The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by neverstop.learning09, 2021-06-25 03:42:48

รายงานสืบเนื่องจากการประชุมระดับชาติ RTBEC 2021

Proceedings of The 6th RMUTT Global Business and
Economics National Conference 2021

Keywords: RTBEC

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

4. วิธกี ารวเิ คราะหข์ อ้ มลู
วธิ ีการวเิ คราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย วิเคราะห์การเปล่ียนแปลงในเชงิ ผลผลติ ทง้ั ปรมิ าณ

และราคาจาหนา่ ย ต้นทุน ตน้ ทุนคงที่ ต้นทุนผนั แปร โดยใชเ้ คร่ืองมือทางการเงิน ได้แก่ มลู คา่ ปจั จบุ นั
สุทธิ (Net present value), อตั ราผลตอบแทนภายใน (Internal rate of return) และระยะเวลาคนื
ทุน (Payback period)

ผลการศึกษา
ผลการศึกษาประกอบดว้ ย 5 สว่ น ซง่ึ แต่ละสว่ นมีรายละเอียด ดังน้ี
ส่วนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไปเก่ียวกับการทาเกษตรอัจฉริยะจากการลงทุนทาฟาร์มเห็ด จังหวัด

เชียงใหม่ ทาฟาร์มเห็ดมานานกว่า 20 ปี มีการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน (แต่ดาเนินงานจริง
ครอบครัวเดียว) มีคนงานจานวน 7 คน ชาย 4 คน และ หญิง 3 คน แหล่งท่ีมาของเงินทุนจากเงิน
ออมของเจ้าของเป็นหลัก ที่ดินการเกษตรของตนเอง พันธ์ุเห็ดที่ใช้เป็นเห็ดนางฟ้า การปลูกใน
รูปแบบของโรงเรือนแบบปดิ ปัจจุบันมีท้ังหมด 5 โรงเรือน ธุรกิจสามารถสร้างรายไดด้ ี เสียภาษีเงินได้
แบบบคุ คลธรรมดาในอัตราร้อยละ 35 เพราะรายได้ต่อปคี อ่ นข้างสูง (ซ่งึ เปน็ อตั ราสูงสดุ ซงึ่ เป็นผลดีตอ่
การประเมิน ถ้าอตั ราต่ากว่าน้ียิ่งสะท้อนอัตราผลตอบแทนทส่ี งู ขนึ้ )

ทั้งน้ีกิจการนาเกษตรอจั ฉริยะมาใช้ในการธรุ กิจ โดยมีการวางระบบน้า และระบบไฟฟ้า
และระบบอัจฉริยะ ประกอบด้วย ดีเลย์ Node MCU เซ็นเซอร์วัดอณุ หภมู ิ เซ็นเซอร์รับแสง เซ็นเซอร์
วัดความช้นื หม้อแปลงไฟฟ้า อปุ กรณ์เชื่อมต่อไวไฟ ตวั ตง้ั เวลา รวมเป็นเงินลงทุนเพิ่มสุทธิจากการทา
เกษตรอัจฉรยิ ะเป็นเงนิ 300,000 บาท ตอ่ 1 โรงเรอื น ซึง่ มที งั้ หมด 5 โรงเรอื น รวมเปน็ เงินลงทุนสุทธิ

1,500,000 บาท ทง้ั น้รี ะบบดังกล่าวคาดวา่ สามารถใชง้ านได้นาน 10 ปี ซ่ึงจะมคี ่าใช้จา่ ยเกยี่ วข้องเพ่มิ
ไดแ้ ก่ คา่ บารุงรักษา และค่าเปลย่ี นแทนอะไหล่ 1,500 บาทต่อปี คา่ อนิ เตอรเ์ น็ตส่วนเพ่ิม 2,400 บาท
ต่อปี

สว่ นที่ 2 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู รายไดจ้ ากการจาหน่ายเห็ด
กอ่ นการใช้เทคโนโลยเี กษตรอัจฉริยะ ฟารม์ เหด็ มกี ารวางระบบการปลูกในโรงเรอื นแบบ

ปิดโดย 1 โรงเรือนจะบรรจุก้อนเห็ดได้ 100,000 ก้อน ก้อนเห็ด 1 ก้อนจะให้ผลผลิตทุก 7 วันเป็น
ระยะเวลานาน 6 เดือน ผลผลิตโดยรวมตลอด 6 เดือนจะได้เห็ดทั้งหมด 0.3 กิโลกรัม ดังนั้น 1 ปีจะ
สามารถเพาะเห็ดได้ 2 รอบการผลิต แต่มีของเสียจากการรดน้าและการควบคุมความช้ืนประมาณ
ร้อยละ 5 และ ราคาจาหน่ายอยู่ที่ 55 บาทตอ่ กิโลกรัม โดยจาหน่ายให้ผู้รับซ้ือเจ้าประจาโดยใช้ระบบ
การชาระเงนิ แบบเงินสด รายระเอียดรายได้จากการจาหน่ายเห็ด ดงั ตารางที่ 1 ดงั นี้

ตารางที่ 1 รายได้การจาหนา่ ยเห็ดก่อนใชเ้ ครือ่ งมือเกษตรอจั ฉรยิ ะ (บาท/ป)ี

จานวนก้อนเหด็ ตอ่ 1 โรงเรอื น จานวน 100,000 ก้อน

รายได้จากการจาหน่ายเหด็

ผลผลติ เหด็ (กโิ ลกรัม) 300,000

(100,000 ก้อน x 0.3 กิโลกรมั x5 โรง x2 รอบการผลิต)

ของเสียประมาณ 5% (กโิ ลกรมั ) 15,000

ราคาตอ่ หนว่ ย (บาท/กโิ ลกรมั ) 55

รวมเป็นกระแสเงนิ สดจากการจาหน่ายท้ังส้ิน 15,675,000

125

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

หลังจากมีการวางระบบอุปกรณ์การเกษตรอัจฉริยะส่งผลต่อการควบคุมความชื่น การ
ตั้งเวลาการรดน้าในปริมาณที่เหมาะสมพบว่าอัตราการเสียลดลงเหลือประมาณ ร้อยละ 1 และความ
สมบูรณ์ของเห็ดทาให้มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 65 บาท รายระเอียดรายได้จากการจาหน่ายเห็ดหลัง
ติดตัง้ อปุ กรณ์การเกษตรอัจฉรยิ ะ ดังตารางที่ 2 ดังนี้

ตารางท่ี 2 รายไดก้ ารทาเกษตรอัจฉรยิ ะ (บาท/ป)ี จานวน 100,000 กอ้ น
จานวนกอ้ นเหด็ ตอ่ 1 โรงเรือน
300,000
รายได้จากการจาหน่ายเห็ด
ผลผลิตเห็ด (กโิ ลกรมั ) 3,000
100,000 กอ้ น x 0.3 กโิ ลกรัม x5 โรง x2 รอบการผลติ ) 65
ของเสยี ประมาณ 1% (กโิ ลกรมั )
19,305,000
ราคาตอ่ หน่วย (บาท/กิโลกรัม)

รวมเปน็ เงินทง้ั ส้ิน

สว่ นที่ 3 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ต้นทุนและคา่ ใชจ้ ่ายที่เกดิ ขน้ึ
หลังจากมีการติดตั้งอุปกรณ์การเกษตรอัจฉริยะ พบว่ามีการเปล่ียนแปลงด้านต้นทุน

และคา่ ใชจ้ ่าย ดงั ตารางท่ี 3 ดังนี้

ตารางท่ี 3 คา่ ใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน (บาท/ป)ี

รายการ ก่อน การเปลย่ี นแปลงหลังตดิ ตง้ั อปุ กรณ์

อจั ฉรยิ ะ

1. ต้นทุนกอ้ นเหด็ 4.50 บาท/ ไม่มกี ารเปลย่ี นแปลง

จัดทาเองประกอบดว้ ยหัวเชือ้ เห็ด ขี้ กอ้ น

เล่ือย อดั เป็นก้อน มีตน้ ทุน

2. คา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนนิ การ

2.1 คา่ ไฟฟา้ (บาท/ปี) 11,700 ค่าไฟเพิ่มข้ึนเดือนละ 150 บาท/ เดือน/

1 โรงเรอื น

2.2 คา่ แรงคนงาน (315 วัน/ป)ี 787,500 ลดคนงานได้ 1 คนเพศชายลดงานการรด

ชาย 4 คน วนั ละ 400 บาท น้าเหด็ เปน็ เงนิ ปลี ะ

หญิง 3 คน วนั ละ 300 บาท 1 x 400 x 315 = 126,000 บาท/ปี

2.3 ค่าน้าไม่มีเน่ืองจากขุดบ่อ --

บาดาลใช้ในการเกษตร

2.4 ค่าวัสดสุ ิ้นเปลอื ง (บาท/ปี) 12,000 ไม่มกี ารเปลยี่ นแปลง

2.5 คา่ ซอ่ มบารงุ และคา่ ซ่อมแซม 5,000 มีการเปลี่ยนอะไหล่อุปกรณ์อัจฉริยะเพิ่ม

ทวั่ ไป (บาท/ปี) ประมาณ 1,500 บาท/ปี

2.6 อืน่ ๆ 0 ค่าบริการอินเตอร์เน็ตเดือนละ 200 บาท

เปน็ เงิน 2,400 บาท/ปี

126

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบ้ืองต้นสามารถนามาประมาณการกระแสเงินสดสุทธิจากการ
ดาเนินการส่วนเพิ่มได้ เนื่องจากข้อมูลทางการเงินเป็นความลับจึงใช้การประมาณการจากการ
สัมภาษณ์และสังเกตเป็นหลัก ฟาร์มเห็ดนี้เป็นวิสาหกิจชุมชน รายได้ต่อปีค่อนข้างสูงเสียภาษีเงินได้
บคุ คลธรรมดาโดยหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายจากการทาเกษตรท่ีกาหนดไว้เป็นอัตราร้อยละ 60 ตาม
พระราชกฤษฎกี าฯ ว่าดว้ ยการกาหนดคา่ ใชจ้ ่ายทยี่ อมใหห้ กั จากเงนิ ไดพ้ ึงประเมนิ (ฉบับที่ ๖๒๙) พ.ศ.
2560 ประมาณการกระแสเงินสดสุทธจิ ากการดาเนนิ งานรายปีสรุปดงั ตารางท่ี 4 ดังนี้

ตารางท่ี 4 ประมาณการกระแสเงนิ สดสทุ ธิจากการดาเนนิ งานรายปี

รายการ กระแสเงนิ สดสทุ ธิตอ่ ปี

รายไดส้ ่วนเพ่ิม 3,630,000

ประหยดั คา่ แรงคนงาน 126,000

คา่ ไฟฟ้าเพม่ิ ขน้ึ 9,000

ค่าซอ่ มบารงุ เพม่ิ ขน้ึ 1,500

คา่ บรกิ ารอินเตอร์เน็ต เพิม่ 2,400

ภาษสี ว่ นเพม่ิ 508,200

รวม 3,234,900

หมายเหตุ 1.การคานวณภาษีส่วนเพิม่ มีการหกั รายจา่ ยแบบเหมาจ่ายท่ี รอ้ ยละ 60

2.อตั ราภาษีจ่ายคงเดิม รอ้ ยละ 35 อตั ราภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา

3.ค่าเสือ่ มไม่คิดเพราะไม่มผี ลทางภาษี

สรุปการเปลี่ยนแปลงของกระแสเงินสดในแต่ละส่วนตลอดอายุการใช้งานของอุปกรณ์
เกษตรอัจฉริยะ แสดงดังตารางท่ี 5 ดงั นี้

ตารางที่ 5 เงินลงทนุ และประมาณการเปล่ยี นแปลงกระแสเงนิ สดรบั และจ่ายตลอดอายุโครงการ

ปีที่ เงนิ ลงทุนสุทธิสว่ นเพม่ิ ประมาณการกระแสเงินสดจากการดาเนนิ งานสว่ นเพ่มิ

0 1,500,000
1 3,234,900
2 3,234,900
3 3,234,900
4 3,234,900
5 3,234,900
6 3,234,900
7 3,234,900
8 3,234,900
9 3,234,900
10 3,234,900

ส่วนที่ 4 ผลการวเิ คราะหโ์ ครงการโดยใช้เคร่ืองมอื ทางการเงิน ดังนี้
1. การคานวณ ระยะเวลาคืนทนุ ของการลงทุนอปุ กรณเ์ กษตรอจั ฉริยะ ดังนี้

127

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ระยะเวลาคนื ทนุ = 1,500,000 / 3,234,900

= 0.464 ปี หรอื ประมาณ 5.57 เดือน

สะท้อนถึงระยะเวลาคืนทุนจากการติดตั้งอุปกรณ์อัจฉริยะใช้เวลาประมาณ 5.57

เดอื น

2. การคานวณมลู ค่าปจั จบุ นั สทุ ธิ (NPV) โดยใชโ้ ปรแกรม Microsoft Excel คาสง่ั

=NPV(Rate, Value1, Value2,… Valuen) – Value0

โดยสัญลักษณ์ทใ่ี ช้ Rate = อัตราผลตอบแทนทีต่ ้องการ หรอื อตั ราต้นทุนของเงินทุน

Value1, Value2…………..Valuen = กระแสเงินสดสทุ ธติ งั้ แต่ปแี รกจนปีส้นิ สุดโครงการ

Value0 = เงนิ ลงทุนสุทธหิ ลังภาษี

การคานวณมูลค่าปัจจุบนั สุทธิมีการต้งั สมมตฐิ าน ไดแ้ ก่ ระยะเวลาของโครงการนาน
10 ปเี ทา่ กบั อายกุ ารใช้งานของระบบเกษตรอจั ฉริยะ ปจั จัยลดคา่ จะได้ 3 ระดบั เพือ่ เป็นประโยชน์ต่อ
ผู้สนใจทม่ี ีแหลง่ เงินทนุ และตน้ ทุนของเงนิ ทุนท่ีแตกตา่ งกัน ปจั จัยลดค่าที่ใช้ไดแ้ ก่ 1.อัตราดอกเบี้ยเงิน
ฝากประจา ธนาคารเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ ร้อยละ 1.20 ซ่ึงสะท้อนต้นทุนเงินออมของ
เจ้าของ 2. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคารเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ ร้อยละ 6.5 ซึ่ง
สะท้อนกรณีที่มีการกู้ยืมเงนิ เพ่ือการลงทุน และ 3. อัตราผลตอบแทนของวิสาหกิจชมุ ชนท่ีจังหวดั ตรัง
ซึ่งดาเนินงานใกล้เคียงกันท่ี ร้อยละ 25 เพื่อสะท้อนอัตราผลตอบแทนท่ีต้องการข้ันต่า ผลการ
วิเคราะห์แสดงในตารางที่ 6 ดงั น้ี

ตารางที่ 6 การประเมินมลู คา่ ปจั จบุ ันสทุ ธิของโครงการ ประมาณการกระแสเงินสดสทุ ธิรายปี

ปที ี่ เงินลงทุนสุทธสิ ว่ นเพิ่ม 3,234,900
3,234900
0 1,500,000 3,234,900
1 3,234,900
2 3,234,900
3 3,234,900
4 3,234,900
5 3,234,900
6 3,234,900
7 3,234,900
8 28,812,581.22
9 21,755,146.89
10 10,050,221.03
กรณที ี่ 1 NPV I (i= 1.20%)
กรณที ี่ 2 NPV I (i= 6.5%)
กรณที ่ี 3 NPV I (i= 25%)

จากตารางท่ี 6 พบวา่ มูลค่าปจั จบุ นั สทุ ธขิ องฟารม์ เหด็ มคี ่าเปน็ บวก สะทอ้ นถงึ การลงทนุ
ในคร้ังนี้มีกาไรท่ีเป็นมูลค่าปัจจุบันท่ี 28,812,581.22 บาท ซึ่งแหล่งท่ีมาของเงินทุนมาจากเงินของ

128

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ของเจ้าของเป็นหลัก แต่ถ้ากรณีท่ีมีการกู้ยืมเงินเพ่ือการลงทุนท้ังหมด มูลค่าปัจจุบันจะลดลงเหลือ
21,755,146.89 บาท และถ้าใช้อัตราผลตอบแทนของสินค้าเกษตร มูลค่าปัจจุบันจะลดลงเหลือ
10,050,221.03 บาท สรุปภาพรวมแล้วผลลัพธ์ท่ีได้เป็นบวกสะท้อนการมีกาไรท่ีเป็นมูลค่าปัจจุบัน
จากการลงทุน

3. การคานวณอตั ราผลตอบแทนภายใน (IRR) โดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel คาสง่ั
=IRR(Rate, Value1, Value2,…….)
โดยสัญลักษณท์ ีใ่ ช้

Rate = อตั ราผลตอบแทนท่ตี อ้ งการ
Value0 = เงนิ ลงทนุ สทุ ธหิ ลงั ภาษี (มีคา่ เปน็ ลบ)
Value1 = กระแสเงินสดสุทธิหลังภาษีในแต่ละปีจนสิ้นสุดโครงการ (มี
คา่ เปน็ บวก) ผลการประเมินอัตราผลตอบแทนภายในของโครงการ แสดงดังตารางที่ 7 ดงั น้ี

ตารางท่ี 7 การประเมนิ อัตราผลตอบแทนภายในของโครงการ

ปีท่ี ประมาณการกระแสเงนิ สดสุทธิ

0 -1,500,000
1 3,234,900
2 3,234900
3 3,234,900
4 3,234,900
5 3,234,900
6 3,234,900
7 3,234,900
8 3,234,900
9 3,234,900
10 3,234,900
IRR 215.66%

ตารางที่ 7 พบว่าอัตราผลตอบแทนภายในสะท้อนถึงอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนท่ี
รอ้ ยละ 215.66 ซง่ึ เป็นอตั ราท่สี งู มาก

จากการประเมินการลงทุนโดยใช้เครื่องมือทางการเงินท้ัง 3 เครื่องมือสามารถสรุปผลท่ี
ได้ ดังตารางที่ 8 ดังนี้

ตารางท่ี 8 สรปุ ผลการประเมนิ โครงการจากเครื่องมอื ทางการเงิน 3 เคร่ืองมอื ดงั นี้

เคร่อื งมอื ผลการประเมนิ การแปลผล

1. งวดระยะเวลาคืนทนุ ประมาณ 5.57 เดือน คืนทนุ ได้ในระยะเวลาทสี่ ้นั

2. มลู คา่ ปจั จุบันสุทธิ I = 1.20% 28,812,581.22 มีกาไรจากการดาเนนิ งาน

3. อตั ราผลตอบแทนภายใน 215.66% อัตราผลตอบแทนสูงกว่า

ต้นทนุ จากเงนิ ออม

129

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ส่วนที่ 5 ผลกระทบต่อคุณภาพชวี ติ มดี งั นี้
จากการสัมภาษณ์ ผลท่ีเกิดข้ึนจากการใช้อุปกรณ์การเกษตรอัจฉริยะ ที่มีต่อคุณภาพ

ชวี ิตของคนในฟารม์ พบวา่
1. ลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม ชว่ ยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่จากัด เช่นน้าก็

จะใชเ้ พียงปริมาณที่พชื ต้องการทาใหส้ ภาพแวดล้อมดี ก่อให้เกิดสขุ ภาพทด่ี ี
2. ประหยัดเวลาไม่ต้องเสียเวลาไปพื้นท่ีเพาะปลูกบ่อยๆ เพ่ือรดน้า ส่งผลให้มีเวลา

พกั ผอ่ นเพม่ิ ขนึ้ ทาให้มสี ุขภาพแขง็ แรง กอ่ ใหเ้ กิดความสขุ ทางกาย
3. ทดแทนขั้นตอนการทางานที่ซ้าๆ ทุกวัน เช่น การรดน้าพืชทุกวันอาจส่งผลให้เกิด

ความเบื่อหนา่ ยกบั การทางานซา้ ๆ แบบเดมิ
4. เม่ือใช้อุปกรณ์เกษตรอัจฉริยะทาให้รู้จักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ในหลายๆ ด้าน

รวมทัง้ การสันทนาการ

อภิปรายผลการศึกษา
การวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษา การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนของการทาเกษตร

อัจฉริยะ กรณีศึกษาฟาร์มเห็ดของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าการนาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทา
การเกษตรซง่ึ เป็นระบบควบคุมการรดน้า การควบคุมความชนื้ ในกระบวนการของการปลกู เหด็ นางฟ้า
ในฟาร์มนี้ เจ้าของฟาร์มมีโรงเรือนในการเพาะเห็ดอยู่แล้วแต่มาติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเป็นการวางระบบ
น้าในการรดเห็ด และวางระบบไฟฟ้าในการติดตั้งอุปกรณ์ซึ่งใช้เงินทุนจากการออมเป็นเงินโรงละ
300,000 บาท ส่งผลให้มรี ายไดเ้ พิ่มขึน้ จากการท่ีเห็ดมีคณุ ภาพทด่ี ี ของเสียที่ลดลง และราคาจาหนา่ ย
ที่เพ่ิมข้ึน รวมทั้งมีการลดค่าจ้างแรงงานในการรดน้าได้อีก การลงทุนคร้ังน้ีคืนทุนภายใน 5.57 เดือน
และมีมูลค่าปัจจุบันท่ีเป็นบวกสูงถึง 28,812,581.22 บาท และอัตราผลตอบแทนภายในที่ ร้อยละ
215.66 ซงึ่ สงู กว่าอตั ราผลตอบแทนจากเงนิ ออม

กรณีศึกษานี้สามารถเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่การนาเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะเข้ า
มาใช้ส่งผลให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิต และมีโอกาสของการทากาไรได้สูงมากขึ้น นอกจากนี้
อัตราผลตอบแทนท่ีได้น้ี ถ้าพิจารณาแหล่งท่ีมาของเงินทุนท่ีมาจากการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ การ
ลงทุนในอปุ กรณ์ที่เป็นเกษตรอจั ฉริยะน้ียังสามารถลงทุนแล้วคุ้มค่าเพราะอัตราผลตอบแทนภายในสูง
มากและมากกวา่ อตั ราดอกเบี้ยเงินกู้ของทุกธนาคารพาณิชย์แน่นอน ซ่ึงสอดคล้องกับงานของ ชลธชิ า
โคประโคน (2559) เป็นการศึกษาการลงทุนเพาะเห็ด จังหวัดชลบุรี โดยโรงเพาะเห็ดนางฟ้า 1 โรง
สาหรบั ก้อนเหด็ นางฟา้ 4,000 กอ้ น ซ่งึ มที ั้งหมด 3 โรงเรอื นอัตรากาไรอยทู่ ่ี รอ้ ยละ 165.29

ข้อเสนอแนะที่ไดจ้ ากการศกึ ษา
1. แนวทางการวิเคราะห์น้ีสามารถประยุกต์ใช้เพ่ือการวิเคราะห์ในผลผลิตการเกษตรอื่น

หรือพ้ืนที่อื่น ซ่ึงผลที่ได้รับอาจแตกต่างกันตามปัจจัยที่เกี่ยวข้องท่ีแตกต่างกัน เช่น แหล่งท่ีมาของ
เงินทุน ราคาของอปุ กรณ์ทีน่ ามาใช้ อัตราภาษตี ามรปู แบบธรุ กจิ ทแี่ ตกต่างกัน เป็นต้น

130

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

2. การเพ่มิ สร้างความตระหนกั รู้ถึงประโยชน์ของการใช้ระบบเกษตรอัจฉรยิ ะซ่ึงทาให้มีการ
เพ่ิมผลผลิตท้ังปริมาณและคุณภาพ ซ่ึงทาให้เกษตรกรมีความม่ันคงทางการเงินมากขึ้น เศรษฐกิจ
ครัวเรือน และเศรษฐกจิ ชาตดิ ีข้ึน

3. องค์กรภาครัฐควรสร้างช่องทางและสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงระบบเกษตร
อจั ฉริยะในราคาทเ่ี หมาะสม เพื่อใหเ้ กษตรกรเขา้ ถงึ ได้จริง และจะเปน็ การพัฒนาระบบเกษตรของไทย
ใหม้ คี วามยงั่ ยนื มากขนึ้

ประเด็นที่ควรศึกษาเพิม่ ในอนาคต
1. ศึกษาเปรียบเทียบการทาเกษตรอจั ฉริยะหลาย ๆ แห่ง เพ่ือศึกษาปัญหาและอุปสรรคที่

มคี วามหลากหลายในแต่ละฟาร์มบนพน้ื ฐานปจั จยั ที่แตกต่างกนั
2. ศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีท่ีมีผลต่อการทาเกษตรอัจฉริยะท้ังใน

ประเทศ และตา่ งประเทศ
3. ศึกษาต้นทุนและอัตราผลตอบแทนของการทาเกษตรอัจฉริยะในรูปแบบของเครื่องมือ

ใหม่ ๆ ที่มีการพัฒนาให้มากขึ้น

เอกสารอ้างอิง
เพ็ญศรี ขุนทอง. (2554). การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนทาฟาร์มโคนมของ

ฟาร์มนาร่องสหกรณ์โคนมวังน้าเย็น จังหวัดสระแก้ว. (การค้นคว้าอิสระปริญญา
มหาบัณฑติ ,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบรุ ี).
กัญญนัทธ์ ตันติสุข. (2551). ต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกข้าวแบบหว่านน้าตมใน
พื้นที่แต่ละขนาด ในตาบลบึงทอง อาเภอลาลูกกา จังหวัดปทุมธานี. (การค้นคว้าอิสระ
ปรญิ ญามหาบณั ฑิต,มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี).
อนรุ กั ษ์ ทองสโุ ขวงศ์. (2559). การบัญชตี ้นทุน. กรุงเทพ: วพี ริ้นท์ 1991
วรรณี เตโชโยธิน, สมชาย สุภัทรกุล และ มนวิภา ผดุงสิทธ์ิ. (2563). การบริหารต้นทุน. พิมคร้ังท่ี 3.
กรงุ เทพ: ฟสิ กิ สเ์ ซ็นเตอร์
ยุทธศกั ด์ิ ขุนทอง. (2559). สารพดั “เห็ด”พารวย. กรงุ เทพ: แม่บ้าน
จักรกฤษณ์ หมั่นวิชา. (2558). เทคโนโลยีฟาร์มอัจฉริยะ. วารสารหาดใหญ่วิชาการ, 14(2), 201-
210. https://so01.tcithaijo.org/index.php/HatyaiAcademicJournal/article/view
/82195/65337
ชลธชิ า โคประโคน. (2559). การศกึ ษาการลงทนุ เพาะเหด็ นางฟ้า. (วิทยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑิต,
มหาวิทยาลยั บูรพา).
Jithin Das V. ( 2 0 1 9 ) . Views of Irish Farmer on Smart Farming Technologies: An
Observational Study. Agriengineering, 1 164-187.
นภาพร นลิ าภรณก์ ลุ . (2563). การบริหารการเงนิ . พิมพ์ครัง้ ท่ี 5. กรุงเทพฯ: ทริปเพ้ิล เอด็ ดูเคช่นั

131

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ศิรินันท์ กิตติสุขสถิต, เฉลิมพล แจ่มจันทร์, กาญจนา ตั้งชลทิพย์ และ จรัมพร โห้ลายอง. (2556).
คุณภาพชีวิต การทางานและความสุข. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลับ
มหดิ ล, 2, 15

ชลธิชา มะลิพรม. (2561). คุณภาพชึวิตของบุคลากรทางการศึกษา. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาส
ราชนครินทร์ สาขามนษุ ย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 5(พิเศษ). 212-221

132

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

แนวทางการปรับปรงุ ประสิทธิภาพการผลิตน้านมดิบโดยใช้กลยทุ ธด์ า้ นโลจิสติกส์
กรณีศึกษา สหกรณ์โคนมเทพสถติ จา้ กัด อา้ เภอเทพสถติ จงั หวัดชยั ภูมิ

ณิชกานต์ สงั ขพฒั น์1
นกั ศึกษาปรญิ ญาโทหลกั สูตรบรหิ ารธรุ กิจมหาบัณฑติ คณะบรหิ ารธรุ กจิ

มหาวิทยาลยั รามคาแหง

ปยิ ะมาศ สื่อสวัสดิว์ ณชิ ย์
อาจารย์ประจาสาขาวชิ าการจดั การโลจสิ ตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน คณะบรหิ ารธุรกิจ

มหาวิทยาลัยรามคาแหง

บทคัดยอ่
การวจิ ัยคร้ังนีม้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อศึกษาหาสาเหตุหรอื ประเดน็ ปัญหาของกล่มุ สมาชิกผู้เลี้ยง
โคนม โดยการใช้กลยุทธใ์ นการพฒั นาระบบบริหารจัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเขา้ (Inbound Logistics)
ของอุตสาหกรรมนม แยกตามชนิดของตัวขับเคลื่อน เพ่ือเป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
การผลิตน้านมดบิ ของสหกรณ์โคนมเทพสถิต จากัด อาเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ประชากรท่ีใชใ้ น
การวิจัยคร้ังน้ี ได้แก่ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมท่ีเป็นสมาชิกของสหกรณ์โคนมเทพสถิต จากัด กาหนด
ขนาดของกลุ่มตัวอย่างจานวน 108 ราย เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม เก็บรวบรวม
ข้อมูลโดยการสารวจ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย ผลการวิจัย การพัฒนาระบบบริหาร
จัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเข้ามีผลต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน้านมดิบ พบว่า ในด้านส่ิง
อานวยความสะดวก เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวนมตอบว่าจุดรับน้านมดิบในศูนย์รวบรวมน้านมดิ บมีไม่
เพียงพอต่อการดาเนินการ ด้านการขนส่งอยากให้มีบริการรถบรรทุกรับจ้างของสหกรณ์ รับ- ส่ง
น้านมดบิ ดา้ นการจัดการสนิ ค้าคงคลงั ส่วนใหญ่ตอ้ งการให้มีการขยายช่องการเทนมเพ่มิ และดา้ นการ
ติดต่อส่ือสาร อยากใหส้ หกรณม์ กี ารส่งเสรมิ และประชาสมั พนั ธ์ความรใู้ นเร่ืองตา่ ง ๆ รวมถงึ การพัฒนา
น้านมดบิ ให้มคี ุณภาพ

ค้าส้าคญั : การผลิตน้านมดิบ โลจิสตกิ ส์ สหกรณโ์ คนมเทพสถิต

1 นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลักสตู รบรหิ ารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะบรหิ ารธุรกจิ มหาวิทยาลัยรามคาแหง แขวงหัวหมาก
เขตบางกะปิ กรงุ เทพมหานคร 10240 หมายเลขติดต่อ: 062-602-4670 อีเมล: [email protected]

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

THE GUIDELINES FOR IMPROVING AND EFFICIENT PRODUCTION RAW MILK QUALITY
USE OF LOGISTICS STRATEGY – CASE STUDY THEPSATIT DAIRY COOPERATIVE
THEPSATIT DISTRICT, CHAIYAPHUM PROVINCE

Nidchakarn Sangkhapat1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business Administration

Ramkhamhaeng University

Piyamas Suesawadwanit
Lecturer at Department of Logistics and Supply Chain Management

Faculty of Business Administration, Ramkhamhaeng University

Abstract
The purpose of this research was to study the causes or issues of dairy
farmers. The logistics developing strategy of an inbound logistics of the dairy industry
as a guideline in regulating the logistics system and improving and efficient production
raw milk quality. The study populations were dairy farmer who was a member of
Thepsatit dairy cooperative. The sample size is 108 people. The study uses self-
administered questionnaires and survey as a research instrument. The statistical tools
used in this study are Percentages and Mean. The research results the development
of the inbound logistics management system has the effect of improving the efficiency
of raw milk production. In case of the facilities and warehouse the dairy farmer replied
that the raw milk collection center was insufficient for the operation. The second, In
case of the transportation and communication Thepsatit dairy cooperative should
advance to the knowledge and public relations about dairy farming including efficient
production raw milk quality.

Keywords: Production of Raw Milk, Logistics, Thepsatit Dairy

1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration
Faculty of Business Administration, Ramkhamhaeng University
Contact Number: +6662-602-4670 Email: [email protected]

134

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

บทนา้
ฟาร์มวัวนมในเขตอาเภอเทพสถิต ไม่ใช่ฟาร์มในรูปแบบธุรกิจขนาดใหญ่แต่เป็นการทา

ธุรกิจครัวเรือน ฟาร์มแต่ละแห่งของเกษตรกรจึงมีวัวไม่ถึง 20 ตัวในตอนนน้ั โดยมีสายพันธว์ุ ัวทีน่ ิยม
เล้ียงคือ สายพันธ์ุโฮลสไ์ ตนเ์ ชย่ี น (Holstein Friesian) หรือพันธ์ขุ าวดา และสายพันธเุ์ จอรซ์ ี่ (Jersey)
หรอื พันธ์ุขาว แดง จากการท่เี กษตรกรมีความสนใจในการเลยี้ งโคนมและมปี ริมาณนา้ นมดบิ มากข้ึนจึง
มีการจัดตั้งศูนย์รวบรวมน้านมดิบ ซึ่งสามารถรวบรวมน้านมดิบได้ 1.5 ตันต่อวัน ต่อมามีการ
ดาเนนิ การท่กี ้าวหน้ามากยิ่งข้ึนจงึ ได้ดาเนินการขอจัดตัง้ สหกรณ์เม่ือวันที 2 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ชอื่
ว่า “สหกรณ์โคนมเทพสถิต จากดั ” และดาเนนิ กจิ การมาจนถงึ ปัจจุบัน โดยมที ท่ี าการอยูท่ ี่ 1102 หมู่
1 ตาบลวะตะแบก อาเภอเทพสถติ จงั หวัดชัยภมู ิ มเี ครือขา่ ยเป็นรูปแบบระบบสมาชิกสหกรณ์ รับซื้อ
นา้ นมดบิ จากสมาชิกจานวน 150 คน กระจายอยู่ในพื้นทแี่ หล่งเลี้ยงโคนม ถอื วา่ เปน็ แหล่งผลติ น้านม
ดิบทด่ี ีทสี่ ดุ แหง่ หนงึ่ ในประเทศไทย และสามารถเสริมสร้างรายได้ให้แก่สมาชกิ สหกรณ์โคนม เปน็ การ
ส่งเสริมที่มั่นคงและยั่งยืนตามพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงสง
เสริมการเลี้ยงโคนมมาอย่างตอ่ เนื่องและจรงิ จัง (สหกรณ์โคนมเทพสถติ จากัด, 2560)

กาญจนา เศรษฐนันท์ (2554) “นม” เป็นคาท่ีทุกคนคงได้ยินแทบทุกเช้าของแต่ละวัน
ก่อนท่ีจะออกไปทางาน เรียนหนังสือ หรือทาภารกิจต่าง ๆ นมเป็นอาหารธรรมชาติที่สมบูรณ์กว่า
อาหารธรรมชาตอิ ยา่ งอนื่ ท่ีมีประโยชนต์ ่อร่างกายเปน็ อยา่ งมาก เพราะนมน้ันประกอบดว้ ยอาหารหลัก
5 หมู่ ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และไวตามิน สาหรับนมที่ผ่านการแปรรูปนั้น
สามารถแบ่งได้ 3 ชนิดคือ นมพาสเจอร์ไรซ์ (pasteurized milk) นมสเตอริไรซ์ (sterilized milk)
และนม ยู เอช ที (U.H.T: Ultra-High Temperature) น้านมที่ผา่ นการแปรรปู นจี้ ะเป็นผลิตภัณฑ์นม
ท่ีเป็นน้านมสีขาว แต่ก็อาจนามาปรุงแต่งเป็น นมเปร้ียว นมรสจืด หรือนมรสต่าง ๆ ได้ตามความ
ต้องการของผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตขายในท้องตลาดส่วนใหญ่มาจากนมโค จานวนโคนมและ
ผลผลิตน้านมดิบของไทยปี 2558-2562 จานวนโคนมทั้งหมดของไทยมีแนวโน้มเพมิ่ ข้ึนร้อยละ 3.39
ต่อปี โดยในปี 2562 (ณ วันที่ 1 มกราคม) มีจานวน 691,349 ตัว เพ่ิมข้ึนจาก 676,415 ตัว ของปี
2561 รอ้ ยละ 2.21 และจานวน แม่โครดี นมมแี นวโน้มเพิม่ ขึ้น รอ้ ยละ 3.06 ต่อปี โดยในปี 2562 มแี ม่
โครีดนม 305,676 ตัว เพิ่มขึ้นจาก 297,757 ตัว ของปี 2561 ร้อยละ 2.66 ส่วนผลผลิตน้านมดิบ
ในช่วงปี 2558 - 2562 มีแนวโนม้ เพิม่ ขนึ้ ร้อยละ 2.23 ต่อปี โดยในปี 2562 มผี ลผลติ 1,295,348 ตัน
เพมิ่ ข้ึนจาก 1,254,767 ตนั ของปี 2561 รอ้ ยละ 3.23

ปจั จบุ ันอตุ สาหกรรมนมได้รบั ผลกระทบจากราคานา้ มันที่ปรบั ตัวสูงขึน้ อย่างตอ่ เน่ือง ส่งผล
ให้ต้นทุนการผลิตเพ่ิมสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากน้ีอุตสาหกรรมน้ียังมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง
เนื่องจากการมีผู้ผลิตจานวนมากในตลาด และผู้บริโภคมที างเลือกที่หลากหลายในการเลือกซ้อื สินคา้
เพื่อให้ได้คุณภาพ ราคา และการบริการท่ีสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างทันท่วงที ภายใต้
สถานการณ์เช่นนี้ จงึ ทาให้การบรหิ ารจัดการหว่ งโซอ่ ุปทานและโลจิสตกิ ส์กลายเป็นสิ่งสาคญั ท่ตี ้องทา
ให้มีประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลตง้ั แต่จดุ เรม่ิ ตน้ ของการหาวัตถุดิบจนถงึ ตลาดท่ตี ้องตอบสนองให้ได้
ตามความต้องการของผู้บรโิ ภค ในการผลิตนม วัตถดุ บิ ทีส่ าคญั คอื น้านมดบิ (raw milk) ที่เป็นผลผลิต

135

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ทางการเกษตรที่บูดเสียได้ง่าย (perishable products) หากมีการจัดการไม่เหมาะสม ประกอบกับ
นา้ นมท่ไี ด้รับจากเกษตรกรในแต่ละฟารม์ อาจมีปรมิ าณไมแ่ นน่ อนและไม่สมา่ เสมอในแต่ละวัน ซึง่ เปน็
ผลให้การขนส่งปรมิ าณน้านมดบิ เขา้ สูโ่ รงงานผลิตอาจมปี ริมาณทีไ่ มต่ รงตามความตอ้ งการ (สหกรณ์โค
นมเทพสถิต จากัด, 2560)

ดังน้ันงานวจิ ัยผู้วจิ ัยสนใจศึกษาแนวทางการปรบั ปรุงประสิทธภิ าพการผลิตน้านมดิบ โดย
ใช้กลยุทธ์ด้าน โลจิสติกส์ เนื่องจากอุปสรรคและปญั หาต่าง ๆ ด้านโลจิสติกส์ท่ีสาคญั ซ่งึ มีผลกระทบ
ต่อต้นทุนการผลิตและคุณภาพของนมดิบคือ ปัญหาการจัดการขนส่งระหว่างฟาร์มเกษตรกรไปยัง
ศูนย์รวบรวมน้านมดิบ เนื่องจากเกษตรกรแต่ละรายจัดส่งน้านมด้วยตนเองอย่างอิสระหรอื มีสมาชกิ
บางรายอยู่ห่างจากศูนย์รวบรวมน้านมดิบ ทาให้เกิดความล่าช้ากว่าเวลาที่กาหนดหรือเกิดความสูญ
เปล่าด้านการขนส่ง ส่งผลทาให้น้านมไม่ได้คุณภาพ เป็นต้น ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษากลยุทธ์
ทางด้านโลจิสติกสท์ ่ีจะมาสนับสนนุ ให้สหกรณโ์ คนมมมี าตรฐานทีด่ ีขนึ้

วตั ถุประสงค์การวิจัย
1. เพ่อื ศกึ ษาระบบการจัดการโลจิสติกส์ของสหกรณ์โคนมเทพสถิต จากดั อาเภอเทพสถิต

จงั หวดั ชยั ภมู ิ
2. เพื่อศึกษาแนวทางการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ ของสหกรณ์โคนมเทพสถิต จากัด

อาเภอเทพสถติ จังหวัดชัยภูมิ
3. เพื่อศึกษากลยุทธ์ในการพัฒนาระบบบริหารจัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเข้า (inbound

logistics) ของอุตสาหกรรมนม แยกตามชนดิ ของตัวขบั เคลอ่ื น (driver) อนั ไดแ้ ก่ ดา้ นสิง่ อานวยความ
สะดวก ด้านการขนส่ง ด้านการจัดการสนิ ค้าคงคลงั และด้านการจัดการขอ้ มลู และตดิ ต่อสอื่ สาร

สมมติฐานการวิจัย
1. การพัฒนาระบบบรหิ ารจัดการเชงิ โลจิสติกสข์ าเขา้ (Inbound logistics) ดา้ นสิง่ อานวย

ความสะดวก มีผลตอ่ การปรบั ปรุงประสทิ ธิภาพการผลติ น้านมดิบ โดยใชก้ ลยทุ ธ์ด้านโลจิสตกิ ส์
2. การพฒั นาระบบบริหารจดั การเชงิ โลจิสติกสข์ าเขา้ (Inbound logistics) ดา้ นการขนสง่

มีผลต่อการปรับปรงุ ประสิทธิภาพการผลิตน้านมดิบ โดยใชก้ ลยทุ ธ์ด้านโลจิสติกส์
3. การพัฒนาระบบบริหารจัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเข้า (Inbound logistics) ด้านการ

จัดการสนิ ค้าคงคลงั มีผลตอ่ การปรับปรงุ ประสทิ ธิภาพการผลติ นา้ นมดบิ โดยใช้กลยทุ ธด์ ้านโลจิสติกส์
4. การพัฒนาระบบบริหารจัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเข้า (Inbound logistics) ด้านการ

จัดการข้อมูลและติดต่อส่ือสาร มีผลต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน้านมดิบ โดยใช้กลยุทธ์
ด้านโลจสิ ติกส์

136

กรอบแนวคิดในการวจิ ัย การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม

ปจั จยั สว่ นบคุ คล แนวทางการปรบั ปรุงประสิทธภิ าพการ
1. เพศ ผลติ นา้ นมดิบโดยใช้กลยุทธ์ดา้ นโลจิสติกส์
2. อายุ
3. ระดบั การศึกษา
4. อาชีพ
5. รายได้
6. จานวนแมโ่ คนม
7. เวลารีดนมชว่ งเช้า – เยน็

กลยุทธใ์ นการพฒั นาระบบบรหิ ารจัดการ
เชงิ โลจสิ ติกสข์ าเข้า

1. ด้านส่งิ อานวยความสะดวก
2. ดา้ นการขนส่ง
3. ด้านการจัดการสนิ ค้าคงคลงั
4. ด้านการจัดการขอ้ มลู และ

ภาพท่ี 1ตกิดตรอ่ สบื่อแสนาวรคดิ ในการวจิ ัย

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ัย

การทบทวนวรรณกรรม
ทฤษฎแี ละแนวคิดเกีย่ วกบั กลยุทธ์ในการพัฒนาห่วงโซ่แห่งคณุ ค่า (Value Chain)
Porter (1985) ได้ให้ความเห็นผ่านหนงั สือ Competitive Advantage; Creating and

Sustaining and Superior Performance ไว้ว่า ความสามารถในการแข่งขันขององค์กรเกิดข้ึนจาก
กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนภายในองค์การ โดยที่กิจกรรมเหล่าน้ันสามารถช่วยในการลดต้นทุนให้แก่
องค์การ สาหรับองค์การที่ใช้กลยุทธ์การเป็นผู้นาด้านราคาหรือช่วยสร้างความแตกต่าง โดยจะต้อง
ศึกษาและวิเคราะห์ถึงกิจกรรมต่าง ๆ รวมท้ังความสัมพันธ์ระหว่างกจิ กรรมเหล่านี้ เพื่อศึกษาถึงการ
ได้เปรียบทางการแข่งขันของแต่ละองค์การ โดยพิจารณาในแง่ของความสาคัญต่อการจัดทากลยุทธ์
ขององค์การธุรกิจ เพ่ือท่ีจะสามารถศึกษาถึงลักษณะ ความสาคัญ และความสัมพันธ์ของแต่ละ
กิจกรรม โดยการดาเนนิ กจิ กรรมเหล่าน้ใี นตน้ ทุนที่ถูกท่ีถูกกวา่ คู่แข่งขัน หรือก่อให้เกดิ ความแตกต่าง
คู่แขง่ ขนั

การวิเคราะห์หว่ งโซ่แห่งคุณคา่ เป็นการวเิ คราะหถ์ ึงโครงสรา้ งงานภายในองคก์ ารเพอ่ื การ
กาหนดจุดแข็งและจดุ อ่อนขององค์การ ซึ่งกิจกรรมภายในห่วงโซ่คุณค่าประกอบด้วย 2 กิจกรรม คือ
กิจกรรมหลัก ได้แก่ การขนส่งขาเข้า การปฏิบัติการ การขนส่งขาออก การตลาด และการบริการ

137

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

กิจกรรมสนับสนุน ไดแ้ ก่ โครงสร้างพนื้ ฐานขององค์การ (การบรหิ ารงานทว่ั ไป การบัญชี การเงนิ และ
การวางแผนกลยุทธ์) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (การสรรหา การจัดจ้าง การฝึกอบรม และการ
พัฒนา) การพัฒนาเทคโนโลยี (การวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิต)
และ การจดั หาทรพั ยากร (การจดั ซอื้ วตั ถดุ บิ และเครอ่ื งจกั รทใ่ี ชใ้ นการผลิต)

แ น ว คิด แ ล ะ ท ฤ ษ ฎีที่เ กี่ย ว ข้อ ง กับ ก ล ยุ ท ธ์ใ น ก า ร พัฒ น า ร ะ บ บ บ ริห า ร ก า ร จัด ก า ร
เชิงโลจสิ ติกส์ขาเข้า

Council of Logistics Management (1993) ได้ให้ความหมายของคาว่า โลจิสติกส์

เป็นกระบวนการในการวางแผนดาเนนิ การและควบคุมประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการไหล การ
จัดเก็บวัตถุดิบ สินค้าคงคลังในกระบวนการ สินค้าสาเร็จรูปและสารสนเทศที่เกีย่ วข้องจากจุดเริ่มตน้

ไปยังจุดทีม่ ีการใช้งาน โดยมเี ปา้ หมายเพือ่ สอดคล้องกับความต้องการของผู้บรโิ ภค

โครงสร้างพืนฐานขององคก์ าร

การบรหิ ารงานท่ัวไป การบญั ชี การเงิน และการวางแผนกลยุทธ์

การบริหารทรัพยากรมนษุ ย์

การสรรหา การจดั จา้ ง การฝกึ อบรม และการพฒั นา

การพฒั นาเทคโนโลยี

ิกจกรรมสนับส ุนนน การวิจัยและพฒั นา การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิต

การจัดหาทรัพยากร ก้าไร

การจดั ซอื้ วัตถดุ ิบและเครือ่ งจกั รทใ่ี ชใ้ นการผลติ

การขนสง่ ขาเขา้ การปฏิบตั กิ าร การขนสง่ ขาออก การตลาด การบรกิ าร

-วตั ถุดบิ -การตดิ ต้งั -การคลงั และ -การ -การตดิ ตงั้

-การเก็บรกั ษา -การทดสอบ การ ส่งเสรมิ -ซอ่ มแซม

วสั ดุ สายการผลิต -กระจายสินคา้ -การต้ัง -อะไหล่

ราคา

กจิ กรรมพืนฐาน

ภาพท่ี 2 แบบจาลองห่วงโซแ่ หง่ คณุ ค่า
ทม่ี า: ณัฎฐพนั ธ์ เขจรนันทร์ (2552)

ณัฐกฤตา วิเชียรไพศาล (2556) ได้ศึกษา การบริหารจัดการระบบโสจิสติกส์ของ
อุตสาหกรรมนม พบว่าด้านการผลิตผลิตภัณฑ์นมท่ีมีคุณภาพดี ต้นทุนต่า และสามารถตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้าไดอ้ ย่งรวดเร็วองคก์ รจะต้องมีระบบบรหิ ารจัดการที่มีประสิทธิภาพโดยฉพาะ
ขั้นตอนการนาวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานหรือ "โลจิสติกส์ขาเข้า" ควรวางแผนกลยุทธ์การดาเนินงานและ
ปรบั ปรงุ เพอ่ื ให้การดาเนนิ งานมปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขนึ้ ด้วยการคานึงถึง

1. ดา้ นสิง่ อานวยความสะดวก โรงงานจาเปน็ ตอ้ งมีสง่ิ อานวยความสะดวกให้มีความ
เพียงพอกับการดาเนินงาน เช่น ศูนย์รวบรวมน้านมดิบจะต้องมีห้องรับน้านมดิบท่ีเพียงพอเพื่อไมใ่ ห้

138

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

เกิดการรับนมดิบจากเกษตรกรท่ีล่าช้าส่งผลต่อคุณภาพของน้านมดิบและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่
สูงข้นึ

2. ด้านการขนส่ง เกษตรกรควรรวมกลุ่มกัน การขนส่งนมดิบโดยอาจให้เกษตรกร
รายใหญ่ท่ีมีศักยภาพหรือมีความพร้อมเก่ียวกับรถบรรทุกในการขนส่งเป็นผู้จัดการรวบรวมปริมาณ
น้านมของเกษตรกรรายย่อยที่อยู่ในเส้นทางหรือบริเวณใกล้เคียงจะทาให้การขนส่งน้านมดิบมี
ประสิทธิภาพดีขึ้นและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งให้กับเกษตรกรโดยตรงหรืออาจรวมกันจ้างผู้
รับจา้ งขนส่งน้านมดิบเพ่อื ประหยดั เวลาในการขนสง่ และยงั สามารถจัดการดแู ลฟารม์ ได้มากขึน้

3. ด้านการจัดการสินค้าคงคลัง สามารถทาได้โดยการจัดปริมาณน้านมดิบให้
เหมาะสมกับแต่ละรอบของการรับนม เนื่องจากการรับน้านมดิบจากเกษตรกรนั้นมีมากกว่า 1 รอบ
คือ รอบเช้าและรอบเย็น และควรมีการกะปริมาณน้านมดิบให้เหมาะสมกับชนิดและขนาดของรถท่ี
บรรทกุ นา้ นมดบิ

4. ด้านการจัดการข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร ควรมีการนาเทคนิคการพยากรณ์
ปริมาณน้านมดิบในแต่ละฤดูกาลเพื่อนาไปใช้ในการวางแผนการจัดการน้านมดิบได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ

วธิ กี ารดา้ เนินการวิจยั
กลมุ่ ประชากรและการเลือกกลมุ่ ตัวอย่าง ประชากรของงานวิจัย คอื เกษตรกรผเู้ ลี้ยงโคนม

ท่ีเป็นสมาชิกของสหกรณ์โคนมเทพสถิต จากัด อาเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ จานวน 150 ฟาร์ม
คานวณหาขนาดตัวอย่างโดยใช้สูตรของทาโร่ ยามาเน่ (Yamane, 1973) ทรี่ ะดบั ความเชอ่ื มั่นร้อยละ
95 ค่าความคลาดเคล่ือน ± 5 ได้จานวน 108 ตัวอย่าง โดยเลือกสุ่มอย่างง่าย (Simple random
sampling) จากฐานรายชื่อเกษตรกรผู้เล้ียงโคนมของสหกรณ์โคนมเทพสถิต จากัด อาเภอเทพสถิต
จงั หวดั ชยั ภมู ิ (สหกรณโ์ คนมเทพสถติ จากัด, 2563)

ในการตรวจสอบคณุ ภาพของเครอ่ื งมือนั้น ผู้วจิ ยั ไดน้ าขอ้ คาถามท่ีผ้วู จิ ัยสร้างข้ึนมาทดสอบ
หาความเท่ียงตรงของเน้ือหา (Validity) นาแบบสอบถามที่สร้างข้ึนมาพิจารณาตรวจสอบความ
เที่ยงตรงของเนือ้ หา งานวจิ ยั น้ีผูว้ ิจัยให้ผทู้ รงคุณวุฒิตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชงิ เนอ้ื หา จานวน 3 คน
ผลการตรวจสอบพบว่าทุกข้อคาถามผ่านความตรงเชิงเน้ือหาทุกข้อคาถาม จากน้ันวิเคราะห์ความ
เชื่อมน่ั (Reliability) ผูว้ จิ ัยปรับปรงุ แบบสอบถามให้มคี วามเหมาะสมตามเนือ้ หาแลว้ นาแบบสอบถาม
ไปทดลองใช้ (Try-out) กับประชากรท่ีไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจริง จานวน 15 คน (ประสพชัย พสุนนท์,
2557, หนา้ 158) ในงานวจิ ัยน้กี ลุม่ ตัวอย่าง 108 ตวั อยา่ ง ผูว้ ิจยั เก็บ รอ้ ยละ 10 ของกลมุ่ ตัวอยา่ ง จงึ
ใช้แบบสอบถามทดลองใช้ท่ี 15 คน เพื่อให้เหมาะสมกับการวจิ ัยน้ีและเพือ่ ทดสอบความยากง่ายของ
ชุดคาถาม ด้วยสูตรการหาค่าสัมประสิทธ์ิของแอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha
Coefficients) ดว้ ยโปรแกรมสาเรจ็ รูปสาหรับการวิจัยทางสงั คมศาสตร์บนคอมพวิ เตอร์สว่ นบุคคล ได้
ค่าความเช่ือม่ันของแบบสอบถามเท่ากับ 0.862 แล้วจึงนาแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ไปเก็บรวมรวม
ขอ้ มลู จากตัวอยา่ งประชากร

สาหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยทาการวิเคร าะห์ข้อมูลในลักษณะเชิงพรรณนา
(Description analysis) โดยนาข้อมูลที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถามมาเปลยี่ นเปน็ ตวั เลข แลว้ นา
ตัวเลขนนั้ ไปบันทึก ในโปรแกรมสาเร็จรปู สาหรับการวิจยั ทางสังคมศาสตร์บนคอมพิวเตอร์สว่ นบุคคล
เพื่อประมวลผลข้อมูลใช้วิธีการหาค่าความถี่ (Frequency) แล้วสรุปออกมาเป็นค่าร้อยละ

139

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

(Percentage) นอกจากนี้ขอ้ มูลเกย่ี วกับข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะอื่น ๆ ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
ของสหกรณโ์ คนมเทพสถติ จากัด ผ้วู จิ ัยได้วิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis)

ผลการศึกษา

1. ขอ้ มูลท่วั ไปของเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์โคนมเทพสถติ จากัด พบว่า เกษตรกรสว่ นมาก
เป็นเพศชาย จานวน 66 คน คิดเปน็ ร้อยละ 61.1 อายุเฉลีย่ 41-50 ปี จานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ
37.0 การศึกษาอยู่ในระดับต่ากว่าปริญญาตรี จานวน 83 คน คิดเป็นร้อยละ 72.7 ประกอบอาชีพ

เกษตรกร จานวน 88 คน คิดเป็นร้อยละ 81.5 มีรายได้มากกว่า 40,000 บาท/เดือน จานวน 36 คน
คิดเป็นร้อยละ 33.3 มีแม่โครีดนมในฟาร์มจานวนเฉลี่ย 31-40 ตัว จานวน 31 คน คิดเป็ยร้อยละ

28.7 ปริมาณน้านม/วนั อยูท่ ี่ 601-800 ลติ ร จานวน 41 คน คิดเป็นร้อยละ 38.0 ช่วงเวลารีดนมช่วง
เช้า เวลา 04.00 น. - 05.00 น. จานวน 44 คน คดิ เป็นร้อยละ 40.7 และช่วงเวลารีดนมชว่ งเยน็ เวลา
13.00 – 14.00 น. จานวน 56 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 51.9

2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับการพฒั นาระบบบริหารจัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเข้ามผี ล
ต่อการปรับปรุงประสิทธภิ าพการผลิตนา้ นมดิบ โดยใช้กลยุทธด์ ้านโลจสิ ตกิ ส์

ตาราง 1 การพัฒนาระบบบริหารจัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเข้า (Inbound logistics) มีผลต่อการ

ปรับปรงุ ประสทิ ธิภาพการผลติ น้านมดิบ โดยใชก้ ลยุทธ์ด้านโลจิสตกิ ส์

กลยทุ ธด์ า้ นโลจิสติกส์ p แปลผล

ดา้ นส่ิงอานวยความสะดวก 0.02* มีผล

ด้านการขนสง่ 0.00* มีผล

ด้านการจัดการสินคา้ คงคลงั 0.03* มผี ล

ด้านการจัดการข้อมลู และตดิ ต่อสอ่ื สาร 0.03* มีผล

p < 0.05

ด้านส่ิงอานวยความสะดวก พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากตอบวา่ จุดรับนา้ นมดบิ

ในศูนย์รวบรวมน้านมดบิ มีไม่เพียงพอต่อการดาเนินการ อีกท้ังต้องการให้สหกรณ์มีจุดรับนา้ นมแบบ
Cooling Tank รวมถึงอยากให้มีจุดรับน้านมดิบกระจายอยู่ตามพ้ืนท่ีใกล้เคียงฟาร์มโคนมของกลุ่ม
เกษตรกรและอยากให้สหกรณ์มีเครื่องผสมอาหารแบบ Total Mix Ration (TMR) ผลิตและจาหนา่ ย

อาหารถงุ ใหแ้ กส่ มาชิก
ด้านการขนส่ง พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากใช้รถยนต์ทั่วไปในการขนส่งน้านม

มายังที่ศูนย์รวมรวบน้านมดิบ โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 – 30 นาที ในระยะทาง
ประมาณ 5 – 15 กโิ ลเมตร และต้องการอยากให้มีบริการรถบรรทกุ รับจ้างของสหกรณ์ รบั - สง่ น้านมดิบ

ด้านการจัดการสนิ คา้ คงคลัง พบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามสว่ นมากตอบวา่ ภายในสินค้าคง

คลังมีความสะอาดเรียบรอ้ ยและการจัดระบบสินค้าคงคลังมีพื้นท่ีเพียงพอต่อการรองรบั สินค้าขาเข้า
และขาออก แตต่ ่างต้องการให้ศูนย์รวบรวมน้านมดิบขยายชอ่ งการเทนมเพ่ิม

ด้านการจัดการข้อมูลและติดต่อส่ือสาร พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากตอบว่า
ต้องการให้สหกรณ์ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เก่ียวกับการพัฒนาคุณภาพน้านมดิบบ่อย ๆ และ
ต้องการให้สหกรณ์มีการศึกษาและส่งเสริมระบบรดี นมเป็นแบบ Pipe Line และ Cooling Tank อีก

140

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ทัง้ ตอ้ งการให้สหกรณม์ ีการประชาสมั พนั ธ์ข่าวสาร ความรตู้ ่าง ๆ ใหแ้ กก่ ลุ่มสมาชกิ โคนม เช่น ตอ้ งการ
ให้สหกรณ์ประชาสมั พนั ธม์ าตราการณ์ท่ีเคร่งครัดเกย่ี วกบั เวลาเปิด-ปดิ การรับน้านมดบิ และตอ้ งการ
ให้ส่งขอ้ มลู ข่าวสารมาทาง Line เป็นสว่ นใหญ่

อภิปรายผลการวจิ ยั
กลยุทธ์ในการพัฒนาระบบบริหารจัดการเชิงโลจิสติกส์ขาเข้า (inbound logistics) ของ

อุตสาหกรรมนม ด้านส่ิงอ้านวยความสะดวก พบว่า จุดรับน้านมดิบในศูนย์รวบรวมน้านมดิบมีไม่
เพียงพอต่อการดาเนินการ อีกทั้งต้องการให้สหกรณ์มีจุดรับนา้ นมแบบ Cooling Tank รวมถึงอยาก
ให้มีจดุ รบั น้านมดบิ กระจายอยู่ตามพืน้ ทใ่ี กล้เคียงฟารม์ โคนมของกล่มุ เกษตรกรและอยากให้สหกรณ์มี
เคร่อื งผสมอาหารแบบ Total Mix Ration (TMR) ผลิตและจาหนา่ ยอาหารถงุ ใหแ้ ก่สมาชิก สอดคลอ้ ง
กับงานวิจัยของ กาญจนา เศรษฐนันท์ (2552) อันได้แก่ การมีส่ิงอานวยความสะดวกให้มีความ
เพียงพอกับการดาเนินการ เช่น ศูนย์รวบรวมน้านมดิบ หากมีห้องรับน้านมดิบไม่เพียงพอจะทาให้
เวลาท่ีใช้ในการรับน้านมดิบจากเกษตรกรเป็นไปด้วยความล่าช้า และที่สาคัญคืออาจมีผลกระทบต่อ
คุณภาพของน้านมดิบได้ ส่วนในด้านการขนส่งนั้น การขนส่งนมของเกษตรกรจากฟาร์มมายังศูนย์
รวบรวมน้านมดบิ นั้น การกาหนดเวลาที่เกษตรกรรีดนา้ นมดิบส่วนมากในตอนเช้า คือ 04.00-05.00
น. และตอนเย็น คอื 13.00-14.00 น. ซ่ึงเป็นเวลาท่ีเหมาะสมกบั การรีดนมววั และเดินทางมาสง่ น้านม
ดิบ ซงึ่ สมั พันธ์กบั การรดี น้านมดิบ เนือ่ งจากเป็นเวลาท่โี คนมให้น้านมดิบมากที่สดุ เกษตรกรส่วนใหญ่
จะส่งน้านมดิบมายังศูนย์รวบรวมน้านมเองแต่ก็จะมีเกษตรกรส่วนน้อย (ร้อยละ 13) เป็นเกษตรกร
รายย่อยที่มีปริมาณน้านมดิบน้อยกว่า 200 ลิตร/วัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและประหยัด
คา่ ใช้จา่ ยในการขนส่ง เกษตรกรควรมกี ารรวมกลุ่มในการขนสง่ โดยอาจจะให้เกษตรกรรายใหญ่หรือ
รถเหมาจา้ งท่ีมีศกั ยภาพหรอื มีความพร้อมเกี่ยวกบั รถบรรทกุ ในการขนส่งเป็นผู้จัดการรวบรวมปริมาณ
น้านมของเกษตรกรรายย่อยที่อยู่ในเส้นทางหรือบริเวณใกล้เคียง ซึ่งสอดคล้องกับ กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ สานักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร (2561) กล่าวว่า เกษตรกรท่ีอยู่ในเส้นทางหรือบริเวณ
ใกลเ้ คียงกัน ควรมีการรวมกลมุ่ ในการขนส่งน้านมดบิ เพ่ือประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ใน
ด้านการจัดการสินค้าคงคลังในปจั จุบัน เกษตรกรได้นาส่งนา้ นมดิบใหแ้ ก่ศูนย์ฯ 2 รอบคือ ในช่วงเชา้
และชว่ งเย็น ส่วนกลยทุ ธ์การจัดการสินคา้ คงคลังนนั้ สามารถทาได้โดยการจดั ปริมาณนมทเ่ี หมาะสม
กับแต่ละรอบของการรับนม รวมถึงปริมาณรถที่เข้ามาส่งนมมีจานวนมากควรมีการขยายช่องการเท
นมเพิ่มเพื่อลดระยะเวลาการขนส่ง และน้านมที่นามาส่งจะได้รับการนาเก็บในถังเก็บความเย็นจึงจะ
คงคุณภาพได้อยู่เสมอ สอดคล้องกับกาญจนา เศรษฐนันท์ (2552) กล่าวว่า กลยุทธ์การจดั การสนิ คา้
คงคลังสามารถทาได้โดยการจัดปริมาณนมท่ีเหมาะสมกับแต่ละรอบของการรับนม และควรมีการกะ
ปริมาณน้านมดิบท่ีเหมาะสมกับขนาดของรถบรรทุกท่ีจะต้องเกบ็ ไว้เพ่ือรอให้รถมารับได้ทันทีในตอน
เช้าในวันถัดไป การจดั เกบ็ ปริมาณน้านมดิบใหเ้ ปน็ สินค้าคงคลงั ดงั กลา่ วช่วยลดเวลาการรอคอยในการ
รบั นา้ นมดบิ ของรถบรรทุกและทาให้การใชร้ ถบรรทกุ เป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพ เนอื่ งจากรถบรรทุก
มีเวลาเพียงพอที่สามารถนาไปใช้ในการรับน้านมดิบในรอบที่ 2 ได้และกลยุทธ์สุดท้าย คือ ด้านการ
จัดการข้อมูลและติดต่อสื่อสาร เร่ืองการติดต่อประสานงานระหว่างศูนย์ฯ กับเกษตรกรนั้นควรหา
แนวทางให้เกษตรกรมาส่งน้านมดิบในช่วงที่นดั หมาย ตรงเวลาเพื่อลดเวลาในข้นั ตอนการรบั น้านมดิบ
ลง ซ่ึงการดาเนนิ การดงั กลา่ วจะทาใหก้ ารรับน้านมดบิ ของรถบรรทกุ ไปยังโรงงานมีปริมาณที่เพียงพอ
ต่อระบบการผลิตและสามารถไปถึงโรงงานได้เร็วขึ้น ซ่ึงเป็นการใช้รถบรรทุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

141

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ถ้าเกษตรกรมาส่งน้านมดิบที่ศูนยร์ วบรวมน้านมดิบเกินช่วงเวลาท่ีศูนย์ฯ กาหนด ต้องเสียค่าปรับ ใน
กรณีดังกล่าว ศูนย์ฯ ควรนาเงนิ ส่วนท่ีได้จากการปรบั เกษตรกรท่ีมาส่งน้านมดิบช้ามาให้กับเกษตรกร
ท่ีมาส่งน้านมดิบตรงเวลาเพื่อให้เกษตรกรมีความกระตือรือร้นในการมาส่งน้านมดิบยังศูนย์ฯ ให้ตรง
เวลา สอดคล้องกับ Eduardo (2014) กล่าวว่า เกษตรกรผู้เล้ียงโคนมยังขาดความรู้ในการจัดการ
น้านมดิบให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นในเร่อื งของสุขอนามยั การจัดเก็บน้านมดิบ การส่งมอบและ
อื่น ๆ โดยผู้วิจัยไดเ้ ห็นถงึ ปัญหาและได้ขอ้ สรปุ ทีว่ ่าการปรับปรงุ คุณภาพนมยงั ขนึ้ อยกู่ ับความสามารถ
ของผ้มู ีส่วนไดส้ ่วนเสยี ในการปรับปรุงทกั ษะการจัดการและการประสานงานที่ดีข้นึ ระหว่างกนั ภายใน
ซพั พลายเชนท้ังหมด

ข้อเสนอแนะในการวจิ ัย
ขอ้ เสนอแนะ
1. ปกติแล้วเกษตรกรจะส่งน้านมดิบให้แก่สหกรณ์โคนมเทพสถิต จากัด เพื่อรวบรวม

น้านมดิบทุกวัน โดยส่วนใหญ่เกษตรกรเป็นผู้ขนส่งมายังสหกรณ์หรอื ศูนย์รวบรวมนา้ นมดิบเอง และ
ส่วนใหญจ่ ะอยกู่ ระจัดกระจายและห่างจากสหกรณ์โคนม ในรัศมี 400 เมตร - 50 กโิ ลเมตร อีกทงั้ ใน
การขนส่งน้านมดิบน้ัน รถที่เกษตรกรใช้โดยส่วนใหญ่คือ รถยนต์ท่ัวไปท่ีมีกระบะท้าย ส่วนน้อยที่จะ
จ้างรถเหมาหรือรถของเกษตรกรเองที่จะรบั จ้างเหมาขนส่งน้านมดิบ หากเกษตรกรรายใดอยู่ใกล้กับ
ศนู ยร์ บั นา้ นมดิบและมปี ริมาณน้านมไม่มากนกั กจ็ ะใชร้ ถจกั รยานยนต์พ่วงข้าง

2. สหกรณ์โคนมเทพสถติ จากัด เป็นศูนย์รวบรวมนา้ นมดิบ ซ่งึ จะมปี รมิ าณนา้ นมดิบใน
แต่ละวันแตกต่างกันออกไป โดยขน้ึ อยูก่ บั จานวนของเกษตรกรผู้เล้ียงโคนม จานวนโคนม อตั ราการให้
นมเฉลยี่ ต่อตัว และช่วงเวลารดี นมของแต่ละฟารม์ ปัญหาการจดั การขนสง่ ระหว่างฟาร์มเกษตรกรไป
ยังศูนย์รวบรวมนา้ นมดบิ ของสหกรณ์การเกษตร เนอ่ื งจากเกษตรกรแต่ละรายจัดสง่ น้านมดว้ ยตนเอง
อย่างอิสระหรือมีสมาชิกบางรายอยู่ห่างจากศูนย์รวบรวมน้านมดิบ ทาให้เกิดความล่าช้ากว่าเวลาที่
กาหนดหรือเกดิ ความสญู เปล่าดา้ นการขนส่ง เนอ่ื งจากอุณหภูมิภายนอกอย่ทู ่ปี ระมาณ 30 - 37 องศา
ทาให้แบคทีเรียที่อยู่ในน้านมหลังจากออกมาจากเต้านมแม่วัว ขยายจานวนของเซลล์เพิ่มข้ึน ทาให้
นา้ นมไม่ได้คุณภาพเนอื่ งจากใชเ้ วลานานในการขนสง่ ไปยังศนู ย์รวบรวมนา้ นมดบิ ดงั น้ันจึงต้องใช้เวลา
น้อยท่ีสุดในการขนส่งน้านมดิบ เพ่ือที่จะนามาเก็บท่ีถังบรรจุความเย็น และ รถบรรทุกน้านม ในการ
ส่งไปยังโรงงานแปรรูป ซ่ึงมีอุณหภูมิที่ลดต่า 2-7 องศาเซลเซียส จุลินทรีย์กลุ่มนี้จะเพิ่มจานวนชา้ ลง
เกษตรกรส่วนมากต่างตอ้ งการให้สมาชกิ ทกุ คนเดนิ ทางมายังศนู ย์รวมรวมนา้ นมดิบตรงตอ่ เวลา อกี ทงั้
ตอ้ งการให้มกี ารขยายช่องการเทนมเพิม่ เพือ่ การจัดเก็บรวบรวมน้านมท่ีรวดเรว็ และยังคงมคี ุณภาพ

3. ในเรื่องของคุณภาพน้านมและแรงงาน ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน
เน่ืองจากบางฟาร์มมีจานวนแม่วัวท่ีให้น้านมมีจานวนมาก การมีระบบรีดนมแบบ Pipe Line ทาให้
ประหยัดแรงงานอย่างเห็นได้ชัด น้านมจากเต้า จะส่งต่อไปรวบรวมถังหล่อเย็นปลายเคร่ือง เม่ือเต็ม
เคร่ืองจะดงึ นา้ นมผา่ นตัวกรองละเอยี ดขนาด 100 ไมครอน เพ่อื ทาใหน้ มสะอาดมคี ณุ ภาพ และน้านม
เข้าบรรจุใส่ถงั Cooling Tank เตรยี มไปส่งทีศ่ นู ยร์ วบรวมน้านมดิบ นอกจากแก้ปญั หาแรงงานได้แล้ว
ยังทาให้น้านมโคได้คุณภาพ สะอาดปลอดภัยสม่าเสมอ เพราะเป็นการรีดระบบปิดที่แทบจะไม่มีสิ่ง
แปลกปลอมใด ๆ มาเจือปนได้เลย ช่วยให้เกษตรกรขายน้านมดิบได้ราคามากกว่าเดิม อีกท้ังการมี
เครอื่ งผสมอาหารแบบ Total Mix Ration (TMR) การให้โคกนิ อาหาร TMR เปน็ อาหารผสมสาเรจ็ รูป
ท่เี กิดจากการนาอาหารหยาบ และอาหารข้นมาผสมกนั เสริมแรธ่ าตวุ ติ ามนิ เข้าด้วยกนั ในอัตราส่วนท่ี

142

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

เหมาะสม ทาให้โคได้รับโภชนาการครบถ้วนตามความต้องการ เลี้ยงง่ายและสะดวกต่อการจัดการ
ประหยดั ทั้งเวลาและแรงงาน

ขอ้ เสนอแนะในครง้ั ตอ่ ไป
ผลของการวจิ ัยเกษตรกรผู้เล้ียงโคนม สามารถนาไปกาหนดกลยทุ ธห์ รอื แนวทางในการ

จัดการด้านโลจิสติกส์ต่อการผลิตน้านมดิบให้มีคุณภาพ และสามารถเป็นแนวทางสาหรับงานวิจัย
ประเภทเดียวกัน หรือใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงให้ผู้วิจัยท่านที่สนใจจะศึกษาหรือสาหรับกลุ่มเกษตรกร
ผู้เลี้ยงโคนม

เอกสารอา้ งอิง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สานักวจิ ยั เศรษฐกิจการเกษตร. (2561). การศกึ ษาโซ่อปุ ทานและ

โลจิสติกส์สนิ คา้ นา้ นมโค. สืบคน้ จาก http://oaezone.oae.go.th/view/
กาญจนา เศรษฐนนั ท.์ (2554). การบรหิ ารจัดการระบบโลจิสตกิ สข์ าเขา้ ของอตุ สาหกรรมนม.

ขอนแกน่ : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ณัฎฐพันธ์ เขจรนนั ทร.์ (2552). การจดั การเชิงกลยทุ ธ์ (ฉบับปรบั ปรุงใหม)่ . กรงุ เทพมหานคร:

ซเี อด็ ยเู คช่ัน.
ณัฐกฤตา วิเชยี รไพศาล. (2556). การปรบั ปรงุ ระบบโลจิสติกสน์ มดิบของสหกรณ์. (วิทยานิพนธ์

ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
ประสพชัย พสนุ นท์. (2557). ความเชื่อมน่ั ของแบบสอบถามในการวิจัยเชิงปรมิ าณ. สืบค้นจาก

https://www.mis.ms.su.ac.th/MISMS01/PDF02/6_20190624_tci2_2.pdf
สหกรณ์โคนมเทพสถติ จากดั . (2560). ขอ้ มูลสหกรณ์โคนมเทพสถติ จา้ กัด. สืบคน้ จาก

https://www.youtube.com/watch?v=gSHpNWzz-bY
. (2563). รายช่ือเกษตรกรผู้เลียงโคนมของสหกรณ์โคนมเทพสถติ จ้ากัด. สบื คน้ จาก
https://www.youtube.com/watch?v=gSHpNWzz-bY
Council of Logistics Management (CLM). (1993). Definition of logistics: Council of
Logistics Management retrieved. from http://www.clm1.org/mission.html
Eduardo, L. F. (2014). Exploring alternatives for milk quality improvement and
more efficient dairy production in a smallholder farming context.
retrieved from https://scholar.google.es/citations?user=fDCfg9QAAAAJ&hl
Porter, M. P. (1985). Competitive Advantage: Creating and Sustaining Superior
Performance. New York: The Free Press.
Yamane, T. (1973). Statistic: An Introductory Analysis (3rd ed.). New York: Harper and
Row.

143

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

144

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธรุ กิจผ้าทอพน้ื เมือง
กรณศี ึกษาผลิตภณั ฑ์ผ้าไหมทอมือในจังหวัดเพชรบรู ณ์

อรวรรณ วงั หนิ 1
นักศกึ ษาปริญญาตรหี ลักสูตรบรหิ ารธรุ กจิ บณั ฑิต คณะบรหิ ารธุรกจิ

มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี

ภูรณิ ัฐ ยมกนิษฐ์ และ พิมพา หิรัญกติ ติ
อาจารย์ประจาสาขาวิชาการตลาด คณะบรหิ ารธุรกจิ

มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี

บทคดั ย่อ

การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางธุรกิจ สภาพจุดแข็ง จุดอ่อน
โอกาส อปุ สรรค และการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษา
ผลิตภัณฑผ์ า้ ไหมทอมอื ในจังหวดั เพชรบรู ณ์ และ 2) พฒั นาแนวทางการบริหารจดั การและการวางแผน
การตลาดของธุรกิจผ้าทอพนื้ เมือง กรณศี ึกษาผลติ ภณั ฑ์ผา้ ไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ เปน็ การวิจัย
เชิงคุณภาพ โดยใช้การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จากกรรมการบริหารวิสาหกิจชุมชน ตาบลหลัก
ด้าน อาเภอน้าหนาว จงั หวดั เพชรบูรณ์ จานวน 8 คน จากกลมุ่ สมาชิกทง้ั หมด 80 คน เนอ่ื งจากเปน็ ผู้ที่
ความชานาญการด้านการบริหารจัดการและวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอพื้นเมืองที่มีอายุงาน
มากกว่า 10 ปี ใช้เครื่องมือในการวิจัยแบบสัมภาษณ์ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก และนาข้อมูลท่ีได้จาก
การสัมภาษณ์มาทาการวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์แบบอุปนัย ผลการวิจัย พบว่า 1) ธุรกิจเร่ิมจาก
ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการตลาด จึงทาให้เกิดการปรับเปล่ียนอาชีพสู่การทอผ้าไหมของกลุ่ม
แม่บ้าน ประกอบด้วย 1.1) จุดแข็ง: ด้านการตลาดเป็นสินค้าท่ีทอด้วยมือ ด้านการเงินได้รับการ
สนับสนุนจากจังหวัด ด้านการวิจัยและพัฒนาได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ด้านบุคลากร
ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน และด้านการจัดการมีการแบ่งหน้าท่ีดาเนินงานอย่างเป็น
ระบบ 1.2) จดุ ออ่ น: ด้านการตลาดไมส่ ามารถผลติ สินค้าได้เป็นจานวนมากได้ ด้านการเงินบุคลากรส่วน
ใหญ่ไม่มีความรู้ในการบริหารจัดการทางการเงิน ด้านการวิจัยและพัฒนาต้องใช้เวลาและทักษะ
ค่อนข้างสูง ด้านช่อื เสียงยังเป็นทรี่ ู้จักภายในจังหวัดและภาคเหนือตอนล่าง 1.3) โอกาส: ดา้ นเศรษฐกิจ
มกี ารเตบิ โต ดา้ นสงั คมมีกระแสสังคมอนรุ กั ษ์ความเป็นไทย ดา้ นกฎหมายมีการสง่ เสริมจากภาครัฐ ด้าน
เทคโนโลยชี ่วยใหส้ ินค้าเป็นทีร่ ูจ้ ักในวงกวา้ ง ดา้ นลกู ค้าสนใจในผ้าไหมทอมอื ด้านผขู้ ายปจั จัยการผลติ มี
ชาวบ้านจาหน่ายวัตถุดิบให้ และ 1.4) อุปสรรค: ด้านเศรษฐกิจผันผวน ด้านสังคมถูกนาไปใช้เฉพาะ
กลุ่มคน ด้านวัฒนธรรมถูกใช้ภายในชุมชนพื้นเมือง ด้านคู่แข่งขันมีมาก ด้านลูกค้ามีเฉพาะกลุ่ม และ
ด้านผู้ขายปัจจัยการผลิตควบคุมคุณภาพไม่ได้ และ 2) การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาด
ประกอบด้วย 2.1) ด้านผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผ้าไหมผืนทอมือที่มีลวดลายหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์

1 นักศกึ ษาปรญิ ญาตรีหลักสตู รบริหารธรุ กจิ บัณฑติ คณะบรหิ ารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี
ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12110 หมายเลขติดต่อ: 098-801-4893 อีเมล: [email protected]

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ของจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และ 2.2) กาหนดราคาโดยใช้กลยุทธ์
การตั้งราคาเจาะตลาด 2.3) ช่องทางการจัดจาหน่ายทางการตลาดทั้ง online และ offline และ 2.4)
การสง่ เสริมทางการตลาดผ่านช่องทางการสอื่ สารในหลายรูปแบบ เชน่ การสร้าง Facebook Fanpage
และการทา LINE Official account เพ่ือให้เกิดการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและทาให้เกิดการซื้อ
การซื้อซา้ และการบอกตอ่
คาสาคัญ: การตลาด ภูมิปญั ญา ผ้าทอพื้นเมอื ง ผ้าไหมทอมือ เพชรบูรณ์

146

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

MANAGEMENT AND MARKETING PLANNING OF NATIVE WEAVING
BUSINESS: CASE STUDY OF HAND-WOVEN SILK PRODUCTS
IN PHETCHABUN PROVINCE

Orawan Wanghin1
Undergraduate Students, Bachelor of Business Administration, Faculty of Business Administration

Rajamangala University of Technology Thanyaburi

Purinat Yamakanith and Pimpa Hirankitti
Lecturer at Department of Marketing, Faculty of Business Administration

Rajamangala University of Technology Thanyaburi

Abstract

The objectives of this research are 1) to study business fundamentals,
strengths, weaknesses, opportunities, obstacles, and the management and marketing
planning of native weaving businesses, 2) to develop management guidelines and
marketing planning of native weaving businesses: case studies of hand-woven silk
products in Phetchabun province. It is a qualitative research, using a specific sample
selection 8 out of 80 members of the main sub-district community enterprise in Nam
Nao district, Phetchabun province, because they are skilled in native weaving with more
than 10 years of were interviewed and used the tool for interviewing research by in-
depth interviews and bring the information obtained from the interview to analyze by
analytic Induction method. The results of the research were as follows: 1) Business
started from economic and marketing problems. Therefore, the career change to silk
weaving of the housewife group, consists of 1.1) Strengths: Marketing is hand-woven
products, the financial aspect was supported by the province. In terms of research and
development, it is supported by government agencies, personnel are mainly people
who live in the same neighborhood and the management is divided into a systematic
operation; 1.2) Weakness: Marketing cannot produce a lot of products. In finance, most
of the personnel have no knowledge of financial management, research and
development requires quite a lot of time and skill and the reputation is also known
within the province and the lower north; 1.3) Opportunities: Economic growth. In terms
of society, there is a social trend that preserves Thai identity, the legal aspect is

1 Corresponding Author: Undergraduate Students, Bachelor of Business Administration
Faculty of Business Administration, Rajamangala University of Technology Thanyaburi
Contact Number: +6698-801-4893 Email: [email protected]

147

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

encouraged by the government, Technology has helped make the product to be known
widely, the customers interested in hand-woven silk product. In terms of the sellers of
production factors, there are villagers selling raw materials to them. 1.4) Threats:
Economic fluctuation. The social aspect products are applied only to a specific group of
people, cultural aspects are used within indigenous communities. There are many
competitors, the customer side has a specific group and on the seller side, the
production inputs were unable to control the quality. 2) the management and marketing
planning consisted of 2.1) Product aspects, namely, hand-woven silk with various and
unique patterns of Phetchabun province; 2.2) price fixing by using a market-oriented
pricing strategy; 2.3) distribution channels, both online and offline marketing; 2.4)
Marketing promotion through various communication channels such as creating a
Facebook fanpage and creating a LINE Official account to reach out to target customers
and generate purchases, repeat purchases and word of mouth.
Keywords: Marketing, Knowledge; Native Weaving, Hand-Woven Silk, Phetchabun
Province

148

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

บทนา
การทอผ้าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ท่ีคนไทยรุ่นปัจจุบันต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ในสมัยก่อนผู้

หญิงไทยจะทาเครื่องใช้ต่าง ๆ ในบ้านเอง งานสาคัญอย่างหน่ึงคือการทาเสื้อผ้า ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ไว้ใช้กัน
ในครอบครัว ในพิธีกรรมต่าง ผ้าทอจึงเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับชีวิตคนไทย กรรมวิธีและเทคนิคในการทอ
ผ้าใหเ้ กดิ ลวดลายต่าง ๆ เป็นเทคนิคและความสามารถของผูท้ อแตล่ ะคนที่จะคิดหาวิธีการทอผ้าท่ีทาให้
เกิดลวดลายที่งดงาม ที่แสดงถึงภมู ิปญั ญา องค์ความรู้ และความสามารถของชาวชนบทเปน็ อย่างดี ผ้า
ทอมือจึงมีเทคนิคการทอและความสวยงามเป็นที่สุด (คลังทะเบียนแหล่งเรียนรู้ด้านวิถีชุมชน, 2558)
ในอดีตการทอผ้า จะเน้นไปที่เคร่ืองนุ่งห่ม ชุดแต่งกาย ส่ิงที่จาเป็นต้องใช้ในชวี ิตประจาวัน แล้วตอ่ ยอด
พัฒนามาสู่ผลิตภณั ฑ์ท่ีหลากหลาย สนองความต้องการของตลาด ทั้ง เส้ือผ้า กระเป๋า ผ้าม่าน ผ้าปโู ต๊ะ
ผา้ คลมุ เตยี ง ปลอกหมอน และอ่ืน ๆ อีกมากมาย (เชียงใหมน่ ิวส์, 2561)

ในปัจจบุ ันการทอผ้าพ้ืนเมืองหลายแห่งยังทอลวดลายสัญลักษณ์ด้ังเดิม โดยเฉพาะในชุมชน
ที่มีเช้อื สายชาติพันธุ์บางกลุ่มที่กระจายตัวกนั อยู่ในภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย เช่น จังหวดั เพชรบูรณ์
กาลังได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูและพัฒนา รวมท้ังได้รับการส่งเสริมให้นามาใช้สอยในชีวิตประจาวันกัน
อย่างกว้างขวางมาก ดังนั้น จึงเกิดมีการผลิตผ้าพ้ืนเมืองในลักษณะของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยมี
กรรมการบริหารวิสาหกิจฯ เป็นผู้บริหารจัดการ โดยการต้ังกลุ่มแม่บ้านทอผ้าไหมขึ้น เพ่ือเสริมสร้าง
อาชีพให้กับกลุ่มแม่บ้านท่ีต้องการหารายได้เพ่ิมให้กับครอบครัว และเปิดโอกาสให้กลุ่มแม่บ้านได้ใช้
ภูมิปัญญาในการผลิตผ้าไหมผืนทอมือต้ังแต่กระบวนการเตรียมเส้นไหม จนกระทั่งการทอผ้าไหมตาม
ลวดลายที่คิดและออกแบบตามแบบฉบับของชุมชนพื้นเมืองท่ีมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ และนา
ออกจาหน่าย ณ ศูนย์ OTOP ผ้าทอพ้ืนเมือง บ้านห้วยลาด ตาบลหลักด่าน อาเภอน้าหนาว จังหวัด
เพชรบูรณ์ และจุดขายหนา้ รา้ นในบรเิ วณใกล้เคยี ง ซึง่ การทอผ้าพน้ื เมืองนยี้ ังคงได้รับการสบื สานจากรุ่น
สู่รุน่ มาจนถงึ ทกุ วนั น้ี

จากความสาคัญดังกล่าวผู้วิจัยจึงเล็งเห็นว่าการศึกษาเรื่องการบริหารจัดการและการ
วางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมืองมีความจาเป็นอย่างยิ่งท่ีต้องเข้าใจแนวทางของการบริหาร
และการจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาดที่ต้องทาการแข่งขันกับคู่แข่งทั้งคู่แข่งที่เป็นธุรกิจผ้าทอ
พื้นเมืองด้วยกันและคู่แข่งท่ีเป็นธุรกิจผ้าทอด้วยเคร่ืองจักร ซ่ึงผู้วิจัยได้ทาการศึกษาจากกรณีศึกษา
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการตลาดของธุรกิจผ้าทอ
พื้นเมือง เพื่อสามารถนาข้อมูลท่ีได้จากการศึกษาไปเป็นแนวทางในการบริหารจัดการและการวางแผน
การตลาดของธรุ กจิ ผา้ ทอพ้นื เมอื งอ่ืนไดต้ อ่ ไป

วตั ถุประสงค์ในการวิจัย
1. เพ่ือศกึ ษาข้อมูลพืน้ ฐานทางธรุ กิจ สภาพจดุ แข็ง จุดออ่ น โอกาส อปุ สรรค และการบริหาร

จดั การและการวางแผนการตลาดของธรุ กจิ ผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมอื ในจงั หวัด
เพชรบูรณ์

2. เพ่อื พัฒนาแนวทางการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง
กรณศี กึ ษาผลติ ภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจงั หวดั เพชรบรู ณ์

149

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021 การบรหิ ารจัดการและการวางแผนการตลาด:
กรณศี กึ ษาผลิตภณั ฑผ์ ้าไหมทอมือ ในจงั หวัด
กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
เพชรบูรณ์
ข้อมูลพ้นื ฐานของธุรกจิ ผ้าทอพ้นื เมือง
1) ประวัตคิ วามเป็นมาของธุรกจิ ผา้ ทอ 1) ดา้ นผลติ ภัณฑ์
2) ด้านการกาหนดราคา
พนื้ เมอื ง 3) ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย
2) วิสัยทศั นธ์ ุรกิจผา้ ทอพื้นเมือง 4) ด้านการสง่ เสรมิ การตลาด
3) พันธกิจ/ภารกิจของธุรกจิ ผ้าทอ

พน้ื เมือง
4) เป้าหมายของธุรกจิ

สภาพจดุ แข็ง จุดอ่อน
โอกาส และอปุ สรรค
ของธุรกิจผา้ ทอพ้ืนเมอื ง

ภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ ในการวิจยั
การทบทวนวรรณกรรม

การวเิ คราะห์จุดแข็ง จดุ อ่อน โอกาส และอปุ สรรค
การวิเคราะห์สภาพการณ์แวดล้อมทั้งภายใน และภายนอกองค์กรเพื่อค้นหาจุดอ่อน จุด

แข็ง โอกาส และอุปสรรค ซึ่งเป็นข้อมูลสาคัญท่ีใช้ในการกาหนดแนวทางการบริหารจัดการทางธุรกิจ
(พิบูล ทปี ะปาล และธนวัฒน์ ทีปะปาล, 2559, น. 111) ประกอบดว้ ยปัจจัย 4 อย่าง คือ 1) จุดแขง็ คอื
ความสามารถเชิงบวก หรือจุดเด่น ซึ่งเป็นข้อดีที่เกิดจากปัจจัยภายในองค์กร 2) จุดอ่อน คือ
สถานการณ์ภายในองค์การท่ีเป็นลบ หรือจุดด้อย ผู้บริหารต้องให้ความสาคัญและดาเนินการแก้ไข
ปัญหาดังกล่าว 3) โอกาส คือ สิ่งที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ส่งเสริมและสนับสนุนการดาเนินงานของ
องค์กรให้ดีขึ้น และ 4) อุปสรรค คือ ส่ิงที่เกิดจากปัจจัยภายนอกองค์กร ซึ่งเป็นข้อจากัดในการดาเนิน
ธุรกิจ ผู้บริหารจะต้องหาแนวทางในการหลีกเลี่ยง หรือกาจัดอุปสรรคน้ันไป ซ่ึงธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง
สามารถนาเอาแนวทางการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคมาช่วยในการวิเคราะห์การ
ทางานของธุรกจิ เพ่ือเปน็ แนวทางการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดต่อไป

การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาด
ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ (2552, น. 80) ได้ระบุการบริหารจัดการและการวางแผน

การตลาด หรือส่วนประสมทางการตลาดว่า หมายถึงตัวแปรทางการตลาดที่ควบคุมได้ซ่ึงบริษัทใช้
ร่วมกันเพื่อสนองความพึงพอใจแก่กลุ่มเป้าหมาย เช่นเดียวกับ Thomas & David (2012, p. 199)
กล่าวว่า การบริหารจัดการองค์ประกอบส่วนประสมทางการตลาด หมายถึง การรวมกันโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งตัวแปรท่ีสาคญั ภายใต้การควบคุมขององค์กร ที่สามารถใช้ในการทาให้เกิดความความต้องการ
และได้รับประโยชน์จากการแข่งขัน (Kotler & Keller, 2012, p. 119) ประกอบด้วย 1) ผลิตภัณฑ์
(Product) หมายถึง สิ่งที่มีตัวตนหรือไม่มีตัวตนท่ีกิจการเสนอขายเพื่อตอบสนองความต้องการและให้
ความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค 2) ราคา (Price) หมายถึง จานวนเงินที่ถูกกาหนดข้ึนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย

150

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

เพือ่ ให้ไดม้ าซ่ึงผลิตภัณฑห์ รือบริการ (พิษณุ จงสถติ วฒั นา, 2554, น. 125) 3) การจัดจาหน่าย (Place)
หมายถึง การบริหารจัดการเพ่ืออานวยความสะดวกในการได้มาซ่ึงผลิตภัณฑ์ ด้วยการนาผลิตภัณฑ์ไป
ส่งมอบให้แก่ลูกค้าภายในระยะเวลาที่ลูกค้าต้องการ และ 4) การส่งเสริมการตลาด (Promotion)
หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ในการส่ือสารข้อมูลระหวา่ งกิจการและผู้บริโภค (Wirtz and Lovelock, 2016,
p. 125) เชน่ การโฆษณา การขายโดยใช้พนักงาน การส่งเสรมิ การขาย และการตลาดทางตรง เปน็ ต้น
โดยการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดน้ีสามารถนามาวิเคราะห์ในธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง เพื่อ
หาแนวทางท่ถี กู ตอ้ งและเหมาะสมในการการบรหิ ารจดั การและการวางแผนการตลาดไดอ้ ย่างมที ิศทาง

ธรุ กจิ ผา้ พืน้ เมือง
อนั ธิกา ทิพย์จานงค์ (2557) ศึกษา เรื่อง การพฒั นาตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าทอ อาเภอกระแส

สินธ์ุ จังหวัดสงขลา พบว่า ผ้าทอมือของกลุ่มทอผ้ากระแสสินธุ์ มีหลากหลายลวดลาย เฉดสี เช่น ลาย
ผกากรอง ลายสายฝน ลายดอกพิกุล ลายบานไม่รู้โรย เป็นต้น จุดเด่นของผลิตภัณฑ์คือ มีคุณภาพดี
สม่าเสมอ เน้อื ผ้าแน่นแต่ไม่หนา การผลิตเพอ่ื วางจาหน่าย ณ ทที่ าการกลุ่ม และการฝากขายตามแหลง่
ต่าง ๆ และการจาหน่ายตามงานแสดงสินค้า ส่วนการกาหนดราคาข้ึนอยู่กับความยากง่ายของลายผ้า
อีกท้ังมีการส่งเสริมการตลาด โดยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในช่องทางส่ือออนไลน์ เช่น Facebook
และเว็บไซต์เพ่ือสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ยังคงกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมไว้เพ่ือเป็นจุด
ขาย แต่จุดอ่อนของกลุ่มผ้าทอกระแสสินธุ์ คือเส้นใยขาดแคลนและมีต้นทุนสูง ทางกลุ่มจึงมีการวาง
แนวทางการพัฒนาตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าทอคือ การพัฒนารูปแบบ ผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย
สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าท่ีชื่นชอบความแตกต่างซึ่งเป็น กลุ่มลูกค้าใหม่ ตลอดจน
ส่งเสริมให้เห็นความสาคัญการใช้ผ้าทอพ้ืนเมืองในชีวิตประจาวันและในโอกาสต่าง ๆ เพ่ือขยายตลาด
ผา้ ทอพ้ืนเมอื งให้มขี นาดใหญ่ข้ึน

มณีรัตน์ รัตนพันธ์ (2562) ศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนาการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าทอ
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอร่มไทร พบว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอร่มไทร มีผลิตภัณฑ์ผ้าทอที่มี
เอกลักษณ์ในดา้ นลวดลายท่ีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชมุ ชน ซ่ึงตา่ งจากคู่แข่งขัน จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
คือ มีความโดดเด่นสวยงาม มีลวดลายผ้าทอใหม่ ๆ ได้รับการรับรองมาตรฐาน OTOP 5 ดาว และ
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ราคาผลิตภัณฑ์ไม่สูงเกินไป มีช่องทางการจัดจาหน่ายท่ีหลากหลาย
ทั้ง Offline และ Online และเป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับการทอผ้า และมีการส่งเสริมการตลาดผ่าน
Social Media เช่น Facebook Fanpage เว็บไซต์ ส่วนจุดอ่อน คือ การส่งเสริมการตลาดมีน้อย และ
สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ดังน้ัน กลุ่มวิสาหกิจฯ จึงได้หาแนวทางในการพัฒนาการตลาด โดยการ
พัฒนาลวดลายรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีการประชาสัมพันธ์ให้
นักท่องเที่ยวรู้จักและเข้ามาเยี่ยมศูนย์การเรียนรู้การทอผ้า และกาหนดกลยุทธ์การตลาดแบบพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ใหม่สาหรับตลาดเดมิ หรือผลิตภัณฑ์เดิมสาหรับตลาดใหม่
ระเบยี บวธิ กี ารวจิ ยั

เป็นการวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ โดยใชก้ ารเก็บข้อมูลด้วยการสมั ภาษณ์เชงิ ลกึ จากผู้ให้ข้อมลู สาคญั
หรือผู้ให้ขอ้ มูลหลัก (key informant) เป็นการสัมภาษณ์เชงิ ลึก (In-depth Interview) ซ่ึงเป็นวิธีการ
รวบรวมข้อมูลโดยไม่ใช้แบบสอบถาม โดยมีแนวของคาถามให้ผู้สัมภาษณ์เป็นผู้ถามผู้ให้สัมภาษณ์ใน
ลักษณะเจาะลึก ใช้เวลาไม่เกิน 60 นาที (มานพ คณะโต, 2550, น. 113) จากน้ันเลือกบุคคลเพื่อ
สัมภาษณ์แบบเฉพาะเจาะจงกับสมาชิกวิสาหกิจชุมชน กลุ่มทอผ้าไหมบ้านห้วยลาด ตาบลหลักด้าน
อาเภอน้าหนาว จังหวัดเพชรบรู ณ์ จานวน 8 คน และดาเนินการตามหลักจริยธรรมของการวิจัย ดว้ ย
วิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์แบบอุปนัย (Analytic Induction) โดยนาข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์

151

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

มาเรียบเรียงและจาแนกอย่างเป็นระบบ จากนั้นนามาตีความหมายเช่ือมโยงความสัมพันธ์และสร้าง
ขอ้ สรุปจากข้อมลู ต่าง ๆ ทรี่ วบรวมได้ และนาเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพ

ขอบเขตในการศึกษา
ขอบเขตด้านพื้นที่ ศึกษาในจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเป็นธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง

ผู้ประกอบการเป็นวิสาหกิจชุมชนชุมชน กลุ่มทอผ้าไหมบ้านห้วยลาด ท่ีอยู่ 51 หมู่ 5 บ้านห้วยลาด
ตาบลหลักด่าน อาเภอนา้ หนาว จงั หวัดเพชรบรู ณ์ 67260

ขอบเขตด้านเวลา ระยะเวลาท่ีใช้ในการวิจัย ต้ังแต่เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2563 ถึงเดือน
มกราคม พ.ศ.2564
ผลการวิจยั

วัตถุประสงค์ข้อที่ 1 เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางธุรกิจ สภาพจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส
อุปสรรค และการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษา
ผลิตภัณฑ์ผา้ ไหมทอมือ ในจงั หวดั เพชรบรู ณ์

จากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางธุรกิจ พบว่า ประกอบด้วย 1) ประวัติความเป็นมาของ
ธรุ กจิ ผ้าทอพ้ืนเมือง 2) วิสัยทัศน์ธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง 3) พันธกิจ/ภารกิจของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง และ
4) เปา้ หมายของธุรกิจ รายละเอยี ดดังน้ี

1) ประวัติความเป็นมาของธรุ กจิ ผ้าทอพื้นเมือง ผู้ใหข้ ้อมูลสาคัญเป็นกรรมการบริหาร
วิสาหกิจชุมชน ที่เล็งเห็นถึงปญั หาของชาวบ้านท่ียากไร้ ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา ไม่มีอาชพี หลัก แต่
ต้องการหารายได้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว ก่อนหน้าน้ีกลุ่มแม่บ้านของเรามีอาชีพทาไร่ ทานา ปลูกผัก
แต่ประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกจิ และการตลาด จึงทาให้เกิดการปรับเปลี่ยนและกลายเปน็ การทอผ้า
ไหมของกลุ่มแม่บ้าน และได้จัดตั้งเป็นศูนย์ OTOP ผ้าทอพ้ืนเมืองขึ้น เพ่ือให้กลุ่มแม่บ้านของเราได้ใช้
ความสามารถในการคิดลวดลายและออกแบบลายผ้ากันเองหรือตามท่ีลูกค้าต้องการ โดยการนา
ลักษณะต่าง ๆ ของธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ดาว เดือน สัตว์ หรือของใช้มาคิดประดิดประดอยเป็นลาย
ผ้า ซ่ึงเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านและความภาคภมู ิใจของชาวบ้านห้วยลาด กระท่ังประสบความสาเร็จ
เป็นชุมชนท่ีเขม้ แข็ง

2) วสิ ัยทัศน์ธุรกิจผ้าทอพื้นเมือง เรามงุ่ มน่ั ทีจ่ ะเปน็ ผ้นู าธุรกิจแฟช่ันผ้าทอพื้นเมือง ท้ัง
ในประเทศ ภมู ภิ าค และระดับสากล ครอบคลมุ ความหลากหลายของชอ่ งทางการตลาด และกลุม่ ลูกค้า
โดยยดึ หลกั คณุ ธรรมและจริยธรรม สูอ่ นาคตทยี่ ง่ั ยืน

3) พันธกิจ/ภารกิจของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างย่ังยืน
ใหก้ ับกลุ่มแมบ่ ้านของ โดยมุ่งเน้นคุณภาพของผลติ ภณั ฑ์ตง้ั แต่การคดั ผ้า ตัดผา้ การเย็บผ้า ความคงทน
สีท่ีใช้ในการผสมผ้า รวมถึงลวดลายที่สวยงามและการทอผ้าเองด้วยมือ เพื่อสร้างอาชีพ และมี
สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นผู้ตรวจสอบขั้นตอนการทาผ้าไหมทุก
ขัน้ ตอน

4) เป้าหมายของธุรกิจ เราได้ขยายกลุ่มเป้าหมายและสร้างภาพลักษณ์ให้กับผ้าไหม
เนืองจากเป็นผ้าไหมท่ีทอด้วยมือทุกผืน เพ่ือให้ลูกค้าของเรารู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างผ้าไหมท่ีทอ
ด้วยเครื่องจักรกับผ้าไหมท่ีทอด้วยมือ สร้างความโดดเด่นและความแตกต่างทางด้านการทอและ
ลวดลายท่มี คี วามแตกต่างจากคแู่ ข่งขนั และสามารถตอบสนองความตอ้ งการของกลมุ่ เปา้ หมายได้

จากการศึกษาสภาพจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค พบว่า ผู้ให้ข้อมูลสาคัญระบุ
การวิเคราะห์ 2 แนวทางคือ 1) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ได้แก่ การตลาด การเงิน การวิจัย
และพัฒนา เทคนิคการบริการ/การผลิต สถานที่ต้ัง ช่ือเสียง บุคลากร และการจัดการ และ 2) การ

152

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม กฎหมาย เทคโนโลยี คู่แข่งขัน
ลกู ค้า และผูข้ ายปัจจยั การผลติ ซึง่ สามารถแสดงให้เห็นได้ในตารางสรุปการศกึ ษาสภาพจุดแข็ง จดุ ออ่ น
โอกาส และอปุ สรรค ดงั ตาราง

ตารางท่ี 1 การศึกษาจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในเพื่อระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจผ้า

ทอพนื้ เมอื ง กรณศี กึ ษาผลติ ภัณฑผ์ ้าไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบรู ณ์

สภาพแวดลอ้ ม จดุ แข็งของธรุ กจิ ผ้าทอพื้นเมอื ง จดุ อ่อนของธรุ กิจผา้ ทอพ้นื เมือง

การตลาด -เป็ นสิ นค้ า ที่ ท อด้ วยมื อ และมี -มีราคาที่สูงกว่าคู่แข่งขัน เนื่องจากทอ

ลวดลายที่สวยงาม แตกต่างจากคู่ ด้วยมอื

แขง่ ขัน -ไม่สามารถผลิตเป็นจานวนมากได้

- เ ป็ น สิ น ค้ า OTOP ข อ ง จั ง หวั ด เน่ืองจากเป็นสินค้าที่ทาด้วยมือ ต้องใช้

เพชรบูรณ์ เวลาในการผลติ นาน

การเงนิ -ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน -บุคลากรส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในการ

หมบู่ า้ น บ้านหว้ ยลาด บริหารจัดการทางการเงินมากนกั

-จากศูนย์ OTOP จังหวัดเพชรบูรณ์ -กาไรจากการขายสินค้านอ้ ย

การวิจยั และพัฒนา -มีการร่วมมือกับศูนย์ OTOP จังหวัด -การเรียนรใู้ ช้เวลาคอ่ นขา้ งนาน เนื่องจาก

เพชรบูรณ์ และสานักงานพัฒนา การขั้นตอนการผลิตผ้าไหมทอมือ เป็น

ชุมชนในการให้ความรู้กับกลมุ่ แม่บ้าน งานท่ีละเอียดและประณีต ต้องใช้ทักษะ

ในการใช้วัสดุอุปกรณ์ เทคนิควิธีการ คอ่ นข้างสงู

ดา้ นการทอผา้ ไหม รวมถึงการเลอื กใช้

สีและการสรา้ งลวดลายใหม่ ๆ

เทคนิคการ -วิสาหกิจฯ มีการนาคอมพิวเตอร์มา -ไม่ได้เล้ียงตัวไหมเอง เนือ่ งจากสถานทไี่ ม่

บรกิ าร/การผลิต ใชใ้ นการจาลองการออกแบบลวดลาย เพียงพอต่อการเล้ียงไหม ต้องซื้อตัวไหม

ผา้ ไหมร่วมกบั การเขียนลายดว้ ยมอื จากจังหวัดใกล้เคียง

สถานที่ตั้ง - -การออกแบบที่ต้ังของวิสาหกิจฯ อยู่

ห่างไกลจากตวั เมือง จึงทาให้เข้าถึงลูกค้า

ได้ยาก

ชื่อเสยี ง - -วิสาหกิจฯ เป็นที่รู้จักภายในจังหวัด และ

ภาคเหนอื ตอนลา่ งเท่าน้ัน

บุคลากร บุคลากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในละแวก -

เดียวกัน จึงเอื้อประโยชน์ในเร่ืองของ

การบรหิ ารจดั การ

การจัดการ -วิสาหกิจฯ มีการแบ่งหน้าท่ีการ -

ดาเนินงานอย่างเป็นระบบ ต้ังแต่

กระบวนการผลิตจนถึงกระบวนการ

ขาย

จากตารางสามารถสรุปได้ว่าจุดแข็งของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหม
ทอมือ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วย ด้านการตลาดของเรามีจุดเด่นตรงที่เป็นสินค้าท่ีทอด้วยมือ
มีลวดลายท่ีสวยงาม แตกต่างจากคู่แข่งขัน และสินค้าของเราเป็นสนิ ค้า OTOP ของจังหวัดเพชรบรู ณ์

153

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ในด้านการเงินเราไดร้ ับความช่วยเหลอื จากกองทุนหมบู่ ้านและรฐั บาลในจงั หวัดเพชรบูรณ์ ในด้านการ
วิจัยและพัฒนาเราได้ขอความช่วยเหลือจากกองทุนหมู่บ้านและรัฐบาลเพื่อสอนพวกเราในการทาผ้า
ไหมทอมือ ส่วนด้านเทคนิคการบริการ/การผลิต วิสาหกิจฯ กลุ่มวิสาหกิจฯ ของเรามีการใช้
คอมพิวเตอร์มาช่วยในวาดลวดลายผ้าไหมร่วมกับการเขียนลายด้วยมือของพวกเรา ด้านบุคลากรส่วน
ใหญ่พวกเราอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน ช่วยให้ทางานง่าย และด้านการจัดการ เราแบ่งหน้าที่กัน
ทางานตามความถนัดของแต่ละคน สาหรับจุดอ่อนของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้า
ไหมทอมือ ในจังหวดั เพชรบูรณ์ ประกอบดว้ ย ดา้ นการตลาด เราไม่สามารถทอผ้าไหมผืนเปน็ จานวน
มากได้ เพราะเป็นสินค้าท่ีทาด้วยมือ เราต้องใช้เวลาในการทอนาน และมีราคาผ้าไหมของเราจะมี
ราคาแพงกวา่ เจ้าอ่ืน ๆ นิดหน่อย ในดา้ นการเงิน ส่วนใหญ่พวกเราไม่คอ่ ยมีความรู้ในการเร่ืองการเงิน
ด้านการวิจัยและพัฒนา พวกเราต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ค่อนข้างนาน เพราะการทาผ้าไหมทอมือ
เป็นงานท่ีละเอยี ดและซับซ้อน ต้องใช้ความรู้และความชานาญในการทา ส่วนด้านเทคนิคการบริการ/
การผลิต วิสาหกิจฯ เราไม่ได้เลี้ยงตัวไหมเอง เพราะสถานที่ของเราเล็กเกินไปและไม่เพียงพอต่อการ
เล้ียงไหม เราต้องซื้อตัวไหมจากท่ีอ่ืน ด้านการสถานท่ีต้ัง กลุ่มวิสาหกิจฯ ของเราอยู่ไกลจากตัวเมือง
ทาให้ลูกค้าเดินทางมาลาบาก ด้านชื่อเสียง ผ้าไหมทอมือของเราเป็นที่รู้จักภายในจังหวัด และ
ภาคเหนือตอนล่างเทา่ นัน้

ตารางท่ี 2 การศึกษาจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเพื่อระบุโอกาสและอุปสรรคของธุรกิจ

ผา้ ทอพ้ืนเมือง กรณีศกึ ษาผลิตภัณฑผ์ ้าไหมทอมอื ในจังหวัดเพชรบรู ณ์

สภาพแวดล้อม โอกาสของธรุ กจิ ผ้าทอพ้ืนเมอื ง อปุ สรรคของธรุ กิจผ้าทอพนื้ เมอื ง
เศรษฐกิจ -ตลาดผ้าทอพื้นเมืองมีการเติบโตอย่าง -ความผันผวนทางเศรษฐกิจและ
ตอ่ เนือ่ งทั้งในและตา่ งประเทศ สถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีส่งผลกระทบต่อ
รายไดท้ ลี่ ดลง
สงั คม -กระแสสังคมผลักดันให้คนส่วนใหญ่รัก -ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพ้ืนเมืองถูกนาไปใช้
ความเปน็ ไทย หนั มาใส่ผา้ ไทยมากย่ิงขน้ึ เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านน้ั
วัฒนธรรม - -ในประเทศไทยการใช้เคร่ืองนุ่งห่ม
จากผ้าทอพื้นเมือง ยังถูกใช้อยู่ใน
ชมุ ชนพ้ืนเมืองมากกวา่
กฎหมาย -มีการส่งเสริมวิสาหกิจฯ จากภาครัฐอย่าง -
ตอ่ เนอ่ื ง
เทคโนโลยี -ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีท่ีเพ่ิมขึ้น -
ช่วยให้สนิ คา้ เป็นทร่ี จู้ กั ในวงกวา้ ง
-สร้างโอกาสในการแข่งขัน และได้พบ
ตลาดใหม่ ๆ
คูแ่ ข่งขนั - -จานวนวิสาหกิจที่จาหน่ายผลิตภณั ฑ์
ทเี่ กีย่ วกบั ผ้าทอพื้นเมืองมจี านวนมาก
ลกู คา้ -ลูกค้าในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะสนใจ -ลูกค้ามเี ฉพาะกลุม่ เทา่ น้นั
ผลติ ภณั ฑผ์ า้ ทอพื้นเมอื งมากขน้ึ
ผู้ขายปจั จยั การผลิต -วิสาหกิจฯ มีกลุ่มชาวบ้านท่ีปลูกหม่อน -คุณภาพของตัวไหมที่จะนามาผลิต
เลี้ยงไหมเพ่ือจาหน่ายให้วิสาหกิจฯ จึง เสน้ ไหมอาจมีคณุ ภาพแตกต่างกัน
สามารถท่จี ะเจรจาต่อรองในเร่ืองของราคา
ไดง้ ่าย

154

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

จากตารางสามารถสรุปได้ว่า โอกาสของธุรกิจผ้าทอพนื้ เมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑผ์ ้า
ไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบรู ณ์ ไดแ้ ก่ ด้านเศรษฐกิจ ตลาดผ้าทอพื้นเมืองมีการเติบโตอย่างต่อเน่ืองท้ัง
ในและตา่ งประเทศ ในด้านสังคม กระแสสังคมผลักดนั ให้คนส่วนใหญ่รักความเป็นไทย หันมาใสผ่ ้าไทย
มากย่ิงขึ้น ด้านกฎหมาย มีการส่งเสริมวิสาหกิจฯ จากภาครัฐอย่างต่อเน่ือง ด้านเทคโนโลยี
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีท่ีเพ่ิมข้ึนช่วยให้สินค้าเป็นท่ีรู้จักในวงกว้าง อีกทั้งเป็นการสร้างโอกาสใน
การแข่งขัน และได้พบตลาดใหม่ ๆ ส่วนด้านลูกค้า ลูกค้าในปัจจุบันของเรามีแนวโน้มท่ีจะสนใจ
ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองมากข้ึน และด้านผู้ขายปัจจัยการผลิต วิสาหกิจฯ มีกลุ่มชาวบ้านที่ปลูกหม่อน
เลี้ยงไหมเพ่ือจาหน่ายให้วิสาหกิจฯ เราจึงสามารถท่ีจะเจรจาต่อรองในเรื่องของราคาได้ง่าย สาหรับ
อุปสรรคของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ ด้าน
เศรษฐกจิ มีความผนั ผวนและเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทาให้กลุม่ วิสาหกิจของเรามีรายไดท้ ่ีลดลง ใน
ด้านสังคม ผ้าทอพื้นเมืองของเราถูกนาไปใช้เฉพาะคนบางกลุ่มเท่าน้ัน ด้านวัฒนธรรม ในประเทศไทย
การใช้เคร่ืองนุ่งห่มจากผ้าทอพื้นเมือง ยังเป็นสิ่งที่ผู้คนเลือกใช้อยู่เฉพาะกลุ่ม ด้านคู่แข่งขัน จานวน
วิสาหกิจที่จาหน่ายผลติ ภัณฑท์ ่ีเก่ียวกับผ้าทอพ้นื เมืองมีจานวนมาก ส่วนดา้ นลูกค้ามีเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
และด้านผู้ขายปัจจัยการผลิต เราไม่สามารถควบคุมคุณภาพของตัวไหมท่ีจะนามาทาเป็นเส้นไหมได้
ทงั้ หมด อาจทาใหม้ คี ณุ ภาพแตกต่างกัน

จากการศึกษาการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง พบว่า
ผู้ใหข้ ้อมูลสาคัญอธิบายไว้และแบ่งได้ 3 ประเดน็ คือ 1) การกาหนดขนาดของตลาด 2) การกาหนดจุด
ขายและข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจ และ 3) การกาหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ได้
ดงั นี้

1) การกาหนดขนาดของตลาด พบว่า กลุ่มวิสาหกิจมีการกาหนดตลาดโดยการศึกษา
ตลาดลูกค้า ได้แก่ กลุ่มลูกค้าที่อนุรักษ์ความเป็นไทย และกลุ่มลูกค้าท่ีสนใจในตัวสินค้าที่ทามาจากผ้า
ไหม

2) การกาหนดจุดขายและข้อได้เปรยี บทางการแข่งขันของธรุ กิจ พบว่า ลักษณะเด่นหรือ
จุดขายของธุรกิจคือ เป็นผลิตภัณฑ์ผ้าทอพ้ืนเมืองท่ีทาจากเส้นไหมและทาการทอด้วยมือ ที่มีความ
ละเอียด ประณตี และมีสสี นั ทค่ี งทนถาวร ต่างจากคู่แข่งขันอ่ืน ๆ ทที่ าการทอดว้ ยเครอื่ งจักรและมีสีสัน
ท่ีไม่สดใส ในขณะเดียวกันผ้าทอพ้ืนเมืองยังเป็นสินค้ามูลค่าเพิ่มสูงท่ีสามารถเช่ือมโยงการผลิตไปสู่
เกษตรกรในเครือขา่ ยไดใ้ นวงกว้าง

3) การกาหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ พบว่า 3.1) กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่ม
ลูกค้าท่ีรักความเป็นไทย มีพฤติกรรมชอบสวมใส่ผ้าทอพื้นเมืองท่ีผลิตจากเส้นไหมที่ทอด้วยมือ 3.2)
กลมุ่ เปา้ หมายรอง ไดแ้ ก่ กลุม่ ลูกคา้ ทวั่ ไป

วัตถุประสงค์ข้อท่ี 2 เพื่อพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของ
ธรุ กจิ ผ้าทอพนื้ เมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผา้ ไหมทอมือ ในจงั หวดั เพชรบรู ณ์

จากการศึกษา พบว่า การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอ
พ้ืนเมือง จากผู้ให้ข้อมูลสาคัญสามารถอธิบายได้ 4 แนวทาง ได้แก่ 1) การบริหารจัดการและการ
วางแผนการตลาดด้านผลติ ภัณฑ์ 2) การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดดา้ นการกาหนดราคา
3) การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดด้านช่องทางการจัดจาหน่าย และ 4) การบริหารจัดการ
และการวางแผนการตลาดด้านการสง่ เสริมการตลาด ดังน้ี

155

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

1) การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ จากการสัมภาษณ์ผู้ให้
ขอ้ มลู สาคัญ พบวา่ ธรุ กจิ ผลิตภณั ฑ์ผา้ ทอพืน้ เมือง มีผลติ ภณั ฑ์ดังตาราง

ตารางท่ี 3 ตารางผลิตภัณฑ์ธุรกิจผ้าทอพื้นเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัด

เพชรบรู ณ์

ผลติ ภัณฑข์ องธรุ กจิ ผ้าทอพื้นเมือง ลักษณะเดน่ ของผลิตภัณฑจ์ ากผา้ ไหมทอมอื

ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ผ้ า ไ ห ม ผื น ท อ มื อ มี -ทาจากเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากสัตว์จาพวกหนอนไหม มีความ

หลากหลายลวดลาย มีทั้งลายด้ังเดิม อ่อนนุ่ม เป็นมันวาว เหนียว ยืดหยุ่นตัวดี และดูดซับความช้ืนได้

อาทิ ลายดอกพุด ลายดอกหมาก ลาย ดี และยอ้ มสงี า่ ย

ดอกพิกุล ลายน้าไหล ลายโคมห้า ลาย -มีลวดลายละเอยี ดอ่อน สวยงาม อ่อนช้อย

โคมเก้า ลายตะขอ ลายปราสาท ลายขา -ในสภาพอากาศร้อน สวมใส่แล้วจะรู้สึกเย็นสบาย และอบอุ่น

เปีย ลายกุญแจจีน และลายประยุกต์ เม่ือสวมใส่ในฤดูหนาว

อาทิ ลายแกนข้าวโพด ลายปักก่ิง ลาย

เครื่องหินน้อย ลายผิดแก่น ลาย

บวั สวรรค์ และลายดอกบวั แกว้

2) การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดด้านการกาหนดราคา จากการสัมภาษณ์
ผู้ใหข้ ้อมูลสาคัญ พบวา่ ธุรกิจผ้าทอพืน้ เมือง มีการกาหนดราคาไว้เพ่ือให้สามารถแขง่ ขันได้กับคู่แขง่ ขนั
ดังตาราง

ตารางท่ี 4 ราคาขายผลิตภัณฑ์ของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัด

เพชรบูรณ์

ในช่วงแรกของการดาเนินธุรกิจ เราได้มีการกาหนดราคาขายท่ีถูกกว่าคู่แข่งขัน เมื่อสินค้า

เรม่ิ เปน็ ทรี่ จู้ ักในตลาด เราจึงทาการปรับราคาให้มคี วามเหมาะสมมากขึ้น

ผลติ ภณั ฑ์/บรกิ าร ราคาขาย/(เมตร)/(บาท) ราคาขายคูแ่ ข่ง/(เมตร)/(บาท)

- ผ้าไหมผืนทอมือลวดลายตา่ ง ๆ 1,200 – 1,500 บาท 800 – 2,500

3) การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดด้านช่องทางการจัดจาหน่าย จากการ
สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสาคัญ พบว่า ธรุ กจิ ผ้าทอพื้นเมืองของเรามีช่องทางการขายให้กับลูกค้าได้เลือกซื้อ
ตามความสะดวก เช่น ขายผ่านหน้าร้านแบบไม่เคล่ือนที่ ณ ศูนย์ OTOP บ้านห้วยลาด ขายผ่านส่ือ
ออนไลน์ผ่านทาง Facebook Fanpage และมีการออกบูธตามงานประจาปีต่าง ๆ และทางวิสาหกิจฯ
ของเราใช้แรงงานคนในการผลิตเป็นหลักซึ่งไม่สามารถทอผ้าไหมจานวนมาก ๆ ได้ ภายในวันเดียว
ลกู ค้าของเราสามารถสงั่ ซือ้ ลว่ งหนา้ ได้ เพื่อให้ได้รบั สินค้าตามระยะเวลาทต่ี กลงกัน

4) การบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดด้านการส่งเสริมการตลาด จากการ
สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสาคัญ พบว่า ธุรกิจผ้าทอพื้นเมืองมีการจัดการในด้านน้ี 2 แนวทาง คือ 4.1) การ
โฆษณาและเผยแพร่ขอ้ มูล และ 4.2) การสง่ เสรมิ การขาย มรี ายละเอยี ดดงั นี้

4.1) การโฆษณาและเผยแพรข่ ้อมูลในส่ือตา่ ง ๆ ดงั นี้

156

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

• มีการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตโปรโมทผ่าน Facebook Fanpage ชื่อ กลุ่มแม่บ้าน
ผา้ ไหมทอมือ บา้ นหว้ ยลาด เพอ่ื ให้กลุม่ เป้าหมายสามารถมองเหน็ โพสต์ของทางเพจ

• มีการใช้ส่ือโฆษณาประเภทส่ิงพิมพ์ทาแผ่นพับประชาสัมพันธ์บอกถึงข้อมูล
รายละเอียดของสินคา้

4.2) การส่งเสรมิ การขาย โดยใชก้ ารทา CRM คือ ดาเนินการเก็บข้อมูลของผู้บรโิ ภค
มาวิเคราะห์และเลอื กกลยทุ ธท์ ่ีสามารถนามาปรับใช้เพ่ือรองรบั และตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ของเราให้ได้มากที่สุด เพ่ือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มยอดขาย สร้าง
ทัศนคตทิ ดี่ ใี หก้ ับลูกคา้ เพอื่ รกั ษาและขยายฐานลกู คา้ ในระยะยาว ดังน้ี

• มีการสร้าง Facebook Fanpage ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายข้ึน เพราะ
เราสามารถทจี่ ะใชเ้ พจในการตอบกลับ รับสง่ ข้อความได้โดยตรง ไม่วา่ จะเป็นการตอบคาถามเร่อื งของ
ขอ้ มูลสนิ ค้า หรือเพอ่ื การสงั่ ซอ้ื สนิ ค้า อีกทง้ั ยังสามารถใช้เครอื่ งมือรายงานผลสถิตติ า่ ง ๆ ของลกู ค้าได้
ไม่วา่ จะเปน็ จานวนของคนท่ีได้เข้ามาคอมเมนต์ มียอดแชร์ของการโพสต์ข้อความ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้คือ
ขอ้ มลู ชน้ั เลศิ สาหรับการวางแผนการตลาดทด่ี ใี นอนาคต

• มีการทา LINE Official account ช่วยใหส้ ามารถเข้าถงึ กลมุ่ ลกู คา้ เปา้ หมาย
ไดง้ ่ายข้ึน และ โอกาสในการเห็นโฆษณาสินค้าของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายย่อมมีมากข้ึน นอกจากนั้น ยัง
ช่วยในการสร้าง การรับรู้ให้กับตัวผลิตภัณฑ์และบริการ กระตุ้นยอดขายและเพิ่มฐานลูกค้าได้อีกทาง
หนง่ึ

• มีการจัดทาบัตร/รหัสสมาชิก เพื่อสะสมยอดการซ้ือและรับส่วนลดตาม
เงื่อนไขที่กาหนด

• มีการให้ส่วนลด ร้อยละ 10 ในการซ้ือครั้งถัดไป เมื่อลูกค้าได้ซื้อสินค้า แล้ว
ถ่ายรูปสวย ๆ คกู่ บั สินคา้ แลว้ โพสต์มาทห่ี นา้ เฟสบกุ๊ เพจ ชอ่ื กลมุ่ แม่บา้ นผ้าไหมทอมือ บ้านหว้ ยลาด

อภิปรายผลการวจิ ยั

จากผลการวจิ ยั สามารถอภิปรายสรุปผลการวจิ ัยตามวตั ถปุ ระสงค์การวจิ ยั ท่ีตง้ั ไวด้ ังน้ี
วัตถุประสงค์ที่ 1 เพือ่ ศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานทางธุรกิจ สภาพจุดแข็ง จุดออ่ น โอกาส อปุ สรรค
และการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอพนื้ เมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑผ์ ้าไหม
ทอมือ ในจังหวดั เพชรบูรณ์

ธุรกิจท่ีศึกษาเป็นธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมืองท่ีมีผลิตภัณฑ์ทาจากเส้นไหมเพื่อทาเป็นผ้าไหมผืน
ทอมือ ในจังหวดั เพชรบูรณ์ โดยเริ่มต้นจากปญั หาของชาวบ้านท่ียากไร้ ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา ไม่มี
อาชีพหลัก แต่ต้องการหารายได้เพ่ือช่วยเหลือครอบครัว ก่อนหน้านี้กลุ่มแม่บ้านมีอาชีพทาไร่ ทานา
ปลูกผัก แต่ประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการตลาด จึงทาให้เกิดการปรับเปลี่ยนและกลายเป็น
การทอผ้าไหมของกลุ่มแม่บ้าน และได้จัดต้ังเป็นศูนย์ OTOP ผ้าทอพื้นเมืองขึ้น เพ่ือสร้างรายได้ให้กับ
ชมุ ชน

สรุปได้ว่าจุดแข็งของธุรกิจผ้าทอพื้นเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัด
เพชรบูรณ์ ประกอบด้วย ด้านการตลาด เป็นสินค้าที่ทอด้วยมือ แตกต่างจากคู่แข่งขัน ด้านการเงิน
ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเพชรบูรณ์ ในด้านการวิจัยและพัฒนา มีให้
ความรู้กับกลุ่มแม่บ้านเก่ียวกับขั้นตอนในการผลิตผ้าไหมผืนทอมือ ส่วนด้านเทคนิคการบริการ/การ
ผลิต ได้มีการนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจาลองการออกแบบลวดลายผ้าไหม ด้านบุคลากรส่วนใหญ่

157

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน และด้านการจัดการ มีการแบ่งหน้าที่ดาเนินงานอย่างเป็นระบบ
สาหรับจุดอ่อนของธุรกิจผ้าทอพื้นเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบูรณ์
ประกอบดว้ ย ด้านการตลาด ไมส่ ามารถผลิตเป็นจานวนมากได้ เนือ่ งจากเป็นสินคา้ ทีท่ าดว้ ยมือ ในด้าน
การเงิน บคุ ลากรส่วนใหญ่ไม่มีความรใู้ นการบริหารจัดการทางการเงนิ ด้านการวจิ ัยและพฒั นา ใช้เวลา
ในการเรียนรู้และต้องใช้ทักษะค่อนข้างสูง ส่วนด้านเทคนิคการบริการ/การผลิต ต้องซื้อตัวไหมจาก
จังหวัดใกล้เคียง ด้านการสถานที่ต้ัง อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง จึงทาให้เข้าถึงลูกค้าได้ยาก และด้าน
ชือ่ เสยี ง เป็นทีร่ ้จู ักภายในจังหวัดและภาคเหนือตอนล่างเทา่ น้นั

สรุปได้ว่าโอกาสของธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัด
เพชรบูรณ์ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ตลาดผ้าทอพื้นเมืองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
ในดา้ นสงั คม กระแสสงั คมผลกั ดนั ใหค้ นสว่ นใหญห่ ันมาใสผ่ ้าไทยมากยง่ิ ข้ึน ด้านกฎหมาย มกี ารสง่ เสริม
จากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ดา้ นเทคโนโลยี ชว่ ยให้สินค้าเป็นทรี่ ู้จักในวงกว้าง เปน็ การสร้างโอกาสในการ
แข่งขันและได้พบตลาดใหม่ ๆ ส่วนด้านลูกค้า มีแนวโน้มที่จะสนใจผลิตภัณฑ์ผ้าทอพ้ืนเมืองมากข้ึน
และด้านผู้ขายปัจจัยการผลิต มีกลุ่มชาวบ้านที่จาหน่ายวัตถุดิบให้ สาหรับอุปสรรคของธุรกิจผ้าทอ
พื้นเมือง กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ มีความผันผวน
ทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางไม่แน่นอน ในด้านสังคม ถูกนาไปใช้เฉพาะคนบางกลุ่มเท่าน้ัน ด้านวัฒนธรรม
ผลิตภัณฑ์ถูกใช้ภายในชมุ ชนพื้นเมือง ด้านคู่แขง่ ขัน ธรุ กจิ ผ้าทอพื้นเมืองมีจานวนเพิ่มมากขึ้น ส่วนดา้ น
ลูกค้ามีเฉพาะกลุ่มเท่าน้ัน และด้านผู้ขายปัจจัยการผลิต ไม่สามารถควบคุมคุณภาพของเส้นไหมท่ี
นามาใช้ทาผา้ ไหมทอมอื ได้

วตั ถุประสงค์ท่ี 2 เพอื่ พัฒนาแนวทางการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจ
ผ้าทอพน้ื เมอื ง กรณีศกึ ษาผลิตภณั ฑผ์ ้าไหมทอมือ ในจังหวัดเพชรบรู ณ์

ธรุ กจิ ผ้าทอพื้นเมืองที่ไดท้ าการศึกษาด้านผลิตภัณฑ์ มีผลติ ภณั ฑ์หลักเพยี งชนิดเดียว คือ
ผา้ ไหมผนื ทอมือ ทมี่ ีการพัฒนาลวดลายที่เป็นเอกลักษณข์ องจังหวดั เพชรบรู ณ์ และมีความแตกตา่ งจาก
คู่แข่งขันท่ัวไป เพ่ือเป็นสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ในด้านการกาหนดราคา ในช่วงแรกของ
การดาเนินธรุ กิจได้มีการกาหนดราคาขายท่ีตา่ กว่าคู่แข่งขัน เมื่อสินค้าเริ่มเป็นทรี่ ู้จักในตลาด จึงทาการ
ปรับราคาให้มีความเหมาะสมมากขึ้น สอดคล้องกับ คัทรียา ญาติไธสง (2562, น. 31) ทีไ่ ดร้ ะบวุ ่า การ
พัฒนาผลิตภัณฑ์ทาได้โดยการสร้างความแตกต่างด้วยลายผ้าและสีสันของผ้าไหม ให้แตกต่างและ
ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา รวมทง้ั มกี ารเพมิ่ สายผลติ ภณั ฑ์ใหม้ ากข้นึ ส่วนการกาหนดราคา มกี ารใชก้ ลยุทธ์
การต้ังราคาเจาะตลาด ในด้านการกาหนดราคาขายคือ มีการกาหนดราคาขายสินค้าที่ค่อยข้างต่าใน
ช่วงแรกที่เปิดกิจการ และเมื่อแบรนด์ร้านเร่ิมติดตลาด ก็ค่อย ๆ ปรับราคาให้ใกล้เคียง เท่ากับ หรือ
มากกวา่ คู่แขง่

ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย มีช่องทางการจัดจาหน่ายทางตรงให้กับลูกค้าได้เลือกซ้ือ
ตามความสะดวก อาทิ ขายผ่านหน้าร้านแบบไม่เคล่ือนท่ี ณ ศูนย์ OTOP บ้านห้วยลาด ขายผ่านส่ือ
ออนไลน์ผ่านทาง Facebook page และการออกบูธตามงานประจาปีต่าง ๆ ทางวิสาหกิจฯ ใช้
แรงงานคนในการผลติ เป็นหลักซง่ึ ไมส่ ามารถผลิตสนิ ค้าจานวนมาก ๆ ได้ ภายในวันเดียว ลกู คา้ สามารถ
ส่ังซื้อล่วงหน้าได้ เพื่อให้ได้รับสินค้าตามระยะเวลาท่ีตกลงกัน และด้านการส่งเสริมการตลาด มีการ
โฆษณาและเผยแพร่ข้อมูลในส่ือต่าง ๆ เพ่ือโปรโมทผ่าน Facebook Fanpage และมีการส่งเสริมการ
ขาย โดยการใช้ CRM เพ่ือสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับลูกค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเพิ่มยอดขาย สร้าง
ทัศนคตทิ ี่ดีให้กับลูกค้าเพ่อื รักษาและขยายฐานลูกค้าในระยะยาว เช่น การสร้าง Facebook Fanpage

158

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

การทา LINE Official account และการให้ส่วนลดต่าง ๆ เป็นการช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายย่ิงข้ึน
สอดคลอ้ งกับ ฐนันท์ พงศ์วริ ิทธธิ์ ร, ภาคภูมิ ภัควภิ าส, สธุ มี นต์ ทรงศริ ิโรจน์, และเบญญาภา กนั ทะวงศ์
วาร (2560, น. 31-32) ได้กล่าวว่า การจัดการช่องทางการจัดจาหน่าย ควรมีการจัดจาหน่ายใน
ศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัย อีกท้ังควรมีการจาหน่ายผ่าน social media เช่น Facebook
ส่วนการส่งเสริมการตลาดควรมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารผ่าน Search Engine
Marketing เช่น Google/ Yahoo/ Bing/ AOL/ Miva การจัดงานแสดงนิทรรศการสินค้าหัตถกรรม
เพื่อสร้างความสมั พันธ์ทดี่ กี ับลูกคา้

ในการพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการและการวางแผนการตลาดของธุรกิจผ้าทอ
พื้นเมือง ท้ัง 4 แนวทาง มีความสาคัญอย่างย่ิงที่ผู้บริหารและผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับธุรกิจผ้าทอพ้ืนเมือง
ควรต้องตระหนกั ถงึ เรื่องการสร้างให้เกิดการซอ้ื การซื้อซา้ และบอกต่อเพ่ือการทาการตลาดทย่ี ง่ั ยืน

ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
1. กลุ่มวิสาหกิจฯ ควรเพ่ิมพูนความรู้เก่ียวกับการบริหารจัดการทางการเงิน โดย

ประสานงานกบั หนว่ ยงานทีใ่ ห้กับสนบั สนนุ เพื่อขอความรว่ มมอื ในการใหค้ วามรู้เพม่ิ เตมิ
2. กลมุ่ วิสาหกจิ ฯ ควรหาทาเลทต่ี งั้ ในการเปดิ หน้าร้านเพือ่ จาหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมอื ง

ที่ใกล้ตัวเมืองมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าและเป็นการอานวยความสะดวกในเร่ืองการเดินทาง
ให้กับลกู คา้

3. กลุ่มวิสาหกิจฯ ควรมีการโปรโมทผลิตภัณฑ์ผ้าทอพนื้ เมืองสู่ภาคอ่ืน ๆ ใหม้ ากข้ึน เพือ่ ให้
เป็นทรี่ ู้จักของกลมุ่ เปา้ หมายในวงกวา้ ง และสามารถสร้างรายไดอ้ ย่างยั่งยนื

4. ลวดลายของผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือ บ้านห้วยลาด ส่วนใหญ่จะเป็นลายท่ีเป็นเอกลักษณ์
และส่ือถึงศิลปะภายในท้องถ่ินของตนเองเท่าน้ัน ถ้าหากมีการสร้างสรรค์ลวดลายที่หลากหลายมาก
ย่ิงขึน้ จะช่วยในการดึงดดู ให้คนในภูมภิ าคอืน่ ๆ หรอื ในจังหวัดอ่นื ๆ ของประเทศไทยหรือตา่ งประเทศ
สนใจในตัวผ้าไหมผืนทอมือ และได้รับการตอบรับท่ีดีมากยิ่งขึ้น ยังผลให้วิสาหกิจฯ มียอดขายและมี
รายไดเ้ พมิ่ ขึน้

เอกสารอา้ งองิ
คทั รียา ญาตไิ ธสง. (2562). แผนธรุ กจิ คัทรยี า ผา้ ไหมมหาสารคาม. (การคน้ ควา้ อสิ ระปรญิ ญา

มหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ).
คลังทะเบยี นแหล่งเรียนรู้ดา้ นวิถีชมุ ชน. (2558). การทอผ้าพืน้ เมอื ง. สบื ค้นจาก

https://sites.google.com/site/careerphotakpit2558/career_registration/3-dan-
withi-chumchn/3-kar-thx-pha-phun-meuxng
เชียงใหม่นวิ ส์. (2561). ผ้าพ้ืนเมอื ง ภมู ิปัญญาลา้ นนา อย่ามองมูลคา่ มากกวา่ คณุ ค่าชุมชน. สบื คน้
จาก https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/730978/
ฐนันท์ พงศ์วริ ิทธธิ์ ร, ภาคภูมิ ภคั วภิ าส, สธุ ีมนต์ ทรงศริ ิโรจน์, และ เบญญาภา กันทะวงศว์ าร. (2560).
สว่ นประสมทางการตลาดท่ีมีต่อการตดั สินใจซ้ือหตั ถกรรมสิง่ ทอจากภมู ิปัญญาชนเผ่าชาติ
พันธ์ุลา้ นนา: ชนเผ่าปกาเกอะญอ. วารสารปญั ญาภิวฒั น,์ 9(1), 25-37.
พบิ ลู ทีปะปาล และ ธนวฒั น์ ทีปะปาล. (2559). การจดั การเชิงกลยทุ ธ์. กรงุ เทพฯ: อมรการพมิ พ.์

159

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

พษิ ณุ จงสถติ วัฒนา. (2554). การบรหิ ารการตลาด การวเิ คราะห์ กลยุทธ์ และการตดั สินใจ.
กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

มณีรตั น์ รัตนพนั ธ.์ (2562). แนวทางการพฒั นาการตลาดผลติ ภัณฑ์ผ้าทอ กลมุ่ วิสาหกิจชุมชนผ้าทอ
ร่มไทร. หาดใหญ่: มหาวิทยาลยั หาดใหญ่.

มานพ คณะโต. (2550). วธิ วี ทิ ยาการวจิ ัยเชงิ คณุ ภาพในระบบสขุ ภาพชมุ ชน. ขอนแกน่ : เครือขา่ ย
พัฒนาวิชาการและข้อมลู สารเสพติดภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ .

ศิริวรรณ เสรรี ัตน์ และคณะ. (2552). การบรหิ ารการตลาดยคุ ใหม.่ กรุงเทพฯ: ธรรมสาร.
อันธิกา ทพิ ยจ์ านงค์. (2557). การพัฒนาตลาดผลติ ภัณฑ์ผา้ ทอ อาเภอกระแสสนิ ธุ์ จังหวดั สงขลา.

วารสารศรีนครนิ ทรวิโรฒวจิ ยั และพฒั นา สาขามนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ, 6(12), 161-173.
Kotler, P., & Keller, K. L. (2012). Marketing management. (14th ed.). New Jersey:
Pearson Prentice Hall.
Thomas, W. L., & David, H. J. (2012). Strategic management and business policy:
toward global sustainability (13th ed.). Boston: Pearson.
Wirtz, J. & Lovelock, C. (2016). Services Marketing (8th ed.). Hackensack (NJ): World
Scientific Publishing.

160

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

รูปแบบการเพิ่มประสทิ ธิภาพการบรหิ ารจดั การพพิ ิธภัณฑ์เอกชน

ทปี อทุ ยั แสนกาศ1
ผู้อำนวยกำรพพิ ิธภณั ฑศ์ ลิ ปะหรภิ ญุ ชัย

บทคัดย่อ
กำรวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษำปัญหำ โอกำส อุปสรรคในกำรบริหำรจัดกำร
พิพิธภัณฑ์เอกชนในประเทศไทย 2) ศึกษำกำรเพ่ิมประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภณั ฑ์เอกชน
ในประเทศไทย และ 3) นำเสนอรูปแบบกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชน
กำรวจิ ัยน้ีเปน็ กำรวิจัยเชิงคุณภำพ ใชก้ ำรเลือกตวั อย่ำงแบบเฉพำะเจำะจง จำกผูท้ ม่ี ีสว่ นเก่ียวข้องกับ
งำนด้ำนพพิ ิธภัณฑ์ นกั วิชำกำร และผบู้ รหิ ำรพิพธิ ภัณฑ์ จำนวน 15 คน เคร่ืองมือในกำรวิจัยคอื แบบ
สมั ภำษณ์โดยกำรสัมภำษณเ์ ชงิ ลึก ผลกำรวจิ ยั พบวำ่ 1) ปญั หำ ไดแ้ ก่ รวบรวมวัตถุ กำรดูแลและเก็บ
รักษำ ค้นคว้ำวิจัยที่เก่ียวข้อง กำรเผยแพร่ข้อมูล และจัดแสดงอย่ำงเหมำะสม สำหรับโอกำส ได้แก่
กำรหำวัตถุใหม่ และกำรนำนวัตกรรมมำใช้กับวัตถุเดิม สำหรับกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์ ได้แก่
ระบบกำรควบคุมพพิ ธิ ภัณฑ์ ดำ้ นวตั ถุ สิ่งแวดล้อม วัตถุประสงค์ และควำมเพลิดเพลิน สว่ นระบบงำน
พิพธิ ภณั ฑ์ ได้แก่ กำรรวบรวม กำรตรวจสอบ กำรรักษำ กำรแสดงควำมเคำรพ และกำรจดั แสดงและ
เผยแพร่ข้อมูล และลำดับสุดท้ำยคือ กำรแบ่งส่วนงำนภำยในพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ผู้บริหำรระดับสูง
ผบู้ รหิ ำรระดับกลำง ผบู้ ริหำรระดับล่ำง และพนักงำนปฏบิ ัติงำน 2) กำรเพ่ิมประสทิ ธิภำพกำรบริหำร
จดั กำรพิพธิ ภณั ฑ์ ประกอบดว้ ย ด้ำนกำรสอื่ สำรกำรตลำด ด้ำนกำรจดั กำรเทคโนโลยีสำรสนเทศ ด้ำน
กำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ และดำ้ นบทบำทในกำรพฒั นำชมุ ชน
คาสาคัญ: รปู แบบกำรเพมิ่ ประสิทธภิ ำพ กำรบรหิ ำรพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์เอกชน

1 ผู้อำนวยกำรพิพิธภัณฑศ์ ิลปะหริภุญชยั อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ 50160
หมำยเลขติดต่อ: 087-303-3830 อีเมล: [email protected]

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

THE EFFICIENCY ENHANCEMENT MODEL
OF PRIVATE MUSEUM MANAGEMENT

Teeputai Saengas1
Director of Hariphunchaya Art Museum

Abstract
The objectives of this research are 1) to study problems, opportunities and
threats in the management of private museums in Thailand 2) to study the efficiency
improvement of private museum management in Thailand and 3) to present the
efficiency improvement model of private museum management. This is a qualitative
research from the museum’s stakeholders, total 15 people. The instrument for the
interview by in- depth interviews. The study found that 1) problems include with
collecting, handling/ storing objects, research related Information dissemination and
exhibit appropriately, in terms of opportunities include with finding new objects and the
introduction of innovations to the original objects, in terms of museum management,
including museum control system for objects, environment, purpose and enjoyment.
The museum's work system is to collect, inspect, maintain, respect and displaying and
disseminating information and the last one is the division of work within the museum,
namely the senior management, middle management, lower management and
operating staff. 2) The museum management optimization includes marketing
communications, information technology management, and management in crisis and
the role in community development.

Keywords: Efficiency Improvement Model, Museum Management, Private Museum

1 Corresponding Author: Director of Hariphunchaya Art Museum, Doi Lor District, Chiang Mai
50160 Contact Number: +6687-303-3830 Email: [email protected]

162

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

บทนา

พิพิธภณั ฑน์ ้ันถือว่ำเป็นแหล่งควำมรู้ทสี่ ำคัญของมนุษยชำติ เปน็ แหลง่ ทเ่ี กบ็ รวบรวม ประวัติ
ควำมเป็นมำ หลักฐำนต่ำง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับกำรดำรงอยู่ของเผ่ำพันธ์ุมนุษย์เรื่อยมำตรำบจนทุกวันนี้
และรวมไปถงึ อนำคต กำรเรียนรเู้ รื่องรำวท่ีเกี่ยวข้องกับมนษุ ย์ผ่ำนพิพิธภัณฑท์ ี่มีหลำยประเภทแตกต่ำง
ตำมวัตถุประสงค์ของกำรจัดต้ังและกำรเก็บรวบรวม รักษำ และนำเสนอถือได้ว่ำเป็นแนวทำงของกำร
ส่งเสรมิ กำรเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ในปัจจุบนั รูปแบบของเทคโนโลยกี ้ำวล้ำนำสมัยขึ้นทำให้ควำมสนใจใน
เร่ืองพิพิธภัณฑ์ลดน้อยลง กำรทำให้พิพิธภัณฑ์กลับเข้ำมำอยู่ในควำมสนใจอีกคร้ัง จึงเป็นควำมท้ำทำย
ของผ้บู รหิ ำรพิพธิ ภัณฑ์ ผ้นู ำองค์กรในพิพิธภัณฑ์เอกชน ต้องใหค้ วำมสำคัญกบั กำรเปลี่ยนแปลงของโลก
ในยุคดิจิทลั ดังนัน้ ผู้นำควรใช้พฤติกรรมแบบท่ีให้ควำมสำคัญสองเร่ืองทง้ั เรอ่ื งของสิ่งใหม่และรักษำหรือ
ปรับสิ่งเดิมในชีวิตประจำวันของกำรดำเนินงำนเพ่ือเพ่ือพัฒนำบรรยำกำศองค์กรนวัตกรรมต่อไป
(Kung, Uen, & Lin, 2020, p. 955)

กำรสร้ำงกำรรับรู้และกำรเรียนรู้ของบุคคลท่ัวไปหรือประชำชนจึงเป็นสิ่งท่ีผู้บริหำร
พิพิธภัณฑ์ต้องตระหนักถึงด้วย จำกข้อมูลของสำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชำติ (2559, หน้ำ 41-42) พบว่ำ คุณภำพกำรศึกษำและกำรเรียนรู้ของคนไทยยังอยู่ในระดับ
ค่อนข้ำงต่ำ โดยพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ เป็นหนึ่งในแหล่งท่ีให้ควำมรู้โดยไม่มีกำรส่งเสริมให้เกิดกำร
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ใด ๆ ซ่ึงกันและกัน ดังนั้น ผู้บริหำรควรจะพิจำรณำถึงรูปแบบกำรเพ่ิมประสิทธิภำพ
กำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์ โดยเฉพำะพิพิธภัณฑ์เอกชนที่บริหำรจัดกำรโดยภำคเอกชน ท้ังกำรได้มำ
ซ่ึงวัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำ แหล่งเงินทุน กำรจัดกำร ซ่ึงมีควำมคล่องตัวและอิสระในกำรบริหำร
จัดกำรมำกกว่ำ จึงควรให้ควำมสำคัญต่อกำรบริหำรจัดกำรได้ภำยใต้กระแสกำรเปลี่ยนแปลงของ
เทคโนโลยแี ละปัญหำเศรษฐกิจที่มอี ยู่ในปัจจุบนั ให้มปี ระสิทธิภำพสงู สุด

วัตถปุ ระสงคใ์ นการวิจัย
1. เพอื่ ศกึ ษำปญั หำ โอกำส อปุ สรรคในกำรบริหำรจดั กำรพิพิธภัณฑเ์ อกชนในประเทศไทย
2. เพื่อศึกษำกำรเพมิ่ ประสิทธภิ ำพกำรบริหำรจัดกำรพพิ ิธภัณฑ์เอกชนในประเทศไทย
3. เพ่อื นำเสนอรปู แบบกำรเพ่มิ ประสิทธภิ ำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชน

กรอบแนวคิดในการวิจยั ตวั แปรตาม
ตัวแปรต้น

ปญั หำ โอกำส อปุ สรรคในกำรบริหำรจัดกำรพพิ ธิ ภณั ฑเ์ อกชนใน
ประเทศไทย
(วัตถุ ส่งิ แวดลอ้ ม วัตถุประสงค์ สหวิทยำกำร พฤตกิ รรมมนุษย์ และ
กำรให้ควำมเพลดิ เพลนิ )

กำรเพ่มิ ประสิทธิภำพกำรบริหำรจดั กำร รปู แบบ
- กำรสื่อสำรทำงกำรตลำด กำรเพมิ่ ประสิทธิภำพ
- กำรจัดกำรดำ้ นเทคโนโลยสี ำรสนเทศ กำรบริหำรจัดกำร
- กำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ
พพิ ิธภณั ฑเ์ อกชน
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในกำรวิจัย

163

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

การทบทวนวรรณกรรม
1. กำรบรหิ ำรจัดกำรพพิ ิธภัณฑ์
พิพธิ ภณั ฑ์ ตำมพระรำชบัญญตั ิโบรำณสถำน โบรำณวัตถุ ศลิ ปวตั ถุ และพพิ ิธภณั ฑสถำน

แห่งชำติ หมวดท่ี 3 ระบวุ ำ่ เปน็ ที่เกบ็ รกั ษำโบรำณวัตถุหรือศิลปวัตถอุ นั เปน็ ทรัพยส์ ินของแผน่ ดิน และ
เพื่อประโยชน์ในกำรรักษำควำมปลอดภยั ควำมสะอำดและควำมเป็นระเบียบให้รัฐมนตรมี ีอำนำจออก
กฎกระทรวงให้ผู้เข้ำชมปฏิบัติในระหว่ำงเข้ำชมและกำหนดให้เสียค่ำเข้ำชมหรือค่ำบริกำรอ่ืนด้วยก็ได้
(สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ, 2505, หน้ำ 10-11)

พพิ ิธภณั ฑเ์ ปน็ สถำบนั ถำวรท่ีไม่แสวงหำผลกำไรในกำรให้บรกิ ำรสังคมและกำรพัฒนำโดย
เปิดให้ประชำชนท่ัวไปได้รับอนุรักษ์วิจัยส่ือสำรและจัดแสดงมรดกที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ของ
มนุษยชำติและสิ่งแวดล้อมเพ่ือวัตถุประสงค์ในกำรศึกษำ ศึกษำและเพลิดเพลิน (ICOM, 2018) โดย
ประเภทของพิพิธภัณฑ์ สำมมิติ สุขบรรจง (2560, หน้ำ 10-11) ได้อธิบำยกำรจำแนกสภำกำร
พิพิธภัณฑ์สถำนระหว่ำงชำติ (ICOM) ประกอบด้วย 9 สำขำ คือ 1) พิพิธภัณฑสถำนทำงศิลปะ
(Museum of arts) 2) พิพิธภัณฑสถำนศิลปะร่วมสมัย (Gallery of contemporary arts) 3)
พิพิธภัณฑสถำนทำงธรรมชำติวิทยำ (Natural history museum) 4) พิพิธภัณฑสถำนวิทยำศำสตร์
และเคร่ืองจักรกล (Museum and technology) 5) พิพิธภัณฑ์สถำนทำงมำนุษยวิทยำและชำติพันธ์ุ
วิทยำ (Museum of anthropology and ethnology) 6) พิพิธภัณฑสถำนทำงประวัติศำสตร์และ
โบรำณคดี (Museum of history and archaeology) 7) พิพิธภัณฑสถำนประจำเมืองหรือท้องถ่ิน
(Regional museum/city museum) 8) พิพิธภัณฑสถำนแบบพิเศษ (Specialized museum) และ
9) พพิ ิธภัณฑ์สถำนของมหำวิทยำลัยและสถำนศึกษำ (University museum)

จริ โชค วีระสยั (2539, หนำ้ 23-24) อธิบำยถึง มิติทำงวัฒนธรรมในกำรจัดทำพพิ ิธภัณฑ์
ท้องถ่ิน ไว้ว่ำ พิพิธภัณฑ์มีหลำยรูปแบบและหลำยประเภท ล้วนกำเนิดเกิดข้ึนมำเพ่ือสนองตอบต่อ
ควำมปรำรถนำในจิตใจมนุษย์เพ่ือกำรสะสมและรวบรวมส่งิ ต่ำง ๆ โดยเฉพำะส่งิ ท่ีเป็นของหำยำก ของ
แปลก ของมีรำคำ และของท่ีสวยงำม ซึ่งกำรดำเนินงำนของพิพิธภัณฑ์ จิรำ จงกล (2532, หน้ำ 81)
ระบุว่ำ ต้องเป็นระบบงำนบริหำรและกำรดำเนินกิจกำรท่ีเป็นระเบียบแบบแผนพิจำรณำถึงระบบ
ควบคุม มรี ำยละเอียด ดังน้ี 1) ระบบกำรควบคุมพพิ ิธภัณฑ์ เมือ่ จดั ตัง้ พพิ ธิ ภัณฑ์แล้วต้องมีควำมม่ันคง
และดำรงอยู่อย่ำงถำวรหรือให้ขึ้นกับสถำบันหรือมีระบบควบคุม มีรำยได้เลี้ยงตัว 2) ระบบงำน
พิพิธภัณฑ์ งำนน้ีไม่มีแบบแผนหรือแบบฉบับตำยตัวแต่ต้องเป็นกำรแบ่งส่วนงำนที่ทำให้พิพิธภัณฑ์น้ัน
ปฏิบัติตำมหน้ำที่และวัตถุประสงค์ คล่องตัวและมีประสิทธิภำพ และ 3) กำรแบ่งส่วนงำนภำยใน
พิพิธภัณฑ์ ผู้รับผิดชอบหรือเจ้ำของจะต้องวำงรำกฐำนกำรบริหำรและฐำนะของพิพิธภัณฑ์อย่ำง
เหมำะสม ซ่ึงมีคณะกรรมกำรพิพิธภัณฑ์ทำหน้ำท่ีในกำร วำงนโยบำยแนวทำงบริหำรพิพิธภัณฑ์ วำง
นโยบำยปรับปรงุ พัฒนำพพิ ิธภณั ฑ์ และเปน็ ท่ปี รกึ ษำให้คำแนะนำแก่ผ้อู ำนวยกำรพพิ ิธภัณฑ์

สำหรับพิพธิ ภณั ฑน์ ้ันต้องเปน็ องค์กรจะมงุ่ เน้นท้งั รักษำสง่ิ เดิมและเพิม่ เตมิ สงิ่ ใหม่เพรำะมี
หนำ้ ท่หี ลักในกำรรกั ษำวัตถโุ บรำณหรือวตั ถุล้ำค่ำ กลำ่ วคอื ต้องมที ง้ั กำรดำเนินเกยี่ วกับแสวงหำสิ่งใหม่ๆ
(Exploration) และควรมุ่งเน้นในกำรปรับปรุงหรือเพิ่มประสิทธิภำพสิ่งท่ีมีอยู่ในปั จจุบัน
(Exploitation) เพ่ือให้กลำยเป็นองค์กรที่ให้ควำมสำคัญท้ังสองด้ำนคือเรื่องของนวัตกรรมและ
ประสิทธิภำพ (Ambidextrous organization) ทั้งนี้ต้องเริ่มจำกผู้นำ โดยกำรศึกษำของ Kung, Uen
and Lin (2020, p. 955) พบว่ำ ภำวะผู้นำแบบที่ให้ควำมสำคัญกับทั้งสองด้ำนนั้นมีผลอย่ำงยิ่งต่อ
พฤติกรรมของพนักงำนที่สร้ำงสรรค์ ยิ่งไปกว่ำนั้นบรรยำกำศทำงด้ำนนวัตกรรมขององค์กรนั้นยังมีผล

164

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

เก่ียวข้องกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมเป็นผู้นำที่ให้ควำมสำคัญกับทั้งสองด้ำนและพฤติกรรมของ
พนักงำนทีส่ รำ้ งสรรคอ์ กี ด้วย

หลักเกณฑ์ ของกำรบริหำรจัดกำรพิพิ ธภัณฑ์ ของ Edson and Dean (1994)
ประกอบดว้ ย กำรบริหำร 6 ดำ้ น วตั ถุ (Object) ส่ิงแวดล้อม (Environment) วตั ถุประสงค์ (Purpose)
สหวิทยำกำร (Interdisciplinary) พฤติกรรมมนุษย์ (Humanistic) และ กำรให้ควำมเพลิดเพลิน
(Enjoyable) ซ่ึงต้องบริหำรจัดกำรภำยใต้ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อประสบกำรณ์กำรเยี่ยมชม
พิพธิ ภณั ฑท์ ีน่ ่ำจดจำ โดยกำรศึกษำของ Chiscano and Jiménez-Zarco (2021, p. 8) ประกอบด้วย
กำรเข้ำถึงระบบสำรสนเทศ (Accessing information resources) กำรให้บริกำร (Hospitality
services) ข้อกำหนดทำงด้ำนกำรออกแบบให้เข้ำถึงที่เป็นสำกล (Universal design access
requirements) และ องค์ประกอบหลักของแนวทำงแห่งกำรปฏิบัติทำงสังคมที่นำไปสู่กำรกีดกันทำง
วัฒนธรรมสงั คม (Central elements of embedded social practices that lead to the cultural
social exclusion)

จำกกำรทบทวนวรรณกรรม แนวคิด ทฤษฎี และงำนวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง สำมำรถสรุปได้ว่ำ
พิพิธภัณฑ์มีหน้ำท่ีหลักในกำรเก็บรวบรวม รักษำ ค้นคว้ำ เผยแพร่ข้อมูลควำมรู้ และจัดแสดง
นอกจำกนี้รูปแบบกำรบริหำรพิพิธภัณฑ์น้ันประกอบด้วย กำรบริหำรด้วยระบบกำรควบคุมพิพิธภัณฑ์
ระบบงำนพิพิธภัณฑ์ และกำรแบ่งส่วนงำนภำยในพิพิธภัณฑ์ โดยทำกำรบริหำรจัดกำรใน 6 ด้ำนคือ
ด้ำนวตั ถุ สงิ่ แวดล้อม วัตถุประสงค์ สหวทิ ยำกำร พฤตกิ รรมมนษุ ย์ และกำรให้ควำมเพลิดเพลิน โดยทำ
ใหผ้ เู้ ข้ำเยี่ยมชมพิพธิ ภัณฑ์เกิดกำรเขำ้ ถงึ ระบบสำรสนเทศ กำรรบั รู้เร่ืองกำรบรกิ ำรท่ีดี มีกำรออกแบบที่
เป็นสำกลเหมำะสมกับทุกคนรวมถึงผู้พิกำรที่ต้องกำรกำรใช้บริกำร และ ไม่มีเงื่อนไขใดในกำรกีดก้ัน
ทำงด้ำนควำมเช่ือ ศำสนำ และวัฒนธรรม ซ่ึงจะนำมำใช้ในกำรเสนอรูปแบบกำรเพ่ิมประสิทธิภำพกำร
บรหิ ำรจดั กำรพิพธิ ภัณฑ์ตอ่ ไป

2. สภำพปัญหำและอปุ สรรคในกำรดำเนนิ งำนของพิพิธภัณฑ์
กำรเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อำจกล่ำวได้ว่ำ เป็นกำรท่องเท่ียวเพื่อพักผ่อนและให้ควำมรู้รวม

กับควำมเพลิดเพลินไปในครำวเดียวกัน แต่ก็พบว่ำ สภำพปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินงำนของ
พิพิธภัณฑ์น้ันมีอยู่อย่ำงหลำกหลำย เช่น กำรขำดควำมต่อเนื่องในกำรดำเนินงำน กำรขำดกำรพัฒนำ
ขำดควำมต่อเนื่องในกำรจัดกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์ ขำดกำรสำนึกร่วมกันของคนในชุมชน หรือขำด
ควำมสนใจของคนในพ้ืนที่ สอดคล้องกับ กฤษฎำ ตัสมำ (2556, หน้ำ ง) พบว่ำ ปัญหำในกำรจัดกำร
พิพิธภัณฑ์เป็นกำรจัดกำรโดยขำดกำรมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้พิพิธภัณฑ์มีกำรดำเนินกิจกำร
พพิ ิธภณั ฑ์ท่ีขำดควำมต่อเน่ือง ขำดกำรพฒั นำ และขำดควำมต่อเนื่องในกำรจัดกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์
สำหรบั เรื่องรูปแบบกำรจัดกำรที่เหมำะสมคือต้องให้ชมุ ชนเข้ำมำมสี ่วนร่วมในกำรตัดสนิ ใจ เชิญปรำชญ์
ชำวบ้ำนผู้ท่ีมีควำมรู้ในเรื่องของโบรำณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ให้ข้อมูลเรื่องรำวของโบรำณวัตถุ ขอควำม
สนับสนุนจำกกลุ่มชำวบ้ำนในท้องถิ่น สถำบันกำรศึกษำ มหำวิทยำลัย หน่วยงำนของภำครัฐ และ
เอกชน ในรูปแบบกำรจัดกำรอย่ำงมีส่วนร่วมนี้จะนำปสู่สำนึกร่วมของคนในท้องถิ่น ให้รู้จักหวงแหน
โบรำณสถำน โบรำณวัตถุ และเห็นคุณค่ำในท้องถิ่นขณะเดียวกันสำมำรถเช่ือมโยงสำยสัมพันธ์ของคน
ในชมุ ชน

ปัญหำต่อมำคือ จำกกำรศึกษำจัดกำรพิพิธภัณฑ์ของ Chiscano and Jiménez-Zarco
(2021, p. 1) ที่ได้ทำกำรศึกษำเรื่องยุทธศำสตร์กำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์แบบรวมทำกำรศึกษำเชิงสำรวจ
ประสบกำรณก์ ำรบรโิ ภคของผู้เย่ียมชมพิกำร กรณขี องพพิ ิธภัณฑ์วิทยำศำสตร์ CosmoCaixa พบวำ่ มี

165

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ปัจจัยสองประกำรท่ีชัดเจนว่ำเจ้ำหน้ำท่ีพิพิธภัณฑ์มีควำมยำกลำบำกในกำรระบุตัวบุคคลท่ีมีควำม
พกิ ำร และผจู้ ดั กำรพิพธิ ภัณฑ์ขำดกำรฝึกอบรมและควำมรู้เกีย่ วกบั ควำมต้องกำรและควำมจำเป็นของผู้
พกิ ำร

นอกจำกน้ี ยังมีปัญหำในเร่ืองเหตุกำรณ์ที่เป็นภำวะวิกฤติและภัยพิบัติ ดังน้ันเพิ่ม
ประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชนจึงมีควำมสำคัญมำกที่ต้องทำควำมเข้ำใจเกี่ยวกับ
ลำดับขัน้ ของเหตกุ ำรณ์ที่เปน็ ภำวะท่ีมีควำมรุนแรงของวิกฤติ ท่ีกอ่ ให้เกิดควำมเสียหำยและมีผลกระทบ
ในวงกว้ำง โดย Wilks and Moore (2004, p. 2) ได้แสดงไว้อย่ำงน่ำสนใจโดยเรียงลำดับจำกควำม
เสี่ยง ภำวะวกิ ฤติและภัยพิบัติ ซ่ึงแตล่ ะข้นั มีควำมเก่ียวข้องกับผลกระทบที่แตกต่ำงกันในกำรท่องเท่ียว
ซงึ่ ผบู้ ริหำรด้ำนวิกฤติต้องเตรียมแผนในกำรรับมือกับวิกฤติในแต่ละขั้นตอนอย่ำงเหมำะสม โดยเฉพำะ
พิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวิทยำศำสตร์ สำรเคมี หรือพิพิธภัณฑ์ทำงทะเลที่มีกำรเพำะเลี้ยงสัตว์น้ำ เชื้อ
โรคต่ำง ๆ ต้องมีมำตรกำรที่เหมำะสมสำหรับวิกฤติที่อำจเกิดข้ึนจำกส่ิงท่ีไม่คำดคิด เช่นกำรลอบ
วำงเพลิง ระเบิด หรือกำรปนเปื้อนเช้ือโรคที่ก่อให้เกิดอันตรำยต่อผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ในแต่ละระดับ
ต่ำงกันไป ต้งั แตค่ วำมเส่ยี งภัยทีอ่ ำจจะเกิดกับชวี ิตของผ้เู ขำ้ เย่ียมชม

จำกกำรทบทวนวรรณกรรม แนวคิด ทฤษฎี และงำนวิจัยที่เก่ียวข้อง สำมำรถสรุปได้ว่ำ
พิพิธภัณฑ์มีปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินงำน หลำยประกำรได้แก่ กำรขำดควำมต่อเนื่องในกำร
ดำเนินงำน กำรขำดกำรพัฒนำ ขำดควำมต่อเน่ืองในกำรจัดกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์ ขำดกำรสำนึก
ร่วมกันของคนในชุมชนหรือขำดควำมสนใจของคนในพ้ืนที่ และเมื่อสำมำรถหำแนวทำงป้องกันและ
แก้ไขปัญหำเหล่ำนี้ได้จะทำให้สำมำรถสร้ำงรูปแบบของกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำร
พิพิธภณั ฑเ์ อกชนในประเทศไทยต่อไป

3. กำรเพ่มิ ประสิทธภิ ำพกำรบริหำรจัดกำรพพิ ธิ ภัณฑ์เอกชนในประเทศไทย
กำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชนในประเทศไทยมีแนวทำงของ

กำรจัดกำรท่ีแตกต่ำงจำกพิพิธภัณฑ์ที่ดำเนินงำนโดยภำครัฐท่ีได้รับทุนสนับสนุน ได้รับองค์ควำมรู้
สนับสนุน และได้รับควำมช่วยเหลือดำ้ นเครือข่ำยควำมร่วมมือต่ำง ๆ แต่พพิ ธิ ภณั ฑเ์ อกชนยังต้องพ่ึงพำ
เงนิ ทุนหลักจำกเจ้ำของพพิ ิธภัณฑ์ หรือแหล่งทนุ จำกภำคเอกชนที่เห็นควำมสำคัญและใหก้ ำรสนับสนุน
ดังน้ันกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชนจึงสำมำรถเพิ่มในส่วนของกำรสื่อสำร
ทำงกำรตลำด กำรจัดกำรดำ้ นเทคโนโลยีสำรสนเทศ ดงั น้ี

3.1 กำรส่ือสำรทำงกำรตลำด ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่ำกำรตลำดมีบทบำทต่อกำร
บริหำรและดำเนนิ งำนของหนว่ ยงำน องคก์ รต่ำง ๆ รวมถึงพิพิธภณั ฑ์ Kupec, Lukáč, Štarchoň and
Pajtinková Bartáková (2020, p. 1) ได้ทำกำรศึกษำเร่ืองกำรตรวจสอบกำรส่ือสำรกำรตลำดของ
พิพิธภัณฑ์ในบริบทกำรจัดกำรสมัยใหม่ พบว่ำ กำรสื่อสำรกำรตลำดคือส่วนที่หนึ่งของกำรจัดกำร
พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ที่ดำเนินงำนในสภำพแวดล้อมกำรแข่งขัน ดังนั้นจึงเป็นเร่ืองสำคัญท่ีจะต้องให้
ควำมสำคัญกับทุกๆ ส่วนประกอบของกำรสื่อสำรกำรตลำดของพิพิธภัณฑ์ ซ่ึงสรุปได้ว่ำกำรจัดกำร
พิพิธภัณฑ์สำมำรถสร้ำงกำรส่ือสำรทำงกำรตลำดได้ ในหลักกำร 3 ส่วนสำคัญคือ เศรษฐกิจ
(Economy) ประสิทธิภำพ (Efficiency) และประสิทธิผล (Effectiveness) นอกจำกนี้กำรส่ือสำร
กำรตลำดท่ีดีจะช่วยให้ผู้ที่สนใจเข้ำมำเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เกิดกำรสร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจและเข้ำมำ
เย่ียมชม และเม่อื เยี่ยมชมแล้วกำรตลำดท่ีดยี ่อมต้องสร้ำงให้เกิดควำมพึงพอใจมำกที่สุด โดย Moreno-
Mendoza, Santana-Talavera and Boza-Chirino (2020, p. 178) ไดก้ ลำ่ วว่ำ ผเู้ ยี่ยมชมเปน็ เหตุผล
หลักของกำรมีอยู่ของพิพิธภัณฑ์และมีส่วนช่วยในกำรพัฒนำพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจำนวนผู้ใช้บริกำรจำนวน

166

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

มำกเหล่ำน้ี เป็นผู้ใช้บริกำรเป็นนักท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมและได้กลำยเป็นหน่ึงในตัวแทนหลักในกำร
ตดั สินใจเก่ียวกับเรื่องกำรจัดกำรของพพิ ิธภัณฑ์ซึ่งถือไดว้ ่ำเป็นสถำบันทำงวัฒนธรรม ถอื วำ่ เป็นผู้ท่ีต้อง
มีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกำรกำกับดูแลสถำบันทำงวัฒนธรรมเหล่ำน้ี แสดงให้เห็นได้อย่ำง
ชัดเจนว่ำ มุมมองของผู้ใช้บริกำรหรือนักท่องเที่ยวที่เข้ำมำเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มีส่วนสำคัญต่อกำร
พจิ ำรณำเร่อื งเกยี่ วกับกำรอนุรักษ์และแนวทำงกำรบรหิ ำรจัดกำรพพิ ธิ ภัณฑ์ต่อไป

ท้ังนกี้ ำรส่อื สำรทำงกำรตลำดของพพิ ิธภัณฑ์แบง่ ได้เปน็ กำรโฆษณำ (Advertisement)
กำรตลำดทำงตรง (Direct marketing) กำรใช้พนักงำนขำย (Personal selling) กำรประชำสัมพันธ์
(Public relations) กำรสนับสนุนกำรขำย (Sales support) และกำรใช้สื่อดิจิทัล (Digital media) ซ่ึง
ต้องพิจำรณำควำมพึงพอใจของผู้เยี่ยมชมด้วยประเด็นที่เกี่ยวข้องคือ ประสบกำรณ์และควำมพึงพอใจ
(Experience and satisfaction) กำรเก็บรักษำและกำรใช้งำน (Preservation and use actions) กำร
ต้ังค่ำจัดกำร (Management preferences) และ ข้อมลู ทำงสงั คมศำสตร์ (Sociodemographic data)
(Moreno-Mendoza, Santana-Talavera, & Boza-Chirino, 2020, p. 182) ซึ่งสำมำรถนำมำใช้ใน
กำรเพม่ิ ประสิทธภิ ำพกำรบริหำรจัดกำรพพิ ิธภัณฑ์เอกชนในประเทศไทยไดต้ ่อไป

3.2 กำรจัดกำรด้ำนเทคโนโลยีสำรสนเทศ นอกจำกกำรสร้ำงประสบกำรณ์ใหก้ ับผู้เข้ำ
เยย่ี มชนพพิ ิธภัณฑ์ให้เกิดควำมประทับใจแล้ว กำรดงึ ดูดผู้สนใจเข้ำมำยงั พิพิธภัณฑ์ผู้บริหำรพิพิธภัณฑ์
ต้องให้ควำมสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เน่ืองจำก กำรสร้ำงกำรตระหนักรู้จำกข้อควำม ภำพ เสียง หรือ
สัญลักษณ์ท่ีเก่ียวข้องกับวัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำเหล่ำนั้นจะเป็นกำรดึงดูดควำมสนใจได้เป็นอย่ำงดี
เรือ่ งน้ี ได้มกี ำรศกึ ษำของ Alicia and Trinidad (2020, p. 527) เร่ืองกำรวิเครำะห์ข้อควำมเป็นวิธีกำร
ระบุคุณลักษณะของพิพิธภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวรับรู้: กำรวิเครำะห์เชิงสำรวจของพิพิธภัณฑ์แห่งชำติ
Thyssen-Bornemisza ในสเปน พบว่ำ หลังจำกวิเครำะห์คำศัพท์หรือคำค้นหำโดยนับพันคำท่ีถูกใช้
บ่อยที่สุด โดยคุณลักษณะหลักตรวจพบมีทั้งกำรรับรู้ทั้งบวกและลบ ดังน้ันข้อมูลที่ต้ังของพิพิธภัณฑ์
และตัวอำคำรน้ันมีค่ำสูงมำกที่สุดในด้ำนคุณลักษณะ คุณลักษณะอื่น ๆ ท่ีมีค่ำเชิงบวก ได้แก่ บริกำร
ต่ำง ๆ อุปกรณ์เสริมต่ำง ๆ ของพิพิธภัณฑ์ หรือบริกำรอื่น ๆ เช่น บริกำรอำหำรและเคร่ืองด่ืม อีกทั้ง
ข้อมูลท่ตี ง้ั ของพิพธิ ภัณฑ์และตวั อำคำรนน้ั มีค่ำสงู มำกทส่ี ุดในด้ำนคุณลักษณะ คณุ ลักษณะอน่ื ๆ ทม่ี คี ่ำ
เชงิ บวก ไดแ้ ก่ บรกิ ำรต่ำง ๆ อปุ กรณ์เสริมต่ำง ๆ ของพิพธิ ภัณฑ์ หรอื บริกำรอื่น ๆ เชน่ บริกำรอำหำร
และเคร่ืองด่ืม ดังน้ันผู้บริหำรพิพิธภัณฑ์ต้องให้ควำมใส่ใจกับรำยละเอียดเก่ียวกับกำรตอบสนองต่อ
ผู้สนใจเข้ำมำเยี่ยมชม ด้วยกำรจัดส่ิงอำนวยควำมสะดวกให้หำกในกรณีเป็นนักท่องเที่ยวชำวต่ำงชำติ
เพื่อให้เขำไดเ้ ข้ำใจในภำษำที่เขำเหล่ำน้ันถนดั รวมถึงมีบรกิ ำรแหล่งทพ่ี ักสำหรับผู้เยี่ยมชม อำหำร และ
เคร่ืองด่ืม อีกท้ังอุปกรณ์เสริมต่ำง ๆ เช่นหูฟัง หรือ Wi-Fi ในกรณีใช้ QR CODE สำหรับกำรสแกนเพื่อ
รบั ทรำบข้อมลู หรือวิดโี อเผยแพร่

ดังน้ันกำรบริหำรจัดกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศในพิพิธภัณฑ์เพ่ือตอบสนองต่อกลุ่ม
ลูกค้ำผู้เข้ำเยี่ยมชม กลุ่มพนักงำน และกลุ่มผู้บริหำร สำมำรถนำมำปรับใช้ได้เพื่อกำรบริหำรของ
พิพธิ ภัณฑ์สำมำรถสร้ำงประสบกำรณ์ใหม่ให้กับผู้เย่ียมชมเพม่ิ ควำมน่ำสนใจและได้ควำมรู้อย่ำงรวดเร็ว
ถกู ต้องแม่นยำ

ระเบยี บวิธีการวิจยั
กำรวิจัยนี้เป็นกำรวิจัยเชิงคุณภำพ (Qualitative research) มีกำรใช้กำรวิจัยเชิงเอกสำร

ควบคู่กับสัมภำษณ์เชิงลึก โดยสืบค้นข้อมูลท่ีสำคัญด้ำนกำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชนในประเทศไทย

167

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

และสัมภำษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงำนด้ำนพิพิธภัณฑ์ จำนวน 15 คน ในประเทศไทยสำหรับ
สัมภำษณเ์ ชงิ ลึกแบบมโี ครงสร้ำงกับผ้ใู ห้ขอ้ มูลสำคัญ (Key informant) ใชเ้ วลำประมำณ 30 นำที ถงึ

1 ชัว่ โมง (Gaskell, 2000, p. 51) จำกนั้นเลอื กบุคคลสัมภำษณ์แบบเฉพำะเจำะจง (Purposive) จำก
นักวิชำกำรท่ีเก่ียวข้องกับกำรบริหำรกำรจัดกำรด้ำนพิพิธภัณฑ์ ผู้บริหำรพิพิธภัณฑ์ ผู้ทำงำนใน

พิพิธภัณฑ์ ผู้มอบวัตถุโบรำณและของล้ำค่ำให้เก็บรักษำ และนักประวัติศำสตร์ ในประเทศไทย
จำนวน 15 คน กำรวเิ ครำะหข์ ้อมูลใช้กำรวิเครำะห์เน้ือหำ โดยกำรแจกแจงขอ้ มูล จำกนนั้ จดั แจงเป็น
หมวดหมู่และนำไปส่กู ำรสร้ำงขอ้ สรุปที่พบจำกขอ้ มลู

ขอบเขตในกำรศกึ ษำดำ้ นประชำกรและพน้ื ที่ ได้ทำกำรศกึ ษำพพิ ธิ ภณั ฑ์เอกชนในประเทศไทย
ขอบเขตในกำรศึกษำด้ำนเวลำ ผวู้ จิ ัยได้ลงพืน้ ท่ี โดยกำรสมั ภำษณเ์ ชิงลึกใน 2 ชว่ ง เพ่ือเกบ็

ข้อมูลเพ่ิมเตมิ ในประเด็นทีย่ ังไม่สมบรู ณ์ในช่วงแรกรำยละเอยี ดดังนี้

ตารางที่ 1 ตำรำงกำรเกบ็ ข้อมลู และชว่ งเวลำกำรเกบ็ ขอ้ มูล

สถานท่ี ชว่ งที่ 1 ชว่ งท่ี 2 จานวนผู้ให้ขอ้ มลู

พ.ค.-ส.ค. 63 พ.ย. 63 – ก.พ. 64 สาคญั (คน)

นักวิชำกำรด้ำนกำรจัดกำรพพิ ิธภณั ฑ์ 1 2 3
ผบู้ รหิ ำรพพิ ธิ ภณั ฑ์ 2 1 3
ผู้ปฏิบัตงิ ำนในพพิ ิธภัณฑ์ 2 1 3
ผ้มู อบวัตถุโบรำณ/ของล้ำค่ำแกพ่ พิ ิธภัณฑ์ 3 - 3

นกั ประวัตศิ ำสตร์ 1 2 3
รวมทงั้ สิ้น 15

ผลการวิจัย
วัตถุประสงค์ข้อท่ี 1 เพ่ือศึกษำปัญหำ โอกำส อุปสรรคในกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์

เอกชนในประเทศไทย
จำกกำรสัมภำษณ์เชงิ ลกึ ผูม้ สี ่วนเกย่ี วขอ้ งกับกำรจดั กำรพพิ ิธภณั ฑ์ในประเทศไทย พบว่ำ

ปัญหำโดยสว่ นใหญแ่ บ่งได้จำกหน้ำที่หลกั ในกำรทำงำน ประกอบดว้ ย 1) ปัญหำด้ำนกำรเก็บรวบรวม
วัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำปัญหำสำคัญ คือ วัตถุเหล่ำน้ันไม่ได้มีมำด้วยสุจริต ไม่ทรำบแหล่งที่มำ
ชัดเจน หรือบำงครงั้ เป็นของใหม่ที่ทำเลียนแบบของเกำ่ 2) ปัญหำด้ำนกำรเก็บรักษำ คือ ขำดควำมรู้

ควำมเช่ียวชำญเฉพำะทำงในกำรบำรุงรักษำให้วัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำยังคงสภำพเดิมได้ ขำดกำร
ดูแลควำมปลอดภยั อย่ำงเข้มแข็งมกี รณีของกำรโจรกรรม กำรใชม้ ือสัมผัสโดยตรงทั้งจำกผู้เข้ำเยี่ยมชม

หรือผู้ทำหน้ำที่ในพิพิธภัณฑ์ 3) ปัญหำด้ำนกำรค้นคว้ำ พบว่ำ ยังขำดกำรค้นคว้ำหำหลักฐำนสำคัญ
ของวัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำอย่ำงจริงจัง ขำดกำรเชื่อมโยงกำรเป็นเครือข่ำยควำมร่วมกับนัก
ประวัติศำสตร์และนักวิชำกำรท่ีมีควำมเช่ียวชำญเฉพำะทำง 4) ปัญหำด้ำนกำรเผยแพร่ข้อมลู ควำมรู้

พบว่ำ ยังขำดแนวทำงกำรเผยแพร่ข้อมูล ชุดควำมรู้ของโบรำณวัตถุและวัตถุล้ำค่ำเหล่ำนั้นอย่ำงมี
มำตรฐำน และเป็นระบบ อกี ทงั้ ยงั ขำดกำรปรับปรงุ รูปแบบกำรเผยแพร่ขอ้ มูลที่มีควำมทันสมัยเหมำะ

กับกลุ่มผู้สนใจเย่ียมชมได้หลำกหลำย และ5) ปัญหำด้ำนกำรจัดแสดง พบว่ำ ขำดกำรจัดแสดง
นิทรรศกำรท่ีมีควำมน่ำสนใจเป็นรูปแบบท่ีไม่ได้ใช้ประสำทสัมผัสของมนุษย์ท่ีหลำกหลำย ขำดกำร

168

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ควบคุมบรรยำกำศภำยในพื้นที่จัดแสดงที่เหมำะสมโดยมีกำรนำเสนอที่ไม่คำนึงควำมชื้น อุณหภูมิ
ฝนุ่ ละออง เช้อื โรค หรอื เชื้อแบคทเี รยี ทีส่ ง่ ผลเสยี หำยต่อวตั ถุโบรำณหรอื วตั ถุลำ้ คำ่ เหล่ำนนั้

จำกกำรสมั ภำษณเ์ ชิงลึกผมู้ ีสว่ นเกยี่ วข้องกบั กำรจัดกำรพพิ ิธภณั ฑ์ในประเทศไทย พบว่ำ
โอกำสของกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย 1) โอกำสในกำรแสวงหำวัตถุโบรำณหรือวตั ถุ
ล้ำค่ำใหม่ เพรำะปจั จบุ ันคนใหค้ วำมสำคญั กบั ประวัติศำสตรม์ ำกข้นึ ผู้ท่ีสืบทอด หรือทำยำทท่ตี อ้ งกำร
นำวัตถุโบรำณหรือล้ำค่ำเหล่ำนัน้ มำมอบให้แกพ่ ิพิธภัณฑ์เพ่ือเปน็ เกยี รติประวัติ และเพือ่ จดั แสดงเป็น
กำรเผยแพร่ควำมรู้ทำงด้ำนประวัติศำสตร์ ศิลปวัฒนธรรม หรือผู้ที่ไม่สำมำรถดูแลวัตถุเหล่ำนั้นได้มี
จำนวนมำกข้ึนจึงทำให้พิพิธภัณฑ์มีโอกำสที่จะได้มำจัดแสดงไว้ให้ครบชุดหรือแสดงได้อย่ำงสมบูรณ์
มำกข้นึ 2) โอกำสในกำรนำเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมเขำ้ มำใช้ในกำรรกั ษำของวตั ถโุ บรำณหรือวัตถุล้ำ
ค่ำเหล่ำนั้นมีมำกข้ึน ทุกวันน้ีเทคโนโลยีก้ำวล้ำไปมำก กำรเลือกเทคโนโลยีท่ีเหมำะสมต่อกำรสร้ำง
บรรยำกำศในกำรรกั ษำวตั ถเุ หล่ำนัน้ ง่ำยข้นึ และรำคำไมแ่ พง และ 3) โอกำสในกำรสรำ้ งควำมร่วมมือ
กันแบบเครือข่ำย มีจำนวนมำกขึ้นปัจจุบันท้ังสถำบันกำรศึกษำ หน่วยงำนรำชกำร หรือองค์กร
ภำคเอกชน หรือแม้แต่ภำคประชำชนมีควำมเข้มแข็งมำก เม่ือใดที่พบวัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำใน
พื้นที่จึงทำให้เกิดกำรมีส่วนร่วมในกำรร่วมคิด ร่วมหำวิธีทำงในกำรจัดกำรกับวัตถุล้ำค่ำทำงด้ำน
วัฒนธรรมและประวตั ิศำสตรเ์ หลำ่ นนั้ รว่ มกนั

จำกกำรสัมภำษณ์เชงิ ลึกผู้มสี ่วนเกี่ยวขอ้ งกับกำรจัดกำรพพิ ิธภัณฑใ์ นประเทศไทย พบว่ำ
กำรบริหำรจดั กำรพิพธิ ภณั ฑ์เอกชน ประกอบดว้ ย

1. ระบบกำรควบคุมพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย 1.1) กำรควบคุมด้ำนวัตถุ เช่น กำร
ตรวจสอบควำมถูกต้องของกำรได้มำ ควำมชัดเจน และคุณภำพของวัตถุโบรำณและวัตถุล้ำค่ำ 1.2)
กำรควบคมุ ดำ้ นส่งิ แวดล้อม เชน่ กำรจดั กำรส่งิ แวดล้อมใน 3 ลกั ษณะคอื สิ่งแวดลอ้ มภำยนอกอำคำร
จัดกำรด้ำนตัวอำคำร และท่ีจอดรถ สิ่งแวดล้อมภำยในอำคำร แบ่งสัดส่วนกำรใช้พ้ืนทีใ่ นอำคำรเพื่อ
บริกำรด้ำนอื่นที่จำเป็นตอ่ ผู้มำเยี่ยมชมและพนักงำน เช่น อำหำร น้ำด่ืม ลำโพง เคร่ืองปรับอำกำศ
ห้องน้ำ Wi-Fi กำรให้บริกำรแก่ผู้พิกำร กำรป้องกันไฟ และสิ่งแวดล้อมในห้องจัดแสดง ได้แก่ แสง
สวำ่ ง ควำมช้ืน อณุ หภมู ิ เสยี ง ปรมิ ำณก๊ำซคำรบ์ อนไดออกไซด์ ทำงเดิน กลิน่ และระบบลมหมนุ เวยี น
(Air ventilation) 1.3) กำรควบคุมด้ำนวัตถุประสงค์ของกำรเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ต้องยึดหลักกำรเดิม
และเพิ่มเติมเร่ืองของชำร่วยในกำรหำรำยได้เข้ำพิพิธภัณฑ์ได้แต่ไม่มำก มีกำรให้ชำระค่ำต๋ัว หรือ
บริจำคเป็นค่ำดำเนินกำร และ 1.4) กำรให้ควำมเพลิดเพลิน เช่น กำรจัดส่วนของกำรแสดงท่ีมคี วำม
หลำกหลำยเป็น มัลติมีเดีย และกำรมีกิจกรรมประกอบอ่ืน ๆ เช่น เวทีให้แสดงควำมรู้หรือกิจกรรม
สรำ้ งสรรคเ์ พ่ิมทกั ษะควำมรเู้ รอื่ งที่เก่ยี วขอ้ งกับกำรจดั แสดง

2. ระบบงำนพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทำหน้ำท่ี 2.1) รวบรวม พิพิธภัณฑ์จะทำหน้ำท่ีรวบรวม
วัตถจุ ำกกำรท่รี ับจำกคนในพ้นื ที่ หรือผู้บรจิ ำค หรอื ผู้มอบมำให้เพือ่ กำรเก็บรกั ษำ จำกน้นั บำงครงั้ กจ็ ะ
ได้รับควำมอนุเครำะห์จำกหน่วยงำนที่เก่ียวข้อง หรือแจ้งควำมจำนงค์ในกำรตรวจสอบควำมเก่ำแก่
และเพ่ือเป็นกำรยืนยันวัตถุโบรำณเหล่ำน้ันจำกนั้นทำกำรบันทึกเป็นหลักฐำน ทั้งข้อควำม ภำพถ่ำย
และหลักทำงอื่น ๆ ทำงวิทยำศำสตร์เพื่อกำรค้นคว้ำต่อไป 2.2) ตรวจสอบ ต้ังแต่คร้ังท่ีได้รับวัตถุ
โบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำมำจะสอบถำมถึงประวัติควำมเป็นมำจำกผู้ท่ีมอบให้ หรือหำกไม่สำมำรถสืบ
ประวัติได้จะทำกำรรอข้อมูลจำกกำรพิสูจน์ทำงวิทยำศำสตร์ และสอบถำมนักประวัติศำสตร์หรือนกั
โบรำณคดีท่ีสนใจวัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำเหล่ำนี้จะทำกำรจัดทำข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ทำง
กำรศึกษำ และเพื่อกำรเผยแพร่ต่อสังคมในอนำคต 2.3) รักษำ บำงครั้งวัตถุโบรำณเหล่ำน้ันมีกำร

169

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ชำรุด ทำงพิพิธภัณฑ์เปน็ พพิ ิธภณั ฑเ์ อกชนจะทำหน้ำท่อี อกงบประมำณสว่ นตัวหรือหำแหล่งเงนิ ทุนมำ
ทำกำรซ่อมแซมสงวนรักษำให้วัตถุล้ำค่ำช้ินน้ันกลับขึ้นมำดูดีหรือให้สมบูรณ์อีกคร้ัง แต่หำกเป็นกำร
ปรบั ที่ตอ้ งทำลำยช้นิ สว่ นของวัตถลุ ้ำค่ำหรือวัตถโุ บรำณเหล่ำนั้น จะหลีกเล่ยี ง และคงไวด้ งั เดมิ จนกวำ่
จะหำทำงซ่อมด้วยวิธีกำรท่ีรักษำปกป้องคุ้มครองไม่ให้เสื่อมสภำพไปจำกเดิม 2.4) กำรแสดงควำม
เคำรพ วัตถุโบรำณล้ำค่ำเหล่ำนี้ตำมควำมเช่ือของคนไทยย่อมมีเจ้ำของหรือเป็นของผู้ใดมำก่อนหน้ำ
เม่ือได้รับมำแล้วและทำกำรตรวจสอบแหล่งท่ีมำที่ชัดเจนว่ำไม่ได้ขโมยมำจำกที่ใด แหล่งใด ก็จะทำ
กำรบูชำด้วยดอกไม้และเคร่ืองสักกำระเพอื่ เป็นกำรบอกกล่ำวและ 2.5) กำรจัดแสดงโดยเชิญให้วตั ถุ
ลำ้ ค่ำเหล่ำนนั้ จดั แสดงในตำแหน่งทพี่ พิ ิธภัณฑ์เตรียมไว้ โดยจะทำกำรจัดเป็นหมวดหมอู่ ยำ่ งเหมำะสม
ทีส่ ำคัญกำรจัดแสดงต้องมีควำมปลอดภยั คอื ปลอดภัยจำกแสงสวำ่ ง ปลอดภยั จำกควำมชน้ื ปลอดภัย
จำกกำรสัมผัสของผูเ้ ขำ้ ชมพพิ ธิ ภัณฑ์ และปลอดภัยจำกกำรโจรกรรม

3. กำรแบ่งส่วนงำนภำยในพิพิธภัณฑ์ มีผู้บริหำรหลำยระดับ โดยประกอบด้วย
ผบู้ รหิ ำรระดับสูง ไดแ้ ก่ เจำ้ ของพิพธิ ภัณฑ์ ผู้อำนวยกำร ผบู้ รหิ ำรระดบั กลำง ได้แก่ ผู้จดั กำร ผูบ้ ริหำร
ระดับล่ำง หวั หนำ้ สว่ นงำนตำ่ ง ๆ และผู้ปฏบิ ัตงิ ำนในพิพธิ ภัณฑ์

วัตถปุ ระสงค์ขอ้ ที่ 2 เพื่อศกึ ษำกำรเพ่มิ ประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชนใน
ประเทศไทย

จำกกำรสมั ภำษณ์เชิงลกึ ผมู้ ีสว่ นเก่ียวขอ้ งกับกำรจดั กำรพพิ ิธภณั ฑใ์ นประเทศไทย พบว่ำ
กำรเพิ่มประสทิ ธภิ ำพกำรบรหิ ำรจดั กำรพพิ ธิ ภัณฑ์แบง่ เป็น 4 ดำ้ น ได้แก่

1. ด้ำนกำรส่ือสำรทำงกำรตลำด ประกอบด้วยกำร กำรโฆษณำผ่ำนช่องทำงทั้ง
online และ offline กำรตลำดทำงตรงด้วยกำรส่งจดหมำยเชิญทำง email หรือส่งใบปลิว หรือ
จดหมำยไปยังบ้ำนของกลุ่มเป้ำหมำย กำรใช้พนักงำนของพิพิธภัณฑ์ในกำรให้ข้อมูล และนำเสนอ
กิจกรรมที่น่ำสนใจ กำรประชำสัมพันธ์กบั ส่ือช่องทำงท่ีเป็นทำงกำรกรณีมีงำนพิเศษหรือมีงำนสำคญั
ทำงวชิ ำกำร กำรสนบั สนนุ กำรขำยด้วยกำรจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ กำรขำย (Promotion) ในชว่ งเทศกำล
และงำนสำคัญต่ำง ๆ ที่เก่ียวข้องกับพิพิธภัณฑ์ และกำรใช้ส่ือดิจิทัลในรูปแบบของมัลติมีเดีย เพื่อให้
เกิดควำมตระหนักรู้ในเร่ืองรำวท่ีพิพิธภัณฑ์จะนำเสนอจนเกดิ ควำมจดจำและเข้ำมำเยี่ยมชม ซึ่งต้อง
พิจำรณำควำมพึงพอใจของผู้เยี่ยมชมด้วยประเด็นที่เก่ียวข้อง คือ 1.1) ประสบกำรณ์และควำม
พึงพอใจว่ำเคยมำแล้วประทับใจอะไร ชอบหรือไมช่ อบส่วนใด 1.2) กำรเก็บรักษำและกำรใช้งำนของ
พิพิธภัณฑ์น้ันเรียบร้อยดีหรือไม่ ผู้ที่มำเยี่ยมชมสำมำรถออกควำมเห็นเพื่อนำไปพัฒนำและปรับปรุง
กำรบรกิ ำรพนื้ ท่แี ละกำรเก็บรกั ษำที่ตรงกับควำมต้องกำรลกู ค้ำ และ 1.3) กำรจดั กำรเก่ียวกับบริหำร
ท่วั ไปและกำรจัดกำรฐำนขอ้ มลู เพือ่ เผยแพร่ ตอ้ งทำอยำ่ งต่อเนอ่ื งและเม่ือมีวัตถชุ ้ินใหม่ตอ้ งทำทนั ที

2. ด้ำนกำรจัดกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศ โดยมีกำรออกแบบนิทรรศกำร และ
แนวทำงกำรส่ือสำรของวตั ถุโบรำณหรอื วัตถุล้ำค่ำ และกำรแสดงควำมเป็นไปได้แหล่งที่มำศิลปะและ
หลักกำรปรัชญำผ่ำนวัตถุ ได้ทำกำรกระตุ้นให้เกิดควำมสนุก นำ่ ตดิ ตำม นำ่ คน้ หำหรอื ทำใหเ้ กิดกำรมี
ส่วนร่วมในระหว่ำงท่ีเข้ำเยี่ยมชม ท้ังนี้ได้มีกำรเน้นให้เกิดประสบกำรณ์ร่วมกับพิพิธภัณฑ์โดยเป็น
ประสบกำรณ์จริง หรือประสบกำรณ์เสมือนจริง และมีกำรใช้เทคโนโลยีในกำรประชำสัมพันธ์ผ่ำน
ช่องทำง Social Media ไดแ้ ก่ Facebook, Twitter, Wikipeida, Google art project, Instragram,
Youtube, Pinterest, Flikr, Vimeo เป็นตน้

3. ด้ำนกำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ ประกอบด้วย 3.1) กำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์
ด้วยแผนสำรองใน 3 ระดับ ประกอบด้วย แผนบริหำรควำมเส่ียง แผนกำรดำเนินงำนท่ัวไป และ

170

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

แผนกำรพัฒนำพิพิธภัณฑ์ในอนำคตโดยได้ให้ผู้ที่เก่ียวข้องเข้ำมีส่วนร่วมในกำรร่ำงแผน 3.2) กำร
บรหิ ำรจัดกำรเจ้ำหน้ำที่ในภำวะวกิ ฤติ หำกเกิดสภำวะท่ีพิพิธภัณฑ์ไมส่ ำมำรถดำเนนิ งำนต่อไปได้หรือ
อยู่ในภำวะขำดทุนเป็นระยะเวลำนำน ได้รวมเจ้ำหน้ำที่ผู้ให้บริกำรในตำแหน่งเดียวกันและใช้หลำย
หน้ำที่ ตงั้ แตข่ ำยตว๋ั เก็บต๋วั เป็นผนู้ ำเยี่ยมชม และเปน็ ผคู้ วบคุมสื่อระหว่ำงกำรจัดแสดง เป็นตน้ 3.3)
กำรจัดกำรด้ำนสถำนท่ีอุปกรณ์และส่ิงอำนวยควำมสะดวก ลดสัดส่วนของกำรจัดแสดงที่มีไม่อยู่ใน
ควำมนิยมออกไปเพ่ือลดค่ำใช้จ่ำยและเพ่ืออำนวยควำมสะดวกในกำรบริหำรจัดกำร หรือทำกำร
เคล่ือนย้ำยวัตถุโบรำณหรือวัตถุล้ำค่ำมำจัดแสดงร่วมกันในห้องจัดแสดงเดียว เพ่ือเป็นกำรประหยัด
ค่ำใช้จ่ำยและสะดวกในกำรดูแลรักษำ นอกจำกน้ียงั ทำกำรใช้เทคโนโลยใี นกำรจัดกำรกับอุปกรณ์เช่น
กำรใช้ที่ฉำยภำพขนำดใหญ่เพื่อให้สำมำรถรับชมได้หลำยคน ใช้หน้ำจอสัมผัสเพื่อประกอบกำร
บรรยำย หรือใช้ QR Technology, 3D screen นอกจำกน้ียังมีกำรใช้ Audio, Video หรือ
Application เพอ่ื เพิ่มควำมสะดวกมำกข้ึน 3.4) กำรจัดกำรดำ้ นกจิ กรรมและกำรจัดแสดง สำมำรถนำ
เทคโนโลยเี ข้ำมำช่วยในด้ำน Web technology ไดแ้ ก่ กำรขำยตวั๋ ออนไลน์ กำรจองต๋วั ลว่ งหนำ้ กำร
มีแคตตำลอคในรปู แบบของเสมือนจริงหรือ e-catalogue หรือจัดทำแผนท่เี พ่อื นำทำงไปสูว่ ัตถุต่ำง ๆ
ในแตล่ ะหอ้ งจัดแสดง เพอื่ ลดควำมแออัดของผู้ชม จดั ทำวิดีโอแนะนำพิพิธภัณฑ์เพื่อสร้ำงควำมเข้ำใจ
กอ่ นเขำ้ มำและในขณะทอ่ี ยู่ในพพิ ิธภัณฑ์ จดั ทำเป็นขำ่ วหรือ Bulletin เพอ่ื ประกำศในกรณที ่มี กี ำรจัด
กจิ กรรม

4. ด้ำนบทบำทของพิพิธภัณฑ์ต่อกำรพัฒนำชุมชนพิพิธภัณฑ์ที่จัดต้ังข้ึนมำมี
วัตถุประสงค์เพื่อคงไว้ซึ่งกำรรวบรวม รกั ษำวัตถโุ บรำณหรอื ของล้ำค่ำซึง่ มคี วำมหมำยและคุณค่ำงทำง
สังคมและวฒั นธรรมเป็นอยำ่ งมำก ซงึ่ หำกมีกำรได้ใหน้ กั วิชำกำร นักเรียน นกั ศกึ ษำ หรอื ผทู้ ส่ี นใจเข้ำ
มำหำควำมรู้เพิ่มเติมจะเป็นประโยชน์ในภำพรวม นอกจำกนี้ยังเป็นกำรกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นท่ีโดย
กำรจ้ำงงำนนักเรยี น นักศึกษำในพ้ืนที่ใกล้เคียงกับพพิ ิธภณั ฑ์ ให้มำช่วยงำนและยังเป็นกำรช่วยเหลอื
ชำวบ้ำนในละแวกนั้นใหเ้ ข้ำมำขำยสนิ คำ้ ได้เปน็ สนิ ค้ำของฝำกในพนื้ ท่พี ิพธิ ภณั ฑอ์ ีกด้วย

วตั ถุประสงค์ข้อท่ี 3 เพ่ือนำเสนอรูปแบบกำรเพิม่ ประสทิ ธิภำพกำรบรหิ ำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์
เอกชน

รูปแบบกำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์เอกชนในประเทศไทย เป็น
ก ำ ร น ำ เ ส น อ ก ำ ร ใ ห้ พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ เ อ ก ช น เ พิ่ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ ำ พ ก ำ ร บ ริ ห ำ ร จั ด ก ำ ร ไ ด้ อ ย่ ำ ง มี ทิ ศ ท ำ ง
องคป์ ระกอบสำคัญของกำรเพ่มิ ประสิทธิภำพประกอบด้วย

1. กำรจัดกำรกบั ปญั หำอย่ำงรวดเร็ว ทงั้ ในเรื่องกำรรวบรวมวัตถุโบรำณและวัตถุล้ำค่ำ
กำรดแู ลและเกบ็ รักษำ ค้นควำ้ วจิ ยั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง กำรเผยแพรข่ อ้ มูล และจดั แสดงอยำ่ งเหมำะสม

2. กำรใชโ้ อกำสท่ีมีอย่ำงคมุ้ คำ่ ทั้งในเรือ่ งของกำรหำวตั ถุใหม่อันทรงคุณค่ำเข้ำมำไว้
ในพิพธิ ภณั ฑ์ กำรนำนวัตกรรมและเทคโนโลยมี ำใช้เพื่อบำรุงและรักษำวัตถุโบรำณและวตั ถุลำ้ คำ่ เดิมที่
มีอยู่ และสร้ำงควำมร่วมมือกบั หนว่ ยงำนและองค์กรภำครัฐ ภำคเอกชน ภำคประชำสังคม และภำค
ประชำชนทีเ่ ก่ยี วข้อง

3. กำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์อย่ำงมีทิศทำง ประกอบด้วย 1) ระบบกำรควบคุม
พิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ควบคุมด้ำนวัตถุ ควบคุมด้ำนสิ่งแวดล้อม ควบคุมด้ำนวัตถุประสงค์ กำรให้ควำม
เพลิดเพลิน 2) ระบบงำนพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ กำรวบรวม กำรตรวจสอบ กำรรักษำ กำรแสดงควำม
เคำรพ และกำรจดั แสดงและเผยแพรข่ อ้ มูล และ 3) กำรแบ่งส่วนงำนภำยในพพิ ิธภัณฑ์ ได้แก่ ผ้บู ริหำร
ระดบั สูง ผบู้ รหิ ำรระดบั กลำง ผบู้ รหิ ำรระดับล่ำง และพนกั งำนปฏิบัติงำน

171

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

4. กำรเพิ่มประสทิ ธิภำพด้ำนกำรสอ่ื สำรกำรตลำด ได้แก่ 1) ประสบกำรณแ์ ละควำม
พึงพอใจ 2) กำรเก็บรกั ษำและกำรใชง้ ำนของพิพิธภัณฑ์ และ 3) กำรจดั กำรเกย่ี วกบั บรหิ ำรทัว่ ไปและ
กำรจดั กำรฐำนขอ้ มลู เพอื่ เผยแพร่

5. กำรเพิ่มประสิทธิภำพด้ำนกำรจัดกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศ โดยกำรใช้ส่ือ
มัลติมเี ดยี กำรเพิ่มประสบกำรณเ์ สมือนจรงิ ผำ่ นช่องทำง Social Media ได้แก่ Facebook, Twitter,
Wikipeida, Google art project, Instragram, Youtube, Pinterest, Flikr, Vimeo เป็นต้น

6. กำรเพิ่มประสิทธิภำพด้ำนกำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ ประกอบด้วย 1) ด้วยแผน
สำรอง 2) ด้ำนเจ้ำหน้ำที่ 3) ดำ้ นสถำนทีอ่ ุปกรณแ์ ละสิ่งอำนวยควำมสะดวก 4) ดำ้ นดำ้ นกิจกรรมและ
กำรจัดแสดง

7. กำรเพ่ิมประสิทธิภำพด้ำนบทบำทในกำรพัฒนำชุมชน ด้วยกำรให้เข้ำมำมีส่วน
ร่วมในพิพิธภัณฑ์ทำงด้ำนควำมคิดและกำรสร้ำงสรรค์กิจกรรม กำรจ้ำงงำน และกำรขำยสินค้ำใน
บริเวณพิพธิ ภณั ฑ์

อภิปรายผลการวจิ ัย
จำกผลกำรวิจัย พบว่ำ ด้ำนปัญหำ ดังนี้ 1) ปัญหำด้ำนกำรเก็บรวบรวมวัตถุแหล่งท่ีมำไม่

ชดั เจนและเป็นของปลอม 2) ปญั หำดำ้ นกำรเก็บรักษำ คือขำดควำมรู้ควำมเช่ียวชำญเฉพำะทำง และ
ขำดกำรป้องกันภัยโจรกรรม 3) ปัญหำด้ำนกำรค้นคว้ำ พบว่ำยังขำดกำรค้นคว้ำหำหลักฐำนและกำร
เชอ่ื มโยงเครอื ขำ่ ยควำมรว่ มมืออย่ำงจรงิ จงั 4) ปญั หำดำ้ นกำรเผยแพร่ข้อมลู ควำมรู้ พบวำ่ ยงั ขำดแนว
ทำงกำรเผยแพร่ขอ้ มูลที่ทันสมยั และ 5) ปัญหำด้ำนกำรจดั แสดง พบว่ำ ขำดกำรจัดแสดงนิทรรศกำร
ท่ีมีควำมน่ำสนใจ ขำดกำรควบคุมบรรยำกำศภำยในพ้ืนท่ีจัดแสดงเช่นควำมชื้น อุณหภูมิ ฝุ่นละออง
ซึ่งหำกทำงปรับในส่วนของปัญหำเหล่ำนี้ได้จะเป็นโอกำสที่ดีต่อกำรสร้ำงควำมประทับใจต่อผู้เข้ำชม
พิพิธภัณฑ์ สอดคล้องกับ Chen and Ryan (2020, p. 8) ได้นำเสนอรูปแบบของควำมประทับใจใน
ครั้งแรกของพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ควำมย่ิงใหญ่สง่ำงำม (Grandeur) กำรจัดหมวดหมู่ (Collection)
มำตรำส่วน (Scale) ควำมลึกซ้ึง (Profound) ควำมครอบคลุม (Coverage) ควำมหรูหรำ (Grand)
ควำมหลำกหลำย (Variety) ควำมยอดเย่ียม (Excellent) ควำมเป็นประวัติศำสตร์ (History) และ
ควำมประณีต (Exquisite)

ด้ำนโอกำส พบว่ำ มีด้ำนกำรหำวตั ถุใหม่ นำนวตั กรรมมำใช้ และสรำ้ งควำมรว่ มมอื ซ่งึ เป็น
ควำมร่วมมือท่ีเกิดจำกทั้งชุมชน และควำมร่วมมือจำกผู้เข้ำชมพิพิธภัณฑ์ย่อมทำให้เกิดกิจกรรมท่ีดี
และสร้ำงกำรรับรู้และจดจำพิพิธภัณฑ์ได้มำกกว่ำเดิม สอดคล้องกับ สุธำวรรณ หนูครองสิน (2560,
หนำ้ ง) พบว่ำ ส่ือจดั แสดงทช่ี น่ื ชอบมำกท่ีสุดคอื ภำพถ่ำยและป้ำยคำบรรยำย คอมพวิ เตอร์ และส่ือที่
ผ้ชู มสำมำรถมีกิจกรรมรว่ มได้ โดยมสี ำเหตุท่ีเข้ำชมพิพิธภัณฑ์ คอื ควำมแปลกใหม่ของพิพิธภัณฑ์ ซง่ึ
เมื่อเกิดกจิ กรรมร่วมย่อมเกิดควำมพึงพอใจ และภำพลักษณ์ที่ดีต่อพิพิธภัณฑ์

ด้ำนกำรบริหำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์อย่ำงมีทิศทำง ประกอบด้วย 1) ระบบกำรควบคุม
พิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ควบคุมด้ำนวัตถุ ควบคุมด้ำนส่ิงแวดล้อม ควบคุมด้ำนวัตถุประสงค์ กำรให้ควำม
เพลิดเพลิน 2) ระบบงำนพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ กำรวบรวม กำรตรวจสอบ กำรรักษำ กำรแสดงควำม

172

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

เคำรพและกำรจัดแสดงและเผยแพรข่ อ้ มูล และ 3) กำรแบง่ ส่วนงำนภำยในพิพธิ ภัณฑ์ ได้แก่ ผู้บรหิ ำร
ระดับสูง ผู้บริหำรระดับกลำง ผู้บริหำรระดับล่ำง และพนักงำนปฏิบัติงำน ซ่ึงเร่ืองกำรแบ่งส่วนงำน
และจัดโครงสร้ำงของพิพิธภัณฑ์หำกจัดแบ่งอย่ำงลงตัวและเหมำะสมย่อมส่งผลดีต่อพิพิธภัณฑ์
สอดคล้องกับ จำระไน ไชยโยธำ (2557, หน้ำ 16) กำรดำเนินกำรจัดกำรโดยเจ้ำของพพิ ิธภณั ฑ์จึงทำ
ให้ไม่มีโครงสรำ้ งและกำรจัดกำรแตกต่ำงจำกพพิ ิธภัณฑ์ท่ัวไป คือ มีโครงสร้ำงพิพิธภัณฑท์ ี่ไมซ่ บั ซ้อน
มีกำรจัดกำรทส่ี ำมำรถดำเนนิ กำรได้อยำ่ งรวดเร็วและมปี ระสิทธภิ ำพ

ดำ้ นกำรเพิม่ ประสทิ ธิภำพในกำรจัดกำรพพิ ธิ ภณั ฑ์ 4 ดำ้ น ไดแ้ ก่
1. กำรเพิ่มประสทิ ธิภำพด้ำนกำรสื่อสำรกำรตลำด ไดแ้ ก่ 1) ประสบกำรณแ์ ละควำมพึง

พอใจ 2) กำรเก็บรักษำและกำรใช้งำนของพิพิธภัณฑ์ และ 3) กำรจัดกำรเกี่ยวกับบริหำรทั่วไปและ
กำรจัดกำรฐำนข้อมูลเพ่ือเผยแพร่ ซึ่งหำกมีกำรจัดกำรดี ๆ แล้วย่อมส่งผลให้เกิดกำรเข้ำเย่ียมชมใน
สัดส่วนท่ีมำกขึ้น สอดคล้องกับ สุธำวรรณ หนูครองสิน (2560, หน้ำ ง) พบว่ำ พฤติกรรมกำรเข้ำชม
ของผู้เข้ำชมพิพิธภัณฑ์จะเข้ำชมเป็นกลุ่ม และเข้ำชมร่วมกับเพื่อน โดยมีระยะเวลำเข้ำชมแต่ละ
ครั้ง 1-2 ชว่ั โมง และเข้ำชมในวนั เสำร์-อำทิตย์

2. กำรเพิ่มประสิทธิภำพด้ำนกำรจัดกำรเทคโนโลยีสำรสนเทศ โดยกำรใช้สื่อมัลติมีเดีย
กำรเพิ่มประสบกำรณ์เสมือนจริง ผ่ำนช่องทำง Social Media ได้แก่ Facebook, Twitter, Wikipeida,
Google art project, Instragram, Youtube, Pinterest, Flikr, Vimeo เป็น ต้น สอ ดคล้อ ง กั บ
จำระไน ไชยโยธำ (2557, หน้ำ 16) ท่ีเสนอให้มีข้อมูลพิพิธภัณฑ์โดยใช้ส่ือมัลดิมีเดียเป็นเครื่องมือ
สำหรับกำรจัดแสดงนิทรรศกำรและพฒั นำเทคนคิ กำรส่อื ควำมหมำยของสิง่ ของจดั แสดงในพพิ ธิ ภณั ฑ์

3. กำรเพิ่มประสิทธภิ ำพดำ้ นกำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ ประกอบดว้ ย 1) ด้วยแผนสำรอง
2) ด้ำนเจำ้ หนำ้ ที่ 3) ดำ้ นสถำนท่ีอปุ กรณ์และส่งิ อำนวยควำมสะดวก 4) ด้ำนดำ้ นกจิ กรรมและกำรจัด
แสดง

4. กำรเพ่ิมประสิทธิภำพดำ้ นบทบำทในกำรพัฒนำชุมชน ด้วยกำรใหเ้ ขำ้ มำมีส่วนร่วมใน
พิพิธภัณฑ์ทำงด้ำนควำมคิดและกำรสร้ำงสรรค์กิจกรรม กำรจ้ำงงำน และกำรขำยสินค้ำในบริเวณ
พิพิธภัณฑ์ สอดคล้องกับ Nepal (2021, p. 13) พิพิธภัณฑ์มีควำมสำมำรถในกำรตัดสินใจในวัตถุ
โบรำณจำกผู้มีอำนำจ ในเรื่องกำรเก็บรักษำเพื่อกำรอนุรักษ์และเผยแพร่แง่ของเอกสำร และจัด
นิทรรศกำร ซ่ึงเป็นประเด็นที่เก่ียวของกับกระบวนกำรท่ีผู้ประกอบกำรพิพิธภัณฑ์ต้องดำเนินกำร
ทำงด้ำนสังคมเพ่ือกำรมีส่วนร่วมในระดับสังคมโลกไปในขณะท่ีต้องมุ่งเนน้ ด้ำนกำรประกอบธุรกจิ ไป
ดว้ ย

จำกผลกำรวิจยั สำมำรถนำเสนอรูปแบบกำรเพิม่ ประสิทธิภำพกำรบรหิ ำรจัดกำรพิพิธภัณฑ์
เอกชนในประเทศไทย ดงั ภำพ 2

173

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ภาพ 2 รูปแบบกำรเพิ่มประสทิ ธิภำพกำรบริหำรจดั กำรพพิ ิธภัณฑเ์ อกชนในประเทศไทย
เอกสารอา้ งองิ
กฤษฎำ ตัสมำ. (2556). การจัดการพิพิธภัณฑ์ศรีสุพรรณ อาเภอแม่ใจ จงั หวัดพะเยา. (วทิ ยำนิพนธ์

ปรญิ ญำมหำบัณฑิต, มหำวิทยำลยั ศลิ ปำกร).
จำระไน ไชยโยธำ. (2557). กำรจดั กำรพิพิธภัณฑเ์ ฉพำะทำง: กรณศี กึ ษำพพิ ธิ ภณั ฑล์ ำ้ นของเล่นเกริก

ยุน้ พันธ.์ วารสารสถาบนั วัฒนธรรมและศิลปะ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ, 16(1),
16-30.
จริ ำ จงกล. (2532). พพิ ธิ ภัณฑสถานวทิ ยา พิมพค์ ร้งั ที่ 3. กรงุ เทพฯ: กรมศลิ ปำกร.
จริ โชค วีรสยั . (2539). มติ ิทำงวัฒนธรรมในกำรจดั ทำพพิ ิธภัณฑท์ ้องถน่ิ . ใน เอกสารการสัมมนาทาง
วชิ าการพพิ ธิ ภัณฑ์ท้องถ่นิ ในประเทศไทย. (น. 23-26). กรงุ เทพฯ: ศนู ยม์ ำนุษยวิทยำสิริธร.
สำมมติ ิ สุขบรรจง. (2560). แนวทางการพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจดั การงานพิพิธภัณฑ์และหอ
ศลิ ปร์ ่วมสมัย ในบริบทเมืองสร้างสรรค์และการเข้าสู่ประชาคมสังคมวัฒนธรรม
อาเซยี น. (สำนกั งำนศลิ ปวฒั นธรรมร่วมสมยั , กระทรวงวฒั นธรรม)
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ. (2505). พระราชบัญญตั โิ บราณสถาน โบราณวัตถุ ศลิ ปวัตถุ
และพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2505. สืบค้นจำก
https://www.m-culture.go.th/mculture_th60/article_attach/26.pdf
สำนักงำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชำติ. (2559). แผนพฒั นาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาตฉิ บบั ท่ีสบิ สอง พ.ศ. (2560-2564). สืบคน้ จำก
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=6422

174


Click to View FlipBook Version