The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by neverstop.learning09, 2021-06-25 03:42:48

รายงานสืบเนื่องจากการประชุมระดับชาติ RTBEC 2021

Proceedings of The 6th RMUTT Global Business and
Economics National Conference 2021

Keywords: RTBEC

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

เอกสารอ้างอิง
ณัฐณี คุรกุ จิ วาณิชย์ (2558). ปัจจัยทม่ี ผี ลต่อการตัดสนิ ใจใช้บรกิ ารธนาคารทางโทรศัพท์ของ

ธนาคารออมสิน ในเขตธนาคารออมสินภาค 3. (วทิ ยานพิ นธป์ ริญญามหาบณั ฑิต,
มหาวิทยาลัยศิลปากร).
นติ นา ฐานิตธนกร (2554). ปัจจยั ที่มผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจเลือกใช้ บรกิ ารธนาคารกสิกรไทยผา่ นทาง
โทรศพั ทม์ อื ถือของผู้ใชบ้ รกิ ารในเขตกรงุ เทพมหานคร. (การคน้ คว้าอสิ ระปรญิ ญา
มหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ).
ธนาคารแหง่ ประเทศไทย (2560). รายงานระบบการชาระเงินประจาปี 2560. สบื ค้นจาก
https://www.bot.or.th/Thai/PaymentSystems/Publication/PS_Annually_Repo
rt/AnnualReport/Payment_2017_T.pdf
ธนทั สุขวัฒนาวทิ ย์. (2556). ปจั จัยท่ีมอี ทิ ธิพลตอ่ การตัดสนิ ใจซ้ือสินค้าในงานแสดงสินค้าของ
ประชากรในกรงุ เทพมหานคร. (การค้นควา้ อิสระปรญิ ญามหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลัย
กรงุ เทพ).
ราเชนทร์ อุดมธรรม. (2553). ทศั นคตแิ ละพฤตกิ รรมการใชบ้ ริการธุรกรรมทางการเงินบนมือถอื
ของผผบู้ ริโภคในกรุงเทพมหานคร. (สารนพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑติ , มหาวทิ ยาลัยศรี
นครินทรวโิ รฒ).
ศูนย์วิจยั กสิกรไทย (2560). ระบบการชาระเงนิ ดิจิทลั : ตัวชว่ ย SME ทาเงนิ . สืบคน้ จาก
https://kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/article/KSMEAn
alysis/Documents/Digital-Payment_SME-Helper.pdf
วศิ วะ การะเกตุ. (2559). การยอมรับเทคโนโลยีทางการเงนิ กรณศี ึกษาการชาระเงินผ่าน
โทรศัพทม์ อื ถอื บริบท Startup Financial Technology. (วิทยานพิ นธ์ปริญญา
มหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์).
องั ครักษ์ มวี รรณสุขกลุ . (2553). ปัจจัยท่ีมีผลต่อความตั้งใจใช้ธรุ กรรมการเงนิ ผ่านนัวตกรรม 3G
ของผู้บริโภคในเขตกรงุ เทพมหานคร. (วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั ราช
ภฏั สรุ าษฎร์ธานี).
Amaro, S., & Duarte, P. (2015). An integrative model of consumer’ intentions to
purchase travel online. Tourism Management, 46, 64-79.
Davis, F. D. (1989). Perceived usefulness, perceives ease of use, and user acceptance
of information technology : Technology acceptance model. (MIS Quarterly,
19-40.
Fishbein, M. & Ajzen, L. (1980). Understanding attitudes and preceding social
behavior. Englewood cliffs, N.J.: Prentice-Hall.

475

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ปัจจยั ทส่ี ่งผลตอ่ ค่าใชจ้ ่ายของครัวเรอื นในประเทศไทย

ปรางค์ จารุภมู ิ1
นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลกั สตู รเศรษฐศาสตมหาบณั ฑิต คณะเศรษฐศาสตร์

มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

อรรถสุดา เลิศกุลวัฒน์
อาจารยป์ ระจาสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

บทคดั ยอ่
โดยงานวิจัยมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในประเทศ
ไทย และเพ่ือศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนโดยแยกตามประเภทของรายจ่าย
ในช่วงปี 2552 – 2562 โดยการวิเคราะห์การศึกษาจะใช้วิธีการแบบ Panel data estimation โดย
วิธี Random effect ผลการศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียโดยรวมของครัวเรือนในประเทศ
ไทย คือ จานวนสมาชิกในครัวเรือน และปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือนโดยแยกตาม
ประเภทของรายจ่าย พบว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนโดยแยกราย
ประเภทไดแ้ ก่ รายได้ หนส้ี นิ อตั ราการว่างงาน และปจั จัยทางสังคมที่ส่งผลตอ่ คา่ ใช้จา่ ยของครัวเรือน
โดยแยกรายประเภทได้แก่ จานวนสมาชิกในครัวเรือน การศึกษา และจานวนผู้ประกันสังคม โดย
ค่าใช้จ่ายท่ีได้รับอิทธิพลจากปัจจัยเศรษฐกิจและสังคมสูงที่สุดคือ ค่าใช้จ่ายด้านอาหาร รองลงมาคือ
ค่าใช้จ่ายด้านอยู่อาศัย ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค ค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลและยา
รกั ษาโรค และค่าใชจ้ ่ายเครอ่ื งนงุ่ หม่

คาสาคัญ: คา่ ใชจ้ ่ายของครัวเรือน ปัจจยั ทางเศรษฐกิจ ปัจจยั ทางสังคม

1 นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรุงเทพมหานคร 10900 หมายเลขตดิ ตอ่ : 094-996-1255 อีเมล: [email protected]

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

FACTORS AFFECTING HOUSEHOLD EXPENDITURE IN THAILAND

Prang Jarupoom1
Graduate Student, Master of Economics, Faculty of Economics

Kasetsart University

Attasuda Lerskullawat
Lecturer at Department of Economics, Faculty of Economics

Kasetsart University

Abstract
The purpose of this research is to study factors affecting household
expenditure in Thailand and factors affecting household expenditure by category
during the period of 2009 to 2019. The study uses panel data analysis via Random
Effect estimation. The result shows that the factor affecting household expenditure in
Thailand is number of member in household. Economic factors affecting household
expenditure by category in Thailand are income, debt and unemployment rate and
social factors affecting household expenditure by category are household’s member,
education and the number of people applied in social security service. The
expenditure most affected by economics and social factors is food expenses, followed
by home expense, expenses that are not related to consumption, medical expenses,
and apparel expenses

Keywords: Household Expenditure, Economic Factors, Social Factors

1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Economics, Faculty of Economics,
Kasetsart University. Contact Number: +6694-996-1255 Email: [email protected]

477

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

บทนา
การบริโภคในภาคเอกชนเป็นส่วนหน่ึงท่ีสะท้อนถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ

ประเทศไทย พบว่า ในปี พ.ศ. 2562 คา่ ใช้จา่ ยมวลรวมด้านการบริโภคอุปโภคข้ันสุดท้ายของเอกชนใน
ประเทศไทยมีสัดส่วนท่ีสูงท่ีสุดเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซ่ึงคิดเป็น
ร้อยละ 51 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ รองลงมาคือค่าใช้จ่ายมวลรวมด้านการลงทุน ค่าใช้จ่าย
ของรัฐบาลและค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนภายในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 24, 16 และ 9 ตามลาดับ
(สานักงานสถิติแห่งชาติ, 2562) โดยจะเหน็ ได้ว่าสัดส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการบริโภคน้นั มีสัดส่วนที่สูง
ท่ีสุดเม่ือเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ดังน้ันครัวเรือนจึงถือเป็นหนว่ ยเศรษฐกิจท่ีสาคัญในระบบ
เศรษฐกิจ เน่ืองจากภาคครัวเรือนเป็นภาคเศรษฐกิจท่ีมีการบริโภคเปน็ หลักทั้งการบริโภคเพ่ือการดารง
ชีพและเพ่ือสมาชิกในครัวเรือน โดยที่ครัวเรือนจะมีรายจ่ายที่จาเป็นต้องจ่ายเพื่อสมาชิกในครอบครัว
เช่น รายจา่ ยด้านอาหาร เครื่องใช้ เคร่ืองนุง่ ห่ม ค่ารกั ษาพยาบาล เปน็ ต้น โดยหากมีปัจจัยทสี่ ่งเสริมให้
ครัวเรือนสามารถใช้จ่ายได้เพ่ิมขึ้น ครัวเรือนจะมีการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ เพิ่มสูงข้ึน ทาให้การ
บริโภคมวลรวมเพ่ิมสูงขึ้นด้วย ซึ่งจะสามารถทาให้เศรษฐกิจภายในประเทศเติบโตได้ เมื่อพิจารณา
เปรยี บเทยี บระหว่างรายได้เฉลี่ยต่อครวั เรือนกับค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครวั เรอื นในประเทศไทย จะเห็นได้ว่า
ครัวเรือนในประเทศไทยมีรายได้และค่าใช้จ่ายเพ่ิมสูงข้ึนทุกปี โดยจะเห็นว่าค่าใช้จ่ายเพ่ิมสูงขึ้นจาก
16,205 บาทต่อครัวเรือน ใน ปี พ.ศ. 2552 เพ่ิมเป็น 21,236 บาทต่อครัวเรือน ในปี พ.ศ. 2562 และ
รายได้เฉลี่ยเพ่ิมสูงข้ึนจาก 20,903 บาทต่อครัวเรือน เพ่ิมเป็น 26,915 บาทต่อครัวเรือน เมื่อพิจารณา
สัดส่วนของค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในประเทศไทย
พบว่าในปี พ.ศ. 2552 ค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ 77.52 ของรายได้เฉล่ียต่อครัวเรือน
และในปี พ.ศ. 2562 พบว่าสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 81.61 ของรายได้เฉล่ียต่อครัวเรือน
(สานกั งานสถิติแหง่ ชาต,ิ 2562) ดังน้ันจะเหน็ ได้วา่ ครัวเรือนในประเทศไทยมีสัดสว่ นของค่าใช้จา่ ยเฉลี่ย
ต่อครัวเรือนเม่ือเปรียบเทียบกับรายได้เพ่ิมขึ้น แสดงให้เห็นว่าครัวเรือนในประเทศไทยยังคงมีการ
บรโิ ภคที่สูงขน้ึ เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ หากพจิ ารณาถงึ ประเภทของค่าใช้จ่ายจะพบว่าค่าใช้จ่ายของ
ครัวเรือนสามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทหลกั คอื ค่าใชจ้ า่ ยเพ่ือการอุปโภคและบริโภค และค่าใช้จ่ายท่ี
ไม่เก่ียวกับการอุปโภคบริโภค โดยในปี พ.ศ. 2562 พบว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคและบริโภคของ
ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 86.6 ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ยาสูบ ซ่ึงเป็น
ค่าใช้จ่ายในสัดส่วนท่ีสูงท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 33.7 รองลงมาคือ ค่าใช้จ่ายประเภทที่อยู่อาศัยและใช้
เครื่องในครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ 20.8 ค่าใช้จ่ายประเภทยานพาหนะและการเดินทางคิดเป็นร้อยละ
17.4 ค่าใชจ้ า่ ยดา้ นการศึกษาคิดเป็นร้อยละ 17.4 ค่าใช้จ่ายด้านเวชภัณฑ์และค่ารักษาพยาบาลคิดเป็น
ร้อยละ 3.6 ค่าใช้จ่ายประเภทการบันเทิงและการจัดงานพิธีคิดเป็นร้อยละ 1.4 และค่าใช้จ่ายประเภท
กิจกรรมทางศาสนาคิดเป็นร้อยละ 1 และในส่วนค่าใช้จ่ายไม่เก่ียวกับอุปโภคบริโภคของครัวเรือน คิด
เป็นร้อยละ 13.4 ซึ่งประกอบด้วย ภาษี เบ้ียประกันภัย ดอกเบี้ย สลากกินแบ่งฯ ดังนั้นจะเห็นว่า
ครัวเรือนในประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายเพ่ือการอุปโภคบริโภคสูงกว่าค่าใช้จ่ายท่ี ไม่เกี่ยวกับการอุปโภค
บริโภค

478

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

เม่ือพิจารณาจากสัดส่วนของค่าใช้จ่ายกับรายได้ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปีอาจข้ึนอยู่กับ
ปัจจยั หลายประการ ไดแ้ ก่ ปจั จัยทางด้านเศรษฐกิจ เชน่ รายได้, หนส้ี ิน, ผลิตภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ
และการว่างงาน เป็นต้น และปจั จยั ด้านสงั คม เชน่ จานวนสมาชิกในครัวเรือน สวัสดิการสงั คม เป็นตน้
ซ่ึงปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการบริโภคของครัวเรือน ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนและอาจทาให้ค่าใช้จ่ายของ
ครัวเรือนในการบรโิ ภคแตกต่างกันไปตามแต่ละจังหวดั

ดังนั้นการศึกษาเก่ียวกับปัจจัยท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในประเทศไทยจึงเป็นสิ่ง
สาคญั ทีต่ ้องศึกษา เนือ่ งจากค่าใชจ้ ่ายของครัวเรือนเป็นสัดส่วนสาคัญต่อการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ
ในประเทศไทย ในงานวิจัยท่ีศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในประเทศไทยที่ผ่านมา
พบวา่ สว่ นใหญผ่ วู้ จิ ยั ได้ศึกษาในเชิงสารวจพฤติกรรมผ้บู ริโภค เชน่ ภัสราภรณ์ ห้อยกรดุ (2562) ภัทรพร
กิจชัยนุกูล (2556) ณัฐมธุรา ภูริเทเวศร์ (2547) และ นริญา จันทร์กลับ (2554) และงานวิจัยที่ศึกษา
ปัจจัยทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เช่น กิตติพร สินธุประภา (2551) เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ (2551)
วิฑูรย์ รุ่งเรืองสัมฤทธิ์ (2549) วาทิตร รักษ์ธรรม (2548) จาคินี เรืองธรรมศักด์ิ (2551) อีกทั้งยังมี
งานวิจัยท่ีศึกษาปัจจัยส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในประเทศไทยในบางกลุ่มตัวอย่างหรือศึกษาใน
ระดับประเทศโดยไม่ครอบคลุมถึงระดับภูมิภาคได้แก่ รณรงค์ ไชยสมบัติ (2546) ซ่ึงท่ีผ่านมาพบว่า
งานวจิ ยั ที่ศึกษาปัจจัยท่มี ีอิทธิพลต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนไทยที่ครอบคลุมท้ังปัจจัยทางเศรษฐกิจและ
สังคมยังมีไม่มากนักและส่วนใหญ่ศึกษาในเชิงสารวจ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาปัจจัยทาง
เศรษฐกิจและสังคมท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนไทย เพ่ือให้ครัวเรือนสามารถนาข้อมูลจากการ
วจิ ัยในคร้ังนไ้ี ปบริหารค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมต่อสภาพเศรษฐกิจของครัวเรือน และมปี ระสิทธิภาพ และ
เป็นแนวทางให้รัฐบาลสามารถดาเนนิ นโยบายในการควบคุม ส่งเสริม ด้านการใช้จ่ายของครัวเรือนไทย
ได้อย่างมีประสิทธิผล

วตั ถปุ ระสงค์ในการวจิ ัย
1. เพ่ือศกึ ษาปจั จัยทสี่ ่งผลต่อค่าใชจ้ ่ายเฉล่ียต่อครวั เรือนโดยรวมในประเทศไทย
2. เพื่อศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือน โดยแยกตามประเภทของรายจ่าย

ไดแ้ ก่ คา่ ใช้จา่ ยเพ่ือการอุปโภคบรโิ ภค คา่ ใชจ้ ่ายในหมวดอาหาร ค่าใชจ้ ่ายในหมวดท่อี ยู่อาศัย คา่ ใช้จ่าย
ในหมวดเครื่องนุ่งห่ม ค่าใช้จ่ายในหมวดยาและการรักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายท่ีไม่เกี่ยวกับการ
อุปโภคบริโภค

479

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021 ตัวแปรตาม

กรอบแนวคดิ ในการวิจัย ค่าใชจ้ า่ ยเฉลย่ี ตอ่ ครวั เรอื นรายจงั หวัดในประเทศไทย
ตวั แปรตน้
ค่าใชจ้ า่ ยแยกตามประเภทรายจา่ ยในครัวเรอื นรายจังหวดั
ปัจจยั ทางเศรษฐกิจ 1. ค่าใชจ้ ่ายเก่ียวกับการอุปโภคบรโิ ภคในครวั เรอื นราย
1. รายได้ จงั หวดั
2. หนส้ี ิน
3. การว่างงาน 1.1 คา่ ใชจ้ ่ายในหมวดอาหารในครัวเรอื นรายจังหวดั
4. ผลติ ภัณฑม์ วลรวมจงั หวัด 1.2 ค่าใชจ้ ่ายในหมวดทอ่ี ยู่อาศยั ในครัวเรอื นรายจังหวดั
(GPP) 1.3 ค่าใชจ้ า่ ยในหมวดเครอื่ งน่งุ ห่มในครวั เรือนรายจงั หวดั
1.4 คา่ ใชจ้ า่ ยในหมวดการรักษาพยาบาลในครัวเรือน
ปัจจยั ทางสังคม รายจังหวดั
1. สมาชิกในครัวเรอื น 2. คา่ ใช้จ่ายท่ีไม่เกีย่ วกับการอปุ โภคบริโภคในครัวเรอื น
2. ระดบั การศึกษา รายจังหวัด
3. สวสั ดกิ ารสังคม

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจยั
การทบทวนวรรณกรรม

ภัทรพร กิจชัยนุกูล (2556) ศึกษาปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อค่าใช้จ่ายของประชาชนใน
กรุงเทพมหานคร ท้ังหมด 50 เขต โดยใช้แบบสอบถาม และสถิติการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบเป็น
ข้ันตอน ผลการวิจัยพบว่า ค่าใช้จ่ายของประชาชนในกรุงเทพมหานครในการเดินทางและการส่ือสาร
เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุด รองลงมาคือค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค ส่วนด้านพฤติกรรมของ
ผู้บริโภคพบว่าอิทธิพลทางด้านสังคมและอิทธิพลทางด้านจิตวิทยา มีพฤติกรรมระดับปานกลาง และ
พบว่าปจั จยั ทางด้านรายได้มีอิทธพิ ลต่อค่าใช้จ่ายทุกหมวด

เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ (2551) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของครัวเรือนไทยเมื่อ
เร่ิมเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมืองปี 2549 โดยใช้วิธี Panel data ของ Townsend Thai Project;
Household Urban Survey พบว่ารายได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในการบริโภคของสนิ ค้าและบริการ
หากครัวเรือนมีรายได้เพ่ิมข้ึน จะทาให้ครัวเรือนซ้ือสินค้าและบริการเพิ่มสูงข้ึน ส่งผลให้ครัวเรือนมี
ค่าใช้จ่ายครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น โดยมีบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้
รายได้ของครัวเรอื นท่ไี ดร้ บั ไม่แนน่ อน ทาให้ครัวเรือนลดการบริโภคสินค้าและบรกิ ารลง

พรพิมล พันธ์พิมาย (2550) การวิเคราะห์รูปแบบค่าใช้จ่ายในการบริโภคของครัวเรือนไทย
พบว่า ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนมีอิทธิพลในการกาหนดรูปแบบการบริโภคของ
ครวั เรอื นในสินคา้ และบรกิ ารทงั้ 11 กล่มุ อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติ และเมอ่ื คานวณค่าความยืดหยุ่นต่อ
ค่าใช้จ่ายเฉล่ียท้ังหมดของครัวเรือนพบว่าสินค้าจาเป็นในสายตาของครัวเรือนไทยได้แก่ อาหารและ
เคร่ืองด่ืมท่ีไม่มีแอลกอฮอล์ (ทั้งบริโภคในบ้านและนอกบ้าน) เครื่องด่ืมที่มีแอลกอฮอล์และยาสูบ
ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล และท่ีอยู่อาศัยและเคร่ืองใช้ภายในบ้าน ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยในสายตาของ

480

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ครัวเรือนไทย ได้แก่ เคร่ืองนุ่งห่มและรองเท้า ค่าตรวจรักษาพยาบาลและค่ายา การเดินทางและการ
สอื่ สาร การบนั เทิงและการอ่าน การศึกษา และคา่ ใชจ้ า่ ยเบ็ดเตล็ด

ณัฐมธุรา ภูริเทเวศร์ (2547) วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในการบริโภคผลไม้ในเขต
กรุงเทพมหานคร โดยใช้ข้อมูลจากการสุ่มตัวอย่างของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร จานวน 400
ตัวอย่าง พบว่าค่าใช้จ่ายในการบริโภคผลไม้ของครัวเรือนประเมินว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และปัจจัยท่ี
กาหนดการซอ้ื ผลไมค้ ือรายได้ และจานวนสมาชิกของครัวเรอื น
ระเบยี บวธิ กี ารวจิ ัย

การศกึ ษาครั้งนเ้ี ปน็ การวิจัยเชิงปริมาณใช้ข้อมูลทุติภมู ิรายจังหวัด ในชว่ งปี 2552 – 2562
โดยแบง่ เปน็ ขอ้ มูลดา้ นเศรษฐกิจ และขอ้ มลู ดา้ นสังคม

ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนไทยต่อเดือน รายได้เฉล่ียต่อ
ครัวเรือน หน้ีสินเฉล่ียต่อครัวเรือน การว่างงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด โดยเก็บข้อมูลจาก
สานักงานสถิตแิ ห่งชาติ และสานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ

ในส่วนของข้อมูลด้านสังคม ได้แก่ จานวนสมาชิกในครัวเรือน สวัสดิการสังคม โดยเก็บ
ข้อมูลจากสานักงานสถิติแห่งชาติ และด้านการศึกษา โดยเก็บข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ

โดยวิธีการศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อเฉลี่ยต่อครัวเรือนโดยรวมรายจังหวัดในประเทศไทย
ผา่ นแบบจาลองวิเคราะห์ Panel Data ดังน้ี

Expenseit = βo + β1Incomeit + β2Debtit + β3GPPit + β4Unempit + β5Mebit +
β6Eduit + β7Sswit+ it

โดยที่
β = ค่าสมั ประสทิ ธสิ์ มการถดถอย (Regression Coefficient)
 = ค่าความคาดเคลื่อน
i = จงั หวัดที่ 1,2,3….,77
t = ปที ศ่ี ึกษา ท่ี 1,2,3,…,11
Expenseit คือ อตั ราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลยี่ ตอ่ ครัวเรือนที่แทจ้ รงิ โดยรวมรายจังหวัด

ปจั จัยทางเศรษฐกิจ
Incomeit = อัตราการเปล่ยี นแปลงของรายไดเ้ ฉล่ียตอ่ ครัวเรอื นท่แี ท้จริงรายจงั หวดั
Debtit = อตั ราเปล่ียนแปลงของหนี้สินต่อครัวเรอื นท่แี ท้จรงิ รายจังหวดั
GPPit = อัตราเปล่ยี นแปลงของผลิตภณั ฑม์ วลรวมรายจงั หวดั ทแ่ี ทจ้ ริงรายจงั หวดั
Unempit = อตั ราเปล่ยี นแปลงของการว่างงานรายจงั หวัด

ปัจจยั ทางสงั คม
Mebit = อตั ราการเปลี่ยนแปลงของจานวนสมาชิกในครัวเรอื นรายจังหวัด
Eduit = อัตราการเปลี่ยนแปลงของจานวนนกั เรยี นที่ศึกษาในมธั ยมศึกษาปีที่ 6 รายจังหวัด
Sswit = อัตราการเปลี่ยนแปลงของจานวนผูป้ ระกันสงั คมรายจงั หวัด
และปัจจัยท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือน โดยแยกตามประเภทของรายจ่ายราย

จังหวดั ผ่านแบบจาลองPanel Data ดงั สมการนี้

481

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

Expensenit = βo + β1Incomeit + β2Debtit + β3GPPit + β4Unempit + β5Mebit + β6Eduit
+ β7Sswit +it

โดยกาหนดให้
β คือ ค่าสมั ประสิทธิสมการถดถอย (Regression Coefficient)
µ คอื คา่ ความคาดเคล่ือน
i คือ จงั หวัดท่ี 1,2,3….,77
t คือ ปที ่ีศึกษาในปีท่ี 1,2,3…,11
n คอื สมการท่ี 1,2,...6
Expense1it คือ อัตราการเปล่ียนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่แท้จริงประเภทการ
อุปโภคบรโิ ภครายจงั หวดั
Expense2it คอื อตั ราการเปล่ยี นแปลงค่าใช้จา่ ยค่าใชจ้ า่ ยเฉลย่ี ต่อครวั เรอื นที่แทจ้ รงิ
ประเภทอาหารรายจงั หวัด
Expense3it คือ อัตราการเปลย่ี นแปลงคา่ ใชจ้ า่ ยคา่ ใชจ้ ่ายเฉลีย่ ต่อครัวเรอื ทแี่ ทจ้ ริง
ประเภทเครือ่ งนุ่งหม่ รายจังหวดั
Expense4it คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนท่ีแท้จริงประเภทอยู่
อาศยั และเครือ่ งใช้รายจังหวัด
Expense5it คือ อัตราการเปล่ียนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่แท้จริงประเภทค่า
รักษาพยาบาลและยารกั ษาโรครายจงั หวัด
Expense6it คือ อัตราการเปล่ียนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่แท้จริงท่ีไม่เกี่ยวกับ
การอุปโภคบรโิ ภครายจังหวดั

โดยที่คา่ สมั ประสิทธิ์ท่ีคาดหวงั ของตัวแปรอิสระเหมอื นกบั ค่าสัมประสิทธ์ิที่คาดหวังของตัว
แปรอสิ ระในแบบจาลองคา่ ใชจ้ า่ ยเฉลี่ยต่อครัวเรอื นในประเทศไทยโดยอาจแตกตา่ งกันในสดั สว่ น
ผลการวจิ ยั

โดยนาข้อมูลตัวแปรท้ังหมดมาทดสอบความนง่ิ โดยการทดสอบ unit root พบว่าตัวแปร
ตามหรือตัวแปรอสิ ระมีคุณสมบัติ Stationary แสดงถึงตัวแปรตามและตัวแปรอิสระทุกตัวมีความนิ่ง
จึงนามาทดสอบคา่ สถิติของขอ้ มลู เปน็ ดังตารางที่ 1

ตารางที่ 1 ผลการวเิ คราะห์ค่าสถิติของตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม

ตัวแปรตามและตัวแปรอสิ ระ คา่ เฉลยี่ คา่ สูงสดุ ค่าตา่ สุด ค่าเบ่ยี งเบน
-23.4900 มาตรฐาน
อัตราการเปลี่ยนแปลงของคา่ ใชจ้ ่ายเฉลีย่ ตอ่ 0.8137 57.4500 -24.2300 10.4420
ครวั เรือนที่แท้จรงิ โดยรวมรายจงั หวัด 0.6789 54.800 -32.4300
(Expense) 1. 6053 52.0700 10.2939
อตั ราการเปลีย่ นแปลงค่าใช้จา่ ยเฉล่ียต่อ
11.0222
ครวั เรอื นทแี่ ท้จรงิ ประเภทการอปุ โภคบรโิ ภค
รายจังหวดั (Expense1)
อัตราการเปลย่ี นแปลงคา่ ใช้จา่ ยค่าใชจ้ า่ ยเฉลย่ี
ต่อครวั เรอื นทีแ่ ทจ้ ริงประเภทอาหารรายจังหวัด
(Expense2)

482

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ตารางท่ี 1 ผลการวิเคราะหค์ า่ สถิตขิ องตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม (ต่อ)

ตวั แปรตามและตวั แปรอสิ ระ คา่ เฉลี่ย ค่าสูงสดุ คา่ ต่าสดุ ค่าเบยี่ งเบน
มาตรฐาน
อตั ราการเปลี่ยนแปลงค่าใชจ้ ่ายเฉลี่ยตอ่ ครัว 40.7964
เรอื ทแ่ี ท้จริงประเภทเครอ่ื งนงุ่ ห่มรายจงั หวดั 2.6497 652.52 -100 39.6294
(Expense3) 48.6421
อัตราการเปลี่ยนแปลงคา่ ใชจ้ ่ายเฉลย่ี ต่อ 57.9586
ครัวเรอื นทีแ่ ทจ้ ริงประเภทอย่อู าศยั รายจงั หวัด 2.9354 998.6836 -100
(Expense4)

อัตราการเปลยี่ นแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตอ่
ครวั เรอื นที่แท้จรงิ ประเภทค่ารักษาพยาบาล 6.6435 387.996 -75.4462
และยารักษาโรครายจังหวัด (Expense5)

อตั ราการเปล่ียนแปลงคา่ ใช้จา่ ยเฉลี่ยตอ่ 6.3527 984.5084 -92.2587
ครวั เรอื นที่แทจ้ ริงท่ีไม่เก่ยี วกบั การอุปโภค
บริโภครายจงั หวัด (Expense6)

โดยผลการศึกษาของงานวิจัยจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกผลของปัจจัยที่ส่งผลต่อ
ค่าใช้จ่ายโดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทย แสดงได้ดังตารางท่ี 2 และผลปัจจัยที่ส่งผลต่อ
คา่ ใช้จ่ายของครัวเรือนในประเทศไทย โดยแยกรายประเภท แสดงได้ดงั ตารางที่ 3

ตารางท่ี 2 ปจั จัยทส่ี ่งผลตอ่ ค่าใชจ้ า่ ยโดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทย

(1) (2) (3)

Income -0.0053 -0.0264
0.0221
(0.0248) -0.0007
0.0024
Debt 0.0027 0.0489
0.0528
(0.0047) -0.0002
0.0059
GPP 0.0296 0.6826***
0.1049
(0.0454) - 0.0000005
0.000003
Unemp -0.0033 -0.0013
0.0161
(0.0059) 1.6433***
0.3975
Meb 0.6787*** 0.0898
44.99
0.0969 0.7958
706
Edu -0.0000006

0.0000002

Ssw 0.0009

0.0157

Constant 0.8214* 1.7335***

0.3404 0.3811

R2 0.0014 0.0879

Wald Test 1.06 49.48

Hausman Test 0.7805 0.9948

Observations 764 785

หมายเหตุ : ***/**/*หมายถงึ มีนยั สาคญั ทางสถติ ิ ณ ระดบั ความเชื่อมั่นร้อยละ 99,95,90

ตัวเลขในวงเลบ็ () หมายถงึ ค่า Standard Error : robust

483

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

โดยผลจากตารางที่ 2 แสดงดังคอลัมน์ที่ (1) เป็นผลการศกึ ษาของปจั จยั ทางเศรษฐกิจท่ี
สง่ ผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียโดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทย คอลัมน์ที่ (2) แสดงถึงผลการศกึ ษาของ
ปจั จัยทางสงั คมท่ีสง่ ผลตอ่ ค่าใช้จา่ ยเฉล่ียโดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทย และคอลัมนท์ ี่ (3) เป็น
ผลการศึกษาของปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียโดยรวมของครัวเรือนใน
ประเทศไทย

ดังคอลัมน์ที่ (1) แสดงถึงผลการศึกษาของปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบค่าใช้จ่าย
เฉลี่ยโดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทย ซ่ึงพบว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงของรายได้เฉลี่ยต่อ
ครัวเรือนท่ีแท้จริงรายจังหวัด (Income) อัตราเปล่ียนแปลงของหน้ีสินต่อครัวเรือนที่แท้จริงราย
จังหวัด (Debt) อตั ราเปลีย่ นแปลงของผลติ ภัณฑม์ วลรวมรายจงั หวดั ท่ีแท้จรงิ รายจังหวัด (GPP) อัตรา
เปล่ียนแปลงของการว่างงานรายจังหวัด (Unemp) ไม่มีผลกระทบกับค่าใช้จ่ายเฉล่ียโดยรวมของ
ครัวเรือนในประเทศไทยอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติ

สาหรับผลการศึกษาปัจจัยทางสังคมที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียโดยรวมของครัวเรือนใน
ประเทศไทย แสดงดังคอลัมน์ที่ 2 พบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของจานวนสมาชิกในครัวเรือนราย
จังหวัด (Meb) มีผลกระทบในทิศทางบวกต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยโดยรวมของ
ครวั เรือนในประเทศไทยรายจงั หวัด (expense) อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถิติ ณ ระดับความเช่ือม่ันร้อยละ
99 กล่าวคือ หากจานวนสมาชิกในครัวเรอื นเพ่มิ ขึ้นรอ้ ยละ 1 จะสง่ ผลให้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือน
ในประเทศไทยรายจงั หวัด เพ่มิ ขึน้ รอ้ ยละ 0.6787

ส่วนปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีส่งผลต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายเฉลี่ย
โดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทยรายจังหวัด อย่างมีนัยสาคัญ คือ อัตราการเปล่ียนแปลงของ
จานวนสมาชิกในครัวเรือนรายจังหวดั (Meb) ซ่งึ มผี ลกระทบในทิศทางบวกต่ออตั ราการเปลี่ยนแปลง
ของค่าใช้จา่ ยเฉล่ยี โดยรวมของครวั เรอื นในประเทศไทยรายจังหวัด (expense) ณ ระดบั ความเชื่อมั่น
ร้อยละ 99 กล่าวคือ หากจานวนสมาชกิ ในครัวเรอื นเพิ่มขน้ึ ร้อยละ 1 จะสง่ ผลให้ ค่าใช้จา่ ยเฉล่ียของ
ครัวเรือนในประเทศไทยรายจังหวัด เพ่ิมข้ึนรอ้ ยละ 0.6826

เมอ่ื พิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกจิ และสงั คมท่ีส่งผลกระทบตอ่ คา่ ใช้จ่ายเฉลย่ี ตอ่ ครวั เรือน
โดยแยกตามประเภทของรายจา่ ยรายจงั หวดั แสดงดังตารางที่ 3

484

ตารางท่ี 3 ปัจจยั ทสี่ ่งผลตอ่ ค่าใช้จา่ ยของครัวเรอื นในประเทศไทย โดยแยกรายประเภท

ตัวแปร (1) (2) (3) (4) (5) (6)

อัตราการเปลี่ยนแปลง อตั ราการเปล่ียนแปลง อัตราการเปล่ยี นแปลง อตั ราการเปลี่ยนแปลง อตั ราการเปล่ยี นแปลง อัตราการเปลยี่ นแปลง
ค่าใชจ้ า่ ยเฉลยี่ ต่อครัว
ค่าใชจ้ ่ายเฉล่ยี ต่อครัว คา่ ใช้จา่ ยเฉลี่ยตอ่ คา่ ใช้จ่ายเฉลยี่ ตอ่ ค่าใชจ้ ่ายเฉล่ียตอ่ คา่ ใช้จา่ ยเฉลี่ยต่อครัว เรอื นที่แทจ้ รงิ ทีไ่ ม่เก่ียวกับ
การอุปโภคบริโภคราย
เรอื นท่ีแทจ้ ริงประเภท ครวั เรือนทีแ่ ทจ้ รงิ ครัวเรอื นทแี่ ทจ้ รงิ ครัวเรอื นท่แี ท้จรงิ เรือนท่ีแทจ้ รงิ ประเภทค่า จงั หวดั (Expense6)

การอุปโภคบริโภคราย ประเภทอาหารราย ประเภทเครอื่ งนุ่งห่มราย ประเภทอยูอ่ าศยั ราย รักษา พยาบาลและยารักษา 6.0418
(1.848)
จงั หวัด (Expense1) จังหวัด (Expense2) จงั หวดั (Expense3) จังหวัด (Expense4) โรครายจังหวัด (Expense5) -0.1382

Constant 1.4495*** 2.2225*** 3.485** 2.7745*** 7.7706*** (0.1211)
0.0318***
(0.3864) (0.3075) (1.7585) (0.7159) (2.0556) (0.0050)
0.0809
Income -0.0259 0.009 -0.215** 0.0369 -0.0164 (0.3717)
-0.0488*
(0.0224) (0.0167) (0.0939) (0.0455) (0.1098) (0.0260)
0.0122
Debt -0.0022 -0.005** 0.0054 -0.0129*** 0.0079 (0.3919)
-0.00002**
(0.0024) (0.0038) (0.0095) (0.0048) (0.009)
(0.000008)
GPP 0.0575 0.0301 -0.1048 -0.107 -0.0730 -0.0489
การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021 (0.0406)
(0.0515) (0.0481) (0.2078) (0.0933) (0.2151) 0.0078
485 88.63
Unemp 0.0011 -0.0031 0.0041 -0.0189* -0.0211 0.9704

(0.0059) (0.0078) (0.0217) (0.0111) (0.0308) 703

Meb 0.6913*** 0.5899*** 0.1076 0.6014*** 1.670***

(0.0993) (0.0956) (0.3583) (0.1669) (0.3469)

Edu 0.000000009 0.000009*** 0.00003*** 0.000004 0.00004***

(0.000002) (0.000001) (0.000007) (0.000003) (0.00001)

Ssw -0.0016 -0.0282** -0.0497 -0.0114 0.0892

(0.0146) (0.0143) (0.0407) (0.0252) (0.0805)

R2 0.0960 0.0623 0.0102 0.0251 0.0320

Wald Test 52.85 46.29 43.09 22.64 42.83

Hausman Test 0.8357 0.9947 0.8603 0.9884 0.8622

Observations 706 706 703 701 706

หมายเหตุ : ***/**/* หมายถงึ มีนยั สาคญั ทางสถิติ ณ ระดบั ความเชอื่ ม่ันรอ้ ยละ 99,95 และ 90 ตามลาดบั ตวั เลขในวงเล็บ () หมายถึง ค่า Standard Error : robus

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนโดยแยกตามประเภท
ของรายจ่ายรายจังหวัด พบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน (income) มี
ผลกระทบในทิศทางลบต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่แท้จริงประเภท
เครื่องนุ่งห่มรายจงั หวดั (Expense3) ณ ระดบั ความเชอ่ื ม่ันรอ้ ยละ 95 เมือ่ ครัวเรอื นมีรายไดส้ ูงข้ึนร้อย
ละ 1 ค่าใช้จา่ ยประเภทเครอ่ื งน่งุ หม่ จะลดลงร้อยละ 0.215

จากการศึกษาพบว่าอัตราเปลี่ยนแปลงของหน้ีสินต่อครัวเรือนที่แท้จริงรายจังหวัด
(Debt) มีผลกระทบในทิศทางลบต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนท่ีแท้จริง
ประเภทอยูอ่ าศยั และเคร่ืองใช้รายจังหวัด (Expense4) ณ ระดบั ความเช่ือมน่ั ร้อยละ 99 เมือ่ ครัวเรือน
ก่อหนสี้ ินเพ่มิ สงู ขึ้นรอ้ ยละ 1 ค่าใช้จา่ ยประเภทท่ีอยอู่ าศยั จะลดลงรอ้ ยละ 0.0129

สว่ นอตั ราเปล่ียนแปลงของหน้ีสินต่อครัวเรอื นที่แทจ้ รงิ รายจังหวัด (Debt) มผี ลกระทบ
ในทิศทางลบต่ออัตราการเปล่ียนแปลงค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่แท้จริงประเภทอาหาร
รายจังหวัด (Expense2) ณ ระดับความเชื่อมนั่ ร้อยละ 95 เมื่อครัวเรือนกอ่ หนีส้ ินเพมิ่ สูงข้ึนร้อยละ 1
ค่าใชจ้ ่ายประเภทอาหารจะลดลง 0.005 อีกทั้งอตั ราเปลีย่ นแปลงของหน้ีสนิ ต่อครัวเรอื นทแี่ ท้จริงราย
จังหวัด (Debt) มีผลกระทบในทิศทางบวกต่ออัตราการเปล่ียนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนท่ี
แท้จริงท่ีไม่เกี่ยวกบั การอุปโภคบรโิ ภครายจังหวัด (Expense6) ณ ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 99 เม่ือ
หนีส้ ินต่อครัวเรือนเพิม่ สูงข้นึ รอ้ ยละ 1 คา่ ใชจ้ า่ ยเฉลยี่ ตอ่ ครัวเรือนจะเพ่ิมสงู ขน้ึ ร้อยละ 0.0318

น อ ก จ า ก นี้ ผ ล ก า ร ศึ ก ษ า ยั ง พ บ ว่ า อั ต ร า เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง ก า ร ว่ า ง ง า น ร า ย จั ง หวั ด
(Unemp) มีผลกระทบในทิศทางลบต่อ อัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครวั เรือนท่ีแท้จรงิ ที่
ไม่เก่ียวกับการอุปโภคบริโภครายจังหวัด (Expense6) และอัตราการเปล่ียนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ
ครวั เรอื นท่แี ทจ้ รงิ ประเภทอยอู่ าศัยและเครื่องใชร้ ายจังหวัด(Expense4) ณ ระดับความเชอื่ มั่นร้อยละ
90 เมื่อการว่างงานเพ่ิมสูงข้ึนร้อยละ 1 ค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนประเภทท่ีอยู่อาศัยและเคร่ืองใช้
และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่ไม่เก่ียวกับการอุปโภคบริโภคลดลงร้อยละ 0.0488 และ 0.0189
ตามลาดับ

อัตราการเปลีย่ นแปลงของจานวนสมาชิกในครวั เรือนรายจงั หวดั (Meb) มผี ลกระทบใน
ทิศทางบวกต่ออัตราการเปล่ียนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่แท้จริงประเภทค่ารักษาพยาบาล
และยารักษาโรครายจังหวัด (Expense5) อัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนที่แท้จริง
ประเภทการอุปโภคบริโภครายจงั หวัด (Expense1) อัตราการเปล่ยี นแปลงคา่ ใช้จ่ายเฉล่ยี ตอ่ ครวั เรือน
ท่ีแท้จริงประเภทท่ีอยู่อาศัยรายจังหวัด (Expense4) และอัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่าย
เฉลี่ยต่อครวั เรือนที่แทจ้ ริงประเภทอาหารรายจังหวดั (Expense2) อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถติ ิ ณ ระดับ
ความเช่ือม่ันร้อยละ 99 หากสมาชิกในครัวเรือนเพ่ิมสูงข้ึนร้อยละ 1 ค่าใช้จ่ายประเภทค่า
รักษาพยาบาลและยารักษาโรค ค่าใช้จ่ายประเภทอุปโภคบริโภคและ ค่าใช้จ่ายประเภทอาหาร จะ
เพ่มิ สูงข้นึ ร้อยละ 1.670, 0.6913, 0.6014 และ 0.5899 ตามลาดับ

จากผลการศกึ ษาพบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของจานวนนกั เรียนในระดับมธั ยมศึกษาปี
ที่ 6 รายจังหวัด (Edu) มีผลกระทบในทิศทางบวกต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ
ครัวเรือนที่แท้จริงประเภทค่ารักษาพยาบาลและยารักษาโรครายจังหวัด (Expense5) สูงท่ีสุด
รองลงมาคอื อตั ราการเปลีย่ นแปลงค่าใชจ้ ่ายเฉลีย่ ต่อครวั เรือที่แท้จริงประเภทเคร่ืองนุ่งหม่ รายจังหวัด
(Expense3) และอตั ราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครวั เรือนท่ีแท้จริงประเภทอาหาร
รายจังหวดั (Expense2) ณ ระดบั ความเช่ือม่ันร้อยละ 99 หากจานวนนักเรยี นในระดับมัธยมศึกษาปี

486

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ท่ี 6 เพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 1 ค่าใช้จ่ายประเภทค่ารักษาพยาบาลและยารักษาโรค ค่าใช้จ่ายประเภท
เคร่ืองนุ่งห่ม และค่าใช้จ่ายประเภทอาหาร จะเพิ่มสูงข้ึนร้อยละ 0.00004 0.00003 และ 0.000009
ตามลาดบั

ในขณะท่ีอัตราการเปล่ียนแปลงของจานวนนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ราย
จังหวัด (Edu) กับอัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใชจ้ ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนที่แท้จรงิ ท่ีไม่เกย่ี วกับการอุปโภค
บรโิ ภครายจังหวดั (Expense6) มีความสัมพนั ธ์กันในทศิ ทางตรงกันข้าม ณ ระดับความเชือ่ มน่ั ร้อยละ
95 กล่าวคือหากจานวนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพ่ิมสูงข้ึนร้อยละ 1 ค่าใช้จ่ายท่ีไม่เกี่ยวกับ
การอปุ โภคบรโิ ภคจะลดลงร้อยละ 0.00002

อัตราการเปล่ียนแปลงของจานวนผู้ประกันสังคมรายจังหวัด (Ssw) มีผลกระทบใน
ทิศทางลบต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่แท้จริงประเภทอาหารรายจังหวัด
(Expense2) ณ ระดบั ความเชื่อมั่นรอ้ ยละ 95 หากจานวนผปู้ ระกันสังคมเพ่มิ สูงขึน้ ร้อยละ 1 คา่ ใช้จ่าย
เฉลี่ยตอ่ ครัวเรอื นประเภทอาหารลดลงร้อยละ 0.0282

ดังน้ันจะเห็นวา่ เม่ือพจิ ารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉลีย่ ตอ่
ครัวเรือนแยกรายประเภท พบว่า ค่าใช้จ่ายท่ีได้รับผลกระทบจากปัจจัยอ่นื ๆ มากที่สุด คือ ค่าใช้จ่าย
ประเภทอาหาร รองลงมาคือค่าใช้จ่ายประเภทที่อยู่อาศัย และค่าที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ
นอ้ ยที่สุดคือ ค่าใช้จ่ายประเภทเครอ่ื งนุ่งหม่

อภิปรายผลการวิจยั
ผลการศึกษาของปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทย จาก

ตารางท่ี 2 ด้านเศรษฐกิจ แสดงในคอลัมน์ท่ี (1) พบว่า อัตราการเปล่ียนแปลงของรายได้เฉล่ียต่อ
ครัวเรือนท่ีแท้จริงรายจังหวัด (Income) อัตราเปล่ียนแปลงของหน้ีสินต่อครัวเรือนท่ีแท้จริงราย
จังหวัด (Debt) อัตราเปล่ียนแปลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวดั ที่แท้จริงรายจังหวดั (GPP) และ
อัตราเปล่ียนแปลงของการว่างงานรายจังหวัด (Unemp) มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือนใน
ประเทศไทยอย่างไม่มนี ยั สาคญั ทางสถติ ิ

สาหรับผลการศึกษาปัจจัยทางสังคมท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียโดยรวมของครัวเรือนใน
ประเทศไทย แสดงดังคอลัมน์ท่ี (2) พบว่าอัตราการเปล่ียนแปลงของจานวนสมาชิกในครัวเรือนราย
จังหวัด (Meb) มีผลกระทบในต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยโดยรวมของครัวเรือนใน
ประเทศไทยรายจงั หวัด (expense) ซ่งึ ผลการศึกษาเป็นไปตามสมมติฐาน เนอื่ งจากจานวนสมาชิกใน
ครัวเรือนที่เพ่ิมสูงข้ึน ครัวเรือนจะมีหน้าที่ดูแลสมาชิกในครัวเรือนท้ังด้านการอุปโภคบริโภค รวมถึง
ด้านอื่นๆ เพ่ิมขึ้น เป็นผลให้ครัวเรือนจะมีการบริโภคในสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ให้
ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพม่ิ สูงข้ึน สอดคล้องกับงานวจิ ัยของ ณัฐมธุรา ภูริเทเวศร์ (2547) ที่พบว่าหาก
จานวนสมาชกิ ในครัวเรอื นเพิ่มสงู ขึ้น ครัวเรือนจะบริโภคจะเพ่ิมข้นึ ส่งผลใหค้ ่าใช้จา่ ยในครวั เรือนเพิ่ม
สงู ข้ึนด้วย

สว่ นคอลัมน์ท่ี (3) แสดงถึงผลการศกึ ษาของปัจจยั ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจและสังคม พบวา่ อัตรา
การเปลี่ยนแปลงของจานวนสมาชิกในครัวเรือนรายจังหวัด (Meb) มีผลกระทบต่ออัตราการ
เปล่ียนแปลงของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยโดยรวมของครัวเรือนในประเทศไทยรายจังหวัด (expense1) ซึ่งผล
การศึกษาเป็นไปตามสมมติฐาน และสอดคล้องกับปัจจัยทางสังคมท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียโดยรวม
ของครวั เรอื นในประเทศไทยรายจงั หวัด จะเหน็ ได้วา่ หากวิเคราะหแ์ ยกปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม

487

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

จะให้ผลเหมือนการวิเคราะห์ในแบบจาลองที่รวมทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม และผลการศึกษา
ในคอลัมน์ท่ี (2) และ (3) สอดคลอ้ งกนั โดยมปี จั จัยท่ีส่งผลต่อค่าใชจ้ ่ายเฉล่ียโดยรวมของครัวเรือนใน
ประเทศไทยรายจังหวัด มีนัยสาคัญ คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของจานวนสมาชิกในครัวเรือนราย
จงั หวัด (Meb) แสดงให้เหน็ วา่ จานวนสมาชกิ ในครัวเรอื นมีผลกระทบตอ่ คา่ ใช้จา่ ยของครัวเรอื นอย่าง
มีนัยสาคัญ ซงึ่ เปล่ียนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน กลา่ วคือ หากครัวเรือนมีจานวนสมาชิกในครัวเรือน
เพิ่มสูงข้ึน ครัวเรือนจะบริโภคเพมิ่ ขึ้น เพ่ือตอบสนองต่อความต้องการของสมาชิกในครัวเรือน ส่งผล
ใหค้ ่าใช้จ่ายของครัวเรือนจะเพมิ่ สงู ขนึ้ และผลการศึกษาในคอลัมนท์ ี่ (1) และ (3) ยังมีความสอดคล้อง
กันด้วย เน่ืองจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ได้แก่ รายได้ (Income) หน้ีสิน (Debt) ผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ (GPP) อัตราการว่างงาน (Unemp) ไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย
เฉลีย่ ตอ่ ครวั เรือนโดยรวมในประเทศไทยอยา่ งมีนัยสาคญั

และ เมื่อ พิ จาร ณาปัจจั ย ทาง เศร ษฐกิ จและ สั ง คมท่ี ส่ ง ผลก ร ะ ทบต่ อ ค่ าใช้ จ่ าย เฉล่ี ย ต่ อ
ครัวเรอื นโดยแยกตามประเภทของรายจ่าย พบวา่ รายไดเ้ ฉล่ียต่อครวั เรือน (Income) มีผลกระทบใน
ทิศทางลบต่อค่าใช้จ่ายครัวเรือนประเภทเคร่ืองนุ่งห่มซึ่งไม่สอดคล้องกับสมมติฐาน เม่ือพิจารณา
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งรายไดแ้ ละค่าใช้จ่ายครัวเรอื นประเภทเคร่อื งนุง่ ห่มจะสอดคล้องกับลักษณะของ
สินค้าด้อย (เสาวลักษณ์ กู้เจริญประสิทธ์ิ, 2554) และพบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย
ประเภทเคร่ืองนุ่งห่มมีค่าต่าท่ีสุดร้อยละ –100 แสดงถึงครัวเรือนไม่ใช้จ่ายในสินค้าประเภท
เครอ่ื งนุง่ หม่ ในบางปีทีศ่ กึ ษาแมว้ า่ ระดับรายได้จะเปลย่ี นแปลงไปกต็ าม

จากการศกึ ษาพบวา่ อัตราเปล่ยี นแปลงของหนี้สินตอ่ ครัวเรอื นที่แท้จรงิ รายจงั หวัด (Debt)
มผี ลกระทบในทศิ ทางลบตอ่ ค่าใช้จา่ ยเฉลย่ี ต่อครวั เรอื นที่ประเภทอยอู่ าศัยและเครื่องใช้ และค่าใชจ้ ่าย
เฉล่ียต่อครวั เรอื นท่ีแท้จริงประเภทอาหาร หากครวั เรือนมกี ารก่อหน้ีเพม่ิ สูงขึ้น ทาใหค้ รวั เรือนมีภาระ
ที่ต้องนาเงินส่วนหนึ่งไปชาระหนี้ ส่งผลให้ครัวเรือนมีการบริโภคลดลง สอดคล้องกับ วเรศ อุปปาติ
(2535) เนือ่ งจากการก่อหน้ีสินของครัวเรือน ส่งผลให้ครัวเรือนมีภาระหน้ีสนิ ท่คี รัวเรอื นต้องใชจ้ า่ ยเงิน
คืนตามระยะเวลาที่กาหนด ครัวเรอื นจาเป็นต้องบริหารรายไดข้ องครวั เรือนเพอื่ จา่ ยหนี้สนิ และลดการ
บริโภคสินค้าและบริการลง บริโภคแต่สินค้าและบริการที่จาเป็นต่อชีวิตประจาวันเท่านั้น ค่าใช้จ่าย
อาหารของครัวเรือนจึงลดลง ดังผลของอัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยในค่าใช้จ่ายในประเภทอาหาร
เฉลี่ยร้อยละ 0.6789 มีการเปล่ียนแปลงที่น้อยกว่าค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ แสดงถึงครัวเรือนในประเทศ
ไทยมีการบริโภคอาหารโดยทแ่ี มจ้ ะมีหน้ีสินเพิ่มสูงขนึ้ แตอ่ ัตราการบริโภคอาหารยังคงมอี ยา่ งสม่าเสมอ
อาจลดการบริโภคอาหารลงเมื่อมีหนี้สินที่ต้องชาระเพ่ิมข้ึน แต่จะยังคงบริโภคอยู่เพ่ือการดารงชีพ
และพบว่าหน้ีสินต่อครัวเรือนมีผลกระทบในทิศทางบวกต่อค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนที่แท้จริงที่ไม่
เก่ยี วกบั การอปุ โภคบรโิ ภค สอดคล้องกับสมมติฐาน เม่ือพจิ ารณาถงึ ค่าใช้จ่ายทไ่ี ม่เก่ยี วกับการอุปโภค
บริโภค ได้แก่ ภาษี/ค่าธรรมเนียม เงินบริจาค ค่าเบี้ยประกัน สลากกินแบ่ง และค่าใช้จ่ายอ่ืนๆ
(สานักงานสถิติแห่งชาติ, 2562) ซ่ึงค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากการดารงชีพ หาก
ครัวเรือนมีความพึงพอใจในการบริโภคสินค้าประเภทน้ีแสดงถึงพฤติกรรมการก่อหน้ีท่ีครัวเรือน
ตอบสนองความต้องการและเพื่อรักษาระดับการบริโภคเท่าน้ัน (จารุมาส ปาละรัตน์ และกมลทิพย์
ละออกจิ , 2556) นาไปสู่การสร้างภาระทางการเงินของครัวเรอื น โดยผลการศึกษาปจั จัยทางเศรษฐกิจ
และสังคมแตกต่างจากผลการศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจท่ีมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายประเภทค่า
รกั ษาพยาบาลดว้ ย

488

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่าอัตราเปลี่ยนแปลงของการว่างงานรายจังหวัด (Unemp)
มีผลกระทบในทิศทางลบต่อคา่ ใชจ้ ่ายเฉล่ียตอ่ ครวั เรอื นที่ไม่เก่ยี วกบั การอุปโภคบรโิ ภค และค่าใช้จ่าย
เฉลี่ยต่อครัวเรือนประเภทอยู่อาศัยและเคร่ืองใช้ เนื่องจากครัวเรือนสามารถบริโภคตามรายได้ของ
สมาชิกในครัวเรือน (ปิยาวรรณ สกุลเจริญ, 2546) หากสมาชิกในครัวเรือนมีการว่างงาน ส่งผลให้
รายได้ในครัวเรือนลดต่าลง ครัวเรือนจึงเลือกบรโิ ภคในสินค้าท่ีจาเป็นต่อการดารงชีพ ลดการบริโภค
ในสินค้าที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคลง เน่ืองจากค่าเฉล่ียของค่าใช้จ่ายท่ีไม่เก่ียวกับการอุปโภค
บริโภคและค่าใช้จ่ายประเภทท่ีอยู่อาศัยมีสัดส่วนที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายประเภทอ่ืน ๆ เมื่อสมาชิกใน
ครัวเรือนมีการว่างงาน ทาให้รายได้ของครัวเรือนลดลงครวั เรอื นจึงลดการบริโภคในสินค้าทไ่ี มเ่ กย่ี วกับ
การอุปโภคบริโภคและค่าทอ่ี ยู่อาศัยลง เพอื่ ให้ครวั เรอื นสามารถดารงชีพได้

ส่วนจานวนสมาชิกในครัวเรือน (Meb) มีผลกระทบในทิศทางบวกต่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ
ครัวเรือนประเภทค่ารักษาพยาบาลและยารักษาโรค ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนประเภทการอุปโภค
บริโภค ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนประเภทอาหารรายจังหวัด และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือน
ประเภททอี่ ยูอ่ าศัย ซ่ึงผลการศกึ ษาเป็นไปตามสมมติฐาน สอดคลอ้ งกบั ภทั รพร กิจชัยนุกูล (2556) ที่
พบว่าจานวนสมาชิกในครัวเรือนมีอิทธิพลต่อค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลและยารักษาโรค หาก
จานวนสมาชิกในครวั เรือนเพิ่มสูงข้ึน ครวั เรือนจาเปน็ ตอ้ งดแู ลสุขภาพของสมาชิกในครัวเรือนเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้คา่ ใช้จา่ ยในการรกั ษาพยาบาลและยาเพิม่ สูงขึ้น ส่วนค่าใชจ้ ่ายการอุปโภคบริโภค และอาหาร
ที่เพ่ิมข้นึ บ่งบอกถงึ คา่ ใช้จ่ายเป็นรายจ่ายจาเปน็ ที่ครัวเรอื นตอ้ งจ่ายเพือ่ การบริโภค ครัวเรอื นมีหน้าท่ี
ดูแลสมาชิกในครวั เรือน หากจานวนสมาชิกในครวั เรอื นเปล่ียนแปลง คา่ ใช้จา่ ยด้านการบริโภคอาหาร
ก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกับงานวิจัยของ ณัฐมธุรา ภูริเทเวศร์ (2547) และ
เกสินี หม่ืนไธสง และอัครวิชช์ รอบคอบ (2563) ท่ีว่าหากจานวนสมาชิกในครัวเรือนเพิ่มสูงข้ึน
ครัวเรอื นจะบรโิ ภคจะเพิม่ ขนึ้ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายอาหารในครัวเรือนเพม่ิ สงู ขึ้นดว้ ย

จากผลการศึกษาพบจานวนนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 (Edu) มีผลกระทบในทิศ
ทางบวกตอ่ ค่าใช้จา่ ยเฉลย่ี ตอ่ ครวั เรอื นประเภทค่ารักษาพยาบาลและยารกั ษาโรคสูงทส่ี ดุ รองลงมาคือ
ค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือนประเภทเคร่ืองนุ่งห่ม และค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนประเภท
อาหารซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐาน เม่ือครัวเรือนมีระดับการศึกษาท่ีสูงขึ้นส่งผลให้ครัวเรือนมีความรู้
และรายไดเ้ พ่ิมสงู ขึ้น ครวั เรอื นให้ความสาคญั กับการดูแลสมาชิกในครัวเรอื นใหม้ ีสุขภาพที่ดี (ชลธิชา
บญุ เนตร, 2557) ดว้ ยการรักษาพยาบาลรวมถึงการป้องกันสุขภาพของสมาชิกในครัวเรอื น ดแู ลเคร่ือง
แต่งกายให้เหมาะสมรวมถงึ บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย (พรพมิ ล พนั ธ์พมิ าย, 2550) แสดง
ถึงสมาชิกที่มีระดับการศึกษาท่ีเพิ่มสูงข้ึน ส่งผลให้ครัวเรือนสามารถมีระดับรายได้ท่ีเพิ่มสูงขึ้นจึ ง
สามารถดูแลด้านเคร่ืองแตง่ กายใหม้ ีความเหมาะสมต่อสภาพอากาศและสภาพแวดลอ้ มบรโิ ภคอาหาร
ที่มีคุณประโยชน์เพิ่มสูงขึ้น และพบว่าระดับการศึกษาส่งผลกระทบในทิศทางลบต่อค่าใช้จ่ายท่ีไม่
เก่ียวกับการอุปโภคบริโภค สะท้อนถึงระดับการศึกษาส่งผลให้ครัวเรือนสามารถพัฒนาคุณภาพชวี ิต
ของครวั เรอื นไดด้ ขี ึน้ สามารถบริโภคสินค้าท่ีใช้ในการดารงชพี ได้สูงขน้ึ ซ่ึงจะเหน็ ไดว้ ่าจานวนนักเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ 6 มีอิทธิพลต่อค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลและยารักษาโรคมากที่สุด ซึ่ง
สอดคลอ้ งคา่ ใช้จ่ายดา้ นค่ารักษาพยาบาลมีอัตราการเปล่ยี นแปลงสงู ทีส่ ุด แสดงให้เห็นถงึ ครัวเรือนให้
ความสาคัญกับการดูแลสุขภาพของสมาชิกในครัวเรือนเป็นอยา่ งมาก รองลงมาคือค่าใช้จ่ายประเภท
เคร่อื งนงุ่ หม่ อาหาร และ คา่ ใชจ้ า่ ยทีไ่ ม่เกยี่ วกบั การอปุ โภคบรโิ ภค และพบวา่ จานวนนกั เรยี นในระดบั
มธั ยมศึกษาช้นั ปีที่ 6 มผี ลกระทบในทิศทางลบกับคา่ ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครวั เรอื นท่ีไม่เก่ยี วกับการอุปโภค

489

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

บริโภค ซ่งึ ไม่สอดคลอ้ งกับสมมติฐาน จากการทส่ี มาชกิ ในครวั เรือนมีระดับการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน บง่ ชี้
ถงึ ความสามารถในการหารายได้เพ่ิมสูงขึน้ รวมถึงระดบั ความรู้ในการวางแผนการใช้จ่ายในครัวเรือน
เพมิ่ สงู ขน้ึ สอดคล้องกับทฤษฎอี รรถประโยชน์ ท่ีวา่ ครวั เรอื นเลือกซอ้ื สินคา้ และบริการด้วยความพอใจ
ท่ีได้รับจากการบริโภคสินค้าหรือบริการชนิดนั้น ๆ ภายใต้งบประมาณท่ีจากัด (เสาวลักษณ์ กู้เจริญ
ประสิทธิ์, 2554) เม่ือครัวเรือนมีวางแผนการบรโิ ภคในสินค้าท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิต รวมถึงพัฒนา
คุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ส่งผลให้ครัวเรือนลดการบริโภคสินค้าที่ไม่จาเป็นลง จึงทาให้ค่าใช้จ่ายที่ไม่
เก่ยี วกบั การอุปโภคบรโิ ภคลดลง

สว่ นผลการศึกษาของจานวนผู้ประกนั สังคมรายจังหวัด (Ssw) มผี ลกระทบในทศิ ทางลบต่อ
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนประเภทอาหาร ซึ่งไม่สอดคล้องกับสมมติฐาน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากเมื่อ
พิจารณาถึงประกันสังคม แสดงถึงสวัสดิการท่ีผู้มีงานทาได้รับ เช่น ประโยชน์ทดแทนเพ่ือการคลอด
บุตร เพื่อการเจ็บป่วย เพื่อการพิการ เป็นต้น (พระราชบัญญัติประกันสังคม, 2533) ซึ่งผู้ประกันตน
จาเป็นต้องส่งเงินเข้ากองทุนประกนั สังคมข้ันต่าร้อยละ 5 ของค่าจ้าง ซ่ึงค่าจ้างขั้นต่าสุดคือเดือนละ
1,650 บาท และสงู สดุ คือเดือนละ 15,000 บาท (ค่มู ือผปู้ ระกันตน, 2562) แม้วา่ จะมีสวัสดกิ ารขัน้ ต้น
ทผ่ี ปู้ ระกนั ตนไดร้ บั แตผ่ มู้ ีรายไดจ้ าเป็นต้องมีรายจ่ายอนื่ ๆ ทีเ่ ป็นทั้งคา่ ใช้จา่ ยในการดารงชีพ การดูแล
ความเป็นอยู่ของสมาชิกในครัวเรือน อาจทาให้ครัวเรือนจาเปน็ ตอ้ งลดการบริโภคทง้ั ด้านอาหาร และ
เคร่อื งน่งุ ห่ม เพ่อื ให้รายไดข้ องครวั เรือนเพียงพอต่อการดูแลสมาชิกในครวั เรือน

ดังน้ันจะเห็นว่าเมื่อพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อ
ครัวเรือนแยกรายประเภท พบว่า ค่าใช้จ่ายท่ีได้รับผลกระทบจากปัจจัยอ่ืนๆ มากท่ีสุด คือ ค่าใช้จ่าย
ประเภทอาหาร รองลงมาคอื คา่ ใช้จ่ายประเภททอ่ี ยู่อาศยั ค่าใช้จา่ ยทีไ่ ม่เก่ียวกบั การอุปโภคบรโิ ภค คา่
รักษาพยาบาลและยารกั ษาโรค คา่ ใชจ้ า่ ยประเภทอปุ โภคบรโิ ภค และคา่ ใชจ้ า่ ยประเภทเครอื่ งนงุ่ หม่

เอกสารอ้างอิง
กิตติพร สนิ ธปุ ระภา. (2551). ศึกษาประพจน์สมค่าของรคิ าร์โดกบั การบริโภคของครัวเรือน.

(วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑติ , จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ).
เกสินี หม่ืนไธสง และ อัครวิชช์ รอบคอบ. (2563, กรกฎาคม – กันยายน). วิเคราะห์แบบแผนค่าใช้จ่าย

เพื่อการบรโิ ภคเนอ้ื สตั ว์ของครัวเรือนเกษตรในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ พ.ศ. 2560.
วารสารชมุ ชนวิจัยมหาวทิ ยาลัยราชภฎั นครราชสีมา, 14(3), 115 -128.
จาคินี เรอื งธรรมศักด์.ิ (2551). ศึกษาพฤตกิ รรมการบรโิ ภคและการออมไว้ใช้ยามฉกุ เฉินของครัวเรอื น
ไทยภายใตค้ วามไมแ่ น่นอนของรายได้. (วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิต, จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั ).
จารมุ าส ปาละรัตน์ และ กมลทิพย์ ละออกจิ . (2556). หนคี้ รวั เรือนภาคเหนอื หาทางออกด้วยการให้
ความร้ทู างการเงิน. สืบค้นจาก https://www.bot.or.th
ชลธิชา บุญเนตร์. (2557). ปัจจยั ทีม่ อี ทิ ธิพลตอ่ การตัดสินใจซือ้ อปุ กรณท์ างการแพทยข์ องผปู้ ่วย
สูงอายุ. (วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์)
ณัฐมธรุ า ภรู ิเทเวศร์. (2547). ศึกษาการวเิ คราะห์คา่ ใช้จา่ ยของครวั เรอื นในการบริโภคผลไม้ในเขต
กรงุ เทพมหานคร. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์).
นรญิ า จันทรก์ ลบั . (2554). ปัจจยั ทางเศรษฐกิจและสังคมของครวั เรือนไทยกับค่าใชจ้ า่ ยทางการ
ศกึ ษาระดับประถมศึกษา. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั )

490

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

พรพมิ ล พนั ธ์พิมาย. (2550). วเิ คราะหร์ ูปแบบค่าใช้จ่ายในการบริโภคของครวั เรือนไทย.
(วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑติ , จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ).

พระราชบญั ญัตปิ ระกันสังคม. (2533, 11 สงิ หาคม).
ปยิ าวรรณ สกุลเจริญ.(2546). ปจั จยั ทีม่ อี ทิ ธพิ ลต่อคา่ ใช้จ่ายเพือ่ การบริโภคของครวั เรอื นเกษตรกร:

กรณศี ึกษาอาเภอศรีราชา. การประชมุ ทางวิชาการของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ คร้ัง
ท่ี 41. (น. 247-254)
ภัทรพร กจิ ชยั นกุ ุล. (2556). ปจั จยั ที่มอี ทิ ธพิ ลต่อคา่ ใช้จ่ายของประชาชนในกรุงเทพมหานคร.
(วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สถาบันบณั ฑติ พฒั นบริหารศาสตร์).
ภสั ราภรณ์ หอ้ ยกรดุ . (2562). พฤติกรรมการส่งเสรมิ สขุ ภาพ คา่ ใช้จา่ ยการรักษาพยาบาลและ
ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลต่อคา่ ใชจ้ ่ายการรกั ษาพยาบาลของประกรกลุ่มวันทางานใน
กรุงเทพมหานคร. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์).
รณรงค์ ไชยสมบัต.ิ (2546). ศกึ ษาการวิเคราะห์การเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมการบริโภคของ
ครวั เรอื นในภาคเหนอื ตอนบนก่อนวิกฤตและหลังวกิ ฤตทางเศรษฐกจิ . (วิทยานพิ นธ์
ปริญญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่).
วาทิตร รกั ษ์ธรรม. (2548). ศกึ ษาวิเคราะห์ภาคตัดขวางของพฤตกิ รรมและฟงั ก์ชนั การบรโิ ภคของ
ครวั เรือนไทย. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลยั หอการคา้ ไทย).
วเรศ อปุ ปาติ. (2535). เศรษฐศาสตร์การเงินและการธนาคาร. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ:
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
วิฑูรย์ รงุ่ เรืองสมั ฤทธิ.์ (2549). การบรโิ ภคภาคครวั เรือนของไทยภายใตแ้ บบจาลองรายไดถ้ าวรใน
วงจรชีวติ และข้อจากัดดา้ นสภาพคล่อง. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต, จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย).
ศนู ยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2563). จานวน
นักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6. สบื ค้นจาก http://www.mis.moe.go.th
สานักงานประกันสงั คม.2562.คูม่ ือผ้ปู ระกันตนประกันสงั คม.สิงหาคม 2562. สบื ค้นจาก
http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER2/DRAWER056/GENERAL/DAT
A0000/00000578.PDF
สานกั งานสถิติแห่งชาต.ิ (2562). สรุปผลท่ีสาคัญการสารวจภาวะเศรษฐกจิ และสังคมของครัวเรือน
ในช่วง 6 เดือนแรก ของปี 2562. สบื ค้นจาก http://www.nso.go.th
สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2563). ผลิตภัณฑม์ วลรวมรายจังหวัด.
สบื คน้ จาก https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=gross_regional
เสาวนยี ์ ไทยรงุ่ โรจน.์ (2551). ศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมการบริโภคของครวั เรอื นไทย
เมอื่ เริ่มเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมอื งปี 2549. สบื คน้ จาก
http://department.utcc.ac.th/research/images/stories
เสาวลักษณ์ กูเ้ จรญิ ประสิทธ์.ิ (2554). เศรษฐศาสตร์จลุ ภาค I พมิ พค์ รงั้ ที่ 4. กรุงเทพฯ:
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.์

491

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

อทิ ธพิ ลของคณุ ภาพระบบ ภาพลักษณ์ตราสนิ คา้ ทีม่ ผี ลต่อความจงรักภักดี
การใชบ้ รกิ ารธรุ กรรมทางการเงนิ ผา่ น Mobile Banking
ของเจเนอเรชั่น X ในจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา

อรณุ รัตน์ งอกไม้1
นักศึกษาปรญิ ญาโทหลักสตู รบริหารธรุ กจิ มหาบัณฑิต คณะบริหารธรุ กจิ

มหาวิทยาลยั กรงุ เทพ

รวิพรรณ สภุ าวรรณ์
อาจารยป์ ระจาสาขาวิชาบริหารธรุ กจิ คณะบริหารธรุ กจิ

มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ

บทคัดยอ่

การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาอิทธิพลของคุณภาพระบบและภาพลักษณ์ตราสินค้าที่
ส่งผลต่อความจงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรมทางการเงนิ ผ่าน Mobile Banking ของเจเนอเรช่ัน X
ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จานวน 400 คน ซ่ึงใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง
(Purposive Sampling) โดยใช้แบบสอบถามปลายปิดเป็นเครื่องมือในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล สถิติที่
ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล คือ สถติ ิเชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ ค่าร้อยละ คา่ เฉลยี่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ
สถิติเชิงอนุมานที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ การวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ ผลการศึกษาพบว่า
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 259 คน อายุ 42 – 45 ปี จานวน 124 คน
สถานภาพสมรส จานวน 207 คน อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน/ลูกจ้าง จานวน 143 คน ระดับ
การศึกษาท่ีสาเร็จปริญญาตรี จานวน 167 คน รายได้เฉล่ียต่อเดือน 30,001 – 45,000 บาท จานวน
145 คน ผลการทดสอบสมมตฐิ านพบว่า ปัจจยั ของคุณภาพระบบ ไดแ้ ก่ ด้านความปลอดภัยในการใช้
งาน ด้านความรวดเร็วในการตอบสนอง และดา้ นความสะดวกในการเขา้ ถึง และปัจจยั ของภาพลกั ษณ์
สินค้า ไดแ้ ก่ ด้านเทคโนโลยี ด้านความปลอดภยั ด้านสิง่ อานวยความสะดวก และดา้ นการสื่อสารกับ
ลูกค้า มีผลต่อความจงรักภักดกี ารใช้บริการธรุ กรรมทางการเงนิ ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ของเจเนอเรชั่น X
ในจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
อยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดบั .05

คาสาคัญ: โมบายแบงกก์ ิง้ เจเนอเรชั่นเอ็กซ์ ภาพลักษณ์ตราสินคา้ ความภักดี

1 นกั ศึกษาปริญญาโทหลักสตู รบรหิ ารธุรกจิ มหาบณั ฑติ คณะบรหิ ารธุรกิจ มหาวิทยาลยั กรุงเทพ ต.คลองหน่ึง
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 หมายเลขติดต่อ: 096-858-4501 อเี มล: [email protected]

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

INFLUENCES OF SYSTEM QUALITY BRAND IMAGE AFFECTING
LOYALTY USING MOBILE BANKING FINANCIAL TRANSACTION
SERVICE OF GENERATION X IN PHRA NAKHON SI AYUTTHAYA

Arunrat Ngokmai1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business Administration

Bangkok University

Lokweetpun Suprawan
Lecturer at Department of Business Administration, Faculty of Business Administration

Bangkok University

Abstract
The objectives of this research were to study the Influences of system quality,
Brand Image affecting loyalty using mobile banking financial transaction service of
Generation X in Ayutthaya province. This study collected data from 400 samples, using
the purposive sampling method by using closed- ended questionnaires as a tool for
data collection. The statistics used in data analysis were descriptive statistics for
instance percentage, mean, standard deviation and the inferential statistics used to
test the hypothesis such as ( Multiple Regression Analysis) . The results indicated that
the majority of respondents are female aged 42-45 years, married, employees in private
companies, bachelor’s degree holders. The largest group earned an average monthly
personal income ranged 30,001- 45,000 baht. The results of hypothesis testing reveal
that system quality included operational safety, responsiveness, ease of access and
brand image comprising technology, safety, facilities, customer communication
affected loyalty using mobile banking financial transaction service of Generation X in
Ayutthaya province with statistical significance at .05 level.

Keywords: Mobile Banking, Generation X, Brand Image, Loyalty

1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business
Administration, Bangkok University. Contact Number: +6696-858-4501 Email: [email protected]

493

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

บทนา
โมบายแบงก์ก้ิง เป็นช่องทางรูปแบบใหม่โดยผ่านทางโทรศัพท์มือถือ บริการหนึ่งของ

ธนาคารที่อนุญาตให้ลูกค้าแต่ละคน สามารถทาธุรกรรมทางการเงินบนมือถือหรือแท็บเล็ตได้ โดยที่
ลูกค้าไม่ต้องไปถึงธนาคาร ซ่ึงปกติแล้ว โมบายแบงก์กง้ิ จะให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
ความพร้อมใชง้ านของอนิ เทอร์เน็ตและการเช่อื มต่อข้อมลู กบั อุปกรณ์ ในปจั จุบัน แต่ละธนาคารได้ทา
การพัฒนาแอปพลิเคชันสาหรับ โมบายแบงก์ก้งิ ให้มีความสะดวกสบายและรดั กมุ มากยิ่งขึ้น รวมทง้ั
เพม่ิ ฟเี จอรพ์ เิ ศษนอกเหนอื จากการทาธุรกรรมทางการเงินเพ่ือตอบสนองตอ่ ไลฟ์สไตล์ที่เปล่ียนไปของ
ลกู คา้ อกี ดว้ ย

โดย Gen X มีพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เนต็ ในช่วงวนั หยุดมากกวา่ ช่วงวนั ทางานเพยี ง
เลก็ นอ้ ย กลา่ วคือ Gen X ใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ ในชว่ งวนั หยดุ อยูท่ ี่ 8 ชั่วโมง 55 นาทีตอ่ วัน และชว่ งวนั
ทางานใชง้ านอินเทอรเ์ น็ตอยู่ท่ี 8 ชว่ั โมง 25 นาทตี อ่ วัน กลมุ่ ผูบ้ รโิ ภค Gen x ท่จี ่ายเงินเองผา่ นมือถือ
อยู่ทรี่ ้อยละ 81 และ 82 เพราะประหยัดเวลา รวดเรว็ และสะดวกมากกว่าใช้เงินสด (รายงานผลการ
สารวจพฤตกิ รรมผู้ใช้อินเทอร์เนต็ ในประเทศไทย, 2561)

เพ่ือสร้างความเข้าใจศึกษาปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อคุณภาพระบบ ภาพลักษณ์ตราสินค้า ท่ี
ส่งผลต่อความจงรักภักดีการทาธุรกรรมผ่านโมบายแบงก์ก้ิง ของเจเนอเรช่ันX ในจังหวัด
พระนครศรอี ยุธยา เนือ่ งจากลกั ษณะการดาเนนิ ชวี ติ ทีต่ อ้ งปรับเปล่ียนจากการทาธุรกรรมการเงินผ่าน
เคาน์เตอร์ธนาคาร หรอื เคร่ืองATM มาเป็นธรุ กรรมการเงินผา่ นระบบออนไลน์ หรือ Mobile Banking
ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ทาธุรกรรมทางการเงินบนโทรศัพท์มือถือ เพ่ือให้ธนาคารนาผลการศึกษาไป
ปรับปรุงการให้บริการโมบายแบงก์กิ้ง ให้เหมาะสม และมาทาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธนาคาร
บรษิ ทั ในเครือในกลมุ่ สถาบนั การเงิน และผ้พู ัฒนาโปรแกรมสามารถนาผลแนววิจัยไปใช้เป็นแนวทาง
ในการพฒั นา และใชป้ รับปรงุ เพือ่ ทาใหเ้ กิดความสะดวก รวดเรว็ มีระบบรกั ษาความปลอดภัยให้กับ
ผู้ใช้งานได้ และทาให้เจเนอเรช่ันX เข้ากับยุคสมัยได้ดี มีความสามารถในการปรับตัว ในสถานการณ์
การเปล่ียนแปลงต่างๆของโลก คนในเจเนอเรช่ันX จึงไม่ชอบการรอคอยซกั เท่าไหร่ แต่จะชอบวิ่งเข้า
หาโอกาสทเ่ี จอ เพราะมคี วามเชอื่ มั่นตนเองว่าเราทาได้ดีกว่าคนของร่นุ พ่อรุ่นแม่ นั่นจงึ ทาให้แต่ละคน
ออกไปทางานธุรกิจส่วนตัวมากข้ึน ทั้งในธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และธุรกิจทางด้านการเงนิ มี
การเปล่ียนแปลงเพิ่มมากขึ้น จับจ่ายมากข้ึนผ่านทางบัตรเครดิต ซึ่งบัตรเครดิตเป็นสิ่งจาเป็นของคน
ยุคน้ี (ปภาวี เนตรอรุณ, 2562 และอดิพล เอื้อจรัสพันธุ์, 2561) จึงทาให้เจเนอเรชั่นX มีพฤติกรรม
ดังกล่าวมากกว่าเจเนอเรช่ันอ่ืน ๆ

ดว้ ยเหตุผลข้างต้นท่ีกล่าวมา ผูว้ จิ ยั สนใจศกึ ษาอิทธพิ ลของคุณภาพระบบ ภาพลักษณ์ของ
สินค้า ที่มีผลต่อความจงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile Banking ของ
เจเนอเรช่ัน X ในจังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา เพ่ือให้ธนาคารนาผลการศึกษาไปปรบั ปรุงการให้บรกิ าร
โมบายแบงก์ก้ิง ให้เหมาะสม และมาทาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธนาคาร บริษัทในเครือในกลุ่ม
สถาบนั การเงนิ และผู้พัฒนาโปรแกรมสามารถนาผลแนววิจยั ไปใช้เปน็ แนวทางในการพัฒนา และใช้
ปรับปรงุ เพื่อทาให้เกดิ ความสะดวก รวดเรว็ มีระบบรกั ษาความปลอดภยั ให้กบั ผู้ใช้งานได้

494

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

วตั ถปุ ระสงค์ในการวิจัย
1. เพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณภาพระบบท่ีส่งผลต่อความจงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรม

ทางการเงินผ่าน Mobile Banking ของเจเนอเรชน่ั X ในจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา
2. เพ่ือศึกษาอิทธิพลของภาพลักษณ์ตราสินค้าที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีการใช้บริการ

ธรุ กรรมทางการเงินผา่ น Mobile Banking ของเจเนอเรช่นั X ในจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา

ขอบเขตในการวิจยั
1 ขอบเขตดา้ นประชากร
ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจัยคร้ังนค้ี ือ คนเจเนอเรช่ัน X ทที่ าธุรกรรมทางการเงนิ กับสถาบัน

ทางการเงนิ ผา่ นระบบ Mobile Banking ในจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
2. ขอบเขตด้านตัวแปรทศี่ ึกษา
ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) คือ คุณภาพระบบ (ความง่ายในการใช้งาน

ความปลอดภัยในการใช้งาน ความมีเสถียรภาพ ความรวดเร็วในการตอบสนอง ความสะดวกในการ
เข้าถึง) และภาพลักษณ์ตราสินค้า (ด้านเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งอานวยความสะดวก
ดา้ นการส่อื สารกับลูกคา้ )

ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ความจงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรมทาง
การเงนิ ผ่านโมบายแบงก์ก้งิ ของเจเนอเรช่ัน X ในจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา

3. ขอบเขตดา้ นพืน้ ท่ี
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

4. ขอบเขตด้านระยะเวลา
ระยะเวลาในการศึกษา เร่ิมตงั้ แต่เดือนกรกฎาคม 2563 ถึงเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2564

ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั ในการวิจยั
ผลจากการศกึ ษาในครง้ั นี้ จะทาใหท้ ราบถงึ ปัจจัยที่สาคัญใช้เปน็ แนวทางให้ผู้ประกอบการ

ธนาคารนาข้อมูลท่ีได้มาจากการวิจัยสามารถนาไปใช้วางแผนการให้บริการธุรกรรมทางการเงินผา่ น
ผ่าน Mobile Banking ของเจเนอเรช่ัน X เพ่ือให้มีประสิทธภิ าพ มีความทันสมัย และทาให้เข้าใจกับ
การใชง้ านมากทส่ี ดุ

สมมตุ ฐิ านการวจิ ยั
1. อิทธิพลของคุณภาพระบบ ประกอบด้วย ด้านความง่ายในการใช้งาน ด้านความ

ปลอดภัยในการใช้งาน ด้านความมีเสถียรภาพ ด้านความรวดเร็วในการตอบสนอง และด้านความ
สะดวกในการเข้าถงึ มีผลตอ่ ความจงรักภักดีการใช้บริการธรุ กรรมทางการเงินผ่าน Mobile Banking
ของเจเนอเรช่ัน X ในจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา

2. อิทธพิ ลของภาพลกั ษณ์ตราสนิ ค้า ประกอบดว้ ย ด้านเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัย
ดา้ นสง่ิ อานวยความสะดวก ด้านการสื่อสารกับลูกค้า มผี ลต่อความจงรักภกั ดกี ารใชบ้ รกิ ารธรุ กรรม
ทางการเงินผ่าน Mobile Banking ของเจเนอเรช่ัน X ในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา

495

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

กรอบแนวคิดในการวิจัย

ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม

คุณภาพของระบบ ความจงรกั ภกั ดกี ารใชบ้ รกิ ารธรุ กรรม
- ความง่ายในการใช้งาน ทางการเงินผา่ นMobile Banking
- ความปลอดภยั ในการใช้งาน
- ความมีเสถียรภาพ ของเจเนอเรชนั่ X
- ความรวดเรว็ ในการตอบสนอง ในจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา
- ความสะดวกในการเข้าถงึ

ภาพลกั ษณต์ ราสนิ คา้
- ด้านเทคโนโลยี
- ดา้ นความปลอดภยั
- ด้านสิ่งอานวยความสะดวก
- ด้านการสือ่ สารกับลูกค้า
ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจยั

การทบทวนวรรณกรรม
คณุ ภาพระบบ

Gitto, Bosch–Mauchand, Durupt and Cherfi (2016) ให้นิยามคุณภาพระบบว่า
หมายถึง เคร่ืองมือการวัด เป็นเคร่ืองมือในการวัดความสมบูรณ์นั้นให้ครบถ้วนของตัวระบบ ที่ต้องมี

การพัฒนาอยเู่ สมอ และมเี ปา้ หมายทแ่ี นช่ ดั เพือ่ ใหต้ อบสนองความตอ้ งการของลูกค้า
DeLone and McLean (2003) กล่าวถึง ความหมายของคุณภาพระบบใน 5 มิติ ซ่ึงมี

ดงั นี้

1. ความง่ายในการใช้งาน หมายถึง ระดับความเช่ือถือที่ว่าผู้ใช้งานสามารถ ใช้งาน
ระบบสารสนเทศโดยไมต่ ้องอาศัยความพยายามมาก

2. ความปลอดภยั ในการใชง้ าน หมายถงึ การทางานเพอ่ื สร้างชน้ิ งานอย่างปลอดภัย
โดยเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือให้เหมาะสมกับประเภทและลักษณะการใช้งาน รวมถึงการจัดเกบ็
อปุ กรณ์อยา่ งเหมาะสม ปฏิบตั งิ านอยา่ งระมดั ระวงั หลกี เลย่ี งการกระทาทอี่ าจกอ่ ให้เกิดอุบัติเหตุและ

ความเสยี หาย
3. ความมีเสถียรภาพ หมายถึง การท่ีจะต้องมีความคงม่ัน คงเส้นคงวาของระบบ

สารสนเทศภายใต้การมขี อ้ กาหนดการตา่ ง ๆ
4. ความรวดเร็วในการตอบสนอง หมายถึง ต้องทาเวลาในการตอบสนอง เพื่อท่ีจะ

ได้มีความคล่องตัว และยังคงต้องตอบสนองส่ิงต่างๆของลูกค้าอยู่เป็นประจา ไม่ว่าจะนาเสนอสินค้า

ใหม่ การปรบั ปรงุ สินคา้ หรอื แม้แต่การตดั สนิ ใจของการบริหาร

496

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

5. ความง่ายในการเข้าถึง หมายถึง บุคคลใช้งานง่าย เข้าใจตามท่ีเรียนรู้มา และยัง
ปรับใช้ประโยชน์ตามความสามารถของระบบสารสนเทศ ได้แก่ ความสะดวกในการเข้าถงึ การเข้าถึง
ได้เปน็ อยา่ งดคี วามง่ายในการเขา้ ถึง และการเข้าถงึ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

ภาพลกั ษณ์ตราสินค้า
ภาพลักษณ์การรับรู้ท่ีดีของธุรกิจมีความสัมพันธ์โดยตรงอย่างยิ่งกับพฤติกรรมของ

ผู้บริโภคโดยท่ัวไป ซึ่งกล่าวว่าผู้บริโภคจะมีเป้าหมายในแต่ละรายที่ไม่เหมือนกัน คือในบางคร้ังอาจ
เกิดการรับรู้ จนเกิดความรู้ขึ้นมาใหม่ และความรู้สึกท่ีดีขึ้นมาก ต่อผลิตภัณฑ์และองค์กรธุรกิจ
จนกระท่ังเกิดพฤติกรรมการซ้ือในท่ีสุด ภาพลักษณ์องค์กรมี 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านเทคโนโลยี
ด้านความปลอดภยั ดา้ นสงิ่ อานวยความสะดวก และด้านการสือ่ สารกับลูกค้า (วรนิ ทรย์ พุ า พิมพ์สะอาด,
2558)

1. ดา้ นเทคโนโลยี ปจั จุบนั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เข้ามามีสว่ นในการช่วยความ
สะดวกในการดาเนนิ งาน ทาให้เวลาท่ตี ้องการเข้าถงึ ขอ้ มลู มีความรวดเรว็ ทเ่ี พ่ิมขึ้น การตดิ ตอ่ สื่อสารมี
จึงต้องทาให้รัดกุมมากยิ่งข้ึนกว่าเดิม และทาให้ลดต้นทุนในการดาเนินการจัดงานด้านต่างๆของ
หน่วยงาน รวมถึงการรับ-ส่ง จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การมีเว็บไซต์ท่ีผู้ใช้งานสามารถใช้สาหรับเป็น
ช่องทางในการประชาสัมพนั ธ์ข่าวสารต่างๆ ถึงแม้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จะมีประโยชน์และจะ
ช่วยอานวยความสะดวกมากมายในด้านต่างๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความเส่ียงท่ีสูงและอาจจะเกิด
ภัยอนั ตราย หรือสรา้ งความเสยี หายตอ่ การทางานต่อ ๆ ไปไดด้ ้วย

2. ด้านความปลอดภัย หมายถึง การให้บริการที่คานึงถึงความปลอดภัยโดยมองว่า
เป็นสิ่งสาคัญ เป็นส่ิงท่ีผู้บริหารไม่ควรมองข้าม เพราะการทางานอย่างปลอดภัยนอกจากจะเป็นการ
ป้องกันอุบัติเหตุแล้วยังก่อให้เกิดประโยชนอ์ ื่น ๆ การท่ีเราจะส่งเสริมด้านความปลอดภัยน้ัน จาเป็น
ต่อองค์กร เพราะว่าแต่ละองค์กรจะมีการออกแบบด้านความปลอดภัยกันออกไป ในของแต่ละท่ี
แตกต่างกัน จะมกี ารอบรม การปฏบิ ัติงาน จากความปลอดภัยและได้บงั คับใชอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

3. ด้านสิ่งอานวยความสะดวก หมายถึง อุปกรณ์ส่ิงของของทุกส่ิงอย่างที่บุคคล
ตอ้ งการ ทีจ่ ะมาช่วยทาให้เติมเตม็ ความต้องการของบุคคลนน้ั ทีใ่ ชง้ านอย่างไดจ้ ริง อาจจะมองเหน็ เป็น
ในเรื่องของการกิน ที่อยูอ่ าศัย การเดินทาง รวมถึงความสะดวกสบายในด้านการใชจ้ ่าย ท่ตี อ้ งสะดวก
มีเคร่ืองมือสาหรับการวัดคุณภาพการให้บริการประกอบด้วย ความทันสมัยของอุปกรณ์
สภาพแวดลอ้ มของสถานทใี่ หบ้ ริการ เอกสารเผยแพรท่ ่ีเกี่ยวกบั การบริการ

4. ด้านการสื่อสารกับลูกค้า หมายถึง การจัดกระบวนการขององค์กรท่ีทาข้ึน เพ่ือ
เสนอสื่อและข่าวสารถ่ายทอดไปยังกลุ่มลูกค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโน้มน้าว จูงใจ ให้เกิดการรับรู้
เขา้ ใจ และเกิดความคิดทมี่ ีต่อองค์กรมากย่ิงขึ้น และแสดงการกะทาก็จะตอบสนองตอ่ ผลิตภัณฑ์หรือ
บรกิ ารทบ่ี ริษัทนาเสนอตามท่มี ุ่งหวังไว้

ความจงรกั ภกั ดี
Jacoby and Chestnut (1978 อ้างถึงใน มะลิวัลย์ แสงสวัสดิ์, 2556) กล่าวว่า ตรา

สินค้าที่มีมาอย่างยาวนาน และระยะเวลานาน ท่ีมีความสาเร็จ ไม่ว่าจะมาจากการซ้ือของของลูกค้า
เพียงคร้ังเดียว แต่นั้นแสดงให้เห็นว่าตราสินค้าน้ันมีจานวนลูกค้าท่ีซ้ือสินค้า หรือบริการอยู่บ่อยคร้ัง
และลูกคา้ กลมุ่ น้ันมคี วามภักดีอย่างอยา่ งเปน็ จรงิ ตอ่ ตราสนิ ค้า

Aaker (1991 อ้างถงึ ใน ณฐั ธิดา โพธป์ิ ระเสริฐ, 2556) กลา่ วว่า ความภกั ดีท่ีลูกค้าน้นั จะ
มใี ห้กบั ตราสินค้าแล้ว จะเป็นสง่ิ ท่ีบอกว่าลูกค้าคนนน้ั ยึดม่นั กับตราสนิ ค้ามากแค่ไหน หรอื อาจจะเป็น

497

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ความภกั ดตี อ่ ตราสนิ ค้านม้ี าตลอดเลยก็ได้ และจาเป็นอย่างมากที่สุดของคุณค่าตราสินคา้ เพราะหาก
ทาใหเ้ ห็นวา่ ผ้บู ริโภคไมเ่ หน็ ความแตกต่างของสนิ คา้ แล้ว ก็จะเปน็ เหตุผลให้ผบู้ รโิ ภคนนั้ ตัดสินใจเลือก
ซื้อสนิ คา้ ตราสนิ คา้ อน่ื เข้ามาแทนท่ี

ผลงานวจิ ัยท่เี กีย่ วขอ้ ง
ญาณศิ า พลอยชุม (2557) ศกึ ษาเรื่อง อทิ ธิพลของคณุ ภาพระบบตอ่ การใชง้ าน ความพงึ

พอใจ และประโยชน์สุทธิของผู้ใช้บริการทาธุรกรรมทางการเงนิ ผ่านอินเทอร์เนต็ ในกรุงเทพมหานคร
พบวา่ ผลจากการวจิ ัยมีข้อเสนอแนะให้ธนาคารพาณิชย์ควรมุ่งเนน้ คณุ ภาพระบบในมติ ิด้านความง่าย
ในการใชง้ าน มติ ิด้านความปลอดภัยในการใช้งาน มิติด้านความมีเสถียรภาพ มิติดา้ นความรวดเร็วใน
การตอบสนอง และมิติด้านความง่ายในการเข้าถึง เพ่อื ใหเ้ กดิ การใช้งานระบบ การทาธุรกรรมทางการ
เงินผา่ นอินเทอรเ์ น็ตทีม่ ากขึน้ อันจะก่อใหเ้ กิดความพงึ พอใจและสง่ ผลให้เกิดประโยชน์สุทธิทีผ่ ู้ใช้งาน
ไดร้ ับในทสี่ ดุ

นันท์ธิดา ทองดี (2561) ศึกษาเรื่อง อิทธิพลภาพลักษณ์องค์กร การยอมรับเทคโนโลยี
และการรบั รคู้ วามเสี่ยงทม่ี ีอิทธพิ ลตอ่ การตดั สนิ ใจเลอื กใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนกิ ส์ของผใู้ ชบ้ รกิ ารใน
เขตกรุงเทพมหานคร พบว่า มีการรับรู้ภาพลักษณ์องค์กร การรับรู้ประโยชน์ใช้สอย การรับรู้ความ
เส่ียงอยู่ในระดับดี มีการตัดสินใจเลือกใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในระดับดี โดยผู้บริโภคที่มี
รายได้ตอ่ เดือนแตกต่างกันมผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจเลือกใช้ ทรมู นั นี่ วอลเลท็ แตกตา่ งกนั และความเข้าใจ
ต่อกนั รับรภู้ าพลกั ษณ์องคก์ ร

วลั ย์ลิกา จาตปุ ระยรู (2559) ศกึ ษาเรื่อง ปัจจยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อความจงรกั ภักดีของลูกค้า
ผู้ใช้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า การรับรู้คุณภาพสินค้าและ
บริการ ความพึงพอใจ ภาพลักษณ์องค์กร มีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของ ลูกค้าผู้ใช้บริการ
อินเทอร์เน็ตบนมือถือในเขตกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ โดยผลดังกล่าวสามารถ
ตีความได้ว่า หากลูกค้ามีการรับรู้คุณภาพสินค้าและบริการ ภาพลักษณ์และมีความพึงพอใจเพิ่มขึ้น
ความจงรักภักดีของลูกคา้ ก็จะเพม่ิ ข้นึ ตามไปด้วย

ระเบียบวิธีการวจิ ัย
การศึกษาวิจัย เร่ืองอิทธิพลของคุณภาพระบบ ภาพลักษณ์ตราสินค้า ที่มีผลต่อความ

จงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโมบายแบงก์ก้ิง ของเจเนอเรชั่นX ในจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา โดยอาศัยเทคนคิ การวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถามใน
การเก็บข้อมูล กลุ่มตัวอย่างในการศึกษางานวิจัยน้ีผู้วิจัยได้ทาการเลือกโดยไม่อาศัยความน่าจะเป็น
(Non-Probability Sampling) โดยจะพจิ ารณาจากคนของเจเนอเรชั่น X ท่ีเคยใชบ้ รกิ ารธุรกรรมทาง
การเงินผ่าน Mobile Bankingใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดย
จะพิจารณาจากผู้ที่ใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโมบายแบงก์ก้ิง ของเจเนอเรช่ันX ในจังหวัด
พระนครศรอี ยธุ ยา ทีต่ ้องการจะเกบ็ ขอ้ มูล

ผลการวจิ ัย
ผลการศกึ ษาพบว่า ผูต้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่เปน็ เพศหญิง จานวน 259 คน อายุ 42 –

45 ปี จานวน 124 คน สถานภาพสมรส จานวน 207 คน อาชพี พนกั งานบริษัทเอกชน/ลกู จา้ ง จานวน

498

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

143 คน ระดับการศกึ ษาที่สาเรจ็ ปริญญาตรี จานวน 167 คน รายได้เฉลย่ี ตอ่ เดอื น 30,001 – 45,000
บาท จานวน 145 คน

สมมตฐิ านที่ 1. อทิ ธิพลของคุณภาพระบบ ประกอบดว้ ย ดา้ นความง่ายในการใช้งาน ด้าน
ความปลอดภัยในการใช้งาน ด้านความมีเสถียรภาพ ด้านความรวดเร็วในการตอบสนอง และด้าน

ความสะดวกในการเข้าถึง มีผลต่อความจงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile
Banking ของเจเนอเรชั่น X ในจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา มีผลวเิ คราะหด์ ังนี้

ตารางท่ี 1 ตารางผลการวิเคราะห์ความถดถอย ปัจจัยของคุณภาพระบบ ท่ีมีผลต่อความจงรักภักดี

การใชบ้ รกิ ารธุรกรรมทางการเงนิ ผา่ นโมบายแบงกก์ ิง้ ของเจเนอเรช่ันX ในจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา

ตัวแปรคณุ ภาพระบบ B S.E. Beta t-test Sig.

ด้านความง่ายในการใชง้ าน -0.015 0.035 -0.016 -0.421 0.674

ด้านความปลอดภยั ในการใชง้ าน 0.078 0.038 0.079 2.041 0.042

ดา้ นความมเี สถียรภาพ -0.022 0.033 -0.026 -0.685 0.494

ดา้ นความรวดเรว็ ในการตอบสนอง 0.133 0.033 0.148 3.960 0.000

ดา้ นความสะดวกในการเข้าถึง 0.579 0.034 0.649 16.943 0.000

R² = 0.519 Adjusted R² = 0.512, F = 84.884 *p< 0.05

จากตารางท่ี 1 แสดงให้เห็นว่า ปัจจัยของคุณภาพระบบทมี่ ีผลตอ่ ความจงรกั ภกั ดกี ารใช้
บริการธรุ กรรมทางการเงนิ ผา่ นโมบายแบงก์กิง้ ของเจเนอเรชั่น X ในจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ไดแ้ ก่
ด้านความปลอดภัยในการใช้งาน ด้านความรวดเร็วในการตอบสนอง และด้านความสะดวกในการ
เข้าถึง โดยมีค่าสมั ประสิทธถ์ิ ดถอยเท่ากบั 0.079, 0.148 และ 0.649 ตามลาดับ โดยมคี า่ สัมประสิทธ์ิ
ในการทานาย (R2) เท่ากับ 0.519 สามารถทานายความจงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรมทางการเงนิ
ผ่านโมบายแบงกก์ งิ้ ของเจเนอเรชนั่ X ในจังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ได้รอ้ ยละ 51.9

สมมตฐิ านที่2. อิทธิพลของภาพลักษณ์ตราสนิ ค้า ประกอบด้วย ดา้ นเทคโนโลยี ดา้ นความ
ปลอดภยั ด้านส่งิ อานวยความสะดวก ดา้ นการส่ือสารกับลกู ค้า มีผลตอ่ ความจงรักภกั ดีการใช้บริการ
ธุรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile Banking ของเจเนอเรช่ัน X ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีผล
วิเคราะห์ดงั น้ี

ตารางท่ี 2 ตารางผลการวิเคราะห์ความถดถอย ปัจจัยของภาพลักษณ์ตราสินค้า ท่ีมีผลต่อความ

จงรักภักดีการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ของเจเนอเรชั่นX ในจังหวัด

พระนครศรีอยธุ ยา

ตวั แปรภาพลักษณต์ ราสนิ ค้า B S.E. Beta t-test Sig.

ด้านเทคโนโลยี 0.214 0.034 0.248 6.377 0.000

ดา้ นความปลอดภยั 0.114 0.045 0.117 2.554 0.011

ดา้ นสิง่ อานวยความสะดวก 0.263 0.034 0.324 7.714 0.000

ด้านการสือ่ สารกบั ลกู คา้ 0.258 0.047 0.265 5.488 0.000

R² = 0.544 Adjusted R² = 0.539, F = 117.655 *p< 0.05

499

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

จากตารางท่ี 2 แสดงให้เห็นว่า ปัจจัยของภาพลักษณ์สินค้ามีผลต่อความจงรักภักดีการใช้
บริการธรุ กรรมทางการเงินผา่ นโมบายแบงกก์ ง้ิ ของเจเนอเรชัน่ X ในจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่
ด้านเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัย ด้านส่ิงอานวยความสะดวก และด้านการสื่อสารกับลูกค้า โดยมี
ค่าสัมประสิทธ์ิถดถอยเท่ากับ 0.248, 0.117, 0.324 และ 0.265 ตามลาดับ โดยมีค่าสัมประสิทธ์ิใน
การทานาย (R2) เท่ากบั 0.544 สามารถทานายความจงรักภักดีการใช้บริการธรุ กรรมทางการเงินผ่าน
โมบายแบงก์ก้งิ ของเจเนอเรชัน่ X ในจังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ไดร้ ้อยละ 54.4

อภปิ รายผลการวิจัย
ปัจจยั ของคณุ ภาพระบบที่มีผลต่อความจงรักภักดกี ารใช้บริการธรุ กรรมทางการเงนิ ผ่านโม

บายแบงกก์ ้งิ ของเจเนอเรชนั่ X ในจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ ดา้ นความปลอดภยั ในการใช้งาน
ด้านความรวดเร็วในการตอบสนอง และด้านความสะดวกในการเข้าถึง โดยผลวิจัยเป็นไปตามทฤษฎี
ของ (Delone & McLean, 1992) ซง่ึ พบว่า หากระบบการทาธรุ กรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต มี
การแสดงออกถึงความสุจริตโดยเป็นการรักษาระบบการทาธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต
สามารถใชง้ านได้อยา่ งไรค้ วามกงั วลใจ หากระบบการทาธรุ กรรมทางการเงินผา่ นอินเทอร์เนต็ สามารถ
ทาได้ในระยะเวลาท่ีเหมาะสม และยอมรับได้ อย่างหลากหลาย เช่น โอนเงิน ดูยอดเงินคงเหลือ เป็น
ต้น และหากระบบการทาธรุ กรรมทางการเงนิ ผ่านอนิ เทอร์เนต็ มีการความรวดเร็วในการตอบสนองที่
ทาให้มกี ารใชง้ านเพิม่ อย่างย่ิง และหากระบบการทาธรุ กรรมทางการเงินผ่านอินเทอรเ์ น็ตสามารถทา
ได้ในระยะเวลาท่ีเหมาะสม และยอมรับได้ จากระบบการทาธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต
และหากระบบการทาธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตมีการแสดงผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว
ทันท่วงที ผู้ใช้งานเกิดความพึงพอใจต่อระบบการทาธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต เข้าถึง
บริการการใช้ธุรกรรมต่างๆ โดยง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อนหลายข้ันตอน สามารถทาได้เองในขณะอยู่
คนเดียว และเขา้ ถงึ การใช้งานธุรกรรมทางการเงนิ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ

ปัจจัยของภาพลักษณ์สินค้ามีผลต่อความจงรักภักดีการใช้บรกิ ารธุรกรรมทางการเงนิ ผ่าน
โมบายแบงก์กิ้ง ของเจเนอเรช่ัน X ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ ด้านเทคโนโลยี ด้านความ
ปลอดภัย ด้านส่ิงอานวยความสะดวก และด้านการสื่อสารกับลูกค้า สอดคล้องตามแนวคิด Moore,
Roksana, Halpin, & Ruth (2009) ซึ่งพบว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีที่มีการตัดสินใจเลือกใช้ธุรกรรม
ทางการเงินเนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จึงทาให้ผู้ใช้ธุรกรรมนั้นต้อง
เรียนรู้ฟีเจอร์การทาธรุ กรรมของแต่ละธนาคารท่ีแตกต่างกันออกไป นั้นจึงทาให้ผู้ทาธุรกรรมทางการ
เงนิ มคี วามจงรกั ภักดตี ่อธนาคารท่ีพงึ พอใจท่ีสุดที่จะเลือกทาธุรกรรมทางการเงนิ เพียงธนาคารที่สนใจ
เพราะจะได้ไม่สับสน มีความง่ายต่อการใช้งานและเรียนรู้ได้ไว สอดคล้องกับงานวิจัยของกฤตโสภา
ทิพย์ปัญญาวงศ์ (2559) ซึ่งพบว่า มีความปลอดภัยท่ีจะใช้งานมากข้ึน ผู้ใช้บริการจึงตัดสินใจที่จะ
เลือกใช้เพราะหมดความกังวลด้านความปลอดภัย ทาให้รู้สึกว่าข้อมูลส่วนตัวที่ใส่ไปจะมีความ
ปลอดภัยมากข้ึน ก็จะทาให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อการใช้บริการของแต่ละธนาคาร ทาให้เกิดความ

500

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

จงรักภกั ดีต่อธนาคารนน้ั เพิ่มมากยงิ่ ขึน้ สอดคล้องกับงานวจิ ยั ของพจน์ ใจชาญสขุ กิจ (2558) ซง่ึ พบวา่
ส่งิ ที่ช่วยในการตอบสนองความตอ้ งการของชีวิตไม่ว่าจะเปน็ เรอื่ งของความเป็นอยู่ การกนิ และความ
สะดวกต่าง ๆ ในการเดินทาง รวมถึงความสะดวกสบายในด้านการใช้จ่าย เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ได้รับ
ความสะดวกสบายและมีความสุข ทาให้ผู้ใช้มองว่าภาพลักษณ์ของแต่ละธนาคารท่ีเลือกใช้มีการ
บริการที่แตกต่างกันออกไป และพบว่า การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าโดยช่องทางพนื้ ฐาน
ต่างๆ และให้คานึงไว้เสมอว่าการนาเสนอข้อความนนั้ มาพจิ ารณาให้เหมาะกบั การที่ลูกค้ามคี วามชืน่
ชอบอะไรบ้าง อะไรท่ีลูกค้าอยากได้แบบจริงๆ และยังต้องมีการสร้างคุณค่าที่ดีอย่างย่ิงตามโจทย์ที่
ลกู ค้าตอ้ งการ
ข้อเสนอแนะเพ่อื การวิจัย

ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวจิ ยั ไปใช้
1.ควรพัฒนาให้ระบบมีความทันสมัยอยู่เสมอ รวมถึงระบบยังมีการตอบสนองที่ดี

สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัยต่อผู้ทาธุรกรรมของแต่ละธนาคาร ทาให้มีผู้ทาธุรกรรมเพ่ิมอย่างมากและ
เติบโตข้ึน ก็จะทาให้เกิดความจงรักภักดีต่อธนาคารท่ีทาธุรกรรม และแนะนาให้บุคคลอ่ืนใช้บริการ
ตามมาในภายหลัง

2. การใหบ้ รกิ ารของพนักงานควรมีนโยบายปรับปรงุ โดยจดั ให้มกี ารอบรมพนักงาน
ส่วนของธนาคารใหม้ ากข้ึน เพอื่ ทจ่ี ะให้พนกั งาน มีความรู้ในการอธิบายรายละเอียดของธรุ กรรมแต่ละ
ประเภทได้เป็นอย่างดี และในการตอบคาถามของลูกค้าท่ีมาติดต่อสอบถาม จะทาให้การสร้าง
ภาพลักษณ์ที่ดีหรือการทาธุรกรรมท่ีแตกต่างออกไปของแต่ละธนาคารทาให้เกิดความสนใจ ชื่นชม
และโดดเด่นในสายตาของผู้ทาธุรกรรมเปน็ จานวนมากจึงเปน็ จดุ ดึงดูดลกู ค้า นาไปสู่การจดจาของตรา
สินคา้ สิง่ เหลา่ นจี้ ะทาให้มีคณุ ค่าในสายตาของผทู้ าธรุ กรรมอกี ตอ่ ไป

ข้อเสนอแนะสาหรบั งานวจิ ยั ในอนาคต
1. ควรมีการศึกษาด้านความง่ายในการใช้งานและด้านความมีเสถียรภาพให้มากย่ิงข้ึน

เพิม่ ใหเ้ ป็นช่องทางที่จะรับรู้ว่าผู้ใช้บรกิ ารมีลักษณะการใช้งานผ่านโมบายแบงกก์ ้ิงในรูปแบบใด ยังไม่
สามารถเข้าใจตรงไหนในเร่ืองของคุณภาพระบบ เพอ่ื ทีจ่ ะไดศ้ กึ ษาจัดทาขอ้ มลู ไปปรับใชใ้ หม้ ปี ระโยชน์
ตอ่ ไป

2. การศึกษาครั้งต่อไปจะทาการศึกษาถึงปัจจัยของตัวแปรอิสระอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์
หรอื มีอิทธพิ ลต่อการเปลี่ยนแปลง อาทิ ความพงึ พอใจในการใช้บรกิ าร เพ่อื เป็นการกระตุ้นการพัฒนา
พนักงานท่ีให้บรกิ ารแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ สามารถให้บริการได้ตรงตามความต้องการตั้งแต่คร้ัง
แรกของการมาใช้บริการ และยังตอบคาถามข้อสงสัย อธิบาย เสนอแนะหรือให้ความรู้ใหม่ๆในเรื่อง
ต่างๆได้มากย่ิงข้ึน หรือระบุเครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยให้ชัดเจนว่าเป็นในรูปแบบไหน อาทิ Focus
Group , Interview , Workshop เพ่ือให้ทราบถึงความแตกต่าง และทาให้เกิดความเข้าใจใน
รายละเอยี ดทีช่ ดั เจนลงไปในแต่ละฟเี จอร์ทีธ่ นาคารเปิดใช้บริการให้สอดคล้องตามประเดน็ ที่ศกึ ษาทา
การวิจัย ยังนาข้อมูลมาเปรียบเทียบเป็นแนวทาง และยังสามารถนามาใช้ในการวิเคราะห์กาหนดกล

501

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ยุทธ์ต่างๆที่มีประโยชน์ต่อการทาธุรกรรมมากยิ่งขึ้น และนามาเป็นแนวทางในการปรับปรุงธุรกรรม
ทางการเงนิ บนมอื ถือให้ดยี ่ิงขึ้น ช่วยให้ได้มีฐานลูกค้าใหมเ่ พม่ิ มากยิ่งข้ึน ทั้งยังเป็นแนวทางเพอ่ื ทราบ
พฤตกิ รรมการรับรู้ของผใู้ ช้บรกิ ารในอนาคตต่อไป

เอกสารอา้ งอิง
กฤตโสภา ทิพยป์ ัญญาวงศ์. (2559). การศึกษาปัญหาและแรงจูงใจในการใชง้ านเงินอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์

(e-Money) ผ่านโทรศัพทม์ อื ถือในประเทศไทย. (การค้นควา้ อิสระปริญญามหาบัณฑิต,
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์).
ญาณศิ า พลอยชมุ . (2557). อทิ ธพิ ลของคุณภาพระบบต่อการใช้งาน ความพงึ พอใจและประโยชน์
สทุ ธขิ องผูใ้ ชบ้ ริการทาธรุ กรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เนต็ ในกรุงเทพมหานคร. (การ
ค้นคว้าอสิ ระปริญญามหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ).
ณฐั ธดิ า โพธปิ์ ระเสริฐ. (2556). ปัจจัยทส่ี ง่ ผลตอ่ ความจงรักภักดขี องผบู้ ริโภคท่ีซื้อสตก๊ิ เกอร์ไลนใ์ น
เขตกรงุ เทพมหานคร: บทบาทของเอกลักษณ์และคณุ คา่ ตราสินคา้ . (การคน้ ควา้ อสิ ระ
ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวทิ ยาลัยกรุงเทพ).
นันทธ์ ดิ า ทองดี. (2561). อิทธพิ ลภาพลักษณอ์ งค์กร การยอมรับเทคโนโลยแี ละการรับรู้ความเสี่ยง
ทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอ่ การตัดสินใจเลือกใช้กระเป๋าเงนิ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ของผใู้ ช้บริการในเขต
กรุงเทพมหานคร. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล
ธัญบรุ ี).
พจน์ ใจชาญสุขกจิ . (2558). ปนั้ แบรนดฮ์ ิต ให้ตดิ ตลาด. วารสารวิชาการสานักงานวทิ ยทรพั ยากร.
มะลิวัลย์ แสงสวัสด์ิ. (2556). ปัจจัยความเชื่อมนั่ และความภกั ดี ท่ีมอี ิทธิพลต่อการตดั สินใจใช้
บริการห้างสรรพสนิ ค้า กรณีศกึ ษาหา้ งสรรพสนิ ค้าชั้นนาในกรุงเทพมหานคร. (การ
ค้นควา้ อิสระปรญิ ญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ).
วรนิ ทรย์ ุพา พมิ พ์สะอาด. (2558). อิทธพิ ลของการรับรู้ภาพลักษณ์องคก์ รทีส่ ง่ ผลตอ่ ความจงรักภักดี
ต่อการใช้บริการผ่านการรับรู้คุณภาพการให้บริการสวนน้าจูราสสิค จังหวัดนครปฐม.
(การค้นคว้าอสิ ระปรญิ ญามหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลัยศิลปากร).
วลั ย์ลกิ า จาตปุ ระยูร. (2559). ปัจจยั ทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ ความจงรักภักดขี องลูกคา้ ผ้ใู ช้บรกิ าร
อินเทอร์เนต็ บนมอื ถือในเขตกรงุ เทพมหานคร. (การคน้ ควา้ อิสระปริญญามหาบณั ฑิต,
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์).
Delone, W. H., & McLean, E. R. (1992). Information systems success: The quest for the
dependent variable. Information Systems, 3(1), 60–95.
Delone, W. H., & McLean, E. R. (2003). The DeLone and McLean model of information
systems success: A ten-year update. Information System, 19(4), 9–30.

502

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

Gitto, J., Bosch–Mauchand, M., Durupt, A. P., & Cherfi, Z. (2016). A methodology for
complex system quality model construction–first level. Retrieved from
https://www.researchgate.net/publication/306068908_A_Methodology_
for_Complex_System_Quality_Model_Construction_-_First_level.

Moore, Roksana, Halpin, & Ruth. (2009). Developments in electronic money regulation
– the electronic money directive: A better deal far e-Money issuers?.
Computer Law & Security Review, 25(6), 563-568.

503

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีตอ่ สภาพคลอ่ งทางการเงิน
ของบริษัททีจ่ ดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยแ์ ห่งประเทศไทย
กลุม่ อุตสาหกรรมอสงั หาริมทรพั ย์และการก่อสรา้ ง

ชตุ ิมา เรืองมโนรักษ์1
นกั ศึกษาปรญิ ญาโทหลักสตู รบญั ชมี หาบัณฑติ คณะบญั ชี

มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม

ฐิตาภรณ์ สินจรญู ศักด์ิ
อาจารยป์ ระจาสาขาวิชาบัญชี คณะบัญชี

มหาวิทยาลัยศรปี ทุม

บทคัดยอ่
งานวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษาผลกระทบของการกากับดูแลกิจการที่มีต่อสภาพ
คล่องทางการเงินของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรม
อสงั หารมิ ทรัพยแ์ ละการก่อสรา้ ง ระหวา่ งปี พ.ศ. 2561 – 2563 จานวน 270 บรษิ ทั ตามวิธีคัดเลือก
แบบเฉพาะเจาะจง โดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเพ่ือทดสอบสมมติฐาน ผลการวิจัย พบว่า
ผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ประกอบด้วย การ
กากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของคณะกรรมการบริษัท และ สัดส่วนการถือครองหุ้นของ
คณะกรรมการบริษัทมีผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงนิ ด้านอัตราเงินทุนหมุนเวียน, การกากับ
ดแู ลกิจการด้าน สดั ส่วนของกรรมการอสิ ระ มีผลต่อ สภาพคลอ่ งทางการเงิน ด้านอัตราการหมุนเวยี น
ของลกู หน,้ี การกากบั ดูแลกจิ การ ด้าน การควบรวมตาแหนง่ ประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการ
ในคนเดยี วกนั มผี ลต่อ สภาพคลอ่ งทางการเงนิ ดา้ นระยะเวลาในการจาหน่ายสนิ ค้า อัตราสว่ นเงนิ สด
และระยะเวลาในการชาระหน้ีเฉลีย่ อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถติ ิ

คาสาคญั : การกากับดแู ลกจิ การ อตั ราส่วนทางการเงนิ อัตราส่วนสภาพคล่อง

1 นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลกั สูตรบัญชีมหาบณั ฑติ คณะบญั ชี มหาวทิ ยาลยั ศรปี ทมุ
ถ.พหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
หมายเลขติดตอ่ : 091-178-8832 อีเมล: [email protected]

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

IMPACT OF CORPORATE GOVERNANCE ON FINANCIAL LIQUIDIY
OF COMPANIES LISTED IN THE STOCK EXCHANGE OF THAILAND

REAL ESTATE AND CONSTRUCTION INDUSTRY GROUP

Chutima Ruangmanoruk1
Graduate Student, Master of Accounting, Faculty of Accounting

Sripatum University

Titaporn Sincharoonsak
Lecturer at Department of Accounting, Faculty of Accounting

Sripatum University

Abstract
This research has objectives to study the impact of corporate governance on
the financial liquidity of companies listed in the Stock Exchange of Thailand. Real
estate and construction industry group between 2018 - 2020, a total of 270 companies
according to the specific selection method. Multiple regression analysis was used to
test the hypothesis. The research results of the study revealed that the impact of
corporate governance on the financial liquidity of listed companies in the Stock
Exchange of Thailand. The real estate and construction industry consists of corporate
governance, the size of the board of directors and the proportion of the board of
directors' shareholding affects financial liquidity. Working capital rate, corporate
governance the proportion of independent directors affects financial liquidity. Debtor
turnover ratio, corporate governance, merging the position of Chairman of the Board
and Managing Director in the same person affects financial liquidity. The period of
product distribution cash ratio and the average repayment period Statistically
significant

Keywords: Corporate Governance, Financial Ratios, Liquidity Ratios

1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Accounting, Faculty of Accounting, Sripatum
University. Contact Number: +6691-178-8832 Email: [email protected]

505

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

บทนา
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่เก่ียวข้องกับการจาหน่าย การเปลี่ยนแปลง กรรมสิทธิ์

หรือการให้เช่าท่ีดินเปล่าและอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ อาทิ อสังหาริมทรัพย์เพ่ือที่อยู่อาศัย
ประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ ท่ีดินจัดสรร อาคารสานักงาน
รวมทั้งโครงการรับเหมาก่อสร้างประเภทต่าง ได้แก่ งานก่อสร้างที่อยู่อาศัย งานก่อสร้างด้าน
อุตสาหกรรม งานก่อสร้างด้านการค้าและการพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวก (ณภวรรณ เชิดชูวุฒิกุล,
2546)

เมอ่ื พจิ ารณากลมุ่ อตุ สาหกรรมอสังหาริมทรพั ย์และการกอ่ สร้างในชว่ งกอ่ นปี พ.ศ. 2563 ท่ี
ผา่ นมาน้ันมีอัตราการเติบโตสูง เนือ่ งจาก นโยบายการกระตนุ้ เศรษฐกิจของรัฐบาลส่งผลให้กลุ่มธุรกิจ
นม้ี ีการลงทุนสงู ท้ังด้านการกอ่ สร้างและการลงทุนจัดสรรท่ีดนิ แต่ในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยเผชิญ
ภาวะทางเศรษฐกิจท่ีมีความผันผวน ในด้านภาวะค่าเงิน ราคาน้ามันดิบในตลาดโลก ภาวะเงินฝืด
ภาวะสงครามการกีดกันทางการค้าและประกอบกับการแข่งขันท่ีสูงข้ึนจึงส่งผลให้หลายๆกิจการใน
กลุ่มธุรกิจน้ีประสบปัญหาเร่ืองการดาเนนิ งานหรอื มผี ลประกอบการไม่ดีจนถึงเลิกกิจการ จากปัญหา
ตา่ งๆ ท่ีเกิดขน้ึ ส่งผลกระทบตอ่ ผูม้ สี ่วนไดเ้ สียทงั้ ภายในและภายนอก ไดแ้ ก่ พนักงาน ผ้บู รหิ าร ผู้ถอื หนุ้
เจ้าหนี้ ลูกหนี้ และกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศโดยรวม ทาให้บรษิ ัทในกลุ่มนีข้ าดสภาพคลอ่ ง
ทางการเงิน เม่ือไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนสินทรัพย์ของตนเองเป็นเงินสดที่มีสภาพคล่องทาง
การเงินมากท่ีสุดส่งผลให้ผู้บริหารของกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง เลิกกิจการ
อย่างต่อเน่อื ง (ศศนิ ภา กันตะนา, 2554)

ปัจจุบันผู้บริหารของกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างต้องการใหก้ ิจการ
ของตนมีสภาพคล่องทางการเงินเพื่อให้มีเสถียรภาพในการดาเนินงาน จึงใช้กลไกการกากับดูแล
กิจการเพื่อติดตาม ดูแล ควบคุมการบริหารงานให้มีผลกระทบทางลบต่อสภาพคล่องทางการเงินทมี่ ี
นยั สาคัญมากกับบรษิ ทั ในกลมุ่ อตุ สาหกรรมทเี่ ผชญิ วกิ ฤตทางด้านการเงิน (Jaag & TSUI, 2007)

จากเหตุผลข้างต้นผู้วิจัยจึงทาการศึกษาผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีต่อสภาพ
คล่องทางการเงินของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรม
อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง เพ่ือผลการศึกษาจะทาให้ทราบถึงสภาพคล่องทางการเงินในธุรกจิ
กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับกิจการ
เปรียบเทียบกับผลการดาเนินงานในอดีต ช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถประเมินผลการ
ดาเนินงานแนวโน้มและความเส่ียงได้ดียิ่งข้ึนและทาให้องค์กรมีความสามารถปรบั ตัวได้ภายใต้ปัจจยั
การเปลี่ยนแปลง สามารถแข่งขันได้และมีผลประกอบการท่ีดีโดยคานึงถึงผลกระทบในระยะยาว
ประกอบธุรกจิ อย่างมจี ริยธรรม เคารพสิทธิและมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียและสรา้ ง
ความเช่ือมน่ั ใหแ้ ก่ผ้ลู งทุน

วตั ถุประสงคใ์ นการวิจยั
เพื่อศึกษาผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทที่

จดทะเบียนในตลาดหลกั ทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่มุ อตุ สาหกรรมอสงั หารมิ ทรพั ย์และการกอ่ สร้าง

506

กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021
ตวั แปรต้น
ตัวแปรตาม

การกากับดูแลกจิ การ สภาพคลอ่ งทางการเงิน
1. ขนาดของคณะกรรมการบรษิ ัท 1. อัตราสว่ นเงนิ ทนุ หมุนเวียน (CUR)
2.//อตั ราสว่ นเงนิ ทุนหมนุ เวยี นเร็ว (QUR)
(SIZE) 3.//อตั ราการหมนุ เวยี นของลูกหน้ี (RET)
2. สดั ส่วนของกรรมการอสิ ระ 4. ระยะเวลาในการเก็บหนเี้ ฉลยี่ (COP)
5. อตั ราการหมุนเวียนของสนิ คา้ คงเหลอื
(BOIND)
3. สัดสว่ นการถือครองหุน้ ของ (INT)
6. ระยะเวลาในการจาหน่ายสินค้า
คณะกรรมการบรษิ ทั
(STOCKH) (SALEP)
4. การควบรวมตาแหนง่ ประธาน 7. อตั ราส่วนเงินสด (CashR)
กรรมการกับกรรมการผจู้ ัดการ 8. อตั ราการหมุนเวยี นของเจ้าหนกี้ ารคา้
ในคนเดียวกัน
(MERGE) (CPAY)
9. ระยะเวลาในการชาระหน้ีเฉล่ีย
ภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั
(DPAY)

การทบทวนวรรณกรรม
จากการทบทวนวรรณกรรมทางผูว้ จิ ัยไดศ้ กึ ษาแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง ดังน้ี
ทฤษฎีตัวแทน คือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย คือ ตัวการ (Principal) ซึ่งเป็นผู้

มอบอานาจให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง คือ ตัวแทน (Agency) ซ่ึงเป็นผู้รับมอบอานาจในการบริหารงานแทน
โดยตัวแทน จะได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้น มีบทบาทหน้าท่ีในการบริหารงาน
เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการ หากตัวแทนบริหารงานได้ดี เต็มความสามารถอย่างเต็มที่ ไม่
คานึงถึงผลประโยชน์ท่ีควรเป็นของผู้ถือหุ้นมาเอาประโยชน์เข้าตนเองหรือพวกพ้องจะก่อให้เกิด
มูลค่าเพิ่มสูงสุดให้เกิดข้ึนกับกิจการและถ้าหากบริหารไม่เต็มความสามารถเอาผลประโยชน์ของ
กิจการมาเปน็ ของตนหรอื พวกพอ้ งจะนาไปสูป่ ญั หาความขดั แย้งผลประโยชน์มากที่สดุ ได้แก่ ปญั หาท่ี
เกดิ จากความขัดแย้งระหวา่ งผทู้ ี่เปน็ ตัวการและตวั แทนทเ่ี กดิ ขึน้ ในภาคเอกชน (Managerial Agency)
คอื การรับร้ขู ้อมลู ขา่ วสารท่ไี มเ่ ท่าเทยี มกนั ของผทู้ ี่เปน็ ตวั การและตวั แทนโดยท่ีผู้จัดการจะบรหิ ารงาน
เพือ่ ผลประโยชน์ของตนเองมากวา่ โดยไมค่ านงึ ถงึ ผ้ถู ือหนุ้ (John & Senbet, 1998, p.82-99)

จากปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทท่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ ง
ประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ทาให้เกิด หลักการ การกากับดูแล

507

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

กิจการ เป็นกลไกในการติดตาม ดูแล กระบวนการทางานของผู้บริหารเพือ่ ให้ได้ผลประโยชนแ์ ก่ผู้ถือ
หุ้นหรือตัวการมากที่สุดผ่านปัจจัยชี้วัด คือ ขนาดของคณะกรรมการบริษัท โดยพิจารณาถึง
ความสามารถ วิสัยทัศน์ ประสบการณ์ในการทางานและความเห็นชอบของผู้ถือหุ้นของกิจการ
(สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, 2560, น.10-19) ซึ่งสอดคล้องกับ
งานวิจัยเรื่อง ผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีผลต่อการดาเนินงานท่ีจดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์ประเทศอินโดนีเซีย พบว่า ขนาดของคณะกรรมการบริษทั มีผลกระทบเชิงบวกต่อผลการ
ดาเนินงานและในขณะท่ีขนาดของคณะกรรมการตรวจสอบหรือคณะกรรมการอิสระไม่มีผลต่อ
ประสิทธภิ าพทางการเงิน (Herdjiono & Sari, 2017, p. 33-52) อกี ทัง้ การกากับดแู ลกิจการของกลุ่ม
อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างดา้ นขนาดของคณะกรรมการบรษิ ัทและสัดส่วนการถอื
ครองหุ้นของผู้บริหารและกรรมการมีผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) และอัตรา
ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) (จินตนา ไกรทอง, 2561, น.61 – 62) ในด้านสัดส่วนของ
คณะกรรมการอิสระมีผลต่อผลการดาเนินงานจากการที่เป็นผู้ติดตาม ดูแลการบริหารงานของ
กรรมการบริษัทในการให้คาแนะนาด้านการลงทุนและทาให้กิจการมีสภาพคล่องท่ีมีประสิทธิภาพ
เพยี งพอตอ่ การรกั ษาภาพลกั ษณ์ (ภูษณิศา สง่ เจริญ, 2561, น. 162 – 172) ทั้งนกี้ ารถือครองหนุ้ ของ
คณะกรรมการบริหารมีผลให้มลู ค่าของกจิ การเพิ่มข้ึนในด้านผลการดาเนนิ งานที่วัดด้วย Tobin’s ไม่
ส่งผลกระทบต่อผลการดาเนินงานของบริษัทผ่านการถือหุ้นจากผู้บริหารหรือกรรมการ (Amina,
Allam & Qasim , 2017, p. 78 -98) ปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง มี
การดาเนินงานคล่องตัวข้ึนจากการควบรวมตาแหน่งประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการในคน
เดียวกัน เพ่ือให้มีบทบาทในการตัดสินใจการบริหารงานของบริษัทได้ครบถ้วน ส่งผลให้เป็นการ
ดาเนินงานแบบรวมอานาจภายในบุคคลคนเดียวจึงเกิดหลักการกากับดูแลกิจการโดยคณะกรรมการ
อิสระ โดยการกาหนดหน้าท่ี อานาจของประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ อย่างชัดเจนเพอื่
ป้องกันระดับอานาจที่ทาให้ผู้มีส่วนได้เสียขัดแย้งทางผลประโยชน์ เนื่องจาก การควบตาแหน่ง
ผบู้ ริหารสงู สดุ และประธานกรรมการมีผลกระทบตอ่ ผลการดาเนนิ งานของบริษัท (เอกภาพ เอกวกิ รยั ,
2561, น. 44 -46) ซ่ึงขนาดของคณะกรรมการที่มีขนาดใหญ่จะกาหนดสัดส่วนหลักทรัพย์ท่ีสามารถ
เปลี่ยนเพื่อนามาใช้ได้เร็วยามเกิดวิกฤตการณ์อยู่ในระดับต่าส่งผลให้การบริหารงานไม่ต่อเน่ือง
เช่นเดียวกับการควบตาแหน่งประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกันอาจสะท้อนถงึ
ความขัดแย้งหรือการวางงบประมาณที่ไม่เหมาะสม (นคร วีรรัฒน์, พัทธนันท์ เพชรเชิดชู, 2559, น.
110 - 120)

การวิเคราะห์สภาพคล่องทางการเงนิ คือ การพิจารณาถึงความสามารถของสินทรัพยท์ าง
การเงินในการเปล่ียนเป็นเงินสดได้โดยไม่สูญเสียมูลค่ามาก วัดค่าทางการเงินด้วย อัตราส่วนด้าน
เงินทุนหมุนเวียน วดั ค่าด้วย รายการสนิ ทรัพยห์ มนุ เวียน เทียบกับ หนสี้ ินหมุนเวียน อัตราส่วนเงนิ ทุน
หมุนเวยี นเร็ว วดั ค่าด้วย รายการสนิ ทรพั ย์หมุนเวยี น หกั ด้วยสนิ คา้ คงเหลือ เทียบกบั หนสี้ นิ หมนุ เวยี น
จากการที่กิจการต้องประเมินการเส่อื มสภาพในแตล่ ะปหี ากไม่สามารถจาหน่ายไดห้ มดในแต่ละงวดจึง
เป็นที่มาของอัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ วัดค่าด้วย ต้นทุนขาย เทียบกับปริมาณสินค้า
คงเหลือเฉล่ีย อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้ วัดค่าด้วย ขายสุทธิ เทียบกับ ปริมาณลูกหนี้เฉล่ีย
ระยะเวลาในการเก็บหนี้เฉลี่ย วัดคา่ ดว้ ย จานวนวนั ในหนง่ึ ปี เทยี บกบั อตั ราการหมนุ เวียนของลูกหน้ี

508

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ระยะเวลาในการจาหน่ายสินค้า วัดค่าด้วย จานวนวันในหนึ่งปี เทียบกับ อัตราการหมุนเวียนของ
สินคา้ คงเหลือ อตั ราส่วนเงนิ สด วัดคา่ ดว้ ย (เงนิ สด บวก หลักทรพั ย์ในความต้องการของตลาด เทยี บ
กับ หน้ีสินหมุนเวียน เมื่อหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด คือ อัตราส่วนสภาพคล่อง เทียบกับ
หนีส้ ินหมุนเวียน) อตั ราการหมนุ เวยี นของเจ้าหนี้การคา้ วดั คา่ ดว้ ย ต้นทุนขาย เทียบกบั เจา้ หน้ีการคา้
เฉลี่ย และ ระยะเวลาในการชาระหน้ีเฉลี่ย วัดค่าด้วย จานวนวันในหนึ่งปี เทียบกับ อัตราการ
หมุนเวียนของเจ้าหนี้การค้า (สรียา วจิ ิตรเสถยี ร, 2558, น. 160 – 174) ตามสภาพคล่องทางการเงิน
ทาให้มีหน่วยงานวัดความเพียงพอในเงนิ สดของสหกรณ์ที่เปล่ียนสินค้าท่ีมีเป็นเงนิ สดได้เร็วเทียบกับ
ภาระในการชาระคืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียข้ึนอยู่กับอัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ อายุเฉล่ียของ
สินค้า ท่ีผู้บริหารหรือผู้นาสหกรณ์มีความสามารถในการจัดการสินค้าเพื่อให้ได้สินทรพั ย์ที่มีคล่องตวั
สูงท่ีสุด ท้ังน้ีสหกรณ์มีการกาหนดนโยบายขายสินค้าเป็นเงินเชื่อเพ่ือให้เกิดการหมุนเวียนของสินค้า
เร็วท่ีสุดผ่านการกาหนดนโยบายการบริหารลูกหนี้ให้มีระยะเวลาในการเก็บหน้ีเฉล่ียได้ทันหรือก่อน
ครบกาหนดเพอ่ื เพมิ่ สภาพคล่องทางการเงนิ และมีความสามารถในการชาระหน้คี ืนแก่เจ้าหน้รี ะยะสั้น
ได้ทันเวลา (กติ ตชิ ัย งามวัฒนากลุ , 2559)

ระเบยี บวิธีการวจิ ัย
งานวิจยั เรอ่ื งผลกระทบของการกากับดูแลกิจการที่มีต่อสภาพคล่องทางการเงนิ ของบริษัท

ท่จี ดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่มุ อตุ สาหกรรมอสังหารมิ ทรัพย์และการก่อสร้าง
มีวธิ กี ารดาเนนิ การวจิ ยั ดังน้ี

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง: บริษัทที่อยู่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างที่จด
ทะเบยี นในตลาดหลกั ทรัพย์แห่งประเทศไทย ตง้ั แต่ ปี พ.ศ. 2561 – 2563 ใชว้ ิธีการคัดเลอื กตัวอย่าง
แบบเฉพาะเจาะจง จานวน 270 บริษัท โดยเก็บข้อมูลจากรายงานประจาปี (แบบ 56-1) และข้อมูล
จากงบการเงิน ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรม
อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ประกอบด้วยตัวแปรอิสระ คือ การกากับดูแลกิจการ ด้าน ตัวแปร
ตาม คือ สภาพคล่องทางการเงนิ โดยใช้ Multiple regression ในการทดสอบสมมติฐาน

ผลการวจิ ัย
การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ในสว่ นน้ีใช้การวิเคราะห์ความถดถอยเชงิ พหคุ ูณเพอ่ื ทดสอบสมมติฐาน

ของการวจิ ยั ท่ตี ้ังไว้
จากการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของตัวแปรอสิ ระ พบว่า ไม่มีความสัมพันธ์กนั

สงู คอื ค่าสัมประสทิ ธสิ์ หสัมพันธ์อยู่ในช่วงระหว่าง – 0.247 ถึง – 0.674 ซ่งึ มีคา่ นอ้ ยกวา่ 0.80 จึงไม่
เกิดปัญหา Multicollinearity จงึ ทาการวิเคราะหต์ ัวแปรอิสระ คอื การกากับดแู ลกจิ การ และตัวแปร
ตาม คือ สภาพคล่องทางการเงนิ โดยใช้ Multiple regression ดังตารางที่ 1 - 9

509

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ตารางที่ 1 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการที่มีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

อัตราเงนิ ทุนหมนุ เวียน

Variable Coefficients T Sig. Coefficients
B SE Beta Tolerance VIF

(Constant) 3.364 1.129 2.979 .003

SIZE -.204 .076 -.164 -2.678 .008 .921 1.086

BOIND 1.487 1.491 .061 .997 .320 .936 1.068

STOCKH .026 .008 .204 3.469 .001** .993 1.007

MERGE -.778 .460 -.101 -1.692 .092 .976 1.024

R2 = 0.086 Adjusted R Square = 0.072 F-Value = 2.7979 Sig. F = 0.003

**ระดับนยั สาคญั ทางสถติ ิท่ี 0.05 n = 270

จากตารางที่ 1 สมมติฐานในการวิจัย คือ การกากับดูแลกิจการมีผลต่อสภาพคล่องทาง
การเงิน ด้านอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน พบว่า การกากับดูแลกจิ การ ด้าน ขนาดของคณะกรรมการ
บรษิ ทั และ สัดสว่ นการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท มผี ลกระทบตอ่ สภาพคล่องทางการเงิน
ดา้ นอัตราเงนิ ทุนหมนุ เวียน ทั้งน้ี สดั ส่วนของกรรมการอสิ ระ และ การควบรวมตาแหนง่ ประธานกรรม
การกับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกันไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินด้านอัตราเงินทุน
หมุนเวียนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรม
อสงั หารมิ ทรัพยแ์ ละการก่อสรา้ ง

ตารางท่ี 2 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

อตั ราเงนิ ทนุ หมุนเวียนเรว็

Variable Coefficients T Sig. Coefficients
B SE Beta Tolerance VIF

(Constant) 1.938 .820 2.363 .019

SIZE -.107 .055 -.122 -1.940 .053 .921 1.086

BOIND .310 1.083 .018 .286 .775 .936 1.068

STOCKH .009 .006 .099 1.635 .103 .993 1.007

MERGE -.563 .334 -.103 -1.684 .093 .976 1.024

R2 = 0.034 Adjusted R Square = 0.019 F-Value = 0.058 Sig. F = 2.363

**ระดับนัยสาคัญทางสถิตทิ ่ี 0.05 n = 270

จากตารางที่ 2 สมมติฐานในการวิจัย คือ การกากับดูแลกิจการมีผลต่อสภาพคล่องทาง
การเงิน ด้านอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว พบว่า การกากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของ

คณะกรรมการบริษัท สัดส่วนของกรรมการอิสระ สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท
และ การควบรวมตาแหน่งประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกันไม่มีผลกระทบต่อ

สภาพคลอ่ งทางการเงนิ ดา้ นอัตราเงนิ ทุนหมนุ เวียนเรว็ ของบรษิ ัทท่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรพั ย์แห่ง
ประเทศไทย กลมุ่ อตุ สาหกรรมอสงั หาริมทรัพย์และการก่อสร้าง

510

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ตารางที่ 3 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากบั ดแู ลกจิ การท่ีมตี ่อสภาพคลอ่ งทางการเงนิ ด้าน

อัตราการหมนุ เวยี นของลกู หนี้

Variable Coefficients T Sig. Coefficients
B SE Beta Tolerance VIF

(Constant) -1173.109 1809.022 -.648 .517

SIZE -65.488 122.030 -.034 -.537 .592 .921 1.086

BOIND 5805.058 2389.115 .152 2.430 .016** .936 1.068

STOCKH -14.435 12.193 -.72 -1.184 .238 .993 1.007

MERGE -114.736 736.649 -.010 -.156 .876 .976 1.024

R2 = 0.031 Adjusted R Square = 0.016 F-Value = 2.091 Sig. F = 0.082

**ระดับนยั สาคัญทางสถิติที่ 0.05 n = 270

จากตารางท่ี 3 สมมติฐานในการวิจัย คือ การกากับดูแลกิจการมีผลต่อสภาพคล่องทาง
การเงิน ด้านอัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้ พบว่า การกากับดูแลกิจการ ด้าน สัดส่วนของกรรมการ
อิสระ มีผลต่อ สภาพคล่องทางการเงินด้านอัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้ ท้ังน้ี ขนาดของ
คณะกรรมการบริษัท สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท และ การควบรวมตาแหน่ง
ประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกันไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินดา้ น
อัตราการหมุนเวียนของลูกหน้ีของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่ม

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพยแ์ ละการกอ่ สร้าง

ตารางที่ 4 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการที่มีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

ระยะเวลาในการเกบ็ หนีเ้ ฉลีย่

Variable Coefficients T Sig. Coefficients
B SE Beta Tolerance VIF

(Constant) 27.263 231.282 .118 .906

SIZE 3.267 15.601 .013 .209 .834 .921 1.086

BOIND 96.958 305.446 .020 .317 .751 .936 1.068

STOCK .349 1.559 .014 .224 .823 .993 1.007

MERGE -23.167 94.180 -.015 -.246 .806 .976 1.024

R2 = .001 Adjusted R Square = -0.014 F-Value = 0.062 Sig. F = 0.906

**ระดับนยั สาคัญทางสถิติที่ 0.05 n = 270

จากตารางท่ี 4 สมมติฐานในการวจิ ัย คือ การกากับดูแลกจิ การมีผลตอ่ สภาพคลอ่ งทาง
การเงนิ ด้านระยะเวลาในการเกบ็ หนเี้ ฉลยี่ พบว่า การกากับดแู ลกิจการ ด้าน ขนาดของคณะกรรมการ

บริษัท สัดส่วนของกรรมการอิสระ สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท และ การควบ
รวมตาแหน่งประธานกรรมการกับกรรมการผ้จู ดั การในคนเดียวกัน ไม่มีผลตอ่ สภาพคล่องทางการเงิน

ด้านระยะเวลาในการเก็บหน้เี ฉล่ียของบริษทั ท่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยแ์ ห่งประเทศไทย กลุ่ม
อตุ สาหกรรมอสงั หาริมทรพั ย์และการกอ่ สร้าง

511

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ตารางที่ 5 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

อตั ราการหมนุ เวยี นของสินคา้ คงเหลือ

Variable Coefficients T Sig. Coefficients
B SE Beta Tolerance VIF

(Constant) 79.872 95.270 .838 .403

SIZE -2.532 6.427 -.025 -.394 .694 .921 1.086

BOIND -90.253 125.820 -.045 -.717 .474 .936 1.068

STOCKH .409 .642 .039 .637 .525 .993 1.007

MERGE -25.004 38.795 -.040 -.645 .520 .976 1.024

R2 = 0.005 คา่ Adjusted R Square = -0.010 F-Value = 0.310 Sig. F = 0.871

**ระดบั นยั สาคัญทางสถิติที่ 0.05 n = 270

จากตารางท่ี 5 สมมติฐานในการวจิ ัย คือ การกากบั ดแู ลกิจการมีผลต่อสภาพคล่องทาง

การเงิน ด้านอัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ พบว่า การกากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของ
คณะกรรมการบริษัท สัดส่วนของกรรมการอิสระ สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท

และ การควบรวมตาแหน่งประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกัน ไม่มีผลต่อ สภาพ
คล่อง ทาง การเงิน ด้าน อัตราการหมุน เวียน ของ สิน ค้ าคง เ หลือ ของ บริษั ทท่ี จด ทะ เบียน ใน ต ล า ด
หลักทรพั ย์แหง่ ประเทศไทย กลมุ่ อตุ สาหกรรมอสังหารมิ ทรัพยแ์ ละการก่อสร้าง

ตารางที่ 6 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

ระยะเวลาในการจาหนา่ ยสินค้า

Variable Coefficients Beta T Sig. Coefficients
B SE Tolerance VIF

(Constant) 324.628 1005.039 .323 .747

SIZE -17.141 67.796 -.016 -.253 .801 .921 1.086

BOIND 1106.613 1327.322 .051 .834 .405 .936 1.068

STOCKH 4.611 6.774 .041 .681 .497 .993 1.007

MERGE 1524.519 409.260 .225 3.725 .000** .976 1.024

R2 = 0.057 Adjusted R Square = 0.043 F-Value = 0.323 Sig. F = 0.747

**ระดบั นัยสาคัญทางสถิติที่ 0.05 n = 270

จากตารางท่ี 6 สมมตฐิ านในการวิจัย คอื การกากับดแู ลกิจการมีผลต่อสภาพคล่องทาง
การเงนิ ดา้ นระยะเวลาในการจาหน่ายสินคา้ พบว่า การกากับดแู ลกจิ การ ด้าน การควบรวมตาแหน่ง
ประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกนั มีผลกระทบต่อ สภาพคล่องทางการเงิน ด้าน

ระยะเวลาในการจาหน่ายสินค้า ท้ังนี้ การกากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของคณะกรรมการบริษัท
สัดส่วนของกรรมการอิสระ และ สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท ไม่มีผลต่อสภาพ

คลอ่ งทางการเงนิ ดา้ นระยะเวลาในการจาหน่ายสนิ ค้าของบริษัทที่จดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรพั ย์และการก่อสร้าง

512

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ตารางท่ี 7 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการที่มีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

อัตราส่วนเงนิ สด

Variable Coefficients T Sig. Coefficients
B SE Beta Tolerance VIF

(Constant) 206.746 892.250 .232 .817

SIZE -7.086 60.188 -.007 -.118 .906 .921 1.086

BOIND 970.558 1178.364 .051 .824 .411 .936 1.068

STOCKH 5.375 6.014 .054 .894 .372 .993 1.007

MERGE 1283.368 363.331 .214 3.532 .000** .976 1.024

R2 = .053 Adjusted R Square = .038 F-Value = 3.692 Sig. F = 0.817

**ระดบั นัยสาคัญทางสถิติท่ี 0.05 n = 270

จากตารางท่ี 7 สมมติฐานในการวิจัย คือ การกากับดแู ลกิจการมีผลตอ่ สภาพคลอ่ งทาง
การเงิน ด้านอัตราส่วนเงินสด พบว่า การกากับดูแลกิจการ ด้าน การควบรวมตาแหน่งประธาน
กรรมการกบั กรรมการผู้จัดการในคนเดยี วกัน มีผลกระทบตอ่ สภาพคล่องทางการเงิน ด้านอตั ราส่วน
เงินสด ท้ังน้ี การกากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของคณะกรรมการบริษัท สัดส่วนของกรรมการอิสระ
และ สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท ไม่มีผลต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน
อัตราส่วนเงินสดของบริษัทท่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรม

อสังหาริมทรพั ยแ์ ละการกอ่ สรา้ ง

ตารางที่ 8 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการท่ีมีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

อตั ราการหมุนเวยี นของเจ้าหน้ีการคา้

Variable Coefficients Beta T Sig. Coefficients
B SE Tolerance VIF

(Constant) 5.159 1.758 2.935 .004

SIZE .210 .119 .110 1.771 .078 .921 1.086

BOIND -3.958 2.321 -.106 -1.705 .089 .936 1.068

STOCKH -.020 .012 -.101 -1.686 .093 .993 1.007

MERGE -.891 .716 -.075 -1.244 .214 .976 1.024

R2 = 0.035 Adjusted R Square = 0.035 F-Value = 3.475 Sig. F = 0.009

**ระดับนัยสาคัญทางสถิตทิ ี่ 0.05 n = 270

จากตารางท่ี 8 สมมติฐานในการวจิ ัย คือ การกากบั ดูแลกจิ การมีผลต่อสภาพคลอ่ งทาง
การเงิน ด้านระยะเวลาในการจาหน่ายสินค้า พบว่า การกากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของ

คณะกรรมการบริษัท สัดส่วนของกรรมการอิสระ สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท
และ การควบรวมตาแหน่งประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกัน ไม่มีผลกระทบต่อ

สภาพคล่องทางการเงิน ด้านอัตราการหมุนเวียนของเจ้าหน้ีการค้าของบริษัทท่ีจดทะเบียนในตลาด
หลักทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย กลมุ่ อตุ สาหกรรมอสงั หารมิ ทรพั ยแ์ ละการกอ่ สรา้ ง

513

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ตารางท่ี 9 ผลการทดสอบผลกระทบของการกากับดูแลกิจการที่มีต่อสภาพคล่องทางการเงินด้าน

ระยะเวลาในการชาระหนี้เฉลย่ี

Variable Coefficients Beta T Sig. Coefficients
B SE Tolerance VIF

(Constant) 88.716 208.152 .426 .670

SIZE -2.063 14.041 -.009 -.147 .883 .921 1.086

BOIND 242.378 274.900 .055 .882 .379 .936 1.068

STOCKH -1.494 1.403 -.064 -1.065 .288 .993 1.007

MERGE 248.856 84.761 .179 2.936 .004** .976 1.024

R2 = 0.038 Adjusted R Square = 0.023 F-Value = 2.603 Sig. F = 0.670

**ระดบั นัยสาคญั ทางสถติ ทิ ี่ 0.05 n = 270

จากตารางที่ 9 สมมตฐิ านในการวิจยั คือ การกากับดูแลกจิ การมีผลตอ่ สภาพคลอ่ งทาง
การเงิน ด้านระยะเวลาในการชาระหน้ีเฉลี่ย พบว่า การกากับดแู ลกิจการ ดา้ น การควบรวมตาแหน่ง

ประธานกรรมการกับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกันมีผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน ด้าน
ระยะเวลาในการชาระหน้เี ฉล่ยี ท้ังน้ี ขนาดของคณะกรรมการบริษัท สดั ส่วนของกรรมการอสิ ระ และ
สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัทไม่มีผลกระทบต่อ สภาพคล่องทางการเงิน ด้าน

ระยะเวลาในการชาระหน้ีเฉล่ียของบริษัทท่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่ม
อุตสาหกรรมอสงั หารมิ ทรัพยแ์ ละการก่อสรา้ ง

อภิปรายผลการวิจยั
การกากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของคณะกรรมการบริษัท และสัดส่วนการถือครองหุ้น

ของคณะกรรมการบริษัท มีผลกระทบต่ออัตราเงินทุนหมุนเวยี น การกากับดูแลกิจการ ด้าน สัดส่วน
ของกรรมการอิสระ มีผลกระทบต่อ อัตราการหมุนเวียนของลูกหน้ี การกากับดูแลกิจการ ด้าน การ

ควบรวมตาแหนง่ ประธานกรรมการกับกรรมการผจู้ ัดการในคนเดียวกนั มผี ลกระทบต่อ ระยะเวลาใน
การจาหน่ายสินค้า อัตราส่วนเงินสด และ ระยะเวลาในการชาระหนี้เฉล่ียซ่ึงเป็นไปตามความ
คาดหมายในผลตอบแทนของผู้ถือหุน้ หรือเจ้าของบริษัทท่ีจดทะเบยี นในตลาดหลักทรัพยแ์ หง่ ประเทศ

ไทย ท่ีต้องการเงินปันผลจากการลงทุนเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียใช้ในการประเมินประสิทธิภาพในการ
ดาเนินงานและสภาพคล่องทางการเงินท่ีช่วยให้กิจการมีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง (แก้วมณี อุทิรัมย์,

2556) จากปจั จัยของผบู้ ริหารบริษัททไี่ ดร้ บั การคัดเลอื กจากผู้ถือห้นุ ท่มี ีจานวนมาก ไม่สามารถเขา้ มา
บริหารไดห้ มดทุกคนจึงเลือกตวั แทนเพ่อื มาบริหารงานแทนตนเพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินและ
การใช้เงินในการลงทุนโครงการต่างๆ ได้ภายใต้แผนงานของผู้บริหารร่วมกับคณะกรรมการบริษัท

ไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งกันและลดความเสี่ยงท่ีมาจากปัจจัยภายใน ประกอบด้วย ความสามารถของ
ผู้บริหาร หรือ ประสบการณ์ในการดาเนินงานท่ีผ่านมาได้รับการยอมรับจากผู้ถือหุ้นในระดับสูง

(Chandrala Pathirawasam, 2012)
การกากบั ดแู ลกจิ การ ดา้ น สัดสว่ นกรรมการอสิ ระ การควบรวมตาแหนง่ ประธานกรรมการ

กับกรรมการผู้จัดการในคนเดียวกันไม่มีผลกระทบต่อ อัตราเงินทุนหมุนเวียน การกากับดูแลกิจการ

ด้าน ขนาดของคณะกรรมการบริษัท สัดส่วนการถือหุ้นของคณะกรรมการบริษัท และ การควบรวม
ตาแหนง่ ประธานกรรมการกับกรรมการผูจ้ ดั การในคนเดยี วกัน ไม่มผี ลกระทบต่อ อัตราการหมุนเวียน

514

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

ของลูกหน้ี การกากับดูแลกิจการ ด้าน ขนาดของคณะกรรมการบริษัท สัดส่วนของกรรมการอิสระ
สัดส่วนการถือครองหุ้นของคณะกรรมการบริษัท และ การควบรวมตาแหน่งประธานกรรมการกับ
กรรมการผู้จัดการในคนเดียวกัน ไม่มีผลกระทบต่อ อัตราเงินทุนหมุนเวียนเร็ว ระยะเวลาในการเกบ็
หนี้เฉล่ีย อตั ราการหมนุ เวยี นของสินค้าคงเหลือ อัตราการหมุนเวียนของเจ้าหนี้การค้า การกากบั ดูแล
กจิ การ ดา้ น ขนาดของคณะกรรมการบรษิ ัท สดั สว่ นของกรรมการอิสระ และ สัดส่วนการถือครองหุ้น
ของคณะกรรมการบริษัท ไม่มีผลกระทบต่อ ระยะเวลาในการจาหนา่ ยสินค้า อัตราส่วนเงนิ สด และ
ระยะเวลาในการชาระหน้ีเฉล่ีย ท้ังนี้อัตราการหมุนเวียนของลูกหน้ี ระยะเวลาในการเก็บหน้ีเฉลี่ย
อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ ระยะเวลาในการจาหน่ายสินค้า อัตราส่วนเงินสด และ
ระยะเวลาในการชาระหน้ีเฉล่ีย เกิดจากนักลงทุนพิจารณาถึงเงินสดของกิจการมากกว่าขนาดของ
กรรมการบริษัท กรรมการอิสระและสัดส่วนการถือหุ้น เน่ืองจาก เงินสดที่กลุ่มบุคคลน้ีพิจารณา คือ
เงินสดท่ีใช้ในการลงทุนมากกว่าการจาหน่ายสินค้าหลักของกิจการส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์อยู่ในช่วง
ถดถอยในช่วงปี พ.ศ. 2561 – 2563 เน่ืองจากสภาพเศรษฐกิจหรือการบริหารงานของตัวแทนไม่
เป็นไปตามทีก่ าหนดไว้ (พัชราภรณ์ อ่มิ สมบตั ิ, 2560) ทัง้ นี้ในชว่ งปีดังกล่าว ปรมิ าณสนิ คา้ คงเหลือมี
มากเกินความต้องการของผ้บู ริโภค อกี ทัง้ ระดับรายไดข้ องผู้ซอ้ื ลดลงส่งผลให้อานาจในการตดั สนิ ใจซื้อ
ลดลงจึงเป็นที่มาของการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือลดลงจนเกิดเป็นหน้สี าธารณะท่ีพบในปัจจบุ ัน
ท้ังน้ีหลายๆกิจก ารมีแนว ทาง ในก าร เก็ บหน้ี จาก ลูก หน้ี ท่ีไม่ มีคว ามสามาร ถในก าร ผ่อน ชาร ะ ผ่ าน
โครงการต่างๆของรฐั บาลเพือ่ บรรเทาความเดือดร้อนและเพิม่ สภาพคล่องให้แก่กจิ การแต่ไม่เพยี งพอ
ต่อความต้องการของตัวการท่ีพบถึง ประสิทธิภาพในการจ่ายคืนเจ้าหน้ีของกิจการไม่ทันระยะเวลา
ตามกาหนดส่งผลให้เสียภาพลักษณ์ในการดาเนินงาน (Rezana Intan Amada, 2019) ซ่ึงวิธีการ
แก้ไขของเจ้าของกิจการที่แท้จริง คือ การนาหลักการกากับดูแลกิจการ เข้ามาใช้เพ่ือให้เกิดการ
บริหารงานด้วยความสุจริต และโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้แต่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงของสภาพ
คลอ่ งทางการเงินทาใหร้ ะดับการกากับดแู ลกจิ การน้นั เกิดจากความมุง่ มนั่ ของเจ้าของกิจการท่ตี ้องการ
ให้ผู้มีส่วนได้เสียมีอานาจในการตัดสินใจเพ่ือให้ได้สภาพคล่องท่ีเหมาะสม (Alagathurai Ajanthan,
2017)

เอกสารอ้างอิง
กิตติชัย งามวัฒนากุล. (2559). การวิเคราะห์ปัจจัยอตั ราส่วนทางการเงินของสหกรณก์ ารเกษตรใน

จังหวดั เชียงใหม่. วารสารวิจัยราชภัฎเชียงใหม่, น.79 – 92.
แก้วมณี อุทริ ัมย.์ (2556). ความสัมพันธ์ระหวา่ งอัตราสว่ นทางการเงนิ กับผลตอบแทนท่ีคาดหมาย

ของบรษิ ัทที่จดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ยแ์ ห่งประเทศไทย กรณศี ึกษากลุ่มอุตสาหกรรม
เทคโนโลย.ี ใน รายงานการประชุมทางวิชาการของมหาวทิ ยาลัยศรีปทมุ คร้ังที่ 8
(ผลงานวิจยั และนวตั กรรมสกู่ ารพฒั นาทยี่ ั่งยืน) (น.827-838). กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัย
ศรปี ทุม.
จนิ ตนา ไกรทอง. (2561). ผลกระทบของรายงานความรับผิดชอบตอ่ สังคมและการกากบั ดแู ล
กิจการทม่ี ีผลต่อการดาเนนิ งานของบรษิ ัทท่ีจดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรัพยแ์ หง่ ประเทศ
ไทย. (วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลยั ศรีปทมุ ).

515

การประชมุ วิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

ณภวรรณ เชิดชวู ฒุ ิกลุ . (2546). การเปิดเผยขอ้ มลู ในรายงานประจาปขี องบรษิ ทั ทจี่ ดทะเบียนใน
ตลาดหลักทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย: กรณีศึกษาของบริษทั ในธรุ กิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
และอุตสาหกรรมวสั ดุก่อสร้างและเครอื่ งตกแต่ง. (วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑติ ,
มหาวทิ ยาลัยจุฬาลงกรณ์).

นคร วรี รัตน์ และ พัทธนนั ท์ เพชรเชิดช.ู (2559). ความสมั พันธ์ระหว่างการกากบั ดูแลกจิ การกับ
ความเสยี่ งทางการเงนิ ของบริษัท จดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย กลุม่
SET 100. (การค้นคว้าอสิ ระปรญิ ญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑิตย์).

พชั ราภรณ์ อิม่ สมบัติ. (2560). เปรยี บเทียบความสามารถในการอธบิ ายราคาหลักทรัพยร์ ะหว่าง
อตั ราสว่ นทางการเงิน 2 ประเภท : หลักฐานจากกลุ่มอตุ สาหกรรมเคร่ืองด่ืมทจี่ ด
ทะเบยี นในตลาดหลักทรพั ย์แห่งประทศไทย. (การคน้ ควา้ อสิ ระปริญญานพิ นธ์,
มหาวทิ ยาลัยกรุงเทพ).

ภูษณศิ า ส่งเจรญิ . ความสมั พนั ธ์ระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบและผลการดาเนนิ งานของบริษัท
จดทะเบยี นในตลาดหลักทรพั ย์แหง่ ประเทศไทย. วารสารวชิ าการสถาบันเทคโนโลยีแห่ง
สุวรรณภูมิ สาขามนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์, 5(1), 162 - 172

ศศนิ ภา กนั ตะนา. (2554). การวเิ คราะห์การล้มละลายทางการเงนิ กรณศี ึกษากลุม่ อสังหารมิ ทรัพย์
และการก่อสร้างทจี่ ดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ย์ (ปี 2558 – 2562). (การคน้ คว้า
อสิ ระปริญญามหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง).

สานักงานคณะกรรมการกากบั หลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลักทรัพย.์ (2560). หลักการกากับดูแลกิจการที่
ดี สาหรับบริษทั จดทะเบยี น ปี 2560. กรงุ เทพฯ: ตลาดหลักทรพั ยแ์ ห่งประเทศไทย.

สรยี า วจิ ิตรเสถียร. (2558). ทศั นคติตอ่ สินคา้ เฮ้าสแ์ บรนด์และสว่ นประสมการตลาดที่มีผลตอ่ ความ
ตัง้ ใจซอ้ื สนิ คา้ เฮา้ ส์แบรนดข์ องผบู้ รโิ ภคในจงั หวดั นครราชสีมา. วารสารวิชาการ
มหาวทิ ยาลัยฟารอ์ ีสเทอรน์ , 12(4), 160 – 174.

เอกภาพ เอกวกิ รัย. (2561). ผลกระทบของการกากบั ดูแลกจิ การและการเปลีย่ นผู้บริหารสงู สุดต่อ
ผลการดาเนนิ งานและความเส่ยี งของบริษัท. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ ,
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร)์ .

Amina Buallay, Allam Hamdan & Qasim Zureigat. (2017). Corporate Governance and
Firm Performance: Evidence from Saudi Arabia. The Journal of
Australasian Accounting, Business and Finance, 11(1), 79 – 98.

Alagathurai Ajanthan. (2017). Corporate Governance and Cash Conversion Cycle:
Evidence from Listed Companies in Sri Lanka. The Journal of Asian
Economic and Financial Review, 7(12), 1303 – 1316.

Chandrapala Pathirawasam. (2012). Ownership Concentration and Financial
Performance: The Case of Sri Lankan Listed Companies. The Journal of
Corporate Ownership, 9(4), 170 – 177.

Herdjiono & Sari. (2017). The Effect of Corporate Governance on the Performance of a
company. Some Empirical Findings from Indonesia. Central European
Management Journal, 25(1), 33-52.

516

การประชุมวิชาการระดับชาติ RTBEC 2021

Jaagi & Tsui. (2019). Role of Mediator of Abnormal Audit Report Delay in
Explaining Relationship between Earnings Quality and Firm Value.
(Master Thesis, Iran, Shiraz University).

John, K. & Senbet, L.w. (1998). Board of Directors and Tobin’s Q: Evidence from
U. K. Firms. The Journal of Finance and Accounting, 2(4), 82-99.

Organization for Economic Co-Operation and Development. (2015). G20/OECD
Principles of Corporate Governance. Retrieved from
https://www.oecd.org/daf/ca/Corporate-Governance-Principles-ENG.pdf

Rezana Intan Amanda. (2019). The Impact of Cash Turnover, Receivable Turnover,
Inventory Turnover, Current Ratio and Debt to Equity Ratio on Profitability.
Journal of Research in Management, 2(2), 14-22.

517

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดและการรับร้คู วามเสยี่ ง
จากการซอ้ื ทส่ี ่งผลต่อการตดั สนิ ใจซือ้ เสอ้ื ผา้ แฟช่นั ผา่ นชอ่ งทางออนไลน์

เฟซบุก๊ ของกลุม่ คนเจนเนอเรชั่นวายในจังหวดั ปทมุ ธานี

พัทธานนั ท์ รุ่งสนธยานนท1์
นักศึกษาปริญญาโทหลักสตู รบรหิ ารธรุ กิจมหาบัณฑติ คณะบรหิ ารธรุ กิจ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี

ถนอมพงษ์ พานิช
อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าการตลาด คณะบรหิ ารธุรกิจ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี

บทคดั ย่อ

การค้นคว้าอสิ ระนี้มีวัตถุประสงค์เพ่อื 1) ศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีส่งผลต่อ
พฤติกรรมการซื้อเสื้อผ้าแฟช่ันผ่านช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กของกลุ่มคนเจนเนอเรชั่นวายในจังหวัด
ปทุมธานี 2) ศึกษาการรับรู้ความเส่ียงจากการซ้ือท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมการซ้ือเสื้อผ้าแฟช่ันผ่าน
ช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กของกลุ่มคนเจนเนอเรช่ันวายในจังหวัดปทุมธานี กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ใน
การศึกษาคร้ังนี้ คือ ผู้บริโภคกลุ่มเจนเนอเรชั่นวายในจังหวัดปทุมธานี จานวน 400 คน โดยใช้
แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย
สถิตพิ รรณนา ได้แก่ ความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉลี่ย ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และใช้สถิติอนุมานเพอื่ ทดสอบ
สมมติฐาน ไดแ้ ก่ การวิเคราะห์คา่ ทีแบบ Independent การวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และ
การวเิ คราะหส์ มการถดถอยเชิงพหุ ณ ระดบั นยั สาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05 ผลการศึกษา พบวา่ กลมุ่
ตัวอย่างท่ีมีการซื้อเสื้อผ้าแฟช่ันผ่านทางช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กส่วนใหญ่มีอายุ 21-25 ปี อาชีพ
พนักงานบริษัทเอกชน มีความถี่ในการซ้ืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยมีการใช้จ่ายประมาณ 500
บาทต่อครั้ง ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีผลต่อการตัดสินใจซ้ือเส้ือผ้าแฟช่ันผ่านช่องทาง
ออนไลน์เฟซบุ๊กมากท่ีสุด คือด้านช่องทางการจัดจาหน่าย รองลงมาคือ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการ
ส่งเสริมการตลาด ด้านการให้บริการแบบเจาะจง ด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว และด้านราคา
ตามลาดับ และพบว่าการรับรู้ความเสี่ยงจากการซ้ือที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟช่ันผ่าน
ช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กมากที่สุด คือ ด้านสังคม รองลงมาได้แก่ ด้านจิตใจ ด้านการเงิน ด้าน
ประสทิ ธิภาพ ดา้ นความปลอดภยั และด้านเวลา ตามลาดับ

คาสาคัญ: ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด การรับรู้ความเส่ียงจากการซ้ือ การตัดสินใจซ้ือ เสื้อผ้า
แฟชนั่ ผู้บรโิ ภคกลุ่มเจนเนอเรช่ันวาย

1 นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทหลกั สตู รบริหารธรุ กจิ มหาบณั ฑิต คณะบริหารธุรกจิ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12110 หมายเลขติดตอ่ : 083-779-3022 อีเมล: [email protected]

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

MARKETING MIX FACTORS AND PERCEIVED BUYING RISKS
AFFECTING PURCHASING DECISIONS TO BUY FASHION GARMENT
ONLINE THROUGH FACEBOOK OF GENERATION Y CUSTOMERS IN

PATHUM THANI PROVINCE

Patthanan Roongsonthayanon1
Graduate Student, Master of Business Administration, Faculty of Business Administration

Rajamangala University of Technology Thanyaburi

Tanompong Panich
Lecturer at Department of Marketing, Faculty of Business Administration

Rajamangala University of Technology Thanyaburi

Abstract
The objectives of this independent study were: 1) to study the marketing mix
factors affecting the purchasing decisions made by Generation Y customers in Pathum
Thani province to buy fashion garments online through Facebook and 2) to explore
the effects of perceived buying risks on the purchasing decisions made by Generation
Y customers in Pathum Thani province to buy fashion garments online through
Facebook. The sample group used in this study comprised 400 generation Y consumers
in Pathum Thani. The instrument used to collect data was a questionnaire. The
statistical methods used to analyze the data were descriptive statistics: frequency,
percentage, mean, standard deviation, and inferential statistics: independent samples
t-test, one-way ANOVA, and multiple regression analysis at the statistically significant
level of .05. The results showed that most of the sampled consumers who purchased
fashion garments online through Facebook were aged between 21-25 years, worked at
private companies, and had a minimum buying frequency of one order per month
worth approximately 500 Baht. It was found that marketing mix factors in the dimension
of place had the greatest effect on Facebook purchasing decisions to buy fashion
garments, followed by product, promotion, personalization, privacy, and price,
respectively. Furthermore, social was the highest of the six dimensions of perceived
buying risk that affected Facebook purchasing decisions to buy fashion garments,
followed by psychological, financial, delivery efficiency, information security, and time,
respectively.

Keywords: Marketing Mix Factors, Perceived Buying Risk, Purchasing Decisions, Fashion
Garments, Generation Y Customers

1 Corresponding Author: Graduate Student, Master of Business Administration,
Faculty of Business Administration, Rajamangala University of Technology Thanyaburi.
Contact Number: +6683-779-3022 Email: [email protected]

519

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

บทนา
การตลาดในปัจจุบันนยิ มใชก้ ารกาหนดกลมุ่ เปา้ หมายเป็นกลยุทธ์การส่ือสารการตลาดไปที่

กลุ่ม Generation Y หรือคนท่ีเกิดระหว่างช่วงพ.ศ. 2523-2547 อายุ 16-40 ปี เน่ืองจากเป็นกลุ่ม
ผู้บริโภคเป้าหมายที่มีความสาคัญมากทางการตลาดเพราะมมี ากถึง 18.7 ล้านคนหรือประมาณ ร้อยละ
28.54 ซงึ่ มากทส่ี ดุ เมื่อเทยี บกับทกุ เจเนอเรช่ัน อกี ท้งั คนกลมุ่ นยี้ ังเป็นกลุ่มคนท่ีมรี ายได้เปน็ ของตัวเอง
เป็นกลมุ่ ทโี่ ตมาพรอ้ มกบั การก้าวหน้าคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีไอทีต่างๆ คนกลมุ่ น้ีเปน็
คนวัยทางาน จงึ มคี วามเป็นตวั ของตัวเองสงู ในด้านความคิดและการตัดสินใจ ไมช่ อบอยูใ่ นกรอบและ
ไม่ชอบการมีเง่อื นไข อีกท้ังยังต้องการความชัดเจนในทุกด้านไม่วา่ จะเป็นการทางานการเข้าสังคมวา่
สิ่งท่ีทามีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร เป็นกลุ่มท่ีมีความศักยภาพในการทางานสูงสามารถ
ทางานที่มีความท้าทายงานทีเ่ ก่ียวข้องกบั การติดต่อส่ือสารได้ดีและยังสามารถทางานหลายๆอย่างได้
ในเวลาเดียวกนั

จากการศึกษาของสานกั งานพัฒนาธรุ กรรมทางอิเล็กทรอนกิ ส์ในปี พ.ศ. 2562 (Electronic
Transactions Development Agency, 2019) พบว่ากลุ่ม Generation Y ให้ความสาคัญต่อการใช้
สื่อสังคมออนไลน์เปน็ อย่างมากโดยมกี ารใชเ้ ป็นอนั ดับต้นๆ โดยมคี วามถีท่ ่ีมากกวา่ กล่มุ อนื่ และจะเกิด
การรับรู้และมีความเช่ือม่ันกับการส่ือสารแบบออนไลน์มากกว่าการรับสารแบบออฟไลน์ เช่น วิทยุ
โทรทศั น์ หรือนติ ยสาร ซง่ึ การสอ่ื สารดงั กล่าวจะมงุ่ เน้นการบอกตอ่ และสามารถกระจายออกไปเป็นวง
กว้างในกลุ่มคนท่ีมีความสนใจในทิศทางเดียวกัน ดังน้ัน เม่ือบุคคลได้รับข้อมูลและมีความรับรู้ใน
ผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีจะเกิดเป็นความภักดีตราสินค้า (Brand Loyalty) นาไปสู่การตั้งใจซ้ือสินค้า
ถึงแมว้ ่าจะยังไมเ่ คยลองใชเ้ องกต็ าม

ซ่ึงการเปล่ียนแปลงนี้จะเห็นได้ว่าปัจจุบันผู้ให้บริการด้านโซเชียลมีเดีย ได้มีการพัฒนา
โซเชียลแพลตฟอร์มมากมายเพื่ออานวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานอาทิเช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิต
เตอร์ ไลน์ วีแชท เป็นต้น โดยในปีท่ีผ่านมาทางเว็ปไซด์ Hootsuite ได้เปิดเผยผลการใช้งานโซเชียล
มีเดียต่างๆ การจะเห็นได้วา่ สถิติการใช้งานในเดอื นมกราคม พ.ศ. 2563 ระบุว่าคนไทย ร้อยละ75 มี
การเข้าถงึ โซเชียลมีเดียและใชเ้ วลาต่อวันอยทู่ ี่ 9 ชว่ั โมง

จากสถิติการใช้งานข้างต้นน้ีจะเห็นได้ว่าโซเชียลมีเดียน้ันมีการเติบโตอย่างมากจึงทา
พฤตกิ รรมผบู้ ริโภคมกี ารเปลย่ี นไป โดยมกี ารซอ้ื สนิ คา้ ผา่ นทางช่องทางออนไลน์มากขนึ้ ในปี 2020 ได้
คาดการมูลค่าตลาดตลาดอีคอมเมิร์ซว่าอาจมีมูลค่าสูงสุดถึง 220,000 ล้านบาท โดยเติบโตข้ึน
โดยประมาณ รอ้ ยละ 35 จากปี 2019 เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควดิ 19 โดยการขายผ่าน
แพลตฟอร์มอคี อมเมิรซ์ กลายเป็นอีกหน่งึ ทางเลือกท่ีสาคญั อยา่ งหลีกเล่ียงไมไ่ ด้

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าตลาดออนไลน์มกี ารขยายตัวอย่างมากอาชญากรรมทาง
เทคโนโลยีก็มากตามเช่นกันโดย กองบังคับการปราบปรามเก่ียวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.
ปอท.) ได้ออกมาเตอื นภัยฉ้อโกงออนไลนจ์ ากสถิตปิ ี 2561 มีการฉ้อโกงผ่านช่องทางออนไลนเ์ สียหาย
มูลคา่ มากกวา่ พนั ล้าน โดยมีการรับแจง้ เก่ยี งกับคดีท่ีมีความผิดโดยมีระบบเป็นเครื่องมือ จานวน 973
ราย แบ่งเป็น คดีหลอกขายสินค้าน 573 ราย มูลค่าความเสียหาย 373,366,858 บาท และคดี
หลอกลวงในการลงทุน ซ่ึงสถิติมีแนวโน้มที่จะสูงข้ึนอีกตามการใช้งานของผู้บริโภคท่ีสูงข้ึน
(Mgronline, 2562)

จังหวดั ปทุมธานมี ีอตั ราการขยายตวั ทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ประชากรมีรายได้เฉล่ียต่อ
คน 2,064,288 บาทต่อปี นับว่าสูงเป็นอันดับท่ี 6 ของประเทศ รองจากจังหวัดระยอง ชลบุรี

520

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ RTBEC 2021

กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และจงั หวดั ภเู กต็ มีผลติ ภัณฑม์ วลรวมมลู คา่ 118,489 ล้านบาท รายได้
สงู สุดข้ึนอยกู่ ับภาคอุตสาหกรรมคิดเปน็ ร้อยละ 69.32 คิดเปน็ มลู คา่ 82,136 ล้านบาท รองลงมา คือ
ภาคบริการ ร้อยละ 7.688 คิดเปน็ มูลค่า 9,102 ล้าน โดยพน้ื ทเ่ี ขตอาเภอคลองหลวงมีจานวนโรงงาน
อุตสาหกรรมหนาแน่นมากท่ีสุด รองลงมาคืออาเภอเมืองปทุมธานี อาเภอลาลูกกา อาเภอธัญบุรี
อาเภอลาดหลุมแก้ว และ อาเภอสามโคก ส่วนพ้ืนท่ีท่ีมีโรงงานน้อยท่ีสุดได้แก่ อาเภอหนองเสือ
(Wikipedia, 2021)

จากปัจจัยข้างต้นจึงทาให้ผู้จัดทาสนใจศึกษาส่วนประสมทางการตลาดว่าส่งผลต่อการซ้อื
สินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์หรือไม่และการรบั รู้ความเส่ียงในแง่มุมต่างๆ มีผลต่อการตัดสินใจซือ้
อย่างไร เนื่องจากการซ้ือขายออนไลน์ยิ่งมากขึ้นความเสี่ยงต่างๆ ก็ย่ิงตามมาหรืออีกนัยหน่ึงการทา
ธุรกรรมบนโลกออนไลนม์ ากเท่าไหร่ ก็ยงิ่ มคี วามเส่ียงมากข้ึนเทา่ นนั้ ทางผู้จัดทาจึงเลง็ เหน็ และมคี วาม
สนใจทจี่ ะทาการศกึ ษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดและการรับรู้ความเสย่ี งที่ส่งผลต่อการตดั สินใจ
ซื้อเสอื้ ผา้ แฟช่นั ผา่ นทางชอ่ งทางออนไลน์เฟซบกุ๊ ของกลุ่มคน Generation Y ในจังหวัดปทมุ ธานี

วตั ถปุ ระสงคใ์ นการวิจัย
1. เพอ่ื ศกึ ษากระบวนการตัดสินใจซื้อเสอ้ื ผ้าแฟช่ันผ่านช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กของกลุ่มคน

Generation Y ในจงั หวัดปทุมธานี
2. เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการซ้ือสินค้าสินค้าผ่าน

ชอ่ งทางออนไลนเ์ ฟซบุก๊ ของกลุ่มคน Generation Y ในจังหวัดปทมุ ธานี
3. เพื่อศึกษาการรับรู้ความเส่ียงท่ีส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าสินค้าผ่านช่องทาง

ออนไลน์เฟซบ๊กุ ของกลุ่มคน Generation Y ในจงั หวดั ปทมุ ธานี

สมมุตฐิ านการวิจัย
1. ช่วงอายุที่แตกต่างกันมีผลส่งผลต่อการซ้ือเสื้อผ้าแฟช่ันผ่านช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กของ

กลมุ่ คน Generation Y ในจงั หวดั ปทุมธานี
2. ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดส่งผลตอ่ การซือ้ เส้ือผ้าแฟชั่นผ่านช่องทางออนไลนเ์ ฟซบุ๊ก

ของกลุม่ คน Generation Y ในจังหวัดปทุมธานี
3. การรับรู้ความเสี่ยงส่งผลต่อการซ้ือเส้ือผ้าแฟชั่นผ่านช่องทางออนไลน์เฟซบ๊กุ ของกลุ่มคน

Generation Y ในจังหวัดปทุมธานี

กรอบแนวคิดในการวิจยั
สาหรับการศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดและการรับรู้ความเส่ียงท่ีส่งผลต่อการ

ตัดสินใจซื้อเส้ือผ้าแฟชั่นผ่านทางช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊ก ของกลุ่มคน Generation Y ในจังหวัด
ปทุมธานี มีขอบเขตการศึกษาดงั น้ี

1. ขอบเขตประชากร
1.1 ประชากร ไดแ้ ก่ ผู้บรโิ ภคในจังหวดั ปทุมธานีทีซ่ ้ือสินค้าผ่านชอ่ งทางออนไลน์เฟซบุ๊ก
1.2 กลมุ่ ตวั อย่าง ได้แก่ ผบู้ รโิ ภคกลุม่ คน Generation Y ในจังหวดั ปทุมธานีทซ่ี ้ือสินค้า

ผ่านทางช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊กการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างของผู้ศึกษา เนื่องจากไม่ทราบ
จานวนประชากรท่ีแน่นอน จึงได้ใช้วิธีการคานวณโดยใช้สูตร Cochran (1953) ท่ีระดับความเช่อื มน่ั

521

การประชุมวชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

ร้อยละ 95 ท่ีความคลาดเคลื่อน ± ร้อยละ 0.05 ได้ขนาดตัวอย่างประมาณ 385 คน ทาการเก็บ
ตัวอย่างเพิ่มเติม เพ่ือเป็นการป้องกันความผิดพลาดจากการเก็บตัวอย่าง และป้องกันการตอบ

แบบสอบถามทไ่ี มส่ มบูรณ์ จึงมีกลมุ่ ตวั อยา่ งทงั้ สิน้ 400 ตวั อยา่ ง
2. ขอบเขตด้านเนอ้ื หา
2.1 ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ การตัดสินใจซ้ือ (Buying Decision

Process)
2.2 ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) ได้แก่ ส่วนประสมทางการตลาด (6Ps)

การรบั รคู้ วามเสีย่ ง (Perceived Risk)
3. ขอบเขตดา้ นสถานท่ี
สถานที่ศึกษาท่ีผู้วิจัยใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ บริเวณแหล่งชุมชน พื้นที่ต่าง ๆ

ในจังหวดั ปทมุ ธานี
4. ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
ระยะเวลาในการศึกษาเริ่มตงั้ แตเ่ ดอื น สงิ หาคม 2563 ถึงเดอื น กุมภาพันธ์ 2564

กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย ตัวแปรตาม
ตัวแปรต้น
การตดั สินใจซ้อื
ขอ้ มูลสว่ นบุคคล Buying Decision Process
- เพศ - การรับรู้ปัญหา
- อายุ - การค้นหาขอ้ มลู
- อาชีพ - การประเมินทางเลอื ก
- ระดบั การศึกษา - การตัดสนิ ใจซอ้ื
- รายได้เฉลี่ยต่อเดอื น - พฤติกรรมหลังการซอื้

สว่ นประสมทางการตลาด (6Ps) (Kotler, 2003)
- ผลิคภณั ฑ์ Product
- ราคา Price
- ชอ่ งทางการจัดจาหนา่ ย Place
- การส่งเสรมิ การตลาด Promotion
- การใหบ้ รกิ ารแบบเจาะจง
Personalization
- การรกั ษาความเปน็ สว่ นตัว Privacy

การรบั ร้คู วามเสี่ยง (Perceived Risk)
- ดา้ นการเงนิ
- ด้านประสิทธิภาพ
- ดา้ นความปลอดภยั
- ดา้ นสงั คม
- ด้านจิตใจ
- ด้านเวลา

ภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ ในการวิจยั

522

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ RTBEC 2021

เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กี่ยวข้อง
2.1 เอกสารท่เี ก่ยี วข้อง
2.1.1 แนวคดิ และทฤษฎีเก่ยี วกบั การตัดสนิ ใจซอื้ (Buying Decision Process)
1. ความหมายของการตัดสินใจ (Decision Making) หมายถึง กระบวนการในการ

เลือกหรือกระทาการท่ีจะตัดสินใจต่อสิ่งใดส่ิงหนึ่งว่าจเป็นไปในทิศทางใด โดยผู้บริโภคจะมี
กระบวนการในจิตใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านการซ้ือสินค้าหรือการใช้บริการซึ่งผู้บริโภคที่จะตอ้ ง
ตดั สินใจในการเลือกส่งิ หนง่ึ สง่ิ ใดจากทางเลือกท่มี อี ยู่ (Kotler, 2003)

2. กระบวนการตัดสินใจซ้ือ (Decision Process) แบ่งออกเป็น 5 ขัน้ ตอน ดงั นี้
1) การรับรู้ปัญหาหรือความต้องการ (Problem or Need Recognition)

ผู้บริโภคต้องทราบถึงความต้องการในสินค้าหรือบริการเป็นอันดับแรก เม่ือผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความ
แตกต่างระหวา่ งสภาพที่เป็นอุดมคติกบั สิ่งที่เป็นอยู่จรงิ จึงมีความปรารถนาเพอ่ื เติมเต็มความตอ้ งการ
ของแตล่ ะบุคคล

2) การหาข้อมลู (Search for Information) เมื่อผบู้ รโิ ภคทราบถงึ ความต้องการ
ในสินค้าหรอื บริการกจ็ ะแสวงหาข้อมูลจากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพ่อื นามาประกอบการตัดสนิ ใจซื้อต่อไปนี้

3) การประเมินทางเลือก (Evaluation of Alternative) เมื่อผู้บริโภคได้ข้อมูล
แล้วนามาประเมินทางเลือกและตัดสินใจเลือกทางท่ีดีท่ีสุด โดยการเปรียบเทียบข้อมูลเพ่ือการ
ตัดสินใจเลอื กซอื้ เพยี งตราสินค้าเดียว โดยขึ้นกับความเพือ่ ชว่ ยประเมนิ ทางเลอื กทาให้การตัดสนิ ใจ

4) การตดั สินใจซ้อื (Decision Marking) ผู้บริโภคแตล่ ะคนมคี วามต้องการข้อมูล
และระยะเวลาในการตัดสินใจในการเลือกผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดแตกต่างกัน โดยผลิตภัณฑ์บางอย่าง
อาจตอ้ งใชเ้ วลาในการหาขอ้ มลู มากและการเปรียบเทยี บนาน

5) พฤติกรรมหลังการซื้อ (Post Purchase Behavior) ผู้บริโภคซ้ือสินค้าแล้ว
ได้รับประสบการณ์ในการบริโภค ถ้าผู้บริโภคได้รบั ความพงึ พอใจก็จะรับรู้ถึงข้อดีของสินค้าทาให้เกดิ
จะทาใหเ้ กดิ การซอื้ ซ้าและการแนะนาบอกต่อ แตถ่ ้าไมไ่ ดร้ ับความพงึ พอใจกอ็ าจมีการเลิกซ้อื สนิ ค้าใน
ครั้งต่อๆไปและอาจมีการบอกต่อถึงผุ้บริโภครายอื่นในผลเสียท่ีพบเจอซึ่งทาให้เกิดลูกค้ารายใหม่
น้อยลง

ภาพท่ี 2 แบบจาลองกระบวนการซอื้ ของผ้บู ริโภค 5 ขนั้ ตอน
ท่มี า: Kotler, P. (2003). Marketing management (11th ed.). Upper Saddle River, NJ:
Prentice–Hall.

523

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ RTBEC 2021

2.1.2 ทฤษฎเี จเนอเรชน่ั ทัง้ 4 กลุ่ม
สาหรับเร่ืองทฤษฎีเจเนอเรชั่นน้ีมีนักวิชาการที่จาแนกแยกแยะเป็นกลุ่มไว้แตกต่าง

กนั กล่าวคือ มีบางคนแบ่งเปน็ 4 กลมุ่ บา้ ง 5 กลมุ่ บา้ ง โดยการแบง่ กลุ่มทแี่ ตกตา่ งกนั ดงั กล่าวนัน้ มกั
เป็นความแตกต่างกันในการกล่าวรวมกลุ่มกนั ระหว่างกลุ่มไซเลนต์เจเนอเรช่ัน (Silent generation)
และกลุ่มเจเนอเรช่ันบี(Baby Boomer Generation) หมายความว่านักวิชาการที่ระบุว่ามี 4 เจเนอ
เรชั่นนั้นก็จะอธิบายรวม ๆ ท้งั 2 กลุ่มนี้เขา้ ดว้ ยกนั แตส่ าหรับการอธบิ ายเร่ืองเจเนอเรชั่นในที่นผ้ี เู้ ขยี น
จะแสดงเนือ้ หาเจเนอเรชั่นเปน็ 4 กลุ่มดงั น้ี

กลมุ่ ที่ 1 เจเนอเรชั่นบ(ี Baby Boomer Generation) หรือ หรอื Gen-B หมายถงึ คน
ท่ีเกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489 – 2507 หรือในยุคท่ีส้ินสุดสงครามโลกครั้งท่ี 2 สาเหตุ ท่ีเรียกว่า “เบ
บี้บมู เมอร์” เพราะวา่ หลงั จากเหตกุ ารณส์ งครามโลกครั้งท่ี 2 ไดส้ งบลง คนกลุม่ นี้คือพวกท่ีเป็นลูกของ
คนท่ีเหลือมาจากยุคสงคราม ซ่ึงช่วงเวลาดังกล่าวได้ผ่านความลาบากยาแค้นมา จึงทาให้คนกลุ่มนี้มี
ความขยนั ประหยดั อดออม และสามารถสรา้ งตวั ขน้ึ มาใหมไ่ ดจ้ ากเดมิ กลุ่มน้ีเป็นกลุ่มท่ีมีความอดทน
อดกล้ันสงู ไม่กลวั ต่อความยากลาบากจงึ ประสบความสาเร็จคอ่ นขา้ งมาก

กลุ่มที่ 2 เจเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation X) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “Gen-X คนยุคนี้จะ
เกดิ อยใู่ นช่วงปี พ.ศ. 2508-2522 คนรุ่นน้ีส่วนใหญเ่ ป็นกลมุ่ คนร่นุ ใหม่ท่ีเป็นลกู ของ Gen-B ซึง่ เกดิ มา
ในชว่ งท่โี ลกอย่ใู นยุคกาลงั เริ่มพัฒนา มวี ิวัฒนาการใหม่ๆเกิดขน้ึ มกี ารเปลยี่ นแปลงในหลายๆด้าน ซงึ่
ได้รับการปลูกฝังและหล่อหลอมความคิด แนวทางในการปฏิบัติมาจากคนรุ่นก่อน จึงมีการประหยัด
และอดทนเชน่ เดยี วกนั แต่สงิ่ ทีม่ ากกวา่ คอื การเน้นเรยี นหนงั สือเพ่อื สร้างอนาคต และจะมุ่งเน้นงานที่มี
ความมั่นคงสูง เช่น งานราชการและรัฐวิสาหกิจมากกว่างานองค์กรเอกชน เพ่ือที่วางรากฐานส่งต่อ
ให้กบั ร่นุ ลูก รนุ่ หลานสบื ต่อไป

กลมุ่ ท่ี 3 เจเนอเรชั่นวาย (Generation Y) หรือ “Gen-Y” หรือ ยุค Millennials ซ่งึ
ก็คือคนท่ีเกิดอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2523–2547 คนกลุ่มน้ีเติบโตข้ึนท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลายๆ
อย่าง ทั้งสังคม เทคโนโลยี และความแตกต่างในช่วงรอยต่อระหว่างค่านิยมรุ่นรุ่นปู่ยา่ ตายาย กับ รุ่น
พ่อแม่ ซึ่งคนรุ่นนเี้ ป็นกลุ่มวัยรนุ่ ในตอนปลาย และ ช่วงวัยทางาน อยู่ท่ามกลางกลางความผันผวนใน
หลายๆ ด้านทัง้ การเมอื ง การศึกษา เศรษฐกจิ ต่างๆ คนกลมุ่ นจ้ี ะเป็นคนท่มี ีความกระตือรือร้น มีความ
เป็นตัวของตวั เองสงู และต้องการความเปน็ อสิ ระดา้ นเวลา มีความเชอ่ื มน่ั สูง

กลุ่มท่ี 4 เจเนอเรชั่นซหี รือแซด (Generation Z) หรอื “Gen-Z” คอื กลุ่มคนรนุ่ ใหม่
ในยุคปัจจุบัน คือกลุ่มคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2548 ข้ึนไปเมื่อเทียบอายุแล้วก็คือวัยของเด็ก ๆ กลุ่ม Gen-Z
น้ี เป็นกลุ่มที่เติบโตมาพร้อมกับความเจริญทางด้านเทคโนโลยี สิ่งอานวยความสะดวกมากมาย
เรียกว่าเป็นเด็กยุคดิจิทัล ยุคเทคโนโลยีก็ว่าได้ ซึ่งเด็กยุคนี้จะถูกตามใจจากครอบครัวสภาพแวดลอ้ ม
รอบด้าน และสว่ นใหญจ่ ะโตมากับพีเ่ ล้ียง ปูย่ ่า ตายาย บุคคลท่ไี มใ่ ชพ่ อ่ แม่เพราะพอ่ แมค่ อื คนรุน่ Gen X
หรือบางคนอาจเกิดจากพ่อแม่รุ่น Gen Y ที่กาลังทางานเพ่ือสร้างเน้ือสร้างตัว จาทาให้เด็กในยุคนี้
เติบโตมากบั เทคโนโลยี เงนิ และส่ิงตา่ ง ๆรอบตัว มากกวา่ ความอบอนุ่ ทพ่ี อ่ แมม่ อบให้

2.1.3 ทฤษฎสี ว่ นประสมทางการตลาด (6Ps)

524


Click to View FlipBook Version