ึ
ี
วินิจฉัยว่ำ ตำมค�ำฟ้องและค�ำให้กำรเป็นกรณีท่โจทก์ขอคืนสินค้ำล้ออัลลอยซ่งโจทก์
อ้ำงว่ำโจทก์น�ำเข้ำมำจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีนโดยใช้สิทธิยกเว้นอำกรและลดอัตรำอำกร
ศุลกำกร ภำยใต้ข้อตกลงเขตกำรค้ำเสรีอำเซียน-จีน และตำมประกำศกระทรวงกำรคลัง
ื
ิ
เร่องกำรยกเว้นอำกรศุลกำกรส�ำหรับของท่มีถ่นก�ำเนิดจำกสำธำรณรัฐประชำชนจีน โดยมีหนังสือ
ี
รับรองถิ่นก�ำเนิดสินค้ำ (FORM-E) ที่ออกโดยรัฐบำลแห่งสำธำรณรัฐประชำชนจีน แต่พนักงำน
่
้
้
ี
้
ิ
่
ั
ี
ี
เจำหน้ำท่ของจ�ำเลยอ้ำงวำกำรทโจทก์น�ำเขำสนคำมำจำกสำธำรณรัฐประชำชนจนแต่กลบท�ำให ้
ปรำกฏค�ำว่ำ “JAPAN” ซ่งหมำยถึงประเทศญ่ปุ่นในสินค้ำหรือของ จึงเป็นสินค้ำหรือของท่ม ี
ึ
ี
ี
กำรแสดงก�ำเนิดเป็นเท็จ ต้องห้ำมน�ำเข้ำในรำชอำณำจักรตำมพระรำชบัญญัติห้ำมน�ำของท ่ ี
มีกำรแสดงก�ำเนิดเป็นเท็จเข้ำมำ พ.ศ. ๒๔๘๑ มำตรำ ๕ สินค้ำหรือของดังกล่ำวจึงเป็นของ
ู
็
ี
่
้
่
ิ
�
้
ิ
็
้
้
ิ
ิ
่
ิ
ึ
ทผดกฎหมำย จงตองยดไวเพรำะเปนกำรลวงผบรโภคใหเขำใจผดในถนกำเนดวำเปนสนคำทผลต
้
ี
ิ
ึ
้
่
ิ
ี
ี
ในประเทศญ่ปุ่น ท้งท่มีแหล่งก�ำเนิดในสำธำรณรัฐประชำชนจีน กรณีจึงเป็นกำรโต้แย้งกันว่ำสินค้ำ
ั
ี
ี
ท่โจทก์น�ำเข้ำต้องห้ำมน�ำเข้ำในรำชอำณำจักรตำมพระรำชบัญญัติห้ำมน�ำของท่มีกำรแสดงก�ำเนิด
เป็นเท็จเข้ำมำ พ.ศ. ๒๔๘๑ มำตรำ ๕ และจ�ำเลยมีอ�ำนำจยึดไว้ตำมกฎหมำยหรือไม่ ส่วนปัญหำ
ิ
ั
ื
้
ึ
�
ิ
ั
�
ว่ำกำรทจำเลยยดสนค้ำของโจทก์ดงกล่ำวเป็นกำรกระทำละเมดต่อโจทก์หรอไม่นน เป็นปัญหำ
่
ี
ี
ท่สืบเน่องรองลงมำจำกปัญหำดังกล่ำว คดีของโจทก์เก่ยวกับจ�ำเลยจึงเป็นคดีเก่ยวกับอุทธรณ์
ี
ี
ื
ค�ำวินิจฉัยของเจ้ำพนักงำนหรือคณะกรรมกำรตำมกฎหมำยเก่ยวกับภำษีอำกรตำมมำตรำ ๗ (๑)
ี
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๗ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
มณฑำทิพย์ ตั้งวิชำชำญ - ย่อ
วีนัส นิมิตกุล - ตรวจ
423
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไท่หลง ๒๐๑๗ จ�ำกัด โจทก ์
ที่ วภ ๓/๒๕๖๒ กรมศุลกำกร จ�ำเลย
ื
โจทก์น�ำสินค้ำเข้ำมำในรำชอำณำจักรโดยย่นใบขนสินค้ำขำเข้ำเป็นกระเทียม
ิ
ี
่
�
ิ
พนกงำนเจ้ำหน้ำทของจำเลยตรวจสอบสนค้ำแล้วพบว่ำโจทก์สำแดงปรมำณสนค้ำ
ิ
�
ั
ั
ื
ไม่ถูกต้อง ปกปิดไม่ส�ำแดงเคร่องหมำยกำรค้ำ ไม่ส�ำแดงขนำดและช้นคุณภำพของสินค้ำ
่
ื
และซ้อผ่ำนนำยหน้ำ จึงอำยัดสินค้ำไว้ โดยโจทก์ฟ้องว่ำกำรกระท�ำดังกลำวเป็นกำรละเมิด
ั
ขอให้จ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำย รวมท้งคืนค่ำอำกรขำเข้ำและภำษีมูลค่ำเพ่มท่โจทก์ช�ำระ
ี
ิ
ให้แก่จ�ำเลยไว้แล้วด้วย จ�ำเลยให้กำรว่ำ กรณีเป็นกำรตรวจพบว่ำ โจทก์ยื่นใบขนสินค้ำ
ี
ขำเข้ำไว้ไม่ถูกต้อง และพยำยำมหลีกเล่ยงกำรเสียอำกร เป็นเหตุให้อำกรขำด จ�ำเลย
ี
แจ้งกำรประเมินแล้ว โจทก์อุทธรณ์กำรประเมิน พนักงำนเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยไม่ได้ท�ำ
ละเมิด คดีของโจทก์จึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวกับกำรประเมินเรียกเก็บค่ำภำษีอำกรตำม
ี
กฎหมำย และกำรขอคืนค่ำภำษีอำกร ส่วนข้อพิพำทว่ำ จ�ำเลยกระท�ำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
เป็นเร่องเก่ยวเน่องรองลงมำ คดีจึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
ื
ื
ี
ั
ตำม พ.ร.บ. จัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๗
(๑) และ (๓)
_______________________________
ี
�
ั
้
้
ี
ั
้
่
ี
่
์
์
โจทกฟองวำ โจทกนำเขำกระเทยมจำกสำธำรณรฐประชำชนจน พนกงำนเจำหนำทของ
้
จ�ำเลยตรวจสอบและจับกุมสินค้ำพร้อมท้งอำยัดตู้สินค้ำ และแจ้งข้อกล่ำวหำว่ำ โจทก์ส�ำแดง
ั
ปริมำณสินค้ำไม่ถูกต้อง ปกปิดไม่ส�ำแดงเคร่องหมำยกำรค้ำ ไม่ส�ำแดงขนำดและช้นคุณภำพ
ื
ั
ี
ของสินค้ำ และซ้อผ่ำนนำยหน้ำ โจทก์ช้แจงต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยแล้วแต่จ�ำเลยไม่ม ี
ื
ี
ค�ำสั่งหรือด�ำเนินกำรใด ๆ เป็นระยะเวลำ ๘ เดือนเศษ ท�ำให้สินค้ำของโจทก์ได้รับควำมเสียหำย
ี
ื
โจทก์ต้องเสียค่ำเช่ำตู้สินค้ำและค่ำใช้จ่ำยในขณะท่ตู้สินค้ำอยู่บนบก ค่ำเช่ำพ้นท่และโกดัง
ี
ของท่ำเรือกรุงเทพ ค่ำอำกรขำเข้ำและภำษีมูลค่ำเพ่มท่โจทก์ช�ำระแก่จ�ำเลยแล้ว ค่ำเสียหำย
ี
ิ
ี
�
�
และค่ำขำดประโยชน์จำกกำรทโจทก์ไม่สำมำรถนำสนค้ำไปจำหน่ำยได้ กำรกระทำของจำเลย
�
ิ
�
่
จึงเป็นกำรละเมิดต่อโจทก์ ขอให้พิพำกษำให้จ�ำเลยช�ำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
ิ
ื
์
�
่
ึ
ู
้
ี
้
ี
่
่
จำเลยใหกำรโดยมข้อต่อสประกำรหนงวำ กรณเป็นกำรตรวจพบวำโจทกย่นใบขนสนค้ำ
ี
ึ
ี
เอกสำร หรือข้อมูลซ่งเก่ยวกับกำรเสียภำษีอำกรไม่ถูกต้อง และน�ำของท่ผ่ำนหรือก�ำลังจะผ่ำน
ี
ี
พิธีกำรศุลกำกรเข้ำมำในรำชอำณำจักรโดยหลีกเล่ยงหรือพยำยำมหลีกเล่ยงกำรเสียอำกร เป็น
424
่
ื
ิ
ุ
ิ
�
ั
ุ
เหตให้อำกรขำด จำเลยแจ้งกำรประเมนอำกรไปยงโจทก์แล้ว โจทก์ยนอทธรณ์กำรประเมน
พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ของจ�ำเลยปฏิบัติหน้ำที่ตำมกฎหมำย มิได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ กรณีจึงเป็น
คดีเก่ยวกับกำรอุทธรณ์ค�ำวินิจฉัยของเจ้ำพนักงำนหรือคณะกรรมกำรตำมกฎหมำยเก่ยวกับ
ี
ี
ิ
ึ
ี
ี
�
ภำษอำกร และมีกำรเรยกอำกรและภำษมูลค่ำเพ่มจำกจ�ำเลยด้วย จงอยู่ในอำนำจพิจำรณำ
ี
พิพำกษำของศำลภำษีอำกร
ื
ี
ื
วันนัดช้สองสถำน ทนำยจ�ำเลยย่นค�ำร้องขอให้วินิจฉัยเร่องเขตอ�ำนำจศำล จึงส่งส�ำนวน
มำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลภำษีอำกรและ
ั
วิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๐ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์น�ำสินค้ำเข้ำมำในรำชอำณำจักรโดยย่นใบขนสินค้ำขำเข้ำเป็นกระเทียม
ื
ี
พนักงำนเจ้ำหน้ำท่ของจ�ำเลยตรวจสอบสินค้ำแล้วพบว่ำโจทก์ส�ำแดงปริมำณสินค้ำไม่ถูกต้อง
ื
ื
ั
ปกปิดไม่ส�ำแดงเคร่องหมำยกำรค้ำ ไม่ส�ำแดงขนำดและช้นคุณภำพของสินค้ำ และซ้อผ่ำน
นำยหน้ำ จึงอำยัดสินค้ำไว้ โดยโจทก์ฟ้องว่ำกำรกระท�ำดังกล่ำวเป็นกำรละเมิด ขอให้จ�ำเลยชดใช้
ค่ำเสียหำย รวมท้งคืนค่ำอำกรขำเข้ำและภำษีมูลค่ำเพ่มท่โจทก์ช�ำระให้แก่จ�ำเลยไว้แล้วด้วย
ี
ิ
ั
ื
จ�ำเลยให้กำรว่ำกรณีเป็นกำรตรวจพบว่ำ โจทก์ย่นใบขนสินค้ำขำเข้ำไว้ไม่ถูกต้อง และพยำยำม
ี
หลีกเล่ยงกำรเสียอำกร เป็นเหตุให้อำกรขำด จ�ำเลยแจ้งกำรประเมินแล้ว โจทก์อุทธรณ์กำร
ประเมิน คดีของโจทก์จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวกับกำรประเมินเรียกเก็บค่ำภำษีอำกรตำมกฎหมำย
ิ
ื
ิ
ี
่
และกำรขอคืนค่ำภำษอำกร ส่วนข้อพพำทว่ำ จ�ำเลยกระท�ำละเมดต่อโจทก์หรือไม่ เป็นเรอง
เกยวเนองรองลงมำ คดโจทก์จงอย่ในอำนำจพจำรณำพพำกษำของศำลภำษอำกร ตำม
ิ
ี
ู
ื
ี
่
ี
ึ
ิ
�
่
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๗ (๑)
และ (๓)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
วินิจฉัย ณ วันที่ ๙ เดือน สิงหำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
มณฑำทิพย์ ตั้งวิชำชำญ - ย่อ
วีนัส นิมิตกุล - ตรวจ
425
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยต่อพงษ์ นิลประไพ โจทก ์
ที่ วภ ๔/๒๕๖๒ กรมสรรพสำมิต จ�ำเลย
โจทก์น�ำเข้ำรถยนต์และช�ำระภำษีอำกรเรียบร้อยแล้ว ต่อมำกรมสอบสวน
็
ั
คดีพเศษ กล่ำวหำว่ำโจทก์น�ำรถยนต์เข้ำมำในรำชอำณำจกรโดยส�ำแดงเทจ โจทก์ขอ
ิ
ท�ำควำมตกลงระงับคดีโดยขอมอบรถยนต์คันดังกล่ำวให้ตกเป็นของแผ่นดิน และม ี
หนังสือขอคืนภำษีสรรพสำมิตต่อจ�ำเลย คดีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์มีสิทธิได้รับ
ี
คืนภำษีสรรพสำมิตหรือไม่ เพียงใด กรณีจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวกับกำรขอคืนค่ำภำษ ี
อำกร ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร
พ.ศ. ๒๕๒๘ คดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
______________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นผู้น�ำเข้ำรถยนต์ยี่ห้อมำยบัค (MAYBACH) จ�ำนวน ๑ คัน โจทก์
ื
ช�ำระอำกรขำเข้ำ ภำษีสรรพสำมิต ภำษีเพ่อมหำดไทย และภำษีมูลค่ำเพ่มแล้วเม่อวันท่ ๑๐
ี
ิ
ื
มิถุนำยน ๒๕๕๒ โดยช�ำระภำษีสรรพสำมิต จ�ำนวน ๔,๓๐๓,๕๒๐ บำท ต่อมำกรมสอบสวนคดี
�
ิ
�
ั
พเศษกล่ำวหำว่ำโจทก์นำรถยนต์เข้ำมำในรำชอำณำจกรโดยสำแดงเทจ โจทก์ทำควำมตกลง
็
�
ระงับคดีโดยขอมอบรถยนต์คันดังกล่ำวให้ตกเป็นของแผ่นดินเม่อวันท่ ๘ สิงหำคม ๒๕๕๙ ต่อมำ
ื
ี
วันที่ ๒๑ ธันวำคม ๒๕๕๙ โจทก์มีหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกำกรเพื่อขอคืนเงินอำกรและค่ำภำษี
ี
วันท่ ๕ เมษำยน ๒๕๖๑ กรมศุลกำกรอนุมัติให้คืนเงินให้โจทก์ ๓,๓๑๓,๑๔๑ บำท โจทก์มีหนังสือ
ี
ทวงถำมให้จ�ำเลยคืนเงินค่ำภำษีสรรพสำมิตแก่โจทก์พร้อมดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี
ี
ี
นับแต่วันท่ ๑๐ มิถุนำยน ๒๕๕๒ แต่จ�ำเลยไม่คืนให้ เงินค่ำภำษีสรรพสำมิตท่จ�ำเลยรับไปเป็นกำร
ได้มำโดยปรำศจำกมูลอันจะอ้ำงกฎหมำยได้และเป็นทำงให้โจทก์เสียเปรียบ จึงเป็นลำภมิควรได้
ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงินค่ำภำษีสรรพสำมิตพร้อมดอกเบี้ย จ�ำนวน ๑๐,๗๗๖,๑๕๐ บำท พร้อม
ดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน จ�ำนวน ๔,๓๐๓,๕๒๐ บำท นับแต่วันฟ้องจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เมื่อวันที่ ๓ มิถุนำยน ๒๕๕๒ บริษัทเจ เอ็ม ยื่นใบขนสินค้ำขำเข้ำเป็น
รถยนต์ (MAYBACH) จ�ำนวน ๑ คัน เข้ำมำในรำชอำณำจักรและน�ำเข้ำเก็บในเขตประกอบกำรค้ำ
เสรีนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบัง จึงได้รับกำรยกเว้นค่ำภำษีอำกร ต่อมำวันท่ ๑๐ มิถุนำยน ๒๕๕๒
ี
426
โจทก์น�ำรถยนต์คันดังกล่ำวออกจำกเขตประกอบกำรค้ำเสรีนิคมอุตสำหกรรมลำดกระบัง โดย
ั
�
ิ
�
�
�
ื
ิ
ี
ุ
่
่
ื
ื
จดทำใบขนสนค้ำยนผ่ำนพธกำรศลกำกรเพอนำเข้ำมำใช้หรอจำหน่ำยภำยในประเทศ สำแดง
สินค้ำเป็นรถยนต์น่งใหม่ รำคำ ๒,๑๕๑,๗๖๐ บำท อำกรขำเข้ำ ๑,๗๒๑,๔๐๘ บำท ภำษีสรรพสำมิต
ั
๔,๓๐๓,๕๒๐ บำท ภำษีเพื่อมหำดไทย ๔๓๐,๓๕๒ บำท ภำษีมูลค่ำเพิ่ม ๖๐๒,๔๙๓ บำท โจทก์
ช�ำระภำษีอำกรทั้งหมดแล้ว เนื่องจำกสภำพรถยนต์คันดังกล่ำวเป็นรถยนต์ใช้แล้ว แต่โจทก์แจ้ง
ว่ำเป็นรถยนต์ใหม่ จึงเป็นควำมผิดฐำนส�ำแดงเท็จ โจทก์ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับและงด
กำรฟ้องร้องโดยขอให้รถยนต์คันดังกล่ำวตกเป็นของแผ่นดิน เม่อโจทก์เป็นผู้น�ำเข้ำรถยนต์
ื
ี
ี
คันดังกล่ำว โจทก์จึงเป็นผู้มีหน้ำท่เสียภำษีสรรพสำมิตในอัตรำท่ระบุไว้ในพิกัดอัตรำภำษ ี
สรรพสำมิต ตำมมำตรำ ๗ และมำตรำ ๑๐ แห่งพระรำชบัญญัติภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. ๒๕๒๗
ี
ี
ิ
ื
ี
จึงไม่มเหตุท่จ�ำเลยต้องคนภำษสรรพสำมิตแก่โจทก์ตำมมำตรำ ๑๐๗ แห่งพระรำชบัญญัตภำษ ี
สรรพสำมิต พ.ศ. ๒๕๒๗ คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องขอให้จ�ำเลยคืนภำษีสรรพสำมิต
โดยโจทก์อ้ำงว่ำโจทก์ไม่มีหน้ำที่ต้องเสียภำษีดังกล่ำว ซึ่งตำมมำตรำ ๑๐๗ แห่งพระรำชบัญญัติ
ื
ภำษีสรรพสำมิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ก�ำหนดให้ผู้น้นต้องย่นค�ำร้องต่ออธิบดีกรมสรรพสำมิตภำยใน
ั
ื
ี
ื
๓ ปี นับแต่วันช�ำระภำษี โจทก์ย่นหนังสือขอรับเงินค่ำภำษีสรรพสำมิตคืนเม่อวันท่ ๒๘ พฤษภำคม
๒๕๖๑ จึงเป็นกำรย่นค�ำร้องขอคืนเกินกว่ำ ๓ ปี และตำมพระรำชบัญญัติภำษีสรรพสำมิต
ื
พ.ศ. ๒๕๒๗ มำตรำ ๑๐๗ ก�ำหนดดอกเบี้ยไว้ในอัตรำร้อยละ ๑ ต่อเดือน โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิด
ี
ดอกเบ้ยในอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขำดอำยุควำมในฐำนลำภมิควรได้
ี
ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ ๔๑๙ ข้อพิพำทคดีน้ต้องพิจำรณำว่ำโจทก์มีหน้ำท ี ่
และควำมรับผิดในอันท่จะต้องเสียภำษีสรรพสำมิตในกำรน�ำเข้ำสินค้ำหรือไม่ และโจทก์มีสิทธิขอ
ี
คืนภำษีตำมฟ้องหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นกรณีพิพำทเกี่ยวกับกำรขอคืนค่ำภำษีอำกร ตำมมำตรำ
๗ (๓) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ โจทก์
จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องต่อศำลแพ่ง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลภำษีอำกรหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำม
ั
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๐
วรรคสอง
427
วินิจฉัยว่ำ โจทก์น�ำเข้ำรถยนต์และช�ำระภำษีอำกรเรียบร้อยแล้ว ต่อมำกรมสอบสวน
คดีพิเศษกล่ำวหำว่ำโจทก์น�ำรถยนต์เข้ำมำในรำชอำณำจักรโดยส�ำแดงเท็จ โจทก์ขอท�ำควำม
ตกลงระงับคดีโดยขอมอบรถยนต์คันดังกล่ำวให้ตกเป็นของแผ่นดิน และมีหนังสือขอคืนภำษ ี
สรรพสำมิตต่อจ�ำเลย คดีจึงมีปัญหำต้องวินิจฉัยว่ำ โจทก์มีสิทธิได้รับคืนภำษีสรรพสำมิตหรือไม่
ี
เพียงใด กรณีจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวกับกำรขอคืนค่ำภำษีอำกร ตำมมำตรำ ๗ (๓) แห่ง
ั
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ คดีจึงอยู่ใน
อ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๘ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๒
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
มณฑำทิพย์ ตั้งวิชำชำญ - ย่อ
วีนัส นิมิตกุล - ตรวจ
428
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ กรมอุตสำหกรรมพื้นฐำน
ที่ วภ ๓/๒๕๖๓ และกำรเหมืองแร่ โจทก ์
บริษัทสุมิตรอุดรก่อสร้ำง ๑๙๗๙
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ี
ี
ศำลจังหวัดอุดรธำนีมีค�ำพิพำกษำคดีน้แล้ว จึงเป็นกำรล่วงเลยเวลำท่ศำลอุทธรณ์
ื
ั
ภำค ๔ จะหยิบยกปัญหำเร่องอ�ำนำจศำลข้นมำกล่ำวอ้ำง อีกท้งตำมค�ำฟ้องของโจทก์
ึ
ี
ี
ั
และค�ำให้กำรของจ�ำเลยท้งสอง ไม่มีกรณีพิพำทเก่ยวกับภำษีอำกรตำมท่ก�ำหนดไว้ใน
มำตรำ ๗ แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘
ั
คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
_______________________________
่
้
้
่
โจทก์ฟองวำ จ�ำเลยทั้งสองรวมกันประกอบกิจกำรเหมืองแร่โดยไม่ไดรับอนุญำต ท�ำให ้
้
โจทก์ได้รับควำมเสียหำยและพนท่ปำไม้ได้รับควำมเสียหำยด้วย เป็นควำมผิดตำมพระรำชบัญญัต ิ
ี
่
ื
แร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มำตรำ ๔๓ และพระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ รวมควำมเสียหำย ๘๔๗,๗๕๔,๔๒๐.๑๘ บำท ขอให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกัน
ั
ช�ำระเงิน ๘๔๗,๗๕๔,๔๒๐.๑๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของเงินต้นจ�ำนวน
ดังกล่ำว นับแต่วันที่โจทก์ตรวจพบจนถึงวันฟ้อง เป็นเงิน ๕๙,๗๔๙,๒๖๗.๐๑ บำท และดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของเงินต้น ๘๔๗,๗๕๔,๔๒๐.๑๘ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำ
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
ึ
จ�ำเลยท้งสองให้กำรและแก้ไขค�ำให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องเรียกค่ำเสียหำยซ่งอย ู่
ั
ั
ี
ี
ื
ในพ้นท่รับผิดชอบของกรมป่ำไม้ โจทก์มีอ�ำนำจหน้ำท่ตำมพระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ เท่ำน้น
จ�ำเลยท่ ๑ ได้ใบประทำนบัตร เม่อใบประทำนบัตรหมดอำยุ และอยู่ระหว่ำงกำรด�ำเนินกำรต่อ
ี
ื
อำยุ กำรต่ออำยุล่ำช้ำเป็นเพรำะโจทก์และหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง จ�ำเลยที่ ๑ ช�ำระค่ำภำคหลวงให้
แก่โจทก์ และโจทก์ตรวจสอบกำรท�ำเหมืองแร่หินของจ�ำเลยตำมระเบียบเหมือนคร้งใบประทำน
ั
บัตรยังไม่หมดอำยุ ปริมำณแร่ที่โจทก์น�ำมำคิดเป็นค่ำเสียหำยนั้นคลำดเคลื่อนจำกควำมเป็นจริง
จ�ำเลยมิได้ท�ำลำยหรือท�ำให้สูญหำยหรือเสียหำยต่อทรัพยำกรธรรมชำติของรัฐหรือสำธำรณสมบัต ิ
ของแผ่นดิน โจทก์ฟ้องเรียกค่ำเสียหำยจำกมูลละเมิดจึงขำดอำยุควำม ขอให้ยกฟ้อง
429
ี
ศำลจังหวัดอุดรธำนีพิจำรณำแล้ว พิพำกษำให้จ�ำเลยท่ ๑ ช�ำระเงิน ๘๔๗,๗๕๔,๔๒๐.๑๘
บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของเงินดังกล่ำว นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลำคม ๒๕๕๙
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ โดยดอกเบี้ยก่อนฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๗ กันยำยน ๒๕๖๐)
ไม่เกิน ๕๙,๗๔๙,๒๖๗.๐๑ บำท และให้จ�ำเลยที่ ๑ ใช้ค่ำฤชำธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยก�ำหนด
ค่ำทนำยควำม ๑๐,๐๐๐ บำท ยกฟ้องโจทก์ส�ำหรับจ�ำเลยที่ ๒ ค่ำฤชำธรรมเนียมระหว่ำงโจทก์
กับจ�ำเลยที่ ๒ ให้เป็นพับ
จ�ำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ระหว่ำงพิจำรณำของศำลอุทธรณ์ภำค ๔ ศำลอุทธรณ์ภำค ๔ พิจำรณำแล้วมีค�ำสั่งให้
ี
ั
ส่งส�ำนวนไปให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยช้ขำดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๐ วรรคสอง
ื
ี
ั
วินิจฉัยว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นเร่องท่กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองกระท�ำละเมิดตำม
ิ
พระรำชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ และพระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำคุณภำพส่งแวดล้อม
แห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๓๕ จ�ำเลยทั้งสองให้กำรปฏิเสธว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้องตำมพระรำชบัญญัติ
ั
ส่งเสริมและรักษำคุณภำพส่งแวดล้อมแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๓๕ จ�ำเลยท้งสองมิได้ท�ำละเมิด และ
ิ
ฟ้องโจทก์ขำดอำยุควำม ศำลจังหวัดอุดรธำนีมีค�ำพิพำกษำแล้ว จึงเป็นกำรล่วงเลยเวลำท ่ ี
ศำลอุทธรณ์ภำค ๔ จะหยิบยกปัญหำเร่องอ�ำนำจศำลข้นมำกล่ำวอ้ำง อีกท้ง ตำมค�ำฟ้องของโจทก์
ึ
ื
ั
และค�ำให้กำรของจ�ำเลยทั้งสอง ไม่มีกรณีพิพำทเกี่ยวกับภำษีอำกรตำมที่ก�ำหนดไว้ในมำตรำ ๗
แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
430
ข้อสังเกต
ั
ื
ปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจศำลภำษีอำกรหรือศำลยุติธรรมอ่น พระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๐ วรรคสอง ก�ำหนดให้ประธำน
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยและค�ำวินิจฉัยของศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษให้เป็น
ี
ั
ท่สุด ศำลช้นต้นไม่มีอ�ำนำจวินิจฉัยปัญหำดังกล่ำว คดีน้ค�ำฟ้องของโจทก์และค�ำให้กำรของจ�ำเลย
ี
ั
ี
ี
ั
ท้งสองไม่มีกรณีพิพำทเก่ยวกับภำษีอำกรตำมท่ก�ำหนดในมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ ท้งในระหว่ำงพิจำรณำของศำลจังหวัด
ั
อุดรธำนีก็ไม่ปรำกฏว่ำมีกำรโต้แย้งคัดค้ำนว่ำศำลช้นต้นไม่มีอ�ำนำจรับพิจำรณำพิพำกษำคดีน ี ้
จนศำลจังหวัดอุดรธำนีมีค�ำพิพำกษำ เท่ำกับศำลจังหวัดอุดรธำนีเห็นว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
ื
ของศำล และคู่ควำมต่ำงยอมรับในเร่องอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำล กรณีจึงไม่มีปัญหำ
ว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจศำลภำษีอำกรหรือไม่ และล่วงเลยเวลำที่ศำลอุทธรณ์ภำค ๔ จะส่งส�ำนวนให้
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมมำตรำ ๑๐ วรรคสอง แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้ง
ศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ กรณีมีปัญหำว่ำคดีใดจะอยู่ในอ�ำนำจ
ั
ั
ั
ของศำลภำษีอำกรหรือศำลช้นต้นในช้นตรวจค�ำฟ้อง หำกศำลภำษีอำกรหรือศำลช้นต้นเห็นว่ำ
คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจของศำลภำษีอำกรจะมีค�ำส่งไม่รับฟ้องหรือยกฟ้องได้เลยหรือไม่ กรณีเช่นน ี ้
ั
ี
ี
้
ื
่
่
ิ
�
ื
ี
่
ู
ุ
ยอมเปนกำรวนจฉยวำคดนอยในอำนำจศำลภำษอำกรหรอศำลยตธรรมอน ซงตำมพระรำชบญญต ิ
็
ั
่
ั
ึ
ิ
ิ
ั
่
จัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๐ วรรคสอง ก�ำหนดให้
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยเท่ำน้น ศำลภำษีอำกรหรือศำลช้นต้นหำ
ั
ั
ั
มีอ�ำนำจวินิจฉัยปัญหำดังกล่ำวในช้นตรวจค�ำฟ้อง หำกศำลภำษีอำกรหรือศำลช้นต้นมีค�ำส่ง
ั
ั
ในเร่องดังกล่ำวย่อมเป็นกำรไม่ชอบด้วยกฎหมำย ตำมค�ำพิพำกษำศำลฎีกำท่ ๙๒๔๐/๒๕๓๙
ี
ื
ั
ื
เม่อคดีมีปัญหำว่ำอยู่ในอ�ำนำจของศำลภำษีอำกรหรือศำลช้นต้นข้นมำ ศำลภำษีอำกรหรือ
ึ
ศำลช้นต้นจึงสมควรส่งส�ำนวนคดีไปให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมท่ก�ำหนด
ั
ี
ไว้ในมำตรำ ๑๐ วรรคสอง หำกกรณีศำลช้นต้นรับฟ้องมำแล้ว จ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำคดีอยู่ใน
ั
ี
ี
ื
ั
อ�ำนำจศำลภำษอำกร คดีย่อมมีปัญหำว่ำอยู่ในอ�ำนำจของศำลภำษอำกรหรอไม่ ศำลช้นต้น
ี
ท่รับคดีไว้ไม่มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีเร่องน้ได้ ท้งคดีเร่องใดจะอยู่ในเขตอ�ำนำจของ
ื
ี
ื
ั
ศำลใดน้น เป็นปัญหำท่เก่ยวด้วยควำมสงบเรียบร้อยของประชำชนตำมค�ำพิพำกษำศำลฎีกำ
ั
ี
ี
ี
ุ
ี
ท ๒๗๘๑/๒๕๔๗ และเป็นอำนำจของประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพเศษเพยงผ้เดยวเป็น
่
ิ
ี
ั
�
ู
�
ี
ผู้วินิจฉัย ศำลที่รับคดีไว้ต้องรอกำรพิจำรณำพิพำกษำไว้ชั่วครำวแล้วเสนอปัญหำนั้นให้ประธำน
431
ศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย หำกศำลที่รับคดีไว้ด�ำเนินกระบวนพิจำรณำต่อไปโดย
ี
ี
มิได้รอกำรพิจำรณำไว้ช่วครำว ย่อมเป็นกรณีท่มิได้ปฏิบัติตำมบทบัญญัติในข้อท่มุ่งหมำยจะให้กำร
ั
ี
เป็นไปด้วยควำมยุติธรรมหรือท่เก่ยวด้วยควำมสงบเรียบร้อยของประชำชนในกำรพจำรณำคด ี
ิ
ี
ื
ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๗ เม่อศำลเห็นสมควรหรือเม่อคู่ควำมฝ่ำย
ื
ี
ี
ื
ั
ื
ท่เสียหำยเน่องจำกกำรมิได้ปฏิบัติเช่นว่ำน้นอำจย่นค�ำขอให้เพิกถอนกำรพิจำรณำท่ผิดระเบียบ
น้นได้ แต่หำกกรณีจ�ำเลยให้กำรต่อสู้ว่ำ คดีอยู่ในอ�ำนำจศำลภำษีอำกรแล้ว ศำลช้นต้นเห็นว่ำ
ั
ั
ั
ี
คดีน้ชัดแจ้งอยู่แล้วว่ำอยู่ในอ�ำนำจศำลช้นต้น ไม่ใช่กรณีท่มีปัญหำว่ำอยู่ในอ�ำนำจของศำลภำษ ี
ี
ี
ึ
ื
อำกรหรือไม่ และได้ด�ำเนินกระบวนพิจำรณำต่อมำ จ�ำเลยก็มิได้ยกเร่องน้ข้นโต้แย้งและมิได้ม ี
ั
ื
ั
ค�ำขอให้ศำลช้นต้นรอกำรพิจำรณำคดีไว้ช่วครำวเพ่อเสนอปัญหำดังกล่ำวให้ประธำนศำลอุทธรณ์
คดีช�ำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยอีก ย่อมแสดงว่ำคู่ควำมยอมรับอ�ำนำจศำลช้นต้นและคดีไม่มีปัญหำ
ั
ี
เร่องอ�ำนำจศำลท่ต้องเสนอให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมนัยค�ำพิพำกษำ
ื
ศำลฎีกำที่ ๕๘๑๘/๒๕๕๑ และ ๑๘๔๓/๒๕๕๑ กรณีคดีพิพำทเกี่ยวกับภำษีอำกรและอยู่ในกำร
พิจำรณำของศำลภำษีอำกร อย่ำงเช่น โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจ�ำเลยที่ ๑ ช�ำระเงินค่ำภำษีอำกรค้ำง
ี
ี
ี
ี
และจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๘ ส่งเงินท่ยังช�ำระค่ำหุ้นไม่ครบ พร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ แล้วศำลภำษ ี
อำกรกลำงวินิจฉัยว่ำ คดีในส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ มิใช่คดีพิพำทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐ
ในหนี้ค่ำภำษีอำกรตำมมำตรำ ๗ (๒) แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำ
คดีภำษีอำกร พ.ศ.๒๕๒๘ กรณีเช่นน้ศำลภำษีอำกรกลำงได้ก้ำวล่วงไปวินิจฉัยในปัญหำว่ำ
ี
คดีในส่วนจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ อยู่ในอ�ำนำจศำลภำษีอำกรกลำงหรือศำลยุติธรรมอื่น ตำมมำตรำ ๑๐
ั
ิ
้
ั
ี
ั
ั
ิ
ิ
วรรคสอง (เดม) แห่งพระรำชบญญตจดตงศำลภำษอำกรและวธพจำรณำคดภำษอำกร
ี
ี
ี
ิ
ั
พ.ศ. ๒๕๒๘ ท่ก�ำหนดให้ประธำนศำลฎีกำแต่ผู้เดียวเท่ำน้นเป็นผู้วินิจฉัย ศำลภำษีอำกรกลำง
ี
หำมีอ�ำนำจวินิจฉัยปัญหำดังกล่ำวไม่ ท่ศำลภำษีอำกรกลำงวินิจฉัยว่ำ โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
ี
ึ
ื
่
ี
้
ิ
ี
่
ึ
่
ี
จำเลยท ๒ ถงท ๘ และพพำกษำยกฟ้องมำนน จงไม่ชอบด้วยกฎหมำย แต่เนองจำกคดน ้ ี
�
ั
จ�ำเลยไม่ได้ให้กำรต่อสู้เรื่องเขตอ�ำนำจศำลไว้ ไม่มีปัญหำที่จะต้องวินิจฉัยในเรื่องเขตอ�ำนำจศำล
ี
�
ี
ึ
ศำลฎกำจงมคำพพำกษำในส่วนของจำเลยท ๒ ถงท ๘ ไปโดยไม่ได้ส่งสำนวนให้ประธำน
่
ี
ี
่
ึ
ิ
�
�
ศำลฎีกำวินิจฉัยตำมค�ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ ๕๒๕๗/๒๕๖๐ และ ๕๕๖๕/๒๕๕๙
(มณฑำทิพย์ ตั้งวิชำชำญ)
ผู้ช่วยผู้พิพำกษำศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
มณฑำทิพย์ ตั้งวิชำชำญ - ย่อ
วีนัส นิมิตกุล - ตรวจ
432
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแก๊สเจริญศักดิ์ ๒๐๐๑
ที่ วภ ๑/๒๕๖๓ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทซี เอ็น ซี โมลด์
แอนด์ พำร์ท จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ี
�
ี
ี
�
ั
ุ
ี
่
็
ตำมคำฟ้องและคำให้กำร มประเดนพพำทว่ำ นำแก๊สแอลพจบรรจถงทโจทก์
�
้
ิ
่
ั
ส่งให้จ�ำเลยท ๑ ช�ำรุดบกพร่องเป็นเหตุให้เส่อมรำคำหรือไม่ และจ�ำเลยท้งสองต้อง
ื
ี
ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด แม้ค่ำสินค้ำท่โจทก์เรียกจำกจ�ำเลยท ๑ จะรวม
ี
ี
่
ิ
ี
ื
ภำษีมูลค่ำเพ่มอยู่ด้วยก็ตำม แต่กรณีไม่มีประเด็นพิพำทเก่ยวกับเร่องภำษีอำกรตำม
มำตรำ ๗ แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘
ั
คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
______________________________
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์
ในกำรจ�ำหน่ำยน�้ำแก๊สแอลพีจีบรรจุถัง ระหว่ำงวันที่ ๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๙ กรกฎำคม
๒๕๖๑ จ�ำเลยที่ ๑ ซื้อน�้ำแก๊สแอลพีจีบรรจุถังจำกโจทก์ ๕๗ ครั้ง รวมเป็นเงิน ๓,๔๖๐,๘๔๖.๕๖ บำท
จ�ำเลยท่ ๑ ช�ำระค่ำสินค้ำให้โจทก์ ๘๒,๕๐๐ บำท คงค้ำงช�ำระ ๓,๔๖๐,๘๔๖.๕๖ บำท โจทก์
ี
ั
ทวงถำมแล้ว แต่จ�ำเลยท้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันช�ำระเงินให้โจทก์
ั
๓,๕๗๙,๙๗๑.๗๐ บำท พร้อมดอกเบ้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓,๔๖๐,๘๔๖.๕๖ บำท
ี
นับต้งแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ และให้จ�ำเลยท่ ๒ ร่วมกันหรือแทน
ั
ี
กับจ�ำเลยที่ ๑ ช�ำระเงินต้น ๙๒๓,๖๒๑.๔๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน
๙๐๗,๕๐๐ บำท นับตั้งแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จำเลยทงสองให้กำรว่ำ โจทก์ไม่มอำนำจฟ้องเพรำะโจทก์ไม่มวตถประสงค์ในกำรค้ำ
�
ั
้
ุ
ี
ั
�
ี
น้ำแก๊สแอลพีจีบรรจุถัง นำยเลอศักด์ ไม่ได้เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจลงลำยมือช่อและประทับ
�
ื
ิ
ื
ตรำส�ำคัญกระท�ำกำรแทนโจทก์ ลำยมือช่อกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนและตรำประทับ
ี
ของโจทก์ไม่ตรงกับท่ให้ไว้ท่กรมพัฒนำธุรกิจกำรค้ำ กระทรวงพำณิชย์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ี
จ�ำเลยที่ ๑ ช�ำระค่ำสินค้ำให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว สินค้ำของโจทก์ช�ำรุดบกพร่อง ท�ำให้จ�ำเลยที่ ๑
�
ี
ั
ได้รบควำมเสยหำย จำเลยท ๒ กระทำกำรแทนจำเลยท ๑ จงไม่ต้องรบผดเป็นส่วนตว
ั
ิ
�
ึ
ี
่
ั
่
�
ี
433
ี
ิ
ี
โจทก์มีหน้ำท่ออกใบก�ำกับภำษีมูลค่ำเพ่มให้จ�ำเลยท่ ๑ แต่โจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตำมประมวลรัษฎำกร
มำตรำ ๘๖ จึงมีควำมผิดตำมมำตรำ ๙๐/๒ (๓) เอกสำรท้ำยฟ้องหมำยเลข ๔ ถึง ๘ จึงต้องห้ำม
มิให้รับฟังเป็นพยำน ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยำนโจทก์ ศำลจังหวัดสมุทรปรำกำรพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำ
ว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกรหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำล
ั
อุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษ ี
อำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ มำตรำ ๑๐ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ ซื้อน�้ำแก๊สแอลพีจีบรรจุถังจำกโจทก์แล้วจ�ำเลยที่ ๑
ค้ำงช�ำระค่ำสินค้ำ ๓,๔๖๐,๘๔๖.๕๖ บำท ซึ่งรวมค่ำภำษีมูลค่ำเพิ่มร้อยละ ๗ ด้วย จ�ำเลยทั้งสอง
�
ี
ี
ให้กำรว่ำ น้ำแก๊สแอลพีจีบรรจุถังท่โจทก์ส่งให้จ�ำเลยท่ ๑ มีควำมช�ำรุดบกพร่องเป็นเหตุให้
เสื่อมรำคำ คิดเป็นค่ำเสียหำยที่จ�ำเลยที่ ๑ ได้รับเป็นเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บำท ดังนี้ คดีจึงมีประเด็น
ี
ี
ื
พิพำทว่ำ น้ำแก๊สแอลพีจีบรรจุถังท่โจทก์ส่งให้จ�ำเลยท่ ๑ ช�ำรุดบกพร่องเป็นเหตุให้เส่อมรำคำ
�
หรือไม่ และจ�ำเลยท้งสองต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด แม้ค่ำสินค้ำท่โจทก์เรียก
ั
ี
ิ
ื
ี
ี
จำกจ�ำเลยท่ ๑ จะรวมภำษีมูลค่ำเพ่มอยู่ด้วยก็ตำม แต่กรณีไม่มีประเด็นพิพำทเก่ยวกับเร่อง
ภำษีอำกรตำมมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร
พ.ศ. ๒๕๒๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
มณฑำทิพย์ ตั้งวิชำชำญ - ย่อ
วีนัส นิมิตกุล - ตรวจ
434
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทรักษำควำมปลอดภัย
ที่ วภ ๒/๒๕๖๓ จี เอส จ�ำกัด โจทก ์
บริษัทซี เอ็น ซี โมลด์
แอนด์ พำร์ท จ�ำกัด จ�ำเลย
ิ
็
�
�
ตำมคำฟ้องและคำให้กำร มประเดนพพำทว่ำ จำเลยชำระค่ำจ้ำงโจทก์แล้ว
�
ี
�
ี
ี
หรือไม่ และโจทก์ต้องรับผิดในทรัพย์สินของจ�ำเลยท่สูญหำยหรือไม่ แม้ค่ำจ้ำงท่โจทก์
เรียกจำกจ�ำเลยจะรวมภำษีมูลค่ำเพ่มอยู่ด้วยก็ตำม แต่ไม่มีกรณีพิพำทเก่ยวกับภำษีอำกร
ิ
ี
ตำมท่ก�ำหนดไว้ในมำตรำ ๗ แห่ง พ.ร.บ. จัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษ ี
ั
ี
อำกร พ.ศ. ๒๕๒๘ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑ ธันวำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยท�ำสัญญำว่ำจ้ำงให้โจทก์ท�ำกำรรักษำ
ควำมปลอดภัยให้แก่ทรัพย์สินของจ�ำเลยภำยในท่ท�ำกำรสำขำของจ�ำเลย มีก�ำหนดระยะเวลำ
ี
๑ ปี หำกสัญญำนี้ครบก�ำหนด โจทก์และจ�ำเลยยังไม่มีกำรบอกเลิกสัญญำเป็นลำยลักษณ์อักษร
ให้ถือว่ำสัญญำฉบับน้มีผลบังคับใช้ต่อไป ๑ ปี จนกว่ำจะมีกำรยกเลิกเป็นลำยลักษณ์อักษร
ี
ภำยหลังจำกครบก�ำหนดตำมสัญญำ โจทก์และจ�ำเลยต่อสัญญำกันทุกปีถึงปี ๒๕๖๑ จ�ำเลย
ผิดนัดค้ำงช�ำระค่ำจ้ำงเดือนเมษำยน ๒๕๖๑ ถึงเดือนสิงหำคม ๒๕๖๑ เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บำท
ี
ภำษีมูลค่ำเพ่ม ๑๒,๖๐๐ บำท ต่อมำวันท่ ๒๒ ตุลำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยมีหนังสือขอยกเลิก
ิ
สัญญำจ้ำงกับโจทก์ โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยช�ำระค่ำจ้ำงที่ค้ำงช�ำระแล้ว แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้
ี
�
้
�
จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ๒๐๔,๙๗๕ บำท พร้อมดอกเบยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน
๑๘๐,๐๐๐ บำท นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
จ�ำเลยให้กำรและฟ้องแย้งโจทก์ว่ำ จ�ำเลยไม่เคยค้ำงช�ำระค่ำจ้ำงโจทก์ ระหว่ำงสัญญำจ้ำง
ทรัพย์สินของโจทก์ท่เก็บรักษำไว้สูญหำยหลำยรำยกำร คิดเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บำท อันเน่อง
ื
ี
มำจำกกำรปฏิบัติหน้ำท่ของพนักงำนโจทก์ จ�ำเลยแจ้งให้โจทก์รับผิดชอบในควำมเสียหำยแล้ว
ี
ี
ิ
โจทก์เพิกเฉย โจทก์เป็นผู้ประกอบกำรจดทะเบียนภำษีมูลค่ำเพ่ม มีหน้ำท่ออกใบก�ำกับภำษ ี
ิ
่
ี
ึ
ิ
ิ
�
มลค่ำเพมให้จำเลย แต่โจทก์ไม่ได้ปฏบตตำมประมวลรษฎำกร มำตรำ ๘๖ จงมควำมผดตำม
ั
ู
ั
ิ
มำตรำ ๙๐/๒ (๓) ส�ำเนำใบวำงบิลเอกสำรท้ำยฟ้องจึงเป็นเอกสำรท่ต้องห้ำมตำมประมวลรัษฎำกร
ี
435
ที่จะรับฟังเป็นพยำนหลักฐำน ขอให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่ำเสียหำย ๓๐๐,๐๐๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
ื
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวนดังกล่ำว นับถัดจำกวันย่นค�ำให้กำรและฟ้องแย้ง
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
โจทก์ให้กำรแก้ฟ้องแย้งว่ำ จ�ำเลยไม่มีหลักฐำนกำรช�ำระเงินให้โจทก์ พนักงำนของ
โจทก์มิได้ละเลยต่อหน้ำที่จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของจ�ำเลยสูญหำย โจทก์ระบุภำษีมูลค่ำเพิ่มใน
ใบวำงบิลแล้ว ใบวำงบิลจึงรับฟังเป็นพยำนหลักฐำนได้
ี
ื
ในวันนัดสืบพยำนโจทก์และจ�ำเลย จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำ จ�ำเลยต่อสู้ว่ำมูลหน้ค่ำบริกำร
ี
ี
รักษำควำมปลอดภัยมีกำรหลีกเล่ยงกำรเสียภำษีมูลค่ำเพ่ม คดีน้จึงอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ิ
ของศำลภำษีอำกร ศำลแขวงสมุทรปรำกำรพิจำรณำแล้ว เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจ
พิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกรหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญ
ั
พิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘
มำตรำ ๑๐ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท�ำสัญญำว่ำจ้ำงโจทก์ให้รักษำควำมปลอดภัยทรัพย์สิน
ของจ�ำเลย แล้วจ�ำเลยค้ำงช�ำระค่ำจ้ำง ๑๘๐,๐๐๐ บำท ภำษีมูลค่ำเพิ่ม ๑๒,๖๐๐ บำท จ�ำเลย
ี
ให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ระหว่ำงสัญญำจ้ำง ทรัพย์สินของโจทก์ท่เก็บรักษำไว้สูญหำยหลำยรำยกำร
อันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติหน้ำท่ของพนักงำนโจทก์ คิดเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บำท ดังน้ คดีจึง
ี
ี
ื
มีประเด็นพิพำทว่ำ จ�ำเลยช�ำระค่ำจ้ำงโจทก์แล้วหรือไม่ และโจทก์ต้องรับผิดในทรัพย์สินของ
จ�ำเลยที่สูญหำยหรือไม่ แม้ค่ำจ้ำงที่โจทก์เรียกจำกจ�ำเลยจะรวมภำษีมูลค่ำเพิ่มอยู่ด้วยก็ตำม แต่
ี
ไม่มีกรณีพิพำทเก่ยวกับภำษีอำกรตำมท่ก�ำหนดไว้ในมำตรำ ๗ แห่งพระรำชบัญญัติจัดต้งศำล
ี
ั
ภำษีอำกรและวิธีพิจำรณำคดีภำษีอำกร พ.ศ. ๒๕๒๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลภำษีอำกร
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๘ เดือน มีนำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
มณฑำทิพย์ ตั้งวิชำชำญ - ย่อ
วีนัส นิมิตกุล - ตรวจ
436
รวมค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
คดีแรงงำน
437
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยวรวุฒิ พุทธำธร โจทก์
ที่ วร ๓๕/๒๕๕๙ บริษัทเอนไก ไทย จ�ำกัด จ�ำเลย
ึ
โจทก์ฟ้องว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงหักและอำยัดเงินเดือนและเงินโบนัสของ
ี
โจทก์ส่งมอบแก่เจ้ำพนักงำนบังคับคดีเกินกว่ำยอดหน้ท่โจทก์ต้องช�ำระ บำงงวดส่งมอบ
ี
ล่ำช้ำ และงดเว้นกำรส่งมอบหลำยงวด ท�ำให้โจทก์เสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลย
ผู้เป็นนำยจ้ำงหักเงินค่ำจ้ำงของโจทก์โดยไม่ชอบและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นลูกจ้ำง
เกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์เป็นลูกจ้ำง ระหว่ำงท�ำงำน โจทก์ถูกกำรส่อสำรแห่งประเทศไทย
ื
ฟ้องโจทก์กับพวกเป็นจ�ำเลย ศำลแรงงำนกลำงได้มีค�ำพิพำกษำตำมยอมในคดีหมำยเลขแดง
ี
ื
ท่ ๘๖๔/๒๕๔๔ โดยโจทก์กับพวกตกลงช�ำระเงิน ๖๖๒,๐๖๘.๗๔ บำท ให้กำรส่อสำรแห่งประเทศไทย
ี
แต่โจทก์มิได้ช�ำระหน้ตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำม จึงมีกำรบังคับคดี เจ้ำพนักงำน
ึ
ี
บังคับคดมีหนังสือให้จ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงอำยัดเงินเดือนและเงินโบนัสของโจทก์ส่งมอบแก่
เจ้ำพนักงำนบังคับคดี แต่จ�ำเลยหักและอำยัดเงินเดือน เงินโบนัส เกินกว่ำยอดหนี้ที่โจทก์ต้องช�ำระ
ั
ี
อีกท้งบำงงวดส่งมอบล่ำช้ำและงดเว้นกำรส่งมอบหลำยงวดเป็นเหตุให้โจทก์ต้องช�ำระเบ้ยปรับเป็น
ดอกเบ้ยจำกกำรช�ำระล่ำช้ำรวมควำมเสียหำย เป็นเงินท้งส้น ๗๐๘,๖๕๖.๔๖ บำท ขอให้บังคับ
ั
ิ
ี
จ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
ิ
จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีไม่อยู่ในอ�ำนำจพจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน จ�ำเลยจ้ำงโจทก์
ี
ี
เป็นลูกจ้ำง โดยโจทก์ไม่เคยแจ้งแก่จ�ำเลยว่ำโจทก์มีภำระหน้สินติดตัวมำจำกท่ท�ำงำนเดิมหรือ
ต้องถูกบังคับคดีใด ๆ จ�ำเลยอำยัดเงินเดือนและเงินโบนัสของโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้ำงตำมค�ำสั่งของ
ิ
ี
เจ้ำพนักงำนบังคับคดี ซ่งมิได้แจ้งถึงรำยละเอียดจ�ำนวนหน้ท่โจทก์ค้ำงช�ำระและระยะเวลำส้นสุด
ึ
ี
ของกำรอำยัดและน�ำส่งเงินเดือนให้จ�ำเลยทรำบ จ�ำเลยมิได้จงใจหรือประมำทเลินเล่อท�ำให้โจทก์
เสียหำย ขอให้ยกฟ้อง
ู
ิ
�
ี
ี
ระหว่ำงพจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณมีปัญหำว่ำคดอย่ในอำนำจของ
ศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัต ิ
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
438
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์เป็นลูกจ้ำงจ�ำเลย ระหว่ำงท�ำงำน จ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำง
ั
ิ
ิ
ั
ื
ั
ั
ิ
ั
ได้หกและอำยดเงนเดอน และเงนโบนัสของโจทก์ส่งมอบแก่เจ้ำพนกงำนบงคบคดีเกนกว่ำยอดหน ี ้
ท่โจทก์ต้องช�ำระ อีกท้งบำงงวดส่งมอบล่ำช้ำและงดเว้นกำรส่งมอบหลำยงวด ท�ำให้โจทก์ได้รับ
ั
ี
ควำมเสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นนำยจ้ำงหักเงินค่ำจ้ำงและเงินโบนัสของโจทก์
ึ
ซ่งเป็นลูกจ้ำงโดยไม่ชอบและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำ
ี
ิ
ึ
ี
ิ
ิ
่
ื
ี
่
จ้ำงแรงงำน คดระหว่ำงโจทก์กบจำเลยจงเป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำทตำมกฎหมำย
ี
ั
ี
�
ว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน และเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเกี่ยวกับ
กำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคด ี
ั
แรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๒) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๗ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
439
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยสมบูรณ์ ทิพยรัตน์ โจทก์
ที่ วร ๔๒/๒๕๕๙ องค์กำรสะพำนปลำ จ�ำเลย
ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำนำยจ้ำงจ่ำยค่ำชดเชยให้ไม่ครบถ้วนเป็นกำรปฏิบัติไม่ชอบ
ด้วยข้อบังคับองค์กำรสะพำนปลำ ว่ำด้วยกำรท�ำงำนของพนักงำนองค์กำรสะพำนปลำ
ึ
ึ
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซ่งถือเป็นส่วนหน่งของข้อตกลงในกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและ
ไม่ปฏิบัติตำมกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนรัฐวิสำหกิจสัมพันธ์ เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นรัฐวิสำหกิจ จ้ำงโจทก์เป็นพนักงำน ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นหัวหน้ำ
ส�ำนักเทคโนโลยีสำรสนเทศ ระหว่ำงปฏิบัติงำน จ�ำเลยกล่ำวหำว่ำโจทก์กระท�ำควำมผิดวินัย
ั
ี
อย่ำงร้ำยแรงและมีค�ำส่งองค์กำรสะพำนปลำท่ ๓๖/๒๕๕๔ ให้โจทก์ออกจำกงำนแต่ให้จ่ำย
ค่ำชดเชยแก่โจทก์ตำมข้อบังคับองค์กำรสะพำนปลำ ว่ำด้วยกำรท�ำงำนของพนักงำนองค์กำร
สะพำนปลำ พ.ศ. ๒๕๕๑ โจทก์มีสิทธิได้รับค่ำชดเชยและสินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ
รวมเป็นเงิน ๖๕๔,๕๑๐ บำท แต่จ�ำเลยจ่ำยให้โจทก์เพียง ๔๖๘,๓๔๖.๖๒ บำท ยังค้ำงอยู่อีก
๑๓๘,๓๔๑.๓๘ บำท ต่อมำจ�ำเลยฟ้องโจทก์ต่อศำลแรงงำนกลำงเป็นคดีหมำยเลขแดงท ี ่
๑๖๔/๒๕๕๔ กล่ำวหำว่ำโจทก์กระท�ำละเมิดท�ำให้จ�ำเลยเสียหำย ขอให้โจทก์ชดใช้ค่ำเสียหำย
ี
ฐำนละเมิด คดีถึงท่สุดโดยศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำยกฟ้อง และศำลฎีกำพิพำกษำยืน จึงขอ
ให้จ�ำเลยคืนเงินค่ำชดเชยที่ยังค้ำงอยู่ ๑๓๘,๓๔๑.๓๘ บำท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เงินท่ยังค้ำงอยู่ ๑๓๘,๓๔๑.๓๘ บำท เป็นเงินท่โจทก์ขอให้จ�ำเลยกันไว้
ี
ี
ื
เพ่อเป็นหลักประกันหำกศำลแรงงำนกลำงพิพำกษำให้โจทก์ต้องช�ำระค่ำเสียหำยแก่จ�ำเลย
ี
ี
ในคดีหมำยเลขแดงท่ ๑๖๔/๒๕๕๔ และเป็นเงินท่โจทก์มอบให้จ�ำเลยหลังออกจำกกำรเป็น
พนักงำนแล้วแม้ว่ำคดีดังกล่ำวศำลแรงงำนกลำงจะได้พิพำกษำยกฟ้อง และศำลฎีกำพิพำกษำยืน
ั
ึ
แต่โจทก์ยังคงมีหน้อ่นท่ยังค้ำงช�ำระแก่จ�ำเลย ซ่งจ�ำเลยได้แต่งต้งเจ้ำพนักงำนยึดและอำยัด
ี
ื
ี
ี
ทรัพย์สินของโจทก์แล้ว จ�ำเลยจึงใช้สิทธิน�ำเงิน ๑๓๘,๓๔๑.๓๘ บำท หักกลบลบหน้กับหน ี ้
ดังกล่ำว เมื่อโจทก์ยินยอมให้หักเงินจึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้อง
440
ื
ี
ระหว่ำงพิจำรณำ จ�ำเลยย่นค�ำร้องว่ำคดีน้ศำลแรงงำนกลำงไม่มีอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำ ศำลแรงงำนกลำง เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำนหรือไม่
จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้ง
ั
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ึ
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์เคยเป็นพนักงำนของจ�ำเลยซ่งเป็นรัฐวิสำหกิจ ระหว่ำง
ท�ำงำนจ�ำเลยซึ่งเป็นนำยจ้ำงได้ให้โจทก์ออกจำกงำนแต่ให้จ่ำยค่ำชดเชยแก่โจทก์ โจทก์มีสิทธิได้
รับค่ำชดเชยและสินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำรวมเป็นเงิน ๖๕๔,๕๑๐ บำท แต่จ�ำเลยจ่ำย
ให้โจทก์เพียง ๔๖๘,๓๔๖.๖๒ บำท ยังค้ำงอยู่อีก ๑๓๘,๓๔๑.๓๘ บำท จึงขอให้จ�ำเลยจ่ำยเงิน
ดังกล่ำวคืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นนำยจ้ำงไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ตำมข้อบังคับองค์กำรสะพำนปลำ ว่ำด้วยกำรท�ำงำนของพนักงำนองค์กำรสะพำนปลำ พ.ศ. ๒๕๕๑
ึ
ึ
ซ่งถือเป็นส่วนหน่งของข้อตกลงในกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและไม่ปฏิบัติตำมกฎหมำย
ว่ำด้วยแรงงำนรัฐวิสำหกิจสัมพันธ์ คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธ ิ
ี
หรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน และตำมกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนรัฐวิสำหกิจสัมพันธ์ ตำม
ี
ั
พระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๔ เดือน ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
441
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทฟอนด์ พับลิสชิ่ง อินเตอร์
ที่ วร ๔๓/๒๕๕๙ เนชั่นแนล จ�ำกัด โจทก์
นำงเพชรำ ปั้นปรีชำ จ�ำเลย
ึ
ู
ู
โจทก์ฟ้องว่ำจำเลยซ่งเป็นลกจ้ำงหลอกลวงโจทก์ว่ำได้ขำยโฆษณำให้แก่ลกค้ำ
�
ื
ึ
ื
ิ
แต่ละรำยเพ่อให้ได้รับเงินเดือนและค่ำตอบแทนเพ่มข้นจำกโจทก์ แต่เม่อโจทก์ท�ำกำร
ี
็
โฆษณำให้แก่ลูกค้ำดงกล่ำวแล้วไม่สำมำรถเรยกเกบเงินค่ำโฆษณำได้ ทำให้โจทก์
�
ั
ี
ี
เสียหำย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยปฏิบัติผิดหน้ำท่และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์เก่ยวกับ
กำรท�ำงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบกิจกำรรับผลิตน�ำเข้ำส่งออกและจ�ำหน่ำยภำยในประเทศ
ื
่
ิ
ิ
่
ุ
ื
่
ั
ื
ิ
ี
่
เกยวกบสอสงพมพ์ งำนโฆษณำ หนงสอนตยสำรและวำรสำรทกประเภทเพอเผยแพร่ข่ำวสำร
ั
และเรื่องรำวในวงกำรแฟชั่น ควำมงำมให้ผู้อ่ำน มีบริษัทต่ำง ๆ ที่มีธุรกิจด้ำนแฟชั่น ควำมงำม
อำหำร โรงแรม เป็นกลุ่มลูกค้ำในกำรซื้อโฆษณำ โดยโจทก์ใช้ชื่อนิตยสำรว่ำ นูเมโร (Numéro)
ี
จ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยกำรฝ่ำยขำย มีหน้ำท่ขำยโฆษณำให้ลูกค้ำตำมท่โจทก์
ี
ตงยอดขำยไว้เดือนละ ๒,๕๐๐,๐๐๐ บำท จำเลยได้รบเงินเดือน เดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท และ
ั
�
้
ั
ิ
จะได้รับค่ำตอบแทนเพ่ม (คอมมิชช่น) จำกยอดกำรขำยแต่ละคร้ง ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยได้
ั
ั
หลอกลวงโจทก์โดยอ้ำงว่ำสำมำรถขำยโฆษณำให้ลูกค้ำได้ เป็นเหตุให้โจทก์หลงเช่อและได้
ื
ท�ำกำรลงโฆษณำในหนังสือนิตยสำรนูเมโรของโจทก์ให้แก่ลูกค้ำแต่ละรำยในนำมของบริษัท
ิ
สรรพสินค้ำเซ็นทรัล ท�ำให้จ�ำเลยได้ยอดกำรขำยและได้รับเงินเดือนกับค่ำตอบแทนเพ่มจำกโจทก์
เม่อถึงก�ำหนดช�ำระค่ำโฆษณำปรำกฏว่ำโจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บเงินได้โดยลูกค้ำแต่ละรำย
ื
แจ้งว่ำโจทก์ให้ลงโฆษณำฟรี และไม่ได้ซ้อโฆษณำกับโจทก์ ซ่งควำมจริงแล้วจ�ำเลยไม่สำมำรถ
ื
ึ
ขำยโฆษณำให้ลูกค้ำได้แต่กลับหลอกลวงโจทก์ว่ำขำยโฆษณำได้ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย
ิ
ต้องจ่ำยเงินเดือนและค่ำตอบแทนเพ่มให้แก่จ�ำเลยและโจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บค่ำโฆษณำได้
ิ
เป็นเงินท้งส้น ๔๔๑,๐๐๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยชดใช้ค่ำเสียหำยจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อมดอกเบ้ย
ี
ั
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยกำรฝ่ำยขำย โจทก์
ี
กับจ�ำเลยไม่เคยมีข้อตกลงเก่ยวกับสภำพกำรจ้ำงว่ำจ�ำเลยต้องท�ำหน้ำท่ขำยโฆษณำให้ได้ยอดขำย
ี
ิ
เดือนละ ๒,๕๐๐,๐๐๐ บำท และโจทก์ไม่เคยจ่ำยค่ำตอบแทนเพ่มจำกยอดกำรขำยให้แก่จ�ำเลย
ี
ื
จ�ำเลยไม่ได้หลอกลวงโจทก์ตำมฟ้อง เหตุท่โจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บเงินจำกลูกค้ำได้เน่องจำก
442
็
ี
ิ
ี
โจทก์ไม่ตดตำมเรยกเกบเงินตำมรอบทำงบัญชีของลูกค้ำ จึงเป็นควำมผิดของโจทก์ท่เพิกเฉย
ปล่อยให้เวลำล่วงเลยผ่ำนไป จ�ำเลยไม่ได้ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย โจทก์ไม่มีอ�ำนำจฟ้อง
เพรำะคดีอยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลแรงงำน และคดีของโจทก์ขำดอำยุควำมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดช้สองสถำน จ�ำเลยย่นค�ำร้องอ้ำงว่ำ ควำมเสียหำยตำมค�ำฟ้องเป็นกรณ ี
ื
ี
ื
ึ
สืบเน่องมำจำกกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนซ่งอย่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ู
ศำลแรงงำน ศำลแพ่งพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่จึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์กล่ำวอ้ำงตำมค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ในต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยกำร
ี
ฝ่ำยขำยมีหน้ำท่ขำยโฆษณำได้รับเงินเดือน เดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท และจะได้รับค่ำตอบแทน
�
เพม (คอมมชชน) จำกยอดกำรขำยแตละครง ระหวำงทำงำนจำเลยหลอกลวงโจทกวำสำมำรถ
ั
่
่
้
ั
่
ิ
่
่
์
�
ิ
ขำยโฆษณำให้ลูกค้ำแต่ละรำยในนำมบริษัทสรรพสินค้ำเซ็นทรัลได้เพ่อท�ำให้จ�ำเลยได้รับเงินเดือน
ื
และค่ำตอบแทนเพิ่มจำกโจทก์ เมื่อโจทก์ท�ำกำรโฆษณำให้แก่ลูกค้ำดังกล่ำวแล้วปรำกฏว่ำโจทก์
ไม่สำมำรถเรียกเก็บเงินค่ำโฆษณำได้ โดยลูกค้ำดังกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ให้ลงโฆษณำฟรีและไม่ได้
ซื้อโฆษณำกับโจทก์ ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต้องจ่ำยเงินเดือนและค่ำตอบแทนเพิ่มให้แก่
จ�ำเลยและโจทก์ไม่สำมำรถเรียกเก็บค่ำโฆษณำได้เป็นเงินท้งส้น ๔๔๑,๐๐๐ บำท กรณีจึงเป็นกำร
ั
ิ
ี
กล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยผู้เป็นลูกจ้ำงปฏิบัติผิดหน้ำท่และกระท�ำละเมิดต่อโจทก์เก่ยวกับกำรท�ำงำน
ี
ี
ี
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและ
เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน ธันวำคม พ.ศ. ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
443
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทไทยฟู้ดส์ สไวน อินเตอร์
ที่ วร ๓๔/๒๕๖๐ เนชั่นแนล จ�ำกัด โจทก์
นำยเฉลิม ชุมประเสริฐ จ�ำเลย
ึ
ึ
โจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำงเลิกจ้ำงจ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงแล้ว แต่โจทก์จ่ำยค่ำจ้ำงให้
จ�ำเลยไปโดยผิดหลง จึงทวงถำมให้จ�ำเลยคืนค่ำจ้ำง เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคย
ึ
เป็นลูกจ้ำงรับเงินค่ำจ้ำงตอบแทนกำรท�ำงำนไปโดยไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
่
คดีระหวำงโจทก์และจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยเริ่มท�ำงำนเป็นพนักงำนบริษัทไทย
ฟู้ดส์ สไวน ฟำร์ม จ�ำกัด ต�ำแหน่งเจ้ำหน้ำที่ขำยชิ้นส่วนสุกร ได้รับค่ำจ้ำงเดือนละ ๑๙,๐๐๐ บำท
ั
ี
่
�
�
ิ
ั
�
�
ต่อมำวนท ๒๘ สงหำคม ๒๕๕๘ จำเลยได้ย้ำยมำทำงำนกบโจทก์ ระหว่ำงทำงำน จำเลย
ละทิ้งหน้ำที่เป็นเวลำสำมวันท�ำงำนติดต่อกัน วันที่ ๓ พฤษภำคม ๒๕๕๙ โจทก์จึงเลิกจ้ำงจ�ำเลย
ี
ี
โจทก์จ่ำยค่ำจ้ำงระหว่ำงวันท่ ๓๑ พฤษภำคม ๒๕๕๙ ถึงวันท่ ๓๐ มิถุนำยน ๒๕๕๙ รวม
๔๔,๖๓๓.๓๕ บำท ให้จ�ำเลยไปโดยผิดหลง โจทก์ทวงถำมให้จ�ำเลยคืนค่ำจ้ำงดังกล่ำวแล้ว
ื
แต่จ�ำเลยเพิกเฉย เม่อรวมดอกเบ้ยแล้วจ�ำเลยต้องคืนเงินให้โจทก์ ๔๗,๒๒๓.๘๘ บำท ขอให้
ี
ี
บังคับจ�ำเลยจ่ำยเงิน ๔๗,๒๒๓.๘๘ บำท พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จำกต้นเงิน
๔๔,๖๓๓.๓๕ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จและให้จ�ำเลยช�ำระค่ำฤชำธรรมเนียม
และค่ำทนำยควำมแก่โจทก์
ี
ั
ช้นตรวจค�ำฟ้อง ศำลแขวงพระนครเหนือเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
�
ุ
ี
�
ึ
ื
ิ
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ั
ิ
ั
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
ึ
ึ
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์ซ่งเป็นนำยจ้ำงเลิกจ้ำงจ�ำเลย ซ่งเป็นลูกจ้ำงแล้ว
ิ
ึ
�
แต่โจทก์จ่ำยค่ำจ้ำงให้จำเลยไปโดยผดหลง จงทวงถำมให้จำเลยคืนค่ำจ้ำง เป็นกำรกล่ำวอ้ำง
�
ว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงรับเงินค่ำจ้ำงตอบแทนกำรท�ำงำนไปโดยไม่ถูกต้องตำมสัญญำ
ึ
444
ี
ี
จ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ
ั
จ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
445
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทแอดวำนซ์ มำรีน อีเนอร์จี้
ที่ วร ๓๙/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์
นำยคอลิน เจมส์
แชมเบอร์ส จ�ำเลย
จ�ำเลยลำออกจำกกำรเป็นลูกจ้ำงโจทก์แล้วแต่ไม่คืนทรัพย์สินและเงินแก่โจทก์
โจทก์จึงขอให้จ�ำเลยคืนเงินและทรัพย์สินดังกล่ำวแก่โจทก์ เป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลย
ั
ี
ั
ื
ิ
ิ
่
ั
ิ
่
ู
ซงเคยเป็นลกจ้ำงโจทก์ชดใช้ค่ำเสยหำยอนเนองมำจำกกำรปฏบตผดหน้ำทตำมสญญำ
ี
่
ึ
จ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นนำยจ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็น
ี
ี
คดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นประธำนกรรมกำรบริหำรของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำนเป็น
ลูกจ้ำง โจทก์ให้จ�ำเลยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์และเอกสำรข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกำร
ื
ื
ั
ของโจทก์ โดยจ�ำเลยอนุมัติส่งซ้อโทรศัพท์เคล่อนท่กับอนุมัติซ้อคอมพิวเตอร์และระบบ
ื
ี
ิ
�
ั
้
ี
คอมพวเตอร์อก ๓ เครอง นอกจำกนจำเลยยงนำเงนของโจทก์จ่ำยเป็นค่ำเดนทำงไปประเทศ
ิ
ิ
ี
�
่
ื
ี
ออสเตรเลีย ๗๐,๐๐๐ บำท จ่ำยค่ำเช่ำท่พักและค่ำมัดจ�ำท่พัก ๗๒๐,๐๐๐ บำท โดยไม่มีสิทธ ิ
ี
ู
�
ั
�
ู
ั
้
ทงยงนำเอกสำรข้อมลท่เก่ยวกบกจกำรของโจทก์ไป ต่อมำจำเลยลำออกจำกกำรเป็นลกจ้ำง
ี
ั
ิ
ี
โจทก์แต่ไม่คืนทรัพย์สิน ข้อมูลเอกสำรและเงินดังกล่ำวแก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระเงิน
๘๑๐,๒๙๑.๑๐ บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๗๙๐,๐๐๐ บำท นับถัด
จำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จ�ำเลยคืนโทรศัพท์เคล่อนท่ คอมพิวเตอร์
ี
ื
ี
ี
และระบบคอมพิวเตอร์ เอกสำรและข้อมูลท่เก่ยวกับกิจกำรของโจทก์รำยละเอียดปรำกฏตำม
ค�ำขอท้ำยฟ้องของโจทก์ หำกไม่สำมำรถคืนได้ขอให้ช�ำระเงิน ๕๖๙,๕๔๑.๑๑ บำท พร้อมดอกเบ้ย
ี
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนเป็นลูกจ้ำงโจทก์ จ�ำเลยสั่งซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่
ื
ื
ื
กับอนุมัติซ้อคอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์อีก ๓ เคร่อง เพ่อใช้ในกิจกำรของโจทก์
เม่อโจทก์เลิกจ้ำง จ�ำเลยได้คืนให้โจทก์แล้ว จ�ำเลยไม่ได้น�ำเอกสำรข้อมูลท่เก่ยวข้องกับกิจกำร
ื
ี
ี
446
ื
ึ
ของโจทก์ไป จ�ำเลยเดินทำงไปประเทศออสเตรเลียเพ่อเจรจำธุรกิจของโจทก์ซ่งเบิกจ่ำย
ค่ำเดินทำงได้ ค่ำท่พักจ�ำเลยก็สำมำรถเบิกจ่ำยได้ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ส่วนเงินมัดจ�ำ
ี
โจทก์ชอบที่จะเรียกคืนจำกผู้ให้เช่ำเอง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งกรุงเทพใต้เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ต�ำแหน่งประธำนกรรมกำร
ื
ี
บริหำรของโจทก์ ระหว่ำงท�ำงำน โจทก์ให้จ�ำเลยใช้โทรศัพท์เคล่อนท่ คอมพิวเตอร์และเอกสำร
ี
ื
ี
ี
ข้อมูลท่เก่ยวข้องกับกิจกำรของโจทก์ โดยจ�ำเลยอนุมัติส่งซ้อโทรศัพท์เคล่อนท่กับอนุมัติซ้อ
ื
ื
ั
ื
ี
ี
ี
คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์อีก ๓ เคร่อง นอกจำกน้จ�ำเลยยังน�ำเอกสำรข้อมูลท่เก่ยวข้อง
กับกิจกำรของโจทก์ไปและน�ำเงินของโจทก์จ่ำยเป็นค่ำเดินทำงไปประเทศออสเตรเลีย รวมท้ง
ั
จ่ำยค่ำเช่ำที่พักและค่ำมัดจ�ำที่พักโดยไม่มีสิทธิ ต่อมำจ�ำเลยลำออกจำกกำรเป็นลูกจ้ำงโจทก์แล้ว
แต่ไม่คืนทรัพย์สิน ข้อมูลเอกสำร และเงินดังกล่ำวแก่โจทก์ จึงขอให้จ�ำเลยคืนเงิน ข้อมูลเอกสำร
ึ
และทรัพย์สินดังกล่ำวแก่โจทก์ อันเป็นกำรฟ้องเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ชดใช้
ี
ื
ค่ำเสียหำยอันเน่องมำจำกกำรปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและกระท�ำละเมิดต่อโจทก์
ซึ่งเป็นนำยจ้ำง คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
447
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยเกลน นอร์แมน ไทเลอร์ โจทก์
ที่ วร ๔๐/๒๕๖๐ บริษัทปรนันท์ จ�ำกัด จ�ำเลย
โจทก์ท�ำงำนกับจ�ำเลย ต�ำแหน่งวิศวกรออกแบบผลิตภัณฑ์ด้ำนพลำสติก ระหว่ำง
ท�ำงำน จ�ำเลยไม่จ่ำยเงินเดือน ค่ำที่พักและค่ำอ�ำนวยควำมสะดวกแก่โจทก์ โดยจะน�ำไป
ใช้ท�ำให้ธุรกิจของจ�ำเลยเติบโต แต่จ�ำเลยไม่ได้ด�ำเนินกำร ต่อมำจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์โดย
ไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำและไม่ได้ให้เหตุผลในกำรเลิกจ้ำง จึงเรียกร้องค่ำจ้ำงค้ำงช�ำระ
สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงควำมสัมพันธ์ตำม
ื
สัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำนและตำม
สัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อเดือนพฤษภำคม ๒๕๓๔ โจทก์เข้ำท�ำงำนกับจ�ำเลย ต�ำแหน่งวิศวกร
ออกแบบผลิตภัณฑ์ด้ำนพลำสติก ได้รับเงินเดือนอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๑๐๐,๐๐๐ บำท ค่ำท ี ่
พักและค่ำอ�ำนวยควำมสะดวกเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บำท เดือนมิถุนำยน ๒๕๕๔ กรรมกำรบริษัท
ิ
ุ
�
ื
�
่
ี
จำเลยขอไม่จ่ำยเงนเดอน ค่ำทพักและค่ำอำนวยควำมสะดวกแก่โจทก์เพ่อนำไปใช้ให้ธรกิจของ
�
ื
ั
ี
จ�ำเลยเติบโต โจทก์ยินยอมแต่หลังจำกน้นปรำกฏว่ำจ�ำเลยไม่ได้ด�ำเนินกำร ต่อมำวันท่ ๒๘
พฤษภำคม ๒๕๕๘ จ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำและไม่ได้ให้เหตุผลในกำร
เลิกจ้ำง ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงช�ำระต้งแต่เดือนมิถุนำยน ๒๕๕๔ สินจ้ำงแทนกำร
ั
ั
ี
ิ
บอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชย รวมดอกเบ้ยถึงวันฟ้องแล้วเป็นเงินท้งส้น ๔๔,๘๕๘,๑๒๕ บำท
ั
ี
ั
้
้
ี
้
้
พรอมดอกเบยอัตรำรอยละ ๗.๕ ต่อป ของตนเงิน ๒๘,๓๕๐,๐๐๐ บำท นบถัดจำกวนฟ้องเป็นตนไป
้
จนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยไม่เคยตกลงจ่ำยค่ำที่พักและค่ำอ�ำนวยควำมสะดวกแก่โจทก์
กรรมกำรบริษัทจ�ำเลยไม่เคยขอไม่จ่ำยเงินเดือน ค่ำที่พักและค่ำอ�ำนวยควำมสะดวก โดยอ้ำงจะ
น�ำไปใช้ท�ำให้ธุรกิจของจ�ำเลยเติบโตแต่อย่ำงใด แต่โจทก์ต่ำงหำกท่ขอให้จ�ำเลยช่วยเหลือทำง
ี
กำรเงินแล้วไม่สำมำรถน�ำเงินช�ำระคืนได้ กรรมกำรบริษัทจ�ำเลยจึงน�ำหุ้นที่โจทก์ถืออยู่ในบริษัท
ี
จ�ำเลยมำหักช�ำระหน้ตำมข้อตกลง ท�ำให้โจทก์ไม่พอใจและฟ้องจ�ำเลย ต่อมำศำลจังหวัดพระโขนง
ี
ี
และศำลจังหวัดมนบุรีมค�ำพิพำกษำยกฟ้อง โจทก์มิได้เป็นลูกจ้ำงจำเลย แต่โจทก์เป็นนำยจ้ำง
�
448
ของกรรมกำรบริษัทจ�ำเลยและมีธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ จ�ำเลยจึงไม่ได้เลิกจ้ำงโจทก์ สิทธิ
ุ
ิ
ี
ี
เรยกร้องในส่วนของค่ำจ้ำงและดอกเบ้ยขำดอำยควำม คดีน้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพพำกษำ
ี
ของศำลแรงงำน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ท�ำงำนกับจ�ำเลย ต�ำแหน่งวิศวกรออกแบบผลิตภัณฑ์
ด้ำนพลำสติก ระหว่ำงท�ำงำนจ�ำเลยไม่จ่ำยเงินเดือน ค่ำท่พักและค่ำอ�ำนวยควำมสะดวกแก่โจทก์
ี
โดยจะน�ำไปใช้ท�ำให้ธุรกิจของจ�ำเลยเติบโต แต่จ�ำเลยไม่ได้ด�ำเนินกำร ต่อมำจ�ำเลยเลิกจ้ำงโจทก์
โดยไม่ได้บอกกล่ำวล่วงหน้ำและไม่ได้ให้เหตุผลในกำรเลิกจ้ำง โจทก์จึงเรียกร้องค่ำจ้ำงค้ำงช�ำระ
สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชย เป็นกำรกล่ำวอ้ำงควำมสัมพันธ์ตำมสัญญำจ้ำง
่
้
ี
ั
้
้
้
ุ
ิ
ิ
่
แรงงำนเพอใช้สทธเรยกรองตำมกฎหมำยวำดวยกำรคมครองแรงงำนและตำมสญญำจำงแรงงำน
ื
ั
ส่วนโจทก์จะเป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยอันจะท�ำให้มีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริง
ื
ี
ในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและ
ี
ี
ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
449
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ ธนำคำรพัฒนำวิสำหกิจ
ที่ วร ๙/๒๕๖๑ ขนำดกลำงและขนำดย่อม
แห่งประเทศไทย โจทก์
นำยพศิษฐ์หรือเชำวฤทธิ์ อริยอม
รพิศำลหรือกิตติจันทร์เมธี จ�ำเลย
ี
ั
พนักงำนฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลของโจทก์กระท�ำทุจริต อ้ำงค�ำส่งของโจทก์ท่ได้
ื
ึ
ยกเลิกไปแล้วเพ่อขออนุมัติปรับข้นเงินเดือนร้อยละ ๕ และจ่ำยเงินตกเบิก พร้อมจ่ำยเงิน
ี
ี
สมทบกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพแก่พนักงำนท่ได้รับกำรแต่งต้งหรือปรับระดับ โดยจ�ำเลยได้
ั
ั
รับเงินตกเบิก ต่อมำโจทก์ได้มีค�ำส่งให้พนักงำนท่ได้รับเงินตกเบิกรวมท้งจ�ำเลยคืนเงิน
ั
ี
ดังกล่ำวแก่โจทก์แล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย จึงขอให้จ�ำเลยคืนเงินจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อม
ดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์รับเงินค่ำจ้ำงตกเบิก
ึ
ี
ไปโดยไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำท
เกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นรัฐวิสำหกิจ จัดต้งข้นตำมพระรำชบัญญัติธนำคำรพัฒนำวิสำหกิจ
ึ
ขนำดกลำงและขนำดย่อมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ จ�ำเลยท�ำงำนกับโจทก์ ต�ำแหน่ง
สุดท้ำยเป็นผู้จัดกำรเขต ระดับ ๑๑ สังกัดฝ่ำยสอบทำนสินเชื่อ ระหว่ำงกำรท�ำงำน เมื่อวันที่ ๒๕
กันยำยน ๒๕๕๖ พนักงำนฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลของโจทก์ได้กระท�ำทุจริตอ้ำงค�ำส่งของโจทก์
ั
ึ
ื
ี
ท่ได้ยกเลิกไปแล้วเพ่อขออนุมัติปรับข้นเงินเดือนร้อยละ ๕ และจ่ำยเงินตกเบิก พร้อมจ่ำยเงิน
ั
ี
ี
สมทบกองทุนส�ำรองเล้ยงชีพแก่พนักงำนท่ได้รับกำรแต่งต้งหรือปรับระดับ จ�ำนวน ๓๐ คน
โดยจ�ำเลยได้รับเงินตกเบิก ๗๗,๐๖๘.๗๒ บำท และได้เกษียณอำยุกำรท�ำงำนแล้วต้งแต่วันท ่ ี
ั
๑ ตุลำคม ๒๕๕๖ ต่อมำโจทก์ตั้งคณะกรรมกำรสอบสวนข้อเท็จจริงและลงโทษไล่ออกพนักงำน
ี
ั
ั
ผู้กระท�ำควำมผิด และมีค�ำส่งให้พนักงำนท่ได้รับเงินตกเบิกรวมท้งจ�ำเลยคืนเงินดังกล่ำว
ี
แก่โจทก์แล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงิน ๗๗,๐๖๘.๗๒ บำท พร้อมดอกเบ้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
450
จ�ำเลยให้กำรว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน จ�ำเลยได้รับกำร
ึ
ิ
ั
ปรับเงินเดือนเพ่มข้นตำมค�ำส่งธนำคำรพัฒนำวิสำหกิจขนำดกลำงและขนำดย่อมแห่งประเทศไทย
ี
ั
ี
ึ
ั
ื
ั
ท่ ๑๔/๒๕๔๙ เร่อง หลักเกณฑ์กำรแต่งต้งและปรับระดับช้นพนักงำนซ่งเป็นค�ำส่งท่ชอบด้วย
�
ี
่
ั
กฎหมำยมผลนับแต่วนท่ ๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๔๙ ระหวำงทค�ำส่งน้ยังมีผลอยู่ จำเลยได้รบกำรแต่งตง
ี
ั
ี
ั
้
ี
่
ั
และปรับระดับชั้นพนักงำนเป็นผู้จัดกำรเขต ๗ จึงมีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องโดยถูกต้อง แม้ต่อมำ
ั
ั
ั
โจทก์จะได้มีค�ำส่งยกเลิกค�ำส่งแต่งต้งและปรับระดับช้นพนักงำนดังกล่ำวแล้ว แต่โจทก์ไม่เคย
ั
ทวงถำมเงินคืนจำกจ�ำเลย และแม้ต่อมำผู้อ�ำนวยกำรอำวุโสฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลของโจทก์จะได้
ท�ำหนังสือถึงรองกรรมกำรผู้จัดกำร เพื่อขออนุมัติเรียกคืนเงินตกเบิกและเงินเดือนจำกพนักงำน
ที่ได้รับเงินไปแล้ว แต่มิได้ขออนุมัติต่อรักษำกำรกรรมกำรผู้จัดกำรเพื่อฟ้องเรียกร้องเงินคืนจำก
จ�ำเลย โจทก์จึงไม่มีอ�ำนำจฟ้องจ�ำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดพระโขนงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
�
ึ
ื
�
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
ั
ี
ุ
ิ
ิ
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นรัฐวิสำหกิจ จ�ำเลยเคยท�ำงำนกับโจทก์
ต�ำแหน่งสุดท้ำยเป็นผู้จัดกำรเขต ระดับ ๑๑ สังกัดฝ่ำยสอบทำนสินเชื่อ ปัจจุบันได้เกษียณอำยุ
ั
ี
กำรท�ำงำนแล้ว ระหว่ำงท่ยังท�ำงำนอยู่น้น พนักงำนฝ่ำยทรัพยำกรบุคคลของโจทก์ได้กระท�ำทุจริต
ึ
ั
ี
ื
อ้ำงค�ำส่งของโจทก์ท่ได้ยกเลิกไปแล้วเพ่อขออนุมัติปรับข้นเงินเดือนร้อยละ ๕ และจ่ำยเงินตกเบิก
้
ั
�
พร้อมจ่ำยเงินสมทบกองทุนสำรองเล้ยงชีพแก่พนักงำนทได้รับกำรแต่งตงหรือปรับระดับ โดย
ี
ี
่
จ�ำเลยได้รับเงินตกเบิก ๗๗,๐๖๘.๗๒ บำท ต่อมำโจทก์ได้มีค�ำสั่งให้พนักงำนที่ได้รับเงินตกเบิก
ั
รวมท้งจ�ำเลยคืนเงินดังกล่ำวแก่โจทก์แล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย จึงขอให้จ�ำเลยคืนเงินจ�ำนวนดังกล่ำว
พร้อมดอกเบ้ยแก่โจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์รับเงินค่ำจ้ำงตกเบิก
ี
ึ
�
ี
ไปโดยไม่ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์และจำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย
ี
สิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำ
ั
คดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
451
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๖๑
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
452
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ สถำบันกำรบินพลเรือน โจทก์
ที่ วร ๔๙/๒๕๖๓ นำงสำววิไลพร ปูนวิภำกุล จ�ำเลย
ื
โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นรัฐวิสำหกิจ จ�ำเลยย่นใบสมัครในต�ำแหน่ง
ผู้อ�ำนวยกำรส�ำนักเทคโนโลยีสำรสนเทศกำรบิน ซึ่งต้องมีคุณสมบัติในกำรเป็นผู้บริหำร
ในหน่วยงำนมำแล้วไม่น้อยกว่ำ ๓ ปี จ�ำเลยระบุว่ำเคยท�ำงำนในต�ำแหน่ง Senior
Application Engineer & Marketing Off icer ที่บริษัท ซ. ซึ่งจ�ำเลยยืนยันว่ำเป็นต�ำแหน่ง
ผู้บริหำร โจทก์จึงรับจ�ำเลยเข้ำทดลองปฏิบัติงำนในต�ำแหน่งดังกล่ำวเป็นเวลำ ๘ เดือน
ุ
�
ื
�
ั
ี
แต่เม่อโจทก์ตรวจสอบภำยหลังทรำบว่ำตำแหน่งทจ�ำเลยระบมำว่ำเคยทำงำนน้น
่
ไม่ใช่ต�ำแหน่งผู้บริหำรอันเป็นกำรขำดคุณสมบัติส�ำหรับกำรท�ำงำนในต�ำแหน่ง
ั
ดังกล่ำว โจทก์จึงมีค�ำส่งให้จ�ำเลยออกจำกกำรเป็นพนักงำนและขอให้จ�ำเลยคืน
ี
ั
ึ
เงินเดือนท่ได้รับไปท้งหมดภำยใน ๓๐ วัน เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์
ิ
ื
ู
ั
ื
ั
รบเงนค่ำจ้ำงไปโดยไม่ถกต้องตำมหลกเกณฑ์และเง่อนไขในกำรจ้ำงหรอกำรท�ำงำน
ี
คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ
ี
จ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ั
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์เป็นรฐวสำหกจจดตงขนตำมพระรำชกฤษฎกำจดตงสถำบน
ิ
้
ึ
้
ั
ิ
ั
ั
้
ั
ั
ี
ั
ื
กำรบินพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ เม่อวันท่ ๒ สิงหำคม ๒๕๖๑ โจทก์รับสมัครบุคคลท่วไปเพ่อคัดเลือก
ี
ื
�
ู
ั
�
ั
�
เข้ำทำงำนเป็นพนกงำนของโจทก์ จำเลยยนใบสมครในตำแหน่งผ้อำนวยกำรสำนกเทคโนโลย ี
�
่
ั
�
ื
สำรสนเทศกำรบิน ซึ่งต้องมีคุณสมบัติในกำรเป็นผู้บริหำรในหน่วยงำนมำแล้วไม่น้อยกว่ำ ๓ ปี
จ�ำเลยระบุว่ำเคยท�ำงำนในต�ำแหน่ง Senior Application Engineer & Marketing Off icer ท่บริษัท
ี
ซินเน็ค (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซ่งจ�ำเลยยืนยันว่ำเป็นต�ำแหน่งผู้บริหำร วันท่ ๑๕ พฤศจิกำยน ๒๕๖๑
ี
ึ
โจทก์จึงรับจ�ำเลยเข้ำทดลองปฏิบัติงำนในต�ำแหน่งดังกล่ำวเป็นเวลำ ๘ เดือน นับจำกเดือน
พฤศจิกำยน ๒๕๖๑ ถึงเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๒ ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๔๖,๑๔๑.๕๐ บำท รวม
๓๖๙,๑๓๒ บำท แต่เมื่อโจทก์ตรวจสอบภำยหลังทรำบว่ำต�ำแหน่งที่จ�ำเลยระบุมำว่ำเคยท�ำงำน
ั
น้นไม่ใช่ต�ำแหน่งผู้บริหำรอันเป็นกำรขำดคุณสมบัติส�ำหรับกำรท�ำงำนในต�ำแหน่งดังกล่ำว โจทก์
ั
ี
จึงมีค�ำส่งให้จ�ำเลยออกจำกกำรเป็นพนักงำนและขอให้จ�ำเลยคืนเงินเดือนท่ได้รับไปท้งหมด
ั
453
ภำยใน ๓๐ วัน แต่จ�ำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจ�ำเลยคืนเงิน ๓๘๑,๔๙๕.๕๕ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๖๙,๑๓๒ บำท นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จ
แก่โจทก์
จ�ำเลยขำดนัด
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
�
ั
ิ
ิ
ั
ี
ุ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดช�ำนญพเศษวนิจฉยตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นรัฐวิสำหกิจ จ�ำเลยย่นใบสมัครในต�ำแหน่ง
ื
ผู้อ�ำนวยกำรส�ำนักเทคโนโลยีสำรสนเทศกำรบิน ซ่งต้องมีคุณสมบัติในกำรเป็นผู้บริหำรใน
ึ
หน่วยงำนมำแล้วไม่น้อยกว่ำ ๓ ปี จ�ำเลยระบุว่ำเคยท�ำงำนในต�ำแหน่ง Senior Application
ี
ึ
Engineer & Marketing Off icer ท่บริษัทซินเน็ค (ประเทศไทย) จ�ำกัด ซ่งจ�ำเลยยืนยันว่ำเป็น
ต�ำแหน่งผู้บริหำร โจทก์จึงรับจ�ำเลยเข้ำทดลองปฏิบัติงำนในต�ำแหน่งดังกล่ำวเป็นเวลำ ๘ เดือน
นับจำกเดือนพฤศจิกำยน ๒๕๖๑ ถึงเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๒ ได้รับเงินเดือน เดือนละ ๔๖,๑๔๑.๕๐ บำท
รวม ๓๖๙,๑๓๒ บำท แต่เม่อโจทก์ตรวจสอบภำยหลังทรำบว่ำต�ำแหน่งท่จ�ำเลยระบุมำว่ำ
ื
ี
ั
เคยท�ำงำนน้นไม่ใช่ต�ำแหน่งผู้บริหำรอันเป็นกำรขำดคุณสมบัติส�ำหรับกำรท�ำงำนในต�ำแหน่ง
ดังกล่ำว โจทก์จึงมีค�ำสั่งให้จ�ำเลยออกจำกกำรเป็นพนักงำนและขอให้จ�ำเลยคืนเงินเดือนที่ได้รับ
ไปทั้งหมดภำยใน ๓๐ วัน แต่จ�ำเลยเพิกเฉยจึงขอให้จ�ำเลยคืนเงินจ�ำนวนดังกล่ำวพร้อมดอกเบี้ย
ึ
แก่โจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์รับเงินค่ำจ้ำงไปโดยไม่ถูกต้องตำม
หลักเกณฑ์และเง่อนไขในกำรจ้ำงหรือกำรท�ำงำน คดีระหว่ำงโจทก์และจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำท
ื
ี
ั
เก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
ี
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๔ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
454
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงณำณวัณร์ เนียมสูงเนิน โจทก์
ที่ วร ๖๗/๒๕๖๓ บริษัทชิโนทรำนส์ ไทย โลจิสติค
จ�ำกัด กับพวก จ�ำเลย
ั
ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองมีนิติสัมพันธ์ใน
ื
ฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินทดรองจ่ำย
ี
คืนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วย
ั
สิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
ั
ื
โจทก์ฟ้องและแก้ไขค�ำฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสองเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด เม่อเดือน
กุมภำพันธ์ ๒๕๕๒ จ�ำเลยทั้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่งพนักงำน Shipping Clerk
ิ
ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำยเดือนละ ๔๑,๐๐๐ บำท ก�ำหนดจ่ำยค่ำจ้ำงทุกวันส้นเดือน ระหว่ำงท�ำงำน
ในต้นปี ๒๕๖๒ โจทก์ได้เบิกเงินทดรองจ่ำย ๑๘,๘๐๐,๐๐๐ บำท และเงินค่ำมัดจ�ำสินค้ำ ๓๖,๐๐๐ บำท
ั
มำใช้เป็นค่ำใช้จ่ำยในกำรท�ำงำนให้จ�ำเลยท้งสองในช่วงระหว่ำงเดือนมีนำคม ๒๕๖๒ ถึง
เดือนมีนำคม ๒๕๖๓ แต่เงินดังกล่ำวไม่เพียงพอ โจทก์ได้ออกเงินทดรองจ่ำยค่ำสินค้ำส่วน
ี
ั
ั
ท่เกินมำให้จ�ำเลยท้งสองไปก่อนเป็นเงิน ๑,๘๗๗,๗๖๘.๕๖ บำท แต่จ�ำเลยท้งสองไม่จ่ำยเงิน
ั
ดังกล่ำวคืนแก่โจทก์ ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำสินค้ำ ๑,๘๗๗,๗๖๘.๕๖ บำท
พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
จ�ำเลยที่ ๑ ให้กำรและฟ้องแย้งว่ำ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม กำรท�ำงำนของโจทก์จะต้อง
ี
ื
ประสำนงำนกับเจ้ำหน้ำท่กรมศุลกำกรเพ่อน�ำสินค้ำของลูกค้ำจ�ำเลยท่ ๑ ออกตำมพิธีกำรทำง
ี
ี
ศุลกำกร ซ่งโจทก์ได้เบิกเงินทดรองจ่ำยไปล่วงหน้ำจำกจ�ำเลยท่ ๑ เป็นค่ำใช้จ่ำยแล้วจึงน�ำเอกสำร
ึ
ั
ค่ำใช้จ่ำยหักจำกเงินดังกล่ำว โจทก์จึงไม่ได้ออกเงินทดรองจ่ำยค่ำสินค้ำให้จ�ำเลยท้งสองไปก่อน
ึ
ี
จ�ำเลยท่ ๑ จึงไม่ต้องจ่ำยเงินตำมฟ้องแก่โจทก์ แต่กลับเป็นโจทก์ซ่งเบิกเงินทดรองจ่ำยไปจำก
ี
ี
ี
จ�ำเลยท่ ๑ แล้วมีส่วนท่ยังไม่ได้คืนอีก ๕๗๐,๐๐๐ บำท และโจทก์ยังมีหน้ำท่ต้องติดตำมเงินมัดจ�ำ
ี
ค่ำประกันตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ด�ำเนินกำรท�ำให้จ�ำเลยท่ ๑ เสียหำย
ี
เป็นเงิน ๓๖,๐๐๐ บำท และโจทก์ยังไม่ด�ำเนินกำรทำงเอกสำรจนเป็นเหตุให้จ�ำเลยที่ ๑ เก็บเงิน
จำกลูกค้ำไม่ได้เป็นเงิน ๑๘๓,๘๘๙.๖๘ บำท ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์จ่ำยเงินจ�ำนวน
455
ั
้
ั
�
ิ
ั
ั
ี
ดงกล่ำว พร้อมดอกเบยอตรำร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของยอดเงนแต่ละจำนวน นบแต่วนฟ้องแย้ง
เป็นต้นไปจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่จ�ำเลยที่ ๑
จ�ำเลยที่ ๒ ให้กำรว่ำ โจทก์เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยที่ ๒
จ�ำเลยทั้งสองเป็นนิติบุคคลแยกจำกกัน ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ั
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยท้งสองจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ระหว่ำง
ั
ั
ี
ท�ำงำน โจทก์ได้ออกเงินทดรองจ่ำยค่ำสินค้ำส่วนท่เกินมำให้จ�ำเลยท้งสองไปก่อนเป็นเงิน
๑,๘๗๗,๗๖๘.๕๖ บำท แต่จ�ำเลยท้งสองไม่จ่ำยเงินดังกล่ำวคืนแก่โจทก์ จึงขอให้บังคับจ�ำเลย
ั
ั
ท้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำสินค้ำคืนแก่โจทก์ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลย
ื
ท้งสองมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนเพ่อใช้สิทธิเรียกร้อง
ั
เงินทดรองจ่ำยคืนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นคดีพิพำท
ั
ี
เก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
ี
ั
วิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) ส่วนสัญญำระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๒
ี
ื
จะเป็นสัญญำจ้ำงแรงงำนอันจะท�ำให้มีสิทธิได้รับเงินตำมฟ้องหรือไม่น้น เป็นข้อเท็จจริงในเน้อหำ
ั
ของคดีที่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำมรูปคดีต่อไป
ี
ี
ี
ี
ส่วนคดีท่จ�ำเลยท่ ๑ ฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินทดรองจ่ำยท่รับไปจำกจ�ำเลยท่ ๑
ส่วนที่ยังไม่ได้คืนอีก ๕๗๐,๐๐๐ บำท และขอให้โจทก์ช�ำระค่ำเสียหำยจำกกำรที่โจทก์ไม่ติดตำม
ู
�
เงินมัดจำค่ำประกันต้คอนเทนเนอร์ให้แก่จ�ำเลยท่ ๑ เป็นเงิน ๓๖,๐๐๐ บำท และค่ำเสียหำย
ี
ี
จำกกำรท่โจทก์ไม่ด�ำเนินกำรทำงเอกสำรจนเป็นเหตุให้จำเลยท่ ๑ เกบเงนจำกลูกค้ำไม่ได้
็
ี
ิ
�
เป็นเงิน ๑๘๓,๘๘๙.๖๘ บำท น้น เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำงไม่ปฏิบัติหน้ำท ่ ี
ึ
ั
ี
ึ
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้จ�ำเลยท่ ๑ ซ่งเป็นนำยจ้ำงได้รับควำมเสียหำย
ี
คดีระหว่ำงจ�ำเลยท่ ๑ กับโจทก์ตำมฟ้องแย้งจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท ี ่
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
ั
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) เช่นกัน
456
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
457
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยอนุรุต ปำนแก้ว โจทก์
ที่ วร ๖๘/๒๕๖๓ บริษัทเลนซิ่ง (ไทยแลนด์)
จ�ำกัด จ�ำเลย
ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำง
กับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน แต่จ�ำเลยเลิกสัญญำจ้ำงแรงงำนก่อนครบก�ำหนด
ระยะเวลำ จึงขอให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำเสียหำยตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๕ และข้อ ๓.๗ คือ ค่ำเสียหำย
�
ั
่
ี
ึ
ิ
ิ
ู
ั
จำกกำรทโจทก์ต้องถกยดเงนมดจำล่วงหน้ำจำกกำรผดสญญำเช่ำบ้ำน และค่ำใช้จ่ำย
ในกำรฟ้องคดีต่อศำลและค่ำใช้จ่ำยอ่น เช่น ค่ำเดินทำงและค่ำด�ำเนินกำรด้ำนกำรแปล
ื
เอกสำร อันเป็นส่วนหน่งของค่ำเสียหำยท้งหมดจำกกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนดังกล่ำว
ึ
ั
จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจกำร
ด้ำนกำรก่อสร้ำง เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกำยน ๒๕๖๐ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่ง
ผู้ช่วยผู้จัดกำรด้ำนกำรก่อสร้ำงโยธำ มีก�ำหนดเวลำจ้ำงตั้งแต่วันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่
๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๔ โจทก์ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำย เดือนละ ๑๒๐,๐๐๐ บำท ก�ำหนดจ่ำยค่ำจ้ำง
ทุกวันสิ้นเดือน ต่อมำวันที่ ๒๒ กรกฎำคม ๒๕๖๓ จ�ำเลยมีหนังสือบอกเลิกสัญญำจ้ำงแรงงำน
ต่อโจทก์ อ้ำงเหตุว่ำต้องปรับโครงสร้ำงและทรัพยำกรโดยโจทก์มิได้กระท�ำควำมผิด ท�ำให้โจทก์
ไม่ได้ท�ำงำนจนครบตำมก�ำหนดเวลำในสัญญำ จ�ำเลยจ่ำยค่ำชดเชยให้โจทก์เพียงบำงส่วน
ี
�
ื
ั
ิ
่
ู
ั
ยงขำดอย่ ๕๙๗,๑๒๐ บำท โจทก์ต้องขำดสวสดกำรทจำเลยตกลงจ่ำยให้โจทก์นอกเหนอจำก
ี
เงินเดือนพ้นฐำนเป็นเบ้ยเล้ยงค่ำเดินทำง ค่ำโทรศัพท์ ค่ำท่อยู่อำศัย ค่ำผู้บุกเบิก ท�ำให้โจทก์
ี
ี
ื
เสียสิทธิได้รับโบนัสประจ�ำปีและโบนัสตำมผลประกอบกำร นอกจำกน้นโจทก์ได้ท�ำสัญญำไว้กับ
ั
เจ้ำของบ้ำนเช่ำและจ่ำยเงินมัดจ�ำล่วงหน้ำ กำรบอกเลิกสัญญำท�ำให้โจทก์ถูกยึดเงินมัดจ�ำล่วงหน้ำ
จำกกำรผิดสัญญำเช่ำและเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหำยจำกค่ำใช้จ่ำยในกำรฟ้องคดีต่อศำล
ี
ต้องเกิดค่ำใช้จ่ำยท่ไม่ควรต้องเสีย เช่น ค่ำเดินทำง ค่ำด�ำเนินกำรด้ำนกำรแปลเอกสำร
ิ
ั
รวมเป็นเงินท้งส้น ๑,๙๖๘,๙๘๐ บำท ขอให้บังคับจ�ำเลยจ่ำยค่ำชดเชย ๕๙๗,๑๒๐ บำท และ
ค่ำชดเชยกำรบอกเลิกสัญญำจ้ำงก่อนครบก�ำหนดตำมสัญญำ ๑,๙๖๘,๙๘๐ บำท พร้อมดอกเบี้ย
อัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับจำกวันฟ้องจนกว่ำจะช�ำระเสร็จแก่โจทก์
458
ศำลแรงงำนภำค ๒ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๕ และข้อ ๓.๗
อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์
ั
คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ คดีตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๕ และข้อ ๓.๗ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ั
ศำลแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
มำตรำ ๘ หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จ�ำเลยจ้ำงโจทก์ท�ำงำนเป็นลูกจ้ำง ต�ำแหน่ง
ผู้ช่วยผู้จัดกำรด้ำนกำรก่อสร้ำงโยธำ มีก�ำหนดเวลำจ้ำงตั้งแต่วันที่ ๑ มกรำคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่
๓๐ มิถุนำยน ๒๕๖๔ ต่อมำจ�ำเลยบอกเลิกสัญญำจ้ำงแรงงำนก่อนครบก�ำหนดตำมสัญญำจ้ำง
ดังกล่ำว อ้ำงเหตุว่ำต้องปรับโครงสร้ำงและทรัพยำกรโดยโจทก์มิได้กระท�ำควำมผิด จึงขอให้จ�ำเลย
ี
จ่ำยค่ำชดเชยส่วนท่ยังขำดอยู่ และขอให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำชดเชยกำรบอกเลิกสัญญำจ้ำงก่อนครบก�ำหนด
ี
ตำมสัญญำเป็นค่ำขำดสวัสดิกำรท่จ�ำเลยตกลงจ่ำยให้โจทก์นอกเหนือจำกเงินเดือนพ้นฐำน
ื
ี
ี
ี
เบ้ยเล้ยงค่ำเดินทำง ค่ำโทรศัพท์ ค่ำท่อยู่อำศัย ค่ำผู้บุกเบิก โบนัสประจ�ำปีและโบนัสตำม
ี
ผลประกอบกำร รวมท้งค่ำเสียหำยจำกกำรท่โจทก์ต้องถูกยึดเงินมัดจ�ำล่วงหน้ำจำกกำรผิดสัญญำ
ั
เช่ำบ้ำนตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๕ และค่ำใช้จ่ำยในกำรฟ้องคดีต่อศำลและค่ำใช้จ่ำยอ่น เช่น ค่ำเดินทำง
ื
และค่ำด�ำเนินกำรด้ำนกำรแปลเอกสำร ตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๗ ตำมค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกำรกล่ำว
อ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยมีนิติสัมพันธ์ในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน แต่จ�ำเลย
เลิกสัญญำจ้ำงแรงงำนก่อนครบก�ำหนดระยะเวลำ จึงขอให้จ�ำเลยจ่ำยค่ำเสียหำยตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๕
ึ
และข้อ ๓.๗ อันเป็นส่วนหน่งของค่ำเสียหำยท้งหมดจำกกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนดังกล่ำว
ั
คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๕ และข้อ ๓.๗ จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือ
หน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีตำมค�ำฟ้องข้อ ๓.๕ และข้อ ๓.๗ อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของ
ศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๒ กันยำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๓
ไมตรี สุเทพำกุล
(นำยไมตรี สุเทพำกุล)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
459
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำงสำวณัฐกรำนต์หรือวฤณภำ
ที่ วร ๓๔/๒๕๖๔ ภิญโญหรือมะโนวรรณ์ โจทก์
ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด
ต้นตระกูลธุรกิจ กับพวก จ�ำเลย
้
ั
�
ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจำเลยทงสองนอกจำกจะเป็น
หุ้นส่วนกันแล้วยังมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนในฐำนะลูกจ้ำงกับนำยจ้ำง
ื
ั
อีกด้วย เม่อโจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงระหว่ำงเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ ถึง
ื
ี
เดือนธันวำคม ๒๕๖๓ ค�ำฟ้องโจทก์ส่วนน้จึงเป็นกำรฟ้องเพ่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำจ้ำง
ค้ำงจ่ำยตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ส่วน
ี
ี
ั
ท่โจทก์ฟ้องต่อไปว่ำ กำรท่จ�ำเลยท้งสองไม่จ่ำยค่ำจ้ำงให้โจทก์ โจทก์จึงต้องกู้ยืมเงิน
ี
บุคคลภำยนอกมำใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน โจทก์ต้องเป็นหน้และเสียดอกเบ้ยแก่เจ้ำหน ้ ี
ี
ั
ั
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองจึงเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์น้น ก็เป็นกำรอ้ำง
ื
ี
กำรกระท�ำท่เป็นผลต่อเน่องมำจำกค�ำฟ้องโจทก์ส่วนแรก จึงเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิด
ี
ระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑ มีนำคม ๒๕๖๑ โจทก์ได้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนในกิจกำรของ
ี
ั
ู
ุ
�
่
ี
�
จำเลยท ๑ โดยมจำเลยท ๒ เป็นห้นส่วนผ้จดกำรมอำนำจหน้ำทกระทำแทนผกพนจำเลยท ๑ ได้
ี
ั
ู
�
่
�
่
�
ี
่
ี
ี
ี
โจทก์มีต�ำแหน่งเป็นรองกรรมกำรผู้จัดกำร มีหน้ำท่ติดตำมทวงหน้ ได้รับค่ำจ้ำงอัตรำสุดท้ำย
ี
เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บำท ก�ำหนดจ่ำยทุกวันส้นเดือน ระหว่ำงเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ ถึงเดือน
ิ
็
ั
้
่
่
่
ี
้
�
ั
ี
่
่
ี
ธนวำคม ๒๕๖๓ จำเลยท ๑ โดยจำเลยท่ ๒ ซงเปนกรรมกำร ไมจำยคำจำงใหโจทก ตอมำวนท ๓๑
ึ
่
่
�
์
มกรำคม ๒๕๖๔ โจทก์ลำออกจำกกำรเป็นกรรมกำรผู้จัดกำรและลูกจ้ำงของจ�ำเลยท่ ๑ แต่จ�ำเลย
ี
ั
ท้งสองยังคงไม่ช�ำระเงินดังกล่ำว ขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองจ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย ๑๐๕,๐๐๐ บำท
ั
พร้อมดอกเบ้ยอัตรำร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันท่ ๓๑ ธันวำคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไปจนกว่ำ
ี
ี
ื
ั
จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์ และขอให้บังคับจ�ำเลยท้งสองช�ำระค่ำเสียหำยเพ่อกำรละเมิดจำกกำร
่
้
�
ี
้
ื
้
ื
ิ
ี
ู
ี
ทโจทก์ต้องกยมเงินมำใชในชวตประจำวน ตองเป็นหนและเสยดอกเบยแกเจำหน เนองจำกจำเลย
้
่
�
ี
ี
่
้
้
้
ั
ี
ทั้งสองช�ำระเงินล่ำช้ำเป็นเงินค่ำเสียหำย ๑๐๐,๐๐๐ บำท แก่โจทก์
460
้
�
ั
�
ั
ั
ี
ั
ั
ั
้
ิ
จำเลยทงสองให้กำรว่ำ โจทก์และจำเลยทงสองมได้มควำมสมพนธ์กนตำมสญญำจ้ำง
แรงงำน แต่ร่วมกันเป็นหุ้นส่วนเพ่อแบ่งผลประโยชน์ในกำรประกอบธุรกิจ เงินท่โจทก์ได้รับ
ื
ี
ี
ภำยหลังท่ลำออกจำกกำรเป็นรองกรรมกำรผู้จัดกำร ของจ�ำเลยท่ ๑ โจทก์ได้รับเงินท่ร่วมลง
ี
ี
หุ้นจ�ำนวน ๒๕,๐๐๐ บำทคืน โดยใบเสร็จระบุว่ำเป็นเงินเดือนเนื่องจำกจ�ำเลยทั้งสองต้องน�ำไป
ใช้ประกอบหลักฐำนในทำงบัญชี โจทก์ลงลำยมือชื่อเป็นผู้รับเงิน ตำมใบส�ำคัญรับโอนเงินลงหุ้น
ของจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยทั้งสองไม่เคยติดค้ำงค่ำจ้ำงโจทก์ ค่ำตอบแทนที่โจทก์ได้รับเป็นเงินปันผล
จ�ำเลยไม่ต้องรับผิดช�ำระค่ำเสียหำยเนื่องจำกไม่ได้กระท�ำละเมิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนภำค ๕ เห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ี
ิ
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
�
ี
ื
ุ
ั
�
ึ
ิ
ี
ิ
วนจฉัยตำมพระรำชบญญัตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒
ิ
ั
ั
ิ
ิ
ิ
ี
ั
้
มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องว่ำโจทก์ได้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนในกิจกำรของจ�ำเลยท่ ๑ ต�ำแหน่ง
ี
ี
ี
เป็นรองกรรมกำรผู้จัดกำรมีอ�ำนำจหน้ำท่กระท�ำแทนผูกพันจ�ำเลยท่ ๑ ได้ โจทก์มีต�ำแหน่ง
เป็นรองกรรมกำรผู้จัดกำร ต่อมำโจทก์ลำออกจำกกำรเป็นกรรมกำรผู้จัดกำรและลูกจ้ำงของ
ั
ี
จ�ำเลยท่ ๑ แต่จ�ำเลยท้งสองยังค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงระหว่ำงเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓ ถึงเดือน
ั
ี
ธันวำคม ๒๕๖๓ แก่โจทก์และกำรท่จ�ำเลยท้งสองค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำง โจทก์จึงต้องกู้ยืมเงินบุคคล
ี
ี
ภำยนอกมำใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน ต้องเป็นหน้และเสียดอกเบ้ยแก่เจ้ำหน้ จึงขอให้จ�ำเลยท้งสอง
ี
ั
จ่ำยค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำยและค่ำเสียหำย ตำมค�ำฟ้องแก่โจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลย
ท้งสองนอกจำกจะเป็นหุ้นส่วนกันแล้วยังมีนิติสัมพันธ์กันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนในฐำนะลูกจ้ำง
ั
กับนำยจ้ำงอีกด้วย เมื่อโจทก์อ้ำงว่ำจ�ำเลยทั้งสองค้ำงจ่ำยค่ำจ้ำงระหว่ำงเดือนมิถุนำยน ๒๕๖๓
ถึงเดือนธันวำคม ๒๕๖๓ ค�ำฟ้องโจทก์ส่วนนี้จึงเป็นกำรฟ้องเพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำย
ี
ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำนส่วนท่โจทก์ฟ้องต่อไปว่ำ
ี
ั
กำรท่จ�ำเลยท้งสองไม่จ่ำยค่ำจ้ำงให้โจทก์ โจทก์ต้องกู้ยืมเงินบุคคลภำยนอกมำใช้จ่ำยในชีวิตประจ�ำวัน
ี
ี
ี
้
ั
ั
ต้องเป็นหนและเสยดอกเบ้ยแก่เจ้ำหน กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองเป็นกำรกระท�ำละเมิดต่อโจทก์น้น
้
ี
ี
ื
ก็เป็นกำรอ้ำงกำรกระท�ำท่เป็นผลต่อเน่องมำจำกค�ำฟ้องโจทก์ส่วนแรก จึงเป็นคดีอันเกิดแต่
มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงเก่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ส่วนโจทก์จะ
ี
เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท้งสองมีสิทธิได้รับค่ำจ้ำงค้ำงจ่ำยและค่ำเสียหำยตำมฟ้องหรือไม่น้น เป็น
ั
ั
ี
ข้อเท็จจริงในเน้อหำของคดีท่จะต้องได้รับกำรพิจำรณำวินิจฉัยโดยองค์คณะผู้พิพำกษำตำม
ื
461
ึ
ี
ิ
�
้
ั
ี
ื
่
ี
่
ิ
ิ
ี
ี
รปคดต่อไป คดระหว่ำงโจทก์กบจำเลยทงสองจงเป็นคดพพำทเกยวด้วยสทธหรอหน้ำทตำม
ู
ั
สัญญำจ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำล
แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) (๒) และ (๕)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๓ เดือน กรกฎำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
462
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยศรชัย สงขวัญ โจทก์
ที่ วร ๔๒/๒๕๖๐ บริษัทเวสท์ เอ็น จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
้
็
์
้
่
โจทกฟองจ�ำเลยทั้งหำเปนคดีอำญำและมีค�ำขอทำยค�ำฟองอำญำวำกำรกระท�ำ
้
้
ั
ั
ของจ�ำเลยท้งห้ำถือว่ำเป็นควำมผิด ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งห้ำตำม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงำน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๗๐, ๑๑๘ วรรคหนึ่ง (๕), ๑๔๔, ๑๕๘ ประกอบ ป.อ. มำตรำ ๘๓, ๙๑
ั
ซ่งแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่ำ โจทก์ประสงค์ให้จ�ำเลยท้งห้ำร่วมกันรับผิดในทำงอำญำ
ึ
ื
ั
เท่ำน้น เม่อศำลแรงงำนมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำเฉพำะคดีท่บัญญัติไว้ตำม พ.ร.บ.
ี
จัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ ซึ่งเป็นคดีที่พิพำท
เกี่ยวกับควำมรับผิดในทำงแพ่งเท่ำนั้น ไม่รวมถึงควำมรับผิดทำงอำญำด้วย คดีระหว่ำง
โจทก์กับจ�ำเลยทั้งห้ำจึงไม่ใช่คดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยที่ ๑ มีฐำนะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจ�ำกัด มีจ�ำเลยที่ ๓ ที่ ๔
และนำยนภัทร เป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจ จ�ำเลยท่ ๒ เคยเป็นกรรมกำรผู้มีอ�ำนำจในช่วงเวลำ
ี
ที่โจทก์ท�ำงำนกับจ�ำเลยที่ ๑ จ�ำเลยที่ ๕ เป็นผู้บริหำรและเป็นเจ้ำของบริษัทจ�ำเลยที่ ๑ โจทก์เคย
เป็นลูกจ้ำงของบริษัทเดวำ ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด (มหำชน) ต�ำแหน่งวิศวกรออกแบบ ต่อมำวันท ี ่
ี
๑ สิงหำคม ๒๕๕๕ ได้ย้ำยไปท�ำงำนกับจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท้งห้ำร่วมกันเจตนำกระท�ำผิดกฎหมำย
ั
อำญำต่อโจทก์ต่ำงกรรมต่ำงวำระ โดยไม่จ่ำยค่ำจ้ำงประจ�ำเดือนธันวำคม ๒๕๕๗ ประจ�ำเดือน
่
์
ั
ื
ี
่
มกรำคม ๒๕๕๘ ประจ�ำเดอนกมภำพนธ ๒๕๕๘ และประจ�ำเดอนมนำคม ๒๕๕๘ แกโจทก์ ตอมำ
ื
ุ
วันท่ ๑ เมษำยน ๒๕๕๘ จ�ำเลยท้งห้ำเลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่จ่ำยค่ำชดเชยให้โจทก์ ท�ำให้โจทก์
ี
ั
เสียหำย ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งห้ำตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๗๐,
ั
๑๑๘ วรรคหนึ่ง (๕), ๑๔๔, ๑๕๘ ประกอบประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๘๓, ๙๑
ี
ั
ช้นไต่สวนมูลฟ้อง ศำลจังหวัดนนทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจ
ิ
ื
ี
ั
�
ุ
ิ
�
ึ
พจำรณำพพำกษำของศำลแรงงำนหรอไม่ จงส่งสำนวนให้ประธำนศำลอทธรณ์คดชำนญพิเศษ
วินิจฉัยตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
วรรคสอง
463
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งห้ำเป็นคดีอำญำและมีค�ำขอท้ำยค�ำฟ้องอำญำว่ำกำร
ั
ั
กระท�ำของจ�ำเลยท้งห้ำถือว่ำเป็นควำมผิด ขอให้ลงโทษจ�ำเลยท้งห้ำตำมพระรำชบัญญัต ิ
คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๗๐, ๑๑๘ วรรคหนึ่ง (๕), ๑๔๔, ๑๕๘ ประกอบประมวล
ั
ึ
กฎหมำยอำญำ มำตรำ ๘๓, ๙๑ ซ่งแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่ำ โจทก์ประสงค์ให้จ�ำเลยท้งห้ำ
ร่วมกันรับผิดในทำงอำญำเท่ำน้น กำรท่โจทก์บรรยำยฟ้องเก่ยวกับนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับ
ี
ั
ี
้
ั
้
ู
ี
จำเลยทงห้ำว่ำเป็นนำยจ้ำงลกจ้ำงกนตำมสญญำจ้ำงแรงงำนและจำเลยทงห้ำมหน้ำทต้องจ่ำย
�
ี
ั
่
�
ั
ั
ค่ำจ้ำงและค่ำชดเชยให้โจทก์ ก็เป็นกำรบรรยำยฟ้องถึงกำรกระท�ำทั้งหลำยที่อ้ำงว่ำจ�ำเลยทั้งห้ำ
ได้ร่วมกันกระท�ำผิดตลอดจนข้อเท็จจริงและรำยละเอียดเก่ยวกับเวลำและสถำนท่ซ่งเกิดกำร
ี
ี
ึ
ี
ี
ั
ั
ิ
กระท�ำน้น ๆ อีกท้งบุคคลหรือส่งของท่เก่ยวข้องตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ
ี
มำตรำ ๑๕๘ (๕) เม่อศำลแรงงำนมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำเฉพำะคดีท่บัญญัติไว้ตำมพระรำชบัญญัต ิ
ื
จัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ ซ่งเป็นคดีท่พิพำทเก่ยวกับ
ั
ึ
ี
ี
ั
ควำมรับผิดในทำงแพ่งเท่ำน้น ไม่รวมถึงควำมรับผิดทำงอำญำด้วย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
ั
ท้งห้ำจึงไม่มีลักษณะเป็นคดีพิพำทอย่ำงหน่งอย่ำงใดตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน
ั
ึ
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๖ เดือน พฤษภำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
464
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ พนักงำนอัยกำร
ที่ วร ๓๒/๒๕๖๔ จังหวัดมุกดำหำร โจทก์
ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ฟอคซ์
คอนเน็คชั่น กับพวก จ�ำเลย
ั
โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสองเป็นคดีอำญำและมีค�ำขอท้ำยค�ำฟ้องคดีอำญำว่ำ กำร
ั
กระท�ำของจ�ำเลยท้งสองถือว่ำเป็นควำมผิดต่อ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑
มำตรำ ๕, ๗๐, ๑๑๘, ๑๒๔, ๑๔๔, ๑๕๑ ประกอบ ป.อ. มำตรำ ๘๓, ๙๑ ซึ่งเป็นบทบัญญัติ
เกี่ยวกับโทษทำงอำญำ แสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่ำโจทก์ประสงค์ให้จ�ำเลยทั้งสองร่วมกัน
รับผิดในทำงอำญำเท่ำน้น กำรท่โจทก์บรรยำยฟ้องเก่ยวกับนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์
ั
ี
ี
กับนำงสำว อ. นำงสำว จ. และนำย อ. ว่ำเป็นลูกจ้ำงนำยจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน
ั
ี
และจ�ำเลยท้งสองมีหน้ำท่ต้องจ่ำยค่ำจ้ำง สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำและ
ี
ค่ำชดเชยแล้วแต่กรณีให้แก่บุคคลดังกล่ำว ตำมระยะเวลำท่ตกลงกันไว้หรือตำมท ี ่
ั
ั
กฎหมำยก�ำหนด เป็นกำรบรรยำยถึงกำรกระท�ำท้งหลำยท่อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองได้ร่วมกัน
ี
ึ
กระท�ำผิด ตลอดจนข้อเท็จจริงและรำยละเอียดท่เก่ยวกับเวลำและสถำนท่ซ่งเกิด
ี
ี
ี
กำรกระท�ำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วย ตำม ป.วิ.อ. มำตรำ ๑๕๘ (๕)
เม่อศำลแรงงำนมีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำเฉพำะคดีท่บัญญัติไว้ตำม พ.ร.บ.จัดต้ง
ั
ี
ื
ี
ี
ึ
ศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ ซ่งเป็นคดีท่พิพำทเก่ยวกับ
ควำมรับผิดในทำงแพ่งเท่ำน้น ไม่รวมถึงควำมรับผิดในทำงอำญำด้วย จึงไม่ใช่คดีแรงงำน
ั
_____________________________
ี
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด จ�ำเลยท่ ๒ เป็นหุ้นส่วน
ี
ั
ผู้จัดกำร มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท่ ๑ จ�ำเลยท้งสองว่ำจ้ำงนำงสำวอรอุมำ นำงสำวจิรำวรรณ
ี
่
ั
ุ
และนำยเอกลกษณ์ เข้ำทำงำนเป็นลกจ้ำง กำหนดจ่ำยค่ำจ้ำงทกวนท ๒ ของเดอน เมอ
ื
่
ี
ื
ู
�
ั
�
วันที่ ๒ มกรำคม ๒๕๖๑ จ�ำเลยทั้งสองไม่จ่ำยค่ำจ้ำงเดือนธันวำคม ๒๕๖๐ ให้แก่นำงสำวอรอุมำ
ี
ั
วันท่ ๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ จ�ำเลยท้งสองไม่จ่ำยค่ำจ้ำงเดือนมกรำคม ๒๕๖๑ ให้แก่นำงสำวอรอุมำ
ั
่
่
่
้
ิ
นำงสำวจรำวรรณและนำยเอกลกษณ และวนท ๑๐ กมภำพนธ ๒๕๖๑ จำเลยทงสองไมจำยคำจำง
์
ุ
ี
�
์
ั
ั
ั
่
้
ระหว่ำงวันที่ ๑ ถึง ๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ ให้แก่นำงสำวอรอุมำและนำงสำวจิรำวรรณ ต่อมำวันที่
465
ั
๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๑ จ�ำเลยท้งสองเลิกจ้ำงนำงสำวอรอุมำและนำงสำวจิรำวรรณโดยไม่จ่ำย
ี
ี
ั
ั
ค่ำชดเชยให้แก่บุคคลท้งสอง พนักงำนตรวจแรงงำนมีค�ำส่งท่ ๑๓/๒๕๖๑ ลงวันท่ ๒๓ เมษำยน ๒๕๖๑
ให้จ�ำเลยท้งสองร่วมกันจ่ำยค่ำจ้ำง สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำ และค่ำชดเชยให้แก่
ั
นำงสำวอรอุมำ นำงสำวจิรำวรรณ และนำยเอกลักษณ์ ภำยใน ๓๐ วันนับแต่วันท่ได้ทรำบ
ี
ั
ื
ั
ค�ำส่งหรือถือว่ำได้ทรำบค�ำส่ง จ�ำเลยท้งสองทรำบค�ำส่งพนักงำนตรวจแรงงำนแล้วเม่อวันท่ ๓
ั
ี
ั
พฤษภำคม ๒๕๖๑ แต่จ�ำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตำมค�ำสั่งพนักงำนตรวจแรงงำนอันเป็นกำรฝ่ำฝืน
ี
ต่อกฎหมำย เหตุเกิดท่ต�ำบลมุกดำหำร อ�ำเภอเมืองมุกดำหำร จังหวัดมุกดำหำร ขอให้ลงโทษ
ตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๕, ๗๐, ๑๑๘, ๑๒๔, ๑๔๔, ๑๕๑
ประกอบประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๘๓, ๙๑
จ�ำเลยทั้งสองให้กำรปฏิเสธ
ี
ศำลจังหวัดมุกดำหำรเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีน้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ฟ้องจ�ำเลยท้งสองเป็นคดีอำญำและมีค�ำขอท้ำยค�ำฟ้องคดีอำญำว่ำ
ั
ั
กำรกระท�ำของจ�ำเลยท้งสองถือว่ำเป็นควำมผิดต่อพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑
มำตรำ ๕, ๗๐, ๑๑๘, ๑๒๔, ๑๔๔, ๑๕๑ ประกอบประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๘๓, ๙๑
็
์
ั
ิ
ี
่
ั
้
่
้
ึ
ซงเป็นบทบญญตเกยวกบโทษทำงอำญำ แสดงให้เหนโดยชดแจ้งว่ำโจทก์ประสงคใหจ�ำเลยทงสอง
ั
ั
ั
ี
ิ
ั
ร่วมกันรบผดในทำงอำญำเท่ำน้น กำรท่โจทก์บรรยำยฟ้องเก่ยวกับนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์
ี
ั
กับนำงสำวอรอุมำ นำงสำวจิรำวรรณ และนำยเอกลักษณ์ ว่ำเป็นลูกจ้ำงนำยจ้ำงกันตำมสัญญำ
จ้ำงแรงงำนและจ�ำเลยท้งสองมีหน้ำท่ต้องจ่ำยค่ำจ้ำง สินจ้ำงแทนกำรบอกกล่ำวล่วงหน้ำและ
ั
ี
ี
ี
ค่ำชดเชยแล้วแต่กรณีให้แก่บุคคลดังกล่ำว ตำมระยะเวลำท่ตกลงกันไว้หรือตำมท่กฎหมำยก�ำหนด
ั
ี
ั
เป็นกำรบรรยำยถึงกำรกระท�ำท้งหลำยท่อ้ำงว่ำจ�ำเลยท้งสองได้ร่วมกันกระท�ำผิด ตลอดจนข้อเท็จจริง
ึ
ั
ั
ี
ี
ี
ิ
และรำยละเอียดท่เก่ยวกับเวลำและสถำนท่ซ่งเกิดกำรกระท�ำน้น ๆ อีกท้งบุคคลหรือส่งของท ่ ี
เกี่ยวข้องด้วย ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๑๕๘ (๕) เมื่อศำลแรงงำน
มีอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำเฉพำะคดีท่บัญญัติไว้ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและ
ี
ั
่
่
ี
ี
่
ั
ิ
วธพจำรณำคดแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ ซงเปนคดทพพำทเกยวกบควำมรบผดในทำงแพง
ิ
ั
็
่
ิ
ึ
ี
ิ
ี
ี
เท่ำนั้น ไม่รวมถึงควำมรับผิดในทำงอำญำด้วย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยทั้งสองจึงไม่มีลักษณะ
ิ
ี
ี
่
่
่
ึ
็
เปนคดพพำทอยำงหนงอยำงใดตำมพระรำชบญญตจดตงศำลแรงงำนและวธพจำรณำคดแรงงำน
ิ
ี
้
ั
ิ
ั
ั
ั
ิ
พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘
466
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้ไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๑ เดือน มิถุนำยน พุทธศักรำช ๒๕๖๔
ภำวนำ สุคันธวณิช
(นำงสำวภำวนำ สุคันธวณิช)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
467
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัท เอส.เค. พี อินเตอร์แพค
ที่ วร ๓๗/๒๕๕๙ จ�ำกัด โจทก์
นำงสำวสุภำวดี ศรีวะรมย์ จ�ำเลย
โจทก์กล่ำวอ้ำงว่ำหลังจำกจ�ำเลยลำออกจำกงำนไปแล้ว จ�ำเลยกระท�ำผิด
ี
ข้อตกลงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยไปท�ำงำนให้กับบริษัทคู่แข่งท่จ�ำหน่ำยสินค้ำประเภท
ี
ี
เดียวกับโจทก์ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนท่เคย
ให้ไว้ขณะเป็นลูกจ้ำงของโจทก์ เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ จ�ำเลยเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ ต�ำแหน่งผู้จัดกำรฝ่ำยกำรตลำดและ
กำรขำย โดยมีข้อตกลงตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนในข้อ ๙ ว่ำ จ�ำเลยจะไม่รับจ้ำงท�ำงำนให้กับ
ื
บุคคลอ่นอันเป็นกำรแข่งขันในธุรกิจประเภทเดียวกันกับโจทก์หรือท�ำงำนกับบริษัทคู่แข่งท ่ ี
ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับโจทก์ในระหว่ำงท�ำงำนและในระยะเวลำ ๓ ปีนับแต่วันพ้นสภำพจำก
�
กำรท�ำงำนเว้นแต่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ หำกฝ่ำฝืนจำเลยจะต้องชดใช้ค่ำปรับแก่โจทก์
ี
ต่อมำจ�ำเลยลำออกจำกงำนยังไม่ถึง ๑ ปี และได้เข้ำท�ำงำนกับบริษัทคู่แข่งท่จ�ำหน่ำยสินค้ำ
ั
่
ื
ี
ั
เครองจักรบรรจุภณฑ์ประเภทเดยวกันกบสนคำของโจทก์ อันเป็นกำรผิดสัญญำจำงแรงงำน ทำให้
้
�
ิ
้
โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยช�ำระค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จ�ำเลยให้กำรว่ำ จ�ำเลยเคยท�ำงำนกับโจทก์แต่ไม่ได้รับบรรจุให้เป็นลูกจ้ำงโจทก์ โจทก์
กับบริษัทอีเอสเอ็ม จ�ำกัด ซ่งเป็นนำยจ้ำงใหม่ของจ�ำเลยขำยเคร่องจักรให้กับลูกค้ำคนละกลุ่ม
ื
ึ
ื
และคนละประเภทกัน จ�ำเลยไม่ได้เป็นตัวแทนขำยสินค้ำเคร่องจักรประเภทเดียวกันกับสินค้ำของ
โจทก์ จ�ำเลยจึงไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญำ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลจังหวัดนนทบุรีเห็นว่ำ กรณีมีปัญญำว่ำคดีอยู่ในอ�ำนำจ
ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัยตำม
พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
วินิจฉัยว่ำ ตำมค�ำฟ้องของโจทก์เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำโจทก์กับจ�ำเลยเคยมีนิติสัมพันธ์
เป็นนำยจ้ำงลูกจ้ำงกันตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน หลังจำกจ�ำเลยลำออกจำกงำนไปแล้ว จ�ำเลยได้
ี
กระท�ำผิดข้อตกลงในข้อ ๙ ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยไปท�ำงำนให้กับบริษัทคู่แข่งท่จ�ำหน่ำย
468
ื
สินค้ำเคร่องจักรบรรจุภัณฑ์ประเภทเดียวกันกับสินค้ำของโจทก์ อันเป็นกำรผิดสัญญำจ้ำงแรงงำน
ี
ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย กรณีจึงเป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยปฏิบัติผิดหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำง
ี
แรงงำนท่ให้ไว้ต่อโจทก์ในขณะมีนิติสัมพันธ์เป็นนำยจ้ำงลูกจ้ำงกัน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย
จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำที่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดตั้งศำล
แรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๑๑ เดือน พฤศจิกำยน พุทธศักรำช ๒๕๕๙
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
469
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ นำยวินัย นำมธง กับพวก โจทก์
ที่ วร ๔๘/๒๕๕๙ บริษัท พี ซี แอล โฮลดิ้ง
จ�ำกัด จ�ำเลย
ึ
ื
ฟ้องกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงบังคับข่มขู่ให้โจทก์ลงลำยมือช่อในหนังสือ
ึ
�
�
ี
ั
ั
ข้อตกลงไม่แข่งขันทำงกำรค้ำอนเป็นส่วนหนงของสญญำจ้ำงแรงงำนท่ทำให้จำเลย
่
ซ่งเป็นนำยจ้ำงได้เปรียบโจทก์ซ่งเป็นลูกจ้ำงเกินสมควร ตำม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงำน
ึ
ึ
พ.ศ. ๒๕๔๑ มำตรำ ๑๔/๑ จึงเป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนำยน ๒๕๓๘ จ�ำเลยตกลงจ้ำงโจทก์ทั้งสี่เป็นลูกจ้ำง โดย
โจทก์ทั้งสี่ยังเป็นผู้ถือหุ้นของจ�ำเลยด้วย วันที่ ๒๔ ธันวำคม ๒๕๕๘ โจทก์ทั้งสี่และผู้ถือหุ้นอื่น
ตกลงขำยหุ้นของจ�ำเลย แต่นำยพิสิษฐ์ กรรมกำรจ�ำเลย ขัดขวำงกำรซื้อขำยหุ้น โดยบังคับข่มขู่
้
ุ
ื
ี
่
ื
่
ื
ื
ื
ั
ั
็
�
ั
้
้
้
่
ั
้
์
ใหโจทกทงสและผถอหนอนเขยนใบลำออกจำกกำรเปนพนกงำนจำเลย ทงลงลำยมอชอในหนงสอ
ู
ี
ข้อตกลงไม่แข่งขันทำงกำรค้ำกับจ�ำเลยเป็นเวลำ ๕ ปี โจทก์ทั้งสี่ในฐำนะลูกจ้ำงเกรงกลัวจึงยอม
ื
เขียนใบลำออกและลงลำยมือช่อในหนังสือข้อตกลงไม่แข่งขันทำงกำรค้ำกับจ�ำเลย ซ่งข้อตกลง
ึ
ดังกล่ำวห้ำมประกอบอำชีพนำนเกินสมควรและมีกำรก�ำหนดค่ำเสียหำยในลักษณะเบ้ยปรับ
ี
ั
ี
ี
ท่สูงเกินสมควร ท�ำให้โจทก์ท้งส่ได้รับควำมเสียหำย หนังสือข้อตกลงไม่แข่งขันทำงกำรค้ำ
เป็นข้อตกลงที่ขัดต่อควำมสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชำชน จึงตกเป็นโมฆะ ขอให้
ั
ั
ี
ี
ิ
ั
้
ศำลมค�ำพพำกษำว่ำหนังสอข้อตกลงไม่แข่งขนทำงกำรค้ำระหว่ำงโจทก์ทงส่กบจ�ำเลย
ื
ั
ฉบับลงวันท่ ๒๔ ธันวำคม ๒๕๕๘ เป็นโมฆะ และพิพำกษำหรือมีค�ำส่งให้ข้อสัญญำหรือ
ี
ข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม มีผลใช้บังคับเท่ำที่เป็นธรรมพอสมควรแก่โจทก์ทั้งสี่
จ�ำเลยให้กำรว่ำ เดิมโจทก์ท้งส่เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลย ค�ำฟ้องของโจทก์ท้งส่บรรยำย
ี
ั
ี
ั
ฟ้องเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงลูกจ้ำงท่สืบเน่องหรือเก่ยวข้องกับกำรท�ำงำน
ี
ื
ี
ี
ี
หรือเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนหรือตำมข้อตกลงเก่ยวกับ
ี
ิ
สภำพกำรจ้ำง คดีจึงไม่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของศำลจังหวัดตล่งชันแต่อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำของ
ศำลแรงงำน โจทก์ท้งส่ลงลำยมือช่อในใบลำออกและลงลำยมือช่อในหนังสือข้อตกลงไม่แข่งขัน
ี
ื
ื
ั
ี
้
ั
ู้
ั
ทำงกำรค้ำด้วยควำมสมครใจโดยไม่มผใดข่มข่หรือบีบบังคับ หนงสอข้อตกลงไม่แข่งขันทำงกำรคำ
ู
ื
สำมำรถใช้บังคับได้และเป็นธรรม โจทก์ทั้งสี่ไม่ได้รับควำมเสียหำย ขอให้ยกฟ้อง
470
็
ั
ี
ี
ั
่
ิ
ั
่
ู
�
ระหวำงพิจำรณำ ศำลจงหวดตล่งชนเหนว่ำ กรณมปัญหำวำคดน้อย่ในอำนำจพิจำรณำ
ี
ี
พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนมำให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย
ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง
ั
ั
ี
ี
ั
ั
วินิจฉัยว่ำ โจทก์ท้งส่บรรยำยฟ้องว่ำโจทก์ท้งส่เป็นลูกจ้ำงของจ�ำเลยท้งยังเป็นผู้ถือ
หุ้นของจ�ำเลยด้วย ต่อมำโจทก์ทั้งสี่ลงลำยมือชื่อในใบลำออกและในหนังสือไม่แข่งขันทำงกำรค้ำ
ื
ท่ไม่เป็นธรรมเน่องจำกถูกกรรมกำรจ�ำเลยบังคับข่มขู่ เป็นกำรกล่ำวอ้ำงว่ำจ�ำเลยได้กระท�ำผิด
ี
ื
หน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนโดยบังคับข่มขู่ให้โจทก์ท้งส่ลงลำยมือช่อในหนังสือข้อตกลง
ี
ั
ี
ึ
ี
ไม่แข่งขันทำงกำรค้ำอันเป็นส่วนหน่งของสัญญำจ้ำงแรงงำนท่ท�ำให้จ�ำเลยซ่งเป็นนำยจ้ำงได้
ึ
ั
เปรียบโจทก์ท้งส่ซ่งเป็นลูกจ้ำงเกินสมควร ตำมพระรำชบัญญัติคุ้มครองแรงงำน พ.ศ. ๒๕๔๑
ึ
ี
ั
ี
มำตรำ ๑๔/๑ คดีระหว่ำงโจทก์ท้งส่กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธิหรือหน้ำท่ตำมสัญญำ
ี
ี
ั
จ้ำงแรงงำนและตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรคุ้มครองแรงงำนตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำน
และวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑) และ (๒)
วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน
วินิจฉัย ณ วันที่ ๒๖ เดือน มกรำคม พุทธศักรำช ๒๕๖๐
เมทินี ชโลธร
(นำงเมทินี ชโลธร)
ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ
อิสรำ วรรณสวำท - ย่อ
วัชรินทร์ ฤชุโรจน์ - ตรวจ
471
ค�ำวินิจฉัยของประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษ บริษัทเอ็มโอจี อินดัสตรี เทรนนิ่ง
ที่ วร ๓๘/๒๕๖๐ จ�ำกัด โจทก์
บริษัทพัทยำ อินเตอร์เนชั่นแนล
เซฟตี้ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จ�ำกัด
กับพวก จ�ำเลย
ี
่
่
ี
่
ี
แม้จ�ำเลยท ๑ จะเป็นนิติบุคคลแยกต่ำงหำกจำกจ�ำเลยท ๒ ถึงท ๖ ก็ตำม แต่
จ�ำเลยที่ ๑ ก็เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยมีจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ที่ต่ำงร่วมกันเป็นกรรมกำร
่
ี
่
่
ี
ี
่
ผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนจ�ำเลยท ๑ โดยมีจ�ำเลยท ๕ และท ๖ เป็นพนักงำน ซ่งจ�ำเลยท ๒
ึ
ี
ถึงที่ ๖ ล้วนแต่เคยเป็นพนักงำนโจทก์ ดังนั้น กำรประกอบกิจกำรในทำงธุรกิจของจ�ำเลย
ที่ ๑ อันเป็นกำรแข่งขันกับโจทก์โดยจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ดังกล่ำวย่อมเป็นกรณีที่สืบเนื่อง
มำจำกกำรที่จ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ผิดสัญญำจ้ำงแรงงำนที่ท�ำไว้แก่โจทก์และเกี่ยวเนื่องกับ
สัญญำจ้ำงแรงงำน คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๖ จึงเป็นคดีพิพำทเกี่ยวด้วยสิทธิ
หรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนและเป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่ำงนำยจ้ำงและ
ี
ลูกจ้ำงเกี่ยวกับกำรท�ำงำนตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน เป็นคดีแรงงำน
_____________________________
โจทก์ฟ้องว่ำ โจทก์ประกอบธุรกิจเป็นผ้อบรมหลกสตรเฉพำะทำงและได้รับอนญำต
ุ
ู
ู
ั
ั
ให้ประกอบธุรกิจฝึกอบรมเก่ยวกับอำชีวอนำมัย ระบบควำมปลอดภัยในกำรท�ำงำนท้งบนบก
ี
ี
ี
และนอกชำยฝั่ง รวมท้งเป็นท่ปรึกษำให้กลุ่มท่ท�ำงำนเก่ยวกับธุรกิจปิโตรเลียมภำยใต้กำรรับ
ี
ั
ื
ื
อนุญำตของมูลนิธิเพ่อสถำบันพัฒนำบุคลำกรด้ำนปิโตรเลียม กรมเช้อเพลิงพลังงำน กระทรวง
พลังงำน หลักสูตรของโจทก์ได้รับกำรรับรองมำตรฐำนจำกสถำบันฝึกอบรมนอกชำยฝั่งของ
สหรำชอำณำจักร (OPITO) สถำบันฝึกอบรมและพัฒนำบุคลำกรด้ำนปิโตรเลียม (TPTI) และ
ี
กรมสวัสดิกำรและคุ้มครองแรงงำน จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ เคยเป็นพนักงำนบริษัทโจทก์ โดยม ี
ี
สัญญำระบุว่ำ จ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖ จะไม่น�ำควำมลับทำงธุรกิจของโจทก์หรือเอำหลักสูตร
ี
ี
่
่
ี
ั
ึ
กำรเรยนกำรสอนไปเผยแพร่แก่บคคลภำยนอก ระหว่ำงทำงำนจำเลยท ๒ ถงท ๖ ร่วมกน
ี
ุ
ี
�
�
ั
ี
ี
จัดต้งบริษัทจ�ำเลยท่ ๑ เพ่อประกอบกิจกำรในลักษณะเดียวกับโจทก์ แล้วจ�ำเลยท่ ๒ ถึงท่ ๖
ี
ื
ได้ลำออกจำกบริษัทโจทก์เพื่อไปท�ำงำนที่บริษัทจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นกรรมกำร
472