โรงเรียนโคกโพธไิ์ ชยศกึ ษา อาเภอโคกโพธไ์ิ ชย จังหวดั ขอนแกน่
สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต ๒๕
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน
กระทรวงศกึ ษโารธงเกิ ราียรนโคกโพธิ์ไชยศึกษา อาเภอโคกโพธไิ์ ชย จังหวดั ขอนแก่น
สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาเขต ๒๕
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
คานา
แผนการจัดการเรียนร้ชู ้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ จดั ทาข้นึ เพ่อื
กาหนดหรอื วางแผนเร่ืองทจ่ี ะสอนอย่างเป็นระบบ ให้สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัดของกลุ่มสาระ
การเรยี นร้ภู าษาไทย ออกแบบกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ใหผ้ ้เู รยี นได้เปน็ ผ้คู ิดและปฏบิ ตั ิ
ด้วยตนเองตามสภาพแวดล้อมและบริบทของโรงเรียน วดั และประเมนิ ผลดว้ ยวธิ ีการที่หลากหลาย เหมาะสม
กบั จุดประสงค์ในการเรียนรูแ้ ละวยั ของผเู้ รียน
แผนการจัดการเรยี นรู้ใหป้ ระโยชน์หลายประการ นอกจากจะช่วยทาใหผ้ ู้สอนเกิดความมน่ั ใจ ในการ
สอนและการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ยังมีส่วนช่วยในการวางแผน การจดั การเรียนการ
สอนใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ซ่งึ การสอนท่มี ีประสิทธภิ าพ จะสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงคณุ ภาพของผู้เรียน เมอ่ื พบ
ขอ้ บกพร่องและปัญหาในการจดั การเรียนการสอนจากการเขยี นบนั ทกึ หลังการสอน ผู้สอนได้นาประเดน็
ปญั หาทพี่ บเจอมาปรับปรุงแก้ไขให้ถกู ต้องเหมาะสมกบั ผู้เรียนและสภาพหอ้ งเรียนที่จดั การเรยี นรู้ ซึ่งชว่ ยให้
การจัดการเรยี นร้มู ีประสิทธภิ าพมากขึน้ อันจะสง่ ผลไปถงึ ศักยภาพการเรยี นรู้ ของผู้เรยี นให้มีคุณภาพตาม
เป้าหมายทางการเรยี นรู้
ผสู้ อนขอขอบพระคุณผู้มสี ่วนเกยี่ วขอ้ งทุกท่านทใ่ี ห้คาแนะนา และเป็นทป่ี รึกษาในการจัดทา แผนการ
จดั การเรยี นรทู้ ีม่ ีประโยชน์และมีคุณค่าต่อการจดั การเรยี นการสอน อนั จะเปน็ ประโยชนส์ งู สุด ต่อตวั ผูเ้ รียนไว้
ณ โอกาสนี้
ธญั ญาดล อุปชติ กุล
สารบญั หนา้
คานา ๑
สารบัญ ๙๐
แผนการจัดการเรยี นรู้ภาคเรยี นท่ี ๑ ๑๓๐
๑๖๘
แผนการจดั การเรียนรู้หน่วยที่ ๑ เรื่อง บทละครเร่ืองรามเกยี รต์ิ ๒๓๐
แผนการจัดการเรียนรู้หนว่ ยท่ี ๒ เรื่อง ทอ่ งเว็บเกบ็ ความรู้ ๓๑๑
แผนการจดั การเรียนรู้หน่วยท่ี ๓ เรอ่ื ง ถกประเด็นทาเปน็ รายงาน ๓๕๓
แผนการจดั การเรียนรู้หนว่ ยท่ี ๔ เรอ่ื ง เขา้ เมืองตาหลวิ่ ตอ้ งหลวิ่ ตาตาม ๔๐๓
แผนการจดั การเรียนรู้หน่วยท่ี ๕ เร่ือง โคลงสุภาษิต ๔๘๑
แผนการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยที่ ๖ เรอ่ื ง ราวงลอยกระทง ๕๓๐
แผนการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยที่ ๗ เรอ่ื ง ปาร์ตี้บาบคี ิว ๖๐๙
แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ ๘ เรื่อง กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
แผนการจดั การเรยี นรู้หนว่ ยที่ ๙ เรื่อง โชคดีมภี าษาไทย
แผนการจดั การเรียนรู้หน่วยที่ ๑๐ เร่อื ง กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
แผนการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยที่ ๑๑ เร่ือง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล
๑
แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย
ภาคเรยี นท่ี ๑
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒
หนว่ ยที่ ๑ บทละครเรือ่ งรามเกยี รต์ิ
โดย
นางสาวธัญญาดล อปุ ชิตกลุ
โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา
อาเภอโคกโพธ์ไิ ชย จังหวัดขอนแก่น
สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต ๒๕
๒
แผนผงั ความคดิ การบูรณาการการเรยี นรู้
ภายในกลมุ่ สาระ
การฟงั การดู
การพูด
วรรณคดแี ละ การอ่าน
วรรณกรรม
การใชภ้ าษา การเขียน
๓
แผนผงั ความคดิ การบรู ณาการ
นอกกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ฯ
-การนบั จานวน - การคดิ อย่างเป็ น
-การจดั กลมุ่ -สะทอ้ นสภาพสงั คมไทย
ระบบ -คณุ ธรรมและมารยาท
- การวิเคราะหเ์ ร่ือง
- หลกั เศรษฐกิจ
พอเพียง
สขุ ศึกษาและ บทละคร ภาษาองั กฤษ
พลศึกษา -ความหมายของคา
เร่อื ง
-มนษุ ยสมั พนั ธ์ รามเกยี รต์ิ -เขยี นคาศัพท์
-การเคลอ่ื นไหว -เขยี นสานวน
-การเลน่ เกม
การงานอาชีพ ศิลปะฯ
และเทคโนโลยี - การเรียนรู้
-การใชค้ อมพิวเตอร์ วฒั นธรรม
-ใชใ้ ชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต - วาดภาพประกอบ
-ขบั รอ้ งทานองเสนาะ
๔
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๑
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
หนว่ ยท่ี ๑ รามเกียรต์ิ เวลา ๘ ชั่วโมง
เรื่อง ฟังคดิ พนิ จิ เร่อื ง เวลา ๑ ช่วั โมง
ใชส้ อนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
ความรสู้ กึ ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ตวั ชว้ี ัด
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรปุ ใจความสาคญั ของเรื่องท่ีฟงั และดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหข์ อ้ เท็จจรงิ ขอ้ คดิ เหน็ และความน่าเช่อื ถือของข่าวสารจากสื่อต่างๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถิ่น
ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลักษณะ (A)
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรปุ การพดู สรปุ ความ ฝกึ พูดสรปุ ความ - มมี ารยาทในการพดู
ใจความสาคญั ของเรือ่ งท่ี - มีมารยาทในการฟงั
ฟังและดู การดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์ วเิ คราะหข์ ้อเทจ็ จริง - ฝึกพูดวเิ คราะห์ขอ้ เท็จจรงิ - มมี ารยาทในการพูด
ข้อเทจ็ จรงิ ข้อคดิ เหน็ และ และข้อคิดเห็น และข้อคดิ เหน็
ความน่าเชือ่ ถือของ
ขา่ วสารจากสื่อต่างๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มี หลักการฟัง การดู ฝกึ พดู ฟัง และดู -มีมารยาทในการพูด
มารยาทในการฟัง การดู และการพูด การฟังและการดู
และการพูด
๕
สาระสาคัญ
การฟังเชิงวิเคราะห์ วิจารณ์ หมายถึง การฟงั สารด้วยความเอาใจใส่พจิ ารณาไตรต่ รอง แยกแยะสาร
ออกเปน็ สว่ น ๆ อย่างถถ่ี ว้ น เพ่ือใหเ้ ข้าใจเรื่องในหลายแง่หลายมมุ โดยแยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ ออกจาก
กันแล้วติ – ชม หรอื ประเมินค่าส่ิงท่ไี ด้ฟงั นน้ั เพอื่ นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั
สาระการเรยี นรู้
การฟังเร่ืองบทละครเร่ือง รามเกียรต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
บวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครแู จ้งตัวชีว้ ัดและทาแบบทดสอบก่อนการเรยี นรู้
๒. สนทนากบั นักเรียนเร่ือง “รามเกยี รต์ิ” ว่ามีเนื้อเรื่องเกย่ี วกับอะไร มีประวัติและความเป็นมา
อย่างไร ถามถึงตวั ละครทน่ี ักเรยี นได้ยิน เช่น พระราม นางสดี า พระลกั ษมณ์ ทศกัณฑ์ เป็นต้น
๓. ครทู บทวนหลักการฟงั และแจกบตั รความรู้ เร่อื ง การฟัง แจกให้แก่นักเรียนทุกคนศึกษา
ด้วยตนเอง
๔. นักเรียนคนใดคนหน่งึ หรอื หลายคน อ่านเรื่อง “บทละครเรื่อง รามเกยี รติ์ ตอน นารายณ์
ปราบนนทก” ใหเ้ พือ่ นๆ ฟังหรอื ครูเปิดเคร่อื งบันทกึ เสียง เรื่อง “บทละครเรื่อง รามเกยี รต์ิ ตอน นารายณ์
ปราบนนทก” หรือครูอ่านเรื่อง “บทละครเร่ือง รามเกยี รติ์ ตอน นารายณป์ ราบนนทก” ให้ นักเรยี นฟัง
๕. ครนู าแผนภมู ิความหมายของศพั ท์ และถอ้ ยคาสานวนจากเรือ่ ง “บทละครเรื่อง
รามเกยี รต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก” มาตดิ บนกระดานดา ให้นกั เรยี นศึกษาความหมายของคาศพั ท์
๖. แบ่งนกั เรียนออกเป็น ๔ กลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่มศกึ ษาเร่ืองต่อไปน้ี
กลุ่ม ๑ จบั ประเดน็ สาคัญของเร่อื ง
กลุ่ม ๒ บอกจุดประสงค์ของเรือ่ ง
กลุ่ม ๓ จดั ลาดบั เหตุการณ์ของเรือ่ ง
กลุ่ม ๔ สรุปเนอ้ื เรือ่ ง
๗. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนมารายงานหน้าชัน้ พร้อมสง่ เอกสารที่ครู เพอื่ เก็บไวใ้ น
แฟม้ สะสมงาน
๘. นักเรยี นชว่ ยกันซักถามเรอ่ื งราวทั้งหมดจากกลุ่มต่าง ๆ เพือ่ เปน็ การสรุปบทเรียน
๙. นักเรยี นทาบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑๐. มอบหมายใหน้ ักเรียนไปอา่ นบทเรยี นเพิ่มเตมิ เป็นการบา้ น
๖
ส่ือ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดับที่ รายการสื่อ กจิ กรรมทใี่ ช้ แหลง่ ทไี่ ด้มา
๑ ครูจัดทา
๒ แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ครจู ัดทา
๓ แผนภูมิความหมายของคาศัพท์ นักเรยี นศกึ ษาและอ่าน ครจู ัดหา
๔ และสานวนจากเร่อื ง ครูจดั ทา
หนงั สอื เรียน ชุด วรรณคดี นกั เรียนดูภาพและฝึกอ่าน
วิจกั ษ์ ช้ัน ม.๒
เครือ่ งบันทกึ เสียง นกั เรียนฝึกการฟัง
๕ แบบประเมินการสังเกต บนั ทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครูจัดทา
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมินผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ น วิธกี ารประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
การประเมิน
ประเมนิ
แบบทดสอบก่อนเรียน ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
๑. นกั เรียนทาแบบทดสอบ
ก่อนเรยี น แบบประเมนิ รายกลมุ่ สงั เกตรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๒. นักเรยี นนาเสนอหนา้ ชั้น แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
เรยี น ผลงานระหว่างเรียน
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรยี น
กจิ กรรมเสนอแนะ
ในกจิ กรรมการสอนภาษาไทยทกุ ชว่ั โมง ครตู อ้ งกวดขนั ให้นกั เรียนใชต้ ัวเลขไทย เพ่ือใหเ้ กดิ ความ
เคยชนิ และตดิ เป็นนิสยั อีกท้ังใหม้ คี วามภมู ิใจในการใชต้ ัวเลขไทย อนั เปน็ สมบัติของชาติ
๗
บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรู้ตามผลการเรยี นรูท้ ี่คาดหวัง
นกั เรยี นทงั้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรบั ปรงุ – คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.........................................................................................................................
๓. ปญั หาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ............................................
๔. การปรับปรงุ แกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................................................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
......................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. .......................
ลงชือ่ ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วิทยฐานะครูชานาญการ/พิเศษ
๘
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................
ลงชอื่ .................................................ผ้ตู รวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรียนโคกโพธ์ไิ ชยศกึ ษา
๙
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง
๑. นักเรียนคิดว่าสง่ิ ใดทีส่ าคัญที่สุดใน“บทละครเรื่อง รามเกยี รติ์ ตอน นารายณป์ ราบนนทก ”
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๒. นกั เรยี นคิดว่า“บทละครเรื่อง รามเกยี รต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ”มกี ลวธิ กี ารเขียนอยา่ งไรบา้ ง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๓. นักเรียนคิดว่า“บทละครเรอ่ื ง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ” มปี ระโยชนต์ ่อนักเรยี นอย่างไร
บ้าง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๔. นกั เรยี นคิดวา่ “บทละครเรื่อง รามเกียรต์ิ ตอน นารายณป์ ราบนนทก ” ให้ข้อคิดอยา่ งไร
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๑๐
แบบทดสอบก่อนเรียน -หลงั เรียน
คาชี้แจง ให้นักเรียน เรียงลาดับข้อต่อไปนี้ ตามลาดับก่อนหลัง โดยเขียนหมายเลขต้ังแต่ ๑ ถึง
๑๐
............... พระอิศวรประทานใหต้ ามต้องการ นนทกจงึ มีน้วิ เพชรที่สามารถชี้สงั หารใคร ๆ ได้
............... นนทก น่ังประจาอยู่ท่ีเชิงเขาไกรลาส มีหน้าท่ีล้างเท้าให้เหล่าเทวดา ใคร ๆ ก็พึงพอใจที่ได้รับ
บริการจากนนทก ย่ืนเท้าใหล้ ้างแลว้ ยงั ไม่พอ วา่ ง ๆ ก็ไดแ้ หย่เยา้ ถอนผมนนทกเลน่
............... เพียงแต่ถูกหยอกเลน่ เหมือนทุกวัน นนทกก็โกรธเปน็ ฟืนเปน็ ไฟขึ้นมาทันที เทวดาที่มา
ยว่ั แหยน่ นทกถูกสังหารเสยี มากมาย
............... ไมท่ ันนาน นนทกก็มใี จกาเริบ ไมย่ ับยง้ั ช่งั ใจ และไม่ใคร่ครวญว่าจะใช้นิ้วเพชรนัน้ อย่างไร
............... ร้อนถึงพระอิศวรต้องมาแก้ที่ต้นเหตุ หลังจากใคร่ครวญดูแล้วก็เห็นว่า การที่จะตอบแทนความ
ดีความชอบด้วยการมอบอานาจให้นั้น คงจะเหมาะกับผู้ท่ีรู้จักใช้และควบคุมอานาจเท่าน้ัน แต่ถ้าผู้ใดได้รับ
รางวลั ตอบแทนแลว้ “กลบั ทรยศกระบถใจ ทาการหยาบใหญ่ถึงเพียงน้ี” กจ็ าจะตอ้ งถกู ลงโทษ
............... นนทกแค้นใจ แต่จะหาทางตอบโต้ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีกาลัง หรืออานาจ จึงไปหาเจ้านายคือ
พระอิศวร แล้วรอ้ งเรยี นวา่ ตนทาหนา้ ท่ีด้วยความรับผดิ ชอบมานานแล้วแต่ยงั ไม่ได้ขอสิ่งใดเป็นรางวัลเลย วันน้ี
จะมาทูลขอให้มฤี ทธส์ิ ามารถลงโทษผทู้ ี่มารงั แกตนได้
............... นนทกลงมาเกิดเป็นทศกัณฐ์ ส่วนพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามและได้ทาศึกสงคราม
กันยาวนาน
............... ผทู้ พ่ี ระอิศวรขอใหม้ าลงโทษนนทกคอื พระนารายณ์
............... นางรากลบั ร่างเปน็ พระนารายณ์แลว้ เหยียบทนนทกไว้เพื่อสังหาร นนทกจึงต่อว่าพระนารายณ์
ว่าเอาเปรียบมีถึงสี่มือแต่ก็ยังไม่กล้าสู้กันซึ่ง ๆ หน้า พระนารายณ์ท้าว่าขอให้นนทกไปเกิดใหม่มีสิบหน้า ย่ีสิบ
มอื และมีอาวธุ พร้อมสรรพ ส่วนพระองค์จะไปเกดิ เปน็ มนุษย์สองมือ จะได้สู้กันในโลกมนษุ ย์อกี ครั้งหน่ึง
............... พระนารายณ์ไปปราบนนทกโดยแปลงร่างเป็นนางราไปรายั่วนนทกให้ราตามด้วยท่าต่าง ๆ
เม่ือถงึ ทา่ ชนี้ ิว้ ลงทต่ี ้นขา นนทกก็ขาหกั เพราะเดชนิว้ เพชรของตนเอง
๑๑
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน -หลงั เรียน
คาช้ีแจง ให้นักเรียน เรียงลาดับข้อต่อไปน้ี ตามลาดับก่อนหลัง โดยเขียนหมายเลขตั้งแต่ ๑ ถึง
๑๐
๑. นนทก น่งั ประจาอยู่ทเี่ ชงิ เขาไกรลาส มีหน้าทล่ี า้ งเท้าให้เหลา่ เทวดา ใคร ๆ ก็พึงพอใจที่ได้รับ
บรกิ ารจากนนทก ยื่นเทา้ ให้ล้างแล้วยงั ไมพ่ อ ว่าง ๆ ก็ได้แหยเ่ ยา้ ถอนผมนนทกเลน่
๒. นนทกแค้นใจ แต่จะหาทางตอบโต้ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีกาลัง หรืออานาจ จึงไปหาเจ้านายคือ พระ
อิศวร แล้วร้องเรียนว่าตนทาหน้าท่ีด้วยความรับผิดชอบมานานแล้วแต่ยังไม่ได้ขอส่ิงใดเป็นรางวัลเลย วันนี้จะ
มาทลู ขอใหม้ ีฤทธิส์ ามารถลงโทษผู้ทม่ี ารังแกตนได้
๓. พระอศิ วรประทานให้ตามตอ้ งการ นนทกจึงมีนิ้วเพชรทีส่ ามารถชส้ี งั หารใคร ๆ ได้
๔. ไมท่ ันนาน นนทกก็มีใจกาเริบ ไม่ยับย้ังชงั่ ใจ และไมใ่ คร่ครวญวา่ จะใช้นว้ิ เพชรนั้นอยา่ งไร
๕ . เพยี งแตถ่ ูกหยอกเล่นเหมอื นทกุ วนั นนทกกโ็ กรธเป็นฟืนเปน็ ไฟขนึ้ มาทนั ที เทวดาที่มา
ยวั่ แหย่นนทกถกู สังหารเสยี มากมาย
๖. ร้อนถึงพระอิศวรต้องมาแก้ท่ีต้นเหตุ หลังจากใคร่ครวญดูแล้วก็เห็นว่า การที่จะตอบแทนความดี
ความชอบด้วยการมอบอานาจให้น้ัน คงจะเหมาะกับผู้ที่รู้จักใช้และควบคุมอานาจเท่านั้น แต่ถ้าผู้ใดได้รับ
รางวัลตอบแทนแล้ว “กลับทรยศกระบถใจ ทาการหยาบใหญถ่ งึ เพยี งน้ี” กจ็ าจะตอ้ งถูกลงโทษ
๗. ผทู้ ่ีพระอิศวรขอใหม้ าลงโทษนนทกคอื พระนารายณ์
๘. พระนารายณ์ไปปราบนนทกโดยแปลงรา่ งเปน็ นางราไปรายัว่ นนทกให้ราตามด้วยท่าต่าง ๆ เมื่อถึง
ทา่ ชนี้ ้วิ ลงท่ีต้นขา นนทกกข็ าหักเพราะเดชน้วิ เพชรของตนเอง
๙. นางรากลับร่างเป็นพระนารายณ์แล้วเหยียบทนนทกไว้เพ่ือสังหาร นนทกจึงต่อว่าพระนารายณ์ว่า
เอาเปรียบมีถึงส่ีมือแต่ก็ยังไม่กล้าสู้กันซึ่ง ๆ หน้า พระนารายณ์ท้าว่าขอให้นนทกไปเกิดใหม่มีสิบหน้า ยี่สิบมือ
และมอี าวุธพร้อมสรรพ ส่วนพระองคจ์ ะไปเกิดเปน็ มนษุ ยส์ องมอื จะได้สกู้ ันในโลกมนษุ ย์อกี ครง้ั หนง่ึ
๑๐. นนทกลงมาเกดิ เป็นทศกัณฐ์ ส่วนพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามและได้ทาศึกสงครามกัน
ยาวนาน
๑๒
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๒
หน่วยที่ ๑ รามเกียรต์ิ เวลา ๘ ชว่ั โมง
เรื่อง อ่านคิดวเิ คราะหเ์ รอ่ื ง เวลา ๑ ชั่วโมง
ใชส้ อนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิด เพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หาใน
มาตรฐานที่ ท ๓.๑ การดาเนินชีวิตและมีนสิ ยั รกั การอ่าน
สามารถเลอื กฟังและดู อย่างมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ
ความรูส้ กึ ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ตัวช้วี ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความสาคัญ สรุปความและอธบิ ายรายละเอียด จากเรื่องทอ่ี า่ น
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มมี ารยาทในการอา่ น
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พูดรายงานเรือ่ ง หรอื ประเด็นท่ีศกึ ษาค้นควา้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/ท้องถนิ่
ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความ - หลักการอา่ น - ฝึกทกั ษะการอ่านจบั - อา่ นจบั ใจความและ
สาคัญ สรุปความและ จับใจความและ ใจความและสรปุ ความ สรปุ ความไดถ้ ูกต้อง
อธิบายรายละเอยี ด จาก สรุปความ
เรอื่ งท่ีอ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มีมารยาท - หลกั การอ่าน - ฝกึ อา่ นท้งั ร้อยแก้ว - มีมารยาทใน
ในการอ่าน และร้อยกรอง การอ่าน
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พูด หลกั การพดู รายงาน ฝกึ พูดรายงานจาก -มีมารยาทในการพูด
รายงานเรื่อง หรือประเด็น การค้นคว้า
ทศ่ี กึ ษาคน้ คว้า
๑๓
สาระสาคัญ
การอ่านวเิ คราะห์เนื้อหาจากบทเรียนเพ่ือเป็นการจับใจความสาคัญแลว้ แสดงความคิดเห็นเชิง
วิเคราะหแ์ ละประเมนิ คา่ เปน็ พื้นฐานทจี่ าเป็นในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝึกฝนให้เกดิ ความชานาญ จน
สามารถวิเคราะหแ์ ละแสดงความคดิ เหน็ ในงานเขยี นทุกประเภทได้
สาระการเรียนรู้
การอ่านบทวิเคราะหจ์ ากบทเรียนเร่ือง “บทละครเรื่องรามเกยี รต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก”
แสดงความคดิ เหน็ เชิงวิเคราะห์และประเมินคา่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครแู ละนกั เรียนสนทนาทบทวนบทเรยี นจากชว่ั โมงทผ่ี า่ นมา
๒. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กล่มุ กล่มุ ละ ๕ - ๖ คน (ตามความเหมาะสม) แล้วให้แต่ละ
กลมุ่ อ่านบทวเิ คราะห์แล้วสรปุ ใจความสาคัญและแสดงความคดิ เห็นเชิงวิเคราะห์จากเร่ือง “บทละครเรอื่ ง
รามเกียรต์ิ ตอน นารายณป์ ราบนนทก”
๓. ให้แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลของการระดมสมองใหเ้ พื่อนฟัง โดยใชว้ ิธจี บั สลาก เมอ่ื
เสนอด้วยการพูดจบแลว้ ใหท้ ุกกลมุ่ ส่งรายงานท่ีครู
๔. นาส่ิงทเี่ หมือนกัน และแตกต่างกนั ของแตล่ ะกลมุ่ มาแสดงให้นักเรียนดเู พือ่ แสดงใหเ้ ห็นถงึ
ความหลากหลายของความคิด ซึ่งข้ึนอยู่กับเหตุผล
๕. ให้นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง “บทละครเร่ือง รามเกยี รติ์ ตอน นารายณ์
ปราบนนทก” เสร็จแล้วสง่ ใหค้ รตู รวจ
๖. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันสรุปบทเรียน
๑๔
สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้
ลาดบั ที่ รายการส่อื กิจกรรมทใ่ี ช้ แหลง่ ที่ได้มา
๑ เพิ่มเติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ดั เตรยี ม
๒ บัตรความรู้ นักเรียนทาบัตรกจิ กรรม ครูจดั ทา
๓ นักเรียนดูภาพและฝกึ อ่าน ครจู ัดหา
บัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้
๔ ตรวจสอบ ครจู ัดทา
หนงั สือเรยี น ชดุ วรรณคดี
วิจกั ษ์ ชัน้ ม.๒
เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้
๕ แบบประเมนิ การสงั เกต บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครูจัดทา
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมินผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครือ่ งมือทใ่ี ช้ใน วธิ กี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
ประเมนิ การประเมนิ
๑. นกั เรียนนาเสนอ
๒. นักเรยี นทาบตั รกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลุ่ม สังเกตรายกลุม่ ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
การเรยี นรู้
แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรียน พฤติกรรม และแบบ
ประเมนิ ผลงาน
แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ..........................
๑๕
บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรตู้ ามผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง
นักเรยี นทั้งหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรงุ – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งเรียน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.........................................................................................................................
๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
.......................................................................................... ..............................................................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรบั ปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................... .............................................
๕. ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................... .....
ลงชือ่ ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกุล)
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ/พิเศษ
๑๖
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................
ลงช่อื .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )
ผ้อู านวยการโรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศึกษา
๑๗
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
ให้นกั เรยี นทากิจกรรม โดยประสมอกั ษรในตารางซ้ายมือ ใหเ้ ปน็ คาที่มีความหมาย จากนั้น
เขียนลงในตารางด้านขวามือ พรอ้ มคาแปล
๑. = ...............................
ร ร พ์ ค ธ น
ความหมาย ……………………………………………………………………
๒.
ไ จุ ร = ...............................
ความหมาย ……………………………………………………………………
๓. = ...............................
รี เ า ว ษี ก ร ย
ความหมาย ……………………………………………………………………
๔. = ............................
บ ง บ ส์ุ ท
ความหมาย .. ....................................................................................................
๕.
โ รมถท = ..........................
ความหมาย ……………………………………………………………………
๑๘
๖. = ...........................
ร ลั สุ า ย
ความหมาย ……………………………………………………………………
๗. = ............................
ว ศ อิ ร
ความหมาย ……………………………………………………………………
๘.
นั หั น์ ส ย = ...........................
ความหมาย ……………………………………………………………………
๙. = .............................
ณ ร ร สุ บ
ความหมาย ……………………………………………………………………
๑๐. = ………………….
พภต ไ ร
ความหมาย ……………………………………………………………………
๑๙
เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
ให้นกั เรียนทากจิ กรรมพัฒนาทักษะการใชภ้ าษา โดยประสมอักษรในตารางซ้ายมือ ให้เปน็ คาทมี่ ี
ความหมาย จากนั้นเขียนลงในตารางดา้ นขวามือ พรอ้ มคาแปล
๑. = คนธรรพ์
ร ร พ์ ค ธ น
ความหมาย ชาวสวรรคพ์ วกหนึ่ง มคี วามชานาญในวิชาดนตรีและขับร้อง
๒.
ไ จุ ร = จุไร
ความหมาย ไรผม = เกษยี รวารี
๓.
รี เ า ว ษี ก ร ย
ความหมาย ทะเลนา้ นม ที่ประทบั ของพระนารายณ์ = บทบงส์ุ
๔.
บ ง บ สุ์ ท
ความหมาย ละอองเทา้ ถ ท = มโนรถ
๕.
โ รม
ความหมาย ความหวัง ความประสงค์ ความใฝฝ่ นั
๖. = สุราลยั
ร ลั สุ า ย
๒๐
ความหมาย สวรรค์ = อศิ วร
๗.
ว ศ อิ ร
ความหมาย ช่อื เรยี กพระศิวะ ซ่งึ เป็นพระเจ้าองค์หน่ึงของพราหมณ์
๘.
นั หั น์ ส ย = หัสนัยน์
ความหมาย พระอินทร์ = สุบรรณ
๙.
ณ ร ร สุ บ
ความหมาย ครุฑ = ไตรภพ
๑๐.
พภต ไ ร
ความหมาย ภพท้งั สาม คือ กามภพ รปู ภพ อรูปภพ
๒๑
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
หน่วยที่ ๑ รามเกียรติ์ เวลา ๘ ชว่ั โมง
เรื่อง แผนภาพความคิดพิชติ เร่อื ง เวลา ๑ ชั่วโมง
ใช้สอนวนั ท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ
แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ิตและมีนสิ ัยรักการอ่าน
ตัวช้ีวัด
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความสาคญั สรุปความและอธิบายรายละเอยี ด จากเร่อื งที่อา่ น
ท ๑.๑ ม.๒/๓ เขยี นผงั ความคิด เพ่ือแสดงความเขา้ ใจในบทเรียนต่างๆท่ีอ่าน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตวั ชวี้ ัด ความรู้ (K) สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/ท้องถ่นิ
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความ - หลักการอา่ น ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คุณลกั ษณะ (A)
สาคญั สรปุ ความและ จบั ใจความและ
อธบิ ายรายละเอยี ด จาก สรุปความ - ฝกึ ทักษะการอา่ นจบั - อ่านจบั ใจความและ
เร่อื งท่ีอา่ น ใจความและสรปุ ความ สรุปความได้ถูกต้อง
ท ๑.๑ ม.๒/๓ เขียนผงั - หลักการเขยี น
ความคดิ เพ่อื แสดงความ สรุปความ - ฝกึ เขยี นสรุปความ - สามารถเขยี นแผนผงั
เขา้ ใจในบทเรยี นต่างๆท่ี ความคดิ ไดถ้ ูกต้อง
อา่ น
๒๒
สาระสาคญั
การเล่าเร่ืองและการเขียนแผนภาพความคิด ทาให้จาเน้ือเร่ืองได้แม่นยา อีกท้ังยังเป็นการช่วยฝึก
ทักษะ และพฒั นาในด้านการเขียน การพูดต่อไป
สาระการเรียนรู้
การเขียนแผนภาพความคิดหรอื ผงั มโนภาพหรอื ผังมโนทศั น์
กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑. ครแู ละนักเรียนสนทนาทบทวนบทเรยี นจากชัว่ โมงท่ผี ่านมา
๒. ครูนาแผนภาพความคดิ หรือผังมโนภาพเรื่องใดเรื่องหนงึ่ มาให้นักเรียนดู แล้วสนทนากับ
นักเรยี น เรื่องการพฒั นาความคดิ โดยใช้แผนภาพความคิด
๓. แจกบตั รความรู้ เรอื่ ง “ การเขียนแผนภาพความคดิ หรือผงั มโนภาพ” ให้นักเรียนทุกคน
ศกึ ษาพร้อมครูอธิบายประกอบ
๔. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่ม กาหนดคาแทนมโนภาพ และคาทก่ี าหนดน้ัน
ควรเป็นมโนภาพใกลเ้ คยี งกนั เมื่อกาหนดคาได้แลว้ ให้เช่อื มโยงมโนภาพให้สัมพันธก์ ัน
๕. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เขยี นเช่ือมโยงมโนภาพท่ีกาหนดให้
๖. นักเรยี นคนหนึง่ ในกลุ่มนกึ มโนภาพใดก็ไดท้ ี่ปรากฏอยู่ในใจตน แลว้ เขียนใสก่ ระดาษไว้
โดยไมจ่ ากดั จานวน แลว้ ให้เพื่อนในกลุม่ เติมมโนภาพอ่ืนที่อาจเชอ่ื มโยงกบั มโนภาพนั้น ๆ ทั้งเขียนคา
แสดงการเช่ือมโยงไว้ดว้ ย
๗. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั สรา้ งผงั มโนภาพอย่างเสรี ให้ประกอบดว้ ยมโนภาพตา่ ง ๆ ท่ี
สัมพันธ์กันประมาณ ๑๐ มโนภาพ เขียนให้ชัดเจนแล้วนามาสง่ ครตู รวจ
๘. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันสรปุ บทเรยี น
๙. มอบหมายให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดทา้ ยเรอ่ื งเปน็ การบ้าน
๑๐. มอบหมายให้นักเรียนไปอ่านหนังสอื รามเกยี รติ์ ตอน นารายณป์ ราบนนทก เปน็ การบ้าน
๒๓
สือ่ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดบั ท่ี รายการสอ่ื กิจกรรมที่ใช้ แหล่งทไ่ี ด้มา
๑ บตั รความรู้ เพม่ิ เติมความชัดเจนในเน้ือหา ครจู ดั เตรียม
๒ บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรยี นทาบัตรกจิ กรรม ครจู ดั ทา
๓ หนังสือเรียน ชุด วรรณคดี นักเรียนดูภาพและฝกึ อา่ น ครูจดั หา
วิจักษ์ ช้ัน ม. ๒ ครูจัดทา
๔ เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้ ตรวจสอบ
๕. ตัวอยา่ งผงั มโนภาพหรือแผนที่ นกั เรียนศกึ ษาเพิม่ เตมิ ครจู ัดทา
ครจู ดั ทา
ความคดิ
๖ แบบประเมนิ การสงั เกต บนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมินผล
กิจกรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครือ่ งมือท่ีใชใ้ น วธิ กี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมนิ การประเมนิ
๑. นกั เรยี นอ่านบตั รความรู้
๒. นกั เรียนทาบตั รกิจกรรม แบบประเมินรายกลุ่ม สงั เกตรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
การเรยี นรู้
แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรียน พฤติกรรม และแบบ
ประเมนิ ผลงาน
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
ผลงานระหวา่ งเรียน
๒๔
กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
...........................................................................................................................
บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรตู้ ามผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง
นกั เรียนทงั้ หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับปรบั ปรุง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................
๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรบั ปรงุ แกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
....................................................................................................................................................... ..........
๕. ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................
ลงช่อื ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กลุ )
ครู วิทยฐานะครูชานาญการ/พิเศษ
๒๕
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................
ลงช่อื .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )
ผ้อู านวยการโรงเรยี นโคกโพธไิ์ ชยศึกษา
๒๖
บัตรความรู้
เรอ่ื ง การเขียนผังมโนทัศน์ หรอื แผนผงั ความคดิ
ความจรงิ เก่ยี วกบั ความคดิ ของมนุษย์
ความจริงมอี ยู่ว่า บคุ คลทุกคนสามารถเพ่มิ กาลงั ความสามารถในการคิดของตนเองให้สงู ข้นึ
เร็วข้ึน กวา้ งไกลขึน้ และมีคณุ ภาพย่ิงข้ึนได้ เมอื่ โอกาสได้เรียนรหู้ ลักการฝึกฝนความคิดความตั้งใจจรงิ
องคป์ ระกอบของความคดิ
ความคดิ ของคนเราประกอบขนึ้ จากมโนภาพ คอื ภาพทป่ี รากฏภายในใจของแต่ละคน แม้
จะมองไมเ่ ห็น แตะต้องไม่ได้ แตท่ ุกคนกท็ ราบดีวา่ ภายในใจของตนมภี าพต่าง ๆ ปรากฏอยู่ เช่น ภาพของ
ปา่ ไม้ รถยนต์ ภูเขา ท้องนา ความอดอยาก ความสนุกสนาน ความกล้าหาญ ความอดทน เปน็ ต้น
สาเหตุท่คี นเรามีนโนภาพ
การทคี่ นเราเกิดมมี โนภาพข้ึนน้ัน เนอื่ งมาแต่สาเหตทุ ่สี าคัญ ๒ ประการ ประกอบกัน
ได้แก่
๑). คนเรามปี ระสาทสมั ผัสทั้งหา้ คือ ตา หู จมูก ล้นิ และกาย ได้สมั ผัสกับส่ิงรอบตัว
และไดร้ บั รู้ส่งิ เหลา่ นน้ั ตลอดมา
๒). คนเราได้รู้ภาษาและสามารถใชค้ าพูดเรยี กส่งิ ท่ไี ดส้ ัมผสั อยา่ งสมา่ เสมอ เราอาจกล่าวได้
ว่ามโนภาพของคนเราแยกไม่ออกจากคาพดู ในภาษา
ประเภทของมโนภาพ
มโนภาพทคี่ นเราก็มีเหมือน ๆ กนั เม่ือผา่ นพน้ ระยะหน่งึ ของชวี ติ มาแล้ว มี
๒ ประเภท ได้แก่
๑). มโนภาพของวัตถุ ได้แก่ ส่ิงทเี่ ป็นรูปภาพตา่ ง ๆ เชน่ ปากกา สมุด ดินสอ โต๊ะ
เก้าอ้ี โรงเรียน นาฬิกา รถจักรยาน ฯลฯ วตั ถเุ ปน็ ส่งิ ทที่ รงตัวอยเู่ ช่นนั้น ไม่หายไปไหน มีความ
สมา่ เสมออยอู่ ย่างนน้ั ตลอดจนระยะเวลาหนง่ึ
๒). มโนภาพของเหตุการณ์ เชน่ การต่อสู้ การแข่งขนั การสอบ ความโกรธ ฟ้าผา่
ฝนตก ไฟดับ ฯลฯ เหตุการณน์ ้ันเป็นสิ่งทเ่ี ปล่ยี นไป เคล่อื นไหว ไม่ทรงตวั อยู่ความรสู้ ึกตา่ ง ๆ ท่เี กิดขึ้น
ในใจของเรานนั้ มสี ภาพอยา่ งวัตถุ หรอื เหตกุ ารณ์
ความร้สู ึกนน้ั มีสภาพไม่ทรงตัวอย่ตู ลอดไป มีความเปล่ยี นแปลอยู่ตลอดเวลา เชน่ เด๋ียวรัก
เดี๋ยวโกรธ เดยี๋ วดใี จ เด๋ียวเสยี ใจ ความรู้สึกจึงพออนโุ ลมไดว้ ่าเป็นเหตุการณ์
๒๗
มโนภาพทใ่ี กลเ้ คยี งกัน
มโนภาพทีใ่ กล้เคียงกนั ซ่งึ อยู่ในใจของเราน้ันมอี ยูม่ ากมาย และมโนภาพแตล่ ะอยา่ งต่างอยู่
อยา่ งเอกเทศแต่อาจนามาเช่ือมโยงเขา้ ดว้ ยกนั ได้
ตอ่ ไปน้ีเปน็ มโนภาพทีใ่ กลเ้ คยี งกนั ซึ่งแต่ละมโนภาพอยู่กันอย่างเอกเทศ
อาหาร ร่างกาย มนุษย์ ปลา ผกั วติ ามิน ผลไม้ ตา
ไขมนั เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต น้า กระดูก ฟัน โปรตีน
เราอาจนามโนภาพข้างตน้ มาเช่ือมโยงกนั ดงั ผังต่อไปนี้
มี
ปลา
มี
อาหาร ผกั
มี
ผลไม้
เราจะเหน็ ว่า มโนภาพของอาหาร เชื่อมโยงกับ ปลา ผกั ผลไม้ เครอื่ งเช่ือมโยงได้แก่ “มี”
นอกจากน้ี มโนภาพทงั้ สาม คือ ปลา ผกั ผลไม้ เครอ่ื งเชอ่ื มโยงถึงกันด้วย “และ” ทงั้ โยง
ต่อไปยังมโนภาพ วติ ามนิ ดว้ ยเครอ่ื งเชือ่ ม “ให้” ดงั ผัง ขา้ งล่างน้ี
ปลา
และ ให้
ใหว้ ติ ใาหม้ ิน
ผกั และ
ผลไม้
๒๘
ฉะนัน้ จงึ สรุปได้วา่ มโนภาพทสี่ มั พันธ์กนั น้นั คอื ความคดิ ของมนษุ ยน์ ั่นเอง
มโนภาพทีเ่ ชื่อมโยงกนั
มโนภาพท่เี ช่อื มโยงกนั เรยี กว่า มโนภาพสมั พันธ์ และเม่ือเขยี นลงไวใ้ ห้ชดั เจนบน
แผน่ กระดาษเรยี กวา่ ผงั มโนภาพ หรอื แผนผังความคดิ หรอื ผังมโนทศั น์
ประโยชนข์ องมโนภาพสมั พันธ์ หรือ แผนผงั ความคดิ
การแสดงมโนภาพสมั พันธ์ออกมาในรูปของผังมโนภาพ เป็นการเปล่ียนส่งิ ทีไ่ ม่มีตัวตน เห็น
ไดช้ ดั เจนท้ังแกเ่ จ้าของมโนภาพเอง และบคุ คลอนื่ เปน็ ประโยชนใ์ นการพฒั นาความคิด ให้มคี วามเช่ือมโยง
กนั อยา่ งเป็นระเบยี บ
การเชอ่ื มโยงผังมโนภาพ
มโนภาพตอ่ ไปน้ี อาจเช่อื มโยงเข้าด้วยกันกบั มโนภาพอ่นื ได้
จกั จ่ัน เพลง ความเพียร ความรู้ ความตาย การอบรม ความชานาญ สภุ าษิต จดหมาย
รอ้ ง
จกั จนั่ เพลง
นาไปสู่
การตอ่ สู้ ความตาย
การอบรม ต้องใช้ ความเพยี ร ทาให้เกดิ ความชานาญ
จดหมาย มี สุภาษิต
สิง่ ทชี่ ักนาให้ความคิดคลี่คลาย และเชอ่ื มโยงกนั
ความคิดจะคลค่ี ลาย และเช่อื มโยงกันต่อไปได้กว้างขวางเพยี งใด ขน้ึ อยกู่ ับความสมั พนั ธ์
ของมโนภาพน่ันเอง ซ่ึงมโนภาพสมั พันธ์อาจเปลีย่ นเป็นผงั มโนภาพ โดยมีสว่ นประกอบนี้
๑). ตัวมโนภาพ คือ คาพดู มีวงกลมลอ้ มรอบ
๒). เคร่อื งเช่อื มโยง คอื เคร่ืองเช่อื มต่อระหว่างมโนภาพหนงึ่ กับอีกมโนภาพหนึ่ง โดยมคี า
หรือกลุม่ คาสือ่ ความกากับไว้ เพ่ือบง่ บอกถึงความสัมพนั ธ์ระหว่างมโนภาพ
๓). ทิศทางของความเช่อื มโยง คอื เครื่องหมายลูกศร เมอ่ื ชี้ไปทใ่ี ด มโนภาพท่ีอยู่ในที่
นั้นเป็นปลายทางของความสัมพันธ์ ลกู ศรเร่ิมต้นจากที่ใด มโนภาพทอ่ี ยู่ท่ีนนั่ เปน็ ต้นทางของความสัมพนั ธ์น้นั
๔). รูปแบบ ผังมโนภาพอาจเขยี นได้โดยเสรี แตเ่ ราอาจกาหนดรูปมโนภาพได้
๒๙
รปู แบบผงั มโนภาพ
รูปแบบท่ี ๑ จากบนลงล่าง รูปแบบนี้ มโนภาพแรกจะอยบู่ นสุด มโนภาพต่าง ๆ ไปที่
จะสมั พนั ธก์ นั จะลดหล่นั กันลงมา เช่น
การ
อ่าน
เพอ่ื จบั อา่ นในใจ
ใจความ
อา่ นออกเสียง
เพ่อื ตีความ เพื่อสรุป อ่านออกเสียง อา่ นร้อย
ความ กรอง
เพ่อื วเิ คราะห์
ความ
รปู แบบที่ ๒ จากล่างข้ึนบน รูปแบบนี้ มโนภาพแทรกอยลู่ า่ งสดุ แลว้ โยงข้ึนไปยังมโนภาพอื่น
ๆ ทีส่ ัมพนั ธ์กันในตอนบน สูงข้ึนไปโดยลาดบั เชน่
ลกั ษณ ประโยคยอ่ คาขยาย
นาม
แทนแลว้
แทนดว้ ย
ประโยค แทนด้วย
คานา สรรพ คากริยา บุพ คา
ม แทนนามด้วย แทนดว้ ย แบททนด้วย วเิ ศษณ์
แทนดว้ ย
แทนดว้ ย
เรื่องราว
๓๐
รูปแบบท่ี ๓ ขยายรอบตวั รูปแบบนี้ เขียนมโนภาพแรกไวต้ รงกลาง ส่วนมโนภาพอน่ื ที่
สัมพนั ธ์ เขียนกระจายออกรอบ ๆ ไกลออกไปได้หลายระยะ เชน่
ผ้ึง แมลงป มี งู
มี มอี
มี แมลง มี
มี
มี พืช สตั วเ์ ล้ือยคลา จระเข้
ผกั กระเฉด ประกอบด้วย ประกอบด้วย น มี
ส่ิงมชี ีวติ ประกอบด้วย ตะกว
แห ประกอบด้วย ในบงึ ด
น ประกอบดว้ ย นก มี
มี ปลา มี นก
ยาง
ปลาเสือตอ นกเป็ ด
น้า
มี มี
ปลา ปลา
ดุก ช่อน
วธิ ีเพม่ิ กาลังความสามารถในการคดิ
นักจิตวิทยาเชอื่ ว่าผงั มโนภาพสมั พนั ธข์ องบคุ คล อันเป็นสมบัติตดิ ตัวทีน่ อกจากคงทนแลว้
ยังแขง่ กลา้ ย่ิงขึ้น ตามกาลเวลาและประสบการณ์ การหม่ันสรา้ งผังมโนภาพ และหม่นั ขัดเกลาผงั มโนภาพที่
สร้างใหป้ ระณีตอยู่เสมอ จะช่วยให้ผังมโนภาพสมั พันธ์ มีกรอบรดั กมุ และมคี วามแจ่มกระจ่าง
๓๑
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นเขยี นแผนทคี่ วามคดิ (Mind Mapping ) “ รามเกียรต์ิ ” ตอน นารายณป์ ราบนนทก
รามเกยี รต์ิ
๓๒
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง“บทละครเรอื่ ง รามเกียรต์ิ ตอนนารายณ์ปราบนนทก”
ตวั ละคร : ____________________________________________________________
สถานที่ : _____________________________________________________________
เวลา : ____________________________________________________________
เหตุการณท์ ี่ ๑ : _______________________________________________________
_______________________________________________________________________
_______________________________________________________________________
เหตกุ ารณท์ ่ี ๒ : _______________________________________________________
________________________________________________________________________
________________________________________________________________________
เหตกุ ารณท์ ่ี ๓ : _______________________________________________________
________________________________________________________________________
________________________________________________________________________
เหตุการณท์ ี่ ๔ : _______________________________________________________
________________________________________________________________________
________________________________________________________________________
ผลสุดทา้ ยของเรื่อง : ____________________________________________________
________________________________________________________________________
________________________________________________________________________
ข้อคดิ ทีไ่ ด้จากเรอื่ ง : ____________________________________________________
________________________________________________________________________
๓๓
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑.๔
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒
หนว่ ยที่ ๑ รามเกียรต์ิ เวลา ๘ ชว่ั โมง
เร่อื ง อา่ นคล่องเขียนถูก เวลา ๑
ชว่ั โมง
ใช้สอนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อนาไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หา
มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ในการดาเนนิ ชีวิตและมีนสิ ัยรกั การอา่ น
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ
ตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ชีว้ ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวิเคราะห์ วจิ ารณแ์ ละแสดงความรู้ความคดิ เหน็ หรอื โต้แยง้ ในเร่ืองท่ีอา่ นอย่างมี
เหตุผล
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/ทอ้ งถ่นิ
ตวั ช้ีวดั ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ (A)
(P)
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบท - หลักการอ่านออก - ฝึกทักษะการอ่านออก -มีมารยาทในการอ่าน
รอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ เสยี งร้อยแก้วและ เสยี งรอ้ ยแกว้ และรอ้ ย -อ่านได้ถกู ต้องชัดเจน
ถูกต้อง ร้อยกรอง กรอง ตามหลักการอา่ น
๓๔
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวิเคราะห์ - หลักการเขยี น - ฝึกเขียนวเิ คราะห์ - เขียนถูกต้อง
วิจารณ์ แสดง สวยงาม
วจิ ารณ์และแสดงความรู้ความ วิเคราะห์ วิจารณ์ ความคดิ เห็นหรือ
โตแ้ ย้ง - มีมารยาทใน
คดิ เหน็ หรือโตแ้ ย้ง และแสดงความ ฝึกใชค้ าราชาศัพท์ การเขียน
ในเร่อื งท่ีอา่ นอย่างมีเหตุผล คดิ เหน็ หรือโต้แยง้ - ใชค้ าราชาศพั ท์ได้
ถกู ต้องเหมาะสม ตาม
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์ การใช้คาราชาศัพท์ ระดับของบคุ คล
สาระสาคัญ
การเรยี นร้คู า คายาก ขอ้ ความและสานวนภาษาไทยในบทเรยี นและนาไปใชใ้ ห้ถูกต้อง ถอื เป็นการ
พัฒนาทักษะทางภาษาท่ผี ู้เรียนควรไดร้ บั การฝึกฝน เพือ่ พฒั นาทักษะใหถ้ ูกต้อง จงึ จะทาให้การเรยี นร้ภู าษา
เป็นไปดว้ ยดแี ละเกดิ การพฒั นาตามมา
สาระการเรยี นรู้
๑. อ่าน และเขียนคา คายาก ขอ้ ความ และสานวนในบทเรียน
๒. การนาคา คายาก ขอ้ ความและสานวนภาษาในบทเรยี นไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์
กระบวนการเรียนรู้
๑. ครูและนักเรยี นช่วยกนั สรปุ ทบทวนบทเรียนจากชัว่ โมงท่ีผา่ นมาหรือครใู หน้ ักเรียน
เลม่ เกม “การเลอื กใช้คาแต่งประโยค” ก็ได้ตามความเหมาะสม
๒. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุม่ ตามความสมัครใจ (ตามความเหมาะสม)
๓. นาบัตรคาใหม่และคายาก คาราชาศัพท์ ในบทเรียน ติดท่กี ระเปา๋ ผนงั และให้นกั เรียนทุกคนฝกึ
อ่าน รว่ มกันอภปิ รายความหมาย แลว้ ให้บันทึกลงสมุด
๔. แจกบัตรคาใหม่คายากในบทเรียนใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มไดศ้ ึกษาและฝึกอา่ น
๕. นักเรียนทุกกลุ่มหาคาใหม่ศพั ท์จากหน่วยที่ ๔ แล้วชว่ ยกนั แต่งประโยคใหม่ โดยไมใ่ หซ้ ้ากนั
กลุ่มละ ๕ คา แล้วบันทกึ ลงสมุด แล้วสง่ ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น
๖. ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจผลงานของแต่ละกล่มุ พรอ้ มทง้ั อภิปรายสรุป การเลือกใชค้ าให้
ถกู ต้องตามความหมาย ปรบมอื และกลา่ วให้คาชมเชยกลุ่ม ทแ่ี ต่งประโยค ไดถ้ ูกต้อง
๗. นักเรยี นแขง่ ขนั กนั เขียนคา กลุ่มคา สานวนภาษา บนกระดานดากลมุ่ ใดเขยี นได้มาก
เขยี นถูกต้อง เป็นฝ่ายชนะ
๘. มอบหมายให้นกั เรยี นทากิจกรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคาใหมใ่ นบทเรียนแลว้
๓๕
หาความหมายจากพจนานุกรม แล้วแต่งประโยคแลว้ นาผลงานสง่ ใหค้ รตู รวจ
๙. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรปุ บทเรยี น จากการแข่งขนั กันเขยี นคา และกลุ่มคา บนกระดานดา
โดยใหน้ ักเรียนตอบคาถาม ดงั นี้
- นกั เรียนรไู้ หมวา่ คาเหล่าน้เี ป็นคาชนดิ ใด
- คาเหล่านท้ี าหนา้ ท่ีในประโยคอะไรไดบ้ ้าง
- คาเหลา่ นสี้ ามารถนาไปใช้แต่งประโยคได้อย่างไรบ้าง
- นกั เรยี นคิดวา่ จะนาคาเหลา่ น้ีไปใชเ้ ปน็ ประโยชน์ทางภาษาได้อยา่ งไรหรือไม่ ฯลฯ
๑๐. นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้
ส่อื / แหล่งเรียนรู้
ลาดับท่ี รายการส่ือ กิจกรรมที่ใช้ แหลง่ ทไี่ ดม้ า
๑ นกั เรียนทาบัตรกจิ กรรม ครูจดั ทา
๒ บัตรคา นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรม ครูจัดทา
๓ นกั เรยี นดูภาพและฝกึ อ่าน ครจู ดั หา
บตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๔ หนังสือเรยี น ชดุ วรรณคดี ตรวจสอบ ครจู ัดทา
๕ วจิ กั ษ์ ชั้น ม.๒ บันทึกการสังเกตพฤติกรรม ครูจัดทา
เฉลยบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
แบบประเมินการสังเกต
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมินผล
กจิ กรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ใน วิธกี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมนิ การประเมิน
๑. นกั เรียนนาเสนอ
๒. นกั เรียนทาบตั รกจิ กรรม แบบประเมินรายกลุ่ม สงั เกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
การเรียนรู้
แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรียน พฤติกรรม และแบบ
ประเมินผลงาน
แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
๓๖
กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ..........................
๓๗
บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นร้ตู ามผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง
นกั เรยี นท้งั หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรบั ปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน
.................................................................................................. ......................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................... .....................
.............................................................................................................. ...........
๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรับปรงุ แก้ไข
........................................................................................................................... ................
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................
ลงชอ่ื ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ/พิเศษ
๓๘
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................
ลงชือ่ .................................................ผตู้ รวจสอบ
( .................................................)
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธไ์ิ ชยศกึ ษา
๓๙
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นความหมายของคาจากบทเรียนเรอื่ ง “บทละครเรอื่ ง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์
ปราบนนทก”
กระเษยี รวารี ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
ภักษ์ผล ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
ไกรลาส ……………………………………………………………………………
คนธรรพ์ ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
จไุ ร ……………………………………………………………………………
ตรัยตรงึ ศา ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
ตรี ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
ฉกามาพจร ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
เทพอัปสร ……………………………………………………………………………
ธาตรี ……………………………………………………………………………
ไฟกาล ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
หสั นยั น์ ……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
อสนุ ี ……………………………………………………………………………
วิทยาธร ……………………………………………………………………………
สบุ รรณ ……………………………………………………………………………
๔๐
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขียนความหมายของคาจากบทเรียนเรอื่ ง “บทละครเร่อื ง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์
ปราบนนทก”
กระเษียรวารี เกษยี รสมทุ ร หรอื ทะเลนา้ นม ขณะบรรทมพระนารายณ์จะประทับบนพญาอนนั ต
นาคราชกลางเกษียรสมทุ ร
ภกั ษผ์ ล ผลสาเร็จ
ไกรลาส ช่อื ภูเขาทเี่ ป็นที่ประทับของพระอิศวร
คนธรรพ์ ชอ่ื ชาวสรรคท์ ่ีมคี วามชานาญในวชิ าดนตรีและขบั ร้อง
จไุ ร ผมทเ่ี กล้าเป็นจุก และประดับอยา่ งสวยงาม
ตรัยตรึงศา ตรัยตรงึ ศ์ หรอื ดาวดงึ ศ์ แปลว่า ๓๓เปน็ ช่ือสวรรค์ที่มีเทพผ้ใู หญ่ ๓๓ องค์
ฉกามาพจร สวรรค์ ๖ ช้ัน
เทพอปั สร นางฟา้
ธาตรี แผ่นดิน โลก
ไฟกาล ไฟกลั ป์ หรอื ไฟบรรลยั กลั ป์เชอ่ื วา่ เปน็ ไปลา้ งโลก เม่ือส้ินอายุของโลกครั้งหนง่ึ ๆ
เรียกวา่ กปั หรอื กลั ป์
หสั นยั น์ ทา้ วพนั ตา หมายถึงพระอินทร์
อสนุ ี ฟา้ ผา่
วิทยาธร ชาวสวรรค์พวกหนึง่ ทม่ี ีวชิ าอาคม ถือพระขรรคเ์ ปน็ อาวุธ
สุบรรณ ครฑุ
๔๑
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑.๕
กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
หน่วยที่ ๑ รามเกียรต์ิ เวลา ๘ ช่วั โมง
เร่ือง อ่านไพเราะเสนาะทานอง เวลา ๑ ช่ัวโมง
ใชส้ อนวนั ท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สนิ ใจแก้ปัญหา
มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ในการดาเนนิ ชวี ิตและมีนสิ ัยรักการอ่าน
ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราว
มาตรฐานที่ ท ๕.๑ ในรปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษา
คน้ คว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง
เห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ
ตัวช้วี ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมอื ตัวบรรจง ครึ่งบรรทดั
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทร้อยกรองที่มีคณุ ค่าตามความสนใจ
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถ่ิน
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออก ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
เสียงบทร้อยแก้วและบท
ร้อยกรองได้ถูกต้อง - หลักการอ่านออก - ฝกึ ทกั ษะการอา่ นออกเสยี ง -มีมารยาทในการอ่าน
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมอื
ตัวบรรจง ครึง่ บรรทัด เสยี งรอ้ ยแก้วและรอ้ ย ร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง -อา่ นได้ถกู ต้องชดั เจน
กรอง ตามหลกั การอ่าน
- หลกั การเขยี น - ฝกึ คดั ลายมือ - เขยี นถูกต้องและ
ตวั อกั ษรไทยและ ตัวบรรจง คร่ึงบรรทัด สวยงาม
เลขไทย
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบท บทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน - ซาบซ้งึ
๔๒
อาขยานตามท่ีกาหนด บทรอ้ ยกรอง บทรอ้ ยกรอง - นาความรู้ทีไ่ ดจ้ าก
และบทร้อยกรองที่มีคุณคา่ การอ่านไปประยกุ ตใ์ ช้
ตามความสนใจ ในชวี ิตจริง
สาระสาคัญ
การอา่ นออกเสยี งเปน็ การสอ่ื สารที่มีความสาคัญเพราะเป็นการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรูส้ กึ
และอารมณ์ของผูส้ ง่ สารไปผู้รับสาร ดังนั้น หากรหู้ ลกั การอ่านและมีทักษะในการอา่ นย่อมจะทาให้การส่อื สาร
เกดิ สมั ฤทธผ์ิ ล
สาระการเรยี นรู้
การอา่ นออกเสียงบทเรียนเรอื่ ง “ บทละครเรื่อง รามเกยี รต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ” การอา่ น
ทานองเสนาะ การเลา่ เรื่อง
กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสนทนาบทเรียนจากชัว่ โมงท่ผี ่านมา จากนั้นครูนาบัตรความรู้เร่อื ง
การอ่านทานองเสนาะมาแจกนักเรียนทุกคน แล้วครอู ธิบายประกอบเพ่อื ให้นักเรียนเขา้ ใจได้ดยี ่งิ ขน้ึ ใน
หวั ข้อต่อไปนี้
- ความหมายของการอ่านทานองเสนาะ
- วัตถปุ ระสงคใ์ นการอ่านทานองเสนาะ
- รสทใ่ี ชใ้ นการอ่านทานองเสนาะ
- หลกั การอา่ นทานองเสนาะ
- ประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการอ่านทานองเสนาะ
๒. เปดิ เครือ่ งบันทกึ เสียงการอา่ นทานองเสนาะเรื่อง “บทละครเร่ือง รามเกยี รต์ิ ตอน นารายณ์
ปราบนนทก “ ใหน้ ักเรียนฟังพร้อมท้งั สงั เกตทว่ งทานองการอา่ น แลว้ ให้ นกั เรยี นทากิจกรรมการอา่ น
ตามลาดับ ดังนี้
- อา่ นออกเสียงธรรมดาให้ถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี พร้อมทั้งแบ่งวรรคตอนให้
ถูกต้อง
- ใหอ้ ่านทานองเสนาะพร้อม ๆ กัน ตามครทู ลี ะบท
- ใหอ้ า่ นทานองเสนาะพร้อม ๆ กัน ทัง้ ชั้น
- แบ่งกลมุ่ ให้อ่านทานองเสนาะตอ่ กันจนจบเร่ือง
- ให้อา่ นทานองเสนาะเป็นรายบคุ คล
๔๓
๓. ครูและนกั เรียนชว่ ยวิจารณก์ ารอ่านของแต่ละคนว่าถูกต้อง และมีความไพเราะ
เพียงใด
๔. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลมุ่ (จานวนกลมุ่ และสมาชิกกลุ่มตามความเหมาะสม) แลว้
ใหท้ ากจิ กรรมดังหาความหมายของคาจากพจนานกุ รม
๕. ให้แต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนมาเสนอผลการคน้ ควา้ หน้าชัน้ เรียน พรอ้ มสง่ เอกสาร
ประกอบการรายงาน
๖. ครตู ัง้ คาถามใหน้ ักเรียนช่วยกนั ตอบคาถามจากเร่ือง
๗. นักเรยี นทาบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
๘. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรุปบทเรียน
๙. มอบหมายให้นกั เรียนไปฝึกอ่านท่องจาทานองเสนาะที่ตนชนื่ ชอง ๕ บท
สื่อ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดบั ที่ รายการสอ่ื กจิ กรรมทใ่ี ช้ แหลง่ ทไี่ ด้มา
๑ เพม่ิ เติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ดั เตรียม
๒ เครื่องบนั ทกึ เสียง นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรม ครจู ัดทา
๓ นกั เรยี นดูภาพและฝึกอ่าน ครูจดั หา
บตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๔ ตรวจสอบ ครูจัดทา
๕. หนังสอื เรียน ชดุ วรรณคดี เพมิ่ เติมความชดั เจนในเนื้อหา ครูจดั เตรียม
วจิ ักษ์ ช้ัน ม.๒
๖ เฉลยบตั รกิจกรรมการเรียนรู้ บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครูจัดทา
เครอ่ื งบันทกึ เสยี งการอ่าน
ทานองเสนาะ
แบบประเมินการสังเกต
พฤติกรรม
๔๔
การวัดผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมที่ เคร่อื งมือที่ใช้ใน วธิ กี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
ประเมนิ การประเมิน สังเกตรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
๑. นกั เรยี นท่องจาคา
ประพนั ธ์ แบบประเมิน
๒. นักเรยี นทาบัตรกิจกรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
พฤติกรรม และแบบ
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ ประเมนิ ผลงาน
ผลงานระหวา่ งเรียน แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
ผลงานระหวา่ งเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ..........................
๔๕
บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรู้ตามผลการเรียนร้ทู คี่ าดหวัง
นักเรยี นทั้งหมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั ปรบั ปรุง – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งเรียน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.........................................................................................................................
๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ............................................
๔. การปรบั ปรงุ แกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................................................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม
......................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. .......................
ลงชอื่ ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธัญญาดล อุปชติ กลุ )
ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการ/พิเศษ
๔๖
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................
ลงชือ่ .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรียนโคกโพธไิ์ ชยศึกษา
๔๗
บตั รความรู้
๑. ความหมายของ “การอา่ นทานองเสนาะ”
การอ่านทานองเสนาะคือวธิ ีการอา่ นออกเสยี งอย่างไพเราะตามลลี าของบทร้อยกรองประเภท โคลง
ฉนั ท์ กาพย์ กลอน ( พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ หน้า ๓๙๘ )
บางคนให้ความหมายว่า การอ่านทานองเสนาะคือ การอ่านตามทานอง ( ทานอง = ระบบเสียงสงู
ตา่ ซงึ่ มีจงั หวะส้ันยาว ) เพ่ือให้เกดิ ความเสนาะ ( เสนาะ , นา่ ฟัง , เพราะ , วงั เวงใจ )
๒. วตั ถุประสงคใ์ นการอ่านทานองเสนาะ
การอ่านทานองเสนาะเป็นการอา่ นใหค้ นอื่นฟัง ฉะนั้นทานองเสนาะต้องอา่ นออกเสยี ง เสียงทาให้
เกดิ ความรูส้ ึก - ทาให้เห็นความงาม - เหน็ ความไพเราะ - เห็นภาพพจน์ ผู้ฟังสัมผสั ด้วยเสียงจึงจะ
เข้าถงึ รสและความงามของบทร้อยกรอง ที่เรียกว่าอา่ นแล้วฟังเพราะพริ้ง – เพราะเสนาะโสต การอา่ น
ทานองเสนาะจงึ มุ่งใหผ้ ู้ฟงั เขา้ ถึงรสและเห็นความงามของบทรอ้ ยกรอง
๓. ที่มาของการอา่ นทานองเสนาะ
เข้าใจว่า การอ่านทานองเสนาะมีมานานแลว้ แตค่ ร้ังกรุงสุโขทยั เท่าที่ปรากฎหลักฐานในศิลาจารกึ
พ่อขนุ รามคาแหง พุทธศกั ราช ๑๘๓๕ หลักทหี่ นง่ึ บรรทดั ที่ ๑๘ - ๒๐ ดงั ความวา่ “ ……….. ด้วยเสียง
พาเสียงพิณ เสยี งเลือ้ น เสยี งขับ ใครจกั มักเลน่ เลน่ ใครจกั มกั หวั – หวั ใครมกั จกั เลอื้ น เลอ้ื น
……………..”จากข้อความดังกล่าว ฉันทชิ ย์ กระแสสนิ ธ์ุ กลา่ วว่า เสียงเล้อื นเสียงขบั คอื การรอ้ ง
เพลงทานองเสนาะ
ส่วน ทองสบื ศุภะมารค ชแ้ี จงวา่ “ เลื้อน ” ตรงกบั ภาษาไทยถน่ิ วา่ “ เลิ่น ” หมายถึง การ
อ่านหนังสือเอ้ือนเปน็ ทานอง ซึง่ คลา้ ยกับทปี่ ระเสรฐิ ณ นคร อธบิ ายวา่ เลื้อน เป็นภาษาถนิ่ แปลว่า
อ่านทานองเสนาะ โดยอ้างอิง บรรจบ พนั ธุเมธา กล่าวว่า คานีเ้ ป็นภาษาถนิ่ ของไทย ในพม่า คอื ไทย
ในรฐั ฉานหรอื ไทยใหญ๋นั่นเอง จากความคิดเห็นของผูร้ ู้ ประกอบกบั หลักฐาน พอ่ ขนุ หลามคาแหงดังกลา่ ว
ทาใหเ้ ช่อื ว่า การอ่านทานองเสนาะของไทยมีมานานหลายรอ้ ยปแี ลว้ โดยเรยี กเป็นภาษาถนิ่ ว่า “ เล้ือน ”
ที่มาของต้นเค้าของการอ่านทานองเสนาะพอจะสนั นิษฐานไดว้ า่ น่าจะมบี ่อเกดิ จากการดาเนินวถิ ี
ชีวิตของคนไทยสมัยกอ่ นที่มีความเกีย่ วพันกบั การร้องเพลงทานองต่าง ๆ ตลอดมา ทัง้ นจ้ี ากเหตผุ ลทวี่ า่ คน
ไทยมนี สิ ยั ชอบพดู คาคลอ้ งจองใหม้ จี ังหวะด้วยลกั ษณะสัมผัสเสมอ ประกอบกบั คาภาษาไทยที่มวี รรณยกุ ต์
กากบั จึงทาใหค้ ามรี ะดบั เสยี งสงู ต่าเหมอื นเสยี งดนตรี เมื่อประดิษฐ์ทานองง่าย ๆ ใสเ่ ขา้ ไปก็ทาใหส้ ามารถ
สรา้ งบทเพลงร้องข้นึ มาได้แล้ว ดังน้ันคนไทยจึงมีโอกาสได้ฟังและชืน่ ชมกบั การร้องเพลงทานองต่าง ๆ ตั้งแต่
เกิดจนตายทเี ดียว