วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
873
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์
ที่ วยช ๑๘/๒๕๖๒ นำงสำว ม. กับพวก จ�ำเลย
่
ี
ั
่
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กบจ�ำเลยท ๑ เคยเป็นสำมภรยำชอบด้วยกฎหมำย ทดิน
ิ
่
ี
ี
่
ี
โฉนดเลขท ๓๔๐๒๑ และ ๓๔๐๒๒ และบ้ำนเลขท ๕๑๑/๒ ปลูกสร้ำงอยู่บนท่ดินโฉนด
เลขที่ ๓๔๐๒๒ เป็นสินส่วนตัวของโจทก์ที่ได้รับกำรยกให้จำกมำรดำ ไม่ใช่สินสมรสของ
โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียนหย่ำและท�ำบันทึกข้อตกลงท้ำย
ี
่
ทะเบียนกำรหย่ำโดยส�ำคัญผิดว่ำบ้ำนเลขท ๕๑๑/๒ เป็นสินสมรส โจทก์ยกให้เป็นของ
จ�ำเลยท ๑ ซ่งจะยกให้เป็นกรรมสิทธ์ของบุตรท้งสองเม่อมีอำยุครบ ๒๐ ปี อันเป็นกำร
ิ
ึ
ี
่
ื
ั
ั
้
ั
ั
ี
้
�
แสดงเจตนำโดยส�ำคญผิดและไมได้จดทะเบียนต่อพนกงำนเจำหนำท ขอให้บงคบจำเลย
ั
่
่
่
ี
ั
ท้งสองพร้อมบริวำรออกไปจำกบ้ำนเลขท ๕๑๑/๒ กับให้จ�ำเลยท้งสองชดใช้ค่ำเสียหำย
ั
ี
แก่โจทก์ ข้ออ้ำงของโจทก์ท่ว่ำบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำระหว่ำงโจทก์กับ
ี
่
ึ
ิ
จ�ำเลยท ๑ ตกเป็นโมฆะเน่องจำกโจทก์แสดงเจตนำโดยส�ำคัญผิดในส่งซ่งเป็นสำระส�ำคัญ
ื
�
ิ
่
ี
ั
ั
ื
ี
ิ
ั
ิ
้
แห่งนตกรรมทงมได้ทำเป็นหนงสอและจดทะเบยนต่อพนกงำนเจ้ำหน้ำท เป็นข้ออ้ำง
ี
ี
ื
ท่เก่ยวเน่องโดยตรงกับกำรแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
ี
บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ ๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย ท่ดินโฉนด
ี
เลขท่ ๓๔๐๒๑ และ ๓๔๐๒๒ ต�ำบลวังทองหลำง อ�ำเภอบำงกะปิ กรุงเทพมหำนคร และ
บ้ำนเลขท่ ๕๑๑/๒ ซอยลำดพร้ำว ๙๔ (ปัญจมิตร) แขวงพลับพลำ เขตวังทองหลำง กรุงเทพมหำนคร
ี
ี
ซงเป็นตกแถวสองชนปลูกสร้ำงอยู่บนท่ดนโฉนดเลขท่ ๓๔๐๒๒ เป็นสนส่วนตวของโจทก์
ิ
ั
ิ
ึ
ี
ึ
่
้
ั
ที่ได้รับกำรยกให้จำกมำรดำ ไม่ใช่สินสมรสของโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๕ เมษำยน ๒๕๕๙
่
ี
�
โจทก์กบจำเลยท ๑ จดทะเบียนหย่ำและท�ำบนทกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำโดยส�ำคัญผิด
ั
ั
ึ
ี
ี
ึ
ว่ำบ้ำนเลขท่ ๕๑๑/๒ เป็นสินสมรส โจทก์ยกให้เป็นของจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งจะยกให้เป็นกรรมสิทธ ์ ิ
ึ
ิ
่
่
ั
ื
่
ของบตรทงสองเมอมอำยครบ ๒๐ ปี อนเป็นกำรแสดงเจตนำโดยสำคัญผดในสงซงเป็น
ุ
้
ิ
�
ั
ี
ุ
สำระส�ำคัญของนิติกรรมและไม่ได้ท�ำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ นิติกรรม
ดังกล่ำวตกเป็นโมฆะ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นมำรดำจ�ำเลยที่ ๑ อยู่อำศัยในบ้ำนเลขที่ ๕๑๑/๒ ของโจทก์
874
ั
ั
โจทก์ไม่ประสงค์ให้จ�ำเลยท้งสองอยู่อำศัยในบ้ำนของโจทก์อีกต่อไปจึงบอกกล่ำวให้จ�ำเลยท้งสอง
ั
พร้อมบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนของโจทก์ จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับ
ี
ั
จ�ำเลยท้งสองพร้อมบริวำรออกไปจำกบ้ำนเลขท่ ๕๑๑/๒ ซอยลำดพร้ำว ๙๔ (ปัญจมิตร)
แขวงพลับพลำ เขตวังทองหลำง กรุงเทพมหำนคร และส่งมอบให้โจทก์ในสภำพเรียบร้อย
กับให้จ�ำเลยทั้งสองชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำ
จ�ำเลยทั้งสองจะขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกไปจำกบ้ำนของโจทก์
ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงใน
้
่
ี
้
ึ
ื
่
�
่
ี
ั
็
่
์
�
้
่
ั
คำฟองวำบนทกขอตกลงทำยทะเบยนกำรหยำระหวำงโจทกกบจำเลยท ๑ ตกเปนโมฆะ เนองจำก
ั
�
ื
โจทก์แสดงเจตนำโดยสำคญผดในสงซงเป็นสำระสำคญแห่งนตกรรมทงมได้ทำเป็นหนงสอและ
ิ
ิ
�
ั
ิ
้
ั
ั
ิ
ิ
่
ึ
�
่
ี
จดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำท่ อันเป็นข้ออ้ำงท่เก่ยวเน่องโดยตรงกับกำรแบ่งทรัพย์สินของสำม ี
ี
ี
ื
ี
ิ
ิ
ั
ภรยำท่จะต้องบงคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ
๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
875
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์
ที่ วยช ๘๐/๒๕๖๒ นำงสำว ศ. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำยและมีบุตรด้วยกัน
ี
ื
ิ
หลังจำกจดทะเบียนหย่ำกันแล้ว โจทก์ซ้อท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำง โจทก์และบุตรจึงย้ำยเข้ำ
มำอำศัยอยู่ในบ้ำนดังกล่ำว ต่อมำจ�ำเลยมำขออำศัยอยู่ด้วย ขณะอยู่ด้วยกันจ�ำเลยทะเลำะ
กับโจทก์ และปิดประตูล็อกกุญแจไม่ยอมให้โจทก์เข้ำบ้ำน ท�ำลำยทรัพย์สินและขับรถชน
ประตูร้วพังเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนของโจทก์ จ�ำเลย
ั
ั
ให้กำรว่ำ กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำท่โจทก์กับจ�ำเลยตกลงกันเท่ำน้นโดย
ี
ื
ไม่ประสงค์ให้ผูกพันตำมทะเบียนกำรหย่ำ โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำท
ี
ิ
ี
ิ
ื
ิ
ั
�
ิ
ิ
์
ี
ั
�
จงเป็นสนสมรสหรอกรรมสทธรวม โจทก์ไม่มสทธฟ้องขบไล่จำเลย กำรทโจทก์กบจำเลย
่
ึ
จดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำโดยไม่ประสงค์ให้ผูกพันตำมทะเบียนกำรหย่ำ โจทก์
ื
กับจ�ำเลยยังคงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำมำโดยตลอดและร่วมกันซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำท
ี
ื
บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลย คดีน แม้กรณีเป็นเร่องโจทก์
ี
้
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยอยู่ในบ้ำนพิพำทโดยละเมิด แต่กำรวินิจฉัยว่ำโจทก์มีอ�ำนำจฟ้องขับ
ี
ั
ไล่จ�ำเลยหรือไม่น้น จะต้องวินิจฉัยก่อนว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินส่วนตัวของโจทก์
ี
หรือเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย อันเป็นข้อพิพำทเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำม ี
ภริยำ ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย
มีบุตรด้วยกัน ๑ คน และจดทะเบียนหย่ำกันเม่อวันท่ ๔ มกรำคม ๒๕๕๐ ต่อมำวันท่ ๒๙
ี
ี
ื
ื
ี
กันยำยน ๒๕๕๒ โจทก์ซ้อท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๖๓๕๔ ต�ำบลท่ำอิฐ อ�ำเภอปำกเกร็ด จังหวัดนนทบุร ี
ี
พร้อมส่งปลูกสร้ำงบ้ำนเลขท่ ๙๘/๒๖๖ โจทก์และบุตรจึงย้ำยเข้ำมำอำศัยอยู่ในบ้ำนดังกล่ำว
ิ
ี
ประมำณปลำยปี ๒๕๕๓ จ�ำเลยมำขออำศัยอยู่ด้วยอ้ำงว่ำจะมำดูแลบุตร โจทก์กับจ�ำเลยมักจะมี
ปำกเสียงทะเลำะวิวำทกันตลอด จนกระทั่งวันที่ ๒๐ พฤษภำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลยทะเลำะกับโจทก์
จ�ำเลยปิดประตูล็อกกุญแจไม่ยอมให้โจทก์เข้ำบ้ำน และท�ำลำยทรัพย์สินภำยในบ้ำน ต่อมำจ�ำเลย
ออกไปนอกบ้ำน โจทก์จึงปิดล็อกประตูรั้ว เมื่อจ�ำเลยกลับมำ จ�ำเลยขับรถชนประตูรั้วพังเสียหำย
876
โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกที่ดินและบ้ำนของโจทก์ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้
โจทก์เสียหำยและไม่สำมำรถอำศัยในบ้ำนดังกล่ำวได้ ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไป
จำกบ้ำนเลขที่ ๙๘/๒๖๖ หมู่ที่ ๑ ต�ำบลท่ำอิฐ อ�ำเภอปำกเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ของโจทก์
ื
ี
จ�ำเลยให้กำรว่ำ กำรท่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเม่อวันท่ ๔ มกรำคม ๒๕๕๐
ี
ี
โจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้มีเจตนำท่ต้องกำรจะแยกกันอยู่จริงและไม่ประสงค์ให้ผูกพันตำมทะเบียน
กำรหย่ำ กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำท่โจทก์กับจ�ำเลยตกลงกันเท่ำน้น ภำยหลัง
ั
ี
จดทะเบียนหย่ำจ�ำเลยยังคงพักอำศัยอยู่ด้วยกันกับโจทก์ฉันสำมีภริยำและท�ำธุรกิจร่วมกันมำ
�
ิ
โดยตลอด โจทก์กบจำเลยร่วมกนซอทดนและบ้ำนพพำทจงเป็นสนสมรสหรอกรรมสทธรวม
ื
ั
้
่
ี
ิ
ั
ิ
์
ึ
ิ
ื
ิ
โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ี
�
ิ
ั
้
ี
ู
�
�
ื
่
จำเลยยนคำร้องว่ำ คดนอย่ในอำนำจพจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครว ขอให้
ี
ื
ศำลวินิจฉัยเร่องอ�ำนำจศำล ศำลจังหวัดนนทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ั
ั
�
วนิจฉยว่ำ คดนโจทก์ฟ้องขอให้บงคบจำเลยขนย้ำยทรัพย์สนออกไปจำกบ้ำนพิพำท
ิ
ี
ั
ิ
ี
้
โดยอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้ำนพิพำทซึ่งโจทก์ซื้อมำหลังจำกจดทะเบียนหย่ำ
แต่จ�ำเลยขัดขวำงไม่ให้โจทก์เข้ำไปพักอำศัยในบ้ำนพิพำท ส่วนจ�ำเลยให้กำรว่ำ กำรท่โจทก์
ี
กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำโดยไม่ประสงค์ให้ผูกพนตำมทะเบียนกำรหย่ำ
ั
โจทก์กับจ�ำเลยยังคงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำมำโดยตลอดและร่วมกันซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำท
ี
ื
ื
บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลย แม้กรณีเป็นเร่องโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย
�
ั
ิ
ื
ั
ู
อย่ในบ้ำนพพำทโดยละเมิด แต่กำรวนิจฉยว่ำโจทก์มอ�ำนำจฟ้องขบไล่จำเลยหรอไม่น้น จะต้อง
ี
ั
ิ
ี
วินิจฉัยก่อนว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินส่วนตัวของโจทก์หรือเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับ
ี
ึ
จ�ำเลย อันเป็นข้อพิพำทเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ ซ่งต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
877
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
878
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ช. กับพวก โจทก์
ที่ วยช ๒๗/๒๕๖๔ นำง น. กับพวก จ�ำเลย
�
้
ิ
ี
�
้
ั
ี
ั
้
่
โจทก์ทงสองฟ้องว่ำ โจทก์ทงสองเป็นเจ้ำหนตำมคำพพำกษำของจำเลยท ๑
ั
ื
ั
จ�ำเลยท้งสองแสดงเจตนำลวงจดทะเบียนหย่ำโดยสมรู้กันเพ่อหลีกเล่ยงมิให้โจทก์ท้งสอง
ี
บังคับคดีเอำแก่ทรัพย์สินอันเป็นสินสมรส ขอให้พิพำกษำว่ำกำรจดทะเบียนหย่ำระหว่ำง
ี
จ�ำเลยท้งสองเป็นโมฆะ จึงมีข้อท่ต้องพิจำรณำว่ำ กำรสมรสระหว่ำงจ�ำเลยท้งสอง
ั
ั
่
สนสดลงเพรำะกำรหย่ำ หรอกำรหย่ำระหวำงจำเลยทงสองเป็นโมฆะเพรำะจำเลยทงสอง
้
้
ั
ั
ื
้
ุ
ิ
�
�
แสดงเจตนำลวงโดยสมรู้กัน อันเป็นกรณีต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๐๑,
๑๕๑๔ และ ๑๕๑๕ และบรรพ ๑ มำตรำ ๑๕๕ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________
ั
ั
โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ เดิมจ�ำเลยท้งสองเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียน
สมรสวันที่ ๓๐ สิงหำคม ๒๕๓๓ ต่อมำวันที่ ๑๐ กรกฎำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยทั้งสองจดทะเบียน
ุ
ั
ั
ื
ี
ิ
้
�
ั
ั
ั
ั
หย่ำกน หลงจำกนนจำเลยท้งสองยังคงอยู่กินฉันสำมภรยำและพักอำศยอยู่ด้วยกน ใช้ช่อสกล
เดียวกัน ตลอดจนแสดงออกต่อบุคคลท่วไปว่ำเป็นสำมีภริยำกัน จ�ำเลยท้งสองแสดงเจตนำลวง
ั
ั
จดทะเบียนหย่ำโดยสมรู้กันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ถูกโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นเจ้ำหนี้ของจ�ำเลยที่ ๑ ตำม
ค�ำพิพำกษำบังคับคดีเอำแก่ทรัพย์สินอันเป็นสินสมรส กำรจดทะเบียนหย่ำระหว่ำงจ�ำเลยท้งสอง
ั
จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีส่วนได้เสียสำมำรถยกเอำควำมเสียเปล่ำแห่งโมฆะกรรมขึ้น
กล่ำวอ้ำงได้ ขอให้พิพำกษำว่ำกำรจดทะเบยนหย่ำระหว่ำงจำเลยทงสองเป็นโมฆะ และให้เพิก
ั
�
ี
้
ถอนทะเบียนกำรหย่ำระหว่ำงจ�ำเลยทั้งสอง เลขทะเบียนที่ ๕๗/๒๑๐๘
ี
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดมหำสำรคำมเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ั
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ั
ั
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นเจ้ำหน้ตำมค�ำพิพำกษำของ
ี
จ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยทั้งสองแสดงเจตนำลวงจดทะเบียนหย่ำโดยสมรู้กันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้โจทก์ทั้งสอง
บังคับคดีเอำแก่ทรัพย์สินอันเป็นสินสมรส ขอให้พิพำกษำว่ำกำรจดทะเบียนหย่ำระหว่ำงจ�ำเลย
879
ี
ั
ิ
ั
ท้งสองเป็นโมฆะ จึงมีข้อท่ต้องพิจำรณำว่ำ กำรสมรสระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองส้นสุดลงเพรำะกำรหย่ำ
ั
ั
หรือกำรหย่ำระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองเป็นโมฆะเพรำะจ�ำเลยท้งสองแสดงเจตนำลวงโดยสมรู้กัน
อันเป็นกรณีต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๐๑, ๑๕๑๔
และ ๑๕๑๕ และบรรพ ๑ มำตรำ ๑๕๕ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
880
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ณ. โจทก์
ที่ วยช ๕๘/๒๕๖๔ นำย ธ. จ�ำเลย
ี
ั
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัยของบุตรท้งสองตำมบันทึก
ิ
ื
ข้อตกลงเร่องกำรแบ่งทรัพย์สนของสำมีภริยำเน่องจำกกำรจดทะเบียนหย่ำ ส่วนจ�ำเลย
ื
ี
ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนหรือปรับเปล่ยนข้อตกลงดังกล่ำว อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับ
ี
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีบุตรด้วยกัน ๒ คน
คือ เด็กชำย ภ. และเด็กหญิง พ. เมื่อวันที่ ๗ ตุลำคม ๒๕๖๒ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกัน
โดยท�ำบันทึกและหนังสือข้อตกลงหย่ำว่ำ...ข้อ ๒.๒.๒ ฝ่ำยชำยจะเป็นผู้รับผิดชอบและจ่ำยเงิน
ั
ค่ำกำรศึกษำ ค่ำรักษำพยำบำลและค่ำกรมธรรม์ประกันภัยของบุตรท้งสองจนกว่ำจะบรรลุนิติภำวะ
หรือจบกำรศึกษำระดับปริญญำตรีหรือจนกว่ำจะถึงปี ๒๕๘๒ และข้อ ๓.๔ กรมธรรม์ประกัน
ของโตเกียวมำรีนประกันชีวิตเลขท่ ๑๓๓๔๕๓๐๙, ๑๓๑๙๑๓๓๓, ๑๓๑๖๗๙๓๒ ในช่อของ
ี
ื
ฝ่ำยชำย กับกรมธรรม์ประกันของโตเกียวมำรีนประกันชีวิต เลขที่ ๑๓๓๔๕๓๒๗, ๑๓๑๖๗๙๔๑
ื
ี
ึ
ั
ในช่อของฝ่ำยหญิง ฝ่ำยชำยจะรับผิดชอบช�ำระค่ำกรมธรรม์เหล่ำน้เองท้งหมด...หำกฝ่ำยใดฝ่ำยหน่ง
่
ี
ี
ื
ิ
ผดสญญำตำมบนทกข้อตกลงน ฝ่ำยทผดสญญำยนยอมให้อกฝ่ำยฟ้องร้องดำเนนคดเพอ
ิ
ี
ั
ึ
ี
�
ิ
ั
ั
ิ
้
่
บังคับตำมข้อตกลงได้ทันที...หลังจำกหย่ำกันแล้วบริษัทประกันภัยแจ้งให้โจทก์และจ�ำเลยช�ำระ
ค่ำเบี้ยประกันภัยของโจทก์ จ�ำเลย และบุตรทั้งสอง ตำมฟ้องข้อ ๒.๑ ถึงข้อ ๒.๘ รวมเป็นเงิน
ี
ึ
๑,๔๖๘,๒๔๖ บำท ซ่งโจทก์และบริษัทประกันภัยได้แจ้งให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัย
ั
ดังกล่ำวแล้ว แต่จ�ำเลยเพกเฉย ท�ำให้โจทก์และบุตรท้งสองซ่งเป็นผู้รบประโยชน์จำกกรมธรรม์
ึ
ั
ิ
ประกันภัยได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัยให้แก่บริษัทโตเกียว
ี
มำรีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จ�ำกัด (มหำชน) เป็นเงิน ๑,๔๖๘,๒๔๖ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ข้อตกลงตำมหนังสือสัญญำหย่ำ ฉบับลงวันท่ ๗ ตุลำคม ๒๕๖๒
ี
ี
ึ
เป็นข้อตกลงท่ก�ำหนดให้จ�ำเลยรับภำระค่ำใช้จ่ำยปีละประมำณ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท ซ่งปัจจุบัน
ี
จ�ำเลยไม่มีควำมสำมำรถท่จะช�ำระได้เน่องจำกผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุคโรคโควิด ๑๙ ระบำด
ื
881
ั
ี
ึ
ประกอบกับโจทก์ซ่งเป็นผู้มีอ�ำนำจเบิกถอนเงินจำกบริษัทท้งสำมบริษัทท่โจทก์และจ�ำเลย
ั
ร่วมกันประกอบธุรกิจได้เบิกถอนเงินออกจำกบัญชีของท้งสำมบริษัทอย่ำงผิดปกต ิ
และท�ำกำรตกแต่งบัญชีและงบกำรเงินของบริษัทท�ำให้ไม่มีเงินเหลือในบัญชีท้งสำมบริษัท
ั
โจทก์จึงมีส่วนก่อให้เกิดควำมเสียหำยด้วย ขอให้ยกฟ้อง และขอบังคับตำมฟ้องแย้งให้เพิกถอน
ี
ข้อตกลงในหนังสือข้อตกลงกำรหย่ำ ข้อ ๒.๒.๒ และข้อ ๓.๔ และปรับเปล่ยนเง่อนไข
ื
กำรท�ำประกัน กำรช�ำระค่ำเบี้ยประกันหรือปรับลดจ�ำนวนกรมธรรม์ลงเท่ำที่จ�ำเป็น
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ื
ศำลเยำวชนและครอบครัว ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ี
ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ระหว่ำงพิจำรณำของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์ย่นค�ำร้องคัดค้ำน
ื
ี
ค�ำร้องขอส่งส�ำนวนโดยเห็นว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลแพ่ง และส่วนท่จ�ำเลยฟ้องแย้งเป็นเร่อง
ื
ที่ต้องไปว่ำกล่ำวกันเป็นคดีต่ำงหำก
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้ศำลแพ่งรับฟ้องแย้งของจ�ำเลยแล้ว ตำมสภำพแห่งข้ออ้ำงของโจทก์กับ
จ�ำเลยและค�ำขอบังคับตำมฟ้องและฟ้องแย้ง เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยปฏิบัติตำม
บันทึกข้อตกลงเร่องกำรแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำเน่องจำกกำรจดทะเบียนหย่ำ ส่วนจ�ำเลย
ื
ื
ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนหรือปรับเปล่ยนข้อตกลงดังกล่ำว อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวล
ี
ี
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำล
เยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
882
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ด. โจทก์
ที่ วยช ๘๒/๒๕๖๔ นำย ส. จ�ำเลย
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองท่ดินในเขตปฏิรูปท่ดิน จ�ำเลยมีช่อ
ื
ึ
ั
ี
เป็นเจ้ำบ้ำนของบ้ำนพิพำทซ่งต้งอยู่บนท่ดินดังกล่ำว ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำ
โดยท�ำบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำ ข้อ ๓ ว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยมีทรัพย์สินร่วมกันคือ
บ้ำนพิพำท โดยโจทก์ตกลงให้จ�ำเลยรื้อถอนไปภำยใน ๑ ปี นับแต่วันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๒
ื
ิ
ี
ถ้ำไม่ร้อถอนให้เสร็จส้นภำยในวันท ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยยอมให้โจทก์
่
ี
ื
ื
คิดค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินเป็นรำยเดือน เม่อครบก�ำหนด จ�ำเลยไม่ร้อถอนบ้ำนพิพำท
ออกจำกท่ดินของโจทก์ และจ�ำเลยไม่เคยช�ำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์
ี
ี
ื
ี
ทวงถำมแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยร้อถอนบ้ำนพิพำทออกไปจำกท่ดิน
ี
ของโจทก์ กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินจนกว่ำจ�ำเลยจะร้อถอนบ้ำนพิพำท
ื
หำกจ�ำเลยไม่ช�ำระขอให้ยึดหรืออำยัดทรัพย์สินของจ�ำเลยออกขำยทอดตลำดน�ำเงิน
ี
มำช�ำระให้แก่โจทก์จนครบ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับเป็นกรณ ี
ี
ื
ท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยปฏิบัติตำมบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำเร่องกำร
แบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำเน่องมำจำกกำรหย่ำโดยควำมยินยอมอันเป็นกรณีท่จะต้อง
ื
ี
บังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ ๑๕๓๒ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________
ี
ี
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองท่ดินในเขตปฏิรูปท่ดินเลขท่ ๖๖๖๕
ี
แปลงท่ ๕๙ เล่ม ๖๗ หน้ำ ๖๕ อ�ำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ จ�ำเลยมีช่อเป็นเจ้ำบ้ำนของ
ื
บ้ำนเลขที่ ๓๓/๑ หมู่ที่ ๑ ต�ำบลนำอิน อ�ำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่ำว
ื
ี
โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเม่อวันท่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๒ โดยท�ำบันทึกข้อตกลงท้ำย
ี
ี
ทะเบียนกำรหย่ำ ข้อ ๓ ว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยมีทรัพย์สินร่วมกัน คือ บ้ำนเลขท่ ๓๓/๑ หมู่ท่ ๑
ต�ำบลนำอิน อ�ำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ตกลงให้จ�ำเลยรื้อถอนไปภำยใน ๑ ปี นับแต่
วันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๒ ถ้ำไม่รื้อถอนให้เสร็จสิ้นภำยในวันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลย
ยอมให้โจทก์คิดค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินเดือนละ ๓,๐๐๐ บำท เม่อครบก�ำหนด จ�ำเลยไม่ร้อถอน
ื
ื
ี
ื
�
ี
่
่
ี
บ้ำนดังกล่ำวออกจำกทดินของโจทก์ และจ�ำเลยไม่เคยชำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ทดินเดอนละ
883
ื
๓,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์ โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยร้อถอนบ้ำนดังกล่ำวและจ่ำยค่ำเช่ำหรือ
ี
ี
ค่ำใช้ท่ดินแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ไม่สำมำรถเข้ำครอบครองและใช้ประโยชน์ท่ดินของ
โจทก์ได้ ขอให้บังคับจ�ำเลยรื้อถอนบ้ำนเลขที่ ๓๓/๑ หมู่ที่ ๑ ต�ำบลนำอิน อ�ำเภอพิชัย จังหวัด
ี
ื
อุตรดิตถ์ ออกไปจำกท่ดินของโจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ร้อถอนขอให้โจทก์เป็นผู้ร้อถอนโดยจ�ำเลย
ื
เป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำย กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ที่ดิน ๔๒,๐๐๐ บำท และช�ำระค่ำเช่ำหรือ
ี
ี
ค่ำใช้ท่ดินอีกเดือนละ ๓,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ นับถัดจำกเดือนท่ฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลย
้
ั
ื
�
ึ
ั
ั
�
จะรอถอนบ้ำนดงกล่ำว หำกจำเลยไม่ชำระขอให้ยดหรออำยดทรพย์สนของจำเลยออกขำย
�
ิ
ื
ทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระให้แก่โจทก์จนครบ
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดอุตรดิตถ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ั
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับเป็นกรณีท่โจทก์ฟ้อง
ี
ื
ขอให้บังคับจ�ำเลยปฏิบัติตำมบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำเร่องกำรแบ่งทรัพย์สินของ
ี
ื
สำมีภริยำเน่องมำจำกกำรหย่ำโดยควำมยินยอมอันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ ๑๕๓๒ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
884
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย อ. โจทก์
ที่ วยช ๘๗/๒๕๖๔ นำง ก. จ�ำเลย
ี
ึ
คดีน้แม้โจทก์ซ่งเป็นบุตรและทำยำทของนำย ฉ. จะฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลย
ี
ี
ั
ออกจำกท่ดินพิพำทรวมท้งเรียกค่ำขำดประโยชน์จำกจ�ำเลยและเรียกเงินท่อ้ำงว่ำ
เป็นมรดกของโจทก์คืนจำกจ�ำเลยก็ตำม แต่โจทก์ก็มีค�ำขอข้อหน่งว่ำ ขอให้ศำล
ึ
พิพำกษำว่ำกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กับจ�ำเลยเป็นโมฆะ ซ่งจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ
ึ
ท่ดินพิพำทและเงินฝำกตำมฟ้องไม่ใช่สินสมรสหรือสินส่วนตัวของนำย ฉ. แล้ว และ
ี
ี
ี
กำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กับจ�ำเลยไม่เป็นโมฆะ อันเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวด้วยกำร
สมรสและสินสมรสซึ่งจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๑๔๕๒, ๑๔๙๕, ๑๔๙๗, ๑๔๗๑
และ ๑๔๗๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ นำย ฉ. กับนำง อ. เป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนสมรส
กันเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหำคม ๒๕๒๐ มีบุตรด้วยกันสองคน คือ โจทก์และนำงสำว อ. หลังจำกนั้น
ั
ื
จ�ำเลยได้จดทะเบียนสมรสกับนำย ฉ. เม่อวันท่ ๑๙ มีนำคม ๒๕๔๒ โดยจ�ำเลยรู้อยู่แล้วว่ำขณะน้น
ี
นำย ฉ. ยังมีคู่สมรสอยู่ ต่อมำเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกำยน ๒๕๔๗ นำย ฉ. กับนำง อ. ตกลงหย่ำขำด
จำกกันและแบ่งสินสมรส ได้แก่ ที่ดิน ๕ แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้ำง และรถยนต์ ๑ คัน ให้ตกเป็น
ิ
ั
ี
ของนำย ฉ. ส่วนทรัพย์สินอ่นท่เป็นสินสมรสให้ตกเป็นของนำง อ. ท้งส้นตำมสัญญำประนีประนอม
ื
ยอมควำมที่ท�ำขึ้นในคดีหมำยเลขแดงที่ ๗๙๔/๒๕๔๗ ของศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง และ
ศำลพิพำกษำตำมยอมแล้ว หลังจำกท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำม นำย ฉ. เชิดให้จ�ำเลย
เป็นผู้เข้ำท�ำสัญญำเช่ำที่ดินที่เป็นสวนขนุนจ�ำนวน ๓๐ ไร่ แทนนำย ฉ. นอกจำกนี้ นำย ฉ. ยังมี
สินส่วนตัวเป็นเงินฝำกในบัญชีธนำคำรชื่อบัญชี นำย ฉ. หรือนำง ก. จ�ำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำทเศษ
ระหว่ำงวันท่ ๑๙ ถึง ๒๐ มิถุนำยน ๒๕๖๓ จ�ำเลยน�ำสมุดบัญชีธนำคำรดังกล่ำวไปถอนเงินจ�ำนวน
ี
ั
๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท และเอำไปเป็นประโยชน์ของตนเองโดยทจรต ตอมำวนท ๒๒ กรกฎำคม ๒๕๖๓
ี
่
ิ
ุ
่
ี
ั
ี
นำย ฉ. ถึงแก่ควำมตำย ทรัพย์สินท้งหมดท่เป็นสินส่วนตัวของนำย ฉ. ได้แก่ ท่ดินพร้อม
ิ
ส่งปลูกสร้ำงและเงินในบัญชีธนำคำรจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์และนำงสำว อ. โจทก์ได้แจ้ง
ี
ให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกจำกท่ดินของนำย ฉ. พร้อมกับคืนเงินจ�ำนวน
885
๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์แล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพำกษำว่ำกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ.
ี
ี
กับจ�ำเลยเป็นโมฆะ ให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกจำกท่ดินของโจทก์และส่งมอบท่ดิน
ี
ิ
พร้อมส่งปลูกสร้ำงให้แก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย ห้ำมจ�ำเลยเก็บผลขนุนในท่ดินจ�ำนวน ๓๐ ไร่
ั
ี
ี
ท่นำย ฉ. ปลูก ให้จ�ำเลยใช้ค่ำขำดประโยชน์จำกกำรใช้ท่ดินท้ง ๕ แปลง แก่โจทก์ในอัตรำ
ี
เดือนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะออกจำกท่ดินของโจทก์
ี
ื
ี
ี
ื
ให้จ�ำเลยเปล่ยนช่อผู้ถือสัญญำเช่ำท่ดินรำชพัสดุแปลงท่เป็นสวนขนุนให้เป็นช่อของโจทก์กับ
นำงสำว อ. หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
และให้จ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ิ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ท่ดินท่เป็นสวนขนุนจ�ำนวน ๓๐ ไร่ พร้อมส่งปลูกสร้ำงมิใช่เป็นทรัพย์สิน
ี
ี
ื
ี
ของนำย ฉ. บิดำโจทก์ แต่เป็นของจ�ำเลย โดยจ�ำเลยซ้อมำก่อนท่จะอยู่กินเป็นสำมีภริยำกับ
นำย ฉ. นำย ฉ. มิได้เชิดให้จ�ำเลยเป็นผู้ท�ำสัญญำเช่ำท่ดินดังกล่ำวแทนนำย ฉ. แต่อย่ำงใด ส�ำหรับ
ี
เงินฝำกในบัญชีธนำคำร จ�ำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท น้น มีกำรถอนออกมำเพ่อเป็นค่ำใช้จ่ำย
ั
ื
่
้
่
และคำรักษำพยำบำลนำย ฉ. สวนที่เหลือนำย ฉ. ยกใหจ�ำเลยแลว หลังจำกที่นำย ฉ. จดทะเบียน
้
ี
หย่ำกับนำง อ. จ�ำเลยกับนำย ฉ. ก็ได้จดทะเบียนสมรสกันท่อ�ำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
แต่เน่องจำกนำย ฉ. มีสุขภำพไม่ดี ต้องมีค่ำใช้จ่ำยเป็นค่ำรักษำพยำบำลจ�ำนวนมำก จ�ำเลย
ื
ั
ื
ิ
ี
่
่
ึ
กบนำย ฉ. จงได้วำงแผนจดทะเบยนหย่ำกนเมอวนท ๓๑ สงหำคม ๒๕๕๕ แล้วให้นำย ฉ.
ั
ี
ั
ไปจดทะเบียนสมรสกับนำง ฐ. พ่สำวของจ�ำเลยซ่งประกอบอำชีพรับรำชกำรเม่อวันท ่ ี
ื
ี
ึ
๕ กันยำยน ๒๕๕๕ เพื่อจะใช้สิทธิเบิกค่ำรักษำพยำบำล แต่นำย ฉ. ก็ยังอยู่กินเป็นสำมีภริยำกับ
จ�ำเลยตลอดมำ นอกจำกน้ นำย ฉ. ยังท�ำพินัยกรรมยกเงินฝำกในบัญชีธนำคำรให้แก่จ�ำเลยด้วย
ี
ท่ดินอ่น ๆ พร้อมส่งปลูกสร้ำงและรถยนต์ไม่ได้เป็นกรรมสิทธ์ของนำย ฉ. เพรำะนำย ฉ.
ิ
ื
ี
ิ
ขำยหรือยกให้แก่ผู้อื่นไปนำนแล้ว ทั้งจ�ำเลยก็มิได้ครอบครองหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่ำว
ี
แต่อย่ำงใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลยให้ออกจำกท่ดินหรือบังคับให้จ�ำเลย
ใช้ค่ำขำดประโยชน์จำกกำรใช้ที่ดินดังกล่ำว ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดกำญจนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
886
ี
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ คดีน้แม้โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยออกจำกท่ดินพิพำทรวมท้งเรียก
ค่ำขำดประโยชน์จำกจ�ำเลย และเรียกเงินท่อ้ำงว่ำเป็นมรดกของโจทก์คืนจำกจ�ำเลยก็ตำม
ี
�
ี
�
่
ิ
ั
ึ
แต่โจทก์กมคำขอข้อหนงว่ำ ขอให้ศำลพพำกษำว่ำกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กบจำเลยเป็น
็
โมฆะ ซ่งจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ ท่ดินพิพำทและเงินฝำกตำมฟ้องไม่ใช่สินสมรสหรือสินส่วนตัว
ึ
ี
ของนำย ฉ. แล้ว และกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กับจ�ำเลยไม่เป็นโมฆะ อันเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวด้วย
ี
ี
กำรสมรสและสินสมรสซ่งจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๔๕๒,
ึ
๑๔๙๕, ๑๔๙๗, ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
887
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ศ. โจทก์
ที่ วยช ๙๗/๒๕๖๔ นำงหรือนำงสำว ร. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับนำย ส. เคยเป็นสำมีภริยำชอบ
ี
่
ื
่
ด้วยกฎหมำย ต่อมำโจทก์กับนำย ส. หย่ำขำดจำกกันเมอวันท ๕ กมภำพนธ์ ๒๕๖๑
ั
ุ
ื
ั
ี
่
หลังจำกน้นเม่อวันท ๑๓ สิงหำคม ๒๕๖๔ โจทก์ตรวจสอบสถำนะของนำย ส. ท ี ่
ที่ว่ำกำรอ�ำเภอเมืองขอนแก่นพบว่ำนำย ส. จดทะเบียนสมรสใหม่กับจ�ำเลยเมื่อวันที่ ๑๘
มิถุนำยน ๒๕๖๑ และบันทึกหลังทะเบียนสมรสมีข้อควำมระบุว่ำ ก่อนจดทะเบียนสมรส
ท้งสองฝ่ำยได้อยู่กินกันมำก่อนแล้วเป็นเวลำ ๕ ปี ยังไม่มีบุตร ท�ำให้โจทก์ทรำบว่ำ
ั
ี
ในระหว่ำงท่นำย ส. อยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ในช่วงปี ๒๕๕๖ ถึงปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยได้คบหำ
และมีควำมสัมพันธ์ในเชิงชู้สำวกับนำย ส. ถึงขั้นอยู่กินกันก่อนที่นำย ส. จะหย่ำขำดจำก
ื
โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อช่อเสียงและเกียรติคุณ
อันเป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ จ�ำเลยให้กำรว่ำ
ื
เม่อโจทก์จดทะเบียนหย่ำกับนำย ส. ควำมเป็นสำมีภริยำส้นสุดลง โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจ
ิ
ฟ้องเรียกค่ำทดแทนจำกจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับนำย ส.
ึ
ี
ั
ี
ิ
ิ
โจทก์นำคดมำฟ้องเรยกค่ำเสยหำยหลงจำกหย่ำมำนำนถง ๓ ปี เป็นกำรใช้สทธโดยไม่
ี
�
สุจริต และจำกกำรบรรยำยฟ้องของโจทก์ต้องด้วย ป.พ.พ. มำตรำ ๑๕๒๓ วรรคสอง คดีนี้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ขอให้ยกฟ้อง กรณีตำม
ค�ำฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกค่ำทดแทนจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์
ี
ฉันชู้สำวกับนำย ส. สำมีโจทก์ในขณะท่โจทก์ยังเป็นภริยำของนำย ส. ท�ำให้โจทก์ได้รับ
ควำมเสียหำย ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับนำย ส.
ั
่
ี
ี
ิ
่
ื
ู
ึ
มลเหตุแห่งคดีจงเป็นเรองทกระทบต่อสิทธ หน้ำท และควำมสมพันธ์ระหว่ำงสำมภริยำ
่
ี
ึ
ั
ั
อนจะต้องบงคบตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๒๓ ไม่ใช่คดละเมดโดยทวไป จงเป็น
่
ั
ี
ิ
ั
คดีครอบครัว
_________________________
888
ี
ื
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับนำย ส. จดทะเบียนสมรสเม่อวันท่ ๑๖ พฤษภำคม ๒๕๕๑
มีบุตรด้วยกัน ๒ คน ต่อมำโจทก์กับนำย ส. ไม่สำมำรถอยู่ร่วมกันฉันสำมีภริยำได้โดยปกติสุข
ั
ื
ี
จึงหย่ำขำดจำกกันเม่อวันท่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ หลังจำกน้นต้นเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๔
นำย ส. ได้ลงข้อควำมหม่นประมำทโจทก์ในเฟซบุ๊ก โจทก์ฟ้องนำย ส. ในข้อหำหม่นประมำท
ิ
ิ
ี
ต่อศำลจังหวัดขอนแก่นและฟ้องเพิกถอนอ�ำนำจปกครองบุตรและเรียกค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตร
ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๖๔ โจทก์ตรวจสอบ
สถำนะของนำย ส. ที่ที่ว่ำกำรอ�ำเภอเมืองขอนแก่นพบว่ำนำย ส. จดทะเบียนสมรสใหม่กับจ�ำเลย
เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๖๑ และบันทึกหลังทะเบียนสมรสมีข้อควำมระบุว่ำ ก่อนจดทะเบียน
สมรสท้งสองฝ่ำยได้อยู่กินกันมำก่อนแล้วเป็นเวลำ ๕ ปี ยังไม่มีบุตร ท�ำให้โจทก์ทรำบว่ำใน
ั
ระหว่ำงที่นำย ส. อยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ในช่วงปี ๒๕๕๖ ถึงปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยได้คบหำและ
มีควำมสัมพันธ์ในเชิงชู้สำวกับนำย ส. ถึงข้นอยู่กินกันก่อนท่นำย ส. จะหย่ำขำดจำกโจทก์
ี
ั
ื
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อช่อเสียงและเกียรติคุณอันเป็นกำรท�ำ
ี
ละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เป็นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เม่อโจทก์จดทะเบียนหย่ำกับนำย ส. ควำมเป็นสำมีภริยำส้นสุดลง
ื
ิ
โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องเรียกค่ำทดแทนจำกจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับ
นำย ส. โจทก์น�ำคดีมำฟ้องเรียกค่ำเสียหำยหลังจำกหย่ำมำนำนถึง ๓ ปี เป็นกำรใช้สิทธิโดย
ไม่สุจริต ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และจำกกำรบรรยำยฟ้องของโจทก์ต้องด้วยประมวลกฎหมำยแพ่ง
และพำณิชย์ มำตรำ ๑๕๒๓ วรรคสอง คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ครอบครัว ขอให้ยกฟ้อง
ื
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยเรื่องอ�ำนำจศำล ศำลจังหวัดขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
่
�
ี
ิ
ั
วนจฉยว่ำ กรณตำมคำฟ้องเป็นเรองทโจทก์ฟ้องเรยกค่ำทดแทนจำกจำเลยโดยอ้ำง
ิ
ี
ื
ี
�
่
ว่ำ จ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับนำย ส. สำมีโจทก์ในขณะที่โจทก์ยังเป็นภริยำของนำย ส.
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับ
889
นำย ส. มูลเหตุแห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อสิทธิ หน้ำที่ และควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำ
อันจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๒๓ ไม่ใช่คดีละเมิด
ี
ั
โดยท่วไป จึงเป็นคดีครอบครัวท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
ั
ิ
ิ
ี
ั
ี
ิ
ั
ั
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
890
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สิบต�ำรวจโท
ที่ วยช ๙๙/๒๕๖๔ หรือร้อยต�ำรวจเอก
หรือพันต�ำรวจตรี อ. โจทก์
นำง ส. กับพวก จ�ำเลย
ี
ี
ี
ึ
่
คดีน้โจทก์ซ่งเคยเป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท ๑ ฟ้องอ้ำงว่ำท่ดิน
พิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ภำยหลังโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียน
หย่ำกันโดยยังมิได้มีกำรแบ่งสินสมรส จ�ำเลยท ๑ ท�ำนิติกรรมขำยท่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลย
ี
ี
่
ที่ ๒ โดยไม่ได้รับควำมยินยอมหรือกำรให้สัตยำบันจำกโจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ
จ�ำเลยที่ ๒ ท�ำนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทกับจ�ำเลยที่ ๑ โดยสุจริต เสียค่ำตอบแทน และ
ตำมพฤติกำรณ์ถือว่ำโจทก์ได้ให้สัตยำบันแล้ว กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ ท่ดินพิพำท
ี
ี
เป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ หรือไม่ ซ่งจะมีผลไปถึงอ�ำนำจในกำรจัดกำร
ึ
่
ทรัพย์สินดังกล่ำว อันเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำและกำรสิ้นสุดแห่งกำร
สมรส ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ มำตรำ ๑๔๘๐ และ
มำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔ จึงเป็นคดีครอบครัว
_________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนสมรสเม่อ
ื
วันที่ ๙ ธันวำคม ๒๕๑๗ มีบุตรด้วยกัน ๓ คน เมื่อวันที่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๓๖ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑
ี
ื
ร่วมกันซ้อท่ดินตำมหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขท่ ๒๓๒๗ เลขท่ดิน ๑๑๔
ี
ี
ต�ำบลห้วยยำง อ�ำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ ๕ ไร่ ๒ งำน ๗๘ ตำรำงวำ เป็นเงิน
๑๕๐,๐๐๐ บำท โดยใส่ชื่อจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้ครอบครอง ต่อมำวันที่ ๑๓ ธันวำคม ๒๕๕๖ โจทก์
กับจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนหย่ำกันโดยยังมิได้มีกำรแบ่งสินสมรส หลังจำกน้นวันท่ ๓๑ มีนำคม ๒๕๖๔
ี
ี
ั
�
ิ
ื
ั
่
ี
ิ
ิ
ิ
ี
�
่
ี
่
�
จำเลยท ๑ ทำนตกรรมขำยทดนพพำทให้แก่จำเลยท ๒ โดยไม่ได้รบควำมยนยอมหรอให้
ิ
ึ
ิ
ี
สัตยำบันจำกโจทก์ ซ่งขณะท�ำนิติกรรมจ�ำเลยท่ ๒ ทรำบดีว่ำโจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวม
ึ
ในทดนพพำทและกำรจดกำรทรพย์สนต้องได้รบควำมยนยอมจำกโจทก์ก่อน จงเป็นกำรทำ
ี
ิ
่
�
ั
ิ
ั
ิ
ิ
ั
นิติกรรมโดยไม่สุจริต ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันจดทะเบียนเพิกถอนนิติกรรม
ั
ี
ี
กำรขำยท่ดินตำมหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขท่ ๒๓๒๗ เลขท่ดิน ๑๑๔ ต�ำบล
ี
891
ห้วยยำง อ�ำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ ๕ ไร่ ๒ งำน ๗๘ ตำรำงวำ ฉบับลงวันที่
ั
ั
๓๑ มีนำคม ๒๕๖๔ โดยจ�ำเลยท้งสองเป็นผู้เสียค่ำธรรมเนียมและค่ำใช้จ่ำยท้งหมด กับให้
จ�ำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่ำวให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งโดยปรำศจำกภำระผูกพัน หำกจ�ำเลย
ทั้งสองไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ ท�ำนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทกับจ�ำเลยที่ ๑ โดย
ี
ี
ิ
ี
ื
้
ิ
สุจริตและเสยค่ำตอบแทน ก่อนซอขำยท่ดนพิพำทจ�ำเลยท่ ๑ นำท่ดนพิพำทมำจดทะเบียนจ�ำนอง
ี
�
ี
ไว้กับนำย อ. สำมีจ�ำเลยท่ ๒ โดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้งว่ำท่ดินพิพำทเป็นสินสมรส ถือว่ำโจทก์
ี
ให้สัตยำบันในกำรท�ำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ โดยไม่ต้องได้รับ
ควำมยินยอมจำกโจทก์ก่อน โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสกลนครเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำเนำค�ำฟ้อง ส�ำเนำค�ำให้กำรจ�ำเลยที่ ๒
ี
และส�ำเนำรำยงำนกระบวนพิจำรณำลงวันท่ ๘ พฤศจิกำยน ๒๕๖๔ ให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ึ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ซ่งเคยเป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท่ ๑ ฟ้องอ้ำงว่ำ
ี
ี
ี
ี
ี
ท่ดินพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ ภำยหลังโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียน
หย่ำกันโดยยังมิได้มีกำรแบ่งสินสมรส จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำนิติกรรมขำยที่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยที่ ๒
โดยไม่ได้รับควำมยินยอมหรือให้สัตยำบันจำกโจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ ท�ำ
นิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทกับจ�ำเลยที่ ๑ โดยสุจริต เสียค่ำตอบแทน และตำมพฤติกำรณ์ถือว่ำ
โจทก์ได้ให้สัตยำบันแล้ว กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ ท่ดินพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์
ี
กับจ�ำเลยที่ ๑ หรือไม่ ซึ่งจะมีผลไปถึงอ�ำนำจในกำรจัดกำรทรัพย์สินดังกล่ำว อันเป็นคดีเกี่ยวกับ
ทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำและกำรส้นสุดแห่งกำรสมรส ซ่งต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
ิ
ึ
และพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ มำตรำ ๑๔๘๐ และมำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔
จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
892
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
893
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ท. โจทก์
ที่ วยช ๑๐๔/๒๕๖๔ นำย ค. จ�ำเลย
ึ
โจทก์ซ่งเคยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยฟ้องขับไล่จ�ำเลยออกจำก
ื
บ้ำนพิพำทอันเป็นกำรใช้สิทธิฟ้องสืบเน่องมำจำกข้อกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับจ�ำเลย
ี
จดทะเบียนหย่ำกันและตกลงแบ่งทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสว่ำบ้ำนพิพำทให้เป็น
ของโจทก์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ี
และจ�ำเลยไม่เคยตกลงแบ่งทรัพย์สินกับโจทก์ เป็นกรณีมีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรแบ่ง
สินสมรสอันเป็นปัญหำเก่ยวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำในทำงทรัพย์สินตำม
ี
ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔ จึงเป็นคดีครอบครัว
_________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ เนื้อที่
ื
๑ งำน ๒๔ ตำรำงวำ โดยได้รับตกทอดมำจำกบิดำโจทก์เม่อปี ๒๕๕๔ จ�ำเลยเคยเป็นสำม ี
ี
ชอบด้วยกฎหมำยของโจทก์ จดทะเบียนหย่ำกันเม่อวันท่ ๑๐ กันยำยน ๒๕๖๓ โดยโจทก์กับ
ื
ึ
ี
ี
จ�ำเลยตกลงกันเก่ยวกับทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสว่ำ โจทก์ได้บ้ำนพิพำทซ่งปลูกสร้ำงบนท่ดิน
ี
ส.ป.ก. ๔-๐๑ ที่โจทก์ได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์ ส่วนจ�ำเลยได้ที่ดินสวนยำงพำรำ จ�ำนวน
๕ ไร่ ที่จ�ำเลยได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ เช่นกัน จ�ำเลย
ขอเวลำหำที่อยู่ใหม่เป็นเวลำ ๓ เดือน นับจำกวันจดทะเบียนหย่ำ หลังครบก�ำหนดจ�ำเลยไม่ยอม
ิ
ขนย้ำยส่งของออกไปจำกบ้ำนพิพำทของโจทก์ โจทก์บอกกล่ำวให้จ�ำเลยขนย้ำยส่งของออกไปจำก
ิ
บ้ำนพิพำทของโจทก์แล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย กำรท่จ�ำเลยยังคงอำศัยอยู่ในบ้ำนพิพำทของโจทก์
ี
ั
�
ั
ั
ี
ิ
ิ
ี
โดยไม่มสทธ เป็นกำรละเมดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ขอให้บงคบจำเลยขนย้ำย
�
ิ
ส่งของออกไปจำกบ้ำนพิพำทของโจทก์ ห้ำมจ�ำเลยเข้ำมำเก่ยวข้อง หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือ
ิ
ี
เอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย กับให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์
เดือนละ ๑,๕๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะขนย้ำยสิ่งของออกไป
จำกบ้ำนพิพำทของโจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ บ้ำนพิพำทซึ่งปลูกสร้ำงบนที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ เป็นสินสมรสระหว่ำง
โจทก์กับจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่เคยตกลงแบ่งทรัพย์สินใด ๆ กับโจทก์ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องขับไล่
894
ี
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ศำลน้เพรำะเป็นคดีเก่ยวกับทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสจึงเป็นคดีครอบครัว ขอให้
ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดทุ่งสงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ั
�
ิ
ิ
ิ
ึ
้
วนจฉยว่ำ คดนโจทก์ซงเคยเป็นภรยำชอบด้วยกฎหมำยของจำเลยฟ้องขบไล่จำเลย
่
ี
ั
�
ี
ออกจำกบ้ำนพิพำทอันเป็นกำรใช้สิทธิฟ้องสืบเน่องมำจำกข้อกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับจ�ำเลย
ื
ี
จดทะเบียนหย่ำกันและตกลงแบ่งทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสว่ำ บ้ำนพิพำทให้เป็นของโจทก์
ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่เคยตกลง
ี
แบ่งทรัพย์สินกับโจทก์ เป็นกรณีมีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรแบ่งสินสมรสอันเป็นปัญหำเก่ยวกับ
ี
ั
ิ
่
ิ
์
์
์
่
ั
ควำมสมพนธระหวำงสำมภรยำในทำงทรพยสนตำมประมวลกฎหมำยแพงและพำณชย บรรพ ๕
ั
ิ
ี
มำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
895
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ส. โจทก ์
ที่ วยช ๓๓/๒๕๖๒ นำย ณ. กับพวก จ�ำเลย
ั
ึ
ื
สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นเร่องฟ้องเพิกถอนกำรฉ้อฉล ซ่งจ�ำเลยท้งสอง
ื
ให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท้งสองมิได้สมรู้ร่วมคิดกันฉ้อฉลโจทก์ กำรท�ำนิติกรรมซ้อขำย
ั
ระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองไม่ท�ำให้โจทก์เสียเปรียบ อันเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
ั
ี
บรรพ ๒ ลักษณะ ๑ หมวด ๒ ส่วนที่ ๔ แม้จ�ำเลยทั้งสองจะให้กำรว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ขำยที่ดิน
ี
ี
ึ
พิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่จ�ำเลยท ๒ เพ่อน�ำเงินไปช�ำระหน้ท่ก่อให้เกิดข้นในระหว่ำง
่
ื
ี
ี
สมรสก็มิได้เป็นประเด็นโดยตรงเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำตำม ป.พ.พ.
บรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีสินสมรส คือ
ี
ั
ี
ท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถว หลังจำกน้นโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ มีควำมเห็นในกำรอยู่ร่วมกันไม่ตรงกัน
จึงแบ่งปันทรัพย์สินท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันโดยจ�ำเลยท่ ๑ ตกลงยกสินสมรสให้โจทก์เพียงผู้เดียว
ี
ี
ต่อมำวันที่ ๔ มกรำคม ๒๕๓๖ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียนหย่ำกันโดยท�ำบันทึกข้อตกลง
ท้ำยทะเบียนกำรหย่ำให้บตร ๓ คน อย่กบโจทก์ ส่วนเรองทรพย์สน คอ ทดินพพำทพร้อม
ื
ี
ู
ิ
ั
่
ิ
่
ุ
ั
ื
ตึกแถว รถยนต์ และจักรเย็บผ้ำ ๑๒ ตัว จ�ำเลยที่ ๑ ยกให้โจทก์ ดังนั้น ที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถว
ิ
ี
ั
ิ
ั
ึ
ั
�
ั
จงเป็นของโจทก์นบตงแต่วนทำบนทกข้อตกลงแบ่งทรพย์สนกนแล้ว ไม่เป็นสนสมรสอกต่อไป
ั
้
ั
ึ
โจทก์บอกกล่ำวให้จ�ำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยที่ ๑
เพิกเฉยโจทก์จึงยื่นฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเป็นคดีแพ่งหมำยเลขด�ำ
ที่ พ.๒๐๕๗/๒๕๖๑ ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่โจทก์
ขณะคดีดังกล่ำวอยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวำคม
ี
๒๕๖๑ จ�ำเลยท่ ๑ ไถ่ถอนจ�ำนองท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวจำกธนำคำร ท. แล้วจ�ำเลยท้งสอง
ั
ี
ร่วมกันฉ้อฉลท�ำนิติกรรมซ้อขำยท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์ซ่งเป็น
ึ
ื
ี
ั
เจ้ำหน้เสียเปรียบ จ�ำเลยท่ ๒ รับโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวโดยไม่สุจริต
ิ
ี
ี
ี
ื
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้เพิกถอนนิติรรมกำรซ้อขำยท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถว
ี
ี
ี
ี
ี
ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ และให้คืนท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวเป็นของจ�ำเลยท่ ๑
หำกจ�ำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
896
�
ี
่
ั
ิ
�
้
จำเลยทงสองให้กำรว่ำ จำเลยท ๑ ตกลงยกทดินพพำทพร้อมตกแถวให้แก่โจทก์จรง
ึ
ิ
ี
่
ื
ี
ี
โจทก์ทรำบมำโดยตลอดว่ำท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวจ�ำนองไว้เป็นประกันหน้เงินกู้เพ่อใช้ประกอบ
ี
ี
ี
ี
ธุรกิจและเล้ยงดูบุตร อันเป็นหน้ท่ก่อให้เกิดข้นในระหว่ำงสมรสซ่งโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ เป็น
ึ
ึ
ลูกหนี้ร่วมกัน จ�ำเลยที่ ๑ ขำยที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ เพื่อน�ำเงินไปช�ำระหนี้
แก่ธนำคำร ท. ผู้รับจ�ำนองซึ่งเป็นเจ้ำหนี้บุริมสิทธิจึงไม่ท�ำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ไม่เคยบอก
กล่ำวให้จ�ำเลยทั้งสองคืนที่ดินพิพำท จ�ำเลยทั้งสองท�ำนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทโดยสุจริตและ
เสียค่ำตอบแทนมิได้สมรู้ร่วมคิดกัน โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งธนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ั
ิ
่
่
้
้
์
ื
่
้
ิ
็
ิ
ี
้
ึ
วนจฉยวำ คดน สภำพแหงขอหำของโจทกเปนเรองฟองเพกถอนกำรฉอฉลซงจำเลย
่
ี
�
ื
ั
ั
ท้งสองให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท้งสองมิได้สมรู้ร่วมคิดกันฉ้อฉลโจทก์ กำรท�ำนิติกรรมซ้อขำยระหว่ำง
จ�ำเลยท้งสองไม่ท�ำให้โจทก์เสียเปรียบ อันเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
ั
ี
และพำณิชย์ บรรพ ๒ ลักษณะ ๑ หมวด ๒ ส่วนที่ ๔ แม้จ�ำเลยทั้งสองจะให้กำรว่ำจ�ำเลยที่ ๑
ี
ื
ี
ึ
ขำยท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ เพ่อน�ำเงินไปช�ำระหน้ท่ก่อให้เกิดข้นในระหว่ำง
ี
ี
สมรสก็มิได้เป็นประเด็นโดยตรงเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง
ี
และพำณิชย์ บรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
897
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย อ. โจทก ์
ที่ วยช ๕๑/๒๕๖๒ นำง จ. จ�ำเลย
่
ี
ี
ิ
ิ
ี
ี
ั
คดน้แม้โจทก์กบจ�ำเลยจะเคยเป็นสำมภรยำชอบด้วยกฎหมำยโดยมีทดนและ
ื
บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส แต่เม่อโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกันและแบ่งสินสมรส
กันแล้ว โดยโจทก์อ้ำงว่ำได้รับท่ดินและบ้ำนพิพำท ท่ดินและบ้ำนพิพำทจึงพ้นสภำพ
ี
ี
จำกกำรเป็นสินสมรสตกเป็นสิทธิของโจทก์ท่จะขำยให้แก่จ�ำเลย กำรท่โจทก์ฟ้อง
ี
ี
ี
ขับไล่จ�ำเลยและบริวำรให้ขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดินและบ้ำนพิพำทและ
ึ
เรียกค่ำเสียหำยเป็นกำรฟ้องโดยอำศัยมูลละเมิดซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
ี
บรรพ ๒ มำตรำ ๔๒๐ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
___________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีบุตรด้วยกัน ๓ คน
ั
ื
่
ี
ั
ั
�
ิ
ั
ิ
่
จดทะเบยนหย่ำเมอวนท ๒๕ สงหำคม ๒๕๕๔ โดยตกลงจะแบ่งทรพย์สนกนภำยหลง จำเลย
ี
แอบเอำท่ดินและบ้ำนในโครงกำรนครทองปำร์ควิว ๒ ไปขำยให้แก่บุคคลภำยนอกโดยมิได้รับ
ี
ื
ควำมยินยอมจำกโจทก์ เม่อต้นเดือนมกรำคม ๒๕๕๕ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงแบ่งทรัพย์สินกัน
ั
่
ั
ิ
�
ึ
�
่
ั
ี
ิ
ิ
โดยโจทก์ได้รบทดนพร้อมบ้ำนพพำทซงจำนองไว้กบธนำคำร ก. ส่วนจำเลยได้รบทรพย์สน
ั
ื
อ่นท้งหมด ต่อมำปลำยเดือนมกรำคม ๒๕๕๕ โจทก์เสนอขำยท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทให้แก่
ี
ั
ี
ื
จ�ำเลยโดยมีเง่อนไขว่ำจ�ำเลยจะต้องช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำร ก. แทนโจทก์ทุกเดือน ไม่น้อยกว่ำ
เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำจะช�ำระหนี้เสร็จสิ้น และจ�ำเลยจะต้องช�ำระค่ำที่ดินและบ้ำนพิพำท
ให้แก่โจทก์อีก ๘๐๐,๐๐๐ บำท ผ่อนช�ำระเป็นงวดรำยเดือน ไม่น้อยกว่ำเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บำท
เริ่มช�ำระงวดแรกวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๕ จนกว่ำจะครบ แล้วโจทก์จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและ
บ้ำนพิพำทให้แก่บุตรทั้งสำม หำกจ�ำเลยผิดนัดให้ถือว่ำข้อตกลงเป็นอันยกเลิก จ�ำเลยยินยอมให้
ั
ั
ี
โจทก์ริบเงินท่จ�ำเลยช�ำระมำแล้วท้งหมดพร้อมท้งขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกไปจำกท่ดิน
ี
ี
และบ้ำนพิพำท หลังจำกน้นจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำร ก. และโจทก์ไม่ตรงตำมก�ำหนด
ั
ุ
เป็นเหตให้โจทก์ถกธนำคำร ก. ฟ้องต่อศำลจงหวดนนทบุรี กำรกระทำของจำเลยเป็นกำรทำ
ั
ั
�
�
ู
�
ละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยขำดประโยชน์จำกกำรน�ำท่ดินและบ้ำนออกให้เช่ำ
ี
เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันท�ำละเมิดจนถึงวันฟ้อง เป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับ
898
ี
ี
จ�ำเลยและบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดินและบ้ำนพิพำทและส่งมอบท่ดินและบ้ำน
พิพำทคืนโจทก์ในสภำพเรียบร้อย และให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๑๔๐,๐๐๐ บำท กับ
ค่ำเสียหำยเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท นับจำกวันฟ้องจนกว่ำจะขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดิน
ี
และบ้ำนพิพำทของโจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ ที่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสของโจทก์กับจ�ำเลย ในวันที่โจทก์กับ
จ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกันนั้น โจทก์แจ้งแก่จ�ำเลยว่ำทรัพย์สินและหนี้สินของโจทก์ โจทก์ยกให้จ�ำเลย
ั
ั
ท้งหมดเพรำะจ�ำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรท้งสำมเพียงผู้เดียว ประมำณต้นเดือนมกรำคม ๒๕๕๕
ี
โจทก์เสนอขำยท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่จ�ำเลยในรำคำ ๘๐๐,๐๐๐ บำท โดยให้จ�ำเลย
ี
จะต้องผ่อนช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำร ก. จนครบ และผ่อนช�ำระเงิน ๘๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์
ี
เป็นงวดรำยปี ปีละ ๒๕๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำจะครบ แล้วโจทก์จะโอนท่ดินและบ้ำนพิพำทให้
ื
แก่จ�ำเลย ต่อมำประมำณเดือนมิถุนำยน ๒๕๕๙ โจทก์มีหนังสือถึงจ�ำเลยขอยกเลิกกำรซ้อขำย
ที่ดินและบ้ำนพิพำทและริบเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บำท ที่จ�ำเลยช�ำระให้แก่โจทก์พร้อมกับให้จ�ำเลยและ
ั
บริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดินพิพำทภำยใน ๓๐ วัน ดังน้น เม่อโจทก์บอกเลิกสัญญำกับ
ี
ื
จ�ำเลยแล้ว จ�ำเลยไม่มีหน้ำที่ช�ำระหนี้ให้แก่ธนำคำร ก. แทนโจทก์อีกต่อไป กำรกระท�ำของจ�ำเลย
ี
ไม่เป็นละเมิด โจทก์เคยฟ้องขับไล่จ�ำเลยและบริวำรออกไปจำกท่ดินพิพำทต่อศำลแขวงนนทบุร ี
คดีหมำยเลขด�ำที่ ม.๔๘/๒๕๖๒ คดีหมำยเลขแดงที่ ม.๔๗๐/๒๕๖๒ ศำลแขวงนนทบุรีพิพำกษำ
ว่ำจ�ำเลยไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์และยกฟ้อง คดีอยู่ระหว่ำงกำรอุทธรณ์ กำรที่โจทก์น�ำคดีนี้
มำฟ้องจึงเป็นฟ้องซ้อนและกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำ ส�ำหรับท่ดินและบ้ำนในโครงกำร
ี
�
นครทองปำร์ควิว ๒ นั้น เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลย ไม่ใช่สินสมรส จ�ำเลยจึงชอบที่จะขำยให้แก่
บุคคลอื่น โดยไม่ต้องแจ้งให้โจทก์ทรำบ ขอให้ยกฟ้อง
้
ี
ุ
ู
ี
ั
ี
ี
ระหว่ำงพจำรณำ ศำลจงหวดนนทบรเห็นว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดนจะอย่ในอำนำจ
ิ
ั
�
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้แม้โจทก์กับจ�ำเลยจะเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำยโดยมีท่ดิน
ี
ั
่
ิ
และบ้ำนพิพำทเป็นสนสมรส แต่เมอโจทก์กับจำเลยจดทะเบยนหย่ำกนและแบ่งสินสมรสกันแล้ว
ี
�
ื
ี
ี
โดยโจทก์อ้ำงว่ำได้รับท่ดินและบ้ำนพิพำท ท่ดินและบ้ำนพิพำทจึงพ้นสภำพจำกกำรเป็น
สินสมรสตกเป็นสิทธิของโจทก์ท่จะขำยให้แก่จ�ำเลย กำรท่โจทก์ฟ้องขับไล่จ�ำเลยและบริวำรให้
ี
ี
899
ี
ิ
ั
่
ิ
ิ
ี
ขนย้ำยทรพย์สนออกไปจำกทดนและบ้ำนพพำทและเรยกค่ำเสยหำยเป็นกำรฟ้องโดยอำศย
ั
ี
มูลละเมิดซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ มำตรำ ๔๒๐
จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
900
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ฉ. โจทก์
ที่ วยช ๖๔/๒๕๖๔ นำงสำว ท. จ�ำเลย
ั
ี
คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรพย์สินและบริวำรออกไปจำกบ้ำน
พิพำทและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่โจทก์โดยอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ์ ิ
ึ
ี
ในท่ดินพร้อมบ้ำนและรถยนต์พิพำท ซ่งโจทก์ซ้อมำภำยหลังจำกจดทะเบียนหย่ำกับ
ื
จ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ เหตุที่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเพื่อควำม
ิ
ั
สะดวกในกำรประกอบธุรกิจ หลังจำกหย่ำกนแล้วโจทก์กับจ�ำเลยยังคงอยู่กนร่วมกัน
ฉันสำมีภริยำ บ้ำนและรถยนต์พิพำทเป็นทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้
ี
ิ
ี
ระหว่ำงท่อยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงเป็นกรรมสิทธ์รวม จ�ำเลย
ี
ึ
มีสิทธิในบ้ำนและรถยนต์พิพำทก่งหน่ง แม้จ�ำเลยจะให้กำรว่ำ เหตุท่โจทก์กับจ�ำเลย
ึ
ื
จดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำรประกอบธุรกิจก็ตำม แต่จ�ำเลยไม่ได้ให้กำรต่อสู้ว่ำ
กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นกำรแสดงเจตนำลวงหรือไม่มีเจตนำจดทะเบียนหย่ำและไม่มีผล
ี
ต่อกำรสมรสอย่ำงไร ท้งจ�ำเลยยังให้กำรว่ำ ทรัพย์สินท่ได้มำหลังจำกจดทะเบียนหย่ำ
ั
ิ
เป็นกรรมสิทธ์รวม โดยไม่ได้อ้ำงว่ำเป็นสินสมรส แสดงว่ำจ�ำเลยยอมรับว่ำทรัพย์สิน
ิ
ี
ึ
ท่ได้มำไม่ใช่สินสมรส ซ่งเป็นกำรให้กำรและฟ้องแย้งโดยอำศัยหลักกรรมสิทธ์รวม
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๔ ลักษณะ ๒ ไม่ใช่ข้อพิพำทเกี่ยวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำ
ในทำงทรัพย์สินที่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
______________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของท่ดินโฉนดเลขท่ ๒๒๒๓๐๖ ต�ำบลท่ำแร้ง อ�ำเภอ
ี
บำงเขน จังหวัดกรุงเทพมหำนคร พร้อมบ้ำนเลขที่ ๕๕/๙๘ และเป็นเจ้ำของผู้ครอบครองรถยนต์
ย่ห้อฮอนด้ำทรัพย์พิพำท เดิมโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย โดยเช่ำบ้ำนพัก
ี
อำศัยอยู่ร่วมกันซ่งจ�ำเลยพำบิดำมำรดำจ�ำเลยมำพักอำศัยอยู่ร่วมด้วย ต่อมำวันท่ ๑๕ กันยำยน ๒๕๕๗
ึ
ี
ิ
ี
ู
ั
ั
�
ี
โจทก์กบจำเลยจดทะเบยนหย่ำ แต่ยงคงพกอำศยอย่ร่วมกนโดยไม่ได้ใช้ชวตร่วมกน
ั
ั
ั
ั
ฉันสำมีภริยำเหมือนเดิม หลังจำกนั้นวันที่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๖๑ โจทก์ซื้อที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำท
แล้วย้ำยมำพักอำศัยอยู่ท่บ้ำนดังกล่ำว โดยโจทก์ยินยอมให้จ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลย
ี
มำพักอำศัยอยู่ร่วมกับโจทก์ด้วย ต่อมำประมำณปี ๒๕๖๒ โจทก์เช่ำซื้อรถยนต์พิพำท เนื่องจำก
901
โจทก์มีรถยนต์ ๒ คัน จึงให้จ�ำเลยใช้รถยนต์พิพำทเป็นกำรชั่วครำว เมื่อกลำงปี ๒๕๖๓ โจทก์
ไม่ประสงค์อยู่ร่วมกับจ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลยอีกต่อไป โจทก์จึงย้ำยออกไปอยู่ที่อื่นชั่วครำว
ื
ี
และแจ้งให้จ�ำเลยพร้อมบริวำรย้ำยออกไปอยู่ท่อ่นและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่โจทก์
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินพร้อมบริวำร
ออกไปจำกบ้ำนพิพำทและส่งมอบบ้ำนพิพำทคืนให้แก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย กับให้จ�ำเลย
ื
ื
ี
ี
ส่งมอบรถยนต์พพำทคนให้แก่โจทก์ในสภำพเรยบร้อยใช้กำรได้ด หำกส่งคนไม่ได้ให้ใช้
ิ
รำคำแทน ๕๒๙,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ และให้
จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยในอัตรำเดือนละ ๔๕,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลย
จะส่งมอบบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันเม่อวันท่ ๙ กันยำยน ๒๕๕๖
ื
ี
ั
ื
ั
ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยตกลงจะต้งบริษัท ว. เพ่อประกอบธุรกิจน�ำเข้ำจัดจ�ำหน่ำยและติดต้ง
อุปกรณ์ติดตำมรถยนต์ โจทก์กับจ�ำเลยจึงจดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำรประกอบธุรกิจ
ื
และป้องกันปัญหำที่เกิดขึ้นในอนำคต ต่อมำวันที่ ๘ ธันวำคม ๒๕๕๘ โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกัน
ก่อตั้งบริษัทดังกล่ำวโดยโจทก์เป็นกรรมกำรผู้จัดกำร ส่วนจ�ำเลยเป็นผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำดและ
ื
ี
ผู้จัดกำรฝ่ำยขำย โจทก์กับจ�ำเลยน�ำเงินท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันซ้อบ้ำนพิพำทและย้ำยเข้ำมำอยู่บ้ำน
ดังกล่ำวโดยยังคงอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำตำมปกติ และร่วมกันซ้อรถยนต์พิพำทเพ่อให้จ�ำเลย
ื
ื
ี
ี
่
่
ึ
็
้
ใช้ออกไปพบลูกคำ บำนและรถยนตพิพำททโจทก์เปนเจำของจงเปนทรัพย์สินทโจทกกับจำเลย
็
้
์
�
้
์
ร่วมกันท�ำมำหำได้ระหว่ำงที่อยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์
รวมระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย จ�ำเลยมีสิทธิในบ้ำนและรถยนต์พิพำทก่งหน่ง ขอให้ยกฟ้องและ
ึ
ึ
ี
พิพำกษำให้จ�ำเลยมีกรรมสิทธ์รวมในท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำท และให้จ�ำเลยมีสิทธิครอบครองใช้
ิ
ประโยชน์ในรถยนต์พิพำท
ุ
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ เหตทโจทก์หย่ำขำดจำกจ�ำเลยเน่องจำกจ�ำเลยประพฤตตน
ี
่
ิ
ื
ื
เป็นปฏิปักษ์ต่อกำรอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำโดยจ�ำเลยแอบคบหำกับคนอ่น หำใช่เพ่อควำม
ื
ี
สะดวกในกำรประกอบธุรกิจและป้องกันปัญหำท่จะเกิดข้นในอนำคตแต่อย่ำงใดไม่ จ�ำเลยไม่ม ี
ึ
ส่วนเกี่ยวข้องหรือลงทุนเปิดบริษัทกับโจทก์ แต่ในกำรขอจดทะเบียนบริษัทตำมกฎหมำยจ�ำต้อง
ื
มีผู้ถือหุ้นอย่ำงน้อยสำมคนโจทก์จึงยืมช่อจ�ำเลยและบิดำจ�ำเลยเข้ำมำเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท
ิ
้
้
ี
้
่
ดงกล่ำวโดยมิไดมกำรลงเงนคำหนแตอยำงใด โจทกกยมเงินจำกธนำคำรมำซอบำนพพำทแต่เพยง
ุ
ี
้
ิ
ั
ู้
ื
ื
์
่
่
ื
ผู้เดียว โจทก์ยอมให้จ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลยมำพักอำศัยอยู่บ้ำนพิพำทเน่องจำกควำมผูกพัน
902
ั
ี
ท่เคยมีและเป็นกำรช่วยเหลือครอบครัวของจ�ำเลยเท่ำน้น โดยโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
ื
ื
ิ
ฉันสำมีภริยำ โจทก์เช่ำซ้อรถยนต์พพำทเพ่อไว้ใช้งำนในบรษัทมิได้มีเจตนำจะให้จ�ำเลยหรือ
ิ
บิดำมำรดำจ�ำเลยน�ำไปใช้เป็นกำรส่วนตัว แต่จ�ำเลยกลับน�ำรถยนต์พิพำทไปให้บิดำมำรดำจ�ำเลย
ใช้เป็นกำรส่วนตัว ท�ำให้โจทก์ไม่พอใจและไม่อำจทนอยู่ร่วมบ้ำนเดียวกันกับจ�ำเลยได้ จึงแจ้ง
ให้จ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลยย้ำยออกไปจำกบ้ำนพิพำทและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่
ี
ี
โจทก์ ท่ดินพร้อมบ้ำนและรถยนต์พิพำทมิใช่ทรัพย์สินท่โจทก์และจ�ำเลยท�ำมำหำได้ร่วมกัน จ�ำเลย
จึงไม่มีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์พิพำทดังกล่ำว ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในวันนัดชี้สองสถำน ศำลแพ่งมีนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกไปจำก
ี
บ้ำนพิพำทและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่โจทก์โดยอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ิ ์
ึ
ี
ื
ในท่ดินพร้อมบ้ำนและรถยนต์พิพำท ซ่งโจทก์ซ้อมำภำยหลังจำกจดทะเบียนหย่ำกับจ�ำเลย
ี
ส่วนจ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ เหตุท่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำร
ื
ประกอบธุรกิจ หลังจำกหย่ำกันแล้วโจทก์กับจ�ำเลยยังคงอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำ บ้ำนและ
รถยนต์พิพำทเป็นทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้ระหว่ำงท่อยู่กินฉันสำมีภริยำ
ี
ี
โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงเป็นกรรมสิทธิ์รวม จ�ำเลยมีสิทธิในบ้ำนและรถยนต์พิพำทกึ่งหนึ่ง
ี
แม้จ�ำเลยจะให้กำรว่ำ เหตุท่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำรประกอบ
ื
ธุรกิจก็ตำม แต่จ�ำเลยไม่ได้ให้กำรต่อสู้ว่ำ กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นกำรแสดงเจตนำลวงหรือ
ไม่มีเจตนำจดทะเบียนหย่ำและไม่มีผลต่อกำรสมรสอย่ำงไร ท้งจ�ำเลยยังให้กำรว่ำ ทรัพย์สินท ่ ี
ั
ได้มำหลังจำกจดทะเบียนหย่ำเป็นกรรมสิทธ์รวม โดยไม่ได้อ้ำงว่ำเป็นสินสมรส แสดงว่ำจ�ำเลย
ิ
ึ
ยอมรับว่ำทรัพย์สินท่ได้มำไม่ใช่สินสมรส ซ่งเป็นกำรให้กำรและฟ้องแย้งโดยอำศัยหลักกรรมสิทธ ์ ิ
ี
ี
รวมตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๔ ลักษณะ ๒ ไม่ใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับ
่
ั
ั
ี
ี
ั
ั
ิ
ควำมสมพนธ์ระหว่ำงสำมภรยำในทำงทรพย์สนทจะต้องบงคบตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ
ิ
ั
พำณิชย์ บรรพ ๕ คดีน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
ี
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
903
วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
904
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ญ. โจทก์
ที่ วยช ๑๖/๒๕๖๓ นำง ว. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย ศ. เจ้ำมรดก จ�ำเลย
ี
ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำย ศ. ปิดบังทรัพย์มรดกมำกกว่ำส่วนท่ตนจะได้ โดยรู้
ื
ึ
อยู่ว่ำท�ำให้เส่อมประโยชน์ของโจทก์ซ่งเป็นทำยำท ขอให้พิพำกษำว่ำจ�ำเลยถูกก�ำจัด
มิให้รับมรดก เพิกถอนกำรโอนทรัพย์มรดกกลับคืนสู่กองมรดก และแบ่งทรัพย์มรดก
ี
ื
่
์
่
�
่
ึ
่
้
่
ทเหลอ จำเลยใหกำรตอนหนงวำ โจทกไมใชบตรชอบดวยกฎหมำยของนำย ศ. จงไมม ี
ึ
่
้
ุ
สิทธิรับมรดก และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้รับโจทก์เป็นบุตรภำยในระยะเวลำตำมกฎหมำย
ี
ขอให้ยกฟ้อง คดีน้จึงมีประเด็นข้อพิพำทท่ส�ำคัญประเด็นหน่งว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบ
ึ
ี
ึ
ด้วยกฎหมำยของนำย ศ. หรือไม่ ซ่งกำรวินิจฉัยปัญหำตำมประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำว
ย่อมมีผลกระทบต่อสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะควำมเป็นบิดำ
ิ
ี
่
ี
ี
มำรดำและบุตรระหว่ำงโจทก์กับนำย ศ. อันเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย ศ. กับนำง พ.
ี
ซ่งจดทะเบียนสมรสเม่อวันท่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๓๕ ต่อมำจดทะเบียนหย่ำกันวันท่ ๑๔ มีนำคม ๒๕๓๗
ื
ึ
ี
จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ศ. มีสินสมรส คือรถบรรทุก ๔ คัน
หมำยเลขทะเบียน ๘๑ - ๑๖๗๘ ฉะเชิงเทรำ หมำยเลขทะเบียน ๘๒ - ๒๐๒๐ ฉะเชิงเทรำ
หมำยเลขทะเบียน บต ๔๘๐๑ ฉะเชิงเทรำ และหมำยเลขทะเบียน บม ๖๖๗๘ ฉะเชิงเทรำ
รถยนต์ ๓ คัน หมำยเลขทะเบียน ๘๒ - ๖๘๓๒ ฉะเชิงเทรำ หมำยเลขทะเบียน ๒ กณ ๑๗๓๔
ิ
กรุงเทพมหำนคร และหมำยเลขทะเบียน นบ ๔๙๖๖ ฉะเชงเทรำ รถแบ็กโฮ ๓ คัน และ
บ้ำนสองช้นเลขท่ ๑๗๒ หมู่ท่ ๗ ต�ำบลหนองแหน อ�ำเภอพนมสำรคำม จังหวัดฉะเชิงเทรำ
ี
ั
ี
พร้อมโรงรถ รวมมูลค่ำสินสมรส ๘,๔๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยกับนำย ศ. จดทะเบียนรับเด็กหญิง ห.
เป็นบุตรบุญธรรม เม่อวันท่ ๔ มกรำคม ๒๕๕๗ นำย ศ. ถึงแก่ควำมตำย ศำลมีค�ำส่งแต่งต้ง
ั
ื
ี
ั
ี
จ�ำเลยเป็นผู้จัดกำรมรดกของนำย ศ. แต่จ�ำเลยกลับใช้อ�ำนำจหน้ำท่ผู้จัดกำรมรดกจดทะเบียน
่
ู
้
ี
ี
ี
ิ
ุ
์
โอนกรรมสทธรถบรรทกและรถยนตไปเปนของตนกบเขำครอบครองบำนเลขท ๑๗๒ เพยงผเดยว
ิ
์
้
้
ั
็
905
ื
ี
อันเป็นกำรปิดบังทรัพย์มรดกมำกกว่ำส่วนท่ตนจะได้โดยรู้อยู่ว่ำท�ำให้เส่อมประโยชน์ของโจทก์
ึ
ซ่งเป็นทำยำทของนำย ศ. จ�ำเลยถูกก�ำจัดมิให้รับมรดกตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
มำตรำ ๑๖๐๕ ทรัพย์มรดกของนำย ศ. จึงตกแก่โจทก์และเด็กหญิง ห. ขอให้พิพำกษำว่ำจ�ำเลย
ถูกก�ำจัดมิให้ได้รับมรดกของนำย ศ. เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนรถบรรทุกและรถยนต์พิพำท
ี
ู
ู
่
ึ
เฉพำะส่วนครงหนงทเป็นมรดกของนำย ศ. กลับคืนส่กองมรดกโดยจ�ำเลยเป็นผ้ออกค่ำใช้จ่ำย
่
ึ
่
ึ
ี
ึ
ให้บังคับจ�ำเลยแบ่งรถบรรทุก รถยนต์ และบ้ำนเลขท่ ๑๗๒ คร่งหน่งคืนให้แก่กองมรดกโดย
จ�ำเลยเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยและแบ่งรถบรรทุก รถยนต์ และบ้ำนเลขที่ ๑๗๒ ให้แก่โจทก์ ๑ ส่วน
ใน ๒ ส่วน หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้โจทก์น�ำยึดทรัพย์ดังกล่ำวออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำ
แบ่งให้แก่โจทก์ หำกจ�ำเลยไม่สำมำรถปฏิบัติได้ให้จ�ำเลยช�ำระเงินให้แก่โจทก์ ๒,๑๐๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ โจทก์ไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมำยและไม่ใช่
ผู้สืบสันดำนของนำย ศ. นำย ศ. ไม่เคยรับรองโจทก์เป็นบุตร โจทก์จึงไม่มีสิทธิรับมรดกของ
นำย ศ. โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้นำย ศ. รับโจทก์เป็นบุตรภำยในหน่งปีนับแต่วันบรรลุนิติภำวะ
ึ
กำรท่โจทก์ฟ้องคดีน้ภำยหลังนำย ศ. ถึงแก่ควำมตำยไปนำน ๕ ปี ๕ เดือน ย่อมไม่ชอบ
ี
ี
ี
ด้วยกฎหมำย คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ส�ำหรับทรัพย์สิน
ตำมฟ้องในส่วนท่เป็นมรดกของนำย ศ. จำเลยจดกำรเสรจสนแล้ว ส่วนรถบรรทก หมำยเลข
�
ิ
้
ี
ั
็
ุ
ทะเบียน ๘๑ - ๑๖๗๘ และรถยนต์ หมำยเลขทะเบียน นบ ๔๙๖๖ ฉะเชิงเทรำ ไม่ใช่ทรัพย์มรดก
โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ทั้งโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเมื่อพ้นก�ำหนดหนึ่งปี นับแต่เจ้ำมรดกตำย
จึงขำดอำยุควำม จ�ำเลยไม่เคยรู้ว่ำโจทก์เป็นทำยำทโดยธรรมของนำย ศ. จึงมิต้องถูกก�ำจัด
มิให้รับมรดก และโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดฉะเชิงเทรำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
ึ
วินิจฉัยว่ำ คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทท่ส�ำคัญประเด็นหน่งว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วย
ี
กฎหมำยของนำย ศ. หรือไม่ ซ่งกำรวินิจฉัยปัญหำตำมประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำวย่อมมีผล
ึ
กระทบต่อสิทธิ หน้ำท่ และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะควำมเป็นบิดำมำรดำและบุตรระหว่ำง
ี
ี
ั
ั
โจทก์กบนำย ศ. อนเป็นกรณทต้องบงคบตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕
ิ
ั
ั
ี
ี
่
906
ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
907
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ส.
ที่ วยช ๘๖/๒๕๖๔ โดยนำง ท. ผู้อนุบำล โจทก์
นำย ส. ในฐำนะ
ผู้จัดกำรมรดกของ
นำย จ. กับพวก จ�ำเลย
ึ
ี
คดีน้โจทก์ซ่งเป็นคนไร้ควำมสำมำรถและเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ.
ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของนำย จ. ช�ำระค่ำอุปกำระ
ั
่
ู
ี
ี
�
้
ี
ู
เลยงดให้แก่โจทก์ ส่วนจำเลยท ๒ ให้กำรต่อส้ว่ำ โจทก์ไม่มอำนำจฟ้อง และหน้ำทของ
่
�
ี
บิดำมำรดำในกำรอุปกำระเลี้ยงดูบุตรย่อมสิ้นสุดลงเมื่อบิดำหรือมำรดำถึงแก่ควำมตำย
ู
่
ื
ิ
ั
้
่
ทงพินยกรรมไมมีขอก�ำหนดให้ผ้จัดกำรมรดกกันเงนหรอทรัพย์มรดกไว้เป็นคำอปกำระ
้
ั
ุ
่
เล้ยงดูโจทก์ จ�ำเลยท ๒ จึงไม่มีหน้ำท่ต้องช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูให้แก่โจทก์ กรณ ี
ี
ี
ี
ี
จึงมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิและหน้ำท่ของบิดำมำรดำและบุตร ซ่งเป็นกรณีท่ต้อง
ี
ี
ึ
ี
บังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๖๔ วรรคสอง จึงเป็นคดีครอบครัว
________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. กับนำง ย. และเป็นผู้
ั
่
ิ
ั
์
้
�
ิ
้
่
่
ไรควำมสำมำรถมำแตกำเนด มอำกำรปวยดวยภำวะดำวนซนโดรมและบกพรองทำงปญญำระดบ
ี
ควำมสำมำรถ มีอำกำรทำงจิตเวชร่วมด้วย ต้องมีผู้ดูแลและได้รับยำตำมค�ำสั่งแพทย์ตลอดเวลำ
วันท่ ๒๒ ธันวำคม ๒๕๖๓ ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงมีค�ำส่งให้โจทก์เป็นผู้ไร้ควำมสำมำรถ
ั
ี
และให้อยู่ในควำมอนุบำลของนำง ท. ระหว่ำงมีชีวิตนำย จ. และนำง ย. ให้โจทก์พักอำศัยและ
ั
อยู่ภำยใต้กำรดูแลของผู้อนุบำลต้งแต่ปี ๒๕๔๖ ต่อมำปี ๒๕๕๐ นำง ย. ถึงแก่ควำมตำย
นำย จ. จึงให้ผู้อนุบำลเป็นผู้ดูแลและเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลโจทก์ตลอดมำ นำย จ.
ได้แสดงเจตนำว่ำจะรับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลดังกล่ำวโดยกำรท�ำบันทึกแสดงเจตนำ
ี
ี
รับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยในส่วนของโจทก์อันเป็นหน้ำท่ตำมกฎหมำยของบิดำท่ต้องอุปกำระเล้ยงด ู
ี
บุตรที่อยู่ในภำวะทุพพลภำพ ต่อมำเมื่อวันที่ ๙ มีนำคม ๒๕๖๒ นำย จ. ถึงแก่ควำมตำยโดยมี
จ�ำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดกำรมรดกร่วมกันตำมพินัยกรรม ทำยำทของนำย จ. แจ้งให้จ�ำเลยทั้งสอง
ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกกันส่วนกองมรดกของนำย จ. จ�ำนวนหนึ่งไว้เป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรอุปกำระ
908
ั
ี
ี
เล้ยงดูโจทก์ตำมเจตนำรมณ์ของเจ้ำมรดกท่ได้แสดงและแจ้งไว้แก่ทำยำทท้งทำงวำจำและ
ี
เอกสำรในขณะท่เจ้ำมรดกยังมีชีวิตอยู่ เป็นเงินเดือน เดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท นับแต่นำย จ.
ถึงแก่ควำมตำยเป็นต้นไป เป็นระยะเวลำ ๑๐ ปี ค�ำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บำท
ั
ั
แต่จ�ำเลยท้งสองปฏิเสธ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของนำย จ.
ช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูให้แก่โจทก์ ๑,๒๕๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ี
ี
ุ
�
ั
ั
�
่
่
ั
นบแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกวำจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กบให้จำเลยทงสองรวมกนชำระคำอปกำระ
่
ั
�
้
ี
เล้ยงดูโจทก์ อัตรำเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะครบก�ำหนด
๑๐ ปี นับแต่วันที่เจ้ำมรดกถึงแก่ควำมตำย
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. เจ้ำมรดก โจทก์
ี
จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องเรียกค่ำอุปกำระเล้ยงดูจำกกองมรดกของบิดำด้วยตนเอง และตำมค�ำฟ้อง
ี
ของโจทก์ที่ขอให้ศำลมีค�ำสั่งให้จ�ำเลยทั้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของนำย จ.กันส่วนมรดก
ี
ื
ไว้เป็นค่ำอุปกำระเล้ยงดูโจทก์ มีลักษณะเป็นกำรฟ้องผู้จัดกำรมรดกเพ่อขอแบ่งทรัพย์มรดก
จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว นอกจำกน้หน้ำท่ของบิดำ
ี
ี
ุ
ี
่
ู
ื
ิ
่
ึ
ื
ิ
้
่
ุ
ุ
ั
้
ั
ิ
มำรดำในกำรอปกำระเลยงดบตรยอมสนสดลงเมอบดำหรอมำรดำถงแกควำมตำย ทงพนยกรรม
้
ื
่
ุ
ไม่มีข้อก�ำหนดให้ผ้จัดกำรมรดกกันเงินหรอทรพย์มรดกไว้เป็นคำอปกำระเลยงดโจทก์ และฟ้อง
ั
้
ู
ู
ี
โจทก์ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนวันนัดพร้อม ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน
ี
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำล
อุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วนิจฉยวำ คดีนโจทก์ฟ้องขอให้บงคับจ�ำเลยทงสองในฐำนะผู้จดกำรมรดกร่วมกันของ
ั
้
ั
่
ี
้
ิ
ั
ั
นำย จ. ช�ำระค่ำอุปกำระเลี้ยงดูให้แก่โจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรต่อสู้ว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ื
ิ
ี
ี
และหน้ำท่ของบิดำมำรดำในกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรย่อมส้นสุดลงเม่อบิดำหรือมำรดำ
้
ั
ั
ั
ิ
ั
ิ
ถงแก่ควำมตำย ทงพนยกรรมไม่มข้อกำหนดให้ผ้จดกำรมรดกกนเงนหรอทรพย์มรดกไว้
ั
ื
ู
ี
�
ึ
ี
ี
ี
เป็นค่ำอุปกำระเล้ยงดูโจทก์ จ�ำเลยท่ ๒ จึงไม่มีหน้ำท่ต้องช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูให้แก่โจทก์
ี
ี
ี
ี
กรณีจึงมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิและหน้ำท่ของบิดำมำรดำและบุตร ซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับ
ึ
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๖๔ วรรคสอง จึงเป็นคดีครอบครัว
ั
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
ั
ี
ิ
ี
ิ
ั
ิ
ั
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
909
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
910
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง น. โจทก์
ที่ วยช ๙๔/๒๕๖๔ เด็กชำย ป. โดย นำงสำว ธ.
ผู้แทนโดยชอบธรรม
กับพวก จ�ำเลย
ู
ิ
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภรยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. ผ้ตำย ไม่มบตร
ุ
ี
่
่
ื
ี
ด้วยกัน จ�ำเลยท ๑ โดยจ�ำเลยท ๒ เคยย่นค�ำร้องขอต่อศำลเยำวชนและครอบครัว
จังหวัดนนทบุร ขอให้พิพำกษำให้จ�ำเลยท ๑ เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ.
ี
่
ี
ื
ี
่
โดยโจทก์ย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ จ�ำเลยท ๑ มิใช่บุตรของนำย จ. ระหว่ำงกำรพิจำรณำมีกำร
ตรวจหำสำรพันธุกรรมเพ่อพิสูจน์ควำมสัมพันธ์ในกำรเป็นบิดำมำรดำกับบุตรว่ำจ�ำเลย
ื
ที่ ๑ เป็นบุตรของนำย จ. ผู้ตำย หรือไม่ ปรำกฏว่ำผลกำรตรวจพิสูจน์ลำยพิมพ์ดีเอ็นเอ
ี
่
ของจ�ำเลยท ๑ พบข้อขัดแย้งในกำรเป็นบุตรของนำย จ. จ�ำเลยท ๑ โดยจ�ำเลยท ๒
ี
่
ี
่
ี
ื
่
ี
ื
จึงย่นค�ำร้องขอถอนค�ำร้องขอ ศำลอนุญำต คดีถึงท่สุดแล้ว แต่จ�ำเลยท ๑ ยังคงใช้ช่อ
สกุล “พ.” และในสูติบัตรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้แจ้งกำรเกิดว่ำนำย จ. เป็นบิดำ
ี
ั
่
่
ี
ี
ของจ�ำเลยท ๑ อันเป็นควำมเท็จ จ�ำเลยท ๒ ยังแสดงออกต่อบุคคลท่วไปว่ำจ�ำเลยท ๒
่
่
เป็นภริยำอีกคนของนำย จ. โดยมีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ จ�ำเลยท ๑ ท�ำให้โจทก์และ
ี
นำย จ. สำมีโจทก์ได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรละเมิดต่อสิทธิในช่อเสียงของโจทก์และ
ื
ั
ิ
�
ื
นำย จ. ขอให้บงคบจำเลยทงสองร่วมกนหรอแทนกนชำระค่ำสนไหมทดแทนแก่โจทก์
ั
ั
ั
ั
�
้
ั
ั
ี
ื
่
ี
และมีค�ำส่งให้จ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรเปล่ยนแปลงช่อบิดำในสูติบัตรของจ�ำเลยท ๑
ี
ื
ี
จำกช่อของนำย จ. เป็นช่อบิดำท่แท้จริงของจ�ำเลยท ๑ และเปล่ยนช่อสกุลจำก “พ.”
ี
่
ื
ื
ี
้
ี
ื
่
�
ื
ุ
เป็นช่อสกุลของจ�ำเลยท ๒ หรือช่อสกลอนแทน คดีนโจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยท ๑ มิใช่บุตร
ื
ี
่
่
ื
ี
ั
ั
ของนำย จ. สำมีโจทก์ ขอให้ศำลมีค�ำส่งให้จ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรเปล่ยนช่อบิดำใน
ี
ื
่
สูติบัตรของจ�ำเลยท ๑ จำกช่อนำย จ. เป็นช่อบิดำท่แท้จริงของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นคด ี
่
ี
ื
ี
่
ี
ี
ี
เก่ยวกับสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์ในครอบครัวซ่งเป็นคดีครอบครัว ส่วนท่ขอให้ม ี
ึ
ิ
ค�ำสั่งให้จ�ำเลยที่ ๑ เปลี่ยนชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๑ จำก “พ.” เป็นชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๒
หรือช่อสกุลอ่นเป็นผลต่อเน่องมำจำกสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะ
ื
ื
ิ
่
ื
ี
ี
กำรเป็นบิดำกับบุตรระหว่ำงนำย จ. กับจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
_________________________
911
ู
็
ิ
์
่
ี
้
์
้
โจทกฟองวำ โจทกเปนภรยำชอบดวยกฎหมำยของนำย จ. ผตำย จดทะเบยนสมรส
้
เมื่อวันที่ ๓ ธันวำคม ๒๕๓๕ ไม่มีบุตรด้วยกัน เนื่องจำกนำย จ. มีปัญหำสุขภำพ เชื้ออสุจิอ่อน
้
ุ
�
ี
่
่
ิ
ี
�
�
ื
่
ั
ี
่
้
่
ี
ื
่
ไมสำมำรถมบตรได เมอวนท ๑๕ สงหำคม ๒๕๖๒ จำเลยท ๑ โดยจำเลยท ๒ ยนคำรองขอ
ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี เป็นคดีหมำยเลขด�ำท่ ยชพ ๓๔๓/๒๕๖๒ ขอ
ี
ั
ุ
ให้พิพำกษำให้จ�ำเลยท ๑ เป็นบตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. โดยโจทก์ย่นคำคดค้ำนว่ำ
่
ี
ื
�
จ�ำเลยท่ ๑ มิใช่บุตรของนำย จ. ระหว่ำงกำรพิจำรณำมีกำรตรวจหำสำรพันธุกรรมเพ่อพิสูจน์
ี
ื
ี
ควำมสัมพันธ์ในกำรเป็นบิดำมำรดำกับบุตรว่ำจ�ำเลยท่ ๑ เป็นบุตรของนำย จ. ผู้ตำย หรือไม่
ี
ปรำกฏว่ำผลกำรตรวจพิสูจน์ลำยพิมพ์ดีเอ็นเอของจ�ำเลยท่ ๑ พบข้อขัดแย้งในกำรเป็นบุตร
ื
ี
ของนำย จ. จ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๒ จึงย่นค�ำร้องขอถอนค�ำร้องขอ ศำลอนุญำต คดีถึงท่สุดแล้ว
ี
ี
แต่จ�ำเลยที่ ๑ ยังคงใช้ชื่อสกุล “พ.” และในสูติบัตรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้แจ้งกำรเกิดว่ำ
ี
ั
ี
นำย จ. เป็นบิดำของจ�ำเลยท่ ๑ อันเป็นควำมเท็จ จ�ำเลยท่ ๒ ยังแสดงออกต่อบุคคลท่วไปว่ำ
จ�ำเลยที่ ๒ เป็นภริยำอีกคนของนำย จ. โดยมีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำให้โจทก์
ื
และนำย จ. สำมีโจทก์ได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรละเมิดต่อสิทธิในช่อเสียงของโจทก์และ
นำย จ. ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันช�ำระค่ำสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน
ั
๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และมีค�ำสั่งให้จ�ำเลยทั้งสองด�ำเนินกำรเปลี่ยนแปลงชื่อบิดำในสูติบัตรของ
จ�ำเลยที่ ๑ จำกชื่อของนำย จ. เป็นชื่อบิดำที่แท้จริงของจ�ำเลยที่ ๑ และเปลี่ยนชื่อสกุลจำก “พ.”
เป็นชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๒ หรือชื่อสกุลอื่นแทน ภำยใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ศำลมีค�ำสั่ง หำกไม่
ด�ำเนินกำรให้ถือค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำ
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมรำชเห็นว่ำ กรณ ี
ื
ี
มีปัญหำว่ำคดีน้ส่วนท่โจทก์ขอให้จ�ำเลยท้งสองไปแก้ไขเปล่ยนแปลงช่อบิดำในสูติบัตรของ
ี
ี
ั
ื
ื
ี
ี
ื
จ�ำเลยท่ ๑ ให้จ�ำเลยท่ ๑ เปล่ยนไปใช้ช่อสกุลของจ�ำเลยท่ ๒ หรือช่อสกุลอ่นแทนและเรียก
ี
ี
ค่ำเสียหำยอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวน
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มิใช่บุตรของนำย จ. สำมีโจทก์ ขอให้ศำลมี
ื
ี
ี
ื
ค�ำส่งให้จ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรเปล่ยนช่อบิดำในสูติบัตรของจ�ำเลยท่ ๑ จำกช่อนำย จ. เป็น
ั
ั
ี
ื
ช่อบิดำท่แท้จริงของจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นคดีเก่ยวกับสิทธิ หน้ำท่ และควำมสัมพันธ์ในครอบครัว
ี
ี
ี
912
ซึ่งเป็นคดีครอบครัว ส่วนที่ขอให้มีค�ำสั่งให้จ�ำเลยที่ ๑ เปลี่ยนชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๑ จำก “พ.”
เป็นชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๒ หรือชื่อสกุลอื่นเป็นผลต่อเนื่องมำจำกสิทธิ หน้ำที่ และควำมสัมพันธ์
ี
ี
ี
ึ
เก่ยวกับสถำนะกำรเป็นบิดำกับบุตรระหว่ำงนำย จ. กับจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับ
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
913
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ฮ. โจทก์
ที่ วยช ๑๑๐/๒๕๖๔ นำงสำว ช. จ�ำเลย
โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำ
ี
ุ
ั
ุ
ู
้
ี
่
้
ี
ี
่
่
์
ประนประนอมยอมควำมในขอตกลงทเกยวกบกำรอปกำระเลยงดบตรผเยำว สวนจำเลย
�
้
ู
ี
ให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำม คดีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยว่ำ
ึ
จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำมหรือไม่ ซ่งเป็นผลมำจำกกำรท�ำสัญญำ
ประนีประนอมยอมควำมในคดีครอบครัว อันเป็นกรณีเก่ยวเน่องท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
ี
ื
ี
บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ หมวด ๒ คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ครอบครัว
________________________
ื
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบิดำชอบด้วยกฎหมำยของเด็กหญิง อ. เม่อวันท่ ๒๙ มีนำคม ๒๕๖๔
ึ
ั
โจทก์ท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมกบจ�ำเลย ซ่งศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัด
ี
เพชรบุรีมีค�ำพิพำกษำตำมยอมในคดีแพ่งหมำยเลขแดงท่ ยชพ ๒๙/ ๒๕๖๔ โดยตกลงให้
เด็กหญิง อ. อยู่ในควำมปกครองดูแลของโจทก์กับจ�ำเลยร่วมกัน และในกำรเลี้ยงดูเด็กหญิง อ.
ี
ิ
ตกลงให้ผลัดเปล่ยนกันดูแลคนละ ๒ สัปดำห์ จนกว่ำเด็กหญิง อ. จะบรรลุนิติภำวะ เร่มสัปดำห์แรก
ี
ี
ในวันจันทร์ท่ ๒๙ มีนำคม ๒๕๖๔ จนถึงวันอำทิตย์ท่ ๔ เมษำยน ๒๕๖๔ ให้จ�ำเลยเป็นฝ่ำย
ให้กำรอุปกำระเลี้ยงดูเด็กหญิง อ. และเมื่อครบก�ำหนดจ�ำเลยจะเป็นผู้พำเด็กหญิง อ. ไปส่งให้แก่
ี
ฝ่ำยโจทก์ภำยในวันอำทิตย์ไม่เกินเวลำ ๑๙ นำฬิกำ และเม่อโจทก์อุปกำระเล้ยงดูเด็กหญิง อ.
ื
ครบก�ำหนด ๒ สัปดำห์ โจทก์จะเป็นผู้พำเด็กหญิง อ. ไปส่งให้แก่ฝ่ำยจ�ำเลยภำยในวันอำทิตย์
เวลำไม่เกิน ๑๙ นำฬิกำ แต่ปรำกฏว่ำตั้งแต่สัปดำห์เริ่มต้นสิทธิของโจทก์ในกำรดูแลเด็กหญิง อ.
เมื่อวันที่ ๔ เมษำยน ๒๕๖๔ เป็นต้นมำ จ�ำเลยไม่เคยปฏิบัติตำมสัญญำแม้แต่สัปดำห์เดียว ท�ำให้
่
โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อรำงกำยและจิตใจ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท พร้อม
ดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ื
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำม เน่องจำกโจทก์
�
ึ
ี
็
�
่
่
ี
ทรำบดว่ำเมอถงครำวทจำเลยต้องนำเดกหญง อ. ไปส่งให้แก่ฝ่ำยโจทก์ แต่ปรำกฏว่ำเดกหญิง อ.
็
ื
ิ
ร้องไห้ตลอดเวลำไม่ยอมไปอยู่กับฝ่ำยโจทก์ และโจทก์ก็แสดงออกถึงควำมไม่สนใจไยดีต่อ
914
ั
ี
เด็กหญิง อ. และไม่ประสงค์ท่จะรับเด็กหญิง อ. ไปดูแลอีกต่อไป ท้งโจทก์ไม่ส่งเสียอุปกำระเล้ยงด ู
ี
ั
เด็กหญิง อ. รวมท้งค่ำศึกษำเล่ำเรียนตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำม โจทก์ฟ้องคดีน ี ้
เพ่อแก้เก้ยวหรือใช้ต่อรองในทำงคดี และเป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ฟ้องโจทก์คดีน้เป็นฟ้องซ้อน
ื
ี
ี
กับคดีแพ่งหมำยเลขด�ำที่ ม ๗๑/๒๕๖๔ ของศำลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ยกฟ้อง
ระหวำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดเพชรบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ี
่
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำ
ี
ี
ี
ประนีประนอมยอมควำมในข้อตกลงท่เก่ยวกับกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ ส่วนจ�ำเลยให้กำร
ิ
ิ
ี
่
ี
ี
ต่อส้ว่ำ จำเลยไม่ได้ผดสญญำประนประนอมยอมควำม คดมปัญหำทต้องวนจฉยว่ำ จำเลย
ี
ั
�
ู
ิ
ั
�
ปฏิบัติผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำมหรือไม่ ซึ่งเป็นผลมำจำกกำรท�ำสัญญำประนีประนอม
ี
ื
ยอมควำมในคดีครอบครัว อันเป็นกรณีเก่ยวเน่องท่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ
ี
พำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ หมวด ๒ คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
และครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
915
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ว. โจทก์
ที่ วยช ๑๑๑/๒๕๖๔ นำงสำว ว. จ�ำเลย
ึ
โจทก์ซ่งมีฐำนะเป็นปู่ของผู้เยำว์ ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยส่งมอบหรือยินยอม
ั
ี
ให้ผู้เยำว์ไปพักท่บ้ำนโจทก์ ในวันเสำร์ต้งแต่เวลำ ๙ นำฬิกำ และรับกลับในวันอำทิตย์
เวลำ ๑๖ นำฬิกำ สัปดำห์เว้นสัปดำห์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำผู้เยำว์จะบรรล ุ
ั
ิ
ิ
่
ี
�
�
ี
ั
�
ั
ี
นตภำวะ ตำมทโจทก์กบจำเลยเคยตกลงกนไว้ในคดก่อน กบให้จำเลยชำระค่ำเสยหำย
ี
พร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์เป็นค่ำขำดโอกำสในกำรอุปกำระเล้ยงดูผู้เยำว์ ส่วนจ�ำเลย
ี
ให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ธ. และเป็นมำรดำของผู้เยำว์
โดยจ�ำเลยเป็นผู้มีอ�ำนำจปกครองผู้เยำว์เพียงผู้เดียวตำมค�ำพิพำกษำของศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ข้อพิพำทของโจทก์
ื
และจ�ำเลยจึงไม่ใช่เร่องผิดสัญญำเพียงประกำรเดียว แต่เป็นกรณีสืบเน่องมำจำก
ื
ี
ี
ข้อพิพำทเก่ยวกับกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรและกำรใช้อ�ำนำจปกครองผู้เยำว์ จึงเป็น
คดีแพ่งที่ฟ้องต่อศำลเกี่ยวกับผู้เยำว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
มำตรำ ๑๕๖๔ ถึง ๑๕๖๗ จึงเป็นคดีครอบครัว
_________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เด็กหญิง ณ. อำยุ ๕ ปีเศษ เป็นบุตรของจ�ำเลยกับนำย ธ. ส่วนโจทก์
เป็นบิดำของนำย ธ. และเป็นปู่ของเด็กหญิง ณ. เมื่อวันที่ ๒ ธันวำคม ๒๕๖๒ โจทก์ฟ้องจ�ำเลย
ื
ต่อศำลแขวงขอนแก่นเป็นคดหมำยเลขด�ำท่ ๗๖๒/๒๕๖๒ เร่องผิดสญญำ เรยกค่ำเสียหำย
ั
ี
ี
ี
ระหว่ำงพิจำรณำโจทก์และจ�ำเลยตกลงกันว่ำจ�ำเลยตกลงให้เด็กหญิง ณ. บุตรของจ�ำเลย
กับนำย ธ. ไปพักอำศัยที่บ้ำนของโจทก์และนำย ธ. ในวันเสำร์และอำทิตย์ สัปดำห์เว้นสัปดำห์
โดยจ�ำเลยเป็นผู้ไปส่งท่บ้ำนโจทก์ในวันเสำร์ เวลำ ๙ นำฬิกำ ให้เด็กหญิง ณ. ค้ำง ๑ คืน และไปรับ
ี
กลับในวันอำทิตย์ เวลำ ๑๖ นำฬิกำ เร่มวันท่ ๔ กรกฎำคม ๒๕๖๓ และท้งสองฝ่ำยตกลงว่ำ
ั
ิ
ี
ี
จะไม่พูดใส่ร้ำยอีกฝ่ำยหน่งระหว่ำงท่อยู่กับเด็กหญิง ณ. โจทก์จึงถอนฟ้องจ�ำเลย ตำมรำยงำน
ึ
กระบวนพิจำรณำลงวันท่ ๕ มิถุนำยน ๒๕๖๓ แต่จ�ำเลยส่งเด็กหญิง ณ. ไปพักท่บ้ำนโจทก์
ี
ี
เพียง ๑ ครั้ง หลังจำกนั้นจ�ำเลยผิดสัญญำไม่ส่งเด็กหญิง ณ. ไปพักที่บ้ำนโจทก์อีก ท�ำให้โจทก์
ี
ึ
ซ่งเป็นปู่ของเด็กหญิงณตำเสียโอกำสในกำรอุปกำระเล้ยงดูเด็กหญิง ณ. และเป็นกำรตัดโอกำส
916
โจทก์กับครอบครัวรวมถึงบิดำของเด็กหญิง ณ. ในกำรดูแลใกล้ชิดให้ควำมรักและควำมอบอุ่น
ั
่
ั
ั
ื
ิ
ั
ั
แก่เด็กหญิง ณ. ดงเช่นครอบครวทวไป ขอให้บงคบจ�ำเลยส่งมอบหรอยนยอมให้เด็กหญิง ณ.
ไปพักอำศัยท่บ้ำนโจทก์ในวันเสำร์ต้งแต่เวลำ ๙ นำฬิกำ และรับกลับในวันอำทิตย์ เวลำ ๑๖ นำฬิกำ
ั
ี
สัปดำห์เว้นสัปดำห์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำเด็กหญิง ณ. จะบรรลุนิติภำวะ ให้จ�ำเลย
ช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บำท กับช�ำระค่ำเสียหำย ๕๐,๐๐๐ บำท ต่อครั้ง หำกจ�ำเลย
่
ิ
้
็
ไมปฏบตตำมขอตกลงนบแตวนฟองเปนตนไปจนกวำจำเลยจะปฏบตตำมขอตกลง พรอมดอกเบย
ั
ั
ั
่
้
ิ
้
้
้
ั
ิ
้
ิ
�
่
ี
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ธ. และเป็นมำรดำของ
เด็กหญิง ณ. ผู้เยำว์ โดยจ�ำเลยเป็นผู้มีอ�ำนำจปกครองผู้เยำว์เพียงผู้เดียวตำมค�ำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรีและศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์เป็นฝ่ำย
่
ั
ี
ึ
�
ู
ู
ู
ื
ิ
�
ู
�
ผดข้อตกลงพดใส่ร้ำยจำเลยว่ำ “แม่ไปทำร้ำยป่” เพอให้ผ้เยำว์ร้สกเกลยดชงว่ำจำเลยเป็น
คนไม่ดี จ�ำเลยเล้ยงดูผู้เยำว์มำต้งแต่เกิด ให้ควำมรักและควำมอบอุ่นแก่ผู้เยำว์ตลอดมำ ประกอบ
ั
ี
กับผู้เยำว์อำยุเพียง ๔ ปี ไม่ยินยอมไปอยู่กับนำย ธ. บิดำ และร้องไห้ตลอดเวลำกับโทรศัพท์ให้
จ�ำเลยมำรับกลับบ้ำน โจทก์เป็นปู่ของผู้เยำว์และไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้
ยกฟ้อง
ั
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจงหวดขอนแก่นเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำ
ั
ั
ู
คดนอย่ในอ�ำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้
้
�
ี
ี
ึ
ื
ิ
ิ
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ซึ่งมีฐำนะเป็นปู่ของเด็กหญิง ณ. ผู้เยำว์ ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลย
ี
ั
ส่งมอบหรือยินยอมให้ผู้เยำว์ไปพักท่บ้ำนโจทก์ ในวันเสำร์ต้งแต่เวลำ ๙ นำฬิกำ และรับกลับ
ในวันอำทิตย์ เวลำ ๑๖ นำฬิกำ สัปดำห์เว้นสัปดำห์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำผู้เยำว์
จะบรรลุนิติภำวะ กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์เป็นค่ำขำดโอกำสในกำร
ี
อุปกำระเลี้ยงดูผู้เยำว์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ธ. และ
เป็นมำรดำของผู้เยำว์ โดยจ�ำเลยเป็นผู้มีอ�ำนำจปกครองผู้เยำว์เพียงผู้เดียวตำมค�ำพิพำกษำ
ของศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ข้อพิพำทของ
โจทก์และจ�ำเลยจึงไม่ใช่เรื่องผิดสัญญำเพียงประกำรเดียว แต่เป็นกรณีสืบเนื่องมำจำกข้อพิพำท
ี
ี
ี
เก่ยวกับกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรและกำรใช้อ�ำนำจปกครองผู้เยำว์จึงเป็นคดีแพ่งท่ฟ้องต่อศำล
เก่ยวกับผู้เยำว์หรือครอบครัวซ่งจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕
ึ
ี
917
มำตรำ ๑๕๖๔ ถึง ๑๕๖๗ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
918
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์
ที่ วยช ๑๘/๒๕๖๕ นำงสำว ส. กับพวก จ�ำเลย
ี
ี
ึ
กำรท่โจทก์ซ่งเป็นพ่น้องร่วมบิดำมำรดำเดียวกันกับผู้ตำย อ้ำงว่ำตนอยู่ใน
ี
ฐำนะทำยำทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตำย ฟ้องขอให้ศำลพิพำกษำว่ำจ�ำเลยท ๑
่
ี
่
ื
่
ี
มิใช่บุตรของผู้ตำย เน่องจำกบิดำของจ�ำเลยท ๒ พำตัวจ�ำเลยท ๑ มำจำกสำธำรณรัฐ
ประชำชนจีนเข้ำมำประเทศไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย แล้วขอให้ผู้ตำยไปแจ้งเกิด
่
ี
จ�ำเลยท ๑ ต่อนำยทะเบียนเพ่อให้จดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในแบบรับรองรำยกำร
ื
ทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ว่ำ จ�ำเลยท ๑ เป็นบุตรของผู้ตำยท่เกิดจำกจ�ำเลยท ๒ โดย
่
่
ี
ี
ี
ี
่
จ�ำเลยท ๒ รู้เห็นและยินยอม อันเป็นกำรแจ้งข้อควำมอันเป็นเท็จ และขอให้เพิกถอนแบบ
่
ั
ี
ี
รับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ท่แสดงว่ำจ�ำเลยท ๑ เป็นบุตรของผู้ตำยน้น กรณ ี
ี
ี
ิ
่
จึงเป็นคดีท่มีผลกระทบต่อสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะกำรเป็นบิดำ
ี
กับบุตร ระหว่ำงผู้ตำยกับจ�ำเลยท ๑ ซ่งต้องอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.
ึ
่
ี
บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
_____________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นพ่น้องร่วมบิดำมำรดำเดียวกันกับนำย ณ. ผู้ตำย และเป็นทำยำท
โดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของผู้ตำย เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหำคม ๒๕๓๐ ผู้ตำยจดทะเบียนสมรสกับ
ี
จ�ำเลยท่ ๒ ต่อมำวันท่ ๔ กันยำยน ๒๕๓๒ ได้จดทะเบียนหย่ำขำดจำกกัน ไม่มีบุตรด้วยกัน
ี
ผู้ตำยถึงแก่ควำมตำยเมื่อวันที่ ๒๒ เมษำยน ๒๕๖๔ บิดำมำรดำของผู้ตำยถึงแก่ควำมตำยก่อนแล้ว
พ่น้องของผู้ตำยทุกคนตกลงให้โจทก์ย่นค�ำร้องขอเป็นผู้จัดกำรมรดกของผู้ตำยต่อศำลจังหวัด
ื
ี
นครรำชสีมำ ระหว่ำงกำรพิจำรณำคดีดังกล่ำว นำงหรือนำงสำว อ. ยื่นค�ำร้องคัดค้ำนอ้ำงว่ำตน
เป็นผู้มีส่วนได้เสียอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำกับผู้ตำยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และจ�ำเลยที่ ๑
เป็นบุตรของผู้ตำยที่เกิดจำกจ�ำเลยที่ ๒ ท�ำให้ตัดสิทธิควำมเป็นทำยำทผู้มีส่วนได้เสียของโจทก์
โจทก์จึงตรวจสอบและทรำบควำมจริงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ใช่บุตรของผู้ตำย โดยในขณะจ�ำเลยที่ ๑
เป็นเด็ก นำย ม. บิดำของจ�ำเลยที่ ๒ พำตัวจ�ำเลยที่ ๑ มำจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีนเข้ำมำ
ประเทศไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย แล้วขอร้องให้ผู้ตำยไปแจ้งเกิดจ�ำเลยที่ ๑ ต่อนำยทะเบียน
เพื่อให้จดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ว่ำ จ�ำเลยที่ ๑
919
เป็นบุตรของผู้ตำยที่เกิดจำกจ�ำเลยที่ ๒ โดยจ�ำเลยที่ ๒ รู้เห็นและให้ควำมยินยอม อันเป็นกำร
้
ั
ิ
�
ื
้
ั
ู
�
แจ้งข้อควำมอันเป็นเท็จ โจทก์ตดต่อจำเลยทงสองเพ่อขอตรวจพิสจน์ดีเอ็นเอ แต่จำเลยทงสอง
บ่ำยเบี่ยง หำกไม่เพิกถอนแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) อันเป็นเท็จ ย่อมท�ำให้
ี
ตัดสิทธิควำมเป็นทำยำทโดยธรรมของโจทก์และท�ำให้พ่น้องทุกคนไม่ได้รับมรดกของผู้ตำย
ขอให้พิพำกษำว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ไม่ใช่บุตรของผู้ตำย และให้จ�ำเลยท้งสองไปแจ้งต่อนำยทะเบียน
ั
ี
เพอเพกถอนแบบรบรองรำยกำรทะเบยนคนเกด (สตบตร) ของจำเลยท ๑ ว่ำผ้ตำยไม่ใช่บดำ
ู
ั
ี
ิ
ิ
ี
ู
ิ
ั
�
่
ื
ิ
่
ของจ�ำเลยที่ ๑ ภำยใน ๗ วัน นับแต่ศำลมีค�ำพิพำกษำ หำกจ�ำเลยทั้งสองไม่ด�ำเนินกำรให้ถือเอำ
ค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง
ั
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครรำชสีมำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำ
ว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้
ี
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
่
ี
ิ
ั
ู
วนจฉัยว่ำ กำรทโจทก์ซ่งเป็นพน้องร่วมบดำมำรดำเดียวกนกับผ้ตำย อ้ำงว่ำตนอยู่
่
ี
ิ
ิ
ึ
ในฐำนะเป็นทำยำทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตำย ฟ้องขอให้ศำลพิพำกษำว่ำจ�ำเลยท่ ๑
ี
ี
มิใช่บุตรของผู้ตำย เน่องจำกบิดำของจ�ำเลยท่ ๒ พำตัวจ�ำเลยท่ ๑ มำจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีน
ื
ี
ี
เข้ำมำประเทศไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย แล้วขอให้ผู้ตำยไปแจ้งเกิดจ�ำเลยท่ ๑ ต่อนำยทะเบียน
เพื่อให้จดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ว่ำ จ�ำเลยที่ ๑
เป็นบุตรของผู้ตำยท่เกิดจำกจ�ำเลยท่ ๒ โดยจ�ำเลยท่ ๒ รู้เห็นและยินยอม อันเป็นกำรแจ้ง
ี
ี
ี
ข้อควำมอันเป็นเท็จ และขอให้เพิกถอนแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ที่แสดงว่ำ
ี
จ�ำเลยท่ ๑ เป็นบุตรของผู้ตำยน้น กรณีจึงเป็นคดีท่มีผลกระทบต่อสิทธิ หน้ำท่ และควำม
ี
ั
ี
ี
ึ
ี
สัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะกำรเป็นบิดำกับบุตร ระหว่ำงผู้ตำยกับจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งต้องอยู่ในบังคับ
ของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
ั
ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
ิ
ั
ั
ี
ิ
ั
ิ
ี
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
920
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
921
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำร อ. โจทก์
ที่ วยช ๑๐/๒๕๖๐ นำย ช. กับพวก จ�ำเลย
ี
ิ
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลย
ิ
ี
ท้งสองโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท ๑ ซ่งเป็นลูกหน้ของโจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดิน
ี
ึ
ั
ี
่
ั
ี
่
พิพำทให้แก่จ�ำเลยท ๒ บุตรชอบด้วยกฎหมำย ท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์เสียเปรียบ
ซึ่งเป็นเรื่องฟ้องเพิกถอนกำรฉ้อฉลที่ต้องบังคับตำมมำตรำ ๒๓๗ วรรคหนึ่ง แห่ง ป.พ.พ.
บรรพ ๒ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
___________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นลูกหน้ของโจทก์ตำมค�ำพิพำกษำศำลจังหวัดสงขลำ
ี
ี
ในคดีแพ่งหมำยเลขแดงที่ ๙๙๙/๒๕๕๑ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่ช�ำระหนี้ดังกล่ำว โจทก์จึงบังคับคดีโดย
กำรยึดทรัพย์จ�ำนองน�ำออกขำยทอดตลำดแต่ได้เงินจ�ำนวนสุทธิไม่พอช�ำระหนี้ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑
ั
ี
ี
ิ
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำท ๗ แปลง ให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ บุตรชอบด้วยกฎหมำย ท้งรู้อยู่ว่ำ
จะเป็นทำงให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทระหว่ำง
ิ
ี
ิ
�
้
ื
�
ั
้
ั
ิ
ั
็
�
�
จำเลยทงสอง หำกจำเลยทงสองไม่ปฏบติ ตำมคำพิพำกษำกขอให้ถอเอำคำพพำกษำแทนกำร
แสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง
ั
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดภูเก็ตเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ี ้
ั
ื
อย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำน
ิ
ู
ิ
ึ
�
�
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ิ
ี
ี
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำท
ี
ระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นลูกหน้ของโจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ ิ ์
ึ
ี
ั
ี
ี
ท่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ บุตรชอบด้วยกฎหมำย ท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์เสียเปรียบ
ั
ึ
ี
ื
ซ่งเป็นเร่องฟ้องเพิกถอนกำรฉ้อฉลท่ต้องบังคับตำมมำตรำ ๒๓๗ วรรคหน่ง แห่งประมวลกฎหมำย
ึ
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
922