The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำววันเพ็ญ ไวยกัญหำ โจทก์

ที่ วร ๕/๒๕๖๒ บริษัทคำไซเท็คซี จ�ำกัด จ�ำเลย




แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเคยม ี
นิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงก็ตำม แต่ข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์



เป็นกำรกล่ำวอ้ำงวำจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์อันเน่องมำจำกกำรเลิกจ้ำงและด�ำเนิน


คดีอำญำจนท�ำให้โจทก์เสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกหลังจำก
สิ้นสุดสัญญำจ้ำงแรงงำน โดยไม่เกี่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง
จึงไม่ใช่คดีแรงงำน

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ระหว่ำงปี ๒๕๕๓ ถึงปี ๒๕๕๖

โจทก์เคยท�ำงำนเป็นพนักงำนจ�ำเลย ท�ำหน้ำที่จัดท�ำใบสั่งซื้อสินค้ำ เมื่อปี ๒๕๕๖ จ�ำเลยร่วมมือ


กับนำยจักรกฤษณ์ กล่นแกล้งใส่ร้ำยว่ำโจทก์ฉ้อโกง ปลอมเอกสำรและใช้เอกสำรปลอม และ
ฟ้องคดีอำญำโจทก์ต่อศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ต่อมำศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำม ี




ค�ำพพำกษำยกฟ้อง และคดีถึงท่สุดโดยศำลอุทธรณ์ภำค ๑ และศำลฎีกำมค�ำพพำกษำยน


กำรที่จ�ำเลยจงใจไล่โจทก์ออกจำกงำนและฟ้องคดีอำญำโจทก์ด้วยควำมเท็จดังกล่ำวจึงเป็นกำรจงใจ
กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ต้องสูญเสียโอกำสและรำยได้เป็นเงินเดือน ต้องเสีย

ค่ำใช้จ่ำยในกำรต่อสู้คดีอำญำ และท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง ขอให้บังคับจ�ำเลย

จ่ำยค่ำเสียหำยแก่โจทก์ เป็นเงิน ๕,๑๗๙,๙๖๗ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

จำกต้นเงิน ๓,๗๕๐,๒๐๔ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์



จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีน้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีท่โจทก์เคยฟ้องจ�ำเลยต่อศำลแรงงำนภำค ๑

และเป็นคดีที่อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่ำ ๑ ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงกำร
ละเมิดและรู้ตัวผู้กระท�ำละเมิด จึงขำดอำยุควำมแล้ว จ�ำเลยไม่ได้ท�ำละเมิดต่อโจทก์ แต่จ�ำเลย

ใช้สิทธิฟ้องคดีอำญำโจทก์โดยสุจริต จ�ำเลยไม่มีหน้ำท่ต้องจ่ำยเงินเดือนให้โจทก์หลังจำกท ่ ี


จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์แล้ว ท่โจทก์อ้ำงว่ำต้องเสียค่ำใช้จ่ำยในกำรต่อสู้คดีอำญำก็ไม่ปรำกฏว่ำเป็น






ค่ำเสยหำยใดอย่ำงชดแจ้ง จงไม่เกดควำมเสยหำยแก่โจทก์ ส่วนทโจทก์เรยกค่ำเสยหำยเพรำะ



ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ก็เป็นค่ำเสียหำยสูงเกินส่วน ขอให้ยกฟ้อง
523


ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ












วนจฉัยตำมพระรำชบญญัตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่ง


เป็นลูกจ้ำง โดยหลังจำกไล่โจทก์ออกจำกงำนแล้วได้น�ำควำมเท็จด�ำเนินคดีอำญำอันเป็นกำร
กระท�ำละเมิดหลังส้นสุดกำรท�ำงำนแล้วต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำยต้องขำดเงินเดือนในระหว่ำง






ไม่ได้ทำงำน สญเสยโอกำสและรำยได้ ต้องเสยชอเสยง ถกดหมนเกลยดชง และต้องเสยค่ำใช้จ่ำย









ในกำรแก้ข้อกล่ำวหำ ดังน้ แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิด




ต่อโจทก์ซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้อง

ของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์อันเน่องมำจำกกำรด�ำเนินคดีอำญำ








จนทำใหโจทกเสยหำย อนเปนกำรกลำวอำงกำรกระทำตำงหำกหลงจำกสนสดสญญำจำงแรงงำน








โดยไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง แต่เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องตำม

ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๕ ละเมิด คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย

จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ

วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
524

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยธำนัท โฆวัฒนวินฑะ โจทก์

ที่ วร ๑๒/๒๕๖๓ บริษัทยันม่ำร์ เอส พี จ�ำกัด

กับพวก จ�ำเลย








แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิด
ต่อโจทก์ซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำง โดยน�ำควำมเท็จกล่ำวหำโจทก์ในหนังสือเลิกจ้ำง


ด้วยก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำว

อ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ร่วมกับจ�ำเลยท ๓ กระท�ำละเมิดโดยเบิกควำมเท็จในคด ี










ท่โจทก์เคยฟ้องจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ต่อศำลแรงงำนกลำง จนเป็นเหตุให้ศำลแรงงำนกลำง

พิพำกษำยกฟ้อง ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำง


เจริญประกำรอ่น อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำน

ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยท่ ๒ เคยเป็น


กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อปี ๒๕๕๗










จำเลยท ๑ และท ๒ จ้ำงโจทก์ทำงำนตำแหน่งผ้อำนวยกำรบรหำรได้รบเงนเดอน เดอนละ




๓๘๐,๐๐๐ บำท ต่อมำวันที่ ๒๐ มิถุนำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์
กล่ำวหำว่ำโจทก์ปฏิบัติงำนไม่เป็นไปตำมมำตรฐำนและก่อให้เกิดปัญหำด้ำนกำรประสำนงำน
กับแผนกอื่น อันเป็นควำมเท็จท�ำให้โจทก์เสียหำย ต่อมำโจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต่อศำล
แรงงำนกลำง ระหว่ำงกำรพิจำรณำคดี จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ได้เบิกควำมกล่ำวหำโจทก์ว่ำ

โจทก์ปฏิบัติงำนไม่เป็นไปตำมมำตรฐำนและก่อให้เกิดปัญหำ ขำดทักษะในกำรท�ำงำนกับผู้อ่น
และจ�ำเลยที่ ๓ เบิกควำมกล่ำวหำว่ำโจทก์ไม่มีควำมสำมำรถในกำรบริหำรงำน ท�ำงำนบกพร่อง
ล่ำช้ำ กระท�ำกำรเป็นปฏิปักษ์ต่อจ�ำเลยท่ ๑ โดยไม่เป็นควำมจริง เป็นกำรร่วมกันไขข่ำวแพร่



หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืนต่อควำมเป็นจริง อันเป็นกำรละเมิด ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง เกียรติคุณ

เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำงเจริญประกำรอ่น ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันจ่ำย


ค่ำเสียหำย ๙๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำก
วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
525

จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำเมื่อจ�ำเลยที่ ๑ มีหนังสือ

เลิกจ้ำงแล้ว โจทก์ได้ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ กับที่ ๒ ที่ศำลแรงงำนกลำง เพื่อเรียกร้องค่ำเสียหำยจำก

กำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ต่อมำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษพิพำกษำยืนตำมศำลแรงงำนกลำง



ให้ยกฟ้องโจทก์ กำรท่โจทก์น�ำคดีท่มีประเด็นเดียวกันกับคดีดังกล่ำวมำฟ้องเป็นคดีน้จึงเป็น


กำรใช้สิทธิไม่สุจริต เป็นกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำ และเป็นคดีท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำน จ�ำเลยท้งสำมไม่ได้ร่วมกันไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืน


ต่อควำมเป็นจริงตำมที่โจทก์ฟ้อง คดีนี้ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งมีนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย


ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิด



ต่อโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำง โดยน�ำควำมเท็จกล่ำวหำโจทก์ในหนังสือเลิกจ้ำง และต่อมำจ�ำเลยท่ ๑
และที่ ๒ ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ เบิกควำมเท็จต่อศำลแรงงำนกลำง

และศำลแรงงำนกลำงได้พิพำกษำยกฟ้องในคดีท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ท�ำให้โจทก์


เสียชื่อเสียง เกียรติคุณ ดังนี้ แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งเคยเป็นนำยจ้ำง

กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงโดยน�ำควำมเท็จกล่ำวหำโจทก์ในหนังสือ

เลิกจ้ำงด้วยก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำง
ว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๓ กระท�ำละเมิดโดยเบิกควำมเท็จในคดีที่โจทก์เคยฟ้อง
จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ต่อศำลแรงงำนกลำง จนเป็นเหตุให้ศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำยกฟ้อง


ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำงเจริญประกำรอ่น


อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน


โดยตรง แต่เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หน ี ้
ลักษณะ ๕ ละเมิดคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยทั้งสำมจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหนึ่งอย่ำงใด

ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘












526

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ





















































527

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบี วิน ๙๘๘๙ จ�ำกัด

ที่ วร ๗๔/๒๕๖๔ หรือบริษัทโมเดิร์น เทจ

เฮำส์แอนด์ดีไซน์ จ�ำกัด
กับพวก โจทก์

นำยธีระวัฒน์ บุญศรี

กับพวก จ�ำเลย








เม่อโจทก์ท้งสองและจ�ำเลยท ๒ ต่ำงมีฐำนะเป็นนิติบุคคลซ่งไม่อำจมีนิติสัมพันธ์
ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนได้ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองฟ้อง



ให้จ�ำเลยท ๒ รับผิดในผลแห่งมูลละเมิดตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ หน ลักษณะ ๕ ละเมิด

ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท่ ๑ เดิมช่อบริษัทโมเดิร์น เทจ เฮำส์แอนด์ดีไซน์ จ�ำกัด



ต่อมำได้จดทะเบียนเปล่ยนช่อเป็นบริษัทบี วิน ๙๘๘๙ จ�ำกัด ประกอบกิจกำรรับเหมำก่อสร้ำง


ส่วนโจทก์ที่ ๒ เป็นนิติบุคคลที่เข้ำบริหำรจัดกำรร่วมกับโจทก์ที่ ๑ โจทก์ทั้งสองมีกรรมกำรบริษัท
เป็นคนเดียวกัน มีส�ำนักงำนแห่งใหญ่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน โจทก์ทั้งสองมีอ�ำนำจบังคับบัญชำลูกจ้ำง


ของท้งสองบริษัทโดยถือว่ำลูกจ้ำงของโจทก์ท่ ๑ หรือท่ ๒ ต่ำงเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ท้งสอง



วันที่ ๔ มีนำคม ๒๕๖๒ โจทก์ที่ ๑ จ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำงำนต�ำแหน่งวิศวกรหน้ำงำน ท�ำหน้ำที่

จัดกำรแก้ไขปัญหำหน้ำงำนร่วมกับพนักงำนช่ำง จ�ำเลยท่ ๑ ต้องท�ำงำนตำมระเบียบข้อบังคับของ

















โจทกทงสอง และมขอสญญำวำจำเลยท ๑ จะไมนำควำมลบทำงธรกจของโจทกทงสองไปเผยแพร ่

แก่บุคคลภำยนอก หำกจ�ำเลยที่ ๑ เคยประกอบธุรกิจประเภทเดียวกับโจทก์ทั้งสอง จ�ำเลยที่ ๑

จะต้องแจ้งให้โจทก์ท้งสองทรำบก่อนเข้ำท�ำงำน และภำยใน ๓ ปี นับแต่เลิกสัญญำจ้ำงจะต้อง
ไม่ประกอบธุรกิจแข่งขันกับโจทก์ท้งสอง หำกผิดสัญญำจะต้องช�ำระเบ้ยปรับ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท




แก่โจทก์ท้งสอง ต่อมำวันท่ ๒๕ มิถุนำยน ๒๕๖๔ จ�ำเลยท่ ๑ ลำออก แล้วน�ำข้อมูลควำมลับทำงกำรค้ำ



ของโจทก์ท้งสองไปใช้ในกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็นนิติบุคคลท่ประกอบธุรกิจประเภทเดียว



กับโจทก์ท้งสอง จ�ำเลยท่ ๒ เป็นกิจกำรท่จ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนจัดต้งข้นและเป็นหุ้นส่วน










ผู้จัดกำรต้งแต่วันท่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๖๑ ก่อนท่จ�ำเลยท่ ๑ จะเข้ำท�ำงำนกับโจทก์ท้งสอง
528




แต่จ�ำเลยท่ ๑ ปกปิดไว้ไม่แจ้งให้โจทก์ท้งสองทรำบ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรผิดสัญญำ
จ้ำงแรงงำนและเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลย



ท้งสองให้หยุดกำรกระท�ำดังกล่ำวมิฉะน้นต้องช�ำระค่ำเสียหำยเดือนละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำ


จะหยุดกำรกระท�ำท่เป็นกำรผิดสัญญำหรือละเมิด และให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย

๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระ
เสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแรงงำนภำค ๔ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีระหว่ำงโจทก์ทั้งสอง


กับจ�ำเลยท่ ๒ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ

คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง




วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสองบรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท่ ๑ จ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ ท�ำงำนต�ำแหน่ง
วิศวกรหน้ำงำน จ�ำเลยท่ ๑ ต้องท�ำงำนตำมระเบียบข้อบังคับของโจทก์ท้งสอง และมีข้อสัญญำว่ำ


จ�ำเลยที่ ๑ จะไม่น�ำควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์ทั้งสองไปเผยแพร่แก่บุคคลภำยนอก หำกจ�ำเลย
ที่ ๑ เคยประกอบธุรกิจประเภทเดียวกับโจทก์ทั้งสองจ�ำเลยที่ ๑ จะต้องแจ้งให้โจทก์ทั้งสองทรำบ
ก่อนเข้ำท�ำงำน และภำยใน ๓ ปี นับแต่เลิกสัญญำจ้ำงจะต้องไม่ประกอบธุรกิจแข่งขันกับโจทก์





ท้งสอง หำกผิดสัญญำจะต้องช�ำระเบ้ยปรับ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ท้งสอง ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑






ลำออก แล้วนำข้อมลควำมลบทำงกำรค้ำของโจทก์ทงสองไปใช้ในกจกำรของจำเลยท ๒ ซง





เป็นนิติบุคคลท่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกับโจทก์ท้งสอง โดยจ�ำเลยท่ ๒ เป็นกิจกำรท ี ่



จ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดกำรก่อนที่จ�ำเลยที่ ๑ จะเข้ำท�ำงำนกับโจทก์




ท้งสอง แต่จ�ำเลยท่ ๑ ปกปิดไว้ไม่แจ้งให้โจทก์ท้งสองทรำบ เป็นกรณีท่โจทก์ท้งสองกล่ำวอ้ำงว่ำ

จ�ำเลยที่ ๑ กระท�ำละเมิดและผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ทั้งสอง โดยจ�ำเลยที่ ๒ ร่วมกระท�ำ

ละเมิดต่อโจทก์ท้งสองด้วย แต่เม่อโจทก์ท้งสองและจ�ำเลยท่ ๒ ต่ำงมีฐำนะเป็นนิติบุคคลซ่ง




ไม่อำจมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนได้ จึงเป็นกรณีที่โจทก์


ท้งสองฟ้องให้จ�ำเลยท่ ๒ รับผิดในผลแห่งมูลละเมิดตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์


บรรพ ๒ หน้ ลักษณะ ๕ ละเมิด คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท่ ๒ จึงมิใช่คดีอันเกิดแต่


มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและไม่มีลักษณะ




เปนคดพพำทอยำงหนงอยำงใดตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน













พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
529



วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท่ ๒ ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ















































530

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทพำเนล พลัส จ�ำกัด โจทก์

ที่ วร ๗๗/๒๕๖๔ นำยอัลเบิร์ต อิงค์

กัลซิงเจอร์ จ�ำเลย




จ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงของบริษัท น. ดังน้นแม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์
กับบริษัท น. เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ต่อมำบริษัท น. มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำน

ท่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำแก่โจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยจงใจท�ำให้
เสียหำยท�ำลำยแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์โดยลบไฟล์ข้อมูลรำยละเอียด

กระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็นข้อมูลส�ำคัญและเป็นควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์


เสียหำย ก็เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ หน ลักษณะ ๕

ละเมิดท่วไป ไม่ใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำน


ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ไม่ใช่คดีแรงงำน
____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด โจทก์กับบริษัทน้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด

อยู่ในเครือเดียวกัน ระหว่ำงวันที่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลย

ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงบริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด ต�ำแหน่งที่ปรึกษำเทคนิค มีก�ำหนด ๔ ปี บริษัท



น้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำนท่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำ
แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยจงใจท�ำให้เสียหำยท�ำลำยแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์โดยลบไฟล์ข้อมูล
ชื่อ “Z\18_Albert” ซึ่งเป็นข้อมูลรำยละเอียดกระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็นข้อมูลส�ำคัญและเป็น

ควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำยเป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรตรวจสอบ จัดท�ำข้อมูลใหม่ และต้องเสีย

ค่ำเสียโอกำส ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยรวม ๑๑๐,๐๑๑,๕๒๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยฟ้องโจทก์เป็นจ�ำเลยที่ ๑ บริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด เป็น

จ�ำเลยที่ ๒ ต่อศำลแรงงำนภำค ๙ ต่อมำศำลแรงงำนภำค ๙ พิพำกษำให้บริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด

ช�ำระเงินแก่โจทก์ตำมฟ้องแล้ว กำรที่โจทก์น�ำคดีมำฟ้องจ�ำเลยจึงเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต โจทก์

ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ค่ำเสียหำยตำมฟ้องไม่มีอยู่จริง จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำกำรดังฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง






531





ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลจังหวัดสงขลำเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดีนอยู่ในอำนำจ



พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ






วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙

วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงบริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด
ต�ำแหน่งที่ปรึกษำเทคนิค มีก�ำหนด ๔ ปี บริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำน
ที่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำแก่โจทก์ แต่จ�ำเลยจงใจท�ำให้เสียหำยท�ำลำยแก้ไข


ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์โดยลบไฟล์ข้อมูลช่อ “Z\18_Albert” ซ่งเป็นข้อมูลรำยละเอียด
กระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็นข้อมูลส�ำคัญและเป็นควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ตำม



ค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกรณีท่จ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงบริษัทน้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด ดังน้น

แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับบริษัทน้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ต่อมำบริษัท


น้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำนท่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำ
แก่โจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยจงใจท�ำให้เสียหำยท�ำลำยแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์


โดยลบไฟล์ข้อมูลช่อ “Z\18_Albert” ซ่งเป็นข้อมูลรำยละเอียดกระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็น
ข้อมูลส�ำคัญและเป็นควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ก็เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำย
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๕ ละเมิดทั่วไป ไม่ใช่คดีอันเกิดแต่


มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลักษณะ














เปนคดพพำทอยำงหนงอยำงใดตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน



พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

532

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยนพพร เอกสำตรำ โจทก์

ที่ วร ๓๙/๒๕๕๙ มหำวิทยำลัยกำรจัดกำร

และเทคโนโลยีอีสเทิร์น
กับพวก จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอลของสโมสรเป็นเวลำ
สองปี ได้รับค่ำจ้ำงเป็นรำยเดือน ต่อมำจ�ำเลยบอกเลิกสัญญำจ้ำงโจทก์ เป็นกำรเลิกจ้ำง


ไม่เป็นธรรม เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงปฏิบัติไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน เป็นคดีแรงงำน

_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทมหำวิทยำลัย จ�ำเลยที่ ๒ เป็นบริษัท

จ�ำกัดซึ่งประกอบกิจกำรกีฬำ จ�ำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจในบริษัทจ�ำเลยที่ ๒



โดยจ�ำเลยท่ ๓ เป็นอธิกำรบดีจ�ำเลยท่ ๑ และเป็นประธำนสโมสรอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด
กำรบริหำรงำนและกำรเงินของสโมสรอยู่ภำยใต้กำรก�ำกับดูแลของผู้บริหำรจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๑




มอบหมำยให้จ�ำเลยท่ ๒ ส่งทีมฟุตบอลช่อ สโมสรฟุตบอลอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด เข้ำแข่งขัน
จ�ำเลยที่ ๓ จึงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอลของสโมสรเป็นเวลำ ๒ ปี ได้รับค่ำจ้ำงเป็น


รำยเดือน ต่อมำจ�ำเลยท่ ๓ บอกเลิกสัญญำจ้ำงโจทก์ด้วยวำจำ อ้ำงว่ำโจทก์ไม่ต้งใจ ใช้ควำม
สำมำรถอย่ำงเพียงพอท�ำให้สโมสรฟุตบอลอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด พ่ำยแพ้และตกอันดับลงเร่อย ๆ





กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งส่เป็นกำรเลิกจ้ำงท่ไม่เป็นธรรมท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส ่ ี
จ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงที่ไม่เป็นธรรม ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ
และค่ำชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จ�ำเลยทั้งสี่ให้กำรว่ำ สัญญำจ้ำงผู้ฝึกสอนฟุตบอลมิใช่สัญญำจ้ำงแรงงำน โจทก์ท�ำงำน



โดยอิสระม่งควำมส�ำเร็จของงำนฝึกสอนและอันดับของฤดูกำลแข่งขน ไม่อยู่ภำยใต้กำรบังคับ
บัญชำของจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นสัญญำจ้ำงท�ำของ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จ�ำเลยที่ ๒

เลิกสัญญำจ้ำงโดยชอบ จ�ำเลยท่ ๓ และท่ ๔ ไม่ได้กระท�ำในฐำนะส่วนตัว โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง


จ�ำเลยทั้งสี่ จ�ำเลยที่ ๒ บอกกล่ำวล่วงหน้ำโดยชอบแล้ว และไม่เคยค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงเมื่อโจทก์เป็น
ฝ่ำยผิดสัญญำจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง




533

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๓ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของ

ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ

จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มอบหมำยให้จ�ำเลยที่ ๒ ส่งทีมฟุตบอลชื่อ สโมสร

ฟุตบอลอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด เข้ำแข่งขัน จ�ำเลยที่ ๓ จึงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอล


















ของสโมสร เปนเวลำสองป ไดรบคำจำงเปนรำยเดอน จำเลยท ๓ และท ๔ เปนกรรมกำรผมอำนำจ

ของจ�ำเลย ที่ ๒ ภำยใต้กำรก�ำกับดูแลของผู้บริหำรจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๓ บอกเลิกสัญญำ



จ้ำงโจทก์ด้วยวำจำ กำรเลิกจ้ำงของจ�ำเลยท้งส่ท่ท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส ่ ี

จ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงที่ไม่เป็นธรรม ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ
และค่ำชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับจ�ำเลย



ท้งส่มีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จ�ำเลยท้งส่ซ่งเป็นนำยจ้ำง



ปฏิบัติไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ท้งไม่ปฏิบัติให้
ถูกต้องตำมหลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครอง




แรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งส่จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำง

แรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือนพฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ









534

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยกิตติ จิตตรีประเสริฐ โจทก์

ที่ วร ๔๔/๒๕๖๐ นำยพิชัย แซ่ลิ่ม จ�ำเลย





โจทก์จ้ำงจ�ำเลยปฏิบัติหน้ำท่แพทย์เพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้มีก�ำหนดเวลำ
๕ ปี ตกลงท�ำงำน ๕ วันต่อสัปดำห์ และไม่ท�ำงำนที่อื่นหรือผิดข้อตกลงอื่น แต่ปรำกฏว่ำ


จ�ำเลยลำงำนและขำดงำนหลำยวันและต้งแต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำงำน

เพียง ๔ วันต่อสัปดำห์ โดยวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่สถำนพยำบำลอ่น














อนมลกษณะงำนเชนเดียวกับโจทก ทำให้โจทก์เสยหำย จงได้มหนังสอไล่ออกซงระบว่ำ

จ�ำเลยผิดข้อตกลงร่วมงำนและมำตรฐำนกฎระเบียบท่วไปอันเป็นกำรไม่ชอบด้วย
ป.พ.พ. มำตรำ ๕๘๓ และเป็นกำรกระท�ำควำมผิดร้ำยแรงตำม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๑๑๙ และ พ.ร.บ. แรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มำตรำ ๑๒๓ จึงเป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำง



แรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบกิจกำรสถำนพยำบำล "พรเกษมคลินิกเวช" ได้ท�ำบันทึก
ข้อตกลงร่วมงำนกับจ�ำเลยซ่งเป็นแพทย์ผู้เช่ยวชำญด้ำนผิวหนังเพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้



ได้รับค่ำจ้ำงเดือนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท มีก�ำหนดเวลำ ๕ ปี นับแต่วันที่ ๒๓ เมษำยน ๒๕๕๕ ถึง
วันที่ ๒๓ เมษำยน ๒๕๖๐ จ�ำเลยต้องท�ำงำน ๕ วันต่อสัปดำห์โดยมีวันอังคำรและวันเสำร์เป็นวัน

หยุดประจ�ำสัปดำห์ จ�ำเลยตกลงจะไม่ไปท�ำงำนท่อ่นหรือผิดข้อตกลงอ่น มิฉะน้นโจทก์สำมำรถเลิก




กำรร่วมงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยได้ แต่ระหว่ำงเดือนกรกฎำคม ๒๕๕๙ ถึงวันท ี ่
๓๐ ตุลำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยลำงำนและขำดงำนหลำยวัน และตั้งแต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลย
ท�ำงำนเพียง ๔ วันต่อสัปดำห์ โดยวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่คลินิกแคร์

อันมีลักษณะงำนเช่นเดียวกับโจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรผิดข้อตกลงร่วมงำนท�ำให้

โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำเสียหำยเป็นเงินรวม ๒,๑๗๕,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย

ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์






535








จำเลยให้กำรว่ำ จำเลยปฏบตงำนในฐำนะแพทย์และผ้ร่วมงำนกบโจทก์ ตำมบนทก


ข้อตกลงร่วมงำน จึงไม่ต้องปฏิบัติตำมมำตรฐำนกฎระเบียบทั่วไปที่ใช้กับลูกจ้ำงทั่วไปของโจทก์

แต่ไม่ได้น�ำมำใช้บังคับกับแพทย์ จ�ำเลยลำงำนตำมวิธีปฏิบัติโดยชอบและได้หำแพทย์อ่นมำอยู่เวร
แทนโดยโจทก์ไม่เคยว่ำกล่ำวตักเตือนหรือแจ้งให้ทรำบว่ำเป็นกำรผิดระเบียบแต่อย่ำงใด จ�ำเลย
แจ้งโจทก์ขอปรับลดวันท�ำงำนจำก ๕ วันต่อสัปดำห์ เป็น ๔ วันต่อสัปดำห์ และวันพฤหัสบดีของ



แต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่คลินิกแคร์เพ่อช่วยงำนอำจำรย์แพทย์ท่เคยสอนจ�ำเลยในระหว่ำง
ท่อำจำรย์แพทย์ข้อเท้ำแพลงเท่ำน้น โดยมิได้มีเจตนำไปท�ำงำนช่วครำวหรืองำนประจ�ำแต่อย่ำงใด



ค่ำเสียหำยที่โจทก์เรียกสูงเกินส่วนและไม่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง


วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยปฏิบัติหน้ำท่แพทย์เพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้












เกยวกบผวหนงมกำหนดเวลำ ๕ ป นบแตวนท ๒๓ เมษำยน ๒๕๕๕ ถงวนท ๒๓ เมษำยน ๒๕๖๐







จ�ำเลยตกลงท�ำงำน ๕ วันต่อสัปดำห์ และไม่ไปท�ำงำนท่อ่นหรือผิดข้อตกลงอ่น แต่ปรำกฏว่ำ


จ�ำเลยลำงำนและขำดงำนหลำยวันและต้งแต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำงำนเพียง



๔ วันต่อสัปดำห์ โดยวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่สถำนพยำบำลอ่น











อนมลกษณะงำนเช่นเดยวกบโจทก์ ทำให้โจทก์เสยหำย โจทก์จงมหนงสอไล่ออก ตำมเอกสำร
ท้ำยฟ้องหมำยเลข ๖ ซึ่งระบุว่ำ จ�ำเลยผิดข้อตกลงร่วมงำนและมำตรฐำนกฎระเบียบทั่วไป โดย

ละท้งกำรงำนและกระท�ำกำรอันไม่สมควรแก่กำรปฏิบัติหน้ำท่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้อง

และสุจริต อันเป็นกำรไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๕๘๓ และเป็นกำร
กระท�ำควำมผิดร้ำยแรงตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๑๑๙ และ
พระรำชบัญญัติแรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มำตรำ ๑๒๓ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย
ซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนอันเป็นกำร



ฝ่ำฝืนกฎหมำยแรงงำนดังกล่ำวและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
536











อนง คำวนจฉยดงกล่ำว คงพจำรณำเฉพำะแต่ข้ออ้ำงตำมคำฟ้องของโจทก์เท่ำนน

ส่วนท่จ�ำเลยให้กำรต่อสู้และเป็นปัญหำพิพำทว่ำ จ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงของโจทก์หรือไม่ เป็นข้อเท็จจริง

ซึ่งองค์คณะผู้พิพำกษำจะต้องพิจำรณำวินิจฉัยตำมรูปคดีต่อไป
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐

เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ













































537

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยปิยะเทพ คุ้มเสนียด โจทก์

ที่ วร ๑๒๐/๒๕๖๐ บริษัทคอนแม็ค (ไทยแลนด์)

จ�ำกัด จ�ำเลย



ตำมค�ำฟ้องโจทก์แม้จะมิได้แสดงให้เห็นว่ำจ�ำเลยตกลงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็น

ลูกจ้ำง แต่ปรำกฏจำกส�ำเนำสัญญำจ้ำงผู้เชี่ยวชำญรำยบุคคลหรือจ้ำงที่ปรึกษำ ว่ำโจทก์


จะต้องปฏิบัติงำนตำมระเบียบและข้อบังคับต่ำง ๆ ของจ�ำเลย และเคร่องมือเคร่องใช้
และวัสดุอุปกรณ์ที่โจทก์ใช้ปฏิบัติงำนเป็นของจ�ำเลย จึงแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้องท�ำงำน

ภำยใต้อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำง

แรงงำน อีกทั้งตำมส�ำเนำหนังสือเลิกจ้ำง ระบุว่ำจ�ำเลยประสงค์จะเลิกกิจกำรและจะจ่ำย

ค่ำชดเชยตำมกฎหมำยแก่โจทก์ และตำมส�ำเนำข้อตกลงกำรรับเงินและรักษำควำมลับ
ระบุว่ำจ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำง ได้จ่ำยเงินรำยได้สุทธิหลังจำกหักเงินสมทบกองทุนประกัน


สังคม สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชยแก่โจทก์ซ่งเป็นพนักงำน อันแสดง
ให้เห็นว่ำโจทก์และจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับ


จ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำย
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน เป็นคดีแรงงำน

_____________________________












โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวนท่ ๑ มนำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เป็นทปรกษำมหน้ำทให้

ค�ำปรึกษำ ควบคุมดูแลงำน ประสำนงำน มีก�ำหนดเวลำ ๕ ปี ตกลงค่ำจ้ำงเดือนละ ๗๐,๐๐๐ บำท








และจำเลยตกลงว่ำหำกจำเลยเลกสญญำโดยไม่มเหตอนสมควรหรอเลกกจกำรไม่ว่ำด้วย



เหตุใด จ�ำเลยจะจ่ำยค่ำจ้ำง หรอค่ำตอบแทนชดใช้ค่ำเสียหำย หรือค่ำชดเชยแก่โจทก์ ต่อมำ
วันที่ ๒๗ กรกฎำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยปิดกิจกำร โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงแล้วแต่จ�ำเลย
เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำจ้ำง ๔,๒๐๐,๐๐๐ บำทพร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันพิพำกษำเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ท�ำงำนภำยใต้กำรบังคับบัญชำของจ�ำเลย ใช้อุปกรณ์เคร่องมือ
ของจ�ำเลย กำรท�ำงำนมิได้มุ่งผลส�ำเร็จของงำน สัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสัญญำ

จ้ำงแรงงำน คดีนจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน สัญญำจ้ำงโจทก์ท�ำงำน

538

ท�ำขึ้นโดยกรรมกำรจ�ำเลยที่ลงนำมไม่มีควำมรู้ภำษำไทยและสติสัมปชัญญะ ไม่สมบูรณ์เพียงพอ

ข้อสัญญำจ้ำงโจทก์ท�ำงำนดังกล่ำวไม่เป็นธรรมกับจ�ำเลย โจทก์กับจ�ำเลยได้ตกลงประนีประนอม

ยอมควำมกันแล้ว โดยโจทก์ได้รับเงินบำงส่วนแล้วไม่ติดใจเรียกร้องเงินใดจำกจ�ำเลยอีก
โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดชลบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง


วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เป็นท่ปรึกษำ จ�ำเลยตกลงว่ำหำก
จ�ำเลยเลิกสัญญำโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือเลิกกิจกำรไม่ว่ำด้วยเหตุใด จะจ่ำยค่ำจ้ำง หรือ

ค่ำตอบแทนชดใช้ค่ำเสียหำย หรือค่ำชดเชยแก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยปิดกิจกำร โจทก์ทวงถำมให้
จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย จึงขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงแก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องโจทก์

แม้จะมิได้แสดงให้เห็นว่ำจ�ำเลยตกลงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง แต่ปรำกฏจำกส�ำเนำสัญญำ

จ้ำงผู้เชี่ยวชำญรำยบุคคลหรือจ้ำงที่ปรึกษำ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ข้อ ๑.๒ ว่ำ โจทก์
จะต้องปฏิบัติงำนตำมระเบียบและข้อบังคับต่ำง ๆ ของจ�ำเลย และข้อ ๓.๕ ว่ำ เครื่องมือเครื่องใช้

และวัสดุอุปกรณ์ท่โจทก์ใช้ปฏิบัติงำนเป็นของจ�ำเลย จึงแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้องท�ำงำนภำยใต้

อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน อีกท้งตำม

ส�ำเนำหนังสือเลิกจ้ำง เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ ฉบับแรก ระบุว่ำ จ�ำเลยประสงค์จะเลิก

กิจกำรและจะจ่ำยค่ำชดเชยตำมกฎหมำยแก่โจทก์ และตำมส�ำเนำข้อตกลงกำรรับเงิน และรักษำ
ควำมลับ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ ฉบับที่สอง ระบุว่ำ จ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำง ได้จ่ำยเงิน

รำยได้สุทธิหลังจำกหักเงินสมทบกองทุนประกันสังคม สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และ

ค่ำชดเชยแก่โจทก์ซ่งเป็นพนักงำน อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์และจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำ


จ้ำงแรงงำน เม่อโจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยไม่จ่ำยค่ำจ้ำงให้โจทก์จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็น

นำยจ้ำงไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน


คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและ

ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ

คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)






539

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ





















































540

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงวัธนี อรรถบลยุคล โจทก์

ที่ วร ๖/๒๕๖๑ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนต�ำแหน่งผู้จัดกำรท่วไป ปฏิบัติงำนท ่ ี

สถำนปฏิบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยว สังกัดมหำวิทยำลัย อ. ต่อมำโจทก์ลำออก
โดยจ�ำเลยยังค้ำงจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และ
ค่ำท�ำงำนในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีแก่โจทก์ จึงขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำท�ำงำนใน

วันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำนในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีดังกล่ำว


ดังน ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมสัญญำ


จ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนจำกจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์กับ

จ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน

_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๙ มกรำคม ๒๕๕๕ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนต�ำแหน่งผู้จัดกำร


ท่วไป ปฏิบัติงำนท่สถำนปฏิบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยวสังกัดมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำน ี


ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสำมเดือนสุดท้ำย ๓๖,๗๕๐ บำท ต่อมำโจทก์ลำออก จ�ำเลยอนุมัติหนังสือ
ลำออกวันท่ ๓๐ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ โดยจ�ำเลยยังค้ำงจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำน

ในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำนในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีแก่โจทก์ รวม ๗๗ วัน เป็นเงิน

๙๔,๓๒๕ บำท โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยแจ้งว่ำโจทก์มีสิทธิได้รับเงินดังกล่ำวเพียง ๑๑,๐๒๕ บำท
ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำน

ในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปี ๙๔,๓๒๕ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง

เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคล มีฐำนะเป็นกรมในส�ำนักงำนคณะกรรมกำร


กำรอุดมศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร สถำนปฏิบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยว เป็นส่วน
งำนภำยในสังกัดมหำวิทยำลัยจ�ำเลย มีกำรบริหำรงำนโดยคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรสถำนปฏิบัต ิ


กำร (คอส.) และคณะกรรมกำรบริหำรสถำนปฏิบัติกำร (คบส.) ซ่งได้รับกำรแต่งต้งจำกอธิกำรบด ี


มหำวิทยำลัยจ�ำเลย เม่อจ�ำเลยเป็นรำชกำรส่วนกลำง จึงไม่อยู่ในบังคับของพระรำชบัญญัต ิ
คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ พระรำชบัญญัติแรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ และพระรำชบัญญัติ




541

จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยเป็น


คดีน้ โจทก์เป็นพนักงำนจ้ำงเหมำบริกำรในลักษณะของกำรจ้ำงท�ำของ จึงต้องปฏิบัติตำมข้อ
ก�ำหนดของ คอส. ข้อบังคับมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ว่ำด้วยกำรบริหำรงำนบุคคลส�ำหรับ
พนักงำนมหำวิทยำลัย พ.ศ. ๒๕๕๔ และข้อบังคับมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ว่ำด้วยสถำนปฏิบัต ิ

กำรโรงแรมและกำรท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งก�ำหนดให้ระยะเวลำปฏิบัติงำนปกติของพนักงำน

ลูกจ้ำงต้องปฏิบัติงำนได้ไม่ต�่ำกว่ำ ๓ สัปดำห์ ต่อ ๑ เดือน สำมำรถหยุดพักและหรือเดินทำงกลับ


ภูมิล�ำเนำได้เดือนละ ๑ คร้ง ๗ วัน เม่อจ�ำเลยตรวจสอบแล้วพบว่ำระหว่ำงวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๘



ถึงวันท่ ๒๙ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ แม้ว่ำโจทก์จะได้ลำหยุดเพ่อกลับภูมิล�ำเนำในช่วงเวลำตำมฟ้อง
ไปแล้ว ๒ วัน คงเหลือวันที่สำมำรถหยุดได้อีก ๕ วันและตำมที่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำมีวันลำพักผ่อน

ประจ�ำปีเหลืออยู่ ๖ วัน น้น ข้อบังคับมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ว่ำด้วยกำรบริหำรงำนบุคคล
ส�ำหรับพนักงำนมหำวิทยำลัย พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๓๔ ให้อนุโลมใช้ตำมระเบียบส�ำนักนำยกรัฐมนตร ี

ว่ำด้วยกำรลำของข้ำรำชกำร พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๒๓ ซ่งตำมระเบียบน้มิได้ก�ำหนดให้สิทธิข้ำรำชกำร


หรือพนักงำนมหำวิทยำลัยเปล่ยนวันลำพักผ่อนหรือให้จ่ำยค่ำตอบแทนส�ำหรับวันหยุดซ่งมิได้

ใช้สิทธิครบถ้วนเป็นกำรรับเงินค่ำตอบแทนแต่อย่ำงใด จ�ำเลยจึงไม่อำจจ่ำยเงินตอบแทนแก่โจทก์
ส�ำหรับกำรใช้สิทธิหยุดในวันหยุดตำมประเพณี วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดประจ�ำปี และวันหยุด

อื่นตำมที่คณะรัฐมนตรีก�ำหนด ประจ�ำปี ๒๕๕๘ ซึ่งมีอยู่ ๑๓ วัน โจทก์หยุดไปแล้ว ๑๑ วัน และได้



ปฏิบัติงำนในวันหยุด ๔ วัน ซ่งรวมวันแรงงำนแห่งชำติท่ไม่ใช่วันหยุดรำชกำรด้วย โจทก์จึงไม่มีสิทธ ิ



ได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนในวันดังกล่ำว ส่วนกำรท�ำงำนในวันหยุดรำชกำรอ่นท่เหลือน้น โจทก์
ท�ำงำนโดยไม่ได้ขออนุมัติจำกหัวหน้ำส่วนรำชกำรก่อนจึงไม่มีสิทธิได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำน
ในวันดังกล่ำว ส�ำหรับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนในวันหยุดอ่นท่โจทก์ฟ้องมำซ่งเป็นวันหลังจำก



โจทก์ลำออกแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนในวันดังกล่ำวเช่นกัน ขอให้
ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๓ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ






พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ




วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง




542


วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนต�ำแหน่งผู้จัดกำรท่วไป ปฏิบัติงำนท ่ ี



สถำนปฏบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยว สังกดมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ต่อมำโจทก์
ลำออก โดยจ�ำเลยยังค้ำงจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำน
ในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีแก่โจทก์ รวม ๗๗ วัน เป็นเงิน ๙๔,๓๒๕ บำท จึงขอให้บังคับจ�ำเลย










จำยคำทำงำนในวนหยุด คำทำงำนในวนหยุดนกขัตฤกษ์ และคำทำงำนในวนหยุดพกผ่อนประจำปี





ดังกล่ำว ดังน้ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนจำกจ�ำเลย ส่วนท่ว่ำโจทก์จะมีสิทธ ิ





ได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่ และตำมกฎหมำยหรือระเบียบหรือข้อบังคับท่เก่ยวข้องฉบับใดน้น


เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำม


รูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒

มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ




















543

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยโชคอนันต์ ฟูอัครเศรษฐ์ โจทก์

ที่ วร ๘/๒๕๖๑ บริษัทซูบลิน (ประเทศไทย)

จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย



โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมมีนิติสัมพันธ์กันในฐำนะนำยจ้ำงและ



ลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำม

ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงท่จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับบริษัทจ�ำเลยท ๑ ในต่ำงประเทศ




ซ่งเกิดข้นและมีผลผูกพันโจทก์และจ�ำเลยท้งสำมนับแต่วันท่ตกลงกันอันเป็นส่วนหน่ง





ของสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลย

ที่ ๒ เป็นประธำนกรรมกำร และจ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล เมื่อวันที่ ๑ เมษำยน ๒๕๔๘
















จำเลยท ๑ และท ๒ จำงโจทกทำงำนเปนลกจำง ตำแหนงผประสำนงำนไดรบคำจำงอตรำสดทำย






เดือนละ ๓๙,๐๐๐ บำท ต่อมำวันที่ ๒๓ สิงหำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีหนังสือเลิกจ้ำง
โจทก์ให้มีผลเป็นกำรเลิกจ้ำงวันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๕๐ อันเป็นกำรเลิกจ้ำงโดยไม่เป็นธรรม โดย
ในวันที่ ๒๓ สิงหำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ตกลงว่ำ หำกโจทก์ไม่ยื่นค�ำร้องกรณีถูกเลิก
จ้ำงโดยไม่เป็นธรรมต่อเจ้ำหน้ำที่กระทรวงแรงงำน จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับ
บริษัทจ�ำเลยท่ ๑ ท่ด�ำเนินงำนอยู่ต่ำงประเทศ เป็นเหตุให้โจทก์หลงเช่อจึงไม่ย่นค�ำร้องดังกล่ำว แต่




จ�ำเลยทั้งสำมไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงจึงเป็นกำรผิดสัญญำจ้ำง จ�ำเลยทั้งสำมในฐำนะเป็นนำยจ้ำง
ของโจทก์จึงต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันจ่ำยเงิน ๗๐๒,๐๐๐ บำท
แก่โจทก์


ช้นนัดไต่สวนค�ำร้องขอยกเว้นค่ำธรรมเนียมศำล โจทก์แถลงว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ ถึงแก่ควำมตำย
โจทก์จึงขอถอนฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ศำลจังหวัดนนทบุรีอนุญำต






ศำลจงหวดนนทบรเห็นวำ กรณมปัญหำวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำล




ู่




แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
544


วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลย



ท่ ๒ เป็นประธำนกรรมกำร และจ�ำเลยท่ ๓ เป็นผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ จ้ำงโจทก์









ทำงำนเป็นลกจ้ำง ตำแหน่งผ้ประสำนงำน ต่อมำวนท ๒๓ สงหำคม ๒๕๕๐ จำเลยท ๑ และ



ที่ ๒ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์ให้มีผลเป็นกำรเลิกจ้ำงวันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๕๐ อันเป็นกำรเลิกจ้ำง



โดยไม่เป็นธรรม โดยในวันท่ ๒๓ สิงหำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ตกลงว่ำหำกโจทก์
ไม่ยื่นค�ำร้องกรณีถูกเลิกจ้ำงโดยไม่เป็นธรรมต่อเจ้ำหน้ำที่กระทรวงแรงงำน จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓
จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ ที่ด�ำเนินงำนอยู่ต่ำงประเทศ เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อ
จึงไม่ย่นค�ำร้องดังกล่ำว แต่จ�ำเลยท้งสำมในฐำนะนำยจ้ำงไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงจึงเป็นกำรผิด


สัญญำจ้ำง ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยทั้งสำมมีนิติสัมพันธ์กันในฐำนะ



นำยจ้ำงและลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำม
ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงที่จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ ในต่ำงประเทศซึ่งเกิดขึ้นและ


มีผลผูกพันโจทก์และจ�ำเลยท้งสำมนับแต่วันท่ตกลงกันอันเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำน

ส่วนโจทก์จะเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๓ หรือไม่ และโจทก์จะมีสิทธิได้รับค่ำเสียหำยจำกข้อตกลง



ดังกล่ำวหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดย

องค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย

สิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ


คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑



เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ






545

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ มหำวิทยำลัยพำยัพ โจทก์

ที่ วร ๓๐/๒๕๖๑ นำยธอร์สเทน โวลล์มันน์

กับพวก จ�ำเลย





ฟ้องว่ำจ�ำเลยท ๑ ท�ำสัญญำลำศึกษำต่อในระดับปริญญำเอก ท่ประเทศนิวซีแลนด์
ด้วยทุนประเภท ๑ ของโจทก์ แต่เมื่อส�ำเร็จกำรศึกษำแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ ไม่สำมำรถท�ำงำน
ให้โจทก์จนครบก�ำหนดระยะเวลำสัญญำลำศึกษำต่อ ต้องชดใช้เงินตำมระยะเวลำ







คงเหลือท่จ�ำเลยท ๑ จะต้องชดใช้ทุนแก่โจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ ซ่งเป็น

ลูกจ้ำงโจทก์ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงในสัญญำลำศึกษำต่อซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำ




จ้ำงแรงงำน จ�ำเลยท ๒ ในฐำนะผู้ค้ำประกันกำรลำศึกษำต่อของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็น





กรณีเก่ยวเน่องกับกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ ท้งยังเป็น




กรณพพำทเกยวด้วยควำมรบผดตำมกฎกระทรวงว่ำด้วยกำรค้มครองกำรทำงำนและ






ผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ปฏิบัติงำนในสถำบันอุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซ่งออก







โดย พ.ร.บ. อดมศกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖ มำตรำ ๒๓ วรรคสอง อกดวย คดระหวำงโจทก ์




กับจ�ำเลยท ๒ จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีน ้ ี
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์มีฐำนะเป็นนิติบุคคลตำมพระรำชบัญญัติสถำบันอุดมศึกษำเอกชน

พ.ศ. ๒๕๔๖ เม่อวันท่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๓๙ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ เป็นอำจำรย์ผู้สอน ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑





ได้ทำสัญญำลำศกษำต่อในระดบปริญญำเอก ท่ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่ำงวนท่ ๑ กรกฎำคม ๒๕๔๔






ถึงวันท่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๔๖ ด้วยทุนประเภท ๑ ของโจทก์ ตกลงว่ำเม่อจ�ำเลยท่ ๑




สำเรจกำรศกษำแล้วจะกลบมำท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ ๕ เท่ำ ของระยะเวลำ




ท่ใช้ศึกษำหรือระยะเวลำท่ได้รับทุนหรือระยะเวลำท่ได้รับเงินเดือนสุดแต่ระยะเวลำใดจะ
มำกกว่ำ มิฉะนั้นจ�ำเลยที่ ๑ ยินยอมชดใช้เงินเป็นจ�ำนวน ๕ เท่ำ ของจ�ำนวนเงินทุนกำรศึกษำ



เงินเดือน หรือเงินอ่นใดท่ได้รับจำกโจทก์ โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันกำรลำศึกษำต่อ

หลังส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจ�ำเลยท่ ๑ กลับมำท�ำงำน แต่ในปี ๒๕๕๘ จ�ำเลยท่ ๑ มีคะแนนกำร


ประเมินผลกำรปฏิบัติงำนไม่ผ่ำนมำตรฐำน โจทก์จึงมีค�ำสั่งเป็นหนังสือให้จ�ำเลยที่ ๑ ต้องปฏิบัติ
546


งำนไม่น้อยกว่ำ ๓๕ ภำรกิจต่อสัปดำห์ ต้องลงลำยมือช่อกำรเข้ำออกงำนทุกวันท�ำงำน และ







ต้องเข้ำร่วมประชมตำมทโจทก์มอบหมำย แต่ปี ๒๕๕๙ จำเลยท่ ๑ ไม่สำมำรถปฏบัติภำรกจ


ตำมค�ำส่งของโจทก์ได้ วันท่ ๑ สิงหำคม ๒๕๖๐ โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ยินยอม


รับค่ำชดเชยและสินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำไปแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ ยังคงเหลือเวลำที่จะต้อง
ชดใช้ทุนแก่โจทก์อีก ๕๒๐ วัน คิดเป็นเงิน ๑,๓๕๓,๗๕๘.๐๙ บำท โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลย


ท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๑,๓๙๗,๗๕๕.๕๕ บำท พร้อมดอกเบ้ย

อัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๓๕๓,๗๕๘.๐๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรว่ำ เมื่อจ�ำเลยที่ ๑ ส�ำเร็จกำรศึกษำตำมสัญญำลำศึกษำต่อในระดับ


ปริญญำเอกแล้ว ได้กลับมำท�ำงำนตำมเง่อนไขกำรสอนเดิมก่อนท่จะลำไปศึกษำต่อ ซ่งโจทก์




















ไมไดระบจำนวนชวโมงสอนหรอภำรกจอนไว จำเลยท ๑ มผลงำนประพนธเพลงผำนกำรประเมน
มำตลอด กำรประเมินผลกำรปฏิบัติงำนตำมหลักเกณฑ์ภำรกิจท่โจทก์ประกำศในปี ๒๕๕๗


ไม่สอดคล้องกับสภำพกำรจ้ำงเดิม จ�ำเลยท่ ๑ แสดงเจตนำปฏิบัติงำนให้ครบตำมระยะเวลำท ี ่





กำหนดในสญญำแล้วแต่โจทก์ไม่ยนยอม จำเลยท ๑ จงไม่ได้ผดสญญำดงกล่ำว ข้อสญญำท ่ ี






ก�ำหนดให้เม่อจ�ำเลยท่ ๑ ส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจะกลับมำท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ



๕ เท่ำ ของระยะเวลำท่ใช้ศึกษำหรือระยะเวลำท่ได้รับทุนหรือระยะเวลำท่ได้รับเงินเดือนสุดแต่


ระยะเวลำใดจะมำกกว่ำ มิฉะนั้นจ�ำเลยที่ ๑ ยินยอมชดใช้เงินเป็นจ�ำนวน ๕ เท่ำ ของจ�ำนวนเงิน
ทุนกำรศึกษำ เงินเดือน หรือเงินอื่นใดที่ได้รับจำกโจทก์ เป็นข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม จ�ำเลยที่ ๑
ท�ำงำนชดใช้ทุนพอสมควรแก่กรณีและเป็นธรรมแล้ว คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ

ศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ เป็นอำจำรย์ผู้สอนระหว่ำงกำร




ทำงำน จำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำลำศึกษำต่อในระดับปรญญำเอก ทประเทศนิวซีแลนด์ ด้วยทน



ประเภท ๑ ของโจทก์ ตกลงว่ำเมื่อจ�ำเลยที่ ๑ ส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจะกลับมำท�ำงำนให้โจทก์เป็น

ระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ ๕ เท่ำ ของระยะเวลำท่ใช้ศึกษำหรือระยะเวลำท่ได้รับทุนหรือระยะเวลำ

547

ที่ได้รับเงินเดือนสุดแต่ระยะเวลำใดจะมำกกว่ำ มิฉะนั้นจ�ำเลยที่ ๑ ยินยอมชดใช้เงินเป็นจ�ำนวน

๕ เท่ำ ของจ�ำนวนเงินทุนกำรศึกษำ เงินเดือนหรือเงินอื่นใดที่ได้รับจำกโจทก์ โดยมีจ�ำเลยที่ ๒



เป็นผู้ค้ำประกันกำรลำศึกษำต่อ แต่เม่อส�ำเร็จกำรศึกษำแล้ว จ�ำเลยท่ ๑ ไม่สำมำรถท�ำงำนให้


โจทก์จนครบก�ำหนดระยะเวลำสัญญำลำศึกษำต่อ จึงขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันชดใช้เงินตำม
ระยะเวลำคงเหลือที่จ�ำเลยที่ ๑ จะต้องชดใช้ทุนแก่โจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็น

ลูกจ้ำงโจทก์ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงในสัญญำลำศึกษำต่อซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำน

คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)

ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกันกำรลำ

ศึกษำต่อของจ�ำเลยที่ ๑ ให้ร่วมรับผิดกับจ�ำเลยที่ ๑ จึงเป็นกรณีเกี่ยวเนื่องกับกำรผิดสัญญำจ้ำง




แรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ ท้งยังเป็นกรณีพิพำทเก่ยวด้วยควำมรับผิดตำมกฎกระทรวง
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนและผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ปฏิบัติงำนในสถำบันอุดมศึกษำ

เอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซ่งออกโดยพระรำชบัญญัติอุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖ มำตรำ ๒๓
วรรคสอง อีกด้วย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำม








สญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒




มำตรำ ๘ (๑) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ









548

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ แพทย์หญิงมริญญำ

ที่ วร ๗๕/๒๕๖๑ ผ่องผุดพันธ์ โจทก์

นำยวัฒน์ธนพลหรือวัฒนเกียรติ
โสภณกิจวนิช จ�ำเลย





แม้ตำมค�ำฟ้องโจทก์จะเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นเจ้ำของสถำน

พยำบำล “ว. คลนกเวชกรรม” ตกลงให้โจทก์ทำงำนเป็นแพทย์ และปรำกฏจำกข้อเทจ



จริงท่คู่ควำมแถลงรับกันตำมรำยงำนกระบวนพิจำรณำลงวันท ๕ กรกฎำคม ๒๕๖๑ ว่ำ



จ�ำเลยไม่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำโจทก์เกี่ยวกับกำรรักษำคนไข้ แต่กำรที่จ�ำเลยตกลงให้โจทก์

ต้องท�ำงำนสัปดำห์ละ ๑ วัน จึงเป็นกำรก�ำหนดวันและเวลำท�ำงำนท่โจทก์ต้องเข้ำปฏิบัติงำน
ตำมข้อตกลง ท้งโจทก์จะได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนค�ำนวณจำกจ�ำนวนคนไข้และลักษณะ

ของแผนกำรรักษำคนไข้แต่ละคน อันมีลักษณะเป็นกำรจ่ำยค่ำจ้ำงตำมผลงำน จึงเป็น



กรณีท่กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซ่งเป็นส่วนหน่งของ

สัญญำจ้ำงแรงงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกอบกิจกำรสถำนพยำบำล “เดอะวีว่ำคลินิกเวชกรรม” เดือน



กันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยตกลงให้โจทก์เข้ำเป็นแพทย์ผู้เช่ยวชำญด้ำนผิวหนังเพ่อท�ำกำรตรวจ


รกษำคนไข้ในสถำนพยำบำลของจำเลย โจทก์ต้องทำงำนทกวนพธ ๑ วนต่อสปดำห์ จำเลย







ตกลงจ่ำยค่ำวิชำชีพแพทย์ให้โจทก์ตำมจ�ำนวนคนไข้ท่โจทก์รักษำ โดยจ�ำเลยจะเก็บเงินค่ำ


วิชำชีพแพทย์จำกคนไข้ท่โจทก์รักษำไว้แล้วจ่ำยให้โจทก์ในเดือนถัดไปทุกเดือน แต่จ�ำเลยค้ำงจ่ำย
ค่ำวิชำชีพแพทย์แก่โจทก์ในเดือนมีนำคม ๒๕๖๐ เป็นเงิน ๑๔๓,๒๒๕ บำทโจทก์ทวงถำมแล้ว
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยเงิน ๑๖๑,๑๒๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี
จำกต้นเงิน ๑๔๓,๒๒๕ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำร แก้ไขค�ำให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ปฏิบัติงำนในฐำนะแพทย์

ประจ�ำสถำนเสริมควำมงำมเฉพำะด้ำนกำรผ่ำตัดเสริมจมูก ตกลงค่ำจ้ำงตำมจ�ำนวนคนไข้ท่โจทก์

รกษำ โจทกตองทำงำนทกวนพธของสปดำห สญญำระหวำงโจทกกบจำเลยเปนสญญำจำงแรงงำน
















549

โดยมีข้อตกลงว่ำโจทก์ต้องวำงเงินประกันควำมเสียหำยไว้ต่อจ�ำเลย ๑ เดือน โดยน�ำค่ำวิชำชีพ


แพทย์ในเดือนท่ถึงก�ำหนดช�ำระแล้วมำเป็นประกันควำมเสียหำยในเดือนถัดไป และโจทก์ต้อง

ไม่น�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปเปิดและท�ำงำนในสถำนเสริมควำมงำมอ่นและไม่น�ำลูกค้ำของจ�ำเลย

ไปท�ำกำรเสริมควำมงำมอ่นหรือน�ำไปเป็นลูกค้ำของโจทก์ แต่โจทก์เปิดสถำนเสริมควำมงำม

หรือไปเป็นแพทย์ประจ�ำในสถำนเสริมควำมงำมอ่นแล้วน�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปท�ำงำนและ
น�ำลูกค้ำของจ�ำเลยไปรักษำด้วย จึงเป็นกำรฝ่ำฝืนข้อตกลง จ�ำเลยจึงมีสิทธิริบค่ำวิชำชีพแพทย์
ของโจทก์ในเดือนมีนำคม ๒๕๖๐ เป็นเงิน ๑๔๓,๒๒๕ บำท กำรกระท�ำของโจทก์ยังเป็นผลให้

จ�ำเลยต้องปิดกิจกำรไป ๖ เดือน ต้องขำดรำยได้ไม่น้อยกว่ำ ๔๐๐,๐๐๐ บำท เมื่อหักกลบกันแล้ว

โจทก์ยังต้องชดใช้ค่ำเสียหำยให้จ�ำเลยอีก ๒๕๖,๐๗๕ บำท ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์จ่ำยเงิน


จ�ำนวนดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำจะ
ช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ไม่เคยเปิดสถำนเสริมควำมงำมหรือไปเป็นแพทย์ประจ�ำ


ในสถำนเสริมควำมงำมอ่น ไม่เคยน�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปเปิดและท�ำงำนในสถำนเสริมควำม


งำมอ่นและไม่เคยน�ำลูกค้ำของจ�ำเลยไปท�ำกำรเสริมควำมงำมอ่นหรือน�ำไปเป็นลูกค้ำของโจทก์
ทั้งไม่เคยมีข้อตกลงเรื่องเงินประกันตำมฟ้องแย้ง จ�ำเลยเพียงแต่โอนขำยกิจกำรให้ผู้อื่น จึงมิได้
เสียหำยแต่อย่ำงใด ขอให้ยกฟ้องแย้ง


ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงชลบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย


ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง

วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยตกลงให้โจทก์เข้ำเป็นแพทย์ผู้เช่ยวชำญด้ำนผิวหนัง

เพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้ในสถำนพยำบำลของจ�ำเลย โจทก์ต้องท�ำงำนทุกวันพุธ ๑ วัน

ต่อสัปดำห์ จ�ำเลยตกลงจ่ำยค่ำวิชำชีพแพทย์ให้โจทก์ตำมจ�ำนวนคนไข้ที่โจทก์รักษำ โดยจ�ำเลย

จะเก็บเงินค่ำวิชำชีพแพทย์จำกคนไข้ท่โจทก์รักษำไว้แล้วจ่ำยให้โจทก์ในเดือนถัดไปทุกเดือน

แต่จ�ำเลยค้ำงจ่ำยค่ำวิชำชีพแพทย์แก่โจทก์ในเดือนมีนำคม ๒๕๖๐ โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลย

เพกเฉย ขอให้บงคบจ�ำเลยจ่ำยเงินดงกล่ำว แม้ตำมคำฟ้องโจทก์จะเป็นกรณีทโจทก์กล่ำวอ้ำง








ว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นเจ้ำของสถำนพยำบำล “เดอะวีว่ำคลินิกเวชกรรม” ตกลงให้โจทก์ท�ำงำนเป็น
แพทย์ และปรำกฏจำกข้อเท็จจริงที่คู่ควำมแถลงรับกันตำมรำยงำนกระบวนพิจำรณำลงวันที่ ๕
550


กรกฎำคม ๒๕๖๑ ว่ำ จ�ำเลยไม่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำโจทก์เก่ยวกับกำรรักษำคนไข้ แต่กำรท ี ่

จ�ำเลยตกลงให้โจทก์ต้องท�ำงำนสัปดำห์ละ ๑ วัน จึงเป็นกำรก�ำหนดวันและเวลำท�ำงำนท่โจทก์
ต้องเข้ำปฏิบัติงำนตำมข้อตกลง ท้งโจทก์จะได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนค�ำนวณจำกจ�ำนวน

คนไข้และลักษณะของแผนกำรรักษำคนไข้แต่ละคน อันมีลักษณะเป็นกำรจ่ำยค่ำจ้ำงตำม

ผลงำน จึงเป็นกรณีที่กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง


ของสัญญำจ้ำงแรงงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกำรท่จ�ำเลยให้กำร


แก้ไขคำให้กำร และฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ทำงำน ตกลงค่ำจ้ำงตำมจ�ำนวนคนไข้ทโจทก์









รกษำ โจทก์ต้องทำงำนทกวนพุธของสปดำห์ สญญำระหว่ำงโจทก์กบจ�ำเลยเป็นสญญำจ้ำง






แรงงำน โดยมข้อตกลงว่ำโจทก์ต้องวำงเงนประกนควำมเสยหำยไว้ต่อจำเลย ๑ เดอน โดยนำ



ค่ำวิชำชีพแพทย์ในเดือนท่ถึงก�ำหนดช�ำระแล้วมำเป็นประกันควำมเสียหำยในเดือนถัดไป

และโจทก์ต้องไม่น�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปเปิดและท�ำงำนในสถำนเสริมควำมงำมอ่นและไม่น�ำ

ลูกค้ำของจ�ำเลยไปท�ำกำรเสริมควำมงำมอ่นหรือน�ำไปเป็นลูกค้ำของโจทก์ แต่โจทก์เปิดสถำน

เสริมควำมงำมหรือไปเป็นแพทย์ประจ�ำในสถำนเสริมควำมงำมอ่น แล้วน�ำพนักงำนของจ�ำเลย
ไปท�ำงำนและน�ำลูกค้ำของจ�ำเลยไปรักษำด้วย อันเป็นกำรฝ่ำฝืนข้อตกลงดังกล่ำวน้น จึงเป็น




กรณีท่จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลย ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงอันเป็นส่วนหน่ง

ของสัญญำจ้ำงแรงงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนดงกล่ำวเช่นกัน
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน


ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ



551

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทยประกันชีวิต จ�ำกัด

ที่ วร ๒/๒๕๖๒ (มหำชน) โจทก์

นำงสำวยุพำหรือยุพวรรณ์
สิทธิคงศักดิ์ จ�ำเลย



ค�ำฟ้องโจทก์ประกอบส�ำเนำสัญญำข้อตกลงผู้จัดกำร เอกสำรท้ำยค�ำฟ้อง


หมำยเลข ๔ ข้อ ๔ ท่ก�ำหนดให้ผู้จัดกำรตกลงปฏิบัติตำมระเบียบ ข้อบังคับ หรือค�ำส่ง

ของบริษัท ท่มีอยู่แล้วและท่จะมีข้นภำยหน้ำทุกประกำร อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้อง



ท�ำงำนภำยใต้ระเบียบ ข้อบังคับ หรือค�ำส่งอันเป็นกำรบังคับบัญชำของโจทก์ซ่งมีต่อ

จ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของสัญญำจ้ำงแรงงำนแล้ว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์
กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธ ิ

เรียกร้องเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนคืนจำกจ�ำเลย จึงเป็นคดีแรงงำน

_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑ เมษำยน ๒๕๕๐ จ�ำเลยซ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิตเข้ำท�ำ


สัญญำเป็นผู้จัดกำรศูนย์กำรขำยกับโจทก์ มีหน้ำที่ดูแลกำรปฏิบัติงำนของตัวแทน หัวหน้ำหน่วย
และบุคคลใดที่จ�ำเลยมอบหมำยให้ปฏิบัติตำมระเบียบ ค�ำสั่ง ข้อบังคับของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน

จ�ำเลยและทีมงำนได้ขำยประกันชีวิตให้ผู้ขอเอำประกันชีวิตจ�ำนวน ๕ รำย โดยจ�ำเลยได้รับ


ผลประโยชน์และค่ำตอบแทนไปครบถ้วนแล้ว แต่เม่อโจทก์ยกเลิกค�ำขอ หรือเล่อนกำรรับประกัน

หรือลดต้นทุน ของผู้ขอเอำประกันชีวิตดังกล่ำว จ�ำเลยกลับคืนเงินผลประโยชน์และค่ำตอบแทนท ี ่














รบไปเพยงบำงสวนแกโจทก คงคำงอก ๑๖๙,๕๖๙ บำท โจทกมหนงสอทวงถำมให้จำเลยชำระเงน
ดังกล่ำวแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒๘๗,๓๕๙.๐๖ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๑๖๙,๕๖๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะ
ช�ำระเสร็จแก่โจทก์



จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยมีหน้ำท่ดูแลกำรขำยประกันชีวิตเท่ำน้น กำรท่โจทก์ยกเลิก




หรือเล่อนกำรรับประกันท�ำให้โจทก์ต้องคืนเบ้ยประกันแก่ผู้ขอเอำประกันชีวิตน้นไม่เก่ยวกับ
จ�ำเลย จ�ำเลยไม่ได้รับทรำบกำรถูกตั้งหนี้จำกโจทก์ จ�ำเลยท�ำงำนภำยใต้ระเบียบ ค�ำสั่ง ข้อบังคับ
เกี่ยวกับกำรท�ำงำนของโจทก์ คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำผิดสัญญำ
ขอให้ยกฟ้อง
552


ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสว่ำงแดนดินเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ


พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ







วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ
๙ วรรคสอง

วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิตและเป็นผู้จัดกำร
ศูนย์กำรขำยของโจทก์ ได้ขำยประกันชีวิตให้ผู้ขอเอำประกันชีวิตจ�ำนวน ๕ รำย โดยได้รับ


ผลประโยชน์และค่ำตอบแทนไปครบถ้วนแล้ว แต่เม่อโจทก์ยกเลิกค�ำขอ หรือเล่อนกำรรับประกัน
หรือลดต้นทุน ของผู้ขอเอำประกันชีวิตดังกล่ำว จ�ำเลยกลับคืนเงินผลประโยชน์และค่ำตอบแทน

ท่รับไปแก่โจทก์ไม่ครบถ้วนตำมสัญญำ จึงขอให้จ�ำเลยคืนส่วนท่คงค้ำงแก่โจทก์ เม่อพิจำรณำ


ค�ำฟ้องโจทก์ ประกอบส�ำเนำสัญญำข้อตกลงผู้จัดกำร เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ ข้อ ๔

ท่ก�ำหนดให้ผู้จัดกำรตกลงปฏิบัติตำมระเบียบ ข้อบังคับ หรือค�ำส่งของบริษัท ท่มีอยู่แล้วและ


ที่จะมีขึ้นภำยหน้ำทุกประกำร อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้องท�ำงำนภำยใต้ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ


ค�ำส่งอันเป็นกำรบังคับบัญชำของโจทก์ซ่งมีต่อจ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของสัญญำจ้ำงแรงงำน
แล้ว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงกันตำมสัญญำ

จ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมสัญญำจำงแรงงำนคืนจำกจ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยจะเป็นลูกจำง



ของจ�ำเลยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือโจทก์จะมีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริง
ในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป













คดระหวำงโจทกกบจ�ำเลยจงเปนคดีพพำทเกยวดวยสทธหรอหน้ำทตำมสญญำจำงแรงงำน ตำม






พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

553

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวปวิตรำนันท์ สำโรจน์ โจทก์

ที่ วร ๖/๒๕๖๒ บริษัทยูนิกก้ำ จ�ำกัด จ�ำเลย


โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำร


นิติบุคคลอำคำรชุด ต่อมำท่ประชุมใหญ่สำมัญเจ้ำของร่วมนิติบุคคลอำคำรชุดมีมต ิ
เลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธ ิ
ได้รับค่ำชดเชย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำง


ไม่เป็นธรรม นอกจำกน้นจ�ำเลยยังต้องจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย และคืนเงินทดรองจ่ำย
ค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลรักษำทรัพย์สินส่วนกลำงแก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำร

กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำง


แรงงำนเพ่อขอให้จ�ำเลยคืนเงินทดรองจ่ำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และเรียกร้องเงินอ่น

ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ วันท่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๖ จ�ำเลยจ้ำงเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่ง
ผู้จัดกำรนิติบุคคลอำคำรชุดได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำย เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บำท ต่อมำวันท่ ๑๘


เมษำยน ๒๕๖๐ ท่ประชุมใหญ่สำมัญเจ้ำของร่วมนิติบุคคลอำคำรชุดมีมติเลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์
ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่ำชดเชย สินจ้ำงแทน

กำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม และจ�ำเลยยังคงค้ำงจ่ำย
ค่ำจ้ำงโจทก์เป็นเวลำ ๕ เดือน ๑๘ วัน นอกจำกนั้นระหว่ำงท�ำงำนโจทก์ได้ทดรองจ่ำยค่ำใช้จ่ำย


ในกำรดูแลรักษำทรัพย์สินส่วนกลำงซ่งจ�ำเลยต้องคืนแก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำง
ค้ำงจ่ำย ๑๖๘,๐๐๐ บำท เงินทดรองจ่ำย ๑๔๐,๙๗๑.๔๐ บำท และค่ำชดเชย ๑๘๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี จ่ำยสินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ๔๓,๐๐๐ บำท และ

ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ๑๕๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

ดอกเบี้ยทุกจ�ำนวนให้นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยค�ำให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภท

บริษัทจ�ำกัด โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยแต่ลำออกและไปท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของนิติบุคคลอำคำร
ชุดยูนิกก้ำ จ�ำเลยไม่เคยค้ำงช�ำระเงินทดรองจ่ำยของโจทก์ กำรเรียกเงินทดรองจ่ำยไม่อยู่ในอ�ำนำจ




554


ของศำลแรงงำน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินตำมฟ้องจำกจ�ำเลย ระหว่ำงท่โจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง

ของนิติบุคคลอำคำรชุดยูนิกก้ำ โจทก์มิใช่ลูกจ้ำงของจ�ำเลยแต่กลับรบเงินเดือนจำกจ�ำเลยทับซ้อน
กับเงินเดือนผู้จัดกำรนิติบุคคลอำคำรชุดยูนิกก้ำ โจทก์จึงต้องคืนเงินเดือนแก่จ�ำเลย ขอให้


ยกฟ้องและบังคับโจทก์คืนเงินเดือนท่รับไป ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย


โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องแย้งของจ�ำเลยไม่เก่ยวกับฟ้องเดิม ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศำลแรงงำนภำค ๒ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ

ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติ

จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง




วนจฉยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จำเลยจ้ำงเข้ำทำงำนเป็นลูกจ้ำง ตำแหน่งผ้จดกำร






นิติบุคคลอำคำรชุด ต่อมำท่ประชุมใหญ่สำมัญเจ้ำของร่วมนิติบุคคลอำคำรชุดมีมติเลิกจ้ำงโจทก์
โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่ำชดเชย
สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม นอกจำกน้นจ�ำเลย

ยังต้องจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย และคืนเงินทดรองจ่ำยค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลรักษำทรัพย์สินส่วนกลำง
แก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับ









นำยจำงกนตำมสญญำจำงแรงงำนเพอขอใหจำเลยคนเงนทดรองจำยตำมสญญำจำงแรงงำน และ




เรียกร้องเงินอื่นตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ส่วนโจทก์
จะเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยอันจะท�ำให้มีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงในเนื้อหำ
ของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำง






โจทก์กบจ�ำเลยจงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรอหนำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำย


ว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)


ส่วนคดีท่จ�ำเลยฟ้องแย้งน้น จ�ำเลยฟ้องแย้งว่ำโจทก์รับเงินเดือนจำกจ�ำเลยทับซ้อน
กับเงินเดือนผู้จัดกำรนิติบุคคลอำคำรชุดยูนิกก้ำ จึงขอให้โจทก์คืนเงินเดือนแก่จ�ำเลย เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์รับเงินค่ำจ้ำงไปโดยไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน



คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมฟ้องแย้งจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ

จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑)
555

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ





















































556

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยสุบิล ยุคง โจทก์

ที่ วร ๗/๒๕๖๒ บริษัทเชฎฐ์ เอเชีย จ�ำกัด

กับพวก จ�ำเลย



จ�ำเลยท้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำน ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นหัวหน้ำทนำยควำม ระหว่ำง



ท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง เน่องจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์ของจ�ำเลยท ๑

ท�ำให้โจทก์ถูกร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง ถือเป็นกำรที่จ�ำเลยทั้งสองกระท�ำ


ละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยท้งสองให้กำรส่วนน้ว่ำ เหตุเกิดจำกควำมผิดพลำดของระบบ




คอมพิวเตอร์ของจ�ำเลยท ๑ และกำรส่อสำรระหว่ำงพนักงำนของจ�ำเลยท ๑ กับผู้ร้องเรียน

คดีมรรยำททนำยควำม จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนำยจ้ำงไม่
ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ประกอบธุรกิจให้บริกำร

ด้ำนกฎหมำย มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน เมื่อปี ๒๕๔๑ จ�ำเลยทั้งสอง

จ้ำงโจทก์ท�ำงำน ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นหัวหน้ำทนำยควำม ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๑๘,๔๘๐ บำท

ค่ำต�ำแหน่งจำกกำรฟ้องคดีของทนำยควำมในบริษัทและกำรตั้งเจ้ำพนักงำนบังคับคดี ประมำณ

เดือนละ ๗๕,๐๐๐ บำท และค่ำวิชำชีพทนำยควำมจำกกำรด�ำเนินคดีต่ำง ๆ คดีละ ๑,๓๐๐ บำท




ต้งแต่ปี ๒๕๔๕ จ�ำเลยท้งสองไม่จ่ำยค่ำต�ำแหน่งจำกกำรฟ้องคดีและกำรต้งเจ้ำพนักงำน
บังคับคดี นับถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑๓,๕๐๐,๐๐๐ บำท และหักค่ำวิชำชีพทนำยควำมจำกโจทก์อีก
๙๖๐,๐๐๐ บำท ระหว่ำงท�ำงำนให้จ�ำเลยทั้งสอง เนื่องจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์


ของจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำใหโจทกถูกรองเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง ถือวำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำ




ละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง เสียประวัติ และโอกำสในกำรประกอบวิชำชีพ คิดเป็น
เงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท นอกจำกนั้นจ�ำเลยทั้งสองยังหักค่ำจ้ำงโจทก์จนต้องลำออก โจทก์ขอเรียก
ค่ำชดเชย ๑,๒๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำจ้ำงรวม ๑๔,๔๖๐,๐๐๐ บำท

ค่ำชดเชย ๑,๒๐๐,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำละเมิด ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์


จ�ำเลยท้งสองให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ ปี ๒๕๔๑ โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของ


จ�ำเลยท้งสอง ท�ำหน้ำท่ฟ้องคดีและบังคับคดี กระท่งปี ๒๕๕๔ จึงได้รับแต่งต้งเป็นผู้จัดกำร




ฝ่ำยกฎหมำย แต่โจทก์ได้ขอกลบไปทำหน้ำทฟ้องคดและบงคบคดี ปี ๒๕๕๖ โจทก์ได้ลำออก





557


ตลอดกำรท�ำงำนโจทก์ไม่เคยท�ำหน้ำท่หัวหน้ำทนำยควำม ไม่เคยได้รับเงินค่ำต�ำแหน่ง ส่วนค่ำ


วิชำชีพทนำยควำมเป็นเงินท่จ�ำเลยท้งสองจะต้องเบิกจำกผู้ว่ำจ้ำงตำมงวดงำนให้แก่ทนำยควำม
ตำมระดับควำมสำมำรถ หำกไม่สำมำรถท�ำงำนให้แล้วเสร็จภำยในระยะเวลำท่ผู้ว่ำจ้ำงก�ำหนด













โดยควำมบกพร่องของทนำยควำม ทนำยควำมทรบผดชอบจะต้องถกหกเงนค่ำวชำชพทได้รบ

ไปแลว โดยโจทกรบทรำบและยนยอมใหหกได ตอมำจำเลยท้งสองพบวำโจทกท�ำงำนคดบกพร่อง












๒๙๒ รำยกำร แล้วหลีกเลี่ยงไม่แก้ไขและได้ลำออกหนีปัญหำ โจทก์จึงต้องถูกหักเงินค่ำวิชำชีพ
จ�ำเลยทั้งสองช�ำระค่ำตอบแทนแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ส่วนที่โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกกรณี
ที่โจทก์ถูกร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง อ้ำงว่ำเป็นกำรที่จ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิด

ต่อโจทก์คิดเป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท น้น เกิดจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์ของ
จ�ำเลยที่ ๑ และกำรสื่อสำรระหว่ำงพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ กับผู้ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม
ซึ่งควำมผิดพลำดดังกล่ำวมิได้เสียหำยถึงขั้นเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๒ ได้ชี้แจง
ให้ผู้ร้องเรียนเข้ำใจและถอนค�ำกล่ำวหำคดีมรรยำททนำยควำมไปโดยโจทก์มิได้ถูกคณะกรรมกำร

มรรยำททนำยควำมลงโทษแต่อย่ำงใด โจทก์จึงมิได้เสียช่อเสียง เสียประวัติ และโอกำสในกำร

ประกอบวิชำชีพ คดีส่วนน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจศำลแรงงำน จ�ำเลยท้งสองจึงไม่ต้องจ่ำยค่ำเสียหำย


แก่โจทก์ เม่อโจทก์เป็นฝ่ำยลำออกและยังท�ำควำมเสียหำยแก่จ�ำเลยท้งสองจึงไม่มีสิทธิได้รับ

ค่ำชดเชย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม คดีนี้ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีส่วนท่โจทก์ฟ้องว่ำ


จ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ กรณีท่โจทก์ถูกร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ คร้ง อยู่ใน


อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ

พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ คดีส่วนที่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ กรณีที่โจทก์ถูก
ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ คร้ง อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนตำม


พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ หรือไม่
เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องส่วนนี้ว่ำ จ�ำเลยทั้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำน ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นหัวหน้ำ
ทนำยควำม ระหว่ำงท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง เน่องจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์




ของจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำใหโจทกถูกรองเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง ถือวำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำ


ละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยทั้งสองให้กำรส่วนนี้ว่ำ เหตุเกิดจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์

558




ของจ�ำเลยท่ ๑ และกำรส่อสำรระหว่ำงพนักงำนของจ�ำเลยท่ ๑ กับผู้ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม
จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนำยจ้ำงไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำนท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยในระหว่ำงกำรท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง คดีระหว่ำงโจทก์




กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคด ี
อันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำม


พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีส่วนที่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ กรณีที่โจทก์ถูก

ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน




วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ


































559

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยปรีชำ กลิ่นอ้น โจทก์

ที่ วร ๑๐/๒๕๖๓ นิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรร

พฤกษำวิลเลจ ๑๗ จ�ำเลย



โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำร






นติบคคลหมู่บ้ำนจดสรร พ. ต่อมำจำเลยเลกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผด











และจำเลยยงคงค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์นบแต่เข้ำทำงำนจนถงวนเลกจ้ำง โจทก์จงมสทธ ิ
ได้รับค่ำชดเชยและค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลย
มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อขอให้จ�ำเลยจ่ำย

ค่ำจ้ำงค้ำงและค่ำชดเชยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครอง
แรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ วันท่ ๑ ธันวำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยโดยคณะกรรมกำรชุดจดแจ้งจ้ำงโจทก์
ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำรนิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรรพฤกษำวิลเลจ ๑๗ ได้รับค่ำจ้ำง
อัตรำสุดท้ำย เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บำท โดยจ่ำยเป็นเช็คธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด ต่อมำวันที่ ๓๐
เมษำยน ๒๕๖๒ จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและจ�ำเลยยังคงค้ำงจ่ำย

ค่ำจ้ำงโจทก์นับแต่เข้ำท�ำงำนจนถึงวันเลิกจ้ำง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่ำชดเชยและค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย

โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยไม่รับผิดชอบและให้โจทก์เรียกร้องเอำกับคณะกรรมกำรชุด

จดแจ้งเอง ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ๗๕,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ

๑๕ ต่อปี นับแต่วันท่ ๑ เมษำยน ๒๕๖๒ เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ และจ่ำยค่ำชดเชย
๓๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ สัญญำจ้ำงระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสัญญำ

จ้ำงท�ำของไม่ใช่สัญญำจ้ำงแรงงำน จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน โจทก์เคยท�ำงำนเป็น

ผู้จัดกำรนิติบุคคลให้กับหมู่บ้ำนจ�ำเลย แต่โจทก์บริหำรงำนไม่ถูกต้อง น�ำคนของโจทก์เข้ำท�ำงำน

เป็นพนักงำนรักษำควำมปลอดภัยโดยไม่มีหลักประกัน น�ำเครื่องดื่มมึนเมำเข้ำมำดื่มในที่ท�ำงำน

ลักทรัพย์ ทุจริตและยักยอกทรัพย์และเอำเอกสำรส�ำคัญของจ�ำเลยไป คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
จ�ำเลยจึงขอให้โจทก์หยุดปฏิบัติหน้ำที่ชั่วครำวโดยไม่ได้รับค่ำตอบแทนในเดือนเมษำยน ๒๕๖๒




560


แล้วเข้ำช้แจงให้จ�ำเลยทรำบ แต่โจทก์เพิกเฉยไม่เข้ำท�ำงำนกับจ�ำเลยอีกเลย จึงไม่มีสิทธิได้รับ
เงินตำมฟ้อง กำรกระท�ำของโจทก์เป็นกำรกระท�ำทุจริตและกระท�ำผิดอำญำโดยเจตนำต่อจ�ำเลย

ซึ่งเป็นผู้ว่ำจ้ำง จ�ำเลยไม่เคยค้ำงช�ำระเงินตำมฟ้องโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศำลแรงงำนภำค ๑ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย


ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง








วนจฉยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จำเลยจ้ำงเข้ำทำงำนเป็นลูกจ้ำง ตำแหน่งผ้จดกำร
นิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรรพฤกษำวิลเลจ ๑๗ ต่อมำจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำ
ควำมผิดและจ�ำเลยยังคงค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์นับแต่เข้ำท�ำงำนจนถึงวันเลิกจ้ำง โจทก์จึงมีสิทธ ิ

ได้รับค่ำชดเชยและค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ตำมคำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยม ี

นิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อขอให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงและ
ค่ำชดเชยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ส่วนโจทก์จะเป็น


ลูกจ้ำงของจ�ำเลยหรือโจทก์จะมีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคด ี
ท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์กับ


จ�ำเลยเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำร

คุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒

มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ






561

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวประกำยดำว พันธ์บุปผำ

ที่ วร ๓๑/๒๕๖๓ กับพวก โจทก์

บริษัทเอนเนอร์จี ดีดักชั่น
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย





โจทก์ท้งสิบเอ็ดกล่ำวอ้ำงมำในค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ดสมัครและจ่ำยเงินลงทุนแล้ว
ได้ดำวน์โหลดสัญญำจ้ำงท�ำงำนจำกเว็บไซต์ของจ�ำเลยท ๑ เพ่อลงนำมในสัญญำจ้ำง



ท�ำงำนโดยมีจ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยที่ ๑ เป็นคู่สัญญำ ซึ่งจ�ำเลย
ทั้งสองได้ให้กำรรับว่ำ จ�ำเลยทั้งสองท�ำสัญญำจ้ำงท�ำงำนดังกล่ำวกับโจทก์ทั้งสิบเอ็ดจริง



เพียงแต่ไม่ได้ผิดสัญญำหรือกระท�ำละเมิดตำมฟ้อง ท้งยังให้กำรว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ของศำลแรงงำนอีกด้วย ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ทั้งสิบเอ็ดและค�ำให้กำรของจ�ำเลยทั้งสอง

จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ท้งสิบเอ็ดและจ�ำเลยท้งสองมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะเป็นลูกจ้ำง

และนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลย






ท้งสองผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ทงสบเอดเก่ยวกับกำรท�ำงำน

ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________

โจทก์ท้งสิบเอ็ดฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด

มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ ระหว่ำงเดือนตุลำคม ๒๕๖๑ ถึงเดือนตุลำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลย


ท้งสองเปิดเว็บไซต์และเผยแพร่โฆษณำว่ำ จ�ำเลยท้งสองท�ำธุรกิจ Nice Review เพ่อกำรโฆษณำ







สนค้ำให้ผ้ค้ำหลำยบรษัท หำกมีผ้สนใจหำรำยได้พิเศษต้องสมัครสมำชกและจ่ำยเงินลงทุนประกน

ควำมเส่ยงต่อหน่วยลงทุนจ�ำนวน ๑,๕๐๐ บำท ถึง ๒๐,๐๐๐ บำท เพ่อสำมำรถเข้ำไปโฆษณำสินค้ำ









ู้
ทำงอินเทอร์เน็ตใหกับผคำและจะได้รบคำตอบแทนตำมจ�ำนวนงำนท่ทำ เม่อผ้สมัครจ่ำยเงนลงทุน



แล้วจะสำมำรถดำวน์โหลดสัญญำจ้ำงท�ำงำนจำกเว็บไซต์ของจำเลยท่ ๑ เพ่อลงนำมในสัญญำจ้ำง



ท�ำงำนโดยมีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นคู่สัญญำ จำกน้นผู้สมัครจะได้รหัสเข้ำสู่ระบบเพ่อสำมำรถกดไลก์และ



แชร์สินค้ำในเฟซบุ๊ก ตำมจ�ำนวนท่ลงทุนโดยได้รับค่ำตอบแทนต้งแต่ ๒๐ บำท ถึง ๒๐๐ บำท



ต่อวัน โดยจะได้รับค่ำตอบแทนทุกสัปดำห์ และจ�ำเลยท้งสองจะคืนเงินประกันให้เม่อท�ำงำน
ครบ ๙๐ วัน โจทก์ทั้งสิบเอ็ดสมัครร่วมลงทุน โดยโจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ ลงทุนคนละ ๑๕ หน่วย
562

ลงทุน เป็นเงินคนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ที่ ๓ และโจทก์ที่ ๕ ถึงที่ ๙ และโจทก์ที่ ๑๑ ลงทุน


คนละ ๑๐ หน่วยลงทุน เป็นเงินคนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ท่ ๔ ลงทุน ๔ หน่วยลงทุน
เป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บำท และโจทก์ที่ ๑๐ ลงทุน ๕ หน่วยลงทุน เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท ต่อมำ


เดือนตุลำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลยท้งสองจ่ำยค่ำตอบแทนให้โจทก์ท้งสิบเอ็ดล่ำช้ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ด



จึงบอกเลิกสัญญำเพ่อขอเงินประกันคืน แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ต่อมำสมำชิกรำยอ่นได้ร้องทุกข์



ต่อเจ้ำพนักงำนต�ำรวจ ช้นสอบสวนพบว่ำจ�ำเลยท้งสองกระท�ำควำมผิดฐำนฉ้อโกงประชำชน
โดยจ�ำเลยท่ ๒ ยอมรับว่ำ เปิดบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ เพ่อหลอกลวงเอำเงินประกันกำรท�ำงำนของ



ผู้สมัคร กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสิบเอ็ด ขอให้บังคับ



จ�ำเลยท้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำเสียหำยแก่โจทก์ท้งสิบเอ็ดตำมจ�ำนวนท่โจทก์แต่ละคนลงทุน



ตำมค�ำขอท้ำยฟ้อง พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสิบเอ็ด



จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ จ�ำเลยท้งสองท�ำสัญญำจ้ำงท�ำงำนกับโจทก์ท้งสิบเอ็ดจริงแต่

ไม่ได้ผิดสัญญำหรือกระท�ำละเมิดตำมฟ้อง คดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน ฟ้องโจทก์ท้ง

สิบเอ็ดเคลือบคลุม โจทก์ท้งสิบเอ็ดไม่ทวงถำมให้จ�ำเลยท้งสองช�ำระเงินตำมฟ้องก่อนจึงไม่มีสิทธ ิ


ฟ้องจ�ำเลยทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง

วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ดบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด
มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ จ�ำเลยทั้งสองเปิดเว็บไซต์และเผยแพร่โฆษณำว่ำ จ�ำเลย

ทั้งสองท�ำธุรกิจ Nice Review เพื่อกำรโฆษณำสินค้ำให้ผู้ค้ำหลำยบริษัท หำกมีผู้สนใจหำรำยได้
พิเศษต้องสมัครสมำชิกและจ่ำยเงินลงทุนประกันควำมเสี่ยงต่อหน่วยลงทุนจ�ำนวน ๑,๕๐๐ บำท





ถง ๒๐,๐๐๐ บำท เพอสำมำรถเข้ำไปโฆษณำสนค้ำทำงอนเทอร์เนตให้กบผ้ค้ำและจะได้รบ






ค่ำตอบแทนตำมจ�ำนวนงำนทท�ำ เม่อผู้สมัครจ่ำยเงินลงทุนแล้วจะสำมำรถดำวน์โหลดสญญำ




จ้ำงทำงำนจำกเวบไซต์ของจำเลยท ๑ ลงนำมในสญญำจ้ำงทำงำนโดยมจำเลยท ๒ เป็น





















ค่สญญำ จำกนนผ้สมครจะได้รหสเข้ำส่ระบบเพอสำมำรถกดไลก์และแชร์สนค้ำในเฟซบ๊ก

ตำมจ�ำนวนท่ลงทุนโดยได้รับค่ำตอบแทนต้งแต่ ๒๐ บำท ถึง ๒๐๐ บำท ต่อวัน โดยจะได้รับ


563



ค่ำตอบแทนทุกสัปดำห์ และจ�ำเลยท้งสองจะคืนเงินประกันให้เม่อท�ำงำนครบ ๙๐ วัน โจทก์

ท้งสิบเอ็ดสมัครร่วมลงทุนด้วย ต่อมำจ�ำเลยท้งสองจ่ำยค่ำตอบแทนให้โจทก์ท้งสิบเอ็ดล่ำช้ำ





โจทก์ท้งสิบเอ็ดจึงบอกเลิกสัญญำเพ่อขอเงินประกันคืน แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ดังน้ เม่อ




โจทก์ท้งสิบเอ็ดกล่ำวอ้ำงมำในค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ดสมัครและจ่ำยเงินลงทุนแล้วได้ดำวน์โหลด


สัญญำจ้ำงท�ำงำนจำกเว็บไซต์ของจ�ำเลยท่ ๑ เพ่อลงนำมในสัญญำจ้ำงท�ำงำนโดยมีจ�ำเลยท่ ๒

ซ่งเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นคู่สัญญำ ตำมส�ำเนำสัญญำจ้ำงท�ำงำน เอกสำร





ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ ซ่งจ�ำเลยท้งสองได้ให้กำรรับว่ำ จ�ำเลยท้งสองท�ำสัญญำจ้ำงท�ำงำน

ดังกล่ำวกับโจทก์ท้งสิบเอ็ดจริงเพียงแต่ไม่ได้ผิดสัญญำหรือกระท�ำละเมิดตำมฟ้อง ท้งยังให้กำร


ว่ำคดนอยู่ในอำนำจของศำลแรงงำนอกด้วย ตำมคำฟ้องของโจทก์ทงสบเอ็ดและค�ำให้กำร










ของจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ท้งสิบเอ็ดและจ�ำเลยท้งสองมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะ


เป็นลูกจ้ำงและนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำร




ทจำเลยทงสองผดสญญำจ้ำงแรงงำนและกระทำละเมดต่อโจทก์ทงสบเอดเกยวกบกำรทำงำน
















ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสิบเอ็ดกับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย
สิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและ



ลูกจำงตำมสัญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
564

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโรงพยำบำลบ�ำรุงรำษฎร์

ที่ วร ๕/๒๕๖๕ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์

นำยโรนัลด์ สตีเฟ่น ลำวำเตอร์
หรือ Mr. Ronald Stephen

Lavater จ�ำเลย



โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งประธำนฝ่ำยบริหำร


องค์กร ท�ำหน้ำท่บริหำรองค์กรของโจทก์ให้ได้รับผลก�ำไร แต่กำรท�ำงำนของจ�ำเลย
มีควำมผิดพลำด จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนร่วมกับคณะแพทย์และบุคลำกรของโจทก์



และท�ำผิดกฎระเบียบและค�ำส่งของโจทก์หลำยคร้ง เม่อโจทก์ตักเตือนแล้วจ�ำเลยกลับ


ไม่แก้ไข เป็นกำรขำดคุณสมบัติท่เหมำะสมกับต�ำแหน่งผู้บริหำร โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลย
ต่อมำโจทก์ได้ตรวจสอบข้อมูลประวัติกำรท�ำงำนของจ�ำเลยพบว่ำข้อเท็จจริงท่จ�ำเลย


อ้ำงว่ำเคยประสบควำมส�ำเร็จในกำรท�ำงำนบริหำรบริษัทอ่นมำก่อนก็ไม่เป็นควำมจริง
ทั้งในระหว่ำงที่โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนนั้น จ�ำเลยยังเป็นกรรมกำรของบริษัท อ. ประเทศ
สหรำชอำณำจักร ซ่งประกอบธุรกิจลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรขัดแย้งทำง

ผลประโยชน์และควำมลับในกิจกำรของโจทก์ กำรท่จ�ำเลยปกปิดคุณสมบัติในกำรท�ำงำน




ท่ผ่ำนมำอันเป็นควำมจริงท่ควรบอกให้แจ้งท�ำให้โจทก์หลงเช่อในคุณสมบัติดังกล่ำว
จึงจ้ำงจ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นกำรกระท�ำละเมิดท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงิน


ค่ำเสียหำยดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็น
ลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน


และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นนำยจ้ำง เป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทมหำชนจ�ำกัด ประกอบกิจกำรโรงพยำบำลเอกชน








เมอวนท ๒๒ เมษำยน ๒๕๕๙ โจทก์จ้ำงจำเลยทำงำน ตำแหน่งประธำนฝ่ำยบรหำรองค์กร


ท�ำหน้ำท่บริหำรองค์กรของโจทก์ให้ได้รับผลก�ำไร ได้รับค่ำจ้ำงปีละ ๖๕๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรัฐ

และโจทก์ตกลงจ่ำยเงินโบนัสและสวัสดิกำรอ่นแก่จ�ำเลยด้วย สัญญำจ้ำงมีก�ำหนด ๔ ปี นับแต่

วันท่ ๑ กันยำยน ๒๕๕๙ แต่เม่อจ�ำเลยท�ำงำนกลับปรำกฏว่ำกำรท�ำงำนของจ�ำเลยมีควำม


565

ผิดพลำด จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนร่วมกับคณะแพทย์และบุคลำกรของโจทก์และท�ำผิดกฎระเบียบ




และค�ำส่งของโจทก์หลำยคร้ง เม่อโจทก์ตักเตือนแล้วจ�ำเลยไม่แก้ไข เป็นกำรขำดคุณสมบัต ิ


ทเหมำะสมกับตำแหน่งผู้บรหำร วนท่ ๓๐ พฤศจกำยน ๒๕๕๙ โจทก์จงเลกจ้ำงจ�ำเลย








ต่อมำโจทก์ได้ตรวจสอบข้อมูลประวัติกำรท�ำงำนของจ�ำเลยพบว่ำข้อเท็จจริงท่จ�ำเลยอ้ำงว่ำเคย

ประสบควำมส�ำเร็จในกำรท�ำงำนบริหำรบริษัทโรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด ท่เมืองอำบูดำบ ี

ู้













ประเทศสหรฐอำหรับเอมิเรตส์ และโจทกไดรบกำรคดเลอกแต่งตงใหเปนผดำรงตำแหน่งผ้บรหำร
สูงสุดของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนชั่นแนล มหำชน จ�ำกัด หลังจำกกำรควบรวมกับบริษัท

โรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด แล้ว แต่รำคำหุ้นของบริษัทในเวลำดังกล่ำวกลับตกต่ำ



กว่ำท่เคยประกอบกำรโดยท่วไปและไม่ปรำกฏช่อจ�ำเลยในรำยช่อกรรมกำรและผู้บริหำรระดับสูง

ของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนช่นแนล มหำชน จ�ำกัด แต่อย่ำงใด ท้งในระหว่ำงท่โจทก์



จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนนั้น จ�ำเลยยังเป็นกรรมกำรของบริษัท Opetegra Eye health Care ประเทศ
สหรำชอำณำจักร ซึ่งประกอบธุรกิจลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรขัดแย้งทำงผลประโยชน์
และควำมลับในกิจกำรของโจทก์ กำรท่จ�ำเลยปกปิดคุณสมบัติในกำรท�ำงำนท่ผ่ำนมำอันเป็น



ควำมจริงท่ควรบอกให้แจ้งท�ำให้โจทก์หลงเช่อในคุณสมบัติดังกล่ำวจึงจ้ำงจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน














เป็นกำรกระทำละเมดทำให้โจทก์เสยหำยเป็นค่ำใช้จ่ำยทเกยวข้องกบกำรตดต่อจำเลยเพอ

รับสมัครเข้ำท�ำงำน ค่ำจ้ำง และประโยชน์อ่น นอกจำกน้นโจทก์ยังต้องจ่ำยเงินให้จ�ำเลย








เม่อเลิกจ้ำง เงินทโจทก์ต้องเสียจำกกำรด�ำเนินคดีทศำลแรงงำนกลำง เงนทโจทก์ต้องจ่ำยแก่

จ�ำเลยตำมค�ำพิพำกษำของศำลแรงงำนกลำง และค่ำเสียหำยอื่น รวม ๔๙,๘๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์
ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔๙,๘๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งประธำนฝ่ำยบริหำร

องค์กรท�ำหน้ำท่บริหำรองค์กรของโจทก์ให้ได้รับผลก�ำไร แต่กำรท�ำงำนของจ�ำเลยมีควำม
ผิดพลำด จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนร่วมกับคณะแพทย์และบุคลำกรของโจทก์ และท�ำผิดกฎระเบียบ










และคำสงของโจทก์หลำยคร้ง เม่อโจทกตกเตอนแลวจ�ำเลยกลบไม่แก้ไข เปนกำรขำดคุณสมบตท ่ ี



566

เหมำะสมกับต�ำแหน่งผู้บริหำร โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลย ต่อมำโจทก์ได้ตรวจสอบข้อมูลประวัต ิ


กำรท�ำงำนของจ�ำเลยพบว่ำข้อเท็จจริงท่จ�ำเลยอ้ำงว่ำเคยประสบควำมส�ำเร็จในกำรท�ำงำน

บริหำรบริษัทโรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด ท่เมืองอำบูดำบี ประเทศสหรัฐอำหรับ


เอมิเรตส์ และท่โจทก์อ้ำงว่ำโจทก์ได้รับกำรคัดเลือกแต่งต้งให้เป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่งผู้บริหำร
สูงสุดของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนชั่นแนล มหำชน จ�ำกัด หลังจำกกำรควบรวมกับบริษัท

โรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด แล้ว รำคำหุ้นของบริษัทในเวลำดังกล่ำวกลับตกต�่ำกว่ำ

ท่เคยประกอบกำรโดยท่วไปและไม่ปรำกฏช่อจ�ำเลยในรำยช่อกรรมกำรและผู้บริหำรระดับสูง



ของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนช่นแนล มหำชน จ�ำกัด แต่อย่ำงใด ท้งในระหว่ำงท่โจทก์จ้ำงจ�ำเลย








ทำงำนน้น จำเลยยงเป็นกรรมกำรของบรษัท Opetegra Eye health Care ประเทศสหรำชอำณำจกร

ซ่งประกอบธุรกิจลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรขัดแย้งทำงผลประโยชน์และควำมลับ

ในกิจกำรของโจทก์ กำรท่จ�ำเลยปกปิดคุณสมบัติในกำรท�ำงำนท่ผ่ำนมำอันเป็นควำมจริงท่ควร




บอกให้แจ้งท�ำให้โจทก์หลงเช่อในคุณสมบัติดังกล่ำวจึงจ้ำงจ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นกำรกระท�ำละเมิด

ท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์เป็นกำรฟ้อง

เรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท ี ่


ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย


จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง


ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๐ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕


อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ

567

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอะต้ำ เซอร์วิส ออฟฟิส

ที่ วร ๗/๒๕๖๕ จ�ำกัด โจทก์

นำยเกต ศุภเสถียร จ�ำเลย



โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำด


ท�ำหน้ำท่ดูแลกำรตลำดและพัฒนำธุรกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำดแก่ลูกค้ำ โดย



จ�ำเลยแสดงประวัติกำรท�ำงำนและยืนยันในระหวำงกำรสัมภำษณงำนวำ จ�ำเลยสำมำรถ


วำงแผนและพัฒนำกำรตลำด สำมำรถเขียนบทควำมเพ่อส่อสำรองค์กรได้ แต่เม่อจ�ำเลย

ท�ำงำนได้เพียง ๒ วัน จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนตำมที่ยืนยันและไม่สำมำรถดูแลเว็บไซต์

ของโจทก์จ�ำนวน ๖ เว็บไซต์ได้ กำรกระท�ำของจำเลยเป็นกำรฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้
รับจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำย เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลย













ซงเคยเป็นลกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสยหำยอนเนองมำจำกกำรปฏบตผดหน้ำทตำมสญญำ

จ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นนำยจ้ำง จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทจ�ำกด ประกอบกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำด เม่อ

วันที่ ๑๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำด ท�ำหน้ำที่
ดูแลกำรตลำดและพัฒนำธุรกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำดแก่ลูกค้ำ ได้รับค่ำจ้ำงเดือนละ
๖๐,๐๐๐ บำท โดยจ�ำเลยแสดงประวัติกำรท�ำงำนและยืนยันในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์งำนว่ำ


จ�ำเลยสำมำรถวำงแผนและพัฒนำกำรตลำด สำมำรถเขียนบทควำมเพ่อส่อสำรองค์กรได้

แต่เม่อจ�ำเลยท�ำงำนได้เพียง ๒ วัน จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนตำมท่ยืนยันและไม่สำมำรถดูแล

เว็บไซต์ของโจทก์จ�ำนวน ๖ เว็บไซต์ได้ โจทก์จึงให้จ�ำเลยน�ำเสนอแผนงำนท่จ�ำเลยสำมำรถ


ท�ำได้และแนะน�ำเพ่อให้แก้ไขปรับปรุง แต่จ�ำเลยยังไม่สำมำรถท�ำงำนได้ โจทก์จึงเลิกจ้ำง
จ�ำเลยและให้จ�ำเลยท�ำงำนต่ออีก ๑ เดือน แต่จ�ำเลยไม่ประสงค์จะท�ำงำนต่อไป กำรกระท�ำของ
จ�ำเลยเป็นกำรฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้รับจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน โจทก์ต้องเสียเวลำและค่ำใช้จ่ำย

ในกำรติดต่อเพ่อจ้ำงจ�ำเลย ต้องเสียค่ำจ้ำงทนำยควำมต่อสู้คดีแรงงำนท่จ�ำเลยฟ้องโจทก์ ต้อง


เสียค่ำจ้ำงโดยไม่ได้รับผลงำนตอบแทน และต้องเสียหำยทำงธุรกิจ รวม ๕๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์

ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ย
อัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

568

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่เคยฉ้อฉลหลอกลวงตำมที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ทรำบประวัติกำร



ท�ำงำนของจ�ำเลยจำกเว็บไซต์แห่งหน่งและให้จ�ำเลยไปสัมภำษณ์งำน เม่อโจทก์รับจ�ำเลยเข้ำ
ท�ำงำนแล้ว จ�ำเลยสำมำรถท�ำงำนให้โจทก์ได้ทุกประกำร เหตุท่โจทก์เลิกจ้ำงจ�ำเลยเพรำะไม่พอใจ

เพศสภำพของจ�ำเลยแต่ยกเหตุตำมฟ้องมำเลิกจ้ำงจ�ำเลยโดยไม่มีควำมผิด เม่อจ�ำเลยน�ำคดีฟ้อง

โจทก์ต่อศำลแรงงำนกลำง โจทก์จึงฟ้องจ�ำเลยเป็นคดีน้ โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยตำมฟ้อง

คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงกำรพิจำรณำคดี ศำลแพ่งมีนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ









พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ

วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำด

ท�ำหน้ำท่ดูแลกำรตลำดและพัฒนำธุรกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำดแก่ลูกค้ำ โดยจ�ำเลย
แสดงประวัติกำรท�ำงำนและยืนยันในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์งำนว่ำ จ�ำเลยสำมำรถวำงแผนและ
พัฒนำกำรตลำด สำมำรถเขียนบทควำมเพ่อส่อสำรองค์กรได้ แต่เม่อจ�ำเลยท�ำงำนได้เพียง




๒ วัน จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนตำมท่ยืนยันและไม่สำมำรถดูแลเว็บไซต์ของโจทก์จ�ำนวน
๖ เว็บไซต์ได้ กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้รับจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน โจทก์
ต้องเสียเวลำและค่ำใช้จ่ำยในกำรติดต่อเพ่อจ้ำงจ�ำเลย ต้องเสียค่ำจ้ำงทนำยควำมต่อสู้คดีแรงงำน


ท่จ�ำเลยฟ้องโจทก์ ต้องเสียค่ำจ้ำงโดยไม่ได้รับผลงำนตอบแทน และต้องเสียหำยทำงธุรกิจ
กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรกระท�ำละเมิดท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงิน















คำเสยหำยดงกลำวพร้อมดอกเบยแกโจทก เป็นกำรฟ้องเรยกร้องใหจ�ำเลยซงเคยเปนลกจำงโจทก ์
ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิด






ต่อโจทก์ซงเป็นนำยจ้ำง คดระหว่ำงโจทก์กบจำเลยจงเป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำท ี ่










ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำร
ท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน

พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
569

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน



วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ

วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ


















































570

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ศำสตรำจำรย์นำยแพทย์สมชำย




ที่ วร ๒๐/๒๕๖๕ เอยมออง โจทก์
นำงสำวกรรณจณพร ฉลำด จ�ำเลย



จ�ำเลยตกลงท�ำงำนตำมระยะเวลำท่ตกลงกันไว้แก่โรงพยำบำล ว. และ



โรงพยำบำลอ่นซ่งเป็นผู้ประกอบกิจกำรท่มอบหมำยให้โจทก์จัดหำจ�ำเลยมำท�ำงำน






ในธรกิจในควำมรบผดชอบของโรงพยำบำล ว. และโรงพยำบำลอนดงกล่ำว โดย

โรงพยำบำล ว. และโรงพยำบำลอ่นดังกล่ำวมีอ�ำนำจในกำรควบคุมบังคับบัญชำกำร

ท�ำงำนของจ�ำเลยให้เป็นไปตำมระเบียบกฎเกณฑ์เก่ยวกับควำมประพฤติปฏิบัติตัว

ในอำคำรสถำนท่ของโรงพยำบำล โดยโจทก์เป็นผู้ซ่งได้รับมอบหมำยให้ท�ำงำนแทน


โรงพยำบำล ว. และโรงพยำบำลอ่นดังกล่ำวในกำรท�ำสัญญำจ้ำงงำนและกำรให้ค่ำจ้ำง


ตลอดเวลำท่จ�ำเลยท�ำงำนให้ สัญญำจ้ำงประกอบสัญญำเพ่มเติมอันเน่องมำจำกกำรสอน

ให้เรียนรู้งำนท่จ้ำงดังกล่ำวจึงมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงแรงงำน แม้ตำมสัญญำจ้ำงงำน

ข้อ ๖ จะระบุว่ำคู่สัญญำไม่มีเจตนำผูกนิติสัมพันธ์ระหว่ำงกันในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำง

ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนก็ไม่มีผลเปล่ยนแปลงควำมผูกพันตำมกฎหมำยระหว่ำงกันไปได้
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลรักษำผู้ป่วยโรคไตวำยเร้อรังระยะ

สุดท้ำย เม่อวันท่ ๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำจ้ำงงำนและสัญญำเพ่มเติม



อันเนื่องมำจำกกำรสอนให้เรียนรู้งำนที่จ้ำง เพื่อเข้ำฝึกอบรมและท�ำงำนกับโจทก์ โจทก์ได้จัดฝึก
อบรมแก่จ�ำเลยเป็นเวลำ ๓ เดือน โดยไม่คิดค่ำใช้จ่ำย จ�ำเลยสัญญำว่ำหำกได้รับกำรอบรมแล้วจะ
ท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำ ๓ ปี โดยได้รับค่ำจ้ำงตำมผลงำนตั้งแต่วันที่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐

ถึงวันที่ ๕ มกรำคม ๒๕๖๓ หำกจ�ำเลยจะเลิกสัญญำต้องแจ้งโจทก์ทรำบล่วงหน้ำก่อน ๖๐ วัน

หำกผิดข้อตกลงจ�ำเลยต้องชดใช้เงิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ หลังจำกจ�ำเลยอบรมเสร็จตำม

ก�ำหนดระยะเวลำแล้วได้เข้ำท�ำงำนกับโจทก์ ต่อมำตั้งแต่วันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยไม่เข้ำ

ปฏิบัติงำนกับโจทก์และไม่แจ้งกำรลำออกจำกกำรท�ำงำนล่วงหน้ำเป็นกำรผิดข้อตกลงท�ำให้โจทก์
เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยรวม ๑๓๙,๙๕๓.๔๒ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ

ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๑๑๕,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

571

จ�ำเลยยังไม่ได้ให้กำร



ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องโต้แย้งเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล


ศำลแพ่งพระโขนงเหนว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน


หรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนในสถำนพยำบำลรักษำผู้ป่วย
โรคไตวำยเร้อรังระยะสุดท้ำย โจทก์ให้จ�ำเลยรับกำรอบรมกำรท�ำงำนเป็นเวลำ ๓ เดือน โดย

ไม่คิดค่ำใช้จ่ำย จ�ำเลยสัญญำว่ำหำกได้รับกำรอบรมแล้วจะท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำ ๓ ปี

โดยมีข้อตกลงว่ำ หำกจ�ำเลยจะเลิกสัญญำต้องแจ้งโจทก์ทรำบล่วงหน้ำก่อน ๖๐ วัน หำกผิด




ข้อตกลงจำเลยต้องชดใช้เงน ๒๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ เมอพิจำรณำสญญำจ้ำงงำน เอกสำร



ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ก�ำหนดวัตถุประสงค์ของสัญญำ เป็นกรณีท่โจทก์ท�ำกำรในฐำนะเป็น
ผู้ให้บริกำรรักษำผู้ป่วยภำวะไตวำยเร้อรังระยะสุดท้ำยท่หน่วยไตเทียม โรงพยำบำลวิภำรำม



และโรงพยำบำลอ่น และสัญญำจ้ำง ข้อ ๓ ก�ำหนดให้จ�ำเลยต้องท�ำงำนท่จ้ำงท่หน่วยไตเทียม


ดังกล่ำวโดยจ�ำเลยต้องปฏิบัติตำมระเบียบกฎเกณฑ์เก่ยวกับควำมประพฤติปฏิบัติตัวในอำคำร

สถำนที่ของโรงพยำบำลโดยเคร่งครัด ประกอบกับโจทก์และจ�ำเลยได้ท�ำสัญญำเพิ่มเติมอันเนื่อง
มำจำกกำรสอนให้เรียนรู้งำนที่จ้ำง เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ข้อ ๒ที่ระบุว่ำ เมื่อจ�ำเลย


ได้เป็นผู้รับจ้ำงท�ำงำนท่จ้ำงแล้ว จ�ำเลยจะท�ำงำนท่จ้ำงเป็นระยะเวลำอย่ำงน้อย ๓ ปี อันเป็น
กำรผูกพันให้จ�ำเลยต้องท�ำงำนให้โจทก์ตำมระยะเวลำดังกล่ำวอีกด้วย จึงเป็นกรณีท่จ�ำเลย



ตกลงท�ำงำนตำมระยะเวลำท่ตกลงกันไว้แก่โรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่นซ่งเป็น

ผู้ประกอบกิจกำรท่มอบหมำยให้โจทก์จัดหำจ�ำเลยมำท�ำงำนในธุรกิจในควำมรับผิดชอบของ


โรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่น โดยโรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่นดังกล่ำว

มีอ�ำนำจในกำรควบคุมบังคับบัญชำกำรท�ำงำนของจ�ำเลยให้เป็นไปตำมระเบียบกฎเกณฑ์



เก่ยวกับควำมประพฤติปฏิบัติตัวในอำคำรสถำนท่ของโรงพยำบำล โดยโจทก์เป็นผู้ซ่งได้รับ
มอบหมำยให้ท�ำงำนแทนโรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่นในกำรท�ำสัญญำจ้ำงงำนและ




กำรให้ค่ำจ้ำงตลอดเวลำท่จ�ำเลยท�ำงำนให้ สัญญำจ้ำงประกอบสัญญำเพ่มเติมอันเน่องมำจำก

กำรสอนให้เรียนรู้งำนท่จ้ำงดังกล่ำวจึงมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงแรงงำน แม้ตำมสัญญำจ้ำงงำน





ข้อ ๖ จะระบว่ำค่สญญำไม่มเจตนำผกนตสมพนธ์ระหว่ำงกนในฐำนะนำยจ้ำงกบลกจ้ำงตำม







สัญญำจ้ำงแรงงำนก็ไม่มีผลเปล่ยนแปลงควำมผูกพันตำมกฎหมำยระหว่ำงกันไปได้ เม่อโจทก์


572


Click to View FlipBook Version