The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

“นิสิตคะช่วยเงียบเสียงหน่อย เดี๋ยวเราจะเริ่มเรียนแล ้ว

ก่อนอื่นเรามาเช็กชื่อกัน กิตติพงษ์...” อาจารย์เจ ้าของวิชา


เป็นฝ่ ายยุติบทสนทนาของเราลง ต่างคนต่างหยิบชีทเรียน

จากครั้งก่อนขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวส าหรับการเรียนซึ่งผมก็ไม่

ค่อยได ้ตั้งใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่สนใจคนข ้างๆ อยู่



“คลาสวันนี้เราจะมาต่อที่เรื่อง Screenplay และ

Shooting script และ Storyboard ไหนมีใครพอรู้บ ้างว่า

Screenplay คืออะไร”




ทุกคนในคลาสเงียบกริบ อาจารย์ซึ่งถือไมค์หน้าห ้องเลย

ได ้แต่กวาดตาไปมาคล ้ายก าลังหาผู้กล ้า และคนคนนั้นก็คือ

ไอ ้เติร์ด เชร ้ดดดด ว่าที่เมียกูนี่มีความเป็นผู้น ามากครับ ดู

ฉลาดหลักแหลม ตรงข ้ามกับกูทุกอย่างเลย



“เตชภณว่าไงคะ”




“มันคือบทภาพยนตร์ที่มีทั้งโครงเรื่องและบทพูดครับ

จริงๆ มันก็คือบท (Script) ซีเควนส์หลัก (Master scene)

หรือซีนาริโอ (scenario) นั่นแหละครับ”



“ถูกต ้องค่ะ แล ้ว Shooting script ล่ะ มันก็คือบท

เหมือนกันถูกมั้ย สรุปแล ้วมันแตกต่างจาก Screenplay


ยังไงคะ”

ผมตอบได ้! เรื่องถ่ายท าต ้องกูครับ




“ว่าไง”



“มันคือบทถ่ายท าครับ แตกต่างตรงที่มันจะบอกต าแหน่ง

กล ้อง การเชื่อมซ็อต และเอฟเฟ็กอื่นๆ เข ้าไปในการเขียน

ด ้วย”



“ดูฉลาดขึ้นมาเลยนะขุนพล” อาจารย์ชมด ้วยรอยยิ้ม




“พอดีมีก าลังใจที่ดีครับ”



“ฮิ่ววววววววววว”



เขินง่อวววว เพื่อนโห่แซวกันทั้งห ้องเลยโดยเฉพาะไอ ้

โบนกับไอ ้ทูที่ยกตีนขึ้นมาสะกิดยิกๆ รู้สึกภูมิใจเหมือนย ้อน


วัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ใครๆ ก็อยากดูเก่งและฉลาดใน

สายตาของคนที่ชอบ ตอนนี้ไอ ้เติร์ดคงนึกชื่อชมผมอยู่ในใจ

แน่ๆ



การเรียนวันนี้เต็มไปด ้วยความสนุกสนาน คลาสของเด็ก

ฟิล์มมันจะมีบางวันที่เราเครียดมาก หรือบางวันก็ไร ้สาระสิ้น

ดี ตลอดเวลาในการเรียนทั้งอาจารย์และนิสิตสลับการถาม


ตอบเป็นระยะแทรกกับการให ้ความรู้ กระทั่งภาพหนึ่ง

ปรากฎขึ้นบนจอโปรเจ็กเตอร์

“ถ ้าดูรูปนี้เราจะเปรียบมันเป็นอะไรคะ เอาตามทัศนคติ

ของนิสิตเลย”




บนจอเป็นภาพดอกกุหลลาบสีชมพูอ่อนต ้นหนึ่ง ด ้วย

ความคิดที่ว่ากูอยากดูหล่อในสายตาของไอ ้เติร์ด สมองเลย

ผลักดันให ้ตัวเองยกมือขึ้นฉับพลัน



“เปรียบเป็นความรักครับ”




“หูยยยยยยยยยยยย” เสียงของเพื่อนดังระงมไปทั่วห ้อง

ก่อนผมจะกระแอมไอเล็กน้อยแล ้วพูดต่อ



“ความรักก็เหมือนกับกุหลาบ สวยงามแต่ก็มีหนามแหลม

คม และถึงแม ้ว่าเราจะรู้ว่าถ ้าจับมันยังไงก็คงถูกหนามต า

แต่คนเราก็ยังอยากรู้จักความรักเหมือนกับอยากครอบครอง

กุหลาบสวยๆ อยู่ดี”




“น ้าเน่าฉิบหาย” ไอ ้ทูแทรกขึ้น คนฟังนี่แทบถลาไปต่อย

ปากให ้หายข ้องใจ



“แหมค าตอบเหมือนหนังยุค 70 เลยนะคะ แต่อาจารย์จะ

บอกขุนพลอย่างหนึ่ง กุหลาบพันธุ์ในรูปไร ้หนามนะคะ”




“ฮ่าๆ บักง่าว!”

ไอ ้ฉิบหาย! กูอุตส่าห์บิวด์มาตั้งนาน




“นี่เป็นข ้อเสียอีกอย่างหนึ่งที่คนเขียนบทควรค านึง นั่นคือ

การศึกษาและสังเกต ใช ้ เวลาและลงรายละเอียดกับมัน

มากๆ เข ้าใจที่พูดมั้ยคะ”



“คร ้าบ” เสียงหัวเราะยังคงดังขึ้นไม่มีท่าทีว่าจะเงียบ แม ้

อาจารย์จะหยุดพูดถึงประเด็นนี้แล ้วก็ตาม แต่อะไรก็ไม่เจ็บ

ใจเท่าไอ ้เติร์ดที่มองผมด ้วยสายตาล ้อเลียนนี่หรอก




จี๊ดดดด ไปถึงขั้วหัวใจ



“บางทีความรักมันก็เหมือนกับเห็บหมาเนาะเพื่อนเนาะ”

เชี่ยโบนพูดขึ้น



“ท าไมอ่ะ” ก่อนไอ ้ทูจะตบมุกอย่างรวดเร็ว




“ก็ท าให ้เจ็บไม่พอ ยังท าให ้เขารังเกียจด ้วยไง”



“โหยยย อย่างนี้ไม่หมาอย่างเดียวนะมึง หมาหัวเน่า

ด ้วย”



ฟายเอ๊ย! อายไม่รู้จะมุดหน้าไว ้ตรงไหน




“มึงหัวเราะท าไมไอ ้เติร์ด” ตอนนี้สมองไม่ได ้โฟกัสที่

เพื่อนโหดสองคนแล ้วครับ กูมองคนที่นั่งถัดไปทางขวามือ

มากกว่า




“เปล่า กูหัวเราะเหรอ”



“มึงไม่ต ้องมาเนียน เขาถึงบอกไงว่าผิดเป็นครู”



“แต่ผิดมากๆ ก็เป็นควายได ้นะ”




“งั้นยอมเป็นควายก็ได ้”



“ไม่เถียงกูแล ้วเหรอ” ไอ ้เติร์ดขมวดคิ้ว พลางถามอย่าง

แปลกใจ



“ก็ถ ้ามึงอยากให ้เป็นอะไรกูก็จะเป็น”




“...”



“พอดีอยากเป็ นทุกอย่างส าหรับมึง”



ปุ้ง! มุกนี้น่าจะผ่าน...



“ไอ ้ค่าย”




“จ๋า”

“งั้นเป็นกระโถนให ้กูหน่อยสิ พอดีอยากอ ้วกว่ะ”




ไอ ้ฉิบหาย! มึงเคยอินอะไรกับกูบ ้างมั้ยเตชภณ นี่มาทุก

ไม ้แล ้วนะ สุดท ้ายเหมือนตัวเองย ่าอยู่ที่เดิม แถมมีท่าทีว่า

จะเดินถอยหลังอีกต่างหาก



พูดแล ้วก็จะร ้อง...



เย็นวันนี้หลังเลิกเรียนไอ ้เติร์ดต ้องรับหน้าที่เป็นขี้ข ้าพา


ผมไปล ้างแผลที่โรงพยาบาล โชคดีหน่อยเพราะเป็น

โรงพยาบาลเอกชนเลยไม่ต ้องปวดหัวกับคนไข ้ที่มีเยอะๆ

แถมยังสามารถอ ้อนให ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมแค ้นเข ้ามาใน

ห ้องตรวจได ้อีกด ้วย



พยาบาลท าหน้าที่ล ้างแผลให ้จนเสร็จ สักพักผมก็ถูกเข็น

เข ้าไปยังห ้องตรวจซึ่งผมดึงมือคนตัวขาวเข ้าไปด ้วย เรานั่ง


หน้าสลอนอยู่ต่อหน้าหมอที่ท าการรักษาและผ่าตัดให ้ผม

ก่อนแกจะถามขึ้น



“พยาบาลบอกว่าคนไข ้ดื้อ”



“ผมท าอะไรครับ”




“แผลโดนน ้ามาเหรอ” นั่นไงกูโดนอีกละ

“ผมไม่ได ้ตั้งใจนะครับ แต่มันทุลักทุเลมากเพราะไม่มีใคร

ช่วย” พูดไปก็แสร ้งท าหน้าละห ้อยไป ถือซะว่าฝึกสกิลค


วามตอแหลต่อหน้าไอ ้เติร์ดก็แล ้วกัน



“คนที่บ ้านไม่อยู่เหรอ”



“พอดีผมขอออกมาอยู่คอนโดคนเดียวเพราะต ้องไปเรียน

มหา’ลัยครับ ที่บ ้านเลยมาดูแลตลอดเวลาไม่ได ้ แต่ว่า...”

ผมหันไปมองหน้าคนข ้างๆ ก่อนจะพูดต่อ “ก็มีเพื่อนสนิท


อยู่”



“ไอ ้ทูกับไอ ้โบนไง” คนถูกพาดพิงรีบเถียงทันที



“มันก็ไม่เหมือนมึงมั้ย ที่ผ่านมาไอ ้สองตัวมันช่วยอะไรกู

ได ้บ ้างนอกจากท าให ้ปวดหัว” จริงๆ มันก็ช่วยได ้แหละแต่

พอดีอยากให ้ไอ ้เติร์ดดูแลมากกว่า




“แล ้วจะให ้กูท าไง ย ้ายไปเฝ้ามึงเลยมั้ย”



“จริงดิ”



“กูประชดโว ้ย”




“นั่นไงหมอ ดูเพื่อนผมดิ ต่อไปผมงดอาบน ้าเลยได ้มั้ย

ครับ” ผมหันไปคุยกับคนอายุมากกว่าที่นั่งส่ายหน้าระอาไป

มา คือเขาคงคิดว่ากูใช ้ ห ้องนี้เป็นห ้องท าสงครามกับไอ ้

เติร์ดไปแล ้ว




“ไม่ดีมั้ง อดทนนิดหน่อย ช่วงนี้พยายามอย่าให ้แผลโดน

น ้าก็พอ ถ ้าผ่านช่วงล ้างแผลไปแล ้วก็จะโอเคกว่านี้”



“ระหว่างนี้สิครับที่ไม่มีคนดูแล ต่อไปคงไปไหนไม่ได ้มาก

เพราะขาหักอีก”




“งั้นอย่าทิ้งเพื่อนนะครับ เป็นก าลังใจให ้กัน” คราวนี้หมอ

หันไปบอกกับไอ ้เติร์ด ซึ่งเจ ้าตัวก็ได ้แต่ท าตาปริบๆ และฝืน

พยักหน้าอย่างจ าใจ



“มันท ้อแท ้ครับหมอ” เอาให ้สุดแล ้วหยุดที่เตียง ผิด!



“อีกสามเดือนกระดูกก็คงผสานกันสนิท”




“แผลกายรักษาหาย แล ้วเมื่อไหร่แผลใจจะหายบ ้างครับ”



“คือหมอปวดหัวกับคุณจริงๆ”



“แต่ผมก็สงสารเพื่อน ไม่อยากให ้มันต ้องตื่นเช ้ าไปรับไป

ส่งทุกวัน”




“ทางที่ดีคือควรตื่นพร ้อมกันและไปเรียนด ้วยกันถูกมั้ย”

หมอเหมือนถามเป็นเชิงเปิดทาง แถมสีหน้าแกยังบ่งบอก

เป็นเชิงถามว่าพอใจหรือยังอีก




เอาน่า! เป็นเรือผีให ้ไอ ้ค่ายได ้บุญนะ



“ถูกต ้องเลยครับ เนี่ยไอ ้เติร์ด ขนาดหมอยังบอกเลยว่ามึง

ควรย ้ายมาดูแลกูที่ห ้อง” ผมหันไปมัดมือชกกับคนข ้างๆ ซึ่ง

มันก็ไม่ได ้มีท่าทีลังเลใจใดๆ นอกจากตอบกลับอย่าง

รวดเร็วแทบไม่เสียเวลาคิด




“ให ้สาวมึงมาเฝ้าสิ”



“ก็บอกเลิกไปหมดแล ้ว”



“มึงก็หาใหม่สิ คนก่อนที่มาขอไลน์อ่ะ รีบให ้ไปเลยจะได ้

มีคนดูแล ไม่ต ้องเป็นภาระกูอีก”




“เขาไม่ใช่มึง กูอยากเป็นภาระแค่มึงเข ้าใจยัง”



“เอ่อ...คนไข ้เคลียร์กันก่อนมั้ย หมอจะได ้เดินออกไป”

สิ้นเสียงบุคคลที่สามซึ่งนั่งหน้าสลอนอยู่ในห ้อง ผมกับไอ ้

เติร์ดเลยจ าต ้องเลิกโต ้เถียงไปโดยปริยาย แต่ในใจเรื่อง

ของเรามันยังไม่จบ เพราะฉะนั้นหลังจากพยาบาลเข็นรถพา


ผมออกมาด ้านนอก ไอ ้เพื่อนรักก็ปั้นหน้าบึ้งใส่ทันที

“นี่ถ ้าไม่อยากให ้กลับด ้วยบอกได ้เลย เดี๋ยวกูโทรเรียก

แท็กซี่เอง” ปากพล่อยไปแล ้ว




ไม่รู้ไปจ าตัวอย่างมาจากหนังเรื่องไหน แต่ถ ้าไอ ้เติร์ดบ ้า

จี้ขับรถกลับเองนี่เรียกซวยฉิบหายเลยนะครับ ก็ได ้แต่หวัง

ว่าความเป็นเพื่อนของเรายังจะเหลือเยื่อใยให ้คนขาหักอยู่

บ ้าง



“จะโทรเรียกเหรอ” นั่นไง งานเข ้า!




“เดี๋ยวนี้แท็กซี่ก็ไม่ค่อยปลอดภัยด ้วยดิ บางทีก็ส่งรถ เติม

แก๊ส ให ้ไปส่งที่ไหนก็ไม่ค่อยไปอีก กูคงต ้องอดทนรอแบบ

เจ็บขาต่อไปนี่แหละ”



“งั้นกูเรียกแกร๊บให ้”




“บางทีคนแปลกหน้าก็ไม่น่าไว ้ใจอ่ะ วันก่อนอ่านข่าว

เหมือนผู้โดยสารโดนท าร ้ายอยู่เลย”



“กูโทรเรียกพี่สาวมึงมาให ้ละกัน”



“เคลียร์แม่งติดแฟน โทรไปรบกวนมันเดี๋ยวก็โดนด่ากราด

กลับมาหรอก”




“ให ้แม่หรือพ่อมึงมารับมั้ย”

“เขาอายุมากแล ้วนะมึง จะให ้ออกมาตอนรถเยอะๆ อย่าง

นี้ได ้ยังไง” ผมได ้ยินไอ ้เติร์ดถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันก ้ม


หน้ามองผมที่นั่งหน้าสลอนอยู่บนรถเข็น จ ้องอยู่อย่างนั้น

เกือบนาทีก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา



“สรุปแล ้วอยากไปด ้วยกัน”



“อืม”




“แค่เนี้ยะ จะฟอร์มจัดท าไม ไม่ได ้ดูเท่เลย” ก็ชอบมึงนี่

หว่า แถมไม่เคยต ้องมาจีบใครขนาดนี้ด ้วย



อย่างที่รู้กันดีว่าผมเป็นเด็กเอาแต่ใจของบ ้าน เป็นลูกชาย

ที่ไม่ค่อยเอาไหนเพราะถูกพ่อแม่สปอยมาตั้งแต่เด็ก อยาก

ได ้อะไรก็ต ้องได ้ ชอบใครเขาก็ชอบตอบ ทุกอย่างได ้ดั่งใจ

หมดจนไม่ต ้องพยายามให ้เสียแรง




แต่พอชีวิตพลิกผันต ้องมาจริงจังกับอะไรเป็นครั้งแรก ผม

กลับไม่รู้ว่าตัวเองควรท ายังไง ขั้นตอนที่อยู่ในหัวก็โคตรว่าง

เปล่า มีแค่เป้าหมายที่ตั้งไว ้ว่าต ้องชนะใจไอ ้เติร์ดเท่านั้น

ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าเป้าหมายไม่ได ้ส าคัญแล ้วล่ะ อยู่ที่

ปัจจุบันกูจะหาทางเต๊าะไอ ้เพื่อนคนนี้ยังไงดีกว่า เพราะ

เหมือนจะเป็นงานหนักที่สุดในชีวิตของผมแล ้ว




เช่นเคย ไอ ้เติร์ดยังคงเป็นสารถีพาผมไปทุกที ทันทีที่

ขึ้นมานั่งบนรถอย่างทุลักทุเลเราก็มุ่งหน้าไปยังมหา’ลัย

เช่นเดิม เพราะวันนี้ผมต ้องท างานกับทีมซาวน์ครั้งแรกใน


รอบเดือน ทั้งการเลือกเพลง การตัดต่อ จังหวะที่โคกับบท

เรียกได ้ว่ามันเป็นงานที่ค่อนข ้างซีเรียสพอสมควร



“ไม่ต ้องเปลี่ยนเพลงกูอีก” ความเงียบปกคลุมได ้สักพัก

คนขับที่นั่งข ้างก็โพล่งขึ้น และผมก็พบว่าตัวเองก าลังเคาะ

นิ้วไปมาใกล ้ๆ ปุ่ มกดเปลี่ยนเพลงอยู่




“ยังไม่ทันได ้ท าอะไรเลย เกรี้ยวกราดท าไมเนี่ย” คือกู

เคาะเฉยๆ มั้ย...



“กูก าลังฟังเพลง อย่ายุ่ง”



“...” ผมก็ไม่ได ้ว่าอะไรนะครับนอกจากจ ้องมันทั้งตัวด ้วย

ความรู้สึกบางอย่าง อาจเป็น...ชื่นชมในความน่ารักที่เพิ่ง


มองเห็นชัดๆ ตรงนี้ล่ะมั้ง



“ท าไมมือมึงขาวจัง”



“ไม่ต ้องมายุ่ง”



“ตามึงก็สวยด ้วย เป็นแฟนพี่มั้ยครับน้อง”




“เลิกม่อไปทั่วให ้ได ้ก่อนเถอะ” แว๊บหนึ่งไอ ้เติร์ดหันมา

มองผมตาขวาง ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับถนนตรงหน้าอย่าง

รวดเร็ว




“เลิกแล ้ว”



“ก็เห็นยังท าอยู่เนี่ย”



“อันนี้ไม่ได ้ม่อ อันนี้จริงจัง”




“เพื่อนเล่นเหรอ”



“ก็เล่นด ้วยกันมาสองปีกว่าแล ้วอ่ะ ตอนนี้เบื่อๆ เลยว่าจะ

หยุดเล่น”



“...”




“เปลี่ยนมาดูแลแทน”



“มึงยังเอาตัวไม่รอดเลย”



“งั้นก็ดูแลกันและกัน”



ผมไม่อยากมีความทรงจ าเป็นภาพที่อีกสิบปีมาเจอกัน


แล ้วถ่ายรูปรวม แต่อยากมีแค่ตัวตนของเราที่มีความทรงจ า

ร่วมกันจริงๆ โดยไม่ต ้องมีภาพถ่ายเก็บไว ้ เจอกันทุกวันอาจ

เบื่อไปบ ้าง แต่ถึงเวลานั้นคงผูกพันกันฉิบหาย




รถแล่นไปบนถนนด ้วยความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อ

ชั่วโมง มีเพลงดังคลออยู่ในหูตลอดทาง แต่เราไม่ได ้พูด

อะไรมากกว่านั้น คล ้ายกับว่า...ต่างคนต่างวาดฝันอนาคต

ของตัวเองอยู่ ผมไม่รู้ว่าอนาคตของไอ ้เติร์ดมีผมอยู่ในนั้น

มั้ย แต่ส าหรับผม...



มันคือวัตถุดิบชั้นยอดที่แต่งเติมฝัน และหวังว่ามันจะเป็น


จริงในสักวัน



บรรยากาศในห ้องซ ้ อมวันนี้เต็มไปด ้วยความครึกครื้น

เพราะรวมสต๊าฟหลายฝ่ ายมาโคงานกับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่

ฝ่ ายเสียง แสง บล็อกกิ้ง ช่างภาพ แม ้ความสมบูรณ์ของมัน

จะมีอยู่แค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ก็ตาม




“ค่าย! น้องค่ายยยยยย” หลังจากก ้าวเท ้าเข ้าไปด ้านใน

พร ้อมกับไอ ้เติร์ด เสียงของพี่ทีมแอคติ้งก็ร ้องเรียกผมเสียง

ดัง สีหน้าแต่ละคนดูตื่นเต ้นมาก มีนักแสดงหลักหลายคนนั่ง

อยู่หน้าจอแล็ปท็อปคล ้ายก าลังท ากิจกรรมสนุกๆ สักอย่าง



“ค่ายมานี่หน่อยค่า ตอนนี้เราก าลังไลฟ์ สดกับแฟนละคร

เวทีอยู่”




“ผมไม่ใช่พระเอกแล ้ว”

“ก็มาแถลงการณ์ก่อน แฟนคลับเป็นห่วงแน่ะ” ผมหันไป


ทางไอ ้เติร์ดเป็นเชิงถาม ซึ่งเจ ้าตัวก็พยักหน้าเป็นค าตอบ

เดี๋ยวนี้จะไปไหนต ้องถามเมียครับ ผมเลยคีบไม ้ค ้ายันเดิน

กะเผลกไปหาพี่ปีสี่กับรุ่นน้องนักแสดงหลายคนที่นั่งอยู่

ตรงหน้าจอพอดี



“ค่าย นี่น้องฟานปีหนึ่งที่จะมารับบทพระเอกแทนแกนะ”




“สวัสดีครับพี่” คนตรงหน้ายกมือไหว ้ หน้าตามันไม่ได ้ขี้

ริ้วเลย หุ่นดี สูง แถมไม่ใช่หนึ่งในคนที่มาแคสต์บทพระเอก

ก่อนหน้าด ้วย ไม่รู้พี่ใบบัวมันไปหามาจากไหน



“เดี๋ยวคนอื่นๆ ออกไปซ ้ อมก่อนนะ ถ ้าค่ายไลฟ์ เสร็จแล ้ว

พี่จะเรียกอีกที” กลายเป็นว่าพอผมมา ทุกคนก็เผ่นแนบกัน

หมด




“นั่งเลยน้องค่าย ตอนนี้คนอื่นเขาพูดคุยกับคนดูไป

หมดแล ้ว เดี๋ยวพี่จะมีค าถามให ้เราชี้แจงก่อน แล ้วค่อยตอบ

ค าถามคนดูนะ” ผมขยับเข ้าไปนั่งเก ้าอี้ซึ่งเว ้นว่างเอาไว ้ใน

ตอนแรก สุดท ้ายกูก็อยู่กลางจอมองดูหน้าตัวเองที่เด่นหรา

ราวกับส่องกระจก




พี่ใบบัวไม่ได ้เข ้ามาด ้วย แต่เป็นคนถือสคริปต์ค าถามอยู่

หลังแล็ปท็อป และเนื่องจากไม่มีใครบอกล่วงหน้าสักค าว่า

วันนี้จะมีไลฟ์ สดผ่านแฟนเพจ มันเลยท าให ้ผมกลัวว่าพี่แก

จะคิดค าถามเหี้ยๆ ให ้ตอบอีก รายนี่แม่งรู้ความลับกูเยอะซะ


ด ้วย



“แนะน าตัวเลยค่า” เสียงรุ่นพี่ปีสี่ส่งมาให ้ ผมจึงกล่าว

ทักทายทุกคนผ่านหน้าจอ



“สวัสดีครับ ค่ายขุนพลเอง”




“มีหลายคนสงสัย ท าไมเราถึงเปลี่ยนพระเอกคะ หรือท า

เลวเอาไว ้” เดี๋ยวพ่อมึงถลาเข ้าไปเตะให ้ข ้อพับหักนะครับพี่

เบิ้ม เรื่องเหี้ยๆ โยนใส่คนหล่อตลอด



“พอดีประสบอุบัติเหตุครับ ขาหักใส่เฝือกหลายเดือน ขอ

โทษด ้วยที่ท าให ้ทุกคนผิดหวัง” ข ้อความมากมายเด ้งขึ้นมา

บนหน้าจอรัวๆ เป็นห่วงบ ้างล่ะ ดูแลตัวเองบ ้างล่ะ บางคนก็


พิมพ์มาด่ากูนะครับ คู่กรณีเก่ากูทั้งนั้น



ปาดเหงื่อแป๊ บ



“ถ ้ามีโอกาสมาเล่นละครอีกรอบ อยากรับบทเป็นใคร”

ค าถามถูกส่งมาหลังจากผมตอบค าถามแรกจบ




“เป็นแฟนคนเขียนบทครับ”

“...!”




“ผมหมายถึงคนเขียนบทสามารถเขียนให ้เราดูหล่อและ

เป็นคนดีได ้ไง”



“อ๋อออออออออ” รอบข ้างส่งเสียงเป็นเชิงหยอกล ้อ มีแต่

พี่ใบบัวเท่านั้นที่เบะปากใส่ผม คือกูจะตอบแบบนี้แล ้วท าไม



“คติประจ าใจของค่ายคืออะไร”




“ถึงผมจะโง่ไปหน่อย แต่ผมก็อร่อยกว่าทุกคน”



หนึ่งดอก!



“เกร ้ดดดดดดดดดดด” คราวนี้แหละครับคอมเมนต์พุ่ง

พรวดพราด คือไม่ใช่ชมกูนะครับ ด่ากันระงม กิ๊กเก่าเพียบ


ก่อนจะโดนน้องใหม่หลายคนดันโพสต์ลงไปด ้านล่างเพราะ

ไม่เคยเจอฤทธิ์กระบี่ไร ้เทียมทานของผม และยังหลงมัวเมา

กับหน้าตามีระดับอยู่



“ค าถามพี่หมดแล ้ว แกมีเวลาสิบนาทีส าหรับตอบค าถาม

แฟนคลับนะค่าย จัดโลด” ผมพยักหน้าเข ้าใจ ก่อนทุกคนที่

ยืนมองอยู่ห่างๆ จะสลายโต๋ไปซ ้ อมละคร ทิ้งให ้ผมนั่งคุย


เหมือนคนบ ้าอยู่ตรงหน้าจอแล็ปท็อปคนเดียว

“เอาล่ะ ตอนนี้มาตอบคอมเมนต์กันเถอะ ไหนๆ ก็มีเวลา

ตั้งสิบนาที ใครอยากถามอะไรจัดมาเลย” พูดเท่านั้นแหละ


มารัวไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมณ์ ผมจึงต ้องเลือกเฉพาะ

บางข ้อความมาตอบเท่านั้น และข ้อความที่ควรหลีกเลี่ยง

เป็นอันดับแรกๆ ก็คือพวกกิ๊กเก่าที่ผมตัดขาดการติดต่อแบบ

ไม่บอกกล่าวไป



‘จะได ้เจอพี่ค่ายตามร้านเหล ้ามั้ยคะ’

“ไม่เจอครับ ขาหักหมอให ้งดของแสลง”




‘แนะน าหนังที่พี่ค่ายชอบดูให ้หน่อย’

“Star war”



‘ชาวีไปไหน’

“ส่งซ่อมครับ อยู่ศูนย์”




‘ค่ายดูแลตัวเองด ้วย เป็นห่วง ขอให ้หายไวๆ นะ’

“ก าลังใจดีหายไวแน่นอน”



‘ขาเจ็บแบบนี้ให ้อาสาไปรับไปส่งมั้ยคะ’

“พอดีมีคนไปรับไปส่งแล ้ว” ว่าแล ้วก็หันไปมองคนที่

ก าลังยืนกอดอกคุยกับผู้ก ากับอย่างพี่เชนทร์อยู่ แต่ในม่าน

สายตาของผมก็ยังเห็นศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างไอ ้พี่อั้นยืน


แทรกให ้ร าคาญใจเล่นด ้วย

มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ โคตรหงุดหงิด!




‘ต่อไปเราจะเจอนายได ้ที่ไหน ร้านเหล ้าก็ไม่ไปแล ้ว’

“ตึกนิเทศฯ เลย สุมหัวอยู่ที่นี่ตลอด”



‘แก๊งโหดเท่มาก โดยเฉพาะพี่โบน’

“ไปบอกมันเองครับ เห็นตอนนี้ก าลังติดอ่างอยู่”



‘สนิทกับใครที่สุดในแก๊งโหด’


“เตชภช เติร์ดน่ะ...”



‘ดอกกุหลาบไร้หนามเปรียบเหมือนอะไร’

“โห ไอ ้สัด!”



พลันเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากหลังห ้อง เพื่อนร่วมเมเจอร์

ผมยืนสุมหัวกันกลุ่มใหญ่ คาดว่ามันคงก าลังสนุกกับการ


แกล ้งกูอยู่ ซึ่งแน่นอน ไม่คีปลุคแม่งแล ้ว หงุดหงิดฉิบหาย



กระทั่งข ้อความที่เด ้งขึ้นมาไม่หยุดนั้นมีแต่ค าถาม

เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นความผิดของผม

เองที่ไม่ได ้บอกเหตุผลของการหายไป จริงๆ ตอนนั้นมัน

โคตรเยอะ และบางคนเราต่างไม่จริงจังด ้วยกันทั้งคู่ผมเลย

ตัดการติดต่อง่ายๆ พอมาตอนนี้ถึงรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย...




ดังนั้นหากจะตัดปัญหาที่มีจริงก็คงต ้องตอบค าถามนี้ให ้

จบ




‘พี่มีแฟนยัง’

“ยังไม่มีครับ”



‘บล็อกเบอร์กับไลน์ท าไม’

“เลิกแล ้ว พอดีเจอคนที่อยากจริงจังแล ้ว”



‘เคยเชื่อเรื่องดวงมั้ย’


“ไม่เชื่อ”



‘ใครเหรอคนที่จริงจัง’

“ไม่บอก”



‘เขาบอกถ ้าพับดาวให ้ครบพันดวงแล ้วให ้คนที่ชอบ รักจะ

สมหวัง’


“เขานี่ใคร ผมพับดาวไม่เป็นอ่ะ ไม่ละเอียดอ่อนขนาด

นั้น”



เราตอบค าถามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอค าถามนี้...



‘เคยท าสิบวินาทีกับคนที่ชอบเหมือนหนังเพื่อนสนิทมั้ย’

“ไม่เคย”




คือในหนังเพื่อนสนิทเชื่อว่า หากนับเลขหนึ่งถึงสิบในใจ

กับคนที่ก าลังหลับอยู่ แล ้วคนคนนั้นตื่นขึ้นมาพอดีแสดงว่า

เขาเองก็ชอบเรา




‘เล่นเถอะ’

“ไม่มีใครในห ้องหลับเลย”



‘เล่นกับคนดูหน่อย’

“ตื๊อจริง ถือว่าเป็นการนับเคาท์ดาวน์แล ้วกันนะ คงใกล ้

หมดเวลาพอดี” ผมสูดลมหายใจเข ้าปอด ในใจก็ได ้แต่คิด


ว่าท าไมกูต ้องมาเล่นอะไรแบบนี้ด ้วยวะ โคตรปัญญาอ่อน

เลย



“หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห ้า...” สายตายังคงต ้องมอง

หน้าจอ และการนับเลขนั้นก็ดูเร็วเกินกว่าปกติ



มีคอมเมนต์ผุดขึ้นมาอีกมากมาย คล ้ายกับช่วยกันนับเลข


ไปด ้วย เออ! ตลกดีว่ะ



“หก...”



“เจ็ด...”



เราต ้องจริงจังขนาดนี้มั้ย




“แปด”

ใครเชื่อก็บ ้าละ




“เก ้า”



“สิบนาทีแล้วไอ้ค่าย”



ผมหันขวับไปยังต ้นเสียงที่ยืนอยู่เหนือหัว ใบหน้าของไอ ้

เติร์ดโผล่เข ้ามาในจอ คอมเมนต์ถูกส่งกระหน ่าเข ้ามา

มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ยืนหน้านิ่งก็ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่


อะไร



“มึงนับสิบให ้กูเหรอ”



“นับเหี้ยอะไร พี่ใบบัวให ้มาบอกว่าหมดเวลาแล ้ว เดี๋ยวให ้

ฟานกับพิงค์มาคุยต่อ” ว่าแล ้วมันก็เดินผละออกไป โดยไม่รู้

เลยว่าข ้อความมากมายที่ถูกส่งมานั้น มีแต่ชื่อของมัน...






‘พี่เติร์ดดดดดดดดดดดดด’

‘เติร์ดนับสิบ OMG’

‘ทฤษฎีนี้เป็นจริงเหรอ ม่ายยยยยยยย’

‘เติร์ดชอบค่ายเหรอ’




ส าหรับเติร์ดไม่รู้หรอก แต่ค่ายชอบเติร์ดนะ...

หนึ่งวันหมดลงพร ้อมกับความเหนื่อยล ้าที่โหมเข ้ามาเต็ม

อัตรา วันนี้ทุกคนท างานหนักจริงๆ แม ้แต่ไอ ้ทูกับไอ ้โบนก็


ไม่น้อยหน้า สงสารแม่งที่ต ้องถือกล ้องจนแขนล ้า ไอ ้เติร์ด

กับอยู่กับทีมเขียนบท มีผมไปแทรกบ ้างตอนพี่อั้นเดินมาหา

เพื่อตัดคู่แข่ง ส่วนตัวเองนั้นก็ไม่ได ้ว่างอะไรกับเขาเลย



ทั้งเลือกเพลง ตัดเพลง เทสเสียง หาเอฟเฟ็ก เหี้ยไร

เยอะแยะเต็มไปหมด ข ้าวก็กินข ้าวกล่องที่สวัสดิการหาให ้

กว่าจะได ้ฤกษ์งามยามดีกลับห ้องก็ปาไปโน่นเลยครับ สาม


ทุ่ม! คุณค่าที่คนขาหักคู่ควร



ไอ ้เติร์ดขึ้นลิฟท์ตามผมมาถึงหน้าห ้อง แต่ดูเหมือนเจ ้าตัว

ไม่มีท่าทีว่าจะก ้าวเข ้าไปข ้างในเลย ผมถึงได ้ยืนอยู่หน้า

ประตูที่เปิดออกแล ้วอย่างเก ้อๆ



“ไม่เข ้ามาเหรอ”




“ไม่อ่ะ” มันพูดพลางส่ายหน้า



“สรุปไม่อยู่ดูแลกันจริงดิ” ผมถามเสียงอ่อย



“ก็ดูมึงมาทั้งวันแล ้วเนี่ย ให ้กูพักบ ้างเหอะสัด”




อารมณ์ตอนนี้เหมือนเด็กขี้อายหัดมีความรัก ปกติเห็นใคร

น่ารักกูพุ่งเข ้าใส่แทบละเลงกันคาที่ แต่นี่บอกเลยแม ้แต่มือ

ก็ยังไม่กล ้าแตะ งุ้ยยยยยย




“งั้น...อย่านอนดึกล่ะเดี๋ยวตาโหล” ย ้ากลับไปอีกครั้ง



“มึงก็อย่าให ้แผลโดนน ้า”



“ก่อนนอนเช็ดผมให ้แห ้งด ้วย มึงมันพวกขี้เกียจ”



“มึงก็เดินให ้ระวัง อย่าไปเตะขาเตียงจนพังล่ะ”




“พรุ่งนี้เช ้ าก็ไม่ต ้องรีบตื่นแล ้วขับรถเร็วๆ มารับกูนะ”



“ถ ้ามารับช ้ าก็ช่วยกินข ้าวให ้ตรงเวลาด ้วย”



“หมดแล ้วที่อยากบอก”




“เออ”



“พรุ่งนี้เจอกัน”



“เจอกัน...”



“ถึงแล ้วโทรหาด ้วย” หลังจบประโยคนี้ไอ ้เติร์ดก็ไม่ได ้


ตอบอะไรกลับมาอีกนอกจากโบกมือส่งๆ เป็นเชิงไล่ แล ้ว

ผินตัวเดินกลับไปทางเดิมทิ้งให ้เพื่อนคนนี้มองตามหลัง

จนกว่าจะลับสายตา




ผมอาบน ้าและเปลี่ยนเสื้อผ ้าอย่างระวัง พาตัวเองมานอน

บนเตียง เปิดทีวีดูรายการบ ้าบอคอแตกทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คน

ติดทีวี ที่ผ่านมากูดูแต่หนัง เหนื่อยจนตาจะปิดฉิบหายแต่ก็

ยังหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ว่างอยู่ข ้างๆ แต่กลับไร ้

สัญญาณวี่วาวจากคนที่รอ



อยากโทรไปถามนะครับว่าเป็นยังไง จะนอนหรือยังแต่ก็


กลัวว่าไก่จะตื่น ได ้แต่พะว ้าพะวงอยู่คนเดียว หนักเข ้าทนไม่

ไหวเลยโทรไปเช็กสถานการณ์กับเพื่อนสนิทในกลุ่มอย่าง

ไอ ้โบนแทน



รอสายไม่นานเจ ้าตัวก็รับ...



[ไง อดอยากเหรอมึง] เชี่ยนี่ก็คิดแต่เรื่องอกุศล แม ้ความ


เป็นจริงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ



“อยากเหี้ยอะไรล่ะ กูจะโทรมาถามว่าไอ ้เติร์ดกลับมาหรือ

ยัง เป็นห่วง ตอนนี้มันยังไม่โทรมาบอกกูเลยว่าถึงห ้องแล ้ว”

ค าพูดยาวเหยียดพ่นออกมา แต่ปลายสายก็ยังเชื่องช ้ าไม่

กระตือรือร ้นจะตอบ




[...อืม ไม่รู้เหมือนกัน]

“มึงอยู่คอนโดเดียวกับมันอ่ะ ท าไมไม่รู้วะ”




[ไอ ้ค่ายครับ อยู่คอนโดคนละชั้น จอดรถเสร็จก็ตัวใครตัว

มันละ]



“ท าไงดีวะ ไม่กล ้าโทรไปรบกวนอ่ะ”



[เดี๋ยวกูถามไอ ้ทูให ้] ว่าแล ้วไอ ้โบนก็เงียบเสียงไป ดี

หน่อยที่ห ้องของไอ ้ทูอยู่ถัดไปไม่กี่ห ้อง และมันก็เป็นคน


เดียวที่ไอ ้เติร์ดยอมเปิดใจจนหมดเปลือกด ้วย ยังไงซะอีก

ฝ่ ายก็ต ้องรู้อะไรบ ้างล่ะ



[โหลมึง]



“เออว่าไง”




[แม่งนอนดูหนังอยู่ห ้องไอ ้ทูเนี่ย จะคุยกับมันมั้ย]



“เชี่ยจริงดิ ตั้งตัวไม่ทัน กูตื่นเต ้น”



[จะเป็นส ้ นตีนอะไรก็คุยกันเองแล ้วกัน] หัวใจของผมเต ้น

ตึกตัก ไม่เคยคิดว่าเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันสองปีจะส่งผลต่อ

ความรู้สึกได ้มากมายขนาดนี้ แค่คิดว่าต ้องคุยกับไอ ้เติร์ด


ผมก็ท าอะไรไม่ถูกแล ้ว

ต่อหน้าก็ตื่นเต ้นอย่าง ลับหลังแค่คุยโทรศัพท์ประสาทกูก็

จะแดกแล ้วครับ




[ว่าไง] เชร ้ดดดดดดดดดดดดดดด คนที่คุณรู้ว่าใครตอบ

มาแล ้ว



ท าไงให ้หายจากอาการตื่นเต ้นดี ร ้องเพลงได ้มั้ย ร ้อง

เพลง...




“เอ ้าออกมาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ ตื่นออกจากรัง วิ่งนะ

วิ่งนะแฮมทาโร่”



[…]



“ของอร่อยที่สุดก็คือ….เมล็ดทานตะวัน”




[กูควรรู้สึกยังไง] และสุดท ้ายผมก็ได ้รับน ้าเสียงโคตร

เหม็นเบื่อเป็นการตอบกลับมา หัวใจกูแทบฝ่ อ แต่ดีที่ลด

อาการตื่นเต ้นไปได ้บ ้าง



“ท าไมไม่โทรบอกกูว่าถึงแล ้ว คนแม่งเป็นห่วงไม่เข ้าใจ

เหรอ” พอถึงนึกเหตุผลที่ตัดสินใจโทรหาไอ ้โบน ผมก็งัดมา

ฉะกับอีกฝ่ ายทันที




[ไอ ้ทูบอกมึงรู้แล ้ว]

“รู้เหี้ยไร กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ไอ ้ทู ไอ ้เพื่อนนรก!




แม่งท ากูประสาทแดกไปหลายทีแล ้วครับ สบโอกาส

หน่อยมันจะหาเรื่องให ้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจ และครั้งนี้ก็

ได ้ผลอีก มีแต่กูเนี่ยแหละที่โง่ให ้เพื่อนปั่นหัวเล่น โอ ้โห

ของขึ้น หันไปเจอรีโมทเลยปาลงพื้นแม่งเลย



[เออถึงแล ้ว วางสายได ้ยัง]




“อาบน ้าแล ้วเหรอ” ว่าแล ้วก็หาเรื่องคุยต่ออีก



[อาบแล ้ว นอนดูหนังกับไอ ้ทูเนี่ย]



“นอนตรงไหน โซฟาหรือเตียงห ้องมัน”



[เตียง]




“กลับห ้องไปเลย”



[เป็นอะไรของมึงอีกเนี่ย]



“แล ้วดูเรื่องอะไรกัน”




[Fifty shades of Gray] เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่ไอ ้

เติร์ด แต่เป็นเจ ้าของห ้องที่ผมอยากจะปารีโมทตรงพื้นข ้าม

คอนโดไปกระทบหัวมันอีกรอบ แล ้วดูมัน ดูหนังเหี้ยอะไร

แบบนั้นวะ!




“ไอ ้สัดทู มึงรีบปิดหนังแล ้วไล่ไอ ้เติร์ดไปนอนเดี๋ยวนี้” ใน

เมื่อพูดดีๆ ไม่ฟังก็จ าต ้องออกค าสั่งอย่างเหลืออด



[อะไรวะ เพื่อนอยากดูหนัง]



“หนังบ ้าหนังบออะไรของมึง พรุ่งนี้มีเรียนเช ้ ารีบแยกย ้าย


เลย”



[พรุ่งนี้เรียนบ่าย มีเวลานอนอีกเยอะ ยังไงแค่นี้นะ]



“ไอ ้ควายทูมึงอย่าริอาจวางสาย ให ้กูอยู่ในสายต่อไปไม่

งั้นกูจะลงไปโบกแท็กซี่ตามจิกหัวมึงเดี๋ยวนี้แหละ”




[เออ! งั้นมึงควรขออนุญาตไอ ้โบนแล ้วกัน เพราะนี่เป็นมือ

ถือมัน โอเค๊]



แน่นอนว่าไอ ้โบนอนุญาต ผมเลยสั่งมันให ้ปักหลักอยู่ที่

ห ้องอีกแรง ดีที่มือถือเปิดล าโพงเอาไว ้ ส่วนผมก็เอาหูฟัง

มาใส่ขณะดูทีวีไปสลับกับฟังเสียงคนคุยกันผ่านโทรศัพท์

ไป




ไอ ้เติร์ดพูดน้อยมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่พูดจ ้อไม่หยุด

จะมีก็แต่เพื่อนรักสองคนเท่านั้นที่อู้ซี๊ดอ๊าซ์ออกมาไม่หยุด

หลังจากดูหนังอิโรติกสะเทือนตับของพวกมัน




นาฬกาบนฝาผนังล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน จู่ๆ สายก็ตัด

ไป ผมตกใจมากพยายามกดโทรนับครั้งไม่ถ ้วนแต่ก็ไม่ได ้

รับการตอบรับเล่นเอาหงุดหงิดไปพักใหญ่ สักพักเบอร์เดิมก็

ติดต่อกลับมาแต่เป็นการวิดีโอคอลหาแทน และภาพแรกที่

ปรากฎในจอก็คือไอ ้โหดสองตัว




“พวกมึงเล่นเหี้ยไรกัน วางสายกูเพื่อ”



[ชู่ววววววว..! หลับไปแล ้ว บนเตียงกูด ้วย โถๆ] เสียงที่

ตอบกลับมาลดระดับลงมา ก่อนกล ้องจะแพนไปที่ร่างขาว

ของใครบางคนที่ฟุบหลับบนเตียงไปแล ้ว



“คงจะเหนื่อย มึงอย่ากวนมันล่ะ”




[เตียงกูมั้ยครับเพื่อน]



“ตอนนี้เป็นเตียงไอ ้เติร์ดแล ้ว มึงไสหัวไปนอนโซฟาข ้าง

นอกเลย”



[ประสาท ปกติมันก็นอนกับกูอย่ามาท าตัวโง่]




“ร าคาญ”

[อิจฉาอ่ะดิ คนไม่ได ้อยู่ด ้วยก็งี้แหละ ง่อววววววว] คน

แรกที่ผมจะต่อยคว ่าในเช ้ าวันรุ่นขึ้นก็คือไอ ้ทู จากนั้นตามมา


ที่ไอ ้โบน กูจะเอาให ้เลือดกบปาก โทษฐานท าให ้รู้สึกริษยา

อยู่ในใจแต่พูดออกไปไม่ได ้เดี๋ยวจะเสียศักดิ์ศรี



“อย่ายุ่งกับมัน ปล่อยแม่งนอนไป”



[เหอะน่า แบตจะหมดละ มีอะไรอีกมั้ย] กล ้องยังคงโฟกัส

ไปยังใบหน้าของคนที่หลับไม่รู้อิโหน่อิโหน่ และผมก็รู้สึก


ชอบทุกครั้งที่ได ้มองหน้ามัน แม ้จะผ่านทางจอมือถือก็ตาม



“ฝันดีนะ เอ่อ ไอ ้เติร์ด...”



“...”



“ท าไมน่ารัก”




“...”



“ขอรักได้มั้ย”



[ไม่ได ้นี่เพื่อนกู ไสหัวไปไกลๆ]




ภาพสุดท ้ายที่ปรากฏตรงหน้าก่อนจอจะดับไปไม่ใช่

ใบหน้าขาวๆ ของไอ ้เติร์ดอีก หากแต่เป็นง่ามตีนของไอ ้ทูที่

โผล่เข ้ามาเพียงเสี้ยววินาที และนั่นท าให ้ผมรีบปาหมอน

ข ้างลงเตียงด ้วยความโมโหอีกตามเคย




ท าไมต ้องกวนตีนกูตลอดด ้วยวะไม่เข ้าใจ



เช ้ าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาตามปกติ แต่ที่ไม่ปกตินิดหน่อย

คือขาที่ใส่เฝือกหนาหลายเซนซึ่งก าลังเป็นตัวถ่วงร่างกาย

ตอนนี้มากกว่า บอกตามตรงว่าชีวิตแบบนี้กูเข็ดขยาดฉิบ

หาย ไม่เอาอีกแล ้วครับลื่นไถลดุจสายชล ขาก็หัก รถก็พัง


พ่อแม่ก็ด่า นี่กูเหลืออะไรบ ้างในชีวิต



พอลากสังขารลงจากเตียงได ้ก็เดินกึ่งเขย่งไปยังห ้องน ้า

ท าทุกอย่างด ้วยความระมัดระวัง เมื่อก่อนมีเวลานั่งโบกครีม

ใส่น ้าหอม แต่ตอนนี้ขอแค่อาบน ้าแล ้วออกมาแต่งตัวได ้ก็

บุญแค่ไหนแล ้ว




อาหารเช ้ าปกติผมจะกินนมกับขนมปัง บางวันก็อาหารอุ่น

ที่แม่ชอบซื้อมายัดใส่ตู้เย็นไว ้ แต่...



ด ้วยความที่ขาหัก กินก็กินอย่างเดียวไม่ได ้ซื้อของมาตุน

เพิ่ม เช ้ านี้ข ้าวกล่องและขนมปังเลยหมด อย่างที่รู้กันดีว่า

กระเพาะของนายขุนพลซื่อตรงที่สุดในโลก กูจะไปเรียน

แบบไม่แดกอะไรเลยไม่ได ้




ให ้ลงไปซื้อข ้างล่างก็ขี้เกียจเดินขึ้นๆ ลงๆ อีก แต่งตัวก็

ยังไม่เสร็จเพราะใส่แต่เสื้อ กางเกงมีแค่บ็อกเซอร์ สภาพน่า

สมเพชเวทนาไม่สมกับเป็นหนุ่มฮอตของนิเทศฯ เลย




ผมเปิดตู้เย็นส ารวจของที่พอประทังชีวิต เจอไข่สองฟอง

กับแครอทดิบหนึ่งหัว หรือว่ากูจะลองแทะแครอทดิบๆ ดูวะ

คิดได ้เท่านั้นก็จัดการเอามันออกมาล ้างจนสะอาด จากนั้นก็

กัดไปค าหนึ่ง



โอ ้โห...ความแข็งนี่อยู่ในระดับที่หินแกรนิตเองยังต ้อง


เรียกพี่ ไอ ้สัด แข็งไม่พอเสือกไม่อร่อยอีกต่างหาก



แดกแบบนี้กลัวล าไส ้ จะครากในสักวัน เลยเปลี่ยนไป

จัดการไข่สองฟองที่เหลือในตู้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล ้วลองทอด

ดูสักครั้งก็แล ้วกัน



ผมเป็นพวกโง่และไม่มีฝีมือในการท าอาหาร ที่อยู่รอดทุก

วันนี้ได ้ก็เพราะอาหารส าเร็จรูปพวกกดน ้าร ้อน หรือยัดใส่


ไมโครเวฟแล ้วแดกแค่นั้น จะให ้มานั่งต ้มๆ แกงๆ แม่งโคตร

ไม่ใช่ทาง



แต่วันนี้จะลองดูสักตั้ง



ในห ้องมีเตาไฟฟ้าที่ไม่เคยเปิดใช ้ กับน ้ามันพืชขวดเล็ก


เท่าหรรมหมาพร ้อมไข่อีกสองฟอง ทดลองท าไข่ดาวก่อน

เป็นฟองแรก

ผมเทน ้ามันใส่ จากนั้นก็ตอกไข่ลงไป




เงียบกริบ ไม่มีแม ้เสียงน ้ามันสาดกระเด็น...เศษไข่นี่

ล่องลอยอยู่ในธารน ้ามันจนแทบผสมเป็นเนื้อเดียวกันเลย

อ๋อ น ้ามันไม่ร ้อนนี่เอง ไอ ้ควายยยยยยยยยยยยย



ก๊อกๆๆ



ใช ้ เวลาก่นด่าตัวเองพักหนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผม


ปิดเตาไฟฟ้าแล ้วเดินเขย่งไปยังหน้าประตู นี่แม่งเหมือน

ทางของสวรรค์เลยว่ะ เพราะมันได ้น าพาไอ ้เติร์ดให ้มายืน

อยู่ตรงหน้านี้แล ้ว



“เติร์ด”



“เออ เสร็จยัง” ค าถามแรกจู่โจมเข ้ามา แต่มึงช่วยดูสภาพ


กูตอนนี้ด ้วยครับ



“ยังเลย กูก าลังท าไข่ดาวอยู่”



“ไข่ดาว ท าเป็นเหรอ”



“เพิ่งลอง แต่ไข่แม่งไม่สุกอ่ะ” สิ้นสุดประโยคของผมร่าง


โปร่งก็เดินเข ้าไปในครัวขนาดเล็ก ก ้มหน้ามองวิญญาณไข่

ที่อยู่ในน ้ามันอย่างเหนื่อยหน่าย

“น ้ามันไม่ร ้อน มึงรีบตอกไข่ลงเพื่อ?”




“ก็ว่าอยู่”



“ไข่แตกด ้วย แม่งปนกันไปหมดแล ้วเนี่ย”



“แล ้วท าไง”




“เททิ้ง” ไม่ปล่อยให ้กูได ้ตั้งตัวเพื่อนรักก็จัดการเทลงซิงก์

น ้าใกล ้ๆ แล ้วหันมาบอกผมด ้วยน ้าเสียงเรียบๆ กับใบหน้า

โคตรน่ารักของมัน “เดี๋ยวกูท าให ้ ไปนั่งที่โต๊ะไป”



“ใส่พริกไทยด ้วย”



“รู้แล ้ว”




“กูเอาซอสมะเขือเทศนะ”



“กูเป็นขี้ข ้ามึงหรือไง” ผมไม่ได ้หนีไปนั่งตามค าสั่ง แต่ยืน

มองคนตรงหน้าท าอาหารอย่างกระฉับกระเฉง แก๊งโหดเรา

มีกันอยู่สี่คน คนที่คอยเป็นพ่อครัวให ้อิ่มท ้องยามล าบาก

เสมอก็คือไอ ้เติร์ดเนี่ยแหละ เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจเลย


แต่ตอนนี้ถ ้ามีคนท าให ้กินแบบนี้ทุกเช ้ าก็คงจะดี

ไข่ดาวหนึ่งฟองวางอยู่บนโต๊ะ หน้าตามันดูดีมาก ไม่ได ้

ไหม ้เกรียม และที่ส าคัญเป็นไข่ดาวที่ผมโคตรชอบ




“มึงจ าได ้ด ้วยว่ากูชอบไข่แดงสุก”



“เออ แดกไป”



“หอมกลิ่นพริกไทย แถมมีซอสมะเขือเทศให ้ด ้วย”




“จะกินอย่างหรู แต่ต ้นทุนโคตรยาจกไง”



“กินด ้วยกันมั้ย”



“แค่นี้ก็จะไม่พอยาไส ้ มึงแล ้วครับ รีบกินจะได ้รับแต่งตัว

ไปเรียน”




“นั่งก่อนดิ ยืนเมื่อยนะเว ้ย” ผมไม่ละความพยายามจนกว่า

คนตรงหน้าจะท าตามค าสั่ง และถึงแม ้ว่าไอ ้เติร์ดจะท าหน้า

ไม่พอใจแค่ไหน สุดท ้ายมันก็ยอมจ านนให ้กับค าขอของผม

อยู่ดี



ตอนนี้เลยได ้แต่ตัดไข่ดาวกินไปค า ชวนอีกฝ่ ายพูดไป

พลางเท่านั้น




“เมื่อคืนดูหนังเหรอ”

“อืม ดูกับไอ ้ทูแล ้วก็ไอ ้โบน” ผมจ าได ้แต่เสียงไอ ้สองตัว

นั่นก าลังพากย์ฉากดุเดือดอย่างเมามัน




“เรื่อง Fifty shade อ่ะนะ คิดอะไรกันอยู่วะ”



“กูไม่ได ้ลามกเหมือนมึง”



“แล ้วนอนห ้องไอ ้ทูถึงกี่โมง”




“เช ้ า”



“ต่อไปห ้ามค ้างห ้องใคร ถ ้ารู้ว่าดึกต ้องรีบกลับก่อน”



“เป็นพ่อหรือไงมาสั่ง”



“เป็นพ่อทูนหัวได ้มั้ย”




“ปากอย่างนี้ดิถึงได ้เกี้ยวสาวมาเยอะ บอกเลยมึงกลับไป

เหี้ยได ้เต็มที่ เอาให ้สุด”



“ว ้า จริงๆ ไข่แดงมันไม่สุก” นอกจากหล่อแล ้วก็ควรใช ้

ความกะล่อนปลิ้นปล ้อนให ้เป็นประโยชน์ การสนทนานั้น

ต ้องท ายังไงก็ได ้เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นอยู่ไม่กี่ประเด็น หนึ่ง


ผู้หญิง และสองความเหี้ยในอดีต

“กวนตีนฉิบหาย”




“ชอบๆ รสชาติดีมาก”



“อีกอย่างที่อยากบอก วันนี้ตอนเย็นกูคงมาส่งมึงไม่ได ้

เลยฝากไอ ้โบนไว ้”



“อะไรยังไง” ผมวางส ้ อมในมือลง แล ้วหันไปสบสายตา

กับเจ ้าของค าพูด ก าลังอารมณ์ดีอยู่แล ้วแม่งท าให ้ขัดใจอีก


จนได ้



“พี่เชนทร์ชวนไปกินข ้าว”



“ที่ไหน มึงซ ้ อมละครไม่ใช่เหรอจะออกไปได ้ไง”



“หลังจากนั้น”




“มีใครอีก”



“แล ้วมึงจะถามเพื่อ”



“มีไอ ้พี่อั้นด ้วยใช่มั้ย” ไอ ้เติร์ดเงียบ ผมเลยเดาค าตอบได ้

ว่าใช่จริงๆ แล ้วท าไมตอนที่ผมตั้งใจจะจีบมันต ้องมีก ้าง


ขวางคอเข ้ามาตลอดเลยวะ เมื่อวานก็ท าให ้โมโหหลายที

จนหงุดหงิด วันนี้ยังมาชวนไอ ้เติร์ดออกไปข ้างนอกอีก

“เติร์ด”




“กูจะไปไหนก็เรื่องของกูป่ ะวะ ทีตอนมึงจะเที่ยวไม่เห็น

เพื่อนคนไหนจะว่ามึงเลย”



“ก็ตอนนี้กูไม่ท าแล ้วไง หรือถ ้ากูจะไปไหนมึงก็ห ้ามได ้

เต็มที่”



“เพื่อนไม่ล ้าเส ้ นกันนะเว ้ย เพราะงั้นกูจะไม่ท าอะไรไร ้


สาระอย่างนั้น”



ความกรุ่นของอารมณ์ลากยาวตั้งแต่ช่วงเช ้ ามาจนถึงตอน

เย็น ต่างคนต่างแยกย ้ายไปท าหน้าที่ต่างๆ ในกองละครเวที

ส่วนผมก็ต ้องช่วยฝ่ ายซาวน์ แต่ต ้องยอมรับว่าสติมันไม่ค่อย

อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เพราะมองไปที่ไอ ้เติร์ดทีไรมันก็อยู่

แต่กับพี่อั้นซึ่งผมไม่ชอบ




ตลอดทั้งวันวันนี้เราไม่ได ้คุยกันมากนัก ต่างคนต่างตีมึน

ใส่กันขณะที่ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได ้ แม่งเรียกอาการนี้ว่า

ยังวะ หึงเหรอ เออ! หึงก็ได ้



“ฟาน ฉากนี้ฟานจะต ้องเดินมาแต่สายตามองอีกทางนะ

พอถึงตัวนางเอกก็ชนเลย” เสียงของพี่ใบบัวแทรกเข ้ามาใน


หูเป็นบางครั้ง เนื่องจากแกเป็นคนที่มีเอเนอจี่สูงเพราะงั้น

เลยดูไม่เหน็ดเหนื่อยอะไร

พี่เชนทร์ท าหน้าที่เป็นผู้ก ากับดูแลในส่วนของการแสดง

อยู่ ผมคุมเสียงให ้เข ้ากับฉากนั้นๆ ส่วนไอ ้เติร์ดกับพี่อั้นแม่ง


ยืนอยู่ด ้วยกัน คอยดูการแสดงของพระนางในฉาก



“เดี๋ยวๆ พิงค์ก็ยังไม่ได ้ ลองใหม่” พี่เชนทร์ออกค าสั่ง



พระเอกในเรื่องชื่อตฤณ ส่วนนางเอกชื่อข ้าวโพด เวลา

คนเรียกก็จะเรียกว่าโพดๆๆๆๆ แบบนี้ซ ้าๆ จนน ้าลายฟูมปาก

ทั้งคู่เจอกันที่หอสมุด เดินชนกันเหมือนพล็อตน ้าเน่าทั่วไป


นี่แหละครับ แต่ที่ไม่เหมือนคือฉากเดียวแสดงเป็นสิบรอบ



“ฟานมึงเอาใหม่”



ห ้านาทีให ้หลัง...



“ยังไม่ได ้ พิงค์ต ้องไม่มองหน้าพระเอกสิ เราไม่เห็นกัน


ต ้องชนกันก่อน แล ้วดึงอินเนอร์ออกมา” ยิ่งนานเข ้า

นักแสดงก็ยิ่งเครียด พี่เชนทร์เลยสั่งหยุดชั่วขณะ



“เติร์ดมึงเป็นคนเขียนบทนางเอก มาเล่นให ้น้องดูหน่อย

ไอ ้ค่ายมานี่ดิ ยืมตัวพระเอกเก่าแป๊ บ” แล ้วขากูหักอยู่เนี่ยนะ

แต่พอเห็นไอ ้เติร์ดเท่านั้นแหละ ค่ายจิไม่สนหินสนแดดใดๆ




รีบหยัดยืนเต็มความสูง วิ่งเขย่งๆ โดยไม่ใช ้ ไม ้ค ้ายันไป

ด ้านหน้า

“ขาหักไม่เป็นไร กูจะให ้มึงสื่ออารมณ์แค่หน้า อารมณ์

ของคนที่ก าลังจดจ่อกับอะไรสักอย่างแล ้วไม่มองทางอ่ะ


ส่วนมึงก็เหมือนกันเติร์ด ช่วยท าให ้น้องมันดูหน่อย” ค าขอ

อันยืดยาวจากผู้ชายหุ่นหมีส่งมาให ้เราทั้งคู่



พี่เชนทร์แม่งเป็นคนฉลาด แต่วันนี้มันโง่มากครับที่ให ้คน

อารมณ์กรุ่นเหมือนภูเขาไฟเตรียมปะทุสองคนมาเผชิญหน้า

กัน




“เติร์ด เอาบทมานี่เดี๋ยวกูถือให ้” พี่อั้นอาสา ผมนี่เหลือบ

ตามองบนทันที



แน่นอนว่าผมไม่สามารถเก็บความรู้สึกไม่พอใจเอาไว ้ได ้



“ฟาน พิงค์ดูไว ้นะ มึงสองคนพร ้อมหรือยัง”




“ครับ”



“งั้นเริ่มเลย”



ผมกับไอ ้เติร์ดเดินเร็วๆ มาจากคนละฟาก ก่อนจะถึงจุด

ปะทะเราไม่ได ้มองหน้ากันเพราะก าลังท าการแสดงอยู่

กระทั่งช่วงไหล่ของผมกระแทกเข ้ากับไอ ้เติร์ดอย่างจังจน


เหมือนจะเซ ตอนนั้นแหละที่เราได ้สบตากันอีกครั้งแล ้ว

กล่าวขอโทษไปตามบท

“ขอโทษ” ผมพูดก่อน




“ไม่เป็นไร” มันตอบกลับ หลังจากนั้นเราต ้องเดินสวนกัน

เพื่อจบฉากนี้แต่เปล่าเลย ผมเหี้ยกว่านั้นเพราะเดินชนไหล่

มันอีกรอบจนร่างโปร่งต ้องหันกลับมามองตาขวาง



“เฮ ้ ยโทษ” ผมรีบพูดแก ้ต่างทันที แม ้จะตั้งใจก็เถอะ



ไอ ้เติร์ดก็เหมือนไม่ยอมเมื่อมันนอกบทหันตัวกลับมา


คล ้ายจะเดินไปอีกทาง แต่เท ้าของมันเสือกเหยียบตีนข ้างที่

ไม่เจ็บของผมอย่างแรง



“อุ๊ยโทษ! เผลอเหยียบตีน”



แล ้วคิดเหรอว่าคนอย่างกูจะยอม จัดการเอื้อมมือไปผลัก

กะหม่อมบางทีหนึ่งพร ้อมกับพ่นค าพูดสุดตอแหลใส่




“ขอโทษน้า มือเผลอไปโดน”



“โทษๆ”



แต่คราวนี้มันเล่นผลักไหล่จนผมแทบหงายหลัง ถ ้าไม่ติด

ว่าขาที่พยุงเอาไว ้ยังพอมีแรงยึดอยู่บ ้าง ตอนนี้คงได ้หน้า


หงายไปแล ้วจริงๆ

ผมหันไปจ ้องหน้าไอ ้เติร์ดแน่นิ่ง กูชักจะทนไม่ไหวแล ้วนะ

แต่เจ ้าตัวก็ยังไม่ยอมหยุดเพราะเล่นเอาหัวมาโขกหน้าผาก


ผมอย่างแรงจนเกิดเสียงดังกึก...



“ขอโทษ ไม่ได ้ตั้งใจ”



วินาทีนั้นสติกูขาดผึงรีบคว ้าหน้าไอ ้เติร์ดเอาไว ้ ก่อนจะกด

ปากตัวเองลงไปบนริมฝีปากนุ่มอย่างแรง




“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”



เสียงหวีดร ้องของคนที่อยู่บริเวณนั้นดังขึ้น ผมผละจากไอ ้

คนดื้อด ้านหลังจากนั้นไม่นานก่อนจะเอ่ยด ้วยน ้าเสียงติด

กวนตีน



“ขอโทษ”




“...”



“พอดีตั้งใจ”

ตอนที่ 12

ถ ้าอยากจะรุกท าไมต ้องปิด




ตุบ!

ร่างของผมถูกผลักจนก ้นจ ้าเบ ้า และคนที่ลงมืออุกฉกรรจ์

ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะมันคือคนเดียวกันกับที่ผมบี้


ปากจนพอใจตรงหน้านี่แหละ สังเกตจากสีหน้ามันตอนนี้แม่

งคงโกรธจนอยากเผาผมให ้ตายทั้งเป็น



“ท าเหี้ยไรวะ!” ยังไม่ทันได ้หยัดกายขึ้น ไอ ้เติร์ดก็ตั้งท่า

ถลาเข ้ามาซ ้าผมอีกรอบ ดีที่ได ้สต๊าฟที่อยู่โดยรอบมา

ช่วยชีวิตเอาไว ้ทัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากคิดสภาพตัวเลยว่า

จะเละด ้วยตีนมันแค่ไหน




พี่ใบบัวเข ้ามาช่วยผมคนแรก ก่อนพี่เชนทร์จะเข ้าไปแยก

ไอ ้เติร์ดออกบ ้าง



“มึงนอกบทท าไมวะไอ ้ค่าย” หลังถูกพยุงให ้ลุกขึ้นยืน

ด ้วยสองขา คนที่โพล่งประเด็นนี้ขึ้นมาก็คือพี่อั้น เห็นแม่ง

จ ้องกูมานานแล ้วบวกกับความขุ่นข ้องหมองใจที่มีตั้งแต่แรก


ส่งผลให ้ผมตอกกลับไปแบบไม่ถนอมน ้าใจคนฟังเท่าไหร่

หรือจะเรียกง่ายๆ ว่ากวนตีนนั่นเอง



“ผมไม่ได ้นอกบทนะ ก็เห็นคุ้นๆ ว่ามันมี”



“คุ้นมาจากไหนไม่ทราบ กูไม่เคยเขียน” ไอ ้เติร์ดเถียง

กลับปากสั่นคอสั่น เห็นแล ้วสงสารมากครับ อยากเดินเข ้า


ไปหาแล ้วขยี้ปากอีกรอบให ้ระบม เกลียดการเบะปากของ

แม่งฉิบหาย น่ารักไม่บันยะบันยังสายตากูเลย

“คุ้นมาจากบทพระเอกที่เคยท่องเมื่อนานมาแล ้วไง อะไร

ว ้า พลาดนิดพลาดหน่อยจะซ ้ากันเลยเหรอ” ผมตีหน้า


ตอแหลใส่ไปทีนึง ทุกคนก็พร ้อมให ้อภัยและแยกย ้ายไปท า

หน้าที่ของใครของมัน จะมีก็แต่ไอ ้โบนเนี่ยแหละที่ยึดผม

เอาไว ้พร ้อมกับกระซิบประโยคหนึ่งอย่างรู้ทัน



“ท าดีว่ะ”



“กูใครครับ กูเพื่อนมึง”




“แต่ระวังไอ ้ทูด ้วย แม่งจ ้องเหมือนจะแดกหัวมึงได ้อยู่ละ”

ผมหันขวับไปยังบุคคลที่สาม อูย...แม่งจ ้องจะเอากูหนัก

จริงๆ ไม่รู้เป็นห่าอะไร ช่วงหลังมานี้แม ้ไอ ้ทูจะบอกว่าอยาก

ช่วยผมจริงๆ แต่ใจมันกลับเป็นปรปักษ์เพราะสุดท ้ายมันก็

เข ้าข ้างไอ ้เติร์ดมากกว่า




“มันไม่อยู่ทีมกูแล ้วเหรอวะ”



“มันก็ช่วยมึงเนี่ยแหละ แต่มึงก็อย่าโง่สิ ไอ ้เติร์ดเป็น

เพื่อนรักมันนะ” จึ่ก! ค าว่าโง่เสียดแทงเข ้ามาในหัวใจ เอา

จริง ตั้งแต่รู้หัวใจตัวเอง มีใครไม่ด่ากูว่าโง่รัวๆ บ ้างวะ



“แล ้วกูไม่ใช่เพื่อนรักเหรอ”




“คนเหี้ยๆ อย่างมึงยังกล ้าเอาตัวเองไปเทียบกับไอ ้เติร์

ดอีกนะ” จึ่กที่สอง




“ก็คนมันผิดไปแล ้ว ก าลังแก ้ไขตัวเองอยู่นี่ไง”



“งั้นรีบเลย แม่งเดินงอนไปโน่นละ” ไอ ้โบนตบบ่าให ้

ก าลังใจ ผมเลยรีบก ้าวเท ้าตามเพื่อนสนิทที่ก าลังท าหน้า

บูดบึ้งออกจากห ้องซ ้ อมอย่างรีบเร่ง ไอ ้เติร์ดหนีมาที่ห ้องน ้า

ผมเห็นมันเอาแต่วักน ้าลูบหน้าไปมาหากแต่สายตาที่เงย

มองกระจกเต็มไปด ้วยความขุ่นข ้องหมองใจ




“ล ้างหน้าแรงขนาดนั้นเดี๋ยวผิวก็แดงหมดหรอก” ไม่รู้หรอ

กว่าระดับความโกรธของไอ ้เติร์ดอยู่ในจุดไหน แต่ก็คิดว่าคง

มากพอจะต่อยปากผมแรงๆ ได ้



แต่กูไม่กลัวหรอก นอกจากเดินเข ้าใกล ้กับอีกฝ่ ายพร ้อม

กับกระโดดขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล ้างมือ พลางมองคน


ที่อยู่ข ้างๆ ไม่คลาดสายตา



ผมชอบมันจริงๆ นะ ชอบจนอดใจไม่ไหว ผู้ชายต่างรู้กันดี

ว่าเสือหิววัยกลัดมันถ ้าไม่ได ้ปลดปล่อยอาการมันจะเป็น

ยังไง และผมก็คือไอ ้เสือตัวนั้น



“โกรธกูเหรอ” ผมพูดเสียงอ ้อน ถ ้ามีแจกรางวัลให ้เด็ก


สาขาภาพยนตร์ก็ต ้องยกให ้กูเนี่ยแหละเพราะผมคงคว ้า

รางวัลตอแหลแห่งปีไปแบบไม่มีเงื่อนไข

“ไปไกลๆ ตีนไป”




“โกรธจริงว่ะ ง ้อ~” พูดไปก็สะกิดไหล่ไอ ้เติร์ดยิกๆ



“มึงท าเหี้ยอะไรลงไปวะ” อารมณ์มาเต็ม สิ่งที่ท าได ้คือ

การเอาน ้าเย็นเข ้าลูบ ดีที่ตัวเองมีทักษะแบบนี้มาตั้งแต่เริ่ม

เป็นวัยรุ่น ไม่งั้นคงเกี้ยวสาวไม่ได ้เป็นกอบเป็นก าเหมือนที่

ผ่านมา แต่คราวนี้มันยากกว่าตรงที่คนข ้างๆ ไม่ใช่ใครอื่น

มันคือเพื่อนสนิทแถมยังรู้สึกจริงจังจนไม่อยากเสียมันไปอีก


ต่างหาก



“กูขอโทษที่ท าให ้มึงรู้สึกอาย”



“มันไม่ใช่เรื่องนั้น ไอ ้ค่ายกูจะถามย ้ามึงอีกสักครั้ง เราเป็น

เพื่อนกันมานานเท่าไหร่แล ้ววะ” นัยน์ตานั้นแฝงความจริงจัง

ผมเลยไม่กล ้าเล่นอีก




“สองปีกว่า”



“นั่นดิ กูเป็นเพื่อนมึงมานานขนาดนี้ มึงยังท าร ้ายกูไม่พอ

อีกเหรอวะ”



“เดี๋ยวเติร์ด มึงหมายถึงอะไร”




“ก็เรื่องเหี้ยๆ ที่มึงท ากับกู เล่นกับความรู้สึกของกูอยู่นี่ไง

เพื่ออะไรวะ ต ้องการให ้กูรู้สึกหวั่นไหว ต ้องการปั่นหัวกูเล่น

นี่คือสิ่งที่มึงต ้องการใช่มั้ย”




“มันไม่ใช่แบบนั้น” ผมกระโดดลงจากเคาน์เตอร์แล ้วหัน

ไปเผชิญหน้ากับไอ ้เติร์ดตรงๆ



“กูรู้แล ้วว่ามึงกับแพรวไม่ได ้คบกัน มึงตั้งใจจะปั่นหัวกู”



“กูก็รู้แล้วว่ามึงไม่ได้ชอบกูแค่เพื่อน”




“…!”



การโต ้เถียงหยุดชะงัก เราต่างเงียบใส่กันแต่ผมก็ยัง

สังเกตเห็นดวงตาที่ไหวระริกของคนตรงหน้าอยู่ ผมไม่

อยากหลอกไอ ้เติร์ดอีกแล ้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากให ้

มันเชื่อใจ อยากให ้มันเป็นคนส าคัญที่สุด




ผมเอะใจมาพักใหญ่แล ้วว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของมัน

อาจเกิดมาจากความลับเรื่องแพรว ซึ่งแม่งก็เป็นอย่างที่คิด

จริงๆ วันนี้เมื่อได ้โอกาสก็ไม่อยากยื้อเอาไว ้อีก ถึงพูดไป...

ต่อให ้ไอ ้เติร์ดเหมือนเดิมหรือเกลียดผมมากขึ้น มันก็คงถึง

จุดที่ควรยอมรับความจริงได ้แล ้ว




“ไอ ้เติร์ด เราหันหน้ามาคุยกันดีๆ เหอะว่ะ” ดวงตาที่มอง

กลับมาฉายแววแดงก ่าราวกับจะร ้องไห ้ ผมสงสารเลยดึงมัน

มากอดแต่เจ ้าตัวก็ผลักอกผมอย่างแรงไม่ให ้เข ้าใกล ้




ความเป็นเพื่อนของเรามันหมดไปตั้งแต่วันนั้นแล ้ว วันที่กู

รู้ใจตัวเองว่าไม่ได ้รักมึงแค่เพื่อน



แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่ผมได ้สูญเสียไอ ้เติร์ดไปเพราะ

ความเหี้ยของตัวเอง ผมแค่อยากแก ้ไข เพื่อที่สุดท ้ายเราจะ

กลับมารักกันได ้




“กูรู้แล ้วว่ามึงชอบกู รู้ตั้งแต่วันที่ได ้ดูวิดีโอบอกรักของมึง

ในยูทูบ รู้ทุกอย่าง...”



“แล ้วมึง...ก็รังเกียจกูใช่มั้ย” ใบหน้ากับรอยยิ้มเย็นของไอ ้

เติร์ดก าลังบอกกับผมว่ารู้สึกสมเพชตัวเองมากแค่ไหน



“ใช่”




“...!”



“ใช่กูเคยคิดอย่างนั้น กูรู้สึกแย่มากที่มึงคิดกับกูเกินเลย

รู้สึกแย่ที่เพื่อนในกลุ่มปกปิดความจริงจนกูเหมือนคนโง่ มึงรู้

อะไรมั้ยว่ากูผ่านอะไรมาบ ้างในการตัดสินใจท าเรื่องโง่ๆ อยู่

คนเดียว กูขอให ้แพรวช่วยมาเป็นแฟนปลอมๆ กูแกล ้งจูบมึง


แล ้วเรียกชื่อเขา ทุกอย่างที่ท าไปกูตั้งใจ”

“เพื่ออะไรวะ” คนฟังถามกลับ ดวงตาที่แดงก ่าในคราแรก

มีน ้าตาเอ่อคลออยู่ แต่เจ ้าตัวก็พยายามกะพริบตาถี่เพื่อ


ไม่ให ้ตัวเองร ้องไห ้ออกมา



“เพื่อให ้มึงตัดใจไง ทุกอย่างที่ท าไปเพราะความโง่ของกู

ล ้วนๆ แล ้วมึงรู้อะไรมั้ย...กูหนีตัวตนของตัวเอง กูพยายาม

กลับไปท าตัวเหี้ยๆ เหมือนเดิม มั่วผู้หญิงเหมือนเดิมเพื่อ

ปลอบใจตัวเองว่ากูไม่ได ้เปลี่ยนไป แต่สุดท ้ายกูก็คิดถึงมึง”




“...”



“เพราะขาดมึงไม่ได ้กูเลยต ้องกลับมา เพราะ

ความสัมพันธ์บ ้าๆ ของเรามันเปลี่ยนเป็นรักไปแล ้วกูถึง

กลับมาแก ้ตัว มาขอโอกาสจากมึงแม ้มันจะสายไปแล ้ว”



“ทั้งที่รู้ว่ากูชอบมึงก็ยังปกปิด มีความสุขใช่มั้ยที่เห็นกูโง่


ขนาดนี้”



“นั่นเพราะกูไม่อยากเสียมึงไปต่างหาก เพราะมึง

เปลี่ยนไปกูถึงไม่พูด ไอ ้ทูแม่งบอกว่ามึงตัดใจแล ้วกูเลยท า

อะไรไม่ได ้นอกจากท าเรื่องโง่ๆ เหมือนที่เป็นอยู่นี่ไง”



“ใช่ กูตัดใจจากมึงแล ้ว งั้นเลิกท าเรื่องโง่ๆ นี่สักที


เหอะว่ะ” น ้าเสียงขึ้นจมูกตอบกลับมา ผมอยากกอดมันอีก

ครั้งแต่ก็ไม่กล ้า ได ้แต่ฟังความคิดเห็นของคนตรงหน้า


Click to View FlipBook Version