The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

“อาจจะติดเรียนมั้ง ไม่ได ้คุยอ่ะ”




“อืม สมมติถ ้าแพรวมีคนใหม่แล ้วมึงจะโกรธหรือเปล่า”



“โกรธท าไมอ่ะ เราเลิกกันแล ้ว จะคบใครใหม่ก็ได ้”



“เหรอ” ค าถามแปลกๆ แฮะ แปลกจนกลัวว่าไอ ้เติร์ดคง

ไม่เผลอรู้อะไรอีก ส่วนตัวถามจากไอ ้โบนกับไอ ้ทูมาแล ้ว

มันยืนยันเสียงแข็งด ้วยเกียรติลูกผู้ชายว่าไม่เคยบอกเรื่องนี้


กับไอ ้เติร์ด ส่วนแพรวเองก็สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ คงไม่

เกิดเรื่องซ ้าสองอีกหรอกนะ



อาจเพราะกลัวความผิดของตัวเองหรืออะไรไม่รู้ ผมจึงรีบ

เปลี่ยนเรื่องคุยกันใหม่อย่างรวดเร็ว



“ให ้หั่นผักเลยมั้ย”




“อือ” ไอ ้เติร์ดตอบมาสั้นๆ ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามองผม

เลยสักเสี้ยว



“แล ้วนี่เหลือแก ้บทอีกเยอะเหรอ”



“อือ”




“คงดึกเลยดิวะ”

“อือ”




“นี่มึงไม่คิดจะตอบอย่างอื่นบ ้างเหรอ”



“อือ”



“งั้นคืนนี้ขอนอนด ้วยนะ”



“อือ เฮ ้ ย! ไม่ต ้อง กลับห ้องมึงไป”




“คงอยู่ดึกมาก ขับรถตอนกลางคืนโคตรอันตราย มึงเคย

บอกกูอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ” คนข ้างๆ กรอกตาไปมาราวกับ

ก าลังใช ้ ความคิด ไม่นานก็ตอบกลับเสียงเรียบ



“ห ้องไอ ้ทูกับไอ ้โบนอยู่ชั้นล่าง ลงไปเคาะดูดิ”




“มันไม่อยู่ ไลน์ไปหาแล ้วเห็นบอกว่าเหยื่อก าลังติดเบ็ด”



“กูไม่สะดวกว่ะ ยังไม่ได ้เก็บเตียงเลย”



“ปกติกูก็นอนห ้องมึงได ้ไม่ใช่เหรอ ห ้องรกแค่ไหนก็นอน

มาแล ้ว อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์ด ้วยไม่ต ้องรีบไปเรียน กูขอ

ซุกหัวนอนแค่คืนเดียวเอง”




“...”

“นะไอ ้เติร์ด น้า...” เชื่อว่าสกิลตอแหลที่ตัวเองเคยท ากับ

ผู้หญิงมาตลอดชีวิตต ้องใช ้ ได ้ผลบ ้างล่ะ อย่างน้อยก็ขอให ้


เราได ้ใช ้ เวลาร่วมกันบ ้าง



“เออ ถ ้าไม่มีเสื้อผ ้าเปลี่ยนก็เอาของกูไปใส่แล ้วกัน”



เยส! น่ารักมากครับเตชภณ



ผมช่วยมันท าอาหารง่ายๆ ตามประสาผู้ชายสกิลต ่า เสร็จ


สรรพก็เอาออกไปประเคนให ้ปีสี่ที่นั่งหน้าสลอนอยู่ตรงโต๊ะ

กินข ้าวเล็กๆ



“เออเติร์ด อังคารหน้าเขาจะให ้สต๊าฟไปประชาสัมพันธ์

กับขอรับเงินบริจาคที่ตลาดนัดนิสิตอีกรอบ ไปด ้วยกันดิ” ไอ ้

พี่อั้นที่นั่งแดกเงียบๆ อยู่นานเอ่ยขึ้น ผมชักรู้สึกตงิดกับมัน

มาสักพักละ เด็กฟิล์มปีสามกับปีสี่สนิทกันน่ะพอรู้ แต่ที่รู้อีก


อย่างคือนิสัยเจ ้าชู ้ ของมันด ้วย



“วันอังคารเหรอ”



“อังคารไม่ว่าง มึงต ้องไปร ้านต ้นฉบับกับกู” ผมรีบแทรก

ทันทีเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต ้นลม ร ้านต ้นฉบับเป็นร ้านขายแผ่น

หนังตั้งแต่รุ่นเดอะ แต่นิเทศฯ ทุกรุ่นรู้จักกันดีเพราะเจ ้าของ


ร ้านแกอินดี้มาก แถมอยากหาเรื่องไหนหรือเก่าเท่าไหร่แม่ง

ก็ยังหามาให ้ได ้

“กูจะไปพรุ่งนี้ เพราะงั้นวันอังคารไปได ้ครับพี่”




“งั้นดีเลย อังคารเจอกัน”



หกเด็กฟิล์มในแบล็กลิสต์ที่หลายคนบอกต่อว่าอย่าเอา

ตัวเข ้าไปยุ่ง เพราะความเหลี่ยมจัดท าให ้เหยื่อตกหลุมพราง

มานักต่อนัก คนแรกกูเอง คนแม่งด่าขรมทั้งคณะแต่ก็ยัง

รู้สึกปลอดภัยที่ผมเลือกกินแต่คนนอกไม่ลากคนในเข ้าไปมี

สัมพันธ์ลับ




คนที่สองคือไอ ้ทู เชี่ยนี่สายโหดอยู่แล ้ว ไม่เว ้นเด็กคณะ

ตัวเองด ้วย เรียกได ้ว่าลากหมดตั้งแต่ปากซอยยันลูกสาว

อธิการ เห็นใครหุ่นดีเป็นต ้องหยอดทิ้งไว ้ให ้เขามาถ่ายแบบ

ที่ห ้อง สุดท ้ายก็ไม่เหลือรอดกลับมาสักราย



คนที่สาม ไอ ้โบน เวลาใครเรียกไอ ้หัวสกินเฮด คนเดียวที่


หมายถึงคือสมาชิกแก๊งโหดอย่างมัน รายนี้ไม่ต่าง ไม่มีแฟน

เป็นตัวเป็นตน เปลี่ยนสาวน้อยกว่าผมสองคนก็จริงแต่ความ

ดิบของการฟันแล ้วทิ้งอีกวันกลายเป็นคนแปลกหน้านี่มัน

โหดกว่าผมหลายเท่า



คนที่สี่เป็นเด็กปีสอง ฮอตมากเพราะครองต าแหน่งเดือน

ฟันรุ่นพี่หลีดในคณะมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนใครต่างเล่าต่อกัน


เป็นทอดๆ ส่วนคนที่ห ้าอยู่ปีสี่ เพื่อนกลุ่มเดียวกับไอ ้พี่

เชนทร์หุ่นหมี หน้าตาพอไปวัดไปวาแต่ซิกแพคแน่นมาก ใช ้

ความตลกพ่วงความคารมดีเข ้าสู ้ สุดท ้ายแดกสาวเยอะสุด

ในบรรดาทั้งหมด




และคนสุดท ้าย...ก็กลุ่มไอ ้พี่เชนทร์อีกเหมือนกัน ไอ ้พี่

อั้น!



นี่ยิ่งกว่าสามทหารเสือเพราะมันคือกลุ่มทหารหมา หมา

ล่าเหยื่อของจริงแบบไม่มีใครกล ้าสู ้ ลึกๆ เป็นพวกเจ ้าชู ้

ประตูดิน มองภายนอกสร ้างภาพเป็นคนจิตใจดี สนุกสนาน


รักเพื่อนฝูง แถมยังร่าเริงกับทุกคนโคตรๆ



เรื่องหน้าตาก็ไม่มีใครอยากเอาไปสู ้ เพราะเท่แบบผู้ชาย

ด ้วยกันต ้องร ้องโอ ้โห ยิ่งเอาผิวแทนกับความสูงชะลูดมา

ไฝว ้แล ้ว ผู้หญิงร ้อยทั้งร ้อยถึงกับต ้องยอมสยบ ปล่อยมัน

แดกเรียบแทบไม่เหลือกระดูก แต่นิสัยแอ๊บเป็นคนดีของมัน

ก็ยังใช ้ ได ้กับทุกคนเสมอ ถ ้าไม่ใช่คนวงในที่รู้ว่ามันกินเหยื่อ


ไปเยอะเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่ามันจะเจ ้าชู ้ ระย าต า

บอนได ้ขนาดนี้



ในวงการคนเหี้ยๆ มันมีไม่กี่คน และเราต่างรู้จักกันหมด

แต่ท าไมมึงต ้องเสือกเข ้ามาในชีวิตไอ ้เติร์ดตอนนี้ด ้วยวะ

พวกผมเคยร่วมงานกับพี่มันก็จริง แต่ตอนนั้นแม่งไม่ได ้ใหญ่

ถึงขนาดมาท าต าแหน่งสูงๆ ปีนี้เลยเป็นปีซวยของผมซะงั้น




“อันนี้มึงท าเหรอวะ อร่อยดี” นั่นไง มันเริ่มเผยธาตุแท ้

ออกมาละ




“ผมช่วยท า จริงๆ ไอ ้เติร์ดท ากับข ้าวไม่อร่อยหรอก” จะ

ไม่ปล่อยให ้ใครหน้าไหนมายุ่งกับไอ ้เติร์ดทั้งนั้น กูจะท าทุก

วิถีทางเพื่อขัดขวาง



“มึงก็ท ากับข ้าวเป็นด ้วยเหรอวะไอ ้ค่าย”



“แน่นอน”




“ท าไปอ่อยหญิงอ่ะดิ” พี่มันพูดพลางหัวเราะร่วน ไอ ้สัดนี่

ตัดก าลังกูชัดๆ



“ฝึกไว ้ท าให ้เพื่อนกินต่างหาก”



“เหรอ แต่อร่อยดี กูชอบ”




“พี่อั้นเอาข ้าวอีกมั้ยวะ เดี๋ยวผมตักให ้” ไอ ้เติร์ดพูดแทรก

ขึ้นมาอีก ผมเลยหันไปมองหน้ามันทั้งที่พยายามสะกดกลั้น

อารมณ์เต็มที่



“เอาๆ อร่อย อยากมากินบ่อยๆ เลยกู”




“ข ้าวจะหมดหม ้อแล ้วนะ กินแค่นี้ก็น่าจะพอมั้ง”

“มึงนี่ตลกว่ะไอ ้ค่าย ข ้าวห ้องมึงเหรอ”




จึ่ก! เจ็บราวกับโดนมีดแทงอก หวงโว ้ยยยยยยยยย มึง

ไม่ไปหาเหยื่อคนอื่นวะ ท าไมถึงต ้องเป็นเพื่อนกู



“ผมกลัวไอ ้เติร์ดไม่อิ่ม”



“ไม่เป็นไร กูกินจนอิ่มแล ้วเนี่ย” ว่าแล ้วก็ยื่นมือมารับจาน

ของคนตรงหน้าไป ไอ ้พี่เชนทร์ปลีกวิเวกออกไปคุย


โทรศัพท์กับแฟนก่อนหน้า งานนี้เลยกลายเป็นสงคราม

ประสาทระหว่างผมกับไอ ้อั้นแทน



“งั้นกูขอข ้าวเพิ่มด ้วย” ผมรีบพูดอย่างเร็วรี่



“เอาเยอะๆ ไอ ้เติร์ดกูยังไม่อิ่ม”




“ของกูก็เอาให ้พูนจาน หิวมาก!”



หลังกินข ้าวเสร็จเราต่างช่วยกันล ้างจาน เก็บกวาดและท า

ความสะอาดโต๊ะ ก่อนจะย ้ายไปนั่งถกประเด็นเรื่องบทละคร

เวทีกันต่อ คนที่ไม่มีหน้าที่อย่างผมเลยเดินออกมาสูบบุหรี่

ตรงระเบียงด ้านนอก ไม่นานประตูเลื่อนก็ดังขึ้นพร ้อมกับร่าง

สูงของรุ่นพี่ปีสี่




“มีไฟแช็คมั้ย” มันถาม ผมเลยล ้วงกระเป๋ ากางเกงส่งไป

ให ้




มือหนาคีบบุหรี่มาไว ้ที่ปากแล ้วจุดไฟแช็คอย่างช ่าชอง

ควันสีขาวที่พ่นออกมาแข่งกับผมท าให ้บริเวณนี้ปกคลุมไป

ด ้วยความขมุกขมัว



“ได ้ข่าวว่ามึงเลิกแล ้ว” จู่ๆ เสียงทุ่มต ่าก็ถามขึ้น เป็น

ประโยคลอยๆ ที่ดูจับต ้นชนปลายไม่ถูก




“เลิกอะไร”



“มั่ว” ผมก็ไม่ได ้บอกใครเรื่องนี้นะ แต่คนวงในก็คงรู้ดี

ตอนนี้กูถอดเล็บละ



“ชีวิตมันก็ต ้องจริงจังบ ้าง โตแล ้วป่ ะวะ”




“ได ้ยินแบบนี้ก็ดี แต่ส่วนใหญ่คนที่คิดจะหยุดมันไม่หยุด

ได ้ในทีเดียวหรอก มึงก็เห็นๆ กันอยู่ เหี้ยกันจนเป็นสันดาน”



“เหมือนพี่มึงอ่ะนะ”



“ฮ่าๆ กูเหี้ยน้อยกว่ามึงอีก” ฉิบหาย กลายเป็นว่าตอนนี้

ผมและมันต่างแข่งกันว่าใครจะพ่นค าด่าได ้เจ็บแสบกว่ากัน


ซะมากกว่า ส าหรับพี่อั้น มันเหี้ยเรื่องผู้หญิงก็จริง แต่กับรุ่น

พี่รุ่นน้องและความเป็นเพื่อนในคณะมันก็ให ้ใจอยู่ แต่การให ้

ใจของมันนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ในระดับไหน




และจะจัดใครบางคนเข ้าไปอยู่ในโหมดไหนบ ้าง แต่ถ ้า

เป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉิบหายทุกรายแน่นอน



“ถามจริง ท าไมถึงเลิก”



“พอดีเจอคนที่อยากจริงจังด ้วยแล ้ว”




“เชร ้ด ดีว่ะ”



“แล ้วพี่อ่ะ ไม่เคยคิดเรื่องนี้บ ้างเหรอ”



“คิดอยู่ ก็เลยลองดูกันไป” จู่ๆ ล าคอของผมก็รู้สึกแห ้ง

ผาก ไม่กล ้าแม ้จะหันกลับเข ้าไปในห ้องซึ่งมีใครบางคน

ก าลังนั่งอยู่ เพราะกลัวว่าคนที่พี่มันอยากลองดูจะกลายเป็น


คนคนเดียวกับที่ผมหวง



“ท าไมจู่ๆ ถึงคิดอย่างนั้นวะ ท าตัวเหี้ยมาตั้งสี่ปี หรือ

เพราะเพิ่งรู้ตัว”



“มึงไม่น่าถามค าถามนี้นะ ใจมึงเองยังรู้ดีเลยว่าตอนไหน

ควรหยุดหรือท าตัวเลวไปเรื่อยๆ กูก็ไม่ต่างกัน ว่าแต่มึงเถอะ


ไปตกหลุมพรางเด็กคณะไหนเข ้าล่ะ”

ผมยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ เพราะมันช่วยให ้สมองโล่งและมี

ความกล ้าจะท าอะไรหลายอย่างมากกว่าตอนที่อยู่ใน


อารมณ์ปกติ



“คณะเราเนี่ยแหละ”



“โหย แหกกฎของตัวเองด ้วยว่ะ” รู้ลึกถึงไส ้ ถึงพุงกูดีจัง



“พี่รู้จักผมดี เพราะงั้นพี่ก็คงรู้อีกอย่าง ใครยุ่งกับคนของ


ผมผมเอาตาย”



“กูก็เหมือนกัน” ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าคมของรุ่นพี่ปีสี่

ดวงตาคู่นั้นมองออกไปด ้านนอก แต่รู้ดีว่าสองหูคงก าลังรอ

ฟังถ ้อยค าบางอย่างจากผมอยู่



“พี่อั้น...”




“ไร”



“ผมชอบเติร์ด”



“...”




“เพราะงั้นใครหน้าไหนก็ห ้ามยุ่ง”

สี่ทุ่มกว่าแล ้วไอ ้เติร์ดกับพี่เชนทร์เพิ่งคุยงานกันเสร็จ แต่

แทนที่จะรับกลับแม่งกลับนั่งยึดโซฟาหาหนังมานั่งดูอย่าง


อารมณ์ดี กูล่ะเกลียดฉิบหาย ท าได ้แค่ปั้นหน้าไม่พอใจอยู่

กับพวกแม่งมัน แถมต ้องนั่งข ้างล่างอีกต่างหาก



“อันนี้เป็นหนังสั้นปีก่อน อิโรติกหน่อยนะ แต่โคตรอาร์ต

เลย” เอ็กเทอนอลถูกต่อเข ้ากับจอโทรทัศน์โดยตรง รีโมท

คอนโทรลที่อยู่ในมือถูกกดไปเรื่อยๆ และไม่นานหนังเรื่อง

หนึ่งก็เริ่มต ้นฉาย




นี่เป็นหนังสั้นเด็กฟิล์มปีก่อน และได ้รับรางวัลด ้วยแต่จ า

ไม่ได ้ว่าอันดับที่เท่าไหร่



เรานั่งดูกันไปเรื่อยๆ ปากก็ร ้องซีดซ๊าดออกมาจนห ้ามไป

อยู่ อะโหยยยยยย พวกมึงคนหนึ่งควรจะรู้ว่ากูอดอยากปาก

แห ้งกับเรื่องเซ็กซ์มาพักใหญ่แล ้ว พอได ้มาดูหนังแนว 18+


แม ้จะมองว่ามันคืองานศิลปะแต่อารมณ์กูไม่ศิลปะด ้วย



น้องชายที่หลับใหลพร ้อมจะตั้งเด่อยู่ตลอดเวลา ได ้แต่

ควานหายาดมมาซุกรูจมูกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์แม ้มันจะ

ไม่ได ้ผลก็ตาม แป๊ บๆ ทนไม่ไหวกูหนีเข ้าส ้ วมก่อนเลย



“เดี๋ยวมา ปวดฉี่”




“ไม่น่าใช่ อยากล่ะสิมึง” ไอ ้พี่เชนทร์ ไอ ้หัวฆวย

“แดกน ้าเยอะเว ้ย” พูดจบก็รีบสับเท ้าเข ้าไปใช ้ ห ้องน ้าที่

อยู่ในห ้องนอนของไอ ้เติร์ดทันที จัดการจนพาลูกชาย


กลับมาอยู่ในสภาพเดิมเสร็จผมก็เปิดประตูออกมา แต่คนที่

ยืนอยู่ตรงหน้าท าเอาชะงักเท ้าในทันที



“เข ้าส ้ วมเหรอ” ผมถามพี่เชนทร์



“เออจะเข ้า แล ้วก็มาคุยกับมึงด ้วย”




“คุยอะไร”



“สัพเพเหระ”



“คุยข ้างนอกก็ได ้ เนี่ยจะออกไปแล ้ว”



ผมตั้งท่าเดินออกไป แต่กลับถูกผลักอกให ้ยืนอยู่ที่เดิม


อย่างงงๆ



“พี่ต ้องการอะไรกันแน่วะ”



“กูไม่อยากให ้มึงรีบเข ้าไปขัดจังหวะ คือจะบอกว่าไงดี...”



“ก็บอกมาสิ!” น ้าเสียงที่เปล่งออกไปฉายแววความโกรธ


จัด และผมก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได ้แล ้ว แม่งกลัว

ไปหมด ขณะเดียวกันก็อยากรู้ค าตอบใจแทบขาด

“เพื่อนกูชอบเพื่อนมึง”




“...!”



“ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิท”



“...”



“กูขออนุญาตมึงเปิดทางให ้ไอ ้อั้นจีบไอ ้เติร์ดได ้มั้ยวะ”


ตอนที่ 9

เราเป็นเพื่อนกัน (ไม่ได ้อีกแล ้ว)



รุ่นพี่ปีสี่กลับไปแล ้ว ผมนั่งอยู่ตรงปลายเตียงมองดูไอ ้

เติร์ดหยิบผ ้าเช็ดตัวเดินเข ้าห ้องน ้า เราไม่ได ้พูดอะไรกันเลย

หลังจากพี่เชนทร์กับเพื่อนตัวเหี้ยกลับไป รู้สึกว่าตัวเอง

เหมือนพวกขี้แพ ้เลยว่ะ เพราะเอาแต่นั่งคิดถึงประโยค


ขอร ้องจากใครบางคนไม่หยุด



เปิดทาง? นี่คิดว่ามันตลกมากหรือไง



ผมไม่ได ้ตอบตกลงค าขอนั้น เลือกที่จะเงียบและปล่อย

ให ้อีกฝ่ ายเลิกถามไปเอง หากแต่ในใจกลับเดือดปุดๆ จน

เลือดพล่าน กับไอ ้เติร์ดผมไม่ยอมปล่อยมันให ้ใครหน้าไหน


ทั้งนั้น แม ้จะช็อกที่ได ้ยินว่าพี่อั้นชอบมันแค่ไหนก็ตาม

ขนาดผมออกตัวแล ้วนะว่าชอบไอ ้เติร์ด เชี่ยนี่ก็ยังเจ ้ากี้

เจ ้าการไปขอให ้เพื่อนมันช่วย เอาจริงๆ ก๊วนแก๊งปีสี่ที่ใคร


ต่างเคารพก็มีไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือพี่เชนทร์ที่เวลาเอ่ย

ปากขอใครทุกคนก็ต ้องยอมให ้หมด ยกเว ้นกู



ไอ ้เติร์ดอาบน ้าไม่นาน สักพักก็เดินออกมาพร ้อมกับเสื้อ

ยืดสีขาวกับกางเกงบอลเน่าๆ ตัวเก่า บนหัวมีผ ้าขนหนูแปะ

อยู่เหมือนทุกครั้ง เพราะเป็นคนชอบสระผมตอนกลางคืน

ผมจึงมักบ่นเรื่องนี้เป็นประจ า




“เช็ดหัวให ้แห ้ง”



“เดี๋ยวมันก็แห ้งเองป่ ะวะ” ยังจะเถียงหน้าตายอีก



“เตียงแม่งชื้น แถมหมอนมึงราแดกหมดละ”




“งั้นก็อย่านอนหมอนกูสิ”



“หวง?”



“เออ”



“หวงไม่เข ้าเรื่อง” เจ ้าตัวเบะปากใส่ แต่ก็ยอมท าตาม


ค าสั่งอย่างว่าง่ายด ้วยการใช ้ ผ ้าขนหนูผืนเดิมขยี้หัวอย่าง

แรงจนรู้สึกเจ็บแทน ภาพเหล่านี้เหมือนกับเดจาวู ฉาย

ขึ้นมาซ ้าๆ ตลอดสองปีกว่าๆ ที่เราเป็นเพื่อนกันมา




“ไปอาบน ้าสิ มึงอยากใส่เสื้อตัวไหนก็ไปหยิบในตู้เอา”

เมื่อเห็นว่าผมนั่งจ ้องการกระท าของมันอยู่นาน ไอ ้เติร์ดก็ไล่

ให ้ไปอาบน ้า ซึ่งผมก็ไม่ได ้ปฏิเสธนอกจากลุกขึ้นยืนเต็ม

ความสูงแล ้วเดินไปหาคนตรงหน้า



“ขอผ ้าเช็ดตัวหน่อย”




“ในตู้อ่ะ”



“เปล่า จะใช ้ บนหัวมึงเนี่ย” ไม่พูดพร ่าท าเพลง ผมรีบคว ้า

ผ ้าขนหนูสีขาวในมือของอีกฝ่ ายออกไปทันที นั่นเลยท าให ้

ไอ ้เติร์ดไม่ค่อยพอใจรีบยกมือขึ้นมาฟาดหัวผมแรงๆ จนสติ

แทบวูบ




“อันนี้เช็ดหัว กูไม่อนุญาตให ้มึงเอาไปเช็ดหรรม” มัน

โวยวายเต็มที่



“เช็ดที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ พูดมากน่ามคาญ”



“ผืนใหม่ก็มีในตู้ท าไมไม่รู้จักใช ้ วะ สันดาน”




“เป็นเมียอ่อมาสั่ง” พูดเท่านั้นแหละความเงียบมาเยือน

ทันที คนตรงหน้าเลือกเบี่ยงตัวออกห่าง แล ้วหนีกระโดดขึ้น

เตียงเหมือนเด็กๆ ส่วนผมก็ไม่ได ้พูดอะไรต่อนอกจากรีบ

อาบน ้าแต่งตัวเพราะจะได ้มีเวลาที่เหลือท าเรื่องบนเตียงกับ


มันต่อ



ไอ ้อั้น อย่างน้อยวันนี้กูก็น ามึงไปก ้าวหนึ่งแล ้วล่ะ ใครจะมี

บุญอย่างไอ ้ค่ายกันที่ได ้มีโอกาสมานอนเตียงเดียวใน

อารมณ์เปลี่ยวๆ กับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแบบนี้



กลับออกมาอีกทีผมก็เห็นร่างสูงโปร่งนอนเล่นมือถืออยู่ที่


เตียง เลยรีบคลานตามขึ้นไปนอนข ้างๆ ชะโงกหน้าไปดูว่า

เพื่อนรักก าลังท าอะไรอยู่ และก็เห็นว่ามันก าลังไถอย่าง

โซเชียลสนุกสนานไม่มีอะไรจริงจังเท่าไหร่ เลยสบโอกาส

หาเรื่องคุยด ้วย



“นี่กูไม่ได ้มานอนห ้องมึงนานเท่าไหร่แล ้ววะ” ผมเปรย

เสียงเรียบ แต่ก็ยังได ้รับความสนใจกับคนข ้างๆ เพราะมัน


หันมามองหน้าแว๊บหนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจมือถือต่อ



“ไม่รู้ ไม่ได ้จ า”



“แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยเนาะ”



“เวิ่นเว ้ออะไรของมึง” ใบหน้าขาวหันมาสบถใส่เงียบๆ


พลันไถตัวลงนอนกับหมอนขณะสองมือเลื่อนมือถือไม่หยุด

ผมเลยไถลตัวนอนหนุนหมอนข ้างๆ ตามอย่างไม่รีรอ

“เดี๋ยวนี้ผมมึงหอมมากเลยนะ ไหนบอกว่าไม่ชอบแชมพู

กลิ่นแอปเปิ้ลไง” ผมชอบกลิ่นแชมพูยี่ห ้อนี้มาก เวลาไป


ห ้างทีไรก็มักบิวด์ให ้มันซื้อเสมอ แต่แม่งก็ไม่เคยซื้อ บ่นว่า

แพงไม่พอแถมบอกว่าไม่ใช่สไตล์มันอีกต่างหาก



“ใครบอกกูชอบ แชมพูขวดเก่ามันหมดแล ้วต่างหาก”



“ก็นั่นไง ขวดเก่าหมด มึงก็ยังซื้อยี่ห ้อนี้มา”




“กูไม่ได ้ซื้อ”



“...”



“มึงเอามาทิ้งไว ้จ าไม่ได ้เหรอ”



“จริงดิ”




“แต่มึงคงจ าไม่ได ้หรอกว่ะ สงสัยเอาไปทิ้งไว ้หลายห ้อง”

อีกฝ่ ายพูดประชดประชัน ผมจึงรีบแก ้ตัวอย่างไม่ยอมแพ ้

ความจริงก็รู้สึกดีใจลึกๆ นะครับที่ไอ ้เติร์ดไม่ได ้ตัดเยื่อใยถึง

ขนาดโละทุกอย่างของผมทิ้งถังขยะ



“ใช่ที่ไหน กูเข ้าใจว่ามึงคงเอาขวดนั้นไปทิ้งแล ้ว


ต่างหาก”

“ของมันยังไม่หมดอายุ ทิ้งก็โง่ละ” ผมยิ้มออกมา ดวงตา

คู่โตเหลือบมองตาม แต่ก็ไม่ได ้มีสีหน้าแตกต่างออกไปจาก


ตอนแรกมากนักนอกจากเฉยเมย



“ว่าแต่มึงเถอะ เดี๋ยวนี้ไม่ท ายูทูบแล ้วเหรอ” ผมแสร ้งถาม

ไปอีก รู้ว่ามันคงเข็ดกับการแอบรักผมแบบลับๆ มาตลอด

แต่ผมก็อยากรู้ค าตอบจากปากของเจ ้าตัวอยู่ดี



“มึงเห็นกูว่างมั้ยล่ะ แค่ละครเวทีก็จะตายห่าอยู่ละ”




“แล ้วถ ้าเกิดกูมาช่วยมึงล่ะ”



“มึงเคยบอกว่าไม่ชอบท ารีวิวให ้เป็นกระแส ช่องใครก็

ดูแลแม่งเอง จ าไม่ได ้เหรอ”



“แล ้วคนเราเปลี่ยนใจไม่ได ้หรือไงวะ อะไรที่เคยตั้งใจว่า


จะไม่ท า อะไรที่เคยตั้งใจว่าจะไม่ชอบ วันนึงก็อาจ

เปลี่ยนแปลงได ้นะเว ้ย มึงจะคาดหวังอะไรกับใจคนเราวะ”



“นั่นดิ ใจคนเรา...” จู่ๆ ค าพูดแผ่วๆ นั้นก็กระตุ้นให ้ผมรู้สึก

หนาวยะเยือก การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นยังไงมันก็

โอเคอยู่แล ้ว แต่ถ ้าการเปลี่ยนท าให ้ไอ ้เติร์ดเลิกชอบผม

เห็นทีคงไม่ดีแล ้วว่ะ




“สรุปให ้ช่วยมั้ย”

“ไม่อ่ะ กูว่าจะหยุดไปอีกพักใหญ่เลย มึงก็ไปเปิดช่อง

ใหม่เถอะ”




“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า”



“พรุ่งนี้กินอะไร” นั่นไง ไอ ้เรื่องเบี่ยงประเด็นนี่โคตรถนัด

เลย แต่ก็เอาเถอะ ชีวิตของผมน้อยครั้งที่จะถูกปฏิเสธ แต่

ถ ้าคนที่ปฏิเสธนั้นเป็นไอ ้เติร์ดผมก็ท าอะไรไม่ได ้อยู่ดี




คนมันชอบไปแล ้วนี่หว่า ชอบจนยอมผิดหวังเอง แต่ก็กับ

แค่บางเรื่องเท่านั้นนะ



“อยากกินซีเรียลรูปดาวกับรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว”



“มึงไม่ชอบกินนี่หว่า”




“กูชอบกินตามมึงไปแล ้วไงจ าไม่ได ้เหรอ”



“กูนึกว่ามึงกระแดะ”



“ส ้ นตีนอะไรล่ะ ก็เห็นมันอร่อยกว่าซีเรียลรสช็อกโกแลต

อยู่นะ หวานๆ ดี พรุ่งนี้ท าให ้กินหน่อยดิ” ผมพูดอย่างอ ้อนๆ

ขยับตัวเข ้าหาอีกฝ่ ายมากขึ้น แต่มันก็ขืนตัวออกห่าง


เล็กน้อยเพื่อรักษาระยะ

“แค่เทใส่ชามผสมนมมันยากตรงไหน”




“ก็กูชอบให ้มึงท าไงจ าไม่ได ้เหรอ”



“แล ้วกูก็บอกตลอดว่าขี้เกียจไง จ าไม่ได ้เหรอ”



“เหรอออออออ”



และเราก็แข่งกันเอาชนะกันในหัวข ้อ ‘จ าไม่ได ้เหรอ’


ตลอดทั้งคืน



เรื่องอื่นผมอาจจะโง่ แต่ความทรงจ าที่มีไอ ้เติร์ดผมจ าได ้

ทุกอย่างนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกัน หรือ

เพราะมันพิเศษกว่าคนอื่นกันแน่ กับไอ ้ทูหรือไอ ้โบนผมยัง

ไม่ค่อยใส่ใจเลย




แล ้วดูไอ ้คนที่นอนข ้างๆ นี่ดิ



แม่งได ้อภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกคนมาแต่ไหนแต่ไรแล ้ว



ค าขอของพี่เชนทร์เหมือนเป็นประโยคหูทวนลมของผม

เท่านั้น ศึกนี้กูจะไม่ยอมเป็นผู้แพ ้ เพราะถ ้าไอ ้พี่อั้นมันแน่

จริงก็ให ้สู ้ กันตรงๆ เนื่องจากผมคงไม่หลีกทางให ้อีกฝ่ าย


แน่ๆ

ผมกับไอ ้เติร์ดตื่นเกือบสิบโมง นั่งกินซีเรียลเสร็จก็อาบน ้า

แต่งตัวเตรียมออกไปข ้างนอก วันนี้ผมต ้องตามติดเพื่อนรัก


ไปที่ร ้าน ‘ต ้นฉบับ’ ร ้านขายซีดีและดีวีดีหนังที่ดังที่สุดย่าน

มหา’ลัย



และด ้วยความส าออยเข ้าขั้น ไอ ้ชาวีจึงกลายเป็นหมาหัว

เน่าเพราะผมขอติดรถไอ ้เติร์ดออกมาแทน เผื่อจะได ้เป็น

ข ้ออ ้างกลับมาที่คอนโดมันอีก




เท่าที่รู้ ร ้านต ้นฉบับมีมานานแล ้วตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ เพิ่งมา

รีโนเวทร ้านใหม่ก็เมื่อสองสามปีก่อนเพราะเปลี่ยนมือ

เจ ้าของกิจการ จากเฮียโบ๊มาเป็นลูกชายแกแทน ซึ่งลูกชาย

คนนี้ก็ค่อนข ้างมีสไตล์ที่เด่นชัด ฉะนั้นร ้านเก่าๆ ที่รวมแผ่น

หนังอัดไว ้เป็นกองๆ เหมือนของราคาถูกเลยอัพเกรดขึ้นมา

มากโข




เราเดินลงมาจากรถ สาวเท ้าเข ้าไปด ้านในร ้านที่ถูกท าขึ้น

ใหม่ในสไตล์ลอฟท์ บริเวณร ้านประกอบด ้วยสองชั้น มี

บันไดเหล็กสีด าพาดผ่านจากด ้านนอกขึ้นไปยังด ้านบนซึ่ง

เป็นพื้นที่กึ่งอินดอร์และเอาท์ดอร์ ผนังแต่ละด ้านท าจาก

วัสดุต่างชนิดกัน อย่างฟากหนึ่งท าเป็นผนังปูนเปลือย อีก

ด ้านก็ก่ออิฐบล็อกให ้ดูดิบแต่อบอุ่น




ชั้นวางแผ่นหนังถูกท าขึ้นจากไม ้สีน ้าตาลอ่อนขัดเงา

คล ้ายกับถูกสั่งท ามาโดยเฉพาะเนื่องจากชั้นวางนั้นพอดีกับ

ก าแพงและเพดาน




เรามีมุมโปรด และมักขลุกอยู่ที่นี่กันค่อนวันเพื่อเลือกแผ่น

หนังสักเรื่อง หรือท าตัวดราม่านั่งรับบรรยากาศกันสบายๆ

เพราะไม่ค่อยมีลูกค ้าคนอื่นมากวนใจเท่าไหร่ อย่างว่า...

ตอนนี้ธุรกิจแผ่นหนังมันไม่ได ้เฟื่องฟูเหมือนแต่ก่อนแล ้ว

คนเราก็อยากท าอะไรที่มันง่ายๆ เช่นการโหลดมาดู แถม

ช่องทางการดูหนังออนไลน์ยังมีอีกเพียบ




ดังนั้นคนที่มักเข ้าออกร ้านนี้เลยมีแค่เด็กฟิล์มเป็นส่วน

ใหญ่เท่านั้น



“อ ้าวไอ ้ค่าย ไอ ้เติร์ด”



“หวัดดีเฮีย” เสียงทักทายส่งมาเป็นการต ้อนรับ ผมกับไอ ้

เติร์ดเลยตอบกลับอย่างรวดเร็วพร ้อมกับยกมือไหว ้




“ไม่เจอกันนาน กูนึกว่าตายห่าซะละ”



“โธ่...ทั้งเรียนทั้งละครเวที มีเวลามาวันนี้ก็บุญแล ้ว”



“เออๆ อยากได ้หนังเรื่องไหนก็ไปเลือกเอา แต่ถ ้าหนัง

แรร์ก็มาถามที่หน้าเคาน์เตอร์ได ้ ตามสบายพวกมึง” ไอ ้


เติร์ดพยักหน้ารับรู้ก่อนสับเท ้าขึ้นไปยังบันไดชั้นสอง ชั้นนี้

เก็บหนังเก่าเอาไว ้ค่อนข ้างมาก น่าจะตั้งแต่ปีสองพันลงมา

แถมมีมุมสงบและเบาะนุ่มๆ ให ้นั่งตรงข ้างหน้าต่างกระจก

บานกว ้างด ้วย




ร่างขาวหยุดอยู่ที่ชั้นวางแผ่นหนังมุมหนึ่ง ผมไม่ได ้เข ้าไป

เสือกกับมันเลยเลือกยืนอยู่อีกล็อกอย่างผู้มีมารยาท เสียง

ตลับใส่แผ่นหนังถูกหยิบขึ้นและวางลงแบบนี้ซ ้าๆ อยู่นาน

กระทั่งผมพาตัวเองไปนั่งตรงเบาะและมองการกระท าของ

อีกฝ่ ายอย่างเงียบๆ




“ช่วงนี้อยากดูเรื่องอะไรบ ้างวะ” นับเป็นค าถามที่โพล่งขึ้น

ในรอบสิบห ้านาทีเลยก็ว่าได ้



“ยังไม่รู้เลยว่ะ ก็เลือกไปเรื่อยๆ บางเรื่องดูแล ้วอยากเก็บ

แผ่นก็มี” สักพักไอ ้เติร์ดก็เดินกลับมาพร ้อมหนังเรื่อง The

Silence of the Lambs ตรงชั้นหนังปี 1991 และสมุด

รายชื่อหนังของทางร ้าน




“เดี๋ยวนี้ชอบอะไรจิตๆ เหรอ”



“ไม่เหมือนมึง มีแต่แผ่นหนัง AV” จึ่ก! แม่งวกเข ้ามาสู่

อดีตที่มืดสนิทของกูอีกจนได ้ มันเลยมาซึ่งค าถามที่เผลอ

พลั้งปากพูดออกไปอย่างลืมตัว




“ท าไมมึงถึงยังคบกู ทั้งที่กูเหี้ยขนาดนี้วะ”

“เพื่อนป่ ะวะ”




“...” ค าตอบของมันท าเอาคนฟังหน้าหงอยลงทันที ใจกู

แม่งฝ่ อไปหมดละ



“มีเหตุผลอื่นอีกมั้ยเนี่ย”



“มึงต ้องการค าตอบแบบไหน นี่ก็โคตรตอบดีแล ้วนะ ไม่

กระทบกับความเหี้ยของมึงด ้วย”




“สัด”



“เป็นเพื่อนนี่ดีที่สุดแล ้ว ความสัมพันธ์แม่งยืนนาน”



“กูกับมึงเป็นเพื่อนกันนานตรงไหนวะ แค่สองปีกว่า”




“...”



“แต่ถ้ามาเป็ นแฟนนี่ยาวนานเลย กูแม่งดูแลตลอด

ชีวิตอ่ะ”



“จะเอามุกนี้ไปจีบสาวเหรอ ไม่ผ่านนะ โคตรแป้ก” เวร

กรรมของกูฉิบหาย จริงจังขนาดนี้มันกลับคิดว่าผมก าลังเอา


ไปใช ้ จีบคนอื่น ทั้งที่ผมก็ก าลังใช ้ กับมัน

ไอ ้เติร์ดไม่ได ้สนใจจะฟังค าแก ้ตัวของผมต่อ นอกจากไล่

นิ้วไปตามสมุดจดรายชื่อหนังที่แยกเป็นหมวดหมู่ของทาง


ร ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ



ไม่นานเสียงฝีเท ้าของคนมาใหม่ก็แว่วเข ้ามา ซึ่งก็ไม่ใช่

ใครที่ไหน เป็นเฮียเติมเจ ้าของร ้านที่แบกกล่องลูกฟูกขึ้นมา

พร ้อมกับเอ่ยบอกพวกผม



“ไม่ต ้องเกรงใจ นั่งกันไปเถอะ กูแค่เอาแผ่นหนังที่ได ้มา


ใหม่ขึ้นมาจัดเฉยๆ”



“ครับ”



“แล ้วรอบนี้ได ้เรื่องอะไรบ ้างอ่ะ”



“ยังไม่รู้เลย” ไอ ้เติร์ดตอบเสียงเอื่อย




“ลองเลือกหนังที่ตรงกับอารมณ์พวกมึงในช่วงนี้ดูสิ”



“โหย ถ ้าชีวิตเศร ้าแล ้วให ้มาดูหนังเศร ้าอีก แม่งไม่ดาวน์

สัดๆ เลยเหรอวะ” ผมแทรกขึ้นเป็นการทักท ้วง



“กูเห็นพวกมึงก็อินกันอยู่ดี” เฮียแกพูดพลางสายหน้า


จากนั้นก็เดินไปที่ชั้นวางเพื่อเรียงแผ่นหนังของแกโดยไม่

สนใจพวกเราเท่าไหร่ ดังนั้นผมเลยพูดเป็นเชิงขอร ้องกับคน

ที่นั่งอยู่ในระยะประชิดด ้วยน ้าเสียงอ ้อนๆ แทน




“เติร์ด...เลือกหนังให ้หน่อยดิ”



‘ไอ ้เติร์ด เลือกหนังให ้หน่อยสิวะ เอาที่ตรงกับชีวิตกูช่วง

นี้อ่ะ’

‘แล ้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงก าลังอยู่ในอารมณ์ไหน’

‘เอาน่า มึงรู้ เลือกให ้หน่อยจะเอาไปเปิดดูคืนนี้’

‘อ่ะ เอานี่ไป’


‘มึงคิดว่ากูก าลังตลกเหรอ’

‘เอ ้า! มึงไม่ตลกสินะ งั้น...เรื่องนี้’

‘ญาติกูไม่ได ้เสีย’

‘นี่อ่ะ’

‘นี่มึงเดาอารมณ์กูตอนนี้ไม่ออกจริงดิ’

‘แล ้วใครมันจะว่างถึงขนาดนั่งเดาอารมณ์มึงวะ เรื่องนี้

เรื่องสุดท ้ายแล ้วนะ’


‘เชร้ดดดดด เพื่อนเติร์ด มึงแม่งเจ๋งว่ะ ตรงใจกูเป๊ ะ’

‘ท าไมวะ ช่วงนี้มึงก าลังมีความรักเหรอ’

‘อืม...ก็มีคนนึง ก าลังเดินหน้าจีบอยู่’



“ไอ ้ค่าย...เชี่ยค่าย มึงฟังกูอยู่หรือเปล่าเนี่ย” แรงตบจาก

ฝ่ ามือที่ท าเอาหัวสะบัด ประกอบกับน ้าเสียงที่มีความโมโห

เจือปนอยู่ฉุดให ้ผมตื่นจากความทรงจ าในอดีตกลับมาที่


ปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อปีก่อนเราเคยมาที่นี่ คุยเรื่องหัวข ้อเดิมๆ

เหมือนวันนี้

“ฮะ! มึงว่าไงนะ”




“กูบอกว่าแล ้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงก าลังอยู่ในอารมณ์ไหน”



“มึงรู้ เลือกให ้หน่อย เดี๋ยวซื้อกลับไปดูคืนนี้เลย” ไอ ้เติร์ด

พยักหน้า พลันลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปยังชั้นวางหนังหลายพัน

เรื่อง ไม่นานร่างโปร่งก็เดินกลับมาพร ้อมแผ่นหนังจ านวน

หนึ่ง ถ ้าให ้เดาผมคิดว่ามันคงขี้เกียจเดินหลายรอบเลยคว ้า


มาแม่งหมด



“อันนี้โอเคมั้ย”



“ช่วงนี้กูไม่ตลกว่ะ”



“นี่อ่ะ”




“กูก็ไม่ได ้รู้สึกดราม่าเหมือนกัน” ผมได ้ยินเสียงจิ๊ปากไม่

พอใจดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง แต่คนตรงหน้าก็พยายามยื่นหนัง

เรื่องใหม่ให ้ผมเรื่อยๆ



“อันนี้ชัวร์เลย” คราวนี้เป็นหนังรอมคอม (โรแมนติก -

คอมมิดี้)




“เติร์ด...” ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ผมรีบคว ้าข ้อมือของมัน

ขึ้นมาอย่างถือวิสาสะ ปล่อยให ้ฝ่ ามือขาวประทับอยู่ตรงอก

ข ้างซ ้ ายของผมอย่างแนบแน่น




“ใจเต ้นแรงเหรอวะ” มันถามอย่างน่าเอ็นดู ผมเลยตอบว่า

...



“เปล่า หัวนมแข็งแล ้วเนี่ย”



“โคตรเหี้ย!”




“ก็เรื่องที่มึงเอามามันรอมคอมอย่างเดียวซะที่ไหน แม่งดู

แล ้ว ฉากอย่างว่าเยอะกว่าตอนกูเก็บแต ้มเยมาครึ่งปีอีกไอ ้

สัด”



“แล ้วใครจะไปคิดว่ามึงจะหมกมุ่นขนาดนี้วะ ดูก็เพื่อ

ศึกษางานศิลป์ มั้ย มึงนี่แม่ง! เรื่องนี้เรื่องสุดท ้ายแล ้วนะ”


จากนั้นมันก็ยัดแผ่นหนังเรื่องหนึ่งใส่มือให ้



“มึงนี่น่ารักว่ะ เลือกมาตรงใจกูเด๊ะเลย”



“ถ ้าลองไม่ตรงกูจะต่อยให ้หน้ายุบตรงนี้แหละ”



“โคตรโหด”




“ดูหนังแอบรักแบบนี้มึงไปร่านรักใครเข ้าอีกล่ะ”

“ก็มีคนนึง...”




“...”



“แต่ไม่กล้าจีบหนักๆ กลัวจะเสียมันไป” เราจ ้องมอง

กันนิ่งๆ ไม่นานไอ ้เติร์ดก็เป็นฝ่ ายหลบสายตาพร ้อมกับ

พึมพ าเบาๆ



“เหรอ”




“เดี๋ยวกูไปเลือกหนังให ้มึงบ ้าง นั่งก่อนนะ”



‘ไอ ้ค่าย นี่มึงไปเลือกหนังหรือไปออกกองสร ้างหนังเอง

นานฉิบหาย’

‘บ่นเป็นเมียกูเลยนะ อ่ะ! เรื่องนี้พอได ้มั้ย’

‘ตอนนี้หน้ากูคงอยากบู๊มากสินะ แอคชั่นหนักขนาดนี้มึง


คิดว่ากูจะเอาไรเฟิลไปซุ่มยิงอาจารย์หรือไง’

‘ก็เห็นมึงเครียดเรื่องเกรด’

‘ถ ้ากูเครียดเรื่องเกรด มึงไม่ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนเลยเหรอ

เกรดมึงนี่อย่างกับเศษเลขทศนิยม’

‘ห่า ใครมันจะไปเรียนเก่งเหมือนมึงวะ แล ้วนี่อ่ะ’

‘หนังโกงข ้อสอบ กูว่ามึงเก็บเอาไว ้ดูเองเถอะ’

‘กูเลือกมาสามเรื่อง อันนี้เรื่องสุดท ้ายแล ้ว ถ ้าไม่ใช่กูงอน’


‘มึงมีสิทธิ์งอนกูด ้วยหรือไง’

‘ตกลงเรื่องนี้โอเคมั้ยอ่ะ’

‘อืม...ใช ้ ได ้’

‘หนังแอบรักเนี่ยนะ นี่ไปตกหลุมพรางสาวคนไหนวะเนี่ย


ไอ ้เติร์ด’

‘พูดมาก แล ้วรู้ได ้ไงว่าชีวิตกูตรงกับหนังเรื่องนี้’

‘ก็เราเป็ นเพื่อนกันไง’



“มาแล ้ว...เรื่องนี้แน่นอน” ผมพูดด ้วยสีหน้ายิ้มๆ แล ้วยื่น

แผ่นหนังแนวดราม่าไปให ้ เห็นมันเศร ้าๆ เลยคิดว่าคง

ประมาณนี้แหละมั้ง




“เคยอยู่ในอารมณ์นี้ แต่ตอนนี้ไม่แล ้ว” เจ ้าตัวช่วยไข

ความกระจ่าง ผมจึงรีบยื่นหนังอีกแผ่นในมือไปให ้อย่างเร็วรี่

เรื่องนี้เป็นแนวสร ้างแรงบันดาลใจในชีวิตครับ ชื่อเรื่องว่า

Whiplash



“แล ้วนี่อ่ะ ตอนนั้นที่เราดูด ้วยกันไง”




“มึงอย่ามาเนียน เรื่องนี้เราไม่ได ้ดูด ้วยกัน มึงไปกับแฟน”

น ้าเสียงแสนราบเรียบของไอ ้เติร์ดตอบกลับมา นัยน์ตาไม่มี

ไหวเอนแม ้แต่เสี้ยว



“เหรอ จ าไม่ได ้ว่ะ”




“...”

“จ าได ้แต่ตอนนั่งดูกับมึงในวันเกิดไอ ้ทู”




“อืม สรุปกูต ้องดูอีกครั้งใช่มั้ย”



“แล ้วมันตรงกับที่มึงอยากดูมั้ยล่ะ”



“เออ เก่งนี่หว่า”



“ก็เราเป็ นเพื่อนกัน” ไม่ได ้อีกแล ้ว...




ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ กระทั่งเสียงลมยังแทบ

ไม่ได ้ยิน อดีตที่เคยเกิดขึ้นกับปัจจุบันที่เป็นอยู่เหมือน

แตกต่างแต่ก็ไม่แตกต่าง เรายังอยู่ที่ร ้านหนังร ้านเดิม เลือก

หนังจากอารมณ์ตอนนี้เหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนคือ

ความรู้สึก...




เปลี่ยนไปแล ้วจริงๆ



“อะแฮ่ม!” สักพักเสียงของบุคคลที่สามก็ดังขึ้น ผมแทบ

ลืมไปซะสนิทว่าเราไม่ได ้อยู่ด ้วยกันตามล าพัง แต่เฮียเติมที่

ยืนเรียงแผ่นหนังอยู่ตรงซอกหลืบด ้านในสุดของร ้านก็อยู่

ด ้วย




“อะไรติดคอวะเฮีย”

“ค าพูดของพวกมึงไงติดคอกู เห็นอย่างนี้ก็แปลกดีว่ะ”




“แปลกยังไงวะ”



“มึงสองคนคุยกันอย่างกับไม่ใช่เพื่อน”



“...”



“คุยกันเหมือนคนเป็ นแฟน นี่คิดอะไรกันหรือเปล่า


เนี่ย”



“เฮ ้ ยไม่!” ไอ ้เติร์ดปฏิเสธ



“เฮ ้ ยใช่!”



ขณะที่ผมเลือกจะตอบตกลง...




เช ้ าวันอังคารที่แสนมึนงงเริ่มต ้นขึ้น ผมยังต ้องฝืนสังขาร

ตัวเองไปเรียนตามปกติ จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงซ ้ อมละครเมื่อ

วานเล่นเอาเส ้ นเสียงแทบอักเสบ เช ้ านี้เลยส าออยลงจาก

เตียงแบบไม่คูลเท่าไหร่



ผมคร่อมมอเตอร์ไซค์เตรียมไปมหา’ลัยเหมือนทุกวัน จะ


ติดก็ตรงตอนนี้มีสายจากเพื่อนรักอย่างไอ ้ทูแทรกเข ้ามาซะ

ก่อน

“กูรีบไปแล ้วเนี่ย ไม่ต ้องโทรมาตามยิกๆ หรอกน่า” รู้หรอ


กว่าต ้องการอะไร ช่วงหลังมานี้ผมขับรถช ้ าลง แก๊งโหดมัน

เลยชอบโทรมาจิกอยู่เรื่อย



[ไม่ใช่เรื่องนั้น มึงขับรถไปรับไอ ้เติร์ดหน่อยดิ กูกับไอ ้โบ

นถึงมอแล ้วเลยไปไม่ได ้]



“เฮ ้ ยไอ ้เติร์ดเป็นอะไรวะ” ผมถามอย่างร ้อนรน




[หม ้อน ้าแทบไหม ้ เห็นมันบอกขับออกมาควันโขมงเลย]



“เออเดี๋ยวรีบไปรับ มันอยู่ไหน”



[หน้าคอนโด ดีนะที่ขับไปไม่ไกล ยังไงมึงก็รีบหน่อยแล ้ว

กันเดี๋ยวมันด่าเช็ด] ว่าแล ้วก็ตัดสายไป ผมเลยรีบบึ่งรถไป


หาอีกฝ่ ายอย่างไม่รีรอ เห็นมันยืนอยู่กับลุงยามตรงทางเข ้า

แต่พอเจอกันมันกลับถามถึงคนอื่นซะงั้น



“ไอ ้ทูอ่ะ กูโทรให ้มันมารับไม่ใช่เหรอ” ที่ไม่ยอมโทรหาก็

เพราะอย่างนี้เอง...



“มันถึงมอแล ้ว เลยให ้กูมารับแทน แล ้วนี่ขับรถยังไงวะให ้


หม ้อน ้าไหม ้”

“ไม่ได ้ดูว่ะ ขับเพลินไปหน่อย”




“คราวหลังดูแลตัวเองด ้วย แล ้วศูนย์ไม่เติมน ้าให ้หรือไง”



“รอบนี้ลืมเอาไปเช็กระยะ”



“มันน่าต่อยคว ่าจริงๆ”



“แล ้วนี่ไปยังไง” ไอ ้เติร์ดถามอีก นี่มึงตลกเหรอ




“บิ๊กไบค์กูดิ มึงคิดว่าเราจะเหาะไปเหรอ”



“แต่มึงไม่ให ้ใครนั่งนอกจากสาว” โอเคเก็ทแล ้วว่าท าไม

ถึงถามอย่างนั้น



“เมื่อก่อนอาจจะใช่แต่ตอนนี้ไม่แล ้ว”




“นอกจากแฟนแล ้วเดี๋ยวนี้ให ้เพื่อนนั่งได ้ด ้วยเหรอ ขน

ลุกว่ะ”



“ก็ไม่ได ้ให ้เพื่อนนั่งหนิ”



“...”




“มีแต่แฟนที่นั่งได ้เหมือนเดิม เร็วรีบขึ้นเดี๋ยวไปสาย” ไม่

รอให ้เจ ้าตัวได ้คิดอะไรนานผมก็ยื่นหมวกกันน็อคให ้ พร ้อม

กับสตาร์ทรถรอให ้อีกฝ่ ายปีนขึ้นมา




ไอ ้เติร์ดท าท่ากล ้าๆ กลัวๆ อยู่อึดใจหนึ่งแต่สุดท ้ายก็

ตัดสินใจขึ้นมานั่งซ ้ อนอย่างจ ายอม ดูเหมือนมันจะไม่ค่อย

ชินเท่าไหร่ สัมผัสได ้จากเสียงลมหายใจที่รถต ้นคอของผม

อยู่หืดหาด



“ไม่ต ้องกลัว กูขับไม่เร็ว สี่สิบอ่ะ” ผมพูดปลอบใจคน


ด ้านหลัง



“ยี่สิบพอ”



“เติร์ดครับ นี่มึงจะไปเรียนวันนี้ถูกมั้ย แค่กูขับสี่สิบเพื่อน

มันก็แทบรุมด่าอยู่ละ ไม่ต ้องกลัว”




“มึงก็พูดได ้หนิ มึงเป็นคนขับ”



“ถ ้ากลัวก็กอดเอวกูไว ้สิ”



“หึ! ไม่อ่ะ” ผมไม่คิดตื๊อให ้มากความ เร่งเครื่องเสร็จก็รีบ

ออกตัวอย่างรวดเร็ว แต่มองทางกระจกหลังทีไรก็เห็นไอ ้

เติร์ดนั่งตัวเกร็งจนเหงื่อซึม มองแล ้วโคตรสงสารเลยว่ะ นี่


คงเป็นครั้งแรกที่มันได ้นั่งชาวี แม ้ไม่ใช่คนแรก แต่นี่แหละ

คนสุดท ้ายที่จะได ้นั่ง

“ไม่กอดเอวก็เกาะไหล่กูแทนได ้ เดี๋ยวมึงตกกูไม่กลับมา

รับนะ” ย ้าไปอีกรอบเผื่อมันจะใจอ่อนบ ้าง และคราวนี้ก็


ได ้ผลเมื่อฝ่ ามือขาวค่อยๆ วางบนไหล่ทั้งสองข ้างของผม

อย่างเชื่อใจ



วันนี้กูนอนฝันดีละ อย่างน้อยก็เข ้าใกล ้ความจริงที่ว่า...

การจีบไอ ้เติร์ดอาจส าเร็จในสักวัน



เรามาถึงมหา’ลัยพร ้อมกับเหงื่อโซมหน้าของคนซ ้ อน


ถึงแม ้เจ ้าตัวจะไม่ได ้พูดอะไรแต่ผมก็อดสงสารมันไม่ได ้

แม่งเหมือนจะร ้องไห ้ออกมาหลายทีแล ้ว



“โอเคมั้ย” ผมเอ่ยถามออกไป



“แทบตาย” มันพูดพลางพ่นลมออกมาจากปาก




“ต่อไปกูจะขอรถยนต์ที่บ ้านมาใช ้ ”



“ท าไม จะอวดรวยเหรอ”



“กลัวมึงนั่งไม่สบายต่างหาก”



“ไม่ต ้องห่วงกูหรอกน่า คงครั้งนี้แค่ครั้งเดียว”




“งั้นกูคงเป็นห่วงแน่ๆ เพราะกูถือนิยามมีครั้งแรกก็ต ้องมี

ครั้งต่อไป ท าใจให ้ชินไว ้นะ”




“นิสัย!”



ตอนเย็นผมพยายามเกลี้ยกล่อมไอ ้เติร์ดอย่างหนักไม่ให ้

มันอาสาไปท างานรับบริจาคหาเงินเข ้าคณะ ด ้วยความคิดที่

จะตัดไฟตั้งแต่ต ้นลม ถ ้ามันได ้เจอไอ ้พี่อั้นเลยทุกอย่างก็จบ

ความสัมพันธ์ยังไงก็ไม่คืบแน่ๆ แต่ทุกอย่างกลับเลวร ้าย

เพราะหลังจากเลิกคลาสตอนห ้าโมงเย็น คนที่ซุ่มรออยู่ก่อน


หน้าก็นั่งยิ้มแฉ่งส่งมาให ้แล ้ว



ไอ ้พี่เชนทร์ กูเกลียดมึง



มึงจะมาเป็นก ้างขวางคอแทนเพื่อนขนาดนี้ไม่ได ้นะเว ้ย!



สุดท ้ายผมเลยต ้องติดสอยห ้อยตามไอ ้เติร์ดไปที่ตลาด


นัดนิสิต ส่วนเพื่อนรักอีกสองตัวเหรอครับ ส่งก าลังใจ

ทางไกลจากอาบอบนวดโน่น ไอ ้ควาย ทิ้งผมให ้เผชิญ

ชะตากรรมสองรุมหนึ่งอยู่ล าพัง



ตลาดนัดนิสิตก็เหมือนตลาดนัดทั่วไปเนี่ยแหละ เพียงแค่

จัดขึ้นในมหา’ลัย ที่ส าคัญคือให ้สิทธิ์นิสิตเท่านั้นที่สามารถ

จับจ่ายและขายของได ้ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าหลายร ้านมีแต่


ของแปลกๆ มาวางขายทั้งนั้น เช่นร ้านน้องสุดสวยที่อยู่

ขวามือ แม่งโล๊ะเอาเสื้อเที่ยวผับมาออกเร่ขาย ผู้ชายนี่มุง

กันเต็มกะซุ่มดูนมกันสนุก




ผมกับคนในคณะยืนอยู่ตรงที่ว่างล็อกหนึ่งซึ่งได ้ท าการ

ลงทะเบียนขอสถานที่เรียบร ้อยแล ้ว เรามีกล่องรับบริจาคอยู่

สองกล่อง และป้ายประชาสัมพันธ์อีกหลายใบ ไอ ้เติร์ดกับพี่

เชนทร์ถือไว ้คนละกล ้อง โดยมีผมและพี่อั้นถือป้ายยืนยิ้ม

แป้นให ้กับคนที่เดินผ่านไปมา ส่วนคนอื่นๆ ก็ป่ าวประกาศ

ประชาสัมพันธ์ให ้ทางคณะไปเรื่อยๆ




“ไอ ้เติร์ด ขอบใจมากที่มาช่วย มึงด ้วยนะไอ ้ค่าย” มาละ

มารผจญอย่างไอ ้พี่อั้นมันก าลังมาไม ้ไหนกันแน่วะ



“ขอบคุณท าไม งานคณะก็ต ้องช่วยกันดิพี่”



“ใช่ๆ” ผมพูดสนับสนุนเพื่อนรัก งานนี้ขัดได ้เป็นขัด ท า

ทุกวิถีทางให ้พี่มันเลิกยุ่งกับคนของผมสักที แต่เหมือนยิ่งว่า


ก็เหมือนยิ่งยุ ยืนรับบริจาคไปเลื่อยขาเก ้าอี้กันไปไม่หยุด



“เออไอ ้เติร์ดวันนี้มึงมาเรียนยังไง ได ้ข่าวว่ารถเสีย”



“มันมากับผม” ไม่รอช ้ ารีบสวนกลับไปเร็วพลัน ทั้งที่รู้ว่า

ตัวเองก็ไม่ได ้ชื่อเติร์ด ก็จะตอบอ่าท าไม!




“อ๋อมาด ้วยกันเหรอ ไอ ้ค่ายเวลาขับรถก็ระวังหน่อยแล ้ว

กัน มึงบิดทีแทบไม่เห็นฝุ่ น”

“เดี๋ยวนี้ผมขับช ้ าแล ้วพี่ไม่ต ้องห่วงหรอก”




“ตามนั้น” ไอ ้เติร์ดพูดเสริมเบาๆ ความจริงก็แอบหวั่นใจ

เหมือนกันว่าไอ ้พี่อั้นจะชวนเพื่อนผมกลับไปด ้วย แต่โชคดี

ที่พี่มันไม่ได ้ถามเลยรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง



“งั้นถ ้าถึงแล ้วมึงก็ตอบไลน์กูให ้เร็วๆ ด ้วยจะได ้สบายใจ”



“ครับ”




“...!” ผมยืนนิ่ง พยายามย ้อนความคิดของตัวเองว่าเสียง

ที่ได ้ยินนั้นผิดเพี้ยนหรือเปล่า อะไรคือตอบไลน์? นี่คือมึง

สองคนติดต่อกันมาตลอดเลยเหรอวะ



ว ินาทีนี้ในหัวแม่งโคตรแบลงก์ ครั้งหนึ่งไอ ้ทูก็เคยรับปาก

ว่าจะแอบสอดส่องเรื่องโทรศัพท์ของไอ ้เติร์ดให ้ แต่สุดท ้าย


เราก็ชะล่าใจ นั่นหมายความว่าตลอดหลายวันที่ผมเดินหน้า

ท าคะแนนอยู่ ไอ ้เติร์ดก็คุยกับพี่อั้นไปด ้วย



แทบล ้มทั้งยืน



ท าได ้แค่เงียบและเงี่ยหูฟังบทสนทนาของคนข ้างๆ อย่าง

เดียว เพราะผมกับพี่เชนทร์เหมือนถูกตัดออกจากวงโคจร


ของคนทั้งคู่เป็นที่เรียบร ้อยแล ้ว

“วันนี้ต ้องได ้เงินบริจาคเยอะเลยว่ะ ความฮอตของไอ ้ค่าย

แน่ๆ หญิงทุ่มเงินให ้เพียบ” กูก็ยืนเงียบไม่โต ้ตอบมาเป็น


ชั่วโมงแล ้วมั้ย ไหงวกกลับมาสุมไฟกันอีกละไอ ้นี่



“แล ้วท าไมอ่ะครับ” ผมถามกลับอย่างยียวน



“เปล่า ก็นับเป็นเรื่องที่ดี”



“นี่ก็นับเป็นเรื่องดีๆ เหมือนกัน คนนั้นเหยื่อเก่าพี่ป่ ะวะ


หน้าคุ้นๆ”



“ไม่คุ้นเลย กิ๊กเก่ามึงหรือเปล่า เยอะจนจ าหน้าไม่ได ้”



สัด! ถ ้าไม่ติดอยู่กลางตลาดนัดกูแลกหมัดกับมันไปละ

โลกนี้มีคนที่ผมเกลียดอยู่ไม่กี่แบบ หนึ่งในนั้นคือพวกชอบ

ขุดอดีตชาวบ ้านเขามาพูดเพื่อให ้ตัวเองดูดีขึ้นมา




“อย่างไอ ้ค่ายนี่สเป็คสาวเลยเนาะ”



“ดูเลวๆ อ่ะนะ” ไอ ้เติร์ดพูดเสริม



“แหม...พูดอย่างกับไม่เคยชอบคนเลว” อย่างน้อยครั้ง

หนึ่งมันก็แอบชอบกูล่ะว ้า




สิ้นสุดประโยคนั้นเดดแอร์ก็เข ้าแทรกทันที ไอ ้เติร์ดเม ้ม

ปากเข ้าหากันไม่หยุดหลังจากผมพลั้งปากพูดประโยคก่อน

หน้าออกไป การขอรับบริจาคยังคงได ้รับการสนับสนุนอย่าง


ดี จนเข ้าสู่ชั่วโมงที่สามสองขาก็เริ่มเมื่อยล ้าเลยเป็นจุดที่

เราต ้องยุติกิจกรรมนี้ลง



“เดี๋ยวกลับไปนับยอดกันที่คณะ ระหว่างนี้ใครจะไปหาซื้อ

อะไรแดกก็ตามสบายเลย” พี่เชนทร์แจ ้งกับทุกคนเสร็จ

สรรพ พี่อั้นมันก็เสนอหน้ามาถามไอ ้เติร์ดทันที




“ออกไปเดินหาอะไรกินมั้ย”



“ไปด ้วยคนดิ” ด ้วยไม่อยากให ้ทั้งคู่ออกไปกันตามล าพัง

ผมจึงท าทุกทางเพื่อเข ้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่คนมีบุญ

ก็มักมีกรรมมาบังเสมอเมื่อผู้ก ากับหุ่นหมีถลาเข ้ามาขัดขวาง

เอาไว ้ซะก่อน




“ไอ ้ค่าย มาช่วยกูก่อน”



“มีเหี้ยอะไรอีกพี่เชนทร์ คือผมหิวมากเลยจะไปเดินกับไอ ้

เติร์ด”



“งั้นเติร์ด ฝากซื้อของกินมาให ้เพื่อนมึงหน่อยนะ กูขอยืม

ตัวไอ ้ค่ายแป๊ บนึง” คนฟังก็พยักหน้าเข ้าใจ แล ้วเดินฝ่ าฝูง


ชนไปกับรุ่นพี่ปีสี่ ว็อทเดอะฟัคคคคคคคคคค

“พี่มีไรวะ!” น ้าเสียงที่เปล่งออกไปเต็มไปด ้วยความไม่

พอใจ จิตใจเองก็ว ้าวุ่นจนอยู่ไม่สุข




“ไม่มีอะไร แค่อยากขอความร่วมมือให ้มึงอยู่ห่างจากคู่

นั้นหน่อย มันก าลังไปได ้สวย”



“เพื่อ? ผมแม่งไม่เข ้าใจพี่เลยว่ะ”



“ไอ ้อั้นเป็นเพื่อนกู ส่วนไอ ้เติร์ดเป็นน้องกู เหตุผลแค่นี้ก็


น่าจะพอแล ้วนะ”



“แล ้วกูอ่ะ กูไม่ใช่น้องพี่เหรอวะ” มันอดไม่ได ้ที่จะเปลี่ยน

สรรพนามที่ใช ้ กับรุ่นพี่ตรงหน้าจริงๆ ถ ้าเป็นเพื่อนสนิทกันพี่

อั้นมันจะไม่เคยเล่าให ้ฟังเลยเหรอว่าผมเคยพูดยังไงไว ้ ผม

เคยบอกชอบไอ ้เติร์ด เคยบอกว่าใครหน้าไหนก็เอาไอ ้เติร์ด

ไปจากผมไม่ได ้ แล ้วดูตอนนี้ดิ




“น้อยใจกูว่างั้น โอ๋ๆ นะ” พี่เชนทร์ตั้งท่าเข ้ามาปลอบ แต่

ผมสะบัดตัวออกราวกับนางเอกหนังไทย



“ผมบอกเลยว่าไม่พอใจ”



“โอเคๆ กลับไปสงบสติอารมณ์ที่คณะนะมึง เนี่ยเดี๋ยว


พวกมันสองคนก็กลับมาแล ้ว ท าเป็นห่วงเพื่อนไปได ้” กู

ไม่ได ้หวงเพื่อนโว ้ยยยยยยยยย กูหวงไอ ้เติร์ด แล ้วไอ ้เติร์ด

คือเมียในอนาคตครับ




พอตั้งท่าอ ้าปากพูดความในใจออกไป เพื่อนคนอื่นก็เดิน

เข ้ามาขัดซะก่อน เลยเอากูยืนทึ้งหัวตัวเองอยู่นาน ก่อนพี่

เชนทร์จะกลับมาพร ้อมกับท่าทีจริงจัง



“ช่วยอยู่นิ่งๆ ด ้วยครับน้องมึง แสดงท่าทางฮึดฮัดขัดใจ

แบบนี้คนข ้างๆ เขาจะท าตัวล าบาก”




“พี่ไม่เข ้าใจหรอก”



“เข ้าใจดิ แล ้วก็รู้ด ้วยว่ามึงแม่งเด็กขนาดไหน ไอ ้ค่าย...

มึงไม่ใช่ศูนย์กลางของโลกนะ และก็ไม่มีเหตุผลด ้วยที่ทุก

คนต ้องหมุนรอบตัวมึง” มือหนาตบบ่าของผมไปมา แววตา

ของคนตรงหน้าฉายแววเย็นยะเยือกจนรู้สึกตาม




“หมายความว่าไง”



“ไอ ้เติร์ดก าลังเดินไปข ้างหน้า กูเห็นมีแต่มึงที่ฉุดให ้มัน

กลับมาอยู่ในจุดเดิม ซึ่งมึงรู้ดีว่าจุดนั้นเพื่อนมึงไม่เคยมี

ความสุข”



“แล ้วพี่รู้ได ้ไงว่าถ ้าเดินไปข ้างหน้าแล ้วจะมีความสุข”




“ไม่มีใครรู้หรอก มันอาจจะสุขหรือทุกข์ก็ได ้ แต่ที่แน่ๆ ถ ้า

อยู่ที่เดิมแล ้วรู้อยู่เต็มอกว่ายังไงก็ต ้องเสียใจ สู ้ เดินไป

ข ้างหน้าไม่ดีกว่าเหรอ”




“...”



“มึงก็เหมือนกัน อย่ารั้งไอ ้เติร์ดเอาไว ้เลย มันกับไอ ้อั้น

เริ่มต ้นกันได ้ดีแล ้วถ ้าไม่มีมึงเข ้าไปแทรก”



“แต่ไอ ้เติร์ดเป็นเพื่อนผม ถ ้าผมจะห่วงมันผิดตรงไหน”




“หึ! ไม่ผิด แต่เอากลับไปคิดนะว่าจริงๆ แล ้วห่วงเพื่อน

หรือห่วงตัวเองกันแน่”



สิบห ้านาทีให ้หลังคนที่ท าให ้ผมกระวนกระวายใจเดินมา

กับรุ่นพี่พร ้อมของกินในมือ พี่เชนทร์เดินผละไปอีกด ้านเพื่อ

พูดคุยกับคนที่เหลือ มีเพียงผมที่ก าลังจดจ่อกับมือขาวที่


ก าลังยื่นถุงไส ้ กรอกมาให ้



“ของมึง”



“ซื้อมาให ้กูเหรอ”



“ก็เออดิ อือ! มีอีกอย่าง ขากลับจากตลาดกูไปกับพี่อั้นนะ


เจอกันที่คณะเลยแล ้วกัน”

“แล ้วท าไมไม่กลับด ้วยกันวะ หรือกูขับรถเร็วเกินไป คราว

นี้ช ้ ากว่าเดิมแน่” ผมพยายามยื้ออีกฝ่ ายเอาไว ้ ทั้งที่ไม่รู้ว่า


ระหว่างที่หายไปคนทั้งคู่คุยอะไรกันไปบ ้าง



“ไม่ใช่อย่างนั้น กูต ้องช่วยพี่เขาขนกล่องรับบริจาคกับ

อุปกรณ์ด ้วย ยังไงเดี๋ยวก็ต ้องไปเจอกันอยู่ดี”



“ขนไปรถกูได ้”




“มอ’ไซค์ป่ ะวะ มันล าบากมึงก็รู้ เจอกันที่คณะแล ้วกัน” ว่า

แล ้วมันก็ผละไปอีกทางพร ้อมกับรุ่นพี่ปีสี่ ทิ้งผมยืนเคว ้ง

ท าเอ็มวีอยู่ล าพังเกือบสิบนาที นี่เหรอความรู้สึกของคนโดน

ทิ้ง ความรู้สึกของคนที่พยายามแต่เขาไม่รักตอบ



ได ้แต่มองตามแผ่นหลังของมันเดินห่างออกไปเรื่อยๆ

โดยที่ผมเรียกร ้องอะไรไม่ได ้เลย




ว่าแล ้วก็จัดการจิ้มไส ้ กรอกใส่ปากขณะย ่าสองเท ้าไปยัง

ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ข่าวดีอย่างหนึ่งในวันนี้ที่ผมเพิ่ง

ค ้นพบคือไอ ้เติร์ดยังคงจ าได ้ว่าผมชอบกินไส ้ กรอก แต่สิ่ง

หนึ่งที่มันลืมไปซะสนิทคือกูไม่แดกมายองเนส แถมเล่นใส่

มาซะแน่นจนกูแทบอ ้วก




บรรยากาศใต ้ถุนคณะเต็มไปด ้วยความวุ่นวาย เพราะเรา

ต ้องรีบนับยอดให ้เสร็จและลงบัญชีเอาไว ้ก่อนถึงจะกลับ

บ ้านได ้ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแต่คนที่มีหน้าที่เท่านั้นนั่นคือปีสี่

แต่ไอ ้เติร์ดเนี่ยสิที่ไม่ยอมกลับเพราะให ้เหตุผลว่าต ้องรอพี่


เชนทร์ท างานเสร็จก่อนถึงจะไปได ้



ดูเป็นน้องที่น่ารักนะครับ ขนาดเมียพี่มันยังไม่ดูแลขนาด

นี้เลย



“นี่ก็สี่ทุ่มแล ้วนะ เรากลับกันก่อนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” ผม

พูดอย่างไม่เข ้าใจ ยอมรับว่าเมื่อก่อนกูมีเหตุผลมากกว่านี้


เยอะ แต่พอมีเรื่องของไอ ้เติร์ดเข ้ามาเอี่ยวด ้วยกูก็กลายเป็น

คนงี่เง่าทันที



“มึงอยากกลับก็ไปก่อนได ้เลย ไม่ต ้องรอกูหรอก”



“ได ้ไงวะ มาด ้วยกันก็กลับด ้วยกันดิ”




“พี่เชนทร์กับพี่อั้นก็อยู่ เขาไปส่งกูได ้มึงไม่ต ้องห่วง”



“ไอ ้พี่อั้นเนี่ยแหละตัวดีเลย กูไม่ชอบให ้มันวุ่นวายกับมึง”



“มึงก็วุ่นวายกับกูไม่ต่างกันนั่นแหละ”



“เออ! ขนาดกูยังไม่ชอบตัวเองเลย เป็นเหี้ยอะไรกับมึง


นักหนาก็ไม่รู้”

“...” ผมทึ้งหัวตัวเองด ้วยความหงุดหงิด ตอนนี้ทุกอย่าง

ที่อยู่ในใจทะลักจนแทบเขื่อนแตก เพราะกลัวว่าจะเสียมัน


ไป กลัว...ว่าทุกอย่างจะสายไป



“แล ้วเรื่องไส ้ กรอกเหมือนกัน มึงลืมไปแล ้วเหรอว่ากูไม่

ชอบมายองเนส”



“พี่อั้นเป็นคนซื้อให ้ กูไม่ได ้มอง”




“แล ้วมึงก็เอามาให ้กูเนี่ยนะ ท าไมมึงไม่เลือกให ้กูเอง”



“มันก็เหมือนกันป่ ะวะ”



“เหมือนกันตรงไหน รสชาติอ่ะเหมือน แต่ความรู้สึกแม่ง

ไม่ใช่เลย แล ้วเรื่องนี่อีก...มึงคุยไลน์กับเขาด ้วยเหรอ”




“เรื่องงาน”



“งานก็คุยที่คณะได ้”



“มีเรื่องส่วนตัวด ้วย”



“ไหนมาให ้กูสแกนซิ เป็นกูแม่งไม่ให ้หรอก ดูแล ้วไม่น่า


ไว ้ใจ”

“ทีมึงยังแจกให ้ผู้หญิงทั้งมอเลย มีสิทธิ์บอกกูเรื่องนี้ได ้

ด ้วยเหรอ”




“ลืมไป กูไม่มีสิทธิ์นี่หว่า” ก็หวงอ่ะ ไม่มีสิทธิ์แต่ก็รู้สึกไม่

พอใจอยู่ดี ผมเลยเงียบใส่แล ้วหันหลังให ้มันแทน และ

พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างสุดความสามารถ ไอ ้

เติร์ดตัดใจจากผมไปแล ้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะท าให ้กลับมา

รักใหม่ บางทีการเอาแต่ใจตัวเองก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก




เรานั่งรออยู่ที่โต๊ะใต ้ถุนอาคารเกือบชั่วโมง ก่อนปีสี่จะพา

กันเข ้าไปคุยงานที่ห ้องสโมสรทิ้งไว ้เพียงมนุษย์ปีสามสอง

คนที่นั่งหันหลังชนกัน ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่หัน

กลับไปมอง แต่สุดท ้ายก็อดไม่ได ้จริงๆ



“เติร์ด”




“...”



“ท า...” เท่านั้นแหละครับผมรูดซิบปากอย่างรวดเร็ว

ประโยค ‘ท าอะไรอยู่วะ’ หายไปในล าคอก่อนจะพบว่าไอ ้

เติร์ดฟุบลงกับโต๊ะและหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แก ้มข ้าง

หนึ่งแนบลงกับแขนจนปากเผยอ ดูแล ้วก็ไม่ต่างจากเด็ก

เล็กๆ เท่าไหร่ แต่ผมก็นั่งมองอยู่อย่างนั้นไม่ละสายตา




บางทีตอนมึงหลับนี่ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ให ้กูได ้มี

เวลามองมึงอยู่ใกล ้ๆ บ ้าง นี่ถ ้ามึงกลายเป็นของคนอื่นกูจะ

เป็นยังไงวะ จะทนได ้มั้ย ไม่อยากจะคิดเลย




‘ไอ ้ค่ายเวลาดูหนัง มึงคิดว่าการแสดงความรักรูปแบบ

ไหนลึกซึ้งสุดวะ’

‘เยแน่นอน’

‘มึงกลับไปเยที่ห ้องไป’

‘มันเป็นมุกเหอะ ส าหรับกูก็คงเป็นจูบมั้ง’

‘...’


‘จูบเสร็จแล ้วก็สบตากัน’

‘น ้าเน่าฉิบหาย’

‘แต่มึงก็ชอบเหอะ’

‘ธรรมดาป่ ะวะ เวลามึงจูบคนที่รักมึงไม่ชอบเหรอ’

‘ไว ้รักใครสักคนจริงจังก่อนนะ เดี๋ยวมาบอกค าตอบให ้’



ในหัวของผมคิดถึงแต่เรื่องจูบ จูบ แล ้วก็จูบเต็มไปหมด


สายตาที่จ ้องมองริมฝีปากของคนหลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่

ดึงดูดคนมองได ้ชะงักงัน ครั้งหนึ่งเราเคยจูบกันอย่างลึกซึ้ง

แต่กลับไม่มีความรักเข ้ามาเกี่ยวข ้อง เป็นจูบที่เต็มไปด ้วย

ความสับสนและไม่เต็มใจของอีกฝ่ าย



ตอนนั้นไอ ้เติร์ดร ้องไห ้หนักมาก ดวงตาของมัน ริมฝีปาก

ของมัน รวมไปถึงเสียงสะอื้นในคืนที่เมาแทบคลั่งนั้นไม่


สามารถลบออกจากหัวไปได ้

แล ้ววันนี้ผมก็รู้สึกโลภที่อยากได ้มากกว่านั้น อยากท า...

ให ้มันดีขึ้น




ความดีความชั่วตีกันไปมาในหัว สุดท ้ายความชั่วในใจก็

ชนะทุกอย่าง ผมใช ้ จังหวะนั้นโน้มหน้าเข ้าหาใบหน้าขาว

ลมหายใจของไอ ้เติร์ดกระทบกับปลายจมูก เสี้ยววินาทีนั้น

ผมถือวิสาสะประทับริมฝีปากลงไป



ขอแค่แตะ ไม่คิดจะล่วงล ้าเข ้าไปใดๆ ทั้งนั้น




แค่นิดเดียวที่ส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสกัน คนที่หลับอยู่

ก็เริ่มงัวเงียขึ้น ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและผมไม่สามารถ

ถอนริมฝีปากออกมาได ้ทัน



ได ้เติร์ดค่อยๆ ปรือตาขึ้น แต่ในระยะประชิดแบบนี้การ

มองเห็นคงแย่มากจนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร ผมคิดว่ามัน


รู้สึกได ้ว่าก าลังอยู่ในสภาพไหน และสมองของผมก็

พยายามประมวลผลเพื่อหาค าแก ้ตัวเพื่อไม่ให ้แม่งอาละวาด

ใส่



“อือ...”



ผมผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น...




วันนั้นที่เราเคยคุยกัน ถ ้าวันหนึ่งได ้รักใครจริงจังสักคนกู


Click to View FlipBook Version