The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2022-11-23 10:14:15

บทความดีเด่น พลเรือเอก กวี สิงหะ



สารบัญ
๑. การดําเนินงานของคณะกรรมการบานพักขาราชการในกองทัพเรือ ๒. กิจการพลเรือนกับกองทัพเรือท่ีประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
๓. ขาศึกอยูไหน
๔. พญาครุฑกับกองทัพเรือไทย
๕. Mission Command
๖. ๑๑๕ โรงเรียนนายเรือ
๗. วันกองทัพเรือครั้งแรก (ตอนท่ี ๑)
วันกองทัพเรือครั้งแรก (ตอนจบ)
๘. สน.ผชท.ทร. กับบทบาทการเสริมภาพลักษณ ทร. ในตางประเทศ
๙. การแพทยแผนไทยเริ่มหยั่งรากลงแลวในกองทัพเรือ
๑๐. แนวความคิดในการพัฒนาพื้นท่ีกองทัพเรือ-สัตหีบ ใหเปน Smart Navy Base ดวย “D.I.G.I.T.A.L” ๑๑. จากไซงอนถึงเตหะราน...วันที่อินทรีปกหัก (ตอนท่ี ๑)
จากไซงอนถึงเตหะราน...วันที่อินทรีปกหัก (ตอนจบ)
๑๒. สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชกับยุทธศาสตรทางเรือ
๑๓. มรดกในบบทกลอน คําสอน “เสด็จเตี่ย”
๑๔. เรือรบไทย กับ เรือรบฝรั่งเศส ยิงกันที่เกาะชาง ตอน โหด มัน ฮา
เรือรบไทย กับ เรือรบฝร่ังเศส ยิงกันท่ีเกาะชาง ตอน โหด ไม ฮา
๑๕. ๘๐ ป ยุทธนาวีเกาะชาง พ.ศ. ๒๔๘๔ กับทฤษฎี สงครามและการรบทางเรือสมัยใหม (ตอนท่ี ๑)
๘๐ ป ยุทธนาวีเกาะชาง พ.ศ. ๒๔๘๔ กับทฤษฎี สงครามและการรบทางเรือสมัยใหม (ตอนท่ี ๒)
๘๐ ป ยุทธนาวีเกาะชาง พ.ศ. ๒๔๘๔ กับทฤษฎี สงครามและการรบทางเรือสมัยใหม (ตอนที่ ๓) ๑๖. เรียนรูเรื่องราวกองเรือดํานํ้า มุมมองจาก ทร.อิตาลี ตอนที่ ๑
เรียนรูเร่ืองราวกองเรือดํานํ้า มุมมองจาก ทร.อิตาลี ตอนท่ี ๒
๑๗. คุณสมบัติอันพึงประสงคสําหรับคนยุค 4.0
๑๘. การพลิกวิกฤตใหเปนโอกาส ทามกลางโลกที่พลิกผัน : (ตอนที่ ๑) โลกท่ีพลิกผัน (VUCA World)
การพลิกวิกฤตใหเปนโอกาส ทามกลางโลกที่พลิกผัน : (ตอนท่ี ๒) บทบาทของผูนําในภาวะวิกฤต
การพลิกวิกฤตใหเปนโอกาส ทามกลางโลกที่พลิกผัน : (ตอนท่ี ๓) การพลิกวิกฤตใหเปนโอกาส ๑๙. วันสถาปนากองเรือตรวจอาว ครบรอบ ๖๙ ป
๒๐. รวมเครือนาวี จักยลปฐพีไพศาล
๒๑. AUKUS คืออะไร
๒๒. ศรชล.กับขีดความสามารถดาน MDA
๒๓. ยุทธศาสตร “การรับรูคูไซเบอร”
๒๔. ร.ล.จุฬา จากคูกรรม
๒๕. แนวความคิดการใชเคร่ืองมือทางทหารและหลักนิยมการรบใหม “การปรับใชเรือบรรทุกเครื่องบนิ
ของกองทัพเรือตางประเทศ”
๒๖. ประสบการณชีวิตบนเสนทางรับราชการของ น.อ.หญิง เดือนฉาย เสขะนันทน ๒๗. ยามาโตเรือประจัญบานโลกจารึก (๑)
๒๘. ชักใบใหเรือดี


๒๙. เกิดอะไรขึ้นในอัฟกานิสถาน
๓๐. การฝกผสมทางทะเลระหวางอาเซียน-สหพันธรัฐรัสเซีย
๓๑. คําคมของเสด็จเตี่ย
๓๒. ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ ครบรอบ ๑๔๑ ป ประสูติ จอมพลเรือ สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ
เจาฟาบริพัตรสุขุมพันธุ
๓๓. การใชกําลังทางเรือยามสงบยุคโควิด
๓๔. เทคโนโลยีกับสงครามในอนาคต Technology for Future War ๓๕. ราชนาวิกสภา ก็โดนกับเขาดวยเหมือนกัน (ตอนที่ ๑)
ราชนาวิกสภา ก็โดนกับเขาดวยเหมือนกัน (ตอนจบ)
๓๖. ทร.อยาเลือกเวทีชก
๓๗. จระเขขวางคลอง บทเรียนจากคลองสุเอซ-คลองปานามา-ถึงอนาคตคลองไทย (ตอนที่ ๒)
๓๘. การยิงสนับสนุนรูปแบบใหมของนาวิกโยธินสหรัฐ Bring the past, Start again
๓๙. ระบบ SeaVision ขีดความสามารถดาน MDA ของ ศรชล.
๔๐. เกาทศวรรษ กาวที่มั่นคงของกรมสารบรรณทหารเรือ
๔๑. ๔๙ ป นักรบแหงสายนํ้า กองเรือลํานํ้า กองเรือยุทธการ
๔๒. Advantage at Sea
๔๓. การดําเนินงานของคณะกรรมการบานพักขาราชการ ในกองทัพเรือ ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
๔๔. ๑๖๐ ป สัมพันธภาพ เยอรมัน-ไทย ในบริบทของกิจการทหารเรือ
๔๕. สงครามรัสเซีย-ยูเครน กับ ยุทธวิธีและหลักการสงครามทางเรือ
๔๖. การพัฒนาทางเทคโนโลยีกับการเสริมสรางสมุททานุภาพ
๔๗. Operation Weserubung การยุทธสะเทินนํ้า สะเทินบกครั้งแรกของสงครามโลกคร้ังที่ ๒
๔๘. ทําไมตองเรือดํานํ้า : บทเรียนจากหนาประวัติศาสตรการปฏิบัติการเรือดํานํ้า
๔๙. วันที่ระลึกเรือดํานํ้า ดํายังไมทันมิด ดันโผล
๕๐. ๑๐๐ ป เครื่องหมายราชนาวิกสภา จาก “ธงราชนาวี สมอเรือ วงชูชีพ” ถึง “เข็มเครื่องหมายราชนาวิกสภา” ๕๑. นวัตกรรมดาวเทียมพลิกโลก
๕๒. อาณาเขตทางทะเล (Maritime Zone) กับความมั่นคงของชาติ (National Security)
๕๓. เมื่อรัสเซียบุกยูเครน จาก Blitzkrieg สู Blitzfail


ชีวิตเปรียบเสมือนการเดินทางพบเจอเรื่องต่าง ๆ มากมาย ไมว่ า่ จะเปน็ ความสขุ ความทกุ ข์ อปุ สรรค หรอื แมแ้ ตบ่ างครง้ั นา มาซงึ่ ทางแยก หรอื อาจจะจบดว้ ยทางตนั ที่เราไม่สามารถหาทางออกได้ แต่จะมีจุด ๆ หนึ่งที่ไม่ว่า ร่างกายจะล้าเพียงใดก็สามารถพักกายพักใจท่ีนั้นได้ และเป็นจุดปัจจัยพ้ืนฐานสาคัญในการดารงชีวิตของ มนุษย์ท่ีนั่นเรียกว่า “บ้าน”
คําขวัญของคณะกรรมกรบ้นพักข้รชกรในกองทัพเรือ
กองทัพเรือ ได้จัดให้มีการสร้างบ้านพักส่วนกลาง และบ้านพักหน่วยสาหรับกาลังพลของกองทัพเรือ โดยไดก้ า หนดระเบยี บ และกฎเกณฑใ์ นการบรหิ ารจดั การ ด้านที่พักอาศัยในอันที่จะทาให้คุณลักษณะบ้านของ กองทัพเรือ และครอบครัวจะต้องมิใช่เป็นแค่ “บ้าน” หรือ “House” ซึ่งเป็นเพียงที่พักอาศัยในความหมายท่ี เปน็ รปู ธรรมเทา่ นนั้ แตต่ อ้ งเปน็ “Home” ทม่ี คี วามหมาย เป็นนามธรรม ซ่ึงจะต้องเป็น “บ้าน” ที่ใช้พักกาย พักใจ จากความเหนื่อยล้า และความตรากตราจาก
นาวิกศาสตร์ 32 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
การทา งาน รวมทง้ั เปน็ สถานทใี่ หค้ วามสขุ แกก่ า ลงั พลของ กองทพั เรอื และครอบครวั ในการพกั อาศยั และมกี จิ กรรม ร่วมกัน เม่ือมีสถานที่พักอาศัย และสังคมโดยรอบดีแล้ว ก็จะเป็นการสร้างขวัญและกาลังใจท่ีส่งผลต่อ ประสิทธิภาพการทางานของกาลังพลของกองทัพเรือ
ทงั้ น้ี ดว้ ยปญั หาดา้ นทพ่ี กั อาศยั ของทหารเรอื ทสี่ ะสม มาเป็นระยะเวลายาวนาน และมีความยุ่งยากซับซ้อน พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ จึงได้กาหนดนโยบายประจาปี งป.๖๔ ด้านสวัสดิการ ให้ดาเนินการจัดการเรื่องสวัสดิการที่พักของกองทัพเรือ ทั้งบ้านพักหน่วย และบ้านพักส่วนกลางของกองทัพเรือ ต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามระเบียบ และมีรูปแบบการบริหารจัดการที่มีความเป็นมาตรฐาน เดียวกัน ตอบสนองต่อการมีสวัสดิการท่ีดีของกาลังพล ในทุกระดับอย่างแท้จริงเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงคต์าม นโยบายดังกล่าว จึงได้ปรับโครงสร้างของคณะกรรมการ บ้านพักข้าราชการในกองทัพเรือ หรือมีชื่อเรียกว่า “กบพ.” สาหรับรองรับกับภาระหน้าท่ีรับผิดชอบ ที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่รับผิดชอบเฉพาะบ้านพัก ส่วนกลาง ให้รับผิดชอบครอบคลุมถึงบ้านพักหน่วย ซึ่งเป็นการยกระดับการบริหารจัดการบ้านพัก ของกองทัพเรือให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน ด้วยโครงสร้างใหม่นี้ กองทัพเรือได้แต่งต้ัง พลเรือเอก สมชาย ณ บางช้าง ประธานคณะท่ีปรึกษา กองทพั เรอื (ปธ.คปษ.ทร.) เปน็ ประธาน กบพ. และไดเ้ รม่ิ


ปฏิบัติหน้าที่ด้วยการรวบรวมปัญหา จากปัญหาเก่าที่ คงั่ คา้ งสะสมไมว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งการใชส้ ทิ ธซิ์ า้ ซอ้ นการนา สทิ ธิ์ ใหบ้ คุ คลอนื่ เขา้ พกั อาศยั กฎระเบยี บทลี่ า้ สมยั ทพ่ี กั อาศยั ชารุดทรุดโทรมขาดการซ่อมบารุง รวมทั้งโครงสร้าง การบรหิ ารจดั การทยี่ งั ไมเ่ หมาะสม และจากปญั หาทพี่ บ จากการตรวจเยย่ี มบา้ นพกั สว่ นกลาง และบา้ นพกั หนว่ ย เมื่อรวบรวมปัญหาทั้งหมดแล้วจึงได้นามาวิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดทาแผนงาน และงบประมาณสาหรับ ใชแ้ กไ้ ขปญั หา และพฒั นาแนวทางดา เนนิ การของ กบพ. ในขั้นต้น
พลเรือเอก สมชย ณ บงช้ง ประธนคณะท่ีปรึกษกองทัพเรือ (ปธ.คปษ.ทร.) เป็นประธนคณะกรรมกร
บ้ นพกั ข้ รชกรในกองทพั เรอื (กบพ.)
การปรับโครงสร้างใหม่นี้ ถือว่าเป็นห้วงเวลา สาคัญของการเปลี่ยนผ่านแนวทางการบริหารจัดการ ท่ีพักอาศัยของกองทัพเรือที่จาเป็นต้องได้รับความ ร่วมมือร่วมใจ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงจากผู้มี สว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทกุ ระดบั ทงั้ ในระดบั นโยบายระดบั ผปู้ ฏบิ ตั ิ และท่ีสาคัญที่สุดคือในระดับของกาลังพลกองทัพเรือ และครอบครัว การนี้ กบพ. จึงได้แต่งต้ังคณะทางาน จานวน ๙ คณะ (รายละเอียดตามนิตยสาร นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือนเมษายน ๒๕๖๔ หน้า ๔๐) สา หรบั ทา หนา้ ทเ่ี ปน็ ฝา่ ยอา นวยการ ชว่ ยคดิ ชว่ ยทา และ ช่วยกากับติดตามผลการดาเนินงาน โดย กบพ. ได้แก้ไข ปัญหาต่าง ๆ รวมท้ังปรับปรุงระบบการบริหารจัดการ บ้านพักให้เป็นรูปธรรมแล้วในขั้นต้น และท่ีจะต้อง ดาเนินการต่อไปในอนาคต ดังนี้
กรจัดวงผังหลัก (Master Plan) ในกรสร้งอครที่พักในภพรวม
๑. การใช้ระบบ HRMISS สนับสนุนการบริหาร จัดการบ้านพักให้กับหน่วย และเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้อง อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันได้พัฒนาโปรแกรมให้ สามารถตรวจสอบข้อมูลพร้อมบันทึกรายละเอียด ผู้รอคิวเข้าพักอาศัย คานวณคะแนนตามหลักเกณฑ์ที่ กา หนดไวใ้ นระเบยี บฯ ตรวจแสดงรายชอื่ และรายละเอยี ด ของผู้ที่ย้ายไปปฏิบัติงานในหน่วยที่ตั้งอยู่ต่างพื้นที่กับ บ้านพัก ซึ่งดาเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
๒.การปรบั ปรงุ และบรู ณาการบรหิ ารจดั การบา้ นพกั ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดการเข้าพักอาศัย การดูแลขณะ พกั อาศยั จนถงึ การออกจากทพี่ กั อาศยั ใหม้ คี วามยตุ ธิ รรม และโปรง่ ใส ซง่ึ ไดน้ า ผลจากการสมั มนามาจดั ทา เปน็ คมู่ อื เพื่อใช้เป็นมาตรฐานต่อไป
๓. การปรับปรุงโครงสร้างของสานักงานควบคุม อาคารที่พักส่วนกลางประจาพื้นที่ โดยยกระดับ การบริหารจัดการให้นายทหารชั้นนายพลเรือ หรือ นาวาเอกพิเศษเป็นหัวหน้าสานักงานและจัดเจ้าหน้าท่ี จากหนว่ ยในพนื้ ทใี่ กลเ้ คยี งเปน็ กา ลงั พลประจา สา นกั งาน ซ่ึงดาเนินการเรียบร้อยแล้ว
๔. การปรบั ปรงุ ระเบยี บการเขา้ พกั อาศยั ในบา้ นพกั ใหม้ คี วามทนั สมยั โดยยกเลกิ ระเบยี บกองทพั เรอื วา่ ดว้ ย การพกั อาศยั ในอาคารทพี่ กั อาศยั สว่ นกลาง พ.ศ. ๒๕๕๓ และอนุมัติใช้ระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการพักอาศัย ในบ้านพักของกองทัพเรือ พ.ศ. ๒๕๖๔ เรียบร้อยแล้ว โดย กบพ. ได้ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ระเบียบ ดังกล่าวให้กาลังพลได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อย
นาวิกศาสตร์ 33 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


๕.การจดักจิกรรม๕ส.ภายใตค้าขวญั “หนา้บา้น นา่ มอง ในบ้านน่าอยู่ เหล่านาวีมีสุข” ท่ีนอกจากจะเป็น คาขวัญแล้ว ยังเป็นการแบ่งห้วงเวลากากับดูแลการ ดาเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไตรมาสแรก “หน้าบ้านน่ามอง” เป็นการเริ่มกิจกรรม ๕ ส. จากการ “สะสาง” ในไตรมาสท่ี ๒ “ในบ้านน่าอยู่” เน้นกิจกรรม ๕ ส. ในเรื่อง “สะดวก” และ “สะอาด” ตามโครงการ “น้าไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” ในไตรมาสที่ ๓ และ ไตรมาสท่ี ๔ “เหล่านาวีมีสุข” ที่เป็นการ “สร้าง สขุ ลกั ษณะ” และ “สรา้ งนสิ ยั ” อนั จะเปน็ การรกั ษา และ สร้างกิจวัตรการทากิจกรรม ๕ ส. ให้เคยชินจนเป็นนิสัย ทั้งน้ีควรจัดให้มีกิจกรรม ๕ ส. อย่างต่อเน่ืองเป็นประจา ทุกปี เพื่อให้กาลังพลได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันดูแล ที่พักอาศัยของตนเอง
นโยบยผู้บัญชกรทหรเรือ ประจําปีงบประมณ ๒๕๖๔ ด้นกรสวัสดิกร
นาวิกศาสตร์ 34 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
กรจดั กจิ กรรม ๕ ส. ภยใตค้ ํา ขวญั “หน้ บ้ นน่ มอง ในบ้นน่อยู่ เหล่นวีมีสุข”


๖. วางแผนซ่อมปรับปรุง รื้อถอนบ้านพัก ที่ไม่มี ความคมุ้ คา่ ในการซอ่ มทา หรอื ไมเ่ หมาะสมกบั การพกั อาศยั โดยได้ส่งเจ้าหน้าท่ีเข้าสารวจในพ้ืนที่ต่าง ๆ แล้วสรุป เป็นข้อมูลสาหรับพิจารณาจัดลาดับความสาคัญในการ ขออนุมัติงบประมาณเพื่อซ่อมปรับปรุง หรือรื้อถอน ในภาพรวม และยังได้กากับติดตามการก่อสร้างบ้านพัก ให้เป็นไปตามกรอบเวลา รวมทั้งติดตามผลการซ่อมทา ที่ยังไม่เรียบร้อย เช่น ระบบบาบัดน้าเสียของบ้านพัก ส่วนกลางพื้นที่บางนา และบ้านพักของข้าราชการ ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคท่ี ๓ เป็นต้น ซ่ึงต้องติดตาม อย่างต่อเน่ืองต่อไป
๗. การจัดทาผังหลักในการพัฒนาพื้นที่บ้านพัก ส่วนกลาง และการวางแผนก่อสร้างบ้านพักในตาบลที่ ทเี่ หมาะสม รวมทง้ั มกี ารออกแบบของทพี่ กั ใหส้ อดคลอ้ ง กับสภาพความเป็นอยู่ท่ีแท้จริง และมีจานวนเหมาะสม กับความต้องการของกาลังพลในอนาคต โดยศึกษา แนวทางก่อสร้างบ้านพักส่วนกลางในพื้นท่ี กรุงเทพฯ บริเวณพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ และพ้ืนที่บริเวณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ท่ีรูปแบบของอาคารใหม่จะต้องมี ความคุ้มค่ากับมูลค่าที่ดิน และมีขนาดของห้องกับพ้ืนท่ี สว่ นกลางเหมาะสมกบั รปู แบบการใชง้ านในอนาคต ซงึ่ มี การสรุปผลการศึกษา และให้กองทัพเรืออนุมัติหลักการ อีกทั้งยังได้กาหนดพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักส่วนกลางพื้นที่ สตั หบี แหง่ ท่ี ๒ บรเิ วณหลงั หลกั กโิ ลเมตรที่ ๖ อา เภอสตั หบี (เนื่องจากบ้านพักส่วนกลางแห่งแรกของสัตหีบบริเวณ ปากทางเข้ากองบัญชาการนาวิกโยธิน ปัจจุบันมี ผพู้ กั อาศยั อยเู่ ปน็ จา นวนมาก) ไวส้ า หรบั กอ่ สรา้ งบา้ นพกั ส่วนกลางตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากน้ียังได้ศึกษาแนวทางการสรุป ความต้องการอาคารที่พักอาศัย และบ้านพักหน่วยใน ภาพรวมของกองทัพเรือว่าควรให้ (นขต.ทร.) พิจารณา เสนอความต้องการก่อสร้างอาคาร และบ้านพักหน่วย ในภาพรวมของกองทพั เรอื โดยผา่ นกบพ.กอ่ นทจี่ ะเสนอให้ คณะกรรมการพิจารณาโครงการของกองทัพเรือ ซึ่งต้อง ติดตามการดาเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป
ภพผังหลักในกรพัฒนพ้ืนที่บ้นพักส่วนกลงพื้นที่สัตหีบแห่งท่ี ๒
๘. การจัดประกวดบ้านพัก และอาคารที่พักอาศัย โดยเริ่มดาเนินการจากจัดประกวดแข่งขันภายในหน่วย ซึ่งแต่ละหน่วยจะหาผู้ชนะเลิศ และเสนอชื่อดังกล่าว เข้าแข่งขันในระดับกองทัพเรือต่อไป โดยการแข่งขันกัน ภายในหน่วยมีการประกาศผล และมอบรางวัลในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สาหรับการคัดเลือกผู้ชนะเลิศ ในระดับกองทัพเรือ ได้ดาเนินการและจัดพิธีมอบรางวัล ในท่ีประชุม นขต.ทร. เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
พิธีมอบรงวัลกรจัดประกวดบ้นพักและอครท่ีพักอศัย
นาวิกศาสตร์ 35 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


๙. การตรวจผู้พักอาศัยที่กระทาผิดระเบียบ ได้ ดาเนินการอย่างต่อเนื่อง เม่ือตรวจพบผู้กระทาความผิด จะมบี ทลงโทษจนถงึ ขนั้ ใหย้ า้ ยออก และแจง้ หนว่ ยตน้ สงั กดั เพื่อพิจารณาลงทัณฑ์ตามแต่ละกรณีไป ซ่ึงจะยังคง ดาเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป
กรตรวจผู้พักอศัยตมโครงกร “เดินเท้ เข้บ้น”
๑๐. การกากับการย้ายทะเบียนราษฎร์ ซึ่งมี ความก้าวหน้าอย่างมาก โดยส่วนของบ้านพักส่วนกลาง ดา เนนิ การแลว้ รอ้ ยละ๗๑และของบา้ นพกั หนว่ ยรอ้ ยละ ๗๙ ซ่ึงยังต้องติดตามผลการดาเนินการอย่างต่อเน่ือง
๑๑. อนุกรรมการบ้านพักข้าราชการในกองทัพเรือ พื้นท่ีต่าง ๆ ท่ีมีบ้านพักส่วนกลาง และบ้านพักหน่วย มีความรู้ความเข้าใจ และดาเนินการจัดทาประมาณการ รายไดร้ ายจา่ ยประจา ปเี ปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ย ซงึ่ จะสามารถใชเ้ ปน็ รปู แบบการดา เนนิ การดา้ นงบประมาณไดต้ งั้ แตป่ ี งป.๖๕ เป็นต้นไป
๑๒.จดั ใหม้ กี ารประเมนิ ความพงึ พอใจการดา เนนิ การ ของกบพ.จา นวน๒ครงั้ เพอ่ื ตรวจสอบผลการดา เนนิ งาน ของ กบพ. อันจะนาไปใช้ในการปรับปรุงโครงสร้าง และการบริหารจัดการบ้านพักให้มีความเหมาะสม ย่ิงขึ้นต่อไป
นาวิกศาสตร์ 36 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
๑๓. การปรับปรุงโครงสร้าง และระบบงาน ของ กบพ. ด้วยการนาผลจากการดาเนินการท่ีผ่านมา และจากการประเมินของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้ง ผลทไี่ ดจ้ ากการสมั มนาของ กบพ. ทงั้ ๓ ครงั้ มาวเิ คราะห์ และสังเคราะห์สาหรับปรับปรุงโครงสร้างฯ ให้เหมาะสม ยิ่งขึ้น ทาง กบพ.จึงได้จัดทาโครงสร้างใหม่ของ กบพ. อกบพ. และสานักงานควบคุมอาคารที่พัก สว่ นกลาง และบา้ นพกั หนว่ ย รวมทงั้ กา หนดแนวทางการ บริหารจัดการให้มีความเหมาะสมยิ่งข้ึน เพื่อให้สามารถ ใชบ้ รหิ ารจดั การ กบพ. ในอนาคตไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเสนอโครงสรา้ งและแนวทางการบรหิ ารจดั การใหมน่ ี้ ใหก้ องทพั เรอื อนมุ ตั ใิ ชแ้ ลว้ ในเดอื นกนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ และตอ้ งนา โครงสรา้ งฯ ดงั กลา่ วมาทดลองใชอ้ กี ระยะหนงึ่ เปน็ เวลาอยา่ งนอ้ ย ๖ เดอื น เพอื่ ใหก้ า ลงั พลทรี่ บั หนา้ ทใี่ หม่ ไดม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจ รวมทงั้ จะมเี วลาในการตรวจสอบวา่ โครงสร้างใหม่นี้มีความเหมาะสมพร้อมที่จะดาเนินการ ใช้จริงต่อไป
๑๔.จากปญั หาการแพรร่ ะบาดของไวรสั โคโรนา๒๐๑๙ ที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กบพ. ได้ให้ความสาคัญ เปน็ อยา่ งยงิ่ และแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วในเชงิ รกุ โดยการจดั หา ที่กดแอลกอฮอล์แบบเหยียบ ถาดรองน้ายา อุปกรณ์ ไม้ก้ันไม้กระดก สาหรับจากัดบุคคลภายนอก ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่โดยง่าย รวมทั้งการกาหนดแนวทาง การจัดทา และจัดเตรียมสถานที่สาหรับการแยกผู้ป่วย ติดเชื้อในลักษณะของ Home Isolation และ Community Isolation เพ่ือให้กาลังพลที่พักอาศัย มคี วามมนั่ ใจวา่ จะไดร้ บั การดแู ลจากกองทพั เรอื เปน็ อยา่ งดี อีกทั้งจะเป็นการลดความต่ืนตระหนกในชุมชน โดยต้อง ดาเนินการให้เป็นรูปธรรม ตามสถานการณ์ความรุนแรง ต่อไป
จากผลการดาเนินงานของ กบพ. ตามที่ได้ นาเรียนให้ทราบนั้น เป็นการแก้ปัญหาภายใต้ข้อจากัด และส่ิงท้าทาย ทั้งเร่ืองของบุคลากร งบประมาณ และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการของ กบพ.


แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ทาให้ความมุ่งมั่น และความตั้งใจ ในการทา งานของ กบพ. ลดนอ้ ยลงแตอ่ ยา่ งใด นอกจากน้ี กบพ. ยังได้ทาการประเมินตนเองเพื่อตรวจสอบ ผลการดาเนินงานท่ีผ่านมาและนามาแก้ไขปรับปรุง โครงสรา้ งและแนวทางบรหิ ารของกบพ.ใหเ้หมาะสมยงิ่ ขน้ึ รวมท้ังสามารถใช้เป็นมาตรฐานอย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคตไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื
การปรบั โครงสรา้ งใหมข่ อง กบพ. ตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารเรือครั้งนี้ถือว่าเป็นการวางรากฐาน ทม่ี นั่ คงในระบบการบรหิ ารจดั การบา้ นพกั ของกองทพั เรอื อย่างไรก็ตามการดาเนินการของ กบพ. ในอนาคต
ในการดารงความมุ่งประสงค์ที่จะทาให้การสวัสดิการ ด้านที่พักอาศัยของกองทัพเรือ มีรูปแบบการบริหาร จัดการที่เป็นมาตรฐาน ตอบสนองต่อการมีสวัสดิการท่ี ดีของกาลังพลในทุกระดับนั้น กบพ. เชื่อมั่นว่ากาลังพล ของกองทัพเรือทุกนายจะได้ประจักษ์ถึงผลงานก้าวแรก ของ กบพ. ที่จะทาให้ “บ้าน” ของกาลังพลกองทัพเรือ เป็นทั้ง “House” และ “Home” ท่ีพักอาศัยอยู่แล้ว มีความสุขอย่างแท้จริง และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ ในการใหค้วามรว่มมอืรว่มใจสนบัสนนุการดาเนนิงานของ กบพ. ตอ่ ไปในอนาคต ดงั คา ขวญั ของผบู้ ญั ชาการทหารเรอื “พลังสามัคคี พลังราชนาวี”
คําขวัญผู้บัญชกรทหรเรือ “พลังสมัคคี พลังรชนวี”
นาวิกศาสตร์ 37 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


“ทหารนั้น มิใช่จะมีหน้าที่ใช้ศัสตราวุธทาสงครามประการเดียว หากยังต้องปฏิบัติภารกิจ ด้านกิจการพลเรือน คือ ใช้ความรู้ ความคิด จิตวิทยา และความเฉลียวฉลาด ซึ่งอาจรวมเรียกว่าอาวุธ ทางปัญญาเข้าปฏิบัติพัฒนาท้องถิ่น ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความปลอดภัย มีขวัญและกาลังใจ ที่จะสร้างความดี ความเจริญ ความมั่นคง ให้แก่ตนเองและส่วนรวมอีกประการหนึ่งด้วย ...”
พระบรมราโชวาท
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานกระบ่ีและปริญญาบัตรแก่ผู้สา เร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ณ อาคารใหม่สวนอัมพร
เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๓๖
“กจิ การพลเรอื น” (Civil Affairs) คอื การดา เนนิ งาน ทางทหารท่ีเกี่ยวข้อง หรือมีผลกระทบกับฝ่ายพลเรือน ในดา้ นการเมอื ง การปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม จติ วทิ ยา ตลอดจนเทคโนโลยแี ละสง่ิ แวดลอ้ มมคี วามมงุ่ หมายเพอื่ ให้ ฝ่ายพลเรือน และประชาชนมีส่วนร่วมสนับสนุน การปฏิบัติการทางทหาร ทั้งในยามปกติ และในยาม สงคราม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ได้มาซึ่ง “ชัยชนะ”
จาก “สงครามจติ วทิ ยา” สกู่ ารจดั ตงั้ “กรมกจิ การ พลเรือนทหารเรือ”
สืบเนื่องจากการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ จนกระทงั่ ใน พ.ศ. ๒๕๐๐ ไดม้ กี ารจดั ตงั้ พรรคคอมมวิ นสิ ต์ แห่งประเทศไทย (พคท.) และมีการหาแนวร่วม โดยการโฆษณาชวนเชื่อปลุกระดมมวลชนให้เลื่อมใส ในลัทธิคอมมิวนิสต์ รัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงาน ทางทหารได้พยายามนาอุดมการณ์ประชาธิปไตยมา
นาวิกศาสตร์ 38 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ต่อต้าน และหยุดยั้งการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยใช้การปฏิบัติการจิตวิทยา หรือที่นิยมเรียกในยุคนั้น ว่า “สงครามจิตวิทยา” เป็นเครื่องมือในการดา เนินการ ในส่วนของกองทัพเรือ ได้มีการจัดตั้งแผนกสงคราม จิตวิทยาข้ึนอีกแผนกหน่ึงในกองยุทธการ กรมยุทธการ ทหารเรอื มหี นา้ ทใ่ี นการทา สงครามจติ วทิ ยาตอ่ ตา้ นลทั ธิ คอมมิวนิสต์ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้มีการจัดตั้ง โรงเรียนสงครามจิตวิทยา เพื่อให้ความรู้แก่กาลังพล ของกองทพั เรอื ใหส้ ามารถปฏบิ ตั กิ ารจติ วทิ ยาตอ่ ประชาชน ในการต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในประเทศไทย ทั้งน้ี การปฏิบัติการจิตวิทยาดังกล่าว จะต้องมีการดาเนินการด้านกิจการพลเรือนอ่ืน ๆ ไปพร้อม ๆ กัน เช่น การช่วยเหลือประชาชน การ บรรเทาสาธารณภัย การให้การสนับสนุนตามที่พลเรือน ร้องขอ และการประชาสัมพันธ์ จึงถือได้ว่างานด้าน กิจการพลเรือนของกองทัพเรือได้มีการดาเนินการ


นบั แตน่ นั้ เปน็ ตน้ มา จากนนั้ งานดา้ นกจิ การพลเรอื นของ กองทัพเรือมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนกระท่ัง พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้มีการจัดตั้งกองกิจการพลเรือนเป็น หน่วยขึ้นตรงกรมยุทธการทหารเรือ และเน่ืองจาก กองทัพเรือมีขอบเขตความรับผิดชอบและปริมาณงาน ดา้นกจิการพลเรอืนเพมิ่มากขน้ึกองทพัเรอืจงึมนีโยบาย จดั ตงั้ “กรมกจิ การพลเรอื นทหารเรอื ” เปน็ หนว่ ยขน้ึ ตรง กองทัพเรืออีกหน่วยหน่ึง และได้มีการดาเนินการ มาตามลาดับ จนกระทั่งวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่าง พระราชกฤษฎกี าแบง่ สว่ นราชการ และกา หนดหนา้ ทข่ี อง สว่ นราชการกองทพั เรอื ตงั้ กรมกจิ การพลเรอื นทหารเรอื เปน็ หนว่ ยขนึ้ ตรงกองทพั เรอื และประกาศในพระราชกจิ จา นเุบกษาเมอื่วนัที่๒๕ตลุาคมพ.ศ.๒๕๓๘มผีลบงัคบัใช้ ในวันท่ี ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ จึงถือเอาวันท่ี ๒๖ ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนากรมกิจการ พลเรือนทหารเรือ ต้ังแต่น้ันเป็นต้นมา
“กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ” มีหน้าท่ีวางแผน อานวยการ ประสานงาน กากับการ และดาเนินการ งานด้านกิจการพลเรือน การสงครามการเมืองในหน่วย ทหาร การปฏิบัติการจิตวิทยา การช่วยเหลือประชาชน การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาประเทศ การอนุรักษ์ ส่ิงแวดล้อมของกองทัพเรือ และสนับสนุนงานตาม โครงการพระราชดาริ ตลอดจนให้การฝึกและศึกษาวิชา กิจการพลเรือน และวิชาอ่ืน ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย มีเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือเป็นผู้บังคับบัญชา รับผิดชอบ ปัจจุบันกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ตงั้ อยเู่ ลขท่ี ๒๐๐ ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวงั เขตพระนคร กรงุ เทพฯ โดยมวี สิ ยั ทศั นค์ อื “เปน็ หนว่ ยงาน ที่เสริมสร้างความเช่ือม่ันในการปฏิบัติภารกิจของ กองทัพเรือต่อสาธารณชน”
จาก “กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ” สู่ “กองทัพเรือท่ีประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ”
พลเรอื เอกชาตชิ ายศรวี รขานผบู้ ญั ชาการทหารเรอื
ได้มอบนโยบายด้านกิจการพลเรือนของกองทัพเรือ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ไว้ดังนี้
๑. ดาเนินงานด้านกิจการพลเรือนเพื่อสนองตอบ งานในโครงการพระราชดา รทิ กุ รายการ และงานดา้ นจติ อาสา โดยตอ้งดาเนนิการควบคกู่บัการประชาสัมพันธ์เชิงรุกท่ีมี ประสิทธิภาพ
๒. ดาเนินงานด้านกิจการพลเรือน โดยการระดม สรรพกาลัง และประสานงานทุกรูปแบบให้สอดคล้อง กับการปฏิบัติงานเชิงรุกของกองทัพเรือในทุกเรื่อง ทุกพ้ืนที่ อย่างรวดเร็ว และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีทุกรูปแบบให้กับกองทัพเรือ ในการปฏิบัติงาน เพื่อเป็น “กองทัพเรือที่ประชาชน เชื่อมั่นและภาคภูมิใจ”
๓. ดาเนินการด้านการประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร สร้างการรับรู้สร้างภาพลักษณ์สร้างทัศนคติที่ดี ท้ังภายในและภายนอกกองทัพเรือได้อย่างเพียงพอ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยให้สอดคล้องกับ เป้าหมาย เทคโนโลยี เคร่ืองมือ กลไกในการส่ือสาร ประชาสัมพันธ์ที่มีอยู่ปัจจุบัน ประชาชนสามารถมี ความเข้าใจบทบาท ภารกิจ หน้าที่ และการปฏิบัติงาน ของกองทัพเรือ โดยให้วางแผน และดาเนินการอย่าง เป็นรูปธรรม และผลงานสามารถช้ีวัดได้ สามารถ เปล่ียนแปลงวิธีการได้อย่างเหมาะสมตรงความต้องการ ตามสภาวการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
“กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ” ได้น้อมนา พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นโยบาย ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื และวสิ ยั ทศั นข์ องหนว่ ย เปน็ กรอบ แนวทาง ในการปฏิบัติงานด้านกิจการพลเรือนของ กองทัพเรือ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถ สร้างความเชื่อม่ันให้กับประชาชน โดยเน้นให้เป็นไป ตามมาตรการปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของศนู ยบ์ รหิ ารสถานการณ์ แพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ กระทรวง มหาดไทย (ศบค.มท.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ
นาวิกศาสตร์ 39 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


กองทพั เรอื อยา่ งเครง่ ครดั มผี ลการปฏบิ ตั ใิ นปงี บประมาณ ๒๕๖๔ สรุปได้ดังน้ี
การจัดกิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
กองทัพเรือ โดยกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ได้จัด กจิ กรรมเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ เนอื่ งในวนั สา คญั ท่ีเกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์อย่างต่อเนื่อง โดยมกี ารดา เนนิ การสา คญั ไดแ้ ก่การจดั กจิ กรรมเนอื่ งใน วนัคลา้ยวนัสวรรคตพระบาทสมเดจ็พระบรมชนกาธเิบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๖๓ การจัดกิจกรรม "เทิดไว้เหนือเกล้าผองเรา เหล่านาวี" เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิบศรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ การจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาส วนั เฉลมิ พระชนมพรรษา สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ี ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ การจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และการจัดกิจกรรมเน่ืองใน โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔ เป็นต้น
ตามแนวพระราชดาริ ของกองทัพเรือ (ศปง.โครงการ จิตอาสาฯ ทร.) จัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน "เราทาความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" กิจกรรม “จิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔” กิจกรรม “จิตอาสา ภยั พบิ ตั ”ิ “จติ อาสาเฉพาะกจิ ” และ “จติ อาสาพฒั นา” โดยในห้วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓-มิถุนายน ๒๕๖๔ มีการดาเนินการสาคัญ ได้แก่ จัดกาลังพลจิตอาสา กองทัพเรือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนและ ประชาชน ปรับแต่งภูมิทัศน์ พัฒนาทาความสะอาด ขุดลอกคูคลอง กาจัดวัชพืช และรณรงค์ไม่ท้ิงขยะลง แม่น้าลาคลอง ในพ้ืนที่บริเวณวัดสุขใจ เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ บริเวณคลองขรัวตาแก่น และคลองทุ่ง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ บริเวณชุมชนวัดครุฑ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ บริเวณสถานีรถไฟฟ้า MRT อสิ รภาพ เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพฯ บรเิ วณวดั นาคกลาง วรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ บริเวณวัด ชิโนรสารามวรวิหาร เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ รวมท้ัง พัฒนาพื้นที่บริเวณถนนอิสรภาพ และถนนมหาราช
การจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ในพื้นที่บริเวณวัดนาคกลางวรวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔
การบรรเทาสาธารณภัย
ปัจจุบันสถานการณ์สาธารณภัยในประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะเกิดข้ึนอย่างต่อเนื่อง และมีความรุนแรง เพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายของทรัพย์สินเป็นวงกว้าง ดังนั้น การบรรเทาสาธารณภัยจึงต้องดาเนินการในลักษณะ ของการบูรณาการร่วมกันระหว่างกองทัพเรือ หน่วยงาน
การจัดกิจกรรมเน่ืองในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๓
การดาเนินงานด้านจิตอาสา
กองทัพเรือ ได้ให้การสนับสนุนศูนย์อานวยการใหญ่ จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.พระราชทาน) และ ศนู ยป์ ระสานและสนบั สนนุ โครงการจติ อาสาพระราชทาน
นาวิกศาสตร์ 40 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ภาครฐั และภาคเอกชน ในการแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ น ใหก้ บั ประชาชนในพนื้ ทรี่ บั ผดิ ชอบของกองทพั เรอื รวมทงั้ พ้ืนที่อื่น ๆ ตามท่ีได้รับการร้องขอ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ มกี ารปฏบิ ตั ทิ สี่ า คญั ไดแ้ ก่ การมอบผา้ หม่ กนั หนาว พร้อมอุปกรณ์เครื่องใช้จาเป็นให้ประชาชนท่ีประสบ ภัยหนาวในพื้นท่ี ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดเก็บผักตบชวา ขุดลอก คคูลองและเตรยีมแหลง่นา้ธรรมชาตติา่งๆเพอื่บรรเทา ความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร และประชาชนที่ประสบ ภยั แลง้ ในพนื้ ทภี่ าคตะวนั ออกและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ การสนับสนุนเรือผลักดันน้า พร้อมกาลังพล และอุปกรณ์ ในการเร่งระบายน้าจากแม่น้าสายหลักลงสู่ทะเล การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยทางทะเล การช่วยเหลือ ประชาชนจากเหตเุ พลงิ ไหม้ การปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาไฟปา่ และหมอกควัน รวมท้ังการติดตั้งเคร่ืองบาบัดฝุ่น PM 2.5 จานวน ๒ เครื่อง ณ บริเวณพื้นที่ลานจอดรถด้านหน้า ร้านค้าสวัสดิการกองทัพเรือ พ้ืนที่วังนันทอุทยาน เป็นต้น
การติดต้ังเคร่ืองบาบัดฝุ่น PM 2.5 ณ บริเวณพื้นที่ลานจอดรถด้านหน้าร้านค้า สวัสดิการกองทัพเรือ พ้ืนท่ีวังนันทอุทยาน
การพัฒนาประเทศและอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม
การพัฒนาประเทศและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ กองทพั เรอื มกี ารดา เนนิ การทส่ี า คญั ไดแ้ ก่การจดั กจิ กรรม ปลูกต้นไม้ และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาส มหามงคลพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ภายใตช้ อื่ “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดินไทย” สืบสานสู่ ๑๐๐ ล้านต้น
และกิจกรรมการปลูกต้นไม้ในบริเวณของหน่วยงาน และสถานท่ีสาธารณะเนื่องในวันวิสาขบูชา “วันต้นไม้ ประจาชาติ” ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๔ มิถุนายน ของทุกปี การจดั ตง้ั ศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ กษตรทฤษฎใี หม่ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” โดยการน้อมนาเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรรัชกาลที่๙มาประยุกต์เป็นต้นแบบให้ กาลังพลกองทัพเรือ ครอบครัว และประชาชนท่ัวไปใช้ เปน็ แนวทางในการดา รงชวี ติ แบบพงึ่ พาตนเอง สอดคลอ้ ง กับพระปฐมบรมราชโองการของ พระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของรัชกาลที่ ๙ ท้ังนี้ ได้มีพิธีเปิดโครงการ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” ณศนู ยก์ ารฝกึ หนว่ ยบญั ชาการตอ่ สอู้ ากาศยานและรกั ษาฝง่ั เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดย พลเรือเอก
พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี เปิดโครงการ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ”
ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝ่ัง เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔
ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ กรุณาให้ เกียรติเป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ ผลผลิตจากโครงการ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” สามารถนาไปแจกจ่าย ให้กับกาลังพลกองทัพเรือ ครอบครัว และประชาชน
นาวิกศาสตร์ 41 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้อีกด้วย
การป้องกันยาเสพติด
Youtube กองทัพเรือ Royal Thai Navy-Official Channel มีกิจกรรมสาคัญประกอบด้วย การสัมภาษณ์ ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื ในฐานะผอู้ า นวยการศนู ยอ์ า นวยการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ การแสดง ดนตรีของวงดุริยางค์ทหารเรือ การให้ความรู้เกี่ยวกับ พิษภัยของยาเสพติด การเผยแพร่ภาพยนตร์สั้นรณรงค์ ต่อต้านยาเสพติด และการตอบคาถามปัญหายาเสพติด มีผู้ติดตาม จานวน ๕,๗๐๐ คน
มกี ารปฏบิ ตั ทิ ส่ี า คญั ไดแ้ ก่การจดั โครงการ“กองทพั เรอื
รวมใจ ร่วมต้านภัยยาเสพติด” ในพื้นท่ีรับผิดชอบ
ของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลาแม่น้าโขง
เขตเชียงราย ณ เทศบาลตาบลแม่เงิน อาเภอเชียงแสน
จังหวัดเชียงราย และในพ้ืนที่รับผิดชอบของหน่วยเรือ
รักษาความสงบเรียบร้อยตามลาแม่น้าโขง เขตนครพนม
ณ โรงเรียนอนุบาลบุ่งคล้า อาเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ
ในห้วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยมี
วัตถุประสงค์เพ่ือรณรงค์ปลูกจิตสานึกการมีส่วนร่วม
ในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด มีกิจกรรมท่ีสาคัญ
ประกอบด้วย การกล่าวปฏิญาณไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเกาะแสมสาร และเกาะข้างเคียง รวม ๙ เกาะ การให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภยัของยาเสพตดิการให้บริการเป็นพ้ืนที่ดาเนินโครงการต้ังแต่ปี๒๕๔๑เป็นต้นมา ทางการแพทย์ และการแสดงดนตรีของวงดุริยางค์ โดยในระยะเริ่มต้นของโครงการได้พระราชทานพระราช
ทหารเรอื การจดั กจิ กรรม“วนั รณรงคต์ อ่ ตา้ นยาเสพตดิ ” เน่ืองในวันต่อต้านยาเสพติดโลก๒๖มิถุนายน๒๕๖๔
กระแสต่อผู้บัญชาการทหารเรือในขณะน้ันว่า หากมี ผู้สงสัยเหตุใดกองทัพเรือจึงต้องทางานอนุรักษ์ทรัพยากร ทะเลก็ให้ชี้แจงว่า “กองทัพเรือทางานนี้ เพื่อความ มั่นคงของประเทศ” สาหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๔ มีการปฏิบัติที่สาคัญ เช่น การสนับสนุนหน่วยงาน และ สถาบันต่าง ๆ ในการสารวจศึกษาวิจัยบริเวณพื้นที่ โครงการ การสารวจข้อมูลสมุทรศาสตร์ ตรวจกระแสน้า เก็บตัวอย่างน้าผิวดิน น้าทะเล และตัวอย่างดินบริเวณ พนื้ ทโี่ ครงการ การสนบั สนนุ โครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี(อพ.สธ.)ในการสา รวจและ เก็บรวบรวมทรัพยากรกายภาพ และชีวภาพบริเวณพ้ืนท่ี เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา ในห้วงเดือน เมษายน ๒๕๖๔ การจัดทาโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการ สารวจความหลากหลายทางชีวภาพของสาหร่ายทะเล โครงการขยายพันธุ์กัลปังหาบริเวณพ้ืนที่เกาะแสมสาร และเกาะใกลเ้ คยี ง โครงการเพาะเลย้ี งสาหรา่ ยชอ่ พรกิ ไทย และสาหร่ายผักกาดทะเล โครงการเพิ่มพ้ืนที่หญ้าทะเล
การดาเนินงานเพื่อสนองตอบงานในโครงการ พระราชดาริ ประกอบด้วย
๑. โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจาก พระราชดา ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราช กุมารี กองทัพเรือ (อพ.สธ.-ทร.) เป็นโครงการที่ กองทัพเรือได้ร่วมสนองพระราชดาริ และได้ทูลเกล้าฯ
การจัดกิจกรรมวันรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด เน่ืองในวันต่อต้านยาเสพติดโลก
เผยแพร่ทาง Facebook กองทัพเรือ Royal Thai Navy และ Youtube กองทัพเรือ Royal Thai Navy - Official Channel
โดยการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กลุ่ม เปา้ หมายผา่ นสอื่ สงั คมออนไลน์ (Social Media) เผยแพร่ ทาง Facebook กองทัพเรือ Royal Thai Navy และ
นาวิกศาสตร์ 42 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


โดยวิธีย้ายปลูก บริเวณพื้นที่อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อาเภอสิเกา จังหวัดตรัง โครงการอนุรักษ์และพัฒนา โหนหอยเทียมธรรมชาติ ณ บริเวณอ่าวบ้านบากัน ตาบลอ่าวลึกน้อย อาเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ รวมทั้ง การบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “บทบาทของกองทัพเรือ ในการสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่อง มาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ให้กับนักเรียนหลักสูตรต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เม่ือวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้น
๒. โครงการอุทยานใต้ทะเล จุฬาภรณ์ ๓๖ เป็น โครงการทกี่ องทพั เรอื ไดจ้ ดั ทา เพอื่ ถวายแดศ่ าสตราจารย์ ดร.สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งนางเธอ เจา้ ฟา้ จฬุ าภรณวลยั ลกั ษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เฉลิมพระเกียรติในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๓๖ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการ อนรุ กั ษ์ ฟน้ื ฟู และปอ้ งกนั การทา ลายทรพั ยากรธรรมชาติ ทางทะเลฝั่งอันดามัน จากนั้นได้ให้การดาเนินงาน เพื่อสนองตอบโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่อง สาหรับ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ มีการปฏิบัติที่สาคัญ เช่น การสนบั สนนุ ครฝู กึ และเรอื ระบายพลขนาดใหญ่ (รพญ.) ในการอบรมดาน้าเพ่ือการอนุรักษ์ฯ การสนับสนุนเรือ ตรวจการณ์ชายฝั่ง (ตกช.) ในงานวางทุ่น เฝ้าตรวจ ประเมินผล และเฝ้าระวังเพื่อการส่งกลับเจ้าหน้าท่ี/ ผปู้ ระสบภยั เนอื่ งจากการปฏบิ ตั งิ านใตน้ า้ ของโครงการฯ สนับสนุนการซ่อมทาตัวเรือจุฬาภรณ์ ๔๘ การให้บริการ ทางการแพทย์ การสนับสนุนท่าเทียบเรือ และสิ่งอานวย ความสะดวกในการดาเนินโครงการฯ เป็นต้น
๓. โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิต ใต้ทะเลไทย ในพระดาริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า สริ วิ ณั ณวรีนารรี ตั นราชกญั ญาเปน็ โครงการทก่ี องทพั เรอื หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมสนองพระดาริ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือใน การอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิต ใต้ทะเล ซ่ึงต่อมาได้มีการจัดตั้ง “มูลนิธิอนุรักษ์ปะการัง
และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” หลังจากนั้น สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ สริ วิ ณั ณวรีนารรี ตั นราชกญั ญา องค์ประธานมูลนิธิฯ ได้ทรงมีพระกระแสให้รวม โครงการฯ และมูลนิธิฯ เป็นหน่วยเดียวกัน โดย ให้เหลือแต่มูลนิธิฯ แล้วนากิจกรรมของโครงการฯ มารวมดาเนินการในนามมูลนิธิฯ ทั้งน้ี ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ มีการปฏิบัติที่สาคัญ เช่น การจัดกิจกรรม “รกั ษป์ ะการงั และสงิ่ มชี วี ติ ใตท้ ะเลไทย” ณ บรเิ วณอา่ วดงตาล อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ สริ วิ ณั ณวรี นารรี ตั นราชกญั ญา เสดจ็ เปน็ องคป์ ระธาน การจดั การฝกึ อบรมหลักสูตร “การดาน้าเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและ สง่ิ มชี วี ติ ใตท้ ะเลไทย” ณ กองการฝกึ กองเรอื ยทุ ธการ และ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เมอื่ วนั ที่ ๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทรงเป็น อาจารย์ (พิเศษ) รวมท้ังการจัดกิจกรรม “อนุรักษ์แนว ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย” ตามแนวพระดาริฯ ณ บริเวณหาดนภาธาราภิรมย์ กองการบินทหารเรือ กองเรอื ยทุ ธการ และบรเิ วณหาดเตยงาม หนว่ ยบญั ชาการ นาวิกโยธิน เป็นต้น
การจัดกิจกรรม “อนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย” ตามแนวพระดาริฯ ณ บริเวณหาดนภาธาราภิรมย์ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ และบริเวณหาดเตยงาม หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
นาวิกศาสตร์ 43 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๔ รวมทั้ง จัดกาลังพลร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือบุคลากร ทางการแพทย์ในการฉีดวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ให้แก่ประชาชน ณ ไอคอนสยาม ในห้วงเดือนมิถุนายน-ธันวาคม ๒๕๖๔ การแจกจ่าย อาหาร และเครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภคใหก้ บั ประชาชนทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ สริ วิ ณั ณวรี นารรี ตั นราชกญั ญา เสดจ็ เปน็ องคป์ ระธาน การจัดการฝึกอบรมหลักสูตร “การดาน้าเพ่ือการอนุรักษ์ปะการัง และส่ิงมีชีวิต ใต้ทะเลไทย” ณ กองการฝึก กองเรือยุทธการ และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ทางเรือ กองเรือยุทธการ
การช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
จากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ส่งผลให้ประชาชนชาวไทย ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นเปน็ จา นวนมาก กองทพั เรอื จงึ ไดจ้ ดั โครงการ “กองทัพเรือ เพ่ือประชาชน ร่วมใจต้านภัย โควิด-๑๙” โดยจัดรถครัวสนามปรุงอาหารสดแจกจ่าย ให้กับประชาชนในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงหน่วยงานของ กองทัพเรือในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทุกวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ในห้วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ๒๕๖๔ จัดกาลังพลจิตอาสากองทัพเรือร่วมกับหน่วยงาน สาธารณสุขให้บริการตรวจวัดไข้เชิงรุก ทาความสะอาด ฆ่าเช้ือ แจกจ่ายสเปรย์แอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย ใหก้ บั ประชาชนในพนื้ ทโี่ ดยรอบกองบญั ชาการกองทพั เรอื และพื้นที่ใกล้เคียง จัดกิจกรรม “ตู้ปันสุขกองทัพเรือ แบ่งปันน้าใจ สู้ภัย COVID-19” โดยจัดต้ังตู้ปันสุขเพ่ือ แจกจา่ ยเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคใหแ้ กป่ ระชาชนจา นวน๘จดุ ได้แก่ บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พ้ืนท่ี วังนันทอุทยาน หน้าวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร แยกพระปะแดง แยกพระสมุทรเจดีย์ หน้า กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ แยกราชพฤกษ์ตัดถนน พรานนก-พุทธมณฑลสาย ๔ แยกบรมราชชนนี (แยก ๓๕ โบว์) และห้างสรรพสินค้าตั้งฮ่ัวเส็งธนบุรี
นาวิกศาสตร์ 44 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
การแจกจ่ายอาหาร และเคร่ืองอุปโภคบริโภค ให้กับประชาชนที่ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
การประชาสัมพันธ์
ด้านการประชาสัมพันธ์นั้น กรมกิจการพลเรือน ทหารเรือ ได้ดาเนินการประชาสัมพันธ์บทบาท ภารกิจ หน้าที่ และการปฏิบัติงานของกองทัพเรืออย่างต่อเน่ือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจ มีความเช่ือมั่น และให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ ของกองทัพเรือท้ังในยามปกติและในยามสงคราม ทั้งน้ี การประชาสัมพันธ์กองทัพเรือในปัจจุบันได้ปรับเปล่ียน กลยุทธ์เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีท่ีเปลี่ยนแปลงไป และ ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ซึ่งมีสื่อสังคมออนไลน์ (Social


Media) เป็นปัจจัยหลักที่จะอยู่ติดตัวกับทุกคนในยุคนี้ ดังนั้น กรมกิจการพลเรือนทหารเรือจึงได้ปรับบทบาท ในการเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธก์ ารปฏบิ ตั งิ านของกองทพั เรอื เพมิ่ เตมิ จากการประชาสมั พนั ธใ์ นชอ่ งทางสอื่ หลกั ตา่ ง ๆ อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ โดยการผลิต รายการ “ทหารเรือเล่าข่าว” ซึ่งเป็นรายการที่นา ข่าวสาร กิจกรรม และภารกิจต่าง ๆ ของกองทัพเรือ
การผลิตรายการ “ทหารเรือเล่าข่าว” เผยแพร่ทาง Facebook กองทัพเรือ Royal Thai Navy Youtube กองทัพเรือ Royal Thai Navy-Official Channel และ Instagram: Royalthainavy_rtn ทุกวันศุกร์
มาเผยแพร่ทาง Facebook กองทัพเรือ Royal Thai NavyYoutubeกองทพั เรอื RoyalThaiNavy-Official Channel และ Instagram Royalthainavy_rtn ทุกวันศุกร์ นอกจากน้ันยังมีรายการ “ทหารเรือเล่าข่าว SPECIAL NEWS” ซง่ึ เปน็ การนา เสนอขา่ วดว่ น ขา่ วเดน่ และสกู๊ปข่าวต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายได้ ในทันทีที่มีเหตุการณ์สาคัญ ซ่ึงได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี สามารถทาให้มีผู้ติดตามในช่องทาง Facebook ถึง ๒๔๐,๐๐๐ คน
สา หรบั การพฒั นาบคุ ลากรของกองทพั เรอื ใหม้ คี วามรู้ ความสามารถในด้านการประชาสัมพันธ์น้ัน ได้มีการจัด สัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การบันทึกภาพและ การเขยี นขา่ วเพอ่ื การประชาสมั พนั ธ”์ ใหก้ บั เจา้ หนา้ ทข่ี อง หนว่ ยขนึ้ ตรงกองทพั เรอื และหนว่ ยเฉพาะกจิ กองทพั เรอื
นางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ (แพนเค้ก) โฆษกพิเศษกองทัพเรือ
นางสาวปรียาดา บัวสมบุญ (หมอพลอย) ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ
เรือตรีหญิง พุทธรักษา โรคารักษ์ ขวัญใจงานกาชาดออนไลน์ ประจาปี ๒๕๖๓ (ทร.)
นาวิกศาสตร์ 45 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


การจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การบันทึกภาพและการเขยี นขา่ วเพอื่ การประชาสมั พนั ธ”์ ใหก้ บั เจา้ หนา้ ทข่ี องหนว่ ยขน้ึ ตรงกองทพั เรอื และหนว่ ยเฉพาะกจิ กองทพั เรอื ท่ีมีหน้าท่ีในการประชาสัมพันธ์ของแต่ละหน่วย
ท่ีมีหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ของแต่ละหน่วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพ่ิมพูนความรู้ และทักษะ ในการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และการเขียนข่าว เพื่อการประชาสัมพันธ์ เพ่ือให้การดาเนินการด้านการ ประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของกองทัพเรือ เป็นไปตาม นโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔ กล่าวคือ “ดาเนินการด้านการประชาสัมพันธ์ การสื่อสารสร้างการรับรู้ สร้างภาพลักษณ์ สร้างทัศนคติ ท่ีดี ท้ังภายในและภายนอกกองทัพเรือ ได้อย่างเพียงพอ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยให้สอดคล้องกับ เป้าหมาย เทคโนโลยี เครื่องมือ กลไก ในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ท่ีมีอยู่ปัจจุบัน .....” มีการปฏิบัติที่สาคัญ ประกอบด้วย การบรรยายแนวทางการใช้ Combat camera เทคนคิ การถา่ ยภาพนงิ่ การถา่ ยภาพเคลอื่ นไหว การเขยี นขา่ วเพอื่ การประชาสมั พนั ธ์ เทคนคิ การถา่ ยภาพ เคลอื่ นไหว และตดั ตอ่ คลปิ วดี โิ อดว้ ยโทรศพั ทม์ อื ถอื และ การแบ่งกลุ่มปฏิบัติ มีผู้เข้าร่วมสัมมนา จานวน ๔๐ นาย และจากการประเมินผลการปฏิบัติงานปรากฏว่าผู้ร่วม สัมมนาสามารถนาความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับไป
นาวิกศาสตร์ 46 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ใช้ในการประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อม่ัน ในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือต่อสาธารณชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป
“งานกิจการพลเรือน” เป็นภารกิจท่ีมีความสาคัญ ต่อการปฏิบัติการทางทหารเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการ ปฏิบัติการทางทหารไม่ว่าจะเป็นในยามปกติ หรือใน ยามสงครามลว้ นมคี วามจา เปน็ ทจี่ ะตอ้ งไดร้ บั การสนบั สนนุ จากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาชน ในการระดม สรรพกาลัง การให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ การสนับสนุนทรัพยากร เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ และ ส่ิงอานวยความสะดวกต่าง ๆ ดังนั้น การเสริมสร้าง ความเช่ือม่ันในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือ ต่อสาธารณชน โดยใช้ “งานกิจการพลเรือน” เป็นสื่อ จึงเป็นหน้าท่ีสาคัญที่จะต้องดาเนินการอย่างจริงจัง และต่อเน่ือง ทั้งน้ี เพ่ือให้กองทัพเรือเป็น “กองทัพเรือ ที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ” ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต


"Thai soldiers were fire on by Laos artillery and their radio signals were easily intercepted by the enemy."
ข้อความว่าทหารไทยถูกปืนใหญ่ของทหารลาวยิงใส่ จากการท่ีสัญญาณวิทยุสื่อสารของฝ่ายไทยถูกดักฟัง จากข้าศึก ตามถ้อยคาภาษาอังกฤษในการให้สัมภาษณ์ แก่ผู้ส่ือข่าวของ พันเอก เรดมัน (Laxry Redmon) ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ประจาสถานเอกอัครราชทูต สหรัฐอเมริกา ณ กรุงเทพมหานคร ผู้กาลังพ้นจาก หน้าที่ในประเทศไทย (บางกอกโพสต์, ๕ ก.ค. ๖๔)
ผชู้ ว่ ยทตู ทหารชาวอเมรกิ นั ยงั ไดก้ ลา่ วถงึ การชว่ ยให้ รู้ข่าวของข้าศึก และการป้องกันมิให้ข้าศึกรู้ข่าวของเรา ด้วยวิธีการรหัสลับท่ีช่วยให้ลดการสูญเสียกาลังพล และ การปฏบิ ตั กิ ารใหไ้ ดบ้ รรลภุ ารกจิ ในการรบทภี่ หู นิ รอ่ งกลา้ พิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๓๐ ก็ได้บอกทหารไทยไปอย่างน้ัน
พนั เอกเรดมนั เลา่ วา่ เมอื่ ครงั้ ยงั เปน็ เดก็ ไดอ้ า่ นหนงั สอื National Geographic ซึ่งมีเร่ืองราวของประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงประสูติในสหรัฐอเมริกา ต่อมาคุณลุงผู้เป็นทหารไปรบในสงครามเวียดนาม ได้รับบาดเจ็บ และรักษาตัวอยู่ในประเทศไทยโดยได้รับ การรกั ษาพยาบาลอยา่ งอบอนุ่ จากคนไทย ไดเ้ ลา่ เรอ่ื งราว
ของเมืองไทยให้เรดมันฟัง ที่ประทับใจเรดมันมาก เมื่อ เรดมันเติบโตเป็นทหารจบการศึกษาจากโรงเรียน การรบพิเศษ (Green Beret) ก็ได้ประจา การ ณ กองรบ พิเศษที่หน่ึง ท่ีปฏิบัติการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทา งานในประเทศไทยเปน็ สว่ นใหญ่ อนั เปน็ การเดนิ ทาง ออกนอกสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของ พันเอก เรดมัน ใน พ.ศ. ๒๕๒๙
งานแรกของเรดมนั คอื การแลกเปลย่ี นการฝกึ และ ศึกษากับหน่วยรบพิเศษทหารบกไทยท่ีลพบุรี ขณะนั้น ทหารไทยกาลังเผชิญกับการก่อความไม่สงบ และพิพาท ในกรณีชายแดนกัมพูชาที่เวลานั้นเวียดนามครอบครอง กัมพูชาอยู่ แต่เหตุการณ์ตึงเครียดกลับไปเกิดข้ึนที่ไทย กบั ลาวจนเกดิ การรบระหวา่ งทหารทงั้ สองฝา่ ย อนั เนอื่ ง มาจากปัญหาพรมแดนที่เรดมันพบว่าฝ่ายไทยไม่รู้ว่า "ขา้ ศกึ อยไู่ หน" ขณะทกี่ ระสนุ ปนื ใหญต่ กลงมาจากฟากฟา้ ลงสู่กองทหารไทย
การไมร่ วู้ า่ "ขา้ ศกึ อยไู่ หน" ในการรบ หรอื การสงคราม เป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้นตั้งแต่มนุษย์ต่อสู้กันไม่ว่า จะเปน็ ทางบก หรอื ทางทะเล สา หรบั ทางทะเลตามประสา ที่เป็นทหารเรือ ก็มีบันทึกไว้ตั้งแต่ยุคเรือกระเชียง จนยุคเรือพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งผลของการไม่รู้ว่า
นาวิกศาสตร์ 47 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


"ขา้ ศกึ อยไู่ หน"ลงเอยเหมอื นๆกนั ไมว่ า่ จะเปน็ ยคุ ใดเตรยี มตวั รบั ความพา่ ยแพ้
ปลายปี ๔๘๐ กอ่ นครสิ ตกาล เกดิ การยทุ ธท์ างเรอื ที่ ชาลามิส (Salamis) ท่ีประเทศกรีซ ระหว่างกองเรือกรีก กับเปอร์เซีย โดยเปอร์เซียยกทัพ และทัพเรือรุกรานกรีก ซ่ึงฝ่ายกรีกอับจนเสียกรุงเอเธนส์ แล้วอพยพผู้คนจาก กรุงเอเธนส์ไปยังเกาะซาลามิส ท่ีอยู่ทางใต้ของ แผ่นดินใหญ่กรีก ทัพเรือกรีกจอดเรือในอ่าวปาลูเกีย (Paloukia) ของเกาะซาลามิส ส่วนทัพเรือเปอร์เซีย อยู่ในทะเลนอกเกาะหวังปิดทางไม่ให้เรือฝ่ายกรีก ออกมาจากอ่าวได้ เรือท่ีท้ังสองฝ่ายใช้เป็นเรือกระเชียง แบบไตรรีม (Trireme) ที่ขนาดใหญ่สุด ใช้พลกระเชียง ๑๗๐ คน มีใบเรือ ๑ ใบ ช่วยการเดินทาง ที่เม่ือ จะทาการรบจะไม่ใช้ใบเรือ สถานการณ์ก่อนการยุทธ์ ฝ่ายเปอร์เซียคาดว่าหากชนะยุทธ์ทางเรือก็จะชนะ สงครามไปเลย แต่ทัพเรือเปอร์เซียไม่รู้ว่าทัพเรือกรีก จอดเรืออยู่ที่ไหนในเกาะซาลามิส ฝ่ายกรีกมีเรือราว ๓๘๐ ลา ขณะทเ่ี ปอรเ์ ซยี มปี ระมาณ ๗๐๐- ๑,๐๐๐ ลา
โดยยุทธวิธีหลอกล่อข้าศึกด้วยการแบ่งกองเรือ ออกเปน็ ๒ หมวด เรอื เปอรเ์ ซยี รกุ ไล่ แตเ่ ปน็ การถกู ลอ่ ข้าศึกด้วยการถูกล่อให้เข้าไปในท่ีแคบ เรือเปอร์เซียถูก ทวนหัวเรือกรีกชนจมไปมากกว่า ๒๐๐ ลา โดยฝ่าย กรีกเสียเรือราว ๔๐ ลา กษตั รยิ ์ (Xerxes) ทปี่ ระทบั เฝา้ ดู การยุทธ์ทางเรืออยู่บนเนินเขา (Aegaleos) เมื่อเห็น ความพ่ายแพ้แห่งเปอร์เซียของกองทัพเรือของพระองค์ ก็ล้มเลิกการศึกบนบก ยกทัพกลับเปอร์เซียไปเลย
การยุทธ์ที่ซาลามิสถือว่าเป็นการยุทธ์ทางเรือ อันแท้จริงคร้ังแรกของโลก และเกิดปรากฏการณ์ “ข้าศึกอยู่ไหน?”
จากการยุทธ์ทางเรือยุคเรือกระเชียงสู่ยุคเรือใบ เปลี่ยนจากกระเชียงเป็นการใช้เรือใบ แต่ที่ยังเกิด “ข้าศึกอยู่ไหน?” ขึ้น ดังการยุทธ์ที่อ่าวเซลาพีก ในทวปี อเมริกาเหนือในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. ๒๓๕๕ (ตรงกับ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กรุงรัตนโกสินทร์) ในเวลาเกิดการยุทธ์อยู่ในระหว่าง
นาวิกศาสตร์ 48 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
การสงครามที่อเมริกาเหนือทาการรบเพื่อปลดแอก จากการท่ีอังกฤษปกครองอเมริกาเป็นอาณานิคมอยู่ กองทัพบกอังกฤษต่อสู้กับฝ่ายอเมริกาที่ร่วมกับฝรั่งเศส โดยทหารบกองั กฤษทย่ี ดึ มนั่ อยทู่ เ่ี มอื งยอรก์ ทาวนต์ อ้ งรบั การสง่ กา ลงั บา รงุ จากทางทะเล กา ลงั ทางบกของฝรง่ั เศส และอเมริกาขอรับการสนับสนุนจากกองเรือฝร่ังเศส ท่ีอินดีสตะวันตกซึ่งได้ส่งเรือ ๒๘ ลา มายังอ่าวเซลาพีก ใกล้เมืองยอร์กทาวน์ หมวดเรือ ๑๔ ลา ของกองเรือ อังกฤษถูกส่งมาค้นหากองเรือฝร่ังเศส โดยมาท่ี อ่าวเซลาพีก แต่ไม่พบจึงเดินทางข้ึนเหนือไปรวมกับ กองทัพเรือใหญ่ที่นิวยอร์ก ที่หลังจากน้ันเพียงวันเดียว กองเรือฝรั่งเศสก็มาเข้าอ่าวแทนท่ี แล้วตัดการรับกาลัง บา รงุ ของทหารบกองั กฤษ องั กฤษเพมิ่ เตมิ กา ลงั อกี ๕ ลา เปน็ ๑๙ ลา เดนิ ทางมายงั อา่ วเซลาพกี เพอ่ื ขบั ไลก่ องเรอื ฝรั่งเศส ฝ่ายฝรั่งเศสออกเรือจากอ่าวมาต่อสู้กับกองเรือ องั กฤษทไี่ มเ่ พลย่ี งพลา้ ตอ่ กนั กองเรอื องั กฤษเดนิ ทางกลบั นวิ ยอรก์ โดยกองเรอื ฝรง่ั เศสตดั การรบั กา ลงั บา รงุ ทหารบก อังกฤษได้ ซึ่งได้ยอมแพ้ในปลายปีนั้น ปล่อยให้อเมริกา เปน็ อสิ รภาพตง้ั แตน่ น้ั ซง่ึ ถา้ กองทพั เรอื องั กฤษมายงั อา่ ว เซลาพีกครั้งแรกแล้วพบกองเรือฝรั่งเศส และสามารถ เอาชนะได้ก็จะยึดอเมริกาเป็นอาณานิคมได้ต่อไป แต่ “ข้าศึกอยู่ไหน?” ทาให้พลาดโอกาสนั้นไป
ต่อจากยุคเรือใบสู่ยุคเรือกลไฟดังเช่น ระหว่าง สงครามโลกครงั้ ทหี่ นงึ่ ปลายเดอื นพฤษภาคมพ.ศ.๒๔๕๙ กองเรือใหญ่ของเยอรมันโดยมีหมวดเรือลาดตระเวน สงครามนา หนา้ ออกเรอื จากฐานทพั ทะเลเหนอื โดยหวงั ให้ หมวดเรอืทนี่าหนา้จะดงึกาลงับางสว่นของกองเรอืหลวง อังกฤษออกทะเลโดยมีหมวดเรือลาดตระเวนสงคราม นาหน้าเช่นกัน โดยคิดว่ากองเรือเยอรมันยังอยู่ในท่าเรือ หมวดเรือนาหน้าของทั้งสองฝ่ายจึงพบกันก่อนอย่างที่ ฝ่ายอังกฤษไม่คาดฝัน ซ่ึงต่อมากองเรือใหญ่สองฝ่าย จึงรบกันเป็นการยุทธ์ที่จัตแลนด์ อันถือว่าเป็นการรบ ด้วยอาวุธปืนใหญ่ทางเรือครั้งใหญ่ของโลก ฝ่ายอังกฤษ สูญเสียทหาร ๖,๐๙๔ คน เรือประจัญบาน ๓ ลา เรือลาดตระเวนสงคราม ๓ ลา และเรือพิฆาต ๘ ลา


ทางเยอรมนั เสยี ทหาร๒,๕๕๑คนเรอื ประจญั บาน๑ลา เรือลาดตระเวนสงคราม ๑ ลา เรือลาดตระเวนเบา ๔ ลา และเรือพิฆาต ๕ ลา เป็นเหตุการณ์ “ข้าศึกอยู่ไหน?” ครง้ั หนงึ่ ของสงครามใหญ่ในโลก
ตงั้ แตเ่ ดอื นกนั ยายน พ.ศ. ๒๔๘๒ เกดิ สงครามขน้ึ ใน ทวปี ยโุรปตอ่ มาตน้ เดอื นธนั วาคมพ.ศ.๒๔๘๔ญป่ี นุ่ เรมิ่ มหาสงครามเอเชียบูรพา กาลังทางเรืออังกฤษที่สิงคโปร์ ประกอบด้วยเรือประจัญบาน ๑ ลา เรือลาดตระเวน สงคราม ๑ ลา และเรือพิฆาต ๔ ลา มีฐานทัพอยู่ท่ี สงิ คโปร์ ไดอ้ อกเรอื เดนิ ทางขนึ้ เหนอื เพอื่ ดกั ทา ลายกองเรอื ยกพลขึ้นบกของญี่ปุ่น แต่ไม่พบว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” จึงจะเดินทางกลับสิงคโปร์ แต่ตรวจพบโดยเรือดาน้า และเรือบินจากเรือลาดตระเวนญี่ปุ่น แล้วก็มีเคร่ืองบิน ญ่ีปุ่นจากฐานบินในอินโดจีนที่ญ่ีปุ่นยึดครองอยู่ โจมตี กองเรืออังกฤษสูญเสียเรือเกือบท้ังหมด อานวยให้ทหาร ญป่ี นุ่ ยดึ ครองคาบสมทุ รมลายไู ดใ้ นเวลาตอ่ มาจนถงึ พมา่ มุ่งสู่อินเดีย
ทหารเรือไทยก็มีประสบการณ์ “ข้าศึกอยู่ไหน?” หลายครั้งหลายหน ตั้งแต่ยุคเรือพาย เรือใบ ฯลฯ มาครั้ง สา คญั ในการรบทางเรอื สมยั ใหมค่ รงั้ แรกของทหารเรอื ไทย ก็คือ การรบท่ีเกาะช้าง วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ระหว่างการพิพาทกับอินโดจีนของฝร่ังเศสท่ีหมวด เรือไทย อันประกอบด้วยเรือปืนหนัก เรือตอร์ปิโดใหญ่ และเรือวางทุ่นระเบิดรบกับหน่วยเรือฝรั่งเศสที่มี เรือลาดตระเวน และเรือสลุป เวลารุ่งอรุณของวันน้ัน
โดยปกติเรือลาดตระเวนลามอตปิเกต์ มีเรือบิน ประจาเรืออยู่ ๑ เคร่ือง แต่เวลานั้นเคร่ืองมือในการส่ง เครื่องบินขึ้นบินเสีย ทางกองบัญชาการจึงมอบเรือบิน แบบ Hydraimon จานวน ๒ ลา (ฝร่ังเศสมีอยู่ ๘ ลา) อยใู่ นบงั คบั บญั ชาของหนว่ ยเรอื เรอื บนิ มฐี านบนิ อยทู่ เี่ รยี ม เวลาบ่าย วันที่ ๑๖ มกราคม เรือบินได้บินไปดูลาดเลา ที่สัตหีบลาหน่ึง และอีกลาหนึ่งไปลาดตระเวนที่เกาะกูด เกาะชา้ ง และฝง่ั ทะเลสยามจนถงึ พรมแดน ทา ใหร้ จู้ ดุ ทตี่ งั้ ของกองเรือสยาม ดังนี้
เรือท่ีจอดอยู่สัตหีบ มีเรือปืนหุ้มเกราะ ๑ ลา
เรือตอร์ปิโด ๔ ลา เรือดาน้า ๒ ลา เรือขนาดเบา ๒ ลา และเรือขนาดเล็ก ๓ ลา
เรือที่จอดอยู่ทางใต้ของเกาะช้าง มีเรือลาดตระเวน ชายฝั่ง ๑ ลา และเรือขนาดเบา ๓ ลา (เมื่อธนบุรีรบ; พลเรือเอก จิตต์ สังขดุลย์)
ภารกิจของหน่วยเรือฝรั่งเศสคือ ติดตาม และ คน้ หาทา ลายลา้ งกา ลงั ทพั เรอื สยามตงั้ แตส่ ตั หบี ไปจนถงึ พรมแดนเป็นการเส่ียงเกินไป จึงตัดสินใจผนึกกาลัง ทั้งหมดมุ่งหน้าเข้าโจมตีข้าศึกท่ีทอดสมออยู่ท่ีเกาะช้าง ในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น (บันทึกของหน่วยงาน ประวัติศาสตร์ทหารเรือฝร่ังเศส, นาวิกศาสตร์ฉบับท่ี ๒ ปี ๗๘) กล่าวคือรู้ว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” และอยู่อย่างไร
หน่วยเรือไทยก่อนการรบแยกเรือปืนหนัก ๑ ลา และเรือตอร์ปิโดใหญ่ ๓ ลา จอดเรือ ๒ แห่ง ใต้เกาะช้าง ซ่ึงได้เห็นเรือบินฝรั่งเศสบินลาดตระเวนทั้งในวันท่ี ๑๖ และวันท่ีทาการรบวันที่ ๑๗ มกราคม ซึ่งเช้าวันน้ีทหาร ประจาเรือหัดกายบริหาร แล้วรีบเข้าประจาปืนต่อสู้ อากาศยานทยี่ นื ยนั วา่ ยงิ เครอื่ งบนิ ขา้ ศกึ ตกทะเลทางดา้ น เกาะหวาย แต่ไม่รู้ว่าเรือข้าศึกเข้ามาใกล้ตัวแล้ว
ไทยมกี า ลงั ทางอากาศอยทู่ สี่ นามบนิ เนนิ พลอยแหวน จงัหวดัจนัทบรุีประกอบดว้ยฝงูบนิขบัไล่แบบฮอว์ก๓ จานวน ๘ เคร่ือง และฝูงบินตรวจการณ์ แบบคอร์แซร์ จานวน ๙ เครื่อง การติดต่อระหว่างหน่วยบินกับ หน่วยเรือน้ัน “การติดต่อกับฐานทัพเรือท่ีสัตหีบไม่ได้ มีการติดต่อกัน และยิ่งกับกองเรือยิ่งไม่เคยได้ติดต่อ กนั เลย”ตอนเวลาเชา้ ของวนั ทา การรบนน้ั “ขณะทยี่ งั มดื อยู่ เวลาประมาณ ๐๕๐๐ เศษ พวกเราก็ต้องตกใจต่ืน เพราะได้ยินเสียงปืนดังพรึม ๆ ต่อเนื่องกันไม่ขาดระยะ กไ็ ดแ้ ตน่ กึ ในใจวา่ กองเรอื ของเราซงึ่ จอดอยใู่ นอา่ วเกาะชา้ ง ที่เห็นเมื่อวานตอนเย็นนั้น คงถูกเรือข้าศึกจู่โจมทาการ ยงิ แน”่ (เมอื่ ธนบรุ รี บ; อา้ งแลว้ ) สถานการณก์ อ่ นหนา้ นน้ั เคร่ืองบินตรวจการณ์ไทย ๑ ลา ได้บินลาดตระเวน ระหว่างเกาะช้าง เกาะกง เกาะกูด ตอนบ่ายวันท่ี ๑๖ กอ่ นการรบวนั รงุ่ ขนึ้ “ประมาณเวลา ๑๖๓๐ ไดเ้ หน็ เรอื รบ ของเราไม่น้อยกว่า ๔ ลา รวมกองอยู่ในอ่าว ทหารเรือ
นาวิกศาสตร์ 49 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


บนเรือกาลังรับประทานอาหารใส่เสื้อคอกลมขาว กางเกงขาสั้นสีกากี ถือจานโบกไม้โบกมืออย่างรื่นเริง อันเป็นการบินลาดตระเวนเหนือพ้ืนที่ และกาลังทางเรือ ของเราเองท่ีโดยปัจจัยเวลา และระยะทาง” (Time and Space) ขณะบินลาดตระเวนน้ัน เรือข้าศึกอาจยังอยู่ที่ ไซ่ง่อน หรือแหลมญวน (เม่ือธนบุรีรบ; อ้างแล้ว)
หน่วยเรือไทยหาข่าว “ข้าศึกอยู่ไหน?” ด้วยตนเอง เหมือนกันโดยส่งเรือตอร์ปิโดระยอง ออกลาดตระเวน นอกเกาะกูดในคืนวันท่ี๑๖มกราคมก่อนการรบ “ไดร้ บั คา สงั่ ใหแ้ ยกหมเู่ รอื ไปรกั ษาการณท์ บ่ี รเิ วณดา้ นใต้ เกาะกูด และให้กลับมารวมกาลังในวันรุ่งขึ้น เวลาบ่าย เรือหลวงระยองได้ออกเดินทางจากเกาะง่าม เมื่อวันท่ี ๑๖ มกราคม เวลา ๒๐๐๐ ถึงอ่าวคลองโปรม เวลา ๒๒๐๐ ตลอดท้ังคืนเหตุการณ์เรียบร้อย รุ่งขึ้นวันที่ ๑๗ มกราคม เวลาเช้าเหตุการณ์คงเป็นปกติ และไม่ได้ข่าว การรบระหวา่ งเรอื ฝา่ ยเรากบั ขา้ ศกึ จนกระทง่ั เวลาสายจงึ ได้ รบัทราบดว้ยการดกัรบัขา่ววทิยโุทรเลขเรอืหลวงระยอง จึงออกเรือจากอ่าวคลองโปรมไปยังเกาะง่าม แต่ไม่ ประสบเหตกุ ารณอ์ ยา่ งใด ขา้ ศกึ ไดล้ า่ ถอยไปหมดสน้ิ แลว้ ” หมายความว่าการ “ออกลาดตระเวนนอกเกาะกูด” ของเรือระยอง กระทาโดยการจอดเรืออยู่ที่คลองโปรม อันเป็นวิธีการลาดตระเวนประจาท่ี ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่ง ในการลาดตระเวน เข้าใจว่าโดยการที่เป็นเรือตอร์ปิโด อันเป็นเรือความเร็วสูงมีอาวุธเด็ดขาดอย่างตอร์ปิโด ใชย้ ทุ ธวธิ ี “จโู่ จม” ทา ลายเรอื ขา้ ศกึ และเปน็ เรอื ขนาดเลก็ ออกเย็นกลับเช้า จึงใช้วิธีลาดตระเวนด้วยการจอดเรือ ประกอบกับเป็นเรือท่ีมี “สูงตา” ต่า ย่านการเห็นน้อย เป็นเหตุให้ไม่รู้ไม่เห็น “ข้าศึกอยู่ไหน?”
ผลการรบทเี่ กาะชา้ ง ระหวา่ งฝา่ ยไมร่ ขู้ า้ ศกึ อยไู่ หน? กับฝ่ายรู้ข้าศึกอยู่ไหน เป็นท่ีทราบกันอยู่แล้วโดยไม่ต้อง กล่าวถึง ณ ท่ีน้ี
ปรากฏการณ์ไม่รู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” ที่ยิ่งใหญ่กว่า การรบทเี่ กาะชา้ งโดยมหาอา นาจทางเรอื กเ็ กดิ ขนึ้ หลายครง้ั หลายหน ดงั เชน่ กรณเี พริ ล์ ฮารเ์ บอรท์ ส่ี หรฐั อเมรกิ ากบั ญปี่ นุ่ ขดั แยง้ กนั ทงั้ เรอื่ งการเมอื ง การขยายตวั ทางทหาร การคา้
นาวิกศาสตร์ 50 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
และอดุ มคติ ซงึ่ ในทสี่ ดุ ฝา่ ยญป่ี นุ่ เปน็ ผโู้ จมตที างทะเลกอ่ น โดยเหน็ วา่ ตอ้ งทา ลายทพั เรอื สหรฐั อเมรกิ าในแปซฟิ กิ ทมี่ ี ฐานทัพ ณ เพิร์ลฮาร์เบอร์เป็นเบื้องแรกก่อนท่ีจะรุกราน ยึดครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ตามแผน กองทัพท่ีวางไว้ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๔ กองเรอื บรรทกุ เครอื่ งบนิ ญป่ี นุ่ ๖ ลา พรอ้ มดว้ ยเครอ่ื งบนิ ตดิ อาวธุ ลกู ระเบดิ และตอรป์ โิ ดราว ๔๐๐ เครอื่ ง ตดิ ตาม ดว้ ยหนว่ ยเรอื คมุ้ กนั และเรอื สง่ กา ลงั บา รงุ ไดอ้ อกเรอื จาก ฐานทพัในหมเู่กาะKurileทางตอนเหนอืของญปี่นุ่อยา่ง เงยี บ ๆ เดนิ ทางสเู่ พริ ล์ ฮารเ์ บอร์ โดยใชเ้ สน้ ทางละตจิ ดู สงู นอกเส้นทางเดินเรือโดยทั่วไป เพ่ือหลีกเล่ียงการพบเห็น จากเรืออื่น และงดใช้การส่ือสารทางวิทยุตลอดเวลา
ทั้งน้ี ท่ีฐานทัพ Kurile ยังมีการส่งสัญญาณวิทยุ ประหนง่ึ วา่ กองเรอื ยงั อยใู่ นฐานทพั อยา่ งไรกด็ ที างสหรฐั - อเมริกาก็รู้ว่ากองเรือญ่ีปุ่นออกเรือจากฐานทัพไปแล้ว “แต่ไม่รู้ว่าไปไหน อยู่ท่ีไหน” ในขณะนั้นสหรัฐอเมริกา มีฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมอยู่ที่เดียวในเอเชียก็ห่วง และเฝ้าดูทางฟิลิปปินส์ เวลา ๐๘๐๐ วันที่ ๗ ธันวาคม ในเดือนต่อมา ขณะที่วงดุริยางค์ท้ายเรือประจัญบาน Nevada ของกองเรือบรรเลงเพลงชาติในพิธี “ธงข้ึน” ลูกระเบิดลูกแรกจากฝูงบินแรกจานวน ๑๘๓ เคร่ือง ของญี่ปุ่นก็ตกลงบนเรือตามด้วยฝูงบินที่สองจานวน ๑๗๐ เคร่ือง ท่ีใช้เวลาเกือบ ๒ ชั่วโมงในการโจมตี ทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่สูญเสียคนไป ๒,๔๐๓ คน เรือ ๑๘ ลา จมทอ้ งทะเล หรอื เสยี หายหนกั ฝา่ ยญป่ี นุ่ เสยี คน ๕๕ คน จากการสูญเสียเครื่องบินทิ้งระเบิด ๖ ลา และ เรือดาน้าจิ๋ว ๕ ลา ท่ีพยายามลอบเข้าฐานทัพเรือ แต่ไม่สาเร็จ โชคยังดีของสหรัฐอเมริกาท่ีขณะเกิดการ โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์นั้น กองเรือบรรทุกเครื่องบิน ๔ ลา ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้อยู่ในฐานทัพ จึงไม่ได้ถูกโจมตี อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เพิร์ลฮาร์เบอร์อานวยให้ฝ่าย ญี่ปุ่นได้การควบคุมทะเล และการสงครามมหาเอเชีย บูรพา ซึ่งการไม่รู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” ของสหรัฐอเมริกา ทาให้สหรัฐอเมริกาตกเป็นเบี้ยล่างเม่ือช่วงแรกของ สงคราม


เมื่อหันกลับมาดูอุปนิสัยทหารเรือไทย ต่อปัจจัย ข้าศึกอยู่ไหน? จะเห็นได้จากการสั่งต่อเรือฟริเกตมกุฎ ราชกมุารจากองักฤษทขี่นึ้ประจาการในเดอืนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๖อนั เปน็ เรอื ขนาด๑,๘๐๐ตนั ซงึ่ อตู่ อ่ เรอื ยารโ์ รว ์ ออกแบบเรอื สา หรบั ตา่ งชาตทิ สี่ งั่ ซอื้ เรอื มปี นื ใหญท่ หี่ วั เรอื ๑ กระบอก ทา้ ยเรอื มดี าดฟา้ สา หรบั เฮลคิ อปเตอร์ ๑ เครอื่ ง สองชาตแิ รกทสี่ งั่ ซอื้ คอื ประเทศไทยและประเทศมาเลเซยี ซ่ึงทหารเรือไทยขอเปลี่ยนแบบท่ีท้ายเรือจากดาดฟ้า เฮลิคอปเตอร์เป็นการติดต้ังปืนใหญ่อีกหนึ่งกระบอก ทต่ี อ้ งเสยี คา่ เปลยี่ นแบบคา่ ดดั แปลงดาดฟา้ และหอ้ งทา้ ยเรอื ให้เหมาะแก่การยิงปืนใหญ่ และมีคลังกระสุน ส่วนเรือ มาเลเซียไม่มีการแก้แบบเรือมีเฮลิคอปเตอร์ประจาเรือ ตามที่ออกแบบเรือมา
แน่นอนที่เรือมากปืนมีอานาจการยิงมากกว่า เรือน้อยปืน ก็เป็นไปตามความคิดของ “นักเลงปืน” ส่วนเรือที่มีปืนน้อยย่อมมีอานาจการยิงน้อยกว่า แต่หวัง ประโยชน์จากเฮลิคอปเตอร์ในการลาดตระเวนหาข่าว ช่วยปฎิบัติการทางเรือ เช่น การปราบเรือดาน้า การรบ ผิวน้า ฯลฯ และประโยชน์อื่น ๆ อย่างการรับ-ส่งกาลัง บา รงุ การตอ่ ยอดการสอื่ สาร เปน็ ตน้ สดุ แตค่ วามคดิ ของ ผู้วางแผนกาลังทางเรือว่าจะเป็น “นักเลงปืน” หรือเน้น “ข้าศึกอยู่ไหน?”
เปน็ทนี่า่สงัเกตวา่ชว่งเวลาสงั่ตอ่เรอืมกฎุราชกมุาร เปน็ ชว่ งเวลาเดยี วกบั การตอ่ เรอื ยนตเ์ รว็ โจมตชี ดุ เรอื หลวง ปราบปรปักษ์ จานวน ๓ ลา จากอู่ที่สิงคโปร์อันเป็นเรือ ขนาด ๒๖๐ ตัน มีอาวุธปล่อยนาวิถีพื้น-สู่-พื้น ของ อิสราเอล อันถือได้ว่าเป็นเรือท่ีมีอานาจการโจมตีสูง แต่เรือมี “สูงตา” ต่า จากัดการรู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” แต่หากเรือมกุฎราชกุมารที่มีเฮลิคอปเตอร์เป็นเรือนา หมเู่ รอื ยนตเ์ รว็ โจมตที ม่ี โี อกาสรู้ “ขา้ ศกึ อยไู่ หน?” มากขน้ึ และจะทาให้ “การรบผิวน้า” ดีข้ึนอย่างแน่นอน แต่ก็ หมดโอกาสนั้นไป
ขณะเป็นนาวาโท และเป็นผู้บังคับการเรือฟริเกต ประแส ภายหลังการฝึกภาคต่างประเทศของนักเรียน น า ย เ ร อื ใ น ฤ ด รู อ้ น พ . ศ . ๒ ๕ ๑ ๕ โ ด ย พ ล เ ร อื ต ร ี ป ร ะ พ ฒั น ์
จันทวิรัช ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นผู้บังคับการ หมู่เรือฝึก (มฝ.นนร) เวลาฝึก ๔๐ วัน ซึ่งเรือประแส เป็นเรือธงเม่ือเสร็จสิ้นการฝึกผู้เขียนก็รายงานการฝึก ผา่ นครปู ระพฒั น์ ซงึ่ ตอนทา้ ยของรายงานไดเ้ สนอความเหน็ ไว้ว่า “ควรทาดาดฟ้าท้ายเรือให้รับเฮลิคอปเตอร์ได้ โดยถอดหมู่ปืนกลท้ายเรือออก เพราะเวลานั้นไม่มีเรือ ท่ีมีเฮลิคอปเตอร์ติดเรือเลย” ครูประพัฒน์ท่าน เห็นด้วย และเสนอหน่วยเหนือต่อไป แต่ “นักเลงปืน” ในหน่วยเหนือไม่เห็นด้วยเรื่องก็เลยตกไป และผู้เขียน ก็จิตตกเงียบไปด้วย
และแลว้ ขณะเปน็ นาวาเอกหวั หนา้ กองขา่ วกรมขา่ ว ทหารเรือ และครูประพัฒน์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ได้รับ “สาเนาเร่ืองน้ีทั้งหมดให้ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว (ขว.ทร) อดีตผู้บังคับการเรือหลวงประแสทราบ เพื่อจะ ได้ทราบว่าแนวความคิดที่ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว เสนอ และผมได้ให้ความเห็นชอบเสนอกองทัพเรือน้ัน เม่ือผม เป็นผู้บัญชาการทหารเรือก็ได้ดาเนินการให้แล้ว แต่เม่ือ ขัดกับความเห็นของนายทหารส่วนใหญ่ท่ีจะรับผิดชอบ กองทัพเรือในอนาคต ผมจึงต้องระงับการสั่งการไว้ ตามทเ่ี หน็ อยนู่ ”้ี กลา่ วคอื “มนี กั เลงปนื ”ในฝา่ ยอา นวยการ เหน็วา่ควรเอาปนืไว้เรอืประแสทจี่ะเปน็เรอืลาแรกอนัมี เฮลคิ อปเตอรต์ ดิ เรอื กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ จนกระทง่ั พ.ศ. ๒๕๓๕ มชี ดุ เรอื จากจีนจึงเร่ิมมีเรือท่ีออกแบบมามีเฮลิคอปเตอร์
นาวิกศาสตร์ 51 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ประจาเรือ
ปัจจัย “ข้าศึกอยู่ไหน?” เป็นเรื่องของงานข่าว
โดยผเู้ขยี นเรม่ิ รเู้รอ่ื งงานขา่ วกร็ ู้“ระดบั เรอื ยาง”งูๆปลาๆ ขณะเปน็ เรอื โทรบั การฝกึ “นกั ทา ลายใตน้ า้ ชนั้ สงู ”อนั เปน็ งาน “ขา่ วลบั ” ในการปฏบิ ตั งิ านหลงั เปน็ แนวขา้ ศกึ (Slay Behind) มาเรียนงานข่าวอย่างข่าวมาตรฐานก็เมื่อเป็นนาวาตรี ที่โรงเรียนเสนาธิการ ครูผู้สอนวิชาข่าวคือ นาวาเอก อังกุศ ชาลุภัต ซ่ึงท่านเรียนวิชาข่าวจากทางการอังกฤษ ขณะทมี่ กี ารปราบปรามโจรในมาลายู วธิ กี ารสอนของทา่ น หา้ มจด จา เอาอยา่ งเดยี ว กบั ขอ้ สอบแบบปรนยั ทซี่ บั ซอ้ นมาก อันเป็นแนวทางงานข่าวแบบ “หลังแนวข้าศึก” ตามท่ี เคยเรยี นมา เพอื่ นนกั เรยี นคนหนงึ่ ปรารภวา่ “ทา งานขา่ ว ในซีโต้ (สนธิสัญญาSEATO) เอ็งมาจากท่ีไหนอ๊ะ” มันก็เรื่องครูผู้สอนกับนักเรียนที่มาเรียนบังเอิญมาจาก แนวทางเดยี วกนั แลว้ ไดค้ ะแนนสอบวชิ าขา่ วอยา่ งเพอื่ น แปลกใจ
ขณะเปน็ นาวาโทขนึ้ จากเรอื ประแสมาเปน็ หวั หนา้ ขา่ ว กองยุทธการและข่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ ณ พระราชนิเวศน์ ก่อนไปศึกษาหลักสูตร Command ท่ีสหรัฐอเมริกา เวลานั้นเจ้าสีหนุอยู่ในกัมพูชา โดย กาลังทางบก และทางเรือเผชิญหน้ากับกาลังฝ่ายไทยที่ พรมแดนท้ังสองฝ่าย เม่ือไปถึงท่ีทางานก็พบว่ามีหัวข้อ ข่าวสารสาคัญ (หขส) ของหน่วยในสนาม และทะเล ถามมาแต่ยังไม่ได้ตอบไป เป็นต้นว่า
- ปนื ทเี่ ขาโอบยาม เปน็ ปนื ขนาด ๙๐ หรอื ๑๐๕ มลิ ลเิ มตร (คุกคามทหารนาวิกโยธินที่บ้านหาดเล็ก)
- เรอื PCE ของกมั พชู า มปี นื ใหญ่ ๑ หรอื ๒ กระบอก (กัมพูชามีเรือ PCE จานวน ๒ ลา อันเป็นเรือที่มีขนาด ยาวกว่าเรือ PC ของไทยที่มีอยู่ ๗ ลา มีรายงานว่า บางที ฝอยน้าของกระสุนปืนเรือข้าศึก มี ๒ ฝอยน้า)
ผเู้ ขยี นถอื เรอื่ งไปหานายวา่ ควรตอบ หขส. เพอ่ื หนว่ ย แนวหน้าสามารถปฏิบัติการได้ดี และปลอดภัยยิ่งขึ้น นายถามว่า “แล้วจะทาอย่างไร” ก็เรียนนายไปว่า “ตง้ั หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารขา่ วแลว้ สง่ คนไปหาขา่ ว” แบบงานขา่ ว เรอื ยาง นายถามวา่ ถา้ ถกู จบั จะทา เชน่ ใด? กต็ อบทา่ นวา่ จะทาประกันชีวิตให้เขาต้องเส่ียง และใช้เงินบ้าง
นาวิกศาสตร์ 52 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ทา่ นไมต่ กลงกเ็ ลกิ ความคดิ ไป มาทราบทหี ลงั วา่ ทางนาวกิ โยธนิ ส่งนายทหารหลังผู้เขียน ๔-๕ รุ่น คนหนึ่งเข้าไปหาข่าว แลว้ ถกู จบั และขงั ไวร้ าว ๑ ปี ทเ่ี มอื่ เจา้ สหี นถุ กู รฐั ประหาร แลว้ ไปอยกู่ รงุ ปกั กง่ิ นายทหารทา่ นนจี้ งึ ไดร้ บั การปลอ่ ยตวั ทา งานตอ่ ไปจนเกษยี ณราชการ ยศพลเรอื โท กมั พชู าเมอื่ เจา้ สหี นไุ มอ่ ยู่ ไดเ้ ชญิ ทางไทยสง่ เรอื รบไปเยย่ี มเยอื นทเ่ี รยี ม ทหารเรือไทยส่งเรือหลวงประแสไปตามคาเชิญ ผู้เขียน ฝากจา่ ปนื เรอื ประแสใหด้ เู รอื PC กมั พชู าถา้ พบเหน็ วา่ –เรอื เขามปี นื ใหญก่ ก่ี ระบอก จา่ กลบั มาบอกวา่ –กระบอกเดยี ว เปน็ อนั รเู้ รอ่ื งกนั ไป
ขา่ วบางชนิ้ ชค้ี วามเปน็ ความตายของประเทศทเี ดยี ว อย่างเม่ือวันท่ี ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๕๘ (ตรงกับ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเสิศหล้านภาลัย รัชกาลท่ี ๒) นโปเลียนแห่งฝรั่งเศส ได้นาทัพสู้กับ กองทัพสัมพันธมิตรในบังคับบัญชาของ ดยุกเวลลิงตัน แห่งอังกฤษ ที่ตาบลวอเตอร์ลู ใกล้กรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยี่ยม กองทัพทั้งสองฝ่ายมีเนินเขาคั่นกลาง ไม่เห็นกัน นโปเลียนกล่าวแก่แม่ทัพนายกองของตนว่า “ถ้ารู้ว่าข้าศึกข้างหลังเนินเป็นใคร มีจานวนมากน้อย เท่าใดอย่างไร วันนี้เราชนะศึก” แต่นโปเลียนไม่รู้ ข่าวที่ต้องการ แพ้การศึกท่ีวอเตอร์ลู ถูกจับแล้วถูก จาขังท่ีเกาะเซนต์เฮเลนานอกฝั่งทวีปอเมริกา จนถึงแก่ อนิจกรรม ท่ีนั่น ๖ ปี ต่อมา
ไม่รู้ว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” คร้ังแรก ๆ คร้ังใหญ่ใน ทะเลก็ในสงครามโลกครั้งแรก (พ.ศ.๒๔๕๗-๒๔๖๑) ท่ีฝ่ายอังกฤษไม่รู้ว่าเรือดาน้าเยอรมันอยู่ไหน กล่าวคือ เกาะองั กฤษปดิ อา่ วฝง่ั ทะเลเยอรมนั โดยภมู ศิ าสตรก์ า ลงั ทางเรือผิวน้าของเยอรมันจึงแพ้เปรียบทางยุทธศาสตร์ เป็นเบ้ืองต้น ทางเยอรมันจึงสร้างกาลังเรือดาน้าที่ไม่รู้ ว่าอยู่ที่ไหน? ไปปิดเอารอบเกาะอังกฤษโดยฝ่ายอังกฤษ ยังไม่มีเคร่ืองมือค้นหาเรือดาน้าข้าศึก ทาให้การรับ กา ลงั บา รงุ จากสหรฐั อเมรกิ า และทวปี ยโุ รปเสยี หายมาก แทบจะหมดทา่ ไดแ้ ตป่ ระณามเรอื ดา นา้ วา่ “พวกเจา้ เลห่ ์ ขโ้ี กง” และว่าหากจับพวกเรือดาน้าได้ต้องถือว่าเป็นโจรสลัดที่ ตอ้ งถกู แขวนคอ (คา กลา่ วของ เซอร์ วลิ สนั -ผชู้ ว่ ยรฐั มนตรี กระทรวงทหารเรืออังกฤษ)


ในการสงครามโลกครงั้ ทส่ี องกองเรอื ดา นา้ เยอรมนั กย็ งั ลอ้ มรอบเกาะองั กฤษ เชน่ สงครามครงั้ แรก นายกรฐั มนตรี อังกฤษ เชอร์ชิล ออกปากถึงภัยจากเรือดาน้าเยอรมันว่า “เปน็ เรอื่ งทผี่ มกลวั จรงิ ๆ ในการสงคราม–really jrightend me during the war” แมว้ า่ ทางองั กฤษ และสหรฐั อเมรกิ า เร่ิมผลิตเครื่องมือค้นหาเรือดาน้าได้แล้วคือ แอสคิด และโซนาร์ แต่การสูญเสียเรือจากการโจมตีของ เรือดาน้าเยอรมันก็ยังมากอยู่ดีด้วยยุทธวิธีใหม่ ๆ ของเรือดาน้า เช่น ยุทธวิธีฝูงหมาป่า (wolf packs) อันเป็นการเล่นเกม “ข้าศึกอยู่ไหน?” ในการสงคราม ปลายสงคราม ทางอังกฤษถอดรหัสข่าวกรองเรือดาน้า เยอรมันได้ช่วยให้พ้นภัยเรือดาน้าเป็นอันมาก
“ขา้ ศกึ อยไู่ หน” เปน็ สว่ นหนงึ่ ของงานขา่ วทป่ี ราชญ์ ชาวจีน “ซุนวู” ตั้งสมการไว้ว่า “รู้เรา รู้เขา รบร้อยครั้ง
ชนะรอ้ ยครงั้ ” ถา้ โจทยเ์ ปลยี่ นเปน็ “รเู้ รา ไมร่ เู้ ขา, ไมร่ เู้ รา ไม่รู้เขา, ไม่รู้เรา รู้เขา ; คาตอบจะเป็น ๕๐/๕๐ ๖๐/๔๐ ๗๐/๓๐ อยา่ งไรกเ็ ปน็ ไปได้ เปน็ ความสมั พนั ธ์ และสถานะ ระหว่างนักเลงปืนกับนักเลงข่าว จะเอาปืนมากกระบอก หรือปืนน้อยกระบอกโดยมีเฮลิคอปเตอร์ ทหารเรือไทยมี และได้รับบทเรียนมาแล้วจาก “ข้าศึกอยู่ไหน” –เจ็บ แล้วต้องจา
ผู้ช่วยทูตทหารบกสหรัฐอเมริกา เรดมัน ป่านนี้คง พานักท่ีบ้านเกิดในสหรัฐอเมริกา คากล่าวของผู้ช่วยทูต ประจากรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในเมืองไทยเป็นระยะเวลา ๓ ปี ใจความสาคัญอยู่ที่ “ทหารไทยไม่รู้ว่า ข้าศึกอยู่ไหน ในการรบที่ภูหินร่องกล้า”
นาวิกศาสตร์ 53 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
พนั เอก เรดมนั กบั ทหารผา่ นศกึ ไทย


กล่าวนา
ผู้ท่ีเป็นทหารเรือทั้งท่ีมีหน้าที่รับราชการในเรือ และไปปฏิบัติงานในเรือเป็นคร้ังคราว รวมถึงผู้ท่ีไม่ใช่ ทหารเรือแต่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนเรือหลวงแห่งราชนาวี คงเคยพบ และสังเกตเห็นรูปพญาครุฑท่ีประดับบนเรือ ในตาแหน่งที่เห็นได้เด่นชัด ซึ่งส่วนมากจะประดับ บริเวณด้านหน้าสะพานเดินเรือ หรือมีบางลาที่ประดับ พญาครุฑไว้บริเวณอ่ืน อาทิ บริเวณหัวเรือ ดังเช่น เรือหลวงแม่กลอง หลายท่านอาจพอทราบว่าพญาครุฑ เป็นสัญลักษณ์แห่งองค์พระมหากษัตริย์ท่ีตามความเช่ือ ถือว่าพระองค์เปรียบเสมือนพระนารายณ์อวตาร โดยพระนารายณ์น้ันมีพระราชพาหนะได้แก่พญาครุฑ รวมท้ัง พญาครุฑยังปรากฏในเครื่องหมายครุฑพ่าห์ อันเป็นเครื่องหมายทางราชการของประเทศไทย ดังน้ันเรือหลวงซึ่งเป็นสมบัติสาคัญของทางราชการ จึงสมควรประดับครุฑ เพื่อแสดงเครื่องหมายแห่งองค์ พระมหากษัตริย์และทางราชการ และในบทความ “พญาครุฑกับกองทัพเรือไทย” นี้ ผู้เขียนได้รวบรวม ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มานาเสนอต่อท่านผู้อ่าน เพอื่เปน็การเพม่ิพนูความรเู้กยี่วกบัความสมัพนัธร์ะหวา่ง พญาครุฑอันเป็นสัญลักษณ์ หรือเคร่ืองหมายแห่งองค์ พระมหากษัตริย์กับกองทัพเรือไทยตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน โดยหวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อ ท่านผู้อ่านบ้างตามสมควร
ว่าด้วยพญาครุฑ
พญาครฑุ เปน็ อมนษุ ยจ์ า พวกหนง่ึ เปน็ กงึ่ สตั วก์ งึ่ เทพ มฤี ทธอิ์ า นาจมากและเปน็ เจา้ แหง่ นกทงั้ ปวงตามความเชอื่ ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พญาครุฑเป็นโอรสของ
พระกัสยปเทพบิดร และนางวินตา มีเชษฐาคือ พระอรุณซึ่งต่อมาได้เป็นสารถีของพระสุริยเทพ (พระอาทติ ย)์ พญาครฑุ นนั้ มลี กั ษณะเปน็ ครงึ่ นกครง่ึ มนษุ ย์ และครงึ่ เทวดา คอื หวั ปกี เลบ็ และปากเหมอื นนกอนิ ทรี ตัว แขน และขาเป็นคน หน้าขาว ปีกแดง ตัวเป็นสีทอง มีชายาช่ืออุนนติ หรือวินายกา และมีโอรสสององค์ คือ สมั ปาติ และชฎายุ (ในรามเกยี รต์ิ คอื สมั พาที และสดาย)ุ [๑] พญาครฑุ เปน็ ผมู้ ฤี ทธมิ์ ากและกตญั ญตู อ่ มารดาจนยอมไป ชิงน้าอมฤตมาไถ่โทษให้มารดา ซ่ึงตกเป็นทาสของนาง กทั รมุ ารดาของนาคทงั้ ปวง เนอ่ื งจากแพใ้ นอบุ ายทพี่ นนั ทาย สมี า้ พระสรุ ยิ เทพทน่ี างกทั รใุ ชใ้ หพ้ วกนาคโอรสไปพน่ พษิ จนมา้ ทรงพระสรุ ยิ เทพเปลย่ี นสจี ากขาวจนกลายเปน็ สดี า ทาให้นางวินตาแพ้พนันต้องตกเป็นทาส พวกนาค ตั้งข้อสัญญาว่าถ้าพญาครุฑไปเอาน้าอมฤตท่ีพระจันทร์ รักษาไว้มาให้พวกตนด่ืมเพื่อจะได้เป็นอมตะ ก็จะปล่อย นางวนิ ตาใหพ้ น้ จากความเปน็ ทาส พญาครฑุ จงึ ออกเดนิ ทาง ฝ่าอันตรายต่าง ๆ ไปจนถึงพระจันทร์ได้น้าอมฤตแล้ว จึงบินกลับ ระหว่างทางพบพระอินทร์และทวยเทพ ซึ่งทราบว่าพญาครุฑมาลักน้าอมฤตไปได้ เหล่าเทวดา จึงเข้ารบกับพญาครุฑเพ่ือชิงน้าอมฤตคืนซึ่งพญาครุฑ กส็ ามารถเอาชนะเหลา่ เทวดาได้ จนแมก้ ระทง่ั พระอนิ ทร์ จะใช้วัชระ (หรือสายฟ้า) ก็ยังไม่สามารถทาอันตราย พญาครฑุ ได้ แตพ่ ญาครฑุ ใหเ้ กยี รตแิ กพ่ ระอนิ ทรใ์ นฐานะ จอมเทพ และเป็นเชษฐาร่วมพระบิดา จึงยอมสลัดขนลง ให้หน่ึงเส้น หรือแม้แต่องค์พระนารายณ์ผู้ทรงเป็น พระเปน็ เจา้ สงู สดุ หนงึ่ ในสามองค์ (พระเปน็ เจา้ สงู สดุ ของ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม) กย็ งั เอาชนะพญาครฑุ ไมไ่ ด้ แตพ่ ญาครฑุ จะหนีพระนารายณ์ก็ไม่พ้นเช่นกัน
นาวิกศาสตร์
54
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ในทสี่ ดุ จงึ ตกลงทา สญั ญาเปน็ ไมตรกี นั โดยพระนารายณ์ ประทานพรให้พญาครุฑเป็นอมร (ผู้เป็นอมตะ หรือเป็น ผู้ไม่มีวันตาย) และสัญญาจะให้พญาครุฑนั่ง ณ ที่สูงกว่า ส่วนพญาครุฑยอมเป็นพาหนะแห่งพระนารายณ์ ดังนั้น พระนารายณจ์ งึ ทรงครฑุ และสว่ นพญาครฑุ กไ็ ดอ้ ยใู่ นธง ที่งอนรถพระนารายณ์อันเป็นที่น่ังสูงกว่า
ภาพที่ ๑ หน้าบันพระอุโบสถลายปูนปั้น พระนารายณ์ทรงครุฑ วัดราชมานิตสถิตมหาธาตุเจดีย์ทักษิณ ตาบลคลองทราย อาเภอนาทวี จังหวัดสงขลา [๒]
ความเก่ียวเน่ืองของพญาครุฑ และพระมหากษัตริย์
เนื่องจากไทยได้รับอิทธิพลความเชื่อจากศาสนา พราหมณ์-ฮินดู ว่าองค์พระมหากษัตริย์เปรียบเสมือน พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามกษัตริย์ผู้ทรง ฤทธานุภาพครองกรุงอยุธยา จึงได้นาตราครุฑมา เป็นตราแผ่นดินตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า “ตราพระครุฑพ่าห์” เป็นพระราชลัญจกรของ พระมหากษัตริย์องค์หน่ึง สาหรับประจาชาดและ ประจาครั่ง ในการผนึกพระราชสาสน์ และหนังสือ สัญญานานาประเทศ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ใช้ตราอาร์มเป็นตราแผ่นดินใน พ.ศ. ๒๔๑๖ ภายหลังทรงมีพระราชดาริว่าตราอาร์มท่ีใช้เป็น ตราแผ่นดินในเวลาน้ันเป็นอย่างฝร่ังเกินไป และทรงระลึกได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยา เคยใช้ตราพระครุฑพ่าห์มาก่อน (ตราท่ีกล่าวถึงคือ ตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดิม) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาตราพระครุฑพ่าห์ มาใช้เป็นตราแผ่นดินอีกครั้งตั้งแต่หลัง พ.ศ. ๒๔๓๖ เป็นต้นมา และมาใช้แทนตราแผ่นดินทั้งหมดอย่างเต็มท่ี ใน พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยการใช้ตราพระครุฑพ่าห์น้ี สาหรับประทับกากับพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ หรือกากับนามผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งลงนานแทนในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังใช้เป็นตราประจาสถานท่ีราชการต่าง ๆ ของรัฐบาลไทย ใช้พิมพ์เป็นตราบนหัวหนังสือ และเอกสารต่าง ๆ ของทางราชการ และใช้เป็น ตราสาหรับประทับในหนังสือราชการของกรม กองต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัท ห้างร้านที่จดทะเบียน โดยชอบตามกฎหมาย ที่ติดต่อค้าขายโดยชอบ กับทางราชสานัก ซ่ึงปรากฏว่ามีฐานะทางการเงินดี เป็นท่ีเช่ือถือแก่มหาชน ไม่มีหนี้สินรุงรัง นอกจากหน้ีสิน ปกติจากการค้าขาย และจะต้องประกอบการค้า โดยสุจริต อาจได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับ ตราพระครุฑพ่าห์เป็นตราตั้งห้างไว้ที่ห้างร้านของตนได้ โดยพระมหากษัตริย์ทรงไว้ในสิทธิท่ีจะเรียกคืนตรา ดังกล่าวได[้๓]
ภาพที่ ๒ ตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดิม (ซ้าย) พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์กลาง ฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (กลาง) และพระราชลัญจกร พระครุฑพ่าห์ ฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ใช้ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ (ขวา)
นาวิกศาสตร์
55
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


นอกจากพระราชลัญจกรครุฑพ่าห์แล้วยังมีรูป พญาครุฑอยู่ในธงมหาราช และธงพระครุฑพ่าห์ซ่ึงมี รายละเอียดโดยสังเขป ดังน้ี
๑. ธงมหาราช เป็นธงพระอิสริยยศสาหรับองค์ พระมหากษัตริย์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บัญญัติแบบอย่างของธงพระอิสริยยศขึ้นใหม่ ตามพระราชบัญญัติธง รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ โดยทรงจาแนกธงพระอิสริยยศเป็น ๖ ชั้น สาหรับ พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช พระวรชายาในพระยุพราช พระราชโอรส และพระราช ธิดาในพระมหากษัตริย์ ตามลาดับ และทรงเปล่ียนตรา แผ่นดินในธงใหม่จากตราอาร์มเป็นตราพระครุฑพ่าห์ ซึ่งธงมหาราชแบ่งได้เป็น ๒ ชนิด[๔] ได้แก่
๑.๑ ธงมหาราชใหญ่ มลี กั ษณะเปน็ รปู สเี่ หลยี่ ม จัตุรัส พื้นธงสีเหลือง มีรูปครุฑพ่าห์สีแดงอยู่ตรงกลาง
๑.๒ธงมหาราชนอ้ ยแบง่ ตามความยาวออกเปน็ สองตอน ตอนต้นมีสี และลักษณะอย่างเดียวกับธง มหาราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน ๖๐ เซนติเมตร ตอนปลาย มีลักษณะเป็นชายต่อสีขาวแปลงเป็นรูปธงยาวเรียว โดยให้ปลายสุดกว้างคร่ึงหนึ่งของตอนต้น ปลายธง ตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซว ลึก ๓ ใน ๘ ส่วน ของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น ๘ เท่า
ของความกว้างของตอนต้น ธงน้ีถ้าชักขึ้นแทนธง มหาราชใหญ่ หมายความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้งดการยิงสลุตถวายคานับ
ภาพที่ ๔ ธงมหาราชใหญ่ (บน) และธงมหาราชน้อย (ล่าง)
การประดับธงมหาราชใหญ่จะประดับเหนือ พระราชมณเฑียรที่ประทับของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว มณฑลพิธีเขตพระราชฐานและ พระราชพาหนะ โดยมีรายละเอียดตามระเบียบ ส่วนราชการในพระองค์ ว่าด้วยการใช้ การเชิญ การแสดงธง พระอิสริยยศ และการถวายความเคารพ โดยใช้ธงชัยเฉลิมพล พ.ศ. ๒๕๖๒
ในอดีตท่ีผ่านมาองค์พระมหากษัตริย์ในพระบรม ราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ได้เสด็จพระราชดาเนินทาง ชลมารคดว้ ยเรอื พระทนี่ งั่ ซง่ึ มกี ารประดบั ธงมหาราช อาทิ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เม่ือครั้งเสด็จพระราชดาเนินโดยเรือพระที่น่ังมหาจักรี
ภาพที่ ๓ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ที่ใช้เป็นตราแผ่นดิน (ซ้าย) และพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์แบบที่ใช้เป็นตราต้ังห้าง (ขวา) [๓]
นาวิกศาสตร์
56
ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


เลียบหัวเมืองชายทะเลมณฑลจันทบุรี พ.ศ. ๒๔๕๗ ไดท้ รงพระราชนพิ นธก์ าพย์เหเ่รอื ตอนเหช่ มกระบวนเรอื [๕] ได้มีข้อความตอนหน่ึงกล่าวถึงธงมหาราชไว้ว่า
“พระเสด็จโดยแดนชล มหาจักรีมี
นาวาวรายุทธ แห่ห้อมจอมนคร
ธงทิวปลิวระยับ อันธงพระทรงเมือง
ธงตรามหาราช
ทรงเรือต้นงามสดศรี เกียรติก้องท้องสาคร อุตลุดแลสลอน ราวจะรอนริปูเปลือง สีสลับขาวแดงเหลือง เหลืองอร่ามดูงามตา ผ่องผุดผาดในเวหา
อ้าปีกกว้างท่าทางบิน” อุดหนุนราชนาวีสมาคม เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๔๕๗)
๒. ธงพระครุฑพ่าห์ หรือธงชัยพระครุฑพ่าห์ เป็นธงประจาพระองค์พระมหากษัตริย์มาแต่โบราณ ใช้เป็นธงชัยสาหรับแห่นาในการเสด็จพระราชดาเนิน ในกองทัพ คู่กับธงกระบ่ีธุช ธงชัยพระครุฑพ่าห์ แบ่งได้ เปน็ ๒ สา รบั คอื ธงชยั พระครฑุ พา่ หส์ า รบั ใหญ่ และธงชยั พระครุฑพ่าห์สารับน้อย[๖] ดังนี้
๒.๑ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ ผืนธงมีลักษณะ เป็นแผงมี ๓ ชาย อย่างธงชัยโบราณหุ้มด้วยผ้าสักหลาด สแี ดงปกั ดนิ้ ทองลายกนกยอดเปน็ ปลายหอกตวั คนั ธงนน้ั เป็นอาวุธอย่างตรีศูล หรือสามง่าม ที่คอคันธงมีรูป พระนารายณท์ รงครฑุ หลอ่ ดว้ ยโลหะสา รดิ ตดิ อยทู่ คี่ อคนั ธง
๒.๒ ธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย ผืนธงมีลักษณะ เปน็ ผา้ สเี หลอื งรปู สเี่ หลยี่ ม มภี าพครฑุ ทกี่ ลางผนื ธง คนั ธง ท่อนบนทาด้วยเหล็ก ยอดเรียวแหลมคร่าทอง ท่อนล่าง ทาด้วยไม้ชัยพฤกษ์ติดกาบโลหะจาหลักเป็นภาพครุฑ จบั นาค จา นวน ๔ กาบ มหี างนกยงู ผกู เปน็ แพนเสยี บทกี่ าบ ใช้เชิญนากระบวนพยุหยาตรา และอัญเชิญประดิษฐาน ในมณฑลพิธีในการพระราชพิธีต่าง ๆ เข้าคู่กับธงชัยราช กระบธี่ ชุ นอ้ ย โดยธงชยั พระครฑุ พา่ หน์ อ้ ยอยทู่ างดา้ นขวา และธงชัยราชกระบี่ธุชน้อยอยู่ทางด้านซ้าย
รูปครุฑะราชา
(ทรงพระราชนพิ นธพ์ ระราชทานสา หรบั พมิ พใ์ นหนงั สอื สมทุ สาร
ภาพที่ ๕ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ (ซ้าย) และธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย (ขวา) พญาครุฑกับกองทัพเรือไทยสมัยโบราณ (ยุคเรือพาย
และเรือสาเภา)
ในสมยั โบราณตงั้ แตก่ รงุ สโุ ขทยั เปน็ ราชธานเี ปน็ ตน้ มา ในการยาตราทัพเพื่อทาศึกสงครามภายในอาณาจักร หรือนอกอาณาจักร หากยกทัพไปทางเรือก็จะเรียกยก “ทัพเรือ” ซ่ึงมีความจาเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ในการลา เลยี งทหาร เครอ่ื งศาสตราวธุ และเสบยี งอาหาร โดยเรอื นอกจากจะสามารถลา เลยี งทหาร และยทุ ธปจั จยั ไดค้ รง้ั ละมาก ๆ แลว้ ยงั สะดวกและรวดเรว็ กวา่ ทางบกดว้ ย จึงนิยมยกทัพไปทางเรือจนสุดทางน้าแล้วจึงยกทัพต่อไป บนทางบก
เรือรบที่เป็นพาหนะของกองทัพไทยสมัยโบราณ มี ๒ ประเภทด้วยกัน คือ เรือรบในแม่น้า และเรือรบ ในทะเล โดยในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีได้มีการ พัฒนาเรือรบในแม่น้าขึ้นหลายแบบเพื่อใช้ในสงคราม กับพม่าเป็นหลัก ซึ่งเท่าท่ีพบหลักฐานไทยได้ใช้เรือรบ ประเภทเรือแซเป็นเรือรบในแม่น้าเพื่อใช้ในการลาเลียง ทหาร และเสบียงอาหารมาช้านานแล้วโดยใช้ฝีพาย ๒๐ พาย เป็นกาลังขับเคลื่อนให้เรือแล่นไป[๗]
ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ. ๒๐๙๑–๒๑๑๑) ได้มีการทาศึกกับพม่าหลายครั้ง
นาวิกศาสตร์
57
ปีท่ี ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


พระองค์ได้ดัดแปลงเรือแซให้เป็นเรือไชย (ชัย) ซึ่งเป็น เรือชนิดที่มีทวนหัวเรือตั้งสูงขึ้นไปเป็นงอนเพื่อใช้ในการ ลาเลียงทหารได้มากขึ้น สาหรับเรือไชยที่ทรงดัดแปลง ใหม่น้ัน เป็นเรือที่มีลักษณะลาเรือยาวใช้ฝีพายประมาณ ๖๐-๗๐คนแลน่ ไดร้ วดเรว็ กวา่ เรอื แซปรากฏวา่ ในคราวที่ พม่าตั้งค่ายล้อมกรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระมหาจักรพร รดิได้โปรดเกล้าฯ ให้นาปืนใหญ่ไปติดตั้งที่เรือไชยออก แล่นยิงค่ายพม่าจนพม่าต้องถอยทัพกลับไป และในเวลา เดียวกันสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงคิดสร้างเรือรบ โขนเรือเป็นรูปสัตว์ขึ้นเพื่อใช้ในสงครามอีกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเช่นเดียวกับเรือไชย แต่ทาหัวเรือให้กว้างขึ้น เพอื่ ใหส้ ามารถตดิ ตงั้ ปนื ใหญท่ หี่ วั เรอื ได้ ซงึ่ เรอื รบโขนเรอื เป็นรูปสัตว์นี้มีทั้ง ราชสีห์ คชสีห์ ครุฑ นาค วานร ฯลฯ โดยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้มีเรือรบโขนเรือเป็นครุฑ อยู่ ๒ ลา คอื เรอื ครฑุ เหนิ เหจ็ และ เรอื ครฑุ เตรจ็ ไตรจกั ร ซึ่งเป็นเรือรูปครุฑยุดนาค โดยเรือครุฑเหินเห็จเป็นครุฑ กายสีแดง ส่วนเรือครุฑเตร็จไตรจักรเป็นครุฑกายสีชมพู เรือครุฑเหินเห็จลาเดิมสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เป็นเรือ รปู สตั วพ์ นื้ ดา ยาว๑๓วา๑ศอก๑คบื กวา้ ง๔ศอก ลกึ ๑ ศอก ๑๐ นิ้ว กาลัง (ความเร็วเมื่อฝีพายเต็มอัตราพาย หนึ่งครั้ง) ๕ ศอก ๑ คืบ ๑๑ น้ิว แต่ได้ถูกระเบิดเสียหาย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ กรมศิลปากรได้เก็บหัวเรือ และทา้ ยเรอื ไว้ และไดส้ รา้ งขน้ึ ใหมเ่ มอื่ วนั ท่ี ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ น้าหนัก ๗ ตัน กว้าง ๑.๕๙ เมตร ยาว ๒๗.๕๐ เมตร ลึก ๐.๕๙ เมตร กินน้าลึก ๐.๓๒ เมตร ฝีพาย ๓๘ คน และนายท้ายเรือ ๒ คน[๘] ส่วนเรือครุฑ เตร็จไตรจักรลาเดิมเป็นเรือรูปสัตว์พื้นดายาว ๑๓ วา ๑ศอก๑คืบ กว้าง ๓ศอก ๑คืบ๖นิ้ว ลึก ๑ศอก ๙ น้ิว กาลัง ๕ ศอก ๑ คืบ ๗ น้ิว ลาเก่าถูกระเบิดชารุด กรมศิลปากรได้เก็บหัวเรือและท้ายเรือไว้ และได้สร้าง ขนึ้ ใหมเ่ มื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ น้าหนัก ๕.๙๗ ตัน กว้าง ๑.๙๐ เมตร ยาว ๒๗.๑๐ เมตร ลึก ๐.๕๒ เมตร กินน้าลึก ๐.๒๙ เมตร ฝีพาย ๓๔ คน และ นายท้ายเรือ ๒ คน[๙]
ภาพที่ ๖ เรือครุฑเหินเห็จ (ซ้าย) และเรือครุฑเตร็จไตรจักร (ขวา) [๑๐]
นอกจากเรอื รบโขนเรอื เปน็ รปู ครฑุ แลว้ เรอื พระทนี่ ง่ั ทมี่ โี ขนเรอื เปน็ รปู พญาครฑุ ไดแ้ ก่ เรอื พระทน่ี ง่ั นารายณ์ ทรงสบุ รรณรชั กาลที่ ๙ โดยตามประวตั เิ รอื พระทนี่ ง่ั ลา น้ี เดมิ สรา้ งในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี ๓ เป็นเรือพระที่นั่งโขนเรือเป็นรูปครุฑ ยุดนาค (พญาสุบรรณ) เท่าน้ัน จึงมีนามเดิมว่า เรือพระท่ีน่ังมงคลสุบรรณ ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปพระนารายณ์ประทับยืนบนหลังพญาสุบรรณ ทา ใหเ้ รอื มคี วามสงา่ งามมากขน้ึ และทรงพระราชทานนามวา่ เรือพระที่น่ังนารายณ์ทรงสุบรรณ ขนาดตัวเรือยาว ๑๗วา๒ศอก กว้าง๕ศอก๕นิ้ว ท้องลึก๑ศอก๖นิ้ว พื้นทาสีแดง ใช้ฝีพาย ๖๕ นาย[๑๑] มีฐานะเป็นเรือ พระที่นั่งรองทอดบัลลังก์กัญญาเทียบเท่าเรือพระท่ีน่ัง อนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ต่อมา ตัวเรือมีความชารุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา คงเหลือ แต่โขนหัวเรือประกอบด้วยพญาสุบรรณ (พญาครุฑ) และพระนารายณเ์ กบ็ รกั ษาไวท้ พี่ พิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ จนถึงมหามงคลวโรกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
นาวิกศาสตร์
58
ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ กองทัพเรือจึงได้จัดทา “โครงการสร้างเรือพระท่ีน่ัง นารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙” เพ่ือน้อมเกล้าน้อม กระหม่อมถวายเน่ืองในมหามงคลวโรกาสดังกล่าว โดยอัญเชิญโขนหัวเรือมาเป็นแบบในการสร้างเรือ พระที่นั่งองค์ใหม่ ซึ่งมีขนาดเท่ากับลาเดิม ตัวเรือ กว้าง ๓.๒๐ เมตร ยาว ๔๔.๓๐ เมตร กินน้าลึก ๑.๑๐ เมตร น้าหนัก ๒๐ ตัน ใช้ฝีพายเพียง ๕๐ นาย เพื่อ ให้สอดคล้องกับวโรกาส ๕๐ ปี แห่งการครองราชย์[๑๒] ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เสด็จพระราชดาเนินทางทะเล ในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรงุ ธนบรุ ี และกรงุ รตั นโกสนิ ทรม์ ลี กั ษณะเปน็ เรอื สา เภา ที่มีการประดับตกแต่งอย่างงดงาม ซึ่งบางลาท้ายเรือ คงทาท้ายบาหลีสูงยื่นออกมาคล้ายท้ายราชรถ อาทิ เรือพระที่น่ังของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีนามว่า “เรือพระท่ีนั่งมหาพิชัยสุวรรณนาวา”[๑๕] ปากกว้าง ๓ วาเศษ ยาว ๑๗ วา โดยมลี กั ษณะของเรอื และกา ลงั พล ประจาเรือตามพงศาวดารกรุงธนบุรี (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๖) ดังนี้
“เรือรบเขียนเป็นรูปตราตามตาแหน่ง ตรงข้างเรือ เขียนเป็นลายรดน้า เรือพระที่นั่งทรงเขียนหน้าเรือเป็น รปู ครฑุ ขา้ งเปน็ ลายรดนา้ พนกั ทา้ ยเขยี นนา้ ทองพะอวดทอง หลังคาสีสักหลาด ตะกูด แจว เสากะโดง ทาสีเหลือง พลแจวใสห่ มวกใสเ่ สอื้ สดี อกคา เรอื รบเจา้ ราชนกิ ลุ เขยี น ลายรดนา้ หลงั คาหมุ้ ผา้ แดง พลแจวใสเ่ สอ้ื เขยี ว มธี งแลโคม”
เรือพระที่นั่งสาหรับเดินเรือในทะเลข้างต้นนั้น เรียกโดยทั่วไป คือ “เรือพระท่ีนั่งสาเภาทอง” และ ใช้ตราครุฑ ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงใช้เป็น พระราชพาหนะในการเสด็จยกทัพเรือไปตีกรุงกัมพูชา เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๔ หรือเม่ือครั้งกรมพระราชวังบวร มหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพเรือไปปราบพม่าที่เมือง นครศรีธรรมราช เมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๒๙ ได้ทรงใช้ เรือพระท่ีน่ังสุวรรณพิชัยนาวาท้ายรถ หรือเรือพระท่ีนั่ง สาเภาทองท้ายรถของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เป็นพระราชพาหนะ โดยที่ เรอื พระทนี่ งั่ ใชต้ ราครฑุ จงึ เรยี กวา่ “เรอื พระทนี่ งั่ ครฑุ ”[๑๖] ดังปรากฏในนิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ครงั้ เสดจ็ ไปปราบพมา่ เมอื งนครศรธี รรมราชฯ มขี อ้ ความ กล่าวถึงเรือพระที่นั่งครุฑว่า
ภาพท่ี ๗ โขนหวั เรอื พระทนี่ งั่ นารายณท์ รงสบุ รรณรชั กาลที่ ๙ [๑๓]
จากท่ีกล่าวมาซ่ึงเป็นเรือรบ และเรือพระที่นั่งท่ีใช้ ในแม่น้าแล้ว เม่ือมีการยาตราทัพเรือไปทางทะเลจึง เกิดความจาเป็นที่จะต้องใช้เรือรบประเภทเรือเดินทะเล ซึ่งเป็นเรือใบ เรือรบขนาดใหญ่ของไทยสมัยเรือใบ แบ่งออกกว้าง ๆ ได้ ๒ จาพวก ได้แก่ เรือสาภา หรือ เรอื แบบจนี และจา พวกเรอื แบบตะวนั ตก หรอื เรอื กา ปน่ั แบบฝรง่ั นอกจากนยี้ งั มเี รอื เดนิ ทะเลขนาดยอ่ มทเี่ ลก็ กวา่ เรอื สา เภา และเรอื กา ปน่ั อาทิ เรอื สา ปน้ั แปลง เรอื กา ปน่ั แปลง เรอื แบบญวณ(เรอื แง่หรอื เรอื กไุล)เรอื ฉลอมและเรอื เปด็ รวมทั้งเรือแบบแขก (เช่น เรือกลาบู)[๑๔]
ในส่วนเรือพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์เม่ือทรงใช้
“ทน่ี ง่ั ครฑุ ทอดทา่ เตรยี มเสดจ็ จับพระยานาคินทร์บินรวบรัด ลงยันต์ลายทองตารับหลวง จ่ารงคร่าใส่ช่องสองข้างครุฑ
ดงั่ จะเหจ็ นภามาศดอู าจอดั สองหตั ถถ์ อื ธงพไิ ชยยทุ ธ เด่นดวงเป็นรูปวายุบุตร ฝรงั่ คอยเตรยี มชดุ จะจดุ ปนื ”
นาวิกศาสตร์
59
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๘ เรอื สา เภาทองจา ลองทตี่ า บลคงุ้ ตะเภา อา เภอมโนรมย์ จงั หวดั ชยั นาท
พญาครฑุ กบั กองทพั เรอื ไทยสมยั ปจั จบุ นั (ยคุ เรอื กลไฟ จนถึงยุคเรือรบปัจจุบัน)
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ เมื่อได้มีการคิดประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้า ขึ้นในยุโรปและนามาใช้กับเรือ เรือรบในทะเลของไทย จึงได้เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนเรือโดยใช้ใบมาเป็นเรือ แบบเรอื กลไฟ โดยเรม่ิ จากเรอื ใชจ้ กั รขา้ งกอ่ น แลว้ ตอ่ มา จึงเปลี่ยนเป็นจักรท้าย ส่วนตัวเรือแต่ก่อนใช้ไม้สร้าง ก็เปล่ียนมาสร้างด้วยเหล็กแทน
เรือกลไฟที่เป็นเรือหลวงได้เริ่มมีการประดับครุฑ บนเรือ เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งองค์พระมหากษัตริย์ และสมบตั ขิ องทางราชการ โดยครฑุ นมี้ ลี กั ษณะเหมอื นรปู พระครฑุ พา่ หท์ เี่ ปน็ ตราแผน่ ดนิ อาทิ เรอื ยงยศอโยชณยิ า แต่ครุฑที่ประดับบนเรือหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของราชนาวี ไทยที่รักษาไว้ได้ คือ ครุฑที่ประดับบนเสาหน้าของเรือ พระที่นั่งมหาจักรี (ลาที่ ๒) ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ ท่ีพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เลขท่ี ๙๙ ถนนสุขุมวิท อาเภอ ปากนา้ จงั หวดั สมทุ รปราการ (ตรงขา้ มกบั โรงเรยี นนายเรอื )
ภาพท่ี ๙
ครฑุ ประดบั บนเสาหนา้ ของเรอื พระทนี่ งั่ มหาจกั รี (ลา ที่ ๒) (ซา้ ย) และเสาหนา้ ฯ บรเิ วณทปี่ ระดบั ครฑุ (ขวา-วงกลมเสน้ ประ)
ตอ่ มาเมอื่ มเี รอื ประเภทตา่ ง ๆ ขน้ึ ระวางประจา การ มากขึ้น เพื่อให้การประดับครุฑบนเรือหลวงเป็นไปด้วย ความเรยี บรอ้ ยและเหมาะสม กองทพั เรอื จงึ ไดท้ า การออก ระเบยี บกองทพั เรอื วา่ ดว้ ยการประดบั ครฑุ บนเรอื หลวง พ.ศ. ๒๕๒๙[๑๗] ประกาศใช้เมื่อ ๑๑ เม.ย. ๒๙ และได้ ใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีเนื้อหาสาคัญสรุปได้ดังน้ี
๑.“เรอื ”หมายถงึ เรอื ทม่ี นี ายทหารสญั ญาบตั รเปน็ ผู้บังคับการเรือ หรือเป็นผู้ควบคุมเรือ
๒. “ครุฑ” หมายถึง ครุฑที่มีลักษณะเป็นครุฑพ่าห์ เช่นเดียวกับเครื่องหมายทางราชการของประเทศไทย
๓. เรือทุกลาที่มีอัตราอยู่ในกองทัพเรือให้ประดับ ครุฑตามระเบียบน้ี
๔. ครฑุ ทปี่ ระดบั บนเรอื ใหใ้ ชว้ สั ดุ แบบ และสี ตามที่ กรมอทู่ หารเรอื กา หนด สา หรบั ขนาดของครฑุ ใหก้ องเรอื ยทุ ธการกา หนด ตามความเหมาะสมกบั ขนาดของเรอื
๕. ครุฑที่ประดับบนเรือ ให้ประดับ ณ ท่ีเห็นได้ชัด และสง่างาม เช่น ที่หัวเรือ สะพานเดินเรือด้านหน้า ก่ึงกลางลาเรือ หรือที่ที่กองเรือยุทธการกาหนด โดยมี หลักเกณฑ์ดังนี้
๕.๑ เรอื ประเภทและขนาดเดยี วกนั ใหป้ ระดบั ครฑุ ท่ีมีขนาดและตาแหน่งท่ีเดียวกัน
๕.๒ เรอื แตล่ ะลา ประดบั ครฑุ ไดเ้ พยี งแหง่ เดยี ว ๖. เรือทุกลาที่ประดับครุฑ ต้องรักษาครุฑ
ให้อยู่ในสภาพสง่างามตลอดเวลา
๗. ให้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการรักษาการ
ตามระเบียบนี้
นาวิกศาสตร์
60
ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ในสว่ นของกองเรอื ยทุ ธการจงึ ไดท้ า การออกระเบยี บ กองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๒๙ ขึ้นมารองรับระเบียบกองทัพเรือฯ และได้ปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยการออกระเบียบ กองเรือยุทธการว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๓๓ เมอื่ ๑๓ ส.ค. ๓๓ [๑๘] โดยใหย้ กเลกิ ระเบยี บ กองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๒๙ และระเบียบกองเรือยุทธการ ว่าด้วยการ ประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับท่ี ๒) และ ใช้ระเบียบฯ น้ีต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยกาหนดขนาด ของครุฑ และตาบลที่ท่ีประดับครุฑตามผนวกท้าย ระเบียบนี้ รวมทั้งกาหนดให้ผู้อานวยการกองกาลังพล กองบัญชาการกองเรือยุทธการ รักษาการตามระเบียบน้ี ซึ่งผู้เขียนขอนารายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของครุฑ และตาบลท่ีที่ประดับมาเสนอพอสังเขป ดังน้ี
เบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร. เป็นผู้สร้างองค์ครุฑ[๑๙] ซ่ึงในปัจจุบันมีแบบองค์ครุฑอยู่ ๓ ขนาด สร้างจากวัสดุ ซิลิโคน (Silicone) ได้แก่
๑. แบบองค์ครุฑขนาดเล็ก (ความสูงจาก ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๔๗ เซนติเมตร ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหน่ึง ๔๕ เซนติเมตร)
๒. แบบองค์ครุฑขนาดกลาง (ความสูงจาก ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๖๗ เซนติเมตร ความกว้างจากปลายปีกข้างหน่ึงถึงปลายปีกอีกข้างหน่ึง ๗๐ เซนติเมตร)
๓. แบบองค์ครุฑขนาดใหญ่ (ความสูงจาก ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๘๐ เซนติเมตร ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหน่ึง ๙๓ เซนติเมตร)
โดยองค์ครุฑเพื่อประดับบนเรือหลวงจะสร้างจาก วัสดุไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เพ่ือให้มีน้าหนักเบา และมีความคงทนแข็งแรง เมื่อสร้างองค์ครุฑเสร็จ เรียบร้อยแล้ว ก็จะส่งต่อให้โรงงานช่างสี แผนกโรงงาน เบ็ดเตล็ดฯ เป็นผู้ดาเนินการลงสีองค์ครุฑให้เป็นไป ตามรูปแบบ และเมื่อดาเนินการเสร็จทุกขั้นตอนจนได้ องคค์ รฑุ ทสี่ มบรู ณแ์ ลว้ อธบ.อร. กจ็ ะแจง้ คณะกรรมการ ต่อเรือฯ หรือผู้แทนอู่ต่อเรือมารับองค์ครุฑเพื่อนาไป ประดบั บนเรอื หลวงตอ่ ไป
ทมี่ า : ผนวกแนบทา้ ยระเบยี บกองเรอื ยทุ ธการ วา่ ดว้ ยการประดบั ครฑุ บนเรอื หลวง พ.ศ. ๒๕๓๓
สา หรบั การสรา้ งองคค์ รฑุ เพอื่ ประดบั บนเรอื หลวงนนั้ (ที่เรียกพญาครุฑเป็นองค์ เนื่องจากพญาครุฑถือเป็น กึ่งสัตว์ กึ่งเทพ และเป็นพาหนะของพระนารายณ์: ผู้เขียน) เมื่อมีการต่อเรือจนใกล้จะแล้วเสร็จ คณะกรรมการต่อเรือของโครงการต่อเรือต่าง ๆ ของกองทัพเรือ หรืออู่ต่อเรือที่ทาการต่อเรือทั้งในและ ต่างประเทศ จะขอรับการสนับสนุนการสร้างองค์ครุฑ จากอู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ (อธบ.อร.) ซงึ่ กองโรงงานอธบ.อร.เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบในการดา เนนิ การ โดยมีโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนกโรงงาน
ภาพท่ี ๑๐ แบบองคค์ รฑุ ขนาดเลก็ (ซา้ ย) แบบองคค์ รฑุ ขนาด กลาง (กลาง) และแบบองคค์ รฑุ ขนาดใหญ่ (ขวา)
ทมี่ า : ไดร้ บั ความอนเุ คราะหจ์ ากโรงงานชา่ งตอ่ เรอื ใยแกว้ แผนกโรงงานเบด็ เตลด็ กองโรงงาน อธบ.อร.
61
นาวิกศาสตร์
ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


เนื่องจากองค์ครุฑจะต้องประดับบนเรือหลวง ให้แล้วเสร็จก่อนทาพิธีรับมอบเรือ ดังนั้นในแต่ละปี จึงมีจานวนองค์ครุฑท่ีสร้างข้ึนอยู่กับจานวนเรือที่ต่อขึ้น และใกล้จะแล้วเสร็จ อาทิ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง เรือ ต.๙๙๗ และ เรือ ต.๙๙๘ ทางคณะกรรมการ ต่อเรือของโครงการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ได้ขอรับการสนับสนุนการสร้างองค์ครุฑ จานวน ๒ องค์ จาก อธบ.อร. ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และจะขอรับในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ โดย ในปัจจุบันเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๙๙๗ และ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๙๙๘ มีการกระทาพิธีปล่อยเรือ ตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลงน้า ณ อตู่ อ่ เรอื บริษัทมาร์ซัน จากัด (มหาชน) แล้ว เม่ือวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ และ กา ลงั ดา เนนิ การตดิ ตงั้ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ เพอ่ื สง่ มอบเรอื ตอ่ ไป
ภาพท่ี ๑๑ องค์ครุฑขนาดเล็กที่สร้างเสร็จแล้ว ด้านหน้า และด้านหลัง
ที่มา : ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนก
โรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร.
สรุป
พญาครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์ ตามคติความเชื่อท่ีว่าพระองค์คือพระนารายณ์อวตาร โดยมีพระราชพาหนะคือพญาครุฑ ดังนั้นกองทัพเรือ และเรือรบไทยนับแต่โบราณจึงมีรูปพญาครุฑประดับ หรือปรากฏอยู่ อาทิ โขนหัวเรือ ตราเรือ หรือธงชัย แทนพระองค์พระมหากษัตริย์ ต่อมาเมื่อต่อเรือรบ ด้วยเหล็กจึงมีการเปลี่ยนมาสร้างรูปพญาครุฑด้วยวัสดุ ท่ีคงทนแข็งแรงน้าหนักเบา เพื่อประดับบนเรือหลวง ในฐานะสญั ลกั ษณ์ และสมบตั สิ า คญั ของทางราชการไทย
62
โดยรปู พญาครฑุ จะมลี กั ษณะเหมอื นรปู ครฑุ พา่ หอ์ นั เปน็ เครื่องหมายทางราชการของประเทศไทย นอกจากน้ี ในด้านความศักด์ิสิทธิ์ เน่ืองจากพญาครุฑเป็นผู้ทรง อิทธิฤทธิ์และความดีงาม จึงเป็นเคร่ืองหมายให้กาลังพล ประจาเรือเกิดความอบอุ่น ม่ันใจ ตลอดจนสร้างขวัญ และกา ลงั ใจในการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตา่ ง ๆ วา่ จะมสี งิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ สถิตและคอยคุ้มครองอยู่เสมอ อีกท้ังในฐานะข้าแผ่นดิน กเ็ สมอื นมสี ญั ลกั ษณแ์ ทนองคพ์ ระมหากษตั รยิ ส์ ถติ อยใู่ น พาหนะอันตนมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองเอกราช และอธิปไตยของราชอาณาจักรอีกประการหน่ึง
ขนบธรรมเนียมในการสร้างองค์พญาครุฑเพ่ือ ประดับบนเรือหลวงของราชนาวีคงจะดาเนินสืบต่อไป อกี ตราบนานเทา่ นาน เพราะเปน็ การสบื สานจติ วญิ ญาณ เอกลักษณ์ และความจงรักภักดีของทหารเรือ และกองทัพเรือไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติซึ่งดารงมายาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษ มาโดยไม่ขาดสาย
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอขอบพระคุณผู้ให้การสนับสนุน ทุกท่านทั้งมารดาของผู้เขียนซ่ึงเป็นอาจารย์ในวิชา ภาษาไทยและวรรณคดี รวมถึงกาลังพลของกองโรงงาน อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงงานช่างต่อเรือใยแก้วฯ และโรงงานช่างสีฯ ทุกท่าน ซ่ึงเป็นผู้ให้ข้อมูลสาคัญในการสร้างองค์พญาครุฑ เพื่อประดับบนเรือหลวง หวังว่าบทความ “พญาครุฑ กบั กองทพั เรอื ไทย”นี้จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ทา่ นผอู้ า่ นบา้ ง ตามสมควร และหากมีข้อบกพร่อง หรือผิดพลาด แต่ประการใดผู้เขียนขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


เอกสารอ้างอิง
[๑] เกอ้ื พนั ธ์ุ นาคบปุ ผา , พนื้ ฐานการอา่ นวรรณคดไี ทย , (กรงุ เทพฯ สา นกั พมิ พต์ น้ ออ้ แกรมมี่ , ๒๕๔๐) , หนา้ ๑๔๗ [๒] เว็บไซต์ขององค์การบริหารส่วนตาบลคลองทราย อาเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
(http://www.klongsai.go.th/travel/detail/750)
[๓] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย
[๔] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/ธงพระอิสริยยศในประเทศไทย
[๕] มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระ , พระราชนิพนธ์ บทเห่ชมกระบวนเรือ , ประชุมกาพย์เห่เรือ ฉบับ
[๖]
พิมพ์ครั้งที่ ๓ แจกในการกฐินพระราชทาน จางวางเอก พระยาประสิทธ์ิศุภการ ผู้สาเร็จราชการมหาดเล็ก ณ วดั เขมาภริ ตาราม จงั หวดั นนทบรุ ี วนั ท่ี ๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๖๔ , (กรงุ เทพฯ , โรงพมิ พโ์ สภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๔) โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์,คู่มือการฝึก วา่ ดว้ ยแบบฝกึ ทา่ กระบี่ และการปฏบิ ตั ขิ องผอู้ ญั เชญิ ธงชยั เฉลมิ พล พ.ศ. ๒๕๖๐ ภาคผนวก ธงราชกระบยี่ ทุ ธ และ ธงพระครฑุ พา่ ห์ , ไฟลด์ าวโหลด คมู่ อื แบบฝกึ พระราชทาน รชั กาลที่ ๑๐ (โรงเรยี นทหารมหาดเลก็ ราชวลั ลภรกั ษา พระองค์ : รร.ทม.รอ.)sword_flag.pdf จากเว็บไซต์กองงบประมาณ สานักงานงบประมาณและและการเงิน สานักงานตารวจแห่งชาติ (https://policebudget.go.th/drupal/content/คู่มือแบบฝึกพระราชทาน-รัชกาล
ท่ี-๑๐-โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์-รร.ทม.รอ)
[๗] ประวัติกองทัพเรือ จากเว็บไซต์กองทัพเรือ https://www.navy.mi.th/index.php/history/detail/his
tory_id/14
[๘] เรอื ครฑุ เหนิ เหจ็ จากเวบ็ ไซตก์ องทพั เรอื https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/1639 [๙] เรือครุฑเตร็จไตรจักร จากเว็บไซต์กองทัพเรือ https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/con
tent_id/1640
[๑๐] เรือครุฑเหินเห็จและเรือครุฑเตร็จไตรจักร จากเว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
หมวดขอ้ มลู เกยี่ วกบั พระราชพธิ เี บอื้ งปลาย (http://www.phralan.in.th/coronation/finalceremoniesdetail.
php?id=836)
[๑๑] เรือพระที่น่ังนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ จากเว็บไซต์กองทัพเรือ
(https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/1618)
[๑๒] คณะทางานจัดทาหนังสือ “ จอมทัพไทยกับราชนาวี ” กองทัพเรือ , จอมทัพไทยกับราชนาวี , (กรุงเทพฯ ,
โรงพิมพ์ อรุณการพิมพ์ เขตพระนคร, ๒๕๓๙) , หน้า ๔๐๘
[๑๓] เรือพระท่ีนั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙ จากเว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
หมวดขอ้ มลู เกย่ี วกบั พระราชพธิ เี บอ้ื งปลาย (http://www.phralan.in.th/coronation/finalceremoniesdetail.
php?id=938)
[๑๔] แชน ปัจจุสานนท์ , พลเรือตรี , ประวัติการทหารเรือไทย , (กรุงเทพ ฯ , ห้างหุ้นส่วนจากัดอรุณการพิมพ์ ,
๒๕๔๑) , หน้า ๑๒๐ - ๑๒๖ [๑๕] Ibid. , หน้า ๑๒๘
[๑๖] Ibid. , หน้า ๑๒๙
นาวิกศาสตร์
63
ปีท่ี ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


[๑๗] นิพนธ์ ศิริธร , พลเรือเอก , ผู้บัญชาการทหารเรือ , ระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ.๒๕๒๙ , ประกาศ ณ วันท่ี ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๙
[๑๘] อัศวิน หิญชีระนันท์ , พลเรือเอก , ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ , ระเบียบกองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับ ครุฑบนเรือหลวง พ.ศ.๒๕๓๓ , ประกาศ ณ วันท่ี ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓
[๑๙] สัมภาษณ์ น.ต.ปรีชา ศรีสิงห์ นายช่าง โรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนกโรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร. และ ร.อ.สรยง เขมสกลเศรฐ หัวหน้าช่าง โรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว ฯ , ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔
ครุฑเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์
นาวิกศาสตร์
64
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


Mission Command เป็นหลักนิยมใหม่ของ กองทัพบกสหรัฐอเมริกา ในการควบคุมบังคับบัญชา (Command and Control) ซึ่งเน้นการบรรลุ ตามเจตนารมณ์ของหน่วยเหนือ หรือวัตถุประสงค์ ของภารกิจ มากกว่าความสาเร็จของกิจเฉพาะที่ ได้รับ เนื่องจากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันสามารถ เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้เรามีความ ได้เปรียบข้าศึก อีกไม่นานอาจเสียเปรียบก็ได้ แผนที่ได้ เตรียมการไว้ และออกคาสั่งให้แก่หน่วยรองในขณะนี้ อาจใช้ไม่ได้ผล เม่ือต้องปฏิบัติในสถานการณ์ท่ี เปลี่ยนแปลงไป หรือไม่เป็นไปตามท่ีได้วางแผนไว้
ปจั จบุ นั ระบบปฏบิ ตั กิ ารในสนามรบของกองทพั บก สหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนจากแบบBOS7(Battlefield Operating Systems) ไปเป็นแบบ Warfighting Function ซึ่งประกอบด้วย ๖ ส่วน ดังน้ี
๑. การบังคับบัญชาภารกิจ (Mission Command)
๒. การดาเนินกลยุทธ์ และการเคลื่อนที่ (Move- ment and Maneuver)
๓. การยิงสนับสนุน (Fires)
๔. การดารงสภาพ (Sustainment) ๕. การพิทักษ์หน่วย (Protection) ๖. การข่าว (Intelligence)
Ref: BSS5: The Battle Staff SMARTbook, 5th Ed. (www.TheLightningPress.com)
จะเห็นว่า Mission Command นั้น เป็น องคป์ระกอบหนง่ึของระบบปฏบิตักิารสนามรบแบบใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงองค์ประกอบอื่น ๆ ให้สอดคล้องกัน เพ่ือให้ เห็นภาพ หรือเข้าใจในหลักการของ Mission Command จะขอยกตัวอย่างเป็นเหตุการณ์สมมุติ ดังน้ี
เมอ่ื เวลา๒๐๐๐ณทก่ี องบงั คบั การกองพนั แหง่ หนง่ึ ผู้บังคับกองพันได้เรียกผู้บังคับกองร้อยชาลีมารับ ภารกิจด่วน โดยช้ีไปที่สะพานในแผนท่ีแล้วได้สั่งการว่า “ในวันพรุ่งน้ีจะให้กองร้อยชาลียึดสะพานนี้ให้ได้ก่อน เวลา ๑๒๐๐ คิดว่าทาได้ไหมผู้กอง” ผู้บังคับกองร้อย จึงทาการประมาณสถานการณ์ และวางแผนการปฏิบัติ
นาวิกศาสตร์ 65 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


แบบเร่งด่วนแล้วตอบกลับผู้บังคับกองพันไปว่า “ภารกิจในการไปยึดสะพาน ตามท่ีได้วิเคราะห์ จากกาลังฝ่ายเราที่จะใช้คือ ๑ กองร้อยปืนเล็ก นั้น มากกว่าฝ่ายตรงข้ามท่ีมีเพียงแค่ ๑ ชุดปฏิบัติการ ในการรักษาพ้ืนที่ ฝ่ายเรามีความได้เปรียบในเรื่องพ้ืนท่ี อยา่ งมาก เนอ่ื งจากมเี นนิ ตรวจการณห์ ลายเนนิ ทสี่ ามารถ ตรวจการณ์ในพื้นที่ปฏิบัติการได้ ประกอบกับยังมีเวลา ในการวางแผนอย่างละเอียดให้หน่วยรอง และมีเวลา ในการซักซ้อมการปฏิบัติก่อนปฏิบัติจริง คิดว่าภารกิจนี้
สามารถปฏิบัติให้สาเร็จได้ครับ” หลังจากนั้นก็ได้กลับมาทาแผนโดยละเอียด มีการ
ประยุกต์ใช้ระบบปฏิบัติการในสนามรบท้ัง ๗ (Battle- field Operating Systems หรอื BOS 7) ในการวางแผน เพื่อให้ครอบคลุมในทุกระบบปฏิบัติการ รวมถึงมีการ ซักซ้อมการปฏิบัติต่าง ๆ เรียกได้ว่ามีความพร้อมปฏิบัติ เป็นอย่างมาก
เม่ือถึงวันปฏิบัติการ ก็ดาเนินการตามแผน จนกระท่ังส่วนล่วงหน้าที่ไปลาดตระเวนหาข่าวบริเวณ
ทห่ีมายไดร้ายงานกลบัมาวา่สะพานได้ถูกระเบดิทาลาย ไปแลว้ ผบู้ งั คบั กองรอ้ ยจงึ วทิ ยแุ จง้ ไปยงั ทกี่ องบงั คบั การ กองพนั แลว้ ถอนกา ลงั กลบั เนอื่ งจากภารกจิ ทไี่ ดร้ บั นนั้ ไม่ สามารถปฏิบัติได้
นี่คือแนวความคิดในการรบแบบเก่าที่รับคาสั่ง ทาทันที ทาให้ดีที่สุด ไม่ต้องถามเหตุผล เน่ืองจาก ผู้บังคับบัญชาได้ผ่านกระบวนการคิด และวางแผนมาให้ อย่างรอบคอบแล้ว แต่ถ้าหากเป็นหลักนิยม Mission Command แล้วนั้น หน่วยรองต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ ของภารกิจนั้นให้ถ่องแท้ก่อน ในกรณีตัวอย่างน้ี หาก วตั ถปุ ระสงคข์ องการไปยดึ สะพานนนั้ เพอื่ ขา้ มไปทา ลาย ขบวนสมั ภาระรบตา่ ง ๆ ทค่ี าดวา่ จะอยใู่ นพนื้ ทฝ่ี ง่ั ตรงขา้ ม การตอบสนองภารกิจของหน่วยรองก็อาจจะเปลี่ยนไป เช่น ตัวอย่างจากเหตุการณ์เดิม
ในขั้นการวางแผนของกองร้อย จะมุ่งเน้นไปท่ี วัตถุประสงค์ของหน่วยเหนือเป็นหลัก คือการทาลาย ขบวนสัมภาระรบต่าง ๆ กองร้อยก็จะวางแผนต่าง ๆ เพิ่มเติมจากภารกิจหลัก เพื่อรองรับการที่จะบรรลุ
ตํา รําหลกั ทอี่ ธบิ ํายเกยี่ วกบั Mission Command
นาวิกศาสตร์ 66 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


วัตถุประสงค์เป็นแผนสารอง หรือแผนเผชิญเหตุ เช่น อาจมอบความเร่งด่วนเป้าหมายในการยิงสนับสนุนให้ กับขบวนสัมภาระรบข้าศึกหากมีการตรวจการณ์พบ ผู้ตรวจการณ์หน้าเครื่องยิงลูกระเบิด หรือปืนใหญ่ สนาม สามารถส่งคาขอยิงได้ทันที หรือในช่วงการ วางแผนอาจมีการพิจารณาช่องทางข้ามอื่นท่ีหน่วย สามารถปฏิบัติได้ เป็นแผนสารองในการข้ามฟาก เพื่อเป็นแผนทางเลือกเสนอให้หน่วยเหนือพิจารณา ปรับตามสถานการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงไป หรืออาจ สรุปได้ว่า Mission Command เป็นหลักนิยมท่ีให้ หน่วยรองมีโอกาสในการคิดวิธีการใหม่ ๆ เพ่ือให้ บรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยเหนือได้มากขึ้น
ถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่า ปกติ ภารกิจทางทหารจะประกอบไปด้วย 5W (Who What When Where Why) ใคร ทาอะไร เม่ือไหร่ ที่ไหน และทาไม ซ่ึงหัวข้อ “ทาไม” นั้นก็คือวัตถุประสงค์ของ ภารกิจน่ันเอง หลักการในการเขียนภารกิจนั้นมีมา ก่อนหลักนิยม Mission Command เสียอีก แต่หาก ลองศึกษาแนวทางการเขียนภารกิจในส่วนของ Why หรือวัตถุประสงค์ของภารกิจน้ัน ส่วนใหญ่จะเป็นการ นา เอาภารกจิ ของหนว่ ยเหนอื หรอื หนว่ ยรบั การสนบั สนนุ มาเป็นวัตถุประสงค์ของหน่วยรอง เช่น ภารกิจของ กรมทหารราบในคร้ังน้ีคือ การตั้งรับแบบยึดพ้ืนท่ีเพ่ือ รักษาแนวหลักเขตต่าง ๆ ภารกิจของกองร้อยทหารช่าง ที่มาสมทบกรมทหารราบในครั้งนี้อาจจะเป็นการสร้าง เครื่องกีดขวางทางทหาร สนับสนุนการต้ังรับแบบยึด พ้ืนที่ของกรมทหารราบ จะเห็นว่าไม่ได้มุ่งเน้นการบรรลุ วัตถุประสงค์ของภารกิจโดยตรง แต่เป็นส่วนประกอบ ในการสนับสนุนให้บรรลุภารกิจของหน่วยเหนือ
หลกั นยิ ม Mission Command ยงั สามารถนา มาใช้ กับการทางานภายในองค์กร หรือหน่วยทหารต่าง ๆ ได้ เช่น โดยท่ัวไป ๑ ชุดตรวจการณ์หน้า ปืนใหญ่สนาม จะประกอบดว้ ยกา ลงั พล๖นาย(นายทหารตรวจการณห์ นา้ ๑ นาย พันจ่าตรวจการณ์หน้า ๑ นาย เจ้าหน้าท่ีสื่อสาร ๒ นาย พลทางสาย ๒ นาย) มีหน้าท่ีเฝ้าตรวจสนามรบ
ส่งคาขอยิง ปรับการยิง วางแผน และประสานการยิง ปกติจะสมทบให้กับ ๑ กองร้อยปืนเล็ก ซึ่งเม่ือนาหลัก Mission Command มาปรับใช้ จะทาให้กาลังพล ในชุดตระหนักถึงภารกิจของชุดตรวจการณ์ มากกว่า หน้าท่ีเฉพาะของตัวเอง ในการฝึกต่าง ๆ จะมี การฝึกการทดแทนตาแหน่งกันในกรณีต่าง ๆ เช่น นายทหารตรวจการณห์ นา้ ตอ้ งสามารถใชว้ ทิ ยใุ นขน้ั ตน้ ได้ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่สื่อสารต้องปรับการยิงได้เม่ือ จาเป็น ทาให้เกิดความยืดหยุ่นในการปฏิบัติทางยุทธวิธี สามารถแยกสมทบให้หน่วยรองต่าง ๆ เช่น หมวด หรือ ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจต่าง ๆ ตามพื้นที่ปฏิบัติการ หรือ ภูมิประเทศที่ได้เปรียบ หรือสามารถทดแทนกันในกรณี ทส่ี ญู เสยี หรอื ไดร้ บั บาดเจบ็ โดยภารกจิ ยงั สามารถกระทา ได้อย่างต่อเนื่อง
หากพิจารณาท่ีหลักนิยมในการยุทธสะเทินน้า สะเทินบกกับหลักนิยม Mission Command แล้ว จะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกัน ซ่ึงใช้หลักแยกการปฏิบัติ (Decentralized Execution) ขั้นการปฏิบัติจะให้เสรี ในการตัดสินใจกับหน่วยรองให้มากท่ีสุด โดยธรรมชาติ ของการยุทธสะเทินน้าสะเทินบก เป็นการยากท่ีจะ ปฏิบัติการต่าง ๆ ได้ตามแผน เนื่องจากช่องว่างระหว่าง เวลาที่วางแผนกับเวลาปฏิบัติน้ัน ไม่สามารถเกาะติด สถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่องเหมือนการรบ ทางบกทั่วไป แล้วยังต้องสร้างสมอานาจกาลังรบท่ีเริ่ม จากศูนย์อีก เพราะฉะนั้นจึงควรมีพื้นที่ หรือการมอบ อานาจให้กับหน่วยรองต่าง ๆ ได้มีอิสระในการตัดสินใจ เน่ืองจากเป็นส่วนท่ีรู้ และเข้าใจสถานการณ์ในขณะนั้น ได้ดีที่สุด รวมถึงหน่วยเหนือก็ไม่สามารถควบคุมการ ปฏิบัติต่าง ๆ ของหน่วยรองได้ทั้งหมดในช่วงแรก ๆ ของ ข้ันการยกพลขึ้นบก
นอกจากน้ีการยทุ ธสะเทนิ นา้ สะเทนิ บกเปน็ ปฏบิ ตั กิ าร ทางทหารทมี่ คี วามลอ่ แหลมตอ่ การสญู เสยี อนั เนอื่ งมาจาก การถูกข้าศึกต้านทาน หรือต่อต้านการยกพลขึ้นบก มากที่สุดปฏิบัติการหนึ่ง ทาให้ทุกส่วนต้องตระหนักถึง วัตถุประสงค์ของภารกิจมากกว่ากิจเฉพาะที่ได้รับ
นาวิกศาสตร์ 67 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


เช่น ระหว่างขั้นการเคลื่อนท่ีจากเรือสู่ฝั่ง ซึ่งเป็นข้ันที่ กาลังรบยกพลข้ึนบกอ่อนแอมากที่สุด หากมีเรือ หรือยานพาหนะในการยกพลขึ้นบกลาใดลาหน่ึง จมระหว่างในข้ันน้ี ทาให้หลังจากขึ้นบกแล้วหน่วยนั้น เหลือกาลังไม่มากพอที่จะปฏิบัติตามภารกิจท่ีได้ รับมอบได้สาเร็จ ผู้บังคับหน่วยที่อาวุโสในบริเวณน้ัน อาจดึงมาร่วมเพิ่มเติม หรือมาทดแทนในส่วนท่ีสูญเสีย ก็ได้ เพราะอย่างไรการปฏิบัติในขั้นต่อไปก็ยังคงอยู่
ยทุ ธวธิ สี ํายฟํา้ แลบ หรอื Blitzkrieg
นาวิกศาสตร์ 68 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ในวตั ถปุ ระสงคเ์ ดยี วกนั เพยี งแตต่ อ้ งปรบั ภารกจิ ใหมจ่ าก สถานการณ์ท่ีเปลี่ยนไป
หากได้ศึกษาแนวความคิดทางทหารในยุคก่อน ๆ จะเห็นว่าหน่วยเคล่ือนที่เร็วต่าง ๆ ท่ีจะต้องปฏิบัติการ ในพ้ืนท่ีห่างไกล ทาให้การควบคุมบังคับบัญชา และ สอื่ สารกระทา ไดล้ า บาก จะใชห้ ลกั Mission Command แทบทงั้ สนิ้ เชน่ สมยั สงครามนโปเลยี นฝรงั่ เศส หรอื แมแ้ ต่ ยุทธวิธีสายฟ้าแลบ Blitzkrieg ที่เยอรมันใช้อย่างได้ผล ในช่วงต้นของสงครามโลกคร้ังที่สอง ในขณะเดียวกัน ในสงครามสมัยใหม่ เช่น การรบในพ้ืนท่ีส่ิงปลูกสร้าง การตอ่ ตา้ นการกอ่ การรา้ ย หรอื แมก้ ระทง่ั ภารกจิ ชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภัยต่าง ๆ ท่ีต้องใช้ความรวดเร็วในการตัดสินใจ ต้องใช้หลัก Mission Command มากกว่าท่ีจะใช้ หลักการควบคุม หรือบังคับบัญชาแบบสมัยเก่า ท่ีจะต้องรายงาน และรอส่ังการจากหน่วยเหนือเกือบ ทุกข้ันตอน
หลักสําคัญของ Mission Command
Mission Command ต้องการสภาพแวดล้อม ท่ีหน่วยทหารมีขีดความสามารถ มีความเช่ือมั่นซึ่งกัน
การยกพลขนึ้ บกท่ี นอรม์ งั ดี


และกัน ตลอดจนมีความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้บังคับ บญั ชา ฝา่ ยอา นวยการ และหนว่ ยรองตา่ ง ๆ โดยใหห้ นว่ ยรอง ใชค้ วามรเิ รมิ่ ในการแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ ภายใตก้ รอบเจตนารมณ์ ของผู้บังคับบัญชา คาสั่งที่จะมอบให้หน่วยรอง จะมุ่งเน้น ไปทว่ี ตั ถปุ ระสงคข์ องภารกจิ และมาตรการควบคมุ ทสี่ า คญั ตา่ ง ๆ มากกวา่ ทจี่ ะลงรายละเอยี ดการปฏบิ ตั ใิ หห้ นว่ ยรอง เพื่อให้หน่วยรองได้ใช้ความคิดริเร่ิมในการวางแผนให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงมอบอานาจในการ บังคับบัญชา และตัดสินใจต่าง ๆ ด้วย โดยมีหลักการ เพอื่ ใหบ้ รรลภุ ารกจิ ดงั น้ี
- ขีดควํามสํามํารถ (Competence) กาลังพล ทกุ คนจะตอ้ งมขี ดี ความสามารถตามมาตรฐานของหนว่ ย ซึ่งมาตรฐานต่าง ๆ จะได้มาจากการฝึก และศึกษาต่าง ๆ ตามแนวทางรับราชการ รวมถึงประสบการณ์จากการ ทา งาน หรอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทตี่ ามภารกจิ ตา่ ง ๆ ผบู้ งั คบั บญั ชา จะเป็นผู้ประเมินขีดความสามารถต่าง ๆ ของผู้ใต้บังคับ บัญชา จนนาไปสู่ความน่าเช่ือถือ และความไว้วางใจ ในการจะมอบภารกิจในแต่ละบุคคล
- ควํามไว้วํางใจซึ่งกันและกัน (Mutual Trust)
เป็นการไว้วางใจซ่ึงกันและกันระหว่างผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงระหว่างเพื่อนรวมงาน หรือ หน่วยข้างเคียงต่าง ๆ หากภายในหน่วยมีความไว้วางใจ ซ่ึงกันและกัน ก็จะสามารถลดข้ันตอนในการกากับดูแล หรือควบคุมไปได้ รวมถึงลดความหวาดระแวงในการ ปฏิบัติต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ในมาตรการควบคุมจะมี การกา หนดเสน้ แบง่ เขตระหวา่ งหนว่ ย ทา ใหก้ ารวางแผน กระทาได้ง่ายข้ึน เพราะมีเส้นแบ่งเขตที่ชัดเจน แต่หาก เราไม่มีความไว้วางใจในหน่วยข้างเคียงว่าจะรับผิดชอบ พ้ืนที่น้ันได้ อาจต้องวางแผน หรือส่งกาลังไปวางไว้ตาม รอยต่อของเส้นแบ่งเขตต่าง ๆ แทนท่ีจะเพ่งเล็งเพียงแค่ พ้ืนท่ีปฏิบัติการหลัก หรือกาลังเผชิญหน้าเท่าน้ัน
- กํารแลกเปลี่ยนควํามเข้ําใจ (Shared Understanding) Mission Command เน้นการ แยกการปฏิบัติเพราะฉะนั้นหน่วยระดับปฏิบัติต่างๆ ต้องมีความเข้าใจวัตถุประสงค์ของภารกิจอย่างลึกซึ้ง
รวมถึงต้องมีความเข้าใจในหลักนิยม และหลักปฏิบัติ ประจา หรอื ระเบยี บปฏบิ ตั ปิ ระจา ตา่ ง ๆ ทใ่ี ชภ้ ายในหนว่ ย ซ่ึงต้องใช้เป็นหลักปฏิบัติเดียวกัน หากมีประเด็นใด ยังเข้าใจได้ไม่กระจ่าง สามารถถามหรือปรึกษาในสิ่งที่ ยังไม่ค่อยเข้าใจได้ การแลกเปล่ียนความเข้าใจต่าง ๆ จะทาได้ง่ายขึ้น หากภายในหน่วยน้ันมีความไว้วางใจ ซ่ึงกันและกันเป็นอย่างดี
- เจตนํารมณ์ผู้บังคับบัญชํา (Commander’s Intent) จะมลี กั ษณะทกี่ ะทดั รดั และชดั เจน ประกอบดว้ ย วัตถุประสงค์ วิธีการ และสภาวะสุดท้ายที่ต้องการ เพ่ือช่วยให้กาลังพลทุกคนสามารถใช้เป็นกรอบในการ วางแผน หรือปฏิบัติได้ในสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ ท่ี แผนหลักไม่สามารถกระทาได้
- คํา สงั่ (Mission Orders) จะเปน็ การสอื่ สารทาง วาจา ส่วนข้อความ หรือสัญญานต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอด ภารกิจ แนวทาง เครื่องมือ รวมถึงการมอบอานาจต่าง ๆ ให้หน่วยรอง โดยปกติจะออกในรูปแบบคาสั่ง หรือแผน ยุทธการ ๕ ข้อ ได้แก่ สถานการณ์ ภารกิจ การปฏิบัติ การช่วยรบและการบังคับบัญชา และการติดต่อสื่อสาร โดยหลักการของ Mission Command น้ันเป็นการ ควบคุมบังคับบัญชาแบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ กล่าวคือ จะเฝ้าฟัง หรือติดตามการปฏิบัติ แต่จะไม่อานวย การยุทธ์เอง จนกว่าจะเกินอานาจของผู้บังคับหน่วย ปฏิบัติที่จะตัดสินใจ หรือสั่งการได้
- ควํามคิดริเริ่มที่มีระเบียบวินัย (Disciplined Initiative) คอื การรเิ รมิ่ วางแผน หรอื ปฏบิ ตั ติ า่ ง ๆ ภายใต้ เจตนารมณข์ องผบู้ งั คบั บญั ชาเพอื่ ใหส้ า เรจ็ ลลุ ว่ งตามสภาวะ ทต่ีอ้งการอยา่งเครง่ครดั เมอื่แผนทไี่ดเ้ตรยีมไวไ้ม่สามารถ ใชไ้ ดผ้ ลในสถานการณท์ เี่ ปลยี่ นไป จะตอ้ งวางแผนในการ ปฏิบัติขึ้นมาใหม่ โดยจะต้องอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ หรอื เจตนารมณข์ องผบู้ งั คบั บญั ชาเดมิ หลกี เลย่ี งการรอ้ งขอ คาแนะนาเพิ่มเติมจากผู้บังคับบัญชาเนื่องจากหลักนิยม แบบ Mission Command นั้น เน้นการให้หน่วยปฏิบัติ สามารถตดัสนิใจไดเ้องภายใตอ้านาจในการบงัคบับญัชา ที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสภาวการณ์วิกฤติต่าง ๆ
นาวิกศาสตร์ 69 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


- กํารยอมรับควํามเส่ียง (Risk Acceptance)
ทุกปฏิบัติการย่อมมีความเส่ียงที่จะไม่บรรลุภารกิจ ในการวางแผนทางทหารตา่ ง ๆ จงึ ตอ้ งวเิ คราะหค์ วามเสยี่ ง เพอื่ หาวธิ ใี นการกา จดั หรอื ลดความเสยี่ งตา่ ง ๆ ทอี่ าจจะ เกิดข้ึนได้ ผู้บังคับบัญชาจะต้องวางแผนให้ความสาเร็จ ของภารกจิ กบั ความเสยี่ งตา่ ง ๆ ทอี่ าจเกดิ ขนึ้ อยใู่ นเกณฑ์ ทย่ี อมรบั ได้ เชน่ บางสถานการณอ์ าจตอ้ งดา เนนิ กลยทุ ธ์ โดยต้องใช้กาลังเข้าปะทะมาก ทาให้อาจสูญเสียมาก แต่ใช้เวลาน้อย ซ่ึงความสูญเสียที่มากนี้ถ้าอยู่ในเกณฑ์ ที่รับไม่ได้จะต้องคิดหาวิธีการใหม่ โดยต้องทาให้ความ สูญเสียน้ันน้อยลง เช่น เพ่ิมการยิงสนับสนุน หรือใช้ การซุ่มโจมตีเพื่อลิดรอนกาลัง แต่อาจต้องใช้เวลาในการ ปฏิบัติค่อนข้างยืดเย้ือ เป็นต้น
Mission Command กับกํารปฏิบัติกํารทําง ทหํารปัจจุบัน
เมอื่ นา หลกั การ Mission Command มาวเิ คราะห์ กับการปฏิบัติการทางเรือ และปฏิบัติการทางบก ในปัจจุบันแล้วสรุปได้ดังน้ี
กํารปฏิบัติกํารทํางเรือ โดยปกติจะออกปฏิบัติการ
ในรูปแบบการจัดเป็น กองเรือ หมวดเรือ หรือหมู่เรือ ซ่ึงเน้นการรวมการควบคุม และบังคับบัญชาจากศูนย์ ปฏิบัติการ หรือจากเรือธง โอกาสท่ีจะใช้อาวุธที่มีคุณค่า ทางยุทธการสูงต่าง ๆ เช่น อาวุธปล่อย ตอร์ปิโด อาจจะ ต้องมีข้ันตอนในการอนุมัติภารกิจค่อนข้างมาก อย่างไร ก็ตามในบางภารกิจ เช่น การออกลาดตระเวนพื้นท่ี ทางทะเลด้วยเรือ หรืออากาศยานน้ัน หากนาหลักการ Mission Command มาประยุกต์ใช้ จะเกิดประโยชน์ กับหน่วยปฏิบัติ และหน่วยเหนืออย่างมาก เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลต่าง ๆ อาจไม่ใช่ ภารกิจหลักท่ีได้รับมอบในการออกลาดตระเวน ในแต่ละครั้ง แต่หากเรือที่ไปลาดตระเวนนั้นได้เข้าไป ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลในพ้ืนที่ลาดตระเวน หรืออาจจะนอกพ้ืนที่รับผิดชอบก็จะได้รับความเช่ือม่ัน และแรงสนับสนุนจากประชาชนท่ีได้รับการช่วยเหลือ หรือผู้ท่ีได้รับทราบข่าวสาร ซึ่งก็น่าจะเป็นเจตนารมณ์ ของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ
กํารปฏิบัติกํารทํางบก จะมีความหลากหลาย ของภารกิจมากกว่าปฏิบัติการทางเรือ ตั้งแต่ภารกิจ
กํารชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ทํางทะเล
นาวิกศาสตร์ 70 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ในสงครามตามแบบ (conventional warfare) สงครามนอกแบบ (unconventional warfare) การ ปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทาสงคราม (MilitaryOperationsOtherthanWarหรอื MOOTW) ซึ่งในแต่ละภารกิจอาจประกอบไปด้วย กาลังขนาดใหญ่ ระดับหลาย ๆ กองพล ลงไปถึงระดับชุดปฏิบัติการท่ีมี กา ลงั พลไมถ่ งึ ๑๐ คน แตส่ งิ่ ทเี่ ปน็ ขอ้ จา กดั คลา้ ย ๆ กนั นนั้ คือ หน่วยที่กาลังปฏิบัติการในแนวหน้าไม่สามารถ ถ่ายทอดภาพเหตุการณ์ที่กาลังเผชิญกลับไปยังแนวหลัง เพ่ือให้ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการได้อย่างครบถ้วน และทันเวลา เน่ืองจากการปฏิบัติมักจะเป็นในลักษณะ ฉับพลันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เป็นไปได้ยาก ที่หน่วยเหนือจะสามารถติดตาม และควบคุมหน่วย ได้หลายหน่วยพร้อม ๆ กัน หลักนิยมการจัดหน่วย ของสหรัฐอเมริกาจึงนิยมใช้การจัดแบบ ๓ เช่น ๑ กองพันมี ๓ กองร้อย ในแต่ละกองร้อยมี ๓ หมวด แต่ละหมวดมี ๓ หมู่ การควบคุมบังคับบัญชาจะเป็น ไปตามสายการบังคับบัญชา หน่วยเหนือจะไม่มีการ ล้วงลูกสั่งการหน่วยขึ้นตรงของหน่วยรอง เพียงแต่ให้ เจตนารมณ์ไว้เท่านั้น เพื่อให้อิสระหน่วยท่ีปฏิบัติการ ได้ปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท่ีเปล่ียนไปได้ ทันเวลา
กํารประยุกต์นําหลักกําร Mission Command มําใช้ ในนําวิกโยธินไทย
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มีภารกิจในการจัด และเตรียมกาลังฝ่ายนาวิกโยธิน อานวยการฝึกหน่วย ในบังคับบัญชาให้มีสมรรถภาพ และอยู่ในฐานะพร้อมท่ี จะทาการรบได้ ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ หลกั นยิ ม Mission Command ใหส้ ามารถบรรลภุ ารกจิ น้ี
“กินอิ่ม นอนหลับ ฝึกหนัก” คือ นโยบายท่ีท่าน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินท่านปัจจุบัน ได้ให้ปฏิบัติตาม ซ่ึงถือว่าเป็นเจตนารมณ์ของผู้บังคับ บัญชาที่กาลังพลทุกคนต้องระลึกอยู่เสมอ และนาไป ปฏบิ ตั ติ าม ซงึ่ หนว่ ยตา่ ง ๆ จะนา เจตนารมณน์ ไี้ ปเปน็ หลกั ในการต่อยอด หรือริเร่ิมให้เป็นการปฏิบัติเป็นรูปธรรม
“กินอิ่ม”
“กินอ่ิม” หน่วยต่าง ๆ ก็จะมีแนวทางในการจัดหา ตรวจสอบคุณภาพ และปริมาณอาหารที่จัดเลี้ยงให้กับ กา ลงั พลในหนว่ ยอยตู่ ลอดเวลา ซงึ่ นโยบายนม้ี ลี กั ษณะสนั้ กะทัดรัด ชัดเจน หรืออาจเรียกอีกนัยหนึ่งว่าเป็นคาส่ัง ก็ได้ มีลักษณะง่ายท่ีจะเข้าใจเจตนารมณ์ในการวางแผน ให้กาลังพลปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ นั้น ผู้บังคับหน่วยก็จะ พึงระลึก และมีคาถามอยู่ตลอดเวลาว่าผู้ใต้บังคับบัญชา ได้กินอิ่มแล้วหรือยัง ก่อนที่จะปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
“นอนหลับ”
“นอนหลับ” หน่วยต่าง ๆ อาจไปดูที่หลับที่นอนให้ กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่หากดูความหมายที่แฝงอยู่ลึก ๆ ทพ่ี กั หรอื สงิ่ อา นวยความสะดวกตา่ ง ๆ อาจดแี ลว้ แตก่ ย็ งั มบี างกรณที น่ี อนไมห่ ลบั กไ็ ด้ เชน่ ความเครยี ด หรอื กงั วล เร่ืองต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่กาลังพลทั้งผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีช่องทางในการแลกเปลี่ยน ความเข้าใจซ่ึงกันและกัน ร่วมกันแก้ปัญหา และปรับ ความเข้าใจซ่ึงกันและกันเพื่อให้ทุกคนมีความสุข และ มีความอยากที่จะทาภารกิจต่าง ๆ ในวันต่อไป
นาวิกศาสตร์ 71 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


“ฝึกหนัก” ยิ่งมีการฝึกมากเท่าไหร่ หน่วยทหาร และกาลังพลก็จะมีขีดความสามารถ และความพร้อม มากขนึ้ เทา่ นนั้ เมอ่ื มขี ดี ความสามารถเปน็ ทปี่ ระจกั ษแ์ ลว้ ความมั่นใจซ่ึงกันและกันก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัติ เช่น หากเรามีหน่วยยิงสนับสนุนที่ผ่านการฝึกจนเป็นท่ี ประจักษ์ว่าสามารถยิงสนับสนุนให้หน่วยในแนวหน้าได้ อยา่ งแมน่ ยา ทนั เวลาและตอ่ เนอื่ งไดแ้ ลว้ หนว่ ยในแนวหนา้ กจ็ ะมคี วามมนั่ ใจ และไมต่ อ้ งระแวงกบั การเพมิ่ เตมิ กา ลงั ภาคพื้นต่าง ๆ ของข้าศึก
ที่มําภําพ
https://www.youtube.comwatch?v=JlDNvnmQ05c https://en.wikipedia.org/wiki/Mission_command https://fas.org/irp/doddir/army/adp6_0.pdf https://fas.org/irp/doddir/army/adrp6_0.pdf
นาวิกศาสตร์ 72 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
หากสามารถนา นโยบาย“กนิ อม่ิ นอนหลบั ฝกึ หนกั ” มาใช้เป็นหลักในการดาเนินการทุกขั้นตอน ของการ ทางานแล้ว ความเส่ียงท่ีนาวิกโยธินจะไม่สามารถปฏิบัติ ได้ตามภารกิจดังที่ได้กล่าวไปแล้วน้ันจะมีน้อยมาก ซึ่ง ส่วนมากจะเป็นความเส่ียงที่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์โรคระบาด การเมือง ฯลฯ
เพราะฉะนั้น หากเมื่อคืนเรานอนหลับเต็มท่ี เช้าน้ี เราได้กินจนอ่ิมแล้ว การฝึก หรือการทางานต่าง ๆ ถึงจะ หนักเพียงใด ก็จะไม่ใช่เร่ืองยากเกินกาลัง
“ฝึกหนัก”


บทนํา
วันอังคารที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ พระราชดา เนนิ มาเปดิ โรงเรยี น นายเรือท่ีพระราชวังเดิม โดยพระราชทาน พระราชหัตถเลขาในสมุดเยี่ยมของโรงเรียน ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ร.ศ.๑๒๕ ดังความว่า
“วันที่ ๒๐ พฤษจิกํายน รศ ๑๒๕ เรํา จุฬําลงกรณ์ ปร ได้มําเปิดโรงเรียนนี้ มีควํามปลื้มใจ ซึ่งได้เหนกํารทหํารเรือมีรํากหยั่งลงแล้ว จะเปนท่ีม่ันสืบไปในภํายน่ํา”
ในการก่อต้ังโรงเรียนนายเรือ (Royal Thai Naval Academy) มีวัตถุประสงค์สาคัญเพ่ือให้การศึกษาแก่ ทหารเรอื ไทยอยา่ งเปน็ ระบบ และมคี วามรคู้ วามสามารถเพยี งพอในการดา รงตา แหนง่ ตา่ ง ๆ ในเรอื รบในการยกระดบั ความมนั่ คงและการปอ้ งกนั เชอื่ มโยงกบั นโยบายของประเทศตอ่ ภยั คกุ คามทางทะเลเปน็ สา คญั ถอื เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทส่ี า คญั ของกองทพั เรอื ในการพงึ่ พาตนเอง เนอื่ งจากในอดตี กองทพั เรอื มคี วามจา เปน็ ตอ้ งวา่ จา้ งชาวตา่ งชาตมิ าเปน็ ผบู้ งั คบั การเรอื และผู้บังคับการป้อมต่าง ๆ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสของพระองค์เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการ ทหารเรอื ยงั ตา่ งประเทศ อาทิ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ พระองคเ์ จา้ อาภากรเกยี รตวิ งศ์ หนง่ึ ในพระราชโอรสทรงศกึ ษา
นาวิกศาสตร์ 8 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


วิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ และทรงนาวิชาความรู้ความสามารถกลับมาเพื่อฝึกสอนคนไทยให้เป็นทหารเรือ และทรงปรับปรุงกองทัพเรือให้มีขีดความสามารถทัดเทียมอารยประเทศ กองทัพเรือได้ถือเอาวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ของทกุ ปเี ปน็ วนั กองทพั เรอื และเปน็ วนั สถาปนาโรงเรยี นนายเรอื มาจนถงึ ทกุ วนั นี้ โดยในปนี ี้ โรงเรยี นนายเรอื จะมอี ายุ ครบ ๑๑๕ ปี ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔
กําเนิดโรงเรียนนํายเรือ
นับตั้งแต่กรณี ร.ศ.๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ระบบ การศึกษาทหารเรือมุ่งเน้นการปฏิบัติการรบบนบกหรือป้อม ถึงแม้วิชาการทหารเรือได้เข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว แต่ยัง ไม่ได้มีการสอนการเดินเรือ หรือวิชาการเรือโดยตรง โรงเรียน นายเรือเริ่มจัดตั้งเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๔๒ (ร.ศ.๑๑๘) แต่มี การเล่าเรียนจริงเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๔๓ (ร.ศ.๑๑๙) สถานที่ตั้ง ของโรงเรียนนายเรือครั้งแรกตั้งอยู่ที่นันทอุทยาน (สวนอนันต์) โดยมีนายเรือโท ไซเดอลิน (Commander C.P. Siedelin) สัญชาติเดนมาร์ก เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือคนแรก ใช้เรือหลวงมูรธาวสิทธิสวัสดิ์ เรือปืนชั้นเรือพาลีรั้งทวีป และ เรือสุครีพครองเมือง สาหรับการฝึกหัดศึกษา ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๓ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ปรับปรุงพระราชวังเดิมกรุงธนบุรี และพระราชทานให้เป็น ที่ตั้งโรงเรียนนายเรืออย่างถาวร พ.ศ. ๒๔๔๕ นายเรือเอก หม่อมไพชยนต์เทพ (หม่อมราชวงศ์ พิณ สนิทวงศ์)
นาวิกศาสตร์ 9 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


พระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ซึ่งสาเร็จวิชาการทหารเรือจากประเทศเดนมาร์ก เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับตาแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ และเปล่ียนชื่อโรงเรียนนายเรือเป็น “กองโรงเรียนนายเรือ” และเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘ พลเรือตรี พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกรมทหารเรือ และทรงได้รับตาแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ อีกตาแหน่งหนึ่ง ได้ทรงจัดการปรับปรุงหลักสูตรของโรงเรียนนายเรือจนได้มาตรฐาน และเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ การสร้างโรงเรียนนายเรือในพระราชวังเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จ พระราชดาเนิน ทรงเปิดโรงเรียนนายเรือ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๙
ที่ตั้งโรงเรียนนํายเรือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โรงเรียนนายเรือตั้งอยู่ที่พระราชวังเดิมจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ สงคราม รุกรานมาถึงไทย เวลานั้นโรงเรียนนายเรือได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศของกลุ่มประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร ตอ่ เขตพระนครอยา่ งรนุ แรง กอ่ นเดอื นมนี าคม พ.ศ. ๒๔๘๗ กองทพั เรอื จงึ ไดต้ ดั สนิ ใจยา้ ยนกั เรยี นนายเรอื และนกั เรยี น เตรียมนายเรือไปเรียนที่อาคารเรียนชั่วคราวใน
สนามหน้าเรือนจาสถานีทหารเรือสัตหีบ จังหวัด
ชลบุรี (ปัจจุบันคือกองการฝึกกองเรือยุทธการ)
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ยุติลงใน
พ.ศ. ๒๔๘๔ แต่กองทัพเรือยังไม่ย้ายโรงเรียน
นายเรือกลับมายังพระราชวังเดิมเพราะ
มีแผนที่จะปรับปรุงพระราชวังเดิมให้เป็น
ที่ทาการกองทัพเรือ และมีความปรารถนา
ที่จะตั้งสถานที่ของโรงเรียนนายเรือขึ้นใหม่
นายพลเรือเอก หลวงสินธุสงครามชัย
(สินธุ์ กมลนาวิน) ผู้บัญชาการทหารเรือ
ได้เห็นชอบให้ย้ายโรงเรียนนายเรือมา ณ ตาบลเกล็ดแก้ว อาเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเห็นว่า
ตาบลเกล็ดแก้วเป็นที่ตั้งเหมาะที่สุดเพราะ อยู่ใกล้ฐานทัพเรือสัตหีบ และต้องการ ให้นักเรียนนายเรือได้ใช้ชีวิตจริงกับ ทะเล แต่เนื่องด้วยเหตุผลสาคัญคือต้องการ ดารงมาตรฐานการศึกษาของนักเรียน นายเรืออันเนื่องมาจากขาดอาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ และปัญหาโรคมาลาเรียที่ ทาลายสุขภาพนักเรียนนายเรือตามแนวคิด ของหลวงสินธุสงครามชัยเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕ กระทรวงกลาโหม
นาวิกศาสตร์ 10 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


อนุมัติให้กองทัพเรือตั้งโรงเรียนนายเรือ ณ ปากน้าเจ้าพระยา ตาบลบางเมือง อาเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของป้อมเสือซ่อนเล็บมาก่อน
นาวิกศาสตร์ 11 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


หลักสูตรกํารศึกษําของโรงเรียนนํายเรือปัจจุบัน
ในปจั จบุ นั โรงเรยี นนายเรอื มหี ลกั สตู รทผี่ า่ นการรบั รองจากสา นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษาสา หรบั นกั เรยี น นายเรอื ๔หลกั สตู รไดแ้ ก่๑)วศิ วกรรมศาสตรบณั ฑติ สาขาวศิ วกรรมไฟฟา้ ๒)วศิ วกรรมศาสตรบณั ฑติ สาขาวศิ วกรรม เครอื่ งกลเรอื ๓)วศิ วกรรมศาสตรบณั ฑติ สาขาวศิ วกรรมอทุ กศาสตร์และ๔)วทิ ยาศาสตรบณั ฑติ สาขาบรหิ ารศาสตร์ ทั้งนี้ หลักสูตรของโรงเรียนนายเรือดังกล่าวอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยน และเปลี่ยนผ่านของหลักสูตรการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๓-๕ กาลังศึกษาอยู่ เข้าสู่หลักสูตรการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งนักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ ๑ และ ๒ กาลังศึกษาอยู่ มีหน่วยกิตรวมจานวน ๑๗๓-๑๘๐ หน่วยกิต ภายใต้การรับรองมาตรฐานหลักสูตร ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ข้อบังคับของสภาการศึกษาวิชาทหาร และสภาวิศวกร
นาวิกศาสตร์ 12 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


ทําเนียบผู้บัญชํากํารโรงเรียนนํายเรือ ลําดับ รํายนํามผู้บัญชํากําร
๑ นายเรือโท ไชเดอลิน
๒ นายเรือเอก ซีโทรลลี
๓ นายเรือเอก หม่อมไพชยนต์เทพ
๔ นายเรือโท พระองค์เจ้าวิบูลย์ พรรณรังสี
๕ นายเรือโท หลวงพินิจจักรภัณฑ์
๖ นายนาวาโท พระนรินทร์รังสรรค์
๗ นายเรือเอกผู้ช่วย ขุนนิกรอาษา
๘ นายเรอื เอก หลวงฤทธศิ กั ดช์ิ ลเขต
๙ นายนาวาโท หลวงกาจกาแหง (ห้อง หังสนาวิน)
๑๐ นายนาวาโท พระภารสมุทร์
๑๑ นายนาวาโท พระมงคลนาวาวุธ
๑๒ นายนาวาตรี หลวงสุนาวินวิวัฒน์
๑๓ นายนาวาตรี หลวงยุทธกิจพิลาศ (มี ปัทมะนาวิน)
๑๔ นายนาวาโท หลวงชาญชัยศึก
๑๕ นาวาเอก ประวิศ ศรีพิพัฒน์
๑๖ นาวาเอก สวัสด์ิ จันทนี
๑๗ นาวาเอก ชวน โกศลนาวิน
๑๘ นาวาเอก สวัสดิ์ ภูติอนันต์
๑๙ พลเรือจัตวา จิตต์ สังขดุลย์
๒๐ พลเรือจัตวา นัย นพคุณ
๒๑ พลเรือตรี จรัส บุญบงการ
พุทธศักรําช
๒๔๔๒ – ๒๔๔๓
๒๔๔๓ – ๒๔๔๓
๒๔๔๕ – ๒๔๔๖
๒๔๔๗ – ๒๔๕๐
๒๔๕๐ – ๒๔๕๔
๒๔๕๔ – ๒๔๕๖
๒๔๕๖ – ๒๔๖๑
๒๔๖๑ – ๒๔๖๒
๒๔๖๒ – ๒๔๖๗
๒๔๖๗ – ๒๔๗๕
๒๔๗๕ – ๒๔๗๖
๒๔๗๖ – ๒๔๗๖
๒๔๗๖ – ๒๔๘๒
๒๔๘๒ – ๒๔๘๖
๒๔๘๖ – ๒๔๘๘
๒๔๘๘ – ๒๔๙๐
๒๔๙๐ – ๒๔๙๑
๒๔๙๑ – ๒๕๐๐
๒๕๐๐ – ๒๕๐๐
๒๕๐๐ – ๒๕๐๑
๒๕๐๑ – ๒๕๐๓
ลําดับ รํายนํามผู้บัญชํากําร
๒๒ พลเรือตรี ศิริ กระจ่างเนตร์
๒๓ นาวาเอก หม่อมราชวงศ์พันธุม ทวีวงศ์
๒๔ พลเรือตรี สมุทร์ สหนาวิน
๒๕ พลเรือตรี ประพัฒน์ จันทวิรัช
๒๖ พลเรือตรี ประเสริฐ แทนขา
๒๗ พลเรือตรี จินดา ไชยอุดม
๒๘ พลเรือตรี วินิจ ศรีพจนารถ
๒๙ พลเรือตรี วินิจ ตาปสนันทน์
๓๐ พลเรือตรี สมโภช ขมะสุนทร
๓๑ พลเรือตรี สาราญ สมรูป
๓๒ พลเรือตรี สุวิทย์ วัฒนกุล
๓๓ พลเรือโท ศิริ ทองวิบูลย์
๓๔ พลเรือโท ไพรัช ชูธงชัย
๓๕ พลเรือโท โกวิทย์ วัฒนธรรม
๓๖ พลเรือตรี สุวิทย์ วัฒนกุล
๓๗ พลเรือโท ไพโรจน์ สันติเวชกุล
๓๘ พลเรือโท อธิคม ฮุนตระกูล
๓๙ พลเรือโท วรงค์ ส่งเจริญ
๔๐ พลเรือโท สาเภา พลธร
๔๑ พลเรือโท วิโรจน์ ยุวนางกูร
๔๒ พลเรือโท สุชาติ กลศาสตร์เสนี
นาวิกศาสตร์
พุทธศักรําช
๒๕๐๓ – ๒๕๐๕
๒๕๐๕ – ๒๕๐๙
๒๕๐๙ – ๒๕๑๓
๒๕๑๓ – ๒๕๑๙
๒๕๑๙ – ๒๕๒๑
๒๕๒๑ – ๒๕๒๓
๒๕๒๓ – ๒๕๒๖
๒๕๒๖ – ๒๕๒๗
๒๕๒๗ – ๒๕๒๙
๒๕๒๙ – ๒๕๓๑
๒๕๓๑ – ๒๕๓๒
๒๕๓๒ – ๒๕๓๒
๒๕๓๒ – ๒๕๓๒
๒๕๓๒ – ๒๕๓๓
๒๕๓๓ – ๒๕๓๔
๒๕๓๔ – ๒๕๓๖
๒๕๓๖ – ๒๕๓๗
๒๕๓๗ – ๒๕๓๙
๒๕๓๙ – ๒๕๔๑
๒๕๔๑ – ๒๕๔๒
๒๕๔๒ – ๒๕๔๓
13
ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


Click to View FlipBook Version