การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
Greenhaus, J. H., & Callanan, G. A. (1994). Career Management. San Diego:
Dryden Press.
Greenhaus, J. H., & Callanan, G. A. (1999). Career Management. San Diego:
Dryden Press.
Hair Jr, J. F., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2006). Multivariate Data
Analysis (7th ed.). New Jersey: Pearson Prentice Hall.
Imai, H. (2003). Toyota’s Overseas Management. Bangkok: Post Books.
Ishikawa, J., & Xu, Y. (2015). Transformational Leadership in Japanese R&D Teams. Rikko
Business Review, 8, 61-73.
Judge, T. A., Cable, D. M., Boudreau, J. W., & Bretz Jr, R. D. (1995). An Empirical
Investigation of the Predictors of Executive Career Success. Personnel
Psychology, 48(3), 485-519.
Kline, R. B. (2011). Principles and Practice of Structural Equation Modeling
(3rd ed.). New Work: The Guilford Press.
Northouse, P. G. (2019). Leadership: Theory and Practice (8th ed.). Michigan: SAGE
Publishing.
Obara, K. (2016). Executive Leadership for the R&D Department of Blockbuster of
Japanese Pharmaceutical Company. Journal of the Faculty of Management
and Information Systems, Prefectural University of Hiroshima, 8, 41-59.
Paulsen, N., Callan, V. J., & Ayoko, O. (2012). Transformational Leadership and
Innovation in an R&D Organization Experiencing Major Change. Journal of
Organizational Change Management, 26(3), 595-610.
Rout, P. K., Das, J. R., & Puthal, M. (2019). Impact of Transformational Leadership on
R&D Leader Performance. International Journal of Recent Technology and
Engineering, 8(4), 8314-8322.
Smart, R., & Peterson, C. (1997). Super’s Career Stages and the Decision to Change
Careers. Journal of Vocational Behavior, 51(3), 358-374.
Stanley, J., & Karolin, R. Y. (2016). Top Level Manager: Skills, Functions, Tasks,
Approaches, Responsibilities and Roles. Asian Journal of Management
Research, 7(2), 170- 178.
Zaleznik, A. (1977). Managers and leaders: are they different? Harvard Business
Review, 67-78. Retrieved from https://hbr.org/2004/01/managers-and-leaders-
are-they-different.
575
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ปจั จยั สว่ นประสมทางการตลาดท่ีมีผลต่อการตัดสินใจใช้แอปพลิเคชัน
ส่ังอาหารออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร
อัญธิกา นทวี ฒุ ิกุล1
นกั ศกึ ษาปริญญาโทหลักสตู รบริหารธุรกิจมหาบัณฑติ คณะบรหิ ารธรุ กจิ
มหาวิทยาลัยกรงุ เทพ
นสิ ติ มโนตั้งวรพนั ธุ์
อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าการจดั การธรุ กิจระหวา่ งประเทศ คณะบริหารธุรกิจ
มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลและหาความสัมพันธ์ของ
ปัจจยั สว่ นประสมทางการตลาดท่ีมีผลตอ่ การตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชนั สง่ั อาหารออนไลนข์ องผู้บริโภค
ในกรุงเทพมหานครประชากรท่ีใช้ศึกษา คอื ผ้บู รโิ ภคในกลุ่มอายุ 20-45 ปที อ่ี าศยั ในเขตกรุงเทพมหานคร
และเคยใช้บริการแอปพลิเคชันส่ังอาหารออนไลน์ จานวน 400 ตัวอย่าง ผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วย
วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก ใช้แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริโภคใน
กรงุ เทพมหานครท่ีเคยใช้บริการซอ้ื อาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลนต์ ่าง ๆ ตัวแปรตน้ คอื ปัจจัยส่วน
บุคคลปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4Ps) ตัวแปรตามคือการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน
ออนไลน์ของผูบ้ ริโภคในกรุงเทพมหานครการวิเคราะหข์ ้อมูลใช้สถติ ิเชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ คา่ ร้อยละ คา่ เฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสถิติเชิงอนุมานการวิเคราะห์ค่าที และการวิเคราะห์การถดถอย ผลการศึกษา
พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกันไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์
ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร แต่ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4Ps) ในภาพรวมส่งผลต่อการ
ตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชนั ออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานครโดยด้านช่องทางการจัด
จาหน่าย (Place) และด้านการส่งเสริมการตลาด(Promotion) ส่งผลต่อการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทาง
แอปพลเิ คชนั ออนไลน์ของผู้บรโิ ภคในกรงุ เทพมหานคร อย่างมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ .05
คาสาคัญ: ปัจจัยสว่ นประสมทางการตลาด การตดั สนิ ใจซ้อื แอปพลเิ คชันสง่ั อาหารออนไลน์
1 นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลกั สตู รบรหิ ารธุรกจิ มหาบณั ฑติ คณะบริหารธุรกจิ มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ ต.คลองหน่งึ
อ.คลองหลวง ปทุมธานี 12120 หมายเลขติดต่อ: 082-595-2514 อีเมล: [email protected]
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
THE FACTORS OF MARKETING MIX INFLUENCING
THE DECISION TO USE ONLINE FOOD DELIVERY APPLICATION
AMONG CONSUMERS IN BANGKOK
Untika Nateewuttikul1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business Administration
Bangkok University
Nisit Manotungvarapun
Lecturer at Department of International Business Management
Faculty of Business Administration Bangkok University
Abstract
The objectives of this study were to study, to analyze and to find the
relationship between the marketing mix factors that influence the decision to use
online food delivery application among consumers in Bangkok. The sampling group
was 400 samples of consumers who used to use online food application in in group of
20-45 years old in Bangkok.The sampling group was chosen by convenience sampling
and questionnaires were used to collect the data. Independent variables of research
included demographical characteristics, marketing mix factors (4Ps) while dependent
variable included the decision to use online food application among consumers in
Bangkok.The statistics used for data analysis included frequency, percentage, average,
standard deviation, t-test, and regression analysis. The major finding of this study was
that two factors of marketing mix, place and promotion, influence the decision to use
online food application of consumers in Bangkok statistically significant at .05.
Keywords: Marketing Mix Factors, Decision, Online Food Application
1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business
Administration, Bangkok University Contact Number: 082-595-2514 Email: [email protected]
577
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
บทนา
แนวโน้มของผู้ใช้บริการจัดส่งอาหารจะเพิ่มสูงข้ึนเนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคที่
เปล่ียนไปเน่ืองจากลูกค้ามีข้อจากัดด้านเวลา ต้องการความสะดวกสบาย และต้องการหลีกเลี่ยง
การจราจรท่ีติดขัด และการนาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับธรุ กจิ ร้านอาหารทาให้ธุรกิจนเ้ี ติบโตและมี
ประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจมากย่ิงขึ้น การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ช่วย
ผ้ปู ระกอบการ ลดตน้ ทนุ ในการดาเนินธุรกจิ และเข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างขวางมากขน้ึ โดยเฉพาะธุรกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เริ่มหันมาให้บริการรา้ นอาหารผ่านส่ือออนไลน์และแอพพลิเคชนั่
ชว่ ยลดต้นทุนในการลงทุนเช่าร้านหรือจ้างพนกั งาน อีกทั้งตลาดบรกิ ารจดั สง่ อาหารท่ชี ว่ ยเพิ่มช่องทาง
และความรวดเรว็ ในการขาย มกี ารขยายตัวอยา่ งชดั เจนในปี 2559 ความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
เหลา่ น้เี ป็นอกี หน่งึ ปจั จัยสาคญั ท่ดี ึงดูดนักลงทนุ เข้ามาในธรุ กจิ ประเภทน้ี (ธนาคารไทยพาณิชย์, 2560)
และในช่วงท่ีทุกคนต้องช่วยกันหยุดเช้ือเพ่ือชาติ สู้โควิด-19 ทาให้ขณะน้ีร้านอาหารต้อง
ปรับตัวเพ่ือสนองตอบความต้องการของลูกค้า และฝ่าวิกฤติธุรกิจ โดยเข้าสู่ระบบขนส่งด่วน
(Delivery) กันอย่างเต็มรูปแบบ จนมียอดเปิดร้านสั่งอาหารออนไลน์ ส่ังอาหารผ่านแอปพลิเคชัน
เพิ่มขึ้นสูงมากข้อมูลจากวงใน โดยนายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าท่ีบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง
บริษัท วงใน มีเดีย จากัด ระบุว่า ตัวเลขร้านอาหารที่เปิดหน้ารา้ นออนไลน์ และเปิดขายเดลเิ วอรีบ่ น
ไลน์แมน (LINE MAN) ผ่าน Wongnai Merchant App (WMA) ทะลุ 15,000 ร้าน ช่วง 22-31
มีนาคม 2563 ซึ่งสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 3-5 เท่า โดยมีจานวนร้านท่ีสมัครใหม่เพิ่มขึ้นถึง
2,000 ร้านต่อวัน ปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้นตามที่ผู้บรหิ ารวงในเปิดเผยนัน้ ถือเป็นความพยายามปรบั ตวั
ของร้านอาหารต่าง ๆ เพ่ือตอบรับความต้องการผู้บริโภคในช่วงเวลาท่ีช่วยกันหยุดโควิด-19
ระบาด การปรับตัวน้ี นับเป็นอีกหนึ่งหนทางท่ีสร้างรายได้ในช่วงวิกฤติ ที่สอดคล้องกับข้อมูลที่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ช่วง 22-30 เมษายน 2563 น้ี ธุรกิจเดลิเวอรี่อาหาร จะมีมูลค่า
ขยายตัวประมาณ ร้อยละ 35-40 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ หรือเพ่ิมข้ึนประมาณ 1,200 ล้านบาท
เปน็ 4,500 ลา้ นบาท จากปกติ 3,000 ลา้ นบาท (ไทยรฐั ออนไลน์,2563)
จากความสาคัญของเทคโนโลยีและการตอบรับของผู้บริโภคด้านธุรกิจสินค้าบริโภค
ออนไลน์ ผู้วิจัยจึงทาการศึกษาเรื่องปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้
แอพพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยส่วน
ประสมทางการตลาดท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้ใช้แอปพลิเคชันส่ังอาหารออนไลน์และสามารถ
นาไปเป็นแนวทางการพัฒนาให้แก่องค์กรหรอื ธุรกิจท่ีเกี่ยวข้องสามารถนาผลไปประยกุ ต์พัฒนาเพือ่
วางแผนกลยุทธใ์ นการทาธุรกจิ ได้อยา่ งเหมาะสมต่อไป
วตั ถุประสงค์ในการวิจัย
1. เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชันส่ังอาหาร
ออนไลนข์ องผบู้ รโิ ภคในกรงุ เทพมหานคร
2. เพ่ือศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเค
ชนั ส่งั อาหารออนไลนข์ องผู้บรโิ ภคในกรุงเทพมหานคร
578
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
สมมตฐิ านการวิจยั
1. ปัจจัยส่วนบุคคลท่ีแตกต่างกัน มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหาร
ออนไลนข์ องผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร ที่แตกต่างกัน
2. ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชันส่ังอาหาร
ออนไลนข์ องผูบ้ ริโภคในกรุงเทพมหานคร
กรอบแนวคดิ ในการวิจยั
ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
ปัจจยั สว่ นบคุ คล การตัดสนิ ใจใชแ้ อปพลิเคชนั สั่ง
1. เพศ อาหารออนไลนข์ องผบู้ รโิ ภคใน
2. อายุ
3. อาชพี กรุงเทพมหานคร
4. รายได้
5. ระดบั การศึกษา
6. สถานภาพสมรส
7. รูปแบบท่ีพกั อาศยั
ปัจจัยสว่ นประสมทางการตลาด (4Ps)
1. ด้านผลิตภัณฑ์ (Product)
2. ด้านราคา (Price)
3. ดา้ นช่องทางการจัดจาหนา่ ย
(Place/Channel Distribution)
4. ดา้ นการส่งเสริมการตลาด
(Promotion)
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
การทบทวนวรรณกรรม
Philip Kotler (อ้างถงึ ในบดินทร์ ภัทร์สงิ ห์โต,2558) ได้อธบิ ายว่า ส่วนประสมการตลาด
(Marketing Mix) เปน็ แนวคดิ ที่สาคัญทางการตลาดสมยั ใหม่ ท่ีสามารถควบคมุ ได้ซ่งึ ใชร้ ว่ มกนั เพือ่
ตอบสนอง ความพึงพอใจ แก่ กลมุ่ เปา้ หมาย เมอ่ื นาเครื่องมือมาใช้ถือวา่ เปน็ การรวมการตัดสนิ ใจทาง
การตลาดทัง้ หมด สว่ นประสมทางการตลาดแบง่ ออกเป็นกลุม่ ได้ 7 กล่มุ ดังนี้ ผลิตภัณฑ์ (Product)
ราคา (Price) ชอ่ งทางการจดั จาหน่าย (Place) การสง่ เสริมการตลาด (Promotion) บุคคล (People)
ลักษณะทางกายภาพ (Physical Environment) และกระบวนการ (Process) โดยจะสามารถสื่อสาร
ไปยงั ผรู้ บั สารได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
579
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ขวัญพงศ์ พันธ์เจริญวรกุล (2558) ศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของ
ผู้บริโภค ในการใช้บริการร้านอาหารท่ีใช้โปรแกรมสั่งอาหารอัตโนมัติกรุงเทพมหานคร พบว่า กลุ่ม
ตัวอย่างส่วนมากที่ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิง มีช่วงอายุอยู่ที่ 20-25 ปี การศึกษาส่วนมากอยทู่ ี่
ระดับปริญญาตรี เป็นกลุ่มท่ีมีรายได้ส่วนมากอยู่ที่ 15,000-35,000 บาท โดยส่วนใหญ่รับประทาน
อาหาร นอกบ้านประมาณ 2-5 คร้ังต่อเดือน และส่วนใหญ่มีประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีอยู่ที่ 6 ปี
ข้ึนไป ส่วนประสมทางการตลาด แรงจูงใจและการยอมรบั เทคโนโลยี มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของ
ผู้บริโภค ใช้บริการร้านอาหารท่ีใช้โปรแกรมส่ังอาหารอัตโนมัติในกรุงเทพมหานครแรงจูงใจ โดยมี
นัยสาคัญทางสถิติท่ี .05 เมื่อศึกษาเป็นรายข้อแล้วพบว่าส่ิงที่ผู้บริโภคพึงพอใจในการใช้บริการ
โปรแกรมสั่งอาหารคือ สะดวกสบายในการใช้บริการรวดเร็วในการใช้บริการใช้เวลากับการเลือกได้
นานคิดว่า ร้านอาหารนี้และการยอมรับเทคโนโลยีอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ .05 เมื่อศึกษาเป็น
รายข้อแล้วพบวา่ ส่ิงท่ีผู้บรโิ ภคพึงพอใจในการใช้บริการโปรแกรมสั่งอาหารอันดับแรก คือการใช้เวลา
ไมน่ านในการให้บรกิ ารและใชง้ านง่าย
ชเนศ ลักษณ์พันธุ์ภักดี (2560) ทาการศึกษาเร่ือง ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้
บริการส่ัง อาหารแบบเดลิเวอร่ี ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า
ปั จ จั ย ที่ มี ผ ล ต่ อ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ใ ช้ บ ริ ก า ร สั่ ง อ า ห า ร แ บ บ เ ด ลิ เ ว อ รี่ ผ่ า น สื่ อ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ใ น เ ข ต
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จานวน 3 ปัจจัย โดยเรียงลาดับจากค่าสัมประสิทธ์ิ ของสมการ
ถดถอย (Beta Coefficient) จากมากไปน้อย คือ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และการจัดส่ง ปัจจัย
ด้านการส่งเสริมการตลาด และปัจจัยด้านกายภาพและ ช่องทางการจัดจาหน่าย โดยที่ปัจจัยด้าน
กายภาพและช่องทางการจัดจาหน่ายส่งผลเชิงลบต่อการตัดสินใจใช้บริการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่
ผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ในขณะท่ีปัจจัยด้านบุคคล ปัจจัยด้านกระบวนการ และความน่าเช่ือถือ ปัจจัย
ราคา และปัจจยั ดา้ นความหลากหลายและบรรจุภณั ฑไ์ ม่มีอิทธพิ ลตอ่ การตัดสนิ ใจ ใชบ้ รกิ ารสัง่ อาหาร
แบบเดลิเวอรีผ่ ่านส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์
ระเบียบวิธีการวิจัย
การศึกษาคร้ังนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) ในรูปแบบของ
การศึกษาเชิงสารวจ (survey research) โดยใช้วิธีการสารวจด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก
แบบสอบถาม (questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากประชากรกลุ่มตัวอย่างท่ีเคยใช้
บริการแอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์เพื่อศึกษาความแตกต่างระหว่างตัวแปรต่างๆ ตามสมมติฐาน
ท่ีต้ังไว้ และผลของการวิจัยเชิงปริมาณสามารถนามาประกอบการวิเคราะห์ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยประชากรที่ใช้ศึกษา คือ ประชากรที่เคยใช้บริการแอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ ในกลุ่ม
อายุ 20-45 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร จานวน 400 ตัวอย่าง และการสร้างเคร่ืองมือผู้วิจัยได้
ทาการศึกษาค้นคว้า จากหนังสือ เอกสารวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องรวมถึงการใช้ประสบการณ์
ของผู้วิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ และนามาสร้างแบบสอบถามเป็นรายข้อให้
ครอบคลมุ วัตถุประสงค์ในการวิจยั คร้งั นี้ โดยมกี ารเก็บขอ้ มูล ด้งั นี้ ทาการแจกแบบสอบถามผา่ นระบบ
Google From โดยขอความร่วมมือจากผู้บริโภคท่ีเคยใช้ซื้ออาหารผ่านทางบริการแอพพลิเคชัน
ออนไลน์ และทาการส่งให้ผตู้ อบแบบสอบถามผ่านระบบ Online และภายในหา้ งสรรพสินคา้ ชนั้ นาใน
เขตพื้นท่ีกรุงเทพมหานคร หลังจากน้ันทาการตรวจสอบแบบสอบถามในส่วนของคาถามและคาตอบ
วา่ ถกู ต้องครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ จนครบจานวน 400 ชดุ และใช้สถิติในการวิเคราะห์ โดย ผู้วิจยั ได้
580
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ใช้การวิเคราะห์ข้อมลู ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานสถิตเิ ชงิ
อนมุ านการวิเคราะหค์ า่ ที (t-test) และการวิเคราะห์การถดถอย (Regression Analysis) เพือ่ ทดสอบ
ความมีอิทธพิ ลหรอื การสง่ ผลต่อกนั ระหว่างตัวแปรอสิ ระ
ผลการวจิ ยั
สมมติฐานที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม เช่น เพศ อายุ อาชีพ รายได้
ระดบั การศึกษา สถานภาพสมรสและรูปแบบท่ีพกั อาศัยท่ีแตกต่างกัน มผี ลต่อการตดั สนิ ใจซ้ืออาหาร
ผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บรโิ ภคในกรุงเทพมหานครแตกต่างกนั
1. ผลการทดสอบสมมติฐานด้านความแตกต่างของเพศต่อการรับรู้ด้านการตัดสินใจ
เลือกใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ผ่านสถิติทดสอบ T-test ท่ีระดับความเช่ือมั่นร้อยละ 95
พบว่า เพศไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีค่านัยสาคัญทางสถิติจึงอาจสรุปได้ว่าเพศที่แตกต่างกันจะมี
ระดบั การตดั สินใจซ้อื อาหารผ่านทางแอปพลเิ คชนั ออนไลน์ไมแ่ ตกตา่ งกนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ิ
2. ผลการทดสอบสมมติฐานด้านความแตกต่างของอายุต่อการรับรู้ด้านการตัดสินใจ
เลือกใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ผ่านสถิติทดสอบ T-test ที่ระดับความเช่ือมั่นร้อยละ 95
พบว่า อายุไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีค่านัยสาคัญทางสถิติจึงอาจสรุปได้ว่าอายุท่ีแตกต่างกันจะมี
ระดบั การตดั สินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชนั ออนไลนไ์ มแ่ ตกต่างกันอย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติ
3. ผลการทดสอบสมมติฐานด้านความแตกต่างของอาชีพต่อการรับรู้ด้านการตัดสินใจ
เลือกใช้แอปพลิเคชันส่ังอาหารออนไลน์ผ่านสถิติทดสอบ t-test ท่ีระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95
พบว่า อาชีพไม่มีความแตกต่างกันอยา่ งมีค่านัยสาคัญทางสถิติ จึงอาจสรุปได้ว่า อาชีพท่ีแตกต่างกนั
จะมีระดับการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ไม่แตกต่างกันอย่างมนี ัยสาคัญทาง
สถิติ
4. ผลการทดสอบสมมติฐานด้านความแตกต่างของรายไดเ้ ฉลยี่ ตอ่ เดือนต่อการรบั รู้ด้าน
การตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ผ่านสถิติทดสอบ t-test ที่ระดับความเชื่อมั่น
ร้อยละ 95 พบวา่ รายไดเ้ ฉลย่ี ต่อเดือนไมม่ คี วามแตกตา่ งกันอย่างมีค่านัยสาคัญทางสถติ ิ จึงอาจสรุปได้
วา่ รายไดเ้ ฉลยี่ ต่อเดือนท่แี ตกต่างกนั จะมรี ะดับการตัดสนิ ใจซ้ืออาหารผา่ นทางแอปพลิเคชนั ออนไลน์
ไมแ่ ตกต่างกนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ิ
5. ผลการทดสอบสมมติฐานด้านความแตกต่างของระดับการศึกษาต่อการรับรดู้ ้านการ
ตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลนผ์ ่านสถิติทดสอบ t-test ที่ระดับความเชื่อมน่ั รอ้ ยละ
95 พบว่าระดับการศึกษา ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีค่านัยสาคัญทางสถิติ จึงอาจสรุปได้ว่า ระดับ
การศกึ ษาท่ีแตกตา่ งกันจะมีระดบั การตดั สินใจซือ้ อาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลนไ์ มแ่ ตกตา่ งกัน
อย่างมีนยั สาคัญทางสถติ ิ
6. ผลการทดสอบสมมติฐานดา้ นความแตกต่างของสถานภาพสมรสตอ่ การรับรู้ด้านการ
ตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชันส่ังอาหารออนไลนผ์ ่านสถิติทดสอบ t-test ที่ระดับความเชื่อม่นั ร้อยละ
95 พบว่าสถานภาพสมรสไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีค่านัยสาคัญทางสถิติ จึงอาจสรุปได้ว่า
สถานภาพสมรสที่แตกต่างกันจะมีระดับการตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ไม่
แตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถติ ิ
7. ผลการทดสอบสมมติฐานด้านความแตกต่างของรูปแบบท่ีพักอาศัยต่อการรับรู้ด้าน
การตัดสินใจเลือกใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ผ่านสถิติทดสอบ t-test ทร่ี ะดบั ความเช่ือม่ัน
581
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
รอ้ ยละ 95 พบว่ารปู แบบท่พี ักอาศัยไม่มีความแตกตา่ งกันอย่างมีคา่ นัยสาคัญทางสถิติ จึงอาจสรุปได้ว่า
รูปแบบท่ีพักอาศัยที่แตกต่างกันจะมีระดับการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ไม่
แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิติ
สมมติฐานที่ 2 ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4Ps) ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ (Product)
ด้านราคา (Price) ด้านชอ่ งทางการจดั จาหนา่ ย (Place/Channel Distribution) และดา้ นการสง่ เสรมิ
การตลาด (Promotion) มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของ
ผบู้ รโิ ภคในกรุงเทพมหานคร
จากผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4Ps) ในภาพรวม
ส่งผลต่อการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชันออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร มีค่า
Adjust R2 = 0.294 อธิบายได้ว่า การตดั สนิ ใจซือ้ อาหารผา่ นทางแอปพลิเคชนั ออนไลนข์ องผูบ้ รโิ ภค
ในกรงุ เทพมหานคร เป็นผลมาจากปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด 29.4% คือ ผลิตภัณฑ์ ราคา
ช่องทางการจัดจาหนา่ ย และการส่งเสรมิ การตลาด และพบว่า ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย (Place)
ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชันออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร
ค่า Sig. เท่ากับ 0.002 ซง่ึ น้อยกวา่ ค่าระดับนัยสาคญั .05 จึงสรปุ ไดว้ า่ ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย มี
ผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชันออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร อย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติที่ .05 และเมื่อพิจารณาค่า ß มีค่าเท่ากับ 0.167 อธิบายได้ว่า ด้านช่องทางการจดั
จาหนา่ ย มผี ลมากขน้ึ 1 หน่วย จะมผี ลต่อการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของ
ผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร เพ่ิมขึ้น 0.167 และด้านการส่งเสริมการตลาด (Promotion) ส่งผลต่อ
การตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร ค่า Sig.
เท่ากับ 0.000 ซ่ึงน้อยกว่าค่าระดับนัยสาคัญ .05 จึงสรุปได้ว่าด้านการส่งเสริมการตลาดมีผลต่อการ
ตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสาคญั
ทางสถิตทิ ี่ .05 และเมือ่ พจิ ารณาค่า ß มคี ่าเท่ากบั 0.383 อธบิ ายได้วา่ ดา้ นการส่งเสริมการตลาดมีผล
มากข้ึน 1 หน่วย จะมีผลต่อการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บริโภคใน
กรงุ เทพมหานคร เพม่ิ ขน้ึ 0.383
ตารางท่ี 1 ผลการทดสอบสมมติฐานปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4Ps) ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์
(Product) ด้านราคา (Price) ด้านช่องทางการจดั จาหน่าย (Place/Channel Distribution) และด้าน
การส่งเสรมิ การตลาด (Promotion) ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารผา่ นทางแอปพลิเคชันออนไลน์
ของผู้บริโภคในกรงุ เทพมหานคร โดยใชก้ ารวเิ คราะห์ถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis)
ปัจจัยส่วนประสม ̅ การตัดสินใจซ้อื อาหารผา่ นทางแอปพลิเคชัน ออนไลนข์ อง
ทางการตลาด S.D. ผู้บรโิ ภคในกรงุ เทพมหานคร
b S.E. ß t Sig. Tolerance VIF
ค่าคงที่ 1.690 .207 8.169 .000 .535 1.868
ผลิตภัณฑ์ 4.1431 .52937 .109 .064 .099 1.708 .088 .669 1.495
ราคา 3.8087 .87591 -.011 .035 -.017 -.324 .746 .598 1.671
ชอ่ งทางการจัด 4.2638 .63803 .153 .050 .167 3.062 .002 .646 1.549
จาหน่าย
การสง่ เสริม 3.7633 .68862 .325 .207 .383 7.271 .000 .535 1.868
การตลาด
R2 = .294,AR= 0.287, F= 41.081,*p<.05
582
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
จากตารางท่ี 1 พบว่า ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (4Ps) ในภาพรวมทีส่ ่งผลตอ่
การตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร มคี ่า
Adjust R2 = 0.294 อธิบายได้ว่าการตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บริโภค
ในกรุงเทพมหานครเป็นผลมาจากปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ร้อยละ 29.4 คือ ผลิตภัณฑ์
ราคา ช่องทางการจัดจาหน่าย และการส่งเสริมการตลาด และพบว่า สมมติฐานย่อยของปัจจัยส่วน
ประสมทางการตลาดในด้านผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจัดจาหน่าย และการส่งเสริมการตลาดว่า
สง่ ผลตอ่ การตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทางแอปพลิเคชนั ออนไลนข์ องผู้บริโภคในกรงุ เทพมหานคร
อภิปรายผลการวิจัย
สมมติฐานที่ 1 ปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกันสง่ ผลต่อการตัดสนิ ใจซื้ออาหารผา่ นทาง
แอปพลิเคชันออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานครซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของขวัญพงศ์
พันธ์เจริญวรกุล (2558) ท่ีศึกษาเรื่อง ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ในการใช้
บริการร้านอาหารที่ใช้โปรแกรมส่ังอาหารอัตโนมัติกรุงเทพมหานคร ซ่ึงพบว่า ส่วนประสมทาง
การตลาดแรงจงู ใจและการยอมรับเทคโนโลยีมอี ิทธิพลต่อความพงึ พอใจของผู้บริโภคในการใช้บริการ
ร้านอาหารท่ีใช้โปรแกรมส่ังอาหารอัตโนมัติในกรุงเทพมหานครแรงจูงใจ โดยมีนัยสาคัญทางสถิติ
ที่ .05 เมื่อศึกษาเป็นรายข้อแล้วพบว่าส่ิงที่ผู้บริโภคพึงพอใจในการใช้บริการโปรแกรมสั่งอาหารคือ
สะดวกสบายในการใช้บริการรวดเร็วในการใช้บริการใช้เวลากับการเลือกได้นานคิดว่า ร้านอาหารนี้
และการยอมรบั เทคโนโลยอี ยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถิติ .05 เมอ่ื ศกึ ษาเปน็ รายข้อแล้วพบว่าส่งิ ที่ผู้บริโภค
พงึ พอใจในการใช้บรกิ ารโปรแกรมส่งั อาหารอนั ดับแรกๆ คือการใชเ้ วลาไมน่ านในการให้บริการและใช้
งานง่ายนอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ ณัฐวุฒิ รุ่งเสถียรภูธร (2558) ที่ศึกษาเรื่อง ประเภท
ของร้านอาหาร คณุ ภาพของอาหาร คุณภาพ การบริการและส่อื ออนไลนท์ ่ีส่งผลตอ่ การเลือกใช้บรกิ าร
ร้านอาหารส่าหรับม้ือค่าของประชากรในกรุงเทพมหานคร ซึ่งพบว่าส่งผลต่อการเลือกใช้บริการ
ร้านอาหารส่าหรับม้ือค่าของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานครแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจัย
คณุ ภาพของอาหาร ด้านคุณคา่ ทางโภชนา คณุ ภาพการบริการดา้ น ความเปน็ รูปธรรมของการบริการ
ด้านความน่าเชื่อถือไว้วางใจในการบริหาร ด้านการตอบสนองต่อลูกค้า ด้านการให้ความมั่น ใจแก่
ลูกค้าและสื่อสังคมออนไลน์ส่งผลต่อการเลือกใช้บริการร้านอาหาร ส่าหรับ มื้อค่าของผู้บริโภ คใน
กรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 โดยปัจจัยด้านการเลือกใช้บรกิ ารรา้ นอาหาร
ส่าหรับมือ้ ค่าของผูบ้ รโิ ภคในกรุงเทพมหานคร คิดเปน็ ร้อยละ 60.1 ส่วนปจั จยั คณุ ภาพของอาหารด้าน
คุณภาพทางกายภาพ ด้านคณุ ภาพทางประสาทสมั ผสั ดา้ นความปลอดภัยต่อการบริโภค และคณุ ภาพ
การบริการด้านการใส่ใจลกู ค้าไม่สง่ ผลต่อการเลือกใชบ้ ริการร้านอาหารสาหรับม้อื คา่ ของประชากรใน
กรุงเทพมหานคร
สมมติฐานท่ี 2 ปจั จัยส่วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และด้านราคาไมม่ อี ิทธพลต่อ
การตัดสินใจซ้ืออาหารผ่านทางแอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร ส่วนด้าน
ช่องทางการจัดจาหน่ายและด้านการส่งเสริมการตลาดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารผ่านทาง
แอปพลิเคชัน ออนไลน์ของผู้บริโภคในกรงุ เทพมหานครสอดคล้องกับงานวิจัยของชเนศ ลักษณ์พันธุ์
ภกั ดี (2560) ที่ศึกษาเรอ่ื ง ปัจจยั ท่มี ีอทิ ธพิ ลตอ่ การตัดสินใจใช้บริการสงั่ อาหารแบบเดลิเวอรี่ ผา่ นส่ือ
อิเล็กทรอนิกส์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการส่ัง
อาหารแบบเดลิเวอรี่ผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล คือ ปัจจัยด้าน
583
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ผลิตภัณฑ์ บริการ และการจัดส่งปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด และปัจจัยด้านกายภาพและ ช่อง
ทางการจัดจาหน่าย โดยท่ีปัจจยั ด้านกายภาพและชอ่ งทางการจดั จาหนา่ ยส่งผลเชิงลบตอ่ การตัดสินใจ
ใช้บริการสั่งอาหารแบบเดลิเวอร่ีผ่านส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์ นอกจากนสี้ อดคล้องกับงานวิจัยของธนรตั น์
ศรีสาอาง (2558) ที่ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อการใช้บริการอาหารแบบส่งถึงที่ทางออนไลน์
และพบวา่ กลุ่มตัวอย่างให้ความสาคญั กบั ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ (คุณภาพอาหาร) ปจั จัยทางด้านราคา
(ราคาประหยัด) ปจั จัยด้านชอ่ งทางการจดั จาหน่าย (ความสะดวกในการชาระเงนิ ) และปัจจัยดา้ นการ
ส่งเสรมิ การตลาด(การโฆษณาผ่านสอ่ื ต่าง ๆ)
ข้อเสนอแนะในการวิจยั
1. ผ้ปู ระกอบการทด่ี าเนินธุรกจิ ที่เกย่ี วข้องการสง่ อาหารแบบ Delivery ผ่านแอปพลเิ คชัน
ต่างๆควรมุ่งเน้นเรื่องการจัดทากิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น มีของแถมเม่ือถึงยอดส่ังซ้ือท่ีกาหนด
หรือส่งฟรีเม่ือส่ังซ้ือถึงยอดที่กาหนด เพ่ือสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ารวมทั้งควรขยายขอบเขต
พ้ืนทีใ่ นการบริการจัดสง่ ใหก้ ว้างขึน้ กว่าเดิม
2. ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาดและปัจจัยด้านช่องทางการจัดจาหน่ายส่งผลต่อการ
ตัดสินใจใช้บริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันส่ังอาหารออนไลน์ ดังนั้นผู้ประกอบการควรมุ่งเน้นการ
โฆษณาและการประชาสัมพนั ธ์ผา่ นส่อื สงั คมออนไลนต์ ่าง ๆ เช่น เฟสบุค อนิ สตาแกรม เปน็ ต้น เพ่ือให้
ผบู้ ริโภครจู้ กั ผลติ ภัณฑ์ และเพอ่ื เป็นการเพมิ่ ฐานลกู ค้าให้กว้างขึน้
เอกสารอ้างองิ
ขวัญพงศ์ พนั ธเ์ จรญิ วรกุล.(2558). ปัจจยั ท่ีมีอิทธพิ ลต่อความพงึ พอใจของผบู้ ริโภคในการใชบ้ ริการ
ร้านอาหารที่ใช้โปรแกรมสั่งอาหารอัตโนมัติในกรงุ เทพมหานคร. (วิทยานิพนธป์ ริญญา
มหาบัณฑติ , มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ).
ชเนศ ลักษณ์พนั ธุ์ภักด.ี (2560). ปจั จัยทีม่ ีอทิ ธิพลตอ่ การตดั สนิ ใจใชบ้ ริการสง่ั อาหารแบบเดลิเวอรี่
ผา่ นสือ่ อเิ ล็กทรอนิกส์ในเขตกรงุ เทพมหานครและปริมณฑล. (วิทยานพิ นธป์ ริญญา
มหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์).
ณฐั วฒุ ิ ร่งุ เสถียรภธู ร. (2558). ประเภทของร้านอาหาร คณุ ภาพของอาหาร คุณภาพการบรกิ าร
และส่ือสงั คมออนไลนท์ ส่ี ง่ ผลตอ่ การเลอื กใช้บรกิ ารรา้ นอาหารสาหรบั ม้อื ค่าของ
ประชากรในกรุงเทพมหานคร. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลยั กรุงเทพ).
ไทยรัฐออนไลน์. (2563). 10แอปพลิเคชันส่ังอาหาร โหลดติดเครื่องไว้ไม่อด. สืบค้นจาก
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1808654.
ธนรตั น์ ศรีสาอาง. (2558). พฤติกรรมผู้บริโภคในกรงุ เทพมหานครตอ่ การใชบ้ ริการสงั่ อาหารเดลิ
เวอรผี่ า่ นเวบ็ ไซต์. (วทิ ยานิพนธบ์ รหิ ารธุรกจิ มหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่).
ธนาคารไทยพาณิชย์. (2560). Express delivery กับธุรกจิ อาหาร. สบื ค้นจาก
https://scbsme.scb.co.th/sme-inspiration-detail/SCB_June_Express
บดินทร์ภทั ร์ สิงหโ์ ต. (2558). พฤติกรรมการเลือกซื้อและปจั จัยทม่ี ผี ลต่อความตั้งใจกลบั มาซ้อื ซ้า
ของลูกค้าตลาดนัดสวนจตุจักร. (วทิ ยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยกรุงเทพ).
584
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ศูนย์วจิ ยั กสิกรไทย. (2560). จับตาปี 60 สั่งอาหารออนไลน์หนนุ ตลาด Delivery โตร้อยละ 11-15
สวนทางภาพรวมธรุ กิจรา้ นอาหารทเ่ี ติบโตเพียงเล็กนอ้ ย. สบื ค้นจาก
https://www.kasikornresearch.com/InfoGraphic/Documents/2797_p.pdf
เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ. (2553). เครือขา่ ยสงั คม (Social Network). สืบคน้ จาก
http://vcharkarn.com/varticle/40698
585
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ความสมั พนั ธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตในการทางานกับความพงึ พอใจ
ในการทางานของบคุ ลากรองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั สงขลา
นภัค ชินพงศ1์
นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลักสตู รบรหิ ารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะบรหิ ารธรุ กิจ
มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง
สมพล ทุง่ หว้า
อาจารย์ประจาสาขาวชิ าบริหารธรุ กิจ คณะบริหารธรุ กจิ
มหาวิทยาลยั รามคาแหง
บทคัดยอ่
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษา 1) ระดับคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากรองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดสงขลา 2) ระดับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวดั
สงขลา และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตกับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การ
บริการส่วนจังหวัดสงขลา กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากรที่ปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
ประจาปีงบประมาณ 2564 จานวน 260 ตวั อยา่ ง สถิติทใ่ี ช้ คือ คา่ ความถ่ี รอ้ ยละ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐาน การทดสอบค่าเฉลย่ี 2 กลุม่ ตวั อยา่ งแบบอสิ ระต่อกัน การวิเคราะหค์ วามแปรปรวนทางเดยี ว และ
หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า บุคลากรมีระดับคุณภาพชีวิตในการ
ทางานท่ีปฏิบัติงานในองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดสงขลา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมอ่ื พิจารณา
เป็นรายดา้ น พบว่า ดา้ นท่ีมีค่าเฉลย่ี สงู สุด คอื ด้านผลตอบแทนทยี่ ตุ ิธรรมและเพียงพอ รองลงมา คอื ด้าน
การพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน ด้านความภูมิใจในองค์การ ด้านภาวะอิสระจากงาน ด้านสังคม
สัมพันธ์ ด้านลักษณะการบริหาร ด้านสภาพท่ีทางานที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และด้าน
ความกา้ วหน้าและความมนั่ คง ตามลาดับ และมีระดบั ความพงึ พอใจในการทางาน โดยภาพรวมอยู่ใน
ระดับมาก นอกจากน้ียังพบว่า กลุ่มตัวอย่างท่ีมีอัตราเงินเดือนต่างกัน มีระดับความพึงพอใจในการ
ทางาน โดยรวมแตกต่างกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 และพบว่า คุณภาพชวี ิตในการทางาน มี
ความสัมพนั ธ์เชิงบวกในระดับค่อนข้างสูงกับความพึงพอใจในการทางาน โดยรวมอย่างมนี ัยสาคัญทาง
สถติ ทิ ีร่ ะดบั .01 โดยมีคา่ สมั ประสิทธส์ิ หสัมพันธ์ (r) เทา่ กบั .748
คาสาคญั : คณุ ภาพชวี ติ ในการทางาน ความพงึ พอใจ องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด
1 นักศึกษาหลกั สูตรบรหิ ารธรุ กิจมหาบัณฑติ สาขาวชิ าบริหารธรุ กจิ มหาวิทยาลยั รามคาแหง สาขาวทิ ยบริการ-
เฉลมิ พระเกียรติ จงั หวัดสงขลา หม่ทู ี่ 6 ถ.ควนจนี ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
หมายเลขติดต่อ 090-891-4682 อเี มล: [email protected]
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
THE RELATIONSHIP BETWEEN QUALITY
OF LIFE AT WORK AND JOB SATISFACTION OF PERSONNEL
SONGKHLA PROVINCIAL ADMINISTRATIVE ORGANIZATION
Naphak Chinnapong1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business Administration
Ramkhamhaeng University
Sompol Thungwa
Lecturer, Faculty of Business Administration
Ramkhamhaeng University
Abstract
This research aimed to study 1) the level of quality of life at work of Songkhla
Provincial Administrative Organization personnel; 2) the level of work satisfaction of
Songkhla Provincial Administrative Organization personnel; and 3) the relationship
between quality of life and work satisfaction of Songkhla Provincial Administrative
Organization personnel. The samples were 260 personnel staff working in Songkhla
Provincial Administrative Organization for the fiscal year 2021. The statistics used were
frequency, percentage, mean, and standard deviation. The independent t-test, F-test,
One-way ANOVA and Pearson's correlation coefficient were used for hypothesis testing.
The results showed that the quality of life at work of Songkhla Provincial Administrative
Organization personnel was at a high level. When considering each aspect, it was found
that fair and sufficient compensation had the highest mean value, followed by the
development of worker potential, organization pride, the state of freedom from work,
social relations, management characteristics, safe working conditions that are not
harmful to health, and progress and job security, respectively. There was also a high
level of work satisfaction in the Songkhla Provincial Administrative Organization.
Moreover, it was found that samples with different salaries had different levels of work
satisfaction the .05 level of significance. The quality of life at work also had a relatively
high positive relationship with the job satisfaction at the .01 level of significance with
a correlation coefficient (r) of .748.
Keywords: Quality of Life at Work, Satisfaction, Provincial Administrative Organization
1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration,
Ramkhamhaeng University, Songkhla Campus in Honour Majesty The King
Contact Number: +6690-891-4682 Email: [email protected]
587
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
บทนา
ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา
คุณภาพชีวิตการทางานเป็นลักษณะการทางาน ท่ีตอบสนองความต้องการและความ
ปรารถนาของบุคคลโดยพิจารณาคุณลักษณะแนวทาง ความเปน็ บุคคล และสภาพแวดลอ้ ม รวมท้งั เรอื่ ง
ของสังคมขององค์กรท่ีจะทาให้งานประสบผลสาเร็จ ซ่ึงสามารถวัดได้จากเกณฑ์ช้ีวัด 8 ประการ คือ
ค่าตอบแทนท่ีเพียงพอและยุติธรรม สภาพการทางานท่ีมีความปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ
ความก้าวหน้าและความมั่นคงในงาน โอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถของตนเอง การทางาน
ร่วมกันและความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น สิทธิส่วนบุคคล จังหวะชีวิตท่ีมีความสมดุลระหว่างชีวิตการ
ทางานและชวี ิตสว่ นตัว ความเปน็ ประโยชน์ต่อสังคม การท่ีองคก์ รมบี ุคลากรทีม่ ีคณุ ภาพชวี ิตการทางาน
ที่ดีเท่ากับเป็นการสร้าง ประสิทธิภาพและคุณภาพของงาน เพ่ือนาไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของ
องคก์ ร จากกระบวนการดาเนนิ งานตา่ ง ๆ มคี วามพงึ พอใจกับการปฏบิ ตั ิงานมากนอ้ ยเพยี งใด ทสี่ ่งผล
กระทบตอ่ การบรรลวุ ตั ถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร โดยเฉพาะองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ซ่ึง
รบั ผิดชอบงานดา้ นการบริการประชาชนโดยตรง ต้องทาให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจสงู สุด ดงั นัน้
จึงจาเป็นต้องพัฒนาคุณภาพชวี ิตการทางานของบุคลากร เพราะเมอื่ บุคลากรมีคุณภาพชวี ิตการทางาน
ท่ีดีแล้ว จะทาให้มีความสุขกับการทางาน ปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลในงาน ความสัมพนั ธข์ องคุณภาพชวี ิตการทางาน ส่งผลต่อองค์กร 3 ประการ คอื ประการ
แรก ช่วยเพิ่ม ผลผลติ ขององค์กร ประการทสี่ อง ช่วยเพ่มิ ขวญั และกาลังใจของผู้ปฏิบัตงิ าน ตลอดจน
เป็นแรงจูงใจ ให้แก่พวกเขาในการทางาน ประการสุดท้าย คุณภาพชีวิตการทางานจะช่วยปรับปรุง
ศักยภาพ ของผปู้ ฏิบัติงานด้วย (พงศภ์ ัค วงิ่ เรว็ , 2559)
คุณภาพชีวิตในการทางาน มีความสาคัญอย่างยิ่งในการทางานในปัจจุบันเพราะถือว่า
คนเป็นทรัพยากรที่สาคัญ เป็นต้นทุนทางสังคมที่มีคุณค่าในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในหน่วยงาน
ราชการ คาดกนั วา่ มนษุ ย์ได้ใช้เวลาถึงหนึง่ ในสามของชีวติ เป็นอย่างน้อยอยู่ที่สานักงาน และยงั เชื่อว่า
ในอนาคต มนุษย์จาเป็นต้องใช้เวลาของชีวิตเกี่ยวข้องกับการทางานเพ่ิมข้ึนไปอีก การทางานของ
มนุษย์เรามคี วามต้องการพืน้ ฐานอยู่ 2 ประการ ประการแรก คอื ความสาเรจ็ ในการทางาน ประการท่ี
สองคอื ความสุขในการทางาน การทม่ี นษุ ยเ์ ราจะมที ง้ั 2 อย่างนไ้ี ด้ ข้นึ อยกู่ ับว่าการมคี ณุ ภาพชีวติ การ
ทางานอยู่ในระดับใด มีโอกาสท่ีได้ทางานที่เรารักหรือเหมาะสมกับ ความสามารถของตนเองหรือไม่
องค์ประกอบตา่ ง ๆ เหล่านสี้ ามารถบอกระดับคุณภาพชีวิตการทางานได้ และจากแนวคดิ ของวอลตัน
(Walton, 1974 อ้างถึงใน กนกพร ชานาญเวช, 2555) คุณภาพชีวิตการทางานเป็นลักษณะการ
ทางาน ที่ตอบสนองความต้องการและความปรารถนาของบุคคลโดยพิจารณาคุณลักษณะแนวทาง
ความเป็นบุคคล และสภาพแวดลอ้ ม รวมทงั้ เร่ืองของสังคมขององค์กรที่จะทาใหง้ าน ประสบผลสาเร็จ
ซึง่ สามารถวดั ได้จากเกณฑ์ชีว้ ดั 8 ประการ คอื คา่ ตอบแทนที่เพยี งพอและยุติธรรม สภาพการทางาน
ท่ีมีความปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ ความก้าวหน้าและความมั่นคงในงาน โอกาสในการพัฒนาขดี
ความสามารถของตนเอง การทางานร่วมกันและความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น สิทธิส่วนบุคคล จังหวะ
ชีวิตที่มีความสมดุลระหว่างชีวิตการทางานและชีวิตส่วนตัว ความเป็น ประโยชน์ต่อสังคม การท่ี
องค์กรมีบุคลากรท่ีมีคุณภาพชีวิตการทางานที่ดีเท่ากับเป็นการสร้าง ประสิทธิภาพและคุณภาพของ
588
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
งาน เพือ่ นาไปสกู่ ารบรรลุวตั ถุประสงค์ขององคก์ ร จากกระบวนการ ดาเนนิ งานตา่ ง ๆ เราไม่สามารถ
ทราบไดว้ ่า ระดับคุณภาพชีวติ ของบุคลากรในองค์กรอยู่ในระดบั ใด มีความพึงพอใจกบั การปฏิบัติงาน
มากน้อยเพียงใด ซ่ึงส่งผลกระทบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์และ เป้าหมายขององค์กร โดยเฉพาะ
องคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ซ่งึ รบั ผดิ ชอบงานดา้ นการบริการ ประชาชนโดยตรง ตอ้ งทาให้ประชาชน
ไดร้ ับความพึงพอใจสูงสุด ดังนั้น จึงจาเปน็ ต้องพัฒนา คณุ ภาพชวี ิตการทางานของบคุ ลากร เพราะเม่อื
บุคลากรมีคณุ ภาพชีวิตการทางานท่ีดแี ล้ว จะทาใหม้ ี ความสุขกบั การทางาน ปฏบิ ัติงานด้วยความเต็ม
ใจ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในงาน ตรงกันข้าม หากผู้ปฏิบัติงานมีคุณภาพชีวิตการ
ทางานที่ต่าง ย่อมก่อให้เกิดปัญหาตามมา เช่น การ ปฏิบัติงานด้วย ความไม่เต็มใจ ไม่มีความสุขกับ
งาน ทาให้ประสิทธิผลของงานลดลง การโอน (ย้าย) หน่วยงาน การขาดงาน และลาออกจากงานใน
ที่สุด ซ่ึงจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อองค์กรในอนาคต (กนกพร ชานาญเวช, 2555) นอกจากนี้ Huse and
Cumnings (1985, อ้างถึงในพงศ์ภัค ว่ิงเร็ว, 2559) ได้กล่าวถึง ความสัมพันธ์ของคุณภาพชีวิตการ
ทางาน สง่ ผลตอ่ องคก์ ร 3 ประการ คอื ประการแรก ชว่ ยเพิม่ ผลผลิตขององค์กร ประการท่สี อง ชว่ ย
เพิ่มขวัญและกาลังใจของผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนเป็นแรงจูงใจ ให้แก่พวกเขาในการทางาน ประการ
สุดท้าย คุณภาพชีวิตการทางานจะช่วยปรับปรุงศักยภาพ ของผู้ปฏิบัติงานด้วย (พงศ์ภัค วิ่งเร็ว,
2559)
นอกจากนี้ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของพนักงานในองค์กร มีผลต่อความสาเร็จ
ของงานและ องค์กร การท่ีจะทาให้พนักงานในองค์กร มีความตั้งใจและพึงพอใจในการปฏิบัติงาน
อย่างเต็มกาลังและความสามารถจะส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในงานน้ัน ๆ การปฏิบัติงาน
จาเปน็ ต้องอาศัยองค์ประกอบในหลายดา้ นประกอบกนั พนักงานจะมีความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน
เมื่องานท่ีปฏิบัตินั้นให้ผลตอบแทนทั้งทางด้านวัตถุ ร่างกายและด้านจิตใจ สามารถตอบสนองความ
ต้องการข้ันพ้ืนฐานของบุคคลได้ นอกจากนี้ความรู้สึกและทัศนคติที่ดีต่องานก็เป็นส่วนช่วย ให้เกิด
ความพงึ พอใจในการปฏบิ ัตงิ าน ดงั น้นั องคก์ รใดท่ีจะบรรลุถึงเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพได้ต้องมา
จากการที่มีพนักงานมีความพึงพอใจในงานท่ีปฏิบัติอยู่ ความพึงพอใจในงานนับว่ามีค่าย่ิงสาหรับ
ผปู้ ฏบิ ัติงานทกุ คน และเปน็ เรอ่ื งท่ีผู้บริหารทกุ ระดับควรให้ความสนใจ และนามาเปน็ องคป์ ระกอบใน
การวิเคราะห์งาน และ ปรับปรุงงานให้ดาเนินไปอยางมีประสิทธิภาพ องค์กรใดก็ตามหากบุคคลใน
องค์กรไม่พึงพอใจในการปฏิบัติงานก็เป็นเหตุผลหนึ่งท่ีทาให้ผลการปฏิบัติงานต่า คุณภาพของงาน
ลดลงมีการขาดงาน ลาออกจากงาน หรืออาจก่อให้เกิด ปัญหาทางอาชญากรรม และเป็นปัญหาทาง
วินัยได้อีกด้วย แต่ในทางตรงข้าม หากพนักงานมีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานย่อมแสดงถึง การ
บริหารงานที่ดี และผลการ ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังน้ัน หากพนักงานมีคุณภาพชีวิตใน
การทางานท่ีดีแล้ว พนักงานย่อมมีความสุขในการทางาน มีความพึงพอใจในงานสามารถทางานได้
อยา่ งมีประสทิ ธิผล ท้งั ยังอาจชว่ ยสง่ เสริมใหพ้ นักงาน มีความเตม็ ใจในการทาส่งิ ต่างๆ เพื่อใหอ้ งค์การ
บรรลุเป้าหมายท่กี าหนดไว้
นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ
คุณภาพชีวิตในการทางาน (Quality of Work Life: QWL) หมายถึง ความรู้สึก พึง
พอใจของผปู้ ฏิบัตงิ านในองค์กรตอ่ งานที่ทาและสภาพแวดล้อมความเปน็ อยู่ รวมไปถงึ ความตอ้ งการ
589
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
และปรารถนาให้ชีวิตดีขึ้น โดยแบ่งคุณภาพชีวิตการทางานออกเป็น 8 ด้าน ของวอลตัน (Walton,
1974) ได้แก่
1. ผลตอบแทนท่ียุติธรรมและเพียงพอ หมายถึง รายได้ ค่าตอบแทน เงินเพ่ิมต่าง ๆ
สวัสดิการท่ีได้รับจากการทางานนั้นเพียงพอที่จะดารงชีวิตตาม มาตรฐานการครองชีพของสังคม มี
ชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบาย และค่าตอบแทนท่ีได้รับมีจานวน พอ ๆ กันกับที่อ่ืนเขาจ่ายกนั ในลักษณะ
งานทีค่ ลา้ ยคลึงกนั
2. สภาพการทางานท่ีมีความปลอดภัยไม่เป้นอันตรายต่อสุขภาพ หมายถึงการได้รบั
การป้องกันอันตรายที่อาจเกดิ ขึ้นต่อร่างกายของบุคลากร จากการทางาน เพื่อไม่ให้ไดร้ ับอันตรายตอ่
สขุ ภาพ และบุคคลท่ีปฏิบัตงิ านรู้สึกพงึ พอใจต่อการได้รับการดูแลน้นั รวมถงึ การได้รบั การปฏิบัติงาน
ตามมาตรฐานเวลา เหมาะสมกับค่าจา้ งที่ กาหนดไว้ มีสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพของการทางานที่มี
ความเส่ียงต่อการเจ็บป่วยหรือ การบาดเจ็บจากการทางานน้อยที่สุด ควรมีการกาหนดมาตรฐาน
เก่ียวกับสภาพแวดล้อมที่ส่งเสรมิ สุขภาพ ซ่ึงรวมถึงการควบคุมเก่ยี วกับเสียง การรบกวนทางสายตา
ความแออดั
3. การพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน หมายถึง โอกาสในการเสริมสร้างและพัฒนา
ความรู้ ความสามารถของบุคคลในการเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัตงิ านซึง่ องค์กรจะต้องให้ความสาคัญกับ
บุคลากรนอกเหนือจากการทางาน โดยเฉพาะการให้ความสาคัญในการพัฒนาตนเองและพัฒนา 6
อาชีพ โดยให้มคี วามรู้ มที กั ษะในการทางาน เพือ่ ทจ่ี ะทาให้บุคคลสามารถทาหนา้ ทโี่ ดยใช้ศกั ยภาพ ท่ี
มอี ยู่อย่างเตม็ ความสามารถ และพัฒนางานใหม้ ีคุณภาพยิง่ ขน้ึ
4. ความก้าวหน้าและความม่นั คงในงาน หมายถงึ การไดม้ โี อกาสก้าวหน้าในอาชีพของ
บคุ ลากร มโี อกาสได้ขยาย ความสามารถของตนเองให้ได้รับความรู้และทักษะใหม่ ๆ ทาให้มแี นวทาง
หรอื โอกาสในการเลอ่ื น ตาแหนง่ หน้าท่ีทส่ี งู ขนึ้
5. การบูรณาการด้านสังคมหรอื สังคมสัมพันธ์ หมายถึงการที่บุคลากรมีความพงึ พอใจ
และเห็นว่าตนเองมีคุณค่าในการอยู่ ร่วมกันในสังคม และมีปฏิสัมพันธ์อันดีกับบุคลากรท่ีปฏิบัติงาน
รว่ มกนั
6. ลักษณะการบรหิ ารงาน หมายถงึ การบริหาร จดั การโดยให้บุคลากรได้มีสทิ ธิในการ
ปฏิบัติตามขอบเขตท่ีได้รับมอบหมายและแสดงออกในสิทธิ ที่พึงมี หรือการกาหนดแนวทางในการ
ทางานรว่ มกนั ซงึ่ สามารถพจิ ารณาได้จากความเปน็ สว่ นตัว มีอิสระในการพดู ความเสมอภาคในเร่ือง
ของบุคคล กฎระเบียบ ผลประโยชน์ท่ีพึงได้รบั ค่าตอบแทน และความมัน่ คงในงาน ใหค้ วามเคารพต่อ
หน้าท่ีและความเปน็ บุคคลของผรู้ ว่ มงาน
7. ภาวะอิสระจากงาน หมายถึง การท่ีบุคลากรสามารถจัดสรรเวลาการทางานของ
ตนเองได้อย่าง เหมาะสมและสมดุลระหว่างเวลางานและเวลาของครอบครัว มีการแบ่งเวลาที่
เหมาะสมใน การดารงชีวิต เวลาท่ีใช้ในการปฏิบัติงาน เวลาส่วนตัว เวลาสาหรับครอบครัว เวลา
พักผ่อน ซ่งึ เวลา งานจะตอ้ งไม่ไปเบยี ดบงั เวลาทีเ่ ขาควรให้แกค่ รอบครัว การพักผอ่ น หรืองานอดเิ รก
8. ความภูมิใจในองคก์ าร หมายถงึ กจิ กรรมหรอื งานทท่ี านัน้ เป็นประโยชน์ตอ่ สงั คม มี
ความรับผิดชอบต่อสังคม หน่วยงานมี การเผยแพร่ข้อมูลเป็นประโยชน์กับสังคม มีความโปร่งใสใน
590
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
การทางาน การกาหนดนโยบาย คานึงถึงประโยชน์โดยรวมของสังคม คานึงถึงคุณภาพ สิ่งแวดล้อม
และความปลอดภัย
ความพึงพอใจในการทางาน หมายถึง ความรู้สึกนึกคิด เจตคติที่ดีของผู้ปฏิบัติงาน ที่มี
ต่อองคก์ าร โดยถา้ บคุ คลได้รบั การตอบสนองความตอ้ งการจากองคก์ าร จะทาให้เกดิ ขวญั กาลงั ใจใน
การปฏบิ ัติงาน และมคี วามสขุ ในการทางาน และสง่ ผลให้การทางานมปี ระสทิ ธภิ าพและ ประสิทธผิ ลท่ี
ดตี ่อองคก์ าร
วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั
1. เพ่อื ศกึ ษาระดับคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากรองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั สงขลา
2. เพอื่ ศึกษาระดับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
3. เพือ่ ศึกษาความสัมพันธ์ระหวา่ งคณุ ภาพชีวติ ในการทางานกบั ความพึงพอใจของบคุ ลากร
องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั สงขลา
สมมตฐิ านของการวจิ ยั
1. บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาท่ีมีปัจจัยส่วนบุคคลต่างกันมีความพึง
พอใจในการทางานต่างกนั
2. ระดับคุณภาพชีวิตในการทางานมีความสัมพันธ์กบั ความพึงพอใจของบุคลากรองค์การ
บริหารส่วนจังหวดั สงขลา
ขอบเขตของการวจิ ัย
1. ขอบเขตดา้ นประชากร
ประชากร คือ บุคลากรท่ีปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประจาปี
งบประมาณ 2564 จานวน 710 คน
กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประจาปี
งบประมาณ 2564 กาหนดกลุ่มขนาดตัวอย่างด้วยวิธีการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากตาราง
Krejcie & Morgan (1970) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างจานวน 260 คน ทาการสุ่มตัวอย่างแบบตาม
สะดวก
2. ขอบเขตดา้ นเนื้อหา
ในการวจิ ัย เรอ่ื ง ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวติ ในการทางานกบั ความพงึ พอใจในการ
ทางานของบุคลากร องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั สงขลา มีตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม ดังนี้
ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย เพศ อายุ
สถานภาพสมรส ระดบั การศกึ ษา อาชพี อัตราเงินเดือน และระยะเวลาการปฏบิ ตั งิ าน
ส่วนคุณภาพชีวิตในการทางาน ประกอบด้วย ด้านผลตอบแทนที่ยุติธรรมและ
เพียงพอ ด้านสภาพท่ีทางานท่ีปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ด้านการพัฒนาศักยภาพของ
591
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ดา้ นความกา้ วหน้าและความม่ันคง ด้านสงั คมสมั พันธ์ ด้านลกั ษณะการบรหิ าร ดา้ นภาวะ
อิสระจากงาน และดา้ นความภมู ใิ จในองค์การ
ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ความพึงพอใจในการทางานของบุคลากร
องคก์ ารบรกิ ารส่วนจงั หวดั สงขลา
3. ขอบเขตด้านพน้ื ที่
พนื้ ท่ที ี่ใชใ้ นการศกึ ษา คือ องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดสงขลา
4. ขอบเขตด้านเวลา
ดาเนนิ การวจิ ัย ในระหว่างเดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2563 โดยมแี ผนที่จะเก็บรวบรวม
ข้อมลู 1 สปั ดาห์
กรอบแนวคดิ ในการวิจัย
ตัวแปรอิสระ ตวั แปรตาม
ปจั จัยส่วนบุคคล ความพึงพอใจ
1) เพศ ในการทางาน
2) อายุ
3) ระดับการศกึ ษา Herzberg, Frederick.,
4) สถานภาพสมรส and others (1959)
5) อตั ราเงนิ เดือน
6) อายกุ ารทางาน
ภาวณิ ี กาญจนาภา (2554)
คุณภาพชีวติ ในการทางาน
1) ดา้ นผลตอบแทนทยี่ ตุ ิธรรมและเพียงพอ
2) ด้านสภาพการทางานทปี่ ลอดภยั ไมเ่ ป็นอนั ตราย
ต่อสขุ ภาพ
3) ด้านการพฒั นาศักยภาพของผูป้ ฏิบตั งิ าน
4) ด้านความก้าวหนา้ และความม่นั คง
5) ด้านการบูรณาการด้านสงั คมหรอื สงั คมสมั พันธ์
6) ดา้ นลักษณะการบรหิ ารงาน
7) ดา้ นภาวะอสิ ระจากงาน
8) ดา้ นความภมู ิใจในองคก์ าร
Walton (1974)
ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการวิจัย
592
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ทบทวนวรรณกรรม
บริรักษ์ เชาว์กบินทร์ (2558) กล่าวไว้วา่ คุณภาพชีวิตการทางาน หมายถึง สภาพของการ
ทางานภายในองค์กรท่ีมีการปฏิบัติงานอย่างมีความสุข บุคลากรมีความพึงพอใจในงานที่ได้ได้รับ
มอบหมาย รวมถึงมีส่ิงแวดล้อมที่เหมาะสม ทาให้เกิดความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน จึงทาให้
พนักงานในหน่วยงานทางานได้ ผลงานท่ีมีคุณภาพ และพนักงานก็มีความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าต่อ
องค์กร และถ้าพนักงานมีการปฏิบัติงานท่ีสามารถมีการผสมผสานการปฏิบัติงานกับชีวิตส่วนตัว ได้
อยา่ งเหมาะสม จะทาใหพ้ นกั งานสามารถดาเนินชวี ิตได้อย่างมคี วามสุข
แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกบั ความพงึ พอใจในการปฏบิ ตั งิ าน
กานดา จันทร์แย้ม (2556) ให้ความหมายของความพึงพอใจในการปฏิบัติงานไว้ว่า
หมายถึง ความรู้สึกรวมของพนักงานท่ีมีต่องานในทางบวก ซึ่งการศึกษาความพึงพอใจในการ
ปฏิบตั งิ านเปน็ การศึกษาทัศนคติ หรือความรสู้ ึกของพนกั งานที่มีต่อการปฏิบัติงาน
โชติกา นามบุญเรือง (2559) ได้กล่าวถึงคุณภาพชีวิตการทางานว่า หมายถึง การที่
บุคลากรมีการแสดงความคิดเหน็ ต่องานทป่ี ฏบิ ัติ ซงึ่ การปฏิบัตงิ านนนั้ สามารถที่จะตอบสนองต่อความ
ต้องการ ทงั้ ด้านรา่ งกาย และดา้ นจิตใจ รวมถงึ ค่าตอบแทนทไี่ ดร้ บั มีความเหมาะสม มีความปลอดภัย
และส่งเสริมผลดีต่อสุขภาพ มีสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานที่ดี และมีความม่ันคง ตลอดจนมี
ความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมปฏิบัติกิจกรรมต่างๆในองค์กร การมีความสมดุล
ระหว่างงานท่ปี ฏิบัติกับชวี ติ สว่ นตวั ตลอดจนการยอมรบั จากสังคมอัน ซึ่งกอ่ ใหเ้ กิดผลดีต่อตนเองและ
เพิ่มประสทิ ธภิ าพตอ่ การปฏิบัตงิ าน
งานวจิ ัยที่เกยี่ วข้อง
สุพิชญา อุรเคนทร์เนตร (2553) ศึกษาความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร
สานักการคลงั และสินทรัพย์ สงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผลการศึกษา พบว่า
บุคลากรที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานโดยรวมและรายด้าน
แตกต่างกนั อยา่ งไม่มนี ยั สาคัญทางสถิติ
ฐานมญ สุนทรห้าว (2555) ศึกษาคุณภาพชีวิตในการปฏิบัติงานของข้าราชการและ
ลกู จา้ งองคก์ ารบริหารส่วนตาบล ในเขตอาเภอภเู ขียว จังหวัดชัยภมู ิ ผลการศกึ ษา พบวา่ คณุ ภาพชีวิต
ในการปฏบิ ัติงานของข้าราชการและลกู จ้างในองคก์ ารบริหารส่วนตาบลในเขต อาเภอภูเขียว จังหวัด
ชัยภูมิ ในภาพรวมอยู่ระดับมาก คือ 1) ด้านสภาพการทางานท่ีคานึงถึงความปลอดภัยและส่งเสริม
สุขภาพ 2) ด้านความมั่นคงและความก้าวหน้าในหน้าท่ีการงาน 3) ด้านโอกาสในการพัฒนา
สมรรถภาพของบุคคล 4) ด้านบูรณาการทางสังคมหรือการทางานร่วมกัน 5) ด้านประชาธิปไตยใน
องค์กร 6) ด้านความสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว และ 7) ด้านการคานึงถึงความต้องการของ
สังคม
รนางค์ ภู่แจ่ม (2558) ศึกษาความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหาร
ส่วนตาบลในเขตอาเภอสองพ่ีน้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผลการศึกษา พบว่า บุคลากรองค์การบริหาร
ส่วนตาบล มีความพึงพอใจในการทางานโดยรวมและทุกด้าน อยู่ในระดับมาก ผลการเปรียบเทียบ
ระดับความพึงพอใจในการทางาน พบว่า เพศ อายุ ด้านการศึกษา ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน
593
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
หน่วยงานที่ปฏิบัติงาน และรายได้ต่อเดือนท่ีแตกต่างกัน มีระดับความพึงพอใจในการทางานไม่
แตกต่างกนั
วิธดี าเนินการวจิ ัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร คือ บุคลากรท่ีปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประจาปี
งบประมาณ 2564 จานวน 710 คน
กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรท่ีปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประจาปี
งบประมาณ 2564 ผู้วิจัยกาหนดกลุ่มขนาดตัวอย่างด้วยวิธีการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจาก
ตาราง Krejcie and Morgan (1970) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างจานวน 260 คน ทาการสุ่มตัวอย่างแบบ
ตามสะดวก
เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการวิจยั แบ่งเปน็ 3 สว่ น ไดแ้ ก่
ส่วนท่ี 1 เป็นคาถามท่ีเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็น
แบบตรวจสอบรายการ (Check List) จานวน 6 ข้อ
ส่วนท่ี 2 เป็นคาถามท่ีเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากร มีลักษณะเป็น
แบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating scale) 5 ระดับ จานวน 37 ข้อ
ส่วนท่ี 3 เป็นคาถามท่ีเก่ียวกับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร มีลักษณะ
เปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ จานวน 4 ข้อ
การสรา้ งและการตรวจสอบคณุ ภาพของเคร่ืองมอื
1. ศกึ ษาวรรณกรรมท่เี กย่ี วขอ้ งในเอกสาร วารสาร รวมทั้งหลกั การ แนวคิด ทฤษฎขี อง
นักวิชาการ เพ่ือนามาใช้การสรุปเป็นนิยามศัพท์ของตัวแปร และศึกษาวิธีการสร้างแบบสอบถามท่ี
ถกู ตอ้ งตามหลกั การ
2. เสนอแบบสอบถามฉบับร่างเสนออาจารยท์ ่ีปรึกษางานวจิ ัยเพื่อตรวจสอบการใช้ภาษา ความ
ครอบคลุม และความถูกต้องสมบูรณ์ของเนื้อหา จากน้ันนามาปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง แล้วเสนอต่อ
ผเู้ ชยี่ วชาญ จานวน 3 ท่าน พจิ ารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงของเน้ือหา (Content Validity) ความ
ถูกต้องของรูปแบบ และความถูกต้องของภาษา พร้อมท้ังปรับปรุงแก้ไขตามคาแนะนาให้ถูกต้อง โดย
นามาวเิ คราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้อง หากอยู่ในชว่ ง 0.60 ถึง 1.00 ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์ (Index of
Item Objective Congruence : IOC) จากสูตร (Riviovelli and Hambleton, 1997)
3. ทดลองใช้แบบสอบถามกับกาลังพลสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการ
กองทัพไทยที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอยา่ ง ทดลองใช้แบบสอบถามท้ังสิ้น 30 คน แล้วนามาวิเคราะห์หาคา่ ความเชอ่ื มน่ั
ของแบบสอบถาม โดยการใช้ค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาของ Cronbach จากการทดสอบความเช่ือมั่นของ
แบบสอบถามเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากร ได้ค่า -Coefficient เท่ากับ 0.898
และแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร ได้ค่า -Coefficient เท่ากับ
0.894 ถือว่าแบบสอบถามมีความน่าเชอ่ื ถือตามหลักสถิติ
594
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
แบบสอบถาม ผูว้ ิจยั วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล มีดงั นี้
3.4.1 วิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยใช้สถิติ ค่าความถ่ี (Frequency) และค่า
รอ้ ยละ (Percentage)
3.4.2 วิเคราะห์ข้อมูลระดับคุณภาพชีวิต และระดับความพึงพอใจในการทางาน โดยการหา
คา่ เฉล่ีย (x )̅ และคา่ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยผวู้ ิจัยได้กาหนดเกณฑ์ในการแปลความหมายระดับของ
แบบสอบถาม ซงึ่ ดดั แปลงมาจากเกณฑข์ อง Best (1977) ดังนี้
Maximmum-Minimum = คะแนนสงู สุด-คะแนนตา่ สุด
Interval จานวนชน้ั
= (5-1) /5
= 0.8
จะไดเ้ กณฑก์ ารวัดระดบั คะแนนทแี่ บง่ เปน็ 5 ชว่ ง ดงั นี้
คะแนนเฉลยี่ ระดบั ความเห็นเกีย่ วกับคณุ ภาพชีวิต/ความพงึ พอใจ
4.21 – 5.00 มีคุณภาพชวี ติ ในระดับดมี าก/พงึ พอใจมากท่ีสดุ
3.41 – 4.20 มีคุณภาพชีวติ ในระดับด/ี พงึ พอใจมาก
2.61 – 3.40 มคี ณุ ภาพชวี ิตในระดบั ปานกลาง/พงึ พอใจปานกลาง
1.81 – 2.60 มคี ณุ ภาพชวี ิตในระดบั ไมด่ /ี พึงพอใจน้อย
1.00 – 1.80 มีคณุ ภาพชวี ิตในระดับไมด่ อี ยา่ งมาก/ไมพ่ งึ พอใจ
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
1. ขออนุญาตออกหนงั สือแนะนาตวั ผู้วจิ ัยและหนงั สือขออนุญาตเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพ่ือ
การวิจัยจากหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระ
เกียรติ จังหวัดสงขลา ถึงหัวหน้างานฝ่ายบุคคลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อขอความ
อนเุ คราะห์ในการเก็บข้อมูล รวมทั้งช้แี จงวัตถปุ ระสงค์และขอความร่วมมือเพื่ออานวยความสะดวกใน
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
2. ผู้วิจัยนาแบบสอบถามฉบบั สมบรู ณ์ ไปดาเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลกับกลมุ่ ตัวอยา่ ง
จานวน 260 ตวั อย่าง พร้อมท้งั รอรับแบบสอบถามคืนดว้ ยตนเอง
การวิเคราะหข์ ้อมูลและสถติ ทิ ่ใี ช้
1. ค่าความถ่ี และคา่ ร้อยละวิเคราะหป์ จั จยั สว่ นบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
2. ค่าเฉล่ีย และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน วเิ คราะหป์ ระเมนิ คุณภาพชวี ิตในการทางาน และ
ความพงึ พอใจในการปฏิบัตงิ านของบุคลากรทป่ี ฏบิ ตั ิงานในองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั สงขลา
3. ทดสอบความแตกต่างของค่าที (t-Test) และทดสอบค่าเอฟ (F-Test) ด้วยการ
วิเคราะห์ความแปรปรวน (One-Way ANOVA) และหากมีความแตกต่างให้ใช้การเปรียบเทียบรายคู่
ต่อด้วยวิธี Least Significant Difference (LSD) วิเคราะห์เปรียบเทียบระดับความพึงพอใจในการ
ทางานของบคุ ลากรองค์การบริหารส่วนจงั หวัดสงขลา ตามตัวแปรปจั จัยสว่ นบุคคล
595
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
4. ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตกับ
ความพึงพอใจในการทางานของบคุ ลากรองคก์ ารบรกิ ารสว่ นจงั หวัดสงขลา
ผลการวจิ ยั
1. กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 59.62 มีอายุระหว่าง 40 - 49 ปี คิด
เป็นร้อยละ 42.31 โดยมีสถานภาพสมรส คิดเป็นร้อยละ 63.08 ซ่ึงมีการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือ
เทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 88.08 มีอาชีพเป็นพนักงานจ้าง คิดเป็นร้อยละ 58.46 ซึ่งมีอัตราเงินเดือน
25,001 - 35,000 บาท คดิ เปน็ ร้อยละ 46.54 และสว่ นใหญม่ ีระยะเวลาการปฏิบัติงาน 16 - 25 ปี คิด
เป็นรอ้ ยละ 53.08
2. กลุ่มตัวอย่าง มีระดับคุณภาพชีวิตในการทางานท่ีปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วน
จังหวัดสงขลา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.04) และเม่ือพจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ ด้านที่
มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ด้านผลตอบแทนท่ียุติธรรมและเพียงพอ ( X = 4.19) รองลงมาคือ ด้านการ
พัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน ( X = 4.10) ด้านความภูมิใจในองค์การ ( X = 4.08) ด้านภาวะ
อสิ ระจากงาน ( X = 4.07) ดา้ นสังคมสมั พันธ์ ( X = 4.02) ดา้ นลกั ษณะการบรหิ าร ( X = 4.01)
ด้านสภาพที่ทางานที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ( X = 3.99) และด้านความก้าวหน้าและ
ความม่ันคง ( X = 3.88) ตามลาดบั
3. กลุ่มตัวอย่างกลุ่มตัวอย่าง มีระดับความพึงพอใจในการทางานในองค์การบริหารส่วน
จังหวัดสงขลา โดยภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก ( X = 4.14) และเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อท่ีมี
ค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ท่านมีความพึงพอใจในปริมาณงานที่ได้รับมอบหมาย ( X = 4.19) รองลงมาคือ
ท่านมีความพึงพอในการปฏิบัติงานร่วมกับหัวหน้างาน/หัวหน้าฝ่าย/ผู้อานวยการกอง ( X = 4.17)
และท่านมีความพึงพอใจในคุณภาพงานและผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน ( X = 4.14) ส่วนข้อที่มี
ค่าเฉล่ยี ลาดบั สดุ ท้าย คอื ท่านมคี วามพึงพอใจในการทางานร่วมกับเพ่อื นร่วมงาน ( X = 4.06)
4. การเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วน
จงั หวัดสงขลา ตามตวั แปรปจั จยั สว่ นบคุ คล ดงั ตาราง 1
ตารางท่ี 1 เปรียบเทียบระดับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
ตามตัวแปรปจั จยั สว่ นบคุ คล (n=260) คา่ สถิติทดสอบ คา่ ที (t-Test) และทดสอบคา่ เอฟ (F-Test)
ปจั จยั ส่วนบุคคล ความพงึ พอใจในการทางาน (t, F)
เพศ 0.885
อายุ 1.409
สถานภาพสมรส 0.353
ระดบั การศึกษา 0.038
อาชีพ 0.273
อัตราเงนิ เดอื น 2.515*
ระยะเวลาการปฏบิ ัติงาน 0.950
หมายเหตุ *p < .05, **p < .01
596
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
จากตาราง 1 แสดงการทดสอบสมมติฐานท่ี 1 พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีอัตราเงินเดือน
ต่างกัน มีระดับความพึงพอใจในการทางานในองค์การบริหารส่วนจังหวดั สงขลา โดยรวมแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 หากพิจารณาความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธีแบบ LSD พบว่า
กลุ่มตัวอย่างที่มีอัตราเงินเดือน 25,001 ถึง 35,000 บาท มีระดับความพึงพอใจในการทางานใน
องค์การบริหารสว่ นจังหวัดสงขลา มากกวา่ กลมุ่ ตัวอย่างทม่ี ีอตั ราเงนิ เดือน สูงกว่า 35,000 บาท อยา่ ง
มนี ัยสาคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .05
5. ความสัมพันธ์ระหวา่ งคุณภาพชีวิตกับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การ
บรหิ ารสว่ นจังหวัดสงขลา ดังตาราง 2
ตารางท่ี 2 ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตกับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดสงขลา (n=260) วิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson’s
Product-moment Correlation Coefficient)
ความพงึ พอใจในการทางานของบุคลากร
คณุ ภาพชวี ิตในการทางาน องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
r Sig. ทิศทาง ระดบั
ความสัมพนั ธ์ ความสมั พันธ์
1. ดา้ นผลตอบแทนท่ยี ุติธรรมและเพียงพอ 0.582 0.000** เชิงบวก ปานกลาง
2. ดา้ นสภาพที่ทางานทปี่ ลอดภยั ไม่เปน็ 0.565 0.000** เชงิ บวก ปานกลาง
อนั ตรายต่อสขุ ภาพ
3. ด้านการพัฒนาศกั ยภาพของผปู้ ฏิบัตงิ าน 0.614 0.000** เชงิ บวก คอ่ นขา้ งสงู
4. ดา้ นความก้าวหนา้ และความมัน่ คง .571 .000** เชงิ บวก ปานกลาง
5. ดา้ นสงั คมสัมพันธ์ .694 .000** เชิงบวก คอ่ นข้างสงู
6. ด้านลกั ษณะการบริหาร .676 .000** เชงิ บวก คอ่ นขา้ งสูง
7. ด้านภาวะอิสระจากงาน .713 .000** เชิงบวก ค่อนข้างสูง
8. ดา้ นความภูมิใจในองค์การ .618 .000** เชิงบวก คอ่ นข้างสูง
โดยรวม .748 .000** เชงิ บวก คอ่ นขา้ งสงู
หมายเหตุ *p < .05, **p < .01
จากตาราง 2 แสดงการทดสอบสมมติฐานที่ 2 พบว่า คุณภาพชีวิตในการทางาน มี
ความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยรวม
อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก ในระดับค่อนข้างสูง มีค่า
สัมประสทิ ธสิ์ หสมั พนั ธ์ (r) เทา่ กบั 0.748 เมือ่ พจิ ารณาเปน็ รายด้าน พบวา่
1. คุณภาพชีวิตในการทางานด้านภาวะอิสระจากงาน ด้านสังคมสัมพันธ์ ด้าน
ลักษณะการบริหาร ด้านความภูมิใจในองค์การ และด้านการพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน มี
ความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา อย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก ในระดับค่อนข้างสูง มีค่าสัมประสิทธิ์
สหสมั พันธ์ (r) เท่ากบั 0.713, 0.694, 0.676, 0.618 และ 0.614 ตามลาดบั
597
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
2. คุณภาพชีวิตในการทางานด้านผลตอบแทนที่ยุติธรรมและเพียงพอ ด้าน
ความก้าวหน้าและความม่ันคง และด้านสภาพท่ีทางานที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มี
ความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา อย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก ในระดับปานกลาง มีค่าสัมประสิทธิ์
สหสมั พนั ธ์ (r) เทา่ กับ 0.582, 0.571 และ 0.565 ตามลาดับ
อภิปรายผล
1. ระดับคณุ ภาพชวี ิตในการทางานของบุคลากรท่ปี ฏบิ ัตงิ านในองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด
สงขลา
กลุ่มตัวอย่าง มีระดับคุณภาพชีวิตในการทางานที่ปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัด
สงขลา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ พนม นอนา (2558) ศึกษาคุณภาพชีวิต
ในการทางานของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในเขตอาเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ผล
การศึกษา พบว่า คุณภาพชีวิตการทางานของบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในเขตอาเภอวัง
สมบูรณ์ จงั หวดั สระแก้ว โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก พิจารณาเปน็ รายดา้ น ไดแ้ ก่
1) ดา้ นผลตอบแทนทย่ี ุติธรรมและเพียงพอ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับ
การศกึ ษาของ พนม นอนา (2558) ศึกษาคุณภาพชวี ิตในการทางานของบุคลากรองคก์ รปกครองส่วน
ท้องถ่ินในเขตอาเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ผลการศึกษา พบว่า คุณภาพชีวิตการทางานของ
บุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอาเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ด้านการให้ส่ิงตอบ
แทนที่เหมาะสมและยตุ ธิ รรม อยู่ในระดบั มาก
2) ด้านสภาพท่ีทางานทป่ี ลอดภัยไมเ่ ปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
สอดคล้องกับการศึกษาของ ฐานมญ สุนทรห้าว (2555) ศึกษาคุณภาพชีวิตในการปฏิบัติงานของ
ข้าราชการและลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตาบล ในเขตอาเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ผลการศึกษา
พบว่า ข้าราชการและลูกจ้างในองค์การบริหารส่วนตาบล ในเขตอาเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ด้าน
สภาพการทางานที่คานงึ ถงึ ความปลอดภัยและส่งเสริมสขุ ภาพอยูใ่ นระดับมาก
3) ด้านการพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้อง
กบั การศึกษาของ นจุ รีย์ พูลกาลงั (2561) ศึกษาคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากร สังกดั องคก์ าร
บริหารส่วนตาบลในพื้นท่ีอาเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผลการศึกษา พบว่า
ระดับคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากร สังกัดองค์การบริหารส่วนตาบลในพ้ืนท่ีอาเภอ
พระนครศรีอยุธยา จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ดา้ นการพัฒนาความรู้ ความสามารถในการทางานอยู่ใน
ระดบั มาก
4) ด้านความก้าวหน้าและความม่ันคง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับ
การศึกษาของ พนม นอนา (2558) ศกึ ษาคณุ ภาพชวี ิตในการทางานของบุคลากรองคก์ รปกครองส่วน
ท้องถิ่นในเขตอาเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ผลการศึกษา พบว่า คุณภาพชีวิตการทางานของ
บุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอาเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ด้านความก้าวหน้าและ
ความมน่ั คงในงาน อย่ใู นระดบั มาก
598
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
5) ด้านสังคมสัมพันธ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ
เกรียงศักดิ์ จักรทอง (2557) ศึกษาคุณภาพชีวิตการปฏิบัติงานของข้าราชการองค์การบริหารส่วน
จังหวัด ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ผลการศึกษา พบว่า ข้าราชการองค์การบริหารส่วน
จงั หวัดในสงั กัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี มีระดับคุณภาพชีวิตการปฏิบัติงาน ด้านความมสี ่วน
เก่ยี วขอ้ งและสัมพนั ธ์กบั สงั คมอยู่ในระดบั สูง
6) ด้านลักษณะการบริหาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ
ไพลิน ภูชานิ (2559) ศึกษาคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนตาบลตอน
สมบูรณ์ อาเภอยางตลาด จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ ผลการศึกษา พบวา่ คุณภาพชีวิตการทางานของบคุ ลากรองคก์ าร
บริหารส่วนตาบลตอนสมบูรณ์ อาเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ด้านลักษณะการบริหารงานอยู่ใน
ระดับมาก
7) ด้านภาวะอิสระจากงาน โดยภาพรวมอย่ใู นระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ
รัตนาภรณ์ บุญมี (2558) ศึกษาคุณภาพชีวิตในการทางานของพนักงานเทศบาลตาบลนาดี ผล
การศึกษา พบว่า ระดับคุณภาพชีวิตในการทางานของพนักงานเทศบาลตาบลนาดี ด้านภาวะอิสระใน
การปฏิบัตงิ านอยู่ในระดับมาก
8) ด้านความภูมิใจในองค์การ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ
รัตนาภรณ์ บุญมี (2558) ศึกษาคุณภาพชีวิตในการทางานของพนักงานเทศบาลตาบลนาดี ผล
การศึกษา พบว่า ระดับคุณภาพชวี ติ ในการทางานของพนกั งานเทศบาลตาบลนาดี ด้านความภูมิใจใน
องค์กรอยู่ในระดับมาก
2. ระดบั ความพึงพอใจในการทางานของบคุ ลากรองค์การบรกิ ารสว่ นจังหวดั สงขลา
กลุ่มตัวอย่าง มีระดับความพึงพอใจในการทางานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดย
ภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ รนางค์ ภู่แจ่ม (2558) ศึกษาความพึงพอใจใน
การทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนตาบลในเขตอาเภอสองพ่ีน้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผล
การศกึ ษา พบว่า บคุ ลากรองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล มีความพงึ พอใจในการทางานโดยภาพรวม อยใู่ น
ระดบั มาก พิจารณาเปน็ รายข้อ พบวา่
กลุ่มตัวอย่าง มีความพึงพอใจในปริมาณงานท่ีได้รับมอบหมาย อยู่ในระดับมาก
สอดคล้องกับการศึกษาของ รนางค์ ภู่แจ่ม (2558) ศึกษาความพึงพอใจในการทางานของบุคลากร
องค์การบริหารส่วนตาบลในเขตอาเภอสองพน่ี ้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผลการศึกษา พบว่า บุคลากรองค์การ
บริหารส่วนตาบล มคี วามพึงพอใจในการทางาน ต่อปรมิ าณงานท่ปี ฏบิ ัติอยูใ่ นระดับมาก
กลุ่มตัวอย่าง มีความพึงพอในการปฏิบัติงานร่วมกับหัวหน้างาน/หัวหน้าฝ่าย/
ผู้อานวยการกอง อยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ กิตติพล โฮมวงศ์ (2556) ศึกษาความ
พึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการสังกัดองค์การ บริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ผลการศึกษา
พบว่า ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร
ผบู้ ริหารและผ้ปู ฏิบัติงานมีส่วนรว่ มในการวางแผนงานอย่ใู นระดบั มาก
กลุ่มตวั อยา่ ง มคี วามพึงพอใจในคุณภาพงานและผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน อยูใ่ น
ระดับมาก สอดคล้องกับการศึกษาของ กิตติพล โฮมวงศ์ (2556) ศึกษาความพึงพอใจในการ
ปฏิบัติงานของข้าราชการสังกัดองค์การ บริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ผลการศึกษา พบว่า ความพึง
599
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
พอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร การปฏิบัติงานได้
บรรลตุ ามเป้าหมายอยู่ในระดบั มาก
กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจในการทางานร่วมกับเพ่ือนร่วมงาน อยู่ในระดับมาก
สอดคล้องกับการศึกษาของ อาไพ พาขุนทด (2560) ศึกษาปัจจัยด้านงาน ปัจจัยด้านการจัดการ และ
ความพึงพอใจ ในการปฏิบัติงานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนตาบลในเขตอาเภอเมืองด่านขุนทด
จังหวัดนครราชสมี า ผลการศกึ ษา พบว่า บุคลากรได้รับความรว่ มมอื ในการปฏบิ ัตงิ านจากเพอ่ื นรว่ มงาน
เปน็ อยา่ งดอี ยใู่ นระดบั มาก
3. การเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วน
จังหวัดสงขลา ตามตวั แปรปัจจยั ส่วนบุคคล
กลุ่มตัวอย่างท่ีมีอัตราเงินเดือนต่างกัน มีระดับความพึงพอใจในการทางานในองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 สอดคล้องกับ
การศึกษาของ สุพิชญา อุรเคนทร์เนตร (2553) ศึกษาความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร
สานกั การคลงั และสินทรัพย์ สังกดั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ผลการศึกษา พบว่า
บุคลากรที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานโดยรวมและรายด้าน
แตกตา่ งกนั
กลุ่มตัวอย่างที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา ต่างกัน มีระดับความพึงพอใจในการทางาน
ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยรวมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ สอดคล้องกับ
การศึกษาของ รนางค์ ภู่แจ่ม (2558) ศึกษาความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหาร
ส่วนตาบลในเขตอาเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ผลการศึกษา พบว่า บุคลากรองค์การบริหาร
สว่ นตาบล ทีม่ ีเพศ อายุ ดา้ นการศกึ ษา ทแ่ี ตกตา่ งกัน มีระดับความพึงพอใจในการทางานไม่แตกต่างกัน
กล่มุ ตวั อยา่ งทีม่ ี สถานภาพสมรส ต่างกัน มรี ะดับความพึงพอใจในการทางานในองคก์ าร
บริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยรวมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ สอดคล้องกับการศึกษา
ของสอดคล้องกับการศึกษาของ กิตติพล โฮมวงศ์ (2556) ศึกษาความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของ
ข้าราชการสงั กดั องค์การ บรหิ ารสว่ นจงั หวัดสกลนคร ผลการศึกษา พบว่า สถานภาพสมรส ต่างกัน มี
ความพึงพอใจในการปฏบิ ัติงานของขา้ ราชการสังกัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดสกลนคร ไม่แตกตา่ งกัน
อาชีพ ต่างกัน มีระดับความพึงพอใจในการทางานในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
โดยรวมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ท้ังน้ีเนื่องจากบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัด
สงขลา ถึงแมจ้ ะมีหลากหลายอาชีพ แต่เมอื่ มาปฏิบตั ิงานในองค์การบริหารสว่ นจังหวดั สงขลา ทุกคน
ตา่ งตา่ งกม็ คี วามพงึ พอใจในการทางานทีไ่ ม่มีความแตกตา่ งกัน
4. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งคุณภาพชีวติ กับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การ
บรกิ ารสว่ นจงั หวดั สงขลา
คณุ ภาพชีวิตในการทางาน มคี วามสัมพันธ์เชงิ บวกในระดับคอ่ นข้างสูงกับความพึงพอใจ
ในการทางานของบุคลากรองค์การบริการส่วนจังหวัดสงขลา โดยรวมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดบั
0.01 สอดคล้องกับการศึกษาของ พรพิตรา ธรรมชาติ (2560) ศึกษาคุณภาพชีวิตในการทางานท่ีมี
อิทธิพลต่อความพึงพอใจในการทางาน และความตั้งใจในการลาออกของผู้แทนขาย ระดับบังคับบัญชา
600
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ผลการศึกษา พบว่าปจั จัยคุณภาพชวี ิตในการทางานมีความสัมพันธ์กับ
ความพึงพอใจในการทางานในทศิ ทางบวก
1) คณุ ภาพชีวิตในการทางานด้านภาวะอิสระจากงาน ดา้ นสงั คมสมั พันธ์ ด้านลกั ษณะ
การบริหาร ด้านความภูมิใจในองค์การ และด้านการพฒั นาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน มีความสัมพนั ธ์
เชิงบวกในระดับค่อนข้างสูงกับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริการส่วนจังหวัด
สงขลา อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 สอดคลอ้ งกบั การศึกษาของ สวุ รรณี แสงสขุ (2556) ศึกษา
คุณภาพชีวิตและความพึงพอใจในการทางานของข้าราชการตารวจ กองบังคับการอานวยการ ผล
การศึกษา พบว่า คุณภาพชีวิตในการทางานโดยรวมทุกด้านมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความพึง
พอใจในงาน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ในทางบวกอยู่ระดับมาก โดยการพัฒนาความรู้
ความสามารถมีความสัมพนั ธ์เชิงบวกกับความพงึ พอใจในการทางานมากทส่ี ดุ
2) คุณภาพชีวิตในการทางานด้านผลตอบแทนที่ยุติธรรมและเพียงพอ ด้าน
ความก้าวหน้าและความมั่นคง และด้านสภาพท่ีทางานท่ีปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มี
ความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับปานกลางกับความพึงพอใจในการทางานของบุคลากรองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดสงขลา อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 สอดคล้องกับการศึกษาของ นิธิ ปิยะพันธุ์
(2559) ศึกษาความพงึ พอใจในการทางานและบรรยากาศองคก์ ารทม่ี ี ความสัมพนั ธ์ต่อคุณภาพชีวิตการ
ทางานของข้าราชการตารวจกองบัญชาการตารวจนครบาล ผลการศึกษา พบว่า ข้าราชการตารวจ
กองบัญชาการตารวจนครบาล คุณภาพชีวติ การทางานมคี วามสมั พนั ธ์ในทางบวกกับความพึงพอใจใน
การทางานกับอยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถติ ิ
ข้อเสนอแนะในการวจิ ัย
ข้อเสนอแนะในการนาผลการวจิ ัยไปใช้
1. ระดับคุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากรท่ีปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วน
จงั หวดั สงขลา
หน่วยงานควรมีพิจารณา ให้มีการจัดสวัสดิการที่เพียงและเหมาะสมกับหน้าที่ท่ีได้
รับผิดชอบ การปรับปรุงภูมิทัศน์ในสถานที่ทางานให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สภาพแวดล้อมที่
ปลอดโปร่ง มีความปลอดภัย ให้บุคลากรได้มกี ารศึกษาดูงานด้านตา่ งๆ ให้บุคลากรมีการศึกษาตอ่ ใน
ระดับท่ีสูงข้ึน เพ่ือพัฒนาศักยภาพของบุคลากร การให้ความช่วยเหลือกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุก ๆ ด้าน
พิจารณาความดีความชอบและเลื่อนขั้นเงินเดือน ผู้บังคับบัญชาจะต้องพิจารณาความดีความชอบอย่าง
เสมอภาคและเท่าเทียมกัน บุคลากรต้องสามารถจัดการครอบครัวท่ีมีคุณภาพต้องมาจาก
ความสามารถของคู่สมรสที่รู้จักการวางแผนชีวิตครอบครัว ให้บุคลากรมีความรู้สึกภาคภูมิใจท่ีได้
ปฏิบัติงานในองค์กร ช่วยกันสร้างองค์กรให้เป็นองค์กรที่น่าปฏิบัติงาน เป็นองค์กรท่ีมีช่ือเสียง และ
รบั รู้วา่ องค์การอานวยประโยชน์และรบั ผิดชอบต่อสังคม
2. ระดบั ความพงึ พอใจในการทางานของบุคลากรองคก์ ารบรกิ ารสว่ นจงั หวดั สงขลา
จากการศึกษา พบว่ามีความพึงพอใจในการทางานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน มีค่าเฉลี่ย
น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นผู้บังคับบัญชาควรมีการส่งเสริมให้บุคลากรมีการทางานเป็นทีม เปิดโอกาสให้
บคุ ลากรไดม้ โี อกาสพบปะทางานร่วมกัน เพ่ือสรา้ งเสริมความสามัคคภี ายในองค์กร
601
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ขอ้ เสนอแนะในการทาวจิ ยั คร้งั ต่อไป
1. ควรมีการศึกษาคุณภาพชีวิตในการทางานกับความพึงพอใจในการทางานของ
บุคลากรองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั สงขลา เปน็ การวิจยั เชงิ คณุ ภาพบา้ ง โดยใช้วธิ กี ารสัมภาษณเ์ ชงิ ลึก
ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ซ่งึ จะทาใหข้ ้อมลู ทใ่ี กลเ้ คียงกับความเป็นจรงิ มากทส่ี ดุ
2. ควรมีการศึกษาคุณภาพชีวิตในการทางานกับความพึงพอใจในการทางานของ
บุคลากรองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลของจังหวดั สงขลาบ้าง
3. เพ่ือเปน็ การเติมเตม็ ช่องวา่ งวิจัยในมิตอิ ่ืน ๆ สามารถนาวจิ ยั เชิงคุณภาพมาใช้อธิบาย
ปรากฏการณ์ทเี่ กิดขึ้นได้
เอกสารอา้ งองิ
กานดา จันทร์แย้ม. (2556). จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ. กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์.
กติ ตพิ ล โฮมวงศ์. (2556). ความพึงพอใจในการปฏิบัตงิ านของข้าราชการสังกัดองค์การบริหารสว่ น
จังหวัดสกลนคร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร).
เกรียงศกั ด์ิ จกั รทอง. (2557). คุณภาพชวี ติ การปฏบิ ัติงานของข้าราชการองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด
ในสังกัดองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั นนทบุรี. วารสารสหวิทยาการวจิ ัย: ฉบับบณั ฑิตศึกษา,
3(2), 152-161.
กนกพร ชานาญเวช. (2555). คุณภาพชีวิตการทางานของบุคลากรสังกัดองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ใน
เขตอาเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบรุ ี. (วิทยานพิ นธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑติ ,
มหาวิทยาลัยบรู พา).
โชตกิ า นามบุญเรอื ง. (2559). คุณภาพชวี ิตการทางานของบุคลากรกองกากับการสืบสวน
ตารวจภธู รจังหวดั นครพนม. (วทิ ยานิพนธ์รฐั ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัย
มหาสารคาม)
ฐานมญ สนุ ทรห้าว. (2555). คุณภาพชวี ติ ในการปฏบิ ัตงิ านของขา้ ราชการและลูกจ้างองค์การ
บริหารสว่ นตาบลในเขตอาเภอภเู ขียว จงั หวัดชัยภูมิ. (สารนิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑติ ,
มหาวิทยาลัยราชภฏั ชัยภูมิ).
นิธิ ปิยะพนั ธ.์ุ (2559). ความพึงพอใจในการทางานและบรรยากาศองค์การท่ีมีความสัมพนั ธ์ตอ่ .
คณุ ภาพชีวติ การทางานของข้าราชการตารวจกองบัญชาการตารวจนครบาล.
(วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์).
นุจรยี ์ พลู กาลงั . (2561). คุณภาพชีวิตในการทางานของบุคลากรสงั กดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล
ในพน้ื ท่อี าเภอพระนครศรอี ยธุ ยา จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา. (การค้นคว้าอิสระปริญญา
มหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนครศรอี ยุธยา).
บรริ กั ษ์ เชาวก์ บินทร์. (2558). คุณภาพชีวิตการทางานของบคุ ลากรในองคก์ ารบริหารสว่ น จังหวัด
ตราด. (วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยบรู พา).
พงศภ์ คั วิง่ เร็ว. (2559). คณุ ภาพชีวติ การทางานและความผูกพันต่อองค์การของเจา้ หนา้ ที่
สานกั งานคมุ ประพฤติ จงั หวดั สมุทรปราการ. (วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑิต,
มหาวิทยาลยั บูรพา).
พนม นอนา. (2558). คณุ ภาพชีวติ ในการทางานของบุคลากรองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ ในเขต
อาเภอวงั สมบูรณ์ จงั หวัดสระแกว้ . (งานนพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยบรู พา).
602
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
พรพิตรา ธรรมชาติ. (2560). คณุ ภาพชวี ิตในการทางานทีม่ อี ิทธพิ ลต่อความพึงพอใจในการทางาน
และความต้งั ใจในการลาออกของผ้แู ทนขายระดับบังคับบญั ชาของกล่มุ บริษทั ผู้ผลิต
บรรจภุ ณั ฑ์. (การคน้ ควา้ อสิ ระปริญญามหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์).
ไพลิน ภชู าน.ิ (2559). คุณภาพชีวิตในการทางานของบคุ ลากรองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล
ตอนสมบูรณ์ อาเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสนิ ธ์ุ. (วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ ,
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม).
ภาวณิ ี กาญจนาภา. (2554). หลักการตลาด. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์ท้อป.
รนางค์ ภู่แจม่ . (2558). ความพงึ พอใจในการทางานของบคุ ลากรองค์การบริหารส่วนตาบลในเขต
อาเภอสองพนี่ อ้ ง จังหวัดสพุ รรณบรุ ี. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ ,
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์).
รัตนาภรณ์ บุญม.ี (2558). คณุ ภาพชวี ิตในการทางานของพนักงานเทศบาลตาบลนาดี. (งานนพิ นธ์
ปรญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลยั บรู พา).
สพุ ิชญา อุรเคนทร์เนตร. (2553). ความพงึ พอใจในการปฏิบัตงิ านของบคุ ลากร สานกั การคลงั และ
สนิ ทรัพย์ สงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญา
มหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ).
สุวรรณี แสงสุข. (2556). คุณภาพชีวิตและความพึงพอใจในการทางานของขา้ ราชการตารวจ
กองบงั คบั การอานวยการ. (วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั ศรปี ทมุ ).
อาไพ พาขนุ ทด. (2560). การศึกษาปัจจัยดา้ นงาน ปัจจัยดา้ นการจัดการ และความพึงพอใจใน
การปฏิบตั ิงานของบุคลากรองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล ในเขตอาเภอเมอื งด่านขนุ ทด
จงั หวัดนครราชสมี า. (ภาคนพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า).
Best, J. W. (1977). Research in Education. (3 rd ed.). New Jersey: Prentice Hall Inc.
Herzberg, Frederick., and others. (1959). The Motivation to work.
New York: John Wiley and Sons.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities.
Educational and Psychological Measurement, 30(3), pp. 607-610.
Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the
assessmentof criterion-referenced test item validity. Dutch Journal of
Educational Research, 2, 49-60.
Walton. R. E. (1974). Improving the Quality of Work Life. Harvard Business review.
4(7), pp. 12-14.
603
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ปัจจยั ที่มีอทิ ธพิ ลต่อพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารประเภทต่มิ ซา
ของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร
สรยิ า มาเหมาะโชค1
นักศกึ ษาปรญิ ญาโทหลักสูตรบริหารธรุ กจิ มหาบัณฑติ คณะบรหิ ารธรุ กิจ
มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ
สมุ นา ธรี กติ ตกิ ลุ
อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าการจดั การ คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลยั กรงุ เทพ
บทคัดยอ่
การศึกษาในคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภค
อาหารประเภทติม่ ซาของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร การวิจัยนี้เปน็ งานวจิ ัยเชงิ คุณภาพ มีวธิ ีการ
ศึกษาในรูปแบบของการสัมภาษณ์จากกลุ่มตัวอย่าง จานวน 20 คน และงานวิจัยเชิงปริมาณ มีวิธีการ
ศึกษาในรูปแบบการวิจัยเชิงสารวจ โดยมีแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่ม
ตัวอย่าง จานวน 400 คน ท่ีเคยใช้บริการร้านอาหารประเภทต่ิมซาในเขตกรุงเทพมหานคร โดยวิธีการ
สุม่ ตัวอย่างแบบเจาะจง สถติ ิทใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย สถติ เิ ชงิ พรรณนา ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบน และสถิติเชิงอนุมาน คือ การใช้วิธีหาค่าสถิติค่าไคสแควร์ เพื่อ
ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามโดยมีนัยสาคัญท่ี 0.05 ผลการศึกษาพบว่า
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31-40 ปี ระดบั การศกึ ษาปริญญาตรี มีอาชีพ
ลูกจ้าง/พนักงานบริษัท และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง 20,000-29,999 บาท ผลการทดสอบ
สมมติฐานพบวา่ ปัจจยั ที่มีผลตอ่ พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารประเภทตมิ่ ซาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี
ระดับ 0.05 คือ ปัจจัยทางดา้ นประชากรศาสตร์ และปัจจยั ทางด้านส่วนผสมทางการตลาด
คาสาคญั : อาหารประเภทตมิ่ ซา ส่วนผสมทางการตลาด พฤติกรรมการบรโิ ภค
1 นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลักสตู รบริหารธรุ กิจมหาบัณฑติ คณะบรหิ ารธุรกิจ มหาวิทยาลยั กรุงเทพ ต.คลองหนงึ่
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 หมายเลขตดิ ตอ่ : 089-490-2765 อีเมล: [email protected]
604
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
FACTORS INFLUENCING DIM SUM FOOD
CONSUMPTION BEHAVIOR OF THE POPULATION IN BANGKOK
Sariya Mamohchok1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business Administration
Bangkok University
Sumana Teerakittikul
Lecturer at Department of Management, Faculty of Business Administration
Bangkok University
Abstract
The purpose of this study was to study Factors related to Dim Sum food
consumption behavior of the population in Bangkok. This research was a qualitative
research study in the form of interviews with a sample of 20 people and quantitative
research had a method of studying in the form of survey research with questionnaires.
The Questionnaire was a tool to collect data from a sample of 400 people who used to
serve dim sum restaurants in Bangkok by purposive sampling method. The statistics used
in the data analysis consist of Descriptive statistics are Frequency, Percentage, Mean and
Standard Deviation and Inferential statistics was used Chi-Square test to test the
relationship between independent and dependent variables with significance at 0.05.
The results of the study showed that the majority of the respondents were female. They
were between 31-40 years of age with a bachelor's degree. Had an occupation employee
and have an average monthly income between 20,000-29,999 baht. The results of
hypothesis testing showed that the statistically significant factor affecting dietary
behavior of dim sum at 0.05 level was demographic factor and Marketing mix factors.
Keywords: Dim Sum Foods, Marketing Mix, Consumption Behavior
1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business
Administration, Bangkok University. Contact Number: +6689-490-2765 Email: [email protected]
605
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
บทนา
ต่ิมซา (Dim Sum) เป็นอาหารว่าง หรืออาหารเรียกน้าย่อยช้ันเยี่ยม ท่ีนิยมกันมากใน
ประเทศจีน โดยเฉพาะในเมืองกวางโจว ซ่ึงมีชื่อเสียงเรื่องต่ิมซามาอย่างยาวนาน ซึ่งคาว่า "ต่ิมซา" น้ัน
เป็นการเรียกรวมอาหารที่หลากหลายชนิด ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นอาหารประเภทห่อน่ึง อาทิเช่น ขนม
จีบ ฮะเก๋า ซาลาเปา ฝั่นโก๋ กุยชา่ ย โดยจะเสิร์ฟมาในภาชนะใบเล็ก ๆ อาทิเชน่ เข่งต่ิมซาไม้ไผ่ หรือ จาน
ขนาดเล็ก นอกจากน้ียังมีอาหารประเภททอดเรียกรวมอยู่ในติม่ ซาอีกด้วย อาทิเช่น เกี๊ยวซ่า เก๊ียวกรอบ
ปอเปย๊ี ะ เปน็ ตน้ โดยไสข้ องตม่ิ ซาจะมที งั้ เนอื้ สัตว์ หรือเปน็ แปง้ นงึ่ เชน่ หม่ันโถว เสีย่ วหลงเปา
ชื่อเดิมของ ต่ิมซา คือ “ซ้ิวไหม” แปลว่า "ขายร้อน ๆ " เพราะว่าปกติแล้วติ่มซาจะ
รับประทานตอนท่ียังร้อน ๆ โดยรับประทานร่วมกับน้าจ้ิมต่าง ๆ อาทิเช่น ซีอ๊ิว ซอสพริก ซอส XO (ซอส
ซีฟู้ดเผ็ด) ซอสเปร้ียว (จ๊ิกโฉ่ว) ซอสเซ่ียงไฮ้ หรืออาจรับประทานร่วมกับค้อมเจือง หรือ น้าส้มเจือง ซ่ึง
เป็นซอสลักษณะสแี ดงขุ่น รสชาติหวาน เปน็ ซอสทเี่ ปน็ เอกลักษณ์ฉพาะตัวของชาวจงั หวัดตรัง
คนจนี นยิ มรับประทานติ่มซาร่วมกับน้าชาร้อน ๆ ซง่ึ ชาวเมืองกว่างโจวจะเรียกน้าชาว่า "หยา
ฉ่า" โดยรับประทานในตอนช่วงสายของวัน พร้อมกับการพูดคุยในวงสนทนา แต่ในปจั จุบันเน่ืองจากติ่ม
ซานั้นได้รับความนิยมไปทั่วโลก จึงสามารถหาต่ิมซารับประทานได้ทุกเวลา (แมงปูด...การเคร่ืองครัว,
2537)
ธุรกิจร้านอาหารต่ิมซา เป็นธุรกิจท่ีเป็นแนวรุกของร้านอาหารจีน โดยเน้นการให้บริการท่ี
ความรวดเร็ว อร่อย สะอาด และยังสามารถตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการ
กาจัดจุดอ่อนของร้านอาหารจีน คือ การรับประทานอาหารจีนต้องไปรับประทานเป็นกลุ่ม และมีราคา
แพง แต่ในปัจจุบันสามารถไปรับประทาน 1-2 คน ราคาไม่แพง ทาให้ร้านอาหารประเภทนี้ประสบ
ความสาเรจ็ เปน็ อย่างมาก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าปี 2563 ธุรกิจร้านอาหารจะมีมูลค่ารวมอยู่ท่ี 4.37– 4.41 แสน
ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.4 – 2.4 จากปี 2562 ตลาดร้านอาหารยังคงสามารถเติบโตได้อยู่ แต่การ
ขยายตัวน้ีเป็นการขยายตัวในอัตราท่ีชะลอตัวลง เนื่องจากยังมีโจทย์ท้าทายรอบด้านท่ีรออยู่ ซึ่งน่าจะ
สร้างแรงกดดนั อย่างมากใหแ้ กผ่ ู้ประกอบการในปจั จุบนั
ธุรกิจร้านอาหารเป็นหน่ึงในธุรกิจท่ีมีความสาคัญอย่างย่ิงต่อภาคบริการและเศรษฐกิจของ
ประเทศ มีผู้ประกอบการท้ังรายเล็กและรายใหญ่ท่ีเกี่ยวข้องจานวนมาก รวมถึงมีมูลค่าหมุนเวยี นไม่ตา่
กว่า 4 แสนล้านบาท ซ่ึงคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.7 ของภาคบริการท้ังหมดของผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ (GDP ภาคบรกิ าร)
ทั้งน้ีในชว่ ง 4-5 ปที ่ีผ่านมา ธรุ กจิ ร้านอาหารมีการขยายตัวจากการลงทุนของผู้ประกอบการ
ท้ังรายเดิมและรายใหม่ท่ีเข้ามาทาตลาด โดยในปี 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าธุรกิจ
ร้านอาหารจะมีมูลค่ารวมอยู่ท่ี 4.37-4.41 แสนล้านบาทต่อปี หรือขยายตัวร้อยละ 1.4 – 2.4 จากปี
2562 ถงึ แมจ้ ะมกี ารขยายตัวแต่กม็ ีแนวโนม้ ต้องพบกับโจทย์ท้าทายรอบด้านที่รออยู่ อาทิ การหดตวั ลง
ของยอดขายในร้านเดียวกัน (Same Store Sales) ที่มีการหดตัวลงอย่างต่อเนื่องจาก 15.2 ล้านบาท/
สาขา ในปี 2559 มาเป็น 14.3 ล้านบาท ในปี 2562 รวมถึงต้นทุนทางธุรกิจที่คาดว่าจะสูงข้ึน
ขณะเดียวกัน พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคท่ีเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทาให้
606
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ผู้ประกอบการจาเป็นต้องพยายามควบคุมต้นทุน ในขณะเดยี วกันก็จาเป็นต้องรักษาคุณภาพของสินค้า
และบริการให้อยู่ในระดับท่ีผู้บริโภคคาดหวังให้ได้ นอกจากน้ีบทบาทท่ีมากขึ้นของเทรนด์เทคโนโลยีก็
ถือวา่ เป็นความท้าทายที่ทาใหผ้ ปู้ ระกอบการจาเปน็ ต้องมีการปรับตวั เพือ่ ให้สามารถรองรับห่วงโซ่ธุรกจิ
ทม่ี ีความซบั ซ้อนมากยงิ่ ข้นึ (ศูนยว์ จิ ัยกสิกรไทย, 2563)
จากข้อมูลดังกล่าว ทาให้ผู้วิจัยมีความสนใจท่ีจะศึกษาวิจัยในหัวข้อ “ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทติ่มซาของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร” โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง
ในการวจิ ัยในเขตกรงุ เทพมหานคร ซึ่งการศกึ ษาดงั กล่าวประกอบไปดว้ ยประเด็นปัญหาดงั ต่อไปนี้
1. ด้านประชากรศาสตร์ ใช้แนวคิดและทฤษฎีประชากรศาสตร์ของ Hanna and
Wozniak (2001) รวมทั้งมีงานวิจัยอ้างอิงเรื่อง 1) “ปัจจัยท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารจีน”
(Jun, 2559) 2) “ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้ออาหารเพ่ือบริโภคของนักท่องเท่ียวชาวไทยใน
ตลาดน้าอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม” (วิภาดา เนียมรักษา, 2558) 3) “พฤติกรรมการบริโภคสินค้าสี
เขียวของประชาชน ในตาบลบางปรอก อาเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี” (สุกัญญา หมู่เย็น, 2559) 4)
“พฤติกรรมการเลือกซื้อในตลาดนัดกลางคืนของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร”(ชัยฤทธิ์ ทองรอด
และวราภรณ์ สารอนิ มลู , 2559)
2. ด้านส่วนผสมทางการตลาด 4PS ใช้แนวคิดและทฤษฎีของ Kotler (2003) มีงานวิจัย
อ้างอิงเร่ือง 1) “ส่วนผสมทางการตลาดที่มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของผู้บริโภค
ในอาเภอเมือง จังหวัดสงขลา : กรณีศึกษา ห้างเทสโก้ โลตัส สาขาอาเภอเมือง จังหวัดสงขลา” (สปุ รียา
พลู สุวรรณ, 2559) 2) “ส่วนผสมทางการตลาดและพฤตกิ รรมของผู้บริโภคทีม่ ีตอ่ อาหารไทยสาเร็จรูปใน
กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย” (ฮันนา กาหลง, 2559) 3) “ส่วนผสมทางการตลาดท่ีมีผลต่อ
พฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าโขมพัสตร์ อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” (นวนันท์ ศรีสุขใส,
2558) 4) “ปัจจัยทม่ี ีผลตอ่ พฤตกิ รรมของผบู้ ริโภคในการเลอื กซื้ออลมู ิเนียมสาเรจ็ รูป LYNN ผา่ นช่องทาง
โมเดริ ์นเทรดในพื้นท่ีจังหวัดเชยี งใหม่” (อรรถพล ฟไู ฟ, 2560)
วตั ถปุ ระสงคใ์ นการวจิ ัย
1. เพอื่ ศกึ ษาด้านประชากรศาสตร์ท่ีส่งผลตอ่ พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารประเภทติม่ ซาของ
ประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร
2. เพ่ือศึกษาด้านส่วนผสมทางการตลาด 4Ps ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
ประเภทตม่ิ ซาของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร
สมมุติฐานการวจิ ัย
1. ประชากรศาสตร์ ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทต่ิมซาของประชากรใน
เขตกรุงเทพมหานคร
2. ส่วนผสมทางการตลาด 4Ps ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทติ่มซาของ
ประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร
607
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021 ตัวแปรตาม
กรอบแนวคดิ ในการวิจยั พฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภท
ตม่ิ ซาของประชากรในเขต
ตวั แปรต้น กรุงเทพมหานคร
- จานวนครั้งทซี่ ื้อ
ดา้ นประชากรศาสตร์ - จานวนเงินต่อครง้ั ท่ีซื้อ
- เพศ - สถานทซ่ี อื้
- อายุ - ชว่ งเวลาในการซ้ือ
- สถานภาพ - เหตุผลในการซือ้
- ระดับการศึกษา Schiffman & Kanuk (1994)
- อาชีพ
- รายไดเ้ ฉล่ียตอ่ เดอื น
Hanna and Wozniak (2001)
ดา้ นส่วนผสมทางการตลาด 4Ps
- ดา้ นผลิตภณั ฑ์
- ด้านราคา
- ดา้ นการจัดจาหนา่ ย
- ดา้ นการสง่ เสริมการตลาด
Kotler (2003)
ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ัย
การทบทวนวรรณกรรม
แนวคิดและทฤษฎเี กย่ี วข้องกบั ประชากรศาสตร์
Hanna and Wozniak (2001) กล่าวว่า ลักษณะทางประชากรศาสตร์ (Demographic)
ประกอบดว้ ย อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ เช้อื ชาติ ศาสนา รายได้ ซ่ึงเปน็ ลักษณะพื้นฐานที่นักการตลาด
มักจะนามาพิจารณาเพ่ือใช้ในการแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาด โดยการนามาเช่ือมโยงกับความต้องการ
ความชอบ และการตัดสินใจใช้และซ้ือสินค้าของผู้บริโภค ซึ่งเป็นข้อมลู ที่มีหน่วยงานที่เก่ียวข้องจานวน
มากได้รวบรวมไว้ การท่ีจะนาข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์จึงทาได้โดยง่าย อีกทั้งยังมีความสะดวก
สามารถนามาใช้ในการประเมนิ ผลได้ และนกั การตลาดยังสามารถท่ีจะนาผลการวิจยั เกี่ยวข้องนั้นนามา
ประยุกต์ใช้กับสินค้าของตนเองได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ผลการศึกษาความแตกต่างของลักษณะทาง
จิตวิทยาระหว่างคนท่ีมีครอบครัวกับคนโสด (Donthu & Gilliland, 2002) ช่วยให้ผู้ประกอบการหรือ
นักลงทุนเล็งเห็นโอกาสในการขายสินค้าสาหรับกลุ่มคนโสด โดยผลการวิจัยพบว่า กลุ่มคนโสดที่สนใจ
และมีความทมุ่ เทกับการทางานมากกว่าการสร้างครอบครัว จะมีพฤติกรรมแบบตามความพอใจตนเอง
608
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
(Hedonic behavior) ชอบแสวงหาส่ิงแปลกใหม่ ชอบการเปล่ียนแปลง มคี วามกล้าไดก้ ล้าเสยี ไมส่ นใจ
ราคา กล้าเสี่ยง และกล้าลองสินค้าใหม่ ๆ ส่วนกลุ่มคนท่ีอยู่เป็นโสดเพราะคู่สมรสเสียชีวิต จะแสดง
พฤติกรรมเพ่ือชดเชย (Compensating behavior) จะมีลักษณะใช้ชีวิตแบบต่อสู้กับความโดดเด่ียว
ด้วยการเข้าสังคม คบคนมาก ใช้สินค้า brand name เพ่ือเป็นเครื่องแสดงตัวตน ดังนั้นคนโสดท้ัง 2
กลุ่มนี้จึงเหมาะกับสินค้าที่มีความหรูหราฟุ่มเฟือย มีราคาสูง เช่น ไวน์ เครื่องเพชร เส้ือผ้า ซึ่งสามารถ
สะท้อนถงึ รปู แบบชวี ติ ทเ่ี ขาแสวงหาได้
แนวคิดและทฤษฎีท่เี กี่ยวข้องกบั สว่ นผสมทางการตลาด 4Ps
Kotler (2003, p. 24) ให้คานิยาม ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) ว่า เป็น
เคร่ืองมอื ทางการตลาดที่ธุรกิจสามารถควบคุมได้ ประกอบด้วยเครื่องมือในการวเิ คราะห์ 4 ด้าน หรอื ท่ี
เรียกกันว่า 4Ps ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (Price) ช่องทางการจัดจาหน่าย (Place)
และการส่งเสริมการตลาด (Promotion) โดยกิจการมีการผสมผสานเครื่องมือท้ัง 4 นี้ให้สามารถสร้าง
ความพงึ พอใจ และตอบสนองต่อความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคไดอ้ ย่างสูงสดุ
แนวคดิ และทฤษฎีทีเ่ กีย่ วข้องกบั พฤติกรรมผบู้ ริโภค
Schiffman and Kanuk (1987) ให้ความหมายของพฤตกิ รรมของผู้บริโภคไว้ว่า เป็นการ
กระทาที่บุคคลนั้นแสดงออกมา เช่น การเสาะหา การคัดเลือก การตัดสินใจซื้อ การประเมินผล หรือ
การใช้ผลิตภัณฑ์ ซ่ึงผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าจะสามารถสร้างความพึงพอใจหรือเติมเต็มความ
ต้องการของตนเองได้ เป็นการศึกษาในด้านของการใช้ทรัพยากร หรือการตัดสินใจของบุคคล ซ่ึง
ประกอบไปด้วย ซ้อื อะไร ซือ้ ทาไม ซ้ือเมอื่ ไร ซอื้ อย่างไร ซอ้ื ทไ่ี หน และซอ้ื บอ่ ยแค่ไหน
การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค (Analyzing Consumer Behavior) เป็นการศึกษา
ค้นหาหรือการวิจัยเก่ียวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เพ่ือให้ทราบถึงลักษณะความต้องการ พฤติกรรม
การซ้ือ และการใช้ของผู้บริโภค คาถามที่ใช้ในการวิเคราะห์ลักษณะพฤติกรรมผู้บริโภคคือ 6Ws&1H
เพอื่ สืบหาคาตอบ 7 ประการ 7Os ซ่งึ รายละเอยี ดมีดังตอ่ ไปน้ี
1. กลุ่มเป้าหมายท่ีอยู่ในตลาดคือใคร (Who) ส่ิงท่ีต้องการทราบหรือต้องการค้นหา
คือลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย (Occupants) อาทิเช่น ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์
จิตวิทยา และภูมิศาสตร์ วิธีการและกลยุทธ์ที่จะตอ้ งนามาปรับใช้ คือ ส่วนผสมทางการตลาด (4Ps) ซ่ึง
ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา การจัดจาหน่าย และการส่งเสริมการขาย เพ่ือให้สามารถตอบสนองความ
ต้องการของผบู้ รโิ ภคได้
2. ผู้บริโภคซื้ออะไร (What) สิ่งที่ต้องการทราบหรือต้องการค้นหาคือส่ิงท่ีผู้บริโภค
ต้องการซื้อ (Objects) เชน่ คณุ ค่า คณุ ภาพ หรือรูปลักษณ์ของสินค้า (Product components) ความ
แตกต่างที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน (Competitive Differentiation) กลยุทธ์การตลาดท่ีเก่ียวข้อง คือ กล
ยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ (Product Strategies) ซึ่งได้แก่ รูปลักษณ์ บรรจุภัณฑ์ ตราสินค้า รูปแบบการ
บรกิ าร คุณภาพสนิ ค้า นวตั กรรม และความแตกต่างจากคูแ่ ขง่
3. ทาไมผบู้ ริโภคจึงซอ้ื (Why) ส่ิงท่ีตอ้ งการทราบหรือตอ้ งการค้นหาคือจดุ ประสงค์ใน
การซ้ือ (Objectives) ของผู้บริโภค นักการตลาดต้องศึกษาปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซ้ือ คือ
ปัจจัยเฉพาะบุคคล ทางด้านความนึกคิด ความชอบ สังคม วัฒนธรรม กลยุทธ์ทางด้านการตลาดที่
เก่ียวข้อง คือ กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการขาย ประกอบด้วย การโฆษณา การขายโดยผู้แทนขาย การ
แจ้งข่าว และใช้สอื่ ประชาสมั พันธ์
609
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
4. ใครคือบุคคลทีม่ ีอิทธิพลต่อการตดั สินใจซ้ือ (Who) สงิ่ ท่ตี อ้ งการทราบหรือต้องการ
ค้นหาคือ การดาเนินการขององค์กรต่าง ๆ (Organizations) ท่ีมีผลกระทบการตัดสินใจซ้ือ คือ ผู้
บุกเบิก ผู้มีอิทธิพล ผู้ท่ีมีชื่อเสียง ผู้นาในการซ้ือ และผู้บริโภค วัฒนธรรม กลยุทธ์ทางด้านการตลาดท่ี
เกี่ยวข้อง คือ กลยุทธ์ด้านการโฆษณาและกลยุทธ์การส่งเสริมการขาย (Advertising and Promotion
Strategies)
5. ผู้บริโภคซื้อเมื่อใด (When) เป็นคาถามที่ต้องการทราบถึงโอกาสในการซื้อ
(Occasions) เช่น ชว่ งฤดกู าลใด ชว่ งเดือนใด ชว่ งเวลาใด ช่วงวันใด เปน็ ต้น กลยุทธท์ ่ีใช้คือกลยุทธ์การ
สง่ เสรมิ การตลาด (Promotion Strategies)
6. ผู้บริโภคซื้อที่ไหน (Where) ส่ิงท่ีตอ้ งการทราบหรือต้องการค้นหาคือ ชอ่ งทางหรือ
แหล่ง (Outlets) ที่ลูกค้าเลือกซ้ือ เช่น ตลาด ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า กลยุทธ์ที่ใช้คือ กลยุทธ์ช่อง
ทางการจาหน่าย (Distribution Channel Strategies)
7. ผู้บริโภคซ้ืออย่างไร (How) สิ่งท่ีต้องการทราบหรือต้องการค้นหาคือ กระบวนการ
ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซ้ือ (Operation) ได้แก่ การรู้ปัญหา การประเมินผล การตอบสนอง และ
ความรู้สึกของผู้บริโภคภายหลังจากการซ้ือ กลยุทธ์ที่ใช้คือ กลยุทธ์การส่งเสริมการขาย ได้แก่ การ
โฆษณา การขายโดยผู้แทนขาย การส่งเสริมการตลาด การใช้ส่ือให้ข่าวและประชาสัมพันธ์ เพ่ือให้
ผ้บู รโิ ภคเกิดการตดั สนิ ใจซื้อ
ระเบยี บวธิ ีการวจิ ยั
ประชากรในงานวิจัยครั้งน้ี คือ กลุ่มผู้บริโภคอาหารประเภทติ่มซาท่ีอยู่ในเขต
กรุงเทพมหานคร ซึ่งในการศึกษาและวิจัยครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างท้ังหมดจานวน 420 คน เน่ืองจาก
ผู้วิจัยไม่ทราบถึงจานวนผู้บริโภคที่แน่นอน จึงได้ทาการใช้สูตรคานวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างแบบไม่
ทราบจานวนประชากร โดยใช้ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% และยอมรับความคาดเคลื่อนในการเลือก
กลุ่มตัวอย่างท่ี 5% ได้ผลออกมาเป็นขนาดกลุ่มตัวอย่าง 385 คน และเก็บไว้เพื่อใช้สาหรับสารอง
ความผิดพลาดของการคลาดเคลื่อนอีกจานวน 15 คน รวมท้ังสิ้นเป็นจานวน 400 คน และกลุ่ม
ตัวอยา่ งตอบแบบสัมภาษณ์จานวน 20 คน โดยคานวณไดจ้ ากสูตรของ Cochran (1977, p.75)
เครื่องมือท่ีผู้วิจัยใช้สาหรับการศึกษา คือ แบบสัมภาษณ์ท้ังแบบปลายเปิดและปลายปิด
และแบบสอบถามปลายปดิ แล้วคานวณหาค่าความเช่ือม่ันโดยพิจารณาจากค่าสัมประสทิ ธิค์ รอนบาค
แอลฟา (Cronbach’s Alpha Coefficient)
สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉล่ีย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(Standard Deviation: S.D.) และสถิติเชิงอนมุ าน (Inferential Statistics) ใชค้ ่าสถิตไิ คสแควร์ (Chi-
Square test) เพื่อทดสอบความสัมพนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรอิสระและตวั แปรตามโดยมีนัยสาคัญที่ 0.05
ผลการวจิ ัย
ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชงิ คุณภาพ
วิเคราะหเ์ นื้อหาดา้ นประชากรศาสตร์
ผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงวัยทางาน ช่วงอายุระหว่าง 31-40 ปี สถานภาพโสด
ระดับการศึกษาปริญญาตรี ส่วนมากทางานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนท่ัวไป มีรายได้เฉล่ีย 20,000-
610
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
29,999 บาท และอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร มีลักษณะการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ โดยจะชอบทาน
อาหารที่สามารถหาทานได้ง่าย สะดวก อีกทั้งยังชอบทางอาหารท่ีมีลักษณะดูดี สะอาด และ มีความ
ปลอดภัย
วเิ คราะหเ์ น้ือหาดา้ นพฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค
ผ้บู รโิ ภคส่วนใหญจ่ ะรบั ประทานเป็นบางครั้ง หรือ นาน ๆ คร้งั เน่อื งจากอาจจะกลัว
เร่ืองสุขภาพ เพราะติ่มซาเป็นอาหารท่ีมีแป้งเป็นส่วนใหญ่ และผู้สัมภาษณ์บางท่านได้ให้เหตุผลว่าไม่
อยากทานคนเดียว เพราะติ่มซามีให้เลือกหลายแบบ หลายชนิด เหมาะกับการไปรับประทานแบบ
ครอบครัวมากกว่า ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการตัดสินใจซื้อแต่ละคร้ังจะอยู่ในช่วงราคาระหว่าง 500-
1,000 บาท จนไปถึง 3,000 บาท เพราะจากการท่ีผู้สัมภาษณ์บอกมานั้น เพราะถ้านาน ๆ ครั้ง
รับประทานที ก็อยากจะไปรับประทานท่ีดี ๆ ท่ีอร่อย และไปกันหลายคน ส่วนสถานที่ในการตดั สนิ ใจ
ซ้ือจะเปน็ ภตั ตาคารจีน เพราะไดต้ ่ิมซาทีค่ ุณภาพดี บางท่านก็ชอบรับประทานทห่ี ้าง เพราะสะดวกตอ่
การเดินทาง ส่วนช่วงเวลาที่เลือกซ้ือหรือบริโภคส่วนใหญ่จะเปน็ ช่วงเชา้ เหตผุ ลที่เลือกซ้ือหรือบริโภค
เพราะรปู ร่างหนา้ ตาของอาหาร และสงั สรรคใ์ นโอกาสพิเศษ
“เพราะว่าดูแบบมีความเป็นทางการนิดนึง อาหารดูดีมีระดับ ชอบความเป็น
เอกลักษณ์ของอาหาร อาหารมาเสริฟ์แบบร้อนๆเหมือนเพิ่งทาใหม่ๆ” (คุณอรุณี, การสื่อสารส่วน
บคุ คล, 4 มกราคม 2564)
“อ่ิมสบายท้องไม่อ้วนและย่อยง่าย” (คุณสุพรรษา, การสื่อสารส่วนบุคคล, 4
มกราคม 2564)
“ทานบ่อยครับ เน่ืองจากภรรยาชอบ” (คุณทศพร, การสื่อสารส่วนบุคคล, 4
มกราคม 2564)
“นาน ๆ คร้ัง เพราะไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัว” (คุณกิรณา, การส่ือสารส่วนบคุ คล,
4 มกราคม 2564)
“ปีละ 1-2 ครงั้ เน่อื งจากรา้ นดี ๆ มนี อ้ ยและคอ่ นขา้ งไกลจากบา้ น” (คุณสวัสดิ์, การ
สือ่ สารส่วนบคุ คล, 4 มกราคม 2564)
“นาน ๆ ครั้ง เพราะติ่มซาเป็นอาหารท่ีมีแป้งเป็นส่วนใหญ่” (คุณเจนจิรา, การ
สอ่ื สารส่วนบุคคล, 4 มกราคม 2564)
วิเคราะหเ์ น้อื หาดา้ นส่วนผสมทางการตลาด 4Ps
ผู้บริโภคส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นในด้านผลิตภัณฑ์ว่า คุณภาพ รสชาติ และ
รูปลักษณ์ของอาหารมีผลต่อการตัดสินใจซ้ือ ในด้านของราคาก็มีผลต่อการตัดสินใจซ้ือ เพราะถ้ามี
ราคาสูงเกินไปไม่เหมาะสมกับปริมาณของคุณภาพของสินค้าก็จะไม่ตัดสินใจซ้ือหรือเลือกบริโภค ใน
ด้านของสถานที่ก็มีผล ชอบความสะดวก และในด้านของการส่งเสริมการตลาดก็มีผลเช่นกัน เพราะ
เป็นแรงจูงใจในการเลือกซือ้ หรอื บริโภค
“มีผล ถ้าคุณภาพ รสชาติ รูปลักษณ์ไม่น่าซ้ือก็ไม่ซื้อ” (คุณประเสริฐ, การสื่อสาร
สว่ นบคุ คล, 4 มกราคม 2564)
“ก็มีส่วน ถ้าร้านไม่สะดวกในการซื้อ หรือตกแต่งร้านไม่น่ากินก็ไม่น่าเข้า” (คุณทัศ
นยั , การสือ่ สารส่วนบคุ คล, 4 มกราคม 2564)
“มีผล เพราะถ้ามีโปรก็จะมีคนมาซื้อมากขึ้น” (คุณกานจณา, การสื่อสารส่วนบคุ คล,
4 มกราคม 2564)
611
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชงิ ปริมาณ
การวิเคราะห์ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตารางที่ 1 แสดงจานวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามด้านประชากรศาสตร์
ขอ้ มลู ดา้ นประชากรศาสตร์ จานวน(คน) ร้อยละ
เพศ 21.3
78.8
ชาย 85 100
หญิง 315 2.5
23.8
รวม 400 64.3
8.3
อายุ 1.3
100
15-20 ปี 10
49.8
21-30 ปี 95 50.3
100
31-40 ปี 257
12.8
41-50 ปี 33 86.3
1.0
51 ปขี น้ึ ไป 5 100
รวม 400 1.8
7.5
สถานภาพ 85.5
4.5
โสด 199 0.8
100
สมรส 201
1.0
รวม 400 15.3
59.0
ระดับการศกึ ษา 24.8
100
ต่ากวา่ ระดับปรญิ ญาตรี 51
ระดับปรญิ ญาตรี 345
สงู กวา่ ระดับปรญิ ญาตรี 4
รวม 400
อาชีพ
นักเรียน/นกั ศึกษา 7
ขา้ ราชการ/พนกั งานรัฐวสิ าหกิจ 30
ลูกจา้ ง/พนักงานบรษิ ทั 342
ธุรกจิ สว่ นตัว 18
อนื่ ๆ 3
รวม 400
รายได้เฉลยี่ ตอ่ เดอื น
น้อยกวา่ 10,000 บาท 4
10,000-19,999 บาท 61
20,000-29,999 บาท 236
30,000 บาทขน้ึ ไป 99
รวม 400
612
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
จากผู้ตอบแบบแบบสอบถาม จานวน 400 คน พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่
เป็นเพศหญิง จานวน 315 คน คิดเป็นร้อยละ 78.80 มีอายุระหว่าง 31-40 ปี จานวน 257 คน คิด
เป็นร้อยละ 64.30 มีสถานะสมรส จานวน 201 คน คิดเปน็ ร้อยละ 50.30 ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษา
ปริญญาตรี จานวน 345 คน คิดเป็นร้อยละ 86.30 มีอาชพี ลูกจ้าง / พนักงานบริษัท จานวน 342 คน
คิดเป็นร้อยละ 85.50 และมีรายได้เฉล่ียต่อเดือนระหว่าง 20,000-29,999 บาท จานวน 236 คน คิด
เปน็ ร้อยละ 59.00
การวเิ คราะห์ข้อมลู เกย่ี วกบั พฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภคอาหารประเภทต่ิมซา
ตารางที่ 2 แสดงจานวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามด้านพฤตกิ รรมผูบ้ รโิ ภค
ขอ้ มูลด้านพฤตกิ รรมผู้บริโภค จานวน(คน) ร้อยละ
ความถใี่ นการบริโภค 4.8
91.8
บอ่ ย ๆ 19 3.5
100
บางครัง้ 367
8.8
นาน ๆ คร้งั 14 29.0
60.0
รวม 400 2.3
100
คา่ ใช้จ่ายในการตัดสินใจซอื้ ต่อครัง้
87.3
ไม่เกนิ 500 บาท 35 12.3
0.5
501-1,000 บาท 116 100
1,001-5,000 บาท 240 52.3
40.3
5,000 บาทขึ้นไป 9 7.5
100
รวม 400
75.5
สถานท่ที ีต่ ัดสนิ ใจเลอื กซอื้ 19.5
5.0
หา้ งสรรพสนิ ค้า/ร้านค้าชอื่ ดงั 349 100
สถานเี ติมน้ามัน 49
อ่นื ๆ 2
รวม 400
ช่วงเวลาในการซอ้ื
6.00-12.00 น. 209
12.01-18.00 น. 161
18.00-24.00 น. 30
รวม 400
เหตผุ ลในการเลือกซอ้ื
ความชอบส่วนตัว 302
มีผู้แนะนา 78
เพือ่ การสังสรรค์ในโอกาสพเิ ศษ 20
รวม 400
จากผู้ตอบแบบสอบถาม จานวน 400 คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มี
ความถ่ีในการบริโภคอาหารประเภทตมิ่ ซาบางครัง้ จานวน 367 คน คิดเปน็ ร้อยละ 91.80 มีคา่ ใชจ้ า่ ย
613
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ในการตดั สนิ ใจซือ้ ต่อคร้งั ระหวา่ ง 1,001-5,000 บาท จานวน 240 คน คิดเป็นร้อยละ 60.00 ตดั สินใจ
เลอื กซอื้ ตามสถานท่หี า้ งสรรพสนิ ค้าและร้านคา้ ชือ่ ดัง จานวน 349 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 87.30 ตดั สนิ ใจ
เลือกซื้อช่วงเวลาระหว่าง 6.00-12.00 น. จานวน 209 คน คิดเป็นร้อยละ 52.30 และตัดสินใจเลือก
ซอ้ื เพราะความชอบส่วนตัว จานวน 302 คน คดิ เป็นร้อยละ 75.50
การวิเคราะห์ขอ้ มูลเกีย่ วกบั สว่ นผสมทางการตลาดท่ีส่งผลตอ่ พฤติกรรมการบริโภค
ตารางท่ี 3 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของส่วนผสมทางการตลาดท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมการ
บรโิ ภคอาหารประเภทติ่มซา
สว่ นผสมทางการตลาด 4Ps SD ระดับความคิดเห็น
ที่สง่ ผลต่อพฤตกิ รรมการบริโภค
ด้านผลิตภณั ฑ์ 4.72 0.432 มากทส่ี ดุ
ดา้ นราคา 4.68 0.450 มากที่สุด
ด้านการจดั จาหนา่ ย 4.63 0.419 มากทีส่ ุด
ด้านการสง่ เสรมิ การตลาด 4.70 0.436 มากทส่ี ุด
รวม 4.74 0.220 มากทีส่ ุด
ผลการศึกษาตามตารางที่ 3 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นต่อส่วนผสมทาง
การตลาดภาพรวมในระดับมากที่สุด ( = 4.74, S.D. = 0.220) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบคะแนน
เฉล่ียมากท่ีสุด คือ ด้านผลิตภัณฑ์ ( = 4.72, S.D. = 0.432) และ ด้านการส่งเสริมการตลาด ( =
4.70, S.D. = 0.436) ตามลาดบั
ตารางท่ี 4 ค่าเฉลี่ยและสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของข้อมูลด้านผลติ ภัณฑ์
ส่วนผสมทางการตลาดดา้ นผลติ ภัณฑ์ SD ระดับความคดิ เหน็
คณุ ภาพของอาหาร ความสะอาดถกู หลกั อนามัย 4.75 0.446 มากที่สดุ
มากที่สุด
รสชาติของอาหาร 4.79 0.408 มากที่สุด
มากทส่ี ดุ
รปู ลักษณข์ องอาหาร สวยงามน่ารบั ประทาน 4.76 0.438 มากทสี่ ดุ
มากทส่ี ดุ
ความหลากหลายของอาหาร 4.68 0.476 มากทส่ี ดุ
มากที่สดุ
ปรมิ าณของอาหาร 4.79 0.408 มากทีส่ ุด
ความสดใหมข่ องอาหาร 4.76 0.441 มากทส่ี ุด
มเี มนู และรปู แบบการจดั วางอาหารทเ่ี ป็นระเบียบ 4.79 0.410
ภาชนะ และบรรจภุ ณั ฑ์ทันสมยั สวยงาม 4.76 0.441
อุปกรณ์ ภาชนะ สถานทสี่ ะอาดสวยงาม 4.69 0.474
รวม 4.72 0.432
ผลการศึกษาตามตารางที่ 4 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นต่อส่วนผสมทาง
การตลาดด้านผลิตภัณฑ์ภาพรวมในระดับมากท่ีสุด ( = 4.72, S.D. = 0.432) เมื่อพิจารณาเป็นราย
ข้อ พบคะแนนเฉลี่ยมากท่ีสุด คือ รสชาติของอาหาร ( = 4.79, S.D. = 0.408) ปริมาณของอาหาร
( = 4.79, S.D. = 0.408) และมีเมนู และรูปแบบการจัดวางอาหารที่เป็นระเบยี บ ( = 4.79, S.D. =
0.410)
614
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ตารางท่ี 5 ค่าเฉลย่ี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของขอ้ มูลดา้ นราคา
สว่ นผสมทางการตลาดดา้ นราคา SD ระดบั ความคดิ เหน็
ราคาเหมาะสม คุ้มคา่ กับคณุ ภาพและปริมาณของอาหาร 4.76 0.448 มากทส่ี ดุ
มากท่สี ุด
มีราคาหลายระดบั ใหเ้ ลอื กซ้ือ 4.77 0.429 มากทส่ี ดุ
มากท่ีสดุ
มปี า้ ยแสดงราคาชัดเจน 4.76 0.439 มากที่สุด
ราคาถูกกวา่ ทอี่ นื่ 4.69 0.472 มากท่ีสุด
สามารถชาระเงนิ ไดห้ ลายช่องทาง 4.79 0.410
รวม 4.68 0.450
ผลการศึกษาตามตารางที่ 5 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นต่อส่วนผสมทาง
การตลาดด้านราคาภาพรวมในระดบั มากท่สี ุด ( = 4.68, S.D. = 0.450) เมื่อพิจารณาเปน็ รายข้อ พบ
คะแนนเฉล่ียมากท่ีสุด คือ สามารถชาระเงินได้หลายช่องทาง ( = 4.79, S.D. = 0.410) และมีราคา
หลายระดบั ให้เลอื กซอ้ื ( = 4.77, S.D. = 0.429)
ตารางท่ี 6 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของขอ้ มูลดา้ นการจัดจาหน่าย
สว่ นผสมทางการตลาดดา้ นการจัดจาหนา่ ย SD ระดับความคิดเหน็
สามารถหาซื้อไดง้ า่ ย 4.76 0.442 มากทส่ี ดุ
มชี ่องทางการจดั จาหน่ายทัง้ ทีร่ า้ น และออนไลน์ 4.77 0.423 มากท่สี ุด
ความสะดวกของสถานที่ มีสถานทจ่ี อดรถ 4.69 0.472 มากที่สดุ
วางจาหนา่ ยในร้านท่ีตกแตง่ ทนั สมัย สวยงาม 4.34 0.342 มากท่สี ุด
ความหรูหรา และความทนั สมยั ของสถานที่ 4.76 0.476 มากทส่ี ุด
มสี ่งิ อานวยความสะดวกครบครนั 4.36 0.327 มากทีส่ ุด
อยใู่ นทาเลทสี่ ะดวกตอ่ การเดนิ ทาง 4.54 0.465 มากทส่ี ดุ
มกี ารบรกิ ารจดั สง่ ถงึ สถานทที่ ต่ี อ้ งการ 4.76 0.448 มากที่สุด
รวม 4.63 0.419 มากที่สุด
ผลการศึกษาตามตารางที่ 6 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นต่อส่วนผสมทาง
การตลาดดา้ นการจัดจาหนา่ ยภาพรวมในระดับมากทีส่ ุด ( = 4.63, S.D. = 0.419) เมื่อพิจารณาเป็น
รายข้อ พบคะแนนเฉลี่ยมากท่ีสุด คือ มีช่องทางการจัดจาหน่ายท้ังที่ร้าน และออนไลน์ ( = 4.77,
S.D. = 0.423) สามารถหาซื้อได้ง่าย ( = 4.76, S.D. = 0.442) ความหรูหรา และความทันสมัยของ
สถานที่ ( = 4.76, S.D. = 0.476) และมีการบริการจัดส่งถึงสถานที่ท่ีต้องการ ( = 4.76, S.D. =
0.448)
ตารางที่ 7 ค่าเฉลยี่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของขอ้ มลู ด้านการส่งเสรมิ การขาย
ส่วนผสมทางการตลาดด้านการส่งเสริมการตลาด SD ระดับความคิดเห็น
มีการโฆษณาผ่านสื่อตา่ ง ๆ 4.77 0.429 มากท่ีสดุ
มกี ารจดั โปรโมชั่นส่งเสรมิ การขาย 4.76 0.439 มากที่สดุ
พนักงานขายใหบ้ รกิ ารด้วยความสะดวก รวดเรว็ 4.77 0.423 มากที่สุด
พนกั งานขายมคี วามรู้ สามารถแนะนาอาหารได้ 4.69 0.474 มากทสี่ ดุ
615
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ตารางท่ี 7 คา่ เฉลี่ยและส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของข้อมลู ด้านการส่งเสรมิ การขาย (ต่อ)
ส่วนผสมทางการตลาดด้านการส่งเสรมิ การตลาด SD ระดับความคดิ เหน็
พนักงานขายพดู จาสภุ าพ มมี ารยาท 4.76 0.448 มากทีส่ ุด
พนกั งานขายบคุ ลิกดี แต่งกายสะอาด 4.77 0.429 มากท่สี ดุ
มีการโฆษณา แนะนา ใหช้ มิ กอ่ นตัดสินใจซื้อ 4.69 0.474 มากทส่ี ดุ
มีการจดั กิจกรรม จัดแสดงสินคา้ ตามงานต่าง ๆ 4.76 0.448 มากที่สุด
รา้ นค้ามชี ่อื เสียง เป็นทรี่ ู้จกั 4.77 0.429 มากทส่ี ดุ
รวม 4.70 0.436 มากทส่ี ุด
ผลการศึกษาตามตารางท่ี 7 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นต่อส่วนผสมทาง
การตลาดด้านการส่งเสริมการตลาดภาพรวมในระดับมากท่ีสุด ( = 4.70, S.D. = 0.436) เมื่อ
พิจารณาเป็นรายข้อ พบคะแนนเฉล่ียมากที่สุด คือ มีการโฆษณาผ่านส่ือต่าง ๆ ( = 4.77, S.D. =
0.429) พนักงานขายให้บริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว ( = 4.77, S.D. = 0.423) พนักงานขาย
บุคลิกดี แต่งกายสะอาด ( = 4.77, S.D. = 0.429) และร้านค้ามีชอ่ื เสียง เป็นท่ีรู้จัก ( = 4.77, S.D.
= 0.429)
การทดสอบสมมติฐาน
การทดสอบสมมติฐานในการศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภค
อาหารประเภทต่ิมซาของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร ในครั้งนี้มีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้
ค่าสถิติค่าไคสแควร์ (Chi-Square test) ใช้สาหรับวิเคราะห์เปรียบเทียบด้านพฤติกรรมการเลือกซ้ือ
อาหารของผู้บริโภคจาแนกตามเพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือน และ
ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม
โดยมีนัยสาคัญที่ 0.05
ตารางที่ 8 สรปุ ผลการทดสอบสมมตฐิ าน Chi-Square ผลการทดสอบสมมติฐาน
สมมตฐิ าน 0.234 ปฏเิ สธ
0.617 ปฏเิ สธ
สมมติฐานท่ี 1: ประชากรศาสตร์ 0.687 ปฏิเสธ
ด้านเพศ 0.002 สอดคล้อง
ด้านอายุ 0.893 ปฏเิ สธ
ด้านสถานภาพ 0.000 สอดคล้อง
ดา้ นระดบั การศกึ ษา
ดา้ นอาชพี 0.471 ปฏิเสธ
ด้านรายได้ 0.725 ปฏิเสธ
สมมตฐิ านท่ี 2: สว่ นผสมทางการตลาด 0.312 ปฏิเสธ
ดา้ นผลติ ภัณฑ์ 0.040 สอดคล้อง
ด้านราคา
ด้านการจัดจาหน่าย
ดา้ นการสง่ เสรมิ การตลาด
616
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
จากการทดสอบสมมติฐาน ประชากรศาสตร์ และส่วนผสมทางการตลาด 4Ps ที่
ส่งผลต่อพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารประเภทต่ิมซา พบวา่
สมมตฐิ านที่ 1 ประชากรศาสตร์ ด้านระดับการศึกษา และรายได้ส่งผลตอ่ พฤตกิ รรม
การบริโภคอาหารประเภทติ่มซา ที่มีนัยสาคัญทางสถิติในระดับ 0.05 ซ่ึงเป็นไปตามสมมตฐิ านที่ตั้งไว้
ในขณะท่เี พศ อายุ สถานภาพ และอาชีพ ไม่ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทตม่ิ ซา
สมมติฐานท่ี 2 ส่วนผสมทางการตลาด 4Ps ด้านการส่งเสริมการตลาดส่งผลต่อ
พฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทต่ิมซา ท่ีมีนัยสาคัญทางสถิติในระดับ 0.05 ซ่ึงเป็นไปตาม
สมมติฐานท่ีตั้งไว้ ในขณะที่ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านการจัดจาหน่ายไม่ส่งผลต่อพฤติกรรม
การบรโิ ภคอาหารประเภทต่ิมซา
อภปิ รายผลการวิจยั
จากการศึกษาเร่ือง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทต่ิมซาของ
ประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร มปี ระเดน็ สาคญั ซ่ึงผูว้ จิ ยั ขอนาเสนอการอภปิ รายผล ดังนี้
จากผลการทดสอบสมมติฐานที่ 1 ประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับ
การศึกษาสูงสุด อาชีพ และรายได้เฉล่ียต่อเดือน มีอิทธิพลทางบวกต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
ประเภทต่ิมซา ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ Jun (2559) และ วิภาดา เนียมรักษา (2558) ซึ่งเป็นไป
ตามทฤษฎีของ Hanna and Wozniak (2001) กล่าวว่า ลักษณะทางประชากรศาสตร์
(Demographic) ประกอบด้วย อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ เช้ือชาติ ศาสนา รายได้ ซ่ึงเป็นลักษณะ
พ้ืนฐานที่นักการตลาดมักจะนามาพิจารณาเพื่อใช้ในการแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาด โดยการนามา
เช่ือมโยงกับความต้องการ ความชอบ และการตดั สินใจใช้และซ้ือสินค้าของผู้บริโภค ซ่ึงเป็นข้อมูลท่ีมี
หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องจานวนมากได้รวบรวมไว้ การท่ีจะนาข้อมูลเหล่าน้ีมาใช้ประโยชน์จึงทาได้
โดยง่าย อีกท้ังยังมีความสะดวกสามารถนามาใช้ในการประเมินผลได้ และนักการตลาดยังสามารถที่
จะนาผลการวิจยั เก่ียวขอ้ งนน้ั นามาประยุกตใ์ ช้กับสนิ คา้ ของตนเองไดด้ ้วย
จากผลการทดสอบสมมติฐานที่ 2 ส่วนผสมทางการตลาด 4Ps ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์
ด้านราคา ด้านการจัดจาหน่าย และด้านการส่งเสริมการตลาดมีอิทธิพลทางบวกต่อพฤติกรรมการ
บริโภคอาหารประเภทต่มิ ซา ซ่ึงขัดแย้งกับงานวิจัยของ สุปรียา พูลสุวรณ (2559) และ ฮันนา กาหลง
(2559) ซ่ึงเป็นไปตามทฤษฎีของ คอตเลอร์ (2546) กล่าวว่า ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing
Mix) ว่า เปน็ เครอ่ื งมอื ทางการตลาดท่ีธรุ กจิ สามารถควบคมุ ได้ ประกอบด้วยเคร่ืองมือในการวิเคราะห์
4 ด้าน หรือท่ีเรียกกันว่า 4Ps ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (Price) ช่องทางการจัด
จาหน่าย (Place) และการส่งเสรมิ การตลาด (Promotion) โดยกิจการมีการผสมผสานเครื่องมือทั้ง 4
น้ใี ห้สามารถสร้างความพึงพอใจ และตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภคได้อยา่ งสูงสุด
ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั
ข้อเสนอแนะเพ่ือการปฏิบตั ิ
การศึกษางานวิจัยคร้ังในหัวข้อเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
ประเภทติ่มซาของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ผลการศึกษาในครั้งนี้เป็นประโยชน์
สาหรบั ผปู้ ระกอบการ หนว่ ยงาน องคก์ รที่ดาเนนิ ธุรกิจอาหารประเภทติม่ ซา
617
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
งานวิจัยครั้งนี้มีผลการศึกษาท่ีช้ีให้เห็นถึงปัจจัยสาคัญท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภค
อาหารประเภทต่ิมซา คือ ด้านประชากรศาสตร์ และด้านส่วนผสมทางการตลาด โดยสามารถนาไป
ประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชนไ์ ด้ ดงั น้ี
ด้านผลิตภัณฑ์ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและรสชาติที่อร่อยถูกใจผู้บริโภค
และควรคานึงถึงความสะอาด และความสวยงามน่ารับประทาน
ดา้ นราคา ควรมชี อ่ งทางการชาระเงนิ ที่หลากหลายท้ังช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
มีราคาหลายระดับให้เลือกซอ้ื และมีปา้ ยแสดงราคาชัดเจน
ด้านการจัดจาหน่าย ควรตั้งร้านค้าให้อยู่ในทาเลท่ีสะดวกต่อการเดินทาง มีสถานท่ี
จอดรถท่มี พี น้ื ท่ีกวา้ งขวางและเพียงพอตอ่ ความตอ้ งการของผ้บู รโิ ภค
ด้านการส่งเสริมการขาย ควรมีการโฆษณาตามส่ือต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความ
สนใจ และควรมีโปรโมชั่นในการส่งเสริมขายขาย เช่น การลดราคา การแถมสินค้า หรือการสะสม
จานวนคร้งั เพอ่ื แลกของแถม ของรางวัล เปน็ ตน้
เอกสารอา้ งอิง
คอตเลอร,์ ฟิลลปิ . (2546). การจัดการการตลาด. ธนวรรณ แสงสวุ รรณ (และคณะเรยี บเรยี ง).
กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์บรษิ ัท เพยี รส์ ัน เอด็ ดูเคช่ัน อนิ โดไชนา่ จากดั .
ชยั ฤทธ์ิ ทองรอด และวราภรณ์ สารอินมูล, (2559). พฤตกิ รรมการเลอื กซ้อื ในตลาดนดั กลางคืนของ
ผบู้ ริโภคในเขตกรงุ เทพมหานคร. วารสารสมาคมนกั วิจัย, 21(7), 197-210.
นวนันท์ ศรสี ุขใส, (2558). สว่ นผสมทางการตลาดทม่ี ีผลตอ่ พฤตกิ รรมการซอ้ื ผลิตภัณฑ์
ผ้าโขมพัสตร์ อาเภอหัวหนิ จังหวัดประจวบครี ขี ันธ์. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต,
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต).
แมงปดู ...การเครือ่ งครัว. (2537). ประวตั คิ วามเป็นมาของ "ติ่มซา". สบื ค้นจาก
https://mangpood.com/article/
วิภาดา เนยี มรกั ษา. (2558). ปจั จัยท่มี ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมการเลือกซ้อื อาหารเพอื่ บริโภคของ
นกั ท่องเทย่ี วชาวไทยในตลาดนา้ อมั พวา จังหวัดสมุทรสงคราม. (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญา
มหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยศิลปากร).
ศูนย์วจิ ยั กสิกรไทย. (2563). ปี 2563 ธุรกจิ รา้ นอาหารเผชิญกบั โจทยท์ ้าทายสงู และรปู แบบการ
แข่งขนั ทีเ่ ปลยี่ นไป คาดมมี ลู คา่ 4.37 – 4.41 แสนล้านบาท. สืบคน้ จาก
https://kasikornresearch.com/th/analysis/kecon/business/ Pages/z3067.aspx
สกุ ัญญา หมเู่ ย็น. (2559). พฤตกิ รรมการบรโิ ภคสนิ คา้ สเี ขียวของประชาชน ในตาบลบางปรอก
อาเภอเมอื ง จังหวดั ปทุมธาน.ี การประชมุ วิชาการและเสนอผลงานวิจยั ระดับชาติ, 3(2),
503-512.
สุปรยี า พูลสุวรรณ, (2559). ส่วนผสมทางการตลาดทม่ี ีผลตอ่ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคสินค้า
เฮ้าส์แบรนดข์ องผบู้ ริโภคในอาเภอเมือง จงั หวดั สงขลา: กรณศี กึ ษา
ห้างเทสโก้โลตสั สาขาอาเภอเมือง จังหวดั สงขลา. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต,
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์).
618
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
อรรถพล ฟูไฟ. (2560). ปจั จยั ทม่ี ีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซอื้ อลูมิเนยี มสาเร็จรปู
Lynn ผา่ นชอ่ งทางโมเดริ น์ เทรดในพน้ื ที่จังหวัดเชียงใหม่. (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญา
มหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม่).
ฮนั นา กาหลง. (2559). สว่ นผสมทางการตลาดและพฤติกรรมผู้บรโิ ภคทมี่ ตี อ่ อาหารไทย
สาเรจ็ รูปในกรงุ กวั ลาลมั เปอร์ ประเทศมาเลเซีย. (วิทยานิพนธป์ รญิ ญามหาบัณฑติ ,
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏยะลา).
Cochran, W. G. (1977) . Sampling Techniques (3rd ed.). New York: John Wiley and
Sons.
Donthu, N., & Gilliland, D. I. (2002). The single consumer. Journal of Advertising
Research, 42, 77 – 84.
Hanna, N., & Wozniak, R. (2001). Consumer behavior: An applied approach. Upper
Saddle River. NJ: Prentice Hall.
Jun, L. L. (2559). ปัจจยั ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารจนี . (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญา
มหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑิตย)์ .
Kolter, P. (2003). Marketing Management (11th ed). Upper Saddle River, NJ:
Prentice-Hall.
Schiffman, L. G., & Kanuk, L. L. (1987). Consumer behavior (3th ed.). NJ: Prentice Hall.
619
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ปจั จยั คณุ ภาพบรกิ ารที่มีผลต่อความภักดีต่อผู้ให้บริการดา้ นขนสง่ ภายนอก
ของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จงั หวดั ชลบุรี
ภทั รขวัญ โนจากุล1
นกั ศกึ ษาปริญญาโทหลกั สูตรบรหิ ารธรุ กจิ มหาบัณฑิต คณะวทิ ยาการจดั การ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา
นภิ า นิรตุ ติกุล
อาจารย์ประจาสาขาวชิ าการจดั การ คณะวิทยาการจดั การ
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตศรีราชา
บทคัดยอ่
งานวิจัยในครง้ั นี้มวี ัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศกึ ษาระดับปัจจยั คุณภาพการบรกิ าร และความภักดี
ต่อผู้ให้บริการด้านขนส่งภายนอกของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี และ 2)
ศึกษาอิทธิพลด้านปัจจัยคุณภาพบริการที่มีผลต่อความภักดีต่อผู้ให้บริการด้านขนส่งภายนอกของ
ผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี โดยทาการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างคือ
ผู้ประกอบการท่ีอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี จานวน 309 ราย ท่ีเกี่ยวข้องกับการเลือก
ผใู้ ห้บริการด้านขนส่งภายนอก โดยใช้แบบสอบถามเปน็ เครอื่ งมือในการวิจัยและใช้สถิติในการวเิ คราะห์
ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน ได้แก่การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
และสถิติการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า คณุ ภาพบริการของผู้ให้บริการด้านขนส่ง
ภายนอกของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรีโดยรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือ
พิจารณารายด้านพบว่า ทุกด้านระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ซึ่งลาดับแรก คอื ด้านการให้ความ
เช่ือมั่นต่อลูกค้า มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.50 ความภักดีท่ีมีต่อผู้ให้บริการด้านขนส่งภายนอกของ
ผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรีโดยรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.32
และเมอ่ื พิจารณาแยกตามรายด้าน พบว่า ลาดบั ทีห่ นึ่ง คอื ความต้ังใจใช้บริการ มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.48
คุณภาพการบรกิ ารท่มี ีผลต่อความภักดีตอ่ ผู้ให้บริการด้านขนส่งภายนอกของผู้ประกอบการในเขตนิคม
อุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี (Y) ได้แก่ ความเป็นรูปธรรม (X1) ความเช่ือถือวางใจได้ (X2) การ
ตอบสนองต่อลูกค้า (X3) การให้ความเช่ือม่นั ต่อลูกคา้ (X4) และการรจู้ กั และเข้าใจลูกค้า (X5) สามารถ
ทานายความภักดีต่อผู้ให้บริการด้านขนส่งภายนอกของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัด
ชลบรุ ี ได้รอ้ ยละ 37.8 โดยผลการ วเิ คราะห์การถดถอยพหุคูณสามารถนามาสร้างเปน็ สมการพยากรณ์
ในรูปแบบคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐาน ดังน้ี สมการในรูปแบบคะแนนดิบ Y= 1.942 + 0.088(X1)
- 0.019(X2) + 0.148(X3) + 0.143(X4) + 0.194(X5) สมการในรปู แบบคะแนนมาตรฐาน
Z = 0.132(Z1) - 0.025(Z2) + 0.207(Z3) + 0.132(Z4) + 0.294(Z5)
คาสาคัญ: คุณภาพการบรกิ าร ความภักดี ผ้ใู ห้บรกิ ารขนส่งภายนอก
1 นกั ศึกษาปริญญาโทหลกั สูตรบรหิ ารธรุ กจิ มหาบัณฑติ คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขต
ศรีราชา ต.ทงุ่ สุขลา อ.ศรรี าชา จ.ชลบรุ ี 20150 หมายเลขติดตอ่ : 086-383-2583 อเี มล: [email protected]
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
SERVICE QUALITY AFFECTING LOYALTY TO
OUTSOURCE TRANSPORTATION PROVIDER OF
ENTREPRENEUR IN INDUSTRIAL ESTATE, CHON BURI PROVINCE
Pattarakwan Nojakul1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Management Sciences
Kasetsart University Sriracha Campus
Nipa Niruttikul
Lecturer at Department of Management, Faculty of Management Science
Kasetsart University Sriracha Campus
Abstract
The purpose of this research is; 1) To study the level of Service Quality and
Loyalty level of entrepreneur in Industrial Estate, Chon Buri Province 2) To study the
Influence of Service Quality that affecting loyalty to outsource transportation provider of
entrepreneur in Industrial Estate, Chon Buri Province. This research collects the data from
the samples were 309 authorities of the organization concerned with the selection of the
external transport service provider of entrepreneurs in Industrial Estate. The statistics which
had been used to analyze data and test hypotheses including frequency, percentage,
mean, standard deviation and multiple linear regression. The results of research revealed
that the overall of Service Quality to outsource transportation provider of entrepreneur in
Industrial Estate, Chon Buri Province was at high level, when considerate individual aspect
found that the opinion level was at a high level in all aspect which the first of level was
“assurance” ( ̅ = 4.50). The overall level of Loyalty towards outsources transportation
provider of entrepreneur in Industrial Estate, Chon Buri was at high level ( ̅ = 4.32) and
when considerate individual aspect found that the first level was aspect of Intension to
use service at ̅ = 4.48 The Service Quality that affecting loyalty to outsource transportation
provider of entrepreneur in Industrial Estate, Chon Buri Province (Y) including Tangibility
(X1), Reliability (X2), Responsiveness (X3), Assurance (X4), and Empathy (X5) can predict
the loyalty towards outsource transportation provider of entrepreneur in Industrial Estate,
Chon Buri Province at 37.8 percent. The results of multiple regression analyze can be used
to construct a forecasting equation in the form of raw and standardized scores as follows:
the equation in raw score form Y = 1.942 + 0.088 (X1) - 0.019 (X2) + 0.148 (X3) + 0.143 (X4)
+ 0.194 (X5) and the equation in standardized form Z = 0.132 (Z1) - 0.025 (Z2) + 0.207 (Z3)
+ 0.132 (Z4) + 0.294 (Z5).
Keywords: Service Quality, Loyalty, Outsource Transportation
1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Management
Sciences, Kasetsart University Sriracha Contact Number: +6686-383-2583 Email: [email protected]
621
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
บทนา
ในปัจจุบัน คุณภาพการบริการมีความสาคัญและมีบทบาทเป็นอย่างมากสาหรับองค์กรและ
ธุรกจิ มกี ารยกระดับคุณภาพการบรกิ ารเป็นหน่งึ ในกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างและความสามารถ
ในการแข่งขัน ภายใต้การเปิดเสรีทางด้านการค้าในภาคบริการ การปรับตัวและพัฒนาศักยภาพการ
ประกอบการขนสง่ ให้เขา้ กับระบบโลจสิ ตกิ ส์ แทบทุกอุตสาหกรรมธุรกิจจาเปน็ จะต้องใช้บรกิ ารด้านโล
จิสติกส์เป็นจานวนมาก ซ่ึงหน่ึงในกิจกรรมน้ันคือ การขนส่งสินค้า และหรือ การจัดส่งสินค้า เป็นหนึ่ง
ในกิจกรรมท่ีผู้ประกอบการว่าจ้างผู้ให้บริการจากภายนอกดาเนินการ ร้อยละ 42.9 (สานักงานสถิติ
แห่งชาติ, 2562, น. 3) ซ่ึงการใช้บริการบุคคลภายนอก บริษัทสามารถลดต้นทุนขนส่งและตอบสนอง
ความต้องการได้ดีกว่า และต้องใช้ความมีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญมากกว่าท่ีจะดาเนนิ การเอง
และเพิ่มโอกาสการขยายตวั ทาง ซงึ่ คุณภาพเป็นปัจจยั ทีส่ าคญั อันดบั แรกสดุ ของธุรกจิ ท่จี ะทาให้ลูกค้า
ใช้บริการในคร้ังต่อไป (กฤษณ์ชาคริตส ณ วัฒนประเสริฐ, 2558, น.15-16) ดังนั้น คุณภาพในการ
บริการ (Service quality) จึงเป็นเรื่องสาคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการบริการให้
สูงข้ึน เพราะสามารถรักษาลูกค้าไว้ไดใ้ นระยะยาว
การรับรู้ถึงคุณภาพการบริการ หลังจากได้รับการบริการ จะเกิดการพิจารณาความพอใจ
หรอื ไมพ่ อใจในบริการจากประสบการณ์ โดยส่วนมากจะเปรยี บเทยี บความคาดหวงั และสง่ิ ที่ได้รับจริง
หากเกินกว่าความคาดหวังผู้ใช้บริการจะเกิดความรู้สึกพอใจ (Satisfactions) มีการรับรู้ถึง
ประสบการณ์ในทางบวกท่ีเกดิ ข้ึนอยา่ งต่อเนื่องและนาไปสู่ความซอื่ สัตย์ ความภักดีท่ีมีต่อตราบริการ
ในทา้ ยทส่ี ดุ และเกิดความตอ้ งการใช้บรกิ ารน้นั ซา้ (ภาวิณี กาญจนาภา, 2554, น. 91-112)
จากข้อมลู ต่างๆทก่ี ล่าวมาข้างตน้ ธุรกิจการบริการดา้ นขนสง่ สินค้าและโลจิสตกิ ส์ มีแนวโน้ม
การเติบโตที่ดี (ศูนย์วิจัยธนาคารออมสิน:แนวโนม้ ธรุ กิจ/อุตสาหกรรมเด่น-เส่ียง, 2563, น. 5) ซึ่งเข้า
มามบี ทบาทมากขึ้นของการทาธุรกิจในปจั จบุ นั และยงั คงมีแนวโนม้ ทจี่ ะมากขน้ึ อีกในอนาคต จึงทาให้
ผู้วิจัยมีความสนใจท่ีจะศึกษาปัจจัยคุณภาพบริการท่ีมีผลต่อความพึงพอใจและความภักดีต่อผู้
ให้บริการด้านขนส่งภายนอกของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี เพื่อนาข้อมลู
และผลการวิจัยไปใช้ในการปรับปรงุ บริการของผู้ให้บริการด้านขนส่งสินค้า อีกทั้งเป็นกลยุทธ์ในการ
บริหารจัดการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและดาเนินธุรกิจ
ด้วยความม่นั คงมากขน้ึ ต่อไป
วตั ถุประสงค์ในการวจิ ัย
1. เพือ่ ศกึ ษาระดับคุณภาพการบริการ และความภักดตี ่อผู้ให้บริการด้านขนสง่ ภายนอกของ
ผปู้ ระกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จงั หวดั ชลบรุ ี
2. เพ่ือศึกษาอิทธิพลด้านคุณภาพการบริการที่มีผลต่อความความภักดีต่อผู้ให้บริการด้าน
ขนสง่ ภายนอกของผปู้ ระกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรม จงั หวดั ชลบรุ ี
สมมุตฐิ านการวจิ ัย
คุ ณ ภ า พ ก า ร บ ริ ก า ร มี อิ ท ธิ พ ล ต่ อ ค ว า ม ภั ก ดี ต่ อ ผู้ ใ ห้ บ ริ ก า ร ด้ า น ข น ส่ ง ภ า ย น อ ก ข อ ง
ผู้ประกอบการในเขตนคิ มอุตสาหกรรม จงั หวดั ชลบรุ ี
622
กรอบแนวคิดในการวิจยั การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม
คณุ ภาพการบรกิ าร ความภักดี (Loyalty)
1. ด้านความเป็นรูปธรรม 1. ความต้ังใจใช้บริการ
2. ดา้ นความเชอ่ื ถือวางใจได้ 2. การใช้บริการซ้า
3. ด้านการตอบสนองต่อลกู ค้า 3. ความพึงพอใจ
4. การใหค้ วามเชอื่ ม่ันตอ่ ลกู คา้ 4. การบอกต่อ
5. การรู้จักและเขา้ ใจลกู ค้า ดิเรก สะสาง และ นภิ า นริ ตุ ตกิ ลุ .
(Parasuraman, A., Zeithaml V. A. and
(2563).
Berry, L. L. 1985, p.42)
ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
การทบทวนวรรณกรรม
คณุ ภาพการการบริการ หมายถึง สิง่ ท่ีเกดิ จากความคาดหมายของลูกค้าหรือผู้รับบริการท่ี
มีต่อบริการน้ัน กล่าวโดยสรุปได้ว่า คุณภาพก็คือ ผลิตภัณฑ์บริการที่ดีที่สุด โดยมีคุณค่าและมีความ
เหมาะสมตรงตามความตอ้ งการของผ้ใู ช้บรกิ าร ซง่ึ เกิดจากการเปรยี บเทียบระหว่างความคาดหวังและ
การรับรู้ในการให้บริการ/ผลิตภัณฑ์ หากผู้รับบริการได้รับการบริการเป็นไปตามที่คาดหวัง ตาม
แนวคิดของ ( Zeithaml et al., 1990 (อ้างถึงใน วีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์, 2556 น. 271)
ประกอบดว้ ย 5 ด้าน ได้แก่
1. บริการที่เป็นรูปธรรม (Tangible) หมายถึง ลักษณะทางกายภาพท่ีปรากฏให้เหน็ ถงึ
สิ่งอานวยความสะดวกต่างๆ อันได้แก่ สถานที่ บุคลากร อุปกรณ์ เคร่ืองมือ เอกสารที่ใช้ในการ
ติดตอ่ ส่อื สารและสญั ลักษณ์ รวมทงั้ บรกิ ารทถ่ี กู นาเสนอออกมาเป็นรูปธรรมจะทาให้ผู้รับบรกิ ารรับรู้
ถึงการใหบ้ รกิ ารนัน้ ๆ ไดช้ ัดเจนข้ึน
2. การตอบสนองต่อลกู ค้า (Responsiveness) หมายถงึ ความพรอ้ มและความเต็มใจท่ี
จะให้บริการ โดยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการได้อย่างทันท่วงที ผู้รับบริการ
สามารถเขา้ รับบรกิ ารไดง้ ่าย และได้รบั ความสะดวกจากการใช้บรกิ าร
3. ความเชอ่ื ถือวางใจได้ (Reliability) หมายถงึ สิง่ ท่ีเก่ียวข้องกับผลงานและความพรอ้ ม
ในการให้บรกิ ารอยา่ งต่อเนื่องสมา่ เสมอ ความสม่าเสมอน้ีจะทาให้ผรู้ ับบริการรสู้ กึ ว่าบริการทไี่ ด้รับน้ัน
มคี วามน่าเชือ่ ถอื สามารถใหค้ วามไว้วางใจได้
4. การให้ความเชื่อม่ันต่อลกู ค้า (Assurance) หมายถงึ ความสามารถในการสร้างความ
เช่ือม่ันให้เกิดข้ึนกับผู้รับบริการ ผู้ให้บริการจะต้องแสดงถึงทักษะความรู้ ความสามารถในการ
623
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ให้บริการและตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ อย่างมีประสิทธิภาพและให้ความม่ันใจว่า
ผ้รู ับบริการจะได้รับบริการที่ดีทีส่ ุด
5. การเข้าใจ/รู้จักลูกค้าจริง (Empathy) หมายถึง ความพยายามที่จะเข้าใจความ
ตอ้ งการของลกู ค้า การศกึ ษาความคาดหวังและความตอ้ งการของลกู ค้า ความสามารถในการเอาใจใส่
ความตอ้ งการท่แี ตกตา่ งกันของผูร้ ับบริการแต่ละราย และตอ้ งจาลกู ค้าประจาตนเองได้
ความภักดี หมายถึง ความพอใจในตราสินค้าหรือบรกิ าร เกิดการผูกพันธ์ที่มีต่อสินค้าหรือ
บริการยี่ห้อใดย่ีห้อหนึ่งและมีการซื้อซ้าอย่างต่อเนื่อง และบอกต่อแก่ผู้อ่ืน สะท้อนถึงแนวโน้ม
ทางเลือกในระยะยาว ตามแนวคดิ ของ Aaker (1991, pp. 48-50) สามารถวดั ไดจ้ าก
1. ความต้ังใจใช้บรกิ าร หมายถึง การนกึ ถึงตราสนิ ค้าหรอื บรกิ ารน้นั เปน็ ตัวเลอื กแรกใน
ใจเสมอ ในการที่จะตัดสินใจซ้ือหรือใช้บริการนั้นๆ และเป็นการเลือกซ้ือหรือใช้บริการรายเดิมเป็น
ประจาของลูกคา้ โดยพจิ ารณาจากประสบการณก์ ารรบั รตู้ อ่ คุณภาพทเ่ี คยไดร้ ับ
2. การใช้บริการซ้า หมายถึง การซื้อสินค้าหรือใช้บริการนั้นรายน้ันซ้าๆอย่างต่อเน่ือง
โดยสามารถวัดจากอัตราการซื้อซ้า (Repurchase rate) คือ อัตราร้อยละของการซ้ือสินค้าในตรา
สินค้าเดมิ ในครง้ั ต่อไป
3. ความพึงพอใจ หมายถึง การวัดความพึงพอใจของลูกค้าว่าชอบหรอื พึงพอใจมากแค่
ไหน อย่างไร รวมถึงจะวัดความไม่พอใจเพ่ือให้ทราบว่าสินค้าน้ันมีปัญหาอะไรกับลูกค้าบ้างซ่ึงหาก
ลูกค้ามีความภักดีต่อตราสินค้าแล้วลักษะหรือส่ิงท่ีลูกค้าไม่พอใจน้ันจะมีค่าน้อยมาก ซึ่งการวดั สว่ นนี้
การวัดตอ้ งมคี วามทันสมัย สามารถเป้นตวั แทนได้ และมคี วามไวตอ่ ความรสู้ ึก
4. การบอกต่อ หมายถึง การวัดผลของความจงรักภักดีที่ดีและมีประสิทธิภาพซ่ึงการ
บอกเล่าน้นั เปน็ ปฏกิ ริ ิยาที่มีต่อตราสนิ ค้า มกี ารพูดถงึ มากนอ้ ยแคไ่ หน รวมถึงการแนะนาบอกตอ่ ไปยงั
ผอู้ ื่นด้วย และลูกค้าที่มีความจงรกั ภักดกี ม็ กั จะมอบผลในทางบวกกลบั คนื สู่องค์การ
จากแนวคิดข้างต้น ผู้วิจัยสรุปได้ว่า ความภักดีของลูกค้าสามารถพิจารณาได้จากการมี
ตราสินค้าอยู่ในใจ การนึกถึงตราสินค้าและซ้ือสินค้าหรือใช้บริการนั้นซ้าๆอย่างต่อเน่ืองและการ
แนะนาบอกต่อเกยี่ วกบั ตราสินค้าหรือบริการให้แก่บคุ คลหรอื หน่วยงานอ่ืน
ระเบียบวธิ ีการวิจยั
การกาหนดประชากรเปา้ หมายและกลุ่มตวั อย่าง ประชากรเป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษาครั้ง
น้ี คือ ผู้ประกอบการโรงงานที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี ผู้วิจัยทาการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
ตามสตู รของ Yamane ทรี่ ะดับความเชื่อมนั่ อย่ทู ร่ี อ้ ยละ 95 (Yamane, 1973) ไดข้ นาดกลุ่มตัวอยา่ ง
ทจี่ ะตอ้ งทาการสารวจ 309 ตวั อย่าง หลังจากนัน้ ทาการสมุ่ ตัวอยา่ งแบบชน้ั ภูมอิ ย่างเป็นสัดส่วน โดย
การหาสัดส่วนจากประชากรแต่ละนิคมอุตสาหกรรม โดยเลือกตัวแทนที่ทาการตอบแบบสอบถามคือ
ผู้มีอานาจในองคก์ รท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการเลือกผ้ใู ห้บริการดา้ นขนสง่ ภายนอก
เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย ได้แก่ แบบสอบถามซง่ึ ประกอบดว้ ย 4 ส่วน ดงั น้ี
สว่ นท่ี 1 แบบสอบถามเก่ียวกบั ข้อมูลทั่วไปของผู้ประกอบการ
624