The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

“ประสาท”




“ฮ่าๆ กูท าจริงนะเว ้ย”



“เออ รู้หรอก” อะไรที่ไอ ้ค่ายอยากได ้มันต ้องได ้ เชี่ยนี่

เกิดมาเพื่อเกลียดค าว่าพ่ายแพ ้ เหมือนตัวร ้ายในละคร

ภายใต ้หน้ากากหล่อสัดของมัน เพราะฉะนั้นไม่ต ้องสงสัยว่า


ท าไมมันถึงโกรธและรู้สึกเสียหน้ามากที่ผู้หญิงที่ก าลังคุย

อยู่เปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น




กับเพื่อนก็คงเหมือนกัน ไอ ้ค่าย...เป็นคนหวงเพื่อน



หลังจากหนังจบลงและเอนเครดิตเริ่มปรากฏขึ้นบน

หน้าจอ พิธีกรก็เดินขึ้นมาบนเวทีพร ้อมกับไมค์หนึ่งตัว ต่าง


คนต่างลุ้นเพราะรู้ดีว่านี่คือช่วงประกาศรางวัลที่ทุกคนเฝ้ารอ



“เอาล่ะค่ะคงถึงเวลาที่เราจะประกาศผู้ชนะในการเล่น

เกมส์ก่อนฉายหนังแล ้ว ผู้ชนะจะได ้รับบัตรดูละครเวทีนิเทศ


ฯ ปีนี้ฟรีสองใบ เย่ๆ”



“ดีใจตรงไหน” ผมหันไปมองคนตัวสูงข ้างๆ ซึ่งก าลังถอน

หายใจเหมือนกัน




คือมึง...ได ้หรือไม่ได ้รางวัลเกี่ยวอะไร ในเมื่อปีนี้เราเป็น

คนท าละคร มึงจะให ้กูวิ่งมาดูที่หน้าเวทีหรือไงวะ

สาดดดดดดด




“มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เขียนชื่อหนังรักในดวงใจได ้

ตรงกัน คนแรกก็คือ แท่มแทมแท๊มมมมมม น้องเตชภณ

นิเทศศาสตร์ปีสามค่า”




“วิ้ดวิ้วววววววว”



“ขึ้นมารับรางวัลได ้เลยค่ะ”




“รีบขึ้นไปดิ” ไอ ้ค่ายพยักเพยิดให ้ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะขึ้น

ไปบนเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือและการจับตามองของ

นิสิตหลายคณะ




“แนะน าตัวสั้นๆ หน่อยค่ะ” พิธีกรยื่นไมค์มาถามผม



“สวัสดีครับ ชื่อเติร์ดครับ”




“น้องเติร์ดพอจะเดาได ้มั้ยว่าอีกคนที่ตอบเหมือนเราเป็น

ใคร”




“เอ่อ...” ผมกวาดตามองลงไปด ้านล่างเวที คนเป็นร ้อย

ขนาดนี้กูจะไปรู้ได ้ยังไงว่าเป็นใคร แถมไอ ้หน้ากวนบาทาที่

นั่งขัดสมาธิอยู่ข ้างล่างยังเอาแต่ขยับปากพูดค าว่า ‘one

day’ ไม่หยุด




หรือแม่งจะตอบว่าวันเดย์จริงวะ ถ ้าอย่างนั้นมันก็เลือกไม่

ตรงกับผมอ่ะดิ



“ไม่รู้เหมือนกันครับ” ไม่อยากคิดแล ้ว ปวดหัว รีบเฉลยมา


ดีกว่า



“งั้นเราจะประกาศผู้โชคดีอีกคนนะคะ ผู้โชคดีคือน้อง


ขุนพล นิเทศศาสตร์ปีสามเช่นกันค่า”



“กรี๊ดดดดดดดดด”




ไอ ้เหี้ย! เขียนเหมือนกันท าไมไม่บอก ลอกกูแน่ๆ



ผมมองดูร่างสูงในชุดนิสิตที่ไม่มีส่วนถูกระเบียบเลยแม ้แต่

ส่วนเดียวก าลังเดินขึ้นมาบนเวที ผู้หญิงก็กรี๊ดให ้มันยกใหญ่


เพราะความฮอตและทรงผมน่ากระทืบของมัน ทันทีที่เจ ้าตัว

เดินขึ้นมายืนประชิดกับผม เขาก็ส่งไมค์อีกตัวให ้ไอ ้ค่าย

อย่างรวดเร็ว




“ไม่ต ้องแนะน าตัวก็คงรู้เนาะ น้องค่ายเขียนหนังเรื่อง

อะไรลงไปคะ”

“ผมเขียน Flipped ครับ” เจ ้าตัวจ ้องหน้าผมยิ้มๆ แต่กูเนี่ย

แหละที่ไม่อยากพูดอะไรนอกจากยืนใจเต ้นอยู่ตรงนี้




“ถามทั้งสองคนบ ้างดีกว่า ท าไมถึงเลือกหนังเรื่องนี้”



“ผมชอบการเล่าความสัมพันธ์และความรู้สึกของคนสอง

คน แรกเริ่มต่างคนต่างคิดไม่เหมือนกัน”




“แต่สุดท ้ายเขาก็ใจตรงกัน” ประโยคนี้ไอ ้ค่ายเสริมต่อ




“ผมชอบเพลงด ้วยครับ Let it be me”



“แต่ท่อนที่ร ้องIf you must cling to someone, Now

and forever, Let it be me ซึ่งมันแปลว่า ถ ้าเธอต ้องการ


มั่นใจในใครสักคนในตอนนี้และตลอดไป ก็ขอให ้เป็นฉัน

เถอะ...ซึ่งผมว่ามันน ้าเน่าอยู่นิดหน่อย” เราต่างพูดสลับกัน

ไปมาเหมือนเป็นการเติมประโยคให ้สมบูรณ์ แต่มันก็

ค่อนข ้างเละเทะ เพราะแต่ละประโยคของไอ ้ค่ายแม่งย ้อน


แย ้งกับผมทุกอย่าง



“ผมชอบความคิดของนางเอกด ้วย ตอนแรกเขาชอบ

พระเอกฝ่ ายเดียว”




“สุดท ้ายพระเอกก็ตามจีบนางเอก”

“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นมั้ย” ผมถามมัน ลืมไปด ้วยซ ้าว่า

เราไม่ได ้อยู่กันสองคน ลืมไปเลยว่าเราก าลังยืนอยู่บนเวที


ท่ามกลางสายตาของคนมากมายแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพูด

ต่อ



“มีอีกหลายฉากที่ชอบ อย่างซีนนางเอกเอาไข่ไก่ไปให ้

พระเอกที่บ ้าน”




“โคตรเชยเลย”




“จริงๆ มันก็เป็นหนังรักธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา”



“มันคือหนังธรรมดา”




“นักแสดงท าได ้ดี”



“ตามมาตรฐานนักแสดงฮอลลีวูดน่ะครับ”




“ถึงแม ้จะมีจุดบกพร่องบ ้าง แต่ถ ้าใช ้ ความรู้สึกวัดแทน

ความคิดทางวิชาการ ยังไงผมก็ชอบหนังเรื่องนี้”



“ในทางวิชาการผมว่ายังมีหลายจุดที่ไม่โอเคอยู่ แต่ถ ้าใน


ความรู้สึก”

“...”




“อืม...ชอบเหมือนกัน”



นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ ้ค่ายตอบตรงกับผม เพราะไม่ว่าเราจะ

คิดไม่เหมือนกันยังไง สุดท ้าย...เราก็ยังตอบเรื่องเดียวกัน

อยู่ดี แม ้ผมจะรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ ายไม่ได ้คิดอย่างนั้น




“กูว่าความจริงมึงไม่ได ้ชอบหนังเรื่องนี้”




“ก็รู้หนิ” ใช่ เพราะปกติไอ ้ค่ายไม่ชอบดูหนังรักโรแมนติก

แถมชีวิตมันยังโชกโชนล ้าหน้าหนังไปเยอะมาก แต่ผมก็ยัง

สงสัยว่าท าไมมันถึงยังตอบเรื่องนี้อยู่




“แล ้วมึงตอบ flipped ท าไมวะ กลัวไม่ได ้รางวัลเหรอ”



“รางวัลที่ได ้คงน่าสนใจมากสินะ กูรู้หรอกว่ามึงชอบเรื่อง

นี้ เพราะเห็นมึงชอบ...”




“...”



“กูเลยอยากตอบเหมือนมึง”




“โบน มึงรีบเปิดดิ กูรอจนรากงอกแล ้วเห็นมั้ย”

“ใจเย็นสัด มึงดูวันนี้หรือพรุ่งนี้ผลมันก็ไม่เปลี่ยนหรอก”




“เปลี่ยนดิ รู้ผลวันนี้แดกเหล ้าวันนี้ รู้ผลพรุ่งนี้กูไปไม่ได ้”



“ท าไม”



“เลี้ยงสาวหมด”




“ไอ ้นรก”




บทสนทนาระหว่างไอ ้ทูกับไอ ้โบนดังเข ้าหูแว่วๆ ผมเลย

รีบล ้างจานตรงซิงก์น ้าให ้หมดก่อนจะปราดมานั่งข ้างพวก

มันเพื่อดูรายชื่อร ้านที่ท าเงินสูงสุดห ้าร ้านแรกหลังจบนิเทศ

แฟร์ไปหมาดๆ




คณะกรรมการสโมสรจะน ารายชื่อขึ้นแฟนเพจคณะในช่วง

สองทุ่ม ดังนั้นเราทุกคนเลยตื่นเต ้นว่าจะได ้เป็นหนึ่งในห ้า

นั้นหรือเปล่า จะมีก็แต่ไอ ้ค่ายนี่แหละที่มัวแต่แต่งตัวอวด


หล่อ พ่นน ้าหอมจนฉุนอย่างอารมณ์ดีอยู่คนเดียว



“มึงไม่มานั่งดูผลวะเชี่ยค่าย”




“ดูท าไม ยังไงก็ได ้อยู่แล ้ว นี่กูแต่งตัวรอเลยนะเนี่ย” พูด

จบมันก็ยืนผิวปากอย่างมีความสุข เชี่ยนี่ความมั่นใจล ้น

เหลือมากครับ บางทีก็อยากให ้เหลือเผื่อแผ่มาถึงเกรดที่มัน

ควรได ้ตอนสิ้นเทอมด ้วย โคตรโง่




“เลิกสนใจมันเถอะ กูจะเปิดแล ้วนะ ไอ ้โบนสะกิดไหล่ผม

ยิกๆ มือข ้างขวาเลื่อนเม ้ากดไปยังหน้าแฟนเพจของคณะ

ในวินาทีนั้นเองข ้อความที่ปักหมุดเอาไว ้บนสุดก็ปรากฏใน

ม่านสายตา




ผ่าง!!




“อันดับหนึ่งซุ ้ มสาวน้อยตกน ้า อันดับสองสอยดาวหาคู่”



“มึงจะอ่านท าเพื่อ นี่ไงชื่อของพวกเรา”




“ชอบบบบบบบบบ”



“ชายฉะกัน ไส ้ กรอกยาวใหญ่ ชื่อแม่งทุเรศฉิบหาย!”




“กูชอบนะ”



“คิดว่ามันตลกเหรอ”




“เอาน่า ชนะแล ้วไง ชื่อเหี้ยไรก็ไม่มีผลกับชีวิตกู” ไอ ้ทู

ตบบ่าผมพลางยิ้มแหย กูรู้หรอกในใจมึงคงรู้สึกไม่ต่างกัน

เป็นถึงหนุ่มฮอตของนิเทศฯ ปกติเวลาใครพูดชื่อแก๊งโหด

จะนึกถึงหน้าหล่อๆ ตอนนี้เปลี่ยนไปแล ้วครับ




นึกถึงพวกกู...นึกถึงไส ้ กรอกยาวใหญ่



และก็เป็นไปตามคาด รายได ้หลังหักค่าใช ้ จ่ายของร ้าน

ชายฉะกันในงานนิเทศแฟร์ตลอดสองวันอยู่ในอันดับที่สี่ ซึ่ง


ก็ต ้องกราบไอเดียการเปลืองเนื้อเปลืองตัวของไอ ้ค่าย ที่

ล าพังแค่ขายไส ้ กรอกก็คงไม่ได ้เงินมากขนาดนี้

เพราะฉะนั้นเย็นนี้เราเลยนัดกันไปฉลองความส าเร็จที่ร ้าน


บุฟเฟ่ ต์อาหารญี่ปุ่ นชื่อดัง แล ้วต่อด ้วยการกระดก

แอลกอฮอล์เข ้าสายเลือดตามสเต็ป


ชีวิตมหา’ลัยมันจะมีอะไรมากวะ กิน ขี้ ปี้ นอน ตัดเรื่องเรียน

ออกไปก็มีอยู่แค่นี้แหละ หลังจากยัดห่ากันเสร็จไอ ้ค่ายก็มุ่ง


หน้าไปที่ร ้านพร ้อมกับชาวีลูกรักของมันก่อนเพราะกลัวว่า

การโทรไปจองโต๊ะจะไม่ชัวร์ ส่วนผม ไอ ้โบน รวมถึงไอ ้ทูได ้

ตามไปหลังจากนั้นยี่สิบนาที




Khunpol K.

แวะเข ้าห ้องน ้า – ที่ On the Rock



เข ้าห ้องน ้าพ่อง! ย ้าอีกครั้ง นี่แค่ยี่สิบนาทีเองนะ แม่งไปพา


ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มานั่งเต็มโต๊ะ โอ ้โห มองคราวแรกกูนึกว่า

งานมอเตอร์โชว์ สาวสวยๆ รุมกันให ้เพียบ

“อะไรกันครับเพื่อนค่าย” ไอ ้โบนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลาง

แทรกเข ้าไปมีส่วนร่วมอย่างรวดเร็ว ทิ้งให ้ผมกับไอ ้ทูมอง


หน้ากันอย่างรู้ทันว่าคืนนี้งานอาจจะเข ้าอีกแล ้ว ผมมักบอก

เสมอว่าท าใจได ้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต ้องมานั่งมองคน

ที่ตัวเองรักก าลังจีบคนอื่นอยู่



“เชี่ยเติร์ด มึงจะมัวยืนอีกนานมั้ย นั่งดิ” เสียงทุ้มต ่าของ


คนที่ชอบเอ่ยขึ้น ดึงให ้ผมหลุดออกจากภวังค์และเดินเข ้า

ไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก ้าอี้ ที่ซึ่งแทบไม่เหลือที่ว่างให ้หมาหัว

เน่าอย่างกูเลย ตอนขายไส ้ กรอกผมก็เป็นคนย่าง แล ้วท าไม


ตอนฉลองความส าเร็จด ้วยกันถึงมีแค่เพื่อนไม่ได ้วะ



“งานนี้กูสั่งแบล็คเพื่อมึงเลย”




“เพื่อกูหรือเพื่อใคร” ผมย ้อนกลับไป ก่อนไล่สายตามอง

ผู้หญิงที่ส่งยิ้มหวานมาให ้ผมทีละคน ให ้ตาย...



“เพื่อมึง แต่มึงก็ห ้ามกินเยอะ เดี๋ยวเมาอย่างหมาไม่มีใคร


พากลับ”



“ก่อนจะบอกคนอื่น มึงช่วยเอาตัวเองให ้รอดก่อนเหอะ”

แก ้วทรงสูงถูกเลื่อนมาอยู่ด ้านหน้าของผมพร ้อมกับ


เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่บรรจุอยู่เต็มแก ้ว เป็นสัญญาณแห่ง

การเริ่มต ้นการเลี้ยงฉลองและยุติปัญหาที่อาจท าให ้ผมกับ

ไอ ้ค่ายตีกันก่อนกลับ




เราเริ่มแนะน าตัวกับแขกไม่ได ้รับเชิญอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะ

นั่งคุยและดื่มกันเงียบๆ ท่ามกลางเสียงเพลงที่คลออยู่เบาๆ

ผมพยายามไม่คิดอะไรมากเพราะเข ้าใจธรรมชาติของเพื่อน

สนิทตัวเองเป็นอย่างดี แต่มันก็อดไม่ได ้เหมือนกันที่จะรู้สึก

ไม่พอใจกับการกระท าของรุ่นน้องคนหนึ่งที่ท าตัวติดไอ ้ค่าย


มากเกินไป



ใช่ น้องเป็นเด็กมหา’ลัยเดียวกันผม ส่วนที่นั่งรายล ้อมอยู่


นี่ก็เพื่อนเขาที่ยกพลขึ้นบกกันมาเพราะไอ ้ค่ายหาโต๊ะไม่ได ้

ตอนมาถึงร ้านเลยขอมานั่งแจมด ้วย ถ ้ารู้อย่างนี้แต่แรกผม

ให ้แม่งเปลี่ยนร ้านไปนานละ ไม่ต ้องมานั่งอึดอัดอยู่ตรงนี้

หรอก




ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดเลยยกเหล ้าขึ้นมากระดกรวดเดียวแทบ

หมดแก ้ว แต่ไอ ้สามตัวมันเฮี้ยนกว่าตรงที่ชอบดื่มเพียวๆ

แบบออนเดอะร็อคเสียมากกว่า มีกูเนี่ยแหละที่แดกเยอะ


แบบนั้นไม่ได ้ แพ ้...เออแพ ้แต่ก็หยุดตัวเองไม่ได ้ แถมไอ ้ทู

กับไอ ้โบนยังขยันชงเหล ้าให ้แบบไม่มีขาดตกบกพร่องอีก



“ไอ ้เติร์ดกูว่ามึงพอก่อน” มือหนาเอื้อมมาจับแก ้วเหล ้า


ของผมเอาไว ้ ก่อนที่มันจะถูกกรอกของเหลวลงคอเหมือน

ทุกที

“ยุ่งน่า”




“เป็นไร เพลงไม่สนุกเหรอ”



“เออ” ผมตอบส่งๆ ไป



“งั้นให ้กูร ้องให ้ฟังมั้ย รับรองอารมณ์ดีขึ้นมาทันที” ไม่พูด


เปล่า เจ ้าตัวยังยกมือขึ้นมายีหัวกูเล่นอย่างมีความสุข มันก็

เป็นซะอย่างนี้ไง อ่อยอยู่ได ้จะเอาเวลาที่ไหนไปตัดใจวะ




“มึงร ้องกูได ้ตายห่าคาโต๊ะพอดี อยู่เฉยๆ ไปเถอะว่ะ”



“เคๆ แต่มึงก็อย่าท าหน้าบูด”




“เกี่ยวเหี้ยไร แดกของมึงไปสิ”



“เกี่ยวดิ ไม่แคร์มึงจะให ้กูแคร์ใครล่ะครับ” ไอ ้ค่ายกอดคอ

ผมเอาไว ้แน่น ขณะที่มืออีกข ้างถือแก ้วเครื่องดื่ม


แอลกอฮอล์ไปด ้วย



“พี่ค่าย เดี๋ยวมานะ” แล ้วรุ่นน้องที่ตัวติดกับมันก็ลุกขึ้นยืน

ด ้วยรอยยิ้ม ไอ ้ควายค่ายนี่ถึงกับรีบปล่อยคอผมแล ้วหันไป


สนใจเขาทันที

“ไปไหนอ่ะครับ ให ้พี่ไปส่งมั้ย”




“จะไปขอมิกซ์บัคเก็ตนิดหน่อยค่ะ”



“เดี๋ยวพี่จ่ายให ้” เพื่อนรักเพื่อนแค ้นกูนี่รีบกุลีกุจอจะควัก

กระเป๋ าสตางค์ขึ้นมาจ่ายพัลวัน ดีที่เขาปฏิเสธก่อนไม่งั้นคืน

นี้มีหมดตัวกันแน่




“ไม่เป็นไรค่ะ ไปขอหน้าบาร์ฟรี”




“โอเคครับ งั้นรีบมาน้า”



โคตรตอแหลเลยครับ ไม่ใช่ผู้หญิงนะ ไอ ้เหี้ยค่ายเนี่ย

แหละ ระริกระรี้จนกูอยากกระทืบ ร ้านเหล ้าบางร ้านมีธรรม


เนียม ถ ้ามีเหล ้าก็สามารถเดินไปของมิกซ์ฟรีได ้ที่หน้าบาร์

จริงๆ มันไม่ได ้ฟรีหรอกครับ แต่เป็นพฤติกรรมที่นักท่อง

ราตรีบางคนมักท าด ้วยการส่งสาวๆ สวยๆ ไปยั่ว ถึงจะได ้

ของแลกมา




ซึ่งมันก็ได ้ผลเพราะไม่นานน้องผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับมา

พร ้อมกับถังเครื่องดื่ม ด ้านในมีของเหลวสีชมพูบรรจุอยู่

แถมมีหลอดปักเอาไว ้เต็มไปหมด




“พี่เติร์ด กินได ้นะคะ” ผมไม่รู้ด ้วยซ ้าว่าเขาชื่ออะไร แต่

เมื่อเธอชวนผมเลยไม่ปัดปฏิเสธ แค่ดูดไปอึกหนึ่งเท่านั้น

แหละ ลิ้นกูเสียรสเลย ไอ ้เหี้ยยยยยยยยยย ขม!




“บัคเก็ตนี่ใส่อะไรบ ้างเนี่ย” กูแทบจะดึงลิ้นออกมาท า

ความสะอาดข ้างนอกให ้มันรู้แล ้วรู้รอดไป



“โต๊ะข ้างเวทีให ้แบล็คมา อีกโต๊ะนึงให ้เรด นี่ผสมกระทิง


แดงด ้วย หน้าบาร์เลยใส่น ้าลิ้นจี่ผสม เป็นไงคะรสชาติดีมั้ย”

คุณจะหลอกเติร์ดด ้วยสีชมพูหวานแหววแบบนี้ไม่ได ้ ดีกับ

ผีอ่ะสิ! นี่มันส่วนผสมของเหี้ยอะไรวะ แล ้วคือกูจะตายมั้ย




“...” ผมเลยไม่ตอบอะไรนอกจากนั่งดื่มเหล ้าในแก ้วของ

ตัวเองต่อไป




ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะและวุ่นวาย เพลงที่เคยดังคลออยู่ตอน

แรกยิ่งเร่งระดับขึ้นเป็นการบิลด์อารมณ์คนในร ้านให ้

สนุกสนานตาม ยิ่งอัดแอลกอฮอล์เข ้าไปเยอะๆ คราวนี้วิ่ง

แข่งกันเข ้าห ้องน ้ากันจ ้าล่ะหวั่น กระทั่งไอ ้ค่ายเอ่ยกับผม


เป็นรอบที่สาม



“เดี๋ยวกูมานะ”




“ไปเข ้าส ้ วมอ่ะดิ”

“เออ มึงไปมั้ย” ผมส่ายหัว มันเลยหันไปหาเพื่อนในกลุ่ม

อย่างไอ ้โบนแทน “ไอ ้โบนมานี่หน่อย”




“ไม่ไป ขี้เกียจเยี่ยว”



“มา...นี่...หน่อย” เสียงทุ้มย ้าชัดด ้วยสีหน้าจริงจัง ก่อน

ทั้งคู่จะผละออกไปเหลือเพียงผมกับไอ ้ทูที่นั่งมองหน้า


อย่างงุนงง พอเห็นอย่างนั้นเพื่อนทูเลยรีบย ้ายตูดมาแปะ

ตรงเก ้าอี้ข ้างผมทันที ส่วนน้องผู้หญิงแก๊งนี้เขาก็ดื่มกัน

อย่างมีความสุขไม่ได ้มายุ่มย่ามอะไรกับผมมาก นอกจากนัว


กับไอ ้ค่ายเท่านั้น



“กูว่ามันต ้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อกี้กูเห็นมันตอบไลน์กัน”




“ไลน์อะไร อยู่กันแค่นี้คุยกันก็ได ้มั้ง”



“นั่นสิ แต่กูเห็นไอ ้โบนแม่งคุยกับไอ ้ค่ายในไลน์ มึงไม่คิด

บ ้างเหรอว่ามันอาจมีความลับกับเรา” ตัวเสี้ยมของจริงก็ไอ ้


คนข ้างๆ นั่นแหละ



ผมก็สังเกตเห็นบ ้างเวลาที่เพื่อนตัวสูงหยิบมือถือขึ้นมา

กดเล่นอะไรของมัน แต่ก็ไม่ได ้สนใจว่าจะคุยกับใคร ต่างกับ


ตอนนี้ที่เริ่มคิดหนักแล ้ว

“เรื่องผู้หญิงมั้ง แบบ...คืนนี้จะหิ้วใครกลับ” ปกติแม่งก็

เป็นอย่างนี้ประจ า




“แต่ถ ้ามันจะหิ้วใครกลับก็ไม่จ าเป็นต ้องปรึกษาป่ ะวะ ไอ ้

ค่ายมันเคยบอกเราด ้วยเหรอว่าเออ...คืนนี้ถ ้ากูจะหิ้วน้องนม

ใหญ่ต ้องท ายังไง เห็นแต่มันยิงโชะเดียวยันเช ้ าตลอด”




ยิ่งไอ ้ทูพูดผมก็ยิ่งอยากรู้ เลยขอตัวเดินไปด ้อมๆ มองๆ

แถวห ้องน ้าหน่อยว่ามันนัดแนะอะไรกันแน่ พอไปถึงผมก็

เห็นเพื่อนสนิทสองคนยืนอยู่หน้ากระจกภายในห ้องน ้าและ


ก าลังล ้างมือกันอยู่ ดูแล ้วก็ไม่น่ามีอะไรจนกระทั่งไอ ้ค่าย

เป็นฝ่ ายพูดขึ้น



“เลิกคิดมากได ้แล ้วเชี่ยโบน ข ้อสันนิษฐานมึงแม่งมั่วสัด”




“ไอ ้เหี้ยกูสังเกตมาหลายทีแล ้วจริงๆ นะ ไม่งั้นจะให ้มึงไป

ลองพิสูจน์เหรอ”




“แล ้วไง กูก็พิสูจน์แล ้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย”



“แต่...”




“ยัง ยังไม่หยุดอีก”

“กูรู้สึกมานานแล ้วว่าไอ ้เติร์ดมันชอบมึง”




...!!



ค าพูดที่หลุดออกมาจากปากของไอ ้โบนท าให ้ผมยืนมอง

ตาค ้าง ตัวสั่นปากสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ได ้แต่ลอบมอง

อาการของไอ ้ค่ายพร ้อมกับคาดหวังว่ามันจะไม่เกลียดผมที่


เผลอรู้สึกแบบนั้นกับมัน



“มึงใช ้ ประสาทส่วนไหนรับความรู้สึกวะ มันไม่มีอะไร


ทั้งนั้น นี่กูลองอ่อยมันหลายทีแล ้วก็ไม่เห็นไอ ้เติร์ดจะท า

ท่าทีเขินอายอะไรเลย เราสี่คนยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

เว ้ย”




“งั้นมึงถามไอ ้ทูมั้ยล่ะว่าไอ ้เติร์ดมันได ้คิดกับมึงแค่เพื่อน

หรือเปล่า”



“มึงคิดเหรอว่าไอ ้ทูจะรู้ คนอย่างไอ ้เติร์ด...มีอะไรมันไม่


ค่อยบอกใครหรอก”



“นั่นไง ถ ้ามันชอบมึงแม่งจะบอกให ้โง่เหรอวะ”




“เลอะเลือนแล ้วครับเพื่อน ขืนมึงยังพูดเรื่องนี้อีกคืนนี้กูไม่

ยกน้องมายด์ให ้มึงพาไปกกนะ”

“สัด เอาผู้หญิงมาล่อกูก็ต ้องหยุดมั้ย” ผมได ้ยินเสียง

หัวเราะของคนทั้งคู่ดังขึ้นมาสักพัก ก่อนจะรีบพาตัวเองหลบ


ไปอีกทางอย่างรวดเร็ว



ตัวผมชา สมองของผมแม่งว่างเปล่าไปหมด ทุกการ

กระท าที่ไอ ้ค่ายเคยท าดีกับผม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียง

การพิสูจน์ข ้อสงสัยโง่ๆ เพียงเท่านั้น




ล ้มทั้งยืนน่าจะเป็นสิ่งที่อธิบายตัวตนของผมในตอนนี้ได ้ดี

ที่สุด




ผมกับไอ ้ค่ายรู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่ง มันเป็นผู้ชายกวนตีนแต่

ก็นิสัยเจ ้าชู ้ คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า ตลอดสามปีมันไม่เคย

เปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร เหี้ยยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นจนกระทั่ง


ทุกวันนี้



ผมพูดเสมอว่าตัวเองชอบที่มันเป็นแบบนั้น ยอมรับได ้ทุก

อย่างขอแค่ได ้ชอบ บางทีความรักแม่งก็ไม่มีเหตุผล ไม่ต ้อง


สนใจตรรกะ ชอบก็คือชอบ รักก็คือรัก ผลสุดท ้ายเป็นไง...



เจ็บคนเดียวมาตลอดสามปีโดยที่อีกฝ่ ายไม่เคยรู้เลย




บางทีก็อยากเดินไปตะโกนใส่หน้ามันให ้สาแก่ใจนะครับ

ว่ากูเสียใจมากที่หลงชอบมัน และชอบมาตลอด แต่ก็ไม่มี

ความกล ้าพอที่จะท าอย่างนั้น ได ้แต่เจ็บใจอยู่คนเดียว ยอม

เป็นตัวตลกให ้มันเล่นกับความรู้สึกจนพอใจและก็เดินจาก


ไปเท่านั้น



เหรอวะ แค่นั้นเหรอ?



ผมส่งข ้อความบอกกับไอ ้ทูว่าจะขอกลับก่อน แต่ความ


จริงแล ้วก็ไม่ได ้พาตัวเองกลับห ้องหรอก ผมยังเมากว่านี้ได ้

อีก เลยขับรถไปนั่งท าตัวโง่ๆ อยู่อีกร ้านหนึ่ง เสียงโทรเข ้า

จากไอ ้โบนกับไอ ้ค่ายกระหน ่าเข ้ามาไม่ขาดสายซึ่งผมไม่รับ


ความรู้สึกมันตื้อไปหมด จะร ้องไห ้ก็ร ้องไม่ออก ปล่อยมันจุก

อยู่ในอกโดยไม่รู้ว่าต ้องท ายังไงให ้ดีขึ้น



จนเวลาล่วงเลยเข ้าสู่ตีสามถึงค่อยๆ พาสังขารตัวเอง


กลับไปทั้งที่เมาแทบสิ้นสติ และทันทีที่เปิดประตูเข ้าไปใน

ห ้อง ผมก็ได ้เห็นร่างสูงของคนที่แอบรักข ้างเดียวมาตลอด

นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงโซฟา




มันไม่ง่ายเลยนะที่เวลากลับมาเจอหน้าอีกฝ่ ายแต่ต ้องท า

ตัวให ้เป็นปกติ ทั้งที่ความจริงเมาจนเดินแทบเป๋ คือเละ แต่

ก็ยังพึมพ าเสียงเบาๆ แม ้ไม่รู้ว่าเจ ้าตัวจะได ้ยินหรือเปล่า

ออกมา




“กูไม่เมา กูโอเค”

“ไปไหนมาวะ”




“แค่นี้ท าอะไรกูไม่ได ้” โคตรเฟคเลย เหนื่อยว่ะ



“ไอ ้เติร์ด กูถามว่ามึงไปไหนมา แล ้วที่ไอ ้ทูบอกมึงขอ

กลับห ้องก่อนท าไมมึงถึงมาเอาป่ านนี้วะ” คนตรงหน้าเริ่ม

ขึ้นเสียง พลางเดินเข ้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็ว




“แล ้วมึงยุ่งอะไรด ้วย!”




“แล ้วมึงเป็นห่าอะไรเนี่ย บอกกูสิจะได ้ท าตัวถูก”



“มึงเอาความรู้สึกของกูมาเล่นเหรอ”




“มึงพูดเหี้ยอะไรวะ”



“ถ ้ามึงไม่รู้ว่าเพราะเหี้ยไรก็อย่ามายุ่งกับกู” ผมจะตัดใจ

เป็นตายยังไงก็จะไม่ชอบมันแล ้ว แต่ท าไมถึงต ้องรั้งมือกู


เอาไว ้ด ้วยวะ ผมไม่อยากให ้มันเห็นว่าตอนนี้ผมก าลังแย่

ขนาดไหนและร ้องไห ้หนักยังไง ผมยังอยากให ้มันเห็นว่านี่

คือเติร์ด เพื่อนที่สดใสและร่าเริงของมัน




“ไอ ้เติร์ดมึงเป็นอะไร”

“กู...แค่เมา โทษที แต่คนของมึงคงรอแล ้วล่ะ” ผมก ้ม

หน้าปาดน ้าตาออกจากแก ้มพร ้อมกับสะบัดมือออกจากการ


เกาะกุมของอีกฝ่ ายแล ้วรีบจ ้าอ ้าวเดินเข ้าห ้องนอนตัวเอง

ทันที



วันนี้มันพาผู้หญิงมานอนด ้วยเพราะประตูห ้องนอนเปิด

แง ้มอยู่ ผมเห็นรุ่นน้องคนนั้นนอนอยู่บนเตียงไอ ้ค่าย แค่นี้


มันก็น่าจะเพียงพอแล ้วที่ผมควรหยุดสักที



เพื่อนคนนี้ไม่มีทางชอบผม เหมือนที่ผมควรหยุดหลอก


ตัวเองสักทีจะได ้ไม่ต ้องเจ็บซ ้าซากอีก



เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาสามปี ชอบดูหนังเหมือนกัน ไป

ไหนไปกันตลอด มันรู้ใจผม ขณะที่ผมก็รู้ใจมัน แต่แปลก...




ที่เราไม่เคยใจตรงกันเลย



นี่เป็นเช ้ าที่ปวดหัวหนักสุดในรอบหลายเดือน เมื่อคืนอัด


เข ้าไปทั้งเหล ้าและบัคเก็ตเลยแฮงก์หนักจนถึงตอนนี้ ผม

ต ้องตื่นตามเสียงนาฬกาปลุกซึ่งบอกว่าเป็นเวลาสิบโมงแล ้ว

โชคดีที่วันนี้เข ้าเรียนบ่ายเลยไม่ต ้องฝืนสังขารไปเรียน

ตั้งแต่เช ้ า




ค่อยๆ พาตัวเองคลานลงจากเตียง หยิบเอาผ ้าขนหนูที่

แขวนเอาไว ้หน้าตู้เสื้อผ ้าออกมา ย่างเท ้าออกไปด ้านนอก

ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าห ้องนอนของใครคนหนึ่ง




โชคร ้ายฉิบหายที่ดันมีส ้ วมอยู่ห ้องเดียวแล ้วดันมาอยู่ใน

ห ้องนอนของมัน



ก๊อกๆๆ




ลองออกแรงเคาะประตูอยู่สักพักคนตัวสูงก็เดินมาเปิด

ประตู ไอ ้ค่ายสวมผ ้าขนหนูคาดเอวผืนเดียวขณะที่ปลาย


เตียงของมันยังมีรุ่นน้องผู้หญิงคนนั้นนั่งกดมือถืออยู่



“อาบน ้าเหรอ” มันถาม ผมเลยพยักหน้าแล ้วเดินเข ้ามาใน

ห ้อง “เดี๋ยวกูขออาบก่อน”




“รีบๆ เลยกูต ้องรีบออกไปข ้างนอกก่อนเข ้าเรียน”



“ไปไหน”




“เสือกน่า”



“รอกูอาบน ้าก่อน”




“งั้นกูออกไปรอข ้างนอก”

“ไม่ต ้อง เดี๋ยวน้องเขาก็กลับแล ้ว”




“ให ้กูไปส่งเขามั้ย”



“ใช่หน้าที่มึงที่ไหนล่ะ เดี๋ยวเพื่อนเขามารับเอง”



ทันทีที่ไอ ้ค่ายเดินเข ้าห ้องน ้า สภาวะเดดแอร์ก็เข ้าแทรก


ได ้แต่ส่งยิ้มไปให ้น้องผู้หญิงเป็นระยะ ก่อนจะพาตัวเองมา

นั่งตรงเก ้าอี้ท างานอย่างเงียบๆ ไม่นานน้องเขาก็ลุกขึ้นไป

เคาะประตูห ้องน ้าและคุยกับคนด ้านใน สักพักถึงได ้หันมา


เผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง



“กลับก่อนนะคะพี่เติร์ด เพื่อนมารับแล ้ว”




“ครับๆ ให ้ไปส่งหน้าห ้องมั้ย”



“ไม่เป็นไรค่า ไว ้เจอกันใหม่น้า” ไม่ได ้หวังจะเจอหรอก

แค่นี้กูก็เจ็บฉิบหายแล ้วครับ




“เติร์ด ไอ ้เชี่ยเติร์ดเข ้ามาในนี้หน่อย!” เสียงของไอ ้ค่าย

แทรกเข ้ามาในโสตประสาท มันดังอย่างนี้อยู่หลายครั้งจน

ความอดทนของผมหมด เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห ้องน ้า




“มีไร”

“เข ้ามาอาบน ้าด ้วยกันสิ กูไม่ได ้ล็อก เร็วเดี๋ยวไม่ทัน”




“ทันแหละ”



“มึงบอกกูเองว่ารีบ อย่าลีลา” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

แต่ก็ยอมท าตามค าสั่งอีกฝ่ ายแต่โดยดีด ้วยการเดินเข ้าไป

ด ้านใน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่อาบน ้าด ้วยกันตอนวันเร่ง


รีบ



ไอ ้ค่ายมันก็หันมามองกูนะครับเหมือนจะพูดอะไรด ้วย แต่


โอ ้โห ชะว ้าว!



“มึงท าเหี้ยอะไรเนี่ย”




“ปลดปล่อยหน่อย มันอึดอัด”



“เดี๋ยวกูถีบกระเจี๊ยวหลุด” เรียกกูเข ้ามาดูภาพอุบาทว์

แบบนี้เพื่อ? แล ้วคือกูต ้องท ายังไง ร ้องเพลงให ้ฟังเหรอ




“มึงไปใช ้ ห ้องอาบน ้าโน่น เดี๋ยวกูขอใช ้ ชักโครกแป๊ บ”



“ตามสบาย” สโตรกให ้พอใจไปเลยลูกพี่ แต่มันก็อด


ไม่ได ้ที่จะพูดแซะออกไป “เอาสาวมาท าไมไม่ใช ้ ให ้เป็น

ประโยชน์”

“ไม่ถึงใจ”




“อืม”



“แต่ความจริงก็นอนไม่หลับ”



“คงได ้หลับหรอกเมื่อคืนอ่า”




“อันนี้จริงจัง มึงโกรธกู เครียดฉิบหายเลย”




“เปล่าหรอก มึงจะถือสาอะไรกับคนเมาวะ”



“ปกติมึงไม่ได ้เป็นแบบนี้”




“หึ!” อยากถามออกไปจริงๆ ว่าปกติผมเป็นแบบไหน สิ่ง

ไหนที่มันมองเห็นเป็นตัวตนของผม ก็ได ้แค่หัวเราะในล าคอ

แล ้วถอดเสื้อแขวนไว ้กับราวเพื่ออาบน ้าเท่านั้น และถึงแม ้จะ

รูดม่านไปแล ้วไอ ้ค่ายก็ยังถามเหมือนรู้ทันทุกที




“รู้ว่าเมาหนักแล ้วผื่นขึ้นก็ยังจะเมานะมึง”



“เรื่องของกู” ผมเปิดน ้าจากฝักบัวเพื่อกลบเสียงสั่นๆ ของ


ตัวเอง ไม่รู้ว่าจะได ้ผลมั้ย แต่อย่างน้อยมันก็ปกปิดความ

เสียใจในส่วนลึกของผมได ้บ ้าง

“โกรธอะไรกูเนี่ย ไม่สนุกเลยว่ะ”




“โง่อย่างมึงไม่ต ้องมารู้อะไรกับกูหรอก”



“มึงก็โง่เหมือนกันแหละว ้า”



“เกรดเทอมก่อนกูเยอะกว่ามึงเห็นๆ”




“ใช่เรื่องนั้นที่ไหนล่ะ ปากดีจังนะมึงเนี่ย”




“ไม่เท่ามึงหรอกครับ ตอแหล”



“กูไปตอแหลตอนไหนช่วยบอกกูที”




“แฮงก์สัด” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่อยากต่อความยาว

สาวความยืดด ้วยแหละมั้ง จุดนี้จะตัดก็ควรต ้องตัด กลับไป

เป็นเพื่อนกันถึงจะเจ็บแต่ก็ต ้องพยายาม ยิ่งนึกถึงตอนที่มัน

เอาความรู้สึกของผมมาทดสอบข ้อสงสัยของมันผมก็ยิ่งรู้ดี


ว่าตัวเองไม่ใช่ของเล่นส าหรับใครอีกแล ้ว แม ้จะเป็นเพื่อน

สนิทกันแค่ไหนก็ตาม



“ช่วยมั้ยเดี๋ยวหายเลย”




“ไม่เสือกสักเรื่องได ้มั้ยวะ”

“เมื่อคืนหนีกลับก่อนท าไมไม่บอก”




“บอกไอ ้ทูแล ้ว”



“บอกมันคงช่วยได ้หรอก สุดท ้ายมึงก็ลากสังขารกลับ

ห ้องมาคนเดียวทั้งที่เมาแอ๋”




“ท าอย่างกับมึงดูแลกูดีตายแหละ”



“อย่างน้อยก็พามึงกลับได ้แล ้วกัน”




“เมื่อคืนกูก็กลับได ้”



เราไม่ได ้พูดอะไรกันอีกนอกจากใช ้ เวลากับการอาบน ้า โดย


ผมเป็นฝ่ ายเดินออกมาก่อนเพราะรู้สึกอึดอัดที่ต ้องอยู่ในนั้น

ซึ่งแม่งก็ไม่ได ้ช่วยให ้ดีขึ้นเลยเพราะสุดท ้ายไอ ้ค่ายก็เดิน

ตามออกมาอยู่ดี




“ตัวมึงแดงหมด เดี๋ยวกูทายาให ้”



“เอาเวลาไปทาให ้ผู้หญิงของมึงเถอะ”




“กูไม่เคยทิ้งรอยไว ้บนตัวใคร”

“ไม่ได ้อยากรู้มั้ย”




“ถามจริงมึงเป็นอะไร มึงไม่เคยเป็นแบบนี้นะเว ้ย”



“เลิกถามกูได ้ละ ถ ้าเป็นไปได ้ก็เลิกสนใจกูไปเลยมันคง

จะดีกว่านี้ ใช ้ ชีวิตของมึง มีความสุขของมึง แล ้วเลิกเอากู

เข ้าไปยุ่งแค่นั้นพอ”




ไม่จ าเป็นต ้องบอกหรือพูดอะไรอีกแล ้ว พูดไปก็กลัวจะเข ้า

ตัวเอง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อ


ความสัมพันธ์ที่สร ้างมาจะไม่เหลืออะไรเลย แค่ค าว่าเพื่อนก็

จะไม่เหลือ…



ผมนัดไอ ้โบนกับไอ ้ทูที่ร ้านกาแฟในมหา’ลัยโดยไม่ได ้บอก


กล่าวไอ ้ค่ายเอาไว ้ รวมถึงไม่ได ้พูดเรื่องที่แอบไปได ้ยินมา

เมื่อคืนให ้ใครฟังด ้วย ทุกการกระท าของไอ ้ค่ายที่มีให ้ผม

ตลอดเป็นเพียงการเสแสร ้งแกล ้งท า แล ้วจะให ้ผมไว ้ใจใคร

ได ้อีก ไม่มีแล ้ว




“เติร์ด มึงไม่ชวนเพื่อนรักมึงมาด ้วยวะ”



“ชวนมาท าไม”




“โกรธอะไรมันนักหนา มีอะไรที่กูไม่รู้หรือเปล่า นี่ก็ตั้งแต่

เมื่อคืนแล ้วนะ” มึงแหละตัวดีเลยไอ ้โบน ไอ ้ฉิบหาย




“กูไม่ได ้โกรธมัน”



“มันเพิ่งโทรมาหากูว่ามึงไม่เหมือนเดิม มีอะไรก็เคลียร์กัน

เถอะว่ะ เป็นแบบนี้ต่อไปมันจะแย่”




“ไม่มีใครอยากให ้มันแย่หรอก แต่ถ ้ามึงเป็นกูมึงจะรู้” ว่า

มันเจ็บแค่ไหน...




“เดี๋ยวไอ ้ค่ายแวะเข ้ามานะ กูอยากให ้มึงสองคนได ้เปิด

อกคุยกัน” คราวนี้เป็นไอ ้ทูที่เสนอตัวบ ้าง มันตบบ่าเป็นการ

ปลอบใจแม ้ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ ้าง แต่มันน่าจะเป็น

คนเดียวที่เข ้าใจความรู้สึกของคนแอบรักข ้างเดียวอย่างผม


มากที่สุด



มันรู้ว่าผมรักแต่ก็ท าอะไรไม่ได ้




มันรู้ว่าผมพยายามสารภาพ แต่ก็ไม่เคยได ้ผล



สิบนาทีหลังจากนั้นร่างสูงของเด็กนิเทศฯ ปีสามก็เดินเข ้า

มาในร ้าน เจ ้าตัวสั่งเครื่องดื่มตรงเคาน์เตอร์ชั่วครู่ก่อนผินตัว


เดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของเรา

“ว่าไงมึง แฮงก์กันบ ้างป่ ะ” บทสนทนานั้นยังเอ่ยทักทาย

เหมือนเดิม แม ้เราต่างรู้ดีว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป




“ไม่ว่ะ สาวแจ่มจนตากูสว่างยันเช ้ าเลย” ไอ ้โบนพยายาม

พูดสร ้างบรรยากาศแต่มันก็เท่านั้น



“ถ ้าแฮงก์ต ้องจัดนี่ ออเร ้นจิน่าใส่ราสเบอร์รี่สองปั๊ม”




“แดกตอแหลจังนะ” ผมพูดลอยๆ จนทุกเสียงเงียบลง

ถนัดตา ถ ้าอยากจะเคลียร์มันก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการ


ถอยออกมาเพื่ออยู่ในจุดเดิมอย่างที่มันควรเป็นตั้งแต่แรก

หรอก



“กูอยากย ้ายห ้อง”




“เติร์ด”



“เป็นไปได ้ก็อยากย ้ายวันนี้เลย”




“มึงไม่โอเคอะไรวะ เรื่องสาวเหรอ เฮ ้ ยกูโอเคถ ้ามึงจะ

ไม่ให ้เค ้าเข ้ามาในห ้อง” ไอ ้ค่ายพูดด ้วยน ้าเสียงลนลาน แต่

เหตุผลนั้นมันไม่ใช่หรอก




มันคือมึง...ที่ท ากับกูเหมือนเป็นตัวตลกต่างหาก

“กูขอไปอยู่ห ้องกับมึงได ้มั้ยวะไอ ้ทู”




“เติร์ดมึงคุยกับกูก่อน มึงไม่พอใจอะไร”



“เปล่า กูแค่อยากย ้ายมึงจะได ้มีอิสระไม่ต ้องอึดอัดอีก”



“กูไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะเว ้ย”




“ตอนเย็นกูไปย ้ายของนะ”




พูดแค่นั้นผมก็รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พาตัวเองออก

จากร ้านแล ้วเข ้าไปอยู่ในห ้องน ้าทันที ผมเป็นผู้ชาย และผม

ไม่อยากให ้ใครต ้องมาเห็นตัวเองที่ก าลังร ้องไห ้ ต ้องทนมา

ตลอดเพื่อเก็บความรู้สึกรักเอาไว ้ข ้างใน แต่วันหนึ่งกลับรู้


ความจริงว่าเพื่อนที่เรารักนั้นก าลังเล่นกับความรู้สึกเราอยู่



ทุกการกระท าที่ผ่านมาของไอ ้ค่ายเหมือนให ้ความหวัง

ผมอยู่เสมอ มันเลยปล่อยไม่ได ้สักทีเพราะอีกใจหนึ่งก็คิดว่า


มันอาจจะมีใจให ้เหมือนกัน พอวันที่รู้ความจริงทุกอย่างก็

สายเกินไป ผมถล าลึกจนกู่ไม่กลับแล ้ว



เสียใจ คงเป็นประโยคเดียวที่ผมรู้สึกกับมัน




Rrrrr…!

อาการสั่นของมือถือในกระเป๋ ากางเกงท าให ้ผมต ้องหยิบ

ขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นของไอ ้ทู และมัน


เป็นคนเดียวที่รู้ความลับของผม เลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะ

ไม่กดรับ



ยังไม่ทันได ้กรอกเสียงลงไป ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข ้ามา

เสียก่อน




[กูไม่รู้ว่ามันโกรธอะไรกูเว ้ย มันไม่ยอมบอก] เสียงนั้นเป็น

ของไอ ้ค่าย และผมจ าได ้ดีแม ้จะไม่ดังมากก็ตาม




[อืม...]



[มันก็รู้ว่ากูโคตรแคร์มัน]




[ปากมึงแคร์แต่การกระท ามึงไม่ใช่ไง] แล ้วก็มีเสียงของ

ไอ ้ทูแทรกเข ้ามาเป็นระยะ ผมเดาได ้ว่าเจ ้าตัวคงก าลังเปิด

ล าโพงเพื่อให ้ผมได ้ยินอยู่




[แล ้วมันไม่ใช่ยังไงวะ กูแม่งมืดแปดด ้านไปหมดละ]



[ไม่รู้ดิ เรื่องผู้หญิงป่ ะ กูก็ไม่อะไรหรอก เราต่างเป็นแบบ


นี้มานานแล ้วแต่ก็อย่าให ้มันกระทบถึงเพื่อน]

[กูรู้ตัวเองตลอดและก็แยกออกว่าควรให ้เพื่อนเท่าไหร่

ให ้ผู้หญิงเท่าไหร่ แน่นอนกูให ้เพื่อนมากกว่าอยู่แล ้วเพราะ


ผู้หญิงเขาผ่านมาแล ้วก็ผ่านไป แต่ไอ ้เติร์ดมันเป็นตลอดไป

ไง]



[เหรอ แต่กูก็เห็นมึงเหี้ยกับมันมานานแล ้วเหมือนกันว่ะไอ ้

ค่าย]




[อย่างกับพวกมึงไม่เหี้ย]




[เออกูยอม]



[ถ ้ามันบอกให ้กูเลิกเหี้ยกูก็จะเลิก]




[ใคร]



[เติร์ด]




[เพื่ออะไรวะ]



[เพื่อที่กูจะได้ไม่เสียมันไป]




[…]

[ถ ้าต ้องแลกหรือสลัดอะไรในชีวิตทิ้งไปบ ้าง คนคนนั้น

ต ้องไม่ใช่มัน]




ตอนนั้นเองที่ผมได ้แต่นั่งร ้องไห ้อยู่ในห ้องน ้าพร ้อมกับ

ความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายเป็นค าพูดได ้ แล ้วผม

ต ้องท ายังไง จะเลิกชอบมันได ้ยังไง...



ตอนที่ 4
โง่เซ่อบ ้าเพราะว่าความรัก




หลังวางสายจากไอ ้ทู ผมใช ้ เวลาในห ้องน ้าอยู่นานเพื่อ

คิดถึงเรื่องสับสนในหัว ทั้งความรู้สึกของผมเอง หรือแม ้แต่

ความรู้สึกของไอ ้ค่ายก็ตาม ผมอยากรู้...ว่ามันแคร์ผมแบบ

ไหนกันแน่ แบบที่คนรักกัน



หรือแค่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น



ผมรู้สึกสมเพชตัวเองอยู่นิดหน่อยที่อ่อนแอได ้ขนาดนี้

ทันทีที่เดินออกมายืนอยู่หน้ากระจก สิ่งแรกที่ปรากฎในม่าน

สายตาก็คืออาการบวมแดงที่ดูยังไงก็รู้ว่าผ่านการร ้องไห ้มา

หนักแค่ไหน แล ้วอย่างนี้จะมีหน้าออกไปเจอเพื่อนได ้ยังไง

กันวะ



ดังนั้นแทนที่จะเข ้าคลาสพร ้อมกับเพื่อนในกลุ่ม ผมกลับ

ปลีกตัวออกมาเพื่อหลีกหนีการเผชิญหน้ากับไอ ้ค่าย ขับรถ

มุ่งหน้าไปยังคอนโดเพื่อเก็บข ้าวของและเตรียมพร ้อม

ส าหรับการขนย ้าย ผมไม่อยากอยู่กับมันอีกแล ้ว การแอบ

ชอบมาตลอดสองปีนั้นว่างเปล่า และมันก็สร ้างบาดแผลใน

ใจเอาไว ้มากมาย



ตลอดเวลาที่เก็บเสื้อผ ้าและของใช ้ เสียงจากมือถือที่ถูก

โยนทิ้งไว ้บนเตียงก็ดังระงมไม่ขาดสาย สามถึงสี่สายแรก

เป็นของไอ ้ค่ายกับไอ ้โบนที่โทรสลับกันมาและไม่นานก็ดับ

ไป สายที่ห ้าแผดเสียงขึ้นมาอีกครั้งพร ้อมกับชื่อของคนโทร

เข ้า เมื่อเห็นว่าเป็นของไอ ้ทูผมเลยตัดใจรับสายอย่างจ าใจ



[ไอ ้เติร์ดมึงอยู่ไหน ท าไมไม่เข ้าเรียน] น ้าเสียงที่ส่งผ่าน

มาดูร ้อนรนมาก



ผมไม่อยากเป็นเพื่อนงี่เง่าในสายตาพวกมันที่เอะอะก็หนี

ปัญหา แต่ครั้งนี้มันโคตรหนักหนาส าหรับผม การเผชิญหน้า

กับคนที่เล่นกับความรู้สึกของเราโดยพยายามไม่แสดงท่าที

ใดๆ เป็นเรื่องยากเย็นมาก ซึ่งผมก็ควบคุมไม่ได ้



“กูอยู่ห ้องไอ ้ค่าย”



[ไปท าอะไรที่นั่นวะ]



“เก็บของ ส่วนมึง ถ ้าเลิกคลาสแล ้วเก็บชีทเรียนไว ้ให ้ด ้วย

นะ”



[เดี๋ยวๆ มึงจะย ้ายจริงดิ ใจเย็นก่อนไอ ้เหี้ย]

“กูจะกลับไปอยู่คอนโดเดิม ถึงห ้องเก่ากูจะปล่อยเช่าใหม่

ไปแล ้วแต่ก็ยังพอมีห ้องว่างของชั้นอื่นอยู่”



[เติร์ดกูถามจริง มึงไปได ้ยินหรือเจออะไรมากันแน่]



“กูต ้องเก็บของแล ้ว ยังไงเลิกเรียนเสร็จมึงก็มาเจอกันที่ล็

อบบี้แล ้วกัน”



ผมจบประเด็นทุกอย่างลงก่อนจะกดวางสาย อาจเพราะ

ตอนนี้ยังไม่พร ้อม และก็ไม่แน่ใจว่าไอ ้ทูมันยังนั่งอยู่กับสอง

คนนั้นหรือเปล่าผมถึงไม่โพล่งออกไป



ส าหรับไอ ้ค่าย ไม่มีเหตุผลที่ผมต ้องบอกกับมันว่าบังเอิญ

ได ้ยินอะไรไม่เข ้าหูมาบ ้าง เพราะกลัว...กลัวว่าถ ้ารู้แล ้วจะ

กลายเป็นมันต่างหากที่รับผมไม่ได ้ คนที่ชอบผู้หญิงและมี

ก าแพงสูงกับเพื่อนเรื่องความรักมาตลอด มันจะรับได ้เหรอ

ว่าเพื่อนสนิทที่พร ่าบอกว่ารักนักหนาก าลังคิดไม่ซื่ออยู่



จะรับได ้เหรอที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแปรเปลี่ยน

เพราะคนอย่างผม ไอ ้ค่ายรับไม่ได ้หรอกถ ้ารู้ว่าสิ่งที่มันแสร ้ง

ท าลงไปนั้นได ้ผลเกินคาด คนเหี้ยๆ อย่างมันรักใครไม่เป็น

หรอก และคนโง่ๆ อย่างผมก็คงไม่คู่ควรกับเพื่อนคนนี้

เช่นกัน



ผมใช ้ เวลาเก็บของจุกจิกใส่กล่องกระดาษอย่างลวกๆ

รวบเอาเสื้อผ ้าบนราวแขวนยัดใส่กระเป๋ า คอมพิวเตอร์ตั้ง

โต๊ะก็จัดการแพ็คใส่กล่อง ข ้าวของแม ้ไม่มากก็จริงแต่ก็กิน

เวลาค่อนข ้างนาน วันนี้มีหลายวิชาที่ต ้องเรียน กว่าเจ ้าของ

จะกลับมาถึงห ้องผมก็คงย ้ายทุกอย่างไปหมดแล ้ว



แต่ผิดคาดที่ครึ่งชั่วโมงให ้หลัง เสียงขลุกขลักจากประตู

หน้าห ้องกลับดังขึ้นมาพร ้อมกับร่างของคนที่ผมไม่อยาก

เจอมาตลอด



ไอ ้ค่ายยืนกระหืดกระหอบอยู่ตรงประตูห ้องนอน สีหน้าเต็ม

ไปด ้วยความตึงเครียด เหงื่อเม็ดโตผุดซึมเต็มหน้าผากแถม

เสียงลมหายใจที่พรูออกมาถี่ขนาดนั้นก็ท าให ้เดารางๆ ได ้

ว่าเจ ้าตัวคงรีบรุดมาที่นี่อย่างสุดก าลัง



ถ ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงใจอ่อน ถ ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจใช ้ เวลา

ทบทวนและปรับความเข ้าใจกับมันอีกครั้ง แต่มันสายไป

แล ้ว ไอ ้ค่ายพังทุกอย่างด ้วยมือของมันเอง



ที่เคยบอกว่ารักกัน ที่เคยบอกว่าผมเป็นเพื่อนสนิทของมัน

บอกตลอดว่ายังไงมันก็เลือกผม แม่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

กับคนเห็นแก่ตัวแบบนี้กูอยู่ไม่ได ้หรอก



“เก็บของท าไม” ร่างสูงถามเสียงเรียบ พลางยกมือขึ้นมา

เสยผมที่ปรกหน้าแรงๆ



“กูจะย ้าย”

“มึงจะไปอยู่ไหน ตอนนี้ที่บ ้านมึงมีปัญหาก็อยู่ด ้วยกันที่นี่

ก่อนดิ”



“ไปอยู่กับกูก็ได ้ เดี๋ยวกูช่วย” ไอ ้ทูที่ยืนอยู่ด ้านหลังรีบแทรก

ขึ้นพัลวัน สงสัยมันยังจ าได ้ว่าก่อนหน้าผมกับมันกุแผน

โกหกอะไรขึ้นมาบ ้าง แต่มันไม่ส าคัญอีกต่อไปแล ้ว ขอแค่

ไม่ต ้องอยู่ในห ้องนี้ผมยอมท าทุกทาง



“เงียบไปเลยไอ ้ทู กูขอเคลียร์กับไอ ้เติร์ดสองคน”



“เชิญๆ” เจ ้าของชื่อรีบปิดประตูห ้องนอนอย่างมีมารยาท ทิ้ง

ให ้ผมกับไอ ้ค่ายยืนจ ้องหน้ากันอยู่เท่านั้น



“เติร์ดกูแค่อยากรู้ว่ากูผิดอะไร”



“มึงจะมาอยากรู้ท าไมตอนนี้”



“ก็ถ ้ากูท าผิดต่อไปก็จะได ้แก ้ไขไง มึงไม่อยากให ้กูพา

ผู้หญิงเข ้ามาในห ้องใช่มั้ย ได ้! ต่อไปกูไม่พามาเลย มึง

โอเคมั้ย”



“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกว่ะ เรื่องนี้มันแก ้ไขไม่ได ้แล ้ว

กู...ผิดเอง” ใช่! ผมผิดเองที่รักเพื่อนสนิท ผิดตั้งแต่คิดไม่

ซื่อกับมันแล ้ว พอมารู้ความจริงว่าการกระท าทุกอย่างที่อีก

ฝ่ ายท าดีด ้วยเป็นเพียงแผนทดสอบ ผมก็ผิดหวังไปเอง ดิ้น

ไปเองอยู่คนเดียว

“กูขอถามหน่อยว่าเรารู้จักกันมากี่ปี”



“สองปีกว่าๆ”



สองปี สี่เดือน เป็นช่วงเวลาที่กูรักมึงข ้างเดียวมาตลอด



“มึงบอกว่ากูเป็นเพื่อนสนิท”



“ใช่ เรามีกันอยู่สี่คน มึงคือเพื่อนรักของกู”



แต่มึงไม่เคยรู้เลยว่ากูไม่ได ้คิดกับมึงแบบนั้น กูมีเพื่อน

สนิทสองคน ส่วนมึงคือคนที่กูรัก



“มึงรู้ว่ากูชอบอะไรและเกลียดอะไร”



“ใช่ กูรู้ทุกอย่าง”



สิ่งหนึ่งที่มึงไม่เคยรู้ คือมึงได ้กลายเป็นสิ่งที่กูรักและ

เกลียดในเวลาเดียวกันไปแล ้ว



“มึงบอกว่ามึงแคร์กูมาก แต่การกระท ามันไม่ใช่ เรายังรัก

กันอยู่ใช่มั้ยวะ”



“กูรักมึง” แต่สิ่งที่ไอ ้ค่ายกับไอ ้โบนท ามันไม่เรียกว่าความ

รัก ไม่รู้ว่าพวกมันเคยคิดมั้ยว่าถ ้าวันหนึ่งผมรู้ความจริงขึ้นมา

จะเกิดอะไรขึ้น และถึงแม ้ว่าผมไม่ได ้รักไอ ้ค่ายจริง

ความรู้สึกที่เหมือนถูกตบหน้าก็ยังฝังอยู่ในหัวไม่มีวันจาง



“เพื่อนไม่ท ากันแบบนี้หรอก”



“กูท าอะไรลงไป ถ ้าไม่พอใจกูขอโทษ กูไม่รู้จริงๆ”



“ให ้กูย ้ายจากที่นี่”



“เติร์ด...” ไอ ้ค่ายท าหน้าเหมือนจะร ้องไห ้ แต่ผมเจ็บยิ่ง

กว่าตรงที่เผลอร ้องไห ้ออกมาแล ้ว เป็นเพื่อนกันมาก็ตั้ง

หลายปี ไม่เคยมายืนท าอะไรงี่เง่าแบบนี้เลยสักครั้ง ผม

เกลียดตัวเองที่ท าตัวน่าร าคาญ



“กูต ้องย ้ายกระเป๋ าก่อน เดี๋ยวขึ้นมาเอาพวกของใช ้ นะ”

ผมคว ้ากระเป๋ าเดินทางใบใหญ่เตรียมเดินออกจากห ้อง แต่

ไอ ้ค่ายเร็วกว่านั้นเมื่อมันคว ้ามือผม และยึดเอาไว ้อย่างแรง

จนข ้อมือแทบหัก



“กูไม่ให ้มึงไป”



“คีย์การ์ดกูจะคืนไว ้ให ้ที่เคาน์เตอร์ ของทุกอย่างที่เคยใช ้

กูจะคืนให ้หมดนะไม่ต ้องห่วง”



“...”



“ส่วนใจของมึงก็คงไม่ต้องคืนให้ เพราะมึงไม่ได้ให้

กูตั้งแต่แรกแล้ว”



“เติร์ด มึงเป็นเพื่อนกู กูไม่ให ้มึงไป!”



“เลิกยุ่งกับกูสักที! กูไม่เคยเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนเข ้าใจมั้ย”

ไม่เคยมองเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง



“มึงพูดอะไรออกมา ความเป็นเพื่อนของกูกับมึงมันต ้อง

จบลงแค่นี้เหรอวะ แค่กูท าเหี้ยอะไรไม่รู้ผิดไปมึงถึงกับต ้อง

ตัดเพื่อนเลยเหรอ”



“...” ผมพูดไม่ออก นอกจากยืนกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว ้สุด

ความสามารถ



ปล่อยให ้อีกฝ่ ายเข ้าใจแบบนี้ต่อไป



“เออ มึงไม่ใช่เพื่อนกู เพราะกูไม่เคยมีเพื่อนงี่เง่าแบบนี้”



“...”



“จะไปไหนก็ไป”



ถ ้าเลือกตัดใจตั้งแต่วันนี้ ต่อไปก็คงไม่ต ้องเจ็บอีก มันดี

ที่สุดแล ้ว...



การย ้ายที่อยู่แบบฉุกละหุกในรอบที่สองของเดือนท าเอา

เพื่อนรักอีกคนอย่างไอ ้ทูนอนปาดเหงื่ออย่างหมดอาลัยตาย

อยาก หลังไอ ้ค่ายปล่อยให ้ผมออกมามันก็ไม่ได ้ช่วยเหลือ

เรื่องการขนย ้ายแม ้แต่น้อย จะมีก็แต่ผม ไอ ้ทู กับไอ ้

เหี้ยโบนเท่านั้นที่หัวหมุนช่วยกันอยู่สามคน



ด ้วยความที่ไอ ้ทูกลัวแผนการที่วางเอาไว ้ก่อนหน้าจะแตก

ซะก่อน ดังนั้นผมเลยต ้องมาอาศัยห ้องของมันอยู่อีกสักพัก

ใหญ่ๆ เมื่อต่างคนต่างแยกย ้าย ผมกับเจ ้าของห ้องรายใหม่

ก็เริ่มต ้นบทสนทนาที่ค ้างคาใจมาตลอดสองวัน



“สรุปแล ้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ เอาจริงๆ เรื่องที่มึงผิด

ใจกับไอ ้ค่ายไม่มีใครรู้ต ้นสายปลายเหตุเลยนะ” เจ ้าของ

เสียงถามอย่างสงสัย ขณะเราทั้งคู่ก าลังนั่งพิงหลังโง่ๆ อยู่

ตรงโซฟา ด ้านหน้าฉายภาพหนังเก่าของเคเบิ้ลช่องหนึ่งวน

ซ ้าอยู่อย่างนั้น



“จะให ้เริ่มตรงไหนก่อนดี”



“เอาที่มึงสะดวกจะเล่า จะตั้งแต่ต ้นหรือกลางเรื่องก็ได ้

แค่ขอให ้กูหายโง่ที”



“เมื่อคืนตอนเราไปกินเหล ้า กูแอบไปได ้ยินไอ ้ค่ายกับไอ ้

โบนคุยกันในห ้องน ้าเรื่องของกู”



“ท าไม มันชอบมึงเหรอ” ร่างหนาผงกหัวขึ้นมาจ ้องหน้า

ผมอย่างตื่นเต ้น โธ่ไอ ้ควาย ถ ้ามันชอบจริงกูจะเกรี้ยวกราด

ขนาดนี้มั้ย



“คิดว่ากูก าลังพูดเรื่องตลกอยู่เหรอ”



“ใครแม่งจะไปรู้วะ แล ้วสรุปมึงโกรธมันเรื่องอะไรกันแน่”



“เรื่องที่บังเอิญได ้ยินมันสองตัวพูดถึงกูในห ้องน ้า ไอ ้โบน

จับสังเกตกูได ้ มันสงสัยว่ากูจะชอบไอ ้ค่ายเลยไปบอกให ้มัน

คิดแผนลองใจกู ซึ่งการกระท าทุกอย่างที่กูรู้สึกสุดท ้ายแม่ง

ก็เป็นแค่เรื่องล ้อเล่นของพวกมัน”



“ไอ ้ระย าต าบอน”



“เป็นมึงมึงจะให ้อภัยมันมั้ยวะ เป็นมึงมึงจะยังชอบมันอยู่

หรือเปล่า”



“…”



“ส่วนใจกูอ่ะ มันพังไปตั้งแต่วันที่รู้ความจริงแล ้วว่ะ”



ผมได ้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่นั่งเคียงข ้าง ไอ ้ทู

ไม่ได ้พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาอีกนอกจาก

จ ้องมองจอโทรทัศน์ที่มีภาพเคลื่อนไหวไปมา เกือบสิบนาที

ที่เราเป็นแบบนั้นกระทั่งเจ ้าตัวพูดท าลายบรรยากาศตึง

เครียดลง

“หนังไม่สนุกเลยเนอะ”



“นั่นหนังโปรดมึงหนิ” The perk of being a wallflower

เป็นหนังที่มันบอกเสมอว่าอยากได ้นางเอกมาเป็นเมีย และ

มันก็นั่งดูวนซ ้าๆ อยู่อย่างนั้น



“ตอนนี้ไม่ชอบแล ้ว มึงล่ะ จะท ายังไงต่อไป”



“กูจะถอยออกมา และก็...จะตัดใจแล้วนะ”



“แล ้วความเป็นเพื่อนของพวกเราสี่คนล่ะ”



“มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม แค่กูขอเวลาอีกหน่อย” แม ้ไม่รู้

ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม แต่มันจะกลับมาเป็นเหมือนวันนั้น...ที่เรา

กอดคอและไปไหนไปกันตลอด ยินดีและมีความสุขที่เพื่อน

ได ้เจอความรักดีๆ และไม่ต ้องมานั่งเสียใจเพียงล าพัง



คงจะมีวันนั้น



“จะท าได ้เหรอวะ ชอบมาตั้งนาน”



“ชอบได ้ก็ต ้องเลิกชอบได ้เหมือนกัน”



“เออ ยังไงกูก็อยู่ข ้างมึง ช่วยมึงจีบไปแล ้วตอนนี้กูก็คง

ต ้องช่วยมึงให ้ตัดใจจากมัน จะได ้ไม่ต ้องเจ็บอีก”

“กูอาจต ้องการเวลา”



“เวลาอย่างเดียวไม่ได ้ช่วยให ้ดีขึ้นหรอก นี่กูจะบอกให ้นะ

พยายามหาข ้อเสียของมันดิ ถ ้ามึงค ้นพบข ้อเสียของมันไป

เรื่อยๆ แล ้วสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มึงรับไม่ได ้ เดี๋ยวก็คงเลิกชอบไป

เอง สู ้ มึง”



“ขอบใจ”



เที่ยงคืนแล ้วไอ ้ทูหนีไปคอลวิดีโอกับสาวในห ้องนอน มัน

บอกกับผมว่าระหว่างที่อยู่ด ้วยกันมันจะไม่พาผู้หญิงมาที่

ห ้องเพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวของผม ซึ่งตอนที่ได ้ยินกูก็

แทบก ้มลงไปกราบที่หน้าตัก



ไอ ้ทูบอกให ้ผมพยายามงัดเอาข ้อเสียของอีกฝ่ ายออกมา ที่

พอจะนึกออกก็มีอยู่หลายข ้อ



ข ้อหนึ่ง ขับรถเร็ว



ผมคิดว่านี่คือข ้อเสียของไอ ้ค่ายนะ แม ้ชีวิตนี้จะไม่มีโอกาส

ซ ้ อนท ้ายมอเตอร์ไซค์ของมันเลยก็ตาม อาภัพสัดๆ



ข ้อสอง ไม่รู้จักความพยายาม นิดหน่อยไม่ได ้ดั่งใจก็ถอดใจ

ไปซะก่อน



เมื่อก่อนอาจจะยอมรับได ้ ตอนนี้ผมยอมรับข ้อเสียนี้ไม่ได ้

แล ้ว ดูหลอกตัวเองมั้ย เออนั่นแหละยอมรับว่ามันคงไม่ง่าย

ที่เราจะเปลี่ยนจากรักใครสักคนเป็นเกลียด ได ้แต่หวังว่า

กาลเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่างเอง



ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ห ้องนั่งเล่นด ้านนอก สักพักจึง

ถือโอกาสหยิบกล ้องวิดีโอที่อยู่ในกระเป๋ าขึ้นมาเช็ดและท า

ความสะอาดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะวางลงบนขาตั้งกล ้องพร ้อม

กับกดถ่าย



ถ ้ายังจ าได ้ดีผมมีชาแนลในยูทูบเป็นของตัวเอง คน

ติดตามหลักหมื่นหากแต่คนดูมีแค่หลักร ้อย วันนี้จะเป็นอีก

วันที่ผมต ้องท าหน้าที่รีวิวหนัง แม ้จะรู้สึกหดหู่มากมายแค่

ไหนก็ตาม



“สวัสดีครับสัปดาห์นี้เรากลับมาเจอกันอีกครั้งในช่องมูฟวี่

ซี้เว่อร์ แต่นี่อาจจะเป็นวิดีโอสุดท ้ายของปีนี้แล ้วนะครับที่ผม

จะท า ใจหายเลย ครั้งนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่องหนึ่งเมื่อนาน

มาแล ้ว ชื่อเรื่องว่า Crazy, Stupid, Love ครับ”



ผมใช ้ เวลาประมาณสิบห ้านาทีเพื่อพูดทุกอย่างที่อยู่ในหัว

ออกมา บันทึกมันเอาไว ้และอัพโหลดลงคอมพิวเตอร์โดย

ไม่มีการตัดต่อ ยูทูบช่องมูฟวี่ซี้เว่อร์จะยังอยู่ต่อไปแค่ไม่ได ้

อัพเดตการรีวิวหนังอีกแล ้ว และวิดีโอสุดท ้ายนี้ก็ไม่ได ้เปิด

สาธารณะให ้คนทั่วไปได ้ดู



ผมตั้งใจเก็บเอาไว ้...เป็นความทรงจ าของตัวเอง และมัน

จะไม่หายไปตราบใดที่ช่องนี้ยังอยู่



ชีวิตของแก๊งโหดอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เรามักบอกว่า

ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแม ้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีอะไร

เหมือนเดิมแล ้ว เราเคยมีกันสี่คนตอนนี้ก็ยังอยู่ครบ แต่ที่ไม่

ครบคือเศษซากความรู้สึกที่เก็บมาไม่หมดในวันที่มันแตก

ลง และกระจัดกระจายไม่เป็นทิศทาง



ผมกับไอ ้ค่ายคุยกันบ ้าง ยังคงออกไปเที่ยวสังสรรค์และ

เรียนด ้วยกัน แต่ทุกครั้งนั้นล ้วนมีไอ ้ทูกับไอ ้โบนเกาะเกี่ยว

ไปด ้วย เราไม่ค่อยได ้อยู่กันตามล าพังเท่าไหร่เพราะมัน

ค่อนข ้างอึดอัด หลังๆ เลยพยายามเลี่ยงสถานการณ์แบบ

นั้นด ้วยการไปท าตัวเกาะหนึบไอ ้ทูเป็นปลิงแทน



ยังดีที่กิจกรรมของเด็กนิเทศฯ สุมหัวจนไม่ปล่อยให ้มี

เวลาคิดอะไร สัปดาห์หน้าเราต ้องนัดประชุมใหญ่กันทั้ง

คณะด ้วยเรื่องของละครเวทีนิเทศฯ แถมสิ้นเดือนก็ยังมีงาน

ครบรอบ 42 ปีคณะอีก คาดว่างานคงหนักหนาเกินกว่าจะมี

เวลามานั่งคิดเรื่องส่วนตัวกันแล ้ว



แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นนี่สิที่เต็มไปด ้วยความยากล าบาก

เกือบสองสัปดาห์แล ้วที่ผมกับไอ ้ค่ายต่างมึนตึงต่อกัน ถ ้า

เป็นเมื่อก่อนเวลาผมโกรธหรือไม่พอใจ อีกฝ่ ายจะตามตื๊อ

ขอโทษขอโพยจนกว่าผมจะให ้อภัย แตกต่างจากตอนนี้ที่

ไม่ได ้เป็นอย่างนั้นแล ้ว

คล ้ายกับว่าเราตัดขาดจากความเป็นเพื่อนกันจริงๆ



“เดี๋ยวเลิกเรียนไปไหน” ผมถามไอ ้ทูที่ก าลังเก็บของใส่

กระเป๋ าอย่างขะมักเขม ้น จะว่าไปช่วงหลังมานี้ผมก็เริ่มสนิท

กับไอ ้ทูมากขึ้น ขณะที่ไอ ้ค่ายเองก็เริ่มไปไหนมาไหนกับไอ ้

โบนสองคน



“ถ่ายรูป”



“นัดสาวไว ้ว่างั้น”



“พยาบาล โคตรน่ารักไอ ้เหี้ย คนนี้กูพลาดไม่ได ้เลย” ไอ ้

ทูยืดตัวตรง จัดการรวบผมมัดตึงใหม่ด ้วยท่าทาง

กระฉับกระเฉง



“กูไม่เคยเห็นมึงพลาดสักคน แบ่งให ้กูคนนึงสิ”



“ไม่แบ่ง กระดูกมันคนละเบอร์ครับไอ ้น้อง”



“เออจะไปไหนก็ไปเหอะ”



“ไปด ้วยกันมั้ย”



“ไปเป็นก ้างขวางคอมึงอ่ะนะ ตามสบายเลยครับเพื่อน”



“งั้นดึกๆ เจอกันที่ห ้องนะครับคุณเติร์ด”

“จะกลับหรือเปล่ากูยังไม่แน่ใจมึงเลยสัด” พรุ่งนี้วันเสาร์

ซะด ้วย คงได ้กลับห ้องหรอก



นับตั้งแต่ที่ผมย ้ายออกมาจากห ้องไอ ้ค่ายวันนั้น เราก็

ไม่ได ้สังสรรค์ในคืนวันศุกร์อีกเลย หลังเลิกเรียนต่างคนก็

ต่างแยกย ้ายไปตามทางของตัวเองเฉกเช่นวันนี้



ผมนั่งเก็บกล่องปากกาและหนังสือใส่กระเป๋ าเงียบๆ ไม่

นานไอ ้โบนก็แตะไหล่ผมเบาๆ พร ้อมกับเอ่ยชักชวน



“หาอะไรกินกันมึง มีร ้านบุฟเฟ่ ต์เปิดใหม่ว่ะ น่าแดกมาก

กกกกกก” มันลากเสียงยาวเพื่อสร ้างบรรยากาศให ้กับคนที่

เหลือ ใจจริงก็อยากไปอยู่หรอกติดที่มีไอ ้ค่ายเนี่ยแหละ ผม

เลยเตรียมอ ้าปากปัดปฏิเสธไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ใคร

อีกคนพูดออกมาเหมือนกัน



“โบนวันนี้กูไม่ว่างนะ”



“ไปไหนวะเชี่ยค่าย”



“มีนัดว่ะ” พูดแค่นั้นเจ ้าตัวก็หยิบกระเป๋ าเป้ขึ้นมาสะพาย

บ่าข ้างหนึ่งแล ้วเดินจ ้าอ ้าวออกไปจากห ้อง ผมมองตาม

แผ่นหลังนั้นจนลับสายตาก่อนจะเลื่อนมาจ ้องมองไอ ้โบนพร ้

อมกับส่ายหน้า



“กูต ้องไปดูหนัง ไว ้วันหลังนะมึง”

“เออไม่เป็นไร ความจริงกูก็ไม่ได ้อยากไปหรอก แต่เห็น

ว่ากลุ่มเรามันเริ่มไม่เหมือนเดิมก็เลย...รู้สึกไม่ค่อยโอเคว่ะ”

เจ ้าของทรงผมสกินเฮดมีสีหน้าหมองลง แต่ก็ไม่ยอมเดิน

จากไปไหนนอกจากทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะเลกเชอร์ข ้างๆ ผม



“ไม่รีบไปหาสาวเหรอ”



“อยากคุยกับมึงสักพักก่อน” นิสิตเริ่มทยอยออกจากห ้อง

เรื่อยๆ จนกระทั่งโดยรอบเข ้าสู่ความเงียบ มีเพียงผมกับไอ ้

โบนเท่านั้นที่นั่งอยู่ตรงบริเวณสโลป



“มีอะไร” เห็นไอ ้โบนเงียบไปนานผมเลยถามขึ้น



“มึงโกรธอะไรไอ ้ค่ายวะ”



“ไม่มีอะไรหรอก อย่าพูดถึงมันเลยว่ะ”



“แล ้วมึง...โกรธกูด ้วยมั้ยวะ”



“คิดอะไรอย่างนั้น” ถึงแม ้จะโกรธแค่ไหนเราก็เป็นเพื่อน

กันไม่ใช่เหรอ อีกอย่างถึงแม ้ไอ ้โบนจะเป็นคนแนะน าเรื่อง

บ ้าบอนั้นกับไอ ้ค่าย แต่ถ ้าอีกฝ่ ายไม่ยอมท าตามซะอย่าง

เรื่องก็คงไม่เกิด ผมเลยไม่รู้จะโกรธเชี่ยโบนมันไปท าไม แค่

นี้ความรู้สึกมันก็เผาใจจนอยู่ไม่สงบแล ้ว



“คือถ ้ากูท าอะไรไม่ดีกับมึงลงไป กูขอโทษนะ” คนเคียง


Click to View FlipBook Version