The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kim.pongsakorn.26081998, 2019-06-10 12:45:47

tmp

“ได ้ข่าวว่าพรุ่งนี้มันนัดมึงด ้วยหนิ”




“หึ! กูไม่ไปหรอก”



“จริงดิ บางทีก็สงสารมันนะ มาบอกกูว่าพรุ่งนี้จะพามึงไป

กินบุฟเฟ่ ต์”



“มันก็ควรรู้ป่ ะวะว่ากูยังไม่ยอมรับมันขนาดนั้น”




“อ ้าว แล ้วที่ผ่านมาคือยังไม่เปิดใจให ้มันเหรอ”



“กูตัดใจจากมันแล ้ว”



“อ๋อ กูพอเข ้าใจ มึงเจ็บกับมันมาเยอะนี่หว่า”



“กูเลยใช ้ สมองให ้มากกว่าหัวใจอย่างที่พี่เชนทร์บอก”


อย่างน้อยก็ปกป้องตัวเองในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะหนีเลย

แต่อย่างน้อยก็เป็นเกราะป้องกันในวันที่ทุกอย่างไม่เป็น

อย่างหวัง



ประสบการณ์ที่ผ่านมาท าให ้ผมรู้ว่าความรู้สึกคนเราเอา

แน่เอานอนไม่ได ้ ยิ่งพวกโลเลอย่างไอ ้ค่ายด ้วยแล ้วยิ่ง

เป็นไปได ้ยากมาก




“พี่เชนทร์บอกให ้มึงใช ้ สมองมากกว่าหัวใจ”

“อืม”




“แล ้วมึงรู้มั้ย ทุกวันนี้พี่มันใช ้ หัวใจมากกว่าสมองอีกนะ”



“...!”



“ไม่งั้นมันจะอ ้อนเมียหนักขนาดนั้นเหรอวะไอ ้เติร์ด ไอ ้

โง่”




เจ็บกว่าโดนหลอก คือตอนที่ถูกเพื่อนด่านี่แหละ



แก๊งโหดแยกย ้ายหลังเลิกคลาสช่วงห ้าโมงเย็น ผมบอก

กับทุกคนว่าจะไปส่งไอ ้ค่ายที่คอนโดเพราะงั้นวันนี้จะไม่มี

ใครรู้ว่าเราแวะไปกันต่อที่ไหน พอถามเพื่อนตัวสูงเพื่อเช็ก

ความมั่นใจมันก็บอกว่าไม่ได ้พูดต่อให ้ใครฟัง ดังนั้นผมจึง

สบายใจมากที่ไม่ต ้องถูกไอ ้ทูกับไอ ้โบนด่าเรื่องกลืนน ้าลาย


ตัวเอง



“ไปหาไรกินก่อนมั้ย เลิกเรียนแล ้วหิว” ไอ ้ค่ายเชิญชวน

ผมก็พยักหน้าตามค าขอ



“อยากกินร ้านไหน”




“บุฟเฟ่ ต์ร ้านนี้อร่อย”

“เออ”




เราเข ้ามาด ้านใน ไอ ้ค่ายพิงไม ้ค ้ายันของมันไว ้ข ้างๆ ก่อน

จะทิ้งตัวลงนั่งบนเก ้าอี้ เรานั่งตรงโซนเคาน์เตอร์ที่มีอาหาร

เลื่อนตามสายพาน อย่างน้อยก็สะดวกเวลาจะหยิบคีบอะไร

ที่อยากกิน



“อยากได ้น ้าอะไรเดี๋ยวกูไปเอาให ้”




“ไม่ต ้อง เดินล าบากแล ้วยังท าเก่งอีก”



“ปกติก็ท าให ้มึงตลอด” ผมไม่ฟังอีกฝ่ ายโต ้เถียง รีบผละ

ออกมาหยิบแก ้วและกดเครื่องดื่มไปประเคนให ้คนขาหักถึง

ที่



“อีกไม่นานก็ถอดเฝือกละ จะได ้หายร าคาญสักที” เสียง


ทุ้มบ่นอยู่ใกล ้หู มือก็หยิบจานใส่อาหารบนสายพานออกมา

ทั้งคีบแดกเอง ทั้งเทใส่หม ้อต ้ม สรุปจะกินหรือจะพูด



“แต่ก็ยังวิ่งไม่ได ้” หมอบอกหลังถอดเฝือกสามเดือนให ้

งดวิ่ง กูล่ะสะใจฉิบหาย



“รู้แล ้วน่า ต่อไปมึงคงไม่มารับกูแล ้ว”




“มันก็ควรเป็นอย่างนั้นป่ ะวะ”

“กูเลยขอรถที่บ ้านมาใช ้ คันนี้กว ้างมากมึงจะได ้นั่งสบาย”




“รถกูก็มีป่ ะ เกี่ยวไรกับมึง”



“ก็จะได ้เท่าเทียมกับที่มึงไปรับไปส่งกูไง คราวนี้กูจะท า

บ ้าง” โถพ่อสารถีของเติร์ด ถุย! ไม่อยากได ้หรอกครับ ท าดี

หวังผลแน่ถ ้ามาไม ้นี้



“ไม่ต ้อง”




“มึงตกลงแล ้วนะ ดีเลยๆ”



“ฟ ังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”



“ก็ไม่ได ้ฟังภาษาคน นี่ฟังตามเสียงหัวใจตัวเอง”




ไหน ขอกระโถนหน่อยซิ



“จะขับไปๆ กลับๆ ท าไมวะในเมื่อมหา’ลัยแม่งใกล ้

คอนโดมึงขนาดนั้น ถ ้ากูล าบากเชี่ยโบนกับเชี่ยทูก็ต ้องช่วย

อยู่แล ้ว”



“มันไม่เหมือนกัน ตอนแรกกูก็คิดนะว่าจะย ้ายไปอยู่กับ


พวกมึง แต่ตอนนี้ไม่เอาดีกว่า เผื่อวันนึงมึงย ้ายมาอยู่ที่นี่

ด ้วยกัน”

“ฝันเหรอ”




“คนเราก็ต ้องมีความหวังนะมึง” เห ้ออออออ เอาที่มึง

สบายใจ



ผมก าลังตั้งหน้าตั้งตาหยิบจานอาหารจากสายพาน หลัง

เสียเวลาโต ้เถียงเรื่องไร ้สาระกับไอ ้ค่ายอยู่นาน แต่พอตั้งท่า

เอื้อมมือจะหยิบจานไหน จานนั้นเป็นอันต ้องถูกฉกจากคน

ใจบาปอย่างมันตลอดเลย




“นี่มึงตั้งใจแกล ้งกูป่ ะเนี่ย” ถามออกไปเสียงขุ่น แต่คนฟัง

กลับยิ้มร่า



“ไม่ได ้แกล ้ง”



ผมเอื้อมมือหยิบจานใหม่อีก




“นี่ไง” สุดท ้ายก็โดนฉกไปอย่างรู้ทัน



“บ่นอะไรแง ้วๆ ข ้างหู ร าคาญจังครับ”



“กูหิว กูจะกินเนี่ย!”




“ก็นี่ไง หยิบมาให ้ ไม่ได ้จะกินเองซะหน่อย” หลังจากนั้น

มันก็ลอบหัวเราะเหมือนมีความสุข

ผมก ้มมองของกินหลายๆ จานครู่หนึ่ง ก่อนจะพบว่าทุก

อย่างที่ไอ ้ค่ายหยิบมาเป็นของที่ผมชอบกินทั้งนั้น ปกติของ


ที่จะไม่ชอบผมจะไม่หยิบเลย และในทุกจานที่อยู่ตรงหน้าก็

ไม่มีอาหารที่ผมเกลียดแม ้แต่อย่างเดียว



“กุ้งนี้ลวกนะ เดี๋ยวแกะให ้” มันพูดอย่างอารมณ์ดี



“ไม่ต ้อง จะแกะเอง”




“เจ็บมือน้า กว่าจะได ้กินล าบากเลย”



“เค็มขี้มือของมึง กูไม่อยากกิน”



“งั้นเอามือจุ่มน ้าร ้อนก่อน”



“เฮ ้ ยท าไรวะ” ผมแหวขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าฝ่ ามือหนาก าลัง


จ่ออยู่ตรงปากหม ้อร ้อนๆ เหี้ยนี่ต ้องเล่นสงครามประสาทกับ

ผมแน่ๆ มันจะอะไรนักหนาวะ



สุดท ้ายก็เลยต ้องปล่อยเลยตามเลย กินไปเถียงกันไป

แถมโชคดีมีคนแกะกุ้งให ้ด ้วย รวมๆ แล ้วไอ ้ค่ายแทบไม่กิน

อะไรเลยนอกจากบริการให ้ผม




“ค่าย” และจู่ๆ ความสุขในการกินของผมก็ต ้องหยุดชะงัก

เมื่อใครคนหนึ่งเรียกชื่อของคนตัวสูง

ถ ้าจ าไม่ผิดคนนี้น่าจะเคยไปไหนมาไหนกับไอ ้ค่าย

ช่วงหนึ่งเลยมั้ง แค่ผมไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร เพราะบรรดากิ๊ก


ของเพื่อนคนนี้เยอะจนนับนิ้วไม่ครบ



“อ ้าว หวัดดี”



“มากินบุฟเฟ่ ต์เหรอ”



“อืม แล ้วนี่มากับใคร” มันถามต่อ




“กับเพื่อนน่ะ งั้นไปนั่งที่โต๊ะก่อนนะ”



“โอเค”



“บาย”




“บาย”



อาลัยอาวรณ์กันจังวะ



“เป็นอะไร โหดน้อยหึงผมเหรอ” พอหลุดโฟกัสจากเขา

หน่อยก็มาเขี่ยคางกูเล่นเลยนะ บอกเลยไม่ตลก ผมรีบ

สะบัดมืออีกฝ่ ายออกอย่างเร็วรี่




“กูได ้แสดงออกว่าหึงเหรอ ประสาท”

“โอเคไม่หึงก็ได ้ เมื่อกี้โจทก์เก่า”




“เออ พอจ าได ้”



“มึงนี่เก่งเนาะ เอาจริงกูยังจ าชื่อเขาไม่ได ้ด ้วยซ ้า ฮ่าๆ”

โคตรเหี้ย เหี้ยบรม นี่เหรอวะคนที่ก าลังตั้งหน้าตั้งตาจีบผม

ไม่ใช่พอวันนึงห่างหายกันไป มันไม่ลืมชื่อไปด ้วยเหรอ



“ไอ ้ค่าย กูถามอะไรหน่อยสิ”




“ว่ามา” ปากว่า หากแต่มือก าลังขะมักเขม ้นกับการแกะกุ้ง

เค็มๆ ใส่จานผมอยู่



“คนที่ผ่านมาใครเป็นที่สุด กูหมายถึงผู้หญิงที่มึงรักและ

เคยคบอ่ะ” ไม่รู้ดิ ผมเคยบอกแล ้วว่าผมไม่มั่นใจในตัวมัน

เพราะลึกๆ ยังรู้สึกกลัวความไม่แน่นอนในใจของไอ ้ค่ายอยู่


ดังนั้นเลยถือโอกาสถามถึงสิ่งที่ค ้างคาในใจมาเนิ่นนาน



“ก็ไม่มีใครเป็นที่สุดนะ”



“แล ้วผู้หญิงคนก่อนที่มึงตัดสินใจคบเป็นแฟนอ่ะ”



“แจมเหรอ ที่เวลางอนแล ้วให ้กูเดาใจว่าผิดอะไรอ่ะนะ กู


ถามก็ไม่ยอมบอก ชอบท ้าเลิกเป็นประจ า พอกูร าคาญบอก

เลิกกลับก็โกรธ แม่งจ าได ้ขึ้นใจเลย”

สัด ที่พูดมามีแต่ข ้อเสีย




“ความจริงแจมก็ดีนะ เอาใจใส่ดีถึงจะขี้งอแงอยู่นิดหน่อย

แต่เพราะกูไม่หยุดเรื่องแจมก็เลยจบลงง่ายๆ ที่ผ่านมากูเหี้ย

แค่ไหนมึงก็รู้ เขาควรเจอคนที่ดีกว่ากู”



“ก็รู้ตัวหนิ”



“ไม่เหมือนมึงที่ไม่อยากให ้เจอคนดีๆ เลย”




“...”



“อยากให ้อยู่กับคนเหี้ยๆ อย่างกูต่อไปเนี่ยแหละ” ฟังแล ้ว

อยากจะตบหูหลุด



“ร าคาญ เดี๋ยวกูสาดน ้าร ้อนใส่หน้ามึงนะ”




“แลกกันมั้ย ให ้กูท ารอยบนคอมึงเป็นการตอบแทน” ไอ ้

เห็บหมา มึง…หยาบโลนเกินมนุษย์มนา เมื่อก่อนตอนเป็น

เพื่อนมันก็ไม่เคยจาบจ ้วงกับผมหนักขนาดนี้นะ ตอนนี้ไม่รู้

เป็นห่าอะไรแสดงสันดานดิบออกมาทุกสองนาที



ต่อไปผมคงต ้องสมัครเว็บ 18+ ออนไลน์เอาไว ้ซื้อเซ็กซ์


ทอยบ าบัดอาการหื่นกามขั้นสุดของมันซะละ

“กินต่อๆ โอ๋นะ...กูพูดเล่น” แต่หน้าแม่งจริงจังมาก




กินได ้แป๊ บๆ มันก็สะกิดอีก ผมที่กินไม่อิ่มกับไอ ้ค่ายที่นั่ง

อืดถ่วงเวลาท าให ้ผมต ้องหันไปมองคนเจ ้าปัญหาตาขวาง



“มีไร”



“ขอดูมือถือหน่อย” มาล ้วงความลับอะไรอีกล่ะ คราว

ก่อนที่ให ้ไอ ้ทูมาแอบเช็กไลน์กูยังไม่ได ้คิดบัญชีเลย




“ไม่ให ้”



“ขอบคุณนะ” เท่านั้นแหละครับมือแม่งตะปบลงบน

กระเป๋ ากางเกงผมทันที หน้าด ้านแค่ไหนถึงขนาดล ้วงมือ

เข ้ามาฉกมือถือของชาวบ ้านไปหน้าตาเฉยขนาดนี้ กดไปได ้

สักพักมันก็บ่นอีก “เปลี่ยนรหัสเหรอ”




“ใครจะใช ้ รหัสเดิมให ้โง่วะ”



“นี่ไง ได ้ละ”



“เชี่ย มึงรู้ได ้ไง”




“ตัวเลขในชีวิตมึงจะมีกี่ตัวกันเชียว”

Rrrr..!




“มีคนโทรมา ส่งมือถือมาให ้กูเดี๋ยวนะ” ผมกระดิกนิ้วรัวแต่

เหมือนไอ ้ค่ายจะไม่ให ้ความร่วมมือเท่าที่ควร เมื่อมันเอาแต่

ส่ายหน้าและหยิบมือถือที่วางอยู่ข ้างตัวขึ้นมามองชื่อที่

ปรากฎบนหน้าจอ



“เสียงจากเครื่องกูต่างหาก”




“แต่มึงควรคืนของกูมาก่อนมั้ย”



“ไอ ้โบนว่ะ มึงรับให ้หน่อย” มือหนาส่งต่อมือถือของมัน

มาให ้ผม



“ท าไมกูต ้องรับด ้วยวะ มึงนั่นแหละรับ แล ้วห ้ามบอกด ้วย

ว่าก าลังอยู่กับกู” ผมย ้าเสียงเข ้ม ก่อนคนตัวสูงจะท าตาม


ค าสั่งพลางกรอกเสียงลงไป



“ว่าไง...อยู่ข ้างนอก”



“บอกไปว่าไม่ได ้อยู่กับกู” พยายามกระซิบบอกอีกฝ่ าย

ด ้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะท าได ้




“ไอ ้เติร์ดไม่อยู่ มึงโทรมามีอะไร อ๋อ...ไว ้วันหลังแล ้วกัน

แค่นี้นะพอดีก าลังยุ่ง” จากนั้นก็กดตัดสายไป ผมจึงถามต่อ

อย่างอยากรู้




“ไอ ้โบนโทรมาท าไมวะ”



“มันบอกจะชวนกูมาหาอะไรกินข ้างนอก แต่ไม่ต ้องห่วง

ปฏิเสธไปละ”



“เออดี” ถ ้ามันรู้ไอ ้ทูก็ต ้องรู้ เมื่อวานยังท าตัวเย่อหยิ่งบอก

จะไม่มากินข ้าวกับไอ ้ค่ายเด็ดขาด ขืนมันรู้ว่านั่งอยู่ด ้วยกันก็


หน้าแตกกระจายกันหมดดิ



“เฮ ้ ย ใครเอ่ย”



แต่ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์แกล ้งนะครับ ร ้านก็มีเป็นร ้อย

ท าม๊ายท าไมลูกค ้ารายใหม่ที่เดินเข ้ามาถึงได ้หน้าตาคุ้นเคย

ขนาดนี้




“ไอ ้ค่าย ไอ ้เติร์ด มาได ้ไงว ้าาาาาา” ผีเปรตเจาะปากมัน

มาพูดชัวร์ เพราะมาทีเล่นเป็นแพ็คคู่ทั้งไอ ้ทูและไอ ้โบน จะ

มุดโต๊ะตอนนี้ก็คงไม่ทันเลยได ้แต่เนียนๆ ไปกับไอ ้ค่าย



“อ ้าววววววววว มึงสองตัวก็มาเหรอ เฮ ้ ย! บังเอิญว่ะ ฮ่าๆ”




“บังเอิญจริงๆ นี่เมื่อกี้กูยังโทรหาไอ ้ค่ายอยู่เลยกะชวนมัน

มาหาไรกินที่ร ้านนี้แหละ”

“ดีเนอะ”




“ว่าแต่มึงเถอะไอ ้เติร์ด ไหนบอกมีนัดกับพี่เชนทร์”



“เลิกเร็วไงเลยออกมาหาไรกิน แล ้วบังเอิญเจอไอ ้ค่ายอีก

แย่จัง”



“ใช่ๆ ท าไมโลกกลมขนาดนี้วะ มึงสองคนก็นั่งด ้วยกันดิ”

คนตัวสูงช่วยพูด แต่เหมือนทุกอย่างไม่ได ้ดีขึ้นเลย




“ไม่ๆ ขี้เกียจบังเอิญนั่งด ้วยกันอีก เดี๋ยวกูขอจองมุมโน้น

แล ้วกัน”



“กูขอบังเอิญตามมึงไปด ้วยนะไอ ้โบน รอด ้วย”



แล ้วมันสองตัวก็เดินตรงไปยังมุมหนึ่งของร ้านซึ่งเป็นที่นั่ง


ส่วนตัว ในใจกูก็คิดนะว่าโดนเข ้าให ้แล ้วแต่ทุกอย่างยังไม่

หนักหนาเท่ากับตอนที่ไลน์ในมือถือของผมกับไอ ้ค่ายเด ้ง

ขึ้นมาพร ้อมกัน



ติ๊ง!



วินาทีนั้นผมรีบคว ้าโทรศัพท์จากมือหนาทันควัน ก่อนจะ


เปิดแจ ้งเตือนที่โชว์หราตรงหน้าโฮมอย่างไวว่อง เท่านั้น

แหละครับ

BoneChone

ไอ ้สัดไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่




Tatt’oo

กูเห็นตั้งแต่มึงเดินเข ้าร้านแล ้ว

*แนบรูป*



BoneChone

แกะกุ้งมันยากขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถึงต ้องแกะให ้กันด ้วย


*แนบรูป*



Tatt’oo

ล ้วงกางเกงกันคาร้านก็มี

*แนบรูป*



BoneChone


ยังจะมาเนียนบอกบังเอิญเจอกันอีก

มึงคิดว่ากูแดกหญ ้าเหรอ ไอ ้ฟาย



แสรดดดดดดดดดดดดดดด พอแล ้วเลิกตอกย ้ากู พอ! อาย

จนไม่รู้จะมุดหน้าไปไว ้ที่ไหน ไอ ้เหี้ยสองตัวมันเล่นถ่ายมา

ทุกช็อตราวกับจะรวมอัลบั้มท าโฟโต ้บุ๊ค แม่งยังมีน่ามาเล่น

เกมตอแหลกับกูตั้งนานสองนาน นี่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่มั้ย




หักหน้าแล ้ว หักหน้าอีกจนไม่เหลือสภาพ

แต่อะไรก็ไม่เจ็บใจเท่าข ้อความใหม่ที่เด ้งขึ้นมาจากใครบาง

คน




K.Khunpol

แผนแตกแล ้วท าไงดี

เปิดตัวเป็นแฟนกันเลยมั้ยไอ ้เติร์ด

(✿◕‿◕)



แฟนพ่องดิสาด!




บรรยากาศตอนขับรถกลับเต็มไปด ้วยความขมุกขมัว รู้สึก

อารมณ์ยังไม่คงที่เลยเปิดเพลงเสียงดังเพื่อท าลายความ

ร าคาญที่เกิดขึ้นจากคนข ้างๆ



ไอ ้ค่ายมันก็พูดติดตลกไม่หยุด ก่อนจะกดเปลี่ยนเพลง


ของผมจนเผลอเอื้อมมือไปตบหัวมันฉาดใหญ่ ก็บอกแล ้วว่า

ฟอร์มจัดกับไอ ้ทูไปเยอะ สุดท ้ายพอมันมารู้อย่างนี้ผมเลย

อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว ้ที่ไหน



“งอนเหรอ” ยังมีหน้าเอานิ้วมาจิ้มแขนกูอีก พ่อจะหลัง

แหวนให ้




“เงียบไป”



“เพื่อนในกลุ่มป่ ะวะ อายไร”

“ก็กูบอกไอ ้ทูว่าจะไม่มากับมึง”




“เอ ้า สุดท ้ายเปลี่ยนใจไม่ได ้เหรอ เพื่อนมันล ้อไม่เกิน

สองวันหรอก” เรื่องเก่าตอนไอ ้ค่ายฝันเปียกเชี่ยโบนยังเล่า

มาจนถึงทุกวันนี้



ลืมห่าอะไร สมองมันจ าเรื่องเหี้ยๆ แม่นจะตาย



“ฟังเพลงดีกว่า นี่กูชอบเพลงนี้มาก She will…be loved


ฟังตอนขับรถนี่อารมณ์ดีขึ้นเลยนะเว ้ย”



“อย่าร ้อง กูร าคาญเสียงมึง”



“พรุ่งนี้พาไปเลี้ยงหนัง”



“พอ พรุ่งนี้กูมีนัดกับพี่เชนทร์จริงๆ ส่วนมึงก็ท างานท า


การบ ้าง”



“งั้นมึงอยากได ้อะไร กูจะซื้อมาให ้”



“กูไม่เคยอยากได ้อะไรและก็ไม่ต ้องซื้อให ้กูเหมือนที่มึง

ชอบท ากับคนอื่น แค่ดูแลกูเหมือนเพื่อนก็พอ” เบื่อนิสัย

ชอบซื้อของเพื่อมัดใจฉิบหาย มันอาจจะได ้ผลเฉพาะบาง


คนแต่กับผมไม่ใช่อย่างนั้น

ไอ ้ค่ายเติบโตมาในครอบครัวที่มีกินมีใช ้ เหลือเฟือ โดน

เลี้ยงดูปลูกฝังด ้วยวัตถุนิยมเป็นส าคัญ ดังนั้นตอนเจอมัน


ครั้งแรกตอนปีหนึ่ง ผมถึงได ้เห็นมันชอบเอาขนมหรือของ

ต่างๆ มาซื้อใจเพื่อนเต็มไปหมด



“มึงกับกูเราเลยจุดจะดูแลกันเหมือนเพื่อนไปแล ้ว”



“มันต่างกับที่มึงท ากับกูเมื่อก่อนตรงไหน” บอกตามตรง

ว่าตอนนี้ผมไม่มีสมาธิในการขับรถเลย เพราะเอาแต่จมจ่อม


กันการฟังค าตอบจากคนข ้างๆ มากกว่า



“ก็ต่างตรงความรู้สึกเนี่ยแหละ นี่มีอะไรจะเล่าให ้ฟัง”



“อืม”



“จะเลยแยกหน้าแล ้ว ตบเลี้ยวซ ้ ายสิ” เออว่ะ มัวแต่ขับ


เพลินจนลืมว่าควรไปไหน “เล่าต่อ...”



“เดี๋ยว ไม่ใช่เรื่องที่กูขับเลยแยกเหรอ”



“ใช่ที่ไหนล่ะ กูจะเล่าสิ่งที่กูชอบในตัวมึงให ้ฟัง คงไม่ใช่

เพราะเราชอบอะไรเหมือนกันอย่างเดียวหรอกถึงมาเป็น

เพื่อนสนิทกันได ้”




“จริงๆ กูต่างกับมึงแค่เลเวลความหื่น มึงควรอยู่ในหมวด

ไอ ้ทูกับไอ ้โบน”




“สัด! หมดโรแมนติกเลย”



“มีงี้ด ้วย”



“ตอนเจอแล ้วได ้คุยกับมึงครั้งแรกกูเหมือนได ้เปิดโลก

นอกกะลาของกูเยอะมาก โลกของเพื่อนที่ชอบชวนกูไปท า

โน่นท านี่ที่มีสาระ เวลากูบอกว่าไม่ชอบอะไร มึงจะบอกให ้กู


เปิดใจและลองท ามัน และสุดท ้ายกูก็ชอบเหมือนกัน”



“...”



“อย่างกูบอกมึงตลอดว่าไม่ชอบหนังรัก แต่มึงก็ชอบลาก

กูไปดูหนังรัก”




“แล ้วชอบมั้ย”



“บางเรื่อง ดีกว่าแต่ก่อนเพราะเกลียดทุกเรื่อง”



“ก็ดีแล ้ว”



“ปีหนึ่งช่วงรับน้องกูเกลียดระบบรุ่นพี่ เขาให ้ใส่เสื้อด ากู


ใส่เสื้อขาว เขาสั่งให ้ใส่รองเท ้าผ ้าใบขาวกูใส่สีด า แต่มึง

บอกให ้กูเปลี่ยนและพยายามท าความเข ้าใจกับระบบ

มากกว่า” นึกย ้อนกลับไปตอนนั้นก็ตลก รุ่นพี่นิเทศฯ มัก

แปะรูปของไอ ้ค่ายในต านานนั้นเอาไว ้ตามบอร์ดกิจกรรม


เสมอ



รูปที่มันแปลกแยกกว่าชาวบ ้าน ขาวอยู่คนเดียวในกลุ่ม

เสื้อด า ตัดผมทรงกวนตีน ใส่ต่างหูรูปไม ้กางเขนอันมหึมา

ด ้วยหน้าตาและความแบดของมันท าให ้รุ่นพี่ผู้ชายหมั่นไส ้

กันครึ่งคณะ ผมไม่ได ้อยากให ้มันเรียนรู้ระบบ แต่ผมแค่

อยากให ้มันเอาตัวรอดในช่วงเวลานั้นต่างหาก




จุดประสงค์มีอยู่แค่นี้ แต่คิดว่าปล่อยให ้รู้แบบนั้นต่อไปก็

คงไม่ต่างกัน



“กูยังคิดด ้วยซ ้าว่าตอนเลือกเมเจอร์ก่อนขึ้นปีสามกูจะ

ชอบฟิล์มจริงๆ อย่างที่ปากพูดมั้ย”




“แล ้วชอบจริงป่ ะ หรือพลาด”



“ชอบจริงดิ ตกหลุมรักเลย” ผมเหลือบมองร่างสูงที่นั่งอยู่

เบาะข ้างๆ สายตามันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่



“ชอบก็ดีแล ้ว มันจะเป็นอาชีพของมึงตลอดชีวิต”




“งั้นกูจะชอบต่อไป ช่วยอยู่กับกูตลอดชีวิตด ้วย”

“มาอ ้อนวอนกับอาชีพท าไมตอนนี้”




“กูไม่ได้หมายถึงอาชีพ กูหมายถึงมึง”



“หยอดได ้ตลอดเวลาเลยนะมึง ถึงว่าสาวติดตรึม” ผมรีบ

เปลี่ยนเรื่อง เลี้ยวรถเข ้าคอนโดของไอ ้ค่ายก่อนจะเดินส่ง

มันถึงหน้าห ้องตามหน้าที่ที่ได ้รับมอบหมายจากแม่และ

พี่สาวของมัน




“เดี๋ยวกูกลับละ เจอกันพรุ่งนี้” ผมโบกมือลา ตั้งท่าเดิน

หันหลังกลับแต่มือหนาของคนตรงหน้าไวกว่านั้นเมื่อมัน

คว ้าข ้อมือผมและยืดเอาไว ้ให ้อยู่ที่เดิม



“ยังไม่ดึกเลย เข ้ามาก่อนดิ พอดีมีแผ่นหนังที่ได ้จากร ้าน

ต ้นฉบับมา”




“...”



“อยากให ้”



ผมยืนชั่งใจอยู่นานสุดท ้ายก็ตกหลุมพรางคนเจ ้าเล่ห์จน

ได ้ หลังจากทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาไอ ้ค่ายก็กุลีกุจอหาแผ่น

หนังของมันอย่างตั้งใจก่อนจะยื่นให ้กับผม




“Spirit Away”

“ใช่ กูเคยดูไปก่อนหน้านั้นจากช่องเคเบิ้ล แต่เพิ่งหาซื้อ

แผ่นนึงมาให ้มึง”




“ปกติมึงไม่ชอบดูแอนิเมชั่นนี่หว่า”



“ตอนนี้เริ่มเปิดใจแล ้วว่ะ” ร่างสูงนั่งแปะตรงโซฟาเคียง

ข ้างผม มือข ้างหนึ่งกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ส่วน

สายตาก็จ ้องมองจอไม่ลดละ




“เติร์ด...กูเป็นคนยังไงในสายตามึง” จู่ๆ ผมก็ได ้ยิน

ค าถามที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากของไอ ้ค่ายซะอย่าง

นั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ดึกคงไม่ง่วงมาก เมาก็คงไม่ใช่เพราะ

ไม่ได ้แตะแอลกอฮอล์แม ้แต่ปลายลิ้น คนที่ไม่แคร์ใครอย่าง

มันท าไมถึงถามแบบนี้ได ้วะ



“แคร์ด ้วยเหรอ”




“คนอื่นไม่แคร์ แต่กับมึงเลยอยากรู้”



“อย่างมึงเหรอ ก็คนเหี้ยๆ คนหนึ่งอ่ะ ใช ้ ความหล่อ ความ

รวย และคารมไว ้มัดใจคน” นี่คือความจริงที่ใครก็สังเกตเห็น

เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ ้าตัวเป็นแบบนั้น




“แล ้วความหล่อ ความรวย และคารมมันไม่ดีเหรอวะ” ทีวี

ยังถูกกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด แต่

ผมก็ไม่ได ้สนใจนอกจากตอบค าถาม




“มันดีถ ้ามึงรู้จักใช ้ แต่ที่ผ่านมามึงใช ้ พร ่าเพรื่อเกินไป”



“ตอนนี้เลิกแล ้ว”



“เออ”



และทีวีก็มาหยุดอยู่ที่ช่องฉายหนังเก่าช่องหนึ่ง แต่เรา


ต่างรู้ว่าไม่มีใครจดจ่อกับหนังที่ก าลังฉายหรอก สายตามอง

ตรงไปก็จริง หากแต่สมองกลับคิดวนเวียนคิดแต่เรื่องที่คุย

กัน



“เติร์ด...”



“อะไรอีก”




“มึงเคยจูบใครมั้ย”



“...” ก็มึงไง แต่ผมเลือกที่จะไม่พูด เรื่องแย่ๆ จะพูดถึง

มันท าไม



“คงมีแค่กูแน่ๆ ที่จูบมึงหลายครั้ง และทุกครั้งมึงก็ร ้องไห ้


ตลอด”

“ความเหี้ยของมึงล ้วนๆ” ผมเถียงกลับ ครั้งแรกตอนที่มัน

จูบผมแล ้วเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่น ครั้งที่สองคือตอนที่รอแก๊ง


ปีสี่ที่ใต ้ถุนคณะและผมพูดว่ารังเกียจมัน



ใครจะรู้ว่าในใครลึกๆ แม่งก็เจ็บไม่ต่างกันนั่นแหละ



“แล ้วมึงเคยจูบใครแบบไม่ร ้องไห ้ป่ ะ”



“...”




“เดาว่าไม่เคยแน่ๆ”



“...”



“อยากรู้มั้ยว่าจูบแบบมีความสุขเป็นยังไง เดี๋ยวสอนให ้”




“ไม่ต ้อง” ผมรีบปัดปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ได ้รับ

กลับมาคือรอยยิ้มเย็นกับท่าทางคุกคามที่ส่งผลให ้ผมต ้อง

ท าตัวลีบแทบติดกับโซฟา



ไอ ้ค่ายเขยิบเข ้ามาใกล ้มากขึ้นจนลมหายใจแทบเป่ ารด

หน้า กายสูงเลื่อนตัวประชิดและล็อกผมเอาไว ้ไม่ให ้ขยับไป

ไหน ก่อนหัวใจจะเต ้นโครมครามหนักขึ้นเมื่อมันพูดประโยค


หนึ่งออกมา

“จูบแบบมีความสุขมือต ้องผสานกันแบบนี้” มือหนาสอด

นิ้วทั้งห ้าของมันเข ้ามาตรงช่องว่างระหว่างนิ้วของผมจน


แนบสนิท พลางดันร่างผมจนหลังติดกับผนักโซฟา จากนั้น

ก็กดมือที่ผสานกันอยู่นั้นฝังเอาไว ้กับความนุ่มจนไม่เหลือ

ช่องว่าง



“มองตากันแบบนี้”



ผมไม่กล ้ามอง ให ้ตายยังไงก็ไม่มอง




“เติร์ด มองตากูหน่อย”



“ปล่อยได ้ละ กูจะกลับห ้อง”



“งั้นมองตากูก่อนสิเดี๋ยวจะปล่อย” ผมใช ้ เวลาคิดทบทวน

ประโยคของคนตรงหน้าในหัวครู่หนึ่ง สุดท ้ายก็ยอมเงยหน้า


ขึ้นมาสบตากับอีกฝ่ ายตรงๆ



แววตาของไอ ้ค่ายไม่เหมือนกับทุกครั้งที่มอง มันไม่ได ้

เมา แต่คิดว่าคงเสียสติพอประมาณที่ท าแบบนี้ เพียงเสี้ยว

วินาทีที่สายตาสบกัน ความร ้อนผ่าวก็แผ่ซ่านเข ้ามาบน

ใบหน้าของผม หนักหน่วงถึงขนาดรู้สึกได ้เลยว่าหน้าคง

แดงมากหากมองใกล ้ๆ




และผมรู้ในตอนนั้นว่าโดนหลอกซะสนิท

“จูบอย่างมีความสุขไม่ต ้องใช ้ อะไรมากแค่ขอให ้มึงเปิด

ใจและรับความรู้สึกของกู ส่วนกูก็จะรับความรู้สึกจากมึง


แบบนี้”



ก่อนที่โลกทั้งใบจะขาดอากาศหายใจ...



ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองโอนอ่อนให ้กับการกระท าของ

เพื่อนคนนี้ไปมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ทันแล ้ว




ริมฝีปากร ้อนประกบจูบนิ่มนวลไม่มีท่าทีเร่งเร ้า ให ้โอกาส

เราได ้สัมผัสกันเพื่อซึมซับความรู้สึกบางอย่าง หรือบางที

อาจเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าโหยหา



ผมได ้แต่หลับตา ปล่อยให ้คนเหนือร่างเป็นฝ่ ายควบคุม

อย่างช ่าชอง ก่อนลิ้นร ้อนจะค่อยๆ แทรกเข ้าไปภายใน

ร่างกายผมกระตุกวูบในช่วงแรกแต่สมองก็ว่างเปล่าเกินกว่า


จะคิดอะไรออก รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่ได ้รู้สึกรังเกียจที่ถูกจูบแบบ

นี้แล ้ว



เรียวลิ้นร ้อนชื้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล ้ออย่างช านาญและ

เต็มไปความรู้สึกหลากหลาย คราแรกแผ่วเบา แต่ไม่นาน

กลับหนักหน่วงขึ้นราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่าง เร่งเร ้า

ให ้ผมทนไม่ไหวจนเผลอเปล่งเสียงครางผะแผ่วตอบรับ


อย่างลืมตัว

มันน่าอายแต่ก็ห ้ามตัวเองไม่ได ้




อยากผลักอีกฝ่ ายออก แต่อีกใจหนึ่งก็โหยหา ซึ่งแม่ง

เป็นความย ้อนแย ้งที่ผมก็ไม่สามารถอธิบายให ้ตัวเองเข ้าใจ

ได ้เหมือนกัน



ริมฝีปากได ้รูปยังคงตะโบมจูบปนขบกัดเบาๆ ไม่ยอม

ปล่อยให ้ผมได ้พักหายใจ มากกว่านั้นยังใช ้ ปลายลิ้นร ้อนนั้น

สัมผัสกับสบฟันก่อนชักน าและหยอกล ้อแลกเปลี่ยนความ


หวานในโพรงปาก



ฝ่ ามือหนากระชับแน่นขึ้น เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเอียง

องศาของใบหน้าเพื่อให ้เราได ้สัมผัสกันมากกว่าเดิม ทั้ง

ดวงตา จมูก ริมฝีปาก ทุกอย่างแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว

กระทั่งออกซิเจนในร่างกายก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ลมหายใจ

ของคนอ่อนประสบการณ์อย่างผมเริ่มติดขัด ถึงได ้ร ้อง


ประท ้วงด ้วยเสียงอู้อี้ออกมา



ไอ ้ค่ายยอมผละริมฝีปากอย่างว่าง่ายก่อนจะปล่อยให ้ผม

ได ้หายใจด ้วยตัวเอง หากแต่ดวงตาที่มองสบมานั้นยังคง

เต็มไปด ้วยแรงอารมณ์มากมาย



ผมปล่อยให ้มันจูบอีกครั้งและท าแบบนี้ซ ้าๆ โดยไม่


โต ้แย ้งใดๆ เพราะเพิ่งได ้สัมผัสกับความสุขจากการจูบครั้ง

แรก ความสุขที่ไอ ้ค่ายท าให ้ผมได ้รู้จักมัน

“ร ้องไห ้อีกแล ้ว จูบของกูมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียง

ทุ้มแทรกเข ้ามาแทนที่ความอื้ออึงในหู ก่อนจะค ้นพบว่าริม


ฝีปากของตัวเองถูกคนตรงหน้าปล่อยเป็นอิสระแล ้ว แถมมัน

ก าลังเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดน ้าตาให ้อีกต่างหาก



“ก็มึง...”



“แย่ก็เก็บไว ้ในใจ ถ ้ามีความสุขก็เก็บไว ้”




“แต่กู...”



“ชู่ววววว กูเป็นคนหวงวิชา ห ้ามไปใช ้ กับคนอื่นนะ”



“...”



“เพราะงั้นเราต้องเก็บไว้ใช้ด้วยกันสองคน”




ตอนที่ 14

อาย เลิฟ ยู



ชีวิตเรามันจะมีสักกี่ครั้งวะที่เหมือนตื่นขึ้นมาจากฝันแต่

ความจริงเรายังไม่ตื่น ผมคือหนึ่งในนั้น ตอนนี้ผมกลับถึง

ห ้องตัวเองแล ้ว แต่กลิ่นไอของไอ ้ค่ายก็ยังติดตรึงไม่หายไป


ไหน

ผมจ าไม่ได ้แล ้วว่าตัวเองยกมือขึ้นมาจับริมฝีปากกี่รอบ

ความทรงจ าทุกอย่างยังชัดเจนอยู่เลย ที่ส าคัญกูแม่งเสือก

รู้สึกดีกับการกระท าของมันด ้วย เชี่ยเอ๊ย




แม ้จะพยายามสลัดทุกอย่างออกจากหัว ยกข ้อเสียที่ผ่าน

มาของมันขึ้นมาคิดซ ้าๆ หรือย ้าบอกตัวเองว่าให ้ตัดใจสักแค่

ไหน สุดท ้ายผมกลับค ้นพบว่าภาพใบหน้าของมันยังคงติด

อยู่ในความทรงจ าจนฝังลึก ผมโคตรเกลียดตัวเอง เกลียดที่

วิ่งหนีแค่ไหนสุดท ้ายก็ใจอ่อนอีกจนได ้




ลืมไปซะสนิทว่าเคยเจ็บยังไง ร ้องไห ้มามากแค่ไหน กว่า

จะเข ้มแข็งได ้เลือดตาก็แทบกระเด็น พาตัวเองออกไปอยู่

กับรุ่นพี่ ขอค าปรึกษาจากเขามากมายก่ายกอง แต่พอไอ ้

ค่ายกลับมาทุกอย่างก็พังครืนไม่เป็นท่า จ าได ้แม ้กระทั่ง

ช่วงเวลาที่มันเดินโชกเลือดมาหาผมถึงคณะ ท าเอาผม

อยากจะร ้องไห ้ออกมาจริงๆ




ไอ ้ค่ายในตอนนั้นไม่เหลือสภาพคนฮอตที่พยายามพร ่า

บอกเลย เลือดข ้นไหลอาบตั้งแต่หัวลามมาจนถึงใบหน้า

ข ้อศอกและหัวเข่าถลอกปอกเปิก ฝ่ ามือขาวที่มักจับและ

วุ่นวายกับคนอื่นไปทั่วเต็มไปด ้วยสีแดงฉาน ผมมองทุกการ

กระท าของมันในตอนนั้นที่เอาแต่พร ่าบอกว่าจะมารับกลับ

ห ้องด ้วยจิตใจกระวนกระวาย




…แม่งโคตรเจ็บ

เจ็บจนความรู้สึกที่อยากแข็งใจต่ออีกสักหน่อยอ่อน

ปวกเปียกไปหมด แล ้วหลังจากนั้นมันก็ท าตัวเรียกร ้องความ


สนใจอีกหลายอย่าง ปากบอกว่าชอบ แต่การกระท า

เหล่านั้นไม่มีจุดไหนที่แสดงความจริงใจของมันได ้เลย จน

ผมกลัวว่าจะต ้องเจ็บอีกถ ้าถล าลึกลงไป



กระทั่งวันนี้ ตอนที่ได ้จูบกัน ไอ ้ค่ายได ้สลัดความกลัวใน

ใจของผมออกไปจนหมด มันมอบความกล ้ามาให ้ จนตอนนี้

ผมเริ่มเปิดโอกาสให ้ตัวเองได ้ลองเริ่มต ้นใหม่กับมันอีกครั้ง


แม ้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงก็ตาม ก็แค่อยาก...ลองเสี่ยงดู

สักตั้ง เพราะมั่นใจว่าคงไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าที่ผ่านมาแล ้ว

มั้ง



Rrrr..!



จิตใจของผมเต ้นรัวหนักกว่าเก่าเมื่อหันไปเห็น


โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข ้างตัวซึ่งก าลังสั่นครืดจากสาย

เรียกเข ้า และเบอร์ของใครคนนั้นก็คือไอ ้ค่าย เลยได ้แต่นั่ง

ท าใจว่าจะรีบรับเร็วๆ หรือเล่นตัวอีกสักหน่อยดี



ฮือออออ เมื่อกี้มึงเพิ่งจูบกูไปเองนะ ตอนนี้ยังจะโทรมา

ระรานกันอีกเหรอ ปล่อยให ้ตัวเองฟุ้งซ่านอยู่นานก็ตัดสินใจ

รับก่อนที่อีกฝ่ ายจะวางสาย




“วะ...ว่าไงมึง” สัด เสียงสั่นอย่างกับโดนไฟดูด

[ถึงแล ้วเหรอ อาบน ้ายัง]




“ถึงแล ้วแต่ยังไม่ได ้อาบน ้า โทรมามีไร” ขนาดเค ้นเสียง

เข ้มกลับไป ใจยังสั่นไม่หวาดไม่ไหว กูตายแน่ๆ นี่เหรอ

ความรู้สึกของคนก าลังมีความรัก



[ก็มึงไม่ยอมโทรบอกกูอ่ะ กูก็เป็นห่วงดิ]



“เออถึงแล ้ว วางสายเลยนะ”




[เดี๋ยวๆ งานอาจารย์เปรมศิณีเสร็จหรือยัง]



“เสร็จแล ้ว”



[กูยังไม่เสร็จ ขอลอกหน่อย]




“พรุ่งนี้เอาไปให ้ แค่นี้ใช่มั้ย” ปลายสายเงียบไปอึดใจ

หนึ่ง จนผมคิดว่ามันคงไม่พูดอะไรแล ้วเลยตั้งใจตัดบทดื้อๆ

แต่แล ้วเจ ้าตัวก็กรอกเสียงลงมาอีกครั้ง



[แล ้วหิวมั้ย]



“เพิ่งแดกกับมึงไปไง จะกินอะไรนักหนาล่ะ”




[มึงง่วงแล ้วเหรอ]

“กูยังไม่ได ้อาบน ้าเลยจะนอนได ้ไง” ดูเหมือนว่าคน

ประหม่าที่สุดในสถานการณ์นี้จะไม่ใช่ผมแล ้วว่ะ แต่เป็นไอ ้


ค่ายที่ดูลนลานมากกว่า



[งั้นมึงไปอาบน ้าก่อนเลย]



“อืม วางสายแล ้วนะ”



[ไม่วางดิ อาบไปคุยไปได ้มั้ย]




“มึงบ ้าเหรอ ท าไมต ้องท าอะไรเหมือนเด็กๆ ด ้วย” ถึงแม ้

จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในความรู้สึกกลับพองโตจนแทบ

ระเบิด



ไม่คิดไม่ฝันว่าเพื่อนที่แอบชอบมาตลอดหลายปีจะมี

ความรู้สึกดีๆ ตอบกลับมาด ้วย เพราะทุกครั้งที่คาดหวัง ผม


มักจะคิดว่ามันคือฝันลมๆ แล ้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง แต่แปลก

นะ ที่ถึงแม ้จะรู้ว่าเป็นแค่ฝันเราก็ยังมีความหวังว่าวันนึงมัน

จะเกิดขึ้นจริงเสมอ



[เติร์ด มึงฟังกูอยู่ป่ ะเนี่ย] เสียงทุ้มต ่าปลุกให ้ผมสะดุ้ง

ก่อนกลับมาจดจ่อกับปลายสายอีกครั้ง




“มึงว่าไงนะ”

[ถือสายไว ้นั่นแหละ ไม่ต ้องวางหรอก มึงอาบน ้าเสร็จ

ค่อยกลับมาคุย]




“วางสายดีกว่ามั้ย ไม่ได ้คุยจะปล่อยให ้เปลืองค่า

โทรศัพท์เล่นท าไม แม่มึงรวยเหรอ”



[ก็รวยนะ] เออกูไม่สู ้ มันใช่เรื่องนั้นที่ไหนวะแส

รดดดดดดดดดดดด




อยากด่าแต่ก็คงเปลืองน ้าลายเปล่า เลยเลือกเดินเข ้าไป

ในห ้องน ้า วางมือถือไว ้ตรงเคาน์เตอร์อ่างล ้างหน้า ซึ่งผมก็

ยังคงได ้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมาไม่ขาดสายว่าให ้เปิด

ล าโพงไม่หยุด



อีตอนแปรงฟันไม่เท่าไหร่หรอก ไอ ้ค่ายมันเงียบ นานๆ ที

จะได ้ยินเสียงกุกกักเหมือนก าลังท าอะไรบางอย่างซึ่งคิดว่า


น่าจะเป็นการรื้อตู้แผ่นหนังออกมาปัดฝุ่ นซะมากกว่า เพราะ

นี่คืองานอดิเรกของมัน



ทุกอย่างที่เป็นไอ ้ค่ายผมรู้หมด แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เคยรู้

เลยก็คือใจที่เอาแน่เอานอนไม่ได ้ของมัน เพราะงั้นการที่จะ

เริ่มต ้นความรักกับคนแบบนี้ ผมก็ควรต ้องเสี่ยงไม่ว่าผลจะ

ออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม




[เติร์ดท าอะไร] เงียบได ้แป๊ บๆ มันมาอีกละ

“นี่กูต ้องรายงานสถานการณ์ให ้มึงรู้ตลอดเลยหรือไง”




[ก็แล ้วมึงท าอะไรอ่ะ]



“จะอาบน ้า”



[อู้หูวววววว ใจเต ้นแรงเว่อร์ เปิดกล ้องให ้ดูหน่อยซิ พอดี

กูอยากเสียว]




“ไปตายไป”



ผมได ้ยินเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดมาจากอีกฝ่ ายไม่ขาด

สาย ไอ ้เรื่องลามกจกเปรตนี่ต ้องยกให ้คุณชายขุนพลเป็น

คนแรกเลยครับ ท าแต่เรื่องชั่วๆ แถมหาความดีไม่ค่อยได ้



กว่าจะปลีกตัวออกมาจากการโต ้เถียงทางโทรศัพท์ก็เล่น


เอาเสียเวลาไปเป็นชั่วโมง หลังจากอาบน ้าแต่งตัวเสร็จก็ได ้

เวลากระโดดขึ้นเตียง ปกติผมจะนั่งเล่นแลปท็อปประมาณ

ครึ่งถึงสองชั่วโมง หรือไม่ก็ดูหนังจนหลับไปเลย แต่วันนี้ทุก

อย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล ้วเมื่อผมไม่ได ้อยู่ตัวคนเดียว

เหมือนทุกครั้ง



“อาบน ้าเสร็จแล ้ว จะวางสายได ้ยังวะ” ผมถาม ไอ ้ค่าย


เลยตอบกลับมาเสียงอ่อย

[จะหลับแล ้วจริงดิ กูยังไม่อยากวางเลย]




“ปัญญาอ่อน ปกติมึงท าอย่างนี้กับผู้หญิงทุกคนป่ ะ”



[ก็ไม่นะ คนอื่นไม่อยากคุย อยากเยอย่างเดียว]



“สัด”



[นี่นั่งค ้นหนังอยู่ อยากดูกับมึง อย่าวางสายได ้มั้ยวะ]




“แล ้วกูจะได ้อะไรจากการดูหนังผ่านมือถือของมึง”



[ก็ได ้ใจของกูไงครับ]



“พอดีไม่อยากได ้”




[เป็นเพื่อนดูหนังก็ได ้]



“กูไม่ได ้อยากดูหนังตอนนี้”



[อุต๊ะ! เปิดแล ้วอ่ะท าไงดี] เวรเอ๊ย อย่างนี้จะท าอะไรได ้

ล่ะ กดตัดสายไปเลยก็ดูใจร ้ายเพราะลึกๆ ก็อยากคุยกับมัน

อยู่ สุดท ้ายเลยปล่อยเลยตามเลย เปิดล าโพงคุยกันปล่อย


ให ้เสียงจากหนังเรื่องหนึ่งแทรกเข ้ามาเป็นครั้งคราว ผมไม่รู้

หรอกว่าไอ ้ค่ายก าลังดูเรื่องอะไรอยู่เพราะมันไม่ได ้บอก เลย

ได ้แต่นอนฟังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับ




นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่เสียงทุ้มของเพื่อนรักหายไป มี

เพียงเสียงเพลงและไดอาล็อกจากหนังเท่านั้นที่ยังคง

ด าเนินต่อไปอย่างไม่มีสะดุด เปลือกตาของผมใกล ้ปิดลง

แต่ก็ยังฝืนลืมเอาไว ้เพื่อรอฟังค าบอกลาในคืนนี้จากอีกฝ่ าย

อยู่



สิบนาทีผ่านไป ผมค่อนข ้างมั่นใจว่าแม่งคงหนีหลับไป


ก่อนแล ้วเลยกรอกเสียงติดง่วงงุนลงกับปลายสาย โดยที่ไม่

คาดหวังว่ามันจะตอบกลับ



“ค่าย กูนอนแล ้วนะ”



[จะหลับแล ้วเหรอ สรุปดูหนังรู้เรื่องมั้ย]




“รู้ก็เหี้ยละ” ไม่ได ้หลับไปแล ้วเหรอวะ...



[ให ้ทาย] ง่วงจะตายห่ายังมาเล่นอีก ผมได ้แต่ดึงทึ้งหัว

ตัวเองด ้วยความหงุดหงิด ไม่ยอมตอบอะไรกลับไปนอกจาก

เงียบเพื่อรอให ้ไอ ้ค่ายยอมแพ ้และตัดบทไปเอง [ถ ้าทายถูก

มีรางวัลด ้วยน้า]




ได ้คืบจะเอาศอก คราวนี้มีข ้อเสนอให ้อีกต่างหาก กูนี่กลัว

เลยครับ กลัวว่ามันจะคิดอะไรแผลงๆ ให ้น ้าตานองกันอีก

“รางวัลคืออะไร”




[มึงจะได ้เพื่อนคู่คิดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอัตรา เป็นที่ปรึกษาให ้

มึงได ้]



“ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล ้วหนิ”



[มึงจะมีแผนกการเงิน ปล่อยเงินกู้ให ้มึงใช ้ ตลอดชีวิต

ด ้วย]




“เงินกูก็มีมั้ย ท าไมต ้องเกาะมึงกินด ้วย ประสาท”



[แต่กูมีโปรโมชั่นนะ ตอบถูกภายในสิบนาทีนี้มึงจะมี

ครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น มีแม่สองคน พ่อสองคน และก็มีพี่สาว]

ผมแทบหลุดหัวเราะกับประโยคก่อนหน้าของไอ ้ค่าย มัน

เป็นคนคารมดี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้




ครอบครัวที่มีสมาชิกเพิ่มเหรอ ผมไม่เคยคิดเรื่องนั้น แต่

พ่อแม่ของมันดีกับผมมากจริงๆ



“งั้นกูตอบแล ้วกัน หนังที่ดูชื่อเรื่องว่า Once”



[มึงแกล ้งตอบผิด] ไอ ้สัด เสือกรู้กูไปอีก บางทีการเป็น


เพื่อนสนิทกันมานานแม่งก็เหี้ยนะครับ เหี้ยตรงที่ต่อให ้

แกล ้งโกหกแค่ไหนมันก็รู้ทันอยู่ดี

“กูไม่รู้โว ้ย”




[อ่ะเดี๋ยวเพิ่มข ้อเสนอให ้ เผื่อมึงอยากได ้รางวัล] กูไม่ได ้

อยากได ้เลย...แต่ใครจะไปสู ้ ความหน้าด ้านหน้าทนของไอ ้

ค่ายที่พยายามพรีเซนต์ตัวเองกัน [ถ ้าตอบถูกมึงจะได ้สารถี

ขับไปรับไปส่งตลอด]



“กูไม่ชอบนั่งบิ๊กไบค์”




[อันนี้ๆ ตอนที่มึงเศร ้าหรือท ้อกูจะอยู่เคียงข ้างมึงเสมอ]



“…” ฟังดูดี



[กูจะช่วยมึงท าตามความฝัน ขณะเดียวกันก็สร ้างฝันของ

ตัวเองไปด ้วย และถึงแม ้ที่ผ่านมากูจะท าตัวเหี้ยๆ มาเยอะ กู

ก็ให ้สัญญาว่าจะหยุดทุกอย่างเพื่อมึงนะเว ้ย] โอ ้โหมาทียาว


ประมาณสองหน้ากระดาษ แล ้วแต่ละประโยคปั้งเข ้าที่ใจ

เต็มแรงทั้งนั้น



และถึงแม ้ว่าประโยคชวนฝันพวกนี้จะท าให ้รู้สึก

เคลิบเคลิ้มแค่ไหน มันก็เป็นแค่ค าพูดอยู่ดี...



“พูดแล ้วท าให ้ได ้นะ” ผมย ้าเตือนอีกรอบ




[แน่นอนดิ แล ้วพอจะตอบได ้หรือยัง ใบ ้ให ้ก็ได ้ว่าเป็น

หนังเกี่ยวกับดนตรี มึงเคยดูแล ้วสองรอบ นางเอกชื่อเคียร่า

ที่ร ้องเพลงฮิตอย่าง lost star] โอ ้โห มึงใบ ้มาขนาดนี้กู


ตอบไม่ได ้เลยครับไอ ้เหี้ย



ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ตอบเลยแล ้วกัน



“Begin Again”



[ถูกต ้องนะคร ้าบบบบบ เพราะงั้นเราเริ่มต ้นกันใหม่แล ้ว


นะ]



“…”



[หลังจากนั้นทุกอย่างที่พูดไปก่อนหน้าจะเป็นของมึง

ทั้งหมด ตกลงมั้ย]




“…”



[ตกลงมั้ย] ไอ ้ค่ายถามย ้าอีกรอบ



“อืม”



เป็นเพลงประโยคตอบรับสั้นๆ ที่ความรู้สึกเอ่อล ้นไปหมด


ผมเลื้อยลงเตียง เลื่อนผ ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าและลอบยิ้มอยู่

ในนั้นจนกว่าจะหลับไป

ไอ ้ค่าย มึงสัญญากับกูแล ้วนะ




ความจ ากูดีมาก ฉะนั้นกูไม่มีทางลืมหรอกว่าคืนนี้เราคุย

อะไรกันบ ้าง สัญญาอะไรไว ้ และมีความสุขมากแค่ไหน...



วันนี้ที่กองละครเวทีนิเทศฯ ยังคงเต็มไปด ้วยความวุ่นวาย

หลายคนสาละวนอยู่กับการท าหน้าที่ของตัวเองจนไม่มี

เวลาไปท าอย่างอื่น จะมีก็แต่ผมที่เป็นหนึ่งในทีมเขียนบท

ซึ่งหมดหน้าที่ลงแล ้วเพราะไม่ต ้องแก ้ไขหรืออธิบาย


รายละเอียดของฉากอะไรอีก เพราะงั้นเวลาที่ว่างแสนว่าง

เลยหมดไปกับการนั่งประกบพี่เชนทร์กับพี่อั้นที่ก าลังคุมการ

แสดงอยู่



“ฟานมึงไปท าอารมณ์มาใหม่ป่ ะ ตอนนี้ฝืนเล่นไปก็ไม่ได ้”

มนุษย์ร่างหมียื่นค าขาด เล่นเอาเด็กปีหนึ่งที่ต ้องรับบทหนัก

ด ้วยการเป็นพระเอกตั้งแต่เรื่องแรกถึงกับเครียด เดินคอตก


ไปหาทีมแอคติ้งที่อยู่ไม่ไกลนัก



“ถ ้าไอ ้ค่ายมาเล่นแม่งคงดีกว่านี้”



“พี่อย่าบ่นเลย ไอ ้ค่ายเล่นก็ใช่ว่าจะดี น้องมันก็พยายาม

มากนะ” พูดไปก็ตบบ่าปลอบใจรุ่นพี่ไป แม ้ว่างานจะเริ่มใน

ต ้นเทอมหน้าก็จริง แต่ระยะเวลาแบบนี้ก็วางใจไม่ได ้อยู่ดี




“เดี๋ยวนี้ไม่เข ้าข ้างแฟนมึงแล ้วเหรอ”

“ไอ ้ค่ายไม่ใช่แฟนผม”




“เคๆ แต่สรุปก็เปิดใจแล ้วใช่มั้ย”



“นิดหน่อยว่ะพี่ รอดูพฤติกรรมก่อน”



“เออช่วยรีบดูด ้วย ไม่ใช่มาดึงกูเป็นมือที่สามอีก แม่ง...”

เสียงสบถที่แทรกเข ้ามาเป็นของพี่อั้น แม ้ปากจะพูดแต่มือ

ยังคงเลื่อนมือถือด ้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดอยู่




ต ้องบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากพี่เชนทร์เพียงคน

เดียว ด ้วยความที่เป็นคนมองขาด แกเลยอยากช่วยให ้ผม

สมหวังจนลืมไปว่า...นี่เรื่องของกู พี่มึงอ่ะเสือกเลย แถมดึง

เพื่อนเข ้ามาเอี่ยวโดยที่เขาไม่รู้อีก ผมเลยนึกสงสารพี่อั้นจับ

ใจ เพราะถูกไอ ้ค่ายมองในด ้านลบไปนานมาก




“อั้น...เชนทร์ขอโทษน้า”



“มึงไม่ต ้องมาลูบแขนกู ขนลุกสัด” เจ ้าของชื่อรีบสะบัด

ตัวหนี พี่เชนทร์แกเลยหันมายิ้มเยาะกับผม ก่อนจะเริ่ม

ประเด็นใหม่อย่างรวดเร็ว



“แล ้วไอ ้ค่ายนี่ยังไง พฤติกรรมดีป่ ะ มีปัญหาตรงไหนก็


บอกกูได ้”

“มันยังไม่แผลงฤทธิ์นะ”




“ถ ้ามันเปลี่ยนก็ถือเป็นโชคดีของมึง เพื่อนกูที่เจ ้าชู ้ แล ้ว

หยุดก็มีเยอะนะ”



“กี่คนอ่ะพี่”



“สี่”




“จากสิบเหรอวะ”



“จากห ้าสิบ” ฆวย...



ผมอยากรู้จริงไอ ้ความเจ ้าชู ้ นี่มันเลิกยากเย็นขนาดนั้นเลย

เหรอวะ โอเคผมอาจจะเกิดมาไม่ได ้ผาดโผนและบ ้าคลั่ง

เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เหมือนเพื่อนในกลุ่ม เลยไม่เข ้าใจความรู้สึก


ของคนที่พยายามหยุดและรักใครแค่คนเดียว



แม่งอยากพอๆ กับเลิกบุหรี่มั้ยวะถามจริง



“อยากรู้ชีวิตสี่คนที่เหลือของเพื่อนพี่อ่ะ ตอนนี้เป็นยังไง

บ ้างวะ” ผมคิดว่าสี่คนนี้คงเป็นพี่น้องนิเทศฯ ที่เจอกันอยู่

บ่อยๆ เนี่ยแหละ แต่ก็ไม่เคยรู้รายละเอียดเรื่องชาวบ ้านเขา


เท่าไหร่

“ก็มีสามคนใช ้ ชีวิตอยู่กับแฟนแบบหลงจนโงหัวไม่ขึ้นจน

เพื่อนสงสัยว่าโดนของ ส่วนอีกคนนึงแฮปปี้สุดกู่”




“ท าไมวะ ชีวิตคู่ดีมากเลยเหรอ”



“ใช่ แต่กับแฟนใหม่นะ”



“…!!”




“มันจะมีบางคนเว ้ยที่บอกว่าตัวเองหยุดและการกระท า

หยุดตามไปด ้วย แต่มันก็จะมีบางคนที่มโนดิบว่าจะซื่อสัตย์

และรักแค่คนคนเดียวแต่สุดท ้ายก็ดีแตก กูถึงบอกตลอดไง

จะเอาอะไรกับใจคน”



นั่นสิวะ ขนาดผมที่บอกจะใจแข็งให ้นานสุดท ้ายก็ต ้อง

ยอมให ้กับความขี้อ่อยของไอ ้ค่าย แล ้วมันล่ะ...คนที่เป็น


อย่างนั้นมาตั้งแต่เริ่มวัยรุ่น มีความรักกับคนมานับไม่ถ ้วน

สุดท ้ายอยากจะหยุด มันจะท าได ้จริงเหรอวะ



“ตั้งแต่วันที่ได ้คุยกับพี่ ผมก็ใช ้ สมองมากกว่าหัวใจตลอด

นะ” ไม่รู้อะไรผลักดันให ้พูดออกไปแบบนั้น คงเป็นเพราะ

ผมก าลังพยายามปกปิดความโง่ของตัวเองกับทุกคนอยู่มั้ง




พี่เชนทร์มันก็เอาแต่มองหน้ายิ้มๆ มีไอ ้พี่อั้นพยักหน้า

เข ้าใจก่อนก ้มลงเลื่อนมือถือต่อเหมือนตัดขาดจากโลก พี่

เชนทร์มีแฟนที่ดีและความรักที่ดีไปแล ้ว ส่วนพี่อั้นยังเป็น

พวกลอยไปตามลมอยู่ ทุกคนมีจุดมุ่งหวังเป็นของตัวเอง


แต่ส าหรับไอ ้ค่าย ผมไม่สามารถรู้ได ้เลยจนกว่าเจ ้าตัวจะ

พิสูจน์ให ้เห็น



“กลัวอ่ะดิ” พี่มันพูดต่อ



“กลัวอะไร ผมไม่ได ้กลัว”




“เหรอ แต่สีหน้ามึงบอกกูซะหมดเปลือกเลย”



“พี่แม่งมั่วสัด”



“เออ มั่วก็มั่ว แต่ถ ้าวันไหนไอ ้ค่ายเหี้ยใส่มึงเมื่อไหร่ก็มา

ขอเป็นเมียน้อยกูได ้” เหี้ยฉิบหาย ใครมันจะอยากมีแฟนหุ่น

หมีอย่างพี่มึงวะ




“ผมไม่ได ้จะให ้ใจใครเร็วๆ นี้ ไม่ต ้องกลัวว่าผมจะเสียใจ

หรอก” พูดย ้าไปอีกครั้งเพื่อสร ้างความมั่นใจ ไม่รู้เพื่อใคร

แต่คนฟังก็พยักหน้าตอบรับส่งๆ ให ้เท่านั้น



ไม่นานฟานกับพิงค์ก็พร ้อมกลับเข ้ามาเล่นฉากส าคัญอีก

รอบ ซึ่งเป็นการแสดงที่มีแค่เพลงประกอบฉากเบาๆ แต่


ต ้องแสดงอารมณ์ที่ค่อนข ้างลึกเพราะเป็นฉากไคลแม็กซ์

ของเรื่อง

ฉากบอกรักโดยไม่มีประโยคพูดแม ้แต่ประโยคเดียว




ไอ ้พี่เชนทร์แม่งเป็นคนเขียนฉากนี้ แม่งโง่หรือโง่วะที่เล่น

ใหญ่กับงานละครเวที แถมมีนักแสดงมือใหม่มาเจิมงานกัน

ทั้งคู่ พอได ้ยินเสียงห ้า...สี่...สาม...สอง เราก็นั่งลุ้นกันตัว

เกร็ง



ฉากบอกรักในซอกชั้นหนังสือ โอ ้โห กูนึกว่าหมอกปีจาก

ปลาบนฟ้ามาทรีตบทเอง น ้าเน่าฉิบหายแต่ก็จ าต ้องดูเพราะ


ผู้ก ากับเขียนเอง กูเถียงไม่ได ้ ที่ส าคัญคือเจ ้าตัวเล่นบอกว่า

มันคือซีนที่คนดูต ้องจ าไปจนวันตาย



แม่งคิดว่าจะส่งเข ้าชิงออสการ์เหรอ ลืมคิดไปหรือเปล่า

ว่าถ ้าเล่นไม่ถึงมึงก็แป้กได ้เหมือนกัน



“ข ้าวโพด....” ทั้งซีนมีประโยคพูดแค่ชื่อของนางเอก ร่าง


สูงของรุ่นน้องปีหนึ่งเดินเข ้ามาประชิดกับนางเอกอย่างพิงค์

สายตาทอดมองร่างบางที่อยู่ตรงหน้า พยายามเค ้นค าว่ารัก

ออกมาทางสายตา แต่...



“คัต! ทั้งคู่เลย มานี่หน่อย” คนที่ท าหน้าที่เป็นผู้ก ากับ

กวักมือเรียกรุ่นน้องไหวๆ ก่อนแกจะเปิดคอร์สบิวด์อารมณ์

ระยะสั้นแบบงงๆ




“พี่ไม่อินว่ะฟาน พิงค์ก็ด ้วย เล่นแข็งเป็นฟอสซิลเลย”

น ้าเสียงปนเหนื่อยหน่ายบ่นออกมา ท าเอาคนฟังก ้มหน้างุด

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากคนตรงหน้าอยู่ดี




“ฉากบอกรักโดยไม่พูดเนี่ยแม่งท ายังไงก็ไม่ได ้หรอกพี่

คนดูจะเข ้าใจได ้ยังไงถ ้าไม่พูดออกมา”



“เอ ้า แล ้วตอนที่มึงร ้องไห ้โดยไม่ฟูมฟายคนอื่นรู้มั้ยว่ามึง

เสียใจ”




“คะ...ครับ”



“เหมือนกัน ไม่พูดไม่ได ้หมายความว่าเราจะไม่รู้ เพราะ

คนบางคนชอบเข ้าใจว่าการสื่อสารคือการพูดอย่างเดียวไง

เลยโฟกัสแต่การท่องบท ถึงจะเงียบเราก็ยังสื่อสารกันได ้

แม ้ขยับท่าทางก็เรียกว่าการสื่อสาร กรอกตาไปมาก็สื่อสาร

อาร์ยูโอเค๊?” ผู้อาวุโสถามเสียงสูง ไอ ้ฟานเลยพยักหน้า


หงึกหงักแม ้ไม่รู้ว่าตัวเองเข ้าใจดีหรือเปล่า



การแสดงละครเวทีแม่งยากจริง เพราะเราเล่นสด พลาด

คือพลาดเลย ต ้องแสดง จ าบท ถ่ายทอดอารมณ์ ร ้อง เต ้น

ท าแม่งทุกอย่าง แถมยังต ้องท าการแสดงอีกหลายรอบใน

แต่ละปี มันเลยเปลืองพลังงานนักแสดงมากๆ




นี่ก็ซ ้ อมกันมาเป็นเดือนแล ้ว ใครจะลาตายก็ไม่ได ้ จริงจัง

กว่าสอบเข ้ามหา’ลัยอีกนะเนี่ย

“เดี๋ยวเริ่มใหม่ แล ้วจะใช ้ ซาวน์ประกอบด ้วยเผื่อดีขึ้น ไอ ้

ค่ายมาท าหน้าที่มึงหน่อย ซีน 23 บอกรักในหอสมุด”


เจ ้าของชื่อที่นั่งแกว่งเฝือกอยู่ไม่ใกล ้ไม่ไกลวิ่งกะเผลกมา

อย่างรู้งาน โดยมีเพื่อนในฝ่ ายซาวน์ยกแล็ปท็อปและ

ล าโพงตามมาไม่ห่าง



ด ้วยเป็นการซ ้ อมแบบไม่จริงจัง ดังนั้นเราเลยไม่ใช ้ ห ้อง

โสตในการกระจายเสียง แต่เป็นการควบคุมจากแล็ปท็อป

เพียงเครื่องเดียวแทน




ส่วนใหญ่เห็นไอ ้ค่ายบอกใช ้ ซาวน์ส าเร็จรูป จะมีบางเสียง

เท่านั้นที่อัดใหม่ ส่วนเพลงก็หามาและตัดใส่ให ้เข ้ากับ

บรรยากาศในฉากนั้นๆ และที่พิเศษกว่าเห็นจะเป็นการแต่ง

เพลงเฉพาะกิจส าหรับละครเวทีด ้วย คนแต่งก็เด็กนิเทศฯ

เนี่ยแหละ แต่นักร ้องคงต ้องออดิชั่นกันอีกที




“พร ้อมนะ ห ้า สี่ สาม สอง แอคชั่น” เสียงของผู้ก ากับดัง

ขึ้น เป็นฉากหวานๆ ที่เล่นรอบหนึ่งล ้านแปดแสนแต่ก็ยังไม่

ถูกใจ



ตฤณและข ้าวโพดยืนมองหน้ากันในซอกตู้หนังสือ (มโน)

มือหนาเอื้อมมือไปจับฝ่ ามือขาวอย่างช ้ าๆ พร ้อมกับเพลงรัก

หวานซึ้งที่ก าลังเปิดคลออยู่




นี่คือฉากบอกรักที่ไม่มีค าว่ารักที่แท ้จริง

ผมมองการแสดงตรงหน้าอย่างลุ้นๆ กระทั่งรู้สึกถึงแรง

สะกิดจากใครบางคนจึงหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าไอ ้ค่าย


ก าลังจ ้องผมอยู่ก่อนแล ้ว



“อะไร” ผมถามเสียงแผ่ว เบาจนแทบไม่ได ้ยิน ซึ่งคนตัว

สูงแม่งก็ไม่ได ้ตอบอะไรกลับมานอกจากเอื้อมมือมาจับมือ

ผมตามบทเป๊ ะๆ



เล่นเหี้ยอะไรเนี่ย!




“ดีมาก ต่อเลย...” เสียงพี่เชนทร์แทรกเข ้ามา เสี้ยวหนึ่ง

ผมเห็นรุ่นน้องที่ก าลังท าการแสดงอยู่เริ่มมีปฏิกิริยา

เคลื่อนไหว ตฤณค่อยๆ จับมือข ้าวโพดด ้วยสองมือของ

ตัวเอง



ไอ ้ค่ายก็เริ่มจับมือของผมด ้วยสองมือของมันเช่นกัน




มือหนาของตฤณเลื่อนขึ้นมาตรงหน้าอก ก่อนจะแนบมือ

ของพวกเขาไว ้ตรงหัวใจ



ส่วนกูกับไอ ้ค่ายนั้น...



เลื่อนต ่าลงไปตรงเป้ากางเกงของมันแล ้วใช ้ ฝ่ ามือของผม


บดคลึงน้องชายที่ก าลังโป่ งพองได ้ที่ ไอ ้เหี้ยยยยยยยยยย

“ต ่าตมไม่หยุดจริงๆ มึง” ผมจิ๊ปากเสียงดังก่อนจะชักมือ

กลับราวกับต ้องของร ้อน ไอ ้ควายนี่ถนัดเหลือเกินเรื่องท า


อนาจารในที่สาธารณะเนี่ย ที่ส าคัญยังมีหน้ามาต่อปากต่อ

ค ากับผมอีกนะ



“ไม่อินเหรอ ฉากบอกรักที่ไม่มีค าว่ารักไง”



“ถุย! รักพ่อง”




“เอ ้า ความรักเริ่มต ้นที่เตียง หน้าระเบียง และห ้องซ ้ อม

ละคร”



“มึงไปไกลๆ ตีนกูป่ ะ”



“ไปไม่ได ้กลัวขาดความรักตาย” โรแมนติกจังเล ้ย

ประสาท




“สวีตจังเลยอ่ะครับ กูคัตนานแล ้วไอ ้ฟาย เมื่อไหร่เพลง

ของมึงจะจบสักที!” เสียงเกรี้ยวกราดของพี่เชนทร์ที่ส่งมา

ให ้คนคุมเสียงขาหักอย่างไอ ้ค่ายท าให ้เราต ้องหันกลับมา

สนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ซึ่งแน่นอนนักแสดงเล่นจบไป

แล ้ว แต่ที่ไม่จบคือเพลงและอารมณ์กูเอง แสรด




“ขอโทษได ้ป่ ะล ้า”

“กูไม่ให ้อภัย ให ้เพื่อนมึงมาคุม ส่วนมึงก็ไปไกลๆ” คนตัว

สูงโดนไล่ให ้ไปนั่งสงบเสงี่ยมโดยไม่ก่อกวนคนอื่นอีกมุม


หนึ่งของห ้อง สักพักก็เห็นมันไปป่ วนไอ ้ทูแถมอาสามาเป็น

ตากล ้องท าเพจแทนฝ่ าย PR อีกต่างหาก



เพราะงั้นผมจึงเห็นร่างสูงที่เอาแต่เดินกะเผลกไปทั่วห ้อง

ก าลังถือกล ้องเก็บภาพบรรยากาศของการซ ้ อมละครเวทีอยู่

ไม่ห่าง ตอนแรกก็เริ่มที่นักแสดง ผู้ก ากับ สวัสดิการ และ

หลังๆ ก็มาป้วนเปี้ยนอยู่แต่กับกู




“ไอ ้เติร์ดยิ้มหน่อย” กล ้องตัวใหญ่แนบอยู่กับดวงตาของ

คนพูด ส่วนมือก็เตรียมกดชัตเตอร์อยู่ตลอดเวลา แต่มันติด

ตรงที่ผมไม่อยากให ้ความร่วมมือเท่าที่ควร



“ไปถ่ายคนอื่นไป กูไม่อยากมีหน้าเด่นหราอยู่ในเพจ

เพราะมึง”




“ยิ้มหน่อยๆ ท ้องฟ้าวันนี้สดใสมากเลย” สดใสพ่อง! อยู่

แต่ในห ้องซ ้ อม มีโอกาสเห็นเดือนเห็นตะวันมั้ยก็ไม่ แถมยิ่ง

ว่าเหมือนยิ่งยุ ยิ่งผมไม่ท าตามค าสั่งไอ ้ค่ายก็เร่งกดชัตเตอร์

รัวๆ จนคิดว่าคงได ้ภาพไปแล ้วร ้อยกว่าช็อต



“นี่ถ ้าไม่ติดว่าขาเป๋ อยู่กูจะเตะให ้ข ้อพับหัก ร าคาญ”




“เกรี้ยวกราดจังวะ”

“คนเขาท างานอยู่มึงเห็นมั้ย”




“ก็เห็นไง กูเองก็ท างานถ่ายรูปโปรโมตเพจอยู่นี่ไง”



“เชื่อตายล่ะ นั่นไงข ้าวกล่องมาแล ้ว ไปกินก่อนเลย อยู่

ตรงนี้ก็เกะกะ” ผมปัดมือไล่เจ ้าตัวอย่างไม่ใส่ใจ ไอ ้ค่ายเลย

หรี่ตาใส่แต่ก็ยอมท าตามค าสั่ง เดินกะเผลกไปสมทบกับ

เพื่อนรักอีกสองคนที่วิ่งหูตั้งเมื่อเห็นของกินมาประเคนถึงที่

ไอ ้โบนคว ้าไปสองกล่อง เสมือนรักเพื่อนแต่เปล่าเลยเพราะ


แม่งแดกเบิ้ล



ไอ ้ทูตามไปติดๆ คว ้าข ้าวกล่องกับน ้าดื่มเสร็จมันก็

สาระแนไปนั่งเบียดกับผู้หญิงสวยๆ อย่างมีความสุข เห็น

แล ้วเลยได ้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา มองดูผู้ก ากับอย่างพี่

เชนทร์ซ ้ อมนักแสดงในฉากจนเสร็จ พี่แกถึงปล่อยพักแล ้ว

แยกย ้ายหาอะไรรองท ้อง




ผมเดินกลับมาพร ้อมพี่อั้น ส่วนป๋ าเชนทร์แกหนีไปหา

แฟนที่คณะดังนั้นเราเลยไม่ได ้ยินเสียงหมีควายบ่นอยู่ใกล ้หู

เหมือนที่ผ่านมา



“ไอ ้เติร์ดนี่ของมึง” พี่อั้นหยิบข ้าวกล่องให ้ ก่อนผมจะยื่น

มือไปรับโดยไม่ให ้เสียน ้าใจ




“ขอบคุณครับพี่”


Click to View FlipBook Version