The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

“ไอ ้เติร์ดไม่กินแกงเขียวหวาน พี่ไม่รู้เหรอวะ” แล ้วเสียง

หนึ่งก็แหวกอากาศเข ้ามาขัดจังหวะ ไม่นานไอ ้ค่ายก็เดินเข ้า


มาแทรกกลาง หยิบเอากล่องโฟมในมือของผมออก พลาง

ยัดกล่องโฟมอีกกล่องหนึ่งให ้อย่างรวดเร็ว



“นี่หมูกระเทียมที่มึงชอบ”



“เออ ขอบใจ”




“ไปนั่งกันเถอะ อยู่ตรงนี้กูกลัวจะได ้เตะคนเพิ่ม” หางตา

ของเพื่อนรักเหลือบมองรุ่นพี่ปีสี่ ผมหันไปสบตากับพี่อั้น

เห็นแกบอกเป็นนัยๆ ว่าให ้เลิกแล ้วต่อกันผมจึงเปลี่ยนไป

เดินตามหลังไอ ้ค่ายไปนั่งด ้วยกันอีกฟากหนึ่ง



เชี่ยนี่มันเจ ้าคิดเจ ้าแค ้นครับ รู้อยู่ว่าพี่อั้นโดนหลอกมา

เป็นมือที่สาม แต่ไอ ้ค่ายก็ยังผูกใจเจ็บไม่ยอมพูดดีกับเขา


สักที จะมีก็แต่ผมที่ต ้องล าบากเป็นตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์ให ้

คนทั้งคู่อยู่นี่แหละ



“เดี๋ยวแกะให ้”



“ไม่ต ้อง”




“ก็จะแกะให ้อ่ะ” ขวดน ้าที่เพิ่งวางพื้นถูกคว ้าไป ไม่นาน

มันก็ถูกวางไว ้ที่เดิมเพราะอีกฝ่ ายแกะฝาขวดออกให ้แล ้ว นี่

กูเป็นเพื่อนครับไม่ได ้เป็นง่อย รู้สึกพิเศษจนตัวสั่นเลย




“กินดิวะ มองหน้าหาความหล่อกูเหรอ” พอผมจ ้องมันก็

กวนตีนใส่ ยั่วให ้กูตอบกลับแบบกระแทกกระทั้น



“เออ!”



จ ้วงข ้าวใส่ปากได ้ไม่ถึงสองนาที เสียงควายๆ ก็พูด

ก่อกวนอีก




“ขนตายาวจัง”



“คนจะกินข ้าว เลิกวอแว”



“นี่เป็นเพื่อนกันมาสองปีกว่า เพิ่งเห็นความน่ารักของมึง

มากขนาดนี้นะเนี่ย”




“...”



“อุ๊ยเขินเหรอ อันนี้พูดจริงนะ เขินได ้”



“สัด”




“ค าบอกรักที่ไม่มีค าว่ารัก ง่อวววววว”

“ประสาท”




“บอกรักกันอีกแล ้ว”



“ผีเข ้าสินะ”



“เขินเลยสัด พอๆ”



“นี่มึงเป็นบ ้าไปแล ้วเหรอ”




“มีความรักอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ ขนาดค าด่าของมึงยัง

ดูเพราะขึ้นมาเลย”



“เอาที่มึงสบายใจแล ้วกัน” เกินเยียวยาละส าหรับไอ ้ค่าย

ในตอนนี้ ผิดกับเมื่อก่อนแทบไม่เหลือเค ้าเดิม




ใครๆ ก็จ าไอ ้ค่ายสมัยปีหนึ่งหรือปีสองได ้ หน้าตาแบดๆ

นิสัยเลวๆ จีบหญิงไปทั่ว หม ้อได ้ทุกคน และก็ฟันฉึบฉับอีก

วันกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าก็มีถมเถ



ชื่อเสียงของไอ ้ค่ายลือไปทั้งคณะจนลามไปคณะข ้างๆ

ผมยังมานั่งคิดอยู่บ่อยๆ ว่าการแอบชอบมันมีแต่จะท าให ้

ตัวเองเจ็บ แล ้วดูภาพของมันในวันนี้ดิ ต่างกันราวฟ้ากับเหว


กูนึกว่าเด็กสิบขวดหัดมีรักครั้งแรก

เอาความคูลในอดีตของมึงคืนมา...




“กินข ้าวต่อสิ หรืออยากกินกู”



“มึงไม่กวนตีนกูสักนาทีได ้มั้ยไอ ้ค่าย”



“ก็ชอบอ่ะ อยากกวน” ข ้าวในกล่องของมันพร่องลงเกือบ

หมดแล ้ว น ้าในขวดก็เหลือแค่น้อยนิด ผมเหลือบมองมือ

หนาซึ่งก าลังหยิบกล ้อง DSLR ของเพื่อนกลุ่ม PR ขึ้นมา


เช็กรูป มันเลื่อนไปข าไปอยู่พักใหญ่ก่อนจะยื่นมาให ้ผมดู

ภาพๆ หนึ่ง



“น่ารักป่ ะ” เสียงทุ้มต ่าเอ่ยถาม ขณะตรงจอปรากฏภาพ

ของผมที่ก าลังท าหน้าบึ้งใส่อยู่



“ลบ”




“คิดว่าสั่งแล ้วจะท าตามเหรอ รูปพวกนี้ต ้องเก็บไว ้โป

รโมทเพจนะ เรื่องงานจะลบมั่วๆ ไม่ได ้” ว่าแล ้วก็ปิดหน้าจอ

จากนั้นก็วางกล ้องไว ้ด ้านข ้างตัวไม่เปิดโอกาสให ้ผมโต ้แย ้ง



“เติร์ด” น ้าเสียงที่ใช ้ เรียกชื่อของผมอ่อนลงมาก ไม่พอ

เจ ้าตัวยังหันมาสบตากับผมด ้วย




“อือ”

“พรุ่งนี้หลังเลิกเรียน เราไปดูหนังกันมั้ย”




“ไม่รู้ดิ ดูก่อน”



“กูให ้โอกาสมึงคิดใหม่ ดูหนังกับกูดีนะ ดูฟรีไม่มี

ค่าใช ้ จ่าย” ว่าแล ้วมือหนาก็ตบลงไปที่กระเป๋ ากางเกงเป็น

การสร ้างความน่าเชื่อถือ โอเคมึงรวยมาก ขนาดบิ๊กไบค์

โดนยึดมันยังมีปัญญาขอรถยนต์ที่บ ้านมาขับสบายใจเฉิบได ้

แม ้ตอนนี้คนขับจะเป็นขี้ข ้าอย่างกูก็ตาม




“ดูก่อน”



“ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก”



“โว ้ยยยยยยย เออ! ไปก็ไป”




“ฮ่าๆ โอเค เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ”



“อยากให ้ถึงพรุ่งนี้มาก” ผมเขี่ยข ้าวในจานไป พูดเสียง

แผ่วไป



“ดีใจที่จะได ้นั่งข ้างกูใช่มั้ย”




“เปล่า หนังของโนแลนเข ้าแล ้ว กูตื่นเต ้น”

“แล ้วกูอ่ะ”




“มึงส าคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”



“…”



เดดแอร์เข ้าแทรก แต่กูไม่แคร์หรอก ยังคงตั้งหน้าตั้งตา

ตักข ้าวเข ้าปากโดยไม่หันไปมองคนข ้างๆ ไม่นานไอ ้ค่ายก็

พูดประโยคหนึ่งออกมา แม ้จะเบามากแต่ผมก็ได ้ยินชัดเจน


ทุกค า



“กูไม่หึงโนแลนหรอก เพราะสุดท ้ายเขาก็ไม่มีทางมานั่งดู

หนังข ้างๆ มึงได ้”



“...”




“กูต่างหากที่อยู่ข้างมึง แล้วนั่งดูหนังทุกเรื่องไป

ด้วยกัน”



ผมอาจแปลความหมายของประโยคก่อนหน้าไม่ชัดนัก

แต่นี่หรือเปล่า...ประโยคบอกรักที่ไม่มีค าว่ารักที่แท ้จริง



วันนี้กองละครเวทีนิเทศฯ เลิกเร็วกว่าที่คิด ต่างคนต่าง


แยกย ้ายกลับห ้องตั้งแต่สองทุ่ม ผมแวะกินข ้าวและไปส่งไอ ้

ค่าย กลับถึงห ้องอาบน ้าแปรงฟันเสร็จก็สามทุ่มกว่า

หลังจากนั้นกิจวัตรเดิมๆ ที่มักท าอยู่ตลอดนั่นคือการ

กระโดดขึ้นเตียงพร ้อมแล็ปท็อป




แค่เลื่อนดูสถานการณ์ในโซเชียลเรื่อยๆ บางครั้งก็จะหา

หนังมาเปิดดูจนกว่าจะหลับไป ดังนั้นครึ่งชั่วโมงแรกจึงหมด

ไปกับการเล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอ่านกระทู้ชาวบ ้าน

ช่วงหลังเบื่อหน่อยก็ลงไปค ้นแผ่นหนังที่ซื้อเก็บไว ้เป็นคลัง

เอามาปัดฝุ่ นและนอนเปิดดูอย่างมีความสุข




หนังบางเรื่องก็แปลก ดูครั้งเดียวแล ้วไม่คิดจะดูอีกเลย

ถามว่าเป็นหนังที่ดีมั้ยต ้องบอกว่าดีมาก แต่ไม่มีอะไร

รับประกันได ้ว่าหนังดีจ าเป็นต ้องดูหลายรอบ ส่วนบางเรื่อง

กลับหยิบมาดูได ้ทุกครั้งเพราะรู้สึกสนุก แม ้ไม่ได ้มีคุณค่า

ทางจิตใจมากเท่า แต่ก็เยียวยาจิตใจในวันเหนื่อยหน่ายได ้

โคตรๆ เหมือนกัน




ส่วนใหญ่เวลาดูหนังผมจะไม่เปิดกับแล็ปท็อป แต่

เปลี่ยนเป็นการเปิดผ่านเครื่องเล่นและทีวีแทนเพราะจอ

ใหญ่สะใจ ดังนั้นหลังจากนอนดูได ้สักพักเปลือกตาก็พร ้อม

จะปิดเต็มที ถ ้าไม่ติดว่าไอ ้สารเลวค่ายมันโทรมาป่ วน

ประสาทซะก่อน



“มีไร” ผมกรอกเสียงเนือยๆ ไปยังปลายสาย




[หลับแล ้วเหรอวะ เปิดเฟซหน่อย มีข่าวอัพเดตจากแฟน

เพจละครนิเทศ]




“ส าคัญมั้ย ถ ้าส าคัญก็บอกกูตรงนี้เลย แต่ถ ้าไม่ขอเป็น

พรุ่งนี้เช ้ า”



[ส าคัญ]



“งั้นพูดมาเลย ขี้เกียจเปิด”




[มึงต ้องอ่านเองว่ะ มันมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก]



“งั้นมึงวางสายเลย กูจะดูในมือถือ”



[มึงก็เอาแมคบุ๊กมาเปิดสิวะ กูมีเรื่องจะถามต่อ ถือสายไว ้

ห ้ามวาง!] อยากถามว่าเป็นพ่อเหรอมาสั่ง แต่ก็กลัวมัน

ย ้อนกลับมาแบบเจ็บๆ อีกเลยได ้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่


โน้มตัวไปหยิบแล็ปท็อปที่วางอยู่ตรงโต๊ะเล็กๆ ข ้างเตียง

ขึ้นมาเปิด



ปกติผมเป็นพวกที่ถ ้าใช ้ คอมตัวเองแล ้วจะไม่ชอบล็อก

เอาท์เท่าไหร่ ดังนั้นหลังจากเปิดเข ้าไปในเฟซบุ๊กเลยเห็น

แจ ้งเตือนมหาศาลที่แดงหราอยู่ตรงหน้า




แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ง่วงขนาดนี้ไม่มีเวลามาดูหรอกครับ

ว่าใครแจ ้งอะไรไว ้บ ้าง นอกจากรีบกดเข ้าไปหน้าวอลของ

เพจละครเวทีนิเทศฯ ซึ่งแน่นอนช่วงหลังมานี้ทีม PR ได ้มี

การประชาสัมพันธ์ทางเพจโบ ้มๆ จัดหนัดจัดเต็มจนคน


อยากดูละครกันทั้งมหา’ลัย แต่ประเด็นไม่ได ้อยู่ตรงนั้น



“ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่ข่าวโปรโมท” พูดไปก็รู้สึก

หงุดหงิดไป ไอ ้ค่ายเลยตอบอย่างเร็วรี่



[ก็ข่าวโปรโมทล่าสุดนั่นแหละที่อยากให ้มึงดู]




“เออๆ”



ผมตัดสินใจวางมือถือแล ้วเปิดล าโพงแทน จากนั้นจึง

เปลี่ยนมาจัดการเลื่อนดูข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุดจากทาง

แฟนเพจ ซึ่งมีรูปภาพชุดใหญ่มากกว่าสิบรูป โดยใช ้ แคปชั่น

ว่า ‘เรามีอะไรจะบอก’ ก ากับเอาไว ้สั้นๆ




“แผนการโปรโมทใหม่เหรอวะ”



[แล ้วอ่านยังอ่ะ]



“ก็ก าลังอ่านอยู่นี่ไง”



ผมเลื่อนกดเข ้าไปที่ภาพแรกซึ่งเป็นภาพหนังขาวด าเรื่อง


หนึ่ง ด ้านข ้างมีแคปชั่นประกอบและคิดว่ามันคงมีอยู่ทุกรูป

คล ้ายกับทีมท าเพจพยายามจะสร ้างสตอรี่เพื่อดึงดูดความ

สนใจคนดู เผื่อจะหลงซื้อตั๋วเข ้ามาในอนาคต




ภาพที่หนึ่ง...

รู้หรือไม่? หนังเรื่องแรกของโลกชื่อเรื่องว่า Arrival of a

train at La Ciotat ซึ่งฉายเมื่อปี ค.ศ.1895



ภาพที่สอง...

ปี 1906 เกิดหนังยาวเรื่องแรกของโลกชื่อ The story of

the Kelly gang




ภาพที่สาม...

ปี 1923 เรามีหนังเรื่องแรกที่ฉายในไทยคือเรื่อง นางสาว

สุวรรณ



ภาพที่สี่...

ปี 1986 ละครเวทีเรื่องแรกของไทยได ้ถือก าเนิดขึ้นใน


ชื่อ ไร่แสนสุข



ภาพที่ห ้า...

ปี 2017 มหา’ลัยของเราก็ก าลังมีละครเวทีที่ยิ่งใหญ่ไม่

แพ ้ใครในชื่อ Likebrary (ไลก์บรารี่)



ด ้วยความที่เรายังไม่ได ้ถ่ายโปสเตอร์ส าหรับโปรโมท


ดังนั้นใบปิดแรกที่ใช ้ ส าหรับงานละครเวทีปีนี้จึงเป็นรูป

ห ้องสมุดที่ถูกวาดขึ้นด ้วยลายเส ้ นเป็นระเบียบของหนึ่งใน

ทีมท าละคร กับฟอนต์เท่ๆ ที่ใส่เข ้ามาดึงดูดความสนใจ

เท่านั้น




[อ่านถึงไหนแล ้ว] ไอ ้ค่ายคอยถามสถานการณ์อยู่ไม่ห่าง



“รูปที่ห ้าแล ้ว”



[ตื่นเต ้นจัง]




“มึงเป็นบ ้าเหรอ”



[อ่านต่อเถอะ]



“มึงก็อย่ากวนกูดิ” คราวนี้ถึงกับเร่งอ่านจะได ้จบๆ ไป

เพราะตอนนี้กูง่วงฉิบหายเลยครับ




ภาพที่หก...

ที่บอกว่ายิ่งใหญ่นั้นคือเรื่องจริงไม่ว่าจะเป็นฉาก



ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นแบ็กดรอปที่ทีมท าเอาไว ้ส่วนหนึ่ง

ซึ่งบอกเลยว่ายิ่งใหญ่อลังการมาก ในรูปมีไอ ้พี่เชนทร์โบก

มือให ้กับกล ้องด ้วยเพราะแม่งคุมทุกหน้าที่อย่างจริงจัง




ภาพที่เจ็ด...

ออร่าที่แผ่ออกมาของนักแสดง เอมี่ อดัมส์หลบไป ลีโอ

นาร์โดเหรออย่าสู ้ เลย นาทีนี้ต ้องฟานกับพิงค์เท่านั้น




ภาพที่แปด...

ทีมตากล ้องและช่างภาพมืออาชีพที่ใช ้ กล ้องราคาแพง

จากงบตัวเองล ้วนๆ



แป๊ บ! กูขออนุญาตข าหน้าเหี้ยๆ ของไอ ้ทูสิบวิ ฮ่าฮ่าฮ่า

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า




ภาพที่เก ้า...

ทีมซาวน์โคตรเมพที่ร่วมงานกับฮอลลีวูดมาแล ้วมากมาย

(โม ้)



ภาพที่สิบ...

ผู้ก ากับมือฉมังที่มีประสบการณ์มานับไม่ถ ้วน

Interstellar, Gone girl, Avengers, La la land ยอดเยี่ยม


ใช่มั้ยครับ แต่ผู้ก ากับเราไม่เคยมีส่วนร่วมในหนังพวกนี้เลย



ไอ ้ฉิบหาย! พูดท าไม



คนท าเหมือนเกลียดไอ ้พี่เชนทร์ เออ แต่ก็อ่านแล ้วข าดี

ไม่พอทุกรูปที่มีหน้าของไอ ้พวกนี้ปรากฏมักจะถูกแท็กชื่อเฟ

ซบุ๊กเอาไว ้ด ้วย นั่นเลยเป็นวิธีที่สร ้างชื่อเสียงและความอับ


อายให ้คนท าในเวลาเดียวกัน

ภาพที่สิบเอ็ด...

เรามีทีมเขียนบทที่เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์งานชิ้นยอด


เท่านั้น น าทีมโดย เชนทร์ ย ้งยี้ และโหดน้อยของวงการ...

เติร์ด



ภาพที่สิบสอง...

ทีมเขียนบทท าได ้ทุกอย่าง โดยเฉพาะท าให ้คนตกหลุม

รัก




ใจผมเต ้นตุบตับแทบทะลุออกมา เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่

ตรงหน้าเป็นใบหน้างอง ้าของผมที่ไอ ้ค่ายรัวชัตเตอร์ถ่ายไป

เมื่อตอนเย็น แต่ตอนนี้มันกลับมาโผล่อยู่ในแฟนเพจละคร

เวทีนิเทศฯ แบบงงๆ



ผมยังคงกดเลื่อนดูภาพต่อไปแม ้ความรู้สึกในการดูภาพ

เหล่านี้จะไม่เหมือนเดิม มือสั่น ใจก็สั่นไปหมด เรียกได ้ว่า


พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยก็ได ้ ดีที่ภาพหลังจากนั้นไม่มีหน้า

ของผมเด่นหราอยู่อีกแล ้ว แคปชั่นก็ไม่มี เพราะข ้อความ

เหล่านั้นถูกเปลี่ยนไปเป็นรูปภาพที่มีตัวอักษรสีชมพูเข ้มบน

พื้นแบ็กกรานด์สีขาวแทน



ภาพที่สิบสาม...

ปี 1995 Circle of Friends เข ้าฉาย แต่แผ่นของมันถูก


ซื้อเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให ้คนคนหนึ่งในปี 2015

ภาพที่สิบสี่...

ปี 2010 หนังรักชื่อ Flipped เข ้าฉายครั้งแรกในโลก และ

มันคือเรื่องที่คนเขียนบทชอบที่สุด




ภาพที่สิบห ้า...

ปี 2015 เราเจอกันครั้งแรก มึงกับกูคือสมาชิกแก๊งโหดที่

ร่วมกันก่อตั้งอย่างเป็นทางการ



ภาพที่สิบหก...

ปี 2017 มึงคือชีวิตของกู




ภาพที่สิบเจ็ด...

ปัจจุบัน - ตลอดไป มึงก็ยังเป็นชีวิตของกู



ภาพสุดท ้ายจบลง แต่ผมยังคงจ ้องมองหน้าจออยู่อย่าง

นั้น ข ้างใต ้มีเครดิตเล็กๆ เขียนเอาไว ้ว่า ‘แอดมินขุนพล’ บน

โลกนี้คงมีคนชื่อขุนพลมากมาย แต่ขุนพลคนนั้นคงไม่ได ้


เรียนนิเทศฯ และก าลังท าละครเวทีอยู่แน่ๆ



ผมเงียบไปอึดใจหนึ่ง รอบข ้างก็เงียบไปด ้วย ไม่นาน

เสียงของใครคนหนึ่งก็แทรกจากปลายสายเข ้ามา ไอ ้ค่าย

ยังไม่ได ้วาง...



[อ่านจบแล ้วใช่มั้ย]




“อืม” ไม่รู้จะตอบอะไรให ้มากกว่านี้อีกมั้ย ความจริงผมยัง

ไม่รู้ด ้วยซ ้าว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่ลึกๆ ความรู้สึกนี้ก็ออกมา

ในด ้านบวกมากกว่าลบ




[ก็ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากบอก]



“เอาเพจคณะมาท าเรื่องส่วนตัว พี่เชนทร์เอามึงตายแน่”



[ขออนุญาตทุกคนแล ้ว เขาก็เอาใจช่วยกันหมดนะ] ยังมี

หน้ามาท าเสียงสดใส [แล ้วมึงอ่ะ]




“อะไร”



[เชื่อใจกูมั้ย]



“ยังไม่แน่ใจ”




[งั้นเดี๋ยวเล่าไทม์ไลน์หนังชีวิตให ้ฟัง หนังเรื่องแรกชื่อ

ครีม เรื่องที่สองและสาม ชื่อลัลลากับเบียร์ เรื่องต่อๆ มาจ า

ไม่ค่อยได ้แล ้ว แต่ถ ้าไม่เรียงตามไทม์ไลน์ก็มีนุ่ม มินนี่ แป้ง

แจม]



“...”




[นี่หนังรายเดือนนะ ยังมีหนังรายวันอีกหลายเรื่อง ชื่อ

การ์ตูน ปัน กุ๊กไก่ ฟรัง แอปเปิ้ล โอ ้โหเยอะว่ะ]

“ชั่วชีวิตนี่ท าหนังมาเยอะเนาะ” ผมพูดประชด ขนาดกูยัง

จ าชื่อผู้หญิงแทนมึงได ้ไม่หมดเลยสัด




[แต่กับมึงไม่ใช่แบบนั้นนะ]



“มึงจะมาเล่นมุกว่ากูเป็นหนังที่เล่นไปตลอดชีวิตว่างั้น

เถอะ กูจะบอกอะไรให ้นะไอ ้ค่าย ไม่มีหนังเรื่องไหนฉายไป

ตลอดชีวิตหรอก สักวันมันก็ต ้องจบอยู่ดี มึงสร ้างหนังที่เป็น

ชื่อของกู เชื่อว่าวันหนึ่งถึงมึงไม่สร ้างเรื่องอื่นแต่หนังชื่อกูก็


ต ้องจบในสักวัน”



ผมพูดไปยาวเหยียด แต่ไอ ้ค่ายกลับตอบมาแค่เพียง...



[ไม่จบนะ]



“...”




[เพราะมึงไม่ใช่หนัง มึงคือความเป็ นจริง]



บึ้ม!



ท าไมกูยังไม่วาร์ป!!

ตอนที่ 15

รักที่เธอบอกมา




Khunpol Krichpirom

ค่อยๆ รักกันเบาๆ – กับ Third Thachapol



‘แฮร่! ไอ ้ค่ายมึงมันร้ายยยยยยยย’

‘อะไรยังไงครับ เบาจริงเหรอ กูว่าน่าจะหนักนะนั่น’

‘ไอ ้เหี้ย อย่าท าโหดน้อยกูระบม’


‘กูจะไปเตะปากมึง #ทีมต่อต ้านสันดานไพร่ของไอ ้ค่าย’

‘ไอ ้เติร์ดยังอยู่มั้ย กูกลัวมันจะพังคามือไอ ้ค่ายว่ะ’



“พังพ่อง!” ผมสบถกับตัวเองหลังจากเลื่อนอ่านข ้อความ

ในมือถือจนจบ นี่แค่ส่วนน้อยของการแสดงความคิดเห็นที่

ถึงแม ้ไม่ได ้เปิดเป็นสาธารณะ แต่พี่น้องนิเทศฯ ก็พากันมา

ระดมยิงจนแจ ้งเตือนเด ้งขึ้นมาไม่หยุด




ตั้งแต่เมื่อวานที่ไอ ้ค่ายก่อเรื่องในแฟนเพจขึ้น สายตาที่

ทุกคนมองผมก็เปลี่ยนไป จากที่เคยแยกเป็นสองทีมในตอน

แรก เดี๋ยวนี้ยิ่งหนักหนากว่าเดิมเป็นเท่าตัว ฝั่งหนึ่งเชียร์ไอ ้

ค่าย ฝั่งหนึ่งปกป้องผม ส่วนอีกฝั่งก็ก าลังเสือกอย่างเมา

มันส์ เรื่องของกูมันกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรรู้ตั้งแต่

เมื่อไหร่วะ




แม ้กระทั่งตอนที่เดินเข ้าคลาสในเช ้ าวันต่อมาก็เช่นกัน

ด ้วยวันนี้ตัดสินใจทิ้งไอ ้ค่ายไว ้โรงอาหารกับไอ ้โบน ผมกับ

ไอ ้ทูเลยต ้องเผชิญหน้ากับสายตาอยากรู้อยากเห็นของ


เพื่อนเอกฟิล์มปีสามก่อนเป็นคนแรก



“โอ ้ความรักโอบกอดฉัน บางเวลาเราพบกันเมื่อวันช ้า

ใจ~”



“เพลงนั้นมันใช ้ ได ้ที่ไหนล่ะ ต ้องเพลงนี้ ช่างไม่รู้

อะไรบ ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่


มากกว่านั้น~”



“เขารักกันแล ้วไอ ้ฟาย ต ้องเพลงนี้สิ! หยุดหยุดชีวิต หยุด

กับคนนี้ แม ้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน~”



“เติร์ดมึงเลือกเลยว่าชอบเพลงไหน”




“แล ้วท าไมกูต ้องเลือกด ้วยวะ โว ้ยยยยยย” ผมแหกปาก

ลั่น เดินก ้มหน้าก ้มตาขึ้นบันไดสโลปไปยังที่นั่งหลังสุด

ท่ามกลางสายตาล ้อเลียนของเพื่อนๆ



รอคอยก็แต่อาจารย์ประจ าวิชาเข ้ามาสอนเนี่ยแหละ แต่ก็

เหมือนว่าเราจะมาก่อนเวลาค่อนข ้างมาก เลยได ้แต่นั่งมอง

เด็กฟิล์มคนแล ้วคนเล่าเปิดประตูทักทายเพื่อนๆ แต่ไม่มีคน


ไหนไม่พุ่งเป้ามาที่ผม โดยไม่พูดชื่อไอ ้ค่ายออกมาเลยสัก

คน

สารเลวทั้งหลายเอ๊ย!




แอ๊ด~ และเหยื่อรายต่อไปก็ได ้ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงแร ้ง

ของเอกฟิล์ม



ไอ ้ค่ายกับไอ ้โบนเดินเข ้าสู่สมรภูมิรบ ไม่นานเสียงจอแจ

ของเพื่อนแต่ละคนก็ค่อยๆ โหมดังขึ้นทีละนิด ขนาดผมที่

ต ้านแรงแซวของเพี่อนไม่ไหวต ้องรีบเดินมานั่งประจ าที่

อย่างเร็วที่สุด แต่กับไอ ้ค่ายไม่ใช่อย่างนั้นครับ เมื่อมันไป


ยืนอยู่กลางห ้องท่ามกลางเสียงปรบมือชอบอกชอบใจอย่าง

ล ้นหลาม



“คนจริงแห่งเอกฟิล์มโว ้ย กูไม่รู้จะแซวอะไรเลย ฮ่าๆ”

เสียงจากเพื่อนแถวหน้าดังขึ้น ก่อนอีกคนจะแทรกถาม

ขึ้นมาอีก




“ไหนบอกไม่กินเพื่อนไงไอ ้ค่าย ไอ ้คนไม่รักษาค าพูด”



“ก็ถ้าเพื่อนไม่น่ากินกูจะแดกมั้ยล่ะ”



“ฮ่าาาาาา ชอบๆ” พวกเหี้ยทั้งหลาย สุดท ้ายกลายเป็นกู

ที่โดนระดมยิงทางอ ้อม




“ขอสัมภาษณ์หน่อยค่า จะคบกันเมื่อไหร่คะ”

“ถามเติร์ดเลย” ญุ๋งหญิงอดีตเพื่อนรัก ตอนนี้เริ่ม

กลายเป็นเพื่อนแค ้นส าหรับผมละ ท าอะไรให ้มันมีสาระ


หน่อยดิ เพราะตอนนี้ไอ ้ค่ายได ้โบ ้ยภาระอันหนักอึ้งมาทิ้งไว ้

ที่กูเรียบร ้อย



“กูไม่รู้! พวกมึงจะอยากรู้ท าไมนักหนา”



“ก็เพื่อนอ่า อยากยินดีกับเพื่อน”




“ไม่ได ้อยากให ้ใครมายินดี”



“งั้นถามไอ ้ค่ายใหม่ อยู่กันมาตั้งนาน มีของน่ากินอยู่ใกล ้

ตัวท าไมโง่กินช ้ าขนาดนี้วะ” ค าถามใหม่จู่โจมเข ้ามาแทบ

ไม่เปิดโอกาสให ้ผมได ้ท ้วงติงจากค าถามเก่า



“เมื่อก่อนผลมันยังไม่สุกกินไม่ได ้ มันต ้องรอเวลาก่อน”




“ไม่ใช่มึงคัฟเวอร์เป็นควายอยู่เหรอถึงรู้ตัวช ้ า”



“อย่าว่าไอ ้ค่ายเป็นควายสิ มันเป็นกวางต่างหาก”



“ท าไมวะ”




“เขายาวกว่าควายอีก ฮ่าๆ” มุกนี้ผ่าน! กูชอบ เอาไปเลย

สิบ สิบ สิบ แม ้แต่ไอ ้ทูกับไอ ้โบนเองยังหัวเราะชอบใจยก

ไม ้ยกมือเห็นด ้วยจนน่าหมั่นไส ้




“โธ่เพื่อนครับ ถึงทุกคนจะบอกว่าเขากูยาว แต่อย่างอื่นกู

ก็ยาวด ้วยนะ”



“อะไรยาวกูอยากรู้”



“ถามเติร์ด” โหยไอ ้เห ้ สุดท ้ายก็วกกลับมาที่กูอีกจนได ้




“ไม่ต ้องมาถามกู! ไอ ้ค่าย เมื่อไหร่มึงจะกลับมานั่งที่วะ

ร าคาญ”



“โอเค เมียเรียกกลับแล ้วกูก็ต ้องท าตามค าสั่งนะเพื่อนๆ

ใครมีอะไรถามทิ้งไว ้ในอินบ็อกซ์เลยเดี๋ยวกูไปตอบ”



“จัดไปเพื่อนค่าย กิ้วๆ”




พวกเวร...



เอกฟิล์มก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ชีวิตหรรษาในแต่ละวัน

ล ้วนเป็นเรื่องของคนอื่น ส่วนใหญ่ถ ้าคนในเอกมีความรักก็

มักเกิดกระแสและเสียงแซวจากเพื่อนทุกคนแบบนี้เป็น

ประจ า




อย่างว่า เราอยู่กันเป็นครอบครัว เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง

เวลาใครมีความสุขก็อยากมีส่วนร่วมในความสุขนั้นด ้วย พอ

ถึงคราวทุกข์มันก็เฮกันมานั่งปลอบให ้หายกังวล แต่บางที


เพื่อนมันก็ลืมคิดไปนะครับว่าเรื่องบางเรื่องกูขอเก็บเอาไว ้

เป็นการส่วนตัวดีกว่า ไม่งั้นมันจะเป็นเหมือนวันนี้



ห ้านาทีให ้หลังอาจารย์เข ้ามาในห ้องเรียน แกเก่งมากที่

จับอาการของนิสิตได ้ดังนั้นหัวข ้อสนทนาเลยเป็นการแซว

ผมกับไอ ้ค่ายอีกหลายระรอก ฟังแล ้วแทบอยากมุดหน้าลง

ซอกขาหนีบไอ ้ทูให ้มันรู้แล ้วรู้รอดไป กว่าจะเลิกคลาสก็เล่น


เอาผมแทบละลายติดเก ้าอี้ ส่วนไอ ้ค่ายเหรอ ยิ้มแย ้มมี

ความสุขอยู่คนเดียว



ช่วงดึกผมกับมันมีนัดดูหนังด ้วยกัน เพราะงั้นตอนเย็นเลย

ซัดโฮกข ้าวแถวห ้างและซื้อตั๋วรอบสุดท ้ายของวันเพราะ

ชอบบรรยากาศที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ผมเป็นคนดูหนังแล ้ว

ต ้องการสมาธิค่อนข ้างมาก เผื่อจับไปวิเคราะห์และใช ้ ใน


การเรียนรวมถึงการท างานในอนาคต



แต่ก่อนเข ้าโรงหนัง เพื่อนรักกลับถามค าถามที่ท าเอาผม

ขมวดคิ้วมุ่น



“น ้ากับป๊ อปคอร์นมั้ย”




“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกินอะไรตอนดูหนัง ถ ้ามึงอยากกินก็ซื้อ

ไป” สงสัยจะติดมาจากผู้หญิงทุกคนที่มันชอบควง เวลาดู

หนังทีไรก็มักเซอร์วิสเขาด ้วยของกินแบบนี้ตลอด




จะว่าไป ภาพๆ นั้นยังติดตาของผมอยู่เลย โรงหนังในวัน

นั้นและน ้าตาของผม...



“คิดมากอะไร กูไม่ได ้จะซื้อ แค่ถามเผื่อมึงหิวไง” สุดท ้าย

มือหนาก็ขยี้หัวผมไปมาจนยุ่งเหยิงเป็นการเปลี่ยนเรื่องและ

พากันเดินเข ้ามาด ้านในทันที




“เรานั่งแถว E เขาบอกว่าที่นั่ง E13 เอาไว ้ให ้เจ ้าที่นั่ง”



“ประสาทเหรอ เขากันไว ้ฉุกเฉินเผื่อน ้าแอร์ตกหรือเบาะ

นั่งไม่ได ้เว ้ย” กะจะบิวด์กูรอชาติหน้าเถอะ ผมไม่ใช่พวก

กลัวผีจนหัวหดขนาดนั้น หนังสยองขวัญก็ดูมาไม่รู้กี่เรื่องต่อ

กี่เรื่อง




“แย่จัง มึงไม่อิน”



“ไปหัดมาใหม่นะ”



ผมทิ้งตัวลงนั่งเบาะด ้านใน ส่วนไอ ้ค่ายก็เดินกะเผลกมา

ทิ้งตัวนั่งข ้างๆ เดี๋ยวนี้แม่งแอดวานซ์แล ้วนะครับ ไม่ต ้องมี

ไม ้ค ้ายันก็เดินปร๋อ แผลหายช ้ าก็เพราะพฤติกรรมแผลงๆ


ของแม่งนี่แหละ

“เอาพนักขึ้นท าไม” ผมถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นมือหนาดึง

พนักวางแขนที่กั้นเราเอาไว ้ขึ้น




“มันไม่มีแก ้วน ้าให ้วางก็ต ้องเอาขึ้นดิ อึดอัด”



“งั้นมึงย ้ายไปนั่งไกลๆ เลยก็ได ้ สามสี่เบาะติดไม่มีคนนั่ง

หรอก” อย่างที่บอก รอบดึกสุดไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่



“ไม่เอา กูชอบนั่งกลางจอเหมือนตอนนี้”




“ข ้างหน้าเลยครับ”



“ชู่ววววว เดี๋ยวหนังฉายแล ้วเงียบหน่อย” ความกะล่อน

ปลิ้นปล ้อนไม่เคยมีใครทุบสถิติไอ ้ค่ายได ้สักคน ดีที่วันนี้มา

ดูหนังสงคราม อีกฝ่ ายจะได ้ไม่หาเรื่องมายุ่งกับผมอีก




พอหนังเริ่มฉาย สิบนาทีผ่านไปมือเริ่มเลื้อย



ผมหันไปจ ้องหน้ามันเป็นชิงปราม แต่ไอ ้ค่ายก็ท าหน้า

เหมือนคนไม่เข ้าใจผสานฝ่ ามือของผมแน่นหนากว่าเดิม จน

ซอกนิ้วกูเปียกไปหมดแล ้วสัด



“กูจะดูหนัง”




“ก็ดูไปดิ ใครปิดตาไว ้”

“มันไม่มีสมาธิ”




“หวั่นไหวก็บอก กูเข ้าใจ...” ผมเลือกเงียบ ไม่หันไปมอง

หน้าอีกฝ่ ายแม ้แต่เสี้ยว เพราะกลัวว่าจะโดนหยอดจนเสีย

ค่าตั๋วมาดูหนังที่เก็บอะไรไม่ได ้นอกจากค าพูดบ ้าๆ บอๆ

ของไอ ้ค่าย



“น่ารักเนอะ ท าไมโง่มาตั้งนาน”




“หนังสงครามน่ารักตรงไหน”



“ไม่ได ้หมายถึงหนัง แต่เป็นมึง”



“เงียบ”



“ไม่อินเหรอ”




“เออ”



“โนแลนดีกว่ากูตรงไหน”



“ทุกตรง”




“แต่โนแลนจับมือมึงเหมือนกูไม่ได ้ หึๆ” ยอมรับสภาพแต่

โดยดี ด ้วยไม่อยากเถียงให ้เหนื่อยเลยท าให ้ผมจ าต ้องนั่ง

จับมือกับไอ ้ค่ายจนหนังจบ กระทั่งเอนเครดิตขึ้น ร่างสูงถึง

ได ้ยอมปล่อยมือผมให ้เป็นอิสระ แล ้วต่างคนต่างหันไปจด


จ่อกับจอหนังขนาดใหญ่แทน



“คงจะดีถ ้ามีชื่อมึงกับกูอยู่บนนั้น” คราวนี้น ้าเสียงที่เปล่ง

ออกมาไม่ได ้เป็นเชิงล ้อเล่นเหมือนอย่างเคย



“ไว ้รอเรียนจบมึงก็มีโอกาสได ้เดินตามฝันแล ้ว”




“ในนั้นต ้องมีมึงด ้วยนะ”



“ใครจะไปรู้ กูอาจเบนสายไปท าอย่างอื่น”



“ทั้งที่หนังคือทั้งชีวิตของมึงอ่ะนะ” รู้กูดีจัง ใช่! ตั้งแต่ครั้ง

แรกที่ก ้าวเข ้ามาเรียนนิเทศฯ จนปีสามที่มีโอกาสได ้เลือก

สายเฉพาะ ผมก็คิดเสมอว่าตัวเองเลือกไม่ผิดที่เรียน


ภาพยนตร์ ขณะที่ไอ ้ค่ายยังดูงงๆ กับชีวิต แต่สุดท ้ายก็

ชัดเจนกับตัวเองเหมือนกัน



“ก็โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนไง”



“แต่มึงที่อยู่กับกูต ้องแน่นอนอยู่แล ้ว”




“มั่วฉิบหาย”

“เอ ้า! ขนาดกูขาหักเดินล าบากมึงยังช่วยกูไม่ไปไหน

เลย”




“กูจ าใจสัด แม่มึงเล่นโทรมาขอร ้องกูเช ้ าเย็นขนาดนั้น ไม่

ช่วยก็รู้สึกเกรงใจยังไงอยู่”



“ไม่เห็นต ้องเกรงใจเลย คิดซะว่าเป็นครอบครัวของมึง”

รู้สึกอบอุ่นจังเล ้ย เอาเข ้าจริงผมกับไอ ้ค่ายก็เป็นเพื่อนกันมา

นานพอสมควร ไอ ้สองโหดที่เหลือก็สนิทกับครอบครัวไอ ้


ค่ายเป็นอย่างดี ไม่เห็นว่าตัวเองจะพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน

เลย



“รู้แล ้วๆ กลับได ้ยัง เอนด์เครดิตจบแล ้วเนี่ย”



“กลับตอนมึงตกลงเป็นแฟนกูอ่ะ”




“คงได ้นอนที่นี่ยันแก่เลยมั้ง กูกลับก่อนแล ้วกัน” ว่าแล ้วก็

รีบลุกขึ้นเต็มความสูง เดินน าไปยังทางออกของโรงหนัง

โดยไม่พูดพร ่าท าเพลง



ดึกแล ้วครับ กูกลัว...



“เมื่อไหร่จะใจอ่อนคบกับกูอ่ะ” เสียงของไอ ้ค่ายยังดัง


ตามหลังไม่ห่าง

“เวลาจะพิสูจน์มึงเอง”




นี่แหละค าตอบที่ผมให ้ได ้ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะ

เล่นตัว แต่ผมยังไม่เห็นความจริงใจที่มันมีต่อผมเลยสักนิด

ถ ้าไม่นับที่เดินเป็นผีเลือดสาดมารับที่คณะ ไอ ้ค่ายก็แค่

ผู้ชายเจ ้าชู ้ คนหนึ่งที่ปากบอกว่าจะหยุด แต่การกระท ายังไม่

เห็นเป็นรูปธรรมเลย



ผมเคยบอกว่าจะลองเสี่ยงดู แต่ก็ไม่ได ้หมายความว่าจะ


หน้ามืดตามัวกระโจนลงไปในเหวทั้งที่ไม่รู้ว่าตรงนั้นมีน ้าอยู่

หรือเปล่าหรอก บางทีก่อนตกอาจค ้นพบว่าตรงพื้นเป็นแค่

ดินแข็งๆ ไม่ตกลงมาเจ็บ ก็คงตายอยู่ตรงนั้น...



วันมรณะของกองละครนิเทศฯ มาถึง งานหนักไม่ได ้อยู่ที่

ผมซึ่งเป็นคนเขียนบท แต่ไปอยู่ที่คอสตูม ทีมช่างภาพ และ

ฝ่ ายโสต




พี่เชนทร์กับพี่อั้นนัดคนที่เกี่ยวข ้องให ้แหกขี้ตาขึ้นมา

รวมตัวที่คณะตั้งแต่เช ้ า แม ้จะเป็นวันเสาร์เราก็จ าใจต ้องตื่น

อย่างที่บอกไปคร่าวๆ แม ้ผมจะไม่มีหน้าที่แต่ก็ต ้องติดสอย

ห ้อยตามแก๊งโหดทั้งสามออกมาอยู่ดี



ไอ ้ทูเป็นตากล ้องมือหนึ่งที่รับหน้าที่ถ่ายโปสเตอร์


ประชาสัมพันธ์ละครเวที ส่วนไอ ้ค่ายกับไอ ้โบนก็เตรียม

ความพร ้อมส าหรับออดิชั่นนักร ้องที่จะมาร ้องเพลงประกอบ

ละครในปีนี้ ผมจึงคิดว่านี่อาจเป็นงานยุ่งแห่งชาติอีกหนึ่งวัน




เราแยกย ้ายกันท าหน้าที่ของตัวเอง ผมที่ไม่ค่อยถนัดงาน

ภาพเลยได ้แต่ยืนดูไอ ้ทูท าหน้าที่เป็นตากล ้อง และคอย

ช่วยเหลือหยิบอุปกรณ์เล็กน้อยให ้กับทีมตบเอ็ฟเฟ็กต์และ

จัดแสง นักแสดงก็ต ้องเตรียมพร ้อมส าหรับการถ่าย ทั้ง

เสื้อผ ้า หน้า และทรงผม



“ธีมโปสเตอร์นี่แนวไหนวะ” ผมถามเพื่อนตัวสูงที่ถือ


กล ้องสีด าหนักๆ อยู่



“ไอ ้พี่เชนทร์อยากได ้อะไรที่ดูหวานๆ ฟุ้งๆ แม่งไม่ใช่

สไตล์กูเลย”



“เอาน่า มึงเก่งอยู่ละ ถ่ายเสร็จให ้ทีมกราฟิกไปจัดการต่อ

ได ้”




“มันก็ไม่ได ้ยากหรอกเรื่องฝืนถ่ายเนี่ย แต่คงจะดีถ ้าน้อง

พิงค์แม่งใส่ยกทรงตัวเดียวมาถ่ายแทน” หรรม! กับงานมึงก็

ยังจะหื่นนะเชี่ยทู



“กูฟ้องพี่เชนทร์แน่”




“ฟ้องเลย ขนาดพี่อั้นเพื่อนมันยังเห็นด ้วยกับกู” ผมแทบ

จะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากอย่างปลงตก ไม่อยากจะคิดว่า

อนาคตเมียมันจะหน้าตาเป็นยังไง รู้สึกสงสารขึ้นมา

ครามครัน




“กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรในใจ” เสียงทุ้มขัดจังหวะ



“กูคิดไร”



“คิดว่าท าไมกูหล่อใช่มั้ย ช่วงนี้ใช่ครีมดี น้องนางแบบเอา

มาฝาก ทาอย่างเดียวจะไม่เห็นผลนะ ต ้องเอานมถูหน้า


แทนนิ้วมือด ้วย”



“ไอ ้สัด” คนเหี้ย 2017 ก็มันเนี่ยแหละ



“ขอบคุณครับเพื่อน น้องพิงค์ยืนตรงกลางได ้เลยครับ ไอ ้

เหี้ยฟานมึงรีบเดินมาว่องๆ!” เปลี่ยนเรื่องเร็วฉิบหาย งาน

สองมาตรฐานนี่สันดานไอ ้ทูมันเลย ผมจึงยอมหลีกทางให ้


เจ ้าตัวไอ ้ท างานอย่างเต็มที่ ก่อนร่างสูงของเพื่อนรักจะหัน

มาบอกด ้วยสีหน้าเคร่งเครียด



“ตรงนี้ไม่มีอะไรท า ไปดูแฟนมึงที่ห ้องออดิชั่นได ้”



“ใครแฟน!” ผมแหวใส่เสียงดัง




“ก็ไอ ้ค่ายไง”

“มันไม่ใช่แฟนกูเว ้ย”




“เออนั่นแหละ บางทีตรงโน้นอาจต ้องการความช่วยเหลือ

ฝั่งกูไม่มีอะไรละรีบเฉดหัวไปเลยเกะกะ” โอ ้โห ้เจ็บกระดอง

ใจ แต่ท าอะไรไม่ได ้นอกจากเดินฮึดฮัดออกจากสตูดิโอ

ถ่ายภาพ แล ้วมุ่งหน้าไปยังห ้องออดิชั่นที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

นัก





และทันทีที่ฝ่ ามือจับลูกบิดประตูและออกแรงผลักเข ้าไป

ผมก็ได ้ยินเสียงเพราะๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข ้ามาใน

โสตประสาท



โชคดีที่ประตูอยู่ด ้านหลังกรรมการที่คัดเลือก เลยไม่มี


ใครหันมาสนใจผมแม ้แต่คนเดียว และเพื่อไม่ให ้เป็นการ

รบกวนผมจึงแง ้มประตูฟังอยู่ตรงจุดเดิม ไม่คิดเข ้าไป

ภายในให ้คนอื่นเสียอรรถรส


♪ So open your eyes and see


The way our horizons meet

And all of the lights will lead

Into the night with me ♪



“หูยยยยยยยย น่ารัก”




เสียงของใครหลายๆ คนที่อยู่ภายในห ้องต่างพูดเป็น

เสียงเดียวกัน ผมจ ้องมองผู้หญิงที่ขึ้นไปนั่งเก ้าอี้บนสเต

จซึ่งยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย เธอถือกีตาร์ไว ้ในมือและก าลังเล่น


มันอย่างมีความสุข


♪ And I know these scars will bleed

But both of our hearts believe

All of these stars will guide us home ♪




เพราะมาก เพราะจนลืมหายใจ



เป็นเพลง All of the stars ของ Ed Sheeran ในเวอร์ชั่น

ผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยฟังมา



ผมคิดว่าคนคนนี้คงถูกเลือกให ้มาร ้องเพลงประกอบเวที


แน่ๆ แม ้ตัวเองจะไม่ได ้ฟังคนที่เริ่มต ้นออดิชั่นตั้งแต่คนแรก

ก็ตาม แต่เมื่อดูจากปฏิกิริยาของคนที่เข ้ามาออดิชั่น กับ

ท่าทางของทีมที่คัดนักร ้องเข ้ามาก็บ่งบอกได ้เป็นอย่างดีว่า

เจ ้าของเสียงนี้ต ้องเป็นตัวเต็งของงานแน่นอน



จวบจนเพลงจบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างล ้นหลาม

ผมเห็นไอ ้ค่ายนั่งอยู่ตรงเก ้าอี้ เป็นหนึ่งในคนที่คัดเลือก


นักร ้องส าหรับละครเวที แม ้จะไม่เห็นว่ามันก าลังท าหน้า

ยังไงอยู่ แต่ผมคิดว่าเจ ้าตัวคงพอใจไม่น้อย



“เดี๋ยวคิวต่อไปขึ้นมาเตรียมตัวเลยนะครับ” อารมณ์คนฟัง

เริ่มซาลงแล ้วจดจ่อกับการฟังเพลงใหม่ ผมเองก็เหมือนกัน

ยืนอยู่ที่เดิมไม่คิดขยับไปไหน




คนแล ้วคนเล่าผ่านไปจนหมด เลยมีเวลาส าหรับพักเบรก

เล็กน้อยก่อนประกาศผล แน่นอนว่าผู้ชนะคือเจ ้าของเสียง

หวานที่ร ้องเพลง All of the stars ตามคาด หลายคน

ทยอยออกมาจากห ้องหลังเสร็จสิ้นการคัดเลือกนักร ้อง

ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนไปป่ วนไอ ้ทูที่ก าลังเคร่งเครียดกับการ

ถ่ายโปสเตอร์อย่างแข็งขันบ ้าง




“พ่อมึงแคสต์เสร็จแล ้วเหรอ” ปากถามไป มือก็ถ่ายรูปไป

ด ้วย



“เออ คนได ้นี่เสียงสวรรค์มาก น่ารักด ้วย”



“นมใหญ่มะ เผื่อกูจองตัวเขาไปถ่ายแบบ”




“ม ึงไม่หื่นสักนาทีได ้มั้ย ไม่ได ้สวยเซ็กซี่เว ้ย แต่น่ารัก

เหมือนตุ๊กตาอ่ะ”



“หมดสิทธิ์ ถ ้าเป็นไอ ้ค่ายได ้อยู่ เชี่ยนี่ชอบแบบโมเอะๆ”

ผมสตั๊นไปพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได ้พูดอะไรออกมานอกจากมอง

ไอ ้ทูถ่ายภาพไปเรื่อยๆ กว่าจะเสร็จก็ปาไปอีกเกือบสอง

ชั่วโมงเพราะส่งรูปให ้กราฟิกนั่งแต่ง ณ เดี๋ยวนั้นเลย ราก


งอกฉิบหายกู

คิดดู ขนาดผมช่วยทุกคนเก็บของและเคลียร์สตูดิโอจน

เสร็จ แม่งก็ยังไม่เห็นเงาไอ ้ค่ายกับฝ่ ายโสตโผล่หัวมา


ทักทายสักราย ทั้งที่การออดิชั่นเสร็จสิ้นไปตั้งแต่สอง

ชั่วโมงก่อนแล ้วนี่หว่า



“เดี๋ยวแยกย ้ายกันเลยนะทุกคน ขอบคุณมากๆ เว ้ย” พี่

เชนทร์ซึ่งเป็นเป็นฝ่ ายส ารวจในขั้นตอนสุดท ้ายเอ่ยขอบคุณ

ก่อนพี่น้องนิเทศฯ ที่เหนื่อยกันมาหลายชั่วโมงจะแยกย ้าย

กลับ เหลือแต่ผมกับไอ ้ทูเนี่ยแหละที่ยืนมองหน้ากันนิ่ง




“เอาไง”



“มึงนั่นแหละไอ ้เติร์ดไปตามเพื่อนมึงอีกสองตัวมา เดี๋ยว

ไปแดกข ้าวพร ้อมกัน”



“มึงก็มาด ้วยกันสิวะ”




“ปวดเยี่ยว ถ่ายมาหลายชั่วโมงยังไม่ได ้พักเยี่ยวเลย หรือ

มึงจะไปส่งกูที่ส ้ วมก่อน”



“ไม่อ่ะ เสียเวลา”



“งั้นก็รีบไปตาม กูจะลงไปรอที่ลานจอดรถโอเคนะ”




“เออ” ไอ ้ทูแยกไปเข ้าส ้ วมทางขวามือ ผมเดินไป

ทางซ ้ ายกลับเข ้าไปยังห ้องออดิชั่น พอลองแง ้มประตูดูก็

เห็นว่าไฟยังเปิดสว่างอยู่ และคนที่อยู่ด ้านในก็คือพวกสิงห์


สาราสัตว์ที่เหลือเนี่ยแหละ แต่ที่แปลกคือน้องผู้หญิงที่

ได ้รับเลือกก็ยังอยู่ตรงนั้นด ้วย



ฝ่ ายโสตที่อยู่ในห ้องทั้งหมดเป็นผู้ชาย ผมแปลกใจมาก

ที่ท าไมผู้หญิงคนเดียวถึงอยู่ในห ้องที่มีพวกเหี้ยๆ นี่ได ้โดย

ไม่ตะขิดตะขวงใจ




“น้องชิงชิงเพื่อนพี่ชอบ!” เพื่อนปีสามที่อยู่ในกลุ่มโพล่ง

เสียงดังพลางหัวเราะร่วน เจ ้าของชื่อก็อายม ้วนต ้วนส่งยิ้ม

มาให ้อย่างเขินๆ



หืม...หม ้อสาวอยู่นี่เอง แล ้วผู้หญิงฝ่ ายโสตมันหายไป

ไหนกันหมดวะ งงใจ




“คนนี้นะครับน้อง เผื่อสนใจ” ดวงตาของผมเบิกโพลง

จิตใจเต ้นรัวขึ้นมาดื้อๆ ทันทีที่รุ่นพี่ปีสี่ชี้นิ้วไปที่คนตัวสูง

อย่างไอ ้ค่าย



“อ๋อพี่ค่าย”



“รู้จักด ้วย ฮิ้วววววว เพื่อนกูมีหวังแล ้วโว ้ย” หลายคน


ยังคงคอยเชียร์คอยหยอดให ้ไม่ขาด ซึ่งไอ ้เพื่อนรักก็ไม่ได ้

มีท่าทีโต ้แย ้งใดๆ เสียดายที่ผมไม่เห็นหน้าของมันว่าก าลัง

ยิ้มหรือมีปฏิกิริยาตอบโต ้อะไรหรือเปล่า ไม่งั้นพัง!




“เพื่อนพี่เจ ้าชู ้ หน่อยนะน้อง”



“เจ ้าชู ้ หนูก็คิดว่าเอาอยู่นะ”



“โหยยยยยยยยย ปั้งๆๆ ไปเลยครับ ค่ายมึงเอาไง” ผม

หวังจะฟังประโยคซื่อสัตย์ของมัน ครั้งหนึ่งไอ ้ค่ายเคยพูด

เอาไว ้ว่ามันจะจริงใจกับผมแค่คนเดียว มาวันนี้ผมยังไม่ลืม


นะ



แต่ก็ไม่ได ้มีประโยคใดตอบกลับมานอกจากเสียงของไอ ้

โบนที่แทรกขัดจังหวะขึ้นซะก่อน...



“เชี่ยเติร์ด มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ทุกสายตาหันมามองที่

ผมเป็นจุดเดียว เล่นเอากูท าตัวไม่ถูกนอกจากผลักประตูเข ้า


มาและยืนตอบอย่างเก ้ๆ กังๆ



“เอ่อ...กะ...กูเพิ่งมา โปสเตอร์ถ่ายเสร็จแล ้ว”



“จริงดิ”



“ไอ ้ทูก็รออยู่ข ้างล่างแล ้วด ้วย แต่ถ ้ามึงสองตัวยังไม่เสร็จ


ก็อยู่ต่อเลยนะ”

“เสร็จแล ้ว! ไปได ้” คราวนี้ไอ ้ค่ายเป็นฝ่ ายพูดออกมาบ ้าง

มันรีบสาวเท ้าที่ติดเฝือกมาถึงตัวผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะ


โบกมือให ้เพื่อนและรุ่นพี่เป็นการบอกลา



ไอ ้โบนรีบตามมาขนาบข ้างอย่างไวว่อง มันแอบกระซิบ

ถามผมว่าเห็นหรือไอ ้ยินอะไรมั้ย แต่ผมก็ตอบปฏิเสธ

กลับไปเพื่อความสบายใจ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า แค่ผู้ชาย

เถื่อนๆ ที่ชอบแซวผู้หญิงด ้วยความสนุกปาก ขนาดเรื่อง

ของผมกับไอ ้ค่ายยังถูกเพื่อนล ้อเป็นอาทิตย์ นับประสาอะไร


กับคนน่ารักแบบนั้นวะ



แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได ้ที่จะถามออกไป



“คนที่ออดิชั่นได ้ชื่ออะไรวะ” ตอนนี้เราอยู่กันที่ร ้านข ้าวข ้า

งมหา’ลัย โดยมีแก๊งโหดนั่งอยู่กันพร ้อมหน้า




“ชื่อชิงชิง อยู่ปีสอง”



“ชิงชิงบัญชีอ่ะเหรอ หูยยยยย ของเด็ดของดี” แม ้แต่ไอ ้

ทูยังรู้จัก



“ไหนมึงบอกไม่ชอบคนน่ารักยังไงวะ” ผมถามอย่างข ้อง

ใจ




“ไม่ชอบคนน่ารักที่นมเล็ก แต่คนนี้เต็มไม ้เต็มมือมากครับ

เพื่อน ว่าแต่เหตุผลที่ได ้รับคัดเลือกมาเพราะคะแนนความ

น่ารักของน้องเขาใช่มั้ย”




“อะแค่กๆ ไม่ใช่” ไอ ้ค่ายรีบปฏิเสธอย่างไวว่อง



“ปากดี คะแนนส่วนใหญ่ก็มาจากมึง” ไอ ้โบนแซะบ ้าง อ๋อ

...ชอบแบบนี้นี่เอง อ๋อ...



“เขาร ้องเพลงเพราะ ถ ้ามึงได ้ฟังก็คงคิดเหมือนกัน”




“กูไปฟังมาแล ้ว แต่ไม่ได ้แวะเข ้าไปด ้านในน่ะ ร ้องเพราะ

อย่างที่พวกมึงพูดจริงๆ” เพื่อตัดปัญหาและจบประเด็นนี้ลง

ผมจึงเลือกบอกความจริง



“จริงดิ แล ้วท าไมไม่เข ้าไปนั่งฟังด ้วยกันวะ”




“ต ้องออกมาช่วยไอ ้ทูไง”



“อ ้าว แต่มึง...” ผมรีบเตะเท ้าไอ ้ทูยิกๆ ก่อนที่มันจะโพล่ง

อะไรออกมาจนจับไต๋ได ้อีก ความจริงก็คือผมยืนฟังจน

ออดิชั่นครบทุกคนเลยล่ะ ส่วนเรื่องโกหกเหรอ...กูมาแป๊ บ

เดียว




ชิงชิงเป็นใครผมไม่สนใจหรอก ผมสนแต่ความรู้สึกของ

ไอ ้ค่ายที่ตอนนี้เอนเอียงไปหาเขาหรือยัง น่ารักแบบนี้สเป็ค

มึงด ้วยสิ ร ้องเพลงเพราะอีกต่างหาก ต่อไปถ ้ามาร ้องเพลง

ให ้ละครเวทีต ้องดังเปรี้ยงปร ้างชัวร์ ถึงตอนนั้นทุกอย่างยัง


เป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ยวะ



อดีตที่ไอ ้ค่ายเคยเป็นมันลบออกจากหัวไม่ได ้จริงๆ ว่ะ



เรื่องรักง่ายหน่ายเร็ว เลิกกับคนนี้และคบกับอีกคน มี

ความสัมพันธ์แบบวันไนต์สแตนด์ยุ่งเหยิงเต็มไปหมด แต่

ผมเคยคิดเอาไว ้แล ้ว หากวันไหนก็ตามที่ไอ ้ค่ายมีอะไรกับ


ใครชั่วข ้ามคืนในระหว่างที่จีบผมอยู่ ผมก็พร ้อมจะตัดมันใน

ฐานะคนรักเหมือนกัน



จริงๆ เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได ้แย่ แค่เจ็บ



“แล ้วเดี๋ยวไปไหนกันต่อ”




“ขอตัวไปนอน ตื่นเช ้ าไม่ไหวจะเคลียร์” เชี่ยทูพูดเสียง

งัวเงียพร ้อมกับตักข ้าวใส่ปาก ไอ ้โบนก็พยักหน้าเห็นด ้วย

คงเหลือผมกับไอ ้ค่ายที่นั่งมองหน้ากันไปมา สุดท ้ายอีก

ฝ่ ายก็หมดความอดทนเป็นฝ่ ายถามขึ้นก่อน



“มึงจะกลับไปนอนมั้ยเติร์ด”




“ถ ้ากูบอกว่าจะกลับล่ะ มึงจะเรียกแท็กซี่ไปส่งที่ห ้อง

ตัวเองได ้มั้ย”

“ไม่อ่ะ กูจะให ้มึงมานอนห ้องกูแทน”




ไอ ้สัด! เกลียดค าพูดแม่งไม่พอต ้องมาเกลียดรอยยิ้มเจ ้า

เล่ห์ของมันอีก แล ้วสุดท ้ายปฏิเสธได ้มั้ย ไม่ได ้ครับ

นอกจากเป็นขี้ข ้าพาคุณชายขุนพลขาหักมาส่งที่ห ้อง ผมก็

ถูกอีกฝ่ ายกักตัวให ้นอนโง่ๆ ที่อยู่บนเตียงของมันเกือบค่อน

วัน ตื่นมาอีกฟ้าก็มืดซะแล ้ว



ผมได ้ยินเสียงเจ ้าของห ้องผิวปากอยู่ในครัว เลยตั้งใจจะ


เดินไปดูสักหน่อยว่าแผลงฤทธิ์อะไรอีก แต่สายตาเจ ้ากรรม

ดันไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงของมันเข ้า

หน้าจอที่ล็อกเอาไว ้มีแจ ้งเตือนค ้างอยู่



เท่าที่รู้ไลน์ของไอ ้ค่ายมีไว ้ส าหรับติดต่อเพื่อนในกลุ่ม

และรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทของนิเทศฯ ส่วนคู่กรณีเก่าก็ลบไป

หมดแล ้ว ผมไม่เคยมีความคิดจะเสือกหรือเข ้าไปยุ่มย่าม


เรื่องส่วนตัวของมัน แต่ทุกครั้งที่รู้คือเจ ้าตัวเป็นฝ่ ายบอกเอง

ว่าอยากลบและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให ้จบ



แต่ท าไมวันนี้ถึงมีไลน์ที่ชื่อ ChingChing ได ้



ความจริงอาจจะคุยกันเรื่องเพลงมั้ง คิดได ้เท่านั้นก็รีบ

สะบัดหัวให ้หายฟุ้งซ่าน เดินไปหาคนตัวสูงที่ก าลังฮัมเพลง


สลับผิวปากราวกับคนบ ้า

“ท าอะไร” เอ่ยถามพลางก ้มลงมองบางอย่างในกระทะ




“เจียวไข่”



“คราวก่อนแค่ทอดไข่ดาวยังเละเลย คราวนี้ยังมีหน้ามา

ท าอีกเหรอ”



“ไว ้กินข ้าวเย็นกับมึงไง”




“งั้นก็ท ามาเถอะ แดกไม่ได ้ก็แค่ทิ้ง” สุดท ้ายทิ้งจริงครับ

กูเนี่ยแหละต ้องมายืนท าให ้มันซะทุกอย่าง คุณชายเขา

อยากกินไข่เจียวกับผัดผัก เวรกรรมกูฉิบหายเลยครับ



กว่าจะเสร็จกว่าจะตั้งโต๊ะแดกทุ่มนึงพอดี ไอ ้ค่ายวิ่งก ้น

ขวิดเข ้าไปในห ้อง ก่อนจะเดินขาเป๋ ออกมาอย่างอารมณ์ดี

เรานั่งกินข ้าวกันไปทะเลาะกันไปตามประสา จะมีก็แต่เสียง


จากไลน์เนี่ยแหละที่ดังขึ้นมาไม่หยุดไม่หย่อน ลองเหลือบ

ไปดูทางเห็นตาเห็นชื่อชิงชิงเด่นหราอยู่เลยกดเสียงต ่าถาม

ออกไป



“ใครวะ”



“เปล่า ไม่มีไร”




“ส าคัญมั้ย ถ ้าส าคัญคุยให ้เสร็จก่อนแล ้วค่อยกิน”

“ไม่ว่ะ มึงก็กินเยอะๆ” มือหน้าเอื้อมมาผลักหัวผมเล่นไป

ทีหนึ่งก่อนจะก ้มหน้าก ้มตากินข ้าวต่อ ไอ ้สัด! เรื่องกลบ


เกลื่อนอ่ะเก่งจัง



ถ ้าไม่มีอะไรมึงคงบอกกูแต่แรกแล ้วใช่มั้ยว่าคุยกับน้อง

เขา ต ้องปล่อยให ้กูโง่ไปอีกนานแค่ไหนกัน



ผมพยายามบอกตัวเองว่าให ้คิดเป็นกลางเข ้าไว ้ ไม่ว่าจะ

เรื่องส่วนตัวหรืออะไร ถ ้าไอ ้ค่ายไม่ต ้องการบอกนั่นก็เพราะ


มันไม่อยากให ้ผมรู้ อาจจะเพื่อความสบายใจหรืออะไร

บางอย่าง ดังนั้นเรื่องของนักร ้องคนใหม่ที่ชื่อชิงชิงเลย

ไม่ใช่เรื่องที่ผมต ้องกังวล แต่...



ตอนที่มากองละครเวที ผมมักเห็นน้องเขาอยู่กับไอ ้ค่าย

เสมอ




“ชิงชิงนี่เติร์ดเพื่อนสนิทพี่ ส่วนไอ ้เติร์ดนี่นักร ้องที่จะมา

ร ้องเพลงประกอบละครปีนี้”



“หวัดดีค่ะพี่เติร์ด”



“หวัดดีครับ แล ้วนี่ท าอะไรกันอยู่วะ”




“ดูน้องแม่งซ ้ อมร ้องเพลง พรุ่งนี้อัดเสียง”

“อ่อ...”




ตอนที่ก าลังกินข ้าวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ที่โรงอาหาร



“น้องชิงชิงมานั่งนี่ได ้”



“นั่งได ้เหรอคะ”



“ที่สาธารณะนั่งได ้ แล ้วนี่ลมอะไรหอบมากินข ้าวที่ตึก


นิเทศฯ เนี่ย”



“ข ้าวที่ตึกบัญชีไม่อร่อย”



“งั้นขอให ้ข ้าวไม่อร่อยทุกวันเลยนะ จะได ้มากินด ้วยกัน

ที่นี่”




ท่ามกลางความครื้นเครงในกลุ่มเพื่อน กลับมีผมคนเดียว

ที่รู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย ถึงแม ้ไอ ้ค่ายจะไม่ใช่คนเอ่ย

ชวน ถึงมันจะไม่ได ้เอ่ยปากคุยกับเขา แต่สายตาที่ทั้งคู่มอง

กันมันท าให ้ผมรู้สึก



ว่าหัวใจของไอ ้ค่ายไม่ได ้เปลี่ยนไป มันยังเหมือนเดิม

เหมือนตอนที่ยังรักใครไม่เป็น...




ตอนที่ไอ ้ค่ายถอดเฝือกออกจากขา และตัดสินใจโพ

สต์รูปลงเฟซบุ๊กของมัน




‘เพื่อนผมหล่อแล ้วครับ อย่างนี้ต ้องฉลอง’

‘เฮ่ๆ ดีใจ’

‘อ ้าว ขุนพลไม่เป๋ แล ้วเหรอครับ แย่จัง’

‘หล่อเลย’



ผมเลื่อนข ้อความมากมายมหาศาล แต่สุดท ้ายสายตาก็

มาหยุดที่คอมเมนต์ของใครคนหนึ่งที่มีชื่อของ ‘ชิงชิง’


ปรากฏอยู่



มีสิ่งที่กูยังไม่รู้อยู่มากมายสินะ แต่นั่นไม่ใช่สิทธิ์ที่กูจะรู้

ต่อไป



แล ้ววันนี้...




“มีเลี้ยงฉลองฝ่ ายโสตจริงเหรอวะ” ไอ ้ทูเอ่ยถามเพื่อน

สนิทอีกสองคนที่ท าหน้าที่ส าคัญทางฝ่ ายโสต ศุกร์หรรษา

มาถึงเร็วมาก แต่สุดท ้ายเราก็ไม่ได ้อยู่พร ้อมหน้าพร ้อมตา

กันสักที



“เออดิ มึงสองตัวก็อยู่ดูหนังแล ้วนั่งดื่มสงบๆ ที่ห ้องแล ้ว

กัน” ไอ ้ค่ายเป็นฝ่ ายตอบค าถาม เท ้าสองข ้างก ้าวมา


ด ้านหน้าพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเคียงข ้างกับผม

“ขยับไปไกลๆ เหม็นบุหรี่ฉิบหาย”




“ไอ ้โบนเลย กูบอกว่าเหม็นมึงก็ยังจะสูบนะ”



“โอ๊ยไอ ้เหี้ย เรื่องโบ ้ยขี้นี่งานถนัดมึงเลยสัด”



“โหดน้อย ไอ ้โบนบังคับกูสูบ” พอเถียงไม่ชนะก็แถข ้างๆ

คูๆ ท าอย่างกับรู้ไม่รู้ไส ้ รู้พุงมึงเลย ไอ ้ค่ายมักสูบบุหรี่จัดอยู่

ไม่กี่ช่วง ตอนเครียด ตอนดื่มเหล ้า และตอน...เซ็กซ์จัด


เท่านั้น



ฟาย กูขอให ้มึงแค่เครียดนะขอร ้อง



“แล ้วไปกี่โมง” ผมถามอีก



“นัดกันสองทุ่ม”




“ก็ใกล ้เวลาแล ้วหนิ ไปเถอะ ศุกร์หรรษาของแก๊งโหดมัน

วนมาทุกศุกร์อยู่แล ้ว” ถือเป็นการปลอบใจไม่ให ้ไอ ้สองตัว

มันรู้สึกผิด แต่หลังจากที่ไอ ้ค่ายกับไอ ้โบนออกจากห ้อง ก็

เหลือผมกับไอ ้ทูที่นั่งมองหน้ากันเลิกลัก



คิวถูกเปลี่ยนมาใช ้ ที่ห ้องของผม ในตู้ตรงเคาน์เตอร์มี


น ้าแข็งและโซดาพร ้อมสรรพ กับแกล ้มก็ด ้วย ทุกอย่างถูก

เตรียมไว ้หมดแล ้ว แต่เสือกมารู้ว่าเขานัดกันก็ตอนสี่โมงเย็น

ถ ้าบอกแต่แรกกูคงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้อ่ะ




“เอาไงต่อดีวะ” แววตาของเพื่อนติสต์แตกถามเหมือน

อยากออกเริงร่าข ้างนอกสุดใจขาดดิ้น



“แล ้วมึงเอาไง”



“กินกันสองคนไม่สนุกหรอก ไปร ้านเหล ้ากันมั้ย”




“ก็ดีนะ อยู่ที่ห ้องสองคนนั้นมันเนือยๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ” ไม่

คิดอย่างเดียวกูท าเลย รีบอาบน ้าเปลี่ยนเสื้อผ ้าไปร ้านเหล ้า

แถวมอ จะบอกร ้านเหล ้าก็ไม่เชิงเพราะมันเป็นผับ มีโซนนั่ง

ชิลล์และโซนแดนซ์แยกกันอย่างเป็นระบบ ดึกๆ เวลาคึกก็

ไปเต ้น แต่ผมสายปลีกวิเวกก็นั่งยกดื่มอยู่ตรงนี้แหละ



“กูว่าจะถามมึงนานละ เห็นเดือนหลังๆ มานี้มึงเหมือนมี


เรื่องค ้างคาใจ มีอะไรบอกกูได ้นะ” พอเริ่มดื่มกันได ้สักพัก

ไอ ้ทูก็เป็นฝ่ ายเริ่มค าถาม จะว่าไปในสี่แก๊งโหด ถ ้าตัดไอ ้

ค่ายออกไอ ้ทูก็เป็นคนที่อยู่กับผมเสมอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์



คิดดู ตอนที่ร ้องไห ้เพราะความรักฉิบหายมันก็ยังอยู่ข ้างๆ

นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมเลือกไม่ปกปิดความลับกับมัน




“มึงรู้จักกับน้องชิงชิงเป็นการส่วนตัวมั้ยวะ”

“ชิงชิงบัญชีอ่ะนะ ไม่ว่ะ แต่ก็พอได ้ยินข่าวอยู่บ ้าง”




“เขาเป็นไง”



“พอตัวนะ นมน่ะพอตัวเลย”



“กูไม่ตลก” ตอนเครียดแม่งก็ยังสรรหาค าพูดมากวน

ประสาทกูอยู่ได ้ ไอ ้เรื่องนมใหญ่แต่น่ารักนี่รู้อยู่แล ้ว ไม่งั้น

พวกผู้ชายกองละครเวทีไม่หลงกันจนโงหัวไม่ขึ้นหรอก นี่


ขนาดพิงค์ที่เป็นนางเอกยังตกกระป๋ องไปแล ้วเลย



“โอเคจริงจังละ ที่บอกว่าพอตัวนี่พอตัวจริงๆ”



“...” ผมเอียงคอมองเป็นเชิงถาม ซึ่งเพื่อนคนนี้มันก็รู้งาน

รีบไขความกระจ่างให ้อย่างเร็วรี่




“แบบเก่งในเรื่องมัดใจผู้ชาย เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อะไรแบบนี้

เนี่ยแหละ”



“ชิงชิงเนี่ยนะ”



“มึงอย่ามองคนที่หน้าตา เรียบร ้อยน่ารักแบบนี้ไม่ได ้

เหมือนภายนอกที่มึงเห็นนะเว ้ย”




“ขนาดนั้น?”

“แล ้วนี่ถามถึงเขาท าไม อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับไอ ้ค่าย”




“มั้ง”



“อย่าไปคิดมาก ไอ ้ค่ายมันบอกจะหยุดก็คือหยุด”



“กูไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้นเลย มึงรู้ดี สันดานเจ ้าชู ้ ไม่ได ้เลิก

กันง่ายๆ ไม่งั้นมึงก็หยุดไปแล ้วดิ”




“ก็กูยังไม่เจอคนที่ชอบนี่หว่า ใช ้ กรณีไอ ้ค่ายไม่ได ้หรอก”

ผมกระดกเบียร์ลงคอจนหมดแก ้ว ไม่นานไอ ้ทูก็เป็นฝ่ าย

หยิบแก ้วใส่ๆ ไปเติมน ้าแข็งและรินแอลกอฮอล์ให ้จนเต็ม

เหมือนเดิม



“มันมีความลับกับกู” เสียงที่เค ้นออกมาติดสั่นเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่


ถูก “หรือกู...ไม่ควรให ้ใจมันแต่แรกวะ”



“เดี๋ยวใจเย็น มึงแม่งชอบคิดเป็นตุเป็นตะ”



“กูเห็นหลายครั้งละ ไอ ้ค่ายมันคุยไลน์กับน้องชิงชิงแล ้ว

ไม่ยอมบอกกู เวลามีเหี้ยไรกูก็มักเจอมันอยู่กับน้องเขา

ตลอด”




“ก็แม่งท างานด ้วยกันไง”

“มึงก าลังเข ้าข ้างไอ ้ค่ายอยู่ รู้ตัวมั้ย”




“เชี่ยเติร์ด กูไม่ได ้เข ้าข ้างใคร แต่ถ ้ามึงสงสัยก็ควรเปิดใจ

คุยกันนะเว ้ย” ก็ถ ้ามันบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรบอกให ้รู้ป่ ะวะ ผม

ก็ไม่อยากเป็นพวกก ้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรอกถึงได ้เงียบมา

จนถึงทุกวันนี้



“มันจะมองว่ากูงี่เง่ามั้ยวะ” พูดไปก็หยิบแก ้วเบียร์ขึ้นมา

กระดกไป




“ท าแบบนี้แหละที่เรียกว่างี่เง่า ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะ”

เหมือนโดนแม่นั่งสั่งสอนให ้ฟัง โอเค ถ ้าพรุ่งนี้ได ้เจอไอ ้

ค่ายผมก็จะคุยกับมันตรงๆ เหนื่อยจะเดาสถานการณ์ต่อไป

ละ



อย่างน้อยมันก็ต ้องมีเรื่องที่ดีบ ้างแหละ อย่างผมเข ้าใจ


ผิดไปเอง ไอ ้ค่ายกับชิงชิงไม่ได ้มีอะไรกัน อะไรประมาณนั้น

...



“แต่ถ ้าจะระวังกูว่าระวังน้องเขาดีกว่า เหมือนน้องก็

ค่อนข ้างแรงในเรื่องนี้นะ”



“ถ ้าไอ ้ค่ายไม่เล่นด ้วย อ่อยแค่ไหนก็ไม่มีทางได ้ผลป่ ะวะ


นอกจากมันนั่นแหละที่สนองเอง”

“เออน่ะเชื่อกู ไม่มีอะไรเลวร ้ายขนาดนั้นหรอก อ ้าวเฮ ้ ย พี่

เคน!”




“อะไรวะ”



“ไอ ้พี่เคนแม่งมั่วหญิงอยู่บนฟลอร์เต ้น โลกกลมสัด” ชื่อ

ที่ไอ ้ทูโพล่งขึ้นนั้นเป็นรุ่นพี่ปีสี่ซึ่งท างานอยู่ฝ่ ายโสต ถ ้ารุ่น

พี่แกนัวกับผู้หญิงที่ฟลอร์ขนาดนี้ก็หมายความว่าฝ่ ายโสตที่

เหลือก็อยู่ที่ร ้านนี้ด ้วยน่ะสิ




โลกกลมจริงอะไรจริง เพราะไม่ได ้ถามไอ ้ค่ายกับไอ ้โบ

นก่อนว่ามีฉลองกันที่ไหนผมเลยไม่รู้ สุดท ้ายแจ็กพอร์ต

หวยดันมาออกที่ร ้านเดียวกัน



“ต ้องไปทักทายมั้ยวะ” ผมเอ่ยถามความเห็นไอ ้ทูไป มันก็

คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวไปมา โอเคบางทีเราควรแดก


กันสองคนไปเรื่อยๆ



เบียร์หกขวดหมดไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เวลายังอยู่ที่สี่

ทุ่มครึ่งอยู่เลย เพื่อนรักโบกมือเรียกบริกรเพื่อสั่งเบียร์เพิ่ม

ผมกับมันเลยได ้จัดหนักกันต่ออีกสามขวดยาวๆ เล่นเอาตา

ปรือไปเลยครับ ปกติจะค่อยๆ จิบท าให ้เมาช ้ า วันนี้ไม่รู้เป็น

ห่าอะไร หรือเพราะเมาแสงไฟจัดร่างกายถึงได ้อ่อนยวบไป


หมด


Click to View FlipBook Version