The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

ต่อไป “ไอ ้ค่ายกูรู้จักมึงดี ความจริงแล ้วมึงไม่ได ้ชอบกู

หรอก”




“รู้จักกูดีแค่ไหนถึงพูดแบบนี้ออกมาวะ” บางทีผมก็อยาก

จับไอ ้เติร์ดมาตีก ้นแรงๆ ขนาดกูกว่าจะรู้ใจตัวเองยังแทบ

ตายเลย แต่ไอ ้บ ้านี่เสือกบอกว่ารู้ดีไปกว่ากูอีก



“มึงมันพวกโลเลเปลี่ยนใจไปตามสถานการณ์ ถ ้าไม่

บังเอิญรู้ว่ากูแอบชอบ มึงไม่มีทางชอบกูกลับหรอก”




“อาจเป็นอย่างนั้น แต่สักวันกูก็คงรู้ด ้วยตัวเองอยู่ดี

ความสัมพันธ์เราเป็นแบบไหนวะ ผูกพันแบบเพื่อนสนิทใน

กลุ่มแค่นั้นเหรอ มึงพิเศษกว่านั้นแต่เมื่อก่อนกูแค่ไม่รู้ว่ามัน

พิเศษยังไง”



“...”




“กูไม่เคยคิดถึงอนาคตที่ไม่มีมึง เรียนจบไปแล ้วก็คิดว่า

ต ้องท างานกับมึง เจอกันทุกวัน ในหัวกูคิดแบบนั้นและก็ได ้

แต่ถามว่าถ ้าไม่มีมึงกูจะอยู่ได ้มั้ย ค าตอบที่ได ้คือช่วงเวลา

หลายวันที่กูหายไป...กูอยู่ไม่ได ้หรอก” ผมพูดประโยคยืด

ยาวเท่าที่สมองไร ้รอยหยักนี้จะกลั่นออกมาได ้ อย่างน้อยก็

เพื่อยื้อให ้ไอ ้เติร์ดทนฟังประโยคบ ้าบอของผมต่ออีกสัก


หน่อย

“ตั้งแต่เรารู้จักกันมาไม่มีวันไหนที่มึงบอกชอบหรือ

ตัดสินใจคบกับใคร รู้มั้ยว่ากูรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มึงยังอยู่


ข ้างๆ กูคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางเสียมึงไป แต่พอวันหนึ่งที่มึง

ตัดสินใจจะออกจากชีวิตของกูแล ้วมีใครคนหนึ่งเข ้ามา

แทนที่ กูแม่งก็ทนไม่ได ้และเอาแต่ดิ้นพล่านอย่างที่เห็น

เติร์ด...”



ผมอยากขอโอกาส แม ้ความหวังแทบไม่เหลือแล ้วก็ตาม

...




อย่างน้อยก็ขอให ้คนที่เหี้ยมาตลอดชีวิตอย่างผมได ้

พยายามท าอะไรดีๆ อย่างที่ควรจะท าบ ้าง



“เรามาเริ่มกันใหม่ได ้มั้ยวะ”



“แต่กูไม่อยากเจ็บอีกแล ้วว่ะ” ค าตอบนั้นไม่ได ้แย่เท่าไหร่


ถ ้าเทียบกับสิ่งที่ผมท ากับมัน ซึ่งคนหน้าด ้านอย่างผมคงไม่

ยอมแพ ้กับค าตอบแค่นี้แน่



“งั้นไม่เป็นไร แต่กูก็อยากปรับปรุงตัว”



“...”




“มึงว่าถ ้ากูเลิกเจ ้าชู ้ เลิกหม ้อไปทั่ว เลิกคบซ ้ อนแล ้ว

เปลี่ยนตัวเองให ้เป็นคนที่ดีขึ้นมันจะโอเคมั้ยวะ”

“อืม” คนตรงหน้าตอบสั้นๆ




“ถ ้ากูท าขนาดนี้มึงว่าใครสักคนจะชอบกูป่ ะ”



“ชอบดิ”



“งั้นมึงก็ชอบกูเหรอ”



“...”




“กูจะรอนะ วันที่มึงกลับมาชอบกูอีกครั้ง”



วันที่กูเป็นคนที่ดีพอส าหรับมึง...



ไอ ้เติร์ดไม่ได ้ตอบตรงๆ นอกจากกะพริบตาช ้ าๆ เป็นเชิง

ตอบรับ แค่นั้นแม่งก็ท าให ้ผมยิ้มออกมาได ้แล ้ว บรรยากาศ


ในห ้องน ้ามันอาจไม่โรแมนติกเท่าไหร่



แต่ผมกลับค ้นพบว่า ที่ไหนมีไอ ้เติร์ด ที่นั่นมักเรียกว่า

ความสุขเสมอ...



ปฏิบัติการจีบเพื่อนสนิทยังคงเป็นไปเรื่อยๆ แม ้ไม่มีความ

คืบหน้ามากนักแต่อีกฝ่ ายก็ไม่ได ้ปิดกั้นตัวเองขนาดหมด


หนทาง โชคดีที่มีไอ ้ทูกับไอ ้โบนคอยช่วยผมเลยพอท า

คะแนนได ้บ ้างเมื่อเทียบกับพี่อั้นที่มีพี่เชนทร์เป็นพ่อสื่อ

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับ

สมาชิกโหดสองคนแน่นแฟ้นขึ้นเพราะเราผนึกก าลังท า


ภารกิจเดียวกันอยู่ ส่วนอีกหนึ่งโหดที่โคตรใจแข็งก็ท าเอา

ผมเลือดตาแทบกระเด็น สถานะของเรายังคงเป็นเพื่อน

เพื่อนสนิท แต่มันก็แค่ชื่อเท่านั้นแหละ ส่วนความสัมพันธ์

แท ้จริงแล ้วมีเส ้ นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างความไว ้วางใจกับ

ความกลัว



ช่วงนี้งานละครเวทีต ้องหยุดชะงัก เพราะเป็นเวลาที่เรา


ต ้องอ่านหนังสือสอบมิดเทอมจนหัวยุ่ง ประธานเมเจอร์ฟิล์ม

เลยนัดรวมกลุ่มติวส าหรับคนโง่ๆ ซึ่งแน่นอนมีกูอยู่ในนั้น...



เกลียดความโง่ที่ท าให ้เราต ้องเสียใจ ร ้องเพลงต่อไปเผื่อ

สักวันจะฉลาดขึ้น



เราใช ้ ห ้องไพรเวทในหอสมุดเป็นสถานที่ติว หลังจาก


อาบน ้ากินข ้าวเสร็จสรรพ สองทุ่มเป๊ ะๆ ทุกคนต ้องมาเจอกัน

หน้าห ้อง รวมแล ้วก็สิบสองชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ ้โหดที่ผม

ตามจีบมาเป็นคนติวให ้ด ้วย



ไอ ้เติร์ดใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นเสมอเข่า สวม

รองเท ้าแตะสบายๆ ให ้ความรู้สึกเป็นเมียที่ท างานบ ้านรอผัว

อย่างกูสุดๆ และสิ่งแรกที่คนหน้าด ้านอย่างผมจะท าคือเดิน


เข ้าไปนั่งแทรกกลางเพื่อนในกลุ่มเพื่อให ้ได ้นั่งติดกับไอ ้เติร์

ดอย่างเนียนๆ

“แหมมมมม ที่นั่งก็มีเป็นสิบนะ ยังจะมานั่งตรงนี้อีก”

ประธานเอกพูดเสียงดัง ผมเลยหันไปถลึงตาใส่ให ้




“กูคาดว่าเบาะมันน่าจะนุ่ม ท าไม นั่งไม่ได ้เหรอ”



“ตามสบายมึงเลยครับไอ ้ค่าย กูไม่อยากยุ่งอะไรกับคนขา

หัก”



“รอกูถอดเฝือกก่อนแม่งจะเอามาแกว่งตบปากมึงเล่น”




“กลัวจังเลยครับขุนพล ล าพังจะพาตัวเองวิ่งยังท าไม่ได ้

เลย”



“ไอ ้สัด!” ตัวเอ ้ของเอกฟิล์มก็รวมผีทั้งนั้นแหละครับ อย่า

คิดว่าฟิล์มจะมีแต่แก๊งโหด ไอ ้พี่เชนทร์ หรือเชี่ยอั้น มนุษย์

ผู้ชายคนอื่นก็บ ้าบอสติไม่ปกติเหมือนกัน เรียกได ้ว่ารวม


ติสต์ที่ทุกคนไม่อยากยุ่งเลยก็ว่าได ้



“พอๆ ติวกันเถอะ” เสียงเมียในอนาคตเบรกเราได ้ชะงัก

ก่อนผมจะเห็นร่างขาวโปร่งลุกจากเก ้าอี้ แล ้วหยิบปากกา

ไวท์บอร์ดเดินไปที่กระดานด ้วยสายตามุ่งมั่น



แม่งเก่งที่สุดในเอกแล ้วครับ ใครหน้าไหนก็เอามันไม่อยู่




“วันนี้กูติวภาษาอังกฤษบวกเก็งข ้อสอบ essay สั้นๆ วิชา

ที่เหลือไอ ้โมจะเป็นคนติวให ้นะ” ทุกคนพยักหน้าพลางหยิบ

สมุดกับปากกาขึ้นมาจดอย่างตั้งใจ




มีสลับถามตอบกันไปมาเรื่อยๆ ก็ผลัดกันตอบถูกบ ้างผิด

บ ้างตามความรู้ที่หลงเหลืออยู่ในหัว แต่กูนี่ดิ...



“ค่าย ข ้อนี้ตอบไร” ไอ ้เติร์ดถามผม ขณะติวกันไปได ้

เกือบครึ่งทาง




“ดีด็อกมั้ย”



“ผิด กูถามทีไรมึงก็ผิดทุกรอบเลย ตั้งใจหน่อยดิ” กูโง่ไม่

พอยังเสือกไม่มีสมาธิด ้วยไงเพราะมองแต่หน้ามึง น่ารัก

ขนาดนี้ใจพี่เริ่มสั่นไหว



“ก็ตั้งใจไง”




“กูสอนไม่รู้เรื่องเหรอ”



“เปล่า มึงสอนโคตรดีแต่กูโง่เอง”



“กาก”




“แต่ถึงแม ้กูจะท าข ้อสอบไม่ได ้ อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีอยู่

นะ”

“มึงค ้นพบไสยศาสตร์ของการมั่วหรือไง”




“ใช่ที่ไหน วันนี้กูได ้มองหน้ามึงนานๆ ต่างหาก”



“ฮิ่ววววววววววว อะไรยังไง” เสียงที่แทรกเข ้ามาท าให ้

ห ้องที่เคยเงียบสงบเต็มไปด ้วยความครึกครื้น คนในเอกมัน

ก็พอระแคะระคายอยู่บ ้างเพราะช่วงหลังมานี้ผมตามหยอด

ไอ ้เติร์ดไม่เว ้นวัน หลายคนรู้ หลายคนพอเดาออก แต่ก็ไม่

เคยบอกกับใครว่ากูจะจีบนะ เดี๋ยวไอ ้เติร์ดแม่งโมโหใส่อีก




“เอาเวลาที่พูดไร ้สาระของมึงมาท าข ้อสอบให ้ถูกก่อน

มั้ย” สุดท ้ายคนที่ท าลายความฝันของผมก็คือเพื่อนสนิทคน

นี้อีกตามเคย



“ถ ้ากูตอบถูกจะได ้อะไร” ผมเริ่มต่อรอง




“ก็ได ้คะแนนเก็บไง”



“ไม่อยากได ้คะแนนเก็บ แต่อยากได ้ใจใครบางคนนี่มี

โอกาสป่ ะ”



“หนึ่งดอก!” ไอ ้โบนคอยพากย์เสียงอยู่ใกล ้ๆ




“ใจคงให ้ยาก แต่ตีนนี่ได ้เร็วเลยจะเอามั้ย” เงียบกริบไป

ถ ึงสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ต่างคนต่างรูดซิบจากอย่าง

รวดเร็วแล ้วตั้งหน้าตั้งตาติวแบบลืมตาย




ในเอกไม่มีใครกล ้าหือกลับมัน เวลาฮาไอ ้เติร์ดฮาสุด

เวลาตั้งใจหรืออยู่ในอารมณ์เคร่งเครียดบอกเลยมันมาเต็ม

เหมือนกัน ดังนั้นแม ้แต่ประธานเอกผู้เก่งกาจอย่างไอ ้โมยัง

ไม่กล ้าไฝว ้



เราใช ้ เวลาไปเกือบชั่วโมงครึ่งในการจดๆ เขียนๆ ก่อนจะ

ได ้เวลาอิสระยี่สิบนาทีในการพักเบรก เพื่อนในห ้องเลย


แยกตัวออกไปหาน ้าและของกินด ้านล่างประทังชีวิต ส่วน

ผมที่ก าลังลุกออกจากโต๊ะน่ะเหรอ...



“จะไปไหน” นั่นไง ความรักเรียกหา



“ลงไปหาอะไรกิน จะแอบซื้อกลับมาให ้มึงด ้วย”




“นั่งลง เดี๋ยวกูติวให ้ มึงสองคนจะลงไปหรือจะอยู่ด ้วยกัน

ที่นี่” เจ ้าของเสียงหันไปหาสองสมาชิกของแก๊งโหด แต่ดู

จากสีหน้าเหมือนมันไม่ได ้ถามครับ แม่งก าลังบังคับพวกกู

มากกว่า



“ท าหน้าแบบนี้กูก็ต ้องอยู่มั้ย” ไอ ้ทูนั่งลงกับที่ ตามด ้วย

ไอ ้โบนที่ตอนแรกเหมือนจะหนีออกไปแชตกับสาว




“งั้นดูชีทนี้ใหม่ โดยเฉพาะมึงไอ ้ค่าย ตอบเหี้ยไรไม่ได ้

เลย” ผมยอมท าตามค าสั่งอย่างว่าง่าย ไอ ้เติร์ดกลับมานั่ง

ข ้างผม อธิบายแต่ละเรื่องใหม่ซ ้าไปซ ้ามาอยู่อย่างนั้น


สมองของผมเข ้าใจบ ้างไม่เข ้าใจบ ้าง ส่วนใหญ่ก็เสียเวลา

ไปกับมองเสี้ยวหน้าตั้งอกตั้งใจของมันซะมากกว่า



“น่ารักว่ะ” สัด! ปากพาซวย



“มึงว่าอะไรนะ” เจ ้าตัวส่งตาขวางมาให ้ ผมจึงรีบบ่าย

เบี่ยงไปเรื่อย




“เปล่า กูพูดถึงเรื่องหนัง”



“ตั้งใจฟัง ถ ้าสอบตกขึ้นมากูจะตบกะโหลกพวกมึงสามตัว

ให ้สลบเลย” กลัวตายแหละ แต่ที่ไม่ปริปากพูดแค่ไม่อยาก

เถียงเท่านั้น โด่...




ไอ ้เติร์ดเป็นสมาชิกแก๊งโหดมาสองปีกว่า คอยช่วยเหลือ

ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนตอนสังสรรค์ เป็นครูตอนใกล ้

สอบ เป็นเจ ้ามือในวันเกิด เป็นขี้ข ้าในงานกิจกรรม เป็นคน

คอยรับฟังความทุกข์ของเพื่อนทุกคน แต่มันไม่เคย...เล่า

เรื่องทุกข์ใจให ้ใครฟังเลย



ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเป็นเพื่อนเหี้ยๆ ส าหรับมันแค่ไหน


ผู้หญิงของผมวุ่นวายกับมัน ตอนล าบากเราช่วยเหลือกันก็

จริง แต่ถ ้ามันไม่บอกเราก็ท าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่ได ้

สนใจมันมากนัก ผมเลยรู้สึกแย่ทุกครั้งเวลาคิดถึงอดีตที่

ผ่านมา และอยากสร ้างความทรงจ าที่ดีในวันนี้แทน



“อันนี้ท าไมถึงตอบเอวะ ชอยส์บีก็เหมือนจะถูกไม่ใช่


เหรอ”



“ไม่ถูก ประโยคนี้เป็นอดีตใช ้ ค านี้ไม่ได ้ เดี๋ยวจะอธิบาย

ให ้ฟัง...” แล ้วไอ ้เติร์ดก็ร่ายยาวเป็นมหากาพย์ กว่าจะจบไอ ้

โบนก็แทบเลื้อยตัวไปบนเก ้าอี้ แล ้วยกตีนขึ้นมาก่าย


หน้าผาก



“อ่านหนังสือมันเครียดว่ะ คืนนี้พากูไปอ่างหน่อยซิ”



“ไปด ้วย เสี้ยนอยู่พอดี”



“อ่างคืออะไร ใช่ร ้านนมหรือเปล่า” กูตอแหลถามไปงั้น


ทันทีที่ไอ ้ทูกับเชี่ยโบนจุดประเด็น ไอ ้เติร์ดก็หันขวับมามอง

เราสามคนด ้วยสายตาอ่านไม่ออกทันที ซึ่งคิดว่าสายตานี้

ไม่ได ้น่ายินดีเท่าที่ควร



“ใช่ นมเต็มไปหมดเลย สนใจมั้ยไอ ้ค่าย”



“ให ้กูไปมั้ย” ผมหันไปถามติวเตอร์เฉพาะกิจ




“เรื่องของมึงสิ”

“ท าหน้าเหมือนไม่พอใจ มึงสองคนไปกันเถอะ เติร์ด

ไม่ให ้ไป”




“กูยังไม่ได ้พูดแบบนั้นเลย”



“ปากไม่ได ้พูดแต่สายตามึงฟ้อง เอาเถอะ กูเลิกท าตัว

เหี้ยๆ แบบนี้ละ” พูดไปก็กะพาดพิงถึงเพื่อนอีกสองคนด ้วย

แต่เหมือนไอ ้โบนกับไอ ้ทูจะไม่สะเทือนจิตใจเท่าไหร่ แถม

ตั้งท่าโดดติวพาร์ทหลังไปเที่ยวอ่างอีกต่างหาก




“ถึงมึงจะพูดแบบนั้นกูก็ไม่แคร์หรอก เบื่อติวฉิบหาย เจอ

กันพรุ่งนี้”



“แล ้วเจอกันเพื่อนยาก”



ไอ ้เติร์ดท าท่าจะทักท ้วงแต่ก็ไม่ทันความเร็วของมันสอง


ตัวอยู่ดี



“เพราะมึงเลย”



“เกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย มันเที่ยวก็ปล่อยมันไปดิ อีกอย่างกูรู้

หรอกว่าแม่งฉลาดพอจะเอาตัวรอด เห็นสอบทีไรมันก็ผ่าน

ตลอด” ไม่งั้นคงโดนไอ ้เติร์ดกักตัวไว ้เหมือนกับผมแหง




“ใช่! มีแต่มึงเนี่ยที่เอาตัวไม่รอด ได ้ข่าวไอ ้โบนบอกมึง

เคยเป็นสังคังด ้วยหนิ”




“โหยนานแล ้วมั้ย สมัยกูยังไม่หย่านมแม่”



“กูเป็นเพื่อนก็ได ้แค่เตือน”



“ต่อไปด่าเลยเถอะ ไม่ได ้อยากเป็นเพื่อน มึงรู้ดีว่ากู

หมายถึงอะไร”




“...”



“อยากได ้เป็นเมียจัง”



“ไปตายป่ ะ”



“งงจุงเบย”




“ไอ ้กวนตีน”



“ชอบๆ คนรักกันเวลาด่าแปลว่ารัก”



“ที่กูให ้โอกาสมึงไม่ได ้หมายความว่ากูจะเปิดใจคบกับมึง

นะ” น ้าเสียงนั้นดูไม่จริงจังเท่าไหร่ ออกจะติดร าคาญ


หน่อยๆ ซึ่งก็เป็นนิสัยของไอ ้เติร์ดอยู่แล ้ว ผมเลยไม่กลัว

หยอกต่ออย่างมีความสุข

“โอเคมึงยังไม่ต ้องใจอ่อนก็ได ้ ไม่เป็นไรเนาะๆ” ปากว่า

หากตัวกลับโน้มลงไปเรื่อยๆ สุดท ้ายเลยถือโอกาสนอนตัก


แม่งเลย ไอ ้เติร์ดทั้งบิดหูทั้งตบหน้า บางทีก็จิกผมแรงๆ ให ้

ลุกขึ้นนั่ง แต่กูก็ยังคงสตรองกอดเอวนั้นไว ้แล ้วลุยต่อ

หน้าตาเฉย



เสียงประตูถูกเปิดออกพร ้อมกับฝีเท ้าของใครหลายๆ คน

ที่เดินเข ้ามา และเสียงที่ผมได ้ยินชัดเจนที่สุดคงเป็นไอ ้โม

ประธานเอก




“ไอ ้ค่ายหลับเหรอ เมื่อกี้เห็นไอ ้ทูกับไอ ้โบนข ้างล่าง หนี

เที่ยวอ่างซะละ”



“ความเหี้ยของพวกมันอ่ะดิ”



“ว่าแต่ไอ ้ค่ายเถอะ เก ้าอี้เหลือตั้งเยอะตั้งแยะท าไมไปซุก


นอนตักมึงได ้วะ”



“ส าออยไง”



“เห็นมันวอแวกับมึงก็ตลกดี นี่ถ ้าเป็นแฟนกันจริงกูเชื่อ

เลยนะเนี่ย”




“มึงอย่าพูดมั่ว!” เสียงของไอ ้เติร์ดดังแทรกเข ้ามาในหู

ผมเลยกอดกระชับเอวบางเข ้ามามากขึ้น

“กูพูดตามที่เห็นไง”




“ไม่มีอะไรทั้งนั้น”



“เออ”



“ไอ ้ค่ายเป็นแค่เพื่อน นี่มันนอนเฉยๆ กูเลยไม่ว่าอะไร”



“อ่า”




“แต่ตอนที่มาช่วยติวเสริมเพราะเห็นมันโง่แค่นั้น”



“เข ้าใจ”



“เชื่อกูดิไม่มีอะไร มันยังท าข ้อสอบข ้อง่ายๆ ผิดอยู่เลย กู

ถึงมาช่วยติว”




“...”



“อย่างข ้อนี้ควรตอบเอมันก็ตอบซี กูเลยงงว่าท าไมมันถึง

คิดแบบนั้น มึงรู้ใช่มั้ย”



“ไอ้เติร์ด...กูรู้แล้ว มึงจะร้อนตัวท าไมเนี่ย เอ้ออออ”




เท่านั้นแหละครับ มือขาวที่เคยจิกหัวเล่นในคราแรกก็หัน

มาลงแรงกับใบหูของผมย่างเกรี้ยวกราด จนกูต ้องกัดฟัน

ร ้องโอดโอยอยู่ในใจ ไอ ้เหี้ย! ร ้อนตัวเองแล ้วผิดอะไรที่กู


วะเนี่ย โอ๊ยยยยยยย



บ ้าจริง



พรหมลิขิตบันดาลให ้เรามาเจอกัน หลังจากนั้นเวรกรรมกู

ล ้วนๆ เลย แม่มเอ๊ย!




Khunpol Krichpirom

มาละครับวิชาแรก ผจญภัยใต ้มีน



Manut Molitkul ชีวิตมึงเคยมีขึ้นบ ้างมั้ยไอ ้ค่าย สงสาร

อาจารย์

Bone Chone สงสารไอ ้เติร์ดที่สอนมึงดีกว่า

Khunpol Krichpirom จะร ้องไห ้มั้ยน้า จะโกรธมั้ยน้า


ง ้อ - Third Thachapol



“ปากดีจริงมึงเนี่ย” เจ ้าของชื่อที่ถูกแท็กล่าสุดลดมือถือลง

จนเห็นใบหน้าถมึงทึง คะแนนวิชาแรกออกแล ้วหลังจากมิด

เทอมผ่านพ ้นไปแค่หนึ่งสัปดาห์ แถมคะแนนที่ออกมาก็เหี้ย

สลดอีกต่างหาก




“โกรธเหรอ”

“กูจะโกรธท าไม คะแนนของมึง อนาคตก็ของมึงอีกนั่น

แหละ”




“แต่กูผ่านครึ่งนะ แค่ต ่ากว่ามีนเอง ดีกว่าปกติเย ้ออออ”



“เรื่องของมึง”



“สนุกหน่อยดิ นี่มาปาร์ตี้นะเว ้ย”




ตู้ม!!



เสียงกระโดดน ้าดังแว่วจากสระที่อยู่ด ้านหน้าของเรา

แน่นอนว่าทุกคนนัดรวมตัวกันอีกครั้งตามธรรมเนียมของเด็ก

ฟิล์ม หลังสอบเสร็จเรามักมีงานเลี้ยงเพื่อผ่อนคลาย

ความเครียด เพื่อที่ทุกคนจะได ้มีแรงและคิดไอเดียดีๆ ไป

ลุยโปรเจ็กต์กันต่อ




ปาร์ตี้พูลถูกจัดขึ้นเป็นการส่วนตัว แต่ก็รวมเอานิสิตตั้งแต่

ปีหนึ่งถึงปีสี่ของเอกฟิล์มมาพบปะสังสรรค์เพื่อกระชับ

ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นด ้วย



ผมนอนเปื่อยๆ อยู่ตรงเบาะเพราะยังไม่ได ้ถอดเผือกเลย

หนีไปแหวกว่ายกับสาวๆ ที่ใส่บิกินี่ในสระไม่ได ้ แม่งน่า


เสียดายฉิบหายที่บรรยากาศซึ่งเต็มไปด ้วยแอลกอฮอล์

เคล ้าเสียงเพลงขนาดนี้ แต่กลับพาตัวเองออกไปกระโดด

โลดเต ้นไม่ได ้อย่างใจคิด ถ ้าเทียบกับไอ ้ทูและไอ ้โบนแล ้ว

กูนี่อยากจะร ้องไห ้ขึ้นมาทันที




แหม...ด าผุดด าว่ายเกี้ยวสาวในสระอย่างดี๊ด๊าเชียวนะ



ตัดภาพกลับมาที่ขุนพลครับ กางเกงขาสั้นตัวเดียว เสื้อ

ไม่ใส่ ขาข ้างซ ้ ายใส่เฝือกพาดอยู่บนเบาะผ ้าใบ ขณะที่ข ้าง

ตัว ไม่ได ้มีแค่ไอ ้เติร์ด แต่ยังมีพี่เชนทร์กับเหี้ยอั้นนั่งคุม

ความประพฤติกูอยู่ด ้วย ร าคาญ




“ไอ ้ค่ายเหล ้าหน่อยมั้ย” เหมือนพี่มันจะรู้ตัวว่าผมก าลัง

นินทาในใจอยู่ มนุษย์หมีเลยถามขึ้น



“ก็ดีพี่”



“แชมเปญหรือว ้อดก ้า”




“ว ้อดก ้า” เครื่องดื่มถูกรินใส่แก ้วขนาดพอดีมือก่อนส่งมา

ให ้ผมแบบไม่ปรุงแต่งอะไรเลย แม ้แต่น ้าแข็งก็ไม่ใส่ให ้กู



“เพียวเลย”



“เออ” ผมกระดกแอลกอฮอล์ลงคอจนหมดแก ้ว ความ


ร ้อนผ่าวแทรกเข ้ามาในท ้อง ความขมแล่นพล่านไปทั่วก ้าน

สมองจนต ้องเบ ้หน้าด ้วยความสะใจ นานแค่ไหนแล ้ววะที่

ไม่ได ้กินเหล ้า พอได ้แตะทีเลือดในร่างกายก็พลุ่งพล่านเต็ม

ก าลัง




ไอ ้เติร์ดไม่ได ้ห ้ามผม เพราะในมือของมันก็ถือแก ้ว

เครื่องดื่มเอาไว ้เหมือนกัน เรานั่งดื่มกันเงียบๆ คลอกับ

เสียงเพลงและเสียงหัวเราะมีความสุขของคนในสระ ไม่นาน

เพื่อนสองคนในแก๊งโหดที่ตัวเปื่อยกับการว่ายน ้าแต๊ะอั๋งสาว

จนพอใจก็เดินขึ้นมาร่วมวงกัน




แน่นอนยิ่งดึกยิ่งคึก ยิ่งดื่มก็ยิ่งบ ้า ผู้ชายวัยกลัดมันที่

เรียกว่าพวกพ ้องเลยมารวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อพูดคุยอย่าง

ออกรสออกชาติ ในปาร์ตี้มีหลายกลุ่มหลายวง พวกปีหนึ่ง

กับปีสองก็จะสนิทกัน ปีสามก็จะสนิทกับปีสี่อย่างที่ก าลัง

เป็นอยู่ตอนนี้



“ว ้อดก ้าอีกมั้ย”




“จัดมา!” ผมเป็นพวกคอทองแดง ถ ้าไม่กินปนกับเบียร์

หรือพวกบักเก็ตที่สาวๆ ถือแดกไปทั่วสระ ต่อให ้ยกซดทั้ง

คืนก็ยังไหว



“นี่ครับเพื่อนโหด” เพื่อนในวงเหล ้ายื่นแก ้วคืนมาให ้




“เดี๋ยวนี้กูไม่โหดแล ้ว รักเดียวใจเดียว”

“โว ้ววววว จะเปลี่ยนชื่อกลุ่มว่างั้น”




“ไม่เปลี่ยน แค่ไม่โหด”



“เปลี่ยนเถอะ เป็นค าว่ากากมั้ยเพื่อน”



“อย่าเสือก เดี๋ยวเหงือกสั่น”



“ปากดีฉิบหาย”




“ก็ดีแค่กับบางคน” ไม่พูดเปล่าผมหันไปมองคนข ้างๆ ที่

นั่งดื่มด ้วย เดิมไอ ้เติร์ดมันเป็นคนตลกครับแต่พออยู่กับผม

ไม่รู้ท าไมต ้องคีปเคร่งขรึมตลอดเวลาด ้วย เซ็ง



“กากก็ยอมรับว่ากาก ไม่เห็นต ้องอายเลย”




“เออกูยอมรับว่ากูแม่งเหี้ย กาก ส าส่อน โง่ ไม่เอาไหน

แต่หน้าตาดี”



“จนได ้อ่ะมึง ไอ ้ควาย”



“โธ่...ปรีชา”




“ไอ ้สัดนั่นพ่อกู” แม่งเล่นจนพ่อนอนจามอยู่บ ้านแล ้วมั้ง

เกลียดฉิบหายนิสัยล ้อชื่อพ่อแม่เนี่ย แถมพวกมันยังสนุก

หัวเราะกันอย่างมีความสุขอีก




เราดื่มกันไปเรื่อยๆ ร ้องเพลง ดีดกีตาร์ด ้วยความเมา นาน

ทีก็สลับผลัดเปลี่ยนกันไปโดดน ้าแก ้ร ้อน พอกลับมาก็ริน

เหล ้าแดกกันใหญ่ ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ต่อให ้แฮงก์จนตาย

ยังไงก็ไม่มีใครด่า กระทั่งเวลาย่างเข ้าสี่ทุ่มปาร์ตี้ก็ยิ่งสนุก

สาวๆ วิ่งมาชักชวนเราไปแดนซ์บ ้าง เสิร์ฟเครื่องดื่มให ้บ ้าง

และคราวนี้...




“หูยยยยย มีอะไรเหรอครับหนูนา” บิกินี่สีชมพูแสบตาพี่ม

ว ้าก



รุ่นน้องปีสองมาพร ้อมกับกระดานในมือ ส่วนข ้างๆ ก็มีอีก

กระดานหนึ่งพร ้อมด ้วยสาวนมโตแน่นม่านสายตาอีกหลาย

คน ถ ้าเป็นเมื่อก่อนแข็งแล ้วครับ รีบถลาเข ้าไปคว ้าให ้หาย

อยาก แต่ตอนนี้แม ้แต่แข็งยังไม่กล ้าเพราะว่าข ้างกายมียักษ์


หนึ่งตัวคอยเฝ้าอยู่ ไอ ้เติร์ด...



ถึงกูจะเหี้ยแต่ว่าที่เมียกูน่ารักนะ



ลองถ ้าได ้คบกับไอ ้เติร์ดผมแม่งจะโพสต์ Happy

anniversary ทุกสองนาทีเลยคอยดู เอาให ้ใครบางคนแถว

นี้กระอักเลือดตาย




“คืนนี้มีโหวตหนุ่มฮอตและสาวฮอตของฟิล์มปาร์ตี้พูล

ด ้วย แบ่งเป็นฝ่ ายชายกับฝ่ ายหญิง พี่ๆ ถูกใจคนไหนแปะ

สติ๊กเกอร์ไว ้ที่ชื่อได ้เลย”




“เหย ้ดดดดด แปะบนตัวน้องได ้ป่ ะครับ”



“ไม่ได ้ค่ะ แปะบนกระดานพอ” หน้าหม ้อกันฉิบหาย



แต่ละกระดานจะมีรายชื่อที่ถูกคัดเลือกมาก่อนหน้านั้น

ประมาณสิบชื่อ ฝ่ ายหญิงผมรู้จักทุกคน สวยๆ เซ็กซี่ทั้งนั้น


ส่วนฝั่งชายแก๊งโหดเข ้ารอบทุกคน ที่เหลือก็ประปรายเป็นปี

อื่นบ ้าง แต่คู่แข่งส าคัญอย่างไอ ้พี่อั้นนี่ดิที่ติดโผมาด ้วย



งานหนักไม่ได ้อยู่ที่ใครครับ อยู่ที่ไอ ้เติร์ดเนี่ยว่าจะโหวต

ใครกันแน่



เราได ้สติ๊กเกอร์คนละสามดวง แปะให ้ใครก็ได ้ที่ชอบ ฝั่ง


สาวๆ ผมไม่เครียดใครนมใหญ่สุดก็ได ้ไป พอหันมาฝั่ง

ผู้ชายแน่นอนว่าต ้องเป็นไอ ้เติร์ด ผมเลยขอสติ๊กเกอร์จาก

ไอ ้โบนกับไอ ้ทูมาเพิ่มคะแนนความพิศวาสให ้ด ้วย



เติร์ด : ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



แปะหัวใจให ้เยอะๆ เลย




แค่กูก็เก ้าดวงแล ้วอ่ะ แต่ที่ลุ้นกว่าคือผมก าลังรอดูว่าคน

ตัวขาวข ้างๆ จะแปะสติ๊กเกอร์ให ้ใครกันแน่ เอาให ้สมกับ

หัวใจที่กูให ้ไปนะครับมึง




“ไอ ้เติร์ดจัดไปครับเพื่อน โหวตใคร”



มือขาวเอื้อมไปที่กระดานรายชื่อตรงหน้า ก่อนจะแปะ

สติ๊กเกอร์สีแดงเล็กๆ ไว ้บนชื่อของใครคนหนึ่ง



“ไอ ้ทูหนึ่งดวง!” คนที่อยู่รายรอบคอยอัพเดตสถานการณ์




ดวงที่สองเป็นของไอ ้โบน ส่วนอันที่สามนั้น...



“อะแฮ่ม” ผมกระแอมไอเล็กน้อยเป็นการเรียกร ้องความ

สนใจ ไอ ้เติร์ดเลยหันมามองด ้วยสายตาน่ารักน่าชังของมัน

ก่อนจะแปะสติ๊กเกอร์ลงบนกระดานอย่างจ ายอม




ค่าย : ♥



“แค่อันเดียวอ่ะ” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง



“อันเดียวก็บุญละ ดีกว่าไม่ได ้อะไรเลย” นี่คือค าตอบที่หัก

หาญน ้าใจเป็นที่สุด เพื่อนที่นั่งลุ้นกันมันส์หยดเลยพากัน

สมน ้าหน้ากูยกใหญ่




“จะบอกว่ารักเดียวใจเดียวก็พูด”

“ดีกว่ามึง ให ้มาเยอะแบบนี้เรียกหลายใจ”




“ก็หลายใจนะ แต่ก็ให ้มึงคนเดียวเห็นป่ ะ”



หนึ่งดอก!



“ฮิ่วววววววววว อะไรยังไงครับมึงสองตัว”



“ไม่ต ้องอาย คนเยอะแยะ” เท่านั้นแหละครับคนถูก


พาดพิงเลยไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว ้ที่ไหน ผมจึงต ้องแก ้ต่าง

ให ้มันอยู่นานกว่าจะกลับมานั่งแดกเหล ้าเหมือนเดิมโดยไม่

โดนด่าเช็ด เหนื่อยนะ แต่ถ ้ามันแลกกับการท าให ้พี่เชนทร์

กับพี่อั้นเจ็บยอกในใจได ้ผมว่ามันก็คุ้มค่าอยู่ดี



ไม่รู้หรอกว่าสุดท ้ายแล ้วใครคือหนุ่มฮอตในคืนนี้ ส าหรับ

ผม...ไอ ้เติร์ดเป็นคนนั้น




ดึกแล ้ว แอลกอฮอล์ยิ่งไหลเวียนในกระแสเลือดมาขึ้น

เราทั้งร ้องและเต ้นตามประสาผู้ชายห่ามๆ ก่อนจะโดนดึงตัว

มาเล่นเกมวงเหล ้าพิสดารมากมาย เรียกว่าจัดมาตั้งแต่ไพ่

ยันล ้วงความลับ นี่ก็เกมที่สามแล ้ว ใครแพ ้หมดแก ้ว เดาว่ากู

คงไม่รอดเหมือนกัน เพราะโลกเริ่มโคลงไปมาหลายทีจนจะ

อ ้วก




Never have I Ever

“กูไม่เคยสวิงกิ้ง”




“กูเคย!”



“ไอ ้เหี้ยยยยยย” เสียงกระดกเครื่องดื่มดังขึ้นมาหลายครั้ง

หลายครา เราหมุนวนผู้เล่นตามเข็มนาฬกา โดยคนพูด

เริ่มต ้นว่า ‘ไม่เคย’ ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยท า แต่ถ ้าคนไหน

เคยก็ให ้ยกเหล ้าขึ้นมาดื่ม เกมนี้จับไต๋ความเหี้ยได ้ทุกงาน

ตอนเมาแม่งมักตอบความจริงเสมอมันเลยสนุก




“กูไม่เคยเยี่ยวใส่ที่นอน”



“กูเคย!” แสรดดดดด ยกแดกทั้งกลุ่ม คือมึงเกิดมาใน

โลกนี้ได ้ยังไงวะโดยไม่เยี่ยวรดที่นอน



“กูไม่เคย...มีแฟนน้อยกว่าสิบคน”




“แต่กูเคย!” มีหลายคนยกแก ้วขึ้นมากระดกรวมถึงไอ ้

เติร์ดด ้วย ส่วนผม ไอ ้ทู ไอ ้โบน ไอ ้พี่อั้นงี้เหรอ นั่งนิ่งมอง

หน้ากันเลิกลักเชียว



อย่าให ้นับว่าที่ผ่านมามีใครบ ้าง กูจ าไม่ได ้จริงๆ ขออภัย

แต่ดูเหมือนว่าอดีตที่ผ่านมาจะตามหลอกหลอนทั้งผมและ


ไอ ้เติร์ด สายตาขี้เล่นของมันจางหายไป เหลือเพียงรอยยิ้ม

เฝื่อนๆ จนผมอยากคว ้าตัวแม่งมากอดปลอบฉิบหาย

เออกูขอโทษ กูผิดไปแล ้ว




“ต่อๆ กูไม่เคยได ้เกรดเอ”



“กูเคย!” คราวนี้ก็ยกดื่มกันพร ้อมเพรียงยกเว ้น...ผม



“โหยไอ ้ค่าย เกิดมาเป็นสังคังไม่พอยังง่าวอีก ไม่เป็นไร

นะน้องรักอย่าร ้องไห ้ ฮ่าๆ” ไอ ้สัด เจ็บกว่านั่งเงียบๆ ก็ตอน

โดนรุ่นพี่แซวเนี่ยแหละ ไอ ้เชนทร์ ไอ ้หมีหมา!




เกลียดตัวเองที่เกิดมาโง่



คราวนี้เป็นตาไอ ้โบนบ ้าง มันหันมองไปรอบวงเหล ้าพลาง

กรอกตาไปมาเหมือนใช ้ ความคิด ค าถามนั้นยิ่งท าให ้คนยก

ดื่มได ้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ที่ส าคัญค าถามนั้นต ้องล ้วง

ความลับคนในกลุ่มมากพอด ้วยมันถึงจะสนุก




“กูไม่เคย...ชอบเพื่อนสนิท”



“กูเคย” น ้าเสียงราบเรียบของไอ ้เติร์ดแทรกเข ้ามาในโสต

ประสาท มือขาวหยิบแก ้วบรรจุว ้อดก ้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะ

กระแทกก ้นแก ้วลงกับโต๊ะ ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ไม่นานไอ ้ทูก็พูดขึ้น




“แดกดิไอ้ค่าย หรือจะให้ใส่น ้าแข็ง”

“เออ กูเคย” ว่าแล ้วก็แดกรวดเดียวหมดแก ้ว สายตาของ

เพื่อนในกลุ่มเลยละล ่าละลัก กลุ่มผมมีกันอยู่แค่สี่คนเราเลย


สนิทกันมาก ถ ้าบอกว่าเพื่อนสนิทก็คงมีแค่นี้



นี่ยกแดกไปสอง คงไม่มีใครโง่คิดว่ากูชอบไอ ้โบนหรอก

นะ



ล าดับเวียนไปถึงไอ ้เติร์ด เราต่างรอฟังค าพูดจากมันอย่าง

จดจ่อ...




“กูไม่เคยสอบตก”



“ไอ ้เติร์ด ไอ ้สาดดดดดดดดด” ไปแม่งทั้งโต๊ะ เหลือ

เจ ้าของค าพูดชนะอยู่คนเดียว



หลังๆ เริ่มมีคนระวังตัวไม่พูดความลับสุดยอดให ้ใครรู้เลย


มีหัวโจกปีสี่เสนอให ้เปลี่ยนเกมส์ใหม่ แน่นอนว่าความมึน

เมาท าให ้ใครหลายคนตอบตกลง และเพิ่มกฎบังคับไม่ให ้

ออกจากเกมก่อนเวลา



วิธีเล่นคือคนเริ่มเกมส์จะต ้องพูดถึงสิ่งของ สถานที่ หรือ

ค าอะไรก็ได ้ที่เกี่ยวกับคนในวงเหล ้าขึ้นมา ถ ้าใครตอบถูกก็

จะรอด ที่เหลือยกแดกรวดเดียวให ้ส าลักตาย




คนแรกที่เริ่มคือพี่อั้น

“Leica M”




“พี่เชนทร์”



“ผิด”



“ไอ ้ทู”



“ถูก” เยส! กูดูฉลาดกว่าชาวบ ้านก็คราวนี้แหละ เลยนั่งดู


คนเมาดื่มเหล ้าจนหมดแก ้วอย่างมีความสุข Leica M เป็น
กล ้องฟิล์มตัวเก๋าของไอ ้ทู แต่ที่ไม่เห็นมันเอาออกมาใช ้


เพราะเป็นของหวงไว ้เก็บสะสม ซึ่งก็งงเหมือนกันว่าพี่อั้น

แม่งรู้ได ้ไง สงสัยนั่งทางในมาเสือกเรื่องพวกกูอีกแน่ๆ



“ไอ ้มายด์มึงตอบผิดคนแรก เอาหัวเขกโต๊ะสามที”




“แรงจังไอ ้สัด”



“อย่าโอ ้เอ ้น่า” เสียงหัวโขกกับโต๊ะดังขึ้นมาสามรอบติด

หลายคนปรบมือมีความสุขที่ได ้เห็นหน้าผากเพื่อนแดงเป็น

ปื้น แต่พวกมันก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด วนถามค าถามต่อ

เรื่อยๆ




“AV480XX”

“ไอ ้ค่าย”




“ผิด!”



“ไอ ้โบน”



“ถูกต ้องนะคร ้าบบบบ” โหย เหี้ยๆ อะไรโยนใส่กูคนแรก

ก่อนเลย นี่มันหนังโป๊ เรื่องโปรดของไอ ้โบนครับ ผมไม่รู้จัก

อะไรเลย น้องมิคามิ น้องมายูโกะ กูไม่รู้จักเลยท าไมต ้องใส่


ร ้ายค่ายด ้วยไม่เข ้าใจ



ด ้วยความคับแค ้นฝังลึก ผมเลยสั่งปีสี่ที่ตอบชื่อกูให ้แม่ง

ว่ายน ้าไปกลับหนึ่งรอบถ ้วน ดีจุง



คราวนี้ก็ถึงตาผมออกโรงบ ้างละ




“Flipped ปี 2010”



“พี่เชนทร์เหรอ หรือไอ ้บีม”



“ผิด”



“เมธีๆ แม่งชอบอะไรโรแมนติก”




“ผิด”

“ไอ ้อั้น มึงเหรอ”




“ผิดครบสามครั้งแล ้ว ค าตอบคือเติร์ด”



“โอยยยยยยยย” จะมีกี่คนที่รู้ว่าไอ ้เติร์ดชอบหรือไม่ชอบ

อะไร แม ้แต่ไอ ้ทูกับไอ ้โบนก็รู้ความชอบของเพื่อนคนนี้แค่

บางอย่าง แต่กับผมทุกอย่างของมัน...คือเรื่องส าคัญที่ต ้อง

ใส่ใจ




คนเมาเรื้อนสามคนโดนส่งไปปั่นจิ้งหรีดยี่สิบรอบ เดินตก

น ้าไปคนนึงก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นมาเล่นต่อ ซึ่งค าถาม

ต่อไปเป็นของไอ ้ทู



“เมียเป็นเด็กคณะวิดยา”



“ไอ ้ต ้อง” ผมตอบอย่างมั่นใจ




“ผิด”



“เมียไอ ้มายด์”



“ถูกต ้องนะคร ้าบ เมียวิดยานะครับไม่ใช่วิดแพทย์ ควาย

จัง” เหมือนโดนตีนตบหน้าไปอีกหนึ่งที ท ากับคนอื่นไว ้


เยอะคงโดนเล่นหนักแน่

“อ่ะ จะให ้กูท าอะไรก็ว่ามา” ให ้แดกเหล ้าไม่หยุดกูยังผ่าน

มาได ้เลย แค่นี้จิ๊บๆ




“จูบไอ ้โบนทีนึงพอ”



“เหี้ย!” โหดสัดรัสเซีย คนโดนพาดพิงเตรียมยกเท ้า

ขึ้นมาสกัด แต่เพราะผมโดนแรงยุหนักเข ้าเลยกลั้นใจถลา

เข ้าไปกุมหน้าอีกฝ่ ายแล ้วจุ๊บเหม่งแรงๆ ทีนึง ได ้ทีต ้องเอา

ให ้คุ้มครับ




“ไอ ้ควาย มึงต ้องท ากับไอ ้โบนโว ้ย” เพื่อนแม่งโวยวาย

ใหญ่ ก็ใช่สิ ข ้างไอ ้โบนคือเชี่ยเติร์ด ผมเห็นแล ้วทนไม่ไหว

เลยเปลี่ยนไปกระท าช าเราซะเลย



เห็นตอนนี้เจ ้าตัวได ้แต่ท าตาโปนอยู่ผมก็หลุดเสียง

หัวเราะออกมาทันที คนเกรี้ยวกราดท าไมน่ารัก




“เอ ้า! ลืมอ่าท าไงดี”



“ตอแหล”



“โทษที คนมันตาลาย”




“ตาลายเหี้ยไร”

“ขอโทษน้าเติร์ด มาวววววไม่ไหวแร ้ว”



“ไปปั่นจิ้งหรีดอีกยี่สิบรอบเลยสัด ร าคาญ” เราเล่นเกมส์


กันอีกพักใหญ่ จนกระทั่งล าดับเวียนมาถึงไอ ้โบนอีกครั้ง

คราวนี้มันมองหน้าผมด ้วยสายตาฉ ่าเยิ้มเพราะน ้าเมา ก่อน

จะโพล่งประโยคหนึ่งขึ้นมา



“คนที่ไอ ้ค่ายชอบ”




“มัดหมี่” พี่อั้นตอบเสียงเข ้ม คิดว่ามันคงรู้ความลับกูมา

เยอะ แต่ขอโทษครับ มัดหมี่นั่นยังไม่ถึงไหนเลยเพราะกู

เลิกมั่วก่อน



“ผิด”



“น้องพิงค์นางเอกละครเวที”




“ผิด”



“มะปราง”



“ผิด ครบสามรอบแล ้ว”




“เดี๋ยวๆ กูขอตอบใหม่ ฟ้าเศรษฐศาสตร์”

“ผิด มีใครทายอีกมั้ย”




“กูเอง” พี่เชนทร์เสนอตัว



“อ่ะจัดมาครับพี่”



“ไอ ้เติร์ด”



เชี่ยโบนไม่ยอมเฉลย ปล่อยให ้ทุกสายตาจดจ ้องมาที่ผม


และไอ ้เติร์ดสลับกันไปมา ก็ในเมื่อค าถามนี้เกี่ยวกับผม

เพราะฉะนั้นผมก็ควรตอบป่ ะวะ



“เออถูก กูชอบเติร์ด”



“...”




“เพราะงั้นใครกล ้ายุ่งกูเอาตาย”



“เหยดดดดดดดดดดดดเข ้!”

ตอนที่ 13

ตื๊อไม่ได ้ครองโลก ตื๊อครองใจ




‘เออถูก กูชอบเติร์ด เพราะงั้นใครกล ้ายุ่งกูเอาตาย’



ประโยคเดียวท าเอาตะลึงงันกันยกกลุ่ม ไม่รู้ว่าพอตื่น

ขึ้นมาทุกคนยังจ าได ้อยู่มั้ย แต่ส าหรับผมแม่งจ าได ้จนขึ้นใจ

ว่าไอ ้ค่ายพูดอะไรออกไปบ ้าง ถึงจะเมาก็ยังพอมีสติ แต่คน

ปากมอมที่พูดประโยคก่อนหน้าออกมานี่สิที่ดูเหมือนไม่มี


สติเหลือเลย ไม่อย่างนั้นมันคงไม่โพล่งประโยคนี้แน่



ที่ส าคัญคือผมถูกซักไซ ้ ไล่เรียงให ้ตอบค าถามมากมาย

ทั้งที่ตัวเองไม่ได ้ก่อ ใช่! เราเคยตกลงกัน ผมเคยพูดกับไอ ้

ค่ายว่าจะให ้โอกาสมันได ้พิสูจน์ตัวเอง ทุกอย่างเป็นไป

อย่างราบเรียบมาโดยตลอดจนกระทั่งเกิดเรื่องในคืนนี้ โชค

ดีที่เพื่อนอย่างมันยังพอมีความรับผิดชอบบ ้างเลยเป็นฝ่ าย


ยกเลิกเกมส์ ก่อนทุกคนจะแยกย ้ายตัวใครตัวมัน



“ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ ้ค่ายจะใจเด็ดขนาดนี้ ออกตัวหวง

มึงโคตรแรง”



ผมล ้มตัวลงนอนบนเบาะผ ้าใบริมสระ ข ้างๆ มีพี่เชนทร์คน

เดียวที่เป็นคู่สนทนาด ้วย ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ดื่มเหล ้าเมา


เยี่ยงหมาอยู่กลางฟลอร์เต ้นอีกด ้าน ดังนั้นจึงไม่มีใคร

รบกวนผมมากนัก

“พี่รู้มานานแค่ไหนแล ้วว่าผมกับไอ ้ค่าย...” ไม่ทันพูดจบ

ประโยคผมก็หันไปมองหน้ารุ่นพี่ปีสี่ที่มองมาอยู่ก่อนแล ้ว




“ตั้งแต่แรกที่เริ่มละครเวที”



“ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอวะ”



“เมื่อก่อนกูก็เคยสงสัยนะ เห็นมึงตัวติดกันมากเลยคิดว่า

คงสนิทกันตามประสาเพื่อน แต่มันมาหนักตรงช่วงที่มึงตาม


ติดพวกปีสี่แจและหมางเมินเพื่อนในกลุ่มเนี่ยแหละ คนเรา

เวลาทนกับอะไรไม่ได ้จะเฟดตัวเองออกมา และมึงก็เลือก

เฟดตัวออกจากไอ ้ค่ายมากที่สุด”



“แหม ชีวิตรุ่นน้องนี่รู้ดีจังนะ”



“ก็มึงเป็นน้องกูป่ ะวะ”




“จริงๆ ผมไม่ได ้อยากให ้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์งงๆ ที่เรา

เป็นอยู่เท่าไหร่ บอกตรงๆ ก็คือผมไม่มีความมั่นใจในตัวไอ ้

ค่ายเลย” ใครก็รู้จักมันดี เวลานึกถึงแก๊งโหด ทุกคนมักนึก

ถึงไอ ้ค่ายคนแรกเสมอ



ผู้หญิงทุกคนที่เข ้าหาได ้รับการตอบสนองกลับ




ผมจ าไม่ได ้แล ้วว่ามันมีแฟนมาแล ้วกี่คน ช่วงแรกมีเวลา

นั่งนับดูสนุกๆ แต่หลังจากนั้นก็เหนื่อยเกินกว่าจะท าเพราะ

เริ่มไร ้สาระเต็มทน




ช่วงปีหนึ่งถึงปีสามตอนต ้นไอ ้ค่ายเสียเงินมากสุดไปกับ

การซื้อถุงยาง รองลงมาเสื้อผ ้าและลิปสติกของผู้หญิง



มันไม่เคยซื้ออะไรให ้ตัวเองเท่าไหร่ แต่เจ ้าตัวก็มักบอกว่า

ทุกอย่างเสียไปเพราะได ้ผลประโยชน์ชั่วข ้ามคืนเป็นการ

ตอบแทน เซ็กซ์คือชีวิตหย าเปที่มันชอบ ขณะที่ผมโคตร


เกลียดสิ่งที่มันเป็นแต่ก็ท าอะไรไม่ได ้มากกว่านั้น



แล ้วจู่ๆ วันหนึ่งมันก็เดินมาบอกว่าชอบผม มาบอกว่าจะ

เดินหน้าจีบทั้งที่ผมก าลังตัดใจ ส าหรับเพื่อนคนนี้ผมไม่มี

ความมั่นใจอะไรเลย



ไม่มั่นใจว่าไอ ้ค่ายหยุดตัวเองจริงมั้ย และก็ไม่มั่นใจว่าวัน


หนึ่งผมจะกลับไปร ้องไห ้อีกหรือเปล่า ไม่มีใครรับประกันได ้

เพราะงั้นผมจึงไม่กล ้าเสี่ยง



“กูเข ้าใจ ไอ ้ค่ายเหี้ยยังไงท าไมกูจะไม่รู้ แต่ตอนนี้มันก็

เปลี่ยนไปมากแล ้วเหมือนกัน”



“...”




“เปลี่ยนไปจนกูตกใจ”

“และแล ้วก็ถึงช่วงเวลาส าคัญกันแล ้วค่า” บทสนทนาถูก

ตัดไปเมื่อเสียงใสแจ๋วของรุ่นน้องปีสองที่อยู่อีกฟากของ


สระดังขึ้น เจ ้าตัวถือไมค์เอาไว ้ในมือ แววตาและสีหน้าเต็ม

ไปด ้วยความตื่นเต ้น



เสียงดนตรีจากล าโพงถูกหรี่เกือบสุด นิสิตฟิล์มทุกคน

ต่างหันไปให ้ความสนใจกับเจ ้าของค าพูดนั้น ก่อนเธอจะ

กรอกเสียงลงไมค์อีกครั้ง




“เราจะมาประกาศรางวัลหนุ่มฮอตและสาวฮอตจากฟิล์ม

ปาร์ตี้พูลในคืนนี้กันค่ะ ทางฟากของสาวๆ ผู้ชนะได ้แก่...

น้องเมย์สุดสวยจากชั้นปีที่หนึ่งนั่นเอง ปรบมือค่า”

บรรยากาศที่แสนครึกครื้นกลับมาอีกครั้ง ผมมองตามรุ่นน้อง

ปีหนึ่งที่โคตรน่ารักวิ่งอ ้อมจากอีกฟากของสระเพื่อไปรับ

สายสะพาย ก่อนการประกาศรางวัลอีกรอบจะเริ่มขึ้น




“ส่วนฟากหนุ่มๆ ก็ไม่น้อยหน้าเพราะคะแนนสูสีกันมาก

แต่ขอบอกเลยว่าคนนี้หล่อใสสไตล์น่ารัก ขอแสดงความ

ยินดีกับพี่เติร์ดปีสาม หนึ่งในแก๊งสี่โหดของเอกฟิล์มด ้วยนะ

ค ้า”



เอ ้า! กูเหรอ




“นี่ไง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับไอ ้ค่าย ทุ่มโหวตให ้

มึงจนชนะอ่ะคิดดู” พี่เชนทร์พยักเพยิดให ้ผมลุกขึ้นไปรับ

รางวัลซึ่งใจจริงก็ไม่อยากได ้เท่าไหร่เพราะเป็นแค่

สายสะพายท าจากกระดาษแข็ง




“กรี๊ดดดดดดดดดดด”



“เฮ ้ ย! เกิดอะไรขึ้นวะ” ยังไม่ทันพาตัวเองไปรับรางวัล

ขวัญใจมหาชน ทุกคนก็พุ่งประเด็นไปอีกด ้านหนึ่งทันที



รุ่นพี่ปีสี่กลุ่มใหญ่วิ่งลงบันไดไปยังด ้านล่างซึ่งเป็นห ้องน ้า


ก่อนปีสามบางส่วนจะกรูตามกันไปราวกับมด ผมมองหน้า

ผู้ชายร่างหมีบนเบาะผ ้าใบก่อนจะพากันวิ่งไปดูสถานการณ์

ด ้านล่าง



ไม่รู้ด ้วยซ ้าว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นิสัยไทยมุงแม่งติดตัวจน

สลัดไม่ออก ต ้องเสือกให ้บรรลุก่อนไม่งั้นกลัวจะนอนไม่

หลับ




บรรยากาศหน้าห ้องน ้าเต็มไปด ้วยความวุ่นวาย มีปีสูง

ก าลังเคลียร์ทางให ้ปีต ้นๆ เดินออกจากบริเวณนั้น พี่เชนทร์

แหวกทางให ้ผมเข ้าไปข ้างในก่อนจะพบว่าไอ ้ค่ายกับพี่อั้น

ถูกเพื่อนยื้อตัวห ้ามไว ้ไม่ให ้ก่อเรื่องชกต่อย ตอนนี้สภาพที่

เห็นคือไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ปกติสักคน




เลือดที่ติดอยู่ตรงมุมปากและหางคิ้วของไอ ้ค่าย กับเบ ้า

ตาที่เขียวช ้าของพี่อั้นบ่งบอกได ้เป็นอย่างดีว่าทั้งคู่มีปัญหา

กันมาก่อนแน่




“มันเกิดอะไรขึ้นวะ” พี่เชนทร์แทรกตัวไปยืนข ้างพี่อั้น

ส่วนผมก็มองดูเหตุการณ์อยู่ใกล ้ๆ กับไอ ้โบน ซึ่งมันก็ก าลัง

รั้งตัวไอ ้ค่ายที่ก าลังคลั่งเป็นหมาบ ้าอยู่



“เชี่ยค่ายดิ ไม่รู้เป็นเหี้ยไร อยู่ๆ ก็มาต่อยกูหน้าตาเฉย”



“มึงสิเป็นเหี้ย กูเห็นนะว่ามึงก าลังท าอะไร”




“แล ้วกูท าอะไรไม่ทราบ!”



“มึงพาเด็กปีสองมานัวในส ้ วมท าไมกูจะไม่รู้”



“เกี่ยวอะไรกับมึง กูจะท าอะไรมันก็เรื่องของกูอย่าเสือก

ให ้มาก”




“ไม่เสือกได ้ไงวะ ไอ ้เติร์ดมึงดูให ้ดีๆ เลย ไอ ้พี่อั้นแม่ง

เหี้ยแค่ไหนมึงมาดู!” และผมก็ถูกดึงเข ้าไปฟังเหตุผลของ

คนเมาสองคน ทั้งที่ไม่รู้เลยว่ากูเกี่ยวอะไรกับเขาด ้วย



“แล ้วไง มึงจะให ้กูดูอะไร” ผมถามอย่างไม่เข ้าใจ ไอ ้ค่าย

เลยสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเพื่อน แล ้วขยับมา


ยืนประชิดกับผมพลางชี้หน้าด่ารุ่นพี่ปีสี่เสียงแข็ง

“ก็พี่มันแม่งจูบกับผู้หญิงคนอื่นมึงเห็นมั้ย”




“แล ้วมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ”



“ก็มันจีบมึงอยู่ไงไอ ้สัด ท าไมถึงได ้โง่ขนาดนี้”



“มึงนั่นแหละโง่ เขาไม่ได ้จีบกู” เรื่องมันชักไปกันใหญ่

แล ้ว แถมค าหยาบยังมารัวๆ จนรุ่นน้องที่มุงอยู่ห่างๆ ให ้

ความสนใจกันอย่างล ้นหลาม




“มึงอย่าออกตัวปกป้องมัน โดนหลอกอยู่ยังท าเป็นปากดี

อีก”



“มึงสิปากดีมาออกตัวเพื่อกูท าไม”



“ก็กูหึงมึงอ่ะไอ ้เหี้ย”




“แล ้วมึงมาหึงกูท าส ้ นตีนไรวะ”



“เอ้ากูชอบมึงก็ต้องหึงมึงดิ ท าไมถามโง่ๆ งี้วะเติร์ด”



ฮือฮา...




เกิดเสียงเซ็งแซ่ไปทั่วพื้นที่ ผมยืนตัวแข็ง มองดูไอ ้ค่ายที่

เอาแต่ดึงทึ้งหัวตัวเองอย่างบ ้าคลั่ง แม่งอยู่ในสภาพเมาเละ

เป็นหมาไม่พอสติยังเลอะเลือนอีกต่างหาก




ค าพูดทุกค า ประโยคทุกประโยคที่พ่นออกมาไม่ได ้มีแค่

ผมกับมันที่รับรู้ แต่หมายถึงเด็กฟิล์มทุกชั้นปีที่อยู่ใน

เหตุการณ์นี้ด ้วย



“สงบสติอารมณ์ก่อนมั้ยมึง” ผมพูดเสียงเรียบ



“จะให ้สงบได ้ไง กูจะบ ้าตายเพราะมึงอยู่แล ้วเนี่ย”




“เดี๋ยวไอ ้ค่าย มึงต่อยกูเพราะกูจูบผู้หญิงเนี่ยนะ” คราวนี้

เป็นพี่อั้นที่เริ่มออกความเห็นบ ้าง เห็นหน้าช ้าเลือดน ้าหนอง

แล ้วก็อดสยองแทนไม่ได ้



“เออ!” คนตัวสูงตอบกระแทกกระทั้น




“และเพราะกูจีบไอ ้เติร์ดกูเลยจูบผู้หญิงคนอื่นไม่ได ้”



“ก็เออไง! จะมาแข่งกับกูท าตัวเองให ้ดีก่อนมั้ย”



“ไอ ้ควายกูไม่ได ้จีบไอ ้เติร์ด”



“มึงไปหลอกหมาที่บ ้านป่ ะ ที่ผ่านมามึงจีบไอ ้เติร์ด”




“กูได ้บอกตอนไหนว่าจีบ กูเป็นพี่มันจะมาจีบแม่งท าฆวย

ไร”




“แต่ไอ ้พี่เชนทร์บอกมึงจีบ”



ขวับ!!



ทุกสายตาหันไปมองมนุษย์หุ่นหมีที่เป็นตัวต ้นเหตุของ

เรื่องทุกอย่าง หลังจากถูกจับไต๋ได ้พี่มันก็ได ้แต่ส่งยิ้มแหย

มาให ้พร ้อมกับค าแก ้ตัวที่โคตรน่ากระทืบสิ้นดี




“อุ๊ย! รู้แล ้วเหรอ ฮ่าๆ”



“ไอ ้เชนทร์!!”



“กูไม่ผิดที่จะปกป้องน้องกู ไอ ้ค่ายมันไม่ชัดเจนเองนี่หว่า

สรุปทุกวันนี้มึงคิดกับไอ ้เติร์ดแบบไหนกันแน่วะ” งานโบ ้ยขี้


นี่ของถนัดรุ่นพี่หุ่นหมีนี่เลย ส่วนไอ ้ค่ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม

ก็พ่นลมหายใจที่มีแอลกอฮอล์ออกมา ก่อนจะพูดด ้วย

น ้าเสียงชัดเจน



“เป็นเพื่อน”



ว่าแล ้ว สุดท ้าย...




“เป็นครอบครัว เป็นว่าที่แฟน เป็นที่ปรึกษา”

“...”




“เป็ นทุกอย่างส าหรับกู พอใจยัง”



“โอเคพอใจแล ้ว เจ๊าๆ กันไปเนาะ”



เจ๊าบ ้านพี่มึงสิ...



ปาร์ตี้พูลในคืนนั้นไม่มีอะไรน่าจดจ าไปกว่าการชกต่อย


ของไอ ้ค่ายกับพี่อั้นอีกแล ้ว และทุกคนก็ไม่ได ้พุ่งเป้าไปที่

ใครอื่นนอกจากกู...ที่กลายเป็นจ าเลยของสังคมแบบงงๆ



พี่เชนทร์ออกมาสารภาพความผิดกับผม ด ้วยเหตุผลที่ว่า

อยากให ้ไอ ้ค่ายรู้ใจตัวเองเลยจัดแจงทุกอย่างจนหมด

แม ้แต่เพื่อนสนิทอย่างพี่อั้นก็ยังไม่รู้ โง่ให ้โดนหลอกอยู่นาน

แถมไอ ้พี่หมีมันยังฉลาดใช ้ การกระท าหวังดีตามประสาพี่


น้องมาเป็นเหตุผลว่าอีกฝ่ ายก าลังจีบผมอยู่ ไอ ้ค่ายเลยน็อต

หลุดก่อปัญหาขึ้นอย่างที่เห็น



ตอนนี้เลยต ้องออกมาขอโทษขอโพยกันอย่างเป็ น

ทางการ แต่กว่าจะผ่านมาได ้ก็แลกหมัดกันไปหลายแผล

พ่วงด ้วยค าเอ่ยแซวของเด็กฟิล์มที่พอเห็นผมกับไอ ้ค่ายที่

ไหนก็มักออกตัวกันเอิกเกริกเสมอ แม ้กระทั่งโรงอาหาร


คณะ...

ผมกับไอ ้ค่ายยืนอยู่หน้าร ้านข ้าว ไม่นานปีสี่กลุ่มหนึ่งก็

เดินเข ้ามาต่อแถวด ้านหลังทันที




“เสือร ้ายจะขย ้าเหยื่อละต ้องช่วยกันปกป้อง” เสียงหักนิ้ว

มือดังกรอดๆ แทรกเข ้ามาในโสตประสาท สักพักรุ่นพี่ก็พูด

ต่ออย่างใจเย็น



“อย่าเข ้าใกล ้โหดน้อยของพวกกูมากนะครับ หวง!”




“ผมยังไม่ทันได ้ท าอะไรเลยพี่” เสียงทุ้มต ่าของคน

ด ้านหลังพูดขึ้น เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล ้วครับตั้งแต่เกิด

เหตุการณ์



พวกปีสี่ที่รู้ข่าวว่าไอ ้ค่ายก าลังตามจีบผม เริ่มหันมาแบ่ง

ฝักแบ่งฝ่ าย กลุ่มแรกอยู่ทีมหวง ขัดขวางไม่ให ้ไอ ้ค่ายเข ้า

ใกล ้ผมมากเกินไปเพราะจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของคณะ


ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ทีมกากของไอ ้ค่าย ส่วนใหญ่เป็นปีสาม



ทุกวันนี้ผมไม่ซีเรียสอะไรหรอกยกเว ้นชื่อที่แม่งเรียกกู

เนี่ย



ไอ ้ค่าย เป็นทีมโหดกาก




ส่วนกูเหรอ ทีมโหดน้อย

ถุย! ขอความสตรองให ้กันหน่อยเถอะ จะบ ้าตาย




“อยู่ห่างๆ ก็ดี แถวนี้แม่งเถื่อน” ฟังแล ้วตลก ความจริง

เด็กฟิล์มก็ติงต๊องเหมือนกันนะ สงสัยว่างมากเลยมานั่ง

เจือกชีวิตคนอื่น



“ได ้ข ้าวแล ้วใช่มั้ย กูถือให ้” ไม่รู้เพราะต ้องการหลีกหนีรุ่น

พี่หรือเปล่า ไอ ้ค่ายถึงรีบคว ้าจานข ้าวของผมไปถือไว ้

ส่วนตัวมันก็เลือกไม่สั่งอาหารแล ้วเดินกะเผลกตรงไปที่โต๊ะ


ทันที



“ไม่กินข ้าวเหรอวะ” สุดท ้ายก็อดถามออกไปไม่ได ้



“ทีมผู้พิทักษ์มึงเยอะขนาดนั้นใครจะกล ้าสั่งวะ ขอกินจาน

เดียวกับมึงได ้มั้ย” เจ ้าตัวถามกะลิ้มกะเหลี่ย จนกูล่ะอยาก

จิ้มตาแตก




“ไปหาแดกร ้านอื่นเองสิ”



“โอเคๆ แต่นี่กูถือจานมาให ้มึงและคิดว่าจะไปซื้อน ้าให ้

ด ้วย”



“แล ้วไง”




“มึงติดหนีกูแล ้ว เพราะงั้นพรุ่งนี้พากูไปกินบุฟเฟต์

หน่อยดิ”




“ท าดีหวังผลฉิบหาย”



“ไม่ได ้หวัง กูตั้งใจเลย”



“ต ้องถามพี่เชนทร์กับพี่อั้นก่อนว่าพรุ่งนี้มีงานอะไรอีกมั้ย”



“โอยยยยย มันกล ้ามีเหรอ เดี๋ยวกูจะบุกไปต่อยปากมันคา


ห ้องเรียนเลย ท ากูฟุ้งซ่านตั้งนานห่าเอ๊ย” จานข ้าวถูกวางไว ้

บนโต๊ะ ก่อนไอ ้ค่ายจะหมุนตัวไปยังร ้านน ้าที่อยู่ถัดไปไม่

ไกลนัก



ไอ ้โบนกับไอ ้ทูมองเหตุการณ์ตรงหน้าไปมาพลางจ ้วง

ข ้าวเข ้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ในคืนนั้นไอ ้สองตัวนี่แหละที่

ข าไม่หยุดหลังจากหามไอ ้ค่ายกลับไปท าแผลที่ห ้อง ไม่รู้ว่า


สรุปตอนนี้อยู่ทีมใครกันแน่ ดูแล ้วไว ้ใจไม่ได ้สักคน



“โดนรุ่นพี่แซวมาอีกอ่ะดิ” ไอ ้ทูถาม ผมเลยพยักหน้าเป็น

ค าตอบ



“ท าใจนะ ปีสี่เอฟซีมึงเยอะด ้วย แต่ยังไงกูก็เชียร์ค่ายกาก

มากกว่าโหดน้อยนะ” รู้ละว่าจะตบบ ้องหูใครคนแรก ไอ ้โบน


นี่เอง สาระแน

ผมแทรกตัวนั่งลงตรงเก ้าอี้ตัวยาวตรงข ้ามกับมันสองตัว

ไม่นานไอ ้ค่ายก็ได ้เดินกลับมาพร ้อมน ้าเปล่าในซอกจักแร ้


สองขวด และข ้าวในมืออีกหนึ่งจาน



จริงสิ ใกล ้เที่ยงแล ้วสงสัยกระเพาะประท ้วงอีกแหงๆ



“น ้ามึง”



“เท่าไหร่”




“ซื้อให ้ ไม่ต ้องยัดใส่กระเป๋ ากูนะ ในนั้นมีแมงป่ องยักษ์

อยู่” ดูค าขู่มัน



“กลัวจังเลยอ่ะครับ”



“กลัวแมงป่ องยักษ์หรือกลัวหนอนค่ายยักษ์มากกว่ากัน


ครับ”



“ไอ ้สัด” เรื่องกามนี่งานถนัดมันเลย แต่นี่ไม่ใช่เวลามา

เล่นไร ้สาระ เนื่องจากประธานเอกอย่างไอ ้โมแจ ้งข่าวใน

คลาสตอนเช ้ า เด็กฟิล์มปีสามหลายคนเลยต ้องกระตือรือร ้น

เริ่มต ้นโปรเจ็กต์ที่ใกล ้เข ้ามาอย่างรีบเร่ง




“เป็นงานเป็นการหน่อย โปรเจ็กต์ไฟนอลของปีสามที่

ต ้องท าหนังสั้นอ่ะ กูคิดว่าเราน่าจะเริ่มคิดกันได ้แล ้วนะ เดี๋ยว

ถึงเวลามันจะไม่ทันเอา ใครมีไอเดียดีๆ มั้ย”




“กูเคยคิดไว ้คร่าวๆ ตอนไปถ่ายรูปนอกรอบกับชมรมโฟ

โต ้อ่ะ” ไอ ้ทูเสนอขึ้น



“เออว่าไง”



“คอนเส็ปความสัมพันธ์ระหว่างการนั่งรถไฟไปทะเล”




“ฟังดูดีว่ะ คือถ ้าให ้ไอ ้เติร์ดเขียนความสัมพันธ์ของคนเรา

ที่มันแปลกๆ ขึ้นมา แล ้วใช ้ แบ็กกรานด์ของรถไฟกับวิวข ้าง

ทางประกอบมันคงดีมากเลยนะ” ผมเพิ่งเห็นไอ ้ค่ายดูฉลาด

ก็วันนี้แหละ



“กูเสนออีกนิด นั่งรถไฟไปทะเลหน้าฝนดิ เหมือนใช ้ ธีมห

ลักของเรื่องคือรถไฟกับฝน” ไอ ้โบนยกมือเสนอความ


คิดเห็นบ ้าง



“แล ้วความสัมพันธ์อ่ะ คู่รักมั้ย”



“เพื่อนเถอะ รู้สึกค านี้มีมนต์ขลัง”



“นี่พวกมึงพูดเหมือนจะใช ้ คอนเส็ปนี้เลย”




“หรือมึงคิดอะไรที่เจ๋งกว่านี้ครับเพื่อนเติร์ด เรื่องไซไฟ

อวกาศอะไรไว ้เก็บไว ้ท าตอนปีสี่นะ” ฉิบหายนี่รู้ใจกูอีก ผมมี

ความคิดอยากท าอะไรที่แหวกแนวดู แต่คิดว่าคงต ้องยก


ยอดไปท าโปรเจ็กต์จบของตัวเองปีหน้าแทน



“คือถ ้าจะลงมือก็ค่อยๆ คิดตั้งแต่ตอนนี้ แต่เราต ้องไปดู

โลเคชั่นที่จะใช ้ ถ่ายด ้วย”



“แนะน าตอนปิดเทอมหนึ่งเลย ช่วงมรสุมเนี่ยแหละ” โหย

ไอ ้เวร ชีวิตกูก าลังแขวนอยู่บนอะไรวะเนี่ย




“เอาเป็นว่าลองยึดที่เราคิดไว ้คร่าวๆ ก่อน แต่ถ ้าใคร

มีไอเดียจะท าหนังสั้นแนวอะไรก็เสนอมาได ้อีก แต่กูชอบ

คอนเส็ปที่เสนอมานะ”



“เหมือนกัน Friends I Train I Rain แปลกดี” ค าพูดของ

ไอ ้ทูท าให ้เราสี่คนนั่งมองตากันเหมือนเจอจุดลงตัวอะไร


บางอย่างที่ไม่ต ้องบอกเป็นค าพูด แต่รับรู้ได ้ด ้วยความรู้สึก



ผมคิดว่าคงไม่มีใครคิดพล็อตอื่นมาโต ้งแย ้งแล ้วล่ะ

เพราะสิ่งที่คิดอยู่นี้ดีส าหรับเราแล ้ว



“งั้นกูเสนออีกอย่าง ความสัมพันธ์นี่เริ่มต ้นรักแบบเพื่อน

ตอนจบรักแบบแฟนดีมั้ย” ไอ ้ค่ายดูจะตื่นเต ้นกับการท าหนัง


เรื่องนี้มาก แต่ดูจากสีหน้าที่มองมายังผมแล ้วกลับรู้สึกขน

ลุกขึ้นมาฉับพลัน

“ยังไง” เชี่ยโบนถาม




“ก็เอาเรื่องกูกับไอ ้เติร์ดไปเขียนดิ ตอนจบได ้คบกัน

แน่นอน”



“สัด” นี่คลังสมองมึงมีปัญหาถูกมั้ย



“แบบ...กูเลิกเจ ้าชู ้ แล ้วตั้งแต่รู้ว่าไอ ้เติร์ดโหดเหมือนปืน

ไรงี้”




“ยิงกลับดิมึง”



“ยิงกลับได ้กูจัดพรุนไปละ”



“พูดเหี้ยอะไรกันเนี่ย”




“เอ ้า! ยังไม่รู้อีกเหรอ”



“...”



“เติร์ด ส าหรับมึงกูถือคติได ้ก็ดี ฟรีก็เบิ้ล เพราะงั้นอย่ามา

น่ารักแถวนี้เดี๋ยวคุมไม่อยู่”




“อู้วววววววววว” เป็นอันจบบทสนทนาหลังจากความกาม

คุกคามเป็นวงกว ้าง

ไอ ้ค่ายมันเหมือนคนอื่นซะที่ไหน นอกจากความเจ ้าชู ้ ที่

ไม่รู้จะหยุดจริงหรือเปล่า มันยังมีความหื่นติดตัวมาตั้งแต่


เป็นวัยรุ่นด ้วย ใครจะอยากไปไฝว ้กับมันวะ ผมคนหนึ่งที่คง

ไม่ไหวกับความบ ้าเซ็กซ์ของมัน เพราะงั้นก็ไม่ต ้องเปิดใจรับ

มันมากกว่านี้เป็นพอ



กลัวว่าสุดท ้าย...คนจะซวยอาจเป็นกู



ผมกลับมาถึงห ้องหลังจากพาคุณชายค่ายลากสังขารไป


ที่คอนโด จัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ ้าเสร็จก็มานั่งเล่นคอม

เงียบๆ ไม่นานไอ ้ทูก็เดินมาเคาะประตูห ้อง แล ้วถือวิสาสะ

กระโดดขึ้นเตียง นอนกดมือถือเล่นราวกับเป็นห ้องของ

ตัวเองสักพัก กว่าจะได ้ฤกษ์งามยามดีเริ่มประเด็นขึ้นมา



“พรุ่งนี้ว่างป่ ะ”




“เอ่อ...น่าจะไม่ มีนัดกับพี่เชนทร์ ละครเวทีมันเริ่มเป็นรูป

เป็นร่างแล ้วไง” จริงๆ พรุ่งนี้ไม่มีนัดหรอก คือผมดันไปตบ

ปากรับค าว่าจะไปกินบุฟเฟ่ ต์กับไอ ้ค่ายเนี่ยดิ



แต่เพื่อไม่ให ้เสียฟอร์มจนเกินไปผมจึงเลือกที่จะไม่พูด



“แล ้วนี่ไอ ้ค่ายรู้ยัง”




“รู้แล ้วมั้ง”


Click to View FlipBook Version