ฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ และ ๒๙๖ ที่มำตรำ ๘ วรรคสอง
ี
ึ
บัญญัติว่ำ “ในกรณีท่กำรกระท�ำควำมผิดตำมมำตรำ ๔ วรรคหน่ง เป็นควำมผิดกรรมเดียว
ื
ึ
กับควำมผิดตำมกฎหมำยอ่น ให้ด�ำเนินคดีควำมผิดตำมมำตรำ ๔ วรรคหน่ง ต่อศำลรวม
ื
ื
ั
ั
ไปกับควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้น เว้นแต่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้นมีอัตรำโทษสูงกว่ำ
ี
ื
ี
ื
ั
ให้ด�ำเนินคดีต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้น...” เม่อคดีน้มีปัญหำ
ท่จะต้องพิจำรณำว่ำกำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวตำม
ี
พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคหน่ง
ึ
และเป็นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ โดยตำมมำตรำ ๔
วรรคสอง ได้บัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕
ึ
เป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ ซ่งกำรแก้ไขปัญหำควำมรุนแรงในครอบครัวมีควำมละเอียดอ่อน
ั
ซับซ้อนและเก่ยวข้องกับบุคคลใกล้ชิด จึงมีลักษณะพิเศษโดยมีรูปแบบ วิธีกำร และข้นตอน
ี
ี
ท่มีลักษณะแตกต่ำงจำกกำรด�ำเนินคดีอำญำโดยท่วไป กำรน�ำมำตรกำรทำงอำญำตำม
ั
ประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บังคับกับกำรกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัวจึงไม่เหมำะสม
ื
เน่องจำกกำรพิจำรณำคดีอำญำในศำลอ่นมีควำมมุ่งหมำยท่จะลงโทษผู้กระท�ำควำมผิดมำกกว่ำ
ี
ื
กำรพิจำรณำคดีในศำลเยำวชนและครอบครัวท่มุ่งแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท�ำควำมผิด หรือปกป้อง
ี
ี
คุ้มครองผู้ท่ถูกกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว โดยผู้กระท�ำควำมผิดมีโอกำสกลับตัวและ
ยับย้งกำรกระท�ำควำมผิดซ้ำ รวมท้งสำมำรถรักษำควำมสัมพันธ์อันดีในครอบครัวไว้ กำรท ่ ี
ั
ั
�
มำตรำ ๔ วรรคสอง ได้บัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ั
มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิดอนยอมควำมได้ เม่อพิจำรณำประกอบเหตผลในกำรตรำ
ุ
ื
พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงถือได้ว่ำ
ควำมผิดตำมฟ้องฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิด
ี
ท่ได้บัญญัติไว้ตำมมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
่
�
ิ
ี
ในครอบครว พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วย ส่วนทโจทก์ฟ้องในควำมผดฐำนทำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวล
ั
กฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๖ ด้วย เพรำะผู้เสียหำยเป็นบุพกำรีโดยเป็นบิดำของจ�ำเลยอันเป็น
ุ
บคคลในครอบครวจงเป็นเหตฉกรรจ์ของมำตรำ ๒๙๕ ให้ต้องรบโทษหนกขนเท่ำนน กรณ ี
ั
ึ
ั
ุ
ึ
้
ั
ั
้
ยังเป็นควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ จึงไม่ใช่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่น
ื
ี
ี
่
ิ
�
ิ
�
ี
่
ทให้ดำเนนคดต่อศำลทมอำนำจพจำรณำควำมผดตำมกฎหมำยอนตำมควำมหมำยของ
ิ
ี
่
ื
ั
ั
มำตรำ ๘ วรรคสอง ดังน้น ควำมผิดท้งสองฐำนจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
973
ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๕ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ผู้พิพำกษำศำลฎีกำ ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่ง
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
974
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนอัยกำร
ที่ วยช ๑๐๙/๒๕๖๔ จังหวัดสมุทรสงครำม โจทก์
นำย ว. จ�ำเลย
ี
ิ
ั
ี
ิ
ั
พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของศำลเยำวชน
ี
ี
ั
และครอบครัว และมำตรำ ๓ แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ี
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ ในพระรำชบัญญัติน “ศำล” หมำยควำมว่ำ
้
ั
ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดต้งศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว แสดงให้เห็นเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัต ิ
ี
ดังกล่ำวท่ต้องกำรให้กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและครอบครัวเข้ำมำมีบทบำท
ี
ในกำรแก้ไขปัญหำกำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซ่งเป็นปัญหำท่มีควำมละเอียดอ่อน
ึ
ซับซ้อน เกี่ยวพันกับควำมสัมพันธ์และปัญหำในครอบครัวอย่ำงลึกซึ้ง คดีนี้โจทก์ฟ้องว่ำ
จ�ำเลยท�ำร้ำยผู้เสียหำยซ่งเป็นบุคคลในครอบครัวของจ�ำเลยและขอให้ลงโทษจ�ำเลย
ึ
ตำม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔
ึ
ึ
ซ่งมำตรำ ๔ วรรคหน่ง บัญญัติว่ำ ผู้ใดกระท�ำกำรอันเป็นควำมรุนแรงในครอบครัว
ผู้น้นกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว คดีในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจ
ี
ั
ึ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ ๘ วรรคหน่ง ส่วนท ่ ี
โจทก์ฟ้องว่ำกำรกระท�ำควำมผิดของจ�ำเลยตำมมำตรำ ๔ ดังกล่ำว เป็นกรรมเดียวผิด
ต่อกฎหมำยหลำยบทกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำย
รับอันตรำยสำหัส และขอให้ลงโทษจ�ำเลยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๗ มำด้วยน้น เห็นว่ำ
ั
�
ั
กำรกระทำควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำได้รับอันตรำยสำหส
ตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๗ เป็นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยเช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำย
ร่ำงกำยผู้อ่นตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ ซ่งเป็นควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำท พ.ร.บ.
ื
ึ
ี
่
ุ้
คมครองผู้ถูกกระทำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัต ิ
�
ถึงควำมผิดดังกล่ำวไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัวแตก
ื
ต่ำงจำกควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลอ่นตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ โดยก�ำหนดให้
975
ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ แสดงให้
ี
ี
เห็นเจตนำรมณ์ของกฎหมำยว่ำประสงค์ท่จะหลีกเล่ยงมิให้น�ำมำตรกำรทำงอำญำ
โดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคล
ื
ี
ั
ั
ในครอบครัว ท้งน้เพ่อเปิดโอกำสให้ผู้กระท�ำมีโอกำสกลับตัวและยับย้งกำรกระท�ำ
�
ั
ควำมผิดซ้ำรวมท้งสำมำรถรักษำควำมสัมพันธ์อันดีในครอบครัวระหว่ำงผู้กระท�ำกับ
ั
ผู้ถูกกระท�ำโดยมุ่งถึงควำมสงบสุขและกำรอยู่ร่วมกันในครอบครัวเป็นส�ำคัญ รวมท้ง
สนับสนุนให้ศำลน�ำมำตรกำรต่ำง ๆ ในระบบของศำลเยำวชนและครอบครัวมำบังคับ
ุ
่
ิ
ั
ื
ื
ี
ั
ุ
ใช้เพอช่วยเหลอสำมภรยำและบคคลในครอบครวให้ปรองดองและปรบปรงควำม
ึ
ั
สัมพันธ์ระหว่ำงกันเองและบุคคลในครอบครัว ซ่งเป็นประโยชน์แก่ท้งผู้ถูกกระท�ำ
ี
ผู้กระท�ำ ครอบครัวและสังคมโดยรวมมำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ื
ของศำลยุติธรรมอ่นท่มุ่งใช้เฉพำะมำตรกำรทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคด ี
ี
ึ
ื
ซ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนำรมณ์ในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ในภำพรวม เม่อคดีน ี ้
ื
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำย
ี
รับอันตรำยสำหัสตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๗ ซ่งเป็นควำมผิดท่มำจำกเจตนำท�ำร้ำย
ึ
เช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ ดังกล่ำว เพียงแต่
ผลของกำรกระท�ำก่อให้เกิดอันตรำยแก่ผู้ถูกกระท�ำมำกกว่ำ กฎหมำยจึงแยกมำบัญญัติ
ึ
ั
ื
เป็นมำตรำต่ำงหำกเพ่อระวำงโทษผู้กระท�ำให้สูงข้นเท่ำน้น บทบัญญัติมำตรำ ๒๙๗
จึงเป็นบทบัญญัติท่เป็นเหตุฉกรรจ์ของมำตรำ ๒๙๕ น่นเอง จึงถือได้ว่ำควำมผิดฐำน
ี
ั
ื
ท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำยรับอันตรำยสำหัสตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๗
ี
ท่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยรวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว
เป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ี
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ตำมมำตรำ ๒๙๕ คดีในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ี
ครอบครัวตำม พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) ส่วนควำมผิดฐำนพำอำวุธไปในเมือง หมู่บ้ำน
ั
หรือทำงสำธำรณะโดยไม่มีเหตุสมควรตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๓๗๑ น้น
ี
ั
แม้โจทก์บรรยำยฟ้องควำมผิดฐำนน้กบควำมผิดทงสองฐำนดังกล่ำวเป็นกรณ ี
้
ั
976
ี
ื
ื
ต่ำงกรรมกัน แต่เม่อเป็นควำมผิดหลำยเร่องเก่ยวพันกันโดยปรำกฏว่ำควำมผิดหลำย
ฐำนดังกล่ำวได้กระท�ำลงโดยผู้กระท�ำผิดคนเดียวกัน และควำมผิดตำม ป.อ. มำตรำ ๓๗๑
ั
่
ี
�
ั
ี
่
มอตรำโทษตำกว่ำควำมผิดท้งสองฐำนทอยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องข้อหำน้ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวได้ด้วยตำม ป.วิ.อ. มำตรำ ๒๔ (๑)
วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๖
_____________________________
โจทก์ฟ้องต่อศำลจังหวัดสมุทรสงครำมว่ำ เม่อวันท่ ๑๑ มีนำคม ๒๕๖๔ เวลำ ๑๘.๓๐ นำฬิกำ
ื
ี
�
ุ
�
ิ
ั
ื
�
จำเลยกระทำควำมผดหลำยกรรมต่ำงกนคอ จำเลยพำอำวธแท่งโลหะทรงกลม ๑ แท่ง
ี
ิ
ควำมยำวประมำณ ๑๐ น้ว ไปตำมถนนซอยกุ้งกุลำทอง หมู่ท่ ๖ ต�ำบลลำดใหญ่ อ�ำเภอเมือง
สมุทรสงครำม จังหวัดสมุทรสงครำม อันเป็นในเมือง หมู่บ้ำนหรือทำงสำธำรณะโดยไม่มีเหต ุ
สมควร และจ�ำเลยใช้อำวุธแท่งโลหะทรงกลมดังกล่ำวตีที่บริเวณศีรษะของนำงสำว จ. ผู้เสียหำย
ท่เคยอยู่กินฉันสำมีภริยำกับจ�ำเลยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสซ่งถือเป็นบุคคลในครอบครัว
ึ
ี
ี
หลำยคร้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหำยได้รับบำดเจ็บมีบำดแผลฉีกขำดท่ศีรษะเลือดออกในสมองและ
ั
มีรอยแตกหักบริเวณกะโหลกศีรษะ เป็นอันตรำยสำหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอำกำรทุกขเวทนำและ
ี
จนประกอบกรณียกิจตำมปกติไม่ได้เกินกว่ำย่สิบวัน อันเป็นกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว
เหตุเกิดท่ต�ำบลลำดใหญ่ อ�ำเภอเมืองสมุทรสงครำม จังหวัดสมุทรสงครำม ก่อนคดีน้ขณะท ่ ี
ี
ี
ึ
�
ุ
�
ิ
ี
�
ุ
ื
�
่
ี
ุ
่
�
จำเลยมอำยตำกว่ำสบแปดปี จำเลยเคยต้องคำพพำกษำถงทสดให้ลงโทษจำคก ๔ เดอน
ิ
ฐำนเสพเมทแอมเฟตำมีนขณะขับรถตำมคดีอำญำหมำยเลขแดงท่ ๑๘๐๘/๒๕๖๑ ของ
ี
ี
ศำลจังหวัดชัยภูมิ จ�ำเลยพ้นโทษเม่อวันท่ ๑๖ พฤษภำคม ๒๕๖๒ ภำยในก�ำหนดห้ำปีนับแต่
ื
วันพ้นโทษ จ�ำเลยกลับมำกระท�ำควำมผิดในคดีน้ ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ี
มำตรำ ๒๙๗, ๓๗๑, ๙๑, ๙๒ พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๓, ๔ พระรำชก�ำหนดแก้ไขเพ่มเติมพระรำชบัญญัติส่งเสริมกำรพัฒนำ
ิ
และคุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ มำตรำ ๒, ๓, ๔ กับขอให้เพ่มโทษจ�ำเลย
ิ
หนึ่งในสำมตำมกฎหมำย
ู
ิ
ี
ิ
ั
ี
ื
่
�
จำเลยให้กำรปฏเสธ แต่รบว่ำได้ใช้โทรศพท์เคลอนท่ท�ำร้ำยร่ำงกำยผ้เสยหำยจรงและ
ั
รับว่ำเป็นบุคคลคนเดียวกับจ�ำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
977
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสมุทรสงครำมตรวจส�ำนวนแล้วเห็นว่ำ หำกด�ำเนินกระบวน
พิจำรณำต่อไปจะต้องมีค�ำพิพำกษำตำมบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วย
ควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งอยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัว จึงมีค�ำสั่ง
ให้โอนคดีไปยังศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงครำม ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัด
ี
สมุทรสงครำมตรวจส�ำนวนแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ิ
ี
ของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดช�ำนัญพเศษ
ั
ื
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
พิเครำะห์แล้ว คดีนี้เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจ�ำเลยต่อศำลจังหวัดสมุทรสงครำม ขอให้ลงโทษ
ตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔
ุ
ั
ี
และประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๗, ๓๗๑ กำรท่ศำลจงหวัดสมทรสงครำมรับฟ้องไว้
แล้วต่อมำตรวจส�ำนวนแล้ววินิจฉัยว่ำ หำกด�ำเนินคดีต่อไปในศำลจังหวัดสมุทรสงครำมจะต้องมี
ค�ำพิพำกษำตำมบทบัญญัติแห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจหน้ำท่ของศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงครำม
ี
ี
ี
ั
ั
ี
ั
ั
ั
ั
ึ
จงมีคำส่งโอนคดไปยงศำลเยำวชนและครอบครวจงหวดสมุทรสงครำมน้น แสดงว่ำมปัญหำ
�
ึ
เกิดข้นแล้วว่ำคดีน้จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่
ี
ซึ่งพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๑ บัญญัติว่ำ ในกรณีมีปัญหำว่ำคดีใดจะอยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัว
ึ
หรือไม่ ไม่ว่ำปัญหำน้นจะเกิดข้นในศำลเยำวชนและครอบครัวหรือศำลยุติธรรมอ่น ให้ศำลน้น
ั
ื
ั
รอกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีไว้ช่วครำวแล้วเสนอปัญหำน้นให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
ั
ั
ี
พิเศษเป็นผู้วินิจฉัย กำรท่ศำลจังหวัดสมุทรสงครำมเป็นผู้วินิจฉัยเสียเองว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
ี
ของศำลเยำวชนและครอบครัวจึงเป็นกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำท่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัต ิ
ดังกล่ำว อย่ำงไรก็ตำมเม่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงครำมเสนอปัญหำ
ื
ื
ดังกล่ำวมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยแล้ว เพ่อมิให้เป็นกำรล่ำช้ำแก่คด ี
จึงเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหำดังกล่ำวไปเสียทีเดียว
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ั
พิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
978
และมำตรำ ๓ แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
บัญญัติว่ำ ในพระรำชบัญญัตินี้ “ศำล” หมำยควำมว่ำ ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมกฎหมำย
ั
ั
ั
่
้
ิ
ั
็
ี
ี
ิ
วำดวยกำรจดต้งศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว แสดงให้เหน
เจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติดังกล่ำวท่ต้องกำรให้กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและ
ี
ี
ครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำกำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซ่งเป็นปัญหำท่ม ี
ึ
ควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เกี่ยวพันกับควำมสัมพันธ์และปัญหำในครอบครัวอย่ำงลึกซึ้ง คดีนี้
โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท�ำร้ำยผู้เสียหำยซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวของจ�ำเลยและขอให้ลงโทษจ�ำเลย
ตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔
ซึ่งมำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่ำ ผู้ใดกระท�ำกำรอันเป็นควำมรุนแรงในครอบครัว ผู้นั้นกระท�ำ
ี
ควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว คดีในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ ๘ วรรคหนึ่ง ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่ำกำรกระท�ำควำมผิด
ของจ�ำเลยตำมมำตรำ ๔ ดังกล่ำว เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมำยหลำยบทกับควำมผิดฐำน
ท�ำร้ำยร่ำงกำยจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำยรับอันตรำยสำหัส และขอให้ลงโทษจ�ำเลย
ั
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๗ มำด้วยน้น เห็นว่ำ กำรกระท�ำควำมผิดฐำนท�ำร้ำย
ั
ร่ำงกำยเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รบอันตรำยสำหัสตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๗
�
เป็นควำมผดฐำนทำร้ำยร่ำงกำยเช่นเดยวกบควำมผดฐำนทำร้ำยร่ำงกำยผ้อนตำมประมวล
ี
ั
ื
ู
�
ิ
ิ
่
�
ี
ึ
กฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ซ่งเป็นควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำท่พระรำชบัญญัต ิ
คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัต ิ
ถึงควำมผิดดังกล่ำวไว้ด้วยโดยบัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัวแตกต่ำงจำก
ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลอื่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ โดยก�ำหนดให้
ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ แสดงให้เห็นเจตนำรมณ์
ของกฎหมำยว่ำประสงค์ท่จะหลีกเล่ยงมิให้น�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัดตำมประมวล
ี
ี
ี
กฎหมำยอำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลในครอบครัว ท้งน้เพ่อเปิดโอกำส
ื
ั
ให้ผู้กระท�ำมีโอกำสกลับตัวและยับยั้งกำรกระท�ำควำมผิดซ�้ำ รวมทั้งสำมำรถรักษำควำมสัมพันธ์
อันดีในครอบครัวระหว่ำงผู้กระท�ำกับผู้ถูกกระท�ำโดยมุ่งถึงควำมสงบสุขและกำรอยู่ร่วมกัน
ั
ในครอบครัวเป็นส�ำคัญ รวมท้งสนับสนุนให้ศำลน�ำมำตรกำรต่ำง ๆ ในระบบของศำลเยำวชนและ
ื
ครอบครัวมำบังคับใช้เพ่อช่วยเหลือสำมีภริยำและบุคคลในครอบครัวให้ปรองดองและปรับปรุง
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันเองและบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ทั้งผู้ถูกกระท�ำ ผู้กระท�ำ
979
ื
ี
ครอบครัวและสังคมโดยรวมมำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลยุติธรรมอ่น
ท่มุ่งใช้เฉพำะมำตรกำรทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีซ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนำรมณ์
ี
ึ
ในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ในภำพรวม เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ื
ผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำยรับอันตรำยสำหัสตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๗
ึ
ี
ซ่งเป็นควำมผิดท่มำจำกเจตนำท�ำร้ำยเช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวล
ี
กฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ดังกล่ำว เพยงแต่ผลของกำรกระท�ำก่อให้เกดอันตรำยแก่
ิ
ึ
ู
�
ั
ู
�
ผ้ถูกกระทำมำกกว่ำ กฎหมำยจงแยกมำบญญตเป็นมำตรำต่ำงหำกเพอระวำงโทษผ้กระทำ
่
ั
ิ
ื
ี
ั
ึ
ให้สูงข้นเท่ำน้น บทบัญญัติมำตรำ ๒๙๗ จึงเป็นบทบัญญัติท่เป็นเหตุฉกรรจ์ของมำตรำ ๒๙๕
ื
น่นเอง จึงถือได้ว่ำ ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำยรับอันตรำย
ั
ี
่
ั
สำหสตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๗ ทโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยรวมมำกบ
�
ั
ควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง
ี
แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ตำมมำตรำ ๒๙๕ คดีในส่วนนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
ิ
ี
ิ
ั
ี
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
ั
ั
ิ
ั
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) ส่วนควำมผิดฐำนพำอำวุธไปในเมือง หมู่บ้ำนหรือทำงสำธำรณะ
ั
โดยไม่มีเหตุสมควรตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๓๗๑ น้น แม้โจทก์บรรยำยฟ้องควำมผิด
ื
ั
ี
ฐำนน้กับควำมผิดท้งสองฐำนดังกล่ำวเป็นกรณีต่ำงกรรมกัน แต่เม่อเป็นควำมผิดหลำยเร่อง
ื
ี
เก่ยวพันกันโดยปรำกฏว่ำควำมผิดหลำยฐำนดังกล่ำวได้กระท�ำลงโดยผู้กระท�ำผิดคนเดียวกัน
และควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๓๗๑ มีอัตรำโทษต�่ำกว่ำควำมผิดทั้งสองฐำน
ี
ี
ท่อยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องข้อหำน้ต่อศำลเยำวชน
และครอบครัวได้ด้วยตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๒๔ (๑) วรรคสอง
ประกอบพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๖
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
980
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ข้อสังเกต
ี
ค�ำวินิจฉัยน้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงใน
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งมำตรำ ๓ บัญญัติว่ำ ในพระรำชบัญญัตินี้ “ศำล” หมำยควำมว่ำ ศำล
เยำวชนและครอบครัวตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดต้งศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
ั
่
ี
้
คดเยำวชนและครอบครัว และมำตรำ ๔ วรรคสอง บญญัติถึงควำมผิดฐำนท�ำรำยรำงกำยตำม
ั
ประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัว
แตกต่ำงจำกควำมผดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยบคคลอนตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕
ื
ิ
ุ
่
ั
โดยก�ำหนดให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ ดังน้น
ี
ควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ จึงถือว่ำเป็นควำมผิดท่ได้บัญญัติไว้ใน
พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งอยู่ในอ�ำนำจ
ื
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว และควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็น
เหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำยรับอันตรำยสำหัสตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๗ เป็นควำมผิด
ท่มำจำกเจตนำท�ำร้ำยเช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ี
มำตรำ ๒๙๕ เพียงแต่ผลของกำรกระท�ำก่อให้เกิดอันตรำยแก่ผู้ถูกกระท�ำมำกกว่ำ กฎหมำย
จึงแยกมำบัญญัติเป็นมำตรำต่ำงหำกเพ่อระวำงโทษผู้กระท�ำให้สูงข้นเท่ำน้น บทบัญญัต ิ
ั
ึ
ื
มำตรำ ๒๙๗ จึงเป็นบทบัญญัติท่เป็นเหตุฉกรรจ์ของมำตรำ ๒๙๕ น่นเอง จึงถือได้ว่ำ ควำมผิดฐำน
ั
ี
ท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำยรับอันตรำยสำหัสตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ื
มำตรำ ๒๙๗ เป็นควำมผิดตำมที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕
981
ค�ำวินิจฉัยนี้จึงสอดคล้องกับเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วย
ี
ี
ึ
ควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่งประสงค์ท่จะหลีกเล่ยงมิให้น�ำมำตรกำรทำงอำญำ
โดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลในครอบครัว
เพ่อให้กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำ
ื
ึ
ี
กำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซ่งเป็นปัญหำท่มีควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เก่ยวพันกับ
ี
ควำมสัมพันธ์และปัญหำในครอบครัวอย่ำงลึกซึ้ง ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกำสให้ผู้กระท�ำมีโอกำสกลับตัว
ั
ั
�
และยับย้งกำรกระท�ำควำมผิดซ้ำ รวมท้งสำมำรถรักษำควำมสัมพันธ์อันดีในครอบครัวระหว่ำง
ผู้กระท�ำกับผู้ถูกกระท�ำโดยมุ่งถึงควำมสงบสุขและกำรอยู่ร่วมกันในครอบครัวเป็นส�ำคัญ
ั
รวมท้งสนับสนุนให้ศำลน�ำมำตรกำรต่ำง ๆ ในระบบของศำลเยำวชนและครอบครัวมำบังคับใช้
ุ
เพ่อช่วยเหลอสำมภริยำและบคคลในครอบครัวให้ปรองดองและปรับปรงควำมสัมพนธ์ระหว่ำง
ุ
ั
ื
ื
ี
กันเองและบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ทั้งผู้ถูกกระท�ำ ผู้กระท�ำ ครอบครัวและสังคม
ื
ี
โดยรวมมำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลยุติธรรมอ่นท่มุ่งใช้เฉพำะมำตรกำร
ี
ึ
ทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีซ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนำรมณ์ในกำรแก้ไขปัญหำ
ต่ำง ๆ ในภำพรวม
(รุ่งระวี โสขุมำ)
ผู้ช่วยผู้พิพำกษำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
982
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนอัยกำรคดีเยำวชน
ที่ วยช ๑๒๑/๒๕๖๔ และครอบครัวจังหวัดเลย โจทก์
นำย น. จ�ำเลย
ิ
ี
ิ
ี
ั
ั
พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของศำลเยำวชน
ั
ี
ี
และครอบครัว คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท�ำร้ำยร่ำงกำยนำง ม. ผู้เสียหำย ซ่งเป็นมำรดำ
ึ
ี
ี
ของจ�ำเลยอันเป็นบุคคลในครอบครัว โดยใช้มือชกท่ใบหน้ำของผู้เสียหำย อย่ำงแรง
ั
๑ คร้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหำยได้รับบำดเจ็บเป็นอันตรำยแก่กำยและจิตใจ และขอให้
ลงโทษจ�ำเลยตำม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
ึ
มำตรำ ๔ ป.อ. มำตรำ ๒๙๕, ๒๙๖ ซ่งมำตรำ ๔ วรรคหน่ง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ึ
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ ผู้ใดกระท�ำกำรอันเป็นควำมรุนแรง
ั
ในครอบครัว ผู้น้นกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว คดีในส่วนน ้ ี
จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ ๘ วรรคหน่ง
ึ
ี
ื
เม่อคดีน้โจทก์ฟ้องจ�ำเลยฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวตำม พ.ร.บ. คุ้มครอง
ึ
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคหน่ง รวมมำกับฐำน
ึ
ท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ซ่งมำตรำ ๓ แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครอง
ั
ิ
ั
ุ
ั
ู
ิ
ผ้ถกกระทำด้วยควำมรนแรงในครอบครว พ.ศ. ๒๕๕๐ บญญตว่ำ ในพระรำชบญญตน ี ้
ั
�
ั
ู
“ศำล” หมำยควำมว่ำ ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดต้งศำล
ั
เยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว แสดงให้เห็นเจตนำรมณ์
ี
ของพระรำชบัญญัติดังกล่ำวท่ต้องกำรให้กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและ
ครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำกำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซ่งเป็น
ึ
ปัญหำที่มีควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เกี่ยวพันกับควำมสัมพันธ์และปัญหำในครอบครัว
�
้
ั
ึ
อย่ำงลกซง และมำตรำ ๔ วรรคสอง บญญตถงควำมผดฐำนทำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ.
ึ
ิ
ึ
ิ
ั
มำตรำ ๒๙๕ ไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดดังกล่ำวแตกต่ำงจำกควำมผิดตำมประมวล
กฎหมำยอำญำโดยเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ แสดงให้เห็นเจตนำรมณ์ของกฎหมำย
ท่ประสงค์จะหลีกเล่ยงกำรน�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำย
ี
ี
983
ี
ื
ื
อำญำมำใช้บังคับกับกำรท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นท่เป็นบุคคลในครอบครัวเพ่อเปิดโอกำส
ั
ั
�
ให้ผู้กระท�ำมีโอกำสกลับตัวและยับย้งกำรกระท�ำควำมผิดซ้ำ รวมท้งสำมำรถรักษำ
ควำมสัมพันธ์อันดีในครอบครัวระหว่ำงผู้กระท�ำกับผู้ถูกกระท�ำโดยมุ่งถึงควำมสงบสุข
และกำรอยู่ร่วมกันในครอบครัวเป็นส�ำคัญ รวมท้งสนับสนุนให้ศำลน�ำมำตรกำรต่ำง ๆ
ั
ในระบบของศำลเยำวชนและครอบครัวมำบังคับใช้เพ่อช่วยเหลือสำมีภริยำและบุคคล
ื
ในครอบครัวให้ปรองดองกันและปรับปรุงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันเองและบุคคลใน
ึ
ั
ครอบครัว ซ่งเป็นประโยชน์แก่ท้งผู้ถูกกระท�ำ ผู้กระท�ำ ครอบครัวและสังคมโดยรวม
ื
มำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลยุตธรรมอ่นท่มุ่งใช้เฉพำะ
ิ
ี
ี
มำตรกำรทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีซ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนำรมณ์
ึ
ในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆในภำพรวม จึงต้องถือว่ำควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ.
มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิดตำมที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง ด้วย ส่วนที่โจทก์ฟ้อง
ื
จ�ำเลยในควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๖ มำด้วยก็เพ่อให้จ�ำเลยรับ
ี
ุ
ี
โทษหนกขนเพรำะผ้เสยหำยเป็นบพกำรของจำเลยซงเป็นเหตฉกรรจ์ของควำมผดตำม
�
่
ึ
้
ึ
ั
ิ
ุ
ู
มำตรำ ๒๙๕ นั่นเอง จึงถือได้ว่ำควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยโดยมีเหตุฉกรรจ์ตำม ป.อ.
มำตรำ ๒๙๖ ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยรวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรง
ในครอบครัวเป็นควำมผิดตำมที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ึ
�
ั
ิ
ี
ั
ของศำลเยำวชนและครอบครวเช่นเดยวกนกบควำมผดฐำนทำร้ำยร่ำงกำยตำม
ั
มำตรำ ๒๙๕ คดีในส่วนนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนำยน ๒๕๖๔ เวลำกลำงคืนหลังเที่ยง จ�ำเลยใช้มือชก
ที่ใบหน้ำของนำง ม. ผู้เสียหำย ซึ่งเป็นมำรดำของจ�ำเลยและถือเป็นบุคคลในครอบครัว อย่ำงแรง
๑ คร้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหำยได้รับบำดเจ็บกรำมท้งสองข้ำงบวม กดเจ็บ อ้ำปำกได้เล็กน้อย
ั
ั
ี
เป็นอันตรำยแก่กำยและจิตใจ อันเป็นกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว เหตุเกิดท่ต�ำบล
วังสะพุง อ�ำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ก่อนคดีนี้ขณะที่จ�ำเลยมีอำยุเกินสิบแปดปี จ�ำเลยเคยต้อง
ค�ำพิพำกษำถึงที่สุดให้ลงโทษจ�ำคุก ๙ ปี และปรับ ๔๒๕,๐๐๐ บำท ฐำนร่วมกันมีเมทแอมเฟตำมีน
อันเป็นยำเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพื่อจ�ำหน่ำย ตำมคดีอำญำหมำยเลขแดง
984
ที่ ๔๙๖/๒๕๕๗ ของศำลจังหวัดเลย จ�ำเลยพ้นโทษเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภำคม ๒๕๖๒ ภำยใน
ี
ก�ำหนดห้ำปีนับแต่วันพ้นโทษ จ�ำเลยกลับมำกระท�ำควำมผิดในคดีน้อีก และจ�ำเลยเป็นบุคคล
ี
คนเดียวกับจ�ำเลยในคดีอำญำหมำยเลขแดงท่ ย ๑๘๐๘/๒๕๖๔ ของศำลจังหวัดเลย ขอให้ลงโทษ
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕, ๒๙๖ พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำม
รุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๓, ๔ พระรำชก�ำหนดแก้ไขเพ่มเติมพระรำชบัญญัต ิ
ิ
ส่งเสริมกำรพัฒนำและคุ้มครองสถำบันครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๒ มำตรำ ๓, ๔ ให้เพิ่มโทษจ�ำเลย
ี
ตำมกฎหมำยและนับโทษของจ�ำเลยต่อจำกโทษในคดีอำญำ หมำยเลขแดงท่ ย ๑๘๐๘/๒๕๖๔
ของศำลจังหวัดเลย
ก่อนสอบค�ำให้กำร ศำลเยำวขนและครอบครัวจังหวัดเลย เห็นว่ำ โจทก์ฟ้องขอให้
ลงโทษจ�ำเลยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕, ๒๙๖ และพระรำชบัญญัติคุ้มครอง
ี
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
ั
ั
็
ิ
ื
ั
ั
และครอบครวหรอไม่ เหนว่ำ พระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคด ี
ี
ิ
ิ
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจ
ี
ี
ั
พิจำรณำพิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของศำลเยำวชน
และครอบครัว คดีน้โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยท�ำร้ำยร่ำงกำยนำง ม. ผู้เสียหำย ซ่งเป็นมำรดำของจ�ำเลย
ึ
ี
ั
ี
ุ
ู
่
ั
ื
ั
ุ
อนเป็นบคคลในครอบครว โดยใช้มอชกทใบหน้ำของผ้เสยหำย อย่ำงแรง ๑ คร้ง เป็นเหตให้
ี
ผู้เสียหำยได้รับบำดเจ็บเป็นอันตรำยแก่กำยและจิตใจ และขอให้ลงโทษจ�ำเลยตำมพระรำชบัญญัต ิ
คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ ประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ ๒๙๕, ๒๙๖ ซ่งมำตรำ ๔ วรรคหน่ง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วย
ึ
ึ
ควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ ผู้ใดกระท�ำกำรอันเป็นควำมรุนแรงในครอบครัว
ผู้น้นกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว คดีในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ั
ี
ี
ี
พพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวตำมมำตรำ ๘ วรรคหนง เมอคดน้โจทก์ฟ้องจ�ำเลย
ึ
่
ั
่
ิ
ื
ฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ึ
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคหน่ง รวมมำกับฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำย
985
ึ
อำญำ มำตรำ ๒๙๕ ซ่งมำตรำ ๓ แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ ในพระรำชบัญญัตินี้ “ศำล” หมำยควำมว่ำ ศำลเยำวชนและ
ิ
ี
ั
้
ครอบครัวตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดตงศำลเยำวชนและครอบครัวและวธพิจำรณำคดีเยำวชน
ี
และครอบครัว แสดงให้เห็นเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติดังกล่ำวท่ต้องกำรให้กระบวนกำร
ยุติธรรมของศำลเยำวชนและครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำกำรใช้ควำมรุนแรง
ในครอบครัวซ่งเป็นปัญหำท่มีควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เก่ยวพันกับควำมสัมพันธ์และปัญหำ
ี
ี
ึ
ในครอบครัวอย่ำงลึกซ้ง และมำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติถึงควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ึ
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดดังกล่ำวแตกต่ำงจำก
ควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำโดยเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ แสดงให้เห็นเจตนำรมณ์
ี
ี
ของกฎหมำยท่ประสงค์จะหลีกเล่ยงกำรน�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำย
ั
ั
�
ื
ั
่
�
ู
ุ
ื
ู
่
่
ี
ั
อำญำมำใช้บงคบกบกำรทำร้ำยร่ำงกำยผ้อนทเป็นบคคลในครอบครวเพอเปิดโอกำสให้ผ้กระทำ
ี
มโอกำสกลบตวและยับยงกำรกระทำควำมผิดซ้ำ รวมท้งสำมำรถรกษำควำมสัมพันธ์อันด ี
�
�
ั
ั
ั
ั
้
ั
ในครอบครัวระหว่ำงผู้กระท�ำกับผู้ถูกกระท�ำโดยมุ่งถึงควำมสงบสุขและกำรอยู่ร่วมกันในครอบครัว
เป็นส�ำคัญ รวมท้งสนับสนุนให้ศำลน�ำมำตรกำรต่ำง ๆ ในระบบของศำลเยำวชนและครอบครัว
ั
มำบังคับใช้เพ่อช่วยเหลือสำมีภริยำและบุคคลในครอบครัวให้ปรองดองกันและปรับปรุง
ื
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันเองและบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ทั้งผู้ถูกกระท�ำ ผู้กระท�ำ
ื
ี
ครอบครัวและสังคมโดยรวมมำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลยุติธรรมอ่น
ี
ท่มุ่งใช้เฉพำะมำตรกำรทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีซ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนำรมณ์
ึ
ในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ในภำพรวม จึงต้องถือว่ำควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวล
กฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ เป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง ด้วย ส่วน
ี
ท่โจทก์ฟ้องจ�ำเลยในควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๖
ี
มำด้วยก็เพ่อให้จ�ำเลยรับโทษหนักข้นเพรำะผู้เสียหำยเป็นบุพกำรีของจ�ำเลยซ่งเป็นเหตุฉกรรจ์
ึ
ึ
ื
ของควำมผิดตำมมำตรำ ๒๙๕ นั่นเอง จึงถือได้ว่ำควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยโดยมีเหตุฉกรรจ์
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๖ ท่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยรวมมำกับควำมผิด
ี
ิ
่
ี
ฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดตำมทบัญญัตไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง
ึ
แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่งอยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำน
ท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕ คดีในส่วนนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
986
และครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ข้อสังเกต
ค�ำวินิจฉัยน้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงใน
ี
ิ
ั
ึ
ั
่
ั
ั
ิ
ครอบครว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซงมำตรำ ๓ บญญตว่ำ ในพระรำชบญญตน “ศำล” หมำยควำมว่ำ
ี
้
ั
ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดต้งศำลเยำวชนและครอบครัวและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัวและมำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติถึงควำมผิดฐำนท�ำร้ำย
ร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำย
บุคคลในครอบครัวแตกต่ำงจำกควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นอ่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ื
ื
มำตรำ ๒๙๕ โดยก�ำหนดให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้
ดังนั้นควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ จึงถือว่ำเป็นควำมผิดที่ได้บัญญัติไว้ใน
พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว และควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยบุพกำรีตำม
ประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๖ เป็นควำมผิดที่มำจำกเจตนำท�ำร้ำยเช่นเดียวกับควำมผิด
ื
ฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ โดยกฎหมำยแยกมำบัญญัติเป็น
มำตรำต่ำงหำกเพ่อระวำงโทษผู้กระท�ำให้หนักข้นเพรำะผู้ถูกท�ำร้ำยเป็นบุพกำรี ดังน้นบทบัญญัต ิ
ื
ึ
ั
มำตรำ ๒๙๖ จึงเป็นบทบัญญัติที่เป็นเหตุฉกรรจ์ของมำตรำ ๒๙๕ นั่นเอง จึงถือได้ว่ำ ควำมผิด
ฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยบุพกำรีตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๖ เป็นควำมผิดตำมที่บัญญัติ
ไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
987
พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกันกับ
ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕
ี
ค�ำวินิจฉัยน้จึงสอดคล้องกับเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วย
ี
ี
ควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่งประสงค์ท่จะหลีกเล่ยงมิให้น�ำมำตรกำรทำงอำญำ
ึ
โดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลในครอบครัว
ื
เพ่อให้กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำ
ี
ี
ึ
กำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซ่งเป็นปัญหำท่มีควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เก่ยวพันกับ
ี
ื
ควำมสัมพันธ์และปัญหำในครอบครัวอย่ำงลึกซ้ง ท้งน้เพ่อเปิดโอกำสให้ผู้กระท�ำมีโอกำส
ึ
ั
ิ
ี
ั
้
ั
ั
้
�
ั
ั
ั
กลบตวและยบยงกำรกระทำควำมผดซำ รวมทงสำมำรถรกษำควำมสมพนธ์อนดในครอบครว
ั
ั
ั
�
ั
้
ระหว่ำงผู้กระท�ำกับผู้ถูกกระท�ำโดยมุ่งถึงควำมสงบสุขและกำรอยู่ร่วมกันในครอบครัวเป็นส�ำคัญ
ั
รวมท้งสนับสนุนให้ศำลน�ำมำตรกำรต่ำง ๆ ในระบบของศำลเยำวชนและครอบครัวมำบังคับใช้
เพ่อช่วยเหลือสำมีภริยำและบุคคลในครอบครัวให้ปรองดองและปรับปรุงควำมสัมพันธ์
ื
ระหว่ำงกันเองและบุคคลในครอบครัว ซ่งเป็นประโยชน์แก่ท้งผู้ถูกกระท�ำ ผู้กระท�ำ ครอบครัว
ึ
ั
ื
ุ
ิ
ี
ุ
่
่
่
ู
ี
และสงคมโดยรวมมำกกว่ำทจะให้อย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลยตธรรมอนทม่งใช้
ั
ิ
�
ิ
ึ
เฉพำะมำตรกำรทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีซ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนำรมณ์ในกำร
แก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ในภำพรวม
(รุ่งระวี โสขุมำ)
ผู้ช่วยผู้พิพำกษำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
988
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนสอบสวนสถำนี
ที่ วยช ๔๙/๒๕๖๕ ต�ำรวจภูธรสบปรำบ ผู้ร้อง
นำย ส. ผู้ต้องหำ
ู
ั
�
ั
ิ
แม้พนกงำนอัยกำรยังไม่ได้ฟ้องผ้ต้องหำเป็นคดีต่อศำลและกำรดำเนนกำรยง
อยู่ในระหว่ำงกำรสอบสวนก็ตำม แต่กำรสอบสวนเป็นข้นตอนส�ำคัญของกำรฟ้องคด ี
ั
เนื่องจำก ป.วิ.อ. มำตรำ ๑๒๐ บัญญัติห้ำมมิให้พนักงำนอัยกำรยื่นฟ้องคดีใดต่อศำลโดย
มิได้มีกำรสอบสวนในควำมผิดน้นก่อน ท้งในกำรสอบสวนพนักงำนสอบสวนก็ไม่อำจ
ั
ั
ด�ำเนินกำรได้โดยล�ำพังในทุกกรณีซึ่งบำงกรณีต้องยื่นค�ำร้องต่อศำล และศำลที่มีอ�ำนำจ
ั
ี
ั
พิจำรณำค�ำร้องน้นต้องเป็นศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีน้นน่นเอง ดังน้นกำรท ่ ี
ั
ั
พนักงำนสอบสวนสถำนีต�ำรวจภูธรสบปรำบย่นค�ำร้องขอฝำกขังผู้ต้องหำต่อศำลจังหวัด
ื
ล�ำปำง และศำลจังหวัดล�ำปำงรับพิจำรณำค�ำร้องขอฝำกขังของพนักงำนสอบสวน
ดังกล่ำว แสดงว่ำศำลจังหวัดล�ำปำงเห็นว่ำคดีของผู้ต้องหำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ื
ของศำลจังหวัดล�ำปำงแล้ว เม่อผู้ต้องหำโต้แย้งจึงเป็นกรณีมีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่ใน
อำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ ซงต้องเสนอปัญหำนน
ิ
ื
่
ึ
ั
ิ
�
้
ั
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำม พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและ
ครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ิ
ั
พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
ี
ี
ั
ิ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำหรือมีค�ำสั่งในคดีที่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำที่ของศำลเยำวชนและ
ี
ครอบครัว คดีน้พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำว่ำ ผู้ต้องหำท�ำร้ำยร่ำงกำยนำย ส. บิดำของ
ผู้ต้องหำซ่งเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้ต้องหำจนได้รับบำดเจ็บรุนแรงและถึงแก่ควำม
ึ
ตำยในเวลำต่อมำ ขอให้ลงโทษผู้ต้องหำตำม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ ประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐ ซึ่งมำตรำ ๔
วรรคหน่ง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
ึ
ั
บัญญัติว่ำ ผู้ใดกระท�ำกำรอันเป็นควำมรุนแรงในครอบครัว ผู้น้นกระท�ำควำมผิดฐำน
ี
กระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว คดีในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ ๘ วรรคหนึ่ง เมื่อคดีนี้พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำ
989
ผู้ต้องหำว่ำกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวตำม พ.ร.บ. คุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง รวมมำกับ
ึ
ฐำนท�ำร้ำยบุพกำรีจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ควำมตำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๐ ซ่งมำตรำ ๓
แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
้
บัญญัติว่ำ ในพระรำชบัญญัติน “ศำล” หมำยควำมว่ำ ศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
ั
ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดต้งศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
ี
และครอบครว แสดงให้เห็นเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติดังกล่ำวท่ต้องกำรให้
ั
กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำ
ี
ึ
ี
ี
่
ั
ี
กำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซ่งเป็นปัญหำท่มควำมละเอยดอ่อน ซับซ้อน เกยวพันกบ
ควำมสัมพันธ์และปัญหำในครอบครัวอย่ำงลึกซ้ง และมำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติถึง
ึ
ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรำยแก่กำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕
ื
ไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดดังกล่ำวแตกต่ำงจำกควำมผิดตำมประมวลกฎหมำย
็
ิ
ั
อำญำโดยเป็นควำมผดอนยอมควำมได้ แสดงให้เหนเจตนำรมณ์ของกฎหมำยท ่ ี
ี
ประสงค์จะหลีกเล่ยงกำรน�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำย
ื
ื
อำญำมำใช้บังคับกับกำรท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นท่เป็นบุคคลในครอบครัว เพ่อเปิดโอกำส
ี
ั
ให้ผู้กระท�ำมีโอกำสกลับตัวและยับย้งกำรกระท�ำควำมผิดซ้ำ ซ่งเป็นประโยชน์แก่
ึ
�
ผู้กระท�ำ ครอบครัว และสังคมโดยรวมมำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
ี
ี
ื
ศำลยุติธรรมอ่นท่มุ่งใช้เฉพำะมำตรกำรทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคด ย่อมไม่
สอดคล้องกับเจตนำรมณ์ในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ในภำพรวม จึงต้องถือว่ำควำมผิดฐำน
่
ู
ู
้
ึ
ทำร้ำยร่ำงกำยผ้อนจนเป็นเหตให้ผ้นนถงแก่ควำมตำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๐ ซง
ั
ื
�
่
ึ
ุ
ผู้กระท�ำมีเจตนำเพียงท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลในครอบครัวเป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ใน
ี
มำตรำ ๔ วรรคสอง ด้วย ส่วนที่พนักงำนสอบสวนขอให้ลงโทษผู้ต้องหำในควำมผิดฐำน
่
�
ู
ื
้
ั
ู
ุ
ทำร้ำยร่ำงกำยผ้อนจนเป็นเหตให้ผ้นนถงแก่ควำมตำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๐ มำด้วย
ึ
ก็เพ่อให้ผู้ต้องหำรับโทษหนักข้น เพรำะผลจำกกำรกระท�ำซ่งเป็นเหตุฉกรรจ์ของควำมผิด
ึ
ื
ึ
ตำมมำตรำ ๒๙๕ น่นเอง ดังน้นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้น้น
ั
ั
ั
ื
ถึงแก่ควำมตำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๐ ท่พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำและขอฝำกขัง
ี
ผู้ต้องหำรวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดตำม
ท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ี
990
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ย่อมอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ื
ครอบครัวเช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรำย
ิ
้
ิ
�
แก่กำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ คดีในส่วนนจึงอยู่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของ
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัวตำม พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕)
______________________________
เมื่อวันที่ ๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๕ พนักงำนสอบสวนสถำนีต�ำรวจภูธรสบปรำบ ยื่นค�ำร้อง
ขอฝำกขังผู้ต้องหำครั้งที่ ๑ ต่อศำลจังหวัดล�ำปำง โดยกล่ำวหำว่ำ เมื่อวันที่ ๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๕
เวลำ ๒๐ นำฬิกำ ผู้ต้องหำซึ่งมีอำกำรเมำสุรำทะเลำะกับนำย ส. ซึ่งเป็นบิดำของผู้ต้องหำและ
ได้ท�ำร้ำยร่ำงกำยนำย ส. จนได้รับบำดเจ็บรุนแรง และถึงแก่ควำมตำยในเวลำต่อมำ พนักงำน
สอบสวนแจ้งข้อกล่ำวหำแก่ผู้ต้องหำว่ำ กระท�ำควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุพกำรีจนเป็นเหตุให้ถึงแก่
ควำมตำยและเป็นกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว ศำลจังหวัดล�ำปำงอนุญำตให้ฝำกขัง
ผู้ต้องหำไว้มีก�ำหนด ๑๒ วัน ตำมขอ
ื
ระหว่ำงกำรฝำกขัง พนักงำนสอบสวนย่นค�ำร้องต่อศำลจังหวัดล�ำปำงว่ำ พนักงำน
สอบสวนแจ้งข้อกล่ำวหำเพ่มเตมแก่ผ้ต้องหำในควำมผิดฐำนกระทำควำมรุนแรงในครอบครัว
�
ิ
ู
ิ
ี
และเสนอส�ำนวนกำรสอบสวนคดีน้ต่อพนักงำนอัยกำรคดีเยำวชนและครอบครัวจังหวัดล�ำปำง
ื
เพ่อพิจำรณำฟ้องผู้ต้องหำ ขอศำลอนุญำตให้โอนกำรฝำกขังผู้ต้องหำไปยังศำลเยำวชนและ
ครอบครัวจังหวัดล�ำปำง
ศำลจังหวัดล�ำปำงมีค�ำส่งว่ำ กรณีตำมค�ำร้องไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวล
ั
ั
ี
กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๘๗ วรรคท้ำย ท่ศำลจะมีค�ำส่งให้โอนกำรฝำกขังได้
จึงให้ยกค�ำร้อง
ื
ี
วันท่ ๑๘ เมษำยน ๒๕๖๕ ผู้ต้องหำย่นค�ำร้องต่อศำลจังหวัดล�ำปำงว่ำ ควำมผิดท ่ ี
ิ
�
ู
ผ้ต้องหำกระทำตำมข้อกล่ำวหำอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
ิ
�
ู
จังหวัดล�ำปำง ขอให้โอนคดีไปยังศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดล�ำปำง
ศำลจังหวัดล�ำปำงพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีในช้นกำรฝำกขังอยู่ใน
ั
อ�ำนำจพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
991
ี
วินิจฉัยว่ำ มีปัญหำต้องวินิจฉัยประกำรแรกว่ำ กำรท่ผู้ต้องหำโต้แย้งว่ำคดีของ
ั
ผู้ต้องหำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวในระหว่ำงกำรสอบสวนน้น
�
็
ั
ื
ี
ี
เป็นกรณมปัญหำว่ำ คดใดจะอย่ในอำนำจของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ เหนว่ำ
ู
ี
แม้พนักงำนอัยกำรยังไม่ได้ฟ้องผู้ต้องหำเป็นคดีต่อศำลและกำรด�ำเนินกำรยังอยู่ในระหว่ำง
ั
ื
กำรสอบสวนก็ตำม แต่กำรสอบสวนเป็นข้นตอนส�ำคัญของกำรฟ้องคดีเน่องจำกประมวลกฎหมำย
วิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๑๒๐ บัญญัติห้ำมมิให้พนักงำนอัยกำรย่นฟ้องคดีใดต่อศำล
ื
โดยมิได้มีกำรสอบสวนในควำมผิดน้นก่อน ท้งในกำรสอบสวนพนักงำนสอบสวนก็ไม่อำจ
ั
ั
ด�ำเนินกำรได้โดยล�ำพังในทุกกรณีซ่งบำงกรณีต้องย่นค�ำร้องต่อศำล และศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำ
ึ
ี
ื
ค�ำร้องนั้นต้องเป็นศำลที่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีนั้นนั่นเอง ดังนั้นกำรที่พนักงำนสอบสวน
่
�
ื
ั
ั
�
ั
ั
ั
ู
ู
สถำนตำรวจภธรสบปรำบยนคำร้องขอฝำกขงผ้ต้องหำต่อศำลจงหวดลำปำง และศำลจงหวด
�
ี
ล�ำปำงรับพิจำรณำค�ำร้องขอฝำกขังของพนักงำนสอบสวนดังกล่ำว แสดงว่ำศำลจังหวัดล�ำปำง
เห็นว่ำคดีของผู้ต้องหำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัดล�ำปำงแล้ว เม่อผู้ต้องหำ
ื
โต้แย้งจึงเป็นกรณีมีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ี
ั
ึ
ครอบครัวหรือไม่ ซ่งต้องเสนอปัญหำน้นให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ั
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ั
ั
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
ั
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
มีปัญหำต้องวินิจฉัยประกำรต่อมำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
เยำวชนและครอบครัวหรือไม่ เห็นว่ำ พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัว
มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของ
ี
ั
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัว คดีน้พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำว่ำ ผู้ต้องหำท�ำร้ำยร่ำงกำยนำย ส.
ี
ึ
บิดำของผู้ต้องหำซ่งเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้ต้องหำจนได้รับบำดเจ็บรุนแรงและ
ถึงแก่ควำมตำยในเวลำต่อมำ ขอให้ลงโทษผู้ต้องหำตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ ประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐
ึ
ซ่งมำตรำ ๔ วรรคหน่ง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
ึ
้
ั
พ.ศ. ๒๕๕๐ บญญัติว่ำ ผู้ใดกระท�ำกำรอันเป็นควำมรุนแรงในครอบครัว ผู้นนกระทำควำมผิด
�
ั
ี
ฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว คดีในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ึ
ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ ๘ วรรคหน่ง เม่อคดีน้พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำผู้ต้องหำว่ำ
ี
ื
992
ั
ิ
ิ
ุ
ุ
ั
ั
ู
ู
�
�
�
กระทำควำมผดฐำนกระทำควำมรนแรงในครอบครวตำมพระรำชบญญตค้มครองผ้ถกกระทำ
ึ
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคหน่ง รวมมำกับฐำนท�ำร้ำย
ึ
บุพกำรีจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ควำมตำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐ ซ่งมำตรำ ๓
แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ
ในพระรำชบัญญัติน้ “ศำล” หมำยควำมว่ำ ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำร
ี
จัดต้งศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว แสดงให้เห็น
ั
เจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติดังกล่ำวท่ต้องกำรให้กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและ
ี
ึ
ครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำกำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซ่งเป็นปัญหำท่ม ี
ี
ี
ึ
ควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เก่ยวพันกับควำมสัมพันธ์และปัญหำในครอบครัวอย่ำงลึกซ้ง และ
มำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติถึงควำมผิดฐำนท�ำร้ำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรำยแก่กำย
ื
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดดังกล่ำวแตกต่ำง
ั
จำกควำมผดตำมประมวลกฎหมำยอำญำโดยเป็นควำมผดอนยอมควำมได้ แสดงให้เหน
ิ
็
ิ
เจตนำรมณ์ของกฎหมำยท่ประสงค์จะหลีกเล่ยงกำรน�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัด
ี
ี
ื
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บังคับกับกำรท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นท่เป็นบุคคลในครอบครัว
ี
ี
�
ั
ั
่
้
ื
เพ่อเปิดโอกำสให้ผ้กระทำมโอกำสกลบตัวและยับย้งกำรกระท�ำควำมผดซำ ซงเป็นประโยชน์
ิ
ึ
�
ู
แก่ผู้กระท�ำ ครอบครัว และสงคมโดยรวมมำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ี
�
ั
ี
ื
ศำลยุติธรรมอ่นท่มุ่งใช้เฉพำะมำตรกำรทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดี ย่อมไม่สอดคล้อง
กับเจตนำรมณ์ในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ในภำพรวม จึงต้องถือว่ำควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ึ
ู
ผ้อ่นจนเป็นเหตให้ผู้นนถึงแก่ควำมตำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐ ซ่งผ้กระท�ำ
ั
ุ
้
ู
ื
มีเจตนำเพียงท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลในครอบครัว เป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔
ี
ี
วรรคสอง ด้วย ส่วนท่พนักงำนสอบสวนขอให้ลงโทษผู้ต้องหำในควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ื
ผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้น้นถึงแก่ควำมตำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐ มำด้วย
ั
ึ
ก็เพ่อให้ผู้ต้องหำรับโทษหนักข้น เพรำะผลจำกกำรกระท�ำซ่งเป็นเหตุฉกรรจ์ของควำมผิด
ึ
ื
ตำมมำตรำ ๒๙๕ นั่นเอง ดังนั้นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ควำมตำย
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐ ที่พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำและขอฝำกขังผู้ต้องหำ
ี
รวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ใน
มำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ ย่อมอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกัน
993
ื
กับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรำยแก่กำยตำมประมวลกฎหมำย
ี
อำญำ มำตรำ ๒๙๕ คดีในส่วนน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
ิ
ั
ี
ิ
ั
ั
ี
ั
ิ
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ข้อสังเกต
ี
ค�ำวินิจฉัยน้วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งมำตรำ ๓ บัญญัติว่ำ ในพระรำชบัญญัตินี้ “ศำล” หมำยควำมว่ำ
ั
ศำลเยำวชนและครอบครัวตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดต้งศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว และมำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติถึงควำมผิดฐำนท�ำร้ำย
ร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ไว้ด้วย โดยบัญญัติให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำย
บุคคลในครอบครัวแตกต่ำงจำกควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู้อ่นอ่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ื
ื
มำตรำ ๒๙๕ โดยก�ำหนดให้ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยบุคคลในครอบครัวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้
ื
ึ
ดงนนควำมผดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ จงถอว่ำเป็นควำมผดทได้บญญต ิ
่
ั
ั
ั
ี
ิ
ิ
้
ั
ึ
ไว้ในพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่งอยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว และควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ึ
ู
้
ั
ื
ุ
ู
ผ้อ่นจนเป็นเหตให้ผู้นนถึงแก่ควำมตำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐ ซ่งผ้กระท�ำ
ื
ี
ู
มเจตนำเพยงทำร้ำยร่ำงกำยบคคลในครอบครวเช่นเดยวกบควำมผดฐำนทำร้ำยร่ำงกำยผ้อ่น
ี
ี
ั
ั
ุ
�
�
ิ
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ โดยกฎหมำยแยกมำบัญญัติเป็นมำตรำต่ำงหำก
เพื่อระวำงโทษผู้กระท�ำให้สูงขึ้นเพรำะผลของกำรกระท�ำ ดังนั้นบทบัญญัติมำตรำ ๒๙๐ จึงเป็น
994
ั
ี
บทบัญญัติท่เป็นเหตุฉกรรจ์ของมำตรำ ๒๙๕ น่นเอง จึงถือได้ว่ำ ควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ควำมตำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๐ เป็นควำมผิด
ี
ตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
เช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕
ี
ค�ำวินิจฉัยน้จึงสอดคล้องกับเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงมิให้น�ำมำตรกำรทำงอำญำ
โดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลในครอบครัว
เพ่อให้กระบวนกำรยุติธรรมของศำลเยำวชนและครอบครัวเข้ำมำมีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำ
ื
กำรใช้ควำมรุนแรงในครอบครัวซึ่งเป็นปัญหำที่มีควำมละเอียดอ่อน ซับซ้อน เกี่ยวพันกับควำม
ี
ื
ึ
ั
สัมพันธ์และปัญหำในครอบครัวอย่ำงลึกซ้ง ท้งน้เพ่อเปิดโอกำสให้ผู้กระท�ำมีโอกำสกลับตัวและ
ั
�
ยับย้งกำรกระท�ำควำมผิดซ้ำ รวมท้งสำมำรถรกษำควำมสัมพันธ์อันดีในครอบครวระหวำงผู้กระท�ำ
ั
ั
่
ั
ั
กับผู้ถูกกระท�ำโดยมุ่งถึงควำมสงบสุขและกำรอยู่ร่วมกันในครอบครัวเป็นส�ำคัญ รวมท้งสนับสนุน
ื
ให้ศำลน�ำมำตรกำรต่ำง ๆ ในระบบของศำลเยำวชนและครอบครัวมำบังคับใช้เพ่อช่วยเหลือ
สำมีภริยำและบุคคลในครอบครัวให้ปรองดองและปรับปรุงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันเองและ
ั
บุคคลในครอบครัว ซ่งเป็นประโยชน์แก่ท้งผู้ถูกกระท�ำ ผู้กระท�ำ ครอบครัวและสังคมโดยรวม
ึ
มำกกว่ำท่จะให้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลยุติธรรมอ่นท่มุ่งใช้เฉพำะมำตรกำร
ี
ื
ี
ึ
ทำงอำญำในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีซ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนำรมณ์ในกำรแก้ไข
ปัญหำต่ำง ๆ ในภำพรวม
(รุ่งระวี โสขุมำ)
ผู้ช่วยผู้พิพำกษำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
995
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ด. โจทก ์
ที่ วยช ๓/๒๕๖๕ นำย ก. จ�ำเลย
ิ
ี
ิ
ี
พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
ั
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
้
ั
ี
ี
ื
ี
หรือมีค�ำส่งในคดีดังต่อไปน (๕) คดีอ่นท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของ
ึ
ศำลเยำวชนและครอบครัว ซ่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ ศำลในพระรำชบัญญัติดังกล่ำว คือ ศำลเยำวชนและครอบครัว
ดังน้น คดีควำมรุนแรงในครอบครัวจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
ั
และครอบครัว คดีน้แม้จะปรำกฏว่ำโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย
ี
ึ
ซ่งถือว่ำเป็น “บุคคลในครอบครัว” ตำมค�ำนิยำมในมำตรำ ๓ แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ และกำรกระท�ำของจ�ำเลยอำจ
เป็นควำมรุนแรงในครอบครัวตำมมำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ื
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ แต่เม่อโจทก์ไม่ได้บรรยำยฟ้องและมีค�ำขอ
ี
ุ
ี
่
ั
ี
่
ท้ำยฟ้องเกยวกบคดควำมรนแรงในครอบครว แสดงว่ำโจทก์ไม่ประสงค์ทจะให้ศำล
ั
ลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นอีกฐำนควำมผิดหน่ง
ึ
ี
นอกเหนือจำกควำมผิดตำม ป.อ. ซ่งเป็นสิทธิของโจทก์ท่สำมำรถกระท�ำได้ในคด ี
ึ
ี
ท่รำษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง คดีน้จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
ี
และครอบครัวตำม พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕)
_________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลย จดทะเบียนสมรสกันเม่อวันท ี ่
ื
๑๕ พฤศจิกำยน ๒๕๔๘ มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ เด็กหญิง ณ. และเด็กหญิง ภ. โจทก์กับจ�ำเลย
อยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำที่บ้ำนเลขที่ ๑๖๙/๑๓๒ หมู่บ้ำนมัณฑนำ ๓ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ
กรุงเทพมหำนคร ระหว่ำงวันที่ ๑๔ สิงหำคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๒ สิงหำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยกระท�ำ
ี
ื
ควำมผิดหลำยกรรมต่ำงกันคือ เม่อวันท่ ๑๔ สิงหำคม ๒๕๖๑ เวลำกลำงวัน จ�ำเลยท�ำร้ำยร่ำงกำย
โจทก์โดยกำรชกต่อยท่ใบหน้ำด้ำนซ้ำยของโจทก์อย่ำงแรง ๑ คร้ง ท�ำให้โจทก์เสียหลักล้มลง
ี
ั
996
ในทันที เปลือกตำซ้ำยแตก ฟกช�้ำและถลอกบวม มีอำกำรสมองมึนงงตลอดเวลำต่อเนื่องจนถึง
ี
วันท่ ๑๕ สิงหำคม ๒๕๖๑ เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สำมำรถเดินได้ตำมปกติและเสียหลักล้มลงอย่ำงแรง
ิ
กระดูกฝ่ำเท้ำน้วก้อยซ้ำยหักจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรำยสำหัส ต้องเข้ำเฝือกและใช้
�
ื
ไม้เท้ำค้ำยันไม่สำมำรถเดินหรือเคล่อนไหวร่ำงกำยอย่ำงคนปกติและประกอบกรณียกิจตำม
ปกติไม่ได้เป็นเวลำ ๑ เดือน วันที่ ๑ ธันวำคม ๒๕๖๑ เวลำกลำงคืนหลังเที่ยง จ�ำเลยใช้เท้ำถีบ
หน้ำอกของโจทก์อย่ำงแรง ๑ คร้ง จนโจทก์กระเด็นติดฝำผนังบ้ำน และเตะต่อยล�ำตัวของ
ั
โจทก์อีก ๓ ถึง ๔ ครั้ง ท�ำให้โจทก์ได้รับบำดเจ็บบริเวณกระดูกซี่โครงและกระดูกหน้ำอกฟกช�้ำ
ี
เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรำยแก่กำยและจิตใจ วันท่ ๑๙ กรกฎำคม ๒๕๖๓ เวลำกลำงวัน
จ�ำเลยส่งข้อควำมข่มขู่ผ่ำนแอปพลิเคชันไลน์ถึงโจทก์ว่ำ “ฉันให้เวลำเอำผ้ำออกจำกบ้ำนให้หมด
ี
ื
ภำยในสัปดำห์หน้ำน้ เสำร์หน้ำถ้ำเส้อผ้ำข้ำวของยังอยู่ในบ้ำน ฉันเผำ” และจ�ำเลยพูดข่มขู่และ
ขับไล่โจทก์ต่อหน้ำโจทก์ว่ำ “ถ้ำมึงไม่ออกไปจำกบ้ำน กูจะเผำเส้อผ้ำมึงให้หมด กูไม่ให้อยู่ กูท�ำจริง
ื
ึ
ู
�
ู
�
�
ั
ั
�
ิ
ถ้ำมงไม่ออกไปกจะทำร้ำยมงให้หนก” ทำให้โจทก์เกดควำมกลวว่ำจะถกทำร้ำยจนต้องจำยอม
ึ
ขนของออกไปจำกบ้ำน กำรกระท�ำของจ�ำเลยเป็นกำรข่มขืนใจให้โจทก์ต้องกระท�ำกำรใด
ไม่กระท�ำกำรใด หรือจ�ำยอมต่อสิ่งใด โดยท�ำให้กลัวว่ำจะเกิดอันตรำยต่อชีวิต ร่ำงกำย เสรีภำพ
ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของโจทก์ และวันที่ ๑๒ สิงหำคม ๒๕๖๓ เวลำกลำงคืนหลังเที่ยง จ�ำเลยใช้
มือซ้ำยบีบคอโจทก์และใช้มือขวำตบที่ใบหน้ำด้ำนซ้ำยของโจทก์อย่ำงแรง ๑ ครั้ง และผลักโจทก์
�
ให้ล้มลงจนศีรษะของโจทก์กระแทกกับรำวบันไดบ้ำนอย่ำงแรง ๑ คร้ง ท�ำให้ใบหน้ำด้ำนซ้ำยฟกช้ำ
ั
และศีรษะบวมโน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรำยแก่กำยและจิตใจ เหตุเกิดท่แขวงดอกไม้
ี
เขตประเวศ กรุงเทพมหำนคร ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕, ๒๙๗,
๓๐๙, ๙๑
ศำลอำญำพระโขนงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่ำคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จ�ำเลยให้กำรปฏิเสธ
่
ั
ี
ิ
ุ
�
ระหว่ำงพจำรณำ จำเลยยนคำร้องว่ำ เมอวนท ๑ ตลำคม ๒๕๖๓ โจทก์เคยฟ้อง
�
ื
่
ื
่
จ�ำเลยต่อศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๙๑,
๒๙๕, ๓๐๙ และพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
มำตรำ ๔ ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
ต้องแจ้งต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำท่เพ่อด�ำเนินกำรตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วย
ื
ี
ควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ไม่มีอ�ำนำจน�ำคดีมำฟ้องเอง และมีค�ำส่งไม่รับค�ำฟ้อง
ั
997
ี
ให้จ�ำหน่ำยคดีออกจำกสำรบบควำม แต่โจทก์น�ำคดีมำฟ้องจ�ำเลยเป็นคดีน้ โดยขอให้ลงโทษ
ึ
จ�ำเลยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๙๑, ๒๙๕, ๒๙๗, ๓๐๙ ซ่งในคดีก่อนโจทก์มิได้
ฟ้องจ�ำเลยฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระท�ำร้ำยได้รับอันตรำยสำหสตำมประมวล
ั
ื
ี
ี
กฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๗ มำด้วย ท้งน้เพ่อหลีกเล่ยงควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคล
ั
ในครอบครัวซ่งเป็นควำมผิดกรรมเดียวกับควำมผิดตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ึ
ี
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัว ศำลอำญำพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัวมีอ�ำนำจพิจำรณำ
ั
ี
ี
ี
ื
พิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีดังต่อไปน้ (๕) คดีอ่นท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจหน้ำท่ของ
ศำลเยำวชนและครอบครัว ซึ่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติว่ำ ศำลในพระรำชบัญญัติดังกล่ำว คือ ศำลเยำวชนและครอบครัว ดังนั้น
ู
ึ
ั
ิ
ิ
ี
�
ุ
คดควำมรนแรงในครอบครวจงอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
่
ี
ิ
ึ
คดนแม้จะปรำกฏว่ำโจทก์กบจำเลยเป็นสำมภรยำชอบด้วยกฎหมำยซงถอว่ำเป็น “บคคล
ี
ุ
ี
้
�
ื
ั
ในครอบครัว” ตำมค�ำนิยำมในมำตรำ ๓ แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำม
รุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ และกำรกระท�ำของจ�ำเลยอำจเป็นควำมรุนแรงในครอบครัว
ตำมมำตรำ ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว
ี
ื
พ.ศ. ๒๕๕๐ แต่เม่อโจทก์ไม่ได้บรรยำยฟ้องและมีค�ำขอท้ำยฟ้องเก่ยวกับคดีควำมรุนแรง
ี
ในครอบครัว แสดงว่ำโจทก์ไม่ประสงค์ท่จะให้ศำลลงโทษจ�ำเลยในควำมผิดฐำนกระท�ำควำม
ึ
รุนแรงในครอบครัวเป็นอีกฐำนควำมผิดหน่ง นอกเหนือจำกควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ี
ี
ี
ึ
ซ่งเป็นสิทธิของโจทก์ท่สำมำรถกระท�ำได้ในคดีท่รำษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง คดีน้จึงไม่อยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
998
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
999
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ก. ผู้ร้อง
ที่ วยช ๔/๒๕๖๕ นำย ห. ผู้คัดค้ำน
ื
ผู้ร้องย่นค�ำร้องอ้ำงว่ำ ผู้ร้องเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย น. ต่อมำ
นำย น. มีอำกำรซึม สับสน ไม่ท�ำตำมค�ำสั่ง หำยใจล้มเหลว ด้วยโรคทำงสมองจำกภำวะ
ตับแข็งถึงขนำดไม่สำมำรถประกอบกิจกำรของตนหรือประกอบภำรกิจส่วนตัวได้และ
ั
ื
ไม่มีผู้อนุบำล ขอให้แต่งต้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพำะคดีเพ่อด�ำเนินคดีอำญำแก่ผู้คัดค้ำน
และผู้ท่เก่ยวข้อง อันเป็นคดีอำญำซ่งมิได้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
ึ
ี
ี
ื
และครอบครัว ค�ำร้องของผู้ร้องเป็นเร่องกำรแก้ไขควำมสำมำรถในกำรฟ้องคดีของ
ู
ึ
นำย น. ซ่งเป็นผู้เสียหำยโดยผู้ร้องเป็นผ้มีอ�ำนำจจัดกำรแทนผู้เสียหำยตำม ป.วิ.อ.
ี
มำตรำ ๖ มิได้เก่ยวกับสถำนะและควำมสำมำรถของบุคคลหรือครอบครัวตำม ป.พ.พ.
จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
_______________________
ผู้ร้องยื่นค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องกับนำย น. เป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนสมรส
เมื่อวันที่ ๕ ตุลำคม ๒๕๖๑ ต่อมำนำย น. มีอำกำรซึม สับสน ไม่ท�ำตำมค�ำสั่ง หำยใจล้มเหลว
ด้วยโรคทำงสมองจำกภำวะตับแข็งถึงขนำดไม่สำมำรถประกอบกิจกำรของตนหรือประกอบ
ี
ั
ภำรกิจส่วนตัวได้ โดยพักรักษำตัวท่โรงพยำบำลมหำรำชนครรำชสีมำต้งแต่วันท่ ๒๑ สิงหำคม ๒๕๖๔
ี
ต่อมำวันท่ ๑๘ กันยำยน ๒๕๖๔ นำย ห. น้องชำยของนำย น. พำนำย น. ไปรักษำ
ี
ื
ี
ท่โรงพยำบำลอ่นโดยไม่แจ้งให้ผู้ร้องทรำบ ผู้ร้องไปท่คลินิกเวชกรรม ด. ซ่งเป็นคลินิกของ
ึ
ี
นำย น. พบว่ำนำย น. ยังมีอำกำรสำหัส เมื่อวันที่ ๒๓ กันยำยน ๒๕๖๔ ผู้ร้องจึงยื่นค�ำร้องขอ
ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครรำชสีมำ เป็นคดีแพ่งหมำยเลขด�ำที่ ยชพ ๔๑๒/๒๕๖๔
ั
ู
ู
ขอให้ศำลมค�ำสงให้นำย น. เป็นคนไร้ควำมสำมำรถ และขอให้แต่งต้งผ้ร้องเป็นผ้อนุบำลของ
ี
่
ั
นำย น. คนไร้ควำมสำมำรถ และวันที่ ๒๗ กันยำยน ๒๕๖๔ ผู้ร้องยื่นค�ำร้องขออำยัดเงินในบัญชี
ธนำคำร ก. ซึ่งมีเงินอยู่ในบัญชี ณ วันที่ ๑๕ กรกฎำคม ๒๕๖๔ จ�ำนวน ๑๔,๑๕๒,๓๑๓.๔๐ บำท
ี
ต่อมำวันท่ ๒๗ ตุลำคม ๒๕๖๔ ผู้ร้องน�ำสมุดบัญชีธนำคำร ก. ของนำย น. ไปปรับยอดเงินในบัญช ี
จึงทรำบว่ำมีกำรโอนเงินจ�ำนวนดังกล่ำวไปยังบัญชีของนำย ห. โดยกำรท�ำธุรกรรมผ่ำนโทรศัพท์
ื
เคล่อนท่ผู้ร้องไปร้องทุกข์ต่อพนักงำนสอบสวนแล้ว แต่ได้รับแจ้งว่ำผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหำยโดยนิตินัย
ี
1000
ไม่สำมำรถร้องทุกข์ได้ เนื่องจำกศำลยังไม่ได้มีค�ำสั่งให้นำย น. เป็นคนไร้ควำมสำมำรถและผู้ร้อง
ยังไม่ได้เป็นผู้อนุบำลของ นำย น. ขอให้แต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพำะคดีตำมประมวลกฎหมำย
วิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๖ เพื่อด�ำเนินคดีอำญำแก่นำย ห. และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ื
ู
ี
ผู้คัดค้ำนย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ ผ้คัดค้ำนเป็นพ่น้องร่วมบิดำมำรดำเดียวกับนำย น. เม่อวันท ี ่
ื
๒๑ สิงหำคม ๒๕๖๔ นำย น. มีอำกำรปวดท้องอย่ำงรุนแรงขณะอยู่ในควำมดูแลของผู้คัดค้ำน
ึ
และหลำน ๆ ท่คลินิกเวชกรรม ด. ซ่งนำย น. เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจของคลินิกดังกล่ำว ผู้คัดค้ำน
ี
และหลำน ๆ จึงพำนำย น. เข้ำรับกำรรักษำที่โรงพยำบำล ม. ต่อมำวันที่ ๑๗ กันยำยน ๒๕๖๔
นำย น. อำกำรทุเลำลงจึงออกจำกโรงพยำบำลมำดูแลรักษำตัวท่คลินิกเวชกรรม ด. ปัจจุบัน
ี
นำย น. หำยป่วยแล้ว มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์สำมำรถให้กำรปรึกษำแก่แพทย์ประจ�ำคลินิกและ
ให้กำรรักษำผู้ป่วยที่มำรักษำที่คลินิกเวชกรรม ด. ด้วยตนเอง ซึ่งเมื่อวันที่ ๒ ธันวำคม ๒๕๖๔
เจ้ำพนักงำนคุมประพฤติไปตรวจสอบอำกำรป่วยของนำย น. ในคดีหมำยเลขด�ำที่ ยชพ ๔๑๒/๒๕๖๔
แล้วเห็นว่ำ นำย น. สำมำรถให้กำรรักษำผู้ป่วยได้ด้วยตนเอง ไม่เป็นผู้มีกำยพิกำรหรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่สมประกอบ ข้อกล่ำวอ้ำงของผู้ร้องไม่เป็นควำมจริง และนำย น. เป็นผู้เบิกถอนเงินตำมค�ำร้อง
ื
ี
ออกจำกบัญชีของนำย น. ผ่ำนโทรศัพท์เคล่อนท่ของนำย น. ด้วยตนเอง ผู้ร้องมีเจตนำทุจริต
มุ่งหวังจะเอำเงินในบัญชีเงินฝำกของนำย น. ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และโดยไม่สุจริตยักย้ำย
ถ่ำยเททรัพย์สินซ่งเป็นสินส่วนตัวของนำย น. ไปเป็นของตนเองโดยไม่ได้รับควำมยินยอม
ึ
จำกนำย น. ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ศำลแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพำะคดี ขอให้ยกค�ำร้อง
ในวันนัดไต่สวน ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครรำชสีมำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ
คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ี
ุ
ศำลอทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ู
ื
�
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ผ้ร้องย่นคำร้องอ้ำงว่ำ ผู้ร้องเป็นภรยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย น.
ิ
ี
ต่อมำนำย น. มีอำกำรซึม สับสน ไม่ท�ำตำมค�ำสั่ง หำยใจล้มเหลว ด้วยโรคทำงสมองจำกภำวะ
ตับแข็งถึงขนำดไม่สำมำรถประกอบกิจกำรของตนหรือประกอบภำรกิจส่วนตัวได้และไม่มีผู้อนุบำล
ขอให้แต่งต้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพำะคดีเพ่อด�ำเนินคดีอำญำแก่ผู้คัดค้ำนและผู้ท่เก่ยวข้อง อัน
ี
ั
ี
ื
ึ
เป็นคดีอำญำซ่งมิได้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ค�ำร้องของ
ผู้ร้องเป็นเรื่องกำรแก้ไขควำมสำมำรถในกำรฟ้องคดีของนำย น. ซึ่งเป็นผู้เสียหำยโดยผู้ร้องเป็น
ผู้มีอ�ำนำจจัดกำรแทนผู้เสียหำยตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๖ มิได้
1001
ี
เก่ยวกับสถำนะและควำมสำมำรถของบุคคลหรือครอบครัวตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
1002
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนสอบสวน
ที่ วยช ๕๕/๒๕๖๕ สถำนีต�ำรวจภูธร
้
ู
้
เวียงมอก ผรอง
นำย ม. ผู้ต้องหำ
แม้พนักงำนอัยกำรยังไม่ได้ฟ้องผู้ต้องหำเป็นคดีต่อศำลและกำรด�ำเนินกำร
ั
ยังอยู่ในระหว่ำงกำรสอบสวนก็ตำม แต่กำรสอบสวนเป็นข้นตอนส�ำคัญของกำรฟ้องคด ี
เน่องจำก ป.วิ.อ. มำตรำ ๑๒๐ บัญญัติห้ำมมิให้พนักงำนอัยกำรย่นฟ้องคดีใดต่อศำล
ื
ื
ั
ั
โดยมิได้มีกำรสอบสวนในควำมผิดน้นก่อน ท้งในกำรสอบสวนพนักงำนสอบสวนก ็
ี
ึ
ไม่อำจด�ำเนินกำรได้โดยล�ำพังในทุกกรณีซ่งบำงกรณีต้องย่นค�ำร้องต่อศำล และศำลท่ม ี
ื
ี
ั
ั
อ�ำนำจพิจำรณำค�ำร้องน้นต้องเป็นศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีน้นน่นเอง ดังน้น
ั
ั
ื
ี
กำรท่พนักงำนสอบสวนสถำนีต�ำรวจภูธรเวียงมอก ย่นค�ำร้องขอฝำกขังผู้ต้องหำต่อ
ศำลจังหวัดล�ำปำง และศำลจังหวัดล�ำปำงรับพิจำรณำค�ำร้องขอฝำกขังของพนักงำนสอบสวน
็
�
ิ
ู
�
ั
ดงกล่ำว แสดงว่ำศำลจังหวัดลำปำงเหนว่ำคดีของผ้ต้องหำอยู่ในอำนำจพิจำรณำพพำกษำ
ี
ื
ของศำลจังหวัดล�ำปำงแล้ว เม่อผู้ต้องหำโต้แย้งจึงเป็นกรณีมีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่
ึ
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ ซ่งต้องเสนอปัญหำน้น
ั
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยตำม พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ึ
คดีน้พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำว่ำ ผู้ต้องหำใช้มีดท�ำครัวปำดคอผู้ตำยซ่งเป็น
ี
พี่ชำยและเป็นบุคคลในครอบครัวของจ�ำเลยโดยเจตนำฆ่ำตำม ป.อ. มำตรำ ๒๘๘ ต่อมำ
แจ้งข้อกล่ำวหำแก่ผู้ต้องหำเพิ่มเติมว่ำ ผู้ต้องหำกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรง
ในครอบครัวตำม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
มำตรำ ๔ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ
ึ
ึ
๘ วรรคหน่ง ด้วย แต่ข้อกล่ำวหำในควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวของ
ื
ผู้ต้องหำตำมมำตรำ ๔ ดังกล่ำว เป็นกรรมเดียวกับควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นตำม ป.อ.
มำตรำ ๒๘๘ แม้ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
มำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติให้ควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็น
ควำมผิดอันยอมควำมได้และหำกเป็นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ ด้วย
1003
ึ
ให้ควำมผิดดังกล่ำวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ด้วยซ่งแสดงให้เห็นเจตนำรมณ์ของ
ี
กฎหมำยว่ำประสงค์ท่จะหลีกเล่ยงมิให้น�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัดตำมประมวล
ี
กฎหมำยอำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคลคลในครอบครัวด้วยมุ่งหวังว่ำ
ี
ผู้กระท�ำและผู้ถูกกระท�ำอำจจะยังอยู่ในวิสัยท่จะปรองดองและปรับปรุงควำมสัมพันธ์
ระหว่ำงกันได้ตำมเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ื
ี
ในครอบครัว แต่เม่อคดีน้พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำว่ำผู้ต้องหำกระท�ำควำมผิดฐำน
ึ
ื
ฆ่ำผู้อ่นตำม ป.อ. มำตรำ ๒๘๘ ซ่งเป็นควำมผิดท่เกิดจำกเจตนำฆ่ำท่ผู้กระท�ำมุ่งร้ำย
ี
ี
ประสงค์ต่อชีวิตผู้ถูกกระท�ำนับเป็นเร่องร้ำยแรงเป็นอย่ำงย่ง มิใช่เพียงเจตนำท�ำร้ำย
ิ
ื
เช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยระหว่ำงบุคคลในครอบครัวตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕
ี
กรณีไม่อำจถือได้ว่ำควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นตำม ป.อ. มำตรำ ๒๘๘ ท่พนักงำนสอบสวน
ื
กล่ำวหำผู้ต้องหำรวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิด
ตำมที่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ท่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ี
ื
ครอบครัวเช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕ ได้ เม่อควำมผิด
ฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นกรรมเดียวกับควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นโดยควำมผิด
ื
ื
ฐำนฆ่ำผู้อ่นมีอัตรำโทษสูงกว่ำ และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรง
ี
ในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๘ วรรคสอง บัญญัติว่ำ ในกรณีท่กำรกระท�ำควำมผิดฐำน
ื
กระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดกรรมเดียวกับกฎหมำยอ่น ให้ด�ำเนินคด ี
ิ
ั
ั
ุ
ควำมผดฐำนกระทำควำมรนแรงในครอบครวต่อศำลรวมไปกบควำมผดตำมกฎหมำย
ิ
�
ั
ั
ื
อ่นน้น เว้นแต่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้นมีอัตรำโทษสูงกว่ำให้ด�ำเนินคดีต่อศำล
ื
ั
ึ
ท่มีอ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมกฎหมำยอ่น ดังน้น ศำลจังหวัดล�ำปำงซ่งเป็นศำล
ี
ื
ท่มีอ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำดังกล่ำวจึงมีอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
คดีน้ตำม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
ี
มำตรำ ๘ วรรคสอง
_______________________________
ี
วันท่ ๑๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๕ พนักงำนสอบสวนสถำนีต�ำรวจภูธรเวียงมอกย่นค�ำร้องขอ
ื
ฝำกขังผู้ต้องหำครั้งที่ ๑ ต่อศำลจังหวัดล�ำปำง โดยกล่ำวหำว่ำ เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๕
1004
เวลำ ๒๒ นำฬิกำ ผู้ต้องหำใช้มีดท�ำครัว ควำมยำวประมำณ ๓๐ เซนติเมตร ปำดคอนำย จ.
ึ
่
ี
ั
ซ่งเป็นพชำยของผู้ต้องหำ หลำยคร้งจนถึงแก่ควำมตำย พนักงำนสอบสวนแจ้งข้อกล่ำวหำแก่
้
ั
ู
่
ู
้
้
้
ิ
่
้
้
ื
่
�
ู
ั
ั
ุ
�
ผตองหำวำ กระทำควำมผดฐำนฆำผอนโดยเจตนำ ศำลจงหวดลำปำงอนญำตใหฝำกขงผตองหำ
ไว้มีก�ำหนด ๑๒ วัน ตำมขอ
ื
ระหว่ำงกำรฝำกขัง พนักงำนสอบสวนย่นค�ำร้องต่อศำลจังหวัดล�ำปำงว่ำ พนักงำน
ิ
ิ
สอบสวนแจ้งข้อกล่ำวหำเพ่มเตมแก่ผ้ต้องหำในควำมผิดฐำนกระทำควำมรุนแรงในครอบครัว
ู
�
และเสนอส�ำนวนกำรสอบสวนคดีน้ต่อพนักงำนอัยกำรคดีเยำวชนและครอบครัวจังหวัดล�ำปำง
ี
เพ่อพิจำรณำฟ้องผู้ต้องหำ ขอศำลอนุญำตให้โอนกำรฝำกขังผู้ต้องหำไปยังศำลเยำวชนและ
ื
ครอบครัวจังหวัดล�ำปำง
ั
ศำลจังหวัดล�ำปำง มีค�ำส่งว่ำ กรณีตำมค�ำร้องไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวล
ี
ั
กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๘๗ วรรคท้ำย ท่ศำลจะมีค�ำส่งให้โอนกำรฝำกขังได้
จึงให้ยกค�ำร้อง
่
ื
�
�
่
ั
ี
วนท ๒๑ เมษำยน ๒๕๖๕ ผู้ต้องหำยนคำร้องต่อศำลจังหวัดลำปำง ขอให้โอนคด ี
ไปยังศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดล�ำปำง
ศำลจังหวัดล�ำปำงพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีในช้นกำรฝำกขังอยู่ใน
ั
อ�ำนำจพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ มีปัญหำต้องวินิจฉัยประกำรแรกว่ำ กำรท่ผู้ต้องหำโต้แย้งว่ำคดีของ
ั
ผู้ต้องหำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวในระหว่ำงกำรสอบสวนน้น
เป็นกรณีมีปัญหำว่ำ คดีใดจะอยู่ในอ�ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ เห็นว่ำ
แม้พนักงำนอัยกำรยังไม่ได้ฟ้องผู้ต้องหำเป็นคดีต่อศำลและกำรด�ำเนินกำรยังอยู่ในระหว่ำง
ั
กำรสอบสวนก็ตำม แต่กำรสอบสวนเป็นข้นตอนส�ำคัญของกำรฟ้องคดี เน่องจำกประมวลกฎหมำย
ื
วิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๑๒๐ บัญญัติห้ำมมิให้พนักงำนอัยกำรย่นฟ้องคดีใดต่อศำล
ื
ั
โดยมิได้มีกำรสอบสวนในควำมผิดน้นก่อน ท้งในกำรสอบสวนพนักงำนสอบสวนก็ไม่อำจ
ั
ด�ำเนินกำรได้โดยล�ำพังในทุกกรณีซ่งบำงกรณีต้องย่นค�ำร้องต่อศำล และศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำ
ึ
ื
ี
ี
ั
ี
�
ค�ำร้องน้นต้องเป็นศำลท่มีอำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีน้นนนเอง ดังน้น กำรท่พนกงำนสอบสวน
ั
ั
ั
ั
่
สถำนีต�ำรวจภูธรเวียงมอกย่นค�ำร้องขอฝำกขังผู้ต้องหำต่อศำลจังหวัดล�ำปำง และศำลจังหวัด
ื
1005
ล�ำปำงรับพิจำรณำค�ำร้องขอฝำกขังของพนักงำนสอบสวนดังกล่ำว แสดงว่ำศำลจังหวัดล�ำปำง
ื
เห็นว่ำคดีของผู้ต้องหำอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลจังหวัดล�ำปำงแล้ว เม่อผู้ต้องหำ
ี
โต้แย้งจึงเป็นกรณีมีปัญหำว่ำคดีน้จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ึ
ครอบครัวหรือไม่ ซ่งต้องเสนอปัญหำน้นให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย
ั
ิ
ั
ั
ิ
ี
ั
ั
ิ
ี
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
มีปัญหำต้องวินิจฉัยประกำรต่อมำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล
เยำวชนและครอบครัวหรือไม่ เห็นว่ำ พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๕) บัญญัติให้ศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
ั
มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำหรือมีค�ำส่งในคดีท่มีกฎหมำยบัญญัติให้เป็นอ�ำนำจของศำลเยำวชน
ี
และครอบครัว คดีน้พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำว่ำ ผู้ต้องหำใช้มีดท�ำครัวปำดคอผู้ตำยซ่งเป็นพ่ชำย
ี
ึ
และเป็นบุคคลในครอบครัวของจ�ำเลยโดยเจตนำฆ่ำตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๘๘
ต่อมำแจ้งข้อกล่ำวหำแก่ผู้ต้องหำเพ่มเติมว่ำ ผู้ต้องหำกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรง
ิ
ในครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
มำตรำ ๔ ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ ๘
ึ
ึ
วรรคหน่ง ด้วย แต่ข้อกล่ำวหำในควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวของผู้ต้องหำ
ื
ตำม มำตรำ ๔ ดังกล่ำว เป็นกรรมเดียวกับควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ ๒๘๘ แม้พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
มำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติให้ควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิด
อันยอมควำมได้และหำกเป็นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ด้วย
ให้ควำมผิดดังกล่ำวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้ด้วยซ่งแสดงให้เห็นเจตนำรมณ์ของ
ึ
�
่
้
ี
ี
่
่
์
กฎหมำยวำประสงคทจะหลกเล่ยงมใหนำมำตรกำรทำงอำญำโดยเครงครัดตำมประมวลกฎหมำย
ิ
ี
อำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคลคลในครอบครัวด้วยมุ่งหวังว่ำผู้กระท�ำและผู้ถูก
ี
กระท�ำอำจจะยังอยู่ในวิสัยท่จะปรองดองและปรับปรุงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันได้ตำม
ื
เจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว แต่เม่อคดีน ้ ี
ื
พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำว่ำผู้ต้องหำกระท�ำควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
มำตรำ ๒๘๘ ซ่งเป็นควำมผิดท่เกิดจำกเจตนำฆ่ำท่ผู้กระท�ำมุ่งร้ำยประสงค์ต่อชีวิตผู้ถูกกระท�ำ
ี
ี
ึ
ิ
นับเป็นเร่องร้ำยแรงเป็นอย่ำงย่ง มิใช่เพียงเจตนำท�ำร้ำยเช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำย
ื
1006
ุ
ี
ื
ั
ระหว่ำงบคคลในครอบครวตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ กรณไม่อำจถอได้ว่ำ
ื
ี
ควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๘๘ ท่พนักงำนสอบสวนกล่ำวหำ
ี
ผู้ต้องหำรวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้
ู
ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบญญตค้มครองผ้ถกกระทำด้วยควำมรนแรงในครอบครว
ู
ุ
ั
ั
ิ
ุ
�
ั
ี
พ.ศ. ๒๕๕๐ ท่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกัน
กับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕ ได้ เม่อควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรง
ื
ื
ในครอบครัวเป็นกรรมเดียวกับควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นโดยควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นมีอัตรำโทษสูงกว่ำ
ื
และพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๘
ี
วรรคสอง บัญญัติว่ำ ในกรณีท่กำรกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็น
ื
ควำมผิดกรรมเดียวกับกฎหมำยอ่น ให้ด�ำเนินคดีควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว
ิ
ื
ั
่
่
ี
ั
ั
ตอศำลรวมไปกบควำมผดตำมกฎหมำยอนน้น เว้นแต่ควำมผดตำมกฎหมำยอนน้นมอตรำโทษ
่
ื
ิ
ั
ื
สูงกว่ำให้ด�ำเนินคดีต่อศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมกฎหมำยอ่น ดังน้น ศำลจังหวัด
ี
ั
ล�ำปำงซ่งเป็นศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำดังกล่ำวจึงมีอ�ำนำจ
ี
ึ
พิจำรณำคดีน้ตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
ี
มำตรำ ๘ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
1007
ข้อสังเกต
ควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อื่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๘๘ เป็นควำมผิดที่เกิดจำก
ิ
ู้
ู
ี
ุ่
้
่
�
ี
�
้
ิ
็
่
ื
ี
่
เจตนำฆำทผกระทำมงรำยประสงค์ตอชวตผถกกระทำนับเปนเรองร้ำยแรง มใช่เพยงเจตนำทำรำย
่
้
�
ู
เช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยระหว่ำงบุคคลในครอบครัวตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ื
มำตรำ ๒๙๕ กรณีไม่อำจถือได้ว่ำควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๘๘
ี
เป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
และครอบครัวเช่นเดียวกันกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕ ได้
(รุ่งระวี โสขุมำ)
ผู้ช่วยผู้พิพำกษำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
1008
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนอัยกำร
ที่ วยช ๕๘/๒๕๖๕ จังหวัดล�ำปำง โจทก์
นำย ล. จ�ำเลย
พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ
๔ วรรคสอง บัญญัติให้ควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิด
อันยอมควำมได้และหำกเป็นควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕ ด้วย
่
็
ั
ื
ั
กให้ควำมผิดดงกล่ำวเป็นควำมผิดอนยอมควำมได้ด้วยเพอแสดงให้เหนเจตนำรมณ์
็
ของกฎหมำยว่ำประสงค์ท่จะหลีกเล่ยงมิให้น�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัด
ี
ี
ั
ั
ั
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บงคบแก่กำรท�ำร้ำยร่ำงกำยบุคคลในครอบครวด้วย
มุ่งหวังว่ำผู้กระท�ำและผู้ถูกกระท�ำอำจยังอยู่ในวิสัยท่จะปรองดองและปรับปรุง
ี
ควำมสมพนธ์ระหว่ำงกนได้ตำมเจตนำรมณ์ของพระรำชบญญตค้มครองผ้ถกกระทำ
ุ
ิ
ู
ั
ั
ั
ั
ั
�
ู
ี
ื
่
ั
้
�
ี
ุ
ด้วยควำมรนแรงในครอบครว แต่เมอคดนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐำนพยำยำม
ื
ึ
ี
ฆ่ำผู้อ่นตำม ป.อ. มำตรำ ๘๐, ๒๘๘ ซ่งเป็นควำมผิดท่เกิดจำกเจตนำฆ่ำท่ผู้กระท�ำ
ี
้
�
ิ
่
ื
มงร้ำยประสงคต่อชวตผ้ถูกกระทำนับเปนเร่องรำยแรงเปนอย่ำงยง มใช่เพยงเจตนำทำรำย
้
็
็
ี
่
ี
ู
ิ
ุ
ิ
์
�
เช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยระหว่ำงบุคคลในครอบครัวตำม ป.อ. มำตรำ ๒๙๕
กรณีไม่อำจถือได้ว่ำควำมผิดฐำนพยำยำมฆ่ำผู้อ่นตำม ป.อ. มำตรำ ๘๐, ๒๘๘ ท่โจทก์
ื
ี
ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยรวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็น
ี
ควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำม
ี
รุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ท่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ครอบครัวเช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕ ได้ เม่อควำมผิด
ื
ฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นกรรมเดียวกับควำมผิดฐำนพยำยำมฆ่ำ
ู
่
ุ
ู
้
�
่
้
ู
้
ื
่
ู
ิ
ั
ื
่
ี
ผอน โดยควำมผดฐำนพยำยำมฆำผอนมอตรำโทษสงกวำและ พ.ร.บ. คมครองผ้ถูกกระทำ
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๘ วรรคสอง บัญญัติว่ำ ในกรณีท ่ ี
ิ
�
ิ
ั
กำรกระทำควำมผดฐำนกระทำควำมรนแรงในครอบครวเป็นควำมผดกรรมเดยวกบ
ั
�
ุ
ี
ื
กฎหมำยอ่น ให้ด�ำเนินคดีควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวต่อศำลรวม
ไปกับควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้น เว้นแต่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้นมีอัตรำโทษ
ั
ื
ั
ื
ิ
ั
ั
ิ
�
้
ี
่
ู
�
ื
สงกว่ำให้ดำเนินคดีต่อศำลทมอำนำจพจำรณำควำมผดตำมกฎหมำยอน ดงนน
่
ี
1009
ี
ึ
ศำลจังหวัดล�ำปำงซ่งเป็นศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ี
ดังกล่ำว จึงมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ตำม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำม
รุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๘ วรรคสอง
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๕ เวลำกลำงวัน จ�ำเลยกระท�ำควำมรุนแรง
ึ
ในครอบครัว โดยจ�ำเลยมีเจตนำฆ่ำนำง บ. ผู้เสียหำยซ่งเป็นภริยำของจ�ำเลย ได้ใช้อำวุธมีด
ปลำยแหลมขนำดควำมยำวประมำณ ๒๕ เซนติเมตร แทงผู้เสียหำยบริเวณหน้ำท้องใต้ล้นปี่
ิ
ซ่งเป็นอวัยวะส�ำคัญ คมมีดบำดลึกมีบำดแผลฉีกขำดลึกถึงช้นไขมันใต้ผิวหนัง หำกบำดแผลทะล ุ
ึ
ั
ผ่ำนกระบังลมอำจถึงแก่ควำมตำยได้ จ�ำเลยลงมือกระท�ำควำมผิดไปโดยตลอดแล้วแต่กำรกระท�ำ
น้นไม่บรรลุผล เน่องจำกบำดแผลไม่ทะลุผ่ำนกระบังลมและแพทย์รักษำได้ทันท่วงที ผู้เสียหำย
ื
ั
จึงไม่ถึงแก่ควำมตำย แต่เป็นเหตุให้ผู้เสียหำยได้รับบำดเจ็บเป็นอันตรำยแก่กำยและจิตใจ
เจ้ำพนักงำนยึดอำวุธมีดปลำยแหลม ๑ เล่ม ที่จ�ำเลยใช้แทงผู้เสียหำยไว้เป็นของกลำง เหตุเกิด
�
่
ี
ั
�
ั
ั
�
ทตำบลแม่กวะ อำเภอสบปรำบ จงหวดลำปำง ขอให้ลงโทษตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ุ
ู
ั
ิ
ู
ุ
ั
มำตรำ ๓๓, ๘๐, ๒๘๘ พระรำชบญญตค้มครองผ้ถกกระทำด้วยควำมรนแรงในครอบครว
�
ั
พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๓, ๔ และริบอำวุธมีดปลำยแหลมของกลำง
จ�ำเลยให้กำรรับสำรภำพ
ี
ศำลจังหวัดล�ำปำงพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงเสนอปัญหำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ มีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
ึ
และครอบครัวหรือไม่ โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยใช้อำวุธมีดแทงผู้เสียหำยซ่งเป็นภริยำและเป็นบุคคล
ในครอบครัวของจ�ำเลยโดยเจตนำฆ่ำและขอให้ลงโทษจ�ำเลยฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว
ตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔
ั
ึ
ซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวตำมมำตรำ ๘ วรรคหน่ง ท้งน ี ้
ึ
โจทก์ฟ้องว่ำกำรกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวของจ�ำเลยตำมมำตรำ ๔
ดังกล่ำว เป็นกรรมเดียวกับควำมผิดฐำนพยำยำมฆ่ำผู้อื่น ซึ่งโจทก์ฟ้องและขอให้ลงโทษจ�ำเลย
1010
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๘๐, ๒๘๘ มำด้วย เห็นว่ำ แม้พระรำชบัญญัติคุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๔ วรรคสอง บัญญัติให้ควำมผิด
ฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดอันยอมควำมได้และหำกเป็นควำมผิดฐำน
ท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๙๕ ด้วยก็ให้ควำมผิดดังกล่ำวเป็นควำมผิด
ื
ี
ี
อันยอมควำมได้ด้วย เพ่อแสดงให้เห็นเจตนำรมณ์ของกฎหมำยว่ำประสงค์ท่จะหลีกเล่ยงมิให้
น�ำมำตรกำรทำงอำญำโดยเคร่งครัดตำมประมวลกฎหมำยอำญำมำใช้บังคับแก่กำรท�ำร้ำย
ร่ำงกำยบุคคลในครอบครัวด้วยมุ่งหวังว่ำผู้กระท�ำและผู้ถูกกระท�ำอำจยังอยู่ในวิสัยท่จะปรองดอง
ี
และปรับปรุงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันได้ตำมเจตนำรมณ์ของพระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำ
ี
ื
่
�
ื
ี
่
้
ด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว แต่เมอคดนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐำนพยำยำมฆ่ำผู้อน
ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๘๐, ๒๘๘ ซึ่งเป็นควำมผิดที่เกิดจำกเจตนำฆ่ำที่ผู้กระท�ำ
ื
ิ
มุ่งร้ำยประสงค์ต่อชีวิตผู้ถูกกระท�ำนับเป็นเร่องร้ำยแรงเป็นอย่ำงย่ง มิใช่เพียงเจตนำท�ำร้ำย
เช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยระหว่ำงบุคคลในครอบครัวตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ื
ี
่
ู
ื
ิ
มำตรำ ๒๙๕ กรณไม่อำจถอได้ว่ำควำมผดฐำนพยำยำมฆ่ำผ้อนตำมประมวลกฎหมำยอำญำ
ี
มำตรำ ๘๐, ๒๘๘ ท่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ�ำเลยรวมมำกับควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรง
ี
ในครอบครัวเป็นควำมผิดตำมท่บัญญัติไว้ในมำตรำ ๔ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติคุ้มครอง
ผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่จะอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลเยำวชนและครอบครัวเช่นเดียวกับควำมผิดฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยตำมมำตรำ ๒๙๕ ได้
เม่อควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นกรรมเดียวกับควำมผิดฐำนพยำยำมฆ่ำผู้อ่น
ื
ื
ู
ู
ู
�
ุ
ั
ั
ิ
ู
ี
ื
่
ิ
โดยควำมผดฐำนพยำยำมฆ่ำผ้อนมอตรำโทษสงกว่ำและพระรำชบญญตค้มครองผ้ถกกระทำ
ั
ุ
ั
ี
ด้วยควำมรนแรงในครอบครว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๘ วรรคสอง บญญตว่ำ ในกรณท ่ ี
ั
ิ
ั
กำรกระท�ำควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเป็นควำมผิดกรรมเดียวกับกฎหมำยอ่น
ื
ให้ด�ำเนินคดีควำมผิดฐำนกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวต่อศำลรวมไปกับควำมผิดตำม
ั
ื
กฎหมำยอ่นน้น เว้นแต่ควำมผิดตำมกฎหมำยอ่นน้นมีอัตรำโทษสูงกว่ำให้ด�ำเนินคดีต่อศำลท่ม ี
ั
ื
ี
ั
อ�ำนำจพิจำรณำควำมผิดตำมกฎหมำยอ่น ดังน้น ศำลจังหวัดล�ำปำงซ่งเป็นศำลท่มีอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
ื
ึ
ควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำดังกล่ำว จึงมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีน้ตำม
ี
พระรำชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มำตรำ ๘ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
1011
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๐ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รุ่งระวี โสขุมำ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
1012
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ป. กับพวก ผู้ร้อง
ที่ วยช ๒๖/๒๕๖๔ นำย ธ. กับพวก ผู้ถูกกล่ำวหำ
่
ี
ื
่
ั
ี
ผู้ร้องท้งสองย่นค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องท ๒ และผู้ถูกกล่ำวหำท ๑ และท ๒ เป็นบุตร
ี
่
ี
่
ี
่
ี
่
ชอบด้วยกฎหมำยของผู้ร้องท ๑ กับผู้ถูกกล่ำวหำท ๓ ผู้ถูกกล่ำวหำท ๓ เป็นภริยำ
ั
ชอบด้วยกฎหมำยของผู้ร้องท ๑ เม่อระหว่ำงเดอนธนวำคม ๒๕๖๒ ถึงเมษำยน ๒๕๖๓
ื
ื
ี
่
ั
้
้
่
ั
้
ุ
้
ิ
ู
้
ผถกกลำวหำทงสำมรวมกนใชและจำงวำนบรวำรซงเปนบคคลภำยนอกใหกระทำกำรกอกวน
็
่
�
ู
่
ึ
่
ี
สร้ำงควำมวุ่นวำย บุกรุก คุกคำมโดยล็อกกุญแจแบบสำยเหล็กท่ประตูด้ำนในห้องชุด
ี
่
ซ่งเป็นท่ต้งส�ำนักงำนของผู้ร้องท ๒ ร่วมกันถอดประตูทำงเข้ำห้องชุดท่ผู้ร้องท ๒
ั
ึ
ี
ี
่
ี
เป็นผู้ครอบครอง และร่วมกันถอดมิเตอร์น้ำห้องชุดของผู้เช่ำของผู้ร้องท ๒ ต่อมำ
่
ี
�
ผู้ร้องท ๑ เข้ำไปในห้องชุดดังกล่ำวเพ่อเจรจำให้น�ำมิเตอร์น้ำมำคืนและต้องกำรน�ำตัว
ื
่
ี
�
ุ
่
ี
ุ
ุ
ี
�
ุ
ู
ุ
บคคลภำยนอกผ้เคยก่อเหตบกรกและก่อควำมว่นวำยไปทสถำนตำรวจ แต่เกดเหต ุ
ิ
ู
่
ี
�
ิ
ั
้
ุ
ั
ทะเลำะววำทกนเกดขน ทำให้ผ้ร้องท ๑ ถกทำร้ำยร่ำงกำยเป็นเหตให้ได้รบอนตรำย
ิ
ั
�
ู
ึ
ี
ี
่
่
ู
่
ิ
ู
ุ
ั
ู
ู
ิ
ั
้
แก่กำยและจตใจ หลงจำกนนผ้ถกกล่ำวหำท ๑ และท ๒ ดหมนและดด่ำผ้ร้องท ๑
่
ี
ิ
ึ
่
ี
ู
ซ่งเป็นบิดำว่ำ “ไอ้สัตว์ มึงไม่ใช่พ่อก บ้ำนก็ไม่ใช่ของมึง” ท�ำให้ผู้ร้องท ๑ ถูกดูหม่น
ั
ื
ต่อหน้ำบุคคลอ่น ผู้ร้องท้งสองได้รับควำมเสียหำย ผู้ร้องท้งสองเกรงว่ำอำจเกิดกำร
ั
ี
ั
ื
กระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวเพ่มมำกข้นอย่ำงต่อเน่อง เป็นกรณีท่ผู้ร้องท้งสอง
ึ
ิ
ั
ย่นค�ำร้องขอให้ศำลออกค�ำส่งก�ำหนดมำตรกำรหรือวิธีกำรเพ่อบรรเทำทุกข์ตำม
ื
ื
กฎหมำยว่ำด้วยผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัวตำม พ.ร.บ. ศำลเยำวชนและ
ครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๗๒ จึงเป็นคด ี
คุ้มครองสวัสดิภำพซึ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
______________________________
ั
ี
ผู้ร้องท้งสองย่นค�ำร้องว่ำ ผู้ร้องท่ ๒ และผู้ถูกกล่ำวหำท่ ๑ และท่ ๒ เป็นบุตรชอบ
ี
ื
ี
ด้วยกฎหมำยของผู้ร้องที่ ๑ กับผู้ถูกกล่ำวหำที่ ๓ ผู้ถูกกล่ำวหำที่ ๓ เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำย
ของผู้ร้องที่ ๑ โดยผู้ร้องที่ ๒ และผู้ถูกกล่ำวหำที่ ๑ และผู้ถูกกล่ำวหำที่ ๒ เป็นพี่น้องร่วมบิดำ
ั
ื
มำรดำเดียวกัน เม่อระหว่ำงเดือนธันวำคม ๒๕๖๒ ถึงเมษำยน ๒๕๖๓ ผู้ถูกกล่ำวหำท้งสำม
่
ุ
�
ึ
ร่วมกันใช้และจ้ำงวำนบรวำรซงเป็นบคคลภำยนอกให้กระทำกำรก่อกวน สร้ำงควำมว่นวำย
ุ
ิ
1013
ั
ั
ี
่
ี
่
ึ
่
ู
บุกรุก คุกคำมโดยล็อกกุญแจแบบสำยเหล็กทประตด้ำนในห้องชุดซงเป็นทต้งส�ำนกงำนของ
ี
�
ี
ี
ผู้ร้องท่ ๒ ร่วมกันถอดประตูทำงเข้ำห้องชุดท่ผู้ร้องท่ ๒ เป็นผู้ครอบครอง และร่วมกันถอดมิเตอร์น้ำ
ื
ห้องชุดของผู้เช่ำของผู้ร้องท่ ๒ ต่อมำผู้ร้องท่ ๑ เข้ำไปในห้องชุดดังกล่ำวเพ่อเจรจำให้น�ำ
ี
ี
�
มิเตอร์น้ำมำคืน และต้องกำรน�ำตัวบุคคลภำยนอกผู้เคยก่อเหตุบุกรุกและก่อควำมวุ่นวำยไป
ี
ี
ท่สถำนีต�ำรวจ แต่เกิดเหตุทะเลำะวิวำทกันเกิดข้น ท�ำให้ผู้ร้องท่ ๑ ถูกท�ำร้ำยร่ำงกำยเป็นเหต ุ
ึ
ี
่
�
�
ิ
ให้ได้รับอันตรำยแก่กำยและจตใจ และผู้ร้องท ๒ ต้องหำมิเตอร์น้ำอันใหม่มำใช้แทนมิเตอร์น้ำ
ี
อันเก่ำท่สูญหำยไป หลังจำกน้นผู้ถูกกล่ำวหำท่ ๑ และท่ ๒ ดูหม่นและดุด่ำผู้ร้องท่ ๑ ซ่งเป็น
ิ
ี
ั
ี
ี
ึ
ิ
ี
บิดำว่ำ “ไอ้สัตว์ มึงไม่ใช่พ่อกู บ้ำนก็ไม่ใช่ของมึง” ท�ำให้ผู้ร้องท่ ๑ ถูกดูหม่นต่อหน้ำบุคคลอ่น
ื
ุ
ั
ั
ผู้ร้องท้งสองต่ำงได้รับควำมเสียหำย และผู้ร้องท้งสองเกรงว่ำอำจเกิดกำรกระท�ำควำมรนแรง
ึ
ในครอบครัวเพ่มมำกข้นอย่ำงต่อเน่อง จึงขอให้ศำลมีค�ำส่งคุ้มครองสวัสดิภำพเพ่อควำมปลอดภัย
ั
ื
ิ
ื
ั
ั
ั
ของผู้ร้องท้งสองจำกกำรกระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัว โดยมีค�ำส่งห้ำมผู้ถูกกล่ำวหำท้งสำม
เข้ำใกล้ผู้ร้องทั้งสองเกิน ๑๐ เมตร ห้ำมผู้ถูกกล่ำวหำทั้งสำมรวมทั้งบริวำรบุกรุก คุกคำม ดุด่ำ
้
่
้
ู
�
ั
�
วำรำย ดหมน หมนประมำท ข่มข และใช้ก�ำลงทำรำยรำงกำยหรอกระทำกำรใด ๆ อนอำจนำ
ั
ื
่
�
่
ิ
ิ
่
่
ู
ั
ึ
ู
ู
ิ
ู
้
ั
้
ุ
ู
ู
ั
ไปส่ควำมรนแรงในครอบครวแก่ผ้ร้องทงสองรวมถงบรวำรของผ้ร้องทงสอง และห้ำมผ้ถก
กล่ำวหำท้งสำมรวมถึงบริวำรเข้ำใกล้บ้ำนเลขท่ ๑๐๐/๑ และ ๑๐๐/๒ ซอยสุขุมวิท ๕๓
ั
ี
แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนำ กรุงเทพมหำนคร และขอให้ผู้ถูกกล่ำวหำท้งสำมเข้ำรับค�ำปรึกษำ
ั
แนะน�ำ จำกศูนย์ให้ค�ำปรึกษำแนะน�ำ หรือสถำนพยำบำล หรือหน่วยงำนตำมที่ก�ำหนด
ั
ผู้ถูกกล่ำวหำท้งสำมให้กำรว่ำ ผู้ถูกกล่ำวหำท้งสำมไม่ได้กระท�ำหรือใช้จ้ำงวำนให้
ั
ั
บุคคลใดกระท�ำควำมรุนแรงหรือท�ำร้ำยผู้ร้องท้งสอง ค�ำร้องของผู้ร้องท้งสองไม่เป็นควำมจริง
ั
ื
ข้อพิพำทตำมค�ำร้องของผู้ร้องท้งสองเก่ยวเน่องกับกิจกำรภำยในบริษัท ว. และบริษัท พ. ซ่ง
ึ
ั
ี
ั
เป็นนิติบุคคล และอยู่ในระหว่ำงพิจำรณำของศำลยุติธรรมอ่น ควำมจริงแล้วผู้ร้องท้งสองเป็น
ื
ผู้กระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวมำโดยตลอด โดยผู้ร้องที่ ๑ เคยท�ำร้ำยร่ำงกำยทั้งต่อผู้ถูกกล่ำวหำ
ที่ ๒ และผู้ถูกกล่ำวหำที่ ๓ คดีนี้ไม่ใช่คดีควำมรุนแรงภำยในครอบครัวและไม่อยู่ในอ�ำนำจของ
ศำลเยำวชนและครอบครัว ขอให้ยกค�ำร้องขอคุ้มครองสวัสดิภำพของผู้ร้องทั้งสอง
ผู้ร้องท้งสองคัดค้ำนว่ำ บริษัท ว. และบริษัท พ. เป็นกิจกำรภำยในครอบครัวของ
ั
ี
ึ
ื
ี
ี
ผู้ร้องท่ ๑ และผู้ถูกกล่ำวหำท่ ๓ ไม่ใช่เป็นเร่องนิติบุคคล เหตุกำรณ์ควำมรุนแรงท่เกิดข้น
ล้วนเกิดมำจำกผู้ถูกกล่ำวหำท้งสำมซ่งเป็นกรรมกำรของบริษัทท้งสองดังกล่ำว โดยผู้ถูกกล่ำวหำ
ึ
ั
ั
ื
ิ
ื
ุ
ึ
่
้
ั
�
ทงสำมเป็นผ้ใช้หรอจ้ำงวำนบรวำรซงเป็นบคคลภำยนอกหรอบำงครงได้กระทำกำรด้วยตนเอง
ั
ู
้
1014
กระท�ำควำมรุนแรงในครอบครัวต่อผู้ร้องทั้งสองตำมค�ำร้อง ขอให้ศำลมีค�ำสั่งคุ้มครองสวัสดิภำพ
ของผู้ร้องทั้งสองตำมค�ำร้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่
ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ั
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ผู้ร้องท้งสองย่นค�ำร้องขอให้ศำลออกค�ำส่งก�ำหนดมำตรกำรหรือ
ั
ื
วิธีกำรเพ่อบรรเทำทุกข์ตำมกฎหมำยว่ำด้วยผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
ุ้
ิ
่
ึ
ึ
มำตรำ ๑๗๒ จงเป็นคดีคมครองสวัสดิภำพซงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและ
ครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๔)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
1015
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย อ. โจทก์
ที่ วยช ๖๖/๒๕๖๓ นำงสำว อ. จ�ำเลย
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยมีสัญชำติรัสเซีย จดทะเบียนสมรสท่สหพันธรัฐ
ื
รัสเซีย ระหว่ำงสมรส โจทก์กับจ�ำเลยซ้อห้องชุดพิพำท ๓ ห้อง โดยโจทก์เป็นผู้ช�ำระเงิน
ท้งหมดเพียงผู้เดียว และให้จ�ำเลยลงช่อเป็นผู้ซ้อในสัญญำซ้อขำย ปัจจุบันโจทก์กับจ�ำเลย
ื
ื
ื
ั
แยกกันอยู่เป็นเวลำ ๘ เดือน จ�ำเลยมีพฤติกำรณ์ท่จะขำยห้องชุดพิพำทท้ง ๓ ห้อง โดย
ี
ั
ไม่แจ้งให้โจทก์ทรำบและมีเจตนำจะน�ำเงินท่ได้รับไปเป็นประโยชน์ส่วนตน ขอให้บังคับ
ี
ิ
ื
�
ื
ี
่
ู
�
์
ุ
จำเลยไปดำเนินกำรจดทะเบยนลงชอโจทก์เป็นผ้ถอกรรมสทธรวมกับจ�ำเลยในห้องชด
ิ
ื
ั
พิพำทท้ง ๓ ห้อง กรณีตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นเร่องสำมีภริยำท่จดทะเบียนสมรส
ี
ี
ตำมกฎหมำยของต่ำงประเทศมีข้อพิพำทกันเก่ยวกับทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรส
ี
ในประเทศไทย เม่อทรัพย์สินท่พิพำทกันในคดีน้เป็นห้องชุดอันเป็นอสังหำริมทรัพย์
ี
ื
ี
ซ่งตำมมำตรำ ๒๕ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. ว่ำด้วยกำรขัดกันแห่งกฎหมำย พ.ศ. ๒๔๘๑
ึ
ี
ี
ิ
ได้บัญญัติว่ำ “...ในส่วนท่เก่ยวกับอสังหำริมทรัพย์ ให้เป็นไปตำมกฎหมำยแห่งถ่น
ั
ั
ึ
ั
ี
ี
้
ั
ั
ั
ี
่
้
ิ
ททรพย์สนนนตงอย่” กรณจึงต้องน�ำ ป.พ.พ. มำใช้บงคบ จงเป็นกรณท่จะต้องบงคับ
ู
ี
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๕ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
_______________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยมีสัญชำติรัสเซีย จดทะเบียนสมรส
ื
ี
ื
เม่อวันท่ ๑๙ เมษำยน ๒๕๕๗ ท่สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่ำงสมรส โจทก์กับจ�ำเลยซ้อห้องชุด
ี
ี
เลขท่ ๒๐๒/๖๑, ๒๐๒/๖๗ และ ๒๐๒/๖๙ อำคำรชุด เอ.ดี. คอนโดมิเนียม ต�ำบลนำเกลือ
ื
อ�ำเภอบำงละมุง จังหวัดชลบุรี โดยโจทก์เป็นผู้ช�ำระเงินท้งหมดเพียงผู้เดียวและให้จ�ำเลยลงช่อ
ั
เป็นผู้ซ้อในสัญญำซ้อขำย ส่วนโจทก์ลงช่อเป็นพยำน ปัจจุบันโจทก์กับจ�ำเลยแยกกันอยู่เป็น
ื
ื
ื
เวลำ ๘ เดือน จ�ำเลยมีพฤติกำรณ์ท่จะขำยห้องชุดท้ง ๓ ห้อง โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทรำบและ
ั
ี
ี
ื
มีเจตนำจะน�ำเงินท่ได้รับไปเป็นประโยชน์ส่วนตน โจทก์ขอให้จ�ำเลยจดทะเบียนลงช่อโจทก์
ั
ิ
เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์รวมในห้องชุดท้ง ๓ ห้อง ในฐำนะสินสมรสแล้ว แต่จ�ำเลยบ่ำยเบ่ยงขอให้
ี
ิ
บังคับจ�ำเลยไปด�ำเนินกำรจดทะเบียนลงช่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธ์รวมกับจ�ำเลยในห้องชุด
ื
เลขท่ ๒๐๒/๖๑, ๒๐๒/๖๗ และ ๒๐๒/๖๙ อำคำรชุด เอ.ดี. คอนโดมิเนียม ต�ำบลนำเกลือ
ี
1016
อ�ำเภอบำงละมุง จังหวัดชลบุรี หำกจ�ำเลยไม่ด�ำเนินกำรให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำร
ื
แสดงเจตนำของจ�ำเลย กับให้โจทก์เป็นผู้ช�ำระค่ำธรรมเนียมและค่ำใช้จ่ำยในกำรลงช่อโจทก์
เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมกับจ�ำเลย
จ�ำเลยยังไม่ยื่นค�ำให้กำร
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพัทยำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ื
วินิจฉัยว่ำ กรณีตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นเร่องสำมีภริยำท่จดทะเบียนสมรส
ตำมกฎหมำยของต่ำงประเทศมีข้อพิพำทกันเก่ยวกับทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรส
ี
ี
ื
ี
ี
ในประเทศไทย เม่อทรัพย์สินท่พิพำทกันในคดีน้เป็นห้องชุดอันเป็นอสังหำริมทรัพย์ ซ่งตำม
ึ
มำตรำ ๒๕ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรขัดกันแห่งกฎหมำย พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้
ี
ิ
ี
บัญญัติว่ำ “...ในส่วนท่เก่ยวกับอสังหำริมทรัพย์ ให้เป็นไปตำมกฎหมำยแห่งถ่นท่ทรัพย์สินน้น
ี
ั
�
ิ
้
ั
่
ี
ั
ตงอย่” กรณจงตองนำประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์มำใชบังคบ กำรทโจทกฟองขอใหบังคบ
ั
้
้
้
์
้
ึ
ู
ี
ั
ิ
ิ
ุ
์
ั
ิ
็
ู
้
ื
ี
�
จำเลยจดทะเบยนลงช่อโจทก์เปนผถือกรรมสิทธ์รวมในหนงสือกรรมสิทธห้องชดพพำทท้ง ๓ ห้อง
โดยอ้ำงว่ำห้องชดพพำททง ๓ ห้อง เป็นสนสมรสระหว่ำงโจทก์กบจำเลย แต่มชอจำเลยเป็น
ุ
ิ
่
ี
�
ื
้
�
ั
ิ
ั
เจ้ำของกรรมสิทธ์ในหนังสือกรรมสิทธ์ห้องชุดเพียงผู้เดียว อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวล
ิ
ี
ิ
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๕ คดีน้จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
1017
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ม. โจทก์
ที่ วยช ๑๖/๒๕๖๔ นำย อ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับเจ้ำมรดกสมรสกันตำมหลักศำสนำอิสลำม และกล่ำวอ้ำงว่ำ
ทรัพย์พิพำทบำงรำยกำรเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับเจ้ำมรดก โจทก์ขอแบ่งสินสมรส
และแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ำมรดก จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำทรัพย์พิพำทบำงรำยกำรไม่ใช่
ี
ี
ทรัพย์มรดก โจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่ง และหน้เงินค่ำแชร์เป็นหน้ร่วมระหว่ำงโจทก์กับ
ึ
ื
เจ้ำมรดก โจทก์ต้องรับผิดชอบก่งหน่ง กรณีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยในเร่องทรัพย์สินระหว่ำง
ึ
ี
สำมีภริยำอันต้องบังคับตำม พ.ร.บ. ว่ำด้วยกำรใช้กฎหมำยอิสลำมในเขตจังหวัดปัตตำนี
ี
ี
นรำธิวำส ยะลำ และสตูล พ.ศ. ๒๔๘๙ ในส่วนท่เก่ยวกับกำรวินิจฉัยช้ขำดคดีแพ่งตำม
ี
ี
ี
ื
ื
หลักกฎหมำยอิสลำมเร่องครอบครัวของอิสลำมศำสนิก เป็นกฎหมำยอ่นท่เก่ยวกับ
ครอบครัว คดีท่ต้องอยู่ในบังคับตำม พ.ร.บ. ว่ำด้วยกำรใช้กฎหมำยอิสลำมในเขตจังหวัด
ี
ี
ปัตตำน นรำธิวำส ยะลำ และสตูล พ.ศ. ๒๔๘๙ จึงเป็นคดีครอบครัวซ่งอยู่ในอ�ำนำจ
ึ
ั
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวตำมบทนิยำมดังกล่ำวด้วย ส่วนท ่ ี
ี
โจทก์มีค�ำขอให้จ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินในส่วนท่เป็นทรัพย์มรดกของเจ้ำมรดกให้แก่โจทก์
มำด้วยโดยอำศัยเหตุท่ว่ำโจทก์เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของเจ้ำมรดกซ่งมีฐำนะเป็น
ี
ึ
ื
ทำยำทด้วยคนหน่ง อันถือได้ว่ำเป็นเร่องสืบเน่องจำกกำรเป็นสำมีภริยำตำมกฎหมำยและ
ึ
ื
เก่ยวเน่องกับสิทธิหน้ำท่และควำมสัมพันธ์ในครอบครัวท่จะต้องพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ื
ี
ี
ไปในครำวเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________
ู
่
้
ั
้
ิ
์
่
่
้
โจทกฟองวำ เมอประมำณป ๒๕๔๖ โจทกกบนำย ด. เจำมรดก ไดสมรสและอยกน
์
ื
ี
ุ
ฉันสำมีภริยำตำมหลักศำสนำอิสลำม ไม่มีบตรด้วยกัน เจ้ำมรดกเคยมีภรยำมำแล้ว ๓ คน
ิ
แต่หย่ำกันแล้ว มีบุตรกับภริยำท้งสำม ๕ คน จ�ำเลยเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยคนหน่งของ
ึ
ั
เจ้ำมรดกท่เกิดจำกนำง จ. ต่อมำวันท่ ๒๖ กันยำยน ๒๕๖๒ เจ้ำมรดกถึงแก่ควำมตำย ศำลจังหวัด
ี
ี
ยะลำมีค�ำสั่งตั้งโจทก์และจ�ำเลยเป็นผู้จัดกำรมรดกของเจ้ำมรดกร่วมกัน เจ้ำมรดกมีทรัพย์มรดก
ี
ื
ท่เป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับเจ้ำมรดก คือ เงินฝำกในบัญชีธนำคำรเพ่อกำรเกษตรและ
สหกรณ์กำรเกษตร ๕,๙๗๖.๒๖ บำท ต้นยำงที่ปลูกอยู่บนที่ดินสวนยำงบำเละอำงิง บ้ำนตำเปำะ
1018
ของโจทก์เป็นเงิน ๘,๐๐๐ บำท เงิน ๒๖,๐๐๐ บำท ที่น�ำไปไถ่ถอนที่ดิน น.ส. ๓ ก. ที่จ�ำนอง
ี
ี
ี
ไว้กับนำย ห. เงิน ๑๒,๐๐๐ บำท ท่น�ำไปไถ่ถอนท่ดินนำท่จ�ำนองไว้กับบุคคลภำยนอก และม ี
ทรัพย์มรดกที่เป็นสินเดิม คือ รถยนต์ ๑ คัน ที่ดิน ๗ แปลง และอำวุธปืน ๑ กระบอก เจ้ำมรดก
ยังมีหนี้เงินค่ำแชร์ที่ต้องผ่อนช�ำระ ๘๒,๐๐๐ บำท นอกจำกนี้โจทก์ท�ำมำหำกินร่วมกับเจ้ำมรดก
เป็นเวลำ ๑๗ ปี โจทก์คิดค่ำแรงปีละ ๒๐,๐๐๐ บำท รวมเป็นเงิน ๓๔๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยในฐำนะ
ี
ี
ผู้จัดกำรมรดกร่วมกับโจทก์ไม่ท�ำหน้ำท่ในกำรรวบรวมแบ่งปันทรัพย์มรดก มีแต่โจทก์ท่พยำยำม
่
่
์
่
ั
่
ติดตอจ�ำเลยและทำยำททุกคนเพื่อด�ำเนินกำรแบงปนทรัพยมรดก แตไมสำมำรถจัดกำรรวบรวม
ี
ื
ทรัพย์มรดกเพ่อแบ่งปันแก่ทำยำทให้แล้วเสร็จได้ ขอให้บังคับจ�ำเลยแบ่งทรัพย์มรดกส่วนท่เป็น
สินสมรสให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ๒๕,๙๘๘.๑๓ บำท และส่วนที่เป็นสินสมรสที่ตกเป็นกองมรดกของ
เจ้ำมรดกให้แก่โจทก์ในอัตรำเศษ ๑ ส่วน ๘ เป็นเงิน ๘๗๓.๕๑ บำท กับให้แบ่งทรัพย์มรดกส่วน
ที่เป็นสินเดิมของเจ้ำมรดกให้แก่โจทก์ในอัตรำเศษ ๑ ส่วน ๘ เป็นเงิน ๙๘,๓๖๐ บำท และแบ่ง
ทรัพย์มรดกเป็นค่ำแรงของโจทก์ ๓๔๐,๐๐๐ บำท หำกไม่อำจแบ่งได้ให้ประมูลขำยทอดตลำด
แบ่งเงินกันตำมสัดส่วนท่ตนมีสิทธิได้รับ หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทน
ี
กำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลยในฐำนะส่วนตัว จ�ำเลยไม่สำมำรถแบ่ง
ี
ี
ทรัพย์สินให้แก่โจทก์ในฐำนะส่วนตัวตำมท่โจทก์ฟ้องได้ เงินค่ำต้นยำงและเงินท่ไถ่ถอนท่ดิน
ี
เป็นกำรท�ำมำหำได้และออกค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำรงชีพระหว่ำงสำมีภริยำไม่ใช่ทรัพย์สินใน
กองมรดก ไม่อำจแบ่งแก่บุคคลใดได้ หน้เงินค่ำแชร์เป็นหน้ร่วมระหว่ำงโจทก์กับเจ้ำมรดก โจทก์ต้อง
ี
ี
ึ
รับผิดชอบก่งหน่ง และสำมีภริยำต้องช่วยเหลืออุปกำระเล้ยงดูกันตำมควำมสำมำรถและฐำนะ
ี
ึ
ั
ของตน ควำมเป็นสำมีภริยำน้นไม่อำจถือเป็นกำรใช้แรงงำนหรือลูกจ้ำงและนำยจ้ำงระหว่ำงกันได้
โจทก์จะเรียกร้องเงินค่ำแรงไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดยะลำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับเจ้ำมรดกสมรสกันตำมหลักศำสนำอิสลำม และ
กล่ำวอ้ำงว่ำทรัพย์พิพำทบำงรำยกำรเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับเจ้ำมรดก โจทก์ขอแบ่ง
สินสมรสและแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ำมรดก จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำทรัพย์พิพำทบำงรำยกำรไม่ใช่
1019
ี
ี
ทรัพย์มรดก โจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่ง และหน้เงินค่ำแชร์เป็นหน้ร่วมระหว่ำงโจทก์กับเจ้ำมรดก โจทก์
ต้องรับผิดชอบก่งหน่ง กรณีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยในเร่องทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ อันต้อง
ึ
ี
ึ
ื
บังคับตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรใช้กฎหมำยอิสลำมในเขตจังหวัดปัตตำนี นรำธิวำส ยะลำ
และสตูล พ.ศ. ๒๔๘๙ ในส่วนที่เกี่ยวกับกำรวินิจฉัยชี้ขำดคดีแพ่งตำมหลักกฎหมำยอิสลำมเรื่อง
ื
ี
ี
ครอบครัวของอิสลำมศำสนิก เป็นกฎหมำยอ่นท่เก่ยวกับครอบครัว คดีท่ต้องอยู่ในบังคับตำม
ี
พระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรใช้กฎหมำยอิสลำมในเขตจังหวัดปัตตำนี นรำธิวำส ยะลำ และสตูล
พ.ศ. ๒๔๘๙ จึงเป็นคดีครอบครัวซ่งอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
ึ
ตำมบทนิยำมดังกล่ำวด้วย ส่วนท่โจทก์มีค�ำขอให้จ�ำเลยแบ่งทรัพย์สินในส่วนท่เป็นทรัพย์มรดก
ี
ี
ี
ของเจ้ำมรดกให้แก่โจทก์มำด้วย โดยอำศัยเหตุท่ว่ำโจทก์เป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของ
่
ึ
ื
่
เจำมรดกซงมฐำนะเป็นทำยำทด้วยคนหนง อันถือได้ว่ำเป็นเรองสืบเน่องจำกกำรเป็นสำมีภริยำ
ื
่
ี
ึ
้
ี
ี
ื
ี
ตำมกฎหมำยและเก่ยวเน่องกับสิทธิหน้ำท่และควำมสัมพันธ์ในครอบครัวท่จะต้องพิจำรณำ
ั
พิพำกษำไปในครำวเดียวกัน ดังน้น จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
1020
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ฮ. โจทก์
ที่ วยช ๖๒/๒๕๖๔ นำงสำว ว. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียน
ี
สมรสท่สมำพันธรัฐสวิส ก่อนสมรสโจทก์มีสินส่วนตัวเป็นเงินสด ๗,๐๐๐,๐๐๐ บำท ต่อมำ
ี
ี
โจทก์กับจ�ำเลยย้ำยมำพักอำศัยท่บ้ำนของจ�ำเลยท่จังหวัดขอนแก่น ระหว่ำงอยู่กินฉัน
สำมีภริยำจ�ำเลยไม่ได้ประกอบอำชีพ ระหว่ำงน้นจ�ำเลยน�ำเงินสินส่วนตัวของโจทก์
ั
ไปใช้จ่ำยในกำรรักษำพยำบำลบิดำจ�ำเลยและตำจ�ำเลย ซ้อท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำง
ื
ี
ิ
พิพำทในจังหวัดขอนแก่น ตลอดจนให้พ่เขยจ�ำเลยและบุคคลภำยนอกกู้ยืมเงิน
ี
รวมทั้งสิ้น ๕,๐๐๐,๐๐๐ บำทเศษ ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำ ณ ส�ำนักทะเบียน
ิ
ี
อ�ำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ขอให้บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพร้อม
ิ
ิ
ส่งปลูกสร้ำงพิพำทให้แก่โจทก์ หำกไม่สำมำรถโอนกรรมสิทธ์ได้ให้ใช้รำคำแทน และ
ี
ให้จ�ำเลยช�ำระเงินพร้อมดอกเบ้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
�
จำเลยให้กำรว่ำ โจทก์ไม่ได้มีสนส่วนตัวเป็นเงนสด ๗,๐๐๐,๐๐๐ บำท จำเลยไม่ได้
ิ
�
ิ
ั
ั
�
�
ั
นำเงนสนส่วนตวของโจทก์ไปใช้จ่ำยในกำรรกษำพยำบำลบดำจำเลยกบตำจำเลย
�
ิ
ิ
ิ
ี
จ�ำเลยซ้อท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำงพิพำทด้วยเงินของโจทก์และจ�ำเลย จ�ำเลยให้กู้ยืมเงิน
ื
ิ
ั
ึ
ี
แก่บุคคลอ่นซ่งไม่เก่ยวข้องกับโจทก์ หำกพิจำรณำว่ำสิทธิเรียกร้องน้นเป็นทรัพย์สิน
ื
ี
ี
ท่ได้มำในระหว่ำงสมรสก็เป็นสิทธิเรียกร้องท่มีต่อบุคคลภำยนอก ไม่ใช่สิทธิเรียกร้อง
ที่โจทก์มีต่อจ�ำเลย กรณีตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรเป็นเรื่องสำมีภริยำที่มีสัญชำติต่ำงกัน
ี
สมรสกันตำมกฎหมำยของต่ำงประเทศมีข้อพิพำทเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ
ในประเทศไทย จึงต้องน�ำ พ.ร.บ. ว่ำด้วยกำรขัดกันแห่งกฎหมำย พ.ศ. ๒๔๘๑ ภำค ๕
ว่ำด้วยเร่องครอบครัว ซ่งเป็นกฎหมำยอ่นท่เก่ยวกับครอบครัว ประกอบ ป.พ.พ.
ึ
ี
ื
ี
ื
ในบรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ และมำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔ มำใช้บังคับ คดีน ี ้
จึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________
1021
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์และจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนสมรส
ี
ื
ท่สมำพันธรัฐสวิส เม่อวันท่ ๒๗ มีนำคม ๒๕๕๒ ก่อนสมรสโจทก์มีสินส่วนตัว คือ เงินสด
ี
ี
ี
๗,๐๐๐,๐๐๐ บำท ต่อมำโจทก์และจ�ำเลยย้ำยมำพักอำศัยท่บ้ำนของจ�ำเลย เลขท่ ๒๗/๑
ี
หมู่ท่ ๕ ต�ำบลหนองบัว อ�ำเภอบ้ำนฝำง จังหวัดขอนแก่น ระหว่ำงอยู่กินฉันสำมีภริยำจ�ำเลย
ไม่ได้ประกอบอำชีพ ระหว่ำงปี ๒๕๕๒ ถึงปี ๒๕๖๑ จ�ำเลยน�ำเงินสินส่วนตัวของโจทก์ไปใช้จ่ำย
ี
ื
ในกำรรักษำพยำบำลบิดำจ�ำเลยและนำย ค. ตำจ�ำเลย ซ้อท่ดินโฉนดเลขท่ ๒๘๔๖๙ และ ๑๗๖๔๒
ี
ต�ำบลหนองบัว อ�ำเภอบ้ำนฝำง จังหวัดขอนแก่น พร้อมสิ่งปลูกสร้ำง ในรำคำ ๒,๒๐๐,๐๐๐ บำท
ี
ื
ี
ิ
่
้
่
ื
ิ
ื
ซอทดนแปลงอนอกหลำยแปลง ตลอดจนให้นำย ป. พเขยจำเลย และบคคลภำยนอกก้ยมเงน
ี
�
่
ู
ุ
ั
รวมท้งส้น ๕,๘๘๗,๐๐๐ บำท ต่อมำวันท่ ๑๗ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๔ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำ
ิ
ี
ณ ส�ำนักทะเบียนอ�ำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ขอให้บังคับจ�ำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ี
โฉนดเลขท่ ๒๘๔๖๙ และ ๑๗๖๔๒ ต�ำบลหนองบัว อ�ำเภอบ้ำนฝำง จังหวัดขอนแก่น พร้อม
สิ่งปลูกสร้ำงให้แก่โจทก์ หำกไม่สำมำรถโอนกรรมสิทธิ์ได้ให้ใช้รำคำแทน ๒,๒๐๐,๐๐๐ บำท และ
ั
ิ
้
ี
�
�
ให้จำเลยชำระเงน ๓,๖๘๗,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงน
ิ
๕,๘๘๗,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ โจทก์และจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย โจทก์ไม่ได้ม ี
สินส่วนตัวเป็นเงินสด ๗,๐๐๐,๐๐๐ บำท ปี ๒๕๕๙ โจทก์และจ�ำเลยย้ำยมำพักอำศัยที่บ้ำนของ
จ�ำเลย เลขที่ ๒๗/๑ หมู่ที่ ๕ ต�ำบลหนองบัว อ�ำเภอบ้ำนฝำง จังหวัดขอนแก่น ระหว่ำงอยู่กินฉัน
สำมีภริยำในประเทศไทยโจทก์ไม่ได้ประกอบอำชีพ ส่วนจ�ำเลยประกอบอำชีพเกษตรกรและค้ำขำย
จ�ำเลยไม่ได้น�ำเงินสินส่วนตัวของโจทก์ไปใช้จ่ำยในกำรรักษำพยำบำลนำย ค. ตำจ�ำเลย เน่องจำก
ื
ในปี ๒๕๕๒ โจทก์และจ�ำเลยพักอำศัยอยู่ที่สมำพันธรัฐสวิส ทั้งไม่ได้น�ำเงินสินส่วนตัวของโจทก์
ี
ื
ไปใช้จ่ำยในกำรรักษำพยำบำลบิดำจ�ำเลย จ�ำเลยไม่ได้ซ้อท่ดินในปี ๒๕๕๕ ปี ๒๕๕๖ และ
ี
ปี ๒๕๕๙ จ�ำเลยซ้อท่ดินโฉนดเลขท่ ๒๘๔๖๙ และ ๑๗๖๔๒ ต�ำบลหนองบัว อ�ำเภอบ้ำนฝำง
ี
ื
ิ
จังหวัดขอนแก่น พร้อมส่งปลูกสร้ำง ในรำคำ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท ด้วยเงินของโจทก์และจ�ำเลย
ี
ึ
ื
จ�ำเลยให้กู้ยืมเงินรวม ๘๐๐,๐๐๐ บำท แก่บุคคลอ่นซ่งไม่เก่ยวข้องกับโจทก์ หำกพิจำรณำว่ำ
ี
ี
สิทธิเรียกร้องน้นเป็นทรัพย์สินท่ได้มำในระหว่ำงสมรสก็เป็นสิทธิเรียกร้องท่มีต่อบุคคลภำยนอก
ั
ไม่ใช่สิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีต่อจ�ำเลย ค�ำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
1022