ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำววันเพ็ญ ไวยกัญหำ โจทก์
ที่ วร ๕/๒๕๖๒ บริษัทคำไซเท็คซี จ�ำกัด จ�ำเลย
ึ
ึ
แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเคยม ี
นิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงก็ตำม แต่ข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์
่
�
เป็นกำรกล่ำวอ้ำงวำจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์อันเน่องมำจำกกำรเลิกจ้ำงและด�ำเนิน
�
ื
คดีอำญำจนท�ำให้โจทก์เสียหำย อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกหลังจำก
สิ้นสุดสัญญำจ้ำงแรงงำน โดยไม่เกี่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง
จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ระหว่ำงปี ๒๕๕๓ ถึงปี ๒๕๕๖
โจทก์เคยท�ำงำนเป็นพนักงำนจ�ำเลย ท�ำหน้ำที่จัดท�ำใบสั่งซื้อสินค้ำ เมื่อปี ๒๕๕๖ จ�ำเลยร่วมมือ
ั
กับนำยจักรกฤษณ์ กล่นแกล้งใส่ร้ำยว่ำโจทก์ฉ้อโกง ปลอมเอกสำรและใช้เอกสำรปลอม และ
ฟ้องคดีอำญำโจทก์ต่อศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ต่อมำศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำม ี
ื
ิ
ิ
ค�ำพพำกษำยกฟ้อง และคดีถึงท่สุดโดยศำลอุทธรณ์ภำค ๑ และศำลฎีกำมค�ำพพำกษำยน
ี
ี
กำรที่จ�ำเลยจงใจไล่โจทก์ออกจำกงำนและฟ้องคดีอำญำโจทก์ด้วยควำมเท็จดังกล่ำวจึงเป็นกำรจงใจ
กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ต้องสูญเสียโอกำสและรำยได้เป็นเงินเดือน ต้องเสีย
ื
ค่ำใช้จ่ำยในกำรต่อสู้คดีอำญำ และท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง ถูกดูหม่นเกลียดชัง ขอให้บังคับจ�ำเลย
ิ
จ่ำยค่ำเสียหำยแก่โจทก์ เป็นเงิน ๕,๑๗๙,๙๖๗ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ี
จำกต้นเงิน ๓,๗๕๐,๒๐๔ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
�
จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีน้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีท่โจทก์เคยฟ้องจ�ำเลยต่อศำลแรงงำนภำค ๑
ี
และเป็นคดีที่อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน โจทก์ฟ้องคดีเกินกว่ำ ๑ ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงกำร
ละเมิดและรู้ตัวผู้กระท�ำละเมิด จึงขำดอำยุควำมแล้ว จ�ำเลยไม่ได้ท�ำละเมิดต่อโจทก์ แต่จ�ำเลย
ใช้สิทธิฟ้องคดีอำญำโจทก์โดยสุจริต จ�ำเลยไม่มีหน้ำท่ต้องจ่ำยเงินเดือนให้โจทก์หลังจำกท ่ ี
ี
ี
จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์แล้ว ท่โจทก์อ้ำงว่ำต้องเสียค่ำใช้จ่ำยในกำรต่อสู้คดีอำญำก็ไม่ปรำกฏว่ำเป็น
ี
ี
ี
่
ั
ี
ค่ำเสยหำยใดอย่ำงชดแจ้ง จงไม่เกดควำมเสยหำยแก่โจทก์ ส่วนทโจทก์เรยกค่ำเสยหำยเพรำะ
ึ
ี
ิ
ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ก็เป็นค่ำเสียหำยสูงเกินส่วน ขอให้ยกฟ้อง
523
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ิ
ั
ั
ิ
ิ
ั
ิ
ี
ี
้
ิ
วนจฉัยตำมพระรำชบญญัตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่ง
ึ
ึ
เป็นลูกจ้ำง โดยหลังจำกไล่โจทก์ออกจำกงำนแล้วได้น�ำควำมเท็จด�ำเนินคดีอำญำอันเป็นกำร
กระท�ำละเมิดหลังส้นสุดกำรท�ำงำนแล้วต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำยต้องขำดเงินเดือนในระหว่ำง
ิ
ู
ี
่
ู
ิ
ไม่ได้ทำงำน สญเสยโอกำสและรำยได้ ต้องเสยชอเสยง ถกดหมนเกลยดชง และต้องเสยค่ำใช้จ่ำย
่
ื
ี
ี
�
ี
ู
ั
ี
ในกำรแก้ข้อกล่ำวหำ ดังน้ แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิด
ี
ึ
ึ
ี
ต่อโจทก์ซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้อง
ื
ของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์อันเน่องมำจำกกำรด�ำเนินคดีอำญำ
ุ
้
ั
ิ
ั
่
้
�
จนทำใหโจทกเสยหำย อนเปนกำรกลำวอำงกำรกระทำตำงหำกหลงจำกสนสดสญญำจำงแรงงำน
ั
็
ี
�
้
์
่
้
โดยไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง แต่เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องตำม
ี
ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๕ ละเมิด คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ั
จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
ึ
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
524
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยธำนัท โฆวัฒนวินฑะ โจทก์
ที่ วร ๑๒/๒๕๖๓ บริษัทยันม่ำร์ เอส พี จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ี
ึ
่
ี
่
แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ซ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิด
ต่อโจทก์ซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำง โดยน�ำควำมเท็จกล่ำวหำโจทก์ในหนังสือเลิกจ้ำง
ึ
ี
ด้วยก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำว
ี
อ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ร่วมกับจ�ำเลยท ๓ กระท�ำละเมิดโดยเบิกควำมเท็จในคด ี
ี
่
่
ี
่
่
ี
ี
่
ี
ท่โจทก์เคยฟ้องจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ต่อศำลแรงงำนกลำง จนเป็นเหตุให้ศำลแรงงำนกลำง
ื
พิพำกษำยกฟ้อง ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำง
ี
ื
เจริญประกำรอ่น อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำน
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยท่ ๒ เคยเป็น
ี
ี
กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน ส่วนจ�ำเลยที่ ๓ เป็นพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อปี ๒๕๕๗
ั
ิ
�
ู
�
ื
ิ
ื
�
ี
จำเลยท ๑ และท ๒ จ้ำงโจทก์ทำงำนตำแหน่งผ้อำนวยกำรบรหำรได้รบเงนเดอน เดอนละ
่
ี
�
่
๓๘๐,๐๐๐ บำท ต่อมำวันที่ ๒๐ มิถุนำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์
กล่ำวหำว่ำโจทก์ปฏิบัติงำนไม่เป็นไปตำมมำตรฐำนและก่อให้เกิดปัญหำด้ำนกำรประสำนงำน
กับแผนกอื่น อันเป็นควำมเท็จท�ำให้โจทก์เสียหำย ต่อมำโจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต่อศำล
แรงงำนกลำง ระหว่ำงกำรพิจำรณำคดี จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ได้เบิกควำมกล่ำวหำโจทก์ว่ำ
ื
โจทก์ปฏิบัติงำนไม่เป็นไปตำมมำตรฐำนและก่อให้เกิดปัญหำ ขำดทักษะในกำรท�ำงำนกับผู้อ่น
และจ�ำเลยที่ ๓ เบิกควำมกล่ำวหำว่ำโจทก์ไม่มีควำมสำมำรถในกำรบริหำรงำน ท�ำงำนบกพร่อง
ล่ำช้ำ กระท�ำกำรเป็นปฏิปักษ์ต่อจ�ำเลยท่ ๑ โดยไม่เป็นควำมจริง เป็นกำรร่วมกันไขข่ำวแพร่
ี
ื
ึ
หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืนต่อควำมเป็นจริง อันเป็นกำรละเมิด ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง เกียรติคุณ
ื
เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำงเจริญประกำรอ่น ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันจ่ำย
ั
ี
ค่ำเสียหำย ๙๘,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำก
วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
525
จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำเมื่อจ�ำเลยที่ ๑ มีหนังสือ
เลิกจ้ำงแล้ว โจทก์ได้ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ กับที่ ๒ ที่ศำลแรงงำนกลำง เพื่อเรียกร้องค่ำเสียหำยจำก
กำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ต่อมำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษพิพำกษำยืนตำมศำลแรงงำนกลำง
ี
ี
ี
ให้ยกฟ้องโจทก์ กำรท่โจทก์น�ำคดีท่มีประเด็นเดียวกันกับคดีดังกล่ำวมำฟ้องเป็นคดีน้จึงเป็น
ี
�
กำรใช้สิทธิไม่สุจริต เป็นกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำ และเป็นคดีท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำน จ�ำเลยท้งสำมไม่ได้ร่วมกันไขข่ำวแพร่หลำยซ่งข้อควำมอันฝ่ำฝืน
ั
ึ
ต่อควำมเป็นจริงตำมที่โจทก์ฟ้อง คดีนี้ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งมีนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งเคยเป็นนำยจ้ำงกระท�ำละเมิด
ี
ึ
ต่อโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำง โดยน�ำควำมเท็จกล่ำวหำโจทก์ในหนังสือเลิกจ้ำง และต่อมำจ�ำเลยท่ ๑
และที่ ๒ ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ เบิกควำมเท็จต่อศำลแรงงำนกลำง
ี
และศำลแรงงำนกลำงได้พิพำกษำยกฟ้องในคดีท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ท�ำให้โจทก์
ี
ี
เสียชื่อเสียง เกียรติคุณ ดังนี้ แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งเคยเป็นนำยจ้ำง
ึ
กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเคยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงโดยน�ำควำมเท็จกล่ำวหำโจทก์ในหนังสือ
ี
เลิกจ้ำงด้วยก็ตำม แต่ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำง
ว่ำจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๓ กระท�ำละเมิดโดยเบิกควำมเท็จในคดีที่โจทก์เคยฟ้อง
จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ต่อศำลแรงงำนกลำง จนเป็นเหตุให้ศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำยกฟ้อง
ี
ี
ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียงเกียรติคุณ เสียหำยแก่ทำงท�ำมำหำได้หรือทำงเจริญประกำรอ่น
ื
ื
อันเป็นกำรกล่ำวอ้ำงกำรกระท�ำต่ำงหำกท่ไม่เก่ยวข้องกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ี
โดยตรง แต่เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หน ี ้
ลักษณะ ๕ ละเมิดคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยทั้งสำมจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหนึ่งอย่ำงใด
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
526
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
527
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบี วิน ๙๘๘๙ จ�ำกัด
ที่ วร ๗๔/๒๕๖๔ หรือบริษัทโมเดิร์น เทจ
เฮำส์แอนด์ดีไซน์ จ�ำกัด
กับพวก โจทก์
นำยธีระวัฒน์ บุญศรี
กับพวก จ�ำเลย
ื
ึ
ี
ั
่
เม่อโจทก์ท้งสองและจ�ำเลยท ๒ ต่ำงมีฐำนะเป็นนิติบุคคลซ่งไม่อำจมีนิติสัมพันธ์
ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนได้ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองฟ้อง
้
ี
ี
ให้จ�ำเลยท ๒ รับผิดในผลแห่งมูลละเมิดตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ หน ลักษณะ ๕ ละเมิด
่
ไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท่ ๑ เดิมช่อบริษัทโมเดิร์น เทจ เฮำส์แอนด์ดีไซน์ จ�ำกัด
ั
ื
ี
ต่อมำได้จดทะเบียนเปล่ยนช่อเป็นบริษัทบี วิน ๙๘๘๙ จ�ำกัด ประกอบกิจกำรรับเหมำก่อสร้ำง
ี
ื
ส่วนโจทก์ที่ ๒ เป็นนิติบุคคลที่เข้ำบริหำรจัดกำรร่วมกับโจทก์ที่ ๑ โจทก์ทั้งสองมีกรรมกำรบริษัท
เป็นคนเดียวกัน มีส�ำนักงำนแห่งใหญ่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน โจทก์ทั้งสองมีอ�ำนำจบังคับบัญชำลูกจ้ำง
ี
ของท้งสองบริษัทโดยถือว่ำลูกจ้ำงของโจทก์ท่ ๑ หรือท่ ๒ ต่ำงเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ท้งสอง
ั
ี
ั
วันที่ ๔ มีนำคม ๒๕๖๒ โจทก์ที่ ๑ จ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำงำนต�ำแหน่งวิศวกรหน้ำงำน ท�ำหน้ำที่
ี
จัดกำรแก้ไขปัญหำหน้ำงำนร่วมกับพนักงำนช่ำง จ�ำเลยท่ ๑ ต้องท�ำงำนตำมระเบียบข้อบังคับของ
์
ี
ั
้
�
ั
่
�
ิ
่
ุ
่
์
ี
ั
้
้
โจทกทงสอง และมขอสญญำวำจำเลยท ๑ จะไมนำควำมลบทำงธรกจของโจทกทงสองไปเผยแพร ่
ั
แก่บุคคลภำยนอก หำกจ�ำเลยที่ ๑ เคยประกอบธุรกิจประเภทเดียวกับโจทก์ทั้งสอง จ�ำเลยที่ ๑
ั
จะต้องแจ้งให้โจทก์ท้งสองทรำบก่อนเข้ำท�ำงำน และภำยใน ๓ ปี นับแต่เลิกสัญญำจ้ำงจะต้อง
ไม่ประกอบธุรกิจแข่งขันกับโจทก์ท้งสอง หำกผิดสัญญำจะต้องช�ำระเบ้ยปรับ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
ั
ี
ี
ั
แก่โจทก์ท้งสอง ต่อมำวันท่ ๒๕ มิถุนำยน ๒๕๖๔ จ�ำเลยท่ ๑ ลำออก แล้วน�ำข้อมูลควำมลับทำงกำรค้ำ
ี
ั
ี
ของโจทก์ท้งสองไปใช้ในกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็นนิติบุคคลท่ประกอบธุรกิจประเภทเดียว
ี
ึ
ี
กับโจทก์ท้งสอง จ�ำเลยท่ ๒ เป็นกิจกำรท่จ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนจัดต้งข้นและเป็นหุ้นส่วน
ี
ั
ั
ี
ึ
ี
ั
ี
ี
ั
ผู้จัดกำรต้งแต่วันท่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๖๑ ก่อนท่จ�ำเลยท่ ๑ จะเข้ำท�ำงำนกับโจทก์ท้งสอง
528
ั
ั
ี
แต่จ�ำเลยท่ ๑ ปกปิดไว้ไม่แจ้งให้โจทก์ท้งสองทรำบ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรผิดสัญญำ
จ้ำงแรงงำนและเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง ท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลย
ั
ั
ั
ท้งสองให้หยุดกำรกระท�ำดังกล่ำวมิฉะน้นต้องช�ำระค่ำเสียหำยเดือนละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำ
ั
ี
จะหยุดกำรกระท�ำท่เป็นกำรผิดสัญญำหรือละเมิด และให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย
ั
๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระ
เสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแรงงำนภำค ๔ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีระหว่ำงโจทก์ทั้งสอง
ี
กับจ�ำเลยท่ ๒ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ี
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสองบรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ท่ ๑ จ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ ท�ำงำนต�ำแหน่ง
วิศวกรหน้ำงำน จ�ำเลยท่ ๑ ต้องท�ำงำนตำมระเบียบข้อบังคับของโจทก์ท้งสอง และมีข้อสัญญำว่ำ
ั
ี
จ�ำเลยที่ ๑ จะไม่น�ำควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์ทั้งสองไปเผยแพร่แก่บุคคลภำยนอก หำกจ�ำเลย
ที่ ๑ เคยประกอบธุรกิจประเภทเดียวกับโจทก์ทั้งสองจ�ำเลยที่ ๑ จะต้องแจ้งให้โจทก์ทั้งสองทรำบ
ก่อนเข้ำท�ำงำน และภำยใน ๓ ปี นับแต่เลิกสัญญำจ้ำงจะต้องไม่ประกอบธุรกิจแข่งขันกับโจทก์
ี
ั
ั
ี
ท้งสอง หำกผิดสัญญำจะต้องช�ำระเบ้ยปรับ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ท้งสอง ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑
ั
ู
ึ
ิ
ั
้
ลำออก แล้วนำข้อมลควำมลบทำงกำรค้ำของโจทก์ทงสองไปใช้ในกจกำรของจำเลยท ๒ ซง
�
�
ี
่
่
เป็นนิติบุคคลท่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกับโจทก์ท้งสอง โดยจ�ำเลยท่ ๒ เป็นกิจกำรท ี ่
ี
ั
ี
จ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดกำรก่อนที่จ�ำเลยที่ ๑ จะเข้ำท�ำงำนกับโจทก์
ั
ั
ั
ี
ท้งสอง แต่จ�ำเลยท่ ๑ ปกปิดไว้ไม่แจ้งให้โจทก์ท้งสองทรำบ เป็นกรณีท่โจทก์ท้งสองกล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
จ�ำเลยที่ ๑ กระท�ำละเมิดและผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนต่อโจทก์ทั้งสอง โดยจ�ำเลยที่ ๒ ร่วมกระท�ำ
ึ
ละเมิดต่อโจทก์ท้งสองด้วย แต่เม่อโจทก์ท้งสองและจ�ำเลยท่ ๒ ต่ำงมีฐำนะเป็นนิติบุคคลซ่ง
ั
ื
ั
ี
ไม่อำจมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงและลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนได้ จึงเป็นกรณีที่โจทก์
ั
ี
ท้งสองฟ้องให้จ�ำเลยท่ ๒ รับผิดในผลแห่งมูลละเมิดตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
ี
ั
บรรพ ๒ หน้ ลักษณะ ๕ ละเมิด คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท่ ๒ จึงมิใช่คดีอันเกิดแต่
ี
ี
มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและไม่มีลักษณะ
ิ
ี
ิ
ี
เปนคดพพำทอยำงหนงอยำงใดตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน
ี
็
ิ
ั
ั
้
ั
ั
ึ
่
ิ
่
่
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
529
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยท่ ๒ ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
530
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทพำเนล พลัส จ�ำกัด โจทก์
ที่ วร ๗๗/๒๕๖๔ นำยอัลเบิร์ต อิงค์
กัลซิงเจอร์ จ�ำเลย
ั
จ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงของบริษัท น. ดังน้นแม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์
กับบริษัท น. เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ต่อมำบริษัท น. มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำน
ี
ท่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำแก่โจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยจงใจท�ำให้
เสียหำยท�ำลำยแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์โดยลบไฟล์ข้อมูลรำยละเอียด
กระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็นข้อมูลส�ำคัญและเป็นควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์
ี
เสียหำย ก็เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ หน ลักษณะ ๕
้
ละเมิดท่วไป ไม่ใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำน
ั
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ไม่ใช่คดีแรงงำน
____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด โจทก์กับบริษัทน้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด
�
อยู่ในเครือเดียวกัน ระหว่ำงวันที่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลย
ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงบริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด ต�ำแหน่งที่ปรึกษำเทคนิค มีก�ำหนด ๔ ปี บริษัท
�
ี
น้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำนท่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำ
แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยจงใจท�ำให้เสียหำยท�ำลำยแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์โดยลบไฟล์ข้อมูล
ชื่อ “Z\18_Albert” ซึ่งเป็นข้อมูลรำยละเอียดกระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็นข้อมูลส�ำคัญและเป็น
ควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำยเป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรตรวจสอบ จัดท�ำข้อมูลใหม่ และต้องเสีย
ค่ำเสียโอกำส ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยรวม ๑๑๐,๐๑๑,๕๒๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยฟ้องโจทก์เป็นจ�ำเลยที่ ๑ บริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด เป็น
จ�ำเลยที่ ๒ ต่อศำลแรงงำนภำค ๙ ต่อมำศำลแรงงำนภำค ๙ พิพำกษำให้บริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด
ช�ำระเงินแก่โจทก์ตำมฟ้องแล้ว กำรที่โจทก์น�ำคดีมำฟ้องจ�ำเลยจึงเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต โจทก์
ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ค่ำเสียหำยตำมฟ้องไม่มีอยู่จริง จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำกำรดังฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
531
้
ี
ี
�
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลจังหวัดสงขลำเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดีนอยู่ในอำนำจ
�
�
ี
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ิ
ึ
ื
ั
ิ
ุ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
ั
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงบริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด
ต�ำแหน่งที่ปรึกษำเทคนิค มีก�ำหนด ๔ ปี บริษัทน�้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำน
ที่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำแก่โจทก์ แต่จ�ำเลยจงใจท�ำให้เสียหำยท�ำลำยแก้ไข
ื
ึ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์โดยลบไฟล์ข้อมูลช่อ “Z\18_Albert” ซ่งเป็นข้อมูลรำยละเอียด
กระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็นข้อมูลส�ำคัญและเป็นควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ตำม
�
ั
ี
ค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกรณีท่จ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงบริษัทน้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด ดังน้น
�
แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับบริษัทน้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ต่อมำบริษัท
ี
�
น้ำตำลมิตรผล จ�ำกัด มอบหมำยให้จ�ำเลยท�ำงำนท่โรงงำนของโจทก์โดยช่วยดูแลให้ค�ำปรึกษำ
แก่โจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยจงใจท�ำให้เสียหำยท�ำลำยแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโจทก์
ึ
ื
โดยลบไฟล์ข้อมูลช่อ “Z\18_Albert” ซ่งเป็นข้อมูลรำยละเอียดกระบวนกำรผลิตสินค้ำอันเป็น
ข้อมูลส�ำคัญและเป็นควำมลับของโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำย ก็เป็นกำรใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำย
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๕ ละเมิดทั่วไป ไม่ใช่คดีอันเกิดแต่
ี
มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และไม่มีลักษณะ
ิ
ิ
ี
ิ
ั
้
ั
ี
่
ึ
็
ี
ิ
ั
เปนคดพพำทอยำงหนงอยำงใดตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน
่
่
ั
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
532
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยนพพร เอกสำตรำ โจทก์
ที่ วร ๓๙/๒๕๕๙ มหำวิทยำลัยกำรจัดกำร
และเทคโนโลยีอีสเทิร์น
กับพวก จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอลของสโมสรเป็นเวลำ
สองปี ได้รับค่ำจ้ำงเป็นรำยเดือน ต่อมำจ�ำเลยบอกเลิกสัญญำจ้ำงโจทก์ เป็นกำรเลิกจ้ำง
ึ
ไม่เป็นธรรม เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงปฏิบัติไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทมหำวิทยำลัย จ�ำเลยที่ ๒ เป็นบริษัท
จ�ำกัดซึ่งประกอบกิจกำรกีฬำ จ�ำเลยที่ ๓ และที่ ๔ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจในบริษัทจ�ำเลยที่ ๒
ี
ี
โดยจ�ำเลยท่ ๓ เป็นอธิกำรบดีจ�ำเลยท่ ๑ และเป็นประธำนสโมสรอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด
กำรบริหำรงำนและกำรเงินของสโมสรอยู่ภำยใต้กำรก�ำกับดูแลของผู้บริหำรจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ี
ื
มอบหมำยให้จ�ำเลยท่ ๒ ส่งทีมฟุตบอลช่อ สโมสรฟุตบอลอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด เข้ำแข่งขัน
จ�ำเลยที่ ๓ จึงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอลของสโมสรเป็นเวลำ ๒ ปี ได้รับค่ำจ้ำงเป็น
ั
ี
รำยเดือน ต่อมำจ�ำเลยท่ ๓ บอกเลิกสัญญำจ้ำงโจทก์ด้วยวำจำ อ้ำงว่ำโจทก์ไม่ต้งใจ ใช้ควำม
สำมำรถอย่ำงเพียงพอท�ำให้สโมสรฟุตบอลอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด พ่ำยแพ้และตกอันดับลงเร่อย ๆ
ื
ี
ั
ั
ี
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งส่เป็นกำรเลิกจ้ำงท่ไม่เป็นธรรมท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส ่ ี
จ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงที่ไม่เป็นธรรม ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ
และค่ำชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จ�ำเลยทั้งสี่ให้กำรว่ำ สัญญำจ้ำงผู้ฝึกสอนฟุตบอลมิใช่สัญญำจ้ำงแรงงำน โจทก์ท�ำงำน
ุ
ั
โดยอิสระม่งควำมส�ำเร็จของงำนฝึกสอนและอันดับของฤดูกำลแข่งขน ไม่อยู่ภำยใต้กำรบังคับ
บัญชำของจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นสัญญำจ้ำงท�ำของ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จ�ำเลยที่ ๒
เลิกสัญญำจ้ำงโดยชอบ จ�ำเลยท่ ๓ และท่ ๔ ไม่ได้กระท�ำในฐำนะส่วนตัว โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ี
ี
จ�ำเลยทั้งสี่ จ�ำเลยที่ ๒ บอกกล่ำวล่วงหน้ำโดยชอบแล้ว และไม่เคยค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงเมื่อโจทก์เป็น
ฝ่ำยผิดสัญญำจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
533
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๓ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของ
ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มอบหมำยให้จ�ำเลยที่ ๒ ส่งทีมฟุตบอลชื่อ สโมสร
ฟุตบอลอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด เข้ำแข่งขัน จ�ำเลยที่ ๓ จึงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอล
็
้
�
ื
้
ี
่
ั
่
ู
้
�
ี
ี
ี
็
่
ของสโมสร เปนเวลำสองป ไดรบคำจำงเปนรำยเดอน จำเลยท ๓ และท ๔ เปนกรรมกำรผมอำนำจ
็
ของจ�ำเลย ที่ ๒ ภำยใต้กำรก�ำกับดูแลของผู้บริหำรจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๓ บอกเลิกสัญญำ
ั
ี
ี
จ้ำงโจทก์ด้วยวำจำ กำรเลิกจ้ำงของจ�ำเลยท้งส่ท่ท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส ่ ี
ั
จ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำยค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงที่ไม่เป็นธรรม ค่ำจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ
และค่ำชดเชยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับจ�ำเลย
ี
ี
ั
ท้งส่มีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จ�ำเลยท้งส่ซ่งเป็นนำยจ้ำง
ึ
ั
ั
ปฏิบัติไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ท้งไม่ปฏิบัติให้
ถูกต้องตำมหลักเกณฑ์กำรจ่ำยเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครอง
ั
ี
ี
ี
แรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งส่จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำง
ั
แรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือนพฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
534
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยกิตติ จิตตรีประเสริฐ โจทก์
ที่ วร ๔๔/๒๕๖๐ นำยพิชัย แซ่ลิ่ม จ�ำเลย
ื
ี
โจทก์จ้ำงจ�ำเลยปฏิบัติหน้ำท่แพทย์เพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้มีก�ำหนดเวลำ
๕ ปี ตกลงท�ำงำน ๕ วันต่อสัปดำห์ และไม่ท�ำงำนที่อื่นหรือผิดข้อตกลงอื่น แต่ปรำกฏว่ำ
ั
จ�ำเลยลำงำนและขำดงำนหลำยวันและต้งแต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำงำน
ี
เพียง ๔ วันต่อสัปดำห์ โดยวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่สถำนพยำบำลอ่น
ื
�
์
ี
ั
่
ั
ึ
่
ุ
ื
ี
ึ
ี
อนมลกษณะงำนเชนเดียวกับโจทก ทำให้โจทก์เสยหำย จงได้มหนังสอไล่ออกซงระบว่ำ
ั
จ�ำเลยผิดข้อตกลงร่วมงำนและมำตรฐำนกฎระเบียบท่วไปอันเป็นกำรไม่ชอบด้วย
ป.พ.พ. มำตรำ ๕๘๓ และเป็นกำรกระท�ำควำมผิดร้ำยแรงตำม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๑๑๙ และ พ.ร.บ. แรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มำตรำ ๑๒๓ จึงเป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำง
ึ
ึ
ึ
แรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบกิจกำรสถำนพยำบำล "พรเกษมคลินิกเวช" ได้ท�ำบันทึก
ข้อตกลงร่วมงำนกับจ�ำเลยซ่งเป็นแพทย์ผู้เช่ยวชำญด้ำนผิวหนังเพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้
ื
ี
ึ
ได้รับค่ำจ้ำงเดือนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท มีก�ำหนดเวลำ ๕ ปี นับแต่วันที่ ๒๓ เมษำยน ๒๕๕๕ ถึง
วันที่ ๒๓ เมษำยน ๒๕๖๐ จ�ำเลยต้องท�ำงำน ๕ วันต่อสัปดำห์โดยมีวันอังคำรและวันเสำร์เป็นวัน
หยุดประจ�ำสัปดำห์ จ�ำเลยตกลงจะไม่ไปท�ำงำนท่อ่นหรือผิดข้อตกลงอ่น มิฉะน้นโจทก์สำมำรถเลิก
ั
ี
ื
ื
กำรร่วมงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยได้ แต่ระหว่ำงเดือนกรกฎำคม ๒๕๕๙ ถึงวันท ี ่
๓๐ ตุลำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยลำงำนและขำดงำนหลำยวัน และตั้งแต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลย
ท�ำงำนเพียง ๔ วันต่อสัปดำห์ โดยวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่คลินิกแคร์
ี
อันมีลักษณะงำนเช่นเดียวกับโจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรผิดข้อตกลงร่วมงำนท�ำให้
โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำเสียหำยเป็นเงินรวม ๒,๑๗๕,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
535
ั
ั
ิ
ึ
ั
ู
�
จำเลยให้กำรว่ำ จำเลยปฏบตงำนในฐำนะแพทย์และผ้ร่วมงำนกบโจทก์ ตำมบนทก
ิ
�
ข้อตกลงร่วมงำน จึงไม่ต้องปฏิบัติตำมมำตรฐำนกฎระเบียบทั่วไปที่ใช้กับลูกจ้ำงทั่วไปของโจทก์
ื
แต่ไม่ได้น�ำมำใช้บังคับกับแพทย์ จ�ำเลยลำงำนตำมวิธีปฏิบัติโดยชอบและได้หำแพทย์อ่นมำอยู่เวร
แทนโดยโจทก์ไม่เคยว่ำกล่ำวตักเตือนหรือแจ้งให้ทรำบว่ำเป็นกำรผิดระเบียบแต่อย่ำงใด จ�ำเลย
แจ้งโจทก์ขอปรับลดวันท�ำงำนจำก ๕ วันต่อสัปดำห์ เป็น ๔ วันต่อสัปดำห์ และวันพฤหัสบดีของ
ี
ี
ื
แต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่คลินิกแคร์เพ่อช่วยงำนอำจำรย์แพทย์ท่เคยสอนจ�ำเลยในระหว่ำง
ท่อำจำรย์แพทย์ข้อเท้ำแพลงเท่ำน้น โดยมิได้มีเจตนำไปท�ำงำนช่วครำวหรืองำนประจ�ำแต่อย่ำงใด
ั
ั
ี
ค่ำเสียหำยที่โจทก์เรียกสูงเกินส่วนและไม่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
ี
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยปฏิบัติหน้ำท่แพทย์เพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้
ื
ึ
ี
่
ั
่
ั
ี
�
ั
่
่
เกยวกบผวหนงมกำหนดเวลำ ๕ ป นบแตวนท ๒๓ เมษำยน ๒๕๕๕ ถงวนท ๒๓ เมษำยน ๒๕๖๐
ี
ี
ั
ิ
ี
ั
ื
จ�ำเลยตกลงท�ำงำน ๕ วันต่อสัปดำห์ และไม่ไปท�ำงำนท่อ่นหรือผิดข้อตกลงอ่น แต่ปรำกฏว่ำ
ี
ื
จ�ำเลยลำงำนและขำดงำนหลำยวันและต้งแต่เดือนกันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำงำนเพียง
ั
ี
ื
๔ วันต่อสัปดำห์ โดยวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดำห์จ�ำเลยไปท�ำงำนท่สถำนพยำบำลอ่น
ั
ื
ึ
ี
ี
ั
ั
ั
ี
�
ี
อนมลกษณะงำนเช่นเดยวกบโจทก์ ทำให้โจทก์เสยหำย โจทก์จงมหนงสอไล่ออก ตำมเอกสำร
ท้ำยฟ้องหมำยเลข ๖ ซึ่งระบุว่ำ จ�ำเลยผิดข้อตกลงร่วมงำนและมำตรฐำนกฎระเบียบทั่วไป โดย
ิ
ละท้งกำรงำนและกระท�ำกำรอันไม่สมควรแก่กำรปฏิบัติหน้ำท่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้อง
ี
และสุจริต อันเป็นกำรไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๕๘๓ และเป็นกำร
กระท�ำควำมผิดร้ำยแรงตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๑๑๙ และ
พระรำชบัญญัติแรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มำตรำ ๑๒๓ จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย
ซ่งเป็นลูกจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนอันเป็นกำร
ึ
ึ
ึ
ฝ่ำฝืนกฎหมำยแรงงำนดังกล่ำวและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
536
ิ
ั
�
ิ
ั
ั
้
ิ
�
ึ
อนง คำวนจฉยดงกล่ำว คงพจำรณำเฉพำะแต่ข้ออ้ำงตำมคำฟ้องของโจทก์เท่ำนน
่
ส่วนท่จ�ำเลยให้กำรต่อสู้และเป็นปัญหำพิพำทว่ำ จ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงของโจทก์หรือไม่ เป็นข้อเท็จจริง
ี
ซึ่งองค์คณะผู้พิพำกษำจะต้องพิจำรณำวินิจฉัยตำมรูปคดีต่อไป
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
537
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยปิยะเทพ คุ้มเสนียด โจทก์
ที่ วร ๑๒๐/๒๕๖๐ บริษัทคอนแม็ค (ไทยแลนด์)
จ�ำกัด จ�ำเลย
ตำมค�ำฟ้องโจทก์แม้จะมิได้แสดงให้เห็นว่ำจ�ำเลยตกลงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็น
ลูกจ้ำง แต่ปรำกฏจำกส�ำเนำสัญญำจ้ำงผู้เชี่ยวชำญรำยบุคคลหรือจ้ำงที่ปรึกษำ ว่ำโจทก์
ื
ื
จะต้องปฏิบัติงำนตำมระเบียบและข้อบังคับต่ำง ๆ ของจ�ำเลย และเคร่องมือเคร่องใช้
และวัสดุอุปกรณ์ที่โจทก์ใช้ปฏิบัติงำนเป็นของจ�ำเลย จึงแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้องท�ำงำน
ภำยใต้อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำน อีกทั้งตำมส�ำเนำหนังสือเลิกจ้ำง ระบุว่ำจ�ำเลยประสงค์จะเลิกกิจกำรและจะจ่ำย
ค่ำชดเชยตำมกฎหมำยแก่โจทก์ และตำมส�ำเนำข้อตกลงกำรรับเงินและรักษำควำมลับ
ระบุว่ำจ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำง ได้จ่ำยเงินรำยได้สุทธิหลังจำกหักเงินสมทบกองทุนประกัน
ึ
สังคม สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชยแก่โจทก์ซ่งเป็นพนักงำน อันแสดง
ให้เห็นว่ำโจทก์และจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับ
ี
ี
จ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำย
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ี
ี
ื
ั
ี
่
ี
ึ
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวนท่ ๑ มนำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เป็นทปรกษำมหน้ำทให้
่
ค�ำปรึกษำ ควบคุมดูแลงำน ประสำนงำน มีก�ำหนดเวลำ ๕ ปี ตกลงค่ำจ้ำงเดือนละ ๗๐,๐๐๐ บำท
ี
ิ
ื
ั
ุ
ิ
�
�
และจำเลยตกลงว่ำหำกจำเลยเลกสญญำโดยไม่มเหตอนสมควรหรอเลกกจกำรไม่ว่ำด้วย
ิ
ั
ื
เหตุใด จ�ำเลยจะจ่ำยค่ำจ้ำง หรอค่ำตอบแทนชดใช้ค่ำเสียหำย หรือค่ำชดเชยแก่โจทก์ ต่อมำ
วันที่ ๒๗ กรกฎำคม ๒๕๖๐ จ�ำเลยปิดกิจกำร โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงแล้วแต่จ�ำเลย
เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำจ้ำง ๔,๒๐๐,๐๐๐ บำทพร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันพิพำกษำเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ื
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ท�ำงำนภำยใต้กำรบังคับบัญชำของจ�ำเลย ใช้อุปกรณ์เคร่องมือ
ของจ�ำเลย กำรท�ำงำนมิได้มุ่งผลส�ำเร็จของงำน สัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสัญญำ
ี
จ้ำงแรงงำน คดีนจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน สัญญำจ้ำงโจทก์ท�ำงำน
้
538
ท�ำขึ้นโดยกรรมกำรจ�ำเลยที่ลงนำมไม่มีควำมรู้ภำษำไทยและสติสัมปชัญญะ ไม่สมบูรณ์เพียงพอ
ข้อสัญญำจ้ำงโจทก์ท�ำงำนดังกล่ำวไม่เป็นธรรมกับจ�ำเลย โจทก์กับจ�ำเลยได้ตกลงประนีประนอม
ยอมควำมกันแล้ว โดยโจทก์ได้รับเงินบำงส่วนแล้วไม่ติดใจเรียกร้องเงินใดจำกจ�ำเลยอีก
โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดชลบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
ี
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เป็นท่ปรึกษำ จ�ำเลยตกลงว่ำหำก
จ�ำเลยเลิกสัญญำโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือเลิกกิจกำรไม่ว่ำด้วยเหตุใด จะจ่ำยค่ำจ้ำง หรือ
ค่ำตอบแทนชดใช้ค่ำเสียหำย หรือค่ำชดเชยแก่โจทก์ ต่อมำจ�ำเลยปิดกิจกำร โจทก์ทวงถำมให้
จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย จึงขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงแก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องโจทก์
แม้จะมิได้แสดงให้เห็นว่ำจ�ำเลยตกลงจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง แต่ปรำกฏจำกส�ำเนำสัญญำ
จ้ำงผู้เชี่ยวชำญรำยบุคคลหรือจ้ำงที่ปรึกษำ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ข้อ ๑.๒ ว่ำ โจทก์
จะต้องปฏิบัติงำนตำมระเบียบและข้อบังคับต่ำง ๆ ของจ�ำเลย และข้อ ๓.๕ ว่ำ เครื่องมือเครื่องใช้
และวัสดุอุปกรณ์ท่โจทก์ใช้ปฏิบัติงำนเป็นของจ�ำเลย จึงแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้องท�ำงำนภำยใต้
ี
อ�ำนำจบังคับบัญชำของจ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน อีกท้งตำม
ั
ส�ำเนำหนังสือเลิกจ้ำง เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ ฉบับแรก ระบุว่ำ จ�ำเลยประสงค์จะเลิก
กิจกำรและจะจ่ำยค่ำชดเชยตำมกฎหมำยแก่โจทก์ และตำมส�ำเนำข้อตกลงกำรรับเงิน และรักษำ
ควำมลับ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๓ ฉบับที่สอง ระบุว่ำ จ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำง ได้จ่ำยเงิน
รำยได้สุทธิหลังจำกหักเงินสมทบกองทุนประกันสังคม สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และ
ค่ำชดเชยแก่โจทก์ซ่งเป็นพนักงำน อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์และจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำ
ึ
ึ
จ้ำงแรงงำน เม่อโจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยไม่จ่ำยค่ำจ้ำงให้โจทก์จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็น
ื
นำยจ้ำงไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและ
ี
ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
539
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
540
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงวัธนี อรรถบลยุคล โจทก์
ที่ วร ๖/๒๕๖๑ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี จ�ำเลย
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนต�ำแหน่งผู้จัดกำรท่วไป ปฏิบัติงำนท ่ ี
ี
สถำนปฏิบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยว สังกัดมหำวิทยำลัย อ. ต่อมำโจทก์ลำออก
โดยจ�ำเลยยังค้ำงจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และ
ค่ำท�ำงำนในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีแก่โจทก์ จึงขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำท�ำงำนใน
วันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำนในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีดังกล่ำว
ี
ดังน ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมสัญญำ
้
ื
จ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนจำกจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์กับ
ี
จ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
ี
_____________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๙ มกรำคม ๒๕๕๕ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนต�ำแหน่งผู้จัดกำร
ี
ี
ท่วไป ปฏิบัติงำนท่สถำนปฏิบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยวสังกัดมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำน ี
ั
ี
ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสำมเดือนสุดท้ำย ๓๖,๗๕๐ บำท ต่อมำโจทก์ลำออก จ�ำเลยอนุมัติหนังสือ
ลำออกวันท่ ๓๐ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ โดยจ�ำเลยยังค้ำงจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำน
ี
ในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำนในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีแก่โจทก์ รวม ๗๗ วัน เป็นเงิน
๙๔,๓๒๕ บำท โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยแจ้งว่ำโจทก์มีสิทธิได้รับเงินดังกล่ำวเพียง ๑๑,๐๒๕ บำท
ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำน
ในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปี ๙๔,๓๒๕ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคล มีฐำนะเป็นกรมในส�ำนักงำนคณะกรรมกำร
ี
กำรอุดมศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร สถำนปฏิบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยว เป็นส่วน
งำนภำยในสังกัดมหำวิทยำลัยจ�ำเลย มีกำรบริหำรงำนโดยคณะกรรมกำรอ�ำนวยกำรสถำนปฏิบัต ิ
ึ
กำร (คอส.) และคณะกรรมกำรบริหำรสถำนปฏิบัติกำร (คบส.) ซ่งได้รับกำรแต่งต้งจำกอธิกำรบด ี
ั
ื
มหำวิทยำลัยจ�ำเลย เม่อจ�ำเลยเป็นรำชกำรส่วนกลำง จึงไม่อยู่ในบังคับของพระรำชบัญญัต ิ
คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ พระรำชบัญญัติแรงงำนสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ และพระรำชบัญญัติ
541
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยเป็น
ี
คดีน้ โจทก์เป็นพนักงำนจ้ำงเหมำบริกำรในลักษณะของกำรจ้ำงท�ำของ จึงต้องปฏิบัติตำมข้อ
ก�ำหนดของ คอส. ข้อบังคับมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ว่ำด้วยกำรบริหำรงำนบุคคลส�ำหรับ
พนักงำนมหำวิทยำลัย พ.ศ. ๒๕๕๔ และข้อบังคับมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ว่ำด้วยสถำนปฏิบัต ิ
กำรโรงแรมและกำรท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งก�ำหนดให้ระยะเวลำปฏิบัติงำนปกติของพนักงำน
ลูกจ้ำงต้องปฏิบัติงำนได้ไม่ต�่ำกว่ำ ๓ สัปดำห์ ต่อ ๑ เดือน สำมำรถหยุดพักและหรือเดินทำงกลับ
ื
ั
ภูมิล�ำเนำได้เดือนละ ๑ คร้ง ๗ วัน เม่อจ�ำเลยตรวจสอบแล้วพบว่ำระหว่ำงวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๘
ี
ื
ี
ถึงวันท่ ๒๙ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ แม้ว่ำโจทก์จะได้ลำหยุดเพ่อกลับภูมิล�ำเนำในช่วงเวลำตำมฟ้อง
ไปแล้ว ๒ วัน คงเหลือวันที่สำมำรถหยุดได้อีก ๕ วันและตำมที่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำมีวันลำพักผ่อน
ั
ประจ�ำปีเหลืออยู่ ๖ วัน น้น ข้อบังคับมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ว่ำด้วยกำรบริหำรงำนบุคคล
ส�ำหรับพนักงำนมหำวิทยำลัย พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๓๔ ให้อนุโลมใช้ตำมระเบียบส�ำนักนำยกรัฐมนตร ี
ึ
ว่ำด้วยกำรลำของข้ำรำชกำร พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๒๓ ซ่งตำมระเบียบน้มิได้ก�ำหนดให้สิทธิข้ำรำชกำร
ี
ี
หรือพนักงำนมหำวิทยำลัยเปล่ยนวันลำพักผ่อนหรือให้จ่ำยค่ำตอบแทนส�ำหรับวันหยุดซ่งมิได้
ึ
ใช้สิทธิครบถ้วนเป็นกำรรับเงินค่ำตอบแทนแต่อย่ำงใด จ�ำเลยจึงไม่อำจจ่ำยเงินตอบแทนแก่โจทก์
ส�ำหรับกำรใช้สิทธิหยุดในวันหยุดตำมประเพณี วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดประจ�ำปี และวันหยุด
อื่นตำมที่คณะรัฐมนตรีก�ำหนด ประจ�ำปี ๒๕๕๘ ซึ่งมีอยู่ ๑๓ วัน โจทก์หยุดไปแล้ว ๑๑ วัน และได้
ี
ึ
ปฏิบัติงำนในวันหยุด ๔ วัน ซ่งรวมวันแรงงำนแห่งชำติท่ไม่ใช่วันหยุดรำชกำรด้วย โจทก์จึงไม่มีสิทธ ิ
ั
ี
ื
ได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนในวันดังกล่ำว ส่วนกำรท�ำงำนในวันหยุดรำชกำรอ่นท่เหลือน้น โจทก์
ท�ำงำนโดยไม่ได้ขออนุมัติจำกหัวหน้ำส่วนรำชกำรก่อนจึงไม่มีสิทธิได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำน
ในวันดังกล่ำว ส�ำหรับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนในวันหยุดอ่นท่โจทก์ฟ้องมำซ่งเป็นวันหลังจำก
ี
ื
ึ
โจทก์ลำออกแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนในวันดังกล่ำวเช่นกัน ขอให้
ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๓ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
ี
�
ั
ิ
ื
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ิ
�
ุ
ึ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
542
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนต�ำแหน่งผู้จัดกำรท่วไป ปฏิบัติงำนท ่ ี
ิ
ั
ี
สถำนปฏบัติกำรกำรโรงแรมและกำรท่องเท่ยว สังกดมหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี ต่อมำโจทก์
ลำออก โดยจ�ำเลยยังค้ำงจ่ำยค่ำท�ำงำนในวันหยุด ค่ำท�ำงำนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และค่ำท�ำงำน
ในวันหยุดพักผ่อนประจ�ำปีแก่โจทก์ รวม ๗๗ วัน เป็นเงิน ๙๔,๓๒๕ บำท จึงขอให้บังคับจ�ำเลย
ั
�
ั
�
ั
ั
่
่
�
จำยคำทำงำนในวนหยุด คำทำงำนในวนหยุดนกขัตฤกษ์ และคำทำงำนในวนหยุดพกผ่อนประจำปี
�
ั
่
่
ี
ดังกล่ำว ดังน้ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนจำกจ�ำเลย ส่วนท่ว่ำโจทก์จะมีสิทธ ิ
ื
ี
ี
ี
ั
ได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่ และตำมกฎหมำยหรือระเบียบหรือข้อบังคับท่เก่ยวข้องฉบับใดน้น
ี
ื
เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำม
ี
ี
รูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
ั
มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
543
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยโชคอนันต์ ฟูอัครเศรษฐ์ โจทก์
ที่ วร ๘/๒๕๖๑ บริษัทซูบลิน (ประเทศไทย)
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ั
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมมีนิติสัมพันธ์กันในฐำนะนำยจ้ำงและ
ั
ี
ื
ลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำม
ี
ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงท่จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับบริษัทจ�ำเลยท ๑ ในต่ำงประเทศ
่
ี
ึ
ึ
ซ่งเกิดข้นและมีผลผูกพันโจทก์และจ�ำเลยท้งสำมนับแต่วันท่ตกลงกันอันเป็นส่วนหน่ง
ั
ึ
ี
ี
ี
ของสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลย
ที่ ๒ เป็นประธำนกรรมกำร และจ�ำเลยที่ ๓ เป็นผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล เมื่อวันที่ ๑ เมษำยน ๒๕๔๘
็
้
์
�
�
้
่
ั
ู
่
ู
้
้
�
ี
่
จำเลยท ๑ และท ๒ จำงโจทกทำงำนเปนลกจำง ตำแหนงผประสำนงำนไดรบคำจำงอตรำสดทำย
้
ุ
ี
่
ั
้
เดือนละ ๓๙,๐๐๐ บำท ต่อมำวันที่ ๒๓ สิงหำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีหนังสือเลิกจ้ำง
โจทก์ให้มีผลเป็นกำรเลิกจ้ำงวันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๕๐ อันเป็นกำรเลิกจ้ำงโดยไม่เป็นธรรม โดย
ในวันที่ ๒๓ สิงหำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ตกลงว่ำ หำกโจทก์ไม่ยื่นค�ำร้องกรณีถูกเลิก
จ้ำงโดยไม่เป็นธรรมต่อเจ้ำหน้ำที่กระทรวงแรงงำน จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับ
บริษัทจ�ำเลยท่ ๑ ท่ด�ำเนินงำนอยู่ต่ำงประเทศ เป็นเหตุให้โจทก์หลงเช่อจึงไม่ย่นค�ำร้องดังกล่ำว แต่
ี
ื
ี
ื
จ�ำเลยทั้งสำมไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงจึงเป็นกำรผิดสัญญำจ้ำง จ�ำเลยทั้งสำมในฐำนะเป็นนำยจ้ำง
ของโจทก์จึงต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันจ่ำยเงิน ๗๐๒,๐๐๐ บำท
แก่โจทก์
ั
ี
ช้นนัดไต่สวนค�ำร้องขอยกเว้นค่ำธรรมเนียมศำล โจทก์แถลงว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ ถึงแก่ควำมตำย
โจทก์จึงขอถอนฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ศำลจังหวัดนนทบุรีอนุญำต
ิ
ิ
ี
่
ี
ุ
ศำลจงหวดนนทบรเห็นวำ กรณมปัญหำวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำล
ั
ั
ี
ี
ู่
�
้
่
ี
แรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
544
ี
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลย
ี
ี
ี
ท่ ๒ เป็นประธำนกรรมกำร และจ�ำเลยท่ ๓ เป็นผู้จัดกำรฝ่ำยบุคคล จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ จ้ำงโจทก์
ี
ิ
่
�
ู
�
ี
ั
ู
ทำงำนเป็นลกจ้ำง ตำแหน่งผ้ประสำนงำน ต่อมำวนท ๒๓ สงหำคม ๒๕๕๐ จำเลยท ๑ และ
ี
�
่
ที่ ๒ มีหนังสือเลิกจ้ำงโจทก์ให้มีผลเป็นกำรเลิกจ้ำงวันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๕๐ อันเป็นกำรเลิกจ้ำง
ี
ี
ี
โดยไม่เป็นธรรม โดยในวันท่ ๒๓ สิงหำคม ๒๕๕๐ จ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ตกลงว่ำหำกโจทก์
ไม่ยื่นค�ำร้องกรณีถูกเลิกจ้ำงโดยไม่เป็นธรรมต่อเจ้ำหน้ำที่กระทรวงแรงงำน จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓
จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ ที่ด�ำเนินงำนอยู่ต่ำงประเทศ เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อ
จึงไม่ย่นค�ำร้องดังกล่ำว แต่จ�ำเลยท้งสำมในฐำนะนำยจ้ำงไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงจึงเป็นกำรผิด
ื
ั
สัญญำจ้ำง ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยทั้งสำมมีนิติสัมพันธ์กันในฐำนะ
ี
ื
ั
นำยจ้ำงและลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรท่จ�ำเลยท้งสำม
ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงที่จะส่งโจทก์ไปท�ำงำนกับบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ ในต่ำงประเทศซึ่งเกิดขึ้นและ
ี
ึ
มีผลผูกพันโจทก์และจ�ำเลยท้งสำมนับแต่วันท่ตกลงกันอันเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำน
ั
ส่วนโจทก์จะเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๓ หรือไม่ และโจทก์จะมีสิทธิได้รับค่ำเสียหำยจำกข้อตกลง
ั
ี
ื
ดังกล่ำวหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดย
ั
องค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย
ี
สิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
ี
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
545
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ มหำวิทยำลัยพำยัพ โจทก์
ที่ วร ๓๐/๒๕๖๑ นำยธอร์สเทน โวลล์มันน์
กับพวก จ�ำเลย
่
ี
ี
ฟ้องว่ำจ�ำเลยท ๑ ท�ำสัญญำลำศึกษำต่อในระดับปริญญำเอก ท่ประเทศนิวซีแลนด์
ด้วยทุนประเภท ๑ ของโจทก์ แต่เมื่อส�ำเร็จกำรศึกษำแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ ไม่สำมำรถท�ำงำน
ให้โจทก์จนครบก�ำหนดระยะเวลำสัญญำลำศึกษำต่อ ต้องชดใช้เงินตำมระยะเวลำ
ี
่
ี
ึ
ี
่
คงเหลือท่จ�ำเลยท ๑ จะต้องชดใช้ทุนแก่โจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ ซ่งเป็น
ึ
ลูกจ้ำงโจทก์ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงในสัญญำลำศึกษำต่อซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำ
ึ
่
่
ี
จ้ำงแรงงำน จ�ำเลยท ๒ ในฐำนะผู้ค้ำประกันกำรลำศึกษำต่อของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็น
ี
�
ั
ื
ี
กรณีเก่ยวเน่องกับกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ ท้งยังเป็น
ี
่
ิ
ี
กรณพพำทเกยวด้วยควำมรบผดตำมกฎกระทรวงว่ำด้วยกำรค้มครองกำรทำงำนและ
ั
่
ิ
ี
ุ
�
ผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ปฏิบัติงำนในสถำบันอุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซ่งออก
ึ
ี
้
ี
่
ุ
ึ
โดย พ.ร.บ. อดมศกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖ มำตรำ ๒๓ วรรคสอง อกดวย คดระหวำงโจทก ์
่
ี
ี
ี
กับจ�ำเลยท ๒ จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีน ้ ี
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์มีฐำนะเป็นนิติบุคคลตำมพระรำชบัญญัติสถำบันอุดมศึกษำเอกชน
ี
พ.ศ. ๒๕๔๖ เม่อวันท่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๓๙ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ เป็นอำจำรย์ผู้สอน ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ื
�
ั
ได้ทำสัญญำลำศกษำต่อในระดบปริญญำเอก ท่ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่ำงวนท่ ๑ กรกฎำคม ๒๕๔๔
ี
ั
ี
ึ
ี
ื
ถึงวันท่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๔๖ ด้วยทุนประเภท ๑ ของโจทก์ ตกลงว่ำเม่อจ�ำเลยท่ ๑
ี
ั
็
ึ
สำเรจกำรศกษำแล้วจะกลบมำท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ ๕ เท่ำ ของระยะเวลำ
�
ี
ี
ี
ท่ใช้ศึกษำหรือระยะเวลำท่ได้รับทุนหรือระยะเวลำท่ได้รับเงินเดือนสุดแต่ระยะเวลำใดจะ
มำกกว่ำ มิฉะนั้นจ�ำเลยที่ ๑ ยินยอมชดใช้เงินเป็นจ�ำนวน ๕ เท่ำ ของจ�ำนวนเงินทุนกำรศึกษำ
ื
ี
ี
เงินเดือน หรือเงินอ่นใดท่ได้รับจำกโจทก์ โดยมีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันกำรลำศึกษำต่อ
�
หลังส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจ�ำเลยท่ ๑ กลับมำท�ำงำน แต่ในปี ๒๕๕๘ จ�ำเลยท่ ๑ มีคะแนนกำร
ี
ี
ประเมินผลกำรปฏิบัติงำนไม่ผ่ำนมำตรฐำน โจทก์จึงมีค�ำสั่งเป็นหนังสือให้จ�ำเลยที่ ๑ ต้องปฏิบัติ
546
ื
งำนไม่น้อยกว่ำ ๓๕ ภำรกิจต่อสัปดำห์ ต้องลงลำยมือช่อกำรเข้ำออกงำนทุกวันท�ำงำน และ
ี
ุ
่
ิ
ิ
�
ี
ต้องเข้ำร่วมประชมตำมทโจทก์มอบหมำย แต่ปี ๒๕๕๙ จำเลยท่ ๑ ไม่สำมำรถปฏบัติภำรกจ
ี
ี
ตำมค�ำส่งของโจทก์ได้ วันท่ ๑ สิงหำคม ๒๕๖๐ โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ยินยอม
ั
ี
รับค่ำชดเชยและสินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำไปแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ ยังคงเหลือเวลำที่จะต้อง
ชดใช้ทุนแก่โจทก์อีก ๕๒๐ วัน คิดเป็นเงิน ๑,๓๕๓,๗๕๘.๐๙ บำท โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลย
ั
ั
ท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระเงิน ๑,๓๙๗,๗๕๕.๕๕ บำท พร้อมดอกเบ้ย
ี
อัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๓๕๓,๗๕๘.๐๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรว่ำ เมื่อจ�ำเลยที่ ๑ ส�ำเร็จกำรศึกษำตำมสัญญำลำศึกษำต่อในระดับ
ื
ึ
ปริญญำเอกแล้ว ได้กลับมำท�ำงำนตำมเง่อนไขกำรสอนเดิมก่อนท่จะลำไปศึกษำต่อ ซ่งโจทก์
ี
ื
่
ิ
ั
ั
ี
์
ิ
่
้
ื
�
ี
่
้
ุ
�
่
่
ไมไดระบจำนวนชวโมงสอนหรอภำรกจอนไว จำเลยท ๑ มผลงำนประพนธเพลงผำนกำรประเมน
มำตลอด กำรประเมินผลกำรปฏิบัติงำนตำมหลักเกณฑ์ภำรกิจท่โจทก์ประกำศในปี ๒๕๕๗
ี
ี
ไม่สอดคล้องกับสภำพกำรจ้ำงเดิม จ�ำเลยท่ ๑ แสดงเจตนำปฏิบัติงำนให้ครบตำมระยะเวลำท ี ่
ี
ึ
่
ิ
ั
กำหนดในสญญำแล้วแต่โจทก์ไม่ยนยอม จำเลยท ๑ จงไม่ได้ผดสญญำดงกล่ำว ข้อสญญำท ่ ี
ั
ั
�
�
ั
ิ
ก�ำหนดให้เม่อจ�ำเลยท่ ๑ ส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจะกลับมำท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ
ื
ี
ี
๕ เท่ำ ของระยะเวลำท่ใช้ศึกษำหรือระยะเวลำท่ได้รับทุนหรือระยะเวลำท่ได้รับเงินเดือนสุดแต่
ี
ี
ระยะเวลำใดจะมำกกว่ำ มิฉะนั้นจ�ำเลยที่ ๑ ยินยอมชดใช้เงินเป็นจ�ำนวน ๕ เท่ำ ของจ�ำนวนเงิน
ทุนกำรศึกษำ เงินเดือน หรือเงินอื่นใดที่ได้รับจำกโจทก์ เป็นข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม จ�ำเลยที่ ๑
ท�ำงำนชดใช้ทุนพอสมควรแก่กรณีและเป็นธรรมแล้ว คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยที่ ๑ เป็นอำจำรย์ผู้สอนระหว่ำงกำร
ุ
ี
�
ิ
ทำงำน จำเลยท่ ๑ ท�ำสัญญำลำศึกษำต่อในระดับปรญญำเอก ทประเทศนิวซีแลนด์ ด้วยทน
ี
�
่
ประเภท ๑ ของโจทก์ ตกลงว่ำเมื่อจ�ำเลยที่ ๑ ส�ำเร็จกำรศึกษำแล้วจะกลับมำท�ำงำนให้โจทก์เป็น
ี
ระยะเวลำไม่น้อยกว่ำ ๕ เท่ำ ของระยะเวลำท่ใช้ศึกษำหรือระยะเวลำท่ได้รับทุนหรือระยะเวลำ
ี
547
ที่ได้รับเงินเดือนสุดแต่ระยะเวลำใดจะมำกกว่ำ มิฉะนั้นจ�ำเลยที่ ๑ ยินยอมชดใช้เงินเป็นจ�ำนวน
๕ เท่ำ ของจ�ำนวนเงินทุนกำรศึกษำ เงินเดือนหรือเงินอื่นใดที่ได้รับจำกโจทก์ โดยมีจ�ำเลยที่ ๒
�
ื
เป็นผู้ค้ำประกันกำรลำศึกษำต่อ แต่เม่อส�ำเร็จกำรศึกษำแล้ว จ�ำเลยท่ ๑ ไม่สำมำรถท�ำงำนให้
ี
ั
โจทก์จนครบก�ำหนดระยะเวลำสัญญำลำศึกษำต่อ จึงขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันชดใช้เงินตำม
ระยะเวลำคงเหลือที่จ�ำเลยที่ ๑ จะต้องชดใช้ทุนแก่โจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็น
ึ
ลูกจ้ำงโจทก์ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงในสัญญำลำศึกษำต่อซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำน
ึ
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
ส่วนคดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกันกำรลำ
ศึกษำต่อของจ�ำเลยที่ ๑ ให้ร่วมรับผิดกับจ�ำเลยที่ ๑ จึงเป็นกรณีเกี่ยวเนื่องกับกำรผิดสัญญำจ้ำง
ี
ั
ี
แรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ ท้งยังเป็นกรณีพิพำทเก่ยวด้วยควำมรับผิดตำมกฎกระทรวง
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนและผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ปฏิบัติงำนในสถำบันอุดมศึกษำ
ึ
เอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซ่งออกโดยพระรำชบัญญัติอุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖ มำตรำ ๒๓
วรรคสอง อีกด้วย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๒ จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำม
้
ั
ิ
ี
ิ
ั
ั
ี
สญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
้
ิ
ั
ั
มำตรำ ๘ (๑) เช่นกัน
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
548
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ แพทย์หญิงมริญญำ
ที่ วร ๗๕/๒๕๖๑ ผ่องผุดพันธ์ โจทก์
นำยวัฒน์ธนพลหรือวัฒนเกียรติ
โสภณกิจวนิช จ�ำเลย
ี
ึ
แม้ตำมค�ำฟ้องโจทก์จะเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นเจ้ำของสถำน
�
พยำบำล “ว. คลนกเวชกรรม” ตกลงให้โจทก์ทำงำนเป็นแพทย์ และปรำกฏจำกข้อเทจ
็
ิ
ิ
จริงท่คู่ควำมแถลงรับกันตำมรำยงำนกระบวนพิจำรณำลงวันท ๕ กรกฎำคม ๒๕๖๑ ว่ำ
ี
่
ี
จ�ำเลยไม่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำโจทก์เกี่ยวกับกำรรักษำคนไข้ แต่กำรที่จ�ำเลยตกลงให้โจทก์
ี
ต้องท�ำงำนสัปดำห์ละ ๑ วัน จึงเป็นกำรก�ำหนดวันและเวลำท�ำงำนท่โจทก์ต้องเข้ำปฏิบัติงำน
ตำมข้อตกลง ท้งโจทก์จะได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนค�ำนวณจำกจ�ำนวนคนไข้และลักษณะ
ั
ของแผนกำรรักษำคนไข้แต่ละคน อันมีลักษณะเป็นกำรจ่ำยค่ำจ้ำงตำมผลงำน จึงเป็น
ึ
ี
ึ
กรณีท่กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซ่งเป็นส่วนหน่งของ
ึ
สัญญำจ้ำงแรงงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกอบกิจกำรสถำนพยำบำล “เดอะวีว่ำคลินิกเวชกรรม” เดือน
ี
ื
กันยำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยตกลงให้โจทก์เข้ำเป็นแพทย์ผู้เช่ยวชำญด้ำนผิวหนังเพ่อท�ำกำรตรวจ
�
�
รกษำคนไข้ในสถำนพยำบำลของจำเลย โจทก์ต้องทำงำนทกวนพธ ๑ วนต่อสปดำห์ จำเลย
�
ั
ั
ุ
ั
ุ
ั
ตกลงจ่ำยค่ำวิชำชีพแพทย์ให้โจทก์ตำมจ�ำนวนคนไข้ท่โจทก์รักษำ โดยจ�ำเลยจะเก็บเงินค่ำ
ี
ี
วิชำชีพแพทย์จำกคนไข้ท่โจทก์รักษำไว้แล้วจ่ำยให้โจทก์ในเดือนถัดไปทุกเดือน แต่จ�ำเลยค้ำงจ่ำย
ค่ำวิชำชีพแพทย์แก่โจทก์ในเดือนมีนำคม ๒๕๖๐ เป็นเงิน ๑๔๓,๒๒๕ บำทโจทก์ทวงถำมแล้ว
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยเงิน ๑๖๑,๑๒๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี
จำกต้นเงิน ๑๔๓,๒๒๕ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำร แก้ไขค�ำให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ปฏิบัติงำนในฐำนะแพทย์
ี
ประจ�ำสถำนเสริมควำมงำมเฉพำะด้ำนกำรผ่ำตัดเสริมจมูก ตกลงค่ำจ้ำงตำมจ�ำนวนคนไข้ท่โจทก์
์
รกษำ โจทกตองทำงำนทกวนพธของสปดำห สญญำระหวำงโจทกกบจำเลยเปนสญญำจำงแรงงำน
ั
้
ั
็
ั
ุ
ั
ั
์
่
�
้
�
์
ั
ุ
549
โดยมีข้อตกลงว่ำโจทก์ต้องวำงเงินประกันควำมเสียหำยไว้ต่อจ�ำเลย ๑ เดือน โดยน�ำค่ำวิชำชีพ
ี
แพทย์ในเดือนท่ถึงก�ำหนดช�ำระแล้วมำเป็นประกันควำมเสียหำยในเดือนถัดไป และโจทก์ต้อง
ื
ไม่น�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปเปิดและท�ำงำนในสถำนเสริมควำมงำมอ่นและไม่น�ำลูกค้ำของจ�ำเลย
ื
ไปท�ำกำรเสริมควำมงำมอ่นหรือน�ำไปเป็นลูกค้ำของโจทก์ แต่โจทก์เปิดสถำนเสริมควำมงำม
ื
หรือไปเป็นแพทย์ประจ�ำในสถำนเสริมควำมงำมอ่นแล้วน�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปท�ำงำนและ
น�ำลูกค้ำของจ�ำเลยไปรักษำด้วย จึงเป็นกำรฝ่ำฝืนข้อตกลง จ�ำเลยจึงมีสิทธิริบค่ำวิชำชีพแพทย์
ของโจทก์ในเดือนมีนำคม ๒๕๖๐ เป็นเงิน ๑๔๓,๒๒๕ บำท กำรกระท�ำของโจทก์ยังเป็นผลให้
จ�ำเลยต้องปิดกิจกำรไป ๖ เดือน ต้องขำดรำยได้ไม่น้อยกว่ำ ๔๐๐,๐๐๐ บำท เมื่อหักกลบกันแล้ว
โจทก์ยังต้องชดใช้ค่ำเสียหำยให้จ�ำเลยอีก ๒๕๖,๐๗๕ บำท ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์จ่ำยเงิน
ี
จ�ำนวนดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำจะ
ช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ โจทก์ไม่เคยเปิดสถำนเสริมควำมงำมหรือไปเป็นแพทย์ประจ�ำ
ื
ในสถำนเสริมควำมงำมอ่น ไม่เคยน�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปเปิดและท�ำงำนในสถำนเสริมควำม
ื
ื
งำมอ่นและไม่เคยน�ำลูกค้ำของจ�ำเลยไปท�ำกำรเสริมควำมงำมอ่นหรือน�ำไปเป็นลูกค้ำของโจทก์
ทั้งไม่เคยมีข้อตกลงเรื่องเงินประกันตำมฟ้องแย้ง จ�ำเลยเพียงแต่โอนขำยกิจกำรให้ผู้อื่น จึงมิได้
เสียหำยแต่อย่ำงใด ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงชลบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยตกลงให้โจทก์เข้ำเป็นแพทย์ผู้เช่ยวชำญด้ำนผิวหนัง
ี
เพ่อท�ำกำรตรวจรักษำคนไข้ในสถำนพยำบำลของจ�ำเลย โจทก์ต้องท�ำงำนทุกวันพุธ ๑ วัน
ื
ต่อสัปดำห์ จ�ำเลยตกลงจ่ำยค่ำวิชำชีพแพทย์ให้โจทก์ตำมจ�ำนวนคนไข้ที่โจทก์รักษำ โดยจ�ำเลย
จะเก็บเงินค่ำวิชำชีพแพทย์จำกคนไข้ท่โจทก์รักษำไว้แล้วจ่ำยให้โจทก์ในเดือนถัดไปทุกเดือน
ี
แต่จ�ำเลยค้ำงจ่ำยค่ำวิชำชีพแพทย์แก่โจทก์ในเดือนมีนำคม ๒๕๖๐ โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลย
เพกเฉย ขอให้บงคบจ�ำเลยจ่ำยเงินดงกล่ำว แม้ตำมคำฟ้องโจทก์จะเป็นกรณีทโจทก์กล่ำวอ้ำง
�
่
ี
ิ
ั
ั
ั
ึ
ว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นเจ้ำของสถำนพยำบำล “เดอะวีว่ำคลินิกเวชกรรม” ตกลงให้โจทก์ท�ำงำนเป็น
แพทย์ และปรำกฏจำกข้อเท็จจริงที่คู่ควำมแถลงรับกันตำมรำยงำนกระบวนพิจำรณำลงวันที่ ๕
550
ี
กรกฎำคม ๒๕๖๑ ว่ำ จ�ำเลยไม่มีอ�ำนำจบังคับบัญชำโจทก์เก่ยวกับกำรรักษำคนไข้ แต่กำรท ี ่
ี
จ�ำเลยตกลงให้โจทก์ต้องท�ำงำนสัปดำห์ละ ๑ วัน จึงเป็นกำรก�ำหนดวันและเวลำท�ำงำนท่โจทก์
ต้องเข้ำปฏิบัติงำนตำมข้อตกลง ท้งโจทก์จะได้รับค่ำตอบแทนกำรท�ำงำนค�ำนวณจำกจ�ำนวน
ั
คนไข้และลักษณะของแผนกำรรักษำคนไข้แต่ละคน อันมีลักษณะเป็นกำรจ่ำยค่ำจ้ำงตำม
ผลงำน จึงเป็นกรณีที่กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำงโจทก์ปฏิบัติผิดข้อตกลงซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง
ี
ของสัญญำจ้ำงแรงงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกำรท่จ�ำเลยให้กำร
�
ี
แก้ไขคำให้กำร และฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ทำงำน ตกลงค่ำจ้ำงตำมจ�ำนวนคนไข้ทโจทก์
่
�
ั
�
ุ
ั
ั
ั
ั
รกษำ โจทก์ต้องทำงำนทกวนพุธของสปดำห์ สญญำระหว่ำงโจทก์กบจ�ำเลยเป็นสญญำจ้ำง
ั
ี
ั
ิ
�
�
แรงงำน โดยมข้อตกลงว่ำโจทก์ต้องวำงเงนประกนควำมเสยหำยไว้ต่อจำเลย ๑ เดอน โดยนำ
ื
ี
ี
ค่ำวิชำชีพแพทย์ในเดือนท่ถึงก�ำหนดช�ำระแล้วมำเป็นประกันควำมเสียหำยในเดือนถัดไป
ื
และโจทก์ต้องไม่น�ำพนักงำนของจ�ำเลยไปเปิดและท�ำงำนในสถำนเสริมควำมงำมอ่นและไม่น�ำ
ื
ลูกค้ำของจ�ำเลยไปท�ำกำรเสริมควำมงำมอ่นหรือน�ำไปเป็นลูกค้ำของโจทก์ แต่โจทก์เปิดสถำน
ื
เสริมควำมงำมหรือไปเป็นแพทย์ประจ�ำในสถำนเสริมควำมงำมอ่น แล้วน�ำพนักงำนของจ�ำเลย
ไปท�ำงำนและน�ำลูกค้ำของจ�ำเลยไปรักษำด้วย อันเป็นกำรฝ่ำฝืนข้อตกลงดังกล่ำวน้น จึงเป็น
ั
ึ
ึ
ี
กรณีท่จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลย ไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงอันเป็นส่วนหน่ง
ั
ของสัญญำจ้ำงแรงงำนและเรียกร้องค่ำเสียหำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนดงกล่ำวเช่นกัน
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ี
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
551
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทยประกันชีวิต จ�ำกัด
ที่ วร ๒/๒๕๖๒ (มหำชน) โจทก์
นำงสำวยุพำหรือยุพวรรณ์
สิทธิคงศักดิ์ จ�ำเลย
ค�ำฟ้องโจทก์ประกอบส�ำเนำสัญญำข้อตกลงผู้จัดกำร เอกสำรท้ำยค�ำฟ้อง
ั
ี
หมำยเลข ๔ ข้อ ๔ ท่ก�ำหนดให้ผู้จัดกำรตกลงปฏิบัติตำมระเบียบ ข้อบังคับ หรือค�ำส่ง
ี
ของบริษัท ท่มีอยู่แล้วและท่จะมีข้นภำยหน้ำทุกประกำร อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้อง
ึ
ี
ั
ท�ำงำนภำยใต้ระเบียบ ข้อบังคับ หรือค�ำส่งอันเป็นกำรบังคับบัญชำของโจทก์ซ่งมีต่อ
ึ
จ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของสัญญำจ้ำงแรงงำนแล้ว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์
กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธ ิ
ื
เรียกร้องเงินตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนคืนจำกจ�ำเลย จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๑ เมษำยน ๒๕๕๐ จ�ำเลยซ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิตเข้ำท�ำ
ี
ึ
สัญญำเป็นผู้จัดกำรศูนย์กำรขำยกับโจทก์ มีหน้ำที่ดูแลกำรปฏิบัติงำนของตัวแทน หัวหน้ำหน่วย
และบุคคลใดที่จ�ำเลยมอบหมำยให้ปฏิบัติตำมระเบียบ ค�ำสั่ง ข้อบังคับของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน
จ�ำเลยและทีมงำนได้ขำยประกันชีวิตให้ผู้ขอเอำประกันชีวิตจ�ำนวน ๕ รำย โดยจ�ำเลยได้รับ
ื
ผลประโยชน์และค่ำตอบแทนไปครบถ้วนแล้ว แต่เม่อโจทก์ยกเลิกค�ำขอ หรือเล่อนกำรรับประกัน
ื
หรือลดต้นทุน ของผู้ขอเอำประกันชีวิตดังกล่ำว จ�ำเลยกลับคืนเงินผลประโยชน์และค่ำตอบแทนท ี ่
ี
�
�
ิ
ื
์
ี
ั
่
่
ั
ี
์
้
รบไปเพยงบำงสวนแกโจทก คงคำงอก ๑๖๙,๕๖๙ บำท โจทกมหนงสอทวงถำมให้จำเลยชำระเงน
ดังกล่ำวแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒๘๗,๓๕๙.๐๖ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๑๖๙,๕๖๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะ
ช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ั
ี
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยมีหน้ำท่ดูแลกำรขำยประกันชีวิตเท่ำน้น กำรท่โจทก์ยกเลิก
ั
ื
ี
ี
หรือเล่อนกำรรับประกันท�ำให้โจทก์ต้องคืนเบ้ยประกันแก่ผู้ขอเอำประกันชีวิตน้นไม่เก่ยวกับ
จ�ำเลย จ�ำเลยไม่ได้รับทรำบกำรถูกตั้งหนี้จำกโจทก์ จ�ำเลยท�ำงำนภำยใต้ระเบียบ ค�ำสั่ง ข้อบังคับ
เกี่ยวกับกำรท�ำงำนของโจทก์ คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำผิดสัญญำ
ขอให้ยกฟ้อง
552
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสว่ำงแดนดินเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
ิ
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
�
ั
ึ
�
ุ
ิ
ื
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ
๙ วรรคสอง
ึ
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยซ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิตและเป็นผู้จัดกำร
ศูนย์กำรขำยของโจทก์ ได้ขำยประกันชีวิตให้ผู้ขอเอำประกันชีวิตจ�ำนวน ๕ รำย โดยได้รับ
ื
ื
ผลประโยชน์และค่ำตอบแทนไปครบถ้วนแล้ว แต่เม่อโจทก์ยกเลิกค�ำขอ หรือเล่อนกำรรับประกัน
หรือลดต้นทุน ของผู้ขอเอำประกันชีวิตดังกล่ำว จ�ำเลยกลับคืนเงินผลประโยชน์และค่ำตอบแทน
ี
ท่รับไปแก่โจทก์ไม่ครบถ้วนตำมสัญญำ จึงขอให้จ�ำเลยคืนส่วนท่คงค้ำงแก่โจทก์ เม่อพิจำรณำ
ี
ื
ค�ำฟ้องโจทก์ ประกอบส�ำเนำสัญญำข้อตกลงผู้จัดกำร เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ ข้อ ๔
ี
ท่ก�ำหนดให้ผู้จัดกำรตกลงปฏิบัติตำมระเบียบ ข้อบังคับ หรือค�ำส่งของบริษัท ท่มีอยู่แล้วและ
ี
ั
ที่จะมีขึ้นภำยหน้ำทุกประกำร อันแสดงให้เห็นว่ำโจทก์ต้องท�ำงำนภำยใต้ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ
ึ
ั
ค�ำส่งอันเป็นกำรบังคับบัญชำของโจทก์ซ่งมีต่อจ�ำเลยอันเป็นลักษณะส�ำคัญของสัญญำจ้ำงแรงงำน
แล้ว จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำงกันตำมสัญญำ
้
จ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินตำมสัญญำจำงแรงงำนคืนจำกจ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยจะเป็นลูกจำง
้
ื
ั
ของจ�ำเลยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือโจทก์จะมีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริง
ในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป
ื
ี
ั
้
ิ
ี
่
ิ
ื
ั
ึ
็
์
คดระหวำงโจทกกบจ�ำเลยจงเปนคดีพพำทเกยวดวยสทธหรอหน้ำทตำมสญญำจำงแรงงำน ตำม
ี
่
่
ี
้
ิ
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
553
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวปวิตรำนันท์ สำโรจน์ โจทก์
ที่ วร ๖/๒๕๖๒ บริษัทยูนิกก้ำ จ�ำกัด จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำร
ี
นิติบุคคลอำคำรชุด ต่อมำท่ประชุมใหญ่สำมัญเจ้ำของร่วมนิติบุคคลอำคำรชุดมีมต ิ
เลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธ ิ
ได้รับค่ำชดเชย สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำง
ั
ไม่เป็นธรรม นอกจำกน้นจ�ำเลยยังต้องจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย และคืนเงินทดรองจ่ำย
ค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลรักษำทรัพย์สินส่วนกลำงแก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำง
ื
แรงงำนเพ่อขอให้จ�ำเลยคืนเงินทดรองจ่ำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และเรียกร้องเงินอ่น
ื
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ วันท่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๖ จ�ำเลยจ้ำงเข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่ง
ผู้จัดกำรนิติบุคคลอำคำรชุดได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำย เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บำท ต่อมำวันท่ ๑๘
ี
ี
เมษำยน ๒๕๖๐ ท่ประชุมใหญ่สำมัญเจ้ำของร่วมนิติบุคคลอำคำรชุดมีมติเลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์
ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่ำชดเชย สินจ้ำงแทน
กำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม และจ�ำเลยยังคงค้ำงจ่ำย
ค่ำจ้ำงโจทก์เป็นเวลำ ๕ เดือน ๑๘ วัน นอกจำกนั้นระหว่ำงท�ำงำนโจทก์ได้ทดรองจ่ำยค่ำใช้จ่ำย
ึ
ในกำรดูแลรักษำทรัพย์สินส่วนกลำงซ่งจ�ำเลยต้องคืนแก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำง
ค้ำงจ่ำย ๑๖๘,๐๐๐ บำท เงินทดรองจ่ำย ๑๔๐,๙๗๑.๔๐ บำท และค่ำชดเชย ๑๘๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี จ่ำยสินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ ๔๓,๐๐๐ บำท และ
ค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม ๑๕๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ดอกเบี้ยทุกจ�ำนวนให้นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยค�ำให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภท
บริษัทจ�ำกัด โจทก์เคยเป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยแต่ลำออกและไปท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของนิติบุคคลอำคำร
ชุดยูนิกก้ำ จ�ำเลยไม่เคยค้ำงช�ำระเงินทดรองจ่ำยของโจทก์ กำรเรียกเงินทดรองจ่ำยไม่อยู่ในอ�ำนำจ
554
ี
ของศำลแรงงำน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินตำมฟ้องจำกจ�ำเลย ระหว่ำงท่โจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง
ั
ของนิติบุคคลอำคำรชุดยูนิกก้ำ โจทก์มิใช่ลูกจ้ำงของจ�ำเลยแต่กลับรบเงินเดือนจำกจ�ำเลยทับซ้อน
กับเงินเดือนผู้จัดกำรนิติบุคคลอำคำรชุดยูนิกก้ำ โจทก์จึงต้องคืนเงินเดือนแก่จ�ำเลย ขอให้
ี
ี
ยกฟ้องและบังคับโจทก์คืนเงินเดือนท่รับไป ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย
ี
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องแย้งของจ�ำเลยไม่เก่ยวกับฟ้องเดิม ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศำลแรงงำนภำค ๒ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
�
ั
ิ
วนจฉยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จำเลยจ้ำงเข้ำทำงำนเป็นลูกจ้ำง ตำแหน่งผ้จดกำร
ิ
ู
�
�
ั
ี
นิติบุคคลอำคำรชุด ต่อมำท่ประชุมใหญ่สำมัญเจ้ำของร่วมนิติบุคคลอำคำรชุดมีมติเลิกจ้ำงโจทก์
โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่ำชดเชย
สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรม นอกจำกน้นจ�ำเลย
ั
ยังต้องจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย และคืนเงินทดรองจ่ำยค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลรักษำทรัพย์สินส่วนกลำง
แก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับ
้
้
�
ื
ิ
่
ื
ั
้
นำยจำงกนตำมสญญำจำงแรงงำนเพอขอใหจำเลยคนเงนทดรองจำยตำมสญญำจำงแรงงำน และ
้
่
ั
ั
เรียกร้องเงินอื่นตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ส่วนโจทก์
จะเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยอันจะท�ำให้มีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงในเนื้อหำ
ของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำง
ี
ี
้
ื
ึ
ี
โจทก์กบจ�ำเลยจงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรอหนำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำย
ั
ั
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
ั
ี
ส่วนคดีท่จ�ำเลยฟ้องแย้งน้น จ�ำเลยฟ้องแย้งว่ำโจทก์รับเงินเดือนจำกจ�ำเลยทับซ้อน
กับเงินเดือนผู้จัดกำรนิติบุคคลอำคำรชุดยูนิกก้ำ จึงขอให้โจทก์คืนเงินเดือนแก่จ�ำเลย เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์รับเงินค่ำจ้ำงไปโดยไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ึ
ี
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมฟ้องแย้งจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ
ั
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑)
555
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
556
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยสุบิล ยุคง โจทก์
ที่ วร ๗/๒๕๖๒ บริษัทเชฎฐ์ เอเชีย จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ั
จ�ำเลยท้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำน ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นหัวหน้ำทนำยควำม ระหว่ำง
ี
ื
่
ท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง เน่องจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์ของจ�ำเลยท ๑
ั
ท�ำให้โจทก์ถูกร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง ถือเป็นกำรที่จ�ำเลยทั้งสองกระท�ำ
ั
ี
ละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยท้งสองให้กำรส่วนน้ว่ำ เหตุเกิดจำกควำมผิดพลำดของระบบ
ี
่
่
ี
คอมพิวเตอร์ของจ�ำเลยท ๑ และกำรส่อสำรระหว่ำงพนักงำนของจ�ำเลยท ๑ กับผู้ร้องเรียน
ื
คดีมรรยำททนำยควำม จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนำยจ้ำงไม่
ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด ประกอบธุรกิจให้บริกำร
ี
ด้ำนกฎหมำย มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน เมื่อปี ๒๕๔๑ จ�ำเลยทั้งสอง
จ้ำงโจทก์ท�ำงำน ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นหัวหน้ำทนำยควำม ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๑๘,๔๘๐ บำท
ค่ำต�ำแหน่งจำกกำรฟ้องคดีของทนำยควำมในบริษัทและกำรตั้งเจ้ำพนักงำนบังคับคดี ประมำณ
เดือนละ ๗๕,๐๐๐ บำท และค่ำวิชำชีพทนำยควำมจำกกำรด�ำเนินคดีต่ำง ๆ คดีละ ๑,๓๐๐ บำท
ั
ั
ั
ต้งแต่ปี ๒๕๔๕ จ�ำเลยท้งสองไม่จ่ำยค่ำต�ำแหน่งจำกกำรฟ้องคดีและกำรต้งเจ้ำพนักงำน
บังคับคดี นับถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑๓,๕๐๐,๐๐๐ บำท และหักค่ำวิชำชีพทนำยควำมจำกโจทก์อีก
๙๖๐,๐๐๐ บำท ระหว่ำงท�ำงำนให้จ�ำเลยทั้งสอง เนื่องจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์
้
ของจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำใหโจทกถูกรองเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง ถือวำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำ
่
์
้
ื
ละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียช่อเสียง เสียประวัติ และโอกำสในกำรประกอบวิชำชีพ คิดเป็น
เงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท นอกจำกนั้นจ�ำเลยทั้งสองยังหักค่ำจ้ำงโจทก์จนต้องลำออก โจทก์ขอเรียก
ค่ำชดเชย ๑,๒๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระค่ำจ้ำงรวม ๑๔,๔๖๐,๐๐๐ บำท
ั
ค่ำชดเชย ๑,๒๐๐,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำยจำกกำรกระท�ำละเมิด ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์
ั
จ�ำเลยท้งสองให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ ปี ๒๕๔๑ โจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของ
ั
ั
จ�ำเลยท้งสอง ท�ำหน้ำท่ฟ้องคดีและบังคับคดี กระท่งปี ๒๕๕๔ จึงได้รับแต่งต้งเป็นผู้จัดกำร
ี
ั
ี
ั
ฝ่ำยกฎหมำย แต่โจทก์ได้ขอกลบไปทำหน้ำทฟ้องคดและบงคบคดี ปี ๒๕๕๖ โจทก์ได้ลำออก
่
ั
ั
�
ี
557
ี
ตลอดกำรท�ำงำนโจทก์ไม่เคยท�ำหน้ำท่หัวหน้ำทนำยควำม ไม่เคยได้รับเงินค่ำต�ำแหน่ง ส่วนค่ำ
ั
ี
วิชำชีพทนำยควำมเป็นเงินท่จ�ำเลยท้งสองจะต้องเบิกจำกผู้ว่ำจ้ำงตำมงวดงำนให้แก่ทนำยควำม
ตำมระดับควำมสำมำรถ หำกไม่สำมำรถท�ำงำนให้แล้วเสร็จภำยในระยะเวลำท่ผู้ว่ำจ้ำงก�ำหนด
ี
ี
ั
ี
่
ี
ั
ิ
ิ
ู
่
ั
ิ
โดยควำมบกพร่องของทนำยควำม ทนำยควำมทรบผดชอบจะต้องถกหกเงนค่ำวชำชพทได้รบ
้
ไปแลว โดยโจทกรบทรำบและยนยอมใหหกได ตอมำจำเลยท้งสองพบวำโจทกท�ำงำนคดบกพร่อง
ั
ั
ี
ิ
์
�
ั
่
้
่
้
์
๒๙๒ รำยกำร แล้วหลีกเลี่ยงไม่แก้ไขและได้ลำออกหนีปัญหำ โจทก์จึงต้องถูกหักเงินค่ำวิชำชีพ
จ�ำเลยทั้งสองช�ำระค่ำตอบแทนแก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ส่วนที่โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกกรณี
ที่โจทก์ถูกร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง อ้ำงว่ำเป็นกำรที่จ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิด
ั
ต่อโจทก์คิดเป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท น้น เกิดจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์ของ
จ�ำเลยที่ ๑ และกำรสื่อสำรระหว่ำงพนักงำนของจ�ำเลยที่ ๑ กับผู้ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม
ซึ่งควำมผิดพลำดดังกล่ำวมิได้เสียหำยถึงขั้นเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๒ ได้ชี้แจง
ให้ผู้ร้องเรียนเข้ำใจและถอนค�ำกล่ำวหำคดีมรรยำททนำยควำมไปโดยโจทก์มิได้ถูกคณะกรรมกำร
ื
มรรยำททนำยควำมลงโทษแต่อย่ำงใด โจทก์จึงมิได้เสียช่อเสียง เสียประวัติ และโอกำสในกำร
ั
ประกอบวิชำชีพ คดีส่วนน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจศำลแรงงำน จ�ำเลยท้งสองจึงไม่ต้องจ่ำยค่ำเสียหำย
ี
ื
แก่โจทก์ เม่อโจทก์เป็นฝ่ำยลำออกและยังท�ำควำมเสียหำยแก่จ�ำเลยท้งสองจึงไม่มีสิทธิได้รับ
ั
ค่ำชดเชย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม คดีนี้ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีส่วนท่โจทก์ฟ้องว่ำ
ี
ี
จ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ กรณีท่โจทก์ถูกร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ คร้ง อยู่ใน
ั
ั
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
ั
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ คดีส่วนที่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ กรณีที่โจทก์ถูก
ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ คร้ง อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนตำม
ั
ั
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ หรือไม่
เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องส่วนนี้ว่ำ จ�ำเลยทั้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำน ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นหัวหน้ำ
ทนำยควำม ระหว่ำงท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง เน่องจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์
ั
ื
์
้
ของจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำใหโจทกถูกรองเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง ถือวำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำ
่
้
ละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยทั้งสองให้กำรส่วนนี้ว่ำ เหตุเกิดจำกควำมผิดพลำดของระบบคอมพิวเตอร์
558
ี
ื
ี
ของจ�ำเลยท่ ๑ และกำรส่อสำรระหว่ำงพนักงำนของจ�ำเลยท่ ๑ กับผู้ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม
จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนำยจ้ำงไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำนท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยในระหว่ำงกำรท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสอง คดีระหว่ำงโจทก์
ั
ี
ั
ี
กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคด ี
อันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำม
ี
ั
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีส่วนที่โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยทั้งสองกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ กรณีที่โจทก์ถูก
ร้องเรียนคดีมรรยำททนำยควำม ๒ ครั้ง อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
559
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยปรีชำ กลิ่นอ้น โจทก์
ที่ วร ๑๐/๒๕๖๓ นิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรร
พฤกษำวิลเลจ ๑๗ จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เข้ำท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำร
ิ
ิ
�
ุ
ิ
นติบคคลหมู่บ้ำนจดสรร พ. ต่อมำจำเลยเลกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผด
ั
�
ิ
ี
�
ึ
ั
ั
ั
ึ
ิ
และจำเลยยงคงค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์นบแต่เข้ำทำงำนจนถงวนเลกจ้ำง โจทก์จงมสทธ ิ
ได้รับค่ำชดเชยและค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลย
มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อขอให้จ�ำเลยจ่ำย
ื
ค่ำจ้ำงค้ำงและค่ำชดเชยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครอง
แรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ วันท่ ๑ ธันวำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยโดยคณะกรรมกำรชุดจดแจ้งจ้ำงโจทก์
ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งผู้จัดกำรนิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรรพฤกษำวิลเลจ ๑๗ ได้รับค่ำจ้ำง
อัตรำสุดท้ำย เดือนละ ๓๐,๐๐๐ บำท โดยจ่ำยเป็นเช็คธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด ต่อมำวันที่ ๓๐
เมษำยน ๒๕๖๒ จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำควำมผิดและจ�ำเลยยังคงค้ำงจ่ำย
ค่ำจ้ำงโจทก์นับแต่เข้ำท�ำงำนจนถึงวันเลิกจ้ำง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่ำชดเชยและค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย
โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยไม่รับผิดชอบและให้โจทก์เรียกร้องเอำกับคณะกรรมกำรชุด
ี
จดแจ้งเอง ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ๗๕,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ
ี
๑๕ ต่อปี นับแต่วันท่ ๑ เมษำยน ๒๕๖๒ เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ และจ่ำยค่ำชดเชย
๓๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ สัญญำจ้ำงระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสัญญำ
จ้ำงท�ำของไม่ใช่สัญญำจ้ำงแรงงำน จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน โจทก์เคยท�ำงำนเป็น
ผู้จัดกำรนิติบุคคลให้กับหมู่บ้ำนจ�ำเลย แต่โจทก์บริหำรงำนไม่ถูกต้อง น�ำคนของโจทก์เข้ำท�ำงำน
เป็นพนักงำนรักษำควำมปลอดภัยโดยไม่มีหลักประกัน น�ำเครื่องดื่มมึนเมำเข้ำมำดื่มในที่ท�ำงำน
ลักทรัพย์ ทุจริตและยักยอกทรัพย์และเอำเอกสำรส�ำคัญของจ�ำเลยไป คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
จ�ำเลยจึงขอให้โจทก์หยุดปฏิบัติหน้ำที่ชั่วครำวโดยไม่ได้รับค่ำตอบแทนในเดือนเมษำยน ๒๕๖๒
560
ี
แล้วเข้ำช้แจงให้จ�ำเลยทรำบ แต่โจทก์เพิกเฉยไม่เข้ำท�ำงำนกับจ�ำเลยอีกเลย จึงไม่มีสิทธิได้รับ
เงินตำมฟ้อง กำรกระท�ำของโจทก์เป็นกำรกระท�ำทุจริตและกระท�ำผิดอำญำโดยเจตนำต่อจ�ำเลย
ซึ่งเป็นผู้ว่ำจ้ำง จ�ำเลยไม่เคยค้ำงช�ำระเงินตำมฟ้องโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ี
ศำลแรงงำนภำค ๑ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
ิ
ิ
ู
ั
�
�
�
วนจฉยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จำเลยจ้ำงเข้ำทำงำนเป็นลูกจ้ำง ตำแหน่งผ้จดกำร
นิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรรพฤกษำวิลเลจ ๑๗ ต่อมำจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระท�ำ
ควำมผิดและจ�ำเลยยังคงค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงโจทก์นับแต่เข้ำท�ำงำนจนถึงวันเลิกจ้ำง โจทก์จึงมีสิทธ ิ
�
ได้รับค่ำชดเชยและค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ตำมคำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยม ี
ื
นิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อขอให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงและ
ค่ำชดเชยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ส่วนโจทก์จะเป็น
ื
ั
ลูกจ้ำงของจ�ำเลยหรือโจทก์จะมีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำของคด ี
ท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป คดีระหว่ำงโจทก์กับ
ี
ี
จ�ำเลยเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำร
ี
คุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
561
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวประกำยดำว พันธ์บุปผำ
ที่ วร ๓๑/๒๕๖๓ กับพวก โจทก์
บริษัทเอนเนอร์จี ดีดักชั่น
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ั
ั
โจทก์ท้งสิบเอ็ดกล่ำวอ้ำงมำในค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ดสมัครและจ่ำยเงินลงทุนแล้ว
ได้ดำวน์โหลดสัญญำจ้ำงท�ำงำนจำกเว็บไซต์ของจ�ำเลยท ๑ เพ่อลงนำมในสัญญำจ้ำง
ื
่
ี
ท�ำงำนโดยมีจ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยที่ ๑ เป็นคู่สัญญำ ซึ่งจ�ำเลย
ทั้งสองได้ให้กำรรับว่ำ จ�ำเลยทั้งสองท�ำสัญญำจ้ำงท�ำงำนดังกล่ำวกับโจทก์ทั้งสิบเอ็ดจริง
ี
ั
เพียงแต่ไม่ได้ผิดสัญญำหรือกระท�ำละเมิดตำมฟ้อง ท้งยังให้กำรว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ของศำลแรงงำนอีกด้วย ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ทั้งสิบเอ็ดและค�ำให้กำรของจ�ำเลยทั้งสอง
ั
จึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ท้งสิบเอ็ดและจ�ำเลยท้งสองมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะเป็นลูกจ้ำง
ั
และนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลย
ั
ิ
ั
็
้
ท้งสองผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ทงสบเอดเก่ยวกับกำรท�ำงำน
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ท้งสิบเอ็ดฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด
ั
มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ ระหว่ำงเดือนตุลำคม ๒๕๖๑ ถึงเดือนตุลำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลย
ี
ื
ท้งสองเปิดเว็บไซต์และเผยแพร่โฆษณำว่ำ จ�ำเลยท้งสองท�ำธุรกิจ Nice Review เพ่อกำรโฆษณำ
ั
ั
ิ
ู
ั
ิ
ู
สนค้ำให้ผ้ค้ำหลำยบรษัท หำกมีผ้สนใจหำรำยได้พิเศษต้องสมัครสมำชกและจ่ำยเงินลงทุนประกน
ิ
ควำมเส่ยงต่อหน่วยลงทุนจ�ำนวน ๑,๕๐๐ บำท ถึง ๒๐,๐๐๐ บำท เพ่อสำมำรถเข้ำไปโฆษณำสินค้ำ
ี
ื
ี
�
ื
ู
ิ
้
ั
ู้
ทำงอินเทอร์เน็ตใหกับผคำและจะได้รบคำตอบแทนตำมจ�ำนวนงำนท่ทำ เม่อผ้สมัครจ่ำยเงนลงทุน
้
่
ื
แล้วจะสำมำรถดำวน์โหลดสัญญำจ้ำงท�ำงำนจำกเว็บไซต์ของจำเลยท่ ๑ เพ่อลงนำมในสัญญำจ้ำง
�
ี
ื
ท�ำงำนโดยมีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นคู่สัญญำ จำกน้นผู้สมัครจะได้รหัสเข้ำสู่ระบบเพ่อสำมำรถกดไลก์และ
ี
ั
ั
แชร์สินค้ำในเฟซบุ๊ก ตำมจ�ำนวนท่ลงทุนโดยได้รับค่ำตอบแทนต้งแต่ ๒๐ บำท ถึง ๒๐๐ บำท
ี
ื
ั
ต่อวัน โดยจะได้รับค่ำตอบแทนทุกสัปดำห์ และจ�ำเลยท้งสองจะคืนเงินประกันให้เม่อท�ำงำน
ครบ ๙๐ วัน โจทก์ทั้งสิบเอ็ดสมัครร่วมลงทุน โดยโจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ ลงทุนคนละ ๑๕ หน่วย
562
ลงทุน เป็นเงินคนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ที่ ๓ และโจทก์ที่ ๕ ถึงที่ ๙ และโจทก์ที่ ๑๑ ลงทุน
ี
คนละ ๑๐ หน่วยลงทุน เป็นเงินคนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ท่ ๔ ลงทุน ๔ หน่วยลงทุน
เป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บำท และโจทก์ที่ ๑๐ ลงทุน ๕ หน่วยลงทุน เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท ต่อมำ
ั
ั
เดือนตุลำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลยท้งสองจ่ำยค่ำตอบแทนให้โจทก์ท้งสิบเอ็ดล่ำช้ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ด
ั
ื
ื
จึงบอกเลิกสัญญำเพ่อขอเงินประกันคืน แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ต่อมำสมำชิกรำยอ่นได้ร้องทุกข์
ั
ั
ั
ต่อเจ้ำพนักงำนต�ำรวจ ช้นสอบสวนพบว่ำจ�ำเลยท้งสองกระท�ำควำมผิดฐำนฉ้อโกงประชำชน
โดยจ�ำเลยท่ ๒ ยอมรับว่ำ เปิดบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ เพ่อหลอกลวงเอำเงินประกันกำรท�ำงำนของ
ื
ี
ี
ผู้สมัคร กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสิบเอ็ด ขอให้บังคับ
ั
ั
ี
จ�ำเลยท้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำเสียหำยแก่โจทก์ท้งสิบเอ็ดตำมจ�ำนวนท่โจทก์แต่ละคนลงทุน
ั
ั
ี
ตำมค�ำขอท้ำยฟ้อง พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสิบเอ็ด
ั
ั
ั
จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ จ�ำเลยท้งสองท�ำสัญญำจ้ำงท�ำงำนกับโจทก์ท้งสิบเอ็ดจริงแต่
ั
ไม่ได้ผิดสัญญำหรือกระท�ำละเมิดตำมฟ้อง คดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน ฟ้องโจทก์ท้ง
ี
สิบเอ็ดเคลือบคลุม โจทก์ท้งสิบเอ็ดไม่ทวงถำมให้จ�ำเลยท้งสองช�ำระเงินตำมฟ้องก่อนจึงไม่มีสิทธ ิ
ั
ั
ฟ้องจ�ำเลยทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ดบรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด
มีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ จ�ำเลยทั้งสองเปิดเว็บไซต์และเผยแพร่โฆษณำว่ำ จ�ำเลย
ทั้งสองท�ำธุรกิจ Nice Review เพื่อกำรโฆษณำสินค้ำให้ผู้ค้ำหลำยบริษัท หำกมีผู้สนใจหำรำยได้
พิเศษต้องสมัครสมำชิกและจ่ำยเงินลงทุนประกันควำมเสี่ยงต่อหน่วยลงทุนจ�ำนวน ๑,๕๐๐ บำท
ู
ื
ิ
ึ
ถง ๒๐,๐๐๐ บำท เพอสำมำรถเข้ำไปโฆษณำสนค้ำทำงอนเทอร์เนตให้กบผ้ค้ำและจะได้รบ
็
ิ
ั
่
ั
่
ค่ำตอบแทนตำมจ�ำนวนงำนทท�ำ เม่อผู้สมัครจ่ำยเงินลงทุนแล้วจะสำมำรถดำวน์โหลดสญญำ
ี
ื
ั
ั
จ้ำงทำงำนจำกเวบไซต์ของจำเลยท ๑ ลงนำมในสญญำจ้ำงทำงำนโดยมจำเลยท ๒ เป็น
�
�
ี
ี
่
็
่
ี
�
�
ิ
ุ
ู
้
ั
ั
ั
ู
ู
ั
ื
ค่สญญำ จำกนนผ้สมครจะได้รหสเข้ำส่ระบบเพอสำมำรถกดไลก์และแชร์สนค้ำในเฟซบ๊ก
่
ตำมจ�ำนวนท่ลงทุนโดยได้รับค่ำตอบแทนต้งแต่ ๒๐ บำท ถึง ๒๐๐ บำท ต่อวัน โดยจะได้รับ
ี
ั
563
ื
ั
ค่ำตอบแทนทุกสัปดำห์ และจ�ำเลยท้งสองจะคืนเงินประกันให้เม่อท�ำงำนครบ ๙๐ วัน โจทก์
ั
ท้งสิบเอ็ดสมัครร่วมลงทุนด้วย ต่อมำจ�ำเลยท้งสองจ่ำยค่ำตอบแทนให้โจทก์ท้งสิบเอ็ดล่ำช้ำ
ั
ั
ื
ั
ั
โจทก์ท้งสิบเอ็ดจึงบอกเลิกสัญญำเพ่อขอเงินประกันคืน แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ดังน้ เม่อ
ี
ื
ั
ั
โจทก์ท้งสิบเอ็ดกล่ำวอ้ำงมำในค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสิบเอ็ดสมัครและจ่ำยเงินลงทุนแล้วได้ดำวน์โหลด
ี
ื
สัญญำจ้ำงท�ำงำนจำกเว็บไซต์ของจ�ำเลยท่ ๑ เพ่อลงนำมในสัญญำจ้ำงท�ำงำนโดยมีจ�ำเลยท่ ๒
ี
ซ่งเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นคู่สัญญำ ตำมส�ำเนำสัญญำจ้ำงท�ำงำน เอกสำร
ี
ึ
ึ
ั
ั
ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๔ ซ่งจ�ำเลยท้งสองได้ให้กำรรับว่ำ จ�ำเลยท้งสองท�ำสัญญำจ้ำงท�ำงำน
ั
ดังกล่ำวกับโจทก์ท้งสิบเอ็ดจริงเพียงแต่ไม่ได้ผิดสัญญำหรือกระท�ำละเมิดตำมฟ้อง ท้งยังให้กำร
ั
�
ว่ำคดนอยู่ในอำนำจของศำลแรงงำนอกด้วย ตำมคำฟ้องของโจทก์ทงสบเอ็ดและค�ำให้กำร
ี
ิ
้
้
ี
ี
�
ั
ั
ั
ของจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ท้งสิบเอ็ดและจ�ำเลยท้งสองมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะ
ั
ื
เป็นลูกจ้ำงและนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกกำร
ิ
ั
ิ
้
ทจำเลยทงสองผดสญญำจ้ำงแรงงำนและกระทำละเมดต่อโจทก์ทงสบเอดเกยวกบกำรทำงำน
ิ
ั
้
�
ั
่
ั
�
่
�
็
ี
ี
ี
ั
ั
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์ท้งสิบเอ็ดกับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย
สิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและ
ี
้
้
ลูกจำงตำมสัญญำจำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
564
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโรงพยำบำลบ�ำรุงรำษฎร์
ที่ วร ๕/๒๕๖๕ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
นำยโรนัลด์ สตีเฟ่น ลำวำเตอร์
หรือ Mr. Ronald Stephen
Lavater จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งประธำนฝ่ำยบริหำร
ี
องค์กร ท�ำหน้ำท่บริหำรองค์กรของโจทก์ให้ได้รับผลก�ำไร แต่กำรท�ำงำนของจ�ำเลย
มีควำมผิดพลำด จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนร่วมกับคณะแพทย์และบุคลำกรของโจทก์
ั
ั
และท�ำผิดกฎระเบียบและค�ำส่งของโจทก์หลำยคร้ง เม่อโจทก์ตักเตือนแล้วจ�ำเลยกลับ
ื
ี
ไม่แก้ไข เป็นกำรขำดคุณสมบัติท่เหมำะสมกับต�ำแหน่งผู้บริหำร โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลย
ต่อมำโจทก์ได้ตรวจสอบข้อมูลประวัติกำรท�ำงำนของจ�ำเลยพบว่ำข้อเท็จจริงท่จ�ำเลย
ี
ื
อ้ำงว่ำเคยประสบควำมส�ำเร็จในกำรท�ำงำนบริหำรบริษัทอ่นมำก่อนก็ไม่เป็นควำมจริง
ทั้งในระหว่ำงที่โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนนั้น จ�ำเลยยังเป็นกรรมกำรของบริษัท อ. ประเทศ
สหรำชอำณำจักร ซ่งประกอบธุรกิจลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรขัดแย้งทำง
ึ
ผลประโยชน์และควำมลับในกิจกำรของโจทก์ กำรท่จ�ำเลยปกปิดคุณสมบัติในกำรท�ำงำน
ี
ื
ี
ี
ท่ผ่ำนมำอันเป็นควำมจริงท่ควรบอกให้แจ้งท�ำให้โจทก์หลงเช่อในคุณสมบัติดังกล่ำว
จึงจ้ำงจ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นกำรกระท�ำละเมิดท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงิน
ี
ึ
ค่ำเสียหำยดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็น
ลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ื
ี
และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นนำยจ้ำง เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทมหำชนจ�ำกัด ประกอบกิจกำรโรงพยำบำลเอกชน
ิ
�
�
�
ั
่
ื
เมอวนท ๒๒ เมษำยน ๒๕๕๙ โจทก์จ้ำงจำเลยทำงำน ตำแหน่งประธำนฝ่ำยบรหำรองค์กร
่
ี
ท�ำหน้ำท่บริหำรองค์กรของโจทก์ให้ได้รับผลก�ำไร ได้รับค่ำจ้ำงปีละ ๖๕๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรัฐ
ี
และโจทก์ตกลงจ่ำยเงินโบนัสและสวัสดิกำรอ่นแก่จ�ำเลยด้วย สัญญำจ้ำงมีก�ำหนด ๔ ปี นับแต่
ื
วันท่ ๑ กันยำยน ๒๕๕๙ แต่เม่อจ�ำเลยท�ำงำนกลับปรำกฏว่ำกำรท�ำงำนของจ�ำเลยมีควำม
ี
ื
565
ผิดพลำด จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนร่วมกับคณะแพทย์และบุคลำกรของโจทก์และท�ำผิดกฎระเบียบ
ื
ั
ั
และค�ำส่งของโจทก์หลำยคร้ง เม่อโจทก์ตักเตือนแล้วจ�ำเลยไม่แก้ไข เป็นกำรขำดคุณสมบัต ิ
ิ
ั
ทเหมำะสมกับตำแหน่งผู้บรหำร วนท่ ๓๐ พฤศจกำยน ๒๕๕๙ โจทก์จงเลกจ้ำงจ�ำเลย
ิ
ึ
ี
�
ี
ิ
่
ี
ต่อมำโจทก์ได้ตรวจสอบข้อมูลประวัติกำรท�ำงำนของจ�ำเลยพบว่ำข้อเท็จจริงท่จ�ำเลยอ้ำงว่ำเคย
ี
ประสบควำมส�ำเร็จในกำรท�ำงำนบริหำรบริษัทโรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด ท่เมืองอำบูดำบ ี
็
ู้
�
์
ั
ั
้
ื
้
ั
้
ั
�
ู
ิ
ประเทศสหรฐอำหรับเอมิเรตส์ และโจทกไดรบกำรคดเลอกแต่งตงใหเปนผดำรงตำแหน่งผ้บรหำร
สูงสุดของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนชั่นแนล มหำชน จ�ำกัด หลังจำกกำรควบรวมกับบริษัท
�
โรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด แล้ว แต่รำคำหุ้นของบริษัทในเวลำดังกล่ำวกลับตกต่ำ
ื
ื
ั
กว่ำท่เคยประกอบกำรโดยท่วไปและไม่ปรำกฏช่อจ�ำเลยในรำยช่อกรรมกำรและผู้บริหำรระดับสูง
ี
ของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนช่นแนล มหำชน จ�ำกัด แต่อย่ำงใด ท้งในระหว่ำงท่โจทก์
ั
ี
ั
จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนนั้น จ�ำเลยยังเป็นกรรมกำรของบริษัท Opetegra Eye health Care ประเทศ
สหรำชอำณำจักร ซึ่งประกอบธุรกิจลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรขัดแย้งทำงผลประโยชน์
และควำมลับในกิจกำรของโจทก์ กำรท่จ�ำเลยปกปิดคุณสมบัติในกำรท�ำงำนท่ผ่ำนมำอันเป็น
ี
ี
ื
ควำมจริงท่ควรบอกให้แจ้งท�ำให้โจทก์หลงเช่อในคุณสมบัติดังกล่ำวจึงจ้ำงจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน
ี
�
ื
ิ
ั
ี
ี
่
่
่
ิ
�
ี
�
เป็นกำรกระทำละเมดทำให้โจทก์เสยหำยเป็นค่ำใช้จ่ำยทเกยวข้องกบกำรตดต่อจำเลยเพอ
ั
รับสมัครเข้ำท�ำงำน ค่ำจ้ำง และประโยชน์อ่น นอกจำกน้นโจทก์ยังต้องจ่ำยเงินให้จ�ำเลย
ื
ี
่
ี
่
ิ
ื
ี
เม่อเลิกจ้ำง เงินทโจทก์ต้องเสียจำกกำรด�ำเนินคดีทศำลแรงงำนกลำง เงนทโจทก์ต้องจ่ำยแก่
่
จ�ำเลยตำมค�ำพิพำกษำของศำลแรงงำนกลำง และค่ำเสียหำยอื่น รวม ๔๙,๘๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์
ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔๙,๘๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ั
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งประธำนฝ่ำยบริหำร
ี
องค์กรท�ำหน้ำท่บริหำรองค์กรของโจทก์ให้ได้รับผลก�ำไร แต่กำรท�ำงำนของจ�ำเลยมีควำม
ผิดพลำด จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนร่วมกับคณะแพทย์และบุคลำกรของโจทก์ และท�ำผิดกฎระเบียบ
ั
ิ
์
ื
ั
ื
ั
้
็
�
และคำสงของโจทก์หลำยคร้ง เม่อโจทกตกเตอนแลวจ�ำเลยกลบไม่แก้ไข เปนกำรขำดคุณสมบตท ่ ี
ั
ั
่
566
เหมำะสมกับต�ำแหน่งผู้บริหำร โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลย ต่อมำโจทก์ได้ตรวจสอบข้อมูลประวัต ิ
ี
กำรท�ำงำนของจ�ำเลยพบว่ำข้อเท็จจริงท่จ�ำเลยอ้ำงว่ำเคยประสบควำมส�ำเร็จในกำรท�ำงำน
ี
บริหำรบริษัทโรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด ท่เมืองอำบูดำบี ประเทศสหรัฐอำหรับ
ี
ั
เอมิเรตส์ และท่โจทก์อ้ำงว่ำโจทก์ได้รับกำรคัดเลือกแต่งต้งให้เป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่งผู้บริหำร
สูงสุดของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนชั่นแนล มหำชน จ�ำกัด หลังจำกกำรควบรวมกับบริษัท
โรงพยำบำลอัลนัว กรุ๊ป มหำชน จ�ำกัด แล้ว รำคำหุ้นของบริษัทในเวลำดังกล่ำวกลับตกต�่ำกว่ำ
ื
ท่เคยประกอบกำรโดยท่วไปและไม่ปรำกฏช่อจ�ำเลยในรำยช่อกรรมกำรและผู้บริหำรระดับสูง
ื
ั
ี
ของบริษัทเมดิกคลินิก อินเตอร์เนช่นแนล มหำชน จ�ำกัด แต่อย่ำงใด ท้งในระหว่ำงท่โจทก์จ้ำงจ�ำเลย
ั
ั
ี
ิ
ั
�
ั
ั
ทำงำนน้น จำเลยยงเป็นกรรมกำรของบรษัท Opetegra Eye health Care ประเทศสหรำชอำณำจกร
�
ซ่งประกอบธุรกิจลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ เป็นกำรขัดแย้งทำงผลประโยชน์และควำมลับ
ึ
ในกิจกำรของโจทก์ กำรท่จ�ำเลยปกปิดคุณสมบัติในกำรท�ำงำนท่ผ่ำนมำอันเป็นควำมจริงท่ควร
ี
ี
ี
ื
บอกให้แจ้งท�ำให้โจทก์หลงเช่อในคุณสมบัติดังกล่ำวจึงจ้ำงจ�ำเลยเข้ำท�ำงำนเป็นกำรกระท�ำละเมิด
ี
ท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์เป็นกำรฟ้อง
ื
เรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท ี ่
ึ
ึ
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ี
ี
จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ี
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๐ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
567
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอะต้ำ เซอร์วิส ออฟฟิส
ที่ วร ๗/๒๕๖๕ จ�ำกัด โจทก์
นำยเกต ศุภเสถียร จ�ำเลย
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำด
ี
ท�ำหน้ำท่ดูแลกำรตลำดและพัฒนำธุรกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำดแก่ลูกค้ำ โดย
่
่
์
จ�ำเลยแสดงประวัติกำรท�ำงำนและยืนยันในระหวำงกำรสัมภำษณงำนวำ จ�ำเลยสำมำรถ
ื
ื
วำงแผนและพัฒนำกำรตลำด สำมำรถเขียนบทควำมเพ่อส่อสำรองค์กรได้ แต่เม่อจ�ำเลย
ื
ท�ำงำนได้เพียง ๒ วัน จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนตำมที่ยืนยันและไม่สำมำรถดูแลเว็บไซต์
�
ของโจทก์จ�ำนวน ๖ เว็บไซต์ได้ กำรกระท�ำของจำเลยเป็นกำรฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้
รับจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำย เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลย
ี
ิ
ึ
ู
่
ั
ิ
ิ
ั
ื
ี
่
ั
ซงเคยเป็นลกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสยหำยอนเนองมำจำกกำรปฏบตผดหน้ำทตำมสญญำ
่
จ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นนำยจ้ำง จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบริษัทจ�ำกด ประกอบกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำด เม่อ
ั
วันที่ ๑๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำด ท�ำหน้ำที่
ดูแลกำรตลำดและพัฒนำธุรกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำดแก่ลูกค้ำ ได้รับค่ำจ้ำงเดือนละ
๖๐,๐๐๐ บำท โดยจ�ำเลยแสดงประวัติกำรท�ำงำนและยืนยันในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์งำนว่ำ
ื
ื
จ�ำเลยสำมำรถวำงแผนและพัฒนำกำรตลำด สำมำรถเขียนบทควำมเพ่อส่อสำรองค์กรได้
ื
แต่เม่อจ�ำเลยท�ำงำนได้เพียง ๒ วัน จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนตำมท่ยืนยันและไม่สำมำรถดูแล
ี
เว็บไซต์ของโจทก์จ�ำนวน ๖ เว็บไซต์ได้ โจทก์จึงให้จ�ำเลยน�ำเสนอแผนงำนท่จ�ำเลยสำมำรถ
ี
ื
ท�ำได้และแนะน�ำเพ่อให้แก้ไขปรับปรุง แต่จ�ำเลยยังไม่สำมำรถท�ำงำนได้ โจทก์จึงเลิกจ้ำง
จ�ำเลยและให้จ�ำเลยท�ำงำนต่ออีก ๑ เดือน แต่จ�ำเลยไม่ประสงค์จะท�ำงำนต่อไป กำรกระท�ำของ
จ�ำเลยเป็นกำรฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้รับจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน โจทก์ต้องเสียเวลำและค่ำใช้จ่ำย
ในกำรติดต่อเพ่อจ้ำงจ�ำเลย ต้องเสียค่ำจ้ำงทนำยควำมต่อสู้คดีแรงงำนท่จ�ำเลยฟ้องโจทก์ ต้อง
ี
ื
เสียค่ำจ้ำงโดยไม่ได้รับผลงำนตอบแทน และต้องเสียหำยทำงธุรกิจ รวม ๕๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์
ี
ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ย
อัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
568
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่เคยฉ้อฉลหลอกลวงตำมที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ทรำบประวัติกำร
ื
ึ
ท�ำงำนของจ�ำเลยจำกเว็บไซต์แห่งหน่งและให้จ�ำเลยไปสัมภำษณ์งำน เม่อโจทก์รับจ�ำเลยเข้ำ
ท�ำงำนแล้ว จ�ำเลยสำมำรถท�ำงำนให้โจทก์ได้ทุกประกำร เหตุท่โจทก์เลิกจ้ำงจ�ำเลยเพรำะไม่พอใจ
ี
เพศสภำพของจ�ำเลยแต่ยกเหตุตำมฟ้องมำเลิกจ้ำงจ�ำเลยโดยไม่มีควำมผิด เม่อจ�ำเลยน�ำคดีฟ้อง
ื
โจทก์ต่อศำลแรงงำนกลำง โจทก์จึงฟ้องจ�ำเลยเป็นคดีน้ โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยตำมฟ้อง
ี
คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงกำรพิจำรณำคดี ศำลแพ่งมีนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ุ
ี
ั
ิ
�
�
ึ
ื
ิ
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ั
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำน ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำด
ี
ท�ำหน้ำท่ดูแลกำรตลำดและพัฒนำธุรกิจกำรให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรตลำดแก่ลูกค้ำ โดยจ�ำเลย
แสดงประวัติกำรท�ำงำนและยืนยันในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์งำนว่ำ จ�ำเลยสำมำรถวำงแผนและ
พัฒนำกำรตลำด สำมำรถเขียนบทควำมเพ่อส่อสำรองค์กรได้ แต่เม่อจ�ำเลยท�ำงำนได้เพียง
ื
ื
ื
ี
๒ วัน จ�ำเลยไม่สำมำรถท�ำงำนตำมท่ยืนยันและไม่สำมำรถดูแลเว็บไซต์ของโจทก์จ�ำนวน
๖ เว็บไซต์ได้ กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้รับจ�ำเลยเข้ำท�ำงำน โจทก์
ต้องเสียเวลำและค่ำใช้จ่ำยในกำรติดต่อเพ่อจ้ำงจ�ำเลย ต้องเสียค่ำจ้ำงทนำยควำมต่อสู้คดีแรงงำน
ื
ี
ท่จ�ำเลยฟ้องโจทก์ ต้องเสียค่ำจ้ำงโดยไม่ได้รับผลงำนตอบแทน และต้องเสียหำยทำงธุรกิจ
กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรกระท�ำละเมิดท�ำให้โจทก์เสียหำย จึงขอให้จ�ำเลยช�ำระเงิน
ู
ึ
็
่
ี
้
้
้
ี
่
่
ั
่
ี
์
คำเสยหำยดงกลำวพร้อมดอกเบยแกโจทก เป็นกำรฟ้องเรยกร้องใหจ�ำเลยซงเคยเปนลกจำงโจทก ์
ชดใช้ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิด
ื
ี
่
ิ
ื
ิ
ต่อโจทก์ซงเป็นนำยจ้ำง คดระหว่ำงโจทก์กบจำเลยจงเป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำท ี ่
ึ
�
ี
ึ
ั
่
ี
ิ
ี
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำร
ท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
ั
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๕)
569
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
570
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ศำสตรำจำรย์นำยแพทย์สมชำย
่
ี
่
ที่ วร ๒๐/๒๕๖๕ เอยมออง โจทก์
นำงสำวกรรณจณพร ฉลำด จ�ำเลย
ี
จ�ำเลยตกลงท�ำงำนตำมระยะเวลำท่ตกลงกันไว้แก่โรงพยำบำล ว. และ
ี
ึ
ื
โรงพยำบำลอ่นซ่งเป็นผู้ประกอบกิจกำรท่มอบหมำยให้โจทก์จัดหำจ�ำเลยมำท�ำงำน
ื
่
ุ
ั
ิ
ั
ในธรกิจในควำมรบผดชอบของโรงพยำบำล ว. และโรงพยำบำลอนดงกล่ำว โดย
ื
โรงพยำบำล ว. และโรงพยำบำลอ่นดังกล่ำวมีอ�ำนำจในกำรควบคุมบังคับบัญชำกำร
ี
ท�ำงำนของจ�ำเลยให้เป็นไปตำมระเบียบกฎเกณฑ์เก่ยวกับควำมประพฤติปฏิบัติตัว
ึ
ในอำคำรสถำนท่ของโรงพยำบำล โดยโจทก์เป็นผู้ซ่งได้รับมอบหมำยให้ท�ำงำนแทน
ี
ื
โรงพยำบำล ว. และโรงพยำบำลอ่นดังกล่ำวในกำรท�ำสัญญำจ้ำงงำนและกำรให้ค่ำจ้ำง
ี
ื
ตลอดเวลำท่จ�ำเลยท�ำงำนให้ สัญญำจ้ำงประกอบสัญญำเพ่มเติมอันเน่องมำจำกกำรสอน
ิ
ให้เรียนรู้งำนท่จ้ำงดังกล่ำวจึงมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงแรงงำน แม้ตำมสัญญำจ้ำงงำน
ี
ข้อ ๖ จะระบุว่ำคู่สัญญำไม่มีเจตนำผูกนิติสัมพันธ์ระหว่ำงกันในฐำนะนำยจ้ำงกับลูกจ้ำง
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนก็ไม่มีผลเปล่ยนแปลงควำมผูกพันตำมกฎหมำยระหว่ำงกันไปได้
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบกิจกำรสถำนพยำบำลรักษำผู้ป่วยโรคไตวำยเร้อรังระยะ
ื
สุดท้ำย เม่อวันท่ ๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ จ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำจ้ำงงำนและสัญญำเพ่มเติม
ื
ี
ิ
อันเนื่องมำจำกกำรสอนให้เรียนรู้งำนที่จ้ำง เพื่อเข้ำฝึกอบรมและท�ำงำนกับโจทก์ โจทก์ได้จัดฝึก
อบรมแก่จ�ำเลยเป็นเวลำ ๓ เดือน โดยไม่คิดค่ำใช้จ่ำย จ�ำเลยสัญญำว่ำหำกได้รับกำรอบรมแล้วจะ
ท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำ ๓ ปี โดยได้รับค่ำจ้ำงตำมผลงำนตั้งแต่วันที่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐
ถึงวันที่ ๕ มกรำคม ๒๕๖๓ หำกจ�ำเลยจะเลิกสัญญำต้องแจ้งโจทก์ทรำบล่วงหน้ำก่อน ๖๐ วัน
หำกผิดข้อตกลงจ�ำเลยต้องชดใช้เงิน ๒๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ หลังจำกจ�ำเลยอบรมเสร็จตำม
ก�ำหนดระยะเวลำแล้วได้เข้ำท�ำงำนกับโจทก์ ต่อมำตั้งแต่วันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยไม่เข้ำ
ปฏิบัติงำนกับโจทก์และไม่แจ้งกำรลำออกจำกกำรท�ำงำนล่วงหน้ำเป็นกำรผิดข้อตกลงท�ำให้โจทก์
เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยรวม ๑๓๙,๙๕๓.๔๒ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน ๑๑๕,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
571
จ�ำเลยยังไม่ได้ให้กำร
ื
ื
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องโต้แย้งเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
ี
ี
ศำลแพ่งพระโขนงเหนว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
็
ั
หรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์จ้ำงจ�ำเลยท�ำงำนในสถำนพยำบำลรักษำผู้ป่วย
โรคไตวำยเร้อรังระยะสุดท้ำย โจทก์ให้จ�ำเลยรับกำรอบรมกำรท�ำงำนเป็นเวลำ ๓ เดือน โดย
ื
ไม่คิดค่ำใช้จ่ำย จ�ำเลยสัญญำว่ำหำกได้รับกำรอบรมแล้วจะท�ำงำนให้โจทก์เป็นระยะเวลำ ๓ ปี
โดยมีข้อตกลงว่ำ หำกจ�ำเลยจะเลิกสัญญำต้องแจ้งโจทก์ทรำบล่วงหน้ำก่อน ๖๐ วัน หำกผิด
ื
่
ิ
ข้อตกลงจำเลยต้องชดใช้เงน ๒๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ เมอพิจำรณำสญญำจ้ำงงำน เอกสำร
ั
�
ี
ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ก�ำหนดวัตถุประสงค์ของสัญญำ เป็นกรณีท่โจทก์ท�ำกำรในฐำนะเป็น
ผู้ให้บริกำรรักษำผู้ป่วยภำวะไตวำยเร้อรังระยะสุดท้ำยท่หน่วยไตเทียม โรงพยำบำลวิภำรำม
ี
ื
ื
และโรงพยำบำลอ่น และสัญญำจ้ำง ข้อ ๓ ก�ำหนดให้จ�ำเลยต้องท�ำงำนท่จ้ำงท่หน่วยไตเทียม
ี
ี
ดังกล่ำวโดยจ�ำเลยต้องปฏิบัติตำมระเบียบกฎเกณฑ์เก่ยวกับควำมประพฤติปฏิบัติตัวในอำคำร
ี
สถำนที่ของโรงพยำบำลโดยเคร่งครัด ประกอบกับโจทก์และจ�ำเลยได้ท�ำสัญญำเพิ่มเติมอันเนื่อง
มำจำกกำรสอนให้เรียนรู้งำนที่จ้ำง เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๒ ข้อ ๒ที่ระบุว่ำ เมื่อจ�ำเลย
ี
ี
ได้เป็นผู้รับจ้ำงท�ำงำนท่จ้ำงแล้ว จ�ำเลยจะท�ำงำนท่จ้ำงเป็นระยะเวลำอย่ำงน้อย ๓ ปี อันเป็น
กำรผูกพันให้จ�ำเลยต้องท�ำงำนให้โจทก์ตำมระยะเวลำดังกล่ำวอีกด้วย จึงเป็นกรณีท่จ�ำเลย
ี
ี
ึ
ตกลงท�ำงำนตำมระยะเวลำท่ตกลงกันไว้แก่โรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่นซ่งเป็น
ื
ผู้ประกอบกิจกำรท่มอบหมำยให้โจทก์จัดหำจ�ำเลยมำท�ำงำนในธุรกิจในควำมรับผิดชอบของ
ี
ื
โรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่น โดยโรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่นดังกล่ำว
ื
มีอ�ำนำจในกำรควบคุมบังคับบัญชำกำรท�ำงำนของจ�ำเลยให้เป็นไปตำมระเบียบกฎเกณฑ์
ี
ี
ึ
เก่ยวกับควำมประพฤติปฏิบัติตัวในอำคำรสถำนท่ของโรงพยำบำล โดยโจทก์เป็นผู้ซ่งได้รับ
มอบหมำยให้ท�ำงำนแทนโรงพยำบำลวิภำรำมและโรงพยำบำลอ่นในกำรท�ำสัญญำจ้ำงงำนและ
ื
ื
ิ
ี
กำรให้ค่ำจ้ำงตลอดเวลำท่จ�ำเลยท�ำงำนให้ สัญญำจ้ำงประกอบสัญญำเพ่มเติมอันเน่องมำจำก
ี
กำรสอนให้เรียนรู้งำนท่จ้ำงดังกล่ำวจึงมีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงแรงงำน แม้ตำมสัญญำจ้ำงงำน
ู
ั
ั
ู
ั
ข้อ ๖ จะระบว่ำค่สญญำไม่มเจตนำผกนตสมพนธ์ระหว่ำงกนในฐำนะนำยจ้ำงกบลกจ้ำงตำม
ุ
ู
ิ
ั
ิ
ี
ั
สัญญำจ้ำงแรงงำนก็ไม่มีผลเปล่ยนแปลงควำมผูกพันตำมกฎหมำยระหว่ำงกันไปได้ เม่อโจทก์
ี
ื
572