The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ











โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนตบคคลประเภทบรษทจำกด มวตถประสงค์เป็นเจ้ำของเรอ



รับบริกำรขนส่งน้ำมันเช้อเพลิง ก๊ำซปิโตรเลียมเหลว และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทุกชนิด ท้งทำงบก

และทำงน้ำ ท้งในประเทศและระหว่ำงประเทศ โจทก์เป็นเจ้ำของเรือหรือผู้ครอบครองใช้ประโยชน์


ของเรือบรรทุกแก๊สชื่อ “เซนนำ ปริ้นเซส” (SENNA PRINCESS) โดยท�ำสัญญำเอำประกันภัย
ไว้กับจ�ำเลยท้งสอง ๒ กรมธรรม์ เป็นกรมธรรม์ประกันภัยตัวเรือซ่งคุ้มครองควำมสูญเสียหรือ



เสียหำยของโครงสร้ำงตัวเรือ รวมถึงเคร่องจักรอุปกรณ์ต่ำง ๆ ของเรือ และกรมธรรม์ประกัน



ค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ ในกำรปฏิบัติกำรเรือ เม่อวันท่ ๒๔ มิถุนำยน ๒๕๕๗ ซ่งอยู่ในระหว่ำงระยะ

เวลำควำมคุ้มครองตำมกรมธรรม์ประกันภัย ลูกเรือของเรือเซนนำ ปร้นเซส ได้ท�ำกำรบ�ำรุงรักษำ

เคร่องก�ำเนิดไฟฟ้ำ หมำยเลข ๓ ของเรือ แต่ลูกเรือหลงลืมน�ำเศษผ้ำท่ใช้ท�ำควำมสะอำด





ตกหล่นอยู่ในฐำนเคร่องเป็นเหตุให้ระบบน้ำมันหล่อล่นท่จะต้องหล่อเคร่องจักรขณะท�ำงำน

เกิดกำรอุดตัน เม่อมีกำรเปิดใช้งำนเดินเคร่องก�ำเนิดไฟฟ้ำหมำยเลข ๓ ท�ำให้เคร่องช�ำรุดเสียหำย





ควำมเสียหำยดังกล่ำวเป็นควำมบกพร่องของคนประจ�ำเรือซ่งอยู่ในเง่อนไขควำมคุ้มครอง
ตำมกรมธรรม์ประกันภัย หลังเกิดเหตุโจทก์แจ้งให้จ�ำเลยที่ ๑ ทรำบและซ่อมแซมเครื่องก�ำเนิด
ไฟฟ้ำหมำยเลข ๓ จนเรียบร้อย มีค่ำใช้จ่ำยในกำรซ่อมแซม ค่ำแรง ค่ำอะไหล่ และค่ำใช้จ่ำยอื่น
รวม ๙๐๒,๑๑๒.๖๐ ดอลลำร์สหรัฐ โจทก์ติดตำมทวงถำมให้จ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะผู้รับประกันภัย
หลักช�ำระค่ำสินไหมทดแทนในกำรซ่อมแซมเคร่องก�ำเนิดไฟฟ้ำหมำยเลข ๓ จ�ำนวน ๙๐๒,๑๑๒.๖๐

ดอลลำร์สหรัฐ แต่จ�ำเลยท่ ๑ ปฏิเสธกำรจ่ำยค่ำสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ กำรกระท�ำของ

จ�ำเลยท้งสองเป็นกำรผิดสัญญำ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยไม่ได้รับเงินค่ำสินไหมทดแทน

ตำมสัญญำประกันภัยตำมควำมเสียหำยจริง ๙๐๒,๑๑๒.๖๐ ดอลลำร์สหรัฐ (โจทก์ขอคิดอัตรำ
แลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๒๒ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ ในอัตรำ ๑ ดอลลำร์สหรัฐเป็นเงิน ๓๕.๗๕ บำท)


คิดเป็นเงิน ๓๒,๒๕๐,๕๒๕ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ร่วมกันหรือแทนกันช�ำระ
เงิน ๓๒,๒๕๐,๕๒๕ บำท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวน
ดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยท้งสองมีนิติสัมพันธ์ตำมสัญญำประกันภัย

ทำงทะเล จึงต้องน�ำกฎหมำยประกันภัยทำงทะเลรวมท้งวิธีปฏิบัติของประเทศอังกฤษมำ
ปรับใช้กับนิติสัมพันธ์ตำมสัญญำประกันภัยทำงทะเลระหว่ำงประเทศระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย




ท้งสอง ข้อพิพำทระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรและประกันภัย
ทำงทะเลระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ


123

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


พ.ศ. ๒๕๓๙ คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
















ระหวำงประเทศ เครองกำเนดไฟฟำบนเรอเซนนำ ปรนเซส ไมไดเสยหำยจำกกำรทลกเรอหลงลม

ท�ำเศษผ้ำที่ใช้ท�ำควำมสะอำดหล่นในฐำนเครื่อง แต่เกิดจำกกำรสึกหรอ กำรรั่ว กำรแตกหักจำก
กำรใช้งำนตำมปกติ เป็นควำมเสื่อมสภำพในตัวเองตำมธรรมชำติซึ่งไม่ใช่ภัยที่กรมธรรม์ประกัน

ภัยระบุให้ควำมคุ้มครองไว้ โจทก์ไม่เคยส่งพยำนหลักฐำนเพ่อพิสูจน์ควำมเสียหำยแก่จ�ำเลย



ทงสอง โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยท้งสองทรำบถงควำมเสียหำยหลงจำกพ้นก�ำหนดระยะเวลำ ๗๒


ช่วโมง นับแต่เวลำท่โจทก์ได้ทรำบถึงควำมเสียหำย เป็นกรณีท่โจทก์ผิดสัญญำเง่อนไขบังคับก่อน






ตำมสัญญำประกันภัย จ�ำเลยท้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ค่ำเสียหำยท่โจทก์เรียกร้องมำสูงเกิน
ควำมจริง ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยทั้งสองยื่นค�ำร้องขอให้เสนอปัญหำเรื่องเขตอ�ำนำจศำลให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ศำลแพ่งกรุงเทพใต้พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ
พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ กำรประกันภัยและ




นิติกรรมอ่น ๆ ท่เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องให้จ�ำเลยท้งสองรับผิดชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนควำม


เสียหำยอันเกิดจำกควำมเสียหำยท่เกิดข้นกับเรือเซนนำ ปร้นเซส ซ่งเป็นเรือท่ใช้รับบริกำร




ขนส่งน�้ำมันเชื้อเพลิง ก๊ำซปิโตรเลียมเหลว และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทุกชนิด ทั้งในประเทศและ

ระหว่ำงประเทศภำยใต้สัญญำประกันภัย จ�ำเลยท้งสองให้กำรว่ำ มีกำรตกลงกันไว้ชัดแจ้งใน


กรมธรรม์ประกันภัยว่ำ ให้สัญญำประกันภัยทำงทะเลท่พิพำทน้ตกอยู่ภำยใต้บังคับแห่งข้อก�ำหนด
ของสถำบันว่ำด้วยควำมคุ้มครองตัวเรือตำมก�ำหนดระยะเวลำ ฉบับท่ ๑.๑๐.๘๓ (Insittute

Time Clauses Hulls ๑.๑๐.๘๓) ซึ่งเป็นข้อตกลงมำตรฐำนที่ใช้กันแพร่หลำยทั่วโลก ข้อก�ำหนด

ดังกล่ำวระบุไว้ว่ำ กำรประกันภัยน้อยู่ภำยใต้บังคับแห่งกฎหมำยและวิธีปฏิบัติของประเทศอังกฤษ
124


กรณีจึงต้องน�ำกฎหมำยประกันภัยทำงทะเลรวมท้งวิธีปฏิบัติของประเทศอังกฤษมำปรับใช้กับ
นิติสัมพันธ์ตำมสัญญำประกันภัยทำงทะเลระหว่ำงประเทศระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยทั้งสอง ดังนั้น


สัญญำประกันภัยระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นสัญญำประกันภัยเรือสินค้ำเดินทะเลอัน



เป็นสัญญำประกันภัยทำงทะเลประเภทหน่ง เม่อคดีมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยเก่ยวกับ
สัญญำประกันภัยทำงทะเล โดยประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๘๖๘ บัญญัติให้บังคับ
สัญญำประกันภัยทำงทะเลตำมบทบัญญัติแห่งกฎหมำยทะเล ซ่งย่อมต้องพิจำรณำถึงกฎหมำย



หลักเกณฑ์และธรรมเนียมปฏิบัติระหว่ำงประเทศด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่ง
ระหว่ำงประเทศ กำรประกันภัยและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง


พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ


วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ




















125

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฟูโซ่ ทรัค (ประเทศไทย)

ที่ วทป ๑๖/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทมิตซูบิชิ ฟูโซ่ ทรัค
แอนด์ บัส คอร์เปอเรชั่น

จ�ำกัด จ�ำเลย




โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินคงเหลือจำกท่ตัดยอดกันไปแล้วตำม


สัญญำขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกของจ�ำเลยท่ส่งมำจำกประเทศอินเดียและประเทศญ่ปุ่น



ให้แก่โจทก์ จำเลยให้กำรว่ำ ข้อพพำทตำมฟ้องเป็นส่วนหนงของสญญำตงโจทก์เป็น






ผู้แทนจ�ำหน่ำยรถยนต์บรรทุกย่ห้อฟูโซ่ ของจ�ำเลยในประเทศไทย ไม่ใช่สัญญำซ้อขำย
อะไหล่รถยนต์บรรทุกเพียงอย่ำงเดียว กรณีถือได้ว่ำ เป็นกำรติดต่อขำยและส่งมอบสินค้ำ
ของจ�ำเลยจำกประเทศอินเดียหรือประเทศญ่ปุ่นกับโจทก์ในประเทศไทยด้วยกำรช�ำระ

รำคำล่วงหน้ำโดยกำรโอนเงินข้ำมประเทศ คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทถึงสิทธิหน้ำท่และ

ควำมรับผิดตำมสัญญำซ้อขำยระหว่ำงโจทก์ผู้ซ้อในประเทศไทยกับจ�ำเลยผู้ขำยใน





ต่ำงประเทศ อันเป็นกำรซอขำยระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อ


ขำยระหว่ำงประเทศ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ



กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัต มำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สิน






ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สนทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดตำมกฎหมำยของ




ประเทศไทย มีวตถุประสงค์จำหน่ำยรถบรรทก จำเลยเป็นนิติบคคลประเภทบริษทจ�ำกัดตำม


กฎหมำยของประเทศญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์จ�ำหน่ำยรถบรรทุกและรถบัส ประมำณ พ.ศ. ๒๕๕๓


จ�ำเลยตกลงท�ำสัญญำขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกให้โจทก์มีก�ำหนดส้นสุดวันท่ ๓๑ มีนำคม ๒๕๕๙
หลังจำกน้นโจทก์และจ�ำเลยได้มีกำรส่งซ้ออะไหล่ดังกล่ำวและตัดยอดเงินกันหลำยคร้ง จนกระท่ง






วันท่ ๑๗ สิงหำคม ๒๕๕๙ ภำยหลังสัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยส้นสุดลง ปรำกฏว่ำมีเงิน


คงเหลือท่จ�ำเลยครอบครองไว้แทนโจทก์ตำมสัญญำขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกท่ส่งมำจำก

126



ประเทศญ่ปุ่น ๘,๙๑๑ เยน และจำกประเทศอินเดีย ๕,๖๕๐,๖๖๘ เยน จ�ำเลยมีหน้ำท่ ต้อง
ส่งมอบเงินคงเหลือให้แก่โจทก์ ๕,๖๕๙,๕๗๙ เยน คิดเป็นเงินไทย ๑,๗๙๒,๔๔๕.๒๗ บำท



ณ วันท่ ๓๑ มีนำคม ๒๕๕๙ อัตรำแลกเปล่ยน ๓๑.๖๗๑ บำท ต่อ ๑๐๐ เยน จ�ำเลยผิดนัด
ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันที่ ๑ เมษำยน ๒๕๕๙ ถึงวันฟ้องอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของต้นเงินดังกล่ำว รวมเป็นเงิน ๑,๘๖๒,๔๒๔.๒๙ บำท แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลย


ช�ำระเงิน ๑,๘๖๒,๔๒๔.๒๙ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน
๑,๗๙๒,๔๔๕.๒๗ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์












จำเลยให้กำรวำ ข้อพพำทตำมฟ้องเป็นสวนหนงของสญญำตงโจทกเปนผ้แทนจ�ำหนำย


รถยนต์บรรทุกยี่ห้อ ฟูโซ่ (Fuso) ของจ�ำเลยในประเทศไทยฉบับลงวันที่ ๑ เมษำยน ๒๕๕๘ และ


ส้นสุดลงวันท่ ๓๑ มีนำคม ๒๕๕๙ ไม่ใช่สัญญำซ้อขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกเพียงอย่ำงเดียว

ข้อพิพำทตำมฟ้องมีข้อตกลงเป็นหนังสือให้ต้องระงับข้อพิพำทโดยอนุญำโตตุลำกำร คดีพิพำท
ตำมฟ้องไม่อยู่ในเขตอ�ำนำจศำลน้ แต่อยู่ในเขตอ�ำนำจศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศกลำง เนื่องจำกคู่ควำมทั้งสองฝ่ำยในคดีนี้และคดีหมำยเลขด�ำที่ พ. ๓๒๓/๒๕๕๙ ของ
ศำลนี้เป็นคู่ควำมเดียวกัน ข้อพิพำททั้งสองคดีเป็นข้อพิพำทตำมสัญญำซื้อขำยระหว่ำงประเทศ
ภำยใต้สัญญำต้งผู้แทนจ�ำหน่ำยดังกล่ำวเช่นเดียวกัน ซ่งศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษมีค�ำวินิจฉัย





ถึงท่สุดแล้ว ชอบท่ศำลน้จะมีค�ำส่งจ�ำหน่ำยคดีโจทก์ออกจำกสำรบบควำม จ�ำเลยไม่ต้องจ่ำย




เงินตำมฟ้องคืนโจทก์เพรำะโจทก์มีหน้ตำมสัญญำมำกกว่ำยอดหน้ตำมฟ้อง ซ่งจ�ำเลยได้ใช้สิทธ ิ

หักกลบลบหน้ไว้แล้วในช้นอนุญำโตตุลำกำร ฟ้องโจทก์คดีน้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมำยเลขด�ำ


ที่ พ. ๓๒๓/๒๕๕๙ ของศำลนี้ ขอให้ยกฟ้อง



ในช้นช้สองสถำน ศำลจังหวัดปทุมธำนีพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่

ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่
จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์


คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำย หรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ


และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ





ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
127

มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินคงเหลือจำกที่ตัดยอดกันไป



แล้วตำมสัญญำขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกของจ�ำเลยท่ส่งมำจำกประเทศอินเดียและประเทศญ่ปุ่น


ให้แก่โจทก์ จ�ำเลยให้กำรว่ำข้อพิพำทตำมฟ้องเป็นส่วนหน่งของสัญญำต้งโจทก์เป็นผู้แทนจ�ำหน่ำย

รถยนต์บรรทุกย่ห้อฟูโซ่ของจ�ำเลยในประเทศไทย ไม่ใช่สัญญำซ้อขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุก

เพียงอย่ำงเดียว กรณีถือได้ว่ำเป็นกำรติดต่อขำยและส่งมอบสินค้ำของจ�ำเลยจำกประเทศอินเดีย

หรือประเทศญ่ปุ่นกับโจทก์ในประเทศไทยด้วยกำรช�ำระรำคำล่วงหน้ำโดยกำรโอนเงินข้ำมประเทศ
คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิดตำมสัญญำซ้อขำยระหว่ำงโจทก์ผู้ซ้อ



ในประเทศไทยกับจ�ำเลยผู้ขำยในต่ำงประเทศ อันเป็นกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็น





คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัต ิ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

















128

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอินเตอร์แนชั่นแนล

ที่ วทป ๑๗/๒๕๖๐ แอร์ครำฟท์ ลีส จ�ำกัด โจทก์

บริษัทซิตี้ แอร์เวย์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย




คดีน้โจทก์เป็นผู้ให้เช่ำอำกำศยำนมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกำและ






จ�ำเลยท ๑ เป็นผู้เช่ำอำกำศยำน มีจ�ำเลยท ๒ และท ๓ เป็นผู้ค้ำประกันจ�ำเลยท ๑ ต่อโจทก์








จ�ำเลยท ๑ และท ๓ มีภูมิล�ำเนำในประเทศไทย หน้ำท่ของโจทก์ตำมสัญญำเช่ำคือ



จัดหำอำกำศยำนจำกต่ำงประเทศเพ่อให้จ�ำเลยท ๑ ใช้งำนตำมวัตถุประสงค์ของสัญญำ


เช่ำตลอดอำยุกำรเช่ำ โดยจ�ำเลยท ๑ ประกอบกิจกำรขนส่งคนโดยสำรและสินค้ำระหว่ำง

ประเทศ และจ�ำเลยท ๑ ได้น�ำอำกำศยำนท่เช่ำมำจดทะเบียนในประเทศไทยเพ่อประกอบ





กิจกำร จึงเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นใน





อกประเทศหนง อนเป็นสญญำให้บรกำรระหว่ำงประเทศ ตำมคำฟ้องโจทก์กล่ำวอ้ำงให้




จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันรับผิดช�ำระค่ำเช่ำท่ค้ำงรวมถึงค่ำใช้จ่ำยอ่นและค่ำเสียหำยจำกกำร

ขำดรำยได้ตำมสัญญำเช่ำและสัญญำค้ำประกันพิพำท ส่วนจ�ำเลยท้งสำมให้กำรต่อสู้ว่ำ


จ�ำเลยท ๑ ถูกถอนกำรจดทะเบียนมีผลให้อำกำศยำนท่เช่ำกลับไปเป็นของโจทก์และ





โจทก์เข้ำครอบครองอำกำศยำนน้นแล้ว จ�ำเลยท้งสำมไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตำมฟ้อง
คดีจึงมีประเด็นท่จะต้องวินิจฉัยถึงนิติสัมพันธ์และสิทธิหน้ำท่ตำมสัญญำเช่ำและสัญญำ


ค�้ำประกันดังกล่ำว ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและ
นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ





และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สิน





ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวธพจำรณำคดทรพย์สนทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดตำมกฎหมำยของประเทศ
สหรัฐอเมริกำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดตำมกฎหมำยของประเทศไทย เมื่อ
วันที่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำสัญญำเช่ำเครื่องบินกับโจทก์ เป็นระยะเวลำ ๖๐ เดือน



โดยโจทก์ต้องส่งมอบเคร่องบินให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ ภำยในวันท่ ๑๕ พฤษภำคม ๒๕๕๘ และ
129

จ�ำเลยที่ ๑ ต้องช�ำระค่ำเช่ำพื้นฐำนอัตรำเดือนละ ๙๔,๕๐๐ เหรียญสหรัฐ พร้อมค่ำใช้จ่ำยอื่น ๆ



ให้แก่โจทก์ ก�ำหนดช�ำระงวดแรกในวันท่ ๑ ของเดือนถัดไปนับแต่เดือนท่โจทก์ส่งมอบเคร่องบิน





ท่เช่ำให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ และทุกวันท่ ๑ ของเดือนถัดไปจนกว่ำจะครบ มีจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓

เป็นผู้ค�้ำประกันจ�ำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ ต่อมำโจทก์ส่งมอบเครื่องบินที่เช่ำแก่จ�ำเลยที่ ๑ แล้ว แต่
จ�ำเลยท่ ๑ ผิดสัญญำเช่ำต้งแต่เดือนแรก โดยไม่ช�ำระค่ำเช่ำพ้นฐำน ค่ำใช้จ่ำยอ่นๆ และท�ำให้












โจทก์เสยหำยขำดรำยได้ โจทก์ทวงถำมจำเลยทงสำมแล้ว แต่จำเลยทงสำมเพกเฉย ขอให้


บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระเงิน ๒๔๙,๔๔๙,๓๑๙.๒๕ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๑๗,๘๕๙,๖๐๕.๕๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยท้งสำมให้กำรว่ำ พยำนเอกสำรท้งหมดของโจทก์ไม่ชอบไม่อำจรับฟังได้ โจทก์

ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง หนังสือมอบอ�ำนำจโจทก์ไม่ชอบ ก่อนฟ้องคดีโจทก์ยังไม่ได้ทวงถำมจ�ำเลยท้งสำม




ให้ชำระหน คำฟ้องเคลอบคลม โจทก์ไม่มอำนำจยนฟ้องจำเลยทงสำมทศำลแพ่ง โจทก์เป็น


















ผ้ให้เช่ำอำกำศยำนมภมลำเนำอย่ในประเทศสหรฐอเมรกำมหน้ำทจดหำอำกำศยำนจำก





ต่ำงประเทศมำให้จ�ำเลยที่ ๑ และจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้เช่ำอำกำศยำนมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย

ประกอบกิจกำรให้บริกำรขนส่งผู้โดยสำรและสินค้ำระหว่ำงประเทศ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ได้น�ำ


อำกำศยำนท่เช่ำมำจดทะเบียนในประเทศไทย เพ่อประกอบกิจกำรตำมวัตถุประสงค์ของ

จ�ำเลยท่ ๑ สัญญำเช่ำอำกำศยำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ เป็นสัญญำให้บริกำรระหว่ำงประเทศ

คดีจึงอยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ โจทก์ใช้สิทธ ิ

เรียกร้องโดยไม่สุจริต จ�ำเลยท ๑ ถูกกรมกำรบินพลเรือนถอนกำรจดทะเบียนอำกำศยำนไป

ต้งแต่ต้น พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลท�ำให้อำกำศยำนล�ำดังกล่ำวกลับไปเป็นของโจทก์ และโจทก์

ได้เข้ำครอบครองหลังจำกจ�ำเลยท่ ๑ ถูกถอนทะเบียนแล้ว จ�ำเลยท้งสำมไม่ต้องร่วมรับผิด


ตำมฟ้องต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นชี้สองสถำน ศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในเขตอ�ำนำจ
ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำ

คดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำม

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙







วนจฉยว่ำ คดนเป็นคดแพ่งเกยวกบกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศและนิตกรรมอนท ่ ี








เก่ยวเน่อง ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ


130

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ คดีน้โจทก์เป็นผู้ให้เช่ำอำกำศยำนมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศ




สหรัฐอเมริกำและจ�ำเลยท่ ๑ เป็นผู้เช่ำอำกำศยำน มีจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกัน

จ�ำเลยท่ ๑ ต่อโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๓ มีภูมิล�ำเนำในประเทศไทย หน้ำท่ของโจทก์ตำม




สัญญำเช่ำคือจัดหำอำกำศยำนจำกต่ำงประเทศเพ่อให้จ�ำเลยท่ ๑ ใช้งำนตำมวัตถุประสงค์


ของสัญญำเช่ำตลอดอำยุกำรเช่ำ โดยจ�ำเลยท่ ๑ ประกอบกิจกำรขนส่งคนโดยสำรและสินค้ำ

ระหว่ำงประเทศ และจ�ำเลยท่ ๑ ได้น�ำอำกำศยำนท่เช่ำมำจดทะเบียนในประเทศไทยเพ่อ



ประกอบกิจกำร จึงเป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่งเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรน้นในอีก

ประเทศหน่ง อันเป็นสัญญำให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมค�ำฟ้องโจทก์กล่ำวอ้ำงให้จ�ำเลย







ทงสำมร่วมกันรบผดชำระค่ำเช่ำทค้ำงรวมถงค่ำใช้จ่ำยอ่นและค่ำเสียหำยจำกกำรขำดรำยได้



ตำมสัญญำเช่ำและสัญญำค�้ำประกันพิพำท ส่วนจ�ำเลยทั้งสำมให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ถูกถอน
กำรจดทะเบียนมีผลให้อำกำศยำนล�ำท่เช่ำกลับไปเป็นของโจทก์และโจทก์เข้ำครอบครอง




อำกำศยำนน้นแล้ว จ�ำเลยท้งสำมไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตำมฟ้อง คดีจึงมีประเด็นท่จะต้อง


วินิจฉัยถึงนิติสัมพันธ์และสิทธิหน้ำท่ตำมสัญญำเช่ำและสัญญำค้ำประกันดังกล่ำว ดังน้น คดีน ้ ี







จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต ิ

มำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๕ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


131

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทซีโร่ พำวเวอร์เทรน

ที่ วทป ๒๐/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทมิตซูบิชิ ฟูโซ่
ทรัค แอนด์ บัส คอร์เปอเรชั่น

จ�ำกัด จ�ำเลย




โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินคงเหลือท่จ�ำเลยครอบครองไว้แทนโจทก์
ตำมสัญญำขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ


ข้อพิพำทตำมฟ้องเป็นส่วนหน่งของสัญญำจัดหำส่วนประกอบรถยนต์บรรทุก โจทก์ม ี


หน้ตำมสัญญำท่ต้องช�ำระให้แก่จ�ำเลยและเป็นจ�ำนวนมำกกว่ำยอดหน้ตำมฟ้อง จ�ำเลย



จึงไม่ต้องช�ำระเงินตำมฟ้องให้แก่โจทก์ ซ่งเป็นกำรติดต่อซ้อขำยและส่งมอบสินค้ำจำก


ประเทศญ่ปุ่นด้วยกำรช�ำระรำคำล่วงหน้ำ คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทถึงสิทธิหน้ำท่และ
ควำมรับผิดตำมสัญญำซ้อขำยระหว่ำงโจทก์ผู้ซ้อในประเทศไทย และจ�ำเลยผู้ขำยใน


ต่ำงประเทศ อันเป็นกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรซื้อขำย

ระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง

ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยของ

ประเทศญี่ปุ่น เมื่อประมำณเดือนมิถุนำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยท�ำสัญญำขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกให้
โจทก์ สัญญำสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มีนำคม ๒๕๕๙ โดยจ�ำเลยก�ำหนดเงื่อนไขว่ำ ก่อนที่โจทก์จะสั่งซื้อ

สินค้ำจำกจ�ำเลย โจทก์ต้องโอนเงินล่วงหน้ำให้จ�ำเลยยึดถือไว้ก่อน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ เยน เมื่อโจทก์













มคำสงซอสนค้ำอะไหล่รถยนต์บรรทก จำเลยจะยนยนรำคำค่ำสนค้ำและตดยอดเงนค่ำสนค้ำ




จำกเงินท่โจทก์โอนไปล่วงหน้ำ เม่อเงินท่โจทก์โอนไปล่วงหน้ำใกล้จะหมด จ�ำเลยจะมีเอกสำร


แจ้งเพื่อให้โจทก์โอนเงินไปให้จ�ำเลยยึดถือไว้เพิ่มเติม เมื่อสัญญำสิ้นสุดลง จ�ำเลยมีหน้ำที่ต้องส่ง
มอบเงินท่ครอบครองไว้แทนน้นคืนให้แก่โจทก์โจทก์และจ�ำเลยปฏิบัติเช่นน้ตลอดมำ โดยโจทก์



132

โอนเงินล่วงหน้ำให้จ�ำเลย ๒ ครั้ง และสั่งซื้ออะไหล่รถยนต์บรรทุกจำกจ�ำเลยหลำยครั้งจนสัญญำ

สิ้นสุดลง ต่อมำในวันที่ ๑๗ สิงหำคม ๒๕๕๙ โจทก์ตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ ปรำกฏมียอดเงิน


คงเหลือท่จ�ำเลยครอบครองไว้ ๖,๙๑๖,๑๖๐ เยน โจทก์จึงให้ทนำยควำมมีหนังสือทวงถำมไป
ยังจ�ำเลย แต่จ�ำเลยเพิกเฉยไม่คืนเงินให้แก่โจทก์ ท�ำให้โจทก์เสียหำยเป็นเงิน ๖,๙๑๖,๑๖๐ เยน


(คิดเป็นเงินไทย ๒,๑๙๐,๔๑๗.๐๓ บำท) พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันท ี ่
สัญญำสิ้นสุดลงจนถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย ๘๗,๓๑๖.๖๒ บำท รวมเป็นเงินที่จ�ำเลยต้องช�ำระให้
แก่โจทก์ ๒,๒๗๗,๗๓๓.๖๕ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๒,๒๗๗,๗๓๓.๖๕ บำท พร้อม

ดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๑๙๐,๔๑๗.๐๓ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไป

จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยให้กำรว่ำ ข้อพิพำทตำมฟ้องเป็นส่วนหน่งของสัญญำจัดหำส่วนประกอบรถยนต์

บรรทุกระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย ฉบับลงวันท่ ๑ เมษำยน ๒๕๕๘ ซ่งมีข้อตกลงเป็นหนังสือให้


ต้องระงับข้อพิพำทโดยอนุญำโตตุลำกำรแห่งประเทศญ่ปุ่นมูลคดีตำมฟ้องเป็นข้อพิพำททำงแพ่ง
เกี่ยวกับกำรซื้อขำยหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง จึงไม่อยู่ใน

เขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัดมีนบุรี แต่อยู่ในเขตอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ


ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง โจทก์มีหน้ตำมสัญญำท่ต้องช�ำระให้




แก่จ�ำเลยและเป็นจ�ำนวนมำกกว่ำยอดหน้ตำมฟ้อง ซ่งจ�ำเลยใช้สิทธิหักกลบลบหน้ไว้แล้วในช้น
อนุญำโตตุลำกำร จ�ำเลยจึงไม่ต้องช�ำระเงินตำมฟ้องให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง




จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยหรือกำรให้บริกำรระหว่ำง

ประเทศ และนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง อันอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สิน



ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจดตงศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ



และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)



ในช้นช้สองสถำน ศำลจังหวัดมีนบุรีพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึง
ให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๙




133



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยหรือกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ



















และนตกรรมอนทเกยวเนอง ตำมพระรำชบญญตจดตงศำลทรพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินคงเหลือที่จ�ำเลยครอบครอง
ไว้แทนโจทก์จำกกำรตัดยอดซ้อขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุกตำมสัญญำขำยอะไหล่รถยนต์บรรทุก

ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำข้อพิพำทตำมฟ้องเป็นส่วนหน่งของสัญญำ

จัดหำส่วนประกอบรถยนต์บรรทุก โจทก์มีหนี้ตำมสัญญำที่ต้องช�ำระให้แก่จ�ำเลยและเป็นจ�ำนวน

มำกกว่ำยอดหน้ตำมฟ้อง จ�ำเลยจึงไม่ต้องช�ำระเงินตำมฟ้องให้แก่โจทก์ กรณีถือได้ว่ำเป็นกำร

ติดต่อซ้อขำยและส่งมอบสินค้ำของจ�ำเลยจำกประเทศญ่ปุ่นกับโจทก์ในประเทศไทยด้วยกำร

ช�ำระรำคำล่วงหน้ำ และไม่เป็นประเด็นเกี่ยวกับข้อตกลงระงับข้อพิพำทตำมสัญญำอนุญำโตตุลำกำร


ในช้นน้ คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิดตำมสัญญำซ้อขำยระหว่ำง


โจทก์ผู้ซ้อในประเทศไทยและจ�ำเลยผู้ขำยในต่ำงประเทศ อันเป็นกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศ











คดนจงเป็นคดแพ่งเกยวกบกำรซอขำยระหว่ำงประเทศ ทอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำ







ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ




134

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ เอช ไอเอ็นเอ โอเวอร์ซีส์

ที่ วทป ๒๖/๒๕๖๐ อินชัวรันซ์ คอมปำนี ลิมิเต็ด
หรือบริษัทเอช ไอเอ็นเอ

โอเวอร์ซีส์ อินชัวรันซ์
จ�ำกัด โจทก์

บริษัทวี - เซิร์ฟ โลจิสติกส์
จ�ำกัด จ�ำเลย



ตำมค�ำฟ้องโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์รับช่วงสิทธิจำกผู้เอำประกันภัยตำมสัญญำ




ประกันภัยท่ครอบคลุมถึงวินำศภัยในระหว่ำงกำรขนส่งต่อเน่องต้งแต่เมืองเซ่ยงไฮ้



จนกระท่งถึงคลังสินค้ำท่จังหวัดสมุทรปรำกำรท่ผู้เอำประกันภัยเช่ำไว้เพ่อเก็บรักษำสินค้ำ


สัญญำประกันภัยตำมข้ออ้ำงโจทก์ย่อมเป็นกำรประกันภัยสินค้ำในระหว่ำงกำรขนส่ง

ระหว่ำงประเทศ เม่อจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธสิทธิและหน้ำท่ของโจทก์ตำมสัญญำประกันภัย


ท่โจทก์กล่ำวอ้ำง คดีจึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิและหน้ำท่ของโจทก์ตำม

สัญญำดังกล่ำว ซ่งเป็นสัญญำประกันภัยเพ่อกำรขนส่งระหว่ำงประเทศอันต้องค�ำนึงถึง




หลักเกณฑ์และธรรมเนียมปฏิบัติเก่ยวกับกำรประกันภัยท่เก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำง





ประเทศประกอบด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรประกันภัยท่เก่ยวเน่องกับกำรขนส่ง


ระหว่ำงประเทศ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนท่ประเทศเบอร์มิวด้ำ
และได้รับอนุญำตให้ประกอบธุรกิจรับประกันภัยในประเทศไทย จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภท
บริษัทจ�ำกัดตำมกฎหมำยไทย ประกอบกิจกำรรับจ้ำงท�ำพิธีกำรศุลกำกรและขนส่ง โจทก์รับช่วง

สิทธิจำกผู้เอำประกันภัยมำเรียกร้องจำกจ�ำเลย โดยโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยควำมเสียหำยของ
สินค้ำไว้จำกบริษัทเอ. เมนำรินี (ประเทศไทย) จ�ำกัด ผู้เอำประกันภัย สินค้ำนี้ก�ำหนดขนส่งจำก

โรงงำนของผู้เอำประกันภัยในประเทศไทยไปยังประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลก และจำกประเทศต่ำง ๆ
ท่วโลกมำยังโรงงำนของผู้เอำประกันภัยในประเทศไทย มีก�ำหนดควำมคุ้มครองกำรขนส่ง

ระหว่ำงวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๕๘ วงเงินเอำประกันภัยควำมเสียหำย

135



ค�ำนวณเป็นมูลประกันภัยไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ยูโร ต่อเท่ยว เม่อประมำณต้นเดือนมิถุนำยน ๒๕๕๗



ผู้เอำประกันภัยสงซ้อสินค้ำของเหลวสำรทึบรังสีทำงกำรแพทย์บรรจุในขวดแก้วส�ำหรบฉีด

เข้ำร่ำงกำยมนุษย์เพื่อใช้ในกำรเอ็กซเรย์รวม ๖ รำยกำร จำกบริษัทจีอี เฮลธ์แคร์เอเอส ซึ่งมอบ
หมำยให้บริษัทจีอี เฮลธ์แคร์ เซี่ยงไฮ้ จ�ำกัด ซึ่งเป็นผู้ส่งสินค้ำว่ำจ้ำงต่อให้บริษัทดีเอสวี โอเชี่ยน





ทรำนสปอร์ต เอ/เอส เป็นผ้ขนส่งโดยเรอซำน เปโดร จำกเมองเซยงไฮ้ ประเทศสำธำรณรฐ



ประชำชนจีนมำยังกรุงเทพมหำนคร เม่อเรือเดินทำงมำถึงกรุงเทพมหำนครเม่อวันท่ ๑๘ มิถุนำยน

๒๕๕๗ ในวันรุ่งข้นผู้เอำประกันภัยได้ว่ำจ้ำงจ�ำเลยด�ำเนินพิธีกำรศุลกำกรสินค้ำขำเข้ำ ๑ ตู้

คอนเทนเนอร์ ออกจำกท่ำเรือแห่งประเทศไทย แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหำนคร
แล้วขนส่งโดยทำงรถยนต์ไปยังคลังสินค้ำของบริษัทซิลลิค ฟำร์มำ จ�ำกัด ต�ำบลบำงเสำธง
อ�ำเภอบำงเสำธง จังหวัดสมุทรปรำกำร ที่ผู้เอำประกันภัยเช่ำไว้เพื่อเก็บรักษำสินค้ำ และว่ำจ้ำง










ให้จำเลยเปิดตคอนเทนเนอรแล้วนำสินคำในตู้คอนเทนเนอร์ดงกล่ำวออกไปจดเกบในคลงสินคำ












ดวย แตดวยควำมประมำทเลนเลอปรำศจำกควำมระมดระวงในขณะลกจำงหรอตวแทนของจำเลย

น�ำพำเลท (pallet) ที่วำงสินค้ำออกมำจำกตู้คอนเทนเนอร์ พำเลทล้มจำกรถเข็นหรือแฮนด์ลิฟท์

ลงมำกระแทกพ้นอย่ำงรุนแรงจนสินค้ำขวดบรรจุของเหลวสำรทึบรังสีทำงกำรแพทย์เสียหำย

แตกและร่ว ๒ พำเลท คิดเป็นค่ำเสียหำย ๑,๑๒๑,๖๘๗.๗๕ บำท ผู้เอำประกันภัยเรียกร้อง
ค่ำเสียหำยไปยังจ�ำเลย แต่จ�ำเลยปฏิเสธ จึงได้เรียกร้องมำยังโจทก์ผู้รับประกันภัย ขอให้บังคับ
จ�ำเลยช�ำระเงิน ๑,๑๖๗,๓๒๓.๕๓ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน

๑,๑๒๑,๖๘๗.๗๕ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ นำงสำวฟ้ำไม่ใช่กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนโจทก์






โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง สญญำระหว่ำงผ้รบประกนภยกบจำเลยเป็นสญญำขนส่งสนค้ำ




ทำงบกภำยในประเทศ เม่อโจทก์ผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิจำกบริษัทผู้เอำประกันภัยจึงต้อง
รับไปเฉพำะสิทธิเรียกร้องท่ผู้เอำประกันภัยมีต่อจ�ำเลยเท่ำน้น โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องต่อศำล


ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง จ�ำเลยขนสินค้ำด้วยควำมระมัดระวัง



เรียบร้อยดี ๕ พำเลท จนกระท่งพำเลทท่ ๖ และท่ ๗ ล้อรถเข็นของผู้เอำประกันภัยเอง
เกิดขัดข้องไม่สำมำรถใช้งำนได้ตำมปกติขณะหักมุมเล้ยว ถือว่ำเป็นเหตุสุดวิสัยท่จ�ำเลยไม่อำจ


คำดหมำยล่วงหน้ำได้ จ�ำเลยไม่ต้องรับผิด สินค้ำท่เสียหำยมีเพียงบำงกล่อง โจทก์เรียก

ค่ำเสียหำยเกินควำมจริง ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนอ่ำนค�ำพิพำกษำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ


กำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำ

ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
136

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ กำรประกันภัยและ


นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ




กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน
ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์รับช่วงสิทธิจำก
ผู้เอำประกันภัยตำมสัญญำประกันภัยฉบับเดียวท่ครอบคลุมถึงวินำศภัยในระหว่ำงกำรขนส่ง







ต่อเน่องต้งแต่เมืองเซ่ยงไฮ้จนกระท่งถึงคลังสินค้ำท่จังหวัดสมุทรปรำกำรท่ผู้เอำประกันภัย











เช่ำไว้เพอเกบรกษำสนค้ำ สญญำประกนภยตำมข้ออ้ำงของโจทก์ย่อมเป็นกำรประกนภยสนค้ำ

ในระหว่ำงกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ และเม่อจ�ำเลยให้กำรปฏิเสธสิทธิและหน้ำท่ของโจทก์














ตำมสญญำประกนภยทโจทก์กล่ำวอ้ำงมำด้วย คดจงมประเดนข้อพพำทให้ต้องวนจฉยถงสทธ ิ



และหน้ำท่ของโจทก์ตำมสัญญำประกันภัยดังกล่ำว ซ่งเป็นสัญญำประกันภัยเพ่อกำรขนส่ง





ระหว่ำงประเทศอันต้องค�ำนึงถึงหลักเกณฑ์และธรรมเนียมปฏิบัติเก่ยวกับกำรประกันภัยท่เก่ยวกับ


กำรขนส่งระหว่ำงประเทศประกอบด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรประกันภัยท่เก่ยวเน่อง




กับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ ท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
137

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทชิงเต่ำ ดี แอนด์ อำร์

ที่ วทป ๔๓/๒๕๖๐ ไฮจีนิค โพรดัคท์ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทชูกำร์ แอนด์ ดูกำร์
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย






โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๓ เป็นนิติบุคคลซึ่งมีที่ตั้งบริษัท

อยู่ในประเทศไทย โดยมีจ�ำเลยที่ ๒ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ จ�ำเลยที่ ๒ ติดต่อซื้อสินค้ำ

ของโจทก์จำกสำธำรณรัฐประชำชนจีนให้ส่งไปยังท่ำเรือสำธำรณรัฐเกำหลี มีจ�ำเลยที่ ๓







โดยจ�ำเลยท ๒ ค้ำประกันกำรช�ำระรำคำสินค้ำของจ�ำเลยท ๑ ต่อโจทก์กับมีจ�ำเลยท ๒

รับสภำพหน้ต่อโจทก์ไว้ โจทก์จึงได้มอบใบกำกับกำรบรรจุหีบห่อและใบตรำส่งแก่












จำเลยท ๒ ไปปล่อยสนค้ำทท่ำเรอดงกล่ำว แต่ปรำกฏว่ำจำเลยท ๑ ไม่ชำระหนค่ำซอ






สินค้ำตำมที่รับสภำพหนี้ต่อโจทก์ไว้ โดยจ�ำเลยที่ ๒ เปิดบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ไว้ก็

เพ่อหลอกลวงส่งซ้อสินค้ำจำกโจทก์ จ�ำเลยท้งสำมจึงร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้



บังคับจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตำมค�ำฟ้อง ส่วนจ�ำเลยที่ ๒



และท ๓ ต่อสู้ว่ำ ไม่มีมูลหน้ละเมิดตำมฟ้อง โจทก์ไม่ส่งมอบใบก�ำกับกำรบรรจุหีบห่อและ



ใบตรำส่งให้แก่ผู้ซ้อท่สำธำรณรัฐเกำหล โจทก์ก็เป็นผู้ผิดสัญญำซ้อขำยระหว่ำงประเทศ

กับจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องช�ำระหนี้ค่ำซื้อสินค้ำแก่โจทก์และไม่ใช่มูลหนี้ละเมิด
ตำมฟ้อง ยอดจ�ำนวนเงินในใบค�ำขอโอนเงินไปต่ำงประเทศไม่ตรงกับใบสั่งซื้อ ใบค�ำขอ
โอนเงินดังกล่ำวและหนังสือค้ำประกันปลอม จ�ำเลยท ๒ ไม่ต้องรับผิดเป็นกำรส่วนตัวกับ



จ�ำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ ดังนี้ แม้โจทก์จะกล่ำวอ้ำงมำในค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันท�ำ
ละเมิดต่อโจทก์ แต่เมื่อคดีตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรของจ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ยังมีปัญหำ
ที่ต้องวินิจฉัยถึงควำมรับผิดระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ อันเนื่องมำจำก


กำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศดังกล่ำว และควำมรับผิดระหว่ำงจ�ำเลยท ๓ โดยจ�ำเลยท ๒



ซึ่งค�้ำประกันจ�ำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ตำมหนังสือค�้ำประกัน ตลอดจนควำมรับผิดของจ�ำเลย
ท ๒ ต่อโจทก์ตำมหนังสือรับสภำพหน้หรือไม่ เพียงใด คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำร










ซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ


ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัต มำตรำ ๗ (๕)
138


แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________



โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยของประเทศสำธำรณรัฐ

ประชำชนจีน จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๓ เป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยของประเทศไทย จ�ำเลยที่ ๒ เป็น
กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๓ เมื่อช่วงเดือนตุลำคมถึงเดือนพฤศจิกำยน ๒๕๕๘

จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ติดต่อสั่งซื้อสินค้ำแผ่นรองสิ่งปฏิกูลสัตว์เลี้ยง ๑๐,๒๕๐ ชิ้น เป็นเงิน








๕๓,๑๘๑.๖๖ ดอลลำร์สหรฐ และให้โจทก์นำส่งสนค้ำดงกล่ำวไปยงท่ำเรอประเทศสำธำรณรฐ
เกำหลี (ประเทศเกำหลีใต้) แต่โจทก์ยังไม่ส่งมอบใบตรำส่ง (Bill Of Lading) และใบก�ำกับกำร

บรรจุหีบห่อ (Packing List) จนกว่ำจ�ำเลยท่ ๑ จะช�ำระรำคำสินค้ำให้แก่โจทก์ครบถ้วน เม่อ



วันท่ ๑๒ และ ๒๒ มกรำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยท่ ๓ โดยจ�ำเลยท่ ๒ ได้ท�ำหนังสือค้ำประกันกำรช�ำระหน ี ้


ค่ำซื้อสินค้ำของจ�ำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ และจ�ำเลยที่ ๒ ได้ท�ำหนังสือรับสภำพหนี้ให้กับโจทก์โดย
จะน�ำเงินมำช�ำระภำยในเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๕๙ ตำมล�ำดับ โจทก์จึงได้ส่งมอบใบตรำส่งให้แก่
จ�ำเลยที่ ๒ ไป จนกระทั่งวันที่ ๑๘ เมษำยน ๒๕๕๙ โจทก์ก็ยังไม่ได้รับเงินจำกจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์



เช่อว่ำอำจถูกจ�ำเลยท้งสำมหลอกลวง เม่อโจทก์ตรวจสอบไปยังธนำคำรกสิกรไทย จ�ำกัด (มหำชน)





พบว่ำไม่มีกำรท�ำธุรกรรมโอนเงินของจ�ำเลยท่ ๑ และท่ต้งของบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ กลับเป็นท่ต้ง























ของบรษทอนไปแลว กำรทจำเลยท ๒ เปดบรษทจำเลยท ๑ และท ๓ กเพอใชเปนวธกำรหลอกลวง





ส่งซ้อสินค้ำจำกโจทก์ ท�ำให้โจทก์หลงเช่อส่งมอบใบตรำส่งให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ ไปเม่อวันท่ ๒๒




มกรำคม ๒๕๕๙ อันเป็นกำรร่วมกันกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้
บังคับจ�ำเลยทั้งสำมร่วมกันชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน ๒,๐๙๘,๑๖๒.๔๓ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๙๓๑,๙๓๕.๖๖ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลย
ทั้งสำมจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ไม่ได้ร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์และ
ไม่มีมูลหนี้ละเมิดตำมฟ้อง เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ สั่งซื้อ
สินค้ำ ๑๐,๒๕๐ ชิ้น เป็นเงิน ๔๗,๖๕๗.๕๐ ดอลลำร์สหรัฐ จำกโจทก์ โดยให้โจทก์ส่งสินค้ำไปให้
บริษัทเตชูไบโอ จ�ำกัด ซึ่งเป็นผู้ซื้อยังท่ำเรือประเทศสำธำรณรัฐเกำหลี เมื่อจ�ำเลยที่ ๑ ประสบ
ปัญหำทำงกำรเงิน วันที่ ๒๒ มกรำคม ๒๕๕๙ จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ได้ท�ำหนังสือรับสภำพ
139

หนี้ไว้ต่อโจทก์ แต่โจทก์ไม่ส่งมอบใบก�ำกับกำรบรรจุหีบห่อและใบตรำส่งให้แก่ผู้ซื้อ โจทก์จึงเป็น

ฝ่ำยผิดสัญญำซื้อขำยระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่มีหน้ำที่ต้องช�ำระค่ำสินค้ำแก่โจทก์ ระหว่ำง







โจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ ตำมใบส่งซ้อและหนังสือรับสภำพหน้เป็นเร่องผิดสัญญำซ้อขำยระหว่ำง
ประเทศไม่ใช่มูลหน้ละเมิดตำมฟ้อง โจทก์บิดเบือนข้อเท็จจริงในสภำพแห่งข้อหำและค�ำขอบังคับ

ให้เป็นเร่องละเมิด โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ยอดจ�ำนวนเงินในใบค�ำขอโอนเงินไปต่ำงประเทศ


ไม่ตรงกับใบส่งซ้อ ใบค�ำขอโอนเงินไปต่ำงประเทศและหนังสือค้ำประกันปลอม โจทก์บิดเบือน



ขอเทจจรงเรองทตงบรษทจำเลยท ๑ เพอเลยงอำนำจศำลเหนอคดน คำฟองของโจทกเคลอบคลม



























และจ�ำเลยที่ ๒ ลงนำมในฐำนะกรรมกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ในหนังสือรับสภำพหนี้จึงไม่ต้องร่วมรับผิด
เป็นส่วนตัวกับจ�ำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงไต่สวนค�ำร้องขออนุญำตย่นค�ำให้กำรของจ�ำเลยท่ ๑ ศำลแพ่งธนบุรีเห็นว่ำ กรณ ี

มีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง


ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน

ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท ี ่





เก่ยวเน่องตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งมีที่ตั้งบริษัทอยู่ในประเทศไทย โดย
จ�ำเลยท่ ๒ ติดต่อซ้อสินค้ำของโจทก์จำกประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีนให้ส่งไปยังท่ำเรือ






ประเทศสำธำรณรัฐเกำหลี มีจ�ำเลยท่ ๓ โดยจ�ำเลยท่ ๒ ค้ำประกันกำรช�ำระรำคำสินค้ำของจ�ำเลยท่ ๑


ต่อโจทก์กับมีจ�ำเลยท่ ๒ รับสภำพหน้ต่อโจทก์ไว้ โจทก์จึงได้มอบใบก�ำกับกำรบรรจุหีบห่อและ



ใบตรำส่งแก่จ�ำเลยท่ ๒ ไปปล่อยสินค้ำท่ท่ำเรือดังกล่ำว แต่ปรำกฏว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ไม่ช�ำระหน ้ ี










ค่ำซอสนค้ำตำมทรบสภำพหน้ต่อโจทก์ไว้ โดยจำเลยท ๒ เปิดบริษัทจำเลยท ๑ และท่ ๓ ไว้








ก็เพ่อหลอกลวงส่งซ้อสินค้ำจำกโจทก์ จ�ำเลยท้งสำมจึงร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับ

จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตำมค�ำฟ้อง ส่วนจ�ำเลยท่ ๒ และท่ ๓


ต่อสู้ว่ำ ไม่มีมูลหน้ละเมิดตำมฟ้อง โจทก์ไม่ส่งมอบใบก�ำกับกำรบรรจุหีบห่อและใบตรำส่งให้แก่




ผู้ซ้อท่ประเทศสำธำรณรัฐเกำหลี โจทก์ก็เป็นผู้ผิดสัญญำซ้อขำยระหว่ำงประเทศกับจ�ำเลยท่ ๑

140




จ�ำเลยท่ ๑ จึงไม่ต้องช�ำระหน้ค่ำซ้อสินค้ำแก่โจทก์และไม่ใช่มูลหน้ละเมิดตำมฟ้อง ยอดจ�ำนวน



เงินในใบค�ำขอโอนเงินไปต่ำงประเทศไม่ตรงกับใบส่งซ้อ ใบค�ำขอโอนเงินดังกล่ำวและหนังสือ
ค�้ำประกันปลอม จ�ำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดเป็นกำรส่วนตัวกับจ�ำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ ดังนี้ แม้โจทก์


จะกล่ำวอ้ำงมำในค�ำฟ้องว่ำจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันท�ำละเมิดต่อโจทก์ แต่เม่อคดีตำมค�ำฟ้องและ





คำให้กำรของจ�ำเลยท่ ๒ และท ๓ ยังมีปัญหำท่ต้องวนิจฉัยถงควำมรับผิดระหว่ำงโจทก์กับ


จ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ อันเนื่องมำจำกกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศดังกล่ำว และควำมรับผิด
ระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๓ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งค�้ำประกันจ�ำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ตำมหนังสือค�้ำประกัน ตลอดจน



ควำมรับผิดของจ�ำเลยท่ ๒ ต่อโจทก์ตำมหนังสือรับสภำพหน้หรือไม่ เพียงใด คดีน้จึงเป็น

คดีแพ่งเก่ยวกับกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ






พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ

















141

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอัปเปอร์ รีซ จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๔๖/๒๕๖๐ นำยบี เตชะอุบล จ�ำเลย







ตำมค�ำฟ้องของโจทก์ หน้เงินท่โจทก์ฟ้องเรียกจำกจ�ำเลยน้นมีมูลหน้มำจำก
สัญญำ ท่จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้จัดท�ำบทควำมประชำสัมพันธ์ตัวจ�ำเลยตีพิมพ์ลงใน

หนังสือพิมพ์ THE TIMES ซ่งถือว่ำเป็นกำรให้บริกำรอย่ำงหน่ง โจทก์ผู้ให้บริกำรมีภูมิล�ำเนำ


อยู่ท่ประเทศอังกฤษได้ให้บริกำรแก่จ�ำเลยซ่งเป็นบุคคลมีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย


จึงเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ เมื่อโจทก์อ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ โจทก์ด�ำเนินกำรตีพิมพ์
บทควำมท่เก่ยวข้องกับจ�ำเลยลงในหนังสือพิมพ์ THE TIMES ตำมสัญญำเรียบร้อยแล้ว


จ�ำเลยไม่ช�ำระค่ำตอบแทนให้โจทก์ตำมสัญญำจึงเป็นกำรโต้แย้งสิทธิโจทก์ตำมสัญญำ

ให้บริกำรระหว่ำงประเทศและสัญญำดังกล่ำวมิใช่เป็นสัญญำซ้อขำยหรือให้บริกำรท่ม ี


คู่สัญญำท้งสองฝ่ำยเป็นนิติบุคคลต่ำงประเทศดังท่จ�ำเลยให้กำร คดีตำมค�ำฟ้องจึงเป็น




คดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง
พ.ร.บ. จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์มีฐำนะเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำยของประเทศอังกฤษ

เม่อวันท่ ๘ มีนำคม ๒๕๕๖ จ�ำเลยโดยบริษัทเอ็มเมอร์รัลด์ รีซอสเซส จ�ำกัด ว่ำจ้ำงโจทก์

จัดท�ำบทควำมเพื่อประชำสัมพันธ์เกี่ยวกับตัวจ�ำเลย โดยตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ THE TIMES

ก�ำหนดค่ำจ้ำง ๕๖,๐๐๐ ยูโร โจทก์ส่งใบเรียกเก็บเงินไปยังบริษัทเอ็มเมอร์รัลด์ รีซอสเซส จ�ำกัด

ตวแทนของจำเลย โดยกำหนดเงอนไขกำรชำระค่ำจ้ำงเป็น ๒ งวด งวดแรกชำระร้อยละ ๓๐






ของค่ำจ้ำงตำมสัญญำภำยใน ๓๐ วัน นับจำกวันท่ท�ำสัญญำ งวดท่สองช�ำระส่วนท่เหลือ



ทั้งหมดภำยใน ๓๐ วัน นับจำกวันที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ จ�ำเลยช�ำระค่ำจ้ำงงวดแรกให้โจทก์
ครบถ้วนแล้ว ต่อมำวันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๕๖ โจทก์ตีพิมพ์บทควำมที่เกี่ยวข้องกับจ�ำเลยตำม


ท่จ�ำเลยเห็นชอบลงในหนังสือพิมพ์ THE TIMES แล้ว และครบก�ำหนดเวลำท่จ�ำเลยต้องช�ำระ
ค่ำจ้ำงงวดที่สอง ๓๙,๒๐๐ ยูโร ให้แก่โจทก์ในวันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๕๖ โจทก์ออกใบแจ้งหนี้

142













เพ่อเรียกเกบเงนค่ำจ้ำงงวดทสองเพอเกบเงนจ�ำเลยโดยตรงแต่จำเลยไม่ชำระหน้ โจทก์จึงมอบ
หมำยให้ทนำยควำมมีหนังสือบอกกล่ำวทวงถำมไปยังจ�ำเลยแต่จ�ำเลยยังคงเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์

ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินให้แก่โจทก์ ๓๙,๒๐๐ ยูโร พร้อมเงินเพ่มอัตรำ
ร้อยละ ๑.๘ ต่อเดือน คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๓๙,๕๖๗.๙๐ ยูโร และให้จ�ำเลยช�ำระเงินเพิ่มอัตรำ
ร้อยละ ๑.๘ ต่อเดือนของต้นเงิน ๓๙,๒๐๐ ยูโร นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
แก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ตำมสัญญำกับโจทก์เน่องจำกจ�ำเลยเข้ำท�ำสัญญำ




ในฐำนะตวแทนของบรษทเอมเมอร์รลด์ รซอสเซส พทอ จำกด ซงเป็นนตบคคลจดทะเบยน













ตำมกฎหมำยต่ำงประเทศจ�ำเลยจึงไม่ใช่คู่สัญญำท่แท้จริงกับโจทก์ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องบังคับ

ตำมสัญญำกับจ�ำเลย ข้อพิพำทตำมสัญญำไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงเน่องจำกสัญญำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นสัญญำท่ท�ำข้นและ



ู่






มผลบังคับนอกรำชอำณำจกรไทย ตลอดจนคสัญญำทงสองฝ่ำยเป็นนิตบุคคลตำงประเทศ สัญญำ


ดังกล่ำวจึงเป็นสัญญำซ้อขำยหรือให้บริกำรท่มีคู่สัญญำท้งสองฝ่ำยเป็นนิติบุคคลต่ำงประเทศ



จ�ำเลยไม่ได้ผิดสัญญำกับโจทก์เน่องจำกตำมสัญญำท่จ�ำเลยกระท�ำกำรแทนบริษัทเอ็มเมอร์รัลด์
รีซอสเซส พีทีอี จ�ำกัด เป็นกำรว่ำจ้ำงให้โจทก์โฆษณำสินค้ำในนิตยสำรสื่อสิ่งพิมพ์ของโจทก์แต่

โจทก์ไม่ได้โฆษณำสินค้ำตำมข้อตกลงของคู่สัญญำ จ�ำเลยจึงไม่มีหน้ำท่ต้องรับผิดตำมค�ำฟ้อง
ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจำรณำ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิจำรณำ

แล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำ
ดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล

ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญัติ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศพ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์



หน้เงินท่โจทก์ฟ้องเรียกจำกจ�ำเลยน้นมีมูลหน้มำจำกสัญญำท่จ�ำเลยว่ำจ้ำงโจทก์ให้จัดท�ำบทควำม


ประชำสัมพันธ์ตัวจ�ำเลยตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ THE TIMES ซ่งถือว่ำเป็นกำรให้บริกำร

143




อย่ำงหน่งซ่งโจทก์ผู้ให้บริกำรมีภูมิล�ำเนำอยู่ท่ประเทศอังกฤษได้ให้บริกำรแก่จ�ำเลยซ่งเป็นบุคคล


มีภูมิล�ำเนำอยู่ในประเทศไทย จึงเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ เม่อโจทก์อ้ำงในค�ำฟ้องว่ำ
โจทก์ด�ำเนินกำรตีพิมพ์บทควำมท่เก่ยวข้องกับจ�ำเลยลงในหนังสือพิมพ์ THE TIMES ตำมสัญญำ


เรียบร้อยแล้ว จ�ำเลยไม่ชำระค่ำตอบแทนให้โจทก์ตำมสัญญำจงเป็นกำรโต้แย้งสิทธโจทก์ตำม




สัญญำให้บริกำรระหว่ำงประเทศดังกล่ำว ส่วนท่จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยเข้ำท�ำสัญญำในฐำนะ

ตัวแทนของบริษัทเอ็มเมอร์รัลด์ รีซอสเซส พีทีอี จ�ำกัด ซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตำมกฎหมำย
ต่ำงประเทศ สัญญำตำมค�ำฟ้องของโจทก์จึงเป็นสัญญำท่ท�ำข้นและมีผลบังคับนอกรำชอำณำจักร



ไทยตลอดจนคู่สัญญำท้งสองฝ่ำยเป็นนิติบุคคลต่ำงประเทศ สัญญำดังกล่ำวจึงเป็นสัญญำซ้อขำย

หรือให้บริกำรท่มีคู่สัญญำท้งสองฝ่ำยเป็นนิติบุคคลต่ำงประเทศน้น เห็นว่ำ ในช้นน้โจทก์ฟ้อง





จ�ำเลยซ่งเป็นบุคคลธรรมดำมีภูมิล�ำเนำในประเทศไทย มิได้ฟ้องนิติบุคคลต่ำงประเทศ คดีตำม

ค�ำฟ้องจึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ


ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕) แห่ง

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ




วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๐



เมทินี ชโลธร

(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ












144

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทวำย.เค.ทีเอส

ที่ วทป ๔๗/๒๕๖๐ แคปปิตอล โจทก์

บริษัทที โอ เอ็ม พร๊อพเพอร์ตี้
เมนเนจเม้นท์ จ�ำกัด จ�ำเลย





โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จำเลยท�ำสญญำกู้ยมเงินจำกโจทก์ ๑๕๕,๐๐๐,๐๐๐ เยน

จ�ำเลยได้รับเงินกู้ไปจำกโจทก์เรียบร้อยแล้ว ครบก�ำหนดช�ำระ โจทก์ทวงถำมแล้วจ�ำเลย
ไม่ช�ำระ จ�ำเลยปฏิเสธว่ำ สัญญำกู้ตำมฟ้องปลอม จ�ำเลยไม่ได้กู้และไม่ได้รับเงินกู้ไปจำก



โจทก์ เม่อโจทก์เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนบริษัทท่ประเทศญ่ปุ่นเป็นผู้ให้บริกำรเงินกู้ยืม


แก่จ�ำเลยผู้รับบริกำรซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนเป็นบริษัทจ�ำกัดและด�ำเนินธุรกิจอยู่
ในประเทศไทย ด้วยกำรโอนเงินตำมสัญญำกู้จำกโจทก์ในประเทศญ่ปุ่นมำยังจ�ำเลยใน

ประเทศไทย มีลักษณะเป็นกำรให้บริกำรจำกโจทก์ผู้ให้บริกำรในประเทศหน่งเป็นผลให้


จ�ำเลยผู้รับบริกำรได้รับประโยชน์จำกบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง อันเป็นธุรกรรมกำร


เงินระหว่ำงประเทศ กรณีตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรไม่ใช่คดีท่มีปัญหำข้อพิพำทในมูลตำม










สญญำก้ยมเงนกนธรรมดำ คดนจงเป็นคดแพ่งเกยวกบกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศท ่ ี




อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
_____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทตำมกฎหมำยของประเทศญ่ปุ่น เม่อ

วันที่ ๒๒ เมษำยน ๒๕๕๑ จ�ำเลยท�ำสัญญำกู้ยืมเงินจำกโจทก์ ๑๕๕,๐๐๐,๐๐๐ เยน โดยยินยอม
เสียดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑ ต่อปี ของยอดเงินกู้ ก�ำหนดช�ำระเงินกู้คืนแก่โจทก์ภำยใน ๒๔๐ วัน
หลังจำกได้รับหนังสือบอกกล่ำวจำกโจทก์ให้จ�ำเลยช�ำระเงิน จ�ำเลยได้รับเงินกู้จ�ำนวนดังกล่ำว

เป็นหนังสือแจ้งกำรโอนเงินต่ำงประเทศเรียบร้อยแล้ว ต่อมำโจทก์มีหนังสือบอกกล่ำวให้จ�ำเลย











ชำระเงนก้พร้อมดอกเบยคน แต่ครบกำหนดแล้วจำเลยเพกเฉยไม่ชำระ ขอให้บงคบจำเลย



ช�ำระเงิน ๑๖๗,๗๖๑,๖๖๖ เยน คิดเป็นเงิน ๕๕,๔๐๖,๓๐๙.๙๐ บำท (อัตรำแลกเปล่ยน ณ วันฟ้อง



วันท่ ๒๒ กรกฎำคม ๒๕๕๙ คือ ๑๐๐ เยน ต่อ ๓๓.๐๒๖๘ บำท) พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
145




ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๕๕,๐๐๐,๐๐๐ เยน นบถดจำกวนฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะ
ช�ำระแล้วเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยให้กำรว่ำ ลำยมือช่อผู้มอบอ�ำนำจในหนังสือมอบอ�ำนำจให้ฟ้องคดีไม่ใช่ลำยมือช่อ
นำยมำโกโตะ กรรมกำรโจทก์ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง โจทก์ประกอบกิจกำรซื้อขำยและนำยหน้ำ

ไม่ได้เป็นสถำบันกำรเงินท่ประกอบกำรค้ำให้กู้ยืม จ�ำเลยไม่ได้กู้เงินตำมฟ้องและไม่เคยได้รับ

เงินกู้จำกโจทก์ ลำยมือช่อผู้ให้กู้ไม่ใช่ลำยมือช่อกรรมกำรโจทก์สัญญำกู้ปลอม จ�ำเลยไม่เคยได้รับ

หนังสือทวงถำมจำกโจทก์ ลักษณะของสัญญำตำมฟ้องไม่แน่ชัดว่ำเป็นสัญญำกู้เงินหรือสัญญำ
ร่วมลงทุน ขอให้ยกฟ้อง

ในช้นสืบพยำนโจทก์และจ�ำเลย ศำลจังหวัดพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ้ ี

อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่


จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์

คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๕)
แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ

จ�ำเลยท�ำสัญญำกู้ยืมเงินจำกโจทก์ ๑๕๕,๐๐๐,๐๐๐ เยน จ�ำเลยได้รับเงินกู้ไปจำกโจทก์เรียบร้อยแล้ว

ครบก�ำหนดช�ำระ โจทก์ทวงถำมแล้วจ�ำเลยไม่ช�ำระ แต่จ�ำเลยปฏิเสธว่ำ สัญญำกู้ตำมฟ้องปลอม
จ�ำเลยไม่ได้กู้และไม่ได้รับเงินกู้ไปจำกโจทก์ เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนบริษัทที่ประเทศ

ญ่ปุ่นเป็นผู้ให้บริกำรเงินกู้ยืมแก่จ�ำเลยผู้รับบริกำรซ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนเป็นบริษัทจ�ำกัด



และด�ำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ด้วยกำรโอนเงินตำมสัญญำกู้จำกโจทก์ในประเทศญ่ปุ่นมำยัง
จ�ำเลยในประเทศไทย มีลักษณะเป็นกำรให้บริกำรจำกโจทก์ผู้ให้บริกำรในประเทศหน่งเป็นผล


ให้จ�ำเลยผู้รับบริกำรได้รับประโยชน์จำกบริกำรน้นในอีกประเทศหน่ง อันเป็นธุรกรรมกำรเงิน


ระหว่ำงประเทศ กรณีตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรไม่ใช่คดีท่มีปัญหำข้อพิพำทในมูลตำมสัญญำ

กู้ยืมเงินกันธรรมดำ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจ


พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๕)
แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙

146


วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐




เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ)




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


















































147

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยอภิชัย ลิขิตมำศกุล โจทก์

ที่ วทป ๑๗/๒๕๖๑ นำยอมร ศิวะพิรุฬห์เทพ

กับพวก จ�ำเลย







ค�ำฟ้องท่อ้ำงพนักงำนของจ�ำเลยท ๓ แนะน�ำให้โจทก์เปล่ยนเท่ยวบินต้องรับผิดชอบ


ต่อโจทก์ท่ถูกเจ้ำหน้ำท่ตรวจคนเข้ำเมืองของสำธำรณรัฐฝร่งเศสส่งตัวกลับประเทศไทย

สูญเสียอิสรภำพ ขณะบินกลับประเทศไทยไม่ได้รับกำรต้อนรับท่ดีจำกพนักงำนบนเคร่อง


ไม่ได้รับบริกำรท้งอำหำรและเคร่องด่ม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อเสรีภำพ สุขภำพ






อนำมัยและช่อเสียง ท�ำนองเป็นควำมเสียหำยท่เกิดจำกจ�ำเลยท ๓ กระท�ำละเมิดต่อโจทก์






กำรวนจฉยว่ำจำเลยท ๓ กระทำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้องหรอไม่ และต้องรบผดชดใช้





ค่ำเสียหำยหรือไม่ เพียงใด จ�ำต้องวินิจฉัยถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิดของจ�ำเลยท ๓



ซ่งต้องพิจำรณำตำมสัญญำขนส่งผู้โดยสำรระหว่ำงประเทศตำม พ.ร.บ. กำรรับขน

ทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มูลคดีส่วนน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่ง



ระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำร
ค้ำระหว่ำงประเทศ
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสำมร่วมกันจงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำละเมิดต่อโจทก์ โดย



จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ แสดงตนเป็นผู้มีควำมเช่ยวชำญในกำรท�ำธุรกิจท่องเท่ยวต่ำงประเทศ


น�ำโจทก์และผู้ประกอบกำรร้ำนขำยยำรวม ๓๐ คน ไปท่องเท่ยวยังสมำพันธรัฐสวิสระหว่ำง


วันที่ ๓๐ กันยำยน ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๘ ตุลำคม ๒๕๖๐ คิดคำใชจำยคนละ ๑๑๘,๐๐๐ บำท แบงเปน



ค่ำท�ำวีซ่ำ ๓,๑๖๐ บำท ค่ำเดินทำง ค่ำอำหำร ค่ำที่พัก และค่ำจัดกำรอีก ๑๑๔,๘๔๐ บำท โจทก์
ช�ำระเงินให้จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ครบถ้วน พร้อมมอบหนังสือเดินทำงให้ตัวแทนจ�ำเลยที่ ๑ และ


ท่ ๒ ไปขอวีซ่ำแล้ว ต่อมำตัวแทนของจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ แจ้งโจทก์ว่ำพบข้อมูลในหนังสือเดินทำง


ของโจทก์ว่ำ โจทก์มีวีซ่ำเข้ำเกำะโบรำโบร่ำซ่งเป็นอำณำนิคมของสำธำรณรัฐฝร่งเศส สำมำรถ

ใช้เดินทำงเข้ำสมำพันธรัฐสวิสได้โดยไม่จ�ำเป็นต้องท�ำวีซ่ำใหม่เพรำะเป็นวีซ่ำประเภทเชงเก้น
(Schengen Visa) และได้คืนหนังสือเดินทำงพร้อมเงิน ๓,๑๖๐ บำท แก่โจทก์ ครั้นคืนวันที่ ๓๐
กันยำยน ๒๕๖๐ เมื่อโจทก์ไปถึงท่ำอำกำศยำนสุวรรณภูมิ พนักงำนภำคพื้นดินของจ�ำเลยที่ ๓
148



ปฏิเสธไม่ออกต๋วเคร่องบินให้โจทก์ แจ้งว่ำโจทก์ไม่มีวีซ่ำเข้ำสมำพันธรัฐสวิส และวีซ่ำเข้ำเมือง



โบรำโบร่ำใช้เข้ำสมำพันธรัฐสวิสไม่ได้ พนักงำนของจ�ำเลยท่ ๓ แนะน�ำให้เปล่ยนเท่ยวบิน บิน

จำกประเทศไทยไปนครปำรีสด้วยเท่ยวบินท่ TG ๙๓๐ แล้วเปล่ยนเคร่องต่อไปนครซูริคด้วย



เที่ยวบินที่ LX ๖๓๓ ในกำรนี้จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จะต้องจ่ำยค่ำตั๋วเครื่องบินเพิ่ม ๑๔๐,๐๐๐ บำท

และเป็นต๋วประเภทรอส�ำรองท่น่ง (Waiting List) แต่เม่อโจทก์เดินทำงถึงนครปำรีสโจทก์กลับ



ถูกเจ้ำหน้ำท่ตรวจคนเข้ำเมืองของสำธำรณรัฐฝร่งเศสควบคุมตัว สูญเสียอิสรภำพเป็นเวลำ












นำนกวำ ๖ ชวโมง และเมอเดนทำงกลบประเทศไทยโดยเทยวบนท TG ๙๓๑ ของจำเลยท ๓ โจทก ์






ไม่ได้รับกำรต้อนรับท่ดี พนักงำนบนเคร่องพำโจทก์ไปน่งท้ำยเคร่อง ไม่ได้รับบริกำรท้งอำหำร




และเครื่องดื่ม วันที่ ๒ ตุลำคม ๒๕๖๐ โจทก์มำถึงประเทศไทยก็ถูกเจ้ำหน้ำที่ตรวจคนเข้ำเมือง
ควบคุมตัวเสมือนโจทก์เป็นอำชญำกร ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยไม่ได้เดินทำงไปท่องเที่ยว


กับคณะ โจทก์เป็นบุคคลท่มีช่อเสียงในสังคมอำชีพเภสัชกร โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อเสรีภำพ


สุขภำพอนำมัยและช่อเสียง ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสำมร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำย ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท

พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ร่วมกันช�ำระค่ำเสียหำยเชิงลงโทษอัตรำสองเท่ำของค่ำเสียหำย
ดังกล่ำว
จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่ได้ร่วมกับ

จ�ำเลยท่ ๓ จงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำละเมิดต่อโจทก์ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ไม่ได้รับจ้ำงน�ำโจทก์


ไปท่องเที่ยว แต่บริษัทดี เค เอส เอช (ประเทศไทย) จ�ำกัด ผู้สมนำคุณลูกค้ำว่ำจ้ำงจ�ำเลยที่ ๒
ให้จัดกำรท่องเที่ยวพำคณะไปสมำพันธรัฐสวิสรวม ๓๓ คน ซึ่งวีซ่ำเชงเก้นของโจทก์ยังไม่หมด
อำยุสำมำรถใช้เดินทำงเข้ำสมำพันธรัฐสวิสได้ จ�ำเลยที่ ๒ จึงคืนค่ำท�ำวีซ่ำแก่โจทก์ จ�ำเลยที่ ๑
และที่ ๒ ไม่ได้ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๓ แนะน�ำโจทก์ให้เปลี่ยนเที่ยวบิน จ�ำเลยที่ ๑ อ�ำนวยควำมสะดวก
แก่คณะท่องเท่ยวน�ำหนังสือเดินทำงพร้อมวีซ่ำไปย่นต่อพนักงำนของจ�ำเลยท่ ๓ เพ่อเช็คอิน




ให้ออกตั๋วเครื่องบิน แต่จ�ำเลยที่ ๓ ตรวจเอกสำรแล้วแจ้งจ�ำเลยที่ ๑ ว่ำ วีซ่ำของโจทก์ใช้เดินทำง
เข้ำสมำพันธรัฐสวิสไม่ได้จึงปฏิเสธไม่ออกต๋วเดินทำงให้ส�ำหรับโจทก์ โจทก์เดินทำงเข้ำประเทศ











ผ้ออกวีซ่ำไปยงนครปำรสแล้วบนต่อไปยังนครซรค ตำมคำแนะนำของจ�ำเลยท ๓ ทงท่จำเลย





ท่ ๑ และท่ ๒ ทักท้วงแล้ว แต่ผู้ดูแลคณะท่องเท่ยวให้จ�ำเลยท่ ๒ ปฏิบัติตำมค�ำแนะน�ำของ




จ�ำเลยท่ ๓ โดยผู้ดูแลคณะท่องเท่ยวจะพำโจทก์ไปสมทบกับคณะท่องเท่ยวท่สมำพันธรัฐสวิส



ตำมตำรำงกำรท่องเท่ยว ผู้ดูแลคณะท่องเท่ยวให้จ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้จ่ำยค่ำต๋วเคร่องบิน จ�ำเลย





149





ท่ ๑ และท่ ๒ ไม่ได้ประกอบธุรกจรบส่งผู้โดยสำรทำงอำกำศไปต่ำงประเทศและไม่อำจคำดได้ว่ำ


โจทก์จะถูกเจ้ำหน้ำท่ตรวจคนเข้ำเมืองสำธำรณรัฐฝร่งเศสไม่อนุญำตให้เข้ำเมืองและถูกส่งตัว
กลับประเทศไทย โจทก์มิได้หลบหนีเข้ำเมือง หรือใช้หนังสือเดินทำงหรือวีซ่ำปลอม โจทก์ไม่ใช่
อำชญำกร โจทก์เพียงเป็นผู้เดินทำงโดยมีวีซ่ำไม่ถูกต้อง โจทก์ไม่ได้สูญเสียอิสรภำพโดยได้รับ

กำรปฏิบัติตำมหลักสำกลให้อยู่ในบริเวณท่ก�ำหนดเพ่อรอส่งตัวต่อกลับประเทศไทย โจทก์ไม่ม ี

สิทธิเรียกค่ำเสียหำยเป็นเงินถึง ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยที่ ๓ ชดเชยเยียวยำให้โจทก์เกินกว่ำ



ควำมเสียหำยท่โจทก์ได้รับแล้ว จ�ำเลยท่ ๑ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยท่ ๒ ซ่งกระท�ำกำร

ภำยในกรอบวัตถุประสงค์ จ�ำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดเป็นกำรส่วนตัว ขอให้ยกฟ้อง
จ�ำเลยที่ ๓ ยังไม่ยื่นค�ำให้กำร

ในวันนัดพิจำรณำ ศำลแพ่งพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงส่งส�ำนวน

ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศที่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำ จ�ำเลยที่ ๑

และที่ ๒ ร่วมกับจ�ำเลยที่ ๓ จงใจหรือประมำทเลินเล่อจัดกำรเดินทำงและเอกสำรกำรท่องเที่ยว

พำโจทก์และคณะไปต่ำงประเทศท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ให้กำร













ปฏเสธว่ำ โจทก์ยนยอมเปลยนเทยวบนเพอให้เข้ำไปสมทบกบคณะท่องเทยวทสมำพนธรฐสวส







ตำมค�ำแนะน�ำของจ�ำเลยท่ ๓ ประกอบกับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ เพ่งทรำบจำกจ�ำเลยท่ ๓ ว่ำ




วีซ่ำของโจทก์ไม่ใช่วีซ่ำเชงเก้นไม่สำมำรถเดินทำงเข้ำสมำพันธรัฐสวิสได้ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒

รับจ้ำงบริษัทผู้จัดจ�ำหน่ำยยำเพ่อพำโจทก์และคณะไปท่องเท่ยวต่ำงประเทศไม่ได้รับจ้ำงโจทก์


คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงมีประเด็นข้อพิพำทให้ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิหน้ำที่และ
ควำมรับผิดของจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ที่รับจ้ำงจัดกำรท่องเที่ยวพำโจทก์และคณะไปต่ำงประเทศ

ซ่งไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ส่วนค�ำฟ้องที่โจทก์กล่ำวอ้ำงถึงจ�ำเลยที่ ๓ ว่ำ พนักงำนของจ�ำเลยที่ ๓ แนะน�ำให้โจทก์เปลี่ยน
150





เท่ยวบินต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ท่ถูกเจ้ำหน้ำท่ตรวจคนเข้ำเมืองของสำธำรณรัฐฝร่งเศสส่งตัว
กลับประเทศไทย สูญเสียอิสรภำพ ขณะบินกลับประเทศไทยไม่ได้รับกำรต้อนรับท่ดีจำกพนักงำน





บนเคร่อง ไม่ได้รับบริกำรท้งอำหำรและเคร่องด่ม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อเสรีภำพ











สขภำพอนำมยและชอเสียง ท�ำนองเปนควำมเสียหำยทเกดจำกจำเลยท ๓ กระทำละเมดต่อโจทก ์


โดยมิใช่เป็นกำรฟ้องขอให้มีกำรปฏิบัติตำมสัญญำขนส่งผู้โดยสำรระหว่ำงประเทศ แต่กำรวินิจฉัย
ว่ำจ�ำเลยท่ ๓ กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ตำมฟ้องหรือไม่ และต้องรับผิดชดใช้ค่ำเสียหำยหรือไม่




เพียงใด จ�ำต้องวินิจฉัยถึงสิทธิหน้ำท่และควำมรับผิดของจ�ำเลยท่ ๓ ซ่งต้องพิจำรณำตำม


สญญำขนส่งผู้โดยสำรระหว่ำงประเทศตำมพระรำชบัญญติกำรรับขนทำงอำกำศระหว่ำงประเทศ


พ.ศ. ๒๕๕๘ มูลคดีส่วนน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมบทบัญญัติมำตรำ ๗ (๕)
แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ

คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙





วนจฉยว่ำ คดนเฉพำะระหว่ำงโจทก์กบจำเลยท ๓ อย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำ









ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๐ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ













151

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทบำงกอกแลนด์ จ�ำกัด

ที่ วทป ๔๙/๒๕๖๑ (มหำชน) กับพวก โจทก์

บริษัทดอยซ์ ทรัสตี จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย







จ�ำเลยท ๑ เป็นผู้ด�ำเนินกำรจัดกำรเก่ยวกับหุ้นกู้ท่ออกโดยโจทก์ท ๒ กำรด�ำเนิน








กำรต่ำง ๆ ของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นกำรให้บริกำรแก่โจทก์ท ๑ และโจทก์ท ๑ ได้รับประโยชน์
จำกกำรด�ำเนินกำรของจ�ำเลยที่ ๑ ด้วย เมื่อโจทก์ที่ ๑ เป็นนิติบุคคลในประเทศไทย ส่วน
จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลต่ำงประเทศ กรณีจึงเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด โจทก์ท่ ๒ เป็น

นิติบุคคลสัญชำติต่ำงประเทศ จดทะเบียนตำมกฎหมำยของหมู่เกำะเคย์แมน จ�ำเลยท่ ๑ เป็น

นิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยของประเทศอังกฤษมีจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘
เป็นกรรมกำร และมีจ�ำเลยที่ ๙ เป็นเลขำนุกำรบริษัทท�ำหน้ำที่บริหำรกิจกำรของบริษัท จ�ำเลยที่

๑๐ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัดมีจ�ำเลยที่ ๑๑ ถึงจ�ำเลยที่ ๑๗ เป็นกรรมกำรและ























มจำเลยท ๑๘ เปนผบรหำรในตำแหนงผชวยกรรมกำรผจดกำรฝำยบรหำรลกคำและหวหนำฝำย

วิเครำะห์สินเชื่อลูกค้ำองค์กรระหว่ำงประเทศ จ�ำเลยที่ ๑๙ เป็นกองทุนส่วนบุคคล โดยจัดตั้งเป็น
นิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัดพิเศษ จดทะเบียนตำมกฎหมำยของหมู่เกำะเคย์แมน โดยมีจ�ำเลย
ที่ ๒๐ เป็นกรรมกำรและจ�ำเลยที่ ๒๑ เป็นผู้จัดกำรกองทุน จ�ำเลยที่ ๒๑ เป็นนิติบุคคลประเภท
บริษัทจ�ำกัด จดทะเบียนตำมกฎหมำยของประเทศอังกฤษ มีจ�ำเลยที่ ๒๒ และจ�ำเลยที่ ๒๓ เป็น
กรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทน เม่อประมำณกลำงปี ๒๕๓๖ โจทก์ท่ ๑ จัดต้งโจทก์ท่ ๒




เป็นนิติบุคคลเฉพำะกิจ โดยโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทโจทก์ที่ ๒ มีวัตถุประสงค์ใน
กำรออกหุ้นกู้เพื่อเสนอขำยให้แก่นักลงทุนในต่ำงประเทศทั้งหมด เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลำคม ๒๕๓๖




โจทก์ท่ ๒ ออกและเสนอขำยหุ้นกู้ในต่ำงประเทศ โดยโจทก์ท่ ๑ เป็นผู้ค้ำประกันหน้ตำมหุ้นกู้
ทั้งจ�ำนวน มีชื่อเฉพำะว่ำ หุ้นกู้ชนิดแลกเปลี่ยนได้ ซึ่งมีกำรค�้ำประกัน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรัฐ
ถึงก�ำหนดช�ำระปี พ.ศ. ๒๕๔๖ หุ้นกู้ท้งจ�ำนวนท่เสนอขำยมีผู้จองซ้อและช�ำระรำคำ



ครบถ้วนแล้ว และโจทก์ที่ ๒ ให้โจทก์ที่ ๑ กู้ยืมเงิน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรัฐ ตลอดอำยุของ
152

หุ้นกู้ซึ่งมีอำยุ ๑๐ ปี โจทก์ที่ ๒ ตกลงช�ำระดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิแลกเปลี่ยน



หุ้นกู้เป็นหุ้นสำมัญได้ภำยในระยะเวลำแลกเปล่ยนเท่ำน้น มีข้อก�ำหนดและเง่อนไขของหุ้นกู้ให้


ผู้ถือหุ้นกู้สำมำรถใช้สิทธิไถ่ถอนหรือขำยคืนก่อนก�ำหนดได้เม่อครบก�ำหนด ๕ ปีและเพ่อ



เป็นหลักประกันกำรช�ำระหน้ท้งหมดของหุ้นกู้ซ่งเกิดจำกสิทธิแลกเปล่ยนหุ้นกู้เป็นหุ้นสำมัญ


โจทก์ที่ ๒ น�ำหุ้นสำมัญในบริษัทโจทก์ที่ ๑ ไปจ�ำน�ำและส่งมอบหุ้นสำมัญ ๒๑๒,๐๙๖,๙๙๐ หุ้น



ให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะทรัสตีหรือผู้แทน/ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยมีจ�ำเลยท่ ๑๐ ท�ำหน้ำท่เป็น
ผู้รับฝำกหลักทรัพย์ของจ�ำเลยที่ ๑ ในประเทศไทย หุ้นสำมัญจ�ำนวนดังกล่ำวและดอกผลนิตินัย


ของหุ้นสำมัญเป็นหลักประกันเฉพำะแก่ผู้ถือหุ้นกู้ท่ใช้สิทธิแลกเปล่ยนหุ้นกู้เป็นหุ้นสำมัญ




ซ่งได้กระท�ำภำยในระยะเวลำแลกเปล่ยนตำมข้อก�ำหนดและเง่อนไขของหุ้นกู้เท่ำน้น ต่อมำ


ประมำณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ เกิดวิกฤติทำงกำรเงินข้นในประเทศไทยส่งผลให้โจทก์ท่ ๑ ไม่สำมำรถจ่ำย







ดอกเบยให้แก่โจทก์ท ๒ ได และสงผลใหโจทกท่ ๒ ผดนัดไมสำมำรถจำยดอกเบยให้แก่ผถอหนก้ได ้


ู้



ุ้








ต้งแต่บัดน้นเป็นต้นไป ต่อมำในวันท่ ๑๓ ตุลำคม ๒๕๔๑ เป็นวันท่ผู้ถือหุ้นกู้สำมำรถใช้สิทธ ิ
ไถ่ถอนหรือขำยคืนก่อนก�ำหนดได้ ในวันดังกล่ำวมีผู้ถือหุ้นกู้จ�ำนวนมำกใช้สิทธิไถ่ถอนหรือ


ขำยคืน แต่โจทก์ท่ ๒ ผิดนัดช�ำระหน้ค่ำไถ่ถอนหรือขำยคืนต่อผู้ถือหุ้นกู้ (Put Bonds) กำรใช้
สิทธิไถ่ถอนหรือขำยคืนก่อนก�ำหนดส่งผลให้ผู้ถือหุ้นกู้เหล่ำน้นไม่อำจเพิกถอนกำรใช้สิทธิไถ่ถอน

หรือขำยคืนก่อนก�ำหนดได้อีกต่อไปและไม่มีสิทธิแลกเปลี่ยนหุ้นกู้เป็นหุ้นสำมัญได้อีก ส่วนผู้ถือหุ้นกู้





ทไม่ได้ใช้สทธไถ่ถอนก่อนกำหนดในวนท ๑๓ ตลำคม ๒๕๔๑ และไม่ได้รบชำระดอกเบย








จำกโจทก์ที่ ๒ จ�ำเลยที่ ๑ มีจดหมำยถึงโจทก์ที่ ๒ เรียกให้หนี้ทั้งหมดตำมหุ้นกู้ถึงก�ำหนดช�ำระ
ทันที สิทธิแลกเปลี่ยนของผู้ถือหุ้นกู้ (Accelerated Bonds) ส่วนนี้จึงได้สิ้นสุดลง ท�ำให้ผู้ถือหุ้นกู้

(Accelerated Bonds) ไม่สำมำรถใช้สิทธิแลกเปล่ยนหุ้นกู้เป็นหุ้นสำมัญได้อีกต่อไป และจนถึง

วันฟ้อง หน้ตำมหุ้นกู้ได้ขำดอำยุควำม ๑๐ ปีแล้ว นับต้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ จนถึงปัจจุบัน โจทก์ท่ ๒


ยังไม่ได้ช�ำระหน้ตำมหุ้นกู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ (Put Bonds) และผู้ถือหุ้นกู้ (Accelerated Bonds)




ท�ำให้บริษัทอิสทรอส ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นกู้รำยหน่งย่นฟ้องโจทก์ท่ ๑ ในฐำนะผู้ค้ำประกันหน้ตำม





หุ้นกู้เรียกให้ช�ำระหน้เงินต้น ส่วนล้ำมูลค่ำและดอกเบ้ยตำมหุ้นกู้ ต่อศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง ซึ่งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงมี

ค�ำพิพำกษำยกฟ้องโจทก์ เน่องจำกหน้ตำมหุ้นกู้ขำดอำยุควำม ๑๐ ปี และศำลฎีกำมีค�ำพิพำกษำ

ยืนตำมค�ำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง หลังจำก

กำรฟื้นตัวของสภำพเศรษฐกิจ ท�ำให้โจทก์ท่ ๑ มีควำมสำมำรถในกำรจ่ำยเงินปันผลให้แก่
153



ผู้ถือหุ้นสำมัญของบริษัทได้ โดยมีกำรจ่ำยเงินปันผลให้กับหุ้นสำมัญท่โจทก์ท่ ๒ ถืออยู่
๒๑๒,๐๙๖,๙๙๐ หุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น ๖๒,๙๙๒,๘๐๖.๐๓ บำท ซึ่งกำรจ่ำยเงินปันผลให้โจทก์ที่ ๒


ดังกล่ำวกระท�ำโดยนำยทะเบียนหุ้นของโจทก์ท่ ๑ คือบริษัทศูนย์รับฝำกหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จ�ำกัด หรือ TSD และ TSD จะจ่ำยเงินปันผลให้แก่โจทก์ที่ ๒ ด้วยกำรโอนเงินปันผลให้แก่จ�ำเลย




ท่ ๑๐ ผู้รับฝำกหลักทรัพย์และดูแลหุ้นสำมัญท่โจทก์ท่ ๒ ได้ฝำกและจ�ำน�ำเป็นประกันหน้ตำม

หุ้นกู้ไว้กับจ�ำเลยที่ ๑ และจ�ำเลยที่ ๑๐ จะท�ำกำรโอนเงินปันผลตำมค�ำสั่งของจ�ำเลยที่ ๑ ให้แก่
จ�ำเลยท่ ๑ ในฐำนะทรัสตีหรือผู้แทน/ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ต่อไป เงินปันผลจ�ำนวนดังกล่ำวเป็น

ดอกผลนิตินัยของหุ้นสำมัญ ๒๑๒,๐๙๖,๙๙๐ หุ้น ปัจจุบันยังคงฝำกและจ�ำน�ำอยู่กับจ�ำเลยที่ ๑๐



ในฐำนะผู้รับฝำกหลักทรัพย์ของจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นหลักทรัพย์จ�ำน�ำไว้เป็นประกันส�ำหรับหน ี ้

มีประกันซ่งได้แก่หน้ท่เกิดจำกสิทธิและเปล่ยนหุ้นกู้เป็นหุ้นสำมัญภำยในระยะเวลำแลกเปล่ยน










เท่ำน้น ซ่งจนถึงปัจจุบันน้หน้มีประกันดังกล่ำวได้ระงับส้นสุดไปแล้ว ส่งผลให้หน้ตำมสัญญำ

อุปกรณ์ท้งหลำย อันได้แก่ สัญญำรับฝำกหลักทรัพย์และสัญญำจ�ำน�ำหุ้นได้ระงับส้นสุดลงด้วย

อีกท้งยังปรำกฏอีกด้วยว่ำหน้ประธำนคือ หน้ตำมหุ้นกู้ท้งหมดได้ขำดอำยุควำมไปแล้วตำมเง่อนไข





และข้อก�ำหนดของหุ้นกู้และสัญญำก่อตั้งทรัสต์ และตำมค�ำพิพำกษำศำลฎีกำดังนั้น จ�ำเลยที่ ๑
ซึ่งเป็นทรัสตี และจ�ำเลยที่ ๑๐ ซึ่งเป็นผู้รับฝำกหลักทรัพย์และเป็นตัวแทนของทรัสตีจึงไม่มีสิทธิ
ยึดหน่วงหุ้นสำมัญ ๒๑๒,๐๙๖,๙๙๐ หุ้น รวมถึงเงินปันผล ๖๒,๙๙๒,๘๐๖.๐๓ บำท ของโจทก์
ที่ ๒ ได้อีกต่อไป ภำยหลังจำกที่โจทก์ที่ ๑ จ่ำยเงินปันผลให้แก่โจทก์ที่ ๒ โดยนำยทะเบียนหุ้น

ของโจทก์ท่ ๑ คือ TSD ได้โอนเงินปันผลให้แก่จ�ำเลยท่ ๑๐ ผู้รับฝำกหลักทรัพย์ในประเทศไทย ใน




ระหว่ำงวันท่ ๑๔ สิงหำคม ๒๕๕๕ จนถึงวันฟ้องน้ เม่อจ�ำเลยท่ ๑๐ ได้รับเงินปันผลในแต่ละปีแล้ว

จ�ำเลยที่ ๑๐ โอนเงินปันผลที่รับในแต่ละปีตำมค�ำสั่งของจ�ำเลยที่ ๑ ให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ ที่ประเทศ
อังกฤษ จำกนั้นจ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะทรัสตีได้จ่ำยเงินเพื่อน�ำไปช�ำระเป็นค่ำจ้ำงหรือค่ำธรรมเนียม
และค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ ของตนเองในฐำนะทรัสตีและดอกเบ้ยค้ำงช�ำระให้แก่บรรดำผู้ถือหุ้นกู้

ที่เหลืออยู่ทั้งหมดตำมสัดส่วนรวมถึงน�ำเงินไปจ่ำยให้แก่จ�ำเลยที่ ๑๙ และจ�ำเลยที่ ๑๑ ซึ่งอ้ำงว่ำ









เป็นผ้ถอห้นก้ กำรกระท�ำของจำเลยท ๑ ถงท ๒๓ จงเป็นกำรผดสญญำรบฝำกหลกทรพย์







และสัญญำจ�ำน�ำหุ้นและเป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๘ ร่วม
กันหรือแทนกันคืนหุ้นสำมัญของโจทก์ที่ ๑ จ�ำนวน ๒๑๒,๐๙๖,๙๙๐ หุ้น ให้แก่โจทก์ที่ ๒ หำก
จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๑๘ ไม่สำมำรถปฏิบัติตำมได้เพรำะสภำพแห่งหน้ไม่เปิดช่องให้กระท�ำได้



ขอให้จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๑๘ ร่วมกันหรือแทนกันชดใช้เงินค่ำหุ้นคืนให้แก่โจทก์ท่ ๒ ค�ำนวณ



154

โดยใช้รำคำปิด ณ วันที่ ๑๖ กรกฎำคม ๒๕๖๑ เป็นเงินหุ้นละ ๒.๕๙ บำท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น



๕๔๙,๓๓๑,๒๐๔.๑๐ บำท และขอให้บังคับจ�ำเลยท้งย่สิบสำมร่วมกันหรือแทนกันชดใช้เงินแก่
โจทก์ทั้งสอง ๗๖,๒๗๙,๓๕๖.๒๐ บำท ซึ่งเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยนับแต่วันได้รับในแต่ละครำว

พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน๖๒,๙๙๒,๘๐๖.๐๓ บำท นับถัดจำกวันฟ้อง
เป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยทั้งยี่สิบสำมจะร่วมกันหรือแทนกันช�ำระจนเสร็จสิ้นแก่โจทก์ทั้งสอง



ศำลทรัพย์สนทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพจำรณำแล้ว เหนว่ำ กรณ ี

มีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง


ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙



วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่น



ท่เก่ยวเน่อง ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)













หรอไม่ เหนว่ำ ตำมฟ้องโจทก์ท้งสองกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์ท ๑ จดตงโจทก์ท ๒ เป็นนตบคคล
เฉพำะกิจ โดยโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทโจทก์ที่ ๒ มีวัตถุประสงค์ในกำรออกหุ้นกู้



เพ่อเสนอขำยให้แก่นักลงทุนในต่ำงประเทศท้งหมด และเพ่อเป็นหลักประกันกำรช�ำระหน ี ้





ทงหมดของห้นก้ซงเกดจำกสิทธแลกเปลยนห้นกู้เป็นห้นสำมญ โจทก์ท ๒ นำห้นสำมญใน













บริษัทโจทก์ที่ ๑ ไปจ�ำน�ำและส่งมอบหุ้นสำมัญ ๒๑๒,๐๙๖,๙๙๐ หุ้น ให้แก่จ�ำเลยที่ ๑ ในฐำนะ
ทรัสตีหรือผู้แทน/ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อมำโจทก์ท่ ๒ ไม่สำมำรถจ่ำยดอกเบ้ยให้ผู้ถือหุ้นกู้ได้



และเม่อผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิไถ่ถอนหรือขำยคืนหุ้นกู้โจทก์ท่ ๒ ผิดนัดช�ำระหน้ค่ำไถ่ถอนหรือขำย


คืนต่อผู้ถือหุ้นกู้ ต่อมำ โจทก์ที่ ๑ มีควำมสำมำรถในกำรจ่ำยเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นสำมัญของ
บริษัทได้ โดยมีกำรจ่ำยเงินปันผลให้กับหุ้นสำมัญที่โจทก์ที่ ๒ ถืออยู่ ๒๑๒,๐๙๖,๙๙๐ หุ้น เป็น


เงินท้งส้น ๖๒,๙๙๒,๘๐๖.๐๓ บำท โดยเงินปันผลจ�ำนวนน้จ�ำเลยท่ ๑๐ โอนให้แก่จ�ำเลยท่ ๑







ในฐำนะทรสตีหรอผู้แทน/ตัวแทนผ้ถือห้นก้ จำกน้นจำเลยท่ ๑ ในฐำนะทรสตีได้ท�ำกำรจ่ำยเงน







เพ่อน�ำไปช�ำระเป็นค่ำจ้ำงหรือค่ำธรรมเนียมและค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ ของตนเองในฐำนะทรัสตีและ
ดอกเบ้ยค้ำงช�ำระให้แก่บรรดำผู้ถือหุ้นกู้ท่เหลืออยู่ท้งหมดตำมสัดส่วน รวมถึงน�ำเงินไปจ่ำยให้แก่



จ�ำเลยที่ ๑๙ และจ�ำเลยที่ ๑๑ ซึ่งอ้ำงว่ำเป็นผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำหนี้ตำมหุ้นกู้ทั้งหมด
155



ขำดอำยุควำมแล้ว จ�ำเลยท่ ๑ ไม่มีสิทธิน�ำเงินปันผลดังกล่ำวไปด�ำเนินกำรใด ๆ และจ�ำเลยท่ ๑๐



ไม่มีสิทธิยึดหน่วงหุ้นสำมัญของโจทก์ท่ ๑ ไว้ จึงฟ้องเป็นคดีน้เพ่อเรียกเงินปันผลพร้อมหุ้นสำมัญ
ของโจทก์ที่ ๑ คืน ดังนั้น ตำมฟ้องโจทก์จึงฟังได้ว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้ด�ำเนินกำรจัดกำรเกี่ยวกับ

ู้



หุ้นกท่ออกโดยโจทก์ท่ ๒ ประกอบกับสัญญำรับฝำกทรัพย์และสัญญำจ�ำน�ำหุ้นระหวำงจ�ำเลยท่ ๑
กับโจทก์ที่ ๒ เอกสำรท้ำยฟ้องหมำยเลข ๑๓ ถึง ๑๕ แสดงให้เห็นว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้ให้บริกำร
เกี่ยวกับกำรจัดกำรหุ้นกู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้และโจทก์ที่ ๒ และตำมค�ำฟ้องของโจทก์ทั้งสองยอมรับ





ว่ำ โจทก์ท่ ๒ เป็นบริษัทท่จัดต้งข้นเฉพำะกิจของโจทก์ท่ ๑ เพ่อออกหุ้นกู้และระดมทุนให้กับ

โจทก์ที่ ๑ โดยโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของโจทก์ที่ ๒ ดังนั้น กำรด�ำเนินกำรต่ำง ๆ ของ
จ�ำเลยที่ ๑ จึงเป็นกำรให้บริกำรแก่โจทก์ที่ ๑ และโจทก์ที่ ๑ ได้รับประโยชน์จำกกำรด�ำเนินกำร
ของจ�ำเลยที่ ๑ ด้วย เมื่อโจทก์ที่ ๑ เป็นนิติบุคคลในประเทศไทย ส่วนจ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคล



ต่ำงประเทศ กรณีจงเป็นกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศ แม้คดน้โจทก์ท้งสองจะฟ้องจำเลย







ท้งย่สิบสำมในมูลละเมิด แต่กำรจะวินิจฉัยว่ำ จ�ำเลยท้งย่สิบสำมละเมิดต่อโจทก์หรือไม่น้น








ยอมตองพิเครำะหถึงนิติสัมพันธและขอตกลงตำมสัญญำตำง ๆ ระหวำงโจทกกับจ�ำเลยที่ ๑ ดวย








คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่อง อันอยู่

ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำม

พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคด ี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ


สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ



156

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฟูจิโคคิ (ประเทศไทย)

ที่ วทป ๓๖/๒๕๖๒ จ�ำกัด โจทก์

บริษัทโตเกียวมำรีนประกันภัย
(ประเทศไทย) จ�ำกัด

(มหำชน) ผู้ร้องสอด

กำรท่ำเรือแห่งประเทศไทย จ�ำเลย










แม้กำรโต้แย้งระหว่ำงโจทก์กบจำเลยเป็นเร่องเกยวกบสทธหน้ำทตำมสญญำ




ฝำกทรัพย์ แต่เม่อผู้ร้องสอดได้ขอร้องสอดเข้ำมำในคดีและศำลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีค�ำส่ง

อนุญำตแล้ว ผู้ร้องสอดได้กล่ำวอ้ำงสิทธิตำมสัญญำประกันภัยกำรขนส่งสินค้ำทำงทะเล
ซ่งกำรประกันภัยดังกล่ำวมีสำระส�ำคัญเป็นกำรประกันภัยกำรขนส่งสินค้ำระหว่ำงประเทศ




คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ กำรประกันภัยและนิติกรรมอ่น
ที่เกี่ยวเนื่อง
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำสัญญำขำยสินค้ำประเภทวำล์วส่วนประกอบของเคร่องปรับอำกำศ

ในรถยนต์รำคำ ๕๘,๘๕๐ ดอลลำร์สหรัฐ ให้แก่บริษัทเพลี่ ออโต้ แอร์คอน พำทส์ พีทีอี จ�ำกัด
ซ่งเป็นผู้ซ้อท่ประเทศสิงคโปร์ โดยตกลงให้ขนส่งสินค้ำดังกล่ำวทำงทะเลไปยังประเทศสิงคโปร์

























เพอเตรยมกำรสงออกสนคำใหแกผซอ โจทกไดสงมอบสนคำดงกลำวไวแกจำเลยซงเปนผมวชำชพ








เฉพำะในกิจกำรรับฝำกทรัพย์และเป็นคู่สัญญำรับฝำกทรัพย์แบบมีบ�ำเหน็จค่ำฝำกกับโจทก์

เพ่อเตรียมกำรขนถ่ำยบรรทุกลงเรือเดินทะเลไปประเทศสิงคโปร์ ระหว่ำงท่สินค้ำอยู่กับจ�ำเลย

เกิดเหตุกำรณ์ฝนตกท�ำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณท่ำเรือและลำนวำงตู้คอนเทนเนอร์ของจ�ำเลย ส่งผล

ให้น้ำท่วมเข้ำไปในตู้คอนเทนเนอร์ท่บรรจุสินค้ำของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย ควำมเสียหำย


ดังกล่ำวเกิดจำกกำรกระท�ำโดยประมำทปรำศจำกควำมระมัดระวังของจ�ำเลย ขอให้บังคับ


จ�ำเลยชำระเงิน ๑,๖๗๐,๒๕๙.๑๔ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน
๑,๕๙๕,๘๒๓.๘๐ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
157

จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ในกำรรับฝำกทรัพย์กับโจทก์ ควำมเสียหำย
















ทเกิดขนเกิดจำกภัยธรรมชำตอนเป็นเหตสดวสัย ค่ำเสยหำยทโจทก์เรยกร้องมำสงเกนควำม
เป็นจริง โจทก์ใช้สิทธิฟ้องโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
บริษัทโตเกียวมำรีนประกันภัย (ประเทศไทย) จ�ำกัด (มหำชน) ยื่นค�ำร้องสอดว่ำ โจทก์


กับผู้ซ้อท่ประเทศสิงคโปร์ตกลงซ้อขำยสินค้ำตำมข้อตกลงกำรซ้อขำยระหว่ำงประเทศแบบ


ซีไอเอฟ (INCOTERM - CIF) โจทก์ได้ท�ำสัญญำประกันภัยกำรขนส่งสินค้ำดังกล่ำวไว้กับ
ผู้ร้องสอด โดยมีข้อตกลงตำมสัญญำประกันภัยว่ำ ผู้ร้องสอดในฐำนะผู้รับประกันภัยให้ควำม
คุ้มครองสินค้ำเร่มจำกโรงงำนของโจทก์ จังหวัดสระบุรี มำยังกรุงเทพมหำนครถึงประเทศสิงคโปร์

ก�ำหนดทุนประกันภัยไว้จ�ำนวน ๖๔,๗๓๕ ดอลลำร์สหรัฐ ภำยหลังเกิดควำมเสียหำยตำมฟ้อง
โจทก์เรียกร้องให้ผู้ร้องสอดชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนตำมสัญญำประกันภัยดังกล่ำว ผู้ร้องสอด

พิจำรณำแล้วเห็นว่ำควำมเสียหำยอยู่ภำยใต้เง่อนไขควำมคุ้มครองจึงได้ช�ำระค่ำสินไหมทดแทน
ให้แก่โจทก์ไปจ�ำนวน ๑,๔๕๐,๗๔๘.๘๐ บำท ผู้ร้องสอดจึงรับช่วงสิทธิจำกโจทก์มำเรียกเอำจำก
จ�ำเลยและขอถือเอำค�ำฟ้องของโจทก์เป็นค�ำฟ้องของผู้ร้องสอดด้วย
ในชั้นพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ


พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น

ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙


วินิจฉัยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ กำรประกันภัยและ






นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำได้ท�ำสัญญำซ้อขำยสินค้ำกับผู้ซ้อท่ประเทศสิงคโปร์

โจทก์ได้ดำเนินกำรจดให้มีกำรขนส่งสนค้ำตำมสัญญำซอขำยดังกล่ำวไปยังผ้ซอทประเทศ











สิงคโปร์ แต่สินค้ำเกิดควำมเสียหำยระหว่ำงท่สินค้ำอยู่กับจ�ำเลย จ�ำเลยในฐำนะผู้รับฝำกทรัพย์
จึงต้องรับผิดชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนแก่โจทก์ จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธว่ำไม่มีนิติสัมพันธ์ในฐำนะ
ผู้ฝำกทรัพย์กับโจทก์ ในระหว่ำงพิจำรณำ ผู้ร้องสอดได้ยื่นค�ำร้องสอดตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำ
158

ควำมแพ่ง มำตรำ ๕๗ (๒) ขอเข้ำเป็นโจทก์ร่วมโดยอ้ำงว่ำผู้ร้องสอดได้ช�ำระค่ำสินไหมทดแทน


ตำมสัญญำประกันภัยให้แก่โจทก์แล้ว ผู้ร้องสอดจึงได้รับช่วงสิทธิท่จะเรียกร้องค่ำสินไหมทดแทน

จำกจ�ำเลย ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรของจ�ำเลยแม้จะเป็นกำรโต้แย้งกันเก่ยวกับสิทธ ิ

หน้ำท่ตำมสัญญำฝำกทรัพย์ท่โจทก์กล่ำวอ้ำง แต่เม่อผู้ร้องสอดได้ขอร้องสอดเข้ำมำในคดีและ


ศำลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีค�ำส่งอนุญำตแล้ว ผู้ร้องสอดได้กล่ำวอ้ำงสิทธิตำมสัญญำประกันภัย

กำรขนส่งสินค้ำทำงทะเลระหว่ำงโจทก์กับผู้ร้องสอด ตำมส�ำเนำตำรำงกรมธรรม์ประกันภัยกำร
ขนส่งสินค้ำทำงทะเล เอกสำรท้ำยค�ำร้องหมำยเลข ๓ ระบุว่ำกำรประกันภัยดังกล่ำวครอบคลุม

เริ่มจำกโรงงำนของโจทก์ จังหวัดสระบุรี มำยังกรุงเทพมหำนครถึงประเทศสิงคโปร์ จึงมีข้ออ้ำง

และข้อเถียงให้ต้องพิจำรณำว่ำ โจทก์และผู้ร้องสอดมีสิทธิเรียกร้องค่ำสินไหมทดแทนหรือไม่

โดยต้องพิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดตำมสัญญำประกันภัยกำรขนส่งสินค้ำทำงทะเล









ดงกล่ำวซงมีสำระสำคญของสญญำเป็นกำรประกนภยเกยวเน่องกบกำรขนส่งสินค้ำระหว่ำง






ประเทศรวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรขนส่งระหว่ำงประเทศ กำรประกันภัยและ



นิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ



กำรค้ำระหว่ำงประเทศตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙
วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ






159

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทอำวีว่ำ จ�ำกัด โจทก์

ที่ วทป ๓๘/๒๕๖๒ บริษัทลอว์ตันเอเชีย อินชัวรันส์
โบรกเกอร์ จ�ำกัด จ�ำเลย


โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์ประกอบธุรกิจรับประกันภัยต่อในต่ำงประเทศ จ�ำเลยเป็น


นำยหน้ำประกันวินำศภัยให้แก่โจทก์ในกำรท่โจทก์รับประกันภัยต่อให้แก่บริษัท
รับประกันภัยในประเทศไทย ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรและฟ้องแย้งของจ�ำเลย

จึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงให้ต้องพิจำรณำว่ำ โจทก์หรือจ�ำเลยเป็นฝ่ำยผิดสัญญำในกำร




ให้บริกำรเก่ยวกับกำรรับประกันภัยต่อระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวข้อง คดีน ้ ี
จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบธุรกิจรับประกันภัยต่อในต่ำงประเทศโดยจดทะเบียนจัดต้ง
ข้นตำมกฎหมำยของประเทศสิงคโปร์ จ�ำเลยเป็นนำยหน้ำประกันวินำศภัยให้แก่โจทก์ในกำร


ท่โจทก์รับประกันภัยต่อให้แก่บริษัทรับประกันภัยในประเทศไทย จ�ำเลยได้ด�ำเนินกำรให้โจทก์
รับประกันภัยต่อให้แก่บริษัทเมืองไทยประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) ในกำรรับประกันภัยสุขภำพ

และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลแบบกลุ่มของลูกจ้ำงและผู้ติดตำมของโรงเรียนบำงกอกพัฒนำ

และโรงเรียนนำนำชำติ บริติช จ�ำเลยได้รับค่ำเบ้ยประกันภัยไว้แล้วแต่ส่งให้โจทก์ไม่ครบตำม



ท่ตกลง ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๑๗,๗๐๒,๒๔๗.๙๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำวนับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ท�ำผิดสัญญำและไม่ได้ค้ำงช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัย







ทจะต้องส่งมอบแก่โจทก์ สญญำระหว่ำงโจทก์กบจำเลยไม่ได้เป็นเพยงสญญำนำยหน้ำ แต่เป็น



สญญำร่วมทน โจทก์เป็นฝ่ำยผดสญญำร่วมทน ทำให้จำเลยได้รบควำมเสยหำย ขอให้ยกฟ้อง







และบังคับโจทก์ช�ำระเงิน ๗๐,๘๓๓,๐๒๖.๔๖ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของ
ต้นเงินจ�ำนวน ๖,๘๑๐,๖๕๘ บำท นับถัดจำกวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลย


ในช้นพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัตจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ


และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
160















วนจฉยว่ำ คดนเป็นคดแพ่งเกยวกบกำรให้บรกำรระหว่ำงประเทศและนิตกรรมอนท ่ ี


เก่ยวเน่อง ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์ประกอบธุรกิจรับประกันภัยต่อในต่ำงประเทศโดยจดทะเบียน


จัดต้งข้นตำมกฎหมำยของประเทศสิงคโปร์ จ�ำเลยเป็นนำยหน้ำประกันวินำศภัยให้แก่โจทก์ใน

กำรท่โจทก์รับประกันภัยต่อให้แก่บริษัทรับประกันภัยในประเทศไทย จ�ำเลยได้ด�ำเนินกำรให้โจทก์
รับประกันภัยต่อให้แก่บริษัทเมืองไทยประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) ในกำรรับประกันภัยสุขภำพ
และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลแบบกลุ่มของลูกจ้ำงและผู้ติดตำมของโรงเรียนบำงกอกพัฒนำ

และโรงเรียนนำนำชำติ บริติช จ�ำเลยได้รับค่ำเบ้ยประกันภัยไว้แล้วแต่ส่งให้โจทก์ไม่ครบตำมท ี ่



ตกลง ปรำกฏตำมคำบรรยำยฟ้องของโจทก์เองว่ำในธรกรรมระหว่ำงโจทก์กบจำเลย โจทก์ซง




เป็นบริษัทรับประกันภัยต่อท่ประกอบธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ได้ให้จ�ำเลยท�ำหน้ำท่เป็นนำยหน้ำ

ในกำรด�ำเนินกำรรับประกันภัยต่อจำกบริษัทเมืองไทยประกันภัย จ�ำกัด (มหำชน) ซึ่งเป็นบริษัท


รับประกันภัยในประเทศไทย จ�ำเลยท�ำหน้ำท่ติดต่อประสำนงำนระหว่ำงโจทก์ซ่งอยู่ในประเทศ
สิงคโปร์ บริษัทรับประกันภัยในประเทศไทย และผู้เอำประกันภัยในประเทศไทย จ�ำเลยเป็น

ผู้ด�ำเนินกำรเก่ยวกับเอกสำรกำรรับประกันภัยท่จะจัดส่งไปให้โจทก์ลงนำมท่ประเทศสิงคโปร์



และเม่อได้รับค่ำเบ้ยประกันภัยจำกผู้เอำประกันภัยในประเทศไทยแล้วจะจัดส่งค่ำเบ้ยประกันภัย



ในส่วนของโจทก์ไปให้โจทก์ทประเทศสิงคโปร์ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์กับค�ำให้กำรและฟ้องแย้ง

ของจ�ำเลย จึงมีข้ออ้ำงและข้อเถียงให้ต้องพิจำรณำว่ำ โจทก์หรือจ�ำเลยเป็นฝ่ำยผิดสัญญำในกำร
ให้บริกำรเก่ยวกับกำรรับประกันภัยต่อระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวข้อง โดยต้อง




พิจำรณำถึงสิทธิ หน้ำที่ และควำมรับผิดตำมสัญญำดังกล่ำวซึ่งมีสำระส�ำคัญของสัญญำเป็นกำร

ให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวข้องรวมอยู่ด้วย คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ







กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศและนิติกรรมอ่นท่เก่ยวเน่องท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ


ของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติ
จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙








วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ









ระหว่ำงประเทศ
161

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๗ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ


























































162

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยปำนเทพ กุลพนำภินันท์ โจทก์

ที่ วทป ๖๙/๒๕๖๒ บริษัทเครดิต สวิส เอจี จ�ำกัด

สำขำสิงคโปร์ กับพวก จ�ำเลย



จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยต่ำงประเทศ ซึ่งประกอบกิจกำร

ธนำคำรพำณิชย์ จัดจ�ำหน่ำยหลักทรัพย์ จัดกำรกองทุนรวม จัดกำรกองทุนส่วนบุคคล ฯลฯ





โจทก์มีบัญชีลงทุนกับจ�ำเลยท ๑ และท ๒ ซ้อขำยแลกเปล่ยนผลิตภัณฑ์กำรลงทุน








กู้ยืมเงินจำกจ�ำเลยท ๑ และท ๒ และซ้อประกันชีวิตตำมค�ำแนะน�ำของจ�ำเลยท ๓
ซึ่งเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อโจทก์เป็นผู้รับบริกำรอยู่ในรำชอำณำจักรไทยรับค�ำปรึกษำ




แนะน�ำด้ำนกำรลงทุนจำกจ�ำเลยท ๑ ถึงท ๓ ซ่งอยู่ในต่ำงประเทศ นิติสัมพันธ์

ในลักษณะดังกล่ำวจึงเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยสำธำรณรัฐสิงคโปร์ และเป็นสำขำ
ของจ�ำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยสมำพันธรัฐสวิส จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นสถำบัน
กำรเงินระหว่ำงประเทศ ประกอบกิจกำรธนำคำรพำณิชย์ ให้กู้ยืมเงินและหลักทรัพย์ จัดจ�ำหน่ำย
หลักทรัพย์ จัดกำรกองทุนรวม จัดกำรกองทุนส่วนบุคคล ให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำรลงทุน เป็นผู้แนะน�ำ

กำรลงทุน ผู้วำงแผนกำรลงทุน นักวิเครำะห์กำรลงทุน เป็นผู้บริหำรจัดกำรดูแลผลประโยชน์

ของลูกค้ำที่มำลงทุน และให้บริกำรทำงกำรเงินอื่น ๆ มีจ�ำเลยที่ ๓ เป็นรองประธำนและผู้จัดกำร
ฝ่ำยลูกค้ำสัมพันธ์ มีหน้ำท่หำลูกค้ำใหม่ ติดต่อประสำนงำนและดูแลผลประโยชน์ให้แก่ลูกค้ำ


จ�ำเลยท่ ๔ ถึงท่ ๑๙ เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของจ�ำเลยท่ ๑ มีหน้ำท่ควบคุมดูแลกำรด�ำเนินงำนและ



กำรประกอบกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒๐ เป็นกรรมกำรบริหำรและผู้น�ำทีมของจ�ำเลยที่ ๑
จ�ำเลยที่ ๒๑ เป็นกรรมกำรผู้จัดกำรและรองหัวหน้ำกลุ่มกำรตลำดของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒๒

เป็นกรรมกำรผู้จัดกำรและหัวหน้ำฝ่ำยกำรให้ค�ำปรึกษำกำรลงทุนภำคพ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ของจ�ำเลยท่ ๑ และจ�ำเลยท่ ๒๓ เป็นผ้ช่วยรองประธำนบริษทและท่ปรึกษำกำรลงทุนของ



จ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท่ ๒๐ ถึงท่ ๒๓ แสดงตนเป็นคณะท�ำงำนและ/หรือเป็นผู้บังคับบัญชำของ





จ�ำเลยท่ ๓ เม่อประมำณต้นปี ๒๕๕๙ โจทก์เปิดบัญชีเงินฝำกไว้กับจ�ำเลยท่ ๑ ท่สำธำรณรัฐสิงคโปร์





ต่อมำจ�ำเลยท่ ๓ เดินทำงมำพบโจทก์ท่ประเทศไทย ชักชวนให้โจทก์ลงทุนกับจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒

163




โดยเปิดบัญชีกำรลงทุน ซ่งจะมีจ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๓ เป็นผู้บริหำรจัดกำรดูแลผลประโยชน์
แล้วให้ซื้อผลิตภัณฑ์กำรลงทุนที่จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ เสนอ โดยอ้ำงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ มีสูตร


กำรลงทุนท่จะสำมำรถบริหำรจัดกำรให้โจทก์ได้รับผลตอบแทนจำกกำรลงทุนเฉล่ยประมำณ

















ร้อยละ ๑๐ ต่อปี กำรลงทนดงกล่ำวไม่มควำมเสยงหรอจะมควำมเสยงตำ จำเลยท ๑ ถงท ๓
ให้ค�ำมั่นว่ำจะดูแลผลประโยชน์กำรลงทุนให้โจทก์อย่ำงใกล้ชิด โจทก์จึงตกลงเปิดบัญชีลงทุนกับ
จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จ�ำนวน ๙,๕๐๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรัฐ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๓ ให้ค�ำแนะน�ำในกำร

ลงทุนกับโจทก์อีกหลำยคร้ง เป็นเหตุให้โจทก์ซ้อขำยแลกเปล่ยนผลิตภัณฑ์กำรลงทุนและซ้อ







ประกันชีวิตตำมท่จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๓ แนะน�ำหลำยคร้ง แต่ปรำกฏว่ำผลิตภัณฑ์กำรลงทุนท ี ่
จ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ชักชวนให้โจทก์ลงทุนขำดทุนอย่ำงหนักต่อเนื่องกัน ท�ำให้โจทก์เสียค่ำใช้จ่ำย


ท่ไม่ทรำบล่วงหน้ำและสูญเสียเงินลงทุนไป ๔,๒๖๘,๖๖๒.๕๔ ดอลลำร์สหรัฐ ซ่งเป็นผลมำจำก






ควำมประมำทเลนเล่ออย่ำงร้ำยแรงของจำเลยทงยสบสำม จำเลยท ๓ ไม่อธบำยควำมเสยง







ที่อำจเกิดขึ้นกับกำรลงทุนแต่ละอย่ำง และจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ชักชวนหลอกลวงโจทก์ให้ลงทุน

แต่ละอย่ำงเพ่อให้จ�ำเลยท้งย่สิบสำมได้รับค่ำนำยหน้ำในอัตรำสูง ไม่ใช่เพ่อประโยชน์ของโจทก์



จ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๓ ไม่ได้รับอนุญำตให้ประกอบธุรกิจสถำบันกำรเงิน ธนำคำรพำณิชย์ ธุรกิจกำรเงิน


ธุรกิจหลักทรัพย์ ใบอนุญำตท่ปรึกษำกำรลงทุน กำรเป็นนำยหน้ำซ้อขำยหลักทรัพย์และ


นำยหน้ำประกันชีวิตจำกหน่วยงำนของสำธำรณรัฐสิงคโปร์และประเทศไทยโดยถูกต้อง กำรจงใจ
หรือประมำทเลินเล่อกระท�ำละเมิดต่อโจทก์เป็นกำรหลอกลวงฉ้อฉลโจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลย


ท้งย่สิบสำมท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งย่สิบสำมร่วมกันหรือแทนกัน




คืนเงินลงทุนท่โจทก์เสียหำยไป ๔,๒๖๘,๖๖๒.๕๔ ดอลลำร์สหรัฐ พร้อมดอกเบ้ยอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

ช�ำระค่ำสินไหมทดแทนเพ่อกำรละเมิด ๒,๕๐๐,๐๐๐ ดอลลำร์สหรัฐ และช�ำระค่ำเสียหำยเพ่อ

กำรลงโทษอีกในอัตรำสองเท่ำของค่ำเสียหำยข้ำงต้น

จ�ำเลยท่ ๑ ท่ ๓ ท่ ๑๕ ถึงท่ ๑๗ และท่ ๒๐ ถึงท่ ๒๓ ย่นค�ำร้องว่ำ แม้โจทก์จะบรรยำยฟ้อง







โดยต้งข้อหำละเมิด แต่ข้อพิพำทตำมฟ้องมีมูลเหตุจำกกำรท่โจทก์ในฐำนะผู้ลงทุนสัญชำติไทย

เข้ำท�ำสัญญำบริกำรทำงกำรเงิน เปิดบัญชีกำรลงทุน ซ้อผลิตภัณฑ์กำรลงทุน และกู้ยืมเงิน


กับจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยสำธำรณรัฐสิงคโปร์ กำรให้บริกำรของจ�ำเลยท่ ๑



เป็นกำรให้บริกำรอันเก่ยวกับกำรซ้อขำยผลิตภัณฑ์ซ่งเป็นตรำสำรกำรลงทุนระหว่ำงประเทศ


ให้บรกำรต่ำง ๆ ท่เก่ยวข้องกับกำรลงทุน และเป็นกำรให้ก้ยมเงินในหลำยสกุล มข้อก�ำหนด






164


ในสัญญำให้กฎหมำยสำธำรณรัฐสิงคโปร์เป็นกฎหมำยท่ใช้บังคับแก่สัญญำต่ำง ๆ และให้ศำล


แห่งสำธำรณรัฐสิงคโปร์เป็นศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำข้อพิพำท คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจของศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
ในช้นพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ


พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

เป็นผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ

วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศซึ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง

ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ

จ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยต่ำงประเทศ ซึ่งประกอบกิจกำรธนำคำรพำณิชย์

จัดจ�ำหน่ำยหลักทรัพย์ จัดกำรกองทุนรวม จัดกำรกองทุนส่วนบุคคล ให้ค�ำปรึกษำด้ำนกำร
ลงทุน เป็นผู้แนะน�ำกำรลงทุน วำงแผนกำรลงทุน วิเครำะห์กำรลงทุน และบริหำรจัดกำรดูแล

ผลประโยชน์ของลูกค้ำที่มำลงทุน โจทก์มีบัญชีลงทุนกับจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซื้อขำยแลกเปลี่ยน



ผลิตภัณฑ์กำรลงทุน กู้ยืมเงินจำกจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ และซ้อประกันชีวิตตำมค�ำแนะน�ำของ


จ�ำเลยท่ ๓ ซ่งเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ เม่อโจทก์เป็นผู้รับบริกำรอยู่ในรำชอำณำจักรไทย




รับค�ำปรึกษำแนะน�ำด้ำนกำรลงทุนจำกจ�ำเลยท่ ๑ ถึงท่ ๓ ซ่งอยู่ในต่ำงประเทศ นิติสัมพันธ์


ในลักษณะดังกล่ำวจึงเป็นกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศแม้โจทก์จะบรรยำยฟ้องโดยกล่ำวอ้ำง
ว่ำจ�ำเลยทั้งยี่สิบสำมกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ แต่กำรกระท�ำของจ�ำเลยทั้งยี่สิบสำมเกิดจำกมูลเหตุ
ในกำรให้บริกำร จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยจึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำร

ระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ

และวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕)















165


วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ

นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ















































166

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ แลนด์สโคป อินเตอร์เนชั่นแนล

ที่ วทป ๗๗/๒๕๖๒ พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด โจทก์

บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จ�ำกัด
(มหำชน) กับพวก จ�ำเลย







สภำพแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงให้จ�ำเลยท ๓ ถึงท ๕












รบผดเพรำะเหตทได้ทำสญญำแต่งตงโจทก์เป็นตวแทนนำยหน้ำให้บรกำรส่งเสรม

กำรขำยต่ำงประเทศในเมืองฮ่องกงและมำเก๊ำ เป็นสัญญำระหว่ำงนิติบุคคลซึ่งอยู่คนละ

ประเทศ ผลส�ำเร็จของกำรให้บริกำรคือจ�ำเลยท ๓ ถึงท ๕ สำมำรถเข้ำท�ำสัญญำจะซ้อ






จะขำยห้องชดกับลกค้ำทโจทก์ช้ช่องแนะนำมำ อนมลกษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำง







ประเทศ
_____________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทตำมกฎหมำยของเขตบริหำรพิเศษ


ฮ่องกง (เมืองฮ่องกง) จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ร่วมลงทุนในกิจกำรพัฒนำอสังหำริมทรัพย์ กำร
จัดกำรท่ดินเปล่ำ หรือจัดสรรท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงหรืออำคำรชุดหรืออำคำรพักอำศัย หรือ







อำคำรพำณิชย์เพ่อจ�ำหน่ำยให้แก่บุคคลท่วไป โดยจดทะเบียนจัดต้งบริษัทพรีเม่ยม เรสซิเดนซ์

จ�ำกัด และเชิดบริษัทดงกล่ำวให้เป็นผู้ถือหุ้นรำยใหญ่ มีอ�ำนำจควบคุมและครอบง�ำกำรด�ำเนิน
กิจกำรของจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ซึ่งจ�ำเลยที่ ๓ ด�ำเนินกำรและรับผิดชอบโครงกำรไลฟ์ วัน ไวร์เลส
จ�ำเลยที่ ๔ ด�ำเนินกำรและรับผิดชอบโครงกำรไลฟ์ อโศก ไฮป์ และไลฟ์ อโศก - พระรำม ๙ และ
จ�ำเลยที่ ๕ ด�ำเนินกำรและรับผิดชอบโครงกำรไลฟ์ ลำดพร้ำว แวลลี่ย์ เมื่อวันที่ ๓ กรกฎำคม
๒๕๖๐ โจทก์และจ�ำเลยที่ ๓ ตกลงท�ำสัญญำตัวแทนขำย (Sale Agency Agreement) วันที่ ๑๕
กันยำยน ๒๕๖๐ โจทก์และจ�ำเลยที่ ๔ ท�ำสัญญำให้บริกำรส่งเสริมกำรขำยต่ำงประเทศ (Service
Agreement for Overseas Marketing Campaign) และวันที่ ๑๔ มิถุนำยน ๒๕๖๑ โจทก์และ
จ�ำเลยท่ ๕ ท�ำสัญญำให้บริกำรส่งเสริมกำรขำยต่ำงประเทศ (Service Agreement for Overseas



Marketing Campaign) เพ่อแต่งต้งให้โจทก์เป็นตัวแทนนำยหน้ำให้บริกำรส่งเสริมกำรขำย
ต่ำงประเทศโครงกำรที่จ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ด�ำเนินกำรในเมืองฮ่องกงและมำเก๊ำ โดยชี้ชวนและ




แนะน�ำผู้ท่ต้องกำรห้องชุดให้จองซ้อและเข้ำท�ำสัญญำจะซ้อจะขำยห้องชุดท่อยู่ระหว่ำงกำร
167

ก่อสร้ำง โดยจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ตกลงจ่ำยค่ำตอบแทนแก่โจทก์ส�ำหรับกำรท�ำหน้ำที่ตำมสัญญำ



เม่อมีลูกค้ำจองซ้อและตกลงท�ำสัญญำจะซ้อจะขำยห้องชุดในโครงกำรดังกล่ำวภำยใน ๔๕ วัน


นับแต่ได้รับใบแจ้งหน้จำกโจทก์ โจทก์ได้ปฏิบัติหน้ำท่ตำมสัญญำ โดยโฆษณำขำยห้องชุด



แนะน�ำ และชักน�ำลูกค้ำในเมืองฮ่องกงและมำเก๊ำให้จองซ้อและตกลงท�ำสัญญำจะซ้อจะขำย

ห้องชุดของจ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๕ โจทก์ได้ออกใบแจ้งหน้ให้แก่จ�ำเลยดังกล่ำวแล้วแต่ไม่ช�ำระ


โจทก์จึงบอกกล่ำวให้จ�ำเลยทั้งห้ำช�ำระหนี้ แต่จ�ำเลยทั้งห้ำผิดนัดไม่ช�ำระหนี้ ท�ำให้โจทก์เสียหำย
ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑ ถึงจ�ำเลยที่ ๓ ร่วมกันช�ำระค่ำบริกำรแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๓๒,๓๓๐ บำท




และดอกเบ้ย ๕,๘๗๓.๒๘ บำท รวมเป็นเงินท้งส้น ๑๓๘,๒๐๓.๒๘ บำท พร้อมดอกเบ้ย
ในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๓๒,๓๓๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ



จะช�ำระแล้วเสร็จแก่โจทก์ ให้จ�ำเลยท่ ๑ ท่ ๒ และท่ ๔ ร่วมกันช�ำระค่ำบริกำรแก่โจทก์


เป็นเงิน ๗,๕๘๑,๖๙๕.๓๐ บำท และดอกเบ้ย ๑๖๖,๓๕๕.๖๑ บำท รวมเป็นเงินท้งส้น


๗,๗๔๘,๐๕๐.๙๑ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๗,๕๘๑,๖๙๕.๓๐ บำท

นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระแล้วเสร็จแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยท่ ๑ ท่ ๒ และ



ท่ ๕ ร่วมกันช�ำระค่ำบริกำรแก่โจทก์เป็นเงิน ๒๒,๓๘๓,๓๘๑.๐๐ บำท และดอกเบ้ย



๖๔๐,๒๗๔.๙๔ บำท รวมเป็นเงินท้งส้น ๒๓,๐๒๓,๖๕๕.๙๔ บำท พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำ
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน๒๒,๓๘๓,๓๘๑.๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระแล้วเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยดังกล่ำวไม่ได้เป็นคู่สัญญำกับโจทก์ โจทก์จึง



ไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ บริษัทพรีเม่ยม เรสซิเดนซ์ จ�ำกัด เป็นนิติบุคคลแยก
ต่ำงหำกจำกจ�ำเลยท ๑ และท ๒ และจ�ำเลยดงกล่ำวไม่เคยเชดบริษัทดังกล่ำวให้มอ�ำนำจ







ควบคุมและครอบง�ำกิจกำรของจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ จ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ท�ำสัญญำแต่งตั้งโจทก์


ให้เป็นตัวแทนนำยหน้ำให้บริกำรส่งเสริมกำรขำยต่ำงประเทศกับโจทก์โดยตรง ยอดหน้ท่โจทก์

เรียกร้องไม่ถูกต้อง และคดีน้ไม่ได้อยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ






ระหว่ำงประเทศ เน่องจำกมูลหน้ท่โจทก์น�ำมำฟ้องจ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ เป็นหน้ค่ำบริกำรและ


ค่ำนำยหน้ำค้ำงช�ำระตำมสัญญำให้บริกำรส่งเสริมกำรขำยต่ำงประเทศ โจทก์มีหน้ำท่ช้ช่องและ
ติดต่อหำลูกค้ำให้แก่จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๕ เพ่อมำซ้อห้องชุดเท่ำน้น โดยกำรท่ลูกค้ำท่ได้รับกำร








ช้ชวนจำกโจทก์จะเข้ำมำซ้อห้องชุดก็เป็นผลส�ำเร็จของกำรช้ช่องของโจทก์เท่ำน้น อันได้กระท�ำ





จนเสร็จส้นท้งหมดในประเทศหน่งประเทศใดเพียงประเทศเดียว หำได้เป็นกำรให้บริกำรจำก

168



ประเทศหน่งและเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรในอีกประเทศหน่งไม่ จึงไม่ใช่คดีแพ่งท ี ่

เก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สิน

ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ ขอให้ยกฟ้อง

จ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ ให้กำรว่ำ ฝ่ำยจ�ำเลยได้ท�ำสัญญำแต่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนนำยหน้ำ

ให้บริกำรส่งเสริมกำรขำยต่ำงประเทศ และได้ช�ำระค่ำบริกำรให้โจทก์มำโดยตลอด แต่มีบำงส่วนท ี ่









ยงมปัญหำ เนองจำกมีข้อโต้แยงวำจะชำระใหแก่โจทก์หรอบรษัทแลนด์สโคป (ประเทศไทย) จ�ำกด


ฝ่ำยจ�ำเลยจึงไม่ได้ผิดสัญญำกับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบ้ยผิดนัดแต่อย่ำงใด อีกท้งยอดหน ้ ี




ท่โจทก์เรียกร้องไม่ถูกต้อง และคดีน้ไม่ได้อยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ

กำรค้ำระหว่ำงประเทศ เน่องจำกมูลหน้ท่โจทก์น�ำมำฟ้องเป็นหน้ค่ำบริกำรและค่ำนำยหน้ำค้ำง



ช�ำระตำมสัญญำให้บริกำรส่งเสริมกำรขำยต่ำงประเทศ โจทก์มีหน้ำท่ช้ช่องและติดต่อหำลูกค้ำ















ให้แก่จำเลยท่ ๓ ถงท่ ๕ เพอมำซ้อห้องชดเทำนน โดยกำรท่ลูกค้ำทไดรับกำรช้ชวนจำกโจทก์











จะเข้ำมำซอห้องชดกเป็นผลสำเรจของกำรชช่องของโจทก์เท่ำนน อนได้กระทำจนเสรจสน










ท้งหมดในประเทศหน่งประเทศใดเพียงประเทศเดียว หำได้เป็นกำรให้บริกำรจำกประเทศหน่ง



และเป็นผลให้ผู้รับบริกำรได้รับบริกำรในอีกประเทศหน่งไม่ จึงไม่ใช่คดีแพ่งท่เก่ยวกับกำรให้

บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ ขอให้ยกฟ้อง

ในช้นช้สองสถำน ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง เห็นว่ำ กรณ ี

มีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำน





ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพเศษเป็นผ้วนจฉย ตำมพระรำชบญญัติจัดต้งศำลทรพย์สินทำงปัญญำ




และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕)

แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำ
คดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์กล่ำว


อ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ และท่ ๒ ร่วมลงทุนในกิจกำรพัฒนำอสังหำริมทรัพย์ กำรสร้ำงอำคำรชุด
169

หรืออำคำรพักอำศัยเพื่อจ�ำหน่ำยให้แก่บุคคลทั่วไป โดยจัดตั้งบริษัทพรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์ จ�ำกัด

และเชิดบริษัทดังกล่ำวให้เป็นผู้ถือหุ้นรำยใหญ่ โดยมีอ�ำนำจควบคุมและครอบง�ำกำรด�ำเนิน

กิจกำรของจ�ำเลยที่ ๓ ถึงที่ ๕ อีกทั้งสภำพแห่งข้อหำตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงให้



จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๕ รับผิดเพรำะเหตุท่ได้ท�ำสัญญำแต่งต้งโจทก์เป็นตัวแทนนำยหน้ำให้







บรกำรส่งเสรมกำรขำยต่ำงประเทศในเมองฮ่องกงและมำเก๊ำ อนเป็นกำรส่งเสรมกำรขำยหรอ


ท�ำกำรตลำดเพ่อขำยห้องชุดดังกล่ำวล่วงหน้ำในขณะท่อำคำรชุดดังกล่ำวยังสร้ำงไม่เสร็จ

เม่อโจทก์เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนบริษัทตำมกฎหมำยของเขตบริหำรพิเศษฮ่องกง ซ่งสัญญำ


ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๕ เป็นสัญญำระหว่ำงนิติบุคคลซ่งอยู่คนละประเทศ โดย


สำระส�ำคัญของสัญญำคือ กำรโฆษณำ แนะนำ และชักน�ำให้ลูกค้ำในเมองฮ่องกงและมำเก๊ำ

















เข้ำทำสญญำจะซอจะขำยห้องชดซงตงอย่ในประเทศไทยกบจำเลยท ๓ ถงท ๕ ผลสำเรจ





ของกำรให้บริกำรคือจ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่๕ สำมำรถเข้ำท�ำสัญญำจะซ้อจะขำยห้องชุดกับลูกค้ำ



ท่โจทก์ช้ช่องแนะน�ำมำ จึงมีลักษณะเป็นกำรให้บริกำรจำกโจทก์ผู้ให้บริกำรในเมืองฮ่องกง



ในประเทศหน่งเป็นผลให้จ�ำเลยท่ ๓ ถึงท่ ๕ ผู้รับบริกำรได้รับประโยชน์จำกบริกำรน้นในอีก



ประเทศหน่ง อันมีลักษณะของกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ คดีน้จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำร



ให้บริกำรระหว่ำงประเทศท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมมำตรำ ๗ (๕) แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ

และกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙

วินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ
170

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทยคม จ�ำกัด

ที่ วทป ๑/๒๕๖๓ (มหำชน) โจทก์

บริษัทโอเปกซ์ เทล จ�ำกัด จ�ำเลย



โจทก์เป็นผู้ให้บริกำรช่องสัญญำณส่อสำรดำวเทียมอยู่ในรำชอำณำจักรไทย


ให้บริกำรช่องสัญญำณส่อสำรดำวเทียมแก่จ�ำเลยซ่งอยู่ในสำธำรณรัฐอำหรับอียิปต์

เม่อจ�ำเลยผิดนัดไม่ช�ำระค่ำบริกำรแก่โจทก์ จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำร

ระหว่ำงประเทศ
_____________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหำชนจ�ำกัด ส่วนจ�ำเลยเป็นนิติบุคคล
ตำมกฎหมำยของสำธำรณรัฐอำหรับอียิปต์ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกำยน ๒๕๕๕ โจทก์ท�ำสัญญำให้

บริกำรช่องสัญญำณส่อสำรดำวเทียมในรูปแบบของช่องสัญญำณท่จัดสรรให้แก่ลูกค้ำและอุปกรณ์


ช่องสัญญำณสื่อสำรดำวเทียม หรือสัญญำบริกำรทรำนส์พอนเดอร์ มีก�ำหนดเวลำตั้งแต่วันที่ ๑
ธันวำคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยตกลงช�ำระค่ำบริกำรแก่โจทก์ภำยใน


ก�ำหนดเวลำท่แจ้งไว้ในใบแจ้งหน้ซ่งโจทก์จะส่งให้เป็นรำยเดือน หำกผิดนัดยอมเสียเบ้ยปรับ



แก่โจทก์ และโจทก์อำจระงับบริกำรช่วครำวและ/หรือยกเลิกสัญญำได้ โจทก์ส่งใบแจ้งหน้เรียกเก็บ


ค่ำบริกำรจำกจ�ำเลยแล้ว แต่จ�ำเลยผิดนัดไม่ช�ำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์บอกกล่ำวทวงถำมให้จ�ำเลย
ช�ำระหนี้ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๘ โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญำ

ภำยหลังสัญญำเลิกกันแล้ว จ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่โจทก์เพียงบำงส่วน ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระ
เงิน ๘๙๔,๓๗๓.๓๓ ดอลลำร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงิน ๒๗,๓๙๐,๒๗๒.๗๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย

อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ในชั้นพิจำรณำ ศำลจังหวัดนนทบุรี เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศหรือไม่ จึงให้รอกำรพิจำรณำ

พิพำกษำคดีไว้ช่วครำว แล้วเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็น


ผู้วินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและ
วิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๙






171





วินิจฉยว่ำ คดีน้เป็นคดีแพ่งเก่ยวกับกำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศซ่งอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติ

จัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มำตรำ ๗ (๕) หรือไม่ เห็นว่ำ เมื่อโจทก์เป็นผู้ให้บริกำร



ช่องสัญญำณส่อสำรดำวเทียมอยู่ในรำชอำณำจักรไทย ให้บริกำรช่องสัญญำณส่อสำรดำวเทียม










แก่จำเลยซงอย่ในสำธำรณรฐอำหรบอยปต์ นตสมพนธ์ในลกษณะดงกล่ำวจงเป็นกำรให้บรกำร









ระหว่ำงประเทศประเภทหน่ง เม่อจ�ำเลยผิดนัดไม่ช�ำระค่ำบริกำรแก่โจทก์ จึงเป็นคดีแพ่งเก่ยวกับ
กำรให้บริกำรระหว่ำงประเทศ ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ

ระหว่ำงประเทศและวิธีพิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙
มำตรำ ๗ (๕)






วนจฉยวำ คดนอยในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลทรพยสนทำงปญญำและกำรคำ











ระหว่ำงประเทศ
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
สุธรรม สุธัมนำถพงษ์ - ย่อ
นิภำ ชัยเจริญ - ตรวจ














172


Click to View FlipBook Version