๕๙๘
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ใหน้ ักเรยี นเลอื กบทประพันธ์บททต่ี นเองประทับใจจากกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ ๑ บท พรอ้ ม
แสดงเหตผุ ล
กองเอ๋ยกองขา้ ว กองสูงราวโรงนายง่ิ น่าใคร่
เกิดเพราะการเก็บเกี่ยวดว้ ยเคียวใคร ใครเล่าไถคราดฟ้ื นพ้นื แผน่ ดิน
เชา้ กข็ บั โคกระบือถือคนั ไถ สาราญใจตามเขตประเทศถ่ิน
ยดึ หางยามยกั ไปตามใจจินต์ หางยามผนิ ตามใจเพราะใครเอย
ประทับใจบทประพนั ธน์ ีเ้ พราะสะท้อนภาพของชาวนาในทุกขนั้ ตอนของการทางาน และบทประพันธ์
ต้งั คาถามให้ผ้อู ่านไดใ้ ช้สติทบทวนหรือไตรต่ รองภาพของการกระทาท่เี กดิ ข้ึน
คาชแ้ี จง ให้นักเรียนย่อความกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าชา้ ให้ถกู ต้อง
ย่อกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าชา้ จาก หนังสือเรยี นภาษาไทย ชดุ วรรณคดวี ิจักษ์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒
หน้า…….ถึง. …..ความว่า………………………
( อยูใ่ นดลุ พินจิ ของครู )
๕๙๙
แบกบลทอดนสดออบกกส่อรน้อยเรรียานพ-ึงหใลนงั ปเร่าียชนา้
คาชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเคร่ืองหมายถูกหน้าข้อความที่นักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเคร่ืองหมายผิด
หน้าข้อที่นักเรียนคิดวา่ ผดิ
...............๑ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นบทประพันธ์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และท่องจาได้ยากมาก
ท้ังน้ีน่าจะเป็นเพราะเป็นบทประพันธ์ท่ีประกอบด้วยเสียงเสนาะ คาดี และความดี ครบถ้วนตามคติความงาม
ทางวรรณศิลป์ของไทย
............... ๒ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า มีท่ีมาจากกวีนิพนธ์เร่ือง Elegy Written in a Country
Chruchyard ของ ทอมัส เกรย์ (Thomas Gray) กวีชาวอังกฤษ
........... ๓ พระยาอุปกิตศิลปสาร (น่ิม กาญจนาชีวะ) ผู้ถ่ายทอด Elegy Written in a Country
Churchyard มาเป็นกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นกวีคนสาคัญคนหนึ่งในสมัยรัชการที่ ๕ และรัชกาลที่
๖
...............๔ ผลงานของพระยาอุปกิต ศิลปะสาร ส่วนใหญ่มีลักษระเป็นกาพย์กลอนแห่งความคิด คือเป็น
กวีนิพนธ์ขนาดสั้น ที่มุ่งแสดงความคิดหรือความรู้สึกของกวี ต่างกับวรรณคดียุคก่อนท่ีนิยมแต่งเป็นเรื่องยาว
โดยนาเรอ่ื งมาจากนทิ านหรอื ชาดก
...............๕ พระยาอุปกิตศิลปสารได้ประพันธ์กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า จากต้นฉบับแปลของเสฐียร
โกเศศ โดยแตง่ เป็นกลอนดอกสร้อยจานวน ๒๒ บท เพม่ิ ขน้ึ จากบทประพนั ธภ์ าษาอังกฤษหน่ึงบท
...............๖ การนาตัวบทวรรณคดีตะวันตกมาแปลและดัดแปลงให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมและรสนิยม
ของคนไทย นับเป็นลกั ษณะเดน่ ของการประพนั ธ์วรร ณคดีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ วั
.............. ๗ การใช้กลวิธี “แต่งดัดแปลงให้เข้าธรรมเนียมไทย” เป็นสิ่งสาคัญที่ทาให้กลอนดอกสร้อย
ราพึงในป่าช้าเป็นบทประพันธ์ท่ีมีคุณค่าสูง เพราะเนื้อหาอันเป็นสากลได้รับการถ่ายทอดผ่านฉันทลักษณ์และ
ขนบทางวรรณศิลปข์ องรอ้ ยกรองไทย จึงมีความไพเราะรัดรึงใจผอู้ า่ น
...............๘ คุณค่าในด้านเน้ือหาของบทราพึงในป่าช้าอยู่ที่การมุ่งแสดงความจริงเก่ียวกับชีวิตมนุษย์ โดย
เสนอแนวคดิ หลกั วา่ มนษุ ยท์ กุ คน ไม่มผี ู้ใดหลีกหนีความตายไปได้
............... ๙ กลอนดอกสร้อย เป็นคากลอนทม่ี ีรูปแบบคาท่ีจดจายากมาก ไม่นิยมใช้เป็นบทขับร้องหรือบท
รอ้ งเล่นและให้มเี นื้อหาเปน็ คติสอนใจ
............... ๑๐ ลักษณะเด่นทางด้านวรรณศิลป์ของกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้าคือ การใช้โวหาร
เปรียบเทียบอันงดงามแยบคายเพ่ือเสนอแนวคดิ ซ่งึ จดั เปน็ งานสรา้ งสรรคโ์ ดยตรงของพระยาอุปกติ ศลิ ปสาร
๖๐๐
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
...............๑ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นบทประพันธ์ท่ีไม่ค่อยมีคนรู้จัก และท่องจาได้ยากมาก
ทั้งน้ีน่าจะเป็นเพราะเป็นบทประพันธ์ท่ีประกอบด้วยเสียงเสนาะ คาดี และความดี ครบถ้วนตามคติความงาม
ทางวรรณศลิ ป์ของไทย
............... ๒ กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า มีท่ีมาจากกวีนิพนธ์เร่ือง Elegy Written in a Country
Chruchyard ของ ทอมัส เกรย์ (Thomas Gray) กวีชาวองั กฤษ
........... ๓ พระยาอุปกิตศิลปสาร (น่ิม กาญจนาชีวะ) ผู้ถ่ายทอด Elegy Written in a Country
Churchyard มาเป็นกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า เป็นกวีคนสาคัญคนหน่ึงในสมัยรัชการที่ ๕ และรัชกาลท่ี
๖
...............๔ ผลงานของพระยาอุปกิต ศิลปะสาร ส่วนใหญ่มีลักษระเป็นกาพย์กลอนแห่งความคิด คือ
เป็นกวีนิพนธ์ขนาดสั้น ที่มุ่งแสดงความคิดหรือความรู้สึกของกวี ต่างกับวรรณคดียุคก่อนท่ีนิยมแต่งเป็นเร่ือง
ยาว โดยนาเรือ่ งมาจากนิทานหรือชาดก
...............๕ พระยาอุปกิตศิลปสารได้ประพันธ์กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้า จากต้นฉบับแปลของ
เสฐียรโกเศศ โดยแต่งเป็นกลอนดอกสร้อยจานวน ๒๒ บท เพม่ิ ขนึ้ จากบทประพันธภ์ าษาองั กฤษหนงึ่ บท
...............๖ การนาตวั บทวรรณคดตี ะวนั ตกมาแปลและดัดแปลงให้สอดคล้องกับวฒั นธรรมและรสนิยม
ของคนไทย นบั เป็นลกั ษณะเด่นของการประพันธ์วรร ณคดีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ วั
.............. ๗ การใช้กลวิธี “แต่งดัดแปลงให้เข้าธรรมเนียมไทย” เป็นสิ่งสาคัญท่ีทาให้กลอนดอกสร้อย
ราพึงในป่าช้าเป็นบทประพันธ์ที่มีคุณค่าสูง เพราะเนื้อหาอันเป็นสากลได้รับการถ่ายทอดผ่านฉันทลักษณ์และ
ขนบทางวรรณศิลป์ของรอ้ ยกรองไทย จึงมคี วามไพเราะรัดรึงใจผู้อา่ น
...............๘ คุณค่าในด้านเนื้อหาของบทราพึงในป่าช้าอยู่ที่การมุ่งแสดงความจริงเก่ียวกับชีวิตมนุษย์
โดยเสนอแนวคดิ หลกั ว่า มนษุ ย์ทุกคน ไมม่ ีผู้ใดหลีกหนคี วามตายไปได้
............... ๙ กลอนดอกสร้อย เป็นคากลอนทม่ี ีรูปแบบคาท่ีจดจายากมาก ไม่นิยมใช้เป็นบทขับร้องหรือ
บทร้องเล่นและใหม้ ีเนือ้ หาเป็นคตสิ อนใจ
............... ๑๐ ลักษณะเด่นทางด้านวรรณศิลป์ของกลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้าคือ การใช้โวหาร
เปรยี บเทียบอนั งดงามแยบคายเพือ่ เสนอแนวคดิ ซึง่ จัดเปน็ งานสร้างสรรคโ์ ดยตรงของพระยาอปุ กิตศิลปสาร
๖๐๑
แบบประเมินหลงั แผนการจดั การเรียน
๖๐๒
แบบประเมินพฤติกรรมและผลงานระหว่างเรียน
ความหมาย
๑. ตง้ั ใจ หมายถงึ ความมานะ อดทนทางานจนเสรจ็ ( A )
๒. ความรว่ มมอื หมายถึง สมาชิกในกลมุ่ ให้ความรว่ มมือทางานจนเสรจ็ ( A )
๓. ความมีวนิ ัย หมายถึง ผลงาน หรือการทางานเป็นระบบระเบยี บเรียบร้อย สะอาด
สวยงาม และได้เนื้อหาครบถ้วน ทนั หรอื ตรงต่อเวลา ( A,K )
๔. คณุ ภาพของผลงาน หมายถงึ ผลงานเรยี บรอ้ ย สวยงาม เนอื้ หาครบถว้ น
ภาษาทใ่ี ช้เหมาะสม (P – Product, K)
๕. การนาเสนอผลงาน หมายถึง การพูดอธบิ ายนาเสนอผลงานได้ตามลาดบั
และเน้ือหาถูกต้อง ( P – Process, K )
เกณฑ์การประเมนิ
๔ หมายถงึ ทาไดด้ ีมาก ๓ หมายถึง ทาได้ดี
๒ หมายถึง ทาได้พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ
เลขท่ี ความต้งั ใจ ความรว่ มมอื ความมีวินัย คุณภาพของ การนาเสนอ รวม
(๔) (๔) (๔) ผลงาน (๔) ผลงาน (๔) (๒๐)
๖๐๓
เกณฑ์การให้คะแนนกระบวนการทางานกล่มุ
ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน/ระดับ
๑. การกาหนด –
๓๒๑
เปา้ หมายรว่ มกัน
สมาชิกทกุ คนมีสว่ น สมาชิกสว่ นใหญม่ ี สมาชิกส่วนน้อยมี
๒. การแบง่ หน้าท่ี
รับผดิ ชอบ ร่วมในการกาหนด สว่ นร่วมในการกาหนด ส่วนรว่ มในการกาหนด
๓. การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี เปา้ หมายการทางาน เป้าหมายในการ เป้าหมายในการ
ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
อย่างชดั เจน ทางาน ทางาน
๔. การประเมนิ และ
ปรบั ปรงุ ผลงาน กระจายงานได้อย่าง กระจายงานไดท้ ัว่ ถงึ กระจายงานไม่ท่วั ถึง
ทวั่ ถงึ และตรงตาม แต่ไม่ตรงตาม
ความสามารถของ ความสามารถของ
สมาชกิ ทกุ คน สมาชกิ
ทางานได้สาเรจ็ ตาม ทางานไดส้ าเร็จตาม ทางานไมส่ าเร็จตาม
เปา้ หมายท่ีไดร้ ับ เป้าหมายแต่ชา้ กวา่ เป้าหมาย
มอบหมาย ตาม เวลาทก่ี าหนด
ระยะเวลาที่กาหนด
สมาชกิ ทกุ คนรว่ ม สมาชิกบางส่วนมีส่วน สมาชกิ บางส่วนไม่มี
ปรึกษาหารือ ตดิ ตาม รว่ มปรกึ ษาหารือแต่ไม่ สว่ นร่วมปรึกษาหารอื
ตรวจสอบและปรบั – ชว่ ยปรบั ปรุงผลงาน และไม่ช่วยปรับปรงุ
ปรงุ ผลงานเป็นระยะ ผลงาน
๖๐๔
แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย วิชา ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ กล่มุ ท่ี …….....
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเหน็
๓๒๑
๑. การกาหนดเปา้ หมายร่วมกัน
๒. การแบง่ หน้าท่รี ับผดิ ชอบ
๓. การปฏบิ ัติตามหน้าทท่ี ่ไี ดร้ ับมอบหมาย
๔. การประเมินและปรับปรุงผลงาน
รวม
ลงชอื่ ผ้ปู ระเมิน
( )
เกณฑ์การประเมนิ ดมี าก
ดี
๑๑ – ๑๒= พอใช้
๘ – ๑๐ = ปรบั ปรุง
๕–๖ =
๐–๔ =
๖๐๕
เกณฑ์การประเมนิ การนาเสนอผลงาน
แนวทางการพจิ ารณา
หวั ข้อการพิจารณา/ระดบั การปฏบิ ตั ิหรือพฤติกรรม
ระดับ เนือ้ หา กลวธิ กี ารนาเสนอ ขน้ั ตอนการ การใชภ้ าษา ตอบคาถาม/
คะแนน นาเสนอ เวลา
๔ มีการเรียงลาดับ ตอบคาถามได้
เนอ้ื หาไดด้ ี มกี ารนาเข้าสเู่ นอ้ื มกี ารนาเสนอ ออกเสยี งถกู ต้อง อยา่ งมภี มู ิรู้
มีความต่อเนื่อง และมีความ
มีประโยชน์ เรื่อง มีความ อย่างตอ่ เนื่อง ตามอักขรวธิ ีและดัง ชัดเจน มแี หลง่
ใหแ้ ง่คิด อ้างองิ
สมั พันธ์กับเนอ้ื ราบรนื่ เป็นไปตาม ชัดเจน ใช้ภาษา ใชเ้ วลาตาม
กาหนด
เรื่อง เร้าใจผู้ฟัง ขัน้ ตอน เหมาะสม เข้าใจ ตอบคาถามได้
คอ่ นขา้ งชดั เจน
มีความมน่ั ใจ ง่าย มกี ารใช้ มีแหล่งอา้ งอิง
ใชเ้ วลาเกนิ
สานวนโวหาร กาหนด ๑ นาที
๓ มีการเรียงลาดับ มีการนาเข้าสู่เน้อื การนาเสนอ ออกเสยี งถกู ต้อง ตอบคาถามได้ไม่
เนือ้ หาไดด้ ี เร่อื ง มีความ ต่อเนื่อง มกี าร ตามอักขรวธิ ีและดงั ค่อยชัดเจน
มคี วามตอ่ เนอ่ื ง สัมพนั ธก์ ับเนื้อ ข้ามขัน้ ตอนบา้ ง ชัดเจน ใชภ้ าษา มีแหลง่ อา้ งองิ
มีประโยชน์ เรื่อง เรา้ ใจผูฟ้ ัง เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย เปน็ บางส่วน
ใหแ้ ง่คิดน้อย ไมม่ คี วามมน่ั ใจใน การนาเสนอ ไม่มีการใช้สานวน ใชเ้ วลาเกนิ
การนาเสนอ ต่อเน่อื ง ไม่มี โวหาร กาหนด
๒ มกี ารเรยี งลาดบั มีการนาเขา้ สเู่ น้ือ ข้ันตอนเปน็ ส่วน ออกเสยี งถกู ต้อง ๒ นาที
เนอ้ื หาไดด้ ี เรื่อง มีความ ใหญ่ ตามอกั ขรวิธีและดงั ตอบคาถามไมไ่ ด้
มคี วามตอ่ เนื่อง สมั พนั ธ์กบั เนื้อ ชัดเจน ใช้ภาษา เปน็
มีประโยชน์นอ้ ยให้ เรอ่ื ง ไม่ เรา้ ใจผู้ฟงั เขา้ ใจยาก ไม่มี สว่ นใหญ่
แง่คิดน้อย ไม่มีความมัน่ ใจใน การใช้สานวน ใช้เวลาเกิน
การนาเสนอ โวหาร กาหนด ๕ นาที
๑ มกี ารเรยี งลาดับ มีการนาเขา้ สเู่ นอ้ื การนาเสนอ ออกเสียงถกู ตอ้ ง
เน้อื หาไดด้ ี เรอ่ื ง ไม่มีความ ไมต่ อ่ เนอ่ื ง ตามอกั ขรวิธีและดัง
ไม่มคี วามตอ่ เนอ่ื ง สมั พนั ธก์ ับเน้อื นาเสนอสบั สน ชดั เจน ใช้ภาษาไม่
มีประโยชน์นอ้ ยให้ เร่อื ง ไมเ่ ร้าใจผู้ฟัง เหมาะสม เขา้ ใจ
แงค่ ดิ น้อย ไม่มคี วามมัน่ ใจใน ยาก ไม่มีการใช้
การนาเสนอ สานวนโวหาร
๖๐๖
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
กลมุ่ ท.่ี ...........................................................หอ้ ง.......................
เน้ือหา กลวธิ ี ขน้ั ตอนการ การใช้ การตอบ รวม
๔ การ นาเสนอ ภาษา คาถาม คะแนน
ประเด็น นาเสนอ ๔ ๔ /เวลา ๒๐
ชอื่ – สกุล ๔๔
สมาชกิ
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๖.
๘.
ลงชอ่ื ......................................................ผปู้ ระเมนิ
()
วนั ที่......เดือน......................ป.ี ...............
เกณฑ์การประเมิน ๔ หมายถึง ดมี าก
๓ หมายถงึ ดี
๒ หมายถงึ พอใช้
๑ หมายถึง ต้องปรบั ปรุง
๖๐๗
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน
คาชีแ้ จง ใหท้ าเครอื่ งหมาย / ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมทีก่ าหนด
รายการสังเกต
เลขท่ี ช่ือ – สกุล
ความสนในเร่ือง
ี่ท ่อาน
ีมมารยาทในการ
อ่าน
ีมสมาธิในการอ่าน
อ่านคาถูก ้ตอง
้นาเสียง ัชดเจน
ถูกต้อง
อ่านไม่กดหรือเติม
คา
จับห ันงสือได้
ถูก ้ตอง
สรุปผลการประเมินผ่าน
/ ไม่ผ่าน
๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑ ๐๒๑๐
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
เกณฑก์ ารให้คะแนน ๒= ด,ี ๑ = ปานกลาง, ๐ = ต้องปรับปรุงแก้ไข
(ลงช่ือ)……………………………………….ผปู้ ระเมนิ
วันที่……….เดอื น…………………….พ.ศ………………
๖๐๘
แบบประเมินก่อนเรยี นและหลงั เรียน หน่วยที่ ๑๐
แบบทดสอบ แบบทดสอบ สรปุ
เลขท่ี ชอ่ื – สกลุ ก่อนเรียน หลงั เรยี น ผลตา่ ง
๑ ๒๐ ๒๐ ผ่าน ไมผ่ ่าน
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๖๐๙
แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย
ภาคเรียนที่ ๑
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
หนว่ ยท่ี ๑๑ เย็นศริ ะเพราะพระบริบาล
โดย
นางสาวธญั ญาดล อปุ ชติ กลุ
โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศกึ ษา
อาเภอโคกโพธ์ิไชย จังหวดั ขอนแก่น
สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาเขต ๒๕
๖๑๐
แผนผงั ความคดิ การบูรณาการการเรยี นรู้
ภายในกลมุ่ สาระ
การฟงั การดู
การพูด
วรรณคดแี ละ การอ่าน
วรรณกรรม
การใช้ภาษา การเขยี น
๖๑๑
แผนผงั ความคดิ การบรู ณาการ
นอกกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ฯ
-การนบั จานวน - การคิดอยา่ งเป็ น
-การจดั กลมุ่ -สะทอ้ นสภาพสงั คมไทย
ระบบ -คณุ ธรรมและมารยาท
- การวเิ คราะหเ์ รื่อง
- หลกั เศรษฐกจิ
พอเพยี ง
สขุ ศึกษาและ เย็นศิระ ภาษาองั กฤษ
พลศึกษา เพราะ -ความหมายของคา
พระบริบาล
-มนษุ ยสมั พนั ธ์ -เขยี นคาศพั ท์
-การเคลอื่ นไหว -เขยี นสานวน
-การเลน่ เกม
การงานอาชีพ ศิลปะฯ
และเทคโนโลยี - การเรียนรู้
-การใชค้ อมพิวเตอร์ วฒั นธรรม
-ใชใ้ ชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต - วาดภาพประกอบ
-ขบั รอ้ งทานองเสนาะ
๖๑๒
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๑.๑
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒
หน่วยท่ี ๑๑ เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล เวลา ๕ ชัว่ โมง
เรอื่ ง อ่านคดิ พนิ ิจเรอื่ ง เวลา ๑ ช่วั โมง
ใชส้ อนวนั ที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ดั สนิ ใจ
แก้ปญั หาในการดาเนินชีวิตและมนี ิสัยรกั การอ่าน
ตัวชีว้ ดั
ท ๑.๑ ม. ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง
ท ๑.๑ ม. ม.๒/๒ จับใจความสาคญั สรุปความและอธบิ ายรายละเอยี ด จากเรอื่ งท่ีอ่าน
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/ท้องถน่ิ
ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบท ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
รอ้ ยแก้วและบทร้อยกรอง
ได้ถูกต้อง - หลกั การอ่านออก - ฝึกทักษะการอา่ นออกเสียง -มีมารยาทในการอ่าน
ม.๒/๒ จับใจความสาคญั
สรปุ ความและอธิบาย เสียงร้อยแก้วและร้อย ร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง -อ่านได้ถูกต้องชดั เจน
รายละเอียด จากเรือ่ งท่ี
อ่าน กรอง ตามหลกั การอ่าน
- หลักการอา่ น - ฝึกทกั ษะการอ่านจบั - อา่ นจับใจความและ
จับใจความและ ใจความและสรปุ ความ สรุปความไดถ้ ูกต้อง
สรุปความ
สาระสาคัญ
การอ่านเพ่ือจับใจความสาคญั เปน็ พ้นื ฐานท่จี าเป็นในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝึกฝนให้เกิดความ
ชานาญจนสามารถจบั ใจความสาคญั ในงานเขยี นทุกประเภท
๖๑๓
สาระการเรียนรู้
- การอ่านในใจ อา่ นจับใจความบทเรียนเรือ่ ง เพลงสรรเสริญพระบารมี
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครูแจง้ ตัวช้ีวัดใหน้ กั เรยี นทราบ และทาข้อสอบก่อนเรยี น
๒. ครแู ละนักเรยี นร้องเพลงสรรเสรญิ พระบารมีและสนทนาเกี่ยวกบั เน้อื เพลงเพลงสรรเสริญ
พระบารมี
๓. นักเรียนอ่านจบั ใจความสาคญั ของเรื่อง เพลงสรรเสริญพระบารมี
๔. ครูถามนักเรียนว่าเข้าใจที่ผู้เขียนต้องการส่ือหรือไม่ จากน้ันครูกับนักเรียนร่วมกันอภิปราย
เกี่ยวกับข้อคิดท่ีได้จากเร่ือง ว่าแต่ละคามีความหมายอย่างไร รวมเนื้อเพลง มีจุดประสงค์หรือเนื้อความ
อย่างไร
๕. ใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมบตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๖. ครูและนักเรยี นช่วยกันสรุปบทเรยี น รวมท้งั สรุปความร้ทู ่ีไดจ้ ากบทเรยี นและการนาไปใช้ใน
ชวี ติ ประจาวนั
ส่อื / แหล่งเรยี นรู้
ลาดบั ท่ี รายการสื่อ กจิ กรรมทใ่ี ช้ แหล่งท่ไี ดม้ า
๑ เนอื้ เพลงสรรเสริญพระบารมี เพมิ่ เติมความชดั เจนในเน้ือหา ครูจัดเตรยี ม
๒ บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรม ครูจัดทา
๓ นกั เรียนดภู าพและฝกึ อ่าน ครจู ดั หา
หนังสือเรยี น ชุด วิวธิ ภาษา
ชน้ั ม. ๒
๔ เฉลยบัตรกิจกรรม ตรวจสอบบตั รกิจกรรม ครจู ัดทา
๕ แบบประเมินการสังเกต บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครูจัดทา
พฤติกรรม นกั เรยี นทาแบบทดสอบ ครจู ัดทา
๖ แบบทดสอบกอ่ นเรียน
๖๑๔
การวัดผลและประเมินผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่ืองมือทใี่ ช้ใน วิธกี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมิน การประเมิน
๒. นกั เรยี นทาแบบทดสอบ
๓. นักเรยี นทาบัตรกิจกรรม แบบประเมนิ รายบุคคล สังเกตรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป
การเรียนรู้ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
พฤติกรรม และแบบ
๔. ประเมนิ พฤติกรรมและ ประเมินผลงาน
ผลงานระหว่างเรยี น แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
ผลงานระหว่างเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….……………………………………………………..
๖๑๕
บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรียนร้ตู ามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นักเรียนทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ปรบั ปรุง – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
.......................................................................................... ....................................................................................
๔. การปรบั ปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
...................................................................................................................................... ........................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกลุ )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๖๑๖
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๖๑๗
แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นทาเครอื่ งหมาย ทับตวั เลขหน้าคาตอบทีถ่ กู ตอ้ ง
๑. สระในขอ้ ใดมีใชแ้ ตใ่ นภาษาสันสกฤต
๑. อะ – อา ๒. อิ – อี ๓. อุ – อู ๔. ไอ - เอา
๔. ศ - ษ
๒. พยญั ชนะในขอ้ ใดมใี ช้แตใ่ นภาษาสันสกฤต ๔. อธษิ ฐาน
๔. สัจจะ
๑. ก – ข ๒. จ – ฉ ๓. ต – ถ ๔. อาชญา
๔. พุทธ
๓. คาในข้อใดเปน็ คาที่มาจากภาษาบาลี ๔. มตั สยา
๔. ทชิ ะ
๑. พศิ วาส ๒. ประดิษฐ์ ๓. บปุ ผา
๔. คาในขอ้ ใดเป็นคาทมี่ าจากภาษาสนั สกฤต
๑. เมตตา ๒. วัตถุ ๓. ฤทธ์ิ
๕. ข้อใดเปน็ คาที่มาจากภาษาบาลี
๑. บรรยงก์ ๒. กัญญา ๓. มติ ร
๖. ข้อใดเป็นคาที่มาจากภาษาสนั สกฤต
๑. อสั สาสะ ๒. อกุ กาบาต ๓. รักษา
๗. ภาษาบาลวี ่า “มัจฉา” ภาษาสันสกฤตว่าอยา่ งไร
๑. มารษา ๒. มิศยา ๓. มัสยา
๘. ภาษาสันสกฤตวา่ “ทฤษฎี” ภาษาบาลวี ่าอยา่ งไร
๑. ทิฏฐิ ๒. นิติ ๓. นิธิ
๙. คาทไ่ี ทยเรารับมาจากภาษาบาลกี ับสนั สกฤต คู่ใดไมถ่ กู ต้อง
๑. กริ ยิ า – กรยิ า ๒. การญุ – การณุ ย์
๓. กติ ติ – กรี ติ ๔. จริยา – เจรจา
๑๐.คาทไ่ี ทยเรารบั มาจากภาษาบาลีกบั สนั สกฤต คู่ใดไมถ่ ูกต้อง
๑. จกั ขุ – จกั ษุ ๒. นจิ – นิตย์
๓. ปัญญา – ปรชี า ๔. ปฐม - ประถม
๑๑.คาทีไ่ ทยเรารับมาจากภาษาบาลีกบั สนั สกฤต คู่ใดไมถ่ กู ตอ้ ง
๑. กฬี า – กรีฑา ๒. เขต – เกศ
๓. จฬุ า – จฑุ า ๔. ครฬุ – ครฑุ
๖๑๘
๑๒.คาท่ีไทยเรารับมาจากภาษาบาลกี ับสันสกฤต คู่ใดไมถ่ กู ต้อง
๑. ถาวร – เสถียร ๒. กัป – กัลป์
๓. ปกติ – ปรกติ ๔. ดชั นี - ดรรชนี
๑๓.คาทไ่ี ทยเรารับมาจากภาษาบาลีกับสนั สกฤต คู่ใดไม่ถูกตอ้ ง
๑. นิจ – นติ ย์ ๒. บญุ – บณุ ย์
๓. ปฐม – ประถม ๔. ปฐพี - ธรณี
๑๔.คาทไ่ี ทยเรารบั มาจากภาษาบาลีกบั สันสกฤต คใู่ ดไม่ถกู ตอ้ ง
๑. วชิ า – วิทยา ๒. วิตถาร – พสิ ดาร
๓. สริ ิ – ศิริ ๔. เวช - แพทย์
๑๕.คาที่ไทยเรารับมาจากภาษาบาลีกับสนั สกฤต ค่ใู ดไมถ่ ูกตอ้ ง
๑. สามี – สวามี ๒. สิลป์ – ศิลป์
๓. สิกขา – ศึกษา ๔. หทยั - หฤทยั
๖๑๙
เฉลยแบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน
๑. (๔) ๒. (๔) ๓. (๑)
๔. (๔) ๕. (๒) ๖. (๓)
๗. (๔) ๘. (๑) ๙. (๔)
๑๐. (๓) ๑๑. (๒) ๑๒. (๑)
๑๓. (๔) ๑๔. (๓) ๑๕. (๒)
๖๒๐
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑
ให้นักเรยี น บอกบอกทมี่ าและคาแปลของคาศัพทต์ ่อไปนี้
๑. จกั รนิ ………………….
๒. สยามนิ ทร์ ………………….
๓. บรบิ าล ………………….
๔. ศานต์ ………………….
๕. ประสงค์ ………………….
๖. สฤษฎ์ ………………….
๗. หฤทัย ………………….
๘. ไชโย ………………….
๙. ยศะ
๑๐. ประชา ………………….
………………….
๖๒๑
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๒
นกั เรียนเขียนบรรยายความรูส้ กึ ต่อเพลงสรรเสริญพระบารมี
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
๖๒๒
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑
ใหน้ ักเรยี น บอกท่มี าและคาแปลของคาศพั ท์ต่อไปนี้
๑. จักรนิ สันสกฤต ผทู้ ถี่ ือจกั รเป็นอาวุธ หมายถงึ พระมหากษตั รยิ ใ์ นราชวงศ์จกั รี
๒. สยามนิ ทร์ สนั สกฤต กษัตรยิ แ์ ห่งประเทศสยาม
๓. บรบิ าล บาลี สันสกฤต คมุ้ ครองโดยรอบ ปกป้องรกั ษา
๔. ศานต์ สันสกฤต สขุ สงบ
๕. ประสงค์ สันสกฤต จานง ความต้องการ ปรารถนา
๖. สฤษฏ์ สนั สกฤต สรา้ ง
๗. หฤทยั สันสกฤต หัวใจ ใจ
๘. ไชโย บาลี สันสกฤต ความชนะ
๙. ยศะ สนั สกฤต ชื่อเสยี ง ความรงุ่ เรอื ง เกียรติคุณ
๑๐. ประชา สันสกฤต ลกู หลาน ราษฎร
เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๒
( อยูใ่ นดลุ พนิ ิจของครู)
๖๒๓
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑.๒
กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒
หน่วยท่ี ๑๑ เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล เวลา ๕ ชัว่ โมง
เรื่อง ฟังคิดพินิจเรื่อง เวลา ๑ ช่วั โมง
ใชส้ อนวันท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
ความร้สู ึกในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชี้วดั
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พดู สรุปใจความสาคัญของเรื่องทฟ่ี งั และดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหข์ ้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นและความนา่ เชื่อถือของขา่ วสารจากส่อื ตา่ งๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถนิ่
ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พดู สรปุ การพูดสรปุ ความ ฝกึ พูดสรปุ ความ - มีมารยาทในการพดู
ใจความสาคญั ของเรอ่ื งท่ี - มมี ารยาทในการฟงั
ฟงั และดู การดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์ วิเคราะห์ข้อเทจ็ จริง - ฝึกพดู วเิ คราะห์ข้อเทจ็ จริง - มีมารยาทในการพูด
ขอ้ เท็จจริง ขอ้ คิดเหน็ และ และข้อคดิ เหน็ และข้อคดิ เห็น
ความน่าเชอื่ ถือของ
ข่าวสารจากสือ่ ต่างๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มี หลักการฟัง การดู ฝกึ พูด ฟัง และดู -มีมารยาทในการพูด
มารยาทในการฟัง การดู และการพูด การฟงั และการดู
และการพูด
๖๒๔
สาระสาคัญ
การฟังเชงิ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ หมายถึง การฟังสารด้วยความเอาใจใส่พจิ ารณาไตร่ตรอง แยกแยะสาร
ออกเปน็ สว่ น ๆ อยา่ งถ่ีถ้วน เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจเร่ืองในหลายแง่หลายมมุ โดยแยก ข้อเทจ็ จริงและข้อคิดเห็นออก
จากกนั แลว้ ติ – ชม หรือประเมินค่าสิง่ ที่ได้ฟังน้ัน เพื่อนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั
สาระการเรยี นรู้
การฟงั เร่ืองบทละครเร่ือง เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล
บวนการจัดการเรยี นรู้
๑. ครแู จ้งตวั ช้ีวัดและทาแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้
๒. สนทนากบั นักเรียนเรื่อง “เย็นศริ ะเพราะพระบริบาล” ว่ามเี นื้อเร่ืองเกีย่ วกับอะไร มีประวตั ิ
และมีความเป็นมาอย่างไร ถามถงึ ตวั ละครท่นี ักเรยี นไดย้ นิ
๓. ครูทบทวนหลกั การฟงั และแจกบัตรความรู้ เรื่อง การฟัง แจกให้แกน่ ักเรียนทุกคนศึกษา
ด้วยตนเอง
๔. นักเรยี นคนใดคนหนึ่งหรอื หลายคน อ่านเรือ่ ง เร่ือง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าลให้เพื่อน ๆ
ฟงั หรอื ครเู ปดิ เครื่องบนั ทึกเสียง
๕. ครนู าแผนภมู ิความหมายของศพั ท์ และถอ้ ยคาสานวนจากเรือ่ ง เย็นศริ ะเพราะพระ
บริบาล มาติดบนกระดานดา ใหน้ ักเรยี นศึกษาความหมายของคาศพั ท์
๖. แบ่งนักเรียนออกเป็น ๔ กลุม่ ให้แต่ละกลุ่มศึกษาเร่ืองต่อไปนี้
กลมุ่ ๑ จับประเดน็ สาคัญของเรื่อง
กลุ่ม ๒ บอกจดุ ประสงค์ของเรอ่ื ง
กลมุ่ ๓ จัดลาดับเหตุการณ์ของเรื่อง
กลมุ่ ๔ สรุปเนอ้ื เร่อื ง
๗. ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนมารายงานหน้าช้นั พร้อมสง่ เอกสารท่ีครู เพ่อื เก็บไว้ใน
แฟ้มสะสมงาน
๘. นักเรียนช่วยกนั ซกั ถามเรอื่ งราวทง้ั หมดจากกลมุ่ ต่าง ๆ เพือ่ เปน็ การสรปุ บทเรยี น
๙. นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๑๐. มอบหมายใหน้ ักเรียนไปอา่ นบทเรยี นเพิ่มเติมเปน็ การบา้ น
๖๒๕
สือ่ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดบั ที่ รายการสอ่ื กิจกรรมทีใ่ ช้ แหล่งที่ไดม้ า
๑ ครูจัดทา
๒ แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ครูจดั ทา
๓ แผนภูมคิ วามหมายของคาศัพท์ นักเรยี นศึกษาและอ่าน ครจู ัดหา
๔ และสานวนจากเร่อื ง ครูจดั ทา
หนังสือเรียน ชุด วรรณคดี นกั เรยี นดูภาพและฝกึ อา่ น
วจิ ักษ์ ชั้น ม.๒
เครอื่ งบันทึกเสียง นกั เรียนฝึกการฟงั
๕ แบบประเมินการสังเกต บันทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครูจัดทา
พฤติกรรม
การวัดผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่อื งมือที่ใช้ใน วธิ ีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
การประเมนิ
ประเมนิ
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจงานรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป
๑. นักเรยี นทาแบบทดสอบ
กอ่ นเรยี น แบบประเมินรายกลมุ่ สงั เกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๒. นกั เรยี นนาเสนอหน้าชน้ั แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
เรยี น ผลงานระหวา่ งเรยี น
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
ในกจิ กรรมการสอนภาษาไทยทกุ ช่วั โมง ครูต้องกวดขนั ให้นักเรียนใชต้ ัวเลขไทย เพื่อใหเ้ กดิ ความเคยชิน
และตดิ เป็นนิสยั อีกทงั้ ให้มีความภูมใิ จในการใชต้ ัวเลขไทย อนั เป็นสมบตั ขิ องชาติ
๖๒๖
บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรียนร้ตู ามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นักเรียนทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ปรบั ปรุง – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
.......................................................................................... ....................................................................................
๔. การปรบั ปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
...................................................................................................................................... ........................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกลุ )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๖๒๗
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๖๒๘
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑๑.๓
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒
หนว่ ยที่ ๑๑ เย็นศริ ะเพราะพระบริบาล เวลา ๕ ช่วั โมง
เรือ่ ง รเู้ ฟ่ืองเรือ่ งคาภาษาบาลี - สันสกฤต เวลา ๑ ชว่ั โมง
ใช้สอนวนั ท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิ
ตวั ช้วี ัด
ท ๔.๑ ม.๒/๕ รวบรวม และอธบิ ายความหมายของคาภาษาต่างประเทศท่ีใช้ในภาษาไทย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/ท้องถน่ิ
ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลักษณะ (A)
ท ๔.๑ ม.๒/๕ รวบรวม หลักสงั เกตคาทมี่ า - ฝึกสังเกตและจาแนกคา จาแนกคาทมี่ าจาก
และอธิบายความหมาย จากภาษาต่างประเทศ ท่ีมาจากภาษาต่างประเทศที่ ภาษาต่างประเทศท่ีใช้
ของคาภาษาตา่ งประเทศท่ี ทใ่ี ช้ในภาษาไทย ใชใ้ นภาษาไทย ในภาษาไทย
ใช้ในภาษาไทย ไดถ้ ูกต้องตาม
หลกั เกณฑ์
สาระสาคัญ
ภาษาไทยเป็นภาษาประจาชาตไิ ทย เพื่อใช้ในการสอ่ื สารของคนไทย แต่การสื่อสารของคนไทยยังมี
การนาคาจากต่างประเทศมาใช้อยู่เป็นจานวนมาก
สาระการเรยี นรู้
- คายมื ภาษาบาลี สันสกฤต
๖๒๙
กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑. ครเู ขยี นคาประพันธบ์ นกระดานดา แลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั หาวา่ คาใดเป็นคาทีจ่ าก
ภาษาตา่ งประเทศบ้าง
๒. ครแู จกบัตรความรู้ เรอ่ื ง “หลกั การสังเกตคาภาษาบาลี และสนั สกฤตในภาษาไทย” ให้
นักเรียนศึกษา พร้อมครอู ธิบายประกอบ
๓. ครูซักถามนักเรยี นเรือ่ ง หลักการสังเกตคาภาษาบาลี และสันสกฤตในภาษาไทย ใหน้ กั เรยี น
ตอบปากเปล่าเพ่ือเปน็ การทบทวน
๔. ให้นักเรียนจับคู่คดิ แลว้ ผลัดกนั ทายคาที่ยกมา วา่ มาจากภาษาอะไร (ภาษาบาลี หรอื
สนั สกฤต) โดยให้นาคาในเพลงสรรเสรญิ พระบารมี มาทายกนั ถ้าไม่แน่ใจเปน็ คาทม่ี าจากภาษาอะไร ให้
สอบถามครู
๕. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรุปเรอื่ ง หลกั การสงั เกตคาภาษาบาลี และสนั สกฤต แล้วใหน้ กั เรยี น
ทาแบบทดสอบ เรอื่ ง คาภาษาบาลีและสนั สกฤตในภาษาไทย นอกจากนี้ครูยังสรุปถึงพฤติกรรมความ
พอเพยี งทีน่ ักเรียนได้จาการเรียนในชว่ั โมงน้ี เพือ่ ให้นกั เรียนเกดิ ความตระหนัก เห็นคุณค่าและนาไปปฏบิ ัติใน
ชวี ิตประจาวนั
ส่อื / แหล่งเรียนรู้
ลาดับที่ รายการสอื่ กิจกรรมทใ่ี ช้ แหลง่ ทีไ่ ดม้ า
๑ เพ่มิ เติมความชดั เจนในเนื้อหา ครจู ดั เตรยี ม
๒ บัตรความรู้ นักเรียนทาบัตรกจิ กรรม ครูจัดทา
๓ บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรยี นดภู าพและฝึกอา่ น ครูจดั หา
หนงั สอื เรียน ชุด ววิ ิธภาษา
๔ ช้ัน ม. ๒ ตรวจสอบ ครูจดั ทา
เฉลยบัตรกิจกรรมการเรียนรู้
๕ แบบประเมินการสงั เกต บนั ทึกการสงั เกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
พฤติกรรม
๖๓๐
การวัดผลและประเมินผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ใน วธิ กี ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมนิ การประเมนิ
๑. นักเรียนนาเสนอ
๒. นกั เรยี นทาบตั รกจิ กรรม แบบประเมินรายกลุม่ สังเกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
การเรยี นรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ พฤติกรรม และแบบ
ผลงานระหว่างเรยี น
ประเมินผลงาน
แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหว่างเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………………………………………
๖๓๑
บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรียนร้ตู ามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นักเรียนทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ปรบั ปรุง – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
.......................................................................................... ....................................................................................
๔. การปรบั ปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
...................................................................................................................................... ........................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกลุ )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๖๓๒
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๖๓๓
บตั รความรู้
เร่ือง การสังเกตคาบาลี และสันสกฤตในภาษาไทย
คาทีม่ าจากภาษาบาลี และสันสกฤตมีลักษณะทีแ่ ตกต่างกันหลายประการซึ่งจะสังเกตไดด้ งั นี้
๑. คาท่มี าจากภาษาบาลี และสันสกฤตมีลักษณะทแ่ี ตกต่างกันอย่างไรบ้าง
(คาท่ีมาจากภาษาบาลี และสันสกฤตมีลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกันหลายประการดังนี้
๑). สระ ภาษาบาลใี ชส้ ระ ๘ เสยี ง คอื อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ภาษา
สนั สกฤตใชส้ ระ ๑๔ เสยี ง คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ไอ เอา ฤ
ฤา ฦ ฦา สาหรบั ฦ ฦา ไมม่ ีทใ่ี ช้ในภาษาไทย คาท่มี าจากภาษาอื่นทใี่ ช้สระ ไอ เอา
ฤ ฤา สว่ นมากเป็นคามาจากภาษาสนั สกฤต เชน่ ไกลาส ไปรษณยี ์ ไพฑรู ย์ ไมตรี ไศล
ไอราวัณ ไอศวรรย์ เมาลี เสาร์ เสาวรภย์ (กลนิ่ หอม) เอารส (ลูก) ฤกษ์ ฤดู ฤทธิ์
ฤษี ฤาษี
๒). พยัญชนะ ภาษาบาลีใช้ ๓๓ เสยี ง ภาษาสนั สกฤตใช้พยัญชนะ ๓๕ เสยี ง
พยัญชนะท่ีภาษาสนั สกฤตใช้เพม่ิ จากพยญั ชนะบาลี คอื ศ ษ คาที่ใช้ ศ ษ สว่ นมากมาจาก
ภาษาสันสกฤต เชน่ ศต ศร ศรทั ธา ศรี เกศ พศิ วาส พษิ พิเศษ ประดษิ ฐ์ เศรษฐี
อธิฐาน
๓). พยัญชนะควบกลา้ ภาษาบาลีไมน่ ิยมใช้พยัญชนะควบกลา้ ภาษาสันสกฤตนยิ มใช้ พยญั ชนะ
ควบกลา้ คาท่ใี ช้พยัญชนะควบกล้าสว่ นมากมาจากภาษาสันสกฤต เชน่
คาบาลี คาสันสกฤต
กฬี า กรีฑา
กเิ ลส เกลศ
เขต (ต) เกษตร
จัก (ก) จกั ร
ติ ตรี
ปชา ประชา
สตั ตุ ศัตรู
อัสสะ อัศวะ
อกุ กาบาต อุลกาบาตร (ไทยใชอ้ ุกลาบาต อ่านว่า อกุ – กะ – ลา –
บาด)
๖๓๔
๔). พยญั ชนะ ฑ, ฬ ภาษาบาลนี ยิ มใช้ ฬ ภาษาสนั สกฤตนยิ มใช้ ฑ เช่น
คาบาลี คาสนั สกฤต
กีฬา กรฑี า
จฬุ า จฑุ า
ครุฬ ครฑุ
เวฬรุ ยิ ะ ไพฑูรย์
๕). คาทีใ่ ช้ รร สว่ นมากเป็นคามาจากภาษาสนั สกฤต คาท่ีมาจากภาษาบาลีไม่ใช้ รร คาที่ใช้
รร จึงมา จากภาษาสนั สกฤต เช่น กรรม กรรณ ครรภ์ จรรยา ดรรชนี ธรรม สุวรรณ
๖). คาทมี่ าจากภาษาบาลีมหี ลกั เกณฑ์การสะกดตวั แนน่ อนกว่าคาท่ีมาจากภาษาสนั สกฤต
พยญั ชนะบาลีสันสกฤต
แถวท่ี ๑ แ ถวที่ ๒ แถวท่ี ๓ แถวท่ี ๔ แถวท่ี ๕
ง
วรรคกะ กข คฆ ญ
วรรคจะ ณ
วรรคฏะ จฉ ชฌ น
วรรคตะ ม
วรรคปะ ฏฐ ฑฒ
เศษวรรค
ตถ ทธ
ปผ พภ
ย ร ล ว ( ศ ษ ) ส ห ฬ (นฤคหิต)
พยญั ชนะบาลีมี ๓๓ ตัว พยัญชนะสนั สกฤตมี ๓๕ ตวั ใช้พ้องกัน ๓๓ ตัว
พยญั ชนะสนั สกฤตที่เพ่ิมจากพยญั ชนะบาลี คือ ศ ษ
หลักเกณฑ์การใช้ตัวสะกดสาหรับคาบาลี
๗). พยัญชนะวรรคแกวทเี่ ป็นตวั สะกดได้ คือ แถวที่ ๑, ๓ และ ๕
๘). เมอื่ มตี วั สะกดจะต้องมีตัวตาม คือ
ก. พยัญชนะวรรคแถวที่ ๑ สะกด พยัญชนะวรรคแถวท่ี ๑ หรือแถวที่ ๒ จะต้องตาม เชน่
อกุ กาบาต ทุกข์ กจิ (จ) สจั จะ มจั ฉา วัฏ (ฏ) สงสาร สมุฏฐาน เมตตา วตั ถุ กัป (ป) บุปผา
ข. พยญั ชนะวรรคแถวท่ี ๓ สะกด พยญั ชนะวรรคแถวท่ี ๓ หรอื แถวท่ี ๔ จะตอ้ งตาม เชน่ อัคคี
พยัคฆ์ รัช(ช)กาล มัชฌมิ วั(ฑ)ฒนะ วุ(ฑ)ฒิ นพิ พาน ทพุ ภิกขภัย
ค. พยญั ชนะวรรคแถวที่ ๕ สะกด พยัญชนะทุกตัวในวรรคนน้ั ตามได้ เชน่ บลั ลังก์ สงั ข์ องค์
สงฆ์ เบญจะ บญั ชา กญั ญา เกณฑ์ อณั ณพ (หว้ งน้า) นิมนต์ คันถธรุ ะ นนั ท์ สุคนธ์
กินนร กมั ปนาท สมั ผสั พิมพ์ คัมภรี ์ สมมุติ
๖๓๕
ง. พยัญชนะเศษวรรคที่เป็นตวั สะกดในเม่ือตัวเองตาม คอื ย ล ส เชน่ อัยยิกา วัลลภ
อสั สาสะ
หลักเกณฑ์การใชต้ ัวสะกดสาหรับคาสนั สกฤต
การใช้ตวั สะกดสาหรับคาสนั สกฤตไม่มีหลักเกณฑ์แน่นอนอย่างคาบาลีเฉพาะบางคาเทา่ นน้ั ท่ีใช้
หลักเกณฑอ์ ยา่ งคาบาลี คาสว่ นมากใช้พยัญชนะตัวสะกดตวั ตามอย่างใดก็ได้ บางคาใชต้ วั สะกดโดยไม่ต้องมี
ตวั ตามก็ได้
คาท่ใี ช้ตัวสะกดอย่างคาบาลี เช่น บรรยงก์ (ทีน่ ่งั ) ศานติ สมตุ ถาน ฤทธ์ิ ศทุ ธิ
คาทใี่ ชต้ วั สะกดตัวตามได้ตา่ ง ๆ เช่น รกั ษา อัคนี (ไฟ) อาชญา สตั ย์ มตั สยา มติ ร สมทุ ร
ปราโมทย์ มัธยม กนั ยา ลัพธ์
คาทม่ี ีตัวสะกดโดยไมม่ ีตวั ตาม เชน่ กรนิ หัสดิน ปักษิน พนสั มนสั
๕. จงยกตัวอย่างคาท่ีไทยรบั มาเทียบกบั คาภาษาบาลี และภาษาสนั สกฤตมาให้ดู
คาบาลี คาสนั สกฤต คาท่ไี ทยใช้
กริ ิยา กรฺ ยิ า กิรยิ า, กริยา
กฬี า กรฺ ฑี า กีฬา, กรีฑา
กตฺตกิ า กฤฺ ตตฺ กิ า กัตติกา, กฤติกา
กณหฺ กฤฺ ษณฺ กัณหะ, กัณหา, กฤษณะ, กฤษณา
กญฺญา กนยฺ า กญั ญา, กนั ยา
กปฺป กลปฺ กัป, กลั ป์
กมมฺ กรมฺ กัม, กรรม
การญุ ฺญ การุณยฺ การุญ, การุณย์
คาบาลี คาสนั สกฤต คาทไี่ ทยใช้
เกส เกศ เกศ , เกศา
ขณ กฺษณ ขณะ
ขนธฺ สกนฺธ ขันธ์, สกนธ์
ขรี กษฺ ีร กษรี ะ, กษริ ะ, เกษียร
เขตตฺ เกษตฺร เขต, เกษตร
เขม เกษม เขมะ, เกษม
คพฺภ ครฺภ คพั ภ,์ ครรภ์
จกฺก จกฺร จักร
จรยิ า จรฺยา จรยิ า , จรรยา
จกขฺ ุ จกั ษฺ ุ จักษุ
จนฺท จนฺทร ๖๓๖
จุฬา จฑุ า
จณุ ฺณ จูรฺณ จันท,์ จันทร์
ฐาปนา สฺถาปนา จุฬา, จุฑา
ฐติ สถฺ ติ จณุ , จุรณ
ดชชฺ นี ตรชฺ นี ฐาปนา, สถาปนา
ตณฺหา ตฤฺ ษณา สถิต
ตณิ ตฤฺ ณ ดชั น,ี ดรรชนี
ถาวร สฺถาวร ตณั หา
ทสฺสน ทรฺศน ตฤณ
ถริ สฺถิร ถาวร, สถาวร, สถาพร
ทิฏฐิ ทฤฺ ษฎิ ทัศน,์ ทศั นะ, ทรรศน,์ ทรรศนะ
ทกขฺ ณิ ทกษฺ ิณ เสถียร
ทฆี ทีรฆ ทิฐิ, ทฤษฎี
ธมมฺ ธรมฺ ทักษณิ
ทฆี ะ
ธมั มะ , ธรรม, ธรรม์
๖๓๗
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
จงพิจารณาคาตอ่ ไปนว้ี ่าเปน็ คาบาลีหรอื สันสกฤต
อมฤต ฌาน อิตถี ปัญหา คุรุ
กรณีย์ คเณศ ศานติ ขตั ติยะ โชดึก
ตฤณ สดุดี จุติ ศทู ร คณั ฑมาลา
อาวธุ กีรติ สกนธ์ สรรพ มชั ฌิม
คาบาลี คาสันสกฤต
๖๓๘
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
จงพจิ ารณาคาตอ่ ไปน้ีวา่ เปน็ คาบาลหี รือสนั สกฤต
อมฤต ฌาน อิตถี ปัญหา คุรุ
กรณีย์ คเณศ ศานติ ขตั ติยะ โชดึก
ตฤณ สดุดี จุติ ศทู ร คณั ฑมาลา
อาวธุ กีรติ สกนธ์ สรรพ มชั ฌิม
คาบาลี คาสันสกฤต
กรณีย์ คเณศ
ขตั ติยะ คณั ฑมาลา
โชดึก อมฤต
สรรพ ตฤณ
ฌาน ศานติ
จุติ ศูทร
อิตถี คุรุ
อาวธุ สกนธ์
ปัญหา สดุดี
มชั ฌิม กีรติ
๖๓๙
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๑.๔
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
หนว่ ยที่ ๑๑ เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล เวลา ๕ ชว่ั โมง
เร่ือง ร้เู ฟ่ืองเร่ืองคาภาษาบาลี สนั สกฤต เวลา ๑ ช่ัวโมง
ใช้สอนวนั ท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติ
ตวั ช้วี ัด
ท ๔.๑ ม.๒/๕ รวบรวม และอธบิ ายความหมายของคาภาษาตา่ งประเทศท่ีใช้ในภาษาไทย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/ท้องถิ่น
ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ท ๔.๑ ม.๒/๕ รวบรวม หลักสงั เกตคาทมี่ า - ฝึกสงั เกตและจาแนกคา จาแนกคาที่มาจาก
และอธิบายความหมาย จากภาษาต่างประเทศ ท่มี าจากภาษาตา่ งประเทศท่ี ภาษาต่างประเทศที่ใช้
ของคาภาษาต่างประเทศท่ี ท่ีใชใ้ นภาษาไทย ใช้ในภาษาไทย ในภาษาไทย
ใชใ้ นภาษาไทย ได้ถูกตอ้ งตาม
หลักเกณฑ์
สาระสาคัญ
ภาษาไทยเปน็ ภาษาประจาชาติไทย เพ่ือใช้ในการสอ่ื สารของคนไทย แต่การสือ่ สารของคนไทยยงั มี
การนาคาจากต่างประเทศมาใชอ้ ยเู่ ปน็ จานวนมาก
๖๔๐
สาระการเรยี นรู้
- คายมื ภาษาบาลี สันสกฤต
กระบวนการจัดการเรยี นรู้
๑. ครแู ละนกั เรยี นสนทนาซักถามและทบทวนบทเรียนชว่ั โมงทผี่ า่ นมา
๒. ครเู ขียนนาบัตรคา แล้วให้นักเรียนชว่ ยกันทายวา่ มาจากภาษาตา่ งประเทศอะไรบ้าง
๓. แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลมุ่ ๓ กลมุ่ (สมาชิกกลมุ่ ตามความเหมาะสม) โดยให้แต่ละกลมุ่
ศึกษาความรู้ การยืมคาในภาษาบาลีและสนั สกฤต ดังนี้
กลมุ่ ที่ ๑ ความสาคญั ของการยืมคาในภาษาบาลีและสนั สกฤต
กลุ่มท่ี ๒ การยืมคาในภาษาบาลี
กลุ่มที่ ๓ การยมื คาในภาษาสันสกฤต
โดยให้นักเรยี นศกึ ษาจากหนังสือเรยี นภาษาไทย ชุดววิ ิธภาษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ หน้า ๑๖๗–
๑๗๐ โดยศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ ทาความเขา้ ใจ จากน้นั สมาชกิ ในกล่มุ อภิปรายสรปุ ใจความสาคญั เป็นองก์
ความรรู้ ว่ มกัน
๔. นกั เรยี นตัวแทนกลุม่ นาเสนอรายงานหนา้ ชน้ั เรยี น
๕. นักเรียนในช้ันช่วยกันวิเคราะห์วิจารณ์ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ โดยครูเติมเต็มในสว่ นท่ขี าด
๖. ครแู ละนักเรียนช่วยกนั สรุปเร่ือง หลักการสังเกตคาภาษาบาลี และสันสกฤต แล้วให้นกั เรยี น
ทาแบบทดสอบ เรอ่ื ง คาภาษาบาลีและสนั สกฤตในภาษาไทย
สื่อ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดบั ที่ รายการสอื่ กจิ กรรมทีใ่ ช้ แหลง่ ทไี่ ดม้ า
๑ บตั รความรู้ และบตั รคา เพมิ่ เติมความชัดเจนในเนื้อหา ครจู ดั เตรียม
๒ นักเรียนทาบัตรกจิ กรรม ครูจัดทา
๓ บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นดูภาพและฝกึ อา่ น ครจู ัดหา
๔ หนังสอื เรียน ชุด วรรณคดี ตรวจสอบ ครจู ัดทา
วิจกั ษ์ ชั้น ม. ๒
เฉลยบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
๕ แบบประเมินการสังเกต บนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
พฤติกรรม
๖๔๑
การวัดผลและประเมินผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ใน วธิ กี ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมนิ การประเมนิ
๑. นักเรียนนาเสนอ
แบบประเมินรายกลุม่ สังเกตรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๒. นกั เรยี นทาบตั รกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
พฤติกรรม และแบบ
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรยี น ประเมินผลงาน
แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
ผลงานระหว่างเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………………………………………
๖๔๒
บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรียนร้ตู ามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นักเรียนทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ปรบั ปรุง – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
.......................................................................................... ....................................................................................
๔. การปรบั ปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
...................................................................................................................................... ........................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกลุ )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๖๔๓
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๖๔๔
บตั รความรู้
เรือ่ ง การสงั เกตคาบาลี และสนั สกฤตในภาษาไทย
คาที่มาจากภาษาบาลี และสันสกฤตมีลกั ษณะที่แตกต่างกันหลายประการซึ่งจะสงั เกตไดด้ ังนี้
๒. คาทม่ี าจากภาษาบาลี และสันสกฤตมีลักษณะทแี่ ตกต่างกันอยา่ งไรบ้าง
(คาที่มาจากภาษาบาลี และสันสกฤตมลี ักษณะที่แตกตา่ งกันหลายประการดงั นี้
๑). สระ ภาษาบาลใี ชส้ ระ ๘ เสียง คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ภาษา
สนั สกฤตใชส้ ระ ๑๔ เสยี ง คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ไอ เอา ฤ
ฤา ฦ ฦา สาหรบั ฦ ฦา ไมม่ ีที่ใช้ในภาษาไทย คาทม่ี าจากภาษาอ่ืนทใ่ี ชส้ ระ ไอ เอา
ฤ ฤา ส่วนมากเปน็ คามาจากภาษา สนั สกฤต เชน่ ไกลาส ไปรษณีย์ ไพฑูรย์ ไมตรี ไศล
ไอราวัณ ไอศวรรย์ เมาลี เสาร์ เสาวรภย์ (กล่นิ หอม) เอารส (ลูก) ฤกษ์ ฤดู ฤทธ์ิ
ฤษี ฤาษี
๒). พยัญชนะ ภาษาบาลีใช้ ๓๓ เสยี ง ภาษาสันสกฤตใช้พยัญชนะ ๓๕ เสียง
พยญั ชนะที่ภาษาสันสกฤตใช้เพิม่ จากพยัญชนะบาลี คอื ศ ษ คาทใี่ ช้ ศ ษ ส่วนมากมาจาก
ภาษาสันสกฤต เชน่ ศต ศร ศรัทธา ศรี เกศ พศิ วาส พษิ พิเศษ ประดษิ ฐ์ เศรษฐี
อธิฐาน
๓). พยญั ชนะควบกล้า ภาษาบาลีไมน่ ิยมใชพ้ ยัญชนะควบกลา้ ภาษาสนั สกฤตนยิ มใช้ พยญั ชนะ
ควบกลา้ คาที่ใช้พยัญชนะควบกล้าส่วนมากมาจากภาษาสันสกฤต เช่น
คาบาลี คาสันสกฤต
กีฬา กรฑี า
กเิ ลส เกลศ
เขต (ต) เกษตร
จกั (ก) จกั ร
ติ ตรี
ปชา ประชา
สตั ตุ ศตั รู
อสั สะ อศั วะ
อุกกาบาต อลุ กาบาตร (ไทยใชอ้ ุกลาบาต อ่านวา่ อุก – กะ – ลา –
บาด)
๔). พยญั ชนะ ฑ, ฬ ภาษาบาลีนิยมใช้ ฬ ภาษาสนั สกฤตนยิ มใช้ ฑ เช่น ๖๔๕
คาบาลี คาสันสกฤต ธรรม
กีฬา กรีฑา
จฬุ า จฑุ า
ครุฬ ครุฑ
เวฬรุ ิยะ ไพฑรู ย์
๕). คาทใ่ี ช้ รร สว่ นมากเป็นคามาจากภาษาสันสกฤต คาที่มาจากภาษาบาลีไม่ใช้ รร
คาที่ใช้ รร จงึ มา จากภาษาสันสกฤต เชน่ กรรม กรรณ ครรภ์ จรรยา ดรรชนี
สุวรรณ
๖). คาที่มาจากภาษาบาลมี หี ลักเกณฑ์การสะกดตัวแนน่ อนกว่าคาทมี่ าจากภาษาสันสกฤต
พยญั ชนะบาลีสนั สกฤต แถวท่ี ๔ แถวท่ี ๕
แถวที่ ๑ แ ถวท่ี ๒ แถวที่ ๓
ง
แถวท่ี ๑ กข ค ฆ ญ
วรรคกะ ฌ ณ
วรรคจะ จฉ ช ฒ น
วรรคฏะ ธ ม
วรรคตะ ฏฐ ฑ ภ
วรรคปะ
เศษวรรค ตถ ท
ปผ พ
ย ร ล ว ( ศ ษ) ส ห ฬ (นฤคหติ )
พยญั ชนะบาลมี ี ๓๓ ตวั พยัญชนะสันสกฤตมี ๓๕ ตวั ใช้พอ้ งกนั ๓๓ ตวั
พยัญชนะสันสกฤตทเี่ พม่ิ จากพยัญชนะบาลี คือ ศ ษ
หลกั เกณฑก์ ารใชต้ ัวสะกดสาหรับคาบาลี
๗). พยญั ชนะวรรคแกวที่เป็นตวั สะกดได้ คือ แถวที่ ๑, ๓ และ ๕
๘). เมื่อมีตัวสะกดจะต้องมีตัวตาม คือ
ก. พยัญชนะวรรคแถวท่ี ๑ สะกด พยญั ชนะวรรคแถวท่ี ๑ หรือแถวท่ี ๒ จะต้องตาม เชน่
อุกกาบาต ทุกข์ กิจ (จ) สัจจะ มัจฉา วฏั (ฏ) สงสาร สมุฏฐาน เมตตา วัตถุ กปั (ป) บปุ ผา
ข. พยญั ชนะวรรคแถวท่ี ๓ สะกด พยัญชนะวรรคแถวที่ ๓ หรือแถวที่ ๔ จะต้องตาม เชน่ อคั คี
พยคั ฆ์ รชั (ช)กาล มชั ฌิม ว(ั ฑ)ฒนะ ว(ุ ฑ)ฒิ นิพพาน ทุพภกิ ขภยั
๖๔๖
ค. พยัญชนะวรรคแถวที่ ๕ สะกด พยญั ชนะทุกตวั ในวรรคน้ันตามได้ เชน่ บัลลงั ก์ สงั ข์ องค์
สงฆ์ เบญจะ บญั ชา กัญญา เกณฑ์ อัณณพ (หว้ งน้า) นิมนต์ คันถธุระ นนั ท์ สคุ นธ์
กินนร กมั ปนาท สัมผสั พิมพ์ คัมภรี ์ สมมุติ
ง. พยัญชนะเศษวรรคท่เี ปน็ ตวั สะกดในเม่ือตัวเองตาม คือ ย ล ส เชน่ อยั ยกิ า วลั ลภ
อัสสาสะ
หลักเกณฑ์การใชต้ ัวสะกดสาหรับคาสนั สกฤต
การใช้ตัวสะกดสาหรับคาสันสกฤตไม่มีหลักเกณฑแ์ น่นอนอย่างคาบาลีเฉพาะบางคาเท่านน้ั ท่ใี ช้
หลกั เกณฑอ์ ยา่ งคาบาลี คาส่วนมากใช้พยัญชนะตัวสะกดตวั ตามอยา่ งใดก็ได้ บางคาใช้ตวั สะกดโดยไม่ตอ้ งมี
ตวั ตามกไ็ ด้
คาทใ่ี ช้ตัวสะกดอย่างคาบาลี เชน่ บรรยงก์ (ทน่ี ัง่ ) ศานติ สมตุ ถาน ฤทธิ์ ศุทธิ
คาทใี่ ช้ตวั สะกดตัวตามได้ต่าง ๆ เช่น รกั ษา อัคนี (ไฟ) อาชญา สตั ย์ มัตสยา มิตร สมุทร
ปราโมทย์ มธั ยม กันยา ลพั ธ์
คาทีม่ ตี ัวสะกดโดยไม่มีตัวตาม เช่น กรนิ หสั ดนิ ปกั ษิน พนัส มนสั
๕. จงยกตวั อย่างคาท่ีไทยรบั มาเทยี บกับคาภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตมาใหด้ ู
คาบาลี คาสันสกฤต คาทไี่ ทยใช้
กิริยา กฺรยิ า กิรยิ า, กริยา
กฬี า กรฺ ีฑา กีฬา, กรฑี า
กตฺติกา กฤฺ ตฺติกา กัตติกา, กฤตกิ า
กณหฺ กฺฤษฺณ กณั หะ, กัณหา, กฤษณะ, กฤษณา
กญญฺ า กนฺยา กญั ญา, กนั ยา
กปปฺ กลฺป กัป, กลั ป์
กมมฺ กรฺม กัม, กรรม
การุญฺญ การณุ ยฺ การุญ, การณุ ย์
คาบาลี คาสันสกฤต คาที่ไทยใช้
เกส เกศ เกศ , เกศา
ขณ กฺษณ ขณะ
ขนธฺ สกนธฺ ขันธ,์ สกนธ์
ขีร กฺษรี กษีระ, กษิระ, เกษยี ร
เขตตฺ เกษตฺร เขต, เกษตร
เขม เกษม เขมะ, เกษม
๖๔๗
คพภฺ ครภฺ คัพภ์, ครรภ์
จกกฺ จกฺร จกั ร
จรยิ า จรยฺ า จริยา , จรรยา
จกขฺ ุ จกั ษฺ ุ จกั ษุ
จนทฺ จนฺทร จนั ท,์ จันทร์
จุฬา จฑุ า จฬุ า, จฑุ า
จณุ ฺณ จรู ฺณ จณุ , จุรณ
ฐาปนา สถฺ าปนา ฐาปนา, สถาปนา
ฐติ สถฺ ติ สถิต
ดชชฺ นี ตรฺชนี ดชั น,ี ดรรชนี
ตณฺหา ตฺฤษณา ตัณหา
ตณิ ตฺฤณ ตฤณ
ถาวร สฺถาวร ถาวร, สถาวร, สถาพร
ทสสฺ น ทรฺศน ทศั น์, ทัศนะ, ทรรศน์,
ทรรศนะ
ถริ สถฺ ิร เสถียร
ทฏิ ฐิ ทฤฺ ษฎิ ทฐิ ,ิ ทฤษฎี
ทกฺขณิ ทกฺษิณ ทกั ษณิ
ทีฆ ทีรฆ ทฆี ะ
ธมฺม ธรมฺ ธัมมะ , ธรรม, ธรรม์