๕๔๘
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ใหน้ ักเรยี นหาคาตอบลงในแบบบันทกึ ความรใู้ ห้ถูกตอ้ งและชดั เจน
แบบบันทกึ ความรู้
ท่ีมาของกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่ าชา้ มาจากเรื่อง Elegy Written in a Country Churchyard
ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กลอนดอกสร้อย
นามปากกาของผแู้ ต่ง อนึก คาชูชีพ อุนิกา สามเณรน่ิม มหาน่ิม
ผลงานสาคญั ทางดา้ นภาษาและวรรณคดี สยามไวยากรณ์ สงครามภารตคากลอน
ชุมนุมนิพนธ์ อ.น.ก. คาประพนั ธ์บางเร่ือง
คาประพนั ธ์โคลงสลบั กาพย์
เรื่องยอ่ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่ าชา้ ผตู้ อ้ งการความวเิ วกคนหน่ึงไดเ้ ขา้ ไปนง่ั อยใู่ น
ที่ที่สงบในวดั ชนบทเวลาเยน็ ใกลค้ ่าเม่ือสิ้นแสง
ตะวนั กไ็ ดย้ นิ เสียงหรีดหร่ิงเรไร เสียงเกราะ ณ
บริเวณโคนตน้ โพธ์ิมีหลุมฝังศพต่างๆ อยมู่ าก
มาย ความสงบทาใหท้ า่ นราพึงออกมาเป็นบท
กววี า่ แมผ้ ดู้ ีมีจน นายไพร่ นกั รบ กษตั ริย์
ตา่ งก็มีจุดจบเดียวกนั คือ ความตาย นนั่ เอง
๕๔๙
๒. คาชแ้ี จงใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตอ่ ไปนี้
วงั เอ๋ยวังเวง หง่างเหง่ง ยาคา่ ระฆงั ขาน
ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยๆผ่านท้องทุ่งมงุ่ ถนิ่ ตน
ตะวนั ลบั แสงทกุ แหง่ หน
ชาวนาเหน่ือยอ่อนตา่ งจรกลับ และท้ิงตนตเู ปล่ียวอยู่เดยี วเอย
ทง้ิ ทุ่งใหม้ ืดมัวทั่วมณฑล
นกั เรียนคิดวา่ บทประพันธ์ข้างตน้ นี้บรรยายเกีย่ วกบั อะไรบ้าง และส่งิ ที่บรรยายมี
ลกั ษณะอยา่ งไร ให้นกั เรยี นทดลองวาดภาพประกอบตามจนิ ตนาการ
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
(อยู่ในดุลพินิจของครผู ้สู อน)
๕๕๐
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๐.๓
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒
หนว่ ยท่ี ๑๐ กลอนดอกสร้อยราพงึ ในปา่ ช้า เวลา ๘ ช่วั โมง
เร่ือง อา่ นคดิ พนิ จิ เรอื่ งราว เวลา ๑ ช่ัวโมง
ใชส้ อนวันท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ดั สินใจแกป้ ัญหา
มาตรฐานท่ี ท ๒.๑ ในการดาเนนิ ชีวิตและมนี ิสัยรักการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราว
ในรปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติ
ตัวชวี้ ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์และแสดงความรู้ความคดิ เห็นหรอื โต้แยง้ ในเร่ืองท่ีอ่านอยา่ งมี
เหตุผล
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถิ่น
ตวั ชว้ี ดั ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลักษณะ (A)
(P)
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบท - หลักการอา่ นออก - ฝึกทักษะการอ่านออก -มมี ารยาทในการอ่าน
รอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ เสยี งร้อยแก้วและ เสยี งร้อยแกว้ และร้อย -อา่ นได้ถูกต้องชดั เจน
ถกู ต้อง ร้อยกรอง กรอง ตามหลักการอ่าน
๕๕๑
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขยี นวิเคราะห์ - หลกั การเขยี น - ฝึกเขียนวเิ คราะห์ - เขยี นถกู ต้อง
วจิ ารณ์ แสดง สวยงาม
วจิ ารณ์และแสดงความรคู้ วาม วเิ คราะห์ วิจารณ์ ความคิดเหน็ หรือ
โต้แย้ง - มีมารยาทใน
คดิ เห็นหรอื โตแ้ ย้ง และแสดงความ ฝึกใช้คาราชาศัพท์ การเขยี น
ในเรอ่ื งท่ีอา่ นอยา่ งมีเหตุผล คิดเห็นหรือโตแ้ ยง้ - ใชค้ าราชาศัพท์ได้
ถูกต้องเหมาะสม ตาม
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์ การใชค้ าราชาศัพท์ ระดับของบุคคล
สาระสาคญั
การอ่านเพ่ือจับใจความสาคญั เป็นพืน้ ฐานทจ่ี าเป็นในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝึกฝนใหเ้ กิดความ
ชานาญจนสามารถจบั ใจความสาคญั ในงานเขียนทุกประเภท
สาระการเรียนรู้ แสดงความคิดเห็นเชิง
การอ่านบทวเิ คราะหจ์ ากบทเรยี นเร่ือง “กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า”
วิเคราะห์และประเมนิ คา่
กระบวนการจัดการเรยี นรู้
๑. ครชู ื่นชมผลงานของนักเรยี นทสี่ ง่ และนักเรยี นสนทนาทบทวนบทเรียนจากช่วั โมงที่ผ่านมา
๒. แบง่ นักเรยี นออกเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ ๕ - ๖ คน (ตามความเหมาะสม) แล้วให้แต่ละ
กล่มุ อา่ นในใจแลว้ สรุปใจความสาคญั และแสดงความคิดเห็นจากเร่ือง “กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ”
๓. ให้แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลของการระดมสมองให้เพ่ือนฟัง โดยใชว้ ิธจี บั ฉลาก เมอ่ื
เสนอดว้ ยการพูดจบแล้ว ให้ทุกกลุ่มสง่ รายงานท่ีครู
๔. ใหน้ ักเรียนทาบัตรกิจกรรมการเรียนรูเ้ ร่อื ง“กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่าช้า”เสร็จแลว้ ส่งใหค้ รู
ตรวจ
๕. ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรุปบทเรยี น
๖. มอบหมายใหน้ กั เรียนไปทาแบบฝกึ หัดเปน็ การบ้าน
๗. มอบหมายใหน้ กั เรยี นไปอ่านหนังสือหรอื ศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเตมิ เป็นการบ้าน
๕๕๒
สือ่ / แหล่งเรียนรู้
ลาดับท่ี รายการส่อื กิจกรรมทใี่ ช้ แหล่งทีไ่ ดม้ า
๑ นกั เรยี นทาบัตรกจิ กรรม ครูจัดทา
๒ บัตรคา นักเรียนทาบตั รกจิ กรรม ครจู ัดทา
๓ นักเรียนดภู าพและฝึกอ่าน ครูจดั หา
บัตรกิจกรรมการเรียนรู้
๔ หนังสอื เรียน ชุด วรรณคดี ตรวจสอบ ครูจัดทา
๕ วิจักษ์ ชัน้ ม.๒ บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้
แบบประเมินการสังเกต
พฤติกรรม
การวัดผลและประเมนิ ผล
กิจกรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ น วิธกี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
ประเมิน การประเมิน
๑. นักเรียนนาเสนอ
๒. นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรม แบบประเมนิ รายกล่มุ สงั เกตรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
การเรยี นรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรียน พฤติกรรม และแบบ
ประเมนิ ผลงาน
แบบประเมินพฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
ผลงานระหว่างเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................ .......
๕๕๓
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นกั เรยี นท้ังหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรับปรุง – คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรียน
......................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
.................................................................................................................... ..........................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรับปรงุ แกไ้ ข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
๕๕๔
ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................................ ..................
................................................................................................................. .............................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................. ............................
...................................................................................................... ........................................................................
ลงช่ือ.................................................ผ้ตู รวจสอบ
( ................................................. )
ผอู้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศกึ ษา
๕๕๕
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัตติ ามกิจกรรมท่ีกาหนดใหต้ ่อไปนี้
๑. ให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งบทประพนั ธท์ ่ีมีแนวคดิ สอดคลอ้ งกบั กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าชา้ ๑ บท
ประพันธ์
……………………………………………………………………………
………………………….…………………………………………………
…………………………………………………….………………………
……………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
………………………….
๒. ใหน้ ักเรยี นบอกแนวคดิ หลกั ที่ไดจ้ ากการศกึ ษากลอนดอกสร้อยราพึงในปา่ ช้าวา่ ได้แนวคดิ อะไรบา้ ง
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๓. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อย่างคาประพนั ธ์“กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า”ทีม่ ีความงดงามทางวรรณศลิ ป์ พร้อม
กบั อธิบายบอกลักษณะเด่นของคาประพันธ์มาพอเข้าใจ
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๕๕๖
แนวเฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
ให้นกั เรยี นปฏบิ ตั ติ ามกจิ กรรมทก่ี าหนดให้ต่อไปน้ี
๑. ใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่มีแนวคดิ สอดคลอ้ งกับกลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าชา้ ๑ บท
ประพันธ์
พฤษภกาสร อีกกุญชรอนั ปลดปลง
โททนตเ์ สน่งคง สาคญั หมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นท้งั อินทรีย์
สถิตทวั่ แตช่ ว่ั ดี ประดบั ไวใ้ นโลกา
(กฤษณาสอนนอ้ งคาฉนั ท์ : สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส)
๒. ใหน้ ักเรียนบอกแนวคดิ หลักทีไ่ ดจ้ ากการศึกษากลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ช้าว่าไดแ้ นวคิดอะไรบา้ ง
แนวคดิ หลักที่ไดจ้ ากกลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า มีดังน้ี
- ทุกคนเกิดล้วนพบกับความตาย
- คนเราไมค่ วรยดึ ติดในยศถาบรรดาศักด์ิ
- ทุกคนเสมอภาคกันหมดในเรื่องของความตาย
- ทรัพย์สนิ เงนิ ทอง ความรู้ ยอ่ มจบส้นิ เมื่อตายไป ไมส่ ามารถนาไปด้วยได้
๓. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อยา่ งคาประพันธ์“กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ ”ที่มีความงดงามทางวรรณศิลป์ พร้อม
กบั อธิบายบอกลกั ษณะเดน่ ของคาประพนั ธ์มาพอเข้าใจ
( อยู่ในดุลพินิจของครู )
๕๕๗
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๐.๔
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒
หน่วยที่ ๑๐ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ เวลา ๘ ช่วั โมง
เรอ่ื ง อา่ นคล่องเขยี นถกู เวลา ๑
ช่วั โมง
ใช้สอนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใช้ตดั สนิ ใจแกป้ ญั หา
มาตรฐานท่ี ท ๒.๑ ในการดาเนนิ ชวี ติ และมนี ิสัยรักการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนส่อื สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเร่ืองราวในรปู แบบ
ตา่ งๆ เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ
เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติ
ตัวชว้ี ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์และแสดงความรู้ความคิดเหน็ หรอื โต้แย้งในเรื่องที่อา่ นอยา่ งมี
เหตผุ ล
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/ทอ้ งถ่ิน
ตวั ช้วี ดั ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะ (A)
(P)
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบท - หลักการอ่านออก - ฝกึ ทักษะการอา่ นออก -มมี ารยาทในการอ่าน
รอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ เสียงร้อยแก้วและ เสยี งร้อยแก้วและรอ้ ย -อา่ นได้ถกู ต้องชัดเจน
ถกู ต้อง รอ้ ยกรอง กรอง ตามหลกั การอ่าน
๕๕๘
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวิเคราะห์ - หลักการเขียน - ฝึกเขียนวเิ คราะห์ - เขยี นถูกต้อง
วิจารณ์ แสดง สวยงาม
วจิ ารณ์และแสดงความรูค้ วาม วิเคราะห์ วจิ ารณ์ ความคดิ เหน็ หรือ
โต้แย้ง - มมี ารยาทใน
คดิ เห็นหรอื โตแ้ ยง้ และแสดงความ ฝึกใชค้ าราชาศัพท์ การเขียน
ในเรอ่ื งที่อา่ นอยา่ งมีเหตุผล คดิ เห็นหรอื โต้แย้ง - ใช้คาราชาศัพท์ได้
ถกู ต้องเหมาะสม ตาม
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์ การใช้คาราชาศัพท์ ระดับของบคุ คล
สาระสาคัญ
การเรียนรูค้ า คายาก ขอ้ ความและสานวนภาษาไทยในบทเรยี นและนาไปใช้ใหถ้ ูกต้อง ถือเป็นการ
พัฒนาทกั ษะทางภาษาทผ่ี ู้เรียนควรไดร้ บั การฝึกฝน เพ่อื พฒั นาทกั ษะใหถ้ ูกตอ้ ง จึงจะทาใหก้ ารเรยี นร้ภู าษา
เปน็ ไปด้วยดแี ละเกดิ การพฒั นาตามมา
สาระการเรียนรู้
๑. อ่าน และเขียนคา คายาก ข้อความ และสานวนในบทเรียน
๒. การนาคา คายาก ข้อความและสานวนภาษาในบทเรียนไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์
กระบวนการเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นเลม่ เกม “การเลอื กใช้คาแต่งประโยค”
๒. นักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเปน็ กลุ่มตามความสมคั รใจ ๖ กลุ่ม (ตามความเหมาะสม)
๓. นาบัตรคาใหมแ่ ละคายากในบทเรยี น ตดิ ท่กี ระเป๋าผนงั และใหน้ ักเรียนทกุ คนฝกึ อ่าน
ร่วมกันอภิปรายความหมายบันทึกลงสมดุ
๔. แจกบัตรคาใหม่คายากในบทเรยี นให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มไดศ้ ึกษาและฝกึ อ่าน
๕. นกั เรยี นทุกกลุม่ หาคาใหม่ศัพท์จากหนว่ ยท่ี ๑๐ แลว้ ช่วยกันแตง่ ประโยคใหม่ โดยไม่ให้ซ้ากนั
กลมุ่ ละ ๕ คา แลว้ บันทกึ ลงสมดุ แล้วส่งตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี น
๖. ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจผลงานของแตล่ ะกลมุ่ พร้อมทง้ั อภปิ รายสรุปการเลือกใช้คาให้
ถูกต้องตามความหมาย ปรบมือและกลา่ วให้คาชมเชยกลุม่ ท่ีแตง่ ประโยค ได้ถูกต้อง
๗. นกั เรียนแข่งขันกนั เขยี นคา กลุ่มคา สานวนภาษา บนกระดานดากลุ่มใดเขียนได้มาก
เขยี นถูกต้อง เปน็ ฝ่ายชนะ
๘ .มอบหมายให้นักเรียนทากิจกรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคาใหม่ในบทเรยี นแลว้
หาความหมายจากพจนานุกรม แลว้ แต่งประโยคแล้วนาผลงานสง่ ให้ครูตรวจ
๙. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรุปบทเรยี น จากการแข่งขนั กันเขียนคา และกลมุ่ คา
๕๕๙
บนกระดานดา โดยให้นกั เรียนตอบคาถาม ดงั น้ี
- นักเรยี นรู้ไหมวา่ คาเหลา่ นเ้ี ป็นคาชนดิ ใด
- คาเหล่านี้ทาหน้าท่ีในประโยคอะไรได้บ้าง
- คาเหลา่ นส้ี ามารถนาไปใชแ้ ต่งประโยคได้อยา่ งไรบ้าง
- คาเหล่าน้มี ีความหมายอย่างไร
๑๐ นกั เรียนทาบตั รกิจกรรมการเรียนรู้
ส่อื / แหล่งเรียนรู้
ลาดบั ที่ รายการสือ่ กิจกรรมที่ใช้ แหล่งทีไ่ ดม้ า
๑ นักเรียนทาบัตรกจิ กรรม ครูจดั ทา
๒ บัตรคา นกั เรยี นทาบัตรกิจกรรม ครูจดั ทา
๓ นักเรียนดูภาพและฝกึ อ่าน ครูจดั หา
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
๔ หนงั สอื เรียน ชุด วรรณคดี ตรวจสอบ ครูจดั ทา
๕ วิจกั ษ์ ช้ัน ม.๒ บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครูจดั ทา
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
แบบประเมินการสงั เกต
พฤติกรรม
การวัดผลและประเมินผล
กิจกรรม-พฤติกรรมท่ี เครื่องมือท่ใี ชใ้ น วธิ ีการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
ประเมิน การประเมิน
๑. นกั เรยี นนาเสนอ
๒. นกั เรยี นทาบัตรกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลุม่ สังเกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
การเรยี นรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรยี น พฤติกรรม และแบบ
ประเมนิ ผลงาน
แบบประเมินพฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
๕๖๐
กิจกรรมเสนอแนะ
.............................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................. ...............................................
............................................................................................................................. ..........................
๕๖๑
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นกั เรยี นท้ังหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรับปรุง – คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรียน
......................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
.................................................................................................................... ..........................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรับปรงุ แกไ้ ข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
๕๖๒
ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................................ ..................
................................................................................................................. .............................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................. ............................
...................................................................................................... ........................................................................
ลงช่ือ.................................................ผ้ตู รวจสอบ
( ................................................. )
ผอู้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศกึ ษา
๕๖๓
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นเขียนคาอา่ นและความหมายของคาจากบทเรียนเรอื่ ง “กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ ”
เกราะ ……………………………………………………………………………
ขนั ธ์ ……………………………………………………………………………
ชื้อ ……………………………………………………………………………
แถกขวญั ……………………………………………………………………………
ปวัตน์ ……………………………………………………………………………
ราบาญ ……………………………………………………………………………
สตั ตรัตน์ ……………………………………………………………………………
หางยาม ……………………………………………………………………………
อธกึ ……………………………………………………………………………
วิญญาณ ……………………………………………………………………………
วญิ ญาณ ……………………………………………………………………………
๕๖๔
เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
คาชี้แจง ให้นกั เรียนเขียนคาอ่านและความหมายของคาจากบทเรียนเรอื่ ง “กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ ”
เกราะ เครอ่ื งสญั ญาณทาดว้ ยไม้ ใช้ตหี รือส่นั ใหด้ ัง
ขันธ์ ร่างกาย
ชือ้ เยน็ รม่ ชื้น
แถกขวัญ ทาให้ตกใจ ทาใหเ้ สียขวัญ
ปวตั น์ ความเป็นไป
ราบาญ รบ
สตั ตรตั น์ แกว้ ๗ ประการของจักรพรรดิ ได้แก่ ชา้ งแกว้ นางแก้ว ขนุ พลแก้ว
ขุนคลังแก้ว ม้าแก้ว แกว้ มณี และจกั รแก้ว
หางยาม หางคันไถตรงที่มือถือ
อธึก ย่ิง เกนิ มาก
วิญญาณ ความรสู้ ึก
สังเวช สลดใจ เศรา้ สลดหดห่ตู อ่ ผูท้ ่ไี ด้รับความทกุ ขเวทนา
๕๖๕
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑๐.๕
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
หนว่ ยที่ ๑๐ กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ชา้ เวลา ๘ ชวั่ โมง
เรื่อง อา่ นไพเราะเสนาะทานอง ๑ เวลา ๑ ชว่ั โมง
ใช้สอนวนั ที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สินใจแก้ปัญหาในการ
มาตรฐานท่ี ท ๒.๑ ดาเนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รกั การอ่าน
มาตรฐานที่ ท ๕.๑ ใช้กระบวนการเขียนสอ่ื สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนามาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง
ตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมือตวั บรรจง ครง่ึ บรรทดั
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ท้องถน่ิ
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออก ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)
เสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบท
รอ้ ยกรองได้ถกู ต้อง - หลักการอา่ นออก - ฝึกทกั ษะการอ่านออกเสียง -มีมารยาทในการอ่าน
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คัดลายมือ
ตัวบรรจง ครงึ่ บรรทดั เสยี งร้อยแกว้ และรอ้ ย รอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรอง -อา่ นได้ถกู ต้องชดั เจน
กรอง ตามหลักการอ่าน
- หลักการเขยี น - ฝึกคัดลายมือ - เขยี นถกู ต้องและ
ตัวอักษรไทยและ ตัวบรรจง ครึง่ บรรทดั สวยงาม
เลขไทย
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบท บทอาขยาน ท่องจาบทอาขยาน ๕๖๖
อาขยานตามท่ีกาหนด บทรอ้ ยกรอง บทรอ้ ยกรอง
และบทร้อยกรองที่มคี ณุ คา่ - ซาบซึ้ง
ตามความสนใจ - นาความรู้ท่ีได้จาก
การอ่านไปประยุกตใ์ ช้
ในชวี ิตจรงิ
สาระสาคญั
การอ่านออกเสียงเป็นการส่ือสารทีม่ คี วามสาคัญเพราะเป็นการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก
และอารมณข์ องผ้สู ่งสารไปผรู้ บั สาร ดังนั้น หากรหู้ ลักการอ่านและมีทักษะในการอ่านย่อมจะทาให้การสอื่ สาร
เกิดสมั ฤทธผ์ิ ล
สาระการเรียนรู้
การอ่านออกเสยี งบทเรียนเร่อื ง “ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ” การอ่านทานองเสนาะ การเลา่
เรอ่ื ง การยอ่ เร่ือง
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑ . ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสนทนาบทเรยี น จากน้นั ครูนาบัตรความร้เู รอ่ื ง การอ่านทานอง
เสนาะมาแจกนักเรียนทุกคน แลว้ ครูอธบิ ายประกอบเพือ่ ให้นักเรียนเข้าใจไดด้ ีย่งิ ข้นึ ในหัวขอ้ ต่อไปน้ี
- ความหมายของการอา่ นทานองเสนาะ
- วตั ถปุ ระสงค์ในการอา่ นทานองเสนาะ
- รสท่ใี ชใ้ นการอ่านทานองเสนาะ
- หลกั การอ่านทานองเสนาะ
- ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการอา่ นทานองเสนาะ
๒. เปดิ เครอื่ งบันทึกเสียงการอ่านทานองเสนาะเร่ือง “กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ ” ให้
นักเรียนฟงั พรอ้ มทั้งสงั เกตทว่ งทานองการอ่านแล้วนกั เรยี นทากิจกรรมการอา่ นตามลาดับดงั น้ี
- อ่านออกเสยี งธรรมดาให้ถูกต้องตามอักขรวิธี พรอ้ มทั้งแบ่งวรรคตอนให้
ถกู ต้อง
- ใหอ้ ่านทานองเสนาะพร้อม ๆ กัน ตามครูทีละบท
- ให้อา่ นทานองเสนาะพร้อม ๆ กัน ท้งั ช้ัน
- แบง่ กลุม่ ให้อา่ นทานองเสนาะต่อกันจนจบเร่ือง
- ให้อา่ นทานองเสนาะเปน็ รายบคุ คล
๕๖๗
๓. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยวิจารณก์ ารอ่านของแตล่ ะคนวา่ ถูกต้อง และมคี วามไพเราะ
เพียงใด
๔. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลุม่ (จานวนกลุม่ และสมาชิกกลุ่มตามความเหมาะสม) แล้ว
ใหท้ ากจิ กรรมดงั หาความหมายของคาจากพจนานกุ รม
๕. ให้แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนมาเสนอผลการค้นคว้าหน้าชั้นเรยี น พรอ้ มส่งเอกสาร
ประกอบการรายงาน
๖. ครตู งั้ คาถามให้นักเรียนชว่ ยกันตอบคาถามจากเร่ือง ๕ ขอ้ แลว้ แลกเปล่ียนเรยี นร้ซู ึ่งกนั
ละกนั
๗. นกั เรียนทาบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
๘. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนไปฝึกท่องจาคาประพนั ธ์และ อ่านออกเสียงบทเรยี นเร่ือง
“ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ” การอ่านทานองเสนาะ
สือ่ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดับท่ี รายการสือ่ กจิ กรรมท่ีใช้ แหล่งท่ไี ดม้ า
๑ เพ่ิมเติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ัดเตรียม
๒ เคร่ืองบันทกึ เสียง นักเรียนทาบตั รกจิ กรรม ครจู ดั ทา
๓ นักเรียนดูภาพและฝกึ อ่าน ครูจดั หา
บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
๔ ตรวจสอบ ครูจดั ทา
๕ หนงั สือเรยี น ชดุ วรรณคดี เพมิ่ เติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ดั เตรยี ม
วิจักษ์ ช้ัน ม.๒
๖ เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้ บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครูจัดทา
เครือ่ งบันทกึ เสยี งการอ่าน
ทานองเสนาะ
แบบประเมนิ การสังเกต
พฤติกรรม
๕๖๘
การวัดผลและประเมนิ ผล
กิจกรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครื่องมือทีใ่ ช้ใน วิธีการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมิน การประเมิน สังเกตรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
๑. นักเรยี นท่องจาคา
ประพันธ์ แบบประเมนิ
๒. นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
พฤติกรรม และแบบ
๓. ประเมินพฤติกรรมและ ประเมนิ ผลงาน
ผลงานระหวา่ งเรยี น แบบประเมินพฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
ผลงานระหว่างเรยี น
กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................
๕๖๙
บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวัง
นักเรียนท้งั หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรบั ปรุง – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งเรียน
................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ ......................
............................................................................................................ ..................................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรบั ปรุงแกไ้ ข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ
............................................................................................................................. ...........................
.......................................................................................................................................................................... ....
ลงชือ่ ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธัญญาดล อุปชติ กลุ )
ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๕๗๐
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๕๗๑
บัตรความรู้
๑. ความหมายของ “การอ่านทานองเสนาะ”
การอ่านทานองเสนาะคือวิธีการอ่านออกเสยี งอย่างไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรองประเภท โคลง
ฉนั ท์ กาพย์ กลอน ( พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ หนา้ ๓๙๘ )
บางคนใหค้ วามหมายวา่ การอ่านทานองเสนาะคือ การอ่านตามทานอง ( ทานอง = ระบบเสียงสงู
ตา่ ซง่ึ มีจงั หวะส้ันยาว ) เพ่ือให้เกิดความเสนาะ ( เสนาะ , นา่ ฟัง , เพราะ , วงั เวงใจ )
๒. วัตถปุ ระสงค์ในการอา่ นทานองเสนาะ
การอ่านทานองเสนาะเปน็ การอ่านใหค้ นอ่นื ฟงั ฉะน้นั ทานองเสนาะตอ้ งอ่านออกเสยี ง เสยี งทาให้
เกดิ ความรสู้ กึ - ทาให้เห็นความงาม - เห็นความไพเราะ - เห็นภาพพจน์ ผฟู้ ังสัมผสั ด้วยเสียงจึงจะ
เขา้ ถึงรสและความงามของบทรอ้ ยกรอง ท่ีเรยี กวา่ อา่ นแล้วฟังพริ้ง – เพราะเสนาะโสด การอ่านทานอง
เสนาะจงึ มุ่งใหผ้ ู้ฟงั เข้าถงึ รสและเหน็ ความงามของบทร้อยกรอง
๓. ทม่ี าของการอ่านทานองเสนาะ
เขา้ ใจว่า การอ่านทานองเสนาะมมี านานแลว้ แตค่ รง้ั กรุงสุโขทัย เท่าทป่ี รากฎหลกั ฐานในศิลาจารกึ
พ่อขนุ รามคาแหง พุทธศักราช ๑๘๓๕ หลกั ทีห่ น่งึ บรรทัดที่ ๑๘ - ๒๐ ดังความว่า “ ……….. ด้วยเสียง
พาเสยี งพิณ เสยี งเล้ือน เสยี งขบั ใครจักมกั เลน่ เลน่ ใครจักมักหวั – หวั ใครมักจกั เล้ือน เลอื้ น
……………..”จากขอ้ ความดงั กล่าว ฉนั ทิชย์ กระแสสนิ ธ์ุ กล่าวว่า เสยี งเลื้อนเสยี งขับ คอื การรอ้ ง
เพลงทานองเสนาะ
ส่วน ทองสืบ ศภุ ะมารค ช้ีแจงวา่ “ เลอ้ื น ” ตรงกบั ภาษาไทยถ่ินว่า “ เลนิ่ ” หมายถงึ การ
อา่ นหนังสอื เอื้อนเป็นทานอง ซึ่งคลา้ ยกับทป่ี ระเสริฐ ณ นคร อธบิ ายวา่ เล้ือน เปน็ ภาษาถิ่น แปลว่า
อา่ นทานองเสนาะ โดยอ้างอิง บรรจบ พนั ธเุ มธา กลา่ ววา่ คานเี้ ป็นภาษาถิ่นของไทย ในพมา่ คอื ไทย
ในรฐั ฉานหรอื ไทยใหญน่ ่ันเอง จากความคดิ เหน็ ของผรู้ ู้ ประกอบกับหลักฐาน พ่อขนุ หลามคาแหงดังกลา่ ว
ทาใหเ้ ชอ่ื ว่า การอ่านทานองเสนาะของไทยมีมานานหลายร้อยปีแลว้ โดยเรยี กเปน็ ภาษาถ่ินวา่ “ เล้อื น ”
ทมี่ าของตน้ เค้าของการอา่ นทานองเสนาะพอจะสันนิษฐานได้วา่ น่าจะมบี ่อเกดิ จากการดาเนินวิถี
ชีวิตของคนไทยสมยั กอ่ นท่มี คี วามเกย่ี วพนั กบั การร้องเพลงทานองต่าง ๆ ตลอดมา ทงั้ นี้จากเหตุผลท่วี า่ คน
ไทยมีนิสยั ชอบพูดคาคล้องจองใหม้ ีจังหวะด้วยลกั ษณะสมั ผัสเสมอ ประกอบกบั คาภาษาไทยที่มวี รรณยกุ ต์
กากับจงึ ทาใหค้ ามีระดบั เสยี งสูงต่าเหมือนเสียงดนตรี เม่อื ประดษิ ฐท์ านองง่าย ๆ ใสเ่ ขา้ ไปก็ทาให้สามารถ
สร้างบทเพลงร้องขึน้ มาได้แล้ว ดังนน้ั คนไทยจงึ มีโอกาสไดฟ้ งั และชื่นชมกบั การร้องเพลงทานองต่าง ๆ ตง้ั แต่
เกิดจนตายทีเดยี ว
๕๗๒
ศลิ ปะการอ่านทานองเสนาะจึงข้นึ อยู่กับความสามารถของผู้อ่าน และความไพเราะของบทประพนั ธ์
แต่ละประเภท โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงผ้อู า่ นทานองเสนาะจึงตอ้ งศึกษาวิธกี ารอา่ นให้ไพเราะและต้องหม่ันฝึกฝน
การอ่านจนเกดิ ความชานาญ
อน่งึ ศลิ ปะการอ่านทานองเสนาะอยู่ทต่ี วั ผูอ้ ่านต้องรู้จัก วธิ ีการอ่านทอดเสียง โดยผ่อนจังหวะใหช้ า้
ลง การเอือ้ นเสียง โดยการลากเสยี งช้า ๆ เพื่อใหเ้ ข้าจังหวะและใหห้ างเสียงให้ไพเราะ การครั่นเสยี ง
โดยทาเสยี งสะดดุ สะเทือนเพ่ือความไพเราะเหมาะสมกับบทกวีบางตอน การหลบเสียง โดยการหักเหให้
พลิกกลบั จากเสียงสูงลงมาเป็นต่า หรือจากเสยี งต่าข้ึนไปเปน็ เสียงสูง เนื่องจากผอู้ า่ นไมส่ ามารถท่ีจะ
ดาเนนิ ตามทานองต่อไปได้เป็นการหลบหนีจากเสียงที่เกินความสามารถ จึงตอ้ งหกั เหทานองพลกิ กลับเข้ามา
ดาเนินทานองในเขตเสยี งของตน และ การกระแทกเสยี ง โดยการอา่ นกระชากเสยี งให้ดงั ผิดปกตใิ นโอกาสที่
แสดงความโกรธหรือความไม่พอใจหรือเมื่อต้องการเนน้ เสยี ง
( มนตรี ตราโมท ๒๕๒๗ : ๕๐ )
๔. รสทใี่ ชใ้ นการอ่านทานองเสนาะ
๔.๑ รสถ้อย ( คาพดู ) แตล่ ะคามีรสในคาของตนเอง ผอู้ า่ นจะต้องอ่านใหเ้ กดิ รสถ้อย
ตวั อยา่ ง
สกั วาหวานอ่ืนมหี มื่นแสน ไม่เหมือนแมน้ พจมานท่หี วานหอม
กลน่ิ ประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจติ โนม้ ดว้ ยโลมลม
แม้นลอ้ ลามหยามหยาบไม่ปลาบปลม้ื ดังดดู ดม่ื บอระเพด็ ต้องเข็ดขม
ผู้ดไี พร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟังลมเมินหนา้ ระอาเอย
( พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงบดนิ ทรไ์ พศาลโสภณ )
๔.๒ รสความ (เรอ่ื งราวทีอ่ า่ น) ขอ้ ความท่อี ่านมีเร่ืองราวเก่ยี วกับอะไร เช่น โศกเศรา้
สนุกสนาน ตน่ื เต้น โกรธ รัก เวลาอา่ นตอ้ งอา่ นให้มีลีลาไปตามลกั ษณะของเน้ือเรื่องน้นั ๆ
ตัวอยา่ ง : บทโศกตอนท่ีนางวนั ทองไปสง่ พลายงามให้ไปหายา่ ทองประศรที ส่ี ุพรรณบรุ ี
ลูกก็แลดแู ม่แม่ดลู ูก ต่างพนั ผกู เพียงว่าเลือดตาไหล
สะอ้ืนร่าอาลาดว้ ยอาลัย แล้วแขง็ ใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลงั ยังเหน็ แม่แลเขม้น แมก่ เ็ หน็ ลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลยี วเหลียวเล้ยี วลบั วับวญิ ญาณ์ โอ้เปล่าตาต่างสะอ้ืนยนื ตะลึง
( เสภาขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนกาเนดิ พลายงาม : สนุ ทรภู่ )
ตวั อยา่ ง : บทสนกุ สนาน ในนิราศพระบาท ขณะมีมวยปล้า
ละครหยุดอุตลุดดว้ ยมวยปล้า ยนื ประจาหมายสู้เป็นคู่ขัน
มงคลใสส่ วมหวั ไม่กลัวกัน ตงั้ ประจันจดจบั ขยับมอื
ตเี ข้าปบั รับโปกสองมือปิด ประจบติดเตะผางหม้อขว้างหวอื
กระหวดั หวิดหววิ ผวาเสียงฮาฮอื คนดอู ้อเออกนั สนนั่ อึง
๕๗๓
๔.๓ รสทานอง ( ระบบสงู ตา่ ซงึ่ มีจงั หวะส้ันยาว ) ในบทร้อยกรองไทยจะประกอบดว้ ยทานอง
ตา่ ง ๆ เช่น ทานองโคลง ทานองฉนั ท์ ทานองกาพย์ ทานองกลอน และทานองร่าย เป็นตน้ ผู้อา่ น
จะต้องอา่ นให้ถูก ต้องตามทานองของร้อยกรองนน้ั เชน่ โคลงสส่ี ภุ าพ
สตั ว์ พวกหน่ึงนช้ี อ่ื พหุบา ทาแฮ
มี อเนกสมญา ยอกย้อน
เท้า เกิดย่งิ จตั วา ควรนบั เขานอ
มาก จวบหมน่ื แสนซ้อน สุดพน้ ประมาณ ฯ
๔.๔ รสคล้องจอง ในบทร้องกรองต้องมีคาคลอ้ งจองในคาคลอ้ งจองน้ันต้องให้ออกเสยี ง
ตอ่ เนอื่ งกัน โดยเนน้ เสยี งสัมผัสนอกเปน็ สาคญั เชน่
ถึงโรงเหล้าเตากลน่ั ควันโขมง มีคนั โพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอบ้ าปกรรมนา้ นรกเจยี วอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทาบญุ บวชกรวดน้าขอสาเร็จ พระสรรเพชญโพธญิ าณประมาณหมาย
ถงึ สรุ าพารอดไม่วอดตาม ไมใ่ กล้กรายแกลง้ เมนิ ก็เกินไป
ไม่เมาหล้าแต่เรายงั เมารกั สุดจะหกั ห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหลา้ เช้าสายก็หายไป แต่มาใจน้ปี ระจาทุกค่าคนื
( นริ าศภูเขาทอง : สนุ ทรภู่ )
๔.๕ รสภาพ เสยี งทาใหเ้ กิดภาพ ในแต่ละคาจะแฝงไปด้วยภาพ ในการอ่านใหเ้ ห็นภาพต้อง
ใช้เสียง สงู – ตา่ ดงั – ค่อย แล้วแตจ่ ะใหเ้ กิดภาพอย่างไร เชน่
“ มดเอ๋ยมดแดง เล็กเล็กเรย่ี วแรงแข็งขยัน ”
“ สุพรรณหงส์ทรงพ่หู ้อย งามชดชอ้ ยลอยหลังสนิ ธ์ุ ”
“ อยุธยายศลม่ แล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา ”
๕. หลกั การอา่ นทานองเสนาะ มดี งั น้ี
๕.๑ กอ่ นอ่านทานองเสนาะใหแ้ บ่งคาแบง่ วรรคให้ถูกต้องตามหลักคาประพันธ์เสยี ก่อน โดยตอ้ ง
ระวงั ในเรอื่ งความหมายของคาด้วย เพราะคาบางคาอ่านแยกคากนั ไม่ได้ เชน่
“ สรอ้ ยคอขนมยุระ ยงู งาม ”
( ขน – มยุระ , ขนม – ยรุ ะ )
“ หวนห่วงมว่ งหมอนทอง อกี อกร่องรสโอชา ”
( อกี – อก – รอ่ ง , อี – กอ – กรอ่ ง )
๕๗๔
“ ดเุ หวา่ จับเต่ารา้ งรอ้ ง เหมอื นจากห้องมาหยารศั มี ”
( เหมือน – มด , เหมอื น – มด – อด )
๕.๒ อา่ นออกเสียงธรรมดาใหค้ ล่องกอ่ น
๕.๓ อ่านให้ชดั เจน โดยเฉพาะออกเสียง ร ล และคาควบกล้าให้ถกู ต้อง เช่น
“ เกิดเป็นชายชาตรอี ย่าขี้ขลาด บรรยากาศปลอดโปรง่ โลง่ สมอง
หยบิ น้าปลาตราสับปะรดใหท้ ดลอง ไหนเลา่ น้องครมี นวดหนา้ ทาใหท้ ี
เนื้อน้ันมโี ปรตนี กินเข้าไว้ คนเคราะห์ร้ายคลุม้ คล่ังเร่ืองหนังผี
ใชน้ ้าคลองกรองเสยี ก่อนจงึ จะดี เห็นมาลีคลี่บานหนา้ บา้ นเอย ”
๕.๔ อา่ นให้เออ้ื สัมผัส เรียกวา่ คาแปรเสยี ง เพ่ือใหเ้ กดิ เสียงท่ีไพเราะ เชน่
พระสมุทรสุดลกึ ล้น คณนา
( อ่านวา่ พระ – สะ – หมุด – สุด – ลกึ – ล้น คน – นะ – นา )
ข้าขอเคารพอภวิ าท ในพระบาทบพติ รอดิสร
( ขา้ – ขอ – เคา – รบ – อบ – พิ – วาด ใน – พระ – บาด – บอ – พิด – อะ – ดดิ – สอน )
ขอสมหวงั ต้ังประโยชน์โพธิญาณ
( อ่านว่า ขอ – สม – หวงั – ตง้ั – ประ – โหยด – โพด – พิ – ยาน )
๕.๕ ระวงั ๓ ต อยา่ ให้ ตกหล่น อยา่ ตอ่ เติม และอย่าตูต่ ัว
๕.๖ อ่านใหถ้ ูกจงั หวะ คาประพันธแ์ ตล่ ะประเภทจะมีจงั หวะแตกตา่ งกัน ตอ้ งอา่ นใหถ้ ูกวรรค
ตอนตามแบบแผนของคาประพันธ์นั้น ๆ เช่น
มุทิงคนาฉนั ท์ ( ๒ - ๒ - ๓ )
“ ป๊ะโท่น / ปะ๊ โทน / ป๊ะโทน่ โทน บรุ ษุ / สิโอน / สะเอวไหว
อนงค์ / นาเคล่อื น / เขยื้อนไป สะบดั / สไป / วิไลตา ”
๕.๗ อ่านใหถ้ ูกทานองของคาประพันธน์ ัน้ ๆ ( รสทานอง )
๕.๘ ผู้อ่านต้องใสอ่ ารมณต์ ามรสความของบทประพนั ธน์ ้นั ๆ รสรกั โศก ตนื่ เต้น ขบขัน
โกรธ แลว้ ใส่น้าเสยี งให้สอดคลอ้ งกับรสหรอื อารมณต์ ่าง ๆ เหล่าน้ัน
๕.๙ อ่านใหเ้ สียงดงั ( พอทจ่ี ะได้ยินกนั ท่วั ถึง ) ไมใ่ ชต่ ะโกน
๕.๑๐ ถ้าเปน็ ฉนั ท์ ต้องอ่านใหถ้ กู ต้องตามบังคับของครุ - ลหุ ของฉนั ท์นน้ั ๆ
ลหุ คอื ทผ่ี สมด้วยสระเสยี งสน้ั และไม่มีตัวสะกด เชน่ เตะ บุ และ เถอะ
ผัวะ ยกเว้น ก็ บ่อ นอกจาก นี้ถือเป็นคาครุ ( คะ – รุ ) ทง้ั หมด
ลหุ ให้เคร่ืองหมาย ( ุ ) แทนในการเขยี น
ครุ ใช้เครื่องหมาย ( ั ) แทนในการเขียน
๕๗๕
ตวั อยา่ ง : วสนั ตดิลกฉันท์ ๑๔ มีครุ - ลหุ ดังนี้
ัั ั ั ุ ั ุ ุ ุ ั ุุัุ ัั
ั ั ุ ัุ ุ ุ ั ุุ ัุ ั ั
อ้าเพศก็เพศนชุ อนงค์ อรองคก์ บั อบบาง
( อา่ นว่า อ้า – เพด – ก็ – เพด – นุ – ชะ – อะ – นง อะ – ระ – อง – ก้อ – บอบ – บาง )
ควรแต่ผดงุ สริ สิ ะอาง ศุภลักษณป์ ระโลมใจ
( อา่ นวา่ ควน – แต่ – ผะ – ดงุ – สิ – หริ – สะ – อาง สุ – พะ – ลกั – ประ – โลม – ใจ )
๕.๑๑ เวลาอ่านอ่านอยา่ ใหเ้ สียงขาดเป็นช่วง ๆ ต้องใหเ้ สยี งติดต่อกันตลอด เช่น
“ วนั นนั้ จนั ทร มีดารากร เปน็ บริวาร เหน็ ส้นิ ดินฟ้า ในปา่ ทา่ ธาร มาลคี ลบี่ าน ใบก้าน
อรชร ”
๕.๑๒ เวลาจบใหท้ อดเสียงชา้ ๆ
๖. ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากการอา่ นทานองเสนาะ
๖.๑ ช่วยให้ผูฟ้ งั เข้าถงึ ถงึ รสและเห็นความงามของบทรอ้ ยกรองท่ีอา่ น
๖.๒ ชว่ ยใหผ้ ฟู้ งั ได้รบั ความไพเราะและเกดิ ความซาบซึ้ง ( อาการรสู้ กึ จบั ใจ
อยา่ งลกึ ซงึ้ )
๖.๓ ชว่ ยให้เกิดความสนุกสนาน ความเพลดิ เพลนิ
๖.๔ ช่วยให้จาบทรอ้ ยกรองได้รวดเร็วและแม่นยา
๖.๕ ชว่ ยกล่อมเกลาจิตใจใหเ้ ปน็ คนออ่ นโยนและเยอื นเยน็
๖.๖ ชว่ ยสืบทอดวฒั นธรรม ในการอ่านทานองเสนาะไวเ้ ป็นมรดกต่อไป
๕๗๖
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนแตง่ ประโยคจากคาท่ีกาหนดใหจ้ ากบทเรียนเรือ่ ง “กลอนดอกสร้อยราพงึ ในปา่ ชา้ ”
ทวิ ากาล ……………………………………………………………………………
มณฑล ……………………………………………………………………………
ประจกั ษ์ ……………………………………………………………………………
วิเวก ……………………………………………………………………………
สราญ ……………………………………………………………………………
ประจาน ……………………………………………………………………………
ประเสรฐิ ……………………………………………………………………………
สนั โดษ ……………………………………………………………………………
ปราชญ์ ……………………………………………………………………………
บุปผชาติ ……………………………………………………………………………
ไพรสณฑ์ ……………………………………………………………………………
(อยู่ในดลุ พนิ จิ ของครผู สู้ อน)
๕๗๗
แบบสังเกตพฤติกรรมการอา่ น
คาชแ้ี จง ให้ทาเครื่องหมาย / ลงในช่องรายการสงั เกตพฤติกรรมที่กาหนด
รายการสงั เกตความสนในเร่ือง
่ีท ่อาน
เลข ชอ่ื – สกลุมีมารยาทใน
ท่ี การ ่อาน
มีสมา ิธในการ
๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑ ๐๒๑๐อ่าน
๑ อ่านคา ูถก ้ตอง
๒ น้าเสียงชัดเจน
๓ ูถก ้ตอง
๔ อ่านไ ่มกดหรือ
๕ เ ิตมคา
๖ ัจบหนังสือไ ้ด
๗ ูถกต้อง
๘ สรุปผลการประเ ิมน
๙
๑๐ ผ่าน / ไม่ผ่าน
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๒= ดี, ๑ = ปานกลาง, ๐ = ต้องปรบั ปรงุ แกไ้ ข
(ลงช่อื )……………………………………….ผู้ประเมนิ
วนั ท่ี……….เดอื น…………………….พ.ศ………………
๕๗๘
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๐.๖
กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
หนว่ ยท่ี ๑๐ กลอนดอกสร้อยราพงึ ในปา่ ชา้ เวลา ๘ ชวั่ โมง
เรอื่ ง อา่ นไพเราะเสนาะทานอง ๒ เวลา ๑ ชว่ั โมง
ใชส้ อนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สินใจแก้ปัญหาในการ
มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ดาเนินชีวิตและมีนสิ ัยรักการอา่ น
มาตรฐานที่ ท ๕.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวในรูปแบบ
ตา่ งๆ เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณคา่
และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ
ตวั ช้ีวัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจง ครึ่งบรรทัด
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ท้องถน่ิ
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออก ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)
เสยี งบทรอ้ ยแก้วและบท
รอ้ ยกรองได้ถกู ต้อง - หลักการอ่านออก - ฝึกทกั ษะการอ่านออกเสียง -มีมารยาทในการอ่าน
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมือ
ตวั บรรจง ครง่ึ บรรทดั เสียงรอ้ ยแกว้ และรอ้ ย ร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง -อา่ นได้ถกู ต้องชดั เจน
กรอง ตามหลักการอ่าน
- หลักการเขียน - ฝึกคัดลายมือ - เขยี นถกู ต้องและ
ตวั อักษรไทยและ ตวั บรรจง ครึง่ บรรทดั สวยงาม
เลขไทย
๕๗๙
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบท บทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน - ซาบซ้ึง
อาขยานตามที่กาหนด บทรอ้ ยกรอง บทรอ้ ยกรอง - นาความรทู้ ่ีได้จาก
และบทร้อยกรองท่ีมคี ุณค่า การอา่ นไปประยกุ ตใ์ ช้
ตามความสนใจ ในชวี ติ จรงิ
สาระสาคัญ
การอ่านออกเสียงเปน็ การสอ่ื สารท่ีมีความสาคัญเพราะเปน็ การถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความรู้สกึ
และอารมณข์ องผ้สู ่งสารไปผรู้ บั สาร ดังน้ัน หากรูห้ ลักการอ่านและมที ักษะในการอา่ นย่อมจะทาให้การสื่อสาร
เกดิ สมั ฤทธ์ิผล
สาระการเรียนรู้
การอ่านออกเสียงบทเรยี นเรื่อง “ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ” การอา่ นทานองเสนาะ การเลา่
เรือ่ ง การยอ่ เร่ือง
กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑ . ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาบทเรียนทบทวนความร้เู รือ่ งความหมายของการอา่ นทานอง
เสนาะ วตั ถปุ ระสงค์ในการอ่านทานองเสนาะ รสท่ใี ช้ในการอา่ นทานองเสนาะ หลกั การอ่านทานองเสนาะ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านทานองเสนาะ
๒. เปิดเคร่อื งบนั ทึกเสยี งการอ่านทานองเสนาะเรื่อง “กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าชา้ ” ให้
นกั เรียนฟังพรอ้ มทั้งสังเกตท่วงทานองการอ่านแลว้ นักเรียนทากจิ กรรมการอา่ นตามลาดับดังนี้
- อา่ นออกเสียงธรรมดาให้ถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี พร้อมทัง้ แบ่งวรรคตอนให้
ถกู ต้อง
- ใหอ้ ่านทานองเสนาะพร้อม ๆ กนั ตามครทู ีละบท
- ให้อ่านทานองเสนาะพร้อม ๆ กนั ท้ังชัน้
- แบ่งกล่มุ ให้อ่านทานองเสนาะตอ่ กนั จนจบเรื่อง
- ใหอ้ า่ นทานองเสนาะเปน็ รายบุคคล
เมอ่ื นักเรียนอา่ นไดแ้ ลว้ ครใู ห้คาชมเชย
๓. ครแู ละนกั เรียนช่วยวจิ ารณก์ ารอา่ นของแตล่ ะคนและกลุม่ ว่าถูกต้อง และมคี วามไพเราะ
เพยี งใด
๔. นกั เรียนทาบตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๕. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนไปฝึกทอ่ งจาคาประพันธ์และ อา่ นออกเสียงบทเรยี นเรื่อง
“ กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในป่าช้า ” การอ่านทานองเสนาะ
๕๘๐
สอื่ / แหล่งเรียนรู้
ลาดับท่ี รายการสอ่ื กจิ กรรมท่ใี ช้ แหล่งที่ได้มา
๑ เพมิ่ เติมความชดั เจนในเนื้อหา ครูจดั เตรียม
๒ เครอื่ งบนั ทึกเสยี ง นกั เรียนทาบัตรกิจกรรม ครูจัดทา
๓ นกั เรยี นดูภาพและฝึกอ่าน ครูจดั หา
บตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
๔ ตรวจสอบ ครูจดั ทา
๕ หนังสอื เรียน ชุด วรรณคดี เพ่ิมเติมความชัดเจนในเนื้อหา ครจู ัดเตรยี ม
วจิ ักษ์ ชนั้ ม.๒
๖ เฉลยบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ บนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม ครจู ดั ทา
เครอ่ื งบนั ทึกเสียงการอา่ น
ทานองเสนาะ
แบบประเมินการสงั เกต
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤตกิ รรมที่ เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ใน วธิ กี ารประเมิน เกณฑ์การประเมิน
ประเมนิ การประเมนิ สังเกตรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
๑. นกั เรยี นท่องจาคา
ประพนั ธ์ แบบประเมิน
๒. นักเรียนทาบตั รกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
พฤติกรรม และแบบ
๓. ประเมินพฤติกรรมและ ประเมนิ ผลงาน
ผลงานระหวา่ งเรียน แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
....................................................................................................................... ................................
๕๘๑
บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นร้ตู ามผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวัง
นกั เรยี นท้งั หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั ปรับปรงุ – คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤติกรรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
...................................................................................................................................................... ........................
๔. การปรบั ปรุงแก้ไข
.................................................................................... .......................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ
............................................................................................................................. ...........................
......................................................................................... .....................................................................................
ลงชือ่ ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อปุ ชิตกลุ )
ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพิเศษ
๕๘๒
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๕๘๓
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
คาชีแ้ จง นกั เรยี นคิดวา่ คาประพันธ์ต่อไปนี้ ใช้ถอ้ ยคาส่ืออารมณ์ ความรสู้ ึก บรรยากาศได้สอดคล้องกบั
เน้อื เร่ืองอยา่ งไรบ้าง
วงั เอ๋ยวังเวง หง่างเหง่ง ยาคา่ ระฆงั ขาน
ฝูงวัวควายผา้ ยลาทิวากาล คอ่ ยๆผ่านท้องทงุ่ มงุ่ ถ่นิ ตน
ตะวนั ลับแสงทุกแหง่ หน
ชาวนาเหนื่อยอ่อนตา่ งจรกลับ และท้ิงตนตูเปล่ียวอย่เู ดยี วเอย
ทิง้ ทุ่งให้มดื มัวทั่วมณฑล
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๕๘๔
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑๐.๗
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
หนว่ ยท่ี ๑๐ กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ เวลา ๘ ชว่ั โมง
เรือ่ ง รอ้ ยกรองรอ้ ยความคิด เวลา ๑ ช่วั โมง
ใช้สอนวนั ที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ดั สินใจแกป้ ัญหาในการ
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ดาเนินชวี ิตและมีนิสัยรักการอา่ น
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษาภูมิปัญญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติ
ตัวชว้ี ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทร้อยกรอง
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถ่ิน
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออก ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลักษณะ (A)
เสียงบทร้อยแกว้ และบท
ร้อยกรองได้ถกู ต้อง - หลกั การอา่ นออก - ฝึกทกั ษะการอ่านออกเสียง -มมี ารยาทในการอ่าน
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แต่งบท
รอ้ ยกรอง เสียงรอ้ ยแกว้ และร้อย รอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรอง -อา่ นได้ถูกต้องชัดเจน
กรอง ตามหลกั การอา่ น
การแต่งกลอนสภุ าพ ฝกึ แต่งกลอนสภุ าพ - แตง่ กลอนสุภาพ
การแตง่ โคลงสี่สุภาพ ฝึกแต่งโคลงสี่สภุ าพ -แตง่ โคลงสี่สภุ าพ
ได้ถูกต้องตาม
ฉันทลักษณ์
๕๘๕
สาระสาคัญ
๑. การอ่านบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้องไพเราะสละสลวย และเข้าใจสาระการเรียนรทู้ าให้
เหน็ ความงาม และคุณคา่ ของภาษาไทย เปน็ การส่งเสรมิ ศลิ ปวฒั นธรรมทางภาษาของชาติ
๒. การเขียนบทร้อยกรองโดยเขา้ ใจลักษณะฉนั ทลักษณ์ของคาประพันธ์ และเขยี นสาระ
สาระการเรียนรู้
๑. การอ่านบทเรยี น เรอ่ื ง กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า
๒. การฝกึ แต่งคาประพนั ธป์ ระเภทกลอนดอกสร้อย
กระบวนการเรยี นรู้
๑. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สนทนาถงึ การอ่านและแต่งคาประพันธแ์ ละอา่ นทานองเสนาะ วา่ เป็น
การอนุรักษ์ภาษาไทยในฐานะท่เี ปน็ ศลิ ปวฒั นธรรมและเอกลักษณข์ องชาติ
๒. แบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุม่ (ตามความเหมาะสม) โดยให้แต่ละกลมุ่ ศึกษาบทร้อยกรอง
กลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ช้า จากหนงั สือเรียนภาษาไทย ชุดวรรณคดีวิจักษ์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ โดย
ดาเนนิ การ
- สารวจคาศัพทห์ รอื สานวนภาษา
- ศึกษาคาอา่ นและความหมายร่วมกัน
- อภิปรายสรุปใจความสาคัญและข้อคดิ ทีไ่ ด้จากบทร้อยกรอง เร่ือง สงั คมคนไทย
- ฝกึ อ่านบทรอ้ ยกรองเป็นทานองเสนาะ แนะนา ข้อบกพร่อง และแนวทางแก้ไขใหแ้ ก่เพ่ือน
ภายในกลุ่ม
-ผลัดเปล่ยี นกันอ่านบทร้อยกรองกลอนดอกสรอ้ ยเป็นทานองเสนาะ และให้เพ่อื นในกลุ่มทีเ่ หลือ
ประเมนิ ผลการอ่าน
๓. นกั เรยี นทุกกลุ่มช่วยกันลากเส้นโยงคาเส้นสมั ผสั ระหว่างวรรคของคาประพนั ธป์ ระเภท
กลอนดอกสรอ้ ยจากแบบฝึกหดั
๔. นาแผนผังคาประพนั ธ์กลอนดอกสร้อยติดกระดานดา และใหท้ ุกกลมุ่ ตรวจสอบ
ความถกู ต้องให้สมาชกิ แตล่ ะกลุ่ม แขง่ ขนั กนั เรียงแถบข้อความให้ถกู ต้องตามลกั ษณะกลอนดอกสรอ้ ย ตาม
ขั้นตอน
๕. นกั เรยี นและครูชว่ ยกันสรุปบทเรียน เร่ือง การอา่ นบทรอ้ ยกรองกลอนดอกสร้อย
ใหเ้ ปน็ ทานองเสนาะ และสรุปหลกั เกณฑ์ในการแต่งคาประพันธ์ประเภทกลอนดอกสร้อย
๖. นกั เรยี นทาบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้
๗. มอบหมายให้นกั เรยี นไปอ่านกลอนดอกสร้อยหรอื ศึกษาคน้ คว้าเพ่ิมเติม
๕๘๖
สื่อ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดับท่ี รายการสอื่ กิจกรรมท่ีใช้ แหล่งทีไ่ ดม้ า
๑ นักเรยี นทาบัตรกจิ กรรม ครูจดั ทา
๒ บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นดูภาพและฝึกอ่าน ครูจดั หา
๓ หนงั สอื เรียน ชดุ วรรณคดี ตรวจสอบ ครูจัดทา
๔ วิจักษ์ ชน้ั ม.๒ บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
เฉลยบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
แบบประเมินการสงั เกต
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กิจกรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครือ่ งมอื ที่ใช้ใน วิธกี ารประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
ประเมิน การประเมนิ
๑. นกั เรยี นนาเสนอ
๒. นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรม แบบประเมินรายกลุ่ม สังเกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
การเรียนรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรียน พฤติกรรม และแบบ
ประเมินผลงาน
แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหว่างเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ
.......................................................................................................................... ......................................
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................
๕๘๗
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรตู้ ามผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรยี นทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรบั ปรงุ – คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรับปรงุ แก้ไข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชิตกุล)
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
๕๘๘
ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................................ ..................
................................................................................................................. .............................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................. ............................
...................................................................................................... ........................................................................
ลงช่ือ.................................................ผ้ตู รวจสอบ
( ................................................. )
ผอู้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศกึ ษา
๕๘๙
บัตรความรู้
แผนผงั บงั คับการสมั ผัสของกลอนแปด
๑. ลกั ษณะบังคับ
๑ บท มี ๒ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค
๑ วรรค มี ๘ คา (อาจใช้ ๗ - ๙ พยางคก์ ็ได้)
๑ บท มี ๔ วรรค คือ
วรรคท่ี ๑ เรยี กว่า วรรคสลบั วรรคที่ ๒ เรียกวา่ วรรครับ
วรรคที่ ๓ เรียกวา่ วรรครอง วรรคที่ ๔ เรียกว่า วรรคส่ง
๒. ลกั ษณะสัมผัส
พยางค์สุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผสั กับพยางค์ที่ ๓ หรือ ๕ ของวรรคท่ี ๒
พยางคส์ ุดท้ายของวรรคที่ ๒ สัมผสั กบั พยางคส์ ุดท้ายของวรรคท่ี ๓
พยางคส์ ุดท้ายของวรรคท่ี ๓ สมั ผสั กับพยางค์ท่ี ๓ หรอื ๕ ของวรรคที่ ๔
พยางคส์ ดุ ท้ายของวรรคท่ี ๔ สัมผสั กับพยางคส์ ดุ ท้ายของวรรคท่ี ๒
ในบทถดั ไป
๓. คาสมั ผสั
คาสัมผสั คือ คาคล้องจองกัน นิยมใช้ในคาประพันธท์ ุกชนิด แบง่ ออกเปน็ สองอยา่ ง คือ สมั ผสั นอก
และสัมผสั ใน
๑. สัมผสั นอก เป็นสมั ผสั บงั คับของคาประพันธช์ นิดน้นั ๆ สว่ นมากเป็นสัมผัสต่างวรรค สมั ผัสที่ใช้
ตอ้ งเปน็ สระเดยี วกัน ถา้ มีตัวสะกดก็ต้องอยู่ในมาตราเดยี วกัน หรือท่ีเรียกวา่ สมั ผัสสระ เชน่
๕๙๐
อันความกรุณาปราณี จะมใี ครบังคบั กห็ าไม่
หลง่ั มาเองเหมอื นฝนอนั ชน่ื ใจ จากฟากฟา้ สุราลยั สแู่ ดนดิน
๒. สัมผัสใน คือ คาทค่ี ล้องจองกนั ภายในวรรค ไม่ไดถ้ ือวา่ เปน็ ขอบงั คับ แต่ถา้ คาประพันธใ์ ดมสี มั ผสั
ในกถ็ ือวา่ ไพเราะ สมั ผสั ในนั้นใช้ท้ังสมั ผสั สระ และสัมผสั พยัญชนะ เปน็ การใชค้ าทม่ี ีพยญั ชนะเดยี วกนั เช่น
แพรว – พราว ฝัน – ฝน
ฟาก – ฟ้า แดน – ดนิ
มว้ ย – มรณ์ เชิญ – ชว่ ย
การอ่านกลอนแปด
การแบ่งคาจะเหมือนกนั ทกุ วรรค คือ 3 – 2 – 3 (บางคร้ังในกลอนแปด ในแตล่ ะวรรคอาจมี 9 –
10 คา ถา้ มี 9 คา ก็แบ่งอ่านเปน็ 3 – 3 – 3 )
วิธกี ารอา่ นกลอนแปด อ่านได้ 3 แบบ คือ
อ่านทานองสามัญ
อา่ นทานองเสนาะ
อา่ นทานองเพลงยาว คอื อ่าน 2 วรรคแรกเสียงสูง วรรคหลังให้อ่านเสียงตา่
ตวั อย่าง การใหจ้ ังหวะการอ่านกลอนแปด
ขาดอะไร / ในโลก / ไม่โศกเศรา้ เหมือนกบั เรา / ทัง้ ชาติ / ขาดภาษา
คงติดขัด / อดั อ้นั / ตนั อุรา มองในตา / ไม่ชดั / รหัสใจ
ยลศลิ า / จารึก / นกึ แน่จิต สง่ิ ศักดิ์สทิ ธ์ิ / มิง่ ขวญั / อันยิ่งใหญ่
เราชาวไทย / รู้คา่ / ภาษาไทย เทดิ ทนู ไว้ / ค่ชู าติ / พิลาสเอย
( ฐะปะนีย์ นาครทรรพ )
๕๙๑
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
คาช้แี จง ให้นกั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมต่อไปน้ี
๑. ให้นกั เรียนเลือกคาประพนั ธ์ตอนท่ีนักเรียนสนใจ ๑ - ๒ บท แล้วถอดความดว้ ยภาษาทก่ี ระชบั
สละสลวย
……………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………
………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………
…………………………………………..………………………………………………………………………………………………………………
……..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ใหน้ ักเรยี นขยายความหมายและขยายความคาศพั ท์ต่อไปน้ี ตามบรบิ ททป่ี รากฏในเน้ือเร่อื ง
กถามขุ ดุษณี นกแสก แมเ่ หยา้ รโหฐาน ร่อยรอ่ ย ศพสงู
……………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………
………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………
…………………………………………..………………………………………………………………………………………………………………
…….……………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ให้นักเรียนแตง่ กลอนดอกสร้อย เรือ่ งเก่ยี วกับธรรมชาติ ตามประสบการณแ์ ละจนิ ตนาการ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
๕๙๒
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๐.๘
กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒
หน่วยที่ ๑๐ กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าช้า เวลา ๘ ชวั่ โมง
เรือ่ ง อ่านคิดสรุปเร่ือง เวลา ๑ ช่ัวโมง
ใช้สอนวันท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หา
มาตรฐานท่ี ท ๕.๑ ในการดาเนนิ ชวี ิตและมนี ิสัยรักการอา่ น
เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ
ตัวช้ีวัด
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ และข้อโต้แย้งเก่ียวกับเรอ่ื งทีอ่ ่าน
ท ๕.๑ ม.๒/๑. สรปุ เนือ้ หาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ นในระดบั ทีย่ ากขึ้น
ท ๕.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถนิ่ ท่ีอ่าน พร้อมยก
เหตผุ ลประกอบ
ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี ่าน
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/ทอ้ งถิ่น
ตัวชีว้ ัด ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลักษณะ (A)
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดง (P)
ความคดิ เห็นและข้อโตแ้ ย้ง
เกี่ยวกับเร่ืองท่ีอ่าน - นิยามหลกั การ - ฝึกอภปิ รายแสดง - มมี ารยาทในการ
ท ๕.๑ ม.๒/๑. สรปุ เน้อื หา อภปิ รายแสดงความ ความคดิ เหน็ และ อภิปรายและแสดง
วรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น
ในระดับทย่ี ากข้นึ คิดเหน็ และข้อโต้แย้ง ข้อโตแ้ ย้ง ความคิดเหน็
ข้อโตแ้ ยง้
การจับใจความสาคญั - ฝึกจบั ใจความสาคัญ - มีมารยาทในการอ่าน
- ฝกึ สรุปเน้อื หา
๕๙๓
ท ๕.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหแ์ ละ การวิเคราะห์คุณคา่ - ฝกึ วเิ คราะห์คณุ ค่า - เหน็ คุณค่าและซาบซ้งึ
ของวรรณคดีไทยและ - เหน็ คุณค่าและซาบซึ้ง
วิจารณว์ รรณคดวี รรณกรรม และ ของวรรณคดีไทย วรรณกรรมท้องถิน่
วรรณกรรมท้องถ่นิ ทอ่ี า่ น พร้อม และวรรณกรรม ฝกึ เขียนอธบิ าย
วเิ คราะหค์ ุณค่าของ
ยกเหตผุ ลประกอบ ท้องถิน่ วรรณคดไี ทยและ
วรรณกรรมท้องถิ่น
ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธบิ ายคุณค่า การวเิ คราะห์คุณค่า
ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่ ของวรรณคดีไทย
อา่ น และวรรณกรรม
ทอ้ งถ่นิ
สาระสาคัญ
๑. การอภิปรายบทเรยี น แสดงเหตุผลประกอบการพูด เปน็ การเพ่ิมทกั ษะด้าน
การวเิ คราะห์ ทาใหส้ รุปข้อคิดจากบทเรียนไดง้ า่ ยและตรงประเดน็
๒. การย่อความจากเรือ่ งท่อี า่ น โดยอาศยั แผนภาพโครงเร่ือง จะทาใหย้ ่อเร่ืองไดง้ ่ายและ
สมบูรณม์ ากขึน้
สาระการเรียนรู้
๑. การอภปิ รายขอ้ คิดจากบทเรยี น
๒. การเขยี นย่อความ
๓.การทดสอบหลังการเรยี นรู้
กระบวนการเรียนรู้
๑. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สนทนาทบทวนเนื้อหาสาระการเรียนรจู้ ากช่ัวโมงทีผ่ ่านมา
๒. แบ่งนกั เรียนออกเปน็ กล่มุ (ตามความเหมาะสม) โดยใหน้ ักเรียนรว่ มกันศึกษา
วเิ คราะห์ เนอ้ื หาจากบทเรยี น แล้วดาเนินการอภิปรายสรปุ ขอ้ คดิ จากบทเรียน แล้วเขียนสรุปข้อคิด
ลงในสมดุ แบบฝึกหดั
๓. นักเรียนแลกเปลีย่ นเรียนรกู้ ารเขยี นย่อความกบั เพ่ือนในกลมุ่ แล้วเขียนยอ่ ความจากบทเรียนลงใน
สมุดและส่งตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลงานการเขยี นสรปุ ข้อคิดจากบทเรยี น และย่อความของตนเองหน้าชั้น
เรียน
๔. นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายสรุปข้อคดิ จากบทเรียน เสนอแนะข้อบกพรอ่ งการ
เขยี นย่อความ และแนวทางปรบั ปรุงแก้ไข สนทนาถงึ การทางานกลุม่ และการทางานรายบุคคลของ
นักเรียน
๕๙๔
๕. นักเรียนทาบัตรกิจกรรมการเรียนรู้
๖. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั การเรยี นรู้
สอื่ / แหล่งเรียนรู้
ลาดบั ที่ รายการสอ่ื กิจกรรมที่ใช้ แหลง่ ทไ่ี ด้มา
๑ ครูจดั ทา
๒ แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน นกั เรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ครูจดั ทา
๓ แผนภูมคิ วามหมายของคาศัพท์ นักเรียนศกึ ษาและอ่าน ครจู ดั หา
๔ และสานวนจากเรือ่ ง ครูจัดทา
หนงั สือเรียน ชุด วรรณคดี นกั เรยี นดภู าพและฝกึ อา่ น
วจิ กั ษ์ ชัน้ ม.๒
แบบประเมินการสงั เกต บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครอ่ื งมอื ทีใ่ ชใ้ น วธิ กี ารประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
การประเมนิ
ประเมนิ
แบบทดสอบก่อนเรยี น ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๑. นักเรยี นทาแบบทดสอบ
หลังเรยี น แบบประเมนิ รายกลุ่ม สงั เกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป
๒. นกั เรียนนาเสนอหน้าชน้ั แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
เรยี น ผลงานระหว่างเรยี น
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
ในกิจกรรมการสอนภาษาไทยทุกชั่วโมง ครูต้องกวดขันให้นักเรยี นใชต้ วั เลขไทย เพ่ือให้เกดิ ความ
เคยชินและติดเปน็ นิสยั อีกทั้งใหม้ คี วามภมู ิใจในการใชต้ ัวเลขไทย อันเปน็ สมบัติของชาติ
๕๙๕
บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวัง
นักเรียนท้งั หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรบั ปรุง – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งเรียน
................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................ ......................
............................................................................................................ ..................................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรบั ปรุงแกไ้ ข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ
............................................................................................................................. ...........................
.......................................................................................................................................................................... ....
ลงชือ่ ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธัญญาดล อุปชติ กลุ )
ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๕๙๖
ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...........................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................... ...............................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่ือ.................................................ผูต้ รวจสอบ
( ................................................. )
ผูอ้ านวยการโรงเรยี นโคกโพธ์ิไชยศึกษา
๕๙๗
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ให้นักเรยี นเลอื กบทประพันธบ์ ททตี่ นเองประทบั ใจจากกลอนดอกสรอ้ ยราพึงในป่าช้า ๑ บท พรอ้ ม
แสดงเหตุผล
กองเอ๋ยกองขา้ ว กองสูงราวโรงนายง่ิ น่าใคร่
เกิดเพราะการเกบ็ เกี่ยวดว้ ยเคียวใคร ใครเล่าไถคราดฟ้ื นพ้ืนแผน่ ดิน
เชา้ ก็ขบั โคกระบือถือคนั ไถ สาราญใจตามเขตประเทศถ่ิน
ยดึ หางยามยกั ไปตามใจจินต์ หางยามผนิ ตามใจเพราะใครเอย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นยอ่ ความกลอนดอกสรอ้ ยราพึงในปา่ ชา้ ใหถ้ กู ต้อง
ยอ่ กลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าช้า จาก หนงั สือเรียนภาษาไทย ชดุ วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒
หน้า…….ถึง. …..ความว่า………………………….
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................