The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ



มูลหน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีท ซ่งโจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องดัง

ในกำรได้รับช�ำระหน้ดังกล่ำวมำจำกธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย หน้ตำมค�ำร้องจึงเป็นหน ้ ี






ท่เกิดข้นภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำร โดยเป็นหน้ท่ผู้บริหำร

แผนได้ก่อให้เกิดข้น โจทก์มีสิทธิฟ้องต่อศำลท่มีเขตอ�ำนำจตำมมำตรำ ๙๐/๖๒ (๑) ซ่งเป็นไป


ตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หน้ตำมฟ้องจึงมิใช่ข้อพิพำทอันเก่ยวกับ


กำรฟื้นฟูกิจกำรหรือแผนฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงมิใช่คดีล้มละลำยตำมมำตรำ ๓ อันจะอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำย

และวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณัฐจิรำ ขันทอง - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ































273

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทธนำคำรกสิกรไทย

ที่ วทป ๓๐/๒๕๖๓ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอส ทู เค มำรีน
โปรดักส์ จ�ำกัด หรือบริษัท

เอส ทู เค เทรดดิ้ง จ�ำกัด

กับพวก จ�ำเลย






กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ กำร






ให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือนิติกรรมท่เก่ยวเน่อง หรือไม่น้น เน่องจำกคดีน้เป็นคด ี



ท่ฟ้องเรียกร้องสิทธิตำมสัญญำกู้เบิกเงินเกินบัญช ต๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำเงินกู้ สัญญำ


บัตรเครดิต และสัญญำสินเช่อระยะส้นเพ่อกำรส่งออก (แพ็คก้งเครดิต) โดยสัญญำ





เบิกเงินเกินบัญช ต๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำเงินกู้ สัญญำบัตรเครดิต เป็นสัญญำสินเช่อ

ภำยในประเทศ ท่มีผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรภำยในประเทศจึงไม่ใช่กำรให้บริกำรระหว่ำง


ประเทศ ส�ำหรับสัญญำสินเช่อระยะส้นเพ่อกำรส่งออก (แพคก้งเครดิต) ท่มีกำรรบซ้อ









ต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อน�ำไปใช้ในกำรส่งออกสินค้ำเป็นกำรท่โจทก์ซ่งอยู่ในประเทศไทย




ให้บริกำรด้ำนสินเช่อแก่จ�ำเลยท ๑ ซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพ่อจ�ำเลยท ๑ จะได้









ใช้เงินน้นในกำรส่งออกสินค้ำ อันน มีลักษณะเป็นเร่องของสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำร

ส่งออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ท้งไม่ใช่กำรให้


บริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำร



ให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง


ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำงผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรต่ำงอยู่ในประเทศไทย

ด้วยกันเช่นน นอกจำกน้น มูลหน้ดังกล่ำวยังไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำ





ระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องอีกด้วย เพรำะคดีแพ่งทจะถือว่ำเก่ยวกบกำร








ซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องน้น ต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับ









นิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำระหวำงประเทศเป็นหลักก่อน ข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท ่ ี


เกี่ยวเนื่องกับกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศนั้น จึงจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ


ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้ไม่มีข้อพิพำทเก่ยวกับกำร
ซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ จึงไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ
274




กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมท่เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)

แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________



โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัดประกอบ
ธุรกิจธนำคำรพำณิชย์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓

เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นลูกค้ำของโจทก์ โดยมีจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เข้ำค�้ำประกัน



กำรช�ำระหน้ เก่ยวกับคดีน้ จ�ำเลยท่ ๑ ได้ท�ำสัญญำกู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้ต่อโจทก์เป็นวงเงิน


ทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ออกตั๋วสัญญำใช้เงินจ�ำนวน ๒ ฉบับ ท�ำสัญญำเงินกู้จ�ำนวน ๕ ฉบับ

และสัญญำกำรใช้บัตรเครดิต นอกจำกน้ จ�ำเลยท่ ๑ ได้ขอให้โจทก์สนับสนุนทำงกำรเงินแก่







จ�ำเลยท่ ๑ ในรูปของสินเช่อระยะส้นเพ่อกำรส่งออก (แพคก้งเครดิต) โดยจ�ำเลยท่ ๑ จะออก
ต๋วสัญญำใช้เงินตำมจ�ำนวนเงินท่ได้รับไปจำกโจทก์เป็นหลักฐำนให้แก่โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ จะ




ช�ำระเงินให้แก่โจทก์ตำมก�ำหนดเวลำท่ตกลงกันไว้ โจทก์อนุมัติวงเงินท้งส้น ๒๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท






ในกำรอนุมัติวงเงินดังกล่ำวมีจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกันกำรช�ำระหน้ และเพ่อเป็น

หลักประกันกำรช�ำระหนี้ของจ�ำเลยทั้งสำม จ�ำเลยที่ ๑ ได้จดทะเบียนจ�ำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้ำง
กับเคร่องจักร ๔๓ เคร่อง ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัดช�ำระหน้ในสัญญำดังกล่ำวท้งหมดและยัง








คงค้ำงช�ำระหน้แก่โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๑

ช�ำระเงิน ๔๓๕,๒๖๐,๗๕๕.๖๑ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน
จ�ำนวน ๓๙๙,๑๔๔,๒๙๖.๐๒ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ให้จ�ำเลยที่ ๒ ช�ำระหนี้ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๔๓๑,๙๔๐,๓๔๔.๙๘ บำท พร้อมดอกเบี้ย






ในอตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงนจำนวน ๓๙๕,๙๕๙,๓๔๗.๔๙ บำท นบถดจำกวนฟ้อง










เป็นต้นไปจนกว่ำจะชำระเสรจแก่โจทก์ และให้จำเลยท ๓ ชำระหนร่วมกบจำเลยท ๑ เป็นเงน




๓๐๘,๙๐๑,๕๘๗.๗๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวน
๓๐๖,๙๖๒,๓๔๗.๔๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลย
ทั้งสำมไม่ช�ำระหนี้ดังกล่ำวข้ำงต้นให้ยึดทรัพย์สินที่จ�ำนองไว้กับโจทก์เพื่อบังคับช�ำระหนี้
จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์คิดดอกเบี้ยตำมตั๋วสัญญำ
ใช้เงินไม่ชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยที่ ๑ ไม่เคยท�ำสัญญำสินเชื่อเพื่อกำรส่งออก (แพคกิ้งเครดิต)
275



และไม่เคยได้รับเงินจำกโจทก์ ส�ำหรับทรัพย์ท่น�ำมำจ�ำนองน้นไม่ได้ระบุวงเงินจ�ำนองว่ำประกัน
กำรช�ำระหน้ในวงเงินเท่ำไหร่ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมำยลักษณะจ�ำนอง โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง




บังคับจ�ำนองเอำจำกท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงได้ โจทก์มีสิทธิบังคับจ�ำนองเฉพำะท่ดินตำมโฉนด
เลขท่ ๒๕๕๔๖ และ ๒๕๗๖๐ ต�ำบลบ้ำนแหลม อ�ำเภอบ้ำนแหลม จังหวัดเพชรบุรี ในวงเงิน



ไม่เกิน ๒๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท เท่ำน้น กำรท่โจทก์ให้ฝ่ำยจ�ำเลยต้องรับผิดเกินกว่ำวงเงินจ�ำนวน
ดังกล่ำวไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๓ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร








ในวนนดพจำรณำ ศำลจงหวดนำทวเหนวำ กรณมปญหำวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำ












พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ



และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำร





ระหว่ำงประเทศหรือนิติกรรมท่เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ คดีนี้เป็นคดีที่ฟ้องเรียกร้องสิทธิตำมสัญญำกู้เบิกเงิน

เกินบัญชี ต๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำเงินกู้ สัญญำบัตรเครดิต และสัญญำสินเช่อระยะส้นเพ่อกำร



ส่งออก (แพคกิ้งเครดิต) โดยสัญญำเบิกเงินเกินบัญชี ตั๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำเงินกู้ สัญญำบัตร
เครดิต เป็นสัญญำสินเชื่อภำยในประเทศ ที่มีผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรภำยในประเทศจึงไม่ใช่
กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ส�ำหรับสัญญำสินเชื่อระยะสั้นเพื่อกำรส่งออก (แพคกิ้งเครดิต) ที่









มกำรรบซ้อต๋วสัญญำใช้เงนเพ่อน�ำไปใช้ในกำรส่งออกสินค้ำเป็นกำรท่โจทก์ซงอยในประเทศไทย
ู่
ให้บริกำรด้ำนสินเช่อแก่จำเลยท ๑ ซงอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพ่อจ�ำเลยท่ ๑ จะได้ใช้เงิน









นนในกำรส่งออกสนค้ำ อนมลกษณะเป็นเรองของสนเชอเพอสนบสนนกำรส่งออกสนค้ำไปขำย
















ต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ท้งไม่ใช่กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ


เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้นต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและ




เป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำงผู้ให้
บริกำรและผู้รับบริกำรต่ำงอยู่ในประเทศไทยด้วยกันเช่นน้ นอกจำกน้น มูลหน้ดังกล่ำวยังไม่ใช่





คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องอีกด้วย เพรำะ




276






คดีแพ่งท่จะถือว่ำเก่ยวกับสินค้ำกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง





น้น ต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศเป็นหลักก่อน ข้อพิพำท







เก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศน้น จึงจะอยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ คดีน้ไม่มีข้อพิพำท

เก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ มูลหน้ดังกล่ำวจึงไม่อำจเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำร



ซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องไปได้ คดีจึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับ










กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมท่เก่ยวเน่อง

ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ- ตรวจ




















277

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรธนชำต จ�ำกัด

ที่ วทป ๖๑/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์

บริษัทไชยอิค่อน จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงิน



เข้ำมำหรอส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร และคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดต และ


ทรัสต์รีซีท หรือไม่น้น เน่องจำกคดีน โจทก์ฟ้องเรียกร้องสิทธิตำมสัญญำกู้เบิกเงินเกิน





บัญช ต๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำเงินกู้ และหน้ค่ำประกันภัย อันเป็นสัญญำสินเช่อภำยใน


ประเทศระหว่ำงคู่สัญญำท่อยู่ในประเทศไทยและประกอบกิจกำรในประเทศไทย จึงไม่ใช่




นิติกรรมท่เป็นเร่องระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำง
ประเทศหรือกำรส่งเงินออกนอกรำชอำณำจักร ท้งไม่ปรำกฏประเด็นให้ต้องวินิจฉัยเก่ยว


กับสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญำทรัสต์รีซีทระหว่ำงประเทศ จึงไม่ใช่คดีแพ่ง
เก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีทท่ออกเก่ยวเน่องกับนิติกรรมระหว่ำง




ประเทศเช่นกัน คดีนี้จึงไม่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงิน
เข้ำมำหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร และคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตและ

ทรัสต์รีซีท ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด ประกอบธุรกิจธนำคำร
พำณิชย์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นกรรมกำร

ผู้มีอ�ำนำจ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นลูกค้ำของโจทก์ เก่ยวกับคดีน้ จ�ำเลยท่ ๑ ได้ท�ำสัญญำสนับสนุน




วงเงินสินเช่อต่อโจทก์เป็นวงเงินท้งส้น ๑๘๒,๔๐๐,๐๐๐ บำท โดยเป็นวงเงินให้กู้ยืมระยะยำว



วงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี วงเงินตั๋วเงิน วงเงินเลตเตอร์ออฟเครดิตภำยในประเทศ วงเงินหนังสือ
ค้ำประกัน วงเงินซ้อขำยแลกเปล่ยนเงินตรำระหว่ำงประเทศ โดยตกลงว่ำหำกมีทรัพย์สินท่น�ำมำ




เป็นหลักประกันให้โจทก์ จ�ำเลยที่ ๑ ยินยอมให้โจทก์จ่ำยค่ำประกันภัยไปก่อน ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑
278

ได้เบิกวงเงินตั๋วเงิน โดยจ�ำเลยที่ ๑ ออกตั๋วสัญญำใช้เงินจ�ำนวน ๑๓๕ ฉบับ สัญญำเงินกู้ สัญญำ

เบิกเงินเกินบัญชี ค่ำเบี้ยประกันภัย โจทก์อนุมัติวงเงินทั้งสิ้น ๑๕๒,๙๖๓,๒๑๓.๙๖ บำท ในกำร

อนุมัติวงเงินดังกล่ำวมีจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นผู้ค�้ำประกันกำรช�ำระหนี้ และเพื่อเป็นหลักประกัน







กำรช�ำระหน้ของจ�ำเลยท้งส่ จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๓ ได้จดทะเบียนจ�ำนองท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำง
กับเครื่องจักร ๕ เครื่อง และหลักประกันทำงธุรกิจประเภทสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้กำรค้ำ ต่อมำ
จ�ำเลยที่ ๑ ผิดนัดช�ำระหนี้ในสัญญำดังกล่ำวทั้งหมดและยังคงค้ำงช�ำระหนี้แก่โจทก์ กำรกระท�ำ
ของจ�ำเลยท้งส่ท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๑ ช�ำระเงิน๑๘๒,๓๐๑,๓๕๔.๑๖ บำท




พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวน ๑๕๒,๙๖๓,๒๑๓.๙๖ บำท นับถัดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ช�ำระ ให้จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔
ร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงิน ๑๘๒,๓๐๑,๓๕๔.๑๖ บำท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๑๘ ต่อปี

ของต้นเงินจ�ำนวน ๑๕๒,๙๖๓,๒๑๓.๙๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ




แก่โจทก์ หำกจ�ำเลยท้งส่ไม่ช�ำระหน้ดังกล่ำวข้ำงต้นให้ยึดทรัพย์สินท่จ�ำนองไว้แก่โจทก์ และให้
จ�ำเลยที่ ๑ ส่งมอบหลักประกันทำงธุรกิจประเภทสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้กำรค้ำและสินค้ำคงคลัง
ตำมที่ระบุไว้ในสัญญำหลักประกันทำงธุรกิจเพื่อบังคับช�ำระหนี้จนเสร็จสิ้นแก่โจทก์
จ�ำเลยทั้งสี่ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร


ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดนนทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร









พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ











เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
กำรส่งเงินเข้ำมำหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร และคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต

และทรัสต์รีซีท ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๗ (๕) (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ คดีน้เป็นคดีท่ฟ้องเรียกร้องสิทธิตำมสัญญำกู้เบิกเงินเกิน

บัญชี ตั๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำเงินกู้ และหนี้ค่ำประกันภัย อันเป็นสัญญำสินเชื่อภำยในประเทศ
ระหว่ำงคู่สัญญำท่อยู่ในประเทศไทยและประกอบกิจกำรในประเทศไทย จึงไม่ใช่นิติกรรมท ี ่


เป็นเรองระหว่ำงประเทศ คดนจงไม่ใช่คดแพ่งเกยวกบกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศหรอกำร











279



ส่งเงินออกนอกรำชอำณำจักร ท้งไม่ปรำกฏประเด็นให้ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำเลตเตอร์
ออฟเครดิตหรือสัญญำทรัสต์รีซีทระหว่ำงประเทศ คดีนี้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต





และสัญญำทรัสต์รีซีทท่ออกเก่ยวเน่องกับนิติกรรมระหว่ำงประเทศเช่นกัน คดีน้จึงไม่เป็น


คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงินเขำมำหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจกร


และคดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต และทรัสต์รีซีท ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) (๖) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ




วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔



ภำวนำ สุคันธวณิช

(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ






ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

























280

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบำงกอก เดค-คอน

ที่ วทป ๓๒/๒๕๖๔ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์
ธนำคำรเพื่อกำรส่งออก

และน�ำเข้ำแห่ง
ประเทศไทย จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรให้





บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรประกันภัยและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องหรือไม่น้น


เนองจำกคดีนโจทก์และจ�ำเลยต่ำงมภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทยและสญญำตำมค�ำฟ้อง





มีลักษณะเป็นสัญญำจ้ำงท�ำของโดยเป็นกำรรับจ้ำงก่อสร้ำงและตกแต่งภำยในโครงกำร



Loi Kham Residential Community ตงอย่ท เมองย่ำงก้ง สำธำรณรฐแห่งสหภำพ







เมียนมำร์ ไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำ ไม่มีปัญหำต้องพิจำรณำถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิด

ของผู้ซ้อและผู้ขำยตำมหลักกฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ จึง



ไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ และแม้กำรบริกำรดังกล่ำว

ระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยจะเป็นกำรบริกำรในลักษณะเป็นกำรรับประกันควำมเสียหำย
อันเกิดจำกกำรไม่ช�ำระเงินตำมงวดสัญญำระหว่ำงโจทก์กับบริษัท Diamond Rose Mining
Co., Ltd. ก็ตำม แต่กำรให้บริกำรที่ถือว่ำเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศนั้น ต้องเป็น

กำรให้บริกำรจำกผู้ให้บริกำรประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับได้รับบริกำรน้นในอีก

ประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรบริกำรระหว่ำงบุคคลท่อยู่ในประเทศเดียวกัน ดังเช่นโจทก์และ


จ�ำเลยซ่งต่ำงมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำร



ให้บริกำรระหว่ำงประเทศเช่นกัน และเม่อปรำกฏว่ำกรมธรรม์ดังกล่ำวเป็นเพียงกำร

รับประกันเก่ยวกับกำรไม่ช�ำระเงินตำมสัญญำ และควำมเสียหำยอันเกิดจำกกำรไม่ช�ำระ


หน้ของคู่สัญญำของโจทก์ สัญญำประกันดังกล่ำวจึงไม่ใช่สัญญำประกันภัยเพ่อกำรขนส่ง


ระหว่ำงประเทศอันต้องค�ำนึงถึงหลักเกณฑ์ และธรรมเนียมปฏิบัติเก่ยวกับกำรขนส่ง


ระหว่ำงประเทศประกอบด้วย คดีน้จึงไม่มีประเด็นให้พิจำรณำวินิจฉัย ถึงสิทธิหน้ำท่ตำม

สัญญำประกันภัยระหว่ำงประเทศเช่นกัน ดังน้น คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำย




ระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรประกันภัยและนิติกรรมอ่นท ่ ี
เกี่ยวเนื่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________
281

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัดตำมกฎหมำยไทยประกอบ

กิจกำรออกแบบ รับเหมำก่อสร้ำง ตกแต่งภำยในและภำยนอกอำคำร ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคล

ตำมพระรำชบัญญัติธนำคำรเพื่อกำรส่งออกและน�ำเข้ำแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ ประกอบ


กิจกำรธนำคำรเพ่อส่งเสริมและสนับสนุน กำรส่งออกและน�ำเข้ำ และกำรลงทุนท้งในประเทศ


และต่ำงประเทศ เม่อวันท่ ๒ กรกฎำคม ๒๕๖๑ โจทก์ได้ท�ำสัญญำรับจ้ำงก่อสร้ำงงำน และ
ตกแต่งภำยใน โครงกำร Loi Kham Residential Community ตั้งอยู่ที่เมืองย่ำงกุ้ง สำธำรณรัฐ
แห่งสหภำพเมียนมำร์ กับ Diamond Rose Mining Co., Ltd. โดยตกลงค่ำจ้ำงตำมสัญญำทั้งสิ้น

๖๐,๕๑๕,๘๑๐.๘๘ บำท โจทก์ตกลงด�ำเนินกำรก่อสร้ำงให้แล้วเสร็จภำยใน ๑๘๔ วัน นับตั้งแต่


๑๕ มิถุนำยน ๒๕๖๑ ถึงวันท่ ๑๕ ธันวำคม ๒๕๖๑ ต่อมำเม่อวันท่ ๒๗ กันยำยน ๒๕๖๑





โจทก์ท�ำกรมธรรม์เลขท่ ๘-๖๑-๐๐๑๓ กับจ�ำเลย เพ่อเป็นกำรรับประกันเก่ยวกับกำรไม่ช�ำระ







เงนตำมสญญำ และกำรไม่ชำระเงนโดยไม่มเหตอ้ำงตำมกฎหมำย ภำยในวงเงนประกนไม่เกน


๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท Diamond Rose Mining Co., Ltd. ได้ช�ำระค่ำงวดก่อสร้ำงเรื่อยมำจนกระทั่ง
เมื่อวันที่ ๒๕ มีนำคม ๒๕๖๒ Diamond Rose Mining Co., Ltd. ได้ส่งหนังสือแจ้งว่ำโครงกำร
ได้เกิดปัญหำทำงกำรเงิน และไม่ช�ำระเงินค่ำจ้ำงให้แก่โจทก์ ต่อมำวันที่ ๒๗ มิถุนำยน ๒๕๖๒


โจทก์ได้ยนขอรบค่ำสินไหมทดแทนต่อจำเลย แต่จ�ำเลยชะลอกำรจ่ำยค่ำสนไหมทดแทน โดย



อ้ำงว่ำโจทก์ไม่มีเอกสำรครบถ้วน จึงถือว่ำเป็นกำรปฏิเสธกำรจ่ำยค่ำสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรผิดสัญญำต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับ


จำเลยช�ำระเงิน ๙,๒๙๗,๑๙๐.๕๘ บำท พร้อมดอกเบยในอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน


จ�ำนวน ๙,๑๗๒,๗๙๒.๔๔ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ผิดสัญญำต่อโจทก์ เนื่องจำกโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตำมสัญญำ
รับจ้ำงก่อสร้ำงและมูลค่ำควำมเสียหำยของโจทก์สำมำรถใช้เป็นมูลค่ำควำมเสียหำยท้งส้นเพียง




๔๐,๓๙๙,๐๑๙.๙๐ บำท และเม่อปรับส่วนลดท่ต้องหักออกตำมกรมธรรม์ประกันภัย อันได้แก่
จ�ำนวนเงินซึ่งผู้ซื้อควรจะมีสิทธิได้รับจำกโจทก์ มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับโจทก์ หรือมีสิทธิปฏิเสธ
กำรช�ำระให้แก่โจทก์ตำมกรมธรรม์นั้น คงเหลือมูลค่ำควำมเสียหำยที่จ�ำเลยจะต้องพิจำรณำจ่ำย

ค่ำสินไหมทดแทนจ�ำนวน ๓๓,๖๕๕,๓๘๒.๕๐ บำท เท่ำนน และเม่อกรมธรรม์ก�ำหนดควำม


คุ้มครองควำมเสียหำยให้แก่โจทก์เท่ำกับร้อยละ ๙๐ ของมูลค่ำควำมเสียหำย จึงคิดเป็นจ�ำนวน




เงินค่ำสินไหมทดแทนท้งส้น ๓๐,๒๘๙,๘๔๔.๒๕ บำท ซ่งจ�ำเลยได้ส่งจ่ำยเงินจ�ำนวนดังกล่ำว
ให้แก่โจทก์จนครบถ้วนแล้ว กำรกระท�ำของจ�ำเลยจึงไม่เป็นกำรโต้แย้งของสิทธิโจทก์ และโจทก์
ไม่ได้รับควำมเสียหำยแต่อย่ำงใด โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
282


ก่อนวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ


พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



พิเครำะห์แล้ว มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำง





ประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรประกันภัยและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง ตำม
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ
คดีน้โจทก์และจ�ำเลยต่ำงมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทยและสัญญำตำมค�ำฟ้องมีลักษณะเป็น

สัญญำจ้ำงท�ำของโดยเป็นกำรรับจ้ำงก่อสร้ำงและตกแต่งภำยในโครงกำร Loi Kham Residential




Community ตงอยู่ท่เมืองย่ำงกุ้ง สำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำร์ ไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำ

ไม่มีปัญหำต้องพิจำรณำถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิดของผู้ซ้อและผู้ขำยตำมหลักกฎหมำย





เก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำง
ประเทศ และแม้กำรบริกำรดังกล่ำวระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยจะเป็นกำรบริกำรในลักษณะเป็น
กำรรับประกันควำมเสียหำยอันเกิดจำกกำรไม่ช�ำระเงินตำมงวดสัญญำระหว่ำงโจทก์กับ Diamond

Rose Mining Co., Ltd. ก็ตำม แต่กำรให้บริกำรท่ถือว่ำเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศน้น




ต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกผู้ให้บริกำรประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับได้รบบรกำรน้นในอีก

ประเทศหน่งไม่ใช่กำรบริกำรระหว่ำงบุคคลท่อยู่ในประเทศเดียวกัน ดังเช่นโจทก์และจ�ำเลย



ซ่งต่ำงมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำง



ประเทศเช่นกัน และเม่อปรำกฏว่ำกรมธรรม์ดังกล่ำวเป็นเพียงกำรรับประกันเก่ยวกับกำรไม่

ช�ำระเงินตำมสัญญำ และควำมเสียหำยอันเกิดจำกกำรไม่ช�ำระหนี้ของคู่สัญญำของโจทก์ สัญญำ






ประกนดงกลำวจงไม่ใช่สัญญำประกนภยเพอกำรขนส่งระหวำงประเทศอนต้องค�ำนึงถงหลักเกณฑ์







และธรรมเนียมปฏิบัติเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศประกอบด้วย คดีน้จึงไม่มีประเด็นให้

พิจำรณำถึงสิทธิหน้ำท่ตำมสัญญำประกันภัยระหว่ำงประเทศเช่นกัน ดังน้น คดีน้จึงไม่ใช่คด ี


แพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือกำรประกันภัยและ
นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน





ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
283


วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ







ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ















































284

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวพิมพรรณ ศรีสวัสดิ์ โจทก์

ที่ วทป ๙/๒๕๖๒ เครดิต สวิส เอจี จ�ำเลย




โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมำจำกธนำคำร ส. ซ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง



มำจำกกลุ่มธนำคำรท่เป็นผู้ค้ำประกันกำรออกเลตเตอร์ออฟเครดิตของจ�ำเลยท่ออก







เพ่อค้ำประกันตรำสำรกำรค้ำท ฟ. คอร์ปอเรช่น นิติบุคคลเฉพำะกิจท่จัดต้งข้นท่มลรัฐ






เดลำแวร์ สหรฐอเมรกำ ออกจำหน่ำยให้แก่ผ้สนใจลงทนและรวบรวมเงนท่ได้จำกกำร



จ�ำหน่ำยตรำสำรกำรค้ำดังกล่ำวให้แก่บรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศเพ่อให้บริษัท

เงินทุน อ. กู้ยืม จึงมีลักษณะเป็นสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศประเภทหนึ่ง กำร


ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตของจ�ำเลยจึงเป็นกำรออกเลตเตอร์ออฟเครดิตท่เก่ยวเน่องกับ

กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยเป็นนตบคคลตำมกฎหมำยสมำพนธรฐสวส มสำนกงำนใน










ประเทศไทย เมื่อปี ๒๕๓๘ บรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศท�ำสัญญำให้บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ
จ�ำกัด (มหำชน) กู้ยืมเงินตำมสัญญำกู้เงิน (Investment Agreement) ลงวันที่ ๑๖ มีนำคม ๒๕๓๘
เงินกู้ B Loan (แผน ข.) จ�ำนวนเงิน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรัฐ โดยมีสัญญำเข้ำร่วมให้

เงินกู้ (Participation Agreement) ท�ำข้นระหว่ำงบรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศกับไฟแนนซ์


วัน ฟันด้ง คอร์ปอเรช่น (Finance One Funding Corporation “FOFC”) ซ่งเป็นนิติบุคคลเฉพำะกิจ


ท่จัดต้งข้นท่มลรัฐเดลำแวร์ สหรัฐอเมริกำ ลงวันท่วันเดียวกันและถือเป็นส่วนหน่งและเง่อนไข









ผูกพันตำมท่ได้ก�ำหนดไว้ในสัญญำ Investment Agreementซ่งสัญญำน้ก�ำหนดให้ ไฟแนนซ์

วัน ฟันด้ง คอร์ปอเรช่น มีหน้ำท่จัดหำเงินกู้ให้แก่บรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศ โดยกำรออก




ตรำสำรกำรค้ำ (Commercial Paper) น�ำออกจ�ำหน่ำยแก่ผู้สนใจลงทุนเพ่อรวบรวมเงินท่ได้รับ
จำกกำรลงทุนน�ำไปให้แก่บรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศ เพื่อให้บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จ�ำกัด

(มหำชน) กู้ยืม ในกรณีท่บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จ�ำกัด (มหำชน) ช�ำระเงินท่กู้ยืมคืนแล้ว บรรษัท

เงินทุนระหว่ำงประเทศมีหน้ำท่ต้องคืนเงินให้ไฟแนนซ์ วัน ฟันด้ง คอร์ปอเรช่น ผู้จัดหำเงิน



และมีสัญญำเครดิต (Credit Agreement) ท�ำขึ้นระหว่ำงไฟแนนซ์ วัน ฟันดิ้ง คอร์ปอเรชั่น กับ
จ�ำเลยและอีก ๒๒ สถำบันกำรเงินหรือกลุ่มธนำคำร ลงวันที่วันเดียวกันและถือเป็นส่วนหนึ่งและ
285



เง่อนไขผูกพันตำมท่ได้ก�ำหนดไว้ในสัญญำ Investment Agreement โดยตกลงให้จ�ำเลยม ี




หน้ำท่เป็นธนำคำรผู้ออกหนังสือเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ปฏิเสธไม่ได้เพ่อค้ำประกันตรำสำรกำรค้ำ
ที่ออกโดยไฟแนนซ์ วัน ฟันดิ้ง คอร์ปอเรชั่น เพื่อจ�ำหน่ำยให้แก่ผู้สนใจลงทุน และเป็นธนำคำร

ตัวแทนท�ำหน้ำท่แทนกลุ่มธนำคำรท่เข้ำร่วมตำมสัญญำเครดิต โดยกลุ่มธนำคำรเป็นผู้ค้ำประกัน




กำรออกเลตเตอร์ออฟเครดิตของจ�ำเลยอีกช้นหน่ง ในกรณีท่บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จ�ำกัด


(มหำชน) ผิดนัดช�ำระหน้จะมีกำรเรียกเก็บเงินตำมเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกโดยจ�ำเลย หำก



จ�ำเลยได้ช�ำระเงินให้แก่ผู้ลงทุนท่ถือตรำสำรกำรค้ำตำมท่มีกำรเรียกเก็บแล้ว จ�ำเลยจะเรียกให้

กลุ่มธนำคำรช�ำระเงินตำมสัดส่วนท่แต่ละธนำคำรให้กำรค้ำประกันไว้ ซ่งตำมสัญญำเข้ำร่วมให้




เงินกู้ก�ำหนดให้สิทธิท้งหมดของไฟแนนซ์ วัน ฟันด้ง คอร์ปอเรช่น ในกำรรับคืนเงินกู้ยืมโอน


ไปยังจ�ำเลยเพ่อประโยชน์ของกลุ่มธนำคำร กลุ่มธนำคำรท่เข้ำร่วมในเงินกู้ B Loan (แผน ข.)

จึงเป็นผู้รับโอนสิทธิในผลประโยชน์ท้งหมดของกำรเข้ำร่วมให้เงินกู้ในเงินต้นและดอกเบ้ยท่บรรษัท



เงินทุนระหว่ำงประเทศมีสิทธิได้รับคืนจำกบริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จ�ำกัด (มหำชน) ดังนั้น เมื่อ

บรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศได้รับช�ำระหน้จึงมีหน้ำท่ส่งเงินดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลย จำกน้นจ�ำเลย



มีหน้ำท่ส่งเงินท่ได้รับมำให้กลุ่มธนำคำรท่เข้ำร่วมใน B Loan (แผน ข.) ตำมสัดส่วนท่แต่ละธนำคำร



ให้กำรค�้ำประกัน ในปี ๒๕๔๐ บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จ�ำกัด (มหำชน) ผิดนัดไม่ช�ำระหนี้ จ�ำเลย

จึงช�ำระเงินให้แก่ผู้ลงทุนท่ถือตรำสำรกำรค้ำ โดยกลุ่มธนำคำรท่เข้ำร่วมใน B Loan (แผน ข.)

ได้ช�ำระเงินให้แก่จ�ำเลยตำมสัดส่วนแล้ว ต่อมำในวันที่ ๑ เมษำยน ๒๕๔๕ ศำลล้มละลำยกลำง

มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดบริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จ�ำกัด (มหำชน) บรรษัทเงินทุนระหว่ำง

ประเทศย่นค�ำขอรับช�ำระหน้เพ่อประโยชน์ของจ�ำเลยและกลุ่มธนำคำรต่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์


และเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนำยน ๒๕๕๗ ธนำคำรสแตนดำร์ด เมอร์ชำนท์ (เอเชีย) ผู้ที่รับโอนสิทธิ
เรียกร้องในกำรได้รับเงินกู้คืนจำกกลุ่มธนำคำรมำเป็นทอด ๆ ได้ท�ำสัญญำโอนสิทธิเรียกร้อง
เงินจ�ำนวน ๓๒,๘๙๓,๓๓๒.๘๘ ดอลลำร์สหรัฐ ตำมค�ำขอรับช�ำระหน้ท่บรรษัทเงินทุนระหว่ำง


ประเทศให้แก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินกู้กลุ่ม B loan (แผน ข.) โดยได้บอกกล่ำว








กำรโอนไปยงไฟแนนซ์ วน ฟันดง คอร์ปอเรชน แล้ว ปัจจบนบรรษทเงนทนระหว่ำงประเทศ









ได้รับเงนคนจำกเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรพย์แล้วรวมเป็นเงนทคิดเป็นสดส่วนของเงนก้กลุ่ม



B Loan (แผน ข.) เป็นเงิน ๔๘๕,๖๖๕,๐๒๙.๘๗ บำท ซ่งบรรษทเงินทุนระหว่ำงประเทศได้


ส่งเงินจ�ำนวนดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลยในฐำนะตัวแทนกลุ่มธนำคำร จ�ำเลยจึงมีหน้ำท่ต้องคืนเงิน



ท่รับไว้ให้แก่ผู้มีสิทธิตำมสัดส่วนแต่ละรำย ในวันท่ ๓๑ ตุลำคม ๒๕๖๐ โจทก์ในฐำนะผู้รับโอน
286

สิทธิเรียกร้องให้ทนำยควำมมีหนังสือทวงถำมไปยังจ�ำเลย แต่จ�ำเลยเพิกเฉย กำรกระท�ำของ









จำเลยทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ขอให้บงคบจำเลยชำระเงน ๒๕๑,๑๑๒,๙๙๘.๓๘ บำท





พรอมดอกเบี้ยอัตรำรอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน ๒๑๕,๓๔๓,๘๗๔.๒๕ บำท นับถัดจำกวันฟอง


เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยช�ำระเงินคืนโจทก์จำกเงินท่จ�ำเลยจะได้รับจำก

บรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศส�ำหรับเงินกู้จำกกลุ่ม B Loan (แผน ข.) ในอัตรำร้อยละ ๔๔.๓๔
ของเงินซึ่งจะได้รับจำกเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี ในอนำคต
จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม สัญญำโอนสิทธิเรียกร้องและหนังสือบอกกล่ำวกำร
โอนเป็นโมฆะ ธนำคำรสแตนดำร์ด เมอร์ชำนท์ (เอเชีย) ไม่ได้เป็นธนำคำรผู้เข้ำร่วมเป็นคู่สัญญำ

ตำมสัญญำเครดิตและไม่ได้เป็นผู้ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องในกำรรับช�ำระหน้ตำมสัญญำเครดิต
จำกกลุ่มธนำคำร จ�ำเลยไม่เคยให้ควำมยินยอมต่อบุคคลใด ๆ ในกำรโอนสิทธิเรียกร้องในกำรรับ














ชำระหนตำมสญญำเครดตใหแกธนำคำรสแตนดำรด เมอรชำนท (เอเชย) และไมเคยไดรบหนงสือ

บอกกล่ำวกำรโอนสิทธิเรียกร้องและไม่เคยได้รับช�ำระค่ำธรรมเนียมกำรโอนตำมสัญญำเครดิต
โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต จ�ำนวนเงินท่โจทก์เรียกร้องมำไม่เป็นควำมจริง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้โจทก์

ช�ำระดอกเบี้ยตำมฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่


จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกำรให้


บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมำจำก
ธนำคำรสแตนดำร์ด เมอร์ชำนท์ (เอเชีย) ซ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องมำจำกกลุ่มธนำคำรท ี ่

เป็นผู้ค�้ำประกันกำรออกเลตเตอร์ออฟเครดิตของจ�ำเลย โดยจ�ำเลยออกเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อ
ค้ำประกันตรำสำรกำรค้ำท่ไฟแนนซ์ วัน ฟันด้ง คอร์ปอเรช่น ออกจ�ำหน่ำยให้แก่ผู้สนใจลงทุน




287















และรวบรวมเงนทไดจำกกำรจำหนำยตรำสำรกำรคำดงกลำวให้แกบรรษทเงนทนระหวำงประเทศ
เพื่อให้บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จ�ำกัด (มหำชน) กู้ยืม โดยกำรด�ำเนินกำรตำมขั้นตอนดังกล่ำว

ท้งหมดนนอยู่ในสัญญำ Investment Agreement สญญำเข้ำร่วมให้เงนก้ และสญญำเครดิต









ซ่งต่ำงท�ำข้นในวันเดียวกัน และถือเป็นส่วนหน่งและมีเง่อนไขผูกพันตำมท่ก�ำหนดไว้ในสัญญำ


Investment Agreement ดังน้น ปัญหำท่ต้องวินิจฉัยในคดีน้จึงต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำท ่ ี






และควำมรับผิดในสัญญำดังกล่ำวท้งหมดท่เก่ยวข้องกัน ซ่งมีกำรออกเลตเตอร์ออฟเครดิตเพ่อ



เป็นกำรค้ำประกันกำรท่ไฟแนนซ์ วัน ฟันด้ง คอร์ปอเรช่น ออกตรำสำรกำรค้ำเพ่อจ�ำหน่ำย





อันเป็นกำรด�ำเนินกำรไปตำมสัญญำร่วมให้เงินกู้ท่ไฟแนนซ์ วัน ฟันด้ง คอร์ปอเรช่น ซ่งเป็น







นิติบุคคลเฉพำะกิจท่จัดต้งข้นท่มลรัฐเดลำแวร์ สหรัฐอเมริกำ ท�ำกับบรรษัทเงินทุนระหว่ำงประเทศ

อันเป็นสัญญำท่จะจัดหำเงินกู้ยืมมำให้ จึงมีลักษณะเป็นสัญญำกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ

ประเภทหน่ง กำรออกเลตเตอร์ออฟเครดิตของจ�ำเลยจึงเป็นกำรออกเลตเตอร์ออฟเครดิตท ี ่



เก่ยวเน่องกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต



ท่ออกเก่ยวเน่องกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ


ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๖)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
288

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทซี แอนด์ ที เมทอล

ที่ วทป ๑๑/๒๕๖๔ โปรดักส์ จ�ำกัด โจทก์

ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด
(มหำชน) จ�ำเลย








กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต ออกเก่ยวเน่อง





กับกิจกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่น้น เน่องจำกคดีน โจทก์ฟ้องขอเรียก
เงินท่โจทก์ช�ำระไปแล้วตำมเลตเตอร์ออฟเครดิตคืน เพรำะพนักงำนของโจทก์ได้ปลอม

ลำยมือช่อของกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ และท�ำค�ำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตโดยไม่ได้ซ้อขำย



กันจริง ส่วนจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธและกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์ได้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตเพ่อ

จ่ำยเงินค่ำสินค้ำผ่ำนจ�ำเลยไปยังธนำคำรต่ำงประเทศเพ่อให้จ�ำเลยจ่ำยเงินไปยังบริษัท





คูคำที่สหรัฐอำหรับเอมิเรตสซึ่งเปนหนี้ที่เกิดขึ้นจริงและมีผลสมบูรณตำมกฎหมำย คดีนี้
จึงมีประเด็นให้ต้องพิจำรณำถึงมูลหน้ตำมค�ำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตของโจทก์ว่ำ


เกิดข้นจริงหรือไม่ เพียงใด และจ�ำเลยต้องรับผิดคืนเงินให้แก่โจทก์หรือไม่ คดีน้จึงเป็น






คดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำ
ระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีนำยประหยัดเป็นกรรมกำร
ผู้มีอ�ำนำจ ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด ประกอบกิจกำรธนำคำรพำณิชย์

โจทก์เป็นลูกค้ำของจ�ำเลยโดยได้ท�ำสัญญำขอวงเงินสินเช่อเพ่อใช้ในกำรประกอบธุรกิจกำรค้ำ




เม่อวันท่ ๑๖ กรกฎำคม ๒๕๕๖ โจทก์ย่นขอสินเช่อประเภทวงเงินสินเช่อเลตเตอร์ออฟเครดิต



และทรัสต์รีซท วงเงินตวเงิน วงเงนเลตเตอร์ออฟเครดิตภำยในประเทศ รวมเป็นวงเงินท ี ่





จ�ำเลยอนุมัติท้งส้น ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท ในกำรอนุมัติวงเงินดังกล่ำว เพ่อเป็นกำรประกัน




กำรช�ำระหน้ โจทก์ได้จดทะเบียนจ�ำนองท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงและเคร่องจักรแก่จ�ำเลย





ต่อมำระหว่ำงวันท ๒๐ มิถุนำยน ๒๕๕๗ ถึงวนท่ ๑๙ มกรำคม ๒๕๕๘ นำงสำวพนำพรรณ
289





ซ่งเป็นพนกงำนของโจทก์ได้ปลอมลำยมือช่อของนำยประหยัด กรรมกำรผู้มีอำนำจ


ของโจทก์ ลงนำมในเอกสำรหลำยคร้ง เพ่อให้จ�ำเลยช�ำระเงินให้แก่บริษัทรูมิแน รีซอทร์แซท
เจอเนรัล เทดดิ้ง แอลแอลซี, บริษัทเฟิสร์ เกรท มิเดิล อิสต์ เจอเนรัลเทรดดิ้ง แอลแอลซี และ



บริษัทเนจเจอรัล โซลูชัน เทรดด้ง แอลแอลซี รวมเป็นเงินท้งส้น ๓,๒๙๗,๔๘๔.๓๖ ดอลลำร์สหรัฐ
หรือคิดเป็นเงินไทย ๑๐๙,๖๖๗,๙๓๔.๑๗ บำท ซึ่งโจทก์ได้ช�ำระคืนให้แก่จ�ำเลยเป็นเงินต้นพร้อม
ดอกเบี้ยแล้วจ�ำนวน ๑๑๐,๖๓๗,๗๒๑.๓๐ บำท ต่อมำโจทก์ได้แจ้งควำมร้องทุกข์และด�ำเนินคดี
อำญำแก่นำงสำวพนำพรรณในข้อหำปลอมเอกสำรต่อศำลจังหวัดสมุทรปรำกำร โจทก์เห็นว่ำ


กำรท่จ�ำเลยจ่ำยเงินดังกล่ำวไปแทนโจทก์เป็นกำรจ่ำยเงินโดยไม่มีกำรซ้อขำยสินค้ำกันจริง


จ�ำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดถือเงินดังกล่ำวของโจทก์ท่ได้ช�ำระไปแล้ว โจทก์ได้ทวงถำมแล้ว แต่
จ�ำเลยเพิกเฉย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ


เงน ๑๕๖,๒๗๔,๗๕๓.๔๐ บำท พร้อมดอกเบยในอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงนจำนวน





๑๑๐,๖๓๗,๗๒๑.๓๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์เป็นลูกค้ำของจ�ำเลยตำมฟ้องจริง เกี่ยวกับคดีนี้โจทก์ได้ขอเปิด
เลตเตอร์ออฟเครดิตเพ่อจ่ำยเงินค่ำสินค้ำผ่ำนจ�ำเลยไปยังธนำคำรต่ำงประเทศ เพ่อให้จ่ำยเงิน




ไปยังบริษัทคู่ค้ำท่สหรัฐอำหรับเอมิเรตส์จ�ำนวน ๕ ฉบับ ตำมฟ้อง โดยหน้ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย








เกิดขนจริง และมผลสมบรณ์ตำมกฎหมำย จ�ำเลยได้รบชำระหนดงกล่ำวจำกโจทก์ไว้โดยมมูล


อันจะอ้ำงตำมกฎหมำย โจทก์ไม่อำจอ้ำงเหตุทุจริตท่เกิดจำกตัวแทนของโจทก์มำปฏิเสธหน ี ้


ท่เกิดข้นจำกกำรกระท�ำของโจทก์เองได้ เน่องจำกโจทก์ได้มอบหมำยและแจ้งแก่จ�ำเลยว่ำ




โจทก์ให้นำงสำวพนำพรรณเป็นตัวแทนของโจทก์ในกำรท�ำหน้ำท่ดูแลประสำนงำนเก่ยวกับ


กำรเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต และกำรท�ำสัญญำทรัสต์รีซีท รวมท้งกำรช�ำระหน้ท้งหมด

ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย โจทก์ฟ้องคดีน้โดยไม่สุจริต คดีของโจทก์ขำดอำยุควำม และก่อนฟ้อง

คดีนี้โจทก์ไม่เคยมีหนังสือบอกกล่ำวโดยชอบด้วยกฎหมำย ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำร





พจำรณำพพำกษำคดไวชวครำว แลวเสนอปญหำดงกลำวใหประธำนศำลอทธรณคดชำนญพเศษ














เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
290





วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรม

กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๗ (๖) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงขอเรียกเงินคืนท่โจทก์




ชำระไปแล้วตำมเลตเตอร์ออฟเครดิต เนองจำกพนักงำนของโจทก์ได้ปลอมลำยมอชอของ


กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ และท�ำค�ำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต โดยไม่ได้ซื้อขำยกันจริง ส่วนจ�ำเลย

ให้กำรปฏิเสธและกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์ได้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตเพ่อจ่ำยเงินค่ำสินค้ำผ่ำน














จำเลยไปยังธนำคำรตำงประเทศเพอให้จ�ำเลยจำยเงนไปยงบรษทคค้ำทสหรฐอำหรับเอมิเรตสซ่ง





เป็นหน้ท่เกิดข้นจริงและมีผลสมบูรณ์ตำมกฎหมำย คดีน้จึงมีประเด็นให้ต้องพิจำรณำถึงมูลหน ี ้

ตำมค�ำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตของโจทก์ว่ำเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพียงใด และจ�ำเลยต้องรับผิด




คืนเงินให้แก่โจทก์หรือไม่ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับ

กิจกรรมกำรซื้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๖) แห่ง พระรำชบัญญัติ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๒ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ












291

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด

ที่ วท ๑/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอส.ดับเบิ้ลยู. เกรท จ�ำกัด

กบพวก จ�ำเลย
























โจทกฟองจำเลยท ๑ ในฐำนะลกหนชนตน จำเลยท ๒ กบท ๓ ในฐำนะผคำประกน









และจำเลยท ๔ ในฐำนะผจำนองประกนในมลหนของจำเลยท ๑ ตำมสญญำขำยตวสญญำ














ใช้เงินสกุลเงินตรำต่ำงประเทศเพ่อกำรน�ำเข้ำ เม่อจ�ำเลยท้งส่ให้กำรปฏิเสธหน้ท้งหมด

ตำมค�ำฟ้อง คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลยทั้งสี่จึงมีประเด็นข้อพิพำท


ให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของจ�ำเลยท้งส่ในอันท่จะต้องช�ำระหน้ตำมสัญญำขำย




ต๋วสัญญำใช้เงินดังกล่ำวกับกำรประกันหน้ตำมสัญญำค้ำประกันและจ�ำนองเท่ำน้น






มูลหน้ตำมวงเงินพี/เอ็นท่มีกำรรับซ้อต๋วสัญญำใช้เงินเพ่อน�ำเงินไปช�ำระให้ผู้ขำยสินค้ำท ่ ี




ต่ำงประเทศกเป็นกรณีทโจทก์ซงอย่ในประเทศไทยให้บรกำรด้ำนสินเชอแก่จำเลยท ๑










ซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพ่อจ�ำเลยท ๑ จะได้ใช้เงินน้นในกำรน�ำเข้ำสินค้ำจำก






ผู้ขำยในต่ำงประเทศ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรน�ำเข้ำสินค้ำ จึง


มิใช่กำรซ้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ เพรำะประเด็นข้อพิพำทใน

คดีน้ไม่เก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำ หรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ หรือ


เกี่ยวกับสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับคู่ค้ำที่ต่ำงประเทศแต่อย่ำงใด
ทั้งไม่ใช่กำรบริกำรระหว่ำงประเทศ เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศนั้น


ต้องเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีก



ประเทศหน่ง ไม่ใช่กำรให้บริกำรสินเช่อระหว่ำงผู้ให้บริกำรและผู้รับบริกำรท่ต่ำงอยู่ใน











ประเทศไทยด้วยกนเช่นน แม้โจทก์จะฟ้องว่ำจำเลยท ๑ ทำคำขอใช้วงเงน พ/เอน ร่วม

กับเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีทเพ่อซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ แต่คดีน ้ ี

โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกให้จ�ำเลยที่ ๑ รับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท


แต่อย่ำงใด ควำมรับผิดของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นไปตำมเง่อนไขในสัญญำขำยต๋วสัญญำ





ใช้เงนระหว่ำงโจทก์กับจำเลยท ๑ เท่ำนน ไม่เกยวกบควำมรับผดตำมสัญญำเลตเตอร์








ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีทเพ่อซ้อสินค้ำจำกผู้ขำยในต่ำงประเทศ ดังน้น คดีน้จึงมิใช่




คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ กำรให้บริกำร

292




ระหว่ำงประเทศ เลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำง


ประเทศ หรือทรัสต์รีซีท ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้ง






ศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สน


ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน

ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย
และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)
















































293

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรทหำรไทย จ�ำกัด
ที่ วท ๔/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์

บริษัท ไทยมำร์ท สโตร์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะลูกหนี้ชั้นต้น และจ�ำเลยที่ ๒ ในฐำนะผู้ค�้ำประกัน
ในมูลหนี้ ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว ทั้งจ�ำเลยทั้งสองก็ให้กำรยอมรับว่ำ หนี้ตำม


สัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีททุกฉบับระงับไปแล้ว เน่องจำกมีกำร



แปลงหน้ใหม่โดยกำรท�ำสินเช่อประเภทสินเช่อเงินกู้ระยะยำว คดีตำมค�ำฟ้องของโจทก์

และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องพิจำรณำถึงควำมรับผิดของ





จ�ำเลยท้งสองในอันท่จะต้องช�ำระหน้ตำมสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวเท่ำน้น แม้มูลหน ้ ี
เดิมของสัญญำสินเช่อเงินกู้ระยะยำวจะเป็นหน้ตำมสัญญำสินเช่อเลตเตอร์ออฟเครดิต




ทรัสต์รีซีท รับซ้อต๋วแลกเงินหรือเอกสำรกำรส่งสินค้ำออกและวงเงินซ้อขำยเงินตรำต่ำง


ประเทศล่วงหน้ำก็ตำม และแม้จ�ำเลยท้งสองจะให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท ๑ ได้ขำยสินค้ำ



และช�ำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสตรีซีท
ทุกฉบับแล้ว กรณีเป็นเพียงกำรต่อสู้ถึงจ�ำนวนยอดหนี้ตำมสัญญำสินเชื่อเงินกู้ระยะยำว




เท่ำน้น ไม่ใช่กำรปฏิเสธหน ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีทท่จะก่อให้

เกิดประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท

จึงไม่ใช่กรณีพิพำทเก่ยวกับควำมรับผิดตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีท

คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ออกเกี่ยวกับกำรซื้อขำย แลกเปลี่ยน
สินค้ำหรือตรำสำรกำรเงินระหว่ำงประเทศหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงิน
เข้ำมำในรำชอำณำจักรหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร ทรัสต์รีซีท รวมทั้งกำรประกัน









เกยวกบกจกำรดงกลำว อนจะอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำ







และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน
ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย
และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)
294

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด
ที่ วท ๘/๒๕๕๙ (มหำชน) โจทก์

บริษัทลีโอฟู้ดส์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย











โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท ๑ ในฐำนะลูกหน้ช้นต้น จ�ำเลยท ๒ และจ�ำเลยท ๓ ในฐำนะ

ผู้ค้ำประกันและผู้จ�ำนองในมูลหน้ของจ�ำเลยท ๑ ตำมมูลหน้แพคก้งเครดิตท่มีกำรรับซ้อ







ต๋วสัญญำใช้เงิน เพ่อน�ำเงินไปใช้ในกำรส่งออกสินค้ำ จึงเป็นกรณีท่โจทก์ซ่งอยู่ในประเทศไทย







ให้บริกำรด้ำนสินเช่อแก่จ�ำเลยท ๑ ซ่งอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน เพ่อจ�ำเลยท ๑ จะได้ใช้






เงินน้นในกำรส่งออกสินค้ำ อันมีลักษณะเป็นเร่องสินเช่อเพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำ




ไปขำยต่ำงประเทศ จึงไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ ท้งไม่ใช่กำรให้บริกำร
ระหว่ำงประเทศ เพรำะลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศนั้นต้องเป็นกำรให้บริกำร



จำกประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง นอกจำกน้น

มูลหน้ดังกล่ำวยังไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท ี ่








เก่ยวเน่อง เพรำะคดีแพ่งท่จะถือว่ำเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรม




อ่นท่เก่ยวเน่องน้น ต้องมีข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศเป็น





หลักก่อน ข้อพิพำทเก่ยวกับนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศน้น






จึงจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ










คดนไม่มข้อพพำทเกยวกบกำรซอขำยสนค้ำระหว่ำงประเทศ มลหนดงกล่ำวจงไม่อำจเป็น










คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องไปได้ คดีน ้ ี



จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำย สินค้ำหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ หรือเลตเตอร์


ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศหรือบริกำร




ระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน
ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย
และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)
295

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์

ที่ วทป ๑๓/๒๕๖๐ สุขุมวิท จ�ำกัด โจทก์

บริษัทแอล พี เอ็น เพลทมิล
จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย






เม่อจ�ำเลยไม่สำมำรถช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรได้ครบถ้วนตำมก�ำหนด


และศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์ซ่งได้รับโอนสิทธ ิ

เรียกร้องในกำรได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำจำกบรรษัทบริหำร


สินทรัพย์ไทยจึงฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้ท่คงค้ำงตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร แม้ตำม


ค�ำฟ้องของโจทก์จะเป็นกำรฟ้องเพ่อเรียกร้องหน้ตำมสัญญำทรัสต์รีซีทท่สืบเน่องมำจำก



สัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิต และโจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรส่วน


ท่ยังคงค้ำงช�ำระอยู่ภำยหลังมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว แต่ในกำร












พจำรณำถงสทธของโจทกจำตองพจำรณำและวนจฉยถงขอกำหนดตำง ๆ ของแผนฟนฟ ู







กิจกำร ตลอดจนจ�ำนวนเงินท่โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหน ซ่งต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคด ี


ฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ถือว่ำค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร


โดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยตำมมำตรำ ๓ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล

ล้มละลำยตำมมำตรำ ๗ แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย

พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ท วล.๒/๒๕๕๙











ลงวนท ๒๘ ธนวำคม ๒๕๕๙ ซงเปนทสดตำมมำตรำ ๙ วรรคหนง แหงบทบญญตของ






กฎหมำยดังกล่ำว โดยมูลหน้ในคดีน้เป็น ๑ ใน ๙ มูลหน ท่โจทก์ย่นค�ำขอรับช�ำระหน ้ ี






ในคดีล้มละลำยไว้แล้ว และไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยถึงสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิต
หรือทรัสต์รีซีทอีก คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่อง






กับกิจกรรมกำรซ้อขำย หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ทรัสต์รีซีท รวมท้งกำรประกัน

เก่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว ตำมมำตรำ ๗ (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ


และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ ท่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________
296



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยได้รับวงเงินสินเช่อทรัสต์รีซีทและได้รับเงินตำมวงเงินสินเช่อ


ไปครบถ้วนแล้ว แต่ไม่สำมำรถช�ำระหน้ได้ จ�ำเลยจึงได้ย่นค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำงเพ่อ















ขอฟื้นฟกจกำร และศำลมคำสงให้ฟื้นฟกจกำรของจำเลยเมอวนท ๑๙ สงหำคม ๒๕๔๕ โดย



ก่อนกำรขอฟื้นฟูกิจกำร ภำระหน้สินของจ�ำเลยท้งหมดรวมถึงหลักประกันท่มีอยู่กับธนำคำร


มหำนคร จ�ำกัด (มหำชน) ได้โอนให้แก่บรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทย เม่อวันท่ ๒๒ ตุลำคม ๒๕๔๕





บรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยได้ย่นขอรับช�ำระหน้ โดยค�ำนวณภำระหน้ของจ�ำเลยท้งหมด
๙ มูลหน้ (รวมภำระหน้ทรัสต์รีซีท ๔ ฉบับ) ต่อมำวันท่ ๑ สิงหำคม ๒๕๕๕ บรรษัทบริหำร






สินทรัพย์ไทยโอนหนท้งหมดของจำเลยให้แก่โจทก์ ภำระหน้ทงหมดโจทก์แยกออกเป็นสัดส่วน








เพ่อฟ้องจ�ำเลยเป็นคดีแพ่ง ดังน้ ๑. ภำระหน้ท่ย่นฟ้องต่อศำลแพ่ง ตำมสัญญำกู้เบิกเงินเกินบัญช ี

สัญญำกู้ หนังสือรับรองกำรขำยต๋วสัญญำใช้เงิน ต๋วแลกเงิน และหนังสือรับรองควำมเสียหำย



ในกำรออกหนังสือค้ำประกันรวม ๔,๒๖๘,๘๘๔,๓๐๔.๘๐ บำท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๘๘.๘๐





จำกหน้ต้นเงินท่ย่นขอรับช�ำระหน้ไว้ ๒. ภำระหน้ท่ย่นฟ้องต่อศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ












กำรคำระหวำงประเทศกลำงตำมสญญำทรสตรซททง ๔ ฉบบ รวม ๑๖๖,๙๕๔,๖๙๓.๕๖ บำท
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๓.๔๐ ของหนี้ต้นเงินที่ยื่นขอรับช�ำระหนี้ไว้ และ ๓. ภำระหนี้อื่น ๆ ที่มิได้


ย่นฟ้องต่อศำล ๓๗๘,๐๙๘,๕๓๘.๓๗ บำท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๗.๘๐ ของหน้ต้นเงินท่ย่น


ขอรับช�ำระหนี้ไว้ วันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๕๖ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำร
ของจ�ำเลย โดยจ�ำเลยช�ำระหนี้ให้แก่โจทก์ครั้งสุดท้ำยเมื่อวันที่๑๑ เมษำยน ๒๕๕๗ โจทก์น�ำไป
ตัดช�ำระดอกเบี้ยทั้งหมด ๙,๐๐๐,๐๐๐ บำท เนื่องจำกเป็นกำรช�ำระหนี้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของ
จ�ำเลย จ�ำเลยได้รวมภำระหนี้ทั้งหมดเป็นจ�ำนวนเดียวกัน และท�ำกำรช�ำระหนี้รวมกัน ซึ่งไม่อำจ
แบ่งแยกแต่ละมูลหนี้ได้ ส�ำหรับมูลหนี้ทรัสต์รีซีททั้ง ๔ ฉบับ ในคดีนี้ เป็นสัดส่วนร้อยละ ๓.๔๐
ของภำระหนี้ต้นเงินที่ค้ำงทั้งหมด ๑,๙๑๑,๙๒๑,๒๕๒.๑๐ บำท คิดเป็น ๖๕,๐๐๕,๓๒๒.๕๗ บำท
กับดอกเบ้ยถึงวันฟ้องรวม ๑๑๑,๕๔๓,๖๘๖.๔๒ บำท ขอให้จ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๑๑,๕๔๓,๖๘๖.๔๒ บำท

พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕,๐๐๕,๓๒๒.๕๗ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง

เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ หำกจ�ำเลย ไม่ช�ำระหรือช�ำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์








จำนองพร้อมสงปลกสร้ำงตำมฟ้องและยดหรออำยดทรพย์อนของจำเลยออกขำยทอดตลำด



น�ำเงินมำช�ำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน
297


จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยไม่เคยเป็นลูกหน้ธนำคำรหรือโจทก์



ตำมฟ้องไม่เคยจ�ำนองท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงหรือเพ่มวงเงินจ�ำนองเป็นประกันหน้แก่โจทก์




โจทก์ค�ำนวณยอดหน้ตำมฟ้องและดอกเบ้ยไม่ถูกต้อง อัตรำดอกเบ้ยตำมประกำศธนำคำรไม่ชอบ


หำกจ�ำเลยต้องรับผิดช�ำระดอกเบ้ยให้แก่โจทก์แล้ว จ�ำเลยก็รับผิดไม่เกินอัตรำดอกเบ้ยท่แท้จริง















ทโจทก์คดในช่วงเวลำนน เมอโจทก์เป็นผู้รับโอนทรพย์สนและหนสนทงหมดของจำเลยมำย่อม






ถือว่ำเป็นกำรแปลงหน้ใหม่ด้วยกำรเปล่ยนตัวเจ้ำหน้ ซ่งมีผลท�ำให้หน้เดิมระงับ โจทก์ไม่มีสิทธ ิ
อำศัยมูลหน้เดิมมำเรียกร้องให้จ�ำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ กำรโอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์มำฟ้อง


จ�ำเลยไม่ชอบ ค�ำฟ้องขำดอำยุควำม ดอกเบ้ยตำมฟ้องค้ำงช�ำระเกินกว่ำ ๕ ปีขำดอำยุควำม
จ�ำเลยไม่เคยได้รับหนังสือทวงถำมให้ช�ำระหนี้จำกโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเห็นว่ำ กรณี
มีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙





วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรม
กำรซ้อขำย หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ทรัสต์รีซีท รวมท้งกำรประกันเก่ยวกับกิจกำร




ดังกล่ำว ตำมมำตรำ ๗ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่

เห็นว่ำ เม่อจ�ำเลยไม่สำมำรถช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรได้ครบถ้วนตำมก�ำหนด และ


ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์ซ่งได้รับโอนสิทธิเรียกร้อง

ในกำรได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยมำจำกบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยจึงฟ้อง



ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหน้ท่คงค้ำงตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร แม้ตำมค�ำฟ้องของโจทก์จะเป็นกำร



ฟ้องเพ่อเรียกร้องหน้ตำมสัญญำทรัสต์รีซีทท่สืบเน่องมำจำกสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิต และ



โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ตำมแผนฟื้นฟูกิจกำร ส่วนท่ยังคงค้ำงช�ำระอยู่ภำยหลังมีค�ำส่งยกเลิก

กำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยแล้ว แต่ในกำรพิจำรณำถึงสิทธิของโจทก์จ�ำต้องพิจำรณำและวินิจฉัย
ถึงข้อก�ำหนดต่ำง ๆ ของแผนฟื้นฟูกิจกำร ตลอดจนจ�ำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับช�ำระหนี้ ซึ่ง

ต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ถือว่ำค�ำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพัน

298


กันกับคดีฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยตำมมำตรำ ๓ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคด ี
ล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ที่ วล.๒/๒๕๕๙
ลงวันที่ ๒๘ ธันวำคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นที่สุดตำมมำตรำ ๙ วรรคหนึ่ง แห่งบทบัญญัติของกฎหมำย







ดังกล่ำว โดยมูลหน้ในคดีน้เป็น ๑ ใน ๙ มูลหน้ ท่โจทก์ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในคดีล้มละลำย
ไว้แล้ว และไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยถึงสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือทรัสต์รีซีทอีก คดีน ้ ี

จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำย หรือกำรให้




บริกำรระหว่ำงประเทศ ทรัสต์รีซีท รวมทั้งกำรประกันเกี่ยวกับกิจกำรดังกล่ำว ตำมมำตรำ ๗ (๖)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ ท่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ




















299

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแสงฟ้ำอะกริโปรดักส์

ที่ วทป ๒๔/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทมิดแลนด์ บิซิเนส จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย








โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่งกับโจทก์ โดยโจทก์ผู้ขำยต้อง

ส่งสินค้ำไปยังท่ำเรือกรุงเทพเพ่อให้มีกำรขนส่งสินค้ำต่อไปให้แก่ลูกค้ำของจ�ำเลย

ท้งสำมท่สำธำรณรัฐเยเมน โจทก์ส่งสินค้ำถูกต้องครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้รับช�ำระ




ค่ำสินค้ำเน่องจำกธนำคำรสินเช่อเพ่อสหกรณ์และกำรเกษตร กรุงซำนำ สำธำรณรัฐ
เยเมน ผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตปฏิเสธกำรจ่ำยเงิน คดีนี้โจทก์และจ�ำเลยทั้งสำมอยู่ใน
ประเทศไทย ท�ำสัญญำซื้อขำยสินค้ำกันในประเทศไทย กำรส่งมอบและรับมอบสินค้ำท�ำ


ในประเทศไทย จ�ำเลยท้งสำมก็ให้กำรยอมรับว่ำ จ�ำเลยท ๑ ท�ำสัญญำซ้อขำยข้ำวน่ง



กับโจทก์ตำมฟ้อง และจ�ำเลยท ๑ มีหน้ำท่ต้องส่งสินค้ำข้ำวน่งดังกล่ำวให้แก่ลูกค้ำของ





















จำเลยท ๑ ทท่ำเรอโฮเดดะ สำธำรณรฐเยเมน ซงเป็นเรองทฝ่ำยจำเลยผ้ซอดำเนนกำรเอง


กรณีข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสำมจึงไม่มีปัญหำต้องพิจำรณำถึงสิทธ หน้ำท ี ่





และควำมรับผิดของผู้ซ้อและผู้ขำยตำมหลักกฎหมำยเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ



หรือกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ส่วนท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสำมอ้ำงว่ำ กำรท่จ�ำเลยท ๑


โดยจ�ำเลยท ๓ แสดงออกโดยชัดแจ้งว่ำจะช�ำระหน้ค่ำสินค้ำให้โจทก์โดยเลตเตอร์




ออฟเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้ของธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน) ท�ำให้โจทก์หลงเช่อและ
เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งหำกจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ได้ปกปิดข้อเท็จจริงว่ำ ธนำคำรกรุงเทพ













จำกด (มหำชน) เปนเพยงธนำคำรผเรยกเกบเงนไมใชธนำคำรผออกเลตเตอรออฟเครดต




อันเป็นกำรปกปิดข้อเท็จจริงอันเป็นสำระส�ำคัญ โจทก์คงไม่เข้ำท�ำสัญญำกับจ�ำเลยท ๑

พร้อมเรียกค่ำเสียหำยอันเป็นค่ำเสียโอกำสทำงกำรค้ำ จึงเป็นเร่องท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลย



ท้งสำมในมูลละเมิด กรณีจึงมิได้มีข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยในปัญหำเก่ยวกับเน้อหำของ

สัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตแต่อย่ำงใด คดีน้จึงมิใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำง



ประเทศ กำรขนส่งระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง หรือคดีแพ่งเก่ยวกับ








เลตเตอร์ออฟเครดิตท่ออกเก่ยวเน่องกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ อันอยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
300

มำตรำ ๗ (๕) (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน

ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย

และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)
























































301

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัททีอีซี เซอร์วิสเซส กรุ๊ป

ที่ วทป ๑๔/๒๕๖๑ พีทีวำย ลิมิเต็ด กับพวก โจทก์

บริษัทสยำมสตีลอินเตอร์
เนชั่นแนล จ�ำกัด

(มหำชน) จ�ำเลย











คดตำมฟ้องเดมมีประเดนข้อพพำทถงสิทธหน้ำทและควำมรบผดตำมสญญำ



จ้ำงท�ำของรับเหมำช่วงซ่งเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงท�ำของในประเทศออสเตรเลีย


เท่ำน้น หำได้มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศไม่ และตำม











ฟองแย้งท่จ�ำเลยเรยกเงนคำจำงเหมำชวงกเป็นเพยงกำรชำระหนตำมขอตกลงในสัญญำ



จ้ำงท�ำของรับเหมำช่วง หำได้มีประเด็นข้อพิพำทเกี่ยวกับสัญญำกำรส่งเงินใด ๆ ออกไป

นอกรำชอำณำจักรไม่ คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและ

คดีแพ่งเก่ยวกับกำรส่งเงินออกไปนอกรำชอำณำจักรท่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ


ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________


โจทก์ทงสองฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นนิติบคคลประเภทบรษทจำกด จดทะเบยนใน








ประเทศออสเตรเลีย มีวัตถุประสงค์รับเหมำก่อสร้ำงระบบไฟฟ้ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภท
บริษัทมหำชนจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ผลิตและรับจ้ำงท�ำเฟอร์นิเจอร์ เมื่อเดือนพฤษภำคม ๒๕๕๕
จ�ำเลยตกลงรับจ้ำงจัดหำและติดต้งอำคำรท่พักด้วยกำรผลิตวัสดุให้แก่บริษัทผู้ว่ำจ้ำงโครงกำร



เกตเวย์วิลเลจในประเทศออสเตรเลีย แต่วัสดุท่จ�ำเลยส่งมอบช�ำรุดบกพร่องไม่อยู่ในสภำพ
เหมำะสมที่จะใช้งำนและเป็นอันตรำย (unfit for occupation and a safety hazard) ซึ่งไม่ถูกต้อง

ตำมสัญญำและไม่เป็นไปตำมมำตรฐำนของประเทศออสเตรเลียในเร่องระบบไฟฟ้ำและกำร

ส่อสำร จ�ำเลยจึงว่ำจ้ำงผู้รับเหมำช่วงหลำยรำยในประเทศออสเตรเลียรวมถึงโจทก์ท้งสองด้วย

เพื่อแก้ไขงำนให้ถูกต้องตำมบล็อกของอำคำรในโครงกำร ซึ่งโจทก์ที่ ๑ เข้ำไปท�ำงำนแก้ไขตำมที่
โจทก์ที่ ๒ เสนอแนะพร้อมทดสอบระบบและท�ำรำยงำนเสนอต่อที่ปรึกษำของจ�ำเลยกับผู้จัดกำร


โครงกำร โดยจ�ำเลยโอนเงินค่ำจ้ำงเหมำช่วงโจทก์ท้งสองมำยังบัญชีของโจทก์ท่ ๑ รวมเป็นยอดเงิน

เรียกเก็บเดียวกัน ต่อมำจ�ำเลยเพิกเฉยไม่ช�ำระเงินตำมใบแจ้งหน้ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระหน ้ ี
302



ค่ำรับเหมำช่วงแก่โจทก์ท่ ๑ จ�ำนวน ๓๖๖,๙๒๑.๙๒ เหรียญออสเตรเลีย และแก่โจทก์ท่ ๒
จ�ำนวน ๑๙,๐๙๐.๕๐ เหรียญออสเตรเลีย ให้จ�ำเลยช�ำระค่ำใช้จ่ำยในกำรจัดเตรียมเอกสำร

หมำยเรียกในคดีระหว่ำงจ�ำเลยกับบริษัทคอมพำส กรุ๊ป (ออสเตรเลีย) พีทีวำย แอลทีดี แก่โจทก์ที่ ๑
จ�ำนวน ๗,๐๐๐ เหรียญออสเตรเลีย และแก่โจทก์ท่ ๒ จ�ำนวน ๑,๘๖๕ เหรียญออสเตรเลีย ให้จ�ำเลย


ช�ำระค่ำจ้ำงทนำยควำมในประเทศออสเตรเลียแก่โจทก์ท่ ๑ จ�ำนวน ๑๖,๔๙๓ เหรียญออสเตรเลีย

ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำติดตำมทวงหน้แก่โจทก์ท่ ๑ จ�ำนวน ๕๕,๑๐๐ เหรียญออสเตรเลีย และแก่โจทก์ท่ ๒


จ�ำนวน ๗๐,๐๐๐ เหรียญออสเตรเลีย ให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยทำงกำรเงินแก่โจทก์ที่ ๑ จ�ำนวน

๕๓,๐๐๐ เหรียญออสเตรเลีย และแก่โจทก์ท่ ๒ จ�ำนวน ๑๙,๐๐๐ เหรียญออสเตรเลีย ให้จ�ำเลยชดใช้
ค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำเนินคดีในประเทศไทยให้แก่โจทก์ที่ ๑ จ�ำนวน ๑๕๐,๐๐๐ เหรียญออสเตรเลีย

และแก่โจทก์ที่ ๒ จ�ำนวน ๑๕๐,๐๐๐ เหรียญออสเตรเลีย พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ท่ ๑ และ

โจทก์ที่ ๒










จำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ศำลจงหวดสมทรปรำกำรไม่มอำนำจรบคดไว้พจำรณำ
คดีอยู่ในเขตอ�ำนำจศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมสัญญำจ้ำงท�ำของ
ที่จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบริษัทจ�ำกัดตำมกฎหมำยของประเทศออสเตรเลีย มีลักษณะ
เป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ และจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำจ้ำงให้แก่โจทก์ทั้งสองด้วยกำรโอนเงิน
ผ่ำนบัญชีธนำคำรของจ�ำเลยในประเทศไทยไปยังบัญชีธนำคำรโจทก์ท้งสองในประเทศออสเตรเลีย

จ�ำเลยมิได้ปฏิบัติผิดสัญญำ โจทก์ท้งสองไม่สำมำรถแก้ไขควำมช�ำรุดบกพร่องของงำนจน


แล้วเสร็จ โจทก์ท้งสองไม่เคยส่งมอบงำนและให้จ�ำเลยตรวจรับมอบงำนตำมใบแจ้งหน้ไปก่อน


ภำยหลังจ�ำเลยตรวจสอบพบว่ำงำนของโจทก์ท้งสองท่จ�ำเลยช�ำระเงินไปแล้วไม่ครบถ้วน เจ้ำของ


โครงกำรปฏิเสธไม่รับมอบงำนและได้ยึดงำนคืนจำกจ�ำเลยไปแก้ไขเอง โจทก์ท้งสองไม่มีสิทธิได้
รับเงินจำกจ�ำเลย โจทก์ท้งสองไม่ได้เสนอจ�ำนวนชวโมงท�ำงำนพร้อมรำยละเอียดต่ำง ๆ ให้จ�ำเลย



อนุมัติก่อนส่งใบแจ้งหนี้ จ�ำเลยไม่เคยได้รับใบแจ้งหนี้ของโจทก์ที่ ๑ จ�ำเลยไม่มียอดหนี้ค้ำงช�ำระ
ต่อโจทก์ที่ ๑ จ�ำเลยไม่ต้องรับผิดช�ำระค่ำจ้ำงและค่ำเสียหำยต่ำง ๆ แก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสอง

เป็นฝ่ำยผิดสัญญำส่งมอบงำนไม่ครบถ้วนท�ำให้จ�ำเลยไม่สำมำรถส่งมอบงำนแก่เจ้ำของโครงกำร

ได้ โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิรับเงินที่จ�ำเลยช�ำระไปตำมใบแจ้งหนี้ ขอให้บังคับโจทก์ที่ ๑ ช�ำระเงิน



๒,๔๖๕,๐๓๘.๔๙ บำท และโจทก์ท่ ๒ ช�ำระเงิน ๖๑๗,๔๕๐.๗๙ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำโจทก์ที่ ๑
และโจทก์ที่ ๒ จะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย

303



โจทก์ท้งสองให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องแย้งเคลือบคลุม โจทก์ท้งสองไม่ได้ผิดสัญญำ
จึงไม่ต้องชดใช้ค่ำเสียหำยใด ๆ แก่จ�ำเลย โจทก์ทั้งสองแก้ไขส่งมอบงำนทั้งหมดในนำมจ�ำเลยให้

แก่เจ้ำของโครงกำรและผ่ำนกำรรับรองจำกเจ้ำหน้ำที่ผู้มีอ�ำนำจของรัฐบำลออสเตรเลีย แต่กำรที่

เจ้ำของโครงกำรไม่ยอมรับมอบงำนจำกจ�ำเลย เป็นเพรำะงำนส่วนของจ�ำเลยเองท่ช�ำรุดบกพร่อง
ไม่ถูกต้องตำมสัญญำและมำตรฐำนของประเทศออสเตรเลีย ควำมเสียหำยตำมฟ้องแย้งจ�ำเลย

เรียกร้องมำลอย ๆ ไม่ใช่ควำมเสียหำยที่แท้จริง โจทก์ทั้งสองรับช�ำระเงินไว้โดยชอบจึงไม่จ�ำต้อง
คืนเงินใด ๆ แก่จ�ำเลย ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ในวันนัดชี้สองสถำน ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ


คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

หรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและคดีแพ่งเกี่ยวกับ

กำรส่งเงินออกไปนอกรำชอำณำจักรอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) และ (๖) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้อง ค�ำให้กำรและฟ้องแย้ง


กับค�ำให้กำรแก้ฟ้องแย้ง มีข้ออ้ำงและข้อเถียงระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยในมูลหน้สัญญำ




รับจ้ำงเหมำช่วงท่จ�ำเลยรับจ้ำงผลิตวัสดุให้แก่บริษัทผู้ว่ำจ้ำงในกำรจัดหำและติดต้งอำคำรท่พัก







ของโครงกำรเกตเวย์วลเลจในประเทศออสเตรเลยเกดชำรดบกพร่องไม่ถกต้องตำมสญญำและ
ไม่ได้มำตรฐำนระบบไฟฟ้ำและกำรส่อสำรของประเทศออสเตรเลีย จ�ำเลยจึงว่ำจ้ำงโจทก์ท้งสองให้



รับเหมำช่วงผลิตวัสดุและได้ช�ำระค่ำจ้ำงเหมำช่วงให้แก่โจทก์ท้งสองตำมใบแจ้งหน้บำงส่วน โจทก์

ท้งสองจึงฟ้องเรียกร้องจ�ำเลยให้ช�ำระค่ำจ้ำงและค่ำเสียหำยอ่น ๆ แต่จ�ำเลยฟ้องแย้งว่ำงำนท่โจทก์





ท้งสองส่งมอบช�ำรุดบกพร่องและเจ้ำของโครงกำรเรียกงำนคืนไปด�ำเนินกำรแก้ไขเอง โจทก์ท้งสอง

ต้องคืนเงินค่ำจ้ำงเหมำช่วงแก่จ�ำเลย โดยจ�ำเลยและโจทก์ท้งสองต่ำงให้กำรปฏิเสธว่ำไม่ได้



เป็นฝ่ำยผิดสัญญำและไม่ต้องรับผิด เม่อโจทก์ท้งสองท�ำสัญญำรับเหมำช่วงผลิตวัสดุตำมท่จ�ำเลย
รับจ้ำงจำกเจ้ำของโครงกำรในประเทศออสเตรเลีย คดีตำมฟ้องเดิมจึงมีประเด็นข้อพิพำทถึงสิทธ ิ
หน้ำท่และควำมรับผิดตำมสัญญำจ้ำงท�ำของรับเหมำช่วงระหว่ำงโจทก์ท้งสองกับจ�ำเลยซ่งเป็น



304



ส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงท�ำของระหว่ำงจ�ำเลยกับเจ้ำของโครงกำรในประเทศออสเตรเลียเท่ำน้น


หำได้มีประเด็นข้อพิพำทเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศไม่ และตำมฟ้องแย้งท่จ�ำเลย
เรียกเงินค่ำจ้ำงเหมำช่วงตำมท่จ�ำเลยโอนเงินจำกบัญชีธนำคำรในประเทศไทยไปยังบัญช ี



ธนำคำรโจทก์ท้งสองในประเทศออสเตรเลียก็เป็นเพียงกำรช�ำระหน้ตำมข้อตกลงในสัญญำจ้ำงท�ำ












ของรบเหมำช่วงระหว่ำงโจทก์ทงสองกบจำเลยดงกล่ำวด้วย หำได้มประเดนข้อพพำทเกยวกบ
สัญญำกำรส่งเงินใด ๆ ออกไปนอกรำชอำณำจักรไม่ คดีนี้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำร


ระหว่ำงประเทศและคดีแพ่ง เก่ยวกับกำรส่งเงินออกไปนอกรำชอำณำจักรท่จะอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕)

และ (๖) แห่งพระรำชบญญติจดตงศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ






วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ























305

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทธนำคำรกสิกรไทย

ที่ วทป ๗๐/๒๕๖๒ จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์

บริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย








จ�ำเลยท ๑ ขอให้โจทก์สนับสนุนทำงกำรเงินแก่จ�ำเลยท ๑ ในด้ำนกำรค้ำกับ
ต่ำงประเทศ ในด้ำนกำรส่งสินค้ำออก แม้ในข้อสัญญำสินเช่อดังกล่ำวจะระบ บริษัท ห.


(สิงค์โปร์) เพ่มสัดส่วนกำรถือหุ้นในกำรใช้สินเช่อและกลำยเป็นผู้ถือหุ้นรำยใหญ่ของ

























ผใชสนเชอและมเงอนไขเรองผมอำนำจกระทำกำรแทนกเปนเพยงเงอนไขทโจทกนำมำ




ใช้ในกำรพิจำรณำอนุมัติกำรเบิกสินเช่อในแต่ละครำวเท่ำน้น มิได้เก่ยวกับควำมรับผิด

ตำมสัญญำซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศระหว่ำงจ�ำเลยท ๑ กับผู้ซ้อในต่ำงประเทศ




แต่อย่ำงใด จึงไม่ใช่สัญญำซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศและกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ

และมิใช่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน
ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย
และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)











306

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบริหำรสินทรัพย์

ที่ วทป ๒๔/๒๕๖๓ ธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย

จ�ำกัด โจทก์
บริษัทแอล พี เอ็น เพลทมิล

จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลย




เม่อพิเครำะห์ถึงสัญญำวงเงินเพ่อกำรน�ำเข้ำและส่งออกระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลย
ตำมเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีท โดยขณะท�ำสัญญำวงเงินเพื่อกำรน�ำเข้ำ



และส่งออกเพ่อขอสินเช่อกับผู้โอนสิทธิเป็นธนำคำรพำณิชย์ได้รับอนุญำตให้ประกอบ
กิจกำรในประเทศไทย และบริษัทจ�ำเลยก็มีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย จึงเป็นกรณ ี





ท่ผู้ให้บริกำรซ่งอยู่ในประเทศไทยให้บริกำรด้ำนสินเช่อแก่ผู้รับบริกำรซ่งอยู่ใน
ประเทศไทยด้วยกัน เพื่อจ�ำเลยจะได้ใช้เงินนั้นในกำรส่งออกสินค้ำ เป็นเรื่องของสินเชื่อ


เพ่อสนับสนุนกำรส่งออกสินค้ำไปขำยต่ำงประเทศ ไม่ใช่กำรซ้อขำยสินค้ำระหว่ำงประเทศ
อันมีลักษณะเป็นกิจกรรมตำมมำตรำ ๗ (๕) คดีน้จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ



เลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีทท่ออกเก่ยวเน่องกับกิจกรรมกำรซ้อขำยสินค้ำ













ระหวำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๖) แหง พ.ร.บ. จดตงศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
นอกจำกนี้ เมื่อทนำยจ�ำเลยยื่นค�ำร้องขอให้ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำ


คดีน้เป็นคดีล้มละลำยหรือไม่ เม่อพิจำรณำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึง

สิทธิเรียกร้องอันเป็นมูลหน้ตำมสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีท ซ่ง

โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่ำวในกำรได้รับช�ำระหน้ดังกล่ำวมำจำกธนำคำรอิสลำม

แห่งประเทศไทย หน้ตำมค�ำร้องจึงเป็นหน้ท่เกิดข้นภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง








เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจกำร โดยเป็นหน้ท่ผู้บริหำรแผนได้ก่อให้เกิดข้นตำมมำตรำ

๙๐/๖๒ (๑) แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ โจทก์มีสิทธิฟ้องต่อศำลท่มีเขตอ�ำนำจ

ซ่งเป็นไปตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หน้ตำมฟ้องจึงมิใช่

ข้อพิพำทอันเกี่ยวกับกำรฟื้นฟูกิจกำรหรือแผนฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง จึงมิใช่คดีล้มละลำย
307

ตำมมำตรำ ๓ และไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗

แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒




ณัฐจิรำ ขันทอง - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน

ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัยและ

นิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)
























































308

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรธนชำต จ�ำกัด

ที่ วทป ๖๑/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์

บริษัทไชยอิค่อน จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย





กำรจะวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ กำรส่งเงิน



เข้ำมำหรอส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร และคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดต และ




ทรัสต์รีซีทหรือไม่น้น เน่องจำกคดีน โจทก์ฟ้องเรียกร้องสิทธิตำมสัญญำกู้เบิกเงินเกิน


บัญช ต๋วสัญญำใช้เงิน สัญญำเงินกู้ และหน้ค่ำประกันภัย อันเป็นสัญญำสินเช่อภำยใน


ประเทศระหว่ำงคู่สัญญำท่อยู่ในประเทศไทยและประกอบกิจกำรในประเทศไทย จึงไม่ใช่





นิติกรรมท่เป็นเร่องระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงไม่ใช่คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำง

ประเทศหรือกำรส่งเงินออกนอกรำชอำณำจักร ท้งไม่ปรำกฏประเด็นให้ต้องวินิจฉัย

เก่ยวกับสัญญำเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือสัญญำทรัสต์รีซีทระหว่ำงประเทศ จึงไม่ใช่
คดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญำทรัสต์รีซีทที่ออกเกี่ยวเนื่องกับนิติกรรม
ระหว่ำงประเทศเช่นกัน คดีน้จึงไม่เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ



กำรส่งเงินเข้ำมำหรือส่งออกไปนอกรำชอำณำจักร และคดีแพ่งเก่ยวกับเลตเตอร์

ออฟเครดิตและทรัสต์รีซีท ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) (๖) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สิน




ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สนทำงปัญญำและ


กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
ฐิติ สุเสำรัจ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๔. คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า หรือตราสารการเงิน

ระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย

และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง)









309

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเอ็กซ์ตรอน จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๓๔/๒๕๖๑ กรมศุลกำกร กับพวก จ�ำเลย












แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยทงห้ำในมลละเมด แต่กำรวนจฉยว่ำจำเลยทงห้ำกระทำ







ละเมิดตอโจทกหรือไมนั้นยอมตองวินิจฉัยเกี่ยวกับประกำศของคณะกรรมกำรพิจำรณำ

กำรทุ่มตลำดและอุดหนุนด้วย กรณีจึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรทุ่มตลำดและกำรอุดหนุน

สินค้ำ
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โจทก์น�ำเข้ำสินค้ำประเภทกรดซิทริก แหล่งก�ำเนิดสินค้ำ
จำกสำธำรณรัฐประชำชนจีน เข้ำมำในประเทศไทย โดยมีกำรด�ำเนินพิธีกำรตรวจปล่อยสินค้ำ
ที่น�ำเข้ำมำเพื่อกำรส่งออกภำยใต้กฎหมำยศุลกำกร ประกอบกับพระรำชบัญญัติกำรตอบโต้กำร


ทุ่มตลำดและกำรอุดหนุนซ่งสินค้ำจำกต่ำงประเทศ ๖ คร้ง โดยกำรน�ำเข้ำดังกล่ำวโจทก์ด�ำเนินกำร

ด้ำนพิธีกำรศุลกำกรครบถ้วนและชอบด้วยกฎหมำย และสินค้ำซ่งน�ำเข้ำมำท้งหมดได้ผ่ำน

พิธีกำรตรวจปล่อยโดยผู้รักษำกฎหมำยศุลกำกรและกฎหมำยที่เกี่ยวข้องแล้ว ต่อมำเมื่อวันที่ ๑
พฤศจิกำยน ๒๕๖๐ โจทก์น�ำเข้ำสินค้ำประเภทกรดซิทริกและด�ำเนินกำรด้ำนพิธีกำรศุลกำกร
เหมือนทุกคร้งท่ผ่ำนมำ แต่จ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๕ กักสินค้ำของโจทก์ และแจ้ง





ข้อกล่ำวหำว่ำ โจทก์มีควำมผดกรณีช�ำระค่ำภำษีอำกรไม่ครบถ้วนและไม่ปฏิบติตำมประกำศ



คณะกรรมกำรพิจำรณำกำรทุ่มตลำดและอุดหนุน เร่อง ผลกำรพิจำรณำทบทวนอัตรำอำกรตอบโต้
กำรทุ่มตลำดสินค้ำกรดซิทริกที่มีแหล่งก�ำเนิดจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๗ อันเป็น

ควำมผิดตำมกฎหมำยศลกำกร ซ่งกำรกระทำดังกล่ำวของจำเลยท้งหำเป็นกำรกระท�ำโดยไม่ชอบ





ด้วยกฎหมำยและเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลย
ทั้งห้ำร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงิน ๘,๗๔๕,๗๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

ของต้นเงิน ๘,๑๓๕,๕๓๔.๙๖ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยท้งห้ำ
จะร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเสร็จแก่โจทก์




จ�ำเลยท้งห้ำให้กำรว่ำ จ�ำเลยท้งห้ำปฏิบัติหน้ำท่ไปตำมกฎหมำยโดยชอบแล้ว เน่องจำก

มีประกำศคณะกรรมกำรพิจำรณำมำตรกำรตอบโต้กำรทุ่มตลำดและกำรอุดหนุน เร่อง ผลกำร
พิจำรณำทบทวนควำมจ�ำเป็นในกำรใช้มำตรกำรตอบโต้กำรทุ่มตลำดต่อไป และผลกำรพิจำรณำ


310


ทบทวนอัตรำอำกรตอบโต้กำรทุ่มตลำด สินค้ำกรดซิทริกท่มีแหล่งก�ำเนิดจำกสำธำรณรัฐประชำชน

จีน พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เรียกเก็บอำกรทุ่มตลำดในอัตรำร้อยละ ๕๗.๗๙ ของรำคำซี ไอ เอฟ ซ่ง
จ�ำเลยที่ ๒ เห็นว่ำ ตำมประกำศคณะกรรมกำรดังกล่ำวไม่ได้ก�ำหนดให้ยกเว้นกำรเรียกเก็บอำกร

ตอบโต้กำรทุ่มตลำดและกำรอุดหนุนส�ำหรับกำรน�ำเข้ำสินค้ำเพ่อน�ำเข้ำเก็บในเขตปลอดอำกร

ภำยใต้กฎหมำยศุลกำกร แม้โจทก์จะอ้ำงว่ำเป็นกำรน�ำเข้ำเพ่อกำรส่งออก โจทก์ก็ต้องช�ำระอำกร
ตอบโต้กำรทุ่มตลำด และขณะน�ำสินค้ำเข้ำมำในรำชอำณำจักร โจทก์ไม่ได้ช�ำระอำกรตำมประกำศ
จึงท�ำกำรจับกุมและกล่ำวหำว่ำ โจทก์กระท�ำควำมผิดฐำนช�ำระค่ำภำษีอำกรไม่ครบถ้วน อันเป็น

ควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติศุลกำกร พ.ศ. ๒๔๖๙ และไม่ปฏิบัติตำมประกำศคณะกรรมกำร


พิจำรณำกำรทุ่มตลำดและกำรอุดหนุน กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งห้ำจึงเป็นกำรปฏิบัติตำมหน้ำท ี ่
และด�ำเนินกำรตำมพระรำชบัญญัติศุลกำกร พ.ศ. ๒๔๖๙ มิได้เป็นกำรกระท�ำละเมิดโจทก์แต่

อย่ำงใด โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๕ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ



ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ โจทก์ไม่ได้รับควำมเสียหำย คดีขำดอำยุควำม
ขอให้ยกฟ้อง


ในวันนัดพิจำรณำ ศำลจังหวัดพัทยำพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่

ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรทุ่มตลำดและกำรอุดหนุนสินค้ำ ตำมพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๘) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องโจทก์กล่ำว
อ้ำงว่ำ จ�ำเลยทั้งห้ำกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดยท�ำกำรกักสินค้ำของโจทก์ และแจ้งข้อกล่ำวหำว่ำ

โจทก์มีควำมผิดกรณีช�ำระค่ำภำษีอำกรไม่ครบถ้วนและไม่ปฏิบัติตำมประกำศคณะกรรมกำร


พิจำรณำกำรทุ่มตลำดและอุดหนุน เร่อง ผลกำรพิจำรณำทบทวนอัตรำอำกรตอบโต้กำรทุ่มตลำด

สินค้ำกรดซิทริกท่มีแหล่งก�ำเนิดจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๗ อันเป็นควำมผิด
ตำมกฎหมำยศุลกำกรจ�ำเลยท้งห้ำให้กำรปฏิเสธว่ำ จ�ำเลยท้งห้ำด�ำเนินกำรไปตำมกฎหมำย



และประกำศโดยชอบแล้ว ไม่เป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ แม้โจทก์จะฟ้องจ�ำเลยท้งห้ำ


311
















ในมลละเมด แต่กำรวนจฉยว่ำจำเลยทงห้ำกระทำละเมดต่อโจทก์หรอไม่นนย่อมต้องวนจฉย

เก่ยวกับประกำศของคณะกรรมกำรพิจำรณำกำรทุ่มตลำดและอุดหนุนด้วย กรณีจึงเป็นคดีแพ่ง

เก่ยวกับกำรทุ่มตลำดและกำรอุดหนุนสินค้ำ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สนทำงปัญญำ




และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๘)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


































312

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทกรุงเทพลิสซิ่งจ�ำกัด โจทก์

ที่ วท ๑๑/๒๕๕๙ ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัดกรุงเทพ เจ.วี.

ลิสซิ่ง จ�ำเลย



โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยโต้แย้งสิทธิในชื่อทำงกำรค้ำของโจทก์ “กรุงเทพลิสซิ่ง”

ด้วยกำรน�ำไปใช้โฆษณำธุรกิจของตนโดยไม่ได้รับอนุญำตจำกโจทก์ อันเป็นกำรละเมิด


สิทธิในช่อทำงกำรค้ำของโจทก์ และมีค�ำขอบังคับห้ำมจ�ำเลยใช้ช่อทำงกำรค้ำของโจทก์
กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยในเหตุละเมิดดังกล่ำว ตำมค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีแพ่ง





ท่เก่ยวกับข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๙) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้ง






ศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สน


ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อเดือนกันยำยน ๒๕๕๘ โจทก์พบว่ำ จ�ำเลยใช้ชื่อ “กรุงเทพลิสซิ่ง” เป็น

สติกเกอร์ตัดแปะรถยนต์ของจ�ำเลยเพ่อโฆษณำธุรกิจของตน แทนท่จะใช้ช่อของจ�ำเลยเองว่ำ




“ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัดกรุงเทพ เจ.วี.ลิสซ่ง” โดยไม่ได้รับอนุญำตจำกโจทก์ และไม่มีสิทธิใช้ช่อดังกล่ำว
จ�ำเลยประกอบธุรกิจมีวัตถุประสงค์ประเภทเดียวกันกับโจทก์ โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล


ประเภทบริษัทจ�ำกัด ต้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๙ ใช้ช่อทำงกำรค้ำและบริกำรว่ำ “กรุงเทพลิสซ่ง” ซ่ง













จำเลยทรำบดอย่แล้ว จงถอเป็นกำรเลยนชอในทำงกำรค้ำของโจทก์ เมอโจทก์และจำเลยต่ำง
ประกอบธุรกิจมีลักษณะอย่ำงเดียวกัน ย่อมท�ำให้สำธำรณชนสับสนหลงผิดว่ำ ธุรกิจของจ�ำเลย
เป็นธุรกิจเดียวกันหรือเป็นสำขำของโจทก์ จ�ำเลยมีสถำนประกอบกำร ๑๑ แห่ง ท�ำให้โจทก์
สูญเสียลูกค้ำในพ้นท่น้น ถือว่ำจ�ำเลยละเมิดโจทก์ในธุรกิจกำรค้ำ จ�ำเลยต้องรับผิดช�ำระค่ำ



เสียหำยแก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๖๐๐,๐๐๐ บำท และช�ำระ
ต่อไปเดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะเลิกใช้ชื่อทำงกำรค้ำของโจทก์ และห้ำม


จ�ำเลยใช้ช่อดังกล่ำวในทำงกำรค้ำ กำรบริกำร กับให้จ�ำเลยร้อถอนเก็บออกซ่งสติกเกอร์หรือ

วัสดุใดๆ ที่เป็นสื่อโฆษณำชื่อทำงกำรค้ำของโจทก์
313

จ�ำเลยยื่นค�ำร้องขออนุญำตยื่นค�ำให้กำรพร้อมค�ำให้กำรลงวันที่ ๒๕ ตุลำคม ๒๕๕๙

ศำลจังหวัดขอนแก่นพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ












พพำกษำคดนไว้ชวครำว แล้วเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเป็น
ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ.๒๕๓๙ มำตรำ ๙



พิเครำะห์แล้ว กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำทใน
ชื่อทำงกำรค้ำตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยโต้แย้งสิทธิในช่อทำงกำรค้ำของโจทก์

“กรุงเทพลิสซ่ง” ด้วยกำรน�ำไปใช้โฆษณำธุรกิจของตนโดยไม่ได้รับอนุญำตจำกโจทก์ อันเป็นกำร



ละเมิดสิทธิในช่อทำงกำรค้ำของโจทก์ และมีค�ำขอบังคับห้ำมจ�ำเลยใช้ช่อทำงกำรค้ำของโจทก์


กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยในเหตุละเมิดดังกล่ำว ตำมค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับ


ข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



314

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเชำว์ สตีล อินดัสทรี้
ที่ วท ๑๒/๒๕๕๙ จ�ำกัด (มหำชน) กับพวก โจทก์

บริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก จ�ำกัด

(มหำชน) กับพวก จ�ำเลย







โจทก์ท้งสำมกล่ำวอ้ำงยืนยันว่ำจ�ำเลยท ๓ ถึงท ๘ ร่วมกันละเมิดสิทธิในควำมลับ
ทำงกำรค้ำของโจทก์ท ๓ และมีค�ำขอบังคับจ�ำเลยท ๓ ถึงท ๘ ร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย








กับให้ระงับหรือละเว้นละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำของโจทก์ท้งสำม ส่วนจ�ำเลยท ๓










ถงท ๘ ให้กำรต่อส้ว่ำไม่ได้ โต้แย้งสทธของโจทก์ท้งสำม ไม่ได้ละเมดสิทธิในควำมลบ

ทำงกำรค้ำหรือละเมิดต่อโจทก์ท้งสำม ข้อมูลกำรค้ำตำมฟ้องไม่ใช่ควำมลับทำงกำรค้ำ

คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทโดยตรงในเร่องควำมลับทำงกำรค้ำ และจ�ำเลยท ๓ ถึงท ๘












กระทำกำรละเมิดสทธในควำมลบทำงกำรค้ำของโจทก์ท้งสำมหรอไม่ แม้จำเลยท ๓


ถึงท ๘ จะให้กำรว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนก็ตำม แต่ตำม


สภำพแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสำมกล่ำวอ้ำงและขอให้บังคับจ�ำเลยท ๓ ถึงท ๘










ให้ร่วมกนรบผดต่อโจทก์ทงสำมเพรำะละเมดสทธในควำมลบทำงกำรค้ำของโจทก์ท ๓















เป็นสำระสำคญ มได้ม่งฟ้องจำเลยท ๓ ถงท ๘ เป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำท ี ่







ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือมุ่งถึงข้อพิพำทแรงงำนหรือกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำง
แรงงำนโดยตรง รวมถึงมูลละเมิดในกำรงำนที่จ้ำงแต่อย่ำงใด ฉะนั้น คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่ง


ท่เก่ยวกับข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙) แห่ง
พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________


โจทก์ท้งสำมฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ ระหว่ำงวันท่ ๑๒ มีนำคม ๒๕๕๗ ถึงวันท ี ่


๑๖ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยท้งแปดได้ร่วมกันละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำต่อโจทก์
ทั้งสำม โดยจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ ซึ่งเป็นพนักงำนของโจทก์ที่ ๓ ได้ล่วงรู้ข้อมูลโครงกำรโรงไฟฟ้ำ

พลังงำนแสงอำทิตย์ของโจทก์ท่ ๓ และน�ำข้อมูลสถำนะทำงกฎหมำยบทวิเครำะห์ข้อมูลด้ำน
วิศวกรรม ผลตอบแทนและรูปแบบกำรลงทุน และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องไปให้จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒
ด้วยวิธีส่งทำงจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ และจ�ำเลยท่ ๓ ได้น�ำข้อมูลอันเป็นควำมลับทำงกำรค้ำ




ท่ได้ไปใช้ในกำรประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้ำพลังงำนแสงอำทิตย์ของจ�ำเลยท่ ๓ เพ่อจัดต้งบริษัท

315



ด�ำเนินธุรกิจแข่งขันกับโจทก์ท่ ๓ โดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ท้งสำม แล้วจ�ำเลยท่ ๑





และท่ ๒ ได้น�ำข้อมูลท่ได้จำกจ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๘ ไปใช้ในกำรพิจำรณำตัดสินใจลงทุนในธุรกิจ
โรงไฟฟ้ำพลังงำนแสงอำทิตย์ทั้ง ๕ โครงกำร ที่โจทก์ที่ ๓ อยู่ระหว่ำงกำรศึกษำและรอคณะกรรมกำร


บรหำรอนุมัตลงทุน นอกจำกน จ�ำเลยท่ ๓ ยังเป็นพนกงำนของโจทก์ท่ ๒ ได้นำข้อมล








อันเป็นควำมลับทำงกำรค้ำซ่งตนได้รู้เพรำะเป็นพนักงำนของโจทก์ท่ ๒ น�ำไปใช้ประกอบธุรกิจ


โรงงำนไฟฟ้ำอย่ำงเดียวกันกับโจทก์ท้งสำม อันมีลักษณะขัดต่อแนวทำงปฏิบัติในเชิงพำณิชย์ท ี ่










สจริตต่อกน ท้งน จ�ำเลยทงแปดร้ว่ำกำรกระทำดงกล่ำวเป็นกำรขดต่อแนวปฏบตน้นและเป็นกำร





ละเมิดสัญญำจ้ำงอย่ำงร้ำยแรง ท�ำให้โจทก์ทั้งสำมได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งแปด
ร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย ๗๕๓,๙๖๗,๘๕๓.๒๖ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

ของต้นเงินดังกล่ำว นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ท้งสำม กับให้จ�ำเลย

ทั้งแปดระงับ หรือละเว้นละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำของโจทก์ทั้งสำม
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงอนุญำต


ให้โจทก์ท้งสำมถอนฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ และจ�ำหน่ำยคดีส�ำหรับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒



จำกสำรบบควำม
จ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ ให้กำรท�ำนองเดียวกันว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ



ของศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ แต่อย่ในอำนำจของศำลแรงงำน

ขอให้โอนคดีไปยังศำลแรงงำน โจทก์ทั้งสำมไม่ใช่ผู้เสียหำยไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘







ไม่ได้โต้แย้งสทธิโจทก์ทงสำม ไม่ได้ละเมดสทธในควำมลบทำงกำรค้ำ หรอละเมดต่อโจทก์


ทั้งสำม คดีตำมค�ำฟ้องขำดอำยุควำมมูลละเมิดทั่วไป ค�ำฟ้องเคลือบคลุม ข้อมูลกำรค้ำโครงกำร


โรงไฟฟ้ำญ่ปุ่นตำมฟ้องไม่ใช่ควำมลับทำงกำรค้ำ ไม่ใช่ข้อมูลท่ยำกแก่กำรเข้ำถึงผู้ประสงค์จะ

ซ้อหรือสนใจสำมำรถขอจำกผู้ขำยโครงกำรหรือตัวแทนได้ โจทก์ท้งสำมไม่ได้รับควำมเสียหำย

จ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ ไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

ศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพจำรณำแล้ว เหนว่ำ กรณ ี


มีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีนี้ไว้ชั่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำว

ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ กรณีมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำคดีน้เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำท
ในควำมลับทำงกำรค้ำตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
316



ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำง

แรงงำน หรือตำมข้อตกลงเก่ยวกับสภำพกำรจ้ำง หรือเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำง
นำยจ้ำงและลูกจ้ำงเน่องจำกข้อพิพำทแรงงำนหรือเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน



รวมถึงมูลละเมิดระหว่ำงลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงท่เกิดจำกกำรท�ำงำนในกำรงำนท่จ้ำงด้วยตำม

บทบัญญัติมำตรำ ๘ (๑), (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ทั้งสำมกล่ำวอ้ำงยืนยันว่ำจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ ร่วมกันละเมิด

















สทธในควำมลบทำงกำรค้ำของโจทก์ท ๓ และมคำขอบงคบจำเลยท ๓ ถงท ๘ ร่วมกนชำระ

ค่ำเสียหำย กับให้ระงับหรือละเว้นละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำของโจทก์ท้งสำม ส่วน


จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๘ ให้กำรต่อสู้ว่ำไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ท้งสำม ไม่ได้ละเมิดสิทธิใน


ควำมลับทำงกำรค้ำหรือละเมิดต่อโจทก์ทั้งสำม ข้อมูลกำรค้ำ ตำมฟ้องไม่ใช่ควำมลับทำงกำรค้ำ
คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทโดยตรงในเรื่องควำมลับทำงกำรค้ำ และจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ กระท�ำกำร
ละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำของโจทก์ท้งสำมหรือไม่ แม้จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๘ จะให้กำรว่ำ



คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนก็ตำม แต่ตำมสภำพแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้อง
ของโจทก์ทั้งสำมกล่ำวอ้ำงและขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๘ ให้ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ทั้งสำม














เพรำะละเมดสทธในควำมลบทำงกำรคำของโจทกท ๓ เปนสำระสำคญ มไดมงฟองจำเลยท ๓



























ถงท ๘ เปนคดพพำทเกยวดวยสทธหรอหนำทตำมสญญำจำงแรงงำนหรอมงถงขอพพำทแรงงำน

หรือกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยตรง รวมถึงมูลละเมิดในกำรงำนท่จ้ำงแต่อย่ำงใด





ฉะน้น คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติ มำตรำ ๗ (๙)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
317

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวกมลวรรณ

ที่ วทป ๒๓/๒๕๖๐ จีรวงศ์สุนทร โจทก์

นำงสำวสุจินันท์
กำนมเขียว จ�ำเลย





โจทก์บรรยำยฟ้องอ้ำงว่ำ จ�ำเลยใช้ช่อทำงกำรค้ำและใช้ป้ำยช่อกิจกำรร้ำน

คล้ำยคลึงกับโจทก์ในกำรประกอบกิจกำรประเภทเดียวกัน เพ่อให้ประชำชนเกิดควำม









สบสนว่ำสถำนประกอบกจกำรของจำเลยเป็นสถำนทเดยวกนกบสถำนประกอบกจกำร


ของโจทก์ และเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลย พร้อมท้งมีค�ำขอให้จ�ำเลยยุติกำรใช้ช่อและ

ปลดป้ำยกิจกำรท่คล้ำยคลึงและเหมือนกับกิจกำรของโจทก์ คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำท
ว่ำ จ�ำเลยได้เอำชื่อ รูป รอยประดิษฐ์หรือข้อควำมใด ๆ ในกำรประกอบกำรค้ำของโจทก์
มำใช้เพ่อให้ประชำชนหลงเช่อว่ำเป็นกำรค้ำของจ�ำเลย และจ�ำเลยเลียนป้ำยของโจทก์


จนประชำชนน่ำจะหลงเชื่อว่ำสถำนที่กำรค้ำของจ�ำเลยเป็นสถำนที่กำรค้ำของโจทก์ที่ตั้ง

อยู่ใกล้เคียงกันจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยหรือไม่ ซ่งเป็นประเด็นข้อพิพำท


ให้ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับกำรละเมิดสิทธิในกำรใช้ช่อทำงกำรค้ำและป้ำยทำงกำรค้ำของ
โจทก์ ตำม ป.อ. มำตรำ ๒๗๒ (๑) (๒) เมื่อคดีมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับ





กำรกระทำของจ�ำเลย อนเป็นกำรโต้แย้งสทธของโจทก์ดงกล่ำวเช่นนย่อมทำให้คดน ้ ี




เป็นคดีแพ่งอันเนื่องมำจำกกำรกระท�ำควำมผิดตำม ป.อ. มำตรำ ๒๗๒ ถึงมำตรำ ๒๗๕


และเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๔) (๙)

แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ




(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๓. คดีแพ่งอันเน่องมาจากการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๒๗๑ ถึง มาตรา ๒๗๕)






318

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ เดอะ บู้ทส์ คัมปะนี พีแอลซี

ที่ วทป ๓๒/๒๕๖๐ กับพวก โจทก์

บริษัทบู๊ทส์ รีเทล จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย







ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสองและค�ำให้กำรของจ�ำเลยท ๓ มีประเด็นข้อพิพำท





ให้ต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์ท ๑ เป็นเจ้ำของช่อทำงกำรค้ำ เคร่องหมำยกำรค้ำและเคร่องหมำย
บริกำร ค�ำว่ำ “BOOTS” อ่ำนว่ำ “บู้ทส์” หรือ “บู๊ทส์” และมีโจทก์ที่ ๒ เป็นบริษัทในเครือ

เดียวกันหรือไม่ กำรท่จ�ำเลยท ๒ น�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์” และ “BOOTS” และน�ำค�ำว่ำ “บู๊ทส์ รีเทล”


และ “BOOTS RETAIL” ช่อของโจทก์ท ๒ ไปย่นขอจองช่อและจดทะเบียนจัดต้งบริษัท






จ�ำเลยที่ ๑ ต่อจ�ำเลยที่ ๓ นั้น จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีสิทธิใช้ได้โดยชอบหรือเป็นกำรใช้ชื่อ
โดยล่วงละเมิดสิทธิในช่อทำงกำรค้ำ เคร่องหมำยกำรค้ำ และเคร่องหมำยบริกำรของ


















โจทกทงสองและกำรกระทำดงกลำวทำใหโจทก์ท้งสองไดรบควำมเสยหำยหรอไม เพยงใด




ซ่งเป็นประเด็นข้อพิพำทท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิในช่อทำงกำรค้ำ เคร่องหมำยกำรค้ำ

เคร่องหมำยบริกำร และกำรล่วงละเมิดสิทธิดังกล่ำว คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ



เคร่องหมำยกำรค้ำและคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำทในช่อทำงกำรค้ำท่อยู่ในอ�ำนำจ




พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ
มำตรำ ๗ (๓) (๙) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อ ๒. คดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และคดีพิพาท
ตามสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ)
319

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไคลเมท อินโนเวชั่น

ที่ วทป ๔๑/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

นำยกฤตณ์พัทธ์ พสุตม์สฎำกุล
กับพวก จ�ำเลย






ตำมค�ำฟ้องของโจทก์พอเข้ำใจถงสภำพแห่งข้อหำและข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลัก













แหงขอหำ และคำขอบงคับของโจทกได้วำ โจทกไดรบควำมเสยหำยตำมฟองเนองมำจำก


กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำม ท่น�ำเอำข้อมูลทำงกำรค้ำท่ส�ำคัญของโจทก์ไปใช้ในกำร




ประกอบกิจกำรของจ�ำเลยท ๓ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ซ่งตำมค�ำฟ้องโจทก์
บรรยำยฟ้องว่ำ ข้อมูลทำงกำรค้ำของโจทก์ คือ รำยช่อลูกค้ำ บัญช รำคำสินค้ำ และ


สิทธิประโยชน์หลังกำรขำยท่มีต่อลูกค้ำแต่ละรำยเป็นข้อมูลท่โจทก์จัดเก็บไว้ในระบบ



คอมพิวเตอร์โดยโจทก์เป็นผู้ควบคุมดแล อีกท้งโจทก์ยังบรรยำยถึงกำรกระท�ำของ



จ�ำเลยท้งสำม ว่ำเป็นกำรละเมิดข้อมูลทำงกำรค้ำโดยกำรน�ำรำยช่อลูกค้ำของโจทก์ไปใช้
อันมีลักษณะขัดต่อแนวทำงปฏิบัติในเชิงพำณิชย์ที่สุจริตต่อกัน เป็นควำมลับทำงกำรค้ำ
ท่จ�ำเลยท้งสำมน�ำไปใช้โดยโจทก์ไม่ยินยอม ดังน กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยเก่ยวกับ






สิทธิของโจทก์และกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมตำมฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสำมกระท�ำกำร

อนเป็นกำรละเมดสทธิในควำมลับทำงกำรค้ำของโจทก์เป็นเหตให้โจทก์ได้รบควำม





เสียหำยตำมฟ้องหรือไม่ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำ


อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๙) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบธุรกิจนำยหน้ำซ้อขำยเคร่องใช้ไฟฟ้ำ ช้นส่วนอะไหล่


รับวำงระบบ ให้ค�ำปรึกษำ และบริกำรติดต้งเคร่องใช้ไฟฟ้ำ ในกำรประกอบธุรกิจโจทก์มีข้อมูล


รำยชื่อลูกค้ำ บัญชีรำคำสินค้ำ และสิทธิประโยชน์หลังกำรขำย ที่มีต่อลูกค้ำของโจทก์แต่ละรำย
แตกต่ำงกัน โจทก์จัดเก็บข้อมูลดังกล่ำวในระบบคอมพิวเตอร์โดยโจทก์เป็นผู้ควบคุมข้อมูล ม ี
320



รหัสเพ่อเข้ำดูข้อมูลจ�ำกัดเฉพำะผู้เก่ยวข้อง กรรมกำรโจทก์หรือตัวแทนกรรมกำรโจทก์จะเป็น


ผู้น�ำข้อมูลออกมำและส่งให้บุคคลท่เก่ยวข้องเฉพำะท่จ�ำเป็นเพ่อใช้ในกำรเสนอขำยสินค้ำให้แก่




ลูกค้ำของโจทก์ ดังน้น รำยช่อลูกค้ำและบัญชีรำคำสินค้ำของโจทก์จึงเป็นประโยชน์ในเชิงพำณิชย์
เมื่อปี ๒๕๕๘ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้ำงของโจทก์ในต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรขำยและฝ่ำยเทคนิค
มีหน้ำที่เสนอขำยสินค้ำของโจทก์ให้แก่ลูกค้ำ โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยที่ ๑ ทรำบถึงข้อมูลลูกค้ำ รำคำ





สนค้ำ และบริกำรหลังกำรขำยโดยส่งทำงจดหมำยอเลกทรอนิกส์ให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ ต่อมำเม่อ
วันที่ ๑๒ พฤษภำคม ๒๕๕๙ ขณะที่จ�ำเลยที่ ๑ ยังเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ จ�ำเลยที่ ๒ บิดำของ
ภริยำจ�ำเลยที่ ๑ ผู้ถือหุ้นของโจทก์ และภริยำจ�ำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทจ�ำเลยที่ ๓ โดยมี
จ�ำเลยท่ ๑ เป็นกรรมกำรผู้จัดกำร ประกอบกิจกำรเช่นเดียวกับโจทก์ และใช้รำยช่อลูกค้ำของ







โจทก์เสนอขำยสินค้ำของจำเลยท่ ๓ ซ่งเป็นสนค้ำลักษณะเดยวกับของโจทก์ อันเป็นกำรน�ำ


รำยช่อลูกค้ำของโจทก์ไปใช้อันมีลักษณะขัดต่อแนวทำงปฏิบัติในเชิงพำณิชย์ท่สุจริตต่อกัน
จ�ำเลยที่ ๑ ลำออกจำกกำรเป็นพนักงำนของโจทก์เมื่อประมำณเดือนตุลำคม ๒๕๕๙ และจ�ำเลย
ท้งสำมได้ค้ำขำยแข่งกับโจทก์โดยใช้ข้อมูลบัญชีรำยช่อลูกค้ำของโจทก์ ใช้บัญชีรำคำสินค้ำ


ของโจทก์เพ่อก�ำหนดรำคำสินค้ำของจ�ำเลยท่ ๓ ให้ต่ำกว่ำรำคำสินค้ำของโจทก์ และเสนอสิทธ ิ




ประโยชน์หลังกำรขำย กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมเป็นกำรละเมิดสิทธิโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับ
ควำมเสียหำย ดังนี้ ค่ำเสียหำยอันเกิดจำกยอดกำรขำยสินค้ำที่ลดลงเป็นเงิน ๓๘๙,๘๕๙.๓๐ บำท
ค่ำเสียหำยจำกกำรที่จ�ำเลยทั้งสำมไปติดต่อเสนอขำยสินค้ำให้ลูกค้ำของโจทก์สี่รำย ท�ำให้ลูกค้ำ



ท้งส่รำยไม่ซ้อสินค้ำของโจทก์อีก โจทก์ขำยสินค้ำไม่ได้เป็นเงินรวม ๑,๕๓๙,๘๗๗.๗๑ บำท

รวมเป็นเงินท่จ�ำเลยท้งสำมต้องช�ำระให้แก่โจทก์ ๑,๙๒๙,๗๓๗.๐๑ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลย

ทั้งสำมร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงิน ๑,๙๒๙,๗๓๗.๐๑ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยทั้งสำมให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นลูกจ้ำงของโจทก์ ในปี ๒๕๕๘ จ�ำเลยที่ ๑
เป็นลูกจ้ำงของบริษัทแดนฟอส์ส ประเทศไทย จ�ำกัด ได้รับมอบหมำยให้ดูแลลูกค้ำในส่วน

โออีเอ็ม (ลูกค้ำท่ซ้อสินค้ำมำประกอบเป็นสินค้ำส�ำเร็จรูปภำยใต้แบรนด์ของลูกค้ำเอง) ซ่งรวมถึง







ลูกค้ำของโจทก์ด้วย จ�ำเลยท่ ๑ มำช่วยงำนโจทก์เป็นคร้งครำวตำมท่โจทก์ร้องขอ เน่องจำก


โจทก์เป็นบริษัทของเพ่อนและจ�ำเลยท่ ๒ เป็นหุ้นส่วนโจทก์ จ�ำเลยท้งสำมไม่ได้กระท�ำละเมิด

ต่อโจทก์ ข้อมูลรำยชื่อลูกค้ำโจทก์ บัญชีรำคำสินค้ำโจทก์ และสิทธิประโยชน์หลังกำรขำย ไม่ใช่

ควำมลับทำงกำรค้ำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์เรียกค่ำเสียหำยท่ไม่มีอยู่จริงและเป็นค่ำเสียหำย
321




ในอนำคตท่โจทก์คำดเดำเอำ เป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริตเพ่อกีดกันทำงกำรค้ำ คดีน้โจทก์ฟ้องให้


จำเลยท้งสำมรับผิดจำกกำรละเมิดควำมลับทำงกำรคำ จงอยในอ�ำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำล
ู่



ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ขอให้ยกฟ้อง






ในวนนดพจำรณำ ศำลจงหวัดพระโขนงพจำรณำแล้ว เหนว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดน ี ้


อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่

จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวกับข้อพิพำทในควำมลับทำงกำรค้ำ อันอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๙) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้อง

ของโจทก์พอเข้ำใจถึงสภำพแห่งข้อหำและข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำและค�ำขอบังคับ
ของโจทก์ได้ว่ำ โจทก์ได้รับควำมเสียหำยตำมฟ้องเนื่องมำจำกกำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสำมที่น�ำ



เอำข้อมูลทำงกำรค้ำท่ส�ำคัญของโจทก์ไปใช้ในกำรประกอบกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๓ ท�ำให้โจทก์
ได้รับควำมเสียหำย ซึ่งตำมค�ำฟ้อง โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ ข้อมูลทำงกำรค้ำของโจทก์ คือ รำยชื่อ



ลูกค้ำ บัญชีรำคำสินค้ำ และสิทธิประโยชน์หลังกำรขำยท่มีต่อลูกค้ำแต่ละรำยเป็นข้อมูลท่โจทก์

จัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์โดยโจทก์เป็นผู้ควบคุมดูแล โดยมีรหัสเพ่อเข้ำถึงข้อมูลจ�ำกัด
เฉพำะผู้เก่ยวข้องในกำรใช้ข้อมูลและกรรมกำรโจทก์หรือตัวแทนกรรมกำรโจทก์จะเป็นผู้น�ำ


ข้อมูลออกมำและส่งให้แก่บุคคลท่เก่ยวข้องเฉพำะท่จ�ำเป็น ข้อมูลดังกล่ำวจึงเป็นประโยชน์




ในเชิงพำณิชย์ อีกท้งโจทก์ยังบรรยำยถึงกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมว่ำเป็นกำรละเมิดข้อมูล

ทำงกำรค้ำโดยกำรน�ำรำยช่อลูกค้ำของโจทก์ไปใช้อันมีลักษณะขัดต่อแนวทำงปฏิบัติในเชิง

พำณิชย์ท่สุจริตต่อกัน ค�ำฟ้องของโจทก์ดังกล่ำวท�ำให้เข้ำใจได้ว่ำข้อมูลทำงกำรค้ำท่โจทก์อ้ำง


น้นเป็นควำมลับทำงกำรค้ำท่จ�ำเลยท้งสำมน�ำไปใช้โดยโจทก์ไม่ยินยอม ดังน้ กรณีจึงมีปัญหำ






ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับสิทธิของโจทก์และกำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสำมตำมฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสำม
กระท�ำกำรอันเป็นกำรละเมิดสิทธิในควำมลับทำงกำรค้ำของโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับควำม







เสยหำยตำมฟ้องหรอไม่ คดนจงเป็นคดแพ่งเกยวกบข้อพพำทในควำมลบทำงกำรค้ำ อนอย่ใน







322


Click to View FlipBook Version