เมื่อวันท่ี ๒ กันยายน ร.ศ. ๑๒๙ (พ.ศ. ๒๔๔๓) ว่า
“...ทลู หมอ่ มทา่ น กา ลงั ตอ้ งการใหล้ กู ทา่ นกลบั มาทา การ เปนอันมาก แลราชการตามกระทรวงทุกวันน้ีก็มีเฉพาะ กระทรวงพระกลาโหม เปนด้อยมากกว่ากระทรวงอื่น กรมทหารเรือจวนจะล่มอยู่เตมท่ีแล้ว เดี๋ยวนี้กาลังทรง เปนองค์อาภากรอยู่ การในกรมยุทธนาก็เดินไปด้วย พระองค์จิระโดยมาก เพราะฉะนั้นจึงเปนที่ต้องการ ผู้มีความรู้ทางทหารอยู่เปนอันมาก...” ด้วยเหตุดังกล่าว การศกึ ษาของพระองคจ์ งึ ตอ้ งตดั ใหส้ นั้ ลง และเมอื่ ไดร้ บั พระราชทานยศร้อยเอกแห่งกองทัพบกเยอรมันนีแล้ว พระองค์ก็ลาออกจากตาแหน่งนายทหารกองทัพบก เยอรมัน และเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิไกเซอร์ วิลเฮล์มท่ี ๒ ทูลลากลับสยาม โดยเสด็จออกจาก กรุงเบอร์ลิน ในวันท่ี ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๕
เสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ๒๒ พฤษภาคม ๒๔๔๖ ประทับ ณ ตาหนักไม้วังบางขุนพรหม หลังจากนั้นทรง พักผ่อนพระอิริยาบถได้ประมาณ ๔-๕ วัน พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์ไปดารงตาแหน่งเสนาธิการทหารบก
สวมเคร่ืองแบบยศร้อยตรี
นาวิกศาสตร์ 22 ปีท่ี ๑๐๕ เล่มท่ี ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
หม่อมเจ้าประสงค์สม ไชยันต์
หลังจากนั้นไม่นาน ทูลกระหม่อมก็ทรงเข้าอภิเษก สมรสกบั หมอ่ มเจา้ ประสงคส์ ม ไชยนั ต์ เมอ่ื ๑๗ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๔๖
สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพินิต ทรงรับราชการทหารบกได้ไม่ทันครบปี ระหว่างท่ีทรงนา ทหารซ้อมรบท่ีเมืองราชบุรี สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา ภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ทรงกราบถวายบังคมลาออกจากราชการ เน่ืองจากทรง พระประชวร พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึงโปรดเกล้าฯ ให้ร้อยตรี สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุน นครสวรรคว์ รพนิ ติ เสนาธกิ ารทหารบก มาดา รงตา แหนง่ ผบู้ ญั ชาการกรมทหารเรอื ทงั้ ๆ ทท่ี รงทราบดวี า่ งานทาง กองทัพบกยังต้องแก้ไขปรับปรุงขนานใหญ่เช่นกัน จากบันทึกความทรงจาบางเรื่องของหม่อมเจ้า ประสงค์สม บริพัตร ว่า “...งานทางทหารเรือกาลังยุ่ง เป็นลูกหน้ีห้างอีสท์เอเชียต๊ิก ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท และ ข้าราชการทหารเรือกาลังแตกแยกกัน เป็นพวกหัวใหม่ พวกหน่ึง พวกหัวเก่าพวกหน่ึง... เวลาน้ันกรมหลวง ชุมพรทรงเป็นรองผู้บัญชาการก็ทรงดารงตาแหน่ง
เดิมต่อไป โดยพระยาเทพอรชุนเป็นปลัดบัญชาการ เมื่อเสด็จไปถึงกรมทหารเรือแล้วก็ไม่ทรงทราบว่า การจัดการอย่างไร เพราะหาหลักฐาน ข้อบังคับ คาส่ัง แบบแผนที่จะปฏิบัติราชการไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว...” การบริหารงานในกองทัพเรือจึงอยู่ในภาวะท่ีแทบจะ ไม่มีหลักฐานใด ๆ พระองค์จึงต้องทรงศึกษาวิธีการ ปฏิบัติราชการจริงนามาประมวลแล้วเร่ิมออกเป็นคาส่ัง ข้อบังคับต่าง ๆ เป็นลายลักษณ์อักษรรวมไว้ท่ีกรม ปลดั ทพั เรอื และใหก้ รมกองตา่ ง ๆ ของกองทพั เรอื มาคดั ลอก สาเนาไปเก็บไว้เพ่ือเป็นหลักฐาน และไว้เป็นแนวทาง การปฏิบัติราชการ เม่ือมีคาสั่งมากข้ึนก็ให้รวบรวมคาสั่ง ข้อบังคับต่าง ๆ ประมวลขึ้นเป็นเล่ม
การดาเนินงานนี้ใช้เวลากว่า ๑ ปี การปฏิบัติงาน ภายในกรมทหารเรอื กส็ า เรจ็ ตามพระประสงค์ มรี ะเบยี บ กฎเกณฑ์ในการปฏิบัติงานท่ีแน่นอน การที่มีคาส่ังระบุ ชดั เจนวา่ เปน็ งานในหนา้ ทขี่ องผใู้ ด ทา ใหเ้ กดิ ความรบั ผดิ ชอบ ในหน้าท่ี ส่งผลต่อการติดต่อการประสานงานที่ดีขึ้น เป็นผลให้วินัยทหารเรือดีข้ึนตามมา นอกจากน้ียังมี ผลงานอื่นๆ อาทิ
ทรงวางรากฐานการเรียนการสอนในโรงเรียน นายเรือใหม่ เพ่ือให้นายทหารเรือที่จบออกมาสามารถ เดินเรือสมุทรได้ พร้อมกับระบายนายทหารเรือ ต่างประเทศออกจากราชการ เม่ือครบกาหนดสัญญา
ทรงทาโครงการสร้างกาลังนาวีขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งปรากฏว่าโครงการสร้างกองทัพเรือที่นาขึ้นทูลเกล้าฯ ใน พ.ศ. ๒๔๔๘ นน้ั ใชง้ บประมาณทง้ั สนิ้ ๑๖๐ ลา้ นบาท มีระยะดาเนินการรวม ๑๖ ปี เฉลี่ยใช้เงินงบประมาณ จัดหาเรือรบชนิดต่าง ๆ ปีละ ๑๐ ล้านบาท โครงการน้ี สัมฤทธิ์ผลในสมัยท่ีพระองค์ดารงตาแหน่งเสนาบดี กระทรวงทหารเรือ โดยมีการต่อเรือจากประเทศญ่ีปุ่น ๗ ลา จัดซื้อเรือหลวงพระร่วง เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือยามฝ่ัง
เมื่อสยามประกาศสงครามกับประเทศเยอรมันนี และออสเตรีย-ฮังการี เม่ือ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้จัดส่งกองทหารอาสาไปร่วมรบในยุโรป และจัดกาลัง ทหารจากกองทัพเรือเข้ายึดเรือสินค้าของชนชาติศัตรู และรักษาความสงบของประเทศ
นาวิกศาสตร์ 23 ปีท่ี ๑๐๕ เล่มที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ใน พ.ศ. ๒๔๖๓ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ เสนาธิการทหารบก เสด็จทิวงคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จอมพลเรือ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตร สุขุมพันธุ์กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดี กระทรวงทหารเรือ ย้ายมาดารงตาแหน่งเสนาธิการ ทหารบก ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๓ ภารกิจที่ ทรงปฏิบัติราชการในกองทัพเรือเป็นเวลานานถึง ๑๗ ปีก็ส้ินสุดลง เม่ือพิจารณางานต่าง ๆ ที่ทรง ปฏบิ ตั สิ า เรจ็ ไปดว้ ยดตี ลอดเวลาทท่ี รงดา รงตา แหนง่ ตา่ ง ๆ ในกรมทหารเรือและกระทรวงทหารเรือพระองค์จึง
นาวิกศาสตร์ 24 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ไม่เพียงผู้ที่รู้แต่วิชาการทหารเท่าน้ัน แต่ “...พระองค์ ทรงเป็น ADMINISTRATOR (นักบริหาร) ที่ยอดเยี่ยม ที่สุดที่ทหารเรือเคยมี เพราะพระองค์ต้องทรง เริ่มงานบริหารทุกสาขา ตั้งแต่วางรากฐานขึ้นไปจนถึง การปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับกาลเวลา และ วิวัฒนาการของทหารเรือตลอดเวลา และเป็นการ เริ่มจากเกือบศูนย์เลยทีเดียว และถ้าจะกล่าวว่าตั้งแต่ พระองค์เสด็จจากทหารเรือไปแล้ว กองทัพเรือไทย ยังไม่เคยมีประมุขท่ีมีคุณสมบัติเป็น ADMINISTRATOR ทัดเทียมพระองค์อีกเลย ก็เห็นจะไม่ผิดความจริงนัก เพราะประมุขของทหารเรือในสมัยต่อมามีงานที่จะต้อง วางรากฐานเองเป็นส่วนน้อย ส่วนมากได้อาศัยรากฐาน ท่ีวางไว้ในสมัยของพระองค์มาปรับปรุงให้เหมาะสมแก่ กาลสมัยเท่านั้น...”
การเปลยี่ นแปลงการปกครองในวนั ที่๒๔มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ยังมาซ่ึงความเปลี่ยนแปลงไม่เฉพาะกับ ประชาชนทั้งปวง แต่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต สมาชิกในราชสกุล บริพัตร โดยพระองค์ต้องเสด็จไปประทับที่เมืองบันดุง เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย และได้สิ้นพระชนม์ที่น่ัน เมื่อ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๗
แม้ว่าพระองค์จะจากไปแต่พระกรณียกิจ นานับปการอันทรงคุณประโยชน์แก่ประเทศทั้งในด้าน การเมืองการปกครองการสาธารณสขุ การทหารและ ดา้ นวฒั นธรรมทที่ รงไดก้ ระทา มา ยอ่ มทา ใหพ้ ระนามของ พระองค์เป็นที่กล่าวถึงอยู่ตลอดไป
บทความโดย น.อ.พิพัทธ์ พุกงาม รอง ผอ.กปศ.ยศ.ทร. ที่มาจากหนังสือ “ชีวิตและงาน ทูลกระหม่อมบริพัตร”
ต้นเดือน พฤษภาคม ๒๕๖๓
เรือของกองทัพเรืออินเดียประดับไฟแต่งเรือได้ไป จอดทอดสมอนอกฝั่งชายหาดเมืองเชนไน เพ่ือปลุกใจ ชาวอินเดียในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา (เอเอฟพี, ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓) อันเป็นภาพข่าวที่รูปเรือ น่าจะเป็นเรือพิฆาตที่ทันสมัยรูปร่างน่าดูชม และมีภาพ คนท่ีชายฝั่งมองไปทางเรือด้วย ตามภาพมีธงทั้งท่ีเสา หัวเรือ และท้ายเรือแสดงสถานภาพเรือจอดในเวลาค่า ทท่ี อ้ งทะเลยงั มแี สงสวา่ งอยบู่ า้ ง ตา บลทจี่ อดเรอื ดใู กลฝ้ ง่ั มาก ระยะทางห่างฝ่ังอาจสัก ๒๐๐ เมตร ซึ่งทะเลบริเวณน้ัน น่าจะมีน้าลึกพอสมควรที่เรือจอดได้ไม่ไกลฝั่งมากนัก เมืองเชนไนมีพลเมืองราว ๑๕ ล้านคน
การปรากฏตัวของเรือรบตามภาพข่าวดังกล่าว ข้างต้น เป็นการเคลื่อนไหวของกองทัพเรืออินเดีย อันถือได้ว่า เป็นการใช้กาลังทางเรือยามสงบ ท่ีกระทา ในดนิ แดนของตนเอง ในชว่ งเวลาทคี่ นอนิ เดยี ตดิ เชอ้ื ไวรสั มากกวา่ ๔๖,๐๐๐ คน และตายไปแลว้ ดว้ ยโรคโควดิ -๑๙
อันเนื่องมาจากไวรัสเกือบ ๑,๖๐๐ คน (บลูมเบอร์ก, ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓) ภารกิจของเรือลานั้น ปลุกใจ ชาวอินเดียในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา
การใช้กาลังทางเรือยามสงบ คืออะไร มีคาจากัด ความหลากหลาย ๕-๖ ความของกูรูทางเรือ แต่ท่ีง่าย ๆ อย่างกาปั้นทุบดิน ก็คือ ไม่ใช่ยามสงครามที่ใช้กาลังต่อ ประเทศอื่นหรือประเทศเป้าหมาย และหรือต่อประเทศ ของตนเอง
การใช้กาลังทางเรือยามสงบต่อประเทศเป้าหมาย หรือประเทศอื่น เป็นต้นว่า ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ เรือรบ ฝรั่งเศส ๓ ลา ฝ่าการต้านทานของฝ่ายไทย ท่ีปากน้า เจา้ พระยาในวนั ท่ี ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ (ร.ศ. ๑๑๒) เข้ามาจอดเรือในแม่น้าปลายถนนสาทร หน้าสถานทูต ฝร่ังเศส เพื่อสนับสนุนคาขาดของฝร่ังเศสต่อไทย ให้ไทยสละสิทธ์ิดินแดนบนฝั่งซ้ายแม่น้าโขง และ เกาะต่าง ๆ ในลาแม่น้าน้ี รวมทั้งจ่ายค่าปรับที่ฝ่าย ฝรั่งเศสเสียหายจากเหตุการณ์ปะทะกับทางการไทย
นาวิกศาสตร์ 25 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ทางภาคเหนอื กอ่ นหนา้ น้ี เมอื่ จอดเรอื เรยี บรอ้ ย กอ่ นหนา้ นาวาโท โบรี ผู้บังคับการเรือแองคองสตังต์ (เรือสลุป) ผู้ทาหน้าท่ีผู้บังคับการหมู่เรือฝรั่งเศสจะขึ้นจากเรือ ไปรายงานตวั ตอ่ นาย ปาวี อคั รราชทตู ฝรงั่ เศส ณ กรงุ เทพฯ นาวาโท โบรี ได้ประชุมกับ ผู้บังคับการเรือลูแตง (เรือปืน) และเรือโคแมต (เรือปืน) “เพ่ือพิจารณา แนวปฏิบัติการในอันที่จะแก้แค้นที่ฝ่ายไทยได้ทาการ คกุ คามโดยไมส่ มควร ไดต้ กลงกนั วา่ วนั พรงุ่ นเี้ วลาเชา้ ตรู่ เรือของเราทั้ง ๓ ลา จะออกเรือเพื่อทาการจมเรือ ลาดตระเวนมหาจักรี ซ่ึงทอดสมออยู่ท่ีหน้าอู่หลวง แล้วเราก็จะตรึงเรือเป็นแนวอยู่ตรงหน้าพระราชวังของ พระเจ้าแผ่นดิน หากไม่ได้รับความตกลงที่พึงพอใจ เราก็จะได้ระดมยิงพระราชวังต่อไปอีก” (กรณีพิพาท ระหว่างไทยกับฝร่ังเศสและการรบท่ีปากน้าเจ้าพระยา สมัย ร.ศ. ๑๑๒ โดย พลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์ และ นาวาเอก สวสั ดิ์ จนั ทน)ี ซงึ่ กรณนี ถ้ี อื เปน็ “การทตู เรอื ปนื ” ( G u n b o a t D i p l o m a c y ) ท ใี ่ ช ก้ า ล งั ท า ง เ ร อื ย า ม ส ง บ ข เ่ ู ข ญ็ ให้ประเทศเป้าหมายกระทาการยอมตามที่ตนต้องการ
นอกจากการทูตเรือปืนที่ออกแรงประสงค์ร้าย ในการใชก้ า ลงั ทางเรอื ยามสงบมปี ฏบิ ตั กิ าร “ประสงคด์ ”ี ต่อคนอ่ืน เช่น การส่งเรือไปช่วยบรรเทาภัยพิบัติของ เพอ่ื นบา้ น การจดั กา ลงั ไปสมทบนานาชาตปิ ราบโจรสลดั อย่างการเตรียมการส่งเรือหลวงอ่างทองในงานHADR ไปฟลิ ปิ ปนิ สท์ ปี่ ระสบภยั จากซปุ เปอรไ์ ตฝ้ นุ่ ไหเ่ ยยี่ นกลาง พ.ศ. ๒๕๕๗ (แตห่ นว่ ยเหนอื วา่ คา่ ใชจ้ า่ ยสงู ไปเลยไมไ่ ดไ้ ป) การส่งหมู่เรือไปยังอ่าวเอเดนช่วยการปราบโจรสลัด โซมาเลยี ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๓ และ “ประสงคด์ ”ี ต่อคนไทยอย่างการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ ไต้ฝุ่นเกย์ (Gay) ท่ีก่อตัวในอ่าวไทยตอนล่าง กระแสลม แรงถึง ๒๖๐ กิโลเมตรต่อช่ัวโมง เข้าสู่ฝ่ังบริเวณจังหวัด ชมุ พร ไปลงทางฝง่ั อนั ดามนั ทคี่ นไทยเสยี ชวี ติ ไปมากกวา่ ๕๐๐ คน ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๒ ซ่ึงเป็นผลให้ “เบ้ืองบน” ปรารภว่า “กองทัพเรือควรมีเรือใหญ่ที่ ทางานเช่นนี้” อันเป็นที่มาของเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ในเวลาต่อมา และอย่างเม่ือสึนามิ (Tsunami) แผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรอินเดีย วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ท่ีผู้คนจังหวัดกระบ่ีโดนหนักกว่าเพื่อนจาก
นาวิกศาสตร์ 26 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
คลน่ื ยกั ษ์ ทา ใหม้ ผี เู้ สยี ชวี ติ รวมทงั้ ผบู้ าดเจบ็ และสญู หาย อีกเป็นจานวนมาก
นน่ั กเ็ ปน็ ตวั อยา่ งของการใชก้ า ลงั ทางเรอื ยามสงบที่ ทหารเรือทั้งไทยและเทศกระทากันมา แต่การใช้เรือของ ทหารเรอื อนิ เดยี ไปปลกุ ใจชาวอนิ เดยี ในการตอ่ สกู้ บั ไวรสั โคโรนาเปน็ ความแปลกและใหมท่ ไี่ มเ่ คยมใี ครทา มากอ่ น ทหารเรอือนิเดยีคดิขนึ้เองหรอืหนว่ยเหนอืขา้งบนสงั่การ ลงมา?
ผู้บริหารสูงสุดของอินเดีย ได้แก่ นายกรัฐมนตรี (Prime Minister) ท่ีมี Secretary of State for Defence กค็ อื รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหมนนั่ เอง ชว่ ยดแู ลการทหารทมี่ กั เปน็ พลเรอื น จากนนั้ กล็ งมา The Chief of Defence Staff เทยี บไดเ้ ปน็ ผบู้ ญั ชาการทหาร สูงสุด แล้วลงไปอีกเป็น The Chief of Naval Staff คือ ผู้บัญชาการทหารเรือถ้าเทียบกับไทย
กาลังกองทัพเรืออินเดียแบ่งเป็น ๓ กองเรือตาม ภาคพนื้ ที่ คอื กองเรอื ภาคตะวนั ตก อยทู่ ม่ี มุ ไบ (บอมเบยเ์ ดมิ ) ภาคใต้ที่โคชินและภาคตะวันออกที่วิสาขาปัตนัมซ่ึงเป็น ฐานทพั เรอื ดา นา้ ดว้ ย เรอื ทไ่ี ปสกู้ บั ไวรสั โคโรนาตามภาพ ก็ไปจากกองเรือใดกองหน่ึงใน ๓ กอง แต่เดาเอาว่าเป็น เรือจากโคชิน ท่ีใกล้กับเมืองเชนไนในอ่าวเบงกอล
ผู้ท่ีคิดส่งเรือไปที่เชนไนก็คงจะเป็นใครในกองเรือ หรอืในสานกัผบู้ญัชาการทหารเรอืและหรอืในกระทรวง กลาโหม โดยขา้ งลา่ งเปน็ ฝา่ ยเสนอนาย หรอื นายสงั่ ลงมา ก็เป็นไปได้ท้ังสองอย่าง
ถ้าเป็นความคิดจากกระทรวงกลาโหม ผู้คิด อาจเป็นพลเรือนหรือนายทหารเหล่าทัพใดก็ได้ท่ีคิดว่า เมอื่ บา้ นเมอื งและชาวบา้ นประสบภยั โควดิ ทางกระทรวง จะแสดงออกอย่างไรดีว่า กระทรวงก็เดือดร้อน และ เป็นห่วงประชาชนแล้วยุติว่าน่าจะใช้เรือรบแสดงออก และสั่งการลงไปยังกองทัพเรือ ดีกว่าให้กองทัพอื่น ดาเนินการ
ถ้าเป็นความคิดจากฝ่ายอานวยการของกองเรือก็ดี ของสานักผู้บัญชาการทหารเรือก็ดี ก็เป็นวิธีข้างล่างเสนอ นายจนถึงนายผู้มีอานาจส่ังเรือออกทะเลกระทาการ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากระบวนการจะเป็นข้างล่าง ขนึ้ ขา้ งบนหรอื ขา้ งบนลงขา้ งลา่ ง เมอื่ อนมุ ตั เิ รอื่ งออกมาแลว้
กเ็ ปน็ เรอ่ื งของฝา่ ยอา นวยการอยา่ งแนน่ อนทพ่ี จิ ารณาถงึ รายละเอียดในการส่งเรือรบไปปลุกชาวอินเดียในการ ต่อสู้กับไวรัสโคโรนา
ทาไม ถึงส่งเรือไปปฏิบัติการน้ี
อยา่ งไร เรอื ทไี่ ปจะปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรเพอื่ สนองภารกจิ อะไร จะใช้เรือขนาดใด ประเภทใด ท่ีจะสาเร็จ
งานมากที่สุด จะเป็นเรือลาเดียวหรือหลายลา
ทไี่ หน ตา บลท่ี ๆ เรอื จะไปปรากฏตวั ตอ่ ชาวบา้ น
หนึ่งตาบลท่ีหรือหลายตาบลท่ี
กี่วัน ราชการคร้ังนี้ประมาณก่ีวัน กี่ลา เรือมากกว่า ๑ ลา?
ผลออกมาตามภาพข่าว
- เปน็ เรอื ฟรเิ กตหรอื เรอื พฆิ าตทรี่ ปู ลกั ษณม์ สี งา่ ราศี นา่ ประทบั ตาประทบั ใจตอ่ ผพู้ บเหน็ เปน็ เรอื ขนาดกลางท่ี พอดีกับภารกิจหากเป็นเรือขนาดเล็กกว่าจะไม่น่าดูนัก หรอื ขนาดใหญก่ วา่ อยา่ งเรอื บรรทกุ เครอื่ งบนิ กค็ า่ ใชจ้ า่ ย สูงและรูปร่างเรือเหมือนตู้กลางทะเล ดูไม่งาม
- ประดับไฟเรือให้เรือดูดี และแสดงออกถึงวาระ พิเศษอย่างช่วงเวลานี้
- ตาบลที่จอดเรือต้องเป็นแหล่งชุมชนและน้าลึก จอดเรือได้ใกล้ฝ่ังพอสมควร
- งานนอี้ าจแสดงตน ตา บลทลี่ ะหนงึ่ วนั หรอื หลายวนั ตามความเหมาะสม
- หากต้องการผลงานเป็นกอบเป็นกา อาจใช้เรือ มากกว่า ๑ ลาในหลายตาบลที่
ตามข่าวไม่มีบอกว่าคนอินเดียเห็นเรือรบ แต่งไฟ ประดบัเรอืยามบา้นเมอืงกาลงัเผชญิภยัโรคโควดิแลว้ฮดึสู้ โควิดยิ่งขึ้นหรือเฉย ๆ หรือหงุดหงิดที่เอาเรือรบออก ทะเลมาทา อะไรกไ็ มร่ ู้ เสยี งบประมาณเปลา่ ๆ แตส่ า หรบั ทหารเรืออินเดียก็เป็นการเพิ่มชั่วโมงปฏิบัติการในทะเล ของเรอื ตน และอาจเปน็ ทหารเรอื ชาตแิ รกทใี่ ชก้ า ลงั ทางเรอื ยามสงบเชิงจิตวิทยาในการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บของ บา้ นเมอื ง และไมม่ ขี า่ ววา่ ทหารเรอื ชาตใิ ดกระทา การเชน่ นี้ มาก่อนหรือในปัจจุบัน
และทหารเรือไทยก็คงไม่คิดกระทาการเช่นนี้ เพราะดูจะคิดนอกกรอบที่ไม่ค่อยถนัด ซึ่งหนทางอื่นท่ี กองทัพเรือจะแสดงออกถึงทรรศนะต่อสภาวการณ์ของ บ้านเมืองที่ค่าใช้จ่ายน้อยและย่ังยืน เช่น ที่เครนสามขา ตง้ั แตส่ มยั กอ่ สรา้ งอธู่ นบรุ ี ซงึ่ เรอื และคนจา นวนมากผา่ น ไปมาในแมน่า้ หากมไีฟอกัษรตวันงิ่หรอืตวัวง่ิทเี่ครนบอก ข้อความตามสถานการณ์ เช่น ต้านโควิด วันกองทัพเรือ วนั อาภากร ทรงพระเจรญิ ฯลฯ เปน็ ตน้ เปน็ การใชก้ า ลงั ทางเรือยามสงบโดยวิธีอื่น
สา หรบั สภาวการณต์ า้ นโควดิ โดยนมิ ติ “แพนกเรอื ” และ “แพนกท้องเรือ” ตามกาเนิดของราชนาวิกสภา นา ผา้ หนา้ กากผนื โต ๆ ไปคาด “ปากเรอื “ทกุ ลา กแ็ สดงวา่
เราได้ทาแล้ว และทาตรงประเด็นด้วย
นาวิกศาสตร์ 27 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕
บทนำําการปกป้องอธิปไตยและการแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างชาติต่างๆ อาจนา ไปสู่การใช้กา ลังทหาร โดยในอนาคต การรบจะครอบคลุมทั้ง ๕ มิติ คือ บก ทะเล อากาศ อวกาศ และไซเบอร์ ซึ่งสนามการรบทั้ง ๕ มิติเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่มีขอบเขตที่จากัดและในบางมิติ เช่น ไซเบอร์ เราอาจไม่ได้เห็นตัวตนของศัตรู โดยการรบในทั้ง ๕ มิติ ในอนาคตนนั้ จะมคี วามเกยี่ วขอ้ งกบั เทคโนโลยใีหมๆ่ อาทเิชน่ AR/VR,Robots,Stealthtechnology,อากาศยานไรค้ นขบั (UAV), Cyber, 5G, ผา้ คลมุ ลอ่ งหน, ปญั ญาประดษิ ฐ์์ (AI: Artificial Intelligence) และโฮโลแกรม เราจงึ มคี วามจาเปน็ ตอ้ ง เรียนรู้และเข้าใจในเทคโนโลยีเพื่ื่อความมีประสิทธิภาพื่ในการใช้เทคโนโลยีน้นั ๆเพื่ื่อนามาซึง่ชัยชนะในการรบในที่สุด
๑. AR: Augmented Reality
AR คือ เทคโนโลยีของการสร้างภาพื่จาลอง/วัตถุเสมือนลงบนพื่ื้นที่จริง คือ การผสานโลกแห่งความเป็นจริงกับ โลกเสมือนเข้าด้วยกัน โดยวัตถุเสมือนอาจเป็น ภาพื่ วิดีโอ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งแสดงออกมาในจอภาพื่แบบ ๓ มิติ และลอยอยู่เหนือพื่ื้นผิวจริง
ตัวอย่างที่ได้รับความนิยมของการนา AR ไปประยุกต์ใช้ คือ เกมส์ Pokemon Go ในส่วนของการทา ธุรกิจนั้น บริษัท IKEA ได้นา AR ไปประยุกต์ในการให้ลูกค้าเห็นผังการวางเฟอร์นิเจอร์ก่อนการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์
ตวั อยา่ งการนา ไปใชท้ างทหารคอื การใหท้ หารใสแ่ วน่ ARเพื่อ่ื การซอ้ มรบและการรบจรงิ โดยเมอื่ ใสแ่ วน่ ARแลว้ นนั้ ทหารจะสามารถเหน็ แผนที่เขม็ ทศิ จดุ ความรอ้ น(Thermalimage)ซอ้ นขนึ้ มาบนกระจกของแวน่ ทบั ไปกบั เหตกุ ารณจ์ รงิ เบื้องหน้า (ดังแสดงในรูปที่ ๑) [๑]
รูปที่ ๑ แว่น AR ที่ทหารใส่เพื่อการซ้อมรบและในการรบจริง
นาวิกศาสตร์ 22 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตวั อยา่ งการนาไปใชท้ างทหารอกี ตวั อยา่ ง คอื การใหส้ นุ ขั ใสแ่ วน่ AR สาหรบั การหาวตั ถรุ ะเบดิ เนอื่ งจากในบางพื่นื้ ที่ นั้นยากต่อการที่ครูฝึึกทหารจะเข้าถึง (เป็นอันตรายจากวัตถุระเบิดได้) และชี้เป้าให้สุนัขได้ แว่น AR จึงจะสร้าง ภาพื่เสมือนให้สุนัข คือ เป็นเลเซอรช์ ี้จุดตามที่ต่างๆ ที่ต้องการใหส้ ุนัขเข้าไปตรวจสอบ หรือภาพื่ครูฝึึกขณะออกคาสงั่ (ดังแสดงในรูปที่ ๒) [๑]
รูปที่ ๒ แว่น AR ที่ให้สุนัขใช้ใส่เพื่อการหาวัตถุระเบิด
๒. VR: Virtual Reality
VR คือ การจาลองภาพื่ให้เสมือนจริง เป็นการจาลองสภาพื่แวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้ จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั่งกลิ่น โดยจะทาการตัดขาดเราจากสภาพื่แวดล้อมปัจจุบันเพื่่ือเข้าไปสู่สภาพื่ ทจี่ าลองขน้ึ มา ตวั อยา่ งการนาไปใชท้ างทหาร เชน่ การฝึกึ ซอ้ มรบ (ดงั แสดงในรปู ที่ ๓) การฝึกึ ยงิ ปนื การฝึกึ ขบั เครอื่ งบนิ การฝึึกการกระโดดร่ม (โดยจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมเป็นชุดกระโดดร่มจริง และอุปกรณ์ที่รั้งตัวให้สูงจากพื่้ืน) (ดังแสดงในรูปท่ี ๔)
รูปท่ี ๓ การฝึกซ้อมรบด้วย Virtual Reality
รูปที่ ๔ การฝึกการกระโดดร่มด้วย Virtual Reality
นาวิกศาสตร์ 23 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
๓. หุ่่นำยนำต์์ (Robots)
หนุ่ ยนต์ คอื เครอื่ งจกั รกลอตั โนมตั ทิ ถี่ กู ออกแบบใหท้ างานบางประเภทแทนมนษุ ยไ์ ด้ โดยอาจทางานดว้ ยคาสงั่ เดมิ ๆ ซ้า ๆ หรือคาสั่งที่ซับซ้อนได้ สามารถทีจ่ ะปรับเปลี่ยนโปรแกรมทางานได้หลากหลาย อีกทงั้ ยังสามารถติดตงั้ ระบบ AI เพื่ื่อให้สามารถตัดสินใจเองได้ ตัวอย่างการใช้งานหุ่นยนต์ เช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ในทางการแพื่ทย์ หุ่นยนต์สุนัขที่ผลิต ขึ้นมาเพื่ื่อเป็นเพื่อื่ นเล่นของมนุษย์ ฯลฯ
ตัวอย่างการนาไปใช้ทางทหาร คือ การเกิดของทหารหุ่นยนต์ โดยกองทัพื่อังกฤษได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะให้ กาลงั พื่ล ๑ ใน ๔ (๓๐,๐๐๐ ตวั ) เปน็ เครอื่ งจกั รภายในปี ๒๐๓๐ (ดงั แสดงในรปู ท่ี ๕) ตามนโยบาย “กองทพื่ั ทนั สมยั ” [๓]
รูปที่ ๕ ทหารหุ่นยนต์ที่จะผลิตโดยกองทัพอังกฤษ
ตวั อยา่ งการนา ไปใชท้ างทหารอกี ตวั อยา่ งหนงึ่ คอื หนุ่ ยนต์ (ชอื่ ภาษาองั กฤษคอื Robotic pack animals) ทจี่ ะผลติ โดยกองทัพื่สหรัฐ์อเมริกา ภายใต้องค์กรที่ชื่อ “DARPA: Defense Advanced Research Projects Agency” (ดงั แสดงในรปู ท่ี ๖) ซึ่งสามารถเดินได้ ๓๒ กิโลเมตร โดยไมต่ ้องหยุดพื่ัก และสามารถบรรทุกของได้ถึง ๑๘๐ กิโลกรัม
รูปท่ี ๖ หุ่นยนต์ท่ีผลิตโดยกองทัพสหรัฐอเมริกา
นาวิกศาสตร์ 24 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
๔. เทคโนำโลยีลองหุ่นำ (Stealth technology)
เทคโนโลยีล่องหน (Stealth/Low observable technology) คอื การตรวจจบั สงิ่ ของดว้ ยความยากลา บาก หรือทาไม่ได้เลย หรือเทียบเท่ากับการล่องหนนั่นเอง โดยมีหลักการทางานห้าแบบ คือ แบบแรกนั้น เมื่อคลื่นเรดาร์ มากระทบกบั ตวั เครอื่ งแลว้ จะไมส่ ะทอ้ นกลบั ไปในทศิ ทางเดมิ แตจ่ ะเกดิ การหกั เหไปในทศิ ทางอนื่ ทาใหเ้ รดารท์ แี่ พื่รค่ ลนื่ ออกมาไมไ่ ดร้ บั สญั ญาณสะทอ้ นกลบั จงึ ทาใหต้ รวจจบั เครอื่ งบนิ /เรอื แบบ Stealth ไมไ่ ด้ แบบทสี่ อง คอื การใชว้ สั ดทุ ที่ า หนา้ ทเี่ หมอื นกบั ดกั คลน่ื เรดาร์ (วสั ดทุ มี่ คี ณุ สมบตั ทิ เี่ รยี กวา่ re-entrant triangles) สมั ผสั กบั พื่นื้ ผวิ แทนทจี่ ะสะทอ้ นกลบั ด้วยโครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพื่ิเศษ จะทาให้คลื่นเรดาร์ทะลุเข้าไปในพื่ื้นผิว และสะท้อนไปมาอยู่ภายในวัสดุนั้น จนคลื่นหมดพื่ลังงานในการเคลื่อนที่ จนไม่มีการสะท้อนคลื่นออกไปยังแหล่งกาเนิด แบบที่สาม คือ การเคลือบ พื่ื้นผิวทั้งหมดด้วยวัสดุดูดซับคลื่นเรดาร์ เพื่ื่อลดการสะท้อนของเรดาร์โดยการทาด้วยสีด้าน แบบที่สี่ คือ การลดคลนื่ ความรอ้ นทางทอ่ ไอเสยี ของเครอื่ งบนิ ดว้ ยการใชอ้ ากาศจากบรรยากาศเขา้ มาคลกุ เคลา้ กบั แกส๊ เสยี เพื่อื่ ให้ อุณหภูมิของแก๊สเสีย อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอากาศในชั้นบรรยากาศก่อนปล่อยออกนอกตัวเครื่อง การออกแบบ ใหท้ อ่ แกส๊ เสยี อยเู่ หนอื ปกี เครอื่ งบนิ เพื่อื่ ใหป้ กี เครอื่ งบนิ เปน็ เสมอื นโลป่ อ้ งกนั การตรวจจบั รงั สคี วามรอ้ นจากเบอื้ งลา่ ง การตดิ ตงั้ ระบบหลอ่ เยน็ ใหก้ บั ทอ่ แกส๊ เสยี กอ่ นปลอ่ ยออกสบู่ รรยากาศ คลนื่ วทิ ยุ และแบบทหี่ า้ การลดเสยี งจากใตน้ า้ ด้วยการเสริมฐ์านแท่นเครื่องด้วยยาง เพื่ื่อลดแรงส่ันสะเทือนของเครื่องยนต์ต่าง ๆ ให้ส่งผ่านไปถึงท้องเรือน้อยที่สุด การเคลือบยางที่ใบจักรเพื่ื่อลดเสียงจากใบจักร การใช้เครื่องทาฟองลดเสียงตัวเรือที่เรียกว่า Prairie Masker เพื่ื่อสร้างฟองอากาศเล็ก ๆ ขึ้นรอบ ๆ ตัวเรือและใบจักร เพื่ื่อลดเสียงอันเกิดจากแรงเสียดทานของตัวเรือกับน้า
ตัวอย่างการนาไปใช้ทางทหารเช่นการทาเรือล่องหน(Stealthship)ชอื่ SeaShadow(ดังแสดงในรูปที่๗) หรือเครือ่งบินล่องหน(Stealthairplane)ชอื่ F-117Nighthawk(ดังแสดงในรูปที่๘)
รูปที่ ๗ เรือล่องหน (Stealth ship) ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ชื่อ Sea Shadow
รูปที่ ๘ เครื่องบินล่องหน (Stealth airplane) ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ชื่อ F-117 Nighthawk
นาวิกศาสตร์ 25 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
๕. อกศยนำไร้้คนำขัับ/โดร้นำ (UAV: Unmanned Aerial Vehicle)
อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน คือ ยานพื่าหนะทางอากาศ ที่มีการควบคุมและส่ังการบินท้ังระบบอัตโนมัติ (บินตามเส้นทางที่กาหนดไว้) และก่ึงอัตโนมัติ (บังคับจากศูนย์ควบคุมระยะไกล) ในระยะไกล โดยไมม่ ีคนขับ/นักบิน อยู่บนเครื่อง โดยอากาศยานไร้คนขับสามารถติดตั้งส่ิงต่างๆ ได้ เช่น กล้องถ่ายภาพื่ กล้องอินฟราเรด หรืออาวุธ
ตัวอย่างการนาไปใช้ทางทหาร เช่น การที่กองทัพื่สหรัฐ์อเมริกาใช้อากาศยานไร้คนขับแบบ MQ-9 Reaper ในการสังหาร พื่ลตรี กาเซ็ม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกาลังคุดส์ของอิหร่านที่นั่งอยู่ในรถยนต์ ขณะขับเข้าสนามบิน แบกแดดในประเทศอิรักข้อดีของโดรนแบบนี้ คือ ความเงียบเพื่ราะมีเครื่องยนต์ใบพื่ัดเดียว (ดังแสดงในรูปท่ี ๙) [๔]
รูปที่ ๙ อากาศยานไร้คนขับ รุ่น MQ-9 Reaper
ตัวอย่างการนาไปใช้ทางทหารอีกตัวอย่างหนึ่ง คือ การโจมตีเป้าหมายทางทหาร (ผู้ก่อการร้ายกลุ่มตาลีบัน) ในประเทศปากสี ถานดว้ ยโดรนถงึ ๓๔ครงั้ ในค.ศ.๒๐๑๐ทา ใหม้ คี นตาย๑๔คนโดยกองทพื่ั สหรฐ์ั อเมรกิ า(แสดงในรปู ท่ี๑๐)
รูปท่ี ๑๐ อากาศยานไร้คนขับท่ีใช้โจมตีเป้าหมายทางทหารในประเทศปากีสถาน
นาวิกศาสตร์ 26 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ต์ัวอยงกร้นำําไปใช้้ทงทหุ่ร้อีกต์ัวอยงหุ่นำ่ง คือ โดร้นำทีกองทัพสหุ่ร้ัฐอเมร้ิก ภายใต้องค์กรที่ช่ือ “DARPA: Defense Advanced Research Projects Agency” ผลิต์ขั่นำ ซึ่่งสมร้ถบินำได้นำนำถ่ง ๕ ปี โดยใช้ พื่ลงั งานแสงอาทติ ย์ โดยมคี วามยาวปกี ๑๒๔ เมตร และสามารถบนิ ไดท้ รี่ ะดบั ความสงู สตราโตสเฟยี ร์ (Stratosphere) หน้าที่ของโดรนแบบนี้ คือ ลาดตระเวนหาข่าวในดินแดนข้าศึก (ดังแสดงในรูปที่ ๑๑)
รูปท่ี ๑๑ อากาศยานไร้คนขับ/โดรน ที่สามารถบินได้นานถึง ๕ ปี
๖. สงคร้มไซึ่เบอร้์ (Cyber warfare)
สงครามไซเบอร์ คือ สงครามที่เกิดขึ้นในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีความประสงค์ที่จะทาลายอุปกรณ์ ของข้าศึก (อาทิเช่น ข้อมูล ข่าวสาร เครือข่าย อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์) หรือบังคับข้าศึกให้ปฏิิบัติตามเจตจานงของเรา ซึ่งสงครามไซเบอร์จะเกิดขนึ้ บ่อยครัง้ เพื่ราะโลกจะเชื่อมกันด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากยงิ่ ๆ ขน้ึ
ตัวอย่างการนา ไซเบอร์ไปใช้ทางทหาร (สงครามไซเบอร์) เช่น การที่เรือรบของสหรัฐ์อเมริกา ชื่อ ยูเอสเอส จอห์น แมคเคน (USS John McCain) ที่ถูกระบุว่าโดนแฮกและเกิดการชนกับเรือบรรทุกน้ามันชื่อ อัลนิก เอ็มซิี (AlnicMC) ในช่องแคบมะละกาขณะเรือรบกาลังมุ่งหน้าไปประเทศสิงคโปร์เมื่อวันท่ี ๒๑ สิงหาคม พื่.ศ.๒๕๖๐ เกิดความเสียหายหนักโดยกราบเรือด้านซ้ายเกิดรูโหว่จนน้าทะลักเข้าภายในลาเรือ และเป็นเหตุให้ทหารเรือในเรือรบ บาดเจ็บ ๕ นาย และสูญหาย ๑๐ นาย (ดังแสดงในรูปท่ี ๑๒)
รูปท่ี ๑๒ เรือรบของสหรัฐอเมริกา ชื่อ ยูเอสเอส จอห์น แมคเคน ที่ถูกระบุว่าโดนแฮกและเกิดการชนกับเรือบรรทุกน้ามัน
นาวิกศาสตร์ 27 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตวั อยา่ งการนาไซเบอรไ์ ปใชท้ างทหาร (สงครามไซเบอร)์ อกี ตวั อยา่ ง คอื การทเี่ รอื รบของสหรฐ์ั อเมรกิ า ชอื่ ยเู อสเอส ฟติ ซเ์ จอรลั ด์ ทถี่ กู ระบวุ า่ โดนแฮกและเกดิ การชนกบั เรอื บบรรทกุ สนิ คา้ ของฟลิ ปิ ปนิ ส์ ชอื่ เอซเี อก็ ซ์ ครสิ ตลั นอกชายฝึงั ญปี่ นุ สง่ ผลใหล้ กู เรอื รบไดร้ บั บาดเจบ็ ๑นายและสญู หาย๗นายเมอ่ื วนั ที่๑๗มถิ นุ ายนพื่.ศ.๒๕๖๐(ดงั แสดงในรปู ท่ี๑๓)
รูปที่ ๑๓ เรือรบของสหรัฐอเมริกา ชื่อ ยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์ ที่ถูกระบุว่าโดนแฮกและเกิดการชนกับเรือบรรทุกสินค้า
ตวั อยา่ งการนาไซเบอรไ์ ปใชท้ างทหาร (สงครามไซเบอร)์ อกี ตวั อยา่ งหนงึ่ คอื การทก่ี องทพื่ั สหรฐ์ั อเมรกิ า ทาการโจมตี ทางไซเบอร์ต่อระบบคอมพื่ิวเตอร์ควบคุมการปล่อยขีปนาวุธของประเทศอิหร่านและทาให้ระบบคอมพื่ิวเตอร์ ไม่สามารถทางานได้ (ดังแสดงในรูปที่ ๑๔) [๕]
รูปที่ ๑๔ ระบบขีปนาวุธของอิหร่านท่ีใช้งานไม่ได้ เน่ืองจากโดนกองทัพสหรัฐอเมริกาแฮกระบบควบคุม
ตวั อยา่ งการนาไซเบอรไ์ ปใชท้ างทหาร(สงครามไซเบอร)์ อกี ตวั อยา่ งหนงึ่ คอื การทที่ หารจนี ๔นายโดนFBIประกาศจบั เนอื่ งจากทงั้ ๔ นาย ไดท้ าการบกุ รกุ เครอื ขา่ ยคอมพื่วิ เตอรข์ องบรษิ ทั “Equifax” ทใี่ หบ้ รกิ ารดา้ นฐ์านขอ้ มลู ดา้ นการเงนิ และสนิ เชอื่ ของสหรฐ์ั อเมรกิ าในค.ศ.๒๐๑๗และไดจ้ ารกรรมขอ้ มลู สว่ นบคุ คลของชาวอเมรกิ นั (อาทิเชน่ ชอื่ นามสกลุ รหัสประกันสังคม หมายเลขใบขับขี่ และที่อยู่ของลูกค้า) ราว ๑๕๐ ล้านคน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ของทางบริษัทอีกด้วย
(ดังแสดงในรูปที่ ๑๕) [๖]
นาวิกศาสตร์ 28 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
รูปที่ ๑๕ สี่ทหารจีนที่ถูก FBI ประกาศจับ เนื่องจากขโมยข้อมูลจากบริษัทสหรัฐอเมริกา ชื่อ “Equifax”
๗. อินำเทอร้์เนำ็ต์ควมเร้็วสูง (5G)
อนิ เทอรเ์นต็ ความเรว็ สงู 5Gนน้ั มคี วามสามารถรบั -สง่ ขอ้ มลู ไดม้ ากกวา่ 4Gถงึ พื่นั เทา่ โดยเปา้ หมายของเทคโนโลยี5G คือ การเปล่ียนบทบาทจากเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network-centric infrastructure) เป็นข้อมูลเป็นศูนย์กลาง (Data-centric infrastructure)
ตัวอย่างการนาไปใช้ทางทหาร เช่น การส่งข้อมูลจากทหารทีไ่ ด้รับบาดเจ็บจากอุปกรณ์อัจฉริยะท่ีสวมใส่ที่ข้อมือ ไปยังโรงพื่ยาบาลสนามอย่างรวดเร็วด้วยโครงข่าย 5G ที่มีความเร็วท่ีสูงถึง 10 Gbps (ดังแสดงในรูปที่ ๑๖)
รูปที่ ๑๖ อุปกรณ์อัจฉริยะที่สวมใส่ที่ข้อมือ
ตัวอย่างการนาไปใช้ทางทหารอีกตัวอย่างหนึ่ง คือ การผ่าตัดทหารท่ีบาดเจ็บในแนวหน้าด้วยการผ่าตัดทางไกล ด้วยเทคโนโลยี 5G ซ่ึงมีความล่าช้าของการตอบสนองเพื่ียง ๐.๐๑ วินาที (ลดลงกว่าเทคโนโลยี 4G ถึง ๒๐ เท่า) โดยโรงพื่ยาบาลในบาร์เซโลนา ประเทศสเปน สาธิตการผ่าตัดผู้ปวยที่ห่างออกไป ๕ กิโลเมตร ด้วยการใช้แขนหุ่นยนต์ และประเทศจนี ไดท้ า การผา่ ตดั กระเพื่าะปสั สาวะทอี่ ยหู่ า่ งไกลไปถงึ ๓,๐๐๐ กโิ ลเมตร ดว้ ยความชว่ ยเหลอื ของหนุ่ ยนตผ์ า่ ตดั จากแพื่ทย์ที่โรงพื่ยาบาลมหาวิทยาลัยชิงเต่า มณฑลซานตง ให้แก่ผู้ปวยที่โรงพื่ยาบาลเขตซีซิ่ว มณฑลกุ้ยโจว การผา่ ตดั ทางไกลดว้ ยเทคโนโลยี 5G นนั้ ทาใหผ้ ปู้ ว ยประหยดั เวลาและคา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทาง อกี ทง้ั ยงั เปน็ การยกระดบั ดูแลสุขภาพื่ของประชากรในท้องถ่ินห่างไกล ทุรกันดารอีกด้วย (ดังแสดงในรูปที่ ๑๗) [๘]
นาวิกศาสตร์ 29 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
รูปที่ ๑๗ การผ่าตัดระยะไกลด้วยเทคโนโลยี 5G ที่ประเทศจีน
๘. ผ้ คลม่ ลองหุ่นำ (Quantum stealth camouflage)
ผา้ คลมุ ลอ่ งหนทผ่ี ลติ โดยบรษิ ทั HyperStealthBiotechnologyCorp.ประเทศแคนนาดาไดก้ า จดั Thermalsignature ของคน ทาให้คนสามารถหลบเล่ียงการตรวจจากแสงอินฟราเรดและกล้องจับความร้อนได้
ตวั อยา่ งการนาไปใชท้ างทหาร เชน่ การทาใหท้ หารอาพื่รางตวั ไปกบั สภาพื่แวดลอ้ มทตี่ นเองปฏิบิ ัตงิ าน โดยอาศยั คุณสมบัติของวัสดุที่ชื่อว่า “Quantum stealth” ท่ีทาให้แสงเกิดการเลี้ยวเบนบนวัสดุ โดยการนาเลนส์ Lenticular มาซอ้ นกนั หลาย ๆ ชน้ั และเราไมส่ ามารถเหน็ วสั ดนุ น้ั ๆ ซง่ึ ทหารจะทาชดุ คลมุ ตนเองโดยใชว้ สั ดเุ หลา่ นี้ เมอ่ื ทาการออกรบ ทาให้ข้าศึกไม่สามารถมองเห็นได้ และสามารถใช้ได้เต็มพื่ิกัด เน่ืองจากไม่ต้องการพื่ลังงาน มีราคาถูกและเบา (ดังแสดงในรูปท่ี ๑๘)
รูปที่ ๑๘ การพลางตัวไปกับสภาพแวดล้อม โดยใช้วัสดุที่ทาด้วย Quantum stealth
๙. ปัญญปร้ะดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence)
ปัญญาประดิษฐ์์ คือ เครื่องจักรที่มฟี ังก์ชัน/โปรแกรมในการทาความเข้าใจ รับรู้ เรียนรู้ องค์ความรู้ต่าง ๆ และ สามารถแกป้ ัญหาต่าง ๆ ได้ กล่าวคือ ปัญญาประดิษฐ์ม์ ีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจเองได้ โดยได้มาจากการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และยังสามารถดัดแปลงการประมวลผลให้เป็นไป ตามสถานการณ์ต่าง ๆ
ตัวอย่าง AI ในการใช้งาน คือ เครื่องดูดฝึุนอัจฉริยะที่มีเซนเซอร์ป้องกันการตกบันไดและตรวจจับฝึุนละอองได้ รถยนตข์ บั เคลอื่ นไรค้ นขบั การวเิ คราะหเ์ สยี ง การแปลภาษา ผปู้ ระกาศ AI หนุ่ ยนตท์ ที่ าหนา้ ทปี่ ระกาศขา่ วแทนมนษุ ย์ ระบบในการจัดตารางนัดหมาย Siri ของบริษัท Apple ทสี่ ามารถตอบคาถามง่าย ๆ ได้
นาวิกศาสตร์ 30 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตวั อยา่ งการนาไปใชท้ างทหาร คอื AI-powered robotic suits คอื การใสโ่ ครง (Frame) ไวท้ ขี่ าซา้ ยและยดึ ตดิ กบั เข็มขัด (เข็มขัดจะเชื่อมกับเซนเซอรท์ ี่สามารถบอกสถานที่ ๆ ทหารคนนนั้ ๆ ปฏิิบัติงานอย)ู่ ซงึ่ โครงนี้จะได้รับพื่ลังงาน จากแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ และโครงนี้จะใช้ AI ในการให้กาลังงาน (Power) และความคล่องตัว (Mobility) ซงึ่ ทาให้ ผู้สวมใส่สามารถแบกน้าหนักได้มากยงิ่ ขึ้น โดย AI จะเริ่มเรียนรู้ไปเรื่อยๆ และจะเข้าใจสิ่งที่ผู้สวมใส่ (ทหาร) ต้องการ และช่วยเหลือได้ โดยโครงนี้จะช่วยให้ผู้สวมใส่ประหยัดการใช้พื่ลังงานได้ถึง ๙ % และมีผลผลิตมากขึ้น ๒๗ เท่า ของ ภาวะปกติ (ดังแสดงในรูปที่ ๑๙)
รูปที่ ๑๙ AI-powered robotic suits
ตวั อยา่ งการนา ไปใชท้ างทหารอกี ตวั อยา่ งหนง่ึ คอื การทท่ี หารบกสหรฐ์ั อเมรกิ าไดท้ า การวจิ ยั ในเรอื่ งการสอื่ สารระหวา่ ง ทหารกบั หนุ่ ยนตเ์ พื่อื่ การสงั่ งาน ผา่ น AI ทเี่ รยี กวา่ JUDI: Joint Understanding and Dialogue Interface โดยหนุ่ ยนต์ สามารถสอบถามเพื่อื่ ความมัน่ ใจในเร่ืองภารกิจท่ีต้องปฏิบิ ัติการ ข้อดีของระบบ JUDI คือ สามารถทางานในที่ ๆ ไม่มี การเชื่อมต่อกับ Cloud (ดังแสดงในรูปที่ ๒๐)
รูปท่ี ๒๐ การส่ือสารระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ AI ผ่านโปรแกรม JUDI
ตัวอย่างการนาไปใช้ทางทหารอีกตัวอย่างหนึ่ง คือ แว่นตา (Goggles) AI (ที่เรียกว่า IVAS: Integrated Visual Augmentation System) ทกี่ องทพื่ั บกสหรฐ์ั อเมรกิ า พื่ฒั นาขนึ้ มาโดยสามารถมองผา่ นกาแพื่ง และมมุ ตา่ งๆ ได้ โดยมี หลักการทางาน คือ การได้รับภาพื่จากกล้องจากทุกทิศทาง ทีต่ ิดตงั้ ไว้ ณ ที่ต่าง ๆ ทาให้ทหารสามารถมองเห็นภาพื่ สถานการณ์จากทุกทิศทาง ทุกแง่มุม (ดังแสดงในรูปที่ ๒๑)
นาวิกศาสตร์ 31 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
รูปที่ ๒๑ แว่นตา (Goggles) AI ที่สามารถมองผ่านกาแพงได้ รูปที่ ๒๒ รูปสามมิติของพ้ืนที่สู้รบที่ทหารมองเห็นจากเทคโนโลยีโฮโลแกรม
๑๐. โฮโลแกร้ม (Hologram)
โฮโลแกรม คอื ภาพื่เสมอื น ๓ มติ ิ ทเี่ กดิ จากการฉายภาพื่ ๒ มติ ิ โดยอาศยั การสอดแทรกของแสง ๒ แสง ทา ใหเ้ กดิ ภาพื่ และไปตกกระทบบนวัสดุท่ีรองรับการเกิดภาพื่ ตัวอย่างการนา ไปใช้งาน เช่น การป้องกันการปลอมแปลงบัตรเครดิต บัตรประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ ด้วยการสร้างภาพื่โฮโลแกรมเข้าไป การส่ือสารทางไกลที่สามารถเห็นค่สู นทนาใน ๓ มิติ และ ๓๖๐ องศา เทคโนโลยี MRI ทางการแพื่ทย์
ตวั อยา่ งการนา ไปใชท้ างทหาร คอื การใชแ้ ผนทแี่ บบ Holographic คอื การทที่ หารสามารถมองเหน็ พื่นื้ ทกี่ ารสรู้ บ แบบ ๓ มิติ (ดังแสดงในรูปที่ ๒๒)
สร้่ป สงครามในอนาคตจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซับซ้อนมากกว่าเทคโนโลยีที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีในอนาคต เหล่านั้น ได้แก่ AR/VR, Robots, Stealth technology, UAV, Cyber warfare, 5G, ผ้าคลุมล่องหน (Quantum stealth camouflage), ปญั ญาประดษิ ฐ์์ (AI: Artificial Intelligence) และ โฮโลแกรม (Hologram) จงึ มคี วามเหมาะสม และจาเป็นอย่างยิ่งที่ทหารจะศึกษาให้ถ่องแท้ เพื่่ือความเข้าใจท่ีชัดแจ้งในการที่จะใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพื่ และทาให้ฝึายตนเองชนะสงครามได้ในที่สุด
เอกสร้อ้งอิง
[๑] https://thematter.co/brief/125932/125932
[๒] https://www.matichonweekly.com/column/article_247305 [๓] https://www.thaiquote.org/content/242297
[๔] https://www.tnnthailand.com/news/world/25635/
[๕] https://www.bbc.com/thai/international-48736849
[๖] https://www.prachachat.net/world-news/news-420227
[๗] http://thaiseafarer.com/technologies/stealth-technology.php [๘] https://www.thaiquote.org/content/217331#!
นาวิกศาสตร์ 32 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ราชนาวิกสภา ก็โดนกับเขาด้วยเหมือนกัน ตอนท่ี ๑
บทความเรื่องนี้ ผมรู้มาจากเรื่องที่ “ครูหวัด” (นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี) ท่านเขียนเล่าไว้ผสมกับบทความอื่น ๆ อีกบ้าง ตอนที่เกิดเหตุการณ์ “กบฏแมนฮัตตัน” วันท่ี ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ น้ี ผมเป็นนักเรียนนายเรือช้ันปีท่ี ๒ โรงเรียนนายเรืออยู่ท่ีเกล็ดแก้ว สัตหีบ จึงไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก ได้แต่ฟังข่าวจากวิทยุ การท่ีนาเร่ืองนี้มาเขียนมิใช่เป็น การระบาย “ความขมขื่น” (BITTER FEELING) แต่หนหลัง (คนพิสูจน์อักษรโปรดระวังอย่าให้พิมพ์ผิดเป็น “ความขม่ ขนื ” นะครบั ) แตเ่ พอื่ เปน็ การบนั ทกึ ประวตั ศิ าสตรต์ อนหนง่ึ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ราชนาวกิ สภาเอาไวไ้ มใ่ หข้ าดหายไป
ก่อนที่จะดาเนินเรื่องนี้ต่อไป ผมขอออกตัวเก่ียวกับการเขียนบทความเรื่องนี้เสียแต่แรกว่า ประการที่หนึ่ง
“ราชนาวกิ สภา” ทกี่ ลา่ วถงึ ในเรอื่ งนห้ี มายถงึ “สา นกั งานราชนาวกิ สภา” ทต่ี งั้ อยู่ ณ “อาคารราชนาวกิ สภา” เนื่องจากในปัจจุบัน มีอาคารราชนาวิกสภาอยู่ ๒ หลัง คือ อาคารราชนาวิกสภาของแท้แต่ดั้งเดิมหลังหน่ึง และ อาคาราชนาวกิ สภาทส่ี รา้ งขนึ้ ใหมอ่ กี หลงั หนง่ึ โดยลอกเลยี นแบบตเี สมอกบั อาคารราชนาวกิ สภาของแทแ้ ตด่ งั้ เดมิ และ สรา้ งขนึ้ มาบดบงั “พระนเิ วศน”์ จนมดิ มองเหน็ แตย่ อด “ตน้ โพธ”ิ์ และ “ตน้ เลยี บ” อายกุ วา่ ๑๐๐ ปี โผลข่ นึ้ มารา ไร “พระนเิ วศน”์ นเี้ ปน็ พระนเิ วศนข์ อง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ปฐมกษตั รยิ แ์ หง่ บรมราชวงศจ์ กั รี เม่ือคร้ังยังเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (พระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตา รวจนอกขวา) ซึ่งผมขอเรียกอาคาร
ราชนาวิกสภาท้ัง ๒ หลัง เพื่อความเข้าใจชัดเจนว่า “อาคารราชนาวิกสภาจริง” กับ “อาคารราชนาวิกสภาเทียม” สรุปได้ว่า “ราชนาวิกสภา” ที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้ คือ “ราชนาวิกสภาจริง” ของแท้แต่ด้ังเดิม
นาวิกศาสตร์ 33 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ราชนาวิกสภา
ของแท้แต่ดั้งเดิม
ซ้ายจริง
นาวิกศาสตร์ 34 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ขวาเทียม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนิเวศน์ วังที่ทรงหวงแหน แก่กรมทหารเรือ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๓
ราชนาวิกสภาเทียม ที่สร้างขึ้นใหม่ บดบังพระนิเวศน์จนมิด เห็นแค่ยอดต้นโพธิ์ และยอดต้นเลียบ อายุกว่าร้อยปีโผล่ขึ้นมาราไร
นาวิกศาสตร์ 35 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ประการที่สอง
ข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาเขียนเป็นบทความเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะได้มาจาก “ประวัติศาสตร์บอกเล่า” (Oral History)
ประวัติศาสตร์บอกเล่าคืออะไร? ผมขออธิบายแต่เพียงง่าย ๆ สั้น ๆ ที่ผมพอจะรู้ก็คือ
- ประวัติศาสตร์บอกเล่า มีประโยชน์ในการเล่าเรื่องที่ขาดหายไป ที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเอกสาร - ช่วยเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกซ่อนเร้นมานาน
- ช่วยเติมช่องว่างที่ขาดหายไปจากการบันทึกเอกสาร
- การสัมภาษณ์เรื่องในอดีตมักจะต้องสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ
- การสัมภาษณ์ คือ การมองจากปัจจุบันกลับไปหาอดีต ดังที่เรียกว่า
“THE PRESENT TELLS THE PAST”
หรอื ถา้ จะพดู กนั อยา่ งงา่ ย ๆ ทสี่ ดุ ผมกข็ อนา เอาคา ชแี้ จงของนกั ประวตั ศิ าสตรท์ า่ นหนงึ่ มาใหท้ า่ นผอู้ า่ นไดท้ ราบ
ทา่ นผนู้ ไี้ ดร้ บั การแตง่ ตงั้ ใหเ้ ปน็ “นกั ประวตั ศิ าสตรอ์ าวโุ สดเี ดน่ ” อยา่ งเปน็ ทางการ โดยสถาบนั สา คญั ทเี่ ปน็ ทยี่ อมรบั นบั ถอื ทา่ นเปน็ นกั ประวตั ศิ าสตรท์ นี่ กั ประวตั ศิ าสตร์ และนกั วชิ าการทงั้ หลายเรยี กทา่ นวา่ “เอนไซโคลปเิ ดยี เคลอื่ นท”ี่ ม ใิ ช เ่ ป น็ น กั ป ร ะ ว ตั ศิ า ส ต ร ท์ ี ่ “ อ ปุ โ ล ก น ”์ ( ย ก ก นั ข นึ ้ ) เ ป น็ “ น กั ป ร ะ ว ตั ศิ า ส ต ร ช์ นั ้ น า ” ห ร อื “ น กั ป ร ะ ว ตั ศิ า ส ต ร ช์ นั ้ เ ย ยี ่ ม ” โดยใครตอ่ ใครกไ็ ด้ เมอื่ ผมขอใหท้ า่ นชว่ ยอธบิ ายถงึ “ประวตั ศิ าสตรบ์ อกเลา่ ” อยา่ งงา่ ย ๆ สนั้ ๆ ทสี่ ดุ ทา่ นกอ็ ธบิ ายวา่
“ผมได้ยินมายังงี้ ผมก็เล่าไปยังงี้ ผมอ่านมายังงี้ ผมก็เขียนไปยังงี้ แล้วคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ มันก็เรื่อง ของคุณ”
“เพราะฉะนนั้ เรอื่ งทผี่ มจะเขยี นตอ่ ไปนใี้ ครจะมาบงั คบั ขเู่ ขญ็ คาดคนั้ ใหผ้ มตอบวา่ “มที มี่ าอยา่ งไร เอามาจากไหน มีหลักฐานอะไร” ผมไม่ตอบ เพราะตอบไม่ได้ จะพูดได้แต่เพียงสั้น ๆ ว่า “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ”
ประวัติศาสตร์ก็ต้องเป็นประวัติศาสตร์ ถ้าไม่บันทึกไว้นานเข้าก็ไม่มีใครรู้ความจริง แล้วก็ลืมแล้วก็เพี้ยน เรื่องนี้มีอยู่ว่า
ทหารเรือกลุ่มน้อย น้อยจริง ๆ ที่หัวรุนแรง ใช้นามว่า “คณะกู้ชาติ” ไม่พอใจในการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ในยคุ นนั้ จงึ กอ่ การปฏวิ ตั ขิ นึ้ หวงั ยดึ อา นาจจากรฐั บาล โดยจจี้ บั จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม นายกรฐั มนตรี เปน็ ตวั ประกนั ตอนที่ทาพิธีรับมอบเรือขุด “แมนฮัตตัน” จากองค์การช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา๑ ที่ท่าราชวรดิฐ ในตอนบ่ายของวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔
ประมาณเวลา ๑๖๐๐ นายทหารเรือกลุ่มหนึ่งกาลังเล่นไพ่บริดจ์อยู่บนห้องรับแขกของมณฑลทหารเรือที่ ๑ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในบริเวณพระนิเวศน์ สักครู่ก็มีนายทหารเรือคนหนึ่งวิ่งมาบอกว่า มีคนจับนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ขาบรดิ จก์ ย็ งั ไมเ่ ชอื่ ครนั้ ยนื ยนั วา่ เปน็ ความจรงิ เลยเลกิ เลน่ แลว้ ชวนกนั เดนิ จากมณฑลทหารเรอื ที่ ๑ มายงั ราชนาวกิ สภา มองไปยงั ทา่ ราชวรดฐิ ฝง่ั ตรงขา้ มราชนาวกิ สภา ทมี่ พี ธิ มี อบเรอื ขดุ แมนฮตั ตนั ทา ไมจงึ มผี คู้ นบางตาไมส่ มกบั ทจี่ อมพล ป. มาเจิมเรือเลย แล้วชวนกันขึ้นไปดูเหตุการณ์บนราชนาวิกสภา และนั่งเล่นบริดจ์ฆ่าเวลากันต่อไป เล่นได้พักเดียว ร.ล.ศรีอยุธยาก็ล่องลงมาจอดอยู่ที่หน้าราชนาวิกสภา เลย “วงแตก” เลิกเล่นประมาณเวลา ๑๗๐๐ พากันลงมาข้าง ล่างเพราะข้างบนเป็นเป้าเด่น อาจจะโดนลูกหลงเข้าก็ได้
ขอกล่าวถึง “เพื่อนบ้าน” ซึ่งเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกับราชนาวิสภา คือ “กรมแพทย์ทหารเรือ” (ปัจจุบัน คือ ศูนย์สุขภาพโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า) และกรมอู่ทหารเรือ ครูหวัดเล่าว่า
๑ องค์การช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (โปรดดูคาอธิบายเชิงอรรถท้ายเรื่อง)
นาวิกศาสตร์ 36 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
เรือขุดแมนฮัตตัน จอมพล ป.พิบูลสงคราม ขอบคุณ : ภาพจากคุณศรันย์ ทองปาน
พิธีรับมอบเรือขุดแมนฮัตตัน วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔
นาวิกศาสตร์ 37 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
“ปนื ครกยงิ มาในวนั ที่ ๓๐ มถิ นุ ายน หลายนดั มาตกทพี่ นื้ ดนิ ระหวา่ งราชนาวกิ สภากบั ตกึ ๓ (ตกึ คนปว่ ยหมายเลข ๓) ระเบดิ เอาหลงั คาตกึ ๓ เปงิ ไป บางลกู กต็ กในบรเิ วณกรมอทู่ หารเรอื ตรงหญา้ ระหวา่ งอกู่ บั กองสารวตั รชา่ ง (พ.ศ. ๒๕๐๓) ลกู นไี้ มท่ า อนั ตรายมากนกั มอี กี หลายลกู ตกทเี่ รอื คา รณสนิ ธจุ นจมไปเลย เคราะหด์ ที ไี่ มโ่ ดนพอนทนู (PONTOON- กรฑี า) ที่กั้นน้าปากอู่ ถ้าอ้ายนี่รั่ว เรือในอู่คงลอยเท้งเต้งกันสมใจผู้ยิงแน่ ทาลายอย่างนี้เขาเรียกว่า “ทาลายกันให้เหลือแต่ กางเกงใน” (ผมว่า “ทาลายกันแม้แต่กางเกงในก็ไม่ให้เหลือ” มากกว่า- กรีฑา)
ตัวตึกกรมแพทย์ก็โดนกระสุนห้องพยาธิ กระจกส่วนหน้าในตึก ๑ ก็โดนกระสุนแตก หลังคาตึก ๒ พรุนไปหลายรู แต่เคราะห์ดีที่มีตัวอาคารราชนาวิกสภากั้นอยู่ มิฉะนั้นกรมแพทย์ก็กรมแพทย์เถอะ” (โรงพยาบาลยังโดน)
เพื่อให้ท่านผู้อ่านวาดภาพออกตามที่ “ครูหวัด” เล่าถึง “ตึก ๑” “ตึก ๒” “ตึก ๓” “ตึกกรมแพทย์” “ราชนาวิกสภา” ตั้งอยู่ตรงไหน มีความสัมพันธ์กันอย่างไร จากการที่ได้พูดคุยกับ นาวาเอก ปราโมทย์ อุนอวยชัย ประจา กรมแพทยท์ หารเรอื ชว่ ยราชการศนู ยส์ ขุ ภาพโรงพยาบาลสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ ถงึ เรอื่ งเกา่ ๆ ของศนู ยส์ ขุ ภาพฯ เมื่อครั้งยังเป็น “กรมแพทย์ทหารเรือ” ในสมัย “กบฏแมนฮัตตัน” นาวาเอก ปราโมทย์ ฯ จึงได้ติดต่อกับ นาวาเอก เสนาะ ดานี นายทหารเรือนอกราชการ อายุ ๘๒ ปี อดีตนักเรียนจ่าพยาบาล พรรคพิเศษ เหล่าทหารแพทย์ รุ่น “งูดิน ๔๖” พ.ศ. ๒๔๙๗ น.อ.เสนาะฯ ท่านก็เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของตึกเก่า ๆ ของกรมแพทย์ทหารเรือ ในสมยั นนั้ ไดแ้ ก่ ตกึ ๑ ตกึ ๒ ตกึ ๓ ตกึ ๔ ตกึ ๕ ตกึ ๖ และตกึ อาคารกรมแพทยท์ หารเรอื พรอ้ มทงั้ ไดเ้ ขยี นรา่ งแผนผงั ที่ตั้งของตึกต่าง ๆ มาให้ดูด้วย ทาให้มองเห็นภาพตอนกบฏแมนฮัตตันว่า ตึก ๑ ตึก ๒ ตึก ๓ โดนอย่างไร อาคาร ราชนาวิกสภากั้นตึกทั้ง ๓ และตึกกรมแพทย์ทหารเรือได้อย่างไร ขอให้ท่านผู้อ่าน โปรดดูภาพร่างแผนผังด้วย
ตึก ๑ เป็นตึกพิเศษ รับผู้ป่วยธรรมดาที่เสียเงิน นายทหารชั้นผู้ใหญ่ชาย (ยังไม่มีนายทหารหญิง) พระภิกษุ ทรงสมณศักดิ์
ครูหวัด มานอนป่วยที่ตึก ๑ นานเป็นปี เขียนเรื่อง “นิทานชาวไร่” ลงในนาวิกศาสตร์ได้หลายตอน
ตึก ๒ รับผู้ป่วยทางอายุรเวชกรรม ชาย หญิง และเด็ก
ตึก ๓ รับผู้ป่วยเฉพาะกามโรคชาย ไม่รับผู้ป่วยหญิง
ตึกอาคารกรมแพทย์ทหารเรือ เป็นอาคาร ๒ ชั้น เป็นกองบังคับการห้องตรวจ ตา หู คอ จมูก ห้องตรวจโรค
อายุรเวชกรรม ห้องตรวจโรคศัลยกรรม ห้องผ่าตัด ห้องใต้ดินเป็นคลังฯ
เมอื่ ดจู ากแผนผงั แลว้ จะเหน็ วา่ ตกึ ๑ ตกึ ๒ ตกึ ๓ และอาคารกรมแพทยท์ หารเรอื มอี าคารราชนาวกิ สภามาบงั ไว้
เมื่อฝ่ายปราบกบฏยิงมาจากฝั่งตรงข้ามแม่น้าเจ้าพระยา อาคารดังกล่าวจึงเสียหายเพียงเล็กน้อย
ปจั จบุ นั ตกึ ทงั้ ๖ และอาคารกรมแพทยท์ หารเรอื ไดร้ อื้ ออกหมดแลว้ และสรา้ งขนึ้ ใหม่ คงเหลอื อาคารของเกา่ อยู่
เพียงหลังเดียว คือ ตึก ๑ ซึ่งปัจจุบันเป็นตึก “แพทย์แผนไทยประยุกต์” (อายุ ๑๑๑ ปีแล้ว) มีผู้เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ให้ครูหวัดฟังว่า
“ผู้เล่าไม่กล้าโผล่ออกจากบ้าน เพราะเช้าวันนั้นเองยังได้ยินเสียงยิงกันที่สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์
ครั้นเสียงปืนทางสะพานพระพุทธยอดฟ้าซาแล้วจึงแอบไปดูทางวัดแจ้ง ก็เห็นทหารช่างดังกล่าวแล้ว (ทหารช่าง ราชบุรี ที่เข้ายึดกรมเสนาธิการทหารเรือ) แต่ก็ต้องหดหัวกลับใหม่ เพราะทหารบกที่ยึดกองเรือรบได้คอยยิงอีก แต่เขายิงไปทางสะพานธรรมสาร (คอสะพานข้างกรมพัสดุทหารเรือ) เป็นส่วนมาก เขาเห็นกับตาว่า เวลาประมาณ ๑๓๐๐ หมาตัวหนึ่งที่เดินบนสะพานธรรมสารนี้ ยังถูกยิงเอาตะโพก ร้องเอ๋ง ๆ ให้ลั่นไป บนสะพานนี้ ใครจะผ่านต้องวิ่งจี๋ ทหารบกจ้องยิงรถจี๊ปที่ข้ามสะพาน ภายหลังไม่ใช่ยิงแต่รถ เห็นอะไรเป็น เป้าเคลื่อนที่เป็นยิงดะ จึงไปโดนหมาดังกล่าวแล้ว ส่วนคนไม่ปรากฏว่าถูกกระสุน”
นาวิกศาสตร์ 38 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
บริเวณ ราชนาวิกสภา กรมแพทย์ทหารเรือ พระนิเวศน์ และกรมอู่ทหารเรือ (จากความทรงจา)
นาวิกศาสตร์ 39 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตึกหมายเลข ๑
ตึกหมายเลข ๒
ตึกหมายเลข ๓
ตึกหมายเลข ๔
ตึกหมายเลข ๕ ตึกหมายเลข ๖
ตึกที่พักผู้ป่วย หมายเลข ๑-๖
ตึกหมายเลข ๑ อายุ ๑๑๑ ปี เหลืออยู่ตึกเดียว ปัจจุบันคืออาคารแพทย์แผนไทยประยุกต์ ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
นาวิกศาสตร์ 40 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
เมื่อ “ครูหวัด” พูดถึง “สะพานธรรมสาร” ทาให้ผม “เป็นงง” เพราะไม่รู้ว่าสะพานธรรมสารคือสะพานอะไร ฟังตามที่ครูหวัดเล่าว่าทหารบกที่ยึดกองเรือรบ แล้วยิงไปทางสะพานธรรมสาร ผมก็รู้แต่เพียงว่า กองเรือรบนั้นอยู่ ตรงขา้ มกบั คลองมอญ ทรี่ าชนาวกิ สภามสี ะพานไมเ้ ลก็ ๆ แคบมาก สรา้ งสงู มากเพอื่ ใหเ้ รอื ลอดผา่ นเขา้ ออกคลองมอญ ได้ จากฝั่งราชนาวิกสภา ข้ามคลองมอญไปฝั่งตรงข้าม (ปัจจุบันคือหอประชุมกองทัพเรือ) และเมื่อลอดสะพานไม้ ไปตามคลองมอญ ผ่านด้านหลังกรมแพทย์ทหารเรือไปแล้ว ฝั่งซ้ายมือจะเป็นวัดเครือวัลย์วรวิหาร สุดวัดเครือวัลย์ฯ จะมีสะพานข้ามถนนอรุณอมรินทร์อยู่ ๑ สะพาน จึงเดาเอาว่า
“สะพานธรรมสาร” ที่ครูหวัดว่านี้ต้องเป็นสะพานนี้แน่ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะไม่เคยเห็นป้ายชื่อที่สะพานนี้เลย และก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกชื่อสะพานนี้ด้วย
นั่งคุยกันถึงเรื่องสะพานธรรมสารอยู่ที่กองบรรณาธิการนาวิกศาสตร์ สานักงานราชนาวิกสภา ก็พอดี “นายเทพประสทิ ธิ์ ตนั ตสิ ริ นิ นั ท”์ (ต)ู้ พนกั งานบรกิ าร (รบั -สง่ หนงั สอื ) สา นกั งานราชนาวกิ สภา กรมยทุ ธศกึ ษาทหารเรอื บ้านอยู่ที่ชุมชนวัดเครือวัลย์ฯ มาหลายปี ได้ยินเข้าจึงเล่าว่า สะพานนี้ชื่อ สะพานธรรมสารจริง ตั้งชื่อตาม “พระธรรม สารโสภณ” เป็นสะพานข้ามคลองมอญ ผมก็ยังไม่หายงงอยู่อีกว่า “พระธรรมสารโสภณ” น่ะ เป็น “พระภิกษุ” หรือเป็น “ฆราวาส” ที่มีบรรดาศักดิ์เป็น “คุณพระ”
วนั รงุ่ ขนึ้ “ต”ู้ กม็ าเลา่ ใหฟ้ งั ตอ่ วา่ คณุ แม่ “ผสุ ดี พนั ธม์ุ ณ”ี เลา่ ใหฟ้ งั วา่ สะพานธรรมสารขา้ มคลองมอญนี้ ตงั้ ชอื่ ตามชื่อท่านเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์ฯ ในอดีต ชื่อ “พระครูธรรมสารโสภณ” เชิงสะพานเดิมเป็นโรงขายถ่าน ปัจจุบัน เปล่ียนเป็นร้านขายแก๊ส ตอนที่ฝรั่งมาถ่ายหนังเรื่อง “เดอะเดียร์ฮันเตอร์” (The Deer Hunter) ก็มาถ่ายทากันที่ สะพานนี้ แล้ว “ตู้” ก็ได้ไปหาประวัติวัดเครือวัลย์ฯ มาให้อ่าน และจากการที่ผมได้ศึกษาประวัติของวัดเครือวัลย์ฯ ก็ทาให้รู้ถึงเรื่อง “สะพานธรรมสาร” ชัดเจนขึ้นดังนี้
พระครธู รรมสารโสภณ (เขยี ว สจุ ติ โต) เปน็ เจา้ อาวาสปกครองวดั เครอื วลั ยฯ์ รปู ที่ ๘ ปรากฏหลกั ฐานวา่ ทา่ นเปน็ ผสู้ รา้ ง “สะพานธรรมสาร” ขา้ มคลองมอญ เชอื่ มถนนอรณุ อมรนิ ทร์ แตส่ รา้ งยงั ไมเ่ สรจ็ สมบรู ณท์ า่ นกถ็ งึ แกม่ รณภาพ พระครธู รรมสารโสภณ (หว่ ง จติ ตเลโข) เปรยี ญธรรม ๓ ประโยค เปน็ เจา้ อาวาสรปู ที่ ๙ ไดส้ รา้ ง “สะพานธรรมสาร”
ต่อจากพระครูธรรมสารโสภณ (เขียว) จนเสร็จสมบูรณ์
เป็นอันว่าได้ความรู้เรื่อง “สะพานธรรมสาร” แถมมาอีกเรื่องหนึ่ง
ดงั ทไี่ ดก้ ลา่ วไวแ้ ตแ่ รกแลว้ วา่ ตอนเกดิ กบฏแมนฮตั ตนั นนั้ ผมเปน็ นกั เรยี นนายเรอื ชนั้ ปที ี่ ๒ อยทู่ เี่ กลด็ แกว้ สตั หบี
พวกเราได้แต่ฟังข่าวจากวิทยุ ซึ่งล้วนแต่เป็นคาแถลงการณ์ของฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายปราบกบฏ ซึ่งมีข้อความทั้งขู่ ทั้งเสียดสี กระแนะกระแหน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เช่น เปรียบเปรยว่า ร.ล.ศรีอยุธยา เปรียบเสมือน “องึ่ อา่ งลอยนา้ ” ดงั ที่ พลเรอื โท กฤษฎา เฟอ่ื งระบลิ (พลเรอื เอก) เขยี นเลา่ ไวใ้ นนติ ยสารนาวกิ ศาสตรฉ์ บบั เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เรื่อง “วาระสุดท้ายของเรือหลวงศรีอยุธยา : ทหารเรือกับเหตุสาคัญของบ้านเมืองในอดีต” (ตอนที่ ๔) มีข้อความตอนหนึ่งว่า
“๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ พลอากาศเอก ฟื้น รณนภากาศ-ฤทธาคนี (ต่อมาเป็นจอมพลอากาศ) ผู้บัญชาการ ทหารอากาศ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ ๒๓ มีข้อความตอนหนึ่งว่า
ต่อไปนี้เราขอพูดถึงเรือรบหลวงศรีอยุธยา ขอให้ยอมจานนโดยดี หากไม่ เราจะส่งท่านไปว่ายน้าเล่นอย่างอึ่งอ่าง ที่ถูกตีตกใจโจนน้าไปทีเดียว เราขอบอกว่า เราทาจริง ๆ”
คาเปรียบเปรยว่า ร.ล.ศรีอยุธยา เป็น “อึ่งอ่างลอยน้า” นี้เป็นคาที่ “โดนใจ” ทหารเรือน้อยใหญ่ โดยทั่วหน้ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเรียนนายเรือที่โรงเรียนนายเรือเกล็ดแก้ว ในขณะนั้น
นับว่ารัฐบาลใช้กาลังทางอากาศในการปราบกบฏเป็นครั้งแรก
นาวิกศาสตร์ 41 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
สะพานข้ามคลองมอญในอดีต เป็นสะพานไม้สูง เล็ก ๆ และแคบ
สะพานข้ามคลองมอญในปัจจุบัน จากราชนาวิกสภา (ขวา) ไปหอประชุมกองทัพเรือ (ซ้าย) (แต่เดิมเป็นสะพานไม้สูงเล็ก ๆ) มองจากกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ (แต่เดิมคือกองเรือรบ) ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
นาวิกศาสตร์ 42 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
สะพานธรรมสาร ถนนอรุณอมรินทร์ ในปัจจุบัน ลงสะพานข้ามคลองมอญ ซ้ายมือ คือวัดเครือวัลย์วรวิหาร
สะพานธรรมสาร ข้ามคลองมอญในปัจจุบัน
ซ้ายมือ คือวัดเครือวัลย์วรวิหาร ขวามือ คือกรมพลาธิการทหารเรือ
นาวิกศาสตร์ 43 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
จากการถูกปราบ ร.ล.คารณสินธุจมลงไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ ร.ล.ศรีอยุธยา๒ จมลงเรียบร้อยเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ พอทางโรงเรียนนายเรือที่เกล็ดแก้ว ทราบข่าวทางวิทยุว่า ร.ล.ศรีอยุธยาจม ก็ได้มีการลดธงราชนาวีที่โรงเรียนนายเรือลงครึ่งเสา เพื่อเป็นการไว้อาลัย หรือไว้ทุกข์ให้แก่ ร.ล.ศรีอยุธยา ผู้ที่ลดธงครึ่งเสานั้นคือ “พี่โหนก” นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๕ นับว่าพี่โหนกเป็นฮีโร (HERO) ของพวกน้อง ๆ ทั้งหลาย “พี่โหนกแน่มาก”
หมายเหตุ
หลังจากการปราบกบฏแมนฮัตตันเรียบร้อยแล้ววุฒิสมาชิก ๒๖ คน ร่วมกันเสนอญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป ในรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ กรณีกบฏจลาจล ๒๙ มิถุนายน ๒๔๙๔ เริ่มวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ เสร็จสิ้น วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๔ วุฒิสมาชิกโจมตีในเรื่องการทิ้งระเบิด ร.ล.ศรีอยุธยาว่า
“ไม่เป็นสิ่งสมควรกระทา เพราะเป็นการทาลายทรัพย์สมบัติของชาติ ทั้ง ๆ โอกาสที่จะยุติเหตุการณ์ โดยวธิ สี นั ตยิ งั มอี ยู่ นอกจากนยี้ งั อาจเปน็ อนั ตรายแกน่ ายกรฐั มนตรเี อง ทถี่ กู กกั ขงั อยใู่ นเรอื รบหลวงศรอี ยธุ ยาอกี ดว้ ย” “ขาดจอมพลแปลกไปเสยี อกี คนหนงึ่ กย็ อ่ มไมม่ ผี ลกระทบใด ๆ ตอ่ การปฏบิ ตั กิ ารของกองทพั ทงั้ ๒ คอื ทพั บก
และทัพอากาศ รวมทั้งตารวจ”
“ในดา้ นแถลงการณข์ องฝา่ ยรฐั บาล กถ็ กู ตา หนใิ นเรอื่ งของแหลง่ ของแถลงการณ์ ซงึ่ ควรจะมศี นู ยร์ วมอยทู่ รี่ ฐั บาล แหง่ เดยี ว แตแ่ ถลงการณค์ ราวนี้ ตา่ งคนตา่ งออก มที งั้ ของรฐั บาล ทงั้ ของกระทรวงกลาโหม กองทพั บก กองทพั อากาศ และตารวจ โดยเฉพาะของทหารอากาศนั้นใช้คาพูดที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เช่น จะบอมบ์ให้เรือศรีอยุธยาลอยเหมือน อึ่งอ่าง เป็นต้น”
“จากการที่วุฒิสมาชิกทั้ง ๒๖ คน ที่เสนอขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ ถูกฝ่ายรัฐบาลกล่าวหาว่าทาหน้าที่เป็น ฝ่ายค้านรัฐบาล ด้วยเหตุว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายปราบกบฏ เมื่อการกบฏเสร็จสิ้น วุฒิสภาขอเปิดอภิปรายรัฐบาล ก็เท่ากับเป็นฝ่ายค้านรัฐบาล และเป็นข้างเดียวกับฝ่ายกบฏ”
(จากวิทยานิพนธ์เรื่อง “กบฏแมนฮัตตัน” ของ สุดา กาเดอร์ เสนอในการศึกษาปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
สภาพของ ร.ล.ศรีอยุธยา ในกบฏแมนฮัตตัน ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔
เรอื หลวงศรอี ยธุ ยา จอดทอดสมออยกู่ ลางแมน่ า้ เจา้ พระยาตอนสามเสนกา ลงั จะปลดระวางประจา การ เตรยี มเขา้ อู่ เพื่อซ่อมที่กรมอู่ทหารเรือ ขณะที่รอการปลดระวางประจาการเพื่อเข้าอู่ซ่อมที่อยู่ในความควบคุมของนายทหารเรือ ๒ นาย คือ เรือโท สอนชัย ฯ และ เรือโท ชอบ ศิริวัฒน์ ในขณะที่เรือหลวงศรีอยุธยายังอยู่ในฐานะประจาการเป็นเรือ ใช้รบได้อยู่นั้น มี นาวาเอก อานนท์ ปุณฑริกาภา เป็นผู้บังคับการเรือ ซึ่งต่อมาได้ย้ายไปดารงตาแหน่งผู้บังคับการ กองสารองเรือรบ ในเมื่อเรือหลวงศรีอยุธยาอยู่ในสภาพใช้การไม่ได้แล้ว
เรือหลวงศรีอยุธยาเป็นเรือป่วย
๒ ร.ล.ศรีอยุธยา (โปรดดูคาอธิบายเชิงอรรถท้ายเรื่อง)
นาวิกศาสตร์ 44 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
เรือหลวงศรีอยุธยา
๑๔ ปี ของเรือปีนหนัก
นาวิกศาสตร์ 45 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
พระพุทธรูปประจาเรือหลวงศรีอยุธยา เหลืออยู่แค่นี้ โปรดอ่านต่อฉบับหน้า (ตอนจบ)
นาวิกศาสตร์ 46 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
๙ ปี ที่อยู่ใต้น้ํา เรือหลวงศรีอยุธยําในสภําพที่เป็นเศษเหล็ก
นาวิกศาสตร์ 8 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ผลของการปฏวิ ตั ิ ฝา่ ยปฏวิ ตั เิ ปน็ ฝา่ ยถกู ปราบอยา่ งรนุ แรง เลยกลายเปน็ ฝา่ ยกบฏ ทหารเรอื ทงั้ หลายเลยถกู เหมา ว่าเป็นพวกกบฏไปด้วยเวลานั้นนายพลเรือที่รับราชการอยู่ในกองทัพเรือมี๑๒คนในจานวนนี้ ไม่ถูกจับ๒คนคือ หม่อมเจ้ําครรชิตพล อําภํากร กับ หลวงจํารัสจักรําวุธ นอกนั้นถูกจับ ๑๐ คน เมื่อถูกปราบเรียบร้อยแล้ว ก็โดนยุบ โดนยึด โดนย้าย จนยับเยิน สารพัดจะโดน
ทางการเปิดให้เข้าทางานได้ตามปกติในวันที่ ๔ กรกฎาคม ราชนาวิกสภามีคนมาทางานกันเต็มที่ในวันที่ ๗ กรกฎาคม เพราะเจ้าพนักงานของราชนาวิกสภาไม่โดนจับเลย
ราชนาวกิ สภาไมใ่ ชห่ นว่ ยกา ลงั รบกโ็ ดนกบั เขําดว้ ยเหมอื นกนั คอื โดนคน้ ทกุ หอ้ ง คน้ แลว้ กโ็ ดนยดึ ขา้ วของทเี่ หลอื อยู่ ไม่โดนยึด คือ โต๊ะบิลเลียด ฟลอร์เต้นรา เอาไปไม่ได้เพราะมันหนักมาก แต่ละแผ่นต้องใช้อย่างน้อย ๔ คนยก และ ต้องใช้รถบรรทุกถึง ๔ คัน จึงจะหมด เรื่องฟลอร์เต้นรา คนที่เคยเต้นอยู่บนฟลอร์ไม่รู้หรอกว่ามันหนักแค่ไหน ผมเอง ทั้งเคยเต้นอยู่บนฟลอร์ ทั้งเคยเป็นคนยกขนฟลอร์ จึงรู้ดีว่ามันหนักเอาการมาก ๆ บิลที่นายทหารเซ็นชื่อไว้ก็ไม่หาย เพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปทาอะไร หนังสือในห้องสมุดหายบ้าง ที่หาย (โดนยึด) มากที่สุดก็คือ สมบัติในห้องภัณฑุปกรณ์ และเก้าอี้เหล็กพับ ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่ทันสมัยมากในเวลานั้น หายหมดเกลี้ยง คนที่ขนเอาไปต้องเดือดร้อนหน่อย เพราะ ต้องไปลบตราเครื่องหมายราชนาวิกสภาที่เก้าอี้ออก
หอ้ งภณั ฑปุ กรณข์ องราชนาวกิ สภา เปน็ หอ้ งขายของเชน่ หา้ งสรรพสนิ คา้ ยอ่ ย ๆ ทเี ดยี ว มสี นิ คา้ ทงั้ กระเปา๋ เดนิ ทาง นาฬกิ าขอ้ มอื นาฬกิ าตงั้ โตะ๊ วทิ ยุ ปากกาหมกึ ซมึ ดนิ สอ จกั รเยบ็ ผา้ อนิ ทรธนู อนุ าโลม (หนา้ หมวก) แปรงสฟี นั ยาสฟี นั สบู่ หนังสือ รวมแล้วราคาก็หลายหมื่นบาท (ราคาในยุคนั้น) สินค้าเหล่านี้ถูกกวาดเกลี้ยง
ภายในอาคารราชนาวิกสภา มีห้องอยู่ห้องหนึ่ง เมื่อผู้ยึดครองจากไปแล้ว เจ้าหน้าที่ของราชนาวิกสภาได้ไปพบ กระเปา๋ หนงั ใบใหญ่ ๕ ใบ เปน็ กระเปา๋ ทเี่ อามาฝากขาย มาซกุ หลบมมุ อยใู่ นหอ้ งนี้ พอเปดิ กระเปา๋ ดู ปรากฏวา่ พบ เสอื้ ผา้ วทิ ยุ สบู่ ฯลฯ ยดั ไวแ้ นน่ ทงั้ ๕ ใบ แสดงวา่ ขนขนึ้ รถไมท่ นั เพราะมนั หนกั มาก ถา้ มเี วลายดึ ครองนานตอ่ ไป กค็ งไมเ่ หลอื
เมื่อมีการสารวจความสูญเสียต่อไปแล้ว ราชนาวิกสภาก็หน้ามืด ข้าวของ ขวดโซดา ขวดน้าหวาน เขายังทวง ขวดเปล่าของเขาคืนอีก โซดา น้าหวานเหล่านี้ ราชนาวิกสภาขายให้แก่บรรดาเรือหลวงต่าง ๆ ที่จอดเรียงรายกันอยู่ ทั้งทอดสมอกลางแม่น้า ผูกทุ่นท่าเทียบเรือ เขื่อนทั้งสองฝั่งแม่น้าเจ้าพระยา ตั้งแต่หน้าวัดแจ้งไปจนถึงเทเวศร์ เป็นจานวนมากมายหลายลา เรือทั้งหลายเหล่านี้กาลังจะเลี้ยงส่งพวกทหารปลดในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ ขวดโซดา น้าหวาน เลยติดอยู่ตามเรือหลวง ไปตามคืนมาได้ไม่เท่าไร นอกนั้นสูญ ภัณฑุปกรณ์ราชนาวิกสภาเลยต้อง รับใช้หนี้ค่าขวดเปล่าอีกหลายหมื่นบาท
“ครูหวัด” ท่านได้เล่าถึงเรื่องของฝ่ายที่เข้ายึดครองบริเวณพระราชวังเดิมว่า เขามีเทคนิคในการ “งัดแงะ” ได้อย่างแนบเนียน
“วิธีงัดกุญแจของเขาเป็นเลิศ เขางัดมิให้ตราแตกเสียด้วย เขาทาอย่างไรท่านรู้ไหม? เขางัดออกมาหมดทั้งสายยู โดยมิให้ตราแตกเลยแม้แต่นิดเดียว พอขนของข้างในเสร็จแล้ว ก็ตีสายยูให้ประกบเข้าตามรูปเดิม เป็นอันว่าไม่มีรอย แกะรอยงัดเลยแม้แต่น้อย ใคร ๆ ก็ดูเห็นว่าลูกกุญแจ และประตูคงสภาพเดิม หารู้ไม่ว่าโจรผู้ดีท่านลอกคราบพวกเรา จนเหลอื แคเ่ ปลอื ก สงิ่ ของทที่ า โจรกรรมไดต้ กอยเู่ วงิ้ นาครเขษมบานตะเกยี ง เจก๊ รวยกนั ใหญ่ เพราะผเู้ อาไปจา นา หรอื ขายไม่รู้จักค่าของของ พันบาทขายได้ร้อยเดียวก็เอา”
(จาก “นิทานชาวไร่” ตอนที่ ๖๒ โดย นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี)
นาวิกศาสตร์ 9 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ควํามสัมพันธ์ระหว่ํางจอมพล กับ ครูคลองเตย
จอมพล คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
ครคู ลองเตย คอื พลเรอื เอก สนิ ธ์ุ กมลนาวนิ ครหู วดั เรยี กทา่ นวา่ ครคู ลองเตย เพราะบา้ น พลเรอื เอก สนิ ธฯ์ุ อยทู่ ี่
คลองเตย ครูหวัดเขียนไว้ว่า
“ความสัมพันธ์ระหว่าง จอมพล กับ ครูคลองเตย นั้นแต่เดิมมา ดูเหมือนจะแน่นแฟ้นยิ่งนัก ตัวข้าพเจ้าได้ไป นงั่ กนิ ขา้ ว ณ บา้ นเลก็ ๆ ในบรเิ วณวงั ปารสุ กวนั กบั หลวงพบิ ลู สงคราม และคณุ นายละเอยี ด ขตี ตะสงั คะ ใน พ.ศ. ๒๔๗๖ ก็เพราะติดตามครูคลองเตยเข้าไปนั่นเอง และเมื่อครูคลองเตยทาบุญวันเกิดใน ๒๓ มิถุนํายน พ.ศ. ๒๔๙๔ (ก่อนเกิด กบฏแมนฮตั ตนั เพยี ง ๖ วนั ) กม็ คี นบอกวา่ จอมพลไปบา้ นคลองเตยดว้ ยตนเอง ดงั นนั้ ขา้ พเจา้ จงึ นกึ เอาเองวา่ ทงั้ สองคนนี้ ฆ่ํากันไม่ได้ นี่เป็นทัศนะของข้าพเจ้าเองดังนี้”
อีก ๖ วันต่อมํา คือวันที่ ๒๙ มิถุนํายน พ.ศ. ๒๔๙๔
เกิดกบฏแมนฮัตตัน
อีก ๓ วันต่อมํา คือวันที่ ๒ กรกฎําคม พ.ศ. ๒๔๙๔
หลังจากการปราบทหารเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ มีมติคณะรัฐมนตรีให้ปลด พลเรือเอก สินธุ์ กมลนําวิน ผู้บัญชํากํารทหํารเรือ และนายพลเรือชั้นผู้ใหญ่รวม ๙ คน ออกจากประจาการ สั่งพัก ราชการ และออกจากประจา การโดยไมม่ เี บยี้ หวดั บา นาญ รวม ๑๐ คน และยงั มนี ายทหารเรอื ถกู ปลดทยอยตามกนั มาอกี ประมาณ ๗๐ คน ในจานวนนี้มี “ครูหวัด” นําวําเอก สวัสดิ์ จันทนี รวมอยู่ด้วย ๑ คน พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน ได้ถูกรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อนร่วมสาบานคณะราษฎรผู้ร่วมทาการเปลี่ยนแปลงการปกครองของ ประเทศไทย จากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ มาเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตยภายใตร้ ฐั ธรรมนญู เมอื่ วนั ที่ ๒๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ นาตัวไปคุมขังที่สโมสรตารวจ และที่เรือนจาลหุโทษ เป็นคนเดียวที่ถูกฟ้องศาลดาเนินคดีอาญา ถูกกล่าว หาว่าให้ความร่วมมือกับพวกกบฏ
หมํายเหตุ
พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน ต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจาลหุโทษขึ้นศาลอาญา ทหารเรือผู้ถูกควบคุมตัวฐาน มีส่วนพัวพันกับฝ่ายกบฏได้มีการสอบสวนใช้เวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ทางการตารวจจึงได้ส่งสานวน การสอบสวนให้อัยการย่ืนฟ้องต่อศาลด้วยข้อหากบฏภายในราชอาณาจักร จากจานวนผู้ต้องหาทั้งหมดประมาณ ๑,๐๐๐ คน ได้สั่งปล่อยเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ คงเหลือประมาณ ๑๐๐ คน
การพิจารณาคดีกบฏแมนฮัตตันครั้งนี้ได้ดาเนินมาจนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นปี ที่พระพุทธศาสนาได้เจริญมาครบ ๒๕ ศตวรรษ ทางรัฐบาลจึงได้ตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาสครบ ๒๕ พุทธศตวรรษ พ.ศ. ๒๔๙๙ ขึ้น
จาเลยในคดีกบฏแมนฮัตตันจึงพ้นข้อหาทั้งหมด (ยกเว้นเพียง ๒ นาย คือ นาวาเอก อานนท์ ปุณฑริกาภา และ เรือเอก อานวย วีระกลัส ผู้เข้ามอบตัวต่อศาลใน พ.ศ. ๒๕๐๑ และ พ.ศ. ๒๕๐๓ ตามลาดับ)
รัฐบาลได้จัดงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ซึ่งเริ่มงานตรงกับวันวิสาขบูชา วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ และ ในวันเดียวกันนี้เอง พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน จึงได้พ้นโทษ รวมเวลาต้องรับโทษอยู่เป็นเวลาเกือบ ๖ ปี
นาวิกศาสตร์ 10 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
คุณครู พลเรือโท ศรี ดาวราย อดีตเจ้ากรมอู่ทหารเรือ ได้เขียนเล่าถึง พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน ไว้ว่า
“หลงั จากทที่ า่ นไดพ้ น้ โทษแลว้ ผมไดไ้ ปเยยี่ มทา่ นทบี่ า้ น ทา่ นไดพ้ ดู เลน่ กบั ผมวา่ เออ! คณุ ศรไี ปอยเู่ มอื งนอกกปี่ ?ี
ผมตอบว่า “๕ ปี”
ท่านก็บอกว่า “ผมก็ได้ไปเมืองนอกมาอีกเกือบ ๖ ปี เหมือนกัน”
ก่อนกลับท่านกล่าวอย่างปลงตกว่า “อย่าไปคิดอะไรเลย นึกว่าเป็นกรรมของผมก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น ก็มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ แต่งตั้งให้ พลเรือโท
หลวงพลสินธวาณัติก์ (เปล่ง พลสินธ์ สมิตเมฆ) รองเสนาธิการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ และรักษา ราชการเสนาธิการทหารเรืออีกตาแหน่งหนึ่ง แล้วทหารเรือก็โดน ยุบโน่น ยุบนี่ ยึดโน่น ยึดนี่
จะขอเล่าถึงการ “ยุบ” ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง คือ มีผู้ปราบกบฏคนหนึ่งเสนอขอให้ปลดนายพลเรือทั้งหมด พลเรือโท หลวงพลสินธวาณัติก์ ท่านก็ค้าน เพราะถ้าจะปลดนายพลเรือทั้งหมด ท่านก็ต้องโดนด้วยน่ะซี และ อกี ประการหนงึ่ นายทหารเรอื กวา่ จะไดเ้ ปน็ นายพลมาคนหนงึ่ ๆ ไมใ่ ชเ่ วลาเลก็ นอ้ ย ตอ้ งมคี วามสามารถไดผ้ า่ นกจิ การ มามากจึงจะเลื่อนยศเป็นนายพล และนายพลเรือเหล่านี้ก็มิได้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติด้วย จึงเป็นอันว่าการปลดนาย พลเรือต้องระงับไป แต่เท่านี้ยังไม่พอ ท่านผู้เป็นประธานฯ ก็จะให้ปลดนายพลเรืออีกคนหนึ่ง โดยอ้างว่า “เป็นเจ้ํา” พลเรือโท หลวงพลสินธฯ ท่านก็ได้ทักท้วงว่าถึงท่าน “เป็นเจ้ํา” ท่านก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกบฏ จึง “รอด” ไปได้ อ กี ค น ถ า้ ผ ม จ า ไ ม ผ่ ดิ น า ย พ ล ท ห า ร เ ร อื ท เี ่ ป น็ เ จ า้ ใ น ต อ น น นั ้ ก ค็ อื พ ล เ ร อื ต ร ี ห ม อ่ ม เ จ ํา้ ค ร ร ช ติ พ ล อ ํา ภ ํา ก ร พ ร ะ โ อ ร ส ข อ ง พลเรอื เอก พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อาภากรเกยี รตวิ งศ์ กรมหลวงชมุ พรเขตอดุ มศกั ดิ์ องคบ์ ดิ าของทหารเรอื ไทย นั่นเอง (ต่อมาเป็นพลเรือเอก ผู้บัญชาการทหารเรือ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ถึงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๙ คือ วันที่สิ้นชีพิตักษัย)
หลังจากที่ พลเรือโท หลวงพลสินธฯ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้ไม่นาน ท่านได้เดินทางไปยังโรงเรียนนายเรือเกล็ดแก้ว สัตหีบ ตอนนั้น ผมเป็นนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ จาวันที่ไม่ได้ว่าเป็น วันที่เท่าใด นายทหาร และนักเรียนนายเรือทั้งหมดถูกเรียกเข้าห้องประชุม เพื่อฟังคาชี้แจงจากผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ ท่านได้กล่าวรับรอง และยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของกองทัพเรือ และถูกยึดครองไป ท่านจะเรียกร้อง เอาคืนมาให้หมด
นอกจากนี้ พลเรอื โท หลวงพลสนิ ธฯ ทา่ นยงั ไดเ้ รยี กประชมุ นายทหารเรอื ทหี่ อ้ งประชมุ รําชนําวกิ สภํา ทา่ นกลา่ ววา่ ของเก่าที่สูญเสียไป ก็อย่าไปนึกถึงมัน ท่านจะพยายามหาให้ใหม่ ขอให้นายทหารเรือช่วยกันตั้งหน้ารับราชการ โดยเต็มสติกาลังต่อไป
พลเรือโท หลวงพลสินธวาณัติก์ ท่านเป็นคนพูดจริง ทาจริง เมื่อเป็นผู้บัญชาการทหารเรือแล้ว ท่านได้พยายาม ทวงกองสญั ญาณทสี่ วนลมุ พนิ ี กองบนิ ทหารเรอื ทสี่ ตั หบี สวนอนนั ต์ (วงั นนั ทอทุ ยาน) ซงึ่ เปน็ ทตี่ ง้ั ของกองพนั นาวกิ โยธนิ (นย.๔) ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองสารวัตรทหารเรือคืน แต่ทั้งหมดก็ถูกขัดขวางไม่ยอมคืนให้
เรอื่ งสา คญั ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ พลเรอื โท หลวงพลสนิ ธฯ ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื คนใหม่ จนถงึ กบั ทา ใหท้ า่ นตอ้ งลาออก จากตา แหนง่ ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื คอื การขดั แยง้ กบั รฐั บาลในปญั หาตา แหนง่ เสนาธกิ ารทหารเรอื ทางรฐั บาลจะแตง่ ตงั้ ให้นายพลทหารเรือจากกรมการขนส่ง กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นผู้ที่ผู้บัญชาการทหารเรือไม่ได้เสนอขอไป เ ป น็ เ ส น า ธ กิ า ร ท ห า ร เ ร อื ท า่ น ไ ม เ่ ห น็ ด ว้ ย ท า่ น เ ห น็ ว า่ เ ส น า ธ กิ า ร ท ห า ร เ ร อื น นั ้ ค ว ร เ ป น็ บ คุ ค ล ท ผี ่ บ้ ู ญั ช า ก า ร ท ห า ร เ ร อื เ ส น อ ไ ป เพราะผู้บัญชาการทหารเรือ กับเสนาธิการทหารเรือ ต้องทางานประสานกันอย่างใกล้ชิด เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (เปรียบเสมือน “คอหอย” กับ “ลูกกระเดือก” ตอนนี้ผมว่าเอง) แต่ทางรัฐบาลก็ยังคงยืนยันเอาคนของรัฐบาลเช่นเดิม
นาวิกศาสตร์ 11 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
พลเรือเอก สินธุ์ กมลนําวิน พลเรือเอก หลวงพลสินธวําณัติก์
พลเรือตรี แชน ปัจจุสํานนท์ นําวําเอก สวัสด์ิ จันทนี
นาวิกศาสตร์ 12 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ผลสุดท้ายด้วยความมีศักดิ์ศรี พลเรือโท หลวงพลสินธวาณัติก์ จึงขอลาออกจากตาแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ยา้ ยไปประจา กระทรวงกลาโหม เปน็ ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื ตงั้ แตว่ นั ที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ถงึ วนั ที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๙๔ รวมเวลา ๕ เดือนเท่านั้น
“เข้ํารับตําแหน่งยังไม่ทันเก้ําอี้จะอุ่น”
คุณครู พลเรือตรี แชน ปัจจุสํานนท์ กล่าวไว้ว่า “เสนําธิกํารประดุจแขนขวําของผู้เป็นแม่ทัพ” (แล้วเอําแขน
ซ้ํายมําให้ได้ไง - กรีฑา)
ผทู้ ดี่ า รงตา แหนง่ ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื คนตอ่ มา คอื พลเรอื โท หลวงยทุ ธศาสตรโ์ กศล (ประยรู ยทุ ธศาสตรโ์ กศล) “ซงึ่ เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กบั จอมพลแปลก พบิ ลู สงคราม อยมู่ าก ในคราวใดที่ จอมพลแปลก พบิ ลู สงคราม
มีอานาจขึ้น พลเรือโท หลวงยุทธศาสตร์โกศล ก็จะได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในคณะรัฐบาลด้วย” (จากวิทยานิพนธ์ เรื่อง “กบฏแมนฮัตตัน” ของสุดา กาเดอร์)
จะเหน็ ไดว้ า่ ระบบ “ยดั เยยี ด” ซงึ่ ปจั จบุ นั เรยี กกนั เปน็ “ภําษําดอกไม”้ วา่ “ระบบอปุ ถมั ภ”์ นนั้ มมี าตงั้ แตส่ มยั
โนน้แลว้ยดัเยยีดคนโน้นไปลงตาแหนง่นี้คนนไี้ปลงตาแหนง่โน้นสดุแท้แต่จะอุปถมัภค์นไหน“ก.ว.ก.ป.”(กว็า่กันไป) คุณครูหลวงพลสินธฯ ท่านเป็นทหารเรือที่ “รักศักดิ์ศรี” ดังเพลงทหารเรือ “เนวีบลู” ที่มีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า “เรํารักศักดิ์ศรี เหนือยิ่งสิ่งใด” ท่านจึงสละตาแหน่ง “ผู้บัญชํากํารทหํารเรือ” ทั้ง ๆ ที่ท่านสามารถดารงตาแหน่งนี้ อยู่ได้อีกนานหลายปี นับได้ว่าท่านเป็น “บุคคลตัวอย่ํางที่หําได้ยํากยิ่ง”
นอกจากความเสียหายต่อ “ทหํารเรือ” ทั้งหลาย อันเนื่องมาจาก “กบฏแมนฮัตตัน” ที่เป็นฝีมือของ “ทหํารเรือ กลมุ่ นอ้ ย” หรอื “คณะกชู้ ําต”ิ กค็ อื “ทหํารเรอื ถกู เหมําวํา่ เปน็ กบฏไปทวั่ หนํา้ โดยเรยี บรอ้ ย” เพลงรอ้ งของทหารเรอื เพลงหนงึ่ ถกู “แปลง” โดยฝา่ ยปราบกบฏ เพอื่ ใหเ้ ขา้ กบั บรรยากาศของกบฏแมนฮตั ตนั “โกบ๋ ํางลํา ภ”ู รอ้ งกนั ลนั่ ถนนวา่ “ตะ-ฮ้ําน-เรือ-เชื้อ-ไทย-ใจ-กํา-บด ท้อ-ระ-ยด-ตอ-ชําด-สําด-สะ-หนํา” (ทหารเรือเชื้อไทยใจกบฏ ทรยศต่อชาติ ศาสนา) ซงึ่ แปลงมาจากเพลง “หนํา้ ทที่ หํารเรอื ” ทมี่ เี นอื้ รอ้ งของจรงิ วา่ “ทหารเรอื เชอื้ ไทยใจองอาจ ยอมพลกี ายหมายมาด ปอ้ งชาตไิ ทย” ทเี่ ศรา้ ใจไปยงิ่ กวา่ นนั้ กค็ อื เพลงพระนพิ นธ์ “ฮะเบสสมอ” ของ กรมหลวงชมุ พรฯ กโ็ ดนแปลงเนอื้ เพลง กับเขาด้วยเหมือนกัน คือในเนื้อร้องตอน “วันไหนวันดี บํานคลี่พร้อมอยู่ วันไหนร่วงโรย ดอกโปรยตกพรู” ผู้ปราบกบฏก็แปลงเนื้อร้องเป็น“วันไหน วันดีแตแต๊แต่แต่แตแตวันไหนวันซวยแต่แตแตแตแต่แต่แต” เนอื้ รอ้ งตอนนเี้ ปน็ ตายอยา่ งไรผมไมย่ อมเขยี นลงไปเดด็ ขาด ใครอยากรไู้ ปหาผมทบี่ า้ น แลว้ จะรอ้ งใหฟ้ งั วา่ เปน็ อยา่ งไร ไอ้ที่น่าสังเวชสลดหดหู่ใจไปยิ่งกว่านี้ คือ มีนายทหาร (ที่มิใช่ทหารเรือ) บางคนยังร้องเพลง “ฮะเบสสมอแปลง” อย่างสนุกปากโดยมิได้คิดเลยว่า ทหารเรือได้ฟังแล้วจะสะเทือนใจอย่างไร และเป็นการสมควรหรือไม่
ทหารเรือถูกปราบคราวนั้น ธีระชัย ธนาเศรษฐ เขียนไว้ในหนังสือ “เปิดวัง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ไว้ว่า กองทัพเรือถูกปรับปรุงอย่างขนานใหญ่ ปืนเรือไม่มีลูกเลื่อนและกระสุน เรือรบไม่มีน้ามัน ทหารเรือไม่มีเครื่องแบบ ที่สาคัญ คือ ไม่มีวินัย”
ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า “ญี่ปุ่นแพ้สงครามในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ยังฟื้นตัวเร็วกว่ํา ทหารเรือถูกปราบตอน กบฏแมนฮัตตัน”
อีกคนหนึ่งบอกว่า “การจมของเรือหลวงศรีอยุธยา นั้น เหมือนกรุงศรีอยุธยําแตก เพรําะพม่ําเข้ําต”ี
สุภาษิตญี่ปุ่นกล่าวไว้ว่า “ไฮงุ้น โนะ โชเฮอิ โวะ งําตํารําสึ” “ผู้ปรําชัยไม่อําจพูดอะไรได้เลย”
(จาก นิตยสารนาวิกศาสตร์ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เรื่อง “เกียรติศักดิ์นักรบ” ตอน “สู้จนสุดลมหายใจ” ตอนที่ ๑ โดย นาวาโท สว่าง เจริญผล)
นาวิกศาสตร์ 13 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ครูหวัด เล่าถึงเรื่องของคนอื่นมามากแล้ว
ทีนี้ผมขอเล่าถึงเรื่องของ “ครูหวัด” ตอนกบฏแมนฮัตตันบ้างว่า
ตอนนั้น “ครูหวัด” นําวําเอก สวัสดิ์ จันทนี เป็นหัวหน้ากองประวัติศาสตร์ทหารเรือ และเป็น “บรรณําธิกําร
หนังสือนําวิกศําสตร์” ด้วย
วนั ที่ ๒๙ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๙๔ เวลา ๑๗๐๐ ครหู วดั นงั่ ตรวจ “นําวกิ ศําสตร”์ อยดู่ ี ๆ ทที่ า งานกองประวตั ศิ าสตร์
ในพระราชวังเดิม เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่านั้น
กลางคืนวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้ยินวิทยุประกาศสั่งให้พักราชการ นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี ถูกไต่สวน
ฐานเป็นผู้ต้องหาคนหนึ่ง ครูหวัดจึงต้องถูกพักราชการในระหว่างดาเนินคดี ตั้งแต่วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ แล้วครูหวัดก็เริ่มไว้หนวดตั้งแต่นั้นมา
วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ เวลา ๑๐๐๐ ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังสันติบาล ๑๑ วัน
วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สนามกีฬาแห่งชาติ
“ครูหวัดก็โดนกับเขําด้วยเหมือนกัน”
ถูกปล่อยตัวออกมาในวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๔ เพราะอัยการไม่ฟ้อง หนวดยังไม่ยอมโกน ครูหวัดบอกว่า
หนวดอนุสรณ์ของวันที่ ๒๙ มิถุนายน ยังโกนไม่ได้
ระหว่างถูกสั่งพักราชการ ครูหวัดไม่ได้รับเงินใด ๆ จากรัฐบาลเลย ต้องกินเงินเดือนลูกทุกเดือน เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๖ มีคาสั่งกระทรวงกลาโหม สั่งปลด ครูหวัดออกจากราชการนับเป็นเวลา ๒๐ เดือน
ที่พักราชการอยู่ รัฐบาลต้องจ่ายเงินเดือนตกเบิกให้ครูหวัด หกหมื่นบาทเศษ
ครูหวัด เล่าถึงการถูกปลดออกจากราชการว่า
“กลาโหมเขาลงคาสั่งปลดดีจริงนะ หนอย! ลงคาสั่งว่า ไม่มีตําแหน่งอันเหมําะสมจะบรรจุเข้ํารับรําชกําร”
คณุ ครู พลเรอื เอก สนิ ธ์ุ กมลนาวนิ เขยี นคา ไวอ้ าลยั “ครหู วดั ” วา่ “หลงั จากคดแี มนฮตั ตนั แลว้ นายทหารหลายนาย
ที่ถูกพักราชการได้กลับเข้ารับราชการตามเดิม แต่คุณสวัสดิ์ เป็นคนหนึ่งในจานวนอีกหลายนายไม่ได้กลับ ทั้งนี้เพราะ คุณสวัสดิ์ไม่ได้ให้กํารซัดทอดเป็นที่พอใจของตํารวจ”
คุณครู พลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์ เขียนไว้ว่า
“เรารบั ราชการดว้ ยกนั ทกี่ รมเสนาธกิ ารทหารเรอื หลายปี จนถงึ วาระสดุ ทา้ ยแหง่ ชวี ติ ในราชการ ขา้ พเจา้ มตี า แหนง่
เป็นรองเสนาธิการทหารเรือ สวัสดิ์ มีตาแหน่งเป็นหัวหน้ากองประวัติศาสตร์ทหารเรือ ซึ่งมีที่ทางานร่วมอยู่ในตึกหลัง เดียวกัน ผลแห่งการรับราชการของเราก็ได้มาลงเอยในแบบเดียวกัน คือ ถูกออกจากราชการพร้อม ๆ กัน เมื่อครั้งเกิด กรณแี มนฮตั ตนั เมอื่ พ.ศ. ๒๔๙๔ การเมอื งเลน่ เราเขา้ แลว้ โดยไมร่ เู้ นอื้ รตู้ วั มนั เปน็ คราวเคราะหข์ องเราจะทา อยา่ งไรได้ สวสั ดิ์ ถกู เลน่ งานอยา่ งเบาะ ๆ คอื ถกู กกั ขงั แตไ่ มถ่ กู ฟอ้ งตอ่ ศาลในขอ้ หากบฏ สา หรบั ขา้ พเจา้ นนั้ มอี าวโุ สมากไปหนอ่ ย และหวั มนั แขง็ ไมย่ อมออ่ นนอ้ ม หรอื ประจบผมู้ อี ํา นําจทปี่ รําศจํากศกั ดศิ์ รี จงึ ตอ้ งถกู ฟอ้ งศาลในขอ้ หากบฏ เลยตอ้ งไป อยู่ในเรือนจาลหุโทษประมาณ ๗ เดือน อย่าง ฟรี ๆ”
คุณครู พลเรือตรี สมุทร์ สหนาวิน (พลเรือเอก) เขียนไว้ว่า
“พวกเราบางคน แมจ้ ะถกู ทบุ หลงั และถกู ดํา่ แตก่ ไ็ มเ่ คยถอื เพราะเหน็ วา่ ทา่ นเจตนาดี นอกจากนนั้ บางครงั้ มเี รอื่ ง
การกระทาผิดเกิดขึ้น ท่ํานก็ไม่เคยที่จะซัดทอดไปยังผู้ใหญ่ หรือผู้น้อย เพื่อปัดควํามรับผิดชอบเลย จะเห็นได้จําก กรณีแมนฮัตตัน เป็นต้น”
นาวิกศาสตร์ 14 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ผลกระทบจากกบฏแมนฮตั ตนั ทมี่ ตี อ่ ราชนาวกิ สภาทสี่ า คญั อกี อยา่ งหนงึ่ คอื นติ ยสาร“นําวกิ ศําสตร”์ ตอ้ งหยดุ พมิ พ์ เว้นไปไม่ได้พิมพ์นานถึง ๕ เดือน ๕ ฉบับ คือ เดือนสิงหาคม กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ครูหวัด เป็นบรรณาธิการนาวิกศาสตร์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๔๙๒ ถึงเดือนธันวาคม ๒๔๙๔ (อยู่ในระหว่างเกิด กบฏแมนฮัตตัน ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔) ต่อมา คุณครู นาวาเอก ยงยุทธ อาชวาคม เป็นบรรณาธิการนาวิกศาสตร์
ต่อจาก ครูหวัด ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๔๙๕
หลังจากนาวิกศาสตร์ต้องว่างเว้นไปเป็นเวลา ๕ เดือน ได้กลับมาพิมพ์ต่อในฉบับเดือนมกราคม ๒๔๙๕ นาวาเอก ยงยุทธ อาชวาคม บรรณาธิการนาวิกศาสตร์ ได้เขียนไว้ใน “บรรณาธิการแถลง” ว่า
“๑) เหตุกํารณ์เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนํายน พ.ศ. ๒๔๙๔ บังคับให้รําชนําวิกสภํา ต้องระงับกํารออก นําวิกศําสตร์
ไวช้ วั่ ครําว จนกระทงั่ ไดม้ กี ารแตง่ ตงั้ เจา้ หนา้ ทตี่ า่ ง ๆ ใหมเ่ ปน็ ทเี่ รยี บรอ้ ยแลว้ นาวกิ ศาสตรเ์ ลม่ แรกประจา เดอื นมกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕ จึงได้ออกมาสู่มือท่านสมาชิกอีกวาระหนึ่ง ดังที่ท่านได้เห็นอยู่ ณ บัดนี้แล้ว ราชนาวิกสภาจาต้องขออภัย ในการที่หนังสือเล่ม ๑ ไม่สามารถออกมาในต้นเดือนมกราคมได้ อย่างไรก็ตามจะพยายามให้หนังสือเล่มต่อ ๆ ไป ของเดือนนั้น ๆ ออกในต้นเดือนให้จงได้”
ปกนําวิกศําสตร์เดือนมิถุนํายน ๒๔๙๕ เป็นรูป “เรือหลวงศรีอยุธยํา” ละครฉํากสุดท้ํายของเรื่อง “กบฏแมนฮัตตัน”
อํานนท์ ปุณฑริกําภํา เขียนไว้ว่า
“ผบู้ นั ทกึ เรอื่ งนยี้ งั จา บทความทวี่ ารสารตา่ งประเทศฉบบั หนงึ่ ชอื่ วา่ The World’s Time ลงบทประพนั ธเ์ กยี่ วกบั
ประเทศไทยของเราในยุคนั้นความว่า
“...Thailand (SIAM) has her own Generals. Most of them are businessmen rather than Soldiers. Corruption is playing fife, overtly not covertly...”
พวกเราตา่ งสะบดั หนา้ เบอื นออกจากขอ้ ความอนั ไมเ่ ปน็ กศุ ลตอ่ ประเทศชาติ บางคนกถ็ อนใจใหญแ่ ลว้ แตอ่ ารมณ์ ของแตล่ ะคน บทประพนั ธท์ ตี่ พี มิ พป์ รากฏเปน็ ตวั อกั ษรใหพ้ วกเราเหน็ จะเทจ็ จรงิ อยา่ งไรนนั้ ตา่ งกท็ ราบกนั อยเู่ ตม็ อกวา่ บริหารกันแบบนี้ก็เห็นจะต้องถึงอวสาน โดยไม่มีหนทางที่จะเลือกให้เป็นไปอย่างอื่นได้”
“และแลว้ ในผลสดุ ทา้ ย.....รฐั บําลของทํา่ นจอมพลแปลก กถ็ กู จอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั ต์ ควํา่ ลงจนได้๓ ในชวั่ เวลา ศตวรรษที่ยี่สิบห้าแห่งพระพุทธศาสนาผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่เดือน ซึ่งทั้งตัวท่านจอมพลแปลก และนายพลตารวจเอก เผ่า ต่างต้องระเห็จออกไปใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศไทย พร้อมทั้งต้องประสบอวสานแห่งชีวิตในเวลาอันใกล้กัน ทั้งคู่ที่นั่น”
(จากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี ชลิต กุลกาม์ธร วันเสาร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เรื่อง “กรณีย์แมนฮัตตัน” ของ อานนท์ ปุณฑริกาภา)
๓รัฐบําลของท่ํานจอมพลแปลก ก็ถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คว่ําลงจนได้ พลเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทารัฐประหาร ยึดครองอานาจรัฐบาลจอมพล ป. เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๐ หลังจากงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ (“เพลิงภูผํา” พาดหัวเรื่องว่า “ถูกเสือสฤษดิ์ สลัดลงจํากหลัง” ในหนังสือ “ป.พิบูลสงครําม จอมพลหนังเหนียว”)
นาวิกศาสตร์ 15 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ปกนําวิกศําสตร์เดือน มิถุนํายน ๒๔๙๔ รูป “ร.ล.ศรีอยุธยํา” ครูหวัดเป็นบรรณําธิกําร
นาวิกศาสตร์ 16 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ครูหวัด เขียนไว้ว่า
“ละครแหง่ โลกชดุ กบฏแมนฮตั ตนั กแ็ สดงกนั มาหลายปดี ดี กั แลว้ จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม ถกู ชะตากรรมบงการให้
ไปพกั อยปู่ ระเทศญปี่ นุ่ คณุ เผา่ ศรยี านนท์ กถ็ กู พรหมลขิ ติ บอกใหไ้ ปตายทปี่ ระเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ คณุ ฟน้ื รณนภากาศ ฤทธาคนี แม้จะไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ก็ต้องโทรศัพท์ กริ๋ง กริ๋ง กับกองทัพอากาศไม่ได้หยุด ลาภและยศที่เคยนึกว่าจะกก กอดไว้แน่น ก็หลุดลอยไปเหมือนปุยนุ่น ปลิวตามลม”
(จากหนังสือ “อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ เรื่อง “แมนฮัตตัน” ตอนที่ ๗๓)
คุณสุดํา กําเดอร์ ได้เขียนไว้ในตอนจบของวิทยานิพนธ์เรื่อง “กบฏแมนฮัตตัน” ว่า
“จากเหตุต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วทาให้เห็นได้ว่า ความเอาใจใส่ของรัฐบาลต่อการพัฒนาการของกาลังต่าง ๆ
เป็นความจาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าท่านผู้นาเองเป็นผู้ที่มาจากทัพหนึ่งทัพใดด้วยแล้ว ก็ต้องยิ่งระมัดระวังให้มาก เพราะความไม่เข้าใจกัน อาจนาผลร้ายมาสู่รัฐบาลได้ ดังตัวอย่างของกบฏแมนฮัตตัน ถ้าหากกองทัพเรือได้รับ ความเอาใจใส่อย่างเพียงพอจากรัฐบาล โดยการพัฒนาให้เทียมหน้าเทียมตากับกองทัพบก และกองทัพอากาศ ในขณะนั้นแล้วกํารกบฏครั้งนี้น่ําจะไม่เกิดขึ้นเลย”
เมื่อได้เล่าถึงราชนาวิกสภา “โดน” อย่างไรแล้ว ก็จะขอเล่าถึงหน่วยเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ราชนาวิกสภาก็ “โดนหนัก” ด้วย คือ “กองเรือรบ” (ปัจจุบัน คือ ที่ตั้งกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ)
กองเรอื รบ สมยั กอ่ นนนั้ “เฮยี้ น” มาก มเี รอื่ งเลา่ วา่ นายทหารเรอื คนหนงึ่ นงั่ รถสามลอ้ (สามลอ้ ถบี ) มาลงทหี่ นา้ กองเรอื รบ ปรากฏวา่ ลมื เอากระเปา๋ สตางคม์ า ไมม่ เี งนิ จา่ ยคา่ สามลอ้ จงึ บอกใหส้ ามลอ้ รอสกั ประเดยี๋ วจะไปหาเงนิ มาจา่ ยให้ พอกลับออกมาอีกทีเพื่อจะจ่ายเงิน ปรากฏว่าสามล้อหายไปแล้ว เพราะไม่กล้าอยู่รับเงินทั้ง ๆ ที่ทหารกองเรือรบ ก็ไม่เคยไปร้ายกาจกับชาวบ้านเลย
นาวิกศาสตร์ 17 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
กองเรือรบ เป็นหน่วยสาคัญในเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตันครั้งนั้น ว่ากันว่ามีการปฏิวัติรัฐประหารการกบฏทีไร “กองเรือรบ”มักจะถูกกล่าวหาว่าเป็น“พระเอก”(ผู้ร้าย)หรือเป็น“ต้นเหต”ุ หรือเป็น“ตัวกําร”ทุกที
กบฏแมนฮัตตันคราวนี้ นอกจากกองเรือรบจะถูกรื้อ ถูกค้น ถูกยึดแล้ว ปรากฏว่า พระรูป พลเรือเอก พระเจ้า บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อาภากรเกยี รตวิ งศ์ กรมหลวงชมุ พรเขตอดุ มศกั ดิ์ “เสดจ็ เตยี่ ” ของทหารเรอื ไทยทกี่ องเรอื รบ ก็ยัง “โดน” กับเขาด้วยเหมือนกัน ครูหวัด เล่ําว่ํา ๔
“มีรอยโดนดําบปลํายปืน แทงทะลุตรงแสกพระพักตร์ เลยครับ”
วันท่ี ๒๙ มิถุนํายน พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็น วันเจ็บแล้วต้องจํา
คําอธิบํายเชิงอรรถ
๑. องค์กํารช่วยเหลือทํางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกํา คือ
องค์กําร E.C.A. (Economic Cooperation Administration)
ตงั้ ขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๑ เปน็ องคก์ ารทขี่ นึ้ ตอ่ รฐั บาลสหรฐั อเมรกิ าในขนั้ แรกกเ็ พอื่ ชว่ ยเหลอื ประเทศตา่ ง ๆ ในตะวนั ตก
ให้พ้นจากความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากผลของสงคราม และในเดือนกันยายน ๒๔๙๓ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และ รัฐบาลไทยได้ตกลงทาสัญญากันให้ประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากองค์การนี้
๒. ร.ล.ศรีอยุธยํา “เดิมจะให้ช่ือว่า “อยุธยํา” ชาวกรุงเก่าเอะอะกันขึ้นว่า เมืองของเขาชื่อ “ศรีอยุธยํา” กองทัพเรือ จะตัดคาว่า“ศร”ี ของเขาทิ้งเขาไม่ยอมดังนั้นเรือปืนของเราจึงชื่อว่าเรือ“ศรีอยุธยา”ด้วยประการฉะนี้”
(จากหนังสือ “อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นาวาเอก สวัสด์ิ จันทนี วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๒)
เอกสํารประกอบกํารเขียน
๑. หนังสือ “อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี” ๑๑ มีนาคม ๒๕๑๒ ตอน “แมนฮัตตัน” และตอน “ข้าพเจ้าต้องน่ังบิดหนวด” โดย นาวาเอก สวัสด์ิ จันทนี
๒. หนังสือ “อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือเอก หลวงพลสินธวาณัติก์ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๑๙ ตอน “กบฏแมนฮัตตัน” โดย พลเรือเอก หลวงพลสินธวาณัติก์
๓. นิตยสารนาวิกศาสตร์ ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๑๙ เร่ือง “ปูชนียบุคคลของผม” โดย ผมเอง
๔. หนังสือ ประวัติเรือรบไทย ของ กรมยุทธการทหารเรือ สิงหาคม ๒๕๒๐
๕. วิทยานิพนธ์ เรื่อง “กบฏแมนฮัตตัน” ของสุดา กาเดอร์ เสนอในการศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
๔ จากนิทานชาวไร่ ตอนที่ ๗๔ โดย น.อ.สวัสด์ิ จันทนี “แสกพระพักตร์” คือ “แสกหน้ํา”
นาวิกศาสตร์ 18 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
จากสถานการณ์ภัยการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ท่ีแผ่ขยายเข้ามาในภูมิภาคอินโดจีน ได้พยายามรุกราน ประเทศไทย โดยการแทรกซึมเข้ามาในพ้ืนท่ีต่าง ๆ ตามแนวชายแดนประเทศไทยรฐั บาลไทยจงึ ไดม้ อบหมาย ให้สถาบันวิจัย Stanford ของประเทศสหรัฐอเมริกา รว่ มกบั ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการทหารของกองบญั ชาการ ทหารสูงสุด (บก.ทหารสูงสุด) ทาการศึกษาวิจัยเพื่อ ทดสอบระบบเฝ้าตรวจ และควบคุมชายแดนตาม ลาแม่น้าโขง การวิจัยได้เสร็จสิ้น เม่ือวันท่ี ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ ผลการวิจัยได้ข้อสรุปว่า จะต้องมีหน่วย เฉพาะกิจปฏิบัติการป้องกันการแทรกซึมตาม ลาแม่น้าโขง
จงึ จดั ตง้ั หนว่ ยสา รวจแมน่ า้ โขงของสถาบนั Stanford เป็นหน่วยเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรียกว่า “หน่วยเฝ้าตรวจชายแดน” (นตช.) อยู่ภายใต้ การควบคมุ ของกองอา นวยการปอ้ งกนั การกระทา อนั เปน็ คอมมิวนิสต์ (กอ.ปค.) เขตนครพนม
ตอ่ มาในพ.ศ.๒๕๑๒ปรากฏวา่ มกี ารแทรกซมึ ของ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ตามแนวลาแม่น้าโขง มากขึ้น ทั้งการลักลอบส่งอาวุธ ยุทโธปกรณ์ เข้ามา ในประเทศไทย และลักลอบส่งคนออกไปอบรมยัง นอกประเทศแล้วกลับเข้ามาในประเทศไทย จึงได้ มีการพิจารณาความเหมาะสมของหน่วยที่จะปฏิบัติ ภารกิจตามลาแม่น้าโขง (กองเรือลาน้า; “กระดูกงู” กันยายน ๒๕๖๔)
ต่อจาก นปข. เป็น นปส. (สาละวิน)
นาวิกศาสตร์ 47 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ทวี่ า่ “จงึ ไดม้ กี ารพจิ ารณาความเหมาะสมของหนว่ ย ทจี่ ะปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตามลา แมน่ า้ โขง”นนั้ กค็ อื มกี ารประชมุ ทกี่ องบญั ชาการทหารสงู สดุ สนามเสอื ปา่ ซงึ่ ผรู้ ว่ มประชมุ มาจาก บก.ทหารสงู สดุ และจากเหลา่ ทพั โดย เสนาธกิ ารทหาร เปน็ ประธานในทป่ี ระชมุ จากกองทพั เรอื มตี งั้ แต่ผบู้ ญั ชาการ ทหารเรอื เสนาธกิ ารทหารเรอื ผบู้ ญั ชาการกองเรอื ยทุ ธการ จนถงึ ฝา่ ยอา นวยการสายตา่ ง ๆ ผเู้ ขยี นซงึ่ จบการศกึ ษา จากโรงเรยี นเสนาธกิ ารทหารเรอื มาหมาดๆแลว้ ถกู บรรจเุปน็ “นายธง” ท่ีกองบัญชาการ กองเรือยุทธการ (บก.กร.) พระนิเวศน์ ธนบุรี ก็ติดตามผู้บังคับบัญชานั่งพิงฝาห้อง ประชุมในฐานะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งด้วย ขณะยศนาวาตรี
การประชุมเร่ิมต้นด้วยการกล่าวถึงสถานการณ์ ภัยคุกคามข้ามแม่น้าโขงสู่ฝั่งไทย และข้อเสนอแนะจาก สถาบนั วจิ ยั สแตนฟอรด์ ของสหรฐั อเมรกิ ารว่ มกบั ศนู ยว์ จิ ยั และพัฒนาการทหารของไทย เห็นควรจัดต้ังหน่วย “ปฏิบัติการป้องกันการแทรกซึมตามลาแม่น้าโขง” แล้วจะจัดต้ังหน่วยกันอย่างไร
การถกแถลงในที่ประชุมก็ว่า “จะใช้เรือเป็น หลกั ในการปฏบิ ตั กิ าร โดยมกี า ลงั ทางอากาศ และทางบก สนบั สนนุ ตามความจา เปน็ ” และวา่ “นเี่ ปน็ การปฏบิ ตั กิ าร ในลา นา้ Riverine Operations ดงั ทท่ี หารสหรฐั อเมรกิ า กาลังกระทาการอยู่ในเวียดนาม” ทางทหารบกว่า “ไม่คุ้นเคยเรื่องเรือเรื่องแพ ทหารเรือควรทางานนี้” ทหารเรือว่า “คุ้นเคยกับเรือก็จริง แต่ใช้เรือในทะเลและ ชายฝง่ั มานมนาน กบั แมน่ า้ ลา คลองไมค่ นุ้ เคย โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง แม่น้าโขงห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนของ ทหารเรือมาก ยากต่อการส่งกาลังบารุงจากบ้านเกิด ไปยังถิ่นแม่น้าโขง” ต่างคนต่างปฏิเสธงาน
เสนาธิการทหารผู้เป็นนายพลทหารอากาศ ท่ีผู้คนรู้จักท่านกันดีก็เพราะท่านเป็นนายทหาร “รูปหล่อ” สมัยหนุ่มเคยเป็นพระเอกในภาพยนตร์ เป็นนักกีฬาระดับชาติประเภทเรือใบ กว้างขวาง ในวงสังคมชั้นสูง และเปรื่องปราดการทหาร เมื่อได้ฟัง การถกแถลงในการท่ีจะจัดตั้งหน่วยงานที่แม่น้าโขง มาอย่างยืดยาวแล้วก็ยุติว่า “ทร.อย่าเลือกเวทีชก”
นาวิกศาสตร์ 48 ปีที่ ๑๐๕ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ทั้งนี้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าท่านเคยเป็น “นักมวย เหรียญทอง” สมัยโรงเรียนสามัญ จึงใช้สานวน “นักมวย” สรุปเรื่องการประชุมว่าใคร หน่วยงานใด จะไปทางานที่แม่น้าโขง
ผลจากการประชุมก็เป็นคาสั่ง บก.ทหารสูงสุด ในเดือน พฤศจิกายน ๒๕๑๒ เร่ือง “กาหนดหน้าท่ี ความรับผิดชอบในการปฏิบัติการลาน้า” ให้กองทัพเรือ รับผิดชอบการปฏิบัติการในลาแม่น้าโขงซ่ึงกองทัพเรือ ได้จัดต้ังหน่วยปฏิบัติการตามลาแม่น้าโขง (นปข.) ท่ีได้ ปฏิบัติการต้ังแต่เดือน พฤศจิกายน ๒๕๑๓ มาจนบัดนี้
ดงั นน้ั ในชว่ งเวลา๑ปีในการพจิ ารณาและดา เนนิ การ จัดต้ัง นปข. นั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่ผู้เขียนเป็น “นายธง” ที่ บก.กร ดังกล่าวพอดี การเป็น “นายธง” เวลานั้น หวั เดยี วกระเทยี มลบี โดยแท้ เปน็ ตงั้ แต่ นายทหารคนสนทิ นายทหารธุรการ นายทหารติดตาม นายทหารรักษา ความปลอดภัย นายทหารฝ่ายอานวยการ นายทหาร การรบั รอง ฯลฯ เมอื่ ไปรบั ตา แหนง่ ใหม่ ๆ เปน็ เวลาทน่ี ายทา่ น กลับมาจากการเยี่ยมเยือนกองทัพเรือที่ ๗ ของ สหรฐั อเมรกิ า กต็ อ้ งรา่ งหนงั สอื ขอบคณุ กองทพั เรอื ฝรงั่ ที่ เชิญไปเยี่ยมแล้วก็ต้องขอความกรุณาจากศูนย์ภาษา กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ช่วยร่างให้เป็นงานแรก ๆ เรียนนายท่านว่าใครร่างหนังสือ ทาให้ท่านลงนาม ในหนังสืออย่างไม่สงสัยในความถูกต้อง งานรับรอง ผู้มาเย่ียมเยือนก็มีมากเพราะเรือรบต่างชาติเข้ามาเยือน เมืองไทยกันทั้งเรือจากชาติสมาชิกสนธิสัญญาป้องกัน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือซีโต้ (SEATO) และนอกสมาชิกฯ เรือที่มีนายพลมากับเรือจะจอดเรือ บริเวณสาธุประดิษฐ์ ที่ทางเราต้องจัดเรือเล็กไปรับ ผบู้ งั คบั การเรอื มาเยยี่ มทพ่ี ระราชนเิ วศน์ เรอื ทใี่ ชเ้ ปน็ เรอื เรียกว่า “เรือทอยเลอร์” เป็นเรือยนต์รูปเพรียวยาว ทาสีขาว ท้ายเรือเป็นที่นั่งผู้มาเย่ียม ถามไถ่ได้ความว่า เป็นเรือท่ีได้มาจากบริษัทการบิน BOAC ของอังกฤษท่ี เมอ่ื สงครามโลกเลกิ ใหม่ ๆ สนามบนิ ดอนเมอื งรบั เครอื่ งบนิ ลาใหญ่ไม่ได้ บริษัทจึงใช้เคร่ืองบินทะเลท่ีบินขึ้นลง ในแม่น้าเจ้าพระยาบริเวณท่ีเรียกว่า “สนามบินน้า”
จงัหวดันนทบรุขีณะนี้ในการบนิขนึ้ลงของเครอื่งบนิจะมี เรือทอยเลอร์ ๒ ลา แล่นอานวยความสะดวก และ ความปลอดภยั ของเครอ่ื งบนิ เมอ่ื เลกิ ใชเ้ ครอื่ งบนิ เรอื ๒ ลา น ้ ี มาอยทู่ หี่ มวดเรือเล็ก บก.กร. อย่างใดไม่ทราบ แต่ต้อง คอยกวดขันให้เรือสมาร์ท และสะอาด ในการรับรอง ผู้มาเยี่ยมเยือน ฯลฯ ปัจจุบันที่ บก.กร. มีสานักงาน ผู้บังคับบัญชา หัวหน้า และฝ่ายเสนาธิการประจา ผู้บังคับบัญชาก็ “หะเรีย”งานของนายธงไปได้มาก
การดา เนนิ การจดั ตง้ั “นปข.”มีบก.กร.เปน็ “เจา้ ภาพ” เริ่มด้วยการประชุมจากหน่วยเกี่ยวข้องต่าง ๆ ถึงเรื่อง การจัดหน่วย การฝึกองค์บุคคล และการใช้เรือกับ ยุทโธปกรณ์ที่ทางสหรัฐอเมริกาผู้มีความคิดให้ตั้งหน่วย ได้ส่งเรือตรวจการณ์ลาน้า (Partrol Boat, River-PBR) ชุดแรกมา ๖ ลา แล้วตามมาอีก ๒๐ ลา นับว่าเป็นเรือที่ ถอนมาจากการใช้งานในเวียดนาม เรือมีปืนกลหนักเป็น อาวุธประจาเรือ ใช้เครื่องยนต์เจ็ต ความเร็วสูงสุด ๒๕ นอต ความคล่องตัวสูง ประเด็นสาคัญในการประชุม อยทู่ วี่ า่ ผคู้ วบคมุ เรอื ชน้ั ยศเรอื โทจะเปน็ นายทหารประเภทก (จากสายงานหลักหรือจบจากโรงเรียนนายเรือ) หรือ นายทหารประเภทข(มาจากตา่ กวา่ ชนั้ สญั ญาบตั ร)บา้ งวา่ เป็นเรือความเร็วสูงต้องเป็นนายทหารจากโรงเรียนฯ บา้ งวา่ ความเรว็ เรอื ไมเ่ กยี่ วกบั นายทหารจากทใี่ ด ผเู้ ขยี น ที่นั่งฟังอยู่ในท่ีประชุมก็นึกในใจว่า เรือโทจากโรงเรียนฯ ๒๐ กวา่ คนตอ้ งมาจากกองเรอื ตา่ ง ๆ อนั จะทา ใหก้ องเรอื ขาดคนประจาเรือ น่าจะเลือกนายทหารประเภท ข ที่ “หน่วยก้าน” ดีมาฝึกอบรมให้ดีตามที่ต้องการซึ่งจะ ปูทางความก้าวหน้าของนายทหารเหล่านี้ด้วย และแล้ว ผลกอ็ อกมาตามทน่ี กึ ไว้ ทงั้ นี้ กไ็ ดอ้ อกความคดิ ไปยงั นาย ท่านว่า “ครูครับ ความเร็วเรือไม่เก่ียวกับนายทหาร โรงเรียน” ท่านหัวเราะหึ ๆ
สถานการณท์ ที่ หารเรอื ตอ้ งไปขนึ้ เวทชี กทแี่ มน่ า้ โขง กเ็ นอื่ งมาจากภายหลงั สงครามโลกครงั้ หลงั จบลง เวยี ดนาม ก็ทาสงครามเอกราชกับฝรั่งเศส และได้เอกราชใน พ.ศ. ๒๔๙๗ พรอ้ ม ๆ กบั การแบง่ เวยี ดนามออกเปน็ เหนอื (คอมมิวนิสต์) กับใต้ (เสรีนิยม) และลาวกับกัมพูชา
ก็พลอยได้เอกราชตามไปด้วยภายใต้เง่ือนไขหน่ึง แตห่ลงัจากไดป้กครองตนเองไมน่านนกักเ็กดิการปฎวิตัิ รฐั ประหารจนถงึ สงครามกลางเมอื งทง้ั ในเวยี ดนามใต้ ลาว และกัมพูชา สาหรับที่ลาว ลาวแดงมีอานาจมากขึ้นขจัด ลาวฝ่ายขวาได้ ทาให้ประเทศไทยตกท่ีนั่งเผชิญกับลัทธิ คอมมวิ นสิ ตท์ แี่ มน่ า้ โขง ซง่ึ สหรฐั อเมรกิ าผเู้ ปน็ “นายใหญ”่ ของเสรนี ยิ มเกรงวา่ คอมมวิ นสิ ตจ์ ะเหมอื นเกม “โดมโิ น” ทหี่ ากไทยลม้ กล็ ม้ ตามไปถงึ คาบสมทุ รมลายู และชอ่ งแคบ มะละกา จึงพยายามสกัดก้ันการแทรกซึมข้ามแม่น้าโขง ดว้ ยการสนบั สนนุ ใหจ้ ดั ตง้ั นปข. มสี ถานเี รอื ๔ แหง่ ตงั้ แต่ จงั หวดั เชยี งรายลงมาถงึ จงั หวดั อบุ ลราชธานี ตง้ั แตบ่ ดั นนั้
คตู่ อ่ สขู้ องทหารเรอื ไทยทเ่ี วทชี กแมน่ า้ โขงนนั้ มาจาก ลาวแดงทปี่ ระสบการณก์ ารรบจากสงครามเอกราช และ สงครามกลางเมืองอันเป็นคู่ต่อสู้ระดับ “มือพระกาฬ” ความเข้มข้นของการต่อสู้เห็นได้จากตัวอย่าง เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๘ “เรือ ล.๑๒๓ ของ นปข. ในความควบคมุ ของ เรอื ตรี โชติ แทนศรี กา ลงั ลาดตระเวน ค้นหาการลักลอบขนอาวุธจากฝั่งลาว บริเวณดอนน้อย หมู่บ้านท่ามะเฟือง ตาบลโพสา อาเภอท่าบ่อ จังหวัด หนองคาย ได้ถูกระดมยิงจากฝั่งลาว จนเป็นเหตุให้ เรือ ล.๑๒๓ ต้องเกยต้ืนท่ีหาดท้ายดอนน้อย และ พนั จา่ ตรี ปรศั น์ พงษส์ วุ รรณ เสยี ชวี ติ พรอ้ มทง้ั จา่ เอก บญั ญตั ิ ฆารกลุ บาดเจบ็ สาหสั ” ซง่ึ คนประจา เรอื ถอนตวั จากเรอื เกยตนื้ ได้ แตศ่ พ พนั จา่ ตรี ปรศั น์ ตดิ อยใู่ นเรอื เมอื่ พยายามกศู้ พกถ็ กู ฝา่ ยลาวยงิ มาทง้ั จากบนฝง่ั และจากเรอื ยากตอ่ การดา เนนิ การพลเรอื เอกสงดั ชะลออยู่ผบู้ ญั ชาการ ทหารสงู สดุ และรกั ษาการผบู้ ญั ชาการทหารเรอื ปฏญิ ญา ออกมาว่า “ถ้าไม่ได้ศพคืน ก็ต้องเพ่ิมศพ” แล้วเรียก นักทาลายใต้น้าจู่โจม (SEAL) มาเสริมกาลัง
กลางคืนวันรุ่งขึ้น ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ หมู่นักทาลายใต้น้าจู่โจม นาโดย เรือโท อนุวัต บุญธรรม ระวังป้องกันโดยนาวิกโยธิน ได้ลอบไปยังเรือ ล.๑๒๓ อกี ครงั้ หนง่ึ นกั ทา ลายใตน้ า้ จโู่ จม ๔นายเขา้ ถงึ เรอื อยา่ งเงยี บๆ ตรวจกบั ระเบดิ (ถา้ ม)ี พบศพ พนั จา่ ตรี ปรศั น์ นงั่ พบั เพยี บ อยใู่ นหอ้ งถอื ทา้ ยเรอื หวั เขา่ ซา้ ยตง้ั เลก็ นอ้ ย หนั หลงั ใหแ้ ทน่
นาวิกศาสตร์ 49 ปีที่ ๑๐๕ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
จอเรดาร์ หน้าหันไปทางท้ายเรือ (คงดูภูมิประเทศเพื่อ รายงานตาบลที่เรือ) มือซ้ายกาท่ีพูดโทรศัพท์ หลังจาก นกั ทา ลายใตน้ า้ จโู่ จม พนั จา่ เอก พชิ ติ อฐิ สมบตั ิ เคลอ่ื นศพ ตรวจกับระเบิดแล้ว ท้ัง ๔ นาย ช่วยกันย้ายศพ โดยใช้ผ้า คลุมปืนกลของเรือเป็นผ้าห่อศพออกจากเรือ ว่ิงแบกศพ กลับหลังดอนแตงที่โผล่น้า นาศพลงเรือแล้วพายเข้าฝั่ง ได้สาเร็จ
ภายในห้องถือท้ายของเรือ ล.๑๒๓ เป็นบริเวณที่ นาวาตรี ปรัศน์ พงษ์สุวรรณ ถูกยิงถึงแก่ความตาย
พันจ่าตรี ปรัศน์ ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็น นาวาตรี มีงานพระราชทานเพลิงศพ นาวาตรี ปรัศน์ พงษ์สุวรรณ ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพฯ วนั ท่ี ๒๕ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ นาวาตรี ปรศั น์ ถือได้ว่าเป็นทหารเรือ “ผู้ไม่เลือกเวทีชก” และชกอย่าง สมศกั ดศิ์ รี นอกจากนกี้ ลางคนื ของวนั ท่ี ๓๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๑๘ นปข. เป็น “แม่งาน” ในการพยายาม กู้เรือ ล.๑๒๓ ออกจากเกยตื้นให้ได้ โดยการอานวยการ ของ นาวาเอก ยรรยง กุลกาม์ธร ที่ปรึกษา นปข. (ยรรยง เป็นนักเรียนพรรคกลินรุ่นเดียวกับผู้เขียน เป็นบุตรของ พลเรือตรี ชลิต กุลกาม์ธร ผู้ได้ร่วมในการเปลี่ยนแปลง
นาวิกศาสตร์ 50 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
การปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านออกจากราชการกรณี กบฏแมนฮัตตัน พ.ศ. ๒๔๙๗ ผู้เขียนเคยพบและ เรียนถามท่านว่า ทาไมยรรยง เรียนพรรคกลินเพราะ บุคลิกของยรรยง มีลักษณะผู้นาดี น่าเป็นพรรคนาวิน ท่านพ่อตอบว่า “เป็นพรรคนาวินเสี่ยงต่อภัยการเมือง จึงให้ยรรยง เรียนพรรคกลิน) ชุดกู้ภัยพบว่าเรือน่ังแท่น อยบู่ นโคลนบนดนิ เหนยี วพยายามขดุ ดนิ เปน็ รอ่ งนา้ และ ใช้เครื่องสูบน้าดูดน้าท้องเรือช่วยให้เรือเบา ท่ามกลาง สายตาทหารลาว เวลาประมาณ ๐๕๓๐ ทหารลาว ตะโกนยั่วยุว่า “เอาเรือของมึงไปเถอะ กูขี้เกียจเฝ้า” “มึงอยากกินบักหัวแตกบ่อ” (ลูกปืน) “มึงอยากกิน ห วั ป ล บี อ่ ” ( จ ร ว ด อ า ร . ์ พ . ี จ . ี ร ปู ร า่ ง เ ห ม อื น ห วั ป ล ) ี ซ งึ ่ ท า ง ไ ท ย มิได้ตอบโต้โดยใช้เวลาเพียง ๑๕ นาที ก็ลอยลาเรือ และ ดงึ เรอื ออกนา้ ลกึ ได้ ตดิ เครอื่ งยนตเ์ รอื นา เรอื ออกแลน่ ได้ แม้ตัวเรือจะพรุนด้วยกระสุนนับไม่ถ้วน เข้าจอดเรือ ที่บ้านท่ามะเฟือง เวลาประมาณ ๐๘๐๐ ท่ามกลาง การแสดงความยินดีจากฝูงชนจานวนมาก (กระดูกงู มีนาคม ๒๕๑๙)
จากประวัติศาสตร์ ทหารเรือขึ้นเวทีชกที่แม่น้าโขง มาตงั้ นานแลว้ ซงึ่ เหน็ ไดจ้ ากในรชั สมยั รชั กาลที่ ๕ นกั รบ ชาวจีนที่ไทยเราเรียกว่า “พวกฮ่อ” ได้หลบหนีมาจาก เมืองจีนเข้ามาในแคว้นตังเก๋ียของญวน และในเมืองลาว ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๐๗ พวกฮ่อลงมาทาท่าทางว่าจะเข้าตี เมอื งหลวงพระบางและหนองคายพระเจา้ กรงุ หลวงพระบาง ซึ่งเวลานั้นพระชนมายุ ๗๕ แล้ว และเจ้าเมืองหนองคาย ต่างกราบบังคมทูลขอความช่วยเหลือจากกรุงเทพฯ จึงโปรดให้ส่งทหารขึ้นไปทางเหนือ และทาการรบ ต่อต้านพวกฮ่อได้สาเร็จ (เจ้าชีวิต; พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์) พ.ศ. ๒๔๒๗ ทางราชการได้ส่ง ทหารมะรีน ๑ หมวด ประกอบด้วย นายร้อยตรี ๑ นาย พลทหาร ๒๔ นาย พรอ้ มดว้ ยปนื กลแคตลงิ กนั ๒ กระบอก ร่วมไปกับกองทัพท่ีไปปราบปรามพวกฮ่อทางภาคเหนือ อันมีเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) เป็นแม่ทัพ (ราชนาวิกโยธิน; พ.ศ. ๒๕๔๐) ซ่ึงแสดงว่าทหารมะรีน ชดุ น้ี ไดเ้ ดนิ ทางขน้ึ เหนอื ชว่ ยให้ “ทา การรบตอ่ ตา้ นพวกฮอ่
ทหารมะรีนในกรมแสงในชุดกะลาสีสีดําายืนอยู่หน้าช้างที่บรรทุกปืนกลแคตลิงกัน ๒ กระบอก ในการข้ึนไปปราบฮ่อที่ภาคเหนือ พ.ศ. ๒๔๒๗
ได้สาเร็จ” ผู้เขียนเคยไปชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ที่เชียงใหม่ ในส่วนการแสดงประวัติของเชียงใหม่ มีภาพ ทหารเรือในชุดกะลาสีสีดายืนแถวอยู่หน้าช้างที่บรรทุก ปืนกลหนักอยู่บนหลังอยู่ในตู้แสดงภาพ ได้ยินนักเรียน ผหู้ นงึ่ รอ้ งบอกเพอื่ นวา่ “ทหารเรอื มาปราบฮอ่ ” กเ็ ขา้ ใจ ได้ว่าเขาเห็นชุดกะลาสีก็เป็นทหารเรือแน่ ๆ ถ้าหาก แตง่ กายชดุ อนื่ คงไมร่ วู้ า่ เปท็ หารเรอื หรอื ทหารมะรนี ภาพนนั้ แสดงว่า เมื่อจาเป็นทหารเรือไม่ได้เลือกเวทีชก แม้เวที น่ันจะห่างไกลจากบ้านเกิดก็ตาม และชกมาตั้งนานแล้ว
ปืนกล catling gun สั่งซื้อจากสหรัฐอเมริกา พ.ศ. ๒๔๑๘ ยิงได้ ๔๐๐ นัด/นาที อันทันสมัยมากเวลานั้น
ภายหลงั จบการศกึ ษาทโี่ รงเรยี นเสนาธกิ ารทหารเรอื ขณะเป็น นาวาโท กองทัพเรือลงคาสั่งให้ไปศึกษา หลักสูตร Command ที่ U.S. Naval War College รัฐโรดไอแลนด์ (R.I.) สหรัฐอเมริกา พ.ศ. ๒๕๑๗-๒๕๑๘ กลบั บา้ นถกู บรรจุ“ประจา โรงเรยี นนายทหารเรอื (รร.นท.) ผู้บัญชาการโรงเรียนนายทหารเรือ (ผบ.รร.นท.) พลเรอื โทสวสั ดิ์ปวนะฤทธิ์ลงคา สงั่ ใหเ้ปน็ “อาจารยป์ ระจา โรงเรยี นเสนาธกิ ารทหารเรอื (รร.เสธ.ทร.) แตล่ ะเหลา่ ทพั ต่างคนต่างเรียน ไม่รู้กันว่าเรียนอะไรกันบ้าง จึงเสนอ เรื่องต่อ รอง ผบ.รร.นท. (นาวิน) พลเรือตรี สุรพล แสงโชติ ผรู้ บั ผดิ ชอบและดแู ล รร.เสธ.ทร. (ขณะนนั้ ไมม่ ี อตั รา ผบ.รร.เสธ.ทร. มแี ตอ่ าจารยอ์ า นวยการ รร.เสธ.ทร.
นาวิกศาสตร์ 51 ปีที่ ๑๐๕ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
ทหารเรือ “ไม่เลือกเวทีชก” ขึ้นไปปราบฮ่อภาคเหนือในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕
นาวาเอกพเิ ศษ) วา่ นกั เรยี นโรงเรยี นเสนาธกิ ารทงั้ สามเหลา่ ควรพบกัน และรู้ว่าแต่ละโรงเรียนมีหลักสูตร และ เรยี นกนั อยา่ งไร ครสู รพล ทา่ นเหน็ ชอบดว้ ยแลว้ เสนอตอ่ ผบ.รร.นท.ซึ่งครูสวัสด์ิก็เห็นด้วยและส่งเรื่องไปยัง โรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพอ่ืน ทางโรงเรียนเสนาธิการ ทหารอากาศเห็นด้วยทันที ส่วนโรงเรียนเสนาธิการ ทหารบกก็เห็นด้วยแต่ขอผลัดไปเป็นรุ่นหน้า เพราะรุ่นนี้ จะมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเข้าศึกษาด้วย จะมีปัญหาต่อการถวายความปลอดภัย แต่แล้วโรงเรียน เสนาธิการทหารบก กลับแจ้งเห็นด้วยเพื่อเป็นการเฉลิม พระเกยี รตพิ ระองคท์ า่ นซง่ึ การศกึ ษารว่ มโรงเรยี นเสนาธกิ าร ทง้ั สามเหลา่ ทพั เปน็ การพบกนั และฟังบรรยายการศึกษา ของแต่ละโรงเรียนท่ีโรงเรียนเสนาธิการทหารบกมีการ เล่นกีฬาบางประเภทร่วมกันด้วยแล้วปลายปีการศึกษา ก็มีการฝึกวางแผนร่วมสามเหล่าทัพที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้ค่ายทหารบกที่น่ันเป็นแหล่งศึกษา การพักอาศัย ต่างโรงเรียนต่างหาที่พักกันเอง คณาจารย์สามเหล่าทัพ รว่ มกนั ออกปญั หาการวางแผนตงั้ แตอ่ ยกู่ รงุ เทพฯ นกั ศกึ ษา แตล่ ะเหลา่ ทพั ตา่ งวางแผนใชก้ า ลงั เหลา่ ทพั ของตนในพนื้ ที่ ซ่ึงเหล่าทัพเรือมีกาลัง นปข. ในแม่น้าโขง
หลังจากวางแผนกันเรียบร้อย นักศึกษาทั้งหมด แถลงแผนของเหล่าทัพตนโดยมี พลเอก เสริม ณ นคร ผบู้ ญั ชาทหารสงู สดุ เปน็ ประธานเปน็ การจบสน้ิ การศกึ ษา หลงัจากนนั้มกีารเลน่ฟตุบอลระหวา่งทมีนกักฬีาโรงเรยีน เสนาธิการรวมเหล่าทัพ กับทีมข้าราชการจังหวัด เชียงใหม่ แล้วไปรับพระราชทานเล้ียงอาหารเย็นจาก สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ ทตี่ า หนกั ภพู งิ คราชนเิ วศน์ กันถ้วนหน้าแล้ว ต่างคนต่างกลับบ้านโดยส่วนของ ทหารเรอื รสู้ กึ แปลก ๆ ทตี่ อ้ งไปขนึ้ เวทชี กทางเมอื งเหนอื ที่มีแต่เทือกเขาแทนที่จะเป็นทะเลอย่างที่เคยกระทา มาช้านาน
ภมู ศิ าสตร์ และภมู ปิ ระเทศของไทยมแี มน่ า้ ลา คลอง แผ่ซ่านท่ัวประเทศ แม้กรุงเทพฯ ยังเคยได้รับสมญานาม ว่าเป็น “เวนิสแห่งตะวันออก” ดังน้ัน “การปฏิบัติการ ในลาน้า” ที่หน่วยเหนือมีกาลัง “กาหนดหน้าท่ี ความรับผิดชอบในการปฏิบัติการลาน้า” ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ กห็ มายความวา่ กองทพั เรอื โดยกองเรอื ลา นา้ เน้นผู้ปฏิบัติการ “ขึ้นเวทีชก” ตามแม่น้าลาคลอง ที่เกิดเหตุการณ์อันต้องปฏิบัติการ ต่อจากน้ีไปไม่มี พเี่ ลย้ี งอยา่ งสหรฐั อเมรกิ า ทใี่ หเ้ รอื และอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ อยา่ งเหตกุ ารณท์ แี่ มน่ า้ โขง ตอ้ งยนื ดว้ ยลา แขง้ ของตนเอง
ภาพด่านทหารพม่าที่แม่นํา้าสาละวินตรงข้ามกับฝั่งไทย หลังจากถูกทหารกะเหรี่ยงเผาโจมตี (บางกอกโพสต์, ๒๑ ต.ค. ๖๔)
นาวิกศาสตร์ 52 ปีท่ี ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
มองดูสถานการณ์แม่น้าลาคลองตามชายแดน ในปัจจุบัน ย้ายไปทางด้านตะวันตกชายแดนพม่า ที่ตรงข้ามแม่น้าสาละวินในส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นรัฐกะเหรี่ยงท่ีพยายามแยกตัวเป็นอิสระจาก สหภาพพม่า เกิดการสู้รบระหว่างกองกาลัง Karen National Union (KNU) กับทหารพม่า กาลังกะเหร่ียง เข้มแข็งข้ึนทุกที ฝ่ายทหารพม่าก็พยายามปราบปราม มากขึ้นที่บางเวลาใช้กาลังทางอากาศด้วย ตั้งแต่ กลางเดือนตุลาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา การสู้รบรุนแรง มากข้ึน ชาวกะเหร่ียงท่ีมีภูมิลาเนาอยู่ท้ังสองฟากฝั่ง แม่น้าสาละวินหลบภัยการสู้รบมายังฝั่งไทย ไป ๆ มา ๆ กองกา ลงั ฝา่ ยไทยทปี่ ระจา การอยทู่ นี่ นั่ คอื กรมทหารพราน ท่ี ๓๖ (บางกอกโพสต์, ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔) ควบคมุ สถานการณ์อยู่บนบกฝั่งไทย ไม่มีกาลังทางเรือท่ีจะดูแล การเคลื่อนไหวในลาน้า บางเวลามีการปล้นเรือชาวบ้าน ในแมน่ า้ บางทที างพมา่ กว็ า่ ทางไทยเพกิ เฉยตอ่ กองกา ลงั กะเหรี่ยงที่ข้ามแม่น้ามาพักพิงทางฝั่งไทย ยังไม่มีใคร พูดถึงความต้องการปฏิบัติการในลาน้าสาละวินที่เมื่อ เกิดความต้องการขึ้นมาก็เป็นการแน่นอนว่าทหารเรือ ต้องไปเหมือนท่ีไปแม่น้าโขง ขึ้นชกเวทีใหม่ที่สาละวิน
สถานการณ์ และสถานภาพที่แม่น้าโขงก่อนจัดต้ัง นปข. “มีการแทรกซึมของ ผกค. ตามแนวลาแม่น้าโขง มากขนึ้ ลกั ลอบสง่ อาวธุ ยทุ โธปกรณข์ นึ้ มา ลกั ลอบสง่ คน ออกไปอบรมนอกประเทศไทยแลว้ กลบั เขา้ มา” ซง่ึ นปข. ได้ปฏิบัติการดังตัวอย่าง เช่น ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๘เรอื นปข.หมายเลขล.๑๒๓ถกู ฝา่ ยลาวระดม ยงิ จนเรอื ตอ้ งเกยตนื้ ทหี่ าดดอนนอ้ ย และ พนั จา่ ตรี ปรศั น์ เสียชีวิตดังกล่าวมาแล้ว ซ่ึงการปฏิบัติการเป็นไป อย่างเข้มข้น สถานการณ์ในลาวหลังจากได้รับอิสรภาพ จากฝรั่งเศสเมื่อสงครามครั้งหลังจบลง ก็เกิดการแย่งชิง อา นาจระหวา่ งลาวฝา่ ยขวา ลาวฝา่ ยกลาง และขบวนการ ประเทศลาว หรือลาวแดง เกิดสงครามการเมืองในลาว ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๐๒-พ.ศ. ๒๕๐๕ จนกระทงั่ หยดุ ยงิ ตาม สนธิสัญญากรุงเจนีวาให้จัดต้ังรัฐบาลผสมสามฝ่าย ต่อมา เกิดการแย่งอานาจกันอีก และเกิดสงครามการเมือง
อีกคร้ังต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๐๗ สงครามกลางเมืองในลาว ดา เนนิ ตอ่ ไปควบคไู่ ปกบั สงครามเวยี ดนามทสี่ หรฐั อเมรกิ า สนบั สนนุ เวยี ดนามใต้ และเมอื่ สหรฐั อเมรกิ า ถอนตวั จาก เวียดนามใน พ.ศ. ๒๕๑๘ ทาให้เวียดนามเหนือ รวมชาติได้สาเร็จรวมท้ังขบวนการประเทศลาวมีชัย เหนือลาวฝ่ายอื่น อินโดจีนจึงปกครองด้วยลัทธิ คอมมิวนิสต์ หรือสังคมนิยมต้ังแต่นั้นมาซึ่งฝ่ายตะวันตก หวาดระแวงว่าสังคมนิยมจะข้ามแม่น้าโขงสู่ไทย รุกลงใต้สู่คาบสมุทรมลายูที่มีปรากฏการณ์ “แทรกซึม ของ ผกค. ตามลาแม่น้าโขงมากข้ึน” ซ่ึงเม่ืออินโดจีน ทั้งผืนเป็นสังคมนิยมลงตัว ความสงบตามลาแม่น้าโขง ก็ลงตัวไปแบบไทย มีชายแดนประชิดชาติสังคมนิยม โดยมีแม่น้าขวางก้ัน
แผนที่ดอนแตง
ลาน้าโขงชายแดนไทยมีแต่ นปข. แสดงกาลังอยู่ ฝ่ายเดียวท่ีคงเตะหูเตะตาทางลาวอยู่ มีการประชุม ร่วมระหว่างไทย-ลาว ปรับบทบาท นปข. ท่ีดูแข็งกร้าว ใหน้ มุ่ นวลลง และเปลย่ี นชอ่ื หนว่ ยจาก “หนว่ ยปฏบิ ตั กิ าร ตามลาแม่น้าโขง” เป็น “หน่วยเรือรักษาความสงบ เรยี บรอ้ ยตามลา แมน่ า้ โขง (นรข.)” ตง้ั แตก่ ลาง พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นมา ซ่ึง นรข. ก็ได้ปฏิบัติการตามภารกิจท่ีอยู่ ในลักษณะ “รับทางยุทธศาสตร์ รุกทางยุทธวิธี” ท่ามกลางการเฝ้าระวังจากฝ่ังลาวทุกวันทุกคืน
นาวิกศาสตร์ 53 ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕