การเปรียบเทียบระบบปรบั อากาศขนาดใหญ่ชนดิ Magnetic Oil Free Chiller
กบั ชนดิ Water Chilled Chiller แบบแรงเหวีย่ งหนศี ูนย์
Comparing Large-Scale Air-Conditioning Systems of Magnetic Oil Free Chiller
with Centrifugal Water Chilled Chiller
บุญส่ง มหาสินธุ1์
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อานาจ ผดุงศิลป์ 2
บทคดั ยอ่
ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านเคร่ืองทาความเยน็ สาหรับอาคารและโรงงานได้มีการพัฒนา ให้
ระบบปรับอากาศมีประสิทธิภาพการทาความเยน็ ท่ีมีประสิทธิภาพสูงข้ึน ท้ังเร่ืองการประหยัด
พลังงานไฟฟ้ า และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบารุงรักษา เช่น เคร่ืองปรับอากาศชนิด Magnetic Chiller
โดยทางภาครัฐได้มีส่วนเข้ามาส่งเสริมให้การสนับสนุนทุนจัดซ้ือจัดหาเคร่ืองทาความเยน็ ท่ีมี
ประสิทธภิ าพสูงดังกล่าวผ่านกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน
โดยระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ประสทิ ธิภาพสงู ชนิด Magnetic Oil Free Chiller มีความสามารถ
เดินเคร่ืองได้ต่าในระดับ 20 ถึง 40% ของภาระโหลดเคร่ืองและมคี ่าการใช้พลังงานไฟฟ้ าท่ตี ่ากว่า
0.55 kW/TR เม่ือเทียบกับเคร่ืองปรับอากาศขนาดใหญ่แบบ Water Chiller ชนิด Compressor
แบบแรงเหว่ียงหนีศูนย์หรือชนิดใช้คอมเพรสเซอร์ชนิดสกรู ซ่ึงระบบจะไม่สามารถเดินเคร่ืองใน
สภาวะโหลดของเคร่ืองท่ีต่ากว่า 40% โดยหน่วยงานอาคารอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ คณะ
แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธบิ ดี ได้ทาการเข้าร่วมโครงการ ผ่านกรมพัฒนาพลังงานทดแทน
และอนุรักษ์พลังงาน ดาเนินการจัดเปล่ียนเคร่ือง Chiller ขนาด 800 TR จานวน 2 เคร่ืองเป็ น
ชนิด Magnetic Oil Free Chiller
ผลการศึกษาพบว่าเม่ือทาการเปรียบเทยี บค่าการใช้พลังงานของเคร่ืองทานา้ เยน็ ชนิด
Magnetic Oil Free Chiller มีการลดค่าพลังงานไฟฟ้ า ลงได้มากกว่า 1,519,575 kW/Hr ต่อปี
คิดเป็นเงิน 5,995,211 บาทต่อ/ปี และสามารถลดค่าใช้จ่ายในสว่ นงานจัดเปล่ียนอะไหล่ลงไม่ต่า
กว่าปี ละ 359,333 บาท ตลอดอายุการใช้งานเคร่ือง ระยะเวลา 15 ปี เม่ือประเมินจุดคืนทุนจะมี
ระยะเวลาคืนทุนท่ี 4.91 ปี ผลการศึกษาท่ีได้สามารถนาข้อมูลหลักท่ีได้มาประเมินงานติดต้ัง
เคร่ือง Chiller ใหม่ขนาด 1,200 TR ให้แก่สถาบันการแพทย์จักรี นฤบดินทร์ เพ่ือนาเสนอ
ทางเลือกในการอนุมตั ิจัดซ้ือและติดต้งั ต่อไป
คาสาคญั : Magnetic Oil Free Chiller , สมรรถนะเคร่ืองทาน้าเยน็ , การตรวจวัดและวิเคราะห์
เคร่ืองทานา้ เยน็
1 นักศกึ ษาหลกั สตู รวิศวกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการจดั การทางวิศวกรรม มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
2 ท่ปี รึกษาสารนิพนธห์ ลัก
699
ABSTRACT
Presently, refrigeration technology for buildings and factories has been developed
to provide air-conditioning systems with high cooling efficiency, saving electricity and
maintenance costs such as magnetic chiller. The government has contributed to promoting and
providing support for the procurement of refrigeration equipment with high efficiency through
the Department of Alternative Energy Development and Efficiency, Ministry of Energy
through high efficiency air-conditioning system with magnetic oil free chiller, which is
capable to operate at low level of 20 to 40% of load and having electricity consumption
lower than 0.55 kW/TR when compared with large air-conditioning water chiller with
centrifugal compressor or screw compressor that the system will not be able to run with load
below 40%. Somdej Phra Thepparat Building, Faculty of Medicine, Ramathibodi Hospital
has joined the project with the Department of Alternative Energy Development and Efficiency
to replace of 800 TR of air conditioners for two units with magnetic oil free chiller.
Results are found energy consumption comparison of magnetic oil cooler that the
reduction of electrical energy is 1,519,575 kW/Hr per year or the amount of 5,995,211
Baht per year and able to reduce costs in the spare parts replacement not less than 359,333
Baht. The machine has a life-cycle period of 15 years when evaluating payback period, a
payback period of 4.91 years. Results from this study would be used for evaluating a new
chiller of 1200 TR for Chakri Naruebodindra Medical Institute for alternative options in order
to purchase and install.
Keyword: Magnetic Oil Free Chiller, Performance of Chiller, Measuring and Analysis of
Chiller
1. บทนา
อาคารสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล เกดิ จากพระราชปรารภและพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ท่มี ี
พระราชประสงค์ให้มีสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลของรัฐขนาดใหญ่ระดับโรงเรียนแพทย์ ข้ึนท่ี
จังหวัดสมุทรปราการ เพ่ือให้การดูแลและให้บริการตรวจรักษาประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ
เน่ืองจากอาคารดังกล่าวได้รับการออกแบบ เปิ ดประมูล พร้อมดาเนินการก่อสร้าง มาเป็ น
ระยะเวลากว่า 6 ปี ซ่ึงปัจจุบันมีเคร่ืองจักรเทคโนโลยี ท่ีมีประสิทธิภาพเข้ามาทดแทน เช่น
เคร่ืองปรับอากาศขนาดใหญ่ชนิด Magnetic Bearing Chiller เข้ามาเปิ ดใช้งานในช่วงเวลาหลัง
18:00 น.ซ่ึงภาระโหลดความเยน็ ของเคร่ืองปรับอากาศลดลงมาก จากการท่ีอาคารปิ ดรับผู้ป่ วย
700
ภายนอก สามารถลดการสญู เสียสภาวะการเปิ ดเคร่ือง ปรับอากาศเดมิ ของอาคารท่มี ขี นาดใหญ่ลง
ประหยัดพลังงานโดยไม่กระทบต่อผู้ใช้พ้ืนท่ี หรือผู้ป่ วยท่เี ข้ารับการรักษาพยาบาล
อธิยุต จงใจ (2555) ได้ศึกษาทางเลือกต้นทุนค่าใช้จ่ายของเคร่ืองปรับอากาศใหม่
และเคร่ืองปรับอากาศเดิม โดยใช้วิธวี ิเคราะห์ต้นทุนวงจรอายุ (Life Cycle Cost: LCC) วิเคราะห์
เปรียบเทยี บต้นทุนวงจรอายุของเคร่ืองปรับอากาศแบบแยกส่วน แยกตามลักษณะการใช้งานคือ
เคร่ืองปรับอากาศ ขนาด 36,000 Btu และ 48,000 Btu ประเภทห้องเรียนและห้องทางาน อายุ
โครงการ 9 ปี เพ่ือหาจุดคุ้มทุนและความเป็นไปได้ทางการเงินสาหรับการลงทุน จากการศึกษา
พบว่าเคร่ืองปรับอากาศท่ีมีการปรับเปล่ียนใหม่ขนาด 36,000 Btu ประเภทห้องเรียนและห้อง
ทางาน และขนาด 48,000 Btu ประเภทห้องทางานมีจุดคุ้มทุนไม่เกินเกณฑ์อายุการใช้งานของ
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานท่ี 8 ปี มีความเป็นไปได้ทางการเงินในการลงทุน
ท้งั น้ีมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการเท่ากับ 445,112.32 บาท และอัตราผลตอบแทนภายใน
โครงการเทา่ กบั 12.92%
กฤษกร อุดศรี (2553) ได้ทาการศึกษา ช้ินส่วน ช่วงระยะเวลา อายุการใช้งาน และ
ค่าใช้จ่ายในการบารุงรักษาเพ่ือให้การบริหารจัดการด้านการบารุงรักษาเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
โดยใช้แนวทางการศึกษาจากการสืบค้นจากตัวแทนผู้ผลิต จานวน 4 ราย หอทาความเยน็ จานวน
6 ราย เคร่ืองส่งลมเยน็ จานวน 4 ราย โดยเน้นข้อมูลการวิเคราะห์ความเหมือน เพ่ือหาปริมาณ
ช้ินส่วนระยะเวลาการบารุงรักษา และข้อมูลเชิงสถิติหาค่าเฉล่ียของอายุการใช้งานราคาค่าใช้จ่ายใน
การบารุงรักษา จากการศึกษาพบว่าการบารุงรักษาท่ีเหมือนและต่างกันของช้ินส่วนประกอบการ
ทางานของ 4 องค์ประกอบใหญ่สามารถสรุปได้ ดังน้ี เคร่ืองทานา้ เยน็ ประกอบด้วย 15 ช้ินส่วน
หอทาความเยน็ จานวน 12 ช้ินส่วน เคร่ืองส่งนา้ 11 ช้ินส่วน และเคร่ืองสง่ ลมเยน็ 11 ช้ินสว่ นช่วง
ระยะเวลาในการบารุงรักษา แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงใช้งานปกติ เปนช่วงท่อี ตั ราการชารุดคงท่ี ซ่ึง
สามารถทาการบารุงรักษาตามความเส่ือมสภาพได้ จากช่วงระยะเวลาการทางานเป็นช่ัวโมงหรือ
ระยะเวลาทางานเป็นรายปี เพ่ือชะลอการเส่ือมสภาพและการสึกหรอของช้ินส่วนให้มีอายุการใช้
งานในช่วงน้ี ซ่ึงพบการบารุงรักษาท้ังหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ การบารุงรักษาเบ้ืองต้น การ
บารุงรักษาโดยใช้เคร่ืองมือวัด และการเปล่ียนช้ินสว่ นท่เี ส่อื มสภาพการใช้งาน
อรรถวิทย์ ดีนาง (2557) ได้ทาการศึกษาการประหยัดพลังงานโดยเคร่ืองทานา้ เยน็
ชนิด Oil Free Magnetic Bearing VSD Centrifugal Chiller ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เคร่ืองทา
น้าเย็น CH1 และ CH2 (เคร่ืองเดิม) แบบระบายความร้ อนด้ วยน้าคอมเพรสเซอร์ชนิด
Centrifugal Constant Speed ในระบบปรับอากาศของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขนาดทาความเยน็
เคร่ืองละ 490 ตัน/ช่ัวโมง เดินเคร่ืองตลอด 24 ช่ัวโมง โดยส่วนมากเคร่ืองจะทางานในสภาวะ
โหลดไม่เตม็ พิกดั ทาให้เกดิ การใช้พลังงานสงู เกนิ ความจาเป็น ทางโรงพยาบาล ฯ จึงทาการติดต้งั
เคร่ืองทาน้าเย็น CH3 (เคร่ืองใหม่) คอมเพรสเซอร์ชนิด Oil โree Magnetic Bearing VSD
Centrifugal Chiller ขนาด ทาเยน็ 400 ตนั /ช่ัวโมง ซ่ึงทางานได้ดที ่สี ภาวะโหลดไม่เตม็ พิกดั ทาให้
701
สามารถ เลือกเดินเคร่ืองทานา้ เยน็ ให้เหมาะสมกับโหลดท่ีใช้งานในอาคารโรงพยาบาลฯ พบว่า
ภาระโหลดความเย็นสูงสุดแบ่งเป็ น 2 ช่วงคือ 870 ตันและ 350 ตัน สามารถออกแบบการ
เดินเคร่ือง ตามช่วงเวลาคือช่วง 8:00-18:00 น. เดินเคร่ืองทานา้ เยน็ CH1 คู่กับ CH3 ขนาดทา
ความเยน็ รวม 890 ตัน/ช่ัวโมง และช่วง 18:00-8:00 น.เลือกเดินเคร่ือง CH3 เพียงเคร่ืองเดียว
ขนาดทาเยน็ 400 ตัน/ ช่ัวโมงใช้พลังงานรวม 8,002 kWh /วัน ซ่ึงสามารถลดการใช้พลังงานใน
สว่ นของเคร่ืองทานา้ เยน็ ของระบบ ปรับอากาศลงคิดเป็น 24.5%
บุปผา ไข่แก้ว (2553) ได้ทาการศึกษาเพ่ือการตัดสนิ ใจในการเปล่ียนเคร่ืองทานา้ เยน็
(Chiller) ของ ระบบปรับอากาศ กรณีศึกษา : อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ท่ีมีอายุการใช้งาน
มาแล้ว 18 ปี มีสภาพชารุดทาให้ขาดเสถียรภาพในการทานา้ เยน็ จึงพิจารณาเพ่ือทาการเปล่ียน
เคร่ืองทาน้าเยน็ เดิม ให้มีประสิทธิภาพท่ีดีข้ึน จากการศึกษาพบว่าเคร่ืองทาน้าเย็นปัจจุบันมี
ค่าใช้จ่ายในการบารุงรักษาสูงและอะไหล่ ของเคร่ืองจักรหายากมากข้ึน รวมถึงประสิทธิภาพใน
การใช้งานต่าลง ขาดเสถียรภาพ มีค่าพลังงานไฟฟ้ าเพ่ิมสูงข้ึน ความคุ้มทุนในทางการเงิน
ระยะเวลาคืนทุน ตามท่ไี ด้มีการคานวณผลประหยัดจากค่าพลังงานไฟฟ้ าท่ลี ดลงจากการใช้เคร่ือง
ทานา้ เยน็ จานวน 3 เคร่ืองในแต่ละปี เป็นเงินประมาณ 7,278,200.00 บาท หากประมาณการ
ลงทุนในการเปล่ียนเคร่ืองทาน้าเยน็ ใช้งบประมาณการลงทุน 23,000,000.00 บาท จะใช้
ระยะเวลาการคืนทุนอยู่ท่ี 3.6 ปี
2. วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั
เพ่ือทาการศึกษาและเปรียบเทยี บการใช้พลังงานของเคร่ืองทานา้ เยน็ แบบ Magnetic
Oil Free Chiller กบั แบบ Centrifugal Water Chilled Chiller
3. ขอบเขตงานวิจยั
1. การศึกษาน้ีจะทาการศึกษา โดยนาฐานข้อมูลการจัดเปล่ียนเคร่ืองทาความเยน็ แบบแรง
เหว่ียงหนีศูนย์(Centrifugal Water Chilled Chiller) เป็ นชนิดเคร่ืองปรับอากาศ Chiller ชนิด
Magnetic Oil Free Chiller ของหน่วยงานโรงพยาบาลรามาธิบดี อาคารอาคารสมเดจ็ พระเทพ
รัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธบิ ดี เป็นฐานข้อมูลหลักในการนามาสรุปผล
2. นาผลการศึกษามาประเมินเทยี บเคียงกรณีโครงการตดิ ต้ังเคร่ืองปรับอากาศ Chiller ชนิด
Magnetic Oil Free Chiller ขนาด 1200 ตันของหน่วยงานโรงพยาบาลรามาธิบดี อาคารศูนย์
การแพทย์จักรีนฤบดนิ ทร์(บางพลี) โดยใช้วิธปี ระเมินคานวณผลการประหยัดพลังงาน
3. ซ่ึงในขอบเขตการศึกษาน้ี มีข้อจากัดในเร่ือง รุ่น-ย่ีห้อ ( Brand) เคร่ืองปรับอากาศ
Chiller ชนิด Magnetic Chiller โดยอ้างองิ ผลิตภัณฑ์ “CLIMAVENETA”
4. ระยะเวลาในการดาเนินการศึกษาโครงการ ปี พ.ศ.2560 ถึงปี พ.ศ2562
702
4. วิธีการดาเนนิ งานวิจยั
จากภาพท่ี 1 คือข้ันตอนดาเนินการโดยเกบ็ ข้อมูลเคร่ืองทานา้ เยน็ ชนิด Centifugal
Chiller ย้อนหลัง 2 ปี ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2560 – 2562 พร้อมทาการศึกษาข้อมูลของเคร่ืองนา้ เยน็
ประเภท Magnetic Bearing Chiller พร้อมทาประวัติรายการอะไหล่ท่ตี ้องดาเนินการเปล่ียนในแต่
ละปี พร้อมทาการเปรียบเทยี บเพ่ือหาความเหมาะสมในการลงทุน พร้อมทาการสรุปผลการศึกษา
การจดั เตรียมเคร่อื งมอื เปรียบเทยี บการใช้พลงั งานของ
ในการตรวจวัดและเกบ็ ข้อมลู Chiller ท้งั 2 ชนิด
เกบ็ ข้อมูลย้อนหลังปี 2560- ศึกษาความเหมาะสม
2562 ในการลงทนุ
ศึกษาการใช้พลงั งานของ Chiller สรปุ ผลการศกึ ษา
ชนิด Centifugal
ศกึ ษาการใช้พลงั งานของ
Magnetic Oil Free Chiller
ข้อมลู การเปล่ยี นอะไหล่และ
บารงุ รักษาตลอดวงจรอายุ
ภาพที่ 1 แสดงข้นั ตอนการทาวิจัย
5. วิธีการตรวจวดั และบนั ทึกผล
ภาพท่ี 2 แสดงการบันทึกกาลังไฟฟ้ าท่ีใช้กับเคร่ืองทาน้าเย็นทุกชุดท่ีเปิ ดใช้งาน
แบบต่อเน่ืองทุก 15 นาที เป็นเวลา 7 วัน และวัดกาลังไฟฟ้ าท่ใี ช้กับเคร่ืองสูบนา้ เยน็ เคร่ืองสูบนา้
ระบายความร้อนและหอระบายความร้อนทุกชุดท่เี ปิ ดใช้งาน แบบช่ัวขณะ โดยแยกเป็นสองช่วงเวลา
คอื ในช่วงเวลา 6.00 น. – 18.00 น. ของวันจันทร์ – วันเสาร์ และช่วงเวลาอ่นื ๆ
ภาพท่ี 3 ทาการบันทกึ อตั ราการไหลของนา้ เยน็ รวม อุณหภมู ินา้ เยน็ จ่ายและกลับท่ที ่อ
รวม อุณหภมู ินา้ ระบายความร้อนท่เี ข้าเคร่ืองทานา้ เยน็ แบบต่อเน่ืองทุก 15 นาที เป็นเวลา 7 วัน
703
ภาพที่ 2 ภาพการตดิ ต้งั เคร่ืองวัดกาลังไฟฟ้ า
ภาพที่ 3 ภาพการติดต้งั เคร่ืองวัดอตั ราการไหลและอุณหภมู ิ
6. การวิเคราะหข์ อ้ มูล
ทาการศึกษาเปรียบเทยี บทางเลือก 2 กรณี ซ่ึงวิเคราะห์อายุเคร่ืองทานา้ เยน็ ตามช่ัวโมง
การใช้งานในการเปรียบเทยี บ 2 กรณี มีการวิเคราะห์ข้อมูลด้านต่างๆ ดงั น้ี
กรณีท่ี 1 อาคารสมเดจ็ พระเทพรัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีใช้
เคร่ืองทานา้ เยน็ เคร่ืองเดิม ขนาด 800 Ton จานวน 2 เคร่ือง เคร่ืองทานา้ เยน็ ขนาด 400 Ton
จานวน 1 เคร่ืองทาการเปล่ียนเคร่ืองทานา้ เยน็ ใหม่เป็นระบบ Magnetic Oil Free Chiller จานวน
2 เคร่ืองในขนาดท่ีเท่ากัน ดังภาพท่ี 4 และทาการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้ า การ
บารุงรักษา และการเปล่ียนอปุ กรณ์
ภาพที่ 4 กรณีท่ี 1 เปล่ียนเคร่ืองทานา้ เยน็ 2 ชุด
704
กรณีท่ี 2 อาคารสถาบันการแพทย์จักรี นฤบดินทร์ใช้เคร่ืองทาน้าเยน็ เคร่ืองเดิม
ขนาด 1200 Ton จานวน 4 เคร่ือง ทาการเพ่ิมเคร่ืองทานา้ เยน็ ใหม่เป็นระบบ Magnetic Oil Free
Chiller จานวน 1 เคร่ืองในขนาด 1200 Ton ดังภาพท่ี 5 และทาการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายด้าน
พลังงานไฟฟ้ า การบารุงรักษา และการเปล่ียนอปุ กรณ์
ภาพที่ 5 กรณที ่ี 2 เพ่ิมเคร่ืองทานา้ เยน็ 1 ชุด
7. การคานวณการใชพ้ ลงั งานและผลประหยดั พลงั งานไฟฟ้ า
การคานวณเพ่ือเปรียบเทยี บค่าการใช้พลังงานของเคร่ืองทานา้ เยน็ ชนิด Centifugal
Chiller และชนิด Magnetic Oil Free Chiller เพ่ือนาผลการคานวณท่ีได้มาทาการหาผลประหยัด
ของการเปล่ียนเคร่ืองทานา้ เยน็ ชนิด Magnetic Oil Free Chiller โดยตารางท่ี 1 แสดงตัวแปลท่ใี ช้
ในการวิเคราะห์ค่าพลังงานและในตารางท่ี 2-3 แสดงค่าท่ีได้จากการตรวจวัดก่อนทาการ
ปรับปรุง–หลังทาการปรับปรุง
ตารางท่ี 1 ตวั แปรหลกั สำหรับใชใ้ นกำรวเิ ครำะห์ผล
สญั ลกั ษณ์ ตวั แปร หน่วย วิธีการตรวจวดั หมายเหตุ
TRO ความสามารถในการทาความเย็น TR TRO = FOx(TOI - TOO)/24 -
-
กอ่ นปรับปรุง -
-
WTN กาลังไฟฟ้ ารวมท้งั ระบบ kW WTN = WN + WCHPN
+ WCDPN + WCTN
TRN ความสามารถในการทาความเย็น TR TRN = FN x (TNI - TNO)/24
กอ่ นปรับปรุง
H ช่ัวโมงการใช้งาน hr/y สอบถามและการสงั เกต
OF ตวั ประกอบการทางาน - จากภาระการปรับอากาศ
705
EO พลังงานไฟฟ้ าต่อปี kWh/y EO = TRO x (WTO / TRO)x -
H x OF
EN พลังงานไฟฟ้ าต่อปี kWh/y EN = TRO x (WTN / TRN)x
H x OF
TOI อุณหภูมิน้ำเยน็ กลบั รวม OF บนั ทึกตอ่ เน่ืองเป็นเวลำ 7 วนั ทุก 15 นำที
TOO อุณหภูมิน้ำเยน็ จ่ำยรวม OF บนั ทึกต่อเน่ืองเป็นเวลำ 7 วนั ทุก 15 นำที
FO อตั รำกำรไหลน้ำเยน็ รวม GPM บนั ทึกตอ่ เน่ืองเป็นเวลำ 7 วนั ทุก 15 นำที
TOCI อุณหภูมิน้ำระบำยควำมร้อนกลบั OF บนั ทึกต่อเน่ืองเป็นเวลำ 7 วนั ทุก 15 นำที
WO กำลงั ไฟฟ้ำเฉล่ียเคร่ืองทำน้ำเยน็ kW บนั ทึกตอ่ เนื่องเป็นเวลำ 7 วนั ทุก 15 นำที
WCHPO กำลงั ไฟฟ้ำเฉลี่ยเครื่องสูบน้ำเยน็ kW จำกกำรวดั ชวั่ ขณะ
WCDPO กำลงั ไฟฟ้ำเฉลี่ยเครื่องสูบน้ำหอผ่งึ kW จำกกำรวดั ชวั่ ขณะ
WCTO กำลงั ไฟฟ้ำเฉล่ียหอระบำยควำมร้อน kW จำกกำรวดั ชวั่ ขณะ
WTO กำลงั ไฟฟ้ำรวมท้งั ระบบ kW WTO = WO + WCHPO
+ WCDPO + WCTO
ตารางที่ 2 ผลการตรวจวัดของระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (กอ่ นการปรับปรุง)
Time TOI TOO FO TOCI TRO WO WCHPO WCDPO WCTO WTO
Mon.-Sat.
52.2 46.2 3640 85.3 910 664 192 166 22 1,044
6:00-18:00
Oth. 51.1 47.5 3113 82.3 467 346 192 83 11 632
ก. การคานวณพลังงานไฟฟ้ า เคร่ืองทานา้ เยน็ ชนิด Centifugal Chiller ได้จากสมการต่อไปน้ี
E01 = TRO × (WTO/TRO )× H× OF
จ - ศ 06:00–18:00 น
= 910 TR × (1044 kW/910 TR) × 3744 hr/y× 0.8
= 3,126,989 kWh/y
E02 = TRO × (WTO/TRO )× H× OF
ช่วงเวลาอ่นื ๆ
= 467 TR × (632 kW/467 TR) × 4992 hr/y × 0.8
= 2,523,955 kWh/y
E0 = E01 + E02 (2)
706
= 3,126,989 + 2,523,955 kWh/y
= 5,650,944 kWh/y
ตารางที่ 3 ผลการตรวจวัดของระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (หลังการปรับปรุง) WCTN WTN
Time TNI TNO FN TNCI TRN WN WCHPN WCDPN 30 807
20 434
Mon.-Sat.
52.8 46.6 3516 83.6 908 486 77 214
6:00-18:00
Oth. 52.5 48.6 2937 81.4 477 230 77 107
ข. การคานวณพลังงานไฟฟ้ า เคร่ืองทานา้ เยน็ ชนิด Magnetic Oil Free Chiller ได้จากสมการ
ต่อไปน้ี
EN1 = TRN × (WTN/TRN) × H× OF (3)
จ - ส 06:00–18:00 น
= 908 TR × (807 kW/908 TR) × 3744 hr / y× 0.8
= 2,417,126 kWh/y
EN2 = TRO × (WTN/TRN) × H× OF
ช่วงเวลาอ่นื ๆ
= 477 TR × (434 kW/477 TR) × 4922 hr/y× 0.8
= 1,708,918 kWh
EN = EN1 + EN2 (4)
= 2,417,126 + 1,708,918 kWh/y
= 4,131,369 kWh/y
ค. การคานวณเปรียบเทยี บพลังงานไฟฟ้ าท่ปี ระหยัดได้คานวณได้จากสมการต่อไปน้ี
พลังงานไฟฟ้ าท่ปี ระหยัดได้ = EO - EN
= 5,650,944 - 4,131,369 kWh/y
= 1,519,575 kWh/y
ค่าพลังงานไฟฟ้ าเฉล่ีย(ปี 2560) = 3.67 บาท/kWh
คดิ เป็นเงินท่ปี ระหยดั ได้ = พลังงานไฟฟ้ าท่ีประหยัดได้ x ค่าพลังงานไฟฟ้ า
เฉล่ีย
= 1,519,575 kWh/y x 3.67 บาท/kWh
= 5,576,841 บาท/ปี
ลดค่าสารเคมใี นระบบระบาย = 418,370 บาท/ปี
ความร้อน
707
รวมเป็นเงินท่ปี ระหยัดได้ = 5,576,841 + 418,370 บาท/ปี
= 5,995,211 บาท/ปี
เงินลงทุนท้งั หมด = 29,450,000 บาท
ระยะเวลาคนื ทุน = 29,450,000 บาท / 5,995,211 บาท/ปี
= 4.91 ปี
ตารางที่ 4 ผลการตรวจวัดของเคร่ืองทาความเยน็ ชนิด Magnetic Bearing Chiller
ลาดบั ตวั แปร สญั ลกั ษณ/์ สูตร Baseline หน่วย
วนั ท่ตี รวจวดั 1-31 July
PCH 234.39 kW
1 กาลงั ไฟฟ้ าเฉล่ยี ของเคร่ืองทานา้ เยน็ mw 2,124.34 GPM
2 อตั ราการไหลเฉล่ยี ของนา้ เยน็ Tin
3 อณุ หภมู เิ ฉล่ียนา้ เยน็ ขาเข้า Tout 46.25 °F
4 อณุ หภมู เิ ฉล่ียนา้ เยน็ ขาออก TCDSin 51.25 °F
5 อณุ หภมู เิ ฉล่ียนา้ คอนเดนเซอร์ขาเข้า TR= (mwx (Tout - Tin) / 24 84.52 °F
6 ความสามารถในการทาความเยน็ ของเคร่อื งทานา้ 442.22
TR
เยน็
7 ค่าแก้ไขพลังไฟฟ้ า CE 1.04 -
8 ค่าแก้ไขขนาดทาความเยน็ CR 0.94 -
9 กาลังไฟฟ้ าเฉล่ยี กอ่ นปรับปรงุ ทส่ี ภาวะมาตรฐาน Pstd = P x CE 242.78 kW
10 ความสามารถในการทาความเยน็ ก่อนปรับปรงุ ท่ี TRstd = TR x CR 417.46 Ton
สภาวะมาตรฐาน ChP = Pstd / TRstd 0.538 kW/Ton
11 กโิ ลวตั ตต์ ่อตนั ทาความเยน็ ก่อนปรับปรงุ ท่สี ภาวะ
H (12 hr/วนั ) 3,120.00 h/y
มาตรฐาน E = ChP x TRstd x H 757,464.60 kWh/y
12 จานวนช่วั โมงท่ใี ช้งานใน 1 ปี
13 ระดบั การใช้พลงั งานปรับปรงุ
จากตารางท่ี 4 ผลการตรวจวัดพลังงานของเคร่ืองน้าเยน็ ประเภท Magnetic Bearing
Chiller อยู่ท่ี 0.538 kW/Ton โดยทางานวันละ 12 ช่ัวโมงต่อวัน ตลอด 365 วัน โดยเคร่ืองทานา้
เย็นเดิมชนิดCentrifugal Compressor ผลการตรวจวัดประสิทธิภาพเฉล่ีย เคร่ืองท่ี 1 ถึง 4 ท่ี
0.783 kW/Ton เม่อื เทยี บเคียงกบั สภาวะโหลดเคร่ืองปรับอากาศชนิด Magnetic Bearing Chiller
0.538 kW/Ton อัตราประหยัดกาลังไฟฟ้ า ท่ี 0.245 kW/Ton มีประสิทธิภาพเคร่ืองสูงกว่า
31.31 % มูลค่าการลงทุนอยู่ท่ี 29,450,000 บาท โดยลดค่าการบารุงรักษาและค่าไฟฟ้ าต่อปี ได้
เทา่ กบั 5,995,211 บาท โดยมีระยะการคนื ทุนอยู่ท่ี 4.91 ปี
708
9. สรุปผลการศึกษา
จากท้งั 2 กรณีศึกษาเม่ือทาการตรวจวัดค่าพลังงาน อตั ราการไหลของนา้ ภายในเส้น
ท่อ อุณหภมู ินา้ เยน็ ของอาคารสมเดจ็ พระเทพรัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธบิ ดีและ
สถาบันการแพทย์จักรี นฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
พบว่า เคร่ืองทานา้ เยน็ ประเภท Magnetic Oil Free Chiller มีประสทิ ธภิ าพดีกว่าเคร่ืองทานา้ เยน็
เดิมประเภท Centrifugal Compressor ในระยะเวลาการเดินเคร่ืองท่ีเท่ากัน 12 ช่ัวโมงต่อวัน
ตลอด 365 วัน ตลอดอายุโครงการ 15 ปี มีมูลค่าการลงทุนอยู่ท่ี 29,450,000 บาท โดยลดค่า
การบารุงรักษาเน่ืองจากระบบ Magnetic Oil Free Chiller ไม่มีระบบหล่อล่ืนนา้ มันเข้ามาใช้ใน
ระบบ ลดการเปล่ียนถ่ายนา้ มันคอมเพสเซอร์ (Compressor Oil) อะไหล่คู่ควบ เช่น กรองความ
ช่ืน กรองน้ามันคอมเพรสเซอร์ ลดค่าไฟฟ้ าต่อปี ได้เท่ากับ 1,519,575 kWh/y หรือเท่ากับ
5,995,211 บาท/ปี และสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนงานจัดเปล่ียนอะไหล่ ลงไม่ต่ากว่าปี ละ
359,333 บาท โดยมีระยะการคืนทุนอยู่ท่ี 4.91 ปี โดยการเปล่ียนเคร่ืองทาน้าเย็นประเภท
Magnetic Oil Free Chiller คุ้มค่าในการลงทุนเน่ืองจากช่วยลดท้ังค่าใช้จ่ายในการบารุงรักษา
เคร่ืองจักรและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้ า
709
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
อรรถวิทย์ ดีนาง. (2557). การประหยดั พลงั งานโดยเครื่องทานา้ เย็นชนิด Oil-Free Magnetic
Bearing VSD Centrifugal Chiller ในโรงพยาบาลศรีนครินทร,์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วิ ท ย า นิ พ น ธ์ วิ ศ ว ก ร ร ม ศ า ส ต ร ม ห า บั ณ ฑิ ต ส า ข า วิ ศ ว ก ร ร ม พ ลั ง ง า น
มหาวิทยาลัยขอนแกน่
อธิยุต จงใจ. (2555). การศึกษาทางเลือกเพือ่ ใชเ้ ครือ่ งปรับอากาศของใหม่และของเดิมโดยวธิ ี
คานวณตน้ ทุนวงจรชีวิต (Life Cycle Cost) กรณีศึกษา มหาวิทยาลยั ธุรกิจบัณฑิตย์
กรุงเทพมหานคร. สารนิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาการจัดการทางวิศวกรรม,
มหาวิทยาลัยธุรกจิ บัณฑติ ย์
กฤษกร อุดศรี. (2553). การบารุงรักษาระบบปรับอากาศแบบรวมสาหรับอาคารขนาดใหญ่,
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาสถาปัตยกรรม, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บุปผา ไข่แก้ว. (2553). งานดูแลและบารุงรกั ษาระบบวิศวกรรมอาคารของอาคารการศึกษา :
กร ณี ศึ กษาโคร งการ อาคารขนาดใหญ่ พิ เศ ษ . จุ ฬาลงกร ณ์มหาวิ ทยาลั ย
กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสถาปัตยกรรม,
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย
710
การพยากรณจ์ านวนการขออนุญาตต้งั โรงงานใหม่และปัจจยั ทีม่ ผี ลต่อ
การต้งั โรงงานใหม่ของกลุ่มอตุ สาหกรรม S-curve
และกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs
Forecasting New Factory Permission and Factors Effecting The New
Factory Establishment of S-curve Industrial groups and SMEs.
ปิ ยะพล ธีระแนว1
ผศ.ดร.ศุภรชั ชยั วรรตั น2์
บทคดั ยอ่
การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือคดั เลือกวิธกี ารพยากรณ์ท่เี หมาะสมท่สี ุดในการพยากรณ์
จานวนการต้ังโรงงานใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs ด้วย
เทคนิคการวิเคราะห์อนุกรมเวลา (Time Series Analysis) ท้งั 5 แบบ ผู้วิจัยได้ทาการวิเคราะห์
ข้อมูลพบว่ารูปแบบของข้อมูลมีรูปแบบของฤดูกาลหรือ Seasonal ซ่ึงจากทฤษฎีการพยากรณ์
เทคนิคท่เี หมาะสมคือ เทคนิค Decomposition, Winters และ Regression และทาการพยากรณ์หา
ค่า Error เพ่ือเปรียบเทยี บ โดยผลการศึกษาพบว่า วิธี Decomposition มีค่า MAPE และ MAD
ต่าท่สี ุด คือ 8.572 และ 8.641 และข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs มีค่า MAPE และ MAD ต่า
ท่สี ดุ คือ 7.23 และ 25.77 เช่นเดียวกนั เม่อื นาจานวนโรงงานท่เี กดิ ข้นึ จริงในปี พ.ศ. 2561 ของ
กลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve รวมเท่ากับ 1,167 โรงงานมาเปรียบเทียบกับข้อมูลท่ีได้จากการ
พยากรณค์ ือ 1,179 โรงงาน ซ่ึงมคี วามคลาดเคล่ือนเทา่ กบั 12 โรงงาน หรือเทา่ กบั 1.03 % ของ
จานวนการต้งั โรงงานจริง และจานวนโรงงานท่เี กดิ ข้นึ จริงของกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs รวมเทา่ กบั
4,249 โรงงานมาเปรียบเทียบกับข้อมูลท่ีได้จากการพยากรณ์คือ 3,761 โรงงาน ซ่ึงมีความ
คลาดเคล่ือนเทา่ กับ 488 โรงงาน หรือเทา่ กับ 12.9 % ของจานวนการต้ังโรงงานจริง นอกจากน้ี
ผลการศึกษาพบว่าการตัดสินใจต้ังโรงงานของกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs ในรัศมี 100 กิโลเมตร
จากกรุงเทพมหานครของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้เช่ียวชาญ โดยใช้การวิเคราะห์เชิง
ปริมาณด้วยการจัดลาดับความสาคัญของปัจจัย (Location Factor Rating) ได้คะแนนดงั น้ี
นิคมฯ บางปะอนิ 57.74 คะแนน นิคมฯ บางปู 58.97 คะแนน นิคมฯ นวนคร 60.37 คะแนน
และนิคมฯ ไฮเทค 41.44 คะแนน ดงั น้ันผู้วิจัยจึงเลือกนิคมฯ นวนครซ่ึงมคี ะแนนสงู สดุ
1 นกั ศกึ ษาหลักสตู รวิศวกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการจัดการทางวศิ วกรรม มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
2 ท่ปี รกึ ษาการศกึ ษารายบคุ คลหลัก
711
ABSTRACT
The purpose of this research to select the most suitable forecasting method for
forecasting the number of new factory setting in S-curve industry and SMEs by using 5 time
series analysis techniques. From the data there is the form of Seasonal which is from the
forecasting theory. The appropriate techniques are the Decomposition, Winters and Regression
techniques and forecast the error to compare. The results showed that the Decomposition
Method had the lowest MAPE and MAD values of 8.572 and 8.641 and the data of SMEs
with the lowest MAPE and MAD values were 7.23 and 25.77 as well. 2018 of the S-
Curve industry group, totaling 1,167 factories compared with the forecasted data, there are
1,179 factories with a discrepancy of 12 plants or 1.03% of the number of factories. And
the actual number of factories in the SMEs industry totaled 4,249 factories. Compare this
with the forecast data, which is 3,761 factories with a discrepancy of 488 factories or 12.9%
of the number of actual factories. In addition, the study found that the decision to establish
factories of SMEs in a 100 kilometer radius from Bangkok of industrial entrepreneurs and
experts. By using quantitative analysis with the Location Factor Rating to get the scores as
follows: Bang Pa-in Industrial Estate 57.74 points, Bang-Pu Industrial Estate 58.97 points,
Nava Nakorn Industrial Estate 60.37 points And Hitech Industrial Estate, 41.44 points
1. บทนา
ในปี 2558 ท่ผี ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอ 10 อุตสาหกรรมเป้ าหมายกลไก
ขับเคล่ือนเศรษฐกจิ เพ่ืออนาคต หรือ S-Curve ต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือผลักดนั การเจริญเติบโตทาง
เศรษฐกิจ 2 รูปแบบ ด้วยกันคือ 1.การต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิมท่มี ีศักยภาพ ซ่ึงการพัฒนา
ดังกล่าวกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีบทบาทในการช่วยส่งเสริมการจัดต้ังโรงงานตลอดจนการ
อานวยความสะดวกรวมถึงให้คาปรึกษาในการจัดต้ังและขยายโรงงานดังกล่าวให้เป็ นไปอย่าง
ราบร่ืนและมปี ระสทิ ธภิ าพ
อกี ด้านหน่ึงในกลุ่มอุตสาหกรรมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs เป็น
วิสาหกิจท่ีมีความเหมาะสม มีความคล่องตัวในการปรับ สภาพให้เข้ากับสถานการณ์ท่ัวไปของ
ประเทศอีกท้งั ยังเป็นวิสาหกจิ ท่ใี ช้เงินทุนในจานวนท่ตี ่ากว่าวิสาหกจิ ขนาดใหญ่ และยังช่วยรองรับ
แรงงานจากภาคเกษตรกรรมเม่ือหมดฤดูกาลเพาะปลูก ก่อให้เกิดการพัฒนาความเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกจิ ท้งั ในสว่ นภมู ิภาคและของประเทศอย่างย่งั ยืน
ด้วยเหตุท่กี ล่าวในเบ้ืองต้น สารนิพนธ์ฉบับน้ีจึงทาการศึกษาลักษณะการเปล่ียนแปลง
ของข้อมูลจานวนโรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และอุตสาหกรรม SMEs ท่จี ะเกิดข้ึนใหม่
เพ่ือจะใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนอตั รากาลังของเจ้าหน้าท่ี และการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ เพ่ือ
712
เพ่ิมประสิทธิภาพในการให้ บริการผู้ประกอบกิจการให้ มีความสะดวกและรวดเร็วมาก ย่ิงข้ ึน
รวมท้งั ศึกษาการตัดสินใจเลือกท่ตี ้ังโรงงานของกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs โดยใช้วิธี การวิเคราะห์
เชิงปริมาณด้วยการจัดลาดับความสาคัญของปัจจัย (Factor Rating) มาประยุกต์ใช้ในการเลือก
ทาเลท่ตี ้ังโรงงานท่เี หมาะสมสาหรับกลุ่มอตุ สาหกรรม SMEs
2. วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาวิจยั
2.1 เพ่ือคัดเลือกวิธีการพยากรณ์ท่เี หมาะสมท่สี ุดในการพยากรณ์จานวนการต้ังโรงงานใหม่
ในกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
แบบจาลองในการพยากรณ์การต้ังโรงงานใหม่ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์อนุกรมเวลา (Time Series
Analysis) 5 แบบ
2.2 ศึกษาการตดั สนิ ใจเลือกท่ตี ้งั โรงงานของกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs โดยใช้วิธกี ารวิเคราะห์
เชิงปริมาณด้วยการจัดลาดบั ความสาคัญของปัจจัย (Factor Rating)
3. ขอบเขตของงานวิจยั
3.1 ศึกษาวิธีการพยากรณ์จานวนการต้ังโรงงานใหม่ในกกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และ
กลุ่มอุตสาหกรรม SMEs เพ่ือสร้างแบบจาลองด้วยเทคนิคการวิเคราะห์อนุกรมเวลา 5 แบบ และ
คานวณค่าความคลาดเคล่ือน MAPE (Mean Absolute Percentage Error) และ MAD (Mean
absolute deviation)
3.2 ใช้ ข้ อมูลจานวนการต้ังโรงงานใหม่รายเดือนของอุตสาหกรรม S-curve และ
อตุ สาหกรรม SMEs ในการศึกษาต้ังแต่เดือน มกราคม 2557 – ธนั วาคม 2560 ท้งั ส้นิ 4 ปี เพ่ือ
หาวิธกี ารพยากรณ์ท่เี หมาะสมท่สี ดุ
3.3 เปรียบเทียบผลการพยากรณ์ข้อมูลจานวนการต้ังโรงงานใหม่ ในเดือน มกราคม –
มิถุนายน 2561 เปรียบเทยี บกับข้อมูลการต้ังโรงงานใหม่ท่เี กิดข้ึนจริง ในปี พ.ศ. 2561 และวัด
ค่าประสิทธภิ าพของแบบจาลองในการพยากรณ์ โดยการประเมินค่าความคลาดเคล่ือน Forecast
error จากชุดข้อมูล
3.4 ศึกษาวิเคราะห์เชิงปริมาณด้วยการจัดลาดบั ความสาคัญของปัจจัย (Factor Rating) เพ่ือ
การตดั สนิ ใจเลือกท่ตี ้งั โรงงานของกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs เทา่ น้ัน
4. ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
4.1 สามารถนาวิธีการพยากรณ์ท่เี หมาะสมท่สี ดุ มาพยากรณ์เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการวางแผน
จัดสรรอตั รากาลังของเจ้าหน้าท่ที ่มี สี ่วนเก่ยี วข้องในการกากบั ดูแลกจิ การโรงงาน
4.2 ได้นาผลการวิจัยเป็นข้อมูลประกอบให้หน่วยงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้องนาใช้ประโยชน์ในด้าน
ต่างๆ
713
4.3 เพ่ิมประสทิ ธภิ าพในการให้บริการแก่ผู้ประกอบกจิ การโรงงาน
5. ทฤษฎีและงานวิจยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
5.1 ทฤษฎี
การพยากรณ์ คือ การคาดการณถ์ ึงส่ิงใดส่งิ หน่ึงท่จี ะเกิดข้นึ ในช่วงเวลาในอนาคต และ
นาค่าพยากรณท์ ่ไี ด้น้ันมาใช้ประโยชน์ เพ่ือการตัดสนิ ใจใด ๆ โดยทว่ั ไปแล้วพยากรณ์จะถูกจัดแบ่ง
ตามหน้าท่ีหลัก ๆ ท่เี ก่ียวข้องเช่น ในด้านการผลิต (Production) : อุปสงค์ท่ีประมาณการไว้ถูก
นามาใช้เป็นข้อมูลในการดาเนินการต่าง ๆ ในฝ่ ายการผลิตคือการบริหารสินค้าคงคลังและการ
จัดซ้ือ เพ่ือมีวัตถุดิบพอเพียงในการผลิตและมีสินค้าสาเรจ็ รูปพอเพียงต่อการขาย ภายใต้ต้นทุน
สนิ ค้าคงคลังในระดับท่เี หมาะสม การบริหารแรงงาน โดยการจัดกาลังคนให้สอดคล้องกบั ปริมาณ
งานการผลิตท่พี ยากรณ์ไว้แต่ละช่วงเวลาการกาหนดกาลังการผลิต เพ่ือจัดให้มีขนาดของโรงงานท่ี
เหมาะสม มเี คร่ืองจักรอุปกรณ์หรือสถานีการผลิตท่เี พียงพอต่อการผลิต
การพยากรณ์โดยใช้รูปแบบอนุกรมเวลาจะเป็ นการพยากรณ์ข้อมูลในอนาคตจาก
ข้อมูลในอดีตเท่าน้ัน ตัวแปรอ่ืนๆจะไม่นามาพิจารณา ซ่ึงรูปแบบของข้อมูล (Data Pattern) มี
เทคนิคการพยากรณห์ ลายรูปแบบ แต่โดยปกติข้อมูลจะแบ่งได้ 5 รูปแบบ ดังน้ี
1. รูปแบบคงท่ี (Constant): ความต้องการไม่เปล่ียนไปตามเวลา
2. รูปแบบมีแนวโน้ม (Trend): ความต้องการเปล่ียนไปอย่างมที ศิ ทาง
3. รูปแบบฤดูกาล (Seasonal): ข้อมูลมีการเคล่ือนไหวข้ึน ๆ ลง ๆ ตามตาแหน่งของ
เวลา (จุดเวลา) โดยช่วงเวลาจะเป็นช่วงส้นั ๆ เช่น รายเดอื น รายไตรมาส เป็นต้น
4. รูปแบบวัฏจักร (Cyclical): ข้อมูลมีการเคล่ือนไหวข้ึนๆ ลงๆ ตามช่วงเวลาท่ี
แน่นอนข้อมูลท่เี กบ็ โดยมากจะเป็นรายปี และเกบ็ เป็นระยะเวลาท่ยี าว
5. รูปแบบสุ่มหรือไม่แน่นอน (Random, Irregular): ข้อมูลมีลักษณะการเคล่ือนไหว
อสิ ระจากเวลา
5.2 งานวิจัยท่เี ก่ยี วข้อง
จุมพล นาคมณี (2541) การศึกษาเร่ือง การพยากรณ์การตลาดรถยนต์น่ังในปี ค.ศ.
2000หรือ พ.ศ. 2543 เพ่ือทราบปริมาณความต้องการรถยนต์ใหม่ในปี ดังกล่าวโดยการศึกษา
ปัจจัยทางเศรษฐกจิ มหภาคท่สี ่งผลกระทบต่ออานาจซ้ือต่อปริมาณความต้องการรถยนต์น่ังต้ังแต่
อดีตจนกระท่งั ปัจจุบันซ่ึงผลการศึกษาพบว่าการเจริญเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ
(GROSS DOMESTICPRODUCT) การเติบโตของผู้มีงานทา (EMPLOYED PERSONS) และ
ระดับราคานา้ มันดิบ PETROLEUM PRICE) ส่งผลกระทบและเป็ นปัจจัยช้ีนาต่อแนวโน้มการ
เพ่ิมข้ึนหรือลดลงของปริมาณความต้องการรถยนต์น่ังมาโดยตลอด นอกจากน้ีจากการศึกษา
สภาวะแวดล้อมท่ีอาจส่งผลกระทบต่อการพยากรณ์ตลาดรถยนต์น่ังในปี พ.ศ. 2000 พบว่าการ
เพ่ิมระบบขนสง่ มวลชนขนาดใหญ่คือรถไฟฟ้ าธนายง รถไฟฟ้ ามหานคร และโครงการทางรถไฟฟ้ า
714
และถนนยกระดับโฮปเวลล์ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมาก ต่อความต้องการใช้รถยนต์น่ัง
ทาให้การสร้างสมการทานายหรือพยากรณ์ต้องดาเนินการ 2 ข้ันตอนคือ ข้ันตอนท่ี 1 นาข้อมูลใน
อดีตย้อนหลัง 5 ปี ต้ังแต่ปี ค.ศ. 1990 - 1994 มาเพ่ือสร้างสมการพยากรณ์โดยการใช้วิธกี าร
ทางสถิติท่เี รียกว่าการวิเคราะห์ถดถอยแบบพหุ (MULTIPLE REGRESSION) โดยใช้โปรแกรม
สาเรจ็ รูป SPSS PQ ในการสร้างสมการทานายหรือพยากรณ์ ข้ันตอนท่ี 2 ทาการศึกษาพฤติกรรม
ผู้บริโภค โดยวิธีการออกแบบสอบถามซ่ึงพบว่า การเปิ ด ใช้บริการของรถไฟฟ้ าโครงการต่าง ๆ
จะส่งผลกระทบต่อความต้องการรถยนต์น่ังในทิศทางลบ ซ่ึงผลการพยากรณ์ทาให้ทราบถึง
ปริมาณความต้องการในปี ค.ศ. 2000 เทา่ กบั 206,885 คัน มากข้ึนจากปี 1994 จานวนเทา่ กบั
51,215 คันคิดเป็ นเปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 32.90 ผลท่ีได้จากการพยากรณ์รถยนต์น่ังในปี ค.ศ.
2000 สามารถนา มาพิจารณาประกอบในการตัดสนิ ใจเพ่ิมกาลังการผลิตของผ้าใบไทร์คอร์ดของ
บริษัท สยามไทร์คอร์ด จากดั คือสามารถขยายกาลังการผลิตเพ่ิมข้ึน 30 ของการผลิตในปี ค.ศ.
1994 ตามภาวการณ์ขยายตัวเพ่ิมข้ึนของตลาดรถยนต์น่ังโดยเป็ นการผลิตเพ่ือจาหน่าย
ภายในประเทศและทดแทนการนาเข้า
เกษมศักด์ิ (2539) ได้นากระบวนการลาดับช้ันเชิงวิเคราะห์มาประยุกต์ใช้ในการ
เลือกทาเลท่ตี ้ังโรงงาน โดยปัจจัยท่ใี ช้ในการพิจารณาเลือกทาเลท่ตี ้ังโรงงาน ประกอบด้วย ปัจจัยท่ี
ตคี ่าเป็นเงนิ ได้ และปัจจัยท่ตี ีความเป็นเงินไม่ได้ โดยการศึกษาน้ีใช้การสอบถามความคดิ เหน็ เป็น
รายบุคคลของผู้บริหารบริษัท ตามแนวทางของกระบวนการลาดับช้ันเชิงวิเคราะห์ ผลการ
ประยุกต์ใช้ช่วยให้ผู้ตดั สนิ ใจสามารถแยกแยะความสาคญั ของปัจจัย ท่ใี ช้เป็นเกณฑก์ ารตดั สนิ ใจ
6. วิธีดาเนนิ งานวิจยั
6.1 รวบรวมของอุตสาหกรรมในกลุ่ม S-curve และ อุตสาหกรรม SME ต้ังแต่เดือน
มกราคม พ.ศ. 2557 - กนั ยายน พ.ศ. 2561 รวม 57 เดอื น โดยแบ่งข้อมูลออกเป็น 2 ชุด ชุดท่ี
1 คือข้อมูลต้ังแต่เดือนมกราคม 2557 ถึงเดือนธันวาคม 2560 จานวน 48 ค่า สาหรับศึกษา
วิธกี ารพยากรณ์อนุกรมเวลา 5 วิธี อกี ท้งั วิธพี ยากรณ์อนุกรมเวลา กม็ ีความเหมาะสมกบั ลักษณะ
ของการใช้ข้อมูลในอดีตมาหารูปแบบการพยากรณ์ค่าในอนาคต ผู้วิจัยจึงเลือกท่จี ะศึกษาวิธีการ
พยากรณ์อนุกรมเวลา 5 วิธีน้ี และเลือกวิธกี ารพยากรณ์ท่เี หมาะสมโดยการเปรียบเทยี บค่าความ
คลาดเคล่ือนของการพยากรณ์ได้
6.2 วิเคราะห์เชิงปริมาณด้วยการจัดลาดับความสาคัญของปัจจัย (Location Factor Rating)
ซ่ึงมีข้นั ตอนในการทางานดังน้ี
- กาหนดปัจจัยท่เี ก่ยี วข้องได้แก่
o ราคาท่ดี นิ
o ปัจจัยด้านการขนสง่
o ระบบสาธารณปู โภค
715
o ปัจจัยทางสงั คมและชุมชน
o ปัจจัยสทิ ธปิ ระโยชน์ท่ไี ด้รับในเขตอตุ สาหกรรม
- ให้นา้ หนักของแต่ละปัจจัยตามความสาคัญ ( Weight Factors 0.0-1.00)
- กาหนดช่วงคะแนนของแต่ละปัจจัย 1-10
- ให้คะแนนของแต่ละปัจจัยสาหรับแต่ละทางเลือก
- รวมคะแนนท่ถี ่วงนา้ หนักแต่ละทางเลือก และเลือกทางเลือกท่มี ีคะแนนถ่วงนา้ หนัก
สงู ท่สี ดุ
โดยทาการเกบ็ ข้อมูลต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องและสาคัญของทางเลือกภายใต้ปัจจัยต่างๆ
เพ่ือท่จี ะนามาพิจารณาเปรียบเทยี บว่าในแต่ละทางเลือกมีข้อดีข้อเสียอย่างไร จากการเกบ็ ข้อมูล
ของแต่ละปัจจัย
7. ผลการศึกษา
7.1 ผลการศึกษาการพยากรณ์โดยพิจารณาจากค่าเฉล่ียของค่าเฉล่ียเปอร์เซ็นต์ความ
คลาดเคล่ือนสัมบูรณ์ (MAPE) และค่าเฉล่ียของความเบ่ียงเบนสมบูรณ์ (MAD) ในช่วงเวลา
เดียวกนั ซ่ึงมีผลการวิเคราะห์เปรียบเทยี บค่าความคลาดเคล่ือนของตัวแบบพยากรณ์ท่ไี ด้ จากวิธี
พยากรณท์ ้งั 5 วิธี
ตารางที่ 1 ตารางการเปรียบเทยี บค่าความคลาดเคล่ือนของการพยากรณ์ท้งั 5 วิธี
วิธีการพยากรณ์ กล่มุ อุตสาหกรรม S-Curve กล่มุ อุตสาหกรรม SMES
MAPE MAD MAPE MAD
วิธคี ่าเฉล่ียเคล่ือนท่ี
MA=3 16.683 17.289 15.58 54.41
วิธี SES
วิธี DES 14.808 15.232 14.30 50.31
วิธี Winter 15.991 16.503 15.66 55.11
วิธี Decomposition 9.620 9.763 10.18 34.37
8.572 8.641 7.23 25.77
จากผลการพยากรณ์ท้ัง 5 วิธี สามารถเปรียบเทียบความคลาดเคล่ือนของการ
พยากรณ์ โดยใช้เกณฑ์พิจารณาค่า MAPE และค่า MAD ท่ตี ่าท่สี ดุ โดยจะพิจารณาท่ีค่า MAPE
ก่อน ถ้าหากมคี ่าเทา่ กนั จึงจะพิจารณาท่คี ่า MAD เป็นลาดบั ถัดไป ซ่ึงข้อมูลของกลุ่มอตุ สาหกรรม
716
S-Curve วิธพี ยากรณ์โดยวิธีแยกส่วนประกอบหรือ Decomposition มีค่า MAPE และ MAD ต่า
ท่ีสุด คือ 8.572 และ 8.641 และข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs มีค่า MAPE และ MAD ต่า
ท่สี ดุ คอื 7.23 และ 25.77 เช่นเดียวกนั
7.2 ผลการวิเคราะห์การเลือกทาเลท่ตี ้ังของกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs โดยใช้ Factor Rating
จากการเกบ็ ข้อมูลจากการสมั ภาษณ์โดยใช้แบบสอบถามแบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม คอื สว่ นของ
ผู้อนุมัติอนุญาต จากผู้บริหาร, ผู้เช่ียวชาญท่ีปฏิบัติงานเก่ียวข้องกับงานพิจาณาอนุญาตการต้ัง
โรงงาน และส่วนขอผู้ขอรับการอนุญาต หรือผู้ประกอบการ ดังน้ี ผู้อานวยการกอง, อานวยการ
กลุ่ม อายุราชการ 15 ปี ข้ึนไป, วิศวกร ระดับชานาญการพิเศษ อายุราชการ 15 ปี ข้ึนไป, ผู้
ประกอบกิจการโรงงานขนาด SMEs ท่ดี าเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 15 ปี รวมท้งั ส้นิ กลุ่มละ
30 คน ซ่ึงข้อมูลน้ีเป็นแหล่งข้อมูลท่เี ช่ือถอื ได้ เน่ืองมาจากเป็นผู้ท่มี ปี ระสบการณอ์ ย่างน้อย 15 ปี
ได้ผลการสารวจ จากน้ันทาการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนสาหรับแต่ละทาเลในแต่ละปัจจัยด้วย
เกณฑด์ ังน้ี
5 คะแนนสาหรับทาเลท่มี ีความเหมาะสมมากท่สี ดุ
4 คะแนนสาหรับทาเลท่มี ีความเหมาะสมมาก
3 คะแนนสาหรับทาเลท่มี ีความเหมาะปานกลาง
2 คะแนนสาหรับทาเลท่มี ีความเหมาะน้อย
1 คะแนนสาหรับทาเลท่มี ีความเหมาะน้อยท่สี ดุ
โดยสารวจจากกลุ่มบุคคลเดิมอีกคร้ังด้วยแบบสอบถามเพ่ือพิจารณาเลือกทาเลท่ตี ้ังท่ี
เหมาะสมกบั ปัจจัยน้ันๆ
ตารางที่ 2 ผลการประเมินเพอื่ หาน้าหนกั ของแต่ละปัจจยั
ปัจจัยในการตดั สนิ ใจ ความสาคญั มาก <-----> รวมคะแนน ค่านา้ หนัก
ความสาคัญน้อย
1 ปัจจัยราคาท่ดี นิ 54 3 21 250 0.230202578
2 ปัจจัยด้านการขนสง่ 15 40 5 0 0 208 0.191528545
3 ระบบสาธารณปู โภค 15 13 17 15 0 192 0.17679558
4 ปัจจัยทางสงั คมและชุมชน 10 10 22 18 0 148 0.136279926
0 10 8 42 0 288 0.26519337
ปัจจัยสทิ ธปิ ระโยชน์ท่ไี ด้รับในเขต
5 48 12 0 0 0
อุตสาหกรรม
717
ตารางที่ 3 ข้อมูลผลการสารวจความคดิ เหน็ ในการเลือกทาเลด้วยแต่ละปัจจัย
ปัจจัยในการตัดสนิ ใจ ค่านา้ หนัก ทาเลท่ี 1 ทาเลท่ี 2 ทาเลท่ี 3 ทาเลท่ี 4
65 33
1 ปัจจัยราคาท่ดี ิน 0.230202578 57 64 61 24
56 56
2 ปัจจัยด้านการขนส่ง 0.191528545 52 59 60 56
3 ระบบสาธารณปู โภค 0.17679558 50 56 59 45
4 ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการทางาน 0.136279926 63 62
ปัจจัยสทิ ธปิ ระโยชน์ท่ไี ด้รับในเขต 0.26519337 65 55
5
อตุ สาหกรรม
เม่อื ได้ค่าคะแนนของแต่ละทาเลด้วยปัจจัยต่างๆ จึงให้ค่านา้ หนักของแต่ละปัจจัย จาก
คะแนนหลังจากน้ันทาการถ่วงนา้ หนักท่ไี ด้ พบว่าสถานท่เี ป้ าหมายท่ี 3 นิคมอุตสาหกรรมนวนคร
เป็นทางเลือกท่ีดีท่ีสุด อย่างไรกต็ าม จะเหน็ ได้ว่า การให้คะแนนหรือนา้ หนักของแต่ละปัจจัยท่ี
เปล่ียนแปลงจะมีผลต่อการตัดสินใจ ดังน้ันการตัดสินใจเลือกท่ตี ้ังโดยการจัดลาดับความสาคัญ
ของปัจจัยจึงข้ึนอยู่กับวิจารณญาณของผู้ประกอบกิจการโรงงานในการทาการตัดสินใจเลือกด้วย
เช่นกนั
8. สรุปผลการวิจยั
8.1 การศึกษาการพยากรณ์ท้ัง 5 วิธีพบว่า วิธีพยากรณ์โดยวิธีแยกส่วนประกอบหรือ
Decomposition มีค่า MAPE และ MAD ต่าท่ีสุด คือ 8.572 และ 8.641 และข้อมูลกลุ่ม
อุตสาหกรรม SMEs มีค่า MAPE และ MAD ต่าท่สี ดุ คอื 7.23 และ 25.77 เช่นเดยี วกนั และจาก
การวิเคราะห์หาวิธีการพยากรณ์ท่ีเหมาะสมกับประเภทกลุ่มอุตสาหกรรมท้ังสองกลุ่มและนามา
พยากรณ์การต้ังโรงงานใหม่ เปรียบเทียบกับจานวนการต้ังโรงงานท่ีเกิดข้ึนจริง ต้ังแต่เดือน
มกราคม 2561 – ธันวาคม 2561 และผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลจากชุดข้อมูลเหน็ ว่ารูปแบบของ
ข้อมูลท้ังสองกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวมีรูปแบบเป็ นฤดูกาล เทคนิคการพยากรณ์ท่ีเหมาะสม
ได้ แก่เทคนิค Decomposition, Winters และ Regression ซ่ึงจากผลการพยากรณ์ เทคนิค
Decomposition ให้ค่า Error ต่าท่สี ดุ ซ่ึงสอดคล้องกบั ทฤษฎีท่กี ล่าวมา
8.2 การศึกษาได้ใช้เคร่ืองมือการจัดลาดับความสาคัญของปัจจัย (Location Rating Factor)
ซ่ึงเป็นวิธีท่ใี ช้การประเมินข้อมูลเชิงคุณภาพท่ไี ด้จากการสัมภาษณ์ผู้เช่ียวชาญและผู้ประกอบการ
เพ่ือวิเคราะห์ทาเลท่ีเหมาะสมท่ีสุดในการเลือกในการต้ังโรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs ซ่ึง
จากการดาเนินการศึกษาได้ผลดงั น้ี
ทาเลท่ี 1 นิคมอตุ สาหกรรมบางปะอนิ 57.74 คะแนน
ทาเลท่ี 2 นิคมอตุ สาหกรรมบางปู 58.97 คะแนน
ทาเลท่ี 3 นิคมอุตสาหกรรมนวนคร 60.37 คะแนน
ทาเลท่ี 4 นิคมอตุ สาหกรรมไฮเทค 41.44 คะแนน
718
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
จุมพล นาคมณี. (2541). การพยากรณก์ ารตลาดรถยนตน์ ง่ั ในปี ค.ศ. 2000หรือ พ.ศ. 2543
วิทยานิพนธบ์ ริหารธรุ กจิ มหาบัณฑติ . กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑติ
เจริญธรรม เหลืองประดิษฐ์. (2550). การพยากรณแ์ นวโนม้ ยอดขายของบริษทั หมวดธุรกิจ
การเกษตรทีจ่ ดทะเบียนในตลาดหลกั ทรพั ยแ์ ห่งประเทศไทย. สาขาการ ตลาด
สารนิพนธบ์ ริหารธรุ กจิ มหาบณั ฑติ . ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี
ศุภรัชชัย วรรัตน์. การจัดการการผลิต. เอกสารประกอบการเรียนการสอนสาขาวิชาการจัดการ
ทางวิศวกรรม.กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกจิ บัณฑติ ย.์
ธติ พิ ร สถานสถติ . (2549). การพยากรณเ์ ชงิ ปริมาณเพือ่ การจดั การสนิ คา้ คงคลงั : กรณศี ึกษา
บริษัท ออโรร่า การค้นคว้าอสิ ระปริญญาบริหารธุรกจิ มหาบัณฑติ . ปทุมธานี :
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี.
เชิดศักด์ิ การภักด.ี (2547). ปัจจยั ในการเลือกทีต่ งั้ ของผปู้ ระกอบการโรงงานอุตสาหกรรมขนาด
กลางในจงั หวดั ปทมุ ธานี วิทยานิพนธป์ ริญญาผังเมอื งมหาบัณฑติ บัณฑติ วิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พิษณุ ผุงประเสริฐย่ิง. (2541). วเิ คราะหป์ ัจจยั ทีม่ ีผลต่อการตงั้ โรงงานอุตสาหกรรมในและนอก
นิคมอุตสาหกรรม ในจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต บัณฑติ วิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศิลปากร
719
การศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการแกไ้ ขการตรวจรบั บา้ นในหมู่บา้ นจดั สรร
โดยประยกุ ตใ์ ชผ้ งั พาเรโตและผงั กา้ งปลา
กรณศี ึกษาโครงการ เพอรเ์ ฟค เพลส รามอินทรา-วงแหวน Exclusive Zone
Study of Problems and Solutions for the Inspection of Houses in the Village
By Applying the Pareto Diagram and the Cause & Effect Diagram:
Case study of Perfect Place Ramintra-Wongwaen project Exclusive Zone
ภูวนาถ สุทธารส1
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อานาจ ผดุงศิลป์ 2
บทคดั ย่อ
การศึกษาน้ีเป็นการศึกษาเพ่ือให้ทราบสาเหตุของปัญหาท่ที าให้เกิดข้อบกพร่องจาก
การตรวจรับบ้านในโครงการบ้านจัดสรร เพ่ือหาวิธแี ก้ไข ไม่ให้ข้อบกพร่องเหล่าน้ันเกิดข้ึนได้อีก
ท้งั ยังเป็นการสร้างมาตรฐานให้กบั โครงการ และประหยดั งบประมาณในการซ่อมแซมข้อบกพร่อง
ดงั กล่าวการศึกษาคร้ังน้ี ใช้โครงการของบริษัท พรอ๊ พเพอร์ต้ี เพอร์เฟค จากดั (มหาชน) โครงการ
เพอร์เฟค เพลส รามอนิ ทรา-วงแหวน ในการทาวิจัยโดยการใช้ 7QC Tools (7 Quality Control
Tools) เป็นเคร่ืองมือในการตรวจรับบ้านจากผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพ่ือ
นามาสรุปข้อบกพร่องท่ีเกิดข้ึนเป็ นประจาและทาเร่ืองส่งให้ฝ่ ายก่อสร้าง ดาเนินการแก้ไขเพ่ือ
ไม่ให้ข้อบกพร่องดงั กล่าวเกดิ ข้นึ อกี หรือให้มีปริมาณท่นี ้อยลง
หลังดาเนินการปรับปรุงข้อบกพร่อง ลดลงจากเดิมถึง 23.72% ของข้อบกพร่องท่ี
เกดิ ข้ึนหลังจากการปรับปรุง จานวนของข้อบกพร่องท่ีลดน้อยลง ได้แก่ งานวงกบประตู ลดลง 76%
งานผนังกระเบ้ือง ลดลง 52.5% และงานฝ้ า ลดลง 19% จึงทาให้เหน็ ว่าการลดลงของข้อบกพร่อง
จากการตรวจรับบ้านในหมู่บ้านจัดสรรโดยการใช้เคร่ืองมือควบคุมคุณภาพ 7QC Toolsน้ัน
สามารถควบคุมไม่ให้เกดิ ข้อบกพร่องได้เป็นอย่างดี
คาสาคญั : การตรวจรับบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรร , แผนภมู ิก้างปลา, เคร่ืองมือคุณภาพ 7
ชนิด
1 นักศึกษาหลักสตู รวศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการจดั การทางวิศวกรรม มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
2 ท่ปี รึกษาการศกึ ษารายบคุ คลหลกั
720
ABSTRACT
This Study. Is a study to determine the cause of the problem of home picked
defects in housing projects to find a solution not allowing those flaw to happen again, it also
creates standards for the project. And save the budget for repairing such defects This study
Use the company project Property Perfect PCL. Perfect Place Ramintra - Wongwaen Project
in conducting research by using 7QC Tools (7Quality Control Tools) as a tool to inspect
houses from construction supervisors in collecting data to summarize the defects that occur
on a regular basis and make matters to be construction department Take corrective actions to
prevent such defects from occurring again or to have fewer quantities.
After the defects reduced to 23.72%, of defects incurred after the update. The
number of defects is reduced include the bindings fell 76%, wall tiles fell 52.5% and the
ceiling down 19% of the process are reduced. Defects can be well controlled by using the
quality control tools of 7QC tools.
Keywords: Home inspection for housing projects, 7 QC Tools, Cause & Effect diagram
บทนา
ในปัจจุบันการเลือกซ้ือท่ีอยู่อาศัย ข้ึนอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตาแหน่งท่ีต้ังของ
โครงการว่าการเดินทางสะดวกสบาย อยู่ติดถนนใหญ่หรือมรี ถโดยสารสาธารณะผ่านหน้าโครงการ
หรือไม่ ส่ิงแวดล้อมภายในโครงการ ร่มร่ืนน่าอยู่อาศัย ถนนภายในโครงการมีขนาดความกว้าง
เหมาะสมและวัสดุท่นี ามาใช้ในโครงการเป็นวัสดุท่ีมีคุณภาพ เช่น กระเบ้ืองหลังคา ต้องมีความ
หนาไม่น้อยกว่า 6 มม.และมีติดต้ังฉนวนกันความร้อนภายใต้หลังคา สีภายนอกอาคารต้องมี
คุณสมบัตทิ นแดด ทนฝน และป้ องกนั เช้ือรา เป็นต้น
โดยปัญหาส่วนใหญ่ท่พี บในการตรวจรับงาน คอื ช่างผู้รับเหมาขาดความรู้และทกั ษะใน
การดาเนินการก่อสร้าง จึงเป็นสาเหตุหลักท่ที าให้เกิดข้อผิดพลาดในการตรวจรับงาน เช่น ปัญหา
พ้ืนกระเบ้ืองมคี วามไม่สม่าเสมอ สามารถแก้ไขได้โดย ทาความสะอาดพ้ืนก่อนและการปูกระเบ้ือง
ควรท้งิ ไว้อย่างน้อย 24 ช่ัวโมง เพ่ือให้ปูนกาวอยู่ตัวก่อนทาการยาแนว ปัญหาฝ้ าเพดานบริเวณ
รอยต่อไม่เรียบร้อยมีรอยแตก ควรแก้ไขโดยการ ทาความสะอาดพ้ืนผิว พร้อมทาการฉาบด้วย
เกรียง ขนาด 6 น้ิว ไม่น้อยกว่า 3 รอบ ท้งิ ไว้ 24 ช่ัวโมง จึงทาการขัดพ้ืนผิวด้วยกระดาษทราย
เป็นต้น ดังน้ันแล้วเราควรตะหนักถึงปัญหาเก่ียวกับมาตรฐานการสร้างบ้านของโครงการ เพ่ือให้
ผู้คนท่เี ข้ามาอยู่อาศัยในโครงการได้บ้านท่มี าตรฐานและมีคุณภาพท่สี ดุ
ฐาปนันดร์ เขียวสังข์ (2555) ได้ทาการทดลองลดของเสียท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการ
ผลิตบรรจุภัณฑพ์ ลาสติก โดยใช้เคร่ืองมือควบคุมคุณภาพ 7 QC Tool ในด้านการค้นหาสาเหตุและ
721
ปรับปรุงคุณภาพในกระบวนการผลิตต้งั แต่เดือนพฤศจิกายน 2553 ถงึ เดอื นกรกฎาคม 2554 ซ่ึง
ได้ทาการเกบ็ ข้อมูลโดยใช้ใบตรวจสอบ Check Sheet และแจกแจงปัญหาโดยใช้แผนภมู ิพาเรโต
และความถ่ีของการเกิดปัญหา เพ่ือแยกความสาคัญตามลาดับด้วยกฎ 80 : 20 ในการเลือกการ
แก้ไขส่วนท่ีมีของเสียมากท่ีสุด แล้วนามาวิเคราะห์แก้ไขปัญหาด้วยแผนภูมิก้างปลา Fish Bone
Diagram เพ่ือวางมาตรการแก้ไขปัญหาจากการระดมความคิด จากการแก้ไขและปรับปรุงสามารถลด
ของเสยี จากเดมิ 1.53 %ลดลงเหลือ 0.53 %
โสภิดา ท้วมมี (2550) ได้ทาการทดลองในกระบวนการผลิตพลาสติกพีวีซีแผ่น มี
ปริมาณของเสียประเภทเมด็ พีวีซีไม่หลอมละลายท่ีเกิดข้ึนบนผิวผลิตภัณฑ์ 54.66% ของปัญหา
ของของเสียทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,561,716 บาทต่อปี ทาให้เกิดการเกบ็
ผลิตภัณฑ์เข้าคลังเพ่ือรอการนากลับมาผลิตใหม่ ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตเพ่ิมมากข้ึน ดังน้ัน
ผู้ทาการวิจัยจึงมีวัตถุประสงค์ท่จี ะลดจานวนผลิตภัณฑ์ท่ีไม่ผ่าน ข้อกาหนดการตรวจสอบประเภท
เมด็ พีวีซีไม่หลอมละลายท่เี กดิ ข้นึ บนผิวผลิตภัณฑ์ โดยประยุกต์ใช้หลักการออกแบบการทดลอง เพ่ือ
ศึกษาอิทธิพลของปัจจัยท่ีน่าจะมีผลต่อการเกิดเมด็ พีวีซีไม่หลอมละลายท่ีเกิดข้ึนบนผิวผลิตภัณฑ์
และเพ่ือหาสภาวะท่ีเหมาะสมด้วยเทคนิคพ้ืนผิวตอบสนอง ผลจากการวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า ท่ี
อุณหภมู ิในการหลอม PVC Compound ท่ี Mixing Rolls 180 องศาเซลเซียส และปริมาณเศษ
พีวีซีแผ่นท่ีนากลับมาหลอมใหม่ท่ี Mixing Rolls 30 กิโลกรัม/Batch จะทาให้ ค่าจานวน
จุดบกพร่องประเภทเมด็ พีวีซีที่ไม่หลอมละลายที่เกิดข้ึนบนผิวผลิตภัณฑ์ 1 ตารางเมตร อยู่
ในช่วงท่ตี ้องการ คือไม่เกิน 10 จุดต่อตารางเมตร ซ่ึงทาให้สามารถลดจานวนผลิตภัณฑ์ท่ไี ม่ผ่าน
ข้ อกาหนดการตรวจสอบประเภทเม็ด พีวีซีไ ม่ห ล อ ม ล ะ ล า ย ที่เ ก ิด ข้ึ น บ น ผิวผลิ ตภัณฑ์ลงได้
73.08 %
ธนวรรณ อัศวไพบูลย์ (2554) ได้ทาการทดลองเพ่ือลดจานวนของเสียท่ีเกิดจาก
กระบวนการชุบแขง็ ช้ินงานเบรครถจักรยานยนต์ จากการผลิตเดมิ มีช้ินงานเสยี เกดิ ข้นึ จานวนมาก จึงได้
ทาการรวบรวมข้อมูลปริมาณของเสีย และศึกษากระบวนการผลิต พบว่าช้ินงานเสียเกิดข้ึน
ท้ังหมดเฉล่ียเดือนละ 23,426 ช้ิน จากปริมาณการผลิตท้งั หมด 231,761 ช้ิน โดยเป็นของเสีย
ท่เี กดิ จากกระบวนการชุบแขง็ จานวน 8,417 ช้ิน คิดเป็น35.93% จากปริมาณของเสยี ท้งั หมด จึงได้
นาเคร่ืองมือควบคุมคุณภาพ 7 ชนิด ซ่ึงในการวิจัยน้ีใช้เคร่ืองมือ 3 ชนิด คือ ใบตรวจสอบ กราฟ
และแผนผังเหตุและผล สาหรับการวิเคราะห์สาเหตุและการแก้ไขปัญหา พบว่า สาเหตุของเสีย
เกิดจากตะกร้าท่ีใส่ช้ินงาน เม่ือผ่านกระบวนการชุบแขง็ แล้ว ตะกร้าจะห่อตัวหรือบิดเบ้ียว ทาให้
ช้ินงานกระทบ เบียด และเกิดเป็นรอย โดยตะกร้าเก่าใส่ช้ินงานได้คร้ังละ 640 ช้ิน จะได้ช้ินงานดี
450 ช้ิน ช้ินงานเสีย 190 ช้ิน จึงเสนอแนวทางในการปรับปรุง คือ การออกแบบและสร้างตะกร้าให้มี
ความแขง็ แรงเหมาะสมกับช้ินงานและใส่ช้ินงานได้คร้ังละ 530 ช้ิน เม่ือนาตะกร้าใหม่ไปใช้งาน
พบว่า ช้ินงานท่ผี ่านกระบวนการชุบแขง็ แล้ว ตะกร้าไม่มีการห่อตัวหรือบิดเบ้ียว จึงไม่เกิดช้ินงาน
722
เสยี ถือว่าสามารถลดช้ินงานเสยี จากกระบวนการชุบแขง็ ได้ 100% และสามารถเพ่ิมช้ินงานดี 80 ช้ิน
ต่อคร้ังของการชุบแขง็ โดยมีประสทิ ธภิ าพเพ่ิมข้นึ 17.8%
วีระเทพ ไตรรงค์ (2557) ศึกษาเร่ืองการลดของเสียในกระบวนการพ่นสีเหล็กด้วย
เทคนิค เอฟเอม็ อเี อ กรณีศึกษา : บริษัทโกลด์ เพรส อินดรัสดรี จากัด โดยมีเป้ าหมายคือ การ
ลดอัตราของเสียท่ีเกิดข้ึนให้ต่ากว่า 5% โดยใช้หลักการของพาเรโตจาแนกปัญหา แล้วทาการค้นหา
ต้นเหตุของปัญหาด้วยแผนภาพแสดงเหตุและผล พร้ อมวิเคราะห์หาแนวโน้มสาเหตุลักษณะ
ข้อบกพร่อง และผลกระทบ ทาการประเมินความรุนแรง คะแนนโอกาสการเกิดข้อบกพร่องและ
คะแนนตรวจจับของปัญหา พบว่ามีเร่ืองท่ตี ้องปรับปรุง 6 เร่ือง โดยหลังปรับปรุงสามารถลดระดับ
ของเสยี จาก 10.9% ลดลงเหลือ 4.83% ซ่ึงบรรลุตามเป้ าหมายท่ตี ้ังไว้
ธนกฤษ ซุ่นเซ่ง (2556) ได้จัดทากรณีศึกษาเก่ียวกับการลดของเสียในกระบวนการ
ฉีดพลาสติก กรณีศึกษา: ของเสียประเภทจุดดา โดยมีเป้ าหมายเพ่ือลดของเสียประเภทจุดดาท่ี
เกิดข้ึนในกระบวนการฉีดพลาสติก โดยใช้เคร่ืองมือควบคุมคุณภาพ 7 ชนิด โดยใช้ใบตรวจสอบ
ทาการเกบ็ รวบรวมข้อมูลจานวนของเสียจากกระบวนการผลิต เพ่ือแจกแจงปัญหา แสดงความถ่ี
ของปัญหาเพ่ือแยกความสาคัญ ด้วยแผนภมู ิพาเรโต โดยใช้กฎ 80:20 ในการเลือกส่วนท่ีมีของเสีย
มากท่ีสุด มาวิเคราะห์ด้วยแผนภูมิก้างปลา เพ่ือวางแผนและดาเนินการปรับปรุง โดยผลการ
ดาเนินงาน พบว่าสามารถลดการเกิดของเสียประเภทจุดดาจากเดิม 0.23% ลดลงเหลือ 0.07%
คิดเป็นมูลค่า 1,175,906.16 บาทต่อปี
จากผลงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องต่าง ๆ ทาให้สรุปได้ว่า การนาเทคนิค 7QC Tools มา
ปรับปรุงงานต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต สามารถช่วยลดของเสยี และปรับปรุงประสิทธิภาพการ
ทางานได้ โดยส่วนมากการใช้เทคนิค 7QC Tools จะใช้ในส่วนของภาคการผลิตในโรงงาน
อุตสาหกรรม แต่ในการศึกษาน้ี ผู้วิจัยได้นาเทคนิคดังกล่าวมาปรับใช้เพ่ือแก้ปัญหาในการลด
ข้อบกพร่องของการตรวจรับบ้านในหมู่บ้านจัดสรร โดยใช้ใบตรวจสอบ (Check Sheet) ทาการ
เกบ็ รวบรวมข้อมูลจานวนของข้อบกพร่องของการตรวจรับบ้าน เพ่ือแจกแจงปัญหา แสดงความถ่ี
ของปัญหาเพ่ือแยกความสาคัญ ด้วยแผนภมู ิพาเรโต โดยใช้กฎ 80:20 ในการเลือกส่วนท่ีมีของ
เสยี มากท่สี ดุ มาวิเคราะห์ด้วยแผนภมู ิก้างปลา เพ่ือวางแผนและดาเนินการปรับปรุง
วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั
1. เพ่ือลดข้อบกพร่องในการตรวจรับบ้านสาหรับโครงการ เพอร์เฟคเพลส รามอินทรา-
วงแหวน
723
ขอบเขตงานวิจยั
1. ศึกษาและหาสาเหตุของปัญหาท่ที าให้เกิดข้อบกพร่องจากการตรวจรับบ้านในโครงการ
หมู่บ้านจัดสรร โครงการ เพอร์เฟคเพลส รามอินทรา-วงแหวน โดยใช้ผังพาเรโต (Pareto
Diagram) และผงั เหตุและผล (Cause & Effect Diagram) เป็นเคร่ืองมอื ในการศึกษา
2. ศึกษาและหาสาเหตุของปัญหาในโครงการหมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รามอนิ ทรา-วงแหวน
จานวน 10 หลัง พ้ืนท่รี วมประมาณ 2,280 ตารางเมตร
วิธีการดาเนนิ งานวิจยั
จากการศึกษาเพ่ือหาสาเหตุและข้อบกพร่องในการตรวจรับบ้าน โดยใช้ผังพาเรโต
(Pareto Diagram) และหาสาเหตุของปัญหาโดยใช้ผังเหตุและผล (Cause & Effect Diagram)
โดยศึกษาปัญหาในโครงการหมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รามอนิ ทรา-วงแหวน จานวน 10 หลัง พ้ืนท่ี
รวมประมาณ 2,280 ตารางเมตร จากภาพท่ี 1 แสดงข้ันตอนการดาเนินงานวิจัย
ภาพที่ 1 แสดงข้นั ตอนการทาวิจัย
724
เครือ่ งมือทีใ่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
จากภาพท่ี 2 เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเลือกใช้ Check Sheets ในการ
ปฎิบัติงานจริงภายในบริษัท เป็นการเกบ็ ข้อมูลอย่างง่าย โดยใช้ใบตรวจสอบงานและลักษณะของ
ข้อบกพร่อง รวบรวมข้อมูลข้อบกพร่องในบ้านแต่ละหลัง และนาข้อมูลท่ีเกบ็ ได้มาใช้ร่วมกันกบั
โปรแกรม Microsoft Excel จะทาให้เหน็ ข้อมูลของข้อบกพร่องได้อย่างชัดเจน
ภาพที่ 2 ตวั อย่างใบตรวจสอบงานและลักษณะข้อบกพร่อง
ภาพที่ 2 Check Sheets ในการเกบ็ ข้อมูล
725
วิเคราะหห์ าสาเหตุและแนวทางแกไ้ ขปรบั ปรุง
เลือกระบุสาเหตุโดยใช้ผังพาเรโตเพ่ือดูว่าปัญหาใดเป็นปัญหาท่สี าคัญท่สี ุดและปัญหา
ใดเป็ นปัญหารองลงไปตามลาดับ เพ่ือท่ีได้แก้ไขส่ิงท่ีสาคัญกว่า ทาการวิเคราะห์หาสาเหตุท่ีมี
อิทธิพลต่อการเกิดปัญหาเพ่ิมเติมโดยรวบรวมจากปัญหาท่ีได้เกิดข้ึนมาในอดีตว่าสาเหตุใดที่ส่ง
ผลกระทบต่อการเกิดข้อบกพร่องซ่ึงเป็ นปัญหาในการตรวจรับบ้านมากท่ีสุด โดยนาเสนอ
ผ่านทางผังแสดงเหตุและผล Cause & Effect Diagram ซ่ึงโดยท่วั ไปสาเหตุท่เี กิดข้นึ จะเกิดจาก
4M คอื คน เคร่ืองจักร วัตถุดบิ และวิธกี าร
Man Machine
เครื่องจกั รมีอายมุ าก
ขาดการดูแลต่อเนื่อง
การควบคุมคุณภาพวตั ถุดิบ ไม่ปฏิบตั ิตามข้นั ตอน
เลือกใชว้ ตั ถุดิบผดิ Method
ประเภท
Material
ภาพที่ 3 ผงั แสดงเหตแุ ละผลแสดงสาเหตุของปัญหาการเกดิ ข้อบกพร่องในการตรวจรับบ้าน
จากแผนภาพท่ี 3 สามารถค้นหาสาเหตุท่มี ีต่อผลกระทบต่อการเกิดข้อบกพร่องซ่ึงเป็น
ปัญหาในการตรวจรับบ้าน เกดิ จาก4M คือ คน เคร่ืองจักร วัตถุดิบ และวิธกี าร ท้งั น้ีเน่ืองจากสาเหตุ
ท่คี ้นพบในกระบวนการคือคน ขาดประสบการณ์ และในบางคร้ังกท็ างานในขณะท่ีสภาพร่างกาย
ไม่พร้อม เคร่ืองจักร มอี ายุใช้งานท่มี ากและขาดการดูแลอย่างสม่าเสมอ วัสดุ ขาดการควบคุมคุณภาพ
หรือเลือกใช้วัสดุผิดประเภท และขาดการปฏบิ ัติงานท่เี ป็นลาดับ เป็นข้ันเป็นตอนตามแผนงานการ
ทางาน
จากการวิเคราะห์หาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา และป้ องกนั เพ่ือลดข้อบกพร่อง
ในการตรวจรับบ้าน สามารถสรุปได้ในตารางท่ี 1
726
ตารางที่ 1 สาเหตุของปัญหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและวิธปี ้ องกนั
สาเหตุของปัญหา แนวทางการแกไ้ ขและวิธีป้ องกนั
ความรู้พ้ืนฐานทกั ษะการ ควรมีการจัดอบรมก่อนเข้าทางานเพ่ือให้มีประสิทธิภาพ ในการ
ทางานและประสบการณ์ ทางานและให้ความรู้เพ่ิมเติมทุก 6 เดือน เพ่ือให้ช่างได้รับ
ความรู้ใหม่ ๆ เพ่ือนามาใช้ในการปฏบิ ัติงาน นอกจากน้ีควรจะมี
วัสดุไม่ได้คุณภาพ การทดสอบ ช่างทุก ๆ 3 เดือน เพ่ือเป็ นการประเมินผลและ
กระต้นุ ให้ช่างมีความกระตอื รือร้นในการปฏบิ ัติงานอยู่ตลอดเวลา
ไม่ปฏบิ ัตติ ามข้นั ตอนการ ควรทาการตรวจสอบวัสดุทุกคร้ังก่อนท่จี ะนาไปใช้ และควรจัด
ทางาน ให้มกี ารทาสโตร์เกบ็ ของเพ่ือป้ องกนั วัสดุจากแสงแดด ความช้ืน
วางและมีป้ ายบ่งช้ีตามชนิดของวัสดุ เพ่ือสะดวกในการหาหรือ
ขนย้าย
ทาคู่มือการปฏบิ ัติงานเพ่ือให้พนักงานได้ทาตามคู่มือ หรือหาก
เกดิ กรณีท่ไี ม่ได้ระบุไว้ในคู่มือให้หัวหน้างานใช้วิธกี ารแก้ปัญหา
เป็ นกรณีไป แล้ วให้ จดบันทึกถึงกรณีตามปัญหาเพ่ือเป็ น
กรณีศึกษาต่อไป
นอกจากการแก้ไขปัญหาและวิธกี ารป้ องกนั ตามตารางท่ี 1 แล้ว ยงั ได้กาหนดข้ันตอน
และวิธกี ารทางานของงานท้งั 3 งานท่เี กดิ ข้อผิดพลาดไว้ดังตารางท่ี 2
ตารางที่ 2 ข้นั ตอนและวิธกี ารทางาน
งาน ข้นั ตอนและวิธีการทางาน
1.งานติดต้ังวงกบ 1.1 การติดต้งั วงกบแบบเปี ยก
ประตู - นาวงกบมาประกอบ โดยใช้สกรูยึด ประกอบไม้ยึดด้านในเพ่ือ
ป้ องกันรอยย่นยึดไม้แบบก่อสร้างคา้ ยันวงกบแล้วพันเข้ากับเหลก็ เสา
เอน็ เทปูนทบั หลังวงกบ รอปูนแขง็ ตวั
1.2 การตดิ ต้งั วงกบแบบแห้ง
- นาวงกบท่ปี ระกอบ ยึดกบั ขอบคอนกรีตด้วยสกรูเบอร์ 10 ยาว 3 น้ิว
ยดึ ทุกระยะห่างประมาณ 40-50 cm โดยเจาะตดิ บานพับประตู
2.งานกระเบ้ืองผนัง 2.1.การเตรียมพ้ืนผวิ
- พ้ืนผวิ ต้องได้ระดับ สะอาด แห้ง และการดูดซึมนา้ อยู่ในระดบั ปกติ
- ถ้าพ้ืนผวิ เป็นผนังปูนฉาบใหม่ ควรใช้เวลาบ่มตามมาตรฐาน
727
งาน ข้นั ตอนและวิธีการทางาน
3. งานฝ้ า - กาจัดเศษวัสดุต่างๆ ท่ตี ดิ อยู่ตามพ้ืนผวิ ออกให้หมด
- ถ้าพ้ืนผวิ มีความพรุนมากต้องทาให้พ้ืนผิวน้ันเปี ยกชุ่มการปูกระเบ้ือง
2.2.การเตรียมกระเบ้ือง
- ห้ามนากระเบ้ืองมาแช่นา้ จะทาให้การยึดเกาะของกาวซีเมนต์ลดลง
- ทาความสะอาดกระเบ้ือง เช่น เอาผงปูนหรือฝ่ ุนละอองท่อี อกให้หมด
2.3.การใช้งาน
- ปาดกาวซีเมนต์ด้วยเกรียงใบโพธ์ิ ใช้เกรียงหวีปาดบนพ้ืนผวิ เกล่ียให้
ทว่ั
- ปูกระเบ้ืองลงบนกาวซีเมนต์ ใช้ค้อนยางเคาะบนกระเบ้ืองให้ท่วั
- ถ้าแผ่นกระเบ้ืองเลอะกาวซีเมนต์ ควรเชด็ ออกด้วยฟองนา้
- ท้งิ ไว้ประมาณ 24 ช่ัวโมง ให้กาวซีเมนต์แห้งสนิท ก่อนทาการยาแนว
2.4.ข้อแนะนาสาหรับการยาแนว
- เพ่ือป้ องกนั การร่ัวซึมของนา้ ควรเว้นร่องยาแนวอย่างน้อย 1.5mm
3.1.ตรวจสอบพ้ืนท่กี ารตดิ ต้ัง ไม่ให้มีร่องรอยการร่ัวซึมหรือมคี วามช้ืน
3.2.ตรวจสอบการติดต้งั งานระบบอ่นื
- มีการติดต้ังถูกต้องและได้ผ่านการทดสอบการทางานของระบบแล้ว
- การตดิ ต้งั ระบบแขวนรับนา้ หนักของงานระบบต่างๆ ต้องแยก
ต่างหาก
3.3 ตรวจสอบพ้ืนท่กี ารติดต้ัง มีความม่นั คง ไม่เคล่ือนตัว
3.4 การติดต้ังระบบฝ้ าเพดานฉาบเรียบ
- กาหนดจุดแขวนชุดรับนา้ หนักทุกระยะ 1.2m. ตามแนวโครงหลัก
- ตดิ ต้งั ฉากยดึ ท้องพ้ืนโดยใช้พุกเหลก็ โดยมีระยะห่าง 1.2m.
- ติดต้ังโครงซีลายน์ เป็นโครงหลัก มรี ะยะห่างไม่เกนิ 1.2m. โครง
หลักตวั ริมห่างผนังไม่เกนิ 30 cm.
- ตดิ ต้ังแผ่นยปิ ซ่ัมด้วยเคร่ืองยิงสกรู ให้หัวสกรูจมในระดบั ท่เี หมาะสม
- การฉาบรอยต่อและหัวสกรู จะต้องได้ระดับเสมอกนั ไม่ควรเกนิ
1mm.
- ช่องว่างของรอยต่อแผ่นต้ังแต่ 3mm. จะต้องอดุ ช่องว่างด้วยปูนฉาบ
- รอให้แห้งสนิท 24ช่ัวโมง แล้วขัดด้วยกระดาษทรายละเอยี ด
ประมาณเบอร์2หรือเบอร์3
728
ผลการดาเนนิ งานตามแนวทางการแกไ้ ขปรบั ปรุง
จากแนวทางการดาเนินการแก้ไขปรับปรุงได้ดาเนินการท้งั หมดในกระบวนการกอ่ สร้าง
จากภาพท่ี 4 แท่งกราฟบอกถึงจานวนข้อบกพร่องท่ีเกิดข้ึน โดยมีข้อบกพร่องท่ีเกิดข้ึนท้ังหมด
จานวน 1,480 ข้อ เป็นข้อบกพร่องท่เี กิดข้ึนในช่วงเดอื น กรกฎาคม ถงึ เดือน กนั ยายน 2561 ใน
ภาพท่ี 5 หลังจากได้ทาการหาสาเหตุพร้ อมทาการแก้ไขปรับปรุง แท่งกราฟบอกจานวน
ข้อบกพร่องท้ังหมดในช่วงเดือน ตุลาคม ถึงเดือน ธันวาคม 2561 จานวน 1,129 ข้อ เม่ือนา
ข้อมูลมาเปรียบเทยี บกนั ในภาพท่ี 6 จะพบว่าข้อบกพร่องในช่วงเดอื น ตุลาคม ถึงเดือน ธนั วาคม
2561 ลดลงอย่างเหน็ ได้ชัดโดยกราฟเส้นแรกกล่าวถึงก่อนทาปรับปรุงและกราฟเส้นท่ี 2 คือเส้น
หลังทาการปรับปรุง จานวนข้อบกพร่องท่ีลดลงอย่างชัดเจนคือ งานวงกบประตู ก่อนปรับปรุง
จานวน 225 ข้อ และหลังปรับปรุงลดลงเหลือ 54 ข้อ หรือเทา่ กับ 76% และจานวนข้อบกพร่อง
ท้งั หมดท่เี กดิ ข้นึ หลังทาการปรับปรุงสามารถลดลงได้ถึง 351 ข้อ หรือเทา่ กบั 23.72%
ภาพที่ 4 แสดงประเภทชนิดของข้อบกพร่องในการตรวจรับบ้าน ในช่วงเดอื น กรกฎาคม ถึง
เดือน กนั ยายน 2561
729
180 169 วงกบประตู
162 ผนงั กระเบ้ือง
ฝ้า
160 ผนงั ปนู
146 พ้ืนlaminate
พ้ืนกระเบ้ือง
140 วงกบหนา้ ตา่ ง
ผนงั wallpaper
120 110 110 วสั ดุวงกบหนา้ ตา่ ง
102 ไฟฟ้า
91 อื่นๆ
100 81
80 62
60 54 42
40
20
0
1
ภาพที่ 5 แสดงประเภทชนิดของข้อบกพร่องในการตรวจรับบ้าน ในช่วงเดอื น ตุลาคม ถึงเดอื น
ธนั วาคม 2561
เปรียบเทียบก่อน - หลงั ปรับปรุง
250
200
150
100
50
0
ก่อนปรับปรุง หลงั ปรับปรุง
ภาพที่ 6 กราฟเปรียบเทยี บจานวนข้อบกพร่องในช่วงก่อนปรับปรุงและหลังปรับปรุง
730
สรุปผลการศึกษา
ได้ทาการศึกษาเพ่ือค้นหาสาเหตุของปัญหา โดยใช้ผังเหตุและผล พบว่าข้อบกพร่องท่เี กดิ
จากการตรวจรับบ้านในหมู่บ้านจัดสรรได้เกิดข้ึนเกิดจาก คน ท่ีขาดความรู้พ้ืนฐานด้านการ
ดาเนินงาน ทกั ษะการทางาน และประสบการณ์การทางาน สภาพร่างกาย และความละเอียดรอบคอบ
เป็ นส่วนมาก ซ่ึงผู้วิจัยได้ทาการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาท่ีเกิดข้ึนในหมู่บ้านจัดสรรและ
วางแผนแนวทางในการแก้ไข หลังจากการปรับปรุง จานวนของข้อบกพร่อง มีจานวนท่ีลดน้อยลง
โดยลดลงจากเดิม 23.72 % ของข้อบกพร่องท่ีเกิดข้ึนท้ังหมด โดยงานวงกบประตู ลดลง 76% งาน
ผนังกระเบ้ือง ลดลง 52.5% และงานฝ้ า ลดลง 19% จึงทาให้เหน็ ว่าการลดลงของข้อบกพร่องจาก
การตรวจรับบ้านในหมู่บ้านจัดสรรโดยการใช้เคร่ืองมือควบคุมคุณภาพ 7QC Tools น้ันสามารถ
ควบคุมไม่ให้เกดิ ข้อบกพร่องจานวนมากได้เป็นอย่างดี
ขอ้ เสนอแนะในการศึกษาต่อไป
จากการศึ กษาสภาพปั ญหาและแนวทางการแก้ ไขของการตรวจรั บบ้ านในหมู่บ้ าน
จัดสรร ในงานวิจัยน้ีท่ีพบว่ามีปัญหาท่ี คน มาเป็ นปัญหาหลัก แต่ในส่วนของปัญหาท่ีเกิดจาก
สาเหตุอ่ืนเช่น เคร่ืองจักร วัสดุ หรือข้ันตอนการทางานน้ัน กย็ ังสามารถนาเคร่ืองมือควบคุม
คุณภาพมาประยุกตใ์ ช้เพ่ือเป็นแนวทางในการลดข้อบกพร่องในสว่ นของงานอ่นื ๆต่อไป
731
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
ฐาปนันดร์ เขียวสงั ข.์ (2555). การลดของเสยี ในกระบวนการผลิตการข้นึ รูปบรรจภุ ณั ฑพ์ ลาสติก.
(วิทยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑติ ) กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกจิ บัณฑติ ย์.
ธนกฤษ ซุ่นเซ่ง. (2556). การลดของเสียในกระบวนการพ่นสีเหล็กดว้ ยเทคนิคเอฟเอ็มอีเอ:
กรณีศึกษา บริษัท โกลด์ เพรส อินดัสตรี จากัด. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต)
กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑติ ย์.
ธนวรรณ อศั วไพบูลย์. (2554). การประยกุ ต์ใชเ้ ครือ่ งมือคณุ ภาพเพือ่ ลดปริมาณฟิ ลม์ เสียในงาน
ห่อแพ็คโหล กรณีศึกษา: โรงงานผลิตน้าดื่มบรรจุขวด การประปานครหลวง .
(วิทยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑติ ) กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บัณฑติ ย.์
วีระเทพ ไตรรงค์. (2557). การลดของเสียในกระบวนการพ่นสีเหลก็ ด้วยเทคนิคเอฟเอม็ อีเอ :
กรณีศึกษา บริษัท โกลด์ เพรส อินดัสตรี จากัด. (การค้ นคว้ าอิสระปริญญา
มหาบัณฑติ ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงธญั บุรี.
โสภิดา ท้วมมี. (2550). การลดปริมาณของเสียในกระบวนการผลิตพลาสติกแผ่นโดยการ
ประยุกต์ใชก้ ารออกแบบการทดลอง กรณีศึกษา บริษทั ในอุตสาหกรรมผลิตพลาสติก.
(วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต) กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
พระนครเหนือ.
732
การลดค่าใชจ้ ่ายการขนส่งโดยการจดั เสน้ ทางพาหนะทีเ่ หมาะสม
สาหรบั การติดต้งั อปุ กรณร์ บั -ส่งสญั ญาณโทรศพั ท์
Reducing Transportation Costs by Appropriate Routing Vehicles
for Installation of Telephone Transmitters.
รชั ฎ์ สายหยดุ *
ผศ.ดร.ศุภรชั ชยั วรรตั น*์ *
บทคดั ยอ่
งานวิจัยน้ ีมีวัตถุประสงค์เพ่ื อศึกษาหาแนวทางการลดค่า ใช้ จ่ายการขนส่งอุปกรณ์
สาหรับการติดต้ังอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์ ของบริษัท อิริคสัน ไทยแลนด์ ด้วยการจัด
เส้นทางยานพาหนะด้วยวิธีการประหยัด Clarke and Wright (1964) และใช้รถบรรทุกขนาด 6
ล้อในการขนส่งอุปกรณ์สาหรับการติดต้ัง โดยมีคลังสินค้ากลาง 1 แห่ง ท่ีนิคมอุตสาหกรรม
นวนคร อาเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (Single Depot) ผู้วิจัยได้ทาการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า
ค่าใช้จ่ายการขนส่งอุปกรณ์ข้ึนอยู่กบั จานวนสถานีท่จี ะต้องติดต้ังในแต่ละสัปดาห์ซ่ึงการติดต้ังใน
แต่ละสัปดาห์มีจานวนสถานีท่ีไม่เท่ากัน และไม่แน่นอน เปล่ียนไปตามความเหมาะสมในแต่ละ
ราย (Vehicle Routing Problem with Stochastic Demands: VRPSD) และการคานวณหาเส้นทาง
การขนส่งอุปกรณ์จะแตกต่างกันตามสถานท่ีท่ีต้องไปส่งของ โดยจานวนอุปกรณ์ท่ีต้องขนส่ง
ท้งั หมดมีจานวน 7,975 ชุด นับต้ังแต่วันท่ี 1 มิถุนายน 2561 จนถึงวันท่ี 31 ธันวาคม 2561
รวมท้ังหมด 31 สัปดาห์ ได้จานวนเส้นทางท้ังหมด 376 เส้นทาง จากน้ันนาเส้นทางท่ีได้มา
คานวณเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งอุปกรณ์ โดย 1 เส้นทางเร่ิมต้นท่รี าคา 3,500 บาท สาหรับการ
ใช้รถบรรทุก 6 ล้อขนส่งอุปกรณ์ภายในเขตกรุงเทพ และบริเวณใกล้เคยี ง ซ่ึงระยะทางไม่เกนิ 300
กโิ ลเมตร และมกี ารเพ่ิมเติมในกรณีท่ตี ้องไปส่งอปุ กรณ์เกนิ 2 จุดข้นึ ไป โดยคดิ ราคาเพ่ิมเติม จุด
ละ 600 บาท และค่าใช้จ่ายสาหรับคนขนของในแต่ละรอบ รอบละ 2,000 บาท ซ่ึงค่าใช้จ่ายใน
การขนสง่ โดยการจัดเส้นทางพาหนะท่เี หมาะสมรวมท้งั หมดเทา่ กบั 2,305,600 บาท เปรียบเทยี บ
กบั ค่าใช้จ่ายแบบเดิมท่ผี ู้รับเหมารายย่อยเข้าไปรับอุปกรณ์สาหรับการติดต้ังเองท่คี ลังสินค้า ราคา
ชุดละ 1,000 บาท รวมท้งั หมดจะได้เท่ากบั 7,975,000 บาท เทา่ กบั ว่าลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
อปุ กรณ์ลง 5,669,400 บาท หรือเทา่ กบั 71.09 %
* นักศกึ ษาหลักสตู รวศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการจัดการทางวศิ วกรรม มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
** ท่ปี รกึ ษาการศกึ ษารายบุคคลหลัก
733
ABSTRACT
This document focuses on the method to reduce the transportation cost for
telephone transmitters installation equipments of Ericsson Thailand by using The Saving
algorithm of Clarke and Wright method (1964) in order to calculate the transportation route
of 6 wheels truck. From the collective data, there is 1 central warehouse at Nava Nakorn
Industrial Estate, Khlong Luang District Pathum Thani Province ( Single Depot). The
researcher have analyzed and found that the cost of equipment transportation depend on the
amount of installed stations that have to be done in each week, which are uncertainly (Vehicle
Routing Problem with Stochastic Demands: VRPSD). To calculate equipment transportation,
the researcher used 7,975 sets recorded from 1st Jun 2018 to 31st December 2018 or 31
weeks and found 376 routes in total, then used them to calculate transportation expense as
3,500 baht per route for 6 wheels truck which is not more than 300 kilometers in Bangkok
and metropolitan area. There will be an extra cost for multiple stops as 600 bath each and
also 2,000 baht per manpower. The appropriate amount of transportation cost compare with
traditional cost that uses sub-contractor to pick up the installation equipment at the warehouse
as 1,000 baht per set are 2,305,600 baht and 7,975,000 respectively. From the document,
the researcher found that selected method can reduce transportation cost at 5,669,400 baht
or 71.09%.
1. บทนา
บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จากัด ได้รับมอบหมายให้มีการเข้าดาเนินการติดต้ัง
อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์ระบบ 4G LTE-TDD คล่ืน 2300 MHz ซ่ึงมีระยะเวลาเร่ิม
ต้ังแต่วันท่ี 1 มิถุนายน 2561 จนถึงวันท่ี 31 ธันวาคม 2561 รวมท้ังส้ิน 7,975 สถานี ซ่ึงก่อน
หน้าน้ีค่าใช้จ่ายในการขนส่งจะมีการคดิ จากการท่มี ผี ู้รับเหมารายย่อยเข้าไปรับอุปกรณ์สาหรับการ
ติดต้ังเองท่คี ลังสินค้า ในนิคมอุตสาหกรรม นวนคร อาเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยจะ
อยู่ท่รี าคา 1,000 บาท ต่อชุดอุปกรณ์การติดต้งั สาหรับ 1 สถานี เม่อื คดิ เป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
อุปกรณ์สาหรับติดต้ังระบบโทรศัพท์รวมแล้วจะสูงถึง 7,975,000 บาท ด้วยเหตุท่ีกล่าวใน
เบ้ืองต้น
สารนิพนธ์ฉบับน้ีจึงเปล่ียนการขนส่งจากเดิมท่ีผู้รับเหมารายย่อยเป็ นผู้เข้ามารับ
อุปกรณ์สาหรับติดต้ังระบบโทรศัพทเ์ องเป็นการให้บริษัท อีริคสนั (ประเทศไทย) จากัด ทาการ
ขน ส่งอุ ป ก ร ณ์ สา หรั บก ารติดต้ังร ะบบ โทรศั พท์จ า กคลั งสิน ค้ า ไปยังสถ า นป ระ กอ บก าร ของ
ผู้รับเหมา โดยใช้การจัดเส้นทางของพาหนะเพ่ือทาการหาเส้นทางท่ีส้นั ท่ีสุดในการขนส่ง และทา
734
การหาค่าใช้จ่ายในการขนส่งท่เี กิดข้ึนท้งั หมด เพ่ือนามาเปรียบเทยี บค่าใช้จ่ายในรูปแบบเดิม กบั
ค่าใช้จ่ายท่มี กี ารใช้เคร่ืองมอื ในการจัดเส้นทางพาหนะท่เี หมาะสม
2. วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาวิจยั
2.1 เพ่ือลดค่าใช้จ่ายในการขนสง่ อปุ กรณส์ าหรับการติดต้งั ระบบโทรศัพท์
2.2 เพ่ือจัดเส้นทางการขนส่งและจัดจานวนอุปกรณ์สาหรับการติดต้ังระบบโทรศัพท์ให้ได้
ตามแผนงานการตดิ ต้งั ในแต่ละสปั ดาห์
3. ขอบเขตของงานวิจยั
3.1 กาหนดให้คลังสนิ ค้าท่นี ิคมอุตสหกรรมนวนคร อาเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีเป็น
จุดกระจายอุปกรณ์ เพียงแห่งเดียว
3.2 แก้ปัญหาการขนส่งอุปกรณ์สาหรับการตดิ ต้งั ระบบโทรศัพทโ์ ดยใช้รถบรรทุกขนาด 6 ล้อ
3.3 แก้ปัญหาการขนส่งอุปกรณ์สาหรับการติดต้ังระบบโทรศัพท์นช่วงในวันท่ี 1 มิถุนายน
2561 จนถงึ วันท่ี 31 ธนั วาคม 2561
4. ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
4.1 ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งอุปกรณ์สาหรับการติดต้ังระบบโทรศัพท์จากคลังสินค้าไปยัง
สถานประกอบการผู้รับเหมารายย่อย
4.2 ลดการรอคอยของผู้รับเหมาในการเข้าไปรับของท่คี ลังสนิ ค้าในกรณีท่มี จี านวนผู้รับเหมา
เข้าพร้อมกนั หลายราย
5. ทฤษฎีและงานวิจยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
5.1 ทฤษฎี
การขนส่งด้วยรถบรรทุก โดยท่วั ไปการขนส่งมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการขนส่งด้วย
รถบรรทุก การขนส่งทางรถไฟ การขนส่งทางเคร่ืองบิน การขนส่งทางทอ่ และการขนส่งทางเรือ ซ่ึง
ในประเทศไทยนิยมการขนส่งทางบกด้วยรถบรรทุกมากกว่าการขนส่งรูปแบบอ่นื เน่ืองจากมีความ
ยึดหยุ่นสงู มีขนาดรถให้เลือกหลากหลายขนาดและเพ่ือให้เหมาะสมตามสภาพสนิ ค้าและสถานท่ี
จัดสง่ และมีข้อดีในหลายๆด้าน
ปัญหาการจัดเส้นทางการขนส่ง (Vehicle Routing Problem, VRP) เป็ นปัญหาการ
จัดการเพ่ือท่จี ะพิจารณาหาเส้นทางการขนส่งท่ดี ีท่สี ุด โดยการขนส่งเร่ิมจากจุดกระจายสนิ ค้า ไป
ส่งสนิ ค้ายังจุดต่างๆท่กี าหนด โดยอาจจะใช้รถเพียงคันเดียว หรือหลายคนั กไ็ ด้ ข้นึ อยู่กบั ข้อจากัด
ท่กี าหนดไว้ ซ่ึงในบางกรณีอาจมีข้อจากัดด้านจานวนสนิ ค้าท่รี ถขนส่งสนิ ค้าสามารถรับได้ ในบาง
กรณีอาจมีข้อจากดั ด้านเวลา และในบางกรณอี าจมีรถขนสง่ สนิ ค้าหลายชนิด
735
การจัดเส้นทางยานพาหนะด้วยวิธกี ารประหยัด เป็นหน่ึงในวิธีการท่ถี ูกนามาใช้สาหรับ
การแก้ปัญหา VRP เน่ืองจากมีความง่ายในการนามาประยุกต์ใช้ โดยวิธีการดังกล่าวเป็นการรวม
จุดสง่ สนิ ค้าต่างๆ เข้าไว้ในเส้นทางหลักแทนการจัดสง่ สนิ ค้าจากคลังสนิ ไป และกลับยังทุกๆ จุดสง่
สนิ ค้า โดย
ข้นั ตอนท่ี 1 สร้างเมตริกซ์ระยะทาง เพ่ือระบุระยะทางระหว่างทุกๆ คู่ของจุดสง่ สนิ ค้า
ข้นั ตอนท่ี 2 สร้างเมตริกซ์ค่าประหยัด โดยคานวณค่าประหยัดท่เี กิดจากการรวมจุดส่ง
สนิ ค้า จากสมการ Savings Si,j = Ci,o + Co,j - Ci,j
ข้ันตอนท่ี 3 เม่ือคานวณค่าประหยัดเรียบร้อยแล้ว ให้ทาการเรียงลาดับค่าจากมากไป
น้อย
ข้ันตอนท่ี 4 จับคู่จุดส่งสนิ ค้าตามลาดับค่าประหยัดท่มี ากท่สี ุดก่อน จนถึงค่าประหยัด
ท่นี ้อยท่สี ุดโดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการขนส่งสินค้า และห้ามขนส่งสินค้าเกินความจุของ
รถบรรทุก
ข้ันตอนท่ี 5 นาคู่จุดส่งสินค้าท่ีเลือกจากข้ันตอนท่ี 4 มาทาการกาหนดเส้นทางการ
ขนสง่ สนิ ค้าให้กบั รถบรรทุกแต่ละคัน และทาการจัดลาดับจุดส่งสนิ ค้าในแต่ละเส้นทาง
5.2 งานวิจัยท่เี ก่ยี วข้อง
กนกวรรณ สุภักดี และคณะ (2558) ได้ทาการวิจัย เพ่ือแก้ปัญหาการจัดเส้นทางการ
เดินทางเพ่ือลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทาการซ่อมบารุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในโรงพยาบาล
ส่งเสริมสขุ ภาพตาบลจานวน 316 แห่งใน 25 อาเภอของจังหวัดอุบลราชธานีโดยทาการประยุกต์
อัลกอริทึมแบบประหยัดในการแก้ปัญหาการจัดเส้นทาง พบว่าการจัดเส้นทางด้วยวิธีโมดิไฟล์
อัลกอริทึมแบบประหยัดสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าวิธีปัจจุบัน 203,732.17 บาท หรือคิด
เป็น 42.31% สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าวิธีการจัดกลุ่มตามอาเภอ 25,262.08 บาท หรือ
คดิ เป็น 8.33% และ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าวิธอี ลั กอริทมึ แบบประหยัด 9,190.70 บาท
หรือคดิ เป็น 3.20%
ยลพัชร์ องั กูรสทิ ธ์ิ (2560) ได้ประยุกต์ใช้วิธกี ารประหยัด เพ่ือนามาแก้ปัญหาการจัด
เส้นทางยานพาหนะ ในรูปแบบท่ีมีการรับและส่งสินค้าพร้อมกัน โดยการพัฒนาวิธีการประหยัด
โดยปรับปรุงข้ันตอนการรวมจุดส่งสนิ ค้า ให้มีการพิจารณาการรับ และส่งสินค้าพร้อมกนั เพ่ือใช้
หาคาตอบในการค้ นหาเส้ นทางการขนส่งสินค้ าท่ีมีระยะทางขนส่งโดยรวมน้ อยท่ีสุดของปัญหา
กรณีศึกษาจานวน 40 ปัญหา แล้วนามาเปรียบเทยี บกับคาตอบท่ีได้จากวิธีการเพ่ือนบ้านท่ีใกล้
ท่สี ดุ โดยผลการทดลองพบว่าการใช้วิธกี ารประหยดั สามารถให้คาตอบในเร่ืองระยะทางการขนส่ง
สนิ ค้าท่นี ้อยกว่าวิธกี ารเพ่ือนบ้านท่ใี กล้ท่สี ดุ มากถึง 22%
736
ณัตพร ไชยเสนา (2560) ได้ประยุกต์หลักการจัดเส้นทางเดินรถขนส่งสินค้าด้วยวิธี
เมต้าฮิวริสติกส์มาใช้กับปัญหาจริงและสร้างโปรแกรมจัดรถข้ึนเพ่ือเป็ นแนวทางให้กับบริษัท
กรณีศึกษาในการพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเคร่ืองมอื ช่วยในการตดั สนิ ใจให้กบั พนักงานจัดรถ
เพ่ือให้การทางานเกดิ ประสิทธภิ าพเพ่ิมมากข้นึ โดยได้นาหลักการเมต้า ฮิวริสติกสด์ ้วยวิธกี ารสลับ
จุด 3 จุด 3-OPT มาประยุกต์กับโปรแกรมจัดเส้นทางท่ีเขียนชุดคาส่ังลงบนโปรแกรม Visual
Basic for Application (VBA) และทางานบนโปรแกรม Microsoft Excel และดึงข้อมูลระยะทาง
ด้วยระบบสารสนเทศทางภมู ิศาสตร์ โดยการเกบ็ ข้อมูลตัวอย่าง 7 ชุดข้อมูล ผลท่ไี ด้สามารถลด
ระยะทางขนส่งรวมจากเดิม 5,005.93 กิโลเมตร เหลือเพียง 4,512.11 กิโลเมตร โดยสามารถ
ลดระยะทางจากเดิมลง 493.82 กโิ ลเมตร และยงั สามารถลดต้นทุนค่านา้ มนั เช้ือเพลิงลงได้ 7 วัน
12,389.94 บาท
6. วิธีดาเนนิ งานวิจยั
6.1 นาข้อมูลจานวนอุปกรณ์สาหรับการติดต้ังระบบโทรศัพทท์ ่จี ะต้องส่งให้กับผู้รับเหมาราย
ย่อยในแต่ละสัปดาห์นับต้ังแต่เร่ิมโครงการในวันท่ี 1 มิถุนายน 2561 จนถึงวันท่ี 31 ธันวาคม
2561 รวมท้งั ส้นิ 7,975 สถานี เพ่ือหาท่อี ยู่ในการจัดส่งอุปกรณ์
6.2 การคานวณเส้นทาง
- ค้นหาระยะทางจากจุดทุกจุดท่ีเช่ือมโยงกัน คือ จากคลังสินค้า ไปยังท่ีอยู่ของ
ผู้รับเหมาทุกรายและ จากท่อี ยู่ของผู้รับเหมาแต่ละราย ไปยังท่อี ยู่ของผู้รับเหมาครบทุกราย โดย
เกบ็ ข้อมูลระยะทางแต่ละจุดจากโปรแกรม Google Map ซ่ึงวัดระยะทางเป็นหน่วยกโิ ลเมตร โดย
ทาการเกบ็ ข้อมูลผ่านโปรแกรม Microsoft Excel รวมท้งั ส้นิ 46 ราย
ภาพที่ 1 ตัวอย่างระยะทางจากคลังสนิ ค้าไปยังท่อี ยู่ของผู้รับเหมา
737
- สร้างเมตติกซ์ค่าประหยัด โดยคานวณค่าประหยัดท่ีเกิดจากการรวมสินค้าโดยใช้
สมการ Savings Si,j = Ci,o + Co,j - Ci,j
- ทาการเรียงลาดับค่าระยะทางท่คี านวณผ่านสมการโดยเรียงค่าระยะทางจากมากไป
หาน้อย คือใช้ค่าประหยดั ท่มี ากท่สี ดุ
- ทาการจัดเรียงเส้นทาง โดยคานึงถึงจานวนของอปุ กรณ์ท่จี ัดส่ง กบั ความจุสงู สุดของ
รถบรรทุก 6 ล้อ ซ่ึงสามารถบรรทุกอปุ กรณไ์ ด้สงู สดุ ท่ี 22 ชุด ต่อ 1 เท่ยี วขนส่ง
ภาพที่ 2 ตวั อย่างการจัดเส้นทางการขนสง่ โดยการจัดเส้นทางพาหนะท่เี หมาะสม
6.3 คานวณหาค่าใช้จ่ายของการขนส่ง โดยค่าใช้จ่ายของเส้นทางมีค่าเร่ิมต้นท่ีราคา 3,500
บาท สาหรับการใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ขนสง่ อปุ กรณร์ ะยะทางไม่เกนิ 300 กโิ ลเมตร และมีค่าใช้จ่าย
เพ่ิมในกรณีท่ีต้องไปส่งอุปกรณ์เกิน 2 จุดข้ึนไป โดยคิดราคาเพ่ิมเติม จุดละ 600 บาท และ
ค่าใช้จ่ายสาหรับคนขนของในแต่ละรอบ รอบละ 2,000 บาท
738
ตารางที่ 1 ตวั อย่างเส้นทาง,ระยะทางและค่าขนสง่ หลังใช้เคร่ืองมือในการจัดเส้นทาง
การจดั เสน้ ทาง จานวน ค่าขนส่ง ค่าขนส่ง ค่าแรงคน รวมค่าใชจ้ ่าย
อุปกรณ์ ส่วนแรก ของจุด ขนของ ในการขนส่ง
0-23-36- (ชดุ ) (บาท) เพมิ่ เติม (บาท)
35-10-7-40 (บาท) (บาท)
0-6-38-8- 22 3,500
12 2,600 2,000 8,100
0-12-15- 22 3,500
21-18 1,300 2,000 6,700
0-18-9-17- 22 3,500
1-2-27 1,300 2,000 6,700
0-16-30-3- 22 3,500
29-24-41 2,600 2,000 8,100
ท้งั หมด 5 รอบ 18 3,500
106 17,500 2,600 2,000 8,100
10,400 10,000 37,900
7. ผลการศึกษา
7.1 เส้นทางการขนสง่ อุปกรณ์สาหรับตดิ ต้ังระบบโทรศัพทจ์ ากวันท่ี 1 มิถุนายน 2561 จนถึง
วันท่ี 31 ธันวาคม 2561 รวมท้ังส้ิน 7,975 สถานี ระยะเวลา 31 สัปดาห์ เดิมมีจานวนท้ังส้ิน
7,975 เส้นทาง
739
ภาพที่ 3 เส้นทางการขนสง่ แบบเดิม
7.2 ผลการจัดเส้นทาง จากการคานวนเส้นทางขนส่งในแต่ละเส้นทางเพ่ือขนส่งอุปกรณ์
สาหรับติดต้ังระบบโทรศัพทโ์ ดยนาข้อมูลของจานวนอุปกรณ์ท่ตี ้องจัดส่งให้ผู้รับเหมาจากวันท่ี 1
มิถุนายน 2561 จนถึงวันท่ี 31 ธนั วาคม 2561 รวมท้งั ส้ิน 7,975 สถานี ระยะเวลา 31 สัปดาห์
มเี ส้นทางท่ใี ช้ท้งั หมด 376 เส้นทาง และมจี านวนจุดส่งของเพ่ิมเติม 396 จุด
740
ภาพท่ี 4 เส้นทางการขนส่งแบบใหม่
จากผลการจัดเส้นทางโดยการจัดเส้นทางยานพาหนะด้วยวิธกี ารประหยดั โดยแบ่งเป็น
ช่วงของสัปดาห์จะแสดงให้เหน็ จานวนของเส้นทางและจุดส่งของเพ่ิมเติมซ่ึงจะมีความสมั พันธก์ บั
จานวนอุปกรณ์ท่ตี ้องขนส่ง โดยในช่วงสปั ดาห์ท่ี 32-41 จะมีจานวนอุปกรณ์ท่ตี ้องของส่งสงู ท่สี ดุ
ทาให้มีจานวนเส้นทางและจุดสง่ ของเพ่ิมเติมสูงตามไปด้วย
ตารางที่ 2 ตารางแสดงจานวนเส้นทางและจุดส่งของเพ่ิมเตมิ
สปั ดาหท์ ี่ อุปกรณท์ ี่ตอ้ งขนส่ง เสน้ ทาง จุดส่งของเพมิ่ เติม
22-31 1,516 73 71
32-41 3,498 163 172
42-52 2,961 140 153
รวมท้งั หมด 7,975 376 396
741
7.3 ผลการคานวณหาค่าใช้จ่ายของการขนส่ง โดยค่าใช้จ่ายในการขนส่งอุปกรณ์หลังใช้การ
จัดเส้นทางในการขนส่งจะคิดจากค่าใช้จ่ายเร่ิมต้นบวกกบั ค่าคนขนของต่อ 1 เส้นทาง แล้วนาไป
รวมกบั ค่าใช้จ่ายของจุดเพ่ิมเติมท้งั หมดจะได้เป็นค่าใช้จ่ายรวมของการขนส่ง
ตารางที่ 3 ตารางแสดงค่าใช้จ่ายของการขนส่งหลังใช้การจัดเส้นทาง
สปั ดาหท์ ี่ ค่าใชจ้ ่ายเริม่ ตน้ บวก ค่าใชจ้ ่ายของจุด ค่าใชจ้ ่ายรวมของการ
กบั ค่าคนขนของ(บาท) เพมิ่ เติม(บาท) ขนส่ง(บาท)
22-31
32-41 401,500 42,600 444,100
42-52
รวมท้งั หมด 896,500 103,200 1,000,300
770,000 91,800 861,800
2,068,000 237,600 2,305,600
ค่าใช้จ่ายในการขนส่งอปุ กรณ์สาหรับการติดต้ังระบบโทรศัพทแ์ บบใหม่จากคลังสนิ ค้า
ท่นี ิคมอุตสหกรรมนวนคร อาเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีไปยังสถานประกอบการผู้รับเหมา
รายย่อยโดยใช้รถบบรทุกขนาด 6 ล้อ ต้ังแต่เร่ิมโครงการในวันท่ี 1 มิถุนายน 2561 จนถึงวันท่ี
31 ธนั วาคม 2561 คิดเป็นสปั ดาห์ท่ี 22 ถึง สปั ดาห์ท่ี 52 รวมเป็น 31 สปั ดาห์ โดยมีค่าใช้จ่าย
ท้งั ส้นิ คือ 2,305,600 บาท
8. สรุปผลการวิจยั
8.1 ค่าใช้จ่ายในการขนส่งอุปกรณ์สาหรับการตดิ ต้ังระบบโทรศัพทต์ ้ังแต่เร่ิมโครงการในวันท่ี
1 มถิ ุนายน 2561 จนถึงวันท่ี 31 ธนั วาคม 2561 คดิ เป็นสปั ดาห์ท่ี 22 ถึง สปั ดาห์ท่ี 52 รวมเป็น
31 สปั ดาห์ จากจานวนสถานีฐานท่ตี ิดต้ังไปท้งั หมด 7,975 สถานี โดยมีค่าใช้จ่ายในส่วนของการ
ขนส่งในแบบผู้รับเหมารายย่อยมารับของจากคลังสินค้าท่ีนิคมอุตสหกรรมนวนคร อาเภอคลอง
หลวง จังหวัดปทุมธานี ท้งั ส้นิ 7,975,000 บาท และแบบใช้เคร่ืองมือในการจัดเส้นทางพาหนะท่ี
เหมาะสมมาใช้ในการว่าจ้างรถบรรทุก 6 ล้อ เพ่ือทาการขนส่งปกรณ์สาหรับการติดต้ังระบบ
โทรศัพท์จากคลังสินค้ าไปยังสถานประกอบการผู้รับเหมารายย่อยโดยมีค่าใช้ จ่ ายท้ังส้ ินคือ
2,305,600 บาท แสดงให้เหน็ ว่า สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการขนส่งลง 5,669,400 บาท
คิดเป็น ร้อยละ 71.09
742
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
ดร.กฤษณ์ชาคริตส ณ วัฒนประเสริฐ. การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเชิงวิศวกรรม.
สานักพิมพ์ปัญญาชน. 2558
ชุลีกร ชนะสิทธ์ิ. (2554). การพฒั นาโปรแกรมการจดั เสน้ ทางการเดินรถขนส่งสินคา้ กรณีศึกษา
บริษัทผูใ้ ห้บริการดา้ นธุรกิจขนส่งสินค้า. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต
สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี.
ร่ืนฤดี อัครมณี. (2553). การพัฒนาการจดั เสน้ ทางการเดินรถของการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาค.
วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี.
นคร ไชยวงศ์ศักดา และคณะ. (2558). การจดั เสน้ ทางการขนส่งโดยใชเ้ ซฟว่งิ อัลกอริทึมและตวั
แบบปัญหาการเดินทางของพนักงานขาย กรณีศึกษาโรงงานนา้ ดืม่ . โปรแกรมวิชา
วิศวกรรมโลจิสติกส์และการจัดการ, คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม, มหาวิทยาลัย
ราชภัฏเชียงราย.
ภิญญดา จันทรัตน์ และกาลเวลา มูลเกตุ. (2557). การพฒั นาโปรแกรมการจดั การการขนส่งโดย
ประยุกต์วิธีการของ Saving Matrix กรณีศึกษา: แพ ต.โชครุ่งระวี. สาขาการจัดการ
อตุ สาหกรรม คณะบริหารธุรกจิ , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยมี หานคร.
743
การปรบั ปรุงการจดั การวสั ดุคงคลงั ส้ ินเปลอื งประเภทกล่องบรรจุภณั ฑ์
กรณีศึกษา บริษทั มิซูมิ (ไทยแลนด)์ จากดั
Improvements for supply inventory management
Case Study Misumi (Thailand) Company Limited.
สุพชิ ญา กรีดารงศกั ด์ิ*
ผศ.ดร.ศุภรชั ชยั วรรตั น*์ *
บทคดั ย่อ
การศึกษาคร้ังน้ีเป็นการปรับปรุงการจัดการวัสดุคงคลังส้นิ เปลืองประเภทกล่องบรรจุ
ภัณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์หาจุดส่ังซ้ือวัสดุส้ินเปลืองประเภทบรรจุภัณฑ์ใหม่ท่ี
เหมาะสม และลดมูลค่าสนิ ค้าคงคลังจากการควบคุมปริมาณวัสดุคงคลังท่เี หมาะสม จากการศึกษา
พบว่า บริษัทกรณีศึกษาไม่มีการบันทึกข้อมูลการรับ-จ่ายและข้อมูลวัสดุคงคลัง รวมท้ังไม่มี
มาตรฐานหรือทฤษฎีมาควบคุมการจัดเกบ็ และการส่ังซ้ือ มีเพียงการใช้ประสบการณ์ของหัวหน้า
งานในการส่ังซ้ือเพียงเท่าน้ัน โดยผู้ศึกษาได้นาข้อมูลปริมาณการส่ังซ้ือวัสดุส้ินเปลืองประเภท
บรรจุภัณฑต์ ้งั แต่เดือน มกราคม 2561 - ธนั วาคม 2561 มาทาการวิเคราะห์หาระดบั ความสาคัญ
โดยใช้วิธแี บ่งกลุ่มสนิ ค้าแบบ ABC จากน้ันให้มีการจดบันทกึ การรับ-จ่าย และตรวจสอบจานวน
วัสดุคงคลัง เพ่ือใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์หาจุดส่ังซ้ือวัสดุส้ินเปลืองประเภทบรรจุภัณฑ์ใหม่ท่ี
เหมาะสมได้
ผลการศึกษาพบว่า จากเดิมท่ไี ม่เคยมีการกาหนดจุดส่ังซ้ือสินค้าใหม่ การกาหนดจุด
ส่งั ซ้ือสนิ ค้าใหม่ (ROP) ของ Box S1 เทา่ กบั 8,558 กล่อง และจุดส่งั ซ้ือสนิ ค้าใหม่ (ROP) ของ
Box S3 เท่ากับ 4,475 กล่อง และสามารถควบคุมปริมาณวัสดุส้ินเปลืองคงคลัง โดยใช้การ
คานวณหาวัสดุคงคลังสูงสุดเป็ นเกณฑ์ใหม่ในการควบคุม พบว่า Box S1 ลดลงจาก 34,763
กล่อง เป็น 17,165 กล่อง และ Box S3 ลดลงจาก 17,365 กล่อง เป็น 8,848 กล่อง โดยเม่ือ
คิดคานวณเป็นมูลค่าวัสดุส้นิ เปลืองคงคลังของท้งั 2 รายการน้ีแล้ว สามารถลดมูลค่าวัสดุคงคลัง
ได้ จาก 4,523,686 บาท เป็น 2,274,841 บาท หรือลดลง 49.71%
* นักศึกษาหลักสตู รวิศวกรรมศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการจดั การทางวศิ วกรรม มหาวิทยาลัยธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
** ท่ปี รึกษาการศึกษารายบคุ คลหลัก
744
ABSTRACT
This study is to improve the management of inventory in the packaging box
category. The objective of this study is to analyze the optimal ordering quantity of packaging
box. And reduce the inventory value by controlling the amount of inventory. Currently, the
case study does not record of disbursements and the material data. Including there is no
standard or theory to control storage. Only use the experience of the supervisor to order. This
study is use information about the amount of orders for packaging box from January 2018 -
December 2018 to analyze for priority by using the ABC analysis. Then recording the
disbursements and check the amount of inventory. For use the information in analyzing to
find the optimal point of ordering for new packaging box.
The results show that from the past, there has never been a determination of order
point. For the new order point (ROP) of packaging box S1 is 8,558 boxes and the new
order point (ROP) of packaging box S3 is 4,475 boxes. And able to control the amount of
consumable supplies by using the calculation of maximum inventory as a new criterion for
control. For the inventory of packaging box S1 decrease from 34,763 boxes to 17,165
boxes and the inventory of packaging box S3 decrease from 17,365 boxes to 8,848 boxes.
Calculating the value of consumable inventory of both items Can reduce the inventory value
from 4,523,686 baht to 2,274,841 baht or 49.71% decrease
1. บทนา
บริษัท มิซูมิ (ไทยแลนด์) จากัด ก่อต้ังข้ึนในเดือนมกราคมปี 1997 MISUMI
(THAILAND) เป็นบริษัทท่ีประกอบธุรกิจทางด้านบริการจัดหาและจัดจาหน่ายสินค้าประเภท
เคร่ืองมือและช้ินส่วนสาหรับเคร่ืองจักรต่างๆในกลุ่มอุตสาหกรรม และได้มีส่วนร่วมในการ
ให้บริการผลิตภัณฑท์ ่มี ีคุณภาพสูงแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเรว็ เช่ือถือได้ราคาถูก ผ่านการดาเนินการ
ลดราคาและลดระยะเวลาการจัดส่งเป็ นประจาทุกปี ทางบริษัทได้รักษาอัตราส่วนความสาเร็จ
สาหรับการส่งคาส่ังซ้ือตรงเวลา 99.97% ทาให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี
โดยเป็นท่รี ู้กนั ดีว่าผลิตภัณฑใ์ ดๆท่ที าการส่งั ซ้ือกบั บริษัทจะถูกส่งตรงเวลา ด้วยความได้เปรียบใน
เร่ืองน้ี ทาให้นาไปส่กู ารเตบิ โตท่มี ่นั คงของบริษัท มซิ มู ิ ในประเทศ
ปัจจุบันการให้บริการจัดส่งสินค้าของ บริษัท มิซูมิ (ไทยแลนด์) จากัด ยังคงรักษา
มาตราฐานการจัดส่งสนิ ค้าไปยังลูกค้าได้ดี แต่ยังคงพบปัญหาภายในกระบวนการบรรจุสินค้า ใน
ส่วนของวัสดุอุปกรณ์ เช่น การมวี ัสดุอปุ กรณ์ใช้งานท่มี ไี ม่เพียงพอ หรือ บางคร้ังขนาดกล่องบรรจุ
ภัณฑ์ท่ตี ้องการใช้หมด จึงต้องไปใช้ขนาดบรรจุภัณฑท์ ่ไี ม่เหมาะสม ทางหัวหน้างานจึงได้มีการส่ัง
745
วัสดุสนิ ค้าประเภทบรรจุภณั ฑเ์ ข้ามาเกบ็ เป็นจานวนมากเพ่ือรองรับเหตุการณ์ดงั กล่าว จึงส่งผลให้
มบี รรจุภัณฑอ์ ยู่ในคงคลังมากเกนิ ไป ทาให้มีพ้ืนท่จี ัดเกบ็ ไม่เพียงพอ โดยพบว่าปริมาณการส่ังซ้ือ
วัสดุส้นิ เปลืองประเภทบรรจุภณั ฑต์ ้ังแต่เดือน มกราคม 2561 - ธนั วาคม 2561 มแี นวโน้มสูงข้ึน
อย่างต่อเน่ือง ทาให้เกดิ สนิ ค้าคงคลังจานวนมาก
ผู้วิจัยมีความเหน็ ว่า การส่ังซ้ือวัสดุส้ินเปลืองประเภทบรรจุภัณฑ์เข้ามาจานวนมาก
เพ่ือแก้ปัญหาของใช้ไม่เพียงพอ เป็ นวิธีท่ีไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุน้ี ทางผู้วิจัยจึงมีความสนใจท่ีจะ
ทาการศึกษาวิจัยปริมาณการใช้งานวัสดุส้นิ เปลืองประเภทกล่องบรรจุภัณฑ์ เพ่ือแก้ปัญหาวัสดุคง
คลังท่มี ีมากเกนิ ไป โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีจุดส่งั ซ้ือสินค้าใหม่ (Re Order Point) และควบคุมวัสดุ
คงคลัง ด้วยการกาหนดวัสดุคงคลังสงู สดุ เพ่ือกาหนดปริมาณท่เี หมาะสมของวัตถุดิบคงคลัง
2. วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาวิจยั
2.1 เพ่ือวิเคราะห์หาจุดส่งั ซ้ือวัสดุส้นิ เปลืองประเภทบรรจุภณั ฑใ์ หม่ท่เี หมาะสม
2.2 เพ่ือลดมูลค่าสนิ ค้าคงคลังและควบคุมปริมาณวัสดุคงคลังท่เี หมาะสมได้
3. ขอบเขตของงานวิจยั
3.1 การวิจัยในคร้ังน้ีเป็นการศึกษาข้อมูลปริมาณวัสดุส้นิ เปลืองประเภทกล่องบรรจุภณั ฑ์ของ
บริษัท มิซูมิ (ไทยแลนด์) เทา่ น้ัน
3.2 ศึกษาข้อมูลปริมาณการส่ังซ้ือสินค้าประเภทวัสดุส้ินเปลืองในกระบวนการบรรจุสินค้า
(Packing) ระหว่างเดอื น มกราคม 2561 ถงึ ธนั วาคม 2561
3.3 ประยุกต์ใช้แนวโน้มปริมาณการใช้สินค้าประเภทวัสดุส้ินเปลืองในกระบวนการบรรจุ
สินค้า (Packing) เพ่ือหาปริมาณการส่ังซ้ือใหม่ท่ีเหมาะสมได้ (Reorder point) และควบคุม
ปริมาณในคงคลัง
4. ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
4.1 สามารถทราบปริมาณการใช้และนาข้อมูลท่ีได้มาประยุกต์ใช้ในการวางแผนการส่ังซ้ือท่ี
เหมาะสมได้
4.2 สามารถลดมูลค่าสนิ ค้าคงคลังและควบคุมปริมาณการจัดเกบ็ ได้
5. งานวิจยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
วัชรพล วงศ์จันทร์ และคณะ (2562) ได้ศึกษาเร่ือง การปรับปรุงพ้ืนท่ีการจัดเกบ็
ถุงพลาสติก เพ่ือลดค่าใช้จ่ายท่เี พ่ิมข้ึนในการเปล่ียนโหมดการขนส่ง ซ่ึงเกิดจากกระบวนการใน
การทางานของแผนก Packing เน่ืองจากถุงพลาสตกิ ท่ใี ช้สาหรับแพค็ สินค้าต่างๆหมด สาเหตุท่ที า
ให้ถุงพลาสติกหมด คือ พนักงานไม่ส่ังซ้ือถุงพลาสติก โดยพนักงานไม่สามารถเช็คปริมาณท่ี
746
แน่นอนของถุงพลาสติกได้ เพราะพ้ืนท่ใี นการจัดเกบ็ ถุงพลาสติกมีปริมาณท่จี ากดั ไม่มรี ะบบแบบ
แผนท่ชี ้ันเจนและไม่มีการจดบันทึกข้อมูลการเบิก-จ่ายสินค้า จนส่งผลให้ไม่สามารถส่งออกได้
ตามเวลาท่ีกาหนด โดยได้ใช้ Why Why Analysis ในการวิเคราะห์และหาสาเหตุของปัญหา
หลังจากน้ันจึงได้ทาการปรับปรุงพ้ืนท่ใี นการจัดเกบ็ ของถุงพลาสติกใหม่ (Re-Layout) จัดทาใบ
บันทึกรายการสินค้า (Stock Card) และหาจุดส่ังซ้ือใหม่ (Reorder Point) ผลจากการก่อน
ปรับปรุงในเดือนมกราคม การเปล่ียนโหมด จากการขนส่งสินค้าทางเรือเป็นทางอากาศของเดอื น
มกราคม 2561 พบว่า มีจานวนถึง 12 คร้ัง และค่าใช้จ่ายในการขนส่งสนิ ค้าอยู่ท่ี 3,052,748.84
บาท/เดือน หลังการปรับปรุงพบว่า เดอื นพฤษภาคม 2561 ไม่มีการเปล่ียนโหมดการขนส่งสินค้า
ทาให้ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากเดือนมกราคมได้ถึง
3,052,748.84 บาท หรือ 100%
เนตรนภา เสียงประเสริฐ (2558) ได้ศึกษาเร่ือง การวิเคราะห์ปริมาณการส่ังซ้ือท่ี
เหมาะสมสาหรับวัตถุดิบในประเทศ เพ่ือวิเคราะห์หาปริมาณการส่ังซ้ือท่ีเหมาะสม และลด
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการวัตถุดิบจากการศึกษา พบว่า บริษัท กรณีศึกษายังไม่มมี าตรฐานการ
กาหนดปริมาณการส่ังซ้ือท่ีเหมาะสม ทาให้พนักงานต้องใช้ประสบการณ์และความเช่ียวชาญ
เฉพาะตัวในการทางานในการส่ังซ้ือ ซ่ึงได้นาข้อมูลปริมาณการส่ังซ้ือวัตถุดิบในประเทศต้ังแต่
เดือนมกราคม - ธันวาคม พ.ศ. 2556 มาทาการวิเคราะห์หาระดับความสาคัญของวัตถุดิบแต่ละ
ชนิด โดยใช้วิธกี ารแบ่งกลุ่มสนิ ค้าแบบ ABC Classification System พบว่าวัตถุดบิ กลุ่ม A มมี ูลค่า
ยอดซ้ือสูงท่ีสุดถึง 623,465,782.00 บาทต่อปี คิดเป็ น 72.26% ของมูลค่ายอดซ้ือท้ังหมด
จากน้ันนาเฉพาะวัตถุดิบกลุ่ม A มาคานวณหาปริมาณ การส่งั ซ้ืออย่างประหยัด (EOQ) จุดส่งั ซ้ือ
ใหม่ (ROP) และต้นทุนรวมสนิ ค้าคงคลังท่ตี ่าท่สี ุด ผลการวิจัยพบว่าสามารถทาให้ต้นทุนรวมของ
การบริหารจัดการสนิ ค้าคงคลังต่อปี ลดลง 734,597.78 บาท หรือลดลง 22.43% จานวนคร้ังท่ี
ซ้ือต่อปี ลดลง 798 คร้ัง หรือลดลง 40.26%
จีรวัฒน์ นภาสุขวีระมงคล (2558) ได้ศึกษาเร่ือง การบริหารวัสดุคงคลัง ประเภท
วัสดุสนับสนุนการผลิตโดยใช้การจาลองสถานการณ์ เพ่ือปรับปรุงกระบวนการวางแผนความ
ต้องการวัสดุส้นิ เปลืองของโรงงานแปรรูปกระจกแห่งหน่ึง โดยพบปัญหาวัสดุบางรายการมปี ริมาณ
คงคลังมากเกินความต้องการ ในขณะท่บี างรายการมีปริมาณไม่เพียงพอกบั ความต้องการในการ
ผลิต ส่งผลถึงค่าใช้จ่ายในการคงคลังท่สี ูง ซ่ึงสาเหตุหลักมาจากการขาดการจัดการในการวางแผน
ความต้องการวัสดุอย่างมีหลักการ จึงเร่ิมจากการเกบ็ ข้อมูลการเบิกใช้วัสดุส้ินเปลืองในอดีตมา
วิเคราะห์หากลุ่มวัสดุส้นิ เปลืองท่มี ีความสาคัญด้วยวิธกี ารวิเคราะห์ ABC จากน้ัน ทาการพยากรณ์
จากข้อมูลการใช้วัสดุส้นิ เปลืองโดยตรง ได้พิจารณารูปแบบการพยากรณ์ส่ีรูปแบบด้วยกัน ได้แก่
วิธีค่าเฉล่ียเคล่ือนท่ี วิธีค่าเฉล่ียเคล่ือนท่ีถ่วงน้าหนัก วิธีปรับเรียบเอก็ ซ์โปเนนเชียล วิธีแยก
องค์ประกอบ แล้วนาค่าพยากรณ์มาเปรียบเทยี บด้วยวิธคี ่าเฉล่ียความผิดพลาดร้อยละสมั บูรณ์ ซ่ึง
พบว่า วิธีแยกองค์ประกอบให้ค่าความผิดพลาดน้อยท่ีสุด จากน้ันจึงนาค่าพยากรณ์ท่ีได้มา
747
วิเคราะห์ความแปรปรวนของข้อมูลจากค่าสัมประสิทธ์ความแปรปรวน (VC) โดยหากค่าสมั ประ
สทิ ธค์ วามแปรปรวนน้อยกว่า 0.25 จะใช้แบบ EOQ ในการหาปริมาณการส่งั ซ้ือท่ปี ระหยัดและจุด
ส่งั ซ้ือท่เี หมาะสม ส่วนค่าพยากรณ์ท่มี ีค่าสมั ประสทิ ธ์ิความแปรปรวนมากกว่า 0.25 จะใช้เทคนิค
การจาลองสถานการณ์แบบมอนติคาร์โลในการสุ่มตัวเลข เพ่ือหาต้นทุนรวมท่ีต่าสุดในแต่ละ
นโยบายท่กี าหนดไว้แทน ซ่ึงจากผลการวิจัยพบว่า ปริมาณวัสดุส้นิ เปลืองคงเหลือและต้นทุนรวม
วัสดุคงคลังของวัสดุส้ินเปลืองกลุ่ม A ท่ไี ด้จากกระบวนการวางแผนความต้องการวัสดุจากการ
พยากรณแ์ ละการจาลองสถานการณ์ท่นี าเสนอ สามารถลดต้นทุนวัสดุคงคลังลงจากวิธกี ารเดิม คิด
เป็ นร้อยละ 49.86 ทาให้บริษัทประหยัดต้นทุนรวมเฉล่ียท่ีเกิดข้ึนจากนโยบายเดิมเป็ นเงิน
384,516 บาทต่อปี
จารุวรรณ ชูใจ (2559) ได้ศึกษาเร่ือง การปรับปรุงการจัดการวัตถุดิบคงคลัง
กรณีศึกษา โรงงานผลิตตัวความต้านทานกระแสไฟฟ้ า เพ่ือกาหนดปริมาณการส่ังซ้ือท่เี หมาะสม
และประหยัด การกาหนดจุดส่งั ซ้ือ และปริมาณการจัดเกบ็ สนิ ค้าเพ่ือให้เกดิ ความคุ้มค่ามากท่ีสุด
โดยเร่ิมจากการคัดเลือกวัตถุดิบ โดยใช้ เทคนิคการแยกกลุ่มตามความสาคัญ ซ่ึงวัสดุคงคลัง
ประกอบไปด้วยกลุ่ม Aกลุ่ม B และกลุ่ม C มี วัตถุดิบแผ่นเซรามิก จานวน 16 ชนิด จากน้ันนา
วัตถุดิบแผ่นเซรามกิ มาทาการเรียงลาดบั โดยเรียงปริมาณการใช้ต่อปี มากท่สี ดุ ไปหาน้อยท่สี ดุ โดย
ให้ความสาคัญกลุ่ม A เป็นหลัก และได้เกบ็ ข้อมูลเพ่ิมเติมเพ่ือคานวณหาปริมาณของการส่ังซ้ือ
แบบประหยัด ปริมาณวัตถุดบิ คงเหลือในคลังท่จี ุดส่งั ซ้ือและปริมาณสนิ ค้าคงคลังท่ปี ลอดภัย เพ่ือ
ใช้ในการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรวมท่ีได้จากวิธีการส่ังซ้ือแบบใหม่และแบบเดิม โดยใช้วิธีการ
จาลองการส่ังซ้ือจากข้อมูลการใช้จริงปี 2558 ด้วยโปรแกรมเอก็ เซล พบว่าค่าใช้จ่ายการส่ังซ้ือ
แบบใหม่ลดลงเฉล่ีย 1,793,298.39 บาท หรือร้อยละ 55.93 ดังน้ัน ทางโรงงานจึงควร
ประยุกต์ใช้วิธใี หม่เพ่ือลดต้นทุนสนิ ค้าคงคลัง
6. วิธีดาเนนิ งานวิจยั
ทาการศึกษาข้อมูลทว่ั ไปของบริษัทและวัสดุส้นิ เปลืองคงคลังประเภทกล่องบรรจุภัณฑ์
พร้อมท้งั รวบรวมข้อมูลการส่งั ซ้ือและทาการวิเคราะห์ปัญหา ผู้ศึกษาจึงได้แนวคิดในการเสนอการ
แก้ปัญหา ดงั น้ี
6.1 แบ่งกลุ่มสนิ ค้าตามประเภทของสินค้าท่มี ีมูลค่าสูงโดยวิธี ABC Analysis เพ่ือเลือกกลุ่ม
ของวัสดุท่มี มี ูลค่าสงู มาทาการปรับปรุงแก้ไขก่อน
6.2 จดบันทกึ การรับ-จ่าย และตรวจสอบจานวนวัสดุคงคลัง
6.3 คานวณหาปริมาณการส่งั ซ้ือท่ปี ระหยัด (EOQ) มาใช้เพ่ือกาหนดปริมาณการส่งั ซ้ือใหม่
และการหาจุดส่งั ซ้ือใหม่ (ROP)
6.4 คานวณหาการกาหนดแบบท่มี กี ารควบคุมโดยการกาหนดค่าสนิ ค้าคงคลังสงู สดุ (Max)
748