ี
ี
ื
ี
ี
ี
ในสัญญำซ้อขำยท่ดินและสัญญำจ�ำนองท่ดินระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒ กับจ�ำเลยท่ ๓ ว่ำท่ดินม ี
ู
สงปลกสร้ำงเพยง ๑ หลง คอ บ้ำนเลขท ๕๘/๓ ขอให้เพกถอนนตกรรมกำรจดทะเบยนใน
ี
่
ิ
ี
ิ
ิ
ิ
่
ั
ื
ี
ื
่
ั
ิ
่
ี
ิ
โฉนดทดนพพำทเมอวนท ๕ เมษำยน ๒๕๖๒ และให้จำเลยทงสำมร่วมกนจดทะเบยนโอน
ั
้
�
ั
่
ี
ี
กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทให้แก่นำย ส. คนไร้ควำมสำมำรถ หำกไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำ
แทนกำรแสดงเจตนำ
จ�ำเลยที่ ๑ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเน่องจำกจ�ำเลยท่ ๑ มิได้ลงลำยมือช่อ
ื
ี
ในใบแต่งทนำยร่วมกับโจทก์ ที่ดินพิพำทเป็นสินส่วนตัวของนำย ส. คนไร้ควำมสำมำรถ ซึ่งศำล
ั
ั
ี
เยำวชนและครอบครัวจังหวัดระยองมีค�ำส่งอนุญำตให้ท�ำนิติกรรมขำยท่ดินพิพำทแล้ว หลังจำกน้น
ี
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๒ ท�ำสัญญำจะซ้อจะขำยท่ดินพิพำทพร้อมวำงเงินมัดจ�ำให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะผู้อนุบำล
ี
ของนำย ส. และจ�ำเลยที่ ๑ กับโจทก์ได้ขนของออกไปจำกที่ดินพิพำทแล้ว จ�ำเลยที่ ๑ อนุญำต
ี
ี
ให้จ�ำเลยท่ ๒ ใช้ประโยชน์ในบ้ำนเลขท่ ๕๘/๖ จ�ำเลยท่ ๒ จึงให้ลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๒
ี
ี
ี
เข้ำไปอยู่อำศัยในบ้ำนดังกล่ำว แต่ต่อมำโจทก์กลับเข้ำไปอยู่ในบ้ำนเลขท่ ๕๘/๓ และขับไล่
ี
ลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๒ ออกจำกท่ดินและขอเพิกถอนจ�ำเลยท่ ๑ จำกกำรเป็นผู้อนุบำลนำย ส.
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๒ จึงฟ้องต่อศำลจังหวัดระยองขอให้โจทก์ออกไปจำกท่ดินพิพำท คดีอยู่ระหว่ำง
ี
พิจำรณำ โจทก์และจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำบันทึกข้อตกลง ฉบับลงวันที่ ๑๙ มีนำคม ๒๕๖๒ โดยไม่สุจริต
และกำรที่โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมแบ่งปันค่ำเช่ำที่ดินของนำย ส.
อีก ๒ แปลง เป็นกำรแบ่งปันผลประโยชน์ของผู้อนุบำลขัดต่อควำมสงบเรียบร้อยและศีลธรรม
อันดีของประชำชน ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๓ ให้กำรว่ำ ที่ดินพิพำทไม่ใช่ของโจทก์ จ�ำเลยที่ ๑ หรือนำย ส. หำกแต่เป็น
ี
ื
ี
ี
ี
ของจ�ำเลยท่ ๒ ท่น�ำมำจดทะเบียนจ�ำนองไว้กับจ�ำเลยท่ ๓ เพ่อไปเป็นประกันหน้ของจ�ำเลยท่ ๒
ี
จ�ำเลยท่ ๓ เป็นบุคคลภำยนอกรับจ�ำนองท่ดินพิพำทไว้โดยเสียค่ำตอบแทนและโดยสุจริต
ี
ี
และได้จดทะเบียนจ�ำนองโดยสุจริต โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ื
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยท่ ๒ ย่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ั
ื
ั
ั
ี
้
วนจฉยว่ำคดนอย่ในอำนำจพจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ ศำลจงหวดระยอง
ิ
ิ
ี
ิ
ั
ู
�
เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่
ี
จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
773
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์และจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้อนุบำลนำย ส. คนไร้ควำมสำมำรถ กำรที่
โจทก์อ้ำงว่ำเดิมที่ดินพำทเป็นของนำย ส. กำรที่จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำซื้อขำยที่ดินพิพำทให้แก่
ี
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๒ เป็นกำรผิดข้อตกลงระหว่ำงผู้อนุบำล ขอให้เพิกถอนนิติกรรมซ้อขำยท่ดินพิพำท
ี
ี
กรณีเป็นข้อพิพำทระหว่ำงผู้อนุบำลคนไร้ควำมสำมำรถอันเก่ยวกับอ�ำนำจหน้ำท่ของผู้อนุบำล
ซึ่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๒๘ วรรคสอง บัญญัติว่ำ ให้เป็นไปตำมบทบัญญัติ
บรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบญญต ิ
ิ
ั
ั
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ และจ�ำเลยที่ ๓ แม้จะไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับคนไร้ควำมสำมำรถ แต่เมื่อโจทก์
อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์และนำย ส. ขอให้เพิกถอนนิติกรรม
ั
ี
ี
ี
จ�ำนองระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๓ ด้วย ย่อมถือว่ำมูลควำมแห่งคดีเก่ยวข้องกันตำม
ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๕ โจทก์จึงมีสิทธิเสนอค�ำฟ้องจ�ำเลยที่ ๒ และ
จ�ำเลยที่ ๓ ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวด้วย
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
774
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง บ. ผู้ร้อง
ที่ วยช ๓๔/๒๕๖๒
ื
ั
ผู้ร้องมีฐำนะเป็นยำยของผู้เยำว์ท้งสองย่นค�ำร้องขอให้ศำลเยำวชนและ
ั
ั
ครอบครัวจังหวัดนครปฐมไต่สวนและมีค�ำส่งต้งผู้แทนเฉพำะคดีให้แก่ผู้เยำว์ท้งสอง
ั
ื
เพ่อน�ำไปย่นฟ้องผู้ท�ำละเมิด นำยจ้ำงของผู้ท�ำละเมิดและผู้รับประกันภัยให้ร่วมกัน
ื
ั
ึ
รับผิดชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่ผู้เยำว์ท้งสอง อันเป็นคดีละเมิดซ่งมิได้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ค�ำร้องขอของผู้ร้องเป็นเร่องกำรแก้ไข
ื
ควำมบกพร่องในเร่องควำมสำมำรถของผู้เยำว์ท้งสองในกำรเสนอข้อหำต่อศำลตำม
ื
ั
ป.วิ.พ. มำตรำ ๕๖ มิได้เกี่ยวกับสถำนะและควำมสำมำรถของบุคคลเกี่ยวกับครอบครัว
หรือส่วนได้เสียของผู้เยำว์ซึ่งพิพำทกันตำม ป.พ.พ. จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________
ุ
ู
็
�
ื
ผ้ร้องย่นคำร้องขอว่ำ ผู้ร้องเป็นยำยของเดกชำย ป. อำย ๑๕ ปี และเด็กหญิง ป.
อำยุ ๙ ปี โดยผู้เยำว์ทั้งสองเป็นบุตรของนำย ส. กับ นำงสำว ส. บุตรของผู้ร้อง นำย ส. กับ
นำงสำว ส. ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ต่อมำวันที่ ๑๙ มิถุนำยน ๒๕๖๐ นำย ภ. ท�ำละเมิดเป็น
เหตุให้นำย ส. ถึงแก่ควำมตำย ผู้ร้องเป็นผู้อุปกำระเล้ยงดูผู้เยำว์ท้งสองตลอดมำจนถึงปัจจุบัน
ี
ั
ส่วนนำงสำว ส. ป่วยด้วยโรคจิตเภทไม่สำมำรถดูแลและอบรมส่งสอนผู้เยำว์ท้งสองได้ ขอให้ม ี
ั
ั
ค�ำส่งต้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพำะคดีของผู้เยำว์ท้งสองเพ่อน�ำไปย่นฟ้องเรียกค่ำสินไหมทดแทนจำก
ื
ั
ั
ื
ั
นำย ภ. ผู้ท�ำละเมิด นำยจ้ำงของผู้ท�ำละเมิด และผู้รับประกันภัยต่อศำลจังหวัดนครปฐม
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครปฐมเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ
ื
ิ
ู
ิ
ั
ี
ึ
�
ี
้
คดนอย่ในอ�ำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ื
ั
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ผู้ร้องมีฐำนะเป็นยำยของผู้เยำว์ท้งสองย่นค�ำร้องขอให้ศำลเยำวชน
และครอบครัวจังหวัดนครปฐมไต่สวนและมีค�ำส่งต้งผู้แทนเฉพำะคดีให้แก่ผู้เยำว์ท้งสองเพ่อ
ั
ั
ื
ั
ื
น�ำไปย่นฟ้องผู้ท�ำละเมิด นำยจ้ำงของผู้ท�ำละเมิด และผู้รับประกันภัยให้ร่วมกันรับผิดชดใช้
ึ
ค่ำสินไหมทดแทนแก่ผู้เยำว์ท้งสองอันเป็นคดีละเมิดซ่งมิได้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ั
ของศำลเยำวชนและครอบครัว ค�ำร้องขอของผู้ร้องเป็นเร่องกำรแก้ไขควำมบกพร่องควำม
ื
775
ั
สำมำรถของผู้เยำว์ท้งสองในกำรเสนอข้อหำต่อศำลตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง
ี
ี
มำตรำ ๕๖ มิได้เก่ยวกับสถำนะและควำมสำมำรถของบุคคลเก่ยวกับครอบครัวหรือส่วนได้
เสียของผู้เยำว์ซ่งพิพำทกันตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
ึ
ิ
ิ
ั
ี
ั
ี
ิ
ั
ั
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
776
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ร. โจทก์
ที่ วยช ๖/๒๕๖๓ นำงสำว ส. จ�ำเลย
ุ
ึ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยดูแลโจทก์ซ่งเป็นผู้สูงอำย โดยโจทก์โอน
กรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่จ�ำเลย และเพิ่มชื่อจ�ำเลยในบัญชีเงินฝำกของโจทก์ที่ธนำคำร ด.
ื
ในประเทศสิงคโปร์ เพ่อให้จ�ำเลยดูแลและช่วยเหลือโจทก์ในกำรเบิกถอนเงินมำใช้จ่ำย
ั
และท�ำธุรกรรม ต่อมำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงมีค�ำส่งให้โจทก์เป็นคน
ั
ไร้ควำมสำมำรถและแต่งต้งนำย ร. บุตรของโจทก์เป็นผู้อนุบำล นำย ร. พบว่ำจ�ำเลยม ี
ิ
่
ิ
ุ
่
้
ั
ี
ั
�
ิ
้
ี
ั
์
ิ
เจตนำไมสจรต ยกยำย ถำยโอนเงนจำกบญชเงนฝำกของโจทกเขำบญชเงนฝำกของจำเลย
หรือบุคคลอื่นและเบิกถอนเงินจำกบัญชีเงินฝำกของโจทก์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย และ
จ�ำเลยจงใจป้อนยำให้โจทก์รับประทำนเกินขนำดอันเป็นกำรประพฤติเนรคุณต่อโจทก์
ขอให้บังคับจ�ำเลยโอนเงินกลับคืนบัญชีเงินฝำกของโจทก์ พร้อมดอกเบ้ย และให้จ�ำเลย
ี
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ห้องชุดกลับคืนให้แก่โจทก์หรือนำย ร. ประเด็นข้อหำตำม
ิ
ื
ี
ค�ำฟ้องโจทก์และค�ำขอบังคับเป็นเร่องท่โจทก์โดยผู้อนุบำลฟ้องเรียกทรัพย์คืนโดยอ้ำงว่ำ
จ�ำเลยซึ่งเป็นผู้รับจ้ำงดูแลโจทก์ กระท�ำกำรไม่สุจริตยักย้ำย ถ่ำยโอนเงินในบัญชีเงินฝำก
ไปเป็นของตนเองและประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ผู้ให้ห้องชุดแก่จ�ำเลย อันเป็นกรณ ี
ี
ั
ท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๒ และบรรพ ๓ แม้โจทก์เป็นคนไร้ควำมสำมำรถตำมค�ำส่ง
ื
ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง แต่เม่อกรณีไม่ใช่ปัญหำเก่ยวกับสถำนะและ
ี
ควำมสำมำรถของบุคคลโดยตรง จึงไม่ใช่คดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๓ ธันวำคม ๒๕๕๔ โจทก์ว่ำจ้ำงจ�ำเลยดูแลโจทก์ซ่งเป็นผู้สูงอำย ุ
ี
ึ
ื
ี
ิ
ค่ำจ้ำงเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บำท และวันท่ ๑๕ ธันวำคม ๒๕๕๗ โจทก์โอนกรรมสิทธ์ห้องชุดเลขท่ ๔
ี
เอ อำคำรโอ็ค ทำวเวอร์ เพรสซิเดนท์ พำร์ค ๙๙ ซอยสุขุมวิท ๒๔ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหำนคร
รำคำประมำณ ๑๔,๐๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่จ�ำเลย ต่อมำปี ๒๕๕๘ โจทก์มีปัญหำด้ำนสุขภำพ
จึงเพ่มช่อจ�ำเลยในบัญชีเงินฝำกของโจทก์ท่ธนำคำรดีบีเอส เทรเชอร์ ในประเทศสิงคโปร์ เพ่อให้จ�ำเลย
ื
ื
ิ
ี
ดูแลและช่วยเหลือโจทก์ในกำรเบิกถอนเงินมำใช้จ่ำยและท�ำธุรกรรม ต่อมำวันที่ ๙ เมษำยน ๒๕๖๒
ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงมีค�ำส่งให้โจทก์เป็นคนไร้ควำมสำมำรถและแต่งต้งนำย ร.
ั
ั
ึ
ซ่งเป็นบุตรของโจทก์เป็นผู้อนุบำล นำย ร. ตรวจสอบพบว่ำจ�ำเลยมีเจตนำไม่สุจริต ยักย้ำย
ิ
ี
่
�
ั
ถำยโอนเงนประมำณ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท จำกบญชเงนฝำกของโจทกเขำบญชเงนฝำกของจำเลย
ั
้
ี
์
ิ
ิ
777
ี
ื
ื
่
หรอบุคคลอนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำยและเบิกถอนเงินจำกบัญชเงินฝำกของโจทก์ประมำณ
๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท โดยอ้ำงว่ำเป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรต่อวีซ่ำและค่ำใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวันของ
โจทก์ และจ�ำเลยจงใจป้อนยำให้โจทก์รับประทำนเกินขนำดอันเป็นกำรประพฤติเนรคุณต่อโจทก์
ขอให้บังคับจ�ำเลยโอนเงิน ๑,๖๒๒,๔๕๑.๕๙ ดอลลำร์สหรัฐ กลับคืนบัญชีเงินฝำกของโจทก์
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่จ�ำเลยเบิกถอนเงิน และให้จ�ำเลยจดทะเบียน
โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเลขที่ ๔ เอ อำคำรโอ็ค ทำวเวอร์ เพรสซิเดนท์ พำร์ค ๙๙ ซอยสุขุมวิท ๒๔
ถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหำนคร กลับคืนให้แก่โจทก์หรือนำย ร. ภำยใน ๗ วัน นับแต่วันม ี
ค�ำพิพำกษำ หำกไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำหรือให้จ�ำเลยชดใช้
เงินคืนโจทก์ ๑๔,๓๒๙,๗๐๐ บำท
ี
ั
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับตำมค�ำฟ้องเป็นเร่องท ่ ี
ื
โจทก์โดยผู้อนุบำลฟ้องเรียกทรัพย์คืน โดยอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นผู้รับจ้ำงดูแลโจทก์ กระท�ำกำร
ึ
ไม่สุจริต ยักย้ำย ถ่ำยโอนเงินในบัญชีเงินฝำกไปเป็นของตนเองและประพฤติเนรคุณต่อโจทก์
ผู้ให้ห้องชุดแก่จ�ำเลย อันเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒
และบรรพ ๓ แม้โจทก์เป็นคนไร้ควำมสำมำรถตำมค�ำสั่งศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง แต่เมื่อ
กรณีไม่ใช่ปัญหำเกี่ยวกับสถำนะและควำมสำมำรถของบุคคลโดยตรง จึงไม่ใช่คดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
778
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ป. โจทก์
ที่ วยช ๓๙/๒๕๖๓ นำง น. จ�ำเลย
เด็กหญิง ก. กับพวก จ�ำเลยร่วม
ิ
ื
สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นเร่องเจ้ำของรวมเรียกให้แบ่งกรรมสิทธ์รวมใน
ี
ี
ท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำท อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๑๓๖๓
ิ
ี
และ ๑๓๖๔ แม้จ�ำเลยและจ�ำเลยร่วมท้งสองให้กำรว่ำ ท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำทเป็นของ
ิ
ั
ื
ั
ึ
ิ
จ�ำเลยร่วมท้งสองซ่งเป็นผู้เยำว์ โดยโจทก์และจ�ำเลยมีช่อถือกรรมสิทธ์แทนจ�ำเลยร่วม
ี
ั
ึ
ี
ท้งสอง ก็มิใช่คดีท่เก่ยวด้วยส่วนได้เสียของผู้เยำว์ซ่งพิพำทกันตำม ป.พ.พ. ในบรรพ ๑
มำตรำ ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เป็นมำรดำของนำย จ. จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วย
กฎหมำยของนำย จ. เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหำคม ๒๕๕๘ นำย จ. ถึงแก่ควำมตำย โจทก์กับจ�ำเลย
เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวมในท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำทโดยมีจ�ำเลยครอบครองท่ดินและ
ี
ี
ิ
ิ
ี
ิ
พักอำศัยอยู่ในส่งปลูกสร้ำงดังกล่ำว ต่อมำโจทก์ประสงค์จะเข้ำครอบครองท�ำประโยชน์ในท่ดิน
และสิ่งปลูกสร้ำงในส่วนของตน จึงมีหนังสือแจ้งให้จ�ำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม แต่
ิ
ไม่สำมำรถตกลงกันได้ ขอให้บังคับจ�ำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธ์ท่ดินและส่งปลูกสร้ำง
ี
ิ
พิพำทออกเป็นโฉนดที่ดินแปลงใหม่ให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์กึ่งหนึ่ง หำกจ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำรให้ถือ
เอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย หำกไม่สำมำรถด�ำเนินกำรได้หรือจะเกิดควำม
เสียหำยขอให้น�ำที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำงพิพำทออกขำยทอดตลำด
ื
จำเลยให้กำรว่ำ เดิมทดินและสงปลูกสร้ำงพิพำทเป็นของนำย จ. เม่อนำย จ. ถึงแก่
�
ี
ิ
่
่
ควำมตำย ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรมีค�ำส่งต้งจ�ำเลยเป็นผู้จัดกำรมรดก โจทก์กับจ�ำเลยตกลง
ั
ั
ึ
ิ
จะยกท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำทให้แก่เด็กหญิง ก. และเด็กหญิง ส. ซ่งเป็นบุตรผู้เยำว์ของจ�ำเลย
ี
ิ
ิ
กับนำย จ. โดยใส่ช่อโจทก์กับจ�ำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธ์แทนและจะโอนกรรมสิทธ์ให้บุตรผู้เยำว์
ื
ท้งสองเม่อบรรลุนิติภำวะแล้ว จ�ำเลยไม่ได้เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์ในท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำท โจทก์
ั
ื
ิ
ิ
ี
จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
779
ระหว่ำงพิจำรณำ โจทก์ยื่นค�ำร้องขอให้หมำยเรียกเด็กหญิง ก. และเด็กหญิง ส. เข้ำมำ
เป็นจ�ำเลยร่วมโดยอ้ำงว่ำ หลังจำกจ�ำเลยรับหมำยเรียกและส�ำเนำค�ำฟ้องแล้วจ�ำเลยจดทะเบียน
ิ
ี
ื
ให้ท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำทแก่เด็กหญิง ก. และเด็กหญิง ส. โดยเสน่หำ เพ่อให้พ้นกำรบังคับคด ี
ศำลชั้นต้นมีค�ำสั่งอนุญำต
จ�ำเลยร่วมทั้งสองให้กำรว่ำ เดิมที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำงพิพำทเป็นกรรมสิทธิ์ของนำย จ.
บิดำของจ�ำเลยร่วมทั้งสอง เมื่อนำย จ. ถึงแก่ควำมตำยที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำงพิพำทจึงเป็นทรัพย์
ั
มรดกของนำย จ. จ�ำเลยร่วมท้งสองในฐำนะทำยำทโดยธรรมมีสิทธิรับโอนทรัพย์มรดกดังกล่ำว
ิ
ั
โจทก์และจ�ำเลยตกลงจะยกกรรมสิทธ์ท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำทให้แก่จ�ำเลยร่วมท้งสอง แต่
ิ
ี
ื
ั
ื
เน่องจำกจ�ำเลยร่วมท้งสองมีอำยุยังน้อย โจทก์และจ�ำเลยจึงตกลงใส่ช่อของโจทก์และจ�ำเลยถือ
ั
ี
ิ
ิ
กรรมสทธ์แทนจนกว่ำจ�ำเลยร่วมทงสองจะบรรลนิตภำวะ หลงจำกน้นโจทก์ขอให้จ�ำเลยจดทะเบยน
ั
ุ
ั
ิ
้
ี
ิ
ิ
ิ
แบ่งแยกกรรมสิทธ์ แต่จ�ำเลยไม่ยินยอม โจทก์อยู่ในฐำนะเป็นผู้ถือกรรมสิทธ์ในท่ดินและส่ง
ปลูกสร้ำงพิพำทแทนจ�ำเลยร่วมท้งสองจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง และคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ั
ี
ของศำลเยำวชนและครอบครัว ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยร่วมท้งสองย่นค�ำร้องขอให้ส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ื
ั
ี
ั
ั
่
ิ
ื
่
ิ
ู
้
วนิจฉัยวำคดีนอยในอ�ำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ ศำลจังหวด
ี
สมุทรปรำกำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นเร่องเจ้ำของรวมเรียกให้แบ่งกรรมสิทธ ิ ์
ื
ี
รวมในท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำทอันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ
ี
ิ
ี
พำณิชย์ มำตรำ ๑๓๖๓ และ ๑๓๖๔ แม้จ�ำเลยและจ�ำเลยร่วมทั้งสองให้กำรว่ำ ที่ดินและสิ่งปลูก
็
ื
ื
์
ิ
�
ั
่
สร้ำงพิพำทเปนของจำเลยร่วมท้งสองซงเป็นผ้เยำว์ โดยโจทก์และจ�ำเลยมช่อถอกรรมสิทธแทน
ู
ี
ึ
จ�ำเลยร่วมทั้งสอง ก็มิใช่คดีที่เกี่ยวด้วยส่วนได้เสียของผู้เยำว์ซึ่งพิพำทกันตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ ในบรรพ ๑ มำตรำ ๒๑ ถึง ๒๘, ๓๒, ๔๓ และ ๔๔ จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
780
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
781
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว พ. โจทก์
ที่ วยช ๒๑/๒๕๖๔ เด็กหญิง น. กับพวก จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้เยำว์โดยเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยที่ ๒
ี
่
่
ี
่
ี
ี
่
และท ๓ จ�ำเลยท ๒ และท ๓ เป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครองจ�ำเลยท ๑ ร่วมกัน โจทก์กับ
ี
่
่
ี
ี
จ�ำเลยท ๑ เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวมในท่ดินพิพำท โดยจ�ำเลยท ๒ และท ๓ ตกลง
่
ี
ิ
ี
ี
่
ยกท่ดินดังกล่ำวให้แก่โจทก์และจ�ำเลยท ๑ ตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมและ
ค�ำพิพำกษำตำมยอม เม่อโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ เข้ำถือครองกรรมสิทธ์ในท่ดินดังกล่ำว
ื
ี
ิ
ี
่
ี
ร่วมกันแล้ว จ�ำเลยท้งสำมไม่ด�ำเนินกำรย่นค�ำขอรังวัดเพ่อแบ่งแยกท่ดินให้เป็น
ื
ื
ั
สัดส่วน สภำพแห่งข้อหำ ข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำ และค�ำขอบังคับจึงเป็นเรื่อง
กำรแบ่งทรัพย์สินระหว่ำงเจ้ำของรวมอันจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๔ ลักษณะ ๒
ื
ี
หมวด ๓ แม้จ�ำเลยท ๑ จะเป็นผู้เยำว์ แต่เม่อกรณีไม่ใช่ปัญหำเก่ยวกับสถำนะและ
ี
่
ควำมสำมำรถหรือส่วนได้เสียของผู้เยำว์โดยตรง คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ โดย
ี
จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นผู้ใช้อ�ำนำจปกครองจ�ำเลยที่ ๑ ร่วมกัน โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เป็นเจ้ำของ
ิ
กรรมสิทธ์รวมในท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๙๕๐๑ ต�ำบลเขำครำม อ�ำเภอเมืองกระบ่ จังหวัดกระบ ่ ี
ี
ี
ี
เนื้อที่ ๒๙ ไร่ ๒ งำน ๖๐๕/๑๐ ตำรำงวำ โดยจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ตกลงยกที่ดินดังกล่ำวให้แก่
โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมและค�ำพิพำกษำตำมยอมในคดีแพ่ง
ี
หมำยเลขแดงที่ ๘/๒๕๕๘ ของศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดกระบี่ เมื่อโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑
เข้ำถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่ำวร่วมกันแล้วจ�ำเลยทั้งสำมไม่ด�ำเนินกำรยื่นค�ำขอรังวัดเพื่อ
แบ่งแยกที่ดินให้เป็นสัดส่วน เพื่อสะดวกในกำรที่โจทก์จะจ�ำหน่ำยจ่ำยโอนที่ดินในส่วนของโจทก์
ต่อไป โจทก์ติดต่อให้จ�ำเลยท้งสำมมำด�ำเนินกำรแล้ว แต่จ�ำเลยท้งสำมเพิกเฉย ขอให้บังคับ
ั
ั
ั
ี
ื
ี
จ�ำเลยท้งสำมด�ำเนินกำรย่นค�ำขอแบ่งแยกท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๙๕๐๑ ต�ำบลเขำครำม อ�ำเภอ
เมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เป็นเนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๒ งำน ๓๐ ตำรำงวำ หำกจ�ำเลย
ทั้งสำมไม่ด�ำเนินกำร ให้ถือเอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำ
782
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยท่ ๑
ี
ื
เน่องจำกจ�ำเลยท่ ๑ ยังเป็นผู้เยำว์ ไม่สำมำรถท�ำนิติกรรมเก่ยวกับท่ดินพิพำทเองได้ และ
ี
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์เพรำะไม่ใช่คู่สัญญำกับโจทก์ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยท่ ๒
์
ี
่
ึ
ิ
ซงเป็นบุพกำรของโจทก์เพรำะเป็นคดีอุทลุมตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย มำตรำ ๑๕๖๒
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๒ โอนท่ดินพิพำทให้แก่บุตรท้งสองคน คือ โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำประนีประนอม
ั
ยอมควำมที่ท�ำกับจ�ำเลยที่ ๓ แล้ว จ�ำเลยที่ ๒ จึงไม่มีหน้ำที่ใดต่อโจทก์อีก จ�ำเลยที่ ๑ ไม่ประสงค์
ี
ี
ี
ท่จะแบ่งแยกท่ดินพิพำทในขณะน้ คดีน้ไม่เป็นคดีครอบครัว จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ของศำลเยำวชนและครอบครัว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดกระบ่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ
ี
คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ี
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอแบ่งแยกท่ดินพิพำทโดยบรรยำยฟ้องอย่ำงแจ้งชัดว่ำ
ี
ี
โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ น้องของโจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวมในท่ดินพิพำท สภำพแห่งข้อหำ
ิ
ี
ี
ข้ออ้ำงที่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำ และค�ำขอบังคับจึงเป็นเรื่องกำรแบ่งทรัพย์สินระหว่ำงเจ้ำของรวม
อันจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๔ ลักษณะ ๒ หมวด ๓
ี
ี
แม้จ�ำเลยท่ ๑ จะเป็นผู้เยำว์ แต่เม่อกรณีไม่ใช่ปัญหำเก่ยวกับสถำนะและควำมสำมำรถหรือ
ื
ส่วนได้เสียของผู้เยำว์โดยตรง คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและ
ครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
783
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ก. โจทก์
ที่ วยช ๔๒/๒๕๖๔ นำงสำว ส. จ�ำเลย
ี
ิ
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ในท่ดินพิพำท ต่อมำบิดำมำรดำของ
ี
ึ
จ�ำเลยพำจ�ำเลยซ่งเป็นญำติของโจทก์มำขอเข้ำอยู่อำศัยโดยกำรปลูกบ้ำนเด่ยว ๑ ช้น
ั
ิ
�
ี
่
ิ
ิ
ิ
ี
่
ื
่
ั
�
ั
�
ในทดนพพำท ต่อมำโจทก์ จำเลย และบดำมำรดำของจำเลยไปยงสำนกงำนทดนเพอ
ี
ี
ี
ั
ด�ำเนินกำรแบ่งแยกท่ดินพิพำทส่วนท่เป็นบ้ำนเด่ยว ๑ ช้น ท่จ�ำเลยอยู่อำศัยและขำยท่ดิน
ี
ี
เฉพำะส่วนดังกล่ำวให้บิดำมำรดำของจ�ำเลย โดยบิดำมำรดำของจ�ำเลยเป็นผู้ด�ำเนินกำร
ื
ั
ื
ื
ี
เร่องเอกสำรท้งหมด โจทก์ลงนำมในเอกสำรโดยหลงเช่อว่ำเป็นกำรซ้อขำยท่ดินพิพำท
ั
ื
เฉพำะส่วนเท่ำน้น เม่อตรวจสอบภำยหลัง พบว่ำนิติกรรมท่ท�ำในวันดังกล่ำวเป็นกำร
ี
์
ื
ึ
ื
ี
ิ
ซ้อขำยท่ดินพิพำทท้งแปลงโดยใส่ช่อจ�ำเลยซ่งเป็นผู้เยำว์เป็นผู้ถือกรรมสิทธ ขอให้จ�ำเลย
ั
โอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทคืนแก่โจทก์ ดังน สภำพแห่งข้อหำ ข้ออ้ำงท่อำศัยเป็นหลัก
ี
้
ี
ี
ิ
ื
แห่งข้อหำ และค�ำขอบังคับจึงเป็นเร่องนิติกรรมและทรัพย์สิน อันจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
ื
ี
บรรพ ๑ และบรรพ ๔ แม้จ�ำเลยจะเป็นผู้เยำว์ แต่เม่อกรณีไม่ใช่ปัญหำเก่ยวกับสถำนะ
และควำมสำมำรถหรือส่วนได้เสียของผู้เยำว์โดยตรง คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________
ั
ี
ี
ิ
โจทก์ฟ้องว่ำ ต้งแต่วันท่ ๒๗ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๐ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์ท่ดิน
โฉนดเลขท่ ๒๕๑๐๒ ต�ำบลไร่ใหม่ อ�ำเภอสำมร้อยยอด (กุยบุรี) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยโจทก์
ี
ครอบครองปลูกบ้ำนอยู่อำศัยและท�ำประโยชน์ในที่ดินพิพำทตลอดมำ ต่อมำในปี ๒๕๕๖ นำย ส.
และนำง ช. บิดำมำรดำของจ�ำเลยพำจ�ำเลยมำขอเข้ำอยู่อำศัยโดยกำรปลูกบ้ำนเดี่ยว ๑ ชั้น ใน
ี
ี
ื
ท่ดินพิพำท โจทก์อนุญำตเน่องจำกจ�ำเลยเป็นญำติของโจทก์ ต่อมำวันท่ ๑๗ พฤศจิกำยน ๒๕๖๓
โจทก์ จ�ำเลย และบิดำมำรดำของจ�ำเลยเดินทำงไปยังส�ำนักงำนท่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ี
สำขำปรำณบุรี เพื่อด�ำเนินกำรแบ่งแยกที่ดินพิพำทส่วนที่เป็นบ้ำนเดี่ยว ๑ ชั้น ที่จ�ำเลยอยู่อำศัย
ี
และขำยท่ดินเฉพำะส่วนดังกล่ำวให้บิดำมำรดำของจ�ำเลยตำมท่บิดำมำรดำของจ�ำเลยเอ่ยปำก
ี
ื
ขอซ้อจำกโจทก์เรอยมำ โดยบดำมำรดำของจำเลยเป็นผู้ดำเนนกำรเรองเอกสำรทงหมด โจทก์
�
ั
้
ิ
ิ
ื
่
�
ื
่
ื
ื
ื
ั
ี
ลงนำมในเอกสำรโดยหลงเช่อว่ำเป็นกำรซ้อขำยท่ดินพิพำทเฉพำะส่วนเท่ำน้น เม่อตรวจสอบ
ื
ภำยหลังพบว่ำนิติกรรมท่ท�ำในวันดังกล่ำวเป็นกำรซ้อขำยท่ดินพิพำทท้งแปลงโดยใส่ช่อจ�ำเลย
ี
ั
ี
ื
ิ
ซ่งเป็นผู้เยำว์เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์ โจทก์ร้องเรียนต่อศูนย์ด�ำรงธรรมอ�ำเภอสำมร้อยยอด จังหวัด
ึ
ี
ประจวบคีรีขันธ์ และได้มีกำรท�ำบันทึกไกล่เกล่ยประนอมข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับบิดำมำรดำ
784
ิ
ี
ี
ื
ของจ�ำเลยเม่อวันท่ ๒๙ ธันวำคม ๒๕๖๓ โดยบิดำมำรดำของจ�ำเลยตกลงโอนกรรมสิทธ์ท่ดิน
พิพำทคืนแก่โจทก์เพ่อจะด�ำเนินกำรรังวัดแบ่งแยกและท�ำสัญญำซ้อขำยท่ดินเฉพำะส่วนต่อไป
ี
ื
ื
แต่บิดำมำรดำของจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมบันทึกดังกล่ำว กำรได้ไปซ่งท่ดินพิพำทของจ�ำเลยเป็นกำร
ึ
ี
ได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๒๙๙ โดยอำศัย
ี
สิทธิจำกผู้ใช้อ�ำนำจปกครองของจ�ำเลยท่จดทะเบียนนิติกรรมสัญญำโดยไม่ชอบตำมมำตรำ ๑๕๖
และมำตรำ ๑๕๗ อันเป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยร่วมกับผู้ใช้อ�ำนำจปกครอง
ื
ิ
ของจ�ำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสทธ์ท่ดินพพำทคืนแก่โจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถอเอำ
ิ
ี
ิ
ค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
ั
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำ
ว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้
ี
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้จ�ำเลยโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทคืนแก่โจทก์ โดยอ้ำง
ิ
ี
ควำมบกพร่องในกำรแสดงเจตนำท�ำนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทของโจทก์ และบันทึกไกล่เกลี่ย
ี
ประนอมข้อพิพำทท่โจทก์ท�ำกับผู้ใช้อ�ำนำจปกครองของจ�ำเลย ดังน้ สภำพแห่งข้อหำ ข้ออ้ำง
ี
ท่อำศัยเป็นหลักแห่งข้อหำ และค�ำขอบังคับจึงเป็นเร่องนิติกรรมและทรัพย์สิน อันจะต้องบังคับ
ื
ี
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ และบรรพ ๔ แม้จ�ำเลยจะเป็นผู้เยำว์ แต่เมื่อ
ี
ี
กรณีไม่ใช่ปัญหำเก่ยวกับสถำนะและควำมสำมำรถหรือส่วนได้เสียของผู้เยำว์โดยตรง คดีน้จึง
ิ
ี
ั
ี
ไม่เป็นคดครอบครว ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชน
ี
ิ
ั
ั
ั
ิ
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
785
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ณ. โจทก์
ที่ วยช ๑๒๒/๒๕๖๓ นำงสำว ภ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินและทองค�ำแท่งคืนจำกจ�ำเลยโดยกล่ำวอ้ำงว่ำเป็นกำรผิด
สัญญำร่วมลงทุน ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้เงินและทองแท่งคืน จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ เงิน
และทองค�ำแท่งที่โจทก์ให้เป็นกำรให้โดยเสน่หำเพื่อตอบแทนที่จ�ำเลยจะแต่งงำนและอยู่
ั
กินร่วมกันฉันสำมีภริยำกับโจทก์ อันเป็นกำรให้กำรในท�ำนองว่ำเงินและทองค�ำแท่งน้น
ี
ั
เป็นของหม้น กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ เงินและทองค�ำแท่งเป็นทรัพย์สินท่โจทก์
ให้แก่จ�ำเลยเพ่อตอบแทนท่จ�ำเลยจะสมรสและอยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ อันมีลักษณะ
ี
ื
ี
เป็นของหม้นท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๑ หรือไม่ จึงเป็น
ั
คดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยำยน ๒๕๖๒ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงประกอบธุรกิจเปิด
ี
ร้ำนเซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมกัน โดยโจทก์เป็นผู้ออกเงินลงทุน ส่วนจ�ำเลยมีหน้ำท่จัดกำรบริหำรร้ำน
ื
ี
ึ
ตกลงแบ่งผลก�ำไรกันคนละก่งหน่ง เม่อวันท่ ๑๘ กันยำยน ๒๕๖๒ โจทก์น�ำเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท
ึ
และทองค�ำแท่ง น�้ำหนักรวม ๑๐๐ บำท ค�ำนวณเป็นเงิน ๒,๑๗๐,๐๐๐ บำท มอบให้แก่จ�ำเลย
เพ่อไปด�ำเนินกำรเปิดร้ำนเซเว่น อีเลฟเว่น จ�ำเลยได้รับเงินและทองค�ำแท่งจำกโจทก์ครบถ้วนแล้ว
ื
ต่อมำปลำยเดือนกันยำยน ๒๕๖๒ จ�ำเลยแจ้งโจทก์ว่ำ เร่องจะประกอบธุรกิจเปิดร้ำนเซเว่น
ื
ู
ี
่
ี
ั
้
ี
ั
อเลฟเว่น น้นไม่ผ่ำน เพรำะสถำนท่ตงอย่ใกล้กับวัด วันท ๑ ตุลำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลยนำเงนและ
ิ
�
ื
ทองค�ำแท่งท่โจทก์มอบให้ไปซ้อรถยนต์เก๋งย่ห้อ Mercedes-Benz รำคำ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บำท ต่อมำ
ี
ี
ั
โจทก์ทวงถำมเงินและทองค�ำแท่งคืน จ�ำเลยคืนเงินเพียง ๒๐๐,๐๐๐ บำท เท่ำน้น กำรกระท�ำของจ�ำเลย
เป็นกำรผิดสัญญำร่วมลงทุนเป็นกำรโต้แย้งสิทธิท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จ�ำเลยต้องคืนเงิน
แก่โจทก์รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๓,๙๗๐,๐๐๐ บำท แต่โจทก์ติดใจเรียกร้องเพียง ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ั
์
�
ี
่
่
ื
จำเลยใหกำรวำ เมอวนท่ ๑๑ ตลำคม ๒๕๖๒ จำเลยกบโจทกจดทะเบยนสมรสชอบ
�
้
ุ
ี
ั
ด้วยกฎหมำย ฟ้องโจทก์เป็นกำรดำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำ โดยโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่ง
�
�
�
786
หมำยเลขด�ำที่ พ.๑๖๑๐/๒๕๖๒ ของศำลจังหวัดนครพนม ซึ่งโจทก์ได้ถอนฟ้องแล้ว ฟ้องโจทก์
ี
ั
ื
เคลือบคลุม กำรท่โจทก์น�ำเงินพร้อมทองค�ำแท่งให้แก่จ�ำเลยน้นเป็นกำรให้โดยเสน่หำเพ่อ
ตอบแทนที่จ�ำเลยจะแต่งงำนอยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ แต่จ�ำเลยไม่สำมำรถทนอยู่กินร่วมกัน
ี
ื
ฉันสำมีภริยำกับโจทก์ได้ เน่องจำกโจทก์มีพฤติกรรมเก่ยวข้องกับยำเสพติดและท�ำร้ำยรวมท้ง
ั
ขู่เข็ญว่ำจะท�ำร้ำยร่ำงกำยจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดนครพนมเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องเรียกเงินและทองค�ำแท่งคืนจำกจ�ำเลยโดยกล่ำวอ้ำงว่ำ
เป็นกำรผิดสัญญำร่วมลงทุน ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้เงิน จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ เงินและทองค�ำแท่ง
ที่โจทก์ให้เป็นกำรให้โดยเสน่หำเพื่อตอบแทนที่จ�ำเลยจะแต่งงำนและอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำ
ั
ั
กับโจทก์ อันเป็นกำรให้กำรในท�ำนองว่ำเงินและทองค�ำแท่งน้นเป็นของหม้น กรณีจึงมีปัญหำ
ี
ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ เงินและทองค�ำแท่งเป็นทรัพย์สินท่โจทก์ให้แก่จ�ำเลยเพ่อตอบแทนท่จ�ำเลย
ื
ี
จะสมรสและอยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ อันมีลักษณะเป็นของหมั้นที่จะต้องบังคับตำมประมวล
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๑ หรือไม่ จึงเป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๘ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
787
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ส. กับพวก โจทก์
ที่ วยช ๔๐/๒๕๖๔ นำย ส. กับพวก จ�ำเลย
ั
ั
โจทก์ท้งสองฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองช�ำระค่ำทดแทนแก่โจทก์ท้งสอง
ั
ื
ี
ั
เพรำะเหตุท่จ�ำเลยท้งสองผิดสัญญำหม้น เป็นค่ำทดแทนควำมเสียหำยต่อกำยและช่อเสียง
ั
กับควำมเสียหำยเน่องจำกโจทก์ท้งสองได้ใช้จ่ำยในกำรเตรียมกำรสมรส สภำพแห่งข้อหำ
ื
ั
ของโจทก์ท้งสองและค�ำขอบังคับดังกล่ำวเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
ี
ั
มำตรำ ๑๔๔๐ (๑) (๒) คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ที่ ๑ เป็นมำรดำของโจทก์ที่ ๒ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นบิดำของจ�ำเลยที่ ๒
เมื่อประมำณต้นเดือนเมษำยน ๒๕๖๓ จ�ำเลยทั้งสองมำสู่ขอโจทก์ที่ ๒ ที่บ้ำนของโจทก์ทั้งสอง
โดยจ�ำเลยทั้งสองน�ำสร้อยคอทองค�ำหนัก ๒ สลึง และเงินสด ๒๐,๐๐๐ บำท มำเป็นของหมั้นและ
จ�ำเลยทั้งสองสัญญำว่ำจะน�ำเงินสดอีก ๑๓๐,๐๐๐ บำท มำมอบให้แก่โจทก์ที่ ๒ ในวันแต่งงำนซึ่ง
ก�ำหนดไว้ในช่วงต้นปี ๒๕๖๔ หลังจำกแต่งงำนแล้วจ�ำเลยที่ ๒ จะมำอยู่กับโจทก์ที่ ๒ ที่บ้ำนของ
ั
โจทก์ท้งสองและจะไปจดทะเบียนสมรสกันตำมกฎหมำย หลังจำกท�ำสัญญำหม้นกันแล้ว โจทก์
ั
ทั้งสองได้เตรียมกำรสมรสโดยเตรียมของรับไหว้ญำติผู้ใหญ่ ปรับปรุงห้องหอ และเปลี่ยนเครื่อง
เรือนที่นอน ระหว่ำงเตรียมกำรสมรส จ�ำเลยที่ ๒ มำนอนพักค้ำงคืนที่บ้ำนของโจทก์ทั้งสองเป็น
ประจ�ำและมีเพศสัมพันธ์กับโจทก์ที่ ๒ เรื่อยมำ ต่อมำต้นปี ๒๕๖๔ โจทก์ทั้งสองได้ปรึกษำจ�ำเลย
ทั้งสองเพื่อก�ำหนดวันแต่งงำน แต่จ�ำเลยทั้งสองผัดผ่อน ต่อมำจ�ำเลยที่ ๒ แจ้งโจทก์ที่ ๒ ว่ำจะไม่
ื
ี
แต่งงำนกับโจทก์ท่ ๒ เพรำะก�ำลังจะไปแต่งงำนกับหญิงอ่น กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำร
ั
ผิดสัญญำหม้นท�ำให้โจทก์ท้งสองเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองช�ำระค่ำทดแทนควำม
ั
ั
ั
เสียหำยต่อกำยหรือช่อเสียง ๒๐๐,๐๐๐ บำท และควำมเสียหำยเน่องจำกกำรเตรียมกำรสมรส
ื
ื
๗๐,๐๐๐ บำท รวมเป็นเงิน ๒๗๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
ี
�
ิ
ิ
้
ี
ู
่
ื
�
ชนยนคำให้กำร จำเลยทงสองยนคำร้องว่ำ คดนอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ
้
ั
�
่
�
ื
้
ั
ศำลจังหวดนครพนม ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครพนมเห็นว่ำ กรณีมปัญหำว่ำคดีน้อย ่ ู
ี
ี
ั
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำล
788
อุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ั
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ท้งสองฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองช�ำระค่ำทดแทนแก่โจทก์
ั
ี
ั
ั
ท้งสองเพรำะเหตุท่จ�ำเลยท้งสองผิดสัญญำหม้นเป็นค่ำทดแทนควำมเสียหำยต่อกำยและ
ช่อเสียงกับควำมเสียหำยเน่องจำกโจทก์ท้งสองได้ใช้จ่ำยในกำรเตรียมกำรสมรส สภำพแห่งข้อหำ
ื
ั
ื
ของโจทก์ท้งสองและค�ำขอบังคับดังกล่ำวเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
ี
ั
้
ี
ิ
ั
ั
และพำณชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๔๐ (๑) (๒) คดีนจึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบญญต ิ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
789
์
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย น. โจทก
ที่ วยช ๓๘/๒๕๖๕ นำงสำว ช. จ�ำเลย
ั
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยผิดค�ำม่นสัญญำว่ำจะอยู่กิน
ี
ฉันสำมีภริยำกับโจทก์โดยกำรหลอกลวงให้โจทก์ช�ำระหน้แทนจ�ำเลย จ�ำเลยให้กำรว่ำเงิน
ี
ื
ั
ื
หรือทรัพย์สินอ่นใดท่โจทก์มอบให้แก่จ�ำเลยเพ่อเป็นค�ำม่นว่ำจะแต่งงำนกับจ�ำเลยถือเป็น
ของหม้น จ�ำเลยไม่ได้ผิดค�ำม่นสัญญำแต่โจทก์เป็นฝ่ำยหลอกลวงจ�ำเลยเน่องจำกโจทก์
ั
ั
ื
มีภริยำและบุตรอยู่แล้ว จ�ำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินแก่โจทก์ เป็นกรณีมีประเด็นข้อพิพำท
ี
ิ
�
�
ั
ั
สำคัญท่ต้องวินจฉยเป็นประเด็นแรกว่ำ นิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจำเลยเป็นสญญำ
ั
่
ื
ึ
้
ั
ั
หมนหรอไม่ ซงเป็นกรณทต้องบงคบตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๓๗, ๑๔๔๒
ี
ี
่
และ ๑๔๔๓ จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อต้นเดือนตุลำคม ๒๕๖๓ โจทก์รู้จักกับจ�ำเลยซึ่งท�ำงำนโรงงำนในนิคม
อุตสำหกรรมเกตเวย์ อ�ำเภอแปลงยำว จังหวัดฉะเชิงเทรำ โดยจ�ำเลยบอกโจทก์ว่ำจ�ำเลยท�ำงำน
�
ี
ื
ี
เหนอยมำกอยำกกลบไปอยู่บ้ำนท่อำเภอนำหว้ำ จังหวัดนครพนม แต่จ�ำเลยมีหน้ธนำคำรเพ่อ
ั
่
ื
กำรเกษตรและสหกรณ์ ประมำณ ๒๐๐,๐๐๐ บำท หำกโจทก์ยินยอมใช้หนี้ทั้งหมดให้แก่ธนำคำร
ี
แทนจ�ำเลย จ�ำเลยจะลำออกจำกท่ท�ำงำนไปอยู่กินฉันสำมีภริยำและมีบุตรกับโจทก์ท่บ้ำนของ
ี
จ�ำเลย จังหวัดนครพนม ซ่งโจทก์ตกลงตำมข้อเสนอของจ�ำเลยและจ�ำเลยได้ส่งรูปภำพพร้อม
ึ
ข้อมูลส่วนตัวของจ�ำเลยท่จะมีโอกำสต้งครรภ์ให้แก่โจทก์ ต่อมำวันท่ ๖ ตุลำคม ๒๕๖๓ โจทก์
ั
ี
ี
โอนเงินจ�ำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บำท จำกธนำคำรกสิกรโทย จ�ำกัด (มหำชน) ชื่อบัญชี นำง ว. และ
วันที่ ๑๒ ตุลำคม ๒๕๖๓ โจทก์โอนเงินจำกธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ชื่อบัญชีโจทก์
จ�ำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บำท ไปยังธนำคำรกสิกรไทย จ�ำกัด (มหำชน) ชื่อบัญชี นำง บ. รวมเป็นเงิน
ิ
ี
ั
ท่โจทก์โอนเข้ำบัญชีนำง บ. ท้งส้น ๒๐๐,๐๐๐ บำท หลังจำกน้นจ�ำเลยขอให้โจทก์โอนเงินเพ่ม
ั
ิ
ให้อีก ๒ ครั้ง เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลำคม ๒๕๖๓ โจทก์โอนเงินจำกธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน)
ชื่อบัญชีโจทก์ ไปยังธนำคำรกสิกรไทย จ�ำกัด (มหำชน) ชื่อบัญชีจ�ำเลย จ�ำนวน ๑๖,๐๐๐ บำท
และวันที่ ๑๓ พฤศจิกำยน ๒๕๖๓ โจทก์โอนเงินจำกธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ชื่อ
บัญชีโจทก์ ไปยังธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) ชื่อบัญชีนำย พ. จ�ำนวน ๖,๕๐๐ บำท
790
ี
ั
ี
รวมเป็นเงินท่โจทก์โอนให้แก่จ�ำเลยท้งส้น ๒๒๑,๕๐๐ บำท (ท่ถูก ๒๒๒,๕๐๐ บำท) หลังจำก
ิ
โจทก์โอนเงินให้แก่จ�ำเลยแล้ว โจทก์ไม่สำมำรถติดต่อจ�ำเลยได้อีกและทรำบว่ำจ�ำเลยลำออก
์
จำกงำน จนกระทั่งวันที่ ๔ มกรำคม ๒๕๖๔ โจทกเห็นภำพที่จ�ำเลยลงคูกับผูชำยในแอปพลิเคชัน
่
้
เฟซบุ๊ก พร้อมระบุข้อควำมว่ำ จ�ำเลยก�ำลังจะหม้นกับผู้ชำยในภำพภำยในเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๔
ั
กำรกระท�ำของจ�ำเลยถือว่ำเป็นกำรผิดค�ำม่นสัญญำว่ำจะอยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์โดย
ั
�
ั
ั
้
ั
ี
�
ี
�
�
กำรหลอกลวงให้โจทก์ชำระหนแทนจำเลย ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ขอให้บงคบจำเลย
ี
ช�ำระเงินแก่โจทก์ ๒๒๒,๕๔๖.๘๑ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน
๒๒๑,๕๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ั
�
จำเลยให้กำรว่ำ จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ำยผดคำมนสญญำ เงนทโจทก์โอนให้แก่จำเลย
่
�
ิ
ั
่
ี
�
�
ิ
ื
ี
๒๒๑,๕๐๐ บำท ถือเป็นบรรดำเงินหรือทรัพย์สินอ่นใดท่โจทก์มอบไว้ให้แก่จ�ำเลยเพ่อเป็น
ื
ั
ค�ำม่นว่ำจะแต่งำนกับจ�ำเลยจึงเป็นของหม้นตำมกฎหมำย ซ่งหลังจำกโจทก์โอนเงินดังกล่ำว
ึ
ั
ให้แก่จ�ำเลยแล้วจ�ำเลยได้ลำออกจำกงำนเพ่อแต่งำนอยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ตำมค�ำม่น
ั
ื
ี
่
ื
ท่ได้ให้ไว้ แต่จ�ำเลยมำทรำบภำยหลังว่ำโจทก์หลอกลวงจ�ำเลยเนองจำกโจทก์มีภริยำและบุตร
ี
อยู่แล้ว จ�ำเลยมิได้มีเจตนำจงใจท่จะผิดสัญญำกับโจทก์ หำกแต่กรณมเหตุส�ำคัญอันเกิดจำก
ี
ี
ั
ฝ่ำยชำยผู้เป็นคู่หม้น จ�ำเลยจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญำหม้นโดยไม่ต้องคืนเงินดังกล่ำวให้แก่โจทก์
ั
ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดฉะเชิงเทรำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ตำมสภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำให้กำรจ�ำเลยเป็นกรณีมีประเด็น
ี
ข้อพิพำทส�ำคัญท่ต้องวินิจฉัยเป็นประเด็นแรกว่ำ นิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสัญญำ
ิ
ื
ั
หม้นหรอไม่ ซ่งเป็นกรณีท่ต้องบงคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕ มำตรำ
ึ
ั
ี
๑๔๓๗, ๑๔๔๒ และ ๑๔๔๓ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
791
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
792
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย จ. โจทก์
ที่ วยช ๔๙/๒๕๖๑ นำงสำว ม. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์คบหำกับจ�ำเลยฉันคนรัก ระหว่ำงที่คบหำกันโจทก์กับจ�ำเลย
ื
ี
ั
ร่วมกันซ้อท่ดิน รถแทรกเตอร์ และเคร่องใช้ภำยในบ้ำน ร่วมกันสร้ำงร้วแสดงแนวเขต
ื
ื
ี
ท่ดินและซ่อมแซมปรับปรุงบ้ำนของจ�ำเลยเพ่อใช้อยู่อำศัยร่วมกัน ต่อมำโจทก์ทรำบว่ำ
ึ
ึ
จ�ำเลยไม่รักโจทก์ จึงขอให้จ�ำเลยแบ่งกรรมสิทธ์ในทรัพย์สินดังกล่ำวแก่โจทก์ก่งหน่ง
ิ
ื
ี
อันเป็นเร่องกำรขอแบ่งทรัพย์สินอันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๔
ี
ลักษณะ ๒ หมวด ๓ ท่จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ให้ทรัพย์สินดังกล่ำวแก่จ�ำเลยโดยเสน่หำ
ื
ื
ย่อมก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพำทว่ำ โจทก์ให้เงินแก่จ�ำเลยเพ่อซ้อทรัพย์สินดังกล่ำวโดย
ี
เสน่หำหรือไม่ ประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำวเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๓
ลกษณะ ๓ ส่วนคำให้กำรของจำเลยทว่ำ โจทก์ผดสญญำหมนเพรำะส่งมอบทรพย์สิน
�
ิ
่
ี
ั
�
้
ั
ั
ั
ั
ี
ั
เป็นของหม้นให้แก่จ�ำเลยน้อยกว่ำท่ตกลงกันน้นเป็นเพียงกำรยกข้อเท็จจริงประกอบ
ี
ข้อต่อสู้ในค�ำให้กำร มิได้ก่อให้เกิดเป็นประเด็นโดยตรงท่จะต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์ผิดสัญญำ
หมั้นหรือไม่ คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์รู้จักและคบหำกับจ�ำเลยฉันคนรักเม่อปี ๒๕๕๗ ระหว่ำงเวลำคบหำกัน
ื
ื
ี
โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันซ้อท่ดิน ๑ แปลง รำคำ ๑,๖๐๐,๐๐๐ บำท รถแทรกเตอร์ ๑ คัน รำคำ
ั
๖๕๐,๐๐๐ บำท และเคร่องใช้ภำยในบ้ำนหลำยรำยกำร รำคำ ๓๕,๐๐๐ บำท อีกท้งร่วมกันสร้ำงร้ว
ื
ั
แสดงแนวเขตท่ดินเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท และซ่อมแซมปรับปรุงบ้ำนของจ�ำเลยเพ่อใช้อยู่อำศัย
ี
ื
ร่วมกันเป็นเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บำท นอกจำกนี้โจทก์ยังให้เงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท และทองค�ำน�้ำหนัก
๑ บำท แก่จ�ำเลยเป็นของหมั้นและสินสอด แต่หลังจำกนั้นโจทก์ทรำบว่ำจ�ำเลยไม่รักโจทก์ โจทก์
ี
่
จึงขอให้จ�ำเลยแบ่งกรรมสิทธ์ทรพย์สนอันประกอบด้วยเงินท่ใช้ซ้อทดิน เงินท่ใช้ซ้อรถแทรกเตอร์
ื
ั
ี
ื
ี
ิ
ิ
ี
ื
ื
ั
ี
และเงินท่ใช้ซ้อเคร่องใช้ภำยในบ้ำน กับเงินท่ใช้สร้ำงร้วแสดงแนวเขตท่ดิน และเงินท่ใช้ซ่อมแซม
ี
ี
ึ
ปรับปรุงบ้ำนของจ�ำเลยดังกล่ำวข้ำงต้นให้แก่โจทก์ก่งหน่ง รวมเป็นเงิน ๑,๕๔๒,๐๐๐ บำท
ึ
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑,๕๔๒,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ
ี
๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
793
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ให้ทรัพย์สินต่ำง ๆ แก่จ�ำเลยโดยเสน่หำ ที่โจทก์อ้ำงว่ำโจทก์ให้
ื
ั
ื
เงินแก่จ�ำเลยเพ่อใช้ซ่อมแซมปรับปรุงบ้ำนของจ�ำเลยน้นแท้จริงแล้วโจทก์ให้เงินแก่จ�ำเลยเพ่อ
ให้จ�ำเลยใช้จ่ำยส่วนตัว ส่วนกำรซื้อรถแทรกเตอร์นั้นโจทก์เป็นฝ่ำยเสนอให้ใช้ชื่อบิดำของจ�ำเลย
ั
เป็นผู้ด�ำเนินกำร ต่อมำโจทก์รับปำกจะหม้นกับจ�ำเลยโดยส่งมอบเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท และ
้
ั
�
�
ี
ั
ิ
ั
ทองคำนำหนก ๑๐ บำท เป็นของหม้น แต่โจทก์กลบส่งมอบเงนเพยง ๑๐๐,๐๐๐ บำท และ
ทองค�ำน�้ำหนัก ๑ บำท ให้แก่จ�ำเลยและบิดำมำรดำของจ�ำเลย กรณีถือได้ว่ำโจทก์ผิดสัญญำหมั้น
กำรที่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยเป็นคดีนี้จึงเป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดกำฬสินธุ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับตำมค�ำฟ้องเป็นเร่องกำร
ื
ขอแบ่งทรัพย์สินอันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๔
ี
ี
ลักษณะ ๒ หมวด ๓ ท่จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ให้ทรัพย์สินต่ำง ๆ แก่จ�ำเลยโดยเสน่หำย่อม
ี
ื
ื
ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพำทว่ำ โจทก์ให้เงินแก่จ�ำเลยเพ่อซ้อท่ดิน รถแทรกเตอร์และเคร่องใช้
ื
ี
ั
ภำยในบ้ำน รวมท้งใช้สร้ำงร้วแสดงแนวเขตท่ดินและซ่อมแซมปรับปรุงบ้ำนของจ�ำเลยโดยเสน่หำ
ั
ี
หรือไม่ ประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำวเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
บรรพ ๓ ลักษณะ ๓ ส่วนค�ำให้กำรของจ�ำเลยที่ว่ำ โจทก์ผิดสัญญำหมั้นเพรำะส่งมอบทรัพย์สิน
ี
ั
ั
เป็นของหม้นให้แก่จ�ำเลยน้อยกว่ำท่ตกลงกันน้นเป็นเพียงกำรยกข้อเท็จจริงประกอบข้อต่อสู้
ั
ในค�ำให้กำร มิได้ก่อให้เกิดเป็นประเด็นโดยตรงท่จะต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์ผิดสัญญำหม้นหรือไม่
ี
ี
คดีน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
794
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ก. โจทก์
ที่ วยช ๔๗/๒๕๖๑ นำง พ. กับพวก จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยทั้งสองเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยที่ ๑ กู้ยืมเงิน
ื
ั
จำกโจทก์เพ่อน�ำไปใช้ในกิจกำรของจ�ำเลยท้งสอง ขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระหน ี ้
ั
้
ั
ู
ี
่
คืนแก่โจทก์ จ�ำเลยทงสองให้กำรว่ำ จ�ำเลยท ๒ ไม่ได้ร้เห็นยินยอมหรือให้สัตยำบันใน
ี
กำรกู้ยืมเงินของจ�ำเลยท ๑ จ�ำเลยท ๒ จึงไม่ใช่ลูกหน้ร่วม เม่อโจทก์กับจ�ำเลยท้งสอง
ี
่
ี
่
ื
ั
ี
ื
ี
ี
ี
ี
่
โต้แย้งกันว่ำ หน้ท่จ�ำเลยท ๑ กู้ยืมเงินจำกโจทก์เป็นหน้ท่เกิดข้นเน่องจำกกำรงำน
ึ
ึ
ั
ี
ั
ซ่งจ�ำเลยท้งสองท�ำด้วยกันอันจะมีผลท�ำให้จ�ำเลยท้งสองเป็นลูกหน้ร่วมกันหรือไม่
ประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำวเป็นกรณีที่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๙๐ (๓)
คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ กู้ยืมเงินจำกโจทก์เพ่อน�ำไปใช้เป็นทุนปลูกสับปะรดอันเป็น
กิจกำรในครอบครัวของจ�ำเลยท้งสองซ่งเป็นสำมีภริยำกัน จ�ำเลยท้งสองจึงเป็นลูกหน้ร่วมกัน
ี
ั
ั
ึ
ี
ั
ี
ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑ ผิดนัดช�ำระหน้ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระหน้ตำมสัญญำกู้ยืมเงิน
ี
ดังกล่ำวแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ กู้ยืมเงินจำกโจทก์เพื่อน�ำไปให้บุคคลอื่นกู้ยืมแล้วน�ำ
ดอกเบี้ยที่ได้รับมำแบ่งปันกันระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ไม่ได้รู้เห็นยินยอมหรือ
ให้สัตยำบัน จ�ำเลยที่ ๒ จึงไม่ใช่ลูกหนี้ร่วม และหนี้ดังกล่ำวยังไม่ถึงก�ำหนดช�ำระ โจทก์จึงไม่มี
อ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ได้น�ำเงินท่กู้ยืมจำกโจทก์ไปใช้เป็นทุนปลูก
ี
ี
สับปะรดตำมที่โจทก์กล่ำวอ้ำง แต่จ�ำเลยที่ ๑ น�ำเงินดังกล่ำวไปใช้เพื่อประโยชน์ตนฝ่ำยเดียวโดย
จ�ำเลยที่ ๒ ไม่ได้รู้เห็นยินยอมหรือให้สัตยำบัน จ�ำเลยที่ ๒ จึงไม่ใช่ลูกหนี้ร่วม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดตรำดเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
795
ั
ี
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทท่ส�ำคัญตำมท่โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองโต้แย้งกันว่ำ
หนี้ที่จ�ำเลยที่ ๑ กู้ยืมเงินจำกโจทก์เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจำกกำรงำนซึ่งจ�ำเลยทั้งสองท�ำด้วยกัน
ั
อันจะมีผลท�ำให้จ�ำเลยท้งสองเป็นลูกหน้ร่วมกันหรือไม่ ประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำวเป็นกรณ ี
ี
ที่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๙๐ (๓) คดีนี้จึงเป็น
คดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
796
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ป. โจทก์
ที่ วยช ๒/๒๕๖๔ บริษัท น. จ�ำกัด จ�ำเลย
ู
่
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับนำย ศ. เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย ระหวำงอย่กิน
ี
ี
ื
ฉันสำมีภริยำ นำย ศ. ได้ซ้อท่ดินพิพำท ๔ แปลง ท่ดินพิพำทจึงเป็นสินสมรสของโจทก์
กับนำย ศ. ต่อมำนำย ศ. คบชู้กับนำงสำว อ. โจทก์ได้ฟ้องนำย ศ. และนำงสำว อ. ขอให้
พิพำกษำให้โจทก์กับนำย ศ. หย่ำขำดจำกกัน แบ่งสินสมรสและเรียกค่ำทดแทน ซ่งต่อมำ
ึ
ศำลชั้นต้นและศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษพิพำกษำให้โจทก์กับนำย ศ. หย่ำขำดจำกกัน
ี
ี
ึ
ึ
และให้นำย ศ. แบ่งสินสมรสให้แก่โจทก์คร่งหน่ง ซ่งรวมถึงท่ดินพิพำท แต่ระหว่ำงท่คด ี
ึ
ู
ั
ิ
ี
�
ิ
ุ
ั
�
ดงกล่ำวอย่ระหว่ำงกำรพจำรณำของศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษ นำย ศ. และจำเลย
โดยนำงสำว อ. ผู้กระท�ำกำรแทน ท�ำสัญญำให้จ�ำเลยเช่ำท่ดินพิพำทโดยไม่ได้รับ
ี
ี
ี
ื
ควำมยินยอมจำกโจทก์และเพ่อสร้ำงภำระเหนือสินสมรสท่อยู่ระหว่ำงบังคับคด ต่อมำ
่
นำย ศ. ถึงแก่ควำมตำย ขอให้บังคบจำเลยเพิกถอนสัญญำเช่ำทดินพิพำทและรอถอน
�
ั
ื
้
ี
ิ
ี
ส่งปลูกสร้ำงท้งหมด จ�ำเลยให้กำรว่ำ ท่ดินพิพำทท้ง ๔ แปลงตำมฟ้อง เป็นสินส่วนตัว
ั
ั
ี
ิ
ี
ของนำย ศ. จ�ำเลยเป็นบุคคลภำยนอกเช่ำท่ดินพิพำทและซ้อส่งปลูกสร้ำงบนท่ดิน
ื
ดังกล่ำวจำกนำย ศ. โดยสุจริตและเสียค่ำตอบแทน สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และ
ึ
ค�ำขอบังคับตำมค�ำฟ้องเป็นเร่องกำรฟ้องขอให้เพิกถอนกำรจัดกำรสินสมรส ซ่งคู่สมรส
ื
ึ
�
่
ฝ่ำยหนงได้ทำนตกรรมไปเพยงฝ่ำยเดยว โดยปรำศจำกควำมยนยอมของค่สมรส
ู
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ี
ึ
อีกฝ่ำยหน่ง อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๘๐ และ
ี
ตำมค�ำให้กำรของจ�ำเลยมีประเด็นข้อพิพำทท่จะต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ ท่ดินพิพำท
ี
ทั้ง ๔ แปลง เป็นสินส่วนตัวของนำย ศ. หรือไม่ อันเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
มำตรำ ๑๔๗๑ จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับนำย ศ. เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนสมรส
เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎำคม ๒๕๒๔ ระหว่ำงอยู่กินฉันสำมีภริยำ นำย ศ. ซื้อที่ดินพิพำทโฉนดที่ดิน
เลขที่ ๑๓๕๒๙, ๑๖๒๓๕, ๑๖๕๕๑ (๖๓๘๕๓) และ ๑๖๕๕๒ (๖๘๙๖๐) ต�ำบลหำดเจ้ำส�ำรำญ
อ�ำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่รวม ๓ ไร่ ๑ งำน ๕๕ ตำรำงวำ ที่ดินพิพำทจึงเป็น
797
ึ
สินสมรสของโจทก์กับนำย ศ. ต่อมำนำย ศ. คบชู้กับนำงสำว อ. ซ่งเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ
กระท�ำกำรแทนจ�ำเลย โจทก์ได้ฟ้องนำย ศ. และนำงสำว อ. ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ขอให้พิพำกษำให้โจทก์กับ นำย ศ. หย่ำขำดจำกกัน แบ่งสินสมรส และเรียกค่ำทดแทน ซึ่งต่อมำ
ศำลชั้นต้นและศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พิพำกษำให้โจทก์กับนำย ศ. หย่ำขำดจำกกันและให้
ึ
ี
ี
ึ
ึ
นำย ศ. แบ่งสินสมรสให้แก่โจทก์คร่งหน่ง ซ่งรวมถึงท่ดินพิพำทดังกล่ำว แต่ระหว่ำงท่คดีดังกล่ำว
อยู่ระหว่ำงกำรพจำรณำของศำลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ นำย ศ. และจ�ำเลย โดยนำงสำว อ.
ิ
�
ผู้กระท�ำกำรแทน โดยไม่สุจริตได้สมรู้กันท�ำสัญญำให้จ�ำเลยเช่ำท่ดินพิพำท ตกลงค่ำเช่ำ
ี
เดือนละ ๑๒,๕๐๐ บำท มีก�ำหนด ๓๐ ปี ซึ่งเป็นรำคำที่ต�่ำกว่ำรำคำประเมินค่ำเช่ำที่ดินพิพำท
่
่
ั
ื
ี
้
้
้
่
่
ั
้
ั
�
ี
ทมอตรำคำเชำเดอนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท นอกจำกนภำยหลงทำสญญำเชำแลว นำย ศ. ไดกอสรำง
่
ี
ั
ี
อำคำรปูนช้นเดียว รวม ๒๗ ห้อง และอำคำรไม้ช้นเดียว ๒ ห้อง บนท่ดินพิพำทและขำย
ั
สิ่งปลูกสร้ำงดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลยเมื่อวันที่ ๑๙ มีนำคม ๒๕๖๒ โดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำก
โจทก์และเพื่อสร้ำงภำระเหนือสินสมรสที่อยู่ระหว่ำงบังคับคดี ต่อมำวันที่ ๑๑ ธันวำคม ๒๕๖๒
นำย ศ. ถึงแก่ควำมตำย โจทก์ได้ยื่นค�ำร้องขอเป็นผู้จัดกำรมรดกของนำย ศ. ปัจจุบันคดีดังกล่ำว
อยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลช้นต้น ขอให้บังคับจ�ำเลยเพิกถอนสัญญำเช่ำท่ดินพิพำทและ
ั
ี
้
้
่
รื้อถอนสิ่งปลูกสรำงทั้งหมด หำกจ�ำเลยไมปฏิบัติตำมใหถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
ของจ�ำเลย กับให้จ�ำเลยพร้อมบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกจำกที่ดินพิพำท และช�ำระค่ำเสียหำย
ให้แก่โจทก์เดือนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องไปจนกว่ำจ�ำเลยและบริวำรจะขนย้ำย
ทรัพย์สินออกจำกที่ดินพิพำท
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ที่ดินพิพำททั้ง ๔ แปลงตำมฟ้อง เป็นสินส่วนตัวของนำย ศ. ปัจจุบัน
ื
ี
คดีอยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลฎีกำ จ�ำเลยเป็นบุคคลภำยนอกเช่ำท่ดินพิพำทและซ้อ
ี
ิ
ส่งปลูกสร้ำงบนท่ดินดังกล่ำวจำกนำย ศ. โดยสุจริตและเสียค่ำตอบแทนเพ่อประกอบกิจกำร
ื
โรงแรมซึ่งโจทก์ทรำบและไม่เคยโต้แย้ง ถือว่ำโจทก์ให้สัตยำบันในกำรท�ำนิติกรรมกำรเช่ำ โจทก์
ื
ิ
จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องเพิกถอนสัญญำเช่ำและให้ร้อถอนส่งปลูกสร้ำงบนท่ดินพิพำท ฟ้องโจทก์ขำด
ี
อำยุควำม และค่ำเสียหำยที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินจริง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดเพชรบุรีเห็นว่ำ กรณีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
798
ื
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับตำมค�ำฟ้องเป็นเร่องกำร
ฟ้องขอให้เพิกถอนกำรจัดกำรสินสมรสซึ่งคู่สมรสฝ่ำยหนึ่งได้ท�ำนิติกรรมไปเพียงฝ่ำยเดียว โดย
่
ึ
ู
ั
ี
่
ี
่
้
ี
ั
ั
็
ิ
ปรำศจำกควำมยนยอมของคสมรสอกฝำยหนง อนเปนกรณทจะตองบงคบตำมประมวลกฎหมำย
่
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๘๐ และตำมค�ำให้กำรของจ�ำเลยมีประเด็นข้อพิพำทที่จะ
ี
ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำ ท่ดินพิพำทท้ง ๔ แปลง เป็นสินส่วนตัวของนำย ศ. หรือไม่ อันเป็นกรณีท่ต้อง
ี
ั
บังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ จึงเป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
799
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง อ. กับพวก โจทก์
ที่ วยช ๑๒/๒๕๖๔ นำงสำว น. จ�ำเลย
ี
ั
คดีน้โจทก์ท้งสองเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย ช. กับนำง ส. ฟ้องติดตำม
ั
่
ื
ั
ึ
ทรพย์มรดกซงเป็นทรพย์สินทำงปัญญำประเภทเครองหมำยกำรค้ำโดยกล่ำวอ้ำงว่ำ
่
ึ
ี
ิ
ึ
ึ
เป็นสินสมรสท่นำง ส. เจ้ำมรดกเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวมก่งหน่ง ซ่งนำย ช. ได้จดทะเบียน
ื
โอนสิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทให้แก่จ�ำเลยโดยมิชอบ ขอให้พิพำกษำให้สิทธ ิ
ในเครื่องหมำยกำรค้ำพิพำทครึ่งหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนำง ส. และให้กำรจดทะเบียน
ื
โอนสิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทดังกล่ำวเป็นโมฆะ โดยให้จ�ำเลยจดทะเบียนสิทธ ิ
ิ
ี
ี
ี
ึ
ื
่
ิ
ั
่
ื
ในเครองหมำยกำรค้ำพพำทกลบคนให้แก่นำย ช. กรณจงมปัญหำทต้องพจำรณำก่อน
ว่ำสิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำท่พิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงนำง ส. กับนำย ช. หรือไม่
ื
ี
ั
ิ
อันจะมีผลถึงกรรมสิทธ์และอ�ำนำจในกำรจัดกำรทรัพย์สินน้น เป็นข้อพิพำทเก่ยวกับ
ี
ื
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีและภริยำในเร่องทรัพย์สินตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐
ถึง ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ นำย ช. กับนำง ส. เป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนสมรส
กันเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม ๒๕๐๙ โจทก์ทั้งสองเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย ช. กับนำง ส.
ี
ระหว่ำงท่นำย ช. กับนำง ส. อยู่กินฉันสำมีภริยำ นำย ช. ได้คิดประดิษฐ์เคร่องหมำยกำรค้ำ
ื
ื
“SAFE-T-CUT” และ “เซฟ-ที-คัท” โดยจดทะเบียนเคร่องหมำยกำรค้ำต่อส�ำนักทะเบียน
เคร่องหมำยกำรค้ำ กรมทรัพย์สินทำงปัญญำ ทะเบียนเลขท่ ค ๙๒๖๑๔ ปี ๒๕๒๑ และ
ื
ี
ื
ทะเบียนเลขท่ ค ๖๑๐๐๔ ปี ๒๕๒๙ ตำมล�ำดับ เคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทดังกล่ำวจึงเป็น
ี
สนสมรสระหว่ำงนำย ช. กบนำง ส. ต่อมำได้จดทะเบยนให้บรษท ซ. ซงเป็นบรษท
ั
ี
ิ
ิ
ั
ั
่
ึ
ิ
ั
ั
ิ
ื
ี
ื
ั
ของครอบครวถอสทธในเคร่องหมำยกำรค้ำพพำทแทน จนกระทงวนท่ ๓๑ สงหำคม ๒๕๓๒
ิ
่
ิ
ิ
ื
ื
นำย ช. กับนำง ส. ได้จดทะเบียนเคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทกลับมำเป็นช่อของนำย ช. เม่อ
ื
วันที่ ๑๕ มีนำคม ๒๕๓๙ นำง ส. ถึงแก่ควำมตำย ศำลแพ่งกรุงเทพใต้มีค�ำสั่งตั้งนำย ช. เป็น
ั
ิ
ผู้จัดกำรมรดก กำรจัดกำรมรดกยังไม่เสร็จส้น นำย ช. ถึงแก่ควำมตำย ภำยหลังโจทก์ท้งสอง
ี
ได้รับแต่งต้งให้เป็นผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของนำง ส. โจทก์ท้งสองทรำบว่ำเม่อวันท่ ๒๖
ั
ื
ั
800
สิงหำคม ๒๕๕๔ นำย ช. โอนสิทธิในเครื่องหมำยกำรค้ำพิพำทดังกล่ำวซึ่งเป็นสินสมรสในส่วน
ึ
ึ
ของนำง ส. คร่งหน่งให้แก่จ�ำเลยโดยไม่ชอบ ท�ำให้ทำยำทของนำง ส. ได้รับควำมเสียหำย
นิติกรรมกำรโอนสิทธิดังกล่ำวจึงเป็นโมฆะ โจทก์ท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของ
ั
นำง ส. จึงมีสิทธิติดตำมเอำทรัพย์สินอันเป็นมรดกของนำง ส. กลับคืนสู่กองมรดก
ื
ื
เพ่อแบ่งปันแก่ทำยำทต่อไป ขอให้พิพำกษำให้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ “SAFE-T-CUT”
่
ื
ทะเบียนเลขท ค ๙๒๖๑๔ และเคร่องหมำยกำรค้ำ “เซฟ-ที-คัท” ทะเบียนเลขท ค ๖๑๐๐๔
่
ี
ี
ึ
คร่งหน่งเป็นทรัพย์มรดกของนำง ส. และให้กำรจดทะเบียนโอนสิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำ
ึ
ื
�
ี
ี
ั
ั
พิพำทท่นำย ช. โอนให้แก่จำเลยตำมหนงสอสญญำโอน ฉบับลงวนท่ ๒๖ สิงหำคม ๒๕๕๔
ื
ั
เป็นโมฆะ กับให้เพิกถอนค�ำส่งของนำยทะเบียนเคร่องหมำยกำรค้ำท่รับจดทะเบียนโอนสิทธิใน
ื
ั
ี
เคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทและให้จ�ำเลย จดทะเบียนสิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทกลับคืน
ื
ื
ั
ให้แก่นำย ช. พร้อมส่งมอบหลักฐำนกำรเป็นเจ้ำของสิทธิให้แก่โจทก์ท้งสองในฐำนะผู้จัดกำร
มรดกร่วมกันของนำง ส. หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดง
เจตนำของจ�ำเลย
ั
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
ี
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำล
อุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ึ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ท้งสองฟ้องติดตำมทรัพย์มรดกซ่งเป็นทรัพย์สินทำงปัญญำ
ั
ี
ี
ประเภทเคร่องหมำยกำรค้ำโดยกล่ำวอ้ำงว่ำเป็นสินสมรสท่ นำง ส. เจ้ำมรดกเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ิ ์
ื
ึ
ึ
ื
รวมก่งหน่งซ่งนำย ช. ได้จดทะเบียนโอนสิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทให้แก่จ�ำเลยโดยมิชอบ
ึ
ขอให้พิพำกษำให้สิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทคร่งหน่งเป็นทรัพย์มรดกของนำง ส. และให้กำร
ึ
ื
ึ
ื
จดทะเบียนโอนสิทธิในเคร่องหมำยกำรค้ำพิพำทดังกล่ำวเป็นโมฆะ โดยให้จ�ำเลยจดทะเบียนสิทธ ิ
ี
ึ
ี
ิ
่
ื
ิ
ั
ี
่
ในเครองหมำยกำรค้ำพพำทกลบคนให้แก่นำย ช. กรณจงมปัญหำทต้องพิจำรณำก่อนว่ำสทธ ิ
ื
ั
ิ
ื
ึ
ี
่
ื
่
่
ั
ในเครองหมำยกำรค้ำทพิพำทเป็นสินสมรสระหวำงนำง ส. กบนำย ช. หรอไม่ อนจะมีผลถงกรรมสทธ ิ ์
ี
ั
และอ�ำนำจในกำรจัดกำรทรัพย์สินน้น เป็นข้อพิพำทเก่ยวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีและ
ภริยำในเร่องทรัพย์สินตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔
ื
จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
801
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
802
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง อ. โจทก์
ที่ วยช ๒๐/๒๕๖๔ นำย ม. ในฐำนะ
ผู้จัดกำรมรดก
ของนำย ว. กับพวก จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ว. ระหว่ำงสมรส
ี
ี
ื
นำย ว. ซ้อท่ดินพิพำท โดยปกปิดไม่แจ้งให้โจทก์ทรำบ ท่ดินดังกล่ำวจึงเป็นสินสมรส
ระหว่ำงโจทก์กับนำย ว. ต่อมำ โจทก์และนำย ว. จดทะเบียนหย่ำกัน จำกน้นนำย ว.
ั
ี
ขำยท่ดินพิพำทแล้วรับเงินดังกล่ำวไปเพียงฝ่ำยเดียวโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทรำบและไม่ได้
รับควำมยินยอมจำกโจทก์ ต่อมำนำย ว. ถึงแก่ควำมตำย โจทก์มีสิทธิได้รับเงินส่วนแบ่ง
ี
จำกกำรขำยท่ดินสินสมรส โจทก์บอกกล่ำวทวงถำมจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดก
ั
ของนำย ว. แล้ว แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย จึงมีข้อท่ต้องพิจำรณำก่อนว่ำท่ดินดังกล่ำว
ี
ั
ี
เป็นสินสมรสหรอไม่ อันเป็นคดีเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำและกำรส้นสุดแห่ง
ี
ื
ิ
ึ
ี
กำรสมรส ซ่งจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ ว่ำด้วยครอบครัว คดีน้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เคยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ว. จดทะเบียนสมรสเมื่อ
วันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๓๒ มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ นำย จ. และจ�ำเลยที่ ๒ ระหว่ำงสมรสเมื่อ
วันที่ ๒๖ ตุลำคม ๒๕๓๕ นำย ว. ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๑๒๒ ต�ำบลสีดำ อ�ำเภอสีดำ จังหวัด
นครรำชสีมำ โดยปกปิดไม่แจ้งให้โจทก์ทรำบ ท่ดินดังกล่ำวจึงเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับ
ี
นำย ว. ต่อมำวันที่ ๓๐ พฤศจิกำยน ๒๕๔๗ โจทก์และนำย ว. จดทะเบียนหย่ำกัน จำกนั้นวันที่
๗ มิถุนำยน ๒๕๕๙ นำย ว. ขำยที่ดินดังกล่ำวให้แก่บริษัท ร. จ�ำกัด ในรำคำ ๒๑,๐๐๐,๐๐๐ บำท
แล้วรับเงินดังกล่ำวไปเพียงฝ่ำยเดียวโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทรำบและไม่ได้รับควำมยินยอม
จำกโจทก์ ต่อมำนำย ว. ถึงแก่ควำมตำยเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวำคม ๒๕๖๐ โจทก์เพิ่งทรำบว่ำนำย ว.
ื
ื
ี
ซ้อท่ดินดังกล่ำวในระหว่ำงสมรสเม่อมีกำรเจรจำแบ่งมรดกของนำยวินัยท่ศำลจังหวัดฉะเชิงเทรำ
ี
โจทก์มีสิทธิได้รับเงินส่วนแบ่งจำกกำรขำยท่ดินสินสมรส ๑๐,๕๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์บอกกล่ำว
ี
ั
ทวงถำมจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำย ว. แล้ว แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย โจทก์
ั
�
ั
ั
ขอเรยกค่ำเสยหำยจำกจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผ้จดกำรมรดกของนำย ว. ขอให้บงคบจำเลย
ี
ั
ู
ี
ั
803
ทั้งสองชดใช้เงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้น
ไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ี
ั
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ โจทก์ฟ้องเรียกส่วนแบ่งทรัพย์มรดกจำกจ�ำเลยท้งสองในฐำนะ
ี
ผู้จัดกำรมรดก คดน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัวและไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
ี
และครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรำ โจทก์ทรำบมำนำนแล้วว่ำโจทก์มีสิทธิได้รับเงินส่วนแบ่ง
ี
ี
จำกกำรขำยท่ดินโฉนดเลขท่ ๑๒๑๒๒ ต�ำบลสีดำ อ�ำเภอสีดำ จังหวัดนครรำชสีมำ และทรำบ
็
่
ี
่
ิ
้
ี
ั
ุ
ี
่
ิ
้
ั
้
์
ู
็
รำคำซอขำยทดนเปนอยำงด ทงโจทกเปนผครอบครองสมดบญชเงนฝำกของนำย ว. แตโจทก ์
ื
ไม่แจ้งต่อจ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นบุตรและผู้จัดกำรมรดกของนำย ว. ท�ำให้จ�ำเลย ที่ ๑ ไม่ทรำบว่ำเงิน
ที่ได้จำกกำรขำยที่ดินยังคงเหลือในกองมรดกหรือไม่ เพียงใด เป็นกำรปิดบังทรัพย์มรดกและใช้
สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต โจทก์ทรำบว่ำนำย ว. ถึงแก่ควำมตำยเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวำคม ๒๕๖๐
แต่น�ำคดีมำฟ้องวันที่ ๑๖ พฤศจิกำยน ๒๕๖๓ เมื่อพ้นก�ำหนดเวลำ ๑ ปี นับแต่วันที่นำย ว. ถึงแก่
ควำมตำย คดีโจทก์จึงขำดอำยุควำม จ�ำเลยที่ ๑ ไม่จ�ำต้องรับผิดเกินกว่ำทรัพย์มรดกที่ตกทอด
แก่จ�ำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ขำดนัดยื่นค�ำให้กำร
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำ
ว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้
ี
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกโดย
กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งจำกกำรขำยที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๑๒๒ ต�ำบลสีดำ อ�ำเภอ
สีดำ จังหวัดนครรำชสีมำ อันเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับนำย ว. จึงมีข้อที่ต้องพิจำรณำก่อนว่ำ
ี
ิ
ี
ท่ดินดังกล่ำวเป็นสินสมรสหรือไม่ อันเป็นคดีเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำและกำรส้นสุด
แห่งกำรสมรส ซ่งจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ว่ำด้วยครอบครัว
ึ
ี
คดีน้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
804
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
805
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ฐ. โจทก์
ที่ วยช ๕๑/๒๕๖๔ นำย ร. ผู้ร้องสอด
บริษัท ท. กับพวก จ�ำเลย
ั
ี
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำท
ิ
ให้แก่โจทก์ตำมสัญญำจะซื้อจะขำย ส่วนผู้ร้องสอดยื่นค�ำร้องสอดเข้ำมำเป็นคู่ควำมฝ่ำย
่
ื
้
ี
่
ู
้
์
้
ิ
ี
็
ั
่
ี
ุ
ทสำมวำโจทกและผรองสอดเปนสำมภรยำชอบดวยกฎหมำย เมอวนท ๑๓ ตลำคม ๒๕๖๓
่
ี
ศำลท่สหรัฐอเมริกำพิพำกษำให้โจทก์และผู้ร้องสอดหย่ำกัน ท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็น
ี
สินสมรส ขอให้พิพำกษำว่ำผู้ร้องสอดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้ำนพิพำทกึ่งหนึ่ง และให้
โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบำนพิพำทให้แก่ผ้ร้องสอดก่งหน่ง
้
ั
ึ
ู
ิ
ึ
ี
ี
ี
กรณีจึงมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์
ึ
ี
กับผู้ร้องสอดหรือไม่ ซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔
จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๒
ื
ื
เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจลงลำยมือช่อพร้อมประทับตรำส�ำคัญของบริษัทกระท�ำกำรแทนได้ เม่อ
ี
ี
ี
วันท่ ๑๒ มกรำคม ๒๕๖๐ โจทก์ท�ำสัญญำจะซ้อจะขำยท่ดินและบ้ำนพิพำทกับจ�ำเลยท่ ๑ ใน
ื
รำคำ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท โจทก์ช�ำระเงินมัดจ�ำให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ ในวันท�ำสัญญำ ๒,๙๐๐,๐๐๐ บำท
ี
ี
และโอนเงินส่วนท่เหลือเข้ำบัญชีของจ�ำเลยท่ ๒ ตำมสัญญำครบถ้วนแล้ว โดยจ�ำเลยท้งสอง
ั
ส่งมอบท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์และโจทก์ได้ย้ำยภูมิล�ำเนำเข้ำมำในบ้ำนพิพำทแล้ว แต่
ี
ั
จ�ำเลยท้งสองไม่โอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองโอน
ั
ิ
ี
กรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์โดยปลอดภำระจ�ำนองหรือภำระผูกพัน โดยให้จ�ำเลย
ิ
ี
ิ
ั
ท้งสองเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยและค่ำฤชำธรรมเนียมในกำรโอนกรรมสิทธ์ หำกไม่ด�ำเนินกำรให้ถือ
ค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง
�
้
ั
ี
ิ
ี
จำเลยทงสองให้กำรว่ำ โจทก์และนำย ร. เป็นสำมภรยำชอบด้วยกฎหมำยมควำม
ื
ี
ี
ประสงค์จะซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำทจำกจ�ำเลยท่ ๑ แต่นำย ร. เป็นบุคคลต่ำงชำติไม่สำมำรถ
ถือครองที่ดินได้จึงให้โจทก์ท�ำสัญญำจะซื้อจะขำยที่ดินและบ้ำนพิพำทกับจ�ำเลยที่ ๑ โดยนำย ร.
806
เป็นผู้ช�ำระเงินเพียงผู้เดียว ต่อมำกลำงปี ๒๕๖๒ นำย ร. แจ้งจ�ำเลยที่ ๒ ให้จ�ำเลยที่ ๑ ระงับ
ิ
ี
ื
กำรโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำทแก่โจทก์เน่องจำกเป็นสินสมรส โดยโจทก์และนำย ร.
ื
มีคดีฟ้องหย่ำและแบ่งสินสมรสท่ศำลในสหรัฐอเมริกำ และนำย ร. ได้ย่นฟ้องโจทก์และจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในคดีหมำยเลขด�ำท่ ยชพ ๑๖๒/๒๕๖๒
ี
ี
ิ
ี
ขอให้แบ่งสินสมรสโดยให้โจทก์และจ�ำเลยท่ ๑ ร่วมกันโอนกรรมสิทธ์บ้ำนและท่ดินพิพำทให้แก่
นำย ร. ก่งหน่ง กำรท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสองซ่งมีประเด็นแห่งคดีเดียวกับคดีหมำยเลขด�ำท ่ ี
ั
ึ
ึ
ึ
ี
ยชพ ๑๖๒/๒๕๖๒ เป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยที่ ๒ เป็นเพียง
กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ พร้อม
ี
ี
ที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์และนำย ร. คนละกึ่งหนึ่งตำมค�ำขอในค�ำฟ้อง
คดีหมำยเลขด�ำท่ ยชพ ๑๖๒/๒๕๖๒ ของศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ี
ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องสอดย่นค�ำร้องสอดขอเข้ำเป็นคู่ควำมว่ำ ผู้ร้องสอดและโจทก์เป็นสำมีภริยำชอบ
ื
ด้วยกฎหมำยจดทะเบียนสมรสที่สหรัฐอเมริกำเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภำคม ๒๕๓๙ มีบุตรด้วยกัน
๓ คน เมื่อวันที่ ๑๓ กันยำยน ๒๕๖๒ ผู้ร้องสอดฟ้องโจทก์ต่อศำลที่สหรัฐอเมริกำ ขอให้พิพำกษำ
ั
ให้ผู้ร้องสอดหย่ำกับโจทก์และแบ่งทรัพย์สิน ต่อมำวันท่ ๒ กนยำยน ๒๕๖๓ โจทก์ฟ้องหย่ำ
ี
ี
ี
ผู้ร้องสอดท่ศำลเดียวกัน โดยศำลท่สหรัฐอเมริกำพิพำกษำให้โจทก์และผู้ร้องสอดหย่ำกัน
ี
ี
เม่อวันท่ ๑๓ ตุลำคม ๒๕๖๓ ตำมเอกสำรท้ำยค�ำร้องหมำยเลข ๗ ท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็น
ื
ิ
ี
่
ิ
ู
ิ
ิ
ทรพย์สนทได้มำระหว่ำงสมรส ขอให้พพำกษำว่ำผ้ร้องสอดมกรรมสทธในทดนและบ้ำนพพำท
ั
่
ิ
ิ
ี
์
ี
ก่งหน่ง และให้โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่ผู้ร้องสอด
ิ
ั
ึ
ึ
ี
ี
ึ
ึ
ั
ก่งหน่ง หำกไม่ด�ำเนินกำรให้ถือค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำ มิฉะน้นให้น�ำท่ดิน
และบ้ำนพิพำทออกขำยทอดตลำดน�ำเงินที่ได้มำแบ่งให้ผู้ร้องสอดกึ่งหนึ่ง
โจทก์ยื่นค�ำคัดค้ำน ศำลชั้นต้นพิจำรณำแล้ว ให้ยกค�ำร้อง
ี
ั
ื
จ�ำเลยท้งสองย่นค�ำให้กำรแก้ค�ำร้องสอดว่ำ ผู้ร้องสอดไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยท่ ๒
เน่องจำกจ�ำเลยท่ ๒ เป็นเพียงกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๑ เท่ำน้น จ�ำเลย
ี
ื
ั
ี
ท้งสองไม่ได้ผิดสัญญำจะซ้อจะขำย โจทก์และผู้ร้องสอดยังค้ำงช�ำระค่ำท่ดินและบ้ำนพิพำท
ี
ื
ั
เป็นเงิน ๓๘๓,๔๒๔ บำท ซึ่งหำกโจทก์และผู้ร้องสอดช�ำระเงินครบถ้วนตำมสัญญำจะซื้อจะขำย
ึ
ึ
ี
ั
จ�ำเลยท้งสองพร้อมท่จะโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์และผู้ร้องสอดคนละก่งหน่ง
ี
ิ
807
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดหัวหินเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ิ
ี
ั
ั
วินิจฉยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บงคับจ�ำเลยทงสองร่วมกันโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและ
้
ั
บ้ำนพิพำทตำมฟ้องให้แก่โจทก์ตำมสัญญำจะซื้อจะขำย ส่วนผู้ร้องสอดยื่นค�ำร้องสอดเข้ำมำเป็น
ี
คู่ควำมฝ่ำยท่สำมตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๕๗ (๑) ว่ำ โจทก์และ
ี
ี
ื
ผู้ร้องสอดเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย เม่อวันท่ ๑๓ ตุลำคม ๒๕๖๓ ศำลท่สหรัฐอเมริกำ
พิพำกษำให้โจทก์และผู้ร้องสอดหย่ำกัน ที่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นทรัพย์สินที่ได้มำระหว่ำงสมรส
ึ
จึงเป็นสินสมรส ขอให้พิพำกษำว่ำผู้ร้องสอดมีกรรมสิทธ์ในท่ดินและบ้ำนพิพำทก่งหน่ง และให้
ิ
ี
ึ
ิ
ึ
โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่ผู้ร้องสอดก่งหน่ง กรณ ี
ั
ี
ึ
ี
จึงมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยด้วยว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับผู้ร้องสอด
ี
หรือไม่ ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๔
จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
808
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ม. โจทก์
ที่ วยช ๕๗/๒๕๖๔ นำย ถ. กับพวก จ�ำเลย
ี
โจทก์เป็นบุคคลภำยนอกฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำทระหว่ำง
จ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ ระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับจ�ำเลยที่ ๓ และระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับ
่
ี
่
่
ี
ี
ี
จ�ำเลยท ๔ ให้ท่ดินพิพำทกลับคืนมำเป็นสินสมรสของจ�ำเลยท ๑ กับจ�ำเลยท ๒ โดย
อ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ สมรู้ร่วมคิดกันแสดงเจตนำลวงไปจดทะเบียนหย่ำและ
ท�ำหนังสือสัญญำท้ำยทะเบียนกำรหย่ำโดยจ�ำเลยที่ ๑ ยกที่ดินพิพำท ๑๙ แปลง ซึ่งเป็น
สินสมรสให้แก่จ�ำเลยท ๒ แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ประสงค์ให้มีผลผูกพันตำมกฎหมำย
ี
่
ื
ื
ึ
เพ่อท�ำให้บุคคลอ่นและโจทก์เข้ำใจว่ำกำรหย่ำเกิดข้นจริงและจงใจปิดบังทรัพย์สินของ
ี
จ�ำเลยท ๑ และจ�ำเลยท้งส่ร่วมกันฉ้อฉลด้วยกำรให้จ�ำเลยท ๒ จดทะเบียนยกท่ดิน
่
ี
ั
ี
่
ี
พิพำทดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลยที่ ๓ จ�ำนวน ๑๓ แปลง และให้แก่จ�ำเลยที่ ๔ จ�ำนวน ๑ แปลง
ี
่
ิ
�
ี
�
้
่
ึ
้
ี
โดยร้อย่แล้วว่ำจำเลยท ๑ เป็นหนโจทก์ ทำให้โจทก์ซงเป็นเจ้ำหนตำมคำพพำกษำ
ู
ู
�
่
ไม่สำมำรถบังคับคดีในสินสมรสส่วนของจ�ำเลยท ๑ ได้ ดังน แม้ข้ออ้ำงท่โจทก์อำศัย
ี
ี
ี
้
เป็นหลักแห่งข้อหำและค�ำขอบังคับของโจทก์จะเป็นเร่องกำรฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรม
ื
ิ
อันเป็นกำรฉ้อฉลเจ้ำหน้ตำมบทบัญญัต มำตรำ ๒๓๗ แห่ง ป.พ.พ. แต่จ�ำเลยท้งส ี ่
ั
ี
ี
่
ี
ี
ให้กำรต่อสู้ด้วยว่ำ ท่ดินพิพำทโฉนดเลขท ๗๔๗ เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลยท ๒
่
ี
โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำทแปลงดังกล่ำว ประเด็น
ี
ส�ำคัญในกำรท่จะพิจำรณำว่ำเป็นกำรฉ้อฉลหรือไม่จะต้องพิจำรณำด้วยว่ำท่ดินพิพำท
ี
ี
ั
่
่
โฉนดเลขท ๗๔๗ น้นเป็นสินสมรสของจ�ำเลยท ๑ กับจ�ำเลยท ๒ หรือเป็นสินส่วนตัว
ี
ี
่
ของจ�ำเลยท ๒ ด้วย ประเด็นแห่งคดีเป็นเร่องเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ
ื
ี
ี
่
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำหน้จ�ำเลยท่ ๑ กับพวกตำมค�ำพิพำกษำศำลอุทธรณ์
ี
ภำค ๔ ซ่งคดีถึงท่สุดแล้ว เดิมจ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ เป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย
ึ
ี
ี
จ�ำเลยที่ ๓ และจ�ำเลยที่ ๔ เป็นบุตรของจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวำคม ๒๕๕๘
จ�ำเลยท่ ๑ ได้รับกำรสรรหำเป็นประธำนกรรมกำรด�ำเนินกำรของโจทก์ประจ�ำปี ๒๕๕๙
ี
809
หลังจำกนั้นวันที่ ๒๐ มกรำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ สมรู้ร่วมคิดกันแสดงเจตนำ
ี
ี
ลวงไปจดทะเบียนหย่ำและท�ำหนังสือสัญญำท้ำยทะเบียนกำรหย่ำโดยจ�ำเลยท่ ๑ ยกท่ดิน
ึ
ี
พิพำท ๑๙ แปลง ซ่งเป็นสินสมรสให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ประสงค์ให้มีผล
ื
ื
ผูกพันตำมกฎหมำยเพ่อท�ำให้บุคคลอ่นและโจทก์เข้ำใจว่ำกำรหย่ำเกิดข้นจริงและจงใจปิดบัง
ึ
ี
ี
ั
ทรัพย์สินของจ�ำเลยท่ ๑ ต่อมำจ�ำเลยท้งส่ร่วมกันฉ้อฉลด้วยกำรให้จ�ำเลยท่ ๒ จดทะเบียน
ี
ยกที่ดินพิพำทดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลยที่ ๓ จ�ำนวน ๑๓ แปลง และให้แก่จ�ำเลยที่ ๔ จ�ำนวน ๑ แปลง
ู
ิ
่
ู
ี
�
ู
�
�
โดยไม่มค่ำตอบแทนและร้อย่แล้วว่ำจำเลยท ๑ เป็นลกหนโจทก์ตำมคำพพำกษำ ทำให้
ี
้
ี
โจทก์ได้รับควำมเสียหำยไม่สำมำรถบังคับคดีในสินสมรสส่วนของจ�ำเลยที่ ๑ เพื่อน�ำมำช�ำระหนี้
ให้แก่โจทก์ได้ ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ที่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ กับ
เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ที่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับจ�ำเลยที่ ๓ และเพิกถอนนิติกรรมกำร
ให้ที่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๒ กับจ�ำเลยที่ ๔ ให้กลับคืนมำเป็นสินสมรสของจ�ำเลยที่ ๑ กับ
จ�ำเลยที่ ๒
จ�ำเลยทั้งสี่ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเนื่องจำกหนังสือมอบอ�ำนำจของโจทก์ไม่ได้
ระบุว่ำมีอ�ำนำจมอบอ�ำนำจช่วงให้ฟ้องคดีแทนได้ ข้อบังคับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ม. พ.ศ. ๒๕๖๑
ั
ื
�
ิ
ไม่มผลใช้บงคบในกรณีกำรสรรหำคณะกรรมกำรดำเนนกำรประจำปี ๒๕๕๙ ต้องถอว่ำ
�
ั
ี
จ�ำเลยที่ ๑ เป็นประธำนกรรมกำรด�ำเนินกำรของโจทก์ในวันที่ ๓๐ มกรำคม ๒๕๕๙ กำรที่จ�ำเลย
ท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ จดทะเบียนหย่ำเกิดจำกกำรขัดแย้งกันอย่ำงรุนแรงภำยในครอบครัวตลอดมำ
ี
ี
จนไม่สำมำรถอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำได้ และจ�ำเลยท่ ๑ ยกท่ดินพิพำทซ่งเป็นสินสมรส
ี
ี
ึ
ี
ื
ให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ เน่องจำกจ�ำเลยท่ ๑ มีอำยุมำกและเจ็บป่วย ประกอบกับมีเงินบ�ำนำญรำย
ี
ี
ี
ึ
เดือนเพียงพอท่จะเล้ยงดูตนเองได้ ท้งมูลหน้ตำมค�ำพิพำกษำศำลอุทธรณ์ภำค ๔ ยังไม่เกิดข้น
ี
ั
และจ�ำเลยท่ ๑ ยังไม่ได้ท�ำหน้ำท่ประธำนกรรมกำรด�ำเนินกำรของโจทก์ จึงมิได้เกิดจำกเจตนำ
ี
ี
ลวงตำมที่โจทก์กล่ำวอ้ำง ที่ดินพิพำทโฉนดเลขที่ ๗๔๗ ต�ำบลคันธำรรำษฎร์ อ�ำเภอกันทรวิชัย
จังหวัดมหำสำรคำม เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลยที่ ๒ ที่ได้มำจำกนำง จ. มำรดำโดยเสน่หำ โจทก์
ี
จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำทแปลงดังกล่ำวระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒ กับ
ี
จ�ำเลยที่ ๓ และกำรที่จ�ำเลยที่ ๒ ยกที่ดินพิพำทของตนให้แก่จ�ำเลยที่ ๓ และจ�ำเลยที่ ๔ ก็เป็น
ื
ี
ั
ปกติวิสัยของวิญญูชนท่วไปท่มำรดำจะยกทรัพย์สินของตนให้แก่บุตรเพ่อป้องกันไม่ให้มีปัญหำ
เก่ยวกับมรดกต่อไปในอนำคต ท้งกำรจัดเก็บภำษีท่ดินและส่งปลูกสร้ำงตำมพระรำชบัญญัติภำษ ี
ี
ิ
ั
ี
ท่ดินและส่งปลูกสร้ำง พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระรำชบัญญัติกำรประเมินรำคำทรัพย์สินเพ่อประโยชน์
ี
ิ
ื
810
ิ
ี
ี
ี
แห่งรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๒ จะมีผลเร่มใช้บังคับในวันท่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยท่ ๒ จึงโอนท่ดินพิพำท
ให้แก่จ�ำเลยที่ ๓ และจ�ำเลยที่ ๔ เพื่อแบ่งเบำภำระด้ำนภำษี ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดมหำสำรคำมเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์เป็นบุคคลภำยนอกฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำท
ี
ี
ี
ี
ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ กับเพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒
ี
ี
ี
ี
กับจ�ำเลยท่ ๓ และเพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๒ กับจ�ำเลยท่ ๔
ให้กลับคืนมำเป็นสินสมรสของจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ โดยอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒
สมรู้ร่วมคิดกันแสดงเจตนำลวงไปจดทะเบียนหย่ำและท�ำหนังสือสัญญำท้ำยทะเบียนกำรหย่ำ
โดยจ�ำเลยที่ ๑ ยกที่ดินพิพำท ๑๙ แปลง ซึ่งเป็นสินสมรสให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ แต่เพียงผู้เดียว โดย
ื
ึ
ไม่ประสงค์ให้มีผลผูกพันตำมกฎหมำยเพ่อท�ำให้บุคคลอ่นและโจทก์เข้ำใจว่ำกำรหย่ำเกิดข้น
ื
จริงและจงใจปิดบังทรัพย์สินของจ�ำเลยที่ ๑ และจ�ำเลยทั้งสี่ร่วมกันฉ้อฉลด้วยกำรให้จ�ำเลยที่ ๒
จดทะเบียนยกท่ดินพิพำทดังกล่ำวให้แก่จ�ำเลยท่ ๓ จ�ำนวน ๑๓ แปลง และให้แก่จ�ำเลยท่ ๔
ี
ี
ี
ึ
ี
จ�ำนวน ๑ แปลง โดยรู้อยู่แล้วว่ำจ�ำเลยท่ ๑ เป็นหน้โจทก์ ท�ำให้โจทก์ซ่งเป็นเจ้ำหน้ตำมค�ำพิพำกษำ
ี
ี
ี
ไม่สำมำรถบังคับคดีในสินสมรสส่วนของจ�ำเลยท่ ๑ ได้ ดังน้ แม้ข้ออ้ำงท่โจทก์อำศัยเป็นหลัก
ี
ี
แห่งข้อหำและค�ำขอบังคับของโจทก์จะเป็นเร่องกำรฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมอันเป็นกำรฉ้อฉล
ื
ี
ั
เจ้ำหน้ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๒๓๗ แห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ แต่จ�ำเลยท้งส ่ ี
ี
ี
ี
ให้กำรต่อสู้ด้วยว่ำ ท่ดินพิพำทโฉนดเลขท่ ๗๔๗ เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลยท่ ๒ โจทก์จึงไม่มีสิทธ ิ
ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ที่ดินพิพำทแปลงดังกล่ำว ประเด็นส�ำคัญในกำรที่จะพิจำรณำ
ั
ว่ำเป็นกำรฉ้อฉลหรือไม่จะต้องพิจำรณำด้วยว่ำท่ดินพิพำทโฉนดเลขท่ ๗๔๗ น้นเป็นสินสมรส
ี
ี
ของจ�ำเลยที่ ๑ กับจ�ำเลยที่ ๒ หรือเป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลยที่ ๒ ด้วย ประเด็นแห่งคดีเป็นเรื่อง
เก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ี
มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
811
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
812
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง จ. โจทก ์
ที่ วยช ๖๖/๒๕๖๔ นำย บ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย โจทก์รับกำรให้
ี
ี
ท่ดินและบ้ำนพิพำทมำจำกบิดำมำรดำของโจทก์ ท่ดินดังกล่ำวจึงเป็นสินส่วนตัวของโจทก์
ิ
ระหว่ำงอยู่กินด้วยกันจ�ำเลยมีพฤติกำรณ์ท�ำร้ำยร่ำงกำยและหม่นประมำทโจทก์อย่ำง
ร้ำยแรงเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สำมำรถอยู่ในบ้ำนพิพำทกับจ�ำเลยได้ โจทก์จึงย้ำยออกมำ
ู
อย่กบน้องชำยโจทก์พร้อมกับฟ้องหย่ำจำเลยและขอแบ่งสินสมรสต่อศำลเยำวชนและ
�
ั
ครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์ ต่อมำโจทก์และจ�ำเลยท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำม
และศำลมีค�ำพิพำกษำตำมยอมให้โจทก์กับจ�ำเลยหย่ำขำดจำกกันและแบ่งสินสมรส
ี
คดีถึงท่สุดแล้ว หลังจำกหย่ำกันแล้วจ�ำเลยตกลงกับโจทก์ด้วยวำจำว่ำจ�ำเลยจะย้ำย
ออกจำกที่ดินพิพำทเพื่อให้โจทก์และบุตรได้เข้ำกลับมำอยู่อำศัยตำมเดิม แต่จ�ำเลยกลับ
บ่ำยเบี่ยง ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกจำกบ้ำนพิพำท และให้จ�ำเลยออกจำก
ี
ี
ท่ดินพิพำทพร้อมส่งมอบกำรครอบครองท่ดินพิพำทแก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย ห้ำม
ี
ี
จ�ำเลยเข้ำมำเก่ยวข้องกับท่ดินพิพำทอีกต่อไป กับให้จ�ำเลยใช้ค่ำเสียหำยเป็นรำยเดือน
์
่
้
่
แกโจทกจนกวำจะขนยำยทรัพยสินออกจำกที่ดินพิพำทเสร็จและสงมอบกำรครอบครอง
์
่
ี
ท่ดินพิพำทแก่โจทก์ คดีน้แม้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำน
ี
ึ
ี
และท่ดินพิพำทซ่งโจทก์อ้ำงว่ำเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ โดยกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยอยู่ในบ้ำน
ี
และท่ดินพิพำทโดยละเมิดก็ตำม แต่กำรวินิจฉัยว่ำโจทก์มีอ�ำนำจฟ้องขับไล่จ�ำเลยหรือ
ี
ั
ไม่น้น จะต้องวินิจฉัยก่อนว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินส่วนตัวของโจทก์หรือไม่
อันเป็นข้อพิพำทเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
มำตรำ ๑๔๗๑ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ ๒๘ มีนำคม ๒๕๓๒ มีบุตร
ด้วยกัน ๒ คน คือ นำย จ. และนำง ก. โจทก์เป็นเจ้ำของที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๗๕๒ และ ๓๔๗๐๑
ิ
ต�ำบลตำสัง อ�ำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมส่งปลูกสร้ำงคือบ้ำนเลขท่ ๔๐/๕
ี
ี
หมู่ท่ ๓ ต�ำบลตำสัง อ�ำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยโจทก์รับกำรให้มำจำก
813
ี
บิดำมำรดำของโจทก์ ท่ดินดังกล่ำวจึงเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ ระหว่ำงอยู่กินด้วยกันจ�ำเลยม ี
ิ
พฤติกำรณ์ท�ำร้ำยร่ำงกำยและหม่นประมำทโจทก์อย่ำงร้ำยแรง เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สำมำรถอยู่ใน
บ้ำนเลขที่ ๔๐/๕ กับจ�ำเลยได้ โจทก์จึงย้ำยออกมำอยู่กับน้องชำยโจทก์พร้อมกับฟ้องหย่ำจ�ำเลย
และขอแบ่งสินสมรสต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์ ต่อมำโจทก์และจ�ำเลย
ี
�
ี
ิ
�
ทำสญญำประนประนอมยอมควำมและศำลมคำพพำกษำตำมยอมให้โจทก์กบจำเลยหย่ำขำด
�
ั
ั
ั
ี
จำกกันและแบ่งสินสมรส คดีถึงท่สุดแล้ว จำกน้นบุตรสำว บุตรเขย และหลำนชำยของโจทก์
ี
ี
ี
ได้ย้ำยออกจำกท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๔๗๕๒ และ ๓๔๗๐๑ และมำอยู่ท่บ้ำนของน้องชำยโจทก์
เช่นกัน หลังจำกหย่ำกันแล้ว จ�ำเลยตกลงกับโจทก์ด้วยวำจำว่ำ จ�ำเลยจะย้ำยออกจำกท่ดิน
ี
โฉนดเลขท่ ๓๔๗๕๒ และ ๓๔๗๐๑ เพ่อให้โจทก์และบุตรได้เข้ำกลับมำอยู่อำศัยตำมเดิม แต่
ื
ี
จ�ำเลยกลับบ่ำยเบี่ยงไม่ยอมออกจำกที่ดินดังกล่ำวและไม่ยอมรับผิดชอบหนี้สินต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้น
ระหว่ำงสมรส โดยปล่อยให้โจทก์รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์
ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกจำกบ้ำนเลขที่ ๔๐/๕ หมู่ที่ ๓ ต�ำบล
ี
ตำสัง อ�ำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ และให้จ�ำเลยออกจำกท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๔๗๕๒
ี
และ ๓๔๗๐๑ ต�ำบลตำสัง อ�ำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมส่งมอบกำรครอบครอง
ท่ดินดังกล่ำวแก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย ห้ำมจ�ำเลยเข้ำมำเก่ยวข้องกับท่ดินดังกล่ำวอีกต่อไป
ี
ี
ี
กับให้จ�ำเลยใช้ค่ำเสียหำยเดือนละ ๒,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จ�ำเลยจะขนย้ำยทรัพย์สินออกจำกท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๔๗๕๒ และ ๓๔๗๐๑ เสร็จส้นและ
ิ
ี
ี
ส่งมอบกำรครอบครองที่ดินดังกล่ำวแก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดนครสวรรค์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้แม้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนและ
ึ
ี
ท่ดินพิพำทซ่งโจทก์อ้ำงว่ำเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ โดยกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยอยู่ในบ้ำนและท่ดิน
ี
�
ื
ั
ี
พพำทโดยละเมิดก็ตำม แต่กำรวนิจฉัยว่ำโจทก์มอ�ำนำจฟ้องขบไล่จำเลยหรอไม่นน จะต้อง
ั
ิ
้
ิ
วนจฉยก่อนว่ำทดนและบ้ำนพพำทเป็นสนส่วนตวของโจทก์หรอไม่ อนเป็นข้อพพำทเกยวกบ
ั
ี
ิ
่
ั
ั
ิ
ิ
ิ
่
ี
ิ
ื
ิ
ั
ทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ ซ่งต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ึ
มำตรำ ๑๔๗๑ คดีน้จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
ี
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
814
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
815
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์
ที่ วยช ๗๐/๒๕๖๔ นำง ว. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของนำง ป. ระหว่ำงสมรสม ี
สินสมรส คือ หุ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู นำง ป. ท�ำพินัยกรรมแบบเอกสำรฝ่ำยเมือง
ั
ยกสินสมรสดังกล่ำวท้งในส่วนของตนและของโจทก์ให้แก่จ�ำเลย อันเป็นกำรท�ำพินัยกรรม
ี
ยกสินสมรสท่เกินกว่ำส่วนของตนให้แก่บุคคลอ่น พินัยกรรมจึงไม่มีผลบังคับถึงหุ้น
ื
ี
ั
ท่เป็นส่วนของโจทก์ก่งหน่ง ต่อมำนำง ป. ถึงแก่ควำมตำย หลังจำกน้นจ�ำเลยน�ำพินัยกรรม
ึ
ึ
ั
ู
ฉบับดังกล่ำวไปถอนเงินค่ำหุ้นสินสมรสท้งหมดจำกสหกรณ์ออมทรัพย์คร โจทก์ทวงถำม
เงินค่ำหุ้นส่วนของโจทก์จำกจ�ำเลยแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงิน
ี
่
ุ
้
ค่ำห้นพร้อมดอกเบยแก่โจทก์ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นกรณีทโจทก์กล่ำว
ี
ี
อ้ำงว่ำเงินค่ำหุ้นพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับนำง ป. นำง ป. ไม่มีอ�ำนำจ
ท�ำพินัยกรรมยกสินสมรสดังกล่ำวเกินกว่ำส่วนของตนให้แก่จ�ำเลย อันเป็นกรณีท่จะต้อง
ี
บังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๘๑ จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของนำง ป. จดทะเบียนสมรสเม่อ
ื
วันที่ ๒๗ พฤศจิกำยน ๒๕๓๔ ระหว่ำงสมรสมีสินสมรส คือ หุ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสุโขทัย
จ�ำกัด เป็นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บำท เมื่อวันที่ ๘ พฤษภำคม ๒๕๖๐ นำง ป. ท�ำพินัยกรรมแบบเอกสำร
ั
ฝ่ำยเมืองยกสินสมรสดังกล่ำวท้งในส่วนของตนและของโจทก์ให้แก่จ�ำเลย อันเป็นกำรท�ำ
พินัยกรรมยกสินสมรสท่เกินกว่ำส่วนของตนให้แก่บุคคลอ่น พินัยกรรมจึงไม่มีผลบังคับถึงหุ้น
ื
ี
ที่เป็นส่วนของโจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บำท ต่อมำวันที่ ๓๑ มกรำคม ๒๕๖๒ นำง ป.
ถึงแก่ควำมตำย วันที่ ๑๑ มีนำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลยน�ำพินัยกรรมฉบับดังกล่ำวไปถอนเงินค่ำหุ้น
สินสมรสทั้งหมดจำกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสุโขทัย จ�ำกัด โจทก์ทวงถำมเงินค่ำหุ้นส่วนของโจทก์
จำกจ�ำเลยแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย จ�ำเลยจึงต้องรับผิดคืนเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ พร้อม
ดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันท่จ�ำเลยได้รับเงินส่วนของโจทก์ไปจนถึงวันฟ้องเป็น
ี
ี
เวลำ ๒ ปี ๕ เดือน คิดเป็นดอกเบี้ย ๔๕,๓๑๓ บำท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๙๕,๓๑๓ บำท ขอให้
บังคับจ�ำเลยคืนเงิน ๒๙๕,๓๑๓ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
816
ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดสุโขทัยเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำเงินค่ำหุ้นพิพำท
เป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับนำง ป. นำง ป. ไม่มีอ�ำนำจท�ำพินัยกรรมยกสินสมรสดังกล่ำว
ี
เกินกว่ำส่วนของตนให้แก่จ�ำเลย อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ
พำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๘๑ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
817
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์
ที่ วยช ๗๔/๒๕๖๔ นำง พ. จ�ำเลย
ี
ี
ี
คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท�ำสัญญำยกบ้ำนและท่ดินฉบับลงวันท ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๗
่
ให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์ช�ำระเงิน ๘๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย และให้โจทก์ผ่อนช�ำระหน ้ ี
ี
ค่ำบ้ำนและท่ดินดังกล่ำวแก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ต่อไปแทนจ�ำเลยจนครบ
่
ี
ี
้
ี
จ�ำนวนหน ส่วนจ�ำเลยอ้ำงว่ำ กำรท่โจทก์และจ�ำเลยตกลงกันในวันท ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๗
ให้โจทก์ช�ำระเงิน ๘๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย และให้โจทก์เป็นผู้ผ่อนช�ำระค่ำบ้ำนและ
ื
ท่ดินดังกล่ำวเป็นเร่องท่สำมีต้องช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวในขณะท่เป็นสำมีภริยำกัน
ี
ี
ี
่
ี
ี
รวมถึงสัญญำยกบ้ำนและท่ดินดังกล่ำวไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำท จ�ำเลย
ึ
ี
จึงไม่ต้องคืนเงินแก่โจทก์ ซ่งสัญญำยกบ้ำนและท่ดินดังกล่ำวมีลักษณะเป็นสัญญำ
ท่เก่ยวกับทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยท�ำไว้ต่อกันในระหว่ำงเป็นสำมีภริยำกันอันเป็นกรณ ี
ี
ี
ี
ที่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๖๙ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันเม่อวันท่ ๙ กันยำยน ๒๕๕๒ ใน
ี
ื
ระหว่ำงอยู่ด้วยกันฉันสำมีภริยำ จ�ำเลยให้โจทก์เข้ำไปพักอำศัยกับจ�ำเลยท่บ้ำนของจ�ำเลยท ี ่
ี
บ้ำนเลขที่ ๕๕/๑๒๐ หมู่ ๑ ถนนรังสิต - นครนำยก ต�ำบลรังสิต อ�ำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธำนี
ื
โดยจ�ำเลยจ�ำนองบ้ำนและท่ดินไว้แก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์เพ่อประกันหน้ท่จ�ำเลยกู้ยืม
ี
ี
ี
ื
๑,๒๘๑,๐๐๐ บำท ต่อมำประมำณปลำยปี ๒๕๕๖ จ�ำเลยออกจำกบ้ำนไปอยู่กินกับชำยอ่น
ื
ี
ี
จนกระท่งวันท่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๗ จ�ำเลยมำพบโจทก์เพ่อตกลงขำยบ้ำนและท่ดินดังกล่ำว
ั
ให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์ช�ำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย และให้โจทก์ผ่อนช�ำระหน้แก่ธนำคำร
ี
ี
ิ
อำคำรสงเครำะห์ต่อไปแทนจ�ำเลยจนครบจ�ำนวนหน้แล้วจ�ำเลยจะโอนกรรมสิทธ์บ้ำนและท่ดิน
ี
ดังกล่ำวให้แก่โจทก์ โจทก์ขอต่อรองจ�ำเลยว่ำโจทก์ขอจ่ำยเงิน ๘๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลยก่อน
ิ
ส่วนอีก ๒๐,๐๐๐ บำท จะช�ำระวันท่โอนกรรมสิทธ์บ้ำนและท่ดิน กับให้จ�ำเลยท�ำสัญญำเป็น
ี
ี
ี
หลักฐำนว่ำ จ�ำเลยยินยอมยกบ้ำนและท่ดินดังกล่ำวให้แก่โจทก์ หลังจำกน้นโจทก์ผ่อนช�ำระ
ั
หน้ดังกล่ำวในนำมของจ�ำเลยแก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ต้งแต่วันท่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๗
ี
ั
ี
ตลอดมำจนถึงวันที่ ๓๐ เมษำยน ๒๕๖๒ รวมเป็นเงิน ๕๐๐,๒๔๘ บำท ต่อมำเมื่อโจทก์ทรำบว่ำ
818
ื
จ�ำเลยไปอยู่กินฉันสำมีภริยำกับชำยอ่น โจทก์จึงฟ้องหย่ำจ�ำเลยต่อศำลเยำวชนและครอบครัว
จังหวัดปทุมธำนีและศำลได้มีค�ำพิพำกษำให้หย่ำเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวำคม ๒๕๖๒ ระหว่ำงที่โจทก์
ี
ช�ำระหน้เงินกู้ยืมให้แก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ โจทก์เคยบอกกล่ำวให้จ�ำเลยไปโอนกรรมสิทธ ์ ิ
ิ
ี
บ้ำนและท่ดินดังกล่ำวให้โจทก์แล้วแต่จ�ำเลยปฏิเสธ ต่อมำโจทก์บอกกล่ำวให้จ�ำเลยคืนเงน
ท่โจทก์ช�ำระหน้เงินกู้ยืมให้แก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับ
ี
ี
ควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงินท่โจทก์ช�ำระให้แก่จ�ำเลย ๘๐,๐๐๐ บำท และคืนเงิน
ี
ี
ี
ี
ท่โจทก์ช�ำระหน้เงินกู้ยืมให้แก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ไป ๕๐๐,๒๔๘ บำท พร้อมดอกเบ้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์ช�ำระในแต่ละงวดจนถึงวันที่ ๓๑ สิงหำคม ๒๕๖๓ คิด
เป็นดอกเบี้ย ๑๖๘,๖๕๐.๕๒ บำท รวมเป็นเงินที่จ�ำเลยต้องช�ำระแก่โจทก์ ๗๔๘,๘๙๘.๕๒ บำท
กับขอคิดดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๘๐,๒๔๘ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ื
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยจ�ำนองบ้ำนและท่ดินดังกล่ำวไว้แก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์เพ่อ
ี
ประกันหน้ท่จ�ำเลยกู้ยืม ๑,๒๘๑,๐๐๐ บำท ก่อนท่จ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกับโจทก์เม่อวันท่ ๙
ี
ี
ี
ื
ี
ั
กันยำยน ๒๕๕๒ โดยจ�ำเลยเป็นผู้ผ่อนช�ำระค่ำบ้ำนและท่ดินดังกล่ำวเป็นประจ�ำทุกเดือนต้งแต่
ปี ๒๕๕๐ ถึงปี ๒๕๕๗ และต้นปี ๒๕๖๒ จนถึงปัจจุบัน ภำยหลังที่จ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกับ
โจทก์ โจทก์และบุตรของโจทก์ได้เข้ำมำพักอำศัยในบ้ำนของจ�ำเลย โดยโจทก์ตกลงกับจ�ำเลยว่ำ
จะช่วยเหลือค่ำใช้จ่ำยในครอบครัวเดือนละ ๓,๐๐๐ บำท แต่โจทก์ก็ไม่ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว
และผ่อนบ้ำนแต่อย่ำงใด และเมื่อกลำงปี ๒๕๕๖ จ�ำเลยมีปัญหำเรื่องสุขภำพจึงลำออกจำกงำน
ไม่มีรำยได้ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงกันในวันท่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๗ ให้โจทก์ช�ำระเงิน ๘๐,๐๐๐ บำท
ี
ื
ึ
ี
แก่จ�ำเลย และให้โจทก์เป็นผู้ผ่อนช�ำระค่ำบ้ำนและท่ดินดังกล่ำว ซ่งเป็นเร่องท่สำมีต้อง
ี
ี
ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวในขณะท่เป็นสำมีภริยำกันและโจทก์ก็พักอำศัยและใช้ประโยชน์
ในบ้ำนและที่ดินดังกล่ำวตลอดมำจนถึงประมำณกลำงปี ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวำคม ๒๕๖๒
ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธำนีมีค�ำพิพำกษำให้โจทก์กับจ�ำเลยหย่ำกัน ต่อมำโจทก์
ี
และจ�ำเลยจดทะเบียนกำรหย่ำกันเม่อวันท่ ๒๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓ สัญญำยกบ้ำนและท่ดิน
ี
ื
่
์
ี
่
ี
้
่
ึ
่
็
้
่
่
ี
ื
ดงกลำวไมไดจดทะเบยนตอพนกงำนเจำหนำทและเมอเปนเรองทโจทกซงเปนสำมตองชวยเหลอ
่
ั
ั
ื
่
ื
็
้
้
ี
่
จุนเจือครอบครัวในขณะท่โจทก์และจ�ำเลยเป็นสำมีภริยำกัน จ�ำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินแก่โจทก์
ี
ขอให้ยกฟ้อง
819
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดธัญบุรีเห็นว่ำ โจทก์และจ�ำเลยมีข้อพิพำทเกี่ยวกับบันทึก
ี
ึ
ี
ข้อตกลงเร่องทรัพย์สินท่โจทก์และจ�ำเลยท�ำข้นในระหว่ำงท่ยังเป็นสำมีภริยำโดยชอบด้วย
ื
ื
กฎหมำย และจ�ำเลยยกข้อต่อสู้เร่องสิทธิหน้ำท่ระหว่ำงสำมีภริยำเพ่อไม่ต้องคืนเงินแก่โจทก์
ื
ี
ี
กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่
จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท�ำสัญญำยกบ้ำนและท่ดินฉบับลงวันท่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๗
ี
ี
ี
ี
ให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์ช�ำระเงิน ๘๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย และให้โจทก์ผ่อนช�ำระหน้ค่ำบ้ำน
ี
และท่ดินดังกล่ำวแก่ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ต่อไปแทนจ�ำเลยจนครบจ�ำนวนหน้ ส่วนจ�ำเลย
ี
อ้ำงว่ำกำรท่โจทก์และจ�ำเลยตกลงกันในวันท่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๗ ให้โจทก์ช�ำระเงิน
ี
ี
๘๐,๐๐๐ บำท แก่จ�ำเลย และให้โจทก์เป็นผู้ผ่อนช�ำระค่ำบ้ำนและท่ดินดังกล่ำวเป็นเร่องท่สำม ี
ี
ี
ื
ี
ต้องช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวในขณะท่เป็นสำมีภริยำกัน รวมถึงสัญญำยกบ้ำนและท่ดินดังกล่ำว
ี
ี
ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำท่ จ�ำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินแก่โจทก์ ซ่งสัญญำยกบ้ำนและ
ึ
ี
ท่ดินดังกล่ำวมีลักษณะเป็นสัญญำท่เก่ยวกับทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยท�ำไว้ต่อกันในระหว่ำง
ี
ี
ี
เป็นสำมีภริยำกันอันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ี
ี
มำตรำ ๑๔๖๙ คดีน้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
820
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย จ. โจทก ์
ที่ วยช ๙๐/๒๕๖๔ นำง ว. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ นำย ช. กับนำง พ. จดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ
ึ
ึ
ี
่
ิ
์
ั
่
ู
ิ
ั
่
้
์
่
นำย พ. ซงถงแกควำมตำยแลวและโจทก ระหวำงอยกนนำย ช. กบนำง พ. มทรพยสน
ึ
ื
ี
ิ
ี
ท่ท�ำมำหำได้ร่วมกัน คือ ท่ดินพิพำทซ่งใส่ช่อนำย ช. เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์ผู้เดียว ต่อมำ
ั
นำง พ. ถึงแก่ควำมตำย นำย ช. จดทะเบียนสมรสใหม่กับจ�ำเลย หลังจำกน้นนำย ช.
ี
ี
ยกท่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยโดยเจตนำทุจริต เพรำะนำย ช. กับจ�ำเลยรู้อยู่แล้วว่ำท่ดิน
ี
ึ
พิพำทมีส่วนของนำง พ. ก่งหน่ง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำทระหว่ำงนำย ช.
ึ
กับจ�ำเลยดังกล่ำว และบังคับให้จ�ำเลยแบ่งแยกท่ดินพิพำทให้แก่โจทก์ จ�ำเลยให้กำรว่ำ
ี
ที่ดินพิพำทเป็นสินส่วนตัวของนำย ช. ไม่ใช่เป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ช. กับมำรดำโจทก์
่
ั
�
จำเลยได้รบกำรยกให้ทดนพิพำทจำกนำย ช. โดยชอบด้วยกฎหมำย ซงโจทก์ทรำบและ
่
ี
ิ
ึ
ี
ไม่เคยโต้แย้งคัดค้ำน จึงไม่มีสิทธิเรียกเอำท่ดินพิพำทคืนจำกจ�ำเลย คดีน้มีประเด็น
ี
ข้อพิพำทตำมที่โจทก์กับจ�ำเลยโต้เถียงกันว่ำ ที่ดินพิพำทเป็นสินสมรสระหวำงนำย ช. กับ
่
ี
ี
นำง พ. หรือเป็นสินส่วนตัวของนำย ช. อันเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวด้วยสินส่วนตัวและ
สินสมรสซ่งจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็น
ึ
คดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ นำย ช. กับนำง พ. จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ ๑๑ มีนำคม ๒๕๐๙
มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ นำย พ. ซึ่งถึงแก่ควำมตำยแล้วและโจทก์ ระหว่ำงอยู่กินนำย ช. กับ
นำง พ. มีทรัพย์สินที่ท�ำมำหำได้ร่วมกัน คือ ที่ดินพิพำทโฉนดเลขที่ ๓๑๘๐๔ ต�ำบลวังชัย อ�ำเภอ
น�้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ประมำณ ๑๕ ไร่ ๒ งำน ๖๕ ตำรำงวำ โดยใส่ชื่อนำย ช. เป็น
ิ
ผู้ถือกรรมสิทธ์ผู้เดียว ต่อมำนำง พ. ถึงแก่ควำมตำย นำย ช. จดทะเบียนสมรสใหม่กับจ�ำเลย
เมื่อวันที่ ๒๙ มกรำคม ๒๕๖๒ หลังจำกนั้นวันที่ ๒๗ มีนำคม ๒๕๖๒ นำย ช. ได้ยกที่ดินพิพำท
ให้แก่จ�ำเลยโดยเจตนำทุจริต เพรำะนำย ช. กับจ�ำเลยรู้อยู่แล้วว่ำที่ดินพิพำทมีส่วนของนำง พ.
กึ่งหนึ่ง โจทก์ทรำบเรื่องดังกล่ำวเดือนสิงหำคม ๒๕๖๔ และมีหนังสือถึงจ�ำเลยให้แบ่งแยกที่ดิน
ี
พิพำทให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้เพิกถอนนิติกรรมกำรให้ท่ดินพิพำทระหว่ำงนำย ช.
821
ี
กับจ�ำเลยดังกล่ำว และบังคับให้จ�ำเลยแบ่งแยกท่ดินพิพำทให้แก่โจทก์ ๓ ไร่เศษ หำกจ�ำเลย
ไม่ด�ำเนินกำรให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ท่ดินพิพำทเป็นสินส่วนตัวของนำย ช. ไม่ใช่เป็นสินสมรสระหว่ำง
นำย ช. กับมำรดำโจทก์ จ�ำเลยได้รับกำรยกให้ท่ดินพิพำทจำกนำย ช. โดยชอบด้วยกฎหมำย
ี
ี
โจทก์ทรำบและไม่เคยโต้แย้งคัดค้ำน จึงไม่มีสิทธิเรียกเอำท่ดินพิพำทคืนจำกจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแขวงขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทตำมท่โจทก์กับจ�ำเลยโต้เถียงกันว่ำ ท่ดินพิพำท
ี
ี
เป็นสินสมรสระหว่ำงนำย ช. กับนำง พ. หรือเป็นสินส่วนตัวของนำย ช. อันเป็นข้อพิพำทท ่ ี
ึ
เก่ยวด้วยสินส่วนตัวและสินสมรสซ่งจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ี
มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
822