The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

“ไอ ้ทูกูไปเข ้าห ้องน ้าก่อนนะ” ว่าแล ้วก็รีบลุกออกจาก

เก ้าอี้อย่างรวดเร็ว




“เดินไหวมั้ยนั่น”



“ได ้อยู่ แรงยังมีเหลือเฟือ”



“กูหมายถึงสติของมึงต่างหากไอ ้เติร์ด รีบไปรีบมา กูกลัว

โดนสาวอุ้ม” ไม่รู้จะด่าเป็นภาษาอะไรเลยส่งนิ้วกลางไปให ้


เป็นการตอบแทน



ผมเดินฝ่ านักท่องราตรีไปเรื่อยๆ ภาพตรงหน้ามีเอนเอียง

บ ้างเป็นบางครั้ง แต่หลังจากชะงักเท ้าและปรับโฟกัสอีกนิด

หน่อยก็สามารถเดินตรงได ้อย่างไม่มีปัญหา



“ไอ ้เติร์ด” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนฝ่ ามือของเขา


จะรั้งหัวไหล่ของผมเอาไว ้ให ้หยุดอยู่กับที่ ผมหันไปมองยัง

ต ้นเสียงก็เห็นพี่เคนรุ่นพี่ปีสี่ยืนอยู่ด ้านหลังแล ้ว



“อ ้าวพี่”



“มาเที่ยวที่นี่เหรอวะ แล ้วมากับใคร”




“ไอ ้ทูอ่ะ”

“บังเอิญฉิบหาย เพื่อนมึงสองตัวก็นั่งอยู่ที่โต๊ะกู ไปแจม

ด ้วยกันดิ”




“ไม่ดีกว่าครับ พี่มาฉลองกับพวกโสตนี่หว่า”



“คนกันเองมั้ยวะ โน่นโต๊ะกูอยู่ตรงโน้น ซอกร ้านมุมสุด

โต๊ะ 113 นะ เดี๋ยวกูขอตัวไปเต ้นก่อนแล ้วจะตามไป” พี่มัน

ชี้นิ้วฝ่ าฝูงชนไปยังความมืดที่ไม่เห็นเหี้ยอะไรสักอย่าง เลย

กะหันไปถามให ้แน่ใจอีกรอบ แต่กลับพบว่าแกมุดเข ้าไปใน


ฟลอร์เต ้นเรียบร ้อยแล ้ว



หลังจากยืนคิดอยู่พักหนึ่งผมก็ตัดสินใจเดินคล าทางเดี๋ยว

มืดเดี๋ยวสว่างจากการสาดของแสงไฟในผับไปยังมุมหนึ่ง

ของร ้าน แน่นอนว่าผมเห็นพี่น้องนิเทศฯ ก าลังสนุกกับการ

ดื่มและเต ้นอยู่ที่โต๊ะ แต่สิ่งที่ท าเอาตกตะลึงไปกว่านั้นก็คือ

ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงตักของไอ ้ค่ายและก าลัง


นัวจูบกันอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจคนรอบข ้าง



กูนึกว่ามึงจะเปลี่ยน แต่สุดท ้ายแม่งก็กลับมาใช ้ สันดาน

เดิมๆ



ผมแทบล ้มทั้งยืนในวินาทีนั้น ความเชื่อใจที่มีมาตลอด

พังทลายไม่เป็นท่า กว่าจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครก็ใช ้ เวลา


ยืนกัดฟันมองอยู่นาน

ใช่คนเดียวกับที่ร ้องเพลงประกอบละครใช่มั้ย ใช่คนที่ชื่อ

ชิงชิงที่ไอ ้ค่ายบอกว่าเสียงเพราะมากคนนั้นหรือเปล่า




เท ้าทั้งสองข ้างค่อยๆ เซถอยหลัง คิดอะไรไม่ออกเพราะ

สมองตื้อไปหมด ที่ท าได ้คือพาตัวเองออกไปให ้ห่างจากจุด

นั้น รู้ตัวอีกทีผมก็ยืนอยู่ตรงทางเข ้าห ้องน ้าตรงส่วนเอาท์

ดอร์เรียบร ้อยแล ้ว



สิงห์รมควันหลายคนยืนสูบบุหรี่ในจุดที่เตรียมไว ้ของทาง


ร ้าน ด ้านหน้ามีผู้หญิงกลุ่มใหญ่ก าลังเต ้นไปมาอย่างเมา

มาย ผมมองหาทางออกของตัวเอง ก่อนจะพบแสงสว่างที่

พาดผ่านมาในม่านสายตาจนเผลอละเมอออกไปอย่างลืม

ตัว



“ไอ ้โบน...”




“เฮ ้ ยไอ ้เติร์ด มาได ้ยังไงวะ” เสียงทุ้มของเพื่อนในกลุ่ม

เอ่ยถาม



น ้าตาเหมือนจะไหล แต่สุดท ้ายก็ไม่ไหลอย่างที่คิด ได ้

แต่ยืนมองคนตรงหน้าเดินเข ้ามาประชิดและถามประโยค

สารพัดซึ่งผมจับใจความอะไรไม่ได ้เลย รู้แต่ว่า...




“โบน”

“เมาหนักแล ้วนะมึง เดี๋ยวกูพากลับ”




“จูบกู”



“สัดเติร์ด มึงเป็นอะไรเนี่ย”



“จูบกู กัดกู ท ารอยบนตัวกู มึงท าได ้มั้ย” ผมเงยหน้าถาม

ไม่รู้ว่าคิดบ ้าอะไร แต่จูบกับใครแม่งก็คงเหมือนกัน



เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ ายไม่มีท่าทีจะท าตามค าสั่ง ผมจึงใช ้


จังหวะนั้นคว ้าต ้นคอคนตรงหน้าลงมาแล ้วประทับริมฝีปาก

ทันที มันเจ็บไปหมดแล ้วไอ ้เหี้ย ความรัก ความเชื่อใจ หมด

ลงในวันนี้ วันที่มาเห็นทุกอย่างกับตา



ผมแม่งโคตรโง่เลย โง่ซ ้าซากกับเรื่องเดิมๆ ไม่รู้จักหลาบ

จ า สุดท ้ายก็ต ้องน ้าตาตกกับความจริงที่ได ้รู้ ส าหรับหุบเหว


ของไอ ้ค่ายข ้างใต ้ไม่มีน ้าอยู่จริงๆ มีแต่ดินแข็งๆ ที่ท าเอา

เจ็บจนทนไม่ไหว



ลิ้นที่มีกลิ่นของแอลกอฮอล์พยายามแทรกเข ้าไปในโพรง

ปากของเพื่อนสนิท ไอ ้โบนพตั้งท่าจะดึงผมออกแต่ผมดื้อ

ด ้านกว่านั้น ยังตั้งหน้าตั้งตาจูบต่อไปอย่างลืมอาย




ตรงนี้มีคนเยอะแล ้วไง ให ้มันรู้ไปสิว่ากูเป็นเกย์!

ให ้มันรู้ไปสิว่าคนหน้าไม่อายอย่างกูท าอะไรได ้บ ้าง




ผั่วะ!



เสี้ยววินาทีนั้นผมค ้นพบว่าตัวเองเสียศูนย์ถึงขนาดเซถอย

หลังไปหลายก ้าว เสียงหมัดหนักๆ ดังแหวกเข ้ามาในแก ้วหู

แต่คนที่โดนและล ้มลงไปกลับไม่ใช่ผม



ผั่วะ! ผั่วะ! ผั่วะ!




“ไอ ้เหี้ยโบน มึง!” เสียงเข ้มดังก ้องไปทั้งบริเวณ สายตา

ที่ค่อนข ้างเบลอในคราแรกกระจ่างชัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่า

ไอ ้ค่ายก าลังต่อยไอ ้โบนอย่างแรงจนร่างสูงล ้มลงกับพื้น



ผมรีบรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเข ้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจาก

กัน ก่อนไอ ้ค่ายจะหันมาจ ้องหน้าผมเขม็ง แล ้วหันมาใช ้ มือ


ข ้างหนึ่งบีบคอของผมเอาไว ้ จากนั้นก็ดันร่างไปติดกับ

ก าแพงห ้องน ้า



แรงบีบนั้นรุนแรงจนท าให ้หายใจไม่ออก น ้าตาไหลเป็น

ทาง พูดไม่ได ้ บอกไม่ได ้ ท าได ้แค่ร ้องไห ้อยู่อย่างนั้น

จนกว่าจะขาดอากาศหายใจ ผมมองหน้ามัน มองไม่กะพริบ

ด ้วยความรู้สึกที่อธิบายเป็นค าพูดไม่ได ้ รู้แค่ว่าเจ็บมาก เจ็บ


เพราะโดนหักหลัง

“โธ่เว ้ย!”




“อะแค่กๆ” ผมไอโขลกออกมาอย่างหนักหลังจากไอ ้ค่าย

ยอมปล่อยมือให ้ผมเป็นอิสระ ระหว่างนั้นก็ได ้ยินเสียงดัง

แทรกเข ้ามาในกกหูอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพบว่าก าปั้นหนักๆ

ก าลังต่อยเข ้ากับก าแพงไม่ยั้งจนเลือดอาบฝ่ ามือ



กลิ่นคาวเลือดลอยคว ้างอยู่ใกล ้จมูกจนอยากอาเจียน แต่

ถึงอย่างนั้นผมกลับพยายามรั้งก าปั้นที่กระหน ่าชกอย่างบ ้า


คลั่งเอาไว ้สุดความสามารถ ด ้วยการจับข ้อมือของคน

ตรงหน้าไว ้แน่นพร ้อมกับเค ้นเสียงที่เหลืออยู่ออกมา



“ต่อยกูเถอะ ต่อยแรงๆ เลย”



“ไอ ้เติร์ด มึง...”




“กูจูบไอ ้โบนไปแล ้วเพราะงั้นมึงต่อยกูเถอะ”



“...”



“แล ้วเราจบกันเถอะนะ กูไม่อยากรักมึงแล ้ว กูเจ็บฮือออ

ออออ กูเจ็บ” เหมือนความอัดอั้นตันใจที่มีมาทั้งหมดได ้พัง

ครืนลงมา พังลงตรงหน้าของคนที่แอบรักมานาน




สุดท ้ายก็สูญเปล่า สุดท ้ายก็ไม่เหลืออะไร บอกว่าเผื่อใจ

เอาไว ้มากมายแต่เอาเข ้าจริงก็หนีความเจ็บปวดไม่พ ้น ไอ ้

ค่ายไม่ได ้เปลี่ยนอะไรเลย มันไม่ได ้รักผมอย่างที่พูด ไม่ได ้


รัก...แม ้แต่เสี้ยว



“เติร์ดกูขอโทษ”



“...”



“กู...ขอโทษ” ข ้อมือที่ผมจับอยู่ก าลังสั่น ไอ ้ค่ายเอ่ยขอ


โทษผมทั้งน ้าเสียงสั่นเครือ และตอนนี้ผมก็ก าลังเห็นว่า

ใบหน้าแดงก ่า...มีน ้าตาไหลออกมา



ร ้องไห ้ท าไมไอ ้ค่าย ไม่ต ้องร ้องให ้คนอย่างกูหรอก ไม่มี

ประโยชน์ที่ต ้องท าอย่างนั้น



“กูสามารถจูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงได ้”




“...”



“กูสามารถมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงได ้ กูอยากเป็น

เหมือนมึงที่ไม่ต ้องรักใคร ไม่ต ้องเสียใจที่ต ้องสูญเสียไป

เหมือนตอนนี้ มึงรู้สึกเสียใจบ ้างมั้ยที่ก าลังเสียกูไป มึงรู้สึก

เสียใจบ ้างมั้ยที่กูจูบคนอื่น”




“เติร์ดกูขอโทษ” ร่างของผมถูกดึงเข ้าไปกอด เป็นอ ้อม

กอดที่แน่นมากแต่กลับรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ วันนั้น

ที่เคยบอกเอาไว ้ว่าจะเป็นทั้งครอบครัวและที่ปรึกษา




เป็นคนที่อยู่เคียงข ้างเสมอไม่ว่าสุขหรือเศร ้า



เป็นคนที่พร ้อมจะสร ้างฝันไปด ้วยกันจนกว่าจะส าเร็จ



และก็เป็นคนที่สัญญากับปากว่าจะหยุดทุกอย่างเพื่อกู




“ที่กูเป็ นขนาดนี้ เสียใจขนาดนี้ก็เพราะรักมึง”



“...”



“แต่มึงไม่รู้สึกอยากรักษาความรักของกูเอาไว ้บ ้างเลย

เหรอ”




ค าถามเดียวที่อยากถาม แม ้ผมจะได ้ค าตอบตั้งแต่เห็น

เจ ้าของอ ้อมกอดนี้ก าลังมีความสุขกับคนอื่นแล ้วก็ตาม...



ตอนที่ 16

สิ่งที่ไม่เคยบอก



“เติร์ดขอร ้อง...อย่าไปจากกู”




“...”

“อย่าไปจากกูได ้มั้ย” เสียงเครือส่งกลับมาไม่ขาดปาก

แต่ที่กูเห็นมึงเลือกเองไม่ใช่เหรอ แล ้วที่เจ็บกันอยู่ตอนนี้ก็


คงปฏิเสธไม่ได ้ว่ามันมาจากการกระท าก่อนหน้าของเราทั้ง

คู่ และเพื่อเป็นการยุติมัน...



“เราควรเป็นเพื่อนกันจริงๆ ว่ะค่าย” แม ้น ้าตามากมายจะ

ไหลลงมาเพราะเสียใจแค่ไหน ผมก็ต ้องยอมรับความจริงให ้

ได ้




กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได ้แย่ ตรงกันข ้าม ไอ ้ค่ายอาจมี

อิสระที่ได ้ท าตามใจตัวเอง ไม่ต ้องมาคอยห่วงความรู้สึก

ของผมว่าจะเป็นยังไง พอใจแค่ไหน ความรักถ ้ามันเริ่มต ้น

ด ้วยความอึดอัด สักวันหนึ่งทุกอย่างก็ต ้องจบอยู่ดี



“ไม่ ไม่ กูไม่ให ้มึงเป็นเพื่อน กูจะไม่ปล่อยมึงไป” แรง

กอดรัดจากอ ้อมแขนหนาหนักรัดแรงขึ้นจนผมหายใจแทบ


ไม่ออก อาการวิงเวียนหัวเริ่มหนักขึ้นซึ่งอาจเป็นผลมาจาก

การร ้องไห ้อย่างหนัก สุดท ้ายก็หมดแรงปล่อยให ้อีกฝ่ ายรั้ง

ไว ้อย่างนั้นโดยไม่มีสิทธิ์ขัดขืน



“ไอ ้ค่าย กูว่ามึงพาไอ ้เติร์ดกลับเถอะว่ะ” ผมก าลังจะหัน

ไปมองหน้าไอ ้โบน แต่มือหนากลับกดหน้าของผมลงกับ

ไหล่ของมันก่อนเสียงทุ้มต ่าจะตอบกลับไป




“กูพากลับแน่ ส่วนเรื่องของมึงคงต ้องไปเคลียร์กันที

หลัง”




“เออกูไม่หนีหรอกสัด ต่อยก็โดนต่อยฟรี”



“มึงจูบคนของกู!”



“คนของมึงก็เพื่อนกูมั้ย แม่งเอ๊ย!”



“อ ้าวพวกมึง มาท าอะไรตรงนี้วะเนี่ย” ผมจ าเสียงของไอ ้


ทูได ้ แต่ไอ ้ค่ายก็ไม่เปิดโอกาสให ้ผมได ้เงยหน้าขึ้นมามอง

สถานการณ์ที่เป็นอยู่แม ้แต่เสี้ยว มือข ้างหนึ่งของมันยึดหลัง

ของผมไว ้แน่น ส่วนมืออีกข ้างก็กดหัวผมลงกับไหล่และค ้าง

อยู่อย่างนั้น



คนที่เพิ่งมาถึงเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยค

ต่อมาด ้วยน ้าเสียงกดต ่ากว่าเดิม




“ไอ ้ค่าย...มึงท าอะไรไอ ้เติร์ด”



“เรื่องนี้กูจัดการเอง”



“กูถามว่ามึงท าอะไรมัน”




“ไม่ใช่เรื่องของมึง”

“ปล่อยไอ ้เติร์ด ไอ ้เหี้ยกูบอกให ้ปล่อย!” ร่างของผมซวน

เซไปมาจากการยื้อแย่งของคนสองคน แต่สุดท ้ายก็หนีไม่


พ ้นกลับมาจมอกของคนเหี้ยๆ อย่างไอ ้ค่ายอยู่ดี



“กูต ้องคุยกับเติร์ด ต ้องเคลียร์กับมัน”



“มึงท ามันร ้องไห ้”



“เชี่ยทู...ให ้แม่งจัดการกันเองเถอะ แต่ตอนนี้ช่วยพากูไป


หาหมอที...จะตายห่าอยู่ละ” ผมได ้ยินเสียงฮึดฮัดขัดใจของ

เพื่อนสนิท ขณะตัวเองก็เอาแต่กลั้นเสียงสะอื้นอยู่กับเพื่อน

ตัวสูง วินาทีนี้ผมเข ้าใจดีว่าตัวเองไม่ได ้อยู่ในอารมณ์ที่สงบ

นัก เรื่องเคลียร์ปัญหาต่างๆ ก็ด ้วย



“กูไม่อยากคุยกับมึง กูอยากกลับ” สุดท ้ายก็ต ้องยอม

จ านนบอกสิ่งที่ต ้องการออกไป แค่พาตัวเองออกไปจากที่


ตรงนี้ให ้เร็วที่สุดก็ถือว่าช่วยกันมากแล ้ว



“งั้นกลับกัน” ไอ ้ค่ายไม่ปล่อยให ้ผมได ้โต ้แย ้งอีก

นอกจากรั้งข ้อมือของผมให ้เดินตามเข ้าไปด ้านในผับ แสง

ไฟสลัวกับเสียงเพลงดังกระหึ่มแม่งท าให ้รู้สึกปวดหัวมาก

ขึ้น ยิ่งเมื่อคนตรงหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเดิม หน้าของผม

ก็ร ้อนขึ้นเป็นเท่าตัว จนผมต ้องชะงักเท ้าอยู่กับที่




“กูไม่เข ้าไป” ผู้หญิงคนนั้นยังนั่งอยู่ และภาพที่ไอ ้ค่ายกับ

เขาจูบกันก็ฉายวาบเข ้ามาไม่หยุด




พอแล ้ว กูเจ็บพอแล ้ว



“แค่จะเอากระเป๋ าตังค์กับกุญแจรถ งั้นรออยู่ตรงนี้ได ้มั้ย

อย่าไปไหน” ผมไม่ตอบ แต่คงไม่มีแรงจะเดินไปไหนต่อ

ไหนแล ้วหรอก โลกโคลงเคลงซะขนาดนี้



เมื่อเห็นว่าผมไม่ได ้มีปฏิกิริยาตอบโต ้ใดๆ ไอ ้ค่ายก็เดินไป


ยังโต๊ะ หยิบเอาของส่วนตัวออกมาก่อนจะพูดกับคนที่นั่งอยู่

สักพักหนึ่ง แต่สายตาผมไม่ได ้โฟกัสตรงนั้นเมื่อมันเอาแต่

จับจ ้องไปที่รุ่นน้องผู้หญิงที่เพิ่งเข ้ามาร่วมงานได ้ไม่นาน

เกลียดตัวเองที่พยายามไม่คิดสุดท ้ายก็เป็นกังวล



ไอ ้ค่ายพยายามท าทุกอย่างอย่างลนลานก่อนจะผละ

ออกมาจากคนกลุ่มใหญ่ แต่แล ้วเจ ้าตัวก็ต ้องหยุดอยู่กับที่


เมื่อผู้หญิงคนนั้นรั้งข ้อมือของมันเอาไว ้



เท ้าของผมก ้าวไปข ้างหน้าอย่างไม่รู้สาเหตุ คิดหาค าพูด

มากมายที่วุ่นวายอยู่ในหัว อาจจะเป็น...ไม่เป็นไรอยู่ต่อ

เถอะ เดี๋ยวกูกลับเอง หรือ...พรุ่งนี้เจอกันก็ได ้ เดี๋ยวกูคงโทร

ให ้ไอ ้ทูไปส่ง




รู้ว่ามันบ ้ามากแต่ผมวิตกกับการหาค าพูดพวกนี้จริงๆ จน

รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ใกล ้ๆ กับร่างสูงของเพื่อนสนิทเรียบร ้อย

แล ้ว




“พี่ค่าย มีอะไรกันหรือเปล่า” ค าถามนั้นเต็มไปด ้วยความ

สงสัย ผมเลยสูดลมหายใจเข ้าปอดพร ้อมกับเปล่งเสียง

แปร่งๆ ของตัวเองออกมา



“ไอ ้ค่ายมึง...อยู่....”



“อย่ายุ่งกับพี่ครับ” ค าพูดของผมถูกตัดด ้วยประโยค


กระด ้างกระเดื่องของคนตรงหน้า ก่อนร่างกายจะถูกดึงให ้

เดินตามสองขายาวๆ ออกจากผับและตรงดิ่งไปยังลานจอด

รถอย่างรวดเร็ว



มือหนากดตัวผมให ้เข ้าไปภายในรถของมัน ความเงียบ

ปกคลุมไปทั่วพื้นที่แม ้รถจะแล่นไปข ้างหน้าด ้วยความเร็วแค่

ไหนก็ตาม อาจเรียกได ้ว่าเจ็บจนจุก ค าถามมากมายยังคง


วนเวียนอยู่ในหัวแต่ไม่รู้จะเลือกค าถามไหนมาถามดี

สุดท ้ายก็ได ้แต่เงียบเหมือนอย่างเคย



ผมเป็นคนร่าเริง ผมเป็นคนร่าเริงมาตลอดจนกระทั่งหลง

รักไอ ้ค่ายทุกอย่างก็เปลี่ยนไป



ผมแค่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ใช ้ ชีวิตบ ้าๆ กับเพื่อน


ตั้งใจเรียน และหัวเราะในทุกๆ วัน แต่วันนี้ผมกลับค ้นพบว่า

ตัวเองถล าลึกลงไปมาก มากจนลืมไปแล ้วว่าเสียงหัวเราะ

เป็นยังไง เพราะแม่งเสือกจ าได ้แค่น ้าตา




ไอ ้ค่ายวนรถเข ้ามาตรงลานจอดใต ้ดินของคอนโดมัน ผม

ไม่ได ้ทักท ้วงใดๆ ที่มันไม่พาผมไปส่งที่ห ้อง หลังจากรถดับ

สนิทร่างสูงก็เปิดประตูพยุงผมให ้ลุกขึ้นยืน คราวนี้แหละ

ครับกระจ่างชัดแน่นอนว่ากูเมามาก ทั้งปวดหัวและเวียนหัว

รู้สึกผะอืดผะอมจนอย่างอ ้วกอยู่ตรงนี้ แต่ก็ต ้องฝืนเอาไว ้

แล ้วค่อยๆ เดินตามเท ้าของคนข ้างหน้าไป




“ค่ายกู...” อยากอ ้วก



นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจจะบอกหลังจากไอ ้ค่ายพยายามไข

ประตูห ้องตัวเองด ้วยคีย์การ์ด จนมันต ้องหันมาถามด ้วยสี

หน้าตื่นตระหนก



“เป็นอะไร”




“กู...” พูดไม่จบประโยคดีผมก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก

ตัวเองโดยอัตโนมัติ



“เฮ ้ ยๆ รอก่อนนะมึง” เท่านั้นแหละครับโลกทั้งใบเหมือน

เต็มไปด ้วยความอึดอัด การกลั้นอ ้วกตัวเองเป็นอะไรที่กู

อยากตายมาก ขื่นขมราวกับดมขี้ช ้ าง




ไอ ้ค่ายลากผมเข ้ามาภายในห ้อง ซวยสุดคือห ้องน ้าที่

เสือกอยู่ในห ้องนอน กว่าจะลากกันเข ้ามาก็แทบหมด

เรี่ยวแรง ตาสองข ้างพร่าเบลอแต่ต ้องประคองตัวเองไปให ้


ถึง



“เติร์ดนี่ทีวี มึงอย่าอ ้วกตรงนี้นะ”



มือหนารีบยกมือขึ้นมาปิดปากของผม แต่วินาทีนี้ความ

อดทนทุกอย่างแม่งไม่หลงเหลืออะไรแล ้วเลยปล่อยให ้พัง

เป็นพัง




อ ้วกพุ่งทะลุง่ามนิ้วไอ ้ค่ายออกสู่โลกกว ้างอย่างรวดเร็ว

ภาพที่สั่นไหวและติดเบลอตรงหน้าท าให ้ผมดูไม่ออกว่า

ของใช ้ อะไรในห ้องเละไปแล ้วบ ้าง รู้แค่ว่าจอโทรทัศน์ตาย

ไปแล ้วหนึ่ง



“ฮือออ อุ๊บ!”




“เติร์ดไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” แค่ได ้ยินค าปลอบจากอีกฝ่ าย

ผมก็ไม่สนอะไรอีกแล ้วนอกจากอาเจียนออกมาอีกรอบ หู

สองข ้างอื้ออึงจนได ้ยินเสียงวิ๊ง กลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้งไป

ทั่วจนอยากร ้องไห ้



ผมพยายามสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเพื่อนตัวสูง


แล ้วเดินโซซัดโซเซไปยังห ้องน ้าด ้วยตัวเอง นี่คือสิ่งที่คิด

เอาไว ้ แต่ความเป็นจริงกลับท าได ้แค่ฮึดฮัดอยู่อย่างนั้น มือ

ไม ้ปัดป่ ายไปมาเหมือนพยายามหาที่ยึดเกาะ และวินาทีนั้น

ผมก็จับได ้อยู่หนึ่งสิ่ง




เพล ้ง!!



โคมไฟตั้งโต๊ะ



“เดี๋ยวไอ ้เติร์ดมึงอย่าขยับ” ฉึบ!




“โอ๊ยยยยย” กูจะแหกปากให ้ลั่นห ้อง ไอ ้เหี้ยกูช ้ าไป เมื่อ

เท ้าทั้งสองข ้างเหยียบเข ้ากับเศษแก ้วเข ้าอย่างจัง สายตาที่

ใกล ้สว่างในคราแรกกลับมาพร่ามัวอีกครั้ง น ้าตามากมายไม่

รู้ไหลลงมาได ้ยังไง รู้แค่ว่าผมเจ็บจนแทบทรงตัวไม่ไหว



นี่มันวันเหี้ยอะไรของกูวะเนี่ย ฝันอยู่เหรอ ถ ้าฝันรีบตื่น

ขึ้นมาเลยนะ




เวลาไม่ปล่อยให ้ผมได ้เพ ้อเจ ้อนาน มือหนาก็สอดเข ้ามา

ใต ้ข ้อพับและอุ้มผมเข ้ามาในห ้องน ้า ไอ ้ค่ายให ้ผมนั่งตรง

ขอบอ่างก่อนมันจะวิ่งออกไปด ้านนอกครู่หนึ่ง แล ้วกลับมา

พร ้อมกับกล่องพยาบาลในมือ



“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมึงก็ไม่เจ็บแล ้ว” คนตรงหน้าเลื่อนอ่าง


ขนาดเล็กที่มีน ้าอยู่จ านวนหนึ่งมาไว ้ตรงเท ้าที่มีบาดแผล

หลังจากมันสาละวนกับการหาไอ ้อ่างนี่อยู่นาน “เจ็บนิดนึง

นะ มีแก ้วเล็กๆ ปักมึงอยู่”




ผมเงียบเหมือนอย่างเคย มองดูคนที่คุกเข่าตรงหน้าก าลัง

จัดการกับบาดแผลอยู่เงียบๆ กลิ่นคาวเลือดลอยเตะจมูกจน

เวียนหัว ไอ ้ค่ายจุ่มเท ้าผมลงกับน ้าเปล่าและพยายามท า

ความสะอาดอย่างตั้งใจ



“แสบมั้ย” เจ ้าตัวถาม




“กูจูบกับไอ ้โบน กูไม่เสียใจด ้วยที่จูบกับมัน” พูดไปน ้าตา

ก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย ถ ้าย ้อนเวลากลับไปได ้ผมก็ยังจะท า

เหมือนเดิมเพื่อตอกย ้าว่าตัวเองไม่ได ้เป็นของตายของใคร



ยังคงมีอิสระในการเลือกหรือท าทุกอย่างด ้วยตัวเอง ไม่

ต ้องแคร์ ไม่ต ้องมารอไอ ้ค่าย เพราะขนาดมันยังไม่เคย

คิดถึงผมแม ้แต่นิดเดียวเลย




“แต่กูเสียใจที่จูบกับเขา” หมายถึงรุ่นน้องคนนั้นเหรอ

เสียใจแล ้วท าแต่แรกท าไม ถ ้าผมไม่อยู่ตรงนั้นก็คงโง่

เดินหน้าให ้โอกาสมันต่อไปงั้นเหรอวะ แม่งโคตรจะไม่แฟร์

กับกูเลย



“กูตัดสินใจแล้วว่าเราควรเป็ นเพื่อนกัน”




“...!” ผมไม่อยากเจ็บซ ้าซากกับเรื่องเดิมๆ อีกแล ้ว อย่าง

น้อยชีวิตคนเราก็ควรเดินไปข ้างหน้าบ ้าง




“มึงเลิกเจ ้าชู ้ ไม่ได ้หรอก”



“แต่เรามาไกลจากค าว่าเพื่อนแล ้วนะเว ้ย”



“แล ้วจะทนฝืนท าไมวะ มึงไม่อึดอัดเหรอที่ต ้องพยายาม

รักกูคนเดียวทั้งที่ความจริงแล ้วมึงอยากมีอิสระ ยังอยาก

กลับไปใช ้ ชีวิตเหมือนเดิม นี่ไง กูให ้โอกาสมึงแล ้ว”




“กูไม่ได ้อยากเป็นเหมือนเดิม กูยังอยากมีมึง”



ผมก ้มลงมองคนที่นั่งชันเข่าอยู่ตรงพื้น ก่อนจะขยี้ตาแรงๆ

เพื่อมองคนตรงหน้าให ้ชัดขึ้น



“ค่าย...” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ ายด ้วยเสียงแผ่วเบา




“กูแค่ขอโอกาส” มือที่ก าลังท าความสะอาดแผลบนเท ้า

ของผมสั่นเทา ไอ ้ค่ายก ้มหน้าไม่คิดเงยคิดมาสบตากัน น ้า

ในอ่างเริ่มเจือสีแดงจากเลือดที่ไหลออกมาจากปากแผล

เชื่อมั้ย ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด



“ไม่...กูไม่โอเค” ผมร ้องไห ้มามากจนน ้าตาเหือดแห ้ง


ร ้องจนไม่เหลือน ้าตาไว ้เสียใจในวันต่อไป ผมเหนื่อยแล ้ว

กับการทุ่มเทความรักให ้ใครคนหนึ่งแต่คนคนนั้นกลับไม่เห็น

ค่าแม ้แต่เสี้ยว




ตั้งแต่ครั้งแรกที่หลงรักเพื่อนในกลุ่ม ผมก็พยายามท าทุก

อย่างโดยหวังว่าสักวันไอ ้ค่ายอาจเปลี่ยนใจหันมามองผม

บ ้าง แต่มันกลับพังลงไม่เป็นท่าเพียงเพราะใครอีกคนเดิน

เข ้ามาในชีวิต แล ้วอย่างนี้จะให ้ผมตอบว่าโอเคได ้ยังไง



“กูเจ็บพอแล ้วเวลาที่รู้ว่ามึงไม่เคยแคร์กูเลย กูเป็นใครก็

ไม่รู้ส าหรับมึง เจ็บที่มึงท าราวกับว่ากูไม่ได ้ส าคัญอะไร ทั้งๆ


ที่ครั้งหนึ่งมึงก็เคยบอกรัก ท าไมมึงถึงท าอย่างนั้นวะ” ในหัว

ผมมันมีแต่ค าถามว่าท าไมๆ ซ ้าๆ แต่ผมกลับไม่ได ้ค าตอบ

อย่างที่ควรจะเป็นนอกจาก ‘ไม่ต ้องรอแล ้ว’ จากความรู้สึก

ลึกๆ ของตัวเอง



“มึงจะลืมกูได ้เหรอ ลืมสิ่งที่ผ่านมาได ้เหรอเติร์ด”




“ถ ้าลืมไม่ได ้ก็จ าใส่หัวไว ้ไง”



“...”



“จ าให ้ได ้สักทีว่าตัวเองเคยเจ็บยังไง จ าให ้ได ้ว่ามึงท า

ร ้ายกูขนาดไหน จ าสักทีแล ้วกูคงหยุดคิดถึงมึงได ้สักวัน”




“เติร์ด...”

“เมื่อก่อนกูยังอยู่ตัวคนเดียวได ้ พอมึงเข ้ามาชีวิตกูก็

เปลี่ยนไป แต่พอวันหนึ่งที่ไม่มีมึงอยู่แล ้ว ชีวิตของกูก็แค่


กลับไปเป็นเหมือนเดิม กูไม่ได ้สูญเสียอะไรเลยแค่ยัง

เหมือนเดิม”



ผมไม่สัญญาว่าผมจะมีความสุขขึ้นเมื่อไม่มีไอ ้ค่ายเป็นคน

รัก แต่ถ ้าวันนี้ผมยังมีมันแล ้วรู้สึกเจ็บปวด แม่งก็ไม่มี

ประโยชน์อะไรที่ต ้องรั้งไว ้อีกแล ้ว




เพิ่งรู้! พอผ่านอะไรมามากๆ มันก็ไม่ง่ายอีกเลย ที่จะมอง

ความรักให ้สวยงามเหมือนเดิม...



ตอนเศร ้ากูก็ชอบปรัชญาจังเนาะ เลยต ้องยกแขนเสื้อ

เหม็นอ ้วกขึ้นมาเช็ดคราบน ้าตาที่ก าลังคลออยู่ออกอย่าง

ลวกๆ ไอ ้ค่ายยังคงก ้มหน้าก ้มตาล ้างเท ้าให ้ผมราวกับตัด

ขาดจากโลกภายนอก บางทีเจ ้าตัวอาจก าลังใช ้ ความคิด


และยอมรับสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่อยู่ก็ได ้



“ไอ ้ค่ายกูว่า...”



“ถอดเสื้อออก” ใบหน้าหล่อเหลาที่ติดแดงก ่าเงยหน้าขึ้น

พร ้อมกับสั่งเสียงเรียบ




“มึงว่าอะไรนะ”

“จะอาบน ้าให ้ แล ้วออกไปท าแผลต่อข ้างนอก”




“กูจัดการเองได ้ มึงออกไปเถอะ”



พูดไปก็เหมือนจะเปลืองน ้าลายเปล่าๆ เมื่ออีกฝ่ ายไม่ได ้

ฟังค าพูดผมแม ้แต่นิดเดียว กูเศร ้าอยู่ อยากตัดมึงออกจาก

ชีวิต แต่ไอ ้เพื่อนเหี้ยนี่กลับท าหูทวนลม ยื้อทุกอย่างเอาไว ้

แม ้สุดท ้ายจะรู้ดีกว่าไม่มีอะไรเป็นเหมือนเดิม




“ไอ ้ค่ายอย่ายุ่งกับกู” เสื้อหลุดออกจากตัวก่อนเป็นอันดับ

แรก คราวนี้ก็เป็นกางเกงบ ้าง อารมณ์มึนเมาในตอนแรก

แทบหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สู ้ แรงคนตรงหน้า

ไม่ได ้อยู่ดี



“รู้มั้ยว่ากูสามารถปล ้ามึงได ้”




“...”



“กูสามารถท าเหี้ยๆ กับมึงได ้ทุกอย่างแต่กูก็ไม่กล ้าท า

เพราะกลัวจะเสียมึงไป”



“แล ้วก่อนหน้ามึงจูบเขาท าไมวะ เป็นมึงเองไม่ใช่เหรอที่

ท าตัวเอง!” ไอ ้ค่ายเงียบ ไม่คิดจะพูดหรือแก ้ต่างใดๆ ทั้งนั้น


นั่นยิ่งท าให ้ผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันตั้งใจ เปลี่ยนเป็นบ่าย

เบี่ยงปล ้าผมถอดเสื้อผ ้าอย่างเอาเป็นเอาตายแทน

ผมถูกลากจากขอบอ่างไปที่ฝักบัว สายน ้าเย็นสาด

กระทบร่างกายจนหนาวสั่น มือหนาหยิบแชมพูและครีม


อาบน ้าละเลงลงบนตัวผมมั่วไปหมด สีแดงฉานจาก

บาดแผลไหลปะปนไปกับสายน ้าที่หล่นกระทบพื้น ผมก ้ม

ลงมองดูอยู่อย่างนั้นก่อนจะชะงักไป



ไม่ใช่เลือดจากเท ้าของผม



“ไอ ้ค่าย ตีนมึง...”




“เออเจ็บฉิบหายแล ้วเนี่ย เพราะงั้นช่วยอยู่เฉยๆ ได ้มั้ย”



“ตอนไหน”



“ตอนรีบวิ่งไปอุ้มมึงไง เต็มตีน” เจ ้าตัวพูดเหมือนไม่ใส่ใจ

แต่จากเลือดที่ไหลปะปนกับน ้าไม่ขาดสายก็ท าให ้รู้ทันทีว่า


แผลคงลึกมาก ลืมไปหมดเรื่องที่อยากด่าหรือโกรธมัน ได ้

แต่ยืนนิ่งปล่อยให ้อีกฝ่ ายจัดการอาบน ้าและจับแต่งตัวราว

กับตุ๊กตา



รู้ตัวอีกทีผมก็มานอนบนเตียง ยื่นเท ้าให ้แม่งท าแผลอย่าง

สงบเสงี่ยมไปแล ้ว




“ท าแผลตัวเองยัง”

“เป็นห่วงกูเหรอ”




“เปล่า”



“รู้ตัวป่ ะ มึงอ ้วกใส่ทีวี หน้าจอนี่เละไปหมด” อ ้วกทะลุง่าม

นิ้วเลยด ้วย กลั้นไม่อยู่จริงๆ ทั้งเสียใจและผะอืดผะอมจน

เวียนหัว แต่พอได ้อาบน ้าสติก็เริ่มกลับมาอยู่กับตัวทีละน้อย



“เดี๋ยวกูเช็ดเอง จะเก็บเศษโคมไฟมึงด ้วย”




“นอนเถอะกูท าเอง ขอแค่...พรุ่งนี้ทุกอย่างยังเป็น

เหมือนเดิมก็พอ”



“เหมือนเดิมดิ กลับไปเป็นเพื่อนกันก็มีความสุขดี”



“มึงไม่เข ้าใจ”




ในชีวิตของเราทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได ้ มัน

เรียกว่าการเปลี่ยนแปลง บางครั้งเปลี่ยนแล ้วเจอกับ

ความสุข แต่หลายครั้งเราก็เจ็บปวดกับสิ่งที่เปลี่ยนไป ซึ่ง

เราก็ต ้องยอมรับมันให ้ได ้



ไม่ช ้ าหรือเร็ว เราต่างก็ต ้องเปลี่ยนอยู่ดี




“กูเข ้าใจมึงค่าย แต่บางครั้งมึงก็ไม่เคยเข ้าใจกูเลย สองปี

ที่กูจมปรักกับการรักมึง ผลสุดท ้ายมึงเห็นมั้ยว่ากูยังเป็นคน

เดียวที่เจ็บ”




“แล ้วมึงรู้ได ้ยังไงว่ากูไม่เจ็บวะเติร์ด กูแม่งก็ไม่ต่างกับมึง

หรอก” มือหนาท าแผลให ้ผมเสร็จเรียบร ้อย ก่อนจะคว ้า

ผ ้าเช็ดตัวแล ้วเดินเข ้าห ้องน ้าไปทั้งที่เราพูดกันยังไม่เคลียร์

เท่าไหร่ แต่ด ้วยความอ่อนเพลียเลยไม่มีเวลามาคิดหา

เหตุผลในตอนนี้นอกจากหลับตาลง




พรุ่งนี้จะเป็นยังไงผมไม่รู้ รู้แค่ว่าในใจลึกๆ ผมก็ยังแคร์มัน

อยู่เหมือนเดิม แม่งโคตรน่าตบจริงๆ



ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่แสงไฟในห ้องตอนนี้ถูก

ปิดจนมืดสนิท เตียงที่นอนอยู่อ่อนยวบ รับรู้ถึงใครอีกคนที่

ก าลังคลานขึ้นมาพลางใช ้ มือสัมผัสบนแขนของผมเบาๆ

ความเย็นนั้นส่งผลให ้ผมต ้องพลิกตัวหนีแต่สุดท ้ายก็ถูกดึง


เข ้าไปในอ ้อมกอดของใครอีกคนอยู่ดี



อ ้อมกอดนั้นค่อยๆ รัดแน่นจนรู้สึกหายใจไม่ออก ได ้แต่ส่ง

เสียงอู้อี้ไม่พอใจเป็นการตอบกลับ



“ไอ ้ค่าย อือ” ริมฝีปากเย็นชืดกดลงบนซอกคอผม ก่อน

คมฟันจะกัดลงบนผิวเนื้ออย่างแรงจนผมครางออกมาอย่าง


ลืมตัว คนจะหลับจะนอนท าอะไรวะไอ ้เหี้ย

“ไอ ้โบนจูบมึงตรงไหน”




“...” ผมไม่ตอบ



เจ ้าตัวเลยทั้งจูบทั้งกัดไปทั้งซอกคอ เดาว่าความรุนแรง

นั้นคงท าให ้คอช ้าไม่มากก็น้อย ผมพยายามใช ้ เข่ากระทุ้ง

ร่างสูงที่คล ้ายจะขึ้นคร่อมด ้วยแรงที่มี แต่มันกลับไม่สะทก

สะท ้านกอดผมแน่นขึ้นจนกระดูกแทบหัก จากนั้นก็เลื่อนริม

ฝีปากขึ้นไปขบกัดกับริมฝีปากของผมอย่างแรง




“กูเห็นว่ามันจูบปากมึงด ้วย” พูดจบไอ ้ค่ายก็สอดลิ้นเข ้า

มาภายในราวกับตั้งใจจะสูบวิญญาณ สติที่มีอยู่น้อยนิดปลิด

ปลิวหายไปทันทีที่ถูกรุกจูบอย่างรุนแรง ได ้แต่บิดตัวไปมา

ด ้วยความรู้สึกซ่านในอก วนลูปอยู่อย่างนั้นหลายนาที เมื่อ

อีกฝ่ ายเปิดโอกาสให ้ได ้หายใจ ผมก็พ่นค าด่าใส่ทันที




“ไอ ้โบนจูบกูแล ้วจะท าไม กูควรถามมึงมากกว่าว่ามึงจูบ

ใครไปบ ้าง ควรถามมากกว่าว่ากูรู้สึกรังเกียจมึงมั้ย”



“มึงไม่ได ้รังเกียจกูจริงๆ หรอก”



“มึงมันก็แค่พวกชอบคิดเข ้าข ้างตัวเอง”




“ถึงมึงรังเกียจกูก็ไม่ปล่อยมึงไปอยู่ดี เพราะกูรักมึง”

“ท าไมถึงได ้พ่นค านี้ออกมาง่ายๆ วะ”




“เพราะกูรักมึง”



ท่ามกลางความมืดสนิทยามค ่าคืน ผมไม่เห็นแม ้แต่สีหน้า

ของคนที่ตระกองกอดอยู่แม ้แต่เสี้ยว จับได ้ก็แค่น ้าเสียงที่

ติดสั่นเครือเล็กน้อย ทุกครั้งที่ประโชค ‘กูรักมึง’ แว่วเข ้ามา

ในหู แรงกอดรัดจากอีกฝ่ ายจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ฝังใบหน้า

ของผมให ้จมลงบนอกกว ้างทีละนิดจนแทบหลอมรวมเป็น


เนื้อเดียว



“กูจะไม่ปล่อยมึงไปเติร์ด ถ ้าเลือกได ้กูก็จะกอดมึงเอาไว ้

แบบนี้”



“แม ้กูจะอึดอัดแค่ไหนก็ตามน่ะเหรอ”




“ใช่”



เราต่างเงียบหยั่งเชิงกันไปมา นานเหมือนกันกว่าผมจะ

ตัดสินใจพูดบางอย่าง



“อยากมั้ย”




“อะไร”

“มีเซ็กซ์”




“...”



“กูรู้ว่ามึงอยากลอง กูให ้ฟรีๆ เลยถึงตอนนั้นมึงจะได ้รู้ไง

ว่าชอบหรือเกลียด กูให ้โอกาสมึงได ้ท าและตัดสินใจว่าจะ

รักกูต่อหรือจะเดินจากไป” ความรักของไอ ้ค่ายก็แค่

ขับเคลื่อนไปด ้วยเซ็กซ์ ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคตมันก็ยังคง

เป็นแบบนั้น




“ไม่ กูไม่ได ้เห็นมึงเป็นที่ระบายความใคร่นะ”



“แต่ปกติมึงก็ท าแบบนั้น”



“ต ้องไม่ใช่กับมึง”




“ค่าย ถ ้ากูบอกว่าจริงๆ แล ้วกูไม่ได ้รักมึงล่ะ กูแค่อยาก

เอาชนะมึงจะโกรธกูมั้ย”



“ไม่ เพราะมึงไม่ได ้คิดแบบนั้น”



“ท าเหมือนรู้จักกูดีจัง”




“มึงก็รู้จักกูไปซะทุกอย่าง เรามาไกลกว่าค าว่าเพื่อนไป

เยอะแล ้วนะเว ้ย” ผมหัวเราะในล าคอเมื่อได ้ยินประโยคก่อน

หน้า มาไกลกว่าค าว่าเพื่อนก็กลับไปเป็นเพื่อนได ้ไม่รู้เหรอ




ไอ ้ค่ายเรียนรู้ที่จะได ้รับ และไม่เคยคิดที่จะต ้องสูญเสีย

มันก็แค่เด็กหวงของคนหนึ่งเท่านั้น



“อย่างอื่นกูไม่รู้หรอก แต่เติร์ดที่กูรู้จักคือคนที่รักกู”



“อืม มึงพูดถูก” ผมพึมพ าในล าคอ สิ่งที่ผมเป็นไม่ว่าอดีต

หรือปัจจุบันคือผมยังรักไอ ้ค่าย แม ้อนาคตจะตัดใจได ้หรือ


อาจเริ่มต ้นความรักครั้งใหม่ที่ยังไม่รู้ แต่ปัจจุบันผมก็ยังมีแค่

มัน



“ส่วนกูก็รักมึง” เสียงทุ้มพูดอีก ผมเลยส่ายหน้าไปมา



“ไม่ใช่หรอก ไอ ้ค่ายที่กูรู้จักไม่ได ้รักกู”




“...”



“ไอ้ค่ายน่ะ รักแต่ตัวเอง”



เช ้ าวันใหม่เริ่มต ้นขึ้น แต่ผมก็ยังคงรู้สึกถึงแรงรัดรึงจากวง

แขนหนาหนักของใครบางคนที่พาดผ่านตัวอยู่ อาการ

วิงเวียนหัวยังค ้างคาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่มากแล ้ว ผมค่อยๆ


ปรือตาขึ้น ปรับโฟกัสสายตาจนเห็นเพดานสีขาวสะอาดอยู่

ตรงหน้า

ด ้านข ้างมีร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งนอนประชิด ฝ่ ามือ

หนาพาดอยู่บนเอวราวกับกาวเหนียว ผมพยายามขยับ


ตัวอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให ้อีกฝ่ ายตื่น แต่ก็เหมือนจะเปล่า

จะโยชน์เมื่อไอ ้ค่ายลืมตาขึ้นมาหลังจากนั้นแทบจะทันที



“ตื่นแล ้วเหรอ” นี่คือค าทักทายแรกในเช ้ าวันใหม่ ผม

กรอกตาไปมาก่อนจะพยักหน้าแทนค าตอบ



ต ้องท าทุกอย่างให ้เหมือนเดิมสินะ แม ้ในใจจะไม่


เหมือนเดิมแล ้วก็ตาม



“หิวมั้ย เดี๋ยวกูหาข ้าวต ้มในตู้ไปเวฟให ้”



“ไม่ล่ะ กูว่าจะรีบอาบน ้าแล ้วกลับห ้องเลย”



“นอนพักต่อก็ได ้นี่หว่า”




“อาจจะไม่แล ้ว อยากโทรหาไอ ้ทูให ้รีบมารับ”



“กูไปส่งก็ได ้”



“ไม่เว ้ย มึงนอนต่อเถอะ อ ้อ! เสื้อผ ้าของมึงขอยืมต่อนะ

แล ้วจะเอามาคืนให ้” ผมรีบพูดและปิดประเด็นด ้วยการ


กุลีกุจอลงจากเตียง จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังห ้องน ้าอย่างเร็วรี่

บาดแผลที่ฝ่ าเท ้ายังหลงเหลือความเจ็บอยู่เล็กน้อยจน

ท าให ้เดินล าบาก แต่เพราะไม่อยากอยู่กับอีกฝ่ ายนานเลย


ต ้องฝืนใจอาบน ้าและเปลี่ยนเสื้อผ ้าชุดเดิมที่ใช ้ สวมนอน

ส่วนตัวที่ใส่มานะเหรอ เปื้อนอ ้วกจนไม่เหลือสภาพแล ้ว



“เติร์ด ก่อนมึงออกไปกินข ้าวต ้มก่อนสิ”



กลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นมาเตะจมูก ผมมองไปที่โต๊ะกินข ้าว

ขนาดเล็ก เห็นข ้าวต ้มใส่ชามวางอยู่พร ้อมกับน ้าดื่ม แถม


คนท ายังยืนยิ้มแป้นส่งมาให ้อีกต่างหาก



“ไม่ล่ะ ไอ ้ทูคงใกล ้มาถึงแล ้ว”



“ก็ให ้มันขึ้นมาดิ มึงยังไม่ได ้กินข ้าวเช ้ าเลย”



“กูอยากกลับว่ะไอ ้ค่าย ไว ้วันหลังแล ้วกันนะ” สิ้นค าพูด


นั้นผมคว ้ามือถือและสวมรองเท ้าเดินออกจากห ้องทันที

ถึงแม ้จะรู้สึกแย่จากการกระท าของตัวเองนิดหน่อยแต่แบบ

นี้แหละดีแล ้ว อีกหน่อยเวลาก็จะเยียวยาเราทั้งคู่เอง



หลังลงมาจากห ้องผมก็เห็นว่าเพื่อนรักอย่างไอ ้ทูขับรถ

มารออยู่ก่อนแล ้ว และเพื่อไม่ให ้ไอ ้ค่ายตามลงมาทันผมจึง

รีบแทรกตัวเข ้าไปในรถและเร่งให ้ไอ ้ทูขับออกไปอย่าง


รวดเร็ว เราเงียบกันพักหนึ่ง เสียงเพลงโพสต์ร็อกที่ดังคลอ

อยู่ช่วยให ้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้นนิดหน่อย แต่แม่งก็ไม่

สามารถปกปิดความอยากรู้ของคนขับข ้างๆ ได ้อยู่ดี




“เคลียร์กันยังอ่ะ แต่ดูจากสภาพแล ้วน่าจะหนักกว่าเดิม”



“ไอ ้โบนเป็นไงบ ้างวะ” ด ้วยไม่อยากตอบค าถาม ผมเลย

เปลี่ยนเรื่องทันที



“หน้าแหกสิถามได ้ มันร ้องโอดโอยฉิบหายตอนกูหามแม่

งส่งโรง’บาล”




“ฝากขอโทษมันด ้วยนะ”



“คิดไงไปจูบมันวะ ประชดไอ ้ค่ายเหรอ”



“...” เงียบอีก พูดถึงไอ ้ค่ายทีไรก็เจ็บจี๊ดในใจทีละน้อย




“เมื่อคืนกูโทรถามเหตุการณ์ในวงเหล ้าแล ้วนะ”



“กูไม่อยากฟัง”



“น้องชิงชิงคนนั้นเป็นฝ่ ายรุกไอ ้ค่ายนะเว ้ย กูไม่อยากให ้

มึงสองคนเข ้าใจกันผิดเพราะเรื่องแค่นี้”




“แค่นี้เหรอวะ กูเห็นต าตาว่าแม่งบี้ปากกันอยู่”

“เพื่อนมันบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะอยู่ดีๆ

น ้องชิงก็ขึ้นคร่อมแล ้วบี้ปากไอ ้ค่ายเลยไง ไม่มีอินโทร ไม่


บอกให ้รู้ล่วงหน้า เป็นใครก็ตั้งตัวไม่ทันป่ ะวะ มึงแค่ซวยไป

เห็นช็อตเด็ดพอดี”



“แล ้วท าไมมันไม่แก ้ตัวกูด ้วยเหตุผลนี้วะ”



“ถ ้ามันพูดมึงจะเชื่อมั้ย เหี้ยๆ อย่างไอ ้ค่ายใครก็ไม่อยาก

เชื่อ”




“เออไง การกระท าหลายอย่างมันฟ้อง” จ าได ้ว่าตั้งแต่

น้องคนนั้นเข ้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ ายโสต ผมก็เห็น

พฤติกรรมแปลกประหลาดของไอ ้ค่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งไลน์

ทั้งการปรากฏตัวของน้องเขา ทั้งความสนิทสนมเกินความ

จ าเป็น หลายอย่างท าให ้ผมไม่สามารถคิดในเชิงบวกได ้




“แล ้วนี่จะเอาไง” ไอ ้ทูหันมามองผม ก่อนจะเปลี่ยนไปจด

จ่อกับการมองถนนตรงหน้าแทน



“กูจะตัดใจ คงเป็นได ้แค่เพื่อน”



“เสียดายว่ะ เดินทางกันมาไกลจากจุดนั้น สุดท ้ายก็

กลับไปที่เดิม”




“ก็ดีกว่าต ้องอยู่แบบเจ็บๆ”

“ไม่ให ้โอกาสมันบ ้างเหรอวะ”




“เคยให ้แล ้ว ไม่รักษาเอาไว ้เองก็ควรจบ”



“สงสารไอ ้ค่ายว่ะ”



“สงสารกูเถอะ”



“เฮ ้ อออออออ ท าไมการรักใครสักคนมันเหนื่อยขนาดนี้วะ


สู ้ ไม่รักเหมือนกูยังดีซะกว่า”



“เลือกได ้กูก็ไม่อยากรักใครหรอก”



รถแล่นไปบนถนนที่เต็มไปด ้วยความวุ่นวาย ผมหวน

คิดถึงครั้งแรกที่เจอกับไอ ้ค่าย พร ้อมกับตั้งค าถามกับตัวเอง

มีใครบ ้างวะบังคับไม่ให ้เริ่มต ้นรักใครสักคนได ้ แต่ในเมื่อรัก


ได ้ก็ควรบอกให ้หยุดได ้เหมือนกัน



ผมไม่อยากเจอไอ ้ค่าย แต่สุดท ้ายก็ต ้องเผชิญหน้ากับ

เจ ้าตัวในเช ้ าวันจันทร์อยู่ดี หลังเลิกคลาสเราต่างแยกย ้าย

ท าหน้าที่ของตัวเองในกองละครนิเทศฯ



ไอ ้พี่เชนทร์เป็นคนแรกที่เดินเข ้ามาตบบ่าผม จากนั้นก็


ตามด ้วยพี่อั้น เดาว่าทั้งคู่คงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวัน

ศุกร์แล ้ว ดูได ้จากบรรยากาศอึมครึมที่เป็นอยู่จากทุกฝ่ าย

โดยเฉพาะฝ่ ายโสตที่ตอนนี้ผมเห็นไอ ้ค่ายเลือกปลีกวิเวก

มาอยู่ไกลจากรุ่นน้องที่ชื่อชิงชิงค่อนข ้างมาก




“เป็นไงบ ้าง ดีกันยังวะ” ค าถามคลาสสิกหลุดออกมาจาก

ปากผู้ก ากับหุ่นหมี



“ก็ไม่มีอะไรนี่พี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”



“เหรอ เสียใจมั้ยที่พูดแบบนั้น”




“พี่จ าได ้มั้ยที่เราเคยพูดกัน เรื่องเพื่อนที่เคยหยุดตัวเอง

เพื่อจะรักใครสักคนอย่างจริงจัง ตอนนี้ไอ ้ค่ายเป็นคน

ส่วนมากที่หยุดไม่ได ้ว่ะ”



“กูก็เห็นมันหยุดแล ้วนะ เรื่องคืนนั้นมึงเข ้าใจผิดไปเอง

ไม่ใช่เหรอ”




“ก็ถ ้าไม่เอาตัวเองเข ้าไปยุ่งผมก็คงเชื่ออย่างนั้น แต่นี่

ไม่ใช่ไง” แล ้วประเด็นมันก็วนมาอยู่ที่เรื่องเดิมๆ คือการหวน

นึกถึงภาพนั้นซ ้าไปซ ้ามาไม่หยุด



ดีแค่ไหนแล ้วที่ตอนนี้ยังไม่ได ้คบกัน เพราะถ ้าเราต่าง

ถล าลึกว่ามากกว่าที่เป็น แล ้วมารู้ความจริงทีหลังว่าไอ ้ค่าย


ไม่ได ้รักผมจริงมันจะเจ็บขนาดไหนวะ

“ฟุ้งซ่านว่ะมึง ให ้กูเรียกชิงชิงมาเคลียร์มั้ย”




“เหอะ! ไม่ต ้อง”



“ความรักมันก็ต ้องมีอุปสรรคกันบ ้าง”



“แต่ถ ้าซ ้าซากขนาดนี้แม่งไม่เรียกอุปสรรคหรอก เรียก

เหี้ย”




“เอาเหอะ ยังไงกูก็ทีมมึงอยู่แล ้ว มีอะไรให ้ช่วยก็บอกได ้

หรือจะบอกไอ ้อั้นให ้แก ้แค ้นก็ได ้นะ” คนถูกพาดพิงยิ้มแฉ่ง

ยืนกดนิ้วเสียงดังกรอดเป็นท่าประกอบด ้วย



โอยยยย ให ้ไอ ้พี่อั้นแก ้ปัญหามีหวังว่าสุดท ้ายจะเจอศพ

ไอ ้ค่ายลอยอยู่แถวอ่างน ้าคณะมากกว่า




รุ่นพี่ปีสี่เดินจากไป ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงมุมห ้อง หยิบมือถือ

ขึ้นมากดเลื่อนตามข่าวสารไปทั่วเนื่องจากว่างอยู่คนเดียว นี่

ยังคิดเลยว่าสักพักคงไปช่วยฝ่ ายศิลป์ ท าพร็อพประกอบ

ฉากแทน แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเห็นทีผมต ้องสู ้ รบปรบมือกับ

คนที่เดินส่งยิ้มมาแต่ไกลเสียก่อน



“ขอนั่งด ้วยดิ” เสียงทุ้มต ่าเอ่ยขอ ซึ่งแทบไม่รอให ้ผม


ตอบมันก็ทิ้งตูดลงบนพื้นไปแล ้ว

“ว่างเหรอ ได ้ข่าวว่าพรุ่งนี้อัดเสียงแล ้วหนิ”




“ก็ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต ้องอัดนี่หว่า หิวมั้ยกูมีขนมติดมา”



“ขอโทษไอ ้โบนหรือยัง” ผมเปลี่ยนประเด็นอย่างเร็วรี่



“ขอโทษแล ้ว”



“ดีละ เดี๋ยวกูจะไปช่วยฝ่ ายศิลป์ ทาสี มึง...จะไป


ด ้วยกันมั้ย” เกลียดตัวเองจริงๆ ที่เผลอพูดออกไปแบบนั้น

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มมีความสุขพร ้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก

ด ้วยท่าทีลิงโลด



เราเดินออกไปด ้านหลังคณะ แหล่งซ่องสุมของฝ่ ายศิลป์

ที่ก าลังง่วนอยู่กับการท าฉากมากมายมหาศาล แม ้จะจ ้าง

ช่างมืออาชีพมาท าฉากใหญ่ๆ มากมาย แต่ด ้วยงบที่มีจ ากัด


ท าให ้เราต ้องท าเองค่อนข ้างเยอะ



“อ ้าวไอ ้เติร์ด ไอ ้ค่าย ลมอะไรหอบมาวะเนี่ย” เพื่อนที่ท า

หน้าที่นี้ตั้งแต่แรกทักทายขึ้น



“ว่างงานเลยจะมีช่วย มีอะไรให ้กูแสดงฝีมือบ ้างวะ” ผม

ถาม ซึ่งเพื่อนมันก็ยินดีรีบชี้ไปยังฉากใหญ่ของงานที่มีแต่


ไม ้อัด

ไอ ้ควายยยยยย นี่พวกมึงไม่ได ้ลงมือเหี้ยไรเลยนี่หว่า




“ทาสีพื้นให ้พวกกูก่อนแล ้วกัน สีขาวอยู่ข ้างเสา แปรงก็

อยู่ตรงนั้น ขอบใจมากเว ้ย” ว่าแล ้วก็หันไปสรรสร ้างกับการ

ทาสีฉากอาคารเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมมองหน้าไอ ้ค่าย

เลิกลัก ก่อนขายาวจะก ้าวไปหยิบถังสีขนาดใหญ่ออกมาวาง

ไว ้ใกล ้ๆ กับผม



“แปรงอันแค่เนี๊ยะ” เผลอพูดอย่างปลงตก ทาสามวันโน่น


กว่าจะเสร็จ



“เดี๋ยวกูช่วย กูทาเร็ว”



เรานั่งยองๆ บนแผ่นไม ้อัด แล ้วตั้งหน้าตั้งตาละเลงสีขาว

กันทีละมุมไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นไอ ้ค่ายก็ชวนผมพูดอยู่

หลายเรื่อง จนสุดท ้ายก็มาหยุดตรงเรื่องหนังสั้นที่เราแพลน


ว่าจะท ากัน



“กูว่าจะเลื่อนเวลาที่เรานั่งรถไฟลงใต ้ให ้เร็วขึ้นว่ะ กูไปดู

ปฏิทินมาแล ้ว ช่วงต ้นเดือนหน้าเป็นวันหยุดยาวห ้าวัน เรา

น่าจะกระชับมิตรกันนะ”



“แล ้วถามไอ ้ทูกับไอ ้โบนยังวะ”




“ยัง นี่คุยกับมึงคนแรก เผื่อเห็นด ้วยเราจะได ้ไปเที่ยวกัน

ไง”




“ไปท างานป่ ะวะ”



“ท างานด ้วย ได ้เที่ยวด ้วย”



“ก็ถ ้าพวกมันตกลงกูยังไงก็ได ้”



“เยส” เคยคุยกันไว ้พักหนึ่งแล ้วว่าปิดเทอมจะนั่งรถไฟ


จากกรุงเทพฯ ไปสุราษฎร์ฯ ระหว่างเดินทางก็ใช ้ เวลาเขียน

Screenplay ไปด ้วย โดยการเสนอไอเดียกันเรื่อยๆ เผื่อจะ

คิดอะไรดีๆ ออก



ถ ้าเปลี่ยนมาเดินทางเร็ว บางทีจิตใจทุกคนอาจดีขึ้น

เพราะได ้พักผ่อนไปในตัว งานนิเทศฯ ช่วงนี้ต ้องบอกว่า

ค่อนข ้างหนัก แม ้จะไม่มีสอบแต่ละครเวทีก็ใกล ้เข ้ามาทุกที


หากเคลียร์งานแล ้วพาตัวเองปลีกวิเวกได ้ก็นับเป็นเรื่องที่ดี

เหมือนกัน



“แล ้วมีคนอื่นไปด ้วยมั้ย” ผมถามไอ ้ค่ายอีก



“ไม่ๆ มีแค่เรา”




“งั้นก็ยกเรื่องนี้ไปคุยในไลน์ หรือไม่ถ ้าเจอไอ ้ทูกับไอ ้โบน

ก็ลองถามความเห็นมันซะ”

“ไม่มีปัญหา แค่มึงโอเคก็ดีแล ้ว”




“อืม”



“เติร์ด...”



“ว่า”



“ที่มึงบอกว่ากูรักแต่ตัวเองอ่ะมึงพูดถูก” มือหนายังคง


ตวัดแปรงจุ่มสีลงบนพื้นไม ้อย่างช ่าชอง มันไม่ได ้เงยหน้า

ขึ้นมาสบตากับผมด ้วยซ ้า แต่เรารู้ดีว่าเจ ้าของค าพูด

ประโยคนั้นก าลังอยู่ในอารมณ์ไหน “กูรักตัวเอง กูเห็นแก่ตัว

และเพราะความเห็นแก่ตัวเนี่ยแหละกูถึงได ้รั้งมึงไว ้ เพราะ

มึงอยู่ตรงนี้กูถึงมีความสุข ถ ้าไม่มีมึงกูคงอยู่ไม่ได ้”



“มึงไม่ผิดหรอกที่จะคิดแบบนี้ แต่ไว ้รอวันไหนที่มึงอยาก


ให ้กูมีความสุขโดยที่มึงไม่ได ้มีส่วนร่วมในนั้น เราค่อยว่ากัน

อีกที ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันเถอะ” ไม่ต ้องพัฒนาไปมากกว่า

นี้แล ้ว หยุดอยู่ตรงนี้ก็พอ



“มึงจะรอกูใช่มั้ย”



“ไม่รู้”




“แต่กูรอมึงนะ”

“อย่าพูดเพื่อกดดันกูเลยว่ะ ถ ้าวันไหนที่มึงเจอคนที่ดีกว่า

กูก็ไปเถอะ กูไม่อยากรั้งมึงไว ้” ไม่แน่พรุ่งนี้มะรืนนี้ไอ ้ค่าย


อาจเจอใครสักคนที่รับมันได ้ในทุกๆ อย่าง รักในสิ่งที่มัน

เป็นมากกว่าผมก็ได ้



เพราะตั้งเกิดเรื่องในคืนนั้น ความรู้สึกของผมก็ไม่

เหมือนเดิมอีกต่อไป...



Rrrr..!




สายที่สามแผดเสียงดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือเครื่อง

ประจ า ผมมองไปยังรายชื่อที่ปรากฏตรงหน้าก่อนจะถอน

หายใจเฮือกใหญ่ จะเนียนไม่รับสายอีกก็เหนื่อยที่ต ้องฟัง

เสียงเรียกเข ้าจากคนขี้ตื๊อแล ้ว เลยตัดสินใจรับอย่างจ ายอม




“ว่าไง” กรอกเสียงลงไปเสร็จก็เหลือบมองนาฬกาบนฝา

ผนังไปด ้วย ตอนนี้ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าแล ้ว



[เก็บของเสร็จยัง ตื่นเต ้นมากพรุ่งนี้ต ้องเดินทางแล ้ว]



ไอ ้ค่ายตอบกลับมาด ้วยน ้าเสียงอารมณ์ดี ใช่! พรุ่งนี้จะ

เป็นวันหยุดยาวที่เราแพลนว่าจะนั่งรถไฟไปเที่ยวเพื่อ

จ าลองสถานการณ์และทดลองเขียนบทก่อนถ่ายท าหนังสั้น


กันในเทอมหน้า ไอ ้ทูกับไอ ้โบนก็ตอบตกลงเห็นด ้วย แต่สิ่ง

หนึ่งที่ผมไม่ได ้บอกเอาไว ้ก็คือ...

ทริปนี้จะไม่มีผมในนั้น




ซึ่งแน่นอนผมบอกไอ ้ทูเอาไว ้แล ้ว มันเข ้าใจและตัดสินใจ

เดินทางกันสามคนโดยไม่ได ้บอกไอ ้ค่าย อาจเพราะผม

บกพร่องในหน้าที่ ยึดความรู้สึกเหนือหน้าที่ของตัวเอง แต่

มันคงไม่โอเคเท่าไหร่ที่ตลอดห ้าวันนี้เราต ้องอยู่ด ้วยกันด ้วย

ความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ



“อืม เก็บเสร็จแล ้ว” ผมโกหกอย่างหน้าด ้านๆ




แต่ถ ้าบอกความจริงในตอนนี้ ไม่ยกเลิกทริป ไอ ้ค่ายก็คง

ตามมาลากคอถึงที่ห ้องซึ่งผมไม่อยากให ้เป็นแบบนั้น



[นี่กูเอาเสื้อผ ้าไปหลายชุดเลย มีกางเกงชิลๆ ไว ้ใส่เล่น

น ้า กล ้องถ่ายรูป เสื้อกันฝนนี่ต ้องเอาไปด ้วยมั้ย]




“ก็แล ้วแต่มึงสิ”



รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ



[พาวเวอร์แบงค์ก็ชาร์ตไว ้เต็ม ไอพอดเอาไว ้ฟังเพลง

กีตาร์โปร่ง ขนมก็อัดไปเต็มกระเป๋ าเผื่อมึงหิว นี่เอาสมุดจด

บันทึกไปให ้มึงด ้วยเผื่อคิดอะไรได ้กลางทาง เติร์ดมึงอยาก


ได ้อะไรเพิ่มมั้ย]

“มะ...ไม่แล ้ว” ท าไมถึงรู้สึกอยากร ้องไห ้ขึ้นมาดื้อๆ วะ

เพียงเพราะไม่ได ้ร่วมทริปกับมึงเหรอวะค่าย




[เฮ ้ ยกูต ้องเอาแมคบุ๊กไปด ้วยป่ ะ]



“แล ้วแต่มึงสิ”



[เดี๋ยว แว่นตากับหมวก แปรงสีฟัน ยาสีฟันอีก

โอยยยยยยย] เจ ้าตัวบ่นระงมผ่านปลายสาย สลับกับเสียง


กุกกักไปมาเหมือนก าลังตระเตรียมของอย่างรีบเร่ง



“เตรียมเสร็จมึงก็ไปนอนได ้แล ้ว พรุ่งนี้เดินทางเช ้ า”



[กูไม่นอนอ่ะ ไว ้ไปนอนบนรถไฟยังได ้]



บางทีผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพื่อนที่เหี้ยฉิบหาย ว่าแต่ไอ ้


ค่าย เป็นผมนี่แหละที่รักแต่ตัวเอง แคร์แต่ตัวเอง ขณะที่อีก

ฝ่ ายก าลังดีใจอย่างลิงโลดผมกลับนั่งคุยโทรศัพท์นิ่งๆ อยู่

บนเตียง



“มีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง”



[งั้นบอกฝันดีกูหน่อยดิ]




“อืม ฝันดี”

[ฝันดีครับ]




ผมเป็นฝ่ ายวางสายก่อน แต่ก็อดไม่ได ้ที่จะมองมือถืออยู่

อย่างนั้น คืนนี้คงเป็นอีกคืนที่รู้สึกอึดอัดและล าบากใจที่สุด

เราไม่ค่อยมีทริปยาวไปเที่ยวด ้วยกันในกลุ่มเพื่อนเท่าไหร่

มาคราวนี้ก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ต ้องผิดสัญญา เพียงแต่...



ช่างแม่งเหอะ แค่ล ้มตัวลงบนหมอนและหลับตา เดี๋ยวทุก

อย่างก็เรียบร ้อยเอง




Rrrr..!



แปดครึ่งเสียงเรียกเข ้าท าหน้าที่เป็นนาฬกาปลุกให ้ผม

ต ้องฉุดตัวเองลุกออกจากเตียง ทันทีที่เห็นปลายสายเป็น

ชื่อของไอ ้ค่ายผมก็ท าหูทวนลมและรอจนกว่าอีกฝ่ ายจะ

เงียบไปเอง




มันดังอยู่อย่างนั้นสองสามครั้ง จนผมมั่นใจว่าเพื่อนอีก

สองคนคงตามไปสมทบแล ้วจึงกดปิดเครื่องเพื่อไม่ให ้ใคร

รบกวน



ช่วงบ่ายคล ้อยเสียงเคาะประตูห ้องดังขึ้น ผมเดินไปเปิด

ประตูก่อนจะเห็นเพื่อนรักที่อยู่คนละชั้นยืนยิ้มแฉ่งอยู่


ตรงหน้า

“ไอ ้ทู!”




“เออกูเอง มีอะไรให ้กินมั่ง หิวฉิบหายเลยว่ะ” มันเดินเกา

ท ้องเข ้ามาภายใน ผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงถูกมัดไว ้ลวกๆ สภาพ

ที่เห็นตอนนี้ดูยังไงก็ไม่พร ้อมส าหรับการเดินทาง ที่ส าคัญ

ตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล ้ว



“เดี๋ยวนะ มึงไม่ได ้ไปสุราษฎร์เหรอ”




“สุราษฎร์ห่าไรกูเพิ่งตื่น พอดีเห็นมึงอยู่คนเดียวเลยอยาก

อยู่เป็นเพื่อน”



“...”



“เนี่ยเมื่อคืนกูโทรไปบอกไอ ้โบนแล ้ว มันก็เข ้าใจนะ”




“แล ้วมึงได ้บอกได ้โบนมั้ยว่าทริปนี้กูไม่ไป”



“ไม่ แต่แม่งคงรู้อยู่แล ้วว่ามึงไม่สะดวกใจเท่าไหร่ ไปหา

อะไรให ้กูแดกทีซิ” เมื่อถูกเร่งมากๆ เลยจ าต ้องเข ้าครัวท า

ของกินง่ายๆ ให ้เพื่อนรักที่ตื่นเอาสายโด่ง ในใจก็นึกเป็น

ห่วงไอ ้เพื่อนสองตัวขึ้นมาครามครัน ไม่รู้จะเป็นตายร ้ายดี

ยังไงบ ้าง




“แล ้วนี่มึงเปิดมือถือไว ้มั้ย”

“ไม่ กลัวไอ ้ค่ายโทรตาม” ไอ ้ทูตอบพลางซดบะหมี่ใส่

ปากอย่างเอร็ดอร่อย หนีปัญหาเหมือนกูเลย กลัวแม่งกลับ


มาจะโดนเฉ่งกันทั้งคู่



“ฉิบหายแน่”



“พรุ่งนี้ค่อยเปิดเครื่องให ้แม่งด่า ถึงตอนนั้นอารมณ์คงดี

ขึ้นเพราะถึงทะเลเรียบร ้อย”




“ขอให ้เป็นอย่างนั้นเถอะ”



“เออนี่รู้ป่ ะ น้องชิงชิงลาออกจากทีมแล ้วนะ”



“อะไรยังไง”



“โดนกระแสบูลลี่จากฝ่ ายโสตเนี่ยแหละ แหม...เขาเห็น


กันต าตามั้งว่าน้องกล ้าได ้กล ้าเสียกับไอ ้ค่ายขนาดไหน ถ ้า

อยู่ต่อก็คงเป็นขี้ปากชาวบ ้านอีกนาน”



“อืม” ผมพยักหน้ารับฟังโดยไม่แสดงความเห็น ก็เห็น

หลายๆ คนมาบอกให ้ผมเลิกคิดมากเพราะไอ ้ค่ายไม่ได ้เล่น

ด ้วย แต่เข ้าใจใช่มั้ยครับ ภาพนั้นยังคงติดตาผมอยู่เลย




“ให ้อภัยมันเถอะ กูไม่เคยเห็นมันจริงจังกับใครเท่ามึงเลย

นะเว ้ย”

“ลองมาเจอเหมือนกูมั้ย”




“โอเคกูไม่เสือกละ ไปท าบะหมี่มาให ้อีกซองซิ หิวจนจะ

แดกหัวมึงได ้อยู่แล ้วเนี่ย” ผมส่ายหน้าไปมา แต่ก็ยอมท า

ตามค าขอของเพื่อนอย่างว่าง่าย ไอ ้ทูแดกจนอิ่มแปล ้ ล ้าง

ชามให ้เสร็จมันก็หนีไปอาบน ้าแต่งตัว กลับมาเคาะห ้องอีกที

ก็ชวนเที่ยวและดูหนังจนดึกดื่น




เราแยกย ้ายตัวใครตัวมันตอนเข็มสั้นของนาฬกาชี้ไปที่

เลขหนึ่ง หลังปิดประตูลงเราต่างก็อยู่ในโลกของตัวเอง ดึก

แล ้ว ตอนนี้เพื่อนอีกสองคนคงถึงก าลังหลับอยู่ที่ไหนสัก

แห่ง



ก๊อกๆ



ตีสามเสียงเคาะประตูดังอีกรอบ ผมเดินงัวเงียออกไป


อย่างโมโห นึกโกรธที่ไอ ้ทูชอบสร ้างปัญหาตอนดึกดื่น แต่

สุดท ้ายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่เพื่อนติสต์แตกของ

ตัวเอง หากแต่เป็น...



“เชี่ยโบน!”



“เออกูเอง ไอ ้เติร์ดมึงไม่ได ้ไปเที่ยวกับไอ ้ค่ายเหรอ”




“ไม่ แต่ท าไมมึงมายืนอยู่ตรงนี้วะ” ไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเอง

เป็นแบบไหน แต่หัวใจที่เต ้นกระหน ่าและบีบรัดแน่นจน

เหมือนหายใจไม่ออกอยู่ตอนนี้ท าให ้ผมนึกถึงใครอีกคน


ขึ้นมา



“กูน่าจะถามมึงมากกว่า พอดีกูอยากให ้มึงสองคนได ้ปรับ

ความเข ้าใจกันกูเลยไม่ไป”



“ไอ ้เหี้ยยยยยยยยย” ผมสบถดังลั่น รีบวิ่งไปหยิบ

โทรศัพท์มือถือที่ปิดเอาไว ้ขึ้นมาพร ้อมกับกุญแจรถ




“เดี๋ยวไอ ้เติร์ดมึงจะไปไหน”



“สถานีรถไฟ”



“ตอนนี้เนี่ยนะ กูว่าไอ ้ค่ายอาจจะกลับห ้องไปแล ้วก็ได ้ มึง

ลองโทรหามันก่อนเถอะ”




“เหรอวะ” ผมฉุกคิดได ้ ดังนั้นจึงยืนกระวนกระวายเปิด

เครื่องอยู่หน้าห ้อง ไม่มีมิสคอลทิ้งไว ้แม ้แต่สายเดียว เดาว่า

คนตัวสูงอาจจะกลับไปแล ้ว แต่เพื่อความมั่นใจเลยกดโทร

เช็กไปอีกรอบ



ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...




“ไม่ติดว่ะ ยังไงกูก็จะไปที่สถานีรถไฟ ส่วนมึงรีบไปปลุก

ไอ ้โบนแล ้วแวะไปหามันที่ห ้องดู ได ้ข่าวยังไงก็โทรบอกกู

ด ้วย”




“โอเค”



ต่างคนต่างแยกย ้าย ผมพุ่งไปที่รถยนต์ส่วนตัวก่อนจะ

เหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ภาวนาอยู่ในใจว่าไอ ้

ค่ายคงไม่อยู่ตรงนั้น ตั้งแต่แปดโมงเช ้ าจนถึงตีสาม ไม่มีใคร

บ ้ารออยู่หรอก ไม่มี…




ทันทีที่ไปถึง จุดแรกที่ผมวิ่งไปคือที่ที่เรานัดหมายกัน

เอาไว ้และผมก็เห็นว่ามันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ



“ไอ ้ค่าย”



เจ ้าของชื่อรีบหันขวับมาอย่างไวว่อง ร่างสูงสวมเสื้อ


ฮาวายสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นและรองเท ้าแตะอยู่หน้าชาน

ชาลา มันนั่งทับกระเป๋ าเป้ใบใหญ่ ขณะข ้างกายเต็มไปด ้วย

ข ้าวของไม่ว่าจะเป็นกีตาร์หรือสัมภาระอื่นๆ



“โอ ้โหปล่อยให ้กูรอนานเชียว ไหนอ่ะกระเป๋ า”



“...”




“กูซื้อตั๋วเผื่อมึงสามคนแต่ตอนนี้สายไปนิดหน่อย ไม่

เป็นไรเดี๋ยวเราซื้อกันใหม่นะ” มันรู้ว่าโดนทิ้งแต่ก็ยังตอบ

กลับมาด ้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนเหมือนเคย




เท ้าที่ก ้าวย่างไปหาอีกฝ่ ายเริ่มสั่นเรื่อยๆ จู่ๆ ก็รู้สึก

อ่อนแอจนอยากปล่อยโฮออกมาให ้มันรู้แล ้วรู้รอด



“กู...ขอโทษ”



“ไม่เป็นไร คิดว่ามึงติดธุระเลยไม่โทรตามกลัวจะรบกวน


แถมตอนนี้แบตก็หมดไปแล ้วด ้วย”



“...”



“ไหนอ่ะ ไอ ้ทูกับไอ ้โบน”



“มันยังไม่มา” และตอนนี้ผมก็เดินไปประชิดกับเพื่อนตัว


สูงเรียบร ้อยแล ้ว เนื้อตัวของมันเต็มไปด ้วยรอยแดงจากการ

ถูกยุงกัด สภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้บอกได ้เป็นอย่างดีว่ามันไม่

โอเคแค่ไหน แต่ท าไมถึงยังฝืนยิ้ม



“พรุ่งนี้เราเดินทางกันใหม่ รอให ้พร ้อมๆ ก่อนก็ได ้”



“คงไม่ทันแล ้ว”




“มันฉุกละหุกเนอะ ไม่เป็นไร แต่ถ ้าคราวหน้าไม่อยากให ้

กูไปด ้วยก็โทรบอกก่อนนะ”




“...”



“บางทีกูก็ส าคัญตัวเองผิดไง”



“...”



“บางทีก็เข้าใจไปแล้วด้วยซ ้า ว่าเราจะกลับมารักกัน


ได้อีก”



และตอนนั้นเองที่ผมโผเข ้ากอดไอ ้ค่ายไว ้แน่น พร ้อมกับ

ปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย...



ตอนที่ 17

ชีวิตเดิมเริ่มใหม่




ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เราสองคนยืนกอดกันแล ้วปล่อย

ให ้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไอ ้ค่ายไม่ได ้พูดหรือปลอบใจให ้

ผมหายสะอื้น มันแค่อยู่นิ่งๆ นานนับนาที กระทั่งเราผละ

ออกจากกันถึงได ้เห็นว่าดวงตาคมของคนตรงหน้าก าลัง

แดงก ่า




เจ ้าตัวไม่ได ้ร ้องไห ้ แต่สิ่งที่เห็นแม่งเจ็บกว่าการที่มันร ้อง

ฟูมฟายแล ้วด่าทอผมจนกว่าจะพอใจเสียอีก


Click to View FlipBook Version