The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

จะบอกกับมึง และวันนี้ผมก็ได ้ค าตอบแล ้วนั่นคือชอบ

เพราะกูรักมึงกูถึงชอบที่จะจูบมึง




“เติร์ด กู...”



“คิดว่ากูเป็นใครเหรอ”



“...”




“กูไม่ใช่อีตัวที่มึงชอบมั่วนะ”



“...!!”



ราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางความรู้สึก ร่างกายชายิบไปซะ

ทุกส่วน รู้ตัวอีกทีผมก็ค่อยๆ ผละห่างจากคนตรงหน้าไปที

ละน้อย แม ้กระทั่งสองเท ้ายังเซไปข ้างหลังโดยอัตโนมัติ




ไอ ้เติร์ดเหมือนพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา พอปรับ

สายตาได ้มันก็เห็นผมที่ยืนอยู่ตรงนี้แล ้ว ผม...ที่ไม่รู้จะ

แสดงสีหน้ายังไงส่งไปให ้



“กูเป็นผู้หญิงคนไหนในสต๊อกของมึงเหรอ” เสียงนั้นแผ่ว

เบามาก แต่ผมกลับได ้ยินอย่างชัดเจน




“เมื่อกี้กูจูบมึงเพราะกู...” ผมตัดสินใจพูดความจริง

ออกไป




“อย่าท าอย่างนี้อีก อย่าท าให ้กูต ้องตัดเพื่อนกับมึงอีก

เลย”



“เติร์ด จริงๆ แล ้ว...”



“แค่นี้มึงก็น่ารังเกียจส าหรับกูเกินพอแล ้ว”




“มึงรู้สึกอย่างนั้นเหรอ”



“...”



“มึงไม่เคยบอกว่ารังเกียจกู ท าไมไม่บอกตั้งแต่แรกกูจะ

ได ้ปรับปรุงตัว นี่กู...เป็นตัวน่ารังเกียจของมึงมานานแค่ไหน

แล ้ววะ”




สมองตอนนี้ว่างเปล่าจนน่ากลัว ใบหน้าร ้อนผ่าวขึ้นมา

ดื้อๆ ไม่นานเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นมาจาก

ด ้านหลัง ก๊วนแก๊งปีสี่ก าลังเดินออกมาขณะที่ผมเริ่มถอย

ห่างออกจากเพื่อนรักมากขึ้นเรื่อยๆ



“เสร็จแล ้วเว ้ย กลับกันได ้เลยนะ” สิ้นเสียงของพี่เชนทร์


ผมหันไปเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ปีสี่อีกคนอย่างไอ ้อั้นทันที

ตอนนี้ผมท าอะไรไม่ได ้นอกจากก าหมัดแน่น เราไม่ได ้พูด

อะไรกันแต่สุดท ้ายผมก็ยอมแพ ้ด ้วยการเบี่ยงตัวเดินไปที่

ลานจอดรถ




ตอนนี้ไอ ้เติร์ดคงไม่อยากกลับกับตัวรังเกียจอย่างผม

หรอก



ขนาดตอนจูบกันมันยังคิดว่าผมมั่วกับอีตัวอยู่เลย ตลกฉิบ

หาย ฮ่าๆ




แทบไม่รอให ้เสียเวลาผมจัดการสตาร์ทบิ๊กไบค์คันเก่ง

พร ้อมเร่งเครื่องอย่างแรงเพื่อพาตัวเองไปให ้ไกลจากตรงนี้

ให ้เร็วที่สุด ยอมฝ่ าความมืดยามค ่าคืนไปยังเส ้ นทางที่ท า

ขึ้น ผมไม่รู้ด ้วยซ ้าว่าความเร็วของรถอยู่ที่เท่าไหร่ รู้แค่ว่า

ใบหน้ากับกระบอกตาที่ร ้อนผ่าวนั้นบ่งบอกได ้อย่างดีว่าเรื่อง

ที่เกิดขึ้นสร ้างความเสียใจเอาไว ้มากแค่ไหน




พรุ่งนี้เราจะยังเป็นเหมือนเดิมมั้ยวะ พรุ่งนี้มึงจะยังเป็น

เพื่อนกูหรือเป็นของคนอื่นไปแล ้ว



ทั้งหมดเป็นความผิดของผมที่รู้ตัวช ้ าไป ผมที่ผมเหี้ยกับ

ไอ ้เติร์ดมาตลอดแต่สุดท ้ายก็ไม่เคยท าให ้ทุกอย่างมันดีขึ้น

แต่จะให ้ท ายังไง ส าหรับผมเราเป็นเพื่อนกันไม่ได ้อีกแล ้ว




‘ถ ้าวันหนึ่งกูหลงทางมึงจะทิ้งกูมั้ยไอ ้ค่าย’

‘ไม่มีทาง’

‘แล ้วถ ้ากูเสียใจมึงจะอยู่ปลอบกูมั้ย’

‘ทุกเวลา’


‘มึงพูดแล ้วนะว่าจะไม่ทิ้งกู’

‘สัญญา’



โครม!!



ภาพในม่านสายตาพลิกคว ่าพลิกหงายหลายตลบ ร่างทั้ง

ร่างรู้สึกชาดิกแต่ไม่นานก็รับรู้ได ้ถึงอาการสั่นอย่างหนัก


หน่วงโดยเฉพาะฝ่ ามือ กลิ่นคาวลอยคว ้างเตะจมูก ผม

พยายามปรับระดับสายตาของตัวเองอย่างสุดความสามารถ

แต่ก็พบเพียงเงาเลือนรางของตันไม ้ท่ามกลางความมืด



ความรู้สึกเวียนหัวมีอิทธิพลเหนือกว่าทุกสิ่ง แต่ก็ยังกัด

ฟันดันตัวเองให ้ลุกขึ้นพร ้อมกับความเจ็บซ่านที่ค่อยๆ คืบ

คลานเข ้ามาในความรู้สึกทีละน้อย




ชาวีตอนนี้ล ้มไถลไปกับพื้นถนน ตัวของผมห่างจากรถคัน

โปรดค่อนข ้างไกล จ าไม่ได ้แล ้วว่าเพราะเหตุอะไรรถถึงล ้ม

ลง เพราะตอนนั้นผมไม่มีสมาธิจดจ่อกับการขับรถเลย

เนื่องจากก าลังคิดถึงเรื่องใครบางคนอยู่



ใครบางคน?




ภาพของไอ ้เติร์ดฉายวาบเข ้ามาในหัว ผมพยายามอย่าง

หนักเพื่อพยุงตัวเองให ้ลุกขึ้นยืนเต็มสองขา แม ้มันจะสั่น

มากมายแค่ไหนก็ตาม วินาทีนี้ผมไม่มีแม ้แต่แรงจะ


พลิกบิ๊กไบค์ขึ้นมาขับได ้อีกแล ้ว ชุดนิสิตที่สวมใสอยู่ขาดวิ่น

สีสันมองไม่ชัดว่าสกปรกแค่ไหนเพราะแสงไฟไม่เพียงพอ

ต่อการมองเห็น



ผมเดินกึ่งวิ่งกลับไปยังเส ้ นทางเดิม ด ้วยความคิดที่ว่าครั้ง

หนึ่งเราเคยสัญญากัน ผมจะไม่ทิ้งมันไปไหน...




เท ้าที่ก ้าวไปแต่ละก ้าวเต็มไปด ้วยความยากล าบาก ความ

เจ็บลึกแผ่ซ่านราวกับจะหักกระดูกเป็นท่อนๆ ของเหลวที่

ไหลซึมบนหัวเริ่มอาบลงมาบดบังการมองเห็น หรือจริงๆ

แล ้วมันคือน ้าตาที่ไหลลงมากันแน่ ภาพตรงหน้ากึ่งมืดกึ่ง

สว่างคล ้ายอาการเมาจนประคองสติไม่อยู่



พรุ่งนี้ระหว่างผมกับไอ ้เติร์ดจะเป็นยังไงไม่มีใครรู้ แต่ผมก็


ไม่อยากเสียมันไปแม ้จะกลายเป็นตัวน่ารังเกียจแค่ไหนก็

ตาม



ดึกแล ้ว รอบกายมีแต่ความเงียบงัน ผมเดินกะเผลกไป

เรื่อยๆ และเฝ้าแต่ภาวนาว่าอีกฝ่ ายจะยังไม่ไปไหน เพราะ

ผมจะไม่เป็นอะไรจนกว่าจะได ้ท าตามสัญญา




โชคดีที่เดินกึ่งวิ่งไปอีกหน่อยแสงไฟจากตึกคณะวิศวะฯ

ก็ช่วยส่องสว่างน าทางให ้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผมเห็นสภาพ

ตัวเองได ้ชัดเต็มสองตาแล ้ว ทั้งกางเกงและเสื้อผ ้าขาดจาก

แรงไถลบนพื้นถนนจนมีเลือดไหลซึม ฝ่ ามือทั้งสองข ้างก็


ด ้วย และที่ส าคัญของเหลวสีแดงฉานที่ไหลลงมาบน

เปลือกตาจนเหนียวหนืดก็บ่งบอกได ้เป็นอย่างดีว่าหัวคง

แตกยับ



กลิ่นคาวเลือดท าให ้ผมอยากอ ้วก แต่ผมหยุดไม่ได ้ต ้อง

เดินหน้าต่อไปจนถึงตึกคณะ พลันร่างของใครคนหนึ่งซึ่ง

ก าลังเดินมายังปากทางคณะพร ้อมกับพี่อั้นปรากฎในม่าน


สายตา



“เฮ ้ ยไอ ้ค่าย!!” เสียงร ้องกึ่งตกใจดังขึ้นมา ผมไม่รู้ว่า

เสียงนั้นมาจากใครแต่คงไม่ใช่ไอ ้เติร์ดแน่ๆ



คนตรงหน้ามองผมด ้วยสายตาโปนๆ แต่น่ารักของมัน

เสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นส่งผลให ้ผมไม่สามารถพูดสิ่งที่


อยากพูดออกไปได ้ในตอนนี้ นอกจากขยับเท ้าให ้เข ้าใกล ้

กับใครคนนั้นมากกว่าเดิม



จากนั้นก็รวบรวมสติที่มีอยู่อันน้อยนิดเพื่อบอกกับมัน



“เติร์ด...กูกลับมารับมึงแล้ว”




“...”

“ขอโทษนะที่ท าให ้รอนาน”




“...”



“อย่ารังเกียจกูเลย เรา...กลับด ้วยกันเถอะนะ”



ตอนที่ 10

เพราะชอบเลยต ้องจีบ




ไอ ้เติร์ดยืนตัวแข็งทื่อ ผมรอฟังค าตอบจากมันอย่างจดจ่อ

พยายามก ้าวเท ้าต่อไปอีกนิดทั้งที่แทบไม่เหลือแรงเดิน

ต่อไปแม ้แต่เซนเดียว



“รอก่อนได ้มั้ย กู...จะกลับไปเอารถ” ชาวีล ้มอยู่ไม่ไกล

อย่างน้อยก็แค่ตึกคณะแพทย์เอง




แค่อีกฟากของมหา’ลัย...



“ไอ ้ค่ายพอแล ้ว” ดวงตาพร่าเลือนส่งผลให ้ผมมองสีหน้า

ของมันไม่ออก สัมผัสได ้แค่ฝ่ ามืออบอุ่นที่จับแขนเอาไว ้

เท่านั้น



“อย่าไปกับเขา”




“มึงต ้องไปโรง’บาลนะ ต ้องไปเดี๋ยวนี้ พี่อั้นช่วยผมหน่อย

ครับ”




“ไม่ๆ กูปกติดี เติร์ดกูขอร ้อง” ผมพยายามยกมือติดสั่น

ของตัวเองลูบบนขากางเกงไปมา อย่างน้อยเลือดสกปรกนี่

อาจไม่ท าให ้คนตรงหน้าผะอืดผะอมมากนัก



ผมคิดมาตลอดว่าการกระท าเหี้ยๆ ที่ผ่านมาจะท าให ้ผม

ด ้านชาทางความรู้สึก ผมไม่เคยร ้องไห ้ให ้กับความรัก ไม่

เคยเสียใจ ไม่เคยคิดจะทุ่มเทแล ้วพอไม่สมหวังก็มานั่งฟูม


ฟาย ความรู้สึกของผมมีภูมิต ้านทานเสมอ แต่สุดท ้ายไอ ้เติร์

ดกลับพังมันลงทุกอย่าง



ตอนนี้ขาข ้างซ ้ ายเจ็บจนเหมือนมีคนก าลังจับมีดมาเลาะ

กระดูกของผมและสับเป็นชิ้นๆ จนผมหวั่นใจว่าจะไม่

สามารถท าตามสัญญาและพาไอ ้เติร์ดกลับไปได ้ แค่รู้ว่ามัน

ต ้องไปกับคนอื่นผมก็...




“ค่ายมึงได ้ยินกูมั้ย รอก่อนนะ รอพี่อั้นก่อน” น ้าเสียงนั้นดู

ร ้อนรน ผมเซถอยหลังไปหลายก ้าว อย่างน้อยก็เพื่อให ้อีก

ฝ่ ายไม่ต ้องรอนานนัก



“กู...กูจะกลับไปเอารถ”




“แต่มึงไปไม่ได ้ไอ ้เหี้ยมึงได ้ยินมั้ย มึงไปไม่ได ้!”

“ได ้ยินแล ้ว เข ้าใจแล ้ว” นี่อาจเป็นประโยคที่ผมเค ้นอยู่

นานกว่าจะเปล่งออกมาได ้ แต่เพราะฝืนวิ่งมาไกล


เกินไป เหนื่อยมากเกินไป ความอดทนเลยสิ้นสุด ปล่อยให ้

ภาพในม่านสายตาค่อยๆ พร่ามัวก่อนจะปิดลงอย่างจ ายอม

...



ยังดีที่เสียงสุดท ้ายที่ได ้ยินคือเสียงของไอ ้เติร์ด อย่าง

น้อยผมก็ดีใจที่ได ้พยายามแม ้ไม่ได ้รับค าตอบเป็นเชิงตกลง

ก็ตาม




“พี่อั้นเบาแอร์ให ้หน่อยได ้มั้ย ไอ ้ค่ายสั่นไม่หยุดเลย”

เสียงที่แว่วเข ้าโสตประสาทท าให ้ผมพยายามปรือตาขึ้น แต่

เหมือนเลือดที่เกาะอยู่ตรงเปลือกตาแม่งโคตรเป็นอุปสรรค

จนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได ้



ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หลับไปนานเท่าไหร่ แต่ความ


เย็นที่ตกกระทบสลับกับความอุ่นจากร่างกายของใครอีกคน

มันท าให ้รู้สึกวางใจขึ้นมาได ้บ ้าง



หัวของผมคงหนุนอยู่บนตักของมัน ฝ่ ามืออุ่นๆ ที่แนบ

แก ้มอยู่ตอนนี้ก็ด ้วย



ไม่รังเกียจใช่มั้ย




“ค่าย มึงตื่นอยู่หรือเปล่า” เสียงนั้นช่างนุ่มหูราวกับห่วงใย

เป็นน ้าเสียงที่ไม่ได ้ยินมานานแล ้วตั้งแต่เราทะเลาะกัน




“...” ผมอยากตอบว่าตื่นอยู่ แต่ก็ไม่เหลือแรงเพื่อ

ตอบสนองใดๆ อีก



“อดทนนะ จะถึงโรง’บาลแล ้ว”



อืมกูจะอดทน ขอแค่มีมึงอยู่ตรงนี้ก็พอ




ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจกัน วันนี้เรา...



ได ้กลับด ้วยกันแล ้ว



‘มีคนตั้งข ้อสงสัยเรื่องบทละครเก่าๆ เรื่องหนึ่งว่าเป็น

ผลงานของเชกสเปียร์จริงมั้ย’

‘แล ้วไงต่อ’


‘นักสถิติเลยต ้องตรวจสอบด ้วยการพิสูจน์อักษรแล ้วนับ

จ านวนค า เช็กสเปียร์มักใช ้ ชุดค าเดิมๆ และจ านวนใกล ้เคียง

กันไม่ว่าจะเขียนเรื่องไหนก็ตาม แต่มีค านึงที่เขาไม่เคยพูด

เลยในงานเขียน’

‘อะไรวะ’

‘ค าว่ารัก’

‘ค านี่แม่งเป็นชุดค าในสมองกูเลยนะ’


‘ใช่ การใช ้ ค าบ่งบอกว่าคนๆ นั้นเป็นคนยังไง บางคนพูด

ค าหยาบบ่อย หรือบางคนพูดค าว่ารักพร ่าเพรื่อ การพิสูจน์

ค าในประโยคนั้นเลยสามารถระบุตัวตนคนเขียนหรือคนพูด

ได ้’


‘แล ้วมึงอ่ะเติร์ด ชอบพูดค าไหนบ่อยสุด’

‘ไม่รู้ดิ มึงอ่ะ ค าว่ารักเหรอ’

‘คงงั้นมั้ง’



ตอนนั้นประโยค ‘ผมรักคุณ’ อาจเป็นค าพูดติดปากที่ผม

มักใช ้ กับคนอื่นเสมอ แต่วันนี้ผมรู้ค าตอบแล ้ว ตัวตนที่เป็น

ผม กับค าเดิมๆ ที่พูดมาตลอดหลายปี




นี่คือตัวตนของคนชื่อค่าย เป็นเจ ้าของค าพูดที่จดลิขสิทธิ์

ทางความรู้สึก...



เติร์ด



ผมรู้สึกตัวตอนได ้ยินเสียงคนหลายคนคุยกัน แม ้จะเบา


มากๆ แต่ก็รบกวนการนอนของผมไม่น้อย เลยจ าต ้องค่อยๆ

ฝืนเปลือกตาขึ้น แสงที่วาบเข ้ามาในตาแม่งท าเอาไม่กล ้า

มองชั่วขณะ ต ้องใช ้ เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าจะปรับโฟกัสให ้ชัด

และมองเห็นเป็นปกติ



นั่นแหละครับ ภาพแรกที่ผมเห็นคือหัวของมนุษย์แก๊ง

โหดสามคน ก าลังชะโงกหน้าเข ้ามาในเฟรมพร ้อมกับส่งยิ้ม


ให ้ ความเจ็บชาที่ค่อยๆ คืบคลานเข ้ามาในความรู้สึกดันให ้

ผมต ้องเบ ้หน้าอยู่หลายครั้ง ก่อนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนจะเอ่ย

ประโยคกวนๆ เป็นการทักทาย




“เป็นไงบ ้างครับคุณขุนพล ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก มึงนอน

ยาวหนึ่งวันเต็มๆ เลยรู้ตัวป่ ะ” สิ้นเสียงของไอ ้โบน ไอ ้ทูก็รับ

ไม ้ต่อทันที



“แถมกลับมาคราวนี้มีเกราะใหม่ด ้วย โคตรเท่เลยว่ะ”

เกราะ?




ความสับสนเร่งให ้ผมกวดตามองไปยังร่างกายของตัวเอง

แต่เพราะนอนอยู่ในแนวระนาบ สิ่งเดียวที่เห็นชัดที่สุด

ในตอนนี้เลยมีแค่เท ้าข ้างซ ้ าย ไอ ้เหี้ย! ใครโบกปูนบนขากู

วะ แถมห ้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศเพราะถูกเชือกรั้งกับ

คานเหล็กเอาไว ้อย่างแน่นหนา



“ไม่เอาไม่ช็อกครับเพื่อน แค่ขาหัก”




ขาหัก!



“ใส่เฝือกสามเดือน ห ้ามวิ่งหกเดือน หรรษาจังเล ้ย”



“หัวแตกเย็บหกเข็ม”




“ข ้อศอกกับหัวเข่าถลอก ตามตัวมีแต่แผล ไอดอล

โคตรๆ”

“แถมแอ๊บท าหน้าซีดเหมือนตีนไก่ที่ชอบกินประจ าได ้

ด ้วย”




ท าไมกูรู้สึกว่าตัวเองก าลังจะเป็นลมอีกรอบวะ โชคดีที่ไอ ้

เติร์ดพูดขัดเพื่อนสารเลวทั้งสองลงก่อน ไม่งั้นคงถูกแซวจน

สลบคาเตียงอีกแน่ๆ



“มึงสองคนพอได ้ละ ค่ายมึงได ้ยินกูมั้ย” เจ ้าของใบหน้า

ขาวถามผม มองจากมุมนี้ขนตาของมึงยาวมากเลยว่ะ




“...”



“ไอ ้ค่าย ถ ้าได ้ยินส่งเสียงหน่อย หรือจะกะพริบตาก็ได ้”



ค าพูดนั้นท าให ้ผมเลิกสนใจใบหน้าของเพื่อนสนิทคิดไม่

ซื่อ แล ้วกลับมาจดจ่อกับการพยายามอ ้าปากเปล่งเสียง


อย่างสุดความสามารถ แม ้ล าคอจะแห ้งผากจนเหมือนกลืน

ทรายเอาไว ้ทั้งก ามือก็ตาม



“ไอ ้...เติร์ด”



“เฮ ้ ออออ โล่งอกไปที เดี๋ยวรอพยาบาลก่อนนะ” เจ ้าของ

ชื่อถอยห่างออกจากขอบเตียงพร ้อมกับไอ ้ทูและไอ ้โบน แต่


คนที่โผล่เข ้ามาในม่านสายตากลับไม่ใช่พยาบาล หากแต่

เป็นแม่กับพี่สาวของผม ไม่สิ! พ่อเองก็ยืนอยู่ตรงปลาย

เตียงด ้วย




นี่มันวันครอบครัวชัดๆ



“แม่ควรภูมิใจมั้ยที่ลูกแม่เหมือนไอรอนแมน” น ้าเสียงติด

ตลกทักทายกลับมาด ้วยรอยยิ้ม พ่อกับพี่สาวก็มีสีหน้าไม่

ต่างกัน โธ่...ค าพูดนี้เหมือนเป็นการสมน ้าหน้ากรายๆ เลย



“ผมเจ็บอยู่นะ ไม่คิดจะปลอบใจสักค าเลยหรือไง”




“แม่ไม่รู้จะสงสารหรือสมน ้าหน้าแกดี เคยเตือนหลายครั้ง

แล ้วกับบิ๊กไบค์ว่าอย่าขับเร็ว แล ้วตอนนี้เป็นไง”



“ชาวี ชาวีผมเป็นไงบ ้าง!” พอนึกถึงลูกรักที่ขับประจ าใจก็

หล่นลงไปกองที่ตาตุ่ม จ าได ้ว่าผมทิ้งมันไว ้ตรงถนนระหว่าง

คณะแพทย์กับทันตะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีชะตากรรมเป็นยังไง


บ ้าง



“ไม่ต ้องห่วงนะค่าย” แม่พูดปลอบ พ่อเลยเสริมต่อ



“พังยับทั้งคัน”



“ส่งศูนย์แล ้วจ ้า”




“ม่ายยยยยยยยยยยย”

“ต่อจากนี้พ่อจะให ้แกเลิกขับบิ๊กไบค์ อย่างน้อยก็สักปีนึง

จะได ้รู้ตัวว่าท าอะไรผิดลงไปบ ้าง” คนที่ยืนอยู่ปลายเตียง


ปรับน ้าเสียงให ้เคร่งขรึมขึ้น



จริงๆ ครอบครัวผมไม่มีใครเนี้ยบนักหรอก บ ้านเราท า

ธุรกิจส่วนตัว เรื่องสปอยลูกนี่ก็ตั้งแต่เด็ก ผมเพิ่งมาถูกดัด

นิสัยไม่ให ้ท าตามใจตัวเองก็ตอน ม.ปลายนี่เอง ซึ่งก็คงไม่

ทันเท่าไหร่เพราะนิสัยใจร ้อนและอยากได ้อะไรก็ต ้องได ้

กลายเป็นสันดานติดตัวไปโดยปริยาย




แต่พี่สาวผมอย่างพี่เคลียร์ไม่เป็นนะ บ ้าของแบรนด์เนมก็

จริง แต่ท างานคุ้มค่าเงินเดือนที่พ่อแม่จ่ายให ้มาก พูดแล ้วก็

น ้าตาจะไหล ไม่ได ้เสียใจเรื่องนิสัยต่างกับพี่นะ กูเสียใจ

เพราะรถ



ซื้อมาตั้งล ้านสาม กว่าจะขอพ่อกับแม่มาได ้เลือดตาแทบ


กระเด็น ท าเกรดเทอมก่อนให ้เยอะขึ้นจนไม่ได ้หลับไม่ได ้

นอน สุดท ้ายความพยายามก็เป็นผล เกรดเพิ่มขึ้น 0.2 จาก

การช่วยติวของไอ ้เติร์ด เรียกได ้ว่าปาฏิหาริย์แม่งมีจริง



“พ่อ ผมไม่ได ้ขับเร็วเลยนะ แค่ทางมันมืดเฉยๆ”



“ตามไปดูกล ้องวงจรปิดที่คณะแพทย์แล ้ว พุ่งมายังกับ


จรวด นั่นเรียกว่าช ้ าแล ้วเหรอ”

เบิ้ดค าซิเว่า ได ้แต่ยอมจ านนต่อหลักฐาน และตอนนี้ทุก

อย่างก็ได ้สลายหายไปราวกับอากาศ




“ถ ้าไม่ให ้ผมขับชาวี งั้นพ่อกับแม่ซื้อดูคาติให ้ผมใหม่ก็

ได ้” ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มจากคนในครอบครัวก็ส่งมาให ้

หัวใจของผมอุ่นวาบราวกับได ้รับการเอาใจใส่ โดยเฉพาะพี่

เคลียร์ พี่คงจ าได ้ว่าก าไลข ้อมือแอร์เมสที่ใส่แรดๆ อยู่นี่น้อง

อย่างผมก็ซื้อให ้ เพราะงั้น...




“ค่าย”



“ครับแม่”



“ลูกควรเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพนะ เลิกเพ ้อเจ ้อ

ได ้แล ้ว”




“โธ่แม่! แล ้วผมจะอยู่ยังไง”



“ช่วงนี้แกขาหัก ยังไงคงต ้องรบกวนเพื่อนๆ อย่างเติร์ด ทู

แล ้วก็โบนก่อนนะลูก ถือซะว่าสมเพชเวทนาเด็กใจแตกคน

หนึ่ง” พ่อผมหันไปหาแก๊งโหดทั้งสามคน พวกมันพยักหน้า

หงึกหงัก ก่อนความหวังทั้งหมดจะพังทลายลงทันทีที่

พยาบาลเดินเข ้ามาในห ้อง




ผมถูกตรวจร่างกายและให ้ยาอีกรอบ มีคนที่บ ้านคอย

เฝ้าไข ้ให ้ตลอด ขณะที่เพื่อนรักก็ยังอยู่กันครบ กระทั่งเวลา

ล่วงเลยไปพักใหญ่แม่ก็เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง




“เดี๋ยวแม่กลับแล ้วนะค่าย พรุ่งนี้จะแวะเข ้ามาใหม่” มือ

เรียวเอื้อมมาลูบหัวผมเบาๆ เป็นการบอกลา



“ไม่ต ้องล าบากก็ได ้ครับ ไอ ้เติร์ดจะดูแลผมอย่างดี”

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล ้ว ต ้องใช ้ แม่เป็นข ้ออ ้างในการรั้งตัวมัน

เอาไว ้อย่างสุดความสามารถ




“งั้นแม่ฝากค่ายด ้วยนะเติร์ด รายนี้ตามใจจนเคยตัว ใครก็

เอาไม่อยู่”



“ครับ”



หลังจากกลับกันหมด ทั้งห ้องเลยเหลือเพียงสามลิงที่ยัก


คิ้วหลิ่วตาให ้กรายๆ ไอ ้เติร์ดกับพี่อั้นพาผมมาที่โรงพยาบาล

ตั้งแต่คืนก่อน และไม่นานไอ ้ทูกับไอ ้โบนก็ตามมา พวกมัน

เล่าว่าสภาพผมเละเทะมาก เลือดนี่แทบอาบไปทั้งตัวและ

ใบหน้า ร่างกายสั่นราวกับเจ ้าเข ้าทรง ทุกคนอยู่ในภาวะตื่น

ตระหนกกลัวว่าผมจะตายกลางทาง แต่พอถึงมือหมอก็

เหมือนยกภูเขาออกจากอก




แม่ผมอยู่เฝ้าไข ้ตลอดทั้งคืน ไอ ้เติร์ดเองก็ไม่ได ้ไปไหน

ต่างคนต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล ซื้อผลไม ้กับ

ของกินมาฝาก แม ้หมอจะบอกให ้งดอาหารหลายอย่างก็

ตาม



“ถ ้าพวกมึงเบื่อจะกลับกันเลยก็ได ้นะ มีเรียนด ้วยไม่ใช่


เหรอ” ผมบอกเพื่อน เข ้าใจว่าพวกมันก็คงเหนื่อยไม่น้อย



“ก็เลิกเรียนแล ้วเนี่ยถึงแวะมา มีแต่ไอ ้เติร์ดเนี่ยแหละที่

เฝ้ามึงทั้งคืน เรียนก็ไม่ได ้ไป กราบตีนมันซะ” ไอ ้ทูโบ ้ยปาก

ไปยังร่างโปร่งที่นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงโซฟาสีครีมข ้างๆ ไอ ้โบน




“ขอบคุณมากนะเว ้ย”



“เออ ไม่เป็นไรหรอก คราวหลังก็อย่าขับรถเร็ว”



“ไม่ท าอีกแล ้ว” ผมตอบกลับเสียงอ่อน ไม่บอกหรอกว่า

คนที่ท าให ้ผมสมาธิหลุดจนไม่มองทางเป็นใคร เพราะพูด


ไปก็คงเท่านั้น



มันคงก าลังสานสัมพันธ์ต่อกับพี่อั้น ขณะเดียวกันก็คงรู้สึก

รังเกียจผมด ้วย แต่ใจไม่รักดีของผมมันก็เอาแต่หลอก

ตัวเองและพยายามรั้งอีกฝ่ ายไว ้ให ้มากที่สุด แม ้ตอนนี้ที่

เหนื่อยจนไม่มีแรงก็ไม่คิดปล่อยให ้ใครทั้งนั้น




“กูต ้องนอนโรง’บาลอีกนานแค่ไหนวะ”

“หมอบอกสี่ห ้าวันมั้ง รอดูอาการมึงก่อน”




“ที่คณะเขาจะไม่ว่ากูเหรอ ไหนจะซ ้ อมละครเวทีอีก”



“ไอ ้ค่าย ตอนนี้ทางทีมเขาเปลี่ยนพระเอกแล ้ว มึงเล่นมา

ขาหักแบบนี้จะซ ้ อมต่อได ้ยังไง” ไอ ้โบนเป็นคนให ้ความ

กระจ่างในค าถามนี้



ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จากคืนก่อนจนถึงตอนนี้ ความ


จริงผมไม่ได ้อยากเล่นละครเวที ไม่ได ้อยากรับบทพระเอก

หรือตัวประกอบใดๆ ทั้งนั้น ผมแค่อยากอยู่กับไอ ้เติร์ดเพราะ

คนเขียนบทกับนักแสดงคงต ้องท างานร่วมกันอีกเยอะ แต่

การกลับไปเป็นคนคุมซาวน์เหมือนเดิมก็ดีเหมือนกัน จะได ้มี

เวลามาเป็นไม ้กันหมาบางตัวที่จ ้องจะงาบกระดูก



Rrrr...!




เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมหันขวับไปยังต ้นเสียงก็เห็นว่าไอ ้

เติร์ดก าลังหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ ากางเกง หลังจาก

กดรับไม่นานมันก็เดินออกห ้องไป คนที่นั่งใกล ้ที่สุดอย่างไอ ้

โบนเลยพูดขึ้น



“พี่อั้น” ฉิบหายนี่ ตามจองล ้างจองผลาญกูไม่หยุด




“ไอ ้เหี้ยทู ไหนมึงบอกจะช่วยกูสอดส่องเรื่องมือถือของ

ไอ ้เติร์ดไง” ผมหันไปจวกคนที่นั่งอยู่ตรงเก ้าอี้พิงพนัก

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เพราะความชะล่าใจ แผนการจีบของ


ผมเลยไม่คืบหน้าเท่าไหร่



“ก็ใครจะไปรู้ว่ามันจะคุยกับไอ ้พี่อั้นวะ ที่ผ่านมาก็ดูท่าไม่

สนใจใครนอกจากมึง”



“ก็ตอนนี้มันสนแล ้วไง”




“เออๆ เดี๋ยวจัดการให ้”



“อย่าบอกว่าเดี๋ยว เรื่องนี้รอไม่ได ้นะเว ้ย”



“โอเคคร ้าบบบบบ แต่มีอีกอย่างที่กูอยากถาม คืนก่อนมึง

ไม่ได ้รถล ้มเพราะขับเร็วใช่มั้ย ดูยังไงมึงก็ไม่น่าประมาท

ขนาดนั้นอ่ะ”




“คือกู...จูบไอ ้เติร์ด แล ้วมันตื่นขึ้นมาพอดี”



“ไอ ้เหี้ยเอ๊ยยยยยย ท าไมมึงง่าวขนาดนี้วะเชี่ยค่าย ตกลง

มึงชื่อค่ายหรือควาย” ตอนกูผิดนี่ก็รีบเหยียบให ้จมดินเลยนะ

พวกเพื่อนเวร




“ก็มันอดใจไม่ไหวนี่หว่า” ความหื่นไม่เคยเข ้าใครออกใคร

ยิ่งผู้ชายกลัดมันที่ขาดหญิงด ้วยแล ้วจะเหลือความอดทน

อะไรกับกูวะ




“แล ้วไงต่อ จูบมันแล ้วขับรถหนีงี้เหรอ”



“เปล่า ไอ ้เติร์ดมันบอกว่ารังเกียจกู คือกูรับไม่ได ้”



“แหมมมม ท ามาเป็นกระแดะรับไม่ได ้ ปกติหน้ามึงไม่ได ้

บางขนาดนี้นะ”




“มึงไม่เข ้าใจน ้าเสียงกับฟีลลิ่งเพื่อนมึงในตอนนั้นหรอก

ไอ ้ทูว่ามันจริงจังขนาดไหน ไอ ้เติร์ดไม่เคยพูดและแสดง

ท่าทีแบบนั้นกับกูเลยสักครั้ง ไหนจะเรื่องพี่อั้นอีก แม่งตีกัน

จนกูทนไม่ไหวขับรถไปแหกโค ้งเลย”



“ปัญญาอ่อนฉิบหาย”




นี่คือเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข ้างและปลอบใจยามหกล ้ม

ถูกมั้ย? เพราะเท่าที่สัมผัสได ้แม่งมีแต่ล ้มแล ้วเหยียบกูซ ้า

แถมฝังดินกลบร่างให ้อีกต่างหาก



“กูจะบอกอะไรให ้เอาบุญนะ เวลาไอ ้เติร์ดมันโกรธหรือ

น้อยใจอะไรหัดเข ้าใจมันด ้วย มึงจูบมันก่อน มันด่าเช็ด

กลับมาก็สมควรแล ้ว”




“...”

“ที่ส าคัญมันไม่รู้ด ้วยซ ้าว่ามึงคิดยังไง ทุกอย่างต ้องค่อย

เป็นค่อยไปดิวะ ใจร ้อนแบบนี้ก็ตายห่าหมด”




ผลั่ก! ผมเผลอกลั้นหายใจอัตโนมัติเมื่อประตูเปิดออก ที่

ปรึกษากิตติมศักดิ์ทั้งสองท่านรีบยกมือถือขึ้นมากดอย่าง

เนียนๆ ลืมไปซะสนิทว่าก่อนหน้าเราพูดเรื่องอะไรอยู่ บอก

เลยว่างานตอแหลไม่มีใครสู ้ พวกโหดอย่างผมได ้หรอก



“ใครโทรมา” เหยื่อมาแล ้วต ้องรีบต ้อนให ้จนมุม




“รุ่นพี่”



“รุ่นพี่ไหนอ่ะ”



“ไม่เสือกสิครับ”




“ก็อยากเสือกอ่ะ”



“มันน่าจะล ้มให ้ฟันหัก จี้อยู่นั่นแหละ” โอ ้โหเดี๋ยวนี้โคตร

แสบ อารมณ์มาเต็มซะด ้วย ผมเลยไม่คิดจะเถียงนอกจาก

มองดูร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งตรงจุดเดิม สักพักไอ ้ทูก็เดินเข ้าไป

นั่งเบียดด ้วย ยันไอ ้โบนให ้กระเตงสังขารมาที่เก ้าอี้แทน




“เชี่ยเติร์ด”

“หืม...”




“ยืมมือถือหน่อยดิ พอดีแบตหมด” นี่สิเพื่อนยาก ไม่เคย

ท าให ้ผิดหวังจริงๆ ขอร ้องปุ๊ บไอ ้ทูก็จัดให ้อย่างเร็วรี่ด ้วยการ

ปฏิบัติภารกิจเสือกระดับชาติ



“กูเอาที่ชาร์จมา” แต่จู่ๆ ความฝันก็ดับวูบ โธ่...ไอ ้เวร



“ไม่! เอ่อกูอยากยืมดูแอพสโตรมึงด ้วยอ่ะ ช่วงนี้เป็นเหี้ย


อะไรไม่รู้ เวลาจะโหลดแอพใหม่ก็ท าไม่ได ้”



“ก็เอาไปชาร์จดิ เดี๋ยวจะช่วยดูให ้”



“ไม่ได ้ นี่หมดแบบหมดจริงจังเลย กว่าจะชาร์จขึ้น กว่าจะ

เปิดเครื่องโคตรเสียเวลา ท าไม...แค่นี้ให ้เพื่อนไม่ได ้เหรอ”

ไอ ้ทูเริ่มยัดดราม่าเข ้ามาอย่างเนียนๆ แต่หน้าของมันตอนนี้


ต ้องบอกเลยนะครับว่าตอแหลสุดๆ



ไอ ้เติร์ดเหมือนชั่งใจอยู่พักหนึ่ง สายตาก็กวาดมองผมกับ

ไอ ้โบนสลับกันไปมา แต่ด ้วยความกะล่อนปลิ้นปล ้อน

ตอแหลที่มีมากกว่าปกติ เราเลยไหวตัวทันรีบพูดตัด

ช่องทางทันที




“ไม่ต ้องมาขอกูน้า เล่นเกมอยู่อย่าเสือกครับ”

“อุ๊ย! แม่ไลน์มามีอะไรอ่ะ”




“อ่ะๆ”



เสร็จโก๋! สุดท ้ายมือถือของไอ ้เติร์ดก็ตกอยู่ในมือของไอ ้

ทูจนได ้ ผมไม่รู้หรอกว่าเพื่อนรักมันเสือกอะไรบ ้าง แต่จาก

การหุบถ่าง เลื่อนๆ สไลด์บวกปาดมั่วอย่างเนียนๆ นั้นคงท า

ให ้รู้ความลับของไอ ้เติร์ดมาบ ้างเหมือนกัน




ไม่นานแขกไม่ได ้รับเชิญก็โผล่เข ้ามาสร ้างความร ้าวฉาน

ในชีวิตอีก ผมถอนถอยหายใจทันทีที่เห็นพี่เชนทร์หุ่นหมีกับ

ศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างพี่อั้นยืนอยู่ตรงประตู



“หวัดดีครับพี่ ลมอะไรหอบมาวะเนี่ยยยยยยย” เสียง

ทักทายของไอ ้โบนถือเป็นการเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่

สามภายในห ้อง




“จะมาดูสภาพพระเอกละครหน่อย เป็นไงมึง เฟี้ยวจนได ้

เรื่อง” คนมาใหม่เดินมาหยุดอยู่ตรงขอบเตียง พี่เชนทร์เอ่ย

ถามด ้วยรอยยิ้ม ส่วนพี่อั้นวางถุงผลไม ้ไว ้ในมือแล ้ววกกลับ

ไปนั่งแทรกไอ ้เติร์ดตรงโซฟาอย่างถือวิสาสะ เฮ ้ ย! กูไม่

ยอม ลุกเดินไปได ้พ่อจะตบให ้กะโหลกแยก เย็บแผลให ้

หนักกว่ากูร ้อยเท่า




“ไอ ้ค่าย กูถามก็ช่วยสนใจด ้วย ไม่ใช่มองแต่โซฟา” คนที่

เกาะอยู่ข ้างๆ ดึงสติผมอีกรอบ




“พี่ถามว่าไงอ่ะ” ผมตอบอย่างหงุดหงิด สายตาก็เหลือบ

มองไอ ้เติร์ดไม่หยุด



“มึงเป็นไงบ ้าง”



“ก็อย่างที่เห็น ขาหัก หัวแตก แผลเต็มตัว ต ้องการคน

ดูแลและใส่ใจ ไม่ใช่นั่งคุยกับคนอื่นโดยไม่สนใจคนเจ็บอยู่


แบบนี้ มันไม่โอเค” ประโยคยืดยาวถูกจุดออกมาจากสมอง

อันฉลาดน้อยของผมเรื่อยๆ เพื่ออะไรน่ะเหรอ ก็เผื่อใครบาง

คนที่นั่งเต๊าะกันอยู่ตรงนั้นจะได ้หันมาสนใจกันบ ้างไง



แต่สุดท ้ายครับ กูก็หมาหัวเน่าอยู่ดีเพราะไอ ้เติร์ดไม่คิดจะ

ใส่ใจ




“มีตัดพ ้อเว ้ย แล ้วรู้ยังเรื่องละครเวที”



“รู้แล ้ว ได ้ใครมาเล่นแทนล่ะครับ”



“เดือนนิติปีหนึ่ง ถึงจะเล่นได ้แต่ก็ไม่เหมือนมึง บทมัน

ต ้องชั่วมาจากข ้างในไง”




“ถ ้าจะพูดกันขนาดนี้ก็ด่ามาตรงๆ เถอะ ผมรู้ว่าผมเลว ท า

ตัวแย่ๆ และเอาแต่ใจ แต่ไม่ได ้หมายความว่าคนที่มาทีหลัง

จะดีกว่านี่หว่า” พูดไปก็เหลือบมองไปยังโซฟาอยู่หลาย

ครั้ง




เห ้อมมมมมมม กูไม่อยากจะทนแต่กูก็ต ้องทนงี้



“ของแบบนี้มันต ้องใช ้ เวลาพิสูจน์”



“บางทีเวลาก็ไม่ได ้ช่วยอะไร”




“ก็ต ้องดูที่ความตั้งใจแล ้วล่ะ”



“จะดีเร ้อ”



“มึงขาหักอยู่ ให ้เดินกะเผลกไปคงไม่ไหว”



เอ ้า! นี่เราคุยเรื่องละครเวทีกันอยู่เหรอ ลืมไปซะสนิท


เข ้าใจว่าเป็นเรื่องของไอ ้เติร์ดกับรุ่นพี่เพลย์บอยเขี้ยวงอก

มากกว่า



“นี่พี่มาเยี่ยมผมจริงดิ” ผมถามพี่เชนทร์อีก



“เออสิวะ”




“มาเยี่ยมผมหรือเยี่ยมไอ ้เติร์ดอ่ะ” เป็นอันรู้กัน คนถูก

พาดพิงถึงเลยหันมาตอบด ้วยน ้าเสียงราบเรียบ

“มาหาไอ ้เติร์ด”




“...”



“จะคุยเรื่องงาน”



“คุยกันในไลน์ไม่พออีกหรือไง หรือต ้องเห็นหน้ากันด ้วย”



“งั้นไอ ้เติร์ด ไปคุยกันข ้างนอกดิ”




“ไม่ให ้ไป ไอ ้เติร์ดต ้องดูแลผม ตอนนี้อาการผมแย่มาก”



“ก็เห็นพูดไม่หยุด แถมเพื่อนมึงก็อยู่อีกตั้งสองคน”



“ไอ ้เติร์ดมันสัญญากับแม่ผมเอาไว ้แล ้วว่าจะดูแลผมอย่าง

ดี ถึงตอนนี้คิดจะหนีไปอย่างนั้นเหรอ ช ้าใจว่ะ” ผมแสร ้งท า


หน้าหงอยลง จนคนมองลอบถอนหายใจอยู่หลายครั้ง



ถึงจะท าตัวน่าร าคาญ แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ให ้มันต ้องไป

กับเขาผมก็จะท าเหี้ยๆ แบบนี้ต่อไปนั่นแหละ



“ท าตัวเด็กฉิบหายเลย นี่ไอ ้ค่าย...คืนนี้เขานัดซ ้ อมพิเศษ

เพราะเราเปลี่ยนพระเอกกะทันหัน ไอ ้เติร์ดมันต ้องคุยเรื่อง


งาน ช่วยเข ้าใจด ้วย” ไม่นานพี่เชนทร์ก็ช่วยไขความกระจ่าง

ให ้ ความรู้สึกผิดเลยแทรกเข ้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว

“ผมขอโทษพี่ ฝากขอโทษทุกคนในกองด ้วยที่ท าให ้

ล าบาก”




“มันเป็นอุบัติเหตุป่ ะวะ ไม่มีใครโทษมึง มีแต่คนสงสัย

เพราะเล่าต่อๆ กันมา...ขาหักขนาดนั้นวิ่งมาจากคณะแพทย์

ได ้ไงวะ มึงเป็นแรมโบ ้เหรอ”



“ตอนนั้นมันชาๆ มั้ง เลยไม่คิดว่าขาจะหัก”




“แต่ปลอดภัยมาก็ดีละ”



“อ่าฮะ”



“หน้าที่ของมึงก็กลับไปคุมซาวน์เหมือนเดิมแล ้วกัน

เพื่อนมันก็รอเข ้าทีมอยู่”




“อ่าฮะ”



“ยังไงไลค์บรารี่ก็ยังต ้องการคนคุมซาวน์เก่งปฏิบัติแต่โง่

ทฤษฎีอย่างมึง”



“อ่าฮะ”




“นี่สรุปจะคุยกับกูหรือจะดูคนข ้างๆ”

“คุยกับพี่ดิ”




“คุยกับกูแต่ตามึงหักเหมุมหน้ากูฉิบหาย ถ้าไอ้เติร์ด

เป็ นปลากัดแม่งคงตั้งท้องไปนานแล้วไอ้ควาย อารมณ์

เสีย!”



“อ่าฮะ”



“จะอ่าฮะท าเหี้ยไรนักหนาไอ ้สัด”




พี่เชนทร์ท าท่ากระฟัดกระเฟียดใส่ ใครจะมีอารมณ์มา

สนใจวะ ส าคัญที่สุดคือคนที่นั่งห่างจากเตียงออกไปโน่น

แม่งไม่รู้ว่าคุยเหี้ยอะไรกับไอ ้พี่อั้นบ ้าง เห็นหงุงหงิงๆ กันอยู่

สองคน อยากเตะปากคนโว ้ยยยยยยยย



ผมได ้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เนื่องจาก

ร่างกายลุกไม่ไหวไม่งั้นคงต่อยปากหมาบางตัวส าเร็จแล ้ว

ไอ ้เฝือกที่ใส่ก็เริ่มแสดงอาการ นอกจากความเจ็บที่รู้สึกมัน


ยังมีความคันคะเยอแฝงมาอีกต่างหาก สิ่งเดียวที่ท าจึงเป็น

การอดทนมองดูคนที่ชอบก าลังสนใจคนอื่นเท่านั้น



สรุปคือมาเยี่ยมกูหรือไอ ้เติร์ดกันแน่ นั่งแช่เป็นชั่วโมงกว่า

จะกลับ และผมดีใจมากที่ได ้ยินประโยคนี้...




“กูกลับก่อนนะ”

“ครับ” ไปเล ้ยยยย ไปทั้งไอ ้พี่หมีทั้งมึงเลยไอ ้อั้น




“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง” ไอ ้เติร์ดลุกขึ้นยืน อาสาเดินไปส่งถึง

ที่



“ท าไมต ้องไปส่ง” นี่มันเป็นแขกกิตติมศักดิ์ส าหรับกูและ

ผองเพื่อนไปแล ้วเหรอ ถ ้าไม่ติดว่าเป็ นพี่น้องร่วมคณะผมนึก

ว่ามันมาเยี่ยมเพราะอยากรู้ว่าผมตายหรือยังมากกว่า




“ไอ ้โบน เชี่ยทู กูฝากดูไอ ้ค่ายด ้วยนะ” คนตัวขาวไม่ยอม

ฟังค าทัดทาน สุดท ้ายมันก็รั้นเดินออกไปพร ้อมกับรุ่นพี่อีก

สองคนจนได ้ เวลาเปลี่ยนหลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อก่อน

เราสนิทกันอยู่แค่สี่คน แต่ตอนนี้ไอ ้เติร์ดกลับสนิทกับคนอื่น

และมีแนวโน้มว่าจะไปกับอีกกลุ่มมากว่า



ถึงแม ้เราจะเรียนเมเจอร์เดียวกัน แต่ก็ไม่ได ้หมายความว่า


ไอ ้เติร์ดจะอยู่กับผมตลอดไป



“หงอย...หงอยเหมือนหมาโดนเจ ้าของทิ้ง” สัดโบน

เดี๋ยวกูตบคว ่า



“เขาก็ทิ้งไปจริงๆ แล ้วเนี่ย” ไอ ้ทูเสริม




คือมึงสองตัวควรหายไปจากสารระบบของกูตอนนี้เลย

เห็นแล ้วเกรี้ยวกราดอยากอาละวาด

“ไปไกลๆ ตีนกูป่ ะ ร าคาญ”




“ไม่อยากฟังเรื่องที่กูไปเสือกมือถือไอ ้เติร์ดเหรอ”



“งั้นมึงอยู่ต่อเลยครับ กูกราบ”



ยังไม่ทันที่เพื่อนรักจะเผยอปากพูดออกมา คนที่ก าลังพูด

ถึงก็เดินเข ้าห ้องอย่างรู้งาน นี่มึงเป็นญาติกับเจนญานทิพย์

หรือเปล่าวะ เหยดแหม่




“ท าไมมาเร็วจังวะ” ด ้วยความสงสัยเลยถามออกไป



“ส่งแค่ข ้างนอกมั้ย”



“นึกว่าจะเดินตามลงไปถึงลานจอดรถ”




“มาต่อยกันเถอะจะได ้จบๆ”



“ไม่ต่อยหรอก มึงน่ารักกูต่อยไม่ลง” หยอดไปหนึ่งดอก!



แต่ปฏิกิริยาตอบสนองเท่ากับศูนย์ โอเครอบนี้กูแพ ้



“มีอีกอย่างที่อยากบอก คืนนี้กูคงนอนเฝ้าไข ้มึงไม่ได ้นะ


พอดีมีงาน” นอกจากแพ ้แล ้วมันยังตีตัวออกห่างผมอีก

ต่างหาก

“ไม่ให ้ไป”




“สัด ฟังก่อน”



“ฟังมาตลอดแหละ เออไม่ต ้องอยู่ก็ได ้ มึงคงเหนื่อยมาก

แล ้ว”



“...”




“ถ ้าเข ้าห ้องน ้าไม่ได ้กูก็จะล าบากเดินไปเองเพราะเกรงใจ

พยาบาล”



“...”



“เวลาเจ็บกูก็จะอดทนไว ้เพราะไม่อยากให ้ใครต ้องล าบาก

หิวกูก็จะไม่ปริปากพูด มึงไม่ต ้องห่วงกูนะ ไปท างานเถอะ”


ผมขว ้างระเบิดลงห ้องพยาบาลบึ้มใหญ่ อย่างน้อยก็เรียก

คะแนนความส าออยกลับมาได ้บ ้าง แม ้สีหน้าของไอ ้เติร์ด

นั้นจะไม่แสดงท่าทีร ้อนรนใดๆ ก็ตาม



“ให ้ไอ ้โบนกับไอ ้ทูอยู่แทนได ้มั้ย”



“โนครับ กูสองคนมีนัด เพื่อนก็รักนะแต่บางอย่างมันต ้อง


มีขอบเขต มึงพึ่งพาพยาบาลไปแล ้วกันนะไอ ้ค่าย” ว่าแล ้ว

มันก็ตบบ่าอย่างเข ้าใจกันอยู่สองคน ก่อนขอตัวกลับแบบไม่

มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทิ้งให ้ผมหยั่งเชิงกับไอ ้เติร์ดเพียงล าพัง




“จริงๆ กูพูดเล่นแหละ ท างานละครเวทีต่อใช่มั้ย อย่าลืม

กินข ้าว เลิกแล ้วรีบกลับไปนอนร่างกายจะได ้ไม่ทรุด”



“มึงทรุดหนักกว่ากูอีก”



“เป็นห่วงเข ้าใจป่ ะ”




“รู้แล ้วๆ” ไอ ้เติร์ดตอบส่งๆ จากนั้นก็ก ้มหน้าก ้มตาเก็บ

กระเป๋ าเป้ที่ยัดเสื้อผ ้าและของใช ้ จ าเป็นหลายอย่างกลับเข ้า

ไปที่เดิม ผมดีใจและอยากขอบคุณมากที่ไม่ทิ้งกันไปไหน

เมื่อคืนก็นอนเฝ้าทั้งที่ผมไม่ได ้สติ วันนี้มันคงเหนื่อยมาก

แล ้ว ดังนั้นแผนการเรียกร ้องความสนใจคงต ้องพับเอาไว ้

ก่อน




“จะไปแล ้วเหรอ”



“อืม เจอกันพรุ่งนี้ มีอะไรก็เรียกพยาบาลล่ะ กูไปละ”



ปัง! ติ๊ง!!



เสียงปิดประตูดังขึ้น สลับกับแจ ้งเตือนทางมือถือ ผมหยิบ


โทรศัพท์ที่วางอยู่ข ้างตัวขึ้นมากดก็เห็นข ้อความจากไอ ้ทู

ปรากฎขึ้นทางไลน์กลุ่ม

Tatt’oo

เล่าในนี้แล ้วกัน จะได ้ไม่กระโตกกระตากเกินไป


K.Khunpol

มันออกไปแล ้ว

แต่ถ ้าจะเล่ามึงก็รีบพิมพ์มา รออ่านอยู่

BoneChone

พร ้อมเสือกเต็มก าลัง

Tatt’oo

จากการไปสอดแนมข ้อมูลในโทรศัพท์


ไม่มีอะไรน่าสงสัย

ทวิตเตอร์ไม่ได ้เล่นมาเป็นเดือนแล ้ว

อินบ็อกซ์เฟซคุยแต่เรื่องงาน

ไอจีลงรูปเป็นปกติ ไม่มีอินบ็อกซ์ส่วนตัว

คอมเมนต์ใต ้รูปไม่มีใครน่าสงสัย

K.Khunpol

แล ้วไลน์อ่ะ


Tatt’oo

ไลน์คุยหนักๆ มีพี่ย ้งยี้

พี่เชนทร์ และก็ไอ ้พี่อั้น

K.Khunpol

คุยเรื่องอะไรกัน

Tatt’oo

หนักๆ ไปทางเรื่องงาน


ปรึกษาเรื่องกินข ้าวกับเที่ยวบ ้าง

โดยเฉพาะกินข ้าวกับออกไปเที่ยว มึงระวังไว ้เลย

ไอ ้อั้นไม่หยุดแค่นี้แน่


K.Khunpol

เจออะไรอีกบอกมาให ้หมด

Tatt’oo

ประวัติการโทรมีสายเข ้าออกไม่กี่สาย

หนึ่งบ ้านมัน สองพวกเรา และสาม...

K.Khunpol

ไอ ้อั้นอีกอ่ะดิ


Tatt’oo

ใช่ มึงเจองานหนักแล ้วล่ะเพื่อน

ยิ่งมาเป๋ แบบนี้อีก

K.Khunpol

ท าไมเป็นอย่างนี้ได ้วะ!!

นี่กูก าลังปล่อยแกะน้อยให ้หมาขี้เรื้อนขย ้าเหรอ

กูไม่พอใจ


ใครหน้าไหนก็ยุ่งของของกูไม่ได ้ทั้งนั้น

หวงโว ้ยยยยย หวงมากกก

อยากออกโรงบาลไปคุม

เติร์ดที่แปลว่าสาม

คุมใครเหรอ

K.Khunpol

ก็คุมไอ ้เติร์ดไง

เท่านั้นแหละครับ หน้าเปลี่ยนสีทันที ได ้แต่จ ้องมองตัว

เลขที่โชว์จ านวนคนอ่านไปมาอยู่หลายรอบ เลขสี่ แต่ใน


กลุ่ม ‘สายฟันยันรุ่งสาง’ มีสมาชิกอยู่สามคนไม่ใช่เหรอวะ



พอลองเลื่อนสายตาขึ้นไปอีกนิด ทั้งรูปและโปรไฟล์ใช่เลย!



ผิดกลุ่ม ไอ ้เหี้ยยยยยยยยยยยยย ไอ ้ทู ไอ ้นรก! กลายเป็น

มึงมานั่งโพสต์ในกลุ่มชายฉะกันซึ่งรวมคนถูกพาดพิงอย่าง

ได ้เติร์ดเข ้าไปด ้วย โคตรโง่ โง่จนไม่สามารถสรรหาค าไหน


มาเทียบได ้



แล ้วกูต ้องท ายังง ้ายยยยยยยยยย



ติ๊ง!!



เติร์ดที่แปลว่าสาม

(。◕‿‿◕)


K.Khunpol

ว ้ายต๋ายแล่ววววววว

(◉◞౪◟◉。)

เติร์ดที่แปลว่าสาม


(๑・‿・๑)

K.Khunpol

(╥﹏╥)

หลังจากแชตนั้น ฉันตาย...




นอนร ้องไห ้หนักมาก กว่าจะเคลียร์กันเสร็จท าเอาร่างกาย

ช่วงแขนกูระบมอีกรอบเพราะต ้องรีบแก ้ตัวอย่างด่วน ถามว่า

เพื่อนรักทั้งสองคนที่ช่วยกันก่อเรื่องหายไปไหน ไม่ต ้อง

ถามครับ ตอนนี้คงอยู่แถวป่ าหิมพานต์ เวลากูล าบากไม่เคย

โผล่หัว



ผมเลยได ้แต่แก ้ตัวว่าเป็นห่วง กลัวเพื่อนโดนรุ่นพี่หลอก


ไอ ้พี่อั้นเลวอย่างนั้นอย่างนี้กูใส่ไฟเต็มที่ แต่ได ้เติร์ดกลับ

บอกว่ากูคิดมากไป มันไม่ได ้คิดอะไรกับพี่เขา โธ่...กับมึงอ่ะ

ใช่ แต่กับพี่อั้นกูคงเชื่อหรอก การกระท าชัดซะขนาดนั้น



ท าได ้แค่กระวนกระวายและขอโทษไปเพื่อให ้เรื่องจบ ทั้ง

ที่สิ่งที่คาใจไม่เคยจบตามไปด ้วย




คืนนั้นผมนอนไม่หลับ นาฬกาหมุนไปเกือบเที่ยงคืน

พยาบาลเข ้ามาฉีดยาให ้ผมก่อนจะเดินจากไป ความเงียบ

และความมืดปกคลุมพื้นที่จนมองไม่เห็น ไม่นานเสียงผลัก

ประตูก็ดังขึ้นอีกครา



“คุณพยาบาลครับ มีอะไรหรือเปล่า”




“ยังไม่หลับอีกหรือไง”

“ไอ ้เติร์ด!” ท่ามกลางความมืดสนิทนั้น ผมได ้ยินเสียงมัน

ส่งผ่านมาทางอากาศ




“เออกูเอง”



“ไหนบอกจะไม่มาเฝ้าวะ”



“สมเพชมึงไงเลยต ้องมา รีบนอนไปเถอะกูเองก็ง่วงแล ้ว”




“อืม วันนี้เหนื่อยมากใช่มั้ย ฝันดีนะ”



ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีก คืนนี้...ค าว่าฝันดีรู้สึกจะเป็น

ค าที่เพราะที่สุดที่ผมเลือกพูดออกไป และมันมาจากใจของ

ผมล ้วนๆ ฝันดี...



“มึง เพื่อนกูชอบเพื่อนมึง”




“อะไรนะ เพื่อนคนไหน”



“คนนั้นไงที่ตัวขาวๆ สูงๆ แต่หุ่นดีอ่ะ”



“อ๋อ คิดออกละ เห็นเคยคุยกัน แต่มันสองตัวแม่งคิดไม่

เหมือนกันว่ะ”




“ยังไงวะ”

“จริงๆ ต ้องลองถามมันเอง”




บทสนทนาระหว่างไอ ้ทูกับไอ ้โบนจบลง ไม่มีใครรู้ว่า

เพื่อนมึง หรือเพื่อนกูส าหรับพวกมันคือใครกันแน่ แต่

สาบานได ้ว่ามันต ้องเกี่ยวข ้องกับผมและก็ได ้เติร์ดไม่มากก็

น้อย



“มึงสองคนพูดมากจังวะ กูหิว ออกไปซื้อขนมให ้กิน


หน่อย” จริงๆ ไม่อยากกินหรอก อยากไล่พวกมันให ้พ ้นทาง

มากกว่า



“งั้นกูไปซื้อให ้” ไอ ้เติร์ดอาสา



“ไม่ต ้อง มึงอยู่กับกู”




“กูสะดวก เดี๋ยวลงไปซื้อให ้”



“ไม่ให ้ไป”



“เอาแต่ใจตัวเอง”



“ก็จะเอาแต่ใจกับมึงอ่ะ ท าไม”




ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ห ้องพักผู้ป่ วยเดี่ยวของผมไม่

เคยเงียบ เพราะนอกจากครอบครัวแล ้ว ไอ ้เพื่อนรักร่วมถึง

เพื่อนร่วมคณะเล่นขนพลกันมาป่ วนให ้เพียบ ท าเอาไม่ได ้


หลับได ้นอน โดนพยาบาลด่าก็แล ้ว ตักเตือนไปก็หลายที

กว่าจะเงียบได ้ก็วุ่นวายกันเป็นแถบๆ



ไอ ้โบนแบกกีตาร์มาเล่นให ้ฟัง ไอ ้ทูกับเพื่อนคนอื่นๆ หา

ปากกาสีมานั่งเขียนเฝือกที่ขาผมจนลายพร ้อย ส่วนไอ ้เติร์ด

กับแม่ก็ยัดของกินให ้จนอิ่มหน าส าราญ แถมแบกงานมาให ้

ท าถึงที่ เล่นเอาหลายวันมานี้แทบลืมไปเลยว่าเคยเป็นคน


ป่ วย



จนกระทั่งถึงวันที่ผมต ้องย ้ายออกจากโรง’บาลไปนอนพัก

รักษาตัวที่บ ้าน เมื่อคืนโทรไปบอกแม่แล ้วว่าไม่ต ้องมารับ

เลยเป็นภาระให ้ไอ ้เติร์ดพากลับ จริงๆ หลายวันมานี้มัน

โคตรเหนื่อยกับผม แต่คนเหี้ยๆ อย่างไอ ้ค่ายนี้ก็ยังเห็นแก่

ตัวอยากอยู่กับมันให ้มากขึ้นเรื่อยๆ




บุรุษพยาบาลช่วยเข็นรถเข็นมาเทียบกับรถยนต์สีด าที่ไอ ้

เติร์ดขับประจ า หลังจากจัดแจงข ้าวของรวมถึงท่าทางการ

นั่งของผมเสร็จประตูก็ถูกปิดลง ผมนั่งนิ่งๆ มองดูมือขาวที่

จับพวงมาลัยชะงักค ้าง



“คาดเบลท์ด ้วย” เจ ้าตัวออกค าสั่งเสียงเรียบ แต่ผมก็


ไม่ได ้กระตือรือร ้นที่จะท า

“คาดให ้หน่อย ปวดไหล่”




“ล าบากเพื่อนฝูงจริงๆ เลยมึงอ่ะ” เหมือนจะบ่นๆ แต่ก็

ยอมท าตามอย่างว่าง่าย ด ้วยการเอี้ยวตัวมาจนสุดแล ้วคว ้า

เอาสายเข็มขัดนิรภัยพาดลงบนล าตัวผม



“อุ๊ย จมูกเผลอไปโดน” ผมพูดติดตลก ทันทีที่ปลายจมูก

สัมผัสกับแก ้มขาว




“ตอแหลจัง นั่งดีๆ เดี๋ยวกูไม่มีสมาธิขับรถ” จากนั้นรถก็

ออกตัวไป บรรยากาศภายในไม่ได ้เงียบอย่างที่คิด ถึงแม ้ว่า

เราจะไม่ได ้คุยกัน แต่เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่นั้นก็ลดความ

อึดอัดและตึงเครียดลงไปได ้บ ้าง



“เบื่อว่ะ”




“เป็นห่าไร”



“ฟังแต่เพลงเดิมๆ” ว่าแล ้วผมก็เอื้อมมือไปกดเปลี่ยน

เพลงทันที



“เชี่ยยย จะกดอะไรช่วยขออนุญาตเจ ้าของรถด ้วย”




“ปกติก็ไม่เคยขอนะ นี่เดี๋ยวจะร ้องเพลงให ้ฟัง แต่ดูรวมๆ

แล ้วมีเสน่ห์เหลือเกิน...” เสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด ้วย

ความยียวน ผมมองเสี้ยวหน้าของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยไป

ด ้วย ซึ่งมันเองก็เหลือบมองผมกลับอยู่เหมือนกัน




“ไม่ต ้องมาเขินฉันพูดไม่จริง~”



“เวรเถอะ”



“เธอมีเสน่ห์มากมาย ดูน่ารักเหมือนควาย มองไกลๆ

เหมือนลิง....ยิ่งดูยิ่งโคตรขี้เหร่”




“โคตรเหี้ย”



“ร ้องให ้มึง ชอบป่ ะ”



“ถ ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่กูจะยันมึงลงจากรถเดี๋ยวนี้แหละ

ร าคาญ” แปลกดี น ้าเสียงติดหงุดหงิดของไอ ้เติร์ดไม่ได ้ท า


ให ้ผมส านึกเลย หน าซ ้ายังรู้สึกมีความสุขที่ได ้แกล ้งด ้วย

เห็นนิ้วเรียวพยายามกดเปลี่ยนเพลงไปอีกพักใหญ่

จนกระทั่งได ้เพลงที่มันชอบ อารมณ์เลยค่อยๆ ดีขึ้น



“นี่เพลงอะไรอ่ะ” ผมถามคนเคียงข ้าง



“The only one ของ Part time musicians”




“แล ้วนี่อ่ะ” ผมกดเปลี่ยนเพลงอย่างถือวิสาสะอีก

“ไอ ้สัด คนก าลังฟังเพลิน”




“แล ้วมันคือเพลงอะไรวะ”



“Attention”



“สนใจกูอ่ะนะ”



“ชื่อเพลงครับเพื่อนค่าย อย่าเกรียน”




“แล ้วเพลงนี้อ่ะ” ผมยังคงจิ้มนิ้วลงบนปุ่ มเปลี่ยนเพลง

อย่างไม่มีเบื่อหน่าย แต่เหมือนไอ ้เติร์ดจะเริ่มถอนหายใจ

ออกมาอย่างหนักหน่วงแล ้ว



“I need you”




“นั่นไง บอกรักกันทางอ ้อมอีกแล ้ว”



“ประสาท ถามจริง มึงทิ้งสติไว ้ที่โรง’บาลเหรอ” แกล ้ง

ถามไปงั้นแหละ เพลงนี้ของวง M83 บางทีแนวเพลงของ

ไอ ้เติร์ดก็สะเปะสะปะ ฟังได ้ทุกแนวจนเดาอารมณ์ไม่ถูก



“แต่เพลงนี้คุ้นว่ะ” ผมยังคงเปลี่ยนเพลงแบบตามใจชอบ


โดยไม่คิดฟังเสียงบ่นแง ้วๆ ข ้างหูเลยสักนิด

“The one ของ Kodaline” อีกฝ่ ายช่วยให ้ความกระจ่าง




“อ๋อคุ้นละ ที่ท่อนนึงมันร ้องว่า Tell me…Tell me that

you want me ป่ ะ”



“อืมใช่”



“And I’II be your completely For better or for

worse” ผมร ้องเพลงต่อโดยไม่รอฟังจังหวะเพลงที่ก าลัง


บรรเลงอยู่ ก่อนจะค่อยๆ หรี่เสียงวิทยุลง “แล ้ว...”



“มึงจะอะไรนักหนาวะ”



“กูจะบอกว่ากูชอบเพลงนี้”



“แล ้วไง”




“ตรงท่อนจบบอกว่า That why I know you are the

one”



“ใช่”



“นี่ไม่ได้ถามนะ อันนี้บอกมึง”




นั่นท าให ้ท าให ้ฉันรู้ว่าเธอคือหนึ่งเดียวของฉัน...

ผมกลับมาเรียนอีกครั้งพร ้อมกับความล าบากแบบคูณสอง

เพราะนอกจากจะแบกไม ้ค ้ายันมาแล ้ว ยังต ้องเท ้าอัดเฝือก


หนักๆ มาด ้วยอีกต่างหาก กางเกงยีนขาเดฟก็ใส่ไม่ได ้ เลย

ต ้องโล๊ะตู้หาทรงกระบอกมาใส่อย่างทุลักทุเล



“โหยยยย แฟชั่นใหม่มาว่ะ ใส่กางเกงขาสั้นข ้างยาวข ้าง

ฮิปฮอปบอยมากครับ โย่วๆ” เช ้ ามาก็วอนหาส ้ นตีนกันเลย



ตั้งแต่ย ้ายกลับมาอยู่คอนโด ไอ ้เติร์ดก็ได ้กลายเป็นทาส


ในเรือนเบี้ยของผมไปแล ้วเรียบร ้อย เพราะมันต ้องคอยไป

รับไปส่ง รวมถึงจัดแจงภารกิจในชีวิตให ้อีกต่างหาก จะบอก

ว่าไม่ใช่เมียก็ดูเป็นการแทงกั๊กเกินไป แต่สิ่งที่ผมท าได ้ก็มี

แค่มโนเท่านั้นเพราะอีกฝ่ ายไม่ยอมรับ



วันนี้เราต ้องเรียนตึกเรียนรวมในคาบแรก ไอ ้ทูกับไอ ้โบน

เลยล่วงหน้ามารอที่โรงอาหารเพื่อซัดข ้าวเช ้ ากันก่อน และ


หลังจากที่เราตามมาถึง ว่าที่เมียก็จัดแจงที่นั่งและเตรียมสั่ง

อาหารไว ้อย่างดี



“อยากกินอะไรมึงอ่ะ”



“กินเหมือนมึง”




“แล ้วน ้าอ่ะ”

“ก็เหมือนมึงอีกนั่นแหละ




“งั้นรอแป๊ บ” ร่างสูงโปร่งเดินไปยังร ้านอาหารเจ ้าประจ า

จึงเหลือผมสามคนนั่งอัพเดตสถานการณ์ความคืบหน้า

ตอนนี้ถือว่าทฤษฎีจีบก าลังไปได ้สวย แต่อีกด ้านหนึ่งก็ไม่รู้

ว่าไอ ้เติร์ดยังคุยกับไอ ้พี่อั้นอยู่หรือเปล่า เนื่องจากมันไม่

ปล่อยให ้ใครได ้จับโทรศัพท์อีกเลย



“เชี่ยยยย มารผจญมึงมาได ้ไงวะ” สิ้นเสียงของไอ ้โบน


เราทุกคนต่างหันขวับไปยังเป้าหมาย เพราะคนที่ผมก าลัง

กลัวเดินผ่านมาพอดี และตอนนี้มันก็พาตัวเองเข ้าไปคุยกับ

ไอ ้เติร์ดที่ยืนรอกับข ้าวหน้าร ้านอาหารเสร็จสรรพ



“กูไม่ยอม กูจะไปขัดขวาง” ไม่พูดเปล่า ผมรีบคว ้าไม ้ค ่า

ยันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต ้องใช ้ เทคนิคพิเศษโดยเอาจักแร ้

หนีบให ้แน่นแล ้วดีดตัวขึ้นมาด ้วยแรงที่มากที่สุด




นี่คือสิ่งที่คิด VS ความเป็นจริง



คือกูยังไม่สามารถเอาตีนออกมาจากโต๊ะได ้เลย ไอ ้

ควายยยยยยยย



“ไม่ต ้องไปละ มาแล ้วนั่น” ไอ ้เติร์ดถือจานข ้าวเอาไว ้ใน


มือพร ้อมกับน ้าดื่ม ส่วนอีกจานไอ ้พี่อั้นถือมา และก าลังเดิน

ตรงดิ่งมาหาเรา

“หวัดดีพวกมึง” ค าทักทายแรกเอ่ยขึ้น ไอ ้โบนกับไอ ้ทู

เลยยิ้มแหยพลางตอบกลับไป




“หวัดดีพี่”



“ขอนั่งด ้วยคนนะ”



“เพื่อนพี่ไปไหนวะ” เพราะความอดทนของคนเรามี

ขีดจ ากัด ฉะนั้นผมจึงเงียบต่อไปไม่ไหว




“ก็คนละทิศคนละทาง เดี๋ยวก็ไปเจอกันในคลาสเอง

แหละ นี่ข ้าวมึง” มือหนายื่นข ้าวในจานพร ้อมกับน ้าดื่มมาให ้

ผมเลยยกมือไหว ้และขอบคุณเสียงแผ่ว



เรากินข ้าวกันอย่างอึนๆ อยู่เกือบสิบนาที บทสนทนาก็

เกิดขึ้นแค่คนสองคนนั่นคือพี่อั้นกับไอ ้เติร์ด แม่งคุยแต่เรื่อง


ละครเวทีห่าเหวอะไรไม่รู้ คือชีวิตมันมีอะไรมากกว่านี้ป่ ะ

แล ้วคนโดยรอบก็อยู่กันหลายคนด ้วย แต่เหมือนพี่มันจะ

นั่งทางในมาเสือกจนรู้ เนื่องจากนินทาในใจปุ๊ บมันก็ชวนคุย

ปั๊บเลย



“วันนี้มีซ ้ อมบทตามฉากแล ้ว มึงแวะเข ้าไปดูได ้นะ แล ้ว

ทีมซาวน์ก็ฝากกูมาบอกด ้วยว่าให ้มึงเข ้าไปคุยรายละเอียด


กันหน่อย”

“โอเค ยังไงเลิกเรียนแล ้วผมจะเข ้าไปกับแก๊งโหด”




“ยังมีอีกอย่างนึง”



“อะไร”



“มีน้องผู้หญิงคนนึงเขาฝากกูมาขอไลน์มึงอ่ะ” ไอ ้

เหี้ยยยยยยยยยยย แล ้วมาคุยเรื่องนี้ต่อหน้าไอ ้เติร์ดเนี่ยนะ!

กูถึงกับนั่งตัวแข็งลอบมองดูคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินข ้าวไม่พูด


ไม่จา



นี่พี่มึงต ้องการประกาศศึกกับกูชะ?



เลื่อยขาเก ้าอี้คู่แข่งนี่คืองานถนัดมึงชะ?



“ผมเลิกยุ่งแล ้ว”




“แต่น้องบอกว่าเคยขอมึงมาสักพักละ สงสาร บางทีเขา

อาจจะอยากคุยงาน” หราาาาาาาาา



“ผมไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น”



“คิดอะไรมากวะแค่ให ้ไลน์ ปกติมึงแจกจ่ายแทบจะทั่ว


มอ” ผมมองหน้ารุ่นพี่ปีสี่ซึ่งตีหน้ามึนใส่อยู่ แต่วินาทีนี้มึงได ้

จุดไฟให ้โหมกระหน ่าในใจของกูเรียบร ้อย

“งั้นผมแจกก็ได ้ ฝากบอกน้องผู้หญิงคนนั้นด ้วยนะครับว่า

ไอดีไลน์พี่ค่าย แอดที-เอช-ไอ-อาร์-ดี-สาม-สาม”




“เอาใหม่ดิ”



“ดูปากผมนะครับ แอดที-เอช-ไอ-อาร์-ดี แล ้วก็สามสอง

ตัว”



“Third33 เติร์ดเหรอ”




“ใช่ครับ มีอะไรปรึกษาเมียพี่ค่ายได้เลยครับ

ขอบคุณ”


ตอนที่ 11


เกรี้ยวกราดเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง



การโต ้เถียงของผมกับพี่อั้นจบลงเพราะได ้เวลาเข ้าเรียน

ซะก่อน ไม่งั้นกูดีเบตกับแม่งยาวๆ เอาให ้รู้กันไปเลยว่าใคร

จะชนะ เพื่อนผมมันก็ออกโรงช่วยบ ้างนะครับ แต่ด ้วยความ

เท่และเป็นสุภาพบุรุษการพาเพื่อนมารุมด่าไม่ใช่วิถีของ

ลูกผู้ชาย ดังนั้นผมเลยฉายเดี่ยวโต ้กับพี่มันจนน ้าลายแตก


ฟอง



สงสารก็แต่ไอ ้เติร์ดที่เขี่ยข ้าวในจานไปมากว่าสงคราม

ประสาทจะยุติลง

และเหมือนเดิม จากการเรียนรู้แบบมั่วๆ มาหลายครั้ง ถ ้า

ต ้องการจะนั่งใกล ้ไอ ้เติร์ดผมต ้องเปิดโอกาสให ้เจ ้าตัวได ้


เลือกเก ้าอี้ก่อน ดังนั้นตอนเข ้าห ้องผมจึงเลือกเดินรั้งท ้าย

เพื่อนทั้งสามคนอย่างมีแผน



เมื่อเห็นว่าเป้าหมายนั่งประจ าที่แล ้ว ไอ ้ทูกับไอ ้โบนก็หัน

หน้ามามองผมเหมือนรู้ทัน แล ้วเปิดโอกาสให ้ผู้ชายขาหักที่

น่าสงสารอย่างนายขุนพลนั้นเยื้องย่างเข ้าไปในแถว พร ้อม

กับทิ้งตัวลงบนเก ้าอี้เคียงข ้างเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ




ไอ ้เติร์ดหันหน้ามามองผมแว๊บหนึ่ง แถมอ ้าปากพะงาบๆ

เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ด ้วยความเหี้ยสุดก าลังผมจึง

รีบตัดโอกาสนั้นด ้วยการโพล่งออกไป



“ขาเจ็บน่ะ ไม่อยากขยับตัวมาก ขอนั่งตรงนี้ได ้มั้ย” ต ้อง

ท าหน้าละห ้อยด ้วยครับ เพราะตอแหลเท่านั้นที่ครองโลก




“ก็ไม่ได ้ว่าอะไร” มันตอบเสียงเอื่อย



“เห็นมึงเหมือนจะพูดอะไรก่อนหน้านั้น”



“เปล่าหนิ” ปากแข็ง!




ตอบจูบก็เห็นนุ่มดีนี่หว่า กูแม่งอยากพิสูจน์อีกรอบเลยว่า

ยังนุ่มอยู่มั้ย


Click to View FlipBook Version