The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ




มำตรำ ๗ (๙) แห่งพระรำชบัญญติจัดตงศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๐ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ










































323

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทน�้ำตำลสุรินทร์

ที่ วทป ๑๙/๒๕๖๑ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทโรงน�้ำตำลสุรินทร์
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย







โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งส่โต้แย้งสิทธิในช่อทำงกำรค้ำของโจทก์โดยจ�ำเลย






ท้งส่จดทะเบียนนิติบุคคลจ�ำเลยท ๑ ใช้ช่อเหมือนหรือพ้องหรือคล้ำยคลึงกับช่อของ

โจทก์โดยไม่ได้รับอนุญำตจำกโจทก์ อันเป็นกำรละเมิดสิทธิในช่อทำงกำรค้ำของโจทก์

กับท้งมีค�ำขอบังคับจ�ำเลยท้งส่ห้ำมใช้ช่อทำงกำรค้ำ และให้จ�ำเลยท้งส่รับผิดช�ำระ





ค่ำเสียหำยในเหตุละเมิดดังกล่ำว จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวกับข้อพิพำทในชื่อทำงกำรค้ำ
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๔ ตุลำคม ๒๕๔๖ โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภท




บริษัทจ�ำกัด ใช้ช่อบริษัท “บริษัทน้ำตำลสุรินทร์ จ�ำกัด” และใช้ช่อเป็นภำษำอังกฤษว่ำ “Surin
Sugar Co.,Ltd.” อันเป็นชื่อสถำนประกอบกำรค้ำ ต่อมำวันที่ ๑๘ ตุลำคม ๒๕๔๘ โจทก์ในนำม
ช่อสถำนประกอบกำรดังกล่ำวได้รับใบอนุญำตให้ประกอบกิจกำรโรงงำนท�ำน้ำตำลทรำยดิบ





น้ำตำลทรำยขำวหรือท�ำน้ำตำลทรำยขำวให้บริสุทธ์ โจทก์ได้รับซ้ออ้อยและผลิตภัณฑ์น้ำอ้อย


จำกชำวไร่อ้อยหรือสถำบันชำวไร่อ้อยมำผลิตน้ำตำลทรำยหรือผลพลอยได้เพ่อจ�ำหน่ำยให้แก่


ลูกค้ำภำยในประเทศและส่งออกไปต่ำงประเทศเป็นระยะเวลำนำน จนมีช่อเสียงยอมรับและ

ไว้วำงใจต่อกำรให้สนเชอของชำวไร่อ้อย สถำบนชำวไร่อ้อย ผ้ประกอบกจกำรอตสำหกรรม








น้ำตำลทรำย สถำบันกำรเงิน ธนำคำรพำณิชย์ ท้งภำยในประเทศและต่ำงประเทศ คร้นวันท ่ ี


















๙ กมภำพนธ์ ๒๕๖๐ โจทก์ทรำบว่ำจำเลยทงสใช้ชอบรษทจำเลยท ๑ ท่เหมอนหรือพ้องหรอ



คล้ำยคลึงกับช่อบริษัทโจทก์ โดยวันท่ ๑๕ ตุลำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยท่ ๑ ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล

ประเภทบริษัทจ�ำกัด ใช้ช่อบริษัทว่ำ “บริษัทโรงน้ำตำลสุรินทร์ จ�ำกัด” และใช้ช่อเป็นภำษำอังกฤษ



ว่ำ “SURIN SUGAR MILL Co.,Ltd.” อันเป็นกำรละเมิดสิทธในช่อบริษัทของโจทก์ เน่องจำก




จ�ำเลยท่ ๑ มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจกำรโรงงำนน้ำตำลและมีส�ำนักงำนใหญ่อยู่ในจังหวัด

สุรินทร์เช่นเดียวกับโจทก์ ย่อมท�ำให้สำธำรณชนสับสนหรือหลงผิดว่ำเป็นโรงงำนน้ำตำลทรำย


บริษัทเดียวกันหรือเครือเดียวกัน ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย โจทก์มีหนังสือให้จ�ำเลยท้งส ่ ี
324


















เปลยนชอหรอระงบหรอยตกำรใช้ชอสถำนประกอบกำรค้ำของจำเลยท ๑ แต่จำเลยทงส ี ่

เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งส่เปล่ยนช่อหรือระงับหรือยุติกำรใช้ช่อจ�ำเลยท่ ๑ ว่ำ “บริษัท





โรงน�้ำตำลสุรินทร์ จ�ำกัด” และชื่อภำษำอังกฤษว่ำ “SURIN SUGAR MILL Co.,Ltd.” ที่เหมือน


หรือพ้องหรือคล้ำยคลึงกับช่อโจทก์ กับให้จ�ำเลยท้งส่ชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนอัตรำเดือนละ

๕๐๐,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำยจำกกำรประชำสัมพันธ์และโฆษณำอัตรำเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท



นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยท้งส่จะเปล่ยนช่อหรือระงับหรือยุติกำรใช้ช่อท่เหมือน



หรือพ้องหรือคล้ำยคลึงกับชื่อโจทก์
ศำลจังหวัดสุรินทร์ตรวจค�ำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่ำ ข้อหำตำมค�ำฟ้องเป็นคดีแพ่ง





เก่ยวกับเคร่องหมำยกำรค้ำ ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบญญัติจดต้งศำลทรัพย์สนทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลน้ จึงมีค�ำส่งไม่รับค�ำฟ้อง ให้ไปย่น



ต่อศำลที่มีเขตอ�ำนำจ คืนค่ำขึ้นศำลทั้งหมด จ�ำหน่ำยคดีจำกสำรบบควำม
โจทก์อุทธรณ์ค�ำสั่ง
ศำลอุทธรณ์ภำค ๓ พิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ ศำลจังหวัดสุรินทร์ชอบ


ท่จะรอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำวแล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี

ช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

จึงพิพำกษำยกค�ำส่งศำลจังหวัดสุรินทร์ท่ไม่รับค�ำฟ้องของโจทก์ ต่อมำศำลจังหวัดสุรินทร์

ได้เสนอปัญหำดังกล่ำวต่อประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ โจทก์กล่ำว


อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งส่โต้แย้งสิทธิในช่อทำงกำรค้ำของโจทก์โดยจ�ำเลยท้งส่จดทะเบียนนิติบุคคล






จำเลยท ๑ ใช้ชอวำ “บริษัทโรงนำตำลสุรินทร์ จำกด” และใช้ชอภำษำองกฤษวำ “SURIN SUGAR











MILL Co.,Ltd.” ที่เหมือนหรือพ้องหรือคล้ำยคลึงกับชื่อของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญำตจำกโจทก์



















อนเป็นกำรละเมดสทธในชอทำงกำรค้ำของโจทก์ กบทงมคำขอบงคบจำเลยทงสห้ำมใช้ชอ

ทำงกำรค้ำดงกล่ำว และให้จำเลยทงสรบผดชำระค่ำเสยหำยในเหตละเมดดงกล่ำว ตำมคำฟ้อง














325

ของโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวกับข้อพิพำทในชื่อทำงกำรค้ำ ซึ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙)


แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ







































326

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแซท ซิสเท็ม แอดวำนซ์

ที่ วทป ๖๒/๒๕๖๒ เทคโนโลยี จ�ำกัด โจทก์
นำยนที สุจริตประกอบค้ำ จ�ำเลย









โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยเคยทำงำนเป็นลกจ้ำงของโจทก์ในตำแหน่งผ้จดกำรสำขำ
ภำยหลังได้ลำออกไปแล้วไปประกอบกิจกำรของตนเอง จ�ำเลยน�ำเอำข้อมูลควำมลับ
ทำงกำรค้ำของโจทก์ในโปรแกรม Google My Business ไปประกำศโฆษณำเปลี่ยนแปลง
แก้ไขเพ่มเติมงำนท่โจทก์ติดต้งให้แก่ลูกค้ำอนเป็นกำรกระทำละเมิดต่อโจทก์ คดีน ี ้





จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับควำมลับทำงกำรค้ำ
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบกิจกำรเป็นตัวแทนจ�ำหน่ำยอุปกรณ์โทรคมนำคม สำยน�ำ


สัญญำณ อุปกรณ์ทำงด้ำนกำรรับสัญญำณดำวเทียม รวมท้งให้บริกำรติดต้งซ่อมแซม จ�ำเลย

เคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ในต�ำแหน่งผู้จัดกำรสำขำ ภำยหลังได้ลำออกไป แล้วจ�ำเลย
จดทะเบียนพำณิชย์ในช่อ “เอชดี เซอร์วิส” เพ่อประกอบกิจกำรจ�ำหน่ำยจำนดำวเทียม กล้อง


วงจรปิด อุปกรณ์กันขโมย และอุปกรณ์ระบบอินเทอร์เน็ต จ�ำเลยน�ำเอำข้อมูลควำมลับทำงกำรค้ำ
ของโจทก์ในโปรแกรม Google My Business ไปประกำศโฆษณำเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมงำน

ท่โจทก์ติดต้งให้แก่ลูกค้ำอันเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน



๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท นบ




ถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ ให้คืนข้อมูลทำงกำรค้ำของโจทก์ซ่งเป็นส่อท่ใช้



ส�ำหรับโฆษณำในโปรแกรม Google My Business หำกไม่คืนให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำร
แสดงเจตนำให้โจทก์เป็นผู้ไปด�ำเนินกำรแทนจ�ำเลยเอง
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัด
ขอนแก่น จ�ำเลยเป็นผู้สมัครใช้บริกำร Google My Business และเป็นผู้สร้ำงสรรค์จัดท�ำข้อมูล
ต่ำง ๆ เอง ข้อมูลดังกล่ำวจึงเป็นของจ�ำเลย โจทก์ใช้ข้อมูลและภำพถ่ำยของจ�ำเลยเพื่อประโยชน์
ในทำงกำรค้ำของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญำต ขอให้ยกฟ้องโจทก์และให้โจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำย

จ�ำนวน ๗๒,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
แก่จ�ำเลย









327



ในช้นพิจำรณำ ศำลจังหวัดขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร












พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ






เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับควำมลับทำงกำรค้ำ ตำมมำตรำ ๗ (๙) แห่ง


พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลย
เคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ในต�ำแหน่งผู้จัดกำรสำขำ ภำยหลังได้ลำออกไป แล้วจ�ำเลย


จดทะเบียนพำณิชย์ในช่อ “เอชดี เซอร์วิส” เพ่อประกอบกิจกำรจ�ำหน่ำยจำนดำวเทียม กล้อง
วงจรปิด อุปกรณ์กันขโมย และอุปกรณ์ระบบอินเทอร์เน็ต จ�ำเลยน�ำเอำข้อมูลควำมลับทำงกำรค้ำ
ของโจทก์ในโปรแกรม Google My Business ไปประกำศโฆษณำเปล่ยนแปลงแก้ไขเพ่มเติม



งำนท่โจทก์ติดต้งให้แก่ลูกค้ำอันเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธโดยอ้ำงว่ำ

ข้อมูลดังกล่ำวเป็นของจ�ำเลย ตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลย จึงมีข้ออ้ำงและ



ข้อเถยงให้ต้องพจำรณำว่ำ จำเลยกระท�ำละเมดต่อโจทก์หรอไม่ โดยกำรกระทำทโจทก์อ้ำงว่ำ






เป็นกำรกระท�ำละเมิดน้นเป็นกำรน�ำข้อมูลอันเป็นควำมลับทำงกำรค้ำของโจทก์ไปและ
ใช้เปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติม คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับควำมลับทำงกำรค้ำ ตำมมำตรำ ๗ (๙)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

328

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอีเฟิร์ส เอเชีย

ที่ วทป ๕๕/๒๕๖๓ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด โจทก์
บริษัทเอนฟอร์เต จ�ำกัด จ�ำเลย



กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำ หรือไม่นั้น

เนื่องจำกคดีนี้ โจทก์ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยประกอบกิจกำรแข่งขันกับกิจกำรของโจทก์





โดยเลียนแบบกำรด�ำเนนธุรกิจขำยสินค้ำท้งรูปแบบกำรขำย กำรประชำสมพนธ์ วธ ี

กำรขำย วิธีกำรสื่อสำรและกำรน�ำเสนอของลูกค้ำและเอำรำยชื่อและหมำยเลขโทรศัพท์
ของลูกค้ำของโจทก์ไป จึงเป็นกำรกระท�ำละเมดต่อโจทก์ และให้ช�ำระค่ำเสยหำย


อันเป็นกำรฟ้องในลักษณะมูลละเมิดโดยท่วไป ไม่ใช่มูลละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำร

ค้ำตำม พ.ร.บ. ควำมลับทำงกำรค้ำ พ.ศ. ๒๕๔๕ มำตรำ ๓ และมำตรำ ๖ เพรำะไม่ได้มี
กำรกล่ำวอ้ำงว่ำสิทธิในทำงทรัพย์สินของโจทก์ตำมฟ้องมีลักษณะเป็นควำมลับ

ทำงกำรค้ำ และขออำศัยสิทธิในฐำนะเจ้ำของควำมลับทำงกำรค้ำฟ้องผู้กระท�ำกำรละเมิด

สิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำตำมพระรำชบัญญัติดังกล่ำว คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับ


ข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์และจ�ำเลยต่ำงเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดประกอบกิจกำร
ขำยผลิตภัณฑ์เสริมควำมงำมและผลิตภัณฑ์เสริมอำหำรเช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๓

นำงสำวเมธำพร ซ่งเดิมเป็นพนักงำนของโจทก์ต�ำแหน่งผู้จัดกำรคอลเซนเตอร์ได้ลำออก

ไปท�ำงำนกับจ�ำเลยซ่งเป็นบริษัทคู่แข่งกับโจทก์ ต่อมำจ�ำเลยได้ด�ำเนินธุรกิจขำยสินค้ำ และม ี



รูปแบบกำรขำย กำรประชำสัมพันธ์ วิธีกำรขำย อีกท้งวิธีกำรส่อสำรและกำรน�ำเสนอกำรขำย
ให้แก่ลูกค้ำเหมือนกับโจทก์ โดยลอกเลียนแบบไปจำกโจทก์ นอกจำกน้นยังพบว่ำ จ�ำเลยได้



เอำรำยช่อและหมำยเลขโทรศัพท์ลูกค้ำของโจทก์ไป ซ่งแต่ละหมำยเลขโทรศัพท์ของลูกค้ำ โจทก์
มีค่ำใช้จ่ำยในกำรได้มำ ภำยหลังจ�ำเลยได้รำยช่อและหมำยเลขโทรศัพท์ของลูกค้ำแล้ว จ�ำเลย

ได้สวมรอยเสนอขำยสินค้ำต่อเนื่องให้แก่ลูกค้ำของโจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับ

ควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๔๓,๒๔๐,๒๖๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ
๑๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


329

จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเพรำะจ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์และไม่ได้

โต้แย้งสิทธิโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จ�ำเลยไม่ได้ท�ำสัญญำจ้ำงนำงสำวเมธำพร ส�ำหรับ


รูปแบบกำรขำย กำรประชำสัมพันธ์ วิธีกำรเสนอขำยให้แก่ลูกค้ำรวมถึงรำยช่อและหมำยเลข





โทรศัพท์ของลูกค้ำ เป็นข้อมลท่วไปท่บุคคลหรือผู้ประกอบกิจกำรอนสำมำรถเข้ำถึงได้ จ�ำเลย
ไม่ได้เอำรำยช่อและหมำยเลขโทรศัพท์ของลูกค้ำโจทก์ไปตำมท่โจทก์กล่ำวอ้ำงและไม่ได้


ชักชวนพนักงำนของโจทก์ให้ลำออกแล้วไปท�ำงำนกับจ�ำเลย จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์
ฟ้องโจทก์เป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำศำลแพ่งพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น

ผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำตำมพระรำชบัญญัต ิ


จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๙) หรือไม่ เห็นว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ

จ�ำเลยประกอบกิจกำรแข่งขันกับกิจกำรของโจทก์โดยเลียนแบบกำรด�ำเนินธุรกิจขำยสินค้ำ

ท้งรูปแบบกำรขำย กำรประชำสัมพันธ์ วิธีกำรขำยวิธีกำรส่อสำร และกำรน�ำเสนอของลูกค้ำ


และเอำรำยช่อและหมำยเลขโทรศัพท์ของลูกค้ำของโจทก์ไปจึงเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์

และให้ช�ำระค่ำเสียหำยอันเป็นกำรฟ้องในลักษณะมูลละเมิดโดยท่วไปไม่ใช่มูลละเมิดสิทธ ิ

ในควำมลับทำงกำรค้ำตำมพระรำชบัญญัติควำมลับทำงกำรค้ำ พ.ศ. ๒๕๔๕ มำตรำ ๓

และมำตรำ ๖ เพรำะไม่ได้มีกำรกล่ำวอ้ำงว่ำสิทธิในทำงทรัพย์สินของโจทก์ตำมฟ้องมีลักษณะ

เป็นควำมลับทำงกำรค้ำและขออำศัยสิทธิในฐำนะเจ้ำของควำมลับทำงกำรค้ำฟ้องผู้กระท�ำกำร
ละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำตำมพระรำชบัญญัติดังกล่ำว คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่ง


เก่ยวกับข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙) แห่งพระรำชบัญญัต ิ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙









330


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓




ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)

ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ















































331

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแคลิฟอร์เนียไวน์ จ�ำกัด

ที่ วทป ๖๗/๒๕๖๔ กับพวก โจทก์

นำยนันทชัย กีรติมงคลเลิศ
กับพวก จ�ำเลย




แม้จ�ำเลยที่ ๑ จะยกข้อต่อสู้เรื่องที่ตนมีสิทธิในชื่อทำงกำรค้ำดีกว่ำโจทก์ทั้งสอง

ก็เป็นเพียงข้ออ้ำงว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมไม่เป็นควำมผิดตำมฐำนควำมผิด
ที่โจทก์ทั้งสองฟ้องมำเท่ำนั้น คดีจึงไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยว่ำ กำรกระท�ำของจ�ำเลย






ท้งสำมเป็นควำมผิดอำญำต่อช่อทำงกำรค้ำของโจทก์ท ๑ และท ๒ หรือไม่ คดีน้จึง


มิใช่เป็นคดีอำญำเกี่ยวกับข้อพิพำทในชื่อทำงกำรค้ำ
_____________________________


โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดและเป็นเจ้ำของ
เว็บไซต์ชื่อโดเมนว่ำ ca-wine.com โจทก์ที่ ๒ เป็นกรรมกำรและผู้ถือหุ้นของโจทก์ที่ ๑ และเป็น
ผู้ใช้อีเมล [email protected] จ�ำเลยท่ ๑ และจ�ำเลยท่ ๒ เคยเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำ


กำรแทนโจทก์ท ๑ ปัจจบนจำเลยท ๒ ยงคงเป็นผ้ถอห้นของโจทก์ท ๑ ส่วนจำเลยท ๓ เป็น
























ผดูแลตดต่อประสำนงำนกับบรษทพ แอนด ท โฮสตง จ�ำกด ในกำรเชำพนทเวบไซต์ของโจทก์ท ๑















เม่อประมำณเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ โจทก์ท่ ๒ กับพวก ตกลงกับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ กับ
พวกว่ำ โจทก์ที่ ๒ จะรับบริหำรงำนโจทก์ที่ ๑ ส่วนจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กับพวก จะบริหำรงำน


บริษัทเวิลด์คลำสไวน์ จ�ำกัด ซ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน คร้นเดือนกรกฎำคม ๒๕๖๓ โจทก์ท่ ๒

พบว่ำไม่สำมำรถเข้ำใช้อีเมล [email protected] ของตนได้ เพรำะมีกำรเปล่ยนรหัสใหม่




และโจทก์ท้งสองยังพบว่ำเว็บไซต์ของโจทก์ท่ ๑ มีกำรแก้ไขเปล่ยนแปลงข้อมูลโดยน�ำตรำประทับ

ของบริษัทเวิลด์คลำสไวน์ จ�ำกัด เข้ำมำแทนท่และแก้ไขข้อมูลลิขสิทธ์ไว้ว่ำ เป็นของบริษัท

เวิลด์คลำสไวน์ จ�ำกัด โจทก์ท้งสองจึงแจ้งให้บริษัทพี แอนด์ ที โฮสต้ง จ�ำกัด ตรวจสอบ แก้ไข และ


ส่งมอบข้อมูลคืนแก่โจทก์ที่ ๑ ต่อมำวันที่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๓ บริษัทพี แอนด์ ที โฮสติ้ง จ�ำกัด




แจ้งโจทก์ท้งสองว่ำ จ�ำเลยท่ ๓ เป็นผู้แจ้งเปล่ยนช่อเจ้ำของสิทธิผู้รับบริกำรช่อโดเมน

ca-wine.com เป็นจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทั้งนี้ จ�ำเลยทั้งสำมรู้ดีอยู่แล้วว่ำชื่อโดเมน ca-wine.com






ยังคงเป็นทรัพย์สินของโจทก์ท่ ๑ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมเป็นเร่องท่จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒
332



ซ่งเป็นผู้มีอ�ำนำจจัดกำรทรัพย์สินของโจทก์ท่ ๑ ร่วมกันเบียดบังเอำทรัพย์สินของโจทก์ท่ ๑ ไปเป็น



ของตนโดยทุจริต และเป็นเร่องท่จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันท�ำกำรเปล่ยนแปลงข้อมูลในเว็บไซต์






ของโจทก์ท่ ๑ โดยทุจริต เพ่อให้ประชำชนผู้มีควำมสนใจจะสงซ้อสินค้ำจำกโจทก์ท่ ๑ ไปส่ง



ซื้อสินค้ำจำกบริษัทเวิลด์คลำสไวน์ จ�ำกัด แทน และท�ำให้โจทก์ที่ ๑ ไม่สำมำรถปรับปรุงข้อมูล

ในเว็บไซต์ได้ อันเป็นกำรเข้ำถึงระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อ่นโดยมิชอบ




และเปล่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อ่นโดยมิชอบ ร่วมกันดักรับข้อมูลท่ลูกค้ำของโจทก์ท่ ๑

จะส่งมำติดต่อซ้อสินค้ำอันเป็นข้อมูลท่มิได้มีไว้เพ่อประโยชน์สำธำรณะหรือเพ่อให้บุคคลท่วไป




ใช้ประโยชน์ได้ โจทก์ทรำบถึงกำรกระท�ำควำมผิดเมื่อวันที่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๓ เหตุเกิดที่แขวง
บำงโพงพำง เขตยำนนำวำ กรุงเทพมหำนคร ขอให้ลงโทษจ�ำเลยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ ๘๓, ๙๐, ๙๑, ๓๕๒ และพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรกระท�ำควำมผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๕, ๗, ๘ และ ๙






ระหว่ำงพิจำรณำในช้นไต่สวนมลฟ้อง ทนำยจ�ำเลยท้งสำมย่นคำร้องว่ำ ช่อโดเมน

ca-wine.com น้น จ�ำเลยท่ ๑ ยังคงโต้แย้งว่ำเป็นสิทธิของจ�ำเลยท่ ๑ ท่จะใช้ในกำรประกอบ




กิจกำรทำงกำรค้ำหรือช่อทำงกำรค้ำ คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ศำลอำญำกรุงเทพใต้ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ใน





อำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสินทำงปญญำและกำรคำระหวำงประเทศหรอไม จงใหรอ








กำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกลำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ


พิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีอำญำเก่ยวกับข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำตำมพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำง
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๙) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องขอให้
ลงโทษจ�ำเลยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๓๕๒ และพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรกระท�ำ
ควำมผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๕, ๗, ๘ และ ๙ อันเป็นควำมผิดฐำนยักยอก

และเป็นควำมผิดเก่ยวกับกำรเปล่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ เข้ำถึงระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์

และดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ โจทก์ท้งสองมิได้อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสำมกระท�ำควำมผิดอำญำ






เก่ยวกับกำรละเมิดสิทธิในช่อทำงกำรค้ำแต่อย่ำงใด แม้จ�ำเลยท่ ๑ จะยกข้อต่อสู้เร่องท่ตน



มีสิทธิในช่อทำงกำรค้ำดีกว่ำโจทก์ท้งสองก็เป็นเพียงข้ออ้ำงว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำม

333

ไม่เป็นควำมผิดตำมฐำนควำมผิดที่โจทก์ทั้งสองฟ้องมำเท่ำนั้น คดีจึงไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัย










ว่ำ กำรกระทำของจำเลยทงสำมเป็นควำมผดอำญำต่อชอทำงกำรค้ำของโจทก์ท ๑ และท ๒





หรือไม่ คดีน้จึงมิใช่เป็นคดีอำญำเก่ยวกับข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญตจัดตง





ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๙)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ































334

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยธีระพันธ์ รำชแป้น โจทก์

ที่ วทป ๑๐/๒๕๖๐ นำยมำร์ซ อเล็กซำนเดอร์

ซินเลตัน จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยอันเกิดจำกกำรกระท�ำโดยประมำท

ของจ�ำเลย เป็นเหตุให้เรือโดนกัน เหตุเกิดที่บริเวณอ่ำวผักหนำม หมู่ที่ ๘ ต�ำบลอ่ำวนำง





อ�ำเภอเมืองกระบ จังหวัดกระบ ซ่ง พ.ร.บ. ควำมรับผิดทำงแพ่งและค่ำเสียหำยจำก
เรือโดนกัน พ.ศ. ๒๕๔๘ มำตรำ ๒๒ บัญญัติว่ำ คดีเก่ยวกับควำมรับผิดทำงแพ่งและค่ำเสียหำย


จำกเรือโดนกันตำมพระรำชบัญญัติน ให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล

ทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ เม่อปรำกฏว่ำ เรอภูทะเลของโจทก์




เป็นเรอประเภทเรือกลเดนทะเลเฉพำะเขต ตำมใบอนุญำตให้ใช้เรือ เรือภทะเลของ






โจทก์จึงเป็นเรือเดนทะเลตำมข้อบงคบสำหรบกำรตรวจเรือ (ฉบบท ๑๕) พ.ศ. ๒๕๒๘






ซ่งออกโดยอำศัยอ�ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๖๓ แห่ง พ.ร.บ. กำรเดินเรือในน่ำนน้ำไทย

พระพุทธศักรำช ๒๔๕๖ ภำคท ๑ หมวด ข. ข้อ ๑ และกำรท่เรือเพลย์ไลฟ์ของจ�ำเลย


ชนปะทะเข้ำกับเรือภูทะเลของโจทก์ จึงเป็นกรณีเรือโดนกัน ตำมค�ำนิยำมในมำตรำ ๔




แห่ง พ.ร.บ. ควำมรบผดทำงแพ่งและค่ำเสยหำยจำกเรือโดนกน พ.ศ. ๒๕๔๘ คดน ้ ี


จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทในเร่องควำมรับผิดและเรียกค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกัน อยู่ใน

อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม
มำตรำ ๒๒ แห่ง พ.ร.บ. ควำมรับผิดทำงแพ่งและค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกัน พ.ศ. ๒๕๔๘
คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล


ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๑๐) แห่ง
พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์เรือไทย ชื่อ ภูทะเล ทะเบียน ๕๕๕๒๐๓๕๖๙
เมืองท่ำ ไอเอ็มโอ (IMO) กระบี่ จ�ำเลยเป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์เรือ เพลย์ไลฟ์ (Playlife) ประเทศ
อังกฤษ เลขทะเบียน ๗๔๐๑๗๒ โจทก์ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยกำรน�ำเรือภูทะเลออกให้เช่ำ




335

เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ เวลำประมำณ ๑๕ นำฬิกำ ลูกจ้ำงโจทก์น�ำเรือภูทะเลไปจอด




บริเวณอ่ำวผักหนำม หมู่ท่ ๘ ต�ำบลอ่ำวนำง อ�ำเภอเมืองกระบ่ จังหวัดกระบ่ โดยผูกทุ่นห่ำง


จำกชำยฝั่งประมำณ ๓๐๐ เมตร จำเลยด้วยควำมประมำทปรำศจำกควำมระมัดระวงซงบุคคล




ในภำวะเช่นจำเลยอำจใช้ควำมระมัดระวงได้ แต่จ�ำเลยหำได้ใช้ควำมระมัดระวงเช่นว่ำนนไม่



กล่ำวคือ จ�ำเลยขับเรือในตอนกลำงวันและในสภำพอำกำศปกติ จ�ำเลยต้องขับเรือและมอง














ไปข้ำงหน้ำตลอดเวลำทงนเพอควำมปลอดภยและป้องกนมให้ชนเรออน ๆ ทแล่นอย่ในท้อง

ทะเล แต่จ�ำเลยขับเรือโดยไม่ได้มองไปข้ำงหน้ำท้งท่สำมำรถมองเห็นเรือของโจทก์ได้ชัดเจนใน


ระยะไกล และขับเรือโดยไม่ชะลอควำมเร็ว แล่นเข้ำมำชนบริเวณท้ำยเรือของโจทก์และส่วนหัวเรือ

ของจ�ำเลยพุ่งไปชนหลังคำเรือของโจทก์ท่จอดอยู่ได้รับควำมเสียหำย โรงงำนซ่อมเรือประเมิน
ค่ำซ่อมเป็นเงิน ๘๑๑,๕๐๐ บำท และค่ำเสียหำยอุปกรณ์ต่ำง ๆ ภำยในเรือเป็นเงิน ๙๙,๒๐๐ บำท
นอกจำกน้ยังมีค่ำขำดประโยชน์จำกกำรท่โจทก์ให้เช่ำเรือภูทะเลวันละ ๑๒,๐๐๐ บำท นับแต่


วันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ จนถึงวันฟ้องเป็นเวลำ ๕๖ วัน เป็นเงิน ๖๗๒,๐๐๐ บำท รวมเป็น
เงินค่ำเสียหำยทั้งสิ้น๑,๕๘๒,๗๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑,๕๘๒,๗๐๐ บำท พร้อม
ดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
และช�ำระค่ำขำดประโยชน์วันละ ๑๒,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะซ่อมเรือแล้วเสร็จ
และใช้งำนได้ตำมปกติ

จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีน้โจทก์ย่นฟ้องจ�ำเลยเรียกร้องค่ำเสียหำยในทำงแพ่งตำมมูลละเมิด



อันเน่องมำจำกเหตุเรือโดนกัน คดีจงอย่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรพย์สินทำงปัญญำ


และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยไม่ได้ขับเรือด้วยควำมประมำทปรำศจำกควำมระมัดระวัง แต่


เหตุท่เรือโดนกันน้นเป็นเพรำะโจทก์ นำยเรือ และลูกเรือภูทะเลไม่ได้จอดเรือและปฏิบัติกำรบนเรือ

ให้เป็นไปตำมประเพณีปฏบัติของกำรเดินเรือและบทบัญญัติแห่งกฎหมำยว่ำด้วยกำรเดินเรือ
กล่ำวคือ ไม่ได้ชักธงสัญลักษณ์เพ่อแสดงว่ำเรือจอดอยู่ ไม่ได้จัดให้มียำมระวังเหตุ ไม่ได้ให้สัญญำณ







เสยงและสญญำณแสงหรอสญญำณเตอนภยอน ๆ และไมไดใชวธกำรทเหมำะสมทงปวงทมอยให ้



















ทันต่อเหตุกำรณ์เพ่อหลีกเล่ยงเหตุเรือโดนกัน อีกท้งนำยเรือและลูกเรือของโจทก์ก็ไม่ได้รับอนุญำต
ให้เป็นนำยเรือหรือพนักงำนประจ�ำเรือตำมกฎหมำย เหตุเรือโดนกันจึงเกิดจำกควำมประมำท
เลินเล่อของบุคลำกรบนเรือภูทะเล โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย ค่ำเสียหำย
และค่ำขำดประโยชน์ที่โจทก์เรียกร้องมำสูงเกินควำมจริงขอให้ยกฟ้อง
336



ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดกระบ่พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึง


ส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน




ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจดตงศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยอันเกิด


จำกกำรกระท�ำโดยประมำทของจ�ำเลยเป็นเหตุให้เรือโดนกัน เหตุเกิดท่บริเวณอ่ำวผักหนำม
หมู่ที่ ๘ ต�ำบลอ่ำวนำง อ�ำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ซึ่งพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงแพ่ง
และค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกัน พ.ศ. ๒๕๔๘ มำตรำ ๒๒ บัญญัติว่ำ คดีเก่ยวกับควำมรับผิด

ทำงแพ่งและค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกันตำมพระรำชบัญญัตินี้ ให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ และมำตรำ ๔ ได้ให้ค�ำนิยำมของ










คำวำ “เรอโดนกน” หมำยควำมวำ กำรปะทะกันระหวำงเรอเดนทะเลหรอกำรทเรอเดนทะเลปะทะ





กับเรือล�ำอ่นท�ำให้เกิดควำมเสียหำยแก่เรือทรัพย์สินหรือบุคคลบนเรือท่ปะทะกันล�ำหน่งล�ำใด

หรือทุกล�ำและให้หมำยควำมรวมถึงกำรท่เรือเดินทะเลได้ก่อหรือได้รับควำมเสียหำยดังกล่ำว

โดยมีสำเหตุจำกกำรปฏิบัติกำรหรืองดเวนปฏิบัติกำรเกี่ยวกับกำรบังคับหรือกำรควบคุมเรือหรือ

กำรฝ่ำฝืนกฎข้อบังคับเกี่ยวกับกำรเดินเรือแม้ว่ำเรือจะมิได้มีกำรปะทะกัน ทั้งนี้ ไม่ว่ำเหตุจะเกิด
ขึ้นในน่ำนน�้ำใดก็ตำม และให้ค�ำนิยำมของ “เรือเดินทะเล” หมำยควำมว่ำ เรือที่มีลักษณะส�ำหรับ

ใช้ในทะเลตำมกฎข้อบังคับส�ำหรับกำรตรวจเรือตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรเดินเรือในน่ำนน้ำไทย


ซ่งกฎข้อบังคับส�ำหรับกำรตรวจเรือ (ฉบับท่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๒๘ ซ่งออกโดยอำศัยอ�ำนำจตำม

ควำมในมำตรำ ๑๖๓ แห่งพระรำชบัญญัติกำรเดินเรือในน่ำนน้ำไทยพระพุทธศักรำช ๒๔๕๖

ภำคที่ ๑ หมวด ข. ข้อ ๑ ได้ก�ำหนดแบ่งประเภทเรือไว้ ในข้อ ๑.๕ คือ เรือกลเดินทะเลเฉพำะเขต
ตำมเอกสำรท้ำยค�ำร้องหมำยเลข ๒ และเมื่อปรำกฏว่ำเรือภูทะเลของโจทก์เป็นเรือประเภท เรือกล
เดินทะเลเฉพำะเขต ตำมใบอนุญำตให้ใช้เรือ เอกสำรท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๑ เรือภูทะเลของ


โจทกจึงเปนเรือเดินทะเล และกำรที่เรือเพลยไลฟของจ�ำเลยชนปะทะเขำกับเรือภูทะเลของโจทก ์



จึงเป็นกรณีเรือโดนกัน ตำมค�ำนิยำมในมำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงแพ่ง
337

และค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกัน พ.ศ. ๒๕๔๘ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่พิพำทในเรื่องควำมรับผิดและ

เรียกค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกัน อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๒๒ แห่งพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงแพ่งและ
ค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกัน พ.ศ. ๒๕๔๘ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ


มำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ




วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ































338

วินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเดอะวิลเลจ ลีสซิ่ง

ที่ วทป ๓๑/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทวี.มำรีน ทัวร์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย







คดีน้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยท้งสำม โดยกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๓




ในทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท ๑ และตำมค�ำส่งของจ�ำเลยท ๒ ขับเรือเดินทะเลของ




จ�ำเลยท ๑ ช่อ วี.มำรีน ๙ โดยประมำทเลินเล่อใช้ควำมเร็วเกินกว่ำท่กฎหมำยก�ำหนด





ชนเรือเดินทะเลของโจทก์ช่อรักษ์อันดำ เป็นเหตุให้เกิดควำมเสียหำยแก่เรือท้งสองล�ำ
นักท่องเท่ยวท่โดยสำรมำในเรือรักษ์อันดำของโจทก์ได้รับบำดเจ็บและทรัพย์สิน


เสียหำย อันเป็นกำรฟ้องให้จ�ำเลยท้งสำมรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยอันเกิดจำกเหตุเรือ


โดนกน ตำม พ.ร.บ. ควำมรบผดทำงแพ่งและค่ำเสยหำยจำกเรอโดนกน พ.ศ. ๒๕๔๘





มำตรำ ๔ ซ่งมำตรำ ๒๒ บัญญัติให้คดีเก่ยวกับควำมรับผิดทำงแพ่งและค่ำเสียหำยจำก


เรือโดนกัน ตำมพระรำชบัญญัติดังกล่ำวอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่


ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม พ.ร.บ. จัดต้ง


ศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สน






ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐)
_____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษำยน ๒๕๕๙ เวลำ ๑๙.๓๐ นำฬิกำ




จ�ำเลยท่ ๓ ในทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ และตำมค�ำส่งของจ�ำเลยท่ ๒ ได้ขับเรือสปีดโบต


ช่อ วี.มำรีน ๙ บรรทุกลูกเรือ ๒ คน และนักท่องเท่ยวหลำยคนจำกทะเลฝั่งตะวันออกของ

เกำะภูเก็ตเข้ำเขตท่ำเรือรอยัลภูเก็ตมำรีน่ำ ต�ำบลเกำะแก้ว จังหวัดภูเก็ต ซ่งมีช่องทำงเดินเรือ

คับแคบใกล้ทำงแยกและกำรจรำจรหนำแน่น จ�ำเลยท่ ๓ ขับเรือด้วยควำมประมำทใช้ควำมเร็วสูง


จนหัวเรือเชิดลอยข้นเหนือผิวน้ำ ซ่งบุคคลในภำวะเช่นจ�ำเลยท่ ๓ จะต้องขับเรือเข้ำในเขตท่ำเรือ






ด้วยควำมระมัดระวังโดยลดควำมเร็วเรือลงเพ่อป้องกันอุบัติเหตุทำงน้ำ และจ�ำเลยท่ ๓ อำจใช้

ควำมระมัดระวังเช่นน้นได้ แต่หำได้ใช้ให้เพียงพอไม่ โดยจ�ำเลยท่ ๓ ขับเรือด้วยควำมเร็วสูง

339

เกินกว่ำ ๕ นอต (๕ ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง) ซึ่งเกินกว่ำที่กฎหมำยก�ำหนดตำมประกำศส�ำนักงำน



เจ้ำท่ำภูมิภำคสำขำภูเก็ต เป็นเหตุให้เรือท่จ�ำเลยท่ ๓ ขับพุ่งเข้ำชนกับหัวเรือของโจทก์
ชื่อ รักษ์อันดำ ซึ่งบรรทุกลูกเรือ ๒ คน และนักท่องเที่ยวจีน ๙ คน ที่แล่นสวนทำงกันมำจำก

ท่ำเรือรอยัลภูเก็ตมำรีน่ำ เพ่อไปส่งนักท่องเท่ยวท่โรงแรมเดอะวิลเลจ โคโคนัทไอส์แลนด์ บิช


รีสอร์ท ภูเก็ต และจ�ำเลยที่ ๓ ไม่ให้ควำมช่วยเหลือเรือรักษ์อันดำ นำยท้ำย ลูกเรือ ผู้โดยสำร และ
อื่น ๆ โดยไม่มีเหตุอันสมควรที่จะแก้ตัวได้ จึงเป็นกำรกระท�ำโดยประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรง





ของจ�ำเลยท่ ๓ เป็นเหตุให้นกท่องเท่ยวจีนท่โดยสำรเรือรักษ์อันดำบำดเจบและทรัพย์สิน


เสียหำย อีกท้งโจทก์ยังต้องชดใช้ค่ำเสียหำยเพรำะนักท่องเท่ยวต้องยกเลิกห้องพักท่จองไว้

กับทำงโรงแรมดังกล่ำว จ�ำเลยท้งสำมจึงต้องร่วมกันรับผิดในควำมเสียหำยท่เกิดข้นถึงวันฟ้อง



เป็นเงิน ๒,๒๑๙,๗๓๕.๖๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยของเรือ

รักษ์อันดำ ๓๒๘,๑๙๔ บำท ค่ำรักษำพยำบำลและค่ำใช้จ่ำยนักท่องเท่ยวจีน ๓๖,๘๘๕ บำท


ค่ำเสียหำยแก่ทรัพย์สินของนักท่องเท่ยวจีน ๑๕,๙๗๖ บำท ค่ำขำดประโยชน์ในกำรใช้เรือ

๑,๕๐๓,๐๐๐ บำท ค่ำใช้จ่ำยในกำรส�ำรวจค่ำเสียหำย ๒๙๓,๙๔๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวรวม ๒,๑๗๘,๐๐๓ บำท นับแต่วันที่ ๓๐ เมษำยน







๒๕๕๙ เป็นตนไปจนกวำจะช�ำระเสร็จแกโจทก กับคำขำดประโยชนในกำรใชเรือวันละ ๓๐,๐๐๐ บำท
นับถัดจำกวันฟ้องจนถึงวันที่เรือรักษ์อันดำใช้กำรได้ตำมปกติ
จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ ในวันเวลำและสถำนที่เกิดเหตุตำมฟ้อง จ�ำเลยที่ ๓ ในทำงกำร
ที่จ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ ควบคุมเรือโดยสำร ชื่อ วี.มำรีน ๙ ของจ�ำเลยที่ ๑ น�ำนักท่องเที่ยวพร้อม
ลูกเรือประมำณ ๒๘ คน เดินทำงจำกเกำะไข่ จังหวัดพังงำ มุ่งหน้ำไปยังท่ำเรือรอยัลภูเก็ตมำรีน่ำ
ต�ำบลเกำะแก้ว อ�ำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยใช้เส้นทำงทะเลฝั่งตะวันออกของเกำะภูเก็ต



จนมำถึงบริเวณท่เกิดเหตุซ่งเป็นคลองเส้นใหญ่สำยหลักก่อนถึงทำงแยกท่จ�ำเลยท่ ๓ จะต้อง



ควบคุมเรือเพ่อเล้ยวซ้ำยเข้ำสู่คลองเล็กซ่งเช่อมต่อเส้นทำงระหว่ำงท่ำเรือรอยัลภูเก็ตมำรีน่ำ



กับทะเลฝั่งตะวันออกของเกำะภูเก็ต จ�ำเลยท่ ๓ ชะลอควำมเร็วเรือลงต่ำกว่ำ ๕ ไมล์ทะเลต่อ







ช่วโมง เพ่อเตรียมเล้ยวเรือเข้ำสู่คลองเล็กดังกล่ำว ทันใดน้นมีนำยสมศักด์ ลูกจ้ำงหรือตัวแทน


โจทก์ได้ควบคุมเรือ ช่อ รักษ์อันดำ ในทำงกำรท่จ้ำงหรือได้รับมอบหมำยจำกโจทก์พุ่งออกมำจำก

คลองเล็กดังกล่ำวอย่ำงเร็วเกินกว่ำ ๕ ไมล์ทะเลต่อช่วโมง เข้ำมำชนกับเรือของจ�ำเลยท่ ๑

ในช่องทำงเดินเรือที่จ�ำเลยที่ ๓ ควบคุมอยู่ ซึ่งตำมวิสัยและพฤติกำรณ์ นำยสมศักดิ์จักต้องหยุด
เรือหรือชะลอควำมเร็ว เพ่อตรวจสอบช่องทำงเดินเรือท่จ�ำเลยท่ ๓ ควบคุมเรืออยู่ให้ดีจนปลอดภัย



340

เสียก่อนว่ำมีเรือของบุคคลอื่นแล่นมำอยู่ก่อนหรือไม่ เพรำะคลองที่เรือจ�ำเลยที่ ๑ ก�ำลังแล่นอยู่



เป็นคลองเส้นใหญ่สำยหลัก แต่นำยสมศักด์หำได้ใช้ควำมระมัดระวังเช่นน้นไม่ เป็นเหตุให้เรือ
ของโจทก์พุ่งเข้ำชนกับเรือของจ�ำเลยที่ ๑ ได้รับควำมเสียหำย หลังเกิดเหตุจ�ำเลยที่ ๓ ได้หยุด



ตรวจดูควำมเสียหำยท่เกิดข้น ระหว่ำงน้นโจทก์ส่งคนมำช่วยเหลือลูกเรือของโจทก์และเห็นว่ำ





เรือโจทก์สำมำรถลอยล�ำอยู่ได้ จ�ำเลยท่ ๓ จึงน�ำนักท่องเท่ยวท่โดยสำรมำกับเรือท่จ�ำเลยท่ ๓

ควบคุมซ่งได้รับบำดเจ็บเพรำะควำมประมำทของนำยสมศักด์ลูกจ้ำงหรือตัวแทนโจทก์ไปส่งยัง



ท่ำเรือรอยัลภูเก็ตมำรีน่ำเพ่อรับกำรรักษำพยำบำล จ�ำเลยท่ ๓ มิได้หลบหนีหรือไม่ช่วยเหลือ


ตำมสมควรดังโจทก์กล่ำวอ้ำง เหตุเรอของโจทก์และเรือของจ�ำเลยท ๑ ชนกันเกิดจำกควำม


ประมำทเลินเล่ออย่ำงร้ำยแรงของนำยสมศักด์ลูกจ้ำงหรือตัวแทนโจทก์ฝ่ำยเดียว จ�ำเลยท้งสำม

ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ จ�ำเลยท่ ๒ ซ่งเป็นกรรมกำรของจ�ำเลยท่ ๑ มิได้มอบ




หมำยจ�ำเลยท่ ๓ ควบคุมเรือเป็นกำรส่วนตัว จึงไม่ต้องรับผิดเป็นกำรส่วนตัวต่อโจทก์ ค่ำเสียหำย



ทโจทก์เรยกร้องสูงเกนควำมจริง ค่ำใช้จ่ำยในกำรสำรวจควำมเสยหำยมิใช่ค่ำเสียหำยโดยตรง และ






โจทก์มิใช่ผู้มีส่วนได้เสียท่จะใช้หน้แล้วรับช่วงสิทธิมำเรียกร้องจำกจ�ำเลยท้งสำมได้ ขอให้ยกฟ้อง







ก่อนอ่ำนค�ำพิพำกษำ ศำลจังหวดภเกตเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดีนอย่ในอำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร





พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ













เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน



ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐) หรือไม่ เห็นว่ำ คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยทั้งสำม




โดยกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๓ ในทำงกำรท่จ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ และตำมค�ำส่งของจ�ำเลยท่ ๒



ขับเรือเดินทะเลของจ�ำเลยท่ ๑ ช่อ วี.มำรีน ๙ โดยประมำทเลินเล่อใช้ควำมเร็วเกินกว่ำท่กฎหมำย

ก�ำหนดชนเรือเดินทะเลของโจทก์ช่อรักษ์อันดำ เป็นเหตุให้เกิดควำมเสียหำยแก่เรือท้งสองล�ำ


นักท่องเท่ยวท่โดยสำรมำในเรือรักษ์อันดำของโจทก์ได้รับบำดเจ็บและทรัพย์สินเสียหำย


อันเป็นกำรฟ้องให้จ�ำเลยท้งสำมรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยอันเกิดจำกกำรกระท�ำโดยประมำทของ



จ�ำเลยท่ ๓ เป็นเหตุให้เรือโดนกัน ซ่งตำมพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงแพ่งและค่ำเสียหำย
341


จำกเรือโดนกัน พ.ศ. ๒๕๔๘ มำตรำ ๒๒ บัญญัติให้คดีเก่ยวกับควำมรับผิดทำงแพ่งและ
ค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกันตำมพระรำชบัญญัติดังกล่ำวอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ และมำตรำ ๔ ได้ให้ค�ำนิยำมของค�ำว่ำ

“เรือโดนกัน” หมำยควำมว่ำ กำรปะทะกันระหว่ำงเรือเดินทะเล หรือกำรท่เรือเดินทะเลปะทะกับเรือ



ล�ำอ่น ท�ำให้เกิดควำมเสียหำยแก่เรือ ทรัพย์สินหรือบุคคลบนเรือท่ปะทะกันล�ำหน่งล�ำใดหรือทุกล�ำ
และให้หมำยควำมรวมถึงกำรที่เรือเดินทะเลได้ก่อหรือได้รับควำมเสียหำยดังกล่ำว โดยมีสำเหตุ
จำกกำรปฏิบัติกำรหรืองดเว้นปฏิบัติกำรเก่ยวกับกำรบังคับหรือกำรควบคุมเรือ หรือกำรฝ่ำฝืน

กฎข้อบังคับเก่ยวกับกำรเดินเรือ แม้ว่ำเรือจะมิได้มีกำรปะทะกัน ท้งน้ ไม่ว่ำเหตุจะเกิดข้น




ในน่ำนน�้ำใดก็ตำม ดังนี้กำรที่เรือเดินทะเล วี.มำรีน ๙ ของจ�ำเลยที่ ๑ ชนเข้ำกับเรือเดินทะเลรักษ์
อันดำของโจทก์ จึงเป็นกรณีเรือโดนกันตำมค�ำนิยำมในมำตรำ ๔ เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำย


จำกจ�ำเลยท้งสำมจำกเหตุเรือโดนกันจึงอยู่ในบังคับของมำตรำ ๒๒ แห่งพระรำชบัญญัต ิ


ควำมรบผิดทำงแพ่งและค่ำเสียหำยจำกเรือโดนกน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซ่งบัญญัตให้อยู่ในอำนำจ



พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่ง

ทมีกฎหมำยบัญญัตให้อยู่ในอำนำจของศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ






ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐)











วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ






ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ






342

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยกิตติกร พลโภชน์ โจทก์

ที่ วทป ๔๔/๒๕๖๐ บริษัทไทย ไลอ้อน เมนทำรี
จ�ำกัด จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยรับผิดช�ำระค่ำเสียหำยจำกกรณีกระเป๋ำเดินทำงอันเป็น

สัมภำระของโจทก์ได้รับควำมเสียหำยระหว่ำงกำรขนส่งทำงอำกำศจำกท่ำอำกำศยำน



ดอนเมืองไปยังท่ำอำกำศยำนเชียงใหม่ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทกันในเร่องควำมรับผิด

และค่ำเสียหำยจำกกรณีกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศ ซ่งตกอยู่ภำยใต้บังคับของ
มำตรำ ๕๘ แห่ง พ.ร.บ. กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ก�ำหนดให้

คดีท่เก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ



ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำย
บัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม
มำตรำ ๗ (๑๐) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท ๖ เมษำยน ๒๕๖๐ โจทก์เดินทำงจำกกรงเทพมหำนครไปจังหวัด



เชียงใหม่โดยสำยกำรบินของจ�ำเลย เที่ยวบินที่ SL๕๐๘ พร้อมกระเป๋ำเดินทำง ๑ ใบ พนักงำน
ของจ�ำเลยเก็บกระเป๋ำเดินทำงดังกล่ำวไว้ในห้องเก็บสัมภำระของเคร่องบิน เม่อถึงท่ำอำกำศยำน


เชียงใหม่ โจทก์พบว่ำกระเป๋ำเดินทำงถูกเจำะซิปเพ่อค้นหำทรัพย์สินในกระเป๋ำเป็นเหตุให้กระเป๋ำ

เดินทำงเสียหำย โจทก์เรียกร้องให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย แต่จ�ำเลยปฏิเสธ ขอให้บังคับจ�ำเลย
ช�ำระเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำยใด ๆ พฤติกำรณ์

มีเพียงซิปกระเป๋ำเดินทำงของโจทก์เปิดออกเล็กน้อยและไม่ได้รับควำมเสียหำย โจทก์รับมอบ


กระเปำเดนทำงและตรวจสอบทรัพย์สินแล้ว ปรำกฏว่ำไม่มีทรพย์สินสูญหำย คดีนอยู่ในอ�ำนำจ



พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงดอนเมืองพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ี ้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์




343


คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยรับผิดช�ำระค่ำเสียหำยจำก

กรณีกระเป๋ำเดินทำงอันเป็นสัมภำระของโจทก์ได้รับควำมเสียหำยระหว่ำงกำรขนส่งทำงอำกำศ

จำกท่ำอำกำศยำนดอนเมืองไปยังท่ำอำกำศยำนเชียงใหม่ ซ่งพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มำตรำ ๓ ให้ค�ำจ�ำกัดควำม กำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศ

หมำยควำมว่ำ กำรรับขนคนโดยสำร สัมภำระ หรือของทำงอำกำศโดยอำกำศยำน ซึ่งคู่สัญญำ


ตกลงให้ถ่นต้นทำงและถ่นปลำยทำงต้งอยู่ในอำณำเขตของประเทศเดียวกัน แต่ไม่รวมถึงกำร


รับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๔ วรรคสองและวรรคสำม คดีน้จึงเป็นคดีแพ่ง
ที่พิพำทกันในเรื่องควำมรับผิดและค่ำเสียหำยจำกกรณีกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศ ซึ่ง
ตกอยู่ภำยใต้บังคับของมำตรำ ๕๘ แห่งพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๘ ท่ก�ำหนดให้คดีท่เก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศอยู่ในอ�ำนำจ




พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่ง

ท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม
มำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙











วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ






ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



344

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยสันติ สระทองดี โจทก์

ที่ วทป ๕๓/๒๕๖๐ บริษัทสำยกำรบินนกแอร์

จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย





โจทก์บรรยำยฟ้องเรียกให้จ�ำเลยรับผิดช�ำระค่ำเสียหำยเป็นค่ำต๋วโดยสำรเคร่องบิน

จำกสนำมบินดอนเมืองไปยังสนำมบินอุบลรำชธำนีซ่งโจทก์ซ้อจำกจ�ำเลย แต่จ�ำเลย















ปฏเสธไม่ทำกำรเชคอนและไม่คนค่ำตวโดยสำรแก่โจทก์ ทำให้โจทก์ต้องซอตวเครองบน



โดยสำรจำกจ�ำเลยเท่ยวใหม่อีกคร้งเพ่อไปลงยังสนำมบินบุรีรัมย์แทนในวันเดียวกัน

พร้อมกับเรียกร้องให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยอ่นอีกตำมฟ้อง อันเป็นกรณีกำรรับขน





คนโดยสำรโดยอำกำศยำนซ่งคู่สัญญำตกลงให้ถ่นต้นทำงและถ่นปลำยทำงต้งอยู่ในอำณำเขต
ของประเทศเดียวกันจึงอยู่ในควำมหมำยของ “กำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศ”
ตำม พ.ร.บ. กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มำตรำ ๓ ซ่งมำตรำ ๕๘

บัญญัติให้คดีดังกล่ำวอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๑๐)




แห่ง พ.ร.บ. จดตงศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคด ี




ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๙ สิงหำคม ๒๕๖๐ เวลำ ๘.๕๕ นำฬิกำ โจทก์จองซื้อตั๋วเครื่องบิน
ของสำยกำรบินจ�ำเลย ณ จุดบริกำรภำยในสนำมบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ DD ๙๓๑๖ จำกสนำมบิน
ดอนเมืองไปสนำมบินอุบลรำชธำนี เวลำ ๑๔.๒๕ นำฬิกำ รวม ๓ ที่นั่ง เป็นเงิน ๖,๑๔๗.๐๒ บำท
ส�ำหรับนำงดวงใจ รอดฝ่ำย นำยวัฒนำ เพชรสวำท และโจทก์ ต่อมำเวลำ ๑๑.๔๐ นำฬิกำ
พนักงำนจำเลยปฏเสธกำรเชคอินและไม่คืนเงนค่ำต๋วโดยสำรดังกล่ำว โจทก์จงต้องซ้อต๋วโดยสำร








สำยกำรบินของจ�ำเลยอีกครั้ง ด้วยเที่ยวบินที่ DD ๙๖๙๑ จำกสนำมบินดอนเมืองไปยังสนำมบิน
บุรีรัมย์วันเดียวกัน เวลำ ๑๘.๕๕ นำฬิกำ เป็นเงิน ๕,๘๔๗ บำท ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย
ต้องเสียค่ำจองซื้อตั๋วโดยสำร ๒ ครั้ง กับค่ำเหมำรถโดยสำรจำกสนำมบินบุรีรัมย์ไปยังจุดหมำย


เพ่อให้ทันน�ำพยำนไปเบิกควำมท่ศำลจังหวัดศรีสะเกษในวันรุ่งข้นเป็นเงิน ๑๗,๐๐๐ บำท และ

345

กำรด�ำเนินธุรกิจของจ�ำเลยเป็นกำรเอำเปรียบผู้บริโภค ขอให้ศำลก�ำหนดค่ำเสียหำยเชิงลงโทษ

แก่จ�ำเลยอีก ๘๕,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๐๒,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ

ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยขำดนัดยื่นค�ำให้กำร


ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงดอนเมืองเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น

ผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธ ี
พิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน


ทำงปัญญำและกำรค้ำระหวำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลทรพย์สน





ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องเรียกให้จ�ำเลยรับผิดช�ำระค่ำเสียหำย

เป็นค่ำต๋วโดยสำรเคร่องบินจำกสนำมบินดอนเมืองไปยังสนำมบินอุบลรำชธำนีซ่งโจทก์ซ้อจำก



จ�ำเลย แต่จ�ำเลยปฏิเสธไม่ท�ำกำรเช็คอินและไม่คืนค่ำตั๋วโดยสำรแก่โจทก์ ท�ำให้โจทก์ต้องซื้อตั๋ว
เคร่องบินโดยสำรจำกจ�ำเลยเท่ยวใหม่อีกคร้งเพ่อไปลงยังสนำมบินบุรีรัมย์แทนในวันเดียวกัน




พร้อมกับเรียกร้องให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยอ่นอีกตำมฟ้อง อันเป็นกรณีกำรรับขนคนโดยสำร




โดยอำกำศยำนซ่งคู่สัญญำตกลงให้ถ่นต้นทำงและถ่นปลำยทำงต้งอยู่ในอำณำเขตของประเทศ


เดยวกนจงอย่ในควำมหมำยของ “กำรรบขนทำงอำกำศภำยในประเทศ” ตำมพระรำชบญญต ิ






กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มำตรำ ๓ ซึ่งมำตรำ ๕๘ บัญญัติให้คดีดังกล่ำว

อยู่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน ้ ี

จึงเป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ




และกำรค้ำระหวำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญตจดตงศำลทรพย์สนทำงปัญญำ





และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
346















วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ



ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































347

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแซนดี้ โลจิสติกส์

ที่ วทป ๑๕/๒๕๖๒ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทอัลเทอร์เนทีฟ ทรัคกิ้ง

เซอวิสเซส จ�ำเลย




คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยรับผิดชดใช้ค่ำระวำงกำรขนส่งสินค้ำตำมสัญญำ
ในกำรส่งขนส่งสินค้ำของจ�ำเลยจำกนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบัง ประเทศไทย ไปยัง


ปอยเปต รำชอำณำจักรกัมพูชำ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่พิพำทในเร่องกำรขอให้รับผิดชดใช้

ค่ำระวำงกำรขนส่งและค่ำเสียหำย อันเกิดจำกกำรรับขนของทำงถนนระหว่ำงประเทศ
ตำม พ.ร.บ. กำรรับขนของทำงถนนระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๖ มำตรำ ๓๙ วรรคหนึ่ง


ซ่งก�ำหนดให้คดีเก่ยวกับควำมรับผิดทำงแพ่งและค่ำเสียหำยจำกกำรขนส่งระหว่ำง
ประเทศทำงถนนอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ



ระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๑๐)
แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีนำยชำคริตและนำงยุพำพร

เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีนำยอนิรุทธ์เป็นกรรมกำร

ผู้มีอ�ำนำจ เม่อเดือนมีนำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยได้ตกลงจ้ำงโจทก์ให้รับขนส่งสินค้ำด้วยรถบรรทุก




ของโจทก์เอง โดยโจทก์มีหน้ำท่ต้องไปรับสินค้ำของจ�ำเลยท่บริษัทยูนิลิเวอร์ไทยโฮลด้ง จ�ำกัด
นิคมอุตสำหกรรมลำดกระบัง กรุงเทพมหำนคร เพ่อน�ำสินค้ำไปส่งท่ปอยเปต รำชอำณำจักร



กัมพูชำ ต่อมำโจทก์ได้ขนส่งสินค้ำให้แก่จ�ำเลยหลำยคร้ง ภำยหลังขนส่งแล้วโจทก์ได้วำงบิลค่ำ

รับขนส่งสินค้ำพร้อมท้งหลักฐำนกำรขนส่งสินค้ำให้แก่จ�ำเลย โดยเม่อถึงก�ำหนดช�ำระหน้ค่ำจำง



ขนส่งแล้วโจทก์ได้ทวงถำม แต่จ�ำเลยเพิกเฉย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้
บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๕๕๑,๔๗๑.๗๑ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปีของ
ต้นเงินจ�ำนวน ๕๕๑,๔๗๑.๗๑ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง เน่องจำกคดีน้อยู่ในเขตอ�ำนำจศำลทรัพย์สิน


ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ และโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย

348




เน่องจำกโจทก์มิได้ด�ำเนินกำรขนส่งให้แล้วเสร็จตำมข้อตกลง ท้งกำรกระท�ำของโจทก์ท่ยึดหน่วง
สินค้ำของจ�ำเลยไว้ท�ำให้จ�ำเลยเสียหำย ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดมีนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร
















พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ



และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยรับผิดชดใช้ค่ำระวำงกำรขนส่งสินค้ำตำมสัญญำ
ในกำรส่งขนส่งสินค้ำของจ�ำเลยจำกนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบัง ประเทศไทย ไปยังปอยเปต
รำชอำณำจักรกัมพูชำ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่มีข้อพิจำรณำในเรื่องกำรขอให้รับผิดชดใช้ค่ำระวำง
กำรขนส่งและค่ำเสียหำย อันเกิดจำกกำรรับขนของทำงถนนระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ
กำรรับขนของทำงถนนระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๖ มำตรำ ๓๙ วรรคหน่ง ซ่งก�ำหนดให้




คดเกยวกบควำมรบผดทำงแพ่งและค่ำเสยหำยจำกกำรขนส่งระหว่ำงประเทศทำงถนนอย่ใน







อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็น

คดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙





วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ












ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๔ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
349

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยสุดจิต อภิรดี กับพวก โจทก์

ที่ วทป ๔๓/๒๕๖๒ บริษัทเดลต้ำ แอร์ไลน์

อินคอร์ปปอเรชั่น จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย






โจทก์ท้งสองเป็นผู้โดยสำรอำกำศยำนท่ให้บริกำรโดยจ�ำเลยท ๑ เดินทำงจำก


ประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกำ โดยมีก�ำหนดเปล่ยนเคร่องบินโดยสำรท่เมือง







เซ่ยงไฮ้ และเมืองดีทรอยต์ จ�ำเลยท ๑ กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ระหว่ำงเปล่ยนเคร่องบิน


โดยสำรท่เมืองเซ่ยงไฮ้ ระหว่ำงเดินทำงจำกเมืองเซ่ยงไฮ้ ไปยังเมืองดีทรอยต์ และระหว่ำง



เดนทำงกลบประเทศไทย จงเป็นกรณรบขนคนโดยสำรทำงอำกำศโดยอำกำศยำน



ซ่งคู่สัญญำตกลงให้ถ่นต้นทำงและถ่นปลำยทำงต้งอยู่ในอำณำเขตของสองประเทศ




ตำม พ.ร.บ. กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มำตรำ ๔ วรรคสอง



เม่อกฎหมำยดังกล่ำว มำตรำ ๕๖/๔ ก�ำหนดให้คดีท่เก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศ
ระหว่ำงประเทศอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________
โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้ให้บริกำรรับส่งผู้โดยสำรทำงอำกำศระหว่ำง


ประเทศใช้ช่อว่ำ สำยกำรบินเดลต้ำ แอร์ไลน์ มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นตัวแทนจ�ำหน่ำยบัตรโดยสำร


เม่อวันท่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๖๑ โจทก์ท้งสองใช้บริกำรสำยกำรบินของจ�ำเลยท้งสองเพ่อเดินทำงจำก





ท่ำอำกำศยำนนำนำชำติสุวรรณภูมิ ไปยังมลรัฐอินเดียนำ ประเทศสหรัฐอเมริกำ โดยมีก�ำหนด











เปลยนเครองบนโดยสำรทเมองเซยงไฮ้ ประเทศสำธำรณรฐประชำชนจน และทเมองดทรอยต์





ประเทศสหรัฐอเมริกำ ตำมล�ำดับ เมื่อเดินทำงมำถึงท่ำอำกำศยำนนำนำชำติผู่ตง เมืองเซี่ยงไฮ้

เครองบินท่โจทก์ท้งสองโดยสำรไม่เข้ำจอดท่หลุมจอดประชิดอำคำรเป็นเหตุให้โจทก์ทงสอง













ไม่สำมำรถใช้สะพำนเทยบเครองบนเดนทำงเข้ำอำคำรสนำมบนได้ โจทก์ท ๒ ซงเดนทำงด้วย




กำรน่งรถเข็นหรือวีลแชร์ ต้องใช้บันไดลงจำกเคร่องบินโดยสำรโดยมีเจ้ำหน้ำท่ประจ�ำสนำมบิน







และประจ�ำเครองบินโดยสำรช่วยกันพยุงลงบันได เจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยทงสองยังจดให้โจทก์


350

ที่ ๒ และผู้โดยสำรที่ใช้รถเข็นคนอื่น เดินทำงด้วยรถโดยสำรร่วมกับผู้โดยสำรอื่นไปยังสถำนีพัก








ผู้โดยสำรรอเปล่ยนเคร่อง ระหว่ำงเดินทำง รถเข็นท่โจทก์ท่ ๒ น่งมำกระแทกกับท่น่งใน

รถโดยสำร เป็นเหตุให้โจทก์ท่ ๒ เจ็บเข่ำ เม่อถึงก�ำหนดเดินทำงไปยังเมืองดีทรอยต์ จ�ำเลยท้งสอง


ใช้รถยนต์ท่มีลิฟต์ยกโจทก์ท่ ๒ พร้อมรถเข็นหรือวีลแชร์ข้นส่งบนเคร่องบินโดยสำร ระหว่ำงเดินทำง









โจทก์ท้งสองขอเปล่ยนท่น่งของโจทก์ท่ ๑ ให้มำน่งติดกันกับโจทก์ท่ ๒ ตำมค�ำแนะน�ำของ


เจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยท้งสองประจ�ำท่ำอำกำศยำนนำนำชำติสุวรรณภูมิ แต่หัวหน้ำพนักงำนต้อนรับ






ประจ�ำเคร่องไม่ยนยอมและใช้วำจำและกรยำไม่สุภำพ ดถูกเหยยดหยำมโจทก์ทงสอง ก่อให้











เกดควำมเสยหำยเสอมเสยต่อเกยรตยศ ชอเสยง และควำมไม่สะดวกทอำจก่อให้เกดอนตรำย









แก่กำยของโจทก์ท้งสองได้ ต่อมำ เม่อวันท่ ๑๑ เมษำยน ๒๕๖๑ ระหว่ำงเดินทำงกลับประเทศไทย

ขณะเดินทำงจำกเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกำ มำยังสนำมบินนำนำชำติผู่ตง เมืองเซ่ยงไฮ้



ประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจน เคร่องบนโดยสำรไม่สำมำรถให้บริกำรห้องนำและนำร้อน





ส�ำหรับชงชำและกำแฟได้ เป็นเหตุให้โจทก์ท้งสองไม่ได้รับควำมสะดวก เม่อกลับมำถึงประเทศไทย

แพทย์แจ้งแก่โจทก์ท่ ๒ ว่ำ ต้องผ่ำตัดเปล่ยนหัวเข่ำเสียค่ำตรวจรักษำ ๙๐๐,๐๐๐ บำท และในส่วน


ของควำมเสียหำยต่อเกียรติยศช่อเสียงน้น คิดเป็นเงินหลำยล้ำนบำท แต่โจทก์ท้งสองขอคิดเพียง



๑๐๐,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองช�ำระเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ

๑๕ ตอป ของตนเงินจ�ำนวนดังกลำวนับแตวันฟองเปนตนไปจนกวำจะช�ำระเสร็จแกโจทกทั้งสอง











จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ






และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ สำยกำรบนไชน่ำ อสเทร์น แอร์ไลน์ เป็นผ้ให้บริกำรโจทก์ทงสอง

ระหว่ำงเดินทำงจำกท่ำอำกำศยำนนำนำชำติสุวรรณภูมิไปยังท่ำอำกำศยำนนำนำชำติผู่ตง


เมืองเซ่ยงไฮ้ ประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีน จ�ำเลยท่ ๑ ไม่มีส่วนเก่ยวข้องกับกำรให้บริกำร

เจ้ำหน้ำท่ผู้ดูแลจัดกำรจรำจรในท่ำอำกำศยำนนำนำชำติผู่ตงเป็นผู้รับผิดชอบและตัดสินใจว่ำ

ให้เคร่องบินโดยสำรล�ำใดจอดในต�ำแหน่งใด จ�ำเลยท่ ๑ ไม่มีอ�ำนำจตัดสินใจ เจ้ำหน้ำท่ของ



สำยกำรบินไชน่ำ อีสเทิร์น แอร์ไลน์ อ�ำนวยควำมสะดวกให้โจทก์ท่ ๒ ตำมมำตรฐำนกำร










ปฏบตงำนแล้ว กำรบำดเจบทหัวเข่ำของโจทก์ท ๒ ไม่ได้เกดจำกกำรเดนลงบนไดเครองบน





โดยสำรหรือโดยสำรรถรับส่ง โจทก์ท่ ๒ ไม่เคยแจ้งให้จ�ำเลยท่ ๑ หรือเจ้ำหน้ำท่ของท่ำอำกำศยำน




นำนำชำติผู่ตงทรำบว่ำ โจทก์ท่ ๒ ได้รับบำดเจ็บท่หัวเข่ำจำกกำรถูกพยุงลงจำกเคร่องบินโดยสำร



และระหว่ำงโดยสำรรถรับส่ง อำกำรบำดเจ็บของโจทก์ท่ ๒ จึงไม่ได้เกิดจำกกำรโดยสำรเคร่องบิน


ดังกล่ำว จ�ำเลยท่ ๑ ให้บริกำรโจทก์ท้งสองระหว่ำงเดินทำงจำกท่ำอำกำศยำนนำนำชำติผู่ตง

351

ไปยังท่ำอำกำศยำนนำนำชำติดีทรอยต์ เมโทร มลรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกำ กำรเปลี่ยน



ท่น่งของผู้โดยสำรเป็นอ�ำนำจกำรตัดสินใจของพนักงำนต้อนรับบนเคร่องบินโดยสำรโดยต้อง





ค�ำนึงถึงควำมเหมำะสม เม่อมีผู้โดยสำรอ่นจองบัตรโดยสำรระบุท่น่งท่โจทก์ท้งสองจะขอ







สับเปล่ยน ผู้โดยสำรคนน้นจึงมีสิทธิท่จะน่งในท่น่งดังกล่ำว หัวหน้ำพนักงำนต้อนรับจึงไม่อำจ







สับเปล่ยนท่น่งให้โจทก์ท้งสองได้ พนักงำนของจ�ำเลยท่ ๑ ไม่ได้กระท�ำกำรอันเป็นกำรดูหม่น
เหยียดสีผิวโจทก์ทั้งสอง ทั้งเหตุดังกล่ำวเกิดขึ้นนอกเขตอ�ำนำจศำลไทย ในส่วนเที่ยวบินขำกลับ



ประเทศไทยน้น กำรท่ไม่มีน้ำบริกำรส�ำหรับห้องน้ำและน้ำร้อนส�ำหรับชงกำแฟ ก็มิได้เกิดจำก



กำรกระท�ำโดยจงใจหรือประมำทเลินเล่อของจ�ำเลยท่ ๑ แม้จะท�ำให้โจทก์ท้งสองไม่ได้รับ

ควำมสะดวกสบำย แต่ก็ไม่ถึงขนำดท�ำให้เกิดควำมเสียหำยต่อชีวิต ร่ำงกำย อนำมัย เสรีภำพ


ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่ำงหน่งอย่ำงใด จ�ำเลยท่ ๑ จึงไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง ค่ำ



เสียหำยท่โจทก์ท้งสองเรียกมำไม่มีอยู่จริง ท้งยังเป็นกำรกล่ำวอ้ำงลอย ๆ ไม่มีเอกสำรหรือ

หลักฐำนใด ๆ มำยืนยัน จ�ำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ


และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนของจ�ำเลยที่ ๑ ในกำรจ�ำหน่ำยบัตรโดยสำร






ไม่ได้เป็นผ้กระทำละเมด และไม่ได้เป็นผ้ให้บรกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ สำยกำรบนไชน่ำ



อีสเทิร์น แอร์ไลน์ เป็นผู้ให้บริกำรโจทก์ท้งสองในขณะเกิดเหตุ เหตุท่เคร่องบินโดยสำรไม่ได้
เข้ำจอดกับสะพำนเทียบเครื่องบินนั้น ไม่ได้เกิดจำกจ�ำเลยที่ ๒ กำรที่เครื่องบินโดยสำรตำมฟ้อง

จะเข้ำจอดในต�ำแหน่งใดเป็นไปตำมค�ำส่งของเจ้ำหน้ำท่สนำมบิน มิใช่เกิดจำกกำรกระท�ำของ

สำยกำรบิน เหตุท่โจทก์ท่ ๒ ได้รับบำดเจ็บและกำรใช้วำจำดูหม่นโจทก์ท้งสอง เกิดจำกกำร












กระทำของเจ้ำหน้ำทผ้ให้บรกำร โจทก์ทงสองชอบทจะใช้สทธฟ้องต่อเจ้ำหน้ำททกระทำละเมด











โดยตรงได้ กำรท่โจทก์ท้งสองน�ำคดีน้มำฟ้องจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริต





จ�ำเลยท่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดในควำมเสียหำย ค่ำเสียหำยท่โจทก์ท้งสองเรียกร้องมำไม่มีอยู่จริง
ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
352



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เก่ยวข้องกับกำรรับขนคนโดยสำร ตำมพระรำชบัญญัติกำรรับขน




ทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซ่งอย่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำลทรัพย์สิน



ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจดตงศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐) หรือไม่ เหนว่ำ โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นผู้โดยสำร




อำกำศยำนท่ให้บริกำรโดยจ�ำเลยท่ ๑ เดินทำงจำกประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกำ


โดยมีก�ำหนดเปล่ยนเคร่องบินโดยสำรท่เมืองเซ่ยงไฮ้ และเมืองดีทรอยต์ จ�ำเลยท่ ๑ กระท�ำ







ละเมิดต่อโจทก์ระหว่ำงเปล่ยนเคร่องบินโดยสำรท่เมืองเซ่ยงไฮ้ ระหว่ำงเดินทำงจำกเมืองเซ่ยงไฮ้


ไปยังเมืองดีทรอยต์ และระหว่ำงเดินทำงกลับประเทศไทย เป็นเหตุให้โจทก์ท้งสองได้รับ
ควำมเสียหำย จึงเป็นกรณีรับขนคนโดยสำรทำงอำกำศโดยอำกำศยำนซ่งคู่สัญญำตกลง


ให้ถ่นต้นทำงและถ่นปลำยทำงต้งอยู่ในอำณำเขตของสองประเทศ ตำมพระรำชบัญญัต ิ


กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มำตรำ ๔ วรรคสอง ท�ำให้คดีมีประเด็น
ต้องพิจำรณำถึงนิติสัมพันธ์ สิทธิ หน้ำท่และควำมรับผิดชอบระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลย





ท้งสองว่ำเป็นไปตำมกฎหมำยฉบับน้หรือไม่เม่อกฎหมำยดังกล่ำว มำตรำ ๕๖/๔ ก�ำหนด
ให้คดีท่เก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ




ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับกำรขนส่ง

ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



353

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวสมบูรณ์ ทั่วถวิล โจทก์

ที่ วทป ๔๕/๒๕๖๒ บริษัทกำรบินไทย จ�ำกัด จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดน้เป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำล

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ หรือไม่น้น เน่องจำกคดีน้โจทก์ฟ้องให้



จ�ำเลยรับผิดชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนอันเกิดจำกกำรกระท�ำของจ�ำเลยในกำรท่เท่ยวบิน

ล่ำช้ำ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยโรคประจ�ำตัวก�ำเริบ และไม่สำมำรถอบรม
ประกำศนียบัตรกฎหมำยของส�ำนักฝึกอบรมกฎหมำยแห่งเนติบัณทิตยสภำได้ ส่วนจ�ำเลย
ให้กำรปฎิเสธว่ำได้ปฏิบัติตำมมำตรฐำนสำกลแล้ว ค�ำฟ้องโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลย









จึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงเกยวกับ สิทธ หน้ำท และควำมรับผดภำยใต้ควำมผกพันเร่อง
กำรขนส่งทำงอำกำศภำยในประเทศ ตำมมำตรำ ๕๘ แห่ง พ.ร.บ. กำรรับขนทำงอำกำศ


ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่กฎหมำยบัญญัติว่ำให้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ

มำตรำ ๗ (๑๐) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด โดยเม่อวันท่ ๑๕


กุมภำพันธ ๒๕๖๒ เวลำ ๑๗ น. โจทกเดินทำงจำกสนำมบินหำดใหญ จังหวัดสงขลำ ไปสนำมบิน


สุวรรณภูมิ กับเท่ยวบินทีจี ๒๒๖๔ ซ่งเป็นเท่ยวบินของจ�ำเลย โดยจ�ำเลยได้จัดกำรให้โจทก์




เดินทำงร่วมไปกับสำยกำรบินไทยสมำยล์ ซ่งจ�ำเลยท�ำธุรกิจกำรบินร่วมกันและเป็นบริษัทลูก
ของจ�ำเลย โดยมีก�ำหนดออกจำกสนำมบินหำดใหญ่เวลำ ๑๘.๔๕ น. และถึงสนำมบินสุวรรณภูมิ
เวลำ ๒๐.๑๐ น. ต่อมำจ�ำเลยได้ยกเลิกเท่ยวบินดังกล่ำวโดยไม่ยอมแจ้งให้ผู้โดยสำรทรำบ

ท�ำให้โจทก์ต้องนั่งรออยู่ที่สนำมบินหำดใหญ่ จังหวัดสงขลำ เป็นเวลำ ๗ ชั่วโมง ท�ำให้โรคประจ�ำตัว

ของโจทก์ก�ำเริบและพลำดกำรเข้ำอบรมประกำศนียบัตรกฎหมำยของส�ำนักอบรมกฎหมำย

แห่งเนติบัณฑิตยสภำ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย

๒๓๔,๒๗๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับแต่วันฟ้อง

เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ และขอให้ส่งค่ำเสียหำยเพ่อกำรลงโทษจ�ำเลยเป็นสองเท่ำของ



354





ค่ำเสียหำยท่แท้จริงท่ศำลก�ำหนดหรือห้ำเท่ำกรณีท่ศำลก�ำหนดค่ำเสียหำยท่แท้จริงไม่เกิน
๕๐,๐๐๐ บำท
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์และไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่ำเสียหำย


แก่โจทก์ ส�ำหรับเท่ยวบินน้จ�ำเลยได้แจ้งปัญหำให้ผู้โดยสำรและจ�ำเลยทรำบตลอดจนด�ำเนินกำร
ต่ำง ๆ ตำมมำตรฐำนสำกลเพ่อบรรเทำควำมเสียหำยให้แก่ผู้โดยสำรแล้ว โดยจ�ำเลยและผู้โดยสำรได้

ทรำบถึงก�ำหนดเวลำท�ำกำรบินใหม่ในเที่ยวบินเดิมคือวันที่ ๑๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๒ เวลำ ๘.๒๐ น.

พร้อมจัดอำหำร ค่ำใช้จ่ำยและท่พักในกำรรอเท่ยวบินดังกล่ำว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่ำ

เสียหำยจำกจ�ำเลย และไม่มีสิทธิเรียกร้องค่ำเสียหำยเชิงลงโทษจำกจ�ำเลย เนื่องจำกพระรำชบัญญัติ

วิธีพิจำรณำคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ ไม่น�ำมำใช้บังคับแก่คดีนี้ ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแขวงสงขลำ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดชดใช้ค่ำสินไหม

ทดแทนควำมเสียหำยอันเกิดจำกกำรกระท�ำของจ�ำเลยในกำรท่เท่ยวบินล่ำช้ำ เป็นเหตุให้โจทก์



ต้องน่งรออยู่ท่สนำมบินหำดใหญ่ จังหวัดสงขลำ เป็นเวลำ ๗ ช่วโมง ท�ำให้โรคประจ�ำตัวของ


โจทก์ก�ำเริบและไม่สำมำรถเข้ำอบรมประกำศนียบัตรกฎหมำยของส�ำนักฝึกอบรมกฎหมำย
แห่งเนติบัณฑิตยสภำได้ จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธอ้ำงว่ำ จ�ำเลยได้แจ้งปัญหำให้ผู้โดยสำรและจ�ำเลย
ทรำบตลอดจนด�ำเนินกำรต่ำง ๆ ตำมมำตรฐำนสำกลเพื่อบรรเทำควำมเสียหำยให้แก่ผู้โดยสำร

แล้ว ดังนี้ ค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยจึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงเกี่ยวกับสิทธิ หน้ำที่


และควำมรับผิดภำยใต้ควำมผูกพันในเร่องของกำรขนส่งทำงอำกำศภำยในประเทศ คดีน้จึง

เป็นคดีแพ่งท่พิพำทในเร่องควำมรับผิดและฟ้องเรียกค่ำเสียหำยในกำรรับขนทำงอำกำศภำยใน


ประเทศ ซึ่งมำตรำ ๕๘ แห่งพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘
บัญญัติให้คดีเก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ




355



ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่กฎหมำยบัญญัติว่ำ
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม


บทบัญญัติมำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙














วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ




ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ




































356

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยอมเรศ กระบวนสิน

ที่ วทป ๑๓/๒๕๖๓ กับพวก โจทก์

บริษัทไทย ไลอ้อน เมนทำรี
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย





ฟ้องโจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองผิดสัญญำให้บริกำรขนส่งผู้โดยสำรทำงอำกำศ
และขอให้คืนเงินค่ำโดยสำรเครื่องบินในเที่ยวบินที่จ�ำเลยที่ ๑ ยกเลิก พ.ร.บ. กำรรับขน


ทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่มีบทบัญญัติใดท่ก�ำหนดให้ใช้บังคับเฉพำะ



เม่อคู่สัญญำท่เป็นผู้โดยสำรได้เข้ำไปในอำกำศยำนเสียก่อน คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ

กำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๕๘ แห่ง พ.ร.บ. กำรรับขนทำงอำกำศ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘

_____________________________












โจทก์ท้งส่ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓ โจทก์ท่ ๑ ส่งซ้อต๋วโดยสำรเคร่องบิน
ของจ�ำเลยที่ ๑ ผ่ำนจ�ำเลยที่ ๒ ส�ำหรับให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ เดินทำงไปกรุงเทพมหำนคร ใน


วันท่ ๗ เมษำยน ๒๕๖๓ และกลับหำดใหญ่ ในวันท่ ๑๔ เมษำยน ๒๕๖๓ เป็นเงินจ�ำนวน
๖,๗๒๐.๑๘ บำท และให้โจทก์ท่ ๓ และท่ ๔ เดินทำงไปกรุงเทพมหำนคร ในวันท่ ๑๑ เมษำยน ๒๕๖๓




และกลับหำดใหญ่ ในวันท่ ๑๓ เมษำยน ๒๕๖๓ เป็นเงินจ�ำนวน ๗,๑๘๐.๗๔ บำท ต่อมำ
จ�ำเลยที่ ๑ ประกำศหยุดท�ำกำรบินนับแต่วันที่ ๒๕ มีนำคม ๒๕๖๓ ถึง ๓๐ เมษำยน ๒๕๖๓


รวมถึงเส้นทำงและช่วงเวลำท่โจทก์ท้งส่จองต๋วโดยสำรด้วย โจทก์ท้งส่ขอคืนเงินเต็มจ�ำนวน




ที่ได้ช�ำระไป แต่ฝ่ำยจ�ำเลยบ่ำยเบี่ยงและขอคืนเป็นเครดิต (Credit shell) แทนเงินสดอันเป็นกำร
ผิดสัญญำให้บริกำรขนส่งผู้โดยสำรทำงอำกำศ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระเงิน

๒๑,๙๐๐.๙๒ บำท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวนับแต่วันที่ ๒๑
กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓ เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ทั้งสี่
ในระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงสงขลำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น



357


ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน








ทำงปัญญำและกำรค้ำระหวำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลทรพย์สน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ทั้งสี่ฟ้องให้จ�ำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิด โดย
ตำมค�ำฟ้องโจทก์อ้ำงอยู่แล้วว่ำจ�ำเลยท้งสองผิดสัญญำให้บริกำรขนส่งผู้โดยสำรทำงอำกำศให้


คืนเงินค่ำโดยสำรเคร่องบินในเท่ยวบินท่จ�ำเลยท่ ๑ ยกเลิก ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งส่ จึงมีข้อ







ให้ต้องพิจำรณำเก่ยวกับสิทธิ หน้ำท่ และควำมรับผิดเก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศ

ตำมพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยพระรำชบัญญัต ิ



ดังกล่ำวไม่มีบทบัญญัติใดท่ก�ำหนดให้ใช้บังคับเฉพำะเม่อคู่สัญญำท่เป็นผู้โดยสำรได้เข้ำไปใน




อำกำศยำนเสียก่อนดังท่โจทก์ท้งส่คัดค้ำน คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศ


ภำยในประเทศ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๕๘ แห่งพระรำชบัญญัติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๘ จงเป็นคดแพงทมีกฎหมำยบัญญัตให้อยในอำนำจของศำลทรพยสินทำงปัญญำและ











กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๑๐) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ ด้วย


วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ















ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
358

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัททีเอ็นที เอ็กซเพรส

ที่ วทป ๔๕/๒๕๖๔ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย)

จ�ำกัด โจทก์
บริษัทลอฟบำซ จ�ำกัด จ�ำเลย




จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้ขนส่งสินค้ำทำงอำกำศโดยรับสินค้ำจำกผู้ส่งในประเทศไทย











ไปส่งมอบแก่ผ้รบในต่ำงประเทศหลำยครง จำเลยยงมหนค่ำขนส่งและค่ำภำษศลกำกร
ู่



คำงช�ำระโจทก์อย ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้และยังฟ้องแย้งเรียกคำเสียหำยอนเน่องมำจำก


กำรท่โจทก์ขนส่งล่ำช้ำ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ และในส่วน


ฟ้องแย้งเป็นคดีท่เก่ยวกับกำรรับขนของทำงอำกำศระหว่ำงประเทศซ่ง พ.ร.บ. กำรรับขน



ทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก�ำหนดให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน
ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย

และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)




























359

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวอทิตยำ กุลวุฒิ

ที่ วทป ๖๐/๒๕๖๔ กับพวก โจทก์

บริษัทไทยแอร์เอเชีย
จ�ำกัด จ�ำเลย










พนักงำนของจ�ำเลยปฏิเสธไม่ให้โจทก์ท ๑ ข้นเคร่องบินโดยสำร อ้ำงว่ำโจทก์ท ๑
อยู่ในระหว่ำงกำรต้งครรภ์และใบรับรองแพทย์ท่น�ำมำแสดงมีอำยุเกิน ๑ เดือน และ



เป็นเหตุให้โจทก์ท ๒ ไม่สำมำรถเดินทำงได้เน่องจำกต้องอยู่ดูแลโจทก์ท ๑ เป็นคดีท ี ่









เกยวกบกำรรบขนทำงอำกำศภำยในประเทศ ซงมำตรำ ๕๘ แห่ง พ.ร.บ. กำรรบขน



ทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ บญญัติให้อยู่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ



ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________

โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ จ�ำเลยประกอบธุรกิจสำยกำรบิน โจทก์ท้งสองจองเท่ยวบินเดินทำง





จำกทำอำกำศยำนจังหวัดรอยเอ็ดไปยังทำอำกำศยำนดอนเมือง เที่ยวบิน FD3565 เดินทำงวันที่
๒๕ ธันวำคม ๒๕๖๓ เวลำ ๑๒.๕๕ นำฬิกำ เมื่อถึงก�ำหนดเดินทำง พนักงำนของจ�ำเลยไม่ยอม
ให้โจทก์ที่ ๑ ขึ้นเครื่องบินโดยสำร อ้ำงว่ำโจทก์ที่ ๑ อยู่ในระหว่ำงกำรตั้งครรภ์โจทก์ที่ ๑ แสดง
ใบรับรองแพทย์ที่ระบุอำยุครรภ์ไม่เกิน ๓๕ สัปดำห์ ให้พนักงำนของจ�ำเลยดู พนักงำนของจ�ำเลย
กลับอ้ำงว่ำใบรับรองแพทย์ดังกล่ำวมีอำยุเกิน ๑ เดือน และให้โจทก์ที่ ๑ ไปขอใบรับรองแพทย์
ฉบับใหม่มำแสดง และเปลี่ยนเวลำกำรเดินทำงไปเป็นเที่ยวบิน FD3569 เดินทำงในวันเดียวกัน
เวลำ ๑๙.๔๐ นำฬิกำ โจทก์ที่ ๒ ซึ่งเป็นสำมีของโจทก์ที่ ๑ จึงต้องเปลี่ยนแปลงกำรเดินทำงเพื่อ
อยู่ดูแลโจทก์ที่ ๑ กำรกระท�ำของจ�ำเลยจึงเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองได้รับควำมเสียหำย โจทก์ที่ ๑


ต้องไปขอใบรับรองแพทย์ฉบับใหม่มำแสดง นอกจำกน้จ�ำเลยยังให้โจทก์ท่ ๑ ลงช่อในหนังสือกำร














สละสทธและคำชดเชยอนเป็นกำรไมชอบ ขอใหบงคบจำเลยชดใชคำเวชภณฑและคำธรรมเนยม


บุคลำกรทำงกำรแพทย์ ๑,๑๕๐ บำท ค่ำเหมำรถแท็กซ่ไปและกลับระหว่ำงท่ำอำกำศยำน

จังหวัดร้อยเอ็ดและโรงพยำบำล ๕๐๐ บำท ค่ำธรรมเนียมกำรเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน ๖๘๔ บำท
ค่ำจอดรถที่ท่ำอำกำศยำนดอนเมือง ๒๘๐ บำท รวมเป็นค่ำเสียหำยทั้งสิ้น ๒,๖๑๔ บำท
360



จ�ำเลยให้กำรว่ำ พนักงำนของจ�ำเลยมีหน้ำท่ในกำรตรวจสอบตำมข้อก�ำหนดและเง่อนไข






กำรบินในเร่องเก่ยวกับผู้โดยสำรต้งครรภ์ซ่งเป็นข้อก�ำหนดเพ่อควำมปลอดภัยของโจทก์ท่ ๑ เอง



กำรท่พนักงำนของจ�ำเลยขอใบรับรองแพทย์ฉบับท่เป็นปัจจุบันท่สุดก็เพ่อน�ำมำประกอบกำร

พิจำรณำเพ่อควำมถ่ถ้วนตำมข้อก�ำหนดและเง่อนไขดังกล่ำว โจทก์ท้งสองมีหน้ำท่ต้องทรำบ








ข้อก�ำหนดและเง่อนไขกำรบินก่อนท่จะท�ำกำรจองต๋วเคร่องบินโดยสำรแล้ว จ�ำเลยจึงไม่ได้

ท�ำละเมิด โจทก์ทั้งสองไม่ได้รับควำมเสียหำย ขอให้ยกฟ้อง



ระหว่ำงพิจำรณำ ทนำยจ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ คดีน้มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรรับขนทำง

อำกำศ ศำลแขวงดอนเมืองเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคด ี

ไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำม

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีท่เก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศตำมพระรำชบัญญัต ิ


กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ท่มีกฎหมำยบัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจของ

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ท้งสองบรรยำยฟ้องสรุป
ได้ว่ำ โจทก์ท้งสองจองต๋วเคร่องบินโดยสำรเพ่อเดินทำงจำกท่ำอำกำศยำนจังหวัดร้อยเอ็ด




ไปยังท่ำอำกำศยำนดอนเมือง เมื่อถึงก�ำหนดเดินทำง พนักงำนของจ�ำเลยปฏิเสธไม่ให้โจทก์ที่ ๑

ข้นเคร่องบินโดยสำร อ้ำงว่ำโจทก์ท่ ๑ อยู่ในระหว่ำงกำรต้งครรภ์และใบรับรองแพทย์ท่น�ำมำ




แสดงมีอำยุเกิน ๑ เดือน และเป็นเหตุให้โจทก์ที่ ๒ ไม่สำมำรถเดินทำงได้เนื่องจำกต้องอยู่ดูแล
โจทก์ท่ ๑ ส่วนจ�ำเลยให้กำรว่ำ พนักงำนของจ�ำเลยปฏิบัติหน้ำท่ไปโดยถูกต้องแล้ว ดังน้ คด ี



















จงมประเดนข้อพพำทให้ต้องวนจฉยถงสทธ หน้ำท และควำมรบผดตำมสญญำทจำเลยตกลง


กับโจทก์ท้งสองเพ่อรับขนคนโดยสำรโดยอำกำศยำนระหว่ำงท่ำอำกำศยำนภำยในประเทศไทย





อันเป็นคดีท่เก่ยวกับกำรรับขนทำงอำกำศภำยในประเทศ ซ่งมำตรำ ๕๘ แห่งพระรำชบัญญัต ิ
กำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ





ของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำระหวำงประเทศ จงเปนกรณทมกฎหมำยบญญตใหอย่ใน












อ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
361


ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๐)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕




อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ







































362

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโคเจน อินเวสเมนท์ส

ที่ วทป ๔๐/๒๕๖๓ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทเซอร์วิส โฮลดิ้ง

จ�ำกัด จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีเก่ยวกับอนุญำโตตุลำกำรเพ่อระงับข้อพิพำท

ตำมสัญญำซื้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ และนิติกรรมที่เกี่ยวเนื่อง หรือไม่นั้น


เน่องจำกคดีน้ผู้ร้องกล่ำวอ้ำงในค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำย
ดินแดนหมู่เกำะบริติชเวอร์จิน กับผู้คัดค้ำนซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำย


ประเทศไทย โดยผู้ร้องและผู้คัดค้ำนต่ำงเข้ำท�ำสัญญำซ้อขำยหุ้นและสัญญำให้สิทธิเลือก

ท่จะซ้อและขำยหุ้น ต่อมำผู้คัดค้ำนไม่ปฏิบัติตำมข้อตกลงตำมสัญญำ ผู้ร้องจึงเสนอ

ข้อพิพำทต่ออนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐ



สงคโปร์ ตำมข้อตกลงในสญญำ จนกระทงมคำชขำดจำกอนญำโตตลำกำร สถำบน









อนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐสิงคโปร์ โดยผู้คัดค้ำนคัดค้ำนว่ำ ค�ำชี้ขำด
ไม่มีมูล กำรเสนอข้อพิพำทให้แก่คณะอนุญำโตตุลำกำรโดยมิชอบ ท้งขัดต่อควำมสงบ


เรียบร้อยและศีลธรรมอันด จะเห็นว่ำ ตำมค�ำร้องและค�ำคัดค้ำนมีปัญหำให้ต้องพิจำรณำ



ถึงสิทธิและหน้ำท่ของคู่สัญญำตำมข้อตกลง ซ่งก�ำหนดให้ผู้ร้องซ่งอยู่ในประเทศหน่ง

มีสิทธิในกำรซ้อขำยหุ้น และมีสิทธิเลือกท่จะซ้อหรือขำยหุ้นแก่ผู้คัดค้ำน ซ่งอยู่อีกประเทศหน่ง





อันมีลักษณะเป็นกำรซ้อขำยตรำสำร ตลอดจนตรำสำรกำรเงินประเภทท�ำนองเดียวกับ













ธุรกรรมหรืออนพันธ์ทำงกำรเงินท่ทำขนเพ่อตกลงให้ผ้ซอและผู้ขำยมีสทธซ้อหรอ

ขำยสิทธ ในทรัพย์สินภำยในก�ำหนดอำยุสัญญำ กรณีจึงเป็นกำรซ้อขำยตรำสำร


กำรเงินระหว่ำงประเทศและนิติกรรมท่เก่ยวเน่อง ดังน้น กำรท่ผู้ร้องย่นค�ำร้องขอให้บังคับ







ตำมค�ำช้ขำดของอนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐ


สิงค์โปร์ เพ่อให้ศำลบังคับตำมค�ำช้ขำด จึงเป็นกำรด�ำเนินกำรในกระบวนกำรอนุญำโตตุลำกำร

ตำมกฎหมำย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับอนุญำโตตุลำกำรเพ่อระงับข้อพิพำทกำรตำม


สัญญำซื้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศและนิติกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ตำมบทบัญญัติ
มำตรำ ๗ (๑๑) ประกอบมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
363


ผู้ร้องย่นค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องเป็นบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยของดินแดนหมู่เกำะ

บริติชเวอร์จิน ส่วนผู้คัดค้ำนเป็นบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยประเทศไทย โดยเม่อวันท ี ่
๒๘ มิถุนำยน ๒๕๕๖ ผู้ร้องได้เข้ำท�ำสัญญำซื้อขำยหุ้นกับผู้คัดค้ำน และมีกำรท�ำสัญญำซื้อหุ้น
ของบริษัทเนชั่นแนล เพำเวอร์ ซัพพลำย จ�ำกัด (มหำชน) จำกบริษัทเบลวิน อินเตอร์เนชั่นแนล

จ�ำกัด จ�ำนวนหนึ่ง และต่อมำเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎำคม ๒๕๕๖ ได้เข้ำท�ำสัญญำให้สิทธิเลือกที่จะ

ซ้อหรือขำยหุ้น โดยในกำรท�ำสัญญำดังกล่ำวผู้ร้องอำจใช้สิทธิเลือกท่จะขำยหุ้นได้ภำยในก�ำหนด


ระยะเวลำ ภำยหลังเข้ำท�ำสัญญำแล้วผู้คัดค้ำนไม่ปฏิบัติตำมสัญญำ กำรกระท�ำดังกล่ำวท�ำให้


ผู้ร้องได้รับควำมเสียหำย ผู้ร้องจึงได้เสนอข้อพิพำทท่เกิดข้นต่อคณะอนุญำโตตุลำกำร สถำบัน
อนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐสิงคโปร์ ตำมข้อตกลงในสัญญำ โดยต่อมำ


คณะอนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐสิงคโปร์ ได้มีค�ำช้ขำด
ให้ผู้คัดค้ำนต้องช�ำระเงิน ๒,๘๓๗,๘๔๐,๔๗๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๑๒ ต่อปี ของ
ต้นเงิน ๒,๘๓๗,๘๔๐,๔๗๘ บำท และให้ช�ำระค่ำฤชำธรรมเนียมทั้งปวงที่เกิดขึ้นในกระบวนกำร









อนญำโตตลำกำร ตอมำในเดอนมกรำคม ๒๕๖๓ ผ้รองไดนำสงหนงสอบอกกลำวทวงถำมตำม






ค�ำช้ขำดแก่ผู้คัดค้ำนแล้ว แต่ผู้คัดค้ำนเพิกเฉย จึงร้องขอให้ศำลพิพำกษำบังคับตำมค�ำช้ขำดของ
คณะอนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐสิงคโปร์













ผ้คดคำนย่นคำคัดคำนวำ คำชขำดของคณะอนญำโตตุลำกำร สถำบนอนญำโตตุลำกำร
ระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐสิงคโปร์ ของผู้ร้องไม่มีมูล เนื่องจำกไม่มีเหตุตำมกฎหมำยเพียงพอ

และกำรมอบอ�ำนำจของผู้ร้องในคดีน้ไม่ชอบด้วยกฎหมำย โดยผู้ร้องไม่มีสิทธิตำมสัญญำดังท ี ่
ผู้ร้องกล่ำวอ้ำง ผู้คัดค้ำนไม่ได้รับค�ำเสนอข้อพิพำทโดยชอบ และไม่ได้มีกำรแจ้งให้ผู้คัดค้ำน


ร้ล่วงหน้ำ อีกทงคำช้ขำดของคณะอนุญำโตตุลำกำรก็ขดต่อควำมสงบเรยบร้อยและศีลธรรม





อันดี ผู้ร้องใช้สิทธิทำงศำลโดยไม่สุจริต ขอให้ยกค�ำร้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ
กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำว

















ให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลทรพย์สน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
364




วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับอนุญำโตตุลำกำรเพ่อระงับข้อพิพำทตำมสัญญำ
ซื้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ และนิติกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำร
ค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๑) ประกอบมำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ ผู้ร้อง

กล่ำวอ้ำงในค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยดินแดนหมู่เกำะบริติชเวอร์จิน


กับผู้คัดค้ำนซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยประเทศไทย โดยผู้ร้องและผู้คัดค้ำนต่ำง


เข้ำท�ำสัญญำซ้อขำยหุ้นและสัญญำให้สิทธิเลือกท่จะซ้อและขำยหุ้น ต่อมำผู้คัดค้ำนไม่ปฏิบัติตำม

ข้อตกลงตำมสัญญำ ผู้ร้องจึงเสนอข้อพิพำทต่ออนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำร




ระหว่ำงประเทศ สำธำรณรฐสิงคโปร์ ตำมข้อตกลงในสัญญำ จนกระท่งมค�ำช้ขำดจำก
อนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐสิงคโปร์ โดยผู้คัดค้ำน
คัดค้ำนว่ำ ค�ำชี้ขำดไม่มีมูล กำรเสนอข้อพิพำทให้แก่คณะอนุญำโตตุลำกำรโดยมิชอบ ทั้งขัดต่อ
ควำมสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี เห็นว่ำ ตำมค�ำร้องและค�ำคัดค้ำนมีปัญหำให้ต้องพิจำรณำ

ถึงสิทธิและหน้ำท่ของคู่สัญญำตำมข้อตกลง ซ่งก�ำหนดให้ผู้ร้องซ่งอยู่ในประเทศหน่งมีสิทธ ิ








ในกำรซ้อขำยหุ้น และมีสิทธิเลือกท่จะซ้อหรือขำยหุ้นแก่ผู้คัดค้ำน ซ่งอยู่อีกประเทศหน่ง








อนมลกษณะเป็นกำรซอขำยตรำสำร ตลอดจนตรำสำรกำรเงนประเภททำนองเดยวกบธรกรรม




หรืออนุพันธ์ทำงกำรเงินท่ท�ำข้นเพ่อตกลงให้ผู้ซ้อและผู้ขำยมีสิทธิซ้อหรือขำยสิทธิในทรัพย์สิน




ภำยในก�ำหนดอำยุสัญญำ กรณีจึงเป็นกำรซ้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศและนิติกรรม

ที่เกี่ยวเนื่อง ดังนั้น กำรที่ผู้ร้องยื่นค�ำร้องขอให้บังคับตำมค�ำชี้ขำดของอนุญำโตตุลำกำร สถำบัน
อนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ สำธำรณรัฐสิงค์โปร์ เพ่อให้ศำลบังคับตำมค�ำช้ขำด จึง


เป็นกำรดำเนนกำรในกระบวนกำรอนุญำโตตุลำกำรตำมกฎหมำย คดีน้จงเป็นคดีแพ่งเกยวกับ








อนุญำโตตุลำกำรเพ่อระงับข้อพิพำทกำรตำมสัญญำซ้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศและ
นิติกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๑๑) ประกอบมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
365















วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ



ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ






ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ













































366

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบำงกอกแร้นช์ จ�ำกัด

ที่ วทป ๖๗/๒๕๖๑ (มหำชน) โจทก์

บริษัทลอนดอน ๘
ลิมิเตด จ�ำเลย

















ห้นมใช่สนค้ำหรอตรำสำรกำรเงนซงมลกษณะเป็นหนงสอตรำสำรทใช้ใน
กำรช�ำระหน้แทนเงินตรำได้ ข้อพิพำทท่เกิดจำกสัญญำซ้อขำยหุ้น จึงมิใช่ข้อพิพำท





ตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือสัญญำซ้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำง

ประเทศ เม่อคดีน้ผู้ร้องย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนค�ำช้ขำดของอนุญำโตตุลำกำรซ่งวินิจฉัย




ข้อพิพำทตำมสัญญำซื้อขำยหุ้นดังกล่ำว คดีตำมค�ำร้องของผู้ร้องจึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับ


อนุญำโตตุลำกำรเพ่อระงับข้อพิพำทตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ หรือ
สัญญำซื้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ
_____________________________




ผู้ร้องย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนค�ำช้ขำดของอนุญำโตตุลำกำรท่ประเทศสิงคโปร์ อันสืบ
เน่องมำจำก ผู้คัดค้ำนซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยมอริเชียส ท�ำสัญญำขำยหุ้น


ให้แก่ผู้ร้องซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยไทย โดยในสัญญำระบุว่ำ เม่อมีข้อพิพำท



เกิดข้นเก่ยวเน่องกับสัญญำ ให้ระงับข้อพิพำทโดยอนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำร


ระหว่ำงประเทศ ประเทศสิงคโปร์ ผู้ร้องเรียกร้องให้ผู้คัดค้ำนรับผิดช�ำระค่ำภำษีในกิจกำรที่ได้รับ
กำรส่งเสริมกำรลงทุน แต่ผู้คัดค้ำนไม่ช�ำระ ผู้ร้องจึงเสนอข้อพิพำทต่ออนุญำโตตุลำกำร สถำบัน
อนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ ประเทศสิงคโปร์ อนุญำโตตุลำกำรมีค�ำช้ขำดให้ผู้ร้องแพ้คด ี



และให้ช�ำระค่ำเสียหำยแก่ผู้คัดค้ำนอันเป็นค�ำช้ขำดท่ไม่ชอบด้วยกฎหมำยและขัดต่อควำมสงบ
เรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชำชน ขอให้เพิกถอนค�ำชี้ขำดของอนุญำโตตุลำกำร สถำบัน
อนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ ประเทศสิงคโปร์ คดีที่ ARB๒๑๔/๑๗/ARK ฉบับลงวันที่ ๑๒
มิถุนำยน ๒๕๖๑ แล้วพิพำกษำให้สถำบันอนุญำโตตุลำกำรระหว่ำงประเทศ ประเทศสิงคโปร์

ด�ำเนินกำรแต่งต้งอนุญำโตตุลำกำรจ�ำนวน ๓ คน แทนกำรแต่งต้งอนุญำโตตุลำกำรเพียงคนเดียว



แล้วด�ำเนินกำรพิจำรณำในช้นอนุญำโตตุลำกำรท่ประเทศสิงคโปร์ โดยให้อยู่ภำยใต้บังคับและ


กำรตควำมตำมกฎหมำยของประเทศไทยตำมเจตนำของผรองและผคดคำนอนเปนคสญญำ โดย











367






มีค�ำส่งให้ผู้คัดค้ำนช�ำระเงินท่เก่ยวข้องกับภำษีเพ่มเติมในกิจกำรท่ได้รับกำรส่งเสริมกำรลงทุน
ตำมสัญญำซื้อขำยหุ้นที่พิพำทกันในคดีนี้เป็นเงิน ๙๑,๑๕๓,๑๘๓.๖๒ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ให้แก่ผู้ร้อง และให้ผู้คัดค้ำนรับผิดค่ำฤชำธรรมเนียมและค่ำทนำยควำมในชั้น
อนุญำโตตุลำกำรและในชั้นศำลนี้

ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง


ไม่มีอ�ำนำจพิพำกษำเพิกถอนค�ำช้ขำดของอนุญำโตตุลำกำรท่ประเทศสิงคโปร์หรือออกค�ำส่ง












อนใดตำมคำร้องของผ้ร้อง คำร้องของผ้ร้องเป็นคำร้องทเคลอบคลม อนญำโตตลำกำรได้รบ








กำรแต่งตงอย่ำงถูกต้องตำมข้อตกลงระหว่ำงคู่พพำทและตำมข้อบังคับว่ำด้วยอนญำโตตลำกำร

ของสถำบัน SIAC ค�ำชี้ขำดของอนุญำโตตุลำกำรเป็นค�ำชี้ขำดที่ชอบด้วยกฎหมำยและไม่ขัดต่อ
ควำมสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชำชน ขอให้ยกค�ำร้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง เห็นว่ำ

กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำว

ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับอนุญำโตตุลำกำร




เพ่อระงับข้อพิพำทตำม (๓) ถึง (๑๐) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๑) หรือไม่ ผู้ร้องกล่ำวอ้ำงในค�ำร้องว่ำ ผู้คัดค้ำนซ่งเป็นนิติบุคคล










จดทะเบยนตำมกฎหมำยมอรเชยส ทำสญญำขำยห้นให้แก่ผ้ร้องซงเป็นนตบคคลจดทะเบยน




ตำมกฎหมำยไทย ผู้ร้องเรียกร้องให้ผู้คัดค้ำนรับผิดช�ำระค่ำภำษีในกิจกำรท่ได้รับกำรส่งเสริมกำร
ลงทุน แต่ผู้คัดค้ำนไม่ช�ำระ ผู้ร้องจึงเสนอข้อพิพำทต่ออนุญำโตตุลำกำร สถำบันอนุญำโตตุลำกำร

ระหว่ำงประเทศ ประเทศสิงคโปร์ ตำมท่มีข้อตกลงไว้ในสัญญำซ้อขำยหุ้นดังกล่ำว เห็นว่ำ หุ้นของ

บริษัทตำมควำมหมำยท่บัญญัติไว้ในพระรำชบัญญัติบริษัทมหำชนจ�ำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ มำตรำ ๑๕

และมำตรำ ๕๐ เป็นทุนของบริษัทซ่งแบ่งเป็นหุ้นมีมูลค่ำเท่ำ ๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นมีควำมรับผิด


ไม่เกินจ�ำนวนเงินค่ำหุ้นท่ต้องช�ำระ และตำมพระรำชบัญญัติหลักทรัพย์และตลำดหลักทรัพย์


พ.ศ. ๒๕๓๕ หุ้นถือเป็นหลักทรัพย์อย่ำงหน่งตำมควำมหมำยท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ แห่ง
368


พระรำชบัญญัติดังกล่ำว หุ้นจึงมิใช่สินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินซ่งมีลักษณะเป็นหนังสือตรำสำร



ท่ใช้ในกำรช�ำระหน้แทนเงินตรำได้ ข้อพิพำทท่เกิดจำกสัญญำซ้อขำยหุ้นระหว่ำงผู้ร้องและ






ผ้คัดค้ำน จงมิใช่ข้อพพำทตำมสัญญำซอขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือสัญญำซอขำยตรำสำร





กำรเงินระหว่ำงประเทศ เม่อคดีน้ผู้ร้องย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนค�ำช้ขำดของอนุญำโตตุลำกำร


















ซงวนจฉยข้อพพำทตำมสญญำซอขำยห้นดงกล่ำว คดตำมคำร้องของผ้ร้องจงมใช่คดแพ่ง



เก่ยวกับอนุญำโตตุลำกำรเพ่อระงับข้อพิพำทตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ หรือสัญญำ
ซ้อขำยตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๑) ประกอบด้วยมำตรำ ๗ (๕)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๔ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ





















369

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทมิรำจ พร็อพเพอร์ตี้

ที่ วทป ๒๒/๒๕๖๓ พลัส จ�ำกัด ผู้ร้อง

บริษัทเคเทค บิลดิ้ง
คอนแทรคเตอร์ส จ�ำกัด ผู้คัดค้ำน






















ผรองยนคำรองตอศำลแพงขอใหปฏบตตำมคำชขำดของอนญำโตตลำกำร สวน

ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนและแก้ไขค�ำคัดค้ำนปฏิเสธควำมรับผิด อ้ำงว่ำผู้ร้องและผู้คัดค้ำน
เลิกสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำงไปแล้ว ข้อตกลงให้ระงับข้อพิพำทโดยวิธีอนุญำโตตุลำกำร
จึงส้นผลผูกพันตำมไปด้วย และคดีน้อยู่ในเขตอ�ำนำจศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ


กำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือศำลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีจึงมีข้อพิพำทถึงควำมรับผิดตำมสัญญำ


จ้ำงเหมำก่อสร้ำง และเม่อพิเครำะห์ถึงสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำงพิพำท ผู้ร้องซ่งเป็นผู้ว่ำจ้ำง

และผู้คัดค้ำนซ่งเป็นผู้รับจ้ำงโดยอยู่ในประเทศไทยด้วยกันตกลงกันให้ก่อสร้ำงอำคำรชุด
โดยคดีแพ่งอันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๑๑) ได้น้น ต้องเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับอนุญำโตตุลำกำร

เพ่อระงับข้อพิพำทท่มีลักษณะเข้ำกรณีใดกรณีหน่งตำมมำตรำ ๗ (๓) ถึง (๑๐) เม่อปรำกฏ




ว่ำสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำงพิพำทไม่มีองค์ประกอบระหว่ำงประเทศหรือเข้ำกรณีใดกรณี
หนึ่งตำมมำตรำ ๗ (๓) ถึง (๑๐) คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับอนุญำโตตุลำกำรเพื่อระงับ

ข้อพิพำทตำมมำตรำ ๗ (๑๑) แห่ง พ.ร.บ. จดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________

ผู้ร้องย่นค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ในกำร

ประกอบกิจกำรค้ำอสังหำริมทรัพย์ ส่วนผู้คัดค้ำนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์

ในกำรประกอบกิจกำรก่อสร้ำงอำคำร เม่อวันท่ ๑ พฤษภำคม ๒๕๕๖ ผู้ร้องว่ำจ้ำงผู้คัดค้ำน

ก่อสร้ำงงำนโครงสร้ำง งำนสถำปัตยกรรม และงำนภำยนอกอำคำร โครงกำรอำคำรชุดมิรำจ ๒๗

คอนโดมิเนียมตำมส�ำเนำสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำง ต่อมำวันท่ ๒๐ ตุลำคม ๒๕๖๐ ผู้ร้องเสนอ



370




ข้อพพำทต่อสถำบนอนุญำโตตุลำกำรเป็นข้อพิพำทหมำยเลขด�ำท่ ๙๖/๒๕๖๐ หมำยเลขแดง



ท่ ๑๗๑/๒๕๖๒ โดยผู้ร้องและผู้คัดค้ำนร่วมกันแต่งต้งคณะอนุญำโตตุลำกำรให้ช้ขำดข้อพิพำท

ต่อมำวันท่ ๒๕ พฤศจิกำยน ๒๕๖๒ อนุญำโตตุลำกำรช้ขำดให้ผู้คัดค้ำนชดใช้ค่ำปรับและ

ค่ำเสียหำยให้แก่ผู้ร้อง ๑๓,๔๐๓,๓๗๔.๗๕ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของ


ต้นเงินดงกล่ำว นับแต่วนท่เสนอข้อพิพำท (วันท่ ๒๐ ตลำคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไปจนกว่ำจะ




ช�ำระเสร็จ ผู้ร้องบอกกล่ำวแก่ผู้คัดค้ำนให้ช�ำระหน้ตำมค�ำวินิจฉัยของอนุญำโตตุลำกำร แต่ผู้คัดค้ำน

ยังคงเพิกเฉย กำรพิจำรณำคดีช้นอนุญำโตตุลำกำรด�ำเนินกำรในเขตอ�ำนำจของศำลแพ่งและ

ผู้คัดค้ำนมีภูมิล�ำเนำในเขตอ�ำนำจศำลแพ่งตำมพระรำชบัญญัติอนุญำโตตุลำกำร พ.ศ. ๒๕๔๕
มำตรำ ๙ ขอให้บังคับผู้คัดค้ำนช�ำระหนี้ตำมค�ำชี้ขำดของอนุญำโตตุลำกำร ๑๓,๔๐๓,๓๗๔.๗๕ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับแต่วันที่เสนอข้อพิพำท (วันที่ ๒๐

ตุลำคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ และให้ยกข้อเรียกร้องแย้งของผู้คัดค้ำน ส�ำหรับ
ค่ำธรรมเนียม ค่ำใช้จ่ำยในชั้นอนุญำโตตุลำกำร และค่ำป่วยกำรอนุญำโตตุลำกำรให้เป็นไปตำม

บัญชีแนบท้ำยค�ำชี้ขำด โดยให้ผู้ร้องและผู้คัดค้ำนทั้งสองฝ่ำยรับผิดเป็นจ�ำนวนเงินเท่ำกัน

ผู้คัดค้ำนยื่นค�ำคัดค้ำนและแก้ไขค�ำคัดค้ำนว่ำ คดีนี้อยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ผ้ร้องไม่มอำนำจยนคำร้องต่อศำลแพ่ง แม้ผ้คดค้ำนจะ







มีภูมิล�ำเนำในเขตอ�ำนำจศำลแพ่ง แต่ผู้คัดค้ำนก็ยังมีภูมิล�ำเนำในเขตอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ นอกจำกน้ ผู้ร้องและผู้คัดค้ำนเลิกสัญญำจ้ำงเหมำ

ก่อสร้ำงแล้ว ดังนั้น ข้อตกลงเรื่องกำรเสนอข้อพิพำทต่อสถำบันอนุญำโตตุลำกำรจึงสิ้นสุดลงไป

ด้วย และค�ำช้ขำดของอนุญำโตตุลำกำรท่ก�ำหนดให้ผู้คัดค้ำนรับผิดชดใช้ค่ำปรับและค่ำเสียหำย

๑๓,๔๐๓,๓๗๔.๗๕ บำท นั้นมีค่ำปรับและดอกเบี้ยรวมอยู่ จึงเป็นกำรคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย
ต้องห้ำมตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๒๒๔ วรรคสอง ค�ำช้ขำดของ

อนุญำโตตุลำกำรดังกล่ำวจึงขัดต่อควำมสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชำชน ไม่อำจ

ใช้บังคับได้ ประกอบกับพ้นท่โครงกำรก่อสร้ำงมิรำจ ๒๗ คอนโดมิเนียม ตำมสัญญำจ้ำง

เหมำก่อสร้ำงพิพำทอยู่ในเขตวัฒนำ กรุงเทพมหำนคร ซ่งอยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ หรือศำลแพ่งกรุงเทพใต้ จึงไม่อยู่ในเขตอ�ำนำจศำลแพ่ง






นอกจำกน้ ผู้ร้องยงไม่ได้หกเงินค่ำประกนผลงำนออกจำกหน้ตำมค�ำช้ขำดอนุญำโตตลำกำร


๑๓,๔๐๓,๓๗๔.๗๕ บำท ตำมสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำงซึ่งก�ำหนดให้หักเงินค่ำประกันผลงำนไว้

งวดละร้อยละ ๕ ของยอดเรยกเกบแต่ละงวด รวม ๒๐ งวด ขอให้ยกคำร้องและหกค่ำประกน




ผลงำนออกจำกหนี้ตำมค�ำชี้ขำดอนุญำโตตุลำกำร
371

ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ


คดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำม

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับอนุญำโตตุลำกำรเพื่อ
ระงับข้อพิพำทตำมมำตรำ ๗ (๓) ถึง (๑๐) ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๑๑) หรือไม่ เห็นว่ำ ผู้ร้องกล่ำวอ้ำงในค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องว่ำจ้ำงผู้คัดค้ำน



ก่อสร้ำงตำมสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำง ผ้ร้องและผู้คัดค้ำนเสนอข้อพพำทต่อสถำบัอนุญำโตตุลำกำร
โดยร่วมกันแต่งตั้งคณะอนุญำโตตุลำกำรให้ชี้ขำดข้อพิพำท ต่อมำอนุญำโตตุลำกำรมีค�ำชี้ขำดให้
ผู้คัดค้ำนช�ำระเงิน ๑๓,๔๐๓,๓๗๔.๗๕ บำท แก่ผู้ร้อง ผู้คัดค้ำนทรำบค�ำชี้ขำดแต่เพิกเฉย ผู้ร้อง


มีหนังสือบอกกล่ำวแก่ผู้คัดค้ำนแล้ว แต่ผู้คัดค้ำนยังคงเพิกเฉยไม่ช�ำระหน้ ผู้ร้องจึงย่นค�ำร้อง













ต่อศำลแพ่งขอให้ปฏบตตำมคำชขำดของอนุญำโตตลำกำร ส่วนผ้คัดค้ำนยนคำคดค้ำนและ
แก้ไขค�ำคัดค้ำนปฏิเสธควำมรับผิด อ้ำงว่ำผู้ร้องและผู้คัดค้ำนเลิกสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำงไปแล้ว




ขอตกลงใหระงบขอพพำทโดยวธอนญำโตตลำกำรจงสนผลผกพนตำมไปดวย ประกอบกบหนตำม














ค�ำช้ขำดอนุญำโตตุลำกำร ๑๓,๔๐๓,๓๗๔.๗๕ บำท มีค่ำปรับและดอกเบ้ยรวมอยู่ จึงเป็นกำร




คิดดอกเบ้ยซ้อนดอกเบ้ย ส่งผลให้สัญญำจ้ำงก่อสร้ำงและค�ำช้ขำดอนุญำโตตุลำกำรไม่สำมำรถ

ใช้บังคับได้ และผู้ร้องยื่นค�ำร้องผิดเขตอ�ำนำจศำล เนื่องจำกคดีนี้อยู่ในเขตอ�ำนำจศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือศำลแพ่งกรุงเทพใต้ นอกจำกนี้ ผู้ร้องยังไม่ได้หักเงิน

กำรท�ำประกันผลงำนออกจำกหน้ตำมค�ำช้ขำดอนุญำโตตุลำกำร คดีจึงมีข้อพิพำทถึงควำมรับผิด



ตำมสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำง และเม่อพิเครำะห์ถึงสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำงท่ผู้ร้องและผู้คัดค้ำน
ร่วมกันเสนอข้อพิพำทตำมสัญญำดังกล่ำวให้อนุญำโตตุลำกำรวินิจฉัย มีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำง






เหมำก่อสร้ำงระหว่ำงผู้ร้องซงเป็นผู้ว่ำจ้ำงและผู้คัดค้ำนซ่งเป็นผ้รบจ้ำงซ่งอยู่ในประเทศไทย

ด้วยกันให้ก่อสร้ำงอำคำรชุดโครงกำรมิรำจ ๒๗ คอนโดมิเนียม ซ่งคดีแพ่งท่จะอยู่ในอ�ำนำจ




พจำรณำพพำกษำคดของศำลทรพยสนทำงปัญญำและกำรคำระหวำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๑๑)







ได้น้น ต้องเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับอนุญำโตตุลำกำรเพ่อระงับข้อพิพำทท่มีลักษณะเข้ำกรณีใด




กรณีหน่งตำมมำตรำ ๗ (๓) ถึง (๑๐) เม่อปรำกฏว่ำสัญญำจ้ำงเหมำก่อสร้ำงพิพำทไม่ม ี
372


Click to View FlipBook Version