The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ



รำยท่ ๔๙๖ กลุ่มท่ ๑๒ ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๖๐ วรรคหน่ง และ





ไม่อำจน�ำมูลหน้เดิมตำมค�ำพิพำกษำมำด�ำเนินกำรบังคับคดีเพ่อช�ำระหน้ในคดีน้ได้อีก หำกจ�ำเลย
ผิดนัดช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร โจทก์ก็ชอบท่จะยกคดีข้นว่ำกล่ำวต่อศำลล้มละลำยกลำง




เพรำะเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกับคดีล้มละลำย กำรท่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีแจ้งอำยัดสิทธ ิ


เรียกร้องของจ�ำเลยจึงเป็นกำรบังคับคดีด้วยควำมบกพร่อง ผิดพลำด หรือฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย
ขอให้มีค�ำสั่งเพิกถอนกำรบังคับคดีดังกล่ำว และงดกำรบังคับคดีไว้จนกว่ำศำลมีค�ำวินิจฉัย



โจทก์ย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนกำรบังคับคดีเม่อเกินก�ำหนดเวลำ
ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๙๖ (เดิม) จึงไม่มีอ�ำนำจย่นค�ำร้อง กำรออก

หมำยบังคับคดีและกำรด�ำเนินกำรบังคับคดีชอบแล้ว และเมื่อศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิก




กำรฟื้นฟูกจกำรของจ�ำเลยแล้วมีผลให้แผนฟื้นฟูกจกำรย่อมสนผลไปด้วย โจทก์มีสิทธิบงคบ


คดีแพ่งต่อไปได้ ขอให้มีค�ำสั่งยกค�ำร้อง



ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดอย่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำ



ของศำลล้มละลำยหรอไม่ จงเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็น







ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒

มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีอำยัดสิทธ ิ


เรียกร้องในบัญชีเงินฝำกของจ�ำเลยต่อธนำคำรธนชำต จ�ำกัด (มหำชน) ธนำคำรไทยพำณิชย์
จ�ำกัด (มหำชน) และธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) เพ่อช�ำระหน้แก่โจทก์โดยฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย


เป็นกำรร้องขอให้เพิกถอนกำรบังคับคดีตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๙๕

วรรคสอง จ�ำเลยซ่งเป็นลูกหน้ตำมค�ำพิพำกษำจึงต้องย่นค�ำร้องต่อศำลในคดีท่มีกำรบังคับคด ี







ซ่งมีอ�ำนำจท�ำค�ำวินิจฉัยช้ขำดหรือท�ำค�ำส่งในเร่องใด ๆ อันเก่ยวด้วยกำรบังคับคดีตำม


ค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งน้นตำมมำตรำ ๒๗๑ วรรคหน่ง แม้จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงว่ำกำรบังคับคด ี


ดังกล่ำวฝ่ำฝืนต่อพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๖๐ วรรคหน่ง ก็มิใช่

ข้อพิพำทเก่ยวกับกระบวนพิจำรณำคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงมิใช่คดีล้มละลำยซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ



พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
723

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย




วินิจฉัย ณ วันที่ ๑ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๕



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ


















































724

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทชิงธง จ�ำกัด ผู้ร้อง

ที่ วล ๖/๒๕๖๒ บริษัทอีวำย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่

เซอร์วิสเซส จ�ำกัด

กบพวก ผู้คัดค้ำน






ผ้ร้องย่นค�ำร้องอ้ำงว่ำหลังจำกศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟกิจกำรของบริษทลูกหน ้ ี


ผู้คัดค้ำนท ๑ ในฐำนะผู้ท�ำแผนได้ว่ำจ้ำงให้ผู้ร้องฟักไข่ไก่ ผู้ร้องได้ด�ำเนินกำรตำมท ่ ี



ว่ำจ้ำงและส่งมอบลูกไก่แล้ว และมีหนังสือเรียกให้ผู้คัดค้ำนท ๑ ช�ำระค่ำตอบแทนแก่




ผู้ร้องแต่ผู้คัดค้ำนท ๑ ไม่ช�ำระ ขอให้บังคับผู้คัดค้ำนท ๑ ช�ำระค่ำตอบแทนกำรรับจ้ำง




แก่ผู้ร้องน้น หน้ตำมค�ำร้องเป็นหน้ท่เกิดข้นภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง



เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำร จึงมิใช่หน้ท่อำจย่นขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรได้ตำม



พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๒๗ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ร้องกับผู้คัดค้ำนที่ ๑


เก่ยวกับหน้ท่เกิดข้นหลังจำกศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรต้องเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำ





ด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หน้ตำมค�ำร้องมิใช่ข้อพิพำทอันเก่ยวกับ
กำรฟื้นฟูกิจกำรหรือแผนฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงไม่ใช่คดีล้มละลำย ไม่อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_________________________________



คดีสืบเน่องมำจำกเม่อวันท่ ๒๓ กรกฎำคม ๒๕๕๗ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้

ฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทโกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จ�ำกัด และตั้งให้ผู้คัดค้ำนที่ ๑ เป็นผู้ท�ำแผน วันที่


๒๐ สิงหำคม ๒๕๕๘ ศำลมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำรและต้งผู้ท�ำแผนเป็นผู้บริหำรแผน



ผู้ร้องย่นค�ำร้องว่ำ หลังจำกได้รับแต่งต้งเป็นผู้บริหำรแผน ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ได้ว่ำจ้ำงผู้ร้อง
ฟักไข่ไก่ ผู้ร้องด�ำเนินกำรฟักไข่ไก่และส่งมอบลูกไก่ให้แก่บริษัทโกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จ�ำกัด แล้ว


และได้มีหนังสือให้ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ช�ำระค่ำตอบแทนจำกกำรรับจ้ำง แต่ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ไม่ช�ำระ







ขอให้บงคับผ้คดค้ำนท่ ๑ ชำระเงนให้แก่ผ้ร้อง ๕,๙๕๔,๑๑๕.๖๐ บำท พร้อมดอกเบยอตรำ



ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ผ้คัดค้ำนท ๑ ยนคำคัดค้ำนว่ำ ผ้ร้องเป็นบริษทในเครอของบรษทโกลเด้น ไลน์














บิสซิเนส จ�ำกัด ลูกหน้ ผู้ร้องมีภำระหน้ค่ำสินค้ำและค่ำบริกำรค้ำงช�ำระแก่ผู้คัดค้ำนท่ ๑ เป็น
เงินกว่ำ ๑๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท ผู้คัดค้ำนท่ ๑ มีหนังสือขอหักกลบลบหน้จนไม่มีหน้ค้ำงช�ำระ



725







หน้ท่ผู้ร้องเรียกมำเป็นหน้ท่เกิดข้นหลังจำกศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผน



ฟื้นฟูกิจกำรและเป็นหน้ท่เกิดข้นจำกกำรค้ำปกติของลูกหน้ ศำลล้มละลำยกลำงไม่มีอ�ำนำจ

พิจำรณำคดีนี้ ขอให้ยกค�ำร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ยื่นค�ำแถลงว่ำ หนี้ตำมสัญญำว่ำจ้ำงฟักไข่ไก่






เป็นหน้ท่เกิดจำกผู้คัดค้ำนท่ ๑ ก่อให้เกิดข้นเน่องจำกกำรฟื้นฟูกิจกำรของลูกหน้ มิได้เป็นหน ้ ี

ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร และแผนฟื้นฟูกิจกำรมิได้ก�ำหนดไว้เป็นอย่ำงอ่น ผู้ร้องมีสิทธิได้รับช�ำระหน ี ้




โดยไม่ต้องขอรับช�ำระหน้ ดังน้นหำกผู้คัดค้ำนท่ ๑ ไม่ช�ำระ ผู้ร้องสำมำรถบังคับช�ำระหน้ได้
โดยไม่ต้องยื่นค�ำร้องขอให้ศำลล้มละลำยมีค�ำสั่ง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงได้ควำมว่ำ หลังจำกศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของ


บริษัทโกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จ�ำกัด และต้งผู้คัดค้ำนท่ ๑ เป็นผู้ท�ำแผน ต่อมำวันท่ ๒๐ สิงหำคม ๒๕๕๘




ศำลมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนโดยต้งผู้ท�ำแผนเป็นผู้บริหำรแผน หลังจำกได้รับแต่งต้งเป็น



ผู้บริหำรแผน ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ได้ว่ำจ้ำงผู้ร้องฟักไข่ไก่ต้งแต่เดือนตุลำคม ๒๕๖๐ ถึงเดือน
กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ ผู้ร้องด�ำเนินกำรฟักไข่ไก่และส่งมอบลูกไก่ให้แก่ผู้คัดค้ำนที่ ๑ แล้ว และได้มี



















หนงสือใหผ้คดคำนท ๑ ชำระค่ำตอบแทนจำกกำรรบจ้ำง แตผคดคำนท ๑ ไมชำระ จำกข้อเทจจริง








ดงกล่ำวเหนได้ว่ำหน้ตำมค�ำร้องเป็นหน้ท่เกิดภำยหลงศำลล้มละลำยกลำงมีคำส่งเห็นชอบด้วย















แผนฟ้นฟกิจกำร ดังนนจงมิใชหนทอำจย่นขอรับชำระหน้ในกำรฟืนฟูกจกำรได ตำมพระรำชบัญญต ิ


ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๒๗ วรรคหนึ่ง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ร้องกับผู้คัดค้ำนที่ ๑





เก่ยวกับหน้ท่เกิดข้นหลังจำกศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรน้ต้องเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำด้วย



ควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หน้ตำมค�ำร้องมิใช่ข้อพิพำทอันเก่ยวกับกำรฟื้นฟูกิจกำร


หรือแผนฟื้นฟกิจกำรโดยตรง จงมใช่คดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำของ




ศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
726

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ


























































727

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยภำณุพันธ์หรือกรภัทร์

ที่ วล ๑๖/๒๕๖๐ จันทรังษี โจทก์

บริษัทโรงแรมดำรำเทวี
จ�ำกัด จ�ำเลย




โจทก์ฟ้องว่ำได้ช�ำระรำคำห้องชุดให้แก่จ�ำเลยตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำร

ของจ�ำเลยและตำมสัญญำจะซ้อจะขำยครบถ้วนแล้ว แต่จ�ำเลยไม่จดทะเบียนโอน







กรรมสทธ์ในห้องชดให้แก่โจทก์ ขอให้บงคับจ�ำเลยจดทะเบยนโอนกรรมสทธในห้องชุด

และส่งมอบห้องชุดให้แก่โจทก์พร้อมช�ำระค่ำเสียหำย เมื่อตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำได้ช�ำระรำคำห้องชุดตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ดังน ้ ี


ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำท่ของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจึงต้องอำศัยข้อก�ำหนดในแผน
ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำพิจำรณำประกอบเป็นส่วนส�ำคัญ ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่ง
ที่เกี่ยวพันกันกับคดีตำมกฎหมำยว่ำด้วยล้มละลำยในส่วนของกำรฟื้นฟูกิจกำรอันอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหำคม ๒๕๕๓ โจทก์ท�ำสัญญำซื้อห้องชุด บ้ำนสิริสำทร

(สวนพลู) อำคำรเลขที่ ๑ ชั้นที่ ๓ จ�ำนวน ๑ ห้อง จำกจ�ำเลยในรำคำ ๒,๖๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์

ช�ำระรำคำในขณะท�ำสัญญำ ๑,๓๐๐,๐๐๐ บำท ส่วนที่เหลือจะช�ำระภำยใน ๖ เดือน จ�ำเลยตกลง


จะด�ำเนินกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ให้แก่โจทก์เม่อโจทก์ช�ำระรำคำครบถ้วน แต่ก่อนวันท่โจทก์




ท�ำสัญญำซ้อห้องชุดดังกล่ำวเม่อประมำณปี ๒๕๕๒ จ�ำเลยได้ย่นค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำง


ขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเม่อวันท่ ๕ สิงหำคม ๒๕๕๕ เห็นชอบ


ด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรก�ำหนดให้ขำยห้องชุดซ่งเป็นทรัพย์



หลักประกันตำมสัญญำจ�ำนองเพ่อน�ำเงินมำช�ำระหน้แก่เจ้ำหน้กลุ่มท่ ๒ และตำมแผนยังได้


ก�ำหนดให้จ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ผู้รับจ�ำนองภำยในวัน
ท�ำกำรสุดท้ำยของเดือนธันวำคม ๒๕๕๙ ต่อมำธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ได้โอนสิทธ ิ
กำรรับจ�ำนองห้องชุดดังกล่ำวให้แก่บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพพำณิชย์ จ�ำกัด โจทก์ช�ำระ
รำคำห้องชุดส่วนท่เหลือให้แก่จ�ำเลยตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและตำมสัญญำ



728

จะซื้อจะขำยครบถ้วนแล้ว บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพพำณิชย์ จ�ำกัด ได้ปลดจ�ำนองให้แก่


จ�ำเลย แต่จ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดให้แก่โจทก์ โจทก์ติดตำมทวงถำม

















แล้วแตจำเลยเพกเฉย ขอใหบงคบจำเลยจดทะเบยนโอนกรรมสทธหองชด บำนสรสำทร (สวนพล)




อำคำรเลขท่ ๑ ช้นท่ ๓ จ�ำนวน ๑ ห้อง ให้แก่โจทก์พร้อมท้งส่งมอบห้องชุดดังกล่ำวใน
สภำพเรยบร้อยปรำศจำกควำมชำรุดบกพร่องและกำรรอนสทธิ หำกจำเลยเพิกเฉยขอถือเอำ




ค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ ให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๗๘๐,๐๐๐ บำท และอีก
เดือนละ ๖๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่ำจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
และช�ำระค่ำเสียหำยเสร็จสิ้น
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจเข้ำ

ท�ำนิติกรรมใด ๆ กับจ�ำเลย กำรท�ำสัญญำจะซื้อจะขำยห้องชุดคู่สัญญำไม่ต้องกำรบังคับกันตำม
สัญญำแต่ต้องกำรให้ทรัพย์สินของจ�ำเลยไม่ตกอยู่ในกองทรัพย์สินของลูกหน้ในคดีล้มละลำย

อันจะเป็นผลให้อำคำรชุดดังกล่ำวถูกขำยน�ำเงินมำช�ำระหนี้เจ้ำหนี้รำยอื่น ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

โจทก์ไม่ช�ำระรำคำส่วนท่เหลือตำมก�ำหนด จ�ำเลยจึงมีสิทธิริบเงินและสัญญำเป็นอันเลิกกัน จ�ำเลย
เป็นผู้ช�ำระเงินให้แก่บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพพำณิชย์ จ�ำกัด โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ค่ำเสียหำยตำมฟ้องสูงเกินควำมจริง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙

วินจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงจำกค�ำฟ้องและคำให้กำรฟังเป็นยุติว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมค�ำ


ส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและต่อมำมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์









กล่ำวอ้ำงตำมค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ชำระรำคำห้องชดส่วนท่เหลอให้แก่จำเลยตำมท่กำหนดในแผน
ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและตำมท่ตกลงตำมสัญญำจะซ้อจะขำยครบถ้วนแล้ว แต่จ�ำเลยไม่จด




ทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดให้แก่โจทก์ตำมทตกลงกัน เมอตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำว




อ้ำงว่ำได้ช�ำระรำคำห้องชุดตำมท่ก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธว่ำ
โจทก์ไม่ช�ำระรำคำส่วนที่เหลือตำมก�ำหนด ดังนี้ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำที่ของโจทก์ตำม
ค�ำฟ้องจึงต้องอำศัยข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำพิจำรณำประกอบเป็นส่วนส�ำคัญ


ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีตำมกฎหมำยว่ำด้วยล้มละลำยในส่วนของกำร
729

ฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗

แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย



วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ















































730

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต

ที่ วล ๑๒/๒๕๖๒ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ แอสเซท
จ�ำกัด จ�ำเลย








โจทก์ฟ้องวำจ�ำเลยไม่ช�ำระหนตำมทก�ำหนดในต๋วสัญญำเงิน โดยปรำกฏวำกำร



ออกต๋วสัญญำใช้เงินดังกล่ำวมีมูลเหตุมำจำกข้อก�ำหนดของแผนฟื้นฟูกิจกำรท่ศำล

มีค�ำส่งเห็นชอบแล้ว กำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมฟ้องต้องวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนด


ในแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทลูกหน้และข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้อง
ของโจทก์เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๒๕ พฤศจิกำยน ๒๕๔๖ โจทก์ท�ำสัญญำโอนสิทธิท่จะได้รับช�ำระหน ้ ี

จำกบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ตำมค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ในค�ำขอรับ

ช�ำระหนี้คดีฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ให้แก่จ�ำเลย จ�ำเลยตกลงช�ำระ



ค่ำตอบแทนให้แก่โจทก์โดยกำรออกต๋วสัญญำใช้เงินให้เท่ำกับจ�ำนวนหน้ท่รับโอนโดยมีก�ำหนด

เวลำช�ำระคืนภำยใน ๑๕ ปี ตำมท่ก�ำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจกำร ภำยหลังกำรออกต๋วสัญญำ

ใช้เงินแล้วจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่โจทก์บำงส่วนและได้เปล่ยนต๋วสัญญำใช้เงินโดยกำรออกต๋วสัญญำ






ใช้เงินฉบับใหม่ให้แทน คร้งสุดท้ำยจ�ำเลยออกต๋วสัญญำใช้เงินให้แก่โจทก์ฉบับใหม่สัญญำจะ

จ่ำยเงินจ�ำนวน ๘,๒๙๗,๒๐๐.๑๒ บำท ครบก�ำหนดวันท่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ ก่อน









ครบก�ำหนดชำระเงนตำมตวสญญำใช้เงน จ�ำเลยมีหนงสอขอผดผ่อนโดยขอชำระเงนบำงส่วน


และขอขยำยระยะเวลำกำรช�ำระเงินออกไป โจทก์ไม่ยินยอม กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์

เสียหำยคิดเป็นต้นเงินตำมต๋วสัญญำใช้เงินและดอกเบ้ยรวมท้งส้น ๒๓,๔๑๐,๑๓๓.๗๑ บำท









ขอให้จำเลยชำระเงนแก่โจทก์ ๒๓,๔๑๐,๑๓๓.๗๑ บำท พร้อมดอกเบยในอตรำให้ก้ยมสงสด






ต่อปีท่ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ประกำศแก่ธนำคำรแห่งประเทศไทย ณ ขณะใดขณะหน่ง
ของต้นเงิน ๘,๒๙๗,๒๐๐.๑๒ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
731



จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นบริษัทเฉพำะกิจต้งข้นตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัท





เอ็ม ด เอ็กซ์ จำกัด (มหำชน) ตำมแผนฟื้นฟกิจกำรก�ำหนดให้เจ้ำหนต้องโอนสิทธเรยกร้อง



ในภำระแห่งหน้ตำมท่มีต่อบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ไปยังจ�ำเลย จ�ำเลยจะออกต๋ว


สัญญำใช้เงินในมูลหนี้เท่ำกันให้แก่เจ้ำหนี้และให้เจ้ำหนี้ที่โอนสิทธิเรียกร้องเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท
จ�ำเลย โจทก์เป็นหนึ่งในเจ้ำหนี้ที่โอนสิทธิเรียกร้องในภำระแห่งหนี้มำยังบริษัทจ�ำเลย โดยโจทก์

















และจำเลยได้ทำสญญำให้สทธรบชำระหนกนไว้ ดงนนเงอนไขต่ำง ๆ ในสญญำล้วนเชอมโยง

กับแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) รวมทั้งบทนิยำมค�ำว่ำ “ศำล”
หมำยถึงศำลล้มละลำยกลำง ฟ้องโจทก์เป็นกำรใช้สิทธิรบช�ำระหน้อันอยู่ภำยใต้เง่อนไขในแผน














ฟื้นฟกจกำร กำรพจำรณำคำฟ้องของโจทก์ต้องอำศยข้อเทจจรงจำกสำนวนคำขอรบชำระหน ้ ี
และแผนฟื้นฟูกิจกำร ค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีล้มละลำยอยู่ในอ�ำนำจของศำลล้มละลำย ตำม








สญญำให้สิทธรบช�ำระหน้จ�ำเลยตกลงชำระหนตำมหลกเกณฑ์ท่กำหนดในข้อ ๗.๔.๔. (ข)




(๓) (ฉ) ของแผน และแผนฟื้นฟูกิจกำรฉบับท่มีกำรแก้ไขเพ่มเติมในภำยหลัง ต่อมำผู้บริหำร

แผนได้ย่นค�ำร้องขอแก้ไขเพ่มเติมแผนฟื้นฟูกิจกำรโดยขอยกเลิกข้อควำมในข้อ ๗.๔.๔. (ข)

(๓) (ฉ) และใช้ข้อควำมใหม่ใน “(ฉ)” ว่ำ ให้บริษัทเฉพำะกิจช�ำระหนี้เงินต้นให้แก่เจ้ำหนี้ผู้มีสิทธิ
เรียกร้องในหน้ท่ถูกโอน โดยให้ได้รับช�ำระหน้จำกกำรขำยสินทรัพย์หรือจำกกำรบริหำรสินทรัพย์



ณ วันสุดท้ำยของเดือนธันวำคม ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฉบับท่แก้ไข




ดังน้นหำกจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่โจทก์เพียงรำยเดียวจะเป็นกำรให้เปรียบแก่โจทก์ ไม่เป็นไป
ตำมเงื่อนไขแห่งแผนฟื้นฟูกิจกำร โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์ได้เข้ำร่วมประชุมวิสำมัญผู้ถือ
หุ้น ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ ซึ่งจ�ำเลยจัดให้มีขึ้นเพื่อพิจำรณำขยำยเวลำกำรช�ำระคืนหนี้ตำมตั๋วสัญญำ



ใช้เงิน ท่ประชุมมีมติให้ขยำยเวลำช�ำระหน้ออกไป ๕ ปี นับแต่วันท่ ๒๕ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑


โดยให้เวนคืนต๋วสัญญำใช้เงินเดิมและออกต๋วสัญญำใช้เงินฉบับใหม่ตำมจ�ำนวนหน้คงเหลือ โจทก์


ผู้ถือหุ้นจึงต้องปฏิบัติตำมมติเสียงข้ำงมำก หน้ตำมฟ้องจึงยังไม่ถึงก�ำหนดช�ำระและถือว่ำโจทก์

ไม่ปฏิบัติตำมมติเสียงข้ำงมำก จ�ำเลยยังไม่ผิดสัญญำ โจทก์ค�ำนวณดอกเบ้ยสูงเกินควำมเป็นจริง
และดอกเบี้ยยังไม่ถึงก�ำหนดช�ำระ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงกำรไต่สวนค�ำร้องขอคุ้มครองช่วครำวของโจทก์ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ

กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้รอกำร












พจำรณำไว้ชวครำวและเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษวนจฉย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ได้ควำมจำกค�ำฟ้องและค�ำให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นบริษัทเฉพำะกิจต้ง
ขึ้นตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์ได้โอนสิทธิเรียกร้องใน
732
















ภำระแห่งหนตำมทมต่อบรษทเอม ด เอกซ์ จำกด (มหำชน) ไปยงจำเลย จำเลยออกตรำสำร


แห่งหน้เป็นต๋วสัญญำใช้เงินให้แก่โจทก์ ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ข) และ
โจทก์เข้ำถือหุ้นในบริษัทจ�ำเลยตำมสัดส่วนของสิทธิเรียกร้องในหน้ท่ถูกโอน ในกำรช�ำระหน้จ�ำเลย




ได้ปฏิบัติตำมหลักเกณฑ์ท่ก�ำหนดในข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ฉ) ซ่งต่อมำผู้บริหำรแผนได้ขอแก้ไขแผน



ในส่วนหลักเกณฑ์และเง่อนไขกำรช�ำระหน้ท่ก�ำหนดในข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ฉ) ศำลล้มละลำยกลำง


มคำส่งลงวันท ๒๗ ธนวำคม ๒๕๔๘ เหนชอบด้วยแผนทแก้ไข หลงจำกออกตวสญญำใช้เงน














จ�ำเลยช�ำระหนี้บำงสวนตำมตั๋วสัญญำใชเงินใหแกโจทกและเปลี่ยนตั๋วสัญญำใชเงินในจ�ำนวนหนี้





ที่คงค้ำง ๓ ครั้ง โดยครั้งที่ ๓ เป็นตั๋วสัญญำใช้เงินจ�ำนวน ๘,๒๙๗,๒๐๐ บำท ก�ำหนดช�ำระเงิน
ตำมตั๋ววันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ เช่นเดิม แต่ก่อนที่จะถึงก�ำหนดช�ำระเงินจ�ำเลยมีหนังสือ
ขอผัดผ่อนโดยจะช�ำระเงินให้โจทก์บำงส่วนภำยในเดือนธันวำคม ๒๕๖๑ เมื่อหนี้ตำมตั๋วสัญญำ

ใช้เงินท่โจทก์น�ำมำฟ้องเรียกให้จ�ำเลยช�ำระเงินมีมูลเหตุมำจำกข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) ซึ่งต่อมำศำลล้มละลำยกลำงได้มีค�ำสั่งเห็นชอบด้วย
แผนฉบบแก้ไข จำเลยให้กำรต่อส้ว่ำทจำเลยขอผดผ่อนยงไม่ชำระเงนตำมตวสญญำใช้เงนให้














แก่โจทก์นั้นเป็นไปตำมข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำรข้อ ๗.๔.๔ (ข) (๓) (ฉ) ที่แก้ไขใหม่ ดังนี้
ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมฟ้องจึงต้องพิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนดในแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของบริษัทเอ็ม ดี เอ็กซ์ จ�ำกัด (มหำชน) และข้อเทจจริงในคดีฟื้นฟูกจกำรเป็นหลก ถือว่ำ




ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟกิจกำร จึงเป็นคดล้มละลำยอันอยู่ใน



อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ

733

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทคอนสตีล ไพพ์ พีทีอี จ�ำกัด

ที่ วล ๘/๒๕๖๓ กับพวก โจทก์

บริษัทแคนำดอล ไพพ์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย



โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๒ โดยจ�ำเลยที่ ๓ กู้ยืมเงินในรูปแบบวงเงินทดรองจ่ำยจำก
















โจทก์ท ๑ เพอน�ำไปใชในกำรบรหำรกจกำรของจ�ำเลยท ๑ ตำมแผนฟนฟกจกำรของจำเลยท ๑


แต่เม่อได้รับเงินกู้แล้วจ�ำเลยท้งสำมไม่บันทึกภำระหน้ไว้ในงบกำรเงินตำมวิธีกำรทำง

บัญช ไม่น�ำเสนอเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์และรำยงำนศำลล้มละลำยกลำงทรำบอย่ำง

ครบถ้วน โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินคืน ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ รับ
เงินจำกโจทก์ไปแล้วไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร กำรพิจำรณำว่ำโจทก์มีสิทธ ิ


เรียกให้จ�ำเลยช�ำระหน้เงินกู้คืนหรือไม่จ�ำเป็นท่ต้องพิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนด
ของแผนฟื้นฟูกิจกำรและต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของ

โจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียน


ณ ประเทศสิงคโปร์ โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทโจทก์ที่ ๑ ร้อยละร้อยของหุ้นทั้งหมด เมื่อ
วันที่ ๑๕ มกรำคม ๒๕๕๗ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒
เป็นผู้บริหำรแผน จ�ำเลยท่ ๓ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๒ เพ่อให้กำร



ฟื้นฟูกิจกำรส�ำเร็จและเป็นไปตำมแผน จ�ำเลยที่ ๒ โดยจ�ำเลยที่ ๓ ได้ตกลงรับกำรสนับสนุนและ


ควำมช่วยเหลือทำงด้ำนกำรเงินโดยขอกู้เงินในรูปของวงเงินทดรองจ่ำยจำกโจทก์ท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒
ตกลงว่ำเงินที่ได้รับจำกโจทก์ที่ ๑ จะน�ำไปใช้เพื่อประโยชน์ของจ�ำเลยที่ ๑ ภำยใต้แผนฟื้นฟูกิจกำร

และจะคืนเงินให้โจทก์ท่ ๑ ในฐำนะส่วนหน่งของค่ำตอบแทนหรือค่ำธรรมเนียมในสัญญำ


หรือกำรจัดกำรทำงกำรค้ำใด ๆ ในอนำคตระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับโจทก์ที่ ๑ ภำยหลังท�ำสัญญำ


จ�ำเลยท้งสำมได้ร่วมกันขอรับสนับสนุนทำงกำรเงิน ขอรับเงินกู้หรือเงินทดรองจ่ำยจำกโจทก์ท่ ๑


หลำยคร้งหลำยครำวโดยอ้ำงว่ำเพ่อน�ำไปใช้ในแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ เม่อจ�ำเลยท้งสำม




734



ได้รับเงินกู้ยืมหรือเงินทดรองจ่ำยจำกโจทก์แล้ว จ�ำเลยท้งสำมไม่ด�ำเนินกำรให้จ�ำเลยท่ ๑

บันทึกภำระหน้ไว้ในงบกำรเงินตำมวิธีกำรทำงบัญชี ไม่น�ำเสนอเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
และไม่รำยงำนให้ศำลล้มละลำยกลำงทรำบอย่ำงครบถ้วน โจทก์ทั้งสองประสงค์เรียกเงินทั้งหมดคืน





จงมอบหมำยให้ทนำยควำมบอกกล่ำวทวงถำม จำเลยท้งสำมได้รบหนงสอทวงถำมแล้ว

เพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมช�ำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน ๓๓๗,๘๖๕,๐๖๕.๗๔ บำท
๒๗,๗๕๖.๗๘ ดอลลำร์สหรัฐและ ๓๖๓,๑๓๖.๖๔ ยูโร พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

ของต้นเงิน ๓๓๖,๐๐๐,๙๕๐.๘๘ บำท ของต้นเงิน ๒๗,๖๐๓.๖๔ ดอลลำร์สหรัฐและของต้นเงิน
๓๖๑,๑๓๓.๑๑ ยูโร นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ


จ�ำเลยท้งสำมให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ กำรมอบอ�ำนำจและหนังสือมอบอ�ำนำจ
ให้ฟ้องคดีไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมำย โจทก์ท้งสองยังไม่ได้รับอนุญำตให้ฟ้องคดีน้จำก




ศำลล้มละลำยกลำง และคดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยจึงเป็นคดีล้มละลำยอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย โจทก์ทั้งสองไม่มีอ�ำนำจฟ้อง สัญญำที่โจทก์ทั้งสอง





นำมำฟ้องเป็นเร่องระหว่ำงโจทก์ท่ ๑ กับจ�ำเลยท ๒ ไม่เกยวข้องกบจำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๓







ด�ำเนินกำรท้งปวงภำยในขอบอ�ำนำจในฐำนะกรรมกำรของจ�ำเลยท่ ๒ มิได้กระท�ำกำรในฐำนะ

ส่วนตัว จ�ำเลยท้งสำมไม่เคยกู้ยืมเงินจำกโจทก์ โจทก์ไม่มีหลักฐำนแห่งกำรกู้ยืมเป็นหนังสือลง




ลำยมือช่อผู้กู้ยืมเป็นส�ำคัญจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องบังคับจ�ำเลยท้งสำม โจทก์ติดต่อให้จ�ำเลยท่ ๒
เป็นผู้บริหำรแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ โดยเสนอค่ำตอบแทนให้จ�ำเลยที่ ๒ เพื่อให้จ�ำเลย
ที่ ๑ ผลิตสินค้ำให้แก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองได้รับสินค้ำที่จ�ำเลยที่ ๑ ผลิตไปขำยให้แก่ลูกค้ำ



ของโจทก์ท้งสองและได้รับค่ำสินค้ำท้งหมดไปแล้วโดยไม่ได้ช�ำระค่ำตอบแทนแก่จ�ำเลยท่ ๑ แต่
กลับเรียกร้องต้นทุนที่โจทก์ทั้งสองลงทุนจำกจ�ำเลยทั้งสำมท�ำให้จ�ำเลยทั้งสำมเดือดร้อน สัญญำ
บริกำรระหว่ำงโจทก์ที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ ก�ำหนดให้คู่สัญญำระงับข้อพิพำทโดยอนุญำโตตุลำกำร
ในประเทศสิงคโปร์ แต่โจทก์ทั้งสองมิได้บรรยำยฟ้องว่ำได้ยื่นขอชี้ขำดเพื่อบังคับสัญญำนี้ โจทก์
ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ยื่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำคดี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่







โจทก์คดค้ำนว่ำ โจทก์ทงสองฟ้องให้จำเลยทงสำมชดใช้เงนก้ยมหรอเงนทดรองจ่ำย





มิใช่ฟ้องให้จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร กรณีจึงต้องพิจำรณำจำกมูลหน ี ้


ตำมสัญญำเป็นส�ำคัญมิใช่พิจำรณำจำกแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลักจึงไม่ใช่คดีล้มละลำย ขอให้ยก
ค�ำร้อง
735

ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญญำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ

ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม

พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท่ ๒ โดยจ�ำเลยท่ ๓ ได้กู้ยืมเงินในรูปของวงเงิน

ทดรองจ่ำยจำกโจทก์ที่ ๑ เพื่อน�ำไปใช้ในกำรบริหำรกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อจ�ำเลยทั้งสำมได้รับเงินกู้แล้วจ�ำเลยทั้งสำมไม่บันทึกภำระหนี้ไว้ในงบกำรเงิน
ไม่ได้น�ำเสนอเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์และรำยงำนให้ศำลล้มละลำยทรำบอย่ำงครบถ้วน ค�ำฟ้อง

ของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยรับเงินจำกโจทก์ไปแล้วไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตำมแผนฟื้นฟ ู


กิจกำร ดังน้ในกำรพิจำรณำว่ำโจทก์มีสิทธิเรียกให้จ�ำเลยช�ำระหน้เงินกู้คืนหรือไม่จ�ำเป็นท่ต้อง


พิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนดของแผนฟื้นฟูกิจกำรและต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำร


เป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย



วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓




ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ

















736

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท

ที่ วล ๒/๒๕๕๙ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทแอล พีเอ็น เพลทมิล
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย





ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องหน้ซ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับช�ำระ



หน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรส่วนท่ยังค้ำงช�ำระอยู่ภำยหลังศำลมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟ ู


กิจกำรของจ�ำเลยแล้ว ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์จำต้องพิจำรณำและวนิจฉยถึง


ข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำร ตลอดจนจ�ำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหนี้

ในกำรฟื้นฟูกิจกำร ซ่งต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ถือว่ำค�ำฟ้อง


ของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหำคม ๒๕๔๕ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำร



ของจ�ำเลย บรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้จำกกำรฟื้นฟูกิจกำร แต่ขณะ


ท่จ�ำเลยช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรยังไม่ครบถ้วน ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเม่อวันท่ ๑๘




กรกฎำคม ๒๕๕๖ ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเน่องจำกครบก�ำหนดระยะเวลำฟื้นฟูกิจกำร

ตำมกฎหมำย โจทก์ซ่งได้รับโอนสิทธิเรียกร้องท่จะได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย




จำกบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยได้น�ำเงินท่จ�ำเลยช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำหักช�ำระหน ี ้






















ปรำกฏวำจำเลยยงคงมหนคำงชำระตำมแผนฟนฟกจกำรเปนตนเงนพรอมดอกเบยคดถงวนฟอง
รวมทั้งสิ้น ๒,๙๑๓,๒๕๘,๖๓๘.๖๒ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินตำมจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๖๙๗,๗๘๖,๐๗๑.๘๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป

จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จ�ำนองและ
ยึดทรัพย์สินอื่นของจ�ำเลยออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยให้กำรว่ำ หนังสือมอบอ�ำนำจและกำรมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไม่ถูกต้อง




สมบูรณ์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่บรรยำยโดยแจ้งชดซ่งสภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบงคบ


ท้งข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำ ท�ำให้จ�ำเลยไม่อำจต่อสู้คดีได้อย่ำงถูกต้อง โจทก์ใช้สิทธ ิ
737


ในกำรฟ้องคดีไม่สุจริต ปกปิดควำมจริงต่อศำลซ่งข้อควำมอันเป็นสำระส�ำคัญ จ�ำเลยจึงไม่ต้อง
รับผิด ขอให้ยกฟ้อง



ภำยหลังจำกสืบพยำนโจทก์จ�ำเลยเสร็จแล้ว จ�ำเลยย่นค�ำร้องโต้แย้งเร่องเขตอ�ำนำจ

ศำลว่ำ คดอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ศำลแพ่งจงเสนอปัญหำดังกล่ำว

ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและ

วิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙





วินจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ หลงจำกศำลล้มละลำยกลำงมค�ำสงให้ฟื้นฟ ู










กจกำรของจ�ำเลยแล้ว บรรษทบริหำรสนทรัพย์ไทยได้ยนคำขอรบชำระหนในมูลหนทจำเลยม ี






อยู่ต่อธนำคำรมหำนคร จ�ำกัด (มหำชน) เจ้ำหนี้เดิม แต่ในขณะที่จ�ำเลยช�ำระหนี้ตำมแผนฟื้นฟู
กิจกำรยังไม่ครบถ้วน ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์ซึ่งได้

รับโอนสิทธิเรียกร้องในกำรได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำจำกบรรษัทบริหำร
ทรัพย์สินไทย จึงฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหนี้ที่คงค้ำงตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ตำมค�ำฟ้องของ



โจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องหน้ซ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรส่วนท ่ ี

ยังค้ำงช�ำระอยู่ภำยหลังศำลมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว ในกำรพิจำรณำถึง

สิทธิของโจทก์ จ�ำต้องพิจำรณำและวินิจฉัยถึงข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำร ตลอดจน

จ�ำนวนเงินท่โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำร ซ่งต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคด ี




ฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ถือว่ำค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง
จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ

738

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด

ที่ วล ๑๒/๒๕๖๐ (มหำชน) โจทก์

บริษัทซันแคบิเนท จ�ำกัด จ�ำเลย














เม่อศำลมค�ำสงให้ฟื้นฟกจกำรของจำเลย โจทก์ได้ย่นคำขอรบช�ำระหนในกำร
ฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยได้ผ่อนช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเร่อยมำแต่ภำยหลังผิดนัดช�ำระหน ้ ี



ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์จึงน�ำหน้ท่ค้ำงช�ำระ


ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อ





เรียกร้องให้จ�ำเลยช�ำระหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย กำรพิจำรณำถึง
สิทธิและหน้ำที่ของโจทก์จ�ำเลยตำมค�ำฟ้อง ต้องอำศัยข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหนี้
ในกำรฟื้นฟูกิจกำร รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย รวมท้งกำรผ่อน





ช�ำระหน้ในช้นปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพัน




กันกับคดีลมละลำยในสวนของกำรฟนฟูกิจกำรโดยตรง จึงเปนคดีลมละลำยอันอยูในอ�ำนำจ



พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
___________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อปี ๒๕๕๑ จ�ำเลยได้ย่นค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย วันท่ ๑



กันยำยน ๒๕๕๑ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์น�ำหน้ท่จ�ำเลยม ี


ภำระผูกพันตำมสัญญำเบิกเงินเกินบัญชี สัญญำขำยลดต๋วเงิน สัญญำทรัสต์รีซีท สัญญำขำย
ลดต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อกำรส่งสินค้ำออก สัญญำซ้อเงินตรำต่ำงประเทศล่วงหน้ำ ค�ำขอให้ธนำคำร






ออกหนังสือสัญญำค้ำประกันกำรช�ำระหน้ ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในคดีฟื้นฟูกิจกำร เจ้ำพนักงำน


พิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งอนุญำตให้โจทก์ได้รับช�ำระหน้เต็มตำมค�ำขอเป็นเงินท้งส้น ๙๒,๖๘๓,๕๒๑.๖๖ บำท





โดยแผนฟื้นฟูกิจกำรจัดให้โจทก์อยู่ในกลุ่มเจ้ำหน้กลุ่มท่ ๒ และกลุ่มท่ ๓ ศำลล้มละลำยกลำง


มีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยได้ผ่อนช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเร่อยมำ


โจทก์ได้รับช�ำระหน้คร้งสุดท้ำยวันท่ ๒๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๕ หลังจำกน้นจ�ำเลยไม่ได้ช�ำระหน ี ้




อีกเลย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ได้รำยงำนผลกำรปฏิบัติงำนตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรต่อศำล
เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภำคม ๒๕๕๙ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย




จ�ำเลยยังคงเป็นหน้โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร เป็นต้นเงินและดอกเบ้ยรวมท้งส้น
๘๗,๕๖๘,๖๖๘.๘๗ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์ ๘๗,๕๖๘,๖๖๘.๘๗ บำท พร้อม
739



ดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๖.๑๒๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๔,๖๘๒,๒๑๗.๑๔ บำท และดอกเบ้ยใน
อัตรำร้อยละ ๐.๐๑๐ ต่อปี ของต้นเงิน ๔๐,๒๘๙,๑๕๔.๓๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป

จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย สิทธ ิ



และหน้ำท่ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจะต้องเป็นไปตำมข้อสัญญำหรือข้อตกลงเดิม ซ่งภำระหน ้ ี



เดิมท่จ�ำเลยมีต่อโจทก์ส่วนหน่งเป็นหน้ท่เก่ยวข้องกับกำรซ้อขำยแลกเปล่ยนสินค้ำหรือตรำสำร






กำรเงินระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีในส่วนท่เก่ยวข้องกับสัญญำดังกล่ำว
จึงอยู่ในอ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
ศำลล้มละลำยกลำงไม่มีอ�ำนำจในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์

ขอให้ศำลบังคับจ�ำเลยช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร แต่หน้บำงส่วนตำมข้อก�ำหนดของแผน


ฟื้นฟูกิจกำรยังไม่ถึงก�ำหนดช�ำระ โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกให้จ�ำเลยช�ำระ กำรค�ำนวณยอดหน ี ้
ของโจทก์ไม่ถูกต้อง ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง


ก่อนวันช้สองสถำนหรือสืบพยำนโจทก์ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลล้มละลำยกลำงหรือไม่
โจทก์ยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ค�ำร้องของจ�ำเลยเป็นกำรประวิงคดี ขอให้ยกค�ำร้อง


ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นหน้โจทก์รวม ๗ มูลหน้ เม่อศำลล้มละลำยกลำง


มีค�ำสั่งในคดีหมำยเลขแดงที่ ฟ.๔๙/๒๕๕๑ ให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์ได้น�ำมูลหนี้ดังกล่ำว


ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งอนุญำตให้

โจทก์ได้รับช�ำระหน้เต็มตำมขอ ในคดีดังกล่ำวศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟ ู



กิจกำรของจ�ำเลย จ�ำเลยได้ผ่อนช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเร่อยมำ แต่ภำยหลัง

ผิดนัด ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์จึงน�ำหนี้ที่ค้ำง
ช�ำระตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน้ เม่อตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้อง


เพ่อเรียกร้องให้จ�ำเลยช�ำระหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ในกำรพิจำรณำ




ถึงสิทธิและหน้ำท่ของโจทก์จ�ำเลยตำมค�ำฟ้อง ต้องอำศัยข้อเท็จจริงท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน ้ ี


ในกำรฟื้นฟูกิจกำร รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย รวมท้งกำรผ่อนช�ำระหน ้ ี

740







ในช้นปฏบัตตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกบ
คดีล้มละลำยในส่วนของกำรฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ

คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ










































741

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ คณะกรรมกำรคุ้มครอง

ที่ วล ๑๓/๒๕๖๐ ผู้บริโภค โจทก์
บริษัทเอส เอส พี พรอพเพอร์ตี้

จ�ำกัด หรือบริษัทสุขุมวิท
อินเตอร์ ดีเวลลอปเม้นท์

จ�ำกัด จ�ำเลย


เมื่อศำลมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย นำย ช. น�ำสิทธิเรียกร้องค่ำงวดตำม












สญญำซอขำยห้องชดไปย่นค�ำขอรบชำระหนในกำรฟื้นฟูกิจกำร จำเลยได้ช�ำระหนแก่
นำย ช. บำงส่วน ภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย









โจทก์ซงเป็นคณะกรรมกำรผ้บรโภคนำหน้ทค้ำงชำระตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้

จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน เม่อตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่





ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องต้องอำศัย
ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหนี้ รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของ
จ�ำเลย กำรผ่อนช�ำระหน้ในช้นปฏิบัติกำรตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์


เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ


พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๐ นำยชวลิต ผู้บริโภค ได้ท�ำสัญญำจองซื้อ
อำคำรชุดของจ�ำเลย ๑ ห้อง ต่อมำวันที่ ๒ มีนำคม ๒๕๔๐ ได้ท�ำสัญญำซื้อขำยห้องชุดดังกล่ำว
โดยแบ่งช�ำระรำคำเป็นงวด ตำมข้อสัญญำซ้อขำย ผู้ขำยจะต้องก่อสร้ำงอำคำรชุดให้แล้วเสร็จ

ภำยในปลำยปี ๒๕๔๐ นำยชวลิตได้ช�ำระเงินค่ำจอง ค่ำท�ำสัญญำและค่ำงวดให้จ�ำเลยแล้วรวม
ทงส้น ๒๘๔,๗๐๗ บำท แต่กำรก่อสร้ำงอำคำรชุดเป็นไปอย่ำงล่ำช้ำ นำยชวลิตจึงขอให้จ�ำเลย










ทยอยจ่ำยเงนคน จ�ำเลยชำระเงินคนเป็นงวด ๆ แล้วหยุดชำระแจ้งว่ำจะนำจ�ำเลยเข้ำส่กระบวนกำร
ฟื้นฟูกิจกำร หลังจำกศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้วได้มีกำรผ่อน

ช�ำระเงินตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรรวมเป็นเงิน ๙๕,๐๑๗.๒๙ บำท หลังจำกนั้นจึงหยุดช�ำระ ต่อมำ

วันท่ ๑๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๕ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย

นำยชวลิตได้รบควำมเสียหำยจำกกำรกระทำของจำเลยจงรองทกข์ตอสำนกงำนค้มครองผบริโภค













เม่อโจทก์ได้รับมอบอ�ำนำจจำกนำยชวลิต โจทก์มีหนังสือถึงจ�ำเลย บอกเลิกสัญญำและเรียกให้
742

จ�ำเลยคืนเงินแก่นำยชวลิต จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์ ๑๕๗,๐๘๗.๘๕ บำท


พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๒๖,๖๘๙.๗๑ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ



จ�ำเลยย่นค�ำให้กำรและย่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำ
คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่
ศำลแขวงพระนครใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม

พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงจำกค�ำฟ้องและค�ำให้กำรฟังเป็นยุติว่ำ หลังจำกศำลล้มละลำยกลำง

มีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยและต้งผู้ท�ำแผน นำยชวลิตได้น�ำสิทธิเรียกร้องค่ำงวดตำมสัญญำ





ซ้อขำยห้องชุดไปย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์


มีค�ำส่งอนุญำตให้ได้รับช�ำระหน้เต็มจำนวน และแผนฟื้นฟูกิจกำรได้จัดให้นำยชวลิตเป็น

เจ้ำหนกล่มท ๖ จำเลยได้ชำระหนให้แก่นำยชวลตแล้วบำงส่วน แต่ยงมหนค้ำงชำระนำยชวลต
















ื้



ตำมแผนฟนฟูกิจกำรอีกจ�ำนวนหนึ่ง ภำยหลังศำลลมละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟนฟูกิจกำร

ของจ�ำเลย โจทก์จึงน�ำหน้ท่ค้ำงช�ำระตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรมำฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดเป็นคดีน้ เม่อ






ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกหน้ท่ค้ำงช�ำระอยู่ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย


ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องต้องอำศัยข้อเท็จจริงท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน ้ ี

รำยกำรและข้อก�ำหนดตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย กำรผ่อนช�ำระหน้ในช้นปฏิบัติกำรตำม

แผนฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง


จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
743

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์ กรุงเทพ

ที่ วล ๔/๒๕๖๓ พำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์

บริษัทแอลฟ่ำเท็กซ์ อินดัสตรีส
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย







โจทก์น�ำหน้ท่ได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท ๑ แต่ได้





รับช�ำระไม่ครบถ้วนมำฟ้องขอให้จ�ำเลยท้งสองช�ำระหน้หลังจำกท่จ�ำเลยท ๑ ออกจำก



แผนฟื้นฟูกิจกำรแล้ว ดังน้กำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจ�ำต้องพิจำรณำ

และวินิจฉัยถึงข้อเท็จจริงในค�ำขอรับช�ำระหน้และข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำร
ของจ�ำเลยที่ ๑ ตลอดจนจ�ำนวนเงินที่จ�ำเลยที่ ๑ ช�ำระไปแล้วตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ถือว่ำ

ค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรจึงเป็นคดีล้มละลำย อันอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________





โจทกฟองวำ เมื่อวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๔๒ ธนำคำรกรุงเทพฯ พำณิชยกำร จ�ำกัด (มหำชน)








ได้โอนสิทธิเรียกร้องตลอดจนหลักประกนท่มีต่อจำเลยท้งสองให้แก่โจทก์ ทงน้จ�ำเลยท้งสอง
ยินยอมด้วย ต่อมำวันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๕๔ จ�ำเลยทั้งสองได้ท�ำสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้



โดยจ�ำเลยท่ ๒ ยอมผูกพันตำมสัญญำเช่ำท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงและเคร่องจักร และจ�ำเลยท้งสอง





ยอมรับว่ำเป็นหน้ค้ำงช�ำระโจทก์แต่จะขอช�ำระหน้ท่ค้ำงเพียงบำงส่วน หำกผิดนัดโจทก์มีสิทธ ิ



เรียกร้องตำมมูลหน้เดมได้ หลังทำสญญำจำเลยทงสองช�ำระหนตำมสัญญำปรบปรงโครงสรำงหน ้ ี











เพียงบำงส่วนแล้วผดนด โจทก์ทวงถำมแล้วจำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยท้งสอง




ช�ำระเงินแก่โจทก์ ๔๔๙,๙๖๒,๗๑๐.๗๒ บำท พร้อมดอกเบ้ยร้อยละ ๑๖ ต่อปีของต้นเงิน


๑๑๑,๒๐๓,๓๖๕ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ หำกจ�ำเลยท้งสอง
ไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วนให้บังคับยึดทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำดน�ำเงินท่ได้ช�ำระ

ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จ�ำเลยทั้งสองให้กำรว่ำ เมื่อปี ๒๕๔๓ จ�ำเลยที่ ๑ ประสบปัญหำทำงกำรเงินเนื่องจำก

รัฐบำลได้ประกำศลดค่ำเงินบำทท�ำให้หน้สินของจ�ำเลยท่กู้ยืมเงินเป็นสกุลเงินตรำต่ำงประเทศ




มีภำระเพ่มข้นกว่ำเท่ำตัว จ�ำเลยท้งสองจึงย่นขอฟื้นฟูกิจกำร ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง


744






ให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท้งสอง โจทก์ได้น�ำหน้ท่ได้รับโอนมำย่นขอรับช�ำระหน้ในคดีฟื้นฟ ู
กิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ระหว่ำงด�ำเนินกำรตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยท่ ๑ ได้ช�ำระหน้ให้แก่





โจทก์บำงส่วน คงเหลือยอดหน้ท่แท้จริงเพียง ๔๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท ส่วนจ�ำเลยท่ ๒ ในฐำนะ




ผู้ค้ำประกันได้หลุดพ้นไปตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ และหลังจำกจ�ำเลยท่ ๑ ออก

จำกแผนฟื้นฟูกิจกำรแล้วก็ยังมีกำรช�ำระหน้ให้แก่โจทก์เร่อยมำจนเหลือหน้คิดถึงวันฟ้องเพียง



สำมสบห้ำล้ำนบำทเศษ จำนวนหนทโจทก์เรยกให้จำเลยทงสองชำระจงไม่ถกต้อง และสญญำ













ปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้ขัดต่อกฎหมำย โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับจ�ำนอง ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนถึงวันนัดสืบพยำน จ�ำเลยทั้งสองยื่นค�ำร้องว่ำ มูลเหตุและมูลหนี้ที่โจทก์น�ำมำฟ้อง
เก่ยวข้องโดยตรงกับคดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


วินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่
ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรของจ�ำเลยทั้งสองฟังได้ว่ำ เมื่อวันที่ ๑
มกรำคม ๒๕๔๒ ธนำคำรกรุงเทพฯ พำณิชย์กำร จ�ำกัด (มหำชน) ได้โอนสิทธิเรียกร้องตลอด




จนหลักประกันท่มีต่อจ�ำเลยท้งสองให้แก่โจทก์ ต่อมำวันท่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๕๔ จ�ำเลยท้งสอง
ได้ท�ำสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหน้กับโจทก์ เม่อศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำร



ของจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ยื่นค�ำขอรับช�ำระหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑
ได้ช�ำระหน้ (บำงส่วน) แก่โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรแล้วผิดนัด โจทก์จึงฟ้องจ�ำเลยท้งสอง





เป็นคดีน้ เม่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ำหน้ท่โจทก์ได้รับโอนมำ โจทก์ได้ย่นขอรับช�ำระหน้ไว้แล้วใน



คดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ดังน้กำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์ตำมค�ำฟ้องจ�ำต้องพิจำรณำ



และวินิจฉัยถึงข้อเท็จจริงในค�ำขอรับช�ำระหน้และข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำรของ








จ�ำเลยท่ ๑ ตลอดจนจำนวนเงนทจ�ำเลยท ๑ ชำระไปแล้วตำมแผนฟื้นฟกิจกำร ถอว่ำคำฟ้อง



ของโจทก์เป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพจำรณำ


พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ

คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
745

วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ


























































746

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงอำรี ภู่พำนิช โจทก์

ที่ วล ๔/๒๕๖๔ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

จ�ำกัด จ�ำเลย





โจทก์น�ำมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์มำย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำร

ของจ�ำเลย และจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่โจทก์ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ต่อมำเม่อศำลล้มละลำยกลำง


มีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยช�ำระหน ้ ี



เพียงบำงส่วน จึงน�ำมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์มำฟ้องเป็นคดีน้น้น ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็น


หลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นสิทธิเรียกร้องท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำร



ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยในช้นปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร กำรพิจำรณำถึงสิทธิเรียกร้อง
ของโจทก์และควำมรับผิดของจ�ำเลยจ�ำต้องอำศัยข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหนี้
รำยกำรและข้อตกลงในแผนฟื้นฟูกิจกำร รวมท้งผลกำรปฏิบัติช�ำระหน้ตำมแผน





ฟื้นฟูกิจกำรดังกล่ำวเป็นหลัก ดังน้น คดีน้เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร

ของจ�ำเลยโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ ศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเม่อวันท่ ๒๐ มีนำคม ๒๕๕๘




ในคดีหมำยเลขแดงท่ ฟ.๑๐/๒๕๕๘ ของศำลล้มละลำยกลำง โจทก์จึงย่นค�ำขอรับช�ำระหน ี ้


ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเป็นเจ้ำหน้รำยท่ ๒๐๖๑, ๒๐๖๒ และ ๒๐๖๓ โดยขอรับช�ำระ




หน้ในมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์จ�ำนวน ๓ บัญชี ต่อมำเม่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่ง


ค�ำขอรับช�ำระหน้ดังกล่ำวและแผนฟื้นฟูกิจกำรก�ำหนดให้โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ในกำร

ฟื้นฟูกิจกำรเป็นเงินต้นจ�ำนวน ๒๔,๙๓๑,๒๗๕.๗๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕
ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันที่ศำลมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรจนกว่ำจะช�ำระหนี้เสร็จสิ้น จ�ำเลยช�ำระหนี้





ตำมแผนฟื้นฟูกจกำรให้แก่โจทก์ได้เพียงบำงส่วน ปัจจุบันเมอศำลล้มละลำยกลำงมีคำสง

ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนำยน ๒๕๖๔ จ�ำเลยยังคงมียอดเงินต้นค้ำง
ช�ำระ ๒๐,๕๖๒,๐๖๙.๗๑ บำท และดอกเบ้ยนับถัดจำกวันท่ศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรจนถึง



วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๑๙ กรกฎำคม ๒๕๖๔) จ�ำนวน ๑๑,๘๓๘,๙๔๐.๗๕ บำท ขอให้พิพำกษำ


บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้แก่โจทก์จ�ำนวนรวม ๓๒,๔๐๑,๐๑๐.๔๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยนับถัดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
747


จ�ำเลยให้กำรว่ำ แผนฟื้นฟูกิจกำรก�ำหนดหลักกำรและวิธีกำรช�ำระหน้ด้วยวิธีจัดสรร





กลุ่มเจ้ำหน้เพ่อช�ำระหน้คืนโดยโจทก์เป็นเจ้ำหน้กลุ่มท่ ๕ ซ่งจ�ำเลยช�ำระหน้แก่โจทก์แล้ว



เป็นเงิน ๔,๓๖๙,๒๐๖.๐๗ บำท โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ดอกเบ้ยท่เกิดข้นหลังวันท ่ ี



ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งเห็นชอบด้วยแผน (วันที่ ๒๑ มกรำคม ๒๕๕๙) ส่วนดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น




ก่อนวันท่ศำลมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรจนถึงวันท่ศำลมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนจะถูกปลดหน ี ้
ทั้งจ�ำนวนเมื่อจ�ำเลยช�ำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร และเมื่อศำลมีค�ำสั่งยกเลิก
กำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว โจทก์และจ�ำเลยยังคงผูกพันต้องปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร




ต่อไป ท้งโจทก์ไม่อำจน�ำมูลหน้ดังกล่ำวมำฟ้องเป็นคดีน้ได้อีกเพรำะเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพัน

กันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้เสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ข้อเท็จจริงตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรฟังเป็นยุติว่ำ ศำลล้มละลำยกลำง
ได้มีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยในคดีหมำยเลขแดงที่ ฟ.๑๐/๒๕๕๘ โจทก์น�ำมูลหนี้เงินฝำก





ออมทรพย์มำยนคำขอรบช�ำระหนในกำรฟื้นฟกจกำรของจำเลย และจ�ำเลยชำระหนให้แก่โจทก์










ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ต่อมำเม่อศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว


โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยช�ำระหน้เพียงบำงส่วน จึงน�ำมูลหน้เงินฝำกออมทรัพย์มำฟ้องเป็นคดีน ้ ี




น้น ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นสิทธิเรียกร้องท่เก่ยวกับ



ค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยในช้นปฏิบัติตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรในคดีหมำยเลข
แดงที่ ฟ.๑๐/๒๕๕๘ ของศำลล้มละลำยกลำง กำรพิจำรณำถึงสิทธิเรียกร้องของโจทก์และควำม

รับผิดของจ�ำเลยจ�ำต้องอำศัยข้อเท็จจริงท่เก่ยวกับค�ำขอรับช�ำระหน้ รำยกำรและข้อตกลง


ในแผนฟื้นฟูกิจกำร รวมท้งผลกำรปฏิบัติช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรดังกล่ำวเป็นหลัก


ดังนั้น คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
748

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔




ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ


























































749

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฟีนิกซ์ แอดไวซอรี่

ที่ วล ๑๓/๒๕๖๒ เซอร์วิสเซส จ�ำกัด โจทก์

บริษัทแอล. วี. เทคโนโลยี จ�ำกัด
(มหำชน) จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องเรียกมูลหน้ค่ำจ้ำงในกำรเป็นท่ปรึกษำกฎหมำยและกำรเงินในกำร


ปรับปรุงโครงสร้ำงหน้และจัดท�ำแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ต่อมำศำลมีค�ำส่งไม่เห็นชอบ


ด้วยแผนและมีค�ำส่งให้ยกเลิกค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยช�ำระ













คำจำงใหแก่โจทกไม่ครบถวน ขอใหบงคบจำเลยชำระคำจำงสวนทคำงพรอมดอกเบ้ยนน







ข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำเกิดขึ้นก่อนศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำร

ของจ�ำเลย และมิใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร คดีน้จึงมิใช่

คดีล้มละลำย
___________________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยได้ว่ำจ้ำงโจทก์เป็นท่ปรึกษำกฎหมำยและกำรเงินในกำรปรับปรุง


โครงสร้ำงหน้และจัดท�ำแผนฟื้นฟูกิจกำรของบริษัทจ�ำเลย จ�ำเลยได้เข้ำสู่กระบวนกำรฟื้นฟ ู

กิจกำรแล้ว แต่ในช้นเห็นชอบด้วยแผนปรำกฏว่ำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งไม่เห็นชอบด้วย



แผนและส่งให้ยกเลิกค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย กระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยจึง
สิ้นสุดลงแต่จ�ำเลยยังมีภำระหนี้ค่ำธรรมเนียมและค่ำใช้จ่ำยตำมสัญญำจ้ำงต่อโจทก์ จ�ำเลยได้รับ



ใบแจ้งหน้แล้วได้ผ่อนช�ำระหน้ให้แก่โจทก์บำงส่วนคงค้ำงต้นเงินและดอกเบ้ยเป็นเงินรวม

๕,๔๕๕,๒๕๔.๔๓ บำท โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพกเฉย ขอให้บังคบจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์

๕,๔๕๕,๒๕๔.๔๓ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๔,๙๒๔,๖๔๐.๐๖ บำท

นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ในวันนัดชี้สองสถำน ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ มูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยรับผิด

เกิดข้นตำมสัญญำจ้ำงก่อนท่จะมีกำรย่นค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำร กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ



พจำรณำพพำกษำของศำลล้มละลำยหรอไม่ จงเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์






คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย

พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
750



วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์อ้ำงว่ำ ก่อนท่จ�ำเลยจะเข้ำสู่กระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยได้ว่ำจ้ำง

โจทก์ให้เป็นท่ปรึกษำกฎหมำยและกำรเงินของบริษัทจ�ำเลย แต่ภำยหลังท่ศำลล้มละลำยกลำง












มคำสงยกเลกคำสงให้ฟื้นฟกจกำรของจำเลย จำเลยชำระค่ำจ้ำงให้แก่โจทก์เพยงบำงส่วน













โจทก์จงขอให้บงคบจำเลยชำระค่ำจ้ำงส่วนทค้ำงพร้อมดอกเบย ดงนเมอข้อเทจจรงตำมทโจทก์









กล่ำวอ้ำงและข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำซ่งเป็นมูลเหตุแห่งกำรฟ้องคดี เกิดข้นก่อน


ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย และข้ออ้ำงของโจทก์ท่อำศัยเป็นหลัก




แห่งข้อหำมิใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร คดีน้จึงมิใช่คดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ




















751

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ส�ำนักงำนส่งเสริมวิสำหกิจ

ที่ วล ๙/๒๕๖๓ ขนำดกลำงและขนำดย่อม โจทก์

นำงฉัณทิพย์ จ�ำเดิมเผด็จศึก
กับพวก จ�ำเลย

บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์

จ�ำกัด จ�ำเลยร่วม



โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดและจ�ำเลยร่วมผิดสัญญำร่วมลงทุนต่อโจทก์ ต้อง
ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ กำรพิจำรณำตำมค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ว่ำบังคับได้หรือไม่


เพียงใด จ�ำต้องพิจำรณำว่ำข้อตกลงตำมสัญญำร่วมลงทุนมีผลผูกพันจ�ำเลยท้งสิบเจ็ด
และจ�ำเลยร่วมหรือไม่ ตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวด้วยสิทธิและหน้ำที่ของบุคคลใน
ทำงแพ่ง ส่วนของจ�ำเลยร่วมแม้ศำลล้มละลำยกลำงจะเคยมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรและ


มีค�ำส่งให้ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำร แต่ไม่ปรำกฏในระหว่ำงฟื้นฟูกิจกำรโจทก์ได้เข้ำไปม ี

ส่วนร่วมตำมแผนฟื้นฟกิจกำรแต่อย่ำงใด ข้ออ้ำงของโจทก์ท่อำศยเป็นหลักแห่งข้อหำ


มิใช่ข้อพิพำทเกี่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร คดีนี้จึงมิใช่คดีล้มละลำย
______________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ เคยเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน และ




เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๑๗ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกำยน ๒๕๔๘ โจทก์ บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๗
ได้ตกลงท�ำสัญญำร่วมลงทุนต่อกันโดยโจทก์ได้เข้ำถือหุ้นของบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด

๒๐๐,๐๐๐ หุ้น คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๕๗ ของทุนจดทะเบียน วันที่ ๑๓ ธันวำคม ๒๕๔๘ โจทก์
จ่ำยเงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด เป็นค่ำหุ้น ภำยหลังจำกโจทก์

เข้ำร่วมลงทุนแล้วบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดผิดสัญญำ โจทก์จึงบอกเลิก



สัญญำร่วมลงทุน และให้บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด กับจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดซ้อหุ้นคืนตำมสัดส่วน
กำรถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละรำย แต่บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดเพิกเฉย

ไม่รับซื้อหุ้นคืน ต่อมำเมื่อวันที่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๕ บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด ได้ยื่นค�ำร้องขอ
ฟื้นฟูกิจกำร ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเม่อวันท่ ๒๗ พฤศจิกำยน ๒๕๕๕ ให้บริษัท




752

ฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด ฟื้นฟูกิจกำร กำรที่จ�ำเลยทั้งสิบเจ็ดไม่ซื้อหุ้นคืนเป็นกำรท�ำผิดสัญญำ จ�ำเลย



















ทงสบเจดต้องคนเงนค่ำห้นกบดอกเบยผดนดในอตรำสงสดนบแต่วนบอกเลกสญญำจนกว่ำ




















จะชำระเสรจใหแกโจทก ขอใหบงคบจำเลยทงสบเจดรวมกนชำระเงนแกโจทก ๔๘,๑๙๑,๔๙๓.๑๕ บำท
พร้อมดอกเบ้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๖,๙๕๓,๑๓๖.๙๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง

เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ

ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ศำลแพ่งได้มีค�ำส่งเรียกบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด เข้ำมำเป็น
จ�ำเลยร่วมตำมค�ำขอของจ�ำเลยที่ ๙
จ�ำเลยที่ ๑๐ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๙ จ�ำเลยที่ ๑๑ ถึงที่ ๑๗ และจ�ำเลยร่วม ให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำตำม
พระรำชบญญตส่งเสรมวสำหกจขนำดกลำงและขนำดย่อม มได้กำหนดวตถประสงค์ให้โจทก์










ฟ้องคดีได้ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์บรรยำยฟ้องให้จ�ำเลยรับผิดตำมสัดส่วนผู้ถือหุ้น แต่
ค�ำขอท้ำยฟ้องกลับขอให้จ�ำเลยท้งสิบเจ็ดร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ค�ำฟ้องและค�ำขอท้ำยฟ้องจึง


แย้งกันอยู่ในตัว ท�ำให้จ�ำเลยหลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์เป็นค�ำฟ้องท่เคลือบคลุม สัญญำร่วมทุนท ่ ี

ท�ำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยร่วมและจ�ำเลยท้งสิบเจ็ด เป็นสัญญำส�ำเร็จรูป ข้อก�ำหนดในสัญญำ
ท�ำเพื่อประโยชน์ของโจทก์เพียงฝ่ำยเดียว ขัดต่อพระรำชบัญญัติว่ำด้วยข้อสัญญำที่ไม่เป็นธรรม
สัญญำร่วมลงทุนเป็นนิติกรรมอ�ำพรำงสัญญำให้กำรสนับสนุนทำงกำรเงินต่อจ�ำเลยร่วม สัญญำ
ร่วมลงทุนจึงบังคับไม่ได้ จ�ำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นเพียงกรรมกำรและผู้ถือหุ้น ส่วนจ�ำเลยอื่นเป็นผู้ถือ
หุ้นในบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว ตำมข้อสัญญำโจทก์มีสิทธิ
ถอนกำรร่วมลงทุนและเรียกให้จ�ำเลยซื้อหุ้นคืน หำกจ�ำเลยไม่ประสงค์จะซื้อ โจทก์มีหน้ำที่น�ำหุ้น

ออกขำยต่อบคคลภำยนอก โจทก์ไม่ใช้สิทธิดังกล่ำวแต่กลับมำบบให้จ�ำเลยต้องรับผิด เป็นกำร



ใช้สิทธิท่ไม่ชอบด้วยกฎหมำย โจทก์บอกเลิกสัญญำร่วมลงทุนเม่อวันท่ ๒๙ ธันวำคม ๒๕๕๓



โจทก์ฟ้องคดีน้วันท่ ๑๖ มีนำคม ๒๕๖๑ เกินกว่ำ ๕ ปี สิทธิเรียกร้องดอกเบ้ยขำดอำยุควำม

ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๙ และที่ ๑๕ ยื่นค�ำร้องว่ำ โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยทั้งสิบเจ็ด
ร่วมรับผิดกับจ�ำเลยร่วม จึงเป็นกำรฟ้องบังคับให้ช�ำระหนี้ที่ไม่อำจแบ่งแยกได้ แต่จ�ำเลยร่วมอยู่


ระหว่ำงกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำของศำลล้มละลำยกลำงในช้นฟื้นฟูกิจกำรและโจทก์ได้ย่น
ค�ำขอรับช�ำระหนี้ไว้ด้วยแล้ว คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง
753

ศำลแพ่งพิจำรณำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ





ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้เสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดช�ำนัญพิเศษวนจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์อ้ำงว่ำ บริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด และจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดซ่ง


เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฟ้ำขวัญทิพย์ จ�ำกัด ได้ลงนำมเป็นคู่สัญญำร่วมลงทุนกับโจทก์โดยม ี




















สำระสำคญว่ำโจทก์จะให้กำรสนบสนนเงนทนด้วยวธเข้ำถอห้นทจำเลยทงสบเจดมอย่ในบริษท




โจทก์จะไม่เขำร่วมบริหำรจัดกำรในบริษัทแต่โจทก์มีสทธิทจะถอนกำรร่วมลงทุนแต่เพยงฝ่ำยเดียว







ตำมทเหนสมควรได้ เมอโจทก์ใช้สทธถอนกำรลงทนแล้วผ้ถอห้นทกรำยต้องซอห้นตำมสดส่วน












ท่เคยถืออยู่คืน หำกไม่ซ้อคืนถือว่ำผิดสัญญำร่วมลงทุน คู่สัญญำทุกรำยต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์
ดังน้กำรพิจำรณำตำมค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ว่ำบังคับได้หรือไม่เพียงใด ศำลจ�ำต้องพิจำรณำ

ว่ำข้อตกลงตำมสัญญำร่วมลงทุนมีผลผูกพันจ�ำเลยท้งสิบเจ็ดและจ�ำเลยร่วมหรือไม่ ตลอดจน



ประเด็นอ่น ๆ ท่เก่ยวด้วยสิทธิและหน้ำท่ของบุคคลในทำงแพ่ง ส่วนของจ�ำเลยร่วมแม้ศำลล้มละลำยกลำง


จะเคยมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรและมีค�ำสั่งให้ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำร แต่ไม่ปรำกฏในระหว่ำงฟื้นฟู

กิจกำรโจทก์ได้เข้ำไปมีส่วนร่วมตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรแต่อย่ำงหน่งอย่ำงใด ข้ออ้ำงของโจทก์


ทอำศยเป็นหลกแห่งข้อหำมใช่ข้อพพำทเกยวกบแผน หรอกระบวนกำรฟื้นฟกจกำร คดน ี ้











จึงมิใช่คดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ


วรตน วศษฏวงศกร - ตรวจ




754

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเอ-เทค โพลีเมอร์ จ�ำกัด โจทก์

ที่ วล ๓/๒๕๖๓ นำยหลัว เจิ้น ฮวำ จ�ำเลย


โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยกระท�ำควำมผิดตำม ป.อ. มำตรำ ๙๑, ๓๓๔, ๓๓๕



โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยตำมท่บัญญัติไว้ใน
พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ คดีนี้จึงมิใช่คดีล้มละลำย
________________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นกรรมกำรและเป็นประธำนบริหำรของโจทก์ ต้งแต่วันท่ ๑




กรกฎำคม ๒๕๖๑ ถึงวันท่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๖๑ เวลำกลำงวันต่อเน่องเวลำกลำงคืน จ�ำเลยบังอำจ





ขนย้ำยเอำเคร่องเช่อม ๑ เคร่อง รำคำ ๒๐,๐๐๐ บำท และเคร่องรีด ๑ เคร่อง รำคำ ๑๐๐,๐๐๐ บำท
ของโจทก์ไปโดยทุจริต โจทก์รู้ถึงกำรกระท�ำควำมผิดเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๖๑ กำรกระท�ำ


ของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์เสียหำย เหตุเกิดข้นท่ต�ำบลบ้ำนบึง อ�ำเภอบ้ำนบึง จังหวัดชลบุรี ขอให้
ลงโทษจ�ำเลยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๙๑, ๓๓๔, ๓๓๕ และขอให้จ�ำเลยคืนหรือใช้
รำคำทรัพย์เป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บำท
ระหว่ำงไต่สวนมูลฟ้อง จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ เม่อวันท่ ๓๐ พฤษภำคม ๒๕๖๑



ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์เด็ดขำด ต่อมำวันท่ ๒๕ ตุลำคม ๒๕๖๑



ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรล้มละลำย ควำมผิดตำมท่โจทก์อ้ำงเกิดข้นในระหว่ำงท่โจทก์



ถูกพิทักษ์ทรัพย์อันเป็นควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๗๓ หำใช่
ควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำไม่ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหำย ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง คดีตำมฟ้องอยู่ใน
อ�ำนำจกำรพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง




ศำลจงหวดชลบรเหนว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ









ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙



วินจฉยวำ คดีนโจทก์อ้ำงวำจ�ำเลยกระท�ำควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ





๙๑, ๓๓๔, ๓๓๕ โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยตำมท่บัญญัติไว้
ในพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ แต่อย่ำงใด คดีน้จึงมิใช่คดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลล้มละลำย




และวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
755

วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย




วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ





















































756

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทโพลำริส แคปปิตัล จ�ำกัด

ที่ วล ๖/๒๕๖๕ (มหำชน) โจทก์
นำยธนัสชัยหรือมนัส ทองย้อย

กับพวก จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท้งหกร่วมกันกระท�ำควำมผิดท่มีโทษทำงอำญำ ขอให้ลงโทษ

จ�ำเลยท้งหกตำมประมวลกฎหมำยอำญำ พ.ร.บ. บริษัทมหำชนจ�ำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ และ
พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลำดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจ�ำเลย

ท้งหกในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยตำมท่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓


มำด้วย จึงไม่มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งหกเป็นควำมผิดตำม

กฎหมำยล้มละลำยหรือไม่ ฟ้องของโจทก์จึงมิใช่คดีล้มละลำย
______________________________





โจทก์ฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันท่ ๒๓ มีนำคม ๒๕๖๐ ถึงวันท่ ๓๐ มีนำคม ๒๕๖๑ เวลำกลำงวัน



และกลำงคืนต่อเนองกัน จ�ำเลยท้งหกได้ร่วมกนกระทำควำมผิดต่อกฎหมำยหลำยบทหลำยกรรม


ต่ำงวำระกัน โดยจ�ำเลยท่ ๑ ได้มอบอ�ำนำจให้จ�ำเลยท่ ๖ น�ำมูลหน้ตำมค�ำพิพำกษำของ



ศำลแพ่ง หมำยเลขแดงท่ ผบ ๒๐๐๕/๒๕๖๐ และค�ำพิพำกษำของศำลจังหวัดมีนบุรี หมำยเลขแดง

ที่ ผบ ๑๒๒๕๓/๒๕๖๐ ไปยื่นค�ำขอรับช�ำระหนี้จำกกองทรัพย์สินของโจทก์ในคดีล้มละลำยของ
ศำลล้มละลำยกลำง หมำยเลขแดงที่ ๒๙๑๔/๒๕๖๐ ซึ่งโจทก์มิได้เป็นหนี้จ�ำเลยที่ ๑ จึงเป็นกำร

แจ้งให้เจ้ำพนักงำนจดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในเอกสำรมหำชนหรือเอกสำรรำชกำรซ่งม ี
วัตถุประสงค์ส�ำหรับใช้เป็นพยำนหลักฐำนโดยประกำรท่น่ำจะเกิดควำมเสียหำยแก่โจทก์ โดย

ในช้นพิจำรณำคดีแพ่งดังกล่ำวจ�ำเลยท้งหกได้ร่วมกันให้จ�ำเลยท่ ๑ น�ำสืบและแสดงพยำน









หลกฐำนอนเป็นเทจว่ำหนมอย่จรง จำเลยทงหกร้อย่แล้วว่ำเป็นหนทมได้มหรอมได้เกดขนจริง


















ทั้งจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ซึ่งเป็นกรรมกำรและผู้บริหำรของโจทก์ไม่ปฏิบัติหน้ำที่ด้วยควำมรับผิดชอบ
ควำมระมัดระวัง และควำมซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติหน้ำที่ตำมกฎหมำย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ




ของบริษัทโจทก์ กระท�ำผิดหน้ำท่โดยทุจริตมีเจตนำสมรู้กับจ�ำเลยท่ ๑ เพ่อให้โจทก์แพ้คดีเม่อ
ได้รับส�ำเนำค�ำฟ้องในคดีแพ่งดงกล่ำวแล้วละเว้นมิได้แต่งต้งทนำยควำมเพ่อให้กำรต่อสู้คดีและ



ขอให้ศำลในคดีแพ่งดังกล่ำวงดกำรพิจำรณำไว้ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓
มำตรำ ๙๐/๑๒ (๔) เนื่องจำกระหว่ำงพิจำรณำคดีศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งรับค�ำร้องขอฟื้นฟู





กจกำรของโจทก์ไว้แล้วเป็นคดหมำยเลขดำท ฟ ๑๖/๒๕๖๐ ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย



757

และค�ำพิพำกษำคดีแพ่งดังกล่ำวไม่ชอบด้วยกฎหมำยไม่มีผลผูกพันเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์


เหตุเกิดท่แขวงจอมพล เขตจตุจักร แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี และแขวงบำงขุนนนท์ เขตบำงกอกน้อย


กรุงเทพมหำนคร เก่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งหกตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ
๘๐, ๘๓, ๘๔, ๘๖, ๙๐, ๙๑, ๑๓๗, ๑๗๗, ๑๘๐, ๒๖๔, ๒๖๗, ๒๖๘ พระรำชบัญญัติบริษัท
มหำชนจ�ำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ มำตรำ ๑๕, ๘๕, ๒๑๕, ๒๑๖ พระรำชบัญญัติหลักทรัพย์และ

ตลำดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ มำตรำ ๘๙/๑, ๘๙/๗, ๒๘๑/๒, ๓๐๗, ๓๑๑, ๓๑๓, และ ๓๑๕




ระหว่ำงไต่สวนมูลฟ้อง ทนำยจ�ำเลยท่ ๔ และท่ ๕ ย่นค�ำร้องว่ำคดอยู่ในอ�ำนำจของ
ศำลล้มละลำยกลำง ศำลอำญำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เม่อโจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท้งหกร่วมกันกระท�ำควำมผิดท่มีโทษทำงอำญำ




ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งหกตำมประมวลกฎหมำยอำญำ พระรำชบัญญัติบริษัทมหำชนจ�ำกัด
พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระรำชบัญญัติหลักทรัพย์และตลำดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยโจทก์มิได้


ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งหกในควำมผิดเก่ยวกับล้มละลำยมำด้วยตำมท่บัญญัติไว้ในพระรำชบัญญัต ิ

ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ จึงไม่มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งหกเป็นควำมผิด


ตำมกฎหมำยล้มละลำยหรือไม่ ฟ้องของโจทก์จึงมิใช่คดีล้มละลำยซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและ

วิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ






758

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยอัฐพงศ์ ประสิทธิเวชชำกูร

ที่ วล ๑/๒๕๖๒ กับพวก โจทก์

นำยมำนูหรือธวัชชัย
ประสิทธิเวชชำกูร กับพวก จ�ำเลย







โจทก์ฟ้องว่ำศำลมีค�ำส่งต้งให้จ�ำเลยท ๑ เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. ผู้ตำย
ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำง ส. สมคบกับจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกัน

ยักยอกทรัพย์มรดกของนำง ส. จดทะเบียนโอนและจดทะเบียนจ�ำนองให้แก่จ�ำเลยอ่น

ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรโอนกำรขำย และกำรจ�ำนองท่ดินทรัพย์มรดก และก�ำจัด




จ�ำเลยท ๑ มิให้มีสิทธิได้รับมรดกของนำง ส. ข้อพิพำทในคดีน้เป็นเร่องเก่ยวกับมรดก

ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๖ เป็นข้อพิพำทในทำงแพ่งโดยตรงแม้ศำลจะมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์









ของจ�ำเลยท ๑ เด็ดขำด แต่ก็เกิดข้นภำยหลังท่ศำลมีค�ำส่งต้งจ�ำเลยท ๑ เป็นผู้จัดกำร
มรดกของนำง ส. แล้ว หำมีผลท�ำให้ข้อพิพำทในทำงแพ่งกลำยเป็นคดีล้มละลำย
จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________















โจทก์ทงสำมฟ้องว่ำ เมอวนท ๔ กรกฎำคม ๒๕๕๑ ศำลมคำสงตงจำเลยท ๑ เป็น



ผู้จัดกำรมรดกของนำงเสถียร ต่อมำเม่อวันท่ ๑๒ พฤษภำคม ๒๕๕๓ ศำลล้มละลำยกลำง

มีค�ำส่งพิทักษ์ของจ�ำเลยท่ ๑ เด็ดขำดและพิพำกษำให้ล้มละลำย นำงเสถียรมีทรัพย์มรดกเป็น




ท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗ ๓๑๒๖๖ ต�ำบลท่ำวำสุกรี อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ



จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ พร้อมส่งปลูกสร้ำง ในกำรท�ำหน้ำท่ผู้จัดกำรมรดก จ�ำเลยท่ ๑ ได้




สมคบกับจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ เบียดบังทรัพย์มรดกท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙

๑๕๒๗๗ โดยวิธีกำรจดทะเบียนใส่ชื่อจ�ำเลยที่ ๑ เป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งสำมแปลงแล้ว
จดทะเบียนขำยให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จำกนั้นจดทะเบียนจ�ำนองที่ดินทั้งสำมแปลงประกันเงินกู้
ไว้แก่จ�ำเลยที่ ๔ และเบียดบังทรัพย์มรดกที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๑๒๖๖ โดยไม่ใส่ชื่อจ�ำเลยที่ ๑
ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกซ่งจะได้รับโอนท่ดินดังกล่ำวจำกนำงสำวประวีร์วัณณ์ ตำมค�ำพิพำกษำ




ตำมยอมแต่กลับใส่ชอจ�ำเลยท ๒ เป็นผ้รับโอนแทนแล้วจำเลยท่ ๒ จดทะเบยนจำนองท่ดิน























ดงกลำวตอจำเลยท ๔ ตอมำวนท ๒๔ เมษำยน ๒๕๕๗ จำเลยท ๒ และท ๓ ไดไถถอนจำนองทดน






759






ท้งส่แปลงแล้วจดทะเบียนโอนขำยให้แก่จ�ำเลยท่ ๕ จ�ำเลยท่ ๕ จดทะเบียนจ�ำนองท่ดิน




ท้งส่แปลงไว้กับจ�ำเลยท่ ๖ เพ่อประกันเงินกู้ของจ�ำเลยท่ ๕ โดยจ�ำเลยท่ ๖ ทรำบดีว่ำ






จ�ำเลยท่ ๕ ไม่มีกรรมสิทธ์และไม่มีอ�ำนำจโดยสุจริตจ�ำนองท่ดินท้งส่แปลงดังกล่ำว จ�ำเลยท่ ๑



เจตนำเบียดบังทรัพย์มรดกจึงต้องถูกก�ำจัดไม่ให้ได้รับมรดก ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๑ เพิกถอน
กำรจดทะเบียนรับมรดกท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗ ต�ำบลท่ำวำสุกร ี



อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำพร้อมส่งปลูกสร้ำง เพิกถอนนิติกรรมกำร




ซ้อขำยท่ดินท้งสำมแปลงระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ ท่ ๓ และนิติกรรมจ�ำนองท่ดินกับ




จ�ำเลยที่ ๔ เพิกถอนนิติกรรมกำรซื้อขำยระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ ที่ ๓ กับจ�ำเลยที่ ๕ และเพิกถอน















นตกรรมจำนองทดนระหว่ำงจำเลยท ๕ กบจำเลยท ๖ เพกถอนนตกรรมกำรโอนทดนโฉนด





ท่ดินเลขท่ ๓๑๒๖๖ ต�ำบลท่ำวำสุกรี อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ระหว่ำง

จ�ำเลยที่ ๒ กับนำงสำวประวีร์วัณณ์ เพิกถอนนิติกรรมจ�ำนองระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับจ�ำเลยที่ ๔

เพิกถอนนิติกรรมซ้อขำยระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒ กับจ�ำเลยท่ ๕ และเพิกถอนนิติกรรมจ�ำนอง




ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๕ กับจ�ำเลยท่ ๖ ก�ำจัดจ�ำเลยท่ ๑ มิให้รับมรดกของนำงเสถียร หำกจ�ำเลย

ทั้งหกไม่ท�ำ ให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแสดงเจตนำ
จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๕ ไม่ยื่นค�ำให้กำร





จ�ำเลยท ๒ และท่ ๓ ให้กำรวำ ได้รับโอนทดินโฉนดท่ดนเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗





โดยสุจริต เสียค่ำตอบแทน ไม่ได้ร่วมกับจ�ำเลยท่ ๑ ยักยอกทรัพย์มรดกของนำงเสถียร และ

ระยะเวลำล่วงเลยมำเกินหน่งปีแล้วโจทก์ท้งสำมไม่อำจเพิกถอนกำรจดทะเบียนกำรโอนขำย

ที่ดินได้ ส่วนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๑๒๖๖ ไม่ใช่ทรัพย์มรดก โจทก์ทรำบถึงกำรโอนขำยที่ดิน


แต่ละช่วงเกินหน่งปีจึงไม่มีอ�ำนำจเพิกถอนนิติกรรมกำรโอนขำยท่ดินในแต่ละช่วง ศำลมีค�ำส่ง

ตั้งจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำงเสถียรก่อนจ�ำเลยที่ ๑ ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด อ�ำนำจ
ในกำรจัดกำรมรดกไม่ตกอยู่ในอ�ำนำจของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ จ�ำเลยท่ ๑ รับโอนท่ดิน





โฉนดท่ดินเลขท่ ๗๗๖๐ ๑๕๐๔๙ ๑๕๒๗๗ และโอนขำยท่ดินท้งสำมแปลงแก่จ�ำเลยท่ ๒


และที่ ๓ ในวันเดียวกัน เป็นกำรที่จ�ำเลยที่ ๑ ได้ที่ดินมำจำกกำรรับมรดกจึงไม่อยู่ในอ�ำนำจของ
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเพิกถอนกำรโอนได้ ขอให้ยกฟ้อง






จ�ำเลยท่ ๔ ให้กำรว่ำ กำรท่รับจ�ำนองท่ดินท้งส่แปลงในคดีน้เพ่อเป็นประกันเงินกู้น้น


เป็นกำรด�ำเนินธุรกิจกำรค้ำในทำงปกติของจ�ำเลยที่ ๔ เอกสำรสิทธิ์ที่ดินทั้งสี่แปลงเป็นต้นฉบับ



จ�ำเลยท่ ๔ เช่อโดยสุจริตว่ำจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ กำรจดจ�ำนองเป็นไป


760



โดยชอบด้วยกฎหมำยสุจริตและเสียค่ำตอบแทน จ�ำเลยท่ ๔ ได้รับช�ำระหน้และไถ่ถอนจ�ำนอง
ที่ดินทั้งสี่แปลงแล้ว กำรบังคับตำมค�ำขอท้ำยฟ้องเป็นกำรพ้นวิสัยไม่อำจท�ำได้ ขอให้ยกฟ้อง
























จำเลยท ๖ ใหกำรวำ โฉนดทดนทงสแปลงในคดนมชอจำเลยท ๕ เปนเจำของกรรมสทธ ์ ิ
จ�ำเลยที่ ๖ รับจ�ำนองที่ดินและจดทะเบียนจ�ำนองโดยสุจริตเสียค่ำตอบแทน ไม่ทรำบข้อเท็จจริง

ตำมท่โจทก์ท้งสำมกล่ำวอ้ำง ปัจจุบันจ�ำเลยท่ ๖ ได้ด�ำเนินกำรบังคับคดีจ�ำเลยท่ ๕ โดยน�ำยึด



ที่ดินทั้งสี่แปลงแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดช้สองสถำน ศำลจังหวัดพระนครศรีอยุธยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙




วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ท้งสำมฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำ ศำลได้มีค�ำส่งต้งจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้จัดกำร



มรดกของนำงเสถียร จ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ ร่วมกันยักยอกทรัพย์มรดกของ

นำงเสถียร ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรรับโอน นิติกรรมกำรขำยและนิติกรรมจ�ำนองที่ดินทรัพย์
มรดก และก�ำจัดจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ให้รับมรดก จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้กำรว่ำ โจทก์ทั้งสำมทรำบดี
ถึงกำรท�ำนิติกรรมเก่ยวกับทรัพย์มรดกและท่ดินบำงแปลงไม่ใช่ทรัพย์มรดก ดังน้ ข้อพิพำทในคด ี



จึงเป็นเร่องเก่ยวกับมรดกตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๖ เป็นข้อพิพำทในทำงแพ่ง






โดยตรง ส่วนท่จ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำงส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดน้น ค�ำส่งดังกล่ำว

ก็เกิดภำยหลังจำกศำลมีค�ำสั่งตั้งให้จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดกำรมรดกของนำงเสถียรแล้ว จึงหำมีผล



















ทำใหขอพพำททำงแพงดงกลำวกลำยเปนคดแพงทเกยวพนกบคดตำมกฎหมำยวำดวยลมละลำย

ไปไม่ คดีน้จึงไม่ใช่คดีล้มละลำย หรือคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจ



พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลล้มละลำย




และวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๔ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
761

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรร

ที่ วล ๓/๒๕๖๒ บ้ำนอรุณพัฒน์ ๙

(พระรำม ๓ - สำธุ
ประดิษฐ์) โจทก์

เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์

ของบริษัทธนำพัฒน์
แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำย จ�ำเลย





โจทก์ซ่งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้ำนจัดสรรฟ้องขอให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ซ่งม ี



อ�ำนำจจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินของลูกหน้ในคดีล้มละลำยซ่งเป็นผู้จัดสรรท่ดิน ให้












ดำเนนกำรโอนทดนอันเป็นสำธำรณปโภคให้แก่โจทก์ซ่งเป็นนตบคคลหม่บ้ำนจดสรร
ดังน ข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับผู้ล้มละลำยจึงเป็นข้อพิพำทอันเน่องมำจำกกำรจัดสรร



ที่ดินตำม พ.ร.บ. กำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่จะต้องพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำที่ของ
ผู้จัดสรรท่ดินเป็นหลัก ข้อพิพำทในคดีน้มิใช่คดีล้มละลำยหรือคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับ




คดีล้มละลำย จึงไม่เป็นคดีล้มละลำย
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ บริษัทธนำพัฒน์ แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำยได้รับอนุญำตให้จัดสรรท่ดิน

โฉนดที่ดินเลขที่ ๕๓๕๗๖, ๗๑๘๙๑, ๒๑๗๙๒๑, ๒๑๗๙๒๐, ๒๑๗๙๑๙, ๗๑๘๙๒, ๘๕๒๑๑,
และ ๕๓๙๘๗ (บำงส่วน) ต�ำบลช่องนนทรี อ�ำเภอยำนนำวำ กรุงเทพมหำนคร โดยมีทรัพย์สิน
อันเป็นสำธำรณูปโภค เช่น สวนสำธำรณะ ที่ตั้งของนิติบุคคล สโมสร เป็นต้น ภำยหลังโจทก์จด
















ทะเบยนจดตงนตบคคลหมบำนจดสรรแลวผลมละลำยกมไดโอนทดนอนเปนทตงของสโมสรตำม








ู่





ท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๕๔๙๐๖ เน้อท่ประมำณ ๙๖๕/๑๐ ตำรำงวำ ให้แก่โจทก์เพ่อจัดกำรดูแลและ


บ�ำรุงรักษำ ตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรท่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ มำตรำ ๔๔ (๑) ท�ำให้โจทก์เสียหำย


จ�ำเลยซ่งเป็นเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีอ�ำนำจจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยแต่
เพียงผู้เดียวตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๒๒ จึงต้องด�ำเนินกำรแทนบริษัท
ผู้ล้มละลำย ขอให้จ�ำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินโฉนดท่ดินเลขท่ ๕๔๙๐๖ ต�ำบลช่องนนทร ี




อ�ำเภอยำนนำวำ กรุงเทพมหำนคร ให้แก่โจทก์ หำกจ�ำเลยเพิกเฉยให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทน
762


กำรแสดงเจตนำ หำกจ�ำเลยไม่สำมำรถปฏิบัติตำมได้เพรำะสภำพแห่งหน้ไม่เปิดช่องหรือไม่ว่ำ
เพรำะเหตุใด ๆ ขอให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยตำมมูลค่ำของที่ดิน เป็นเงิน ๑๗,๓๗๐,๐๐๐ บำท

พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยให้กำรว่ำ เม่อศำลมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทธนำพัฒน์ แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำย
เด็ดขำด อ�ำนำจในกำรจัดกิจกำรและทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยจึงตกอยู่กับเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์



แต่เพียงผู้เดียว โจทก์ต้องด�ำเนินกำรย่นค�ำร้องต่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ขอโอนท่ดินให้แก่









โจทก์เพ่อจดกำรดแลบำรงรกษำตำมข้ออ้ำงเสียก่อน แต่โจทก์กลบฟ้องโดยมิได้ย่นคำร้องต่อ
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์เสียก่อน กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น โจทก์ยังไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ที่ดิน



โฉนดท่ดินเลขท่ ๕๔๙๐๖ ผู้ล้มละลำยเป็นผู้ถือกรรมสิทธ์โดยจดทะเบียนอยู่ภำยใต้กำรจัดสรร
ท่ดินและเป็นพ้นท่ส่วนท่กันไว้เป็นบริกำรสำธำรณะประเภทสโมสร จึงไม่ตกอยู่ภำยใต้กฎหมำย






ห้ำมโอนท่ดินอันเป็นสำธำรณูปโภคและไม่อยู่ในบังคับให้ท่ดินตกเป็นของนิติบุคคลหมู่บ้ำน
จัดสรร ตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ มำตรำ ๔๔ ดังนั้นที่ดินดังกล่ำวจึงเป็น

ทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยท่มีอยู่ในเวลำเร่มต้นแห่งกำรล้มละลำย เป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลำย

ที่เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์อำจรวบรวมและแบ่งแก่เจ้ำหนี้ได้ ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจำรณำ จ�ำเลยแถลงว่ำ โจทก์ฟ้องเกี่ยวกับอ�ำนำจจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สิน
ของผู้ล้มละลำย โจทก์ต้องย่นค�ำร้องต่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์และหำกมีข้อพิพำทหรือโต้แย้ง

ค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์โจทก์ก็ต้องด�ำเนินคดีน้ต่อศำลล้มละลำย ทนำยโจทก์แถลง




ยืนยันว่ำ หน้หรือค�ำขอท้ำยฟ้องเป็นหน้กระท�ำกำร ท�ำให้ฟ้องโจทก์ไม่เก่ยวกับกำรจัดกำรกิจกำร

และทรัพย์สินของผู้ล้มละลำยอันจะตกแก่หรืออยู่ในอ�ำนำจของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์หรือ
ศำลล้มละลำย
ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙




ู่
วนจฉยวำ คดนโจทกซงเปนนตบคคลหมบำนจดสรรฟองขอใหจำเลยในฐำนะผมอำนำจ





















จัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินของบริษัทธนำพัฒน์ แลนด์ จ�ำกัด ผู้ล้มละลำย ซ่งผู้ล้มละลำยเป็น

ผู้จัดสรรท่ดิน ให้ด�ำเนินกำรโอนท่ดินอันเป็นสำธำรณูปโภคให้แก่โจทก์ซ่งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้ำน



จัดสรร ดังน้ ข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับผู้ล้มละลำยจึงเป็นข้อพิพำทอันเน่องมำจำกกำรจัดสรร

ที่ดินตำมพระรำชบัญญัติกำรจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่จะต้องพิจำรณำถึงสิทธิและหน้ำที่ของ
763

















ผ้จดสรรทดนเป็นหลก ข้อพพำทในคดนมใช่คดล้มละลำยหรอคดแพ่งทเกยวพนกนกับคด ี




ล้มละลำย จึงไม่เป็นคดีล้มละลำย อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำม
มำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ













































764

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท

ที่ วล ๑/๒๕๖๔ จ�ำกัด ผู้ร้อง

เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำน



พ.ร.บ. จัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มีผล


ใช้บังคับนับแต่วันท ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ และมีพระรำชกฤษฎีกำให้เปิดท�ำกำรศำล




ล้มละลำยกลำงเม่อวันท ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ ขณะน้นคดีท่นำย ส. ถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลำย














ยงคงคำงพจำรณำอยในศำลจงหวดระยอง และคดดงกลำวมไดโอนมำพจำรณำพพำกษำ



ในศำลล้มละลำยกลำงภำยในหนงร้อยแปดสบวันนบแต่วันทศำลล้มละลำยกลำง





เปิดท�ำกำรตำมบทเฉพำะกำล มำตรำ ๒๙ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลล้มละลำย



และวธพจำรณำคดล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ เน่องจำกต่อมำศำลจงหวดระยองยงคงพจำรณำ






มีค�ำสั่งในคดีล้มละลำยหมำยเลขแดงที่ ล.๕/๒๕๔๓ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นำย ส. เด็ดขำด
เมื่อวันที่ ๔ พฤษภำคม ๒๕๔๓ และพิพำกษำให้ล้มละลำยเมื่อวันที่ ๕ กรกฎำคม ๒๕๔๗

เมอผ้ร้องยนคำร้องโต้แย้งกำรกระทำหรอคำวนจฉยของผ้คดค้ำนทไม่ดำเนนกำร

















ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ น�ำทรัพย์หลักประกันของ นำย ส.
ออกขำยทอดตลำดเพ่อน�ำเงินมำช�ำระแก่ผู้ร้อง จึงเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของ



ศำลจังหวัดระยอง หมำยเลขแดงท ล.๕/๒๕๔๓ ปัญหำข้อพิพำทในคดีน้จึงไม่อยู่ใน



อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________


คดีสืบเน่องมำจำกเม่อวันท่ ๔ พฤษภำคม ๒๕๔๓ ศำลจังหวัดระยองมีค�ำส่ง


พิทักษ์ทรัพย์ของนำยสมพงษ์ เด็ดขำด และพิพำกษำให้ล้มละลำยเมื่อวันที่ ๕ กรกฎำคม ๒๕๔๗
ในคดีหมำยเลขแดงที่ ล.๕/๒๕๔๓
ผู้ร้องยื่นค�ำร้องว่ำ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหำคม ๒๕๖๓ ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้ำหนี้ตำมค�ำพิพำกษำ


ในคดีแพ่งของศำลจังหวัดระยองคดีหมำยเลขแดงท่ ๒๑๕/๒๕๓๗ ได้ย่นค�ำร้องต่อศำลจังหวัด
ระยองในคดีล้มละลำยหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓ ขอให้มีค�ำส่งให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์



ทรพย์นำทรพย์หลกประกนของนำยสมพงษ์ออกขำยทอดตลำดนำเงนมำชำระแก่ผ้ร้องตำม












พระรำชบัญญัตล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ ศำลจังหวัดระยองมีค�ำส่งไมรับคำร้องเนองจำก


765

คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง ผู้ร้องจึงขอให้ศำลล้มละลำยกลำง


มีค�ำส่งให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์น�ำทรัพย์หลักประกันของนำยสมพงษ์ออกขำยทอดตลำด
น�ำเงินมำช�ำระแก่ผู้ร้อง

ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ เม่อศำลล้มละลำยกลำงเปิดท�ำกำรแล้วคดีล้มละลำยหมำยเลขแดง

ท่ ล.๕/๒๕๔๓ มิได้มีกำรโอนมำพิจำรณำในศำลล้มละลำยกลำงตำมบทเฉพำะกำล มำตรำ ๒๙

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ กำรท ่ ี

ผู้ร้องยื่นค�ำร้องต่อศำลจังหวัดระยองชอบแล้ว

ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ

ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย

ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
มีผลใช้บังคับนับแต่วันท่ ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ และมีพระรำชกฤษฎีกำให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำง





เม่อวันท่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ ขณะน้นคดีท่นำยสมพงษ์ ถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลำยยังคง
ค้ำงพิจำรณำอยู่ในศำลจังหวัดระยอง และคดีดังกล่ำวมิได้โอนมำพิจำรณำพิพำกษำในศำล
ล้มละลำยกลำงภำยในหน่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันท่ศำลล้มละลำยกลำงเปิดท�ำกำรตำม


บทเฉพำะกำล มำตรำ ๒๙ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ

คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่ประกำรใด เน่องจำกต่อมำศำลจังหวัดระยองยังคงพิจำรณำ

มีค�ำส่งในคดีล้มละลำยหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนำยสมพงษ์เด็ดขำด






เม่อวันท่ ๔ พฤษภำคม ๒๕๔๓ และพิพำกษำให้ล้มละลำยเม่อวันท่ ๕ กรกฎำคม ๒๕๔๗




คดีน้เม่อผู้ร้องย่นค�ำร้องโต้แย้งกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัยของผู้คัดค้ำนท่ไม่ด�ำเนินกำรตำม
พระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ น�ำทรัพย์หลักประกันของนำยสมพงษ์


ออกขำยทอดตลำดในคดีหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓ ดังกล่ำวเพ่อน�ำเงินมำช�ำระแก่ผู้ร้อง

จึงเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของศำลจังหวัดระยองหมำยเลขแดงท่ ล.๕/๒๕๔๓



ศำลจังหวัดระยองมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดี ปัญหำข้อพิพำทในคดีน้จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและ
วิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย





766

วินิจฉัย ณ วันที่ ๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ


























































767

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์

ที่ วล ๕/๒๕๖๑ ตะวันออกฟำยแน้นซ์ (๑๙๙๑)

จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท

จ�ำกัด ผู้ร้อง

เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำน
นำยธงชัย จิตรทวีกำร

กับพวก จ�ำเลย








พ.ร.บ. จดตงศำลล้มละลำยและวธพจำรณำคดล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ ใช้





บังคับต้งแต่วันท ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป และมีพระรำชกฤษฎีกำก�ำหนดวันเปิดท�ำกำร

ศำลล้มละลำยกลำง พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๓ ให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำงต้งแต่
วันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป จ�ำเลยทั้งสองถูกฟ้องขอให้ล้มละลำยต่อศำลแพ่ง



และศำลแพ่งมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท้งสองเด็ดขำด และเม่อมีพระรำชกฤษฎีกำ
ให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำงแล้ว คดีดังกล่ำวก็มิได้โอนมำพิจำรณำท ี ่

ศำลล้มละลำยกลำงตำม พ.ร.บ. จัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๒๙ คดีนี้ผู้ร้องอ้ำงว่ำ ผู้ร้องรับโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ตำมค�ำพิพำกษำ
และสิทธิกำรรับจ�ำนองจำกบริษัทบริหำรสินทรัพย์ พ. จึงย่นค�ำร้องขอสวมสิทธิต่อ

ผู้คัดค้ำน แต่ผู้คัดค้ำนมีค�ำส่งยกค�ำร้อง ขอให้มีค�ำส่งให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธิตำมค�ำร้องขอรับ




ช�ำระหน้จ�ำนอง ให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำดเพ่อช�ำระหน้แก่

ผู้ร้องต่อไป ค�ำร้องของผู้ร้องเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของศำลแพ่ง จึงไม่อยู่ใน


อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________



คดีสืบเนื่องมำจำกเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎำคม ๒๕๔๐ ศำลแพ่งมีค�ำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของ


จ�ำเลยท้งสองเดดขำด ในคดีหมำยเลขแดงท ล. ๒๔๙/๒๕๔๐ บริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด



ได้ย่นค�ำร้องขอรับช�ำระหน้ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ และขอให้



ผู้คัดค้ำนขำยทอดตลำดทรัพย์จ�ำนอง โดยอำศัยมูลหน้ตำมค�ำพิพำกษำของศำลแพ่ง คดีหมำยเลขแดง
768

ที่ ธ.๑๐๗๔๖/๒๕๔๑ ระหว่ำง ธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์ นำยธงชัย ที่ ๑

กับพวก จ�ำเลย ที่ประชุมเจ้ำหนี้มีมติไม่ประสงค์ที่จะด�ำเนินกำรกับทรัพย์จ�ำนองตำมค�ำร้อง แต่

บริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด มิได้ด�ำเนินกำรยึดทรัพย์ในคดีแพ่งจนพ้นก�ำหนดเวลำ
กำรบังคับคดี ต่อมำบริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด ได้โอนสิทธิเรียกร้องตำมค�ำพิพำกษำ


ของศำลแพ่งดังกล่ำวให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงได้ย่นค�ำร้องขอสวมสิทธิแทนบริษัทบริหำรสินทรัพย์



เพชรบุรี จ�ำกัด และขอให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนอง ผู้คัดค้ำนมีค�ำส่งว่ำ ท่ประชุมเจ้ำหน้ไม่ประสงค์



ให้ยึดทรัพย์จ�ำนองกรณีไม่มีเหตุท่จะส่งตำมค�ำร้อง ให้ยกค�ำร้อง ผู้ร้องจึงได้ย่นค�ำร้องอีกคร้ง



เม่อวันท่ ๖ ธันวำคม ๒๕๖๐ ผู้คัดค้ำนแจ้งว่ำ ได้เคยมีค�ำส่งยกค�ำร้องแล้ว มิอำจส่งตำม


ค�ำร้องใหม่ แจ้งให้ทรำบ ผู้ร้องเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องหน้ตำมค�ำพิพำกษำและสิทธิกำร

รับจ�ำนอง ไม่อำจใช้สิทธิบังคับจ�ำนองได้เพรำะเกินระยะเวลำสิบปีแต่ผู้ร้องไม่เสียสิทธิกำรบังคับ




จ�ำนองในคดีล้มละลำย ขอให้มีค�ำส่งให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธตำมค�ำร้องขอรับช�ำระหนจ�ำนอง
ให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำดเพื่อช�ำระหนี้แก่ผู้ร้องต่อไป

ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ไม่ได้ย่นค�ำขอรับ




ช�ำระหน้ จึงไม่ใช่เจ้ำหน้ในคดีล้มละลำย ผู้คัดค้ำนไม่อำจมีค�ำส่งอนุญำตให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธ ิ
แทนบริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด หรือธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ได้ คดีนี้
เป็นคดีล้มละลำยที่ฟ้องต่อศำลแพ่ง จึงเป็นกำรร้องผิดศำล ขอให้ยกค�ำร้อง
ศำลล้มละลำยกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ




ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงให้เสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดช�ำนัญพิเศษวนจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ เมษำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป และมีพระรำชกฤษฎีกำก�ำหนด

วันเปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำง พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๓ ให้เปิดท�ำกำรศำลล้มละลำยกลำง
ต้งแต่วันท่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๔๒ เป็นต้นไป จ�ำเลยท้งสองถูกฟ้องขอให้ล้มละลำยต่อศำลแพ่ง







และศำลแพ่งมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท้งสองเด็ดขำด และเมอมีพระรำชกฤษฎีกำให้เปิด

ทำกำรศำลล้มละลำยกลำงแล้ว คดีดงกล่ำวก็มได้โอนมำพจำรณำทศำลล้มละลำยกลำงตำม





พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๒๙ แต่
อย่ำงใด ผู้ร้องอ้ำงว่ำ เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ตำมค�ำพิพำกษำและสิทธิกำรรับจ�ำนองจำก

บริษัทบริหำรสินทรัพย์เพชรบุรี จ�ำกัด จึงได้ย่นค�ำร้องขอสวมสิทธิต่อผู้คัดค้ำน แต่ผู้คัดค้ำนม ี
769




ค�ำส่งยกค�ำร้อง ผู้ร้องไม่เห็นด้วยกับค�ำส่งดังกล่ำวจึงย่นค�ำร้องขอให้ศำลไต่สวนค�ำร้องและม ี


ค�ำส่งให้ผู้ร้องเข้ำสวมสิทธิตำมค�ำร้องขอรับช�ำระหน้จ�ำนอง ให้ผู้คัดค้ำนยึดทรัพย์จ�ำนองออก


ขำยทอดตลำดเพ่อช�ำระหน้แก่ผู้ร้อง ค�ำร้องของผู้ร้องเป็นกำรโต้แย้งกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัย



ของผู้คัดค้ำนในเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวพันกับคดีของศำลแพ่ง หมำยเลขแดงท่ ล. ๒๔๙/๒๕๔๐
ปัญหำข้อพิพำทคดีน้จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗

แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย


วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ








รตมำ ชยสโรจน - ยอ

วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ

































770

รวมค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

คดีเยำวชนและครอบครัว








































771

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ว. ในฐำนะผู้อนุบำล

ที่ วยช ๘๙/๒๕๖๒ ของนำย ส.

คนไร้ควำมสำมำรถ โจทก์
นำย ภ. กับพวก จ�ำเลย





โจทก์และจ�ำเลยท ๑ เป็นผู้อนุบำลนำย ส. คนไร้ควำมสำมำรถ โจทก์อ้ำงว่ำ






จ�ำเลยท ๑ น�ำท่ดินพิพำทท่เป็นของนำย ส. ไปขำยให้จ�ำเลยท ๒ อันเป็นกำรผิด
ข้อตกลงระหว่ำงผู้อนุบำล ขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทดังกล่ำว กรณีเป็น
ข้อพิพำทระหว่ำงผู้อนุบำลคนไร้ควำมสำมำรถอันเกี่ยวกับอ�ำนำจหน้ำที่ของผู้อนุบำลซึ่ง
ป.พ.พ. มำตรำ ๒๘ วรรคสอง บัญญัติว่ำ ให้เป็นไปตำมบทบัญญัติบรรพ ๕ แห่ง ป.พ.พ.




จึงเป็นคดีครอบครัว ส่วนจ�ำเลยท ๒ และจ�ำเลยท ๓ แม้จะไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ
คนไร้ควำมสำมำรถ แต่เมื่อโจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์และ
นำย ส. ขอให้เพิกถอนนิติกรรมจ�ำนองระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๓ ด้วย ย่อมถือว่ำ
มูลควำมแห่งคดีเก่ยวข้องกันตำม ป.วิ.พ. มำตรำ ๕ โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องจ�ำเลยท ๒



และจ�ำเลยที่ ๓ ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวด้วย
__________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ส. คนไร้ควำมสำมำรถ

ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดระยองมีค�ำพิพำกษำตำมยอมในคดีแพ่งหมำยเลขแดง
ท่ ๑๒/๒๕๖๑ ให้โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้อนุบำลนำย ส. ต่อมำวันท่ ๑๙ มีนำคม ๒๕๖๒


















โจทกกบจำเลยท่ ๑ ทำบนทกข้อตกลงโดยมสำระสำคญวำกำรขำยทดนของนำย ส. ทกแปลง จำเลย

ที่ ๑ ต้องแจ้งให้โจทก์ทรำบก่อนที่จะยื่นค�ำร้องต่อศำลทุกครั้ง หลังจำกนั้นวันที่ ๕ เมษำยน ๒๕๖๒

จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์และนำย ส. กล่ำวคือ จ�ำเลยท้งสำมรู้อยู่แล้วว่ำ

โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ มีข้อตกลงตำมบันทึกข้อดังกล่ำว แต่จ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ ท�ำสัญญำ
ซ้อขำยท่ดินพิพำทโฉนดเลขท่ ๘๕๙๓๗ ต�ำบลทับมำ อ�ำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง





พร้อมบ้ำนเลขท่ ๕๘/๓, ๕๘/๕ และ ๕๘/๖ หมู่ท่ ๓ ของนำย ส. โดยไม่ย่นค�ำร้องขออนุญำต


ท�ำนิติกรรมต่อศำล ไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทรำบและไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ อีกท้งจ�ำเลย
ท้งสำมรู้อยู่แล้วว่ำท่ดินดังกล่ำวมีโรงเรือนและส่งปลูกสร้ำง ๓ หลัง แต่จ�ำเลยท้งสำมจงใจระบ ุ




772


Click to View FlipBook Version