The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โมบี้-ดิ๊ก ผลงานคลาสสิกของ Herman Melville ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดยสำนักพิมพ์ทับหนังสือ ฉบับปรับปรุงจากต้นฉบับแปล “โมบี้-ดิ๊ก ฉบับประชาชน” โดยโครงการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการแปล Moby-Dick; or, The Whale นวนิยายของ เฮอร์แมน เมลวิลล์ เป็นภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BS_Library, 2019-12-20 01:23:42

Moby Dick โมบี้ ดิ๊ก

โมบี้-ดิ๊ก ผลงานคลาสสิกของ Herman Melville ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดยสำนักพิมพ์ทับหนังสือ ฉบับปรับปรุงจากต้นฉบับแปล “โมบี้-ดิ๊ก ฉบับประชาชน” โดยโครงการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการแปล Moby-Dick; or, The Whale นวนิยายของ เฮอร์แมน เมลวิลล์ เป็นภาษาไทย

Keywords: วรรณกรรม

ทางทิศเหนือ ได้รบั รูถ้ ึงความงดงามของธรรมชาติทัง้ มวล หรือประสบการณ์
สดใหม่ดิบเถ่ือนคร้ังแรกในอ้อมอกเรือคู่ใจ น่ันเป็นประการส�ำคัญ กระน้ัน
โอกาสทเี่ กดิ ขน้ึ โดยบงั เอญิ กย็ งั ชว่ ยใหไ้ ดเ้ รยี นรถู้ อ้ ยคำ� อนั อาจหาญและทระนง
ซ่ึงเป็นแบบอย่างของชนในชาติ เป็นมนุษย์ผู้แสดงออกซึ่งพลังกล้าแกร่งจน
กลายเป็นโศกนาฏกรรมสูงส่ง แต่ไม่ว่าโศกนาฏกรรมใดก็ไม่ได้ทำ� ให้เขาด้อย
คณุ คา่ ลง ไมว่ ่าโดยชาติก�ำเนดิ หรือสิ่งแวดลอ้ มอืน่ ใดกต็ าม กน้ บง้ึ แห่งตวั ตน
ของเขายังมีส่ิงท่ีดูจะเป็นความดื้อรั้นกลายๆ ท่ีไม่ยอมจ�ำนนต่อส่ิงร้ายกาจ
น่ากลวั ใดๆ ด้วย ดว้ ยโศกนาฏกรรมเลวร้ายนน่ั เองทส่ี ร้างผยู้ ่งิ ใหญ่ท้ังหลาย
ขนึ้ มา โอ ความทะเยอทะยานในวยั หนมุ่ จงเชอื่ เถดิ วา่ ความยง่ิ ใหญข่ องมนษุ ย์
เราก็เป็นแค่โรคร้ายอย่างหนึ่ง กระนั้น เนื่องจากเราไม่ต้องท�ำเยี่ยงท่ีผู้กล้า
กระท�ำ แต่เลือกท่ีจะท�ำอย่างอ่ืนแทน และยังเป็มนุษย์คนหนึ่ง ซ่ึงถ้าว่ากัน
จริงๆ แล้ว ก็ได้รับผลมาจากการปรับตัวตามสถานการณ์อีกระยะหนึ่งของ
ชาวเควกเกอร์นนั่ เอง

กัปตันบิลแดดก็เหมือนกัปตันพีเลก เขาเป็นนักล่าวาฬปลดเกษียณที่
ม่ังค่ังคนหน่ึง แต่ต่างจากกัปตันพีเลกซ่ึงไม่ใส่ใจกับการโถมเข้าหาอันตราย
และปักใจเชื่อว่าสิ่งท่ีว่าอันตรายน้ันล้วนเป็นเรื่องขี้ปะต๋ิวทั้งส้ิน ส่วนกัปตัน
บิลแดดไม่เพียงได้รับการศึกษามาแต่ดั้งเดิมตามหลักค�ำสอนอันเข้มงวดของ
ลัทธิเควกเกอร์ในแนนทักเก็ต หากแต่ประสบการณ์ชีวิตในมหาสมุทรและ
การได้เห็นสิ่งมีชวี ิตบนเกาะท่เี ปลอื ยเปล่าน่ารกั จ�ำนวนมากนอกแหลมฮอรน์
ทงั้ หมดนนั้ ไมอ่ าจสน่ั คลอนความเปน็ เควกเกอรท์ มี่ มี าแตก่ ำ� เนดิ ของเขาไดแ้ ม้
เพียงน้อยนิด และไม่มากพอจะเปล่ียนแบบฉบับเสื้อผ้าท่ีสวมใส่ได้แม้เพียง
ชน้ิ เดียว กระนัน้ ความยึดมนั่ ท้ังหมดนี้ก็ทำ� ใหล้ ดความเข้มขน้ ในฐานะกัปตัน
บิลแดดผู้น่ายกย่องไปบ้าง แม้ศีลธรรมประจ�ำใจท�ำให้ไม่ยอมจับอาวุธเข้า
ต่อต้านพวกบุกรุกดินแดน กระน้ันตัวเขาเองก็บุกรุกไปทั่วมหาสมุทร
แอตแลนติกและแปซิฟิก และแม้ปฏิญาณตนต่อต้านการฆ่าฟันมนุษย์ด้วย
กนั เอง ชดุ เสือ้ คลมุ ยาวของเขากม็ เี ลอื ดวาฬยกั ษส์ าดกระเซน็ ใส่เปน็ ร้อยเป็น

เฮอรแ์ มน เมลวลิ ล์ : 101

พนั ถงั 13 ผมไมร่ วู้ า่ ตอนสวดภาวนายามเยน็ กปั ตนั บลิ แดดผเู้ ครง่ ศาสนาทำ� ใจ
อย่างไรเมื่อหวนระลึกถึงส่ิงเหล่านี้ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นกังวลกับมันนัก
และมีความเป็นไปได้มากว่าเขาได้กลายมาเป็นปราชญ์ผู้ปราดเปร่ืองมานาน
แล้ว จนสรุปอย่างชาญฉลาดได้ว่า ศาสนาของมนุษย์เราก็เป็นเร่ืองหนึ่ง ใน
ขณะทโ่ี ลกแหง่ ความจรงิ กลบั เปน็ คนละเรอ่ื งโดยสน้ิ เชงิ โลกนเี้ ลยตอ้ งรบั ดอก
ผลไป จากเดก็ รบั ใชบ้ นเรอื สวมชดุ สนั้ เตอ่ สแี สนมอซอ จนไดเ้ ปน็ นกั พงุ่ ฉมวก
สวมเส้ือกั๊กตัวหลวมชายยาว จากน้ันก็ได้เป็นคนคุมเรือเล็กล่าวาฬ ต้นเรือ
และกัปตัน กระท่ังมาเป็นเจ้าของเรือในท่ีสุด และดังท่ีผมเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้
กัปตันบิลแดดได้ยุติอาชีพเสี่ยงภัยของเขาโดยวางมือจากชีวิตเปี่ยมสีสันตอน
อายุหกสิบปีพอดิบพอดี และอุทิศวันเวลาที่เหลืออยู่กับรายได้ซ่ึงได้มาโดย
ชอบนัน้ อยา่ งสงบ

ผมขออภยั ท่ตี ้องบอกวา่ บิลแดดมกี ติ ตศิ พั ทเ์ ลอื่ งลอื ในความเปน็ เฒ่าเจ้า
อารมณจ์ นตดิ เปน็ นสิ ยั ชว่ งออกเรอื เขามกั สรา้ งความเจบ็ ชำ้� ระกำ� ใจแกล่ กู นอ้ ง
และใชง้ านอยา่ งหนกั แมจ้ ะฟงั ดแู ปลกสกั หนอ่ ย แตพ่ วกนนั้ เลา่ ใหผ้ มฟงั ตอน
อยู่ในแนนทักเก็ตวา่ ตอนทีบ่ ลิ แดดนำ� เคติกตั เรือลา่ วาฬล�ำเก่ากลับบา้ น พอ
มาถงึ ฝง่ั ลกู เรอื แทบทกุ คนตอ้ งถกู หามสง่ โรงพยาบาลเพราะตรากตรำ� ทำ� งาน
หนักจนหมดแรง ส�ำหรับชายผู้เคร่งศาสนาคนหน่ึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็น
ชาวเควกเกอร์ด้วยแล้ว บอกได้แต่เพียงว่าเขาออกจะใจหินไปหน่อย เขาไม่
เคยสบถคำ� หยาบ แม้แต่กับลกู น้องของตวั เอง แตเ่ หล่าลูกเรือบอกว่าบลิ แดด
ร้ายกว่านั้นมาก เพราะใช้งานลูกน้องหนักสาหัสสากรรจ์ ตอนได้เป็นต้นเรือ
เขามกั สง่ สายตาสมี อซอนนั่ จอ้ งคณุ เขมง็ ทำ� ใหค้ ณุ รสู้ กึ เกรง็ จนตอ้ งหนั ไปควา้
อะไรสกั อยา่ งขน้ึ มา จะเปน็ คอ้ นหรอื เดอื ยเหลก็ สำ� หรบั คลายเชอื กกต็ าม แลว้
กม้ หนา้ กม้ ตาทำ� เปน็ บา้ เปน็ หลงั ไป จะเปน็ งานอะไรกไ็ ด้ หากใครอยเู่ ฉยหรอื
เกียจคร้านเป็นถูกเล่นงานยับ ตัวเขาเองก็มีบุคลิกบ่งบอกถึงความเป็นคนที่
ค�ำนึงถึงผลประโยชน์เป็นส�ำคัญ เขามีรูปร่างผอมสูง ไม่ค่อยมีเน้ือมีหนัง ไม่

13  ถัง-ในทน่ี ี้ราว 250 แกลลอนตอ่ ถัง

102 : โมบ-้ี ดิ๊ก

ไว้หนวดเครารุ่มร่าม มีแค่ขนอ่อนหร็อมแหร็มท่ีคาง เหมือนขนบนหมวกปีก
เกา่ ขาดของเขาใบนั้น

น่ันละ...ผู้ท่ีผมเห็นนั่งอยู่บนแผงปิดท้ายเรือเม่ือตามกัปตันพีเลกลงไปถึง
ห้องเครื่อง ซึ่งตั้งอยบู่ นพน้ื ทว่ี ่างขนาดเลก็ ระหว่างดาดฟา้ ตาเฒา่ บิลแดดนง่ั
ตัวตรงอยู่ท่ีน่ัน เขามักจะนั่งท่านั้นเสมอโดยไม่เคยนั่งพิงหลังเลย เพราะไม่
อยากใหเ้ ส้ือชายยาวยบั ย่น เขาก�ำลังนง่ั ไขว้หา้ ง หมวกปีกกวา้ งวางอยู่ขา้ งตวั
เสื้อคลุมสีมอซอของเขาติดกระดุมจนถึงคาง แว่นตาที่สวมหล่นมาอยู่ท่ีจมูก
ดูเหมือนกำ� ลงั จดจ่ออยู่กบั หนงั สือเลม่ หนาเตอะนัน่

“บลิ แดด” กปั ตนั พเี ลกร้องเรียก “หา...อกี แล้วเหรอบลิ แดด? เทา่ ท่ีรู้ นาย
ศกึ ษาคมั ภรี พ์ วกน้ันมาสามสบิ ปมี าแลว้ นะ ไปถงึ ไหนแล้วล่ะ บลิ แดด?”

ดูเหมือนบิลแดดคุ้นกับการพูดจาหมิ่นส่ิงศักด์ิสิทธิ์ของเพ่ือนเก่าชาวเรือ
คนนี้มานานแล้ว จึงไม่ใส่ใจค�ำพูดไม่เลื่อมใสท่ีได้ยิน เขาเงยหน้าขึ้นเงียบๆ
มองมาที่ผม แล้วชำ� เลืองมองพีเลกอกี ครงั้ เป็นเชงิ ถาม

“เขาบอกว่าอยากเป็นลูกเรือของเรา บิลแดด” พีเลกพูดข้ึน “เขาอยาก
ออกทะเล”

“นายน่ะเหรอ?” บลิ แดดถามเสยี งดงั พลางกวาดตามองผม
“ครบั ” ผมหลดุ ปากตอบโดยไมร่ ตู้ วั เขาชา่ งเปน็ ชาวเควกเกอรท์ เี่ ครง่ เครยี ด
เสยี จรงิ ๆ
“นายว่าเขาไหวไหม บลิ แดด?” พีเลกถาม
“กใ็ ช้ได้” บลิ แดดตอบขณะมองผม แลว้ กม้ ลงพมึ พ�ำอา่ นหนงั สือตอ่
ผมคดิ วา่ บลิ แดดเปน็ เฒา่ เควกเกอรท์ ปี่ ระหลาดทส่ี ดุ เทา่ ทเ่ี คยเหน็ มา โดย
เฉพาะอยา่ งยงิ่ ทพ่ี เี ลกเพอื่ นและสหายเกา่ ชาวเรอื พดู จาวางโตใส่ แตผ่ มกไ็ มไ่ ด้
พดู อะไร แคร่ บี หนั ไปมองรอบๆ พเี ลกเปดิ หบี แลว้ ดงึ เอาสญั ญาวา่ จา้ งทำ� งาน
บนเรอื ออกมา วางปากกาและหมึกลงตรงหนา้ ก่อนจะนงั่ ลงทโ่ี ต๊ะเลก็ ตวั น้ัน
ผมคิดว่าถึงเวลาต้องใคร่ครวญสัญญาว่าจ้างท่ีน่าพอใจส�ำหรับการเดินทาง
ครั้งน้ี ผมรู้ดีว่าในงานล่าวาฬนั้นจะไม่จ่ายเป็นเงินค่าแรง แต่ทุกคนรวมถึง

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 103

กัปตันจะไดร้ ับผลก�ำไรแบ่งสรรท่ีเรยี กวา่ “สว่ นแบง่ 14” โดยแตล่ ะคนจะไดร้ บั
เงินส่วนแบ่งเป็นสัดส่วนมากน้อยขึ้นอยู่กับระดับความส�ำคัญของหน้าท่ีท่ีได้
รับมอบหมายจากกลุ่มคนผู้เป็นเจ้าของเรือ ผมยังรู้ด้วยว่าตัวเองยังเป็นมือ
ใหมใ่ นงานลา่ วาฬ ด้วยเหตุนีส้ ่วนแบง่ ของผมจึงไม่มากนกั แต่หากพิจารณา
ในขอ้ ท่ีวา่ ผมเคยออกทะเลมาก่อน คดั ท้ายเปน็ ฟนั่ เชอื กได้ และทงั้ หมดนั่น
ผนวกกับข้อมูลท่ีได้ยินมาไม่ผิดพลาด ผมควรได้รับส่วนแบ่งล�ำดับที่ 275
เป็นอย่างน้อย อันเป็นสัดส่วน 1/275 ของรายได้สุทธิท่ีได้จากการเดินเรือ
หรือจะค�ำนวณยังไงก็ได้ให้ได้จ�ำนวนเงินออกมาประมาณนั้น แม้ว่าส่วนแบ่ง
ท่ี 275 จะเปน็ ลำ� ดบั ทคี่ นมองวา่ อยู่ท้ายๆ แตก่ ็ยงั ดีกวา่ ไมไ่ ด้อะไรเลย และ
หากการเดินทางคร้ังน้ีโชคดีมีก�ำไรมากพอ พวกเขาอาจจ่ายค่าเสื้อผ้าเกือบ
ทั้งหมดให้ผมใส่บนเรือด้วย ซ่ึงรวมไปถึงค่าเน้ือสัตว์และที่พักตลอดสามปีที่
ผมไมต่ อ้ งจา่ ยเองเลยสักสตเี วอร15เดยี ว

อาจคิดกันว่านี่ไม่ใช่วิธีท่ีดีท่ีจะเก็บเงินเก็บทอง ใช่...มันเป็นวิธีที่แย่มาก
ทีเดียว แต่ผมเป็นพวกท่ีไม่เคยได้รับเงินทองมากมาย และก็พอใจกับส่ิงท่ี
โลกได้หยิบย่ืนให้แก่ผม ตอนพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมซึ่งมีเมฆคลุ้มเป็นสัญลักษณ์
นั่น โดยรวมแล้วผมคิดว่าส่วนแบ่งท่ี 275 น่าจะเป็นจ�ำนวนท่ีเป็นธรรม แต่
จะไม่แปลกใจอะไรหากเขยิบขึ้นมาได้ล�ำดับที่ 200 เม่ือพิจารณาว่าผมท�ำ
หนา้ ทีไ่ ด้หลายอย่าง

กระน้ัน ส่ิงท่ีผมยังรู้สึกแคลงใจอยู่บ้างก็คือการรับส่วนแบ่งจ�ำนวนมาก
จากผลก�ำไร ตอนอยู่บนฝั่งผมได้ยินมาเร่ืองของกัปตันพีเลกกับเฒ่าบิลแดด
คู่ซ้ีประหลาดของเขามา ไม่มีใครรู้ว่าสองคนน่ีเป็นเจ้าของรายใหญ่ของเรือ
พีควอดได้อย่างไร และเจ้าของรายอ่ืนๆ รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายยิบรายย่อย
มอบอ�ำนาจจัดการเรือแทบท้ังหมดแก่สองคนน่ีได้อย่างไร ผมรู้แต่ว่าตาเฒ่า
บลิ แดดจอมตระหนนี่ า่ จะมอี ำ� นาจตดั สนิ ใจเลอื กลกู เรอื และยงิ่ มน่ั ใจเมอื่ เหน็

14 ส่วนแบง่ -มาจากการประมงในกรีนแลนด์ของดตั ช์ชว่ งศตวรรษท่ี 17 โดยกปั ตนั จะได้สว่ นแบง่ ราว 1/7-
1/8, ตน้ เรอื 1/20, ตน้ หน 1/45, ผชู้ ว่ ยตน้ เรอื 1/60, เรอื่ ยลงมาถงึ ลกู เรอื ทว่ั ๆ ไปราว 1/120-1/150
15 เหรียญนิกเกลของเนเธอร์แลนดม์ ีคา่ 5 ดตั ชเ์ ซนต์

104 : โมบ-ี้ ดก๊ิ

เขาท�ำตัวตามสบายอยู่ในห้องเครื่องขณะอ่านไบเบิ้ลราวกับอยู่ในบ้านพักตัว
เอง ตอนท่ีพีเลกพยายามใช้มีดพับซ่อมปากกา แต่ก็ไร้ผลนั้น ผมต้องแปลก
ใจไม่น้อยที่เห็นตาเฒ่าบิลแดดไม่ได้สนใจเราเลย ท้ังๆ ท่ีเป็นคนส�ำคัญซ่ึงมี
ส่วนในข้ันตอนเหล่าน้ีด้วย เอาแต่อ่านหนังสือพึมพ�ำอยู่คนเดียว “อย่าแบ่ง
ทรัพย์สมบัติไวใ้ นโลก ทท่ี มี่ อด...”

“ว่าไง...กปั ตันบิลแดด” พเี ลกพดู แทรกขน้ึ “นายวา่ ไอห้ นมุ่ นนี่ ่าจะไดส้ ว่ น
แบง่ ทเ่ี ท่าไหร?่ ”

“นายรู้ดีอยู่แล้วน่ี” บิลแดดตอบเสียงซังกะตาย “เจ็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ด ไม่
น่าจะมากเกินไป จริงไหม? ‘ที่ท่ีตัวมอดและสนิมอาจท�ำลายเสียได้ แต่จง
แบง่ 16...’”

โห!แบ่งจริงๆ แหละ...ผมคิด แบ่งได้วิเศษสุด! ต้ังล�ำดับที่เจ็ดร้อยเจ็ดสิบ
เจด็ ! แหม...ตาเฒา่ บลิ แดดเอย๋ แนใ่ จเถอะวา่ ผมกอ็ กี คนแหละทจี่ ะไมเ่ สยี เวลา
เอาสว่ นแบ่งวิเศษสุดน่ไี ปวางในทท่ี ต่ี ัวมอดและสนิมอาจท�ำลายไดห้ รอก มัน
เป็นส่วนแบ่งในล�ำดับท้ายๆ เหลือเกิน แม้ตัวเลขมากๆ แบบนั้นอาจหลอก
คนทไ่ี มเ่ คยออกทะเลมากอ่ นใหเ้ ขา้ ใจผดิ ได้ แตถ่ า้ คดิ สกั นดิ กจ็ ะเหน็ วา่ แมเ้ จด็
ร้อยเจด็ สิบเจ็ดดเู ป็นจ�ำนวนท่มี ากอยู่ แตผ่ มวา่ ถ้าเปน็ หนง่ึ ในสบิ หก17ก็วา่ ไป
อย่าง คุณก็จะเข้าใจ ว่าเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดฟาร์ทิง18น้ันมีค่าน้อยกว่าเหรียญ
ทองเจ็ดร้อยเจด็ สบิ เจ็ดดับลนู 19

“บา้ น่า...บลิ แดด” พเี ลกตะเบง็ เสียง “นายไมค่ ิดจะต้มไอห้ นุ่มน่หี รอกนะ!
เขาตอ้ งได้มากกวา่ นน้ั ส”ิ

“ลำ� ดบั ทีเ่ จด็ รอ้ ยเจด็ สบิ เจด็ ” บลิ แดดพูดขนึ้ อกี โดยไมเ่ งยหน้าขนึ้ มอง ยงั

16 แต่จงแบ่ง-ข้อความจริงๆ จากไบเบ้ิล (มัทธิว 6:19-20) คือ “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้ส�ำหรับตัวใน
โลก ทที่ ต่ี วั มอดและสนมิ อาจทำ� ลายเสยี ได้ และทข่ี โมยอาจขดุ ชอ่ งลกั เอาไปได้ แตจ่ งสะสมทรพั ยส์ มบตั ิ
ไวส้ �ำหรบั ตวั ในสวรรค์ ท่ีทีต่ วั มอดและสนมิ ทำ� ลายเสียไม่ได้ และทีไ่ มม่ ีขโมยขดุ ช่องลกั เอาไปได้ เพราะ
วา่ ทรพั ย์สมบัติของทา่ นอยทู่ ี่ไหน ใจของทา่ นกจ็ ะอยู่ทน่ี ่ันดว้ ย”
17  หน่งึ ในสิบหก-สแลงของปริมาณกัญชา เท่ากับ 1/16 ออนซ์ หรอื ราว 1.75 กรัม
18  ฟาร์ทิง.. เหรียญเงินตราขององั กฤษสมยั กอ่ นมคี ่าเท่ากับ ¼ เพนนี
19 ดับลูน.. เงนิ ตราของประเทศสเปนสมยั ก่อน มีค่าประมาณหนึง่ ปอนด์

เฮอร์แมน เมลวิลล์ : 105

ก้มหน้าอ่านพึมพ�ำต่อ “ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็จะอยู่
ท่ีนัน่ ดว้ ย”

“ฉันก�ำลังจะเขียนลงไปในสัญญาว่า จ่ายส่วนแบ่งให้เขาในล�ำดับท่ี
สามรอ้ ย” พเี ลกพูด “นายได้ยินไหม บิลแดด! ฉันวา่ ต้องลำ� ดับทสี่ ามรอ้ ย”

บิลแดดวางหนังสือลง หันไปมองเขาอย่างเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “กัปตัน
พเี ลก นายเป็นคนใจกวา้ ง แต่นายต้องค�ำนงึ ถงึ หนา้ ที่ของนายทม่ี ีต่อเจา้ ของ
คนอนื่ ๆ ซง่ึ มหี นุ้ สว่ นในเรอื ลำ� นด้ี ว้ ย ทง้ั แมม่ า่ ยทงั้ เดก็ กำ� พรา้ เยอะแยะ ถา้ เรา
จา่ ยใหพ้ วกแรงงานอยา่ งเจา้ หนมุ่ นมี้ าก กเ็ ทา่ กบั เรากำ� ลงั ฉกชงิ เอาขนมปงั ไป
จากแมม่ า่ ยและเด็กก�ำพรา้ พวกนน้ั ฉะนน้ั ใหเ้ ขาล�ำดบั ที่เจด็ รอ้ ยเจ็ดสบิ เจด็
นน่ั แหละ กปั ตันพีเลก”

“นาย...บิลแดด!” พีเลกแผดเสียงลั่นห้องเคร่ือง “นาย..ไอ้กัปตันบิลแดด
บ้า ถ้าขืนฉันท�ำตามท่ีนายบอกในเรื่องพวกน้ี ป่านนี้จิตส�ำนึกฉันคงหนักอึ้ง
จนถ่วงเรอื ล�ำใหญ่ทส่ี ุดที่เคยแลน่ ออกจากแหลมฮอร์นล�ำน้จี มลงไปแล้วล่ะ”

“กัปตันพีเลก” กัปตันบิลแดดพูดเสียงเรียบ “จิตส�ำนึกของนายจะจมด่ิง
ลงน้�ำสิบนิ้วหรือสิบฟาทอมรึเปล่า ฉันบอกไม่ได้ แต่ถ้านายยังรั้นอยู่อย่างนี้
กปั ตนั พเี ลก ฉนั เกรงเหลอื เกนิ วา่ จติ สำ� นกึ ของนายจะเปน็ ไดแ้ คจ่ ติ สำ� นกึ รว่ั ๆ
จนท�ำใหน้ ายจมลงไปในบ่อไฟ กัปตันพเี ลก”

“บ่อไฟ! บ่อไฟงน้ั ร!ึ นายสบประมาทฉันน่ีหวา่ ไอเ้ กลอ ฉันเหลอื อดแลว้
นายดูถูกฉัน มันหยามกันเกินไปท่ีจะตราหน้ามนุษย์หน้าไหนว่าต้องตกนรก
โอละพอ่ ในบอ่ ไฟ! บลิ แดด แนจ่ รงิ กล็ องพดู อีกทสี ิ แตฉ่ ันจะ...ฉนั จะ....ใช่...ฉนั
จะกลนื กนิ แพะเปน็ ๆ นนั่ เขา้ ไปทง้ั ตวั พรอ้ มขนกบั เขาของมนั ดว้ ย ไปใหพ้ น้ ๆ
หอ้ งเครอื่ งนเ้ี ลย ไอม้ อื ถอื สากปากถอื ศลี ไอค้ นมอซอดแี ตพ่ ดู ! ไปตายเลยไป!”

ตอนกัปตันพีเลกแผดเสียงก็ปราดเข้าใส่ แต่บิลแดดก็ลุกเผ่นหลบได้ทัน
อยา่ งวอ่ งไวนา่ อศั จรรย์

ด้วยตกใจการทะเลาะกันรุนแรงของสองเจ้าของผู้รับผิดชอบเรือ และชัก
อยากเลิกล้มความคิดท่ีจะไปกับเรือท่ีไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของและมีอ�ำนาจส่ัง

106 : โมบ-ี้ ดิ๊ก

การจริงๆ แบบน้ี ผมจึงถอยออกจากประตูเพ่ือเปิดทางให้บิลแดด เพราะ
เช่ือแน่ว่าเขาคงอยากหลบหน้าไปก่อนที่จะปลุกอารมณ์ฟืนไฟของพีเลกข้ึน
มาอกี แตก่ ต็ อ้ งประหลาดใจเมอ่ื เหน็ เขานง่ั ลงบนแผงปดิ ทา้ ยเรอื ตามเดมิ และ
นง่ั นง่ิ เงยี บโดยไมม่ ที ที า่ วา่ จะลกุ ออกไปไหนเลย ดเู ขาคนุ้ เคยดที เี ดยี วกบั ความ
ดึงดนั และอารมณข์ องพเี ลก สว่ นพเี ลกเองหลงั ระเบดิ อารมณ์เดอื ดดาลออก
มาแล้ว ก็ดูจะไม่หลงเหลือความโกรธอยู่อีก เขาเองก็น่ังลงอย่างเชื่องเชื่อ
เช่นกนั แม้ยังมีอาการกระตุกเกรง็ บ้างจากอารมณ์พลุ่งพล่านเมอื่ สักครู่ “วู!้ ”
เขาพ่นลมออกจากปาก “ฉันว่าพายุพัดไปใต้ลมแล้ว บิลแดด...นายเคยลับ
ฉมวกเกง่ นห่ี วา่ ชว่ ยซอ่ มปากกานน่ั ใหท้ สี ิ มดี พบั ของฉนั กต็ อ้ งลบั ดว้ ยเหมอื น
กนั นน่ั ...อยตู่ รงนนั้ ขอบใจนะ บลิ แดด เอาละ่ ...ไอห้ นมุ่ นายบอกวา่ ชอื่ อชิ เมล
ใช่ไหม? งน้ั ลงช่ือตรงนี้ อิชเมลได้สว่ นแบง่ ล�ำดับทส่ี ามรอ้ ย”

“กปั ตนั พเี ลก” ผมพดู “กระผมมเี พอ่ื นอกี คนอยากจะทำ� งานบนเรอื ดว้ ย...
ผมพาเขามาพรุง่ น้ไี ดไ้ หม?”

“ได้แนน่ อน” พเี ลกตอบ “พาเขามาใหเ้ ราดูตวั ไดเ้ ลย”
“แล้วเขาต้องการส่วนแบ่งเท่าไร” บิลแดดถามเสียงโอดครวญ พร้อมกับ
เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่ก�ำลงั ก้มหน้ากม้ ตาอ่านอีกครง้ั
“โอ! ไมต่ ้องห่วงน่า บิลแดด” พีเลกพูดข้นึ แล้วหันมาถามผม “เขาเคยล่า
วาฬมากอ่ นรเึ ปล่า?”
“ฆา่ วาฬมามากจนนับไมถ่ ว้ นครับ กัปตันพีเลก”
“ดี งั้นกพ็ ามาไดเ้ ลย”
หลงั ลงชอ่ื ในสญั ญาเสรจ็ กผ็ มผละจากมา มนั่ ใจวา่ ไดจ้ ดั การธรุ ะในเชา้ วนั
นน้ั ไดด้ แี ลว้ และเรอื พคี วอดกค็ อื เรอื ลำ� ทโ่ี ยโจไดจ้ ดั เตรยี มไวใ้ หค้ วเี ควกกบั ผม
เดนิ ทางออกจากแหลมฮอรน์
ผมยังเดินไปได้ไม่ไกลนัก ก็นกึ ข้นึ ไดว้ ่ายังไม่ไดเ้ จอกบั ตวั กปั ตนั คนที่ตอ้ ง
ทำ� งานใหเ้ ลย แมว้ า่ จรงิ ๆ แลว้ ในหลายๆ กรณี เรอื ลา่ วาฬตอ้ งตดิ ตงั้ อปุ กรณ์
จ�ำเป็นและรับลูกเรือจนครบก่อน กัปตันถึงจะโผล่มาสั่งการ เพราะบางคร้ัง

เฮอรแ์ มน เมลวลิ ล์ : 107

เป็นการเดินทางท่ีต้องยืดเย้ือยาวนาน แต่เรือจอดเทียบท่าช่วงสั้นแสนสั้น
หากกปั ตนั มคี รอบครวั หรอื ตดิ ธรุ ะอะไรทำ� นองนน้ั เขากจ็ ะไมม่ าวนุ่ วายกบั เรอื
มากนกั ขณะจอดอยทู่ ท่ี า่ แตป่ ลอ่ ยใหเ้ ปน็ ภาระของบรรดาเจา้ ของเรอื จนกวา่
ทกุ อยา่ งจะพรอ้ มออกทะเล ถงึ อยา่ งนนั้ กเ็ ปน็ เรอ่ื งสมควรทไ่ี ดเ้ จอเขา กอ่ นจะ
มอบชวี ติ ของคณุ เองไวใ้ นมอื เขาโดยทไ่ี มส่ ามารถเปลย่ี นแปลงอะไรไดอ้ กี ผม
เดนิ ยอ้ นกลบั ไปหากัปตันพเี ลก แล้วถามว่าจะไปพบกัปตันเอแฮ็บได้ทไี่ หน

“นายต้องการอะไรจากกัปตันเอแฮ็บ? ทุกอย่างเรียบร้อย นายได้ท�ำงาน
บนเรือแลว้ ”

“ครับ แตผ่ มอยากเจอเขา”
“ฉันว่าตอนนี้นายเจอเขาไม่ได้หรอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นบ้าอะไร
เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน เหมือนๆ จะป่วย แต่ดูไม่เหมือนคนป่วย
เพราะจรงิ ๆ แลว้ เขาไมไ่ ดป้ ว่ ย แตก่ ไ็ มค่ อ่ ยดนี กั ยงั ไงซะ...ไอห้ นมุ่ เขาไมอ่ ยาก
เจอฉนั นกั หรอก แลว้ ฉนั กไ็ มค่ ดิ วา่ เขาอยากเจอนายดว้ ย เขาเปน็ คนแปลกๆ...
กปั ตนั เอแฮบ็ นะ่ แตค่ ดิ อกี ทเี ขากเ็ ปน็ คนดคี นหนงึ่ นะ โอะ๊ ...นายตอ้ งชอบเขาแน่
ไมต่ อ้ งห่วง ไมต่ ้องกังวลไป เขาเป็นคนโอหงั ไม่มศี าสนา ท�ำตัวเป็นพระเจ้า
กัปตนั เอแฮ็บไม่พูดมาก แต่เม่ือพดู ออกมานายต้องต้งั ใจฟัง เตอื นตวั เองเอา
ไว้เลย เอแฮ็บน้ไี ม่ใช่ธรรมดา ท้งั เคยเรยี นในวทิ ยาลัย และกเ็ คยอยู่ท่ามกลาง
มนษุ ยก์ นิ คนมาแลว้ เคยดำ� ดง่ิ ลงไปในทะเลลกึ แสนลกึ พงุ่ หลาวคมกรบิ เขา้ ใส่
ไอ้ตัวยักษ์ที่ประหลาดกว่าวาฬ ใช่! หลาวของเขาคมกริบ และชะงัดกว่าใคร
บนเกาะน!ี้ โอะ๊ ! เขาไมเ่ หมอื นกปั ตนั บลิ แดด ไมเ่ หมือนเลย แลว้ กไ็ มเ่ หมือน
กัปตนั พีเลกดว้ ย เขาคอื เอแฮบ็ ...ไอห้ นู นายรู้มยั้ ในอดีตนะ่ เอแฮ็บ20คือราชา
ครองมงกุฎเลยทเี ดยี ว!”
“แล้วก็ร้ายมากด้วย เมื่อพระราชาผู้ชั่วร้ายถูกฆ่าตาย สุนัขจะไม่
เลยี เลอื ด21ของเขารึ?”

20  เอแฮ็บ-กษตั ริย์ของอิสราเอล (900 ปีก่อน ค.ศ.)
21  สุนขั จะไมเ่ ลยี เลือด-คัมภรี ์ไบเบลิ้ (1 พงศ์กษัตรยิ ์ 21) ไดพ้ ยากรณ์ว่า กษตั ริย์เอแฮบ็ จะเสียชีวติ และ
สนุ ัขจะเสียเลือดน่นั

108 : โมบี้-ด๊ิก

“มาใกล้ๆ สิ...มา...มานี่” พีเลกพูด ดวงตาของเขาฉายแววบางอย่างออก
มาจนท�ำให้ผมแทบสะดุ้ง “คือง้ี ไอ้หนุ่ม รู้แล้วเหยียบไว้นา อย่าไปพูดเร่ือง
นี้บนเรือพีควอดน่ีหรือท่ีไหนเป็นอันขาด กัปตันเอแฮ็บไม่ได้ต้ังชื่อตัวเองนี่
นา แต่เป็นเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของยัยแม่ม่ายบ้าๆ บอๆ แม่ของ
เขา ซึง่ หลอ่ นกต็ ายไปตง้ั แต่เขาอายุแค่สิบสองเดือนเทา่ นนั้ หล่อนดนั ไปหลง
เช่ือค�ำยายเฒ่าอินเดียนแดงทิสติกที่เกย์เฮด22 ท่ีบอกว่าชื่อน้ีเป็นมงคล และ
บางทอี าจมพี วกสมองตน้ื คนอนื่ บอกนายแบบเดยี วกนั กไ็ ด้ แตฉ่ นั อยากเตอื น
นายไว้ก่อนว่า มันเป็นเรื่องโกหก ฉันรู้จักกัปตันเอแฮ็บดี เคยออกเรือไปกับ
เขาในฐานะเพอ่ื นร่วมงานหลายปีกอ่ นโนน้ ฉนั รดู้ วี า่ เขาเป็นคนยังไง เขาเปน็
คนดคี นหนง่ึ ไม่เครง่ ศาสนา เปน็ คนดีเหมือนกบั บิลแดด แตก่ ็เป็นคนดที ีช่ อบ
สบถเหมือนฉัน...ยังมีเรือ่ งดีๆ เยอะแยะเก่ียวกบั เขา “ใช.่ ..ใช.่ ..ฉันรู้ว่าเขาสนุก
ไมเ่ ปน็ เอาเสยี เลย และรวู้ า่ ระหวา่ งทางกลบั บา้ นใจคอเขาไมค่ อ่ ยปกตเิ หมอื น
ต้องคำ� สาป แต่มันก็เป็นเร่ืองเจ็บปวดเหลือแสนท่ีต้องเสียขาไปอย่างท่ีใครๆ
รู้กัน ฉันรู้อีกว่า นับแต่เสียขาไปในการเดินเรือคร้ังล่าสุดเพราะวาฬอัปรีย์
น่ัน เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ หดหู่สิ้นหวัง แต่บางคร้ังก็ดุร้ายป่าเถื่อน
แต่ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ฉันจะบอกเป็นคร้ังสุดท้ายให้นายม่ันใจเพ่ิมขึ้นนะ
ไอห้ นมุ่ การออกเรอื ไปกบั กปั ตนั ทด่ี แี ตเ่ จา้ อารมณย์ งั ดกี วา่ ไปกบั กปั ตนั ชน้ั เลว
ท่ีอารมณด์ ี เอาล่ะ ลาก่อนไอห้ นมุ่ แล้วก็อยา่ เข้าใจกปั ตันเอแฮบ็ ผดิ ๆ เพราะ
เขาแค่มีชอ่ื ทฟี่ งั ดรู า้ ยเทา่ น้ัน ยิ่งกวา่ น้ัน ไอล้ กู ชาย...เขามภี รรยา ไม่ไดผ้ กู ชวี ิต
แคก่ ารเดนิ ทางสามปนี เี่ ทา่ นนั้ หลอ่ นเปน็ หญงิ สาวผเู้ สยี สละและจติ ใจงดงาม
เมอ่ื คดิ วา่ หญงิ สาวแสนดกี บั ชายแกน่ น่ั กม็ ลี กู ดว้ ยกนั คนหนงึ่ นายคงเขา้ ใจวา่
เอแฮ็บเป็นพวกตาเฒา่ ชั่วชา้ เลวทรามสนิ ะ ไมใ่ ช่เลย ไม่ใช่ ไอ้หนู แมน้ วา่ ใคร
จะพดู ถงึ เขาเสยี ๆ หายๆ ยังไง แตเ่ อแฮ็บก็ยังคงมมี นุษยธรรม!”

ขณะเดนิ จากมา ผมเฝา้ แตค่ รนุ่ คดิ ถงึ สงิ่ ทไี่ ดร้ บั รมู้ าเกยี่ วกบั กปั ตนั เอแฮบ็
อนั ทำ� ใหผ้ มสมั ผสั ไดร้ างเลอื นถงึ ความเจบ็ ปวดของเขา ชว่ งเวลานน้ั จๆู่ ผมก็

22  เกยเ์ ฮด-เมืองบนเกาะวนิ ยาร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์

เฮอรแ์ มน เมลวลิ ล์ : 109

รสู้ กึ สงสารและเสยี ใจไปกบั เขา แตไ่ มร่ เู้ หมอื นกนั วา่ เสยี ใจในเรอื่ งอะไร บางที
อาจเปน็ เรอ่ื งทเ่ี ขาเสยี ขาไปอยา่ งโหดรา้ ยทารณุ นนั่ กเ็ ปน็ ได้ กระนน้ั ผมยงั รสู้ กึ
หวาดกลวั เขาขนึ้ มาดว้ ยเชน่ กนั เปน็ ความรสู้ กึ กลวั แปลกๆ ทผ่ี มเองกอ็ ธบิ าย
ไม่ถกู เพราะไม่ใชค่ วามกลัวเสียทเี ดียวนกั แตก่ ไ็ ม่ร้วู ่ามันคืออะไร ผมสมั ผสั
ไดถ้ งึ ความร้สู กึ น่นั และมันไมไ่ ดท้ ำ� ให้ผมคลอ้ ยตามเขานกั ผมรู้สึกอดึ อดั กับ
ส่ิงที่ดูลึกลับในตัวเขา เพราะเรื่องราวท่ีผมรู้เก่ียวกับเขายังขาดๆหายๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ในท่ีสุดผมก็หันไปครุ่นคิดเรื่องอื่น จนเรื่องของเอแฮ็บผู้เป็น
ปริศนาลกึ ลับเลอื นหายไปจากหว้ งค�ำนึง

110 : โมบ-้ี ด๊กิ

บทท่ี 17

วนั ถือศีลอด

เนื่องจากควีเควกยังอยู่ในช่วงรอมฎอน หรือถือศีลอดและบ�ำเพ็ญพรต
ตลอดท้ังวัน ผมจึงไม่ไปรบกวนเขาจนถึงเวลาค�่ำ ผมเคารพอย่างยิ่งต่อการ
ปฏบิ ัติตนตามความเล่ือมใสในศาสนาของทกุ คน โดยไมเ่ คยมองวา่ เป็นเรือ่ ง
ตลกขบขนั และในใจกไ็ มค่ ดิ วา่ เปน็ เรอื่ งไรส้ าระ แมก้ ระทงั่ การรวมตวั ของฝงู มด
เพอ่ื บวงสรวงตอ่ ตอเหด็ หรอื สงิ่ มชี วี ติ อกี ชนดิ ทอ่ี ยใู่ นบางพน้ื ทบ่ี นโลก ซง่ึ เปน็
จอมประสบสอพลอชนิดท่ีไม่มีในดาวดวงอ่ืน คนพวกนี้ยอมก้มหัวให้รูปปั้น
คร่ึงตัวของเจ้าของดินแดนผู้ส้ินอายุขัยไปแล้ว เพียงเพราะเขายังมีชื่อเป็น
เจา้ ของและผใู้ หเ้ ชา่ สทิ ธใ์ิ นการครอบครองดนิ แดนอนั มอี ยมู่ ากมายเหลอื เกนิ

ผมวา่ เราชาวครสิ ตเ์ พรสไบทเี รยี นกค็ วรใจกวา้ งกบั เรอ่ื งพวกน้ี และไมค่ ดิ
อวดตวั เหนอื กวา่ คนศาสนาอน่ื คนนอกศาสนา หรอื คนทเี่ ชอ่ื หรอื นบั ถอื อะไร
กต็ ามแต่ เพยี งเพราะความเชอื่ ของเขาดแู ปลกในสายตาของเรา เชน่ เดยี วกบั
ควเี ควกเองในตอนนี้ เขาปกั ใจเชอื่ สงิ่ ทไ่ี รเ้ หตผุ ลเกย่ี วกบั โยโจและรอมฎอน แต่
นนั่ มคี วามหมายเชน่ ไร? ควเี ควกคดิ วา่ เขารใู้ นสง่ิ ทเ่ี ขาทำ� ผมเชอ่ื อยา่ งนนั้ และ
เขาดพู อใจทไ่ี ดท้ ำ� เมอ่ื เปน็ อยา่ งนแี้ ลว้ กป็ ลอ่ ยใหเ้ ขาไดท้ ำ� เถดิ การโตเ้ ถยี งกบั
เขาคงไมเ่ ปน็ ผลอะไร ผมคดิ วา่ เราควรปลอ่ ยใหเ้ ขาไดท้ ำ� แลว้ สวรรคจ์ ะเมตตา
เราทัง้ มวล ไม่วา่ เพรสไบทเี รยี น หรือคนนอกศาสนาก็ไมต่ ่างกัน คนเราต่างก็
มคี วามคดิ ผดิ เพย้ี นในบางเรอ่ื ง ซงึ่ นา่ เศรา้ ทตี่ อ้ งไดร้ บั การแกไ้ ขดว้ ยกนั ทงั้ นนั้

จนถงึ เยน็ ยำ่� ผมมนั่ ใจวา่ การปฏบิ ตั ติ ามพธิ กี รรมทง้ั หมดของเขาควรเสรจ็

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 111

สนิ้ ลงแลว้ จงึ กา้ วขน้ึ ไปบนหอ้ งและเคาะประตเู รยี ก แตไ่ มม่ เี สยี งตอบกลบั มา
ผมพยายามเปดิ ประตู แตม่ นั ลอ็ กจากดา้ นในอยู่ “ควเี ควก” ผมส่งเสียงเรียก
เบาๆ ผา่ นรกู ุญแจ กระน้ันก็ยังคงเงียบกรบิ ผมจึงพดู ขน้ึ “ควเี ควก! ท�ำไมไม่
ส่งเสยี งเลย? น.่ี ..ฉันเองนะ อิชเมล” แต่ยงั คงเงียบกรบิ เหมอื นเช่นเดมิ จนผม
เริ่มรู้สึกตกใจ ผมให้เวลาเขาอย่างเหลือเฟือ จนคิดว่าเขาอาจเป็นลมล้มชัก
ไปแล้วก็ได้ ผมมองผ่านรูกุญแจ แต่ประตทู เี่ ปิดผลกั เขา้ อยู่ท่มี มุ ด้านไกลของ
ห้อง จึงเห็นได้แต่แผ่นรองเท้าใต้เตียงและแนวผนัง แล้วก็ไม่เห็นอะไรอื่นอีก
ผมแปลกใจที่เห็นด้ามไม้ฉมวกของควีเควกวางพาดอยู่ข้างผนังห้อง ทั้งๆที่
เจา้ ของโรงเตยี๊ มหญงิ ไดย้ ดึ ไปจากเขาเมอ่ื คนื กอ่ นเราสองคนจะขน้ึ มาบนหอ้ ง
แปลกจรงิ ผมคิด ควีเควกมักไมค่ อ่ ยหรอื ไม่เคยออกขา้ งนอกโดยไม่ถือฉมวก
ตดิ ตวั ไปด้วย ดังนน้ั เมือ่ ฉมวกวางอยูใ่ นหอ้ ง เขาก็น่าจะอยูข่ า้ งในแน่ๆ

“ควีเควก! ควีเควก!” เงียบกริบ ต้องเกิดอะไรข้ึนแน่ เส้นเลือดในสมอง
แตก! ผมพยายามพังประตูเปิดเข้าไป แต่มันแน่นหนาเกินก�ำลัง ผมจึงวิ่งลง
บันไดไป และรีบบอกข้อกังวลสงสัยแก่บุคคลแรกที่พบ...แม่บ้านประจ�ำห้อง
พัก “โอ้! โอ!” หล่อนร้องอุทาน “ฉันว่าต้องเกิดอะไรแน่ เพราะตอนฉันข้ึน
ไปท�ำความสะอาดห้องหลังอาหารเช้า ประตูก็ล็อกอยู่ ไม่ได้ยินแม้แต่หนู
สกั ตวั แล้วมนั ก็เงยี บอยา่ งนัน้ มาต้ังแตเ่ ช้า แต่ฉนั คดิ ว่าพวกคณุ คงออกไปกัน
ข้างนอก แล้วล็อกประตูไว้เพื่อป้องกันกระเป๋าสัมภาระ โอ้! โอ! มาดาม!
คุณนาย! ฆาตกรรม! คณุ นายฮสั เซย!์ คนเป็นลมตกเลือดในหวั !” หลอ่ นร้อง
ล่ันพลางว่งิ ไปยงั หอ้ งครัว ผมจงึ วิง่ ตามตดิ ไปดว้ ย

คุณนายฮัสเซย์ปรากฏตัวข้ึนทันที ถือกระปุกมัสตาร์ดอยู่ในมือ ส่วนมือ
อีกข้างถือขวดน้�ำส้มสายชู หล่อนเพ่ิงเทเจ้าพวกนั้นเติมลงในพวงเครื่องปรุง
ขณะก�ำลงั ดดุ ่าเด็กรบั ใช้ผวิ ด�ำตวั น้อยของหล่อนอยู่ด้วย

“นบี่ า้ นไม!้ ” ผมตะโกน “มนั อยไู่ หน? เหน็ แกพ่ ระเจา้ ชว่ ยวงิ่ ไปหาอะไรมา
งัดประตนู ี่ที...ขวาน! ขวานไง! เขาเส้นเลือดสมองแตก รบี ด่วนเลย!” พดู เสรจ็
ผมเตรียมจะวิ่งกลับข้ึนบันไดไปอีกคร้ังทั้งๆ ที่มือเปล่า แต่คุณนายฮัสเซย์

112 : โมบี้-ดก๊ิ

ย่ืนกระปุกมัสตาร์ดและขวดน�้ำส้มสายชูขวางไว้ พร้อมทั้งชักสีว่ายังไม่ให้ไป
ไหนแน่

“อะไรกนั พ่อหนมุ่ ?”
“เอาขวานมา! เห็นแก่พระเจ้าเถอะ แล้วให้ใครก็ได้ไปตามหมอมาด้วย
ระหว่างทผ่ี มงัดประตู!”
“ฟงั นะ” เจา้ ของโรงเตย๊ี มหญงิ พดู รบี วางขวดนำ้� สม้ สายชลู งเพอื่ ใหม้ อื ขา้ ง
หนงึ่ วา่ ง “ฟงั กอ่ น... นายบอกวา่ จะงดั ประตหู อ้ งของฉนั ร?ึ ” หลอ่ นพดู พรอ้ มกบั
คว้าแขนของผมไว้ “นายเปน็ บา้ อะไร? หา เปน็ บ้าอะไรไปแลว้ พอ่ กะลาส?ี ”
ผมรีบอธิบายให้หล่อนเข้าใจเรื่องทั้งหมดด้วยเสียงนิ่งๆ หล่อนเผลอยก
ขวดนำ้� สม้ สายชขู นึ้ ถทู ข่ี า้ งจมกู คดิ อยชู่ วั่ อดึ ใจกร็ อ้ งอทุ านออกมา “จรงิ ส!ิ ฉนั
ไมเ่ หน็ มนั ตง้ั แตว่ างไวต้ รงนนั้ ” แลว้ หลอ่ นกว็ ง่ิ ไปยงั ตเู้ ลก็ ใตบ้ นั ไดสา่ ยตามอง
ก่อนจะหันมาบอกผมว่าฉมวกของควเี ควกหายไป “เขาฆา่ ตวั ตายแน”่ หล่อน
ร้องโวยวาย “เป็นพ่อหนุ่มสติกกส์ผู้เคราะห์ร้ายอีกรายที่มาท�ำผ้าคลุมเตียง
อีกผืนเปื้อน พระเจ้าทรงโปรดแม่ผู้น่าสงสารของเขาด้วยเถิด! โรงเตี๊ยมน่ีช่ือ
เสียงป่นปี้แน่ พ่อหนุ่มน่ันมีน้องสาวหรือเปล่า? แล้วหล่อนอยู่ท่ีไหน? อ้อ
เบตตี้ไปหาช่างทาสีสนาร์เลสนะ บอกให้เขาเขียนป้ายให้ฉันอันหน่ึง เขียน
ว่า ‘ไม่อนญุ าตใหฆ้ ่าตวั ตายทนี่ ่ี และหา้ มสูบบุหร่ใี นหอ้ งนงั่ เลน่ ’ ฆ่าทีเดยี วได้
นกสองตัวเลย ฆ่ารึ? พระเจ้าทรงเมตตาวิญญาณเขาด้วยเถิด! นั่นเสียง
อะไรนะ่ ? นาย...พอ่ หนุ่ม หยดุ กอ่ น!”
พูดจบหล่อนก็รีบวิ่งตามผมขึ้นมา คว้ามือผมไว้อีกคร้ังขณะผมพยายาม
พังประตูเข้าไป
“ฉันไม่อนุญาตให้ท�ำแบบน้ี ฉันจะไม่ยอมให้ข้าวของของฉันเสียหาย ไป
หาช่างท�ำกุญแจสิ ห่างแค่ไมล์เดียวก็มีอยู่รายหนึ่ง แต่เด๋ียว!” หล่อนล้วงมือ
เข้าไปในกระเป๋าข้าง “กุญแจนี่น่าจะใช้ได้นะ ฉันว่านะลองดู” พูดจบก็สอด
กญุ แจเขา้ ไป แต่อนจิ จา! ควีเควกลงกลอนด้านในไว้ดว้ ย
“ตอ้ งพังเข้าไปครบั ” ผมพดู แล้วกา้ วถอยออกมาเลก็ นอ้ ยเพ่อื ตงั้ หลัก แต่

เฮอร์แมน เมลวิลล์ : 113

เจา้ ของโรงเตย๊ี มหญงิ ตะครบุ ตวั ผมไวแ้ นน่ และสบถสาบานวา่ ไมย่ อมใหใ้ ครทำ�
ทรพั ยส์ ินของหล่อนเสยี หายเป็นอนั ขาด แต่ผมกระชากมอื หลอ่ นออกแล้ววิ่ง
เอาตัวพ่งุ เข้าชนประตูเต็มแรง

ประตูเปิดผางออกตามเสียงดังสนั่น ลูกบิดกระเด็นหวือไปกระแทก
ผนงั หอ้ งจนเศษปนู ปลาสเตอรแ์ ตกปลวิ ขน้ึ ไปบนเพดาน นน่ั ...สวรรคท์ รงโปรด!
ควเี ควกนงั่ อยตู่ รงนนั้ นงั่ สำ� รวมจติ สงบนง่ิ อยกู่ ลางหอ้ ง เขาคกุ เขา่ ราบ สองมอื
กุมโยโจเทินไว้บนศีรษะ ไม่หันมองไปทางไหน แต่นั่งน่ิงราวกับรูปแกะสลัก
ปราศจากสญั ญาณบ่งบอกว่ายงั มชี วี ิต

“ควเี ควก” ผมเรยี ก ขณะเดนิ เขา้ ไปหาเขา “ควเี ควก นายเปน็ อะไรรเึ ปลา่ ?”
“เขาไม่ไดน้ ง่ั แบบนัน้ มาทง้ั วันเลย ใช่ไหม?” เจา้ ของโรงเตี๊ยมหญงิ ถาม
แต่ไม่ว่าเราจะพูดอะไร เขาก็ไม่ปริปากออกมาสักค�ำ ผมแทบอยากผลัก
ใหเ้ ขาล้มเผือ่ จะไดข้ ยบั เปลี่ยนทา่ บา้ ง เพราะอยใู่ นท่าเดียวนานๆ แบบนั้นคง
ต้องทรมานและฝนื ตวั เองนา่ ดู โดยเฉพาะเขานงั่ อยใู่ นท่านนั้ มานานมากกวา่
แปดหรอื สิบชัว่ โมงแลว้ โดยไม่ไดก้ นิ อะไรเลยด้วย
“คณุ นายฮสั เซย”์ ผมพดู “เขายงั หายใจอยแู่ น่ ถา้ คณุ นายไมว่ า่ อะไร ขอให้
เราได้อย่กู นั ตามล�ำพงั เถอะ ผมจะจัดการกบั เรอ่ื งพลิ กึ น่ีเอง”
ผมปิดประตูลงเจ้าของโรงเต๊ียมหญิงจากไป และพยายามเกล้ียกล่อม
ควเี ควกให้ลุกขนึ้ มานง่ั บนเก้าอี้ แต่กไ็ ม่เป็นผล เขายงั คงนง่ั อยตู่ รงนน้ั ไมว่ ่า
ผมจะพูดจาหว่านล้อมหลอกล่ออย่างไร เขาก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย และไม่พูด
อะไรออกมาสกั คำ� ไมแ่ มก้ ระทงั่ หนั มองมาและไมร่ บั รวู้ า่ ผมอยใู่ นหอ้ งนน้ั เลย
ผมนึกสงสัยว่าน่ีอาจเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตนในวันรอมฎอน เขา
คงนั่งคุกเข่าอดอาหารแบบนั้นตอนอยู่บนเกาะบ้านเกิด ต้องเป็นแบบน้ัน
แน่...ใช่แล้ว ผมเช่ือว่าน่ีต้องเป็นส่วนหน่ึงของข้อบัญญัติ ถ้างั้น...ก็ปล่อยให้
เขาท�ำไปเถอะ ไม่ช้าเขาก็คงลุกข้ึนเองแน่ เขาคงน่ังอยู่อย่างน้ันไปตลอดไม่
ได้หรอก ขอบคุณพระเจ้า รอมฎอนของเขามีปีละครั้งเท่านั้น และผมไม่เชื่อ

114 : โมบ-้ี ดก๊ิ

ว่ามันจะตายตวั 1นกั
ผมจงึ ลงไปกนิ อาหารค�ำ่ และนัง่ ฟงั เร่อื งเลา่ ยดื ยาวของกะลาสีบางคนอยู่

นาน พวกเขาเพง่ิ กลบั จากการลอ่ งเรอื ทเี่ รยี กวา่ ขนมปงั ลกู เกด (เพราะเปน็ การ
ออกลา่ วาฬช่วงสนั้ ๆ ด้วยเรือใบเล็กสองหรอื สามเสา มงุ่ ไปทางทศิ เหนอื ของ
เส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแอตแลนติคเท่านั้น) ฟังเร่ืองขนมปังลูกเกดจบก็
เกือบห้าทุ่มได้ ผมขน้ึ บันไดกลับไปทีห่ อ้ งอยา่ งมน่ั ใจวา่ ควีเควกคงตอ้ งเสร็จ
สิ้นพิธีกรรมในวันรอมฎอนแล้ว แต่ผิดถนัด เขายังคงน่ังอยู่ท่ีเดิมตอนที่ผม
จากมา ไม่ขยับแม้แต่น้อยนิด ผมเร่ิมรู้สึกร�ำคาญข้ึนมา ดูช่างเป็นเร่ืองไร้สติ
และบ้าบอโดยแท้ท่ีน่ังอยู่อย่างนั้นตลอดวันกับอีกครึ่งคืน น่ังราบคุกเข่าอยู่
ในห้องที่เย็นเยือกโดยกมุ แท่งไม้ไวบ้ นหวั

“เห็นแกส่ วรรค์ ควีเควก ลุกมาขยับแข้งขาบ้าง แลว้ ไปหาอะไรกนิ ซะ นาย
จะหวิ ตายแลว้ จะฆา่ ตัวตายรไึ ง ควเี ควก?” เขายงั คงไม่ตอบอะไรกลบั มา

ด้วยอบั จนปัญญาตัว ผมจึงตัดสนิ ใจไปที่เตยี งเพ่ือนอนก่อน คดิ ว่าสกั พกั
เขากค็ งตามมานอนเองแน่ แตก่ อ่ นนอนผมหยบิ เสอื้ แจก๊ เกต็ ขนหมโี ยนลงตรง
หนา้ เขา เพราะคนื น้อี ากาศหนาวจัด และเขาก็ไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากเสอ้ื
คลมุ ธรรมดา อยา่ งนอ้ ยผมกท็ ำ� ทกุ อยา่ งเทา่ ทจ่ี ะทำ� ไดแ้ ลว้ ไมอ่ ยา่ งนนั้ ผมคง
ขม่ ตาไมห่ ลบั ผมเปา่ เทยี นดบั และไดแ้ ตน่ อนคดิ ถงึ เรอื่ งของควเี ควกซง่ึ อยหู่ า่ ง
ออกไปเพยี งแคส่ ฟ่ี ตุ นง่ั ตวั แขง็ ทอ่ื อยตู่ รงนนั้ คนเดยี วในทา่ ทไ่ี มน่ า่ จะสบายตวั
นกั ทา่ มกลางความหนาวเหนบ็ และมดื มดิ ซงึ่ ผมทำ� ใหอ้ ดลำ� บากใจไมไ่ ด้ เมอ่ื
คดิ วา่ ตอ้ งนอนอยภู่ ายในหอ้ งเดยี วกบั คนปา่ ผนู้ งั่ คกุ เขา่ ซมึ กะทอื ตลอดทงั้ คนื
ชา่ งเปน็ รอมฎอนท่แี ปลกพกิ ล!

ในท่ีสุดผมก็ผล็อยหลับไปและไม่รับรู้อะไรอีกกระท่ังอรุณรุ่ง เมื่อมองไป
ขา้ งเตยี งกย็ งั เหน็ ควเี ควกนง่ั ราบอยใู่ นทา่ เดมิ ราวกบั ถกู ขนั ตะปคู วงตดิ กบั พนื้
ห้อง แต่แล้วทันทีที่อาทิตย์สาดแสงเข้ามาทางหน้าต่าง เขาก็ขยับตัวลุกขึ้น
ยืนอย่างยากลำ� บาก ขาแขง็ เปน็ เหน็บชาไปหมด แตก่ ็ดูสดชื่นแจ่มใส เขาเดนิ

1 ตายตัว-รอมฎอนยึดตามปฏิทินของชาวอิสลาม ซ่ึงมีประมาณ 354 วัน ไม่ใช่ 356 วัน วันหยุดของ
อิสลามจงึ เรว็ กวา่ ปฏทิ ินปกติ 11 วนั

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 115

กะโผกกะเผลกมาหาผมทเ่ี ตียง แลว้ ก้มแนบหนา้ ผากของเขากบั หนา้ ผากผม
พรอ้ มกบั พูดว่าพิธรี อมฎอนเสร็จส้นิ ลงแลว้

ดังได้เกร่ินไว้ก่อนหน้าว่า ผมไม่คัดค้านหากผู้ใดจะปฏิบัติตามความเช่ือ
ในศาสนาของตน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ตราบเท่าท่ีไม่ไปฆ่าหรือดูหมิ่น
ใคร เพียงเพราะคนอื่นไม่เช่ือตามตน กระน้ันหากศาสนาของคนผู้น้ันกลาย
ความฟั่นเฟือนไร้สติ และสร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างยิ่งให้แก่เขา หรือ
กลา่ วโดยสรปุ คอื ทำ� ใหโ้ ลกใบนก้ี ลายเปน็ ทพี่ กั ซงึ่ ไรค้ วามสะดวกสบายในการ
พกั พิง ผมกค็ ิดวา่ ถึงเวลาแลว้ ท่ีต้องจบั เขา่ คยุ กันกันอย่างจรงิ จงั สกั หน่อย

น่แี หละ ผมจึงเรม่ิ ท�ำอย่างท่ีว่ากบั ควเี ควก “ควเี ควก” ผมพดู “ขน้ึ มาบน
เตยี งเดี๋ยวนี้ แล้วนอนฟังฉันพูดนะ” แลว้ ผมกเ็ ริ่มอธบิ าย เล่าต้ังแตค่ วามเชอ่ื
ของมนุษย์ในยุคแรกเริ่ม จนพัฒนามาเป็นศาสนาต่างๆ มากมายในปัจจุบัน
ทง้ั ยงั เสรมิ ใหค้ วเี ควกเขา้ ใจวา่ ทง้ั เทศกาลมหาพรต รอมฎอน และการนงั่ ราบ
อยู่นานในห้องที่อากาศหนาวเยือก เป็นเร่ืองไร้เหตุผลโดยส้ินเชิง ท้ังไม่ดีต่อ
สขุ ภาพ และไมเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ จติ วญิ ญาณ พดู สน้ั ๆ กค็ อื ขดั กบั สามญั สำ� นกึ
และและหลกั ทางสขุ ภาพอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ผมบอกดว้ ยวา่ สงิ่ ทเี่ ขาทำ� นน้ั ไมใ่ ชว่ ถิ ี
ของคนปา่ ทฉ่ี ลาดและมไี หวพรบิ มนั ทำ� ใหผ้ มทกุ ขใ์ จ และทรมานใจมากทเ่ี หน็
เขาท�ำอะไรโง่เขลาน่าเวทนากับพิธีกรรมรอมฎอนอันน่าขัน ผมยังยกเหตุผล
มาอ้างอีกด้วยว่าการอดอาหารท�ำให้ร่างกายทรุดโทรม และจะเป็นเหตุให้
จิตวิญญาณเสื่อมโทรม ความคิดท่ีเกิดขึ้นระหว่างอดอาหารก็ย่อมจะ
ไม่สมบูรณ์ไปด้วย นั่นเป็นเหตุให้ผู้เคร่งศาสนาท่ีมีอาการอาหารไม่ย่อย
ส่วนใหญ่จะเชื่อความคิดน่าเศร้าเกี่ยวกับโลกหน้าด้วย ผมบอกควีเควกทาง
อ้อมว่า ความเชื่อเรื่องนรกเกิดข้ึนครั้งแรกเม่ือพุดดิ้งแอปเปิ้ลไม่ย่อย แล้วก
ลายเปน็ ความเชอ่ื ถาวรหลงั จากสบื ทอดอาการอาหารไมย่ อ่ ยนม้ี าสลู่ กู หลาน
โดยพธิ ีอดอาหาร

จากนนั้ ผมถามควเี ควกตรงๆ วา่ เคยมอี าการอาหารไมย่ อ่ ยหรอื เปลา่ เพอื่
ให้เขาได้เข้าใจมากข้ึน เขาตอบว่าไม่เคย เว้นแต่ในเหตุการณ์ส�ำคัญคร้ังหน่ึง

116 : โมบ้-ี ดิ๊ก

หลงั งานเลีย้ งฉลองครง้ั ใหญท่ ีพ่ ่อผู้เป็นหัวหน้าเผา่ ของเขาได้จัดขึ้น เนอ่ื งจาก
รบชนะจับข้าศึกมาได้ห้าสิบคน ทุกคนถูกฆ่าราวบ่ายสองโมง และท�ำเป็น
อาหารเลยี้ งกันในเย็นวนั นัน้ น่ันเอง

“พอแลว้ ...ควเี ควก” ผมพดู เสยี งสน่ั “เขา้ ใจแลว้ ละ่ ...” ผมรโู้ ดยทเ่ี ขาไมต่ อ้ ง
เลา่ ขยายความ เพราะเคยเจอลกู เรอื คนหนง่ึ ทเ่ี คยเดินทางไปเกาะน่ันมาแลว้
เขาเล่าให้ผมฟังว่ามันเป็นธรรมเนียมของท่ีนั่น หลังรบชนะคร้ังใหญ่ ก็จะ
ย่างเน้ือของศัตรูท่ีถูกฆ่า แล้วกินกันในสนามหรือสวนของผู้ชนะน่ันเอง
เนอื้ ของผแู้ พจ้ ะถกู ยกมาในจานไมข้ นาดใหญท่ ลี ะคน แตง่ หนา้ มาจนดเู หมอื น
ขา้ วผดั เนอ้ื ใสส่ าเกและมะพรา้ ว โรยดว้ ยผกั ชฝี รง่ั นดิ หนอ่ ยทใ่ี นปาก จากนนั้ ก็
จะถกู สง่ ต่อๆ ไปให้เพอื่ นๆ ของผชู้ นะรอบวงพร้อมผลัดกันอวยพร ราวกบั นี่
เปน็ ไกง่ วงวนั คริสตม์ าสหลายต่อหลายตวั

อย่างไรก็ตาม ผมไมค่ ิดว่าขอ้ คิดเหน็ ของผมในเร่ืองศาสนาจะสร้างความ
ประทบั ใจอะไรใหแ้ กค่ วเี ควกนกั เพราะขอ้ แรกคอื ดเู ขาครา้ นจะฟงั ในประเดน็
ส�ำคัญ หรอื ไมก่ ็คงมีความคิดเหน็ ทีเ่ ปน็ ของตวั เอง ข้อท่สี อง...แม้ผมพยายาม
อธิบายให้ง่ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังเข้าใจไม่เกินหน่ึงในสาม และข้อสุดท้าย...
เขาแน่ใจว่าเข้าใจเรื่องศาสนามากกว่าผม เขามองผมอย่างกังวลและเห็นใจ
ราวกับคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเห็นใจเหลือเกิน ท่ีชายหนุ่มผู้ฉลาดมีเหตุมีผล
กลับไมเ่ ข้าใจอะไรเลยในเร่อื งศรทั ธาของคนปา่ ผู้หนั มาเป็นชาวครสิ ต์

ในทสี่ ดุ เรากล็ กุ ขนึ้ แตง่ ตวั แลว้ กล็ งไปกนิ อาหารเชา้ กนั ควเี ควกกนิ อาหาร
เชา้ มอื้ นน้ั ขนาดใหญ่ สวาปามซปุ ทกุ ชนดิ เจา้ บา้ นหญงิ จงึ ไมไ่ ดเ้ ปรยี บนกั จาก
ทเ่ี ขาอดอาหารในวนั รอมฎอน เมอื่ อมิ่ หนำ� แลว้ เราออกเดนิ มงุ่ ไปทเี่ รอื พคี วอด
ขณะใช้ก้างปลาเขี่ยเศษอาหารทต่ี ดิ ฟันอยู่

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 117

บทท่ี 18

แกงได

ขณะเราเดินไปยังเรือท่ีจอดอยู่ปลายท่าน้ัน ควีเควกถือฉมวกติดตัวมาด้วย
กัปตันพีเลกตะเบ็งเสียงแหบห้าวทักทายออกมาจากกระโจม บอกว่าเขาไม่
เฉลยี วมากอ่ นว่าเพ่ือนผมเป็นชนเผา่ กนิ เน้ือมนุษย์ และประกาศตอ่ วา่ เขาจะ
ไมย่ อมให้มนุษยก์ นิ คนหน้าไหนลงเรือ เว้นแต่จะมีหนงั สอื รับรองแลว้

“กัปตันหมายความว่ายังไงครับ?” ผมพูดขณะโดดขึ้นไปบนกราบเรือ
ทิ้งให้สหายของผมยนื คอยอยบู่ นทา่

“ฉันหมายความวา่ ” เขาตอบ “เจ้านีต่ อ้ งแสดงหนงั สือของเขาใหด้ กู ่อน”
“ใช่” กัปตันบิลแดดพดู ข้ึนดว้ ยเสียงกงั วาน ขณะโผลห่ นา้ มาจากด้านหลงั
กัปตันพีเลกท่ีก�ำลังเดินออกมานอกกระโจม “เจ้าลูกนิโกรน่ีต้องมีหนังสือ
ยืนยันว่าได้เป็นชาวคริสต์แล้ว” เขาพูดต่อแล้วหันไปทางควีเควก “นายเคย
เข้ารว่ มพิธศี ีลมหาสนทิ ในโบสถข์ องชาวคริสเตียนรยึ ัง?”
“แหม” ผมพูด “เขาเป็นสมาชิกของโบสถ์แห่งแรกสุดท่ีมีการรวมตัวกัน
ของชาวคริสตท์ เี ดยี วครบั ” ท่ีบอกแบบนน้ั เพราะชาวป่าสกั ลายบนตัวจ�ำนวน
มากท่ีออกทะเลไปกบั เรอื แนนทักเกต็ แลว้ สุดทา้ ยกจ็ ะเปลย่ี นมาถือครสิ ต์ใน
โบสถด์ ้วยกนั ทงั้ นน้ั
“โบสถแ์ หง่ แรกสดุ ทม่ี กี ารรวมตวั กนั ของชาวครสิ ตง์ นั้ ร?ึ ” บลิ แดดแผดเสยี ง
“พิธใี นบา้ นตอนบาทหลวงไม่อยูล่ ะมงั้ ?” เขาพูดขณะถอดแว่นตาออกแลว้ ใช้
ผ้าพันคอสีเหลืองผืนใหญ่เช็ด ก่อนจะวางลงอย่างเบามือ และเดินออกมาน

118 : โมบ้ี-ด๊ิก

อกกระโจม ชะโงกหน้าขา้ มกราบเรือไปมองส�ำรวจควีเควก
“เขาเป็นสมาชกิ มานานแคไ่ หนแลว้ ?” บลิ แดดหนั กลบั มาถามผม “ไม่นา่

จะนานนกั หรอก ฉันวา่ นะ...ไอ้หนุ่ม”
“ไม่นานหรอก” พีเลกพูดข้ึน “และยังไม่ได้เข้าพิธีล้างบาปด้วย ไม่งั้นคง

ล้างไอส้ นี ำ�้ เงนิ เหมอื นปีศาจนั่นออกจากหน้าได้บา้ งแล้ว”
“บอกหน่อยสิ” บิลตะโกน “เจ้าคนเถ่ือนน่ีเข้าร่วมพิธีกับผู้ช่วยบทหลวง

เสมอใช่ไหม? ฉนั ไมเ่ คยเหน็ เขาท่นี ่ันเลย ฉนั ผ่านไปทกุ วนั อาทิตย์”
“ผมไม่รู้อะไรเก่ียวกับผู้ช่วยบาทหลวงหรือพิธีน่ัน” ผมพูด “ผมรู้แต่ว่า

ควีเคกเป็นสมาชิกโดยก�ำเนิดของโบสถ์ที่มีการชุมนุมครั้งแรกของชาวคริสต์
และควีเควกคนนี้...เป็นถงึ ผ้ชู ่วยธรรมบัญญัติเองเลยด้วยซำ�้ ”

“ไอ้หนุ่ม” บิลแดดพูดเสียงเครียด “นายอย่ามาเล่นล้ินกับฉัน บอกมา...
ไอห้ นุ่มฮิตไทต1์ หลงยุค! นายหมายถึงโบสถ์แบบไหนกัน? ตอบฉันมา”

เมอ่ื ถกู รกุ หนกั แบบนนั้ ผมจงึ ตอบไปวา่ “ผมหมายถงึ อยา่ งนค้ี รบั ...กโ็ บสถ์
คาทอลิกเก่าแก่โบสถ์เดียวกันกับที่กัปตัน ผม และกัปตันพีเลกไปนั่นแหละ
ครับ ท่ีซ่ึงรวมเอาควีเควก พวกเราทุกคน บุตรของมารดาทั้งหลาย และ
จิตวิญญาณของเราเข้าไว้ เป็นการรวมตัวครั้งแรกอันยิ่งใหญ่และยืนนาน
ชวั่ กลั ปาวสานของโลกแหง่ การสกั การะทง้ั มวล เราตา่ งรว่ มรวมเปน็ สว่ นหนง่ึ
เพียงแต่พวกเราบางคนยังหลงนิยมความคิดแปลกวิตถาร ซ่ึงคนพวกน้ีจะ
ไม่มีทางเข้าใจความเช่ืออันย่ิงใหญ่นี้ได้ ว่าพวกเราทุกคนต่างสอดประสาน
รว่ มมอื กัน”

“ประสานรึ นายหมายถึงประสานมือกันใช่ไหม?” พีเลกสตะเบ็งพูดข้ึน
บา้ งพลางเดินเข้ามาใกลย้ ่งิ ข้ึน “ไอห้ นุม่ นายนา่ จะออกทะเลไปในฐานะหมอ
สอนศาสนา แทนทีจ่ ะมาเปน็ คนงานดูแลเสากระโดงหน้านะ ฉันไมเ่ คยได้ยิน
เทศนาทดี่ ขี นาดนม้ี ากอ่ น ผชู้ ว่ ยธรรมบญั ญตั !ิ ทำ� ไมคณุ พอ่ แมปเปล้ิ เองไมเ่ คย
เทศนเ์ รอ่ื งนม้ี ากอ่ นนะ? ทา่ นคงมวั แตค่ ดิ ถงึ เรอ่ื งอน่ื ขน้ึ มาบนเรอื เลย...ขนึ้ มา

1 ฮติ ไทต์-ชนชาตโิ บราณผู้อาศัยอยใู่ นเอเชยี นอ้ ยและไซเรีย ราว 1200-1700 กอ่ น ค.ศ.

เฮอรแ์ มน เมลวลิ ล์ : 119

ช่างหัวหนังสือรับรองน่ัน ฉันบอกให้เรียกเจ้าคอฮอกนั่นขึ้นมาไง...นายเรียก
เขาว่าไงนะ? บอกเจ้าคอฮอกน่ันให้ข้ึนมาได้เลย ปีนสมอใหญ่นั่นข้ึนมาก็ได้
แหม...ฉมวกท่ถี อื อย่กู ็ไม่เบา ดูเย่ียมทเี ดยี ว! ดเู ขาถือทะมดั ทะแมงดี ฉันถาม
อะไรหน่อยนายคอฮอก หรือนายจะช่ืออะไรก็ตามแต่ เคยยืนอยู่บนหัวเรือ
ล่าวาฬไหม? แลว้ เคยแทงมนั รเึ ปล่า?”

ควีเควกไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เลือกตอบค�ำถามด้วยวิธีตามแบบฉบับ
คนป่า เขาโดดข้ึนมาบนกราบเรือ จากนั้นโดดต่อไปที่หัวเรือของเรือเล็ก
ล่าวาฬลำ� หนึ่งท่ีผูกแขวนอยู่ข้างเรือ แลว้ ย่อเขา่ ซา้ ยอยู่ในทา่ พ่งุ ฉมวก พร้อม
กบั ตะโกนออกมาทำ� นองนี้ “กาปตนั เหน็ หยดนำ้� มนั เลก็ บนนำ้� ตรงนา้ นไหม?
กาปตนั เหน็ มนั ไหม? ตต๊ี า่ งมนั เปน็ ตาหนงึ่ ขา้ งของวาฬ เอาละ เขา้ ถำ้� !” เขาเลง็
อย่างบรรจง แล้วปาฉมวกหวือข้ามหมวกปีกกว้างของบิลแดดเฒ่า พุ่งผ่าน
ดาดฟ้าเรือลงไปปักลงบนรอยเปื้อนน�ำ้ มันแวววาวนนั่ อยา่ งแมน่ ยำ�

“ดู” ควีเควกพูดขึ้นเบาๆ ขณะเดินไปถอนฉมวกออก “ต๊ีต่างมันเป็น
ตาวาฬ ออ๋ วาฬนา้ นตาย”

“เรว็ ...บลิ แดด” พเี ลกพดู กบั คหู่ ขู องเขาซงึ่ ยงั ตกตะลงึ เพราะฉมวกพงุ่ เฉยี ด
หัวไปนิดเดียว ก่อนถอยไปยังทางไปห้องเครื่อง “เร็วสิ...บิลแดด ฉันบอกให้
นายเอาสัญญาจ้างงานบนเรือมา เราต้องใช้เจ้าคอหอยเม่นนี่นะ ฉันหมาย
ถึงเจ้าคอฮอกน่นั แหละ ตอ้ งมเี ขาไว้สักคนบนเรือของเรา ฟังนะ...เจ้าคอฮอก
เราจะให้ส่วนแบ่งนายล�ำดับที่เก้าสิบ นั่นมากกว่าท่ีเราเคยให้นักพุ่งฉมวกที่
มาจากแนนทกั เก็ตเชยี วนะ”

ด้วยเหตนุ ี้เราจึงเดินเขา้ ไปทห่ี อ้ งเครื่อง และในทีส่ ุด ควีเควกเพื่อนรกั ของ
ผมกไ็ ด้ทำ� งานในบรษิ ัทเดนิ เรือเดียวกันกับผม

เม่ือเสร็จสิ้นข้ันตอนเบ้ืองต้น และพีเลกจัดเตรียมเอกสารพร้อมให้ลงช่ือ
เขาหันมาพดู กบั ผมว่า “ฉนั วา่ เจา้ คอฮอกคงเขียนหนงั สอื ไม่เป็นใชไ่ หม? เฮ.้ ..
คอฮอก! นายจะลงลายมือชือ่ นาย หรือจะท�ำแกงได2ของนายดลี ะ่ ?”

2 แกงได-รอยขดี ท่ที �ำไวเ้ ปน็ เครอ่ื งหมาย แทนลายมือช่อื

120 : โมบ-ี้ ดกิ๊

แทนการตอบคำ� ถาม ควีเควกผู้เคยท�ำขั้นตอนแบบเดียวกนั นม้ี าแลว้ สอง
หรอื สามครั้ง จงึ ไมม่ ที ีท่าเคอะเขินเลยแม้แตน่ อ้ ย เขารบั ปากกามาลงลายมอื
ชื่อในสัญญาตรงช่องว่างท่ีเว้นไว้ โดยเขียนเป็นรูปกลมๆ แปลกๆ คล้ายกับ
รอยสกั บนแขนของเขา ไวข้ า้ งสมญานามทพ่ี เี ลกพยายามยดั เยยี ดใหด้ ว้ ยความ
เขา้ ใจผิด ลายเซ็นน้ันหน้าตาเปน็ แบบน้ี

คอฮอก
ลายมอื ชอื่ (แกงได)   
ระหวา่ งนนั้ กปั ตนั บลิ แดดนง่ั จอ้ งควเี ควกเขมง็ กอ่ นจะลกุ ขน้ึ มาทำ� หนา้ ตา
ขงึ ขงั แลว้ ลว้ งมอื เขา้ ไปในกระเปา๋ ขนาดใหญบ่ นเสอื้ คลมุ สมี อซอนน่ั หยบิ เอา
หนงั สอื เลม่ เลก็ ๆ ขน้ึ มามดั หนง่ึ และเลอื กเอาเลม่ หนง่ึ ออกมา ชอื่ บนหนา้ ปก
คือ ‘วันใหมก่ �ำลังจะมา หรือ ไม่มเี วลาจะสูญเสีย’ แล้ววางลงบนสองมอื ของ
ควีเควก รวบมอื ของเขาก�ำหนงั สอื นน่ั ไว้ จ้องตาควเี ควกพลางพดู ว่า “เจ้าลูก
คนด�ำ ฉันต้องท�ำหน้าที่ของฉันที่มีต่อนาย ฉันเป็นเจ้าของร่วมของเรือล�ำน้ี
และเปน็ หว่ งลกู เรอื ทุกคน ถ้าเจ้ายงั ยดึ ม่ันตามวถิ คี นป่า น่ันจะท�ำให้ขา้ กังวล
ปนเศร้า ข้าขอร้อง จงอย่าเป็นดังเช่นทาสของเบเลียล3 จงปฏิเสธกระพรวน
เทวรปู และมงั กรรา้ ย จงระวงั ความโกรธเคอื ง มองใหเ้ หน็ ความเปน็ จรงิ ขา้ ขอ
กลา่ วว่า โอ้! พระเมตตาแหง่ พระองค!์ จงหลกี ให้หา่ งบ่อไฟ!”
ตาเฒ่าบิลแดดกล่าวภาษาในพระคัมภีร์ข้างต้น ชนิดระคนไปด้วย
กลน่ิ ไอทะเล
“หยุดเถอะ พอแค่น่นั แหละ บลิ แดด เลิกโอ๋นายนกั พ่งุ ฉมวกของเราซะที”
พีเลกตะเบ็งเสยี ง “นกั พงุ่ ฉมวกเครง่ ศาสนาเปน็ นกั ผจญภยั ทีด่ ไี ม่ได้หรอก มี
แต่จะท�ำให้เจ้าพวกน้ีมือไม้อ่อน นักพุ่งฉมวกจะมีความหมายอะไรถ้ามือไม่
แข็งพอ อย่างไอ้หนุ่มแนต สเวน ที่เคยเป็นนักพุ่งฉมวกประจ�ำเรือล่าวาฬที่
กลา้ หาญทสี่ ดุ ของเกาะแนนทกั เกต็ และวนิ ยารด์ แตพ่ อเขา้ รว่ มในโบสถฝ์ มี อื ก็
ตกไปเลย กลัวจติ วญิ ญาณของตัวจะแปดเป้อื น จนเอาแต่คอยเล่ียงหลบวาฬ

3  เบเลยี ล-ปีศาจตามความเช่ือของชาวยิว

เฮอรแ์ มน เมลวิลล์ : 121

เพราะกลัวกรรมสนอง หากเรือเกดิ อับปางและจมลงใตท้ ะเล”
“พเี ลก! พีเลก!” บิลแดดพูดพลางเงยหน้าและยกสองมือข้นึ “นายเองก็ไม่

ตา่ งอะไรจากฉนั เคยผา่ นชว่ งอนั ตรายมานกั ตอ่ นกั นายกร็ นู้ .ี่ ..พเี ลก วา่ ความ
กลวั ตายคอื อะไร แลว้ นายจะจอ้ เหมอื นไมศ่ รทั ธาแบบนไ้ี ดไ้ ง นายโกหกใจตวั
เอง พเี ลก บอกหน่อยสิ ตอนที่นายออกทะเลไปกบั กปั ตนั เอแฮบ็ แล้วไตฝ้ ุน่
กระชากเสากระโดงสามเสาของเรอื พคี วอดนตี่ กทะเลแถวญปี่ นุ่ ตอนนน้ั นาย
ไม่ไดค้ ดิ ถึงความตายและค�ำพิพากษาของพระองค์หรอกรึ”

“ฟังเขา...ฟังเขาไว้” พีเลกพูดขณะเดินอาดๆ ไปอีกฝากของห้องเครื่อง
ซุกสองมือในกระเป๋าเส้ือ “พวกนายฟังเขาไว้ แล้วเก็บไปคิด! ทุกครั้งที่เรา
นกึ วา่ เรอื กำ� ลงั จะจม! เราจะคดิ ถงึ ความตายและการพพิ ากษาหลงั ความตาย
ของพระองคร์ เึ ปลา่ ? แลว้ เราจะคดิ ถงึ อะไร? ตอนเสากระโดงสามตน้ หกั ฟาด
เสยี งดงั สนนั่ หวน่ั ไหว นำ้� ทะเลจากหวั เรอื และทา้ ยเรอื สาดใสเ่ ราอยา่ งบา้ คลงั่
เรายงั คดิ ถงึ ความตายและการตดั สนิ ของพระองคอ์ ยรู่ เึ ปลา่ ? ไมแ่ นน่ อน! ไมม่ ี
เวลามามัวคิดถึงความตายหรอก ท่ีกัปตันเอแฮ็บกับฉันคิดถึงก็คือชีวิตต่าง
หาก...คิดว่าจะท�ำยังไงให้ลูกเรือปลอดภัย จะขึงเชือกโยงเสากระโดงส�ำรอง
ยงั ไง จะเอาเรือเขา้ ฝ่ังท่ใี กลท้ สี่ ดุ ได้ยังไง นนั่ คอื ส่ิงท่ฉี ันคดิ ถึงในตอนน้ัน”

บิลแดดไม่ได้พูดอะไรอีก เขาติดกระดุมเส้ือคลุมแล้วก้าวเดินออกไปยัง
ดาดฟ้าเรือ พวกเราเดินตามไป แล้วเขาก็ยืนอยู่อย่างเงียบเชียบตรงนั้น เฝ้า
มองคนงานที่ก�ำลังซ่อมใบเรือซึ่งอยู่กลางดาดฟ้าเรือตอนบน บางขณะเขาก็
ก้มลงหยิบแผ่นปะซ่อมหรือเศษเชือกเปื้อนน�้ำมันท่ีร่วงหล่นอยู่ข้ึนมา โดยไม่
ยอมให้ทิง้ เสียเปล่า

122 : โมบ้-ี ดกิ๊

บทที่ 19

ผู้หยั่งรู้

“เพอ่ื นชาวเรือ...นายได้ทำ� งานบนเรอื ลำ� นั้นแล้วหรือ?”
ควเี ควกกบั ผมเพง่ิ ผละจากเรอื พคี วอดและเดนิ ทอดนอ่ งออกมาจากทา่ เรอื

เราต่างก�ำลังจมอยู่ในภวังค์ครุ่นคิดตอนท่ีได้ยินเสียงชายแปลกหน้าคนน้ัน
ถาม เขาหยุดยืนตรงหนา้ เราพลางยกมอื ชนี้ ้วิ อวบใหญ่ไปท่ีเรือ แต่งกายดว้ ย
ชุดโกโรโกโส สวมแจ็กเก็ตสีซีดและกางเกงมีรอยปะ พันเศษผ้าสีด�ำรอบคอ
ใบหน้ามีรอยฝีดาษผุดเป็นดอกดวงอยู่ทั่ว แลดูคล้ายร้ิวรอยบนพ้ืนก้นแม่น้�ำ
ยามแห้งเหือด

“พวกนายไดง้ านบนเรือแล้วรึ?” เขาถามยำ�้ อีกครั้ง
“ผมว่านายคงหมายถึงเรือพีควอดนั่นล่ะสิ” ผมพูด ขณะพยายามมอง
ส�ำรวจเขาตอ่ ไมว่ างตา
“ใช่ พคี วอด...เรอื ท่จี อดอยู่นน่ั ไง” เขาพูด ขณะชกั แขนกลับก่อนจะสะบัด
ออกไปอีกคร้ังอย่างรวดเรว็ ชนี้ ิ้วจอ่ พ่งุ ไปยงั เป้าหมายราวดาบปลายปนื
“ใช”่ ผมพูด “เราเพ่งิ ลงช่ือในสญั ญา”
“สญั ญาผกู มดั จิตวิญญาณของพวกนายงัน้ สิ?”
“ผูกมดั อะไรนะ?”
“โอ.้ ..นายอาจยังไมโ่ ดนผกู มดั ” เขาพดู ล้นิ รัว “ไมว่ า่ จะยงั ไงกต็ าม ฉนั รู้จัก
คนหลายคนที่ไม่โดนผูกมดั ถือวา่ คนพวกนนั้ โชคดี มันดีสำ� หรับพวกเขาท่ไี ม่
โดนผกู มัด วิญญาณก็เหมือนลอ้ ที่หา้ ของเกวียนบรรทุก”

เฮอรแ์ มน เมลวิลล์ : 123

“นายพดู พลา่ มอะไรนะ่ เพือ่ นชาวเรือ?” ผมถาม
“เขา ไดม้ ากพอแลว้ จนชดเชยใหแ้ กผ่ ขู้ าดแคลนทงั้ หลาย” ชายแปลกหนา้
พูดสวนกลับทนั ควัน ลนลานเนน้ ตรงค�ำว่า ‘เขา‘
“ควีเควก” ผมพดู “ไปกันเถอะ หมอนีค่ งเพ่ิงหนีมาจากทีไ่ หนสกั แห่ง ไมร่ ู้
พดู เรอื่ งอะไรและเรื่องของใครกไ็ มร่ ู้”
“เดยี๋ ว!” ชายแปลกหนา้ แผดเสยี ง “จรงิ ของนาย นายยงั ไมเ่ จอไอเ้ ฒา่ ฟา้ ผา่
นั่นละส?ิ ”
“เฒ่าฟ้าผ่านี่ใครกัน?” ผมถาม สะดุดกึกกับท่าทีมุ่งมั่นอย่างเสียสติของ
เขาอีกคร้ัง
“กัปตันเอแฮบ็ ”
“ฮ้า! กปั ตันเรอื พคี วอดของเรอื เราน่ะรึ?”
“ใช่ พวกเราอดตี ลกู เรอื ใหส้ มญานามนนั้ เอง นายยงั ไมไ่ ดเ้ จอเขาละ่ สทิ า่ ?”
“ยัง...เรายังไม่เจอ พวกน้ันบอกว่าเขาป่วยอยู่แต่อาการดีขึ้นแล้ว อีกไม่
นานก็คงหายเป็นปกติ”
“ไม่นานกค็ งหายเปน็ ปกต!ิ ” ชายแปลกหน้าหวั เราะเย้ยหยันออกมาอย่าง
นา่ ขนลุก “ฟงั นะนาย ถา้ กัปตันเอแฮบ็ หายเปน็ ปกตเิ มอ่ื ไหร่ แขนซ้ายของฉนั
นกี่ ค็ งหายไปเป็นแขนขวาได้ด้วย”
“นายรอู้ ะไรเกย่ี วกับเขา?”
“พวกนั้นบอกอะไรเกย่ี วกับคนคนน้ใี ห้นายฟังบ้างล่ะ? บอกมาสิ!”
“กไ็ มไ่ ดบ้ อกเรอื่ งกปั ตนั มากนกั ฉนั ไดย้ นิ แคว่ า่ เขาเปน็ นกั ลา่ วาฬทเ่ี กง่ คน
หนง่ึ แลว้ ก็เป็นกัปตนั ที่ดีต่อลกู เรือ”
“ก็ถูก...ก็ถูก ใช่...ก็ถูกทั้งสองอย่าง แต่นายต้องสะดุ้งโหยงทันทีที่เขาออก
คำ� สง่ั เดินไปคำ� รามไป คำ� รามไปแล้วก็เดนิ ไป นน่ั แหละวิธีส่งั การของกปั ตัน
เอแฮบ็ แตอ่ าการแบบนนั้ หายไปเลยหลงั เหตกุ ารณท์ แี่ หลมเคปฮอรน์ เมอ่ื นาน
มาแล้ว ท่ีท�ำให้เขาต้องนอนแบ็บอยู่สามวันสามคืนน่ะ ไม่ใช่การตะลุมบอน
ถงึ เลือดถงึ เนื้อกบั พวกสเปนหนา้ แท่นบชู าในซานตา้ ดว้ ย จริงไหม? ยงั ไม่เคย

124 : โมบ้ี-ดกิ๊

ไดย้ นิ ละ่ สิ ใชไ่ หม? ยงั ไมเ่ คยไดย้ นิ เรอื่ งนำ�้ เตา้ สเี งนิ ทเี่ ขาบว้ นนำ้� ลายใสด่ ว้ ยละ่
สิ? แล้วก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องที่เขาเสียขาไปในการล่องเรือคร้ังล่าสุดตามค�ำ
ทำ� นายนนั่ ดว้ ยใชไ่ หม? นายไมเ่ คยไดย้ นิ เรอื่ งพวกนนั้ เลย และกไ็ มเ่ คยระแคะ
ระคายอะไรด้วยใช่ไหม? ใช่...ฉันไม่คิดว่านายจะเคยได้ยินมาก่อน จะเคยได้
ยังไง? ใครกันท่ีรู้เร่ืองน้ี? ฉันว่าในแนนทักเก็ตไม่มีใครรู้สักคน แต่บางทีนาย
อาจไดย้ นิ เรอื่ งขานนั่ มาบา้ งแลว้ และรวู้ า่ เขาเสยี มนั ไปยงั ไง ใช่ นายเคยไดย้ นิ
เรอื่ งนแ้ี ลว้ ฉนั แนใ่ จ อา...ใชแ่ ลว้ ทกุ คนรแู้ ทบทงั้ หมด ฉนั หมายถงึ รวู้ า่ เขาเหลอื
ขาขา้ งเดยี ว สว่ นอกี ขา้ งถกู ไอ้ยักษห์ ัวไขมันงาบเอาไป”

“เกลอเอย๋ ” ผมพดู “นายพดู พลา่ มอะไรฉนั ไมร่ นู้ ะ และไมอ่ ยากสนใจดว้ ย
เพราะมันท�ำให้ฉันคิดว่าสมองของนายคงได้รับความกระทบกระเทือนแน่
แต่ถ้านายพูดถึงกัปตันเอแฮ็บบนเรือนั่น...เรือพีควอด บอกได้เลยว่าฉัน
รู้เรื่องท่ีเขาเสียขาหมดแลว้ ”

“รู้หมดเลยร?ึ เอ่อ...นายแนใ่ จเหรอว่ารู้ทั้งหมด?”
“แน่สิ”
ขณะนิ้วยังชี้และสายตายังจับจ้องไปที่เรือพีควอด ชายแปลกหน้าท่าทาง
คลา้ ยขอทานยนื นงิ่ อยคู่ รหู่ นง่ึ ราวกบั กำ� ลงั คดิ อะไรฟงุ้ ซา่ นอยู่ กอ่ นจะเรม่ิ ขยบั
ตัวและหันมาบอกวา่ “นายไดล้ ่องเรือแล้วสนิ ะ ใชไ่ หม? ลงชอ่ื ในสัญญาพวก
นน้ั แลว้ ด้วย? โอ.้ ..โอ! อะไรทตี่ อ้ งเซน็ ก็เซ็นไปแลว้ อะไรจะเกดิ ก็ต้องเกิด แต่
วา่ กนั อกี ที มนั อาจไมเ่ กดิ ขน้ึ กไ็ ด้ ถงึ อยา่ งนน้ั ทกุ อยา่ งกไ็ ดก้ ำ� หนดไวแ้ ลว้ และ
จดั เตรยี มไวแ้ ล้ว มีลกู เรือหรอื ไม่ก็คนบางคนตอ้ งไปกบั เขา ฉนั วา่ พวกนีค้ งมี
มากพอกับคนอ่ืนๆ นั่นแหละ พระเจ้าทรงเมตตาพวกเขาด้วยเถิด! อรุณรุ่ง
จงมีแด่ท่าน เพื่อนชาวเรือ ขอให้ท่านมีวันรุ่งอรุณ ขอสวรรค์เบ้ืองบนโปรด
คุม้ ครองท่าน ฉันขอโทษท่รี ัง้ นายไว้”
“ฟังนะ...เกลอ” ผมพูด “ถ้าอยากบอกอะไรท่ีส�ำคัญกับเรา ก็พูดออกมา
เลย แต่ถ้าต้องการแค่หลอกเราเล่น กไ็ มไ่ ดแ้ อม้ หรอก ฉันขอพูดแคน่ ้แี หละ”
“พูดได้ดีมาก ฉันชอบฟังเกลอที่พูดแบบน้ี คนอย่างนาย...เป็นคนแบบท่ี

เฮอรแ์ มน เมลวิลล์ : 125

เขาตอ้ งการเลย อรุณรุ่งจงมีแด่ท่าน เพอ่ื นชาวเรือ ขอให้ทา่ นมีร่งุ อรณุ ! โอ๊ะ!
เมื่อนายไปถึงที่น่ันแล้ว บอกพวกเขาด้วยว่า ฉันตัดสินใจแล้วว่าไม่ขอร่วม
ทางไปด้วย”

“ฮ้า...เพ่ือนรัก อย่ามาหลอกแบบกันเลย นายหลอกเราไม่ได้หรอก เป็น
เร่ืองง่ายท่ีสุดในโลกใบน้ี ท่ีคนเราจะแกล้งท�ำเป็นเก็บง�ำความลับยิ่งใหญ่
บางอยา่ งเอาไว้”

“อรณุ รุ่งจงมแี ด่ท่าน เพือ่ นชาวเรือ ขอใหท้ า่ นจงมรี ุง่ อรุณ”
“อรุณรุ่งก็อรุณรุ่ง” ผมพูด “ไปเถอะควีเควก อย่าไปยุ่งกับคนบ้าน่ีเลย
แตเ่ ดี๋ยวกอ่ น นายชอื่ อะไรนะ? บอกไดไ้ หม”
“อีไลจาห1์ ”
อีไลจาห์! ผมคิด จากน้ันเราสองคนก็เดินผละมา หลังจากแสดงความ
คิดเห็นตามแบบฉบับของเราแต่ละคน เก่ียวกับอดีตกะลาสีกระรุ่งกระริ่งผู้น้ี
กส็ รปุ ตรงกนั วา่ เขาเปน็ แคจ่ อมโกหกทพ่ี ยายามหลอกใหค้ นกลวั เลน่ เมอื่ เดนิ
ไปได้ราวร้อยหลาก็ถึงหัวมุมท่ีเราต้องเล้ียว ผมเหลียวกลับไปมองข้างหลัง
ก็เห็นอีไลจาห์ก�ำลังเดินตามเรามา แม้จะตามมาห่างๆ ก็ตาม ผมถึงกับอึ้ง
เมอ่ื เหน็ เขา แตก่ ไ็ มไ่ ดบ้ อกควเี ควกวา่ ใครเดนิ ตามมา ยงั คงเดนิ ตอ่ ไปกบั สหาย
ของผมเทา่ นน้ั แตก่ น็ กึ กงั วลวา่ เขาจะเลย้ี วมาทางเดยี วกบั เราหรอื ไม่ เขาเลยี้ ว
มาจริงๆ และผมรู้สึกเหมือนเขาก�ำลังสะกดรอยเรา แต่ตามมาท�ำไมน้ันต่อ
ให้คิดไปท้ังชาติผมก็คงไม่มีวันรู้ สถานการณ์แบบนี้ผนวกกับค�ำพูดก�ำกวม
คลมุ เครอื ของเขา ทำ� ใหผ้ มนกึ ฉงนขนึ้ มาเลาๆ ไมว่ า่ จะเรอื่ งเรอื พคี วอด กปั ตนั
เอแฮ็บกบั ขาทีเ่ สียไป เรอ่ื งเล่าของแหลมเคปฮอรน์ นำ้� เตา้ สีเงนิ เรื่องทกี่ ัปตนั
พีเลกพูดถึงเขาตอนที่ผมก�ำลังจะข้ึนจากเรือเม่ือวันก่อน ค�ำท�ำนายของ
ยายเฒ่าทิสติก การเดินทางท่ีเราก�ำลังจะล่องเรือไป และเร่ืองราวลึกลับทั้ง
หลายแหล่
ผมตดั สนิ ใจขจดั ขอ้ สงสยั ทว่ี า่ อไี ลจาหจ์ อมรงุ่ รงิ่ สะกดรอยเรามาจรงิ ๆ หรอื

1  อีไลจาห์-ผู้พยากรณ์ซึ่งเตือนกษัตริย์เอแฮ็บว่า จะเกิดภัยแล้งครั้งรุนแรงเพราะไปหลงบูชารูปปั้น (ตาม
คัมภีรไ์ บเบิล)

126 : โมบ-ี้ ดก๊ิ

ไม่ โดยจงใจชวนควเี ควกขา้ มฟากไปและเดนิ ยอ้ นกลบั ไปทางเดมิ แตอ่ ไี ลจาห์
ก็เดินผา่ นไปเหมือนไม่ได้เห็นเราเลย ผมรสู้ กึ ใจชนื้ ข้นึ และดเู หมอื นในใจผม
จะเปลง่ เสียงเรยี กเขาอีกครง้ั ...จอมโกหก

เฮอรแ์ มน เมลวลิ ล์ : 127

บทที่ 20

คกึ คัก

ผ่านไปอกี วนั สองวนั บนเรือพคี วอดกเ็ รม่ิ คกึ คัก ไม่เพียงพวกลกู เรอื เกา่ กลบั
มาลงเรือ บรรดาลูกเรือใหม่ก็ทยอยกันมาท�ำงาน ทั้งขึงผ้าใบและขดเชือก
สายระโยงเรือ สรุปคือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเรือใกล้พร้อมจะออกเดินทาง
แล้ว กัปตันพีเลกไม่ข้ึนฝั่งอีกหรือไม่ก็นานๆ ครั้ง เอาแต่น่ังอยู่ในกระโจม
อินเดียนแดงควบคุมพวกคนงาน ส่วนบิลแดดเป็นผู้ซื้อหาอุปกรณ์ข้าวของ
ทุกอย่างตามร้านค้า คนงานที่จ้างมาดูแลติดต้ังเสาและใบเรือ ตลอดจนใน
ห้องเสบียงกท็ ำ� งานกนั จนดกึ ด่ืน

ถดั จากวนั ทค่ี วเี ควกเซน็ สญั ญาทำ� งาน มปี ระกาศไปยงั ทกุ โรงเตย๊ี มทเี่ หลา่
ลูกเรือพักอยู่ ให้น�ำเอาสัมภาระลงเรือก่อนค�่ำ แต่เพราะไม่ได้บอกเวลาออก
เรือที่แน่นอนไว้ หลังจากควีเควกกับผมน�ำข้าวของของเราไปไว้แล้ว ก็ต้อง
กลบั มานอนรอบนฝง่ั คอยเวลาเรอื ออก ดเู หมอื นพวกเขามกั แจง้ เผอื่ ไวน้ านๆ
แบบนี้เสมอ เพราะเรือยังคงจอดอยู่ท่ีท่าอีกหลายวัน แต่ก็ดีเพราะยังมีอีก
หลายเรอื่ งทต่ี อ้ งจดั การใหเ้ สรจ็ และกไ็ มร่ วู้ า่ มสี ง่ิ ทต่ี อ้ งทำ� อกี มากนอ้ ยแคไ่ หน
กอ่ นท่ีเรอื พีควอดจะเตรียมพรอ้ มทุกอยา่ งจนครบครนั

ทุกคนคงรู้ดีว่าข้าวของจ�ำนวนมาก เช่น เตียงนอน กระทะ มีดกับส้อม
พลว่ั กบั คมี ผ้าเชด็ ปาก ทก่ี ะเทาะเปลอื กถวั่ และขา้ วของอนื่ ๆ จำ� พวกนี้ ลว้ น
เป็นของใช้จ�ำเป็นในบ้าน ในการล่าวาฬก็เช่นกัน ซ่ึงจ�ำเป็นต้องใช้ของพวกน้ี
ระหว่างอยู่บนเรือสามปีกลางมหาสมุทรกว้างซึ่งห่างไกลจากร้านช�ำ พ่อค้า

128 : โมบี้-ดิ๊ก

แม่คา้ เร่ขายอาหารสด หมอ คนท�ำขนมปัง และนายธนาคาร แม้ของเหลา่ น้ี
ก็เป็นสิ่งจ�ำเป็นในเรือพาณิชย์ แต่จ�ำนวนที่ใช้น้ันต่างจากเรือล่าวาฬ เพราะ
นอกจากเรือล่าวาฬจะมีช่วงเวลาเดินทางยาวนานกว่าแล้ว ยังมีข้อบังคับ
พิเศษตามกฎหมายการประมงด้วย รวมทั้งอาจไม่สามารถหาของพวกนี้มา
ทดแทนได้จากท่าเรือห่างไกลซึ่งแวะจอดประจ�ำ นอกจากนั้นยังต้องค�ำนึง
ดว้ ยว่า เรอื ลา่ วาฬทุกล�ำมีโอกาสการเกิดอบุ ตั ิเหตไุ ด้ทกุ ประเภท โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งที่ท�ำให้เกิดความเสียหายและการสูญเสียสิ่งต่างๆ ซ่ึงจ�ำเป็นในการ
เดนิ เรือ ดว้ ยเหตนุ จี้ งึ จ�ำเป็นต้องส�ำรองเรือเล็ก ส�ำรองเสากระโดงเรือ สำ� รอง
หลาวและฉมวก รวมท้ังส�ำรองของทุกอย่างเกือบทั้งหมด เว้นเสียก็แต่ตัว
กัปตนั กบั เรือใหญส่ �ำรองอีกล�ำ

ช่วงที่เราเดินทางมาถึงเกาะแห่งนั้น ข้าวของจ�ำนวนมากถูกจัดเตรียมไว้
บนเรือพีควอดเกือบครบถ้วนแล้ว ทั้งเน้ือสัตว์ ขนมปัง น้�ำ เช้ือเพลิง และ
ห่วงเหล็กกับแผ่นไม้ส�ำหรับท�ำถังไม้ กระน้ันดังได้กล่าวไว้ก่อนหน้าน้ีแล้วว่า
บางคร้ังการทยอยขนข้าวของจิปาถะต่างๆ มาตุนไว้บนเรือจะยังคงเกิดข้ึน
อย่างต่อเนื่องทั้งของชิน้ ใหญ่และชน้ิ เล็ก

หนง่ึ ในหวั เรอื ใหญผ่ ทู้ ำ� หนา้ ทดี่ แู ลจดั หาและลำ� เลยี งเสบยี งขา้ วของทงั้ หมด
น้ัน คือน้องสาวของกัปตันบิลแดด หล่อนเป็นหญิงสูงวัยรูปร่างผอมบาง
มีจิตใจเด็ดเด่ยี วและไมย่ ่อท้อต่ออะไรงา่ ยๆ อีกทัง้ ยังมนี ำ�้ ใจงาม หากมเี ร่อื ง
ใดที่ช่วยได้หล่อนก็จะลงมือท�ำทันที เรียกได้ว่าไม่ให้มีส่ิงใดขาดตกบกพร่อง
เลยยามเม่ือเรือพีควอดได้ออกทะเลแล้ว ตอนลงเรือมาบางครั้งหล่อนเอา
กระปกุ ของดองตดิ มอื มาเกบ็ ไวใ้ นตอู้ าหารหอ้ งครวั มาอกี ครงั้ กม็ ปี ากกาขนนก
มามัดหน่ึง ส�ำหรับวางไว้บนโต๊ะท�ำงานของต้นเรือซึ่งเขาวางปูมเดินเรือไว้
คร้ังท่ีสามเอาผ้าสักหลาดมาม้วนหน่ึงไว้ส�ำหรับคนที่มีอาการปวดหลังปวด
ไขข้อ ไม่มีผู้หญิงคนไหนคู่ควรกับช่ือแชริตี้ผู้ใจบุญเท่ากับหล่อน ทุกคนต่าง
เรียกหล่อนว่าน้าแชริตี้ ผู้ซึ่งโอบอ้อมอารีราวกับนางชี หล่อนกระวีกระวาด
ทำ� โนน้ ทำ� นตี่ รงนนั้ ตรงนต้ี ลอดเวลา และพรอ้ มจะลงมอื ทมุ่ ใจทำ� ทกุ อยา่ งเพอ่ื

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 129

ใหเ้ รอื ปลอดภยั อบอุน่ และสะดวกสบายแก่ทุกคนบนเรือลำ� น้ี เรือที่บลิ แดด
พช่ี ายทรี่ ักของหล่อนมสี ่วนเกยี่ วขอ้ ง และที่หล่อนเองก็ถอื หุ้นอยูด่ ้วยจากเงิน
เกบ็ ของตวั เองที่นำ� ไปลง

กระนั้น วันสุดท้ายที่ก้าวลงเรือ หญิงชาวเควกเกอร์จิตใจงามงดผู้น้ีก็ท�ำ
สิง่ ทเ่ี ห็นแล้วนา่ ตกใจ เพราะถอื จวักตักนำ้� มันดา้ มยาวไว้ในมอื ขา้ งหน่งึ ส่วน
มืออีกข้างถือฉมวกล่าวาฬด้ามยาว โดยไม่มีกัปตันบิลแดดและกัปตันพีเลก
ตามหลังมาด้วย ส�ำหรับบิลแดดน้ัน ทุกครั้งท่ีมาลงเรือก็จะน�ำเอาสัญญา
ยาวเหยียดติดมือมาดู และเซ็นชื่อก�ำกับด้านบนของสัญญาด้านตรงข้ามกับ
ข้อความ ส่วนพีเลกเองนานๆ ครั้งจะเดินโขยกเขยกออกมาจากถ�้ำกระดูก
วาฬของตน แล้วแผดเสียงใส่พวกท่ีลงไปใต้ท้องเรือบ้าง เงยหน้าตะโกนใส่
พวกคนงานตดิ ตงั้ ใบเรอื ทปี่ นี อยบู่ นเสาบา้ ง และสดุ ทา้ ยกห็ นั กลบั ไปแผดเสยี ง
ใส่กระโจมอนิ เดียนแดงของตนเอง

ช่วงวันเวลาเตรียมพร้อมน้ี ควีเควกกับผมไปท่ีเรือบ่อยๆ และผมมักจะ
ถามถึงกัปตันเอแฮ็บ ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เม่ือไหร่ถึงจะมาลงเรือ พวกน้ันก็
ตอบค�ำถามเหล่าน้ีว่ากัปตันดีข้ึนเร่ือยๆ แล้ว และอาจมาท่ีเรือเม่ือไหร่ก็ได้
ระหว่างน้ันท้ังกัปตันพีเลกและกัปตันบิลแดด จะช่วยดูแลทุกอย่างที่จ�ำเป็น
เพอ่ื ใหเ้ รือพรอ้ มเดนิ ทาง หากผมซือ่ สัตย์กบั ตวั เองอย่างแทจ้ รงิ กค็ งแจ่มแจง้
ในใจวา่ ผมคดิ เองเออเองทย่ี อมรว่ มเดนิ ทางอนั ยาวนานนน้ั โดยไมเ่ คยไดเ้ หน็
ตัวผู้กุมอ�ำนาจเด็ดขาดบนเรือล�ำนี้เลย ท้ังๆ ที่เรือก็ใกล้จะออกไปสู่น่านน�้ำ
ทะเลเปิดแล้ว ยามใดท่ีคนเราสงสัยว่ามีสิ่งผิดปกติ บางครั้งก็เป็นเพราะเขา
หลวมตัวเข้าไปเก่ียวข้องด้วยแล้ว แต่ยังพยายามปกปิดซ่อนเร้นความสงสัย
นน้ั แมแ้ ตก่ บั ตวั เอง ผมเองกค็ งทำ� แบบนนั้ เชน่ กนั ผมไมพ่ ดู อะไรและพยายาม
ไมค่ ดิ อะไร

ในทีส่ ดุ ก็มปี ระกาศออกมาวา่ วนั รงุ่ ข้ึนเรือจะออกเดินทะเลอยา่ งแนน่ อน
ดว้ ยเหตนุ ้ี เชา้ วันถดั มาควีเควกกบั ผมจงึ ต่ืนกันแต่เช้าตรู่

130 : โมบ้ี-ดกิ๊

บทท่ี 21

ลงเรอื

เราไปถึงใกล้ท่าเรือในเวลาเกือบหกโมงเช้า ขณะนั้นหมอกยามเช้ายังคง
ปกคลมุ ไปทวั่

“น่าจะมีลูกเรืออยู่ข้างหน้านะ ถ้าตาฉันไม่ฝาด” ผมพูดกับควีเควก “คง
ไมใ่ ช่แคผ่ แี น่ เด๋ียวอาทิตยข์ ึ้นพวกนคี้ งเผ่นหาย ไปกันเถอะ!”

“เดย๋ี วกอ่ น!” คนทกี่ ลา่ วกา้ วเขา้ มาแตะไหลเ่ ราจากดา้ นหลงั กอ่ นจะชะโงก
หน้าข้ามไหล่มาแสดงตัวให้เห็นในแสงขมุกขมัวของรุ่งอุรณ เขามองควีเควก
และผมด้วยสายตาแปลกๆ อีไลจาห์นน่ั เอง

“ก�ำลังจะลงเรอื รึ?”
“เอามอื ออกไปไหม” ผมพูด
“ฟังงนะ” ควเี ควกพดู พรอ้ มสะบดั ตวั “ไป-ซะ!”
“แลว้ จะลงเรือไหมละ่ ?”
“ใช.่ ..เราจะลง” ผมพดู “แล้วเกยี่ วอะไรกบั นายด้วยละ่ รู้มัย้ ...คณุ อีไลจาห์
ผมว่าคุณไม่จ้นุ ไปหนอ่ ยร?ึ ”
“ไม่ ไมเ่ ลย ไม่เลย...ฉันไม่คิดยงั งน้ั เลย” อไี ลจาหพ์ ูด พลางกวาดมองผม
กับควีเควกดว้ ยสายตาสดุ แสนพกิ ล
“อีไลจาห์” ผมพูด “นายช่วยเลิกยุ่งกับฉันและเพื่อนซะทีน่า เราก�ำลังจะ
ออกไปมหาสมุทรอนิ เดยี และแปซฟิ กิ ไม่อยากมาเสียเวลาตรงนี้”
“นายจะไป...งน้ั ร?ึ แล้วจะกลบั มากอ่ นอาหารเช้ารเึ ปลา่ ละ่ ?”

เฮอรแ์ มน เมลวิลล์ : 131

“หมอนม่ี ันบา้ ควเี ควก” ผมพูด “ไปกนั เถอะ”
“ไฮ้!” อีไลจาห์ยังคงยืนนิ่งและร้องเรียกเสียงดังเมื่อเราก้าวไปได้เพียง
สองสามกา้ ว
“อย่าไปสนใจเขา” ผมพูด “ควเี ควก ไปกนั ตอ่ เถอะ”
แต่เขาเดินตามเรามาอีก และจู่ๆ ก็ตบไหล่ผมเบาๆ “นายเห็นอะไรท่ี
หน้าตาคล้ายมนุษย์ผ่านไปทเ่ี รอื น้นั บา้ งรยึ งั ล่ะ?”
ผมรู้สกึ สะดุดกบั ค�ำถามแทงใจด�ำน่ัน จงึ ตอบกลับไปว่า “เห็นสิ ฉันคิดว่า
เห็นสี่หรือหา้ คนได้ มนั มืดมากก็เลยไมแ่ นใ่ จนัก”
“มดื มาก...มืดมาก” อีไลจาห์พูด “อรุณรุ่งจงมแี ดท่ า่ น”
เราเดนิ ผละหนจี ากเขาอกี ครงั้ แตเ่ ขากเ็ ดนิ ตามเรามาเงยี บๆ และแตะไหล่
ผมอีกคร้ังพร้อมพูดว่า “นายจะหาพวกน้นั พบแนห่ รอื ?”
“หาใคร?”
“รุ่งอรุณจงมีแด่ท่าน! อรุณรุ่งจงมีแด่ท่าน!” เขาตอบกลับมาด้วยพูดค�ำ
เดมิ อกี ครั้ง “โอะ๊ ! ฉนั กำ� ลงั จะเตอื นนายอีกครงั้ แตไ่ ม่เปน็ ไร ไมเ่ ป็นไรหรอก...
มันรวมเป็นหน่ึง รวมเป็นครอบครัวเดียวกันด้วย เช้าน้ีอากาศหนาวจริง
ใช่ไหม? ลาก่อนนะ...ฉันว่าคงไม่ได้เจอกันอีกนาน จนกว่าจะอยู่เบ้ืองหน้า
ตุลาการผยู้ ิ่งใหญ่1นัน่ แหละ” หลังจบคำ� พูดบ้าๆ น่ันเขากเ็ ดินจากไปในท่ีสุด
ท้ิงให้ผมงนุ งงอยกู่ ับค�ำพดู ยโสแบบคนบ้าคลัง่ ของเขาช่วั เวลาหนึง่
ทสี่ ุดเราก็ก้าวลงเรอื พคี วอด บรรยากาศโดยรอบเงยี บกรบิ ไมม่ ีใครสกั คน
ทางเข้าหอ้ งเครอ่ื งถกู ลอ็ คจากดา้ นใน ประตดู าดฟ้าเปดิ หมดทุกบาน บนพืน้
มีขดเชือกขงึ ใบกองพะเนนิ ไว้ เม่อื เดินตอ่ ไปยงั ดาดฟ้าหวั เรอื ดา้ นหน้า ก็เหน็
ฝาปิดช่องทางลงจากดาดฟ้าเปิดอยู่ และมีแสงไฟลอดออกมา เราเดินลงไป
ขา้ งลา่ ง พบคนงานเกา่ ผดู้ แู ลเชอื กขงึ เสาและใบเพยี งคนเดยี วอยทู่ นี่ น่ั เขาสวม
เส้อื กะลาสีผา้ ขนสัตวเ์ ก่าขาดรุ่งรงิ่ ก�ำลงั นอนคว่�ำอย่บู นลังขนาดใหญส่ องลงั
กอดอกซกุ หน้าไว้ และหลับเป็นตายไมร่ สู้ ึกตวั

1 ตุลาการผยู้ งิ่ ใหญ-่ วันพิพากษา วิญญาณด-ี ช่วั

132 : โมบี้-ดิ๊ก

“พวกลกู เรือทเี่ ราเหน็ น่นั ล่ะ ควเี ควก หายไปไหนกนั หมด?” ผมพูดขณะ
มองไปยงั ชายผนู้ อนหลบั ใหลนน้ั อยา่ งสงสยั แตด่ เู หมอื นวา่ ตอนอยบู่ นทา่ เรอื
ควีเควกไมท่ นั เหน็ พวกทผ่ี มพดู ถึง ด้วยเหตนุ ี้ ผมจึงคดิ วา่ ผมคงจะตาฝาดไป
หรอื ไมก่ ค็ งเปน็ อยา่ งทอี่ ไี ลจาหถ์ ามไวใ้ หช้ วนคดิ แตผ่ มกส็ ลดั เจา้ ความคดิ นนั่
ออกไปจากหวั แล้วมองไปทช่ี ายผู้กำ� ลงั หลบั ใหลอกี คร้ัง กอ่ นจะพดู ขันๆ กบั
ควเี ควกวา่ เราคงต้องนง่ั เฝ้าศพนไ่ี ปพลางๆ กอ่ น แล้วบอกใหเ้ ขานัง่ ลงตาม
ควีเควกกลับเอามือไปวางบนก้นของชายผู้ที่ก�ำลังหลับอยู่ ราวกับอยากรู้ว่า
มันนมุ่ พอไหม ก่อนจะนั่งทบั ลงบนก้นของหมอนนั่ หนา้ ตาเฉย

“เฮย้ ! มีมารยาทหนอ่ ยสิควเี ควก! อย่านงั่ ตรงนนั้ ” ผมพดู
“อ่า...เก้าอี้ดมี ั่ก” ควีเควกพดู “ท่บี ้านฉนั แบบนเี้ ขาไมเ่ จ็บหนา้ ”
“หน้าเหรอ!” ผมพูด “น่ันเรียกว่าหน้าเหรอ? อืม...งั้นคงเป็นหน้าท่ีมี
ประโยชนม์ ากสทิ า่ แตแ่ บบนนั้ เขาจะหายใจลำ� บาก เขากำ� ลงั หายใจอยนู่ ะ ลกุ
ขน้ึ เถอะ...ควเี ควก ตวั นายหนกั มนั กดทบั หนา้ ชายนา่ สงสารคนนแ้ี ลว้ ลกุ ขนึ้ ..
ควีเควก! ดสู ิ เดย๋ี วเขาก็ชกั กระตกุ หรอก แปลกจัง ท�ำไมเขายงั ไม่ตืน่ อกี นะ?”
ควีเควกลุกข้ึน แต่ก็ไปน่ังลงใกล้ๆ ศีรษะของชายผู้นอนหลับอยู่พลาง
จดุ ขวานกลอ้ งยาขนึ้ สบู แลว้ ยนื่ สง่ มาใหผ้ มทน่ี งั่ อยตู่ รงปลายเทา้ เราสง่ กลอ้ ง
ยาสูบข้ามตัวชายผู้น้ีไปมา ระหว่างน้ันผมถามควีเควกถึงธรรมเนียมที่เขา
บอกค้างไว้ ควีเควกจึงเล่าว่า เน่ืองจากท่ีดินแดนของเขาไม่มีม้าน่ังยาวหรือ
เก้าอ้ีนวมทุกประเภท ราชา พวกหัวหน้าเผ่า และคนส�ำคัญทั่วไป จะเลี้ยงดู
คนท่ีมีฐานะต�่ำกว่าไว้แทนเก้าอ้ี กล่าวคือ ถ้าอยากมีความสะดวกสบายใน
บา้ น คณุ กแ็ คจ่ า้ งพวกคนขเ้ี กยี จสกั แปดหรอื สบิ คนใหม้ านอนอยตู่ ามมมุ ตา่ งๆ
ในบ้าน ทั้งยังแสนสะดวกสบายยามไปท่องเท่ียว เพราะผู้เป็นนายสามารถ
เรยี กคนรับใชท้ ว่ี ่าให้มาหมอบตัวแทนม้านง่ั ใตร้ ่มเงาไม้ หรอื แมก้ ระทง่ั ในที่ที่
เป็นเลนเฉอะแฉะกไ็ ด้ทั้งนัน้
ขณะเลา่ เร่ืองราวเหล่านี้ ทุกครงั้ ท่คี วีเควกรับกล้องยาสูบไปจากผม ก็จะ
เอาขา้ งขวานโบกไปมาเหนือศีรษะของชายคนนี้

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 133

“ท�ำอยา่ งน้ันทำ� ไม ควเี ควก?”
“สบายม่กั ฆ่าา...อา้ ! จงสบาย!
ดูเหมือนเขาก�ำลังหวนนึกถึงความทรงจ�ำอันโหดร้ายบางอย่างเก่ียวกับ
ขวานกล้องยาของเขา ซึง่ ใช้ประโยชน์ได้สองด้าน คอื ทง้ั เฉาะหัวศัตรู และใช้
ปลอบประโลมจิตวิญญาณ ยามที่เราก�ำลังจดจ่อดูคนงานท่ีก�ำลังนอนหลับ
อยผู่ นู้ น้ั เนอ่ื งจากควนั ยาสบู เรมิ่ ตลบไปทว่ั หอ้ งแคบๆ น้ี จนทำ� ใหเ้ ขาเรม่ิ รสู้ กึ
อดึ อดั เพราะหายใจไมอ่ อก จงึ ขยบั ตวั ครงั้ สองครงั้ กอ่ นจะลกุ ขนึ้ นง่ั และขยตี้ า
“เฮ้!” เขาหายใจไดใ้ นที่สุด “พวกนายเปน็ ใครกนั ...ไอ้ขี้ยา?”
“ลกู เรอื ” ผมตอบ “เรือจะออกเมอื่ ไหรน่ ่ะ?”
“อ้อ งั้นเองหรอกเหรอ นายจะไปกับเรือล�ำนี่หรอกรึ? เรือจะออกทะเล
วันนี้ กปั ตันขึน้ เรอื มาตงั้ แต่เม่ือคนื แลว้ ”
“กัปตันไหน...เอแฮ็บเหรอ?”
“นอกจากเขาแล้วจะมีใครอีกล่ะ”
ผมก�ำลังจะอ้าปากถามเขาอีกสองสามค�ำเก่ียวกับกัปตันเอแฮ็บ จังหวะ
น้ันเราก็ได้ยินเสยี งดังมาจากดาดฟา้ เรอื
“ไฮ!้ นน่ั สตารบ์ คั น”่ี คนงานนน่ั พดู ขน้ึ “เขาเปน็ ตน้ เรอื ทท่ี ำ� งานคลอ่ ง เปน็
คนดี และเครง่ ศาสนา ปา่ นนีค้ นคงย้วั เยยี้ แล้ว ฉันตอ้ งไปทำ� งานแลว้ ” พูดจบ
เขาก็เดนิ ขน้ึ ไปบนดาดฟ้า พวกเราจึงเดนิ ตามขน้ึ ไปดว้ ย
ขณะนี้แสงอาทิตย์เจิดจ้าแล้ว ลูกเรือลงเรือมาทีละสองสามคน พวกขึง
เสาและใบก�ำลังกระวีกระวาดท�ำหน้าท่ีตน บรรดาลูกเรือต่างแข็งขันเข้าช่วย
ส่วนอีกหลายคนที่ยังอยู่บนฝั่งก็ก�ำลังวุ่นอยู่กับการขนข้าวของชุดสุดท้าย
ลงเรือ ขณะทก่ี ัปตันเอแฮบ็ ยังคงเกบ็ ตวั เงียบอยภู่ ายในห้องของเขา

134 : โมบ-้ี ด๊กิ

บทท่ี 22

สุขสันต์วันครสิ ตม์ าส

ในท่ีสุด หลังจากคนงานขึงเสาและใบเรือข้ึนจากเรือเป็นชุดสุดท้าย หลังเรือ
พคี วอดหนั หวั เรอื เบนออกจากทา่ และหลงั จากแชรติ ผี้ รู้ อบคอบปรากฏตวั มา
ในเรอื เลก็ ลา่ วาฬ โดยนำ� เอาของขวญั ชดุ สดุ ทา้ ยมาให้ มที งั้ หมวกใสน่ อนของ
สตับบ์ผู้ทำ� หน้าทเ่ี ปน็ ตน้ หน ทงั้ ยังเป็นน้องเขยของหล่อนด้วย รวมทง้ั น�ำเอา
ไบเบ้ลิ มาส�ำรองไว้ใหเ้ ด็กรับใชใ้ นครวั เวลาก็ผา่ นมาถึงเท่ยี งวันแล้ว ตอนนนั้
สองกัปตันพีเลกกับบิลแดดออกมาจากห้องเคร่ืองและหันไปทางต้นหน
พเิ ลกพดู ขนึ้ วา่ “คณุ สตารบ์ คั ...คณุ มน่ั ใจวา่ ทกุ อยา่ งเรยี บรอ้ ยดใี ชไ่ หม? กปั ตนั
เอแฮ็บก็พร้อมแล้ว...เพ่ิงไปคุยกับเขามา ไม่มีอะไรต้องขนลงจากฝั่งอีกแล้ว
นะ? เอาล่ะ เรียกทุกคนมารวมกันที่ทา้ ยเรอื น.ี่ ..เฮ้ย! ส่งั พวกมันส!ิ ”

“ไม่ต้องใชค้ ำ� หยาบคายก็ได้น่า...พเี ลก แตใ่ ห้รีบๆ หน่อยกด็ ”ี บิลแดดพดู
“สำ� หรับนาย เกลอสตารบ์ ัค ช่วยทำ� ตามคำ� ส่งั ของเราด้วย”

แล้วยังไงล่ะ! เม่ือเวลาออกเดินทางใกล้มาถึงมากขึ้น กัปตันพีเลกกับ
กปั ตนั บลิ แดดกย็ งิ่ ทงั้ ขทู่ ง้ั สง่ั การอยบู่ นดาดฟา้ ทา้ ยเรอื ราวกบั เปน็ ผบู้ ญั ชาการ
ร่วมทางทะเล และยังเป็นผู้บัญชาการเพียงสองคนเท่าน้ันท่ีปรากฏตัวบน
ท่าเรือ ขณะท่ียังไม่เห็นว่ีแววของกัปตันเอแฮ็บ เว้นแต่ท่ีบอกกันว่าเขาอยู่ใน
ห้องเคร่ือง แต่นั่นก็หมายถึงว่า เขาไม่จ�ำเป็นต้องมาดูแลการถอนสมอและ
หันหัวเรืออกทะเล เพราะจริงๆ แล้วนั่นก็ไม่ใช่เร่ืองของเขาเสียทีเดียวนัก
แตเ่ ปน็ หนา้ ทขี่ องคนนำ� รอ่ งออกจากทา่ อกี ทงั้ พวกนนั้ บอกวา่ เขากย็ งั ไมห่ าย

เฮอร์แมน เมลวิลล์ : 135

เป็นปกติดี ด้วยเหตุน้ีกัปตันเอแฮ็บจึงไม่มาปรากฎตัว ท้ังหมดน้ีก็ดูเป็นเรื่อง
ธรรมดา ยิ่งเมื่อนึกถึงตอนที่ผมท�ำงานบนเรือพาณิชย์ กัปตันเรือก็ไม่เคย
ปรากฏตัวบนดาดฟ้ามาคอยสั่งการอะไรหลังลากสมอเรือขึ้น แต่ยังนั่งอยู่ท่ี
โตะ๊ อาหารสรวลเสเฮฮาเลี้ยงอ�ำลากบั เพ่ือนบนฝง่ั จนกระท่งั เรอื ออกจากทา่
อยา่ งสวัสดภิ าพโดยคนนำ� ร่อง

กระนนั้ ผมกไ็ มค่ อ่ ยมโี อกาสไดใ้ ครค่ รวญถงึ เรอื่ งนเี้ ทา่ ใดนกั สำ� หรบั กปั ตนั
พเี ลกในตอนนเ้ี ตม็ ไปดว้ ยชวี ติ ชวี า เขาแทบจะพดู และสงั่ การอยตู่ ลอดเวลา แต่
บิลแดดกลับเป็นตรงกนั ขา้ ม

“มาท่ีท้ายเรือน่ี ไอ้หอกเอ๊ย!” เขาตะเบ็งเสียงลั่น เมื่อเห็นบรรดาลูกเรือ
อ้อยอ่งิ อยูท่ ีเ่ สากระโดงเรือใหญ่ “คณุ สตาร์บัค ต้อนมาที่ทา้ ยเรอื น่”ี

“รื้อกระโจมน่ันที!” นั่นเป็นค�ำสั่งถัดมา ดังที่ผมได้บอกไว้ก่อนหน้าน้ีว่า
กระโจมกระดูกวาฬจะไม่กางบนเรือเว้นแต่ตอนเรือจอดอยู่ที่ท่า และจากที่
เขาท�ำงานบนเรือพีควอดมานานร่วมสามสิบปี จึงเป็นที่รู้กันว่า ค�ำสั่งให้รื้อ
กระโจมนนั่ หมายถึงการถอนสมอเรือเปน็ ล�ำดับถดั มา

“ไอค้ นกวา้ นสมอ! ออกแรงหนอ่ ยสวิ ะ! เอา้ ...ดนั !” คอื คำ� สง่ั ถดั มา แลว้ พวก
ลูกเรอื ตา่ งออกแรงดนั แขนหมุนเครอ่ื งกว้าน

หลังจากเรือถอนสมอแล้ว โดยปกติคนน�ำร่องจะท�ำหน้าท่ีอยู่บริเวณ
ด้านหน้าเรือ ซ่ึงอย่างที่รู้กันว่าบิลแดดกับพีเลกก็ท�ำหน้าที่นี้ด้วย และ
บลิ แดดยงั เปน็ หนง่ึ ในคนนำ� รอ่ งทไ่ี ดร้ บั ใบอนญุ าตจากทา่ เรอื อกี ทงั้ เปน็ ไปได้
ว่าเขาอาจท�ำหน้าที่น�ำร่องให้แก่เรือทุกล�ำท่ีเขามีส่วนเก่ียวข้องเพื่อประหยัด
ค่าธรรมเนียมน�ำร่องของท่าเรือแนนทักเก็ต เพราะเขาก็ไม่เคยท�ำหน้าท่ีนี้
ให้แก่เรือล�ำอื่นเลย ผมคิดว่าบิลแดดคงก�ำลังตรวจตราหัวเรือตรงที่ก�ำลัง
ถอนสมอขึ้น และอยู่ระหว่างร้องเพลงสวดโหยหวนเพ่ือสร้างขวัญก�ำลังใจ
แกเ่ หล่าบรรดาลกู เรือผ้ปู ระจ�ำการตรงเคร่อื งกวา้ นสมอ ซ่งึ พากนั ตะโกนร้อง
เพลงเกย่ี วกบั สาวๆ ในตรอกบเู บลิ้ 1 กนั อยา่ งครกึ ครน้ื แมส้ ามวนั กอ่ นบลิ แดด

1  ตรอกบูเบ้ิล-ถนนโคมแดงหรือยา่ นโสเภณใี นเมอื งทา่ ลิเวอรพ์ ลู องั กฤษ

136 : โมบ้ี-ด๊ิก

จะส่ังห้ามไม่ให้ร้องเพลงหยาบคายบนเรือพีควอดโดยเฉพาะก่อนถอนสมอ
และแมแ้ ชรติ นี้ อ้ งสาวของเขาไดว้ างสำ� เนาบทเพลงของวตั ตส์2ไวท้ ท่ี น่ี อนของ
ลูกเรอื แตล่ ะคนแล้วก็ตาม

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น กัปตันพีเลกเดินตรวจตราส่วนอ่ืนๆ ในเรือ
เขาตะโกนสบถดา่ ดว้ ยทา่ ทางดดุ นั นา่ กลวั ผมเกอื บคดิ ไปวา่ เขาอาจจมเรอื ลำ�
นเ้ี สยี กอ่ นจะถอนสมอเรอื ขนึ้ มาได้ ผมปลอ่ ยมอื จากแขนหมนุ กวา้ นโดยไมไ่ ด้
ต้ังใจ ขณะหันไปคุยกับควีเควกซ่ึงเขาก็เผลอปล่อยมือตาม เพราะคิดถึงภัย
หายนะที่รอเราอยู่หากต้องล่องเรือไปกับคนน�ำทางผู้ดุร้ายราวปีศาจแบบน้ัน
แต่ผมก็พยายามปลุกปลอบใจตัวเอง และคิดว่ากับบิลแดดผู้เคร่งศาสนาน้ัน
ยงั น่าอ่นุ ใจเสยี กว่า แมเ้ ขาพยายามใหส้ ว่ นแบ่งผมแค่ลำ� ดบั ท่เี จด็ รอ้ ยเจบ็ สบิ
เจด็ กต็ าม ทนั ใดผมรสู้ กึ เจบ็ ปลาบทก่ี น้ พอเหลยี วไปดกู ต็ อ้ งตกใจ ทเ่ี หน็ ปศี าจ
กัปตนั พเี ลกกำ� ลงั ชักขากลบั ไป นนั่ เปน็ ลกู เตะครงั้ แรกทผี่ มโดน

“ท่ีเรือพาณิชย์มันถอนสมอกันอย่างน้ีรึ?” เขาตะคอกถาม “ดันเข้าสิวะ
นาย..เจ้าหัวแกะ ดนั เขา้ กระดูกสันหลังหักกช็ ่งั มนั ! ท�ำไมไม่ดนั ล่ะ? ฉนั บอก
ใหด้ ัน พวกนายทุกคน...ดัน! คอฮอก! ดนั นายกบั เจา้ เคราแดงดันไปทางน้ัน
เจ้าหมวกแก็ปดัน เจ้ากางเกงเขียวดัน ฉันส่ังให้พวกนายทุกคนออกแรงดัน
ดันให้ตามันปลิ้นออกมาเลย!” ขณะที่พูด เขาก็เดินไปเดินมาบริเวณเคร่ือง
กว้านสมอโดยไม่ยอมหยุดขา ขณะบิลแดดผู้เยือกเย็นยังคงร้องน�ำเพลงสวด
ของเขาตอ่ ไป ผมคดิ ว่ากปั ตนั พีเลกน่าจะดมื่ อะไรเขา้ ไปในวันน้เี ป็นแน่

ในท่ีสุดสมอก็ถูกยกข้ึน ใบเรือทุกใบรับลม และเราค่อยๆ แล่นออกไป
มันเป็นวันคริสต์มาสสั้นๆ อันเหน็บหนาว แล้ววันทางตอนเหนือแสนสั้น
ก็กลืนหายไปกับราตรีที่มาเยือน และพวกเราก็ตกอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร
เว้ิงว้างยามหน้าหนาว ลมเย็นกระหน�่ำใส่เรือจนมีน�้ำแข็งจับพราว ราวกับ
หอ่ หมุ้ อยดู่ ว้ ยเกราะขดั มนั เขย้ี วฟนั ทย่ี าวเรยี งรายอยบู่ นสองกราบเรอื แวววาว
อยู่ในแสงจันทร์ แท่งน้�ำแข็งขนาดมหึมาโค้งย้อยมาจากหัวเรือดุจด่ังงาขาว

2  วตั ต-์ ไอแซก วัตตส์ (ค.ศ. 1674-1748) นกั เขยี นเพลงสวดสรรเสริญชาวองั กฤษคนส�ำคัญ

เฮอรแ์ มน เมลวิลล์ : 137

ของช้างใหญย่ กั ษ์
แลงก์ บลิ แดด ผทู้ ำ� หนา้ ทค่ี นนำ� รอ่ งกะแรก3 ซงึ่ กค็ งจะทำ� หนา้ ทนี่ อ้ี กี ในไม่

ช้าและตลอดไป ยามเม่อื เรือเก่าลำ� นั้นปกั หัวแหวกทอ้ งทะเลสเี ขยี ว จนเกลด็
นำ�้ แขง็ กระเซน็ ซา่ นไปทวั่ ลำ� เรอื สายลมครวญหวดี หววิ เชอื กขงึ ใบสนั่ สะทา้ น
ก็ได้ยนิ เขาร่ายบทกวอี อกมาเสียงหนกั แนน่

“ท่งุ งามเหนือกระแสคล่นื ใหญ4่
ยดื หยดั แต่งแตม้ อยดู่ ้วยพันธ์ไุ มช้ อมุ่
คอื แผน่ ดินเกา่ แกค่ านาอัน5ของชาวยวิ
ขณะชาวจอรแ์ ดนรอนแรมอยรู่ ะหว่างทาง”
ถ้อยค�ำเสนาะหูนี้ช่างไพเราะจับใจผมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะ
เต็มไปด้วยความหวังและความสมหวัง แม้เวลาน้ันจะเป็นคืนเหน็บหนาว
กลางทะเลแอตแลนติกอันครืนครั่น แม้สองเท้าของผมจะเปียกชุ่ม เส้ือคลุม
ก็ย่ิงเปียกชุ่มกว่า แต่ผมก็รู้สึกสุขใจเหมือนดั่งทั่วทุกที่เป็นแหล่งพักพิงใจ
ทุ่งหญ้าและทุ่งโล่งเขียวชอุ่มอยู่ชั่วนิรันดร์ ต้นหญ้าท่ีงอกงามในฤดูใบไม้ผลิ
ไม่ถูกเหยียบย่�ำ ไม่เหีย่ วเฉาโรยรา แต่หยัดยืนอยู่จนถงึ กลางฤดูร้อน
ในที่สุดเราก็แล่นห่างออกจากฝั่งมาไกล จนถึงจุดที่ไม่จ�ำเป็นต้องใช้คน
นำ� ร่องทงั้ สองอกี เรอื ใบเล็กล�ำสนั้ ทีแ่ ล่นตามเรามากเ็ ข้ามาขนาบขา้ ง
เปน็ เรอื่ งแปลกและดูไมน่ า่ เบ่ือ สำ� หรับอาการของพเี ลกและบิลแดดตอน
ผละจากเรือใหญล่ �ำนีไ้ ป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิลแดด เขาอดิ เอื้อนไม่อยากไป
ไม่อยากลาจาก...ตลอดกาล ไม่อยากอ�ำลาเรือซ่ึงต้องออกเดินทางยาวนาน
และเต็มไปด้วยภยันตราย กลางท้องทะเลซึ่งอยู่เลยพ้นแหลมพายุท้ังสอง6
ออกไป ไม่อยากอ�ำลาเรือซึ่งเขาลงทุนด้วยเงินหลายพันดอลลาร์ที่มาจาก

3  กะแรก-กะละราวๆ สีช่ ั่วโมง
4  ทงุ่ งามเหนอื กระแสคลนื่ ใหญ-่ บทหนง่ึ จากเพลงสวดสรรเสรญิ ของไอแซก็ วตั ตสท์ ชี่ อื่ “มดี นิ แดนแหง่ ความ
สขุ บรสิ ุทธิ์” ซ่ึงเป็นเพลงเก่ียวกับสวรรค์
5  คานาอัน-ดินแดนเกา่ แก่ของชนชาติตะวันออกใกล้โบราณ ราวสองพันปกี อ่ นครสิ ตกาล
6  แหลมพายุทง้ั สอง-แหลมเคปฮอร์นซงึ่ อยู่ทางใต้สุดของทวีปอเมรกิ าใต้ กบั แหลมกู๊ดโฮปซงึ่ อยูใ่ กลๆ้ กับ
แอฟริกาทางใตส้ ดุ ของทวปี แอฟริกา

138 : โมบ-ี้ ดิ๊ก

หยาดเหงื่อแรงกาย ไม่อยากอ�ำลาเรือซ่ึงเพื่อนเก่าผู้มีอายุพอๆ กับเขาท�ำ
หน้าที่เป็นกัปตัน ผู้ซึ่งก�ำลังจะเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวท้ังหลาย
ของคมเขี้ยวไร้ปราณีอีกคร้ัง ไม่อยากกล่าวค�ำอ�ำลาด้วยความรู้สึกเอ่อล้น
ต่อทกุ ส่ิงท่ีเขาหว่ งหา เฒ่าบลิ แดดผูน้ า่ สงสารอ้อยอง่ิ อยูเ่ นนิ่ นาน เด๋ยี วก็เดนิ
ไปมาบนดาดฟ้าเรืออย่างว้าวุ่นใจ เดี๋ยวก็ว่ิงลงไปที่ห้องเคร่ืองกล่าวค�ำล�่ำลา
ท่นี ่นั อกี ครั้ง กอ่ นจะเดินกลับมาบนดาดฟา้ เรอื มองไปดา้ นเหนือลม มองไป
ยังผืนน�้ำกว้างไกลไม่สิ้นสุด ซ่ึงมีก็แต่แผ่นดินทางฝั่งตะวันออกอันไกลโพ้น
มองไปในทศิ ทางของแผน่ ดนิ นนั้ มองสงู ขน้ึ ไปเบอื้ งบน มองซา้ ยและขวา มอง
ไปยังท่ัวทุกท่ี และที่ที่ไม่ได้มอง จนกระทุ่งเครื่องหย่อนเชือกหย่อนลงมาจน
สดุ ทาง เขายนื่ มอื ไปเกาะพเี ลกไวด้ ว้ ยอาการสน่ั กระตกุ ชตู ะเกยี งขน้ึ พยายาม
ยนื ทำ� สหี นา้ กลา้ หาญอยคู่ รใู่ หญ่ เหมอื นกบั จะบอกวา่ “ไมว่ า่ ยงั ไง เกลอพเี ลก
ฉนั ทนได้ ใช.่ ..ฉนั รบั ได”้

ส่วนพีเลกนั้น เขาล่�ำลาราวกับนักปรัชญา ทว่า แม้ด้วยหลักปรัชญาทั้ง
หลายแหล่ของเขา ก็ยังเห็นน้�ำใสๆ ในดวงตารื้นขึ้นประกายยามแสงตะเกียง
ฉายผา่ น เขากเ็ ปน็ อกี คนทวี่ ง่ิ ไปวง่ิ มาระหวา่ งดาดฟา้ กบั หอ้ งเครอื่ งไมใ่ ชน่ อ้ ย
เดี๋ยวกก็ ลา่ วค�ำอ�ำลาทด่ี ้านลา่ งน้ัน เดยี๋ วก็กลา่ วลาสตาร์บคั ผ้เู ป็นตน้ เรอื

ทสี่ ดุ เขากห็ นั ไปหาสหาย ดว้ ยทา่ ทางทบี่ อกใหร้ วู้ า่ ถงึ เวลาอำ� ลาจรงิ ๆ แลว้
“กัปตนั บิลแดด มาเถอะ เพอ่ื นรกั เราต้องไปกนั แล้ว ปรบั เสาขวาง7น่ัน! เฮ.้ ..
ไอ้เรือเล็ก! ขยับเข้ามาใกล้ๆ ได้แล้ว! ระวัง...ระวังหน่อย! มาเถอะ บิลแดด
ไอ้น้องชาย บอกลาเป็นคร้ังสุดท้ายซะ สตาร์บัคโชคดีนะ คุณสตับบ์โชคดี
คณุ ฟลาสก์โชคดี ลากอ่ นและขอใหโ้ ชคดีทกุ คน วันน้ีในอีกสามปีขา้ งหนา้ ฉัน
จะทำ� อาหารคำ่� รอ้ นๆ เตรยี มรอรบั พวกนายทแ่ี นนทกั เกต็ นี่ รอ้ งไชโยซะ และ
กไ็ ปได้แลว้ !”

“ขอพระเจ้าประทานพรและคุ้มครองพวกนายตลอดไป” ผู้เฒ่าบิลแดด
พมึ พำ� เสยี งขาดๆ หายๆ “ขอพวกนายไดเ้ จอกบั อากาศดีๆ กปั ตนั เอแฮบ็ จะ

7  ปรบั เสาขวาง-ท่ยี อดเสากระโดงหลกั ท�ำใหเ้ รือรับลมจากทางด้านหนา้ เพอ่ื ชะลอหรอื หยุดเรอื

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 139

ออกมาพบพวกนายในไมช่ า้ เขาตอ้ งรบั แสงอาทติ ยอ์ นุ่ ๆ พวกนายกจ็ ะไดเ้ จอ
แสงอาทติ ยอ์ นุ่ ๆ นเี่ ยอะแยะในเขตรอ้ นทไ่ี ป ระวงั ตวั ดว้ ยตอนออกลา่ ...เพอื่ น
ท้ังหลาย แลว้ อย่าทำ� เรือเลก็ พังโดยไม่จ�ำเป็น นกั พงุ่ ฉมวกทัง้ หลาย สนซดี าร์
ขาวที่ท�ำไม้แผ่นดีๆ น่ะปีหน่ึงโตสามเปอร์เซ็นต์เอง แล้วอย่าลืมสวดภาวนา
ด้วยล่ะ คุณสตาร์บัคระวังอย่าให้ช่างท�ำถังไม้ใช้ไม้ส�ำรองมากเกินนะ โอ๊ะ!
เขม็ เยบ็ ใบเรืออยู่ในตสู้ เี ขยี ว อย่าลา่ วาฬในวันนมัสการพระเจ้า....นะพวก แต่
ก็อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ ลอยผ่านไปเฉยๆ เสียล่ะ นั่นเป็นการปฏิเสธของ
ขวญั ชน้ิ งามจากสวรรค์ คอยดถู ังกากน้ำ� ตาลดว้ ย...คุณสตับบ์ ฉนั คดิ วา่ มันร่ัว
อยนู่ ดิ หนอ่ ยนะ คุณฟลาสก.์ .ไปถงึ เกาะไหน อยา่ ไปทำ� เจา้ ชทู้ ่นี นั่ ล่ะ ลาก่อน
ลากอ่ น! อย่าเก็บชีสไวห้ ้องขา้ งลา่ งนนั่ นานเกินไปนะคณุ สตารบ์ ัค มันจะเสยี
แลว้ ระวังพวกเนยดว้ ย ปอนด์หนึ่งตงั้ ยีส่ ิบเซนตเ์ ชยี วนะ และกร็ ะวังเรอื่ ง...”

“เอาน่า มาได้แล้ว กัปตันบิลแดด อย่ามัวแต่พูดฟุ้งอยู่เลย ไปกันเถอะ!”
พูดจบพีเลกก็รีบพาเขาไปยังดา้ นข้างเรือ แลว้ ทง้ั สองก็ลงไปยงั เรือเลก็

เรือใหญ่และเรือเล็กผละจากกัน ลมเย็นช้ืนยามค่�ำคืนพัดแทรกระหว่าง
กลาง นกนางนวลส่งเสียงร้องขณะบินอยู่เหนือศีรษะขึ้นไป สองล�ำเรือแล่น
ออกห่างจากกันมากข้ึนเร่ือยๆ พวกเราเปล่งเสียงร้องไชโยออกมาสามครั้ง
อยา่ งหดหู่ และมงุ่ หนา้ ส่แู อตแลนติกอนั อ้างว้างอย่างไมร่ อู้ นาคต

140 : โมบ้ี-ดิก๊

บทท่ี 23

ฝงั่ บงั ลม

หลายบทกอ่ นหนา้ นผ้ี มไดพ้ ดู ถงึ บลั กงิ ตนั กะลาสรี า่ งสงู ทเ่ี พงิ่ ขน้ึ ฝง่ั มา ซงึ่ ผม
เจอตอนพกั อยู่ทีโ่ รงเตีย๊ มในนิวเบดฟอรด์

ค่�ำคืนอันหนาวส่ันยามน้ี เรือพีควอดพุ่งหัวเรือเข้าใส่คล่ืนร้ายเย็นเยือก
ราวกับผูกพยาบาท ผู้ท่ีผมเห็นยืนควบคุมพวงมาลัยเรืออยู่นั้นคือบัลกิงตัน!
ผมเฝา้ มองดชู ายคนนด้ี ว้ ยความรสู้ กึ กงึ่ เหน็ ใจกง่ึ ครนั่ ครา้ ม ชว่ งกลางฤดหู นาว
เขาเพ่ิงกลบั ขึน้ ฝั่งหลงั เดนิ ทางเส่ียงภยั มาตลอดส่ปี ี ยงั ไมท่ นั ไรกต็ ้องกลับมา
ผจญกบั มรสุมร้ายอีกครงั้ ดเู หมอื นผนื แผน่ ดินคงลนสองเท้าเขา เรอื่ งราวอนั
สุดพิศวงท่ีไม่อาจเล่าขาน ความทรงจ�ำในส่วนลึกไม่อาจจารึกเป็นอนุสรณ์
น่ีแหละ ข้อความยาวหกน้ิวบนหลุมศพไร้หินจารึกของบัลกิงตัน ผมขอบอก
เพียงว่า มันเกิดขึ้นกับเขาเหมือนเรือท่ีถูกพายุกระหน่�ำซ่ึงต้องพยายามแล่น
เข้าฝั่งบังลม ท่าเรือน่ันอาจยินดีให้ความช่วยเหลือ อาจสงสารเวทนา ให้ที่
พกั พงิ อนั ปลอดภยั อบอนุ่ สบายทง้ั เตาผงิ อาหารคำ�่ ผา้ หม่ หนานมุ่ มติ รภาพและ
ทุกสิ่งอย่างอันเป็นความปรารถนาของมนุษย์อย่างเรา แต่กลางพายุร้ายน้ัน
ท่าเรือและแผ่นดินก็อาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ เรือจึงต้องล่องหนีจากการ
ต้อนรับช่วยเหลือใดๆ เพราะเพียงกระดูกงูครูดกับดินใต้น้�ำก็จะสะท้าน
สะเทือนไปท้ังล�ำ เรือจึงต้องกางใบทุกใบเพื่อพยายามแล่นออกห่างจากฝั่ง
และฝา่ กลบั ไปในพายซุ ง่ึ ชว่ ยพดั มายงั บา้ นเกดิ นนั้ อกี ครง้ั เพอ่ื แสวงหาดนิ แดน
ไรแ้ ผน่ ดนิ ของทะเลคลงั่ อกี หน พงุ่ ทะยานสภู่ ยนั ตรายอนั เปน็ ทลี่ ภี้ ยั แหง่ เดยี ว

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 141

ซ่ึงเป็นทัง้ มิตรสหายผู้เดียวและศัตรูค่อู าฆาต!
ตอนนี้นายรู้หรือยัง...บัลกิงตัน? นายพอมองเห็นสัจธรรมอันเจ็บปวด

สาหัสสากรรจ์หรือไม่ ว่าการครุ่นคิดลึกซึ้งจริงจังก็เป็นแค่ความพยายามอัน
หาญกล้าของจิตวิญญาณ ที่จะด�ำรงความเป็นอิสระไร้ขอบเขตอยู่ในทะเล
ขณะที่ลมแห่งสวรรค์และโลกกลับคิดคดทรยศ โดยเหว่ียงเรือเข้าหาฝั่งอัน
ช่ัวร้ายเปย่ี มอนั ตราย?

กระน้ัน ในดินแดนไร้แผ่นดินเองก็มีสัจธรรมสูงสุดอยู่ การไร้ฝั่ง และ
ไรข้ อบเขตดง่ั เชน่ พระเจา้ ดว้ ยเหตนุ ี้ หากจะตอ้ งยอ่ ยยบั ดบั สญู อยใู่ นความไม่
ส้ินสุดที่ส่งเสียงหวีดหวิวนั้น ก็ยังดีกว่าเรือต้องชนกระแทกฝั่งบังลมจนแตก
อับปางลงอย่างเสื่อมเกียรติ แม้บนฝั่งจะมีความปลอดภัยก็ตามที! โอ! ใคร
จะยอมท�ำตัวเหมือนหนอน...คืบคลานเข้าหาฝั่งอย่างข้ีขลาดตาขาว? ความ
น่ากลัวท่ีเหนือความน่ากลัว! ความเจ็บปวดรวดร้าวนี้จะสูญเปล่าหรือ?
จงกล้า...กล้าหาญไว้ โอ้...บัลกิงตัน! แบกรับไว้อย่างยอดคน! ทะยานตนขึ้น
เหนอื มา่ นหมอกมรณะแหง่ มหาสมทุ ร และโจนตวั สอู่ ดุ มคตอิ นั นา่ ยกยอ่ งบชู า!

142 : โมบ้ี-ด๊ิก

บทที่ 24

คำ� แก้ตา่ ง

เมื่อควีเควกและผมได้เข้ามาท�ำงานล่าวาฬอย่างเต็มตัว แต่เน่ืองจากคน
บนฝัง่ มกั มองอาชีพนีว้ ่าไรเ้ กยี รตแิ ละไรค้ วามสนุ ทรีย์ ดงั นน้ั ผมเกรงวา่ ต้อง
โน้มน้าวพวกคุณๆ ซึ่งอยูบ่ นบก ให้เหน็ ถึงความไมเ่ ป็นธรรมทพ่ี วกเราเหล่า
นักล่าวาฬไดร้ บั

ประการแรก ทผี่ คู้ นสว่ นใหญม่ องวา่ ธรุ กจิ ลา่ วาฬไมม่ คี ณุ คา่ พอจะเรยี กได้
ว่าอาชีพอิสระน้ัน ออกจะเลยเถิดเกินความเป็นจริงไปหน่อย หากคนแปลก
หนา้ คนหนง่ึ ถกู ชกั นำ� สสู่ งั คมเมอื งซงึ่ มคี วามหลากหลาย ความคดิ เหน็ ของคน
ทว่ั ไปยอ่ มมปี ระโยชนน์ อ้ ยนดิ ตอ่ เขา ยกตวั อยา่ งเชน่ หากเขาแสดงตวั กบั บรษิ ทั
บรษิ ทั หนง่ึ วา่ เปน็ นกั พงุ่ ฉมวก และอยากเอาอยา่ งพวกนาวกิ โยธนิ เขากต็ อ้ งใส่
อักษรย่อในนามบัตรเป็น ป.ว.ท. (การประมงวาฬหัวทุย) ซ่ึงคงถูกมองว่า
เป็นการอวดอา้ งเอาเองและไร้สาระน่าขนั

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุผลส�ำคัญที่ท�ำให้โลกใบน้ีไม่เห็นคุณค่าพวกเรา
เหล่านักล่าวาฬ นั่นก็เพราะพวกเขาคิดว่า อย่างมากท่ีสุดอาชีพของเราก็แค่
จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับธุรกิจฆ่าและขายเน้ือสัตว์ และเมื่อเข้าไปข้องเก่ียวกับ
ธุรกิจน้ีอย่างจริงจัง เราย่อมต้องคลุกคลีตีโมงอยู่แต่กับพวกที่มีมลทินด่าง
พร้อย เราเป็นนักฆ่าสัตว์ นั่นก็จริงอยู่ แต่บรรดาผู้บัญชาการกองทัพซึ่งติด
เหรยี ญตราชมุ่ เลอื ดกเ็ ปน็ นกั ฆา่ ไมต่ า่ งกนั ทวา่ โลกใบนกี้ ลบั เชดิ ชยู กยอ่ งพวก
นน้ั เสมอมา สว่ นขอ้ กลา่ วหาทวี่ า่ ธรุ กจิ ของเราไมข่ าวสะอาดนน้ั อกี ไมน่ านคณุ

เฮอร์แมน เมลวิลล์ : 143

จะไดร้ บั รถู้ งึ ความจรงิ ซงึ่ ยงั ไมเ่ ปน็ ทร่ี กู้ นั โดยทว่ั ไป ซงึ่ วา่ กนั โดยรวมแลว้ อยา่ ง
นอ้ ยทสี่ ดุ เรอื ลา่ วาฬหวั ทยุ กจ็ ดั อยใู่ นสง่ิ ทสี่ ะอาดทส่ี ดุ ของโลกหมดจดใบน้ี และ
ตอ่ ใหข้ อ้ กลา่ วหาขา้ งตน้ นนั้ เปน็ เรอ่ื งจรงิ วา่ ดาดฟา้ ของเรอื ลา่ วาฬโชกไปดว้ ย
เลอื ดดว้ ยซากเนอ้ื ระเกะระกะ แตจ่ ะตา่ งอะไรกบั ซากแหลกเหลวเกนิ พรรณา
ในสงคราม ซึ่งทหารพวกนั้นมากมายกลับไปดื่มฉลองชัยท่ามกลางเสียง
สรรเสริญของเหล่าสุภาพสตรี? และหากมองว่าความอยากเส่ียงภัยเป็นแรง
เสรมิ ใหเ้ กดิ ความนยิ มในอาชพี ทหารอนั นา่ หยง่ิ ทะนง ผมกข็ อยนื ยนั กบั คณุ ได้
เลย วา่ ทหารผา่ นศกึ มากมายผกู้ ลา้ เดนิ อาดๆ สสู่ นามรบทา่ มกลางกระสนุ ปนื
ใหญ่ ตา่ งกต็ อ้ งกลวั จนขนหวั ลกุ แคไ่ ดเ้ หน็ หางมหมึ าของวาฬหวั ทยุ โบกสะบกั
จนเป็นลมหมุนอยเู่ หนอื หัว เพราะน่นั เป็นความแตกตา่ งระหวา่ งความกลวั ที่
มนุษย์เข้าใจได้ กับความน่ากลัวซง่ึ ผสมผสานกบั ความน่าพิศวงของพระเจ้า!

แม้โลกจะหยามหยันพวกเราเหล่านักล่าวาฬ แต่ก็คารวะเราอย่างสุดซึ้ง
โดยไม่รู้ตัว ใช่แล้ว...หลงใหลบูชากันอย่างดาษด่ืน! เพราะเทียนไขหนาบาง
และโคมไฟแทบทั้งหมดท่ีจุดกันทั่วโลก รวมทั้งท่ีจุดหน้าแท่นบูชามากหลาย
นน้ั นนั่ ก็คือไฟท่ีตา่ งจุดให้แก่ความรุง่ โรจน์ของเรา!

ถา้ มองเรอ่ื งนใ้ี นแงม่ มุ ใหม่ แลว้ ลองชงั่ ความสำ� คญั ดว้ ยมาตรวดั ทง้ั มวลทม่ี ี
ก็จะเหน็ สิง่ ท่ีเราชาวนกั ล่าวาฬเปน็ อยู่ และทีเ่ คยเป็นมาจนถึงบัดน้ี

เหตุใดดัตช์ในยุคเดอวิตต์1จึงมีพลเรือเอกประจ�ำกองเรือล่าวาฬ? เหตุใด
พระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกแห่งประเทศฝรั่งเศสจึงลงทุนด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์
ปรบั ปรงุ เรอื ลา่ วาฬจากเมอื งดนั เคริ ก์ 2 และกลา่ วเชอ้ื เชญิ ชาวเกาะแนนทกั เกต็
ของเราให้ไปอยู่ท่ีนั่นยี่สิบหรือส่ีสิบครอบครัว? เหตุใดอังกฤษช่วงระหว่างปี
1750 ถงึ ปี 1788 กลา้ จา่ ยเงินจำ� นวนมากถึง 1,000,000 ปอนดใ์ หแ้ ก่เรอื
ล่าวาฬ? และท้ายท่ีสุด อะไรท�ำให้พวกเราเหล่านักล่าวาฬชาวอเมริกันใน
ปัจจุบันมีจ�ำนวนมากกว่านักล่าวาฬทั้งหมดจากทั่วโลก มีเรือใบเป็นกองทัพ

1  เดอวิตต์-โยฮัน เดวติ ต์ (ผู้น�ำทางการเมืองชาวดตั ช์) ช่วงทีเ่ นเธอรแ์ ลนดย์ ังเปน็ มหาอ�ำนาจในโลกการค้า
2  ดันเคิร์ก-เมืองท่าทางเหนือสดุ ของฝรัง่ เศส หลงั จากการปฏิวัติอเมริกา นักล่าวาฬจากแนนทกั เกต็ ไดไ้ ป
ตัง้ ชุมชนอาณานคิ มที่นนั่ เพือ่ หลกี เล่ยี งภาษนี ำ� เข้านำ�้ มนั วาฬอันเขม้ งวดของฝร่งั เศส

144 : โมบ้-ี ดกิ๊

กว่าเจ็ดร้อยล�ำ มีบุคลากรชาวเรือมากถึงหน่ึงหมื่นแปดพันคน มีค่าใช้จ่าย
รายปีเป็นเงิน 824,000,000 ดอลลาร์ เรือใบมีมูลค่าขณะล่องเรือเป็นเงิน
20,000,000 ดอลลาร์ และทกุ ปจี ะนำ� รายได้กลับมาสทู่ า่ เรือของเรามากถงึ
847,000,000 ดอลลาร์? สิ่งเหลา่ นีจ้ ะเกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร หากไมใ่ ชเ่ พราะมี
พลังอำ� นาจบางอย่างในธุรกิจลา่ วาฬ?

กระนัน้ นั่นกย็ ังไม่ถงึ ครง่ึ ของเรือ่ งทง้ั หมด ลองมาดูกนั ตอ่
ผมกล้ายืนยันว่า นักปรัชญาผู้เดินทางไปทั่วโลกตลอดช่ัวชีวิตของเขา
ก็ยังไม่อาจชี้ชัดว่าส่ิงใดจะอิทธิพลโน้มน�ำเหนือไปกว่าธุรกิจอันย่ิงใหญ่และ
ทรงพลังของการล่าวาฬ ซึ่งในช่วงหกสิบปีหลังมานี้ได้สร้างปรากฏการณ์จน
นำ� ไปสบู่ ทสรปุ อนั เปน็ ทปี่ ระจกั ษไ์ ปทวั่ ทกุ มมุ โลก ธรุ กจิ ลา่ วาฬสง่ ผลอนั แสน
น่าท่ึงในตัวเองไม่ทางใดก็ทางหน่ึง และยังส่งผลกระทบส�ำคัญไปสู่สิ่งอ่ืนๆ
ท่ีตามมาอย่างต่อเนื่อง กระท่ังการล่าวาฬถูกมองว่าเป็นมารดาแห่งอียิปต์3
ผู้ให้พวกเขาถือก�ำเนิดมาจากครรภ์ของหล่อน คงไม่มีทางกล่าวโดยละเอียด
ในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้จนหมดสิ้น เอาเป็นว่ากล่าวถึงเพียงบางส่วนก็น่าจะ
เพียงพอ หลายปีท่ีผ่านมา เรือล่าวาฬเป็นผู้บุกเบิกในการค้นพบดินแดนอัน
ห่างไกลและยังเป็นที่รู้จักกันน้อยนิดบนโลกใบน้ี โดยออกส�ำรวจท้องทะเล
และหมเู่ กาะซงึ่ ยงั ไมไ่ ดบ้ นั ทกึ ไวใ้ นแผนทโ่ี ลก เขตแดนทก่ี ปั ตนั คกุ 4 หรอื กปั ตนั
แวนคูเวอร์5 ยังแล่นเรือไปไม่ถึง หากแม้นตอนน้ีเรือรบอเมริกันและยุโรป
สามารถลอยลำ� เขา้ ไปจอดยงั ทา่ เรอื ทเ่ี คยอยใู่ นเขตชาวปา่ ไดโ้ ดยสงบเรยี บรอ้ ย
ก็ขอให้ยิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติแก่ศักดิ์ศรีและช่ือเสียงของเรือล่าวาฬซ่ึงได้
บุกเบิกเส้นทางเอาไว้ และเป็นส่ือกลางเช่ือมต่อระหว่างพวกเขากับชาวป่า
มาก่อน พวกนั้นอาจสรรเสริญคนพวกน้ีว่าเป็นวีรบุรุษของนักสำ� รวจ ไม่ว่า

3 มารดาแห่งอียิปต์-นัตหรือนูเอ็ท เทพีแห่งท้องฟ้าตามต�ำนานอียิปต์ ผู้เป็นมารดาของโอไซริส (เทพแห่ง
ชวี ิตหลังความตาย หรอื เทพแห่งนรก)
4  คุก-กัปตันเจมส์ คุก (ค.ศ. 1728-1779) นักสำ� รวจชาวอังกฤษ ผู้บุกเบิกเกาะฮาวายและออสเตรเลีย
ตะวนั ออก และทำ� แผนทเี่ กาะนวิ ฟาวด์แสนด์ (แคนาดา) เป็นคนแรก
5  กัปตันแวนคูเวอร์-จอร์จ แวนคูเวอร์ (ค.ศ. 1757-1798) ราชนาวีอังกฤษผู้ส�ำรวจชายฝั่งแปซิฟิกของ
แคนาดาและรฐั โอเรกอน วอชงิ ตนั อะลาสกาของสหรัฐอเมรกิ า

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 145

จะบรรดาท่านกัปตันคุก6 หรือท่านครูเซนสเตียรน์7 แต่ผมอยากจะบอกว่า
กัปตันนิรนามจ�ำนวนมากท่ีล่องเรือจากแนนทักเก็ตก็ล้วนย่ิงใหญ่ และอาจ
ยงิ่ ใหญก่ วา่ ทา่ นกปั ตนั คกุ และครเู ซนสเตยี รนข์ องพวกนน้ั ดว้ ยซำ้� ดว้ ยพวกเขา
มีเพียงสองมอื เปลา่ ปราศจากความชว่ ยเหลอื ใดๆ ขณะล่องไปในสายนำ้� ซึ่ง
จอ้ งกลนื กินอย่างป่าเถือ่ น และขนึ้ ฝ่ังบนหาดทยี่ ังไม่มกี ารบันทกึ เกาะทเ่ี ต็ม
ไปดว้ ยหอกทวน และตอ้ งตอ่ สกู้ บั ความนา่ พศิ วงและสยดสยอง ทท่ี ก่ี ปั ตนั คกุ
กบั ลกู เรอื ทง้ั หมดซงึ่ ถอื ปนื คาบศลิ าคงไมน่ กึ หาญกลา้ เขา้ ไปเสยี่ งอยา่ งเตม็ ใจ
นัก นแี่ หละท่ีได้สรา้ งความรุง่ เรอื งใหแ้ กก่ ารเดนิ เรอื ทอ่ งทะเลใต8้ และเป็นส่งิ
ธรรมดาสามญั ทเ่ี กดิ ขน้ึ ตลอดชวั่ ชวี ติ ของชาวแนนทกั เกต็ ผเู้ ปน็ วรี บรุ ษุ ของเรา
มกี ารอทุ ศิ หนา้ กระดาษบนั ทกึ เรอ่ื งราวการผจญภยั ของกปั ตนั แวนคเู วอรไ์ วถ้ งึ
สามบท แตเ่ รอ่ื งราวของชาวแนนทกั เกต็ กลบั ถกู มองวา่ ไมม่ คี า่ พอใหบ้ นั ทกึ ไว้
ในปมู เดนิ เรือทั่วๆ ไปเลยด้วยซำ้� โอ้...โลกหนอ! โลกหนอโลก!

ก่อนการประมงล่าวาฬจะเกดิ ขึ้นรอบบริเวณแหลมเคปฮอรน์ ตอนน้นั ยัง
ไม่มีการค้าขายใดๆ เพราะมีสภาพเป็นเมืองอาณานิคม การเดินทางติดต่อ
ยังยากล�ำบากในฐานะเป็นเมืองขึ้น มีก็แต่ระหว่างยุโรปกับเขตนิคมมั่งคั่ง
ของสเปนตลอดแนวยาวของชายฝั่งแปซิฟิก9เท่าน้ัน นักล่าวาฬเป็นชนกลุ่ม
แรกที่มชี ยั เหนอื นโยบายหวงแหนดินแดนของราชบลั ลงั ก์สเปน จนไดบ้ ุกเบิก
ดนิ แดนอาณานคิ มเหลา่ นั้น และถา้ มีหนา้ กระดาษเหลือเฟอื กอ็ าจอธิบายให้
เหน็ กระจา่ งชดั ไดว้ า่ ในทา้ ยทสี่ ดุ นกั ลา่ วาฬเหลา่ นยี้ งั ผลใหเ้ ปรู ชลิ ี และโบลเี วยี
ปลดแอกจากอาณาจักรเก่าของสเปนได้อย่างไร และสร้างความเสมอภาค
ชั่วนริ นั ดร์ให้เกิดขึน้ แก่ดนิ แดนเหลา่ นั้น

นักล่าวาฬน่ีแหละท่ีมอบความเป็นอเมริกันอันยิ่งใหญ่แก่อีกซีกหนึ่งของ

6  กัปตนั คุก-ตรงน้ีน่าจะหมายถงึ กปั ตันเอดวาร์ด คกุ ผูเ้ ขยี น “ท่องทะเลใตแ้ ละรอบโลก” (ค.ศ. 1712)
7  ครูเซนสเตียรน์-อะดัม โยฮันน์ วอน (ค.ศ. 1770-1846), พลเรือเอกชาวรัสเซีย ผู้ล่องเรือรัสเซียรอบ
โลกเปน็ คร้งั แรก
8  ท่องทะเลใต้-เหล่ากะลาสีฝรั่งเศสผู้ออกส�ำรวจออสเตรเลียช่วง ค.ศ. 1768-1828 ซ่ึงมักประสบภัย
พิบัติอยบู่ อ่ ยคร้ัง
9  ชายฝ่งั แปซฟิ กิ -อเมรกิ าใต้ ฯลฯ

146 : โมบ้ี-ดิก๊

โลกซง่ึ เรม่ิ ร่งุ โรจน์ นนั่ ก็คือออสเตรเลีย หลังจากทช่ี าวดัตชห์ ลงทางไปพบเขา้
โดยบังเอิญเป็นครั้งแรก เรืออื่นๆ ทุกล�ำต่างก็หลีกล้ีจากชายฝั่งที่ถูกมองว่า
ปา่ เถอื่ นและเตม็ ไปดว้ ยโรคภยั เหลา่ นน้ั อยนู่ าน จนกระทงั่ เรอื ลา่ วาฬนแ่ี หละท่ี
ลอ่ งไปถงึ ทนี่ นั่ เรอื ลา่ วาฬจงึ เปน็ มารดาทแี่ ทจ้ รงิ ของอาณานคิ มมหาอำ� นาจใน
ปัจจบุ ัน ย่ิงไปกว่านั้น ในระยะแรกของการต้ังถิ่นฐานของชาวออสเตรเลีย
หลายคร้ังผู้ท่ีอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ต่างได้รับการช่วยเหลือให้รอดตาย
จากความหิวโหย ด้วยขนมปังจากความเมตตาของเรือล่าวาฬที่บังเอิญมา
ทอดสมอในน่านน้�ำของพวกเขา เกาะเล็กเกาะน้อยจ�ำนวนมากของหมู่เกาะ
พอลลินีเซีย10ก็ยอมรับกับข้อเท็จจริงเดียวกันน้ี และยอมรับนับถือในการ
พาณิชย์ของเรือล่าวาฬ ซึ่งได้ปูทางไปสู่งานเผยแพร่ศาสนาและการค้าขาย
และในหลายๆ กรณีก็ได้ล�ำเลียงพวกหมอสอนศาสนาจนเดินทางไปสู่จุด
หมายปลายทางไดส้ ำ� เรจ็ เปน็ ครงั้ แรก ถา้ หากดนิ แดนซง่ึ ปดิ ลอ็ กสองชน้ั 11อยา่ ง
ญี่ปุ่นได้เปิดประตูออกต้อนรับด้วยไมตรี ผู้ที่เป็นเจ้าของผลงานน้ันก็คงมีแต่
เพยี งเรือล่าวาฬเทา่ น้นั เพราะมนั เป็นจุดเร่มิ ต้นของการเปลี่ยนแปลงท่วี า่

แต่ถ้าหากได้ยินได้ฟังเร่ืองราวทั้งหมดน้ีแล้ว คุณยังคงประกาศว่าการล่า
วาฬไม่เกี่ยวอะไรกับเร่ืองศีลธรรมดีงามใด ผมก็พร้อมท่ีจะประลองทวนกับ
คุณสักหา้ สบิ รอบ และแทงคุณตกม้าหมวกเหลก็ แบะทกุ ครัง้ ไป

คุณอาจบอกว่า ไม่มีนักประพันธ์ชื่อดังคนใดเขียนเร่ืองวาฬ และไม่มีนัก
ประวตั ศิ าสตรช์ อ่ื ดังบันทึกเร่ืองราวของวาฬไว้

ไม่มีนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์คนดังเขียนเร่ืองวาฬไว้ง้ันหรือ?
แล้วใครกันเป็นผู้เขียนถึงเจ้าวาฬยักษ์ของเราเป็นครั้งแรก...ถ้าไม่ใช่โยบ12
ผู้เข้มแข็ง? ใครที่เขียนเล่าเร่ืองราวการเดินทางไล่ล่าวาฬเป็นครั้งแรก? ใคร

10  พอลินีเซีย-ภูมิภาคที่อยู่ในเขตโอเชียเนีย มหาสมุทรแปซิฟิก เม่ือมองจากแผนท่ีจะเห็นพ้ืนท่ีเป็นรูป
สามเหลี่ยมหรอื ทีเ่ รียกกันวา่ สามเหลยี่ มโพลินเี ซียน
11  ดนิ แดนซงึ่ ปิดลอ็ กสองชนั้ -ช่วง ค.ศ. 1639-1854 ญ่ปี นุ่ ถกู มองว่าใชน้ โยบายปิดประเทศ ช่วงดงั กล่าว
ห้ามคนเขา้ หรอื ออกอยา่ งเด็ดขาด และมโี ทษถงึ ตาย
12  โยบ-ในคมั ภรี ไ์ บเบลิ โยบคนดเี พยี บพรอ้ ม เทย่ี งธรรม ยำ� เกรงพระเจา้ และหลกี หา่ งจากความชวั่ ซงึ่ โยบ
ยอมให้พระเจ้าทรมานเพื่อพสิ ูจนค์ วามภกั ดี และในโยบบทที่ 41 ก็ไดก้ ลา่ วถึงวาฬยักษ์ไว้

เฮอรแ์ มน เมลวิลล์ : 147

กันที่มีความส�ำคัญไม่น้อยไปกว่าพระเจ้าอัลเฟรดมหาราช*13 เพราะใช้
ปากกาชน้ั เยย่ี มของตวั เองจดคำ� บอกเลา่ ของบรรดานกั ลา่ วาฬชาวนอรเ์ วยใ์ น
หลายยคุ สมยั และประกาศสรรเสรญิ ความรงุ่ โรจนข์ องเราในรฐั สภา...ถา้ ไมใ่ ช่
เอด็ มนั ด์ เบิรก์ 14?

จริงอยู่ หากตัวนักล่าวาฬเองเป็นปีศาจชั้นต่�ำ ก็เพราะพวกเขาไม่มีเลือด
ช้ันดีอย่ใู นตัว

ไม่มีสายเลือดชั้นดีอยู่ในตัวง้ันหรือ? แต่พวกเขาก็คงมีบางสิ่งท่ีดีกว่า
เช้ือสายเจ้า แมรี่ มอร์เรล ย่าของเบนจามิน แฟรงคลิน หลังแต่งงานได้
เปลี่ยนนามสกุลมาเปน็ แมร่ี โฟลเจอร์ หนึ่งในกล่มุ ผู้อพยพซ่ึงมาตง้ั ถน่ิ ฐานท่ี
แนนทกั เกต็ ในยคุ แรก และเปน็ ตน้ สกลุ โฟลเจอรแ์ ละนกั พงุ่ ฉมวกทสี่ บื เชอ้ื สาย
มายาวนาน ลกู หลานวา่ นเครือของเบนจามนิ ผู้สูงศกั ดิ์ทุกคนในทกุ วันน้ี ต่าง
กพ็ ่งุ ฉมวกเหลก็ จากซีกโลกดา้ นหนึ่งไปจนถึงอีกด้าน

อีกครั้งท่ีต้องบอกว่าเย่ียม แต่ทุกคนก็ยังยอมรับว่าการล่าวาฬเป็นอาชีพ
ที่ไม่เชดิ หน้าชตู า

การลา่ วาฬเปน็ อาชพี ทไี่ มเ่ ชดิ หนา้ ชตู าอยา่ งนน้ั หรอื ? การลา่ วาฬเปน็ เรอื่ ง
สงู สง่ ! กฎหมายพระราชบญั ญัติของประเทศอังกฤษในอดีตถงึ กบั ประกาศให้
วาฬเป็น “ปลาหลวง”

โอ๊ะ...นั่นเป็นการแต่งต้ังเพียงในนามเท่าน้ัน! เพราะตัววาฬเองไม่เคยไป
ปรากฏตวั ในพธิ ีอนั ยง่ิ ใหญโ่ ออ่ า่ ที่ว่านเ้ี ลย

วาฬไมเ่ คยปรากฏตวั ในพธิ อี นั ยงิ่ ใหญโ่ ออ่ า่ เลยหรอื ? หนง่ึ ในชยั ชนะอนั ยงิ่

13  พระเจ้าอัลเฟรดมหาราช-กษตั รยิ ์ผู้ปกครองราชอาณาจักรเวสเซก็ ซ์ (แองโกล-แซกซัน) ทางตอนใตข้ อง
อังกฤษ ชว่ ง ค.ศ. 871-899
14  เอ็ดมันด์ เบิร์ก-รัฐบุรุษและนักเขียนคนส�ำคัญของอังกฤษ (ค.ศ.1729-1797) ในปี 1775 เบิร์กได้
แถลงในรฐั สภาองั กฤษ สรรเสรญิ ความกลา้ หาญและความสำ� เรจ็ ของอตุ สาหกรรมลา่ วาฬในนวิ องิ แลนด์
สหรัฐอเมริกา ซึ่งแตกตา่ งตรงกนั ขา้ มกบั ในยุโรป

148 : โมบ้-ี ดิ๊ก

ใหญท่ แ่ี มท่ พั ชาวโรมนั 15ไดร้ บั ขณะยาตราสเู่ มอื งหลวงของโลก นนั่ กค็ อื กระดกู
วาฬท่ีนำ� มาจากทว่ั สารทศิ ของชายฝั่งซีเรยี ซ่งึ เปน็ วัตถุท่ีเด่นสะดดุ ตาทส่ี ุดใน
ขบวนแหประโคมฉงิ่ ฉาบ16นัน้

ยอมรบั เถอะวา่ คณุ เคยพดู ถงึ การลา่ วาฬแบบนน้ั แตก่ เ็ อาเถอะ พดู ไดต้ าม
สบาย จะบอกว่าการล่าวาฬไม่มศี กั ด์ศิ รแี ทจ้ รงิ ก็ได้

การล่าวาฬไม่มีศักด์ิศรีแท้จริงอย่างน้ันหรือ? ศักดิ์ศรีในอาชีพของเรามี
แตส่ วรรค์เทา่ น้ันทีเ่ ป็นพยานได้ ซตี สั 17เป็นกลุ่มดาวทางซกี ฟ้าใต้เทา่ น้นั ! รีบ
ก้มทั้งหัวท้ังหมวกเคารพเมื่อเห็นจักรพรรดิหรือ? พอกันที! ขอเปิดหมวกให้
เกียรติแก่ควีเควกยังดีกว่า! ผมรู้จักชายคนหน่ึงท่ีตลอดชีวิตของเขาล่าวาฬ
ได้สามร้อยห้าสิบตัว ผมให้ความนับถือชายคนนั้นมากกว่าผู้บัญชาการเรือ
อันย่ิงใหญ่ในอดีต ซึ่งชอบคุยโตอวดอ้างว่าได้ยึดเมืองที่มีปราการแน่นหนา
ไดเ้ ป็นจำ� นวนมาก

สำ� หรับผมแลว้ หากเป็นไปได้ว่ายังมีสงิ่ ดีเลิศในตัวทยี่ งั คน้ ไม่พบ หากผม
คคู่ วรจะไดร้ บั การกลา่ วขวญั ถงึ ในโลกเลก็ ๆ อนั แสนเงยี บสงบ*18 อนั เปน็ โลก
ท่ีผมคงไม่อาจทะยานฝนั หาโดยไร้เหตผุ ล หากจากนีไ้ ป ไมว่ า่ ผมจะทำ� ส่ิงใด
ซ่ึงโดยรวมแล้วเป็นเร่ืองของชายคนหน่ึงที่เลือกจะท�ำให้ส�ำเร็จย่ิงว่าจะปล่อย
ทิ้งไว้ให้ค้างคา หากความตายมาเยือนผม หากผู้จัดการมรดกหรือจะว่าให้
ถูกก็คือเจ้าหน้ีของผม มาพบต้นฉบับใดๆ อันเป็นที่รักย่ิงบนโต๊ะท�ำงานของ
ผม ก็ขอบอกกล่าวไว้ ณ ตรงนี้ว่า ผมเขียนมันขึ้นโดยคาดหวังจะให้เกียรติ
และยกยอ่ งธรุ กจิ ลา่ วาฬ เพราะเรอื ลา่ วาฬกค็ อื มหาวทิ ยาลยั เยลและฮารว์ าร์
ดของผมน่นั เอง

15  แม่ทัพชาวโรมัน-มาคสุ เอมิเลียส สกอรสุ รัฐบุรษุ ชาวโรมัน (58 ปีก่อน ค.ศ.) อ้างวา่ ได้กระดกู ซตี ัสหรือ
สตั วท์ ะเลยกั ษท์ เ่ี พอรซ์ อิ สั สงั หารเพอ่ื ชว่ ยเจา้ หญงิ แอนดรอมดิ าตามตำ� นานเทพปกรณมั กรกี กระดกู ทวี่ า่
เคยตง้ั แสดงอยใู่ นกรุงโรม (งานนทิ รรศการสงิ่ มหัศจรรยจ์ ากยิวโบราณ)
16 ขบวนแห่ประโคมฉิง่ ฉาบ-เมลวลิ ล์หมายเหตุไวว้ า่ รายละเอียดในเรือ่ งนจี้ ะกลา่ วถึงในบทตอ่ ๆ ไป
17  ซตี สั -กลมุ่ ดาวซตี สั หรอื กลมุ่ ดาววาฬ เปน็ กลมุ่ ดาวในซกี ฟา้ ใตใ้ นหนา้ หนาว (และยงั เปน็ ชอ่ื ของอสรุ กาย
ทะเลตามตำ� นานเพอรซ์ ิอัส)
18  โลกเลก็ ๆ อนั แสนเงียบสงบ-สวรรค์

เฮอร์แมน เมลวลิ ล์ : 149

บทที่ 25

ภาคผนวก

ในนามของศักดิ์ศรีแห่งการล่าวาฬ ผมยินดีเสนอก็แต่เฉพาะข้อเท็จจริง
ท่ีพิสูจน์ยืนยันแล้ว กระนั้น หลังจากชายคนหน่ึงต้ังม่ันสู้ในข้อเท็จจริงของ
เขา แต่กลับท�ำตัวเป็นทนายปิดง�ำความนึกคิดท่ีไม่ได้ไร้เหตุผล ซึ่งเขาอาจ
ใช้วาทศิลป์อธิบายความคิดของตน ทนายผู้น้ันไม่สมควรถูกกล่าวโทษอย่าง
นน้ั หรือ?

เป็นท่รี กู้ นั วา่ ในพธิ ีราชาภเิ ษกพระราชาและพระราชนิ ีในอดตี นัน้ จะต้อง
ผา่ นขน้ั ตอนทแี่ ปลกพเิ ศษบางอยา่ งเพอื่ ปรบั ปรงุ สถานภาพ โดยมกี ารนำ� เอา
โถเกลือมาใช้ในพิธี และอาจมีโถพริกไทยหรือน�้ำตาลด้วยก็ได้ พวกเขาใช้
เกลือท�ำอะไร?...ไมม่ ีใครรู้แนช่ ัด แต่ทีแ่ นๆ่ ผมรวู้ ่าพระเศียรของพระราชาจะ
ไดร้ บั การเจมิ ดว้ ยนำ้� มนั ในพิธสี วมมงกฎุ เหมอื นเหยาะนำ�้ มันราดลงบนหนา้
สลดั เปน็ ไปไดห้ รอื ไมว่ า่ ทพ่ี วกเขาหยดนำ�้ มนั กเ็ พอื่ เปน็ เคลด็ ใหท้ กุ อยา่ งราบ
รื่นเหมือนกับที่หยอดน้�ำมันให้เคร่ืองจักรกล? เราควรใคร่ครวญเรื่องศักดิ์ศรี
อันส�ำคัญในพิธีการของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินน้ีให้ดีๆ เพราะในชีวิตประจ�ำวัน
แล้ว เรากลับดูถูกเหยียดหยามยามเม่ือพบเห็นใครชโลมน้�ำมันใส่ผมและส่ง
กลนิ่ ฉนุ ออกมา จรงิ ๆ แลว้ ชายฉกรรจท์ ใ่ี ชน้ ำ�้ มนั ใสผ่ ม หากไมใ่ ชเ่ พอ่ื รกั ษาโรค
บางอยา่ งแลว้ กม็ คี วามเปน็ ไปไดว้ า่ เขานา่ จะมจี ดุ ออ่ นทไ่ี หนสกั แหง่ ในตวั เอง
ซึ่งตามหลักทว่ั ไปแลว้ เขาไมอ่ าจเตมิ เตม็ ตัวเองให้สมบูรณไ์ ด้

กระน้ันสิ่งเดียวท่ีต้องค�ำนึงถึงตรงนี้ก็คือ น้�ำมันชนิดใดกันท่ีน�ำมาใช้

150 : โมบ้-ี ดิก๊


Click to View FlipBook Version