๔๙๘
ดั้งเดิมและคาทีร่ บั มาจากภาษาอื่น ที่สาคญั คือภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร คาท่มี าจากภาษา
อืน่ นอกจากสามภาษานี้มีไม่มากนกั
เหตุทใี่ ชค้ าภาษาเขมร ภาษาสนั สกฤต และภาษาบาลเี ป็นคาราชาศพั ท์ของไทยนน้ั นกั ปราชญท์ าง
ประวตั ศิ าสตร์และทางภาษากลา่ ววา่ การนาคาในภาษาเขมรมาใช้นัน้ เปน็ การเทดิ พระเกยี รติพระเจ้าอยู่หัว
ไทยในฐานะทรงเป็นผูป้ กครองแผ่นดิน ส่วนท่ใี ชค้ าภาษาบาลีและภาษาสนั สกฤต เป็นราชาศพั ทน์ นั้ เพราะ
คาท้งั สองเปน็ คาทางพระศาสนาซ่ึงถือว่าเปน็ คาสงู จงึ นามาใชเ้ ป็นราชาศพั ท์ด้วย
ราชาศพั ทส์ ่วนมากเป็นศัพทท์ ี่มาจากภาษาบาลี สนั สกฤต เขมร และคาไทยรนุ่ เกา่ จะสังเกตได้
ว่ามกั เปน็ คาประสม ซึง่ ประกอบข้นึ ต้ังแต่คาสองคาขนึ้ ไป และกาหนดให้ใช้ในทต่ี ่าสงู ต่างกัน ในที่นีจ้ ะ
ยกตัวอย่างให้เหน็ วิธีตกแตง่ คาในภาษาให้เป็นคาราชาศัพท์เป็นพวก ๆ ไปดงั นี้
ราชาศพั ทท์ ต่ี กแต่งข้ึนจากคาไทยดั้งเดมิ
๑. คาทใ่ี ช้เรยี กเครอื ญาติ เช่น พี่ นอ้ ง ลูก อาจตกแตง่ ให้เป็น
คาราชาศัพทส์ าหรับพระเจ้าแผน่ ดินและพระราชวงศ์ โดยมีคาอน่ื เข้าประกอบ ดงั น้ี
พระเจา้ พีน่ างเธอ หมายถงึ พระองค์เจา้ ท่เี ป็นพี่สาวของพระมหากษัตรยิ ์
เจ้าเจา้ น้องนางเธอ หมายถงึ พระองคเ์ จา้ ที่เปน็ น้องสาวของพระมหากษตั ริย์
พระเจ้าหลานเธอหมายถงึ พระองคเ์ จ้าท่เี ปน็ หลานชายหรอื หลานสาวของพระมหากษัตริย์
ถ้าเปน็ คาราชาศัพท์ที่สงู ขึน้ ไปกวา่ นี้ เชน่ คาร่าชาศพั ท์ทใี่ ชส้ าหรับเจ้าฟ้าท่ีเป็น
พ่ีสาว น้องสาว หลานชายหรือหลานสาวของพระเจ้าแผ่นดิน ก็มีวธิ ีตกแต่งตา่ งกนั ไปอีก ดังน้ี
สมเด็จพระเจ้าพน่ี างเธอ หมายถึง เจา้ ฟ้าทเ่ี ปน็ พส่ี าวของพระมหากษตั ริย์
สมเด็จพระเจ้านอ้ งนางเธอ หมายถงึ เจ้าฟ้าทเ่ี ปน็ น้องสาวของพระมหากษตั ริย์
สมเดจ็ พระเจ้าหลานเธอ หมายถึง เจา้ ฟ้าทเ่ี ปน็ หลานชายหรือหลานสาวของพระมหากษัตริย์
ขอ้ สังเกต คาไทยด้งั เดมิ ทเี่ ป็นช่อื เรยี กเครือญาติทกุ คาจะนามาตกแตง่ ให้เปน็ คาราชาศพั ท์ โดยใช้
แนวเทียบขา้ งต้นไม่ไดเ้ สมอไป เช่น ลุง ป้า ราชาศัพทใ์ ช้คาวา่ พระปิตุลา พระมาตุจฉา
๒. คาท่ีใชเ้ รียกสว่ นต่าง ๆ เกีย่ วกับร่างกาย เช่น เสน้ ผม กราม เต้านม ก้น
(ทน่ี งั่ ทับ) ฝี มวี ธิ ตี กแต่ง ดงั นี้
พระจไุ ร หมายถงึ ไรจกุ ไรผม ใชส้ าหรับพระมหากษัตริย์
พระกราม หมายถึง กราม ใช้สาหรบั พระมหากษตั ริย์
พระเต้า หมายถงึ เต้านม ใช้สาหรับพระมหากษตั ริย์
พระทนี่ ั่ง หมายถึง กน้ ท่ีน่งั ทบั ใชส้ าหรบั พระมหากษัตรยิ ์
พระยอด หมายถงึ ฝี หัวฝี ใชส้ าหรับพระมหากษัตริย์
คา เสน้ พระเจ้า และพระยอด น้ัน ตกแต่งขึ้นใหม่โดยไมไ่ ดใ้ ช้คาเดิม
๔๙๙
ขอ้ น่าสงั เกต คือ คาไทยเดิมท่เี ป็นคานามซ่ึงนามาตกแต่งโดยเติมคา พระ ขา้ งหน้าให้สาเร็จเป็น
ราชาศัพท์นั้นมนี อ้ ยคา
๓. คาทใ่ี ช้เรยี กกริ ยิ าอาการ มีวิธตี กแต่งดงั นี้
ทรงระลกึ ถงึ หมายถึง ระลกึ ถงึ ใชส้ าหรับพระราชวงศ์
ทรงเล่าเรียน หมายถงึ เรยี น ศึกษา ใช้สาหรับพระมหากษัตรยิ ์และ
พระราชวงศ์
ทรงยนื หมายถึง ยืนใช้สาหรับพระมหากษตั รยิ ์และพระราชวงศ์
ทรงกระแอม หมายถงึ กระแอม ใชส้ าหรับพระราชวงศ์
ทรงอาเจยี น หมายถงึ อาเจียน ใชส้ าหรับพระราชวงศ์
ทรงชา้ ง หมายถงึ ข่ชี า้ ง ใชส้ าหรบั พระมหากษัตริยแ์ ละพระราชวงศ์
๔. คาทต่ี กแต่งให้เป็นคาราชาศพั ทโ์ ดยเติมคาวา่ ทรง ลา้ งหน้า เชน่ ตัวอย่างในข้อ ๓ มี
มาก แตม่ ิได้หมายความว่าจะทาได้แก่คาไทยทุกคาทเ่ี ปน็ กรยิ าหรอื นาม เชน่ ไหว้ ถา้ ใชเ้ ปน็ ราชาศพั ท์
สาหรับพระมหากษัตรยิ ์และพระราชวงศ์ ใช้ ทรงคม อาบนา้ ใหใ้ ช้ สรงน้า ดา ใหใ้ ช้ ทรงคลา้ ไป
๕. คาท่ีใช้เรียกเครื่องใช้ทั่วไป ภาชนะใช้สอย มีวิธีตกแต่งโดยใช้คา พระ เข้าประกอบ เช่น
พระแทน่ หมายถึง เตียง ท่ีนั่งพระ ทวย หมายถึง คันทวยสาหรับรองรับกระโถนหรอื รบั พระภูษาโยง
พระอู่ หมายถึง เปล
พระล่วม หมายถึง กระเปา๋ หมาก บหุ ร่ี
ราชาศัพท์ทีต่ กแต่งข้นึ มาจากภาษาอ่ืน
๑. คาทีใ่ ชเ้ รียกเครือญาติ เช่น ลุง อา พ่อ ใช้คาท่ีมาจากภาษาบาลีว่า ปิตุลา บิดา ตามลาดับ
คา ปิตุลา ตกแต่งเป็น พระปิตุลา สมเด็จพระปิตุลา สมเด็จพระราชปิตุลาเจ้า เป็นต้น ทั้งนี้อยู่ที่ความสูง
ศักด์เิ ป็นกรณีไป
คา บิดา ตกแต่งเป็น พระบิดา พระราชบดิ า สมเดจ็ พระราชบดิ า สมเด็จพระบรมราช
บิดา เปน็ ตน้ ท้งั นี้อยู่ที่ความสูงศกั ดเิ์ ป็นกรณไี ป คาที่ใช้เรียกส่วนต่าง ๆเกีย่ วกับรา่ งกาย เช่น เส้นผม
คว้ิ ดวงตา หนวด ปาก ลิน้ หู บ่า รกั แร้ อก หลงั
เม่อื ทาเป็นราชาศัพทจ์ ะใช้คาที่ไทยได้รบั มาจากภาษาอนื่ คือ พระเกศา (สันสกฤต) พระ
ศก (เขมร) พระภมู (บาลี) พระขนง (เขมร) พระจกั ษุ (สนั สกฤต) พระมสั สุ (บาล)ี พระโอษฐ์
(สันสกฤต) พระชิวหา (บาล)ี พระกรรณ (สนั สกฤต) พระองั สา (บาลี) พระกจั ฉะ (บาลี) พระทรวง
(สันสกฤต) พระปฤษฏางค์ (สันสกฤต) พระขนอง (เขมร) ตามลาดบั
๓. คาท่เี กย่ี วกับกริ ิยาอาการตา่ ง ๆ เช่น คาสอน ความคิด ความ
ตอ้ งการ เดิน หวั เราะ สบาย ฝัน ความช่วยเหลอื เม่ือทาเปน็ ราชาศัพทจ์ ะใชค้ าที่ไทยได้
รบั มาจากภาษาอ่นื คือ เสาวนีย์ (บาล)ี โอวาท (บาล)ี ดาริ (เขมร) ประสงค์
(สันสกฤต) เสด็จ (เขมร) ดาเนนิ (เขมร) สรวล (เขมร) สาราญ (เขมร) สบุ ิน
(บาลี) อนเุ คราะห์ (สนั สกฤต) มวี ธิ ตี กแต่งดงั ต่อไปนี้
๕๐๐
พระเสาวนีย์ ใชส้ าหรับพระบรมราชนิ นี าถ สมเด็จพระบรมราชนิ ีนาถ
สมเด็จพระบรมราชชนนี
พระราชเสาวนีย์ ใช้สาหรบั พระบรมราชนิ ีนาถ สมเดจ็ พระบรมราชชนนี
พระดาริ ใชส้ าหรับพระราชวงศ์
พระราชดาริ ใชส้ าหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์
พระประสงค์ ใช้สาหรบั พระราชวงศ์
พระราชประสงค์ ใช้สาหรบั พระมหากษตั ริย์
ทรงดาเนิน ใชส้ าหรับหมอ่ มเจา้
ทรงพระดาเนิน ใช้สาหรับพระมหากษัตรยิ ์และพระราชวงศ์
ทรงพระสรวล ใช้สาหรบั พระมหากษัตริยแ์ ละพระราชวงศ์
ทรงพระสาราญ ใชส้ าหรบั พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์
ทรงสบุ ิน ใช้สาหรับพระราชวงศ์
ทรงพระสบุ ิน ใชส้ าหรับพระมหากษตั ริย์และพระบรมวงศ์
ทรงพระสบุ ินนมิ ติ ใช้สาหรบั พระมหากษัตรยิ ์และพระบรมวงศ์
พระอนุเคราะห์ ใช้สาหรบั พระราชวงศ์
พระราชานเุ คราะห์ ใช้สาหรบั สมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ
พระบรมราชานเุ คราะห์ ใช้สาหรับพระมหากษตั รยิ ์
คาท่ถี ือวา่ เป็นราชาศัพท์อยแู่ ลว้ ไมจ่ าเป็นต้องตกแต่งดังตัวอยา่ งข้างต้น คาเหล่านีม้ ีอยู่ไม่
มาก ที่พบเหน็ เสมอ ๆ เชน่
รบั สั่ง, ตรัส หมายถงึ พดู ใช้สาหรบั พระราชวงศ์
โอวาท หมายถงึ คาสอน ใชส้ าหรับหมอ่ มเจา้
ประทาน หมายถงึ ให้ ใชส้ าหรบั พระราชวงศ์
รบั สัง่ ใหห้ า หมายถงึ สั่งใหเ้ ข้าเฝา้ ใชส้ าหรับพระราชวงศ์
รบั สง่ั ให้เขา้ เฝ้า หมายถึง สัง่ ให้เข้าเฝา้ ใชส้ าหรับพระราชวงศ์
เสด็จ หมายถึง ไป, มา ใชส้ าหรบั พระราชวงศ์
โปรด หมายถงึ ชอบ, รัก, เอน็ ดู ใชส้ าหรบั พระมหากษตั รยิ ์และ
พระราชวงค์
กรวิ้ หมายถึง โกรธ ใช้สาหรบั พระมหากษัตริย์และ
พระราชวงศ์
๕๐๑
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ใหน้ ักเรียนตอบคาถามดังต่อไปนี้
คำรำชำศพั ท์ หมำยถึง ท่ีมำของคำรำชำศพั ท์ มี ๒ ลกั ษณะ
........................................................... ไดแ้ ก่
........................................................... .................................................................
........................................................... .................................................................
........................................................... .................................................................
........................................................... .................................................................
..... .................................................................
รำชำศพั ทค์ ือถอ้ ยคำที่ใชใ้ ห้ถูกตอ้ งตำม
ฐำนะของบุคคล ๕ ลำดบั ดงั น้ี
................................................................
................................................................
................................................................
................................................................
.........................................................
๕๐๒
๒. ใหน้ ักเรยี นนาคาราชาศัพท์ท่ีกาหนดให้เตมิ ลงในช่องว่างดา้ นลา่ งให้สมบรู ณ์
สวรรคต เสวย กนั แสง พโิ รธ ทรงพระอักษร
ทิวงคต กริ้ว ประทำน
ทรงพระสรวล เสด็จ ถวำย บรรทม โปรด
พระรำชนิพนธ์ ประทบั
คาบาลี สันสกฤต คาเขมร
................................................................. .................................................................
................................................................. .................................................................
................................................................. .................................................................
................................................................. .................................................................
..................................................... .....................................................
๕๐๓
๓. ให้นักเรียนทากจิ กรรม “ราชาศัพทช์ วนฉงน” โดยใหว้ งกลมล้อมรอบคาราชาศัพท์ที่พบในตาราง แลว้
นาไปเตมิ ให้ตรงกับความหมายดา้ นลา่ งให้สมบูรณ์
พพร ะบรมร า ชกพ
พ ระ ร า ช จ ริ ย า วั ต ร
พ ร ร า ช า ธิ บ า ย า ะ
ร า ป า ส ง ค์ ด ำ รั ส ม
ะชร า โ องกา รบห
รปร ะปชช า กคา า
า ระ ปุ จ ฉ า ว า ก า ย ก
ช ส จ ริ ย า วั า ต ร ก รุ
ฉ ง ร า ชู ป ถั ม ท ป์ า ณ
า ค์ พ ระ ร า ช ด ำ รั ส า
ราชาศพั ท์พบทัง้ ส้นิ คา
ความคิด.............................................. ความกรณุ า
คาถาม .......................................................
ความต้องการ คาพูด
ความประพฤติ
คาสั่งสอน คาตัดสิน ....................................................
คาสั่ง .............................................
คาอธบิ าย ..........................................
๕๐๔
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามดังต่อไปน้ี
คำรำชำศัพท์ หมำยถึง ศัพท์หรื อ ท่ีมำของคำรำชำศัพท์ มี ๒ ลักษณะ
ถ้อยคำสำหรับพระรำชำ แต่ใน ไดแ้ ก่
ปัจจุบันหมำยรวมไปถึงถ้อยคำที่ใช้ ๑. กำรยืมคำจำกภำษำอื่นมีภำษำเขมรและ
กับบุคคลทั่วไป ซ่ึงจัดได้ว่ำเป็ นคำ บำลีสนั สกฤต
สุภำพในกำรส่ือสำร ๒. กำรสร้ำงคำข้ึนใหม่ โดยกำรประสมคำ
รำชำศพั ทค์ ือถอ้ ยคำท่ีใชใ้ ห้ถูกตอ้ งตำม
ฐำนะของบุคคล ๕ ลำดบั ดงั น้ี
๑. พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวและ
สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ
๒. พระบรมวงศำนุวงศ์
๓. พระภิกษุ
๔. ขำ้ รำชกำร
๕. สุภำพชนทว่ั ไป
๒. ให้นักเรยี นนาคาราชาศัพท์ท่กี าหนดให้เตมิ ลงในชอ่ งว่างด้านล่างให้สมบูรณ์
สวรรคต เสวย กนั แสง พโิ รธ ทรงพระอักษ ร
ทิวงคต กริ้ว ประทำน
ทรงพระสรวล เสด็จ ถวำย บรรทม โปรด
พระรำชนิพนธ์ ประทบั
๕๐๕
คาบาลี สันสกฤต คาเขมร
สวรรคต ทิวงคต พิโรธ เสวย เสด็จ ประทบั บรรทม
ประทำน ทรงพระอกั ษร โปรด ทรงพระสรวล กนั แสง กริ้ว
พระรำชนิพนธ์ ถวำย
๓. ใหน้ ักเรียนทากจิ กรรม “ราชาศพั ทช์ วนฉงน” โดยให้วงกลมล้อมรอบคาราชาศัพท์ที่พบในตาราง แล้ว
นาไปเตมิ ใหต้ รงกับความหมายด้านล่างให้สมบรู ณ์
พพร ะบรมร า ชกพ
พ ระ ร า ช จ ริ ย า วั ต ร
พ ร ร า ช า ธิ บ า ย า ะ
ร า ป า ส ง ค์ ด ำ รั ส ม
ะชร า โ องกา รบห
รปร ะปชช า กคา า
า ระ ปุ จ ฉ า ว า ก า ย ก
ช ส จ ริ ย า วั า ต ร ก รุ
ฉ ง ร า ชู ป ถั ม ท ป์ า ณ
า ค์ พ ระ ร า ช ด ำ รั ส า
ราชาศัพท์พบทั้งสนิ้ ๕ คา ความกรุณา พระมหากรุณา
ความคดิ .............................................. คาถาม .......................................................
ความตอ้ งการ พระราชประสงค์ คาพดู พระราชดารสั
คาสง่ั สอน พระราโชวาท ความประพฤติ พระราชจรยิ าวตั ร
คาสง่ั ............................................. คาตดั สิน ....................................................
คาอธบิ าย ..........................................
๕๐๖
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๙.๓
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
หนว่ ยท่ี ๙ โชคดมี ีภาษาไทย เวลา ๔ ช่วั โมง
เรื่อง ร้เู ฟื่องเร่ืองคาราชาศพั ท์ เวลา ๑ ชว่ั โมง
ใชส้ อนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หาใน
มาตรฐานที่ ท ๔.๑ การดาเนนิ ชีวิตและมีนสิ ยั รกั การอ่าน
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติ
ตวั ชี้วดั
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความสาคัญ สรปุ ความและอธิบายรายละเอยี ด จากเรื่องทอ่ี ่าน
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ าราชาศัพท์
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ตวั ช้ีวดั ความรู้ (K) สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถน่ิ
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความ - หลักการอา่ น ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
สาคัญ สรุปความและ จบั ใจความและ
อธิบายรายละเอยี ด จาก สรุปความ - ฝึกทกั ษะการอา่ นจับ - อ่านจบั ใจความและ
เรือ่ งท่ีอ่าน ใจความและสรปุ ความ สรปุ ความได้ถูกต้อง
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คา การใช้คาราชาศัพท์
ราชาศัพท์ ฝกึ ใชค้ าราชาศัพท์ - ใช้คาราชาศพั ท์ได้
ถูกต้องเหมาะสม ตาม
ระดับของบุคคล
๕๐๗
สาระสาคญั
ภาษาไทยมีคาราชาศัพท์ที่ใช้พดู กับพระราชาและเจา้ นายชั้นผู้ใหญ่ จนเกอื บจะเปน็ อกี ภาษาหนึ่ง
โดยเฉพาะ และมีคาสภุ าพใชก้ ับบุคคลตามฐานะ นับเปน็ สมบตั ิล้าคา่ ของชาติ เพราะเป็นภาษาที่บรรเจิด
บรรจง แสดงใหเ้ ห็นถึงความประณีตและจติ ใจอนั สูงสง่ ของผใู้ ช้ นอกจากน้ี ยงั แสดงให้เห็นถงึ ความมี
อารยธรรม และมปี ระเพณวี ัฒนธรรมอนั ดขี องชนชาวไทย
สาระการเรียนรู้
- คาราชาศัพท์
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครูสนทนากบั นักเรียนถึงคาราชาศพั ท์ โดยให้นักเรยี นช่วยกันยกตวั อยา่ ง
๒. ครูพระบรมราโชวาทใหน้ ักเรียนอ่าน ตอ่ ไปนี้มาเขียนบนกระดานดา
๓. ครนู าแถลงการณส์ านักพระราชวงั ต่อไปน้ีมาเขียนบนกระดานดา
“วันน้ี คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า อุณหภูมิ
พระวรกาย พระทัย ความดันพระโลหิต และระบบการหายใจเป็นปกติ ได้ถวายการตรวจ และทาความ
สะอาดแผลผ่าตัด ซึ่งไม่มกี ารอกั เสบแทรกซอ้ น ทรงเปลี่ยนพระอิรยิ าบถในการทรงพระบรรทมทราบ ทรงนั่ง
ทรงยืนและทรงพระดาเนนิ ไดด้ ี” ตามลาดบั
๔. ครใู ห้นักเรียนคนหนง่ึ อ่านแถลงการณ์ข้างตน้ แล้วใหช้ ่วยกนั หาคาหาคาราชาศพั ท์ และ
ความหมาย
๕. นกั เรียนนาคาราชาศพั ท์มานาเสนอหน้าชนั้ เรยี น
๕. ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั สรุปคาราชาศัพท์ ทนี่ ักเรียนไดเ้ รียนรู้ และการนาไปปฏบิ ัติ
ส่อื / แหล่งเรยี นรู้
ลาดับที่ รายการส่อื กิจกรรมทใี่ ช้ แหล่งทไี่ ดม้ า
๑
๒ แถลงการณส์ านกั พระราชวัง เพม่ิ เติมความชัดเจนในเนื้อหา ครจู ดั เตรียม
๓ บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นทาบตั รกจิ กรรม ครูจัดทา
หนังสือเรยี น ชุด ววิ ธิ ภาษา นกั เรยี นดภู าพและฝึกอ่าน ครูจดั หา
ชน้ั ม. ๒
๔ เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ ตรวจสอบ ครูจดั ทา
๕๐๘
๕ แบบประเมินการสงั เกต บันทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครูจัดทา
พฤติกรรม
การวัดผลและประเมินผล
กิจกรรม-พฤติกรรมท่ี เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ใน วิธกี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
ประเมิน การประเมิน
๑. นกั เรียนนาเสนอ
๒. นกั เรียนทาบตั รกจิ กรรม แบบประเมนิ รายกลุ่ม สงั เกตรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
การเรยี นรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
๓. ประเมินพฤติกรรมและ พฤติกรรม และแบบ
ผลงานระหวา่ งเรยี น
ประเมินผลงาน
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหว่างเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….……………………………………………………..
๕๐๙
บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรูต้ ามผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวัง
นกั เรียนท้ังหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรับปรงุ – คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤตกิ รรมระหวา่ งเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
....................................................................................................................................... .................
................................................................................................................. .............................................................
๔. การปรับปรุงแกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................................................. .................
๕. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่ือ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกลุ )
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
๕๑๐
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่อื .................................................ผ้ตู รวจสอบ
( ................................................. )
ผอู้ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
๕๑๑
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
ให้นกั เรยี นทากจิ กรรมตอ่ ไปนใ้ี ห้ถกู ตอ้ ง
๑. แกไ้ ขคาราชาศพั ท์ให้ถูกตอ้ ง
สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำชฯ สยำมมกุฎรำชกุมำร ทรงเสด็จพระรำชดำเนิน พร้อม
พระเจำ้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จำ้ ศรีรัศม์ิ พระชำยำ เสด็จทรงเยยี่ มผปู้ ่ วยหลงั คลอดท่ีโรงพยำบำล
บนั นงั สตำ จ. ยะลำ พร้อมพระรำชทำนสิ่งของช่วยเหลือ ระหวำ่ งเสด็จฯ พ้ืนท่ีจงั หวดั ชำยแดน
ภำคใต้ เมื่อวนั ท่ี ๒ กมุ ภำพนั ธ์
คาที่ผิด คอื .....................................................................................................................................
คาทถ่ี ูกตอ้ ง คอื .................................................................................................................................
เม่ือวนั ท่ี ๒๐ มี.ค. ๕๐ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว. วฒั นธรรม เปิ ดเผยวำ่ ท่ีประชุม
คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบน้อมเกลำ้ น้อมกระหม่อม ถวำยพระสมญั ญำ “พระบิดำแห่งกำร
อนุรักษม์ รดกไทย” แด่พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช โดยจะประกำศใน
วนั ท่ี ๒ เม.ย. ๕๐ ซ่ึงตรงกบั วนั คลำ้ ยวนั ประสูติสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ ส่วนกำรเขำ้ เฝ้ ำฯ
กรำบทูลน้นั แลว้ แตจ่ ะทรงโปรดเกลำ้ โปรดกระหม่อม
คาที่ผดิ คอื .....................................................................................................................................
คาที่ถูกต้อง คอื ..
..............................................................................................................................
๕๑๒
ตำมที่ไดอ้ อกแถลงกำรณ์ฉบบั แรกก่อนกำรถวำยกำรผำ่ ตดั ขยำยช่องทำงเดินประสำท
พระกระดูกสันหลงั ณ โรงพยำบำลศิริรำช ควำมวำ่ หลงั ผำ่ ตดั จำเป็นตอ้ งใชเ้ วลำนำนในกำร
บริหำรกลำ้ มเน้ือของพระเพลำเพ่อื เสริมสมรรถภำพน้นั ถึงแมว้ ำ่ พระรำชพธิ ีเฉลิมพระ
ชนมพรรษำศกน้ี ยงั อยใู่ นระยะกำรบริหำรกลำ้ มเน้ือ เพือ่ ใหม้ ีกำลงั และควำมคงทนเพ่มิ ข้ึน
พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั ไดส้ ำมำรถปฏิบตั ิพระรำชกรณียกิจเน่ืองในโอกำสพระรำชพิธี
เฉลิมพระชนมพรรษำไดน้ ้นั นบั วำ่ กลำ้ มเน้ือพระเพลำไดฟ้ ้ื นสมรรถภำพไดเ้ ร็วกวำ่ ที่คณะแพทย์
ผถู้ วำยกำรผำ่ ตดั ไดค้ ำดกำรณ์ไวก้ ่อนกำรถวำยกำรผำ่ ตดั คณะแพทยผ์ ทู้ ลู ถวำยกำรรักษำ ของ
พระรำชทำนใหท้ รงบริหำรกลำ้ มเน้ือต่อไป เพื่อเพิ่มกำลงั และควำมคงทนของกลำ้ มเน้ือพระ
เพลำใหแ้ ขง็ แรงยงิ่ ข้ึน และขอพระรำชทำนใหท้ รงปฏิบตั ิพระรำชกิจท่ีไม่ตอ้ งทรงใชก้ ลำ้ มเน้ือ
พระเพลำนำนเกินไป อีกระยะหน่ึง
คาท่ีผดิ คือ .....................................................................................................................................
คาทีถ่ ูกตอ้ ง คอื
.............................................................................................................................
๒. จงค้นหาการใชค้ า “ทรง” ท่ไี ม่ถูกต้อง
ทรงสดบั ทรงธรรม ทรงกีฬำ ทรงดำริ
ทรงฟัง ทรงเสวย ทรงศีล ทรงเสวย
ทรงเสด็จ ทรงขอบใจ ทรงประทบั ทรงอุตสำหะ
ทรงแซ็กโซโฟน ทรงรถ ทรงรำชย์ ทรงประชวร
ทรงรำพงึ ทรงโปรด ทรงทอดพระเนตร ทรงชุบเล้ียง
พบ คาดงั นี้
............................................................................................................................. .......
.................................................................................................................... .................
............................................................................................................................. ........
๕๑๓
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
ให้นกั เรยี นทากจิ กรรมต่อไปน้ีให้ถูกตอ้ ง
๑. แกไ้ ขคาราชาศัพทใ์ หถ้ กู ตอ้ ง
สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำชฯ สยำมมกุฎรำชกุมำร ทรงเสด็จพระรำชดำเนิน พร้อม
พระเจำ้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จำ้ ศรีรัศม์ิ พระชำยำ เสด็จทรงเย่ยี มผปู้ ่ วยหลงั คลอดที่โรงพยำบำล
บนั นงั สตำ จ. ยะลำ พร้อมพระรำชทำนส่ิงของช่วยเหลือ ระหวำ่ งเสด็จฯ พ้ืนท่ีจงั หวดั ชำยแดน
ภำคใต้ เมื่อวนั ที่ ๒ กมุ ภำพนั ธ์
คาท่ีผดิ คอื ทรงเสดจ็ พระราชดาเนิน พระชายา เสด็จทรงเยีย่ ม
คาท่ีถูกต้อง คอื เสด็จพระราชดาเนิน พระวรชายาฯ ทรงเยี่ยม
เมื่อวนั ท่ี ๒๐ มี.ค. ๕๐ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว. วฒั นธรรม เปิ ดเผยว่ำท่ีประชุม
คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบน้อมเกลำ้ น้อมกระหม่อม ถวำยพระสมญั ญำ “พระบิดำแห่งกำร
อนุรักษม์ รดกไทย” แด่พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช โดยจะประกำศใน
วนั ที่ ๒ เม.ย. ๕๐ ซ่ึงตรงกบั วนั คลำ้ ยวนั ประสูติสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ ส่วนกำรเขำ้ เฝ้ ำฯ
กรำบทลู น้นั แลว้ แตจ่ ะทรงโปรดเกลำ้ โปรดกระหม่อม
คาท่ีผิด คอื น้อมเกล้าน้อมกระหมอ่ ม พระสมัญญา วนั ประสูติ กราบทลู
คาท่ถี ูกตอ้ ง คือ ทลู เกลา้ ทูลกระหม่อม พระราชสมญั ญา วันพระราชสมภพ
กราบบังคมทูล
๕๑๔
ตำมท่ีไดอ้ อกแถลงกำรณ์ฉบบั แรกก่อนกำรถวำยกำรผำ่ ตดั ขยำยช่องทำงเดินประสำท
พระกระดูกสันหลงั ณ โรงพยำบำลศิริรำช ควำมวำ่ หลงั ผำ่ ตดั จำเป็นตอ้ งใชเ้ วลำนำนในกำร
บริหำรกลำ้ มเน้ือของพระเพลำเพื่อเสริมสมรรถภำพน้นั ถึงแมว้ ำ่ พระรำชพธิ ีเฉลิมพระ
ชนมพรรษำศกน้ี ยงั อยใู่ นระยะกำรบริหำรกลำ้ มเน้ือ เพอื่ ใหม้ ีกำลงั และควำมคงทนเพิ่มข้ึน
พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั ไดส้ ำมำรถปฏิบตั ิพระรำชกรณียกิจเน่ืองในโอกำสพระรำชพธิ ี
เฉลิมพระชนมพรรษำไดน้ ้นั นบั วำ่ กลำ้ มเน้ือพระเพลำไดฟ้ ้ื นสมรรถภำพไดเ้ ร็วกวำ่ ที่คณะแพทย์
ผถู้ วำยกำรผำ่ ตดั ไดค้ ำดกำรณ์ไวก้ ่อนกำรถวำยกำรผำ่ ตดั คณะแพทยผ์ ทู้ ลู ถวำยกำรรักษำ ของ
พระรำชทำนใหท้ รงบริหำรกลำ้ มเน้ือต่อไป เพ่ือเพิม่ กำลงั และควำมคงทนของกลำ้ มเน้ือพระ
เพลำใหแ้ ขง็ แรงยงิ่ ข้ึน และขอพระรำชทำนใหท้ รงปฏิบตั ิพระรำชกิจที่ไมต่ อ้ งทรงใชก้ ลำ้ มเน้ือ
พระเพลำนำนเกินไป อีกระยะหน่ึง
คาท่ผี ดิ คอื พระกระดูกสนั หลงั กล้ามเนอ้ื กาลังสามารถ คณะแพทย์ผทู้ ูลถวายการรักษา
คาทถี่ ูกตอ้ ง คือ พระปิฐกิ ัณฐกัฐิ พระกลา้ มเน้ือ พระกาลงั ทรงสามารถ คณะแพทย์ผู้
ถวายการ รักษา
๒. จงคน้ หาการใชค้ า “ทรง” ทไี่ ม่ถูกต้อง
ทรงสดบั ทรงธรรม ทรงกีฬำ ทรงดำริ
ทรงฟัง ทรงเสวย ทรงศีล ทรงเสวย
ทรงเสด็จ ทรงขอบใจ ทรงประทบั ทรงอุตสำหะ
ทรงแซ็กโซโฟน ทรงรถ ทรงรำชย์ ทรงประชวร
ทรงรำพงึ ทรงโปรด ทรงทอดพระเนตร ทรงชุบเล้ียง
พบ ๖ คาดงั น้ี
ทรงเสด็จ ทรงโปรด
ทรงประชวร ทรงประทับ
ทรงทอดพระเนตร ทรงเสวย
๕๑๕
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๙.๔
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒
หนว่ ยท่ี ๙ โชคดีมภี าษาไทย เวลา ๔ ชั่วโมง
เร่อื ง วิเคราะหพ์ ระบรมราโชวาท เวลา ๑ ชว่ั โมง
ใชส้ อนวนั ท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาส
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติ
ตัวช้วี ดั
ท ๓.๑ ม.๒/๓ วิเคราะห์และวิจารณ์เร่อื งท่ีฟังและดูอย่างมเี หตุผล เพ่ือนาข้อคิดมาประยุกต์ใชใ้ นการ
ดาเนนิ ชวี ติ
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ าราชาศัพท์
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถ่ิน
ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ท ๓.๑ ม.๒/๓ วิเคราะห์ หลักการวิเคราะห์ ฝกึ พดู วิเคราะห์ วิจารณ์ -มมี ารยาทในการพูด
และวิจารณ์เรอ่ื งท่ีฟังและดู วจิ ารณ์ การฟงั การดู -มีมารยาทในการฟัง
อย่างมีเหตุผล เพื่อนา การพูด การดู
ขอ้ คิดมาประยกุ ต์ใช้ในการ -มีวจิ ารณญาณใน
ดาเนินชีวติ การฟัง การดู
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ า การใช้คาราชาศัพท์ ฝึกใช้คาราชาศัพท์ - ใชค้ าราชาศัพท์ได้
ราชาศพั ท์ ถกู ต้องเหมาะสม ตาม
ระดบั ของบุคคล
๕๑๖
สาระสาคญั
การฟังเชงิ วเิ คราะห์ วิจารณ์ หมายถงึ การฟงั สารดว้ ยความเอาใจใส่พิจารณาไตร่ตรอง แยกแยะสาร
ออกเป็นสว่ น ๆ อยา่ งถี่ถว้ น เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจเร่ืองในหลายแง่หลายมุมโดยแยก ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นออก
จากกนั แล้วติ – ชม หรือประเมินค่าสิ่งท่ไี ด้ฟังน้ัน เพือ่ นาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวัน
สาระการเรยี นรู้
- การวิเคราะหเ์ น้ือหาพระบรมราโชวาท
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครนู าบัตรพระบรมราโชวาทสนทนากับนักเรียนเกย่ี วกับ “ พระบรมราโชวาท ” ว่ามี
ความหมายอย่างไร มพี ระบรมราโชวาทใดที่นกั เรียนประทับใจมากทส่ี ุด นกั เรยี นมหี ลักการใดบ้างทที่ าให้
การอ่านพระบรมราโชวาทเขา้ ใจลึกซ้ึง
๒. นกั เรียนอ่าน “ พระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั เศรษฐกจิ พอเพียง ” จากบัตรความรู้
นกั เรยี นชว่ ยกนั วิเคราะห์แสดงความคดิ เหน็ พร้อมท้ังออกมานาเสนอ
๓ ครแู บ่งนักเรียนออกเปน็ ๕ กลมุ่ ให้แต่ละกลุ่ม วิเคราะห์เนอ้ื เร่ืองตามหัวข้อทต่ี นรับผิดชอบไป
แล้ว
กลุ่ม ๑ พระองค์มพี ระราชประสงคอ์ ย่างไร ที่ไมพ่ ระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระ
ราชโอรสเสด็จไปศกึ ษาวชิ าในประเทศยโุ รปอยา่ งไวย้ ศวา่ เป็นเจา้
กลุ่ม ๒ เพราะเหตุใดพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั จึงทรงใช้พระราชทรัพย์
ส่วนพระองคเ์ ปน็ ค่าใช้จ่ายในการศกึ ษาของพระราชโอรส
กลุ่ม ๓ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัวทรงมีพระราชดาริเก่ยี วกับฐานะของ
พระมหากษัตรยิ ์ และพระราชวงศ์อย่างไร
กลุ่ม ๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั นัน้ ทรงมีพระราชปรารภวา่ ผูท้ เี่ ปน็ ลูก
พระเจ้าแผน่ ดนิ นน้ั ต้องมคี วามประพฤติอย่างไร
กลุ่ม ๕ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว ทรงตระหนักในความสาคัญของ
ภาษาไทยเพยี งไร มีข้อความตอนใดบ้างทีแ่ สดงถึงความเอาพระทัยใส่ในภาษาของชาติ
๔. ให้แต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอการวิเคราะหเ์ นือ้ หาท่ีกลุ่มตนได้รับมอบหมายให้เพ่ือนกลมุ่ อื่นฟัง
๕. นกั เรยี นทากจิ กรรมตามบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้ และนาส่งครู
๕๑๗
สื่อ / แหล่งเรียนรู้
ลาดบั ท่ี รายการสอ่ื กิจกรรมท่ีใช้ แหล่งที่ไดม้ า
๑ เพิ่มเติมความชดั เจนในเน้ือหา ครูจัดเตรียม
๒ บัตรตัวอย่างพระบรมราโชวาท นักเรียนทาบตั รกิจกรรม ครูจัดทา
๓ นักเรียนดภู าพและฝกึ อา่ น ครจู ดั หา
บัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้
๔ ตรวจสอบบัตรกิจกรรม ครูจัดทา
๕ หนงั สอื เรียน ชดุ ววิ ธิ ภาษา บนั ทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครูจดั ทา
ช้ัน ม. ๒
เฉลยบัตรกจิ กรรม
แบบประเมินการสังเกต
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ น วิธกี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
ประเมิน การประเมิน สังเกตรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๒. นักเรียนเขียนแผนภาพ
โครงเรื่อง แบบประเมนิ รายกลมุ่
๓. นกั เรียนทาบตั รกิจกรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
พฤติกรรม และแบบ
๔. ประเมินพฤติกรรมและ ประเมนิ ผลงาน
ผลงานระหว่างเรียน แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป
ผลงานระหว่างเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………………………………………
๕๑๘
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรูต้ ามผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรยี นทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรบั ปรุง – คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
.......................................................................................... ....................................................................................
๔. การปรับปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. .................................................
๕. ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชิตกุล)
ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๕๑๙
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๕๒๐
บตั รตัวอย่างพระบรมราโชวาท
๕๒๑
๕๒๒
บัตรกบจิัตกรรกรจิ มกกรารรมเรกยีารนเรรู้ียนรู้
ให้นกั เรียนอา่ น “พระบรมราโชวาท” แล้วตอบคาถามใหถ้ ูกต้อง
“.......................... คือ ทลู กระหมอ่ มเสด็จสวรรคตในขณะน้นั เปรียบเหมือนคน
ท่ีศีรษะขำดแลว้ จบั เอำแต่ร่ำงกำยข้ึนต้งั ไวใ้ นสมมติกษตั ริยเ์ หลือท่ีจะพรรณนำถึง
ควำมทุกขอ์ นั ตอ้ งเป็ นกำพร้ำในอำยเุ พยี งเท่ำน้นั และควำมหนกั ของมงกุฎอนั
เหลือที่คอจะทำนไวไ้ ด้ ท้งั มีศตั รูซ่ึงมุ่งหมำยอยโู่ ดยเปิ ดเผยรอบขำ้ งท้งั ภำยใน
ภำยนอก หมำยเอำท้งั ในกรุงเองและตำ่ งประเทศท้งั โรคภยั ในกำยเบียดเบียนแสน
สำหสั ...................................”
๑. “ทูลกระหม่อมเสดจ็ สวรรคต” หมายถงึ ใคร
…………………………………………………………………………………………………
๒. “เปน็ กาพร้าในอายุเพียงเทา่ น้ี” หมายความว่าอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………
๓. โวหารเปรียบเทียบได้แก่ข้อความใด
…………………………………………………………………………………………………
๔. “ความหนักของมงกฎุ อันเหลอื ทค่ี อจะทานไวไ้ ด้” หมายความว่าอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………
๕. “ทง้ั โรคภัยในกายเบยี ดเบียนแสนสาหัส” มคี วามหมายว่าอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………
๕๒๓
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
ใหน้ ักเรียนอา่ น “พระบรมราโชวาท” แลว้ ตอบคาถามให้ถูกต้อง
“.......................... คือ ทูลกระหม่อมเสด็จสวรรคตในขณะน้นั เปรียบเหมือนคน
ท่ีศีรษะขำดแลว้ จบั เอำแตร่ ่ำงกำยข้ึนต้งั ไวใ้ นสมมติกษตั ริยเ์ หลือที่จะพรรณนำถึง
ควำมทุกขอ์ นั ตอ้ งเป็ นกำพร้ำในอำยเุ พียงเท่ำน้นั และควำมหนกั ของมงกุฎอนั
เหลือที่คอจะทำนไวไ้ ด้ ท้งั มีศตั รูซ่ึงมุง่ หมำยอยโู่ ดยเปิ ดเผยรอบขำ้ งท้งั ภำยใน
ภำยนอก หมำยเอำท้งั ในกรุงเองและต่ำงประเทศท้งั โรคภยั ในกำยเบียดเบียนแสน
สำหสั ...................................”
๑. “ทูลกระหม่อมเสด็จสวรรคต” หมายถึงใคร
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว
๒. “เป็นกาพรา้ ในอายุเพยี งเท่านี้” หมายความว่าอยา่ งไร
พระราชบิดาสวรรคตขณะที่ ร.๕ ยังทรงพระเยาว์
๓. โวหารเปรียบเทียบได้แก่ข้อความใด
“เปรียบเหมือนคนทศี่ รี ษะขาดแลว้ จบั เอาแต่รา่ งกายขึ้นตัง้ ไวใ้ นทีส่ มมตกิ ษตั ริย์”
๔. “ความหนกั ของมงกฎุ อนั เหลือที่คอจะทานไวไ้ ด้” หมายความวา่ อย่างไร
พระราชภาระอนั หนกั ย่ิงของพระมหากษัตริยใ์ นการปกครองบา้ นเมือง
๕. “ท้ังโรคภยั ในกายเบยี ดเบียนแสนสาหสั ” มคี วามหมายว่าอยา่ งไร
พระองค์ประชวรด้วยไข้มาลาเรยี
๕๒๔
แบบประเมินหลงั แผนการจดั การเรียน
๕๒๕
แบบประเมินพฤติกรรมและผลงานระหว่างเรียน
ความหมาย
๑. ตง้ั ใจ หมายถงึ ความมานะ อดทนทางานจนเสรจ็ ( A )
๒. ความรว่ มมอื หมายถึง สมาชิกในกลมุ่ ให้ความรว่ มมือทางานจนเสรจ็ ( A )
๓. ความมีวนิ ัย หมายถึง ผลงาน หรือการทางานเป็นระบบระเบยี บเรียบร้อย สะอาด
สวยงาม และได้เนื้อหาครบถ้วน ทนั หรอื ตรงต่อเวลา ( A,K )
๔. คณุ ภาพของผลงาน หมายถงึ ผลงานเรยี บรอ้ ย สวยงาม เนอื้ หาครบถว้ น
ภาษาทใ่ี ช้เหมาะสม (P – Product, K)
๕. การนาเสนอผลงาน หมายถึง การพูดอธบิ ายนาเสนอผลงานได้ตามลาดับ
และเน้ือหาถูกต้อง ( P – Process, K )
เกณฑ์การประเมนิ
๔ หมายถงึ ทาไดด้ ีมาก ๓ หมายถึง ทาได้ดี
๒ หมายถึง ทาได้พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ
เลขท่ี ความต้งั ใจ ความรว่ มมอื ความมีวินัย คุณภาพของ การนาเสนอ รวม
(๔) (๔) (๔) ผลงาน (๔) ผลงาน (๔) (๒๐)
๕๒๖
เกณฑ์การให้คะแนนกระบวนการทางานกล่มุ
ประเดน็ การประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน/ระดับ
๑. การกาหนด –
๓๒๑
เปา้ หมายรว่ มกัน
สมาชิกทกุ คนมีสว่ น สมาชิกสว่ นใหญม่ ี สมาชิกส่วนน้อยมี
๒. การแบง่ หน้าท่ี
รับผดิ ชอบ ร่วมในการกาหนด สว่ นร่วมในการกาหนด ส่วนรว่ มในการกาหนด
๓. การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี เปา้ หมายการทางาน เป้าหมายในการ เป้าหมายในการ
ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
อย่างชดั เจน ทางาน ทางาน
๔. การประเมนิ และ
ปรบั ปรงุ ผลงาน กระจายงานได้อย่าง กระจายงานไดท้ ัว่ ถงึ กระจายงานไม่ท่วั ถึง
ทวั่ ถงึ และตรงตาม แต่ไม่ตรงตาม
ความสามารถของ ความสามารถของ
สมาชกิ ทกุ คน สมาชกิ
ทางานได้สาเรจ็ ตาม ทางานไดส้ าเร็จตาม ทางานไมส่ าเร็จตาม
เปา้ หมายท่ีไดร้ ับ เป้าหมายแต่ชา้ กวา่ เป้าหมาย
มอบหมาย ตาม เวลาทก่ี าหนด
ระยะเวลาที่กาหนด
สมาชกิ ทกุ คนรว่ ม สมาชิกบางส่วนมีส่วน สมาชกิ บางส่วนไม่มี
ปรึกษาหารือ ตดิ ตาม รว่ มปรกึ ษาหารือแต่ไม่ สว่ นร่วมปรึกษาหารอื
ตรวจสอบและปรบั – ชว่ ยปรบั ปรุงผลงาน และไม่ช่วยปรับปรงุ
ปรงุ ผลงานเป็นระยะ ผลงาน
๕๒๗
แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ กล่มุ ท่ี …….....
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเหน็
๓๒๑
๑. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั
๒. การแบ่งหน้าทร่ี ับผิดชอบ
๓. การปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ที ี่ได้รับมอบหมาย
๔. การประเมินและปรับปรุงผลงาน
รวม
ลงชอื่ ผ้ปู ระเมิน
( )
เกณฑ์การประเมิน ดมี าก
๑๑ – ๑๒= ดี
๘ – ๑๐ = พอใช้
๕–๖ = ปรบั ปรงุ
๐–๔ =
๕๒๘
เกณฑก์ ารประเมนิ การนาเสนอผลงาน
แนวทางการพิจารณา
หวั ข้อการพิจารณา/ระดบั การปฏบิ ตั หิ รอื พฤติกรรม
ระดับ เน้อื หา กลวธิ กี ารนาเสนอ ขน้ั ตอนการ การใชภ้ าษา ตอบคาถาม/
คะแนน นาเสนอ เวลา
๔ มีการเรียงลาดบั
เนอ้ื หาไดด้ ี มกี ารนาเข้าส่เู น้ือ มกี ารนาเสนอ ออกเสียงถูกตอ้ ง ตอบคาถามได้
มีความตอ่ เนือ่ ง เรื่อง มีความ อย่างมภี ูมริ ู้
มีประโยชน์ สัมพันธก์ บั เน้ือ อย่างตอ่ เนื่อง ตามอกั ขรวิธีและดงั และมคี วาม
ให้แงค่ ดิ เรื่อง เรา้ ใจผฟู้ งั ชดั เจน มแี หลง่
มีความมนั่ ใจ ราบร่นื เปน็ ไปตาม ชดั เจน ใช้ภาษา อา้ งอิง
ใช้เวลาตาม
ขัน้ ตอน เหมาะสม เข้าใจ กาหนด
ตอบคาถามได้
ง่าย มกี ารใช้ ค่อนขา้ งชัด เจน
มแี หลง่ อา้ งองิ
สานวนโวหาร ใช้เวลาเกิน
กาหนด ๑ นาที
๓ มีการเรียงลาดับ มีการนาเขา้ สูเ่ น้ือ การนาเสนอ ออกเสียงถูกตอ้ ง
เรื่อง มคี วาม ต่อเนื่อง มีการ ตามอกั ขรวธิ แี ละดงั ตอบคาถามไดไ้ ม่
เนือ้ หาไดด้ ี สมั พนั ธก์ บั เนื้อ ข้ามขน้ั ตอนบ้าง ชัดเจน ใช้ภาษา ค่อยชัดเจน
มคี วามต่อเน่อื ง เรื่อง เร้าใจผู้ฟงั เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย มีแหล่งอา้ งองิ
มีประโยชน์ ไมม่ ีความมนั่ ใจใน การนาเสนอ ไม่มีการใช้สานวน เปน็ บางส่วน
ใหแ้ ง่คดิ น้อย การนาเสนอ ต่อเนอื่ ง ไมม่ ี โวหาร ใช้เวลาเกิน
มกี ารนาเขา้ สู่เน้อื ข้ันตอนเปน็ ส่วน ออกเสยี งถกู ต้อง กาหนด
๒ มกี ารเรยี งลาดบั เรื่อง มคี วาม ใหญ่ ตามอกั ขรวิธแี ละดัง ๒ นาที
สมั พันธ์กบั เนอื้ ชดั เจน ใช้ภาษา ตอบคาถามไมไ่ ด้
เนอ้ื หาไดด้ ี เรื่อง ไม่ เรา้ ใจผู้ฟงั เขา้ ใจยาก ไม่มี เปน็
มคี วามต่อเนอื่ ง ไม่มีความมั่นใจใน การใช้สานวน สว่ นใหญ่
มีประโยชน์น้อยให้ การนาเสนอ โวหาร ใชเ้ วลาเกิน
แง่คดิ นอ้ ย กาหนด ๕ นาที
๑ มกี ารเรยี งลาดับ มกี ารนาเข้าสเู่ นอ้ื การนาเสนอ ออกเสยี งถูกตอ้ ง
เรอื่ ง ไม่มีความ ไมต่ อ่ เน่อื ง ตามอกั ขรวธิ แี ละดัง
เน้อื หาไดด้ ี สมั พนั ธ์กบั เน้ือ นาเสนอสบั สน ชดั เจน ใช้ภาษาไม่
ไม่มคี วามตอ่ เนื่อง เร่ือง ไมเ่ ร้าใจผู้ฟัง เหมาะสม เขา้ ใจ
ไม่มีความมน่ั ใจใน ยาก ไมม่ ีการใช้
มีประโยชน์นอ้ ยให้ การนาเสนอ สานวนโวหาร
แงค่ ิดนอ้ ย
๕๒๙
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
กลมุ่ ท.่ี ...........................................................ห้อง.......................
เน้ือหา กลวธิ ี ขั้นตอนการ การใช้ การตอบ รวม
๔ การ นาเสนอ ภาษา คาถาม คะแนน
ประเด็น นาเสนอ ๔ ๔ /เวลา ๒๐
ชอื่ – สกุล ๔๔
สมาชกิ
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๖.
๘.
ลงชอ่ื ......................................................ผ้ปู ระเมิน
()
วันที.่ .....เดือน......................ป.ี ...............
เกณฑ์การประเมิน ๔ หมายถึง ดมี าก
๓ หมายถงึ ดี
๒ หมายถงึ พอใช้
๑ หมายถึง ต้องปรบั ปรุง
๕๓๐
แผนการจัดการเรยี นร้ภู าษาไทย
ภาคเรยี นท่ี ๑
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
หน่วยท่ี ๑๐ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า
โดย
นางสาวธัญญาดล อุปชติ กุล
โรงเรียนโคกโพธไิ์ ชยศกึ ษา
อาเภอโคกโพธิ์ไชย จังหวดั ขอนแก่น
สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต ๒๕
๕๓๑
แผนผงั ความคดิ การบรู ณาการการเรยี นรู้
ภายในกลุ่มสาระ
การฟงั การดู
การพูด
วรรณคดแี ละ การอ่าน
วรรณกรรม
การใช้ภาษา การเขยี น
๕๓๒
แผนผงั ความคดิ การบรู ณาการ
นอกกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้
คณิตศำสตร์ วิทยำศำสตร์ สงั คมศึกษำ ฯ
-การนบั จานวน - การคดิ อยา่ งเป็ น
-การจดั กลมุ่ -สะทอ้ นสภาพสงั คมไทย
ระบบ -คณุ ธรรมและมารยาท
- การวิเคราะหเ์ ร่ือง
- หลกั เศรษฐกิจ
พอเพยี ง
สขุ ศึกษำและ กลอน ภำษำองั กฤษ
พลศึกษำ ดอกสรอ้ ย -ความหมายของคา
รำพึงในป่ ำ
-มนษุ ยสมั พนั ธ์ -เขยี นคาศพั ท์
-การเคลอื่ นไหว ชำ้ -เขยี นสานวน
-การเลน่ เกม
กำรงำนอำชีพ ศิลปะฯ
และเทคโนโลยี - การเรียนรู้
-การใชค้ อมพวิ เตอร์ วฒั นธรรม
-ใชใ้ ชอ้ ินเทอรเ์ น็ต - วาดภาพประกอบ
-ขบั รอ้ งทานองเสนาะ
๕๓๓
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑๐.๑
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
หน่วยท่ี ๑๐ กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ เวลา ๘ ชั่วโมง
เรื่อง ฟังคิดพนิ จิ เรื่อง เวลา ๑ ชวั่ โมง
ใช้สอนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดู อยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด
ความรูส้ ึกในโอกาสตา่ งๆ อย่างมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชีว้ ัด
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พดู สรปุ ใจความสาคญั ของเร่ืองที่ฟงั และดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหข์ ้อเทจ็ จริง ข้อคดิ เหน็ และความนา่ เช่อื ถือของขา่ วสารจากสื่อต่างๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตวั ชี้วัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง/ทอ้ งถิ่น
ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุป การพูดสรปุ ความ ฝกึ พูดสรปุ ความ - มมี ารยาทในการพูด
ใจความสาคัญของเร่ืองที่ - มมี ารยาทในการฟัง
ฟังและดู การดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์ วเิ คราะห์ข้อเทจ็ จรงิ - ฝกึ พูดวเิ คราะห์ขอ้ เทจ็ จริง - มมี ารยาทในการพดู
ขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ คดิ เห็นและ และข้อคิดเหน็ และข้อคดิ เหน็
ความน่าเชื่อถือของ
ข่าวสารจากสือ่ ตา่ งๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มี หลักการฟัง การดู ฝกึ พูด ฟัง และดู -มมี ารยาทในการพูด
มารยาทในการฟัง การดู และการพูด การฟงั และการดู
และการพูด
๕๓๔
สาระสาคญั
การฟังเชิงวิเคราะห์ วจิ ารณ์ หมายถึง การฟังสารดว้ ยความเอาใจใส่พจิ ารณาไตรต่ รอง แยกแยะสาร
ออกเปน็ สว่ น ๆ อยา่ งถี่ถ้วน เพื่อใหเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งในหลายแง่หลายมมุ โดยแยก ข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ ออก
จากกนั แลว้ ติ – ชม หรอื ประเมนิ ค่าส่งิ ที่ได้ฟงั นั้น เพ่ือนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวนั
สาระการเรยี นรู้
การฟงั เร่ืองกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าช้า
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครแู จง้ ตัวชี้วัด และให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้
๒. สนทนากับนกั เรียนเร่ือง “กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า” วา่ มคี วามหมายอย่างไร มปี ระวตั ิและ
ความเป็นมาอย่างไร การอ่านกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ควรอ่านอย่างไรจงึ จะเข้าใจลึกซึง้
๓. ครแู จกบตั รความรู้ เรือ่ ง การฟังแจกให้แก่นักเรยี นทุกคนศึกษาดว้ ยตนเอง
๔. นักเรียนอาสาสมัครอา่ นเรื่อง “กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ชา้ ” ใหเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หรอื ครูเปิด
เครอื่ งบนั ทกึ เสียง เรือ่ ง “กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า” ใหน้ กั เรยี นฟงั
๕. ครนู าแผนภูมคิ วามหมายของศัพท์ และถ้อยคาสานวนจากเร่ือง “กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ
ในปา่ ชา้ ” มาติดบนกระดา ใหน้ ักเรียนศึกษาความหมายของคาศัพท์
๖. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ ๔ กลมุ่ ให้แต่ละกลุ่มศึกษาเรื่องต่อไปน้ี
กลุ่ม ๑ ผู้แต่งและที่มาของเรื่อ
กลมุ่ ๒ บอกจุดประสงค์ของเรอ่ื ง
กลุ่ม ๓ ลาดบั เหตุการณ์ของเรือ่ ง
กลมุ่ ๔ สรุปเนอ้ื เรือ่ ง
๗. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนมารายงานหนา้ ช้นั พร้อมสง่ เอกสารทค่ี รู
๘. นกั เรยี นชว่ ยกันซกั ถามเร่ืองราวทั้งหมดจากกลุ่มตา่ ง ๆ เพือ่ เป็นการสรปุ บทเรยี น
๙. นักเรยี นทาบัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้
๕๓๕
ส่อื / แหล่งเรยี นรู้
ลาดบั ท่ี รายการสอ่ื กจิ กรรมท่ใี ช้ แหลง่ ท่ีได้มา
๑ ครูจัดทา
๒ แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน ครูจดั ทา
๓ แผนภูมคิ วามหมายของคาศัพท์ นกั เรียนศกึ ษาและอา่ น ครจู ัดหา
๔ และสานวนจากเร่ือง ครูจดั ทา
หนงั สือเรยี น ชดุ วรรณคดี นักเรยี นดภู าพและฝกึ อา่ น
วิจักษ์ ชนั้ ม.๒
เคร่ืองบนั ทกึ เสยี ง นกั เรียนฝึกการฟัง
๕ แบบประเมนิ การสังเกต บันทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครจู ดั ทา
พฤติกรรม
การวัดผลและประเมนิ ผล
กิจกรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่อื งมือทีใ่ ช้ใน วิธีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
การประเมนิ
ประเมิน
แบบทดสอบก่อนเรียน ตรวจงานรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
๑. นักเรียนทาแบบทดสอบ
กอ่ นเรยี น แบบประเมนิ รายกลุ่ม สังเกตรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๒. นกั เรยี นนาเสนอหนา้ ชั้น แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
เรยี น ผลงานระหว่างเรยี น
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
ในกิจกรรมการสอนภาษาไทยทกุ ช่วั โมง ครตู อ้ งกวดขันให้นักเรียนใชต้ วั เลขไทย เพ่ือให้เกดิ ความ
เคยชนิ และตดิ เปน็ นิสยั อีกทั้งให้มีความภูมิใจในการใช้ตัวเลขไทย อันเป็นสมบตั ขิ องชาติ
๕๓๖
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรู้ตามผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวัง
นักเรยี นทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปรบั ปรุง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤติกรรมระหวา่ งเรยี น
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
................................................................................. .......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรับปรงุ แกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
....................................................................................................... .......................................................................
๕. ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชือ่ ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชิตกุล)
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๕๓๗
ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................... .........................................
............................................................................................................................. .................................................
...................................................................................................................................................................... ........
........................................................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................... ...................
ลงชอ่ื .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
๕๓๘
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง
๑. นักเรยี นคดิ ว่าสิ่งใดท่ีสาคัญท่สี ดุ ในเรื่อง“กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าช้า ”
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๒. นักเรียนคดิ วา่ “กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าชา้ ”มกี ลวธิ กี ารเขียนอย่างไรบ้าง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๓. นักเรยี นคดิ ว่าเมื่ออ่านเร่ือง “กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ชา้ ”แล้วให้ประโยชน์อย่างไรบา้ ง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๔. นกั เรียนคดิ วา่ เร่อื ง “กลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้า ” ใหข้ ้อคดิ อย่างไร
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๕๓๙
แบกบลทอดนสดออบกกส่อรน้อยเรรียานพ-ึงหใลนงั ปเร่าียชนา้
คาชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเคร่ืองหมายถูกหน้าข้อความท่ีนักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเครื่องหมายผิด
หน้าข้อทน่ี ักเรียนคิดวา่ ผดิ
...............๑ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นบทประพันธ์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และท่องจาได้ยากมาก
ท้ังน้ีน่าจะเป็นเพราะเป็นบทประพันธ์ท่ีประกอบด้วยเสียงเสนาะ คาดี และความดี ครบถ้วนตามคติความงาม
ทางวรรณศิลป์ของไทย
............... ๒ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า มีที่มาจากกวีนิพนธ์เร่ือง Elegy Written in a Country
Chruchyard ของ ทอมัส เกรย์ (Thomas Gray) กวีชาวอังกฤษ
........... ๓ พระยาอุปกิตศิลปสาร (น่ิม กาญจนาชีวะ) ผู้ถ่ายทอด Elegy Written in a Country
Churchyard มาเป็นกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นกวีคนสาคัญคนหน่ึงในสมัยรัชการที่ ๕ และรัชกาลที่
๖
...............๔ ผลงานของพระยาอุปกิต ศิลปะสาร ส่วนใหญ่มีลักษระเป็นกาพย์กลอนแห่งความคิด คือเป็น
กวีนิพนธ์ขนาดสั้น ที่มุ่งแสดงความคิดหรือความรู้สึกของกวี ต่างกับวรรณคดียุคก่อนท่ีนิยมแต่งเป็นเร่ืองยาว
โดยนาเรือ่ งมาจากนทิ านหรอื ชาดก
...............๕ พระยาอุปกิตศิลปสารได้ประพันธ์กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า จากต้นฉบับแปลของเสฐียร
โกเศศ โดยแตง่ เป็นกลอนดอกสร้อยจานวน ๒๒ บท เพม่ิ ขน้ึ จากบทประพันธ์ภาษาองั กฤษหน่ึงบท
...............๖ การนาตัวบทวรรณคดีตะวันตกมาแปลและดัดแปลงให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมและรสนิยม
ของคนไทย นับเป็นลกั ษณะเดน่ ของการประพนั ธ์วรร ณคดีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว
.............. ๗ การใช้กลวิธี “แต่งดัดแปลงให้เข้าธรรมเนียมไทย” เป็นสิ่งสาคัญที่ทาให้กลอนดอกสร้อย
ราพึงในป่าช้าเป็นบทประพันธ์ท่ีมีคุณค่าสูง เพราะเน้ือหาอันเป็นสากลได้รับการถ่ายทอดผ่านฉันทลักษณ์และ
ขนบทางวรรณศิลปข์ องรอ้ ยกรองไทย จึงมีความไพเราะรดั รงึ ใจผอู้ า่ น
...............๘ คุณค่าในด้านเน้ือหาของบทราพึงในป่าช้าอยู่ท่ีการมุ่งแสดงความจริงเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ โดย
เสนอแนวคดิ หลกั วา่ มนษุ ยท์ กุ คน ไม่มผี ู้ใดหลีกหนคี วามตายไปได้
............... ๙ กลอนดอกสร้อย เป็นคากลอนทม่ี ีรูปแบบคาท่จี ดจายากมาก ไม่นิยมใช้เปน็ บทขับร้องหรือบท
รอ้ งเล่นและให้มเี นื้อหาเปน็ คติสอนใจ
............... ๑๐ ลักษณะเด่นทางด้านวรรณศิลป์ของกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้าคือ การใช้โวหาร
เปรียบเทยี บอันงดงามแยบคายเพ่ือเสนอแนวคดิ ซ่งึ จัดเปน็ งานสร้างสรรค์โดยตรงของพระยาอุปกติ ศลิ ปสาร
๕๔๐
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
...............๑ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นบทประพันธ์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และท่องจาได้ยากมาก
ทั้งน้ีน่าจะเป็นเพราะเป็นบทประพันธ์ที่ประกอบด้วยเสียงเสนาะ คาดี และความดี ครบถ้วนตามคติความงาม
ทางวรรณศิลป์ของไทย
............... ๒ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า มีที่มาจากกวีนิพนธ์เรื่อง Elegy Written in a Country
Chruchyard ของ ทอมัส เกรย์ (Thomas Gray) กวชี าวอังกฤษ
........... ๓ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้ถ่ายทอด Elegy Written in a Country
Churchyard มาเป็นกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นกวีคนสาคัญคนหน่ึงในสมัยรัชการท่ี ๕ และรัชกาลท่ี
๖
...............๔ ผลงานของพระยาอุปกิต ศิลปะสาร ส่วนใหญ่มีลักษระเป็นกาพย์กลอนแห่งความคิด คือ
เป็นกวีนิพนธ์ขนาดสั้น ท่ีมุ่งแสดงความคิดหรือความรู้สึกของกวี ต่างกับวรรณคดียุคก่อนท่ีนิยมแต่งเป็นเร่ือง
ยาว โดยนาเรอ่ื งมาจากนิทานหรือชาดก
...............๕ พระยาอุปกิตศิลปสารได้ประพันธ์กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า จากต้นฉบับแปลของ
เสฐยี รโกเศศ โดยแต่งเป็นกลอนดอกสรอ้ ยจานวน ๒๒ บท เพ่มิ ข้นึ จากบทประพันธภ์ าษาองั กฤษหน่ึงบท
...............๖ การนาตวั บทวรรณคดตี ะวนั ตกมาแปลและดัดแปลงให้สอดคล้องกบั วฒั นธรรมและรสนิยม
ของคนไทย นับเป็นลักษณะเด่นของการประพันธ์วรรณคดีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว
.............. ๗ การใช้กลวิธี “แต่งดัดแปลงให้เข้าธรรมเนียมไทย” เป็นส่ิงสาคัญท่ีทาให้กลอนดอกสร้อย
ราพึงในป่าช้าเป็นบทประพันธ์ท่ีมีคุณค่าสูง เพราะเนื้อหาอันเป็นสากลได้รับการถ่ายทอดผ่านฉันทลักษณ์และ
ขนบทางวรรณศลิ ป์ของรอ้ ยกรองไทย จงึ มคี วามไพเราะรัดรึงใจผ้อู า่ น
...............๘ คุณค่าในด้านเน้ือหาของบทราพึงในป่าช้าอยู่ที่การมุ่งแสดงความจริงเก่ียวกับชีวิตมนุษย์
โดยเสนอแนวคิดหลักว่า มนษุ ยท์ ุกคน ไมม่ ีผู้ใดหลกี หนคี วามตายไปได้
............... ๙ กลอนดอกสรอ้ ย เป็นคากลอนทีม่ ีรูปแบบคาที่จดจายากมาก ไม่นิยมใช้เป็นบทขับร้องหรือ
บทรอ้ งเลน่ และให้มีเนือ้ หาเปน็ คตสิ อนใจ
............... ๑๐ ลักษณะเด่นทางด้านวรรณศิลป์ของกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้าคือ การใช้โวหาร
เปรียบเทียบอันงดงามแยบคายเพ่ือเสนอแนวคดิ ซง่ึ จัดเปน็ งานสร้างสรรค์โดยตรงของพระยาอปุ กิตศิลปสาร
๕๔๑
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๐.๒
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒
หน่วยท่ี ๑๐กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ช้า เวลา ๘ ช่ัวโมง
เรอื่ ง อ่านคิดวเิ คราะห์เร่ือง เวลา ๑ ชวั่ โมง
ใช้สอนวันท่ี ............................................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิด เพ่ือนาไปใช้ตัดสนิ ใจ
มาตรฐานท่ี ท ๓.๑ แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ติ และมีนิสยั รักการอ่าน
สามารถเลอื กฟังและดู อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด
ความร้สู กึ ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตวั ชว้ี ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความสาคญั สรปุ ความและอธบิ ายรายละเอยี ด จากเร่ืองท่ีอา่ น
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มมี ารยาทในการอ่าน
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พูดรายงานเร่อื ง หรือประเดน็ ที่ศึกษาคน้ ควา้
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/ท้องถ่ิน
ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความ - หลักการอ่าน - ฝกึ ทกั ษะการอ่านจบั - อ่านจบั ใจความและ
สาคัญ สรุปความและ จบั ใจความและ ใจความและสรุปความ สรปุ ความไดถ้ ูกต้อง
อธบิ ายรายละเอยี ด จาก สรปุ ความ
เรือ่ งที่อ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มมี ารยาท - หลกั การอา่ น - ฝกึ อ่านทัง้ ร้อยแกว้ - มมี ารยาทใน
ในการอ่าน และรอ้ ยกรอง การอา่ น
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู หลักการพูดรายงาน ฝึกพูดรายงานจาก -มีมารยาทในการพูด
รายงานเรอ่ื ง หรือประเด็น การค้นควา้
ทศี่ กึ ษาค้นคว้า
๕๔๒
สาระสาคญั
การอา่ นวิเคราะห์เน้ือหาจากบทเรยี น เปน็ การเพือ่ จับใจความสาคญั แล้วแสดงความคดิ เหน็ เชิง
วเิ คราะห์และประเมินค่า เปน็ พื้นฐานทจ่ี าเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกดิ ความชานาญ จน
สามารถวิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็ ในงานเขยี นทกุ ประเภทได้
สาระการเรียนรู้
การอ่านบทวเิ คราะห์จากบทเรยี นเรือ่ ง “กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าช้า” : แสดงความคิดเห็นเชิง
วิเคราะห์และประเมนิ ค่า
กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑. ครแู ละนักเรียนสนทนาทบทวนบทเรียนจากชัว่ โมงทีผ่ า่ นมา
๒. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลุม่ กลุ่มละ ๕ - ๖ คน (ตามความเหมาะสม) แลว้ ใหแ้ ต่ละ
กลุม่ อา่ นบทวเิ คราะหแ์ ลว้ สรุปใจความสาคัญและแสดงความคิดเหน็ เชงิ วเิ คราะหจ์ ากเร่ือง “กลอนดอกสร้อย
ราพึงในป่าชา้ ”
๓. ให้แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลของการระดมสมองให้เพื่อนฟงั โดยใชว้ ิธจี บั ฉลาก เมื่อ
เสนอดว้ ยการพูดจบแลว้ ใหท้ กุ กลุ่มสง่ รายงานที่ครู
๔. นาส่ิงทเี่ หมือนกนั และแตกต่างกันของแตล่ ะกล่มุ มาแสดงให้นักเรยี นเหน็ ถึงความหลากหลาย
ของความคิด ซงึ่ ข้ึนอยู่กับเหตผุ ล
๕. ใหน้ ักเรียนทาบตั รกิจกรรมการเรียนรูเ้ ร่ือง“กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่าชา้ ”เสรจ็ แล้วส่งใหค้ รู
ตรวจ
๖. ครูและนกั เรียนชว่ ยกันสรปุ บทเรียน
๗. มอบหมายใหน้ กั เรียนไปอ่านหนงั สอื “กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ”เพ่มิ เติมเปน็ การบ้าน
ส่ือ / แหล่งเรียนรู้
ลาดับท่ี รายการสือ่ กจิ กรรมท่ีใช้ แหล่งท่ไี ด้มา
นักเรยี นทาบัตรกิจกรรม ครูจัดทา
๑ บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นดูภาพและฝึกอา่ น ครูจดั หา
๒ หนังสอื เรียน ชุด วรรณคดี ตรวจสอบ ครจู ัดทา
วจิ ักษ์ ชนั้ ม.๒
๓ เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้
๔ แบบประเมนิ การสงั เกต บันทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครูจดั ทา
พฤติกรรม
๕๔๓
การวัดผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครื่องมือทใ่ี ช้ใน วธิ ีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมิน การประเมนิ
๑. นกั เรียนทากจิ กรรมกลุ่ม
๒. นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลมุ่ สังเกตรายกลุม่ รอ้ ยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
การเรียนรู้
แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรยี น พฤติกรรม และแบบ
ประเมนิ ผลงาน
แบบประเมินพฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหว่างเรียน
กจิ กรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ..........................
๕๔๔
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นกั เรยี นท้ังหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรับปรุง – คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรียน
......................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
.................................................................................................................... ..........................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรับปรงุ แกไ้ ข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
๕๔๕
ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................................ ..................
................................................................................................................. .............................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................. ............................
...................................................................................................... ........................................................................
ลงช่ือ.................................................ผ้ตู รวจสอบ
( ................................................. )
ผอู้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศกึ ษา
๕๔๖
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ให้นักเรยี นหาคาตอบลงในแบบบนั ทกึ ความรู้ให้ถูกตอ้ งและชดั เจน
แบบบนั ทกึ ความรู้
ท่ีมาของกลอนดอกสร้อยราพึงในป่ าชา้ .......................................................................................
ลกั ษณะคาประพนั ธ์ .......................................................................................
นามปากกาของผแู้ ต่ง .......................................................................................
ผลงานสาคญั ทางดา้ นภาษาและวรรณคดี ....................................................................................
...................................................................................
เรื่องยอ่ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่ าชา้ ....................................................................................
...................................................................................
....................................................................................
...................................................................................
....................................................................................
...................................................................................
....................................................................................
...................................................................................
....................................................................................
...................................................................................
๕๔๗
๒. คาชี้แจงให้นกั เรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมต่อไปนี้
วงั เอ๋ยวังเวง หงา่ งเหง่ง ยาคา่ ระฆังขาน
ฝูงวัวควายผา้ ยลาทิวากาล คอ่ ยๆผา่ นท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ตะวันลบั แสงทุกแหง่ หน
ชาวนาเหน่ือยออ่ นต่างจรกลับ และทงิ้ ตนตเู ปล่ียวอย่เู ดียวเอย
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวท่ัวมณฑล
นกั เรียนคิดว่าบทประพนั ธ์ขา้ งตน้ น้บี รรยายเกี่ยวกบั อะไรบ้าง และส่งิ ทบ่ี รรยายมี
ลกั ษณะอย่างไร ให้นักเรียนทดลองวาดภาพประกอบตามจนิ ตนาการ
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….