The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by achirapong.art, 2022-09-22 05:01:42

รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ


























































873

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์

ที่ วยช ๑๘/๒๕๖๒ นำงสำว ม. กับพวก จ�ำเลย









โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กบจ�ำเลยท ๑ เคยเป็นสำมภรยำชอบด้วยกฎหมำย ทดิน






โฉนดเลขท ๓๔๐๒๑ และ ๓๔๐๒๒ และบ้ำนเลขท ๕๑๑/๒ ปลูกสร้ำงอยู่บนท่ดินโฉนด
เลขที่ ๓๔๐๒๒ เป็นสินส่วนตัวของโจทก์ที่ได้รับกำรยกให้จำกมำรดำ ไม่ใช่สินสมรสของ
โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียนหย่ำและท�ำบันทึกข้อตกลงท้ำย


ทะเบียนกำรหย่ำโดยส�ำคัญผิดว่ำบ้ำนเลขท ๕๑๑/๒ เป็นสินสมรส โจทก์ยกให้เป็นของ
จ�ำเลยท ๑ ซ่งจะยกให้เป็นกรรมสิทธ์ของบุตรท้งสองเม่อมีอำยุครบ ๒๐ ปี อันเป็นกำร













แสดงเจตนำโดยส�ำคญผิดและไมได้จดทะเบียนต่อพนกงำนเจำหนำท ขอให้บงคบจำเลย






ท้งสองพร้อมบริวำรออกไปจำกบ้ำนเลขท ๕๑๑/๒ กับให้จ�ำเลยท้งสองชดใช้ค่ำเสียหำย


แก่โจทก์ ข้ออ้ำงของโจทก์ท่ว่ำบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำระหว่ำงโจทก์กับ




จ�ำเลยท ๑ ตกเป็นโมฆะเน่องจำกโจทก์แสดงเจตนำโดยส�ำคัญผิดในส่งซ่งเป็นสำระส�ำคัญ













แห่งนตกรรมทงมได้ทำเป็นหนงสอและจดทะเบยนต่อพนกงำนเจ้ำหน้ำท เป็นข้ออ้ำง



ท่เก่ยวเน่องโดยตรงกับกำรแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำท่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ.

บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ ๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย ท่ดินโฉนด

เลขท่ ๓๔๐๒๑ และ ๓๔๐๒๒ ต�ำบลวังทองหลำง อ�ำเภอบำงกะปิ กรุงเทพมหำนคร และ
บ้ำนเลขท่ ๕๑๑/๒ ซอยลำดพร้ำว ๙๔ (ปัญจมิตร) แขวงพลับพลำ เขตวังทองหลำง กรุงเทพมหำนคร


ซงเป็นตกแถวสองชนปลูกสร้ำงอยู่บนท่ดนโฉนดเลขท่ ๓๔๐๒๒ เป็นสนส่วนตวของโจทก์









ที่ได้รับกำรยกให้จำกมำรดำ ไม่ใช่สินสมรสของโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๕ เมษำยน ๒๕๕๙



โจทก์กบจำเลยท ๑ จดทะเบียนหย่ำและท�ำบนทกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำโดยส�ำคัญผิด






ว่ำบ้ำนเลขท่ ๕๑๑/๒ เป็นสินสมรส โจทก์ยกให้เป็นของจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งจะยกให้เป็นกรรมสิทธ ์ ิ







ของบตรทงสองเมอมอำยครบ ๒๐ ปี อนเป็นกำรแสดงเจตนำโดยสำคัญผดในสงซงเป็น







สำระส�ำคัญของนิติกรรมและไม่ได้ท�ำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ นิติกรรม
ดังกล่ำวตกเป็นโมฆะ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นมำรดำจ�ำเลยที่ ๑ อยู่อำศัยในบ้ำนเลขที่ ๕๑๑/๒ ของโจทก์
874



โจทก์ไม่ประสงค์ให้จ�ำเลยท้งสองอยู่อำศัยในบ้ำนของโจทก์อีกต่อไปจึงบอกกล่ำวให้จ�ำเลยท้งสอง

พร้อมบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนของโจทก์ จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับ


จ�ำเลยท้งสองพร้อมบริวำรออกไปจำกบ้ำนเลขท่ ๕๑๑/๒ ซอยลำดพร้ำว ๙๔ (ปัญจมิตร)
แขวงพลับพลำ เขตวังทองหลำง กรุงเทพมหำนคร และส่งมอบให้โจทก์ในสภำพเรียบร้อย
กับให้จ�ำเลยทั้งสองชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เดือนละ ๒๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำ

จ�ำเลยทั้งสองจะขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกไปจำกบ้ำนของโจทก์
ชั้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว

พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑



วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับเป็นกรณีท่โจทก์กล่ำวอ้ำงใน


















คำฟองวำบนทกขอตกลงทำยทะเบยนกำรหยำระหวำงโจทกกบจำเลยท ๑ ตกเปนโมฆะ เนองจำก



โจทก์แสดงเจตนำโดยสำคญผดในสงซงเป็นสำระสำคญแห่งนตกรรมทงมได้ทำเป็นหนงสอและ















จดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำท่ อันเป็นข้ออ้ำงท่เก่ยวเน่องโดยตรงกับกำรแบ่งทรัพย์สินของสำม ี







ภรยำท่จะต้องบงคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ
๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒

ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
875

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์

ที่ วยช ๘๐/๒๕๖๒ นำงสำว ศ. จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำยและมีบุตรด้วยกัน




หลังจำกจดทะเบียนหย่ำกันแล้ว โจทก์ซ้อท่ดินพร้อมส่งปลูกสร้ำง โจทก์และบุตรจึงย้ำยเข้ำ
มำอำศัยอยู่ในบ้ำนดังกล่ำว ต่อมำจ�ำเลยมำขออำศัยอยู่ด้วย ขณะอยู่ด้วยกันจ�ำเลยทะเลำะ
กับโจทก์ และปิดประตูล็อกกุญแจไม่ยอมให้โจทก์เข้ำบ้ำน ท�ำลำยทรัพย์สินและขับรถชน

ประตูร้วพังเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกบ้ำนของโจทก์ จ�ำเลย


ให้กำรว่ำ กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำท่โจทก์กับจ�ำเลยตกลงกันเท่ำน้นโดย


ไม่ประสงค์ให้ผูกพันตำมทะเบียนกำรหย่ำ โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำท














จงเป็นสนสมรสหรอกรรมสทธรวม โจทก์ไม่มสทธฟ้องขบไล่จำเลย กำรทโจทก์กบจำเลย


จดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำโดยไม่ประสงค์ให้ผูกพันตำมทะเบียนกำรหย่ำ โจทก์

กับจ�ำเลยยังคงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำมำโดยตลอดและร่วมกันซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำท


บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลย คดีน แม้กรณีเป็นเร่องโจทก์


กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยอยู่ในบ้ำนพิพำทโดยละเมิด แต่กำรวินิจฉัยว่ำโจทก์มีอ�ำนำจฟ้องขับ


ไล่จ�ำเลยหรือไม่น้น จะต้องวินิจฉัยก่อนว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินส่วนตัวของโจทก์

หรือเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย อันเป็นข้อพิพำทเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำม ี
ภริยำ ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________

โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย
มีบุตรด้วยกัน ๑ คน และจดทะเบียนหย่ำกันเม่อวันท่ ๔ มกรำคม ๒๕๕๐ ต่อมำวันท่ ๒๙





กันยำยน ๒๕๕๒ โจทก์ซ้อท่ดินโฉนดเลขท่ ๓๖๓๕๔ ต�ำบลท่ำอิฐ อ�ำเภอปำกเกร็ด จังหวัดนนทบุร ี

พร้อมส่งปลูกสร้ำงบ้ำนเลขท่ ๙๘/๒๖๖ โจทก์และบุตรจึงย้ำยเข้ำมำอำศัยอยู่ในบ้ำนดังกล่ำว


ประมำณปลำยปี ๒๕๕๓ จ�ำเลยมำขออำศัยอยู่ด้วยอ้ำงว่ำจะมำดูแลบุตร โจทก์กับจ�ำเลยมักจะมี
ปำกเสียงทะเลำะวิวำทกันตลอด จนกระทั่งวันที่ ๒๐ พฤษภำคม ๒๕๖๒ จ�ำเลยทะเลำะกับโจทก์
จ�ำเลยปิดประตูล็อกกุญแจไม่ยอมให้โจทก์เข้ำบ้ำน และท�ำลำยทรัพย์สินภำยในบ้ำน ต่อมำจ�ำเลย
ออกไปนอกบ้ำน โจทก์จึงปิดล็อกประตูรั้ว เมื่อจ�ำเลยกลับมำ จ�ำเลยขับรถชนประตูรั้วพังเสียหำย


876

โจทก์แจ้งให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกที่ดินและบ้ำนของโจทก์ แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้

โจทก์เสียหำยและไม่สำมำรถอำศัยในบ้ำนดังกล่ำวได้ ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินออกไป

จำกบ้ำนเลขที่ ๙๘/๒๖๖ หมู่ที่ ๑ ต�ำบลท่ำอิฐ อ�ำเภอปำกเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ของโจทก์


จ�ำเลยให้กำรว่ำ กำรท่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเม่อวันท่ ๔ มกรำคม ๒๕๕๐


โจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้มีเจตนำท่ต้องกำรจะแยกกันอยู่จริงและไม่ประสงค์ให้ผูกพันตำมทะเบียน
กำรหย่ำ กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำท่โจทก์กับจ�ำเลยตกลงกันเท่ำน้น ภำยหลัง


จดทะเบียนหย่ำจ�ำเลยยังคงพักอำศัยอยู่ด้วยกันกับโจทก์ฉันสำมีภริยำและท�ำธุรกิจร่วมกันมำ


โดยตลอด โจทก์กบจำเลยร่วมกนซอทดนและบ้ำนพพำทจงเป็นสนสมรสหรอกรรมสทธรวม













โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง











จำเลยยนคำร้องว่ำ คดนอย่ในอำนำจพจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครว ขอให้


ศำลวินิจฉัยเร่องอ�ำนำจศำล ศำลจังหวัดนนทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑



วนิจฉยว่ำ คดนโจทก์ฟ้องขอให้บงคบจำเลยขนย้ำยทรัพย์สนออกไปจำกบ้ำนพิพำท






โดยอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้ำนพิพำทซึ่งโจทก์ซื้อมำหลังจำกจดทะเบียนหย่ำ
แต่จ�ำเลยขัดขวำงไม่ให้โจทก์เข้ำไปพักอำศัยในบ้ำนพิพำท ส่วนจ�ำเลยให้กำรว่ำ กำรท่โจทก์

กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเป็นเหตุผลทำงกำรค้ำโดยไม่ประสงค์ให้ผูกพนตำมทะเบียนกำรหย่ำ

โจทก์กับจ�ำเลยยังคงอยู่กินด้วยกันฉันสำมีภริยำมำโดยตลอดและร่วมกันซ้อท่ดินและบ้ำนพิพำท



บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลย แม้กรณีเป็นเร่องโจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย






อย่ในบ้ำนพพำทโดยละเมิด แต่กำรวนิจฉยว่ำโจทก์มอ�ำนำจฟ้องขบไล่จำเลยหรอไม่น้น จะต้อง




วินิจฉัยก่อนว่ำท่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินส่วนตัวของโจทก์หรือเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับ


จ�ำเลย อันเป็นข้อพิพำทเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำ ซ่งต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว

877

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




เดชวิบุล พนำเศรษฐเนตร - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ


























































878

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ช. กับพวก โจทก์

ที่ วยช ๒๗/๒๕๖๔ นำง น. กับพวก จ�ำเลย














โจทก์ทงสองฟ้องว่ำ โจทก์ทงสองเป็นเจ้ำหนตำมคำพพำกษำของจำเลยท ๑



จ�ำเลยท้งสองแสดงเจตนำลวงจดทะเบียนหย่ำโดยสมรู้กันเพ่อหลีกเล่ยงมิให้โจทก์ท้งสอง

บังคับคดีเอำแก่ทรัพย์สินอันเป็นสินสมรส ขอให้พิพำกษำว่ำกำรจดทะเบียนหย่ำระหว่ำง

จ�ำเลยท้งสองเป็นโมฆะ จึงมีข้อท่ต้องพิจำรณำว่ำ กำรสมรสระหว่ำงจ�ำเลยท้งสอง



สนสดลงเพรำะกำรหย่ำ หรอกำรหย่ำระหวำงจำเลยทงสองเป็นโมฆะเพรำะจำเลยทงสอง










แสดงเจตนำลวงโดยสมรู้กัน อันเป็นกรณีต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๐๑,
๑๕๑๔ และ ๑๕๑๕ และบรรพ ๑ มำตรำ ๑๕๕ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________


โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ เดิมจ�ำเลยท้งสองเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียน
สมรสวันที่ ๓๐ สิงหำคม ๒๕๓๓ ต่อมำวันที่ ๑๐ กรกฎำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยทั้งสองจดทะเบียน












หย่ำกน หลงจำกนนจำเลยท้งสองยังคงอยู่กินฉันสำมภรยำและพักอำศยอยู่ด้วยกน ใช้ช่อสกล
เดียวกัน ตลอดจนแสดงออกต่อบุคคลท่วไปว่ำเป็นสำมีภริยำกัน จ�ำเลยท้งสองแสดงเจตนำลวง


จดทะเบียนหย่ำโดยสมรู้กันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ถูกโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นเจ้ำหนี้ของจ�ำเลยที่ ๑ ตำม
ค�ำพิพำกษำบังคับคดีเอำแก่ทรัพย์สินอันเป็นสินสมรส กำรจดทะเบียนหย่ำระหว่ำงจ�ำเลยท้งสอง

จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีส่วนได้เสียสำมำรถยกเอำควำมเสียเปล่ำแห่งโมฆะกรรมขึ้น
กล่ำวอ้ำงได้ ขอให้พิพำกษำว่ำกำรจดทะเบยนหย่ำระหว่ำงจำเลยทงสองเป็นโมฆะ และให้เพิก




ถอนทะเบียนกำรหย่ำระหว่ำงจ�ำเลยทั้งสอง เลขทะเบียนที่ ๕๗/๒๑๐๘

ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดมหำสำรคำมเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑



วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ท้งสองฟ้องว่ำ โจทก์ท้งสองเป็นเจ้ำหน้ตำมค�ำพิพำกษำของ

จ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยทั้งสองแสดงเจตนำลวงจดทะเบียนหย่ำโดยสมรู้กันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้โจทก์ทั้งสอง
บังคับคดีเอำแก่ทรัพย์สินอันเป็นสินสมรส ขอให้พิพำกษำว่ำกำรจดทะเบียนหย่ำระหว่ำงจ�ำเลย
879





ท้งสองเป็นโมฆะ จึงมีข้อท่ต้องพิจำรณำว่ำ กำรสมรสระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองส้นสุดลงเพรำะกำรหย่ำ


หรือกำรหย่ำระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองเป็นโมฆะเพรำะจ�ำเลยท้งสองแสดงเจตนำลวงโดยสมรู้กัน
อันเป็นกรณีต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๐๑, ๑๕๑๔
และ ๑๕๑๕ และบรรพ ๑ มำตรำ ๑๕๕ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว


วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๙ เดือน เมษำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔




ภำวนำ สุคันธวณิช

(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




รัสรินทร์ อริยพัชญ์พล - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ







































880

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ณ. โจทก์

ที่ วยช ๕๘/๒๕๖๔ นำย ธ. จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัยของบุตรท้งสองตำมบันทึก


ข้อตกลงเร่องกำรแบ่งทรัพย์สนของสำมีภริยำเน่องจำกกำรจดทะเบียนหย่ำ ส่วนจ�ำเลย


ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนหรือปรับเปล่ยนข้อตกลงดังกล่ำว อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับ

ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
_____________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีบุตรด้วยกัน ๒ คน

คือ เด็กชำย ภ. และเด็กหญิง พ. เมื่อวันที่ ๗ ตุลำคม ๒๕๖๒ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกัน
โดยท�ำบันทึกและหนังสือข้อตกลงหย่ำว่ำ...ข้อ ๒.๒.๒ ฝ่ำยชำยจะเป็นผู้รับผิดชอบและจ่ำยเงิน


ค่ำกำรศึกษำ ค่ำรักษำพยำบำลและค่ำกรมธรรม์ประกันภัยของบุตรท้งสองจนกว่ำจะบรรลุนิติภำวะ
หรือจบกำรศึกษำระดับปริญญำตรีหรือจนกว่ำจะถึงปี ๒๕๘๒ และข้อ ๓.๔ กรมธรรม์ประกัน
ของโตเกียวมำรีนประกันชีวิตเลขท่ ๑๓๓๔๕๓๐๙, ๑๓๑๙๑๓๓๓, ๑๓๑๖๗๙๓๒ ในช่อของ


ฝ่ำยชำย กับกรมธรรม์ประกันของโตเกียวมำรีนประกันชีวิต เลขที่ ๑๓๓๔๕๓๒๗, ๑๓๑๖๗๙๔๑





ในช่อของฝ่ำยหญิง ฝ่ำยชำยจะรับผิดชอบช�ำระค่ำกรมธรรม์เหล่ำน้เองท้งหมด...หำกฝ่ำยใดฝ่ำยหน่ง





ผดสญญำตำมบนทกข้อตกลงน ฝ่ำยทผดสญญำยนยอมให้อกฝ่ำยฟ้องร้องดำเนนคดเพอ












บังคับตำมข้อตกลงได้ทันที...หลังจำกหย่ำกันแล้วบริษัทประกันภัยแจ้งให้โจทก์และจ�ำเลยช�ำระ
ค่ำเบี้ยประกันภัยของโจทก์ จ�ำเลย และบุตรทั้งสอง ตำมฟ้องข้อ ๒.๑ ถึงข้อ ๒.๘ รวมเป็นเงิน


๑,๔๖๘,๒๔๖ บำท ซ่งโจทก์และบริษัทประกันภัยได้แจ้งให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัย

ดังกล่ำวแล้ว แต่จ�ำเลยเพกเฉย ท�ำให้โจทก์และบุตรท้งสองซ่งเป็นผู้รบประโยชน์จำกกรมธรรม์



ประกันภัยได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเบ้ยประกันภัยให้แก่บริษัทโตเกียว

มำรีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จ�ำกัด (มหำชน) เป็นเงิน ๑,๔๖๘,๒๔๖ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ข้อตกลงตำมหนังสือสัญญำหย่ำ ฉบับลงวันท่ ๗ ตุลำคม ๒๕๖๒



เป็นข้อตกลงท่ก�ำหนดให้จ�ำเลยรับภำระค่ำใช้จ่ำยปีละประมำณ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บำท ซ่งปัจจุบัน

จ�ำเลยไม่มีควำมสำมำรถท่จะช�ำระได้เน่องจำกผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุคโรคโควิด ๑๙ ระบำด

881




ประกอบกับโจทก์ซ่งเป็นผู้มีอ�ำนำจเบิกถอนเงินจำกบริษัทท้งสำมบริษัทท่โจทก์และจ�ำเลย

ร่วมกันประกอบธุรกิจได้เบิกถอนเงินออกจำกบัญชีของท้งสำมบริษัทอย่ำงผิดปกต ิ
และท�ำกำรตกแต่งบัญชีและงบกำรเงินของบริษัทท�ำให้ไม่มีเงินเหลือในบัญชีท้งสำมบริษัท

โจทก์จึงมีส่วนก่อให้เกิดควำมเสียหำยด้วย ขอให้ยกฟ้อง และขอบังคับตำมฟ้องแย้งให้เพิกถอน

ข้อตกลงในหนังสือข้อตกลงกำรหย่ำ ข้อ ๒.๒.๒ และข้อ ๓.๔ และปรับเปล่ยนเง่อนไข

กำรท�ำประกัน กำรช�ำระค่ำเบี้ยประกันหรือปรับลดจ�ำนวนกรมธรรม์ลงเท่ำที่จ�ำเป็น
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ

ศำลเยำวชนและครอบครัว ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ

ของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ

วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว

พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
ระหว่ำงพิจำรณำของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์ย่นค�ำร้องคัดค้ำน


ค�ำร้องขอส่งส�ำนวนโดยเห็นว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลแพ่ง และส่วนท่จ�ำเลยฟ้องแย้งเป็นเร่อง

ที่ต้องไปว่ำกล่ำวกันเป็นคดีต่ำงหำก

วินิจฉัยว่ำ คดีน้ศำลแพ่งรับฟ้องแย้งของจ�ำเลยแล้ว ตำมสภำพแห่งข้ออ้ำงของโจทก์กับ
จ�ำเลยและค�ำขอบังคับตำมฟ้องและฟ้องแย้ง เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยปฏิบัติตำม

บันทึกข้อตกลงเร่องกำรแบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำเน่องจำกกำรจดทะเบียนหย่ำ ส่วนจ�ำเลย


ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนหรือปรับเปล่ยนข้อตกลงดังกล่ำว อันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวล


กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำล
เยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว



วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ



882

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ด. โจทก์

ที่ วยช ๘๒/๒๕๖๔ นำย ส. จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองท่ดินในเขตปฏิรูปท่ดิน จ�ำเลยมีช่อ




เป็นเจ้ำบ้ำนของบ้ำนพิพำทซ่งต้งอยู่บนท่ดินดังกล่ำว ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำ
โดยท�ำบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำ ข้อ ๓ ว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยมีทรัพย์สินร่วมกันคือ
บ้ำนพิพำท โดยโจทก์ตกลงให้จ�ำเลยรื้อถอนไปภำยใน ๑ ปี นับแต่วันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๒



ถ้ำไม่ร้อถอนให้เสร็จส้นภำยในวันท ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยยอมให้โจทก์




คิดค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินเป็นรำยเดือน เม่อครบก�ำหนด จ�ำเลยไม่ร้อถอนบ้ำนพิพำท
ออกจำกท่ดินของโจทก์ และจ�ำเลยไม่เคยช�ำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์




ทวงถำมแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยร้อถอนบ้ำนพิพำทออกไปจำกท่ดิน

ของโจทก์ กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินจนกว่ำจ�ำเลยจะร้อถอนบ้ำนพิพำท

หำกจ�ำเลยไม่ช�ำระขอให้ยึดหรืออำยัดทรัพย์สินของจ�ำเลยออกขำยทอดตลำดน�ำเงิน

มำช�ำระให้แก่โจทก์จนครบ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับเป็นกรณ ี


ท่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยปฏิบัติตำมบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำเร่องกำร
แบ่งทรัพย์สินของสำมีภริยำเน่องมำจำกกำรหย่ำโดยควำมยินยอมอันเป็นกรณีท่จะต้อง


บังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ ๑๕๓๒ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
__________________________






โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองท่ดินในเขตปฏิรูปท่ดินเลขท่ ๖๖๖๕

แปลงท่ ๕๙ เล่ม ๖๗ หน้ำ ๖๕ อ�ำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ จ�ำเลยมีช่อเป็นเจ้ำบ้ำนของ

บ้ำนเลขที่ ๓๓/๑ หมู่ที่ ๑ ต�ำบลนำอิน อ�ำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่ำว


โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเม่อวันท่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๒ โดยท�ำบันทึกข้อตกลงท้ำย


ทะเบียนกำรหย่ำ ข้อ ๓ ว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยมีทรัพย์สินร่วมกัน คือ บ้ำนเลขท่ ๓๓/๑ หมู่ท่ ๑
ต�ำบลนำอิน อ�ำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ตกลงให้จ�ำเลยรื้อถอนไปภำยใน ๑ ปี นับแต่

วันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๒ ถ้ำไม่รื้อถอนให้เสร็จสิ้นภำยในวันที่ ๑๘ กรกฎำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลย

ยอมให้โจทก์คิดค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ท่ดินเดือนละ ๓,๐๐๐ บำท เม่อครบก�ำหนด จ�ำเลยไม่ร้อถอน









บ้ำนดังกล่ำวออกจำกทดินของโจทก์ และจ�ำเลยไม่เคยชำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ทดินเดอนละ
883


๓,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์ โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยร้อถอนบ้ำนดังกล่ำวและจ่ำยค่ำเช่ำหรือ


ค่ำใช้ท่ดินแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ไม่สำมำรถเข้ำครอบครองและใช้ประโยชน์ท่ดินของ
โจทก์ได้ ขอให้บังคับจ�ำเลยรื้อถอนบ้ำนเลขที่ ๓๓/๑ หมู่ที่ ๑ ต�ำบลนำอิน อ�ำเภอพิชัย จังหวัด


อุตรดิตถ์ ออกไปจำกท่ดินของโจทก์ หำกจ�ำเลยไม่ร้อถอนขอให้โจทก์เป็นผู้ร้อถอนโดยจ�ำเลย

เป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำย กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเช่ำหรือค่ำใช้ที่ดิน ๔๒,๐๐๐ บำท และช�ำระค่ำเช่ำหรือ


ค่ำใช้ท่ดินอีกเดือนละ ๓,๐๐๐ บำท แก่โจทก์ นับถัดจำกเดือนท่ฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลย








จะรอถอนบ้ำนดงกล่ำว หำกจำเลยไม่ชำระขอให้ยดหรออำยดทรพย์สนของจำเลยออกขำย



ทอดตลำดน�ำเงินมำช�ำระให้แก่โจทก์จนครบ
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลจังหวัดอุตรดิตถ์เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ


พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคด ี
เยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑

วินิจฉัยว่ำ คดีน้สภำพแห่งข้อหำของโจทก์และค�ำขอบังคับเป็นกรณีท่โจทก์ฟ้อง


ขอให้บังคับจ�ำเลยปฏิบัติตำมบันทึกข้อตกลงท้ำยทะเบียนกำรหย่ำเร่องกำรแบ่งทรัพย์สินของ


สำมีภริยำเน่องมำจำกกำรหย่ำโดยควำมยินยอมอันเป็นกรณีท่จะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๑ หมวด ๖ มำตรำ ๑๕๓๒ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัวตำม
พระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว



วินิจฉัย ณ วันที่ ๖ เดือน ตุลำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ






884

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย อ. โจทก์

ที่ วยช ๘๗/๒๕๖๔ นำง ก. จ�ำเลย





คดีน้แม้โจทก์ซ่งเป็นบุตรและทำยำทของนำย ฉ. จะฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลย



ออกจำกท่ดินพิพำทรวมท้งเรียกค่ำขำดประโยชน์จำกจ�ำเลยและเรียกเงินท่อ้ำงว่ำ
เป็นมรดกของโจทก์คืนจำกจ�ำเลยก็ตำม แต่โจทก์ก็มีค�ำขอข้อหน่งว่ำ ขอให้ศำล

พิพำกษำว่ำกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กับจ�ำเลยเป็นโมฆะ ซ่งจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ

ท่ดินพิพำทและเงินฝำกตำมฟ้องไม่ใช่สินสมรสหรือสินส่วนตัวของนำย ฉ. แล้ว และ



กำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กับจ�ำเลยไม่เป็นโมฆะ อันเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวด้วยกำร
สมรสและสินสมรสซึ่งจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. มำตรำ ๑๔๕๒, ๑๔๙๕, ๑๔๙๗, ๑๔๗๑

และ ๑๔๗๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว
______________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ นำย ฉ. กับนำง อ. เป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย จดทะเบียนสมรส
กันเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหำคม ๒๕๒๐ มีบุตรด้วยกันสองคน คือ โจทก์และนำงสำว อ. หลังจำกนั้น



จ�ำเลยได้จดทะเบียนสมรสกับนำย ฉ. เม่อวันท่ ๑๙ มีนำคม ๒๕๔๒ โดยจ�ำเลยรู้อยู่แล้วว่ำขณะน้น

นำย ฉ. ยังมีคู่สมรสอยู่ ต่อมำเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกำยน ๒๕๔๗ นำย ฉ. กับนำง อ. ตกลงหย่ำขำด
จำกกันและแบ่งสินสมรส ได้แก่ ที่ดิน ๕ แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้ำง และรถยนต์ ๑ คัน ให้ตกเป็น




ของนำย ฉ. ส่วนทรัพย์สินอ่นท่เป็นสินสมรสให้ตกเป็นของนำง อ. ท้งส้นตำมสัญญำประนีประนอม

ยอมควำมที่ท�ำขึ้นในคดีหมำยเลขแดงที่ ๗๙๔/๒๕๔๗ ของศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง และ
ศำลพิพำกษำตำมยอมแล้ว หลังจำกท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำม นำย ฉ. เชิดให้จ�ำเลย
เป็นผู้เข้ำท�ำสัญญำเช่ำที่ดินที่เป็นสวนขนุนจ�ำนวน ๓๐ ไร่ แทนนำย ฉ. นอกจำกนี้ นำย ฉ. ยังมี
สินส่วนตัวเป็นเงินฝำกในบัญชีธนำคำรชื่อบัญชี นำย ฉ. หรือนำง ก. จ�ำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำทเศษ

ระหว่ำงวันท่ ๑๙ ถึง ๒๐ มิถุนำยน ๒๕๖๓ จ�ำเลยน�ำสมุดบัญชีธนำคำรดังกล่ำวไปถอนเงินจ�ำนวน


๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท และเอำไปเป็นประโยชน์ของตนเองโดยทจรต ตอมำวนท ๒๒ กรกฎำคม ๒๕๖๓








นำย ฉ. ถึงแก่ควำมตำย ทรัพย์สินท้งหมดท่เป็นสินส่วนตัวของนำย ฉ. ได้แก่ ท่ดินพร้อม

ส่งปลูกสร้ำงและเงินในบัญชีธนำคำรจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์และนำงสำว อ. โจทก์ได้แจ้ง

ให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกจำกท่ดินของนำย ฉ. พร้อมกับคืนเงินจ�ำนวน
885

๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์แล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพำกษำว่ำกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ.



กับจ�ำเลยเป็นโมฆะ ให้จ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกจำกท่ดินของโจทก์และส่งมอบท่ดิน


พร้อมส่งปลูกสร้ำงให้แก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย ห้ำมจ�ำเลยเก็บผลขนุนในท่ดินจ�ำนวน ๓๐ ไร่



ท่นำย ฉ. ปลูก ให้จ�ำเลยใช้ค่ำขำดประโยชน์จำกกำรใช้ท่ดินท้ง ๕ แปลง แก่โจทก์ในอัตรำ

เดือนละ ๓๐๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะออกจำกท่ดินของโจทก์





ให้จ�ำเลยเปล่ยนช่อผู้ถือสัญญำเช่ำท่ดินรำชพัสดุแปลงท่เป็นสวนขนุนให้เป็นช่อของโจทก์กับ
นำงสำว อ. หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย
และให้จ�ำเลยช�ำระเงินจ�ำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำก
วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ ท่ดินท่เป็นสวนขนุนจ�ำนวน ๓๐ ไร่ พร้อมส่งปลูกสร้ำงมิใช่เป็นทรัพย์สิน




ของนำย ฉ. บิดำโจทก์ แต่เป็นของจ�ำเลย โดยจ�ำเลยซ้อมำก่อนท่จะอยู่กินเป็นสำมีภริยำกับ
นำย ฉ. นำย ฉ. มิได้เชิดให้จ�ำเลยเป็นผู้ท�ำสัญญำเช่ำท่ดินดังกล่ำวแทนนำย ฉ. แต่อย่ำงใด ส�ำหรับ

เงินฝำกในบัญชีธนำคำร จ�ำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท น้น มีกำรถอนออกมำเพ่อเป็นค่ำใช้จ่ำย





และคำรักษำพยำบำลนำย ฉ. สวนที่เหลือนำย ฉ. ยกใหจ�ำเลยแลว หลังจำกที่นำย ฉ. จดทะเบียน


หย่ำกับนำง อ. จ�ำเลยกับนำย ฉ. ก็ได้จดทะเบียนสมรสกันท่อ�ำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
แต่เน่องจำกนำย ฉ. มีสุขภำพไม่ดี ต้องมีค่ำใช้จ่ำยเป็นค่ำรักษำพยำบำลจ�ำนวนมำก จ�ำเลย








กบนำย ฉ. จงได้วำงแผนจดทะเบยนหย่ำกนเมอวนท ๓๑ สงหำคม ๒๕๕๕ แล้วให้นำย ฉ.



ไปจดทะเบียนสมรสกับนำง ฐ. พ่สำวของจ�ำเลยซ่งประกอบอำชีพรับรำชกำรเม่อวันท ่ ี



๕ กันยำยน ๒๕๕๕ เพื่อจะใช้สิทธิเบิกค่ำรักษำพยำบำล แต่นำย ฉ. ก็ยังอยู่กินเป็นสำมีภริยำกับ
จ�ำเลยตลอดมำ นอกจำกน้ นำย ฉ. ยังท�ำพินัยกรรมยกเงินฝำกในบัญชีธนำคำรให้แก่จ�ำเลยด้วย

ท่ดินอ่น ๆ พร้อมส่งปลูกสร้ำงและรถยนต์ไม่ได้เป็นกรรมสิทธ์ของนำย ฉ. เพรำะนำย ฉ.




ขำยหรือยกให้แก่ผู้อื่นไปนำนแล้ว ทั้งจ�ำเลยก็มิได้ครอบครองหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่ำว

แต่อย่ำงใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จ�ำเลยให้ออกจำกท่ดินหรือบังคับให้จ�ำเลย
ใช้ค่ำขำดประโยชน์จำกกำรใช้ที่ดินดังกล่ำว ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดกำญจนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑

886




วินิจฉัยว่ำ คดีน้แม้โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยออกจำกท่ดินพิพำทรวมท้งเรียก
ค่ำขำดประโยชน์จำกจ�ำเลย และเรียกเงินท่อ้ำงว่ำเป็นมรดกของโจทก์คืนจำกจ�ำเลยก็ตำม








แต่โจทก์กมคำขอข้อหนงว่ำ ขอให้ศำลพพำกษำว่ำกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กบจำเลยเป็น

โมฆะ ซ่งจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ ท่ดินพิพำทและเงินฝำกตำมฟ้องไม่ใช่สินสมรสหรือสินส่วนตัว


ของนำย ฉ. แล้ว และกำรสมรสระหว่ำงนำย ฉ. กับจ�ำเลยไม่เป็นโมฆะ อันเป็นข้อพิพำทท่เก่ยวด้วย


กำรสมรสและสินสมรสซ่งจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๑๔๕๒,

๑๔๙๕, ๑๔๙๗, ๑๔๗๑ และ ๑๔๗๔ คดีนี้จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชน
และครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ




























887

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ศ. โจทก์

ที่ วยช ๙๗/๒๕๖๔ นำงหรือนำงสำว ร. จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับนำย ส. เคยเป็นสำมีภริยำชอบ





ด้วยกฎหมำย ต่อมำโจทก์กับนำย ส. หย่ำขำดจำกกันเมอวันท ๕ กมภำพนธ์ ๒๕๖๑






หลังจำกน้นเม่อวันท ๑๓ สิงหำคม ๒๕๖๔ โจทก์ตรวจสอบสถำนะของนำย ส. ท ี ่
ที่ว่ำกำรอ�ำเภอเมืองขอนแก่นพบว่ำนำย ส. จดทะเบียนสมรสใหม่กับจ�ำเลยเมื่อวันที่ ๑๘
มิถุนำยน ๒๕๖๑ และบันทึกหลังทะเบียนสมรสมีข้อควำมระบุว่ำ ก่อนจดทะเบียนสมรส
ท้งสองฝ่ำยได้อยู่กินกันมำก่อนแล้วเป็นเวลำ ๕ ปี ยังไม่มีบุตร ท�ำให้โจทก์ทรำบว่ำ


ในระหว่ำงท่นำย ส. อยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ในช่วงปี ๒๕๕๖ ถึงปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยได้คบหำ
และมีควำมสัมพันธ์ในเชิงชู้สำวกับนำย ส. ถึงขั้นอยู่กินกันก่อนที่นำย ส. จะหย่ำขำดจำก

โจทก์ กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อช่อเสียงและเกียรติคุณ
อันเป็นกำรท�ำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์ จ�ำเลยให้กำรว่ำ


เม่อโจทก์จดทะเบียนหย่ำกับนำย ส. ควำมเป็นสำมีภริยำส้นสุดลง โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจ

ฟ้องเรียกค่ำทดแทนจำกจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับนำย ส.






โจทก์นำคดมำฟ้องเรยกค่ำเสยหำยหลงจำกหย่ำมำนำนถง ๓ ปี เป็นกำรใช้สทธโดยไม่


สุจริต และจำกกำรบรรยำยฟ้องของโจทก์ต้องด้วย ป.พ.พ. มำตรำ ๑๕๒๓ วรรคสอง คดีนี้
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ขอให้ยกฟ้อง กรณีตำม
ค�ำฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกค่ำทดแทนจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์

ฉันชู้สำวกับนำย ส. สำมีโจทก์ในขณะท่โจทก์ยังเป็นภริยำของนำย ส. ท�ำให้โจทก์ได้รับ
ควำมเสียหำย ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับนำย ส.










มลเหตุแห่งคดีจงเป็นเรองทกระทบต่อสิทธ หน้ำท และควำมสมพันธ์ระหว่ำงสำมภริยำ





อนจะต้องบงคบตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๒๓ ไม่ใช่คดละเมดโดยทวไป จงเป็น





คดีครอบครัว
_________________________

888



โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์กับนำย ส. จดทะเบียนสมรสเม่อวันท่ ๑๖ พฤษภำคม ๒๕๕๑
มีบุตรด้วยกัน ๒ คน ต่อมำโจทก์กับนำย ส. ไม่สำมำรถอยู่ร่วมกันฉันสำมีภริยำได้โดยปกติสุข




จึงหย่ำขำดจำกกันเม่อวันท่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ หลังจำกน้นต้นเดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๔
นำย ส. ได้ลงข้อควำมหม่นประมำทโจทก์ในเฟซบุ๊ก โจทก์ฟ้องนำย ส. ในข้อหำหม่นประมำท



ต่อศำลจังหวัดขอนแก่นและฟ้องเพิกถอนอ�ำนำจปกครองบุตรและเรียกค่ำอุปกำระเล้ยงดูบุตร
ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๖๔ โจทก์ตรวจสอบ
สถำนะของนำย ส. ที่ที่ว่ำกำรอ�ำเภอเมืองขอนแก่นพบว่ำนำย ส. จดทะเบียนสมรสใหม่กับจ�ำเลย

เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนำยน ๒๕๖๑ และบันทึกหลังทะเบียนสมรสมีข้อควำมระบุว่ำ ก่อนจดทะเบียน

สมรสท้งสองฝ่ำยได้อยู่กินกันมำก่อนแล้วเป็นเวลำ ๕ ปี ยังไม่มีบุตร ท�ำให้โจทก์ทรำบว่ำใน

ระหว่ำงที่นำย ส. อยู่กินฉันสำมีภริยำกับโจทก์ในช่วงปี ๒๕๕๖ ถึงปี ๒๕๖๐ จ�ำเลยได้คบหำและ

มีควำมสัมพันธ์ในเชิงชู้สำวกับนำย ส. ถึงข้นอยู่กินกันก่อนท่นำย ส. จะหย่ำขำดจำกโจทก์



กำรกระท�ำของจ�ำเลยท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อช่อเสียงและเกียรติคุณอันเป็นกำรท�ำ

ละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์เป็นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เม่อโจทก์จดทะเบียนหย่ำกับนำย ส. ควำมเป็นสำมีภริยำส้นสุดลง


โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องเรียกค่ำทดแทนจำกจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับ

นำย ส. โจทก์น�ำคดีมำฟ้องเรียกค่ำเสียหำยหลังจำกหย่ำมำนำนถึง ๓ ปี เป็นกำรใช้สิทธิโดย

ไม่สุจริต ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และจำกกำรบรรยำยฟ้องของโจทก์ต้องด้วยประมวลกฎหมำยแพ่ง

และพำณิชย์ มำตรำ ๑๕๒๓ วรรคสอง คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ครอบครัว ขอให้ยกฟ้อง


ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้ส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยเรื่องอ�ำนำจศำล ศำลจังหวัดขอนแก่นเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ

พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ

ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑






วนจฉยว่ำ กรณตำมคำฟ้องเป็นเรองทโจทก์ฟ้องเรยกค่ำทดแทนจำกจำเลยโดยอ้ำง






ว่ำ จ�ำเลยมีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับนำย ส. สำมีโจทก์ในขณะที่โจทก์ยังเป็นภริยำของนำย ส.
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ได้มีควำมสัมพันธ์ฉันชู้สำวกับ
889

นำย ส. มูลเหตุแห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อสิทธิ หน้ำที่ และควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำ

อันจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๒๓ ไม่ใช่คดีละเมิด



โดยท่วไป จึงเป็นคดีครอบครัวท่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว









ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔


อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ




































890

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สิบต�ำรวจโท

ที่ วยช ๙๙/๒๕๖๔ หรือร้อยต�ำรวจเอก

หรือพันต�ำรวจตรี อ. โจทก์
นำง ส. กับพวก จ�ำเลย









คดีน้โจทก์ซ่งเคยเป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท ๑ ฟ้องอ้ำงว่ำท่ดิน
พิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ภำยหลังโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียน
หย่ำกันโดยยังมิได้มีกำรแบ่งสินสมรส จ�ำเลยท ๑ ท�ำนิติกรรมขำยท่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลย



ที่ ๒ โดยไม่ได้รับควำมยินยอมหรือกำรให้สัตยำบันจำกโจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ
จ�ำเลยที่ ๒ ท�ำนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทกับจ�ำเลยที่ ๑ โดยสุจริต เสียค่ำตอบแทน และ
ตำมพฤติกำรณ์ถือว่ำโจทก์ได้ให้สัตยำบันแล้ว กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ ท่ดินพิพำท


เป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท ๑ หรือไม่ ซ่งจะมีผลไปถึงอ�ำนำจในกำรจัดกำร


ทรัพย์สินดังกล่ำว อันเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำและกำรสิ้นสุดแห่งกำร
สมรส ซึ่งต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ มำตรำ ๑๔๘๐ และ
มำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔ จึงเป็นคดีครอบครัว

_________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนสมรสเม่อ

วันที่ ๙ ธันวำคม ๒๕๑๗ มีบุตรด้วยกัน ๓ คน เมื่อวันที่ ๒๐ เมษำยน ๒๕๓๖ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑


ร่วมกันซ้อท่ดินตำมหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขท่ ๒๓๒๗ เลขท่ดิน ๑๑๔


ต�ำบลห้วยยำง อ�ำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ ๕ ไร่ ๒ งำน ๗๘ ตำรำงวำ เป็นเงิน
๑๕๐,๐๐๐ บำท โดยใส่ชื่อจ�ำเลยที่ ๑ เป็นผู้ครอบครอง ต่อมำวันที่ ๑๓ ธันวำคม ๒๕๕๖ โจทก์
กับจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียนหย่ำกันโดยยังมิได้มีกำรแบ่งสินสมรส หลังจำกน้นวันท่ ๓๑ มีนำคม ๒๕๖๔


















จำเลยท ๑ ทำนตกรรมขำยทดนพพำทให้แก่จำเลยท ๒ โดยไม่ได้รบควำมยนยอมหรอให้




สัตยำบันจำกโจทก์ ซ่งขณะท�ำนิติกรรมจ�ำเลยท่ ๒ ทรำบดีว่ำโจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ์รวม

ในทดนพพำทและกำรจดกำรทรพย์สนต้องได้รบควำมยนยอมจำกโจทก์ก่อน จงเป็นกำรทำ










นิติกรรมโดยไม่สุจริต ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันจดทะเบียนเพิกถอนนิติกรรม



กำรขำยท่ดินตำมหนังสือรับรองกำรท�ำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขท่ ๒๓๒๗ เลขท่ดิน ๑๑๔ ต�ำบล

891

ห้วยยำง อ�ำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ ๕ ไร่ ๒ งำน ๗๘ ตำรำงวำ ฉบับลงวันที่



๓๑ มีนำคม ๒๕๖๔ โดยจ�ำเลยท้งสองเป็นผู้เสียค่ำธรรมเนียมและค่ำใช้จ่ำยท้งหมด กับให้
จ�ำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่ำวให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งโดยปรำศจำกภำระผูกพัน หำกจ�ำเลย
ทั้งสองไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง

จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ ท�ำนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทกับจ�ำเลยที่ ๑ โดย








สุจริตและเสยค่ำตอบแทน ก่อนซอขำยท่ดนพิพำทจ�ำเลยท่ ๑ นำท่ดนพิพำทมำจดทะเบียนจ�ำนอง



ไว้กับนำย อ. สำมีจ�ำเลยท่ ๒ โดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้งว่ำท่ดินพิพำทเป็นสินสมรส ถือว่ำโจทก์

ให้สัตยำบันในกำรท�ำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลยที่ ๑ และที่ ๒ โดยไม่ต้องได้รับ
ควำมยินยอมจำกโจทก์ก่อน โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดสกลนครเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำเนำค�ำฟ้อง ส�ำเนำค�ำให้กำรจ�ำเลยที่ ๒

และส�ำเนำรำยงำนกระบวนพิจำรณำลงวันท่ ๘ พฤศจิกำยน ๒๕๖๔ ให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑

วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ซ่งเคยเป็นสำมีชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยท่ ๑ ฟ้องอ้ำงว่ำ





ท่ดินพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ ภำยหลังโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ จดทะเบียน
หย่ำกันโดยยังมิได้มีกำรแบ่งสินสมรส จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำนิติกรรมขำยที่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยที่ ๒
โดยไม่ได้รับควำมยินยอมหรือให้สัตยำบันจำกโจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ จ�ำเลยที่ ๒ ท�ำ

นิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทกับจ�ำเลยที่ ๑ โดยสุจริต เสียค่ำตอบแทน และตำมพฤติกำรณ์ถือว่ำ
โจทก์ได้ให้สัตยำบันแล้ว กรณีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ ท่ดินพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์

กับจ�ำเลยที่ ๑ หรือไม่ ซึ่งจะมีผลไปถึงอ�ำนำจในกำรจัดกำรทรัพย์สินดังกล่ำว อันเป็นคดีเกี่ยวกับ

ทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำและกำรส้นสุดแห่งกำรสมรส ซ่งต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง


และพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๔๗๐ ถึง ๑๔๗๔ มำตรำ ๑๔๘๐ และมำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔
จึงเป็นคดีครอบครัวตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน

และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว









892

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
























































893

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ท. โจทก์

ที่ วยช ๑๐๔/๒๕๖๔ นำย ค. จ�ำเลย




โจทก์ซ่งเคยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของจ�ำเลยฟ้องขับไล่จ�ำเลยออกจำก

บ้ำนพิพำทอันเป็นกำรใช้สิทธิฟ้องสืบเน่องมำจำกข้อกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับจ�ำเลย

จดทะเบียนหย่ำกันและตกลงแบ่งทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสว่ำบ้ำนพิพำทให้เป็น
ของโจทก์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย


และจ�ำเลยไม่เคยตกลงแบ่งทรัพย์สินกับโจทก์ เป็นกรณีมีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรแบ่ง
สินสมรสอันเป็นปัญหำเก่ยวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำในทำงทรัพย์สินตำม

ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔ จึงเป็นคดีครอบครัว

_________________________



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ เนื้อที่


๑ งำน ๒๔ ตำรำงวำ โดยได้รับตกทอดมำจำกบิดำโจทก์เม่อปี ๒๕๕๔ จ�ำเลยเคยเป็นสำม ี

ชอบด้วยกฎหมำยของโจทก์ จดทะเบียนหย่ำกันเม่อวันท่ ๑๐ กันยำยน ๒๕๖๓ โดยโจทก์กับ




จ�ำเลยตกลงกันเก่ยวกับทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสว่ำ โจทก์ได้บ้ำนพิพำทซ่งปลูกสร้ำงบนท่ดิน

ส.ป.ก. ๔-๐๑ ที่โจทก์ได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์ ส่วนจ�ำเลยได้ที่ดินสวนยำงพำรำ จ�ำนวน
๕ ไร่ ที่จ�ำเลยได้รับอนุญำตให้เข้ำท�ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ เช่นกัน จ�ำเลย

ขอเวลำหำที่อยู่ใหม่เป็นเวลำ ๓ เดือน นับจำกวันจดทะเบียนหย่ำ หลังครบก�ำหนดจ�ำเลยไม่ยอม

ขนย้ำยส่งของออกไปจำกบ้ำนพิพำทของโจทก์ โจทก์บอกกล่ำวให้จ�ำเลยขนย้ำยส่งของออกไปจำก

บ้ำนพิพำทของโจทก์แล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย กำรท่จ�ำเลยยังคงอำศัยอยู่ในบ้ำนพิพำทของโจทก์









โดยไม่มสทธ เป็นกำรละเมดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รบควำมเสยหำย ขอให้บงคบจำเลยขนย้ำย


ส่งของออกไปจำกบ้ำนพิพำทของโจทก์ ห้ำมจ�ำเลยเข้ำมำเก่ยวข้อง หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือ


เอำค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลย กับให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยแก่โจทก์
เดือนละ ๑,๕๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลยจะขนย้ำยสิ่งของออกไป
จำกบ้ำนพิพำทของโจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ บ้ำนพิพำทซึ่งปลูกสร้ำงบนที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ เป็นสินสมรสระหว่ำง
โจทก์กับจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่เคยตกลงแบ่งทรัพย์สินใด ๆ กับโจทก์ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องขับไล่


894





จ�ำเลยท่ศำลน้เพรำะเป็นคดีเก่ยวกับทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสจึงเป็นคดีครอบครัว ขอให้
ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดทุ่งสงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ

พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ

ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑







วนจฉยว่ำ คดนโจทก์ซงเคยเป็นภรยำชอบด้วยกฎหมำยของจำเลยฟ้องขบไล่จำเลย





ออกจำกบ้ำนพิพำทอันเป็นกำรใช้สิทธิฟ้องสืบเน่องมำจำกข้อกล่ำวอ้ำงว่ำ โจทก์กับจ�ำเลย


จดทะเบียนหย่ำกันและตกลงแบ่งทรัพย์สินท่ได้มำระหว่ำงสมรสว่ำ บ้ำนพิพำทให้เป็นของโจทก์
ส่วนจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย และจ�ำเลยไม่เคยตกลง

แบ่งทรัพย์สินกับโจทก์ เป็นกรณีมีข้อพิพำทเก่ยวกับกำรแบ่งสินสมรสอันเป็นปัญหำเก่ยวกับ










ควำมสมพนธระหวำงสำมภรยำในทำงทรพยสนตำมประมวลกฎหมำยแพงและพำณชย บรรพ ๕



มำตรำ ๑๕๓๒ ถึง ๑๕๓๔ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง
ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ












895

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง ส. โจทก ์

ที่ วยช ๓๓/๒๕๖๒ นำย ณ. กับพวก จ�ำเลย





สภำพแห่งข้อหำของโจทก์เป็นเร่องฟ้องเพิกถอนกำรฉ้อฉล ซ่งจ�ำเลยท้งสอง

ให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท้งสองมิได้สมรู้ร่วมคิดกันฉ้อฉลโจทก์ กำรท�ำนิติกรรมซ้อขำย

ระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองไม่ท�ำให้โจทก์เสียเปรียบ อันเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.


บรรพ ๒ ลักษณะ ๑ หมวด ๒ ส่วนที่ ๔ แม้จ�ำเลยทั้งสองจะให้กำรว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ขำยที่ดิน



พิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่จ�ำเลยท ๒ เพ่อน�ำเงินไปช�ำระหน้ท่ก่อให้เกิดข้นในระหว่ำง




สมรสก็มิได้เป็นประเด็นโดยตรงเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำตำม ป.พ.พ.
บรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
__________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ เคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีสินสมรส คือ




ท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถว หลังจำกน้นโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ มีควำมเห็นในกำรอยู่ร่วมกันไม่ตรงกัน
จึงแบ่งปันทรัพย์สินท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันโดยจ�ำเลยท่ ๑ ตกลงยกสินสมรสให้โจทก์เพียงผู้เดียว


ต่อมำวันที่ ๔ มกรำคม ๒๕๓๖ โจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ จดทะเบียนหย่ำกันโดยท�ำบันทึกข้อตกลง
ท้ำยทะเบียนกำรหย่ำให้บตร ๓ คน อย่กบโจทก์ ส่วนเรองทรพย์สน คอ ทดินพพำทพร้อม











ตึกแถว รถยนต์ และจักรเย็บผ้ำ ๑๒ ตัว จ�ำเลยที่ ๑ ยกให้โจทก์ ดังนั้น ที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถว









จงเป็นของโจทก์นบตงแต่วนทำบนทกข้อตกลงแบ่งทรพย์สนกนแล้ว ไม่เป็นสนสมรสอกต่อไป




โจทก์บอกกล่ำวให้จ�ำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่โจทก์ แต่จ�ำเลยที่ ๑
เพิกเฉยโจทก์จึงยื่นฟ้องจ�ำเลยที่ ๑ ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเป็นคดีแพ่งหมำยเลขด�ำ
ที่ พ.๒๐๕๗/๒๕๖๑ ขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่โจทก์
ขณะคดีดังกล่ำวอยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวำคม

๒๕๖๑ จ�ำเลยท่ ๑ ไถ่ถอนจ�ำนองท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวจำกธนำคำร ท. แล้วจ�ำเลยท้งสอง


ร่วมกันฉ้อฉลท�ำนิติกรรมซ้อขำยท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์ซ่งเป็น




เจ้ำหน้เสียเปรียบ จ�ำเลยท่ ๒ รับโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวโดยไม่สุจริต





ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้เพิกถอนนิติรรมกำรซ้อขำยท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถว





ระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับจ�ำเลยท่ ๒ และให้คืนท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวเป็นของจ�ำเลยท่ ๑
หำกจ�ำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตำมให้ถือเอำค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำ
896








จำเลยทงสองให้กำรว่ำ จำเลยท ๑ ตกลงยกทดินพพำทพร้อมตกแถวให้แก่โจทก์จรง







โจทก์ทรำบมำโดยตลอดว่ำท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวจ�ำนองไว้เป็นประกันหน้เงินกู้เพ่อใช้ประกอบ




ธุรกิจและเล้ยงดูบุตร อันเป็นหน้ท่ก่อให้เกิดข้นในระหว่ำงสมรสซ่งโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ เป็น


ลูกหนี้ร่วมกัน จ�ำเลยที่ ๑ ขำยที่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่จ�ำเลยที่ ๒ เพื่อน�ำเงินไปช�ำระหนี้
แก่ธนำคำร ท. ผู้รับจ�ำนองซึ่งเป็นเจ้ำหนี้บุริมสิทธิจึงไม่ท�ำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ไม่เคยบอก
กล่ำวให้จ�ำเลยทั้งสองคืนที่ดินพิพำท จ�ำเลยทั้งสองท�ำนิติกรรมซื้อขำยที่ดินพิพำทโดยสุจริตและ
เสียค่ำตอบแทนมิได้สมรู้ร่วมคิดกัน โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งธนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คด ี
ช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
















วนจฉยวำ คดน สภำพแหงขอหำของโจทกเปนเรองฟองเพกถอนกำรฉอฉลซงจำเลย






ท้งสองให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยท้งสองมิได้สมรู้ร่วมคิดกันฉ้อฉลโจทก์ กำรท�ำนิติกรรมซ้อขำยระหว่ำง
จ�ำเลยท้งสองไม่ท�ำให้โจทก์เสียเปรียบ อันเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง


และพำณิชย์ บรรพ ๒ ลักษณะ ๑ หมวด ๒ ส่วนที่ ๔ แม้จ�ำเลยทั้งสองจะให้กำรว่ำจ�ำเลยที่ ๑




ขำยท่ดินพิพำทพร้อมตึกแถวให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ เพ่อน�ำเงินไปช�ำระหน้ท่ก่อให้เกิดข้นในระหว่ำง


สมรสก็มิได้เป็นประเด็นโดยตรงเก่ยวกับทรัพย์สินระหว่ำงสำมีภริยำตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง

และพำณิชย์ บรรพ ๕ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ

897

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย อ. โจทก ์

ที่ วยช ๕๑/๒๕๖๒ นำง จ. จ�ำเลย










คดน้แม้โจทก์กบจ�ำเลยจะเคยเป็นสำมภรยำชอบด้วยกฎหมำยโดยมีทดนและ

บ้ำนพิพำทเป็นสินสมรส แต่เม่อโจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกันและแบ่งสินสมรส
กันแล้ว โดยโจทก์อ้ำงว่ำได้รับท่ดินและบ้ำนพิพำท ท่ดินและบ้ำนพิพำทจึงพ้นสภำพ


จำกกำรเป็นสินสมรสตกเป็นสิทธิของโจทก์ท่จะขำยให้แก่จ�ำเลย กำรท่โจทก์ฟ้อง



ขับไล่จ�ำเลยและบริวำรให้ขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดินและบ้ำนพิพำทและ

เรียกค่ำเสียหำยเป็นกำรฟ้องโดยอำศัยมูลละเมิดซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.

บรรพ ๒ มำตรำ ๔๒๐ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
___________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย มีบุตรด้วยกัน ๓ คน












จดทะเบยนหย่ำเมอวนท ๒๕ สงหำคม ๒๕๕๔ โดยตกลงจะแบ่งทรพย์สนกนภำยหลง จำเลย

แอบเอำท่ดินและบ้ำนในโครงกำรนครทองปำร์ควิว ๒ ไปขำยให้แก่บุคคลภำยนอกโดยมิได้รับ


ควำมยินยอมจำกโจทก์ เม่อต้นเดือนมกรำคม ๒๕๕๕ โจทก์กับจ�ำเลยตกลงแบ่งทรัพย์สินกัน












โดยโจทก์ได้รบทดนพร้อมบ้ำนพพำทซงจำนองไว้กบธนำคำร ก. ส่วนจำเลยได้รบทรพย์สน


อ่นท้งหมด ต่อมำปลำยเดือนมกรำคม ๒๕๕๕ โจทก์เสนอขำยท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำทให้แก่




จ�ำเลยโดยมีเง่อนไขว่ำจ�ำเลยจะต้องช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำร ก. แทนโจทก์ทุกเดือน ไม่น้อยกว่ำ
เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำจะช�ำระหนี้เสร็จสิ้น และจ�ำเลยจะต้องช�ำระค่ำที่ดินและบ้ำนพิพำท
ให้แก่โจทก์อีก ๘๐๐,๐๐๐ บำท ผ่อนช�ำระเป็นงวดรำยเดือน ไม่น้อยกว่ำเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บำท
เริ่มช�ำระงวดแรกวันที่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๕๕ จนกว่ำจะครบ แล้วโจทก์จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและ
บ้ำนพิพำทให้แก่บุตรทั้งสำม หำกจ�ำเลยผิดนัดให้ถือว่ำข้อตกลงเป็นอันยกเลิก จ�ำเลยยินยอมให้



โจทก์ริบเงินท่จ�ำเลยช�ำระมำแล้วท้งหมดพร้อมท้งขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกไปจำกท่ดิน


และบ้ำนพิพำท หลังจำกน้นจ�ำเลยช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำร ก. และโจทก์ไม่ตรงตำมก�ำหนด


เป็นเหตให้โจทก์ถกธนำคำร ก. ฟ้องต่อศำลจงหวดนนทบุรี กำรกระทำของจำเลยเป็นกำรทำ






ละเมิดต่อโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยขำดประโยชน์จำกกำรน�ำท่ดินและบ้ำนออกให้เช่ำ

เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันท�ำละเมิดจนถึงวันฟ้อง เป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับ
898



จ�ำเลยและบริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดินและบ้ำนพิพำทและส่งมอบท่ดินและบ้ำน
พิพำทคืนโจทก์ในสภำพเรียบร้อย และให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๑๔๐,๐๐๐ บำท กับ

ค่ำเสียหำยเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บำท นับจำกวันฟ้องจนกว่ำจะขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดิน

และบ้ำนพิพำทของโจทก์

จ�ำเลยให้กำรว่ำ ที่ดินและบ้ำนพิพำทเป็นสินสมรสของโจทก์กับจ�ำเลย ในวันที่โจทก์กับ

จ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำกันนั้น โจทก์แจ้งแก่จ�ำเลยว่ำทรัพย์สินและหนี้สินของโจทก์ โจทก์ยกให้จ�ำเลย


ท้งหมดเพรำะจ�ำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรท้งสำมเพียงผู้เดียว ประมำณต้นเดือนมกรำคม ๒๕๕๕

โจทก์เสนอขำยท่ดินและบ้ำนพิพำทให้แก่จ�ำเลยในรำคำ ๘๐๐,๐๐๐ บำท โดยให้จ�ำเลย

จะต้องผ่อนช�ำระหน้ให้แก่ธนำคำร ก. จนครบ และผ่อนช�ำระเงิน ๘๐๐,๐๐๐ บำท ให้แก่โจทก์

เป็นงวดรำยปี ปีละ ๒๕๐,๐๐๐ บำท จนกว่ำจะครบ แล้วโจทก์จะโอนท่ดินและบ้ำนพิพำทให้

แก่จ�ำเลย ต่อมำประมำณเดือนมิถุนำยน ๒๕๕๙ โจทก์มีหนังสือถึงจ�ำเลยขอยกเลิกกำรซ้อขำย
ที่ดินและบ้ำนพิพำทและริบเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บำท ที่จ�ำเลยช�ำระให้แก่โจทก์พร้อมกับให้จ�ำเลยและ


บริวำรขนย้ำยทรัพย์สินออกไปจำกท่ดินพิพำทภำยใน ๓๐ วัน ดังน้น เม่อโจทก์บอกเลิกสัญญำกับ


จ�ำเลยแล้ว จ�ำเลยไม่มีหน้ำที่ช�ำระหนี้ให้แก่ธนำคำร ก. แทนโจทก์อีกต่อไป กำรกระท�ำของจ�ำเลย

ไม่เป็นละเมิด โจทก์เคยฟ้องขับไล่จ�ำเลยและบริวำรออกไปจำกท่ดินพิพำทต่อศำลแขวงนนทบุร ี
คดีหมำยเลขด�ำที่ ม.๔๘/๒๕๖๒ คดีหมำยเลขแดงที่ ม.๔๗๐/๒๕๖๒ ศำลแขวงนนทบุรีพิพำกษำ

ว่ำจ�ำเลยไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์และยกฟ้อง คดีอยู่ระหว่ำงกำรอุทธรณ์ กำรที่โจทก์น�ำคดีนี้

มำฟ้องจึงเป็นฟ้องซ้อนและกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำซ้ำ ส�ำหรับท่ดินและบ้ำนในโครงกำร


นครทองปำร์ควิว ๒ นั้น เป็นสินส่วนตัวของจ�ำเลย ไม่ใช่สินสมรส จ�ำเลยจึงชอบที่จะขำยให้แก่
บุคคลอื่น โดยไม่ต้องแจ้งให้โจทก์ทรำบ ขอให้ยกฟ้อง









ระหว่ำงพจำรณำ ศำลจงหวดนนทบรเห็นว่ำ กรณมปัญหำว่ำคดนจะอย่ในอำนำจ




พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑

วินิจฉัยว่ำ คดีน้แม้โจทก์กับจ�ำเลยจะเคยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำยโดยมีท่ดิน




และบ้ำนพิพำทเป็นสนสมรส แต่เมอโจทก์กับจำเลยจดทะเบยนหย่ำกนและแบ่งสินสมรสกันแล้ว





โดยโจทก์อ้ำงว่ำได้รับท่ดินและบ้ำนพิพำท ท่ดินและบ้ำนพิพำทจึงพ้นสภำพจำกกำรเป็น
สินสมรสตกเป็นสิทธิของโจทก์ท่จะขำยให้แก่จ�ำเลย กำรท่โจทก์ฟ้องขับไล่จ�ำเลยและบริวำรให้


899








ขนย้ำยทรพย์สนออกไปจำกทดนและบ้ำนพพำทและเรยกค่ำเสยหำยเป็นกำรฟ้องโดยอำศย


มูลละเมิดซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ มำตรำ ๔๒๐
จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว

วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๙ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒




ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ



นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ










































900

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ฉ. โจทก์

ที่ วยช ๖๔/๒๕๖๔ นำงสำว ท. จ�ำเลย





คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรพย์สินและบริวำรออกไปจำกบ้ำน
พิพำทและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่โจทก์โดยอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ์ ิ



ในท่ดินพร้อมบ้ำนและรถยนต์พิพำท ซ่งโจทก์ซ้อมำภำยหลังจำกจดทะเบียนหย่ำกับ

จ�ำเลย ส่วนจ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ เหตุที่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเพื่อควำม


สะดวกในกำรประกอบธุรกิจ หลังจำกหย่ำกนแล้วโจทก์กับจ�ำเลยยังคงอยู่กนร่วมกัน
ฉันสำมีภริยำ บ้ำนและรถยนต์พิพำทเป็นทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้



ระหว่ำงท่อยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงเป็นกรรมสิทธ์รวม จ�ำเลย


มีสิทธิในบ้ำนและรถยนต์พิพำทก่งหน่ง แม้จ�ำเลยจะให้กำรว่ำ เหตุท่โจทก์กับจ�ำเลย


จดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำรประกอบธุรกิจก็ตำม แต่จ�ำเลยไม่ได้ให้กำรต่อสู้ว่ำ
กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นกำรแสดงเจตนำลวงหรือไม่มีเจตนำจดทะเบียนหย่ำและไม่มีผล

ต่อกำรสมรสอย่ำงไร ท้งจ�ำเลยยังให้กำรว่ำ ทรัพย์สินท่ได้มำหลังจำกจดทะเบียนหย่ำ


เป็นกรรมสิทธ์รวม โดยไม่ได้อ้ำงว่ำเป็นสินสมรส แสดงว่ำจ�ำเลยยอมรับว่ำทรัพย์สิน



ท่ได้มำไม่ใช่สินสมรส ซ่งเป็นกำรให้กำรและฟ้องแย้งโดยอำศัยหลักกรรมสิทธ์รวม
ตำม ป.พ.พ. บรรพ ๔ ลักษณะ ๒ ไม่ใช่ข้อพิพำทเกี่ยวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมีภริยำ
ในทำงทรัพย์สินที่จะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ คดีนี้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว

______________________________




โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของท่ดินโฉนดเลขท่ ๒๒๒๓๐๖ ต�ำบลท่ำแร้ง อ�ำเภอ

บำงเขน จังหวัดกรุงเทพมหำนคร พร้อมบ้ำนเลขที่ ๕๕/๙๘ และเป็นเจ้ำของผู้ครอบครองรถยนต์
ย่ห้อฮอนด้ำทรัพย์พิพำท เดิมโจทก์กับจ�ำเลยเป็นสำมีภริยำชอบด้วยกฎหมำย โดยเช่ำบ้ำนพัก

อำศัยอยู่ร่วมกันซ่งจ�ำเลยพำบิดำมำรดำจ�ำเลยมำพักอำศัยอยู่ร่วมด้วย ต่อมำวันท่ ๑๕ กันยำยน ๒๕๕๗









โจทก์กบจำเลยจดทะเบยนหย่ำ แต่ยงคงพกอำศยอย่ร่วมกนโดยไม่ได้ใช้ชวตร่วมกน




ฉันสำมีภริยำเหมือนเดิม หลังจำกนั้นวันที่ ๑๔ กันยำยน ๒๕๖๑ โจทก์ซื้อที่ดินพร้อมบ้ำนพิพำท
แล้วย้ำยมำพักอำศัยอยู่ท่บ้ำนดังกล่ำว โดยโจทก์ยินยอมให้จ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลย

มำพักอำศัยอยู่ร่วมกับโจทก์ด้วย ต่อมำประมำณปี ๒๕๖๒ โจทก์เช่ำซื้อรถยนต์พิพำท เนื่องจำก
901

โจทก์มีรถยนต์ ๒ คัน จึงให้จ�ำเลยใช้รถยนต์พิพำทเป็นกำรชั่วครำว เมื่อกลำงปี ๒๕๖๓ โจทก์

ไม่ประสงค์อยู่ร่วมกับจ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลยอีกต่อไป โจทก์จึงย้ำยออกไปอยู่ที่อื่นชั่วครำว



และแจ้งให้จ�ำเลยพร้อมบริวำรย้ำยออกไปอยู่ท่อ่นและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่โจทก์
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินพร้อมบริวำร
ออกไปจำกบ้ำนพิพำทและส่งมอบบ้ำนพิพำทคืนให้แก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย กับให้จ�ำเลย





ส่งมอบรถยนต์พพำทคนให้แก่โจทก์ในสภำพเรยบร้อยใช้กำรได้ด หำกส่งคนไม่ได้ให้ใช้

รำคำแทน ๕๒๙,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ และให้
จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยในอัตรำเดือนละ ๔๕,๐๐๐ บำท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจ�ำเลย
จะส่งมอบบ้ำนพิพำทให้แก่โจทก์ในสภำพเรียบร้อย

จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนสมรสกันเม่อวันท่ ๙ กันยำยน ๒๕๕๖





ต่อมำโจทก์กับจ�ำเลยตกลงจะต้งบริษัท ว. เพ่อประกอบธุรกิจน�ำเข้ำจัดจ�ำหน่ำยและติดต้ง
อุปกรณ์ติดตำมรถยนต์ โจทก์กับจ�ำเลยจึงจดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำรประกอบธุรกิจ

และป้องกันปัญหำที่เกิดขึ้นในอนำคต ต่อมำวันที่ ๘ ธันวำคม ๒๕๕๘ โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกัน
ก่อตั้งบริษัทดังกล่ำวโดยโจทก์เป็นกรรมกำรผู้จัดกำร ส่วนจ�ำเลยเป็นผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำดและ


ผู้จัดกำรฝ่ำยขำย โจทก์กับจ�ำเลยน�ำเงินท่ท�ำมำหำได้ร่วมกันซ้อบ้ำนพิพำทและย้ำยเข้ำมำอยู่บ้ำน
ดังกล่ำวโดยยังคงอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำตำมปกติ และร่วมกันซ้อรถยนต์พิพำทเพ่อให้จ�ำเลย









ใช้ออกไปพบลูกคำ บำนและรถยนตพิพำททโจทก์เปนเจำของจงเปนทรัพย์สินทโจทกกับจำเลย






ร่วมกันท�ำมำหำได้ระหว่ำงที่อยู่กินฉันสำมีภริยำโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์
รวมระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย จ�ำเลยมีสิทธิในบ้ำนและรถยนต์พิพำทก่งหน่ง ขอให้ยกฟ้องและ



พิพำกษำให้จ�ำเลยมีกรรมสิทธ์รวมในท่ดินพร้อมบ้ำนพิพำท และให้จ�ำเลยมีสิทธิครอบครองใช้

ประโยชน์ในรถยนต์พิพำท

โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ เหตทโจทก์หย่ำขำดจำกจ�ำเลยเน่องจำกจ�ำเลยประพฤตตน





เป็นปฏิปักษ์ต่อกำรอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำโดยจ�ำเลยแอบคบหำกับคนอ่น หำใช่เพ่อควำม


สะดวกในกำรประกอบธุรกิจและป้องกันปัญหำท่จะเกิดข้นในอนำคตแต่อย่ำงใดไม่ จ�ำเลยไม่ม ี

ส่วนเกี่ยวข้องหรือลงทุนเปิดบริษัทกับโจทก์ แต่ในกำรขอจดทะเบียนบริษัทตำมกฎหมำยจ�ำต้อง

มีผู้ถือหุ้นอย่ำงน้อยสำมคนโจทก์จึงยืมช่อจ�ำเลยและบิดำจ�ำเลยเข้ำมำเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท






ดงกล่ำวโดยมิไดมกำรลงเงนคำหนแตอยำงใด โจทกกยมเงินจำกธนำคำรมำซอบำนพพำทแต่เพยง





ู้






ผู้เดียว โจทก์ยอมให้จ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลยมำพักอำศัยอยู่บ้ำนพิพำทเน่องจำกควำมผูกพัน
902



ท่เคยมีและเป็นกำรช่วยเหลือครอบครัวของจ�ำเลยเท่ำน้น โดยโจทก์กับจ�ำเลยไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน



ฉันสำมีภริยำ โจทก์เช่ำซ้อรถยนต์พพำทเพ่อไว้ใช้งำนในบรษัทมิได้มีเจตนำจะให้จ�ำเลยหรือ

บิดำมำรดำจ�ำเลยน�ำไปใช้เป็นกำรส่วนตัว แต่จ�ำเลยกลับน�ำรถยนต์พิพำทไปให้บิดำมำรดำจ�ำเลย
ใช้เป็นกำรส่วนตัว ท�ำให้โจทก์ไม่พอใจและไม่อำจทนอยู่ร่วมบ้ำนเดียวกันกับจ�ำเลยได้ จึงแจ้ง
ให้จ�ำเลยและบิดำมำรดำจ�ำเลยย้ำยออกไปจำกบ้ำนพิพำทและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่



โจทก์ ท่ดินพร้อมบ้ำนและรถยนต์พิพำทมิใช่ทรัพย์สินท่โจทก์และจ�ำเลยท�ำมำหำได้ร่วมกัน จ�ำเลย
จึงไม่มีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์พิพำทดังกล่ำว ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในวันนัดชี้สองสถำน ศำลแพ่งมีนบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ

พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ

พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ

ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยขนย้ำยทรัพย์สินและบริวำรออกไปจำก

บ้ำนพิพำทและส่งมอบรถยนต์พิพำทคืนให้แก่โจทก์โดยอ้ำงว่ำ โจทก์เป็นเจ้ำของกรรมสิทธ ิ ์




ในท่ดินพร้อมบ้ำนและรถยนต์พิพำท ซ่งโจทก์ซ้อมำภำยหลังจำกจดทะเบียนหย่ำกับจ�ำเลย

ส่วนจ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ เหตุท่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำร

ประกอบธุรกิจ หลังจำกหย่ำกันแล้วโจทก์กับจ�ำเลยยังคงอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำ บ้ำนและ
รถยนต์พิพำทเป็นทรัพย์สินท่โจทก์กับจ�ำเลยร่วมกันท�ำมำหำได้ระหว่ำงท่อยู่กินฉันสำมีภริยำ


โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงเป็นกรรมสิทธิ์รวม จ�ำเลยมีสิทธิในบ้ำนและรถยนต์พิพำทกึ่งหนึ่ง


แม้จ�ำเลยจะให้กำรว่ำ เหตุท่โจทก์กับจ�ำเลยจดทะเบียนหย่ำเพ่อควำมสะดวกในกำรประกอบ

ธุรกิจก็ตำม แต่จ�ำเลยไม่ได้ให้กำรต่อสู้ว่ำ กำรจดทะเบียนหย่ำเป็นกำรแสดงเจตนำลวงหรือ
ไม่มีเจตนำจดทะเบียนหย่ำและไม่มีผลต่อกำรสมรสอย่ำงไร ท้งจ�ำเลยยังให้กำรว่ำ ทรัพย์สินท ่ ี

ได้มำหลังจำกจดทะเบียนหย่ำเป็นกรรมสิทธ์รวม โดยไม่ได้อ้ำงว่ำเป็นสินสมรส แสดงว่ำจ�ำเลย


ยอมรับว่ำทรัพย์สินท่ได้มำไม่ใช่สินสมรส ซ่งเป็นกำรให้กำรและฟ้องแย้งโดยอำศัยหลักกรรมสิทธ ์ ิ


รวมตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๔ ลักษณะ ๒ ไม่ใช่ข้อพิพำทเก่ยวกับ








ควำมสมพนธ์ระหว่ำงสำมภรยำในทำงทรพย์สนทจะต้องบงคบตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ


พำณิชย์ บรรพ ๕ คดีน้จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว

และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
903

วินิจฉัย ณ วันที่ ๓๑ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ


























































904

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ญ. โจทก์

ที่ วยช ๑๖/๒๕๖๓ นำง ว. จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย ศ. เจ้ำมรดก จ�ำเลย


ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกของนำย ศ. ปิดบังทรัพย์มรดกมำกกว่ำส่วนท่ตนจะได้ โดยรู้


อยู่ว่ำท�ำให้เส่อมประโยชน์ของโจทก์ซ่งเป็นทำยำท ขอให้พิพำกษำว่ำจ�ำเลยถูกก�ำจัด
มิให้รับมรดก เพิกถอนกำรโอนทรัพย์มรดกกลับคืนสู่กองมรดก และแบ่งทรัพย์มรดก











ทเหลอ จำเลยใหกำรตอนหนงวำ โจทกไมใชบตรชอบดวยกฎหมำยของนำย ศ. จงไมม ี




สิทธิรับมรดก และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้รับโจทก์เป็นบุตรภำยในระยะเวลำตำมกฎหมำย

ขอให้ยกฟ้อง คดีน้จึงมีประเด็นข้อพิพำทท่ส�ำคัญประเด็นหน่งว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบ



ด้วยกฎหมำยของนำย ศ. หรือไม่ ซ่งกำรวินิจฉัยปัญหำตำมประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำว
ย่อมมีผลกระทบต่อสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะควำมเป็นบิดำ





มำรดำและบุตรระหว่ำงโจทก์กับนำย ศ. อันเป็นกรณีท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
____________________________

โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย ศ. กับนำง พ.

ซ่งจดทะเบียนสมรสเม่อวันท่ ๑๓ สิงหำคม ๒๕๓๕ ต่อมำจดทะเบียนหย่ำกันวันท่ ๑๔ มีนำคม ๒๕๓๗



จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ศ. มีสินสมรส คือรถบรรทุก ๔ คัน
หมำยเลขทะเบียน ๘๑ - ๑๖๗๘ ฉะเชิงเทรำ หมำยเลขทะเบียน ๘๒ - ๒๐๒๐ ฉะเชิงเทรำ
หมำยเลขทะเบียน บต ๔๘๐๑ ฉะเชิงเทรำ และหมำยเลขทะเบียน บม ๖๖๗๘ ฉะเชิงเทรำ
รถยนต์ ๓ คัน หมำยเลขทะเบียน ๘๒ - ๖๘๓๒ ฉะเชิงเทรำ หมำยเลขทะเบียน ๒ กณ ๑๗๓๔

กรุงเทพมหำนคร และหมำยเลขทะเบียน นบ ๔๙๖๖ ฉะเชงเทรำ รถแบ็กโฮ ๓ คัน และ
บ้ำนสองช้นเลขท่ ๑๗๒ หมู่ท่ ๗ ต�ำบลหนองแหน อ�ำเภอพนมสำรคำม จังหวัดฉะเชิงเทรำ



พร้อมโรงรถ รวมมูลค่ำสินสมรส ๘,๔๐๐,๐๐๐ บำท จ�ำเลยกับนำย ศ. จดทะเบียนรับเด็กหญิง ห.
เป็นบุตรบุญธรรม เม่อวันท่ ๔ มกรำคม ๒๕๕๗ นำย ศ. ถึงแก่ควำมตำย ศำลมีค�ำส่งแต่งต้ง





จ�ำเลยเป็นผู้จัดกำรมรดกของนำย ศ. แต่จ�ำเลยกลับใช้อ�ำนำจหน้ำท่ผู้จัดกำรมรดกจดทะเบียน









โอนกรรมสทธรถบรรทกและรถยนตไปเปนของตนกบเขำครอบครองบำนเลขท ๑๗๒ เพยงผเดยว






905



อันเป็นกำรปิดบังทรัพย์มรดกมำกกว่ำส่วนท่ตนจะได้โดยรู้อยู่ว่ำท�ำให้เส่อมประโยชน์ของโจทก์

ซ่งเป็นทำยำทของนำย ศ. จ�ำเลยถูกก�ำจัดมิให้รับมรดกตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์
มำตรำ ๑๖๐๕ ทรัพย์มรดกของนำย ศ. จึงตกแก่โจทก์และเด็กหญิง ห. ขอให้พิพำกษำว่ำจ�ำเลย
ถูกก�ำจัดมิให้ได้รับมรดกของนำย ศ. เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนรถบรรทุกและรถยนต์พิพำท






เฉพำะส่วนครงหนงทเป็นมรดกของนำย ศ. กลับคืนส่กองมรดกโดยจ�ำเลยเป็นผ้ออกค่ำใช้จ่ำย






ให้บังคับจ�ำเลยแบ่งรถบรรทุก รถยนต์ และบ้ำนเลขท่ ๑๗๒ คร่งหน่งคืนให้แก่กองมรดกโดย
จ�ำเลยเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยและแบ่งรถบรรทุก รถยนต์ และบ้ำนเลขที่ ๑๗๒ ให้แก่โจทก์ ๑ ส่วน
ใน ๒ ส่วน หำกจ�ำเลยไม่ปฏิบัติตำมให้โจทก์น�ำยึดทรัพย์ดังกล่ำวออกขำยทอดตลำดน�ำเงินมำ
แบ่งให้แก่โจทก์ หำกจ�ำเลยไม่สำมำรถปฏิบัติได้ให้จ�ำเลยช�ำระเงินให้แก่โจทก์ ๒,๑๐๐,๐๐๐ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ โจทก์ไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมำยและไม่ใช่
ผู้สืบสันดำนของนำย ศ. นำย ศ. ไม่เคยรับรองโจทก์เป็นบุตร โจทก์จึงไม่มีสิทธิรับมรดกของ

นำย ศ. โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้นำย ศ. รับโจทก์เป็นบุตรภำยในหน่งปีนับแต่วันบรรลุนิติภำวะ

กำรท่โจทก์ฟ้องคดีน้ภำยหลังนำย ศ. ถึงแก่ควำมตำยไปนำน ๕ ปี ๕ เดือน ย่อมไม่ชอบ



ด้วยกฎหมำย คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว ส�ำหรับทรัพย์สิน
ตำมฟ้องในส่วนท่เป็นมรดกของนำย ศ. จำเลยจดกำรเสรจสนแล้ว ส่วนรถบรรทก หมำยเลข







ทะเบียน ๘๑ - ๑๖๗๘ และรถยนต์ หมำยเลขทะเบียน นบ ๔๙๖๖ ฉะเชิงเทรำ ไม่ใช่ทรัพย์มรดก
โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ทั้งโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเมื่อพ้นก�ำหนดหนึ่งปี นับแต่เจ้ำมรดกตำย
จึงขำดอำยุควำม จ�ำเลยไม่เคยรู้ว่ำโจทก์เป็นทำยำทโดยธรรมของนำย ศ. จึงมิต้องถูกก�ำจัด
มิให้รับมรดก และโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดฉะเชิงเทรำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจ

พิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชน

และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑



วินิจฉัยว่ำ คดีน้มีประเด็นข้อพิพำทท่ส�ำคัญประเด็นหน่งว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วย

กฎหมำยของนำย ศ. หรือไม่ ซ่งกำรวินิจฉัยปัญหำตำมประเด็นข้อพิพำทดังกล่ำวย่อมมีผล

กระทบต่อสิทธิ หน้ำท่ และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะควำมเป็นบิดำมำรดำและบุตรระหว่ำง




โจทก์กบนำย ศ. อนเป็นกรณทต้องบงคบตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชย์ บรรพ ๕






906

ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ

คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว


วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓



ไมตรี สุเทพำกุล

(นำยไมตรี สุเทพำกุล)

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




นภกมล หะวำนนท์ สว่ำงแจ้ง - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ















































907

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำว ส.

ที่ วยช ๘๖/๒๕๖๔ โดยนำง ท. ผู้อนุบำล โจทก์

นำย ส. ในฐำนะ
ผู้จัดกำรมรดกของ

นำย จ. กับพวก จ�ำเลย





คดีน้โจทก์ซ่งเป็นคนไร้ควำมสำมำรถและเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ.
ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของนำย จ. ช�ำระค่ำอุปกำระ









เลยงดให้แก่โจทก์ ส่วนจำเลยท ๒ ให้กำรต่อส้ว่ำ โจทก์ไม่มอำนำจฟ้อง และหน้ำทของ



บิดำมำรดำในกำรอุปกำระเลี้ยงดูบุตรย่อมสิ้นสุดลงเมื่อบิดำหรือมำรดำถึงแก่ควำมตำย







ทงพินยกรรมไมมีขอก�ำหนดให้ผ้จัดกำรมรดกกันเงนหรอทรัพย์มรดกไว้เป็นคำอปกำระ




เล้ยงดูโจทก์ จ�ำเลยท ๒ จึงไม่มีหน้ำท่ต้องช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูให้แก่โจทก์ กรณ ี




จึงมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิและหน้ำท่ของบิดำมำรดำและบุตร ซ่งเป็นกรณีท่ต้อง




บังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๖๔ วรรคสอง จึงเป็นคดีครอบครัว
________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. กับนำง ย. และเป็นผู้











ไรควำมสำมำรถมำแตกำเนด มอำกำรปวยดวยภำวะดำวนซนโดรมและบกพรองทำงปญญำระดบ

ควำมสำมำรถ มีอำกำรทำงจิตเวชร่วมด้วย ต้องมีผู้ดูแลและได้รับยำตำมค�ำสั่งแพทย์ตลอดเวลำ
วันท่ ๒๒ ธันวำคม ๒๕๖๓ ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงมีค�ำส่งให้โจทก์เป็นผู้ไร้ควำมสำมำรถ


และให้อยู่ในควำมอนุบำลของนำง ท. ระหว่ำงมีชีวิตนำย จ. และนำง ย. ให้โจทก์พักอำศัยและ

อยู่ภำยใต้กำรดูแลของผู้อนุบำลต้งแต่ปี ๒๕๔๖ ต่อมำปี ๒๕๕๐ นำง ย. ถึงแก่ควำมตำย
นำย จ. จึงให้ผู้อนุบำลเป็นผู้ดูแลและเป็นผู้ออกค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลโจทก์ตลอดมำ นำย จ.
ได้แสดงเจตนำว่ำจะรับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยในกำรดูแลดังกล่ำวโดยกำรท�ำบันทึกแสดงเจตนำ


รับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยในส่วนของโจทก์อันเป็นหน้ำท่ตำมกฎหมำยของบิดำท่ต้องอุปกำระเล้ยงด ู

บุตรที่อยู่ในภำวะทุพพลภำพ ต่อมำเมื่อวันที่ ๙ มีนำคม ๒๕๖๒ นำย จ. ถึงแก่ควำมตำยโดยมี
จ�ำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดกำรมรดกร่วมกันตำมพินัยกรรม ทำยำทของนำย จ. แจ้งให้จ�ำเลยทั้งสอง
ในฐำนะผู้จัดกำรมรดกกันส่วนกองมรดกของนำย จ. จ�ำนวนหนึ่งไว้เป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรอุปกำระ
908




เล้ยงดูโจทก์ตำมเจตนำรมณ์ของเจ้ำมรดกท่ได้แสดงและแจ้งไว้แก่ทำยำทท้งทำงวำจำและ

เอกสำรในขณะท่เจ้ำมรดกยังมีชีวิตอยู่ เป็นเงินเดือน เดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท นับแต่นำย จ.
ถึงแก่ควำมตำยเป็นต้นไป เป็นระยะเวลำ ๑๐ ปี ค�ำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บำท


แต่จ�ำเลยท้งสองปฏิเสธ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของนำย จ.
ช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูให้แก่โจทก์ ๑,๒๕๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี










นบแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกวำจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กบให้จำเลยทงสองรวมกนชำระคำอปกำระ





เล้ยงดูโจทก์ อัตรำเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะครบก�ำหนด
๑๐ ปี นับแต่วันที่เจ้ำมรดกถึงแก่ควำมตำย
จ�ำเลยท่ ๒ ให้กำรว่ำ โจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. เจ้ำมรดก โจทก์

จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องเรียกค่ำอุปกำระเล้ยงดูจำกกองมรดกของบิดำด้วยตนเอง และตำมค�ำฟ้อง

ของโจทก์ที่ขอให้ศำลมีค�ำสั่งให้จ�ำเลยทั้งสองในฐำนะผู้จัดกำรมรดกร่วมกันของนำย จ.กันส่วนมรดก


ไว้เป็นค่ำอุปกำระเล้ยงดูโจทก์ มีลักษณะเป็นกำรฟ้องผู้จัดกำรมรดกเพ่อขอแบ่งทรัพย์มรดก
จึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว นอกจำกน้หน้ำท่ของบิดำ




















มำรดำในกำรอปกำระเลยงดบตรยอมสนสดลงเมอบดำหรอมำรดำถงแกควำมตำย ทงพนยกรรม




ไม่มีข้อก�ำหนดให้ผ้จัดกำรมรดกกันเงินหรอทรพย์มรดกไว้เป็นคำอปกำระเลยงดโจทก์ และฟ้อง





โจทก์ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนวันนัดพร้อม ศำลเยำวชนและครอบครัวกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ใน

อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำล
อุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำ
คดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วนิจฉยวำ คดีนโจทก์ฟ้องขอให้บงคับจ�ำเลยทงสองในฐำนะผู้จดกำรมรดกร่วมกันของ









นำย จ. ช�ำระค่ำอุปกำระเลี้ยงดูให้แก่โจทก์ ส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรต่อสู้ว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง




และหน้ำท่ของบิดำมำรดำในกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรย่อมส้นสุดลงเม่อบิดำหรือมำรดำ







ถงแก่ควำมตำย ทงพนยกรรมไม่มข้อกำหนดให้ผ้จดกำรมรดกกนเงนหรอทรพย์มรดกไว้









เป็นค่ำอุปกำระเล้ยงดูโจทก์ จ�ำเลยท่ ๒ จึงไม่มีหน้ำท่ต้องช�ำระค่ำอุปกำระเล้ยงดูให้แก่โจทก์




กรณีจึงมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยถึงสิทธิและหน้ำท่ของบิดำมำรดำและบุตร ซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับ

ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ มำตรำ ๑๕๖๔ วรรคสอง จึงเป็นคดีครอบครัว

ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว








พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
909

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ


















































910

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำง น. โจทก์

ที่ วยช ๙๔/๒๕๖๔ เด็กชำย ป. โดย นำงสำว ธ.

ผู้แทนโดยชอบธรรม
กับพวก จ�ำเลย







โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นภรยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. ผ้ตำย ไม่มบตร






ด้วยกัน จ�ำเลยท ๑ โดยจ�ำเลยท ๒ เคยย่นค�ำร้องขอต่อศำลเยำวชนและครอบครัว
จังหวัดนนทบุร ขอให้พิพำกษำให้จ�ำเลยท ๑ เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ.






โดยโจทก์ย่นค�ำคัดค้ำนว่ำ จ�ำเลยท ๑ มิใช่บุตรของนำย จ. ระหว่ำงกำรพิจำรณำมีกำร
ตรวจหำสำรพันธุกรรมเพ่อพิสูจน์ควำมสัมพันธ์ในกำรเป็นบิดำมำรดำกับบุตรว่ำจ�ำเลย

ที่ ๑ เป็นบุตรของนำย จ. ผู้ตำย หรือไม่ ปรำกฏว่ำผลกำรตรวจพิสูจน์ลำยพิมพ์ดีเอ็นเอ


ของจ�ำเลยท ๑ พบข้อขัดแย้งในกำรเป็นบุตรของนำย จ. จ�ำเลยท ๑ โดยจ�ำเลยท ๒









จึงย่นค�ำร้องขอถอนค�ำร้องขอ ศำลอนุญำต คดีถึงท่สุดแล้ว แต่จ�ำเลยท ๑ ยังคงใช้ช่อ
สกุล “พ.” และในสูติบัตรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้แจ้งกำรเกิดว่ำนำย จ. เป็นบิดำ






ของจ�ำเลยท ๑ อันเป็นควำมเท็จ จ�ำเลยท ๒ ยังแสดงออกต่อบุคคลท่วไปว่ำจ�ำเลยท ๒


เป็นภริยำอีกคนของนำย จ. โดยมีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ จ�ำเลยท ๑ ท�ำให้โจทก์และ

นำย จ. สำมีโจทก์ได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรละเมิดต่อสิทธิในช่อเสียงของโจทก์และ





นำย จ. ขอให้บงคบจำเลยทงสองร่วมกนหรอแทนกนชำระค่ำสนไหมทดแทนแก่โจทก์












และมีค�ำส่งให้จ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรเปล่ยนแปลงช่อบิดำในสูติบัตรของจ�ำเลยท ๑



จำกช่อของนำย จ. เป็นช่อบิดำท่แท้จริงของจ�ำเลยท ๑ และเปล่ยนช่อสกุลจำก “พ.”












เป็นช่อสกุลของจ�ำเลยท ๒ หรือช่อสกลอนแทน คดีนโจทก์ฟ้องว่ำ จำเลยท ๑ มิใช่บุตร








ของนำย จ. สำมีโจทก์ ขอให้ศำลมีค�ำส่งให้จ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรเปล่ยนช่อบิดำใน



สูติบัตรของจ�ำเลยท ๑ จำกช่อนำย จ. เป็นช่อบิดำท่แท้จริงของจ�ำเลยท ๑ จึงเป็นคด ี








เก่ยวกับสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์ในครอบครัวซ่งเป็นคดีครอบครัว ส่วนท่ขอให้ม ี


ค�ำสั่งให้จ�ำเลยที่ ๑ เปลี่ยนชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๑ จำก “พ.” เป็นชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๒
หรือช่อสกุลอ่นเป็นผลต่อเน่องมำจำกสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะ







กำรเป็นบิดำกับบุตรระหว่ำงนำย จ. กับจ�ำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.
บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
_________________________
911










โจทกฟองวำ โจทกเปนภรยำชอบดวยกฎหมำยของนำย จ. ผตำย จดทะเบยนสมรส

เมื่อวันที่ ๓ ธันวำคม ๒๕๓๕ ไม่มีบุตรด้วยกัน เนื่องจำกนำย จ. มีปัญหำสุขภำพ เชื้ออสุจิอ่อน




















ไมสำมำรถมบตรได เมอวนท ๑๕ สงหำคม ๒๕๖๒ จำเลยท ๑ โดยจำเลยท ๒ ยนคำรองขอ
ต่อศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี เป็นคดีหมำยเลขด�ำท่ ยชพ ๓๔๓/๒๕๖๒ ขอ



ให้พิพำกษำให้จ�ำเลยท ๑ เป็นบตรชอบด้วยกฎหมำยของนำย จ. โดยโจทก์ย่นคำคดค้ำนว่ำ




จ�ำเลยท่ ๑ มิใช่บุตรของนำย จ. ระหว่ำงกำรพิจำรณำมีกำรตรวจหำสำรพันธุกรรมเพ่อพิสูจน์



ควำมสัมพันธ์ในกำรเป็นบิดำมำรดำกับบุตรว่ำจ�ำเลยท่ ๑ เป็นบุตรของนำย จ. ผู้ตำย หรือไม่

ปรำกฏว่ำผลกำรตรวจพิสูจน์ลำยพิมพ์ดีเอ็นเอของจ�ำเลยท่ ๑ พบข้อขัดแย้งในกำรเป็นบุตร


ของนำย จ. จ�ำเลยท่ ๑ โดยจ�ำเลยท่ ๒ จึงย่นค�ำร้องขอถอนค�ำร้องขอ ศำลอนุญำต คดีถึงท่สุดแล้ว


แต่จ�ำเลยที่ ๑ ยังคงใช้ชื่อสกุล “พ.” และในสูติบัตรของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๒ เป็นผู้แจ้งกำรเกิดว่ำ



นำย จ. เป็นบิดำของจ�ำเลยท่ ๑ อันเป็นควำมเท็จ จ�ำเลยท่ ๒ ยังแสดงออกต่อบุคคลท่วไปว่ำ
จ�ำเลยที่ ๒ เป็นภริยำอีกคนของนำย จ. โดยมีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ จ�ำเลยที่ ๑ ท�ำให้โจทก์

และนำย จ. สำมีโจทก์ได้รับควำมเสียหำย อันเป็นกำรละเมิดต่อสิทธิในช่อเสียงของโจทก์และ
นำย จ. ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันหรือแทนกันช�ำระค่ำสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน

๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และมีค�ำสั่งให้จ�ำเลยทั้งสองด�ำเนินกำรเปลี่ยนแปลงชื่อบิดำในสูติบัตรของ
จ�ำเลยที่ ๑ จำกชื่อของนำย จ. เป็นชื่อบิดำที่แท้จริงของจ�ำเลยที่ ๑ และเปลี่ยนชื่อสกุลจำก “พ.”
เป็นชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๒ หรือชื่อสกุลอื่นแทน ภำยใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ศำลมีค�ำสั่ง หำกไม่
ด�ำเนินกำรให้ถือค�ำพิพำกษำของศำลแทนกำรแสดงเจตนำ
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมรำชเห็นว่ำ กรณ ี


มีปัญหำว่ำคดีน้ส่วนท่โจทก์ขอให้จ�ำเลยท้งสองไปแก้ไขเปล่ยนแปลงช่อบิดำในสูติบัตรของ








จ�ำเลยท่ ๑ ให้จ�ำเลยท่ ๑ เปล่ยนไปใช้ช่อสกุลของจ�ำเลยท่ ๒ หรือช่อสกุลอ่นแทนและเรียก


ค่ำเสียหำยอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวน
ให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มิใช่บุตรของนำย จ. สำมีโจทก์ ขอให้ศำลมี




ค�ำส่งให้จ�ำเลยท้งสองด�ำเนินกำรเปล่ยนช่อบิดำในสูติบัตรของจ�ำเลยท่ ๑ จำกช่อนำย จ. เป็น




ช่อบิดำท่แท้จริงของจ�ำเลยท่ ๑ จึงเป็นคดีเก่ยวกับสิทธิ หน้ำท่ และควำมสัมพันธ์ในครอบครัว



912

ซึ่งเป็นคดีครอบครัว ส่วนที่ขอให้มีค�ำสั่งให้จ�ำเลยที่ ๑ เปลี่ยนชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๑ จำก “พ.”

เป็นชื่อสกุลของจ�ำเลยที่ ๒ หรือชื่อสกุลอื่นเป็นผลต่อเนื่องมำจำกสิทธิ หน้ำที่ และควำมสัมพันธ์





เก่ยวกับสถำนะกำรเป็นบิดำกับบุตรระหว่ำงนำย จ. กับจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นกรณีท่ต้องบังคับ
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว



วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔




อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




ณิศรำ กิจคณำศิริ - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ




































913

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ฮ. โจทก์

ที่ วยช ๑๑๐/๒๕๖๔ นำงสำว ช. จ�ำเลย



โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำ















ประนประนอมยอมควำมในขอตกลงทเกยวกบกำรอปกำระเลยงดบตรผเยำว สวนจำเลย




ให้กำรต่อสู้ว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำม คดีมีปัญหำท่ต้องวินิจฉัยว่ำ

จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำมหรือไม่ ซ่งเป็นผลมำจำกกำรท�ำสัญญำ
ประนีประนอมยอมควำมในคดีครอบครัว อันเป็นกรณีเก่ยวเน่องท่ต้องบังคับตำม ป.พ.พ.



บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ หมวด ๒ คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและ
ครอบครัว
________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นบิดำชอบด้วยกฎหมำยของเด็กหญิง อ. เม่อวันท่ ๒๙ มีนำคม ๒๕๖๔


โจทก์ท�ำสัญญำประนีประนอมยอมควำมกบจ�ำเลย ซ่งศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัด

เพชรบุรีมีค�ำพิพำกษำตำมยอมในคดีแพ่งหมำยเลขแดงท่ ยชพ ๒๙/ ๒๕๖๔ โดยตกลงให้
เด็กหญิง อ. อยู่ในควำมปกครองดูแลของโจทก์กับจ�ำเลยร่วมกัน และในกำรเลี้ยงดูเด็กหญิง อ.


ตกลงให้ผลัดเปล่ยนกันดูแลคนละ ๒ สัปดำห์ จนกว่ำเด็กหญิง อ. จะบรรลุนิติภำวะ เร่มสัปดำห์แรก


ในวันจันทร์ท่ ๒๙ มีนำคม ๒๕๖๔ จนถึงวันอำทิตย์ท่ ๔ เมษำยน ๒๕๖๔ ให้จ�ำเลยเป็นฝ่ำย
ให้กำรอุปกำระเลี้ยงดูเด็กหญิง อ. และเมื่อครบก�ำหนดจ�ำเลยจะเป็นผู้พำเด็กหญิง อ. ไปส่งให้แก่

ฝ่ำยโจทก์ภำยในวันอำทิตย์ไม่เกินเวลำ ๑๙ นำฬิกำ และเม่อโจทก์อุปกำระเล้ยงดูเด็กหญิง อ.

ครบก�ำหนด ๒ สัปดำห์ โจทก์จะเป็นผู้พำเด็กหญิง อ. ไปส่งให้แก่ฝ่ำยจ�ำเลยภำยในวันอำทิตย์
เวลำไม่เกิน ๑๙ นำฬิกำ แต่ปรำกฏว่ำตั้งแต่สัปดำห์เริ่มต้นสิทธิของโจทก์ในกำรดูแลเด็กหญิง อ.
เมื่อวันที่ ๔ เมษำยน ๒๕๖๔ เป็นต้นมำ จ�ำเลยไม่เคยปฏิบัติตำมสัญญำแม้แต่สัปดำห์เดียว ท�ำให้

โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อรำงกำยและจิตใจ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บำท พร้อม
ดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์


จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่ได้ผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำม เน่องจำกโจทก์








ทรำบดว่ำเมอถงครำวทจำเลยต้องนำเดกหญง อ. ไปส่งให้แก่ฝ่ำยโจทก์ แต่ปรำกฏว่ำเดกหญิง อ.



ร้องไห้ตลอดเวลำไม่ยอมไปอยู่กับฝ่ำยโจทก์ และโจทก์ก็แสดงออกถึงควำมไม่สนใจไยดีต่อ
914



เด็กหญิง อ. และไม่ประสงค์ท่จะรับเด็กหญิง อ. ไปดูแลอีกต่อไป ท้งโจทก์ไม่ส่งเสียอุปกำระเล้ยงด ู


เด็กหญิง อ. รวมท้งค่ำศึกษำเล่ำเรียนตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำม โจทก์ฟ้องคดีน ี ้
เพ่อแก้เก้ยวหรือใช้ต่อรองในทำงคดี และเป็นกำรใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ฟ้องโจทก์คดีน้เป็นฟ้องซ้อน



กับคดีแพ่งหมำยเลขด�ำที่ ม ๗๑/๒๕๖๔ ของศำลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ยกฟ้อง
ระหวำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดเพชรบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำ คดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ


พิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว

พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑


วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกจ�ำเลยโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยปฏิบัติผิดสัญญำ



ประนีประนอมยอมควำมในข้อตกลงท่เก่ยวกับกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรผู้เยำว์ ส่วนจ�ำเลยให้กำร






ต่อส้ว่ำ จำเลยไม่ได้ผดสญญำประนประนอมยอมควำม คดมปัญหำทต้องวนจฉยว่ำ จำเลย







ปฏิบัติผิดสัญญำประนีประนอมยอมควำมหรือไม่ ซึ่งเป็นผลมำจำกกำรท�ำสัญญำประนีประนอม


ยอมควำมในคดีครอบครัว อันเป็นกรณีเก่ยวเน่องท่ต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ

พำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ หมวด ๒ คดีนี้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชน
และครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔

อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)
อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ

พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ






915

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ว. โจทก์

ที่ วยช ๑๑๑/๒๕๖๔ นำงสำว ว. จ�ำเลย




โจทก์ซ่งมีฐำนะเป็นปู่ของผู้เยำว์ ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยส่งมอบหรือยินยอม


ให้ผู้เยำว์ไปพักท่บ้ำนโจทก์ ในวันเสำร์ต้งแต่เวลำ ๙ นำฬิกำ และรับกลับในวันอำทิตย์
เวลำ ๑๖ นำฬิกำ สัปดำห์เว้นสัปดำห์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำผู้เยำว์จะบรรล ุ












นตภำวะ ตำมทโจทก์กบจำเลยเคยตกลงกนไว้ในคดก่อน กบให้จำเลยชำระค่ำเสยหำย

พร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์เป็นค่ำขำดโอกำสในกำรอุปกำระเล้ยงดูผู้เยำว์ ส่วนจ�ำเลย

ให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ธ. และเป็นมำรดำของผู้เยำว์
โดยจ�ำเลยเป็นผู้มีอ�ำนำจปกครองผู้เยำว์เพียงผู้เดียวตำมค�ำพิพำกษำของศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ข้อพิพำทของโจทก์

และจ�ำเลยจึงไม่ใช่เร่องผิดสัญญำเพียงประกำรเดียว แต่เป็นกรณีสืบเน่องมำจำก



ข้อพิพำทเก่ยวกับกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรและกำรใช้อ�ำนำจปกครองผู้เยำว์ จึงเป็น
คดีแพ่งที่ฟ้องต่อศำลเกี่ยวกับผู้เยำว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตำม ป.พ.พ. บรรพ ๕
มำตรำ ๑๕๖๔ ถึง ๑๕๖๗ จึงเป็นคดีครอบครัว
_________________________


โจทก์ฟ้องว่ำ เด็กหญิง ณ. อำยุ ๕ ปีเศษ เป็นบุตรของจ�ำเลยกับนำย ธ. ส่วนโจทก์

เป็นบิดำของนำย ธ. และเป็นปู่ของเด็กหญิง ณ. เมื่อวันที่ ๒ ธันวำคม ๒๕๖๒ โจทก์ฟ้องจ�ำเลย

ต่อศำลแขวงขอนแก่นเป็นคดหมำยเลขด�ำท่ ๗๖๒/๒๕๖๒ เร่องผิดสญญำ เรยกค่ำเสียหำย




ระหว่ำงพิจำรณำโจทก์และจ�ำเลยตกลงกันว่ำจ�ำเลยตกลงให้เด็กหญิง ณ. บุตรของจ�ำเลย
กับนำย ธ. ไปพักอำศัยที่บ้ำนของโจทก์และนำย ธ. ในวันเสำร์และอำทิตย์ สัปดำห์เว้นสัปดำห์
โดยจ�ำเลยเป็นผู้ไปส่งท่บ้ำนโจทก์ในวันเสำร์ เวลำ ๙ นำฬิกำ ให้เด็กหญิง ณ. ค้ำง ๑ คืน และไปรับ

กลับในวันอำทิตย์ เวลำ ๑๖ นำฬิกำ เร่มวันท่ ๔ กรกฎำคม ๒๕๖๓ และท้งสองฝ่ำยตกลงว่ำ




จะไม่พูดใส่ร้ำยอีกฝ่ำยหน่งระหว่ำงท่อยู่กับเด็กหญิง ณ. โจทก์จึงถอนฟ้องจ�ำเลย ตำมรำยงำน

กระบวนพิจำรณำลงวันท่ ๕ มิถุนำยน ๒๕๖๓ แต่จ�ำเลยส่งเด็กหญิง ณ. ไปพักท่บ้ำนโจทก์


เพียง ๑ ครั้ง หลังจำกนั้นจ�ำเลยผิดสัญญำไม่ส่งเด็กหญิง ณ. ไปพักที่บ้ำนโจทก์อีก ท�ำให้โจทก์


ซ่งเป็นปู่ของเด็กหญิงณตำเสียโอกำสในกำรอุปกำระเล้ยงดูเด็กหญิง ณ. และเป็นกำรตัดโอกำส


916

โจทก์กับครอบครัวรวมถึงบิดำของเด็กหญิง ณ. ในกำรดูแลใกล้ชิดให้ควำมรักและควำมอบอุ่น









แก่เด็กหญิง ณ. ดงเช่นครอบครวทวไป ขอให้บงคบจ�ำเลยส่งมอบหรอยนยอมให้เด็กหญิง ณ.
ไปพักอำศัยท่บ้ำนโจทก์ในวันเสำร์ต้งแต่เวลำ ๙ นำฬิกำ และรับกลับในวันอำทิตย์ เวลำ ๑๖ นำฬิกำ


สัปดำห์เว้นสัปดำห์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำเด็กหญิง ณ. จะบรรลุนิติภำวะ ให้จ�ำเลย
ช�ำระค่ำเสียหำยแก่โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บำท กับช�ำระค่ำเสียหำย ๕๐,๐๐๐ บำท ต่อครั้ง หำกจ�ำเลย




ไมปฏบตตำมขอตกลงนบแตวนฟองเปนตนไปจนกวำจำเลยจะปฏบตตำมขอตกลง พรอมดอกเบย
















อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ธ. และเป็นมำรดำของ
เด็กหญิง ณ. ผู้เยำว์ โดยจ�ำเลยเป็นผู้มีอ�ำนำจปกครองผู้เยำว์เพียงผู้เดียวตำมค�ำพิพำกษำ
ของศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรีและศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์เป็นฝ่ำย













ผดข้อตกลงพดใส่ร้ำยจำเลยว่ำ “แม่ไปทำร้ำยป่” เพอให้ผ้เยำว์ร้สกเกลยดชงว่ำจำเลยเป็น
คนไม่ดี จ�ำเลยเล้ยงดูผู้เยำว์มำต้งแต่เกิด ให้ควำมรักและควำมอบอุ่นแก่ผู้เยำว์ตลอดมำ ประกอบ


กับผู้เยำว์อำยุเพียง ๔ ปี ไม่ยินยอมไปอยู่กับนำย ธ. บิดำ และร้องไห้ตลอดเวลำกับโทรศัพท์ให้
จ�ำเลยมำรับกลับบ้ำน โจทก์เป็นปู่ของผู้เยำว์และไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ขอให้
ยกฟ้อง


ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลเยำวชนและครอบครัวจงหวดขอนแก่นเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำ



คดนอย่ในอ�ำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้








ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้โจทก์ซึ่งมีฐำนะเป็นปู่ของเด็กหญิง ณ. ผู้เยำว์ ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลย


ส่งมอบหรือยินยอมให้ผู้เยำว์ไปพักท่บ้ำนโจทก์ ในวันเสำร์ต้งแต่เวลำ ๙ นำฬิกำ และรับกลับ
ในวันอำทิตย์ เวลำ ๑๖ นำฬิกำ สัปดำห์เว้นสัปดำห์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำผู้เยำว์
จะบรรลุนิติภำวะ กับให้จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์เป็นค่ำขำดโอกำสในกำร

อุปกำระเลี้ยงดูผู้เยำว์ ส่วนจ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเป็นภริยำชอบด้วยกฎหมำยของนำย ธ. และ
เป็นมำรดำของผู้เยำว์ โดยจ�ำเลยเป็นผู้มีอ�ำนำจปกครองผู้เยำว์เพียงผู้เดียวตำมค�ำพิพำกษำ
ของศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ โจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิจึงไม่มีอ�ำนำจฟ้อง ข้อพิพำทของ
โจทก์และจ�ำเลยจึงไม่ใช่เรื่องผิดสัญญำเพียงประกำรเดียว แต่เป็นกรณีสืบเนื่องมำจำกข้อพิพำท



เก่ยวกับกำรอุปกำระเล้ยงดูบุตรและกำรใช้อ�ำนำจปกครองผู้เยำว์จึงเป็นคดีแพ่งท่ฟ้องต่อศำล
เก่ยวกับผู้เยำว์หรือครอบครัวซ่งจะต้องบังคับตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕


917

มำตรำ ๑๕๖๔ ถึง ๑๕๖๗ จึงเป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว

และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)

วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว



วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔



อโนชำ ชีวิตโสภณ

(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ













































918

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำย ส. โจทก์

ที่ วยช ๑๘/๒๕๖๕ นำงสำว ส. กับพวก จ�ำเลย






กำรท่โจทก์ซ่งเป็นพ่น้องร่วมบิดำมำรดำเดียวกันกับผู้ตำย อ้ำงว่ำตนอยู่ใน

ฐำนะทำยำทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตำย ฟ้องขอให้ศำลพิพำกษำว่ำจ�ำเลยท ๑






มิใช่บุตรของผู้ตำย เน่องจำกบิดำของจ�ำเลยท ๒ พำตัวจ�ำเลยท ๑ มำจำกสำธำรณรัฐ
ประชำชนจีนเข้ำมำประเทศไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย แล้วขอให้ผู้ตำยไปแจ้งเกิด


จ�ำเลยท ๑ ต่อนำยทะเบียนเพ่อให้จดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในแบบรับรองรำยกำร

ทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ว่ำ จ�ำเลยท ๑ เป็นบุตรของผู้ตำยท่เกิดจำกจ�ำเลยท ๒ โดย







จ�ำเลยท ๒ รู้เห็นและยินยอม อันเป็นกำรแจ้งข้อควำมอันเป็นเท็จ และขอให้เพิกถอนแบบ




รับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ท่แสดงว่ำจ�ำเลยท ๑ เป็นบุตรของผู้ตำยน้น กรณ ี




จึงเป็นคดีท่มีผลกระทบต่อสิทธ หน้ำท และควำมสัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะกำรเป็นบิดำ

กับบุตร ระหว่ำงผู้ตำยกับจ�ำเลยท ๑ ซ่งต้องอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.



บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว
_____________________

โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นพ่น้องร่วมบิดำมำรดำเดียวกันกับนำย ณ. ผู้ตำย และเป็นทำยำท
โดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของผู้ตำย เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหำคม ๒๕๓๐ ผู้ตำยจดทะเบียนสมรสกับ

จ�ำเลยท่ ๒ ต่อมำวันท่ ๔ กันยำยน ๒๕๓๒ ได้จดทะเบียนหย่ำขำดจำกกัน ไม่มีบุตรด้วยกัน

ผู้ตำยถึงแก่ควำมตำยเมื่อวันที่ ๒๒ เมษำยน ๒๕๖๔ บิดำมำรดำของผู้ตำยถึงแก่ควำมตำยก่อนแล้ว
พ่น้องของผู้ตำยทุกคนตกลงให้โจทก์ย่นค�ำร้องขอเป็นผู้จัดกำรมรดกของผู้ตำยต่อศำลจังหวัด


นครรำชสีมำ ระหว่ำงกำรพิจำรณำคดีดังกล่ำว นำงหรือนำงสำว อ. ยื่นค�ำร้องคัดค้ำนอ้ำงว่ำตน
เป็นผู้มีส่วนได้เสียอยู่กินร่วมกันฉันสำมีภริยำกับผู้ตำยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และจ�ำเลยที่ ๑
เป็นบุตรของผู้ตำยที่เกิดจำกจ�ำเลยที่ ๒ ท�ำให้ตัดสิทธิควำมเป็นทำยำทผู้มีส่วนได้เสียของโจทก์
โจทก์จึงตรวจสอบและทรำบควำมจริงว่ำจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ใช่บุตรของผู้ตำย โดยในขณะจ�ำเลยที่ ๑

เป็นเด็ก นำย ม. บิดำของจ�ำเลยที่ ๒ พำตัวจ�ำเลยที่ ๑ มำจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีนเข้ำมำ

ประเทศไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย แล้วขอร้องให้ผู้ตำยไปแจ้งเกิดจ�ำเลยที่ ๑ ต่อนำยทะเบียน
เพื่อให้จดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ว่ำ จ�ำเลยที่ ๑




919

เป็นบุตรของผู้ตำยที่เกิดจำกจ�ำเลยที่ ๒ โดยจ�ำเลยที่ ๒ รู้เห็นและให้ควำมยินยอม อันเป็นกำร










แจ้งข้อควำมอันเป็นเท็จ โจทก์ตดต่อจำเลยทงสองเพ่อขอตรวจพิสจน์ดีเอ็นเอ แต่จำเลยทงสอง
บ่ำยเบี่ยง หำกไม่เพิกถอนแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) อันเป็นเท็จ ย่อมท�ำให้

ตัดสิทธิควำมเป็นทำยำทโดยธรรมของโจทก์และท�ำให้พ่น้องทุกคนไม่ได้รับมรดกของผู้ตำย
ขอให้พิพำกษำว่ำจ�ำเลยท่ ๑ ไม่ใช่บุตรของผู้ตำย และให้จ�ำเลยท้งสองไปแจ้งต่อนำยทะเบียน


เพอเพกถอนแบบรบรองรำยกำรทะเบยนคนเกด (สตบตร) ของจำเลยท ๑ ว่ำผ้ตำยไม่ใช่บดำ














ของจ�ำเลยที่ ๑ ภำยใน ๗ วัน นับแต่ศำลมีค�ำพิพำกษำ หำกจ�ำเลยทั้งสองไม่ด�ำเนินกำรให้ถือเอำ
ค�ำพิพำกษำแทนกำรแสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง

ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดนครรำชสีมำเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำ
ว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้

ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑





วนจฉัยว่ำ กำรทโจทก์ซ่งเป็นพน้องร่วมบดำมำรดำเดียวกนกับผ้ตำย อ้ำงว่ำตนอยู่





ในฐำนะเป็นทำยำทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตำย ฟ้องขอให้ศำลพิพำกษำว่ำจ�ำเลยท่ ๑


มิใช่บุตรของผู้ตำย เน่องจำกบิดำของจ�ำเลยท่ ๒ พำตัวจ�ำเลยท่ ๑ มำจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีน



เข้ำมำประเทศไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย แล้วขอให้ผู้ตำยไปแจ้งเกิดจ�ำเลยท่ ๑ ต่อนำยทะเบียน
เพื่อให้จดข้อควำมอันเป็นเท็จลงในแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ว่ำ จ�ำเลยที่ ๑
เป็นบุตรของผู้ตำยท่เกิดจำกจ�ำเลยท่ ๒ โดยจ�ำเลยท่ ๒ รู้เห็นและยินยอม อันเป็นกำรแจ้ง



ข้อควำมอันเป็นเท็จ และขอให้เพิกถอนแบบรับรองรำยกำรทะเบียนคนเกิด (สูติบัตร) ที่แสดงว่ำ

จ�ำเลยท่ ๑ เป็นบุตรของผู้ตำยน้น กรณีจึงเป็นคดีท่มีผลกระทบต่อสิทธิ หน้ำท่ และควำม






สัมพันธ์เก่ยวกับสถำนะกำรเป็นบิดำกับบุตร ระหว่ำงผู้ตำยกับจ�ำเลยท่ ๑ ซ่งต้องอยู่ในบังคับ
ของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๕ ลักษณะ ๒ จึงเป็นคดีครอบครัว

ตำมพระรำชบญญตศำลเยำวชนและครอบครวและวธพจำรณำคดเยำวชนและครอบครว








พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครัว
920

วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๕




อโนชำ ชีวิตโสภณ
(นำงอโนชำ ชีวิตโสภณ)

อธิบดีผู้พิพำกษำศำลเยำวชนและครอบครัวกลำง

ช่วยท�ำงำนชั่วครำวในต�ำแหน่งประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ




นิชญำ ปรำณีจิตต์ - ย่อ
พำชื่น แสงจันทร์เทศ - ตรวจ
























































921

ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำร อ. โจทก์

ที่ วยช ๑๐/๒๕๖๐ นำย ช. กับพวก จ�ำเลย





โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทระหว่ำงจ�ำเลย


ท้งสองโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท ๑ ซ่งเป็นลูกหน้ของโจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดิน








พิพำทให้แก่จ�ำเลยท ๒ บุตรชอบด้วยกฎหมำย ท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์เสียเปรียบ
ซึ่งเป็นเรื่องฟ้องเพิกถอนกำรฉ้อฉลที่ต้องบังคับตำมมำตรำ ๒๓๗ วรรคหนึ่ง แห่ง ป.พ.พ.
บรรพ ๒ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว
___________________________

โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นลูกหน้ของโจทก์ตำมค�ำพิพำกษำศำลจังหวัดสงขลำ


ในคดีแพ่งหมำยเลขแดงที่ ๙๙๙/๒๕๕๑ จ�ำเลยที่ ๑ ไม่ช�ำระหนี้ดังกล่ำว โจทก์จึงบังคับคดีโดย
กำรยึดทรัพย์จ�ำนองน�ำออกขำยทอดตลำดแต่ได้เงินจ�ำนวนสุทธิไม่พอช�ำระหนี้ ต่อมำจ�ำเลยที่ ๑





จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำท ๗ แปลง ให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ บุตรชอบด้วยกฎหมำย ท้งรู้อยู่ว่ำ
จะเป็นทำงให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำทระหว่ำง















จำเลยทงสอง หำกจำเลยทงสองไม่ปฏบติ ตำมคำพิพำกษำกขอให้ถอเอำคำพพำกษำแทนกำร
แสดงเจตนำของจ�ำเลยทั้งสอง

ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลเยำวชนและครอบครัวจังหวัดภูเก็ตเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน ี ้


อย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลเยำวชนและครอบครวหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำน






ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๑



วินิจฉัยว่ำ คดีน้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนกำรจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ท่ดินพิพำท

ระหว่ำงจ�ำเลยท้งสองโดยอ้ำงว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นลูกหน้ของโจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ ิ ์





ท่ดินพิพำทให้แก่จ�ำเลยท่ ๒ บุตรชอบด้วยกฎหมำย ท้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้โจทก์เสียเปรียบ




ซ่งเป็นเร่องฟ้องเพิกถอนกำรฉ้อฉลท่ต้องบังคับตำมมำตรำ ๒๓๗ วรรคหน่ง แห่งประมวลกฎหมำย

แพ่งและพำณิชย์ บรรพ ๒ จึงไม่เป็นคดีครอบครัว ตำมพระรำชบัญญัติศำลเยำวชนและครอบครัว
และวิธีพิจำรณำคดีเยำวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มำตรำ ๑๐ (๓)
922


Click to View FlipBook Version