The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

“ท าไม มึงห่วงกูเหรอวะ”




“ก็ห่วงตามประสาเพื่อน” ค าว่า ‘เพื่อน’ มันเสียดแทงใจ

จนรู้สึกเจ็บ เหมือนมีดที่มองไม่เห็นพุ่งมาแทงซ ้าแล ้วซ ้าเล่า

ความรู้สึกนี้สินะที่กูเอาแต่ย ้าเตือนมึงตลอดเวลาที่ผ่านมา



เรานั่งท างานกันต่ออย่างเงียบๆ ก าแพงไอ ้เติร์ดสูงขึ้น

มาก จะคุยอะไรทีผมก็ต ้องคิดแล ้วคิดอีกว่าจะพูดออกไป

ดีมั้ย แต่พอกรองผ่านสมองได ้ผมก็รู้ว่าไม่ควรพูดออกไป


เลยท าได ้แค่ผินหน้าเข ้าก าแพง และตั้งหน้าตั้งตาท างาน

เช่นกัน



เวลาสองทุ่มเลื่อนผ่านเป็นสามทุ่ม ไอ ้เควี่ยสองตัวยังไม่

กลับมา ไม่รู้ว่าหนีไปติดนมหญิงที่ไหน ด ้วยความเป็นห่วง

ผมจึงหันไปถามใครอีกคนว่าหิวหรือเปล่า




“เติร์ดถ ้า...” พูดไม่จบประโยคดี คนที่เป็นห่วงมาตลอดก็

ฟุบหลับไปกับเตียงแล ้วเรียบร ้อย



ผมผละออกจากโต๊ะท างาน เดินอย่างเหม่อๆ ไปหาคนขี้

เซา ผมไม่กล ้าเสียงดัง ไม่กล ้าท ากระโตกกระตากจน

รบกวนการนอน ที่ท าได ้เลยเป็นการก ้มหน้าจ ้องมองอีกฝ่ าย

อย่างเงียบๆ เท่านั้น




“เวลามองอย่างนี้มึงก็น่ารักดีนี่หว่า” ผมพึมพ าเบาๆ เลื่อน

สายตามองไปยังริมฝีปากสีสดที่เม ้มเข ้าหากันและคลาย

ออกเป็นบางครั้ง มันท าให ้ผมนึกถึงจูบของเราเมื่อไม่นาน


มานี้



ดวงตาที่เศร ้าหมองของมันปิดลง ขนตาสีด างอนยาวจน

ผมประหลาดใจ ทั้งคิ้ว ทั้งจมูก ผมไม่เคยสังเกตเลยสักครั้ง

หรือเพราะเคยชินเลยไม่เคยมองลึกถึงรายละเอียด



เออน่ารักว่ะ!




มีเพื่อนน่ารักอยู่กับตัวเสือกไม่รู้ มองหาแต่คนไกลให ้

เหนื่อยท าไมตั้งนาน ยิ่งคิดใจมันก็อดเลื่อนหน้าเข ้าไปมอง

มันใกล ้ๆ ไม่ได ้ เราใกล ้กันจนรับรู้ได ้ถึงจังหวะการหายใจที่

สม ่าเสมอ อยาก...



จู่ๆ ความรู้สึกเหี้ยๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง มึ๊งงงงงงงงง ไอ ้


อาการขี้เอานี่มันรักษายังไงวะ แค่มองหน้าน้องชายกูก็แข็ง

โด่ขึ้นมาละ นี่อยู่กับไอ ้เติร์ดมานานไม่เคยเป็น พอวันหนึ่ง

คิดไม่ซื้อขึ้นมาเสือกมาถี่เชียว



แล ้วตอนนี้เล่นใส่แค่บ็อกเซอร์ด ้วย นี่ตุงจนกางเกงปริ ท า

ได ้แค่เอามือกุมไว ้และตั้งท่าจะขยับออกมา แต่คนจะซวย

ช่วยไม่ได ้เมื่อคนที่หลับไม่รู้เรื่องก่อนหน้าลืมตาขึ้นมาซะ


ก่อน

“ไอ ้ค่าย...”




“ฮะ! อะไรนะ กูออกก าลังกาย” เสี้ยววินาทีผมใช ้ จังหวะ

นั้นกระเด ้งตัวออกมาจากเตียงด ้วยความเร็วเหนือแสง ก่อน

จะคว ่าหน้าลงแล ้ววิดพื้นไปมาเพื่อให ้หายจากอาการ

ฟุ้งซ่าน



แป๊ บๆ นอนเด ้าพื้นแม่งเลย




“เป็นส ้ นตีนอะไรเนี่ย มาออกก าลังกายอะไรตอนนี้” คนที่

ค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งถามอย่างงัวเงีย ไอ ้เหี้ยนี่มันกวน

ตีนครับ มองกูอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวก็ได ้เห็นหรรมขยายขนาด

ของกูหรอก



“กูฟิตไง สร ้างกล ้ามเนื้อ”




“ฟิตเนสคอนโดมึงก็มี”



“แบบนี้คือประหยัดเวลาไง เดี๋ยวกูมานะ” พูดเท่านั้นก็รีบ

ลุกขึ้นสาวเท ้าเข ้าส ้ วมทันที การจะปลดปล่อยโลกสวยด ้วย

มือเรานั้นเหมือนจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่อย่าลืมนะครับว่า

ไอ ้เติร์ดอยู่ในห ้องนอนผม ที่ส าคัญคือถ ้าเล่นแผลงๆ จนส่ง

เสียงดังออกไปไก่ตื่นแน่นอน




สิ่งที่ท าได ้คืออะไรเอ่ย?

ผมหันไปมองตรงเคาน์เตอร์อ่างล ้างหน้า เห็นกระปุกครีม

ขวดโรลออนและน ้าหอมมากมายเรียงรายอยู่ การจะท าให ้


อารมณ์อยากลดลงนั้นบางทีอาจเป็นการเพ่งสมาธิไปที่สิ่ง

ได ้สิ่งหนึ่ง และเลิกคิดถึงเรื่องทางเพศซะ



ชิ้นแรกที่หยิบขึ้นมาเลยคือน ้าหอม ผมหมุนดูโลโก ้อย่าง

ละเอียดก่อนจะวางลงตรงจุดเดิม ใช่! ที่วิธีท าให ้ตัวเองหาย

จากอาการหื่นคือกูต ้องนั่งเรียงขวดเครื่องส าอางให ้โลโก ้

หมุนมาอยู่ตรงกลางทีละขวดอย่างใจเย็น ไอ ้สัด! เหงื่อนี่ซึม


อย่างกับก๊อก



เวลาผ่านไปแล ้วผ่านไปเล่าก็ไม่ได ้ช่วยอะไรเลย ผมเลย

เดินไปที่ฝักบัว เปิดน ้าจนสุดให ้เสียงดังๆ แล ้วบริกรรมคาถา

ต่อด ้วยห ้านิ้วของตัวเอง สัด! สุดท ้ายท าเหี้ยอะไรก็ไม่ได ้ผล

แถมตัวเปียกอีกต่างหาก




ผมเดินออกมาจากส ้ วมพร ้อมผ ้าเช็ดตัว ท าทีว่าไปอาบน ้า

เห็นไอ ้โบนกับไอ ้ทูกลับเข ้ามาแล ้วเลยชวนมันคุยแก ้เซ็ง จะ

มีก็แต่ไอ ้เติร์ดเนี่ยดิที่กุลีกุจอลุกจากเตียงตรงดิ่งเข ้าห ้องน ้า

เฉย



ไม่ถึงนาทีมาแล ้วครับเสียงของคนที่อยู่ด ้านใน เจ ้าตัวเดิน

ออกมายืนหน้าถมึงทึงอยู่ตรงประตู เล่นเอาผมและไอ ้โหด


ทั้งสองมองหน้ากันอย่างงุนงง

“ไอ ้ค่าย”




“มีอะไร” มั่นใจว่าไม่ทิ้งหลักฐานไว ้แน่ๆ ผมเลยไม่กังวล

เรื่องนี้



“ขนหรรมมึงกระจายเต็มพื้นเลยเนี่ย ไปเคลียร์ด ้วย”



ฟ้าคคคคคคคคคคคค!!




“มึงไปท าอะไรในส ้ วมวะไอ ้ค่าย” ไอ ้โบนถามต่ออย่าง

รู้ทัน



“มึงไม่ต ้องเสือก พอดีช่วงนี้ฤดูใบไม ้ร่วงมันเลยร่วงเยอะ

ไปหน่อย”



“ไม่ใช่มึงสีมันเยอะเหรอ”




“นี่พวกมึงจะลามกกันอีกนานมั้ย รีบไปเคลียร์เลยกูเยี่ยว

ไม่ลง” เสียงของไอ ้เติร์ดยุติความหื่นกามที่มีทั้งหมดลง

ก่อนผมจะตั้งท่าเดินเข ้าส ้ วมไปอย่างรีบเร่ง



ปกติระหว่างผมกับไอ ้เติร์ดเราค่อนข ้างเปิดเผยกับเรื่องนี้

นะครับ แต่ไม่รู้ท าไมเดี๋ยวนี้กูถึงกลายเป็นสาวน้อยวัยขบ


เผาะ รู้สึกอายทุกครั้งเวลาที่มันล่วงรู้ความจริงของการช่วย

ตัวเอง

“ไอ ้ค่าย” ผมหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวขาว




“มีอะไร”



“ต่อไปเวลาช่วยตัวเองเบาเสียงหน่อยนะ ไม่มีสมาธิ

ท างานเลยว่ะ”



“ค...ครับ”




ฟ้าคคคคคคคค ฟ้าคคคคคคคคค ไอ ้เหี้ยฆ่ากูเหอะสัด

ฆ่ากู!!!



ภาพลักษณ์ที่ปรับโฉมใหม่พังทลายไม่เป็นท่าหลังจากกู

บ ้าช่วยตัวเองในส ้ วม วันนี้เลยเอาใหม่ แต่งตัวอย่างดีด ้วย

การผูกไทด์ใส่ชุดนิสิตเต็มยศ เผื่อไอ ้เติร์ดมันจะมองเห็น

การเปลี่ยนแปลงนี้บ ้าง




เรานัดเจอกันที่ได ้ถุนตึกตามปกติ แต่วันนี้ผมจะเริ่ม

เปลี่ยนตัวเองด ้วยการขับรถให ้ช ้ าลง และเพิ่มความ

ระมัดระวังให ้มากขึ้น ไอ ้เติร์ดมันเคยบ่นผมบ่อยๆ ว่าชอบขับ

รถเร็ว ซึ่งตอนนี้กูเริ่มท าได ้แล ้วนะ



พอไปถึงคณะไอ ้เพื่อนรักสามตัวก็นั่งท าหน้ายักษ์ใส่ทันที




“มึงขับไปเขาใหญ่มาเหรอ พวกกูรอนานแล ้วเนี่ย” เมื่อไอ ้

ทูเห็นผมเดินเข ้ามา มันก็จัดการใส่ยับทันที




“หรือว่าเพิ่งตื่น” ไอ ้โบนจี้อีก



“ก็ออกมาตามปกตินั่นแหละ แต่เดี๋ยวนี้ขับชาวีช ้ าลง กลัว

อันตราย” ผมตอบกลับอย่างใจเย็น สองตาก็มองไปยังคน

ตัวขาวที่นั่งอยู่กับไอ ้หมาสองตัวนี่ด ้วย



“มึงขับเท่าไหร่ครับเพื่อน นี่เลทมาชั่วโมงนึงเลยนะ”




“สี่สิบ”



“บิ๊กไบค์พ่องขับสี่สิบ ไอ ้ควาย มึงคิดว่ามึงนั่งสล็อต

เคลื่อนที่อยู่เหรอ” โอ ้โหด่าซะกูเสียหมาเลย นี่ถ ้าไม่ติดที่

พวกมันรับปากจะช่วยผมจีบไอ ้เติร์ดนะ กูเดินไปตบกะโหลก

ปลิวไปนานแล ้ว




“เอาเถอะ ไหนๆ ไอ ้ค่ายมันก็มาแล ้วเรารีบขึ้นห ้อง

เหอะว่ะ” ยังดีที่ไอ ้เติร์ดช่วยเปลี่ยนประเด็นทัน ผมเลยไม่

โดนย าหนักอย่างที่คิด



วันนี้เราเรียนห ้องสโลป แถวหลังสุดแก๊งโหดมักจอง

เพราะไม่ชอบอยู่หน้า แม ้อาจารย์จะมองเห็นได ้ชัดที่สุดก็


ตาม ผมเดินน าไปก่อน ทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะเลกเชอร์ตัวหนึ่ง

พอเห็นว่าร่างโปร่งของไอ ้เติร์ดเดินตามมาก็เบาใจ ยังไงเรา

ก็คงนั่งติดกันเหมือนเดิม แต่เปล่าเลย…




แม่งเสือกเดินตัวปลิวไปนั่งโต๊ะถัดไปถึงสองตัวโน่น!



ไอ ้โบนกับไอ ้ทูเห็นเลยไอ ้แต่ส่งยิ้มแหยมาให ้ผม ก่อนทิ้ง

ตัวลงนั่งข ้างๆ โดยไม่พูดอะไร เราเรียนไปกันเรื่อยๆ แทนที่

จิตใจของผมจะอยู่ตรงจอโปรเจ็กเตอร์ ตอนนี้มันกลับลอย

ไปอยู่ที่ใครบางคนซะมากกว่า




“ไอ ้ทู ขอยืมลิควิดหน่อย” สิ้นเสียงไอ ้เติร์ดผมรีบเปิด

กระเป๋ าดินสอ แล ้วหยิบลิควิดส่งไปให ้เจ ้าตัวทันที



“นี่ๆ กูมี”



“เออ ขอบใจ”




ห ้านาทีต่อมา...



“ไอ ้ทู สไลด์ก่อนหน้าอาจารย์บอกอะไรวะ ตรงบรรทัดที่

สองอ่ะ”



“กูจด เอาของกูไปดู” ผมไม่รอช ้ าโยนชีทให ้อีกฝ่ ายทันที

มันก็มองหน้ากูเหมือนสงสัยเต็มแก่แต่ก็ไม่พูดอะไร รอ


กระทั่งอาจารย์เลิกคลาสไอ ้โบนที่นั่งเงียบดูสถานการณ์อยู่

นานเลยถามผมขึ้น

“ไอ ้ค่าย พรุ่งนี้มีเติร์สเดย์เทียร์เตอร์ไปดูกันมั้ย”




“ไม่ไปอ่ะ เบื่อ” Thursday Theater เป็นกิจกรรมที่เด็ก

ฟิล์มจัดขึ้นทุกวันพฤหัสฯ เพื่อให ้นิสิตทุกคณะในมหา’ลัยมา

ดูและวิจารณ์หนังกันตามสไตล์เด็กฟิล์ม ซึ่งผมก็ดูจนตา

แฉะไปหมดละ



เมื่อเห็นว่าผมปฏิเสธมันก็หันไปถามคนที่นั่งถัดไปอย่าง

ไอ ้ทูทันที




“มึง พรุ่งนี้ไปดูวิจารณ์หนังกัน”



“อืม...ไปดิ ได ้ข่าวว่าเขาจะเปิดประมูลแผ่นหนังด ้วยหนิ

หาเงินเข ้าคณะไว ้ท าละครเวที”



“แล ้วมึงอ่ะเติร์ด ไปมั้ย” จากที่ก าลังเก็บกระเป๋ าอยู่ ผมรีบ


หันขวับจนคอแทบเคล็ด



“เรื่องอะไรวะ”



“Lost in translation”



“ไปๆ”




“เฮ ้ ยกูไปด ้วย อะไรวะไม่ชวนกันเลยพวกมึงเนี่ย!” ผม

โพล่งขึ้นทันควันหลังจากได ้ยินว่าไอ ้เติร์ดจะไป กูเกลียด

ตัวเองฉิบหายที่ย ้อนแย ้งได ้ขนาดนี้ เพื่อนมันก็ส่ายหน้า


เอือมระอาใส่นะครับ แต่กูไม่แคร์หรอก ผมยอมเปลี่ยนทุก

อย่างเพื่อไอ ้เติร์ด และผมก็จะท าทุกทางเพื่อให ้ได ้มันคืนมา



ดังนั้นตอนเย็นผมเลยให ้ไอ ้โบนไปขนหนังเก่าๆ ที่อยู่ใน

กล่องออกมาร่วมกิจกรรมประมูล วันพฤหัสฯ ช่วงบ่ายสอง

เป็นเวลาว่างของเด็กฟิล์มปีสาม หลังเรียนเสร็จผมมองหา

ไอ ้เติร์ดหน้าห ้องฉายหนังอยู่นานเพราะมันปลีกตัวออกไป


หลังเลิกคลาส แต่เจ ้าตัวก็ยังไม่โผล่มาซะที



“เชี่ยค่าย เข ้ามารอข ้างในก็ได ้” ไอ ้ทูสะกิดไหล่ผมยิกๆ



“มันไปไหนวะ”



“หาพี่เชนทร์ คุยเรื่องละคร”




“ท าไมมันบอกมึงแต่ไม่บอกกู”



“ท าอะไรกับมันไว ้บ ้างล่ะ มันคงอยากอยู่ใกล ้กับมึงหรอก”



“ก็พยายามแก ้ไขอยู่นี่ไง”




“ท าให ้ได ้ตลอดรอดฝั่งนะมึง นั่นไง มันมาละ” เพื่อนรัก

บุ้ยปากไปยังร่างโปร่งที่ก าลังเดินมาเงียบๆ ผมโบกมือไปมา

เป็นการเรียก สักพักไอ ้เติร์ดก็เดินมาถึง




“ไม่เข ้าไปดูก่อนวะ”



“รอมึงอ่ะ นี่กูซื้อขนมมาให ้มึงด ้วย เผื่อดูแล ้วหิว” ผมยื่น

ถุงพลาสติกให ้กับคนตรงหน้า ซึ่งมันก็รับมาอย่างงงๆ ก่อน

เดินน าเข ้าไป



ทันทีที่ไอ ้เติร์ดทิ้งตัวลงนั่งตรงเก ้าอี้ ผมก็รีบเดินตามไป


นั่งข ้างๆ อย่างไม่รอช ้ า แต่ไม่ถึงนาทีต่อจากนั้นคนที่นั่งอยู่

ข ้างๆ ก็ขยับตัวนั่งห่างออกไปอีกสองต าแหน่ง เล่นเอากูงง

แตกไปเลยครับ



“แอร์ตก มึงนั่งตรงนั้นแหละ”



โอ ้โห! เหมือนโดนเบรกอย่างแรงจนหน้าแทบคะม า


สุดท ้ายก็ท าอะไรไม่ได ้ครับนอกจากนั่งมองเพื่อนสนิทคิด

ไม่ซื่ออย่างเงียบๆ เท่านั้น



ไอ ้เติร์ดเป็นคนที่เวลาดูหนังจะตั้งใจมาก มันไม่แตะต ้อง

ขนมและน ้าที่ผมซื้อให ้เลยแม ้แต่น้อย ไม่นานคนมาใหม่ก็

ทยอยเดินเข ้าห ้องระหว่างฉายหนังมากขึ้นเรื่อยๆ และก็โชค

ร ้ายอีกที่เด็กใหม่เสือกมานั่งคั่นกลางระหว่างผมกับไอ ้เติร์ด


เข ้า

“เฮ ้ ยพี่เติร์ด วันนี้มาดูหนังด ้วยเหรอวะ” ไอ ้ทอยปีสอง ร่า

เริงไปทั่วอ่ะไอ ้เหี้ยนี่




“เห็นเขาบอกมีประมูลแผ่นหนังด ้วย เลยอยากช่วยหาเงิน

เข ้าคณะ”



“ดีว่ะ นี่ผมก็เอามาเหมือนกัน เชี่ยยยยย เอาขนมมากิน

ด ้วยเหรอ”




“อืม”



“ขอกินหน่อยดิ”



ไอ ้ทอย ไอ ้หน้าด ้านนนนนน เติร์ดนั่นขนมกูครับ อย่ายก

ให ้ใคร! ผมได ้แต่บิดเร่าๆ มองดูทั้งคู่อย่างไม่สบอารมณ์ ใน

ใจก็ได ้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่ท าแบบนั้น




“อือ เอาไปดิวะ” เหยดแหม่!



ต่อยกับกูเหอะว่ะเพื่อนรัก นี่อย่างเดียวไม่พอมันเล่นยกให ้

ทั้งถุง



ผมเลยได ้แต่เก็บความอัดอั้นตันใจไว ้คนเดียวจนกระทั่ง


หนังจบ รุ่นพี่ปีสี่ที่ท าหน้าที่เป็นพิธีกรของงานเดินขึ้นมาบน

เวทีก่อนจะด าเนินกิจกรรมต่อไป

“เอาล่ะครับนิสิตทุกท่าน อย่างที่ทราบกันดีว่าวันนี้จะมี

การประมูลแผ่นหนังกันขึ้นเพื่อหาเงินสมทบให ้กับทางละคร


เวทีนิเทศศาสตร์ประจ าปี และเพื่อไม่ให ้เป็นการเสียเวลา

เริ่มที่แผ่นแรกกันเลยครับ”



ภาพถูกฉายขึ้นบนจอ เป็นแผ่นหนังเก่าๆ ที่ถูกหยิบมาวาง

โชว์ไว ้บนเครื่องฉาย



“Happy together ของน้องบูปีหนึ่งคณะสังคมครับ ราคา


เริ่มที่สิบบาท เริ่มประมูลได ้” การประมูลด าเนินต่อไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งแผ่นหนังเรื่องหนึ่งถูกฉายบนจอจนเกิดเสียงฮือฮา

คับคั่ง



“อันนี้เป็นของไอ ้คุณค่ายปีสาม เด็กฟิล์มของเรานั่นเอง”



“...”




“เป็นแผ่นหนัง AV ของแท ้จากญี่ปุ่ น SuperXX104

หน้าปกเป็นรูปน้องยูอิใส่เสื้อในที่ไม่ใช่เสื้อในด ้วย ใครเป็น

แฟนคลับน้องยูอิต ้องจัดนะครับ ราคาเริ่มต ้นที่ 0.99 บาท

เริ่มประมูลได ้”



โหยยยยยยไอ ้เหี้ย!




ผมนี่รีบถลาเข ้าไปตั๊นท ้ายทอยของไอ ้โบนทันที พ่องมึง

ตาย ใครสั่งใครสอนให ้คุ้ยหนังโป๊ กูมาประมูลวะ ผมไม่น่า

ไว ้ใจให ้มันเลือกเลยจริงๆ




“มึงจะตีกูไม่ได ้นะไอ ้ค่าย ก็มึงเป็นคนบอกเองว่าให ้กู

จัดการแผ่นหนังเก่าๆ”



“กูหมายถึงหนังทั่วไป ไม่ใช่ลับสิบแปดบวก ไอ ้สัด”



“เอาน่า นี่กูช่วยมึงนะเนี่ย ไหนๆ มึงจะเลิกเจ ้าชู ้ แล ้วก็ช่วย


เลิกเสพอะไรแบบนี้ด ้วยก็ดี”



“มึงไม่ต ้องมาพูดดี” เพราะตอนนี้ไอ ้เติร์ดหน้าเปลี่ยนสี

เรียบร ้อยแล ้ว



สายตาที่มันมองผมเปลี่ยนไป หลงเหลือแต่ความสมเพช

เวทนา โอ๊ยยยยยย กูจะบ ้าตาย พออ ้าปากจะแก ้ตัวมันก็รีบ


ผินหน้าหนีกลับไปมองเวทีซะอย่างนั้น



“269”



“โอ ้โห ตอนนี้อยู่ที่ 269 แล ้วครับใครให ้อีก”



“300”




“300 แล ้วครับ”

โหลดดูอยู่บ ้านดีกว่ามั้ยราคานี้ นี่ได ้มาจากเว็บเถื่อน 18+

เว็บหนึ่ง ซื้อเหมาสิบแผ่นราคาแค่ 199 บาทเอง นี่ยอดขึ้น


พรึบพรับ ไม่รู้ว่าอยากช่วยคณะหรือเห็นนมน้องเขาใหญ่ดี

กันแน่



“แล ้วก็เสร็จสิ้นไป แผ่นของน้องยูอิขายได ้ในราคา 300

บาทกับอีก 25 สตางค์ครับ เดี๋ยวติดต่อรับแผ่นได ้ข ้างเวที

เลยนะ ส่วนอันนี้เป็นบ็อกเซตหนัง AV สิบแผ่นจากไอ ้น้อง

ค่ายเจ ้าเก่าคร ้าบ คอลเล็กชั่นนี้รวมดาวสุดสวยทั้งนั้น ดูทีมี


เสียวทั้งคืน ราคาเริ่มต ้นที่ 19 บาทครับ ใครสนใจยกเลย”

ไอ ้เหี้ยยยยยยยยยย



ฟังแล ้วล่ะเหี่ยใจ ไม่รู้จะมุดหน้าไปไว ้ตรงซอกขาหนีบ

ไหน นี่มึงขนมาทั้งกรุกูเลยถูกมั้ยไอ ้โบน แล ้วดูเด็กคณะอื่น

ครับ มองหาแต่กูกันเลิกลัก มึงจะมองหาความหล่อกูเหรอ

สาดดดดดดด ไอ ้แต่นั่งไปด่าเพื่อนเลวๆ ไปจนกระทั่งบ็อก


เซตนั้นถูกขาย



“และนี่คือแผ่นสุดท ้ายของน้องค่ายครับ มึงเอามาเยอะจัง

เลยนะ หนังเรื่องนี้ชื่อว่า Circle of friends ราคาเริ่มต ้นที่ห ้า

บาทครับ เริ่มประมูลได ้”



หน้าของผมชาไปทั้งซีก หลังจากเห็นแผ่นหนังเรื่องหนึ่ง


ปรากฏสู่สายตา ถึงแม ้พยายามกะพริบตาอยู่หลายครั้งผมก็

ยังพบเหมือนเดิม

นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ไอ ้เติร์ดซื้อให ้ผมตอนปีหนึ่ง และ

ผมเก็บไว ้ตลอดจนมาวันนี้ มันถูกน าขึ้นประมูลโดยที่ผมไม่


เคยรู้เลย และมีไอ ้โบนที่ไม่รู้เหี้ยอะไรเหมือนกันน าพาความ

หายนะมาให ้



“ไอ ้เติร์ด กูไม่ได ้จะขายนะ” ผมรีบบอกกับคนที่นั่งข ้างๆ

มันมีสีหน้าเจื่อนลงแต่ก็ยังตอบด ้วยรอยยิ้ม



“ไม่เป็นไร มันนานแล ้ว ขายเถอะ”




“ไม่ใช่อย่างนั้นเว ้ย คือไอ ้โบน...”



“299 บาทครั้งที่สอง” เสียงของพิธีกรแทรกเข ้ามาในโสต

ประสาท วินาทีนั้นยังไม่พร ้อมแก ้ต่างอะไรนอกจากยกมือ

ขึ้นและโพล่งเสียงดังกลับไป




“500 ครับ”



“น้องค่ายซื้อหนังตัวเองนะครับ มีใครให ้อีกมั้ย”



“599 บาท” แล ้วใครคนหนึ่งก็แทรกขึ้นอีก กูไม่ยอม

หรอก แผ่นหนังเรื่องนี้ต ้องกลับมาที่ผมให ้ได ้




“599.89 เดี๋ยวโอนเข ้าธนาคารให ้เลย!”

“มีใครให ้มากกว่านี้มั้ยครับ งั้น 599.89 ครั้งที่หนึ่ง

599.89 ครั้งที่สอง และ 599.89 ครั้งที่สาม ปิดประมูล ไอ ้


น้องค่ายเอาแผ่นมึงกลับไป”



ผมรีบวิ่งไปกระหืดกระหอบไปยังหน้าเวทีเพื่อรับแผ่นหนัง

เรื่องนั้นคืน ฮือ น ้าตากูจะไหล แพงกว่าซื้อมือหนึ่งอีกสัด

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นส าคัญ มันส าคัญที่ว่าคนให ้ก าลังรู้สึก

อะไรอยู่กันแน่




ไอ ้เติร์ดยังคงนั่งหน้านิ่งไม่หือไม่อือ ผมเองก็ว ้าวุ้นใจแต่

พูดแก ้ต่างออกไปไม่ได ้ ท าได ้เพียงนั่งลงเงียบๆ รอดูแผ่น

หนังเรื่องต่อไปปรากฎบนหน้าจอ



“เรื่องต่อไป Flipped ของน้องเติร์ดเด็กฟิล์มปีสาม ราคา

เริ่มต ้นที่สิบบาท เริ่มประมูลได ้เลยครับ”




“ไอ ้เติร์ด...” นับเป็นประโยคที่พูดขึ้นหลังจากเห็นแผ่น

หนังที่ตัวเองซื้อให ้มันเมื่อปีก่อนก าลังถูกประมูล ใจคนดู

ก าลังพังไม่เป็นท่า มันบอกว่ารักหนังเรื่องนี้มาก

ขณะเดียวกันมันก็สัญญากับผมไว ้เป็นอย่างดีว่าจะเก็บ

เอาไว ้อย่างดีที่สุด



“กูเห็นว่ามันเก่าแล ้ว เลยอยากเอามาประมูล”




“แต่มึงจ าไม่ได ้เหรอว่ากูซื้อให ้”

“มึงไม่ใส่ใจอยู่แล ้วหนิ อีกอย่างมึงก็ไม่ได ้ชอบดูหนัง

เรื่องนี้ด ้วย เอาเถอะ ช่วยคณะ” แต่มึงไม่ได ้ช่วยกูเลย...




ไอ ้เติร์ดแม่งท าร ้ายผมอย่างเจ็บแสบ แต่แค่นี้ก็คงไม่ได ้

ครึ่งกับสิ่งที่มันเจอมาตลอดสองปี ผมยินดีชดใช ้ ให ้ทุกอย่าง

อีกทางหนึ่งผมก็ไม่ยอมปล่อยมันไปเช่นกัน



วันนี้มันก าลังตัดผมออกจากชีวิต ตรงข ้ามกับผมที่ก าลัง

ดึงมันกลับเข ้ามาในชีวิตเรื่อยๆ กรรมตามสนองมันเป็นอย่าง


นี้นี่เอง



“ตอนนี้ 200 ครับมีใครให ้อีก”



“พันนึง!!” ผมตะโกนเสียงดังจนคนด ้านหน้าหันมามอง

เป็นตาเดียว




“ไอ ้น้องค่าย มึงรวยจากการขายหนังโป๊ ใช่มั้ย เอาเถอะมี

ใครให ้เยอะกว่านี้อีกมั้ยครับ” รุ่นพี่แม่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง

ผมเคาะโต๊ะไปมาด ้วยความตื่นเต ้น “หนึ่งพันบาทครั้งที่หนึ่ง

หนึ่งพันบาทครั้งที่สอง...”



“พันห ้าครับ”




ไอ ้เชี่ยทู ไอ ้เลววววววววววววววว

ทันทีที่เพื่อนรักหักกระดูกอย่างไอ ้ทูยกมือขึ้น เลือดของ

ผมก็ขึ้นหน้าทันที ไอ ้ควายนี่ส่งยิ้มมาให ้เหมือนไม่ได ้ตั้งใจ


แต่ผมรู้ครับว่ามันตั้งใจแกล ้งผม



“มีใครให ้มากกว่านี้อีกครับ”



“สองพัน!” หมดตัวละแสรด เดือนนี้กูต ้องแดกมาม่า ขอ

อย่ายกมือแกล ้งกูอีกเลย เพราะยังไงผมก็ต ้องซื้อแผ่นหนัง

เรื่องนี้กลับมาให ้ได ้อยู่ดี




และถือเป็นโชคดีของผมที่เพื่อนเห็นใจไม่ยกมือเพิ่ม

ราคาปิดประมูลแผ่นหนัง 499 บาทในวันวานเลยพุ่งทะยาน

สู่สองพันบาทในวันนี้ ชีวิตกู...ร่อแร่สิ้นดี



หลังจากได ้แผ่นหนังมาครอบครอง กิจกรรมการประมูลก็

เริ่มต่อจนจบ ไอ ้โบนกับไอ ้ทูขอตัวออกไปก่อน ผมเลยมี


โอกาสได ้อยู่ตามล าพังกับไอ ้เติร์ดบ ้าง



“ได ้แผ่นหนังมาแล ้ว”



“อืม”



“ตอนนี้ไม่มีเงินเลยเนี่ย วันนี้ขอไปกินข ้าวเย็นกับมึงนะ”




“กูจะออกไปคุยงานกับพี่ย ้งยี้ต่อ”

“เหรอ งั้นพรุ่งนี้ว่างมั้ย”




“ไม่ว่างว่ะ นัดกับพี่เชนทร์” ผมท าหน้าละห ้อยใส่ หากแต่

มือข ้างหนึ่งล ้วงลงไปในกระเป๋ ากางเกง หยิบมือถือขึ้นมา

กดเบอร์ไปยังบุคคลที่เพิ่งถูกพาดพิงถึง รอไม่นานเจ ้าตัวก็

ตอบรับ



“พี่เชนทร์เหรอ พรุ่งนี้มีนัดอะไรกับไอ ้เติร์ดอ่ะ เหรอ อ๋อ...

เข ้าใจ โอเคครับ...ครับ” พูดเสร็จก็วางสายทันที คนข ้างๆ


เลยชะงักเท ้ามองหน้าผมนิ่ง



“โทรหาพี่เชนทร์ท าไม”



“ก็เห็นมึงบอกมีนัด พี่มันบอกแล ้วว่าไม่มี”



“...”




“เอ ้า ว่างเฉย!”



“สัด”



“งั้นพรุ่งนี้ไปกินข ้าวที่คอนโดมึงนะ ส่วนแผ่นหนังนี่ก็เก็บ

ไว ้ซะ” ผมยัดซีดีเรื่อง Flipped เข ้าใส่มือของคนตัวขาว


ก่อนจะพูดกรอกหูอีกครั้ง “เอาไว ้แลกของขวัญปีใหม่กับกูก็

ได ้ แต่อย่าทิ้งเลย”

“ไม่ได ้จะทิ้ง แค่อยากให ้คนอื่นได ้ดูเหมือนกัน”




“ก็ปล่อยพวกมันไปหาเองดิ”



“ร าคาญมึงว่ะ จะไปไหนก็ไป กูจะกลับ”



“ไหนบอกไปคุยกับพี่ย ้งยี้ โกหกกูเหรอ”



“โอ๊ยยยยยยยย ร าคาญไอ ้สัด กูจะไม่คุยกับมึงแล ้ว!”




“เกรี้ยวกราดท าไมน่ารัก”



“ไอ ้สัด”



“เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราด”




ตั้งแต่เรียนรู้ที่จะยอมรับความรู้สึกเบื้องลึกของตัวเอง ไอ ้

เติร์ดก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าแกล ้งในสายตาของผมไปเลย



ผมกลับมาที่ห ้อง อาบน ้าแต่งตัวเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียง

เล่นมือถือ ปกติมักพาสาวออกไปตีขลุมกันข ้างนอก เดี๋ยวนี้

ชีวิตเลิกยุ่งเลยมีเวลาว่างเย ้อออออ




ซึ่งบอกเลยว่าแฮปปี้ดี๊ด๊ามาก เพราะมันท าให ้ผมได ้มีเวลา

คุยกับใครอีกคน

นานเท่าไหร่แล ้วที่เราไม่ได ้ไลน์คุยกัน...




K.Khunpol

เติร์ด



ผ่านไปห ้านาที ขึ้น Read แต่ไม่มีการตอบกลับ



K.Khunpol

มึงท าไรอยู่


ไอ ้เติร์ด



สเต็ปเดิมครับ อ่านแต่ไม่ยอมตอบ เหนื่อยใจจนอยากซุก

หน้าร ้องไห ้ เกิดมาผมไม่เคยตามจีบใครขนาดนี้มาก่อนเลย

นะ ส่วนใหญ่ทักไปเขาก็อ่อยกลับ ส่งรูปนมมาสู ้ ยังไงก็มี แต่

นี่...




ไม่มีสัญญาณตอบรับจากความรักที่ท่านเรียก



K.Khunpol

มึงโกรธอะไรกูเหรอ

ขอโทษนะ



อ่านแล ้วคราวนี้ก็ยังไม่ยอมตอบอีก หมดก าลังใจ ต๊อแต๊และ


สิ้นหวัง นี่ถอดเขี้ยวถอดเล็บหมดแล ้วผมมันก็แค่ผู้ชายกากๆ

คนหนึ่ง แต่กูไม่ยอมแพ ้หรอกนะ คราวนี้ต ้องเรียกร ้องความ

สนใจมากกว่าเดิม




K.Khunpol

ท า

ไม

ถึง

ไม่

ยอม

ตอบ


กู

ครับ

ที่

รัก

เติร์ดที่แปลว่าสาม

แชทมาท าเหี้ยไรนักหนา

คนจะนอน


K.Khunpol

เอ ้าเหรอ งั้น...

ฝันถึงกูด ้วยนะ





ชีวิต...รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยวัยขบเผาะ แค่พิมพ์ค า

ว่าฝันถึงกูส่งกลับไป ผมก็รู้สึกได ้ว่าตัวเองเขินจนตัวบิดแค่

ไหน สัด! นี่เหมือนรักครั้งแรกของเด็กชายขุนพลเลย ผม

เห็นข ้อความ Read ปรากฏอยู่ตรงหน้า ได ้แต่ลุ้นว่าอีกฝ่ าย

จะตอบอะไร

และในวินาทีนั้น...



เติร์ดที่แปลว่าสาม

olo



โอ๊ยยยยยยยยยย ดีใจเอ๊าะ ไม่รู้ท าไม แค่ไอ ้เติร์ดส่งโคย


ให ้จิตใจคนที่เฝ้ารอก็เต็มตื้อขึ้นมาอย่างห ้ามไม่อยู่ เลยรีบ

ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปอย่างไวว่อง



K.Khunpol

(≧0≦)



ความรัก...ไม่เคยรู้สึกกับใครเท่านี้มาก่อนเลย มีความสุขเฟ


ร่อ โอ ้โห นอนเด ้าหมอนข ้างกันไป



ฝันเห็นกู ฝันเห็นฆวย



เลสโกจย ้าที่รัก!



ตอนที่ 8

ความพยายามมีค่าติดลบ



“จะเที่ยงแล ้วหิว จะเที่ยงแล ้ว”




“บ่นห่าไรมึง ร าคาญ”

“อีกสองนาที กระเพาะกูจะเริ่มบีบตัวละ ถ ้าอาจารย์ไม่

ปล่อยกูลงไปก่อนนะ”




“ไอ ้เวร มึงแม่งไม่มีความอดทนเลยว่ะไอ ้ค่าย”



จะด่าอะไรกูก็เชิญตามสบายพวกมึงเลยครับเพราะกูไม่

สน ตอนนี้ได ้แต่ทุรนทุรายนั่งแทบไม่ติดเบาะ รออาจารย์

ทวดแกเลื่อนสไลด์กระดึ๊บๆ อยู่บนโปรเจ็กเตอร์ คนนี้แม่ง

ตรงเวลาด ้วยดิ ไม่เที่ยงไม่เลิก




“นิสิตคะ วันนี้อาจารย์ขอเลทนิดนึงนะ อยากให ้จบสไลด์

จริงๆ”



“ครับ/ค่า”



ม่ายยยยยยยยยยย มีกูคนเดียวที่ไม่อยากให ้เป็นอย่างนั้น


ชีทเหลืออีกหนึ่งหน้า สี่สไลด์ กับรูปแน่นๆ ที่ไม่มีตัวหนังสือ

เลยนั่นหมายความว่ายังไงครับ หมายความว่าเราต ้องจดกัน

อีกยาว แล ้ววันนี้ผมเสือกรีบมากจนลืมหาของกินติดกระเป๋ า

มาอีก



“กูขออนุญาตออกไปก่อนดีมั้ยวะ” ผมถามไอ ้โบนอย่าง

ร ้อนรน




“ถ ้ามึงออกไป คลาสนี้คือมึงจะถูกกาหัวว่าไม่ได ้เข ้าเรียน

เลยนะ นั่งต่ออีกนิดเดียว”




“นิดพ่องดิ”



“เฮ ้ ยเติร์ด มึงมีของกินติดกระเป๋ ามาบ ้างมั้ยวะ ไอ ้ค่าย

แม่งบ่นยิกๆ เลยเนี่ย” เจ ้าของชื่อที่ก าลังตั้งหน้าตั้งตาเรียน

หันมามองคนถามอย่างไอ ้ทู เมื่อก่อนเวลาผมหิวไอ ้เติร์ดจะ

ชอบพกของกินเล่นมาให ้เสมอ นี่เลยเป็นอีกเหตุผลที่ผมติด

นิสัยไม่ชอบพกอะไรมาเอง หวังจะกินจากมันแค่คนเดียว




“ไม่แน่ใจนะ ดูก่อน” ว่าแล ้วก็ไม่รอช ้ าล ้วงมือลงไปใน

กระเป๋ าเป้แล ้วยื่นของสิ่งหนึ่งให ้ไอ ้ทู ส่งต่อให ้ไอ ้โบน ก่อน

จะมาถึงผมในเวลาเพียงไม่กี่วิ



น ้าตาจะไหล มีข ้าวปั้นญี่ปุ่ นติดมาด ้วย




รู้หรอกว่าไอ ้เติร์ดก็ห่วงผม แต่ก็ไม่กล ้าพูดออกไปเพราะ

กลัวมันจะเขิน เลยได ้แต่ก ้มหน้าแอบกินเงียบๆ เพื่อไม่ให ้

อาจารย์รู้ พอกัดเข ้าไปค าแรกเท่านั้นล่ะความรู้สึกแหม่งๆ ก็

แผ่ซ่านเข ้ามาในปากทันที



“ข ้าวปั้นยี่ห ้อเหี้ยไรเนี่ย ท าไมข ้าวมันแฉะๆ วะ” ผมกินไป

บ่นไป แต่ก็ไม่คิดหยุดเพราะกองทัพต ้องเดินด ้วยท ้องดังนั้น


ค าที่สองและสามจึงตามมาติดๆ

“ข ้าวญี่ปุ่ นก็เงี้ย มันจะเหนียวหน่อย”




“เหรอวะ”



คือกูก็กลั้นใจแดกต่อจนหมดนะครับแม ้รสชาติจะหมาไม่

แดกแค่ไหนก็ตาม แต่พอกินจนเหลือแค่ห่อพลาสติกใสใน

มือเท่านั้นแหละหน้ากูชาทันที



“เติร์ด มึงซื้อมาเมื่อไหร่”




“จ าไม่ได ้ ติดกระเป๋ าเป็นอาทิตย์ละ”



ฟัค!



“ไอ ้สัดหมดอายุ!” เสียงสบถดังก ้องทั่วห ้อง อาจารย์ทวด

แกเลยหันมามองด ้วยสายตาเอาเรื่อง ผมรีบก ้มหัวขอโทษ


ขอโพยแกยกใหญ่ ส่วนไอ ้เติร์ดก็พูดแก ้ต่างออกมาทั้งที่

สายตาไม่ได ้จดจ่ออยู่กับผม



“โทษที ไม่รู้ว่าหมดอายุแล ้ว”



ปากบอกส าคัญแต่การกระท ากลับตรงข ้าม เหมือนไอ ้

เติร์ดพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว ้ แต่ผมก็รู้สึก


ได ้ว่าความพยายามเหล่านั้นมันเรียกว่าฝืน เพราะเราเริ่ม

ห่างไกลกันมากทุกที

ยิ่งผมขยับเข ้าใกล ้มากเท่าไหร่ มันก็จะถอยห่างออกไป

มากเท่านั้น




รู้สึกแย่ แต่ก็ใช่ว่าจะเรียกร ้องอะไรได ้ เออ! กูท าตัวเองมา

ตลอดทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว



พักกลางวันเราลงมาที่โรงอาหารคณะ ผมที่ยัดข ้าวปั้นบูด

ไปแล ้วก ้อนหนึ่งเลยเบาใจ ได ้แต่ภาวนาว่าตอนบ่ายกูจะไม่

ชิงปวดขี้ในคลาสอีก เราสี่คนแยกย ้ายเดินไปสั่งข ้าวตาม


ร ้านโปรดของตัวเอง ก่อนเดินกลับมาสุมหัวอีกครั้งพร ้อม

ของแดกเต็มจาน



และที่พิเศษกว่านั้น...คือผมซื้อน ้าเปล่าให ้ไอ ้เติร์ดมันด ้วย

ครับ แต่ไม่กล ้าให ้ตรงๆ เพราะกลัวมันไม่รับเลยได ้แต่เลื่อน

ขวดน ้าไปไว ้ใกล ้ๆ มือของมันแทน




ไม่รู้ความหน้าด ้านหน้าทนที่เคยมีมาตลอดหายไปไหน

รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่มีความกล ้าพอจะจีบใครเหมือนเมื่อก่อนอีก

แล ้ว ต ้องคิดซ ้าคิดซ ้ อนวนเวียนอยู่แบบนั้นจนร าคาญตัวเอง



“ข ้าวร ้านนี้อร่อยมั้ยวะ ขอชิมหน่อย” ผมท าท่าจะจิ้มส ้ อม

ลงบนหมูในจานของคนข ้างๆ แต่ไอ ้เติร์ดไวกว่านั้น มันรีบ

ขยับจานหนีทันที




“ซื้อเองดิ”

“แค่ชิม”




“ไม่ได ้”



“หวงท าไม แค่หมู”



“กูหวงทุกอย่างแหละ อยากกินก็ไปซื้อเอง” ไอ ้โบนที่นั่ง

ฝั่งตรงข ้ามเตะขาผมไปมา ในใจคงก าลังก่นด่าถึงวิธีการเข ้า

หาที่ดูปัญญาอ่อนสิ้นดี นี่กูยังดูไม่เป็นธรรมชาติอีกเหรอวะ


ผมคิดในใจครู่หนึ่ง ก่อนร่างบางของเพื่อนสนิทจะลุกขึ้นยืน

เต็มความสูง ท าท่าจะเดินออกไปที่ไหนสักแห่ง



“ไอ ้เติร์ด” และผมก็ทนไม่ได ้ต ้องรั้งเจ ้าตัวเอาไว ้



“อะไร” มันถามหน้ามึน โคตรน่ารักเลยไอ ้สัด




“จะออกไปไหน”



“ซื้อน ้า”



“แต่นี่น ้ามึง” ว่าแล ้วก็รีบชี้นิ้วไปยังขวดน ้าที่ผมตั้งใจซื้อ

ให ้อีกฝ่ ายตั้งแต่แรก




“กูมีตังค์”

“ไม่ แต่กูซื้อให ้แล ้วไง”




“พอดีกูอยากกินชามะนาว” พูดจบก็เดินตัวปลิวไปกับฝูง

ชนในโรงอาหาร เล่นเอาผมกับไอ ้โหดสองตัวมองหน้ากัน

อย่างสิ้นหวัง



“หมดแล ้วไอ ้ค่าย มึงใช ้ สิทธิ์ความเห็นใจจากมัน

หมดแล ้ว” ไอ ้ทูพูดไปก็ส่ายหน้าไป นั่งเขี่ยข ้าวในจานด ้วย

อาการปลงตก




“ท าไงดีวะมึง”



“จะถอนตัวมั้ยล่ะ”



“ไม่!”




“กูว่าบางทีมึงอาจถามตัวเองเร็วไป จริงๆ มึงอาจจะไม่

อยากเสียมันเพราะค าว่าเพื่อนก็ได ้ ลองคิดใหม่มั้ย”



“กูคิดแล ้ว คิดจนหัวแทบแตก และกูก็คงทนไม่ได ้ที่มัน

หนีไปคบกันคนอื่นด ้วย พูดถึงเรื่องนี้ก็ดีเลย ไอ ้ทู มึงไปสืบ

ให ้กูหน่อยสิว่าไอ ้เติร์ดมันคุยกับใครอยู่” ช่วงหลังมานี้เรา

ต่างแยกย ้ายไปท างานส่วนส าคัญของละครเวที ไอ ้เติร์ดก็


เริ่มปลีกตัวเข ้ากลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น ที่ส าคัญมันไปกับไอ ้พี่

เชนทร์ปีสี่บ่อย

แล ้วไอ ้พี่เชนทร์เนี่ยตัวดีเลย เพื่อนมันมีเป็นพรวน ตัวเอ ้ๆ

คารมดีแถมฉลาดกว่ากูทั้งนั้น ผมกลัวจะมารู้เอาทีหลังก็


ตอนที่ไอ ้เติร์ดหนีไปคบกับแก๊งนี้เนี่ยแหละ หวั่นใจฉิบหาย



“สืบยังไงวะ กูไม่ชอบเสือกเรื่องส่วนตัวของเพื่อน”



“เหรออออ ที่ผ่านมามึงไม่เสือกเลยนะ”



“มันบอกเหอะกูถึงรู้”




“สรุปว่าจะไม่ช่วย แล ้วความเป็นเพื่อนของเราอ่ะ”



“โธ่ไอ ้ค่าย ไอ ้ควาย มัดมือชกกูอย่างนี้ตลอด”



“แล ้วท ามั้ย”




“เออ! เดี๋ยวกูหลอกดูในมือถือมันให ้จบยัง”



“ตอนเย็นไม่ว่าง มีซ ้ อมละคร” กูรีบเปลี่ยนเรื่องแทบจะ

ทันทีที่ร่างโปรงเดินเข ้ามาประชิด ไอ ้เติร์ดวางชามะนาวใน

มือไว ้บนโต๊ะ ก่อนแทรกตัวนั่งลงตรงต าแหน่งเดิมเพื่อกิน

ข ้าวไม่พูดไม่จา




“ไอ ้เติร์ด เลิกเรียนแล ้วไปห ้องซ ้ อมด ้วยกันเลยมั้ย” ผม

จุดประเด็นใหม่ กะชวนคนที่นั่งเงียบคุยไร ้สาระกันบ ้าง ช่วง

หลังมานี้มันพูดน้อยลง และก็ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนด ้วย




“เอาดิ กูนัดกับพี่เชนทร์ด ้วย”



“ค าก็พี่เชนทร์ สองค าก็พี่เชนทร์ นี่พวกมึงกิ๊กกันหรือ

เปล่าวะ”



“เดี๋ยวเมียเขาได ้มาลากมึงไปตบ” ฉิบหาย ไอ ้เติร์ดเกรี้ยว

กราดอีกจนได ้ คือกูก็ไม่ชอบให ้มันอยู่กับเขามากๆ ป่ ะวะ


ไม่ได ้หวงกับพี่เชนทร์นะ กูหวงกับเพื่อนพี่มันต่างหาก



“แล ้ว...”



“กูให ้โอกาสมึงถามให ้จบ คนจะกินข ้าว วุ่นวายจังวะ”



“วันนี้กูไปกินข ้าวห ้องมึงได ้ใช่มั้ย”




“...”



“ตอบกูก่อน”



“อืม ค าถามต่อไป”




“พรุ่งนี้ว่างมั้ย ไปกินชาบูกัน”

“ไม่อ่ะ”




“ไปไหน”



“หลายที่ จบยัง”



“ที่ไหนบ ้าง”



“แล ้วท าไมมึงถึงถามกูไม่หยุดเลยวะ ปกติก็แยกย ้ายตัว


ใครตัวมันไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงของมึงอ่ะ ไหนจะกิ๊กอีก ไม่ไป

เที่ยวกับเขาวะ จะตามติดกูท าไม” ค าพูดยาวเหยียดหลุด

ออกมาจากปากของคนข ้างๆ จังหวะการหายใจหอบๆ นั้น

ท าให ้เพื่อนผมอีกสองคนมองหน้ากันเหลอหลา



ผมจึงหันไปสบสายตากับเจ ้าของค าพูด ไม่รู้หรอกว่าไอ ้

เติร์ดจะแปลความหมายพวกนี้ว่ายังไง แต่ผมก็อยากบอกถึง


ความตั้งใจของตัวเองอยู่ดี



“ที่ถามไม่หยุดเพราะอยากรู้ ที่ไม่แยกไปไหนเพราะไม่มี

ใครแล ้ว ผู้หญิงก็ไม่มี กิ๊กก็ตัดหมด”



“...”




“กูเลยว่างมากมาตามติดมึง”

“...”




“ก็ส าคัญกับกูมากเลยเลือกแค่มึง”



ในหนึ่งสัปดาห์นักแสดงทุกคนจะต ้องมาซ ้ อมแอคติ้งกัน

อย่างน้อยสามถึงสี่วันแล ้วแต่ตารางที่ปีสี่จัด ผมเดินมาที่

ห ้องซ ้ อมกับไอ ้เติร์ดสองคน เพราะไอ ้ทูต ้องไปเก็บภาพรับ

บริจาคที่ตลาดนัดนิสิต ส่วนไอ ้โบนแยกไปกับรุ่นพี่คุมซา

วนด์




ก่อนเริ่มบทเรียนการแสดง เราจะมีการวอร์มอัพกันก่อน

ทั้งออกก าลังกายและฝึกสมาธิ โดยพวกโค ้ชได ้สั่งให ้เรานั่ง

เป็นวงกลม แจกกระดาษคนละห ้าแผ่นพร ้อมกับดินสอและสี

ไม ้ให ้เลือกสรรอีกหลากหลาย



“ทุกคน นี่เป็นกิจกรรมที่เราจะได ้รู้ความคิดเห็นและ


ทัศนคติของนักแสดงก่อนเริ่มฝึก โดยพี่จะให ้ทุกคนวาด

ภาพจากค าพูดที่พี่พูดขึ้น เช่น ถ ้าพี่บอกว่าหมี น้องไม่

จ าเป็นต ้องวาดหมี อาจจะเป็นอีอ ้วนสักคนในความคิดของ

น้อง อันนี้เป็นการยกตัวอย่างเฉยๆ นะ แค่วาดสิ่งที่เรา

ต ้องการสื่อจากค าค านั้นแทน เข ้าใจยัง”



ทุกคนพยักหน้าอย่างพร ้อมเพรียง แต่ผมแม่งก็อดใจ


ไม่ได ้หันกลับไปมองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับทีมเขียนบท

ด ้านหลังอยู่ดี ไอ ้เติร์ดไม่ได ้สนใจกลุ่มผมเท่าไหร่ เอาจริงๆ

นี่ก็ไม่ใช่หน้าที่ที่มันต ้องสนใจด ้วยซ ้า แต่กูหวังอะไรอยู่วะ




“ค าแรกเลยนะคะ ค าว่าบ ้านค่ะ”



ต ้องบอกเลยว่ากับการวาดรูปนี่อย่ามายุ่งกับกู เพราะ

นับเป็นศาสตร์ที่ด ้อยพัฒนาที่สุดในหัวแล ้ว ให ้มาคิดเลขท า

อย่างอื่นยังพอทน มีศิลปะอยู่ในหัวก็จริงแต่พอเป็นเรื่องวาด

ปุ๊ บสมองจะโล่งขึ้นมาทันที




ดังนั้นบ ้านในความคิดของผมเลยเป็นแค่...



ชาร์ล หรือชาวีเท่านั้น



“ค่าย...” พิงค์ซึ่งรับหน้าที่เป็นนางเอกของเรื่องเรียกชื่อ

ผม




“หืม”



“บ ้านของค่ายเป็นตั๊กแตนต าข ้าวเหรอ น่ารักจัง” โหยกู

อยากเอาหัวโขกพื้น บิ๊กไบค์กูแปลงร่างเป็นตั๊กแตนต าข ้าว

ซะงั้น นี่ต ้องระบายสีเขียวด ้วยเลยมั้ยจะได ้รีบขับไปไต่ใบไม ้

ต่อ




นี่ถ ้าไม่ติดว่าสวยนะ พ่อจะด่าสวนกลับไปให ้หน้าชาเลย

แต่ด ้วยความเป็นเพลย์บอยเพิ่งหยุดตัวเองใหม่ เราจ าพูดได ้

แค่ว่า...




“ขอบคุณน้า”



“น้องๆ วาดและลงสีเสร็จแล ้ว หยิบกระดาษเปล่าแผ่น

ใหม่ขึ้นมาเลยค่ะ ค าต่อมาที่พี่จะพูดก็คือ...ดวงดาวค่ะ”

สมองผมโล่งทันที เพราะจะให ้วาดดาวห ้าแฉกมันก็ดูไม่คูล

อยากคิดอะไรที่มันแตกต่างแต่ผิดเองที่เสือกโง่ เลยได ้แต่

ชะโงกหน้าแอบดูของชาวบ ้านเขา




หลายคนก็วาดภาพคน วาดการ์ตูน วาดดอกไม ้ ดูแล ้วไม่

น่าจะลอกได ้ จึงใช ้ เวลาครุ่นคิดอีกพักใหญ่แล ้วภาพภาพ

หนึ่งก็แว๊บเข ้ามาในหัว มันคือภูเขาลูกหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา

ก่อนหนังจะฉาย

พาราเมาต์พิกเจอส์ เกร๋แสรดดดดดดด




“ค าต่อมาเลยค่ะ ด ้ายแดง”



อ๋อ อันนี้ง่าย รีบจรดปลายดินสอลงบนกระดาษวาดอย่าง

รวดเร็ว แถมมีเวลาเยี่ยมชมผลงานของคนอื่นอีกต่างหาก



“มาต่อที่ค าที่สี่เลย...เพื่อน” สิ้นสุดค าพูดของพี่เบิ้ม ผมก็

ก ้มลงวาดรูปอย่างตั้งใจแม ้สภาพที่ออกมานั้นจะเละเทะแค่


ไหนก็ตาม รู้สึกโชคดีฉิบหายที่ตอน ม.6 ไม่ได ้ตัดสินใจ

เรียนต่อในสายวาด ไม่งั้นกูตายหยั่งเขียดแน่ๆ

“เสร็จกันหรือยังคะ”




“ค่าาาาาา/คร ้าบบบบบบ”



“และค าสุดท ้ายคือค าว่า...นาฬกา” โจทย์พวกพี่มึงโคตร

ยาก นี่จะฝึกสมองกูไปแข่งวิชาการเหรอ แค่เล่นละครเวที

ท าไมต ้องเข ้าใจอะไรแบบนี้ด ้วย ในใจก็ท าได ้แค่บ่นๆ ไปงั้น

แหละครับ คิดอะไรไม่ออกเลยหันไปลอกเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็

ไม่ได ้ครีเอทอะไรเลย จนกระทั่งสายตาหันไปเจอใครคน


หนึ่งเข ้า...



ภาพนั้นจึงลอยเข ้ามาในหัวฉับพลัน



หลังจากรวบรวมผลงานของตัวเองเสร็จ แอคติ้งโค ้ชปีสี่

เลยให ้เราจัดแถวใหม่เป็นแถวตอนห ้าแถว เสร็จสรรพไอ ้พี่

เบิ้มก็เริ่มพูดคุยกับเราอีกครั้ง




“เอาล่ะค่ะทุกคน หลังจากที่เราได ้ท ากิจกรรมก่อนหน้าไป

แล ้ว หลายคนคงอยากได ้ฟีดแบ็กใช่มั้ยล่ะคะ ที่พี่ต ้องการ

คืออยากรู้ทัศนคติของแต่ละคน มันจ าเป็นมากในการท า

กิจกรรมร่วมกัน เริ่มที่คนแรกก่อนเลย น้องค่ายพระเอกของ

เรื่องค่า” เสียงปรบมือดังขึ้น ก่อนคนตรงหน้าจะพยักพเยิด

ให ้ผมเดินออกจากแถวไป




“ให ้ท าอะไรนะครับ”

“เอากระดาษที่วาดมาด ้วยนะคะ”




“อ๋อ”



“เมื่อเรียบร ้อยแล ้ว ช่วยน าเสนอให ้เพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ

รู้หน่อยว่าสิ่งที่เราวาดนั้นสื่อถึงอะไร” ขุ่นพระ!! ราวกับมีคน

เอารองเท ้าเสริมส ้ นสามนิ้วตบจนหน้าพัง



เรื่องหล่อนี่ไม่หวง แต่เรื่องวาดรูปกูอยากตาย




“ไม่สวยนะครับ”



“โอ๊ยยยไม่เป็นไรค่า คนเขาก็รู้กันหมดว่าน้องค่ายเป็น

ยังไงเนาะ” ที่จะบอกคือรู้ว่ากูโง่งี้เหรอ พี่มึ๊ง ได ้แต่กัดฟันยื้อ

แย่งกระดาษห ้าแผ่นในมือกันอุตลุด แต่สุดท ้ายก็พ่ายแพ ้ต่อ

แรงของพี่เบิ้มอยู่ดี จากนั้นพี่มันก็จับภาพวาดมาโชว์ให ้ทุก


คนดูอย่างเด่นหรา สร ้างเสียงหัวเราะให ้กับคนที่เหลือเป็น

อย่างมาก



“ภาพแรกคือค าว่าบ ้าน น้องค่ายวาดก ้อนอิฐมอนเหรอคะ

ลูก” เหยดแหม่! หนักกว่าตั๊กแตนต าข ้าวก็พี่มึงเนี่ยแหละ



“ไม่ใช่ครับ นี่ภาพบิ๊กไบค์ผม ชาวี”




“ท าไมถึงวาดภาพชาวีคะ”

“รถที่ผมขับทุกวันก็เหมือนบ ้านอีกหลังของผม”




“เคยได ้เสียกับผู้หญิงบนรถเหรอคะ”



“ไม่ใช่โว ้ยยยยย”



“ฮ่าๆ” ไอ ้เรื่องท าให ้น้องเสื่อมเสียและหน้าแตกนี่ถนัดนัก

แก๊งนักแสดงละครเวทีไม่ได ้มีแค่เด็กนิเทศฯ นี่หว่า แต่รวม

ทุกคณะในมหา’ลัย คนก็ไม่ใช่น้อยๆ ทั้งตัวหลักและสมทบ


แล ้วก็ตั้งสามสิบสี่คน คงตั้งใจหักหน้าคนโหดอย่างกูมานาน

ละ



“มาที่ภาพที่สองดีกว่า ค าว่าดาว”



“ตรงตัวเลยครับ ดาวที่อยู่บนโลโก ้หนังค่าย Paromount

เห็นบ่อยที่สุดในชีวิตผมละ”




“ภาพที่สามต่อ ด ้ายแดงค่ะ”



“ที่ผมวาดคือเนื้อครับ สเต๊กสองชิ้น”



“เกี่ยวอะไรกันคะ น้องค่ายชักจะแอบสแตร็กส์จนพี่ปวด

หัวแล ้วนะลูก” กูปวดหัวกับพี่มึงเยอะกว่าภาพที่วาดลงบน


กระดาษอีกสัด

“ก็เวลาคนพูดถึงด ้ายแดงก็มักจะนึกถึงเนื้อคู่ นี่ไง เนื้อ

เป็นคู่”




“โอ๊ยยยยยยยยยยย” เสียงโวยวายดังลั่นทั่วห ้อง แม ้แต่

ไอ ้พี่เชนทร์ที่นั่งหลังห ้องยังไม่วายตะโกนด่ามาแต่ไกล

เอ ้า! ผมก็เป็นอย่างนี้แหละ เรียนรู้ที่จะมีความรัก แต่ก็ไม่ได ้

ละเอียดอ่อนอะไรขนาดนั้น



“มาที่ภาพที่สี่เลยแล ้วกัน เดี๋ยวจะปวดหัวกันมากกว่านี้ ที่


วาดคือ...ขวดเหล ้าเหรอคะ”



“ใช่แล ้ว เพื่อนของผมก็เหมือนกับเหล ้า มีทั้งประโยชน์

และโทษแต่ไม่มีวันหมดอายุ”



“หูยยยยยยยยย” ผมยักคิ้วส่งให ้กลุ่มเพื่อน เป็นไง กูกอบ

กู้ความหล่อได ้ละ




“ดูฉลาดขึ้นมาทันทีเลยน้องค่าย มาที่ภาพสุดท ้ายดีกว่า

...นาฬกาในความหมายของเราคืออะไร พี่จะโชว์ภาพแล ้ว

นะคะ



ผ่าง!!




เสียงฮือฮาดังระงมไปทั่ว ที่ตื่นตะลึงกันอยู่ตรงนี้อาจเป็น

เพราะศิลปะที่มนุษย์ธรรมดาอาจเข ้าไม่ถึงก็เป็นได ้ ผมภูมิใจ

มากครับกับการวาดรูปนี้ น ้าตาจะไหล




“รูปนี้คืออะไรคะ”



“รูปนี้เหรอ...เติร์ด”



“...!!”



จู่ๆ เสียงเจื้อยแจ ้วก็เงียบงันในพริบตา ผมมองตรงไปยัง


หลังห ้อง เห็นเจ ้าของชื่อนั่งตาโปนอยู่กับรุ่นพี่ปีสี่และก าลัง

มองผมกลับเช่นกัน กับภาพนี้ผมคิดอย่างหนักสุดท ้ายก็เห็น

แค่มันเนี่ยแหละที่เป็นความหมายของค าว่านาฬกา




“ช่วยบอกหน่อยว่าท าไมค าว่านาฬกาถึงเป็นน้องเติร์ด”



“ก็นาฬกาบอกบอกเวลาทั้งในตอนหลับ และก็ปลุกให ้ตื่น

ขึ้นมาในตอนเช ้ า”



“...”



“เติร์ดก็เหมือนกัน มันบอกให้รู้ถึงการมีตัวตนทั้งใน

ฝันและความเป็ นจริง”




เพราะในฝันผมมองเห็นมัน ตื่นขึ้นมาก็ยังมีมันอยู่ในชีวิต

เหมือนอย่างเคย...



พาร์ทหลังของการท ากิจกรรมเริ่มเข ้าสู่การซ ้ อมแอคติ้ง

จากบทคร่าวๆ โดยไอ ้เติร์ด พี่ย ้งยี้ และก็ไอ ้พี่เชนทร์เป็นคน

ช่วยดูแลเรื่องรายละเอียดและอารมณ์ของบทให ้ในกรณีแอ

คติ้งโค ้ชไม่เคลียร์กับฉากนั้นๆ และนักแสดงยังสื่ออารมณ์


ในตอนนั้นไม่ได ้



ผมรับกระดาษในมือของเพื่อนรักมา มันเคยแจกให ้ผม

แบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ซีนที่ก าลังลองเล่นในวันนี้แตกต่าง

ออกไป



ตัวคาแร็กเตอร์ของตฤณเรื่องไลค์บรารี่นั้นดูภายนอก


เหมือนจะไม่แตกต่างจากพระเอกหนังหรือละครทั่วไป คือ

หล่อ เท่ แบดบอย และใช ้ เสน่ห์จีบสาวได ้แพรวพราวมาก

แต่มีอย่างหนึ่งที่แตกต่างนั่นก็คือนิสัยจ าเพาะเจาะจง คือ

แม่งเป็นคนที่ถ ้าชอบใครแล ้วมันจะท าตัวปรัชญาด ้วยเว ้ย



เออฟังไม่ผิด สร ้างปรัชญาทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้ และ

พยายามท าเรื่องนั้นให ้ดูดราม่าด ้วย ตอนได ้บทมาครั้งแรกนี่


ถึงกับนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก คนคิดคาแร็กเตอร์คือไอ ้พี่

เชนทร์ คนเขียนพล็อตคือได ้เติร์ด ส่วนไดอาล็อกเป็นเจ๊ย ้งยี้

นี่แม่งรวมพลคนหายนะทั้งนั้น



ผมถูกเรียกให ้ไปซ ้ อมบทอยู่นาน นับแล ้วก็เกือบสอง

ชั่วโมงจนไม่ได ้พัก พอปีสี่หันไปโฟกัสคนอื่นบ ้างผมเลย

เดินมานั่งพิงผนังเคียงข ้างกับคนตัวขาวที่อยู่หลังห ้องอย่าง


หมดสภาพแทน



“ไง จะตายแล ้วเหรอ”



“นี่คือค าให ้ก าลังใจกูชะ?”



“ตั้งใจหน่อยดิ ได ้เป็นพระเอกทั้งที” นี่จะให ้ก าลังใจหรือ


ประชดวะ แยกไม่ออกจริงๆ



“ร ้อนมาก เหนื่อย” ผมบ่นออกมาอีก มือก็พยายามเสยผม

หน้าสุดเท่ขึ้นจนสุดเพราะเหงื่อที่ไหลลงมาสร ้างความ

ร าคาญให ้ชีวิตค่อนข ้างมาก



“ผมยาวมากแล ้วมึง รุงรัง” บ่นเหมือนแม่กูเลยครับ




“ถ ้ามึงตัดให ้กูก็ยอม”





“เออ เดี๋ยวตัดให ้”



“ตัดผม?”




“ตัดหัวมึงออกเนี่ย”

“ง่ายขนาดนั้นเลย”




“ก็ไม่ยากเท่าตัดใจอ่ะ”



อาจจะดูเหมือนไอ ้เติร์ดพูดเล่น แต่สีหน้าและแววตาที่

ส่งออกมาก าลังบอกว่าเจ ้าตัวก าลังคิดอย่างนั้นจริงๆ นี่ถ ้าวัน

นั้นไม่เข ้าไปเสือกวิดีโอของมันในยูทูป ผมคงได ้ท าร ้ายใจ

มันต่อไปอีกเรื่อยๆ




คิดแล ้วก็ได ้แต่ก ้มมองปากกาในมือของอีกฝ่ ายนิ่ง ลอง

ใส่ความรู้สึกของพระเอกเข ้าไปเหมือนเป็นการท่องบทไป

พลางๆ



“ท าไมคนเราถึงชอบพรากชีวิตของคนอื่น ขนาดปากกา

เรายังค่อยๆ พรากชีวิตของมันลงไปทีละนิด และเมื่อไหร่ที่

หมึกหมด เราก็จะสูญเสียมันไปตลอดกาล”




“ดราม่าปากกา?” ไอ ้เติร์ดเอียงคอถาม ผมเลยพยักหน้า

เศร ้าๆ



“ลมที่พัดเอื่อยจากเครื่องปรับอากาศ พัดพาความเย็นเข ้า

มาให ้เรารู้สึกในตอนนี้ และครั้งหนึ่ง...มันก็เคยพัดลมหายใจ

ของเราเอาไว ้ด ้วยกัน”




ดราม่าแอร์ อิอิ

ผมเลื่อนสายตามองไปรอบตัวของไอ ้เติร์ด เห็น

โทรศัพท์มือถือนอนแอ ้งแม ้งอยู่ตรงพื้นก็รู้สึกหนาวจับใจ




“มือถือเครื่องโปรด มันจะรู้สึกสงสารกูมั้ย ทุกครั้งที่สัมผัส

หน้าจอทัชสกรีน ท าไมน ้าตาของกูถึงชอบไหลกระทบจอ

อยู่ทุกครั้ง นี่เรียกว่าความเศร ้าอย่างนั้นเหรอ”



“มือถือก็มา เก่งแล ้วเนี่ย เป็นพระเอกได ้ละ”




“จริงดิ”



“แต่ภาษามึงกากเว่อร์ ไปปรับใหม่”



“เอ ้าทุกคนพักเบรกได ้ค่ะ เดี๋ยวสวัสดิการจะเข ้ามาแจก

ของว่าง” เสียงที่แทรกขึ้นมาท าให ้ผมหยุดชะงัก ผลไม ้และ

ไอศกรีมถูกเข็นเข ้ามาพร ้อมกับการมารุมมาตุ้มของมนุษย์ผู้


หิวโหย



“ไหนช่วยดราม่าเรื่องส ้ มหน่อย” คือผลไม ้วันนี้มีส ้ มครับ

ส่วนของหวานเป็นไอติม



“นานแค่ไหนแล ้วที่เราไม่ได ้กินส ้ ม นึกกลับไปก็ใจหาย

จนทุกวันนี้เกือบจะจ ากลิ่นและรสชาติของมันไม่ได ้แล ้ว จ า


ได ้แต่ความสุขที่เคยได ้รับจากผลไม ้ที่ชื่อว่าส ้ ม”

ผมรอฟีดแบ็กกลับมา แต่ไอ ้เติร์ดไม่ได ้บอกนอกจากกุม

ขมับ กูเลยต ้องดราม่าไอศกรีมต่อ




“โธ่...ไอติม เขาไม่น่าพรากมึงมาจากตู้เย็นเลย มึงคงเกิด

มาเพื่อกันและกันจริงๆ มิน่า...ถึงได ้ตรอมใจละลายไป

ก่อนที่กูจะได ้สัมผัสลิ้นลงไป ไอติมผู้น่าสงสาร...”



ก่อนมันจะเหลวเป๋ วกลายเป็นน ้า ว่าแล ้วก็รีบแดกเถอะ

ครับ เรานั่งกินกันเงียบๆ ไอ ้เติร์ดไม่ได ้โต ้ตอบอะไรกลับมา


ปล่อยให ้ผมได ้โชว์สกิลดราม่าบวกปรัชญาพิลึกลั่นของ

ตัวเองไม่หยุดหย่อน



“ความน่ารัก เรานิยามค านี้จากอะไรกันแน่ ใช่ความรู้สึกที่

เกิดจากแต่ละคนมั้ย ตุ๊กตาส าหรับกูมันไม่น่ารัก ผู้หญิงบาง

คนก็ไม่ หมาบางพันธุ์ก็น่ากลัว อะไรคือนิยามค าว่าน่ารัก

อย่างจริงจัง”




“...”



“ส าหรับกู ชาวีน่ารัก หนังบางเรื่องน่ารัก แมวน่ารัก และ

...”



“...”




“มึงน่ารัก”

ผมตลกหน้าไอ ้เติร์ดตอนนี้ฉิบหายเลยว่ะ เออ! ท าตาโตๆ

แบบนี้ยิ่งเข ้าข่ายค าว่าน่ารักเลย แถมหูยังแดงอีกต่างหาก


แต่ดูเหมือนเจ ้าตัวพยายามจะเก็บอาการไว ้ไม่แสดงออกมา

ผมเลยปรัชญาต่อแม่งเลย



“นาฬกา ช่วยลดความห่างของแต่ละวินาทีลงเถอะ กู

แทบจะรอต่อไปไม่ไหวละ”



“รออะไรไม่ทราบ” คนเคียงข ้างถามขึ้น




“รอไปกินข ้าวเย็นห ้องมึง”



“เนียนเลยนะ แต่เลิกแล ้วใช่ว่าจะกลับเลย กูต ้องคุยเรื่อง

แก ้บทกับพี่มันอีกนิดหน่อย”



“รอได ้” ผมบอกอย่างสบายใจ




“ไม่บ่นอีกเหรอ ปกติไม่ใช่อย่างงี้”



“ปกติเป็นแบบไหน”



“ไม่ได ้ดั่งใจก็โวยวาย”




“กูเป็นคนใจร ้อนนะ แต่กับเรื่องบางเรื่องจะใจช ้ าขึ้นมา

ทันที”

“...”




“และก็แปลกด้วยที่เรื่องบางเรื่องนั้น...เสือกเป็ นมึง”



หลังซ ้ อมการแสดงเสร็จทุกคนก็แยกย ้าย ผมปลีกตัวมา

นั่งรอไอ ้เติร์ดกับรุ่นพี่ถกเถียงกันเรื่องแก ้บทบางส่วนอยู่

แม่งนานจนเวลาล่วงเลยเกือบสามทุ่ม แถมข ้าวเย็นก็ยัง

ไม่ได ้กินกันสักคน ผมไม่เท่าไหร่หรอกเพราะยัดมาหนัก

แล ้ว แต่ไอ ้เติร์ดเนี่ยดิ ท าให ้ห่วงได ้ตลอดเวลา




“เติร์ด มึงใกล ้เสร็จยัง” ผมกระเถิบตัวนั่งซ ้ อนหลังของมัน

พร ้อมกับกระซิบถามเบาๆ



“ยังเลย เดี๋ยวไปถกกันที่ห ้องกูต่อ”



“หา”




“มึงหิวข ้าวก็ไปกินก่อนเลย”



“ได ้ไง ก็บอกแล ้วไม่ใช่เหรอว่าจะไปกินที่ห ้องมึง”



“งั้นก็ไปพร ้อมกัน” ค าพูดแม่งท าเอากูหน้างอเลยสัด นึก

ว่าจะได ้อยู่กันแค่สองคน ไหงกลายเป็นว่าลากไอ ้พี่เชนทร์


มาเป็นก ้างขวางคออีกวะ เสียเวลาได ้โบนกับไอ ้ทูเคลียร์

ทางให ้ฉิบหาย

แถมไม่หยุดอยู่แค่นั้นเมื่อเพื่อนสนิทผู้ชายหุ่นหมีอย่างพี่

อั้นเสือกแวะมาที่ห ้องด ้วย ผมเลยกลัวว่าจะได ้ยินประโยคที่


ไม่อยากฟังหลุดออกมาจากปากของใครบางคน



“เติร์ด เดี๋ยวไปกันเลยมั้ยวะ” พี่เชนทร์ถามขึ้น หลังจาก

พี่ย ้งยี้สละเรือไปแดกข ้าวกับเพื่อน



“ได ้ๆ ผมขอเก็บของก่อน”




“ให ้ซื้ออะไรเข ้าไปมั้ย”



“ที่ห ้องมีของสดกับของกินตุนไว ้เยอะอยู่นะ แต่ถ ้าจะซื้อ

อะไรก็แล ้วแต่พี่เลย”



“โอเค...เออนี่ พาไอ ้อั้นไปด ้วยได ้มั้ย พอดีมันมากับกู”




อย่านะไอ ้เติร์ด ผมได ้แต่ส่งสายตาเป็นเชิงขอร ้อง แต่ดู

เหมือนอีกฝ่ ายจะไม่เข ้าใจเลยหันกลับไปพยักหน้าหงึกหงัก

เป็นการตกลง



“เอาดิ”



ม่ายยยยยยยยยยยย แผนการจีบไอ ้เติร์ด มีก ้างขวางคอ


เต็มไปหมดเลยว่ะ

ผมมาถึงห ้องไล่เลี่ยกับเพื่อนรัก ส่วนไอ ้ปีสี่สองคนตามมา

หลังจากนั้นไม่นาน ซึ่งผมร าคาญมาก ไลน์หาแก๊งโหดอีก


สองคนเพื่อให ้มันมาช่วยแก ้ปัญหาแต่ค าตอบที่ได ้คือ

คุณชายเขาก าลังมั่วหญิงอยู่ กูนี่อยากจะตาย แต่ไม่วายต ้อง

ท าคะแนนด ้วย



“ให ้ช่วยอะไรมั้ยวะ” ว่าแล ้วก็ปรี่เข ้าไปถามเจ ้าของห ้องที่

ก าลังง่วนกับการท าอะไรสักอย่างตรงเคาน์เตอร์




“ไม่มีอ่ะ”



“มีดิ ให ้ช่วยล ้างผักมั้ย”



“งั้นก็เอาไปล ้าง” แม ้เจ ้าตัวจะพยายามผลักไส ผมก็ยังพา

ตัวเองเข ้าไปเสือกจนได ้




“ล ้างนานมั้ย” จริงๆ ก็อยากคุยกับมันนั่นแหละ จะจีบแล ้ว

ได ้คุยไม่พอ ต ้องได ้ใจด ้วยสิวะ



“ดูเอง” คนที่ก าลังง่วนอยู่กับการหมักหมูในชามเงียบไป

อึดใจหนึ่ง ก่อนจะถามต่อ “วันนี้ไม่เห็นแพรว ไม่มาซ ้ อม

เหรอ” เอาแล ้วววววววว ช่วงนี้ท าไมถามหาแพรวบ่อยจังวะ

ส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยได ้คุยกับเขาหรอก เพราะหลังจาก


ยกเลิกค าขอเราก็ใช ้ ชีวิตตัวใครตัวมันตลอด


Click to View FlipBook Version