ี
ี
รำยท่ ๔๙๖ กลุ่มท่ ๑๒ ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๖๐ วรรคหน่ง และ
ึ
ี
ี
ี
ื
ไม่อำจน�ำมูลหน้เดิมตำมค�ำพิพำกษำมำด�ำเนินกำรบังคับคดีเพ่อช�ำระหน้ในคดีน้ได้อีก หำกจ�ำเลย
ผิดนัดช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร โจทก์ก็ชอบท่จะยกคดีข้นว่ำกล่ำวต่อศำลล้มละลำยกลำง
ี
ี
ึ
ี
เพรำะเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกับคดีล้มละลำย กำรท่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีแจ้งอำยัดสิทธ ิ
ี
ี
เรียกร้องของจ�ำเลยจึงเป็นกำรบังคับคดีด้วยควำมบกพร่อง ผิดพลำด หรือฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย
ขอให้มีค�ำสั่งเพิกถอนกำรบังคับคดีดังกล่ำว และงดกำรบังคับคดีไว้จนกว่ำศำลมีค�ำวินิจฉัย
ื
ื
ื
โจทก์ย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนกำรบังคับคดีเม่อเกินก�ำหนดเวลำ
ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๙๖ (เดิม) จึงไม่มีอ�ำนำจย่นค�ำร้อง กำรออก
ื
หมำยบังคับคดีและกำรด�ำเนินกำรบังคับคดีชอบแล้ว และเมื่อศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิก
ิ
ั
้
ิ
กำรฟื้นฟูกจกำรของจ�ำเลยแล้วมีผลให้แผนฟื้นฟูกจกำรย่อมสนผลไปด้วย โจทก์มีสิทธิบงคบ
ิ
ั
คดีแพ่งต่อไปได้ ขอให้มีค�ำสั่งยกค�ำร้อง
�
ี
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดอย่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำ
ู
ิ
ั
ของศำลล้มละลำยหรอไม่ จงเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็น
ึ
�
ุ
ิ
ั
ื
ี
ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
ั
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีอำยัดสิทธ ิ
ี
ื
เรียกร้องในบัญชีเงินฝำกของจ�ำเลยต่อธนำคำรธนชำต จ�ำกัด (มหำชน) ธนำคำรไทยพำณิชย์
จ�ำกัด (มหำชน) และธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) เพ่อช�ำระหน้แก่โจทก์โดยฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย
ื
ี
เป็นกำรร้องขอให้เพิกถอนกำรบังคับคดีตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๙๕
ึ
วรรคสอง จ�ำเลยซ่งเป็นลูกหน้ตำมค�ำพิพำกษำจึงต้องย่นค�ำร้องต่อศำลในคดีท่มีกำรบังคับคด ี
ี
ื
ี
ี
ั
ึ
ี
ซ่งมีอ�ำนำจท�ำค�ำวินิจฉัยช้ขำดหรือท�ำค�ำส่งในเร่องใด ๆ อันเก่ยวด้วยกำรบังคับคดีตำม
ื
ั
ค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งน้นตำมมำตรำ ๒๗๑ วรรคหน่ง แม้จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงว่ำกำรบังคับคด ี
ั
ึ
ดังกล่ำวฝ่ำฝืนต่อพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๖๐ วรรคหน่ง ก็มิใช่
ึ
ข้อพิพำทเก่ยวกับกระบวนพิจำรณำคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงมิใช่คดีล้มละลำยซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ึ
ั
พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
723
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
724
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทชิงธง จ�ำกัด ผู้ร้อง
ที่ วล ๖/๒๕๖๒ บริษัทอีวำย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่
เซอร์วิสเซส จ�ำกัด
ั
กบพวก ผู้คัดค้ำน
ู
ื
ั
ู
ผ้ร้องย่นค�ำร้องอ้ำงว่ำหลังจำกศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟกิจกำรของบริษทลูกหน ้ ี
ั
ี
ผู้คัดค้ำนท ๑ ในฐำนะผู้ท�ำแผนได้ว่ำจ้ำงให้ผู้ร้องฟักไข่ไก่ ผู้ร้องได้ด�ำเนินกำรตำมท ่ ี
่
ี
่
ว่ำจ้ำงและส่งมอบลูกไก่แล้ว และมีหนังสือเรียกให้ผู้คัดค้ำนท ๑ ช�ำระค่ำตอบแทนแก่
ี
่
ี
่
ผู้ร้องแต่ผู้คัดค้ำนท ๑ ไม่ช�ำระ ขอให้บังคับผู้คัดค้ำนท ๑ ช�ำระค่ำตอบแทนกำรรับจ้ำง
ั
ี
ี
ึ
แก่ผู้ร้องน้น หน้ตำมค�ำร้องเป็นหน้ท่เกิดข้นภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง
ี
ั
ี
เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำร จึงมิใช่หน้ท่อำจย่นขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรได้ตำม
ื
ี
ี
พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๒๗ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ร้องกับผู้คัดค้ำนที่ ๑
ึ
ี
เก่ยวกับหน้ท่เกิดข้นหลังจำกศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรต้องเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำ
ี
ี
ั
ี
ี
ด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หน้ตำมค�ำร้องมิใช่ข้อพิพำทอันเก่ยวกับ
กำรฟื้นฟูกิจกำรหรือแผนฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงไม่ใช่คดีล้มละลำย ไม่อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_________________________________
ี
ั
ื
คดีสืบเน่องมำจำกเม่อวันท่ ๒๓ กรกฎำคม ๒๕๕๗ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้
ื
ฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทโกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จ�ำกัด และตั้งให้ผู้คัดค้ำนที่ ๑ เป็นผู้ท�ำแผน วันที่
ั
ั
๒๐ สิงหำคม ๒๕๕๘ ศำลมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำรและต้งผู้ท�ำแผนเป็นผู้บริหำรแผน
ั
ื
ี
ผู้ร้องย่นค�ำร้องว่ำ หลังจำกได้รับแต่งต้งเป็นผู้บริหำรแผน ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ได้ว่ำจ้ำงผู้ร้อง
ฟักไข่ไก่ ผู้ร้องด�ำเนินกำรฟักไข่ไก่และส่งมอบลูกไก่ให้แก่บริษัทโกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จ�ำกัด แล้ว
ี
ี
และได้มีหนังสือให้ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ช�ำระค่ำตอบแทนจำกกำรรับจ้ำง แต่ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ไม่ช�ำระ
ี
ิ
ู
ั
�
ู
้
ขอให้บงคับผ้คดค้ำนท่ ๑ ชำระเงนให้แก่ผ้ร้อง ๕,๙๕๔,๑๑๕.๖๐ บำท พร้อมดอกเบยอตรำ
ั
ั
ี
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ผ้คัดค้ำนท ๑ ยนคำคัดค้ำนว่ำ ผ้ร้องเป็นบริษทในเครอของบรษทโกลเด้น ไลน์
ั
�
ิ
ื
่
ู
่
ื
ั
ู
ี
ี
ี
ี
บิสซิเนส จ�ำกัด ลูกหน้ ผู้ร้องมีภำระหน้ค่ำสินค้ำและค่ำบริกำรค้ำงช�ำระแก่ผู้คัดค้ำนท่ ๑ เป็น
เงินกว่ำ ๑๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท ผู้คัดค้ำนท่ ๑ มีหนังสือขอหักกลบลบหน้จนไม่มีหน้ค้ำงช�ำระ
ี
ี
ี
725
ี
ึ
ี
ี
ี
ั
หน้ท่ผู้ร้องเรียกมำเป็นหน้ท่เกิดข้นหลังจำกศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผน
ึ
ี
ี
ฟื้นฟูกิจกำรและเป็นหน้ท่เกิดข้นจำกกำรค้ำปกติของลูกหน้ ศำลล้มละลำยกลำงไม่มีอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำคดีนี้ ขอให้ยกค�ำร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ยื่นค�ำแถลงว่ำ หนี้ตำมสัญญำว่ำจ้ำงฟักไข่ไก่
ี
ี
ึ
ื
ี
ี
เป็นหน้ท่เกิดจำกผู้คัดค้ำนท่ ๑ ก่อให้เกิดข้นเน่องจำกกำรฟื้นฟูกิจกำรของลูกหน้ มิได้เป็นหน ้ ี
ื
ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร และแผนฟื้นฟูกิจกำรมิได้ก�ำหนดไว้เป็นอย่ำงอ่น ผู้ร้องมีสิทธิได้รับช�ำระหน ี ้
ี
ี
ั
ี
โดยไม่ต้องขอรับช�ำระหน้ ดังน้นหำกผู้คัดค้ำนท่ ๑ ไม่ช�ำระ ผู้ร้องสำมำรถบังคับช�ำระหน้ได้
โดยไม่ต้องยื่นค�ำร้องขอให้ศำลล้มละลำยมีค�ำสั่ง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงได้ควำมว่ำ หลังจำกศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของ
ั
ี
บริษัทโกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จ�ำกัด และต้งผู้คัดค้ำนท่ ๑ เป็นผู้ท�ำแผน ต่อมำวันท่ ๒๐ สิงหำคม ๒๕๕๘
ี
ั
ั
ั
ศำลมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนโดยต้งผู้ท�ำแผนเป็นผู้บริหำรแผน หลังจำกได้รับแต่งต้งเป็น
ั
ี
ั
ผู้บริหำรแผน ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ได้ว่ำจ้ำงผู้ร้องฟักไข่ไก่ต้งแต่เดือนตุลำคม ๒๕๖๐ ถึงเดือน
กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ ผู้ร้องด�ำเนินกำรฟักไข่ไก่และส่งมอบลูกไก่ให้แก่ผู้คัดค้ำนที่ ๑ แล้ว และได้มี
้
่
ั
ั
ั
ู
้
ั
�
้
้
ู
็
ี
�
่
ี
่
่
หนงสือใหผ้คดคำนท ๑ ชำระค่ำตอบแทนจำกกำรรบจ้ำง แตผคดคำนท ๑ ไมชำระ จำกข้อเทจจริง
ี
ี
ั
�
ั
ั
็
ี
ดงกล่ำวเหนได้ว่ำหน้ตำมค�ำร้องเป็นหน้ท่เกิดภำยหลงศำลล้มละลำยกลำงมีคำส่งเห็นชอบด้วย
้
่
ี
้
ื
ิ
ั
ู
ั
ึ
้
้
ื
่
�
แผนฟ้นฟกิจกำร ดังนนจงมิใชหนทอำจย่นขอรับชำระหน้ในกำรฟืนฟูกจกำรได ตำมพระรำชบัญญต ิ
ี
ี
ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๒๗ วรรคหนึ่ง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ร้องกับผู้คัดค้ำนที่ ๑
ี
ี
ึ
ี
ี
เก่ยวกับหน้ท่เกิดข้นหลังจำกศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรน้ต้องเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำด้วย
ั
ี
ี
ควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หน้ตำมค�ำร้องมิใช่ข้อพิพำทอันเก่ยวกับกำรฟื้นฟูกิจกำร
ิ
ู
หรือแผนฟื้นฟกิจกำรโดยตรง จงมใช่คดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำของ
�
ึ
ิ
ั
ศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
726
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
727
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยภำณุพันธ์หรือกรภัทร์
ที่ วล ๑๖/๒๕๖๐ จันทรังษี โจทก์
บริษัทโรงแรมดำรำเทวี
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
โจทก์ฟ้องว่ำได้ช�ำระรำคำห้องชุดให้แก่จ�ำเลยตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำร
ื
ของจ�ำเลยและตำมสัญญำจะซ้อจะขำยครบถ้วนแล้ว แต่จ�ำเลยไม่จดทะเบียนโอน
ั
ุ
ิ
ิ
์
ิ
ี
กรรมสทธ์ในห้องชดให้แก่โจทก์ ขอให้บงคับจ�ำเลยจดทะเบยนโอนกรรมสทธในห้องชุด
ิ
และส่งมอบห้องชุดให้แก่โจทก์พร้อมช�ำระค่ำเสียหำย เมื่อตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำได้ช�ำระรำคำห้องชุดตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ดังน ้ ี
ี
ี
ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำท่ของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจึงต้องอำศัยข้อก�ำหนดในแผน
ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำพิจำรณำประกอบเป็นส่วนส�ำคัญ ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่ง
ที่เกี่ยวพันกันกับคดีตำมกฎหมำยว่ำด้วยล้มละลำยในส่วนของกำรฟื้นฟูกิจกำรอันอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหำคม ๒๕๕๓ โจทก์ท�ำสัญญำซื้อห้องชุด บ้ำนสิริสำทร
(สวนพลู) อำคำรเลขที่ ๑ ชั้นที่ ๓ จ�ำนวน ๑ ห้อง จำกจ�ำเลยในรำคำ ๒,๖๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์
ช�ำระรำคำในขณะท�ำสัญญำ ๑,๓๐๐,๐๐๐ บำท ส่วนที่เหลือจะช�ำระภำยใน ๖ เดือน จ�ำเลยตกลง
ิ
ี
จะด�ำเนินกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ให้แก่โจทก์เม่อโจทก์ช�ำระรำคำครบถ้วน แต่ก่อนวันท่โจทก์
ื
ื
ื
ื
ท�ำสัญญำซ้อห้องชุดดังกล่ำวเม่อประมำณปี ๒๕๕๒ จ�ำเลยได้ย่นค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำง
ั
ื
ขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเม่อวันท่ ๕ สิงหำคม ๒๕๕๕ เห็นชอบ
ี
ึ
ด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรก�ำหนดให้ขำยห้องชุดซ่งเป็นทรัพย์
ี
ี
ื
หลักประกันตำมสัญญำจ�ำนองเพ่อน�ำเงินมำช�ำระหน้แก่เจ้ำหน้กลุ่มท่ ๒ และตำมแผนยังได้
ี
ี
ก�ำหนดให้จ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ผู้รับจ�ำนองภำยในวัน
ท�ำกำรสุดท้ำยของเดือนธันวำคม ๒๕๕๙ ต่อมำธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ได้โอนสิทธ ิ
กำรรับจ�ำนองห้องชุดดังกล่ำวให้แก่บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพพำณิชย์ จ�ำกัด โจทก์ช�ำระ
รำคำห้องชุดส่วนท่เหลือให้แก่จ�ำเลยตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและตำมสัญญำ
ี
ี
728
จะซื้อจะขำยครบถ้วนแล้ว บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพพำณิชย์ จ�ำกัด ได้ปลดจ�ำนองให้แก่
ิ
จ�ำเลย แต่จ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดให้แก่โจทก์ โจทก์ติดตำมทวงถำม
ั
�
ี
ั
�
่
้
ิ
ิ
้
ู
ิ
ุ
์
ิ
้
ิ
แล้วแตจำเลยเพกเฉย ขอใหบงคบจำเลยจดทะเบยนโอนกรรมสทธหองชด บำนสรสำทร (สวนพล)
ี
ั
ั
ี
อำคำรเลขท่ ๑ ช้นท่ ๓ จ�ำนวน ๑ ห้อง ให้แก่โจทก์พร้อมท้งส่งมอบห้องชุดดังกล่ำวใน
สภำพเรยบร้อยปรำศจำกควำมชำรุดบกพร่องและกำรรอนสทธิ หำกจำเลยเพิกเฉยขอถือเอำ
�
ี
ิ
�
ค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ ให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๗๘๐,๐๐๐ บำท และอีก
เดือนละ ๖๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่ำจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
และช�ำระค่ำเสียหำยเสร็จสิ้น
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจเข้ำ
ื
ท�ำนิติกรรมใด ๆ กับจ�ำเลย กำรท�ำสัญญำจะซื้อจะขำยห้องชุดคู่สัญญำไม่ต้องกำรบังคับกันตำม
สัญญำแต่ต้องกำรให้ทรัพย์สินของจ�ำเลยไม่ตกอยู่ในกองทรัพย์สินของลูกหน้ในคดีล้มละลำย
ี
อันจะเป็นผลให้อำคำรชุดดังกล่ำวถูกขำยน�ำเงินมำช�ำระหนี้เจ้ำหนี้รำยอื่น ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ี
โจทก์ไม่ช�ำระรำคำส่วนท่เหลือตำมก�ำหนด จ�ำเลยจึงมีสิทธิริบเงินและสัญญำเป็นอันเลิกกัน จ�ำเลย
เป็นผู้ช�ำระเงินให้แก่บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพพำณิชย์ จ�ำกัด โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ค่ำเสียหำยตำมฟ้องสูงเกินควำมจริง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙
�
วินจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงจำกค�ำฟ้องและคำให้กำรฟังเป็นยุติว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมค�ำ
ี
ิ
ส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและต่อมำมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์
ั
ั
ี
ื
�
ี
�
�
ุ
กล่ำวอ้ำงตำมค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ชำระรำคำห้องชดส่วนท่เหลอให้แก่จำเลยตำมท่กำหนดในแผน
ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและตำมท่ตกลงตำมสัญญำจะซ้อจะขำยครบถ้วนแล้ว แต่จ�ำเลยไม่จด
ี
ื
่
ี
ทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดให้แก่โจทก์ตำมทตกลงกัน เมอตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำว
ื
่
ิ
ี
อ้ำงว่ำได้ช�ำระรำคำห้องชุดตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธว่ำ
โจทก์ไม่ช�ำระรำคำส่วนที่เหลือตำมก�ำหนด ดังนี้ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำที่ของโจทก์ตำม
ค�ำฟ้องจึงต้องอำศัยข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำพิจำรณำประกอบเป็นส่วนส�ำคัญ
ี
ี
ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีตำมกฎหมำยว่ำด้วยล้มละลำยในส่วนของกำร
729
ฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
730
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต
ที่ วล ๑๒/๒๕๖๒ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
บริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ แอสเซท
จ�ำกัด จ�ำเลย
่
้
่
ี
ั
โจทก์ฟ้องวำจ�ำเลยไม่ช�ำระหนตำมทก�ำหนดในต๋วสัญญำเงิน โดยปรำกฏวำกำร
ี
่
ั
ออกต๋วสัญญำใช้เงินดังกล่ำวมีมูลเหตุมำจำกข้อก�ำหนดของแผนฟื้นฟูกิจกำรท่ศำล
ี
มีค�ำส่งเห็นชอบแล้ว กำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมฟ้องต้องวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนด
ั
ี
ในแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทลูกหน้และข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้อง
ของโจทก์เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_____________________________
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๕ พฤศจิกำยน ๒๕๔๖ โจทก์ท�ำสัญญำโอนสิทธิท่จะได้รับช�ำระหน ้ ี
ี
จำกบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ตำมค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ในค�ำขอรับ
ั
ช�ำระหนี้คดีฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ให้แก่จ�ำเลย จ�ำเลยตกลงช�ำระ
ี
ี
ั
ค่ำตอบแทนให้แก่โจทก์โดยกำรออกต๋วสัญญำใช้เงินให้เท่ำกับจ�ำนวนหน้ท่รับโอนโดยมีก�ำหนด
ั
เวลำช�ำระคืนภำยใน ๑๕ ปี ตำมท่ก�ำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจกำร ภำยหลังกำรออกต๋วสัญญำ
ี
ใช้เงินแล้วจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่โจทก์บำงส่วนและได้เปล่ยนต๋วสัญญำใช้เงินโดยกำรออกต๋วสัญญำ
ั
ั
ี
ี
ั
ั
ใช้เงินฉบับใหม่ให้แทน คร้งสุดท้ำยจ�ำเลยออกต๋วสัญญำใช้เงินให้แก่โจทก์ฉบับใหม่สัญญำจะ
ี
จ่ำยเงินจ�ำนวน ๘,๒๙๗,๒๐๐.๑๒ บำท ครบก�ำหนดวันท่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ ก่อน
�
ิ
ั
ั
ื
๋
ั
ั
ิ
ครบก�ำหนดชำระเงนตำมตวสญญำใช้เงน จ�ำเลยมีหนงสอขอผดผ่อนโดยขอชำระเงนบำงส่วน
�
ิ
และขอขยำยระยะเวลำกำรช�ำระเงินออกไป โจทก์ไม่ยินยอม กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์
ิ
เสียหำยคิดเป็นต้นเงินตำมต๋วสัญญำใช้เงินและดอกเบ้ยรวมท้งส้น ๒๓,๔๑๐,๑๓๓.๗๑ บำท
ี
ั
ั
�
ู
�
ู
ุ
ื
ขอให้จำเลยชำระเงนแก่โจทก์ ๒๓,๔๑๐,๑๓๓.๗๑ บำท พร้อมดอกเบยในอตรำให้ก้ยมสงสด
ี
้
ั
ิ
ึ
ี
ต่อปีท่ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ประกำศแก่ธนำคำรแห่งประเทศไทย ณ ขณะใดขณะหน่ง
ของต้นเงิน ๘,๒๙๗,๒๐๐.๑๒ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
731
ึ
ั
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นบริษัทเฉพำะกิจต้งข้นตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัท
้
ี
ิ
ู
�
เอ็ม ด เอ็กซ์ จำกัด (มหำชน) ตำมแผนฟื้นฟกิจกำรก�ำหนดให้เจ้ำหนต้องโอนสิทธเรยกร้อง
ี
ี
ี
ในภำระแห่งหน้ตำมท่มีต่อบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ไปยังจ�ำเลย จ�ำเลยจะออกต๋ว
ั
ี
สัญญำใช้เงินในมูลหนี้เท่ำกันให้แก่เจ้ำหนี้และให้เจ้ำหนี้ที่โอนสิทธิเรียกร้องเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท
จ�ำเลย โจทก์เป็นหนึ่งในเจ้ำหนี้ที่โอนสิทธิเรียกร้องในภำระแห่งหนี้มำยังบริษัทจ�ำเลย โดยโจทก์
�
ั
ิ
�
ั
ิ
ี
่
ื
ั
่
ื
ั
้
ั
้
ั
และจำเลยได้ทำสญญำให้สทธรบชำระหนกนไว้ ดงนนเงอนไขต่ำง ๆ ในสญญำล้วนเชอมโยง
�
กับแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) รวมทั้งบทนิยำมค�ำว่ำ “ศำล”
หมำยถึงศำลล้มละลำยกลำง ฟ้องโจทก์เป็นกำรใช้สิทธิรบช�ำระหน้อันอยู่ภำยใต้เง่อนไขในแผน
ื
ี
ั
ิ
�
ิ
ู
�
ั
ิ
็
�
ั
�
ฟื้นฟกจกำร กำรพจำรณำคำฟ้องของโจทก์ต้องอำศยข้อเทจจรงจำกสำนวนคำขอรบชำระหน ้ ี
และแผนฟื้นฟูกิจกำร ค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีล้มละลำยอยู่ในอ�ำนำจของศำลล้มละลำย ตำม
�
ี
ั
้
�
ี
ั
ี
สญญำให้สิทธรบช�ำระหน้จ�ำเลยตกลงชำระหนตำมหลกเกณฑ์ท่กำหนดในข้อ ๗.๔.๔. (ข)
ิ
ั
ี
ิ
(๓) (ฉ) ของแผน และแผนฟื้นฟูกิจกำรฉบับท่มีกำรแก้ไขเพ่มเติมในภำยหลัง ต่อมำผู้บริหำร
ิ
แผนได้ย่นค�ำร้องขอแก้ไขเพ่มเติมแผนฟื้นฟูกิจกำรโดยขอยกเลิกข้อควำมในข้อ ๗.๔.๔. (ข)
ื
(๓) (ฉ) และใช้ข้อควำมใหม่ใน “(ฉ)” ว่ำ ให้บริษัทเฉพำะกิจช�ำระหนี้เงินต้นให้แก่เจ้ำหนี้ผู้มีสิทธิ
เรียกร้องในหน้ท่ถูกโอน โดยให้ได้รับช�ำระหน้จำกกำรขำยสินทรัพย์หรือจำกกำรบริหำรสินทรัพย์
ี
ี
ี
ณ วันสุดท้ำยของเดือนธันวำคม ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฉบับท่แก้ไข
ี
ั
ั
ี
ดังน้นหำกจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่โจทก์เพียงรำยเดียวจะเป็นกำรให้เปรียบแก่โจทก์ ไม่เป็นไป
ตำมเงื่อนไขแห่งแผนฟื้นฟูกิจกำร โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์ได้เข้ำร่วมประชุมวิสำมัญผู้ถือ
หุ้น ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ ซึ่งจ�ำเลยจัดให้มีขึ้นเพื่อพิจำรณำขยำยเวลำกำรช�ำระคืนหนี้ตำมตั๋วสัญญำ
ี
ี
ี
ใช้เงิน ท่ประชุมมีมติให้ขยำยเวลำช�ำระหน้ออกไป ๕ ปี นับแต่วันท่ ๒๕ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑
ั
ั
โดยให้เวนคืนต๋วสัญญำใช้เงินเดิมและออกต๋วสัญญำใช้เงินฉบับใหม่ตำมจ�ำนวนหน้คงเหลือ โจทก์
ี
ี
ผู้ถือหุ้นจึงต้องปฏิบัติตำมมติเสียงข้ำงมำก หน้ตำมฟ้องจึงยังไม่ถึงก�ำหนดช�ำระและถือว่ำโจทก์
ี
ไม่ปฏิบัติตำมมติเสียงข้ำงมำก จ�ำเลยยังไม่ผิดสัญญำ โจทก์ค�ำนวณดอกเบ้ยสูงเกินควำมเป็นจริง
และดอกเบี้ยยังไม่ถึงก�ำหนดช�ำระ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงกำรไต่สวนค�ำร้องขอคุ้มครองช่วครำวของโจทก์ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ
ั
กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้รอกำร
ั
ิ
ิ
่
ิ
ั
ิ
�
ั
ี
ุ
ั
พจำรณำไว้ชวครำวและเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษวนจฉย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ได้ควำมจำกค�ำฟ้องและค�ำให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นบริษัทเฉพำะกิจต้ง
ขึ้นตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์ได้โอนสิทธิเรียกร้องใน
732
ี
ิ
ั
่
้
ี
ี
็
ั
�
�
ั
ี
็
�
ภำระแห่งหนตำมทมต่อบรษทเอม ด เอกซ์ จำกด (มหำชน) ไปยงจำเลย จำเลยออกตรำสำร
ั
ี
แห่งหน้เป็นต๋วสัญญำใช้เงินให้แก่โจทก์ ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ข) และ
โจทก์เข้ำถือหุ้นในบริษัทจ�ำเลยตำมสัดส่วนของสิทธิเรียกร้องในหน้ท่ถูกโอน ในกำรช�ำระหน้จ�ำเลย
ี
ี
ี
ึ
ได้ปฏิบัติตำมหลักเกณฑ์ท่ก�ำหนดในข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ฉ) ซ่งต่อมำผู้บริหำรแผนได้ขอแก้ไขแผน
ี
ี
ี
ในส่วนหลักเกณฑ์และเง่อนไขกำรช�ำระหน้ท่ก�ำหนดในข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ฉ) ศำลล้มละลำยกลำง
ื
่
มคำส่งลงวันท ๒๗ ธนวำคม ๒๕๔๘ เหนชอบด้วยแผนทแก้ไข หลงจำกออกตวสญญำใช้เงน
ี
ั
็
ั
ี
�
ิ
ั
๋
ั
ี
่
ั
้
จ�ำเลยช�ำระหนี้บำงสวนตำมตั๋วสัญญำใชเงินใหแกโจทกและเปลี่ยนตั๋วสัญญำใชเงินในจ�ำนวนหนี้
่
้
้
์
่
ที่คงค้ำง ๓ ครั้ง โดยครั้งที่ ๓ เป็นตั๋วสัญญำใช้เงินจ�ำนวน ๘,๒๙๗,๒๐๐ บำท ก�ำหนดช�ำระเงิน
ตำมตั๋ววันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ เช่นเดิม แต่ก่อนที่จะถึงก�ำหนดช�ำระเงินจ�ำเลยมีหนังสือ
ขอผัดผ่อนโดยจะช�ำระเงินให้โจทก์บำงส่วนภำยในเดือนธันวำคม ๒๕๖๑ เมื่อหนี้ตำมตั๋วสัญญำ
ี
ใช้เงินท่โจทก์น�ำมำฟ้องเรียกให้จ�ำเลยช�ำระเงินมีมูลเหตุมำจำกข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ซึ่งต่อมำศำลล้มละลำยกลำงได้มีค�ำสั่งเห็นชอบด้วย
แผนฉบบแก้ไข จำเลยให้กำรต่อส้ว่ำทจำเลยขอผดผ่อนยงไม่ชำระเงนตำมตวสญญำใช้เงนให้
ั
�
ั
ั
ิ
๋
�
ั
ิ
่
ู
�
ี
ั
แก่โจทก์นั้นเป็นไปตำมข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ฉ) ที่แก้ไขใหม่ ดังนี้
ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมฟ้องจึงต้องพิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) และข้อเทจจริงในคดีฟื้นฟูกจกำรเป็นหลก ถือว่ำ
ิ
ั
็
ี
ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟกิจกำร จึงเป็นคดล้มละลำยอันอยู่ใน
ู
ี
ี
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
733
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทคอนสตีล ไพพ์ พีทีอี จ�ำกัด
ที่ วล ๘/๒๕๖๓ กับพวก โจทก์
บริษัทแคนำดอล ไพพ์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๒ โดยจ�ำเลยที่ ๓ กู้ยืมเงินในรูปแบบวงเงินทดรองจ่ำยจำก
ิ
้
ี
ิ
ี
่
่
ื
�
ิ
่
ี
้
่
ู
ื
โจทก์ท ๑ เพอน�ำไปใชในกำรบรหำรกจกำรของจ�ำเลยท ๑ ตำมแผนฟนฟกจกำรของจำเลยท ๑
ั
ื
แต่เม่อได้รับเงินกู้แล้วจ�ำเลยท้งสำมไม่บันทึกภำระหน้ไว้ในงบกำรเงินตำมวิธีกำรทำง
ี
บัญช ไม่น�ำเสนอเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์และรำยงำนศำลล้มละลำยกลำงทรำบอย่ำง
ี
ครบถ้วน โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินคืน ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ รับ
เงินจำกโจทก์ไปแล้วไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร กำรพิจำรณำว่ำโจทก์มีสิทธ ิ
ี
ี
เรียกให้จ�ำเลยช�ำระหน้เงินกู้คืนหรือไม่จ�ำเป็นท่ต้องพิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนด
ของแผนฟื้นฟูกิจกำรและต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของ
ี
โจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียน
ั
ั
ณ ประเทศสิงคโปร์ โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโจทก์ที่ ๑ ร้อยละร้อยของหุ้นทั้งหมด เมื่อ
วันที่ ๑๕ มกรำคม ๒๕๕๗ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒
เป็นผู้บริหำรแผน จ�ำเลยท่ ๓ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๒ เพ่อให้กำร
ื
ี
ี
ฟื้นฟูกิจกำรส�ำเร็จและเป็นไปตำมแผน จ�ำเลยที่ ๒ โดยจ�ำเลยที่ ๓ ได้ตกลงรับกำรสนับสนุนและ
ี
ี
ควำมช่วยเหลือทำงด้ำนกำรเงินโดยขอกู้เงินในรูปของวงเงินทดรองจ่ำยจำกโจทก์ท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒
ตกลงว่ำเงินที่ได้รับจำกโจทก์ที่ ๑ จะน�ำไปใช้เพื่อประโยชน์ของจ�ำเลยที่ ๑ ภำยใต้แผนฟื้นฟูกิจกำร
และจะคืนเงินให้โจทก์ท่ ๑ ในฐำนะส่วนหน่งของค่ำตอบแทนหรือค่ำธรรมเนียมในสัญญำ
ึ
ี
หรือกำรจัดกำรทำงกำรค้ำใด ๆ ในอนำคตระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับโจทก์ที่ ๑ ภำยหลังท�ำสัญญำ
ั
จ�ำเลยท้งสำมได้ร่วมกันขอรับสนับสนุนทำงกำรเงิน ขอรับเงินกู้หรือเงินทดรองจ่ำยจำกโจทก์ท่ ๑
ี
ั
หลำยคร้งหลำยครำวโดยอ้ำงว่ำเพ่อน�ำไปใช้ในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ เม่อจ�ำเลยท้งสำม
ื
ั
ื
ี
734
ั
ี
ได้รับเงินกู้ยืมหรือเงินทดรองจ่ำยจำกโจทก์แล้ว จ�ำเลยท้งสำมไม่ด�ำเนินกำรให้จ�ำเลยท่ ๑
ี
บันทึกภำระหน้ไว้ในงบกำรเงินตำมวิธีกำรทำงบัญชี ไม่น�ำเสนอเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
และไม่รำยงำนให้ศำลล้มละลำยกลำงทรำบอย่ำงครบถ้วน โจทก์ทั้งสองประสงค์เรียกเงินทั้งหมดคืน
ึ
ั
�
ั
ั
จงมอบหมำยให้ทนำยควำมบอกกล่ำวทวงถำม จำเลยท้งสำมได้รบหนงสอทวงถำมแล้ว
ื
เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมช�ำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน ๓๓๗,๘๖๕,๐๖๕.๗๔ บำท
๒๗,๗๕๖.๗๘ ดอลลำร์สหรัฐและ ๓๖๓,๑๓๖.๖๔ ยูโร พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ี
ของต้นเงิน ๓๓๖,๐๐๐,๙๕๐.๘๘ บำท ของต้นเงิน ๒๗,๖๐๓.๖๔ ดอลลำร์สหรัฐและของต้นเงิน
๓๖๑,๑๓๓.๑๑ ยูโร นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ั
จ�ำเลยท้งสำมให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ กำรมอบอ�ำนำจและหนังสือมอบอ�ำนำจ
ให้ฟ้องคดีไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมำย โจทก์ท้งสองยังไม่ได้รับอนุญำตให้ฟ้องคดีน้จำก
ั
ี
ี
ี
ศำลล้มละลำยกลำง และคดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยจึงเป็นคดีล้มละลำยอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย โจทก์ทั้งสองไม่มีอ�ำนำจฟ้อง สัญญำที่โจทก์ทั้งสอง
ี
ี
ี
ี
ั
นำมำฟ้องเป็นเร่องระหว่ำงโจทก์ท่ ๑ กับจ�ำเลยท ๒ ไม่เกยวข้องกบจำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๓
่
�
่
ื
�
ี
ั
ด�ำเนินกำรท้งปวงภำยในขอบอ�ำนำจในฐำนะกรรมกำรของจ�ำเลยท่ ๒ มิได้กระท�ำกำรในฐำนะ
ี
ส่วนตัว จ�ำเลยท้งสำมไม่เคยกู้ยืมเงินจำกโจทก์ โจทก์ไม่มีหลักฐำนแห่งกำรกู้ยืมเป็นหนังสือลง
ั
ื
ี
ั
ลำยมือช่อผู้กู้ยืมเป็นส�ำคัญจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องบังคับจ�ำเลยท้งสำม โจทก์ติดต่อให้จ�ำเลยท่ ๒
เป็นผู้บริหำรแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ โดยเสนอค่ำตอบแทนให้จ�ำเลยที่ ๒ เพื่อให้จ�ำเลย
ที่ ๑ ผลิตสินค้ำให้แก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองได้รับสินค้ำที่จ�ำเลยที่ ๑ ผลิตไปขำยให้แก่ลูกค้ำ
ั
ี
ั
ของโจทก์ท้งสองและได้รับค่ำสินค้ำท้งหมดไปแล้วโดยไม่ได้ช�ำระค่ำตอบแทนแก่จ�ำเลยท่ ๑ แต่
กลับเรียกร้องต้นทุนที่โจทก์ทั้งสองลงทุนจำกจ�ำเลยทั้งสำมท�ำให้จ�ำเลยทั้งสำมเดือดร้อน สัญญำ
บริกำรระหว่ำงโจทก์ที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ ก�ำหนดให้คู่สัญญำระงับข้อพิพำทโดยอนุญำโตตุลำกำร
ในประเทศสิงคโปร์ แต่โจทก์ทั้งสองมิได้บรรยำยฟ้องว่ำได้ยื่นขอชี้ขำดเพื่อบังคับสัญญำนี้ โจทก์
ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ยื่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำคดี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่
ื
ื
ิ
ู
้
ั
โจทก์คดค้ำนว่ำ โจทก์ทงสองฟ้องให้จำเลยทงสำมชดใช้เงนก้ยมหรอเงนทดรองจ่ำย
ั
้
ั
�
ิ
มิใช่ฟ้องให้จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร กรณีจึงต้องพิจำรณำจำกมูลหน ี ้
ี
ั
ตำมสัญญำเป็นส�ำคัญมิใช่พิจำรณำจำกแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลักจึงไม่ใช่คดีล้มละลำย ขอให้ยก
ค�ำร้อง
735
ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญญำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒ โดยจ�ำเลยท่ ๓ ได้กู้ยืมเงินในรูปของวงเงิน
ี
ทดรองจ่ำยจำกโจทก์ที่ ๑ เพื่อน�ำไปใช้ในกำรบริหำรกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อจ�ำเลยทั้งสำมได้รับเงินกู้แล้วจ�ำเลยทั้งสำมไม่บันทึกภำระหนี้ไว้ในงบกำรเงิน
ไม่ได้น�ำเสนอเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์และรำยงำนให้ศำลล้มละลำยทรำบอย่ำงครบถ้วน ค�ำฟ้อง
ของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยรับเงินจำกโจทก์ไปแล้วไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตำมแผนฟื้นฟ ู
ี
กิจกำร ดังน้ในกำรพิจำรณำว่ำโจทก์มีสิทธิเรียกให้จ�ำเลยช�ำระหน้เงินกู้คืนหรือไม่จ�ำเป็นท่ต้อง
ี
ี
พิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนดของแผนฟื้นฟูกิจกำรและต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำร
ี
ี
เป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
736
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท
ที่ วล ๒/๒๕๕๙ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทแอล พีเอ็น เพลทมิล
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย
ื
ี
ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องหน้ซ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับช�ำระ
ึ
ั
ี
หน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรส่วนท่ยังค้ำงช�ำระอยู่ภำยหลังศำลมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟ ู
ี
�
กิจกำรของจ�ำเลยแล้ว ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์จำต้องพิจำรณำและวนิจฉยถึง
ั
ิ
ข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำร ตลอดจนจ�ำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหนี้
ึ
ในกำรฟื้นฟูกิจกำร ซ่งต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ถือว่ำค�ำฟ้อง
ี
ี
ของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหำคม ๒๕๔๕ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำร
ี
ื
ของจ�ำเลย บรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้จำกกำรฟื้นฟูกิจกำร แต่ขณะ
ี
ี
ท่จ�ำเลยช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรยังไม่ครบถ้วน ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเม่อวันท่ ๑๘
ั
ื
ี
ื
กรกฎำคม ๒๕๕๖ ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเน่องจำกครบก�ำหนดระยะเวลำฟื้นฟูกิจกำร
ึ
ตำมกฎหมำย โจทก์ซ่งได้รับโอนสิทธิเรียกร้องท่จะได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย
ี
ี
ี
ี
จำกบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยได้น�ำเงินท่จ�ำเลยช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำหักช�ำระหน ี ้
ั
�
่
้
็
้
ี
้
้
ึ
ิ
ิ
้
ื
้
�
ี
ั
ี
้
ิ
ู
ปรำกฏวำจำเลยยงคงมหนคำงชำระตำมแผนฟนฟกจกำรเปนตนเงนพรอมดอกเบยคดถงวนฟอง
รวมทั้งสิ้น ๒,๙๑๓,๒๕๘,๖๓๘.๖๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินตำมจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๖๙๗,๗๘๖,๐๗๑.๘๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
ี
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จ�ำนองและ
ยึดทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยให้กำรว่ำ หนังสือมอบอ�ำนำจและกำรมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไม่ถูกต้อง
ั
ึ
ั
ั
สมบูรณ์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่บรรยำยโดยแจ้งชดซ่งสภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบงคบ
ี
ั
ท้งข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำ ท�ำให้จ�ำเลยไม่อำจต่อสู้คดีได้อย่ำงถูกต้อง โจทก์ใช้สิทธ ิ
737
ึ
ในกำรฟ้องคดีไม่สุจริต ปกปิดควำมจริงต่อศำลซ่งข้อควำมอันเป็นสำระส�ำคัญ จ�ำเลยจึงไม่ต้อง
รับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ื
ื
ภำยหลังจำกสืบพยำนโจทก์จ�ำเลยเสร็จแล้ว จ�ำเลยย่นค�ำร้องโต้แย้งเร่องเขตอ�ำนำจ
ึ
ศำลว่ำ คดอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ศำลแพ่งจงเสนอปัญหำดังกล่ำว
ี
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
่
ิ
ี
ั
วินจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ หลงจำกศำลล้มละลำยกลำงมค�ำสงให้ฟื้นฟ ู
ั
ื
่
ิ
ั
�
�
ั
่
ี
กจกำรของจ�ำเลยแล้ว บรรษทบริหำรสนทรัพย์ไทยได้ยนคำขอรบชำระหนในมูลหนทจำเลยม ี
�
ี
้
ี
ิ
้
อยู่ต่อธนำคำรมหำนคร จ�ำกัด (มหำชน) เจ้ำหนี้เดิม แต่ในขณะที่จ�ำเลยช�ำระหนี้ตำมแผนฟื้นฟู
กิจกำรยังไม่ครบถ้วน ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์ซึ่งได้
ี
รับโอนสิทธิเรียกร้องในกำรได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำจำกบรรษัทบริหำร
ทรัพย์สินไทย จึงฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหนี้ที่คงค้ำงตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ตำมค�ำฟ้องของ
ี
ี
ึ
โจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องหน้ซ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรส่วนท ่ ี
ื
ยังค้ำงช�ำระอยู่ภำยหลังศำลมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว ในกำรพิจำรณำถึง
ั
สิทธิของโจทก์ จ�ำต้องพิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำร ตลอดจน
ี
จ�ำนวนเงินท่โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำร ซ่งต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคด ี
ี
ึ
ี
ี
ฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ถือว่ำค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง
จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
738
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด
ที่ วล ๑๒/๒๕๖๐ (มหำชน) โจทก์
บริษัทซันแคบิเนท จ�ำกัด จ�ำเลย
�
ิ
�
ื
ู
ี
ื
่
ั
ั
ี
้
เม่อศำลมค�ำสงให้ฟื้นฟกจกำรของจำเลย โจทก์ได้ย่นคำขอรบช�ำระหนในกำร
ฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยได้ผ่อนช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเร่อยมำแต่ภำยหลังผิดนัดช�ำระหน ้ ี
ี
ื
ี
ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์จึงน�ำหน้ท่ค้ำงช�ำระ
ี
ั
ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อ
ี
ื
้
ี
ี
เรียกร้องให้จ�ำเลยช�ำระหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย กำรพิจำรณำถึง
สิทธิและหน้ำที่ของโจทก์จ�ำเลยตำมค�ำฟ้อง ต้องอำศัยข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหนี้
ในกำรฟื้นฟูกิจกำร รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย รวมท้งกำรผ่อน
ั
ี
ี
ี
ั
ช�ำระหน้ในช้นปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพัน
ื
็
้
่
กันกับคดีลมละลำยในสวนของกำรฟนฟูกิจกำรโดยตรง จึงเปนคดีลมละลำยอันอยูในอ�ำนำจ
่
้
้
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
___________________________
ี
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อปี ๒๕๕๑ จ�ำเลยได้ย่นค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย วันท่ ๑
ื
ี
ั
กันยำยน ๒๕๕๑ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์น�ำหน้ท่จ�ำเลยม ี
ี
ั
ภำระผูกพันตำมสัญญำเบิกเงินเกินบัญชี สัญญำขำยลดต๋วเงิน สัญญำทรัสต์รีซีท สัญญำขำย
ลดต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อกำรส่งสินค้ำออก สัญญำซ้อเงินตรำต่ำงประเทศล่วงหน้ำ ค�ำขอให้ธนำคำร
ั
ื
ื
ี
ี
�
ออกหนังสือสัญญำค้ำประกันกำรช�ำระหน้ ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในคดีฟื้นฟูกิจกำร เจ้ำพนักงำน
ื
ั
พิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งอนุญำตให้โจทก์ได้รับช�ำระหน้เต็มตำมค�ำขอเป็นเงินท้งส้น ๙๒,๖๘๓,๕๒๑.๖๖ บำท
ั
ี
ิ
ี
ี
โดยแผนฟื้นฟูกิจกำรจัดให้โจทก์อยู่ในกลุ่มเจ้ำหน้กลุ่มท่ ๒ และกลุ่มท่ ๓ ศำลล้มละลำยกลำง
ี
ื
มีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยได้ผ่อนช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเร่อยมำ
ี
ั
โจทก์ได้รับช�ำระหน้คร้งสุดท้ำยวันท่ ๒๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๕ หลังจำกน้นจ�ำเลยไม่ได้ช�ำระหน ี ้
ั
ั
ี
ี
อีกเลย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ได้รำยงำนผลกำรปฏิบัติงำนตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรต่อศำล
เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภำคม ๒๕๕๙ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย
ั
ี
ิ
ี
จ�ำเลยยังคงเป็นหน้โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร เป็นต้นเงินและดอกเบ้ยรวมท้งส้น
๘๗,๕๖๘,๖๖๘.๘๗ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์ ๘๗,๕๖๘,๖๖๘.๘๗ บำท พร้อม
739
ี
ี
ดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๖.๑๒๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๔,๖๘๒,๒๑๗.๑๔ บำท และดอกเบ้ยใน
อัตรำร้อยละ ๐.๐๑๐ ต่อปี ของต้นเงิน ๔๐,๒๘๙,๑๕๔.๓๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย สิทธ ิ
ั
ึ
ี
และหน้ำท่ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจะต้องเป็นไปตำมข้อสัญญำหรือข้อตกลงเดิม ซ่งภำระหน ้ ี
ี
ี
ื
เดิมท่จ�ำเลยมีต่อโจทก์ส่วนหน่งเป็นหน้ท่เก่ยวข้องกับกำรซ้อขำยแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำร
ี
ึ
ี
ี
ี
ี
กำรเงินระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีในส่วนท่เก่ยวข้องกับสัญญำดังกล่ำว
จึงอยู่ในอ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
ศำลล้มละลำยกลำงไม่มีอ�ำนำจในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์
ี
ขอให้ศำลบังคับจ�ำเลยช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร แต่หน้บำงส่วนตำมข้อก�ำหนดของแผน
ี
ี
ฟื้นฟูกิจกำรยังไม่ถึงก�ำหนดช�ำระ โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกให้จ�ำเลยช�ำระ กำรค�ำนวณยอดหน ี ้
ของโจทก์ไม่ถูกต้อง ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
ื
ี
ก่อนวันช้สองสถำนหรือสืบพยำนโจทก์ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลล้มละลำยกลำงหรือไม่
โจทก์ยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ค�ำร้องของจ�ำเลยเป็นกำรประวิงคดี ขอให้ยกค�ำร้อง
ี
ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นหน้โจทก์รวม ๗ มูลหน้ เม่อศำลล้มละลำยกลำง
ี
ื
มีค�ำสั่งในคดีหมำยเลขแดงที่ ฟ.๔๙/๒๕๕๑ ให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์ได้น�ำมูลหนี้ดังกล่ำว
ั
ื
ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งอนุญำตให้
ี
โจทก์ได้รับช�ำระหน้เต็มตำมขอ ในคดีดังกล่ำวศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟ ู
ี
ั
ื
กิจกำรของจ�ำเลย จ�ำเลยได้ผ่อนช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเร่อยมำ แต่ภำยหลัง
ี
ผิดนัด ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์จึงน�ำหนี้ที่ค้ำง
ช�ำระตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน้ เม่อตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้อง
ี
ื
เพ่อเรียกร้องให้จ�ำเลยช�ำระหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ในกำรพิจำรณำ
ี
ี
ื
ี
ถึงสิทธิและหน้ำท่ของโจทก์จ�ำเลยตำมค�ำฟ้อง ต้องอำศัยข้อเท็จจริงท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน ้ ี
ี
ี
ในกำรฟื้นฟูกิจกำร รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย รวมท้งกำรผ่อนช�ำระหน ้ ี
ั
740
ิ
ิ
ั
ั
ี
ี
ในช้นปฏบัตตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกบ
คดีล้มละลำยในส่วนของกำรฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
741
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ คณะกรรมกำรคุ้มครอง
ที่ วล ๑๓/๒๕๖๐ ผู้บริโภค โจทก์
บริษัทเอส เอส พี พรอพเพอร์ตี้
จ�ำกัด หรือบริษัทสุขุมวิท
อินเตอร์ ดีเวลลอปเม้นท์
จ�ำกัด จ�ำเลย
เมื่อศำลมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย นำย ช. น�ำสิทธิเรียกร้องค่ำงวดตำม
ุ
ื
ั
ั
้
ื
�
้
ี
�
ี
้
สญญำซอขำยห้องชดไปย่นค�ำขอรบชำระหนในกำรฟื้นฟูกิจกำร จำเลยได้ช�ำระหนแก่
นำย ช. บำงส่วน ภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย
ู
่
ึ
�
ี
่
ี
ิ
�
โจทก์ซงเป็นคณะกรรมกำรผ้บรโภคนำหน้ทค้ำงชำระตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้
ี
จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน เม่อตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่
้
ี
ี
ื
ื
ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องต้องอำศัย
ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหนี้ รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของ
จ�ำเลย กำรผ่อนช�ำระหน้ในช้นปฏิบัติกำรตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์
ั
ี
เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ
ี
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๐ นำยชวลิต ผู้บริโภค ได้ท�ำสัญญำจองซื้อ
อำคำรชุดของจ�ำเลย ๑ ห้อง ต่อมำวันที่ ๒ มีนำคม ๒๕๔๐ ได้ท�ำสัญญำซื้อขำยห้องชุดดังกล่ำว
โดยแบ่งช�ำระรำคำเป็นงวด ตำมข้อสัญญำซ้อขำย ผู้ขำยจะต้องก่อสร้ำงอำคำรชุดให้แล้วเสร็จ
ื
ภำยในปลำยปี ๒๕๔๐ นำยชวลิตได้ช�ำระเงินค่ำจอง ค่ำท�ำสัญญำและค่ำงวดให้จ�ำเลยแล้วรวม
ทงส้น ๒๘๔,๗๐๗ บำท แต่กำรก่อสร้ำงอำคำรชุดเป็นไปอย่ำงล่ำช้ำ นำยชวลิตจึงขอให้จ�ำเลย
ั
ิ
้
�
ู
�
�
ื
ิ
ื
ทยอยจ่ำยเงนคน จ�ำเลยชำระเงินคนเป็นงวด ๆ แล้วหยุดชำระแจ้งว่ำจะนำจ�ำเลยเข้ำส่กระบวนกำร
ฟื้นฟูกิจกำร หลังจำกศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้วได้มีกำรผ่อน
ั
ช�ำระเงินตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรรวมเป็นเงิน ๙๕,๐๑๗.๒๙ บำท หลังจำกนั้นจึงหยุดช�ำระ ต่อมำ
ั
วันท่ ๑๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๕ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย
ี
นำยชวลิตได้รบควำมเสียหำยจำกกำรกระทำของจำเลยจงรองทกข์ตอสำนกงำนค้มครองผบริโภค
ั
้
ู
ุ
ึ
้
ั
�
�
�
่
ุ
ื
เม่อโจทก์ได้รับมอบอ�ำนำจจำกนำยชวลิต โจทก์มีหนังสือถึงจ�ำเลย บอกเลิกสัญญำและเรียกให้
742
จ�ำเลยคืนเงินแก่นำยชวลิต จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์ ๑๕๗,๐๘๗.๘๕ บำท
ี
พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๒๖,๖๘๙.๗๑ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ื
ื
จ�ำเลยย่นค�ำให้กำรและย่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำ
คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่
ศำลแขวงพระนครใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงจำกค�ำฟ้องและค�ำให้กำรฟังเป็นยุติว่ำ หลังจำกศำลล้มละลำยกลำง
มีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและต้งผู้ท�ำแผน นำยชวลิตได้น�ำสิทธิเรียกร้องค่ำงวดตำมสัญญำ
ั
ั
ื
ื
ี
ซ้อขำยห้องชุดไปย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ั
�
มีค�ำส่งอนุญำตให้ได้รับช�ำระหน้เต็มจำนวน และแผนฟื้นฟูกิจกำรได้จัดให้นำยชวลิตเป็น
ี
เจ้ำหนกล่มท ๖ จำเลยได้ชำระหนให้แก่นำยชวลตแล้วบำงส่วน แต่ยงมหนค้ำงชำระนำยชวลต
ี
้
�
�
ิ
ี
ิ
ั
�
ี
้
ี
ุ
่
ี
้
ื้
ื
้
้
ตำมแผนฟนฟูกิจกำรอีกจ�ำนวนหนึ่ง ภำยหลังศำลลมละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟนฟูกิจกำร
ื
ของจ�ำเลย โจทก์จึงน�ำหน้ท่ค้ำงช�ำระตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน้ เม่อ
ี
ี
ี
ี
ี
ื
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย
ี
ี
ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องต้องอำศัยข้อเท็จจริงท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน ้ ี
ั
รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย กำรผ่อนช�ำระหน้ในช้นปฏิบัติกำรตำม
ี
แผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง
ี
ี
จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
743
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพ
ที่ วล ๔/๒๕๖๓ พำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
บริษัทแอลฟ่ำเท็กซ์ อินดัสตรีส
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ี
ื
ี
ี
โจทก์น�ำหน้ท่ได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท ๑ แต่ได้
ี
่
ั
ี
่
รับช�ำระไม่ครบถ้วนมำฟ้องขอให้จ�ำเลยท้งสองช�ำระหน้หลังจำกท่จ�ำเลยท ๑ ออกจำก
ี
ี
ี
แผนฟื้นฟูกิจกำรแล้ว ดังน้กำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจ�ำต้องพิจำรณำ
ี
และวินิจฉัยถึงข้อเท็จจริงในค�ำขอรับช�ำระหน้และข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของจ�ำเลยที่ ๑ ตลอดจนจ�ำนวนเงินที่จ�ำเลยที่ ๑ ช�ำระไปแล้วตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ถือว่ำ
ี
ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรจึงเป็นคดีล้มละลำย อันอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
้
่
์
์
โจทกฟองวำ เมื่อวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๔๒ ธนำคำรกรุงเทพฯ พำณิชยกำร จ�ำกัด (มหำชน)
ี
ั
ี
ั
ั
�
ั
้
ได้โอนสิทธิเรียกร้องตลอดจนหลักประกนท่มีต่อจำเลยท้งสองให้แก่โจทก์ ทงน้จ�ำเลยท้งสอง
ยินยอมด้วย ต่อมำวันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๕๔ จ�ำเลยทั้งสองได้ท�ำสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้
ี
ิ
ื
โดยจ�ำเลยท่ ๒ ยอมผูกพันตำมสัญญำเช่ำท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงและเคร่องจักร และจ�ำเลยท้งสอง
ั
ี
ี
ี
ี
ยอมรับว่ำเป็นหน้ค้ำงช�ำระโจทก์แต่จะขอช�ำระหน้ท่ค้ำงเพียงบำงส่วน หำกผิดนัดโจทก์มีสิทธ ิ
้
ั
�
เรียกร้องตำมมูลหน้เดมได้ หลังทำสญญำจำเลยทงสองช�ำระหนตำมสัญญำปรบปรงโครงสรำงหน ้ ี
ั
ุ
ี
�
ี
ั
ิ
้
้
�
ั
เพียงบำงส่วนแล้วผดนด โจทก์ทวงถำมแล้วจำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยท้งสอง
�
ั
ิ
ั
ช�ำระเงินแก่โจทก์ ๔๔๙,๙๖๒,๗๑๐.๗๒ บำท พร้อมดอกเบ้ยร้อยละ ๑๖ ต่อปีของต้นเงิน
ี
ั
๑๑๑,๒๐๓,๓๖๕ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ หำกจ�ำเลยท้งสอง
ไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วนให้บังคับยึดทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำดน�ำเงินท่ได้ช�ำระ
ี
ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยทั้งสองให้กำรว่ำ เมื่อปี ๒๕๔๓ จ�ำเลยที่ ๑ ประสบปัญหำทำงกำรเงินเนื่องจำก
ี
รัฐบำลได้ประกำศลดค่ำเงินบำทท�ำให้หน้สินของจ�ำเลยท่กู้ยืมเงินเป็นสกุลเงินตรำต่ำงประเทศ
ี
ั
ึ
ิ
มีภำระเพ่มข้นกว่ำเท่ำตัว จ�ำเลยท้งสองจึงย่นขอฟื้นฟูกิจกำร ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง
ื
ั
744
ั
ี
ื
ี
ี
ให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท้งสอง โจทก์ได้น�ำหน้ท่ได้รับโอนมำย่นขอรับช�ำระหน้ในคดีฟื้นฟ ู
กิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ระหว่ำงด�ำเนินกำรตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยท่ ๑ ได้ช�ำระหน้ให้แก่
ี
ี
ี
ี
ี
โจทก์บำงส่วน คงเหลือยอดหน้ท่แท้จริงเพียง ๔๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท ส่วนจ�ำเลยท่ ๒ ในฐำนะ
ี
ี
ี
�
ผู้ค้ำประกันได้หลุดพ้นไปตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ และหลังจำกจ�ำเลยท่ ๑ ออก
ี
จำกแผนฟื้นฟูกิจกำรแล้วก็ยังมีกำรช�ำระหน้ให้แก่โจทก์เร่อยมำจนเหลือหน้คิดถึงวันฟ้องเพียง
ี
ื
ี
สำมสบห้ำล้ำนบำทเศษ จำนวนหนทโจทก์เรยกให้จำเลยทงสองชำระจงไม่ถกต้อง และสญญำ
�
�
้
ี
�
ู
ี
่
ั
้
ิ
ึ
ั
ปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้ขัดต่อกฎหมำย โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับจ�ำนอง ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนถึงวันนัดสืบพยำน จ�ำเลยทั้งสองยื่นค�ำร้องว่ำ มูลเหตุและมูลหนี้ที่โจทก์น�ำมำฟ้อง
เก่ยวข้องโดยตรงกับคดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ี
ี
วินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่
ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรของจ�ำเลยทั้งสองฟังได้ว่ำ เมื่อวันที่ ๑
มกรำคม ๒๕๔๒ ธนำคำรกรุงเทพฯ พำณิชย์กำร จ�ำกัด (มหำชน) ได้โอนสิทธิเรียกร้องตลอด
ี
ั
ี
ั
จนหลักประกันท่มีต่อจ�ำเลยท้งสองให้แก่โจทก์ ต่อมำวันท่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๕๔ จ�ำเลยท้งสอง
ได้ท�ำสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหน้กับโจทก์ เม่อศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำร
ี
ั
ื
ของจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ยื่นค�ำขอรับช�ำระหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑
ได้ช�ำระหน้ (บำงส่วน) แก่โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรแล้วผิดนัด โจทก์จึงฟ้องจ�ำเลยท้งสอง
ั
ี
ื
ี
ี
เป็นคดีน้ เม่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ำหน้ท่โจทก์ได้รับโอนมำ โจทก์ได้ย่นขอรับช�ำระหน้ไว้แล้วใน
ื
ี
ี
คดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ดังน้กำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจ�ำต้องพิจำรณำ
ี
ี
ี
และวินิจฉัยถึงข้อเท็จจริงในค�ำขอรับช�ำระหน้และข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำรของ
�
ื
ู
ี
่
ิ
ี
�
จ�ำเลยท่ ๑ ตลอดจนจำนวนเงนทจ�ำเลยท ๑ ชำระไปแล้วตำมแผนฟื้นฟกิจกำร ถอว่ำคำฟ้อง
�
ี
่
ของโจทก์เป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพจำรณำ
ิ
ี
พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
745
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
746
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงอำรี ภู่พำนิช โจทก์
ที่ วล ๔/๒๕๖๔ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
ื
ี
โจทก์น�ำมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์มำย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำร
ื
ของจ�ำเลย และจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ต่อมำเม่อศำลล้มละลำยกลำง
ี
ั
มีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยช�ำระหน ้ ี
ี
ี
ี
เพียงบำงส่วน จึงน�ำมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์มำฟ้องเป็นคดีน้น้น ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็น
ั
ี
หลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นสิทธิเรียกร้องท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำร
ี
ี
ั
ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยในช้นปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร กำรพิจำรณำถึงสิทธิเรียกร้อง
ของโจทก์และควำมรับผิดของจ�ำเลยจ�ำต้องอำศัยข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหนี้
รำยกำรและข้อตกลงในแผนฟื้นฟูกิจกำร รวมท้งผลกำรปฏิบัติช�ำระหน้ตำมแผน
ั
ี
ี
ี
ั
ฟื้นฟูกิจกำรดังกล่ำวเป็นหลัก ดังน้น คดีน้เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร
ี
ของจ�ำเลยโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_____________________________
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ ศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเม่อวันท่ ๒๐ มีนำคม ๒๕๕๘
ี
ื
ื
ี
ในคดีหมำยเลขแดงท่ ฟ.๑๐/๒๕๕๘ ของศำลล้มละลำยกลำง โจทก์จึงย่นค�ำขอรับช�ำระหน ี ้
ี
ี
ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเป็นเจ้ำหน้รำยท่ ๒๐๖๑, ๒๐๖๒ และ ๒๐๖๓ โดยขอรับช�ำระ
ั
ื
ี
ี
หน้ในมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์จ�ำนวน ๓ บัญชี ต่อมำเม่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่ง
ี
ี
ค�ำขอรับช�ำระหน้ดังกล่ำวและแผนฟื้นฟูกิจกำรก�ำหนดให้โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ในกำร
ี
ฟื้นฟูกิจกำรเป็นเงินต้นจ�ำนวน ๒๔,๙๓๑,๒๗๕.๗๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕
ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันที่ศำลมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรจนกว่ำจะช�ำระหนี้เสร็จสิ้น จ�ำเลยช�ำระหนี้
ิ
�
ั
่
่
ตำมแผนฟื้นฟูกจกำรให้แก่โจทก์ได้เพียงบำงส่วน ปัจจุบันเมอศำลล้มละลำยกลำงมีคำสง
ื
ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนำยน ๒๕๖๔ จ�ำเลยยังคงมียอดเงินต้นค้ำง
ช�ำระ ๒๐,๕๖๒,๐๖๙.๗๑ บำท และดอกเบ้ยนับถัดจำกวันท่ศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรจนถึง
ั
ี
ี
วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๑๙ กรกฎำคม ๒๕๖๔) จ�ำนวน ๑๑,๘๓๘,๙๔๐.๗๕ บำท ขอให้พิพำกษำ
ี
ี
บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้แก่โจทก์จ�ำนวนรวม ๓๒,๔๐๑,๐๑๐.๔๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยนับถัดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
747
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ แผนฟื้นฟูกิจกำรก�ำหนดหลักกำรและวิธีกำรช�ำระหน้ด้วยวิธีจัดสรร
ี
ึ
ี
ี
ี
กลุ่มเจ้ำหน้เพ่อช�ำระหน้คืนโดยโจทก์เป็นเจ้ำหน้กลุ่มท่ ๕ ซ่งจ�ำเลยช�ำระหน้แก่โจทก์แล้ว
ี
ื
ี
เป็นเงิน ๔,๓๖๙,๒๐๖.๐๗ บำท โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ดอกเบ้ยท่เกิดข้นหลังวันท ่ ี
ึ
ี
ี
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งเห็นชอบด้วยแผน (วันที่ ๒๑ มกรำคม ๒๕๕๙) ส่วนดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น
ี
ั
ี
ั
ก่อนวันท่ศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรจนถึงวันท่ศำลมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนจะถูกปลดหน ี ้
ทั้งจ�ำนวนเมื่อจ�ำเลยช�ำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร และเมื่อศำลมีค�ำสั่งยกเลิก
กำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว โจทก์และจ�ำเลยยังคงผูกพันต้องปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร
ี
ั
ี
ี
ต่อไป ท้งโจทก์ไม่อำจน�ำมูลหน้ดังกล่ำวมำฟ้องเป็นคดีน้ได้อีกเพรำะเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพัน
ี
กันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้เสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ข้อเท็จจริงตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรฟังเป็นยุติว่ำ ศำลล้มละลำยกลำง
ได้มีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยในคดีหมำยเลขแดงที่ ฟ.๑๐/๒๕๕๘ โจทก์น�ำมูลหนี้เงินฝำก
ู
ิ
ี
้
ออมทรพย์มำยนคำขอรบช�ำระหนในกำรฟื้นฟกจกำรของจำเลย และจ�ำเลยชำระหนให้แก่โจทก์
�
ื
ั
ี
้
�
ั
�
่
ั
ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ต่อมำเม่อศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว
ื
ี
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยช�ำระหน้เพียงบำงส่วน จึงน�ำมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์มำฟ้องเป็นคดีน ้ ี
ี
ี
ี
ั
น้น ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นสิทธิเรียกร้องท่เก่ยวกับ
ี
ั
ี
ค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยในช้นปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรในคดีหมำยเลข
แดงที่ ฟ.๑๐/๒๕๕๘ ของศำลล้มละลำยกลำง กำรพิจำรณำถึงสิทธิเรียกร้องของโจทก์และควำม
ี
รับผิดของจ�ำเลยจ�ำต้องอำศัยข้อเท็จจริงท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน้ รำยกำรและข้อตกลง
ี
ี
ในแผนฟื้นฟูกิจกำร รวมท้งผลกำรปฏิบัติช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรดังกล่ำวเป็นหลัก
ี
ั
ดังนั้น คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
748
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
749
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฟีนิกซ์ แอดไวซอรี่
ที่ วล ๑๓/๒๕๖๒ เซอร์วิสเซส จ�ำกัด โจทก์
บริษัทแอล. วี. เทคโนโลยี จ�ำกัด
(มหำชน) จ�ำเลย
ี
ี
โจทก์ฟ้องเรียกมูลหน้ค่ำจ้ำงในกำรเป็นท่ปรึกษำกฎหมำยและกำรเงินในกำร
ี
ั
ปรับปรุงโครงสร้ำงหน้และจัดท�ำแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ต่อมำศำลมีค�ำส่งไม่เห็นชอบ
ั
ั
ด้วยแผนและมีค�ำส่งให้ยกเลิกค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยช�ำระ
่
์
้
่
้
้
ั
้
ั
�
่
้
�
คำจำงใหแก่โจทกไม่ครบถวน ขอใหบงคบจำเลยชำระคำจำงสวนทคำงพรอมดอกเบ้ยนน
ี
ี
้
้
ั
่
้
ข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำเกิดขึ้นก่อนศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำร
ี
ของจ�ำเลย และมิใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร คดีน้จึงมิใช่
ี
คดีล้มละลำย
___________________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยได้ว่ำจ้ำงโจทก์เป็นท่ปรึกษำกฎหมำยและกำรเงินในกำรปรับปรุง
ี
ี
โครงสร้ำงหน้และจัดท�ำแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทจ�ำเลย จ�ำเลยได้เข้ำสู่กระบวนกำรฟื้นฟ ู
ั
กิจกำรแล้ว แต่ในช้นเห็นชอบด้วยแผนปรำกฏว่ำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งไม่เห็นชอบด้วย
ั
ั
ั
แผนและส่งให้ยกเลิกค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย กระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยจึง
สิ้นสุดลงแต่จ�ำเลยยังมีภำระหนี้ค่ำธรรมเนียมและค่ำใช้จ่ำยตำมสัญญำจ้ำงต่อโจทก์ จ�ำเลยได้รับ
ี
ี
ี
ใบแจ้งหน้แล้วได้ผ่อนช�ำระหน้ให้แก่โจทก์บำงส่วนคงค้ำงต้นเงินและดอกเบ้ยเป็นเงินรวม
ิ
๕,๔๕๕,๒๕๔.๔๓ บำท โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพกเฉย ขอให้บังคบจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์
ั
๕,๔๕๕,๒๕๔.๔๓ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๔,๙๒๔,๖๔๐.๐๖ บำท
ี
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ในวันนัดชี้สองสถำน ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ มูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยรับผิด
ึ
เกิดข้นตำมสัญญำจ้ำงก่อนท่จะมีกำรย่นค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำร กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
ี
ื
พจำรณำพพำกษำของศำลล้มละลำยหรอไม่ จงเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์
ุ
ึ
ั
ิ
ื
ิ
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
ั
พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
750
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์อ้ำงว่ำ ก่อนท่จ�ำเลยจะเข้ำสู่กระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยได้ว่ำจ้ำง
ี
โจทก์ให้เป็นท่ปรึกษำกฎหมำยและกำรเงินของบริษัทจ�ำเลย แต่ภำยหลังท่ศำลล้มละลำยกลำง
ี
ั
ิ
�
่
�
�
�
ู
ิ
่
ี
มคำสงยกเลกคำสงให้ฟื้นฟกจกำรของจำเลย จำเลยชำระค่ำจ้ำงให้แก่โจทก์เพยงบำงส่วน
ี
ั
�
้
ี
ี
่
ื
่
ี
ั
้
ี
โจทก์จงขอให้บงคบจำเลยชำระค่ำจ้ำงส่วนทค้ำงพร้อมดอกเบย ดงนเมอข้อเทจจรงตำมทโจทก์
็
ั
�
ิ
ึ
่
ั
�
ึ
กล่ำวอ้ำงและข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำซ่งเป็นมูลเหตุแห่งกำรฟ้องคดี เกิดข้นก่อน
ึ
ี
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย และข้ออ้ำงของโจทก์ท่อำศัยเป็นหลัก
ี
ั
ี
ี
แห่งข้อหำมิใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร คดีน้จึงมิใช่คดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
751
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ส�ำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจ
ที่ วล ๙/๒๕๖๓ ขนำดกลำงและขนำดย่อม โจทก์
นำงฉัณทิพย์ จ�ำเดิมเผด็จศึก
กับพวก จ�ำเลย
บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์
จ�ำกัด จ�ำเลยร่วม
ั
โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดและจ�ำเลยร่วมผิดสัญญำร่วมลงทุนต่อโจทก์ ต้อง
ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ กำรพิจำรณำตำมค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ว่ำบังคับได้หรือไม่
ั
เพียงใด จ�ำต้องพิจำรณำว่ำข้อตกลงตำมสัญญำร่วมลงทุนมีผลผูกพันจ�ำเลยท้งสิบเจ็ด
และจ�ำเลยร่วมหรือไม่ ตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวด้วยสิทธิและหน้ำที่ของบุคคลใน
ทำงแพ่ง ส่วนของจ�ำเลยร่วมแม้ศำลล้มละลำยกลำงจะเคยมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรและ
ั
ั
มีค�ำส่งให้ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำร แต่ไม่ปรำกฏในระหว่ำงฟื้นฟูกิจกำรโจทก์ได้เข้ำไปม ี
ี
ส่วนร่วมตำมแผนฟื้นฟกิจกำรแต่อย่ำงใด ข้ออ้ำงของโจทก์ท่อำศยเป็นหลักแห่งข้อหำ
ู
ั
มิใช่ข้อพิพำทเกี่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร คดีนี้จึงมิใช่คดีล้มละลำย
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ เคยเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน และ
ี
ี
ี
ี
เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๑๗ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกำยน ๒๕๔๘ โจทก์ บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๗
ได้ตกลงท�ำสัญญำร่วมลงทุนต่อกันโดยโจทก์ได้เข้ำถือหุ้นของบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด
๒๐๐,๐๐๐ หุ้น คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๕๗ ของทุนจดทะเบียน วันที่ ๑๓ ธันวำคม ๒๕๔๘ โจทก์
จ่ำยเงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด เป็นค่ำหุ้น ภำยหลังจำกโจทก์
เข้ำร่วมลงทุนแล้วบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดผิดสัญญำ โจทก์จึงบอกเลิก
ั
ื
ั
สัญญำร่วมลงทุน และให้บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด กับจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดซ้อหุ้นคืนตำมสัดส่วน
กำรถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละรำย แต่บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดเพิกเฉย
ั
ไม่รับซื้อหุ้นคืน ต่อมำเมื่อวันที่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๕ บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด ได้ยื่นค�ำร้องขอ
ฟื้นฟูกิจกำร ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเม่อวันท่ ๒๗ พฤศจิกำยน ๒๕๕๕ ให้บริษัท
ื
ี
ั
752
ฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด ฟื้นฟูกิจกำร กำรที่จ�ำเลยทั้งสิบเจ็ดไม่ซื้อหุ้นคืนเป็นกำรท�ำผิดสัญญำ จ�ำเลย
ี
ั
้
ั
ิ
้
ุ
ิ
ื
ั
ิ
็
ั
ั
ิ
ุ
ู
ั
ทงสบเจดต้องคนเงนค่ำห้นกบดอกเบยผดนดในอตรำสงสดนบแต่วนบอกเลกสญญำจนกว่ำ
ั
่
้
่
์
์
ั
ิ
�
ั
่
็
ั
ิ
�
้
ั
้
็
�
จะชำระเสรจใหแกโจทก ขอใหบงคบจำเลยทงสบเจดรวมกนชำระเงนแกโจทก ๔๘,๑๙๑,๔๙๓.๑๕ บำท
พร้อมดอกเบ้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๖,๙๕๓,๑๓๖.๙๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง
ี
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ั
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลแพ่งได้มีค�ำส่งเรียกบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด เข้ำมำเป็น
จ�ำเลยร่วมตำมค�ำขอของจ�ำเลยที่ ๙
จ�ำเลยที่ ๑๐ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๙ จ�ำเลยที่ ๑๑ ถึงที่ ๑๗ และจ�ำเลยร่วม ให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำตำม
พระรำชบญญตส่งเสรมวสำหกจขนำดกลำงและขนำดย่อม มได้กำหนดวตถประสงค์ให้โจทก์
ิ
�
ิ
ุ
ั
ั
ิ
ิ
ิ
ั
ฟ้องคดีได้ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์บรรยำยฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัดส่วนผู้ถือหุ้น แต่
ค�ำขอท้ำยฟ้องกลับขอให้จ�ำเลยท้งสิบเจ็ดร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ค�ำฟ้องและค�ำขอท้ำยฟ้องจึง
ั
ี
แย้งกันอยู่ในตัว ท�ำให้จ�ำเลยหลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์เป็นค�ำฟ้องท่เคลือบคลุม สัญญำร่วมทุนท ่ ี
ั
ท�ำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยร่วมและจ�ำเลยท้งสิบเจ็ด เป็นสัญญำส�ำเร็จรูป ข้อก�ำหนดในสัญญำ
ท�ำเพื่อประโยชน์ของโจทก์เพียงฝ่ำยเดียว ขัดต่อพระรำชบัญญัติว่ำด้วยข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม
สัญญำร่วมลงทุนเป็นนิติกรรมอ�ำพรำงสัญญำให้กำรสนับสนุนทำงกำรเงินต่อจ�ำเลยร่วม สัญญำ
ร่วมลงทุนจึงบังคับไม่ได้ จ�ำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นเพียงกรรมกำรและผู้ถือหุ้น ส่วนจ�ำเลยอื่นเป็นผู้ถือ
หุ้นในบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว ตำมข้อสัญญำโจทก์มีสิทธิ
ถอนกำรร่วมลงทุนและเรียกให้จ�ำเลยซื้อหุ้นคืน หำกจ�ำเลยไม่ประสงค์จะซื้อ โจทก์มีหน้ำที่น�ำหุ้น
ี
ออกขำยต่อบคคลภำยนอก โจทก์ไม่ใช้สิทธิดังกล่ำวแต่กลับมำบบให้จ�ำเลยต้องรับผิด เป็นกำร
ุ
ื
ี
ใช้สิทธิท่ไม่ชอบด้วยกฎหมำย โจทก์บอกเลิกสัญญำร่วมลงทุนเม่อวันท่ ๒๙ ธันวำคม ๒๕๕๓
ี
ี
ี
โจทก์ฟ้องคดีน้วันท่ ๑๖ มีนำคม ๒๕๖๑ เกินกว่ำ ๕ ปี สิทธิเรียกร้องดอกเบ้ยขำดอำยุควำม
ี
ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๙ และที่ ๑๕ ยื่นค�ำร้องว่ำ โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยทั้งสิบเจ็ด
ร่วมรับผิดกับจ�ำเลยร่วม จึงเป็นกำรฟ้องบังคับให้ช�ำระหนี้ที่ไม่อำจแบ่งแยกได้ แต่จ�ำเลยร่วมอยู่
ั
ื
ระหว่ำงกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำของศำลล้มละลำยกลำงในช้นฟื้นฟูกิจกำรและโจทก์ได้ย่น
ค�ำขอรับช�ำระหนี้ไว้ด้วยแล้ว คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง
753
ศำลแพ่งพิจำรณำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ิ
ิ
ั
ี
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้เสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดช�ำนัญพิเศษวนจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์อ้ำงว่ำ บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดซ่ง
ึ
ี
เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด ได้ลงนำมเป็นคู่สัญญำร่วมลงทุนกับโจทก์โดยม ี
ิ
ุ
ื
ี
ุ
ั
ุ
ิ
็
ิ
ี
ั
ู
ี
่
�
้
ั
ั
�
สำระสำคญว่ำโจทก์จะให้กำรสนบสนนเงนทนด้วยวธเข้ำถอห้นทจำเลยทงสบเจดมอย่ในบริษท
ิ
ี
่
ี
โจทก์จะไม่เขำร่วมบริหำรจัดกำรในบริษัทแต่โจทก์มีสทธิทจะถอนกำรร่วมลงทุนแต่เพยงฝ่ำยเดียว
้
ู
ุ
่
ี
ุ
ื
ตำมทเหนสมควรได้ เมอโจทก์ใช้สทธถอนกำรลงทนแล้วผ้ถอห้นทกรำยต้องซอห้นตำมสดส่วน
ั
ุ
ื
้
ุ
ิ
ิ
็
ื
่
ื
ี
ท่เคยถืออยู่คืน หำกไม่ซ้อคืนถือว่ำผิดสัญญำร่วมลงทุน คู่สัญญำทุกรำยต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์
ดังน้กำรพิจำรณำตำมค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ว่ำบังคับได้หรือไม่เพียงใด ศำลจ�ำต้องพิจำรณำ
ี
ว่ำข้อตกลงตำมสัญญำร่วมลงทุนมีผลผูกพันจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดและจ�ำเลยร่วมหรือไม่ ตลอดจน
ั
ื
ี
ประเด็นอ่น ๆ ท่เก่ยวด้วยสิทธิและหน้ำท่ของบุคคลในทำงแพ่ง ส่วนของจ�ำเลยร่วมแม้ศำลล้มละลำยกลำง
ี
ี
จะเคยมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรและมีค�ำสั่งให้ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำร แต่ไม่ปรำกฏในระหว่ำงฟื้นฟู
ึ
กิจกำรโจทก์ได้เข้ำไปมีส่วนร่วมตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรแต่อย่ำงหน่งอย่ำงใด ข้ออ้ำงของโจทก์
ั
ั
ทอำศยเป็นหลกแห่งข้อหำมใช่ข้อพพำทเกยวกบแผน หรอกระบวนกำรฟื้นฟกจกำร คดน ี ้
ู
ี
่
ื
่
ั
ิ
ี
ิ
ิ
ี
จึงมิใช่คดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
ั
ิ
วรตน วศษฏวงศกร - ตรวจ
์
์
ิ
ิ
754
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเอ-เทค โพลีเมอร์ จ�ำกัด โจทก์
ที่ วล ๓/๒๕๖๓ นำยหลัว เจิ้น ฮวำ จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยกระท�ำควำมผิดตำม ป.อ. มำตรำ ๙๑, ๓๓๔, ๓๓๕
ี
ี
โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยตำมท่บัญญัติไว้ใน
พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ คดีนี้จึงมิใช่คดีล้มละลำย
________________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นกรรมกำรและเป็นประธำนบริหำรของโจทก์ ต้งแต่วันท่ ๑
ั
ี
ี
ื
กรกฎำคม ๒๕๖๑ ถึงวันท่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๖๑ เวลำกลำงวันต่อเน่องเวลำกลำงคืน จ�ำเลยบังอำจ
ื
ื
ื
ื
ื
ขนย้ำยเอำเคร่องเช่อม ๑ เคร่อง รำคำ ๒๐,๐๐๐ บำท และเคร่องรีด ๑ เคร่อง รำคำ ๑๐๐,๐๐๐ บำท
ของโจทก์ไปโดยทุจริต โจทก์รู้ถึงกำรกระท�ำควำมผิดเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๖๑ กำรกระท�ำ
ึ
ี
ของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย เหตุเกิดข้นท่ต�ำบลบ้ำนบึง อ�ำเภอบ้ำนบึง จังหวัดชลบุรี ขอให้
ลงโทษจ�ำเลยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๙๑, ๓๓๔, ๓๓๕ และขอให้จ�ำเลยคืนหรือใช้
รำคำทรัพย์เป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บำท
ระหว่ำงไต่สวนมูลฟ้อง จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ เม่อวันท่ ๓๐ พฤษภำคม ๒๕๖๑
ี
ื
ื
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์เด็ดขำด ต่อมำวันท่ ๒๕ ตุลำคม ๒๕๖๑
ั
ี
ี
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรล้มละลำย ควำมผิดตำมท่โจทก์อ้ำงเกิดข้นในระหว่ำงท่โจทก์
ี
ั
ึ
ถูกพิทักษ์ทรัพย์อันเป็นควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๗๓ หำใช่
ควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำไม่ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหำย ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง คดีตำมฟ้องอยู่ใน
อ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง
ู
ี
ี
ศำลจงหวดชลบรเหนว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ
ี
ุ
ั
ิ
ั
็
�
ี
ิ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
่
้
ั
วินจฉยวำ คดีนโจทก์อ้ำงวำจ�ำเลยกระท�ำควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ
ิ
่
ี
ี
ี
๙๑, ๓๓๔, ๓๓๕ โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยตำมท่บัญญัติไว้
ในพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ แต่อย่ำงใด คดีน้จึงมิใช่คดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลล้มละลำย
ั
ั
้
ั
และวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
755
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
756
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโพลำริส แคปปิตัล จ�ำกัด
ที่ วล ๖/๒๕๖๕ (มหำชน) โจทก์
นำยธนัสชัยหรือมนัส ทองย้อย
กับพวก จ�ำเลย
ั
ี
โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท้งหกร่วมกันกระท�ำควำมผิดท่มีโทษทำงอำญำ ขอให้ลงโทษ
ั
จ�ำเลยท้งหกตำมประมวลกฎหมำยอำญำ พ.ร.บ. บริษัทมหำชนจ�ำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ และ
พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลำดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจ�ำเลย
ี
ท้งหกในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยตำมท่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓
ั
ี
มำด้วย จึงไม่มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งหกเป็นควำมผิดตำม
ั
กฎหมำยล้มละลำยหรือไม่ ฟ้องของโจทก์จึงมิใช่คดีล้มละลำย
______________________________
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันท่ ๒๓ มีนำคม ๒๕๖๐ ถึงวันท่ ๓๐ มีนำคม ๒๕๖๑ เวลำกลำงวัน
่
ั
ื
และกลำงคืนต่อเนองกัน จ�ำเลยท้งหกได้ร่วมกนกระทำควำมผิดต่อกฎหมำยหลำยบทหลำยกรรม
ั
�
ต่ำงวำระกัน โดยจ�ำเลยท่ ๑ ได้มอบอ�ำนำจให้จ�ำเลยท่ ๖ น�ำมูลหน้ตำมค�ำพิพำกษำของ
ี
ี
ี
ศำลแพ่ง หมำยเลขแดงท่ ผบ ๒๐๐๕/๒๕๖๐ และค�ำพิพำกษำของศำลจังหวัดมีนบุรี หมำยเลขแดง
ี
ที่ ผบ ๑๒๒๕๓/๒๕๖๐ ไปยื่นค�ำขอรับช�ำระหนี้จำกกองทรัพย์สินของโจทก์ในคดีล้มละลำยของ
ศำลล้มละลำยกลำง หมำยเลขแดงที่ ๒๙๑๔/๒๕๖๐ ซึ่งโจทก์มิได้เป็นหนี้จ�ำเลยที่ ๑ จึงเป็นกำร
ึ
แจ้งให้เจ้ำพนักงำนจดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในเอกสำรมหำชนหรือเอกสำรรำชกำรซ่งม ี
วัตถุประสงค์ส�ำหรับใช้เป็นพยำนหลักฐำนโดยประกำรท่น่ำจะเกิดควำมเสียหำยแก่โจทก์ โดย
ี
ในช้นพิจำรณำคดีแพ่งดังกล่ำวจ�ำเลยท้งหกได้ร่วมกันให้จ�ำเลยท่ ๑ น�ำสืบและแสดงพยำน
ั
ี
ั
ู
ื
ิ
ิ
ี
ิ
หลกฐำนอนเป็นเทจว่ำหนมอย่จรง จำเลยทงหกร้อย่แล้วว่ำเป็นหนทมได้มหรอมได้เกดขนจริง
ี
ี
่
ู
้
ั
้
ี
ู
ี
ั
ั
็
ึ
�
้
้
ิ
ทั้งจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ซึ่งเป็นกรรมกำรและผู้บริหำรของโจทก์ไม่ปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมรับผิดชอบ
ควำมระมัดระวัง และควำมซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติหน้ำที่ตำมกฎหมำย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ
ี
ื
ื
ี
ของบริษัทโจทก์ กระท�ำผิดหน้ำท่โดยทุจริตมีเจตนำสมรู้กับจ�ำเลยท่ ๑ เพ่อให้โจทก์แพ้คดีเม่อ
ได้รับส�ำเนำค�ำฟ้องในคดีแพ่งดงกล่ำวแล้วละเว้นมิได้แต่งต้งทนำยควำมเพ่อให้กำรต่อสู้คดีและ
ื
ั
ั
ขอให้ศำลในคดีแพ่งดังกล่ำวงดกำรพิจำรณำไว้ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓
มำตรำ ๙๐/๑๒ (๔) เนื่องจำกระหว่ำงพิจำรณำคดีศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งรับค�ำร้องขอฟื้นฟู
ี
ั
�
ี
ิ
กจกำรของโจทก์ไว้แล้วเป็นคดหมำยเลขดำท ฟ ๑๖/๒๕๖๐ ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย
�
่
ี
757
และค�ำพิพำกษำคดีแพ่งดังกล่ำวไม่ชอบด้วยกฎหมำยไม่มีผลผูกพันเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ี
เหตุเกิดท่แขวงจอมพล เขตจตุจักร แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี และแขวงบำงขุนนนท์ เขตบำงกอกน้อย
ั
ี
กรุงเทพมหำนคร เก่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งหกตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ
๘๐, ๘๓, ๘๔, ๘๖, ๙๐, ๙๑, ๑๓๗, ๑๗๗, ๑๘๐, ๒๖๔, ๒๖๗, ๒๖๘ พระรำชบัญญัติบริษัท
มหำชนจ�ำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ มำตรำ ๑๕, ๘๕, ๒๑๕, ๒๑๖ พระรำชบัญญัติหลักทรัพย์และ
ตลำดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ มำตรำ ๘๙/๑, ๘๙/๗, ๒๘๑/๒, ๓๐๗, ๓๑๑, ๓๑๓, และ ๓๑๕
ี
ื
ี
ี
ระหว่ำงไต่สวนมูลฟ้อง ทนำยจ�ำเลยท่ ๔ และท่ ๕ ย่นค�ำร้องว่ำคดอยู่ในอ�ำนำจของ
ศำลล้มละลำยกลำง ศำลอำญำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้เม่อโจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท้งหกร่วมกันกระท�ำควำมผิดท่มีโทษทำงอำญำ
ี
ั
ื
ั
ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งหกตำมประมวลกฎหมำยอำญำ พระรำชบัญญัติบริษัทมหำชนจ�ำกัด
พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระรำชบัญญัติหลักทรัพย์และตลำดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยโจทก์มิได้
ี
ี
ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งหกในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยมำด้วยตำมท่บัญญัติไว้ในพระรำชบัญญัต ิ
ั
ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ จึงไม่มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งหกเป็นควำมผิด
ั
ึ
ตำมกฎหมำยล้มละลำยหรือไม่ ฟ้องของโจทก์จึงมิใช่คดีล้มละลำยซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
758
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยอัฐพงศ์ ประสิทธิเวชชำกูร
ที่ วล ๑/๒๕๖๒ กับพวก โจทก์
นำยมำนูหรือธวัชชัย
ประสิทธิเวชชำกูร กับพวก จ�ำเลย
ั
ั
ี
่
โจทก์ฟ้องว่ำศำลมีค�ำส่งต้งให้จ�ำเลยท ๑ เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. ผู้ตำย
ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. สมคบกับจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกัน
ื
ยักยอกทรัพย์มรดกของนำง ส. จดทะเบียนโอนและจดทะเบียนจ�ำนองให้แก่จ�ำเลยอ่น
ี
ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรโอนกำรขำย และกำรจ�ำนองท่ดินทรัพย์มรดก และก�ำจัด
ี
ื
่
ี
จ�ำเลยท ๑ มิให้มีสิทธิได้รับมรดกของนำง ส. ข้อพิพำทในคดีน้เป็นเร่องเก่ยวกับมรดก
ี
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๖ เป็นข้อพิพำทในทำงแพ่งโดยตรงแม้ศำลจะมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์
ั
ี
่
ั
ั
ี
่
ี
ึ
ของจ�ำเลยท ๑ เด็ดขำด แต่ก็เกิดข้นภำยหลังท่ศำลมีค�ำส่งต้งจ�ำเลยท ๑ เป็นผู้จัดกำร
มรดกของนำง ส. แล้ว หำมีผลท�ำให้ข้อพิพำทในทำงแพ่งกลำยเป็นคดีล้มละลำย
จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
ั
ั
�
่
ื
้
ี
ี
่
ี
�
่
ั
่
้
โจทก์ทงสำมฟ้องว่ำ เมอวนท ๔ กรกฎำคม ๒๕๕๑ ศำลมคำสงตงจำเลยท ๑ เป็น
ั
ื
ี
ผู้จัดกำรมรดกของนำงเสถียร ต่อมำเม่อวันท่ ๑๒ พฤษภำคม ๒๕๕๓ ศำลล้มละลำยกลำง
ั
มีค�ำส่งพิทักษ์ของจ�ำเลยท่ ๑ เด็ดขำดและพิพำกษำให้ล้มละลำย นำงเสถียรมีทรัพย์มรดกเป็น
ี
ี
ี
ี
ท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗ ๓๑๒๖๖ ต�ำบลท่ำวำสุกรี อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ
ี
ี
ิ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ พร้อมส่งปลูกสร้ำง ในกำรท�ำหน้ำท่ผู้จัดกำรมรดก จ�ำเลยท่ ๑ ได้
ี
ี
ี
ี
สมคบกับจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ เบียดบังทรัพย์มรดกท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙
ี
๑๕๒๗๗ โดยวิธีกำรจดทะเบียนใส่ชื่อจ�ำเลยที่ ๑ เป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งสำมแปลงแล้ว
จดทะเบียนขำยให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จำกนั้นจดทะเบียนจ�ำนองที่ดินทั้งสำมแปลงประกันเงินกู้
ไว้แก่จ�ำเลยที่ ๔ และเบียดบังทรัพย์มรดกที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๑๒๖๖ โดยไม่ใส่ชื่อจ�ำเลยที่ ๑
ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกซ่งจะได้รับโอนท่ดินดังกล่ำวจำกนำงสำวประวีร์วัณณ์ ตำมค�ำพิพำกษำ
ี
ึ
�
ี
ตำมยอมแต่กลับใส่ชอจ�ำเลยท ๒ เป็นผ้รับโอนแทนแล้วจำเลยท่ ๒ จดทะเบยนจำนองท่ดิน
ี
ื
ู
�
่
ี
่
ี
�
่
่
ี
่
ี
่
ั
ี
ิ
่
้
ี
�
ั
ดงกลำวตอจำเลยท ๔ ตอมำวนท ๒๔ เมษำยน ๒๕๕๗ จำเลยท ๒ และท ๓ ไดไถถอนจำนองทดน
่
่
่
ี
�
่
759
ี
ี
ั
ี
ี
ท้งส่แปลงแล้วจดทะเบียนโอนขำยให้แก่จ�ำเลยท่ ๕ จ�ำเลยท่ ๕ จดทะเบียนจ�ำนองท่ดิน
ื
ี
ี
ี
ท้งส่แปลงไว้กับจ�ำเลยท่ ๖ เพ่อประกันเงินกู้ของจ�ำเลยท่ ๕ โดยจ�ำเลยท่ ๖ ทรำบดีว่ำ
ั
ี
ี
ั
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๕ ไม่มีกรรมสิทธ์และไม่มีอ�ำนำจโดยสุจริตจ�ำนองท่ดินท้งส่แปลงดังกล่ำว จ�ำเลยท่ ๑
ี
ิ
ี
เจตนำเบียดบังทรัพย์มรดกจึงต้องถูกก�ำจัดไม่ให้ได้รับมรดก ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๑ เพิกถอน
กำรจดทะเบียนรับมรดกท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗ ต�ำบลท่ำวำสุกร ี
ี
ี
ี
อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำพร้อมส่งปลูกสร้ำง เพิกถอนนิติกรรมกำร
ิ
ี
ี
ั
ซ้อขำยท่ดินท้งสำมแปลงระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓ และนิติกรรมจ�ำนองท่ดินกับ
ี
ี
ี
ื
จ�ำเลยที่ ๔ เพิกถอนนิติกรรมกำรซื้อขำยระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ ที่ ๓ กับจ�ำเลยที่ ๕ และเพิกถอน
�
ิ
ี
่
ิ
ิ
่
ิ
ี
�
ั
ี
ิ
่
่
นตกรรมจำนองทดนระหว่ำงจำเลยท ๕ กบจำเลยท ๖ เพกถอนนตกรรมกำรโอนทดนโฉนด
�
ี
ิ
ิ
ี
ท่ดินเลขท่ ๓๑๒๖๖ ต�ำบลท่ำวำสุกรี อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ระหว่ำง
ี
จ�ำเลยที่ ๒ กับนำงสำวประวีร์วัณณ์ เพิกถอนนิติกรรมจ�ำนองระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับจ�ำเลยที่ ๔
ี
เพิกถอนนิติกรรมซ้อขำยระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒ กับจ�ำเลยท่ ๕ และเพิกถอนนิติกรรมจ�ำนอง
ื
ี
ี
ี
ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๕ กับจ�ำเลยท่ ๖ ก�ำจัดจ�ำเลยท่ ๑ มิให้รับมรดกของนำงเสถียร หำกจ�ำเลย
ี
ทั้งหกไม่ท�ำ ให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแสดงเจตนำ
จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๕ ไม่ยื่นค�ำให้กำร
ี
ี
ิ
ี
ี
จ�ำเลยท ๒ และท่ ๓ ให้กำรวำ ได้รับโอนทดินโฉนดท่ดนเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗
ี
่
่
่
ี
โดยสุจริต เสียค่ำตอบแทน ไม่ได้ร่วมกับจ�ำเลยท่ ๑ ยักยอกทรัพย์มรดกของนำงเสถียร และ
ึ
ระยะเวลำล่วงเลยมำเกินหน่งปีแล้วโจทก์ท้งสำมไม่อำจเพิกถอนกำรจดทะเบียนกำรโอนขำย
ั
ที่ดินได้ ส่วนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๑๒๖๖ ไม่ใช่ทรัพย์มรดก โจทก์ทรำบถึงกำรโอนขำยที่ดิน
ั
ึ
แต่ละช่วงเกินหน่งปีจึงไม่มีอ�ำนำจเพิกถอนนิติกรรมกำรโอนขำยท่ดินในแต่ละช่วง ศำลมีค�ำส่ง
ี
ตั้งจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำงเสถียรก่อนจ�ำเลยที่ ๑ ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด อ�ำนำจ
ในกำรจัดกำรมรดกไม่ตกอยู่ในอ�ำนำจของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ จ�ำเลยท่ ๑ รับโอนท่ดิน
ี
ี
ี
ี
ั
โฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗ และโอนขำยท่ดินท้งสำมแปลงแก่จ�ำเลยท่ ๒
ี
ี
และที่ ๓ ในวันเดียวกัน เป็นกำรที่จ�ำเลยที่ ๑ ได้ที่ดินมำจำกกำรรับมรดกจึงไม่อยู่ในอ�ำนำจของ
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเพิกถอนกำรโอนได้ ขอให้ยกฟ้อง
ื
ี
ี
ี
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๔ ให้กำรว่ำ กำรท่รับจ�ำนองท่ดินท้งส่แปลงในคดีน้เพ่อเป็นประกันเงินกู้น้น
ี
ั
เป็นกำรด�ำเนินธุรกิจกำรค้ำในทำงปกติของจ�ำเลยที่ ๔ เอกสำรสิทธิ์ที่ดินทั้งสี่แปลงเป็นต้นฉบับ
ี
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๔ เช่อโดยสุจริตว่ำจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ กำรจดจ�ำนองเป็นไป
ิ
ี
760
ี
ี
โดยชอบด้วยกฎหมำยสุจริตและเสียค่ำตอบแทน จ�ำเลยท่ ๔ ได้รับช�ำระหน้และไถ่ถอนจ�ำนอง
ที่ดินทั้งสี่แปลงแล้ว กำรบังคับตำมค�ำขอท้ำยฟ้องเป็นกำรพ้นวิสัยไม่อำจท�ำได้ ขอให้ยกฟ้อง
ิ
้
ี
่
ั
ี
ี
่
�
่
่
้
่
ี
�
ิ
้
็
้
ี
ี
ื
่
ี
จำเลยท ๖ ใหกำรวำ โฉนดทดนทงสแปลงในคดนมชอจำเลยท ๕ เปนเจำของกรรมสทธ ์ ิ
จ�ำเลยที่ ๖ รับจ�ำนองที่ดินและจดทะเบียนจ�ำนองโดยสุจริตเสียค่ำตอบแทน ไม่ทรำบข้อเท็จจริง
ั
ตำมท่โจทก์ท้งสำมกล่ำวอ้ำง ปัจจุบันจ�ำเลยท่ ๖ ได้ด�ำเนินกำรบังคับคดีจ�ำเลยท่ ๕ โดยน�ำยึด
ี
ี
ี
ที่ดินทั้งสี่แปลงแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ี
ในวันนัดช้สองสถำน ศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
ั
ั
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ท้งสำมฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ ศำลได้มีค�ำส่งต้งจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้จัดกำร
ั
ี
ี
มรดกของนำงเสถียร จ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ร่วมกันยักยอกทรัพย์มรดกของ
ี
นำงเสถียร ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรรับโอน นิติกรรมกำรขำยและนิติกรรมจ�ำนองที่ดินทรัพย์
มรดก และก�ำจัดจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ให้รับมรดก จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้กำรว่ำ โจทก์ทั้งสำมทรำบดี
ถึงกำรท�ำนิติกรรมเก่ยวกับทรัพย์มรดกและท่ดินบำงแปลงไม่ใช่ทรัพย์มรดก ดังน้ ข้อพิพำทในคด ี
ี
ี
ี
จึงเป็นเร่องเก่ยวกับมรดกตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๖ เป็นข้อพิพำทในทำงแพ่ง
ื
ี
ั
ี
ั
ั
โดยตรง ส่วนท่จ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำงส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดน้น ค�ำส่งดังกล่ำว
ี
ก็เกิดภำยหลังจำกศำลมีค�ำสั่งตั้งให้จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำงเสถียรแล้ว จึงหำมีผล
ี
ั
ั
ี
่
่
้
้
ั
ิ
้
�
้
่
ี
ี
่
่
่
ทำใหขอพพำททำงแพงดงกลำวกลำยเปนคดแพงทเกยวพนกบคดตำมกฎหมำยวำดวยลมละลำย
็
ไปไม่ คดีน้จึงไม่ใช่คดีล้มละลำย หรือคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจ
ี
ี
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลล้มละลำย
้
ั
ั
ั
และวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๔ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
761
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรร
ที่ วล ๓/๒๕๖๒ บ้ำนอรุณพัฒน์ ๙
(พระรำม ๓ - สำธุ
ประดิษฐ์) โจทก์
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ของบริษัทธนำพัฒน์
แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำย จ�ำเลย
ึ
ึ
โจทก์ซ่งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรรฟ้องขอให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ซ่งม ี
ึ
ี
ี
อ�ำนำจจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินของลูกหน้ในคดีล้มละลำยซ่งเป็นผู้จัดสรรท่ดิน ให้
ู
ิ
�
ิ
ุ
ิ
ิ
่
ึ
ี
ั
ู
ดำเนนกำรโอนทดนอันเป็นสำธำรณปโภคให้แก่โจทก์ซ่งเป็นนตบคคลหม่บ้ำนจดสรร
ดังน ข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับผู้ล้มละลำยจึงเป็นข้อพิพำทอันเน่องมำจำกกำรจัดสรร
ี
ื
้
ที่ดินตำม พ.ร.บ. กำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่จะต้องพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำที่ของ
ผู้จัดสรรท่ดินเป็นหลัก ข้อพิพำทในคดีน้มิใช่คดีล้มละลำยหรือคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับ
ี
ี
ี
ี
คดีล้มละลำย จึงไม่เป็นคดีล้มละลำย
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ บริษัทธนำพัฒน์ แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำยได้รับอนุญำตให้จัดสรรท่ดิน
ี
โฉนดที่ดินเลขที่ ๕๓๕๗๖, ๗๑๘๙๑, ๒๑๗๙๒๑, ๒๑๗๙๒๐, ๒๑๗๙๑๙, ๗๑๘๙๒, ๘๕๒๑๑,
และ ๕๓๙๘๗ (บำงส่วน) ต�ำบลช่องนนทรี อ�ำเภอยำนนำวำ กรุงเทพมหำนคร โดยมีทรัพย์สิน
อันเป็นสำธำรณูปโภค เช่น สวนสำธำรณะ ที่ตั้งของนิติบุคคล สโมสร เป็นต้น ภำยหลังโจทก์จด
ู
็
้
่
ี
ิ
ั
็
ิ
้
ั
้
ิ
ิ
ั
ั
ทะเบยนจดตงนตบคคลหมบำนจดสรรแลวผลมละลำยกมไดโอนทดนอนเปนทตงของสโมสรตำม
้
ี
่
ี
้
้
ั
ุ
ู่
้
ื
ี
ื
ี
ท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๕๔๙๐๖ เน้อท่ประมำณ ๙๖๕/๑๐ ตำรำงวำ ให้แก่โจทก์เพ่อจัดกำรดูแลและ
ี
ี
บ�ำรุงรักษำ ตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรท่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ มำตรำ ๔๔ (๑) ท�ำให้โจทก์เสียหำย
ี
ึ
จ�ำเลยซ่งเป็นเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีอ�ำนำจจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยแต่
เพียงผู้เดียวตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๒๒ จึงต้องด�ำเนินกำรแทนบริษัท
ผู้ล้มละลำย ขอให้จ�ำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๕๔๙๐๖ ต�ำบลช่องนนทร ี
ี
ี
ิ
ี
อ�ำเภอยำนนำวำ กรุงเทพมหำนคร ให้แก่โจทก์ หำกจ�ำเลยเพิกเฉยให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทน
762
ี
กำรแสดงเจตนำ หำกจ�ำเลยไม่สำมำรถปฏิบัติตำมได้เพรำะสภำพแห่งหน้ไม่เปิดช่องหรือไม่ว่ำ
เพรำะเหตุใด ๆ ขอให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยตำมมูลค่ำของที่ดิน เป็นเงิน ๑๗,๓๗๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ั
ื
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เม่อศำลมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทธนำพัฒน์ แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำย
เด็ดขำด อ�ำนำจในกำรจัดกิจกำรและทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยจึงตกอยู่กับเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ื
ี
แต่เพียงผู้เดียว โจทก์ต้องด�ำเนินกำรย่นค�ำร้องต่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ขอโอนท่ดินให้แก่
�
ั
ู
ื
ุ
ื
�
ั
ั
โจทก์เพ่อจดกำรดแลบำรงรกษำตำมข้ออ้ำงเสียก่อน แต่โจทก์กลบฟ้องโดยมิได้ย่นคำร้องต่อ
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์เสียก่อน กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น โจทก์ยังไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ที่ดิน
ิ
ี
ี
โฉนดท่ดินเลขท่ ๕๔๙๐๖ ผู้ล้มละลำยเป็นผู้ถือกรรมสิทธ์โดยจดทะเบียนอยู่ภำยใต้กำรจัดสรร
ท่ดินและเป็นพ้นท่ส่วนท่กันไว้เป็นบริกำรสำธำรณะประเภทสโมสร จึงไม่ตกอยู่ภำยใต้กฎหมำย
ี
ี
ื
ี
ี
ี
ห้ำมโอนท่ดินอันเป็นสำธำรณูปโภคและไม่อยู่ในบังคับให้ท่ดินตกเป็นของนิติบุคคลหมู่บ้ำน
จัดสรร ตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ มำตรำ ๔๔ ดังนั้นที่ดินดังกล่ำวจึงเป็น
ิ
ทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยท่มีอยู่ในเวลำเร่มต้นแห่งกำรล้มละลำย เป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลำย
ี
ที่เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์อำจรวบรวมและแบ่งแก่เจ้ำหนี้ได้ ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจำรณำ จ�ำเลยแถลงว่ำ โจทก์ฟ้องเกี่ยวกับอ�ำนำจจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สิน
ของผู้ล้มละลำย โจทก์ต้องย่นค�ำร้องต่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์และหำกมีข้อพิพำทหรือโต้แย้ง
ื
ค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์โจทก์ก็ต้องด�ำเนินคดีน้ต่อศำลล้มละลำย ทนำยโจทก์แถลง
ั
ี
ี
ี
ยืนยันว่ำ หน้หรือค�ำขอท้ำยฟ้องเป็นหน้กระท�ำกำร ท�ำให้ฟ้องโจทก์ไม่เก่ยวกับกำรจัดกำรกิจกำร
ี
และทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยอันจะตกแก่หรืออยู่ในอ�ำนำจของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์หรือ
ศำลล้มละลำย
ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ั
ุ
้
ู่
วนจฉยวำ คดนโจทกซงเปนนตบคคลหมบำนจดสรรฟองขอใหจำเลยในฐำนะผมอำนำจ
ี
ู
้
้
้
�
�
ี
้
ึ
์
ิ
ั
ิ
ี
่
ิ
็
ิ
่
ึ
จัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินของบริษัทธนำพัฒน์ แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำย ซ่งผู้ล้มละลำยเป็น
ี
ผู้จัดสรรท่ดิน ให้ด�ำเนินกำรโอนท่ดินอันเป็นสำธำรณูปโภคให้แก่โจทก์ซ่งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้ำน
ี
ึ
ี
จัดสรร ดังน้ ข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับผู้ล้มละลำยจึงเป็นข้อพิพำทอันเน่องมำจำกกำรจัดสรร
ื
ที่ดินตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่จะต้องพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำที่ของ
763
ี
ี
้
่
ิ
ี
ื
ี
่
ิ
ี
ี
ั
ู
ั
ั
ผ้จดสรรทดนเป็นหลก ข้อพพำทในคดนมใช่คดล้มละลำยหรอคดแพ่งทเกยวพนกนกับคด ี
ั
่
ิ
ี
ล้มละลำย จึงไม่เป็นคดีล้มละลำย อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำม
มำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
764
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท
ที่ วล ๑/๒๕๖๔ จ�ำกัด ผู้ร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำน
ั
พ.ร.บ. จัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มีผล
ี
่
ใช้บังคับนับแต่วันท ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ และมีพระรำชกฤษฎีกำให้เปิดท�ำกำรศำล
่
ี
ั
ื
ล้มละลำยกลำงเม่อวันท ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ ขณะน้นคดีท่นำย ส. ถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลำย
ี
้
ิ
่
ู
้
ิ
ิ
ิ
่
ั
ั
ั
ี
ยงคงคำงพจำรณำอยในศำลจงหวดระยอง และคดดงกลำวมไดโอนมำพจำรณำพพำกษำ
ั
ั
ี
ในศำลล้มละลำยกลำงภำยในหนงร้อยแปดสบวันนบแต่วันทศำลล้มละลำยกลำง
ิ
่
ึ
่
ั
เปิดท�ำกำรตำมบทเฉพำะกำล มำตรำ ๒๙ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลล้มละลำย
ื
ี
ั
และวธพจำรณำคดล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ เน่องจำกต่อมำศำลจงหวดระยองยงคงพจำรณำ
ิ
ั
ี
ั
ิ
ิ
มีค�ำสั่งในคดีล้มละลำยหมำยเลขแดงที่ ล.๕/๒๕๔๓ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นำย ส. เด็ดขำด
เมื่อวันที่ ๔ พฤษภำคม ๒๕๔๓ และพิพำกษำให้ล้มละลำยเมื่อวันที่ ๕ กรกฎำคม ๒๕๔๗
ื
เมอผ้ร้องยนคำร้องโต้แย้งกำรกระทำหรอคำวนจฉยของผ้คดค้ำนทไม่ดำเนนกำร
ั
ิ
ิ
่
�
�
ื
�
ู
ี
ั
่
่
ื
ู
ิ
�
ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ น�ำทรัพย์หลักประกันของ นำย ส.
ออกขำยทอดตลำดเพ่อน�ำเงินมำช�ำระแก่ผู้ร้อง จึงเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของ
ื
ี
ี
ศำลจังหวัดระยอง หมำยเลขแดงท ล.๕/๒๕๔๓ ปัญหำข้อพิพำทในคดีน้จึงไม่อยู่ใน
ี
ี
่
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
ั
ื
คดีสืบเน่องมำจำกเม่อวันท่ ๔ พฤษภำคม ๒๕๔๓ ศำลจังหวัดระยองมีค�ำส่ง
ื
ี
พิทักษ์ทรัพย์ของนำยสมพงษ์ เด็ดขำด และพิพำกษำให้ล้มละลำยเมื่อวันที่ ๕ กรกฎำคม ๒๕๔๗
ในคดีหมำยเลขแดงที่ ล.๕/๒๕๔๓
ผู้ร้องยื่นค�ำร้องว่ำ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหำคม ๒๕๖๓ ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้ำหนี้ตำมค�ำพิพำกษำ
ื
ี
ในคดีแพ่งของศำลจังหวัดระยองคดีหมำยเลขแดงท่ ๒๑๕/๒๕๓๗ ได้ย่นค�ำร้องต่อศำลจังหวัด
ระยองในคดีล้มละลำยหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓ ขอให้มีค�ำส่งให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์
ี
ั
ั
ทรพย์นำทรพย์หลกประกนของนำยสมพงษ์ออกขำยทอดตลำดนำเงนมำชำระแก่ผ้ร้องตำม
ู
ั
�
ั
ิ
�
�
ั
ื
ั
่
่
พระรำชบัญญัตล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ ศำลจังหวัดระยองมีค�ำส่งไมรับคำร้องเนองจำก
�
ิ
765
คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง ผู้ร้องจึงขอให้ศำลล้มละลำยกลำง
ั
มีค�ำส่งให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์น�ำทรัพย์หลักประกันของนำยสมพงษ์ออกขำยทอดตลำด
น�ำเงินมำช�ำระแก่ผู้ร้อง
ื
ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ เม่อศำลล้มละลำยกลำงเปิดท�ำกำรแล้วคดีล้มละลำยหมำยเลขแดง
ื
ท่ ล.๕/๒๕๔๓ มิได้มีกำรโอนมำพิจำรณำในศำลล้มละลำยกลำงตำมบทเฉพำะกำล มำตรำ ๒๙
ี
แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ กำรท ่ ี
ั
ผู้ร้องยื่นค�ำร้องต่อศำลจังหวัดระยองชอบแล้ว
ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มีผลใช้บังคับนับแต่วันท่ ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ และมีพระรำชกฤษฎีกำให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำง
ี
ื
ั
ี
ี
เม่อวันท่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ ขณะน้นคดีท่นำยสมพงษ์ ถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลำยยังคง
ค้ำงพิจำรณำอยู่ในศำลจังหวัดระยอง และคดีดังกล่ำวมิได้โอนมำพิจำรณำพิพำกษำในศำล
ล้มละลำยกลำงภำยในหน่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันท่ศำลล้มละลำยกลำงเปิดท�ำกำรตำม
ึ
ี
บทเฉพำะกำล มำตรำ ๒๙ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่ประกำรใด เน่องจำกต่อมำศำลจังหวัดระยองยังคงพิจำรณำ
ื
มีค�ำส่งในคดีล้มละลำยหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนำยสมพงษ์เด็ดขำด
ี
ั
ี
ื
ื
ี
เม่อวันท่ ๔ พฤษภำคม ๒๕๔๓ และพิพำกษำให้ล้มละลำยเม่อวันท่ ๕ กรกฎำคม ๒๕๔๗
ี
ี
ื
ื
คดีน้เม่อผู้ร้องย่นค�ำร้องโต้แย้งกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัยของผู้คัดค้ำนท่ไม่ด�ำเนินกำรตำม
พระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ น�ำทรัพย์หลักประกันของนำยสมพงษ์
ี
ื
ออกขำยทอดตลำดในคดีหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓ ดังกล่ำวเพ่อน�ำเงินมำช�ำระแก่ผู้ร้อง
ี
จึงเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของศำลจังหวัดระยองหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓
ี
ี
ี
ศำลจังหวัดระยองมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดี ปัญหำข้อพิพำทในคดีน้จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจ
ั
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและ
วิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
766
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
767
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
ที่ วล ๕/๒๕๖๑ ตะวันออกฟำยแน้นซ์ (๑๙๙๑)
จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท
จ�ำกัด ผู้ร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำน
นำยธงชัย จิตรทวีกำร
กับพวก จ�ำเลย
้
ิ
ั
ั
ี
พ.ร.บ. จดตงศำลล้มละลำยและวธพจำรณำคดล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ ใช้
ี
ิ
ั
ี
่
บังคับต้งแต่วันท ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป และมีพระรำชกฤษฎีกำก�ำหนดวันเปิดท�ำกำร
ั
ศำลล้มละลำยกลำง พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๓ ให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำงต้งแต่
วันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป จ�ำเลยทั้งสองถูกฟ้องขอให้ล้มละลำยต่อศำลแพ่ง
ั
ื
ั
และศำลแพ่งมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท้งสองเด็ดขำด และเม่อมีพระรำชกฤษฎีกำ
ให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำงแล้ว คดีดังกล่ำวก็มิได้โอนมำพิจำรณำท ี ่
ั
ศำลล้มละลำยกลำงตำม พ.ร.บ. จัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๒๙ คดีนี้ผู้ร้องอ้ำงว่ำ ผู้ร้องรับโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ตำมค�ำพิพำกษำ
และสิทธิกำรรับจ�ำนองจำกบริษัทบริหำรสินทรัพย์ พ. จึงย่นค�ำร้องขอสวมสิทธิต่อ
ื
ผู้คัดค้ำน แต่ผู้คัดค้ำนมีค�ำส่งยกค�ำร้อง ขอให้มีค�ำส่งให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธิตำมค�ำร้องขอรับ
ั
ั
ี
ื
ช�ำระหน้จ�ำนอง ให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำดเพ่อช�ำระหน้แก่
ี
ผู้ร้องต่อไป ค�ำร้องของผู้ร้องเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของศำลแพ่ง จึงไม่อยู่ใน
ี
ี
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
คดีสืบเนื่องมำจำกเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎำคม ๒๕๔๐ ศำลแพ่งมีค�ำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของ
็
จ�ำเลยท้งสองเดดขำด ในคดีหมำยเลขแดงท ล. ๒๔๙/๒๕๔๐ บริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด
ั
่
ี
ได้ย่นค�ำร้องขอรับช�ำระหน้ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ และขอให้
ื
ี
ี
ผู้คัดค้ำนขำยทอดตลำดทรัพย์จ�ำนอง โดยอำศัยมูลหน้ตำมค�ำพิพำกษำของศำลแพ่ง คดีหมำยเลขแดง
768
ที่ ธ.๑๐๗๔๖/๒๕๔๑ ระหว่ำง ธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์ นำยธงชัย ที่ ๑
กับพวก จ�ำเลย ที่ประชุมเจ้ำหนี้มีมติไม่ประสงค์ที่จะด�ำเนินกำรกับทรัพย์จ�ำนองตำมค�ำร้อง แต่
บริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด มิได้ด�ำเนินกำรยึดทรัพย์ในคดีแพ่งจนพ้นก�ำหนดเวลำ
กำรบังคับคดี ต่อมำบริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด ได้โอนสิทธิเรียกร้องตำมค�ำพิพำกษำ
ื
ของศำลแพ่งดังกล่ำวให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงได้ย่นค�ำร้องขอสวมสิทธิแทนบริษัทบริหำรสินทรัพย์
ี
ี
ั
เพชรบุรี จ�ำกัด และขอให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนอง ผู้คัดค้ำนมีค�ำส่งว่ำ ท่ประชุมเจ้ำหน้ไม่ประสงค์
ื
ี
ั
ให้ยึดทรัพย์จ�ำนองกรณีไม่มีเหตุท่จะส่งตำมค�ำร้อง ให้ยกค�ำร้อง ผู้ร้องจึงได้ย่นค�ำร้องอีกคร้ง
ั
ั
ื
เม่อวันท่ ๖ ธันวำคม ๒๕๖๐ ผู้คัดค้ำนแจ้งว่ำ ได้เคยมีค�ำส่งยกค�ำร้องแล้ว มิอำจส่งตำม
ั
ี
ค�ำร้องใหม่ แจ้งให้ทรำบ ผู้ร้องเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องหน้ตำมค�ำพิพำกษำและสิทธิกำร
ี
รับจ�ำนอง ไม่อำจใช้สิทธิบังคับจ�ำนองได้เพรำะเกินระยะเวลำสิบปีแต่ผู้ร้องไม่เสียสิทธิกำรบังคับ
้
ี
ิ
ั
จ�ำนองในคดีล้มละลำย ขอให้มีค�ำส่งให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธตำมค�ำร้องขอรับช�ำระหนจ�ำนอง
ให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำดเพื่อช�ำระหนี้แก่ผู้ร้องต่อไป
ื
ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ไม่ได้ย่นค�ำขอรับ
ื
ี
ั
ี
ช�ำระหน้ จึงไม่ใช่เจ้ำหน้ในคดีล้มละลำย ผู้คัดค้ำนไม่อำจมีค�ำส่งอนุญำตให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธ ิ
แทนบริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด หรือธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ได้ คดีนี้
เป็นคดีล้มละลำยที่ฟ้องต่อศำลแพ่ง จึงเป็นกำรร้องผิดศำล ขอให้ยกค�ำร้อง
ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ั
ี
ิ
ิ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้เสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดช�ำนัญพิเศษวนจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ั
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป และมีพระรำชกฤษฎีกำก�ำหนด
วันเปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำง พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๓ ให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำง
ต้งแต่วันท่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป จ�ำเลยท้งสองถูกฟ้องขอให้ล้มละลำยต่อศำลแพ่ง
ี
ั
ั
่
ื
ั
ั
และศำลแพ่งมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท้งสองเด็ดขำด และเมอมีพระรำชกฤษฎีกำให้เปิด
ั
ทำกำรศำลล้มละลำยกลำงแล้ว คดีดงกล่ำวก็มได้โอนมำพจำรณำทศำลล้มละลำยกลำงตำม
�
่
ี
ิ
ิ
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๒๙ แต่
อย่ำงใด ผู้ร้องอ้ำงว่ำ เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ตำมค�ำพิพำกษำและสิทธิกำรรับจ�ำนองจำก
ื
บริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด จึงได้ย่นค�ำร้องขอสวมสิทธิต่อผู้คัดค้ำน แต่ผู้คัดค้ำนม ี
769
ั
ั
ื
ค�ำส่งยกค�ำร้อง ผู้ร้องไม่เห็นด้วยกับค�ำส่งดังกล่ำวจึงย่นค�ำร้องขอให้ศำลไต่สวนค�ำร้องและม ี
ั
ี
ค�ำส่งให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธิตำมค�ำร้องขอรับช�ำระหน้จ�ำนอง ให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนองออก
ี
ื
ขำยทอดตลำดเพ่อช�ำระหน้แก่ผู้ร้อง ค�ำร้องของผู้ร้องเป็นกำรโต้แย้งกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัย
ี
ี
ี
ของผู้คัดค้ำนในเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของศำลแพ่ง หมำยเลขแดงท่ ล. ๒๔๙/๒๕๔๐
ปัญหำข้อพิพำทคดีน้จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗
ี
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ิ
ั
ุ
่
รตมำ ชยสโรจน - ยอ
์
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
770
รวมค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
คดีเยำวชนและครอบครัว
771
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ว. ในฐำนะผู้อนุบำล
ที่ วยช ๘๙/๒๕๖๒ ของนำย ส.
คนไร้ควำมสำมำรถ โจทก์
นำย ภ. กับพวก จ�ำเลย
ี
่
โจทก์และจ�ำเลยท ๑ เป็นผู้อนุบำลนำย ส. คนไร้ควำมสำมำรถ โจทก์อ้ำงว่ำ
ี
ี
่
ี
่
ี
จ�ำเลยท ๑ น�ำท่ดินพิพำทท่เป็นของนำย ส. ไปขำยให้จ�ำเลยท ๒ อันเป็นกำรผิด
ข้อตกลงระหว่ำงผู้อนุบำล ขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทดังกล่ำว กรณีเป็น
ข้อพิพำทระหว่ำงผู้อนุบำลคนไร้ควำมสำมำรถอันเกี่ยวกับอ�ำนำจหน้ำที่ของผู้อนุบำลซึ่ง
ป.พ.พ. มำตรำ ๒๘ วรรคสอง บัญญัติว่ำ ให้เป็นไปตำมบทบัญญัติบรรพ ๕ แห่ง ป.พ.พ.
่
ี
ี
่
จึงเป็นคดีครอบครัว ส่วนจ�ำเลยท ๒ และจ�ำเลยท ๓ แม้จะไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ
คนไร้ควำมสำมำรถ แต่เมื่อโจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์และ
นำย ส. ขอให้เพิกถอนนิติกรรมจ�ำนองระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๓ ด้วย ย่อมถือว่ำ
มูลควำมแห่งคดีเก่ยวข้องกันตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๕ โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องจ�ำเลยท ๒
ี
ี
่
และจ�ำเลยที่ ๓ ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวด้วย
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ส. คนไร้ควำมสำมำรถ
ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดระยองมีค�ำพิพำกษำตำมยอมในคดีแพ่งหมำยเลขแดง
ท่ ๑๒/๒๕๖๑ ให้โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้อนุบำลนำย ส. ต่อมำวันท่ ๑๙ มีนำคม ๒๕๖๒
ี
ี
ี
ั
ี
�
ึ
�
ิ
ุ
์
ี
่
�
ั
�
ั
ี
โจทกกบจำเลยท่ ๑ ทำบนทกข้อตกลงโดยมสำระสำคญวำกำรขำยทดนของนำย ส. ทกแปลง จำเลย
่
ที่ ๑ ต้องแจ้งให้โจทก์ทรำบก่อนที่จะยื่นค�ำร้องต่อศำลทุกครั้ง หลังจำกนั้นวันที่ ๕ เมษำยน ๒๕๖๒
ั
จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์และนำย ส. กล่ำวคือ จ�ำเลยท้งสำมรู้อยู่แล้วว่ำ
ั
โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ มีข้อตกลงตำมบันทึกข้อดังกล่ำว แต่จ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ ท�ำสัญญำ
ซ้อขำยท่ดินพิพำทโฉนดเลขท่ ๘๕๙๓๗ ต�ำบลทับมำ อ�ำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
ี
ี
ื
ื
ี
พร้อมบ้ำนเลขท่ ๕๘/๓, ๕๘/๕ และ ๕๘/๖ หมู่ท่ ๓ ของนำย ส. โดยไม่ย่นค�ำร้องขออนุญำต
ี
ั
ท�ำนิติกรรมต่อศำล ไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทรำบและไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ อีกท้งจ�ำเลย
ท้งสำมรู้อยู่แล้วว่ำท่ดินดังกล่ำวมีโรงเรือนและส่งปลูกสร้ำง ๓ หลัง แต่จ�ำเลยท้งสำมจงใจระบ ุ
ั
ิ
ี
ั
772