การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ตารางที่ 3 สรุปผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของปัจจัยส่วนบุคคลท่ีมีต่อกจิ กรรม
โลจสิ ตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน (ตอ่ )
กิจกรรมโลจิสติกสแ์ ละ เพศ อายุ สถาน ระดับ อาชพี รายได้ ภาษาที่
โซ่อปุ ทาน ภาพ การ เฉลย่ี ตอ่ ใช้ในการ
ศึกษา เดือน สอื่ สาร
ภาพรวมด้านการจัดซือ้ 0.00* 0.00* 0.21 0.00* 0.00* 0.00* 0.01*
ภาพรวมด้านการขนถ่าย 0.01* 0.00* 0.06 0.09 0.62 0.00* 0.16
และบรรจสุ ินคา้ 0.00* 0.00* 0.05* 0.26 0.31 0.00* 0.00*
ภาพรวมดา้ นการเลอื ก 0.00* 0.00* 0.07 0.11 0.01* 0.00* 0.00*
สถานที่ตั้งตลาดและคลงั
ภาพรวมดา้ นการบรหิ าร
คลังสนิ ค้า
ภาพรวมด้านการขนสง่ 0.02* 0.01* 0.19 0.30 0.13 0.00* 0.73
ภาพรวมโลจสิ ตกิ สย์ ้อนกลบั 0.00* 0.00* 0.05* 0.15 0.16 0.02* 0.00*
ภาพรวมความคิดเห็น
กจิ กรรมทง้ั หมด 9 กิจกรรม 0.30 0.78 0.54 0.29 0.12 0.00* 0.45
จากตาราง 3 พบวา่ ผลการเปรยี บเทียบความแตกต่างจาแนกตามปจั จัยส่วนบุคคล พบวา่
ภาพรวมความคิดเห็นต่อกจิ กรรมโลจิสติกส์และโซ่อุปทานทั้งหมด 9 กิจกรรม รายได้เฉล่ียต่อเดอื นมี
ความแตกต่างกันอย่างมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และภาพรวมด้านการวางแผนและคาดการณ์
ภาพรวมด้านการใหบ้ ริการลูกค้า ภาพรวมด้านการสื่อสาร ภาพรวมด้านการจัดซื้อ ภาพรวมด้านการ
ขนถ่ายและบรรจุสินค้า ภาพรวมด้านการเลือกสถานท่ีต้ังตลาดและคลัง ภาพรวมด้านการบริหาร
คลังสินค้า ภาพรวมด้านการขนส่ง และภาพรวมโลจิสติกส์ย้อนกลับ ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมี
นยั สาคญั ทางสถติ ิที่ระดับ 0.05
ตารางท่ี 4 สรุปผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับความคิดเห็นปัจจัยส่วนบุคคลท่ีมีต่อการพัฒนา
ตลาดการค้าชายแดน
การพฒั นาตลาดการคา้ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับ อาชพี รายได้ ภาษาที่
ชายแดน การศกึ เฉล่ยี ตอ่ ใช้ในการ
ษา เดือน สอ่ื สาร
ภาพรวมปัญหา 0.00* 0.09 0.43 0.00* 0.01* 0.00* 0.43
ภาพรวมอุปสรรค 0.03* 0.00* 0.03* 0.58 0.63 0.01* 0.01*
ภาพรวมการปรบั ปรงุ สิง่ 0.00* 0.00* 0.04* 0.02* 0.00* 0.00* 0.00*
อานวย
325
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
จากตาราง 4 พบว่า ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างจาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า
ภาพรวมความคิดเห็นต่อกจิ กรรมโลจิสติกส์และโซ่อปุ ทานทั้งหมด 9 กิจกรรม รายได้เฉล่ียต่อเดอื นมี
ความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และภาพรวมด้านการวางแผนและคาดการณ์
ภาพรวมด้านการให้บริการลูกค้า ภาพรวมด้านการส่ือสาร ภาพรวมด้านการจัดซ้ือ ภาพรวมด้านการ
ขนถ่ายและบรรจุสินค้า ภาพรวมด้านการเลือกสถานท่ีต้ังตลาดและคลัง ภาพรวมด้านการบริหาร
คลังสินค้า ภาพรวมด้านการขนส่ง และภาพรวมโลจิสติกส์ย้อนกลับ ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมี
นัยสาคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ 0.05
อภิปรายผลการวิจัย
จากผลการวิจัยพบว่า ผู้ท่ีเดินทางมายังตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจุดผ่าน
แดนถาวรบา้ นเขาดิน กรณีศึกษาเขตการค้าชายแดนตลาดศรีเพ็ญ จังหวดั สระแก้ว มีความคิดเห็นต่อ
กิจกรรมโลจิสติกส์ 9 กิจกรรมโดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก โดยคิดว่ากิจกรรมโลจิสติกส์ท้ัง 9
กิจกรรม ได้แก่ 1) การวางแผนหรือการคาดการความต้องการของลูกค้า 2) การให้บริการแก่ลูกค้า
และกิจกรรมสนับสนุน 3) การส่ือสารด้านโลจิสติกส์และการจัดการคาส่ังซื้อ 4) การจัดซื้อจัดหา
5) การขนถ่ายวัสดุและการบรรจุหบี ห่อ 6) การเลือกสถานท่ีต้ังของโรงงานและการจัดการคลังสินคา้
7) การบริหารสินค้าคงคลัง 8) การขนส่ง 9) โลจิสติกส์ย้อนกลับ มีผลต่อการพัฒนาตลาดการค้า
ชายแดนอย่างมาก อกี ท้ังยงั พบวา่ มีปญั หาเร่อื งถังขยะไม่เพยี งพอและมีปริมาณขยะปรมิ าณมากในแต่
ละวัน และประชาชนคิดว่าการเดินเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดยังมีความไม่ปลอดภัยในชีวิตและ
ทรัพย์สินถึงแม้ว่าปริมาณขอทานในตลาดจะมีปานกลางเท่าน้ัน แต่ก็ทาให้ประชาชนขาดความมน่ั ใจ
ด้านพ่อค้าแม่ค้า มีความคิดเห็นต่อการถูกตัดราคาซ้ือขายและการแก่งแย่งพ้ืนท่ีวางขายสินค้าเป็น
อุปสรรคอย่างมากในการทาการค้าภายในตลาด ในเร่ืองของการปรับปรุงพ้ืนท่ีและสร้างสิ่งอานวย
ความสะดวกของทางเทศบาล มีความคิดเห็นในระดับมาก คือการมีการจัดสรรพ้ืนที่ภายในตลาด
แบ่งแยกเปน็ โซนขายสินค้าแต่ละประเภทชัดเจน มกี ารสร้างสาธารณูปโภคห้องนา้ สาธารณะเพียงพอ
เทศบาลมีการประมูลพืน้ ที่เชา่ รา้ นค้าตามรอบสัญญาท่ีชัดเจนเปน็ ธรรม มสี ถานพยาบาลภายในตลาด
มแี สงสว่างภายในตลาดมีเพยี งพอ มีการจัดสถานทีส่ าหรับหาบเร่แผงเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย จงึ สรุปได้
วา่ สง่ิ ต่าง ๆ เหลา่ นลี้ ว้ นมีบทบาทตอ่ การพัฒนาตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ตลาดศรีเพ็ญ ทัง้ ส้นิ
ซึง่ สอดคลอ้ งกับงานวิจัยของ มณีรัตน์ การรักษ์ (2558) พบวา่ เหตผุ ลหลักทเ่ี ดนิ ทางมายังตลาดการค้า
ชายแดนช่องจอมคือ สินค้าราคาถูก และทาเลที่ตั้งไม่ห่างไกลมากนักจากจังหวัดใกล้เคียง ตลาด
การค้าชายแดนช่องจอมมีจุดแข็ง คือ การมีทาเลท่ีตั้งติดกับประเทศกัมพูชาซ่ึงทาให้มีประชาชนชาว
ไทยเดินทางมายังตลาดจุดอ่อน คือ จานวนขอทานในตลาดมีมากเป็นเหตุให้อาจเป็นผลถึงความ
ปลอดภัยในทรัพย์สิน โอกาส คือ ตลาดการค้าชายแดนช่องจอมอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศกัมพูชา
ทาให้การติดตอ่ ค้าขายระหวา่ งประเทศสะดวกมากข้นึ รัฐบาลมีนโยบายที่สนับสนุนใหม้ ีการค้าขายกับ
ต่างชาติ การเปิดเสรกี ารคา้ ทาใหไ้ ด้รบั ประโยชน์ในด้านภาษี รัฐบาลสนับสนนุ การพฒั นาจังหวัด ความ
ร่วมมือทางเศรษฐกิจของกลุ่ม ASEAN และอุปสรรค คือ เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศทาให้
ประเทศกัมพชู ากีดกนั การค้ากับไทย ระบบการชาระเงินที่ทงั้ สองประเทศใช้เงินต่างสกุลกนั ในการช้ือ
ขายแลกเปลี่ยน ซึ่งมีความไม่แน่นอนทางการเมืองของท้ังสองประเทศซ่ึงมีผลกระทบอย่างมากต่อ
ระบบเศรษฐกิจ และสอดคล้องกบั งานวิจัยของ วชั ระ วัธนารวี และภมู ิพัฒน์ ม่ิงมาลยั รกั ษ์ (2561) ท่ี
พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจการค้าชายแดนจังหวัดเชียงราย ได้แก่
326
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ปัจจัยด้านประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์ ปัจจัยด้านการสนับสนุนของภาครัฐ ปัจจัยด้าน
ความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้า ปัจจัยด้านการใช้เทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ โดยปัจจัยด้าน
ประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์น้ัน ได้รับอิทธิพลโดยตรงมาจากการใช้เทคโนโลยีและระบบ
สารสนเทศ และการสนับสนนุ จากภาครฐั ด้วย ในขณะเดียวกนั ปัจจัยด้านการใช้เทคโนโลยีและระบบ
สารสนเทศ และปัจจัยด้านประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์ ก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้า
ดว้ ยเช่นกัน จึงสามารถพฒั นาไปเป็นแบบจาลองเชงิ โครงสร้างสาหรบั การวิจยั ตอ่ ไป
ข้อเสนอแนะในการวิจยั
ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั คร้งั น้ี
1. หน่วยงานภาครัฐ ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.1) หน่วยงานศุลกากร
อรัญประเทศ ด่านพรมแดนถาวรบ้านเขาดิน ตรวจคนเข้าเมือง ตารวจ ทหารประจาด่าน ท้ังน้ีการ
บริหารจัดการพ้ืนที่ของเจ้าหน้าท่ีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ก็เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี
ระหว่างท้ัง 2 ประเทศ และเอ้อื ประโยชนใ์ หเ้ กิดการค้าขายภายในตลาดศรีเพ็ญได้สะดวกมากขึน้ การ
คมนาคมขนสง่ และเป็นการสนับสนนุ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจ การคา้ และการท่องเท่ียว ใหพ้ ่อค้าชาว
ไทยและกัมพชู าได้ทาธุรกจิ ดา้ นการคา้ ขายการเกษตรบริเวณแนวชายแดน มกี ารนารถบรรทกุ รถพ่วง
ขา้ มแดนสง่ ออก-นาเขา้ สนิ คา้ ระหว่างประเทศได้อย่างสะดวกรวดเรว็ ขึ้น การเปดิ จดุ ผอ่ นปรนบ้านเขา
ดิน จึงช่วยระบายรถและคนได้ระดับหน่ึงโดยเฉพาะการเดินทางไปสู่กรุงพนมเปญ เน่ืองจากเป็น
เส้นทางตรง และสามารถรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้วได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึนได้ และ
1.2) หน่วยงานเทศบาลตาบลคลองหาด ที่เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการตลาดศรีเพ็ญท้ังหมด นา
ผลการวิจัยท่ีผู้วิจัยได้ทาการศึกษาเกี่ยวกับระดับความคิดเห็นของประชาชน และกิจกรรมโลจิสติกส์
และโซอ่ ปุ ทานทงั้ 9 กจิ กรรม ใช้เปน็ แนวทางในการพฒั นาตลาดศรเี พญ็ อยา่ งบูรณาการได้ โดยการจัด
ประชมุ ชี้แจงสถานการณ์ ปัญหาการดาเนนิ งานกิจกรรมตา่ ง ๆ การกาหนดมอบหมายการดาเนินงาน
ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและทีมงาน การลงพื้นที่ปฏิบัติงานในพ้ืนที่และรายงานผล โดย
การจดั ตัง้ ทมี งานขนึ้ มา 3 ทีม ได้แก่ 1) ทมี ปกครอง, ตารวจ, ทหาร อยู่ในส่วนการดาเนินการ เนน้ การ
บังคับใช้กฎหมาย ดาเนินการตรวจเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ร่วมกันกับ
ฝ่ายปกครอง ทหาร ตารวจ และการสุ่มตรวจเป็นระยะ 2) ทีมท้องถิ่น ปรับปรุงโครงสร้างและ
ส่งิ แวดล้อม จัดทาแผนท่ีทางเดินร้านคา้ ทุกร้าน จัดทาพิกดั ปักหมดุ ใหเ้ ป็นผังการค้าตลาดการค้าท่ีมี
ระบบมากยิ่งขนึ้ ปรบั ปรงุ โครงสรา้ งและส่งิ แวดลอ้ ม จดั ให้มกี ารล้างทาความสะอาดตลาด โดยกาหนด
วันเวลาที่ออกเปน็ ประกาศชัดเจน จัดทา Big Cleaning Day กาหนด 3 เดือนตอ่ ครัง้ จัดทาผังการเก็บ
ขยะประจาตลาด และ 3) ทีมการดาเนินงาน จะดาเนินงานงานแผนร่วมกับเทศบาล ส่วนราชการ
ระดับท้องถ่ิน ปรับปรุงโครงสร้างทางกายให้ถูกสุขลักษณะ อาทิ โต๊ะวางอาหาร เขียง ถังขยะ น้า
อปุ โภคบรโิ ภค หอ้ งนา้ สาธารณะ ใชก้ ารจัดระเบียบโซนจาหนา่ ยสินค้า อาทิเชน่ โซนผกั โซนหมู โซน
ปลา โซนสารเคมี การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างแกนนาสุขภาพด้านคุ้มครองผู้บริโภคในตลาด
ศรีเพ็ญ ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน (อสม.) และนักเรียนในพื้นท่ีตาบลคลองหาด
และฝึกให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน ได้ร่วมดาเนินงานตรวจและร่วมเก็บตัวอย่างอาหาร
สุดท้ายคือการดาเนินงานในส่วนการจัดต้ังศูนย์ One stop service center เพ่ือรับเรื่องร้องเรียน
รอ้ งทุกข์ ในเรือ่ งตา่ ง ๆ ไดง้ ่ายขึ้น ทง้ั นี้ การนาความคิดเหน็ ท่ีมีตอ่ กจิ กรรมโลจิสตกิ ส์และโซอ่ ุปทานทั้ง
9 กิจกรรมมาใช้พัฒนาตลาดการค้าชายแดนตลาดศรีเพ็ญแห่งนี้ จะประสบผลสาเร็จได้ข้ึนอยู่กับการ
327
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ใหค้ วามสาคัญของนายอาเภอที่มีต่องานคุ้มครองผู้บริโภคชายแดน การดาเนนิ งานแบบบูรณาการทุก
ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ ม และทมี ทางานมีการดาเนินงานและปรับปรงุ งานอยา่ งต่อเนื่อง
2. ผู้ประกอบการ ร้านค้า 1) มีการวางแผนและการประมาณการณ์ยอดขายล่วงหน้า
ทาให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเพียงพอซ่ึงจะรวมถึงการวางแผนการผลิต
ด้วยเช่นกัน 2) การให้บริการแก่ลูกค้าและกิจกรรมสนับสนนุ ในเรื่องความสะอาดท้ังในส่วนของการ
แต่งกาย สนิ คา้ ทีว่ างจาหน่าย สถานท่ี และการดแู ลพน้ื รอบบริเวณ และยังเก่ยี วข้องกับดา้ นการตลาด
โดยเน้นให้ความสาคัญกับลูกค้าเป็นหลัก รวมถึง การจัดเก็บ การรวบรวมและการจัดการกิจกรรม
ทกุ ๆ กจิ กรรมทเ่ี กย่ี วข้องกบั ลกู ค้า ด้วยการนาเสนอสนิ ค้าทถ่ี ูกตอ้ งใหก้ บั ลกู ค้า ในจานวนและสภาพท่ี
สมบูรณ์ สินค้าไม่เสียหาย ภายใต้เงื่อนไขด้านเวลาและสถานที่ โดยยึดหลักต้นทุนต่าที่สุด ทาให้
ผู้ประกอบการได้ประโยชน์สูงสุดตามมา ซ่ึงจะนาไปสู่การเติบโตของธุรกิจและตลาดศรีเพ็ญมีมูลค่า
ทางการค้าเพ่มิ มากขึน้ 3) การสอ่ื สารดา้ นโลจิสตกิ ส์และกระบวนการสัง่ ซือ้ ทาใหเ้ กดิ การพฒั นาตลาด
การค้าชายแดนในเรื่องการเจรจาต่อรองหรือตกลงทางการค้าท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต เพ่ือจะสามารถ
นามาวางแผนการตลาดได้ในอนาคต 4) การจัดซือ้ จัดหา ในสว่ นของงานวิจยั พบว่าลกู ค้าเดนิ เลือกซ้ือ
สินค้าด้วยตนเองทห่ี น้ารา้ น ทาให้ผู้ประกอบการและร้านคา้ จะตอ้ งวางแผนการจัดการสินคา้ ต้ังแต่การ
ผลติ การตลาด การขาย ทัง้ น้ใี นการจัดหาแหล่งวัตถุดิบรวมหมายถึงการบริหารเสบียงหรอื วัตถดุ ิบ ที่
รวมกิจกรรมการเลือกผู้จาหน่ายวัตถุดิบ การต่อรองราคา และการควบคุมคุณภาพของผู้จาหน่าย
วัตถุดิบเข้าไวด้ ว้ ยกัน เพ่อื ใหเ้ พยี งพอตอ่ ความต้องการเพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภคไดแ้ ละ
สามารถควบคุมต้นทุนให้ได้มากท่ีสุด 5) การขนถ่ายวัสดุและการบรรจุหีบห่อ ผู้ประกอบการและ
ร้านค้า มีการจัดบริเวณสาหรับขนถ่ายสินค้าไว้เป็นสัดส่วน มีพื้นท่ีสาหรับบรรจุหีบห่อสินค้า มีการ
เคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความปลอดภัย มีการบรรจุภัณฑ์สินค้าที่มีมาตรฐาน และมีแรงงานสาหรับการ
ขนถ่ายสินค้าเพียงพอ ทาให้เกิดการสร้างมาตรฐานการดาเนินงานภายในตลาดการค้าชายแดนให้มี
ประสิทธิภาพ 6) การเลือกสถานท่ีต้ังของโรงงานและการจัดการคลังสินค้า พ้ืนท่ีต้ังตลาดติดกับด่าน
ถาวรบ้านเขาดิน ซ่ึงเป็นพื้นท่ีพัฒนาตามเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้ว ท่ีส่งเสริมให้ผู้ประการ
การได้เข้ามาลงทุนทาธุรกิจและทาการค้าขาย เกิดการจัดต้ังตลาดการค้าชายแดนบรเิ วณนีข้ ้ึน ทาให้
พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาเข้ามาทาการค้าจานวนมาก อีกท้ังตลาดยังได้รับการพัฒนาด้านโครงสร้าง
อาคารร้านค้าภายในตลาดให้มีแข็งแรงตามมาตรฐาน 7) การบริหารสินค้าคงคลัง มีการจัดวาง
หมวดหมู่แยกประเภทสินค้าไม่วางสินค้าปะปนกัน มีการจัดเก็บสินค้าส่ิงของวัสดุอุปกรณ์ภายใน
ร้านค้าเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการตรวจดูแลรักษาความสะอาดภายในท่ีจัดเก็บสินค้า มีการ
ตรวจสอบวันเดือนปีที่หมดอายุถ่ีถ้วน ทาให้เกิดระบบการทางานที่มีประสิทธิภาพสามารถตรวจสอบ
ได้ ทาให้ตลาดชายแดนมีระบบการบริหารจัดการท่ีมีประสิทธิภาพและสามารถควบคุมต้นทุนการ
บรหิ ารสนิ ค้าคงคลงั ได้มากยิ่งขนึ้ 8) การขนส่ง มเี ส้นทางการคมนาคมสู่ตลาดสะดวก มีปา้ ยจราจรเพื่อ
บอกเส้นทางเข้าสู่ตลาดเข้าใจง่าย มีช่องทางการเข้า-ออกภายในตลาดสะดวก มีสถานท่ีจอดรถ
เพียงพอ มีความกว้างของถนนภายในตลาดเหมาะสมให้รถยนต์ว่ิงสวนทางกันได้ ซึ่งการขนส่งเป็น
กิจกรรมหลักที่มีความสาคัญ สาหรับระบบโลจิสติกส์ที่ใช้ในการเคล่ือนย้ายวัตถุดิบและสินค้าจากจดุ
การผลิตไปถึงจุดท่ีเกิดการบริโภค รวมถึงจุดที่ใช้กาจัดวัตถุดิบและสินค้าด้วย 9) โลจิสติกส์ย้อนกลับ
ผปู้ ระกอบการร้านค้ายนิ ยอมให้ลูกค้าเปลี่ยนคืนสนิ ค้าทชี่ ารุดเสยี หายหรือบกพร่องเพือ่ เปน็ การแสดง
ความรบั ผดิ ชอบตอ่ ลูกคา้ และสินค้าของทางร้าน และการสง่ คนื พาเลท หรอื กล่องบรรจพุ ลาสติกกลับ
ให้แกท่ างร้านค้าเพือ่ สามารถนาพาเลทนัน้ ไปใชซ้ า้ หมุนเวยี นได้ตอ่ ไป
328
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
3. ประชาชน 1) มีการวางแผนและการประมาณการณ์ ประชาชนหรือลูกค้า มีท้ังชาว
ไทยและชาวกัมพูชา ซ่ึงลูกค้าที่มาซื้อสินค้าประจา อาทิเช่นการซ้ือสินค้าเกษตร ผักสด เนื้อ ปลาสด
อาหารแห้งต่าง ๆ เพ่ือนาไปขายต่อ จะมีการวางแผนรายการซ้ือล่วงหน้า ส่วนประชาชนหรือลูกค้า
นักท่องเที่ยวท่ีแวะพักจะเดินเลือกซื้อสินค้าตามความสนใจโดยส่วนใหญ่ไม่ได้วางแผนการซื้อไว้
ล่วงหน้า แต่ก็ทาให้เกิดการค้าขายและมูลค่าการค้าของตลาดชายแดนเพ่ิมมากขึ้น 2) การให้บริการ
แก่ลูกค้าและกิจกรรมสนับสนนุ มีถังขยะในตลาดเพียงพอ มีจุดที่ทิ้งขยะรวมของตลาดที่สะอาด ไม่มี
กลนิ่ เหม็น มหี ้องนา้ สาธารณะมเี พียงพอ มหี ้องน้าสาธารณะสะอาด มีการระบายนา้ ทางเดนิ ในตลาดที่
ดี ทาให้ไม่มีน้าขังเฉอะแฉะ มีช่องทางเดินผู้พิการที่มีความสะดวกสบาย มีที่ตั้งของศูนย์ให้ความ
ชว่ ยเหลือเห็นได้ชัดเจน มเี จ้าหนา้ ที่ตารวจ/ทหารท่ีเดินตรวจตราความเรียบรอ้ ยในพื้นท่ี มตี กู้ ดเงนิ สด
(ตู้ ATM) ในพ้นื ท่หี รอื บรเิ วณใกล้เคียง มธี นาคารในพืน้ ทห่ี รอื บรเิ วณใกลเ้ คยี ง มจี ดุ แลกเปล่ียนเงินตรา
ตา่ งประเทศในพน้ื ท่หี รือบริเวณใกล้เคียง เกยี่ วขอ้ งดา้ นการตลาดโดยเนน้ ใหค้ วามสาคญั กับลูกค้าเป็น
หลัก 3) การสื่อสารด้านโลจิสติกส์และกระบวนการสั่งซ้ือ มีการสื่อสารเจรจาตกลงการค้าระหว่าง
พอ่ ค้าแมค่ า้ และลกู คา้ และการสง่ั ให้รา้ นค้าผลิตสนิ คา้ กาหนดวนั รบั สนิ คา้ เป็นการบวนการที่สามารถ
ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 4) การจัดซ้ือจัดหา ประชาชนและลูกค้าส่วนใหญ่เดินเลือกซื้อ
สินค้าด้วยตนเองที่หน้าร้าน ลูกค้าจึงเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกซ้ือสินค้าและสามารถเจรจาต่อรอง
ราคากับทางรา้ นได้อยา่ งเตม็ ท่ี 5) การขนถา่ ยวสั ดแุ ละการบรรจหุ บี ห่อ ในส่วนของการตลาดจะเหน็ ได้
ว่าการบรรจุ หีบห่อน้ันสามารถนาเสนอข้อความท่ีสาคัญ เพื่อแจ้งให้ลูกค้ารับทราบ สร้างความ
สวยงามของการบรรจุหีบห่อ และช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้หันมามองสินค้าได้ ทาให้ลูกค้า
เกิดความพึงพอใจและกลับมาซ้ือซา้ ได้ 6) การเลอื กสถานที่ตงั้ ของโรงงานและการจดั การคลงั สินค้า มี
พน้ื ท่ีตง้ั ตลาดติดกับด่านถาวรบ้านเขาดนิ ทาให้พอ่ ค้าแม่ค้าชาวกมั พูชาเข้ามาค้าขายสินค้าจานวนมาก
ประชาชนที่มาท่องเท่ียวและลูกค้าท่ีต้องการซ้ือสินค้าที่มีความหลากหลาย จากสินค้าของทั้งสอง
ประเทศ ทาใหม้ ผี ลต่อการกระตนุ้ เศรษฐกิจตลาดชายแดนแห่งน้ีเป็นอย่างมาก เกดิ การจับจา่ ยใช้สอย
มากย่งิ ขน้ึ 7) การบรหิ ารสินค้าคงคลงั มีการจัดวางหมวดหมู่แยกประเภทสินค้าไมว่ างสินค้าปะปนกัน
มกี ารจดั เก็บสินคา้ ส่งิ ของวัสดุอุปกรณภ์ ายในร้านคา้ เป็นระเบียบเรยี บร้อย มีการตรวจดูแลรักษาความ
สะอาดภายในท่ีจัดเก็บสนิ คา้ ทาให้ดงึ ดดู ความสนใจของประชาชนหรอื ลกู ค้าทเี่ ดินเลือกซอื้ สนิ ค้าหน้า
ร้าน และลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกรวดเร็วข้ึน 8) การขนส่ง มีเส้นทางการคมนาคมสู่ตลาด
สะดวก มปี ้ายจราจรเพอื่ บอกเส้นทางเข้าสตู่ ลาดเขา้ ใจงา่ ย มชี ่องทางการเขา้ -ออกภายในตลาดสะดวก
มีสถานที่จอดรถเพียงพอ มีจุดจอดรถบัสเพียงพอ มีจุดจอดรถรับจ้างสาธารณะเพียงพอ มีจุดจอดรถ
ของผู้พิการใกลก้ ับตลาดและเห็นได้ง่าย มกี ารคดิ อัตราเก็บค่าที่จอดรถทีค่ วามเหมาะสม มีป้ายจราจร
เพื่อบอกเส้นทางภายในตลาด มีป้ายจราจรท่ีเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเขมร มีความ
กว้างของถนนภายในตลาดเหมาะสมให้รถยนต์วิ่งสวนทางกันได้ จะช่วยพัฒนาให้ตลาดชายแดนมี
โครงสร้างของการคมนาคมภายในตลาดที่เป็นระเบียบมากขึ้น ลดความวุ่นวาย ลดความแออัด และ
เพิ่มประสิทธภิ าพให้การใช้สอยพืน้ ท่ถี นนในตลาดได้ 9) โลจิสติกส์ย้อนกลับ ทางร้านยินยอมให้ลูกค้า
เปลี่ยนคืนสินค้าที่ชารุดเสียหายหรือบกพร่อง ทาให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในการให้บริการหลงั การ
ขายจากทางร้าน และการส่งคนื พาเลทหรอื กล่องบรรจุพลาสตกิ กลบั ให้แก่ทางรา้ นคา้ เปน็ การชว่ ยลด
ขยะภายในตลาดทีม่ ปี ริมาณมากได้
329
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ขอ้ เสนอแนะในการทาวิจัยครงั้ ต่อไป
1. ศึกษาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ของโลจิสติกส์ข้ามแดนโดยเปรียบเทียบ
กับโลจิสติกส์ชายแดนของภาคอ่นื ของประเทศไทย
2. ศึกษาทัศนคติของผู้ประกอบการนักลงทุน พ่อค้าแม่ค้า และผู้บริโภคที่มีต่อตลาด
การคา้ ชายแดน โดยเปรียบเทียบกบั การพฒั นา การลงทนุ และการทอ่ งเทย่ี ว
เอกสารอา้ งอิง
กรมการค้าต่างประเทศ, กระทรวงพาณชิ ย์. (2563). รายงานสถติ ิการค้าชายแดนผา่ นแดนปี 2561-
2563 (มค.-ธค.). สบื ค้นจาก https://www.dft.go.th/bts/show-detail-
bts/ArticleId/17273/-63-1-2-3
กรมการค้าต่างประเทศ, สานักสง่ เสรมิ การค้าชายแดนและมาตรการพิเศษทางการค้า. (2563).
รูปแบบการคา้ ชายแดน. สบื คน้ จาก https://www.dft.go.th/bts/bts-trader
กองเขตแดน กรมสนธิสญั ญาและกฎหมาย. (2563). ขอ้ มูลเขตแดน. สบื คน้ จาก
http://bigdataexperience.org/demand-forecasting
กองความร่วมมอื การค้าและการลงทนุ . (2563). คานยิ ามการคา้ ชายแดน/ผา่ นแดน. สบื ค้นจาก
https://www.dft.go.th/bts/bts-trader.html
กองโลจิสตกิ ส์ กรมสง่ เสริมอุตสาหกรรม. (2563). โลจิสตกิ ส์ นิยามและความหมาย. สืบค้นจาก
https://dol.dip.go.th/th/category/html
ดา่ นศุลกากรอรัญประเทศ สานักงานศลุ กากรภาคที่ 1. (2563). ช่องทางการนาเข้า-ส่งออก. สืบคน้
จาก http://www.arancustoms.org.html
ทพิ ย์สดุ า ธรรมลาภากลุ . (2560). การเมอื งในการกาหนดนโยบายพน้ื ทเี่ ศรษฐกจิ การค้า
ชายแดนจดุ ผา่ นแดนถาวรช่องสะงา อาเภอภสู ิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ. (วิทยานิพนธ์
ปรญิ ญามหาบัณฑติ , มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์).
ประชาชาติธรุ กิจ. (2561). สระแก้ว”เปดิ จดุ ผา่ นแดนถาวรแห่งท่ี 2 บา้ นเขาดิน หนนุ คา้ ชายแดน-
เขต ศก. พิเศษ. สืบค้นจาก https://www.prachachat.net/local-economy/news-
138014.html
มณีรัตน์ การรักษ.์ (2558). การพฒั นาตลาดการค้าชายแดนไทย-กมั พชู ากรณีศกึ ษาตลาดการคา้
ชายแดนชอ่ งจอม จังหวัดสุรินทร์. วารสารมหาวิทยาลยั นครพนม, 5(1). 35.
รฐั บาลไทย. (2564) .รัฐมนตรีเกษตรฯ ตรวจเยย่ี มด่านผ่านแดนบา้ นเขาดนิ จ.สระแกว้ .
สบื ค้นจาก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/35838
วัชระ วธั นารวี และภูมิพัฒน์ ม่ิงมาลยั รักษ์. (2562). การสังเคราะห์องคค์ วามรู้ในด้าน
ความสามารถในการแขง่ ขันของธรุ กิจการค้าชายแดน จงั หวัดเชียงราย. วารสารวิทยาการ
จัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย, 14(1). 25.
สานักงานจงั หวัดสระแก้ว. (2561). แผนพัฒนาจงั หวัด5ปี (พ.ศ.2561-2565). สืบคน้ จาก
http://www.sakaeo.go.th/websakaeo/news_devpro.html
สธุ ี ปิงสทุ ธิวงศ์. (2556). Essential management tools for performance excellence.
กรุงเทพฯ: สถาบนั เพม่ิ ผลผลิตแหง่ ชาตกิ ระทรวงอตุ สาหกรรม
330
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
Grant, D., Lambert, D. M., Stock, J. R., & Ellram, L. M. (2006). Fundamental of
Logistics Management. Retrieved from https://cscmp.org/html
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities.
Educational and Psychological Measurement, 30, 607-610.
331
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
การศึกษากลยทุ ธ์ทางการตลาดของผปู้ ระกอบการธรุ กิจมัดย้อม
ในอาเภอธัญบุรี จังหวดั ปทุมธานี
รุ่งณภา ประภานสี1
นักศึกษาปริญญาตรีหลกั สตู รบริหารธรุ กิจบณั ฑิต คณะบริหารธรุ กิจ
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี
ดลยา จาตรุ งคกุล และ พูนศักด์ิ พลู เมอื งรัตน์
อาจารย์ประจาสาขาวิชาการตลาด คณะบรหิ ารธรุ กจิ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี
บทคัดยอ่
การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ข้อมูลพ้ืนฐานทางธุรกิจ สภาพจุดแข็ง จุดอ่อน
โอกาส อุปสรรค และการบริหารจัดการของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม และ 2) กลยทุ ธท์ างการตลาด
ของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ของ
ผู้ประกอบการธรุ กิจมัดย้อมและกลุ่มสตรี ซง่ึ เป็นผ้หู ญงิ ทง้ั หมด จานวน 7 คน เครอ่ื งมอื ในการวิจัยเป็น
แบบสัมภาษณ์เชิงลึกโดยเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสาคัญและใช้การเลือกแบบเจาะจงผู้ให้ข้อมูลสาคัญ
ผลการวิจัย พบว่า ผูป้ ระกอบการเร่ิมต้นจากความชอบงานศิลปะและขยายกลายเปน็ ธุรกิจทมี่ ีกลุ่มสตรี
ร่วมกันสร้างสรรค์งานเป็นผลิตภัณฑ์มัดย้อม มีรูปแบบการแบ่งงาน ประกอบด้วยประธานกลุ่ม ฝ่าย
ออกแบบ ฝ่ายตัดเย็บ ฝ่ายบัญชี และการตลาด มีรูปแบบการทางานแบบมีส่วนร่วมในกลุ่ม มี
กระบวนการผลิต 5 ขั้นตอน คือ ออกแบบตัดผ้า การตัดเย็บ การลงครามและสีพร้อมทาลวดลาย การ
รีด และการวางขายสินค้า จุดแข็ง คือ ทาด้วยมือลวดลายไม่ซ้าและเป็นเอกลักษณ์มีความหลากหลาย
จุดอ่อน คือ เป็นสินค้าท่ีไม่มีช่ือเสียง ไม่นาเสนอข้อมูลทางออนไลน์และการส่งเสริมการขายที่ไม่ดึงดูด
ใจ โอกาส คือ ลูกค้านิยมสินค้าทาด้วยมืออย่างกว้างขวางและรัฐให้ความสาคัญและส่งเสริม และ
อุปสรรค คือ มีคู่แข่งจานวนมาก ต้นทุนวัตถุดิบมีความผันผวน สภาพคู่แข่งขันทางการตลาดมีท้ัง
ทางตรงและทางอ้อม คือ ร้านแฟชั่นท่ัวไปประเภทเสื้อผ้า กลยุทธ์ทางการตลาด ประกอบด้วย 1)
ผลิตภัณฑ์ เน้นลวดลายความประณีต 2) ราคาที่เหมาะสมมีหลายระดับตามกลุ่มเป้าหมาย 3) ช่อง
ทางการจัดจาหน่ายท้ังแบบหน้าร้านและออนไลน์ และ 4) การส่งเสริมการตลาดผ่านโฆษณาสื่อ
ออนไลน์เช่นช่องในยูทูป กลยทุ ธก์ ารสื่อสารการตลาด ประกอบดว้ ย ระยะส้นั 1 ปี ทาใหเ้ ป็นท่ีรู้จักรับรู้
ในคณุ ค่าและตวั ตนของตรา และระยะกลาง 2-3 ปี เจาะกลมุ่ เป้าหมายลูกค้าใหม่ที่ทันสมัยปรับปรุงและ
พฒั นาอยา่ งต่อเนอื่ ง
คาสาคัญ: ผา้ มดั ยอ้ ม กลยทุ ธ์การตลาด ผูป้ ระกอบการ จงั หวัดปทมุ ธานี
1 นักศกึ ษาปริญญาตรีหลักสตู รบริหารธรุ กจิ บัณฑิต คณะบรหิ ารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี
ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12110 หมายเลขติดตอ่ : 082-659-2154 อีเมล: [email protected]
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
MARKETING STRATEGY OF TIE DYE CLOTH ENTREPRENEUR
IN THANYABURI DISTRICT PATHUM THANI PROVINCE
Rungnapa Prapansri1
Undergraduate Students, Bachelor of Business Administration, Faculty of Business Administration
Rajamangala University of Technology Thanyaburi
Dolaya Chaturongkul and Poonsak Poolmuangrat
Lecturer at Department of Marketing, Faculty of Business Administration
Rajamangala University of Technology Thanyaburi
Abstract
This research aims to 1) to learn the basics of business. strengths, weaknesses,
opportunities, obstacles and management of tie-dye business operators and 2) to study
the marketing strategy of tie-dye business operators in Thanyaburi District, Pathum Thani
Province. This is qualitative research, member of community enterprises 7 people by in-
depth interviews. Research tools are in-depth interviews, collecting information from key
informants and using selecting specific, important informants. The results showed
Entrepreneurs It was found that it started out as a passion for art and expanded into a
business where a group of women created the work as a tie-dye product. There is a
divisional model, there is a group president. The 5-step manufacturing process is fabric,
sewing, indigo and color printing and patterning, extrusion and merchandising. The
strength is that handmade, unique and unique patterns are diverse. The weakness is that
it is an unreputable product. The opportunity is that customers prefer handmade
products widely and the state values and promotes them, and the obstacle is that there
are many competitors. The condition of marketing competitors, directly or indirectly, is
a general fashion store of clothing type. Marketing strategy consists of 1) products
focused on fine patterns, 2) reasonable prices, multiple levels according to the target
audience. 3) Storefront and online distribution channels and 4) marketing promotion
through online media ads such as YouTube channels. Marketing communication strategy
consists of short-term 1 year, recognizing the value and identity of the badge, and
medium term for 2-3 years, targeting new customers who are modern, constantly
improving and evolving.
Keywords: Tie Dye Cloth, Strategy Marketing, Entrepreneur, Pathum-Thani Province
1 Corresponding Author: Undergraduate Students, Bachelor of Business Administration
Faculty of Business Administration, Rajamangala University of Technology Thanyaburi
Contact Number: +6682-659-2154 Email: [email protected]
333
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
บทนา
ผ้ามัดย้อม (Tie-dye) กาลังกลับมาเป็นแฟชั่น แม้ว่าสีของผ้ามัดย้อมในปี 2019 จะไม่จัด
จ้านเหมือนสีของผ้ามัดย้อมท่ีเป็นแฟช่ันในทศวรรษ 1960 แต่ยังคงนาสีต่างๆจานวนมากเข้าสู่แฟชั่น
(ศนู ย์ข้อมูลเพอ่ื ธุรกิจไทยในสหรัฐฯ, 2562) สาหรับผ้ามดั ย้อมของไทยนนั้ ได้รับความสนใจและสร้างช่ือ
ให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก อีกท้ังยังสร้างประโยชนต์ ่อผู้บริโภคและส่ิงแวดล้อม (bltbangkok,
2020) นอกจากในสหรัฐอเมริกาแล้วผ้ามดั ย้อมยังได้รับการยอมรับในอังกฤษ ซึ่งได้นาเสนอฝีมือและ
ภูมิปัญญาท้องถ่ินของชุมชนในแนวคิด “Enchanted Wonderland” หรือมนต์เสน่ห์แห่งดินแดน
มหัศจรรย์ เพ่ือเชิดชูคุณค่าทางวัฒนธรรมของผ้ามัดย้อมท่ีเลือกใช้วัสดุธรรมชาติอันเป็นมิตรแก่
สิ่งแวดล้อม ผ่านการนาเสนอเป็นเสื้อผ้าและแอคเซซอรี่ต่าง ๆ สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับการ
แตง่ กายในชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างงา่ ยดาย
สถานการณ์อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า
ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมส่ิงทอและเครื่องนุ่งห่มไทย ในเดือนกุมภาพันธ์
2564 พบวา่ การส่งออกสิ่งทอและเคร่อื งนุ่งห่ม มมี ลู ค่า 501.9 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ ปรบั ตัวลดลงร้อย
ละ 12.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน (YoY) แบ่งเป็น (1) การส่งออกกลุ่มส่ิงทอ มีมูลค่า 314.5
ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 13.1 และ (2) การส่งออกกลุ่มเครื่องนงุ่ ห่ม มีมูลค่า 187.4
ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 11.5 ขณะทีภ่ าพรวมการนาเข้าของอุตสาหกรรมดงั กล่าว มี
มูลค่า 390.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพ่ิมขึ้นร้อยละ 27.7 แบ่งเป็น (1) การนาเข้ากลุ่มส่ิงทอ มี
มูลค่า 257.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพ่ิมข้ึนร้อยละ 30.9 (สถาบันพัฒนาอุตสากรรมส่ิงทอ,
2564) แม้ว่าจะลดลงหากแต่ด้วยกระแสนยิ มและฝีมือของผ้าไทยน้ันย่อมส่งผลให้ผ้าไทยยังเติบโตไป
ได้ทัง้ ในและต่างประเทศ
สาหรับธุรกิจมัดย้อมในประเทศไทยปัจจุบันพบว่า สภาพการณ์ตลาด เสื้อผ้ามัดย้อม มี
ความเติบโต ได้อย่างต่อเนอ่ื ง และจะมียอดขายที่สูงขึ้นกว่าปกติ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะคน
ไทย มักจะใสเ่ ส้ือผา้ มดั ยอ้ ม ในชว่ งเวลาน้ี (nuruai, 2562) ความโดดเดน่ ของงานผ้ามัดย้อมนัน้ อยทู่ ส่ี ี
ย้อมมคี วามเป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะตวั โดยมีเฉดสีให้ลูกค้าเลอื กถงึ 40 กว่าเฉดสีตอ่ แบบ และเสอ้ื ผ้าทุก
ชดุ ถูกออกแบบมาเพื่อลูกคา้ ท้งั ประจาและขาจร เป็นงานแฮนดเ์ มดทุกตัว มีเทคนิคการย้อมเฉพาะใน
แบบของเราเอง ผ้าท่ีเราเลือกใช้ก็เป็นผ้าเรย่อน (Rayon) ร้อยละ 100 จึงทาให้สวมใส่สบาย ไม่รอ้ น
อึดอัด ใส่สบาย และทนทานต่อการซักเครื่องและซักมือ (เดลินิวส์, 2558) หากแต่ในทุกวันนี้การ
แข่งขันท่ีสูงขึ้น รูปแบบความชอบ การเลือกซื้อ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปรวมถึง
ผู้บริโภคที่ซ้ือเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดย้อมด้วยเช่นกัน บางคร้ังรูปแบบ ลวดลาย ก็ไม่สนองต่อ
ความต้องการและทาให้ขายไมไ่ ด้ จนทาให้ปิดกจิ การในท่สี ุด
ด้วยเหตุน้ีเองผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาเก่ียวกับข้อมูลพ้ืนฐานทางธุรกิจ สภาพจุดแข็ง
จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค และการบริหารจัดการของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม และศึกษากลยุทธ์
ทางการตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม ซึ่งเป็นหน่ึงในผ้าไทยท่ีกาลังได้รับความนิยม และได้
ทาการศึกษาในอาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อนามาเป็นแนวทางในการพัฒนาผู้ประกอบการ
ธุรกจิ มดั ยอ้ มในประเทศไทยต่อไป
334
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
วัตถปุ ระสงค์ในการวจิ ัย
1. เพ่อื ศึกษาขอ้ มลู พื้นฐานทางธรุ กิจ สภาพจุดแข็ง จดุ อ่อน โอกาส อุปสรรค และการบริหาร
จัดการของผปู้ ระกอบการธรุ กิจมัดยอ้ มในอาเภอธญั บุรี จงั หวัดปทมุ ธานี
2. เพื่อศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอธัญบุรี จังหวัด
ปทมุ ธานี
ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จาการศึกษา
ประโยชน์ตอ่ การนาไปใช้
ทาให้ผู้บริหารและผู้ที่เก่ียวข้องกับการบริหารจัดการทางการตลาดของผู้ประกอบการ
ธุรกิจมัดย้อมในจังหวัดปทุมธานีและจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศสามารถนาข้อมูลพื้นฐานทางธุรกิจ
สภาพจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมเพ่ือใช้เป็นพ้ืนฐานและ
นามาปรับการบริหารไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ
ประโยชน์ทางวชิ าการ
ผู้สนใจศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจมัดย้อมสามารถนาเอาข้อมูลด้านกลยุทธ์ทางการตลาดของ
ผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานีไปเป็นองค์ความรู้ต่อยอดการศึกษาเรื่อง
การบรหิ ารจดั การธรุ กิจเกี่ยวกับผ้าอ่ืนๆ ไดต้ ่อไป
นิยามศพั ท์เฉพาะ
ผ้ามัดย้อม หมายถึง กระบวนการทาให้ผ้าสีขาวเกิดลวดลายด้วยการมัดย้อมด้วยอุปกรณ์
หรอื วัสดุ เช่น เชอื ก ยาง ไม้ไอศกรีม โดยการสร้างลวดลาย เชน่ การพับ การมัด การเย็บ การขยา การ
หนบี การสร้าลวดลายเปน็ การสร้างออกมาจากจินตนาการ ลายผา้ มัดยอ้ มท่ีได้ก็จะไมเ่ หมือนใคร
ย้อม หมายถึง ชุบด้วยสี อาบดว้ ยสี ทาให้ดา้ ย ไหม หรอื ผ้า เปน็ ตน้ เปน็ สตี า่ งๆ ดว้ ยการชุบ
ลงในน้าสี ท้ังน้ี มัดหม่ีกับมัดย้อมจึงต่างกันท่ีกรรมวิธีการทามัดหม่ีเป็นการนาเส้นใยมามัดแล้วย้อมสี
แล้วจึงนาเส้นใยมาทอเป็นผืนผ้าให้เกิดลวดลาย ส่วนมัดย้อมเป็นการนาผ้าทอสีพ้ืนมามัดและย้อมให้
เกดิ ลาย ความหมายของคาว่ามัดย้อมบ่งชี้ความเปน็ ลกั ษณะเฉพาะของเทคนิคการทา
การย้อมสีธรรมชาติ หมายถึง กระบวนการย้อมสีเส้นด้ายก่อนการทอเป็นผืนผ้าด้วยสีย้อม
จากธรรมชาติ
สารช่วยย้อม หมายถึง สารละลายที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตตามธรรมชาติ เพื่อทาให้สี
ยอ้ มจากธรรมชาติตดิ เสน้ ใยได้ดขี ้นึ ไดแ้ ก่ นา้ ดา่ ง เกลอื แกง และสารส้ม เปน็ ตน้
กลยุทธ์ทางการตลาด หมายถึง แนวทางที่ทาให้ของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอ
ธญั บรุ ี จังหวดั ปทุมธานี ประสบความสาเร็จหรือเกิดการได้เปรียบทางการแข่งขัน ประกอบด้วย 1) กล
ยุทธ์ทางการตลาด ประกอบดว้ ย ดา้ นผลิตภัณฑ์ ดา้ นราคา ดา้ นช่องทางการจัดจาหน่าย และด้านการ
ส่งเสริมการตลาด และ 2) กลยุทธก์ ารสอื่ สารการตลาด ท้ังในระยะสั้น และระยะกลาง
335
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021 กลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการ
กรอบแนวคิดในการวิจยั ธุรกิจมัดย้อม
ในอาเภอธัญบรุ ี จังหวัดปทุมธานี
ขอ้ มูลพน้ื ฐานของผู้ประกอบการธรุ กิจ
มดั ยอ้ ม 1) กลยทุ ธ์ทางการตลาด ประกอบดว้ ย
- ดา้ นผลิตภณั ฑ์
1) ข้อมูลทั่วไปของผู้ประกอบการ - ดา้ นราคา
2) ข้อมูลกลยุทธ์ทางการตลาดของ
- ด้านชอ่ งทางการจัดจาหน่าย
ผู้ประกอบการ - ด้านการส่งเสริมการตลาด
สภาพจุดแข็ง จดุ อ่อน 2) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาด ท้งั ในระยะ
โอกาส และอปุ สรรค สนั้ และระยะกลาง
ของผ้ปู ระกอบการธุรกิจมัดย้อม
สภาพคู่แขง่ ขัน
ทางการตลาดของผู้ประกอบการ
ธรุ กจิ มัดยอ้ ม
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจยั
การทบทวนวรรณกรรม
การวิเคราะห์จดุ แข็ง จดุ อ่อน โอกาส และอปุ สรรค
ในการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนหรือการพัฒนาแนวทางการส่งเสริมหรือการทา
ตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนน้นั จาเป็นอย่างย่งิ ท่ีต้องทาความเข้าใจเก่ียวการวิเคราะหง์ านที่เป็น
จดุ แขง็ จุดอ่อน โอกาส หรอื อปุ สรรค เพือ่ ให้ไดม้ ีแนวทางการวิเคราะห์ ปรดี ี โชติชว่ ง (2539) ได้อธิบาย
เทคนิค SWOT analysis ในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก ได้แก่
1. S มาจากคาว่า Strength คือ จุดแข็งหรือจุดเด่นท่ีเสริมสร้างให้หน่วยงานเข้มแข็งขึ้น
หรอื ความสามารถหรือสถานการณภ์ ายในท่ีเปน็ บวกซ่ึงองค์กรนามาใช้ประโยชน์ในการทางาน
2. W มาจากคาว่า Weakness คือจุดอ่อน หรืออาการป่วยของหน่วยงานหรือหมายถึง
อาการภายในองค์กรท่เี ป็นด้านลบและด้อยความสามารถ ซ่ึงองค์กรไมส่ ามารถนามาใชป้ ระโยชน์ในการ
ทางานเพื่อบรรลุวัตถปุ ระสงค์
3. O มาจากคาว่า opportunity คือ โอกาสที่หน่วยงานจะได้รับการพัฒนาไปอย่าง
ตอ่ เนอ่ื งหรือปัจจัยและสถานการณภ์ ายนอกท่เี อ้ืออานวยให้การทางานขององคก์ รบรรลวุ ัตถุประสงค์
4. T มาจากคาว่า Threat คือ อุปสรรค ข้อจากัด แรงกดดันหรืออันตรายที่บั่นทอน
ความก้าวหน้าขององค์กรหรอื ปัจจยั ภายนอกที่สง่ ผลลบต่อความสาเร็จขององค์กร
สาหรับการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค สามารถนามาใช้ประกอบการ
วิเคราะห์ของการศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม ในอาเภอธัญบุรี จังหวัด
ปทุมธานีเพื่อให้ทราบถึงข้อมูลผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมและเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการ
ต่อไป
336
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
กลยุทธส์ าหรบั การบรหิ ารจัดการของผู้ประกอบการ
การจัดการของผู้ประกอบการธุรกิจผ้ามัดย้อมน้ันต้องให้ความสาคัญกับกลยุทธ์ท่ี
เกี่ยวข้องได้แก่ กลยุทธ์การตลาด กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด กลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาด และ
กลยทุ ธ์อ่นื ๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ดงั น้ี
กลยุทธ์การตลาดของผู้ประกอบการสามารถอธิบายได้จากส่วนประสมทางการตลาด
(marketing mix 4Ps) Kotler, P. and Keller, K. (2012) ประกอบด้วย ด้านผลิตภัณฑ์ (product)
เป็นสง่ิ ท่กี ิจการเสนอขายเพ่ือตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ด้านราคา เปน็ ส่ิง
ท่ีกาหนดถึงคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจาหน่าย ช่องทางการส่ือสาร และยังเป็นส่ิงที่
แสดงถึงคุณค่าของตราสนิ ค้าหรือตัวสนิ ค้า ดา้ นการจัดจาหน่าย การสง่ มอบทรี่ วดเร็ว ชอ่ งทางการซ้ือที่
มีความหลากหลาย และการให้บริการเพิ่มเติมที่มากขึ้นจะทาให้ระดับการให้บริการของช่องทางการจัด
จาหน่ายเพ่ิมขึ้นตามไปด้วย และ ด้านการส่งเสริมการตลาด กิจการเลือกใช้หลายเคร่ืองมือในการ
สื่อสารโดยใช้หลกั การสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการเพอื่ ให้ทาการตลาดไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ
โดยกลยุทธ์การส่งเสริมทางการตลาดน้ัน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ( 2564) มี
วัตถุประสงค์พื้นฐานเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร เพื่อจูงใจ และเพ่ือเตือนความจา โดยกลยุทธ์การส่งเสริม
การตลาด ได้แก่ การโฆษณา (advertising) การขายโดยใช้พนักงานขาย (personal selling) การสาธิต
และวิธีการใช้สนิ ค้า การแจกสินค้าตัวอย่าง การใช้คูปอง การให้ของแถม การใชแ้ สตมปก์ ารค้า การลด
ราคาสินค้า และการเพ่ิมขนาดบรรจุ ซึ่งปัจจุบันเน้นแนวทางการส่ือสารการตลาดเชิงบูรณาการ IMC
จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายต้องใช้เครื่องมือสื่อสารหลายรูปแบบเพ่ือให้เกิดประสิทธิผล
ทางการส่ือสาร ซ่ึง Kolter (2003, p. 630) แบ่งเครื่องมือเป็น 5 เครื่องมือหลัก คือ การโฆษณา การ
ประชาสัมพนั ธ์ การสง่ เสริมการขาย การใช้พนักงานขาย และการตลาดทางตรง
ระเบียบวิธกี ารวจิ ยั
เปน็ การวิจยั เชิงคุณภาพ โดยใช้การเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสาคัญ
หรือผู้ให้ข้อมูลหลัก และกาหนดหัวข้อและคาถามสาหรับสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้างผู้ให้ข้อมูล
หลกั หรือผ้ใู ห้ข้อสาคญั ใช้เวลา 30 -60 นาที (Gaskell, 2000, p. 51) จากน้ันเลือกบคุ คลสัมภาษณ์แบบ
เฉพาะเจาะจงของผ้ปู ระกอบการธุรกิจมัดย้อมและกลุ่มสตรี ซ่งึ เปน็ ผหู้ ญิงทงั้ หมดจานวน 7 คน
ตารางท่ี 1 สรปุ ผู้ใหข้ ้อมลู หลักสาหรับการสัมภาษณ์เชิงลึก
คุณสมบตั ิของผูใ้ ห้ขอ้ มูลสาคัญ ประธานกลมุ่ สมาชิกกลมุ่ ผู้ จานวนผใู้ ห้
รว่ มก่อต้ัง ข้อมูลสาคญั
(หัวหน้าผู้
(คน) (คน)
กอ่ ตง้ั ) (คน) 3 4
ผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมและกลุ่มสตรี(สัมภาษณ์ ณ 1 3 3
ทต่ี ัง้ ของกลุม่ ) รวมทัง้ สิ้น 7
ผปู้ ระกอบการธุรกจิ มัดย้อมและกลุ่มสตรี(สัมภาษณ์ ณ ที่
บา้ นของสมาชกิ กลมุ่ เนื่องจากแยกช้ินงานไปทาตามบ้าน)
337
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ขอบเขตในการศึกษา
ขอบเขตด้านพ้ืนท่ี ศึกษาสถานประกอบการผ้ามัดย้อม ในพื้นท่ีอาเภอธั ญบุรี
จังหวัดปทุมธานี (เก็บข้อมูลผู้ประกอบการรุ่งทิวาผ้ามัดย้อม เลขที่ 125/944 หมู่ 3 ถนนรังสิต -
นครนายก ตาบลบึงสนัน่ อาเภอธัญบรุ ี จังหวดั ปทุมธานี 12110)
ขอบเขตด้านเวลา ทาการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล ระหว่างปพี ทุ ธศกั ราช 2563
ผลการวิจยั
วัตถุประสงค์ข้อท่ี 1 เพ่ือศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางธุรกิจ สภาพจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส
อปุ สรรค และการบริหารจัดการของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
จากการสัมภาษณผ์ ู้ให้ข้อมูลสาคญั พบว่า
1) ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้ประกอบการ
1.1) ประวัติผู้ประกอบการ พบว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากความชอบในงานศิลปะผ้ามัด
ยอ้ มเรม่ิ เรียนรู้ ทาใชเ้ อง และจาหน่ายจนเปิดโอกาสให้กลุ่มสตรีหรือกลุ่มบุคคลท่ัวไปเรียนรู้เสริมอาชีพ
เพือ่ พฒั นาดา้ นความคิดและสร้างงาน จากนนั้ จึงไดต้ ่อยอดพัฒนาเป็นการสร้างแบรนดร์ ุ่งทวิ าผ้ามัดย้อม
โดยรับผลงานจากกลุ่มสตรีมาขายในร้าน ปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายและกลุ่มเป้าหมายขยายจากกลุ่ม
ทั่วไปไปยังกลุ่มวัยรุ่นเน้นสวมใส่ง่าย มีสไตล์ และมีเอกลักษณ์ โดยเราเน้นและให้ความสาคัญกับ
ขั้นตอนการผลิตและเน้นการใช้ฝีมือ เน้ือผ้า สี และกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย นอกจากน้ียังพบว่า
สินค้าทม่ี ีของกลมุ่ ประกอบดว้ ยเส้อื ผา้ กระเป๋า ผา้ คลมุ ไหล่ ตามยคุ สมยั ดังภาพ
ภาพที่ 2 ผลติ ภัณฑ์ของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
1.2) นโยบายของผู้ประกอบการ พบว่า มีประธานกรรมการของกลุ่ม ฝ่ายออกแบบ
ฝ่ายตัดเย็บ ฝ่ายบัญชี และการตลาด ซึ่งเป็นกลุ่มขนาดเล็กไม่ซับซ้อนกาหนดผู้รับผิดชอบง่าย ๆ มีการ
บรหิ ารงานและหารายได้เข้ากลุ่ม เน้นการผลติ ท่ีมีคุณภาพมีมาตรฐานเพื่อให้ลูกค้าพอใจและสร้างความ
โดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ ผู้บริหารและทีมงานของกลุ่มมีส่วนร่วมและช่วยเหลือซ่ึงกันและกันทางาน
ร่วมกันทุกหนา้ ท่ี แม้จะมีการแบง่ ตาแหน่งหน้าทไี่ วก้ ็ตาม สรุปได้ดงั ภาพ
338
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
ฝ่ายออกแบบ ทาหนา้ ท่ีดูแล ออกแบบลวดลาย แบบเสอ้ื ผ้าและ
ผ้าคลุมไหล่
ประธานกลุ่ม ฝ่ายตัดเย็บ ทาหน้าที่ดูแล แผนกตัด เย็บ ตรวจสอบ QC พับ
และรดี บรรจุลงในกลอ่ ง
ฝ่ายบญั ชแี ละการตลาด ทาหน้าที่ดูแลการซื้อวัตถุดิบ และการรับ
ออเดอร์ทล่ี กู ค้าสัง่ ซือ้ และราคาของสินคา้
ภาพที่ 3 โครงสร้างองค์กรของผปู้ ระกอบการธรุ กิจมัดยอ้ มในอาเภอธัญบรุ ี จังหวดั ปทุมธานี
1.3) กระบวนการผลิตของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอธัญบุรี จังหวัด
ปทุมธานี พบว่า ข้ันแรกต้องออกแบบตัดผ้า ขั้นที่สองการตัดเย็บเสื้อ กระเป๋า กางเกงและผ้าคลุมไหล่
ขน้ั ทส่ี ามลงครามและสีพร้อมทาลวดลาย ขัน้ ทีส่ กี่ ารรีด และข้ันทห่ี า้ คือการวางขายสินคา้
ขัน้ ท่ี 1 ขั้นท่ี 2 ขั้นที่ 3 ขัน้ ที่ 4 ขน้ั ท่ี 5
ออกแบบตัดผ้า การตดั เย็บ ลงคราม สี ลวดลาย การรดี การวางขายสนิ ค้า
ภาพท่ี 4 กระบวนการผลิตของผู้ประกอบการธรุ กิจมัดยอ้ มในอาเภอธญั บุรี จงั หวัดปทุมธานี
2) ขอ้ มลู การวเิ คราะห์ทางการตลาดของผู้ประกอบการ
2.1) การวิเคราะหจ์ ุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส อปุ สรรค พบว่า
จุดแข็ง ของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม คือเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีทาด้วยมือ อีกทั้ง
ลวดลายไม่ซ้ากับร้านอื่น เป็นเอกลักษณ์และมีความหลากหลาย กลุ่มเรามีการเจาะกลุ่มเป้าหมายทุก
เพศ ทกุ วัย และเรามีระบบจัดสง่ ที่รวดเร็ว ดังมรี ายละเอียดของจุดแข็งดงั ต่อไปนี้
- เปน็ ผลิตภณั ฑ์ Handmade
- ลวดลายไม่ซ้ากับร้านอื่น เปน็ เอกลกั ษณ์
- เจาะกลุ่มเปา้ หมายทุกเพศ ทกุ วยั
- มรี ะบบจัดส่ง Delivery ทร่ี วดเร็ว
- มคี วามหลากหลายในด้านผลิตภัณฑ์
จุดอ่อน ของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม คือเป็นสินค้าท่ีไม่ใช่แบรนด์ท่ีมีชื่อเสียง
กาลังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ไม่มีการอัพเดทข้อมูลทางแหล่งข้อมูลทางออนไลน์
และไม่ไดจ้ ดั ทาโปรโมชั่นทนี่ า่ สนใจและไม่ดึงดูดใจลูกค้า ดังมรี ายละเอยี ดของจุดออ่ นดังต่อไปน้ี
- ไม่ใชส่ นิ คา้ แบรนดด์ ัง
339
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
- ต้องคอยอพั เดทลวดลายให้ทันสมัยตลอดเวลา
- ผผู้ ลติ ไม่เพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของลูกค้า
- ไม่มีการอัพเดททางเว็บไซต์
- ไม่มกี ารจดั Promotion เพื่อดึงดดู ลูกคา้
โอกาส ของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม คือความนิยมปัจจุบันของลูกค้าและคน
ทั่วไปเก่ียวกับการใช้ของทีม่ าจากธรรมชาติทาให้เปน็ โอกาสของเรา และทาให้เราเติบโตขึ้นได้มาก กลุ่ม
ของเราได้รับความร่วมมือจากชุมชนกลุ่มอ่ืนและได้รับจากภาครัฐ ทุกวันนี้โลกออนไลน์เปิดกว้างทาให้
ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่าย และทางรัฐเองก็ได้ช่วยด้วยการจัดบูธมากขึ้นจึงทาให้ได้ออกบูธตามงาน
OTOP มากขนึ้ ดงั มรี ายละเอยี ดของโอกาส ดังต่อไปนี้
- เลอื กใชว้ ัตถดุ ิบท่ีมาจากธรรมชาติ
- มีโอกาสเติบทางธรุ กิจ
- ไดร้ บั ความร่วมมอื จากชุมชนรัฐวิสาหกิจ
- โลกออนไลนเ์ ปดิ กว้างทาใหล้ ูกค้าเข้าถึงสินค้าได้งา่ ย
- ได้ออกบูธตามงาน OTOP
อุปสรรค ของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อม คือปัจจุบันยังไม่มีความแพร่หลายใน
กลุ่มผู้ใช้ท่ัวไป เป็นธุรกิจท่ีมีจานวนมากจึงมีคู่แข่งทางธุรกิจสูง ต้นทุนสูงขึ้นจากผู้ผลิตผ้าทาให้ราคา
วัตถุดิบปรับตามสภาวะเศรษฐกิจจึงทาให้ไม่สามารถยืดหยุ่นทางราคาได้ อีกท้ังลูกค้ามีทางเลือกอ่ืน
มากกวา่ ดงั มีรายละเอยี ดของอุปสรรค ดงั ตอ่ ไปน้ี
- ไม่มีความแพรห่ ลายในกลุม่ ผู้ใชท้ ่วั ไป
- เปน็ ธุรกจิ ทีม่ จี านวนมากจึงมีคู่แข่งทางธรุ กิจสงู
- ตน้ ทุนสงู จงึ ทาใหไ้ มส่ ามารถยดื หยุน่ ทางราคาได้
- ลูกค้ามีทางเลอื กอ่นื มากกว่า
- ราคาวตั ถุดิบปรบั ตามสภาวะเศรษฐกิจ
2.2) การบริหารจดั การของผู้ประกอบการธุรกิจมดั ย้อม พบวา่ ประกอบดว้ ย ดงั นี้
1. การบริหารและทิศทางองค์กร ผู้ประกอบการธุรกิจผ้ามัดย้อมต้องการขยาย
ตลาดบน เนน้ งานคุณภาพ ไดผ้ ลตอบแทนสงู ทาใหร้ ายไดเ้ พ่ิม กาไรเพิ่ม สอดคลอ้ งกบั ตน้ ทนุ ค่าแรงงาน
ท่ีต้องจ่ายไป ซึ่งจะทาให้บริษัทสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งร้านต้องทาการผลิตในช้ินงานที่หลากหลาย
ลวดลายมากขึน้
2. ทรัพยากรบุคคลและแรงงาน ผู้ประกอบการธุรกิจผ้ามัดย้อมต้องหาพนักงานท่ี
มีประสบการณ์เพื่อเสริมการพัฒนาแรงงานให้ดีขึ้น เน้นพนักงานฝีมือดี มีความประณีต มีคุณภาพได้
มาตรฐานซ่ึงจะทาใหล้ ูกค้าเกิดความพงึ พอใจสูงสุด
3. การขายและการตลาด ผู้ประกอบการธุรกิจผ้ามัดย้อมขยายลูกค้าท่ีต้องการ
ผลติ งานท่ีหลากหลายลวดลายมากข้ึน มคี วามเป็นศิลปะ ซ่ึงร้านรุง่ ทิวาสามารถทางานที่โดดเด่นเพ่ือให้
ลกู คา้ พงึ พอใจ ปากตอ่ ปาก เป็นการสรา้ งฐานลกู คา้ ได้ในระดับหนึ่ง และใช้ Social Media มาให้บริการ
ลกู ค้าอกี ชอ่ งทางหนึ่ง
4. กระบวนการบริการ และการผลิต ผู้ประกอบการธรุ กิจผา้ มัดย้อมมีกระบวนการ
ผลิตที่เน้นคุณภาพ งานฝีมือที่เหนือกว่าร้านอ่ืน ๆ ใส่ใจกับกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนจนถึงการส่ง
สินคา้ ใหก้ ับลูกค้า
340
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
5. ปจั จยั การบริการและการจัดหาวัตถดุ ิบ ผปู้ ระกอบการธรุ กิจผ้ามัดย้อมมกี ารซื้อ
วัตถุดิบกับผู้ขายปัจจัยการผลิตในย่านพาหุรัด และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทาให้ได้วัตถุดิบมีคุณภาพ
ป้องกนั สนิ คา้ ขาดตลาด
6. เทคโนโลยีและนวตั กรรม ผู้ประกอบการธุรกิจผา้ มดั ยอ้ มในอนาคตมีแผนการใช้
เทคโนโลยีเขา้ มาช่วยในการทาการผลิต
7. การเงิน บัญชี และการบริหารต้นทุน ผู้ประกอบการธุรกิจผ้ามัดย้อมมีความ
สมดุลทาใหก้ ลมุ่ สามารถทาธรุ กิจและอยู่รอดได้
3) สภาพคแู่ ขง่ ขนั ทางการตลาด ประกอบด้วย
3.1) ค่แู ข่งขนั ทางตรง พบว่า ในเขตจังหวัดปทุมธานีและพนื้ ที่ใกล้เคียงน้นั มีคู่แขง่ ขัน
ทางตรงที่จาหน่ายผ้ามัดย้อมโดยการขายจานวนหลายราย แต่สาหรับผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อม นั้นมีคู่แข่ง
ขันจานวมากท่ีผลิตเพื่อการจาหน่าย ในด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งขันที่ผลิตในเขตจังหวัด
ปทุมธานีน้ัน ส่วนใหญ่จะมีลวดลายที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้รูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะรูปแบบน้ัน
คู่แข่งขันจะทาการผลิตอยู่ในรูปแบบเดียวกันคือ รูปแบบ ลวดลาย ราคาในการจาหน่ายก็อยู่ในระดับ
เดียวกัน ดังนั้นการตัดสินใจซ้ือของลูกค้าส่วนใหญ่จึงพิจารณาจากทาเลที่ต้ัง ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
และความสะดวกเป็นหลัก เช่น กลุม่ ร้านคา้ ผ้ามัดย้อมท่ัวไปโดยจาหน่ายเนน้ การขายส่งทาการผลิตโดย
ใช้วัตถุดิบในทอ้ งถนิ่
3.2) ค่แู ข่งขนั ทางอ้อม พบวา่ เป็นค่แู ข่งขนั ที่รา้ นแฟชน่ั ทวั่ ไป เพื่อจาหน่ายในลักษณะ
ของการ ขายส่งหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ อันได้แก่ ร้านแฟชั่นทั่วไป เป็นต้น ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัด
ปทมุ ธานแี ละพ้นื ทีใ่ กล้เคียง โดยประเภทเส้อื ผ้า เป็นหนงึ่ ในท่ีได้รบั ความนยิ ม
วัตถุประสงค์ข้อที่ 2 เพ่ือศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมใน
อาเภอธัญบุรี จังหวดั ปทมุ ธานี
จากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสาคญั พบวา่
1) กลยุทธ์ทางการตลาด
1.1) กลยทุ ธ์ผลิตภัณฑ์ (Product Strategy): การผลติ ตอ้ งเนน้ งานฝีมือและมคี ุณภาพ
การตดั เยบ็ การใสล่ วดลาย รายละเอยี ดตา่ ง ๆ ตอ้ งประณีต เพ่ือใหล้ ูกค้าเกดิ ความพงึ พอใจ
1.2) กลยุทธ์ราคา (Price Strategy): เป็นการต้ังราคาที่เหมาะกับกิจการที่มีสินค้า
ประเภทเดยี วกันแต่มหี ลายรูปแบบ หลายกล่ิน หรอื หลายสี โดยกาหนดตัวเลขระดับราคาที่จากดั เพียง
ไม่กรี่ ะดับราคาใหผ้ ู้บริโภคเลือกซ้อื เชน่ 580, 380 และ 220 บาท ซง่ึ จะทาใหผ้ ้บู ริโภคสามารถตัดสินใจ
ซอื้ ได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะแนวระดบั ราคาจะบ่งบอกถึงคุณภาพของผลิตภณั ฑ์น้ัน ๆ ดว้ ย
1.3) กลยุทธ์ช่องทางการจัดจาหน่าย (Place Strategy): ประกอบด้วย 2 แห่ง คือ
หน้าร้านฟิวเจอร์พารค์ รงั สติ และการขายทางออนไลน์
1.4) กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด (Promotion strategy): กลยุทธ์การส่งเสริม
การตลาดใดยใช้การโฆษณาผ่านส่ือออนไลน์เพอ่ื ให้ลกู ค้าเกิดการสนใจในตัวรุ่งทิวาผ้ามัดย้อมและยังทา
ให้ลูกค้าทยี่ ังไมร่ ู้จกั ร่งุ ทิวาผ้ามัดย้อมได้เป็นท่ีรู้จักจากการทาช่องในยูทูปให้คนโลกโซเชียวได้รู้จักความ
เป็นมา ความสวยงานของลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของร่งุ ทิวาด้วย
2) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาด ประกอบด้วย กลยุทธ์การส่ือสารการตลาดระยะสั้น คือ
1 ปี แรก และระยะกลาง 2-3 ปี
341
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
2.1) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดระยะสั้น 1 ปีแรก เพื่อทาให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก
นาเสนอสินค้ารูปแบบใหม่ของสินค้า โดย ทาการส่ือสารให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ในคุณค่าและตัวตนของ
ตรา “รุ่งทวิ าผ้ามัดยอ้ ม” โดยมงุ่ ทาการสื่อสารถึงตาแหน่งทางการตลาดที่กล่มุ ได้วางไว้ เพอ่ื ใหก้ ารสร้าง
ตราสนิ ค้าดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2.2) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดระยะกลาง 2-3 ปี เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าโดยให้
ทันสมัยมากข้ึน โดย ทาการต่อยอดจากปีแรกอย่างต่อเน่ือง โดยการขยายการทาตลาดออกไปในเขต
กรุงเทพฯและปริมณฑล มกี ารรบั Feedback จากลกู ค้าเพ่อื ทาการปรับปรงุ และพฒั นาอยา่ งต่อเนอื่ ง
อภปิ รายผลการวิจยั
จากผลการวิจัยสามารถอภปิ รายสรปุ ผลการวจิ ัยตามวัตถุประสงค์การวิจัยที่ตั้งไว้ ดงั น้ี
วตั ถุประสงค์ท่ี 1 เพือ่ ศกึ ษาข้อมูลพ้ืนฐานทางธุรกิจ สภาพจุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส อปุ สรรค
และการบริหารจัดการของผู้ประกอบการธรุ กิจมัดย้อมในอาเภอธัญบรุ ี จงั หวัดปทุมธานี สามารถสรุปได้
2 ส่วน คอื 1) ขอ้ มูลทวั่ ไปของผ้ปู ระกอบการ จากประวตั ผิ ู้ประกอบการเริ่มตน้ จากความชอบงานศิลปะ
และขยายกลายเป็นธุรกิจที่มีกลุ่มสตรรี ่วมกนั สร้างสรรค์งานเป็นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าคลุมไหล่
ซงึ่ มรี ปู แบบการแบง่ งานกันทาอย่างชัดเจนโดยมีประธานกรรมการของกลุ่ม ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายตัดเย็บ
ฝ่ายบญั ชี และการตลาด แม้จะมีการแบ่งงานกนั ทาแบบมีส่วนร่วมและช่วยเหลือซึง่ กันและกันทางานใน
ทุกหนา้ ทีใ่ นรูปแบบของการสร้างความร่วมมือภายในกลุ่ม ซง่ึ สอดคล้องกับ สสั ดี กาแพงด,ี ปยิ ะดา มณี
นิล และสุทศั น์ รงุ่ ระวิวรรณ (2564, น. 30) ทีร่ ะบวุ า่ ปจั จัยทที่ าให้เกิดความสาเร็จมาจากการมีส่วนร่วม
และการเรียนรู้ร่วมกัน
สาหรับกระบวนการผลิตของผู้ประกอบการธุรกิจพบว่าประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่
ออกแบบตัดผ้า การตัดเย็บ การลงครามและสพี ร้อมทาลวดลาย การรีด และการวางขายสินค้า ซึ่งเรื่อง
การลงครามและสีพร้อมทาลวดลายนั้นต้องให้ความสาคัญอย่างมากเพื่อทาให้ลวดลายสามารถ
ตอบสนองตอ่ ความพงึ พอใจแก่ลกู ค้าได้ สอดคล้องกบั ชนาธนิ าถ ไชยภู (2556, น. 104) ระบุวา่ ลวดลาย
การมดั ยอ้ มแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ลวดลายเลยี นแบบธรรมชาติ และลวดลายเรขาคณิต ซึ่งนอกจาก
ลวดลายแล้วการออกแบบกระเป๋าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมีความสาคัญมาก ได้แก่
การออกแบบลวดลายเลียนแบบธรรมชาติท่ีสวยงาม และฟังค์ช่ันการใช้งานที่เหมาะสมกับพฤติกรรม
ของผู้บริโภคนน่ั เอง
2) ข้อมูลการวิเคราะห์ทางการตลาดของผู้ประกอบการ สามารถสรุปได้ว่า จุดแข็งของ
ผู้ประกอบการคือทาด้วยมือลวดลายไมซ่ ้าและเปน็ เอกลักษณ์มีความหลากหลาย จุดออ่ นคือเป็นสินค้า
ที่ไม่มีชื่อเสียง การผลิตไม่เพียงพอและไม่ทาการนาเสนอข้อมูลทางออนไลน์และการส่งเสริมการขายท่ี
ไม่ดึงดูดใจ โอกาสคือปัจจุบันลูกค้ามีความนิยมสินค้าทาด้วยมืออย่างกว้างขวางและรัฐให้ความสาคัญ
และส่งเสริม ส่วนอุปสรรคคือมีคู่แข่งจานวนมาก ต้นทุนวัตถุดิบมีความผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจ
โดยการวิเคราะห์ SWOT น้ถี ือเป็นแนวทางการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับ นติ ยา
โงกสูงเนิน, วรวิช โกวิทยากร และรัชดา ภักดียิ่ง (2560, น. 57) ท่ีระบุว่า Marketing strategy
method NCBS มาจากการวิเคราะห์ SWOT Analysis และการวิเคราะห์องค์ประกอบ 7 กลยุทธ์ คือ
กลยุทธ์การจัดการการตลาด กลยุทธ์การประเมินผลประกอบการ กลยุทธ์การวางแผนส่งต่อหรือ
จาหน่ายผลิตภัณฑ์ท้ังทางตรงและทางอ้อม การมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ กลยุทธ์การมีโอกาสในการ
ดาเนินธรุ กิจ กลยุทธก์ ารออกแบบผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์การมมี าตรฐานของผลิตภัณฑ์
342
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
นอกจากน้ีจากการวิจัยพบว่า การบริหารจัดการของผู้ประกอบการ ประกอบด้วย การ
บริหารและทิศทางองค์กรในการขยายตลาด ทรัพยากรบุคคลและแรงงานที่มีจิตใจเดียวกัน การขาย
และการตลาดที่ต้องการผลิตงานท่ีหลากหลายมากขึ้น กระบวนการบริการและการผลิตที่ใส่ใจทุก
ขั้นตอน ปัจจัยการบริการและการจัดหาวัตถุดิบท่ีมีคุณภาพ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และ
การเงินการบัญชีการบริหารต้นทุน ซ่ึงการบริหารจัดการของผู้ประกอบการหากสามารถนาเอาแนว
ทางการสร้างความร่วมมือแบบเครือข่ายและการจัดการทางเทคโนโลยีและสารสนเทศข้อมูลมาใช้จะทา
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่การบริหารจัดการได้ ประเด็นนี้สอดคล้องกับภาวิณี แสนชนม์, น้าทิพย์ วิภา
วิน, ฉันทนา เวชโอสถศักดาและพธู คูศรีพิทักษ์ (2562, น. 77) เกี่ยวกับเร่ืองเทคโนโลยีคือการจัดการ
สารสนเทศแบบกลุ่มเน้นการทางานร่วมกันของเครือข่ายผู้นากลุ่มวิสาหกิจชุมชน (Community
NETwork) และแหล่งบรกิ ารสารสนเทศทอ้ งถ่ิน ซง่ึ มกี ารกาหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน การบริหาร
ข้อมลู เปิดเพื่อการเข้าถงึ ได้ง่ายและมีกระบวนการจัดการสารสนเทศทีด่ ีโดยการถอดบทเรียนจากผ้รู ู้ ซ่งึ
จะส่งผลต่อการบริหารจัดการของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในรูปแบบที่มีการสร้างความร่วมมือใน
กลมุ่ ของอาเภอ และจงั หวดั ตอ่ ไปซึ่งสง่ ผลดีในภาพรวม
3) สภาพคู่แข่งขันทางการตลาด ประกอบด้วย คู่แข่งขันทางตรงคือผู้จาหน่ายผ้ามัดย้อม
ส่วนใหญ่จะมีลวดลายที่คล้ายคลึงกัน กลุ่มร้านค้าผ้ามัดย้อมทั่วไปโดยจาหน่ายเน้นการขายส่งทาการ
ผลิตโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น สาหรบั ค่แู ข่งขันทางออ้ ม รา้ นแฟชั่นท่ัวไปประเภทเสื้อผ้า
วัตถุประสงค์ท่ี 2 เพ่ือศึกษากลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจมัดย้อมในอาเภอ
ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี สามารถสรุปได้ 2 ประเด็น คือ กลยุทธ์ทางการตลาด และกลยุทธ์การส่ือสาร
การตลาด ดังน้ี
1) กลยุทธ์ทางการตลาด ประกอบด้วย กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ เน้นลวดลายความประณีต
เพ่ือให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ กลยุทธ์ราคาที่เหมาะสมมีระดับราคาหลายราคาตามกลุ่มลูกค้าซ่ึงบอก
ถึงคณุ ภาพของผลิตภัณฑ์ กลยทุ ธช์ ่องทางการจัดจาหน่าย แบบหน้าร้านและออนไลน์ และกลยุทธ์การ
ส่งเสริมการตลาด โฆษณาผ่านส่ือออนไลน์ทาให้เป็นท่ีรู้จักจากการทาช่องในยูทูป สอดคล้องกับ ฐิติมา
ผการัตน์ และวโิ รจน์ เจษฎาลักษณ์ (2558, น. 558) ระบุวา่ ผู้ประกอบการเลือกใช้กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ท่ี
มคี ุณภาพและความแตกต่าง กาหนดราคาโดยคานึงถงึ คุณภาพของผลิตภัณฑ์และกาลังซื้อของผู้บริโภค
ซึ่งมกี ารระบวุ า่ ผ้บู รโิ ภคมีแรงจูงใจในการซ้ือมาจากผลิตภัณฑ์สว่ นใหญ่หาขอ้ มูลสินค้าด้วยตนเองโดยกล
ยุทธท์ างการตลาดน้ันมีผลต่อความพงึ พอใจของผู้บรโิ ภค
2) กลยุทธก์ ารสื่อสารการตลาด ประกอบด้วย กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดระยะสนั้ 1 ปี
แรก เพอ่ื ทาให้แบรนด์เป็นทรี่ ู้จัก สอื่ สารให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ในคุณค่าและตวั ตนของตรา และกลยุทธ์
การสื่อสารการตลาดระยะกลาง 2-3 ปี เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าโดยให้ทันสมัยมากข้ึน ปรับปรุงและ
พัฒนาอย่างต่อเน่ือง ในส่วนของการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ทันสมัยเป็นวัยรุ่นน้ีสอดคล้องกับ กนก
กาญจน์ วชิ าศิลป์ (2560, น. 1448) ทีก่ ล่าวไวเ้ ก่ยี วกบั ผบู้ ริโภคกลุ่มใหม่ ไดแ้ ก่ กลุม่ วัยรนุ่ และวัยทางาน
ผู้ผลิตสามารถมีความเข้าใจและวิเคราะห์ความต้องการซื้อของกลุ่มใหม่ ด้วยการวิเคราะห์และให้
ความสาคัญในด้านผลิตภัณฑ์ ไดแ้ ก่ รปู แบบลายผ้า บรรจภุ ณั ฑ์ ดา้ นราคา ด้านสถานที่จัดจาหนา่ ยและ
การส่งเสรมิ การตลาด
343
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ข้อเสนอแนะ
ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การนาไปใช้
1. ผู้ประกอบการควรให้ความสาคัญด้านลวดลายท่ีเป็นเอกลักษณ์ และมีผลิตภัณฑ์ที่
หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ทุกเพศ ทกุ วยั โดยเฉพาะวัยสูงอายุทมี่ ีความสามารถในการตัดสินใจซ้ือและ
จา่ ยเงินได้โดย อกี ท้ังผา้ มัดย้อมเปน็ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สาหรับผู้ทตี ้องการสวมใส่เน้ือผ้าสบายอีกท้ัง
เปน็ สินคา้ ทามือจึงทาให้เป็นจุดท่ีผู้ประกอบการควรให้ความสาคัญและนาเสนอ กรรมวธิ กี ารผลิต แนว
ทางการส่งเสริมสินคา้ จากกลุ่มสตรี เพ่ือให้มงี านทา และมรี ายได้ ตอ่ ไปอยา่ งย่งั ยืน
2. ผู้ประกอบการควรปรับและทา content ส่ือสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายท่ีมากกว่า
กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผ่านช่องทางท้ัง online และ offline มากข้ึน ท้ังหน้าร้านเช่นการฝากขายยังร้านค้า
ตา่ ง ๆ ออกบูธตามงานแสดงสนิ ค้าทางภาครัฐจัดขึ้น OTOP ต่าง ๆ เปน็ ตน้ และออนไลน์ เชน่ การขาย
ผ่าน facebook, ig และแหล่งอื่น ๆ เช่น Lazada, shoppee หรือทาช่อง youtube เพื่อนาเสนอวิถี
ชีวิตและการทางานกว่าจะเป็นมัดย้อมท่ีท่านสวมใส่ เพ่ือบอกเล่าเรื่องราวของชาวธัญบุรี ส่งต่อความ
งามผ่านผ้ามดั ยอ้ มไปยงั กลุ่มลูกค้าต่อไป เป็นตน้
ข้อเสนอแนะเพอื่ การวจิ ัยครั้งต่อไป
ควรทาการวิจัยต่อเน่ืองเกี่ยวกับธุรกิจผลิตและจาหน่ายผ้ามัดย้อม หรือธุรกิจท่ีเกี่ยวข้อง
กับผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนามาเปน็ แนวทางในการทาการตลาดและพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ ลวดลาย และขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์มัดย้อมที่เกี่ยวข้อง กระเป๋า แอสเซสเซอร์รี่ ต่าง ๆ ท่ี
เกย่ี วขอ้ งตอ่ ไปได้
เอกสารอ้างอิง
กนกกาญจน์ วิชาศิลป์. (2560). การพัฒนาผลติ ภัณฑ์ผ้าฝา้ ยยอ้ มคราวเพอื่ ขยายตลาดไปยังกลุ่มใหม่:
กรณีศึกษากลุ่มทอผ้าฝา้ ย้อมคราม อาเภอพรรณนานคิ ม จงั หวดั สกลนคร, แก่นเกษตร, 45
ฉบับพเิ ศษ 1, 1442-1448.
กรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม. (2564). กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด. สืบคน้ จาก
https://bsc.dip.go.th/th/category/2017-10-27-07-51-56/2017-11-07-08-53-31
ชนาธนิ าถ ไชยภู. (2556). การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผา้ ฝ้ายมัดย้อมสธี รรมชาติจากเปลือก
สะตอ กรณีศกึ ษากลุ่มมัดยอ้ มสีธรรมชาตบิ ้างคีรีวง อาเภอลานสกา จังหวัด
นครศรีธรรมราช. (วิทยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ).
ฐิตมิ า ผการตั น์ และ วิโรจน์ เจษฎาลักษณ์. (2558). กลยุทธ์การดาเนนิ ธรุ กิจเสอื้ ผ้าแฟชั่นผ่านเครอื ข่าย
สังคมออนไลน.์ Veridian E-Journal Slipakorn University, 8(3), 538-552.
เดลินวิ ส์. (2558). ผ้ามัดย้อม ธุรกิจผ้าสี ไม่ตกเทรนด์. สืบคน้ จาก
https://www.dailynews.co.th/article/299249
นิตยา โงกสงู เนิน, วรวิช โกวิทยากร และ รัชดา ภักดียิ่ง. (2560). กลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผา้
ไหมมัดหม่ดี ว้ ยการตลาดในกลุ่มจงั หวัดนครชัยบุรินทร์. วารสารวิชาการ มหาวทิ ยาลัย
กรุงเทพธนบุรี, 6(2), 57-69.
ปรดี ี โชติช่วง. (2539). SWOT กญุ แจการวิเคราะห์งาน. วารสารพัฒนาชุมชน, 35(6), 14-19.
344
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ภาวิณี แสนชนม์, นา้ ทิพย์ วิภาวนิ , ฉันทนา เวชโอสถศักดา และ พธู คศู รีพิทักษ.์ (2562). การจัดการ
สารสนเทศผ้ายอ้ มครามในประเทศไทย. วารสารวิจยั สมาคมหอ้ งสมุดแห่งประเทศไทย,
12(2), 77-94.
ศูนย์ข้อมูลเพ่อื ธรุ กิจไทยในสหรัฐฯ. (2562). ผ้ามัดย้อมกาลังกลบั เข้าส่แู ฟชั่น. สืบค้นจาก
https://www.thaibicusa.com/2019/04/19/%E0%B8%9C%E0%B9%89%E0%B8%
B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8
%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B
9%88%E0%B8%99/
สถาบันพัฒนาอุตสากรรมสิง่ ทอ. (2564). สถานการณ์อตุ สาหกรรมส่ิงทอและเครือ่ งนงุ่ ห่มไทย เดอื น
กมุ ภาพนั ธ์ 2564. สบื ค้นจาก https://www.thaitextile.org/th/insign/detail.2399.1.0.html
สัสดี กาแพงดี, ปยิ ะดา มณีนิล และ สทุ ัศน์ รงุ่ ระวิวรรณ. (2564). การพฒั นากลุ่มอาชพี ผู้สงู อายุ (ผ้า
มดั ยอ้ ม) สกู่ ารเพม่ิ ความสามารถทางการแขง่ ขนั . วารสารการบญั ชีและการจดั การ
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 13(1), 30-43.
bltbangkok. (2020). ผา้ มัดยอ้ มแห่งชุมชนคีรีวงงานผูกมิตรสิ่งแวดล้อม สยายปกี โกอินเตอร์.
สืบคน้ จาก https://www.bltbangkok.com/lifestyle/work-wellness/12099/
Gaskell, G. (2000). Individual and group interviewing. In M. W. Bauer and G. Gaskell
(Eds.), Qualitative researching with text, image and sound: A practice
handbook. (pp. 38-56). Thousand Oaks, CA: Sage.
Kotler, P., & Keller, K. (2012). Marketing Management (14th ed.). New Jersey: Prentice-
Hall.
Kotler, P. (2003). Marketing Management (11th ed.). Upper Saddle River, NJ: Prentice
Hall.
nuruai. (2562). เส้อื ผา้ มดั ย้อมขายง่ายกาไรดี. สืบคน้ จาก
https://www.nuruaibiz.com/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9
%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B
9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1/
345
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
การเรียนรพู้ ฤตกิ รรมการดารงชีวติ ทีเ่ ปลยี่ นแปลง
ภายหลงั การเกดิ โรคระบาดโควดิ -19
สนั ติราชย์ เลิศมณี1
อาจารยป์ ระจาหลกั สูตรศิลปศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยชนิ วตั ร
ปัญจรตั น์ หาญพานิช
อาจารยป์ ระจาหลักสูตรศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยชินวตั ร
ปาลพล รอดลอยทุกข์
อาจารย์ประจาหลกั สตู รศิลปศาสตร์ สาขาสอ่ื สารด้านศิลปะการแสดง
มหาวิทยาลัยชินวัตร
บทคัดยอ่
โรคระบาดโควิด-19 เปน็ โรคที่ทาให้คนท่วั โลกเกิดความวติ กกงั วล เนอื่ งจากโรคมีการแพร่
ระบาดสู่คนอย่างรวดเร็วและขยายเป็นวงกว้างมีผู้เสียชีวติ จานวนมาก นอกจากน้ียังส่งผลกระทบตอ่
การดารงชีวิต และหน้าที่การงาน ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธกี ารแก้ปัญหา และปรับเปลี่ยนเพ่ือรับมอื กบั
สถานการณท์ ี่เกดิ ขึ้น ผูว้ ิจัยจงึ ตอ้ งการเรยี นรูพ้ ฤติกรรมการดารงชีวิตที่เปลย่ี นแปลงในชว่ งการเกิดโรค
ระบาดโควดิ -19 เพอื่ ใช้เปน็ แนวทางการแก้ปญั หาและปรับเปล่ียนพฤติกรรมในการดารงชีวิตในยุคโค
วิด-19 บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เพื่อศึกษาผลกระทบของการดารงชีวิตช่วงการเกิดโรค
ระบาดโควิด-19 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมด้านการส่ือสารในช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 3) เพ่ือ
ศึกษาวิธีการแก้ปัญหาในช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ผู้ตอบ
แบบสอบถามเป็นบุคคลทั่วไป ในการเก็บรวบรวมข้อมูลข้อมูลผู้วิจัยได้ใช้วิธีการสุ่มตามสะดวกด้วย
Google Form ผา่ นเครือข่ายสงั คมออนไลน์ไดจ้ านวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 68 คน ผลการวจิ ัย
พบว่า 1. ผลกระทบของการดารงชีวิตช่วงการเกดิ โรคระบาดโควิด-19 พบว่า ผู้ท่ีโดนผลกระทบของ
การดารงชีวิตช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ส่วนมากจะโดนลดเงินเดือน และให้ทางานที่บ้าน คิด
เป็นร้อยละ 35.00 โดนเลิกจ้าง คิดเป็นร้อยละ 15.00 และบางคนโดนผลกระทบรวม หมายถึง โดน
ผลกระทบหลายอย่างพร้อมกัน ดังน้ี โดนลดเงินเดือนพร้อมกับให้ทางานที่บ้าน และบางคนโดนลด
เงินเดือน สักพักก็ถูกเลิกจ้าง คิดเป็นร้อยละ 5.00 บางคนโดนให้ทางานท่ีบ้าน และโดนลดเงินเดอื น
1 อาจารยป์ ระจาหลักสตู รศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยชินวัตร 99 หมู่ 10 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทมุ ธานี 12160
หมายเลขติดต่อ: 086-109-1009 อีเมล: [email protected]
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
สักพักก็ถูกเลิกจ้าง และบางคนให้ทางานที่บ้านสักพกั ก็ถูกเลิกจ้างคิดเป็นร้อยละ 2.50 2. พฤติกรรม
การด้านการสื่อสารในช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 พบว่า ผู้ที่โดนผลกระทบจากการเกิดโรค
ระบาดโควิด-19 มีพฤติกรรมการดารงชีวิตด้านการสอื่ สารส่วนมากต้องการเปิดร้านขายของออนไลน์
คิดเป็นร้อยละ 16.66 รองลงมาคืออบรม/เรียนออนไลน์เพ่ือสร้างอาชีพ คิดเป็นร้อยละ 13.33 เปิด
สอนออนไลน์ คิดเป็นร้อยละ 3.33 และ เป็น youtuber คิดเป็นร้อยละ 1.66 3. วิธีการแก้ปัญหา
ในชว่ งการเกดิ โรคระบาดโควิด-19 พบวา่ เมื่อโดนผลกระทบจากงานประจาสว่ นมากจะต้องสมัครงาน
ในอาชพี ใหมท่ ี่คดิ วา่ ไม่มผี ลกระทบต่อการระบาดโครวคิ -19 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20.00 ส่วนบางคนโดนถูก
เลกิ จา้ งและไดเ้ งนิ กอ้ นมาก็คิดว่ากลับบา้ นต่างจงั หวัดไปทาไร่ ทาสวน คิดเป็นร้อยละ 18.33 และบาง
คนเปดิ รา้ นขายของออนไลน์ คิดเป็นรอ้ ยละ 16.66 ตามลาดบั
คาสาคญั : โควดิ -19 การเว้นระยะห่างทางสังคม ความปกติใหม่ การเปลยี่ นแปลงในวถิ ชี ีวติ ใหม่
347
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
COVID-19 EPIDEMIC EFFECTS ON PEOPLE’S LIVELIHOODS
LIFESTYLES, COMMUNICATION BEHAVIORS
AND THEIR COPING STRATEGIES WITH THE SITUATION
Suntirach Lerdmanee1
Lecturer at School of Liberal Arts
Shinawatra University
Panjarat Hanpanich
Lecturer at School of Liberal Arts
Shinawatra University
Palphol Rodloytuk
Lecturer at Arts Performance Communication, School of Liberal Arts
Shinawatra University
Abstract
The COVID-19 epidemic has affected the lives of tens of millions of people
around the world. Because the epidemic has spread rapidly and widely, more than
half a million people have lost their lives. In addition, the epidemic has led to
economic slowdowns and massive layoffs in many countries. Therefore, beyond drugs
vaccination, and medical treatments and breakthroughs, people need to find ways and
strategies to cope with the epidemic and the social, economic, and behavioral impacts
and side effects that it has brought. It is in this light that the researchers strive to learn
and understand about the change in lifestyle and habits of certain groups of people
caused by the COVID-19 epidemic, on the one hand, and about the ways they deal
with and solve related problems. This research paper aims to 1) to study the effects
of people’s livelihood during the COVID-19 epidemic; 2) to study communication
behavioral change 9 (if any) resulting from the COVID-19 epidemic; 3) to study the
solutions and strategies employed by people affected by the epidemic. This research
1 Corresponding Author: Lecturer at School of Liberal Arts, Shinawatra University. 99 moo 10
Bang Toei Subdistrict, Sam Khok District, Pathum-Thani 12160
Contact Number: +6686-109-1009 Email: [email protected]
348
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
used the questionnaire method. The 68 respondents were Thai people from across all
ages who, though the convenient random sampling process, answered survey
questions on Google Form. 1. Concerning the impact of people’s livelihood during the
COVID-19 epidemic, it was found that the majority of the people surveyed were
affected by the COVID-19 epidemic. Many of them will receive a reduction in their
salary and be required to work at home (35.00 percent being laid off, while 5.00
percent working at home). 2. Concerning communication behavioral change, it was
found that many affected by the COVID-19 epidemic reported the change in
communication lifestyles, relying more heavily online communication such as online
transaction (16.66 percent), followed by online training / learning to build a career
(13.33 percent), as well as through the use of social media such as Youtubers to learn
and gain more ideas and information about jobs, business, and entrepreneurship. 3.
Concerning the solutions and strategies to the problems during the COVID-19 epidemic,
it was found that, when their regular jobs are affected (such as loss of jobs, reduction
of income), most of them would have to apply for new jobs or look into new
occupations for options that were thought to have little or no impact with the
coronavirus outbreak. Some 20.00 percent of people, who were laid off and received
a lump sum, plan to go home to do farming (18.33 percent), whereas some people
would open online shops (16.66 percent), respectively
Keywords: COVID-19, Social Distancing, New Normal, Disruption
349
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
บทนา
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยได้ส่งผลกระทบต่อการ
ดารงชีวติ เปน็ อย่างมาก ไมว่ ่าจะเป็นเร่อื งการเรียน การทางาน และการใช้ชีวิตประจาวัน ซงึ่ ทั้งหมดน้ี
ทกุ คนตอ้ งปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงท่เี กิดข้ึนเป็นอย่างมาก เพือ่ การป้องกันตนเองและคนในครอบครัว
ให้ห่างไกลจากโรคระบาดโควิด-19 ให้ได้จนกว่าจะมีวัคซีนมารักษา และด้วยสถานการณ์โรคระบาด
โควิด-19 ยังไม่หมดไป ทุกคนที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นนกั เรยี น นักศึกษา ผู้ใช้แรงงาน และบุคคล
อื่น ๆ ต้องเรยี นรแู้ ละปรับตวั อย่างมากในการดารงชีวติ ไม่ว่าจะเป็นในเร่ืองของการศึกษา การทางาน
และการใช้ชีวิตประจาวนั บางคนโดนผลกระทบกับอาชีพประจาของตนเองเป็นอย่างมาก ผลกระทบ
ด้านการทางาน ดร.ยงยทุ ธ แฉล้มวงษ์ ไดเ้ ขยี นบทความไว้ใน สถาบนั วิจัยเพื่อการพฒั นาประเทศไทย
(ทีดีอาร์ไอ) เร่ืองสถานการณ์ผลกระทบ Covid-19 ต่อตลาดแรงงาน: ข้อมูลเชิงประจักษ์ (2) ถึง
ผลกระทบด้านแรงงานจากสานกั งานสถิติแห่งชาติ (สสช.) “ภาวะการมีงานทาของประชากรไตรมาส 2
พ.ศ. 2563” เมอ่ื เปรียบเทยี บชว่ งเวลาเดยี วกันของปีกอ่ น ซ่ึงไตรมาส 1 ปี 2563 ตลาดแรงงานได้รับ
ผลกระทบทาใหก้ ารมงี านทาลดลง 28,000 คน (ร้อยละ 0.7) และความรุนแรงของผลกระทบเพิ่มขึ้น
ในไตรมาส 2 ทาให้การมีงาน ลดลงถึง 71,000 คน (ร้อยละ 1.9) ในจานวนผู้มีงานทาในปี 2563
ไตรมาส 2 จานวน 37.07 ล้านคน มผี ไู้ มท่ างาน (ทั้ง ๆ ทม่ี งี านประจา) ถึง 2.62 ล้านคน เพิม่ ขึ้นจาก
ไตรมาสเดียวกันของปี 2562 ถึงร้อยละ 47.9 ขณะท่ไี ตรมาส 1 ของปี 2563 เปรยี บเทียบกับไตรมาส
เดียวกันปี 2562 ผู้มียังมีตาแหน่งงานอยู่แต่ไม่ทางานเพียงร้อยละ 17.6 เท่านั้น (ยงยุทธ แฉล้มวงษ์,
2563) ด้วยเหตุนี้ทาให้ผู้วิจัยต้องการศึกษาถึงผลกระทบของการดารงชีวิตช่วงการเกิดโรคระบาด
โควิด-19 และวิธีการแกป้ ัญหาของผูท้ ่ีโดนผลกระทบในช่วงการเกิดโรคระบาดโควดิ -19 เพอื่ จะไดเ้ ป็น
แนวทางใหก้ บั ผู้อ่นื กาลงั ประสบปญั หา และกาลงั หาทางแก้ไข
วตั ถปุ ระสงคใ์ นการวจิ ยั
1) เพ่อื ศึกษาผลกระทบของการดารงชวี ติ ชว่ งการเกดิ โรคระบาดโควดิ -19
2) เพื่อศึกษาพฤตกิ รรมดา้ นการสอ่ื สารในช่วงการเกดิ โรคระบาดโควิด-19
3) เพอ่ื ศกึ ษาวธิ กี ารแกป้ ญั หาในช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19
คาถามงานวจิ ยั
1) ผลกระทบจากโควิด-19 ทาใหค้ นสว่ นใหญ่ว่างงานหรอื ไม่
2) คนสว่ นใหญ่จะหันมาใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเพ่ือประกอบอาชพี มากขน้ึ
ประโยชนท์ ่ีได้รับการวิจยั
1) เพ่อื ทราบผลกระทบของการดารงชวี ิตช่วงการเกดิ โรคระบาดโควิด-19
2) เพ่ือทราบถงึ พฤติกรรมดา้ นการสื่อสารในช่วงการเกิดโรคระบาดโควดิ -19
3) เพอ่ื ทราบวธิ ีการแกป้ ญั หาในช่วงการเกิดโรคระบาดโควดิ -19
4) เพอ่ื ทราบถึงพฤติกรรมการดารงชวี ิตทมี่ ีผลต่อการเปลีย่ นแปลงในช่วงโรคระบาดโควดิ -19
350
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั
จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้องค์กร และพนักงาน เกิดการปรับตัวและการ
วิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอด ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฏีการปรับตัวของรอยกับทฤษฏีการ
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวติ เพื่อความอยู่รอด ของชาร์ลส์ ดาร์วิน จึงได้กรอบแนวคิดการวิจัยดังภาพที่ 1
ดงั นี้
ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
สถานะ การแกป้ ญั หาจากผลกระทบช่วงโควดิ -19
- ผูไ้ ด้รบั ผลกระทบโดยการออกจากงาน - สมัครงานอาชพี ใหม่
- ผู้ไมไ่ ดร้ บั ผลกระทบและปฏบิ ตั งิ านเดมิ - กลบั บา้ นต่างจังหวัด
- เปดิ ร้านขายของออนไลน์
- อบรม/เรียนออนไลน์เพื่อสร้างอาชีพ
- กู้เงินลงทุน
- เปดิ รา้ นขายของละแวกบ้าน
- เปดิ สอนออนไลน์
- หาชอ่ งทางรายไดแ้ ละธรุ กจิ เพม่ิ
- ซือ้ แฟรนไชส์
- เปน็ youtuber
- ยงั ไมไ่ ด้ทาอะไร
- ลดค่าใชจ้ า่ ย
ภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ ในการวิจัย
การทบทวนวรรณกรรม
COVID-19 (โควิด-19) มีองค์กร หน่วยงาน รวมถึงบุคคลได้ให้ความหมายไว้ ดังน้ี World
Health Organization (2020) ไวรัสโคโรนาคือ ไวรัสท่ีเกิดได้ท้ังในสัตว์และคน ไวรัสโคโรนาในคน
หลายสายพันธ์ุทาให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจต้ังแต่โรคหวัดธรรมดาจนถึงอาการรุนแรง เช่น โรค
ทางเดนิ หายใจตะวนั ออกกลาง (MERS) และโรคระบบทางเดนิ หายใจเฉียบพลนั ร้ายแรง (SARS) ไวรสั
โคโรนาทค่ี ้นพบลา่ สุดทาให้เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรอื โควิด 19 ปจั จุบนั ถอื เปน็ ไวรัสหรือ
โรคอุบตั ิใหม่ และได้ระบาดเดอื นธันวาคมปี 2019 คร้ังใหญท่ ว่ั โลก สง่ ผลกระทบแก่หลายประเทศทั่ว
โลก อาการทว่ั ไปของโรคโควิด 19 พี่พบมากทีส่ ดุ คือ มไี ข้ ไอ และอ่อนเพลีย อาการท่พี บนอ้ ยกว่าแต่
อาจมีผลต่อผู้ป่วยบางรายคือปวดเม่ือย คัดจมูก น้ามูกไหล เจ็บคอ ท้องเสีย ล้ินไม่รับรส จมูกไม่ได้
กลิ่น หรือผื่นตามผิวหนัง หรือสีผิวเปลี่ยนตามน้ิวมือนิ้วเท้า อาการเหล่าน้ีมักจะไม่รุนแรงและค่อย ๆ
เริ่มทีละนอ้ ย บางรายตดิ เช้ือแต่มีอาการไมร่ นุ แรง
351
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ทิพย์พาพร มหาสินไพศาล (2563) การเว้นระยะห่างทางสังคมหรือ Social Distancing
คือ การเว้นระยะห่างการใช้ชีวิตในสังคมโดยหลีกเลี่ยงการจับกลุ่มคนหมู่มาก เว้นการสัมผัสร่างกาย
การทักทายหรือทากิจกรรมร่วมกัน รวมถึงการขอความร่วมมือกับประชาชนให้อยู่บ้านและลดการ
เดนิ ทาง เพือ่ ความปลอดภัย ลดความเสย่ี งและลดการแพร่ระบาด เพ่ือชะลออตั ราการแพร่ระบาดของ
ไวรัสโควิด-19 ตอ่ มาองคก์ ารอนามัยโลก (WHO) ไดเ้ รม่ิ ที่จะใช้คาว่า “การเวน้ ระยะห่างทางกายภาพ”
(physical Distancing) แทนคาว่า “การเว้นระยะห่างทางสังคม” เน่ืองจาก “การเว้นระยะห่างทาง
สงั คม” หรอื การโดดเดยี่ วตวั เองไมเ่ ปน็ ผลตอ่ สุขภาพใจ
New Normal กับชีวิตวิถีใหม่ของคนไทย เว็บไซต์ธรรมนิติได้ทาการสารวจและนาเสนอ
แนวทางชีวิตวิถีใหม่ของคนไทยไว้ดังนคี้ ือ (1) การใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต จะมีบทบาทในชีวิต
มากข้นึ กวา่ เดิม ในสงั คมยคุ New Normal ส่งิ เหล่านีจ้ ะเขา้ ไปอยูแ่ ทบทกุ การดาเนนิ ชีวิต ไมว่ า่ จะเปน็
การเรียนออนไลน์ การทางานที่บ้าน การประชุมออนไลน์ การซ้ือสินค้าออนไลน์ ตลอดจนการเอ็น-
เตอร์เทนอย่างชมภาพยนต์หรอื ฟงั เพลง ฯลฯ (2) การเว้นระยะหา่ งทางสังคม เป็นแนวทางสาคัญต่อ
การใช้ชีวิตช่วงวิกฤติโควิด-19 ของผู้คนในสังคม การดาเนินชีวิตโดยรักษาระยะห่างทางกายภาพจะ
เพ่ิมข้ึนและนาเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในการสื่อสารและการใช้ชีวิต ลดการปฏิสัมพันธ์การไปใน
สถานท่ีสาธารณะและเน้นการทากิจกรรมที่บ้านมากข้ึน (3) การดูแลใส่ใจสุขภาพท้ังตัวเองและคน
รอบข้าง ความคุ้นชินจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตช่วงวิกฤติโควิด-19 ท่ีต้องดูแลด้านสุขภาพและความ
สะอาดเพอ่ื ป้องกันการแพร่เชื้อ ดงั น้นั พฤตกิ รรมการใช้หน้ากากอนามยั เจลแอลกอฮอล์ และการล้าง
มืออย่างถูกวิธี รวมถึงการสังเกตตนเองเมื่อไม่สบาย พฤติกรรมเหล่านี้จะยังคงมีต่อไป รวมถึงการ
เปลย่ี นพฤติกรรมมาใส่ใจรกั ษาสุขภาพ ออกกาลงั กายและทาประกนั สขุ ภาพจะมแี นวโน้มมากข้นึ
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสด์ิ (2563ก) กล่าวถึงเรื่องอนาคตนวัตกรไทยในยุคหลังโควิคว่า เรา
เติบโตในยุคโลกาภิวัฒน์ เพราะโลกาภิวัฒน์ทาให้เกิดการเคลื่อนย้าย 3 สิ่งที่เป็นการเปล่ียนชีวิตคน
และเปล่ียนชีวิตโลก 1) เคล่ือนย้ายคน คือ คนสามารถเคล่ือนย้ายได้โดยเสรีคนเกง่ เป็นสมบัติของคน
ท่ัวโลก แต่ช่วงนี้โควิดทาให้การเคล่ือนย้ายทาได้ยาก 2) เคลื่อนย้ายเงิน คือ งานเป็นภัยพิบัติต่อชาติ
มากท่ีสุดเพราะเม่ือมีหัวหน้าครอบครวั คนตกงาน ปัญหาต่าง ๆ ก็ตามมา แต่ละประเทศก็นาคนกลับ
และจา้ งงานเอง 3) เคลือ่ นยา้ ยขอ้ มลู คอื ในวันน้มี ีการซือ้ ของออนไลน์ ขอ้ มลู จึงมกี ารไหลผา่ นท่ัวโลก
ดังนั้น โลกในตอนนี้จะมีแต่ขุนกับเบ้ีย ขุนคือเจ้าของแพลตฟอร์ม จะเป็นเจ้าของข้อมูลและทราบ
พฤติกรรมของเราหมด เบี้ยคือซ้ือแล้วได้ของ ดังนั้นโลกตอนนี้ได้เข้าสู่ยุค Localization เป็นท่ี
เรียบร้อยแล้ว
และสชุ ัชวรี ์ สุวรรณสวสั ดิ์ (2563ข) กล่าวถงึ เรอื่ งปรญิ ญาแปะฝาบา้ น Master วา่ ปรญิ ญา
สาหรับเด็กรุ่นใหม่ไม่มีความสาคัญกับพวกเขา เพราะจบมาไม่ได้ประกอบอาชีพในสาขาที่เรียน
เพราะฉะนั้นทางรอดทางเดียวคือ ไม่ใช่การเรียนในระบบ แต่วัดกันท่ี “ทาได้หรือเปล่า ทาสวยหรือ
เปลา่ ทาเกง่ หรือเปลา่ ทาแลว้ ดีกวา่ คนอื่นหรอื เปลา่ ” ความสาเรจ็ ของคนตอ้ งเป็น Lifetime Learner
ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต Lifelong Learning ทักษะช่วยให้รอดในยุคดิสรัปต์ ทุกส่ิงเป็นจริงได้ ขอเพียง
ม่ังมั้น ตง้ั ใจ ยากแค่ไหนกส็ าเร็จ
352
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ในกรณีของไทย เปิดใหห้ ลกั สตู รหลักมคี วามยืดหยุ่นชั่วโมงเรียน แตย่ งั มีขอ้ กาหนดเกีย่ วกบั
โครงสร้างท่ีค่อนข้างแข็ง ดังน้ันหากกระทรวงศึกษาธกิ ารช่วยผ่อนคลายโครงสร้างเวลาเรียนลง และ
เปิดช่องทางการสื่อสารให้ครูได้สอบถามข้อสงสัยก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ครูได้ นอกจากน้ี
กระทรวงศึกษาธิการยังสามารถเปิดให้เอกชน และภาคประชาสังคม ท่ีมีความเชี่ยวชาญด้านระบบ
การเรียนรู้และส่ือการเรียนรู้เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนา แลกเปลี่ยนเครื่องมือและเทคนิคใหม่ ๆ ซ่ึงจะ
ชว่ ยเพิ่มชอ่ งทางการเรียนรใู้ ห้เหมาะสมกับเดก็ และวัยมากข้ึน (ภษู มิ า ภญิ โญสนิ วฒั น์, 2563)
ปี ค.ศ. 1964 ซิสเตอร์ คอลลิสตา รอย (Sister Callista Roy) ได้พัฒนาแบบจาลองการ
ปรับตัว จากความเชื่อว่า เม่ือบุคคลพบกับการเปลี่ยนแปลง และความสามารถในการปรับตัวของ
บุคคลจะมีผลมากหรือน้อยตอ่ กบั การปรบั ตวั ขึ้นอยู่กบั ความรุนแรงจากสง่ิ เรา้ ท่ีมากระทบ (จันทรเ์ พญ็
สันตวาจา, อภิญญา เพียรพิจารณ์ และรัตนาภรณ์ ศิริวัฒน์ชัยพร, 2556) โดยใช้กระบวนการควบคมุ
2 กลไก คือ กลไกการควบคุม และกลไกการรับรู้ ส่งผลให้บุคคลแสดงพฤติกรรมการปรับตัว 4 ด้าน
คือ ด้านร่างกาย ด้านอัตมโนทัศน์ ด้านบทบาทหน้าท่ี และด้านการพึ่งพาอาศัยระหวา่ งกนั ผลลัพธ์ท่ี
ได้คือ พฤติกรรมการปรับตัวได้ และพฤติกรรมการปรับตัวไม่มีประสิทธิภาพ (จันทร์เพ็ญ สันตวาจา,
อภิญญา เพียรพิจารณ์ และรัตนาภรณ์ ศิริวัฒน์ชัยพร, อ้างถึงใน สนธยา ทองรุ่ง, จรรยา สันตยากร,
ยุวยงค์ จันทรวิจิตร และปกรณ์ ประจันบาน, 2556, น. 90) และรอยยังเชื่อว่า บุคคลประกอบด้วย
กาย จิต สังคม รวมเป็นระบบชีวิตที่เป็นระบบเปิด มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่เปล่ียนแปลง
ตลอดเวลา ทาให้ต้องมีการปรับตัวตามส่ิงแวดล้อม บุคคลมีระบบการปรบั ตัวประกอบด้วย สิ่งนาเข้า
หรือส่ิงเร้า กระบวนการควบคุม และส่ิงนาออก ซ่ึงแสดงผลการปรับตัวในรูปของพฤติกรรม 4 ด้าน
ได้แก่ การปรับตัวด้านร่างกาย (physiological mode) การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ (self-concept
mode) การปรับตัวด้านบทบาทหน้าท่ี (role function mode) และการปรับตัวด้านการพึ่งพา
ระหว่างกัน (interdependence mode) และทั้ง 4 ด้านมีความเชื่อมโยงกัน หากบุคคลมีปัญหาการ
ปรับตัวด้านใดด้านหน่งึ จะส่งผลกระทบต่อด้านอื่นด้วย (ณัฐสุดา แสงบุญ, มุกดา เดชประพนธ์ และสุ
ปรีดา มัน่ คง, 2562, น. 29-42)
การใช้ชีวิตของบุคคลต้องพบกับส่ิงแวดล้อมท่ีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา การ
เปล่ียนแปลงอาจเกิดจากภายในตัวบุคคลหรือเกิดจากสงิ่ แวดลอ้ มรอบ ๆ ตัว อาทิการเกดิ โรคภัยหรือ
การเจ็บป่วยส่งผลต่อสภาวะสมดุลร่างกาย ทาให้บุคคลเสียสมดุลท้ังร่างกาย จิตใจ สังคม และจิต
วิญญาณ จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุล ถือเป็นพฤติกรรมการตอบสนองต่อ
สงิ่ แวดล้อม
Roy (2009, อ้างถงึ ใน จนิ ตนา ยูนพิ ันธ์ และวราภรณ์ ชัยวฒั น์, 2550) กล่าววา่ จากทฤษฏี
การปรับตวั ของรอย ค.ศ. 2009 การปรับตัวและการให้ความช่วยเหลือบุคคลทีป่ ระสบปัญหาเร่ืองการ
ปรบั ตวั เม่ือเจอเหตุการณห์ รอื การเปล่ียนแปลงในชีวติ
ในสถานการณห์ นึ่ง ๆ แต่ละบุคคลมรี ะดับความสามารถของการปรบั ตวั และขอบเขตจากัด
แตกต่างกัน ถ้าสิ่งเร้าตกอยู่ภายในขอบเขตท่ีมีระดับความสามารถในการปรับตัว บุคคลจะสามารถ
ปรับตัวตอบสนองสิ่งเร้าได้อย่างเหมาะสม แต่ถ้าส่ิงเร้าน้ันมีความรุนแรงอยู่นอกขอบเขตระดับ
ความสามารถในการปรับตัว บุคคลจะปรับตัวตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่
353
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
สามารถปรบั ตวั ได้ ท้งั น้ี ระดบั ความสามารถในการปรบั ตัวเปน็ สงิ่ ทีเ่ ปลยี่ นแปลงไดใ้ นกระบวนการชวี ิต
คือ การแสวงหาการเรยี นรสู้ ิ่งใหมจ่ ากประสบการณ์จะทาให้บุคคลสามารถเพ่ิมระดับความสามารถใน
การปรับตวั ได้มากขึ้น
กลไกการควบคมุ และกลไกการคิดรจู้ ะทางานร่วมกนั เสมอ เพอื่ คงความสมดลุ ของบุคคลใน
การปรับตัว ผลจากการทางานของทั้งสองกลไกแสดงออกเป็นพฤติกรรมการปรับตัว 4 ด้าน คือ ด้าน
ร่างกาย ด้านอัตมโนทัศน์ ด้านบทบาทหน้าท่ี และด้านการพึ่งพาระหว่างกัน จากพฤติกรรมการ
ปรับตัวทั้ง 4 ด้าน สะท้อนให้เห็นถึงระดับการปรับตัวของบุคคล ซ่ึงแสดงออกเป็นพฤติกรรมและ
สะท้อนการใช้กระบวนการเผชิญปัญหาในแบบแผนพฤติกรรมทั้ง 4 ด้าน ตลอดจนความสาเร็จหรือ
ประสิทธิภาพของการตอบสนองโดยสังเกตจากพฤติกรรมท่ีแสดงออก การปรับตัวแต่ละด้านมี
รายละเอียด (จินตนา ยนู ิพันธ์ และวราภรณ์ ชยั วฒั น์, 2550) ดงั น้ี
1) การปรับตัวด้านร่างกาย (Physiologic mode) หมายถึง การตอบสนองของ
พฤตกิ รรมทเี่ กี่ยวกับการทาหน้าท่ขี องอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อตอบสนองความต้องการของชวี ิต
ข้นั พนื้ ฐาน ประกอบดว้ ย (1) การรบั ออกซิเจน (2) โภชนาการ (3) การขบั ถ่าย (4) การมกี จิ กรรมและ
การพักผ่อน (5) การปกป้องอันตราย และกระบวนการในร่างกาย 4 กระบวนการ ได้แก่ (1) การรับ
ความรู้สกึ (2) การได้รบั สารนา้ อิเล็กโทรไลต์และสมดุลกรด-ด่าง (3) การทาหนา้ ที่ของระบบประสาท
และ (4) การทาหนา้ ท่ีของระบบตอ่ มไรท้ ่อ ถ้าบคุ คลเกิดปรบั ตัวสาเร็จบคุ คลนั้นก็สามารถดารงชีวิตอย่ไู ด้
2) การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ (Self-concept mode) หมายถึง พฤติกรรมการ
ตอบสนองของบุคคล ซ่งึ เป็นพนื้ ฐานด้านจิตใจทต่ี ้องทราบเกยี่ วกับตน คือใคร ทาอะไรได้ มคี ณุ คา่ หรือ
มีความหมายกับใคร เพ่ือการบรรลุเป้าหมายของการปรับตัว อัตมโนทัศน์เป็นส่วนรวมของความเชื่อ
ความคดิ ความรูส้ ึกของบคุ คลทีม่ ีตอ่ ตนเองในช่วงเวลาหน่ึง ๆ แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วน ได้แก่ การปรับตัว
ด้านอัตมโนทัศน์ทางร่างกาย (Physical self) คือการปรับตัวที่เป็นผลจากการประเมินของบุคคล
เกี่ยวกับทางกายภาพ เช่น รูปร่างหน้าตา ความสมบูรณ์ของอวัยวะ การรับรู้ความสามารถ ลักษณะ
ทางเพศ รวมถึงการมองเห็นเก่ยี วกับภาวะสุขภาพ ความแข็งแกร่งและความเข้มแข็งของตนเอง และ
การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ส่วนบุคคล (Personal self) คือ การปรับตัวท่ีเป็นผลจากการประเมิน
ลกั ษณะของตนเองในด้านความมน่ั คง ความคาดหวัง และความรู้สึกมคี ณุ คา่ ในตนเอง
3) การปรับตัวด้านบทบาทหน้าที่ (Role function mode) หมายถึง พฤติกรรมการ
ตอบสนองเก่ียวกับการปฏิบัติหรือการแสดงพฤติกรรมของบุคคลที่สอดคล้องกับความคาดหวังของ
สงั คมที่กาหนดไวเ้ ป็นลายลักษณอ์ ักษร เชน่ ตาแหนง่ หน้าที่ของบุคคลในองค์กรหรือหน่วยงาน หรือท่ี
ไม่เป็นลายลักษณอ์ ักษร อาจเป็นความเข้าใจตรงกันของกลมุ่ สังคมนน้ั ๆ การปรับตวั ตามบทบาทของ
บุคคลมี 2 ประเภท คือการปรับตัวท่ีบุคคลกระทาตามบทบาทที่เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม
(Instrumental behavior) และการปรับตัวที่บุคคลแสดงออกตามความรูส้ ึกและเจตคติต่อบทบาทท่ี
ดารงอยู่ของตน (Expressive behavior) ซ่ึงพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงการปรับตัวที่เหมาะสมจะต้อง
ประกอบด้วยพฤตกิ รรมทัง้ 2 สว่ นน้ี หากบุคคลไม่สามารถแสดงพฤติกรรมทงั้ สองน้อี ย่างเหมาะสมได้
จะแสดงถึงการมีปัญหาในการปรบั ตวั
354
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
4) การปรบั ตวั ด้านพึง่ พาระหว่างกัน (Interdependence mode) หมายถึง พฤติกรรม
การตอบสนองของบุคคลท่ีมีปฏิสัมพันธท์ ่ีเก่ียวข้องกับการใหแ้ ละการไดร้ ับความรัก ความนบั ถือ และ
การช่วยเหลือเก้ือกูลกันและกัน เป็นความสัมพันธ์ของบุคคลกับผู้ใกล้ชิด ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกใน
ครอบครัว เช่น บิดา มารดา สามี ภรรยา บุตร หรือเพ่ือน ซ่ึงอาจมีได้หลายคน นอกจากนั้นการ
ปรบั ตัวดา้ นน้ียงั เก่ียวขอ้ งกับระบบสนับสนนุ (Support systems) ประกอบด้วยบคุ คลอ่นื ๆ กลมุ่ คน
หรือองคก์ รท่ีมีความเกย่ี วข้องโดยการพง่ึ พาระหว่างกันจนบรรลุถึงเป้าหมาย
จากทฤษฎกี ารปรับตวั ของรอย ค.ศ. 2009 สามารถสรปุ ไดว้ า่ มนษุ ยท์ ุกคนเป็นสิ่งมีชีวิต
มีระบบการปรับตวั เปน็ ระบบเปิด มปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ส่งิ แวดลอ้ มท้งั ภายในและภายนอก บคุ คลตอ้ งมีการ
ปรับตัวเพื่อตอบสนองส่ิงแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงโดยใช้กลไกการปรับตัว ซึ่งประกอบด้วยกลไกการ
ควบคุม (Regulator mechanism) เป็นกลไกอัตโนมัติ การปรับตัวทางด้านสรีระ และกลไกการคิดรู้
(Cognator mechanism) เป็นการทางานทีส่ ัมพันธก์ บั จิตใจและสังคมจากประสบการณท์ ี่เรียนรู้ โดย
เมื่อสิ่งเร้าเข้าสู่ระบบบุคคลผ่านกระบวนการรับรู้ข่าวสาร จะเกิดการเรียนรู้และตัดสินใจท่ีจะหาวิธี
แก้ปัญหา ทาให้เกิดการปรับตัวทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอัตมโนทัศน์ ด้านบทบาทหน้าที่
และด้านพึ่งพาระหว่างกนั ส่งผลให้เกิดการปรับตัวที่มีประสิทธิภาพ (Adaptive response) และเกดิ
การปรับตัวท่ีไม่มีประสิทธิภาพ (Ineffective response) ถ้าบุคคลมีพฤติกรรมการปรับตัวอย่าง
เหมาะสม จะทาให้สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ และส่งผลให้บุคคลมีสุขภาพดีและดารงชีวิตได้อย่างมี
ความสุข แตถ่ ้ามกี ารปรับตวั ไมด่ ี จะทาใหภ้ าวะของโรคแย่ลงและมีคณุ ภาพชวี ิตต่าลง
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย (Roy's adaptation model) และได้ให้ความหมายของ
มนุษย์ว่าเป็นบุคคลเดียว ครอบครัว กลุ่ม องค์กร และชุมชน เป็นระบบการปรับตัวแบบองค์รวม
(Holistic adaptation system) ระบบของมนุษย์เป็นทั้งหมดในหนึ่งเดียว แสดงถึงพฤติกรรมการมี
ความหมายของมนุษย์ มีความสามารถในการคิด มีสติ และมีความหมาย ซ่ึงมีการพิจารณาอย่างมี
ประสิทธิภาพเพ่อื ท่จี ะทาการเปลีย่ นแปลงของคนและส่ิงแวดล้อม โดยมีรปู แบบและมีความสัมพนั ธก์ ับ
สิง่ แวดลอ้ มทง้ั ภายในและภายนอก (เบญจมาศ สุขศรเี พง็ , 2555)
รอยให้คาจากัดความส่ิงแวดล้อมโดยยึดตามทฤษฎีของเฮลสัน ท่ีกล่าวว่า “การปรับตัว
เป็นการทางานของระดับการเปล่ียนแปลง ระดับและระบบการปรับตัวของมนุษย์” และส่ิงแวดล้อม
เป็นทุกสรรพส่ิงสภาพการณ์ ท่ีล้อมรอบตัวบุคคลท้ังภายในและภายนอก มีผลกระทบต่อพัฒนาการ
และพฤติกรรมของบุคคล ส่ิงแวดล้อมถือเป็นปัจจัยนาเข้าเม่ือสิ่งแวดล้อมเกิดการเปล่ียนแปลงข้นึ จะ
กลายเป็นสงิ่ เร้าที่กระต้นุ ใหบ้ ุคคลเกดิ การปรบั ตัว โดยจาแนกสิง่ เรา้ ออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่
1) สิ่งเร้าตรง (Focal stimuli) คอื สิง่ เร้าทัง้ ภายนอกและภายในท่ีบุคคลกาลังเผชิญ
อยู่ในขณะนน้ั มีความสาคัญและมอี ิทธพิ ลต่อการปรับตวั มากท่สี ุด ทาใหเ้ กดิ การตอบสนองต่อสิง่ เรา้ นั้น
เกดิ ข้ึน โดยส่งิ เร้าเปรยี บเสมือนตัวกระตุ้นให้เกดิ พฤติกรรม
2) สิ่งเรา้ ร่วม (Contextual stimuli) คอื ส่ิงเร้าอนื่ ๆ ที่มีอยใู่ นขณะนั้น เป็นได้ทง้ั ใน
ทางบวกและทางลบ ซ่ึงผลในทางบวกจะชว่ ยลดอิทธพิ ลของสิง่ เร้าตรงหรือช่วยลดความรุนแรงได้ แต่
ถ้ามผี ลในทางลบจะทาใหอ้ ิทธพิ ลของส่งิ เร้าตรงมีอิทธพิ ลมากยิ่งขึ้น จะทาให้บคุ คลปรบั ตัวยากขึ้นโดย
อาจจะมีผลเป็นตวั เสริมต่อสิง่ เรา้ ตรง และส่งิ เร้ารว่ ม
355
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
3) ส่ิงเร้าแฝง (Residual stimuli) คือ ปัจจัยส่ิงแวดล้อมท้ังภายนอกและภายใน
ระบบบุคคล เป็นลักษณะเฉพาะตัวของมนุษย์ หรืออาจเกิดจากประสบการณ์ในอดีต (Roy, 1999,
อา้ งถึงใน เบญจมาศ สขุ ศรเี พง็ , 2555)
ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้สร้างแนวคิดและ
ทฤษฎีเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต กลไกกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural
selection) พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ และทฤษฎีความอยู่รอด (Survival) โดยดาร์วิน
สามารถอธิบายเป็นเหตุเป็นผลได้ว่า ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดบนโลกน้ันล้วนมีความสัมพันธ์กัน มีการดิ้นรน
เพื่อความอยู่รอด จนสู่การปรับตัว (adaptation) และเปลี่ยนแปลงเพื่อดารงเผ่าพันธ์ุ เม่ือมีการ
เปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เปล่ียนแปลงจากบรรพบุรุษสู่สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นจาเพาะกับ
สภาพแวดล้อม (ผู้จัดการออนไลน์, 2552; pattanieconomy, 2562; เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ และ
ประคอง ตังประพฤทธกิ์ ลุ , ม.ป.ป.)
ชาร์ลส์ ดาร์วิน อธิบายว่า วิวัฒนาการเกดิ ข้ึนได้โดยกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
จากการเดนิ ทางสารวจและทดลอง การสงั เกตจากซากฟอสซลิ ทเี่ กบ็ สะสมมวี ิวฒั นาการ เตา่ มลี ักษณะ
เฉพาะตัวท่ีแตกต่างกันของแต่ละถ่ินฐาน การผสมข้ามชนิดพันธุ์ของนก การเอาตัวรอดท่ามกลาง
ธรรมชาติ การปรับตัวเข้ากับส่ิงแวดล้อมคือกลไกของการอยู่รอด หากไม่ปรับตัวก็จะตายโดยไม่สืบ
ทอด ส่วนที่รอดก็จะถ่ายทอดลักษณะเฉพาะไปสู่รุ่นถัดไปจนคุณลักษณะที่หลากหลายเกิดเป็นพันธ์ุ
ใหม่ และชนิดพนั ธ์ทุ ุกอย่างมาจากต้นกาเนิดเดยี วกัน
ชญาภรณ์ เอกธรรมสทุ ธ,์ิ ปภาวดี ทวีสุข และนนั ธดิ า วดั ย้มิ (2559, น. 110-121) ได้ทา
งานวิจัยเร่ือง รูปแบบการเรียนการสอนท่ีส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ พบว่า การจัดการ
เรยี นการสอนตามรูปแบบการแก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรคเ์ หมาะสาหรับนกั ศกึ ษาพยาบาล Generation Y
ท่ีมีความมั่นใจในตัวเอง ชอบการคิดนอกกรอบ ชอบความท้าทาย มีความสร้างสรรค์ การเรียนการ
สอนดังกล่างจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เป็นการฝึก
กระบวนการแก้ปัญหา การใช้ทักษะการคิดขั้นสูง การตัดสินใจเลือกแนวทางการแก้ปัญหาที่ดีและ
เหมาะสมกับประเด็นหรือบริบทนั้น ๆ นอกจากน้ียังสามารถดึงศักยภาพด้านบวกตามลักษณะ
Generation ของการเรียนออกมาในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งกระบวนการและผลลัพธ์การเรียนรู้เหล่านี้จะ
เกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความสามารถและทักษะของครูผู้สอนท่ีช่วยสนับสนุนและกระตุ้นผู้เรียนให้เกิด
ทักษะดังกล่าว ได้แก่ วิธีการสอนอภิปรายกลุ่มย่อย การจัดกลุ่มเพ่ือให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดร่วมกัน
เทคนคิ การตงั้ คาถามที่ช่วยใหผ้ ู้เรียนแสดงความคดิ เหน็ หรือตอบคาถาม การใหข้ ้อมลู ย้อนกลบั จะช่วย
ใหผ้ เู้ รยี นรับรูถ้ งึ ผลการเรยี นรู้ การปฏิบัตทิ ดี่ ี และข้อควรปรับปรงุ ของตนเอง
การนาวธิ แี ละเทคนคิ การสอนแต่ละวิธไี ปใช้ ผู้สอนควรศึกษาและทาความเขา้ ใจเก่ียวกับ
วัตถุประสงค์ องค์ประกอบ ข้ันตอน และท่ีสาคัญท่ีสุดคือ ความเหมาะสมของผู้เรียนท่ีจะสามารถใช้
วธิ กี ารสอนแบบน้นั ได้หรือไม่ เพราะหากผู้สอนเลอื กวิธีการสอนตามกระแสหรือไม่เหมาะ การสอนนน้ั
จะไมเ่ กิดประโยชน์แก่ผู้เรียน
วิธดี าเนนิ การวิจยั
356
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
การศึกษาครั้งน้ีผู้วิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เพ่ือศึกษาผลกระทบต่อการดารงชีวิต หน้าที่
การงาน วธิ ีการแก้ปญั หา และปรับเปลีย่ น เพอ่ื รับมอื กบั สถานการณ์ท่ีเกิดขน้ึ ในช่วงการระบาดโควิด-
19
1) ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง กลุ่มประชากรที่ใช้คือบุคคลท่ัวไป มีจานวนตัวอย่างท่เี ก็บ
ได้ 68 คน
2) เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย แบบสอบถามการศึกษาพฤติกรรมการดารงชีวิตในช่วงการ
เกิดโรคระบาดโควดิ -19 โดยพัฒนาขนึ้ จากแนวคิดสาหรับการทางานอยบู่ ้าน (Bodewits, 2020) และ
24 วิธสี รา้ งรายไดอ้ ย่างอจั ฉริยะ บนออนไลน์ (มนตรี ศรวี งษ์, 2561) แบง่ เป็น 2 ตอน 1) ขอ้ มลู ท่ัวไป
2) ผลกระทบในช่วงโควดิ -19
3) การเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถาม โดยการสุ่มแบบตาม
สะดวก (Convenience Sampling) ด้วย Google Form เดือนกันยายน – ตุลาคม 2563 ผ่าน
เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ใหก้ ับบคุ คลทว่ั ไปในชว่ งท่มี กี ารระบาดของเช้ือโควดิ -19
4) การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยนาข้อมูลท่ีได้จากแบบสอบถามมาประมวลผลด้วย
คอมพิวเตอร์ ใชส้ ถติ ิวเิ คราะห์ข้อมลู เปน็ ค่าร้อยละนามาตอบคาถามงานวิจัย 2 ข้อ
ผลการวจิ ยั
การเสนอผลการวิเคราะห์ และการแปรผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้วิเคราะห์และ
นาเสนอในรปู แบบของตารางประกอบคาอธบิ ายโดยเรยี งลาดับหัวข้อการวิเคราะหข์ อ้ มูลดงั น้ี
ตารางท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถามด้านเพศ
เพศ จานวน ร้อยละ
ชาย 34 50.00
หญงิ 34 50.00
รวม 68 100
จากตารางที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามด้านเพศ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมี
อัตราสว่ นชายหญงิ เท่ากัน จานวน 34 คน คดิ เป็นร้อยละ 50
ตารางที่ 2 รอ้ ยละของผลกระทบทเี่ กิดในช่วงโควิค-19 จานวน ร้อยละ
ผลกระทบ 40 58.82
28 41.18
ผู้ไดร้ ับผลกระทบโดยการออกจากงาน 68 100
ผูไ้ มไ่ ด้รับผลกระทบโดยการออกจากงาน
รวม
357
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
จากตารางท่ี 2 ผลกระทบที่เกิดในช่วงโควิค-19 พบว่า ข้อท่ีมีผู้ตอบมากท่ีสุด คือ ผู้ได้รับ
ผลกระทบโดยการออกจากงาน จานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 58.82 และผู้ไม่ได้รับผลกระทบโดย
การออกจากงาน จานวน 28 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 41.18 ตามลาดบั
ตารางที่ 3 ร้อยละของปัญหาทีเ่ กิดจากผลกระทบในชว่ งโควิค-19
ผลกระทบที่เกิดในช่วงโควิค-19 จานวน ร้อยละ
35.00
โดนลดเงนิ เดือน 14 35.00
15.00
ให้ทางานที่บ้าน 14 5.00
5.00
ถูกเลกิ จ้าง 6 2.50
2.50
โดนลดเงนิ เดือน และใหท้ างานท่บี ้าน 2
โดนลดเงินเดือน และถกู เลิกจา้ ง 2
โดนลดเงนิ เดอื น ให้ทางานท่บี ้าน และถกู เลิกจา้ ง 1
ใหท้ างานท่บี ้าน และถกู เลกิ จา้ ง 1
จากตารางที่ 3 ปญั หาที่เกิดจากผลกระทบในชว่ งโควคิ -19 พบวา่ ข้อท่ีมีผตู้ อบมากทีส่ ดุ คือ
โดนลดเงินเดือน และให้ทางานท่ีบ้าน มีจานวนเท่ากันที่ 14 คน คิดเป็นร้อยละ 35.00 รองลงมาคือ
ถูกเลิกจ้าง จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 15.00 ส่วนโดนลดเงินเดือน และให้ทางานท่ีบ้าน และโดน
ลดเงินเดือน และถูกเลิกจ้าง มีจานวนเท่ากันท่ี 2 คน คิดเป็นร้อยละ 5.00 และโดนลดเงินเดือน ให้
ทางานที่บ้าน และถูกเลิกจ้าง และให้ทางานที่บ้าน และถูกเลิกจ้าง มีจานวนเท่ากันท่ี 1 คน คิดเป็น
รอ้ ยละ 2.50 ตามลาดับ
ตารางท่ี 4 ร้อยละการแก้ปญั หาทเี่ กิดจากผลกระทบทีเ่ กดิ ในชว่ งโควคิ -19
การแก้ปัญหาทีเ่ กิดผลกระทบที่เกิดในชว่ งโควคิ -19 จานวน ร้อยละ
สมคั รงานอาชพี ใหม่ 12 20.00
กลบั บา้ นต่างจงั หวัด 11 18.33
เปิดร้านขายของออนไลน์ 10 16.66
13.33
อบรม/เรยี นออนไลนเ์ พอ่ื สรา้ งอาชีพ 8 10.00
กู้เงินลงทุน 6 8.33
3.33
เปดิ รา้ นขายของละแวกบ้าน 5 3.33
เปดิ สอนออนไลน์ 2 1.66
หาชอ่ งทางรายได้และธรุ กิจเพม่ิ 2 1.66
1.66
ซอื้ แฟรนไชส์ 1 1.66
เปน็ youtuber 1
ยังไม่ไดท้ าอะไร 1
ลดคา่ ใช้จา่ ย 1
358
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
จากตารางที่ 4 การแก้ปัญหาท่เี กดิ ผลกระทบท่เี กิดในชว่ งโควคิ -19 พบว่า ขอ้ ทมี่ ีผู้ตอบมาก
ท่สี ุด คอื สมัครงานอาชพี ใหม่ จานวน 12 คน คดิ เป็นร้อยละ 20.00 รองลงมาคอื กลบั บา้ นตา่ งจังหวัด
จานวน 11 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 18.33 เปิดรา้ นขายของออนไลน์ จานวน 10 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 16.66
อบรม/เรียนออนไลน์เพื่อสรา้ งอาชีพ จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 13.33 กู้เงินลงทุน จานวน 6 คน
คิดเป็นร้อยละ 10.00 เปิดร้านขายของละแวกบา้ น จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 8.33 ส่วนเปิดสอน
ออนไลน์ และหาช่องทางรายได้และธุรกิจเพ่ิม มีจานวนผู้ตอบเท่ากันที่ 2 คน คิดเป็นร้อยละ 3.33
และซ้อื แฟรนไชส์, เปน็ youtuber, ยงั ไม่ได้ทาอะไร และลดคา่ ใช้จ่าย มีจานวนผตู้ อบเท่ากนั ที่ 1 คน
คิดเปน็ ร้อยละ 1.66 ตามลาดบั
อภปิ รายผลการวจิ ยั
ผลกระทบของการดารงชีวิตช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 พบว่า ส่วนมากจะโดนลด
เงนิ เดอื น และให้ทางานทีบ่ ้านซึง่ สอดคล้องกับบทความของ ดร.ยงยทุ ธ แฉลม้ วงษ์ ไดเ้ ขียนบทความไว้
ใน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เร่ืองสถานการณ์ผลกระทบ Covid-19 ต่อ
ตลาดแรงงาน: ข้อมูลเชิงประจักษ์ (2) ท่ีเขียนไว้ว่าผลกระทบด้านแรงงานจากสานักงานสถิติแห่งชาติ
(สสช.) “ภาวะการมีงานทาของประชากรไตรมาส 2 พ.ศ. 2563” เมื่อเปรยี บเทยี บช่วงเวลาเดียวกันของ
ปกี อ่ น ซึง่ ไตรมาส 1 ปี 2563 ตลาดแรงงานไดร้ ับผลกระทบทาให้การมีงานทาลดลง 28,000 คน (รอ้ ย
ละ 0.7) และความรุนแรงของผลกระทบเพิ่มข้ึนในไตรมาส 2 ทาให้การมีงาน ลดลงถึง 71,000 คน
(รอ้ ยละ 1.9) ในจานวนผูม้ ีงานทาในปี 2563 ไตรมาส 2 จานวน 37.07 ล้านคน มผี ู้ไม่ทางาน (ท้งั ๆ ที่
มีงานประจา) ถึง 2.62 ล้านคน เพ่ิมขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2562 ถึงร้อยละ 47.9 ขณะที่ไตร
มาส 1 ของปี 2563 เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกนั ปี 2562 ผมู้ ียังมีตาแหน่งงานอยู่แต่ไม่ทางานเพียง
ร้อยละ 17.6 เท่าน้ัน (ยงยุทธ แฉล้มวงษ์, 2563) ด้วยผลกระทบดังกล่าวทาให้ทราบว่าคนส่วนใหญ่
ว่างงานมากขึ้น ซ่ึงสอดคล้องกับบทความของ ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย
เศรษฐกิจและธุรกิจ (Economic Intelligence Center – EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ได้วิเคราะห์
ผลกระทบโควิดทม่ี ีตอ่ เศรษฐกิจและตลาดแรงงานไทย ในหัวข้อ “ประเทศไทยหลังโควิด-19 ตอนท่ี 1 :
ผลกระทบเศรษฐกิจและตลาดแรงงานไทย” ไดเ้ ขยี นไว้ว่าตัวเลขสานักงานสถิติแห่งชาติ ตัวเลขแรงงาน
ในประเทศไทยจานวน 37.6 ลา้ นคน อาชีพท่ีมคี วามเส่ียงมากคือภาคท่องเท่ียว ภัตตาคาร สันทนาการ
บริการ ตลอดจนค้าปลีก ค้าส่ง รวมถึงกลุ่มพาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ ผู้ประกอบการรายย่อย และเจ้าของ
ธุรกิจส่วนตัวในกลุ่มธุรกิจนี้ และสอดคล้องกับทฤษฎีของชาร์ลส์ ดาร์วิน ซ่ึง Meedian Chumat ได้
เขียนบทความลงในเว็บไซต์ pattanieconomy เร่ือง “ทฤษฎีความอยู่รอด (survival) ในมิติ
ผู้ประกอบการ” ได้เขียนไว้ว่าบริบทของผู้ประกอบการ ซึ่งความอยู่รอดเป็นสิ่งที่มีความสาคัญมากใน
โลกยุค ด้วยเหตุนี้จึงทาให้หลายคนประสบปัญหาเร่ืองการถูกลดเงินเดือน และให้ทางานท่ีบ้าน ซึ่ง
ผลกระทบต่าง ๆ เหล่าน้ีส่งผลให้ทุกคนท่ีโดนผลกระทบน้ีต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ดารงคงอยู่ต่อไปได้
จนกวา่ การแพร่ระบาดโควิด-19 จะดขี นึ้ ไมว่ ่าจะเป็นการปรับตวั ในเรอ่ื งของรายได้ท่นี ้อยลง ปรบั ตัวใน
การต้องถูกเลิกจ้างกระทันหันแล้ว ทุกคนยังต้องปรับตัวในเร่ืองของการดารงชีวิตไม่ใช่แค่ New
359
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
Normal หรือ Social Distancing แต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีด้วย เพ่ือที่จะได้นาเทคโนโลยีมา
ช่วยในดา้ นของการส่ือสาร
พฤติกรรมการดารงชีวิตด้านการส่ือสารในช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19 พบว่า
พฤติกรรมการดารงชีวิตด้านการสื่อสารส่วนมากต้องการเปิดร้านขายของออนไลน์ ซ่ึงสอดคล้องกับ
บทความออนไลนข์ องไทยเอสเอ็มอเี ซ็นเตอร์ เรอ่ื ง “24 วิธสี รา้ งรายไดอ้ ย่างอจั ฉรยิ ะ บนออนไลน์” ได้
เขยี นไวว้ า่ มีผ้คู นจานวนมากใชอ้ นิ เทอร์เน็ตเป็นชอ่ งทางในการนาไปสู่วิธีการหาเงนิ ไดเ้ ป็นอย่างดี อาทิ
1) เร่ิมต้นธุรกิจ Start Up 2) ทาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 3) รับทาเว็บไซต์ 4) ทางานฟรีแลนซ์ 5) ครูสอน
พเิ ศษออนไลน์ 6) สรา้ งและขายคอร์สเรยี นออนไลน์ 7) เปน็ ยทู ปู เปอร์ 8) ทาแบบสารวจออนไลน์ 9)
ซ้ือ-ขายสินค้าออนไลน์ 10) นักเขียนออนไลน์ 11) เป็นบล็อกเกอร์ 12) ออกแบบกราฟิกดีไซน์ 13)
เปน็ Influencer ใน Instagram 14) ท่ีปรกึ ษาธรุ กจิ ออนไลน์ 15) รับจองตัว๋ -ทพ่ี ักออนไลน์ 16) สร้าง
บล็อกขายรูปถ่าย 17) ทาการตลาดผ่าน Facebook 18) พัฒนาแอปพลิเคชัน 19) พิสูจน์อักษร
ออนไลน์ 20) ท่ีปรึกษาหาคู่ออนไลน์ 21) นักข่าวออนไลน์ 22) เทรนเนอร์ออนไลน์ 23) ทาคลิปสอน
ทาอาหาร 24) ขายเพลงออนไลน์ (มนตรี ศรวี งษ,์ 2561) และทาให้ทราบว่า คนส่วนใหญ่จะหันมาใช้
เทคโนโลยีการสื่อสารเพ่ือประกอบอาชีพมากข้ึน รวมทั้งเร่ืองการศึกษาที่มีหลายสถาบันได้ปรับการ
เรียนการสอนให้เป็นแบบออนไลนเ์ นื่องมาจากการเกดิ โรคระบาดโควิด-19 ซ่ึงสอดคล้องกบั บทความ
วิจัยเร่ือง “Factors Affecting On-line Classroom Communication in COVID-19 Epidemic
Period: The Case of Teaching and Learning after the Outbreak of the Disease” ไดก้ ลา่ วถึง
การแอปพลิเคชันท่ีอาจารย์ใช้สอนซ่ึงส่วนมากจะใช้แอปพลิเคชัน ZOOM (Rodloytuk, 2020, pp.
45-58.)
วิธกี ารแกป้ ัญหาในชว่ งการเกิดโรคระบาดโควดิ -19 พบวา่ สว่ นมากสมัครงานในอาชีพใหม่
ที่คิดว่าไม่มีผลกระทบต่อการระบาดโครวคิ -19 ในการแก้ปัญหาท่ีเกดิ ขึ้นในช่วงการเกิดโรคระบาดโค
วดิ -19 นั้น ทกุ คนต้องปรับตัวเพ่ือให้ทกุ คนในครอบครวั อยรู่ อด และวิธีการอยูร่ อดกม็ ีไดห้ ลากหลายวิธี
บางคนก็จะเร่ิมจากความชอบในงานเสริมที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว บางคนเริ่มจาก
ความถนัดในอาชีพใหม่ บางคนมีความเช่ียวชาญด้านเทคโนโลยีก็สามารถนามาใช้ในการสรา้ งรายได้
ได้อีกทางหน่ึงด้วย ซ่ึงพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้สอดคล้องกับทฤษฎีของชาร์ลส์ ดาร์วิน ซ่ึง Meedian
Chumat ได้เขียนบทความลงในเว็บไซต์ pattanieconomy เร่ือง “ทฤษฎีความอยู่รอด (survival)
ในมิติผู้ประกอบการ” ไดเ้ ขียนไวว้ ่าทฤษฎี Social Darwinism สามารถใช้ในการกระต้นุ มนุษยใ์ ห้ขยัน
ทางานมากข้ึน (pattanieconomy, 2562) และสอดคล้องกบั คลิปจากชอ่ งทางยูทปู ของ ศ. ดร.สุชชั วีร์
สวุ รรณสวัสดิ์ เม่ือวันที่ 30 ตุลาคม 2020 เร่อื งอนาคตนวตั กรไทยในยคุ หลังโควิคทีก่ ลา่ ววา่ โลกาภิวัฒน์
ทาให้เกดิ การเคล่ือนยา้ ย 3 สง่ิ ท่ีเป็นการเปลี่ยนชวี ิตคน และเปล่ียนชีวติ โลก 1) เคลือ่ นยา้ ยคน คือ คน
สามารถเคล่ือนยา้ ยได้โดยเสรีคนเกง่ เปน็ สมบตั ขิ องคนท่ัวโลก แตช่ ่วงน้ีโควดิ ทาใหก้ ารเคล่ือนย้ายทาได้
ยาก 2) เคล่ือนย้ายเงนิ คือ งานเป็นภัยพบิ ัติต่อชาติมากท่สี ุดเพราะเมื่อมีหัวหนา้ ครอบครวั คนตกงาน
ปัญหาตา่ ง ๆ ก็ตามมา แต่ละประเทศก็นาคนกลับและจ้างงานเอง 3) เคล่ือนย้ายข้อมูล คอื ในวันนม้ี ี
การซื้อของออนไลน์ (สุชชั วรี ์ สวุ รรณสวัสด์ิ, 2563ก) เพราะทกุ คนตอ้ งทาเพื่อความอยู่รอดของตนเอง
และครอบครัว ส่วนวิธีการแก้ปัญหาของแต่ละคนก็สอดคล้องกับบทความของ Karin Bodewits ได้
360
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
เขียนเรื่อง “Working from home because of COVID-19? Here are 10 ways to spend your
time” ได้เสนอแนวคิดสาหรับการทางานอยู่บ้าน ดังน้ี 1) ดูแลตนเอง ดูแลสุขภาพ 2) เรียนรู้ทักษะ
ใหม่ เพ่ิมพูนทักษะ 3) นาโครงการหรืองานเก่าท่ียังไม่เสร็จหรือถูกลืม นากลับมาทาให้เสร็จสมบูรณ์
4) โปรโมตงานทางสื่อออนไลน์ เผยแพร่งานของคุณผ่านช่องทางออนไลน์ 5) สร้างงานกราฟิกสร้าง
แบรนด์ของตนเอง 6) สมัครขอรับทุน ใช้เวลาว่างหาทุนการศึกษาหรืองานวิจัยทางอินเทอร์เน็ตจาก
หน่วยงานต่าง ๆ 7) วางแผนอาชีพ ทดสอบทางเลือกอาชีพผ่านช่องทางออนไลน์ 8) การสัมภาษณ์
ข้อมูล ติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างเครือข่ายด้วยวิธีรักษาระยะห่าง 9) ยินดีกับผู้อ่ืน เปลี่ยนความ
ผิดหวงั เปน็ ทาสงิ่ อื่นเพ่อื ใหเ้ กดิ ความสบายใจและไม่เปน็ อนั ตรายกับตนเองและผู้อนื่ 10) คดิ และทาใน
สิ่งทท่ี าแล้วเกิดความสนกุ สนานและมสี ุข (Bodewits, 2020) และสอดคลอ้ งกบั คลปิ จากชอ่ งทางยูทูป
ของ ศ. ดร.สชุ ชั วรี ์ สวุ รรณสวสั ด์ิ เมือ่ วนั ที่ 20 กรกฎาคม 2020 ผา่ นชอ่ งทางยูทูป ไดก้ ลา่ วว่า เดก็ รุ่น
ใหม่จบมาไม่ได้ประกอบอาชีพในสาขาท่ีเรียน เพราะฉะน้ันทางรอดทางเดียวคือ ไม่ใช่การเรียนใน
ระบบ แต่วัดกันที่ “ทาไดห้ รอื เปลา่ ทาสวยหรอื เปล่า ทาเก่งหรือเปลา่ ทาแลว้ ดกี วา่ คนอื่นหรอื เปล่า”
ความสาเรจ็ ของคนตอ้ งเปน็ Lifetime Learner ตอ้ งเรยี นรตู้ ลอดชีวติ Lifelong Learning ทักษะช่วย
ใหร้ อดในยุคดสิ รปั ต์ (สุชชั วรี ์ สวุ รรณสวสั ด์ิ, 2563ข)
เอกสารอา้ งอิง
จันทร์เพ็ญ สนั ตวาจา, อภญิ ญา เพยี รพจิ ารณ์ และรตั นาภรณ์ ศริ ิวัฒน์ชยั พร. (2550). แนวคิด
พ้ืนฐาน ทฤษฎีและกระบวนการพยาบาล (พมิ พค์ ร้ังท่ี 3). กรุงเทพฯ: ธนาเพรส.
จนั ทร์เพ็ญ สนั ตวาจา, อภิญญา เพียรพจิ ารณ์ และรตั นาภรณ์ ศริ วิ ัฒน์ชยั พร. (2556). แนวคิด
พื้นฐาน ทฤษฎแี ละกระบวนการพยาบาล. นนทบุรี: โครงการสวสั ดิการวิชาการ สถาบนั
พระบรมราชชนก.
จินตนา ยูนพิ นั ธ์ และวราภรณ์ ชยั วัฒน.์ (2550). เอกสารคาสอนรายวชิ า ทฤษฎีทางการพยาบาล.
กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
เจษฎา เด่นดวงบรพิ นั ธ์ และประคอง ตงั ประพฤทธ์ิกลุ . (ม.ป.ป.). คูม่ อื การใชส้ อื่ การสอนวชิ า
ชวี วทิ ยา เรือ่ ง วิวฒั นาการ: ชาร์ลส์ ดาร์วิน คอื ใคร. กรงุ เทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐานและคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
ชญาภรณ์ เอกธรรมสทุ ธ,ิ์ ปภาวดี ทวีสขุ และนนั ธดิ า วัดยิ้ม. (2559). รูปแบบการเรียนการสอนท่ี
สง่ เสริมการแกป้ ญั หาอยา่ งสร้างสรรค์. Journal of Boromarajonani College of
Nursing, Bangkok, 32(3), 110-121.
ณัฐสุดา แสงบุญ, มุกดา เดชประพนธ์ และสุปรีดา มน่ั คง. (2562). การปรบั ตัวของผู้สูงอายุทีม่ ีความ
บกพรอ่ งทางการมองเหน็ . รามาธบิ ดีพยาบาลสาร, 25(1), 29-42.
ทพิ ย์พาพร มหาสินไพศาล. (2563). Social distancing การเวน้ ระยะหา่ งทางสังคม. วารสารปัญญา
ภวิ ัฒน์, 12(1), สืบค้นจาก https://so05.tci- thaijo.org/index.php/pimjournal/
article/view/241899/164523
361
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
เบญจมาศ สขุ ศรีเพง็ . (2555). ทฤษฎีการปรับตวั ของรอย Roy's adaptation model. สืบค้นจาก
https://www.gotoknow.org/posts/115432
ผจู้ ัดการออนไลน์. (2552). 200 ปี "ชาร์ลส์ ดาร์วนิ " ทวั่ โลกร่วมยกย่องผู้สร้างทฤษฎีวิวัฒนาการ.
สืบค้นจาก https://mgronline.com/science/detail/9520000015150
ภษู มิ า ภญิ โญสนิ วฒั น.์ (2563). จัดการเรียนการสอนอย่างไรในสถานการณ์โควิด-19: จากบทเรียน
ต่างประเทศส่กู ารจัดการเรียนรูข้ องไทย. สบื ค้นจาก https://tdri.or.th/2020/05/
examples-of-teaching-and-learning-in-covid-19-pandemic/
มนตรี ศรีวงษ์. (2561, เมษายน 26). 24 วธิ สี รา้ งรายได้อยา่ งอจั ฉริยะ บนออนไลน์. สืบค้นจาก
http://www.thaismescenter.com/24-วิธีสรา้ งรายได้อย่างอจั ฉริยะ-บนออนไลน/์
ยงยทุ ธ แฉล้มวงษ์. (8 กนั ยายน 2563). สถานการณ์ผลกระทบ Covid-19 ตอ่ ตลาดแรงงาน: ข้อมลู
เชิงประจกั ษ์ (2). TRDI สถาบนั วจิ ัยเพือ่ การพฒั นาประเทศไทย (ทีดอี าร์ไอ). สืบค้นจาก
https://tdri.or.th/2020/09/covid-19-labour-market-impact-in-thailand2/
ยรรยง ไทยเจริญ. (7 พฤษภาคม 2563). ประเทศไทยหลังโควิด-19 ตอนท่ี 1: ผลกระทบเศรษฐกิจ
และตลาดแรงงานไทย. สืบค้นจาก https://www.scb.co.th/th/personal-
banking/stories/business-maker/thailand-after-covid-ep1.html
สนธยา ทองรงุ่ , จรรยา สันตยากร, ยวุ ยงค์ จนั ทรวจิ ิตร และปกรณ์ ประจนั บาน. (2556). ผลของ
โปรแกรมการปรับตัวต่อความสามารถในการปฏบิ ัตกิ ิจวัตรประจาวันและคุณภาพชีวิตของ
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 7(3), 88-97.
สุชชั วีร์ สุวรรณสวสั ดิ์. (2563ก). อนาคตนวตั กรไทยในยุคหลังโควิด โดย "พี่เอ"้ . สบื คน้ จาก
https://www.youtube.com/watch?v=fB-4GE6iPo4
สชุ ชั วรี ์ สวุ รรณสวสั ดิ์. (2563ข). EP32 ปริญญาแปะฝาบ้าน Master. สืบคน้ จาก
https://www.youtube.com/watch?v=aTbvbAq2q1g
Bodewits, K. (2020). Working from home because of COVID-19? Here are 10 ways
to spend your time. ScienceMag.org. Retrieved from
https://www.sciencemag.org/careers/2020/03/working-home-because-covid-
19-here-are-10-ways-spend-your-time
Pattanieconomy. (2562). ทฤษฎีความอยรู่ อด (survival) ในมติ ผิ ปู้ ระกอบการ. สบื คน้ จาก
https://pattanieconomy.wordpress.com/2019/06/02/ทฤษฎคี วามอย่รู อด-
survival-ในมิ
Rodloytuk, P. (2020). Factors Affecting On-line Classroom Communication in COVID-19
Epidemic. International Journal of Management, Business, and
Economics (IJMBE), 45-58.
362
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
Team Excellence Consulting. (6 October 2563). ผลกระทบของโควดิ -19 ต่อการประเมินผล
ประโยชน์พนกั งาน. สืบคน้ จาก https://teamactuary.com/2020/10/06/ผลกระทบ
ของโควิด-19/?fbclid=IwAR2jTsXwSGSDjC8WvKLoiTdrKDBSMEIZq8VffI86wi3irg
KEPRbhwukiDLE
World Health Organization. (2563). Coronavirus disease (COVID-19) questions and
answers. Retrieved from https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-
coronavirus-2019/q-a-on-covid-19
363
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
การพฒั นารปู แบบภาวะผู้นาของผบู้ ริหารเจนเนอเรช่ันวาย
ในภาครัฐสูค่ วามสาเร็จขององคก์ ร*
นติ พิ ัฒน์ กิตตริ ักษกลุ 1
รองผูบ้ งั คับการกองทะเบยี นประวัติอาชญากร สานักงานพสิ ูจนห์ ลกั ฐานตารวจ
สานักงานตารวจแห่งชาติ
บทคัดยอ่
การวิจัยคร้ังนม้ี ีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสถานการณ์ภาวะผู้นาของผู้บริหารเจนเนอ
เรช่ันวายในภาครัฐ และ 2) พัฒนารูปแบบภาวะผู้นาของผู้บริหารเจนเนอเรชั่นวายในภาครัฐสู่
ความสาเรจ็ ขององคก์ ร ดาเนนิ การวจิ ยั เชิงคณุ ภาพโดยการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก ผ้บู รหิ ารในองคก์ รภาครัฐ
จานวน 7 คน ผลการวจิ ัย พบว่า 1) สถานการณผ์ ู้บรหิ ารเจนเนอเรชนั่ วาย ประกอบดว้ ย 1.1) ปัญหา
ท่ีเกดิ ขึ้นจากการบริหารงานของผู้บริหารในเจนเนอเรชน่ั วายในภาครัฐ พบว่า เกิดจาก ความไม่ม่ันใจ
เวลาและรูปแบบการปฏิบัติงานที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย 1.2) พฤติกรรมการบริหารงานของผู้บริหาร
เจนเนอเรช่ันวายมีความแตกต่างกัน คือเนน้ เรอื่ งการทางาน เน้นเรื่องความสมั พันธ์ และเน้นเรือ่ งการ
เปล่ียนแปลง 2) การพัฒนารูปแบบภาวะผู้นาของผู้บริหารเจนเนอเรชั่นวายในภาครัฐสู่ความสาเร็จ
ขององค์กร ประกอบด้วย 2.1) สร้างคุณค่าผู้นาทุกมิติพัฒนาต่อเน่ือง 2.2) การสร้างทัศนคติเชิงบวก
และการสร้างแรงจูงใจในการทางาน และ 2.3) พฤติกรรมผู้บริหารเจนเนอเรช่ันวายท้ังเร่ืองบริหาร
จัดการทรัพยากรและเนน้ การทางานทีม่ ีประสิทธิภาพ
คาสาคญั : ภาวะผ้นู า ผบู้ ริหาร เจนเนอเรช่ันวาย การบริหารภาครฐั
1 รองผบู้ ังคบั การกองทะเบยี นประวตั อิ าชญากร สานกั งานพสิ ูจน์หลักฐานตารวจ สานกั งานตารวจแห่งชาติ
ถนนพระรามท่ี 1 แขวงปทุมวัน เขตปทมุ วัน กรุงเทพฯ 10330
หมายเลขติดตอ่ 084-297-9153 อีเมล: [email protected]
* บทความน้ไี ด้รับการพิจารณาใหต้ พี ิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการการตลาดและการจัดการ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี ปที ่ี 8 ฉบับท่ี 1 โดยมกี ารปรบั ปรุงแก้ไขเพมิ่ เติมตามข้อเสนอแนะ
ของผทู้ รงคณุ วฒุ ปิ ระจาวารสาร
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
THE DEVELOPMENT GENERATION Y EXECUTIVE LEADERSHIP MODEL
IN PUBLIC SECTOR FORORGANIZATIONAL SUCCESS
Nitiphat Kittirakshakul1
Deputy Commander Criminal Records, Division Office of Forensic Science
Royal Thai Police
Abstract
The objectives of this research are 1) to study the leadership situation of
generation Y executives in the public sector, and 2) to develop the generation Y
executive leadership model in public sector for organizational success. The research is
qualitative research through in- depth interviews 7 executives in government
organizations. The study found that 1) the generation Y management situation include:
1. 1) Problems arising from the management of generation Y executives in the public
sector were found to be caused by uncertainty, time management and management
style of operation using modern technology 1. 2) The management behavior of
generation Y executives is different. Is to focus on work Focus on relationships and
focus on change. 2) The development generation Y executive leadership model in
public sector for organizational success include: 2.1) Creating leadership values in all
dimensions, continuous development, 2. 2) creating positive attitudes and working
motivation, and 2. 3) Generation Y executive behavior, both in resource management
and focusing on efficient work.
Keywords: Leadership, Executives, Generation Y, Public Administration
1 Corresponding Author: Deputy Commander Criminal Records, Division Office of Forensic Science
Royal Thai Police. Contact Number: +6684-297-9153 Email: [email protected]
365
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งโลจิสติกสก์ ารทอ่ งเทีย่ วชมุ ชน OTOP
นวัตวถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมอื ง จงั หวัดสงขลา
กบั ความพึงพอใจของนกั ท่องเท่ียวชาวไทย
พระดารณั ศิริรตั น์1
นกั ศึกษาปริญญาโทหลักสตู รบริหารธุรกิจมหาบัณฑติ คณะบริหารธุรกจิ
มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง
สมพล ทุ่งหว้า
อาจารย์ประจาสาขาวิชาบรหิ ารธุรกิจ คณะบรหิ ารธุรกจิ
มหาวิทยาลัยรามคาแหง
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษา 1) พฤติกรรมการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี
ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จงั หวัดสงขลา ภายหลงั สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ของนักทอ่ งเที่ยว
ชาวไทย 2) ระดบั ความคดิ เหน็ ต่อโลจสิ ตกิ ส์การทอ่ งเที่ยวชุมชน OTOP นวตั วถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอ
เมือง จังหวัดสงขลา 3) ระดับความพึงพอใจในการท่องเท่ียวชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ
อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา ของนักท่องเท่ียวชาวไทย 4) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลของ
นักท่องเท่ียวชาวไทยกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง
จังหวัดสงขลา และ 5) ความสัมพันธ์ระหว่างโลจิสติกส์การท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี กับ
ความพึงพอใจของนกั ท่องเที่ยวชาวไทย กลุ่มตัวอย่างคือ นักท่องเท่ียวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเทย่ี ว
ชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ จานวนท้ังหมด 400 คน ผลการวิจัยพบว่า โลจิสติกส์การ
ท่องเท่ียวชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยภาพรวม มี
ความสมั พันธ์ทางบวกในระดบั ปานกลางกบั ความพึงพอใจ อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ทิ ่ีระดบั .01
คาสาคญั : โลจิสติกส์การทอ่ งเทีย่ ว เกาะยอ ความพึงพอใจ
1 นกั ศกึ ษาหลักสูตรบรหิ ารธรุ กิจมหาบัณฑติ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง สาขาวทิ ยบรกิ าร-
เฉลิมพระเกียรติ จงั หวดั สงขลา หมู่ที่ 6 ถ.ควนจนี ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
หมายเลขติดตอ่ 064-892-6991 อเี มล: [email protected]
การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
RELATIONSHIP BETWEEN OTOP COMMUNITY TOURISM LOGISTICS
IN KOH-YO SUBDISTRICT, MUANG DISTRICT, SONGKHLA
PROVINCE AND THE SATISFACTION OF THAI TOURISTS
Phra Darann Sirirat1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business Administration
Ramkhamhaeng University
Sompol Thungwa
Lecturer, Faculty of Business Administration
Ramkhamhaeng University
Abstract
The purposes of this research were to study 1) the behavior of Thai tourists
towards OTOP community tourism, Nawatwithi, Koh Yo subdistrict, Muang district,
Songkhla province after the Covid-19 pandemic; 2) the level of opinions towards the
logistics tourism of OTOP community, Nawatwithi, Koh Yo subdistrict, Muang district,
Songkhla province; 3) the level of satisfaction of Thai tourists towards OTOP
community tourism, Nawatwithi, Koh Yo subdistrict, Muang district, Songkhla province;
4) the relationship between personal factors and behavior of Thai tourists towards
OTOP community tourism, Nawatwithi, Koh Yo subdistrict, Muang district, Songkhla
province; and 5) the relationship between the logistics tourism of OTOP community
tourism, Nawatwithi and the level of satisfaction of Thai tourists. The sample consisted
of 400 Thai tourists who traveled to OTOP community tourism, Nawatwithi, Koh Yo
subdistrict. The study indicated that the logistics tourism of OTOP community,
Nawatwithi, Koh Yo subdistrict, Muang district, Songkhla province has a moderate
positive relationship with the level of satisfaction at the .01 level of significance.
Keywords: Tourism Logistics, Koh-Yo, Satisfaction
1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration,
Ramkhamhaeng University, Songkhla Campus in Honour Majesty The King
Contact Number: +6664-892-6991 Email: [email protected]
367
การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021
บทนา
ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา
ปี 2563 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 ทาให้มีการจากัดการ
เดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเท่ียวรับผลกระทบจาก ในภาวะท่ีประเทศไทยยงั
ไม่สามารถพ่ึงพาตลาดนกั ทอ่ งเทยี่ วตา่ งชาตไิ ด้ รัฐบาลจงึ ไดพ้ ยายามออกมาตรการตา่ ง ๆ มากระต้นุ ให้
เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยนาหลักการตลาดมาผสมกับแนวการพัฒนาชุมชนเพ่ือการ
ทอ่ งเท่ียว ใหส้ อดรับกับพฤติกรรมของนักทอ่ งเทยี่ วในชว่ งที่ยงั ตอ้ งเฝ้าระวังการระบาดของโควิด-19
คณะกรรมการอานวยการ หนง่ึ ตาบล หน่ึงผลติ ภัณฑแ์ ห่งชาติ (กอ.นตผ.) มอบหมายให้
กรมการพัฒนาชมุ ชน เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบหลักในการส่งเสรมิ การดาเนินงาน OTOP มีการเปลี่ยนผ่านยุค
การผลักดันขายสินค้า OTOP ออกจากชุมชนเพียงด้านเดียว สู่การเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ตามความ
ต้องการ โดยการขายสนิ คา้ อยู่ในชุมชนที่มาจากการท่องเท่ียว มกี ารเช่ือมโยงเส้นทางท่องเทย่ี วระดับ
ชมุ ชนที่มเี สนห่ ์ และมีคณุ ค่าให้นักทอ่ งเที่ยวเข้ามาเย่ียมเยือน (กระทรวงมหาดไทย กรมพฒั นาชมุ ชน,
2561) กอรปกับพื้นท่ีชุมชนเกาะยอเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ในทะเลสาบสงขลา มีสะพานติณสูลานนท์
เชื่อมต่อท้ัง 2 ฝ่ัง โดยส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม การทอผ้าและทาประมง โดยเฉพาะ
การเลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง ซ่ึงมีรสชาดท่ีอร่อยท่ีสุดเน่ืองจากเป็นปลา 3 น้า (องค์การบริหาร
สว่ นตาบลดีหลวง, 2560)
จากความเป็นมาข้างต้น ผู้วิจัยต้องการศึกษาการจัดการโลจิสติกส์ชุมชนท่องเที่ยว
OTOP นวัตวถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมอื ง จังหวดั สงขลา ซง่ึ ประกอบด้วย 2 ชุมชนได้แก่ ชุมชนบ้าน
สวนทุเรียน หมู่ที่ 4 และชุมชนบ้านท่าไทร หมู่ท่ี 5 โดยศึกษาทั้งในด้านการจัดการโลจิสติกส์การ
ทอ่ งเท่ยี วชุมชน พฤตกิ รรมการท่องเที่ยวของนกั ทอ่ งเท่ยี วชาวไทยภายหลังการ Lock-Down ซง่ึ ผู้วิจยั
มีความคาดหวังเปน็ อย่างย่งิ วา่ งานวิจัยนจ้ี ะมีประโยชนต์ อ่ ชุมชนเกาะยอในการพฒั นาศกั ยภาพชุมชน
วัตถุประสงค์ของการวิจยั
1. ศึกษาพฤติกรรมการท่องเท่ยี วชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมอื ง จงั หวัด
สงขลา ภายหลังสถานการณโ์ รคระบาดโควดิ -19 ของนักทอ่ งเที่ยวชาวไทย
2. ศกึ ษาระดบั ความคิดเหน็ ต่อโลจิสตกิ สก์ ารทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน OTOP นวตั วิถี ตาบเกาะยอ
อาเภอเมอื ง จงั หวัดสงขลา
3. ศึกษาระดับความพงึ พอใจในการทอ่ งเที่ยวชมุ ชน OTOP นวตั วิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอ
เมอื ง จังหวัดสงขลา ของนักทอ่ งเทยี่ วชาวไทย
4. ศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหว่างปจั จัยสว่ นบุคคลของนักท่องเที่ยวชาวไทยกับพฤติกรรมการ
ทอ่ งเที่ยวชมุ ชน OTOP นวตั วิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา
5. ศึกษาความสัมพันธร์ ะหว่างโลจิสติกสก์ ารท่องเทย่ี วชมุ ชน OTOP นวัตวถิ ี ตาบลเกาะยอ
อาเภอเมอื ง จงั หวัดสงขลา กบั ความพงึ พอใจของนกั ท่องเที่ยวชาวไทย
368
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
สมมตฐิ านการวิจยั
1. ปัจจัยส่วนบุคคลของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการท่องเที่ยว
ชมุ ชน OTOP นวตั วถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมอื ง จงั หวัดสงขลา
2. โลจสิ ตกิ ส์การท่องเท่ียวชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จงั หวดั สงขลา
มคี วามสัมพันธก์ ับความพึงพอใจของนกั ท่องเท่ยี วชาวไทย
กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
จากการทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยทีเ่ ก่ียวข้อง ผวู้ ิจยั ไดน้ าแนวคิด/ทฤษฎขี องวิชาการ
หลายท่านมาผสมผสานเป็นกรอบแนวคดิ ตามสมมตฐิ านดงั ตอ่ ไปน้ี
กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั จากสมมตฐิ านขอ้ ที่ 1
ผู้วิจัยได้แนวคิดของนักวิชาการหลายท่านผสมผสานกันรวมถึงงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือ
ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลของนักท่องเท่ียวชาวไทยแต่ละปัจจัยกับพฤติกรรมการ
ทอ่ งเท่ียวชุมชน OTOP นวตั วถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา
ตัวแปรท่ี 1 ตัวแปรท่ี 2
ปจั จยั สว่ นบคุ คล พฤติกรรมการท่องเทย่ี วชุมชน OTOP นวัตวิถี
1.เพศ ตาบลเกาะยอ อาเภอเมอื จังหวัดสงขลา
2.อายุ 1.ประสบการณ์ท่องเทย่ี วของนกั ทอ่ งเทย่ี ว
3.ระดบั การศึกษา 2.จานวนครัง้ ท่ีมาท่องเท่ียว
4.อาชพี หลัก 3.วิธีการเดนิ ทางทอ่ งเทีย่ ว
4.ผู้รว่ มเดินทาง
5.ท่ีอยปู่ ัจจบุ ัน 5.ระยะทีพ่ กั
6.รายได้ต่อเดือน 6.วตั ถุประสงคห์ ลักในการท่องเทย่ี ว
7.วิธีการหาข้อมูล
8.ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตอ่ ครัง้
9.สถานที่แวะท่องเที่ยว
ภาพท่ี 1 ความสัมพนั ธ์ของตัวแปรตามสมมตฐิ านท่ี 1
กรอบแนวคิดในการวิจยั จากสมมตฐิ านขอ้ ที่ 2
ผู้วิจัยได้แนวคิดเก่ียวกับโลจิสติกส์การท่องเท่ียวชุมชน OTOP นวัตวิถี กับแนวคิดเร่ือง
ความพึงพอใจของนักท่องเท่ียว และงานวิจัยที่ข้องเพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโลจิสติกส์การ
ท่องเทย่ี วชมุ ชน OTOP นวตั วถิ ี กบั ความพงึ พอใจของนกั ท่องเทยี่ วชาวไทย
369
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021 ตวั แปรท่ี 2
ตัวแปรที่ 1
โลจิสตกิ สก์ ารทอ่ งเที่ยว ความพึงพอใจของนักทอ่ งเทย่ี ว
ชุมชน OTOP นวัตวิถี 1.ความพงึ พอใจด้านบริการ
1.การจัดการไหลดา้ นกายภาพ 2.ความพึงพอใจด้านผลิตภณั ฑ์ OTOP
2.การจดั การไหลด้านสารสนเทศ 3.ความพึงพอใจด้านสถาน
3.การจดั การไหลดา้ นเงนิ 4.ความพึงพอใจดา้ นความสะอาด
ภาพท่ี 2 ความสมั พนั ธข์ องตัวแปรตามสมมตฐิ านที่ 2
ทบทวนวรรณกรรม
แนวคิดและทฤษฎีทเ่ี กยี่ วโลจิสตกิ สก์ ารทอ่ งเท่ยี ว
มิง่ สรรพ์ ขาวสะอาด และคณะ (2550, หนา้ 137) ไดน้ าเสนอกรอบของการให้บริการ
แกน่ กั ทอ่ งเทย่ี ววา่ เกยี่ วขอ้ งกับการไหล หรือการเคลือ่ นที่ (Flow) แบง่ ได้ 3 สว่ นคือ การเคลอ่ื นท่ีทาง
กายภาพ การเคลอ่ื นที่ทางขอ้ มูลขา่ วสาร และการเคล่ือนที่ทางการเงิน
แนวคิดและทฤษฎีทเี่ กีย่ วกับชมุ ชนทอ่ งเทีย่ ว OTOP นวตั วิถี
ธีระพงษ์ โสดาศรี (2562) ได้อธิบายว่าแนวคิดของ “OTOP นวัตวิถี” เป็นการ
เปลี่ยนจากที่ชาวบ้านเคยผลิตสินค้าออกไปขายให้เขา เอาวิถีชีวิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ และบริการ
เป็นการพัฒนาแบบระเบิดจากภายใน สนับสนุนให้คนในท้องถ่ินลุกข้ึนมาพฒั นาชุมชนของตนเองให้
เขม้ แขง็ ดึงอตั ลกั ษณช์ มุ ชนตัง้ เดมิ ท่ีเน้นความเรียบง่าย ซ่งึ ดาเนินมาหลายช่ัวอายุคน มาสร้างเสน่ห์ให้
นกั ท่องเทีย่ วประทบั ใจ พร้อมมีสินค้าที่เกิดจากภมู ปิ ัญญาของคนในชมุ ชนติดไม้ติดมอื กลับบ้านไปด้วย
แนวคิดและทฤษฎที เี่ กีย่ วกบั พฤติกรรมการทอ่ งเทยี่ ว
บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2555) พฤติกรรมนักท่องเท่ียวหมายถึงการกระทาทุกอย่าง
ของนักท่องเที่ยวไม่ว่าการกระทาน้ันนักท่องเที่ยวจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม และบุคคลอื่นสังเกตเห็น
การกระทานั้นได้หรือไม่ก็ตาม เพ่ือมุ่งตอบสนองความต้องการสิ่งใดส่ิงหน่ึงในสภาพการณ์ใด
สภาพการณ์หนึง่
แนวคิดและทฤษฎีทเี่ กี่ยวกับความพึงพอใจ
ชาญวทิ ย์ ฐิตเิ จริญศกั ด์ิ (2554) ความพงึ พอใจ หมายถงึ ความรู้สกึ หรอื ทศั นคติของ
บุคคลท่ีมีต่อส่ิงใดสิ่งหน่ึง ที่เป็นไปในทางท่ีดีและไม่ดี หรือในด้านบวก และในด้านลบ หรือไม่มี
ปฏกิ ิริยา คือเฉยๆ กไ็ ด้ ซึง่ จะเกดิ ขนึ้ กต็ ่อเมอ่ื สิง่ นน้ั สามารถตอบสนองความต้องการแก่บุคคลนัน้ โดย
อาจแบ่งตามปัจจัยที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจได้ 2 แบบคือความพึงพอใจที่เกิดจากปัจจัยเบ้ืองต้น
ได้แก่ความพึงพอใจที่ได้รับการตอบสนองความต้องการขั้นพ้ืนฐาน เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย
เคร่ืองนุ่งห่ม ยารักษาโรค และความพึงพอใจท่ี เกิดจากปัจจัยระดับสูง ได้แก่ ความพึงพอใจท่ีได้รับ
การตอบสนองความร้สู ึกภายใน เช่น ความร้สู ึกรกั ชอบ โกรธ และ เกลยี ด เปน็ ตน้
370
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021
แนวคดิ และทฤษฎีทเี่ กย่ี วกบั ปัจจัยสว่ นบุคคล
ศิริวรรณ เสรีรัตน์ (2538) ได้ให้คาจากัดความของปัจจัยส่วนบุคคลว่า หมายถึง
ลักษณะทางประชากรศาสตร์ ประกอบด้วย อายุ เพศ ขนาดครอบครัว สถานภาพ รายได้ อาชพี และ
ระดับการศึกษา องค์ประกอบ เหล่านี้เป็นเกณฑ์ท่ีนิยมนามาใช้ในการแบ่งส่วนการตลาด ลักษณะ
ประชากรศาสตร์เป็นสิ่งท่ีสาคัญ และสถิติท่ีวัดได้ของประชากรท่ีจะสามารถช่วยกาหนดตลาดของ
กลมุ่ เปา้ หมาย
งานวิจัยทีเ่ ก่ียวข้อง
ชาลินี แก้วรัตนะ (2561) ได้ศึกษาเรือ่ งแนวทางการพัฒนาการจัดการโลจิสตกิ ส์เพื่อการ
ท่องเท่ยี วในชุมชน OTOP นวตั วิถี หลาตน้ โด ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา การจดั การโลจิสติกส์การ
ท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี หลาต้นโด ที่มีระดับความคิดเห็นว่าควรพัฒนามี 7 ด้านได้แก่ ด้าน
การไหลทางกายภาพ ด้านการไหลของสารสนเทศ ด้านพัฒนาการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ด้าน
พัฒนาการทอ่ งเที่ยวทางนันทนาการ ด้านพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวก ดา้ นพฒั นาสนิ ค้าและบริการ
การทอ่ งเทยี่ ว และด้านส่งเสรมิ การตลาดชุมชนทอ่ งเท่ยี ว
วธิ ดี าเนนิ การวิจยั
การศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้รูปแบบวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดย
ผวู้ ิจยั มกี ารกาหนดประชากรและกล่มุ ตวั อย่างตามข้ันตอนการดาเนนิ การวจิ ัยดงั ต่อไปนี้
ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ นักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เดินทางมาท่องเที่ยวชุมชน
OTOP นวตั วิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จงั หวัดสงขลา ชว่ งเดอื นพฤศจิกายน - ธันวาคม 2563
เนื่องจากประชากรมีขนาดใหญ่และไม่ทราบจานวนประชากรที่แน่นอน ดังนั้นขนาด
ตัวอย่างสามารถคานวณได้จากสูตรไม่ทราบขนาดตัวอย่างของ W.G. Cochran โดยกาหนดระดับคา่
ความเช่อื ม่ันร้อยละ 95 และระดับค่าความคลาดเคล่ือนร้อยละ 5 (กลั ยา วานชิ ย์บญั ชา, 2549, หน้า
73)
สูตรในการคานวณที่ใช้ในการคานวณหากลมุ่ ตัวอยา่ งคร้ังน้ี คือ
สูตร = (1− ) 2
2
เมอ่ื แทน ขนาดตวั อย่าง
n แทน สัดส่วนของประชากรท่ีผู้วิจัยกาลังสุ่ม .50
P แทน ระดบั ความเชื่อม่ันท่ีผวู้ ิจยั กาาหนดไว้ โดย Z มีค่าเท่ากับ
Z
1.96 ที่ ระดับความ เชื่อมั่นรอ้ ยละ 95 (ระดับ .05)
E แทน ค่าความผิดพลาดสงู สุดท่ีเกิดขึ้น = .05
แทนคา่ = 0.5(1−0.5)(1.96)2 = 384.16
0.052
371
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ดังนน้ั ใชข้ นาดตัวอย่าง อยา่ งนอ้ ย 385 ตวั อย่าง จึงจะสามารถประมาณคา่ ร้อยละ โดยมี
ความผิดพลาดไม่เกินร้อยละ 5 ท่ีระดับความเช่ือม่ันร้อยละ 95 แต่เพ่ือป้องกันความผิดพลาดในการ
เก็บข้อมูล และการตอบแบบสอบถามของกลุ่มตัวอย่างที่อาจเกิดข้ึนได้ ผู้วิจัยจึงกาหนดตัวอย่างให้มี
จานวน 400 คน
วิธีการสุม่ ตวั อยา่ ง
ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบหลายข้ันตอน (Multi Stage Sampling) ซ่ึงเป็นวิธีหนึ่งของการ
สุ่มตวั อย่างใชค้ วามนา่ จะเปน็ (Probability Sampling) โดยมขี ัน้ ตอนดงั นี้
1) กาหนดวนั เดินทางทอ่ งเทยี่ วออกเป็นวันธรรมดา และวนั หยดุ เสาร์-อาทิตย์โดยการใช้
วิธีการแจกแจงความถ่ี วันธรรมดาวนั ละ 6 ตัวอย่าง เสาร์-อาทิตย์วันละ 10 ตวั อย่าง ซ่ึงเปน็ การแจก
แจงตามพฤติกรรมการเดินทางท่องเท่ียวของนกั ท่องเทยี่ วชาวไทย
2) กาหนดชว่ งเวลาในการแจกแบบสอบถาม วนั ธรรมดาช่วงเชา้ ถงึ เทีย่ ง 2 ตัวอยา่ ง ช่วง
บา่ ย 4 ตัวอย่าง สว่ นเสาร์-อาทติ ยช์ ว่ งเช้าถึงเทย่ี งและชว่ งบ่าย ช่วงละ 5 ตวั อย่าง
ก าร ทดสอ บคว ามเชื่ อ ม่ัน ขอ ง เคร่ื อ ง มือ หลั ง จาก น าแบบสอ บถามไ ปให้ผู้ เชี่ ย ว ช า ญ
ตรวจสอบเพอ่ื หาดชั นีความสอดคลอ้ งระหวา่ งขอ้ คาถามกับประเดน็ หลักของเน้ือหา (Index of Item-
Objective Congruence: IOC) โดยไดค้ ่า IOC เทา่ กับ 0.99
ผวู้ จิ ยั ได้ทาการปรับปรุงแก้ไขขอ้ คาถาม ตามขอ้ แนะนาแล้ว จงึ นาไปทดลอง (Tryout) กับ
นักทอ่ งเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเท่ียวชุมชนท่องเท่ียว OTOP นวตั วิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง
จังหวัดสงขลา ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จานวน 40 คน แล้วนามาหาค่าความเช่ือมั่น (Reliability) โดย
วิธีการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบัค โดย งานวิจัยนี้ได้ค่าความเชื่อม่ัน (Reliability ) ของ
ปจั จัยดา้ นโลจิสตกิ ส์การท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวถิ ี เทา่ กับ 0.772 และปัจจยั ดา้ นความพึงพอใจ
ของนกั ท่องเที่ยวชาวไทยเทา่ กบั 0.909
ผลการวิจยั
1. นักท่องเท่ียวชาวไทยส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 52.3 มีอายุระหว่าง 35-44
ปี คิดเป็นร้อยละ 38.00 การศึกษาระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อย 50 ประกอบอาชีพหลักคือธุรกิจ
ส่วนตัวร้อยละ 37 โดยปัจจุบันอาศัยอยู่ในจังหวัดสงขลา คิดเป็นร้อยละ 70.8 และส่วนใหญ่แล้วมี
รายไดเ้ ฉลี่ยตอ่ เดอื นระหว่าง 10,001-20,000 บาท
2. ภายหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 นักท่องเที่ยวชาวไทยสว่ นใหญ่แล้วเคยเดนิ ทาง
มาทอ่ งเท่ยี วชุมชนท่องเท่ียว OTOP นวัตวถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมอื งจงั หวัดสงขลา คดิ เป็นร้อยละ
75 โดยร้อยละ 53.3 เคยเดินทางมาท่องเท่ียวจานวน 2-3 ครั้ง ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นยานพาหนะใน
การเดนิ ทางเทีย่ ว คิดเปน็ รอ้ ยละ 83 ซึ่งเปน็ การเดนิ ทางเท่ยี วเทย่ี วแบบครอบครัวคิดเปน็ ร้อยละ 49 มี
การเดินทางท่องเท่ียวแบบเช้าไป-เย็นกลับ ร้อยละ 79.5 โดยวัตถุประสงค์หลังในการเดินท่องเที่ยว
เพื่อพักผ่อน คิดเป็นร้อยละ 43.3 ท้ังน้ีได้รับข้อมูลการท่องเท่ียวจากญาติ/เพ่ือน ร้อยละ 39.2 มี
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งในการท่องเที่ยวน้อยกว่าหรือเท่ากบั 1,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 51.5 สถานที่
372
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021
ท่องเที่ยวที่นักเที่ยวแวะเท่ียวชมคือ วัดแหลมพ้อและสถาบันทักษิณคดีศึกษา คิดเป็นร้อยละ 49.5
และ 34.1 ตามลาดับ
3. นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวไทยมี ระดับความคดิ เห็นโลจสิ ตกิ ส์การท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวถิ ี
ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยภาพรวม แสดงดังตาราง 1
ตารางท่ี 1 แสดงค่าเฉลีย่ (x)̅ และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D) ระดับความคดิ เหน็ โลจิสตกิ ส์ในการ
ท่องเทย่ี วชุมชน OTOP นวัตวถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จงั หวดั สงขลา โดยภาพรวม (n= 400)
โลจสิ ติกส์การท่องเที่ยวชุมชน Mean ระดบั ความคดิ เหน็
Std.Deviation แปลความหมาย
โลจิสติกส์ด้านการไหลทางกายภาพ 4.44 0.52 มากที่สดุ
โลจิสติกสด์ า้ นการไหลทางขอ้ มูล 3.93 0.64 มาก
โลจสิ ตกิ ส์ดา้ นการไหลทางการเงนิ 3.70 0.61 มาก
รวม 4.02 0.59 มาก
จากตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นโลจิสติกส์ในการท่องเท่ียวชุมชน
OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x̅ =4.02 ,
S.D. = 0.59 ) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากท่ีสุด จานวน 1 ด้าน และระดับมาก
จานวน 2 ด้าน คือ โลจิสติกส์ด้านกายภาพ ( x̅ = 4.44, S.D. = 0.52) โลจิสติกส์ด้านข้อมูล ( x̅ =
3.93, S.D. = 0.64) และโลจิสตกิ สด์ ้านการเงิน( x̅ = 3.70, S.D. = 0.61) ตามลาดับ
4. ระดับความพึงพอใจของนักท่องเท่ียวชาวไทยต่อการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี
ตาบลเกาะยอ อาเภอเมอื ง จังหวัดสงขลา แสดงดังตารางที่ 2
ตารางท่ี 2 แสดงค่าเฉลีย่ (x)̅ และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D) ระดบั ความพึงพอใจของนักท่องเท่ียว
ชาวไทยต่อการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดย
ภาพรวม (n= 400)
ความพึงพอใจของนกั ทอ่ งเทย่ี วชาวไทย Mean ระดบั ความพงึ พอใจ
Std.Deviation แปลความหมาย
ด้านบริการ 4.47 0.57 มากทส่ี ุด
ด้านผลติ ภณั ฑ์ OTOP 4.25 0.57 มากทีส่ ดุ
ด้านสถานที่ 4.41 0.46 มากที่สดุ
ด้านความสะอาด 4.24 0.55 มากที่สดุ
รวม 4.34 0.53 มากท่ีสุด
จากตารางท่ี 2 ผลการวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจของนักท่องเท่ียวชาวไทยต่อการ
ท่องเท่ียวชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยภาพรวมอยู่ในระดับ
373
การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
มากที่สุด ( x̅ =4.34, S.D. = 0.66) เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน คือ
ความพงึ พอใจบรกิ ารของผู้ประกอบการ ( x̅ = 4.47, S.D. = 0.57) ความพึงพอใจดา้ นด้านสถานท่ี(
x̅ = 4.41, S.D. = 0.46) ความพึงพอใจด้านผลิตภัณฑ์โอท้อป ( x̅ = 4.25, S.D. = 0.57) และ
ความพึงพอใจดา้ นความสะอาด ( x̅ = 4.24, S.D. = 0.55) ตามลาดบั
ผลการทดสอบสมมติฐานส่วนที่ 1 พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลของ
นักท่องเที่ยวชาวไทยกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมือง
จังหวัดสงขลา พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพหลัก ท่ีอยู่ปัจจุบัน
รายไดเ้ ฉล่ยี ตอ่ เดือน มคี วามสัมพันธก์ บั พฤตกิ ารรมการทอ่ งเท่ียวชมุ ชน OTOP นวตั วิถี ตาบลเกาะยอ
อาเภอเมือง จงั หวัดสงขลา ท่ีระดบั นัยสาคัญทางสถติ ทิ ่ี .05
ผลการทดสอบสมมติฐานส่วนท่ี 2 พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโลจิสติกส์การท่องเทยี่ ว
ชุมชน OTOP นวัตวิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอเมืองจังหวัดสงขลา กับความพึงพอใจของนักท่องเท่ียว
ชาวไทย แสดงดังตารางท่ี 3
ตารางท่ี 3 ความสมั พันธ์ระหว่างโลจิสตกิ ส์การท่องเที่ยวชมุ ชน OTOP นวตั วถิ ี ตาบลเกาะยอ อาเภอ
เมอื ง จงั หวดั สงขลา กบั ความพึงพอใจของนักทอ่ งเทยี่ วชาวไทย
โลจิสตกิ สก์ ารท่องเที่ยวชุมชน ความพงึ พอใจ
r Sig. ระดับความสัมพนั ธ์
ดา้ นการไหลทางกายภาพ 0.484 0.000** ปานกลาง
ดา้ นการไหลทางข้อมลู สารสนเทศ 0.351 0.000** ปานกลาง
ดา้ นการไหลทางการเงนิ 0.392 0.000** ปานกลาง
รวม 0.409 0.000** ปานกลาง
**มนี ยั สาคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .01
จากตารางท่ี 3 พบว่า โลจสิ ติกส์การทอ่ งเที่ยวชุมชน OTOP นวตั วิถี ตาบลเกาะยอ อาเภอ
เมือง จังหวดั สงขลา โดยภาพรวม มคี วามสัมพันธท์ างบวกในระดบั ปานกลางกับความพึงพอใจ อย่างมี
นัยสาคัญทางสถติ ิที่ระดับ .01 (r = 0.409 Sig. = 0.000) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า พบว่า โล
จิสติกส์การท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถีในทุกด้าน มีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลางกบั
ความพึงพอใจ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เรียงตามลาดับจากระดับความสัมพันธ์สูงสุดไป
หาต่าสุด ดังนี้ ด้านการไหลทางกายภาพ (r = 0.484 Sig. = 0.000) ด้านการไหลทางการการเงิน (r =
0.392 Sig. = 0.000) และดา้ นการไหลทางขอ้ มลู สานสนเทศ (r = 0.351 Sig. = 0.000) ตามลาดบั
อภปิ รายผล
จากผลการศกึ ษาเรือ่ ง การจดั การโลจิสติกส์ชุมชนท่องเทีย่ ว OTOP นวตั วถิ ี ตาบลเกาะยอ
อาเภอเมืองสงขลา พบว่า นักทอ่ งเทย่ี วชาวไทยจานวน 400 คน สว่ นใหญเ่ ป็นเพศหญงิ คิดเป็นรอ้ ยละ
374