The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรบริกำรระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำง





ประเทศ กำรประกันภัยและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ เมื่อพิจำรณำตำมค�ำฟ้องแล้ว โจทก์
ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยส�ำหรับสินค้ำเหล็กม้วนที่บริษัทไทยสตีล อิมปอร์ต จ�ำกัด

ผู้เอำประกันภัย ว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้ขนส่งจำกท่ำเรือกรุงเทพไปยังโรงงำนหรือโกดังของผู้เอำประกัน
ภัยและเกิดควำมเสียหำยในระหว่ำงกำรขนส่งของจ�ำเลย โจทก์ในฐำนะผู้รับประกันภัยจึงช�ำระ

ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอำประกันภัยและรับช่วงสิทธิมำฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย จึง












เป็นกรณีทต้องวนจฉยถงควำมรบผดของจ�ำเลยตำมสญญำรบขนซงเป็นกำรขนส่งสินค้ำภำยใน

ประเทศ ไม่เก่ยวกับสัญญำขนส่งระหว่ำงประเทศ ส่วนกำรขนถ่ำยสินค้ำหรือกำรด�ำเนินพิธีกำร

ศุลกำกรแม้จะเป็นกำรให้บริกำรอย่ำงหน่งก็ตำมแต่ก็เป็นกำรให้บริกำรโดยจ�ำเลยท่ให้บริกำรแก่


ผู้เอำประกันภัยซึ่งต่ำงมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน ไม่ใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
ดังน้ สิทธิเรียกร้องของผู้เอำประกันภัยท่มีต่อจ�ำเลยจึงมิใช่สิทธิเรียกร้องตำมสัญญำกำรให้บริกำร



ระหว่ำงประเทศหรอกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ โจทก์ฟ้องคดนโดยอำศยสทธเรยกร้องของ








ผู้เอำประกันภัย เน่องจำกโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยสินค้ำตำมค�ำฟ้องไว้จำกผู้เอำประกันภัยและ
ได้ชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอำประกันภัยและรับช่วงสิทธิมำฟ้องจ�ำเลยให้รับผิดต่อโจทก์
เป็นคดีนี้ เมื่อข้อพิพำทตำมสิทธิเรียกร้องของบริษัทผู้เอำประกันภัยดังกล่ำวไม่ใช่ข้อพิพำทตำม
สิทธิเรียกร้องตำมสัญญำให้บริกำรระหว่ำงประเทศหรือสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศและ
สัญญำประกันภัยสินค้ำดังกล่ำว คดีน้ย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยตำมสัญญำกำร


ให้บริกำรระหว่ำงประเทศหรือสัญญำขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศและสัญญำประกันภัยสินค้ำน้น
แต่อย่ำงใด จึงไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศหรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ






และกำรประกนภยทเกยวเนองกบกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมบทบญญตมำตรำ ๗ (๕)






แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
223

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำะหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































224

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแคนค�ำ จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๒๗/๒๕๖๐ ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด เอ.พี.

เจริญ เทรดดิ้ง กับพวก จ�ำเลย






โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์ท�ำสัญญำซ้อมะพร้ำวพร้อมด่มกับจ�ำเลยท้งสอง แต่สินค้ำเกิด

ควำมเสียหำย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและให้จ�ำเลยท้งสองคืนเงินค่ำสินค้ำท่ช�ำระไปแล้ว




พร้อมดอกเบ้ยให้แก่โจทก์ คดีน้โจทก์และจ�ำเลยท้งสองอยู่ในประเทศไทย ท�ำสัญญำ

ซ้อขำยสินค้ำกันในประเทศไทย กำรส่งมอบสินค้ำตกลงส่งมอบในประเทศไทย กำรท ่ ี
โจทก์ผู้ซ้อมีวัตถุประสงค์ในกำรซ้อสินค้ำเพ่อส่งต่อไปยังสำธำรณรัฐประชำชนจีนน้น





ก็เป็นเร่องท่โจทก์ไปด�ำเนินกำรเอง จึงไม่ใช่สัญญำซ้อขำยระหว่ำงประเทศ ส่วนท ่ ี











จำเลยท้งสองให้กำรว่ำ จำเลยท้งสองไม่มนติสัมพนธ์กบโจทก์ และผู้ท่ทำสญญำ


ซ้อสินค้ำกับจ�ำเลยท ๑ คือบริษัท ก. สำธำรณรัฐประชำชนจีนน้น ก็เป็นเร่องท ี ่





ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงจำกพยำนหลักฐำนท่คู่ควำมแต่ละฝ่ำยจะได้น�ำสืบต่อไป





ในช้นพิจำรณำ ว่ำผู้ใดเป็นผู้ท�ำสัญญำซ้อขำยสินค้ำกับจ�ำเลยท้งสอง ซ่งหำกรับฟัง
ข้อเท็จจริงได้ว่ำโจทก์ไม่ใช่ผู้ท�ำสัญญำซื้อขำย จ�ำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับผิดตำมฟ้อง โดย





ไม่จ�ำต้องวินิจฉัยถึงสิทธ หน้ำท และควำมรับผิดระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองกับผู้ซ้อสินค้ำใน
ต่ำงประเทศแต่อย่ำงใด แต่หำกรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่ำโจทก์เป็นผู้ท�ำสัญญำซื้อขำยสินค้ำ
กับจ�ำเลยท้งสอง ก็เป็นกรณีท่ต้องพิจำรณำถึงสิทธ หน้ำท และควำมรับผิดตำมสัญญำ







ซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสอง ซ่งต่ำงอยู่ในประเทศไทยด้วยกันและมีกำร



ส่งมอบสินค้ำในประเทศไทย กรณีจึงไม่ใช่สัญญำซ้อขำยระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงไม่ใช่
คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ


ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง

พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
225








โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนตบคคลประเภทบรษทจำกด มนำยกองชยเป็นกรรมกำร


ผู้จัดกำร จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดกำร
เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวำคม ๒๕๕๘ โจทก์สั่งซื้อมะพร้ำวพร้อมดื่ม ๒๕,๐๐๐ ผล รำคำผลละ ๔๕ บำท











เป็นเงน ๑,๑๒๕,๐๐๐ บำท จำกจำเลยทงสองเพอนำไปขำยทประเทศสำธำรณรฐประชำชนจน

โจทก์ช�ำระค่ำสินค้ำให้จ�ำเลยท้งสองครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่สะดวกในกำรรับมอบสินค้ำเน่องจำก

ประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีนมีหิมะตกหนักกำรขนส่งทำงรถยนต์ไม่สะดวก ประกอบกับยัง

อยู่ในช่วงระยะเวลำรับประกันคุณภำพสินค้ำ เพรำะฝ่ำยผู้ผลิตและจ�ำเลยท้งสองรับประกันว่ำ
ระยะเวลำที่จะต้องบริโภคมะพร้ำวพร้อมดื่มคือภำยใน ๕๐ วันนับแต่วันผลิต ต่อมำเมื่อวันที่ ๑๘

กุมภำพันธ์ ๒๕๕๙ โจทก์ตรวจสอบสินค้ำร่วมกับฝ่ำยโรงงำนผู้ผลิตพบว่ำสินค้ำมีน้ำมะพร้ำว

ซึมออกมำ เน้อมะพร้ำวเหม็นหืนน้ำมะพร้ำวและเน้อมะพร้ำวมีสีชมพูอ่อน ฝ่ำยโรงงำนผู้ผลิต






แนะน�ำว่ำไม่ควรน�ำสินค้ำออกขำยท้งหมด ท้ง ๆ ท่ระยะเวลำท่ก�ำหนดให้บริโภคได้ยังมีเวลำ












เหลออย่ไม่น้อยกว่ำ ๒๐ วน โจทก์จงบอกเลกสญญำกบจำเลยทงสองและให้จำเลยทงสองคืน

เงินให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จ�ำเลยท้งสองต้อง



คืนเงินค่ำสินค้ำ ๑,๑๒๕,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่

วันท่ ๒๐ มกรำคม ๒๕๕๙ จนถึงวันฟ้องเป็นดอกเบ้ย ๔๖,๘๗๒.๕๐ บำท รวมเป็นเงินท้งส้น



๑,๑๗๑,๘๗๒.๕๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๑,๑๗๑,๘๗๒.๕๐ บำท พร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๑๒๕,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป

จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยทั้งสองให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ บริษัทกำรลงทุนจงจิ้ง สิบสองปันนำ จ�ำกัด
ประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีน เป็นผู้ท�ำสัญญำซ้อมะพร้ำวพร้อมด่มและเป็นตัวแทนจ�ำหน่ำย


กับจ�ำเลยท่ ๑ โดยมีนำยกองชัยเป็นผู้ประสำนงำนในประเทศไทยเท่ำน้น จ�ำเลยท้งสอง




จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ ส่งมอบสินค้ำมะพร้ำวพร้อมด่มจ�ำนวน ๒๕,๐๐๐ ผล




ในวันท่ ๑๘ มกรำคม ๒๕๕๙ ซ่งเป็นวันครบก�ำหนดรับสินค้ำท่ห้องเย็นของบริษัทไทยเวิลด์ฟูดส์
แอนด์ ฟรุทส์ จ�ำกัด (ตลำดไทย) จังหวัดปทุมธำนี ตำมที่ตกลงกันครบถ้วนแล้ว แต่บริษัทกำร

ลงทุนจงจ้ง สิบสองปันนำ จ�ำกัด ไม่มำรับสินค้ำตำมก�ำหนด โดยอ้ำงว่ำหิมะตกหนัก สินค้ำ
มะพร้ำวพร้อมดื่มเก็บได้นับจำกวันผลิตเป็นเวลำ ๒๐ ถึง ๒๕ วัน จ�ำเลยที่ ๑ ไม่เคยรับประกัน

คุณภำพมะพร้ำวพร้อมด่มว่ำสำมำรถรับประทำนได้ภำยใน ๕๐ วัน นับแต่วันผลิต ซ่งมะพร้ำว



พร้อมด่มควรจะรับประทำนไม่เกินวันท่ ๑๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๙ ผู้ผลิตและจ�ำเลยท่ ๑ ได้แจ้ง

226





ผู้ซ้อทุกรำยในข้อจ�ำกัดน้แล้ว หำกควำมเสียหำยเกิดข้นภำยหลังจำกช่วงเวลำดังกล่ำว จ�ำเลยท่ ๑
และบริษัทผู้ผลิตไม่จ�ำต้องรับผิดชอบต่อควำมเสียหำยใด ๆ ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดไกล่เกล่ย ศำลจังหวัดเชียงรำยพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์


คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙




วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์ท�ำสัญญำ



ซ้อมะพร้ำวพร้อมด่มกับจ�ำเลยท้งสอง แต่สินค้ำเกิดควำมเสียหำย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญำและ


ให้จ�ำเลยท้งสองคืนเงินค่ำสินค้ำท่ช�ำระไปแล้วพร้อมดอกเบ้ยให้แก่โจทก์ คดีน้โจทก์และจ�ำเลย


ท้งสองอยู่ในประเทศไทย ท�ำสัญญำซ้อขำยสินค้ำกันในประเทศไทย กำรส่งมอบสินค้ำตกลง






ส่งมอบในประเทศไทย กำรท่โจทก์ผู้ซ้อมีวัตถุประสงค์ในกำรซ้อสินค้ำเพ่อส่งต่อไปยังประเทศ


สำธำรณรัฐประชำชนจีนน้นก็เป็นเร่องท่โจทก์ไปด�ำเนินกำรเอง จึงไม่ใช่สัญญำซ้อขำย


ระหว่ำงประเทศ ส่วนท่จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ จ�ำเลยท้งสองไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ และผู้ท ี ่





ท�ำสัญญำซ้อสินค้ำกับจ�ำเลยท่ ๑ คือบริษัทกำรลงทุนจงจ้ง สิบสองปันนำ จ�ำกัด ประเทศสำธำรณรัฐ



ประชำชนจีนน้น ก็เป็นเร่องท่ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงจำกพยำนหลักฐำนท่คู่ควำมแต่ละฝ่ำยจะ


ได้น�ำสืบต่อไปในช้นพิจำรณำว่ำผู้ใดเป็นผู้ท�ำสัญญำซ้อขำยสินค้ำกับจ�ำเลยท้งสอง ซ่งหำกรับ






ฟังข้อเท็จจริงได้ว่ำโจทก์ไม่ใช่ผู้ท�ำสัญญำซ้อขำย จ�ำเลยท้งสองก็ไม่ต้องรับผิดตำมฟ้อง โดยไม่
จ�ำต้องวินิจฉัยถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดระหว่ำงจ�ำเลยทั้งสองกับผู้ซื้อสินค้ำในต่ำงประเทศ
แต่อย่ำงใด แต่หำกรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่ำโจทก์เป็นผู้ท�ำสัญญำซ้อขำยสินค้ำกับจ�ำเลยท้งสอง


ก็เป็นกรณีที่ต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดตำมสัญญำซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยท้งสองซ่งต่ำงอยู่ในประเทศไทยด้วยกันและมีกำรส่งมอบสินค้ำในประเทศไทย กรณ ี


จึงไม่ใช่สัญญำซื้อขำยระหว่ำงประเทศ คดีนี้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
227


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































228

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทย กลีเซอรีน

ที่ วทป ๖๐/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทพีเคที โลจิสติกส์
(ประเทศไทย) จ�ำกัด จ�ำเลย




สภำพแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงให้จ�ำเลยรับผิดเพรำะ

เหตุล่ำช้ำ ท่จ�ำเลยรับจ้ำงโจทก์ด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือไปส่ง
ยังโรงงำนโจทก์ไม่เป็นไปตำมก�ำหนด คิดค่ำเสียหำยเป็นค่ำปรับแก่สำยเรือ ค่ำระวำง




ท่ำเรือเก็บรักษำสินค้ำ ค่ำเตรียมกำรติดต้งสินค้ำ หม้อต้มไอน้ำ และค่ำเสียหำยอ่น ๆ
รวม ๑,๓๓๙,๖๐๕.๑๓ บำท ส่วนจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธ โดยอ้ำงว่ำ โจทก์ตกลงเงื่อนไขกับ
ผู้ขนส่งในสำธำรณรัฐประชำชนจีนขอให้ผู้ขนส่งออกเอกสำรแยกปล่อยสินค้ำเป็น ๒ ชุด


แทนท่จะส่งมอบเอกสำรแก่จ�ำเลยเป็นเอกสำรชุดเดียวกันท้ง ๑๑ ตู้ โดยโจทก์ยินยอม


เสียค่ำใช้จ่ำยเพอควำมสะดวกในกำรขนถ่ำยสินค้ำ จำเลยมิได้ตกลงกบผ้ขนส่งด้วย





จำเลยจงไม่ต้องรบผดต่อโจทก์ เช่นนกำรทจำเลยตกลงรบเป็นตัวแทนด�ำเนนพิธกำร










ศุลกำกรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือเพ่อขนส่งให้แก่โจทก์ยังโรงงำนดังกล่ำวเป็นกำรให้





บริกำรแก่โจทก์เพ่อให้จ�ำเลยรับสินค้ำท่โจทก์ส่งซ้อจำกต่ำงประเทศ จึงเป็นกำรให้บริกำร
แก่โจทก์ในประเทศ มิใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ และเป็นเพียงนิติกรรมอ่นท ี ่

เก่ยวเน่องกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ เม่อคดีตำมค�ำฟ้องไม่มีประเด็นข้อพิพำท




เกยวกบกำรขนส่งสนค้ำทำงทะเลระหว่ำงประเทศอนเป็นประเดนหลกทต้องวนจฉย












เก่ยวกับสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิดตำมสัญญำขนส่งระหว่ำงประเทศตำม พ.ร.บ.

กำรรับขนของทำงทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ คดีจึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ





กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ.
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
___________________________

229





โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อประมำณเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ โจทก์ส่งซ้อสินค้ำหม้อต้มไอน้ำ
ส�ำหรับโรงงำนอุตสำหกรรมและอุปกรณ์จำกผู้ขำยในสำธำรณรัฐประชำชนจีน โดยบรรจุลงตู้

สินค้ำรวม ๑๑ ตู้ มีจ�ำเลยเป็นผู้ด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรเพ่อน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือกรุงเทพพร้อม

ขนส่งต่อไปยังโรงงำนโจทก์ท่จังหวัดสมุทรสำคร คิดเป็นค่ำจ้ำงบริกำรและค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ
๒๓๕,๖๔๖ บำท โดยจ�ำเลยต้องติดต่อประสำนงำนกับบริษัทฟรีจท์ มำร์ค ผู้ขนส่ง โจทก์ได้







ส่งมอบเอกสำรกำรนำเข้ำสนค้ำจำกผ้ขำยในสำธำรณรฐประชำชนจนให้แก่จำเลยแล้ว ต่อมำ

โจทก์ได้รับแจ้งจำกจ�ำเลยว่ำ เรือขนส่งจะน�ำตู้สินค้ำท้งหมดเดินทำงเข้ำมำถึงประเทศไทยใน
วันท่ ๒๕ มีนำคม ๒๕๖๐ ส�ำหรับตู้สินค้ำขนำดใหญ่ ๒ ตู้ ต้องขนย้ำยโดยใช้รถหัวลำกหำง

พิเศษโลว์เบด (Low bed) จ�ำเลยจึงติดต่อผู้ขนส่งให้แยกใบปล่อยสินค้ำ (Delivery Order, D/O)

ออกเป็น ๒ ชุด เป็นสินค้ำขนำดใหญ่ ๒ ตู้ ๑ ชุด และตู้สินค้ำท่เหลือ ๙ ตู้ อีก ๑ ชุด แต่


หลังจำกน้นเกิดกำรผิดพลำดเร่องเอกสำรใบปล่อยสินค้ำ ๒ ชุด น้นไม่สอดคล้องกับเอกสำรต้นทำง

ท่ส่งมำจำกผู้ขำย เป็นเหตุให้จ�ำเลยไม่สำมำรถขนถ่ำยสินค้ำออกจำกท่ำเรือได้ภำยในก�ำหนด

วันท่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๖๐ ด้วยควำมบกพร่องของจ�ำเลยส่งผลให้เกิดควำมล่ำช้ำข้น จ�ำเลยจึง


ท�ำกำรขอรวมใบปล่อยสินค้ำจำก ๒ ชุด กลับมำเป็น ๑ ชุด ตำมเดิม จึงสำมำรถน�ำสินค้ำออก
จำกท่ำเรือกรุงเทพขนส่งถึงโรงงำนโจทก์ได้เมื่อวันที่ ๑๘ เมษำยน ๒๕๖๐ ซึ่งล่ำช้ำกว่ำก�ำหนด

เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียค่ำปรับแก่ทำงสำยเรือ ๖๓๖,๘๐๐ บำท และค่ำระวำงท่ำเรือเก็บรักษำ

สินค้ำให้แก่กำรท่ำเรือแห่งประเทศไทย ๒๐๒,๘๐๕.๑๓ บำท นอกจำกนี้โจทก์ขอคิดค่ำเสียหำย

ในกำรเตรียมกำรติดต้งหม้อต้มไอน้ำ ค่ำขำดประโยชน์จำกควำมล่ำช้ำ และค่ำเสียหำยอ่น ๆ



๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ย โจทก์ทวงถำมแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้จ�ำเลยช�ำระเงิน

๑,๓๗๖,๒๑๔.๗๑ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๓๓๙,๖๐๕.๑๓ บำท

นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่ใช่ผู้บริโภค โจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยรับผิดเก่ยวกับกำร


ให้บริกำรขนถ่ำยสินค้ำท่โจทก์เป็นผู้น�ำเข้ำมำจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีน โดยจ�ำเลยเป็นผู้ม ี


หน้ำท่รับเอกสำรกำรปล่อยสินค้ำ จึงเป็นนิติกรรมเก่ยวเน่องกับกำรบริกำรขนส่งสินค้ำระหว่ำง

ประเทศ เอกสำรส�ำหรับออกสินค้ำท่โจทก์ส่งมอบแก่จ�ำเลยเป็นกำรขนส่งโดยมีตู้สินค้ำขนำดใหญ่

เป็นเอกสำรชุดเดียวกันท้ง ๑๑ ตู้ และขอให้ปล่อยสินค้ำเป็นชุดเดียวกันหำใช่เอกสำรท่จ�ำเลย


ขอให้มีกำรแยกให้ปล่อยสินค้ำเป็นเอกสำร ๒ ชุด กำรแยกปล่อยสินค้ำเป็น ๒ ชุด เป็นกำรด�ำเนิน

กำรของโจทก์และเป็นกำรประสำนกับบริษัทฟรีจท์ มำร์ค ผู้ขนส่ง เพ่อให้กำรท่ำเรือกรุงเทพ



230



ปล่อยสินค้ำเป็นเอกสำร ๒ ชุด และโจทก์ยินยอมเสียค่ำใช้จ่ำยท้งปวงเพ่อควำมสะดวกในกำร










ขนถ่ำยสนค้ำไปใช้ตำมวตถประสงค์ของโจทก์โดยรวดเรว จำเลยมได้มส่วนรบร้ด้วย เมอเกด


ควำมเสียหำยย่อมตกแก่โจทก์ฝ่ำยเดียว ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร

พิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
พิเครำะห์แล้ว กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำร


ระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำงประเทศ และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ




พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๕)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ สภำพแห่ง
ข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงให้จ�ำเลยรับผิดเพรำะเหตุล่ำช้ำท่จ�ำเลยรับจ้ำงโจทก์

ด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือไปส่งยังโรงงำนโจทก์ไม่เป็นไปตำมก�ำหนด
คิดค่ำเสียหำยเป็นค่ำปรับแก่สำยเรือ ค่ำระวำงท่ำเรือเก็บรักษำสินค้ำ ค่ำเตรียมกำรติดตั้งสินค้ำ

หม้อต้มไอน�้ำ และค่ำเสียหำยอื่น ๆ รวม ๑,๓๓๙,๖๐๕.๑๓ บำท ส่วนจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธ โดย

อ้ำงว่ำโจทก์ตกลงเง่อนไขกับผู้ขนส่งในสำธำรณรัฐประชำชนจีนขอให้ผู้ขนส่งออกเอกสำรแยก

ปล่อยสินค้ำเป็น ๒ ชุด แทนท่จะส่งมอบเอกสำรแก่จ�ำเลยเป็นเอกสำรชุดเดียวกันท้ง ๑๑ ตู้



โดยโจทก์ยินยอมเสียค่ำใช้จ่ำยเพ่อควำมสะดวกในกำรขนถ่ำยสินค้ำ จ�ำเลยมิได้ตกลงกับ

ผู้ขนส่งด้วย จ�ำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เช่นน้กำรท่จ�ำเลยตกลงรับเป็นตัวแทนด�ำเนินพิธีกำร

ศุลกำกรน�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือเพ่อขนส่งให้แก่โจทก์ยังโรงงำนดังกล่ำวเป็นกำรให้บริกำร



แก่โจทก์เพ่อให้จำเลยรบสินค้ำท่โจทก์สงซอจำกต่ำงประเทศ จึงเป็นกำรให้บรกำรแก่โจทก์ใน










ประเทศ มิใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ และเป็นเพียงนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่ง

ระหว่ำงประเทศ เม่อคดีตำมค�ำฟ้องไม่มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวกับกำรขนส่งสินค้ำทำงทะเล














ระหวำงประเทศอนเปนประเดนหลกทตองวนจฉยเกยวกบสทธหนำทและควำมรบผดตำมสญญำ











ขนส่งระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติกำรรับขนของทำงทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ คดน้จงมใช่





คดแพ่งเกยวกบกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนตกรรมอนท ่ ี







231



เก่ยวเน่องอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ










































232

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยแพน แยนจี โจทก์

ที่ วทป ๒๙/๒๕๖๑ นำยบุญยืน หมีเอี่ยม จ�ำเลย




สัญญำตำมฟ้องเป็นสัญญำท่คู่สัญญำต่ำงก็อยู่ภำยในประเทศ ตกลงกันภำยใน

ประเทศ กำรส่งมอบผลผลิตล�ำไยก็ไม่ปรำกฏว่ำต้องท�ำในต่ำงประเทศ กำรท่โจทก์
ผู้ซื้อมีวัตถุประสงค์ในกำรซื้อสินค้ำเพื่อส่งไปยังต่ำงประเทศนั้น เป็นเรื่องผลที่โจทก์ผู้ซื้อ
จะได้รับจำกกำรปฏิบัติตำมสัญญำของผู้ขำย ไม่ท�ำให้สัญญำซื้อขำยตำมฟ้องเป็นสัญญำ

ซื้อขำยระหว่ำงประเทศ

_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ จ�ำเลยตกลงขำยผลล�ำไยประจ�ำฤดูกำล
ผลิตปี ๒๕๖๐ จ�ำนวน ๖๗๐ ต้น คิดเป็นผลผลิตประมำณ ๕๐ ตัน ให้แก่โจทก์ โดยจ�ำเลยม ี

หน้ำที่บ�ำรุงต้นล�ำไยไม่ให้เกิดควำมเสียหำย รำดสำรบ�ำรุงตำมวันเวลำที่โจทก์ก�ำหนด ตลอดจน



ดูแลผลผลิตให้ได้มำตรฐำนกำรส่งออกจ�ำหนำยตำงประเทศ ในวันท�ำสัญญำโจทก์ช�ำระเงินมัดจ�ำ


ให้จ�ำเลย ๔๐๐,๐๐๐ บำท หำกจำเลยผดสัญญำยนยอมเสยค่ำปรบเป็นสองเท่ำของเงนมดจ�ำ





แต่จ�ำเลยผิดสัญญำไม่ได้ดูแลต้นล�ำไย ไม่ได้รำดสำรบ�ำรุงตำมวันเวลำท่โจทก์ก�ำหนด ท�ำให้

ผลล�ำไยมีขนำดและลักษณะสีผลไม่ได้มำตรฐำนกำรส่งออกจ�ำหน่ำยต่ำงประเทศ ต่อมำในวันท ่ ี
๒๒ ตุลำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยผิดสัญญำโดยเก็บผลผลิตล�ำไยน�ำออกจ�ำหน่ำยให้แก่บุคคลภำยนอก











โจทก์ทวงถำมให้จำเลยชำระเงนมดจำพร้อมค่ำปรบคน แต่จำเลยเพกเฉย ขอให้บงคบจำเลย

ช�ำระเงิน ๑,๒๑๒,๕๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บำท
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยปฏิบัติตำมสัญญำแล้ว แต่โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำ จ�ำเลยจึง
ไม่ต้องคืนเงินมัดจ�ำ ๔๐๐,๐๐๐ บำท คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ หนังสือมอบ

อ�ำนำจให้ฟ้องคดีเป็นโมฆะ หนังสือสัญญำซ้อขำยล�ำไยระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยมีลักษณะเป็น
ข้อสัญญำไม่เป็นธรรม ตกเป็นโมฆะ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่ำว
ทวงถำม โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง






233


ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดสระแก้วพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่


จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ


และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรอไม่ เหนว่ำ ตำมคำฟ้องและ


ค�ำให้กำรมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยว่ำ จ�ำเลยผิดสัญญำซ้อขำยผลล�ำไยกับโจทก์หรือไม่

เม่อได้ควำมตำมค�ำฟ้องว่ำ สัญญำตำมฟ้องเป็นสัญญำท่คู่สัญญำต่ำงก็อยู่ภำยในประเทศ ตกลงกัน


ภำยในประเทศ กำรส่งมอบผลผลิตล�ำไยก็ไม่ปรำกฏว่ำต้องท�ำในต่ำงประเทศ กำรท่โจทก์

ผู้ซื้อมีวัตถุประสงค์ในกำรซื้อสินค้ำเพื่อส่งไปยังต่ำงประเทศนั้น เป็นเรื่องผลที่โจทก์ผู้ซื้อจะได้รับ

จำกกำรปฏิบัติตำมสัญญำของผู้ขำย ไม่ท�ำให้สัญญำซ้อขำยตำมฟ้องเป็นสัญญำซ้อขำยระหว่ำง


ประเทศ จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ



ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ


วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๑



เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ





สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



234

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทพีบีเอส ลอว์ จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๕๒/๒๕๖๑ บริษัทนำฟดีพำค

คอร์ปอเรชั่น จ�ำกัด จ�ำเลย



โจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยของประเทศไทย มีสถำน



ประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน กำรท่โจทก์ให้ค�ำปรึกษำและให้ควำมเหนทำง
กฎหมำยแก่จ�ำเลยย่อมเป็นกำรให้บริกำรภำยในประเทศ
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจ


ทนำยควำมและท่ปรึกษำกฎหมำย จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์
ประกอบธุรกิจจ�ำหน่ำย น�ำเข้ำ ส่งออก สินค้ำอุปโภคบริโภค เมื่อเดือนสิงหำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลย




ว่ำจ้ำงโจทก์ท�ำหน้ำท่เป็นท่ปรึกษำกฎหมำย เสนอขำยหุ้นท่ออกใหม่แก่ประชำชน จัดท�ำรำยงำน
ตรวจวิเครำะห์สถำนะกิจกำรของบริษัทริช ยีลด์ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด ท�ำควำมเห็นกฎหมำย







เก่ยวกับสถำนะองค์กรบริษทจ�ำเลย, สตเฟนสัน ฮำร์วด และสตอคเดลซเคยวรตส์ ต่อมำ



เดือนตุลำคม ๒๕๕๙ โจทก์ให้ควำมเห็นกฎหมำยเพ่มเติมเก่ยวกับร่ำงสัญญำแลกเปล่ยนหุ้นท ่ ี





สตีเฟนสัน ฮำร์วูด ได้ท�ำข้น โจทก์ท�ำงำนท่รับจ้ำงแล้วเสร็จแต่จ�ำเลยไม่ช�ำระค่ำจ้ำงแก่โจทก์
ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒,๖๘๑,๖๖๑.๕๑ บำท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของเงินต้น ๒,๕๘๘,๐๖๕.๗๑ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยมีฐำนะเป็นเพียงผู้กระท�ำกำรแทนหรือเป็นตัวแทนของ เจเอสเอ็น

เอ็นเตอร์ไพรส์ ลิมิเต็ด ซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยแห่งหมู่เกำะบริติชเวอร์จิน


ผู้ว่ำจ้ำงโจทก์โดยผู้ว่ำจ้ำงดังกล่ำวมอบหมำยหน้ำท่ให้จ�ำเลยติดต่อประสำนงำนเก่ยวกับกำรให้

ข้อมูลหรือกำรแสดงสถำนะทำงเอกสำรท่เก่ยวข้องตำมท่โจทก์ร้องขอ กำรว่ำจ้ำงโจทก์น้นเพ่อ




เป็นกำรให้ควำมเห็นทำงกฎหมำยหรือให้ค�ำปรึกษำด้ำนกฎหมำยระหว่ำงประเทศแก่จ�ำเลย
ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัดสตีเฟนสัน ฮำร์วูด ซ่งเป็นนิติบุคคลแห่งสำธำรณรัฐสิงคโปร์ และสต็อกเดล



















ซเคยวรต ลมเตด ซงเป็นนตบคคลแห่งสหรำชอำณำจกรเพอดำเนนกำรให้บรษทใดบรษทหนง







ซ่งมีสำขำท่สหรำชอำณำจักร และถือว่ำเป็นพันธมิตรกับผู้ว่ำจ้ำงเข้ำด�ำเนินกำรจดทะเบียนน�ำหุ้น


เข้ำตลำดหุ้นในสหรำชอำณำจักร อันเป็นกำรให้ค�ำปรึกษำเก่ยวกับกำรระดมทุนเพ่อกำรซ้อขำย


235



เสนอขำยหุ้นแก่ประชำชน โจทก์มิใช่ผู้มีควำมรู้เช่ยวชำญด้ำนให้บริกำรท่ปรึกษำกฎหมำยหรือ
ให้ควำมเห็นทำงกฎหมำยระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยมิใช่คู่สัญญำโดยตรงกับโจทก์ ไม่มีหน้ำท่ต้อง

















ชำระหนแกโจทก และคดอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้องหรือจ�ำหน่ำยคดีจำกสำรบบควำมศำลแพ่งธนบุรี

ในวันนัดพร้อม ศำลแพ่งธนบุรีพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ
คดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย













ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำช

บัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธพิจำรณำคดีทรพย์สิน


ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ





จ�ำเลยวำจำงโจทก์ทำหน้ำท่ให้ค�ำปรึกษำและให้ควำมเหนทำงกฎหมำยแล้วจำเลยไม่ชำระคำจำง




แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยเป็นเพียงผู้กระท�ำกำรแทนหรือตัวแทนนิติบุคคลจำก
ต่ำงประเทศซ่งมอบหมำยหน้ำท่ให้จ�ำเลยซ่งเป็นนิติบุคคลในประเทศไทยประสำนงำนกับโจทก์







ในกำรให้ข้อมูลประกอบเพอให้โจทก์ให้ควำมเห็นหรอคำปรกษำทำงกฎหมำยระหว่ำงประเทศ


แก่จ�ำเลยและนิติบุคคลอ่น ๆ ในกำรจดทะเบียนน�ำหุ้นเข้ำตลำดหุ้นของสหรำชอำณำจักร

กำรระดมทุนเพ่อกำรซ้อขำย และเสนอขำยหุ้นแก่ประชำชน จ�ำเลยไม่ใช่ผู้ว่ำจ้ำงและไม่ใช่คู่สัญญำ

โดยตรงกับโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิดตำมฟ้อง คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวกับสิทธิหน้ำท่และ



ควำมรับผิดระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมสัญญำจ้ำงท�ำของ มิใช่เป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่ง

ไปยังอีกประเทศหน่ง ท้งโจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยของประเทศไทย

มีสถำนประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน กำรท่โจทก์ให้ค�ำปรึกษำและให้ควำมเห็น

ทำงกฎหมำยแก่จ�ำเลยย่อมเป็นกำรให้บริกำรภำยในประเทศ กรณีไม่มีปัญหำข้อพิพำทเกี่ยวกับ


กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
236


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ







สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ















































237

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเค ไลน์ โลจิสติคส์

ที่ วทป ๒๑/๒๕๖๒ (ประเทศไทย) จ�ำกัด โจทก์

บริษัทนิชโช ไซโก้ (ประเทศไทย)
จ�ำกัด จ�ำเลย




นิติสัมพันธ์ท่จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์คงมีปัญหำข้อพิพำทเฉพำะตำมสัญญำจ้ำงโจทก์


ให้เป็นตัวแทนจัดกำรขนส่งไม่ใช่สัญญำจ้ำงขนส่ง จึงเป็นเพียงนิติกรรมท่เก่ยวเน่องกับ




กำรขนส่ง ซ่งคดีแพ่งท่จะถือว่ำเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรม





อ่นท่เก่ยวข้องน้น จะต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำรขนส่งระหว่ำงประเทศเป็นหลัก
















ก่อน แล้วข้อพพำทเกยวกบนตกรรมอนทเกยวเนองกบกำรขนส่งระหว่ำงนนจงจะถอว่ำ



อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศด้วย





ส่วนคดีท่มีเฉพำะข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ

โดยล�ำพังหำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศไม่
_____________________________

โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจกำรขนถ่ำยสินค้ำ ส่วน
จ�ำเลยประกอบกิจกำรค้ำขำยสินค้ำ ช่วงเดือนมกรำคมถึงเดือนเมษำยน ๒๕๖๑ จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์
ด�ำเนินกำรน�ำเข้ำและส่งออกสินค้ำ ด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกร ให้บริกำรโลจิสติกส์ และบริกำรอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง เมื่อโจทก์ให้บริกำรแก่จ�ำเลยแล้วได้ส่งแจ้งใบเรียกเก็บไปยังจ�ำเลยรวม ๒๒ ฉบับ คิด
เป็นต้นเงินค้ำงช�ำระค่ำบริกำรท้งส้น ๕๙๗,๕๓๓.๔๑ บำท โจทก์ทวงถำม แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้


บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๖๓๘,๔๕๙.๗๖ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน
๕๙๗,๕๓๓.๔๑ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องคดีต่อศำลจังหวัดระยอง เพรำะเป็นคดีเกี่ยวกับ
กำรรับขนของทำงทะเล ซึ่งอยู่ในเขตอ�ำนำจศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
จ�ำเลยไม่ต้องรับผิดในยอดหน้ตำมฟ้อง ด้วยใบเรียกเก็บค่ำบริกำรไม่มีข้อควำมระบุว่ำจ�ำเลย


ตกลงท�ำสัญญำกับโจทก์ อีกท้งค่ำบริกำรท่โจทก์ฟ้องก็อยู่ในต่ำงประเทศ และโจทก์มิได้ระบุเทอม










ของกำรขนส่งทจำเลยจะต้องรบผดในค่ำบรกำรดงกล่ำว คำฟ้องเคลอบคลม ตลอดจนกำรคด


ต้นเงินและดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมำย ขอให้ยกฟ้อง
238

ในวันนัดพร้อม ศำลจังหวัดระยอง เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ


พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องพิจำรณำตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๕) แห่ง

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ ว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ

กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำร

มีปัญหำให้ต้องพิจำรณำเพียงว่ำ จ�ำเลยต้องช�ำระค่ำขนส่งภำยในประเทศ (Inland Charge)

ค่ำผ่ำนประตูท่ำเรือ (Gate Fee) ค่ำธรรมเนียมกำรปฏิบัติพิธีศุลกำกรและกำรช�ำระภำษีอำกร

ทำงอิเลกทรอนิกส์แบบไร้เอกสำร (Paperless) ค่ำพธีกำรศุลกำกร (Customs Clearance)

ค่ำขนส่ง (Transportation) ค่ำธรรมเนียมใบตรำส่งส�ำหรับขนส่งสินค้ำขำออก (B/L Fee) ค่ำเวนคืน

ใบตรำส่ง (Surrender B/L) ค่ำย้ำยตู้สินค้ำหน้ำท่ำเรือไปยังลำน (THC หรือ Terminal Handling
Charge) ค่ำบรรจุหรือค่ำขนถ่ำยสินค้ำออกจำกตู้สินค้ำ (CFS หรือ Container Freight Station)

ค่ำยกตู้สินค้ำ (Lift On - Off) ค่ำระบบส่งบัญชีสินค้ำล่วงหน้ำ (AMS หรือ Automated Manifest

System) ค่ำซีลล็อกตู้สินค้ำ (Seal) ค่ำตรวจตู้สินค้ำ (Inspection) ค่ำระวำงเรือ (Ocean Freight)


และค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ ให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด เห็นว่ำนิติสัมพันธ์ท่จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์คงม ี
ปัญหำข้อพิพำทเฉพำะตำมสัญญำจ้ำงโจทก์ให้เป็นตัวแทนจัดกำรขนส่งไม่ใช่สัญญำจ้ำงขนส่ง




จึงเป็นเพียงนิติกรรมท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่ง ซ่งคดีแพ่งท่จะถือว่ำเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำร




ขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวข้องน้น จะต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำร







ขนส่งระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน แล้วข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่ง

ระหว่ำงน้นจึงจะถือว่ำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ


ระหว่ำงประเทศด้วย ส่วนคดีท่มีเฉพำะข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่ง





ระหว่ำงประเทศโดยล�ำพังหำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ



กำรค้ำระหว่ำงประเทศไม่ เม่อคดีน้ไม่มีข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำง





ประเทศ คงมีเฉพำะข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ

เท่ำน้น จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องอันจะอยู่





239

ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัต ิ


มำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ










































240

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทวัชระบรรจุภัณฑ์

ที่ วทป ๒๓/๒๕๖๒ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทหงสรถ จ�ำกัด จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ



หรือไม่น้น เน่องจำกคดีน้โจทก์และฝ่ำยจ�ำเลยต่ำงก็มีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย โดย
โจทก์ฟ้องเรียกร้องสิทธิตำมสัญญำซื้อขำยเครื่องจักร และจ�ำเลยให้กำรปฎิเสธว่ำไม่เคย

ท�ำนิติกรรมซ้อขำยกับโจทก์มำก่อน กรณีจึงมีข้อพิจำรณำในคดีเพียงว่ำ จ�ำเลยจะต้อง
รับผิดช�ำระเงินคืนให้แก่โจทก์ตำมสัญญำซื้อขำยเครื่องจักรตำมฟ้องโจทก์หรือไม่เท่ำนั้น



ไม่มีปัญหำต้องพิจำรณำถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิดของผู้ซ้อกับผู้ขำยสินค้ำตำมหลัก




กฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำร

ซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำง

ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีนำยวิเชียรเป็นกรรมกำร








ผ้มอำนำจ มวตถประสงค์ในกำรประกอบกจกำรผลต และรบจ้ำงผลตผลตภณฑ์พลำสตก






ทุกชนิด ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีนำงดวงใจ พุ่มเกตุ เป็นกรรมกำร





ผู้มีอ�ำนำจ เม่อวันท่ ๙ ตุลำคม ๒๕๖๐ โจทก์ได้ท�ำสัญญำซ้อขำยเคร่องจักรจ�ำนวน ๑ เคร่อง

มีขนำดก�ำลังผลิต ๔๐๐๐ ใบ ต่อช่วโมง รวมถึงอุปกรณ์ท่ใช้ประกอบเคร่องจักรพร้อมด้วยแม่พิมพ์



๑ ชุด เพ่อเพ่มกำรผลิต โดยตกลงแบ่งช�ำระเงินค่ำซ้อเคร่องจักรให้แก่จ�ำเลยเป็นสำมงวด



งวดแรกจ�ำนวน ๑,๒๔๑,๓๐๐ บำท งวดที่สองจ�ำนวน ๑,๕๕๑,๕๐๐ บำท และงวดที่สำมจ�ำนวน
๓๑๐,๓๐๐ บำท ตำมล�ำดับ ในวันท�ำสัญญำโจทก์ได้ช�ำระเงินงวดแรกให้แก่จ�ำเลยแล้ว ต่อมำ
โจทก์ได้รับแจ้งจำกจ�ำเลยว่ำ เคร่องจักรมำถึงท่ำเรือท่ประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีนแล้ว


อยู่ระหว่ำงเตรียมน�ำเข้ำมำยังรำชอำณำจักรไทย โจทก์จึงได้ช�ำระเงินค่ำซื้อเครื่องจักรงวดที่สอง
แก่จ�ำเลยตำมสัญญำ ปรำกฏว่ำ ภำยหลังช�ำระเงินแล้วจ�ำเลยไม่ได้น�ำเครื่องจักรมำท�ำกำรติดตั้ง
241


ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำ โจทก์ได้ติดต่อทวงถำมจ�ำเลยหลำยคร้ง แต่จ�ำเลยเพิกเฉยกำรกระท�ำ
ของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๓,๐๒๕,๔๒๕ บำท


พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวน ๒,๗๙๒,๗๐๐ บำท นับถัดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียโอกำสหรือขำดประโยชน์


เดือนละ ๔๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเงินค่ำเคร่องจักร
คืนให้แก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง และจ�ำเลยขอปฏิเสธฟ้องทั้งสิ้นเนื่องจำกจ�ำเลย


ไม่เคยเสนอรำคำเคร่องจักรพร้อมอุปกรณ์ให้แก่โจทก์ตำมท่โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องแต่อย่ำงใด




ไม่เคยรับเงินจำกโจทก์ ท้งยังไม่เคยตกลงกับโจทก์ในกำรท�ำสัญญำซ้อขำยเคร่องจักรพร้อม
อุปกรณ์แต่อย่ำงใด และไม่เคยตกลงกับโจทก์ว่ำจ�ำเลยจะเป็นผู้ด�ำเนินกำรขนส่ง จัดส่งและติดตั้ง


เคร่องจักรให้แก่โจทก์ ส�ำเนำเอกสำรท่โจทก์กล่ำวอ้ำงตำมฟ้องไม่ใช่ต้นฉบับไม่สำมำรถรับฟัง
เป็นพยำนหลักฐำนได้ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ


คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

หรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน


ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญัติจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำ






และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ คดีนี้โจทก์และจ�ำเลย
ต่ำงก็มีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย โดยโจทก์ฟ้องเรียกร้องสิทธิตำมสัญญำซ้อขำยเคร่องจักร








และจำเลยใหกำรปฏเสธวำไมเคยท�ำนตกรรมซอขำยกบโจทก์มำกอน กรณจงมขอพจำรณำในคด ี










เพียงว่ำ จ�ำเลยจะต้องรับผิดช�ำระเงินคืนให้แก่โจทก์ตำมสัญญำซื้อขำยเครื่องจักรตำมฟ้องโจทก์


หรือไม่เท่ำน้น ไม่มีปัญหำต้องพิจำรณำถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรบผิดของผู้ซ้อกับผู้ขำยสินค้ำ







ตำมหลกกฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำร
ซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศที่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
242

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ




วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ













































243

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัท ๓๓๘ อินเตอร์เทรด

ที่ วทป ๔๗/๒๕๖๒ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทคูห์เน่ พลัส นำเกิ้ล
จ�ำกัด จ�ำเลย






โจทก์ส่งซ้อองุ่นสดจำกต่ำงประเทศ จ�ำเลยไม่ได้เตรียมเอกสำรใบรำยงำนกำร


ควบคุมอุณหภูม ท�ำให้โจทก์รับสินค้ำไม่ได้ กำรท่โจทก์และจ�ำเลยต่ำงก็อยู่ในประเทศไทย


บริกำรของจ�ำเลยก็เกิดขนในประเทศไทย จงไม่ใช่กรณของกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ



___________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ส่งซ้อสินค้ำประเภทผลไม้องุ่นสดจำกบริษัทโลเคต แอนด์ โกรว



พีทีอี จ�ำกัด ผู้ขำยซ่งอยู่ท่สำธำรณรัฐสิงคโปร์จ�ำนวน ๒,๙๕๒ กล่อง ผู้ขำยได้ติดต่อคู่ค้ำคือ
บริษัทฟรุ๊ตตำ ริก้ำ เอส. เอ. ซี. จ�ำกัด ในสำธำรณรัฐเปรู ให้จัดส่งสินค้ำให้แก่โจทก์ ผู้ขำยได้ติดต่อ
ให้บริษัทคูห์เน่ พลัส นำเก้ล พีทีอี จ�ำกัด เป็นผู้จัดกำรขนส่ง มีหน้ำท่ว่ำจ้ำงผู้ขนส่งทำงทะเล


ขนส่งสินค้ำจำกท่ำเรือคัลเลำ สำธำรณรัฐเปรู มำส่งมอบให้แก่โจทก์ ณ ท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย




และจดหำต้สนค้ำแบบควบคุมอณหภมิส�ำหรบน�ำไปบรรจสนค้ำองุ่นสดเพ่อรักษำและคงสภำพ





สินค้ำในกำรขนส่ง บริษัทคูห์เน่ พลัส นำเก้ล พีทีอี จ�ำกัด มีจ�ำเลยเป็นตัวแทนในประเทศไทย

ในกำรจัดเตรียมเอกสำร อ�ำนวยควำมสะดวกและส่งมอบเอกสำรส�ำคัญอันจ�ำเป็นให้แก่โจทก์

ซ่งเป็นผู้รับสินค้ำปลำยทำงเพ่อให้น�ำเอกสำรส�ำคัญดังกล่ำวไปด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรและ

รับมอบสินค้ำออกจำกอำรักขำของศุลกำกรและคลังสินค้ำของท่ำเรือได้โดยเรียบร้อยและรวดเร็ว









เมอวนท ๑๕ เมษำยน ๒๕๖๑ ผ้ขนส่งทำงทะเลได้นำสนค้ำมำส่งมอบ ณ ท่ำเรอแหลมฉบง


แต่จ�ำเลยไม่ได้จัดเตรียมเอกสำรใบรำยงำนกำรควบคุมอุณหภูมิของตู้สินค้ำเพ่อส่งมอบให้แก่โจทก์
ท�ำให้ไม่สำมำรถน�ำสินค้ำองุ่นสดออกมำจำกอำรักขำของศุลกำกรและคลังสินค้ำของท่ำเรือ


ได้ทันที โจทก์ได้รับเอกสำรจำกจ�ำเลยและสำมำรถด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรได้เม่อวันท่ ๒๑ เมษำยน ๒๕๖๑
ซ่งพ้นช่วงเทศกำลสงกรำนต์ท่จะขำยสินค้ำในรำคำตลำดท่สูงและสินค้ำองุ่นท้งหมด




ได้รับควำมเสียหำย กำรกระท�ำของจ�ำเลยถือเป็นกำรกระท�ำโดยประมำทปรำศจำกระมัดระวัง



ดังผู้ซ่งมีวิชำชีพมีควำมรู้ควำมเช่ยวชำญเก่ยวข้องกับกำรจัดเตรียมเอกสำรกำรน�ำเข้ำสินค้ำ
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒๒,๑๙๖.๘๒ ดอลลำร์สหรัฐ พร้อม
244

ดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๐,๖๖๔ ดอลลำร์สหรัฐ นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้น

ไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


จ�ำเลยไม่ได้มีหน้ำท่จัดเตรียมเอกสำรใบรำยงำนควบคุมอุณหภูมิของตู้สินค้ำเพ่อมอบให้โจทก์

น�ำไปส�ำแดงในกำรด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรเน่องจำกเป็นหน้ำท่ของสำยกำรเดินเรือคอสโก้ท่เป็น


เจ้ำของตู้สินค้ำ จ�ำเลยเป็นเพียงผู้ประสำนงำนกับตัวแทนของสำยเดินเรือดังกล่ำว จ�ำเลยได้ติดต่อ

ประสำนงำนกับสำยกำรเดินเรืออย่ำงดีท่สุดแล้ว เหตุท่สำยกำรเดินเรือส่งมอบเอกสำรให้จ�ำเลย

เมื่อวันที่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๖๑ เกิดจำกโจทก์ค้ำงช�ำระค่ำเสียเวลำตู้สินค้ำ (Demurrage) ท�ำให้

สำยกำรเดินเรือไม่ยอมปล่อยเอกสำร เอกสำรใบรำยงำนควบคุมอุณหภูมิของตู้สินค้ำไม่ใช่

เอกสำรจ�ำเป็นส�ำหรับด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกร หำกแต่เป็นเอกสำรประกอบในกำรตรวจตู้สินค้ำ

กับด่ำนตรวจพืชเกษตรแหลมฉบัง สินค้ำโจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยจริงเพรำะตู้สินค้ำสำมำรถ
รักษำควำมเย็นได้ตำมปกติ โจทก์ไม่เคยแจ้งให้ทรำบว่ำจะต้องขนส่งสินค้ำให้ทันเทศกำลสงกรำนต์

ควำมเสียหำยที่โจทก์กล่ำวอ้ำงจึงไม่ใช่ควำมเสียหำยอันเกิดจำกพฤติกำรณ์พิเศษ ขอให้ยกฟ้อง

ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ











คดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย



ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๕)


แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ
โจทก์สั่งซื้อสินค้ำประเภทผลไม้องุ่นสดจำกผู้ขำยซึ่งอยู่ที่สำธำรณรัฐสิงคโปร์ ผู้ขำยได้ติดต่อคู่ค้ำ

ในสำธำรณรัฐเปรูให้จัดส่งสินค้ำให้แก่โจทก์ ผู้ขำยได้ติดต่อให้บริษัทคูห์เน่ พลัส นำเก้ล พีทีอ ี

จ�ำกัด เป็นผู้จัดกำรขนส่ง มีหน้ำท่ว่ำจ้ำงผู้ขนส่งทำงทะเลขนส่งสินค้ำจำกท่ำเรือคัลเลำ สำธำรณรัฐ
เปรู มำส่งมอบให้แก่โจทก์ ณ ท่ำเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย และจัดหำตู้สินค้ำแบบควบคุมอุณหภูม ิ

ส�ำหรับน�ำไปบรรจุสินค้ำองุ่นสดเพ่อรักษำและคงสภำพสินค้ำในกำรขนส่ง บริษัทคูห์เน่ พลัส
นำเก้ล พีทีอี จ�ำกัด มีจ�ำเลยเป็นตัวแทนในประเทศไทยในกำรจัดเตรียมเอกสำร อ�ำนวยควำม

สะดวกและส่งมอบเอกสำรส�ำคัญอันจ�ำเป็นให้แก่โจทก์ซ่งเป็นผู้รับสินค้ำปลำยทำงเพ่อให้น�ำ




245














เอกสำรสำคญดงกลำวไปดำเนนพธกำรศลกำกรและรบมอบสนคำออกจำกอำรกขำของศลกำกร

และคลังสินค้ำของท่ำเรือได้โดยเรียบร้อยและรวดเร็ว เม่อผู้ขนส่งทำงทะเลได้น�ำสินค้ำมำ

ส่งมอบ ณ ท่ำเรือแหลมฉบัง จ�ำเลยไม่ได้จัดเตรียมเอกสำรใบรำยงำนกำรควบคุมอุณหภูม ิ
ของตู้สินค้ำเพ่อส่งมอบให้แก่โจทก์ ท�ำให้โจทก์ไม่สำมำรถน�ำสินค้ำองุ่นสดออกมำจำกอำรักขำ

ของศุลกำกรและคลังสินค้ำของท่ำเรือได้ทันทีจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จ�ำเลย
ให้กำรว่ำ หน้ำท่ของจ�ำเลยตำมท่โจทก์กล่ำวอ้ำงและเป็นเหตุท่ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย



เป็นกำรกระท�ำในฐำนะตัวแทนของบริษัทผู้จัดกำรขนส่งในต่ำงประเทศท่มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำ




หน้ำท่เฉพำะในส่วนท่เก่ยวกับกำรจัดเตรียมเอกสำรอันจ�ำเป็นส�ำหรับกำรด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกร
ให้แก่โจทก์ ไม่ได้เก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรของจ�ำเลย

จึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงให้ต้องพิจำรณำว่ำจ�ำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตำมฟ้องหรือไม่ เม่อกำร

บริกำรระหว่ำงประเทศมีลักษณะของกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่ง แล้วเป็นผลให้ผู้รับบริกำร










ได้รบบรกำรนนในอกประเทศหนง กำรทโจทก์และจำเลยต่ำงอย่ในประเทศไทย บรกำรของ




จ�ำเลยก็เกิดขึ้นในประเทศไทย จึงไม่ใช่กรณีของกำรให้บริกำรระหวำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ









246

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเทพยนต์ แอโรโมทีฟ

ที่ วทป ๕๓/๒๕๖๒ อินดัสตรีส์ จ�ำกัด

กับพวก โจทก์
กรุงเทพมหำนคร จ�ำเลย













แม้รถดบเพลงและอปกรณ์บรรเทำสำธำรณภยทโจทก์ดแลเกบรกษำจะเป็น
สินค้ำที่ส่งมอบระหว่ำงผู้ขำยในต่ำงประเทศกับจ�ำเลย แต่นิติสัมพันธ์ระหว่ำงผู้เกี่ยวข้อง
มีสำระส�ำคัญเป็นเรื่องกำรฝำกทรัพย์ จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรในประเทศ
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยทำสญญำซอขำยรถและเรอดบเพลงพร้อมอปกรณ์บรรเทำ








สำธำรณภัยกับบริษัทสไตเออร์ - เดมเลอร์ - พุค (STEYR - DAIMLER - PUCH Spezialfahzeug
AG & CO KG) ต่อมำมีกำรส่งมอบรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยมำเก็บไว้
ท่ท่ำเรือแหลมฉบัง ตัวแทนจ�ำเลยได้ด�ำเนินกำรขอรับรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัย

จ�ำนวน ๑๗๖ คัน จำกนำยด่ำนศุลกำกร ท่ำเรือแหลมฉบัง โดยขอผ่อนผันรับของออกไปก่อนปฏิบัต ิ
พิธีกำรศุลกำกร พร้อมน�ำรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยดังกล่ำวจำกแหลมฉบัง
มำจอดเก็บฝำกไว้ในพื้นที่อันเป็นที่ท�ำกำรโรงงำนของโจทก์ที่ ๑ ที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อให้โจทก์ที่ ๑


รับฝำกเก็บ ดูแลรักษำในเบ้องต้นเพ่อด�ำเนินกำรท�ำควำมสะอำด ติดต้งเคร่องมือส่อสำร





ติดสติกเกอร์รำยช่อ ตำมบันทึกกำรรับมอบรถยนต์ดับเพลิงและรถกู้ภัย เอกสำรท้ำยค�ำฟ้อง

หมำยเลข ๔ และ ๕ ระหว่ำงท่โจทก์ท้งสองดูแลรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัย



เกิดเหตุน้ำท่วมท�ำให้รถเสียหำย จ�ำเลยส่งให้โจทก์เปล่ยนแปลงและซ่อมแซมส่วนท่สึกหรอ


จ�ำเลยกับบริษัทสไตเออร์ - เดมเลอร์ - พุค มีข้อพิพำทจนคณะอนุญำโตตุลำกำรมีค�ำช้ขำดให้


รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยจ�ำนวน ๑๗๖ คัน เป็นกรรมสิทธ์ของจ�ำเลย โจทก์


ท้งสองเคยแจ้งให้จ�ำเลยขนย้ำยรถท้ง ๑๗๖ คัน ออกจำกท่ดินและส่งปลูกสร้ำงของโจทก์ท่ ๒




แต่จ�ำเลยเพิกเฉยไม่ด�ำเนินกำรให้ จ�ำเลยเพ่งขอรับรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัย

ไปภำยหลัง ท�ำให้โจทก์ท้งสองได้รับควำมเสียหำยไม่สำมำรถน�ำพ้นท่ท่ใช้เก็บรถดับเพลิงและ





อปกรณ์บรรเทำสำธำรณภยไปใช้ในทำงกำรค้ำอย่ำงอนได้ระหว่ำงวนท ๓๐ มกรำคม ๒๕๔๙






ถึงวันท่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๕๙ และต้องเสียค่ำใช้จ่ำยอย่ำงอ่นหลำยประกำร ขอให้บังคับจ�ำเลย

247


ช�ำระเงิน ๑,๔๘๙,๙๖๘,๑๕๙.๘๕ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน
๑,๒๒๕,๗๒๓,๙๑๒.๓๒ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยได้ลงนำมในข้อตกลงซ้อขำยประกอบบันทึกข้อตกลงควำมเข้ำใจ
ระหว่ำงรำชอำณำจักรไทยและสำธำรณรัฐออสเตรีย กับบริษัทสไตเออร์ - เดมเลอร์ - พุค โดย


จ�ำเลยตกลงซ้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัย ก�ำหนดให้ผู้ขำยส่งมอบสินค้ำให้จ�ำเลย
ณ ท่ำเรือคลองเตย ท่ำเรือสัตหีบ ท่ำเรือแหลมฉบัง หรือท่ำอำกำศยำนกรุงเทพ ผู้ขำยได้จัดส่งสินค้ำ
ทำงเรือมำถึงท่ำเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จ�ำเลยจึงได้มีหนังสือไปยังนำยด่ำนศุลกำกร

ท่ำเรือแหลมฉบัง ขอผ่อนผันให้รับของออกไปก่อนกำรปฏิบัติพิธีกำรศุลกำกร โจทก์ทั้งสองได้น�ำ

รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยจ�ำนวน ๑๗๖ คัน ออกไปจำกท่ำเรือแหลมฉบังไป





เก็บรักษำไว้ท่สถำนท่ของโจทก์ท้งสอง โดยจ�ำเลยไม่ได้มอบหมำยให้โจทก์ท้งสองหรือบริษัท
สไตเออร์ - เดมเลอร์ - พุค เป็นผู้น�ำรถดังกล่ำวไปเก็บรักษำ จ�ำเลยได้ด�ำเนินกำรเคล่อนย้ำย


รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยจ�ำนวน ๑๗๖ คัน ออกจำกท่ดินและโรงงำนของ


โจทก์ท่ ๒ แล้ว สัญญำตำมข้อตกลงซ้อขำยประกอบบันทึกข้อตกลงควำมเข้ำใจระหว่ำง
รำชอำณำจักรไทยและสำธำรณรัฐออสเตรีย กับบริษัทสไตเออร์ - เดมเลอ - พุค ไม่มีผลผูกพัน
ตำมกฎหมำย เพรำะบริษัผู้ขำยกระท�ำควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยควำมผิดเก่ยวกับ


กำรเสนอรำคำต่อหน่วยงำนของรฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ และมควำมผดฐำนสนับสนนเจ้ำพนกงำน







ในกำรปฏิบัติหน้ำท่โดยมิชอบท�ำให้รำชกำรเสียหำย ฟ้องโจทก์ท้งสองเป็นฟ้องซ้ำ จ�ำเลยไม่ม ี
นิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง ค่ำเสียหำยที่ฝ่ำยโจทก์เรียกมำ


ไม่ถูกต้อง ฟ้องโจทก์ท้งสองขำดอำยุควำม คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ

และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ





กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคด ี


ไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำม
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท ่ ี




เก่ยวเน่อง ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
248

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท�ำสัญญำซ้อขำยรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทำ
สำธำรณภัยกับบริษัทสไตเออร์ - เดมเลอร์ - พุค (STEYR - DAIMLER - PUCH Spezialfahzeug

AG & CO KG) ต่อมำมีกำรส่งมอบรถและเรือดับเพลิงมำเก็บไว้ท่ท่ำเรือแหลมฉบัง ตัวแทนจ�ำเลยได้
ด�ำเนินกำรขอรับรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยจ�ำนวน ๑๗๖ คัน จำกนำยด่ำน













ศลกำกร ท่ำเรอแหลมฉบง โดยขอผ่อนผนรบของออกไปก่อนปฏบตพธกำรศลกำกร พร้อมนำ
รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยดังกล่ำวจำกแหลมฉบังมำจอดเก็บฝำกไว้ในพ้นท่อันเป็น






ท่ท�ำกำรโรงงำนของโจทก์ท่ ๑ ท่จังหวัดนนทบุรี เพ่อให้โจทก์ท่ ๑ รับฝำกเก็บ ดูแลรักษำในเบ้องต้น




เพ่อดำเนินกำรท�ำควำมสะอำด ตดตงเครองมอส่อสำร ตดสติกเกอร์รำยช่อ ตำมบันทกกำรรับมอบ










รถยนต์ดับเพลิงและรถกู้ภัย เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ และ ๕ ระหว่ำงที่โจทก์ทั้งสองดูแล

รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภัยเกิดเหตุน้ำท่วมท�ำให้รถเสียหำย จ�ำเลยส่งให้ฝ่ำยโจทก์

เปลี่ยนแปลงและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จ�ำเลยกับบริษัทสไตเออร์ - เดมเลอร์ - พุค มีข้อพิพำท











จนคณะอนญำโตตลำกำรมคำชขำดให้รถดบเพลงและอปกรณ์บรรเทำสำธำรณภยจำนวน


๑๗๖ คัน เป็นกรรมสิทธ์ของจ�ำเลย โจทก์ท้งสองเคยแจ้งให้จ�ำเลยขนย้ำยรถท้ง ๑๗๖ คัน

ออกจำกที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำงของโจทก์ที่ ๒ แต่จ�ำเลยเพิกเฉยไม่ด�ำเนินกำรให้ จ�ำเลยเพิ่งขอรับ



รถดบเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำสำธำรณภยไปภำยหลง ทำให้โจทก์ท้งสองได้รับควำมเสยหำย










ไมสำมำรถนำพนททใชเกบรถดบเพลงและอปกรณบรรเทำสำธำรณภยไปใชในทำงกำรคำอยำงอน















ได้ระหว่ำงวนท่ ๓๐ มกรำคม ๒๕๔๙ ถึงวันท่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๕๙ และต้องเสียค่ำใช้จ่ำย

อย่ำงอ่นหลำยประกำร จ�ำเลยไม่ชดใช้ค่ำภำระเก็บฝำกรถและค่ำเสียหำยให้โจทก์ ตำมค�ำฟ้อง

ของโจทก์กับค�ำให้กำรของจ�ำเลย จึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงให้ต้องพิจำรณำว่ำ จ�ำเลยจะต้อง

รับผิดช�ำระเงินตำมฟ้องให้แก่โจทก์หรือไม่ โดยต้องพิจำรณำถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงผู้เก่ยวข้อง
ซ่งมีสำระส�ำคัญท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำเป็นกำรฝำกทรัพย์ แม้รถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทำ


สำธำรณภัยท่โจทก์ดูแลเก็บรักษำจะเป็นสินค้ำท่ส่งมอบตำมสัญญำระหว่ำงจ�ำเลยกับผู้ขำยท่อยู่



ต่ำงประเทศ แต่สัญญำซ้อขำยตำมท่จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงก�ำหนดให้ส่งมอบสินค้ำ ณ ท่ำเรือ แหลมฉบัง






ท่ำเรืออ่นตำมท่ก�ำหนดหรือท่ำอำกำศยำนในประเทศไทย เม่อกำรด�ำเนินกำรท่พิพำทในคดีน ้ ี


เป็นส่วนท่เกิดข้นภำยหลังจำกท่ได้น�ำสินค้ำออกจำกท่ำเรือปลำยทำงแล้ว คดีน้จึงเป็นคดีแพ่ง



เกยวกับกำรให้บริกำรภำยในประเทศทไม่อย่ในอำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สน












ทำงปัญญำและกำรคำระหวำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แหงพระรำชบญญัติจดตงศำลทรพย์สน



249

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ




วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ













































250

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทยวัฒน์วิศวกำรทำง

ที่ วทป ๖๘/๒๕๖๒ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทไฟฟ้ำหงสำ จ�ำกัด จ�ำเลย



แม้ข้อเท็จจริงอำจจะรับฟังได้ว่ำ ในกำรก่อสร้ำงตำมสัญญำ โจทก์น�ำเครื่องจักร

วัสดุก่อสร้ำง แรงงำนมีฝีมือและบุคลำกรของโจทก์จำกประเทศไทยเข้ำไปท�ำงำนท ่ ี


ประเทศลำว และน�ำกลับมำเม่อกำรก่อสร้ำงแล้วเสร็จก็ตำม แต่เม่อกำรท�ำงำนตำม
สัญญำต้องกระท�ำลงในประเทศลำวเพียงประเทศเดียว กรณีจึงมิได้เป็นกำรให้บริกำร

ระหว่ำงประเทศ

_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจกำร

รับเหมำก่อสร้ำงอำคำร ถนน สะพำน เขื่อนและอื่น ๆ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด

จดทะเบียนจัดต้งตำมกฎหมำยของสำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว มีวัตถุประสงค์ด�ำเนิน

ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้ำ จ�ำเลยไม่มีภูมิล�ำเนำในประเทศไทยแต่มีส�ำนักงำนตัวแทนในกำรติดต่อ

จัดซื้อ จัดจ้ำงแรงงำนและวัสดุ อยู่ที่เลขที่ ๓/๓๗ - ๓๘ ถนนวรวิชัย ต�ำบลในเวียง อ�ำเภอเมืองน่ำน

จังหวัดน่ำน เม่อวันท่ ๑๕ กรกฎำคม ๒๕๕๓ โจทก์และจ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำว่ำจ้ำง ๒ ฉบับ


ฉบับที่ ๑ คือ สัญญำก่อสร้ำงถนนโครงข่ำยจำกเมืองเงิน แขวงไซยะบุรี สำธำรณรัฐประชำธิปไตย

ประชำชนลำว ไปยังที่ตั้งของโรงไฟฟ้ำหงสำ เมืองหงสำ แขวงไซยะบุรี สำธำรณรัฐประชำธิปไตย
ประชำชนลำว มูลค่ำงำน ๗๐๔,๐๖๒,๔๐๙.๐๕ บำท และสัญญำฉบับที่ ๒ คือ สัญญำก่อสร้ำง


เข่อนและระบบท่อส่งน้ำ มูลค่ำงำน ๒,๖๑๙,๐๐๐,๐๐๐ บำท ในระหว่ำงท่โจทก์ท�ำกำรก่อสร้ำงตำม


สัญญำฉบับท่ ๑ จ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมสัญญำโดยยกเลิกงำนบำงส่วน ตัดงำนก่อสร้ำงบำงส่วนออก

และน�ำไปให้บุคคลอื่นท�ำกำรก่อสร้ำง สั่งให้โจทก์ท�ำงำนเพิ่มเติมโดยไม่ช�ำระค่ำงำน ค้ำงช�ำระหนี้
ค่ำงำน ตลอดจนใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในกำรปรับโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย คิดเป็นเงิน

ค่ำเสียหำย กล่ำวคือ ค่ำงำนก่อสร้ำงตำมสัญญำงวดสุดท้ำยเป็นเงิน ๖๘๐,๖๓๗ บำท ค่ำซ่อมแซม

ถนนสำยเมืองเงินถึงเมืองปำกแบ่งในสำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำวเป็นเงิน


๖๒๗,๔๗๕.๐๓ บำท ค่ำก่อสร้ำงแก้ไขท่อระบำยน้ำ กม.๘+๔๕๒, กม.๒๖+๗๔๑ และ

กม.๒๗+๗๒๗ เพ่มเติมเป็นเงิน ๘,๓๐๔,๐๐๑ บำท ค่ำก่อสร้ำงเสำเข็มสะพำน กม.๓๑+๔๘๓



251

เป็นเงิน ๒,๔๑๑,๗๗๘ บำท ค่ำงำนก่อสร้ำงปรับปรุงและบ�ำรุงรักษำเส้นทำงถนนล�ำเลียงหินจำก

โรงโม่หินของบริษัทเมืองเงินเอ็นเตอร์ไพรซ์ จ�ำกัด เป็นเงิน ๗,๒๑๖,๗๐๐ บำท ค่ำงำนดินถมที่


จ�ำเลยจ่ำยให้โดยไม่ถูกต้องตำมสัญญำเป็นเงิน ๑๓,๗๕๗,๕๕๑ บำท ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลย
ให้บุคคลภำยนอกเข้ำมำท�ำงำนแทนโจทก์เป็นเงิน ๖,๖๔๒,๒๓๐ บำท ค่ำเสียหำยจำกกำรยกเลิก


กำรก่อสร้ำงถนนเล่ยงเมืองเป็นเงิน ๑๖,๕๘๘,๕๘๑ บำท ค่ำควบคุมงำน ๓,๒๘๐,๐๐๐ บำท และ
ค่ำเสียหำยอื่น ๆ เนื่องจำกจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ต้องเสียค่ำใช้จ่ำยเพิ่มขึ้นเป็นเงิน ๒๐๓,๑๕๐,๐๐๐ บำท



และ ๔,๕๗๙,๗๗๕ บำท ท้งในระหว่ำงท่โจทก์ท�ำกำรก่อสร้ำงตำมสัญญำฉบับท่ ๒ จ�ำเลย
ไม่ปฏิบัติตำมสัญญำ ท�ำให้โจทก์ต้องเรียกร้องเงินค่ำก่อสร้ำงจำกจ�ำเลยตลอดมำ และจ�ำเลยใช้

สทธโดยไม่สจรตในกำรปรบโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย คดเป็นเงนค่ำเสียหำยเพม












กล่ำวคือ ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยส่งให้โจทก์ท�ำงำนป้องกันกำรพังทลำยของพ้นท่ลำดเอียง





เป็นเงิน ๓๖,๓๗๔,๓๗๕ บำท ค่ำเสียหำยจำกกำรทจำเลยส่งให้โจทก์ดำเนนกำรงำนก่อสร้ำงท ่ ี


ไม่ได้ก�ำหนดไว้ในสัญญำเป็นเงิน ๓๒,๒๙๔,๙๓๓ บำท ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท�ำบันทึก

ข้อตกลงแก้ไขสัญญำโดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ซ่งท�ำให้โจทก์เกิดค่ำใช้จ่ำยเพ่มเติม



เป็นเงิน ๑๒๓,๔๙๓,๗๓๒.๖๐ บำท ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยส่งมอบพ้นท่โดยไม่เป็นไป


ตำมสัญญำเป็นเงิน ๓๙,๙๗๙,๒๙๕ บำท ค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยให้ข้อมูลท่ไม่ถูกต้องในสัญญำ

เป็นเงิน ๓๔๖,๙๔๒,๓๓๒ บำท โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยดังกล่ำวแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย
ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๘๔๖,๓๒๓,๓๙๕.๖๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงินดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลจังหวัดน่ำน แต่เป็นคดีท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ



และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ เน่องจำกเป็นข้อพิพำทท่มีมูลเหตุมำจำกกำรท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ

จ�ำเลยผิดสัญญำให้บริกำรก่อสร้ำงต่อโจทก์ จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ

ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


และวิธีพจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ จำเลยไม่ได้


กระท�ำกำรใดอันเป็นกำรผิดสัญญำท้งสองฉบับ จ�ำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยให้แก่โจทก์

โจทก์ไม่ปฏิบัติตำมข้นตอนและกระบวนกำรท่ก�ำหนดไว้ในสัญญำท�ำให้จ�ำเลยไม่เคยทรำบถึง

ข้อเรียกร้องของโจทก์ โจทก์จึงส้นสิทธิท่จะเรียกร้องเอำจำกจ�ำเลย ค่ำเสียหำยท่โจทก์เรียกร้องมำ



สูงเกินควำมเป็นจริง สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
252


ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดน่ำนพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร


พิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ


จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และ








คำให้กำรของจำเลยมประเดนให้ต้องพิจำรณำวำ จ�ำเลยผิดสัญญำจำงท่ให้โจทก์ด�ำเนนกำรก่อสรำง



ถนนและเข่อนกับท่อส่งน้ำท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยคิดเป็นจ�ำนวนเงินตำมฟ้องหรือไม่

โดยลักษณะของสัญญำระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยดังกล่ำวเป็นสัญญำจ้ำงท�ำของซ่งงำนตำมสัญญำ


คือ กำรก่อสร้ำงถนนและเข่อนกับท่อส่งน้ำในสำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว กำรก่อสร้ำง




เพ่อให้ได้ถนนและเข่อนกับท่อส่งน้ำอันส�ำเร็จเป็นประโยชน์แก่จ�ำเลยตำมควำมมุ่งประสงค์








ของสญญำตงแต่เรมต้นจนเสรจสนจงต้องกระทำลงในสำธำรณรฐประชำธปไตยประชำชนลำว




เพียงประเทศเดียวเท่ำนั้น แม้ข้อเท็จจริงอำจจะรับฟังได้ว่ำ ในกำรก่อสร้ำงตำมสัญญำ โจทก์น�ำ
เคร่องจักร วัสดุก่อสร้ำง แรงงำนมีฝีมือและบุคลำกรของโจทก์จำกประเทศไทยเข้ำไปท�ำงำนท ี ่

สำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว และน�ำกลับมำเม่อกำรก่อสร้ำงแล้วเสร็จก็ตำม กำรด�ำเนินกำร




ของโจทก์ดังกล่ำวเป็นเพียงกำรจัดกำรท่เก่ยวเน่องกับกำรท�ำงำนก่อสร้ำงตำมสัญญำระหว่ำง


โจทก์กับจ�ำเลยเท่ำน้น เม่อกำรท�ำงำนตำมสัญญำต้องกระท�ำลงในสำธำรณรัฐประชำธิปไตย

ประชำชนลำวเพียงประเทศเดียว กรณีจึงมิได้เป็นกำรให้บริกำรจำกผู้ให้บริกำรในประเทศหน่ง

และเป็นผลให้ผู้รับบริกำรท่อยู่ในอีกประเทศหน่งได้รับประโยชน์จำกบริกำรน้นอันเป็นกำรให้


บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศอันจะอยู่ใน


อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ

มำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
253


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































254

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทธนำคำรกสิกรไทย

ที่ วทป ๗๐/๒๕๖๒ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย








จ�ำเลยท ๑ ขอให้โจทก์สนับสนุนทำงกำรเงินแก่จ�ำเลยท ๑ ในด้ำนกำรค้ำกับ

ต่ำงประเทศ ในด้ำนกำรส่งสินค้ำออก แม้ในข้อสัญญำสินเช่อดังกล่ำวจะระบ บริษัท ห.


(สิงค์โปร์) เพ่มสัดส่วนกำรถือหุ้นในกำรใช้สินเช่อและกลำยเป็นผู้ถือหุ้นรำยใหญ่ของ

























ผใชสนเชอและมเงอนไขเรองผมอำนำจกระทำกำรแทนกเปนเพยงเงอนไขทโจทกนำมำ




ใช้ในกำรพิจำรณำอนุมัติกำรเบิกสินเช่อในแต่ละครำวเท่ำน้น มิได้เก่ยวกับควำมรับผิด



ตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศระหว่ำงจ�ำเลยท ๑ กับผู้ซ้อในต่ำงประเทศแต่




อย่ำงใด จงไม่ใช่สญญำซอขำยสนค้ำระหว่ำงประเทศและกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ



และมิใช่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต
_____________________________








โจทกฟองวำ โจทกอนมัตวงเงนสนเชอเพอจดหำสนคำเพอกำรสงออก (แพคกงเครดต)














ให้จ�ำเลยท่ ๑ ในวงเงิน ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท โดยมีจ�ำเลยท่ ๔ ท�ำสัญญำค้ำประกันหน้พร้อมดอกเบ้ย




ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ ได้กู้เงินจำกโจทก์เป็นเงิน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บำท และ ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยที่ ๑
ออกตั๋วสัญญำใช้เงินให้แก่โจทก์ ๒ ฉบับ โดยตั๋วสัญญำใช้เงินฉบับที่ ๑ เลขที่ MTR ๖๑๐๐๐๖
ลงวันที่ ๒๒ มิถุนำยน ๒๕๖๑ สัญญำจะใช้เงิน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ภำยในวันที่ ๒๐
กันยำยน ๒๕๖๑ พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ออกตั๋วในอัตรำร้อยละ ๓.๘๓ ต่อปี ตั๋วสัญญำใช้เงิน
ฉบับที่ ๒ เลขที่ MTR ๖๑๐๐๐๗ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎำคม ๒๕๖๑ สัญญำจะใช้เงิน ๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท
แก่โจทก์ภำยในวันท่ ๑๒ ตุลำคม ๒๕๖๑ พร้อมดอกเบ้ยนับแต่วันท่ออกต๋วในอัตรำร้อยละ





๓.๘๔ ต่อปี โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ จดทะเบียนจ�ำนองห้องชุดเลขท่ ๑๘๔/๑๖๕ ช้นท่ ๒๖ อำคำร






เลขท่ ๑๘๔ อำคำรชุด ฟอร่มทำวเวอร์ ทะเบียนอำคำรชุดเลขท่ ๘/๒๕๓๙ ต้งอยู่บนท่ดิน


โฉนดเลขท่๘๕๒๘, ๑๔๐๑๕๕ ถึง ๑๔๐๑๖๒ ต�ำบลห้วยขวำง (สำมเสนนอกฝั่งเหนือ) อ�ำเภอ




ห้วยขวำง (บำงซ่อ) กรุงเทพมหำนคร และจ�ำเลยท่ ๓ จดทะเบียนจ�ำนองห้องชุดเลขท่ ๑๘๔/๑๖๔

ช้นท่ ๒๖ อำคำรเลขท่ ๑๘๔ อำคำรชุด ฟอร่มทำวเวอร์ ทะเบียนอำคำรชุดเลขท่ ๘/๒๕๓๙




255









ตงอย่บนทดนโฉนดเลขท ๘๕๒๘, ๑๔๐๑๕๕ ถง ๑๔๐๑๖๒ ตำบลห้วยขวำง (สำมเสนนอก



ฝั่งเหนือ) อ�ำเภอห้วยขวำง (บำงซ่อ) กรุงเทพมหำนคร ไว้เป็นหลักประกันกำรช�ำระหน ี ้


ของจ�ำเลยท่ ๑ ท้งหมด เม่อครบก�ำหนดช�ำระหน้ตำมต๋วสัญญำใช้เงินท้งสองฉบับ จ�ำเลยท่ ๑





ไม่ช�ำระหน้ให้แก่โจทก์รวมเป็นหน้ต้นเงิน ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท ดอกเบ้ยค�ำนวณถึงวันฟ้องรวม



๖,๕๕๕,๓๑๓.๑๓ บำท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๔,๕๕๕,๓๑๓.๑๓ บำท ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์มีหนังสือ



ทวงถำมไปยังจ�ำเลยท้งสและบอกกลำวบงคบจำนองไปยังจ�ำเลยท่ ๒ และจ�ำเลยท่ ๓ แล้ว ขอ








ให้บังคับจ�ำเลยท้งส่ช�ำระเงิน ๕๔,๕๕๕,๓๑๓.๑๓ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี

ของต้นเงิน ๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
หำกจ�ำเลยทั้งสี่ไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วน ขอให้ยึดทรัพย์จ�ำนองของจ�ำเลยที่ ๒ และจ�ำเลยที่ ๓
กับทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยทั้งสี่ออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยทั้งสี่ให้กำรว่ำ มูลหนี้สินเชื่อเพื่อจัดหำสินค้ำเพื่อกำรส่งออก (แพคกิ้งเครดิต) ยัง
มีเงื่อนไขในกำรอนุมัติสินเชื่อที่ให้ผู้ใช้สินเชื่อจะต้องด�ำเนินกำรให้บริษัทไห่หนำน รับเบอร์ กรุ๊ป
(สิงคโปร์) ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด เพ่มสัดส่วนกำรถือหุ้นในผู้ใช้สินเช่อ และกลำยเป็นผู้ถือหุ้น


รำยใหญ่ของผู้ใช้สินเช่อภำยใน ๓ เดือน หลังจำกได้รับอนุมัติจำกส�ำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริม



กำรลงทุน และมีเง่อนไขว่ำ ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนผู้ใช้สินเช่ออย่ำงน้อยสองในสำมคน ต้อง
ได้รับแต่งตั้งจำกบริษัทไห่หนำน รับเบอร์ กรุ๊ป (สิงคโปร์) ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด มูลหนี้ดังกล่ำว
เป็นคดีแพ่งเก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำย แลกเปล่ยนสินค้ำ หรือตรำสำรทำงกำรเงินระหว่ำงประเทศ






หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตเก่ยวเน่องกับกิจกรรม

ตำม (๕) กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร หรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้ง
กำรประกันเก่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว ตำมมำตรำ ๗ (๕) หรือ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง


ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงอยู่ในเขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ประกอบกับจ�ำเลยท้งส่ช�ำระหน้บำงส่วนแล้ว ยอดหน ้ ี



จึงไม่ถูกต้อง โจทก์คิดดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นค่ำเสียหำยท่สูงเกินไปอย่ำงมำก


กำรบอกกล่ำวบังคับจ�ำนองมิชอบด้วยกฎหมำยเน่องจำกจ�ำเลยท้งส่ไม่ได้รับหนังสือบอกกล่ำว



ทวงถำม อีกทั้งจ�ำเลยที่ ๑ ยังมิได้ผิดนัด เนื่องจำกจ�ำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของบริษัทไห่หนำน
รับเบอร์ กรุ๊ป (สิงคโปร์) ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
256




ในช้นช้สองสถำน ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ












คดไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับค�ำขอใช้วงเงินสินเชื่อเพื่อจัดหำสินค้ำเพื่อกำรส่งออก
ท่เก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ




หรือคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตเก่ยวเน่องกับกิจกรรม ตำมมำตรำ ๗ (๕) หรือ (๖)



แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้อง
ของโจทก์กล่ำวอ้ำงโดยชัดแจ้งว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ได้ขอให้โจทก์สนับสนุนทำงกำรเงินแก่จ�ำเลยที่ ๑
ในด้ำนกำรค้ำกับต่ำงประเทศในด้ำนกำรส่งสินค้ำออก โดยขอกู้เงินจำกโจทก์เพื่อน�ำไปใช้ในกำร
จัดหำสินค้ำเพื่อกำรส่งออก โดยกำรกู้เงินแต่ละครำวจ�ำเลยที่ ๑ จะออกตั๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำ
ว่ำจะช�ำระเงินพร้อมดอกเบ้ยคืนแก่โจทก์ ประกอบกับตำมส�ำเนำสัญญำสินเช่อ เอกสำรท้ำย


ค�ำฟ้อง หมำยเลข ๘ ระบุว่ำ เป็นสินเชื่อระยะสั้นเพื่อกำรส่งออก เพื่อน�ำไปใช้หมุนเวียนในกำร



ด�ำเนินกิจกำรของผู้ใช้สินเช่อ หำกจ�ำเลยท่ ๑ ไม่ปฏิบัติตำมข้อสัญญำหรือผิดนัดช�ำระหน้แก่โจทก์

จ�ำเลยท่ ๑ ก็ต้องรับผิดชอบตำมสัญญำน้ต่อโจทก์โดยเฉพำะ มิได้เก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำ


ซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับผู้ซ้อในต่ำงประเทศแต่อย่ำงใด เม่อมูลหน ี ้




ตำมสัญญำสินเช่อเพ่อกำรส่งออกดังกล่ำวเป็นกรณีท่โจทก์อยู่ในประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเช่อ










แก่จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพ่อท่จ�ำเลยท่ ๑ จะได้ใช้เงินน้นในกำรจัดเตรียมสินค้ำ

เพ่อกำรส่งออกไปยังต่ำงประเทศ อันมีลักษณะเป็นเร่องของสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำ





ไปต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่สัญญำซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ท้งมิใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ




ดวย เพรำะลกษณะของกำรใหบรกำรระหวำงประเทศนน ตองเปนกำรใหบรกำรจำกประเทศหนง










และเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง และมิใช่เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ




เลตเตอร์ออฟเครดิตเก่ยวเน่องกับกิจกรรมตำม (๕) กำรส่งเงินเข้ำมำในรำชอำณำจักร หรือส่งออก
ไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้งกำรประกันเกี่ยวกับกิจกำรดังกล่ำวแต่อย่ำงใด สัญญำ










คำประกนกำรชำระหนและสญญำจำนองเป็นประกนกำรชำระหนตำมสญญำดงกล่ำวจง






ไม่ใช่นิติกรรมท่เก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ แม้ในข้อสัญญำสินเช่อดังกล่ำวจะระบ ุ




ให้ผู้ใช้สินเช่อจะต้องด�ำเนินกำรให้บริษัทไห่หนำน รับเบอร์ กรุ๊ป (สิงคโปร์) ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด

257




เพ่มสัดส่วนกำรถือหุ้นในกำรใช้สินเช่อ และกลำยเป็นผู้ถือหุ้นรำยใหญ่ของผู้ใช้สินเช่อ
ภำยใน ๓ เดือน หลังจำกได้รับอนุมัติจำกส�ำนักงำนคณะกรรมกำรส่งเสริมกำรลงทุน และม ี



เง่อนไขว่ำ ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนผู้ใช้สินเช่ออย่ำงน้อยสองในสำมคน ต้องได้รับแต่งต้งจำก
บริษัทไห่หนำน รับเบอร์ กรุ๊ป (สิงคโปร์) ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด ก็ตำม ก็เป็นเพียงเงื่อนไขที่โจทก์


น�ำมำใช้ในกำรพิจำรณำอนุมัติกำรเบิกสินเช่อในแต่ละครำวเท่ำน้น คดีจึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)









และ (๖) แห่งพระรำชบญญตจดตงศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธ ี
พิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ




























258

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด

ที่ วทป ๘/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เพอร์เฟค
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย







มูลหน้ตำมสัญญำสินเช่อเพ่อกำรส่งออก (Packing Credit) ไม่ใช่กำรซ้อขำยหรือ

บริกำรระหว่ำงประเทศ เนื่องจำกโจทก์และจ�ำเลยที่ ๑ ต่ำงก็อยู่ในประเทศไทย
_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสองขอสินเช่อธุรกิจวงเงินสินเช่อเพ่อกำรส่งออก (Packing





Credit) และท�ำสัญญำรับช�ำระหน้กับโจทก์ โดยจ�ำเลยท่ ๒ ท�ำสัญญำค้ำประกันกำรช�ำระหน ้ ี


ของจ�ำเลยท่ ๑ ด้วย ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑ ใช้วงเงินสินเช่อโดยออกต๋วสัญญำใช้เงินและน�ำมำขำยลด




กับโจทก์แล้วผิดนัดช�ำระหน้ โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลย

ท้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๒,๑๔๙,๔๐๒,๔๗๐.๑๔ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๘ ต่อปี

ของต้นเงิน ๑,๕๑๑,๐๖๐.๔๔๑.๙๗ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ ลำยมือช่อของผู้มอบอ�ำนำจในหนังสือมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคด ี

เป็นลำยมือช่อปลอม กำรบอกกล่ำวทวงถำมให้ช�ำระหน้กระท�ำโดยผู้ท่ไม่มีอ�ำนำจ โจทก์จึงไม่ม ี


อ�ำนำจฟ้อง โจทก์เป็นฝ่ำยผิดสัญญำเน่องจำกงดให้วงเงินสินเช่อแก่จ�ำเลยท่ ๑ โดยไม่มีเหตุกำรณ์









ทท�ำให้โจทก์เชอโดยมเหตผลอนสมควรว่ำ เหตกำรณ์นนอำจกระทบต่อฐำนะทำงกำรเงนของ





จ�ำเลยทั้งสอง จ�ำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ หนี้ตำมสัญญำรับช�ำระหนี้ระงับแล้วด้วยกำร
แปลงหนี้ใหม่เป็นหนี้ตำมตั๋วสัญญำใช้เงิน หำกจ�ำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดช�ำระดอกเบี้ย จ�ำเลยที่ ๑














กตองรบผิดไมเกนอตรำดอกเบยท่ระบุไวในตวสญญำใชเงนหรออตรำดอกเบยผดนัดร้อยละ ๗.๕









ต่อปี ค�ำขอขำย/ขำยลดต๋วสัญญำใช้เงินและต๋วสัญญำใช้เงินไม่ระบุค่ำปรับ จ�ำเลยท่ ๑ จึงไม่ต้องรับ
ผิดช�ำระค่ำปรับตำมสัญญำรับช�ำระหน้โจทก์มิได้บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ส่งออกหรือส่งออก


ได้ไม่ครบจ�ำนวนภำยในวันครบก�ำหนดใช้เงินของต๋วสัญญำใช้เงินแต่ละฉบับอย่ำงไร จึงเป็นฟ้อง


เคลือบคลุม มูลหน้ท่โจทก์ฟ้องให้จ�ำเลยท้งสองช�ำระเงินตำมสัญญำรับช�ำระหน้และต๋วสัญญำใช้เงิน




เกี่ยวเนื่องกับกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือนิติกรรมอื่น


ท่เก่ยวข้อง คดีจึงอยู่ในเขตอ�ำนำจศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้
ยกฟ้อง
259

จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ ลำยมือชื่อของผู้มอบอ�ำนำจในหนังสือมอบอ�ำนำจเป็นลำยมือชื่อ



ปลอม โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ฟ้องคดีน้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำท่ พ.๑๘๔๙/๒๕๖๒
ของศำลแพ่งกรุงเทพใต้ ดอกเบี้ยตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยซึ่งต้องห้ำม

ตำมกฎหมำย และดอกเบ้ยดังกล่ำวรวมค่ำปรับไว้แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่ำปรับอีก ข้อตกลง



ตำมสัญญำค้ำประกันเป็นโมฆะเน่องจำกก�ำหนดให้จ�ำเลยท่ ๒ ต้องรับผิดหำกโจทก์ตกลงผ่อน
เวลำให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ และให้จ�ำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดอย่ำงลูกหนี้ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๑ ค�ำขอท้ำยฟ้อง
ท่ให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงินแก่โจทก์ขัดต่อข้อกฎหมำยอันเก่ยวด้วยควำมสงบ






เรียบร้อยของประชำชน หน้ตำมสัญญำรับช�ำระหน้ระงับแล้วด้วยกำรแปลงหน้ใหม่เป็นหน ี ้
ตำมต๋วสัญญำใช้เงิน โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบ้ยอัตรำท่ระบุในต๋วสัญญำใช้เงินเท่ำน้น โจทก์บอกกล่ำว






บังคับจ�ำน�ำหุ้นท่มีผู้น�ำมำจ�ำน�ำเป็นประกันหน้แล้วแต่ไม่น�ำค่ำหุ้นหักช�ำระหน้ท่จ�ำเลยท่ ๑





มต่อโจทก์ เป็นกำรใช้สทธโดยไม่สจรต จำเลยท ๑ ไม่ได้เป็นฝ่ำยผดนดชำระหน จำเลยท ๒
















จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์มีหนังสือบอกกล่ำวกำรผิดนัดของจ�ำเลยท่ ๑ ไปยังจ�ำเลยท่ ๒

ในวันที่ ๒๕ กรกฎำคม ๒๕๖๒ เกินก�ำหนด ๖๐ วัน นับแต่วันที่ ๓๑ มีนำคม ๒๕๖๐ ที่โจทก์

บรรยำยฟ้องว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัด จ�ำเลยท่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดในดอกเบ้ยและค่ำปรับ ขอให้ยกฟ้อง



ในวันนัดช้สองสถำน ศำลแพ่งกรุงเทพใต้พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน ้ ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่

จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำง


ประเทศ หรือนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ



กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ มูลหนี้ตำมสัญญำรับช�ำระหนี้วงเงินสินเชื่อเพื่อกำร
ส่งออก (Packing Credit) ซึ่งมีกำรรับซื้อตั๋วสัญญำใช้เงินเป็นกำรที่โจทก์ให้บริกำรด้ำนสินเชื่อแก่
จ�ำเลยที่ ๑ จึงไม่ใช่กำรซื้อขำย ทั้งไม่ใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศเนื่องจำกโจทก์และจ�ำเลยที่ ๑
ต่ำงก็อยู่ในประเทศไทย ไม่มีลักษณะกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำร




ได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง นอกจำกน้นควำมรับผิดของจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำรับช�ำระ

260






หน้และของจ�ำเลยท่ ๒ ตำมสัญญำค้ำประกันไม่เก่ยวกับสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดระหว่ำง




จ�ำเลยท่ ๑ กับผู้ซ้อในต่ำงประเทศ และไม่มีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ

หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน กรณีย่อมไม่ใช่นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับ




กำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์จึงไม่ใช่



คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมอ่น





ทเก่ยวเนอง อนจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำ




ระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน มีนำคม พ.ศ. ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

























261

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกสิกรไทย จ�ำกัด

ที่ วทป ๑๕/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เพอร์เฟค
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย





คดีมีข้อพิพำทถึงควำมรับผิดตำมสัญญำแพ็คก้งเครดิต โดยเม่อพิเครำะห์ถึง



สัญญำแพ็คก้งเครดิตตำมค�ำฟ้องน้น สัญญำดังกล่ำวมีลักษณะเป็นกำรรับซ้อต๋วสัญญำ


ใช้เงินเพ่อน�ำเงินไปใช้ในกำรส่งออกสินค้ำ เป็นกำรท่โจทก์ซ่งอยู่ในประเทศไทยให้บริกำร





ด้ำนสินเช่อแก่จ�ำเลยท้งสองท่เป็นผู้ใช้สินเช่อร่วมและเป็นผู้ค้ำประกัน อันมีลักษณะ





สินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ แม้จ�ำเลยท ๑ ย่นค�ำร้องขอ



ให้ศำลวินิจฉัยเขตอ�ำนำจศำลอ้ำงว่ำโจทก์ให้สินเช่อจ�ำเลยท ๑ เพ่อกำรส่งออกโดยอำศัย




เอกสำรเก่ยวกับกำรจัดหำวัตถุดับหรือสินค้ำระหว่ำงประเทศ จึงเก่ยวข้องกับกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ แต่กำรพิจำรณำว่ำกรณีใดจะเข้ำลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำง


ประเทศได้น้น ต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับ
บริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเชอระหว่ำงผู้ให้บริกำรและผู้รับ




บริกำรที่ต่ำงก็อยู่ในประเทศไทยด้วยกันเช่นนี้ และไม่ถือว่ำมูลหนี้ดังกล่ำวเป็นนิติกรรม








อ่นท่เก่ยวเน่องอีกด้วย เพรำะคดีแพ่งท่ถือว่ำเก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำง
ประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้น ต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อ



ขำยระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน ข้อพิพำทเก่ยวกับ






นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ

น้นถึงจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง


ประเทศ เมื่อปรำกฏวำคดีนี้ไมมีข้อพิพำทเกี่ยวกับกำรซื้อขำยสินคำระหว่ำงประเทศหรือ




กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำง
ประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมเก่ยวเน่องตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่ง


พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ และไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________
262

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ในกำร

ประกอบกิจกำรธนำคำรพำณิชย์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด และจ�ำเลยที่ ๒

เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด เมื่อวันที่ ๑๑ เมษำยน ๒๕๕๕ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำ











กำรใช้สนเชอเพอกำรส่งออกโดยออกตวสญญำใช้เงนให้ไว้แก่โจทก์ (แพคกงเครดต) วงเงน




๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ใช้สินเช่อร่วมและเป็นผู้ค้ำประกัน เพ่อเป็นกำรประกัน







หน้ดังกล่ำว จ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนจ�ำนองท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงหลำยแปลงรวมมูลค่ำทรัพย์
จ�ำนอง ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ต่อมำวันที่ ๑๐ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๘ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำวงเงินรวม


สินเช่อเพ่อธุรกิจคล่องตัว (Combined Credit Line) กับโจทก์ ในวงเงินไม่เกิน ๖๐๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท




โดยให้กำรค้ำประกัน และหรือทรัพย์สินของจ�ำเลยท้งสองท่ให้ไว้เป็นหลักประกันสัญญำสินเช่อ

เพ่อกำรส่งออกมีผลผูกพันและน�ำมำใช้เป็นวงเงินในสัญญำวงเงินรวมสินเช่อเพ่อธุรกิจคล่องตัว


ดังกล่ำวด้วย ต่อมำระหว่ำงวันที่ ๑๙ มกรำคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๒๕ กรกฎำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยที่ ๑
ออกตั๋วสัญญำใช้เงินให้โจทก์หลำยฉบับและรับเงินกู้ไปจำกโจทก์ เมื่อตั๋วสัญญำใช้เงินแต่ละฉบับ

















ถงกำหนด จำเลยท ๑ ผดนดชำระหนแกโจทก รวมเปนหนตนเงนจนถงวนฟอง ๓๘๔,๒๓๒,๕๒๑ บำท



และดอกเบ้ย ๘๙,๑๐๓,๒๖๑.๖๓ บำท รวมเป็นเงิน ๔๗๓,๓๓๕,๗๘๒.๖๓ บำท จ�ำเลยท่ ๒



ในฐำนะผู้ใช้สินเช่อร่วมกับจ�ำเลยท่ ๑ และในฐำนะผู้ค้ำประกัน ต้องร่วมรับผิดกับจ�ำเลยท่ ๑



อย่ำงลูกหนี้ร่วม ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองร่วมกันช�ำระหนี้แก่โจทก์ ๔๗๓,๓๓๕,๗๘๓.๖๒ บำท

พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๘๔,๒๓๒,๕๒๑ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ หำกจ�ำเลยท้งสองไม่ช�ำระหน้ดังกล่ำวให้ยึดท่ดินโฉนดเลขท่ ๙๒๑,




๙๒๖, ๙๒๘, ๙๓๓, ๙๓๔, ๙๓๕, ๙๓๖, ๙๓๗, ๙๓๘, ๙๓๙, ๙๔๓, ๙๔๔, ๙๔๖, ๙๔๗, ๙๔๘,
๑๐๒๙๓, ๑๐๒๙๔, ๑๐๖๑๕, ๑๑๓๐๒, ๑๑๓๐๓, ๑๑๓๑๕, ๑๑๓๔๓, ๑๑๓๔๔, ๑๒๔๕๘ และ
๑๒๕๐๑ ต�ำบลหันสัง (บ้ำนแจ้ง) อ�ำเภอบำงปะหัน บำงปะหัน (นครใน) จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ
พระนครศรีอยุธยำ (กรุงเก่ำ) พร้อมสิ่งปลูกสร้ำง และที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๔๐๔๓ ต�ำบลหนองขำม











อำเภอศรรำชำ จังหวดชลบุร พร้อมสงปลกสร้ำง และทรพย์สินอ่นของจ�ำเลยทงสองออกขำยทอดตลำด
น�ำเงินช�ำระหน้แก่โจทก์จนครบถ้วน จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง เน่องจำก



กำรมอบอ�ำนำจฟ้องไม่ชอบ และฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำที่ ผบ.๗๖๔/๒๕๖๒
ของศำลแพ่งกรุงเทพใต้ กับคดีหมำยเลขด�ำที่ กค.๙๖/๒๕๖๒ ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง เนื่องจำกมีมูลควำมแห่งคดีเป็นสัญญำฉบับเดียวกัน ทั้งฟ้องโจทก์
เป็นฟ้องเคลือบคลุม เนื่องจำกโจทก์ไม่บรรยำยว่ำโจทก์โอนเงินตำมตั๋วสัญญำใช้เงินตำมค�ำฟ้อง
263

ให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ เมื่อใด และด้วยวิธีใด ท�ำให้จ�ำเลยที่ ๑ ไม่อำจต่อสู้คดีได้ และโจทก์บอกกล่ำว

บังคับจ�ำนองแก่จ�ำเลยที่ ๑ พ้นก�ำหนด ๖๐ วัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับจ�ำนองและไม่มีสิทธิคิด

ดอกเบี้ยผิดนัดอัตรำร้อยละ ๑๕ ขอให้ยกฟ้อง


จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง เน่องจำกกำรมอบอ�ำนำจ

ฟ้องมิชอบ และฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำท่ ผบ.๗๖๔/๒๕๖๒ ของศำลแพ่ง
กรุงเทพใต้ กับคดีหมำยเลขด�ำท่ กค.๙๖/๒๕๖๒ ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ















ระหวำงประเทศกลำง เนองจำกมมลควำมแหงคดเปนสญญำฉบบเดยวกน ทงฟองโจทกเปนฟอง





เคลือบคลุม เน่องจำกโจทก์ไม่บรรยำยว่ำโจทก์โอนเงินตำมต๋วสัญญำใช้เงินตำมค�ำฟ้องให้แก่



จ�ำเลยท่ ๑ เม่อใด และด้วยวิธีใด ท�ำให้จ�ำเลยท่ ๒ ไม่อำจต่อสู้คดีได้ และหน้ตำมต๋วสัญญำใช้เงิน




ตำมค�ำฟ้องก�ำหนดให้ใช้เงินเป็นสกุลเงินตรำต่ำงประเทศ โดยโจทก์มีสิทธิแปลงภำระหน้เป็น













สกลเงนบำทได้ ณ เวลำใดเวลำหนงตำมทโจทก์เหนสมควร ซงคำนวณตำมอตรำแลกเปลยน






ทธนำคำรประกำศขำยสกลเงินตรำตำงประเทศนน จึงเป็นกรณีทจ�ำเลยท่ ๑ ออกตวสญญำใช้เงน







ตำมค�ำฟ้อง โดยมีค�ำส่งให้จ่ำยเงินจ�ำนวนไม่แน่นอน ต๋วสัญญำใช้เงินตำมค�ำฟ้องจึงไม่สมบูรณ์



เม่อโจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเรียกเงินตำมต๋วสัญญำใช้เงินจำกจ�ำเลยท้งสองแล้ว สัญญำค้ำประกัน



ย่อมไม่มีผลผูกพัน และโจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเรียกดอกเบ้ยผิดนัดอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี เน่องจำก




เป็นข้อก�ำหนดนอกเหนือจำกประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒๑ และเม่อต๋วสัญญำ
ใช้เงินแต่ละฉบับถึงก�ำหนด โจทก์ไม่ได้น�ำมำย่นให้จ�ำเลยท่ ๑ ใช้เงิน จึงยังไม่ถือว่ำเป็นกรณ ี


ลูกหน้ผิดนัด นอกจำกน้ จ�ำเลยท่ ๒ ย่นขอฟื้นฟูกิจกำรต่อศำลล้มละลำยกลำงในคดีหมำยเลขด�ำ




ท่ ๒๗/๒๕๖๐ ศำลมีค�ำส่งไม่เห็นชอบผู้ท�ำแผนและยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำร คดีอยู่ระหว่ำงอุทธรณ์






ท�ำให้ระหว่ำงช่วงระยะเวลำดังกล่ำวจ�ำเลยท่ ๒ ไม่อำจช�ำระหน้ตำมต๋วสัญญำใช้เงินท่ถึงก�ำหนด
ได้ และจ�ำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นผู้ใช้วงเงินสินเชื่อร่วมกับจ�ำเลยที่ ๑ แต่จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค�้ำประกันหนี้
ของจ�ำเลยที่ ๑ เท่ำนั้น และข้อตกลงให้จ�ำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดกับจ�ำเลยที่ ๑ อย่ำงลูกหนี้ร่วม เป็นกำร











คำประกนหนในอนำคต ต้องห้ำมตำมกฎหมำย และจำเลยท ๑ ผดนดชำระหนตำมฟ้องตงแต่




วันที่ ๒๐ ตุลำคม ๒๕๖๐ แต่โจทก์บอกกล่ำวให้จ�ำเลยที่ ๑ ช�ำระหนี้เมื่อวันที่ ๗ ธันวำคม ๒๕๖๑
และบอกกล่ำวบังคับจ�ำนองเมื่อวันที่ ๔ มีนำคม ๒๕๖๒ ซึ่งพ้นก�ำหนด ๖๐ วัน นับแต่จ�ำเลยที่ ๑



ผิดนัด โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยท่ ๒ ในฐำนะผู้รับประกัน จ�ำเลยท่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดดอกเบ้ย
ผิดนัดอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี และค่ำเสียหำยอื่น นอกจำกนี้ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เปลี่ยนแปลง
มูลหนี้และเงื่อนไขกำรช�ำระหนี้จำกหนี้ตำมสัญญำกู้ยืมเป็นหนี้ตำมตั๋วสัญญำใช้เงิน ท�ำให้มูลหนี้
264

เดิมระงับ แต่โจทก์ไม่ได้บอกกล่ำวแก่จ�ำเลยที่ ๒ จ�ำเลยที่ ๒ จึงหลุดพ้นควำมรับผิดตำมสัญญำ

ค�้ำประกันและสัญญำจ�ำนอง ขอให้ยกฟ้อง


ในช้นพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ

กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำว
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙




วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรซ้อขำย



ระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมเก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ

จ�ำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำใช้สินเช่อเพ่อกำรส่งออก โดยออกต๋วสัญญำใช้เงินแก่โจทก์ (แพ็คก้งเครดิต)







ซ่งมีท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงหลำยโฉนดจดทะเบียนจ�ำนองเป็นประกันกำรช�ำระหน้ และม ี





จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ใช้สินเช่อร่วมและเป็นผู้ค้ำประกัน จ�ำเลยท่ ๑ ออกต๋วสัญญำใช้เงินหลำยฉบับ


ช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ แต่เม่อต๋วสัญญำใช้เงินแต่ละฉบับถึงก�ำหนด จ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัดช�ำระหน้ โจทก์จึงฟ้อง




ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันรับผิดตำมสัญญำแพ็คก้งเครดิตตำมฟ้อง ส่วนจ�ำเลยท้งสอง



ให้กำรต่อสู้ว่ำจ�ำเลยท้งสองไม่ต้องรับผิดตำมสัญญำ คดีจึงมีข้อพิพำทถึงควำมรับผิดตำมสัญญำ





แพ็คก้งเครดิต โดยเม่อพิเครำะห์ถึงสัญญำแพ็คก้งเครดิตตำมค�ำฟ้องน้น สัญญำดังกล่ำวม ี

ลักษณะเป็นกำรรับซ้อต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อน�ำเงินไปใช้ในกำรส่งออกสินค้ำ เป็นกำรท่โจทก์ซ่ง




























อยในประเทศไทยใหบรกำรดำนสนเชอแกจำเลยทงสองทเปนผใชสนเชอรวมและเปนผคำประกน






อันมีลักษณะสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ แม้จ�ำเลยท่ ๑ ย่นค�ำร้องขอ


ให้ศำลวินิจฉัยเขตอ�ำนำจศำลอ้ำงว่ำโจทก์ให้สินเชื่อจ�ำเลยที่ ๑ เพื่อกำรส่งออกโดยอำศัยเอกสำร


เก่ยวกับกำรจัดหำวัตถุดับหรือสินค้ำระหว่ำงประเทศ จึงเก่ยวข้องกับกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
แต่กำรพิจำรณำว่ำกรณีใดจะเข้ำลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศได้น้น ต้องเป็นกำร

ให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง ไม่ใช่



กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำงผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรท่ต่ำงก็อยู่ในประเทศไทยด้วยกันเช่นน ี ้


และไม่ถือว่ำมูลหนี้ดังกล่ำวเป็นนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องอีกด้วย เพรำะคดีแพ่งที่ถือว่ำเกี่ยวเนื่อง
265



กับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้น ต้องมีข้อพิพำท

เก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน







ข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำร
ระหว่ำงประเทศนนถงจะอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพย์สนทำงปัญญำและ









กำรค้ำระหว่ำงประเทศ เม่อปรำกฏว่ำคดีน้ไม่มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ




หรือกำรใหบริกำรระหว่ำงประเทศ คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยสินคำระหวำงประเทศ










กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนติกรรมเกยวเนองทอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำล

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัตจัดต้ง


ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณัฐจิรำ ขันทอง - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ























266

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทน�ำชัยขนส่งทำงทะเล

ที่ วทป ๑๗/๒๕๖๓ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทกรุงไทยพำนิช
ประกันภัย จ�ำกัด

(มหำชน) จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือประกันภัย
ระหว่ำงประเทศ หรือไม่นั้น ตำมฟ้องโจทก์ได้บรรยำยเพียงว่ำ จ�ำเลยได้รับประกันภัยเรือ

“น�ำชัยเฮอริซัน” ของโจทก์ โดยขณะเรือ “น�ำชัยเฮอริซัน” จอดอยู่ ณ คำนเรือเอเชียน

เลขที่ ๒/๑๒๐ ถนนศรีสุทัศน์ ต�ำบลรัษฎำ อ�ำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เรือได้เกิดเพลิงไหม้

ได้รับควำมเสียหำยอย่ำงหนักในลักษณะเสียหำยโดยส้นเชิงและไม่สำมำรถซ่อมแซมได้





โดยโจทก์ได้เรยกร้องค่ำสนไหมทดแทนแก่จำเลย แต่จำเลยปฏเสธกำรชดใช้ค่ำสนไหม











ทดแทนดงกล่ำว คดนจงเป็นคดเรยกร้องให้รบผดตำมสญญำประกนภย ไม่มประเดน



















ให้ต้องวนจฉยไปถงสทธหน้ำทของค่สญญำตำมสญญำประกนภยระหว่ำงประเทศ คดน ี ้
จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือประกันภัยระหว่ำงประเทศ ตำม

บทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ในกำรประกอบ
กิจกำรขนส่งและขนถ่ำยสินค้ำและคนโดยสำรทั้งทำงบก ทำงน�้ำ ทำงอำกำศ ทั้งภำยในประเทศ
และระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ในกำร
ประกอบธุรกิจประกันวินำศภัยทุกประเภท เก่ยวกับคดีน้โจทก์เป็นเจ้ำของเรือ “น�ำชัยเฮอริซัน”


ซึ่งเป็นเรือเดินทะเลเฉพำะเขตส�ำหรับบรรทุกคนโดยสำร เมื่อวันที่ ๒๒ กันยำยน ๒๕๖๐ โจทก์
ได้เอำประกันภัยตัวเรือ “น�ำชัยเฮอริซัน” จ�ำเลยตกลงรับประกันภัยแบบให้ควำมคุ้มครองควำม
เสียหำยโดยสิ้นเชิง มีจ�ำนวนเงินเอำประกันภัยไว้จ�ำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บำท โดยให้มีผลควำม
คุ้มครองตั้งแต่เที่ยงวันที่ ๑ กันยำยน ๒๕๖๐ ถึงเที่ยงวันที่ ๑ กันยำยน ๒๕๖๑ ตำมกรมธรรม์


เลขท่ ๔๐-๑๗-๐๐๐๐๑๐๓๕ ต่อมำเม่อวันท่ ๖ สิงหำคม ๒๕๖๑ ขณะเรือ “น�ำชัยเฮอริซัน”

267

จอดอยู่ ณ คำนเรือเอเชียน เลขที่ ๒/๑๒๐ ถนนศรีสุทัศน์ ต�ำบลรัษฎำ อ�ำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัด









ภเกต เรอเกดเพลงไหม้ได้รบควำมเสียหำยอย่ำงหนกในลกษณะเสยหำยโดยส้นเชิง โจทก์ได้










เรยกร้องค่ำสนไหมทดแทนตำมกรมธรรม์ประกนภยไปยงจำเลย ปรำกฏว่ำจำเลยปฏเสธชดใช้
ค่ำสินไหมทดแทนในควำมเสียหำยดังกล่ำว กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำม
เสียหำยไม่ได้รับค่ำสินไหมทดแทนตำมสัญญำประกันภัย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน
๑๖,๘๔๑,๔๗๙ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๔,๖๕๐,๐๐๐ บำท
นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ก่อนวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ
กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ


ระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำว

















ให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลทรพย์สน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรือประกันภัยระหว่ำง

ประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือ
ไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องโจทก์ได้บรรยำยว่ำ จ�ำเลยได้รับประกันภัยเรือ “น�ำชัยเฮอริซัน” ของโจทก์
โดยขณะเรือ “น�ำชัยเฮอริซัน” จอดอยู่ ณ คำนเรือเอเชียน เลขท่ ๒/๑๒๐ ถนนศรีสุทัศน์ ต�ำบลรัษฎำ

อ�ำเภอเมืองภูเกต จังหวดภูเก็ต เรือเกิดเพลิงไหม้ได้รับควำมเสียหำยอย่ำงหนักในลักษณะเสียหำย


โดยส้นเชิงและไม่สำมำรถซ่อมแซมได้ โดยโจทก์ได้เรียกร้องค่ำสินไหมทดแทนจำกจ�ำเลย แต่

จ�ำเลยปฏิเสธกำรชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนดังกล่ำว คดีน้จึงเป็นคดีเรียกร้องให้รับผิดตำมสัญญำ

ประกันภัย ไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยไปถึงสิทธิหน้ำท่ของคู่สัญญำตำมสัญญำประกันภัยระหว่ำง






ประเทศ คดนจงไม่ใช่คดแพ่งเกยวกบกำรขนส่งระหว่ำงประเทศหรอประกนภยระหว่ำงประเทศ






ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
268


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































269

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์

ที่ วทป ๒๔/๒๕๖๓ ธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย
จ�ำกัด โจทก์

บริษัทแอล พี เอ็น เพลทมิล
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย




เม่อพิเครำะห์ถึงสัญญำวงเงินเพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลย
ตำมเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีท โดยขณะท�ำสัญญำวงเงินเพื่อกำรน�ำเข้ำ


และส่งออกเพ่อขอสินเช่อกับผู้โอนสิทธิเป็นธนำคำรพำณิชย์ได้รับอนุญำตให้ประกอบ
กิจกำรในประเทศไทย และบริษัทจ�ำเลยก็มีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย จึงเป็นกรณีท ี ่

ู้

ู่






ผให้บรกำรซ่งอยู่ในประเทศไทยให้บรกำรด้ำนสินเช่อแก่ผ้รับบรกำรซ่งอยในประเทศไทย


ด้วยกัน เพอจ�ำเลยจะได้ใช้เงินนนในกำรส่งออกสนค้ำ เป็นเรองของสินเชอเพ่อ









สนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ ไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ
อันมีลักษณะเป็นกิจกรรมตำมมำตรำ ๗ (๕) คดีน้จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ






เลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีทท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำย
สินค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



นอกจำกน เม่อทนำยจ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย










วำ คดนเปนคดลมละลำยหรอไม เมอพจำรณำตำมคำฟองของโจทกเปนกำรกลำวอำงถง










สิทธิเรียกร้องอันเป็นมูลหน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีท ซ่ง



โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่ำวในกำรได้รับช�ำระหน้ดังกล่ำวมำจำกธนำคำรอิสลำม

แห่งประเทศไทย หน้ตำมค�ำร้องจึงเป็นหน้ท่เกิดข้นภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง







เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำร โดยเป็นหน้ท่ผู้บริหำรแผนได้ก่อให้เกิดข้นตำมมำตรำ
๙๐/๖๒ (๑) แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ โจทก์มีสิทธิฟ้องต่อศำลท่มีเขตอ�ำนำจ


ซ่งเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หน้ตำมฟ้องจึงมิใช่

ข้อพิพำทอันเกี่ยวกับกำรฟื้นฟูกิจกำรหรือแผนฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงมิใช่คดีล้มละลำย
ตำมมำตรำ ๓ และไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗
แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
_____________________________
270

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์รับซื้อหรือรับโอน



สินทรัพย์ของสถำบันกำรเงินเพ่อน�ำมำบริหำร หรือจ�ำหน่ำยจ่ำยโอน หรือด�ำเนินกิจกำรอ่นท ี ่
เกี่ยวข้องกับธุรกิจตำมที่กฎหมำยก�ำหนด ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด
มีวัตถุประสงค์จัดตั้งโรงงำนอุตสำหกรรมผลิตเหล็ก โรงงำนรีดโลหะ ผลิต ซื้อ ขำย น�ำเข้ำ ส่งออก

จ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์เหล็กทุกชนิด และมีบริษัทแอลพีเอ็น แพลนเนอร์ จ�ำกัด เป็นผู้บริหำรแผนของ




จ�ำเลย เม่อวันท่ ๑๙ สิงหำคม ๒๕๔๕ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ต่อมำ


วันท่ ๖ สิงหำคม ๒๕๔๖ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย


เดิมจ�ำเลยเป็นลูกค้ำธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย ได้รับอนุมัติสินเช่อเพ่อกำรน�ำเข้ำและ
ส่งออกมำแล้วหลำยครั้ง เมื่อวันที่ ๓๐ มีนำคม ๒๕๕๓ ผู้บริหำรแผนของจ�ำเลยท�ำสัญญำวงเงิน

เพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกตำมเลตเตอร์ออฟเครดิตวงเงิน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท และท�ำสัญญำ
ทรัสต์รีซีทหลำยฉบับ ต่อมำวันท่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๕๖ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิก


กำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย และวันท่ ๒๙ มิถุนำยน ๒๕๖๐ โจทก์รับโอนสินทรัพย์และหลักประกันจำก

ธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย โดยจ�ำเลยมีหน้ตำมสัญญำวงเงินเพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกตำม



เลตเตอร์ออฟเครดิต และทรัสต์รีซีทรวมท้งส้น ๓๖๖,๐๐๔,๑๑๗.๓๕ บำท และหน้ค่ำชดเชยผิดนัด


อัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ๑๖๙,๕๒๔,๘๗๙.๐๗ บำท โจทก์บอกกล่ำวแก่จ�ำเลยแล้ว แต่จ�ำเลยไม่ช�ำระ
หนี้ดังกล่ำว ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหนี้ ๓๖๖,๐๐๔,๑๑๗.๓๕ บำท พร้อมค่ำชดเชยผิดนัดอัตรำ

ร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว ๑๖๙,๕๒๔,๘๗๙.๗๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป

จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยอยู่ระหว่ำงกำรฟื้นฟูกิจกำร อ�ำนำจบริหำร
กิจกำรเป็นของผู้บริหำรแผน จ�ำเลยไม่เคยท�ำสัญญำสินเชื่อเพื่อกำรน�ำเข้ำและส่งออก ไม่เคยขอ

เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต และไม่เคยท�ำสัญญำทรัสต์รีซีทตำมฟ้อง กำรโอนสิทธิเรียกร้องระหว่ำง

โจทก์และธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทยไม่ชอบด้วยกฎหมำย โจทก์ค�ำนวณอัตรำก�ำไร อัตรำ
ชดเชย ดอกเบี้ย และอัตรำแลกเปลี่ยนไม่ถูกต้องตำมกฎหมำย นอกจำกนี้ กำรรับโอนทรัพย์สิน

และหน้สินระหว่ำงโจทก์และธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทยเป็นกำรแปลงหน้ใหม่ด้วยกำร




เปล่ยนตัวเจ้ำหน้ ท�ำให้หน้เดิมระงับ โจทก์จึงไม่มีสิทธิตำมมูลหน้เดิมมำฟ้องบังคับจ�ำเลย และกำร


โอนสิทธิเรียกร้องไม่ชอบตำมกฎหมำยเน่องจำกโจทก์ไม่ได้บอกกล่ำวจ�ำเลยเป็นหนังสือ ดอกเบ้ย



ตำมฟ้องค้ำงช�ำระเกินห้ำปี จึงขำดอำยุควำม และโจทก์ไม่เคยบอกกล่ำวบังคับช�ำระหน้กับจ�ำเลย
ขอให้ยกฟ้อง


271



ในช้นช้สองสถำน ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ

กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศกลำงหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำไว้ชั่วครำว และเสนอปัญหำดังกล่ำว

ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนำญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙










วนิจฉยวำ กรณีมีปัญหำต้องวินจฉยวำ คดน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกบเลตเตอร์ออฟเครดิตท ี ่
ออกเกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมตำมมำตรำ ๗ (๕) กำรส่งเงินเข้ำมำหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร

ทรัสต์รีซีท รวมท้งกำรประกันเก่ยวกับกิจกำรดังกล่ำวตำมมำตรำ ๗ (๖) แห่งพระรำชบัญญัต ิ


จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ เม่อ


พิเครำะห์ถึงสัญญำวงเงินเพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยตำมเลตเตอร์ออฟเครดิต
และสัญญำทรัสต์รีซีท โดยขณะท�ำสัญญำวงเงินเพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกเพ่อขอสินเช่อ



กับผู้โอนสิทธิเป็นธนำคำรพำณิชย์ได้รับอนุญำตให้ประกอบกิจกำรในประเทศไทย และบริษัท


จ�ำเลยก็มีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย จึงเป็นกรณีท่ผู้ให้บริกำรซ่งอยู่ในประเทศไทยให้บริกำรด้ำน
สินเชื่อแก่ผู้รับบริกำรซึ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพื่อจ�ำเลยจะได้ใช้เงินนั้นในกำรส่งออกสินค้ำ




เป็นเร่องของสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ ไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำ

ระหว่ำงประเทศ อันมีลักษณะเป็นกิจกรรมตำมมำตรำ ๗ (๕) คดีน้จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีแพ่ง



เก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีทท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำ



ระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
คดีน้จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยประกำรต่อมำว่ำ คดีน้เป็นคดีล้มละลำยซ่งศำลล้มละลำยม ี

อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย

พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๗ หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๓ ให้นิยำม “คดีล้มละลำย” หมำยควำมว่ำ คดีตำมกฎหมำย
ว่ำด้วยล้มละลำย และให้หมำยควำมรวมถึงคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกับคดีดังกล่ำวด้วย เมื่อข้อเท็จจริง








ได้ควำมว่ำ ทนำยจ�ำเลยยนคำร้องขอให้ศำลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวนจฉยว่ำคดีนเป็นคด ี

ล้มละลำยหรือไม่ เม่อพิจำรณำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงสิทธิเรียกร้องอันเป็น

272


Click to View FlipBook Version