5.ดา้ นบุคลากร ในเร่ืองบุคลากรท่ใี ห้บริการน้ัน นักทอ่ งเท่ยี วให้ความสาคัญมากท่ีสุด
ในเร่ืองของพนักงานมีทกั ษะในการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเรว็ เน่ืองจากนักทอ่ งเท่ยี วให้ความสาคัญ
เร่ืองของการให้บริการท่ีรวดเร็ว อานวยความสะดวกให้นักท่องเท่ียว เน่ืองจากช่วงเวลาท่ี
นักทอ่ งเท่ยี วเดินทางมาน้ันเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน การได้รับความสะดวกสบายจึงเป็นเร่ือง
ท่ผี ู้บระกอบการท่พี ักในเขตอาเภอเมอื ง จังหวัดประจวบคีรีขนั ธต์ ้องให้ความสาคญั เป็นอย่างย่งิ
6.ดา้ นกระบวนการ ในปัจจัยด้านกระบวนการน้ัน นักทอ่ งเท่ยี วให้ความสาคัญในเร่ือง
การให้บริการตรงตามความต้องการของลูกค้า มีการแบ่งหน้าท่ขี องพนักงานในการให้บริการอย่าง
ชัดเจน รองลงมาคือ การให้บริการอย่างรวดเรว็ และมีความเป็นมอื อาชีพ เน่ืองจากท่พี ักในจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ หรือจังหวัดอ่นื ๆ ท่วั ประเทศไทยน้ันต้องหม่ีนศึกษาพฤติกรรมของนักทอ่ งเท่ียว
อยู่เสมอ เน่ืองจากนักท่องเท่ียวมีการเปล่ียนแปลงตามเทรน ตามแฟช่ัน ตามผู้รีวิว ย่ิง
ผู้ประกอบการสามารถเข้าใจ และสามารถให้บริการได้ตรงตามความต้องการของนักทอ่ งเท่ยี วมาก
เท่าใด นักท่องเท่ียวจะเลือกท่ีพักท่ีผู้ประกอบมีความใส่ใจ เข้าใจและมีการปรับตัวให้เข้ากับ
พฤติกรรมของนักเท่ยี วอย่างสม่าเสมอ
7.ดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ นักทอ่ งเท่ยี วได้ให้ความสาคญั ในระดบั เทา่ กนั คือ เร่ืองมี
ระบบการรักษาความปลอดภัยของพ่ีพักอยู่ในระดับสูง มีอุปกรณ์และส่ิงอานวยความสะดวก
ส่วนกลางเพียงพอต่อผู้เข้าพัก มีการจัดพ้ืนท่ีการให้บริการเป็นสัดส่วนและสะดวกในการติดต่อ
และมีพ้ืนท่ีลานจอดรถเพียงพอและสะดวกในการจอดรถ ปัจจัยเหล่าน้ีล้วนเป็ นองค์ประกอบท่ี
เสริมในเร่ืองของการให้บริการท่ดี ี และการจัดสรรพ้ืนท่ที ่ที าให้นักท่องเท่ียวสามารถเข้าใช้บริการ
ได้อย่างสะดวกสบาย เป็นเร่ืองท่ผี ู้บระกอบการต้องหม่ันสร้างและหม่ันตรวจตราเพ่ิมเติมในการ
ให้บริการในแต่ละช่วงเวลาอย่างต่อเน่ือง
9. ขอ้ เสนอแนะในงานวิจยั คร้งั ต่อไป
จากการทาการทดสอบสมมุติฐานและการเกบ็ ข้อมูลเพ่ือมาวิเคราะห์ในคร้ังน้ีเพ่ือการ
วิเคราะห์และสรุปข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ และการตอบสนองความต้องการของ
นักท่องเท่ียวให้มากท่สี ุด ทางผู้วิจัยได้สรุปปัญหาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขเพ่ือการจัดทาใน
คร้ังต่อไปดังน้ี
1.ในการวิจัยคร้ังต่อไปผู้วิจัยอยากขยายกลุ่มเป้ าหมายท่มี ีความหลากหลายท้งั ชาวไทย
และชาวต่างชาติ เพ่ือการเปิ ดตลาดและการศึกษาพฤติกรรมชาวต่างชาติเพ่ิมเติม เน่ืองจากใน
อาเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีบรรยากาศและส่ิงแวดล้อมท่ีเงียบสงบเหมาะสาหรับการ
พักผ่อนเป็นอย่างมาก เพ่ือทาให้การศึกษาครอบคลุมมากย่ิงข้นึ ทางผู้วิจัยจะเพ่ิมเติมประเภทของ
กลุ่มเป้ าหมาย
2.ในการศึกษาคร้ังต่อไปต้องการเพ่ิมเร่ืองของจิตวิทยาท่ีนาไปสู่พฤติกรรมและการ
ตัดสินใจเพ่ือสร้างการดึงดูดจากจิตใต้สานักหรือความต้องการท่แี ท้จริงของผู้บริโภค การส่อื สาร
200
การประชาสัมพันธ์จะมีคุณภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเท่ียวไปอย่าง
แม่นยา
3.เพ่ือการศึกษาพฤติกรรมการเลือกท่พี ักของลูกค้าท่ีครอบคลุมในเขตพ้ืนท่ีอาเภอ
เมือง จังหวัดประจวบคีรัขันธ์ ควรจัดทาการรวบรวมข้อมูลกบั กลุ่มตัวอย่างครอบคลุมท้งั จังหวัด
เพ่ือนาข้อมูลมาดาเนินการเปรียบเทยี บและพัฒนาต่อ
4.คร้ังหน้าอยากสัมภาษณ์ผู้ประกอบการและนักท่องเท่ียวในประเดน็ เดียวกันแต่
เพ่ิมเติมเร่ืองของมุมมองและแนวคิด ความต้องการและการสนองความต้องการเพ่ือหาจุดท่สี ร้าง
ความประทบั ใจและการให้บริการท่เี กนิ ความคาดหวัง
10. กิตติกรรมประกาศ
การค้นคว้าอิสระในคร้ังน้ีสาเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาจาก ดร.จิราพร ชมสวน
อาจารย์ท่ีปรึกษาท่ีให้คาแนะนา ให้ความรู้ การช้ีแนะแนวทางการศึกษา ตรวจทานและแก้ไข
ข้อบกพร่องในงานวิจัยน้ี ตลอดจนให้คาปรึกษาในด้านวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลจากการเกบ็ ข้อมูล
ของนักท่องเท่ยี วท่เี ข้าพักในท่พี ักพ้ืนท่เี ขตอาเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพ่ือนามาทดสอบ
สมมุติฐานในการวิเคราะห์ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ของนักท่องเท่ยี วในการเลือกท่พี ักในพ้ืนท่ี
เขตอาเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ท่สี ่งผลกบั ระดับความสาคัญในส่วนประสมทางการตลาด
7Ps
สุดท้ายน้ีผู้วิจัยขอขอบคุณ คุณกนกกาญจน พรรษวุฒิ มารดาของผู้วิจัยท่เี ป็นสุดยอด
ของผู้สนับสนุน ตลอดจนครอบครัวพรรษวุฒิ พ่ี น้อง เพ่ือน และเจ้าหน้าท่ใี นคณะท่เี ป็นกาลังใจ
สนับสนุนการทาวิจัยอย่างท่ดี ีเย่ียม และขอขอบคุณผู้ประกอบการท่พี ักสาหรับความร่วมมือ การ
ให้ข้อมูลและการอนุญาตในการแจกแบบสอบถามเพ่ือจัดทางานวิจัยน้ี ทาให้ผู้วิจัยได้ส่งมอบ
ผลการวิจัยน้ีเพ่ือไปปรับปรุงคุณภาพ การให้บริการกับนักท่องเท่ียวได้ตามระดับความสาคัญใน
ส่วนประสมทางการตลาด 7Ps เพ่ือนาไปสู่การเพ่ิมรายได้ให้กับผู้ประกอบการ การขยายโอกาส
สาหรับตลาดแรงงานให้กับประชาชนในพ้ืนท่ี และทาให้ผู้ประกอบการสามารถนาผลสรุปและ
ข้อเสนอแนะในงานวิจัยนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและตอบสนองกับความต้องการ
ของนักทอ่ งเท่ยี วท่ไี ด้มาทอ่ งเท่ยี วเพ่ือให้ได้รับการบริการท่ดี ีมากข้นึ ต่อไป
201
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
การะเกด แก้วมรกต. (2554). ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกใชบ้ ริการ
โรงแรมของนกั ท่องเที่ยวชาวไทยในจังหวดั กระบี่. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัยราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี.
กัมปนาท บุญพอมี. (2551). ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการเลือกที่พกั
ประเภทรีสอรท์ กรณีศึกษา: เกาะลนั ตา จังหวดั กระบี่. การค้นคว้าอิสระปริญญา
มหาบัณฑติ , มหาวิทยาลัยราชภัฏภเู กต็ .
จรรยา วาหลวง.(2550). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวไทยในเกาะสมุย
จังหวดั สุราษฎรธ์ านี.สารนิพนธ์บธ.ม. (การจัดการ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรี
นครินทร์วิโรฒ
จันทมา รักม่ันเจริญ. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการที่
พกั ประเภทโรงแรมและรีสอรท์ ของนกั ท่องเที่ยวชาวไทยในเขตพ้ ืนที่เศรษฐกิจ
อาเภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย. สารนิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะพาณิชย์
ศาสตร์และการบัญชี. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พุทธนิ ันท์ ปัญญาพุฒินันท.์ (2560). ส่วนประสมทางการตลาดทีม่ อี ิทธิพลต่อการเลือกที่พกั ใน
เขาหลกั จังหวดั พงั งาของนกั ท่องเที่ยวชาวไทย. การค้นคว้าอิสระศิลปศาสตรมหา
บัณฑติ สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการทอ่ งเท่ียว. มหาวิทยาลัย
กรุงเทพ.
เบญจมาศ ประยูรหงษ์. (2549). ความพึงพอใจของนกั ท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อการจัดการ
แหล่งท่องเที่ยวสวนสตั วด์ ุสิต. ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการ
จัดการนันทนาการ.บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ศศิโสม ดวงรักษา. (2558). เปรียบเทียบปัจจัยและพฤติกรรมที่มีอิทธิพลต่อการตดั สินใจ
เลอื กใชบ้ ริการโรงแรมระดบั 4-5 ดาวของนกั ท่องเทีย่ ววชาวไทยและชาวต่างชาติ
ในเขตเมืองพทั ยาจังหวดั ชลบุรี. ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ
อตุ สาหกรรมการบริการและการทอ่ งเท่ยี ว.มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ศิริวรรณ เสรีรัตน์. (2538). การบริหารการตลาดยุคใหม่. กรุงเทพฯ: ธรรมสาร.
สถานทีท่ ่องเทีย่ วที่นา่ สนใจในเขาหลกั , (2556). จาก http://www.sawadee.co.th.
สุนทรีย์ ศิริจันทร์. (2561). พฤตกิรรมผูบ้ ริโภคทมี่มีผลต่อการตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการแบบ
โฮสเทลในเขตอาเภอเมือง จังหวดั เชียงใหม่. หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารธรุ กจิ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
202
หทยั ชนก นิรันดรไชย. (2554). พฤติกรรมการเลือกใชบ้ ริการธุรกิจโรงแรมระดบั สามดาวใน
อาเภอเมือง จังหวดั เชียงใหม่ ของนกั ท่องเที่ยวชาวไทย. ปัญหาพิเศษบริหารธุรกิจ
มหาบัณฑติ , มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
อัครกฤษฎ์ิ เหลือโกศ. (2559). ส่วนประสมการตลาดทีม่ ีผลต่อการเลือกใชบ้ ริการทีพ่ กั แรม
ขนาดเล็กของนกั ท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเขตเมืองเก่าของจังหวดั เชียงใหม่ .
วารสารบริหารธุรกจิ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อานวย มณีศรีวงศ์กูล . (2548) . การกาหนดขนาดตวั อย่างโดยการใชส้ ูตรยามาเน่ : ทีม่ าและ
การนาไปใช.้ มนุษย์ศาสตร์สงั คมศาสตร์, 22(4), 88-95.
ภาษาต่างประเทศ
Foxall, G. R., and Sigurdsson, V. (2013). Consumer Behavior Analysis: Behavioral
Economics Meets the Marketplace. Psychological Record, 63, (2), 231-237.
Kotler, P. (1994). Marketing management: Analysis, planning, implementation, and
control. New York: Prentice Hall.
Kotler, P. (1997). Marketing management: Analysis, planning implementation and control
(9th Ed.). New Jersey: Asimmon & Schuster.
Kotler, P., & Keller, K. L. (2006). Marketing management. New Jersey: Pearson
Prentice Hall. Yamane, Taro.1967. Statistics, an Introductory Analysis, 2nd Ed., New
York : Harper and Row.
203
ปัจจยั ท่มี ผี ลต่อการเลือกใช้บริการบริษทั ทวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศของประชากร
ชาวไทยในเขตกรงุ เทพมหานคร
ปาริฉัตร ไชยโสภาพ1
ดร. จิราพร ชมสวน2
บทคดั ย่อ
การศึกษาวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ เปรียบเทียบปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
(7Ps) และความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศจาแนกตามลักษณะส่วนบุคคล
และศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) ท่มี ีความสัมพันธ์กับการต้ังใจใช้บริการบริษัท
ทัวร์นาเท่ียวต่างประทศ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาคือ นักท่องเท่ียวชาวไทยในเขต
กรุงเทพมหานครท่เี คยใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ จานวน 385 คน ใช้สอบถามเป็น
เคร่ืองมือในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล สถิติท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉล่ีย
ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติ t-test, ANOVA และการวิเคราะห์
ถดถอยเชิงพหุ
ผลการศึกษาพบว่า นักทอ่ งเท่ยี วให้ความสาคัญกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ โดยรวม อยู่ในระดับมากท่สี ดุ เม่อื พิจารณาเป็น
รายด้าน พบว่าทุกด้านมีความสาคัญระดับมาก และความต้ังใจท่จี ะใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศ โดยรวม อยู่ในระดบั มาก
ผลการทดสอบสมมตฐิ าน พบว่า 1) อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้
ท่แี ตกต่างกนั มีอิทธิพลต่อการให้ความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ในการเลือกใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประเทศแตกต่างกนั 2) ระดับการศึกษาและอาชีพท่แี ตกต่างกันมี
อิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั 3) ปัจจัยส่วนประสม
ทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการส่งเสริมการตลาด และด้านบุคลากรมีผลเชิงบวกต่อความ
ต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ในขณะท่ปี ัจจัยด้านราคามีผลเชิงลบต่อความต้ังใจ
ใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ
คำสำคญั : บริษัททวั ร์นาเท่ยี ว, ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
1 นักศกึ ษาหลกั สตู รบริหารธรุ กจิ มหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
2 อาจารยท์ ่ปี รกึ ษา
204
Dissertation topic: Factors Affecting the Selection of Tour Operators for
Overseas Tourists of Thai People in Bangkok
Parichat Chaisophap3
Dr. Jiraporn Chomsuan4
The purpose of this study was to compare marketing mix factors ( 7Ps) and
intention of using foreign tour companies by personal characteristics. And study the marketing
mix factors ( 7Ps) that are related to the intention to use the tour companies in different
countries the sample group used in the study was 385 Thai tourists in Bangkok who have
used foreign tour companies to ask as a tool for data collection the statistics used for data
analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation. And tested the hypothesis by
using t-test, ANOVA and multiple regression analysis.
The study found that the marketing mix factors which have the highest influence
on the selection of foreign tour company in the highest level. When considering in each aspect
Found that every aspect has a high level of importance and the intention to use the foreign
tour company in general is at the high level.
The hypothesis testing found that 1) the age, status, education level, occupation,
and income have different influences on the importance of marketing mix factors. 2) Different
educational levels and occupations have different influences on the intention to use the services
of foreign tour companies. 3) The marketing mix of products Marketing Promotion And the
personnel aspect had a positive effect on the intention of using the tour companies in foreign
countries. While the price factor has a negative effect on the intention of using the foreign
tour company.
Keywords: Tour Agency, marketing mix factors.
3 Student, Master of Business Administration Program (Marketing), College of Innovation Business and
Accountancy, Dhurakij Pundit University
4 Professor, College of Innovation Business and Accountancy, Dhurakij Pundit University
205
บทนำ
อุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ียวของไทยน้ัน สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจานวน
มาก นอกจากน้ีประเทศไทยยังเป็นประเทศท่ีมีจานวนนักท่องเท่ียวต่างชาติเข้ามาท่องเท่ียวเป็ น
จานวนมาก จะเหน็ ได้จากสถิติของจานวนนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติท่เี ข้ามายงั ประเทศไทยมจี านวน
ท่เี พ่ิมมากข้ึนทุกปี และมีแนวโน้มจะเพ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ แต่จานวนนักท่องเท่ียวชาวไทยท่ีตัดสินใจ
เลือกเดินทางไปทอ่ งเท่ยี วต่างประเทศเองกม็ จี านวนท่เี พ่ิมมากข้นึ เช่นกนั
ซ่ึงในปี 2560 มีนักท่องเท่ยี วชาวไทยท่เี ดินทางไปต่างประเทศ (Outbound Tourism)
เป็นจานวนมากประมาณ 8.83 ล้านคน โดยประเทศท่ีนักท่องเท่ียวเดินทางไปและมีการใช้จ่าย
สูงสดุ คือ ประเทศญ่ีป่ ุน ซ่ึงมีการใช้จ่ายสูงถึง 42,290.78 ล้านบาท การเดินทางไปท่องเท่ียวใน
ต่างประเทศของนักท่องเท่ียวชาวไทยมีจานวนท่ีเพ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ เป็นประจาทุกปี โดยในปี พ.ศ.
2560 มจี านวนนักทอ่ งเท่ยี วชาวไทยสงู ถึง 8.83 ล้านคน ซ่ึงเพ่ิมข้นึ จากปี พ.ศ. 2559 ซ่ึงมจี านวน
นักทอ่ งเท่ยี วชาวไทยจานวน 7.98 ล้านคน เพ่ิมข้นึ 0.85 ล้านคน คดิ เป็นร้อยละ 10.65
การเดินทางไปท่องเท่ียวต่างประเทศของนักท่องเท่ียวชาวไทยน้ัน มีท้ังแบบท่ีเลือก
เดินทางไปท่องเท่ยี วด้วยตนเอง และแบบท่เี ลือกเดินทางไปท่องเท่ยี วโดยใช้บริการผ่านทางบริษัท
นาเท่ยี ว ซ่ึงจานวนของผู้ท่ตี ัดสนิ ใจเดินทางไปท่องเท่ยี วต่างประเทศโดยเลือกใช้บริการผ่านบริษัท
นาเท่ยี วในมีจานวนเพ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ ซ่ึงสอดคล้องกบั จานวนผู้ท่เี ดินทางไปทอ่ งเท่ยี วต่างประเทศท่ี
มจี านวนเพ่ิมมากข้นึ ด้วยเช่นกนั
จากการท่มี ีจานวนนักท่องเท่ยี วชาวไทยเลือกเดินทางไปท่องเท่ยี วต่างประเทศโดยการ
ใช้บริการผ่านบริษัทนาเท่ียวท่ีเพ่ิมข้ึน ทาให้บริษัทนาเท่ียวท่ีเป็ นประเภท Outbound ท่ีนา
นักท่องเท่ยี วชาวไทยไปเท่ยี วต่างประเทศน้ันมีโอกาสในการให้บริการนักท่องเท่ยี วชาวไทยมากข้ึน
และยงั ช่วยให้บริษัทมีรายได้เพ่ิมข้นึ ตามไปด้วย
ดังน้ัน ผู้วิจัยจึงสนใจท่จี ะศึกษา ปัจจัยท่มี ีผลต่อการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียว
ต่างประเทศของประชากรชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร เพ่ือเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการและ
ผู้สนใจในธุรกิจทวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศนาข้อมูลไปใช้ในการวางแผน และพัฒนาแพคเกจทวั ร์ให้
สอดคล้องกบั ความต้องการท่เี ปล่ียนไปของผู้บริโภค
วตั ถุประสงคข์ องกำรวิจยั
1. เพ่ือเปรียบเทยี บปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) ของผู้ใช้บริการบริษัททวั ร์
นาเท่ยี วต่างประเทศจาแนกตามลักษณะส่วนบุคคล
206
2. เพ่ือเปรียบเทียบการต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประทศของผู้ใช้บริการ
บริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศจาแนกตามลักษณะสว่ นบุคคล
3. เพ่ือศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) ท่มี ีความสมั พันธ์กับการต้ังใจใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประทศ ของประชากรชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร
แนวคิดและทฤษฎีเกยี่ วกบั งำนวิจยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
แนวคิด ทฤษฎีเกยี่ วกบั ปัจจัยส่วนประสมทำงกำรตลำด
1. ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถงึ ส่งิ ท่เี สนอขายโดยธุรกจิ เพ่ือตอบสนองความจาเป็น
หรือความต้องการของลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจ ประกอบด้วยส่ิงท่ีสัมผัสได้ และสัมผัสไม่ได้
เช่น บรรจุภัณฑ์ สี ราคา คุณภาพ ตราสนิ ค้า บริการและช่ือเสียงของผู้ขาย ผลิตภัณฑอ์ าจจะเป็น
สินค้าบริการสถานท่ี บุคคลหรือความคิดผลิตภัณฑ์ต้องมีอรรถประโยชน์ (Utility) คุณค่า
(Value) ในสายตาของลูกค้า จึงจะมผี ลทาให้ผลิตภัณฑส์ ามารถขายได้
2. ราคา (Price) หมายถึง จานวนเงินหรือส่ิงอ่ืน ๆ ท่ตี ้องจ่ายหรือเสียไปเพ่ือให้ได้
ผลิตภัณฑ์หรือ หมายถึง คุณค่าผลิตภัณฑ์ในรูปตัวเงิน ผู้บริโภคจะเปรียบเทียบระหว่างคุณค่า
(Value) ของผลิตภัณฑ์กับราคา (Price) ของผลิตภัณฑ์น้ัน ดังน้ัน ผู้กาหนดกลยุทธ์ด้านราคาจึง
ต้องคานึงถึง คุณค่าท่ีรับรู้ (Perceived Value) ในสายตาของลูกค้า ซ่ึงต้องพิจารณาการยอมรับ
ของลูกค้าในคุณค่า ของผลิตภัณฑว์ ่าสูงกว่าราคาผลิตภัณฑ์ ต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายท่เี ก่ียวข้อง
และการแข่งขนั (Etzel, Walker, & Stanton, 2001)
3. สถานท่ี (Place) หมายถึง โครงสร้างของช่องทางซ่ึงประกอบด้วย สถาบันและ
กิจกรรม ใช้เพ่ือเคล่ือนย้ายสินค้าและบริการ จากองค์การหรือผู้ผลิตไปยังตลาด สถาบันท่ีนา
ผลิตภณั ฑอ์ อกสู่ ตลาด คอื สถาบันทางการตลาด อาจจะเป็นคนกลางต่าง ๆ
4. การสง่ เสริมการตลาด (Promotion) เป็นเคร่ืองมอื ท่ใี ช้เพ่ือสร้างความพึงพอใจ ต่อ
ตราสนิ ค้าหรือบริการหรือความคิดต่อบุคคล โดยใช้เพ่ือจูงใจให้เกดิ ความต้องการ เพ่ือเตอื นความ
ทรงจาในผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึก ความเช่ือ และพฤติกรรมการซ้ือ หรือ
เป็นการติดต่อส่ือสารเก่ียวกับข้อมูลระหว่างผู้ขายกับผู้ซ้ือ เพ่ือสร้าง ความคิดท่ีมีผลต่ออารมณ์
และความรู้สึก ออกมาโดยทางพฤติกรรม การ ติดต่อส่ือสารอาจใช้พนักงานขาย ( Personal
Selling) ทาการขายและการติดต่อส่อื สารโดยไม่ใช้คน (Non-Personal Selling) เคร่ืองมือในการ
ติดต่อส่อื สารมีหลายเคร่ืองมือ องค์การอาจเลือกใช้หน่ึงหรือ หลายเคร่ืองมือ ซ่ึงต้องใช้หลักการ
เลือกใช้ เคร่ื องการ ส่ือสาร การตลาดแบบ ประสมประสานกัน ( Integrated Marketing
Communication: IMC) โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมกบั ลูกค้า คู่แข่งขัน ผลิตภัณฑ์ โดยบรรลุ
จุดมุ่งหมายร่วมกันได้ เคร่ืองมือการส่งเสริมการตลาดท่ีสาคัญ ซ่ึงประกอบด้วย การโฆษณา
(Advertising), การขายโดยใช้พนักงานขาย (Personal Selling), การส่งเสริมการขาย (Sales
207
Promotion) ท่ีมุ่งหมายกระตุ้นความต้องการซ้ือของผู้บริโภค (Consumer), คนกลาง (Trade)
และพนักงานขาย (Sales Forces), การให้ข่าวและการประชาสัมพันธ์ (Publicity and Public
Relation: PR), การตลาดทางตรง (Direct Marketing)
5. บุคลากร (People) หมายถงึ บุคคลท่มี สี ่วนร่วมในกระบวนการท้งั หมดซ่ึงรวมไปถึง
พนักงานผู้ให้บริการ ซ่ึงได้จากการคัดเลือก เพ่ือทาให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในการรับบริการ
มากข้ึนแตกต่างเหนือคู่แข่ง ซ่ึงพนักงานควรมีความรู้ความสามารถ มีทัศนคติท่ีดี สามารถ
ตอบสนองต่อลูกค้า อย่างมคี วามน่าเช่ือถอื มคี วามรับผิดชอบ ส่อื สารกบั ลูกค้าได้ดี
6. ลักษณะทางกายภาพ หมายถึง สภาพแวดล้อมท่ปี รากฏ ให้ผู้บริโภคได้เหน็ ท้งั หมด
ไม่ว่าจะเป็นสถานท่ซี ้ือขายผลิตภณั ฑ์ หรือสถานท่อี ่นื ๆ ท่เี กดิ ปฏสิ มั พันธร์ ะหว่างผู้ซ้ือกบั บริษัท
7. กระบวนการ (Process) หมายถึง กระบวนการในการให้บริการแก่ลูกค้าซ่ึง มี
หลากหลายรูปแบบเป็นการส่งมอบคุณภาพในการให้บริการกบั ลูกค้า เพ่ือให้เกดิ ความรวดเรว็ และ
ความประทบั ใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) รวมถึงการนาเสนอผลิตภณั ฑ์ การทกั ทาย
แนวคิด ทฤษฎีเกยี่ วกบั พฤติกรรมของผบู้ ริโภค
พฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer Behavior) หมายถึง พฤติกรรมซ่ึงผู้บริโภคทาการ
ค้นหา การซ้ือ การใช้ การประเมินผล การใช้สอยผลิตภัณฑ์ และการบริการ ซ่ึงคาดว่าจะ
ตอบสนองความต้องการของตนเอง (Schiffman and Kanuk, 1994) หรือเพ่ือตอบสนองความ
ต้องการภายในครัวเรือนและองค์กร ผู้บริโภคทุกคนท่ซี ้ือสนิ ค้าและบริการไปเพ่ือวัตถุประสงค์เช่น
ว่าน้ีรวมกัน เรียกว่าตลาดผู้บริโภค ผู้บริโภคท่ัวโลกน้ันมีความแตกต่างกันในลักษณะด้าน
ประชากรศาสตร์อยู่หลายประเดน็ เช่น ในเร่ืองของอายุ รายได้ ระดับการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม
ประเพณีค่านิยม และรสนิยม เป็นต้น พฤติกรรมการกนิ การใช้ การซ้ือ และความรู้สึกนึกคิดของ
ผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑจ์ ึงแตกต่างกนั ออกไป ทาให้มีการซ้ือการบริโภคสินค้าและบริการหลาย ๆ
ชนิดท่ีแตกต่างกัน นอกจากลักษณะประชากรดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยอ่ืน ๆ อีกท่ีทาให้มีการ
บริโภคแตกต่างกนั (กมลภพ ทพิ ย์ปาละ, 2555)
แนวคิด ทฤษฎีเกีย่ วกบั กำรตดั สินใจซ้ ือ
คอทเลอร์ (Kotler, 1997) อธิบายคาว่า การตัดสินใจซ้ือ หมายถึง ผู้บริโภคแต่ละคน
จะต้องการข้อมูลและระยะเวลาในการตัดสินใจสาหรับผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดแตกต่างกัน คือ
ผลิตภัณฑบ์ างอย่างต้องการข้อมูลมาก ต้องใช้ระยะเวลาในการเปรียบเทยี บนาน แต่บางผลิตภัณฑ์
ผู้บริโภคกไ็ ม่ต้องการระยะเวลาการตดั สินใจนาน
ฉัตยาพร เสมอใจ (2550) กล่าวว่า การตัดสนิ ใจซ้ือ หมายถึง ผู้บริโภคมีรูปแบบและ
ข้ันตอนในการตัดสินใจซ้ือสินค้าหรือบริการแต่ละประเภทท่ีแตกต่างกัน สาหรับสินค้าบาง
ประเภท ผู้บริโภคอาจต้องใช้เวลาในการตัดสนิ ใจนานและต้องการข้อมูลมาก ได้แก่ สนิ ค้าราคา
แพง อายุการใช้งานนาน ๆ ไม่เปล่ียนบ่อย โดยเฉพาะถ้าเป็นสนิ ค้าหรือบริการท่ไี ม่เคยใช้มาก่อน
เช่น สถานศึกษา โรงพยาบาล รถยนต์ บ้าน เป็นต้น แต่สาหรับสนิ ค้าบางประเภทกลับใช้เวลา
208
ส้นั ไม่ต้องการข้อมูลมากนักในการตดั สนิ ใจ หรือบางคร้ังผู้บริโภคอาจจะตดั สนิ ใจในทนั ทโี ดยไม่
ต้องพิจารณาข้อมูลเพ่ิมเติม อย่างไรกด็ ี ไม่ว่าจะเป็ นการตัดสินใจสาหรับสินค้าหรือบริการ
ประเภทใด ผู้บริโภคจะมีความเส่ียงจากการตัดสินใจ คือ นอกจากส่งิ ท่เี ขาคาดหวังว่าจะได้รับ
แล้ว ผู้บริโภคต้องยอมรับความเส่ยี งในส่ิงท่เี ขาไม่พึงปรารถนาจากการตดั สนิ ใจซ้ือน้ัน ๆ ด้วย
จำกกำรทบทวนวรรณกรรมขำ้ งตน้ สรุปเป็ นกรอบแนวคิด ดงั น้ ี ตวั แปรตำม
ตวั แปรอิสระ
ปัจจยั ส่วนบุคคลของผใู้ ชบ้ ริการ ความต้งั ใจใชบ้ ริการบริษทั ทวั ร์นา
1. เพศ เท่ียวตา่ งประทศของประชากรชาว
2. อายุ
3. สถานภาพ ไทยในเขตกรุงเทพมหานคร
4. ระดบั การศึกษา
5. อาชีพ
6. รายได้
ปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาด (7P)
1. ดา้ นผลิตภณั ฑ์
2. ดา้ นราคา
3. ดา้ นช่องทางจดั จาหน่าย
4. ดา้ นการส่งเสริมการตลาด
5. ดา้ นบุคลากร
6. ดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ
7. ดา้ นกระบวนการ
209
ระเบยี บวิธีกำรวิจยั
ประชากรท่ใี ช้ในการวิจัยคร้ังน้ี เป็นนักทอ่ งเท่ยี วชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานครท่เี คย
ใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ
ตวั อย่างท่ใี ช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ นักทอ่ งเท่ยี วชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานครท่เี คยใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ เน่ืองจากไม่ทราบจานวนประชากรท่แี น่นอน ดังน้ัน ผู้วิจัย
จึงกาหนดขนาดตัวอย่างโดยคานวณจากสูตรกรณีไม่ทราบจานวนประชากรของคอแครน
(Cocharn,1997) โดยกาหนดระดับความเช่ือม่ันท่ี 95% ได้ขนาดตวั อย่างท่จี านวน 385 คน
กำรวิเครำะหข์ อ้ มูลและสถติ ิทีใ่ ชใ้ นกำรวิเครำะหข์ อ้ มูล
ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยนาข้อมูลท่รี วบรวมได้ท้งั หมดมาวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์
ท้งั หมดโดยใช้เคร่ืองมอื ประกอบการศึกษาคอื
1. สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) โดยใช้ ค่าร้อยละ (Percentage) ในการ
อธิบายข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม และใช้ค่าเฉล่ีย (Mean) และค่าส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐาน (Standard deviation)
2. สถติ ิเชิงอนุมาน (Inferential statics) การวิเคราะห์ข้อมูลและการทดสอบสมมติฐาน
(Hypothesis testing) ใช้ค่า T-test ใช้เปรียบเทยี บตัวแปรอสิ ระท่จี าแนกออกเป็น 2 กลุ่ม และค่า
One-Way ANOVA ใช้ทดสอบเปรียบเทียบตัวแปรอิสระท่ีจาแนกเป็ น 3 กลุ่ม หากพบความ
แตกต่าง จะทาการทดสอบค่าเฉล่ียแบบจับคู่พหุคูณ (multiple Comparison) โดยใช้การคานวณ
วิธแี บบ LSD
ผลกำรวิเครำะห์
ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลปัจจยั ส่วนบุคคล
การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ซ่ึงประกอบด้วย เพศ ช้ันปี ท่ศี ึกษา และ
หลักสตู รท่ศี ึกษา โดยการหาค่าความถ่แี ละร้อยละ มผี ลการวิเคราะห์ดงั ต่อไปน้ี
210
ตำรำงที่ 1 จานวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง จาแนกตามข้อมูลสว่ นบุคคล
ขอ้ มูลส่วนบุคคล จำนวน รอ้ ยละ
เพศ 41.30
58.70
ชาย 159 100.00
หญิง 226 22.86
63.64
รวม 385 13.51
100.00
อายุ
67.79
น้อยกว่า 25 ปี 88 25.71
6.49
25 – 35 ปี 245 100.00
36 – 45 ปี 52 7.27
69.35
รวม 385 23.38
100.00
สถานภาพ
18.96
โสด 261 54.55
11.95
สมรส 99 14.55
100.00
หม้าย/หย่าร้าง 25
รวม 385
ระดบั การศึกษา
ต่ากว่าปริญญาตรี 28
ปริญญาตรี 267
สงู กว่าปริญญาตรี 90
รวม 385
อาชีพ
รับราชการ/รัฐวิสาหกจิ 73
พนักงานบริษัทเอกชน 210
เจ้าของกจิ การ ธุรกจิ ส่วนตัว 46
นักเรียน/นักศึกษา 56
รวม 385
รายได้ส่วนบุคคลต่อเดือน
211
ขอ้ มูลส่วนบุคคล จำนวน รอ้ ยละ
ไม่เกนิ 20,000 บาท 116 30.13
20,001 – 30,000 บาท 107 27.79
30,001 – 40,000 บาท 87 22.60
40,001 – 50,000 บาท 63 16.36
50,001 – 60,000 บาท 8 2.08
70,001 บาท ข้นึ ไป 4 1.04
385 100.00
รวม
ประเทศท่ตี ดั สนิ ใจหรือกาลังตัดสนิ ใจเลือกใช้บริการบริษทั ทวั ร์ 108 28.05
87 22.60
โซนทวีปเอเชียตะวันออก 108 28.05
โซนประเทศในอาเซียน 23 5.97
โซนทวีปยุโรป 39 10.13
โซนทวีปอเมริกาเหนือ 20 5.19
โซนทวีปอเมริกาใต้ 385 100.00
โซนทวีปตะวันออกกลาง
รวม
ส่วนที่ 2 ปัจจยั ส่วนประสมทำงกำรตลำดทีม่ ีอิทธิพลต่อกำรเลือกใชบ้ ริกำรบริษทั ทวั รน์ ำเทีย่ ว
ต่ำงประเทศ
การวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกบั ปัจจัยสว่ นประสมทางการตลาดท่มี ีอิทธพิ ลต่อการเลือกใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ โดยการหาค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงมาตรฐาน มีผลการ
วิเคราะห์ดังตารางต่อไปน้ี
ตำรำงค่ำเฉลีย่ และส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำนของปัจจยั ส่วนประสมทำงกำรตลำดทีม่ ีอิทธิพลต่อ
กำรเลือกใชบ้ ริกำรบริษทั ทวั รน์ ำเทีย่ วต่ำงประเทศ
ปัจจัยสว่ นประสมทางการตลาดท่มี อี ทิ ธพิ ลต่อการ x̅ S.D. ระดับความสาคัญ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ
1. ด้านผลิตภัณฑ์ 4.45 0.707 มากท่สี ุด
2. ด้านราคา 4.49 0.759 มากท่สี ดุ
3. ด้านช่องทางการตลาด 4.24 0.803 มากท่สี ุด
212
4. ด้านการส่งเสริมการตลาด 4.21 0.832 มากท่สี ดุ
5. ด้านบุคลากร 4.51 0.787 มากท่สี ุด
6. ด้านลักษณะทางกายภาพ 4.38 0.654 มากท่สี ุด
7. ด้านกระบวนการให้บริการ 4.54 0.749 มากท่สี ดุ
รวม 4.40 0.651 มากท่สี ุด
ส่วนที่ 3 ควำมต้งั ใจใชบ้ ริกำรบริษทั ทวั รน์ ำเทีย่ วต่ำงประเทศ
การวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกบั ความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ โดยการ
หาค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงมาตรฐาน มีผลการวิเคราะห์ดังตารางต่อไปน้ี
ตำรำงค่ำเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำนของควำมต้งั ใจใช้บริกำรบริษทั ทวั รน์ ำเที่ยว
ต่ำงประเทศ
ความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ x̅ S.D. ระดับความคิดเหน็
1. เม่ือต้องการเดินทางไปท่องเท่ียวต่างประเทศ จะ 3.59 1.128 มาก
เลือกใช้บริการทวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ มาก
2. เม่ือใช้บริการทวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ จะใช้บริการ 3.69 1.083
บริษัทเดมิ เป็นประจา มาก
3. หากมีผู้แนะนาให้ใช้บริษัททัวร์นาเท่ียวอ่ืน ก็จะ 3.65 0.989
ยังคงเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วเดิมท่เี คยใช้
บริการ
4. ยังคงใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวเดิมท่ีใช้บริการ 3.42 1.073 มาก
แม้ว่าจะมีการปรับราคาท่สี งู ข้นึ มาก
5. ยอมจ่ายค่าบริการบริษัททัวร์นาเท่ียวท่ีสูงข้ึน 3.76 1.042
เพ่ื อให้ ได้ รั บการบริ การท่ีดีกว่ าหรื อการบริ การท่ี
สงู ข้นึ
รวม 3.62 0.940 มาก
ส่วนที่ 4 ผลกำรทดสอบสมมติฐำน
สมมติฐำนที่ 1 เพศท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านผลิตภัณฑ์ในการ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 2 เพศท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านราคาในการเลือกใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
213
สมมติฐำนที่ 3 เพศท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านช่องทางการตลาดใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 4 เพศท่แี ตกต่างกนั มีอทิ ธิพลต่อความสาคัญด้านการส่งเสริมการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 5 เพศท่แี ตกต่างกนั มอี ทิ ธพิ ลต่อความสาคญั ด้านบุคลากรในการเลือกใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 6 เพศท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านลักษณะกายภาพใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 7 เพศท่แี ตกต่างกนั มีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านกระบวนการให้บริการ
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
พบว่า เพศท่ีแตกต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ ท้ัง 7 ด้านได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์
ด้านราคา ด้านช่องทางการตลาด ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้ านบุคลากร ด้านลักษณะทาง
กายภาพ ด้านกระบวนการให้บริการ ท่รี ะดับนัยสาคัญ 0.05 ดังน้ันจึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 1, 2,
3, 4, 5, 6 และ 7
สมมติฐำนที่ 8 อายุท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านผลิตภัณฑ์ในการ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 9 อายุท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านราคาในการเลือกใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 10 อายุท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านช่องทางการตลาดใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 11 อายุท่แี ตกต่างกนั มีอทิ ธพิ ลต่อความสาคญั ด้านการส่งเสริมการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 12 อายุท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านบุคลากรในการ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 13 อายุท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านลักษณะกายภาพใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 14 อายุท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านกระบวนการ
ให้บริการในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
214
พบว่า อายุท่แี ตกต่างกนั มีอิทธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกัน ท้งั 7 ด้านได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์
ด้านราคา ด้านช่องทางการตลาด ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคลากร ด้านลักษณะทาง
กายภาพ ด้านกระบวนการให้บริการ ท่รี ะดับนัยสาคญั 0.05 ดังน้ันจึงยอมรับสมมตฐิ านท่ี 8, 9,
10, 11, 12, 13 และ 14
เม่อื ทดสอบค่าเฉล่ียรายคู่โดยวิธี Least Square Difference (LSD) พบว่า
1) นักทอ่ งเท่ยี วท่อี ายุน้อยกว่า 25 ปี ให้ความสาคัญปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ น้อยกว่านักท่องเท่ียวท่มี ีอายุ 25 – 35 ปี
และ36 – 45 ปี ในด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคลากร ด้าน
ลักษณะทางกายภาพ ด้านกระบวนการให้บริการ
2) นักท่องเท่ียวท่ีอายุน้อยกว่า 25 ปี ให้ความสาคัญปัจจัยด้านช่องทางการตลาดใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ มากกว่านักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีอายุ 25 – 35 ปี และ
36 – 45 ปี
สมมติฐำนที่ 15 สถานภาพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านผลิตภัณฑ์ใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 16 สถานภาพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านราคาในการ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 17 สถานภาพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านช่องทาง
การตลาดในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 18 สถานภาพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านการส่งเสริม
การตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 19 สถานภาพท่แี ตกต่างกนั มีอทิ ธพิ ลต่อความสาคญั ด้านบุคลากรในการ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 20 สถานภาพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านลักษณะ
กายภาพในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 21 สถานภาพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านกระบวนการ
ให้บริการในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
พบว่า สถานภาพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยด้านราคา ด้าน
ส่งเสริมการตลาด และด้านลักษณะทางกายภาพ ในการเลือกใช้บริการบริษั ททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศแตกต่างกัน ท่ีระดับนัยสาคัญ 0.05 ดังน้ันจึงยอมรับสมมติฐานท่ี 16, 18 และ 20
215
และพบว่า สถานภาพท่ีแตกต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อความสาคัญของด้านผลิตภัณฑ์ ด้านช่องทาง
การตลาด ด้านบุคลากรและด้านกระบวนการให้บริการในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศ ท่รี ะดับนัยสาคญั 0.05 ดงั น้ันจึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 15, 17, 19 และ 21
สมมติฐำนที่ 22 ระดบั การศึกษาท่แี ตกต่างกนั มีอทิ ธพิ ลต่อความสาคญั ด้านผลิตภัณฑ์
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 23 ระดับการศึกษาท่แี ตกต่างกนั มีอิทธพิ ลต่อความสาคัญด้านราคาใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 24 ระดับการศึกษาท่แี ตกต่างกนั มีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านช่องทาง
การตลาดในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 25 ระดับการศึกษาท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านการ
ส่งเสริมการตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 26 ระดับการศึกษาท่แี ตกต่างกันมีอทิ ธพิ ลต่อความสาคัญด้านบุคลากร
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 27 ระดับการศึกษาท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านลักษณะ
กายภาพในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 28 ระดับการศึกษาท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้ าน
กระบวนการให้บริการในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
พบว่า ระดับการศึกษาท่แี ตกต่างกันมีอทิ ธพิ ลต่อความสาคัญของด้านผลิตภัณฑ์ ด้าน
ราคา และด้านบุคลากรในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประเทศแตกต่างกัน ท่รี ะดับ
นัยสาคัญ 0.05 ดังน้ันจึงยอมรับสมมติฐานท่ี 15, 16 และ 19 และพบว่า ระดับการศึกษาท่ี
แตกต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อความสาคัญของด้านช่องทางการตลาด ด้านส่งเสริมการตลาด ด้าน
ลักษณะทางกายภาพ และด้านกระบวนการให้บริการในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศ ท่รี ะดบั นัยสาคญั 0.05 ดงั น้ันจึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 17, 18, 20 และ 21
เม่อื ทดสอบค่าเฉล่ียรายคู่โดยวิธี Least Square Difference (LSD) พบว่า
1) นักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีการศึกษาต่ากว่าปริญญาตรีและปริญญาตรีให้ความสาคัญกบั ด้าน
ผลิตภัณฑใ์ นการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศน้อยกว่านักท่องเท่ยี วท่มี ีการศึกษา
สงู กว่าปริญญาตรี
2) นักทอ่ งเท่ยี วท่ีมีการศึกษาต่ากว่าปริญญาตรีให้ความสาคัญกับด้านราคา และด้าน
บุคลากรในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศน้อยกว่านักทอ่ งเท่ียวท่ีมีการศึกษา
ระดับปริญญาตรีข้นึ ไป
216
สมมติฐำนที่ 29 อาชีพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านผลิตภัณฑ์ในการ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 30 อาชีพท่แี ตกต่างกนั มอี ทิ ธพิ ลต่อความสาคญั ด้านราคาในการเลือกใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 31 อาชีพท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านช่องทางการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 32 อาชีพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านการส่งเสริม
การตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 33 อาชีพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านบุคลากรในการ
เลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 34 อาชีพท่แี ตกต่างกนั มีอทิ ธพิ ลต่อความสาคญั ด้านลักษณะกายภาพใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 35 อาชีพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านกระบวนการ
ให้บริการในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
พบว่า อาชีพท่แี ตกต่างกนั มอี ทิ ธพิ ลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ ท้ัง 7 ด้านได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้าน
ราคา ด้านช่องทางการตลาด ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคลากร ด้านลักษณะทางกายภาพ
ด้านกระบวนการให้บริการ ท่ีระดับนัยสาคัญ 0.05 ดังน้ันจึงยอมรับสมมติฐานท่ี 29, 30, 31,
32, 33, 34 และ 35
เม่อื ทดสอบค่าเฉล่ียรายคู่โดยวิธี Least Square Difference (LSD) พบว่า
ด้านผลิตภัณฑ์ พบว่า 1) นักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีอาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกจิ ให้ความสาคัญ
กับปัจจัยด้านผลิตภัณฑม์ ากกว่าอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ธุรกิจส่วนตัว นักเรียน/นักศึกษา
2) ธุรกิจส่วนตัว ให้ความสาคัญกับปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์น้อยกว่าพนักงานบริษัทเอกชนและ
นักเรียน/นักศึกษา
ด้านราคา และด้านบุคคล พบว่า 1) นักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีอาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกจิ ให้
ความสาคัญกบั ปัจจัยด้านราคา และด้านบุคคลมากกว่าอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ธุรกจิ ส่วนตัว
นักเรียน/นักศึกษา 2) พนักงานบริษัทเอกชน ให้ความสาคัญกบั ปัจจัยด้านราคา และด้านบุคคล
มากกว่า ธุรกจิ สว่ นตวั และนักเรียน/นักศึกษา
217
ด้านลักษณะทางกายภาพ พบว่า นักท่องเท่ียวท่ีมีอาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ ให้
ความสาคัญกับปัจจัยด้านลักษณะทางกายภาพมากกว่าอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ธรุ กจิ ส่วนตัว
นักเรียน/นักศึกษา
ด้านกระบวนการให้บริการ พบว่า นักท่องเท่ียวท่ีมีอาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ ให้
ความสาคัญกบั ปัจจัยด้านกระบวนการให้บริการน้อยกว่าอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน
สมมติฐำนที่ 36 รายได้ต่อเดือนท่แี ตกต่างกนั มอี ทิ ธพิ ลต่อความสาคัญด้านผลิตภัณฑ์
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 37 รายได้ต่อเดือนท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านราคาใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 38 รายได้ต่อเดือนท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านช่องทาง
การตลาดในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 39 รายได้ต่อเดือนท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านการ
สง่ เสริมการตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 40 รายได้ต่อเดือนท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านบุคลากร
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 41 รายได้ต่อเดือนท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้านลักษณะ
กายภาพในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
สมมติฐำนที่ 42 รายได้ต่อเดือนท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญด้ าน
กระบวนการให้บริการในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั
พบว่า รายได้ต่อเดือนท่แี ตกต่างกนั มีอทิ ธพิ ลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ท้งั 7 ด้านได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์
ด้านราคา ด้านช่องทางการตลาด ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคลากร ด้านลักษณะทาง
กายภาพ ด้านกระบวนการให้บริการ ท่รี ะดับนัยสาคัญ 0.05 ดังน้ันจึงยอมรับสมมติฐานท่ี 36,
37, 38, 39, 40, 41 และ 42
เม่อื ทดสอบค่าเฉล่ียรายคู่โดยวิธี Least Square Difference (LSD) พบว่า
ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านกระบวนการให้บริการ พบว่า นักท่องเท่ยี วท่ีมีรายได้ไม่เกิน
20,000 บาท และ 40,001 บาทข้ึนไปให้ ความสาคัญกับปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์และด้าน
กระบวนการให้บริการน้อยกว่ารายได้ 30,001 – 40,000 บาท
218
ด้านราคา พบว่า 1) นักท่องเท่ียวท่ีมีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาท ให้ความสาคัญกับ
ปัจจัยด้านราคาน้อยกว่ารายได้ 20,001 บาทข้ึนไป 2) นักท่องเท่ยี วท่ีมีรายได้ 40,001 บาทข้ึน
ไปให้ความสาคัญกบั ปัจจัยด้านราคาน้อยกว่ารายได้ 30,001 – 40,000 บาท
ด้านช่องทางการตลาด พบว่า 1) นักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีรายได้20,001 – 30,000 บาทให้
ความสาคัญกับปัจจัยด้านช่องทางการตลาด มากกว่ารายได้ ไม่เกิน 20,000 บาทและรายได้
30,001 – 40,000 บาท 2) นักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีรายได้ 40,001 บาทข้นึ ไปให้ความสาคัญกบั ปัจจัย
ด้านช่องทางการตลาด น้อยกว่ารายได้ ไม่เกนิ 40,000 บาท
ด้ านส่งเสริมการตลาด พบว่า นักท่องเท่ียวท่ีมีรายได้ 40,001 บาทข้ึนไปให้
ความสาคัญกบั ปัจจัยด้านส่งเสริมการตลาด น้อยกว่ารายได้ ไม่เกนิ 40,000 บาท
ด้านบุคคล พบว่า 1) นักท่องเท่ยี วท่มี ีรายได้ ไม่เกนิ 20,000 บาทให้ความสาคัญกับ
ปัจจัยด้านบุคคล น้อยกว่ารายได้ 20,001 – 30,000 บาท 2) นักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีรายได้ 40,001
บาทข้นึ ไปให้ความสาคญั กบั ปัจจัยด้านบุคคล น้อยกว่ารายได้ 20,001 – 40,000 บาท
ด้านลักษณะทางกายภาพ พบว่า นักท่องเท่ียวท่ีมีรายได้ ไม่เกิน 20,000 บาทให้
ความสาคญั กบั ปัจจัยด้านส่งเสริมการตลาด น้อยกว่ารายได้ 30,001 – 40,000 บาท
สมมติฐำนที่ 43 ปัจจัยส่วนบุคคล ทางด้านเพศ ของผู้ใช้บริการท่แี ตกต่างกนั มผี ลต่อ
ความต้งั ใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แตกต่างกนั
พบว่า เพศท่ีแตกต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศแตกต่างกนั ท่รี ะดบั นัยสาคญั 0.05 ดงั น้ันจึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 43
สมมติฐำนที่ 44 ปัจจัยส่วนบุคคล ทางด้านอายุของผู้ใช้บริการท่แี ตกต่างกัน มีผลต่อ
ความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แตกต่างกนั
พบว่า อายุท่ีแตกต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศแตกต่างกนั ท่รี ะดับนัยสาคญั 0.05 ดงั น้ันจึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 44
สมมติฐำนที่ 45 ปัจจัยส่วนบุคคล ทางด้านสถานภาพ ของผู้ใช้บริการท่แี ตกต่างกนั มี
ผลต่อความต้งั ใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แตกต่างกนั
พบว่า เพศท่ีแตกต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศแตกต่างกนั ท่รี ะดับนัยสาคญั 0.05 ดงั น้ันจึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 43
สมมติฐำนที่ 46 ปัจจัยสว่ นบุคคล ทางด้านระดบั การศึกษา ของผู้ใช้บริการท่แี ตกต่าง
กนั มีผลต่อความต้งั ใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แตกต่างกนั
พบว่า ระดับการศึกษาท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นา
เท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั ท่รี ะดบั นัยสาคัญ 0.05 ดงั น้ันจึงยอมรับสมมตฐิ านท่ี 46
219
เม่อื ทดสอบค่าเฉล่ียรายคู่โดยวิธี Least Square Difference (LSD) พบว่า นักทอ่ งเท่ยี ว
ท่ีมีการศึกษาสูงกว่ าปริญญาตรีมีความต้ังใจใช้ บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศมากกว่า
นักทอ่ งเท่ยี วท่มี กี ารศึกษาต่ากว่าปริญญาตรี และปริญญาตรี
สมมติฐำนที่ 47 ปัจจัยส่วนบุคคล ทางด้านอาชีพ ของผู้ใช้บริการท่แี ตกต่างกนั มีผล
ต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แตกต่างกนั
พบว่า อาชีพท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียว
ต่างประเทศแตกต่างกนั ท่รี ะดบั นัยสาคญั 0.05 ดังน้ันจึงยอมรับสมมตฐิ านท่ี 47
เม่อื ทดสอบค่าเฉล่ียรายคู่โดยวิธี Least Square Difference (LSD) พบว่า นักทอ่ งเท่ยี ว
ท่มี ีอาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจและนักเรียน/นักศึกษามีความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียว
ต่างประเทศมากกว่าอาชีพพนักงานบริษัทเอกชนและเจ้าของกจิ การ ธุรกจิ ส่วนตวั
สมมติฐำนที่ 48 ปัจจัยส่วนบุคคล ทางด้านรายได้ต่อเดือน ของผู้ใช้บริการท่แี ตกต่าง
กนั มผี ลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แตกต่างกนั
พบว่า รายได้ต่อเดือนท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นา
เท่ยี วต่างประเทศไม่แตกต่างกนั ท่รี ะดบั นัยสาคัญ 0.05 ดงั น้ันจึงปฏเิ สธสมมติฐานท่ี 48
สมมติฐำนที่ 49 ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ทางด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้าน
ช่องทางการตลาด ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคลากร ด้านลักษณะกายภาพ และด้าน
กระบวนการให้บริการ มีผลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ของประชากร
ชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร
ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ พบว่า ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ทางด้าน
ผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านการส่งเสริมการตลาด และด้านบุคลากรมีผลต่อความต้ังใจใช้บริการ
บริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ของประชากรชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร( P-value < 0.05)
ส่วนปัจจัยด้านช่องทางการตลาด ด้านลักษณะกายภาพ และด้านกระบวนการให้บริการไม่มีผลต่อ
ความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ของประชากรชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร
ท่รี ะดบั นัยสาคญั ทางสถติ ิ 0.05 (P-value > 0.05)
และพิจารณาค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอย (B) พบว่า ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการ
ส่งเสริมการตลาด และด้านบุคลากรมีค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอย เท่ากับ 0.397, 0.396 และ
0.298 ตามลาดับ ดังน้ันแสดงว่า ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการส่งเสริมการตลาด และด้าน
บุคลากรมีผลเชิงบวกต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ส่วนปัจจัยด้านรา
คามีค่าสัมประสิทธ์ิการถดถอย เท่ากับ -0.705 ดังน้ันแสดงว่า ปัจจัยด้านราคามีผลเชิงลบต่อ
ความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ
220
โดยปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดสามารถอธิบายการเปล่ียนแปลงความต้ังใจใช้
บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ ของประชากรชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานครได้ร้อยละ
35.9 (R2 = 0.359)
สรุปผลกำรวิจยั อภิปรำยผล และขอ้ เสนอแนะ
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 58.70 มีอายุ
25-35 ปี คิดเป็ นร้อยละ 63.64 มีการศึกษาระดับปริญญาตรี คิดเป็ นร้อยละ 69.35 อาชีพ
พนักงานบริษัทเอกชน คิดเป็นร้อยละ 54.55 รายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่ไม่เกนิ 20,000 บาท คิด
เป็ นร้อยละ 30.13 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตัดสินใจหรือกาลังตัดสินใจท่ีจะไปประเทศโซนทวีป
เอเชียตะวันออก และโซนทวีปยุโรป คิดเป็นร้อยละ 28.05
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีอิทธพิ ลต่อการเลือกใช้บริการ
บริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประเทศ โดยรวม อยู่ในระดับมากท่สี ุด เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ด้านท่กี ลุ่มตัวอย่างให้ความสาคัญเรียงตามลาดับดังน้ี ด้านกระบวนการให้บริการ รองลงมาคือ
ด้านบุคลากร ด้านราคา ด้านผลิตภณั ฑ์ ด้านลักษณะทางกายภาพ ด้านช่องทางการตลาด และด้าน
การสง่ เสริมการตลาด ตามลาดบั
ผลการศึกษาพบว่า ความต้ังใจท่จี ะใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประเทศ โดยรวม
อยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ทุกข้อมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก โดยกลุ่ม
ตัวอย่างยอมจ่ายค่าบริการบริษัททัวร์นาเท่ียวท่ีสูงข้ึน เพ่ือให้ได้รับการบริการท่ีดีกว่าหรือการ
บริการท่สี ูงข้ึน เป็นอนั ดับแรก รองลงมาคือ ต้ังใจจะใช้บริการบริษัทเดิมเป็นประจา เม่ือใช้บริการ
ทวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ
อภิปรำยผลกำรวิจยั
1. เพศท่ีแตกต่างกันไม่มีอิทธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประเทศแตกต่างกัน ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะท้งั เพศหญิง
และเพศชายต่างต้องการบริษัททวั ร์ท่ีมีคุณภาพ มีเช่ือเสียงน่าเช่ือถือ จึงให้ความสาคัญกับปัจจัย
ด้านผลิตภัณฑ์ไม่แตกต่างกนั ซ่ึงสอดคล้องกับวันคา ประเสริฐศักด์ิ (2555) ได้ทาการศึกษา กล
ยุทธ์การตลาดบริการท่ีมีผลต่อพฤติกรรมนักท่องเท่ียวชาวไทย ในการท่องเท่ียวนครหลวงเวียง
จันทร์ พบว่า เพศท่ตี ่างกนั ให้ความสาคญั ต่อกลยุทธก์ ารบริการไม่ต่างกนั
2. อายุท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ใน
การเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประเทศแตกต่างกัน ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะอายุท่มี ากข้ึนมี
เหตุผลในการตัดสินใช้บริการจากประสบการณ์ จึงทาให้เกิดความความชอบและแรงจูงใจ
แตกต่างระหว่างกลุ่มอายุ ซ่ึงสอดคล้องกบั สุดหทยั ก้องมณีรัตน์ (2559) ได้ศึกษาปัจจัยท่มี ีผล
ต่อการตดั สนิ ใจซ้ือทวั ร์ประเทศเกาหลีของนักทอ่ งเท่ยี วชาวไทย ผลการศึกษาพบว่า สาหรับปัจจัย
221
ทางด้านการส่งเสริมการตลาด อายุท่แี ตกต่างกนั จะมีแรงจูงใจในการซ้ือราคาแพคเกจทัวร์ และ
ความชอบในการทอ่ งเท่ยี วท่แี ตกต่างกนั
3. สถานภาพท่แี ตกต่างกนั มีอทิ ธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยด้านราคา ด้านส่งเสริม
การตลาด และด้านลักษณะทางกายภาพ ในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ
แตกต่างกัน ท้ังน้ีอาจเป็ นนักท่องเท่ียวท่ีมีสถานภาพสมรสได้รับอิทธิพลการตัดสินใจจาก
ครอบครัว ในขณะท่ีผู้ท่ีโสดจะตัดสินใจด้วยตนเองหรือได้รับิทธิลจากเพ่ือนจึงทาให้เกิดความ
แตกต่าง ซ่ึงสอดคล้องกับ อัญมณี อุดมถิรพันธุ์ (2559) ได้ทาการศึกษาเร่ือง ปัจจัยท่ีมีผลต่อ
การซ้ือแพคเกจทวั ร์ต่างประเทศของนักท่องเท่ียวชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร ผลการศึกษา
พบว่า สถานภาพมผี ลต่อพฤตกิ รรมการเลือกซ้ือเพคเกจทวั ร์ของนักทอ่ งเท่ยี วแตกต่างกนั
4. ระดับการศึกษาท่แี ตกต่างกนั มอี ิทธิพลต่อความสาคัญของด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา
และด้านบุคลากรในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ียวต่างประเทศแตกต่างกนั ท้งั น้ีอาจเป็น
เพราะผู้ท่ีมีการศึกษาสูงกว่ามีความรู้ความสามารถในการแสวงหาข้อมูลมากกว่าเพ่ือวิเคราะห์
เปรียบเทยี บให้ได้คุณภาพการให้บริการและราคาท่ีดี ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของ ศิริวรรณ เสรี
รัตน์ (2550) ท่กี ล่าวว่า ระดับการศึกษา เป็นปัจจัยหน่ึงท่ที าให้บุคคลมีความคิด ค่านิยมชมชอบ
หรือพฤติกรรมท่แี ตกต่างกัน สาหรับคนท่ีมีการศึกษาสูงกม็ ีแนวโน้มท่ีจะใช้สินค้าท่ีมีคุณภาพท่ี
ดีกว่าผู้ท่มี ีระดับการศึกษาต่า อาจเน่ืองด้วยความรู้หรือประสบการณ์ท่มี ีต่าง ๆ ท่ผี ่านการคิดและ
การวิเคราะห์เป็ นอย่างดี
5. อาชีพท่แี ตกต่างกนั มอี ทิ ธพิ ลต่อความสาคัญของปัจจัยสว่ นประสมทางการตลาด ใน
การเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ ท้ัง 7 ด้าน ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะวิถีการดาเนิน
ชี วิ ตขอ งแ ต่ ละ อ า ชีพ มีคว ามแ ตก ต่ างกันป ระ กอ บกับก ารได้ รั บอิทธิพ ลจา กเ พ่ื อนร่ วมงานท่ี
แลกเปล่ียนประสบการณก์ ารไปเท่ยี วต่างประเทศ จึงทาให้เกดิ ความแตกต่างระหว่างกลุ่มอาชีพ ซ่ึง
สอดคล้องกบั บุญญรัตน์ ม่วงเนย (2559, บทคัดย่อ) ศึกษาเร่ืองปัจจัยสว่ นประสมทางการตลาด
ท่มี ีอทิ ธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่องเท่ยี วแบบแพ็คเกจทวั ร์ของนักทอ่ งเท่ียวชาวไทย
ผลการศึกษาพบว่า อาชีพต่างกันให้ความสาคัญกับส่วนประสมทางการตลาดต่างกันในด้าน
ผลิตภัณฑ์ ด้านราคา
6. รายได้ท่ีแตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด
ในการเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศแตกต่างกนั ท้งั 7 ด้าน ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะผู้
ท่ีมีรายได้มากกว่ามีกาลังในการซ้ือสินค้าและบริการจึงทาให้สามารถเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์
ต่างประเทศได้หลากหลายกว่า โดยจะให้ความสาคัญกับปัจจัยต่าง ๆ ท่ีสอดคล้องกับความ
ต้องการของตนเองเป็นหลัก ซ่ึงสอดคล้องกบั บุญญรัตน์ ม่วงเนย (2559, บทคัดย่อ) ศึกษาเร่ือง
ปั จจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้ บริ การท่องเท่ียวแ บ บ
แพ็คเกจทวั ร์ของนักท่องเท่ียวชาวไทย ผลการศึกษาพบว่า รายได้ต่างกนั ให้ความสาคัญกบั ส่วน
ประสมทางการตลาดต่างกันในด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านช่องทางการจัดจาหน่าย และ
222
สอดคล้องกบั สดุ หทยั ก้องมณรี ัตน์ (2559) ได้ศึกษาปัจจัยท่มี ีผลต่อการตดั สนิ ใจซ้ือทวั ร์ประเทศ
เกาหลีของนักทอ่ งเท่ยี วชาวไทย ผลการศึกษาพบว่า สาหรับปัจจัยทางด้านการส่งเสริมการตลาด
อายุท่แี ตกต่างกัน จะมีแรงจูงใจในการซ้ือราคาแพคเกจทัวร์ และ ความชอบในการท่องเท่ียวท่ี
แตกต่างกนั
7. ระดับการศึกษาท่แี ตกต่างกันมีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี ว
ต่างประเทศแตกต่างกนั ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะการใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศมรี าคาสูง
กว่าเดินทางไปเท่ยี วด้วยตนเอง ซ่ึงผู้ท่รี ะดับการศึกษาท่สี ูงกว่ามีรายได้สูงกว่าจึงมีกาลังใช้จ่ายใน
การท่องเท่ียวต่างประเทศ สามารถเลือกใช้บริการบริษัททัวร์ท่ีมีคุณภาพในการให้บริการ ได้รับ
ความสะดวกสบาย มีท่ีพักและอาหารทีมีคุณภาพเหมาะสมกับราคา ทาให้เกิดความประทับใจ
และมคี วามต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศอกี ในคร้ังต่อไปจนเกดิ เป็นความภักดีต่อ
บริษัททวั ร์ ในขณะท่ผี ู้ท่มี ีการศึกษาท่ตี ่ากว่าอาจเลือกไปเท่ยี วต่างประเทศโดยเดนิ ทางด้วยตนเอง
เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า ซ่ึงสอดคล้องกบั แนวคิดของ กมลภพ ทพิ ย์ปาละ (2555) ท่ี
กล่าวว่า ความแตกต่างกันในลักษณะด้านประชากรศาสตร์เช่น ระดับการศึกษา ทาให้พฤติกรรม
การกิน การใช้ การซ้ือ และความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์แตกต่างกันออกไป ดังน้ัน
จึงมกี ารซ้ือการบริโภคสนิ ค้าและบริการหลาย ๆ ชนิดท่แี ตกต่างกนั
8. อาชีพท่แี ตกต่างกนั มอี ทิ ธพิ ลต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ
แตกต่างกนั ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะความจาเป็นและระยะเวลาการท่องเท่ยี วท่แี ต่ละอาชีพสามารถทา
ได้ตามความต้องการแตกต่างกัน ซ่ึงหากบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศสามารถให้บริการโดย
ตอบสนองความต้องการของนักท่องเท่ียวแต่ละอาชีพได้ จะทาให้เกดความภักดีท่ีจะต้ังใจใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศในคร้ังต่อไปและเกดิ การแนะนาให้คนรู้จักในอาชีพเดยี วกนั
ซ่ึงสอดคล้องกบั แนวคิดของ ศิริวรรณ เสรีรัตน์ (2550) ท่กี ล่าวว่า อาชีพของแต่ละบุคคลน้ัน จะ
นาไปซ่ึงความต้องการในผลิตภัณฑน์ ้ันๆ ท่แี ตกต่างกนั
9. ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการส่งเสริมการตลาด และด้าน
บุคลากรมผี ลเชิงบวกต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แสดงให้เหน็ ว่า หาก
บริษัททัวร์ต่างประเทศสามารถจัดส่วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการส่งเสริม
การตลาด และด้านบุคลากรให้สอดคล้องกบั ความต้องการของนักทอ่ งเท่ยี วจะทาให้นักทอ่ งเท่ียวมี
ความต้ังใจใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศเพ่ิมข้ึน นอกจากน้ีผลการศึกษายังพบว่า
ปัจจัยด้านราคามีผลเชิงลบต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ แสดงให้เหน็ ว่า
หากการให้บริการของบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศมีราคาสูงข้ึนจะทาให้ความต้ังใจใช้บริการ
บริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศของนักทอ่ งเท่ยี วลดลง ซ่ึงสอดคล้องกบั พัดชา ตีระดิเรก (2559)
ศึกษา ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัท ทัวร์นาเท่ียวของประชากรในเขต
กรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยด้านราคาส่งผล
ต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัท ทัวร์นาเท่ียวของประชากรในเขตกรุงเทพมหานครและ
223
ปริมณฑล และสอดคล้องกบั การศึกษาของ โก้ จูเนียร์ ซาลาโมเน่ (2560) ได้ศึกษาปัจจัยท่สี ่งผล
ให้นักท่องเท่ยี วชาวไทย ตัดสินใจซ้ือแพคเกจการเดินทางไปเท่ยี วประเทศอติ าลี ลการศึกษาพบว่า
การประชาสมั พันธ์ของประเทศอิตาลี มีความสัมพันธ์กับการตัดสนิ ใจซ้ือแพคเกจการเดินทางไป
เท่ยี วประเทศอติ าลีของนักทอ่ งเท่ยี วชาวไทย
ขอ้ เสนอแนะทีไ่ ดจ้ ำกงำนวิจยั
จากการศึกษาพบว่าปัจจัยส่วนบุคคลท่แี ตกต่างกันมีอทิ ธพิ ลต่อความสาคัญของปัจจัย
ส่วนประสมทางการตลาดและปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) และความต้ังใจใช้บริการ
บริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศของนักท่องเท่ียว ดังน้ันผู้ประกอบการควรจัดส่วนประสมทาง
การตลาดให้สอดคล้องกบั ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม เพ่ือให้เกดิ การ
ตักสินใจใช้บริการเพ่ิมข้ึน ในขณะเดียวกันผลการศึกษาคร้ังน้ียังพบว่าปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านการส่งเสริมการตลาด และด้านบุคลากรมีผลเชิงบวกต่อ
ความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ดังน้ันเพ่ือให้นักท่องเท่ยี วมีความต้ังใจใช้
บริการบริษัททวั ร์ต่างประเทศเพ่ิมข้ึน ควรให้ความสาคัญกับปัจจัยดังกล่าวท้งั 4 ด้าน โดยผู้วิจัยมี
ข้อเสนอแนะแต่ละด้านดังน้ี
ด้านผลิตภณั ฑ์ บริษัทควรให้ความสาคัญกบั โปรแกรมนาเท่ยี วมีความน่าสนใจ มีความ
หลากหลาย เหมาะสมกบั จานวนวันท่เี ดนิ ทาง โดยใช้เวลาในแต่ละสถานท่ที ่ไี ปเท่ยี วอย่างเหมาะไม่
น้อยหรือมากจนเกนิ ไป นอกจากน้ีควรทาตามท่สี ญั ญาไว้กบั ลูกค้าเพ่ือเกดิ ความน่าเช่ือถือ
ด้านราคา เน่ืองจากราคาส่งผลเชิงลบต่อความต้ังใจใช้บริการบริษัททวั ร์ ดังน้ันเพ่ือให้
นักท่องเท่ยี วมีความต้ังใจใช้บริการ ดังน้ันระดับราคาควรมีความเหมาะสมสมเหตุสมผล มีคุ้มค่า
เม่ือเทียบกับส่ิงท่ีนักท่องเท่ียวจะได้รับจากการเดินทางไปกับบริษัททัวร์ นอกจากน้ีควรมีราคาท่ี
แน่นอน ระบุราคาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เหน็ ชัดเจน
ด้านการส่งเสริมการตลาด ควรมีโปรโมช่ัน เช่น การลดราคาให้ในกรณีต่าง ๆ ให้ลูกค้า
เดิมหรือการแนะนาลูกค้าใหม่ แจกของแถมในช่วงเทศกาล และมีการการโฆษณาผ่านส่อื ต่าง ๆ
โดยเฉพาะส่อื ออนไลน์ท่รี ับความนิยมในปัจจุบัน
ด้านบุคลากร บริษัทควรรับพนักงานท่ีมีความรู้ความสามารถเข้าทางาน และมีการ
อบรมพนักงานอย่างต่อเน่ืองเป็นประจา เพ่ือเพ่ิมทกั ษะความรู้ความสามารถในการให้บริการด้าน
การทอ่ งเท่ยี วแกพ่ นักงาน ท้งั ยังสามารถแก้ปัญหาท่เี กดิ ข้นึ ได้
สาหรับผลการศึกษาท่ีพบว่า อายุมีอิทธิพลต่อความสาคัญของปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ ดังน้ันควรมีโปรแกรมการ
ทอ่ งเท่ยี วให้เหมาะสมกบั นักท่องเท่ยี วในแต่ละช่วงอายุ ในขณะท่รี ายได้มอี ทิ ธพิ ลต่อความสาคัญ
ของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ในการเลือกใช้บริการบริษัททัวร์นาเท่ียวต่างประเทศ ดังน้ัน
224
กลุ่มนักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีรายได้สงู ควรเลือกท่พี ัก และอาหารท่มี ีคุณภาพให้เหมาะสมกบั ราคาท่ตี ้ังไว้
สูง ในขณะท่ีกลุ่มนักท่องเท่ยี วรายได้ต่าควรเลือกโปรแกรมการท่องเท่ียว ท่ีพัก และอาหารท่มี ี
ความคุ้มค่า
สาหรับผลการศึกษาท่ีพบว่า ระดับการศึกษาและอาชีพมีอิทธิพลต่อความต้ังใจใช้
บริการบริษัททวั ร์นาเท่ยี วต่างประเทศ ดงั น้ันบริษัทควรมีโปรโมช่ันสว่ นลดสาหรับลูกค้าท่ที างานท่ี
เดียวกันและไปเท่ยี วเป็นกลุ่มมากกว่า 10 คน ข้ึนไป และมีความหลากหลายของโปรแกรมทวั ร์ท่ี
มีคุณภาพท้งั ท่พี ัก อาหารเหมาะสมกบั ราคาท่สี ูง กับโปรแกรมทวั ร์ท่รี าไม่แพงมากนักแต่มีความ
คุ้มค่าให้กลุ่มนักทอ่ งเท่ยี วท่มี ีระดบั การศึกษาแตกต่างกนั เลือกใช้บริการ
บรรณำนุกรม
กองเศรษฐกิจการท่องเท่ียวและกีฬา (2560). “ข้อมูลนักท่องเท่ียวชาวไทยท่ีเดินทางไป
ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ( Outbound Tourism) ” [ อ อ น ไ ล น์ ] . สื บ ค้ น จ า ก
https://thailandtic.com/th/graph/outbound/index [20 ธนั วาคม 2562]
ธีระวิทย์ พรายแย้ม. (2545). การศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเท่ียวต่างประเทศในการมา
ท่องเท่ียว จังหวัดเชียงใหม่ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). เชียงใหม่:
มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
ธัญชนก แววแก้ว. (2557). พฤติกรรมการท่อง เท่ียวของนักท่องเท่ียวชาวไทยท่ีเดินทางไป
ประเทศ เกาหลี หรือญ่ีป่ ุน . (วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคล ธญั บุรี.
บุญญรัตน์ ม่วงเนย. (2559). ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการ
เลือกใช้ บริการ ท่องเท่ยี วแบบแพค็ เกจทวั ร์ของนักท่องเท่ียวชาวไทย . (วิทยานิพนธ์
บริหารธุรกจิ มหาบัณฑติ ). มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
พัดชา ตีระดิเรก. (2559). ปัจจัยท่สี ่งผลต่อการตดัสินใจเลือกใช้บริการบริษัททวั ร์น าเท่ยี ว ของ
ประชากรในเขตกรุงเทพมหานครและปรมิณฑล.(การค้ นคว้ าอิสระปริญญา
มหาบัณฑติ ).มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี2559.
วันคา ประเสริฐศักด์ิ. (2555). กลยุทธก์ ารตลาดบริการท่มี ีผลต่อพฤติกรรมนักทอ่ งเท่ยี วชาวไทย
ในการทอ่ งเท่ยี วนครหลวงเวียงจันทน์ . มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์/กรุงเทพฯ.
สุดหทัย ก้องมณีรัตน์. (2559). ปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจซ้ือทัวร์ประเทศเกาหลีของ
นั ก ท่ อ ง เ ท่ี ย ว ช า ว ไ ท ย . ( ก า ร ค้ น ค ว้ า อิ ส ร ะ ป ริ ญ ญ า ม ห า บั ณ ฑิ ต ) .
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะพาณชิ ยศาสตร์และการบัญชี2559.
225
อัญมณี อุดมถิรพันธุ.์ (2559). ปัจจัยท่มี ีผลต่อการซ้ือแพคเกจทวั ร์ต่างประเทศของนักทอ่ งเท่ยี ว
ชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร. (การค้ นคว้ าอิสระปริญญามหาบัณฑิต).
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสนิ ทร์, วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ 2559.
Etzel, M. J., Walker, B. J., & Stanton, W. J. (2001). Marketing. (12th ed.). Boston:
McGraw-Hill
Kotler, P. (1997). Marketing management: analysis, planning implementation and
control. (9th ed). New Jersey: Asimmon & Schuster.
Kotler. (2003) . Marketing management: Analyzing consumer marketing and Buyer behavior
(The Millennium). New Jersey: Prentice Hall.
Mill, Robert Christie. (1990). Tourism The International Business. New Jersey : Prentice-
Hall, Inc.,
Mill, Robert Christie. (1990). Tourism the International Business. New Jersey: Prentice
Hall.
226
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างองคก์ รแห่งการเรียนรูก้ บั การสรา้ งนวตั กรรม
ของพนกั งานสายงานปฏิบตั ิการ บริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั
พนชั กร อินทแพทย1์
ดร.สุรวี ศุนาลยั 2
บทคดั ย่อ
การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลท่มี ีความสมั พันธ์กบั ความเป็น
องค์กรแห่งการเรียนรู้ เพ่ือศึกษาระดับความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย
จากัด และเพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ของความเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้กับการสร้างนวัตกรรม
กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรบริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด สายงานปฏิบัติการ ด้านปฏิบัติการนคร
หลวง จานวน 435 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ทดสอบสมมติฐานโดยการ
วิเคราะห์ค่า ANOVA และสมั ประสทิ ธ์สิ หสมั พันธแ์ บบเพียร์สนั
ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุ และอายุการทางานท่ีแตกต่างกันมีระดับ
ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้แตกต่างกนั โดยระดับความเป็นองคก์ รแห่งการเรียนรู้ภาพรวมอยู่
ในระดับมาก เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการคิดอย่างเป็นระบบอยู่ในระดับมาก รองลงมา
คือ ด้านการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม ด้านการเป็นบุคคลรอบรู้ ด้านการมีแบบแผนความคิด และ
ด้านการมีวิสัยทัศน์ร่วม ตามลาดับ และความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์กับการ
สร้างนวัตกรรมของพนักงานสายงานปฏบิ ัติการอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดับ 0.05
1.บทนา
การเติบโตอย่างต่อเน่ืองของธุรกิจพาณิชย์อิเลก็ ทรอนิกส์ (อีคอมเมิร์ซ) ในประเทศ
ไทยเป็นอกี ส่วนสาคญั ในการดงึ ดูดผู้ประกอบการโลจิสตกิ สต์ ่างชาติเข้ามาดาเนินการแข่งขนั ทาให้
ธุรกิจโลจิสติกส์มีการแข่งขันสูงข้ึนอย่างต่อเน่ืองและมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะ
อย่างย่ิงในเขตกรุงเทพมหานครท่ีเป็ นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและการค้าของประเทศ ซ่ึง
ผู้ประกอบการขนส่งสนิ ค้าของไทยไม่สามารถรองรับการเติบโตได้ทนั ความต้องการของผู้ใช้บริการ
ทาให้ ผู้ประกอบการของไทยต้ องเร่งปรับตัวในด้ านต่างๆไม่ว่าจะเป็ นการปรับปรุงคุณภาพบริการ
การนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้าน
การบริหารงานโลจิสติกส์และภาษาต่างประเทศ เพ่ือให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งจากต่างชาติได้
(อภิรดี ตันตราภรณ์, 2553) และหากองค์กรใดท่มี ีการสนับสนุนให้เกิดการสร้างนวัตกรรมข้ึน
1นกั ศกึ ษาหลักสตู รบรหิ ารธรุ กจิ มหาบณั ฑติ สาขาบรหิ ารธรุ กจิ ระหว่างประเทศ มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
2 อาจารย์ท่ปี รึกษา
227
ภายในองค์กรไม่ว่าจะเป็ นในรูปแบบการพัฒนาส่ิงเดิม หรือการประดิษฐ์ส่งิ ใหม่ ซ่ึงส่งิ น้ันอาจจะ
เป็นผลิตภัณฑ์ บริการหรือกระบวนการท่กี ่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร ส่ิงเหล่าน้ีจะเป็นปัจจัย
สาคัญท่บี ่งช้ีความอยู่รอดขององคก์ รน้ันๆ
แต่ด้วยประเทศไทยมีผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงรายเดียวคือ บริษัท ไปรษณีย์ไทย
จากัด (ปณท) จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างทันท่วงทีและมี
ประสิทธภิ าพ ดังน้ัน เม่ือผู้ประกอบการต่างชาติท่มี ีศักยภาพท้งั ทางด้านบุคลากร และเทคโนโลยี
เข้ ามาลงทุนด้ วยกลยุทธ์ของท่ีเน้ นการให้ บริ การแบบเจาะตลาดเฉพาะกรุงเทพมหานครและ
ปริมณฑล ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดในภาพรวมด้านการขนส่งสนิ ค้าออนไลน์ของ ปณท ลดลง
จากร้อยละ 60 เหลือร้อยละ 55 โดยในพ้ืนท่ีกรุงเทพ- ปริมณฑล ส่วนแบ่งทางการตลาดของ
ปณท คิดเป็นร้อยละ 40 ในขณะท่สี ่วนแบ่งการตลาดพ้ืนท่ีต่างจังหวัดยังคงถือส่วนแบ่งมากท่ีสุด
คอื ร้อยละ 70 (พิษณุ วานิชผล, 2560)
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากดั (ปณท) เป็นรัฐวิสาหกจิ ในกากบั ของกระทรวงการคลัง ทา
ให้ต้องมีการประเมินคุณภาพผ่านระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise
Performance Appraisal : SEPA) จากสานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกจิ ซ่ึงมขี ้อกาหนด
เก่ียวกับการเรียนรู้ระดับองค์กรและระดับบุคคล ว่าด้วยการท่ีรัฐวิสาหกิจจะบรรลุผลการ
ดาเนินงานท่เี ป็นเลิศ ต้องมีแนวทางท่นี าไปปฏบิ ัติเป็นอย่างดี ในเร่ืองการเรียนรู้ระดับองค์กรและ
ระดับบุคคล การเรียนรู้ระดับองค์กรประกอบด้วยการปรับปรุงอย่างต่อเน่ืองของแนวทางท่มี ีอยู่
และการเปล่ียนแปลงท่ีสาคัญท่นี าไปสู่เป้ าประสงค์และแนวทางใหม่ๆ การเรียนรู้ต้องได้รับการ
ปลูกฝงั ลงไปในแนวทางการปฏบิ ัติของรัฐวิสาหกจิ โดยการเรียนรู้ดงั กล่าวจะต้องเป็นปกตวิ ิสัยของ
งานประจาวัน มีการปฏิบัติในระดับบุคคล หน่วยงาน และองค์กร ส่งผลต่อการแก้ไขปัญหา
ท่ตี ้นเหตุ มุ่งเน้นการสร้างและแบ่งปันความรู้ท่วั ท้งั องค์กรและเกิดข้ึนจากโอกาสท่ที าให้เกดิ การ
เปล่ียนแปลงท่มี ีนัยสาคัญและมคี วามหมาย (สมบัติ กุสมุ าวลี, 2554)
ปัจจุบัน ปณท เป็นหน่วยงานท่ีให้บริการทางด้านไปรษณีย์และโลจิสติกส์ มีพนักงาน
และลูกจ้างท่วั ประเทศกว่า 33,000 คน ซ่ึงร้อยละ 90 เป็นบุคลากรสายงานปฏบิ ัติการท่ถี ือเป็น
ส่วนสาคัญในการขับเคล่ือนธุรกิจของไปรษณีย์ โดยมีการแบ่งด้านบริหารงานหลักๆเป็น 2 ด้าน
คือ ด้านนครหลวง มีหน้าท่ีกากับดูแลท่ีทาการไปรษณีย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
สว่ นด้านภมู ภิ าค มีหน้าท่กี ากบั ดูแลท่ที าการไปรษณยี ์ต่างจังหวัด ซ่ึงกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัด
ท่มี ีปริมาณงานหนาแน่น เพราะมีประชากรกว่า 5.6 ล้านคน และยังเป็นท่ีต้ังของผู้ประกอบการ
ธุรกจิ อคี อมเมิร์ซกว่า 400 ราย จาก 760 รายท่วั ประเทศ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, 2559) ทา
ให้ด้านนครหลวงจึงมีบุคลากรกว่า 11,000 คน เพ่ือรองรับปริมาณงานและการแข่งขันท่เี พ่ิมข้ึน
อย่างต่อเน่ือง ด้วยเหตุน้ีหากบุคลากรในด้านนครหลวงมีความรู้ความสามารถ มีความชานาญ
และสามารถพัฒนางานของตนได้อย่างมีประสิทธภิ าพ กจ็ ะนามาส่ปู ระสิทธิผลในการทางานและ
228
เกิดการปรับปรุงกระบวนงาน จนก่อให้เกิดสร้างนวัตกรรมข้ึนในองค์กร ซ่ึงนับเป็นส่งิ ท่สี าคัญใน
การดาเนินธุรกจิ ในยุคปัจจุบัน
จากข้อมูลดังกล่าว ทาให้ผู้ศึกษามีความสนใจท่จี ะศึกษาถึงเร่ืองความสัมพันธ์ระหว่าง
องค์กรแห่งการเรียนรู้กับการสร้างนวัตกรรมของพนักงาน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด โดยผล
การศึกษาคร้ังน้ีจะทาให้ทราบถึงระดับความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของ บริษัทไปรษณีย์ไทย
จากดั และความสมั พันธ์ขององคก์ รแห่งการเรียนรู้กบั การสร้างนวัตกรรม ซ่ึงสามารถใช้เป็นข้อมูล
สาหรับการบริหารด้านพัฒนาบุคลากร เพ่ือปรับปรุงพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ และพัฒนา
ศักยภาพบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุดแก่องค์กร ซ่ึงจะสามารถเพ่ิมขีด
ความสามารถในการแข่งขนั และพัฒนาองค์กรให้เติบโตได้อย่างย่งั ยนื
2. วตั ถุประสงคง์ านวิจยั
2.1 เพ่ือศึกษาปัจจัยสว่ นบุคคลท่มี ีความสมั พันธก์ บั ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
2.2 เพ่ือศึกษาระดับความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของ บริษัท ไปรษณยี ์ไทย จากดั
2.3 เพ่ือศึกษาความสมั พันธข์ องความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้กบั การสร้างนวัตกรรม
3. สมมติฐานงานวิจยั
สมมติฐานท่ี 1 ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ สังกดั และอายุการทางานท่ี ปณท ท่แี ตกต่าง
กนั มรี ะดบั องค์กรแห่งการเรียนรู้ แตกต่างกนั
สมมติฐานท่ี 2 ความเป็นองคก์ รแห่งการเรียนรู้มีความสมั พันธก์ บั การสร้างนวัตกรรม
4. ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
4.1 จากการวิจัยในคร้ังทาให้ทราบถึงสภาพความเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้ บริษัท
ไปรษณียไ์ ทย จากดั สายงานปฏบิ ัติการ ด้านปฏบิ ัตกิ ารนครหลวง
4.2 จากผลการศึกษาในคร้ังน้ี สามารถนาข้อมูลไปใช้วางแผน ปรับปรุงการบริหารงาน
ด้านพัฒนาบุคลากรของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด เพ่ือประสิทธิผลขององค์กร และพัฒนา
องคก์ รให้เตบิ โตอย่างย่งั ยืน
5. ขอบเขตงานวิจยั
5.1 ขอบเขตด้านประชากร ในการศึกษาวิจัยในคร้ังน้ีคือ พนักงานและลูกจ้าง บริษัท
ไปรษณยี ไ์ ทย จากดั สายงานปฏบิ ัติการ ด้านปฏบิ ัติการนครหลวง
5.2 ขอบเขตด้านเน้ือหา การวิจัยคร้ังน้ีมุ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นองค์กร
แห่งการเรียนรู้กบั การสร้างนวัตกรรมของพนักงาน บริษัท ไปรษณียไ์ ทย จากดั
5.3 ขอบเขตกดด้านัวแปร สามารถจาแนกตัวแปรได้ดงั น้ี
229
5.3.1 ตวั แปรอสิ ระ (Independent Variable)
1. ปัจจัยส่วนบุคคล ประยุกต์จากงานวิจัยของ ปิ ยณัฐ เกียงประสิทธ์ิ (2560) ขวัญตา
เสมอเช้ือ (2559) และ ณชิ าภัทร ไทยภักดี (2559) ได้แก่
- อายุ
- สงั กดั
- อายุการทางานท่ี ปณท
2. ความเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ได้ใช้แนวคิดวินัย 5 ประการของ ปี เตอร์ เซงเก้
(1990) ประกอบด้วย
- การเป็นบุคคลรอบรู้
- การมีแบบแผนความคดิ
- การมวี ิสยั ทศั น์ร่วมกนั
- การเรียนรู้ร่วมกนั เป็นทมี
- การคดิ อย่างเป็นระบบ
5.3.2. ตวั แปรตาม (Dependent Variable) ใช้ปัจจัยบ่งช้ีการเป็นนวัตกรรม ของ สมนึก
เอ้อื จิระพงษ์พันธ์ (2553) แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังน้ี
1) ความใหม่
2) ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกจิ
3) การใช้ความรู้และความคดิ สร้างสรรค์
5.4 ขอบเขตด้านเวลา ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือน พฤศจิกายน 2562 - มกราคม
2563
6. ระเบยี บวิธีวิจยั
งานวิจัยช้ินน้ีเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ( Quantitative Research ) เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการ
วิจัยเป็ นแบบสอบถาม (Questionnaire) สร้างข้ึนจากการสอบถามเอกสาร และผลงานวิจัยท่ี
เก่ยี วข้อง โดยแบ่งเน้ือหาเป็น 3 ตอน ดงั น้ี
ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามเก่ียวกับปัจจัยส่วนบุคคลของตัวอย่าง ได้แก่ อายุ สังกัด
และอายุการทางาน ลักษณะคาถามเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check list)
ตอนท่ี 2 แบบสอบถามเก่ียวกับ ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของ บุคลากร ปณท
สายงานปฏบิ ัตกิ าร ด้านปฏบิ ัตกิ ารนครหลวง
ตอนท่ี 3 แบบสอบถามเก่ยี วกบั ตวั แปรตามคอื การสร้างนวัตกรรม
ข้อมูลในตอนท่ี 2 และ ตอนท่ี 3 ลักษณะของคาถามเป็ นแบบมาตรวัดแบบลิเคิร์ท
(Likert’s Scale) คาตอบมีให้เลือก 5 ระดับ คือ มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง น้อยและน้อยท่สี ดุ
230
7. ผลการศึกษา
ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจานวน 435 คน สว่ นใหญ่มอี ายุ 18-37 ปี คิดเป็นร้อยละ
45.75 อยู่สังกัด ปน. 2 จานวน 136 คนคิดเป็ นร้อยละ 31.26 มีอายุการทางานท่ีบริษัท
ไปรษณยี ์ไทย จากดั มากกว่า 10 ปี จานวน 255 คน คิดเป็นร้อยละ 58.62
ผลการวิเคราะหอ์ งคก์ รแห่งการเรียนรูข้ องพนกั งานสายงานปฏิบตั ิการ ปณท
พบว่า ระดบั ความคดิ เหน็ ของพนักงานสายงานปฏบิ ัตกิ าร ปณท ท่มี ตี ่อองคก์ รแห่งการ
เรียนรู้ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.00, S.D. = 0.59) และ
เม่ือพิจารณารายด้าน เรียงระดับความคิดเหน็ จากมากไปน้อย พบว่า ด้านการคิดเป็นอย่างระบบ
อยู่ในระดับมาก ด้านการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมอยู่ในระดับมาก ด้านการเป็นบุคคลรอบรู้อยู่ใน
ระดับมาก ด้านการมีแบบแผนความคิดอยู่ในระดับมาก และด้านการมีวิสัยทศั น์ร่วมอยู่ในระดับ
มาก ตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 1
( n = 435 )
องคก์ รแห่งการเรียนรู้ ระดบั ความคิดเห็น
ด้ านการเป็ นบุคคลรอบร้ ู 4.01 0.61 มาก
ด้านการมแี บบแผนความคิด 3.95 0.65 มาก
ด้านการมวี ิสยั ทศั น์ร่วมกนั 3.84 0.83 มาก
ด้านการเรียนรู้ร่วมกนั เป็นทมี 4.02 0.78 มาก
ด้ านการคิดอย่างเป็ นระบบ 4.17 0.63 มาก
ค่าเฉลีย่ รวม 4.00 0.59 มาก
ตารางที่ 1 ค่าเฉล่ีย ( ) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของระดับองค์กรแห่งการเรียนรู้ของ
พนักงาน
สายงานปฏบิ ัติการ บริษัท ไปรษณียไ์ ทย จากดั
ผลการวิเคราะหก์ ารสรา้ งนวตั กรรมของพนกั งานสายงานปฏิบตั ิการ ปณท
พบว่า ระดับความคิดเห็นของการสร้างนวัตกรรมของพนักงานสายงานปฏิบัติการ
ปณท ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.60, S.D. = 0.75) และเม่ือพิจารณารายด้าน เรียง
ระดับความคิดเหน็ จากมากไปน้อย พบว่า ด้านการใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับ
มาก ด้านความใหม่อยู่ในระดับมาก และด้านประโยชน์ในเชิงเศรฐกจิ อยู่ในระดับมาก ตามลาดับ
ดงั ตารางท่ี 2
231
การสรา้ งนวตั กรรม 3.62 0.83 ( n = 435 )
ด้านความใหม่ 3.46 0.91 ระดบั ความคิดเห็น
ด้านประโยชน์ในเชิงเศรษฐกจิ 3.70 0.79
ด้านการใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ 3.60 0.75 มาก
ค่าเฉลีย่ รวม มาก
มาก
มาก
ตารางที่ 2 ค่าเฉล่ีย ( ) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของการสร้างนวัตกรรมของพนักงาน
สายงานปฏบิ ัติการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากดั
ผลการทดสอบสมมติฐาน
ผลการทดสอบสมมติฐานท่ี 1 คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ สังกัด และอายุการ
ทางานท่ี ปณท ท่แี ตกต่างกัน มีองค์กรแห่งการเรียนรู้ แตกต่างกนั พบว่า อายุและอายุการทางาน
ท่ี ปณท แตกต่างกันส่งผลต่อองค์กรแห่งการเรียนรู้ของพนักงานสายงานปฏิบัติการ ปณท
แตกต่างกัน ส่วนสังกัดท่ีแตกต่างกันส่งผลต่อองค์กรแห่งการเรียนรู้ของพนักงานสายงาน
ปฏบิ ัติการ ปณท ไม่แตกต่างกนั
สมมติฐานท่ี 2 คือ ความเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้มีความสัมพันธ์กับการสร้าง
นวัตกรรม ในภาพรวม พบว่า ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในภาพรวมมีความสัมพันธ์กนั ใน
ทศิ ทางเดียวกนั กบั การสร้างนวัตกรรมในภาพรวม ในระดับปานกลาง ดังตารางท่ี 3
องคก์ รแห่งการเรียนรู้ r Sig. ระดบั
ความสมั พนั ธ์
ด้ านการเป็ นบุคคลรอบร้ ู 0.438** 0.000
ด้านการมีแบบแผนความคิด 0.472** 0.000 ปานกลาง
ด้านการมวี ิสยั ทศั น์ร่วมกนั 0.360** 0.000 ปานกลาง
ด้านการเรียนรู้ร่วมกนั เป็นทมี 0.363** 0.000 ปานกลาง
ด้านการคดิ อย่างเป็นระบบ 0.445** 0.000 ปานกลาง
ภาพรวม 0.490** 0.000 ปานกลาง
* มีนัยสาคัญทางสถติ ิท่รี ะดบั 0.05 ปานกลาง
232
ตารางที่ 3 การทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างความเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้ กับการสร้าง
นวัตกรรม ภาพรวม
8. อภิปรายผล
ความสัมพันธร์ ะหว่างองค์กรแห่งการเรียนรู้กับการสร้างนวัตกรรมของพนักงานสาย
งานปฏบิ ัติการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากดั มีประเดน็ ท่นี ่าสนใจซ่ึงนามาอภปิ รายผลได้ดังน้ี
8.1 ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุและอายุการทางานท่ี ปณท ของพนักงานท่แี ตกต่างกนั
ส่งผลต่อความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้โดยรวม ด้านการเป็นบุคคลรอบรู้ ด้านการมีแบบแผน
ความคิด ด้านการมีวิสัยทศั น์ร่วมกนั ด้านการเรียนรู้ร่วมกนั เป็นทมี และการคิดอย่างเป็นระบบ
แตกต่างกัน อาจเพราะอายุเป็ นตัวกาหนดหรือเป็ นส่ิงท่ีบ่งบอกเก่ียวกับประสบการณ์ในเร่ือง
ต่างๆ โดยท่วั ไปคนเราจะมีประสบการณ์มากข้ึนเม่ือมีอายุมากข้ึนเช่นเดียวกันกับระยะเวลาใน
การปฏบิ ัตงิ าน
8.2 ระดับความเป็นองค์กรแห่งความเรียนรู้จากความคิดเหน็ ของพนักงานสายงาน
ปฏบิ ัติการโดยรวมอยู่ในระดับมาก อาจเน่ืองมาจาก สถานการณ์ทางธุรกจิ ในปัจจุบันของ ปณท
ท่ตี ้องเผชิญกบั การแข่งขันอย่างรุนแรง ส่งผลต่อผลประกอบการและสถานะทางธุรกิจของ ปณท
ทาให้พนักงานต้องต่นื ตัวในการหาความรู้เพ่ือปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทางานของตนให้มี
ประสทิ ธภิ าพมากย่งิ ข้นึ เพ่ือบรรลุตามวิสยั ทศั น์ขององคก์ รและทาให้องคก์ รอยู่รอดได้
8.3 ความเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์กับการสร้างนวัตกรรมของ
พนักงานสายงานปฏบิ ัติการ เม่ือองค์กรมีการจัดการความรู้ท่ดี ีท้งั ในตัวบุคลากรทุกระดับและใน
ทุกส่วนงาน รวมถึงการสร้างบรรยากาศท่ีส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองร่วมกัน และ
ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างส่งิ ใหม่ ประกอบกบั การท่อี งค์กรส่ือสารให้บุคลากรทุกระดับรับรู้
ถงึ สถานการณก์ ารแข่งขันทางธุรกจิ ของ ปณท ท่มี ีคู่แข่งเพ่ิมมากข้นึ ดังน้ัน การสร้างนวัตกรรมจึง
เป็ นส่ิงท่ีจาเป็ นในภาวะปัจจุบัน พนักงานจึงต้องคิดค้นเคร่ืองมือในการทางาน กระบวนการ
ทางาน หรือบริการใหม่ เพ่ือพัฒนากระบวนการทางานให้สามารถผลิตผลงานแก่องค์กรได้อย่าง
มปี ระสทิ ธภิ าพมากย่งิ ข้ึน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดยี ่งิ ข้นึ เช่นกนั
9. ขอ้ เสนอแนะ
จากการศึกษาวิจัยคร้ังน้ี ผู้ศึกษามขี ้อเสนอแนะสาหรับการศึกาคร้ังต่อไปดงั น้ี
1. ควรศึกษาตัวแปรอ่ืนๆ ท่อี าจมีความสัมพันธ์กับการสร้างนวัตกรรมของพนักงาน
เช่น วัฒนธรรมองค์กร ความพึงพอใจในงาน ค่านิยมในการทางาน เป็ นต้น เพ่ือจะได้ทราบ
ความสัมพันธ์ของตัวแปรเหล่าน้ัน และนามากาหนดเป็นแนวทางและนโยบายในการวางแผนเพ่ือ
พัฒนาบุคลากรของ ปณท ต่อไป
233
2. ควรมีการศึกษาโดยเพ่ิมกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาให้คลอบคุลมทุกสายงานใน
ปณท เพ่ือให้สามารถสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้กับการสร้าง
นวัตกรรมของพนักงานได้ชัดเจนย่งิ ข้นึ
3. ควรมีการศึกษาโดยวิธีการอ่ืนๆ นอกจากการใช้แบบสอบถาม เช่น การสัมภาษณ์
เพ่ือให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจเหตุผลของคาตอบมากข้ึน
บรรณานุกรม
กรมพัฒนาธรุ กจิ การค้า. (2559). มลู ค่าตลาด E-Commerce 2557-2563. สบื ค้น 31
พฤษภาคม 2561, จาก http://www.dbd.go.th/download/document_file/
Statisic/2559/T26/T26_201608.pdf
ขวัญตา เสมอเช้ือ. (2559 ). การประเมินความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรูข้ องทีท่ าการไปรษณีย์
ในจงั หวดั เชียงใหม่. (การค้นคว้าอสิ ระปริญญามหาบัณฑติ ). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัย
เชียงใหม่.
ณิชาภทั ร ไทยภกั ดี. (2559). การเป็นองค์การแห่งการเรียนรูข้ องการยางแห่งประเทศไทย. (การ
ค้นคว้าอสิ ระปริญญามหาบัณฑติ ). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.
ปิ ยะณฐั เกยี งประสทิ ธ์ิ. (2560). ปัจจยั ทีม่ ีอิทธิพลต่อการเป็นองคก์ รแห่งการเรียนรู้ ของ
บุคลากรทีป่ ฏิบตั ิงานในกล่มุ ธรุ กิจขนสง่ และโลจิสติกสใ์ นประเทศไทย. (วิทยานิพนธ์
ปริญญามหาบัณฑติ ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยนานาชาตแิ สตมฟอร์ด.
พิษณุ วานิชผล. (2560, 21 กนั ยายน). รองกรรมการผจู้ ดั การใหญ่สายงานธุรกิจองคก์ ร บริษทั
ไปรษณียไ์ ทย จากดั . สมั ภาษณ.์ เรือ่ งเด่นเยน็ น้ี. สบื ค้นจาก
http://news.ch3thailand.com/ข่าวเศรษฐกจิ /52931/ไปรษณีย์ไทยเผยตลาดอี
คอมเมิร์ซโต-21--มูลค่า-7-แสนล้าน.html
สมนึก เอ้อื จิระพงษ์พันธ์ และคณะ. (2553, ตุลาคม - ธนั วาคม). นวัตกรรม ความหมาย
ประเภทและความสาคัญต่อการเป็นผู้ประกอบการ.วารสารบริหารธุรกิจ. 33(128).
สมบัติ กุสมุ าวลี. (2554). การอบรมเชิงปฏิบตั ิการ “การสรา้ งองค์กรแห่งการเรียนรู:้ Building
Learning Organization”. สบื ค้น 3 มิถุนายน 2561, จาก
http://www.km.moc.go.th/article_
attach/Handout%20LO%20for%201%20day%20workshop.pdf
อภริ ดี ตันตราภรณ์. (2553). ความคืบหนา้ การเปิดเสรีบริการโลจสิ ติกสข์ องอาเซียน. สบื ค้น
3 มถิ ุนายน 2561, จาก
http://www.thaifta.com/trade/services/sem15sep53_api.pdf
Senge, P. M. (1990). The fifth discipline: The art and practice of the learning
organization. London: Doubleday.
234
ปัจจยั ส่วนผสมทางการตลาดทีม่ ีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใชบ้ ริการที่พกั
ของนกั ท่องเทีย่ วชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร
พรรณนิภา พรายมณี1
ผศ ดร. จรัญญา ปานเจริญ2
บทคดั ยอ่
การคนั คว้างานวิจัยน้ีมวี ัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เพ่ือศึกษาพฤตกิ รรมการเลือกใช้บริการท่ี
พักของนักทอ่ งเท่ยี วต่างชาติในกรุงเทพมหานคร 2) เพ่ือศึกษาอิทธพิ ลของปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาดท่มี ีต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักของนักท่องเท่ยี วต่างชาติในกรุงเทพมหานคร
3) เพ่ือเปรียบเทียบพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักของนักทอ่ งเท่ียวต่างชาติในกรุงเทพมหา
นคร จาแนกตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในงานวิจัย คือ นักท่องเท่ียว
ชาวต่างชาติท่เี ดนิ ทางมาท่องเท่ยี วในประเทศไทยและมาพักในกรุงเทพมหานคร จานวน 200 คน
ใช้วิธกี ารสมุ่ ตวั อย่างตามสะดวก (Convenience Sampling) โดยนาผลจากแบบสอบถามมาทาการ
วิเคราห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนาด้วย ค่าความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และ
วิเคราะห์หาความสมั พันธข์ องตวั แปรด้วยค่าสถติ ิ Chi square ท่รี ะดับนัยสาคญั ทางสถิติ 0.05
ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็ นเพศชาย มีภูมิลาเนาอยู่ในทวีป
เอเชีย มีอายุ 26 – 35 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรี สถานภาพโสด มีอาชีพเป็ นพนักงาน
บริษัทเอกชน รายได้เฉล่ียต่อปี ไม่เกนิ USD 24,000 เดินทางมาเพ่ือท่องเท่ยี วและเดินทางมาคน
เดียว มีระยะเวลาในการเข้าพักเวลาประมาณ 4-7 วัน เดินทางมา 1-2 คร้ังต่อปี เลือกใช้บริการ
ห้ องพักเตียงเด่ียว เลือกอัตราท่ีพักราคา USD 48.52-80.82 ทาการจองท่ีพักผ่านทาง
อนิ เตอร์เนต็ และเลือกทาเลท่พี ักใกล้ขนสง่ มวนชลเพ่ือการเดินทางท่สี ะดวก
ผลสรุปการวิเคราะห์สมมติฐาน พบว่า นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติท่ีมีลักษณะทาง
ประชากรศาสตร์ท่แี ตกต่างกนั มีพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักแตกต่างกนั และ นักทอ่ งเท่ียว
ชาวต่างชาติให้ความสาคัญกบั ปัจจัยส่วนผสมทางการตลาดทุกด้านในระดับมาก โดยนักทอ่ งเท่ยี ว
ให้ความสาคัญกับปัจจัยด้านกระบวนการมากท่ีสุด รองลงมาคือปัจจัยด้านบุคคล ซ่ึงทุกปัจจัย
ส่วนผสมทางการตลาดมีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักของนักท่องเท่ยี วชาวต่างชาติใน
ทุกด้านยกเว้นพฤติกรรมด้านการจองท่พี ัก
1 นกั ศึกษาหลกั สตู รบรหิ ารธรุ กจิ มหาบณั ฑติ มหาวิทยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
2 ท่ปี รึกษาสารนิพนธห์ ลกั
235
1.บทนา
อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวถือว่ามีบทบาทสาคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของ
ประเทศไทยเป็นอย่างมาก เน่ืองจากเป็นอุตสาหกรรมท่ีมีความสาคัญอย่างย่ิงต่อการพัฒนาขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศและมีศักยภาพในการทารายได้ให้กบั ประเทศไทยสูงและ
ทาให้เกดิ ประโยชน์กบั ธุรกจิ หลายประเภท นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาตนิยมมาเท่ยี วกรุงเทพฯเพราะ
มีแหล่งท่องเท่ียวท่ีน่าสนใจมากมายและหลากหลายประเภท เป็นเมืองแห่งสีสันท้งั ในยามค่าคืน
และยามกลางวัน มีเร่ืองราวท่เี ตม็ ไปด้วยประวัติศาสตร์และความรู้รอบตัวท่นี ่าสนใจ ท่องเท่ยี วได้
ไม่จากดั เวลาและไม่ต้องมีงบประมาณมาก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2563 นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติเท่ียวไทยมี
จานวนประมาณ 40.5-40.9 ล้านคน ขยายตัวประมาณ 2.0%-3.0% เป็นอตั ราการเติบโตต่าสดุ
ในรอบ 6 ปี และจะเป็นการเติบโตเฉพาะบางตลาด โดยหลักจะเป็นกลุ่มนักท่องเท่ยี วระยะใกล้
อย่างภมู ภิ าคเอเชีย ขณะท่นี ักทอ่ งเท่ยี วจากภมู ภิ าคอ่นื ๆ เช่น ยุโรป โอเชียเนียและตะวันออกกลาง
ยังมีแนวโน้มท่ีปรับลดลง และสาหรับการใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติมองว่า จาก
สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจท่ียังไม่เอ้ือ กอปรกับเทรนด์ของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติท่ีให้
ความสาคัญกับการทอ่ งเท่ยี วเพ่ือประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าการซ้ือสินค้า การแข่งขนั ธุรกิจท่พี ัก
วันพักท่สี ้นั ลง รวมถึงนักท่องเท่ยี วหลักส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเท่ยี วระยะใกล ธุรกจิ ท่พี ักแรม
เป็นธุรกจิ หน่ึงท่มี ีความสัมพันธ์โดยตรงกบั อุตสาหกรรมการท่องเท่ยี วและเป็นธุรกจิ ท่สี ร้างรายได้
สร้างอาชีพท่สี าคญั
จากเหตผุ ลดังกล่าว แสดงให้เหน็ ถึงแนวโน้มของการเปล่ียนแปลงด้านเศรษฐกิจ แนว
ความต้องการท่ีพัก รูปแบบการเลือกท่ีพัก ตามทิศทางของตลาดการท่องเท่ียว ท่ีมีอัตราการ
เปล่ียนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจ ซ่ึงพิจารณาได้จากจานวนนักท่องเท่ียวท่ีมีแนวโน้มลดลง ด้วย
เหตนุ ้ีผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่มี ผี ลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่ี
พักของนักท่องเท่ยี วชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร เพ่ือค้นหาปัจจัยต่างๆ ท่ธี ุรกิจท่พี ักแรมใช้
ในการกระตุ้นให้เกิดการเลือกใช้และเข้าพักแรม ท้ังน้ีข้อมูลท่ีได้จากการวิจัยคร้ังน้ีสามารถนา
ข้อมูลมาวิเคราะห์และนามาปรับใช้เพ่ือเป็นกลยุทธ์ในการทาธุรกจิ และเพ่ือให้สอดคล้องกบั สภาพ
เศรษฐกจิ ในปัจจุบันและเหมาะกบั ความต้องการของนักทอ่ งเท่ยี วได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
2. วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั
2.1 เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่ีพักของนักท่องเท่ียวต่างชาวชาติใน
กรุงเทพมหานคร
2.2 เพ่ือศึกษาอิทธิพลของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีผลต่อพฤติกรรมการ
เลือกใช้บริการท่พี ักของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร
236
2.3 เพ่ือเปรียบเทยี บพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติ
ในกรุงเทพมหานคร จาแนกตามลักษณะทางประชากรศาสตร์
3. สมมติฐานการวิจยั
3.1 ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดมีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่ีพักใน
กรุงเทพมหานครของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติ
3.2 นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติท่ีมีลักษณะทางประชากรศาสตร์ท่ีแตกต่างกันมี
พฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักในกรุงเทพมหานครแตกต่างกนั
4. ขอบเขตการวิจยั
การวิจัยในคร้ังน้ ีได้ วางขอบเขตเอาไว้ ดังต่อไปน้ ี
4.1 ขอบเขตด้านเน้ือหา
ดาเนินการศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดตามแนวคิดของศิริวรรณ เสรี
รัตน์และคณะ (2546) ประกอบด้วย ด้านสินค้า ด้านราคา ด้านสถานท่กี ารจัดจาหน่าย ด้านการ
ส่งเสริมการตลาด ด้านพนักงาน ด้านกระบวนและการบริการ และด้านลักษณะทางกายภาพ
4.2 ขอบเขตด้านประชากรและพ้ืนท่ี
ประชากรท่ใี ช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติท่พี ักในกรุงเทพมหานคร
4.3 ขอบเขตด้านเวลา
การศึกษาวิจัยในคร้ังน้ี ดาเนินการศึกษานักท่องเท่ียวชาวต่างชาติท่ีเข้ามา
ท่องเท่ียวในประเทศไทย โดยเดินทางเข้ามาในช่วงมกราคม พ.ศ. 2563 – เดือนมีนาคม พ.ศ.
2563
5. ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
1. ข้อมูลท่ีได้จากการวิจัยในคร้ังน้ี ผู้ประกอบการธุรกิจท่ีพักและผู้ท่ีสนใจลงทุน
สามารถนาไปวางกลยุทธท์ างการตลาดให้สอดคล้องกบั ความต้องการของนักทอ่ งเท่ยี ว
2. ข้อมูลท่ีได้จากการวิจัยในคร้ังน้ีสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนทาง
การตลาดท่มี ีผลต่อการพฤตกิ รรมเลือกท่พี ักของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาตใิ ห้สามารถสอดคล้องกบั
สถานการณ์ปัจจุบันของอตุ สาหกรรมการทอ่ งเท่ยี วท้งั ในปัจจุบันและอนาคต
3. ข้อมูลท่ไี ด้จากการวิจัยในคร้ังน้ีสามารถนาไปเป็นประโยชน์ท้งั ผู้ประกอบการด้านท่ี
พัก และหน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องเพ่ือเตรียมความพร้อมด้านการทอ่ งเท่ยี วต่อไปในอนาคต
237
6. ระเบยี บวิธิวิจยั
เน่ืองจากงานวิจัยน้ีเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) ผู้วิจัยจึงเลือกใช้
แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเคร่ืองมือในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพ่ือใช้ในการดาเนินการ
วิจัย โดยมีข้นั ตอนในการสร้างเคร่ืองมอื ดังน้ี
ตอนท่ี 1 เป็ นคาถามเก่ียวกับปัจจัยพ้ืนฐานของผู้ตอบ ได้แก่ เพศ ภูมิลาเนา อายุ
ระดับการศึกษา อาชีพ สถานภาพสมรสและรายได้เฉล่ียต่อปี ของนักท่องเท่ียว โดยเป็นคาถาม
แบบลักษณะปลายปิ ด (Close–ended Response Question) ให้เลือกตอบได้เพียงหน่ึงข้อ
ตอนท่ี 2 เป็นแบบสอบถามเก่ียวกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด 7P’s โดยเป็ น
คาถามแบบมาตราสว่ นประเมินค่าคะแนน (Rating Scale) โดยมที างเลือกตอบได้ 5 ระดับ โดยมี
เกณฑก์ ารให้คะแนนดงั น้ี
ระดบั 5 หมายถึง สาคัญมากท่สี ดุ
ระดับ 4 หมายถงึ สาคญั มาก
ระดับ 3 หมายถึง สาคัญปานกลาง
ระดบั 2 หมายถึง สาคัญน้อย
ระดบั 1 หมายถงึ สาคัญน้อยท่สี ดุ
ตอนท่ี 3 เป็ นคาถามเก่ียวกับพฤติกรรมในการเลือกท่ีพักของนักท่องเท่ียว ได้แก่
วัตถุประสงค์ในการเดินทาง ผู้ร่วมเดินทาง จานวนวันท่เี ข้าพัก ความถ่ีในการมาต่อปี การเลือก
ห้องพัก อัตราค่าท่ีพัก การจองท่ีพัก การเลือกทาเลพักและประเภทท่ีพัก โดยเป็ นคาถามแบบ
ลักษณะปลายปิ ด (Close–ended Response Question) ให้เลือกตอบได้เพียงหน่ึงข้อ
7. ผลการศึกษา
ขอ้ มูลปัจจยั ส่วนบุคคลของกล่มุ ตวั อย่าง
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลท่วั ไปของกลุ่มตัวอย่างพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จานวน
108 คน คิดเป็นร้อยละ 54.00 ส่วนใหญ่มีภมู ิลาเนาถ่นิ พานักในทวีปเอเชีย จานวน 115 คน คิด
เป็นร้อยละ 57.50 ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอายุ 26 – 35 ปี จานวน 108 คน คิดเป็นร้อยละ 54.00
ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จานวน 109 คน คิดเป็ นร้อยละ 54.50 ส่วนใหญ่มี
สถานภาพโสด จานวน 116 คน คิดเป็ นร้ อยละ 58.00 ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็ นพนักงาน
บริษัทเอกชน จานวน 83 คน คิดเป็ นร้อยละ 41.50 ส่วนใหญ่มีรายได้เฉล่ียต่อปี ไม่เกิน USD
24,000 จานวน 69 คน คดิ เป็นร้อยละ 34.50
พฤติ กรรมการเลือ กใช้บริ การที่พักขอ ง นักท่ อ งเที่ยว ชาว ต่ างช า ติ ใ น
กรุงเทพมหานคร
จากผลการวิเคราะห์พฤติกรรมการเลือกใช้ บริการท่ีพั กในกรุงเทพมหานครของ
นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติ พบว่า สว่ นใหญ่มวี ัตถุประสงคใ์ นการเดินทางมาเพ่ือทอ่ งเท่ยี ว ส่วนใหญ่
238
เดินทางมาคนเดียว ส่วนใหญ่มีจานวนวันเข้าพัก 4-7 วัน ส่วนใหญ่มีความถ่ีในการเดินทางมา
เยือน 1-2 คร้ังต่อปี ส่วนใหญ่เลือกใช้บริการห้องพักห้องเตียงเด่ียว มีอตั ราค่าใช้บริการห้องพัก
ราคา USD 48.52-80.82 ส่วนใหญ่ทาการจองท่ีพักผ่านทางอินเตอร์เนต็ (Internet) ส่วนใหญ่
เลือกทาเลท่พี ักเดินทางสะดวกใกล้ขนส่งมวนชลและส่วนใหญ่เลือกพักท่โี รงแรม
ผลการทดสอบสมมติฐาน
สมมติฐานที่ 1 นกั ท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ที่
แตกต่างกนั มพี ฤติกรรมการเลือกใชบ้ ริการทีพ่ กั ในกรุงเทพมหานครแตกต่างกนั
จากผลการวิเคราะห์นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติท่ีมีลักษณะทางประชากรศาสตร์ท่ี
แตกต่างกนั มีพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักในกรุงเทพมหานครแตกต่างกนั อย่างมีนัยสาคญั
ทางสถิติท่ีระดับ 0.05 ได้แก่ เพศ ภมู ิลาเนา อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ สถานภาพสมรส และ
รายได้ต่อปี มพี ฤตกิ รรมการเลือกใช้บริการท่พี ัก พิจารณาเป็นรายด้านดังน้ี
เพศ นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติท่มี ีเพศแตกต่างกนั มีพฤตกิ รรมการเลือกใช้บริการท่พี ัก
ในด้านอตั ราค่าท่พี ัก แตกต่างกนั
ภูมิลาเนา นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติท่มี ีภมู ิลาเนาแตกต่างกันมีพฤติกรรมการเลือกใช้
บริการท่พี ักในด้านวัตถุประสงค์การเดินทาง ผู้ร่วมเดินทาง จานวนวันเข้าพัก ความถ่ีในการมาต่อ
ปี การเลือกห้องพักและประเภทท่พี ัก แตกต่างกนั
อายุ นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติท่มี ีอายุแตกต่างกันมีพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ัก
ในด้าน ความถ่ีในการมาต่อปี การเลือกห้องพักและประเภทท่พี ัก แตกต่างกนั
ระดบั การศึกษา นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติท่มี ีระดับการศึกษาแตกต่างกนั มีพฤติกรรม
การเลือกใช้บริการท่พี ักในด้านวัตถุประสงคก์ ารเดินทาง ผู้ร่วมเดนิ ทาง ความถ่ใี นการมาต่อปี และ
การเลือกห้องพัก แตกต่างกนั
สถานภาพสมรส นักท่องเท่ยี วชาวต่างชาติท่มี ีสถานภาพรสท่แี ตกต่างกันมีพฤติกรรม
การเลือกใช้บริการท่พี ักในด้านผู้ร่วมเดินทาง การเลือกห้องพักและประเภทท่พี ัก แตกต่างกนั
อาชีพ นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาตทิ ่มี ีอาชีพแตกต่างกนั มพี ฤตกิ รรมการเลือกใช้บริการท่ี
พักในด้านวัตถุประสงค์การเดินทาง ผู้ร่วมเดินทาง จานวนวันเข้าพัก การเลือกห้องพักและอัตรา
ค่าท่พี ัก แตกต่างกนั
รายได้ นักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติท่มี ีรายได้แตกต่างกนั มีพฤตกิ รรมการเลือกใช้บริการ
ท่พี ักในด้านจานวนวันเข้าพัก การเลือกห้องพักและอตั ราค่าท่พี ัก แตกต่างกนั
สมมติฐานที่ 2 ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดมีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้
บริการทีพ่ กั ของนกั ท่องเทีย่ วชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร
จากผลการวิเคราะห์พบว่า ปัจจัยส่วนผสมทางการตลาดมีผลต่อการเลือกใช้บริการท่ี
พักของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาตใิ นกรุงเทพมหานคร เรียงลาดับจากปัจจัยท่มี ีผลมากไปหาปัจจัยท่ี
มีผลน้อย ด้านท่มี ีค่าเฉล่ียสงู ท่สี ดุ คือ ด้านกระบวนการและบริการ ค่าเฉล่ีย 4.04 รองลงมา คือ
239
ด้านบุคคล ค่าเฉล่ีย 4.02 ด้านสถานท่กี ารจัดจาหน่าย ค่าเฉล่ีย 3.97 ด้านลักษณะทางกายภาพ
ค่าเฉล่ีย 3.95 ด้านราคา ค่าเฉล่ีย 3.70 ด้านผลิตภัณฑ์ ค่าเฉล่ีย 3.68 และด้านการส่งเสริม
การตลาด ค่าเฉล่ีย 3.65 ตามลาดับ โดยปัจจัยส่วนผสมทางการตลาดทุกด้านมีผลต่อการเลือกใช้
บริการท่ีพักของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติอยู่ในระดับมากและมีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้
บริการอย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดบั 0.05 พิจารณาเป็นรายด้านได้ดังน้ี
ดา้ นปัจจัยดา้ นกระบวนการและบริการ มีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการท่ีพักของ
นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร ในด้านความถ่ีในการมาต่อปี ด้านการเลือกห้องพัก
และด้านอตั ราค่าท่พี ัก
ดา้ นปัจจัยดา้ นบุคคล มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ บริการท่ีพักของนักท่องเท่ียว
ชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร ในด้านการเลือกทาเลท่พี ัก
ปัจจัยดา้ นช่องทางการจัดจาหน่าย มีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการท่ีพักของ
นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร ในด้านจานวนวันเข้าพัก ด้านความถ่ีในการมาต่อปี
ด้านอตั ราค่าท่พี ักและประเภทท่พี ัก
ปัจจยั ดา้ นการสรา้ งและนาเสนอทางกายภาพ มีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการท่พี ัก
ของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร ในด้านผู้ร่วมเดินทาง ด้านจานวนวันเข้าพัก ด้าน
การเลือกห้องพัก ด้านอตั ราค่าท่พี ัก ด้านการเลือกทาเลท่พี ัก ด้านประเภทท่พี ัก
ปัจจัยดา้ นราคา มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่ีพักของชาวต่างชาติใน
กรุงเทพมหานครท่กี รุงเทพมหานคร ในด้านจานวนวันเข้าพัก ด้านความถ่ีในการมาต่อปี และด้าน
อตั ราค่าท่พี ัก
ปัจจยั ดา้ นผลิตภณั ฑ์ มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้บริการท่พี ักของนักทอ่ งเท่ียวชาว
ชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร ในด้านความถ่ีในการมาต่อปี และด้านอัตราค่าท่พี ัก
ดา้ นปัจจัยการส่งเสริมการตลาด มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ บริการท่ีพักของ
นักทอ่ งเท่ียวชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร ในด้านวัตถุประสงค์การเดินทาง ด้านผู้ร่วมเดินทาง
ด้านจานวนวันเข้าพักและด้านประเภทท่พี ัก
8. การอภปิ รายผลการวิจยั
จากการศึกษาวิจัยเร่ืองปัจจัยส่วนผสมทางการตลาดท่มี ีผลต่อการเลือกใช้บริการ
ท่พี ักของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาตใิ นกรุงเทพมหานคร พบว่า จากผลการศึกษาพบว่า นักทอ่ งเท่ยี ว
ชาวต่างชาติให้ความสาคัญกับปัจจัยส่วนผสมทางการตลาดทุกด้านในระดับมาก ได้แก่ ด้าน
ผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคล ด้าน
กระบวนการและบริการ ด้านการลักษณะทางกายภาพ แสดงให้เห็นว่าปัจจัยส่วนประสมทาง
การตลาดมีผลพฤติกรรมการเลือกใช้ บริการท่ีพักของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติ ในด้าน
วัตถุประสงค์ในการเดินทาง ผู้ร่วมเดินทาง จานวนวันท่เี ข้าพัก ความถ่ีในการมาต่อปี การเลือก
240
ห้องพัก อัตราค่าท่พี ัก การเลือกทาเลท่ีพัก ประเภทท่ีพัก แต่ไม่มีผลต่อพฤติกรรมการจองท่พี ัก
ซ่ึงกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามได้ให้ความสาคัญกับปัจจัยด้านกระบวนการมากท่ีสุด กล่าวถึง การ
บริการเร่ืองของส่ิงอานวยความสะดวก ภาชนะ อุปกรณ์ เคร่ืองใช้มีความสะอาด อาจจะเป็ น
เพราะว่านักทอ่ งเท่ยี วต้องการได้รับบริการท่มี ีความสะดวกสบายคุ้มค่ากับอตั ราค่าบริการ มีความ
สะอาด มีความรวดเรว็ และถูกต้อง รองลงมา ปัจจัยด้านบุคคล กล่าวถงึ การให้ความสาคัญกบั การ
ดูแลเอาใจใส่จากพนักงานและมีความกระตือรือร้นในการให้บริการ อาจจะเป็นเพราะต้องการ
ได้รับการบริการท่ดี ี ได้รับการใส่ใจจากพนักงานและเพ่ือตอบสนองความต้องการในใช้บริการ ซ่ึง
สอดคล้องกับงานวิจัยของ จีราภรณ์ เพง็ โต (2016) ศึกษาปัจจัยทางการตลาดบริการท่มี ีอทิ ธพิ ล
ต่อพฤติกรรมการเลือกท่ีพักของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า
นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติมีความคิดเห็นเก่ียวกับปัจจัยทางการตลาดบริการท่ีมีอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมการเลือกท่พี ักในระดับมากคือ ด้านกระบวนการบริการ ด้านบุคลากร และด้านราคา
ปัจจัยทางการตลาดบริการท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อพฤติกรรมการเลือกท่พี ัก ระดับปานกลาง คือ ด้านการ
จัดจาหน่าย ด้านการสร้างและนาเสนอรูปแบบทางกายภาพ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการส่งเสริม
การตลาด และของอาทิตย์ พวงนาค (2560) ศึกษาเร่ือง ปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาดท่ีส่งผลต่อ
การตดั สินใจเลือกใช้บริการโฮสเทลในเขตพระนครกรุงเทพมหานคร ผลการศึกษาพบว่ากลุ่ม
ตัว อ ย่า ง ใ ห้ค ว า ม สํา คัญ กับ ปั จ จัยส่ ว น ปร ะ สม ท าง ก าร ต ล า ด โ ด ย ร ว ม อ ยู่ใ น ร ะ ดับม า กโ ด ยให้
ความสาํ คญั กบั ป้จจยั ดา้ นกระบวนการทาํ งาน ดา้ นบุคลากร ดา้ นราคา ดา้ นช่องทางการจดั จาํ หน่าย
ด้านลกั ษณะทางกายภาพ ด้านผลิตภณั ฑ์ และด้านการส่งเสริมการขาย ปัจจยั ส่วนประสมทาง
การตลาดทุกดา้ นมีความสัมพนั ธ์กบั การตดั สินเลือกใชบ้ ริการโฮสเทลในระดบั ปานกลางและสูงอีก
ท้งั ยงั มีทิศทางของความสัมพนั ธ์ไปในทางเดียวกนั ดว้ ย
9. ขอ้ เสนอแนะทีไ่ ดจ้ ากการวิจยั
1. ปัจจัยด้านกระบวนการและบริการผลจากการศึกษาพบว่า นักท่องเท่ียวให้
ความสาคัญกบั ภาชนะ อุปกรณ์ เคร่ืองใช้มีความสะอาด มากท่สี ดุ ดังน้ันผู้ประกอบการเก่ยี วกบั ท่ี
พักควรจะรักษามาตราการบริการและดูแลความสะอาดของอุปกรณ์ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ให้สะอาด
ตามหลักสุขลักษณะอนามัยและควรมีการตรวจสอบอุปกรณ์เคร่ืองใช้ เช่น ตู้ เตียง หมอน ผ้าห่ม
ให้มีความสะอาดและเปล่ียนทาความสะอาดทุกคร้ัง รวมถึงเช็คสภาพการใช้งานไม่เห็นเป็ น
อนั ตรายแก่ผู้เข้าพัก
2. ปัจจัยด้านบุคคลผลจากการศึกษาพบว่า นักทอ่ งเท่ยี วให้ความสาคญั กบั พนักงานท่ี
ให้บริการได้อย่างถูกต้องและรวดเรว็ มากท่ีสุด ดังน้ันผู้ประกอบการเก่ยี วกับท่พี ักควรมีพนักงาน
เพียงพอในการให้บริการและการให้บริการทุกด้านเพ่ือการบริการท่ีรวดเรว็ และควรฝึ กอบรม
241
พนักงานให้มคี วามเอาใจใสต่ ่อนักทอ่ งเท่ยี วและมีจิตสานึกของการให้บริการ รวมถงึ ความสามารถ
ในการส่อื สารด้วยภาษาต่างประเทศ
10. กิตติกรรมประกาศ
งานสารนิพนธ์ฉบับน้ีสาเรจ็ ได้ด้วยความกรุณาจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรัญญา ปาน
เจริญ อาจารย์ท่ปี รึกษางานนิพนธ์ ท่กี รุณาให้คาปรึกษาแนะนาแนวทางท่ถี ูกต้อง ตลอดจนแก้ไข
ข้อบกพร่องต่างๆด้วยความละเอียดถ่ีถ้วนและเอาใจส่ด้วยดีเสมอมา ผู้วิจัยซาบซ้ึงเป็นอย่างย่ิง จึง
ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสงู ไว้ ณ โอกาสน้ี
ผู้วิจัย ขอขอบคุณเจ้าของงานวิชาการต่างๆท่ผี ู้ศึกษาได้อ้างถึง ผู้ท่ใี ห้การช่วยเหลือในการ
เกบ็ แบบสอบและขอขอบคุณผู้ตอบแบบสอบถามทุกทา่ น
ขอกราบขอบพระคุณครอบครัวและเพ่ือนๆ ท่ีให้กาลังใจ ให้คาปรึกษาและสนับสนุนใน
การศึกษาปริญญาโทด้วยดมี าโดยตลอด คุณค่าและประโยชน์อนั พึงจากการศึกษาค้นคว้าฉบับน้ี ผู้
ศึกษาขอมอบความดีให้แกผ่ ู้มีพระคุณทุกทา่ น
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
บทความ
ฉัตราพร เสมอใจ. (2550). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ธงชัย สนั ติวงษ์. (2546). พฤตกิ รรมผู้บริโภคทางการตลาด. กรุงเทพมหานคร: ประชุมช่าง.
ธงชัย สันติวงษ์. (2554). พฤติกรรมบุคคุลในองค์การ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เจริญ
พัฒน์.
ศริริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ. (2539). การบริหารการตลาดยุคใหม่. กรุงเทพมหานคร:
พัฒนาศึกษา
ศริริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ. (2541). การบริหารการตลาดยุคใหม่. กรุงเทพมหานคร:
ธรรมสาร.
เสรี วงษ์มณฑา. (2542). กลยุทธ์การตลาด การวางแผนการตลาด. กรุงเทพมหานคร: ธีร
ฟิ ล์มและไชเทก๊ ซ์การพิมพ์.
อดุลย์ จาตุรงคกุล. (2542.) หลักการตลาด. กรุงเทพมหานคร: คณะพาณิชยศาสตร์และการ
บัญชี. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วิทยานพิ นธ์
242
จีราภรณ์ เพง็ โต (2559). ปัจจัยทางการตลาดบริการท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อพฤตกิ รรมการ
เลือกท่พี ักของนักทอ่ งเท่ยี วชาวต่างชาตใิ นจังหวัด.
นาตยา เจริญผล. (2555). ปัจจัยท่มี ีอทิ ธิพลต่อการตัดสนิ ใจเลือกบริการท่พี ักของนักท่องเท่ียว
ชาวต่างชาติในอาเภอเกาะสมุย จังหวัดสรุ าษฎร์ธานีเปรียบเทยี บระหว่างนักทอ่ งเท่ยี ว
ชาวยุโรปและชาวเอเชีย.
อาทิตย์ พวงนาค, (2560). ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้
บริการ โฮสเทลในเขตพระนครกรุงเทพมหานคร. การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต. คณะ
บริหารธุรกจิ (การจัดการโรงแรมและภัตาคาร).
อรุณี ลอมเศรษฐี, (2554) ปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเท่ียวชาวต่างชาติในการ
เลือกใช้ บริการท่พี ักในเขตกรุงเทพมหานคร.
สารสนเทศจากสือ่ อิเล็กทรอนกิ ส์
กระทรวงการทอ่ งเท่ยี วและกีฬา . (2562). สถานการณด์ ้านการทอ่ งเท่ยี ว ปี พ.ศ. 2562 และ
แนวโน้มการทอ่ งเท่ยี วไทย ปี พ.ศ. 2563, สบื ค้น 8 มกราคม 2563 จาก
https://www.mots.go.th/download/article/article_20200123132729.pdf
ศูนยว์ ิจัยกสกิ รไทย. (2562). แนวโน้มธุรกจิ โรงแรมและการปรับกลยุทธข์ องโรงแรมขนาดเลก็ ,
สบื ค้น 8 ธนั วาคม 2562, จาก
https://kasikornresearch.com/th/analysis/kecon/business?c=362
สานักงานสถติ ิแห่งชาติ. (2562). การสารวจท่พี ัก พ.ศ.2561, สบื ค้น 8 ธนั วาคม 2562, จาก
http://www.nso.go.th
ภาษาต่างประเทศ
BOOK
Engel, F.J., Blackwell, D.R., & Miniard, W.P. (1990). Consumer behavior (6th ed.).
Hinsdale: The Dryden.
Kotler Philip & Armstrong, Gary. (1996). Principles of Marketing (7th ed.). New Jersey:
Prentice Hall International
Kolter Phillip. (1997). Marketing Management. New Jersey: Prentic-Hall.
Kolter Phillip. (2003). Marketing management (11th ed.). Upper Sanddle River, New
Jersey: Prentice Hall.
McCarthy, E. J., & Perreault, W. D. (1987). Basic marketing (9th ed.) Homewood, IL:
Irwin
Stanton, William J., Buskirk, Richard H. & Spiro, Rosam L. (1991). Sale Management.
(8th ed.) Homewood, IL: Irwin.
243
การศึกษาปัจจยั ส่วนบุคคลและพฤติกรรมการใชเ้ งนิ ทีส่ ่งผลต่อการดารงชีพ
ของกลุ่มคนวยั ทางานในเขตกรุงเทพมหานคร
พลอยพรหม เจิมศิลป์ 1
รศ.ดร.ธนดิ า จิตรน์ อ้ มรตั น2์
บทคดั ย่อ
งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ (1) เพ่ือศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลท่สี ่งผลต่อการดารงชีพของ
กลุ่มคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร (2) เพ่ือศึกษาพฤตกิ รรมการใช้เงินท่สี ่งผลต่อการดารงชีพ
ของกลุ่มวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร โดยการใช้แบบสอบถามในการเกบ็ ข้อมูล กลุ่มตัวอย่าง
จานวน 400 คน และได้ตรวจสอบความน่าเช่ือถือของแบบสอบถามโดยการวิเคราะห์ประมวลหาค่า
ครอนบาร์ค แอลฟ่ า ซ่ึงได้ค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟ่ าเท่ากับ 0.7030 หมายถึงแบบสอบถามมีความ
น่าเช่ือถอื และสามารถนาไปใช้ได้
ผลการศึกษาพบว่า (1) ปัจจัยส่วนบุคคลของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่
เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ และจานวนสมาชิกในครอบครัวท่ตี ้องดูแล สง่ ผล
ต่อการดารงชีพแตกต่างกนั (2) พฤติกรรมการใช้เงนิ ของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่
การจดบันทกึ การรับจ่าย การแบ่งแยกค่าใช้จ่ายเพ่ือการออมและการลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี
และการใช้จ่ายค่าใช้จ่ายผนั แปร ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่างกนั
ข้อเสนอแนะ รัฐบาลหรือหน่วยงานท่เี ก่ียวข้อง ควรมีการรณรงค์ให้ประชาชนมีพฤติกรรม
การใช้จ่ายเงินท่ีถูกต้องและเหมาะสม ควรมีมาตรการให้เกิดประโยชน์ต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายเงิน
เพ่ือช่วยให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ท่ดี ขี ้ึน และเป็นการป้ องกนั ไม่ให้เกดิ ภาระหน้ีสนิ
1.บทนา
ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกบั ภาวะเศรษฐกจิ ตกต่า ซ่ึงเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกจิ ท่ี
ตกต่า ไปท่ัวโลกท้ังในยุโรปและจีน มีผลกระทบทุกภาคส่วนของประเทศไทย ท้ังภาคเกษตร
ภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต และภาคบริการ ในขณะท่คี ่าครองชีพของประชาชนภายในประเทศมี
แนวโน้มท่ีจะเพ่ิมสูงข้ึน จากการเปิ ดเผยดัชนีค่าครองชีพท่ัวโลก ปี พ.ศ. 2562 โดย numbeo.com
เว็บไซต์ฐานข้อมูลด้านค่าครองชีพ ท่ีคานวณจากค่าสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ อาทิ ค่าอาหารใน
1 นักศกึ ษาหลักสตู รบริหารธรุ กจิ มหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บณั ฑติ ย์
2 ท่ปี รึกษาหลัก
244
ร้านอาหาร ค่าเช่าท่พี ักอาศัย และกาลังซ้ือของประชากรเมือง พบว่า กรุงเทพมหานคร ถูกจัดให้เป็น
เมืองท่ีมีค่าครองชีพสูงท่ีสุด เป็ นอันดับ 2 ของอาเซียน สาหรับค่าใช้จ่ายเฉล่ียรายบุคคลใน
กรุงเทพมหานคร ไม่รวมค่าเช่าบ้านอยู่ท่ี 21,000 บาทต่อเดอื น สว่ นค่าใช้จ่ายเฉล่ียของครอบครัวท่ีมี
สมาชิก 4 คน ไม่รวมค่าเช่าบ้าน อยู่ท่ี 75,800 บาทต่อเดือน ซ่ึงรายจ่ายท่เี พ่ิมข้ึนมากท่สี ดุ ในปี พ.ศ.
2562 คอื หมวดอาหารมีราคาเพ่ิมสูงข้ึน โดยเฉล่ียอยู่ท่รี ้อยละ 56.4 ของค่าแรงข้นั ต่า ซ่ึงเป็นค่าท่สี ูง
มาก เม่ือเทียบกับประเทศท่ีมีค่าครองชีพสูงอย่างประเทศออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร โดย
ประเทศดังกล่าว มีอตั ราค่าใช้จ่ายเก่ยี วกบั อาหารข้ันพ้ืนฐานเฉล่ียเพียงร้อยละ 7.7 ของค่าแรงข้ันต่า
แสดงให้เหน็ ว่าคนไทยจ่ายเงินค่าดารงชีพแพงเกินกว่าค่าแรง ซ่ึงทาให้มีรายได้ท่ไี ด้รับไม่เพียงพอต่อ
การดารงชีพ และอาจเป็นสาเหตุท่ตี ้องกอ่ หน้ี ทาให้ตวั เลขของหน้ีภาคครัวเรือนสงู ตามไปอกี ด้วย
พฤตกิ รรมการใช้จ่ายท่สี ่งผลต่อการดารงชีพของกลุ่มคนวัยทางานในปัจจุบัน มีพฤติกรรม
การใช้จ่ายเงินหลายลักษณะ เช่น การใช้จ่ายเพ่ือการออมและการลงทุน (เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝาก
ประจา การออมหุ้น กองทุนรวมต่างๆ เป็นต้น) การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี (ค่าผ่อนบ้าน/เช่าท่พี ักอาศัย
ค่าผ่อนรถ เป็นต้น) การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายผันแปร (ค่าอาหาร ค่านา้ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเส้อื ผ้า ค่า
เดินทาง ค่ารักษาพยาบาล ค่าสนั ทนาการส่งิ บันเทงิ ต่างๆ เป็นต้น) สาหรับพฤติกรรมการดาเนินชีวิต
ของคนวัยทางานในกรุงเทพมหานคร ท่ีมีรูปแบบการใช้ชีวิตเป็นสังคมเมืองมีความเป็นบริโภคนิยม
ตามกระแสวัฒนธรรมตะวันตก อาจพบพฤติกรรมการใช้จ่ายท่นี ิยมบริโภคสนิ ค้าฟ่ ุมเฟื อยเกนิ ความ
จาเป็น หรือซ้ือส่ิงของท่ีมีราคาแพงตามกระแสนิยม ทาให้เกิดการใช้จ่ายเงินเกินรายได้ท่ีได้รับ ขาด
วินัยในการใช้จ่ายและเกบ็ ออม ซ่ึงอาจก่อให้เกิดปัญหาหน้ีสิน และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของ
คนวัยทางานในกรุงเทพมหานคร ดังน้ันผู้วิจัยจึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลและ
พฤตกิ รรมการใช้จ่ายท่สี ง่ ผลกระทบต่อการดารงชีพของกลุ่มวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร เพ่ือนา
ผลการศึกษามาวิเคราะห์หาแนวทางการจัดการทางการเงินของคนวัยทางานในกรุงเทพมหานครต่อไป
2 วตั ถุประสงคก์ ารวิจยั
2.1 เพ่ือศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลท่ีส่งผลต่อการดารงชีพของกลุ่มคนวัยทางานในเขต
กรุงเทพมหานคร
2.2 เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการใช้เงินท่ีส่งผลต่อการดารงชีพของกลุ่มวัยทางานในเขต
กรุงเทพมหานคร
245
3.สมมติฐานงานวิจยั
3.1 ปัจจัยส่วนบุคคลของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ
ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ และจานวนสมาชิกครอบครัวท่ตี ้องดูแล ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่าง
กนั
3.2 พฤติกรรมการใช้เงินของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ การจดบันทกึ
การรับจ่าย การแบ่งแยกค่าใช้จ่ายเพ่ือการออมและการลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี การใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายผนั แปร สง่ ผลต่อการดารงชีพแตกต่างกนั
4.ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
4.1 หน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนท่เี ก่ียวข้องต่างๆ สามารถนาผลการศึกษาพฤติกรรมการ
ใช้เงนิ ของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร มาใช้เป็นประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาคุณภาพชีวิต
ของคนในเมอื งให้ดีข้นึ
4.2 เป็ นประโยชน์ต่อการวางแผนทางการเงินของกลุ่มคนวัยทางานในเขต
กรุงเทพมหานคร
4.3 ทาให้กลุ่มเป้ าหมายมวี ินัยในการใช้เงนิ ของตนเองมากข้ึน เพ่ือเป็นการป้ องกนั ไม่ให้มี
การกอ่ หน้ีสนิ
5. ขอบเขตการศึกษา
5.1 ขอบเขตด้านประชากร ประชากรท่ใี ช้ศึกษาคร้ังน้ีเป็นคนวัยทางานท่มี อี ายุ 20 ปี ข้นึ
ไป
5.2 ขอบเขตด้านพ้ืนท่ี ในเขตกรุงเทพมหานคร
5.3 ขอบเขตด้านเวลา การศึกษาคร้ังน้ี ผู้วิจัยได้ใช้เวลาในการเกบ็ ข้อมูลแบบสอบถามเป็น
เวลา 2 เดือน ระยะเวลาต้ังแต่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม พ.ศ. 2563
5.4 ขอบเขตด้านเน้ือหา
5.4.1 ตวั แปรอสิ ระ
1.ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดบั การศึกษา อาชีพ รายได้
เฉล่ียต่อเดือน และ จานวนสมาชิกในครอบครัวท่ดี ูแล
2.พฤติกรรมการใช้เงิน ได้แก่ การจดบันทึกการรับรายจ่าย การแบ่งแยก
ค่าใช้จ่ายเพ่ือการออมและการลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี และการใช้จ่ายค่าใช้จ่ายผนั แปร
246
5.4.2 ตวั แปรตาม
การดารงชีพของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร 4 รูปแบบ ได้แก่ มีเงิน
ใช้ไม่เพียงพอ มีเงินใช้ไม่เพียงพอและมีหน้ี มีเงินใช้เพียงพอแต่ไม่มีเงินเกบ็ ออม มีเงินใช้เพียงพอ
และเหลือเกบ็ ออม
6. ระเบยี บวิธีวิจยั
งานวิจัยน้ีเป็ นงานวิจัยเชิงสารวจ ( Survey Research) ท่ีมีรูปแบบการวิจัยโดยใช้
แบบสอบถาม (Questionnaire) ซ่ึงเป็นแบบสอบถามจานวน 1 ชุด แบ่งออกเป็น 3 สว่ นดังน้ี
ส่วนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ
อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉล่ียต่อเดือน และจานวนสมาชิกครอบครัวท่ตี ้องดูแล
โดยแบบสอบถามจะมีลักษณะเลือกคาตอบเพียงข้อเดียว
ส่วนท่ี 2 เป็นแบบสอบถามเก่ียวกับพฤติกรรมการใช้เงินของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่
การจดบันทกึ การรับจ่าย การออมเงินและการลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายท่ผี ัน
แปร โดยแบบสอบถามในสว่ นน้ีจะมีคาตอบให้เลือกท้งั หมด 5 ระดบั ได้แก่ มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง
น้อย และน้อยท่สี ดุ
ส่วนท่ี 3 เป็ นแบบสอบถามเก่ียวกับลักษณะการดารงชีพของผู้ตอบแบบสอบถาม โดย
แบบสอบถามจะมีลักษณะเลือกคาตอบเพียงข้อเดียว
7. ผลการศึกษา
ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตวั อย่างในงานวิจัยคร้ังน้ี มีจานวนรวมท้งั ส้นิ 400 คน ส่วนใหญ่
เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31 - 40 ปี มีสถานภาพสมรส / มีคู่ครอง มีการศึกษาระดับปริญญาตรี
มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ระหว่าง 15,001 – 25,000 บาท และส่วนใหญ่มีจานวน
สมาชิกในครอบครัวท่ตี ้องดูแล 1-3 คน
ผลการวิเคราะหพ์ ฤติกรรมการใชเ้ งนิ ของผตู้ อบแบบสอบถาม
ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลในพฤติกรรมการใช้เงินของผู้ตอบแบบสอบถาม
โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน ได้แก่
ค่าใช้จ่ายผันแปร มีค่าเฉล่ียมากท่ีสุด รองลงมาคือ การจดบันทกึ การรับจ่าย ค่าใช้จ่ายคงท่ี และการ
แบ่งแยกค่าใช้จ่ายเพ่ือการออมและการลงทุน มีค่าเฉล่ียต่าสดุ
247
ผลการวิเคราะหล์ กั ษณะการดารงชีพของผูต้ อบแบบสอบถาม
ผลการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่มีเงินใช้ไม่เพียงพอและมีหน้ี จานวน 166 คน คิดเป็นร้อย
ละ 41.5 และส่วนใหญ่มีวิธกี ารแก้ปัญหาท่ดี ีท่สี ุด คอื ลดค่าใช้จ่ายลง จานวน 124 คน คดิ เป็นร้อยละ
31.0
ผลการทดสอบสมมติฐาน
ปัจจัยส่วนบุคคลของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ
ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ และจานวนสมาชิกท่ตี ้องดูแล ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่างกนั ” ผล
การศึกษา พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เพศ อายุ
สถานภาพ ระดบั การศึกษา อาชีพ รายได้ และจานวนสมาชิกท่ตี ้องดูแล สง่ ผลต่อการดารงชีพแตกต่าง
กนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิท่ี 0.05
พฤตกิ รรมการใช้เงินของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ การจดบันทกึ การรับ
จ่าย การแบ่งแยกค่าใช้จ่ายเพ่ือการออมและการลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี การใช้จ่ายค่าใช้จ่าย
ผันแปร ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่างกนั ผลการศึกษา พบว่า พฤติกรรมการใช้เงินของคนวัยทางาน
ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ การจดบันทกึ การรับจ่าย การแบ่งแยกค่าใช้จ่ายเพ่ือการออมและการ
ลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายผันแปร ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่างกนั อย่างมี
นัยสาคญั ทางสถติ ทิ ่ี 0.05
8. อภิปรายผลการศึกษา
จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลนามาอภิปรายผลงานวิจัยได้ดังน้ี
1.ปัจจัยส่วนบุคคลของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ
ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ และจานวนสมาชิกท่ตี ้องดูแล ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่างกัน” ผล
การศึกษา พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เพศ อายุ
สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ และจานวนสมาชิกท่ตี ้องดูแล ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่าง
กนั อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี 0.05 ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ วีระ พุ่มเกิด (2546) ศึกษาเร่ือง
ค่าใช้จ่ายของนักศึกษาสถาบันราชภัฎสวนดุสิต ผลการศึกษาพบว่า นักศึกษาชายมคี ่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อปี
การศึกษาสูงกว่านักศึกษาหญิง นักศึกษาท่ีมีภูมิลาเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
นักศึกษาท่ีมีภูมิลาเนาอยู่ต่างจังหวัด เม่ือพิจารณาแยกตามกลุ่ม ช้ันปี คณะ อาชีพปัจจุบันของบิดา
มารดา และรายได้ครอบครัวพบว่า นักศึกษาท่มี ีค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อปี การศึกษาสูงท่ีสุดของแต่ละกลุ่ม
คือ นักศึกษาช้ันปี ท่ี 3 นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ นักศึกษาท่บี ิดามีอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว
นักศึกษาท่ีมารดามีอาชีพรับราชการ และนักศึกษาท่ีครอบครัวมีรายได้ 60,000-80,000 บาทต่อ
248
เดือน ในขณะท่นี ักศึกษาท่มี ีค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่าสดุ ของแต่ละกลุ่มคือ นักศึกษาช้ันปี ท่ี 1 นักศึกษาคณะ
ครุศาสตร์ นักศึกษาท่ีบิดามีอาชีพเป็ นพนักงานของบริษัทเอกชน นักศึกษาท่ีมีมารดามีอาชีพเป็ น
พนักงานรัฐวิสาหกิจ และนักศึกษาท่ีครอบครัวมีรายได้ 60,000-80,000 บาทต่อเดือน ผลการ
เปรียบเทยี บค่าใช้จ่ายของนักศึกษาจาแนกตามเพศ ภมู ิลาเนา ช้ันปี คณะ อาชีพบิดาและมารดา และ
รายได้ของครอบครัว พบว่า นักศึกษาท่เี รียนคณะต่างกนั มีค่าใช้จ่ายเฉล่ีย แตกต่างกนั อย่างมนี ัยสาคัญ
ทางสถติ ิท่รี ะดับ 0.05
2.พฤติกรรมการใช้เงินของคนวัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ การจดบันทกึ การ
รับจ่าย การแบ่งแยกค่าใช้จ่ายเพ่ือการออมและการลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี การใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายผันแปร ส่งผลต่อการดารงชีพแตกต่างกัน ผลการศึกษา พบว่า พฤติกรรมการใช้เงินของคน
วัยทางานในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ การจดบันทกึ การรับจ่าย การแบ่งแยกค่าใช้จ่ายเพ่ือการออม
และการลงทุน การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายคงท่ี การใช้จ่ายค่าใช้จ่ายผันแปร สง่ ผลต่อการดารงชีพแตกต่างกนั
อย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ิท่ี 0.05 ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ ศิริวรรณ ว่องวีรวุฒิ บุณฑริก ศิริกิจจา
ขจร (2552) ได้ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมในการจัดการทางการเงินส่วนบุคคลของนักศึกษา
ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกจิ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วัตถุประสงค์ในการศึกษาวิจัย เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ี
มีผลต่อทศั นคติและพฤติกรรมในการจัดการทางการเงินส่วนบุคคลของนักศึกษา คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยปัจจัยท่นี ามาใช้ พิจารณาได้แก่ เพศ การเรียนวิชาการวางแผนการเงินสว่ น
บุคคล การจดบันทกึ รายจ่ายและการใช้บัตรเครดิต สถิติท่ใี ช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าที (t-score)
และค่าสมั ประสิทธ์ิสหสมั พันธ์เพียรสัน การวิจัยคร้ังน้ีใช้นัยสาคัญทางสถิติท่รี ะดับ 0.05 พบว่า เพศ
การจดบันทกึ รายจ่ายและการใช้บัตรเครดิต มีอิทธิพลต่อทศั นคติและพฤติกรรมในการจัดการทาง
การเงินอย่างมีนัยสาคัญ ในส่วนของการเรียนวิชาการวางแผนการเงินส่วนบุคคลน้ัน นักศึกษาท่เี รียน
และไม่เรียนวิชาการวางแผนการเงินส่วนบุคคล มีทัศนคติและพฤติกรรมท่ีไม่แตกต่างกัน การจด
บันทึกรายจ่ายหรือการทาบัญชีครัวเรือน ถือเป็ นเคร่ืองมือท่ีสาคัญในการสร้างวินัยการจัดการทาง
การเงินท่มี ีประสทิ ธิภาพและเกดิ ประโยชน์หลายประการ เช่น การทาให้เกดิ ความระมัดระวังในการใช้
จ่ายมากข้ึน สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและลดรายจ่ายท่ไี ม่จาเป็น ตลอดจนมีเงินออมและนาไปสู่การ
วางแผนการลงทุนในอนาคต ในสว่ นของการวิเคราะห์นักศึกษาท่ใี ช้และไม่ใช้บัตรเครดิตน้ัน พบว่าผู้ท่ี
ใช้บัตรเครดติ จะมกี ารจัดการทางการเงนิ ท่ดี ีกว่าผู้ท่ไี ม่ใช้บัตรเครดิต
249