนช�ำระถึงเพียงงวดเดือนธันวำคม ๒๕๖๐ และช�ำระดอกเบี้ยอีกเพียง
๒ ครั้ง แล้วไม่ช�ำระส่วนที่เหลืออีก คงค้ำงช�ำระต้นเงินและดอกเบี้ยรวม ๑,๔๕๐,๔๗๗.๖๘ บำท
โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑,๔๕๐,๔๗๗.๖๘ บำท พร้อม
ี
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๒๑๙,๗๙๙.๒๘ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้อง
ี
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกไม่ช�ำระให้ยึดท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๖๗๒๒ ต�ำบล
ี
บำงเพรียง อ�ำเภอบำงบ่อ จังหวัดสมุทรปรำกำร พร้อมส่งปลูกสร้ำงขำยทอดตลำดน�ำเงินมำ
ิ
ช�ำระจนครบถ้วนแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ สัญญำกู้ยืมเงินและสัญญำจ�ำนองระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยมีมูลหน ี ้
จำกกำรจ้ำงแรงงำน จึงอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน กำรให้กู้ยืมเงินอยู่นอกวัตถุประสงค์ของ
โจทก์จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์จ�ำเลย หนังสือมอบอ�ำนำจไม่ชอบ สัญญำกู้ยืมเงินไม่ได้ปิดและ
595
ขีดฆ่ำอำกรแสตมป์จึงไม่อำจใช้เป็นพยำนหลักฐำนได้ จ�ำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่ำว
ทวงถำมฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงนัดฟังค�ำพิพำกษำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน ี ้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน
ี
จ�ำเลยกู้ยืมเงินไปจำกโจทก์ ตกลงผ่อนช�ำระเป็นงวดทุกเดือน โดยจ�ำเลยได้จ�ำนองท่ดินโฉนด
ิ
เลขท่ ๓๖๗๒๒ ต�ำบลบำงเพรียง อ�ำเภอบำงบ่อ จังหวัดสมุทรปรำกำร พร้อมส่งปลูกสร้ำง
ี
เป็นประกันกำรช�ำระเงินกู้ยืม แต่จ�ำเลยผ่อนช�ำระไม่ครบถ้วนแล้วไม่ช�ำระส่วนท่เหลืออีก โจทก์
ี
ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ตำมค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกำรเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็น
ึ
ลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินกู้ยืมคืนตำมสัญญำกู้ยืมเงินสวัสดิกำรพนักงำน ส�ำเนำเอกสำรท้ำยค�ำฟ้อง
ึ
ื
ึ
หมำยเลข ๓ ซ่งโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงให้จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงกู้ยืมเพ่อเป็นสวัสดิกำรหรือให้
ั
ุ
ั
ั
ู
ิ
ประโยชน์แก่จ�ำเลยเน่องจำกกำรจ้ำง โดยมีสญญำจ�ำนองเป็นสญญำอปกรณ์ สญญำก้ยืมเงน
ื
และสัญญำจ�ำนองดังกล่ำวจึงถือเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยด้วย
ึ
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
596
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโรงพยำบำลพระรำมเก้ำ
ที่ วร ๑๑/๒๕๖๕ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
นำงสำวมัณทนำ
กุศลเสถียร จ�ำเลย
ิ
ข้อตกลงในหนังสือสัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำงคุณวุฒ ไม่ได้มีเพียงข้อตกลง
่
ี
ี
ี
ั
ุ
ั
ึ
้
ั
�
ในส่วนของกำรรบทนกำรศกษำเท่ำนน แต่ยงมส่วนทให้มผลบงคบกบโจทก์และจำเลย
ั
ั
ั
ให้ต้องปฏิบัติต่อกันภำยหลังจำกจ�ำเลยเข้ำปฏิบัติงำนกับโจทก์ จึงถือเป็นส่วนหน่งของ
ึ
ั
สัญญำจ้ำงแรงงำน ท้งยังก�ำหนดให้หำกโจทก์ในฐำนะผู้รับทุนประพฤติผิดสัญญำน ี ้
ึ
แม้ข้อหน่งข้อใดให้ถือว่ำโจทก์ประพฤติผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ื
อีกด้วย เม่อโจทก์ฟ้องใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมหนังสือสัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำง
ึ
คุณวุฒ อันเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนจำกจ�ำเลยคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ิ
จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด ประกอบธุรกิจโรงพยำบำล
เอกชน เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำหนังสือสัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำงคุณวุฒิ
รับทุนกำรศึกษำจำกโจทก์เพ่อเป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรศึกษำ เป็นนักศึกษำคณะพยำบำลศำสตร์
ื
มหำวิทยำลัยชินวัตร เป็นระยะเวลำ ๓ ปี นับแต่วันที่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๖๒
เป็นเงิน ๓๐๖,๘๐๐ บำท ตกลงว่ำเม่อส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจ�ำเลยจะเข้ำปฏิบัติงำนกับโจทก์
ื
เป็นเวลำไม่น้อยกว่ำ ๘ ปี นับแต่วันท่ส�ำเร็จกำรศึกษำ โดยหำกท�ำงำนไม่ครบตำมสัญญำหรือ
ี
ต้องพ้นสภำพจำกกำรเป็นพนักงำนของโจทก์ก่อนครบก�ำหนดเวลำดังกล่ำว จ�ำเลยจะต้องชดใช้
ค่ำเสียหำย ๙๒๐,๔๐๐ บำท แก่โจทก์ วันที่ ๑ กรกฎำคม ๒๕๖๒ เมื่อจ�ำเลยส�ำเร็จกำรศึกษำ
แล้วได้เข้ำปฏิบัติงำนกับโจทก์แต่ผลกำรปฏิบัติงำนของจ�ำเลยไม่เป็นไปตำมมำตรฐำน วันท่ ๑
ี
พฤศจิกำยน ๒๕๖๒ โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลยเพรำะเหตุท่ไม่ผ่ำนกำรทดลองงำน จ�ำเลยจึงต้อง
ี
ชดใช้เงินค่ำเสียหำยแก่โจทก์ โจทก์ได้ปรับลดค่ำเสียหำยให้จ�ำเลยชดใช้เพียง ๓๐๖,๘๐๐ บำท
แต่จ�ำเลยไม่ช�ำระเงินดังกล่ำวแก่โจทก์ โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลย
ช�ำระเงิน ๓๐๖,๘๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันผิดสัญญำเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
597
จ�ำเลยขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท�ำหนังสือสัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำงคุณวุฒ ิ
ื
รับทุนกำรศึกษำจำกโจทก์เพ่อเป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรศึกษำเป็นนักศึกษำคณะพยำบำลศำสตร์
ุ
ั
ั
ึ
ิ
ั
ั
ิ
ี
ิ
ี
่
มหำวทยำลยชินวตร เป็นระยะเวลำ ๓ ปี นับแต่วนท ๑ มถนำยน ๒๕๕๙ ถงวนท่ ๑ มถุนำยน ๒๕๖๒
เป็นเงิน ๓๐๖,๘๐๐ บำท ตกลงว่ำเม่อส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจ�ำเลยจะเข้ำปฏิบัติงำนกับโจทก์
ื
เป็นเวลำไม่น้อยกว่ำ ๘ ปี นับแต่วันท่ส�ำเร็จกำรศึกษำโดยหำกท�ำงำนไม่ครบตำมสัญญำหรือ
ี
�
ต้องพ้นสภำพจำกกำรเป็นพนักงำนของโจทก์ก่อนครบก�ำหนดเวลำดังกล่ำว จำเลยจะต้อง
ชดใช้ค่ำเสียหำย ๙๒๐,๔๐๐ บำท แก่โจทก์ ต่อมำเม่อจ�ำเลยส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วได้เข้ำปฏิบัต ิ
ื
ิ
ิ
งำนกบโจทก์แต่ผลกำรปฏบตงำนของจำเลยไม่เป็นไปตำมมำตรฐำน โจทก์จึงเลกจ้ำงจำเลย
�
ิ
ั
ั
�
เพรำะเหตุท่ไม่ผ่ำนกำรทดลองงำน จ�ำเลยจึงต้องชดใช้เงินค่ำเสียหำยแก่โจทก์ จึงผิดสัญญำ
ี
ตำมหนังสือสัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำงคุณวุฒิดังกล่ำว ดังนี้ แม้ว่ำจ�ำเลยจะท�ำสัญญำรับทุน
กำรศึกษำตำมหนังสือสัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำงคุณวุฒิ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓
ในระหว่ำงท่จ�ำเลยยังมิได้มีฐำนะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน แต่ตำมข้อสัญญำ
ี
ดังกล่ำว ข้อ ๖ ระบุให้จ�ำเลยในฐำนะผู้รับทุนจะต้องปฏิบัติงำนให้โจทก์ นับต้งแต่วันท่ส�ำเร็จ
ี
ั
ื
ึ
กำรศึกษำเป็นเวลำ ๘ ปี ซ่งต่อมำเม่อจ�ำเลยส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วก็ได้เข้ำปฏิบัติงำนในฐำนะ
ลูกจ้ำงของโจทก์ โดยโจทก์และจ�ำเลยยังคงมีสิทธิและหน้ำที่ที่ต้องปฏิบัติตำมข้อตกลงในหนังสือ
ั
สัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำงคุณวุฒิ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ ดังกล่ำวต่อไป ดังน้น
ข้อตกลงในหนังสือสัญญำสนับสนุนกำรเสริมสร้ำงคุณวุฒิ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓
ี
ั
จึงไม่ได้มีเพียงข้อตกลงในส่วนของกำรรับทุนกำรศึกษำเท่ำน้น แต่ยังมีส่วนท่ให้มีผลบังคับกับ
์
ั
ิ
้
ั
ิ
�
�
์
้
็
่
โจทกและจำเลยใหตองปฏบตตอกนภำยหลงจำกจำเลยเขำปฏบตงำนกบโจทกจงถอเปนสวนหนง
่
ึ
้
ั
ื
ึ
ั
ั
ิ
่
ิ
ั
ของสัญญำจ้ำงแรงงำนด้วย ท้งตำมข้อสัญญำข้อ ๑๒ ยังก�ำหนดให้หำกโจทก์ในฐำนะผู้รับทุน
ึ
ประพฤติผิดสัญญำน้แม้ข้อหน่งข้อใดให้ถือว่ำโจทก์ประพฤติผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำง
ี
โจทก์กับจ�ำเลยอีกด้วย ตำมค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับ
�
ั
ุ
จำเลยตำมสญญำจ้ำงแรงงำนเพอใช้สทธเรยกร้องเงนตำมหนงสอสญญำสนบสนนกำรเสรม
ั
ิ
ื
ั
ิ
ั
ี
ิ
ื
ิ
่
สร้ำงคุณวุฒิ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ อันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนจำกจ�ำเลย
598
ี
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
599
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบูลไล้ท์ อุตสำหกรรม
ที่ วร ๓/๒๕๖๑ จ�ำกัด โจทก์
นำยชัยวัฒน์ เยรัมย์ จ�ำเลย
ึ
โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำย
ี
ื
อันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์
ซ่งเป็นนำยจ้ำงโดยตรง แต่เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องให้จ�ำเลยช�ำระเงินยืมคืนตำมหนังสือ
ื
ึ
สัญญำกู้เงิน ซึ่งกำรที่โจทก์ให้จ�ำเลยยืมเงินตำมหนังสือสัญญำกู้เงินดังกล่ำวไม่ปรำกฎว่ำ
ึ
ี
เป็นกรณีท่โจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงให้สวัสดิกำรหรือให้ประโยชน์แก่จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำง
ื
ี
ึ
อันเน่องจำกกำรจ้ำงท่จะถือว่ำเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับ
จ�ำเลยแต่อย่ำงใด เป็นกำรฟ้องเพื่อใช้สิทธิตำมหนังสือสัญญำกู้เงิน ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓
เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๙ ยืม จึงไม่เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ต�ำแหน่งพนักงำนขำยกระเป๋ำระหว่ำง
เดือนกันยำยน ๒๕๕๙ ถึงเดือนมกรำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยปลอมบัตรบันทึกเวลำท�ำงำนแล้วใช้
ิ
ั
�
�
ั
แสดงเป็นหลกฐำนกำรทำงำนต่อโจทก์และได้รบค่ำจ้ำงโดยไม่ตรงต่อกำรทำงำนจรง จำนวน
�
ี
๗๒,๘๔๔ บำท เม่อโจทก์ตรวจสอบยอดสินค้ำท่อยู่ในควำมรับผิดชอบของจ�ำเลย ปรำกฏว่ำม ี
ื
ี
สินค้ำขำดหำยไม่ตรงกับยอดสินค้ำท่จ�ำหน่ำยอยู่เป็นเงิน ๗๔,๕๑๙ บำท รวมเป็นเงินท้งหมด
ั
๑๔๗,๓๖๓ บำท ต่อมำโจทก์และจ�ำเลยตกลงแปลงหน้ท่จ�ำเลยทุจริตท้งหมดเป็นสัญญำกู้เงิน
ั
ี
ี
ี
ื
ี
เพ่อให้โอกำสจ�ำเลยผ่อนช�ำระหน้แก่โจทก์ได้ แต่จ�ำเลยไม่ผ่อนช�ำระหน้ดังกล่ำว โจทก์ทวงถำมแล้ว
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินตำมสัญญำกู้เงิน ๑๕๕,๑๘๕ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๔๗,๓๖๓ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
600
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยได้
ปลอมบัตรบันทึกเวลำท�ำงำนแล้วใช้แสดงเป็นหลักฐำนกำรท�ำงำนต่อโจทก์และได้รับค่ำจ้ำงโดย
ี
ื
ี
ไม่ตรงต่อกำรท�ำงำนจริง นอกจำกน้เม่อโจทก์ตรวจสอบยอดสินค้ำท่อยู่ในควำมรับผิดชอบ
ของจ�ำเลย ปรำกฏว่ำมีสินค้ำขำดหำยไม่ตรงกับยอดสินค้ำท่จ�ำหน่ำยอยู่ รวมเป็นเงินท้งหมด
ี
ั
ี
ั
๑๔๗,๓๖๓ บำท ต่อมำโจทก์และจ�ำเลยตกลงแปลงหน้ท่จ�ำเลยทุจริตท้งหมดเป็นสัญญำกู้เงิน
ี
ี
ตำมหนังสือสัญญำกู้เงิน เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ แต่จ�ำเลยไม่ผ่อนช�ำระหน้ดังกล่ำว
ี
จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินตำมหนังสือสัญญำกู้เงินดังกล่ำวแก่โจทก์ ดังน้ตำมค�ำฟ้องโจทก์จึง
มิได้เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำร
ึ
ื
ึ
ปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำงโดยตรง แต่
ี
เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินยืมคืนตำมหนังสือสัญญำ
ึ
ื
่
ึ
ึ
�
ี
ั
ื
ี
กู้เงน ท่โจทก์และจ�ำเลยตกลงแปลงหน้กนใหม่ ซงทำให้หน้เดิมระงบจงเป็นกำรฟ้องเพ่อใช้
ี
ิ
ั
สิทธิตำมหนังสือสัญญำกู้เงินตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ
ึ
ลักษณะ ๙ ยืม คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใด
ึ
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
601
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวฐำนิยำ พรหมมำศ โจทก์
ที่ วร ๕๓/๒๕๖๑ นำงสำวปัตติมำ บุญเสียน จ�ำเลย
ั
ี
ี
คดีมีประเด็นว่ำเงินท่โจทก์น�ำไปใช้จ่ำยดังกล่ำวแทนจ�ำเลยน้นเป็นเงินท่จ�ำเลย
ื
ยืมจำกโจทก์ หรือจำกบุคคลภำยนอก และเม่อตำมค�ำฟ้องโจทก์ได้กล่ำวอ้ำงแล้วว่ำ
ปี ๒๕๕๗ จ�ำเลยเลิกกิจกำรรับซื้อน�้ำยำงพำรำและยกกิจกำรให้โจทก์ด�ำเนินกำรทั้งหมด
ั
ิ
่
ี
ู
ี
่
ึ
ิ
ิ
กำรทโจทก์จ่ำยเงนดงกล่ำวไปจงมได้เป็นกำรจ่ำยในฐำนะลกจ้ำงทจ่ำยเงนทดรองไป
ึ
ื
แทนนำยจ้ำงแล้วเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำง โจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำ
ี
ึ
จำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำง
ื
ื
โดยตรง แต่เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องให้จ�ำเลยช�ำระเงินยืมคืน จึงเป็นกำรฟ้องเพ่อใช้สิทธ ิ
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๙ ยืม จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
�
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเปิดร้ำนรับซ้อน้ำยำงพำรำช่อร้ำนปัตติมำกำรยำง และประกอบ
ื
ื
กิจกำรโรงงำนยำงแผ่นรมควัน เมื่อปี ๒๕๕๔ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ท�ำหน้ำที่รับซื้อ
น�้ำยำงสด ท�ำบัญชีและจ่ำยค่ำจ้ำงแก่คนงำน ได้รับค่ำจ้ำงเป็นรำยเดือน ต่อมำปี ๒๕๕๗ จ�ำเลย
�
ื
ั
เลิกกิจกำรรับซ้อน้ำยำงพำรำและยกกิจกำรให้โจทก์ด�ำเนินกำรท้งหมด โจทก์ตกลงช�ำระค่ำ
�
ื
ื
ื
อุปกรณ์เคร่องมือเคร่องใช้ในกำรรับซ้อน้ำยำงสดจำกจ�ำเลยคือ รถยนต์บรรทุก ๑ คัน และถังบรรจ ุ
น�้ำยำงสด ๓ ถัง เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บำท และมีข้อตกลงให้โจทก์แบ่งขำยน�้ำยำงพำรำสดที่โจทก์
ื
�
�
้
รบซอไว้ให้แก่จ�ำเลย โดยโจทก์จะเป็นผู้ค�ำนวณปริมำณเน้อยำงแห้งจำกน้ำยำงพำรำสดแทนจำเลย
ื
ั
และให้โจทก์จัดท�ำบัญชีค่ำใช้จ่ำยโรงงำนของจ�ำเลยรวมท้งช�ำระค่ำจ้ำงให้แก่ลูกจ้ำงของจ�ำเลย
ั
เป็นกำรตอบแทนกำรที่จ�ำเลยยกกิจกำรแก่โจทก์ ระหว่ำงวันที่ ๙ ถึงวันที่ ๑๒ มีนำคม ๒๕๖๐
โจทก์ขำยน้ำยำงพำรำสดและส่งมอบให้แก่จ�ำเลยแล้วคิดรำคำเป็นเงิน ๔๗๔,๖๔๒.๘๕ บำท
�
และโจทก์ในฐำนะตัวแทนของจ�ำเลยได้ทดรองจ่ำยเงิน ๑๐,๘๙๕ บำท เป็นค่ำจ้ำงแก่คนงำนและ
ี
จ่ำยแก่เจ้ำหน้ของจ�ำเลย แต่จ�ำเลยไม่ได้ช�ำระค่ำน้ำยำงพำรำสดและเงินดังกล่ำวคืนแก่โจทก์
�
โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๖๒๕,๗๙๓.๔๕ บำท พร้อม
ดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
602
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์เป็นลูกจ้ำงจ�ำเลย จ�ำเลยไม่ได้ยกกิจกำรให้โจทก์เพียงแต่ใน
ื
�
ปี ๒๕๕๗ จ�ำเลยให้โจทก์รับซ้อน้ำยำงพำรำสดจำกลูกค้ำรำยย่อยให้แก่จ�ำเลย โดยใช้อุปกรณ์
ื
�
ี
ื
และสถำนท่ของจ�ำเลย โดยมีข้อตกลงว่ำเม่อโจทก์ซ้อน้ำยำงพำรำสดแล้วต้องน�ำมำขำยแก่
จำเลยก่อน หำกนำยำงพำรำสดเกนปรมำณควำมต้องกำรผลตของโรงงำนจำเลยแล้ว โจทก์
ิ
้
�
�
ิ
�
ิ
ื
ั
จึงจะน�ำไปขำยแก่โรงงำนอ่นได้เท่ำน้น แต่ในระหว่ำงเดือนกุมภำพันธ์ถึงเดือนมีนำคม ๒๕๖๐
ี
จ�ำเลยตรวจสอบพบว่ำ โจทก์กระท�ำกำรทุจริตโดยกำรเปล่ยนแปลงกรรมวิธีกำรค�ำนวณหำ
ื
ี
�
ั
ค่ำเน้อยำงพำรำแห้งจำกน้ำยำงพำรำสดต่ำงจำกมำตรฐำนท่โรงงำนท่วไปใช้ ท�ำให้จ�ำเลยต้อง
จ่ำยค่ำน้ำยำงพำรำสดแก่โจทก์เกินไปและโจทก์ยังลักเอกสำรต่ำง ๆ ของจ�ำเลยไปเพ่อปิดบัง
�
ื
กำรกระท�ำดังกล่ำว เม่อจ�ำเลยตรวจสอบพบจึงยึดหน่วงค่ำน้ำยำงพำรำสดไว้ก่อน นอกจำกน้น
ั
ื
�
ในช่วงเวลำดังกล่ำวจ�ำเลยขำดสภำพคล่อง โจทก์แจ้งจ�ำเลยว่ำโจทก์สำมำรถยืมเงินจำกบุคคล
ภำยนอกมำใช้ส�ำหรับจ่ำยเป็นค่ำแรงงำนคนงำนและค่ำใช้จ่ำยอื่นจ�ำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลย
ี
จึงตกลงให้โจทก์ยืมเงินน้น แล้วจ�ำเลยให้โจทก์น�ำเงินยืมไปเป็นค่ำใช้จ่ำยดังกล่ำว เงินท่โจทก์
ั
ื
จ่ำยไปตำมฟ้องจ�ำนวน ๑๑๐,๘๙๕ บำท จึงเป็นส่วนของเงินยืมของจ�ำเลยดังกล่ำว เม่อจ�ำเลย
�
เลิกจ้ำงโจทก์ จ�ำเลยไม่ได้เรียกเงินดังกล่ำวคืนแต่ให้โจทก์หักเป็นเงินเดือนและค่ำน้ำยำงพำรำ
ี
สดบำงส่วน ส่วนท่เหลือจ�ำเลยน�ำไปช�ำระแก่บุคคลภำยนอกแล้ว คดีน้เป็นคดีอยู่ในอ�ำนำจของ
ี
ศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสุรำษฎร์ธำนีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
ิ
ั
�
�
ุ
ี
ิ
ึ
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ื
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
ั
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ แม้ตำมค�ำฟ้องโจทก์และค�ำให้กำรจ�ำเลยจะอ้ำงท�ำนองเดียวกันว่ำ โจทก์
�
ื
เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย แต่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำปี ๒๕๕๗ จ�ำเลยเลิกกิจกำรรับซ้อน้ำยำงพำรำและ
ยกกิจกำรให้โจทก์ด�ำเนินกำรท้งหมด โดยมีข้อตกลงให้โจทก์แบ่งขำยน้ำยำงพำรำสดท่โจทก์
ั
ี
�
ื
�
ื
รับซ้อไว้ให้แก่จ�ำเลยโดยโจทก์จะเป็นผู้ค�ำนวณปริมำณเน้อยำงแห้งจำกน้ำยำงพำรำสดแทนจ�ำเลย
โจทก์ได้ขำยน�้ำยำงพำรำสดและส่งมอบให้แก่จ�ำเลยแล้วเป็นเงิน ๔๗๔,๖๔๒.๘๕ บำท แต่จ�ำเลย
ึ
ี
ไม่ช�ำระเงินแก่โจทก์ ซ่งจ�ำเลยให้กำรว่ำโจทก์กระท�ำกำรทุจริตโดยกำรเปล่ยนแปลงกรรมวิธ ี
ั
กำรค�ำนวณหำค่ำเน้อยำงพำรำแห้งจำกน้ำยำงพำรำสดต่ำงจำกมำตรฐำนท่โรงงำนท่วไปใช้
�
ี
ื
�
�
ท�ำให้จ�ำเลยต้องจ่ำยค่ำน้ำยำงพำรำสดแก่โจทก์เกินไป จ�ำเลยจึงยึดหน่วงเงินค่ำน้ำยำงพำรำสด
603
ี
ดังกล่ำวไว้ ข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยส่วนน้จึงมิได้เป็นกรณีพิพำทระหว่ำงนำยจ้ำงกับ
ู
ั
้
ื
ู
�
ั
่
ี
ี
ื
ลกจ้ำงแต่เป็นกรณทโจทก์กบจำเลยกล่ำวอ้ำงควำมสมพันธ์ในฐำนะผู้ซอและผ้ขำยเพ่อ
เรียกร้องสิทธิต่อกันตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๑
ี
ซ้อขำย ส่วนท่โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องต่อไปว่ำ โจทก์ในฐำนะตัวแทนของจ�ำเลยได้ทดรองจ่ำย
ื
เงิน ๑๑๐,๘๙๕ บำท เป็นค่ำจ้ำงแก่คนงำนและจ่ำยแก่เจ้ำหนี้ของจ�ำเลย แต่จ�ำเลยไม่ได้ช�ำระเงิน
ึ
ดังกล่ำวคืนแก่โจทก์ ซ่งจ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยขำดสภำพคล่อง โจทก์แจ้งจ�ำเลยว่ำโจทก์สำมำรถ
ื
ยืมเงินจำกบุคคลภำยนอกมำใช้ส�ำหรับจ่ำยเป็นค่ำแรงงำนคนงำนและค่ำใช้จ่ำยอ่นจ�ำนวน
๒๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยจึงตกลงให้โจทก์ยืมเงินนั้นแล้วจ�ำเลยให้โจทก์น�ำเงินยืมไปเป็นค่ำใช้จ่ำย
ั
�
ี
ิ
ดังกล่ำว จึงมีประเด็นว่ำเงินท่โจทก์น�ำไปใช้จ่ำยดงกล่ำวแทนจ�ำเลยน้นเป็นเงนท่จำเลยยืม
ั
ี
ี
ื
จำกบุคคลภำยนอกหรือเป็นเงินของโจทก์ท่ทดรองจ่ำยแทนจ�ำเลย และเม่อตำมค�ำฟ้องโจทก์
ได้กล่ำวอ้ำงแล้วว่ำ ปี ๒๕๕๗ จ�ำเลยเลิกกิจกำรรับซ้อน้ำยำงพำรำและยกกิจกำรให้โจทก์
�
ื
ี
ด�ำเนินกำรท้งหมด กำรท่โจทก์จ่ำยเงินดังกล่ำวไปจึงมิได้เป็นกำรจ่ำยในฐำนะลูกจ้ำงท่จ่ำยเงิน
ี
ั
ึ
ื
ทดรองไปแทนนำยจ้ำงแล้วเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่อง
ึ
ี
มำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำง
ี
โดยตรง แต่เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องให้จ�ำเลยในฐำนะตัวกำรช�ำระเงินท่โจทก์ในฐำนะตัวแทน
ื
ได้ทดรองจ่ำยเงินแทนไป จึงเป็นกำรฟ้องเพ่อใช้สิทธิตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
ื
บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๑๕ ตัวแทน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็น
คดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใด ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
ึ
ั
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
604
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยวสวัตติ์ วัฒนำนุรักษ์ โจทก์
ที่ วร ๓/๒๕๖๓ บริษัทวิสดอม แอร์เวย์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ในขณะท�ำสัญญำกำรศึกษำและฝึกอบรมพนักงำน โจทก์มีฐำนะเป็นเพียงบุคคล
่
ี
ั
ภำยนอกผู้ประสงค์จะเข้ำรับกำรศึกษำและฝึกอบรมของจ�ำเลยท ๑ เท่ำน้น ซ่งโจทก์จะ
ึ
ต้องเข้ำรับกำรศึกษำและหรือฝึกอบรมกำรควบคุมอำกำศยำนตำมแบบของอำกำศยำน
ี
ี
่
และตำมท่จ�ำเลยท ๑ จะพิจำรณำก�ำหนดจนส�ำเร็จตำมสัญญำข้อ ๒ และมีคุณสมบัต ิ
ครบถ้วนจึงจะปฏิบัติงำนให้จ�ำเลยที่ ๑ ได้โดยนับแต่วันที่ส�ำเร็จกำรศึกษำหรือจบกำรฝึก
อบรมตำมสัญญำข้อ ๔ อันเป็นเงื่อนไขในกำรให้โจทก์ปฏิบัติงำนอย่ำงแท้จริง จ�ำเลยที่ ๑
ึ
ิ
่
้
ั
ิ
�
ื
่
่
จงจะพจำรณำบรรจุโจทก์เป็นพนกงำนอย่ำงแท้จรงตอไป แต่เมอปรำกฏตำมคำฟองโจทก์วำ
่
ี
ั
จ�ำเลยท ๑ ให้โจทก์ฝึกอบรมกระท่งเป็นเวลำ ๑ ปี เศษ ยังคงไม่จบหลักสูตรและไม่ให้
ึ
�
์
่
่
่
ื
ั
ั
ี
์
ิ
โจทกฝึกบนให้ครบ ๑๐ ชวโมง โจทกจงไมครบเงอนไขทจะทดสอบกบเจำหนำทสำนกงำน
้
ี
่
่
ั
้
กำรบินพลเรือนเพื่อผ่ำนกำรทดสอบเข้ำเป็นพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑
ยังไม่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน สัญญำกำรศึกษำ
และฝึกอบรมพนักงำน ยังไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน โจทก์
เรียกร้องให้จ�ำเลยท้งสองคืนเงินหลักประกันส�ำหรับกำรท�ำงำนหำกจะมีข้นในอนำคตคืน
ึ
ั
จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็น
ื
ี
กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ เม่อวันท่ ๑๒ พฤษภำคม ๒๕๖๑ โจทก์ท�ำสัญญำศึกษำและฝึกอบรมเพ่อ
ื
ี
ี
ให้มีคุณสมบัติและควำมสำมำรถทำงำนในต�ำแหน่งนักบินท่สองกับจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๑
�
ี
ั
โฆษณำว่ำจะใช้เวลำฝึกอบรมด้ำนควำมรู้และฝึกบินเป็นเวลำ ๑๐ ช่วโมง และจะใช้เวลำฝึก
ึ
ึ
อบรมเพียงหน่งเดือนคร่งถึงสองเดือน มีเง่อนไขว่ำเม่ออบรมเสร็จส้นโจทก์จะต้องท�ำงำนให้
ิ
ื
ื
จ�ำเลยที่ ๑ เป็นเวลำไม่น้อยกว่ำ ๒ ปี และโจทก์ได้วำงเงินสด ๕๐๐,๐๐๐ บำท เป็นประกันกำร
ปฏิบัติตำมสัญญำ จ�ำเลยท่ ๑ ตกลงว่ำจะคืนเงินดังกล่ำวให้พร้อมดอกเบ้ยเม่อโจทก์ปฏิบัติงำน
ี
ื
ี
ครบตำมก�ำหนดเวลำในสัญญำ แต่จ�ำเลยที่ ๑ ให้โจทก์ฝึกอบรมกระทั่งเป็นเวลำ ๑ ปี เศษ ยังคง
605
ี
ื
ั
ไม่จบหลักสูตรและไม่ให้โจทก์ฝึกบินให้ครบ ๑๐ ช่วโมง โจทก์จึงไม่ครบเง่อนไขท่จะทดสอบกับ
เจ้ำหน้ำที่ส�ำนักงำนกำรบินพลเรือนเพื่อผ่ำนกำรทดสอบเข้ำเป็นพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำ
ึ
ื
ั
ี
เดอนพฤษภำคม ๒๕๖๑ โจทก์มอบหมำยให้ทนำยควำมมหนงสอบอกเลกสญญำศกษำและ
ิ
ื
ั
ฝึกอบรมพนักงำนและเรียกเงินประกันคืน แต่จ�ำเลยท่ ๒ กลับชักชวนร้องขอให้โจทก์ท�ำ
ี
ี
ี
ั
หน้ำท่เป็นรักษำกำรผู้จัดกำรฝ่ำยรักษำควำมปลอดภัย ต้งแต่วันท่ ๒๕ ตุลำคม ๒๕๖๑ ถึงเดือน
พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ โดยได้รับค่ำตอบแทนเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บำท แต่หักเงินเดือนโจทก์ร้อยละ ๒๐
เหลือเพียงเดือนละ ๑๕,๕๒๐ บำท กำรกระท�ำดังกล่ำวและกำรเรียกรับหลักประกันกำรท�ำงำน
�
ั
้
ั
ั
ของจำเลยทงสองเป็นกำรขดต่อกฎหมำยว่ำด้วยกำรค้มครองแรงงำน กำรรบหลกประกนจำก
ั
ุ
ั
โจทก์เป็นกำรยึดถือไว้โดยปรำศจำกมูลอันชอบด้วยกฎหมำยจึงเป็นลำภมิควรได้ โจทก์ทวงถำม
ั
ั
แล้วแต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันคืนเงิน ๕๔๒,๖๐๔.๐๔ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ั
ศำลแรงงำน จึงมีค�ำสั่งไม่รับค�ำฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศำลอุทธรณ์ภำค ๕ พิพำกษำให้ยกค�ำสั่งศำลจังหวัดเชียงใหม่ ให้ศำลจังหวัดเชียงใหม่
ส่งส�ำนวนไปให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยเสียก่อนว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจของ
ี
ศำลแรงงำนหรือไม่ แล้วด�ำเนินกำรต่อไป
ศำลจังหวัดเชียงใหม่จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด
ื
มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ โจทก์ท�ำสัญญำศึกษำและฝึกอบรมเพ่อให้มีคุณสมบัต ิ
ี
ี
และควำมสำมำรถท�ำงำนในต�ำแหน่งนักบินท่สองกับจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๑ โฆษณำว่ำ
ี
ี
ั
จะใช้เวลำฝึกอบรมด้ำนควำมรู้และฝึกบินเป็นเวลำ ๑๐ ช่วโมง และจะใช้เวลำฝึกอบรมเพียง
หนึ่งเดือนครึ่งถึงสองเดือน มีเงื่อนไขว่ำเมื่ออบรมเสร็จสิ้นโจทก์จะต้องท�ำงำนให้จ�ำเลยที่ ๑ เป็นเวลำ
ไม่น้อยกว่ำ ๒ ปี และโจทก์ได้วำงเงินสด ๕๐๐,๐๐๐ บำท เป็นประกันกำรปฏิบัติตำมสัญญำโดย
ี
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ตกลงว่ำจะคืนให้พร้อมดอกเบ้ยเม่อโจทก์ปฏิบัติงำนครบตำมก�ำหนดเวลำในสัญญำ
แต่จ�ำเลยที่ ๑ ให้โจทก์ฝึกอบรมกระทั่งเป็นเวลำ ๑ ปี เศษ ยังคงไม่จบหลักสูตรและไม่ให้โจทก์
606
ฝึกบินให้ครบ ๑๐ ชั่วโมง โจทก์จึงไม่ครบเงื่อนไขที่จะทดสอบกับเจ้ำหน้ำที่ส�ำนักงำนกำรบินพลเรือน
เพื่อผ่ำนกำรทดสอบเข้ำเป็นพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำโจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญำและ
เรียกเงินประกันคืน แต่จ�ำเลยทั้งสองเพิกเฉย เมื่อพิจำรณำประกอบส�ำเนำสัญญำกำรศึกษำและ
ฝึกอบรมพนักงำน เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ตำมสัญญำดังกล่ำวแม้จะเรียกจ�ำเลยที่ ๑ ว่ำ
“บริษัท” และเรียกโจทก์ว่ำ “พนักงำน” โดยมีข้อควำมระบุว่ำบริษัทได้ตกลงที่จะรับพนักงำนเพื่อ
เข้ำท�ำงำนในต�ำแหน่งนักบิน (ที่สอง) สัญญำข้อ ๓ ช่วงท้ำยก�ำหนดให้บริษัทสำมำรถเลิกสัญญำ
จ้ำงพนักงำนได้ และสัญญำข้อ ๕ ก�ำหนดให้บริษัทเลิกสัญญำในเวลำใดให้ถือว่ำเป็นกำรเลิกจ้ำง
้
้
้
ั
ั
็
่
ึ
ื
ึ
ั
ั
้
้
พนกงำนกตำม แตสญญำขอ ๑ และขอ ๒ ตกลงใหพนกงำนตองเขำรบกำรศกษำและหรอฝกอบรม
ี
กำรควบคุมอำกำศยำนตำมแบบของอำกำศยำนและตำมท่บริษัทจะพิจำรณำก�ำหนดจนส�ำเร็จ
ี
และสัญญำข้อ ๓ ก�ำหนดว่ำกำรท่บริษัทรับพนักงำนมำเพ่อเข้ำรับกำรศึกษำและหรือฝึกอบรม
ื
ี
ี
ื
เพ่อท่พนักงำนจะได้มีคุณสมบัติครบถ้วนเพียงพอท่จะปฏิบัติงำนในฐำนะผู้ประจ�ำหน้ำท่ให้กับ
ี
บริษัทได้ และตำมสัญญำข้อ ๖ ยังได้ก�ำหนดด้วยว่ำกำรที่บริษัทจัดส่งพนักงำนเข้ำรับกำรศึกษำ
ี
และฝึกอบรมและกำรท่พนักงำนได้ส่งมอบหลักประกันให้กับบริษัทไม่ถือว่ำเป็นกำรท่บริษัทให้
ี
ั
ค�ำม่นกับพนักงำนว่ำจะได้รับกำรบรรจุแต่อย่ำงใด แสดงให้เห็นว่ำ ในขณะท�ำสัญญำกำรศึกษำ
และฝึกอบรมพนักงำน โจทก์มีฐำนะเป็นเพียงบุคคลภำยนอกผู้ประสงค์จะเข้ำรับกำรศึกษำและ
ั
ี
ึ
ฝึกอบรมของจ�ำเลยท่ ๑ เท่ำน้น ซ่งโจทก์จะต้องเข้ำรับกำรศึกษำและหรือฝึกอบรมกำรควบคุม
ี
อำกำศยำนตำมแบบของอำกำศยำนและตำมท่บริษัทจะพิจำรณำก�ำหนดจนส�ำเร็จตำมสัญญำ
ข้อ ๒ และมีคุณสมบัติครบถ้วนจึงจะปฏิบัติงำนให้จ�ำเลยที่ ๑ ได้โดยนับแต่วันที่ส�ำเร็จกำรศึกษำ
ื
หรือจบกำรฝึกอบรมตำมสัญญำข้อ ๔ อันเป็นเง่อนไขในกำรให้โจทก์ปฏิบัติงำนอย่ำงแท้จริง
จ�ำเลยที่ ๑ จึงจะพิจำรณำบรรจุโจทก์เป็นพนักงำนอย่ำงแท้จริงต่อไป แต่เมื่อปรำกฏตำมค�ำฟ้อง
โจทก์ว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ให้โจทก์ฝึกอบรมกระทั่งเป็นเวลำ ๑ ปี เศษ ยังคงไม่จบหลักสูตรและไม่ให้
ี
ื
ั
ี
โจทก์ฝึกบินให้ครบ ๑๐ ช่วโมง โจทก์จึงไม่ครบเง่อนไขท่จะทดสอบกับเจ้ำหน้ำท่ส�ำนักงำน
ั
ี
ึ
ี
กำรบินพลเรอนเพอผ่ำนกำรทดสอบเขำเป็นพนักงำนของจำเลยท่ ๑ ซ่งยงคงอยู่ในข้นตอนท ๓ ยัง
่
ื
้
ั
ื
�
่
ั
ั
ไม่ครบ ๑๐ ข้นตอน ตำมรำยละเอียดข้นตอนหลังจำกกำรเซ็นสัญญำ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้อง
หมำยเลข ๔ ซึ่งโจทก์อ้ำงเอกสำรดังกล่ำวโดยก�ำหนดขั้นตอนไว้ถึง ๑๐ ขั้นตอน ตำมข้อเท็จจริง
จำกค�ำฟ้องและเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องโจทก์ดังกล่ำว จึงเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับจ�ำเลย
ี
ท่ ๑ ยังไม่มีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน สัญญำกำรศึกษำและ
ี
ึ
ฝึกอบรมพนักงำน เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ยังไม่ถือเป็นส่วนหน่งของข้อตกลงตำม
607
ั
สัญญำจ้ำงแรงงำน แต่โจทก์เรียกร้องให้จ�ำเลยท้งสองคืนเงินหลักประกันส�ำหรับกำรท�ำงำน
ี
ึ
หำกจะมีข้นในอนำคตคืนตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หน้ ลักษณะ ๔
ึ
ลำภมิควรได้ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงไม่มีลักษณะอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัต ิ
ั
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
608
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฟูริอิ เพอร์ฟอร์แมนซ์
ที่ วร ๑/๒๕๖๕ จ�ำกัด โจทก์
นำยฉันท์ชนก สำยเมธี
กับพวก จ�ำเลย
่
้
ึ
ี
ค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรเรียกร้องให้จ�ำเลยท ๑ ซ่งเคยเป็นลูกจำงโจทก์ช�ำระเงินกู้ยืม
ื
ึ
่
คืนตำมสัญญำยืมซ่งโจทก์ในฐำนะนำยจ้ำงให้จ�ำเลยท ๑ ในฐำนะลูกจ้ำงกู้ยืมเพ่อเป็นกำร
ี
ื
ี
ช่วยเหลือจ�ำเลยท ๑ ท่เดือดร้อนด้ำนกำรเงิน จึงเป็นกำรให้กู้ยืมเงินเพ่อเป็นสวัสดิกำร
ี
่
ี
ึ
่
ี
อันเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ ซ่งจ�ำเลยท ๑ ได้
่
ึ
ี
ื
ท�ำสัญญำรับสภำพหน้และภำระผูกพันเน่องจำกกำรท่จ�ำเลยท ๑ ต้องช�ำระเงินกู้ยืมคืน
ี
ี
่
่
ดังกล่ำวแก่โจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ เป็นคดีแรงงำน ส่วนจ�ำเลยท ๒
ี
ี
่
่
เป็นมำรดำของจ�ำเลยท ๑ โดยไม่ปรำกฏว่ำมีฐำนะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์แต่อย่ำงใด
ี
ดังน้น แม้ตำมค�ำฟ้องจะกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท้งสองได้กู้ยืมเงิน ๑๐,๐๐๐ บำท ไปจำก
ั
ั
โจทก์ แต่เมื่อโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ ไม่มีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นกรณี
่
ี
ท่โจทก์ฟ้องให้จ�ำเลยท ๒ รับผิดตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๙ ยืม
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เดือนมกรำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยที่ ๑
ั
เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่งแอดมิน ต่อมำเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๓ จ�ำเลยท้งสองได้
กู้ยืมเงิน ๑๐,๐๐๐ บำท ไปจำกโจทก์ โดยโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงให้จ�ำเลยที่ ๑ ที่เป็นลูกจ้ำง
ั
กู้ยืมเพ่อเป็นกำรช่วยเหลือจ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะลูกจ้ำงท่เดือดร้อนด้ำนกำรเงิน จ�ำเลยท้งสอง
ี
ื
ี
ี
ตกลงผ่อนช�ำระโดยให้โจทก์หักจำกเงินเดือนของจ�ำเลยท่ ๑ เดือนละ ๕,๐๐๐ บำท สองเดือน
ี
ี
เพ่อช�ำระหน้ แต่จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ช�ำระเงินคืนตำมสัญญำแล้วหลบหนีไปไม่กลับมำท�ำงำน โจทก์
ื
ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๑๐,๐๐๐ บำท
แก่โจทก์
609
จ�ำเลยทั้งสองยังไม่ได้ให้กำร
ี
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๑ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ึ
ี
ั
�
ิ
ิ
�
ุ
ื
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ
๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ ระหว่ำง
ท�ำงำน จ�ำเลยท้งสองกู้ยืมเงิน ๑๐,๐๐๐ บำท ไปจำกโจทก์ โดยโจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงให้
ั
ี
�
ื
่
ื
ู
ู
ื
่
ี
่
่
ี
ู
ื
จำเลยท ๑ ทเป็นลกจ้ำงก้ยมเพอเป็นกำรช่วยเหลอจำเลยท ๑ ในฐำนะลกจ้ำงทเดอดร้อนด้ำน
�
่
ี
กำรเงิน จ�ำเลยท้งสองตกลงผ่อนช�ำระโดยให้โจทก์หักจำกเงินเดือนของจ�ำเลยท่ ๑ เดือนละ
ี
ั
ี
ี
๕,๐๐๐ บำท สองเดือนเพ่อช�ำระหน้ แต่จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ช�ำระเงินคืนตำมสัญญำแล้วหลบหนีไป
ื
ไม่กลับมำท�ำงำน โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรเรียกร้อง
ั
ึ
ให้จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินกู้ยืมคืนตำมสัญญำยืมซ่งโจทก์ในฐำนะนำยจ้ำง
ึ
ี
ี
ี
ให้จ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะลูกจ้ำงกู้ยืมเพ่อเป็นกำรช่วยเหลือจ�ำเลยท่ ๑ ท่เดือดร้อนด้ำนกำรเงิน
ื
ี
ึ
จึงเป็นกำรให้กู้ยืมเพ่อเป็นสวัสดิกำรอันเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับ
ื
ึ
ี
ี
ี
ี
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งจ�ำเลยท่ ๑ ได้ท�ำสัญญำรับสภำพหน้และภำระผูกพันเน่องจำกกำรท่จ�ำเลยท่ ๑
�
ู
ต้องชำระเงนกยืมคืนดังกล่ำวแก่โจทก์ ตำมสำเนำเอกสำรทำยค�ำเบิกควำมผ้รับมอบอ�ำนำจโจทก์
้
ู้
�
ิ
ี
ี
ี
ลงวันท่ ๒๘ ตุลำคม ๒๕๖๔ หมำย จ.๔ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย
ี
สิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
ี
ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒ น้น เม่อพิจำรณำค�ำฟ้องโจทก์ประกอบค�ำเบิกควำม
ื
ั
ผู้รับมอบอ�ำนำจโจทก์ ลงวันที่ ๒๘ ตุลำคม ๒๕๖๔ ปรำกฏว่ำจ�ำเลยที่ ๒ เป็นมำรดำของจ�ำเลย
ั
ท่ ๑ โดยไม่ปรำกฏว่ำมีฐำนะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์แต่อย่ำงใด ดังน้นแม้ตำมค�ำฟ้องจะกล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
จ�ำเลยทั้งสองได้กู้ยืมเงิน ๑๐,๐๐๐ บำท ไปจำกโจทก์ แต่เมื่อโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ ไม่มีนิติสัมพันธ์
ี
ี
กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นกรณีท่โจทก์ฟ้องให้จ�ำเลยท่ ๒ รับผิดตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๓ เอกเทศสัญญำ ลักษณะ ๙ ยืม คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึง
ั
ไม่มีลักษณะเป็นคดีแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
610
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลแรงงำน แต่คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒ ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
611
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงำน
ที่ วร ๑๖/๒๕๖๐ กำรประปำนครหลวง จ�ำกัด โจทก์
นำยสมเกียรติ อมตะธงไชย
กับพวก จ�ำเลย
่
ี
่
ั
ี
ี
จ�ำเลยท ๑ ถึงท ๑๕ เป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรท่ได้รับกำรเลือกต้งจำกสมำชิก
ของโจทก์ เป็นผู้ด�ำเนินกิจกำรและเป็นผู้แทนโจทก์ในกิจกำรอันเกี่ยวกับบุคคลภำยนอก
ภำยใต้กำรควบคุมของท่ประชุมใหญ่โดยมิได้มีฐำนะเป็นเจ้ำหน้ำท่หรือลูกจ้ำงของโจทก์
ี
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ ถึงท ๑๕ จึงมิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำง
่
ี
่
ี
และลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลักษณะเป็นคดีแรงงำน
ี
ส่วนจ�ำเลยที่ ๑๖ ท�ำงำนเป็นผู้จัดกำร อยู่ภำยใต้กำรบังคับบัญชำโดยตรงของจ�ำเลยที่ ๑
และจ�ำเลยที่ ๑๗ ท�ำงำนเป็นรองผู้จัดกำร อยู่ภำยใต้กำรบังคับบัญชำโดยตรงของจ�ำเลย
ที่ ๑๖ ปฏิบัติผิดหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดเกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำม
สัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑๖ และที่ ๑๗ จึงเป็นคดีพิพำท
เก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำง
ี
ี
นำยจ้ำงและลูกจ้ำงเกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์มีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์ตำมพระรำชบัญญัต ิ
สหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๕ เป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำร ชุดที่ ๔๐ ซึ่งเลือกตั้ง
ี
โดยสมำชิกของโจทก์ มีวำระด�ำรงต�ำแหน่งตำมข้อบังคับโจทก์ โดยจ�ำเลยท่ ๑ เป็นประธำน
กรรมกำรด�ำเนินกำร จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ เป็นรองประธำนกรรมกำร จ�ำเลยที่ ๖ เป็นเหรัญญิก
จ�ำเลยที่ ๗ ถึงที่ ๑๔ เป็นกรรมกำร จ�ำเลยที่ ๑๕ เป็นกรรมกำรและเลขำนุกำร ส่วนจ�ำเลยที่ ๑๖
และท่ ๑๗ โจทก์จ้ำงให้ท�ำหน้ำท่เป็นผู้จัดกำรและรองผู้จัดกำร จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๑๕ ในฐำนะ
ี
ี
ี
ี
ี
ี
ี
คณะกรรมกำรด�ำเนินกำรได้แต่งต้งให้จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๖ ท่ ๑๐และท่ ๑๕ เป็นคณะกรรมกำร
ั
ี
อ�ำนวยกำร ระหว่ำงกำรด�ำเนินงำน จ�ำเลยทั้งสิบเจ็ดปฏิบัติหน้ำที่โดยปรำศจำกควำมระมัดระวัง
่
ี
ี
่
ี
ิ
�
ั
ไม่รกษำผลประโยชน์ของโจทก์และสมำชกโดยจำเลยท ๑ ถงท ๖ ท ๑๐ และท ๑๕ ในฐำนะ
ึ
่
ี
่
คณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรมีมติอนุมัติให้น�ำเงินของโจทก์ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ฝำกกับสหกรณ์บริกำร
612
ั
ผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด และมีมติอนุมัติเงินลงทุนในต๋วสัญญำใช้เงิน ๕ ฉบับ เป็นเงิน ๕๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
และเพิ่มเติมอีก ๕ ฉบับ เป็นเงิน ๑๐๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท รวมเป็นเงิน ๑๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท และ
อนุมัติลงทุนเงินฝำก ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท กับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๑
ถึงที่ ๑๕ ในฐำนะคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรมีมติเห็นชอบ โดยจ�ำเลยทั้งสิบเจ็ดประมำทเลินเล่อ
ไม่ตรวจสอบและประเมินฐำนะทำงกำรเงินของสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด และรำคำ
ั
ี
ท่ดินท่น�ำมำจ�ำนองประกันเงินฝำกให้เป็นไปตำมระเบียบและข้อบังคบของโจทก์ ต่อมำสหกรณ์
ี
ี
บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด ไม่ช�ำระดอกเบ้ยและไม่คืนเงินท้งหมดให้โจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำย
ั
เป็นเงิน ๓๐๖,๗๑๘,๗๕๓ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสิบเจ็ดร่วมกันจ่ำยเงิน ๓๐๖,๗๑๘,๗๕๓ บำท
ี
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ท่ ๔ ท่ ๖ และท่ ๑๕ ให้กำรว่ำ โจทก์มิได้มอบอ�ำนำจให้ผู้ใดฟ้องคดีน ้ ี
ี
จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยที่ ๑ ที่ ๔ ที่ ๖ และที่ ๑๕ ในฐำนะคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรและในฐำนะ
คณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรได้พิจำรณำอนุมัติให้น�ำเงินของโจทก์ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ฝำกกับ
ุ
สหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตจักร จ�ำกัด โดยรอบคอบ โดยมีท่ดนจ�ำนองเป็นประกันเงินฝำก
ี
ิ
กำรอนุมัติเงินลงทุนในตั๋วสัญญำใช้เงินรวม ๑๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท และกำรอนุมัติลงทุนเงินฝำก
ุ
ั
๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท กับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตจักร จ�ำกด ด�ำเนินกำรไปตำมวัตถประสงค์
ุ
ี
และข้อบังคับของโจทก์ ก่อนฟ้องคดีน้โจทก์ฟ้องสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด ต่อศำล
จังหวัดพระโขนง รวม ๔ คดี ต่อมำศำลจังหวัดพระโขนงมีค�ำพิพำกษำและพิพำกษำตำมยอม
ั
คดีอยู่ระหว่ำงกำรบังคับคดีและต่อมำคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรโจทก์ชุดต่อจำกจ�ำเลยท้งสิบเจ็ด
ี
ได้มีมติให้กำรอนุมัติลงทุนเงินฝำก ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท ด�ำเนินกำรต่อ โจทก์จึงได้รับดอกเบ้ย
จำกกำรลงทุน ๒๒,๐๙๖,๙๒๕.๖๓ บำท กำรท่โจทก์น�ำคดีมำฟ้องจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดให้รับผิด
ี
ั
ในเงินท้งหมด จึงเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต ฟ้องโจทก์ส่วนของกำรอนุมัติเงินฝำกและลงทุน
ั
เงินฝำกเกินกว่ำ ๑ ปี จึงขำดอำยุควำมละเมิดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ ท�ำงำนประจ�ำเป็นผู้ช่วยผู้ว่ำกำรกำรประปำนครหลวง
มีภำระงำนต้องรับผิดชอบมำกจึงมิได้เข้ำพิจำรณำในกำรประชุมคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรและกำร
�
้
ิ
ิ
ั
้
ประชมคณะกรรมกำรดำเนนกำรครงทมมติอนมตและเห็นชอบใหนำเงนของโจทก์ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
ุ
�
่
ั
ิ
ุ
ี
ี
ฝำกกับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด มิได้เข้ำพิจำรณำในกำรประชุมคณะกรรมกำร
อ�ำนวยกำรครั้งที่มีมติอนุมัติเงินลงทุนในตั๋วสัญญำใช้เงิน ๕ ฉบับ เป็นเงิน ๕๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
613
ิ
ุ
ิ
ี
ิ
่
ั
ิ
และเพมเตมอก ๕ ฉบบ เป็นเงน ๑๐๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท และมได้เข้ำพจำรณำในกำรประชม
ิ
ุ
็
ิ
ั
่
ี
้
ิ
�
ี
ิ
่
ิ
ิ
ั
ิ
๋
คณะกรรมกำรดำเนนกำรครงทมมตเหนชอบในส่วนของเงนลงทนในตวสญญำใช้เงนเพมเตม
ั
ในส่วนของ ๕ ฉบับหลังด้วย และมิได้เข้ำพิจำรณำในกำรประชุมคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำร
ี
คร้งท่มีมติอนุมัติลงทุนเงินฝำก ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท กับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด
ั
จึงไม่ต้องรับผิดเป็นกำรส่วนตัว กำรด�ำเนินกำรของคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรไม่มีเหตุจงใจหรือ
ี
ประมำทเลินเล่อ แต่กลับท�ำให้โจทก์ได้รับดอกเบ้ยจำกสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด
รวม ๒๑,๑๗๔,๓๒๙.๗๖ บำท กำรมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคดีนี้ไม่ถูกต้องและคิดดอกเบี้ยเกินกว่ำที่
่
ี
้
่
้
์
็
่
ั
้
้
้
กฎหมำยกำหนด โจทกมไดบอกกลำวลวงหนำกอนฟอง ฟองโจทกเปนฟองซอนกบคดหมำยเลข
์
�
ิ
้
ี
ด�ำท่ พ.๙๙/๒๕๖๐ ของศำลแพ่ง กำรสอบสวนข้อเท็จจริงและมีมติให้ฟ้องคดีไม่ถูกต้อง ฟ้องโจทก์
เคลือบคลุมและฟ้องเกินกว่ำ ๑ ปี จึงขำดอำยุควำมละเมิดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยท่ ๓ ให้กำรว่ำ มติคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรท่ให้ฟ้องคดีน้ไม่ใช่เสียงข้ำงมำก
ี
ี
ี
ผู้รับมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคดีน้ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยท่ ๓ กระท�ำกำรภำยใต้กำรก�ำกับและ
ี
ี
ควบคุมแต่ไม่เคยมีข้อทักท้วงจำกกรมส่งเสริมสหกรณ์ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำ
ท่ พ.๙๙/๒๕๖๐ ของศำลแพ่ง จ�ำเลยท่ ๓ กระท�ำตำมระเบียบข้อบังคับและวัตถุประสงค์
ี
ี
ของโจทก์โดยมิได้ประมำทเลินเล่อ โจทก์ฟ้องเกินกว่ำ ๑ ปี จึงขำดอำยุควำมละเมิดแล้ว ขอให้
ยกฟ้อง
ั
จ�ำเลยท่ ๕ ให้กำรว่ำ กำรประชุมคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรคร้งท่มีมติอนุมัติให้น�ำเงิน
ี
ี
ั
ื
ของโจทก์ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ฝำกกับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด น้นมีสหกรณ์อ่นอีก
หลำยแห่งขอให้โจทก์น�ำเงินฝำกในสหกรณ์ดังกล่ำวด้วย มีเพียงสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด
มีที่ดินจ�ำนองเป็นประกันเงินฝำก แต่โจทก์ก็ได้เห็นชอบให้น�ำเงินฝำกกับสหกรณ์ออมทรัพย์อื่น เช่น
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูพะเยำ จ�ำกัด เป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท นอกจำกกำรอนุมัติเงินลงทุนใน
ั
ื
ต๋วสัญญำใช้เงิน ๑๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท กับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด แล้ว โจทก์ยังซ้อ
ั
ื
ต๋วสัญญำใช้เงินของสหกรณ์อ่นอีกหลำยแห่ง เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ต�ำรวจแห่งชำติ จ�ำกัด
เป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ส่วนกำรอนุมัติลงทุนเงินฝำก ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท กับสหกรณ์
บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด นั้น คณะกรรมกำรชุดต่อมำได้อนุมัติกำรต่ออำยุกำรฝำกเงินออก
ั
ไปอีก กำรด�ำเนินกำรของจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดเป็นไปตำมระเบียบข้อบังคับและวัตถุประสงค์ของโจทก์
โดยมิได้ประมำทเลินเล่อ โจทก์ฟ้องเกินกว่ำ ๑ ปี จึงขำดอำยุควำมละเมิดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
614
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๗ ถึงท่ ๑๔ ให้กำรว่ำ มติคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรท่ให้ฟ้องคดีน้เพียงแต่
ี
มอบหมำยผู้มีอ�ำนำจในกำรด�ำเนินคดีแทนโจทก์แต่มิได้กล่ำวถึงหนังสือมอบอ�ำนำจว่ำให้ผู้ใด
ั
ี
�
ี
ั
ี
่
เป็นผู้ฟ้องและไม่มหนงสือมอบอ�ำนำจ จำเลยท่ ๗ ถึงท ๑๔ กระท�ำตำมระเบียบข้อบงคับและ
ิ
ุ
ุ
�
วตถประสงค์ของโจทก์โดยมได้ประมำทเลนเล่อ กำรประชมคณะกรรมกำรอำนวยกำรและ
ิ
ั
ี
กำรประชุมคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรคร้งท่มีมติอนุมัติและเห็นชอบให้น�ำเงินของโจทก์
ั
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ฝำกกับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด เพรำะมีหลักประกันและ
ั
ี
ได้รับดอกเบ้ยในอัตรำสูงกว่ำกำรให้สมำชิกโจทก์กู้ยืม กำรอนุมัติเงินลงทุนในต๋วสัญญำใช้เงิน
๑๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท และกำรอนุมัติลงทุนเงินฝำก ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำทกับสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำ
ี
สวนจตุจักร จ�ำกัด ด�ำเนินกำรไปตำมวัตถุประสงค์และข้อบังคับของโจทก์ ก่อนฟ้องคดีน้โจทก์
ิ
ั
ู
้
ฟองสหกรณบรกำรผ้คำสวนจตุจกร จำกด ตอมำศำลจงหวดพระโขนงมคำพพำกษำและพิพำกษำ
�
ี
ั
ั
ั
่
�
ิ
์
้
ตำมยอม คดีอยู่ระหว่ำงกำรบังคับคดี กำรน�ำคดีมำฟ้องจ�ำเลยท่ ๗ ถึงท่ ๑๔ อีกจึงเป็นกำรใช้สิทธ ิ
ี
ี
ไม่สุจริต โจทก์ฟ้องเกินกว่ำ ๑ ปี จึงขำดอำยุควำมละเมิดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๑๖ ให้กำรว่ำ มติคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรที่ให้ฟ้องคดีนี้เพียงแต่มอบหมำย
ผู้มีอ�ำนำจในกำรด�ำเนินคดีแทนโจทก์แต่มิได้กล่ำวถึงหนังสือมอบอ�ำนำจว่ำให้ผู้ใดเป็นผู้ฟ้อง
และไม่มีหนังสือมอบอ�ำนำจ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยท่ ๑๖ เป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่ง
ี
ผู้จัดกำร มีหน้ำที่ด�ำเนินกำรตำมข้อบังคับ ระเบียบ และมติคณะกรรมกำรด�ำเนินกำร ไม่มีอ�ำนำจ
ื
อนุมตกำรโอนเงนได้เอง กำรน�ำเงินไปลงทนฝำกกับสหกรณ์อ่นหรือกำรซ้อตวสัญญำใช้เงน
๋
ื
ั
ิ
ิ
ิ
ุ
ั
จะเป็นอ�ำนำจของคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรเป็นผู้พิจำรณำแล้วน�ำเสนอให้คณะกรรมกำร
ด�ำเนินกำรรับทรำบ กำรด�ำเนินกำรของคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรไม่มีเหตุจงใจหรือประมำท
เลินเล่อ แต่กลับท�ำให้โจทก์ได้รับดอกเบ้ยจำกสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด รวม
ี
๒๑,๑๗๔,๓๒๙.๗๖ บำท ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ฟ้องสหกรณ์บริกำรผู้ค้ำสวนจตุจักร จ�ำกัด ต่อมำ
ศำลจังหวัดพระโขนงมีค�ำพิพำกษำและพิพำกษำตำมยอม คดีอยู่ระหว่ำงกำรบังคับคดีกำรน�ำคดี
มำฟ้องจ�ำเลยทั้งสิบเจ็ดอีกจึงเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต โจทก์ฟ้องเกินกว่ำ ๑ ปี จึงขำดอำยุควำม
ละเมิดแล้วและคดีในส่วนของจ�ำเลยที่ ๑๖ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
จ�ำเลยท่ ๑๗ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีกำรประชุมคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรท่ให้ฟ้องคดีน ี ้
ี
และไม่มีหนังสือมอบอ�ำนำจ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง กำรด�ำเนินกำรของคณะกรรมกำร
อ�ำนวยกำรเป็นไปตำมระเบียบข้อบังคับ จ�ำเลยท่ ๑๗ เป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่งรองผู้จัดกำร
ี
�
ี
ี
ั
ิ
่
ิ
ิ
�
ี
มหน้ำทด�ำเนนกำรตำมข้อบงคับ ระเบยบ และมตคณะกรรมกำรดำเนนกำร และทำงำนตำม
615
ี
ั
ี
ี
ท่จ�ำเลยท่ ๑๖ มอบหมำย จ�ำเลยท่ ๑๗ ท�ำงำนตำมข้นตอนด้วยควำมระมัดระวังรอบคอบ
ี
ฟ้องโจทก์เคลือบคลม โจทก์ฟ้องเกนกว่ำ ๑ ปี จงขำดอำยควำมละเมดแล้วและคดในส่วนของ
ิ
ึ
ุ
ิ
ุ
จ�ำเลยที่ ๑๗ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ิ
ิ
ิ
ั
ี
ุ
วนจฉยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์มฐำนะเป็นนตบคคลประเภทสหกรณ์ออมทรพย์ตำม
ั
ิ
พระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๑๕ เป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำร
ี
ี
ี
ึ
ชุดท่ ๔๐ ซ่งเลือกต้งโดยสมำชิกของโจทก์ มีวำระด�ำรงต�ำแหน่งตำมข้อบังคับโจทก์ โดย
ั
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ เป็นประธำนกรรมกำรด�ำเนินกำร จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๕ เป็นรองประธำนกรรมกำร จ�ำเลยท่ ๖
ี
ี
ี
ี
ี
เป็นเหรัญญิก จ�ำเลยท่ ๗ ถึงท่ ๑๔เป็นกรรมกำร จ�ำเลยท่ ๑๕ เป็นกรรมกำรและเลขำนุกำร
ส่วนจ�ำเลยที่ ๑๖ และที่ ๑๗ โจทก์จ้ำงให้ท�ำหน้ำที่เป็นผู้จัดกำรและรองผู้จัดกำร จ�ำเลยที่ ๑ ถึง
้
่
ี
ี
่
�
ี
ั
ึ
่
�
่
ี
ี
ท ๑๕ ในฐำนะคณะกรรมกำรดำเนนกำรได้แต่งตงให้จำเลยท ๑ ถงท ๖ ท ๑๐ และท ๑๕
่
ิ
ั
เป็นคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำร ระหว่ำงกำรด�ำเนินงำน จ�ำเลยท้งสิบเจ็ดปฏิบัติหน้ำท่โดยปรำศจำก
ี
ควำมระมัดระวังไม่รักษำผลประโยชน์ของโจทก์และสมำชิกท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงเป็นกำรกล่ำว
อ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๕ ซึ่งเป็นคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรที่ได้รับกำรเลือกตั้งจำกสมำชิกของ
ี
โจทก์ เป็นผู้ด�ำเนินกิจกำรและเป็นผู้แทนโจทก์ในกิจกำรอันเก่ยวกับบุคคลภำยนอกตำมข้อบังคับ
โจทก์ หมวด ๗ คณะกรรมกำรด�ำเนินกำร ข้อ ๕๐ ได้แต่งตั้งให้จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ ที่ ๑๐ และที่ ๑๕
ื
เป็นคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรเพ่อด�ำเนินกิจกำรแทนคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรตำมข้อบังคับโจทก์
หมวด ๗ ข้อ ๖๓ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ แต่จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๑๕ ปฏิบัติหน้ำท ่ ี
ี
ี
ิ
โดยปรำศจำกควำมระมัดระวังไม่รักษำผลประโยชน์ของโจทก์และสมำชกท�ำให้โจทก์เสียหำย
ื
อันมีลักษณะเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ แต่เม่อข้อบังคับโจทก์ หมวด ๗ ข้อ ๕๖ เอกสำร
ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ให้คณะกรรมกำรด�ำเนินกำรด�ำเนินกิจกำรท้งปวงของโจทก์ให้เป็นไป
ั
ี
ี
ตำมข้อบังคับและตำมมติของท่ประชุมใหญ่ รวมท้ง "...(๑๓) พิจำรณำให้ควำมเท่ยงธรรมแก่
ั
บรรดำสมำชิก เจ้ำหน้ำที่ และลูกจ้ำงของสหกรณ์..." และตำมข้อบังคับโจทก์ หมวด ๗ ข้อ ๖๒
ึ
และข้อ ๖๓ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ให้คณะกรรมกำรด�ำเนินกำรส่วนหน่งท�ำหน้ำท ี ่
เป็นคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรด้วย และให้อยู่ในต�ำแหน่งได้เท่ำกับก�ำหนดเวลำของคณะกรรมกำร
ื
ี
ด�ำเนินกำร เพ่อด�ำเนินกิจกำรแทนคณะกรรมกำรด�ำเนินกำรตำมท่ได้รับมอบหมำย อันแสดง
616
ให้เห็นว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๕ มีอ�ำนำจหน้ำที่ด�ำเนินกิจกำรแทนโจทก์ภำยใต้กำรควบคุมของที่
ั
ู
ุ
่
ี
�
่
ี
ื
ิ
ี
ี
ประชมใหญ่โดยมได้มฐำนะเป็นเจ้ำหน้ำทหรอลกจ้ำงของโจทก์ คดระหว่ำงโจทก์กบจำเลยท ๑
ี
ี
ถึงท่ ๑๕ จึงมิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำม
ึ
ั
สัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
ส�ำหรับคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑๖ และที่ ๑๗ นั้น เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำง
จ�ำเลยท่ ๑๖ ท�ำงำนเป็นผู้จัดกำร อยู่ภำยใต้กำรบังคับบัญชำโดยตรงของจ�ำเลยท่ ๑ และจ้ำงจ�ำเลย
ี
ี
ี
ี
ท่ ๑๗ ท�ำงำนเป็นรองผู้จัดกำร อยู่ภำยใต้กำรบังคับบัญชำโดยตรงของจ�ำเลยท่ ๑๖ ตำมค�ำบรรยำย
ลักษณะงำนเอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๕ และหมำยเลข ๖ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย
ที่ ๑๖ และที่ ๑๗ ปฏิบัติผิดหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดเกี่ยวกับกำรท�ำงำน
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑๖ และท่ ๑๗ จึงเป็นคดีพิพำท
ี
ี
เกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำง
ั
ิ
ี
และลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลแรงงำน
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๕ ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำน แต่คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑๖ และที่ ๑๗ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
617
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยณรงค์ชัย จรรยำรุ่งเรือง
ที่ วร ๓/๒๕๖๕ กับพวก โจทก์
บริษัทกำรบินไทย จ�ำกัด (มหำชน)
กับพวก จ�ำเลย
ี
ั
ี
ั
่
ี
โจทก์ท้งส่สิบสำมท�ำสัญญำกู้เงินกับจ�ำเลยท ๒ มีข้อตกลงว่ำโจทก์ท้งส่สิบสำม
ี
จะยอมให้จ�ำเลยท ๑ หักเงินเดือนเพ่อช�ำระหน้เงินกู้ดังกล่ำวและดอกเบ้ยทุกเดือน
่
ี
ื
ี
ิ
ู
�
่
ู
ุ
ี
ี
�
่
ต่อมำจำเลยท ๑ ประสบภำวะขำดทนต้องเข้ำส่กระบวนกำรฟื้นฟกจกำร จำเลยท ๑ ม ี
ั
ี
่
ี
ี
หนังสือเลิกจ้ำงโจทก์ท้งส่สิบสำม โดยจ�ำเลยท ๑ ตกลงจะจ่ำยเงินแก่โจทก์ท้งส่สิบสำมเป็น
ั
ค่ำจ้ำงถึงวันท�ำงำนสุดท้ำย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำชดเชย ค่ำจ้ำงส�ำหรับ
่
ี
วันหยุดพักผ่อนประจ�ำปี และเงินบ�ำเหน็จ แต่จ�ำเลยท ๑ กลับผิดสัญญำจ้ำงโดยน�ำเงิน
�
ี
ั
ดังกล่ำวท่จะต้องจ่ำยแก่โจทก์ท้งส่สิบสำมส่งมอบแก่จำเลยท ๒ เพ่อหักช�ำระหน้เงินกู้
ี
ื
ี
่
ี
ี
ี
่
ี
พร้อมดอกเบ้ยโดยโจทก์ท้งส่สิบสำมไม่ยินยอม เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ ผิดสัญญำ
ั
ี
จ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ท้งส่สิบสำม และปฏิบัติไม่ถูกต้องตำม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงำน
ั
่
พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๗๖ จงเป็นคดแรงงำน ส่วนกำรทมลแห่งหนตำมคำฟ้องของโจทก์
�
้
ี
ึ
ี
ี
ู
ี
ั
้
ั
ึ
ี
่
ี
ั
ิ
�
่
้
ทงสสบสำมอันเกิดจำกกำรถูกจำเลยท ๑ เลิกจ้ำง เกิดขนหลงวนท่ศำลล้มละลำยกลำง
เห็นชอบด้วยแผนจะเป็นกำรต้องห้ำมมิให้โจทก์ท้งส่สิบสำมฟ้องจ�ำเลยท ๑ เป็นคดีแพ่ง
ี
่
ั
ี
ี
หรือคดีแรงงำนเก่ยวกับทรัพย์สินของจ�ำเลยท ๑ ซ่งเป็นลูกหน้หรือไม่ อย่ำงไร
ึ
่
ี
ี
ื
ี
เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำ
ตำมบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๑๒ (๔) ต่อไป
_____________________________
คดีท้งส่สิบสำมส�ำนวนน้ ศำลแรงงำนกลำงมีค�ำส่งให้รวมพิจำรณำเป็นคดีเดียวกัน
ี
ี
ั
ั
โดยให้เรียกโจทก์เรียงตำมล�ำดับส�ำนวนว่ำ โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๔๓ และเรียกจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒
ทั้งสี่สิบสำมส�ำนวนว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒
ี
ี
โจทก์ท้งส่สิบสำมส�ำนวนฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชน
ั
จ�ำกัด จ�ำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคลประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์ โจทก์ทั้งสี่สิบสำมส�ำนวนเป็นลูกจ้ำง
ของจ�ำเลยที่ ๑ และเป็นสมำชิกของจ�ำเลยที่ ๒ โดยมีรำยละเอียดวันเข้ำท�ำงำน ต�ำแหน่งหน้ำที่
618
ี
ั
อัตรำค่ำจ้ำงสุดท้ำยเป็นไปตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งส่สิบสำมแต่ละส�ำนวน ระหว่ำงกำรท�ำงำน
�
ี
ั
ี
โจทก์ท้งส่สิบสำมทำสัญญำกู้เงินกับจ�ำเลยท่ ๒ โดยมีข้อตกลงว่ำโจทก์ท้งสสิบสำมจะยอมให้
ี
ั
่
ี
ี
ี
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๑ หักเงินเดือนเพ่อช�ำระหน้เงินกู้ดังกล่ำวและดอกเบ้ยทุกเดือน ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑
ประสบภำวะขำดทุนต้องเข้ำสู่กระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร โดยวันท่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๖๓
ี
ั
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ วันท่ ๑๕ มิถุนำยน ๒๕๖๔
ี
ี
็
ี
�
ื
�
ู
ิ
้
้
ื
้
ศำลลมละลำยกลำงมคำสงเหนชอบดวยแผนฟนฟกจกำร โดยแผนฟนฟกจกำรมไดกำหนดวธกำร
่
ั
ิ
ิ
ิ
้
้
ู
ี
ี
ี
ั
ั
ี
ไว้เป็นอย่ำงอ่น ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์ท้งส่สิบสำมต้งแต่วันท่ ๒๗ กรกฎำคม ๒๕๖๔
ื
ั
�
ั
โดยจำเลยท่ ๑ ตกลงจะจ่ำยเงนแก่โจทก์ท้งสสิบสำมเป็นค่ำจ้ำงถึงวนทำงำนสุดท้ำย
ิ
่
ี
ี
�
สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำชดเชย ค่ำจ้ำงส�ำหรับวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปี และ
ี
ั
ิ
ี
เงินบ�ำเหน็จ แต่จ�ำเลยท่ ๑ กลบผิดสัญญำจ้ำงโดยน�ำเงนดังกล่ำวท่จะต้องจ่ำยแก่โจทก์
ื
ี
ั
ท้งส่สิบสำมส่งมอบแก่จ�ำเลยท่ ๒ เพ่อหักช�ำระหน้เงินกู้พร้อมดอกเบ้ยโดยโจทก์ท้งส่สิบสำม
ี
ี
ั
ี
ี
ไม่ยินยอม ส่วนจ�ำเลยท่ ๒ ได้เข้ำถือประโยชน์ในเงินดังกล่ำวโดยปรำศจำกมูลอันจะอ้ำงกฎหมำยได้
ี
ี
ี
ี
ื
ั
�
ิ
ั
โจทก์ท้งส่สิบสำมบอกกล่ำวทวงถำมให้จ�ำเลยท่ ๒ คนเงนดงกล่ำวแล้วแต่จำเลยท่ ๒ เพกเฉย
ิ
ขอให้เพิกถอนกำรส่งมอบเงินของโจทก์ทั้งสี่สิบสำมเพื่อช�ำระหนี้เงินกู้และบังคับจ�ำเลยที่ ๒ หรือ
ื
ให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันคืนเงินและผลประโยชน์อ่นอันเน่องมำจำกกำรจ้ำงแรงงำนแก่โจทก์ท้ง
ื
ั
ั
สี่สิบสำมต่อไป
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ จึงม ี
ี
ี
ี
ควำมจ�ำเป็นท่จ�ำเลยท่ ๑ ต้องปรับปรุงองค์กรในทุกด้ำน กำรเลิกจ้ำงโจทก์ท้งส่สิบสำม
ั
ี
�
�
เป็นกำรจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สนของผ้ท�ำแผนฟื้นฟกิจกำร จำเลยท่ ๑ ไม่มีอำนำจจัดกำร
ู
ิ
ู
ี
กิจกำรใด หำกโจทก์ท้งส่สิบสำมได้รับควำมเสียหำยอย่ำงไรต้องย่นค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำง
ื
ั
ี
ภำยในสิบสี่วันนับแต่วันทรำบกำรกระท�ำนั้นตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ โจทก์
ท้งส่สิบสำมจึงไม่อำจฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ ต่อศำลแรงงำน ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์ท้งส่สิบสำมกับ
ี
ี
ั
ี
ั
ื
จ�ำเลยท่ ๒ น้น เม่อโจทก์ท้งส่สิบสำมแสดงควำมยินยอมล่วงหน้ำให้จ�ำเลยท่ ๑ หักเงินค่ำจ้ำง
ั
ี
ี
ั
ี
ถึงวันท�ำงำนสุดท้ำย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำชดเชย ค่ำจ้ำงส�ำหรับวันหยุด
ี
ี
พักผ่อนประจ�ำปี และเงินบ�ำเหน็จ ส่งมอบแก่จ�ำเลยท่ ๒ เพ่อหักช�ำระหน้เงินกู้พร้อมดอกเบ้ย
ี
ื
ี
ึ
ั
จึงต้องผูกพันตำมท่ตกลงไว้ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ท้งส่สิบสำม จึงมีอ�ำนำจหัก
ี
ี
เงินดังกล่ำวได้ตำมพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีระหว่ำงโจทก์ท้งส่สิบสำมกับ
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๒ เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องทำงแพ่ง จึงไม่ใช่ข้อพิพำทเร่องกำรค้มครองแรงงำน
ี
ื
ุ
ขอให้ยกฟ้อง
619
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ ไม่ใช่นำยจ้ำงของโจทก์ทั้งสี่สิบสำม จ�ำเลยที่ ๒ เป็น
ี
ั
ี
สหกรณ์ออมทรัพย์และเป็นเจ้ำหน้ของโจทก์ท้งส่สิบสำมตำมพระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๒
ั
ี
ี
โจทก์ท้งส่สิบสำมแสดงควำมยินยอมล่วงหน้ำให้จ�ำเลยท่ ๑ หักเงินค่ำจ้ำงถึงวันท�ำงำนสุดท้ำย
สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำชดเชย ค่ำจ้ำงส�ำหรับวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปี และ
เงินบ�ำเหน็จ ส่งมอบแก่จ�ำเลยที่ ๒ เพื่อหักช�ำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ย จึงต้องผูกพันตำมที่ตกลงไว้
ื
ี
ื
ี
ี
ั
ี
ั
เม่อจ�ำเลยท่ ๑ เลิกจ้ำงโจทก์ท้งส่สิบสำมและโจทก์ท้งส่สิบสำมเป็นลูกหน้เงินกู้และมีหน้อ่น
ี
ี
ี
ี
ี
ต่อจ�ำเลยท่ ๒ กำรท่จ�ำเลยท่ ๑ หักเงินดังกล่ำวส่งให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ จึงชอบด้วยกฎหมำยแล้ว
ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ หรือไม่
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ทั้งสี่สิบสำมส�ำนวนบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภท
ี
ั
ี
บริษัทมหำชนจ�ำกัด จ�ำเลยท่ ๒ เป็นนิติบุคคลประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์ โจทก์ท้งส่สิบสำม
เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ และเป็นสมำชิกของจ�ำเลยท่ ๒ โจทก์ท้งส่สิบสำมท�ำสัญญำกู้เงิน
ี
ั
ี
ี
ั
่
ี
่
ื
จ�ำเลยท่ ๒ มีข้อตกลงว่ำโจทก์ท้งสสิบสำมจะยอมให้จ�ำเลยท่ ๑ หักเงินเดือนเพอช�ำระหน ้ ี
ี
ี
เงินกู้ดังกล่ำวและดอกเบี้ยทุกเดือน ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ ประสบภำวะขำดทุนต้องเข้ำสู่กระบวนกำร
ี
ั
ี
ฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยท่ ๑ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์ท้งส่สิบสำมโดยให้มีผลเป็นกำรเลิกจ้ำง
ี
ื
ั
ี
เม่อวันท่ ๒๗ กรกฎำคม ๒๕๖๔ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ตกลงจะจ่ำยเงินแก่โจทก์ท้งส่สิบสำมเป็น
ี
ค่ำจ้ำงถึงวันท�ำงำนสุดท้ำย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำชดเชย ค่ำจ้ำงส�ำหรับวันหยุด
พักผ่อนประจ�ำปี และเงินบ�ำเหน็จ แต่จ�ำเลยที่ ๑ กลับผิดสัญญำจ้ำงโดยน�ำเงินดังกล่ำวที่จะต้อง
จ่ำยแก่โจทก์ทั้งสี่สิบสำมส่งมอบแก่จ�ำเลยที่ ๒ เพื่อหักช�ำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยโดยโจทก์ทั้ง
สี่สิบสำมไม่ยินยอม เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ทั้งสี่สิบสำม
และปฏิบัติไม่ถูกต้องตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๗๖ คดีระหว่ำง
่
ั
ี
่
ี
ี
ี
ั
โจทก์ท้งสสิบสำมกับจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำทตำมสญญำจ้ำง
ั
แรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
620
ั
ั
ั
ี
ี
ี
ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์ท้งส่สิบสำมกับจ�ำเลยท่ ๒ น้น โจทก์ท้งส่สิบสำมฟ้องส่วนน้ว่ำ
ี
ี
ื
ั
ั
ี
ี
ี
เม่อจ�ำเลยท่ ๑ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์ท้งส่สิบสำม จ�ำเลยท่ ๑ ตกลงจะจ่ำยเงินแก่โจทก์ท้งส่สิบสำม
เป็นค่ำจ้ำงถึงวันท�ำงำนสุดท้ำย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ค่ำชดเชย ค่ำจ้ำงส�ำหรับ
วันหยุดพักผ่อนประจ�ำปี และเงินบ�ำเหน็จ แต่จ�ำเลยที่ ๑ กลับผิดสัญญำจ้ำงโดยน�ำเงินดังกล่ำว
ี
ี
ื
ี
ี
ี
ท่จะต้องจ่ำยแก่โจทก์ท้งส่สิบสำมส่งมอบแก่จ�ำเลยท่ ๒ เพ่อหักช�ำระหน้เงินกู้พร้อมดอกเบ้ย
ั
โดยโจทก์ทั้งสี่สิบสำมไม่ยินยอม โดยจ�ำเลยที่ ๒ ได้เข้ำถือประโยชน์ในเงินดังกล่ำวโดยปรำศจำก
มูลอันจะอ้ำงกฎหมำยได้ จึงขอให้เพิกถอนกำรส่งมอบเงินและบังคับจ�ำเลยท่ ๒ หรือให้จ�ำเลย
ี
ื
ั
ท้งสองร่วมกันคืนเงินและผลประโยชน์อ่นอันเน่องมำจำกกำรจ้ำงแรงงำนแก่โจทก์ท้งส่สิบสำมน้น
ื
ี
ั
ั
เป็นกรณีท่โจทก์ท้งส่สิบสำมกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นนำยจ้ำงของโจทก์ท้งส่สิบสำม
ี
ั
ี
ั
ี
ึ
ี
ผิดสัญญำจ้ำงและบทบัญญัติแห่งกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน โดยน�ำเงินท่จะต้องจ่ำย
ี
ี
ี
ึ
ื
แก่โจทก์ท้งส่สิบสำมส่งมอบแก่จ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ เพ่อหักช�ำระหน้เงินกู้
ี
ั
พร้อมดอกเบ้ยโดยโจทก์ท้งส่สิบสำมไม่ยินยอม เม่อโจทก์ท้งส่สิบสำมและจ�ำเลยท่ ๒ มิได้ม ี
ี
ั
ี
ั
ี
ื
ี
นิติสัมพันธ์ในฐำนะเป็นลูกจ้ำงและนำยจ้ำงกัน ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้อง
ี
ื
ิ
ั
�
ี
่
ึ
ั
่
ี
้
ี
ิ
ิ
โจทก์ทงสสบสำมจงเป็นกำรใช้สทธิเรยกร้องต่อจำเลยท ๒ ให้คนเงนดงกล่ำวตำมประมวล
ิ
กฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๒ ลกษณะ ๔ ลำภมควรได้ คดีระหว่ำงโจทก์ทงสสบสำม
ิ
่
ั
ิ
้
ั
ี
ี
ั
กับจ�ำเลยท่ ๒ จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใด ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ึ
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
ี
ึ
อน่ง ค�ำวินิจฉัยน้จะพิจำรณำเพียงลักษณะของคดีท่ฟ้องว่ำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ ส�ำหรับข้อเท็จจริงท่ปรำกฏจำกค�ำฟ้อง ค�ำให้กำรจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
และส�ำเนำค�ำสั่งศำลล้มละลำยกลำง คดีหมำยเลขแดงที่ ฟฟ ๒๐/๒๕๖๓ เอกสำรท้ำยค�ำให้กำร
จ�ำเลยที่ ๑ ว่ำ วันที่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๖๓ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย
ที่ ๑ และตั้งผู้ท�ำแผน วันที่ ๑๕ มิถุนำยน ๒๕๖๔ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งเห็นชอบด้วยแผน
ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๑ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์ทั้งสี่สิบสำมโดยจ�ำเลยที่ ๑ ตกลง
ี
ั
จะจ่ำยเงินแก่โจทก์ท้งส่สิบสำมเป็นค่ำจ้ำงถึงวันท�ำงำนสุดท้ำย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ
ค่ำชดเชย ค่ำจ้ำงส�ำหรับวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปี และเงินบ�ำเหน็จโดยให้มีผลเป็นกำรเลิกจ้ำง
่
ี
ิ
ี
่
่
ั
ื
เมอวนท ๒๗ กรกฎำคม ๒๕๖๔ ต่อมำวนท ๕ สงหำคม ๒๕๖๔ โจทก์ทงสสบสำมฟ้องคดน ี ้
ั
่
ั
้
ี
ิ
ี
ขอให้จ�ำเลยที่ ๑ คืนเงินที่จ�ำเลยที่ ๑ ตกลงจ่ำยให้แก่โจทก์ทั้งสี่สิบสำม หนี้ตำมค�ำฟ้องของโจทก์
ี
ท้งส่สิบสำมอันเกิดจำกกำรถูกจ�ำเลยท่ ๑ เลิกจ้ำง มูลแห่งหน้จึงเกิดข้นหลังวันท่ศำลล้มละลำยกลำง
ั
ี
ี
ี
ึ
621
เห็นชอบด้วยแผน ตำมข้อเท็จจริงดังกล่ำวจะเป็นกำรต้องห้ำมมิให้โจทก์ทั้งสี่สิบสำมฟ้องจ�ำเลยที่ ๑
ี
ี
ึ
เป็นคดีแพ่งหรือคดีแรงงำนเก่ยวกับทรัพย์สินของจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นลูกหน้หรือไม่ อย่ำงไร
ี
ื
ี
เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำ
ตำมบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๑๒ (๔) ต่อไป
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์ทั้งสี่สิบสำมกับจ�ำเลยที่ ๑ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำน แต่คดีระหว่ำงโจทก์ท้งส่สิบสำมกับจ�ำเลยท่ ๒ ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ั
ี
ของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
622