ั
วินิจฉัยว่ำ ได้ควำมตำมค�ำร้องว่ำภำยหลังศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์
ของจ�ำเลยที่ ๒ เด็ดขำด เจ้ำหนี้รำยที่ ๕ ได้น�ำเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์จ�ำนองที่ดิน
ี
โฉนดเลขท่ ๕๓๓๖๘ ต�ำบลบำงกะปิ (ลำดพร้ำวฝั่งเหนือ) อ�ำเภอพญำไท (บำงกะปิ) จังหวัด
กรุงเทพมหำนคร พร้อมสิ่งปลูกสร้ำง กรรมสิทธิ์รวมของจ�ำเลยที่ ๒ และผู้คัดค้ำน เพื่อน�ำออก
ขำยทอดตลำด ผู้ร้องอ้ำงว่ำ ผู้ร้องเป็นเจ้ำหนี้ตำมค�ำพิพำกษำซึ่งศำลแพ่งพิพำกษำให้จ�ำเลยที่ ๒
กับผู้คัดค้ำนร่วมกันช�ำระเงินแก่ผู้ร้อง หำกไม่ช�ำระให้ยึดทรัพย์จ�ำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๓๓๖๘
ต�ำบลบำงกะปิ (ลำดพร้ำวฝั่งเหนือ) อ�ำเภอพญำไท (บำงกะปิ) จังหวัดกรุงเทพมหำนคร พร้อม
สิ่งปลูกสร้ำง กรรมสิทธิ์รวมของจ�ำเลยที่ ๒ และผู้คัดค้ำนออกขำยทอดตลำด ดังนี้กำรยื่นค�ำร้อง
ี
ี
ท่จะบังคับช�ำระหน้ตำมค�ำพิพำกษำเอำจำกทรัพย์จ�ำนองของผู้คัดค้ำนท่ถูกยึดในคดีล้มละลำย
ี
ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๘๙ (เดิม) นั้นเป็นกำรใช้สิทธิในคดีแพ่ง
ี
ี
ท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย จึงเป็นคดีล้มละลำย อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ั
ศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
673
้
ุ
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยหอม แกวอดม ผู้ร้อง
ที่ วล ๑/๒๕๖๐ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
กบพวก ผู้คัดค้ำน
ั
ิ
ี
ิ
ื
ผู้ร้องย่นค�ำร้องขอแสดงกรรมสิทธ์ในท่ดินและส่งปลูกสร้ำงโดยกำรครอบครอง
ิ
้
ั
ี
ี
่
ี
ปรปักษ์ โดยโฉนดทดนดงกล่ำวมชอของลกหนในคดล้มละลำยเป็นเจ้ำของกรรมสทธ ิ ์
ู
ี
่
ื
ิ
ี
เท่ำกับผู้ร้องกล่ำวอ้ำงว่ำท่ดินและส่งปลูกสร้ำงเป็นของผู้ร้อง มิใช่ของลูกหน้และมิใช่ทรัพย์
ี
ิ
ี
ี
ี
อันอำจแบ่งแก่เจ้ำหน้ในคดีล้มละลำย กรณีจึงเป็นปัญหำข้อพิพำทในคดีแพ่งท่เก่ยวพัน
กันกับคดีล้มละลำย อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_____________________________
ผู้ร้องยื่นค�ำร้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลำคม ๒๕๓๕ ผู้ร้องซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๖๘๐๑
ิ
แขวงประเวศ (คลองประเวศฝั่งเหนือ) เขตพระโขนง กรุงเทพมหำนคร พร้อมส่งปลูกสร้ำง
เลขที่ ๑๖๙ ถนนกรุงเทพกรีฑำ แขวงสะพำนสูง เขตพระโขนง กรุงเทพมหำนคร จำกนำยวิวิทย์
ี
เม่อผู้ร้องได้ท่ดินแปลงดังกล่ำวมำแล้ว ผู้ร้องได้เข้ำยึดถือครอบครองโดยควำมสงบและโดย
ื
เปิดเผยด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของติดต่อกันเป็นเวลำ ๒๔ ปี เศษ ขอให้มีค�ำสั่งว่ำ ที่ดินโฉนดเลขที่
๑๔๖๘๐๑ แขวงประเวศ (คลองประเวศฝั่งเหนือ) เขตพระโขนง กรุงเทพมหำนคร เป็นกรรมสิทธิ์
ของผู้ร้องโดยกำรครอบครอง ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๓๘๒
ี
ื
ี
ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ท่ดินและส่งปลูกสร้ำงพิพำทเป็นของบริษัทแจ็ค
ิ
ี
ิ
สมอลล์ จ�ำกัด ลูกหน้ในคดีล้มละลำย กำรซ้อขำยท่ดินและส่งปลูกสร้ำงดังกล่ำวระหว่ำง
ี
ื
นำยวิวิทย์กับบริษัทยูนิโก้ เทรดดิ้ง จ�ำกัด และระหว่ำงนำยวิวิทย์กับผู้ร้องตำมที่ผู้ร้องอ้ำง ไม่ได้
ท�ำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำท่จึงตกเป็นโมฆะ ค�ำร้องของผู้ร้องเป็นกำร
ี
กล่ำวอ้ำงว่ำท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงไม่ใช่ของบริษัทแจ็ค สมอลล์ จ�ำกัด เป็นกำรโต้แย้งสิทธ ิ
ี
ิ
ในทรัพย์สินของลูกหน้ในคดีล้มละลำย เป็นกำรฟ้องคดีแพ่งเก่ยวกับทรัพย์สินของลูกหน้ใน
ี
ี
ี
คดีล้มละลำย จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ศำลจังหวัดมีนบุรีไม่มีอ�ำนำจ
รับค�ำร้องไว้พิจำรณำพิพำกษำ ขอให้ยกค�ำร้อง
ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ กำรซื้อขำยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้ำงระหว่ำงนำยวิวิทย์
ิ
กับบริษัทยูนิโก้ เทรดด้ง จ�ำกัด และระหว่ำงนำยวิวิทย์กับผู้ร้อง ไม่ได้ท�ำเป็นหนังสือและ
674
้
ึ
ั
ิ
ิ
่
ึ
ี
ื
ี
ั
จดทะเบยนต่อพนกงำนเจ้ำหน้ำท จงตกเป็นโมฆะ กำรยดถอครอบครองทงของนำยววทย์และ
ของผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมำยเป็นกำรล่วงละเมิดและโต้แย้งสิทธิในควำมเป็นเจ้ำของ
ของเจ้ำของที่ดิน ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิใด ๆ ในกำรยึดถือครอบครองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้ำง ขอให้
ยกค�ำร้อง
ื
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ ผู้คัดค้ำนท่ ๑ ย่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ี
วินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ ศำลจังหวัดมีนบุรีจึง
เสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ื
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีได้ควำมตำมค�ำร้องและค�ำคัดค้ำนว่ำ เม่อวันท่ ๒๖ สิงหำคม ๒๕๕๘
ั
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทแจ็ค สมอลล์ จ�ำกัด เด็ดขำด ในคดีหมำยเลขแดง
ี
ี
ท่ ล. ๒๕๓๒/๒๕๕๘ ท่ดินโฉนดเลขท่ ๑๔๖๘๐๑ แขวงประเวศ (คลองประเวศฝั่งเหนือ)
ี
เขตพระโขนง กรุงเทพมหำนคร มีชื่อบริษัทแจ็ค สมอลล์ จ�ำกัด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยผู้คัดค้ำน
ื
ิ
ี
ท่ ๒ เป็นผู้รับจ�ำนอง กำรท่ผู้ร้องย่นค�ำร้องว่ำผู้ร้องได้กรรมสิทธ์ในท่ดินดังกล่ำวโดยกำร
ี
ี
ครอบครองตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๓๘๒ เท่ำกับผู้ร้องกล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
ิ
ี
ท่ดินดังกล่ำวพร้อมส่งปลูกสร้ำงเป็นของผู้ร้อง มิใช่ของลูกหน้และมิใช่ทรัพย์สินอันอำจแบ่งแก่
ี
ี
เจ้ำหน้ในคดีล้มละลำย กรณีเป็นปัญหำข้อพิพำทในคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยโดยตรง
ี
จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
675
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงนิภำพรฏ์ พิบูลย์สุขยิ่ง
ั
ที่ วล ๑๐/๒๕๖๔ กบพวก ผู้ร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ของบริษัทไทยวิศวกรรมโยธำ
จ�ำกัด ผู้คัดค้ำน
ั
ั
ื
ผู้ร้องท้งห้ำย่นค�ำร้องขอว่ำผู้ร้องท้งห้ำได้กรรมสิทธ์โดยกำรครอบครองปรปักษ์
ิ
ึ
ี
ี
ื
ั
ในท่ดินมีโฉนดซ่งมีช่อของลูกหน้ในคดีล้มละลำย เท่ำกับผู้ร้องท้งห้ำกล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
ี
ท่ดินดังกล่ำวไม่ใช่ของลูกหน้ในคดีล้มละลำย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอ�ำนำจ
จัดกำรและจ�ำหน่ำยทรัพย์ดังกล่ำว กรณีถือได้ว่ำเป็นข้อพิพำทในคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับ
ี
ี
คดีล้มละลำย ซึ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
ผู้ร้องท้งห้ำย่นค�ำร้องขอและแก้ไขค�ำร้องขอว่ำ เม่อวันท่ ๕ มกรำคม ๒๕๔๘ ผู้ร้อง
ั
ื
ื
ี
ท้งห้ำเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวมในท่ดินโฉนดเลขท่ ๑๐๖๙ ต�ำบลบ้ำนทวำย อ�ำเภอบำงรัก
ี
ี
ิ
ั
ี
ี
กรุงเทพมหำนคร และท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๖๐๓ ต�ำบลบ้ำนทวำย อ�ำเภอบ้ำนทวำย (บำงรัก)
ึ
ื
ั
กรุงเทพมหำนคร พร้อมส่งปลูกสร้ำง ซ่งได้มำจำกกำรซ้อทรัพย์จำกกำรขำยทอดตลำดตำมค�ำส่ง
ิ
ิ
ศำลของกรมบังคับคดี ต่อมำกลำงปี ๒๕๔๘ ตรวจสอบพบว่ำส่งปลูกสร้ำงดังกล่ำวในส่วนตึกแถว
สองชั้น ปลูกคร่อมทับที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๖๑๗ ต�ำบลยำนนำวำ (บ้ำนทวำย) อ�ำเภอยำนนำวำ
(บำงรัก) กรุงเทพมหำนคร เนื้อที่ ๓ ตำรำงวำ ซึ่งมีบริษัทไทยวิศวกรรมโยธำ จ�ำกัด เป็นผู้ถือ
กรรมสิทธ์ ผู้ร้องท้งห้ำได้เข้ำยึดถือครอบครองท�ำประโยชน์ตึกแถวดังกล่ำวโดยน�ำออกให้เช่ำ
ั
ิ
ด้วยควำมสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนำเป็นเจ้ำของตลอดมำจนถึงปัจจุบันเป็นเวลำกว่ำสิบปีแล้ว
จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๖๑๗ โดยกำรครอบครองปรปักษ์ ตำมประมวลกฎหมำย
ี
แพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๓๘๒ ขอให้มีค�ำส่งว่ำ ท่ดินโฉนดเลขท่ ๑๔๖๑๗ ต�ำบลยำนนำวำ
ี
ั
(บ้ำนทวำย) อ�ำเภอยำนนำวำ (บำงรัก) กรุงเทพมหำนคร เนื้อที่ ๓ ตำรำงวำ เป็นกรรมสิทธิ์ของ
ผู้ร้องทั้งห้ำ ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๓๘๒
ี
ื
ี
ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ท่ดินโฉนดเลขท่ ๑๔๖๑๗ ต�ำบลยำนนำวำ (บ้ำนทวำย) อ�ำเภอ
ื
ื
ยำนนำวำ (บำงรัก) กรุงเทพมหำนคร เน้อท่ ๓ ตำรำงวำ มีช่อบริษัทไทยวิศวกรรมโยธำ จ�ำกัด เป็น
ี
676
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ และศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทไทยวิศวกรรมโยธำ จ�ำกัด
เด็ดขำดแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนำยน ๒๕๔๙ ในคดีหมำยเลขแดงที่ ล.๓๒๖๒/๒๕๔๙ อ�ำนำจใน
กำรจัดกิจกำรและทรัพย์สินดังกล่ำวของบริษัทไทยวิศวกรรมโยธำ จ�ำกัด จึงตกแก่เจ้ำพนักงำน
พิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๒๒ ผู้ร้อง
ี
ั
ท้งห้ำไม่อำจนับระยะเวลำท่จะอ้ำงสิทธิในกำรครอบครองปรปักษ์ได้และไม่มีพยำนหลักฐำนมำ
พิสูจน์ว่ำตึกแถวที่ปลูกสร้ำงทับที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๖๑๗ มีกำรขออนุญำตก่อสร้ำงตั้งแต่เมื่อใด
และนับถึงปัจจุบันเป็นกำรครอบครองต่อเนื่องไม่ขำดสำยถึง ๑๐ ปี แล้ว กำรก่อสร้ำงตึกแถวบน
ที่ดินของบุคคลอื่นแล้วน�ำออกให้เช่ำเป็นกำรกระท�ำโดยไม่สุจริต ทั้งบรรยำยค�ำร้องขอไม่ชัดเจน
ี
ั
�
ี
ว่ำมีกำรก่อสร้ำงตึกแถวทับท่ดินท้งแปลงหรือเพียงรุกล้ำท่ดินบำงส่วนและเจตนำใช้สิทธิในทำง
ี
ื
ั
ปรปักษ์กับเจ้ำของท่ดินเม่อใด ผู้ร้องท้งห้ำไม่อำจอ้ำงสิทธิในกำรครอบครองปรปักษ์ได้ ขอให้
ยกค�ำร้องขอและส่งให้ผู้ร้องท้งห้ำใช้เงินค่ำท่ดินเพรำะเหตุท่สร้ำงโรงเรือนน้นตำมรำคำตลำดแก่
ั
ี
ี
ั
ั
ผู้คัดค้ำน
ระหว่ำงพิจำรณำ ผู้คัดค้ำนแถลงว่ำที่ดินที่ผู้ร้องทั้งห้ำยื่นค�ำร้องขอให้ศำลมีค�ำสั่งแสดง
กรรมสิทธิ์โดยกำรครอบครองปรปักษ์เป็นข้อพิพำทเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลำย
ซึ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง ผู้ร้องทั้งห้ำแถลงไม่คัดค้ำน ศำลแพ่ง
กรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่
จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ื
ั
่
ี
ิ
วินิจฉยว่ำ เมอข้อเท็จจริงตำมค�ำร้องและค�ำคัดค้ำนฟังเป็นยุตว่ำ ท่ดนโฉนดเลขท ี ่
ิ
�
่
ุ
้
๑๔๖๑๗ ตำบลยำนนำวำ (บำนทวำย) อำเภอยำนนำวำ (บำงรก) กรงเทพมหำนคร เนอท ๓ ตำรำงวำ
ื
�
ั
ี
้
ี
ื
ิ
มีช่อบริษัทไทยวิศวกรรมโยธำ จ�ำกัด ลูกหน้ เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์ และศำลล้มละลำยกลำง
ุ
็
ี
่
ื
ั
ิ
่
ี
ิ
่
ั
ั
ั
ู
ี
ี
มคำสงพทกษ์ทรพย์ของลกหนเดดขำดแล้วเมอวนท ๒๘ มถนำยน ๒๕๔๙ ในคดหมำยเลข
้
�
ี
แดงท่ ล.๓๒๖๒/๒๕๔๙ ท่ดินดังกล่ำวจึงเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลำย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๐๙ (๑) อ�ำนำจในกำรจัดกำรและจ�ำหน่ำยทรัพย์สินดังกล่ำว
ั
ของบริษทไทยวิศวกรรมโยธำ จำกด จงตกแก่เจ้ำพนักงำนพิทกษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวตำม
ึ
ั
ั
�
ื
มำตรำ ๒๒ (๑) กำรท่ผู้ร้องท้งห้ำย่นค�ำร้องขอว่ำ ผู้ร้องท้งห้ำได้กรรมสิทธ์ในท่ดินโฉนดเลขท่ ๑๔๖๑๗
ี
ี
ั
ั
ิ
ี
ี
ซ่งเป็นทรัพย์สินของลูกหน้ในคดีล้มละลำยโดยกำรครอบครองปรปักษ์ ตำมประมวลกฎหมำย
ึ
แพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๓๘๒ เท่ำกับผู้ร้องทั้งห้ำกล่ำวอ้ำงว่ำที่ดินดังกล่ำวมิใช่ของลูกหนี้ใน
คดีล้มละลำย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้ำนไม่มีอ�ำนำจจัดกำรและจ�ำหน่ำยทรัพย์สินดังกล่ำว
677
ี
ึ
ี
กรณีถือได้ว่ำเป็นข้อพิพำทในคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย จึงเป็นคดีล้มละลำยซ่ง
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
678
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยเทวำ ตันบริภัณฑ์ โจทก์
ที่ วล ๑/๒๕๕๙ บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำได้รับควำมเสียหำยจำกกำรท่บรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทย
ึ
และจ�ำเลยซ่งเข้ำสวมสิทธิเป็นคู่ควำมแทนใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในกำรฟ้องโจทก์เป็น
ั
คดีล้มละลำยจนศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขำด อันเป็นกำรละเมิด
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำสิทธิในกำรเรียกค่ำเสียหำยเกิดจำก
กำรกระท�ำในคดีล้มละลำย ถือว่ำเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย
____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และนำงอัจฉรำ ถูกธนำคำรกรงไทย จ�ำกด (มหำชน) ฟ้องเรยก
ั
ี
ุ
ี
ให้ช�ำระหน้เงินกู้และบังคับจ�ำนอง ศำลแพ่งกรุงเทพใต้พิพำกษำให้โจทก์และนำงอัจฉรำร่วมกัน
ช�ำระเงินประมำณ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท แก่ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) แล้ว ธนำคำรกรุงไทย
�
จ�ำกัด (มหำชน) โอนสิทธิเรียกร้องตำมคำพิพำกษำให้แก่บรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทย โจทก์
และนำงอัจฉรำได้เจรจำปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้และผ่อนช�ำระหนี้จนเหลือยอดค้ำงช�ำระ ณ เดือน
ิ
เมษำยน ๒๕๕๔ เป็นเงน ๒๓,๘๒๘,๕๓๘.๑๗ บำท ต่อมำบรรษทบรหำรสนทรพย์ไทยต้อง
ิ
ั
ั
ิ
เลิกกิจกำร พนักงำนฝ่ำยบัญชีของบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยแจ้งให้โจทก์และนำงอัจฉรำ
ั
ี
ระงับกำรช�ำระหน้ไว้ก่อน โจทก์จึงมิได้ผ่อนช�ำระตำมสัญญำจนกระท่งได้รับแจ้งจำกพนักงำน
ธนำคำรว่ำบัญชีเงินฝำกของโจทก์ถูกเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์อำยัดไว้ หลังจำกโจทก์ตรวจสอบ
แล้วจึงทรำบว่ำอธิบดีกรมสรรพำกรในฐำนะผู้ช�ำระบัญชีของบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยย่น
ื
ั
ค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำงขอให้มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดโจทก์และนำงอัจฉรำ ตำม
ี
�
พระรำชกำหนดบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทย พ.ศ. ๒๕๔๔ มำตรำ ๕๘ วรรคส่ โดยกล่ำวอ้ำง
ในค�ำร้องว่ำ โจทก์และนำงอัจฉรำมีภำระหน้เป็นเงิน ๙๗,๐๕๓,๑๙๔.๘๓ บำท ซ่งไม่เป็น
ี
ึ
ั
ควำมจริง ถือเป็นกำรใช้สิทธิไม่สุจริต ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์และ
นำงอัจฉรำเด็ดขำด โจทก์และนำงอัจฉรำจึงยื่นค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำงขอพิจำรณำคดีใหม่
ั
ิ
ิ
ุ
�
ในระหว่ำงกำรไต่สวนคำร้อง ศำลล้มละลำยกลำงอนญำตให้จำเลยเข้ำสวมสทธแทนบรรษท
�
บริหำรสินทรัพย์ไทยตำมที่จ�ำเลยร้องขอ วันที่ ๑๐ มิถุนำยน ๒๕๕๘ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่ง
อนุญำตให้พิจำรณำคดีใหม่ กำรกระท�ำของบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยและจ�ำเลย ท่น�ำควำมเท็จ
ี
ร้องขอต่อศำลล้มละลำยกลำงเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำยไม่สำมำรถเบิกถอน
679
ื
เงินจำกธนำคำรได้ และเสียช่อเสียง ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
ี
พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวนับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จและให้จ�ำเลยประกำศโฆษณำลงข้อควำมขอโทษโจทก์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ติดต่อกันเป็นเวลำอย่ำงน้อย ๗ วัน
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม โจทก์ผิดนัดไม่ปฏิบัติตำมสัญญำปรับปรุง
ี
้
้
้
้
ั
ั
่
ึ
�
ิ
ื
์
้
ั
โครงสรำงหน บรรษทบริหำรสนทรพย์ไทยจงยนคำรองต่อศำลลมละลำยกลำงขอใหพิทักษทรพย ์
เด็ดขำด เม่อศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์จึงมีหน้ำท ่ ี
ื
ั
ตำมกฎหมำยในกำรรวบรวมทรัพย์สินของโจทก์และประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำว่ำโจทก์ถูก
ี
ี
พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด จ�ำเลยมีสิทธิโดยชอบท่จะแสดงรำยกำรจ�ำนวนหน้เพ่อขอรับช�ำระหน้ต่อ
ี
ื
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
็
่
�
่
ี
ู
่
ิ
ี
ี
ิ
ั
่
ระหวำงกำรพจำรณำ ศำลแพงเหนวำ กรณมปญหำวำคดอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำ
่
ิ
ของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ฟ้องโจทก์อ้ำงว่ำได้รับควำมเสียหำยจำกกำรท่บรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทย
ี
ึ
และจ�ำเลยซ่งเข้ำสวมสิทธิเป็นคู่ควำมแทนบรรษัทบริหำรสินทรัพย์ไทยใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ั
์
ั
็
ฟ้องโจทก์เป็นคดล้มละลำยจนศำลลมละลำยกลำงมค�ำสงพิทกษทรพยเดดขำด อนเปนกำรละเมด
์
็
ั
ี
ี
้
่
ั
ิ
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ข้ออ้ำงของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำสิทธิในกำรเรียกค่ำเสีย
หำยของโจทก์เกิดจำกกำรกระท�ำท่เกิดข้นในคดีล้มละลำย ถือว่ำเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับ
ี
ึ
ี
ี
คดีล้มละลำยโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ผู้พิพำกษำหัวหน้ำคณะในศำลฎีกำ
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
680
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยมำนพ เกตุเมฆ โจทก์
ที่ วล ๑๑/๒๕๖๐ บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
โจทก์ฟ้องว่ำระหว่ำงท่จ�ำเลยอุทธรณ์ค�ำพิพำกษำศำลล้มละลำยกลำงขอให้
ั
ิ
ั
์
ี
ี
�
ั
่
ั
ั
้
ุ
�
์
์
์
็
ศำลฎกำมคำสงพทกษทรพยโจทกเดดขำด โจทกและนำย บ. ทำสญญำปรบปรงโครงสรำงหน ้ ี
กับจ�ำเลย โดยตกลงว่ำเม่อโจทก์ช�ำระเงินตำมสัญญำแล้วจ�ำเลยจะถอนค�ำขอรับช�ำระหน ี ้
ื
ั
โจทก์ช�ำระเงินครบถ้วนแล้วแต่จ�ำเลยกลับผิดสัญญำจนกระท่งต่อมำศำลฎีกำมีค�ำส่ง
ั
พิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์เด็ดขำด จ�ำเลยจงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้โจทก์ได้รับควำม
ั
เสยหำย ขอให้บงคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ข้ออ้ำงและค�ำขอในกำรเรียก
ี
ี
ึ
ค่ำเสียหำยของโจทก์เกิดจำกกำรกระท�ำท่เกิดข้นในคดีล้มละลำย ฟ้องโจทก์จึงเป็นคดีแพ่ง
ที่เกี่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อปี ๒๕๕๖ จ�ำเลยได้ฟ้องนำยอ�ำนำจเป็นจ�ำเลยท่ ๑ และโจทก์เป็น
ี
ั
ั
จ�ำเลยท่ ๒ ต่อศำลล้มละลำยกลำงขอให้มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท้งสองเด็ดขำด ศำล
ี
มีค�ำพิพำกษำเป็นคดีหมำยเลขแดงที่ ล. ๑๙๕๙/๒๕๕๗ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนำยอ�ำนำจเด็ดขำด
และยกฟ้องโจทก์ จ�ำเลยซ่งเป็นโจทก์คดีดังกล่ำวอุทธรณ์ค�ำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง
ึ
ต่อศำลฎีกำ แต่ก่อนท่ศำลฎีกำจะมีค�ำพิพำกษำ นำยบรรจงและโจทก์ได้ท�ำสัญญำปรับปรุง
ี
โครงสร้ำงหน้กับจ�ำเลย โดยโจทก์ตกลงจะช�ำระเงินให้แก่จ�ำเลย ๖๐๐,๐๐๐ บำท เม่อจ�ำเลย
ื
ี
ได้รับเงินครบถ้วนแล้วจ�ำเลยจะถอนค�ำขอรับช�ำระหน้ และจ�ำเลยยังสัญญำต่ออีกว่ำกรณีท ่ ี
ี
ั
ศำลล้มละลำยกลำงไม่มีค�ำส่งยกเลิกกำรล้มละลำย จ�ำเลยจะแถลงต่อศำลล้มละลำยกลำงหรือ
ี
ต่อเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ว่ำจ�ำเลยได้รับช�ำระหน้จำกผู้ช�ำระหน้แทนเรียบร้อยแล้ว และไม่ม ี
ี
้
ิ
ี
ี
้
ควำมประสงค์จะขอรับชำระหนอกต่อไป โจทก์ได้ชำระเงนตำมสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหนให้
�
�
ี
แก่จ�ำเลยครบถ้วนเมื่อวันที่ ๒๖ มกรำคม ๒๕๕๘ แต่จ�ำเลยไม่ท�ำตำมสัญญำ จนกระทั่งวันที่ ๓
กุมภำพันธ์ ๒๕๕๙ ศำลล้มละลำยกลำงได้อ่ำนค�ำพิพำกษำของศำลฎีกำให้พิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์
เด็ดขำด กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรผิดสัญญำ และกระท�ำโดยจงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้
โจทก์ถูกศำลฎีกำส่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด ถูกเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์สิน อำยัด
ั
เงินเดือน เงินวิทยฐำนะและเงินตอบแทน ท�ำให้โจทก์เสียหำย เสียค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ ในกำรติดต่อ
กับกรมบังคับคดี เสียช่อเสียงเกียรติยศควำมน่ำเช่อถือ และเสียหำยต่อกำรท�ำธุรกรรมทำง
ื
ื
681
กำรเงิน ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์เป็นเงิน ๑,๕๔๒,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
่
่
ิ
ู
่
�
์
้
่
�
่
ิ
ิ
่
ี
ู
ี
จำเลยให้กำรวำ ฟองโจทกไมใชคดีผ้บรโภค แตเป็นคดทอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำ
ของศำลล้มละลำย โจทก์ไม่มีส่วนเก่ยวข้องกับสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหน้ จ�ำเลยไม่ได้ผิดสัญญำ
ี
ี
ี
ต่อโจทก์ จ�ำเลยได้ปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหน้ท่มีต่อนำยบรรจงเรียบร้อยแล้ว
ี
ี
ั
โจทก์ไม่อยู่ในฐำนะคู่สัญญำกับจ�ำเลย ดังน้นโจทก์จะน�ำสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหน้มำกล่ำวอ้ำง
ี
เพ่อเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยไม่ได้ จ�ำเลยไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับควำม
ื
เสียหำย และฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำ
ื
ิ
คดีอยในอำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำลล้มละลำยหรอไม ศำลแพงจงใหเสนอปัญหำดงกลำว
ื
่
่
ั
ึ
ู
่
�
่
้
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องอ้ำงว่ำจ�ำเลยกระท�ำผิดสัญญำปรับปรุงโครงสร้ำงหน้ และ
ี
จงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้โจทก์ถูกศำลฎีกำพิพำกษำส่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด โจทก์
ั
ั
ั
ึ
ิ
ั
ู
ี
ั
ิ
ี
ั
ถกเจ้ำพนกงำนพทกษ์ทรพย์ยด อำยดทรพย์สน โจทก์ได้รบควำมเสยหำยเสยค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ
ั
ื
ในกำรติดต่อกับกรมบังคับคดี เสียช่อเสียงเกียรติยศควำมน่ำเช่อถือ และเสียหำยต่อกำรท�ำ
ื
ธุรกรรมทำงกำรเงิน ข้ออ้ำงและค�ำขอของโจทก์ดังกล่ำวเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำ สิทธิเรียกค่ำเสียหำย
ั
ของโจทก์น้น เกิดจำกกำรกระท�ำท่เกิดข้นในคดีล้มละลำย ถือว่ำเป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกันกับ
ี
ี
ึ
ู
ึ
่
้
ี
คดล้มละลำย จงเปนคดีลมละลำยอนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลลมละลำยตำมมำตรำ ๗
ิ
ั
ิ
้
็
�
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
682
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จ�ำกัด
ที่ วล ๘/๒๕๖๑ (มหำชน) กับพวก โจทก์
บริษัทอีวำย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่
เซอร์วิสเซส จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
์
้
ั
์
ั
่
ี
ิ
ื
ู
่
ี
�
ั
โจทกทงสองฟ้องว่ำศำลมคำสงให้ฟ้นฟกจกำรของโจทกท ๑ และต้งจำเลยท ๑
่
ี
�
่
ี
่
ั
ี
เป็นผู้ท�ำแผน จ�ำเลยท ๑ ต้งทนำยควำมของบริษัทจ�ำเลยท ๒ เป็นทนำยควำมของ
ั
ั
�
้
ั
�
้
ั
�
้
ู
ั
้
์
ี
้
ั
ผทำแผน หลงจำกนนจำเลยทงสองร่วมกนทำละเมดทำให้โจทกทงสองไดรบควำมเสยหำย
�
ิ
ี
โดยเหตุแห่งมูลละเมิดท่โจทก์กล่ำวอ้ำงเกิดจำกกำรกระท�ำและงดเว้นกำรกระท�ำกำร
่
ของจ�ำเลยท ๑ ในฐำนะผู้ท�ำแผนซ่งเป็นผู้มีอ�ำนำจหน้ำท่ในกำรจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สิน
ี
ึ
ี
ของโจทก์ที่ ๑ กำรพิจำรณำว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสองเป็นละเมิดหรือไม่ต้องอำศัย
ิ
�
ข้อเทจจรงทสบเนองจำกกำรดำเนนกระบวนพจำรณำในคดฟื้นฟกจกำร ฟ้องโจทก์
ิ
ี
่
ี
ื
ู
ิ
ิ
็
ื
่
ี
ี
จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีฟื้นฟูกิจกำร อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำย
_____________________________
ั
ี
ื
ี
โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท่ ๑ มีโจทก์ท่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้จัดกำร เม่อวันท่ ๒๑ กันยำยน ๒๕๖๐
ี
ี
ั
ี
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของโจทก์ท่ ๑ และต้งจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้ท�ำแผน
ั
จ�ำเลยที่ ๑ แต่งตั้งนำงสำวณัฐธิดำ ทนำยควำมประจ�ำส�ำนักงำนของจ�ำเลยที่ ๒ เป็นทนำยควำม
ของผู้ท�ำแผน จ�ำเลยที่ ๒ โดยนำยวีระวงค์ ทนำยของจ�ำเลยที่ ๒ ได้โน้มน้ำวให้โจทก์ที่ ๑ ยินยอม
ให้ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ตรวจสอบโจทก์ที่ ๑ โดยไม่ให้ตอบโต้ฟ้องร้องใด ๆ ทั้งนี้
เพ่อให้จ�ำเลยท้งสองได้กระท�ำกำรเพ่อหำประโยชน์อันมิชอบอันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง
ั
ื
ื
ั
จ�ำเลยทั้งสองได้ว่ำจ้ำงที่ปรึกษำกฎหมำยและนักประเมินทรัพย์สินหลำยบริษัท จ�ำเลยทั้งสองได้
ื
ี
ื
ย่นค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำงเพ่อให้โจทก์ท่ ๑ จ่ำยเงินกว่ำห้ำสิบล้ำนบำทเป็นค่ำว่ำจ้ำงแก่
ั
บริษททจ�ำเลยทงสองว่ำจ้ำงมำ ทำให้โจทก์ท ๑ ต้องว่ำจ้ำงทปรกษำกฎหมำยและทนำยควำม
ี
ี
ึ
�
ี
่
่
้
ั
่
ท�ำค�ำคัดค้ำน เสียค่ำใช้จ่ำยเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท ในช่วงเดียวกันจ�ำเลยที่ ๑ ได้แต่งตั้งบริษัท
ึ
ี
ส�ำนักงำน อีวำย จ�ำกัด ซ่งเป็นบริษัทในเครือของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้สอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ
ด้วยค่ำจ้ำงสูงถึง ๒,๙๐๐,๐๐๐ บำท ทั้งที่สำมำรถว่ำจ้ำงส�ำนักงำนบัญชีอื่นในอัตรำค่ำจ้ำงไม่เกิน
683
ี
ี
ื
ั
ื
ี
ห้ำหม่นบำท จ�ำเลยท้งสองละเลยหน้ำท่ตำมกฎหมำยท่ต้องบริหำรธุรกิจของโจทก์ท่ ๑ เม่อ
โจทก์ที่ ๑ เตรียมเอกสำรกำรเรียกเก็บเงินค่ำสินค้ำถ่ำนหินจำกบริษัทเซี้ยเหมิน คลีน เอ็นเนอร์ยี่
เอ็นจิเนียริ่ง จ�ำกัด ไว้แล้ว แต่จ�ำเลยที่ ๑ จงใจละเลยไม่ด�ำเนินกำรลงนำมในเอกสำรเพื่อเรียกเก็บ
เงินจำกบริษัทเซี้ยเหมิน คลีน เอ็นเนอร์ยี่ เอ็นจิเนียริ่ง จ�ำกัด เป็นกำรเพิกเฉยไม่ท�ำตำมกฎหมำย
และตำมท่ศำลล้มละลำยกลำงก�ำหนดมำ นอกจำกกำรเรียกเก็บเงินจำกลูกค้ำแล้ว จ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
ิ
้
ี
์
่
ั
ี
ี
ี
�
ิ
่
่
ู
ยงมหนำทยกเลก L/C กรณีทโจทกท่ ๑ ไม่สำมำรถส่งถ่ำนหินให้แก่ลกค้ำได้ แต่จำเลยท่ ๑ ไมยกเลก L/C
ี
ิ
ู
�
ั
่
็
ั
ิ
จนทำให้เกดควำมเสียหำยต่อลกค้ำ โจทก์ท ๑ จะตองรบผดชอบคำปรบเปนเงน ๘๐๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรฐ
้
ี
่
ิ
ั
นอกจำกนี้เมื่อธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกล่ำวหำว่ำ
มีกำรปลอมแปลงเอกสำรใบตรำส่งสินค้ำทำงทะเล จ�ำเลยท้งสองก็มิได้สนับสนุนข้อเท็จจริงว่ำ
ั
ี
โจทก์ท่ ๑ ไม่ได้กระท�ำตำมท่ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) กล่ำวหำ เป็นเหตุให้ธนำคำร
ี
กสิกรไทย จ�ำกัด (มหำชน) ผู้ให้สินเช่อแก่โจทก์ท่ ๑ ระงับวงเงินสินเช่อ ท�ำให้โจทก์ท่ ๑
ี
ี
ื
ื
ได้รับควำมเสียหำยขำดก�ำไรจำกกำรด�ำเนินธุรกิจเป็นเงินไม่ต�่ำกว่ำยี่สิบล้ำนบำท จ�ำเลยทั้งสอง
จงใจร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสองเพ่อผลประโยชน์ในทำงทรัพย์สิน เพ่อล่วงรู้ควำมลับ
ื
ั
ื
ทำงกำรค้ำและข่มขู่หลอกลวงโจทก์ทั้งสอง ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่ำเสียหำยแก่
โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ั
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ กำรแต่งต้งผู้สอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษเป็นไปตำมค�ำส่งและเง่อนไข
ั
ี
ื
ของส�ำนักงำนคณะกรรมกำรก�ำกับหลักทรัพย์และตลำดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ค่ำจ้ำงเป็นไปตำม
ปกติและเหมำะสมกับลักษณะและขอบเขตในกำรว่ำจ้ำง ค่ำใช้จ่ำยตำมค�ำร้องขอท�ำธุรกรรมท ่ ี
ู
ี
ยนต่อศำลล้มละลำยกลำงเปนคำใช้จ่ำยท่จ�ำเป็นต่อกำรท�ำหนำท่ผ้ท�ำแผนในกำรฟื้นฟูกจกำรของ
้
ื
ี
ิ
่
็
่
โจทก์ที่ ๑ ค่ำใช้จ่ำยในกำรว่ำจ้ำงที่ปรึกษำต่ำง ๆ ตำมค�ำร้องขอท�ำธุรกรรมเป็นรำคำที่เหมำะสม
ั
กับลักษณะและขอบเขตของงำน มิได้สูงเกินจริง จ�ำเลยท้งสองได้รับทรำบและตกลงด้วยกับ
ค่ำวิชำชีพของจ�ำเลยที่ ๑ ในกำรท�ำแผนฟื้นฟูกิจกำร และค่ำใช้จ่ำยในกำรว่ำจ้ำงที่ปรึกษำต่ำง ๆ
ตำมค�ำร้องขอท�ำธุรกรรมมิใช่ค่ำใช้จ่ำยหรือค่ำวิชำชีพท่เป็นผลประโยชน์ของจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลย
ี
ี
ท้งสองมิได้ละเลยเพิกเฉยต่อหน้ำท่ในกำรท�ำแผนฟื้นฟูกิจกำร จ�ำเลยท่ ๑ ได้ประสำนงำนขอ
ี
ี
ั
ให้ยกเลิก L/C แล้ว ควำมเสียหำยมิได้เกิดข้นหรือเป็นผลจำกกำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๑ กรณ ี
ึ
ี
ี
ี
ี
ึ
ี
ื
ท่โจทก์ท่ ๑ ถูกกล่ำวหำว่ำปลอมใบตรำส่ง เป็นเร่องเกิดข้นก่อนท่จ�ำเลยท่ ๑ จะได้รับกำรแต่ง
ตั้งเป็นผู้ท�ำแผน จ�ำเลยที่ ๑ ไม่อยู่ในฐำนะที่จะยืนยันข้อเท็จจริงได้ ส่วนกำรพิจำรณำให้สินเชื่อ
684
เป็นดุลพินิจของสถำบันกำรเงินไม่เกี่ยวข้องกับจ�ำเลยที่ ๑ ค�ำฟ้องในส่วนค่ำเสียหำย เป็นค�ำฟ้อง
ที่เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ี
ุ
่
�
่
�
ิ
ี
้
จำเลยท ๒ ให้กำรว่ำ อำนำจของกรรมกำรผ้มอำนำจของโจทก์ท ๑ สนสดลงตำม
�
ู
ี
พระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๒๔ และโจทก์ที่ ๒ ไม่ได้รับควำมเสียหำย
เป็นส่วนตัวจึงไม่ใช่ผู้เสียหำย โจทก์ทั้งสองไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยที่ ๒ มีฐำนะเป็นเพียงผู้รับจ้ำง
ู
ี
ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนขัดแย้งกับกำรฟื้นฟกิจกำรของโจทก์ท่ ๑ ไม่มส่วนร่วมในกำรท�ำละเมิดใด ๆ
ี
ี
ไม่มีอ�ำนำจในกำรกระท�ำในนำมของจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒ ท�ำตำมขอบเขตกำรปฏิบัติงำน
ี
ึ
�
่
ี
ั
ุ
ี
ในฐำนะทปรกษำกฎหมำยทำโดยสจรตและเป็นกลำง โจทก์ทงสองโต้แย้งกำรปฏบตหน้ำทของ
ิ
้
ั
ิ
ิ
่
จ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะผู้ท�ำแผนซ่งเป็นกระบวนกำรตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำยเป็นกำร
ึ
ี
ี
ด�ำเนินคดีแพ่งท่เก่ยวพันกับคดีตำมกฎหมำยว่ำด้วยล้มละลำย ศำลแพ่งกรุงเทพใต้ไม่มีอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำคดีนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ั
ื
ื
ระหว่ำงกำรพิจำรณำ จ�ำเลยท้งสองย่นค�ำร้องขอให้ศำลวินิจฉัยช้ขำดเบ้องต้นในปัญหำ
ี
ข้อกฎหมำยในเรื่องอ�ำนำจฟ้องของโจทก์ทั้งสอง
ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ั
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงจำกค�ำฟ้องและค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสองฟังได้ว่ำ ศำลล้มละลำยกลำง
ั
ั
มีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของโจทก์ท่ ๑ และต้งจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้ท�ำแผน โจทก์ท้งสองฟ้องอ้ำงว่ำ
ั
ี
ี
่
ี
ั
�
�
ู
้
ั
่
จำเลยท ๑ ในฐำนะผ้ท�ำแผนได้แต่งตงทนำยควำมประจำสำนกงำนของจำเลยท ๒ เป็นทนำยควำม
�
ี
�
ี
ของผู้ท�ำแผน จ�ำเลยท่ ๒ โน้มน้ำวให้โจทก์ท่ ๑ ยินยอมให้ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน)
ี
ั
ตรวจสอบโจทก์ท่ ๑ โดยไม่ให้ตอบโต้ฟ้องร้องใด ๆ ท้งน้ก็เพ่อให้จ�ำเลยท้งสองได้กระท�ำกำร
ี
ี
ั
ื
ื
ั
ี
เพ่อหำประโยชน์อันมิชอบอันเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ท้งสอง จ�ำเลยท้งสองได้ว่ำจ้ำงท่ปรึกษำ
ั
กฎหมำย นักประเมินทรัพย์สิน หลำยบริษัท แต่งต้งบริษัทในเครือของจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้ตรวจสอบ
ั
ี
บัญชีเป็นกรณีพิเศษด้วยค่ำจ้ำงที่สูง จ�ำเลยทั้งสองละเลยหน้ำที่ตำมกฎหมำยที่ต้องบริหำรธุรกิจ
ื
ั
ี
ของโจทก์ท่ ๑ จนท�ำให้เกิดควำมเสียหำยแก่โจทก์ท้งสองและลูกค้ำของโจทก์ท่ ๑ และเม่อธนำคำร
ี
กรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) กล่ำวหำว่ำมีกำรปลอมแปลงเอกสำรใบตรำส่ง จ�ำเลยท้งสองก็มิได้
ั
สนับสนุนข้อเท็จจริงว่ำโจทก์ที่ ๑ ไม่ได้กระท�ำตำมที่ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) กล่ำวหำ
เป็นเหตุให้ธนำคำรกสิกรไทย จ�ำกัด (มหำชน) ผู้ให้สินเชื่อแก่โจทก์ที่ ๑ ระงับวงเงินสินเชื่อ ท�ำให้
685
ั
ี
ี
โจทก์ท่ ๑ ได้รับควำมเสียหำยท่เกิดจำกกำรขำดก�ำไร จ�ำเลยท้งสองจงใจร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์
ทั้งสองเพื่อประโยชน์ในทำงทรัพย์สิน เพื่อล่วงรู้ควำมลับทำงกำรค้ำและข่มขู่หลอกลวงโจทก์ที่ ๑
ั
ั
ท�ำให้โจทก์ท้งสองได้รับควำมเสียหำย แม้ค�ำฟ้องโจทก์ท้งสองจะบรรยำยและกล่ำวหำว่ำจ�ำเลย
ทั้งสองกระท�ำละเมิดก็ตำม แต่โจทก์ทั้งสองก็ได้อ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ มีหน้ำที่ในฐำนะผู้ท�ำแผนตำม
�
้
กฎหมำยและตำมคำส่งศำล ดงนเหตแห่งมลละเมดท่โจทก์ท้งสองกล่ำวหำจำเลยทงสองจึงเกด
ิ
ั
ี
ั
ู
ี
้
ั
ุ
ิ
�
ั
จำกกำรกระท�ำกำรและงดเว้นกระท�ำกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ตำมกฎหมำยในฐำนะผู้มีอ�ำนำจหน้ำที่
ี
ในกำรจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินของโจทก์ท่ ๑ ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓
มำตรำ ๙๐/๒๕ ค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสองเป็นกำรโต้แย้งคัดค้ำนกำรกระท�ำของผู้ท�ำแผนในคด ี
ั
ฟื้นฟูกิจกำร ซึ่งกำรพิจำรณำว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสองเป็นละเมิดหรือไม่จ�ำเป็นต้องอำศัย
ข้อเท็จจริงท่สืบเน่องจำกกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำในคดีฟื้นฟูกิจกำรเป็นหลัก ค�ำฟ้องของโจทก์
ี
ื
ี
ี
ท้งสองเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีตำมกฎหมำยว่ำด้วยล้มละลำยในส่วนของฟื้นฟูกิจกำร
ั
จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำมมำตรำ ๗ แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
686
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด พุทธิพล
ที่ วล ๑๐/๒๕๖๑ กับพวก โจทก์
ธนำคำรกรุงเทพ จ�ำกัด (มหำชน)
�
กับพวก จำเลย
ี
่
ี
ั
โจทก์ท้งสำมอ้ำงว่ำจ�ำเลยท ๑ ฟ้องขอให้โจทก์ท้งสำมล้มละลำยโดยท่โจทก์
ั
้
ั
ั
ึ
่
ท้งสำมยังไม่ผิดนัดช�ำระหน ส่วนจ�ำเลยท ๓ ซ่งเป็นทนำยควำมของโจทก์ท้งสำมในคด ี
ี
ี
ล้มละลำยสละประเด็นข้อต่อสู้ตำมค�ำให้กำร ไม่ถำมค้ำนและสืบพยำนเป็นเหตุให้ศำล
ั
ี
่
ี
่
มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ท้งสำมเด็ดขำด ต่อมำจ�ำเลยท ๑ ร่วมกับจ�ำเลยท ๒
ั
ี
หลอกลวงโจทก์ท้งสำมและเจ้ำพนักงำนบังคับคดีเป็นเหตุให้จ�ำเลยท ๒ ซ้อท่ดินของ
ั
ื
ี
่
�
ั
่
โจทก์ท ๒ ในกำรขำยทอดตลำดได้ในรำคำต่ำ จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์
ี
ี
ั
ิ
ท้งสำม ขอให้จ�ำเลยท ๒ โอนกรรมสิทธ์ในท่ดินดังกล่ำวคืนโจทก์ หำกไม่คืนขอให้ใช้
ี
่
ิ
่
ี
รำคำน้น แม้โจทก์จะมีค�ำขอบังคับให้จ�ำเลยท ๒ โอนกรรมสิทธ์ท่ดินคืนอันเป็นกำร
ั
ี
ใช้สิทธิติดตำมทรัพย์คืนก็ตำม แต่กำรจะพิพำกษำให้ตำมค�ำขอได้หรือไม่จ�ำเป็นต้อง
่
วินิจฉัยก่อนว่ำโจทก์ท้งสำมถูกท�ำละเมิดโดยกำรท่จ�ำเลยท ๑ ฟ้องโจทก์ท้งสำมให้
ั
ั
ี
ี
ั
ี
ั
ล้มละลำยท้งท่ยังไม่ได้ผิดนัดอันเป็นกำรกล่นแกล้งโจทก์ท้งสำมหรือไม่ กำรวินิจฉัย
ั
ั
ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ท้งสำมดังกล่ำวจ�ำต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีล้มละลำย
ฟ้องโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกับคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ี
ของศำลล้มละลำย
____________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ได้ย่นฟ้องโจทก์ท้งสำมต่อศำลล้มละลำยกลำงเป็นคดีหมำยเลข
ี
ั
แดงที่ ล.๘๕๗๔/๒๕๕๕ ขอให้โจทก์ทั้งสำมล้มละลำยทั้งที่โจทก์ทั้งสำมไม่ได้ผิดนัด จ�ำเลยที่ ๓
เป็นทนำยควำมรับว่ำควำมให้แก่โจทก์ท้งสำม ระหว่ำงพิจำรณำจ�ำเลยท่ ๓ แถลงสละประเด็น
ั
ี
ี
ข้อต่อสู้ตำมค�ำให้กำร ไม่ติดใจถำมค้ำนหรือสืบพยำน กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๓ ดังกล่ำวเป็น
ั
ั
้
ั
ิ
ั
เหตให้ศำลล้มละลำยกลำงสงพทกษ์ทรพย์ของโจทก์ทงสำมเดดขำด หลงจำกโจทก์ทงสำม
ุ
่
ั
้
ั
็
ั
ี
ล้มละลำยเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ส่งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีขำยทอดตลำดท่ดินของโจทก์ท่ ๒
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ สมคบกับจ�ำเลยท่ ๒ ด้วยวิธีให้จ�ำเลยท่ ๒ เข้ำประมูลท่ดินของโจทก์ท่ ๒ โดยม ี
ี
ี
ี
ี
687
ี
ี
พรรคพวกเข้ำร่วมประมูลแล้วแกล้งสู้รำคำไม่ได้ จ�ำเลยท่ ๒ ใช้กลฉ้อฉลและเล่ห์เหล่ยมตลอด
ื
ั
จนกลอุบำยเพ่อหลอกลวงโจทก์ท้งสำมและเจ้ำพนักงำนบังคับคดีเพ่อให้เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ื
เคำะไม้ขำยให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ ในรำคำต�่ำเพียง ๑๙๖,๐๐๐,๐๐๐ บำท แล้วจ�ำเลยที่ ๒ น�ำที่ดินที่
ซื้อได้จ�ำนองต่อจ�ำเลยที่ ๑ ในรำคำ ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท กำรขำยที่ดินของโจทก์ที่ ๒ เกิดจำก
ั
ั
กลฉ้อฉลเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย ถือว่ำจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสำม
ี
่
ิ
ี
ุ
ู
ี
ขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบยนโอนขำยท่ดนโฉนดทดินเลขท่ ๑๓๘๒๔ ต�ำบลกบแดง (หลมไผ่)
ี
อ�ำเภอบำงเขน กรุงเทพมหำนคร และใส่ช่อโจทก์ท่ ๒ แทนจ�ำเลยท่ ๒ โดยปลอดจำกภำระ
ี
ี
ื
ติดพันใด ๆ หำกจ�ำเลยที่ ๒ ไม่ท�ำขอให้ใช้ค�ำสั่งหรือค�ำพิพำกษำของศำลแสดงแทนเจตนำของ
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำเนินกำรโอนให้จ�ำเลยท้งสำมเป็นผู้รับผิดชอบ หำกไม่สำมำรถ
ั
คืนได้ให้ใช้รำคำ ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ ค�ำฟ้องไม่ระบุให้ชัดว่ำให้จ�ำเลยคนใดใช้ค่ำเสียหำย เป็นฟ้อง
ี
ั
ั
ท่เคลือบคลุม โจทก์ท้งสำมเป็นลูกหน้ตำมค�ำพิพำกษำของจ�ำเลยท่ ๑ โจทก์ท้งสำมผิดสัญญำ
ี
ี
ปรับปรุงโครงสร้ำงหนี้ จ�ำเลยที่ ๑ จึงน�ำยึดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์จ�ำนองเพื่อน�ำออกขำยทอดตลำด
ี
เม่อประเมินรำคำทรัพย์จ�ำนองแล้วไม่พอช�ำระหน้ท่ค้ำงอยู่ จ�ำเลยท่ ๑ จึงฟ้องโจทก์ท้งสำมต่อ
ี
ื
ั
ี
ศำลล้มละลำยกลำง จ�ำเลยท่ ๑ ใช้สิทธิโดยสุจริตไม่ได้ท�ำละเมิด จ�ำเลยท่ ๑ ไม่ได้สมคบกับ
ี
ี
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ฉ้อฉลโจทก์ท้งสำม กำรขำยทอดตลำดเกิดข้นโดยชอบด้วยกฎหมำย โจทก์ท้งสำม
ึ
ั
ั
ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์ท้งสำมไม่ใช้สิทธิฟ้องคดีภำยใน ๑ ปี นับแต่
รู้ถึงกำรละเมิด และไม่ได้ใช้สิทธิคัดค้ำนกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัยในเรื่องกำรขำยทอดตลำดของ
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ต่อศำลล้มละลำยกลำงภำยใน ๑๔ วัน คดีโจทก์ทั้งสำมขำดอำยุควำม
ั
ี
โจทก์ท้งสำมเคยฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ ต่อศำลแพ่งเรียกค่ำเสียหำยฐำนละเมิด ต่อมำศำลแพ่งโอน
ั
ี
ั
ี
�
ั
่
่
สำนวนไปยงศำลล้มละลำยกลำงเนองจำกเป็นคดแพ่งเกยวพนกบคดตำมกฎหมำยว่ำด้วย
ื
ี
ล้มละลำย โจทก์ทั้งสำมจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยทั้งสำมต่อศำลนี้ ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ โจทก์ทั้งสำมถูกศำลล้มละลำยกลำงพิพำกษำให้ล้มละลำย โจทก์
ั
ท้งสำมจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์มิได้ย่นค�ำร้องคัดค้ำนกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัยของเจ้ำพนักงำน
ื
พิทักษ์ทรัพย์ต่อศำลล้มละลำยกลำงภำยใน ๑๔ วัน กำรขำยทอดตลำดทรัพย์สินในคดีชอบด้วย
ี
กฎหมำยแล้ว โจทก์ฟ้องคดีน้ต่อศำลแพ่งจึงไม่ชอบด้วยกฎหมำยในเร่องเขตอ�ำนำจศำล จ�ำเลย
ื
ที่ ๒ ซื้อทรัพย์โดยสุจริตไม่รู้จักผู้ประมูลแข่งขันทั้งห้ำรำย ไม่ได้สมคบกับจ�ำเลยที่ ๑ แต่อย่ำงใด
กำรขำยทอดตลำดเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมำย จ�ำเลยท่ ๒ ได้รับโอนกรรมสิทธ์ท่ดินและได้
ิ
ี
ี
ด�ำเนินกำรบังคับคดีต่อจ�ำเลยทั้งสำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
688
จ�ำเลยที่ ๓ ไม่ยื่นค�ำให้กำร
ื
ื
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ ย่นค�ำร้องขอให้ศำลวินิจฉัยช้ขำดเบ้องต้นในปัญหำข้อกฎหมำยว่ำ คดีโจทก์
ุ
ี
�
ั
่
่
ี
ขำดอำยควำม คำฟองของโจทกคดีนเปนฟองซอนกบคดของศำลแพงหมำยเลขแดงท ๑๒๕๐/๒๕๔๒
์
้
้
็
้
้
ี
ี
ี
คดีสำขำหมำยเลขด�ำท่ ถ.๒๓/๒๕๖๑ และคดีสำขำหมำยเลขด�ำท่ ถ.๒๔/๒๕๖๑ ศำลได้ส่งส�ำนวน
ไปยังศำลล้มละลำยกลำงเน่องจำกประธำนศำลฎีกำเคยวินิจฉัยไว้แล้วว่ำเป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกับ
ื
ี
คดีตำมกฎหมำยว่ำด้วยล้มละลำย
โจทก์ท้งสำมย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ โจทก์ท้งสำมฟ้องจ�ำเลยท้งสำมว่ำร่วมกันท�ำละเมิด ร่วมกัน
ื
ั
ั
ั
ฉ้อฉล ขอให้เพกถอนนตกรรมและใช้สทธตดตำมทรพย์คน กำรวนจฉยของศำลแพ่งไม่ต้อง
ิ
ิ
ิ
ั
ื
ิ
ั
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
อำศัยข้อเท็จจริงในคดีล้มละลำย จึงไม่ใช่คดีล้มละลำยท่อยู่ในเขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำย ขอให้ยกค�ำร้อง
ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
หรือไม่ จึงเสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำม
ั
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ทั้งสำมฟ้องจ�ำเลยทั้งสำมอ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ยื่นฟ้องโจทก์ทั้งสำมต่อ
ี
ั
ศำลล้มละลำยกลำงขอให้โจทก์ท้งสำมล้มละลำยท้งท่โจทก์ท้งสำมยังไม่ได้ผิดนัด จ�ำเลยท่ ๓
ั
ี
ั
รับว่ำควำมให้แก่โจทก์ท้งสำม ระหว่ำงพิจำรณำจ�ำเลยท่ ๓ แถลงสละประเด็นข้อต่อสู้ตำม
ี
ั
ค�ำให้กำร ไม่ติดใจถำมค้ำนหรือสืบพยำน กำรกระท�ำของจ�ำเลยท่ ๓ เป็นเหตุให้ศำลล้มละลำยกลำง
ี
ี
ี
ั
ั
ส่งพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ท้งสำมเด็ดขำด จ�ำเลยท่ ๑ ได้ร่วมกับจ�ำเลยท่ ๒ โดยกำรฉ้อฉล
ให้จ�ำเลยที่ ๒ ประมูลซื้อที่ดินท�ำให้โจทก์เสียหำยสูญเสียที่ดิน ขอให้จ�ำเลยที่ ๒ โอนกรรมสิทธิ์
ี
ิ
ี
ี
ท่ดินคืนโจทก์ ดังน้แม้โจทก์จะมีค�ำขอบังคับให้จ�ำเลยท่ ๒ โอนกรรมสิทธ์ท่ดินคืนอันเป็นกำร
ี
ใช้สิทธิติดตำมทรัพย์คืนก็ตำมแต่กำรจะพิพำกษำให้ตำมค�ำขอได้หรือไม่จ�ำเป็นต้องวินิจฉัย
ั
ั
ก่อนว่ำโจทก์ท้งสำมถูกท�ำละเมิดโดยกำรท่จ�ำเลยท่ ๑ ฟ้องโจทก์ท้งสำมให้ล้มละลำยท้งท่ยัง
ี
ี
ั
ี
ั
ึ
ไม่ได้ผิดนัดอันเป็นกำรกล่นแกล้งโจทก์ท้งสำมหรือไม่ ซ่งกำรวินิจฉัยตำมค�ำฟ้องของโจทก์
ั
ี
ี
ท้งสำมดังกล่ำวจ�ำต้องอำศัยข้อเท็จจริงในคดีล้มละลำยเป็นหลัก ถือว่ำเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพัน
ั
กับคดีล้มละลำยโดยตรง จึงเป็นคดีล้มละลำยตำมมำตรำ ๓ อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
689
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
690
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวสุจิตรำ สุวรรณธำดำ
ที่ วล ๕/๒๕๖๒ หรือนำงสำวปทิตตำ
นันทิชำชินภัค โจทก์
กรมบังคับคดี กับพวก จ�ำเลย
ี
ี
โจทก์อ้ำงว่ำกำรท่เจ้ำหน้ในคดีแพ่งถอนกำรยึดห้องชุดของโจทก์แต่เจ้ำพนักงำน
บังคับคดีกลับโอนกำรยึดทรัพย์ไปในคดีล้มละลำยเป็นกำรไม่ชอบ กำรขำยทอดตลำด
ห้องชุดของโจทก์ให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ เป็นไปโดยไม่สุจริตเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ฟ้อง
ั
ั
ขอติดตำมเอำคืนห้องชุดดังกล่ำวและขอให้จ�ำเลยท้งสองชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์น้น
ี
แม้โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำเป็นกำรใช้สิทธิติดตำมทรัพย์คืน แต่กำรท่ศำลจะมีค�ำพิพำกษำ
ตำมค�ำขอของโจทก์จ�ำเป็นต้องวินิจฉัยว่ำ กำรท่เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์โอนห้องชุด
ี
ั
ี
ี
ท่ยึดไว้ในคดีแพ่งมำจัดกำรในคดีล้มละลำยน้นชอบหรือไม่ และกำรน�ำทรัพย์ท่ได้รับ
ี
โอนมำออกขำยทอดตลำดเป็นกำรกระท�ำท่ชอบด้วยกฎหมำยหรือไม่ ค�ำฟ้องของโจทก์
จึงเป็นกำรโต้แย้งกำรกระท�ำของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำย
______________________________
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของห้องชุดเลขท่ ๒๓๘/๔๒๘ ช่ออำคำรชุดศรีวรำ ต้งอยู่
ี
ื
่
่
ื
ี
ิ
บนท่ดนโฉนดทดินเลขท ๕๖๒๓๑ ต�ำบลห้วยขวำง (สำมเสนนอกฝั่งเหนอ) อ�ำเภอห้วยขวำง
ี
ี
(บำงซ่อ) จังหวัดกรุงเทพมหำนคร จ�ำนองไว้ต่อธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) เม่อ
ื
ื
วันที่ ๒๔ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ เจ้ำพนักงำนบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ดังกล่ำวไว้ตำมหมำยบังคับคดี
ของศำลแขวงพระนครเหนือ คดีหมำยเลขแดงท่ ๒๒๑๔๔/๒๕๔๘ ต่อมำเจ้ำหน้คดีดังกล่ำว
ี
ี
ขอถอนกำรยึดทรัพย์ แต่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีไม่ถอนกำรยึด กลับโอนกำรยึดทรัพย์ให้แก่
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ท่ถูกศำลล้มละลำยกลำงส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด เม่อ
ี
ื
ั
วันท่ ๓๑ ตุลำคม ๒๕๔๙ ในคดีหมำยเลขแดงท่ ๖๗๙๔/๒๕๔๙ ต่อมำจ�ำเลยท่ ๑ สมคบกับบริษัทบริหำร
ี
ี
ี
�
้
ุ
ั
ี
ั
ิ
ั
สนทรพย์ ท เอส จ�ำกด โอนสิทธจ�ำนองหองชดดงกลำวจำกธนำคำรนครหลวงไทย จำกัด (มหำชน)
ิ
่
ั
ี
มำเป็นบริษัทบริหำรสินทรัพย์ ที เอส จ�ำกัด รวมท้งจ�ำเลยท่ ๑ ยังสมคบกับจ�ำเลยท่ ๒
ี
691
ที่เข้ำแอบอ้ำงว่ำเป็นผู้สวมสิทธิเป็นเจ้ำหนี้จ�ำนองแทนบริษัทบริหำรสินทรัพย์ ที เอส จ�ำกัด และ
ื
ี
ได้ร่วมกันน�ำห้องชุดของโจทก์ออกขำยทอดตลำด จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ซ้อทรัพย์ดังกล่ำวได้โดย
ไม่สุจริต สัญญำซื้อขำยห้องชุดตกเป็นโมฆะ กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งสองท�ำให้โจทก์ไม่สำมำรถ
น�ำห้องชุดไปเป็นหลักประกันกู้ยืมเงินมำลงทุนท�ำธุรกิจ ท�ำให้โจทก์เสียหำย โจทก์เพ่งรู้ถึงกำร
ิ
ั
ละเมิดและรู้ตัวจ�ำเลยท้งสองผู้จะพึงชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน โจทก์ในฐำนะเป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ์ ิ
จึงมีสิทธิติดตำมเอำทรัพย์คืนจำกจ�ำเลยที่ ๑ และโจทก์เพิ่งรู้ว่ำสำมำรถเรียกค่ำเสียหำยได้ โจทก์
ี
ั
ได้มีหนังสือบอกกล่ำวไปถึงจ�ำเลยท้งสอง แต่จ�ำเลยท้งสองไม่ปฏิบัติตำม ขอให้จ�ำเลยท่ ๑ คืน
ั
ี
ิ
ี
หนังสือกรรมสิทธ์ห้องชุดเลขท่ ๒๓๘/๔๒๘ อำคำรชุดศรีวรำ ให้แก่โจทก์ ให้จ�ำเลยท่ ๑ ถอน
ั
กำรยึดและให้ค�ำส่งยึดตกเป็นโมฆะ หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแสดง
ี
เจตนำ ให้จ�ำเลยท่ ๑ ชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท และจ�ำเลยท่ ๑ ร่วมกับ
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ชดใช้ค่ำเสียหำยอีก ๔๗,๑๒๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยจำกเงินท้งสองจ�ำนวนในอัตรำ
ั
ื
ึ
ั
ร้อยละเจ็ดคร่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จกับให้มีค�ำส่งว่ำสัญญำซ้อขำยทอดตลำด
ตกเป็นโมฆะ
จ�ำเลยท่ ๑ ให้กำรว่ำ เม่อวันท่ ๓๑ ตุลำคม ๒๕๔๙ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง
ั
ี
ี
ื
ั
ึ
พิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท้งสองเด็ดขำดในคดีหมำยเลขแดงท่ ๖๗๙๔/๒๕๔๙ ซ่งโจทก์ในคดีน ้ ี
ี
ี
เป็นจ�ำเลยท่ ๒ ในคดีดังกล่ำว เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ขอให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีขำยทอดตลำด
ี
ี
ห้องชุดเลขท่ ๒๓๘/๔๒๘ ของโจทก์ท่ยึดไว้ตำมหมำยบังคับคดีของศำลแขวงพระนครเหนือ
ธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ผู้รับจ�ำนองได้ยื่นค�ำขอรับช�ำระหนี้ ศำลล้มละลำยกลำง
มีค�ำส่งให้เจ้ำหน้ได้รับช�ำระหน้ตำมควำมเห็นของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์โดยให้ได้รับช�ำระหน ี ้
ั
ี
ี
จำกกำรขำยทอดตลำดห้องชุดเลขที่ ๒๓๘/๔๒๘ ภำยในวงเงินจ�ำนองก่อนเจ้ำหนี้อื่น ต่อมำเมื่อ
วันท่ ๑๕ กรกฎำคม ๒๕๕๓ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ประกำศปลดโจทก์จำกกำรเป็นบุคคลล้มละลำย
ี
หลังจำกโจทก์ถูกปลดจำกกำรเป็นบุคคลล้มละลำย เมื่อวันที่ ๙ มีนำคม ๒๕๕๔ โจทก์ในคดีของ
ศำลแขวงพระนครเหนือขอถอนกำรยึดทรัพย์ห้องชุดเลขท่ ๒๓๘/๔๒๘ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ี
จึงขอให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีโอนกำรยึดทรัพย์ดังกล่ำวเข้ำมำจัดกำรในคดีล้มละลำย และขำย
ทอดตลำดได้เมื่อวันที่ ๕ มกรำคม ๒๕๖๐ กำรขำยทอดตลำดของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ท�ำ
ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมำย โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยอันเกิดแต่มูลละเมิด พ้น ๑ ปี คดีโจทก์
ขำดอำยุควำม โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์จัดกำรทรัพย์สินของโจทก์โดยกำร
ื
ึ
ี
ี
ั
ี
ั
ยดทรพย์และขำยทอดตลำดโดยไม่ชอบ กรณถอว่ำเป็นคดีแพ่งเก่ยวพันกบคดล้มละลำย คดโจทก ์
ี
ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแพ่ง ขอให้ยกฟ้อง
692
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรว่ำ บริษัทบริหำรสินทรัพย์ ที เอส จ�ำกัด ได้รับซ้อสินทรัพย์ด้อย
คุณภำพรวมทั้งสิทธิเรียกร้องที่มีต่อโจทก์จำกธนำคำรนครหลวงไทย จ�ำกัด (มหำชน) และได้ยื่น
ี
ขอรับช�ำระหน้จำกกองทรัพย์สินของโจทก์ ต่อมำจ�ำเลยท่ ๒ ได้รับอนุญำตให้เข้ำสวมสิทธิแทน
ี
บริษัทบริหำรสินทรัพย์ ที เอส จ�ำกัด ห้องชุดเลขที่ ๒๓๘/๔๒๘ เป็นทรัพย์ที่โจทก์มีอยู่ในเวลำ
เร่มต้นแห่งกำรล้มละลำย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีอ�ำนำจยึดและน�ำออกขำยทอดตลำดได้
ิ
ื
ี
จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้ซ้อทรัพย์หลักประกันจำกกำรขำยทอดตลำดโดยชอบจึงไม่เป็นละเมิดและโจทก์
ั
ี
ไม่ได้รับควำมเสียหำย โจทก์ทรำบและรู้ตัวผู้ท�ำละเมิดต้งแต่วันท่ ๓๑ มกรำคม ๒๕๕๔ โจทก์
ฟ้องคดีเกิน ๑ ปี คดีขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
ื
ื
ี
ี
ก่อนวันช้สองสถำน จ�ำเลยท่ ๑ ย่นค�ำร้องขอให้ศำลรอกำรพิจำรณำไว้ก่อนเพ่อ
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลล้มละลำยหรือไม่
ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
ิ
ั
ื
หรอไม่ จึงให้เสนอปัญหำดงกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวนิจฉัย ตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์ได้รับกำรปลดจำกกำรล้มละลำยตำมกฎหมำย
แล้วท�ำให้หลุดพ้นจำกหน้ท้งปวง เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอ�ำนำจจัดกำรทรัพย์สินของ
ี
ั
ี
้
ี
ึ
ุ
่
ี
ี
โจทก์อีกต่อไป กำรทเจ้ำหนในคดแพ่งถอนกำรยดห้องชดเลขท ๒๓๘/๔๒๘ ของโจทก์แต่
่
เจ้ำพนักงำนบังคับคดีกลับโอนกำรยึดทรัพย์ดังกล่ำวไปให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ในคด ี
ล้มละลำย จึงไม่ชอบ นอกจำกนี้จ�ำเลยที่ ๑ ยังสมคบกับจ�ำเลยที่ ๒ เข้ำแอบอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๒
เป็นผู้สวมสิทธิเป็นเจ้ำหนี้จ�ำนองแทนบริษัทบริหำรสินทรัพย์ ที เอส จ�ำกัด แล้วน�ำห้องชุดออก
ั
ขำยทอดตลำด กำรขำยทอดตลำดของเจ้ำพนกงำนพทกษ์ทรพย์จงฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย สญญำ
ั
ั
ิ
ั
ึ
ี
ื
ซ้อขำยห้องชุดตกเป็นโมฆะ ขอให้จ�ำเลยท่ ๑ คืนหนังสือกรรมสิทธ์ห้องชุดเลขท่ ๒๓๘/๔๒๘
ิ
ี
ถอนกำรยึดห้องชุด มีค�ำสั่งให้กำรโอนกำรยึดห้องชุดเป็นโมฆะ สัญญำขำยทอดตลำดเป็นโมฆะ
ี
กับเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยท่ ๑ และจ�ำเลยท่ ๒ ดังน้แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงค�ำขอท้ำยฟ้องว่ำ
ี
ี
เป็นกำรใช้สิทธิติดตำมทรัพย์สินคืน แต่กำรที่ศำลจะมีค�ำพิพำกษำตำมค�ำขอของโจทก์ได้จ�ำเป็น
ั
ี
ี
ท่ศำลจะต้องวินิจฉัยก่อนว่ำกำรท่เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ี
โอนทรัพย์ของโจทก์ท่ยึดไว้ในคดีแพ่งเข้ำมำจัดกำรในคดีล้มละลำยชอบหรือไม่ และกำรน�ำทรัพย์
ท่ได้รับโอนมำออกขำยทอดตลำดเป็นกำรกระท�ำท่ชอบด้วยกฎหมำยหรือไม่ ค�ำฟ้องของโจทก์
ี
ี
693
ื
จึงมีเน้อหำเป็นกำรโต้แย้งกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัยของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำม
พระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ ฟ้องโจทก์คดีน้จึงเป็นคดีล้มละลำยอัน
ี
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
694
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยคมกฤช
ที่ วล ๑๕/๒๕๖๒ จันทรสีมำวรรณ กับพวก โจทก์
บริษัทบริหำรสินทรัพย์สุขุมวิท
จ�ำกัด จ�ำเลย
ั
ั
ี
โจทก์ท้งสำมอ้ำงว่ำ หน้ท่จ�ำเลยน�ำมำฟ้องขอให้โจทก์ท้งสำมล้มละลำยระงับ
ี
ั
ิ
ส้นไปแล้ว แต่จ�ำเลยด�ำเนินคดีล้มละลำยต่อโจทก์ท้งสำมต่อไปจนศำลมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์
ั
ั
ั
ของโจทก์ท้งสำมเด็ดขำด เป็นกำรจงใจท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสำม และขอให้บังคับจ�ำเลย
ั
ั
ั
ชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ท้งสำมน้น ข้ออ้ำงของโจทก์ท้งสำมเป็นกำรอ้ำงถึงสิทธิเรียก
ื
ึ
ค่ำเสียหำยเน่องจำกกำรกระท�ำของจ�ำเลยท่เกิดข้นในคดีล้มละลำย ถือว่ำเป็นคดีแพ่งท ่ ี
ี
เกี่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ทั้งสำมเป็นผู้ค�้ำประกันหนี้ของบริษัทผำเอื้องรีสอร์ท จ�ำกัด ที่มีต่อ
ิ
ั
ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) จ�ำเลยได้รับโอนสิทธเรียกร้องในหน้ดงกล่ำวแล้วนำมำฟ้อง
ี
�
โจทก์ท้งสำมกับพวกขอให้ล้มละลำย ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงได้มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์
ั
ั
ทั้งสำมเด็ดขำด แต่ก่อนที่ศำลล้มละลำยกลำงจะสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์ทั้งสำม จ�ำเลยรู้อยู่แล้วว่ำ
ี
ี
ท่ดินอันเป็นหลักทรัพย์ท่ให้ไว้เป็นหลักประกันเงินกู้ได้ถูกเจ้ำหน้อ่นยึดและขำยทอดตลำดโดย
ี
ื
ติดจ�ำนองไปด้วยแล้ว กำรซ้อทรัพย์จำกกำรขำยทอดตลำดโดยวิธีดังกล่ำวท�ำให้มูลหน้จ�ำนอง
ื
ี
ิ
ี
่
ู
ู
�
ตดไปกับผู้ซอ จึงเป็นกำรแปลงหน้ใหม่ด้วยกำรเปลยนตัวลกหน้ ทำให้หน้ตำมสัญญำก้และหน ้ ี
ี
ี
ื
้
ี
ื
กำรจ�ำนองระหว่ำงธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) กับบริษัทผำเอ้องรีสอร์ท จ�ำกัด กับพวก
ั
ิ
เป็นอันระงับไป จ�ำเลยจึงส้นสิทธิท่จะด�ำเนินคดีล้มละลำยต่อโจทก์ท้งสำมต่อไป แต่เม่อจ�ำเลย
ื
ี
ั
ยังคงใช้สิทธิด�ำเนินคดีล้มละลำยต่อไป จึงเป็นกำรจงใจท�ำละเมิดต่อโจทก์ท้งสำมให้ได้รับควำม
เสียหำย ต้องออกจำกงำน เสียช่อเสียง ขำดรำยได้ท่ควรได้รับ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินแก่
ื
ี
ั
ี
โจทก์ท้งสำม ๑๕,๔๑๒,๘๔๗.๔๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ั
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ท้งสำมอ้ำงมูลเหตุละเมิดท่เกิดข้นระหว่ำงท่โจทก์ท้งสำมถูกจ�ำเลย
ี
ี
ั
ึ
ฟ้องขอให้ล้มละลำย ดังนั้นจึงถือว่ำคดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวพันกับคดีล้มละลำย โจทก์ทั้งสำมไม่มี
695
ี
ี
ั
ี
อ�ำนำจฟ้องคดีน้ต่อศำลแพ่ง มูลหน้ท่จ�ำเลยได้น�ำมำฟ้องโจทก์ท้งสำมกับพวกรวม ๗ คน เป็น
คดีล้มละลำยเป็นมูลหน้ตำมค�ำพิพำกษำตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมในคดีของศำล
ี
จังหวัดกำญจนบุรี ระหว่ำงธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) โจทก์ กับบริษัทผำเอ้องรีสอร์ท จ�ำกัด
ื
กับพวกรวม ๘ คน จ�ำเลย ซ่งโจทก์ท้งสำมคดีน้เป็นจ�ำเลยในคดีแพ่งดังกล่ำวด้วย โจทก์ในคดีแพ่ง
ึ
ี
ั
้
่
ิ
้
่
้
้
ั
ี
้
ื
์
�
ั
ื
�
ั
ู
้
�
ั
์
่
ไมไดตองหำมมใหบงคบชำระหนนอกเหนอจำกทรพยจำนอง เมอทดนทรพยจำนองถกเจำหนอน
ื
้
ี
ิ
ี
่
ื
ี
่
น�ำยึดและน�ำออกขำยทอดตลำดโดยจ�ำนองติดไปด้วย มีผู้ซ้อทดินได้ในรำคำ ๑๔,๐๐๐ บำท
ี
้
เงนทได้ไม่พอต่อกำรชำระหนตำมสญญำประนประนอมยอมควำม จำเลยในคดแพ่งดังกล่ำว
ี
ิ
ั
�
ี
ี
่
�
ิ
ื
้
ื
ี
ี
ุ
่
ิ
จงยงไม่หลดพ้นจำกหนส่วนทเหลอ กำรทมผ้ซอทดนโดยมจำนองตดไปด้วย ไม่เป็นกำรแปลง
่
่
�
ู
ึ
ี
ี
้
ี
ี
ั
ี
ี
ี
หน้ใหม่ด้วยกำรเปล่ยนตัวลูกหน้ จึงไม่ท�ำให้หน้เดิมระงับ เม่อจ�ำเลยได้สวมสิทธิเป็นเจ้ำหน ้ ี
ื
ี
แทนโจทก์ในคดีแพ่ง จ�ำเลยได้น�ำมูลหน้ตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมฟ้องโจทก์ท้งสำม
ั
ี
ต่อศำลล้มละลำยกลำงและศำลมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด จ�ำเลยจึงมีสิทธิด�ำเนินกระบวน
ั
ี
�
�
่
์
ิ
ิ
ั
พจำรณำต่อไป ไม่เป็นกำรท�ำละเมดตอโจทกท้งสำม จำเลยตรำคำทรัพย์จำนองตำมรำคำประเมิน
้
่
ี
ั
ิ
ื
�
ั
ั
ั
ของเจ้ำพนักงำนบังคบคดี เมอน�ำมำหกกบภำระหนตำมคำพพำกษำ โจทก์ท้งสำมยงคงเป็น
ั
ี
หน้โจทก์ในคดีแพ่งอยู่ กำรฟ้องคดีล้มละลำยของจ�ำเลยเป็นกำรใช้สิทธิตำมกฎหมำยมิได้จงใจ
กล่นแกล้งโจทก์ท้งสำมให้ได้รับควำมเสียหำย ไม่เป็นกำรจงใจหรือประมำทเลินเล่อ โจทก์ท้งสำม
ั
ั
ั
ฟ้องคดีน้เป็นเวลำเกิน ๑ ปี นับแต่รู้เร่องและรู้ตัวผู้ท�ำละเมิดแล้ว คดีจึงขำดอำยุควำม ขอให้
ื
ี
ยกฟ้อง
ื
ั
ื
ก่อนถึงวันนัดพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ศำลรอกำรพิจำรณำไว้ช่วครำวเพ่อให้
ี
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยช้ขำดว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำยหรือไม่
ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
หรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
ี
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์อ้ำงว่ำ ก่อนท่ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์
ึ
ท้งสำมเด็ดขำด เจ้ำหน้อ่นได้น�ำยึดท่ดินซ่งเป็นทรัพย์หลักประกันในหน้ท่โจทก์น�ำมำเป็นมูล
ื
ั
ี
ี
ี
ี
ฟ้องขอให้โจทก์ทั้งสำมล้มละลำย เมื่อทรัพย์หลักประกันดังกล่ำวได้ถูกขำยทอดตลำดโดยจ�ำนอง
ติดไปด้วย ผู้ซื้อทรัพย์จึงตกเป็นลูกหนี้ในมูลหนี้จ�ำนอง หนี้ที่จ�ำเลยน�ำมำฟ้องขอให้โจทก์ทั้งสำม
ิ
ั
ล้มละลำยจึงระงับส้นไป แต่จ�ำเลยก็ยังคงใช้สิทธิด�ำเนินคดีต่อไปจนศำลมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์
696
ี
ั
โจทก์ท้งสำมเด็ดขำด กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรจงใจท�ำละเมิดต่อโจทก์ ดังน้ข้ออ้ำงของ
ั
ั
ื
โจทก์ท้งสำมเป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงสิทธิเรียกค่ำเสียหำยของโจทก์ท้งสำม เน่องจำกกำรกระท�ำของ
ึ
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่เกิดข้นในคดีล้มละลำย ถือว่ำเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกับคดีล้มละลำย จึงเป็นคดีล้มละลำย
อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำม มำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๕ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
697
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยภัธเดช อินยำศรี โจทก์
ที่ วล ๑๕/๒๕๖๐ นำยสุกฤต นิตยสุทธิ์
กับพวก จ�ำเลย
โจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ปิดบังโจทก์ว่ำเป็นบุคคลล้มละลำยและชักชวนให้โจทก์
ี
ั
่
ร่วมลงทุนท�ำร้ำนอำหำร โจทก์โอนเงินเข้ำบัญชีของจ�ำเลยท ๒ แต่จ�ำเลยท้งสองไม่ด�ำเนินกำร
ั
ี
ให้โจทก์เข้ำเป็นหุ้นส่วนตำมท่ตกลง ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองช�ำระคืนเงินลงทุนพร้อม
่
�
ั
ิ
้
ี
ั
้
้
์
็
่
ื
ั
ิ
้
ั
่
ดอกเบยนน กำรพจำรณำวำจำเลยทงสองตองรับผดตอโจทกหรอไมเปนไปตำมบทบญญต ิ
ี
ของกฎหมำยท่ก�ำหนดสิทธิและหน้ำท่ของบุคคลในทำงแพ่ง แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำ
ี
ี
จ�ำเลยท ๑ ปิดบังโจทก์ว่ำศำลมีค�ำพิพำกษำให้จ�ำเลยท ๑ ล้มละลำยแล้ว จ�ำเลยท ๑
่
ี
่
่
ี
จึงไม่อำจท�ำนิติกรรมใด ๆ ได้ แต่ฟ้องโจทก์เป็นกำรฟ้องจ�ำเลยท ๑ ให้รับผิดในฐำนละเมิด
่
ี
�
ิ
ไม่เกยวข้องกบกองทรัพย์สนในคดล้มละลำย มใช่ข้อพพำทจำกกำรดำเนนกระบวน
ี
ิ
ิ
ี
ั
่
ิ
พิจำรณำในคดีล้มละลำย จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนำยน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๕ กรกฎำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลย
ั
ท้งสองร่วมกันฉ้อโกงโจทก์ด้วยกำรแสดงข้อควำมอันเป็นเท็จ ปกปิดควำมจริงอันควรบอก
ให้แจ้งว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำงพิพำกษำให้เป็นบุคคลล้มละลำยแล้วต้งแต่
ั
ี
วันที่ ๑ เมษำยน ๒๕๕๖ และยังไม่มีค�ำสั่งปลดจำกล้มละลำย โดยจ�ำเลยทั้งสองได้ร่วมกันโพสต์
ี
ข้อควำมลงในอินเทอร์เน็ตชักชวนให้บุคคลทวไปเข้ำร่วมลงทุนท�ำร้ำนขำยอำหำรญ่ปุ่น โจทก์ม ี
ั
่
ี
ั
้
ั
ควำมสนใจจะเขำร่วมลงทุนกบจ�ำเลยท้งสองจึงตดต่อเพ่อสอบถำมข้อมูล จ�ำเลยท่ ๑ แจ้งให้ทรำบว่ำ
ื
ิ
หำกสนใจโจทก์ต้องน�ำเงินมำร่วมลงทุน ๕๐๐,๐๐๐ บำท โดยกำรโอนเงินเข้ำบัญชีของจ�ำเลยที่ ๒
ั
ี
โจทก์จึงโอนเงินและจ่ำยเงินสดครบตำมจ�ำนวนท่จ�ำเลยท้งสองแจ้ง แต่จ�ำเลยท้งสองไม่ด�ำเนินกำร
ั
จดให้โจทก์เข้ำเป็นห้นส่วนและเป็นผู้บรหำรงำนในร้ำนตำมทตกลง โจทก์ตดตำมทวงถำม
ิ
ุ
ั
่
ี
ิ
ั
จ�ำเลยท้งสองขอผัดผ่อนไปอีกหลำยเดือน โจทก์จึงเจรจำขอเงินคืน จ�ำเลยท้งสองไม่ยอมคืนให้
ั
ั
ี
ต่อมำโจทก์สืบทรำบว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำงพิพำกษำให้ล้มละลำยต้งแต่วันท ี ่
ั
๑ เมษำยน ๒๕๕๖ กำรท่จ�ำเลยท้งสองร่วมกันโพสต์ข้อควำมชักชวนให้ร่วมลงทนถือว่ำ
ี
ุ
มีเจตนำหลอกลวงตั้งแต่เริ่มแรก ท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสองช�ำระเงินแก่โจทก์
698
ึ
ี
๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละเจ็ดคร่งต่อปี จำกต้นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
ศำลแพ่งตรวจค�ำฟ้องแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ โจทก์โอนเงินและจ่ำยเงินสดให้แก่จ�ำเลย
ั
ี
ื
ี
ท้งสองเพ่อร่วมลงทุนท�ำร้ำนขำยอำหำรญ่ปุ่น ตำมท่จ�ำเลยท้งสองชักชวน แต่จ�ำเลยท้งสอง
ั
ั
ไม่ปฏิบัติตำมสัญญำ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินคืน กรณีเป็นกำรกล่ำวอ้ำงถึงสิทธิเรียกร้องของโจทก์
อันเกิดจำกจ�ำเลยทั้งสองผิดข้อตกลงร่วมลงทุน ดังนี้ กำรพิจำรณำว่ำจ�ำเลยทั้งสองจะต้องรับผิด
ต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด ย่อมจะต้องพิจำรณำไปตำมบทบัญญัติของกฎหมำยที่ก�ำหนดสิทธิและ
หน้ำที่ของบุคคลในทำงแพ่ง แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ปิดบังโจทก์เนื่องจำกจ�ำเลยที่ ๑
ถูกศำลล้มละลำยกลำงพิพำกษำให้ล้มละลำย จึงไม่สำมำรถท�ำนิติกรรมใด ๆ ให้มีผลบังคับใช้ได้
ตำมกฎหมำย แต่ก็เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ปกปิดข้อเท็จจริงอันควรบอกให้แจ้งต่อโจทก์
ี
โจทก์จึงฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ ให้รับผิดฐำนละเมิด ไม่ได้ฟ้องเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์หรือเก่ยวข้อง
ี
ี
กับกองทรัพย์สินของจ�ำเลยท่ ๑ ในคดีล้มละลำย กรณีมิใช่ข้อพิพำทจำกกำรด�ำเนินกระบวน
พิจำรณำในคดีล้มละลำยโดยตรงหรือคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย จึงมิใช่คดีล้มละลำย
อันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
699
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ โจทก์
ที่ วล ๖/๒๕๖๓ บริษัทซอตัน แอล แอล
เอ็ม จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ท�ำสัญญำว่ำจ้ำงให้จ�ำเลยฟ้องลูกหน้ของโจทก์เป็นคด ี
์
�
่
ั
์
ี
้
ี
่
้
ู
ู
ั
ิ
ั
่
่
้
่
ื
์
ลมละลำย แตจำเลยไมตรวจสอบวำลกหนของโจทกถกศำลสงพทกษทรพยในคดอนแลว
หรือไม่ เป็นเหตุให้ศำลมีค�ำส่งจ�ำหน่ำยคด จ�ำเลยเบิกค่ำใช้จ่ำยเพ่อด�ำเนินคดีแก่ลูกหน ้ ี
ั
ื
ี
ี
ของโจทก์ซ้ำซ้อน และจ�ำเลยประมำทเลินเล่อลงมติยอดหน้ในท่ประชุมเจ้ำหน้ใน
ี
�
ี
คดีล้มละลำยไม่ครบถ้วนท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย คดีจึงมีปัญหำท่ต้องพิจำรณำว่ำ
ี
จ�ำเลยท�ำผิดสัญญำจ้ำงหรือไม่ และต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์หรือไม่เพียงใด
กำรพิจำรณำข้อพิพำทตำมปัญหำดังกล่ำวเป็นไปตำมบทบัญญัติของกฎหมำยท่ว่ำด้วย
ี
สิทธิและหน้ำที่ของบุคคลในทำงแพ่ง ข้อพิพำทคดีนี้จึงมิใช่คดีล้มละลำย
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๖ ธันวำคม ๒๕๔๘ โจทก์ท�ำสัญญำว่ำจ้ำงจ�ำเลยให้ด�ำเนินคดี
ั
กับบรรดำลูกหน้ของโจทก์ โดยมีข้อตกลงว่ำจ�ำเลยจะต้องปฏิบัติตำมระเบียบ ค�ำส่งของโจทก์
ี
จ�ำเลยต้องใช้ควำมระมัดระวังปฏิบัติตำมสัญญำอย่ำงมีประสิทธิภำพ หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำม
สัญญำเป็นเหตุให้เกิดควำมเสียหำย จ�ำเลยต้องใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์โดยส้นเชิง ในระหว่ำง
ิ
ี
ปี ๒๕๕๑ ถึง ๒๕๕๕ โจทก์มอบหมำยให้จ�ำเลยฟ้องคดีลูกหน้ของโจทก์เป็นคดีล้มละลำยหลำยคด ี
ั
ั
แต่จ�ำเลยไม่ปฏิบัตตำมสญญำจ้ำงเป็นเหตุให้โจทก์ได้รบควำมเสียหำย จ�ำเลยต้องชดใช้ควำม
ิ
ี
เสียหำยท่คงเหลือจำกกำรใช้สิทธิหักกลบลบหน้จำกเงินค้ำประกันและเงินค่ำจ้ำงให้แก่โจทก์
ี
�
ั
รวมเป็นเงินท้งส้น ๒,๘๔๐,๐๒๗.๙๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๒,๘๔๐,๐๒๗.๙๐ บำท
ิ
ี
พร้อมดอกเบ้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๖๗๔,๖๐๕.๓๙ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์หรือตัวแทนโจทก์เป็นผู้ส่งคดีมำให้จ�ำเลยด�ำเนินกำรฟ้องคด ี
แทน จ�ำเลยปฏิบัติหน้ำท่ตำมท่ได้รับมอบหมำย กำรท่ศำลล้มละลำยส่งจ�ำหน่ำยคดีก็มำจำก
ี
ั
ี
ี
ั
ิ
ั
ค�ำส่งของโจทก์ท้งส้น จ�ำเลยไม่ต้องรับผิดใด ๆ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจหักเงินประกันควำมเสียหำย จ�ำเลย
บอกเลิกสัญญำต่อโจทก์เมื่อวันที่ ๑๑ เมษำยน ๒๕๕๖ เมื่อนับแต่วันที่โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย
ท�ำผิดสัญญำจนถึงวันฟ้องเป็นเวลำกว่ำ ๒ ปี ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
700
ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
หรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำว่ำจ้ำงให้จ�ำเลยฟ้องลูกหนี้ของโจทก์
ั
ี
ให้ล้มละลำย แต่จ�ำเลยไม่ตรวจสอบก่อนว่ำลูกหน้ของโจทก์ถูกศำลส่งพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลำย
ื
คดีอ่นแล้วหรือไม่ เป็นเหตุให้ศำลล้มละลำยจ�ำหน่ำยคดี จ�ำเลยเบิกค่ำใช้จ่ำยเพ่อด�ำเนินคดีแก่
ื
�
ี
ลูกหน้ของโจทก์ซ้ำซ้อนกับท่เคยเบิกมำแล้ว และจ�ำเลยประมำทเลินเล่อลงมติยอดหน้ในท่ประชุม
ี
ี
ี
ี
ี
เจ้ำหน้ในคดีล้มละลำยไม่ครบถ้วนท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย คดีจึงมีปัญหำท่ต้องพิจำรณำ
ว่ำจ�ำเลยท�ำผิดสัญญำจ้ำงหรือไม่ และต้องชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์หรือไม่เพียงใด ในกำร
พิจำรณำปัญหำดังกล่ำวศำลจ�ำเป็นต้องพิจำรณำไปตำมบทบัญญัติของกฎหมำยท่ว่ำด้วยสิทธิและ
ี
ี
ี
ี
ี
หน้ำท่ของบุคคลในทำงแพ่ง ข้อพิพำทคดีน้จึงมิใช่คดีล้มละลำยหรือคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคด ี
ล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
701
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำววิศำรัตน์ วีรศิริกุล โจทก์
ที่ วล. ๒/๒๕๖๕ บริษัทพีมำร์ท ซุปเปอร์สโตร์
จ�ำกัด จ�ำเลย
ี
ิ
โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์รับโอนกรรมสิทธ์ในท่ดินพร้อมสิทธิเรียกร้องมำจำกผู้ให้เช่ำเดิม
ั
่
ี
่
ึ
�
�
่
ิ
่
ี
ิ
ี
ื
ซงให้จำเลยทำสญญำเช่ำทดนและจดทะเบยนกำรเช่ำทดนเพอก่อสร้ำงอำคำรใช้
ประกอบกิจกำร แต่จ�ำเลยผิดสัญญำเช่ำท�ำให้โจทก์เสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยและบริวำร
ิ
ี
ขนย้ำยทรัพย์สินออกจำกอำคำรส่งปลูกสร้ำงบนท่ดินของโจทก์และช�ำระค่ำเสียหำยแก่
ี
โจทก์น้น เป็นกำรใช้สิทธิในฐำนะเจ้ำของกรรมสิทธ์ผู้ให้เช่ำท่ดินฟ้องจ�ำเลยในฐำนะผู้เช่ำ
ิ
ั
โจทก์จะมีสิทธิฟ้องร้องบังคับคดีได้เพียงใดจะต้องพิจำรณำตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำม
ั
รับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง แม้ศำลมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยเด็ดขำดไว้ก่อนแล้ว
ท�ำให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีอ�ำนำจต่อสู้คดีแพ่งในส่วนท่เก่ยวกับทรัพย์สินของลูกหน ้ ี
ี
ี
จ�ำเลย ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๒๒ (๓) ก็หำท�ำให้ข้อพิพำทคดีน ี ้
เป็นคดีล้มละลำยไปไม่ จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
________________________________
ื
โจทก์ฟ้องว่ำ เม่อวันท่ ๘ มกรำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท�ำสัญญำเช่ำและจดทะเบียน
ี
ี
กำรเช่ำท่ดินโฉนดเลขท่ ๗๒๗๘๗ ต�ำบลท่ำวังทอง อ�ำเภอเมืองพะเยำ จังหวัดพะเยำ จำก
ี
ื
นำงยุวดี มีก�ำหนด ๑๕ ปี เพ่อก่อสร้ำงอำคำรใช้ประกอบกิจกำรของตน โดยก�ำหนดช�ำระ
ิ
ค่ำเช่ำเป็นรำยเดือน และเม่อสัญญำเช่ำส้นสุดลงไม่ว่ำกรณีใด ๆ อำคำรส่งปลูกสร้ำงให้ตกเป็น
ิ
ื
ของผู้ให้เช่ำ หลังท�ำสัญญำจ�ำเลยผิดนัดช�ำระค่ำเช่ำต้งแต่เดือนกันยำยน ๒๕๖๒ ถึงงวดเดือน
ั
ั
กันยำยน ๒๕๖๓ และถูกศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดแล้ว โจทก์ซ่งได้รับ
ึ
ี
ิ
ิ
ู
ุ
ื
ั
่
โอนกรรมสทธทดนพร้อมสทธเรยกร้องตำมสญญำเช่ำดงกล่ำวมำจำกนำงยวดีผ้ให้เช่ำเมอ
ิ
่
ิ
ั
์
ิ
ี
วันท่ ๑๓ พฤศจิกำยน ๒๕๖๒ จึงมีหนังสือทวงถำมให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเช่ำและขนย้ำยทรัพย์สิน
ี
พร้อมบริวำรออกจำกท่ดินของโจทก์โดยแจ้งให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มำจดทะเบียน
ี
เลิกกำรเช่ำท่ดินดังกล่ำว แต่จ�ำเลยและเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์เพิกเฉยท�ำให้โจทก์
ี
ได้รับควำมเสียหำย ขอให้พิพำกษำบังคับจ�ำเลยและบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกจำกอำคำร
ส่งปลูกสร้ำงบนท่ดินของโจทก์ และให้จ�ำเลยช�ำระเงินค่ำเสียหำยเดือนละ ๕๕,๐๐๐ บำท
ี
ิ
แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะปฏิบัติแล้วเสร็จ และให้ไปจดทะเบียน
�
ี
ิ
่
่
เลกกำรเชำทดน หำกไมปฏบตตำมใหถอเอำคำพพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำของจำเลย
ิ
่
ิ
ื
�
ิ
ั
ิ
้
702
ั
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยให้กำรว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์
ของจ�ำเลยเด็ดขำดแล้วเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกำยน ๒๕๖๓ ในคดีหมำยเลขแดงที่ ล ๕๓๔๐/๒๕๖๓
และกำรรับโอนสิทธิเรียกร้องตำมฟ้องของโจทก์มำจำกนำงยุวดีไม่ชอบด้วยกฎหมำย โจทก์ไม่ม ี
อ�ำนำจฟ้อง และโจทก์เรียกค่ำเสียหำยสูงเกินกว่ำควำมเป็นจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศำลจังหวัดพะเยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
ล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องมำจำกผู้ให้เช่ำเดิมซึ่ง
่
่
ิ
ี
ี
ั
�
่
้
�
ั
่
ใหจำเลยทำสญญำเชำและจดทะเบยนกำรเชำทดนโฉนดเลขท ๗๒๗๘๗ ตำบลทำวงทอง อำเภอ
�
�
่
ี
ื
เมืองพะเยำ จังหวัดพะเยำ เพ่อก่อสร้ำงอำคำรใช้ประกอบกิจกำรแล้วจ�ำเลยผิดสัญญำเช่ำท�ำให้
โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยและบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกจำกอำคำรสิ่งปลูก
ี
ั
สร้ำงบนท่ดินดังกล่ำวและช�ำระเงินค่ำเสียหำยแก่โจทก์น้น จึงเป็นกำรใช้สิทธิในฐำนะเจ้ำของ
ี
ี
กรรมสิทธ์ผู้ให้เช่ำท่ดินฟ้องจ�ำเลยในฐำนะผู้เช่ำ กำรท่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องร้องบังคับคดีได้เพียงใด
ิ
จะต้องพิจำรณำไปตำมบทบัญญัติว่ำด้วยควำมรับผิดของบุคคลในทำงแพ่ง หำใช่ข้อพิพำท
ท่เกิดหรือสืบเน่องจำกกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำในคดีล้มละลำยหรือเป็นส�ำนวนสำขำของ
ี
ื
คดีล้มละลำยแต่อย่ำงใด แม้ปรำกฏตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรว่ำจ�ำเลยได้ถูกศำลล้มละลำยกลำง
มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดไว้ก่อนแล้วท�ำให้เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีอ�ำนำจต่อสู้คดีแพ่งน ี ้
ั
ในส่วนท่เก่ยวกับทรัพย์สินของลูกหน้จ�ำเลยตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓
ี
ี
ี
มำตรำ ๒๒ (๓) ก็หำท�ำให้ข้อพิพำทคดีน้กลำยเป็นคดีล้มละลำยไปไม่ กรณีจึงมิใช่คดีแพ่ง
ี
ท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗
ี
ึ
ี
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
703
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงเสำวณี ไฟร์ทำก โจทก์
ที่ วล ๑๑/๒๕๖๑ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ั
กบพวก ผู้คัดค้ำน
บริษัทไบรท์สตำร์ โฮลดิ้ง จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ี
ี
่
เดิมโจทก์ในคดีแพ่งน�ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดียึดท่ดินของจ�ำเลยท ๑ ตำม
ิ
ี
ั
ิ
่
ี
่
่
�
ั
ิ
ั
์
่
ี
่
ั
�
�
คำพพำกษำในคดแพง กอนนำทดนดงกลำวออกขำยทอดตลำดศำลมคำสงพทกษทรพย ์
ของจ�ำเลยที่ ๑ เด็ดขำดและพิพำกษำให้จ�ำเลยที่ ๑ ล้มละลำย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ิ
ได้แจ้งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีในคดีแพ่งต่อไปจนเสร็จส้น กำรขำย
ทอดตลำดท่ดินดังกล่ำวของเจ้ำพนักงำนบังคับคดีจึงเป็นกำรด�ำเนินกำรแทนเจ้ำพนักงำน
ี
พิทักษ์ทรัพย์ เมื่อโจทก์ในคดีแพ่งยื่นค�ำร้องว่ำกำรขำยทอดตลำดไม่ชอบ ขอให้เพิกถอน
กำรขำยทอดตลำด ค�ำร้องของโจทก์เป็นกำรโต้แย้งกำรกระท�ำของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_______________________________
คดีสืบเนื่องมำจำกเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวำคม ๒๕๕๓ ศำลจังหวัดกระบี่พิพำกษำให้จ�ำเลย
ที่ ๑ ช�ำระเงินแก่โจทก์ ๔๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยที่ ๑ ไม่ช�ำระหนี้ตำมค�ำพิพำกษำ โจทก์น�ำ
เจ้ำพนักงำนบังคับคดียึดที่ดิน น.ส. ๓ ก เลขที่ ๔๗๑ และ ๔๗๒ ต�ำบลหนองทะเล อ�ำเภอเมือง
ี
กระบ่ จังหวัดกระบ่ แต่ก่อนน�ำท่ดินออกขำยทอดตลำดจ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำงส่ง
ี
ั
ี
ี
ื
ี
ื
ี
พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดเม่อวันท่ ๒๗ สิงหำคม ๒๕๕๘ และพิพำกษำให้ล้มละลำยเม่อวันท่ ๕
กันยำยน ๒๕๕๙ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์จึงให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีต่อไป
ี
ื
ี
เจ้ำพนักงำนบังคับคดีขำยทอดตลำดท่ดินเลขท่ ๔๗๒ ได้เม่อวันท่ ๑๐ กรกฎำคม ๒๕๖๑
ี
ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ประมูลซื้อได้ในรำคำ ๕๙,๗๐๐,๐๐๐ บำท
โจทก์ย่นค�ำร้องว่ำ เจ้ำพนักงำนบังคับคดีไม่ส่งหมำยประกำศขำยทอดตลำดให้แก่โจทก์
ื
ท�ำให้โจทก์ไม่ทรำบวันขำยทอดตลำด จึงไม่ได้เข้ำมำดูแลกำรขำยและคัดค้ำนกำรขำยทอดตลำด
ี
ั
ี
ท่ดินท้งสองแปลงเป็นท่ดินอยู่ติดกันและต้องใช้ประโยชน์ร่วมกันแต่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีขำย
ี
�
ั
ท่ดินท้งสองแปลงโดยแยกขำยท�ำให้ได้รำคำต่ำ โจทก์ได้รับควำมเสียหำยอย่ำงมำก ขอให้
เพิกถอนกำรขำยทอดตลำด
704
ี
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๑ ย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนกำรขำยทอดตลำด ศำลจังหวัดกระบ่เห็นว่ำ
จ�ำเลยที่ ๑ ล้มละลำย จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง มีค�ำสั่งยกค�ำร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำนที่ ๑ คัดค้ำนว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำง
สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำด และต่อมำพิพำกษำให้ล้มละลำยเมื่อวันที่ ๕ กันยำยน ๒๕๕๙ ผู้คัดค้ำน
ั
ี
ี
ื
ี
ี
ท่ ๓ ย่นขอรับช�ำระหน้ในฐำนะเจ้ำหน้มีประกันโดยมีหลักประกันเป็นท่ดินท้งสองแปลงท่พิพำท
ี
ี
คดีน้ ผู้คัดค้ำนท่ ๑ แจ้งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีในคดีแพ่งของศำลจังหวัดกระบ่ด�ำเนินกำรบังคับ
ี
ี
ึ
ิ
คดีแพ่งต่อไปจนเสร็จส้น ดังน้นกำรขำยทอดตลำดของเจ้ำพนักงำนบังคับคดีจึงเป็นส่วนหน่งของ
ั
กำรรวบรวมและกำรจ�ำหน่ำยทรัพย์สินของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลำย กำรร้องขอ
ี
ั
ิ
้
เพิกถอนกำรขำยทอดตลำดเป็นกำรพจำรณำในกำรบังคบคดีลมละลำย จึงเป็นคดล้มละลำยท่อย ่ ู
ี
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ขอให้พิจำรณำและมีค�ำสั่งต่อไป
ี
ี
ผู้คัดค้ำนท่ ๒ คัดค้ำนว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำงพิพำกษำให้ล้มละลำย
อ�ำนำจจัดกำรและจ�ำหน่ำยทรัพย์สินของจ�ำเลยจึงเป็นของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กำรขำยทอด
่
้
ี
้
ี
ั
�
์
์
ั
ั
ั
ตลำดคดนเปนกำรขำยทอดตลำดตำมคำสงของเจำพนกงำนพทกษทรพย คดนจงเปนควำมแพง
ิ
ึ
ี
่
็
ี
้
็
ี
ี
เก่ยวเน่องกับควำมล้มละลำย ศำลล้มละลำยกลำงเป็นศำลท่มีอ�ำนำจในกำรพิจำรณำ เจ้ำพนักงำน
ื
บังคับคดีส่งหมำยประกำศแจ้งกำรขำยทอดตลำดชอบแล้ว ผู้คัดค้ำนที่ ๒ เป็นผู้ประมูลให้รำคำ
สูงสุด กำรขำยทอดตลำดเป็นไปโดยชอบและสุจริต ขอให้ยกค�ำร้อง
ี
ี
ผู้คัดค้ำนท่ ๓ คัดค้ำนว่ำ ท่ดินท้งสองแปลงเป็นทรัพย์หลักประกันของผู้คัดค้ำนท่ ๓
ั
ี
โจทก์น�ำยึดไว้ในคดีแพ่งแต่โจทก์ไม่แถลงวิธีกำรขำยท่ดินท้งสองแปลง เจ้ำพนักงำนบังคับคดีม ี
ั
ี
อ�ำนำจขำยทอดตลำดโดยขำยแยกแปลงได้ กำรขำยทอดตลำดชอบแล้ว เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ส่งหมำยประกำศแจ้งกำรขำยทอดตลำดให้โจทก์ชอบแล้ว ขอให้ยกค�ำร้อง
ั
ี
ระหว่ำงพิจำรณำผู้คัดค้ำนท่ ๓ ย่นค�ำร้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ถูกศำลล้มละลำยกลำงส่งพิทักษ์ทรัพย์
ี
ื
เด็ดขำด อ�ำนำจจัดกำรกิจกำรและทรัพย์สินตกอยู่กับเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ค�ำร้องขอเพิกถอน
ุ
้
่
ี
่
ื
่
กำรขำยทอดตลำดเปนคดแพงเกยวเนองกบควำมลมละลำย ขอใหสงเรองใหประธำนศำลอทธรณ ์
็
ี
้
่
ื
้
ั
่
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยเรื่องเขตอ�ำนำจศำล
ศำลจังหวัดกระบ่เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
705
ื
ี
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ำ เม่อวันท่ ๑๘ พฤศจิกำยน ๒๕๕๔ เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ส�ำนักงำนบังคับคดีจังหวัดกระบี่ ได้ยึดที่ดิน ๒ แปลง มีชื่อจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้ถือสิทธิครอบครอง
ั
ี
วันท่ ๒๗ สิงหำคม ๒๕๕๘ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท่ ๑ เด็ดขำด
ี
ื
ี
และเม่อวันท่ ๕ กันยำยน ๒๕๕๙ พิพำกษำให้ล้มละลำย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำน
ที่ ๑ แจ้งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีในคดีแพ่งของศำลจังหวัดกระบี่ด�ำเนินกำรบังคับคดีแพ่งต่อไป
จนเสร็จสิ้น วันที่ ๑๐ กรกฎำคม ๒๕๖๑ ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ประมูลซื้อที่ดิน น.ส. ๓ ก เลขที่ ๔๗๒
ได้ในรำคำ ๕๙,๗๐๐,๐๐๐ บำท จำกข้อเท็จจริงดังกล่ำวเห็นได้ว่ำ กำรขำยทอดตลำดของเจ้ำพนักงำน
ี
ั
บังคับคดีเป็นกำรขำยทอดตลำดตำมค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กำรท่โจทก์โต้แย้ง
คัดค้ำนกำรขำยทอดตลำดว่ำด�ำเนินกำรขำยไปโดยไม่ชอบ จึงเป็นกำรโต้แย้งคัดค้ำนกำรกระท�ำ
ของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ ค�ำร้อง
ของโจทก์จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
706
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรธนชำต จ�ำกัด
ที่ วล ๑๖/๒๕๖๒ (มหำชน) โจทก์
บริษัทนำวีอินเตอร์เทรด
จ�ำกัด ผู้ซื้อทรัพย์
นำยศรำยุทธ ภควโชค จ�ำเลย
ื
ึ
เจ้ำพนักงำนบังคับคดียึดสิทธิกำรเช่ำอำคำรพำณิชย์ซ่งมีช่อของจ�ำเลยเป็นผู้เช่ำ
ั
ออกขำยทอดตลำด ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยเด็ดขำด
ิ
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์แจ้งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีต่อไปจนเสร็จส้น
กำรขำยทอดตลำดของเจ้ำพนักงำนบังคับคดีเป็นกำรขำยทอดตลำดหลังจำกจ�ำเลยถูก
ี
ั
พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดและขำยตำมค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ดังน้กำรท่โจทก์
ี
โต้แย้งคัดค้ำนกำรขำยทอดตลำดว่ำด�ำเนินกำรขำยไปโดยก�ำหนดรำคำเร่มต้นต่ำกว่ำ
�
ิ
ี
ั
รำคำประเมินขณะยึดเป็นกำรก�ำหนดรำคำท่ไม่ชอบน้น กรณีดังกล่ำวจึงเป็นกำรโต้แย้ง
ั
�
ิ
ั
ั
ั
คดค้ำนกำรกระทำของเจ้ำพนกงำนพทกษ์ทรพย์ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓
มำตรำ ๑๔๖ ค�ำร้องของโจทก์จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลล้มละลำย
______________________________
ื
ี
คดีสืบเน่องมำจำกเม่อวันท่ ๓ ตุลำคม ๒๕๕๙ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้มีค�ำพิพำกษำให้
ื
้
จำเลยช�ำระเงินพร้อมดอกเบยให้แก่โจทก์ หำกไม่ช�ำระให้ยึดสทธิกำรเช่ำอำคำรพำณชย์ ถนน
ิ
ิ
ี
�
พระรำม ๓ แขวงบำงโพงพำง เขตยำนนำวำ กรุงเทพมหำนคร ออกขำยทอดตลำด ต่อมำวันที่
๖ มิถุนำยน ๒๕๖๐ โจทก์น�ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดียึดสิทธิกำรเช่ำตำมค�ำพิพำกษำมีช่อจ�ำเลย
ื
เป็นผู้เช่ำ เจ้ำพนักงำนบังคับคดีประเมินรำคำขณะยึดไว้เป็นเงิน ๒,๖๘๑,๑๒๑ บำท ก�ำหนดรำคำ
ี
ี
ี
ี
ิ
เร่มต้นในกำรขำยทอดตลำด นัดท่ ๑ ท่รำคำ ๔๙๐,๒๐๖.๖๓ บำท นัดท่ ๒ ท่รำคำ ๔๘๘,๖๖๖.๖๐ บำท
ั
ี
แต่ก่อนท่จะน�ำสิทธิกำรเช่ำออกขำยทอดตลำด ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์จ�ำเลย
ั
ื
ี
เด็ดขำด โจทก์ได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในคดีล้มละลำย เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีค�ำส่งให้
เจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีต่อไปแทนเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ขำยทอดตลำดสิทธิกำรเช่ำได้ในนัดที่ ๒ โดยบริษัทนำวีอินเตอร์เทรด จ�ำกัด เป็นผู้ประมูลซื้อได้
ในรำคำ ๔๘๘,๖๖๖.๖๐ บำท
707
ื
ิ
โจทก์ย่นค�ำร้องว่ำ เจ้ำพนักงำนบังคับคดีได้ก�ำหนดรำคำเร่มต้นในกำรขำยทอดตลำด
�
�
ต่ำกว่ำรำคำประเมินขณะยึดและต่ำกว่ำรำคำท้องตลำดมำก ข้อควำมในประกำศขำยทอดตลำด
ระบุว่ำทรัพย์ท่จะขำยเป็นสิทธิกำรเช่ำติดจ�ำนองโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงจ�ำเลยท�ำสัญญำมอบสิทธ ิ
ี
ู
ึ
ิ
กำรเช่ำเป็นประกนต่อโจทก์ สทธกำรเช่ำจงไม่มภำระผกพนใด ๆ ประกำศขำยทอดตลำดของ
ั
ิ
ี
ั
เจ้ำพนักงำนบังคับคดีจึงไม่ถูกต้อง ฝ่ำฝืนต่อกฎหมำย ขอให้เพิกถอนกระบวนกำรบังคับคดีที่ผิด
ระเบียบและมีค�ำส่งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีน�ำสิทธิกำรเช่ำเข้ำคณะกรรมกำรก�ำหนดรำคำทรัพย์
ั
และน�ำออกขำยทอดตลำดใหม่
ื
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ เม่อวันท่ ๒ มิถุนำยน ๒๕๖๐
ี
ื
ี
เจ้ำพนักงำนบังคับคดีได้ยึดสิทธิกำรเช่ำอำคำรพำณิชย์ตำมท่โจทก์อ้ำงและได้น�ำสิทธิกำรเช่ำออก
ี
ิ
ขำยทอดตลำด โดยก�ำหนดขำยรวม ๔ นด แต่ก่อนท่จะน�ำสทธิกำรเช่ำออกขำยปรำกฏว่ำเม่อ
ั
ื
์
�
่
ั
ี
้
ั
ิ
�
็
�
วนท ๑๐ ตลำคม ๒๕๖๐ ศำลลมละลำยกลำงมคำสงพทกษทรพยจำเลยเดดขำด อำนำจจดกจกำร
ิ
ั
ี
่
ุ
ั
์
ั
และทรัพย์สินจึงตกอยู่แก่เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กำรก�ำหนดรำคำเร่มต้นในกำรขำยทอดตลำด
ิ
ของเจ้ำพนักงำนบังคับคดีเป็นไปตำมข้อก�ำหนดของกฎกระทรวงโดยชอบ ถูกต้องตำมกฎหมำย
ประกำศขำยทอดตลำดและกำรขำยทอดตลำดเป็นไปโดยชอบด้วยกฎระเบียบทุกประกำร
�
กำรขอเพิกถอนกำรขำยทอดตลำดเพรำะเหตุรำคำต่ำเกินสมควรเป็นค�ำร้องต้องห้ำมตำมประมวล
กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่งมำตรำ ๓๓๑ วรรคสำม ขอให้ยกค�ำร้อง
ื
ื
ื
ื
ผู้ซ้อทรัพย์ย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ผู้ซ้อทรัพย์เป็นผู้ชนะกำรประมูลซ้อสิทธิกำรเช่ำตำมค�ำร้อง
ของโจทก์ได้ในรำคำ ๔๘๘,๖๖๖.๖๐ บำท ผู้ซื้อทรัพย์ได้ยื่นค�ำร้องขอจดทะเบียนโอนสิทธิกำรเช่ำ
ต่อเจ้ำพนักงำนท่ดินเรียบร้อยแล้ว กำรก�ำหนดรำคำเร่มต้นในกำรขำยทอดตลำดเป็นกำรประมำณ
ิ
ี
ี
รำคำในช้นต้นเพ่อกำรขำยทอดตลำดเท่ำน้น รำคำประเมินดังกล่ำวอำจไม่ตรงกับรำคำท่แท้จริง
ั
ั
ื
ี
ก็ได้ ไม่มีหลักเกณฑ์ใดท่ผูกมัดว่ำกำรขำยทอดตลำดต้องเป็นไปตำมรำคำท่ก�ำหนดเร่มต้นแต่
ิ
ี
ข้นอยู่กับผู้เข้ำสู้รำคำจักให้รำคำสูงสุดในกำรประมูล กำรกระท�ำของเจ้ำพนักงำนบังคับคดีไม่ถือว่ำ
ึ
ฝ่ำฝืนกฎหมำย โจทก์ไม่มำดูแลกำรขำยทอดตลำดจึงถูกห้ำมมิให้หยิบยกรำคำขำยทอดตลำดว่ำ
มีรำคำต�่ำเกินสมควรมำเป็นเหตุขอให้เพิกถอนกำรขำยทอดตลำด ขอให้ยกค�ำร้อง
วันนัดไต่สวนค�ำร้อง ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำค�ำร้องของโจทก์อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
708
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ำ เม่อวันท่ ๒ มิถุนำยน ๒๕๖๐ เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ยึดสิทธิกำรเช่ำอำคำรพำณิชย์ เลขที่ ๘๙๑/๙ ถนนพระรำม ๓ แขวงบำงโพงพำง เขตยำนนำวำ
ี
ั
กรุงเทพมหำนคร มีช่อจ�ำเลยเป็นผู้เช่ำ วันท่ ๑๐ ตุลำคม ๒๕๖๐ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่ง
ื
ื
ี
พิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยเด็ดขำด โจทก์ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้อย่ำงเจ้ำหน้มีประกัน เจ้ำพนักงำน
ี
พิทักษ์ทรัพย์แจ้งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีแพ่งต่อไปจนเสร็จส้น วันท่ ๑๕
ิ
ี
ื
ื
พฤษภำคม ๒๕๖๒ ผู้ซ้อทรัพย์ได้ประมูลซ้อสิทธิกำรเช่ำได้ในรำคำ ๔๘๘,๖๖๖.๖๐ บำท จำก
ข้อเท็จจริงดังกล่ำวเห็นได้ว่ำกำรขำยทอดตลำดของเจ้ำพนักงำนบังคับคดีเป็นกำรขำยทอดตลำด
หลังจำกจ�ำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขำดและขำยตำมค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ดังน ี ้
ั
กำรท่โจทก์โต้แย้งคัดค้ำนกำรขำยทอดตลำดว่ำด�ำเนินกำรขำยไปโดยก�ำหนดรำคำเร่มต้นต่ำกว่ำ
ี
ิ
�
ี
ั
รำคำประเมินขณะยึดเป็นกำรก�ำหนดรำคำท่ไม่ชอบน้น กรณีดังกล่ำวจึงเป็นกำรโต้แย้งคัดค้ำน
กำรกระท�ำของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖
ค�ำร้องของโจทก์จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
ั
ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
709
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยเพิ่มศักดิ์ เตชะไกศยะ
ที่ วล ๑๒/๒๕๖๓ ผู้ช�ำระบัญชีร้องขอให้
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ซิทก้ำ
จ�ำกัด (มหำชน) ล้มละลำย
นำยสุริยำ พวงพุ่ม
กับพวก ผู้ร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำน
ศำลล้มละลำยกลำงมีหนังสือแจ้งให้ศำลจังหวัดนครปฐมบังคับคดีแทน โดย
ี
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มอบอ�ำนำจให้เจ้ำพนักงำนบังคับคด ส�ำนักงำนบังคับคดีจังหวัด
ี
ี
นครปฐม ด�ำเนินกำรยึดและขำยทอดตลำดท่ดินของผู้ถูกทวงหน้ในคดีล้มละลำยแล้ว
ี
ี
ส่งเงินสุทธิท่ได้จำกกำรขำยทอดตลำดไปยังเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กำรท่เจ้ำพนักงำน
บังคับคดีขำยทอดตลำดทรัพย์ของผู้ถูกทวงหน้จึงเป็นกำรด�ำเนินกำรแทนเจ้ำพนักงำน
ี
พิทักษ์ทรัพย์ เม่อผู้ร้องท้งสองย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนกำรขำยทอดตลำด ขอให้เพิกถอน
ื
ั
ื
ั
ค�ำส่งริบมัดจ�ำและให้รับเงินค่ำซ้อทรัพย์ หำกไม่สำมำรถมีค�ำส่งได้ขอให้ชดใช้ค่ำเสียหำย
ื
ั
ั
แก่ผู้ร้องท้งสอง จึงเป็นกำรโต้แย้งกำรกระท�ำของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำม พ.ร.บ.
ี
ี
ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ เป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกับคดีล้มละลำยอันอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
_____________________________
ั
ี
ื
ื
คดีสืบเน่องมำจำกเม่อวันท่ ๔ ธันวำคม ๒๕๔๔ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์
ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ซิทก้ำ จ�ำกัด (มหำชน) ลูกหนี้ เด็ดขำด และพิพำกษำให้ล้มละลำย
เมื่อวันที่ ๘ กันยำยน ๒๕๕๒ ในคดีหมำยเลขแดงที่ ๑๑๙๕/๒๕๔๔ ต่อมำศำลล้มละลำยกลำง
้
์
ู
ั
ี
ั
ั
มหนงสอแจงใหศำลจงหวดนครปฐมบงคบคดแทนตำมหมำยบงคบคดนำยไพรตน ผถกทวงหน ี ้
ู
ั
ั
้
้
ื
ั
ี
ั
ั
ี
ี
รำยท่ ๔ โดยเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำนมอบอ�ำนำจให้นำยบุญรอด น�ำเจ้ำพนักงำน
บังคับคดี ส�ำนักงำนบังคับคดีจังหวัดนครปฐม ไปท�ำกำรยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๙๒๖, ๒๘๕๐๔,
๖๐๕๑๒ ๖๐๕๑๓ ต�ำบลบำงแขม อ�ำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม มีช่อนำยไพรัตน์เป็น
ื
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนำยน ๒๕๖๐ ผู้ร้องที่ ๑ เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินโฉนดเลขที่
ั
๖๐๕๑๒ ได้ในรำคำ ๕๒๐,๐๐๐ บำท แต่ไม่ช�ำระรำคำค่ำซ้อทรัพย์ เจ้ำพนักงำนบังคับคดีจึงมีค�ำส่ง
ื
710
ริบมัดจ�ำและน�ำที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๐๕๑๒ ออกขำยทอดตลำดใหม่เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนำยน ๒๕๖๓
มีนำยศิรสิทธิ์เป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์ได้ในรำคำ ๓,๕๒๐,๐๐๐ บำท
ผู้ร้องทั้งสองยื่นค�ำร้องและแก้ไขค�ำร้องว่ำ ภำยหลังจำกผู้ร้องที่ ๑ ประมูลซื้อทรัพย์ได้
ี
ี
จำกกำรขำยทอดตลำดท่ดินโฉนดเลขท่ ๖๐๕๑๒ ต�ำบลบำงแขม อ�ำเภอเมืองนครปฐม จังหวัด
ื
ี
ี
ี
ื
นครปฐม เม่อวันท่ ๒๑ มิถุนำยน ๒๕๖๐ ผู้ร้องท่ ๑ ได้ท�ำสัญญำซ้อขำยท่ดินดังกล่ำวให้กับ
นำยเอกรินทร์ในรำคำ ๙๕๐,๐๐๐ บำท แต่ต่อมำเจ้ำพนักงำนบังคับคดี ส�ำนักงำนบังคับคดีจังหวัด
้
ิ
ั
ั
�
ี
่
ื
�
ั
ี
ิ
่
่
ั
ี
ิ
ื
นครปฐม มคำสงไม่รบเงนค่ำซอทรพย์ส่วนทเหลอและรบมดจำจำกกำรขำยทอดตลำดทดน
ี
ดังกล่ำว ผู้ร้องท่ ๑ จึงมีหนังสือร้องเรียนต่อกรมบังคับคดีว่ำไม่ได้รับควำมเป็นธรรม และส�ำนักงำน
ั
บังคับคดีจังหวัดนครปฐมแจ้งว่ำอยู่ระหว่ำงด�ำเนินกำรสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่น้น ต่อมำผู้ร้อง
ี
ี
ท้งสองทรำบว่ำมีกำรประกำศขำยทอดตลำดท่ดินโฉนดเลขท่ ๖๐๕๑๒ ต�ำบลบำงแขม อ�ำเภอ
ั
เมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม อีกครั้งเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนำยน ๒๕๖๓ โดยมิได้แจ้งประกำศขำย
ทอดตลำดให้ผู้ร้องท้งสองทรำบ ท้งค�ำส่งริบมัดจ�ำของผู้ร้องท่ ๑ เป็นค�ำส่งท่ไม่ชอบด้วยกฎหมำย
ั
ี
ั
ั
ี
ั
ื
ี
ั
ั
ขอให้มีค�ำส่งเพิกถอนกำรขำยทอดตลำดเม่อวันท่ ๑๗ มิถุนำยน ๒๕๖๓ เพิกถอนค�ำส่งริบเงิน
ื
ิ
ี
มัดจ�ำของเจ้ำพนักงำนบังคับคดีและรับเงินค่ำซ้อทรัพย์ส่วนท่เหลือพร้อมโอนกรรมสิทธ์ท่ดินให้
ี
แก่ผู้ร้องที่ ๑ และหำกไม่สำมำรถมีค�ำสั่งได้ขอให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีชดใช้ค่ำเสียหำยเป็นเงิน
ื
จ�ำนวน ๔๓๐,๐๐๐ บำท และชดใช้ค่ำเสียหำยท่ผู้ร้องท่ ๑ ผิดสัญญำซ้อขำยกับนำยเอกรินทร์
ี
ี
เป็นเงินจ�ำนวน ๖๐๐,๐๐๐ บำท แก่ผู้ร้องทั้งสอง
ผู้คัดค้ำนยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ผู้ร้องที่ ๑ มิได้วำงเงินช�ำระค่ำซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลือภำยใน
ั
ก�ำหนด ค�ำส่งริบมัดจ�ำและกำรประกำศขำยทอดตลำดคร้งใหม่ชอบแล้ว และผู้ร้องท่ ๑ เคย
ี
ั
ั
ื
ย่นค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำงเป็นคดีหมำยเลขด�ำท่ สล.๓๐๕/๒๕๖๐ ขอให้มีค�ำส่งเพิกถอน
ี
ี
ี
ื
ค�ำส่งริบเงินมัดจ�ำและขอให้รับเงินค่ำซ้อทรัพย์ส่วนท่เหลือจำกผู้ร้องท่ ๑ ระหว่ำงพิจำรณำคด ี
ั
มีกำรเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยเรื่องเขตอ�ำนำจศำล ต่อมำหลัง
จำกมีกำรวินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง ตำมค�ำวินิจฉัย
ั
ี
ี
ท่ วล.๑๗/๒๕๖๐ ผู้ร้องท่ ๑ มิได้ด�ำเนินคดีต่อไปกลับขอถอนค�ำร้องจนศำลมีค�ำส่งจ�ำหน่ำยคด ี
ั
กำรขอเพิกถอนกำรขำยทอดตลำดคร้งใหม่ต่อศำลจังหวัดนครปฐมจึงไม่ชอบด้วยกฎหมำย
ขอให้ยกค�ำร้อง
ศำลจังหวัดนครปฐมเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
ล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
711
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ควำมตำมค�ำร้องและค�ำคัดค้ำนว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมี
หนังสือแจ้งให้ศำลจังหวัดนครปฐมบังคับคดีแทนตำมหมำยบังคับคดีนำยไพรัตน์ ผู้ถูกทวงหน ี ้
ี
ี
รำยท่ ๔ ในคดีหมำยเลขแดงท่ ๑๑๙๕/๒๕๔๔ ของศำลล้มละลำยกลำง โดยเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ู
�
ั
�
ั
ิ
�
ผ้คดค้ำนมอบอำนำจให้เจ้ำพนักงำนบังคบคดี สำนักงำนบังคบคดีจังหวดนครปฐม ดำเนนกำร
ั
ั
ยึดและขำยทอดตลำดท่ดินโฉนดเลขท่ ๕๙๒๖, ๒๘๕๐๔, ๖๐๕๑๒ ๖๐๕๑๓ ต�ำบลบำงแขม
ี
ี
อ�ำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ของผู้ถูกทวงหนี้รำยที่ ๔ ในคดีล้มละลำยแทน แล้วส่งเงิน
ี
ี
สุทธิท่ได้จำกกำรขำยทอดตลำดไปยังผู้คัดค้ำน ดังน้น กำรท่เจ้ำพนักงำนบังคับคดี ส�ำนักงำนบังคับ
ั
ี
คดีจังหวัดนครปฐม ขำยทอดตลำดทรัพย์ของผู้ถูกทวงหน้รำยท่ ๔ เม่อวันท่ ๒๑ มิถุนำยน ๒๕๖๐
ี
ี
ื
่
ั
ี
และวันท ๑๗ มิถุนำยน ๒๕๖๓ จึงเป็นกำรด�ำเนินกำรแทนเจ้ำพนกงำนพิทักษ์ทรัพย์ในคด ี
ล้มละลำย ถือได้ว่ำเป็นกำรกระท�ำอย่ำงหน่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กำรท่ผู้ร้องท้งสอง
ั
ึ
ี
ื
ี
ย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนกำรขำยทอดตลำดทรัพย์ของถูกทวงหน้รำยท่ ๔ เม่อวันท่ ๑๗
ี
ื
ี
มิถุนำยน ๒๕๖๓ ขอเพิกถอนค�ำสั่งริบเงินมัดจ�ำและให้รับเงินค่ำซื้อทรัพย์ของผู้ร้องที่ ๑ จำกกำร
ขำยทอดตลำดทรัพย์ของถูกทวงหนี้รำยที่ ๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนำยน ๒๕๖๐ และหำกไม่สำมำรถ
มีค�ำส่งได้ขอให้ชดใช้ค่ำเสียหำยแก่ผู้ร้องท้งสองน้น จึงเป็นกำรโต้แย้งคัดค้ำนกำรกระท�ำของ
ั
ั
ั
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ ค�ำร้องของ
ี
ี
ั
ผู้ร้องท้งสองจึงเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำย จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจ
ั
ั
้
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญติจดตงศำลล้มละลำย
ั
และวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
712
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด
ที่ วล ๓/๒๕๖๔ (มหำชน) โจทก์
ธนำคำรอำคำรสงเครำะห์ ผู้ร้อง
นำยบ�ำรุง เดชใด ผู้ซื้อทรัพย์
ดำบต�ำรวจเด่นศักดิ์ ครองเฉลิมชัย
กับพวก จ�ำเลย
่
ี
ี
ก่อนขำยทอดตลำดท่ดินพิพำทของจ�ำเลยท ๒ ตำมหมำยบังคับคดีของศำล
จังหวัดนครรำชสีมำ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ทรำบว่ำศำลพิพำกษำให้จ�ำเลยท ๒ ล้มละลำยแล้ว ให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีขำยทอด
่
ี
ี
ี
ตลำดท่ดินพิพำทแล้วส่งเงินสุทธิท่ได้จำกกำรขำยทอดตลำดไปยังเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ู
่
ั
ิ
ื
ั
ั
เพอรวบรวมเข้ำส่กองทรพย์สนของจำเลยท ๒ ต่อไป กำรทเจ้ำพนกงำนบงคบคด ี
ั
ี
่
�
่
ี
ี
ื
ขำยทอดตลำดท่ดินพิพำทจึงเป็นกำรด�ำเนินกำรแทนเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ เม่อ
ื
ผู้ร้องย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนกำรขำยทอดตลำดดังกล่ำวจึงเป็นกำรโต้แย้งกำรกระท�ำ
ของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ เป็น
คดีแพ่งที่เกี่ยวพันกับคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
คดีสืบเน่องมำจำกโจทก์น�ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดีท�ำกำรยึดท่ดินโฉนดเลขท่ ๕๑๖๙๕
ี
ื
ี
ต�ำบลตะคุ อ�ำเภอปักธงชัย จังหวัดนครรำชสีมำ พร้อมส่งปลูกสร้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ และนำงนุชฎำภรณ์
ิ
ี
ี
เม่อวันท่ ๒๑ มิถุนำยน ๒๕๕๕ และท�ำกำรยึดท่ดินโฉนดเลขท่ ๖๐๖๗๕ ต�ำบลตะคุ อ�ำเภอ
ี
ี
ื
ปักธงชัย จังหวัดนครรำชสีมำ พร้อมส่งปลูกสร้ำงของจ�ำเลยท่ ๒ เม่อวันท่ ๒๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๕
ี
ี
ิ
ื
ซ่งท่ดินท้งสองแปลงจดทะเบียนจ�ำนองไว้กับผู้ร้อง ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงในคดีหมำยเลขแดง
ั
ี
ึ
ั
ี
ี
ั
ท่ ล.๑๓๓๔/๒๕๕๙ มีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์ของจ�ำเลยท้งสองเด็ดขำดเม่อวันท่ ๒ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙
ื
ี
และมีค�ำพิพำกษำให้จ�ำเลยท้งสองล้มละลำยเม่อวันท่ ๑๘ ธันวำคม ๒๕๖๑ ต่อมำเจ้ำพนักงำน
ื
ั
บังคับคดีด�ำเนินกำรขำยทอดตลำดที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๐๖๗๕ ต�ำบลตะคุ อ�ำเภอปักธงชัย จังหวัด
นครรำชสีมำ พร้อมสิ่งปลูกสร้ำงของจ�ำเลยที่ ๒ โดยปลอดจ�ำนองมีนำยบ�ำรุงเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้
ในรำคำ ๓๐๐,๐๐๐ บำท เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวำคม ๒๕๖๓
713
ี
ื
ผู้ร้องย่นค�ำร้องว่ำ เจ้ำพนักงำนบังคับคดีประกำศขำยทอดตลำดท่ดินโฉนดเลขท ่ ี
ี
ิ
๕๑๖๙๕ ต�ำบลตะคุ อ�ำเภอปักธงชัย จังหวัดนครรำชสีมำ พร้อมส่งปลูกสร้ำงของจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
และนำงนุชฎำภรณ์ และท่ดินโฉนดเลขท่ ๖๐๖๗๕ ต�ำบลตะคุ อ�ำเภอปักธงชัย จังหวัดนครรำชสีมำ
ื
ี
พร้อมส่งปลูกสร้ำงของจ�ำเลยท่ ๒ เม่อวันท่ ๒๓ ธันวำคม ๒๕๖๓ แต่เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ิ
ี
ี
ไม่ได้แจ้งให้ผู้ประสงค์เข้ำสู้รำคำทรำบว่ำในวันดังกล่ำวมีกำรงดขำยทอดตลำดท่ดินโฉนด
ื
เลขท่ ๕๑๖๙๕ เน่องจำกไม่ได้ส่งหมำยนัดให้ผู้มีส่วนได้เสียทรำบโดยชอบด้วยกฎหมำย ต่อมำ
ี
ี
ิ
ี
ก่อนเร่มกำรขำยทอดตลำดท่ดินโฉนดเลขท่ ๖๐๖๗๕ นำยชิษณุพงศ์ ตัวแทนผู้ร้องได้วำง
หลักประกันกำรเข้ำเสนอรำคำเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บำท โดยเจ้ำพนักงำนบังคับคดีรับเงินดังกล่ำว
ี
ไว้แล้วแต่ท�ำกำรขำยทอดตลำดท่ดินโฉนดเลขท่ ๖๐๖๗๕ ให้แก่นำยบ�ำรุง ผู้ซ้อทรัพย์ ไปใน
ื
ี
�
รำคำท่ต่ำมำกโดยไม่เปิดโอกำสให้ตัวแทนผู้ร้องเข้ำสู้รำคำหรือวำงเงินประกันกำรเข้ำเสนอรำคำ
ี
เพ่มเติมตำมประกำศขำยทอดตลำด ถือไม่ได้ว่ำเป็นกำรขำยทอดตลำดท่ชอบด้วยกฎหมำย
ี
ิ
ขอให้มีค�ำสั่งเพิกถอนกำรขำยทอดตลำดและมีค�ำสั่งให้ขำยทอดตลำดใหม่
ื
ื
โจทก์และผู้ซ้อทรัพย์ย่นค�ำคัดค้ำนในท�ำนองเดียวกันว่ำ กำรประกำศขำยทอดตลำด
ิ
ี
ท่ดินโฉนดเลขท่ ๖๐๖๗๕ ต�ำบลตะคุ อ�ำเภอปักธงชัย จังหวัดนครรำชสีมำ พร้อมส่งปลูกสร้ำง
ี
ี
ี
ของจ�ำเลยท่ ๒ เม่อวันท่ ๒๓ ธันวำคม ๒๕๖๓ มีกำรก�ำหนดให้ผู้มีสิทธิหักส่วนได้ใช้แทน
ื
ต้องวำงหลักประกัน กำรเข้ำเสนอรำคำส�ำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๐๖๗๕ เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บำท
ผู้ร้องวำงเงินหลักประกันก่อนเข้ำเสนอรำคำเพียง ๑๐,๐๐๐ บำท เป็นกำรไม่ชอบตำมเงื่อนไขที่
จะเข้ำสู้รำคำได้ กำรขำยทอดตลำดให้แก่นำยบ�ำรุง ผู้ซื้อทรัพย์ จึงชอบด้วยกฎหมำยแล้ว ขอให้
ยกค�ำร้อง
ระหว่ำงไต่สวนค�ำร้อง เจ้ำพนักงำนบังคับคดีย่นรำยงำนข้อเท็จจริงเก่ยวกับกำรบังคับคด ี
ี
ื
และแถลงว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงได้มีค�ำพิพำกษำให้จ�ำเลยทั้งสองล้มละลำยแล้วในคดีหมำยเลข
ั
ี
ื
ี
แดงท่ ล.๑๓๓๔/๒๕๕๙ เม่อวันท่ ๑๘ ธันวำคม ๒๕๖๑ ดังน้น อ�ำนำจในกำรจัดกำรทรัพย์สิน
ั
ของจ�ำเลยท้งสองจึงตกอยู่แก่เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ศำลล้มละลำยจึงม ี
อ�ำนำจพิจำรณำและมีค�ำสั่งคดีนี้
ู
�
ิ
ิ
่
ั
ั
ศำลจงหวดนครรำชสีมำเห็นวำ กรณมปัญหำวำคดอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ
ี
ี
่
ี
่
ศำลล้มละลำยหรือไม่ จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
714
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ข้อเท็จจริงได้ควำมตำมรำยงำนข้อเท็จจริงเก่ยวกับกำรบังคับคดีของ
ี
เจ้ำพนักงำนบังคับคดีแล้วว่ำ ก่อนเจ้ำพนักงำนบังคับคดีท�ำกำรประกำศขำยทอดตลำดท่ดิน
ิ
ี
โฉนดเลขท่ ๖๐๖๗๕ ต�ำบลตะคุ อ�ำเภอปักธงชัย จังหวัดนครรำชสีมำ พร้อมส่งปลูกสร้ำงของจ�ำเลย
ที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวำคม ๒๕๖๓ ตำมหมำยบังคับคดีของศำลจังหวัดนครรำชสีมำในคดีแพ่ง
หมำยเลขแดงท่ ผบ.๔๖๑/๒๕๕๔ เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งให้เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ี
ี
ทรำบว่ำศำลล้มละลำยกลำงได้มีค�ำพิพำกษำให้จ�ำเลยท่ ๒ ล้มละลำยแล้วในคดีหมำยเลขแดง
ี
ี
ื
ท่ ล.๑๓๓๔/๒๕๕๙ เม่อวันท่ ๑๘ ธันวำคม ๒๕๖๑ จึงให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรขำยทอด
ี
ี
ี
ตลำดท่ดินของจ�ำเลยท่ ๒ ดังกล่ำว แล้วส่งเงินสุทธิท่ได้จำกกำรขำยทอดตลำดไปยังเจ้ำพนักงำน
พิทักษ์ทรัพย์เพื่อรวบรวมเข้ำสู่กองทรัพย์สินของจ�ำเลยที่ ๒ ลูกหนี้ในคดีล้มละลำยต่อไป ดังนั้น
กำรที่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีขำยทอดตลำดทรัพย์ของจ�ำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวำคม ๒๕๖๓
จึงเป็นกำรด�ำเนินกำรแทนเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลำย ถือได้ว่ำเป็นกำรกระท�ำ
อย่ำงหนึ่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กำรที่ผู้ร้องยื่นค�ำร้องขอให้เพิกถอนกำรขำยทอดตลำด
ี
ทรัพย์ของจ�ำเลยท่ ๒ จึงเป็นกำรโต้แย้งคัดค้ำนกำรกระท�ำของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ตำม
ี
ี
พระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๑๔๖ และเป็นคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับ
คดีล้มละลำย จึงเป็นคดีล้มละลำยอันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยตำม
มำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
715
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยไพโรจน์ ศรีอรุณ โจทก์
ที่ วล ๖/๒๕๖๐ นำงสำวทิพย์ธันยำหรือกุสุมำ
จันทรำนุสรณ์ ผู้ร้อง
เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์
ั
กบพวก ผู้คัดค้ำน
นำงสำวทิพย์ธันยำหรือกุสุมำ
จันทรำนุสรณ์ กับพวก จ�ำเลย
หลังจำกศำลมีค�ำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ร้องเด็ดขำด ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ได้ยื่นค�ำร้อง
ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ ขอให้พนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้ำนที่ ๑
ตรวจดูทรัพย์สินซึ่งเป็นหลักประกัน ผู้คัดค้ำนที่ ๑ ให้ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ไปด�ำเนินกำรบังคับ
้
ั
ู
ั
ื
ั
ั
ึ
ี
่
ู
้
ั
�
คดีในส่วนแพ่งเอำกบหลกประกนเอง ผ้คดค้ำนท ๑ จงฟองผ้รองเพ่อบังคบจำนองต่อศำล
ื
จังหวัดพิษณุโลก เม่อศำลมีค�ำพิพำกษำและเจ้ำพนักงำนบังคับคดียึดทรัพย์จ�ำนองของ
�
ี
ึ
ผ้คดค้ำนท ๒ ออกขำยทอดตลำดจงเป็นกำรบงคบคดตำมคำพพำกษำในคดแพ่งของ
ี
ั
ั
ู
ั
ิ
ี
่
ศำลจังหวัดพิษณุโลก มิใช่กำรขำยทอดตลำดในคดีล้มละลำย เม่อผู้ร้องย่นค�ำร้องขอ
ื
ื
เพิกถอนกำรขำยทอดตลำดอ้ำงว่ำกำรส่งประกำศขำยทอดตลำดไม่ชอบ จึงเป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีฝ่ำฝืนต่อ ป.วิ.พ. มำตรำ ๒๙๖
วรรคสอง มิใช่กล่ำวอ้ำงว่ำผู้ร้องได้รับควำมเสียหำยโดยกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัย
ของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ค�ำร้องของผู้ร้องไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลล้มละลำย
_____________________________
คดีสืบเน่องมำจำกเม่อวันท่ ๒๔ กรกฎำคม ๒๕๕๗ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งพิทักษ์ทรัพย์
ั
ื
ื
ี
ี
ื
ี
ี
ของผู้ร้องเด็ดขำด วันท่ ๑๙ พฤศจิกำยน ๒๕๕๗ ผู้คัดค้ำนท่ ๒ ย่นค�ำร้องต่อผู้คัดค้ำนท่ ๑
ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ ขอให้ผู้คัดค้ำนที่ ๑ ตรวจดูทรัพย์สินซึ่ง
เป็นหลักประกันที่ผู้ร้องให้ไว้แก่ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ก่อนผู้ร้องถูกพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำนที่ ๑ พิจำรณำ
ั
ั
่
แล้วสงให้ผ้คดค้ำนท ๒ ไปดำเนินกำรบงคบคดในส่วนแพ่งเอำกบหลกประกันทผ้ร้องให้ไว้
่
ี
ู
ู
�
่
ั
ี
ั
ั
ั
ี
ี
ผู้คัดค้ำนท่ ๒ จึงฟ้องผู้ร้องเพ่อบังคับจ�ำนองต่อศำลจังหวัดพิษณุโลกเป็นคดีแพ่งหมำยเลขแดง
ื
716
ี
ิ
ท่ ๒๒๗/๒๕๕๘ ศำลจังหวัดพิษณุโลกพิพำกษำให้ยึดทรัพย์จ�ำนองพร้อมส่งปลูกสร้ำงออก
ี
้
้
ั
ี
�
ั
ื
่
�
้
ี
ั
่
ั
่
ี
ู
ั
ขำยทอดตลำดเพอชำระหนแกผคดคำนท ๒ เจำพนกงำนบงคบคด สำนกงำนบงคบคดจงหวด
้
ั
ั
ั
ั
พิษณุโลก ด�ำเนินกำรยึดทรัพย์จ�ำนองแล้วน�ำทรัพย์ออกขำยทอดตลำดได้เม่อวันท่ ๑๒ มกรำคม ๒๕๖๐
ี
ื
ื
ผ้ร้องยนคำร้องว่ำ เจ้ำพนกงำนเดนหมำยส่งประกำศขำยทอดตลำดให้ผ้ร้องโดยปิด
�
ู
่
ู
ั
ิ
ไว้ที่รั้วของโครงกำรจันทรำรีสอร์ท ไม่ใช่รั้วบ้ำนของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ได้รับประกำศขำยทอดตลำด
ผู้ร้องจึงไม่ทรำบวันนัดและไม่ได้ไปคัดค้ำนกำรขำยทอดตลำด ท�ำให้ผู้ร้องเสียหำย ขอให้มีค�ำสั่ง
เพิกถอนกำรขำยทอดตลำด
ั
ั
ั
ี
ั
ั
ั
ั
ั
ั
�
ี
่
ี
ั
ผ้คดค้ำนท ๑ ยนคำคดค้ำนว่ำ เจ้ำพนกงำนบงคบคด สำนกงำนบงคบคดจงหวด
ู
่
ื
�
พิษณุโลกได้ด�ำเนินกำรยึดทรัพย์ ตำมหมำยบังคับคดีของศำลจังหวัดพิษณุโลกคดีแพ่งหมำยเลข
แดงท่ ๒๒๗/๒๕๕๘ และน�ำทรัพย์ออกขำยทอดตลำดได้ เม่อวันท่ ๑๒ มกรำคม ๒๕๖๐
ื
ี
ี
กำรส่งประกำศขำยทอดตลำดได้ส่งไปยังภูมิล�ำเนำของผู้ร้องด้วยวิธีปิดหมำย เป็นกำรส่งโดยชอบ
กำรขำยทอดตลำดทรัพย์ในคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมำยแล้ว ขอให้ยกค�ำร้อง
ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ยื่นฟ้องผู้ร้องเพื่อบังคับจ�ำนองต่อศำล
จังหวัดพิษณุโลก เจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์แถลงไม่ประสงค์เข้ำว่ำคดีแทนผู้ร้องและไม่คัดค้ำน
กำรฟ้องคดี หลังจำกศำลจังหวัดพิษณุโลกมีค�ำพิพำกษำแล้ว ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ได้น�ำยึดที่ดินซึ่งเป็น
ทรัพย์จ�ำนองออกขำยทอดตลำด เจ้ำพนักงำนบังคับคดีได้ขำยทอดตลำดทรัพย์ไปตำมอ�ำนำจ
ื
หน้ำท่ในกำรบังคับคดีแพ่ง มิใช่เป็นกำรขำยทอดตลำดในคดีล้มละลำย ผู้ร้องจึงต้องย่นค�ำร้อง
ี
ต่อศำลจงหวดพิษณโลก มใช่ต่อศำลล้มละลำยกลำง กำรส่งประกำศขำยทอดตลำดส่งไปตำม
ิ
ั
ุ
ั
ภูมิล�ำเนำของผู้ร้องโดยชอบด้วยวิธีปิดหมำย กำรบังคับคดีชอบแล้ว ขอให้ยกค�ำร้อง
�
ี
ั
ระหว่ำงพจำรณำ ผ้คัดค้ำนท ๒ ยนคำร้องขอให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษ
ื
ิ
�
่
ี
่
ุ
ิ
ู
วินิจฉัยว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำยหรือไม่ ศำลล้มละลำยกลำงจึง
เสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงได้ควำมตำมค�ำร้องและค�ำคัดค้ำนว่ำ ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ได้ยื่นค�ำร้อง
ตำมพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๕ ขอให้ผู้คัดค้ำนที่ ๑ ตรวจดูหลักประกัน
ที่ผู้ร้องให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้ำนที่ ๑ ให้ผู้คัดค้ำนที่ ๒ ไปด�ำเนินกำรบังคับคดีในส่วน
แพ่งเอำกับหลักประกันเอง ผู้คัดค้ำนที่ ๒ จึงฟ้องผู้ร้องเพื่อบังคับจ�ำนองต่อศำลจังหวัดพิษณุโลก
717
ภำยหลังศำลมีค�ำพิพำกษำเจ้ำพนักงำนบังคับคดี ส�ำนักงำนบังคับคดีจังหวัดพิษณุโลกได้ด�ำเนิน
ั
กำรยึดทรัพย์ออกขำยทอดตลำด ดังน้นกำรยึดทรัพย์และน�ำทรัพย์ออกขำยทอดตลำดจึงเป็น
กำรบังคับคดีตำมค�ำพิพำกษำในคดีแพ่งของศำลจังหวัดพิษณุโลก มิใช่กำรขำยทอดตลำดใน
ี
ั
คดีล้มละลำยโดยค�ำส่งของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ กำรท่ผู้ร้องย่นค�ำร้องขอให้เพิกถอน
ื
ั
กำรขำยทอดตลำดอ้ำงว่ำ กำรส่งประกำศขำยทอดตลำดให้แก่ผู้ร้องไม่ชอบน้น เป็นกำร
กล่ำวอ้ำงว่ำเจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีฝ่ำฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมำยตำม
ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๙๖ วรรคสอง มิใช่กล่ำวอ้ำงว่ำ ผู้ร้องได้รับ
ควำมเสียหำยโดยกำรกระท�ำหรือค�ำวินิจฉัยของเจ้ำพนักงำนพิทักษ์ทรัพย์ ค�ำร้องของผู้ร้อง
ไม่ใช่คดีล้มละลำยหรือคดีแพ่งท่เก่ยวพันกันกับคดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ี
ของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๔ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
718
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงภัทรธิรำ แก้วดี โจทก์
ที่ วล ๔/๒๕๖๐ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
จ�ำกัด จ�ำเลย
ึ
ี
โจทก์ซ่งเป็นเจ้ำหน้ตำมค�ำพิพำกษำของศำลแพ่งขอให้เจ้ำพนักงำนบังคับคด ี
ี
อำยัดสิทธิเรียกร้องของจ�ำเลยในเงินฝำกธนำคำร ธนำคำรได้ส่งเงินตำมท่อำยัดแก่
เจ้ำพนักงำนบังคับคดี ต่อมำศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย โจทก์
ี
ื
ได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำร ต่อมำจ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ศำลแพ่งเพิกถอน
ื
ื
กำรอำยัดเงินฝำกดังกล่ำว โดยอ้ำงว่ำเม่อศำลล้มละลำยกลำงรับค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำร
ของจ�ำเลยแล้ว โจทก์ไม่อำจได้รับช�ำระหน้โดยวิธีอ่นนอกจำกตำมท่ก�ำหนดไว้ในแผน
ี
ี
ื
ท้งไม่มีสิทธิอำยัดทรัพย์สินของจ�ำเลยอีกต่อไป ค�ำร้องของจ�ำเลยเป็นกำรร้องขอให้
ั
ี
ั
ศำลแพ่งมีค�ำส่งเพิกถอนกำรอำยัดเงินฝำกของจ�ำเลยตำมหมำยบังคับคด แม้จ�ำเลย
ื
กล่ำวอ้ำงว่ำเม่อศำลมีค�ำส่งรับค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำรแล้ว จ�ำเลยจึงได้รับกำรคุ้มครอง
ั
ตำม พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๑๒ (๕) แต่กำรร้องขอให้เพิกถอน
ี
ี
กำรอำยัดเงินฝำกมิใช่ข้อพิพำทท่เก่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำรโดยตรง
จึงไม่ใช่คดีล้มละลำย ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
่
ี
ั
่
ื
ั
�
ี
ิ
�
คดสบเนองมำจำกเมอวนท ๑๖ ธนวำคม ๒๕๕๖ ศำลแพ่งมคำพพำกษำให้จำเลย
ื
่
ื
ี
ช�ำระเงินแก่โจทก์ จ�ำเลยไม่ช�ำระหน้ตำมค�ำพิพำกษำ โจทก์ขอให้บังคับคดี ศำลแพ่งออกหมำย
ี
บังคับคดี โดยโจทก์ขอให้เจ้ำพนักงำนบังคับคดีอำยัดสิทธิเรียกร้องของจ�ำเลยเป็นเงินฝำกใน
ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) สำขำกำรเคหะแห่งชำติ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๕๗ และ
ี
ี
วันท่ ๔ กันยำยน ๒๕๕๗ ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน)ได้ส่งเงินตำมท่อำยัดให้แก่เจ้ำพนักงำน
ี
ื
ี
ื
บังคับคดีเพ่อช�ำระหน้ตำมค�ำพิพำกษำ ต่อมำเม่อวันท่ ๒๖ สิงหำคม ๒๕๕๗ จ�ำเลยย่นค�ำร้อง
ื
ขอต่อศำลล้มละลำยกลำงขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งรับค�ำร้องขอ
ั
ในวันดังกล่ำว เจ้ำพนักงำนบังคับคดีได้งดกำรบังคับคดีไม่ได้จ่ำยเงินตำมท่อำยัดดังกล่ำวแก่โจทก์
ี
ั
วนท่ ๒๐ มีนำคม ๒๕๕๘ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งให้ฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยโดยตงจำเลย
้
�
ั
ี
ั
เป็นผู้ท�ำแผน และเมื่อวันที่ ๒๑ มกรำคม ๒๕๕๙ มีค�ำสั่งเห็นชอบด้วยแผน โจทก์ยื่นค�ำขอรับ
ช�ำระหนี้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเป็นเจ้ำหนี้รำยที่ ๕๕๙
719
ึ
ื
ั
ี
จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ เม่อศำลมีค�ำส่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว โจทก์ซ่งเป็นเจ้ำหน้ย่อม
ื
ี
ื
ี
ั
ต้องถูกผูกมัดให้ได้รับช�ำระหน้จำกจ�ำเลยตำมแผนเท่ำน้น ไม่อำจได้รับช�ำระหน้โดยวิธีอ่นนอกจำก
ั
ี
จ�ำนวนและตำมวิธีกำรท่ก�ำหนดในแผน ท้งไม่มีสิทธิยึดหรืออำยัดทรัพย์สินของจ�ำเลย เจ้ำพนักงำน
ี
บังคับคดีไม่มีสิทธิยึดอำยัดเงินท่ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) น�ำส่งไว้อีกต่อไป ขอให้
เพิกถอนกำรอำยัดเงินฝำกของจ�ำเลยและคืนให้ผู้บริหำรแผนของจ�ำเลย
โจทก์ยื่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ได้ส่งเงินทั้งสองรำยกำรตำม
ี
ท่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีอำยัดไว้ต่อเจ้ำพนักงำนบังคับคดีก่อนท่ศำลล้มละลำยกลำงจะรับ
ี
ั
ค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย ดังน้นเจ้ำพนักงำนบังคับคดีต้องจ่ำยเงินให้แก่โจทก์ มิใช่จ่ำยให้แก่
จ�ำเลย ขอให้ยกค�ำร้อง
ระหว่ำงไต่สวนค�ำร้อง โจทก์แถลงว่ำเน่องจำกปัจจุบันศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งรบ
ื
ั
ั
ิ
�
�
คำร้องขอฟื้นฟูกจกำรของจ�ำเลยและอยู่ระหว่ำงกำรด�ำเนินกำรตำมแผน ค�ำร้องของจำเลยอยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำและพิพำกษำของศำลล้มละลำยกลำง จ�ำเลยแถลงว่ำก่อนหน้ำนี้เคยมีกำรยื่น
ค�ำร้องต่อศำลล้มละลำยกลำงแล้ว แต่ศำลแจ้งว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลแพ่ง
ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
หรือไม่จึงเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้จ�ำเลยกล่ำวอ้ำงในค�ำร้องว่ำ ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำสั่งให้ฟื้นฟูกิจกำร
ื
ึ
ของจ�ำเลย โจทก์ซ่งเป็นเจ้ำหน้ได้ย่นค�ำขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำร แผนซ่งศำลมีค�ำส่ง
ี
ั
ึ
ี
เห็นชอบแล้วย่อมผูกมัดเจ้ำหน้ซ่งอำจขอรับช�ำระหน้ในกำรฟื้นฟูกิจกำรได้ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ึ
ี
ื
ี
ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๖๐ โจทก์ไม่อำจได้รับช�ำระหน้โดยวิธีอ่นนอกจำกจ�ำนวน
และตำมวิธีกำรที่ก�ำหนดในแผน ทั้งไม่มีสิทธิอำยัดเงินฝำกของจ�ำเลยอีกต่อไป กำรยึดหรืออำยัด
ี
ั
ทรัพย์สินของจ�ำเลยก่อนวันท่ศำลมีค�ำส่งรับค�ำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจกำรย่อมตกอยู่ในบังคับแห่ง
พระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๑๒ (๗) (ที่ถูกมำตรำ ๙๐/๑๒ (๕)) ค�ำร้อง
ั
�
�
ิ
�
่
ของจำเลยดงกล่ำวเป็นกำรร้องขอให้ศำลแพ่งมคำสงเพกถอนกำรอำยดเงนฝำกของจำเลยตำม
ี
ั
ิ
ั
หมำยบังคับคดีหรือขอให้งดกำรบังคับคดีไว้ โดยอ้ำงเหตุผลว่ำเน่องจำกศำลล้มละลำยกลำง
ื
มีค�ำส่งรับค�ำร้องขอฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย อันเป็นผลของมำตรกำรคุ้มครองกิจกำรหรือสภำวะ
ั
หยุดนิ่งดังที่บัญญัติไว้ในพระรำชบัญญัติล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๑๒ (๕) แม้จ�ำเลย
ึ
ี
ี
จะกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ซ่งเป็นเจ้ำหน้ในคดีฟื้นฟูกิจกำรต้องผูกพันในกำรได้รับช�ำระหน้ตำมแผน
720
ไม่มีสิทธิยึดหรืออำยัดทรัพย์สินของจ�ำเลยอีก ก็เป็นเพียงกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยได้รับกำรคุ้มครอง
ี
ึ
ี
กิจกำรท่เกิดข้นตำมบทบัญญัติดังกล่ำว มิใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับแผนหรือกระบวนกำรฟื้นฟูกิจกำร
โดยตรง จึงมิใช่คดีล้มละลำยอันจะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย ตำมมำตรำ ๗
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลล้มละลำยและวิธีพิจำรณำคดีล้มละลำย พ.ศ. ๒๕๔๒
วินิจฉัยว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รติมำ ชัยสุโรจน์ - ย่อ
วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร - ตรวจ
721
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงนันท์นภัส ณ พัทลุง โจทก์
ที่ วล ๑๓/๒๕๖๕ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
จ�ำกัด จ�ำเลย
ั
ี
ื
ภำยหลังจำกท่ศำลมีค�ำส่งให้ยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลย จ�ำเลยย่นค�ำร้อง
ี
ต่อศำลแพ่งว่ำกำรท่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีอำยัดสิทธิเรียกร้องใน
ั
ี
ื
บัญชีเงินฝำกของจ�ำเลยเพ่อช�ำระหน้ตำมค�ำพิพำกษำของศำลแพ่งน้นเป็นกำรฝ่ำฝืนต่อ
กฎหมำย เนื่องจำกโจทก์ในคดีแพ่งไดน�ำมูลหนี้ตำมค�ำพิพำกษำมำขอรับช�ำระหนี้ในกำร
้
ฟื้นฟูกิจกำรแล้ว โจทก์จึงไม่อำจด�ำเนินกำรบังคับคดีเพ่อช�ำระหน้ในคดีน้ได้อีกและขอให้
ื
ี
ี
ั
เพิกถอนกำรบังคับคดีดังกล่ำวน้น เป็นกำรร้องขอให้เพิกถอนกำรบังคับคดีตำม ป.วิ.พ.
ึ
มำตรำ ๒๙๕ วรรคสอง จ�ำเลยซ่งเป็นลูกหน้ตำมค�ำพิพำกษำต้องย่นค�ำร้องต่อศำลใน
ี
ื
ึ
คดีท่มีกำรบังคับคดีซ่งมีอ�ำนำจท�ำค�ำวินิจฉัยช้ขำดหรือท�ำค�ำส่งใด ๆ อันเก่ยวด้วยกำร
ี
ั
ี
ี
ั
บังคับคดีตำมค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งน้นตำมมำตรำ ๒๗๑ วรรคหน่ง แม้จ�ำเลยกล่ำวอ้ำง
ั
ึ
ว่ำกำรบังคับคดีดังกล่ำวฝ่ำฝืนต่อ พ.ร.บ. ล้มละลำย พ.ศ. ๒๔๘๓ มำตรำ ๙๐/๖๐ วรรคหน่ง
ึ
ก็มิใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับกระบวนพิจำรณำคดีฟื้นฟูกิจกำร จึงมิใช่คดีท่อยู่ในอ�ำนำจ
ี
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลล้มละลำย
______________________________
ี
คดีสืบเน่องมำจำกศำลแพ่งมีค�ำพิพำกษำให้จ�ำเลยช�ำระหน้แก่โจทก์เม่อวันท่ ๑ สิงหำคม ๒๕๕๗
ี
ื
ื
ั
และออกหมำยต้งเจ้ำพนักงำนบังคับคดีด�ำเนินกำรบังคับคดีโดยแจ้งอำยัดสิทธิเรียกร้องในบัญช ี
เงินฝำกของจ�ำเลยเป็นเงินจ�ำนวนรวม ๓,๗๐๐,๐๐๐ บำท
จ�ำเลยยื่นค�ำร้องฉบับลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกำยน ๒๕๖๔ และวันที่ ๑๐ มกรำคม ๒๕๖๕ ว่ำ
ี
ี
เจ้ำพนักงำนบังคับคดีมีหมำยแจ้งฉบับลงวันท่ ๙ กรกฎำคม ๒๕๖๔ และวันท่ ๒๗ กันยำยน ๒๕๖๔
ด�ำเนินกำรอำยัดสิทธิเรียกร้องในบัญชีเงินฝำกของจ�ำเลยไปยังธนำคำรธนชำต จ�ำกัด (มหำชน)
ธนำคำรไทยพำณิชย์ จ�ำกัด (มหำชน) และธนำคำรกรุงไทย จ�ำกัด (มหำชน) ภำยหลังจำก
ั
ื
ี
ศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งยกเลิกกำรฟื้นฟูกิจกำรของจ�ำเลยเม่อวันท่ ๒๕ มิถุนำยน ๒๕๖๔ ค�ำส่ง
ั
ิ
ั
ึ
ดังกล่ำวไม่มีผลให้แผนฟื้นฟูกิจกำรซ่งศำลล้มละลำยกลำงมีค�ำส่งเห็นชอบแล้วส้นผลไป โจทก์
์
ึ
็
ซงเปนเจำหนทยนคำขอรบชำระหนยงคงผกพนตำมแผนดงกลำวซงกำหนดใหโจทกเปนเจำหน ้ ี
�
้
้
�
ี
ี
้
้
ั
่
ื
�
่
ี
่
ึ
ั
่
่
ั
ั
้
็
ู
722