The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

เจ ้าชู ้ พวกพี่แม่งสับกันแหลกมาก




“ไม่ได ้ละ ถึงหล่อมากแต่ก็ไม่ได ้จริงๆ”



“เลือกมาก่อนแล ้วค่อยรอเวิร์คช็อปมั้ยเผื่อจะดีขึ้น”



“คาแร็คเตอร์ไม่ได ้นี่สิ ดูเป็นคนแสนดีหมดเลย จะมาเล่น

เป็นคนเหี้ยๆ ได ้เหรอ อุ๊ย!” เสียงของพี่ใบบัวสะดุดกึกคล ้าย

หยุดอยู่ตรงปากทางสวรรค์ ทุกสายตาค่อยๆ เบี่ยงตาม


เจ ้าของเสียงนั้นไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงร่างสูงของใคร

คนหนึ่งที่นั่งกดเกมในมือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย



“น้องค่ายยยยยยยยยยยย”



“หา มีอะไรครับ” งานเข ้าแล ้วไอ ้ควาย เสือกไม่รู้ตัวอีก




“ท าหน้าที่อะไรในละครเวทีคะ”



“คุมเสียงกับไฟครับ”



“ให ้คนอื่นท าค่ะ ไหนลองมาเอาบทนี้ไปอ่านหน่อย”



“อ่านท าไมครับ คุมเสียง ไม่ได ้พากย์เสียงสักหน่อย”




“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่อยากให ้ค่ายลองแคสต์ดู บทนี้เลย

แล ้วอีปริมไปไหนเนี่ย พอแคสต์ผู้ชายหล่อๆ จบล่ะหายหัว

เฉย เติร์ดไปช่วยเข ้าบทกับเพื่อนหน่อย”




“ฮะ? อะไรนะครับ”



“ช่วยเพื่อนหน่อย” ได ้แต่นั่งท าหน้างงอยู่พักใหญ่ ไอ ้ค่าย

ก็ฉุดข ้อมือผมให ้ลุกขึ้นยืน พลางเดินตามขายาวไปด ้านหน้า

โต๊ะกรรมการ




มันยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให ้ผมอ่านคร่าวๆ ซีนนี้เป็นตอนที่

นางเอกตั้งค าถามเพื่อให ้พระเอกเลือกว่าต ้องการอย่างไหน

แล ้วท าไมกูต ้องสวมบทเป็นนางเอกด ้วยวะ พี่ปริม พี่มึงหาย

หัวไปไหน!



“ค่ายอ่านบทเสร็จยัง”




“ครับ”



“เติร์ดล่ะ”



“ผมอ่านกระดาษนะ”



“แล ้วแต่เลย พี่ดูค่ายคนเดียว” ผมสูดลมหายใจเข ้าปอด


ลึกๆ จ ้องมองตัวหนังสือฟอนต์ Cordia New ขนาด 16

พอยท์ในมือ ก่อนจะขยับปากอ่านบทออกมา

“ตฤณ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”




“ครับ” ท าไมผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสาวน้อยวัยขบเผาะ

ขนาดนี้วะ



“ถ ้าให ้เลือกระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ นายจะ

เลือกอะไร”



“เลือกดวงอาทิตย์ เพราะจะได ้มองเห็นคุณชัดเจน” ไอ ้


ค่ายพูดตรงตามบทเป๊ ะๆ แถมสายตาที่มันส่งมาให ้ยังท าให ้

คนมองอย่างผมรู้สึกขนลุกอีกต่างหาก



“แล ้วเวลากับเงินล่ะ”



“เวลา ผมจะได ้จ่ายมันเพื่อคุณ”




“ความจริงกับความฝัน”



“ความจริง เพราะที่ตรงนั้นมีคุณรออยู่”



“กินกับนอน”



“นอน อย่างน้อยก็เพียงพอส าหรับเจอคุณในฝัน”




“แล ้วระหว่างฉันกับการนอนล่ะ คุณเลือกอะไร” นี่เป็น

บรรทัดสุดท ้ายที่เราต ้องต่อบทกันแล ้ว ซึ่งค าตอบของตฤณ

ก็คือเลือกนางเอก ดังนั้นผมจึงละสายตาจากตัวอักษร


ตรงหน้า เพื่อฟังค าตอบนั้นชัดๆ อีกครั้ง



“นอน”



“เชี่ย มึงเลือกผิด เอาใหม่”



“...” ผมรวบรวมสติและย ้าค าถามนั้นอีกครั้ง




“แล ้วระหว่างฉันกับการนอนล่ะ คุณเลือกอะไร”



“ถ้าให้เลือกระหว่างคุณกับนอน ผมเลือกนอนนะ”



“...”




“นอนกับคุณ”



บู้ม!!



ตายห่าตายเหวกันไปเลย



และการเพิ่มบทแบบมั่วๆ ของไอ ้ค่ายก็ท าให ้มันได ้บท


พระเอกละครเวทีไปแบบมั่วๆ เช่นกัน แก๊งพี่ใบบัวแกส่ง

เสียงกรี๊ดจนคอแทบแตกหลังจากไอ ้ค่ายเล่นมุก ‘นอนกับ

คุณ’ ไป เรียกได ้ว่าความเจ ้าชู ้ แพรวพราวของมันส่งผลให ้

ทุกคนเทคะแนนให ้อย่างไม่ต ้องสงสัย




ความช็อกระรอกสองพุ่งจู่โจมผมอีกรอบเมื่อแขกที่ไม่

อยากรับเชิญให ้มาแคสต์บทดันโผล่มาที่นี่



แพรว แฟนเก่าไอ ้ค่าย



เธอตรงเข ้ามาในห ้องพร ้อมกับรอยยิ้มแจ่มใสและการ


ตอบค าถามที่ฉะฉาน ดังนั้นบทเพื่อนนางเอกเลยตกไปอยู่ที่

เธอโดยไม่มีใครกังขา



แม ้จะรู้ว่าไอ ้ค่ายกับแพรวต ้องอึดอัด แต่ผมก็ช่วยอะไร

ไม่ได ้มากกว่านั้น



เราประกาศผลทันทีที่การคัดเลือกเสร็จสิ้น เพราะชั่วโมง


ต่อมาทีมงานต ้องใช ้ เวลาไปกับการชี้แจงนักแสดงทุกคนถึง

ตารางการซ ้ อมและก าหนดการต่างๆ ซึ่งเฉพาะเวิร์คช็อปก็

ใช ้ เวลาถึงสามเดือนเต็มๆ และเพื่อไม่ให ้เป็นการเสียเวลา

เราจึงเริ่มกิจกรรมละลายพฤติกรรมตั้งแต่ต ้น



ผมที่ไม่มีหน้าที่ในส่วนนี้เลยนั่งพิงผนังง่อยๆ มองดูกลุ่ม

นักแสดงกระโดดโลดเต ้นอย่างมีความสุข จนเวลาล่วงเลย


เข ้าสู่ช่วงเย็น ไอ ้ทูที่ยังวุ่นวายกับการถ่ายภาพ ไอ ้โบนหา

ยต๋อม ส่วนไอ ้ค่ายก็ท ากิจกรรมกับทีมนักแสดง ท าให ้ผมไม่

รู้ว่าจะเข ้าไปก่อกวนใครดี ขนาดพักเบรกยังไม่กล ้าขยับไป

ไหนนอกจากกดมือถือฆ่าเวลา




ช่วงพักหลายคนนอนแอ ้งแม ้งอยู่กับพื้น ขณะที่ทีม

สวัสดิการยังคงท างานกันอย่างแข็งขัน แจกทั้งขนมและ

เครื่องดื่มไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่นานร่างสูงของพระเอก

ป้ายแดงก็เดินตรงดิ่งเข ้ามาหา พร ้อมกับนั่งลงข ้างๆ พลาง

ยื่นซองขนมกับน ้าส ้ มมาให ้




“ให ้เหรอ เออขอบใจ” ผมรับมาโดยไม่ให ้เสียก าลังใจ แต่

ก็ไม่ยอมแกะอะไรกินเช่นกัน อาจเป็นเพราะไอ ้ค่ายชอบ

ดูแลทุกคนแบบนี้ ผมเลยไม่อยากคิดไปไกล และพาตัวเอง

เข ้าไปอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงอีก



“รีบแกะกินดิ”




“ยังไม่หิว”



“เดี๋ยวก็มีคนมาแย่งหรอก”



“มึงก็เอาไปให ้คนอื่นตั้งเยอะหนิ บ่นไร”



“เห็นมึงเหนื่อยมาทั้งวัน”




“มึงเองก็เหมือนกันเหอะ”

“อยากกินอะไร เดี๋ยวกูออกไปซื้อให ้”




“ไม่กินอะไรทั้งนั้น” ผมเบี่ยงตัวเล็กน้อย แล ้วก ้มลงกดมือ

ถือเพื่อเบี่ยงประเด็น



“เล่นอะไรอ่ะ”



“ROV”




“ขอเล่นหน่อย”



“คนจะเล่นเกม รีบไปท ากิจกรรมเถอะ เริ่มแล ้วนะนั่น”

ท าไมเดี๋ยวนี้ไอ ้ค่ายมันมาแปลกวะ ตั้งแต่เมื่อวานที่โผล่มาที่

ห ้องของผม บรรยากาศอึมครึมก็เปลี่ยนไป ผมไม่อยากนึก

ว่านี่อาจเป็นสภาวะน ้านิ่งไหลลึก ที่พออีกหน่อยก็เกิดคลื่น

ยักษ์ซัดเข ้ามาที่ใจผมอีก




กับการกระท าบางอย่างของไอ ้ค่าย ผมไม่อยากคิด

เข ้าข ้างตัวเองอีกแล ้ว



ดูเหมือนมันจะไม่ได ้เซ ้ าซี้ผมให ้มากความ ไม่นานก็เลิก

วุ่นวายและหันไปท ากิจกรรมต่อเป็นชั่วโมง เล่นเอาคนที่ไม่

มีอะไรท าอย่างผมรู้สึกง่วงงุนขึ้นมาทันที สุดท ้ายก็ทนไม่


ไหวล ้มตัวลงนอนตรงพื้นไปโดยปริยาย


รู้ตัวอีกทีนาฬกาฝาผนังก็ชี้ไปที่เลขเก ้ากับเลขสิบสอง
แล ้ว เชี่ยยยยยยย สามทุ่ม ที่ตื่นขึ้นมาไม่ใช่เพราะเสียงที่ดัง


จนกระทบหูอะไรหรอก แต่เพราะกระเพาะที่ก าลังบีบตัวอยู่

ต่างหากท าให ้ต ้องตื่นขึ้นมา



ผมมองไปยังทีมนักแสดงที่ท าความรู้จักและร่วมกิจกรรม

กันอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ไอ ้ทูก็ดูมุ่งมั่นกับ

การถ่ายภาพ มีไอ ้โบนคอยเป็นผู้ช่วยอยู่กรายๆ เห็นแบบนี้

แล ้วใครจะกล ้าเอ่ยปากชวนไปกินข ้าววะ




แต่โชคก็เหมือนเข ้าข ้าง เมื่อขนมและน ้าดื่มที่ไอ ้ค่ายเอา

มาให ้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงยังวางอยู่ใกล ้ๆ แถมคราวนี้มีข ้าวกล่อง

วางแอบอยู่ด ้วย ผมรู้สึกอยากขอบคุณทีมสวัสดิการเพราะ

ท างานดีจนน ้าตาไหล จัดการเปิดกล่องข ้าวกินอย่างอิ่มหน า

ส าราญเบิกบานใจ แล ้วกองก็เลิกพอดี เยสสสสส




กลับเถอะครับ กูจะได ้หายเบื่อสักที รอเหมือนคนโง่แบบ

นี้ไม่ดีเลยว่ะ



ทุกคนเริ่มเก็บข ้าวของและแยกย ้ายคนละทิศละทาง

ส่วนตัวเองก็ขอเวลาแวะเข ้าห ้องน ้าก่อนกลับเพราะซัด

น ้าเปล่าหมดไปทั้งขวด แต่เมื่อเดินออกมาด ้านนอกผมกลับ

ต ้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง ทั้งที่พยายามหลบ


เลี่ยงมาตลอด

“เอ่อ...หวัดดีแพรว” ผมทักเธออย่างเก ้ๆ กังๆ




“หวัดดีเติร์ด ไม่ได ้คุยกันเลยเนาะ” ผมเข ้าใจถึงความอึด

อัดนี้ ขนาดตัวเองเป็นแค่เพื่อนสนิทของไอ ้ค่าย แล ้วคิดดูว่า

เวลาเพื่อนรักอย่างมันต ้องท ากิจกรรมร่วมกับแฟนเก่า แม่ง

จะรู้สึกแย่สักแค่ไหน



“ใช่”




“นายสบายดีมั้ย”



“ก็โอเค แพรวล่ะ” ดูเป็นค าถามสิ้นคิดแต่ผมก็นึกอะไร

นอกเหนือจากนี้ไม่ออกแล ้ว



“ก็ดีนะ”




“...”



“เออนี่ก็ดึกแล ้ว แฟนเราน่าจะมารับแล ้วล่ะ” เธอก ้มลงมา

นาฬกาขณะพูดรัวไม่หยุด แต่เอ๊ะ! แพรวบอกว่าแฟนมารับ



อย่าบอกนะว่าที่เลิกกันเพราะมือที่สาม อะไรจะมาไวไป

ไวปานนั้น




“แพรวมีแฟนใหม่แล ้วเหรอ”

“คบกันนานแล ้วล่ะ”




“...!” อะไรวะ งง



“อืม อย่าบอกค่ายนะ”



“มีอะไร”



“ค่ายขอให ้เราช่วยน่ะ ความจริงแล ้ว...”




“...”



“เราไม่ได้คบกันหรอก”



ขอเถอะนะ ขอหน่อย นี่มันเหี้ยอะไรวะแส

รดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด




แพรวเดินจากไป ทิ้งไว ้เพียงควายโง่ๆ ตัวหนึ่งที่ก าลังยืน

เกาหัวตัวเองไม่หยุด ประโยคที่ได ้ยินก่อนหน้าหมายความ

ว่าอะไรกันแน่ แพรวกับไอ ้ค่าย ทั้งคู่ไม่ได ้คบกันตั้งแต่แรก

เหรอ แล ้วมีเหตุผลอะไรที่ต ้องโกหกเพื่อนในกลุ่มขนาดนี้

ด ้วยวะ




ค าถามมากมายตีวนอยู่ในหัว ผมเดินกลับไปยังห ้อง

ประชุมที่ซึ่งมีเพื่อนสนิทสามคนยืนรออยู่ แต่ก็ไม่ได ้พูดหรือ

ถามเรื่องแพรวออกไป ได ้แต่เก็บง าเอาไว ้และคิดหาเหตุผล

อยู่ล าพัง




ท่ามกลางความมืดของห ้องนอน ผมยังคงกังวลถึงเรื่องที่

ได ้ยินมาเมื่อชั่วโมงก่อนไม่หยุด อยากถามแต่ก็ไม่กล ้าพอ

เพราะคิดว่าคงไม่เกี่ยวกับเรามากนัก แต่อีกใจกลับคิดว่าเรา

ก็คือหนึ่งในคนที่ถูกหลอกมาตลอด และคนที่รู้ค าตอบนั้นดี

ก็คือไอ ้ค่าย




Rrrr…!



ซึ่งมันตายยากมากครับ เมื่อปลายสายเป็นเบอร์ของมัน



“ว่าไง”



[วันนี้เพจลงรูปเยอะเลย]




“เพจอะไร”



[ก็ละครเวทีไง] โทรมาเพื่อพูดถึงเพจเนี่ยนะ นับวันยิ่งไร ้

สาระเข ้าไปทุกที



“อืม...แล ้วไง”




[มีคนลงรูปมึงด ้วย]

ตอนที่ 7

Circle of (Boy) Friend




คนเราเวลาจะดูหนังสักเรื่องเราเลือกจากอะไร



เนื้อหา



ชื่อผู้ก ากับ




ความหน้าตาดีของนักแสดง



กระแส



หรือเพราะ...รสนิยม



ผมเลือกมันจากความชอบของตัวเอง ไม่ต ้องเป็นกระแสก็


จะเลือกถ ้ารู้สึกว่าเรื่องนั้นเป็นแนวที่ดูมาตลอด ผมมัก

หลีกเลี่ยงแอนิเมชั่นหรือการ์ตูนปัญญาอ่อน ขณะเดียวกันก็

เลือกเสพงานแนว Sci-fi thriller ซ ้าซากมากขึ้นเรื่อยๆ



รุ่นพี่คนหนึ่งเคยบอกว่า การเลือกดูหนังแม่งก็เหมือนกับ

การเลือกคนรักนั่นแหละ น้อยมากที่เราจะดูแนวที่เราไม่

ชอบ อาจเพราะถูกตั้งก าแพงเอาไว ้แล ้วว่ามันไม่ดี ไม่สนุก


และไม่ได ้รับการเปิดใจยอมรับ ทั้งที่มันอาจดีก็ได ้...

...ถ ้าได ้ลอง




เรื่องราวมันเกิดขึ้นตอนไหนผมจ าก็ยังจับต ้นชนปลายไม่

ถูก ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ ้เติร์ดนับวันก็ยิ่งแย่ลงทุก

ที จนกระทั่งมันแตกหักในวันที่เรานั่งจิบเบียร์อยู่ที่ห ้องของ

ไอ ้โบน แค่จิบเบียร์ ไม่รู้เป็นเหี้ยไรแต่ทุกอย่างกลับพังไม่

เป็นท่า



“ไอ ้ค่าย...” คนตรงหน้าเรียกชื่อผม ไอ ้เติร์ดยืนนิ่งๆ อยู่


หน้าประตูอย่างเก ้ๆ กังๆ ผมเลยท าลายบรรยากาศตึงเครียด

ลงด ้วยการพูดออกไป



“ไอ ้โบนเรียกกูมา กินเบียร์กันอยู่เหรอ” ซึ่งมันก็ไม่ได ้

ตอบอะไรนอกจากยืนค ้างอยู่ที่เดิม ความสัมพันธ์ของเราไม่

โอเคเท่าไหร่ จ าได ้ว่าไอ ้เติร์ดเปลี่ยนไปหลังเรากลับมาจาก

คลับในคืนนั้น และมันก็ไม่ยอมบอกเหตุผลว่าที่โกรธอยู่เนี่ย


เกิดจากอะไรกันแน่



คือกูก็ไม่รู้มั้ย ถามเชี่ยทูกับไอ ้ควายโบนมันก็เอาแต่ส่าย

หน้า กลายเป็นว่าปัญหาที่แก ้ไม่ตกตอนนี้ก็ยังไม่ได ้รับการ

แก ้ไข จนกว่าผมจะรู้ว่าได ้ท าอะไรผิดไป



“เข ้ามาเลย นี่เพื่อนพี่เอง” ผมเลือกสลัดความคิดในหัว


ออก ก่อนจะคว ้าข ้อมือขาวของรุ่นน้องคนหนึ่งเข ้าไปด ้านใน

ความจริงผมไม่ได ้อยากพาน้องเขามาหรอก แต่ไอ ้โบนนี่สิที่

โทรมาชวนในช่วงเวลาที่ผมกับเธอก าลังจะกลับพอดี แถม

ยังเป็นทางผ่านอีก สุดท ้ายเลยจ าต ้องพาแวะมาก่อนกลับ


จนได ้



“โอ๊ยยยยยยคนสวย เชิญครับ เชิญ” เพื่อนผมมันก็เหี้ยไม่

ต่างกัน พอเห็นผู้หญิงสวยหน่อยรีบกุลีกุจอหาที่นั่งกัน

พัลวัน



“ลมอะไรหอบมาวะ” ไอ ้ทูถาม




“พาน้องไปกินข ้าวเสร็จ เชี่ยโบนก็โทรชวนเลยแวะมา”



“อ๋อ น้องกินเบียร์มั้ยครับ” ระหว่างที่ก าลังถามสนุ๊ก ผมก็

หันไปมองคนที่ยืนห่างออกไปตรงประตู ซึ่งเป็นเวลา

เดียวกับที่ไอ ้โบนตะโกนขึ้น




“ไอ ้เติร์ดปิดประตู กลับมานั่งนี่”



“คือกูว่า...จะกลับ”



“เหรอ งั้นก็กลับเถอะ มึงคงเมาแล ้วเนอะ” เชี่ยไรของมัน

วะ! เพื่อนบอกจะกลับก็ให ้ไปกันง่ายๆ อย่างนี้เหรอ ผมไม่

ปล่อยให ้ไอ ้เติร์ดท าส าเร็จ รีบสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว


อย่างน้อย...ก็ขอให ้เราได ้คุยกันบ ้าง

“นั่งด ้วยกันก่อนดิ”




และถึงแม ้ไอ ้เติร์ดจะกลับมานั่งข ้างๆ จริง เราก็ยังคงเงียบ

ใส่กันอยู่ บอกตามตรงว่าผมอึดอัดมาก ไม่รู้ว่าต ้องท ายังไง

ทุกอย่างถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม



“ค่ายมึงรู้ยัง โปรเจ็กต์ละครเวทีเริ่มแล ้วนะ จองหน้าที่

อะไรไว ้” ยังดีที่เพื่อนรักสองคนคอยถามไถ่และหาเรื่องคุย

อยู่ตลอด การนั่งแดกเบียร์วันนี้เลยไม่กร่อยอย่างที่คิด




“ผู้ช่วยผู้ก ากับ”



“โหยยยยยย หน้าที่นี้ปีสี่จองไปแล ้วครับ อย่าโง่สิ”



“กูคุมแสงสีเสียงได ้” จริงๆ ก็คงเป็นงานหลักที่ผมต ้องท า

เนี่ยแหละ




“เข ้าแก๊บอยู่ กูก็อยากมาท าส่วนนี้ แต่ไอ ้เติร์ดนี่หนักกว่า

เพื่อนหน่อย”



“ท าไม”



“เขียนบท นั่งคิดไปสิว่าจะให ้ใครรักกัน”




“มึงรู้ได ้ไงว่ากูจะเขียนเรื่องความรัก เมื่อก่อนอาจจะใช่

แต่ตอนนี้กูไม่ศรัทธาละ” ไม่พูดเปล่า เจ ้าตัวยังหันมามอง

หน้าผมขณะพูดอีกต่างหาก คือยังไงวะ ต ้องการกระแทก


แดกดันกูเหรอ ผมไม่รู้ด ้วยซ ้าว่าตัวเองท าอะไรผิดเลยรู้สึก

ไม่พอใจ สวนกลับไปอย่างรวดเร็ว



“คนอย่างมึงเคยศรัทธาอะไรด ้วยเหรอ”



“กูไม่ใช่มึงที่จะศรัทธากับความรักไปทั่ว คั่วไปทั่วเหมือน

ทุกวันนี้”




“ไอ ้เติร์ด!”



“ใจเย็นเพื่อน ใจเย็น...” ยังดีที่เพื่อนคอยเบรกเอาไว ้เรื่อง

เลยไม่ใหญ่โตอย่างที่คิด แม่งอยากตอกกลับไปฉิบหายว่ากู

ไปมั่วบนหัวมันเหรอ ทุกวันนี้เวลามันต ้องการอะไรผมก็ท า

ให ้ตลอด ถ ้ามันขอให ้ผมไม่พาผู้หญิงเข ้าห ้องผมก็จะท า


ยอมทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว ้



แล ้วดูมันดิ ไม่แม ้แต่จะพยายามยื้อเอาไว ้เลย คอยแต่จะ

ท าให ้พังลงเรื่อยๆ



เรานั่งดื่มต่อ สนุ๊กเองก็มักคอยเอาใจถามโน่นถามนี่ให ้ผม

อารมณ์ดีอยู่เสมอ




“พี่ค่ายอย่าดื่มเยอะเป็นห่วง” บอกตามตรงว่าคนนี้คุยไลน์

กันได ้แค่อาทิตย์เดียว และก็เพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อวาน

ความสัมพันธ์เราเกิดขึ้นไว และก็จบไวเหมือนกันเพราะผม


ไม่คิดปักหลักหรือฝากใจไว ้ที่ใคร



รักแบบนี้มันดีกว่าเยอะ เอาใจในบางครั้ง ไปกันไม่ได ้ก็

แยกทาง ต่างคนต่างไม่เสียประโยชน์มันก็จบ



“ไม่เยอะครับ”




“ไม่ให ้สูบบุหรี่ด ้วย”



“โอเค”



“เชื่อฟังแบบนี้สิ”



“คิดเหรอว่ามันจะเชื่อฟังน้องแค่คนเดียว” จู่ๆ อารมณ์ก็


สะดุดกึกอีกหนเมื่อเสียงของใครคนหนึ่งแทรกขึ้น ซึ่งผมก็

ไม่รอช ้ าหันไปมองคนคนนั้นด ้วยสายตาเอาเรื่อง ไอ ้เติร์ด...

นี่มึงต ้องการอะไรกันแน่วะ



“พี่หมายความว่าไงคะ”



“ก็ไอ ้ค่ายมันมั่วไง เดี๋ยวได ้แล ้วมันก็ทิ้ง”




“ไอ ้เหี้ยเติร์ด!” ผมถลาเข ้าไปกระชากคอเสื้อของมัน

เพราะทนไม่ไหว ในใจได ้แต่เดือดดาลก่นด่ามันไม่หยุดว่า

ต ้องการเหี้ยอะไรซ ้าๆ เออ! แล ้วมึงเป็นเหี้ยอะไร!




“ใจเย็นมึง มึงเมาแล ้วใช่มั้ย กลับห ้องกันนะ” ไอ ้ทูแยก

เราทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนหันไปถามความเห็นของคนที่หน้า

แดงก ่าเพราะแอลกอฮอล์ แต่สภาพนี้ไม่ได ้เรียกเมาไม่ได ้

สตินี่หว่า ดูยังไงก็รู้ว่าต ้องการหาเรื่องกันชัดๆ



ไอ ้เติร์ดไม่เคยเป็นแบบนี้ สองปีที่เรารู้จักกันมาไม่ว่าผม


จะมีใครหรือท าอะไร มันก็เข ้าใจและมีเหตุผลเสมอ ผิดกับ

ตอนนี้ที่งี่เง่าฉิบหาย



“กูไม่เมา แม่งพูดความจริงก็ผิดเหรอ” มันพูดออกมาอีก

จนผมอดไม่ได ้รีบตอกกลับไปอย่างรวดเร็ว



“แล ้วไง อย่างน้อยกูก็รักใครเป็น ไม่เหมือนมึงหรอก งี่เง่า


ไร ้เหตุผลฉิบหาย”



“มึงกล ้าพูดจริงๆ เหรอว่าสิ่งที่เป็นอยู่ของมึงมันคือรัก”



“ใช่รัก แล ้วกูก็รู้ว่าจะยกมันให ้ใครที่ไม่ใช่เพื่อนเหี้ยๆ

อย่างมึง” ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออด พร ้อมกับผลักร่างคน

ตัวเล็กกว่าอย่างแรงด ้วยความโมโห รู้ตัวอีกทีไอ ้เติร์ดก็เอา


แต่ก ้มหน้ามองพื้นอยู่ก่อนแล ้ว

“ไอ ้ค่าย เติร์ดมันเมาอย่าถือสามันเลย”




“เมาแต่ปากก็หาเรื่องฉิบหาย”



“แคร์มันหน่อย ช่วงนี้มันไม่โอเค”



“มึงคิดว่ามันเป็นเมียกูหรือไงถึงต ้องแคร์!” ไม่เคยให ้

ประโยชน์อะไรกูเลย แม ้แต่ค าว่ามิตรภาพยังให ้กันไม่ได ้

แล ้วท าไมผมถึงต ้องแคร์มันด ้วยวะ




“เฮ ้ ยกูว่ามึงพูดดีๆ กับมันก็ได ้นะไอ ้ค่าย”



“ไว้มันมานอนให้กูเอาเมื่อไหร่ กูถึงจะพูดดีด้วย พอใจ

ยัง!!”



ผั่วะ!!




เสี้ยววนาทีนั้นภาพในม่านสายตาของผมก็สั่นไหว ร่างกาย

ล ้มลงไปกองกับพื้นพร ้อมกับความเจ็บชาที่ค่อยๆ แผ่ซ่าน

เข ้ามาเรื่อยๆ



ไอ ้โบนยืนหอบหายใจไม่ห่างและตั้งท่าเงื้อมืออีกรอบเพื่อ

ซัดผมแรงๆ แต่ไอ ้ทูเข ้ามาขวางไว ้ซะก่อนผมเลยไม่โดน


สวนเข ้ามาอีกหมัดจนหน้าแหกอย่างที่คิด

“ไอ ้ค่ายนี่เพื่อนนะ เพื่อนที่รักมึง”




“...” ผมเงียบ เลือกที่จะไม่ตอบโต ้กลับไป แล ้วท าไมเพื่อน

อย่างมันไม่แคร์กูบ ้าง



มันอึดอัดแค่ไหนแต่ไม่เคยมีใครเข ้าใจเลย



“ไอ ้เติร์ดมัน...มัน...”




“โบนพอเหอะว่ะ”



“...”



“กู...ขอโทษนะ กูไม่ดีเอง”



ไอ ้เติร์ดเงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน ้าตาอาบแก ้ม ท าเอาใจ


คนมองกระตุกวูบด ้วยความรู้สึกผิด กูขอโทษนะนี่คือสิ่งที่

ผมอยากบอกออกไปแต่ลิ้นกลับด ้านชาเกินกว่าจะขยับ ได ้

แต่มองดูคนตรงหน้าค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นแล ้วเดินจากไป

เท่านั้น



ผมถูกเพื่อนลากคอให ้ไปคุยกันที่ระเบียงทันทีเพราะไม่

ต ้องการให ้สนุ๊กมาได ้ยินปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกลุ่ม แต่มัน


ก็ไม่ช่วยให ้ผมเข ้าใจอะไรขึ้นเลยหลังจากพูดกันจบ จ าได ้

ขึ้นใจก็แค่เรื่องที่มันสองตัวพยายามออกโรงปกป้องไอ ้เติร์ด

เท่านั้น แล ้วกูล่ะ




ไม่เคยมีใครเข ้าใจผมสักคน ไม่มีใครเข ้าใจความอึดอัดที่สุม

อยู่ในอกและโยนทิ้งไม่ได ้ ผมเสียใจที่ท าร ้ายไอ ้เติร์ด แต่

ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครพูดออกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แล ้วท าไมกูถึงต ้องรู้สึกผิดอยู่คนเดียวด ้วยวะ



โคตรไม่แฟร์เลย




ท าไมผมถึงเป็นคนเดียวที่รู้สึกโง่ พวกมันมีความลับผมรู้ ผม

เห็นแม ้กระทั่งวันนั้น...ที่โรงหนัง เห็นไอ ้โบนกอดไอ ้เติร์ดที่

ร ้องไห ้ไม่หยุด ผมรู้สึกผิดที่ท าอะไรไม่ดีลงไป ทว่าสุดท ้าย

ก็ไม่รู้อยู่ดีกว่าสิ่งไม่ดีนั้นคืออะไรกันแน่



เพื่อนทุกคนเลือกมีความลับกับผม จนอดคิดไม่ได ้ว่ากู...คง

ไม่ส าคัญกับใครอีกแล ้ว




เช ้ าวันต่อมาไอ ้เติร์ดไม่มาเรียน ถามไอ ้ทูมันก็ตอบแค่ว่ามัน

อยากนอนโง่ๆ เท่านั้น ผมจึงไม่สนใจแต่ความรู้สึกผิดเนี่ยสิ

ที่ตีตื้นเข ้ามาไม่หยุด สุดท ้ายก็ตัดสินใจไปหาอีกฝ่ ายที่ห ้อง

หลังเลิกเรียน ผมไม่ได ้ถามมันว่าโกรธผมเรื่องอะไร เพราะ

มันคงไม่บอก




สิ่งเดียวที่พูดได ้จึงเหลือแค่ ‘ขอโทษ’ ค าเดียวที่ผมพูด

ออกมาจากใจ

ซึ่งมันได ้ผล ความสัมพันธ์เรากลับมาดีขึ้นอีกครั้งและยิ่ง

แน่นแฟ้นขึ้นเพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ไอ ้เติร์ดต ้องเขียน


บทละครเวที เราตัวติดกันเหมือนเดิม ไปไหนไปกันสี่คน

ตลอด ทั้งการนั่งสังเกตการณ์หอสมุด รวมไปถึงชวนเจ ้าตัว

ออกไปดูหนังหรือซื้อของด ้วยกัน



ไอ ้เติร์ดช่วยผมเลือกลิปสติกให ้สาว มันรู้ดีว่าผมต ้องเทค

แคร์ผู้หญิงทุกคนที่เริ่มเข ้ามามีสัมพันธ์แบบฉาบฉวยอยู่แล ้ว

แต่ไอ ้ก าไลแอร์เมสที่ไปเลือกกันน่ะผมซื้อเป็นของขวัญวัน


เกิดให ้พี่สาว ‘พี่เคลียร์’ คือแพงขนาดนี้กูคงลงทุนให ้คนอื่น

หรอก แต่ก็ไม่ได ้บอกมันไป



แปลกมั้ย เพื่อนอย่างไอ ้เติร์ดแม่งเสือกเป็นคนเดียวที่ผม

อยากให ้อยู่ด ้วยในทุกช่วงเวลา



ต่อให ้เป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหนผมก็จะนึกถึงมันเป็นคน


แรกๆ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ท าให ้เราคบกันยาวและกลายเป็น

เพื่อนสนิทกันในที่สุด



แล ้วเย็นวันหนึ่ง...ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...



เราสี่คนยังคงปักหลักอยู่หอสมุดเพราะไอ ้เติร์ดพยายามหา

ไอเดียในการเขียนบท พวกที่เหลือเลยหยิบแล็ปท็อปกับมือ


ถือขึ้นมาเล่น แต่ผมสือกซวยที่แบตมือถือหมด พาวเวอร์

แบงก์ก็ไม่เหลือหรอเลยขอยืมแล็ปท็อปของไอ ้เติร์ดมาเล่น

และฟังเพลงฆ่าเวลา




ตอนนั้นผมนึกพิเรนทร์ด ้วยการกดไปที่ชาแนล ‘มูฟวีซี้เว่อร์’

เพื่อดูกระแส ซึ่งเป็นปกติอยู่แล ้วที่คนเราเวลาล็อกอินอะไร

เอาไว ้จะไม่ยอมล็อกเอาท์ออก แน่นอนว่าไอ ้เติร์ดคือหนึ่ง

ในนั้น แอคเคาต์ของมันยังคงเด่นหราอยู่ตรงหน้า ผมกดเข ้า

ไปดูเล่นๆ แต่คลิปล่าสุดที่ปรากฏอยู่เนี่ยสิที่ยุให ้คนมือบอน

อย่างผมกดเข ้าไป




ชื่อวิดีโอนั้นใช ้ ชื่อว่า ‘รีวิวหนัง - โง่..เซ่อ..บ ้า เพราะว่าความ

รัก’ ความยาวไม่กี่นาทีเอง แต่แปลกที่มันกลับถูกตั้งให ้เป็น

ไพรเวทมากกว่าจะเผยแพร่ให ้คนติดตามดู



ช่วงเวลาที่วิดีโอถูกเล่น ผมเห็นไอ ้เติร์ดยิ้มให ้กับกล ้อง

เหมือนทุกที...




“สวัสดีครับสัปดาห์นี้เรากลับมาเจอกันอีกครั้งในช่องมูฟวี่

ซี้เว่อร์ แต่นี่อาจจะเป็นวิดีโอสุดท ้ายของปีนี้แล ้วนะครับที่ผม

จะท า ใจหายเลย ครั้งนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่องหนึ่งเมื่อนาน

มาแล ้ว ชื่อเรื่องว่า Crazy, Stupid, Love ครับ”



ผมเงยหน้ามองตัวจริงที่นั่งเขียนบทขยุกขยุยลงบน

กระดาษ ก่อนจะก ้มมองวิดีโอบนจออีกครั้ง โชคดีจริงๆ ที่ใส่


หูฟัง ไม่งั้นคงโดนด่าที่ละลาบละล ้วงความเป็นส่วนตัวของ

มันแน่ๆ

“ชื่อภาษาไทยคือโง่ เซ่อ บ ้า เพราะว่าความรัก”




“...” คนพูดเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอาแต่ก ้มหน้าไม่พูดจา

กระทั่งเจ ้าตัวถอนหายใจออกมาแล ้วเงยหน้ามองกล ้องใหม่



“ผมในตอนนี้โง่และก็บ ้ามากจริงๆ ผม...รักเพื่อนสนิท

ของตัวเองข ้างเดียวมาตลอด”



ไอ ้เติร์ดไม่ได ้พูดเกี่ยวกับหนัง!




มือที่เลื่อนอยู่ตรงแป้นพิมพ์กดสเปซบาร์เพื่อหยุดวิดีโอ

เลื่อนสายตามองไปยังเพื่อนสองคนที่กดมือถือกันอย่างมี

ความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ออกซะดื้อๆ แต่ความเสือกไม่

อาจหยุดยั้งเลยกดเล่นวิดีโอต่อ



“เราเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน คบกันมาสองปีกว่าแล ้ว


แต่เพราะความสัมพันธ์ของค าว่าเพื่อนท าให ้เราไปไกลจาก

นี้ไม่ได ้อีก ผมรู้สึกว่าตัวเองคาดหวังอะไรลมๆ แล ้งๆ มาก

เกินไป บอกว่าจะตัดใจหลายครั้งแต่สุดท ้ายก็กลับมาเป็น

เหมือนเดิมเพราะต ้องเจอกันทุกวัน”



รอยยิ้มของคนพูดนั้นเจือความเศร ้า จนผมไม่อยาก

จินตนาการเลยว่าลึกๆ นั้นมันเศร ้าขนาดไหน




“จริงๆ ผมอาจหลีกหนีจากมันได ้แต่ผมไม่ท าเอง ไอ ้ค่าย

...”




หน้าของผมชาไปทั้งซีกเมื่อได ้ยินชื่อของตัวเองดังเข ้ามา

ในหู สายตาของไอ ้เติร์ดที่มองมายังกล ้องเอ่อคลอไปด ้วย

น ้าตา



“กูขอโทษที่รักมึง”



“...!!”




“กูพยายามมาตลอดเพื่อเก็บความลับนี้เอาไว ้ แต่กูเหี้ย

เอง...แม่งเหี้ยเองที่พอรู้ว่ามึงท าดีกับกูเพราะต ้องการพิสูจน์

ความจริงกูก็เสือกทนไม่ได ้ เพราะจริงๆ แล ้วกูรู้สึกดีมากที่

มึงท าดีมาตลอด รู้สึกดี...จนรับไม่ได ้ถ ้าทุกอย่างพังทลาย

ลงมา กูขอโทษนะ”




ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็ยังทนดูต่อจนจบ



“ขอโทษที่ท าให ้มันดีขึ้นกว่านี้ไม่ได ้ กูบอกมึงไม่ได ้หรอก

เพราะถ ้าบอก กูจะไม่เหลืออะไรเลย”



“...”




“...แม ้กระทั่งมึง”

ใช่! มันไม่เหลืออะไรแล ้วในวันที่รู้ความจริง มึงท าลายความ

เชื่อใจของกูจนหมด




หน้าของผมชาเหมือนโดนตบ ร่างกายเองก็ชาไปทั้งร่างจน

ขยับเขยื้อนไม่ได ้ ผมชอบผู้หญิง และรับไม่ได ้ที่ไอ ้เติร์ดคิด

เกินกว่าเพื่อน นี่เหรอวะความลับที่เก็บมาตลอดสองปี

เป็นไปได ้ผมก็ไม่อยากรับรู้ เป็นไปได ้เราก็ไม่ควรเป็นเพื่อน

กัน




ผมเงยหน้าขึ้น ไล่สายตามองเพื่อนสนิทสามคนในกลุ่ม

ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเดาว่าพวกมันรู้ว่าไอ ้เติร์ดคิดไม่ซื่อ

กับผมแต่ไม่ยอมบอก ท ากับผมเหมือนไอ ้โง่ตัวหนึ่งซึ่งก็ใช่

โง่มาตลอดสองปีขนาดนี้ก็หาเขามาใส่หัวให ้กูเถอะ



ส าหรับไอ ้เติร์ดมันคือเพื่อนสนิท ทั้งแคร์และห่วงใย แต่นั่นก็

เกิดจากความรู้สึกตามประสาเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ผมไม่


อยากเสียมันไป ขณะเดียวกันก็ไม่พร ้อมเปลี่ยนสถานะของ

เพื่อนเป็นอย่างอื่น เย็นวันนั้นหลังกลับจากหอสมุดผมจึงรีบ

กลับมาที่ห ้อง ครุ่นคิดวิธีต่างๆ ที่ท าให ้มันเลิกคาดหวังและ

ตัดใจจากผม



แน่นอนว่าผมยังต ้องการมัน ต ้องการเพื่อน...




อยากได ้เพื่อนคนเดิมกลับมาเหมือนเก่า ผมคิดจนหัวแทบ

แตก อยู่กับตัวเองด ้วยความอึดอัดและฟุ้งซ่าน ผมไม่ได ้

ชอบผู้ชายและมันจะไม่มีวันนั้น




หนึ่งคืนเต็มๆ ที่ผมใช ้ เวลาติดต่อหาผู้หญิงที่เคยเข ้ามาใน

ชีวิต หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่เคยมีสัมพันธ์ฉันชู ้ สาวกัน

เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันเมื่อสมัย ม.ต ้น และตอนนี้ก็

เรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกันด ้วย ผมขอร ้องเธอถึงจุดประสงค์ที่

ต ้องการ นั่นคือการอุปโลกน์เพื่อนเก่าอย่างแพรวมาเป็น

แฟน




อย่างน้อยก็ช่วยตบตาไอ ้เติร์ดให ้มันตัดใจจากผมให ้ขาดซะ

เพราะไม่ว่ายังไงระหว่างเราก็คงเป็นไปไม่ได ้อยู่ดี



โชคดีที่พี่เชนทร์ปีสี่แกเลี้ยงฉลองคนเขียนบทที่ร ้านอาหาร

แห่งหนึ่ง ผมเลยใช ้ โอกาสนี้สร ้างสถานการณ์ซะ คืนนั้นเลย

จัดเหล ้าไปซะหนัก เรียกได ้ว่าแทบไม่หยุดพักตั้งแต่เข ้าร ้าน

อาจด ้วยความเครียดที่สะสมมาตลอดสัปดาห์ และการ


ครุ่นคิดแต่เรื่องของไอ ้เติร์ดท าให ้ผมต ้องหาทางออกด ้วย

ตัวเอง



หลังจากดื่มมาอย่างหนักหน่วง ผมหาเวลาปลีกตัวเข ้า

ห ้องน ้าและไม่ยอมออกไปไหน รอจนกว่าอีกฝ่ ายจะออกมา

ตาม แน่นอนว่าไอ ้เติร์ดคือคนนั้น มันบ่นเหมือนทุกครั้งแต่ที่

ไม่เหมือนคือความรู้สึกของคนฟัง




“เยี่ยวนานฉิบหาย”

“อือ”




“รู้ตัวป่ ะเนี่ย พูดจะไม่รู้เรื่องแล ้วมึง” ผมพยายามรูดซิบ

กางเกง มือขาวเลยปรี่เข ้ามาช่วยพยุงไม่ให ้ล่มด ้วย ท าไมวะ

ท าไมถึงไม่ไปรักคนอื่น



“มึงโอเคมั้ย นี่กี่นิ้ว” มันถาม แต่ผมไม่ตอบทั้งที่ยังพอมี

สติอยู่




“...”



“สงสัยจะเมามากจริงๆ เดี๋ยวกูพากลับ รถมึงเดี๋ยวกูบอก

ผู้จัดการร ้านให ้ดูแลก่อน ส่วนไอ ้สอง...” ไม่รอให ้เสียเวลา

ผมจัดการดันร่างบางของเพื่อนสนิทไปติดตรงก าแพง จน

เจ ้าตัวโวยวายยกใหญ่ ผมจึงไม่รอช ้ ากลั้นใจประกบจูบลง

ไป




“ไอ ้ค่าย มึงเมาแล ้วนะเว ้ย ไอ ้...อื้อ!”



ไอ ้เติร์ดดิ้นขลุกขลักไปมาสักพัก ไม่นานก็แน่นิ่งยอมให ้

ผมจูบทั้งเนื้อตัวสั่นเทา สั่น...จนสัมผัสได ้และรู้สึกสงสาร

ขึ้นมาจับใจ แต่ผมก็ไม่ย่อท ้อประกบริมฝีปากอีกฝ่ ายไม่

ปล่อยโอกาสให ้คนตรงหน้าได ้หายใจ




พยายามสอดลิ้นเข ้าไปในโพรงปากของมันอย่างจาบจ ้วง

เพื่อให ้รู้สึกอาย แต่เปล่าเลย เป็นผมต่างหากที่ไม่ละจากมัน

แถมยังเอาแต่บดเบียดแลกเปลี่ยนความหวานจนสติแทบ


ขาดผึง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ ้าตัวดิ้นรนหาอากาศหายใจผม

เลยจ าต ้องปล่อย



“ค่าย...” ไอ ้เติร์ดเรียกชื่อผม และผมเสียใจที่ต ้องพูด

ออกไปแบบนี้...



“แพรว”




ผมจูบมันอีกรอบ แต่คราวนี้กลับเป็นจูบที่มีแต่รสขม คน

ถูกรุกตรงหน้าเนื้อตัวสั่น เสียงสะอื้นดังเล็ดลอดไม่ขาดสาย

หัวใจคนฟังเองก็เจ็บตาม น ้าตาหยดแล ้วหยดเล่ายังคงไหล

ลงมาสัมผัสกับหน้าของผม กูขอโทษที่ท าให ้มึงร ้องไห ้ กู

ขอโทษ...




“แพรว แพรว...”



ที่เรียกชื่อเขาต่อหน้ามึง แต่เพราะไม่เห็นทางออกแล ้ว กู

เลยท าได ้แค่นี้จริงๆ



เติร์ด...ตัดใจจากกูเถอะนะ




การท าใจยอมรับกับความจริงบางครั้งก็โคตรเจ็บปวด ผม

ต ้องฝืนตัวเองเป็นคนโง่ไม่รู้อะไรต่อไปจนกว่าการแสดงนี้จะ

จบลง แน่นอนว่าความพยายามหลายครั้งหลายคราของผม

ท าให ้อีกฝ่ ายเสียใจ




ผมต ้องเห็นน ้าตาของมันซ ้าแล ้วซ ้าเล่าแต่ก็แสร ้งท าเป็นไม่รู้

อะไรเลย ยังคงนั่งข ้างกัน พูดถึงเรื่องแฟนใหม่ของผม

มองเห็นมันส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให ้ด ้วยความรู้สึกฝืน ทั้งอึดอัด

และเจ็บปวด



หลังประชุมใหญ่ของละครเวทีเสร็จผมจึงตัดสินใจเปิดตัว


แพรวกับเพื่อนอย่างเป็นทางการ ก่อนเก็บของบึ่งรถไปซุก

หัวอยู่ที่บ ้านพักของรุ่นพี่นิเทศฯ คนหนึ่งเพื่อหนีปัญหา



แกชื่อพี่ต ้น เรียนอยู่ปีสี่แต่คนละมหา’ลัยกัน ปีนี้แกท าธีสิส

แม่งเลยออกมาเช่าบ ้านท าสตูดิโอกับเพื่อนอีกสามสี่คนข ้าง

นอก ผมเลยพอมีที่ซุกหัวนอนอยู่บ ้าง แน่นอนว่าผมหวัง

มากกว่านั้น ไม่ได ้มองว่าพวกพี่มันจะมาแก ้ปัญหาอะไรให ้


หรอก ขอแค่ไม่ต ้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องนี้ก็พอ



“จะมาก็ปุบปับเลยนะมึง” ผู้ชายหุ่นผอมหน้าหนวดทักทาย

ขึ้น ผมมากับกระเป๋ าเป้ใบเดียว มีไอ ้ชาวีเป็นสารถีพามาส่ง

เหมือนทุกครั้ง



“เครียดว่ะพี่ แดกเหล ้าดิ”




“ไอ ้เหี้ยค่าย บ ้านกูเป็นสตูดิโอไม่ใช่แหล่งซ่องสุม”

“มีหญิงมาแจมป่ ะ”




“นี่มึงฟังกูป่ ะเนี่ย”



“เข ้าไปข ้างในเลยนะ แล ้วให ้ผมนอนห ้องไหน”



“ปลายเตียงกูอ่ะ”



“เคๆ”




ผมอยู่ที่นี่หลายวัน ใช ้ พวกพี่มันเป็นที่ปรับทุกข์ แต่ก็ไม่ได ้

เล่าอะไรที่ลึกกว่านั้น แต่ละวันหมดไปกับเหล ้าและบุหรี่

เปลืองถึงขนาดเอามาเรียงหน้าบ ้านก็ตั้งโรงงานขายของเก่า

ได ้เลย เวลาว่างหลังจากตื่นผมนั่งดูพวกพี่มันตัดต่อหนัง

และท าคลิปกันสนุกสนาน ตอนเย็นก็ก๊งเหล ้ากันเหมือนเดิม




เหมือนกับวันนี้ คืนวันที่ห ้าของการอยู่อาศัยแบบมัดมือชก



“เดี๋ยวรุ่นน้องที่มอกูแวะเข ้ามานะ” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น ต่าง

คนต่างก็พยักหน้าเข ้าใจ



สิบห ้านาทีให ้หลัง เสียงรถยนต์ดังขึ้นตรงหน้าบ ้านก่อน

เสียงเจื้อยแจ ้วจากคนด ้านนอกจะแว่วเข ้าหู พี่ต ้นอาสาลุก


ไปเปิดประตูให ้ก่อนผู้หญิงสี่ห ้าคนจะเดินเข ้ามาทักทาย

“สวัสดีค่ะ คืนนี้ขอแจมด ้วยคนนะ”




และบ ้านที่ไอ ้พี่ต ้นมันบอกตลอดว่าไม่ใช่แหล่งซ่องสุมก็

กลายเป็นอย่างที่ปากมันพูดไม่มีผิดเพี้ยน ต่างคนต่างดื่ม

และสังสรรค์ไปเรื่อยๆ ยิ่งดึกเพลงที่เปิดก็ยิ่งทวีความสนุก

ผมมัวเมาไปกับแอลกอฮอล์ รู้ตัวอีกทีน้องผู้หญิงคนหนึ่งก็

เข ้ามานั่งเบียดด ้วยเรียบร ้อย



มือของผมปัดป่ ายไปบนตัวเธอ เรานัวเนียกันอยู่อย่างนั้น


ค่อนข ้างนานก่อนจะจับหน้าขาวนั้นเอาไว ้พร ้อมกับประกบ

ริมฝีปากลงไป เราจูบกันเงียบๆ แทนที่จะเหมือนกับที่ผมจูบ

ผู้หญิงคนอื่น ท าไม...



ถึงมีภาพของไอ ้เติร์ดฉายชัดขึ้นมา



ปากของเรายังประกบกัน ผมตั้งใจและอดทนเพื่อไป


ข ้างหน้าต่อและดูเหมือนอีกฝ่ ายจะให ้ความร่วมมือเป็นอย่าง

ดี แต่สุดท ้ายกลับชะงักค ้าง



ผมคิดถึงจูบของไอ ้เติร์ด นึกถึงหน้าของมันตอนร ้องไห ้ นึก

ถึง...ช่วงเวลาที่อยู่ด ้วยกัน



“โธ่เว ้ย!!” ความอัดอั้นตันใจที่มีมาตลอดท าให ้ผมผละออก


จากรุ่นน้องคนนั้น และเอาแต่สบถเสียงดังจนคนโดยรอบหัน

มามองเป็นตาเดียว

ท าไมวะ! ท าไมถึงกลายเป็นกูที่ลืมไม่ได ้!




ผมได ้แต่นั่งก ้มหน้าเพราะท าอะไรไม่ถูก จู่ๆ ก็รู้สึกได ้ถึง

ความร ้อนผ่าวตรงกระบอกตา ไม่หรอก ผมไม่ได ้ก าลัง

ร ้องไห ้ ผมแค่เมา...



โลกที่ไม่มีไอ ้เติร์ดมันไม่ใช่ไม่ดีหรอก แต่มันเหี้ย เหี้ยมาก

เกินไป




“ไอ ้ค่าย มากับกูหน่อย” เสียงของพี่ต ้นฉุดให ้ผมต ้องลุกขึ้น

เราเดินไปหลังบ ้าน มือหนาส่งบุหรี่ให ้ผมมวนหนึ่งก่อนเรา

จะยืนสูบกันเงียบๆ



ควันสีขาวลอยคว ้างอยู่กลางอากาศ ผมมองมันค่อยๆ สลาย

ไปกับความมืดแบบนั้นไม่รู้กี่ครั้งกระทั่งบุหรี่ในมือลดลง


ครึ่งหนึ่ง



“ที่หนีมามุดหัวอยู่บ ้านกูไม่ใช่เครียดเรื่องเรียนใช่มั้ย”



“...” ผมไม่ตอบ



“คนมาบ ้านกูส่วนใหญ่ไม่หนีร ้อนก็หนีรัก”




“บ ้านพี่มึงไม่ใช่ทะเล ท าไมผมต ้องท าอย่างนั้น”

“อาการแม่งฟ้อง”




“ดูออกขนาดนั้นเลย” หรือบางทีพี่ต ้นอาจเป็นที่ปรึกษาที่ดี

ของผมในตอนนี้วะ ที่ผ่านมาคือมองความติสท์และเก่งของ

มันไม่น่าจะช่วยอะไรได ้ กับความรักมันเซนสิทีฟกว่านั้น



“ไอ ้ค่าย ท าอย่างกับกูไม่รู้จักมึง”



“จริงๆ ก็หนีรักมาอย่างที่ว่าแหละ พอดีมีปัญหากับเพื่อนนิด


หน่อย”



“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อว่างั้น” ไอ ้ห่า ฉลาดฉิบหาย เรื่อง

เสือกๆ นี่รู้ทันตลอด ไม่เข ้าใจว่าท าไมถึงไม่ยอมคุยกัน

ตั้งแต่วันที่มาแรกๆ แล ้ววะ



“เพื่อนสนิทผม...เป็นผู้ชายว่ะ”




“อืม กูก็ไม่เห็นมึงสนิทกับผู้หญิงคนไหน ส่วนใหญ่จับแดก

หมด”



“ฆวย”



ใครต่างก็รู้ว่าผมแยกสถานะของเพื่อนกับคนรักไว ้อย่าง


ชัดเจน ถ ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นเพื่อนกับผม แน่นอนว่าเรา

ไปไกลกว่านั้นไม่ได ้แน่ กรณีไอ ้เติร์ดก็เหมือนกัน คาราคา

ซังฉิบหาย




พี่ต ้นคีบบุหรี่ในมือขึ้นมาสูบอีกรอบก่อนจะพ่นควันสีขาว

ออกมา ผมมองอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ แล ้วตัดสินใจถามต่อ



“รับได ้เหรอ เพื่อนเป็นเกย์”



“ท าไมจะไม่ได ้ก็นั่นเพื่อน”




“แต่ตอนนี้เพื่อนไม่ได ้คิดอย่างนั้น”



“แล ้วรู้สึกยังไงกับมัน รังเกียจมั้ย อยากตีตัวออกห่าง หรือ

รู้สึกอะไร...”



“ไม่รู้ดิ ถามว่ารังเกียจมั้ยก็ไม่ แต่เรื่องตีตัวออกห่างมันมา

เป็นบางครั้งว่ะ เหมือนสิ่งที่เราคิดกับมันคิดไม่เหมือนกัน


บางทีก็อยากปลีกตัวออกมา อยากให ้เรากลับมาเป็น

เหมือนเดิม แต่พี่รู้มั้ย นับวันมันก็ยิ่งท าได ้ยาก”



“...”



“ที่ผมหนีมาอยู่กับพี่ก็เพื่อที่จะลืมมัน แต่สุดท ้าย...กลับ

คิดถึงมากกว่าเดิม คิดถึงหน้ามัน คิดถึงจูบของมัน ทั้งที่ปาก


บอกว่าอยากให ้มันตัดใจและเป็นแค่เพื่อน โคตรย ้อนแย ้ง

เลยว่ะ” ความคิดไม่ได ้ขาวหรือด า มันเทาๆ คลุมเครือจนหา

ค าตอบไม่ได ้




“งั้นกูถามหน่อย” ร่างผอมทิ้งบุหรี่ลงพื้น พลางใช ้ เท ้า

เหยียบจนไม่เหลือควัน “เวลามึงจะดูหนังสักเรื่องมึงเลือก

จากอะไร เนื้อหา ชื่อผู้ก ากับ ความหน้าตาดีของนักแสดง

กระแส หรือว่ารสนิยม”



ค าถามยาวเหยียดนั้นถูกส่งออกมา คนท าหนังเรา

จ าเป็นต ้องดูหนังหลากหลายแนว แต่ในบางครั้งเราก็เลือก


ดูมันจากความชอบเพื่อตอบสนองความต ้องการทางจิตใจ

มากกว่าดูเพื่อศึกษาหาความรู้



“ถ ้าเป็นผมก็คงเลือกตามรสนิยม ชอบแนวไหนก็จะดูแนว

นั้นบ่อยๆ”



“ถูกมั้ย แล ้วมึงชอบแนวไหน”




“Sci-fi thriller ดิวะ”



“แล ้วแนวที่มึงไม่ชอบล่ะ”



“แอนิเมชั่น เลือกได ้ก็จะไม่ดู”




“เมื่อก่อนกูแม่งคิดเหมือนมึงเด๊ะเลย แต่พอวันนึงที่

เติบโตขึ้นมึงจะเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกเยอะ”

“...”




“การเลือกดูหนังแม่งก็เหมือนกับการเลือกคนรักนั่นแหละ

น้อยมากที่เราจะดูแนวที่เราไม่ชอบ เพราะมึงตั้งก าแพง

เอาไว ้ว่ามันไม่ดี ไม่สนุก แต่ถ ้ามึงลองเปิดใจบางทีมัน

อาจจะดีก็ได ้”



ปรัชญาเว่อร์




น ้าเสียงเอื่อยๆ พล่ามมายาวเหยียด โดยที่ตัวคนพูดเองก็

ไม่ได ้หันมาสบตากับผมสักนิด พี่มันยังเอาแต่มองแมกไม ้

มองท ้องฟ้าตามอารมณ์ศิลปินของมัน แต่ทุกประโยคนั้น

กลับค่อยๆ ฝังเข ้าไปในจิตใจของผมเรื่อยๆ



“ทุกวันนี้กูดูแอนิเมชั่นตลอดเลยนะ ไม่ได ้โดนบังคับให ้ดู

ด ้วย แต่ใจแม่งเลือกเอง”




“พี่ก็พูดได ้ดิ หนังกับชีวิตจริงมันก็ต่างกันเยอะอยู่นะ ผม

คงรับไม่ได ้หรอกว่ะ”



“นี่มึงรับไม่ได้ หรือต้องการหนีความจริงที่ส ั งคมไม่

ยอมรับกันแน่”




จุก! จุกจนพูดไม่ออก

“รักในชีวิตจริงแม่งไม่เป็นไปตามบทหรอกไอ ้เหี้ย ขืนมึง

เอาบรรทัดฐานของสังคมเข ้าว่า ต่อให ้มึงรักผู้หญิง มึงก็ต ้อง


เจอปัญหาที่เขาว่าเหมือนกัน”



“...”



“คิดดูนะ เลือกให ้คนด่าเพราะมั่วผู้หญิงไปเรื่อย หรือจะ

ถูกนินทาว่ารักผู้ชายแต่คบแค่คนเดียว โดนด่าเหมือนกัน

แต่ผลลัพธ์ต่างกันนะเว ้ย”




“พี่ต ้น ผม...”



“นี่กูไม่ได ้บอกให ้มึงไปชอบผู้ชายนะ แต่อยากให ้มึง

ตัดสินใจด ้วยตัวเองโดยไม่เอาสังคมเข ้ามาเกี่ยวข ้อง มึงโต

ละ จะเป็นผู้ใหญ่แล ้วเนี่ย”




“...”



“เลิกเหี้ยได ้แล ้ว”



ผมรู้สึกอยู่อย่างหนึ่งหลังจากเวลาได ้หมุนเวียนไป แม ้

โลกจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ความเป็นพี่น้องและผองเพื่อน

ของเรายังคงเหมือนเดิม ถ ้าเป็นคนอื่นเขาอาจไม่เตือนผม


ไม่กล ้าบอกหรือด่า แต่กับพี่มัน...ค าว่าเหี้ยค าเดียว ท าเอา

จุกอยู่ที่อกจนสลัดไม่ออกเลยว่ะ

หรือบางที...ผมควรโตเป็นผู้ใหญ่ได ้แล ้ววะ




คืนนั้นผมคิดซ ้าๆ ถึงเรื่องของไอ ้เติร์ด เลื่อนดูฟุตเทจ

มากมายที่ถ่ายเก็บไว ้ตั้งแต่ปีหนึ่ง ในนั้นมีวิดีโอของไอ ้เติร์ด

ไอ ้โบน และไอ ้ทูที่เราเคยท าด ้วยกัน รอยยิ้มของไอ ้เติร์ด

เสียงหัวเราะของมัน ท่าทางบ ้าๆ บอๆ ท าให ้ผมนึกย ้อนกลับ

ไปในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง



เราอยู่ด ้วยกันมาตลอดสองปี ผมรักมันมากและไม่เคยคิด


อยากเลิกคบมันแม ้แต่วันเดียว ผมคิดว่านั่นเป็นความรู้สึก

ของเพื่อนมาตลอดจนกระทั่งวันที่ได ้จูบกับมัน ตอนที่เห็น

น ้าตาหยดแล ้วหยดเล่าไหลอาบแก ้มและพูดแค่ค าว่าขอ

โทษ แม่งกลับท าให ้คนเหี้ยๆ อย่างผมลืมไม่ลงซะอย่างนั้น



ทุกอย่างมันค่อยๆ เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ จาก

ตอนแรกที่มักคบหากับใครเป็นตัวเป็นตน แต่เพราะไอ ้เติร์


ดถูกก่อกวนโดยแฟนเก่าของผมมากขึ้น สุดท ้ายผมก็

ตัดสินใจได ้ว่าจะไม่คบกับใครยืดยาวอีก หนักว่านั้นคือผม

เลือกไม่พาใครเข ้าห ้องอีก เพราะเอาแต่คิดว่าวันหนึ่งเพื่อน

คนนี้จะกลับมา และเราได ้อยู่ด ้วยกันอีกครั้ง



“นอนเถอะไอ ้ค่าย พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได ้แล ้ว” แม ้ภายในห ้อง

จะปิดไฟจนมืดสนิท แต่หน้าจอแล็ปท็อปที่ส่องสว่างอยู่ท า


ให ้คนที่นอนอยู่บนเตียงผงกหัวขึ้นมาปรามกลางดึก

“อืม แป๊ บนึงพี่ แต่พรุ่งนี้...ผมยังไม่อยากไป”




“นี่มึงอยู่บ ้านกูมาห ้าวันแล ้วนะ พรุ่งนี้วันที่หก”



“นับด ้วยเว ้ย”



“จะท าอะไรก็คิดดีๆ เพื่อนมึงคงเป็นห่วง แล ้วอย่าคิดว่า

เรียนไม่ส าคัญ นิเทศฯ กิจกรรมหนักด ้วย จะท าอะไรก็นึกถึง

ส่วนรวมหน่อยนะ ไม่ใช่เอาแต่ตัวเอง”




“บ่นจังวะ” เหมือนพ่อกูเลยว่ะ ที่เลือกไม่กลับบ ้านก็กลัว

จะโดนด่าเนี่ยแหละ ไหงไอ ้พี่ต ้นมันเป็นซะเอง



“กูไม่ยุ่งละ ร าคาญ” เสียงที่กวนประสาทหายไป ผมหัน

มาจดจ่อตรงหน้าจออีกครั้งพร ้อมกับเปิดดูรูปเก่าๆ มากมาย

แปลกดีเหมือนกันที่ทุกช่วงเวลาในชีวิตมหา’ลัยของผม


ล ้วนมีไอ ้เติร์ดอยู่ในนั้น



ไอ ้โบนกับไอ ้ทูนี่เหมือนหมาหัวเน่าในยุคหนึ่ง เพราะต่าง

คนต่างมีแฟน แต่ไอ ้เติร์ดไม่มีใคร การเสียสละของผมเลย

เป็นการใช ้ ชีวิตเกาะติดมันและชวนแม่งท าทุกอย่างเพื่อ

ไม่ให ้อีกฝ่ ายรู้สึกเหงา




ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ท าเรื่องเหี้ยๆ กับไอ ้โบ

นด ้วยการลองใจมัน เพราะคิดว่ายังไงไอ ้เติร์ดก็ไม่มีทางรู้

แต่ความลับไม่มีในโลก สุดท ้ายผมก็ท าให ้เพื่อนคนหนึ่ง

ต ้องเจ็บปวดอยู่ดี




ผมปิดมือถือมาตลอดหลายวันหลังจากบอกทุกคนว่าขอ

เวลาพัก นั่นท าให ้โซเชียลต่างๆ ก็ต ้องปิดตามไปด ้วย แม ้

แต่แล็ปท็อปที่เอาติดตัวมาก็เพิ่งได ้เปิดใช ้ เป็นวันแรก



ผมเลื่อนมือกดไปยังแอพพลิเคชั่นสีเขียวตัวหนึ่ง มันชื่อ

ว่าไลน์ ที่ที่มีผู้คนมากมายติดต่อเข ้ามา และเมื่อระบบท า


การซิงก์ข ้อมูลจนเสร็จ หนึ่งในข ้อความนับร ้อยก็มีของเพื่อน

แก๊งโหดด ้วย



‘กลับมาได ้แล ้ว เพื่อนรออยู่’



นี่เป็นข ้อความจากไอ ้โบน และสติ๊กเกอร์จากไอ ้ทูส่งมา

ตามหลัง ไร ้ซึ่งข ้อความของใครอีกคน




ห ้าวันมานี้ผมได ้แต่นั่งคิดว่ามันก าลังท าอะไรอยู่กันแน่

รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนกันบ ้างมั้ย ถ ้าคิดถึงกันบ ้างก็คง

จะดี เพราะผม...ก็คิดถึงมันเหมือนกัน



ในไลน์ของผมมีข ้อความเป็นร ้อยเป็นพันข ้อความ หลัง

อ่านข ้อความในกลุ่มเสร็จก็กดมาดูข ้อความส่วนตัวบ ้าง มี


ผู้หญิงมากมายทักเข ้ามา และหลายคนก็ก าลังอยู่ในช่วง

การสานสัมพันธ์ต่อ ผมอ่านทุกข ้อความอย่างตั้งใจ แต่

ไม่ได ้ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้นนอกจาก...




ลบทุกข ้อความทิ้ง และตัดสินใจเริ่มต ้นใหม่



เย็นวันอังคารผมโทรหาไอ ้ทูกับไอ ้โบน นัดหมายพวกมัน

มาเจอที่ห ้องเพื่อคุยถึงสิ่งที่ค ้างคามานาน ความจริงที่ว่าไอ ้

เติร์ดแอบรักผมมาตลอดสองปี รวมถึงการที่ผมหาแฟน

อย่างแพรวมาหลอกพวกมันด ้วย สุดท ้ายแล ้วไง...ดูแม่งไม่

ค่อยตื่นเต ้นเท่าไหร่ เหมือนพวกมันรู้อยู่แล ้ว




“มึง กูจะหยุดว่ะ” ผมนั่งอยู่ตรงเก ้าอี้หมุน ส่วนเพื่อนรักทั้ง

สองนั่งอยู่ที่เตียงอย่างคนจับผิด



“กินอะไรผิดส าแดงมาวะ หยุดของมึงคืออะไร”



“เลิกคุย เลิกมั่ว”




“กูเห็นมึงพูดครั้งนึงตอนปีสอง ท าได ้อาทิตย์เดียวก็

กลับมาเป็นเหมือนเดิม แม่งกูคงเชื่อหรอก” ตอนนั้นไม่เคย

คิดด ้วยซ ้า แค่มีแฟนและอยากลอง แต่สุดท ้ายผมก็ท า

ไม่ได ้อยู่ดีเพราะไม่ได ้ตั้งใจจะรักใครแค่คนเดียว ซึ่งต่างกับ

ตอนนี้อย่างสิ้นเชิง




“ตอนนี้ว่าจะตั้งใจจริงๆ คือกู...อยากจีบใครคนนึง”

ไอ ้โบนกับไอ ้ทูมองหน้ากันเลิกลัก ก่อนจะประสานเสียง

ออกมาพร ้อมกัน




“ใครวะ!”



“ไอ ้เติร์ด”



“นั่นเพื่อนกู กูไม่ให ้!” ค าสบถเสียงดังลั่นออกมาจากปาก

ของไอ ้ทู มันท าหน้าถมึงทึงจ ้องมองราวกับจะกินเลือดกิน


เนื้อผมให ้ได ้



“กูนอนคิดมาตลอดหลายวัน คิดอย่างจริงจังแบบไม่หลับ

ไม่นอน กูอยากดูแลมัน”



“ดูแลแบบเพื่อนก็ได ้ เหมือนพวกกูเนี่ย” คราวนี้เป็นไอ ้โบ

นที่ออกความเห็นบ ้าง




“กูเพิ่งรู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ความรู้สึกของมึงกับไอ ้

เติร์ดกูมีให ้ไม่เหมือนกันว่ะ”



“เติร์ดมันตัดใจจากมึงแล ้ว”



“...!”




“และตอนนี้มันก็ท าเกือบส าเร็จ กูไม่อยากให ้มันต ้อง

เสียใจอีก”




ความจริงจากปากของไอ ้ทูท าเอาผมอึ้งไปชั่วขณะ ก่อน

หน้าผมพยายามท าทุกวิถีทางเพื่อให ้อีกฝ่ ายตัดใจ แต่พอ

มาได ้ยินค าตอบนั้นอีกครั้งผมกลับไม่ดีใจเลยสักนิด



“กูอยากแก ้ตัว อยากขอโอกาสอีกครั้ง แค่ขอให ้มึงช่วย”

ผมพูดต่อ




“แล ้วมึงจะรับประกันได ้ไงว่าจะไม่ท าให ้ไอ ้เติร์ดต ้อง

เสียใจอีก มันร ้องไห ้เพราะมึงมาเยอะแล ้วนะเว ้ย”



“กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ”



มันสองคนสลับกันพูดอย่างเข ้าขา หากแต่สายตากลับ

ฉายแววเป็นกังวลอยู่




“มึงจะเชื่อหรือเปล่าไม่รู้ กูไม่มีอะไรมารับประกัน”



“...”



“แต่ไอ ้เติร์ดเป็นคนแรกที่ท าให ้กูอยากมี...”




“...”

“คู่ชีวิตดีๆ ส ั กคน”




ภารกิจเปลี่ยนเพื่อนเป็นแฟนได ้เริ่มต ้นขึ้นหลังจากตกลง

กับเพื่อนรักอีกสองคน เย็นวันเดียวกันผมแวะไปหาคนที่อยู่

ในหัวผมตลอดหลายวัน มันก าลังนอนอยู่ที่ห ้องในสภาพ

เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก แค่ได ้เห็น ความรู้สึกอยากดูแลก็พุ่งจู่

โจมเข ้ามาเรื่อยๆ



ผมเดินหน้าจีบมันอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่วันเริ่มแคสต์


นักแสดงจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ดีมีท่าทีว่าอีกฝ่ ายจะสนใจ

ระยะห่างของผมกับไอ ้เติร์ดเริ่มมากขึ้นทุกที ปกติเราจะอยู่

ด ้วยกันตลอด เดี๋ยวนี้แค่เดินเข ้าใกล ้เจ ้าตัวก็เป็นอันขยับหนี

ไอ ้ทูเลยเสนอว่าการจีบแบบผมอาจใช ้ ไม่ได ้ผลกับคนอย่าง

มัน



เพราะงั้นก่อนจีบใหม่ ผมเลยต ้องเปลี่ยนตัวเอง




“อันดับแรกเลยนะ ลบคอนแท็กผู้หญิงทั้งหมดที่มึงมี

เหลือไว ้แค่เพื่อนกับรุ่นพี่ที่มึงสนิทพอ” วันนี้มีนัดท ารายงาน

ที่ห ้องผม พอมาถึงมันสองตัวก็ออกค าสั่งให ้เปิดคอมและ

ยืนคุมสถานการณ์อยู่ห่างๆ



“เริ่มที่เฟซบุ๊กเลยแล ้วกัน” ว่าแล ้วก็กดเข ้าไปที่


แอพพลิเคชั่นตัวเอฟ

ผ่าง!! เพื่อนเกือบห ้าพัน ติดตามอีกเป็นหมื่น




“ปิดติดตาม” ไอ ้โบนบอก และผมก็ท าตามอย่างว่าง่าย



“ปิดละ”



“ต่อมาคือลบเพื่อน” แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยาก เลยนั่งลบ

แบบไม่คิดชีวิตจนกระทั่ง...




“คนนี้นมใหญ่จัง” เห็นแล ้วก็เสียดาย ไซส์นี้คือหายาก

มาก เต็มไม ้เต็มมือกูสุดๆ ไปเลยครับ แต่คือคนจะเริ่มต ้น

ใหม่ก็ต ้องตัดใจสิวะ



“เชี่ยค่าย อย่าเพิ่งลบ” แต่แล ้วไอ ้ทูกลับเบรกมือของผม

ซะก่อน




“ท าไมวะ”



“ขอกูแอดเฟรนด์เขาแป๊ บ เสร็จแล ้วมึงจะลบก็ลบไปเลย”



“โหยไอ ้ควายยยยยยยย”



จากเพื่อนเกือบห ้าพัน ตอนนี้เหลืออยู่ร ้อยกว่าคนเท่านั้น


กูนั่งร ้องไห ้แป๊ บ สะอื้นในใจได ้ห ้านาทีโทรศัพท์ก็ถูกยัดใส่

มืออย่างรวดเร็ว หน้าจอปรากฏรายชื่อที่ผมฟอลโล่อยู่ใน

อินสตาแกรม คือแบบว่า...




“อันฟอลให ้หมด”



“บางคนแทบไม่ใส่เสื้อถ่ายรูปเลย เสียดายว่ะ”



“งั้นก็เลิกจีบเพื่อนกูนะ”



“เออ อันฟอลเลย เห็นมั้ย กดรัวเลยเนี่ย” แทบไม่รอให ้


บอกซ ้าผมก็ซัดซะเต็มเหนี่ยวจนเหลือคนติดตามอยู่ไม่กี่คน

ซึ่งก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น



ในไลน์หลังจากลบบทสนทนาผมก็ท าการบล็อกเบอร์และ

ปิดการติดต่อกับผู้หญิงทุกช่องทาง เรียกได ้ว่าตอนนี้ผมตัด

ขาดจากทุกอย่างที่ชีวิตประจ าวันเคยท ามาอย่างสิ้นเชิง




“ต่อไปมึงคงรู้นะว่าควรจัดการชีวิตยังไง กูจะช่วยอยู่ห่างๆ

แต่มึงเองก็ต ้องช่วยตัวเองด ้วย”



“รู้แล ้ว ขอบใจมาก”



“แล ้วนิสัยขี้เอาของมึงก็เหมือนกัน ไม่มีหญิงมาซั่มแล ้วก็

หาวิธีเอง”




“โลกสวยด ้วยมือเราก็ได ้วะ” ผมพูดอย่างปลงตกพลางชู

มือขึ้นมาอย่างสั่นๆ




คือเรื่องเจ ้าชู ้ มันก็วนเวียนอยู่ไม่กี่เรื่อง ปัญหาหนักๆ ที่ผม

หยุดตัวเองไม่ได ้ก็เพราะนิสัยขี้เอานั่นแหละ ถ ้ายังมั่วไป

เรื่อยเหมือนเมื่อก่อนไอ ้เติร์ดได ้ขุดหลุมฝังกลบกูแน่ๆ ดังนั้น

ผมจึงต ้องหาทางออกส าหรับปัญหานี้ด ้วยตัวเอง



“เดี๋ยวเตรียมท ารีพอร์ตเลย ไอ ้เติร์ดไลน์มาบอกว่าถึง

คอนโดมึงละ”




“เหรอๆ กูต ้องท ายังไงวะ กูไปเปลี่ยนเสื้อดีมั้ย”



“มึงเป็นฆวยไร ท าตัวให ้เป็นปกติสิวะ” ผมก ้มมองสารรูป

ตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อกล ้ามสีขาว กับกางเกงบ็อกเซอร์ตัว

เดียวแถมไม่ใส่กางเกงในอีกต่างหาก




โทงเทงไปอีกกู แต่ไม่เป็นไร ใหญ่!



ก๊อกๆๆ



ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมตั้งท่าจะวิ่งไปเปิดแต่ก็

ถูกไอ ้ทูขวางเอาไว ้ซะงั้น มันส่งสายตาให ้ผมถอยไปก่อน

ตัวเองจะเดินอาดๆ ไปหมุนลูกบิดให ้คนที่รอด ้านนอก




ข ้อจ ากัดของผมอีกอย่างหนึ่งที่เพื่อนก าหนดไว ้ก็คือ อยู่

ในระยะที่ห่างกับไอ ้เติร์ดพอสมควร อย่างน้อยมันจะได ้ไม่

รู้สึกอึดอัดและถูกรุกมากจนเกินไป




“มานานแล ้วเหรอวะ” คนที่อยู่ในชุดนิสิตถามขึ้น เราเลย

พยักหน้ากันหงึกหงัก มองดูร่างขาวโปร่งหยิบเอาแล็ปท็อป

ขึ้นมาตั้งตรงโต๊ะญี่ปุ่ นด ้านล่าง



“นั่นของไอ ้โบนกับไอ ้ทู มึงขึ้นไปนั่งบนเตียงไป” ผมบอก

เสียงเรียบ ท าใจให ้นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะท าได ้




“อืม เริ่มท างานกันเถอะ เสร็จเร็วจะได ้กลับเร็ว”



“พรุ่งนี้ไม่มีซ ้ อมละครเวทีหนิ ท าไมรีบจังวะ” ผมถาม

อย่างสงสัย



“ไม่อยากอยู่ห ้องใครนานน่ะ อยากกลับไปพักที่ห ้อง”




ค าตอบนั้นคงเป็นแค่กับห ้องของผมล่ะมั้ง...



“หิวมั้ย”



“กินมาแล ้ว”




“เหรอ แต่ถ ้าหิวบอกได ้ กูออกไปซื้อให ้”

“ไม่ต ้องหรอก ท างานกันเหอะว่ะ” คนตรงหน้าปิดโอกาส

ผมไม่ให ้พูดอะไรอีก เราเลยนั่งท างานกันไป เปิดเพลงฟัง


กันไป จนเวลาล่วงเวลาเกือบสองทุ่ม ไอ ้ทูกับไอ ้โบนบ่นหิว

บ่อยจนน่าตบเลยอาสาออกไปซื้อของกินมาให ้ ดังนั้นห ้อง

ทั้งห ้องเลยอยู่ในสภาวะเดดแอร์อีกครั้ง



ผมกับไอ ้เติร์ดมองหน้าสลับกันไปมา สุดท ้ายก็ไม่มีใคร

พูดอะไรจนผมต ้องท าใจกล ้าเป็นฝ่ ายเริ่มต ้น




“เห็นในเฟซบุ๊กละครเวทีเมื่อวันก่อน ตลกเนาะ”



“...” มันเงยหน้าขึ้นมามอง



“รูปที่ถ่ายมึงนั่งกินไง” ความจริงผมบอกแอดมินให ้ใช ้

แคปชั่นนั้น แถมเหมือนจะได ้ผลเพราะคนไลค์เป็นพัน จะมีก็

แต่มันเนี่ยแหละที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ




“ก็ไม่ตลกหนิ ว่าแต่...แพรวอ่ะ ท างานร่วมกันได ้เหรอ”

บทสนทนาถูกเปลี่ยนอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ผมกลืนน ้าลาย

ลงคออึกใหญ่พลางคิดหาข ้อแก ้ตัวในหัว



“ได ้ดิวะ ก็ไม่ได ้คบกันแล ้ว”




“อ่อ”


Click to View FlipBook Version