๑๙๘
ส่ือ / แหล่งเรียนรู้
ลาดับท่ี รายการสอ่ื กจิ กรรมท่ีใช้ แหล่งท่ีได้มา
๑ รปู ภาพสานวน ภาษิต เพ่ิมเติมความชัดเจนในเน้ือหา ครูจดั เตรียม
นักเรียนทาบตั รกิจกรรม ครูจัดทา
๒ บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนดภู าพและฝึกอา่ น ครจู ัดหา
๓ หนงั สือเรยี น ชุด ววิ ิธภาษา
ชั้น ม. ๒
๔ เฉลยบตั รกิจกรรม ตรวจสอบแบบทดสอบ ครจู ดั ทา
ตรวจสอบบัตรกจิ กรรม ครูจดั ทา
๕ แบบประเมนิ การสังเกต บนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤติกรรมที่ เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ น วิธีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมนิ
๒. นักเรียนตอบคาถาม การประเมนิ
๓. นักเรียนทาบตั รกิจกรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมนิ รายกลมุ่ สงั เกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๔. ประเมินพฤติกรรมและ แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
พฤติกรรม และแบบ
ประเมินผลงาน
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
..............................................................................................................................................................................
๑๙๙
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรู้ตามผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวัง
นักเรยี นทั้งหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับปรบั ปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งเรียน
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
.......................................................................................................................................... ..............
.................................................................................................................... ..........................................................
๔. การปรบั ปรุงแกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. .................................................
๕. ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชิตกุล )
ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๒๐๐
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................
ลงชือ่ .................................................ผูต้ รวจสอบ
( ................................................. )
ผอู้ านวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศกึ ษา
๒๐๑
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ใหน้ กั เรยี นทากิจกรรม “เตมิ คายา้ ความหมาย” เติมคาพงั เพยทก่ี าหนดใหส้ มบรู ณ์พร้อมหาความหมาย
คาพงั เพย ความหมาย
๑. เกวยี น เกวยี น …………………………………………………
๒. มีหู มีช่อง …………………………………………………
๓. บำตรอยำ่ พระ …………………………………………………
๔. ใหญ่ กลบ …………………………………………………
๕. ถี่ลอดตำ ..........ห่ำงลอดตำ ...... …………………………………………………
๖. กระเบ้ือง …………………………………………………
๗. ผลี ุก .......ผนี ง่ั …………………………………………………
๘. หินดี............ พกนุ่น …………………………………………………
๙. ......... เลือด ปู …………………………………………………
๑๐. แปลงสำร …………………………………………………
๑๑. ขนม ดว้ ยปำก …………………………………………………
๑๒. เน้ือชอบ ......... ยำ …………………………………………………
๑๓. สอนหนงั สือ …………………………………………………
๑๔. เอำ ......... ไปตก................. …………………………………………………
๑๕. ............. ห่อหมก …………………………………………………
๒๐๒
๒. ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั ทากิจกรรม “เพอ่ื นรักของฉนั ” โดยต่างพจิ ารณาคุณลักษณะทีด่ ีของเพ่ือนวา่
ใกลเ้ คยี งกบั สานวนใด ๓ สานวน พรอ้ มเหตุผลสั้นๆ นารูปภาพเพ่ือนมาตกแต่งใหส้ วยงาม
เพอ่ื นรักของฉนั ช่ือ...........................................
.................................. ..................................
................................................ ................................................
................................................ ................................................
............................... ...............................
...............................................
...............................................
...............................................
....................
๒๐๓
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรม “เตมิ คาย้าความหมาย” เติมคาพังเพยที่กาหนดให้สมบรู ณ์พรอ้ มหาความหมาย
คาพงั เพย ความหมาย
๑. กง เกวยี น กำ เกวยี น
๒. กำแพง มีหู ประตู มีช่อง ทำอะไรไวย้ อ่ มไดร้ ับผลกรรมน้นั ตอบสนอง
กำรระมดั ระวงั ในสิ่งท่ีพดู หรือกระทำ แมจ้ ะเป็ น
๓. ตกั บำตรอยำ่ ถำม พระ ควำมลบั เพียงใด กอ็ ำจจะมีคนล่วงรู้ได้
จะใหอ้ ะไรแก่ผทู้ ี่เตม็ ใจรับอยแู่ ลว้ ไม่ควรถำมวำ่
๔. เต่ำ ใหญ่ ไข่ กลบ จะรับหรือไม่รับ
ผใู้ หญท่ ำอะไรเป็นพิรุธ แลว้ พยำยำมกลเกล่ือน
๕. ถ่ีลอดตำ ชำ้ ง ห่ำงลอดตำ เลน็ ไมใ่ หผ้ อู้ ่ืนรู้
ทำอะไร ดูเหมือนวำ่ ถ่ีถว้ น แตค่ วำมจริง ไม่
๖. ทองรู่ กระเบ้ือง รอบคอบถ่ีถว้ น
๗. ปล้ำ ผลี ุก ปลุก ผนี งั่ ลกั ษณะที่ไมค่ ูค่ วร
๘. พก หินดี กวำ่ พกนุ่น พยำยำมสร้ำงเร่ืองข้ึน
๙. รีด เลือด กบั ปู เป็นคนใจคอหนกั แน่นดีกวำ่ เป็นคนใจเบำ
๑๐. ฤำษี แปลงสำร ขดู รีดเอำทรัพยส์ ินจำกผทู้ ่ียำกจน
๑๑. ละเลง ขนม เบ้ือง ดว้ ยปำก
๑๒. ลำง เน้ือชอบ ..ลำง..... ยำ แกเ้ รื่องร้ำยใหก้ ลำยเป็นดี
๑๓. สอนหนงั สือ สังฆรำช ดีแตพ่ ดู พดู ไดแ้ ต่ทำไม่ได้
๑๔. เอำ กงุ้ ฝอย ไปตก ปลำกะพง
๑๕. เออออ ห่อหมก ของส่ิงเดียวกนั คนหน่ึงชอบแตอ่ ีกคนไม่ชอบ
ต่ำงคนตำ่ งชอบไมเ่ หมือนกนั
สอนสิ่งท่ีเขำรู้ดีอยแู่ ลว้
ลงทุนนอ้ ยแต่หวงั ผลกำไรมำก
เห็นดีเห็นงำมดว้ ย
๒๐๔
๒. ให้นกั เรียนจบั ค่กู ันทากิจกรรม “เพอื่ นรักของฉนั ” โดยต่างพจิ ารณาคุณลกั ษณะท่ดี ีของเพื่อนวา่
ใกลเ้ คียงกบั สานวนใด ๓ สานวน พร้อมเหตุผลสั้นๆ นารูปภาพเพื่อนมาตกแต่งให้สวยงาม
เพื่อนรักของฉนั ช่ือ...........................................
“น้ำขนุ่ ไวใ้ น น้ำใสไวน้ อก” “ใจดีเป็นแม่พระ ”
เพรำะเวลำโกรธหรือไม่พอใจ เพ่ือนคนน้ีใจดีมำกๆ ใครมำ
ก็จะเก็บไวใ้ นใจไม่แสดงออก ขอควำมช่วยเหลือก็ช่วยเหลือ
ทำงสี หน้ำ ทำใ ห้ไม่ต้อง มีน้ำใจตอ่ ผอู้ ่ืน
ทะเลำะกนั บอ่ ยๆ
“วำ่ นอนสอนง่ำย”
เพรำะเป็ นเด็กท่ีเช่ือฟังอยู่ใน
โอวำทของคุณพ่อคุณแม่และ
คุณครู
๒๐๕
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๔.๔
กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒
หน่วยที่ ๔ เขา้ เมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เวลา ๕ ช่วั โมง
เร่ือง ร้เู ฟ่ืองเร่ืองคาประพันธก์ ับสานวนไทย เวลา ๑ ชว่ั โมง
ใชส้ อนวันท่ี ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิด เพื่อนาไปใชต้ ดั สินใจแก้ปญั หา
มาตรฐานที่ ท ๔.๑ ในการดาเนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรักการอา่ น
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ตัวช้วี ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ และข้อโต้แยง้ เกยี่ วกบั เรื่องทีอ่ ่าน
ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคาในภาษาไทย
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทร้อยกรอง
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
ตัวชี้วัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง/ท้องถน่ิ
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภปิ ราย ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
แสดงความคดิ เห็นและขอ้
โต้แยง้ เก่ียวกบั เรื่องท่ีอ่าน - นยิ ามหลักการ - ฝกึ อภปิ รายแสดงความ - มมี ารยาทในการ
ท ๔.๑ ม.๒/๑ สรา้ งคา อภิปรายแสดงความ คิดเห็นและ อภปิ รายและแสดง
ในภาษาไทย
คดิ เหน็ และขอ้ โตแ้ ยง้ ขอ้ โต้แยง้ ความคดิ เห็น
ขอ้ โตแ้ ย้ง
-หลักการสรา้ ง คาซา้ - ศกึ ษาเรื่อง หลักการสร้าง - รู้ เขา้ ใจการสร้าง
คาซอ้ น คาซ้า คาซ้อนคาสมาสและ คาสมาสและคาสนธิ
-หลกั การสรา้ ง สนธิ - จาแนกคาสมาสและ
คาสมาสและคาสนธิ - ฝึกหลกั การสร้างคาคาซา้ คาสนธิ
คาซ้อนสมาสและคาสนธิ ได้ถูกตอ้ ง
- ฝกึ วิเคราะห์การสร้างคาซ้า
คาซอ้ นคาสมาสและคาสนธิ
ท ๔.๑ ม.๒/๓ การแตง่ กลอนสภุ าพ ฝกึ แตง่ กลอนสภุ าพ ๒๐๖
แต่งบทร้อยกรอง การแตง่ โคลงสี่สภุ าพ ฝึกแตง่ โคลงสี่สุภาพ
- แตง่ กลอนสุภาพ
-แต่งโคลงส่ีสุภาพ
ไดถ้ ูกต้องตาม
ฉันทลกั ษณ์
สาระสาคัญ
สานวนไทยเปน็ มรดกแห่งภูมิปัญหาทางภาษาของไทยที่สะทอ้ นความเป็นมาของชาติ วัฒนธรรม
ประเพณี ศาสนา การดาเนินชวี ติ ท่เี ปน็ จริงของคนไทยมาแต่โบราณ
สาระการเรียนรู้
- คาประพันธ์กบั สานวนสภุ าษิต
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครนู าภาพสานวนมาให้นักเรียนทาย และสนทนากบั นกั เรียน เร่อื ง “คาพังเพย”
จากน้ันกล่าวถึงคุณค่าทางภาษาของสานวนไทย แล้วให้นักเรียน ร่วมกันคิดว่า สานวนไทยมีคุณค่าทางภาษา
อยา่ งไร แลว้ ตอบลงในบัตรกิจกรรมการเรียนรู้
๒. ครูให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า สานวน จากหนังสือ บัตรความรู้ จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันบอก
ความหมายของสานวนต่างๆ นกั เรียนแบง่ กลุม่ ทาบัตรกิจกรรมการเรียนรู้
๓. เม่ือเสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงาน จากน้ันนาผลงานที่ได้จาก
การศึกษาคน้ คว้าทาเปน็ โครงงานภาษาไทย เรือ่ ง สานวน
๔. ครูกล่าวถึงคุณค่าทางภาษาของสานวนไทยว่า สานวนไทยใช้ภาษาท่ีงดงาม ไพเราะ กะทัดรัด มี
ความหมายลกึ ซ่งึ กนิ ใน จงึ สมควรท่ีจะช่วยกันรักษาไว้เปน็ สมบัตขิ องชาตสิ ืบไป
๕. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปผลการทากจิ กรรมของนักเรยี นแต่ ละกล่มุ และสรปุ ถงึ การทางาน
รว่ มกันของนกั เรียนว่าต้องใช้พฤติกรรมความพอเพียงดา้ นใดบา้ ง
๒๐๗
สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้
ลาดับท่ี รายการส่อื กจิ กรรมทใี่ ช้ แหลง่ ที่ไดม้ า
๑ รปู ภาพสานวน ภาษิต เพ่ิมเติมความชัดเจนในเน้ือหา ครจู ดั เตรียม
นกั เรียนทาบัตรกจิ กรรม ครจู ัดทา
๒ บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นดภู าพและฝึกอา่ น ครจู ัดหา
๓ หนงั สอื เรียน ชดุ วิวธิ ภาษา
ช้ัน ม. ๒
๔ เฉลยบตั รกจิ กรรม ตรวจสอบแบบทดสอบ ครูจดั ทา
ตรวจสอบบัตรกิจกรรม ครูจดั ทา
๕ แบบประเมินการสงั เกต บนั ทึกการสงั เกตพฤติกรรม
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ น วิธีการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
ประเมิน
๒. นกั เรยี นตอบคาถาม การประเมิน
๓. นกั เรียนทาบัตรกจิ กรรม
การเรียนรู้ แบบประเมนิ รายกลุ่ม สังเกตรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
๔. ประเมนิ พฤติกรรมและ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึน้ ไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
พฤติกรรม และแบบ
ประเมินผลงาน
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
ผลงานระหว่างเรียน
กจิ กรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
............................................................................................................................. .................................................
๒๐๘
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้ตามผลการเรียนรู้ท่คี าดหวัง
นกั เรียนทง้ั หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรบั ปรุง – คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.........................................................................................................................
๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรบั ปรงุ แก้ไข
....................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ
.............................................................................................................................. ..........................
......................................................................................................... ...........................................
ลงชอื่ ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชติ กลุ )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๒๐๙
ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...........................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )
ผอู้ านวยการโรงเรียนโคกโพธ์ิไชยศึกษา
๒๑๐
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๑
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนทากจิ กรรม “สานวนไทยคาประพนั ธ์” อ่านคาประพันธ์ที่กาหนดให้ แลว้ ตอบตรงกบั
สานวนใด
ภุมรินบินเคลำ้ แมเ้ จำ้ ของ ไม่ปกป้ องดอกดวงจะร่วงหมด
อนั น้ำตำลหวำนวำงไวใ้ กลม้ ด มดจะอดไดห้ รือนอ้ งตรึกตรองดู
(พระอภยั มณี : สุนทรภู่)
โบรำณทำ่ นสมมุติมนุษยน์ ้ี
ยำกแลว้ มีใหม่สำเร็จถึงเจด็ หน
ท่ีทุกขโ์ ศกโรคร้อนคอ่ ยผอ่ นปรน
คงจะพน้ โทษทณั ฑไ์ มบ่ รรลยั
(เสภำขนุ ชำ้ งขนุ แผน)
อปุ มำเหมือนงำระคนถว่ั
ประดงั ไปใส่คว่ั กระเบ้ืองนนั่
งำร้อนหรือจะผอ่ นใหถ้ วั่ ทนั
พอถวั่ สุกก็จะอนั ตรำยงำ
(เสภำขนุ ชำ้ งขนุ แผน)
๒๑๑
กระแสชลวนเชี่ยวเรือเล้ียวลด
ดูคอ้ มคดขอบคุง้ คงคำไหล
แตส่ ำชลเจียวยงั วนเป็ นวงไป
น่ีหรือใจที่จะตรงอยำ่ สงกำ
(นิรำศเมืองแกลง : สุนทรภู่)
อยำ่ คบคนหมู่ร้ำย ทรชน
คบแต่บณั ฑิตคน ปรำชญแ์ ปล้
วนั คืนรวดเร็วดล บุญเร่ง ทำนำ
เห็นอนิจน้นั แล้ ล่วงพน้ สงสำร
(โคลงโลกนิติ : กรมพระยำเดชำดิศร)
...........................................................................
๒๑๒
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๒
๑. คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มอ่านคาประพนั ธใ์ นหนงั สือเรยี น หน้า ๑๒๘ แลว้ ชว่ ยกันวิเคราะห์
วา่ มคี วามใกล้เคยี งกบั สานวนใด
............................................................................................................................. ..........
................................................................................................................ .......................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
............................................................................................................................. ..........
................................................................................................................ .......................
๒. คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มอ่านสถานการณ์ในหนา้ ๑๒๙ แลว้ ชว่ ยกันวเิ คราะห์ว่ามีความ
ใกลเ้ คยี งกบั สานวนใด
................................................................................................................. ......................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
๒๑๓
แนวเฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรม “สานวนไทยคาประพันธ์” อ่านคาประพันธท์ ี่กาหนดให้ แล้วตอบตรงกบั
สานวนใด
ภุมรินบินเคลำ้ แมเ้ จำ้ ของ ไมป่ กป้ องดอกดวงจะร่วงหมด
อนั น้ำตำลหวำนวำงไวใ้ กลม้ ด มดจะอดไดห้ รือนอ้ งตรึกตรองดู
(พระอภยั มณี : สุนทรภู่)
น้ำตำลใกลม้ ด
โบรำณทำ่ นสมมุติมนุษยน์ ้ี
ยำกแลว้ มีใหม่สำเร็จถึงเจด็ หน
ท่ีทุกขโ์ ศกโรคร้อนคอ่ ยผอ่ นปรน
คงจะพน้ โทษทณั ฑไ์ ม่บรรลยั
(เสภำขนุ ชำ้ งขนุ แผน)
ชว่ั เจด็ ที ดีเจด็ หน
กระแสชลวนเชี่ยวเรือเล้ียวลด
ดูคอ้ มคดขอบคุง้ คงคำไหล
แตส่ ำชลเจียวยงั วนเป็ นวงไป
นี่หรือใจที่จะตรงอยำ่ สงกำ
(นิรำศเมืองแกลง : สุนทรภู)่
หนำ้ ซื่อใจคด, หนำ้ เน้ือในเสือ
หนำ้ ไหวห้ ลงั หลอก ,
อยำ่ ไวใ้ จทำง อยำ่ วำงใจคน
๒๑๔
อปุ มำเหมือนงำระคนถวั่
ประดงั ไปใส่ควั่ กระเบ้ืองนนั่
งำร้อนหรือจะผอ่ นใหถ้ ว่ั ทนั
พอถว่ั สุกก็จะอนั ตรำยงำ
(เสภำขนุ ชำ้ งขนุ แผน)
กวำ่ ถว่ั จะสุกงำก็ไหม้
อยำ่ คบคนหมู่ร้ำย ทรชน
คบแต่บณั ฑิตคน ปรำชญแ์ ปล้
วนั คืนรวดเร็วดล บุญเร่ง ทำนำ
เห็นอนิจน้นั แล้ ล่วงพน้ สงสำร
(โคลงโลกนิติ : กรมพระยำเดชำดิศร)
คบพำลพำลไปหำผดิ คบบณั ฑิตบณั ฑิตพำไปหำผล
๒๑๕
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๒
๑. คาชแ้ี จง ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ อา่ นคาประพนั ธ์ในหนงั สือเรยี น หนา้ ๑๒๘ แลว้ ชว่ ยกนั วเิ คราะหว์ ่ามี
ความใกล้เคยี งกับสานวนใด
( อย่ใู นดลุ พนิ จิ ของครู)
๒. คาชี้แจง ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มอา่ นสถานการณ์ในหน้า ๑๒๙ แลว้ ชว่ ยกนั วเิ คราะห์ว่ามีความ
ใกลเ้ คียงกับสานวนใด
( อยู่ในดุลพินิจของคร)ู
๒๑๖
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๔.๕
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
หน่วยที่ ๔ เขา้ เมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เวลา ๕ ชวั่ โมง
เรื่อง คุณคา่ สานวนไทย เวลา ๑ ช่วั โมง
ใชส้ อนวนั ที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคิด เพื่อนาไปใชต้ ัดสินใจแกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ
มาตรฐานที่ ท ๔.๑ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ตวั ช้ีวัด
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ และข้อโต้แย้งเกย่ี วกบั เรือ่ งทอ่ี ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๗ อา่ นหนงั สอื บทความ หรือคาประพนั ธ์อย่างหลากหลายและประเมนิ คุณคา่ หรือ
แนวคดิ ที่ได้จากการอ่าน เพอ่ื นาไปใชแ้ ก้ปัญหาในชวี ติ
ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคาในภาษาไทย
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/ทอ้ งถนิ่
ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คุณลกั ษณะ (A)
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปราย - นยิ ามหลกั การ - ฝึกอภปิ รายแสดงความ - มมี ารยาทในการ
แสดงความคิดเหน็ และขอ้ อภิปรายแสดง คิดเห็นและ อภปิ รายและแสดง
โตแ้ ยง้ เกี่ยวกับเร่ืองท่ีอ่าน ความคดิ เห็นและ ขอ้ โตแ้ ยง้ ความคดิ เหน็
ข้อโตแ้ ย้ง ข้อโต้แย้ง
ท ๑.๑ ม.๒/๗ อา่ นหนังสือ - หลกั การอ่านและ - ฝกึ อ่านและฝึก - มีนสิ ัยรักการอา่ น
บทความ หรือคาประพนั ธ์ ประเมนิ ค่า แนวคดิ ประเมนิ ค่า
อยา่ งหลากหลายและประเมิน
คณุ คา่ หรือแนวคิดท่ีไดจ้ าก
การอา่ น เพ่ือนาไปใช้
แกป้ ัญหาในชวี ติ
๒๑๗
ท ๔.๑ ม.๒/๑ สรา้ งคาใน -หลกั การสรา้ ง คา - ศกึ ษาเร่ือง หลกั การสรา้ ง - รู้ เข้าใจการสรา้ ง
ภาษาไทย ซ้า คาซอ้ น คาซา้ คาซ้อนคาสมาสและ คาสมาสและคาสนธิ
-หลักการสร้าง สนธิ - จาแนกคาสมาสและ
คาสมาสและ - ฝกึ หลกั การสร้างคาคาซ้า คาสนธิ
คาสนธิ คาซ้อนสมาสและคาสนธิ ได้ถูกต้อง
- ฝึกวเิ คราะหก์ ารสร้างคาซ้า
คาซอ้ นคาสมาสและคาสนธิ
สาระสาคัญ
สานวนไทยเป็นมรดกแหง่ ภูมิปญั หาทางภาษาของไทยที่สะท้อนความเปน็ มาของชาติ วัฒนธรรม
ประเพณี ศาสนา การดาเนินชวี ติ ทเี่ ป็นจริงของคนไทยมาแต่โบราณ
สาระการเรียนรู้
คณุ ค่าทางภาษาของสานวนไทย
กระบวนการจดั การเรยี นรู้
๑. ครูนาภาพสานวน คาพังเพย มาให้นกั เรียนทาย และสนทนากับนักเรยี น เรอ่ื ง “คาสานวน
คาพงั เพย ” จากนั้นกลา่ วถงึ คุณคา่ ทางภาษาของสานวนไทย แล้วให้นกั เรยี น รว่ มกันคดิ ว่า สานวนไทยมี
คุณคา่ ทางภาษาอยา่ งไร แลว้ ตอบลงในบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๒. ครูใหน้ ักเรียนศกึ ษา ค้นคว้า สานวน จากหนังสือ อินเทอร์เน็ต บัตรความรู้ จากน้ันให้นักเรียน
ช่วยกนั บอกความหมายของสานวนตา่ งๆ
๓. เม่ือเสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงาน จากนั้นนาผลงานที่ได้จาก
การศึกษามารวบรวมเปน็ สมุดเล่มเลก็
๔. ครูกล่าวถึงคุณค่าทางภาษาของสานวนไทยว่า สานวนไทยใช้ภาษาท่ีงดงาม ไพเราะ กะทัดรัด มี
ความหมายลกึ ซงึ้ กนิ ใน จึงสมควรทจ่ี ะช่วยกันรักษาไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาตสิ บื ไป
๕. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ผลการทากิจกรรมของนักเรยี นแต่ ละกลมุ่
๖. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น
ส่อื / แหล่งเรยี นรู้ ๒๑๘
ลาดับที่ รายการส่ือ กิจกรรมท่ใี ช้ แหลง่ ท่ีได้มา
๑ รปู ภาพสานวน ภาษติ เพม่ิ เติมความชัดเจนในเนื้อหา ครจู ัดเตรยี ม
๒ นักเรียนทาบตั รกจิ กรรม ครจู ดั ทา
๓ บัตรกิจกรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นดูภาพและฝกึ อ่าน ครจู ดั หา
๔ หนงั สือเรียน ชดุ วิวิธภาษา ตรวจสอบบัตรกจิ กรรม ครูจดั ทา
๕ ช้นั ม. ๒ บนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม ครูจัดทา
เฉลยบตั รกจิ กรรม
๖. แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจสอบแบบทดสอบ ครจู ัดทา
พฤติกรรม
แบบทดสอบหลังเรยี น
การวัดผลและประเมินผล
กจิ กรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครือ่ งมือทีใ่ ช้ใน วิธีการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
ประเมนิ การประเมนิ สงั เกตรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๑. นกั เรียนทาแบบทดสอบ
หลงั เรียน แบบประเมินรายบคุ คล
๒. นักเรียนทาบัตรกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป
พฤติกรรม และแบบ
๔. ประเมินพฤติกรรมและ ประเมินผลงาน
ผลงานระหวา่ งเรียน แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
ผลงานระหว่างเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………
๒๑๙
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรูต้ ามผลการเรยี นรูท้ ี่คาดหวัง
นกั เรยี นทั้งหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมินระดับปรับปรงุ – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤติกรรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................................................................ ......................
............................................................................................................. .................................................................
.........................................................................................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน
.......................................................................................................................................... ..............
..................................................................................................................... ...............................
๔. การปรบั ปรุงแกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................................................................
๕. ขอ้ คดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม
...................................................................................................................... ..................................
............................................................................................................................. .......................
ลงชื่อ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๒๒๐
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๒๒๑
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๑
คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ กลา่ วถึงคุณคา่ ทางภาษาของสานวนไทย
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
............................................................................................................................. ..........
................................................................................................................ .......................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........
............................................................................................................................. ..........
............................................................................................................ ...........................
............................................................................................................................. ..........
.................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. ..........
.......................................................................................................................................
๒๒๒
ข้อสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนบอกความหมายของสานวนตอ่ ไปน้ี
๑. กนิ ล้างกินผลาญ ......................................................................................................
๒. กนิ เหมอื นหมู อยู่เหมือนหมา .................................................................................................. ....
๓. เข้ากันเปน็ ป่ีเป็นขลุ่ย ......................................................................................................
๔. เขา้ ตามตรอก ออกตามประตู ......................................................................................................
๕. เข้าหซู ้ายทุลหุ ูขวา ......................................................................................................
๖. ตีงใู หก้ ากนิ ......................................................................................................
๗. ตตี นก่อนไข้ ......................................................................................................
๘. ตวี วั กระทบคราด ......................................................................................................
๙. ตีสองหน้า ......................................................................................................
๑๐. นา้ ข้นึ ใหร้ บี ตัก ......................................................................................................
๑๑. นา้ ขุ่นไว้ใน น้าใสไวน้ อก ........................................................................................... ...........
๑๒. น้าเช่ยี วอยา่ ขวางเรอื ......................................................................................................
๑๓. นา้ พงึ่ เรือเสือพงึ่ ปา่ ......................................................................................................
๑๔. เป็นกอบเป็นกา ......................................................................................................
๑๕. เป็นเงินเป็นทอง ......................................................................................................
๑๖. ไมเ่ ปน็ โลเ้ ปน็ พาย ......................................................................................................
๑๗. ไม่มปี มี่ ีขลุย่ ......................................................................................................
๑๘. ไมร่ ้อู โี หน่อีเหน่ ......................................................................................................
๑๙. ไม้ออ่ นดดั งา่ ย ไม่แกด่ ัดยาก ......................................................................................................
๒๐. ร้งู ู ๆ ปลา ๆ ......................................................................................................
๒๒๓
เฉลยข้อสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
คาชี้แจง ให้นกั เรยี นบอกความหมายของสานวนต่อไปน้ี
๑. กนิ ลา้ งกนิ ผลาญ กินทิ้งกินขวา้ ง
๒. กินเหมอื นหมู อยู่เหมอื นหมา เลอะเทอะไมม่ ีระเบยี บ
๓. เขา้ กันเปน็ ปเี่ ปน็ ขลุ่ย ทางานเข้ากนั ไดด้ ีไม่ขดั กันตา่ งฝา่ ยก็สนับสนุนซ่ึงกันและกัน
๔. เขา้ ตามตรอก ออกตามประตู ในการสูข่ อใหร้ จู้ กั ทาใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมตามประเพณอี ันดีงาม
๕. เข้าหูซ้ายทุลหุ ขู วา สอนไมจ่ า, บอกหรือสอนไม่ได้ผล
๖. ตีงูใหก้ ากนิ ทาสิ่งท่ตี นควรจะได้รับผลประโยชน์ แต่กลบั ไม่ได้
๗. ตตี นกอ่ นไข,้ พอได้ข่าวว่าอะไรไมส่ ดู้ เี กิดขน้ึ ก็กระวนกระวายทุกข์ร้อนไป
เสยี กอ่ นทงั้ ทเี่ ร่อื งยงั ไมเ่ กดิ ข้ึน
๘. ตีวัวกระทบคราด โกรธคนหนงึ่ แต่ทาอะไรเขาไมไ่ ดจ้ ึงแกลง้ พูดหรือทาส่งิ ใด
สิ่งหน่งึ กบั ผ้ทู ่เี กย่ี วข้องให้กระทบไปถึงคนนัน้
๙. ตสี องหน้า กลบั กลอกไมค่ งท่ีโดยการประจบทัง้ สองขา้ ง
๑๐. น้าข้นึ ให้รีบตัก มโี อกาสทาอะไรให้เปน็ ประโยชนแ์ ก่ตนได้ใหร้ ีบทา
๑๑. นา้ ข่นุ ไว้ใน น้าใสไว้นอก มคี วามไมพ่ อใจให้เกบ็ ไวใ้ นใจสว่ นภายนอกใหแ้ สดงสีหน้ายิ้มแย้ม
๑๒. น้าเชี่ยวอย่าขวางเรอื อย่าขัดขวางผู้มอี านาจ
๑๓. น้าพ่งึ เรือเสือพ่ึงป่า ตา่ งกต็ ้องพึ่งพาอาศัยกนั
๑๔. เปน็ กอบเป็นกา เป็นชิน้ เป็นอัน, เปน็ ก้อนใหญท่ าประโยชนต์ ่อไปไดด้ ี
๑๕. เป็นเงนิ เป็นทอง มีราคา, มีค่า
๑๖. ไมเ่ ป็นโลเ้ ป็นพาย ไม่เปน็ แกน่ สาร
๑๗. ไมม่ ีป่มี กี ลอง, ไม่มปี ่ีมขี ลยุ่ ไมม่ เี คา้ มากอ่ น
๑๘. ไมร่ อู้ โี หน่อีเหน่ ไมร่ ้เู ร่ืองราวที่เกิดขน้ึ
๑๙. ไม้ออ่ นดดั งา่ ย ไม่แกด่ ดั ยาก อบรมสง่ั สอนเด็กให้ประพฤติดี ทาไดง้ ่ายกวา่ อบรม ส่ังสอนผ้ใู หญ่
๒๐. รงู้ ู ๆ ปลา ๆ รูไ้ มจ่ ริง รบู้ ้างเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ
๒๒๔
แบบประเมินหลงั แผนการจดั การเรียน
๒๒๕
แบบประเมินพฤติกรรมและผลงานระหว่างเรียน
ความหมาย
๑. ตง้ั ใจ หมายถงึ ความมานะ อดทนทางานจนเสรจ็ ( A )
๒. ความรว่ มมอื หมายถึง สมาชิกในกลมุ่ ให้ความรว่ มมือทางานจนเสรจ็ ( A )
๓. ความมีวนิ ัย หมายถึง ผลงาน หรือการทางานเป็นระบบระเบยี บเรียบร้อย สะอาด
สวยงาม และได้เนื้อหาครบถ้วน ทนั หรอื ตรงต่อเวลา ( A,K )
๔. คณุ ภาพของผลงาน หมายถงึ ผลงานเรยี บรอ้ ย สวยงาม เนอื้ หาครบถว้ น
ภาษาทใ่ี ช้เหมาะสม (P – Product, K)
๕. การนาเสนอผลงาน หมายถงึ การพูดอธบิ ายนาเสนอผลงานได้ตามลาดับ
และเน้ือหาถูกต้อง ( P – Process, K )
เกณฑ์การประเมนิ
๔ หมายถงึ ทาไดด้ ีมาก ๓ หมายถึง ทาได้ดี
๒ หมายถึง ทาได้พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ
เลขท่ี ความต้งั ใจ ความรว่ มมอื ความมีวินัย คุณภาพของ การนาเสนอ รวม
(๔) (๔) (๔) ผลงาน (๔) ผลงาน (๔) (๒๐)
๒๒๖
เกณฑ์การให้คะแนนกระบวนการทางานกล่มุ
ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน/ระดับ
๑. การกาหนด –
๓๒๑
เปา้ หมายรว่ มกัน
สมาชิกทกุ คนมีสว่ น สมาชิกสว่ นใหญม่ ี สมาชิกส่วนน้อยมี
๒. การแบง่ หน้าท่ี
รับผดิ ชอบ ร่วมในการกาหนด สว่ นร่วมในการกาหนด ส่วนรว่ มในการกาหนด
๓. การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี เปา้ หมายการทางาน เป้าหมายในการ เป้าหมายในการ
ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
อย่างชดั เจน ทางาน ทางาน
๔. การประเมนิ และ
ปรบั ปรงุ ผลงาน กระจายงานได้อย่าง กระจายงานไดท้ ัว่ ถงึ กระจายงานไม่ท่วั ถึง
ทวั่ ถงึ และตรงตาม แต่ไม่ตรงตาม
ความสามารถของ ความสามารถของ
สมาชกิ ทกุ คน สมาชกิ
ทางานได้สาเรจ็ ตาม ทางานไดส้ าเร็จตาม ทางานไมส่ าเร็จตาม
เปา้ หมายท่ีไดร้ ับ เป้าหมายแต่ชา้ กวา่ เป้าหมาย
มอบหมาย ตาม เวลาทก่ี าหนด
ระยะเวลาที่กาหนด
สมาชกิ ทกุ คนรว่ ม สมาชิกบางส่วนมีส่วน สมาชกิ บางส่วนไม่มี
ปรึกษาหารือ ตดิ ตาม รว่ มปรกึ ษาหารือแต่ไม่ สว่ นร่วมปรึกษาหารอื
ตรวจสอบและปรบั – ชว่ ยปรบั ปรุงผลงาน และไม่ช่วยปรับปรงุ
ปรงุ ผลงานเป็นระยะ ผลงาน
๒๒๗
แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ กล่มุ ท่ี …….....
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น
๓๒๑
๑. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั
๒. การแบ่งหน้าทร่ี ับผิดชอบ
๓. การปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ที ี่ได้รับมอบหมาย
๔. การประเมินและปรับปรุงผลงาน
รวม
ลงชอื่ ผู้ประเมนิ
( )
เกณฑ์การประเมิน ดมี าก
๑๑ – ๑๒= ดี
๘ – ๑๐ = พอใช้
๕–๖ = ปรบั ปรงุ
๐–๔ =
๒๒๘
เกณฑ์การประเมนิ การนาเสนอผลงาน
แนวทางการพจิ ารณา
หวั ขอ้ การพจิ ารณา/ระดับการปฏบิ ัติหรอื พฤติกรรม
ระดบั เนื้อหา กลวิธีการนาเสนอ ขัน้ ตอนการ การใชภ้ าษา ตอบคาถาม/
คะแนน นาเสนอ เวลา
๔ มกี ารเรยี งลาดับ
เน้อื หาไดด้ ี มกี ารนาเขา้ สูเ่ นอ้ื มกี ารนาเสนอ ออกเสียงถูกต้อง ตอบคาถามได้
มคี วามต่อเนอ่ื ง เรอ่ื ง มีความ อย่างมีภมู ริ ู้
มปี ระโยชน์ สัมพันธ์กับเนอ้ื อย่างต่อเนอ่ื ง ตามอักขรวิธแี ละดงั และมคี วาม
ให้แง่คิด เรื่อง เรา้ ใจผู้ฟงั ชัดเจน มีแหล่ง
มีความมัน่ ใจ ราบรน่ื เปน็ ไปตาม ชัดเจน ใชภ้ าษา อ้างองิ
ใชเ้ วลาตาม
ขน้ั ตอน เหมาะสม เข้าใจ กาหนด
ตอบคาถามได้
ง่าย มีการใช้ คอ่ นข้างชัด
เจน มแี หลง่
สานวนโวหาร อ้างองิ
ใช้เวลาเกิน
๓ มีการเรยี งลาดับ มกี ารนาเขา้ ส่เู นื้อ การนาเสนอ ออกเสยี งถูกตอ้ ง กาหนด ๑
เรอ่ื ง มีความ ต่อเนอ่ื ง มีการ ตามอกั ขรวิธีและดงั นาที
เน้ือหาไดด้ ี สัมพนั ธก์ ับเนือ้ ขา้ มข้นั ตอนบา้ ง ชัดเจน ใชภ้ าษา ตอบคาถามได้
เร่อื ง เรา้ ใจผฟู้ ัง เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย ไมค่ ่อยชัดเจน
มคี วามต่อเนือ่ ง ไมม่ ีความมัน่ ใจใน ไมม่ ีการใช้สานวน มีแหล่งอ้างองิ
การนาเสนอ โวหาร เปน็ บางสว่ น
มีประโยชน์ ใช้เวลาเกนิ
กาหนด
ให้แง่คดิ นอ้ ย ๒ นาที
ตอบคาถาม
๒ มีการเรยี งลาดับ มกี ารนาเขา้ สเู่ นื้อ การนาเสนอ ออกเสยี งถกู ตอ้ ง ไมไ่ ด้เป็น
เรื่อง มคี วาม ตอ่ เนอื่ ง ไม่มี ตามอกั ขรวิธีและดงั สว่ นใหญ่
เนื้อหาไดด้ ี สัมพนั ธ์กบั เนอื้ ขน้ั ตอนเปน็ สว่ น ชัดเจน ใชภ้ าษา ใช้เวลาเกิน
เรอ่ื ง ไม่ เรา้ ใจผฟู้ ัง ใหญ่ เขา้ ใจยาก ไมม่ ี กาหนด ๕
มคี วามต่อเนอ่ื ง ไมม่ ีความมัน่ ใจใน การใชส้ านวน นาที
การนาเสนอ โวหาร
มปี ระโยชนน์ ้อยให้
แง่คดิ นอ้ ย
๑ มกี ารเรยี งลาดบั มีการนาเขา้ สู่เน้อื การนาเสนอ ออกเสียงถูกต้อง
เรื่อง ไมม่ ีความ ไมต่ ่อเนอื่ ง ตามอกั ขรวธิ ีและดัง
เน้อื หาไดด้ ี สมั พนั ธ์กับเนอ้ื นาเสนอสับสน ชดั เจน ใช้ภาษาไม่
เรอ่ื ง ไมเ่ ร้าใจผูฟ้ งั เหมาะสม เข้าใจ
ไม่มคี วามต่อเนื่อง ไมม่ ีความมั่นใจใน ยาก ไมม่ กี ารใช้
การนาเสนอ สานวนโวหาร
มปี ระโยชนน์ อ้ ยให้
แงค่ ิดน้อย
๒๒๙
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
กลุ่มที่............................................................หอ้ ง.......................
เนอื้ หา กลวธิ ี ขน้ั ตอนการ การใช้ การตอบ รวม
๔ การ นาเสนอ ภาษา คาถาม คะแนน
ประเดน็ นาเสนอ ๔ ๔ /เวลา ๒๐
ชือ่ – สกุล ๔๔
สมาชกิ
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๖.
๘.
ลงชื่อ......................................................ผปู้ ระเมิน
()
วันท่.ี .....เดือน......................ปี................
เกณฑก์ ารประเมนิ ๔ หมายถงึ ดีมาก
๓ หมายถึง ดี
๒ หมายถงึ พอใช้
๑ หมายถึง ตอ้ งปรับปรุง
๒๓๐
แผนการจัดการเรยี นรู้ภาษาไทย
ภาคเรยี นที่ ๑
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒
หน่วยท่ี ๕ โคลงสภุ าษติ
โดย
นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกลุ
โรงเรยี นโคกโพธิไ์ ชยศกึ ษา
อาเภอโคกโพธิไ์ ชย จังหวัดขอนแก่น
สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต ๒๕
๒๓๑
แผนผงั ความคดิ การบูรณาการการเรยี นรู้
ภายในกลมุ่ สาระ
การฟงั การดู
การพูด
วรรณคดแี ละ การอ่าน
วรรณกรรม
การใช้ภาษา การเขยี น
๒๓๒
แผนผงั ความคดิ การบรู ณาการ
นอกกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ฯ
-การนบั จานวน - การคิดอย่างเป็ น
-การจดั กลมุ่ -สะทอ้ นสภาพสงั คมไทย
ระบบ -คณุ ธรรมและมารยาท
- การวเิ คราะหเ์ ร่ือง
- หลกั เศรษฐกจิ
พอเพียง
สขุ ศึกษาและ โคลง ภาษาองั กฤษ
พลศึกษา สภุ าษติ -ความหมายของคา
-มนษุ ยสมั พนั ธ์ -เขยี นคาศพั ท์
-การเคลอ่ื นไหว -เขยี นสานวน
-การเลน่ เกม
การงานอาชีพ ศิลปะฯ
และเทคโนโลยี - การเรียนรู้
-การใชค้ อมพวิ เตอร์ วฒั นธรรม
-ใชใ้ ชอ้ ินเทอรเ์ น็ต - วาดภาพประกอบ
-ขบั รอ้ งทานองเสนาะ
๒๓๓
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๕.๑
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒
หนว่ ยท่ี ๕ โคลงสภุ าษติ เวลา ๗ ช่วั โมง
เรื่อง ฟังคิดพินิจเรอื่ ง เวลา ๑ ชวั่ โมง
ใช้สอนวันที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานท่ี ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู อยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ
ความรูส้ กึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชวี้ ดั
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พดู สรปุ ใจความสาคญั ของเร่ืองที่ฟังและดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคดิ เห็นและความนา่ เช่อื ถอื ของข่าวสารจากส่ือตา่ งๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ทอ้ งถน่ิ
ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรปุ การพดู สรุปความ ฝกึ พูดสรปุ ความ - มมี ารยาทในการพดู
ใจความสาคัญของเรอื่ งที่ - มีมารยาทในการฟงั
ฟงั และดู การดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์ วิเคราะห์ข้อเทจ็ จรงิ - ฝกึ พูดวเิ คราะห์ข้อเทจ็ จริง - มีมารยาทในการพูด
ข้อเทจ็ จรงิ ข้อคดิ เหน็ และ และข้อคิดเห็น และข้อคิดเห็น
ความน่าเชอื่ ถือของ
ขา่ วสารจากสือ่ ต่างๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มี หลกั การฟัง การดู ฝกึ พูด ฟัง และดู -มีมารยาทในการพูด
มารยาทในการฟัง การดู และการพดู การฟงั และการดู
และการพูด
๒๓๔
สาระสาคัญ
การฟงั เชิงวิเคราะห์ วิจารณ์ หมายถงึ การฟงั สารด้วยความเอาใจใสพ่ จิ ารณาไตร่ตรอง แยกแยะสาร
ออกเปน็ ส่วน ๆ อย่างถ่ีถ้วน เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจเร่ืองในหลายแง่หลายมุมโดยแยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ ออกจาก
กันแล้วติ – ชม หรือประเมินคา่ ส่งิ ทีไ่ ดฟ้ ังนน้ั เพ่อื นาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน
สาระการเรียนรู้
การฟังเร่ืองโคลงสภุ าษติ พระราชนพิ นธพ์ ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
กระบวนการจดั การเรยี นรู้
๑. ครูแจ้งตวั ชี้วดั และนกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนการเรยี นรู้
๒. ครูอ่านตัวอย่างโคลงสุภาษติ อ่ืนๆ มาให้นกั เรยี นรู้จักและสนทนากับนกั เรยี นเรอ่ื ง “โคลง
สุภาษิต พระราชนพิ นธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ” วา่ กล่าวถงึ เรอ่ื งอะไร มีประวัตแิ ละความ
เป็นมาอยา่ งไร การอ่านโคลงสุภาษิต พระราชนิพนธ์พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั ควรอ่าน
อย่างไรจึงจะเขา้ ใจลึกซ้ึง
๔. ใหน้ กั เรยี นคนใดคนหน่ึงหรือหลายคน อ่านเรื่อง “โคลงสภุ าษติ พระราชนพิ นธ์
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ” ให้เพื่อน ๆ ฟังหรอื ครูเปดิ เคร่ืองบันทึกเสียง เรื่อง “โคลง
สุภาษติ พระราชนพิ นธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ” ใหน้ กั เรยี นฟงั
๕. ครูนาแผนภมู ิความหมายของศพั ท์ และถ้อยคาสานวนจากเรอ่ื ง “โคลงสุภาษิต พระราช
นิพนธ์พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว” มาติดบนกระดานดา ใหน้ กั เรียนศึกษาความหมายของ
คาศัพท์
๖. แบง่ นกั เรียนออกเปน็ ๕ กลมุ่ ใหแ้ ต่ละกลุ่มศกึ ษาเรื่องต่อไปน้ี
กลมุ่ ๑ จบั ประเดน็ สาคัญของเร่อื ง
กลมุ่ ๒ บอกจดุ ประสงค์ของเร่ือง
กลุ่ม ๓ จัดลาดบั เหตกุ ารณ์ของเร่ือง
กลุม่ ๔ สรุปเน้อื เร่ือง
กลุ่มท่ี ๕ ประวตั ผิ แู้ ตง่
๗. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนมารายงานหนา้ ชน้ั พร้อมสง่ เอกสารท่ีครู เพอื่ เก็บไวใ้ น
แฟม้ สะสมงาน
๘. นกั เรียนชว่ ยกนั ซักถามเร่ืองราวท้งั หมดจากกลุ่มตา่ ง ๆ เพื่อเป็นการสรุปบทเรยี น
๙. นักเรยี นทาบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
๒๓๕
๑๐. มอบหมายให้นักเรียนไปอ่านหนงั สอื เพิ่มเตมิ เป็นการบา้ น
สอื่ / แหล่งเรียนรู้
ลาดับท่ี รายการส่อื กิจกรรมที่ใช้ แหล่งที่ได้มา
๑ ครจู ัดทา
๒ แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ครจู ดั ทา
๓ แผนภมู ิความหมายของคาศัพท์ นักเรยี นศึกษาและอ่าน ครูจัดหา
๔ และสานวนจากเร่ือง ครจู ดั ทา
หนงั สือเรียน ชุด วรรณคดี นกั เรียนดูภาพและฝกึ อา่ น
วิจักษ์ ชั้น ม.๒
เคร่อื งบนั ทกึ เสียง นกั เรียนฝกึ การฟัง
๕ แบบประเมนิ การสงั เกต บนั ทึกการสงั เกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
พฤติกรรม
การวัดผลและประเมินผล
กิจกรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่อื งมือท่ใี ช้ใน วธิ กี ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
การประเมิน ตรวจงานรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ประเมนิ
แบบทดสอบก่อนเรยี น
๑. นกั เรียนทาแบบทดสอบ
ก่อนเรยี น แบบประเมนิ รายกลุ่ม สงั เกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
๒. นักเรยี นนาเสนอหน้าชัน้ แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
เรียน ผลงานระหว่างเรียน
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรียน
กจิ กรรมเสนอแนะ
ในกิจกรรมการสอนภาษาไทยทุกชั่วโมง ครูตอ้ งกวดขนั ใหน้ กั เรียนใช้ตัวเลขไทย เพ่ือให้เกดิ ความ
เคยชินและติดเปน็ นิสยั อีกท้ังใหม้ คี วามภมู ิใจในการใชต้ ัวเลขไทย อนั เปน็ สมบัตขิ องชาติ
๒๓๖
บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรูต้ ามผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรยี นท้งั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั ปรับปรงุ – คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... ......................
๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรับปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
....................................................................................................... ..........................................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ
............................................................................................................................. ...........................
.................................................................................................................................. .....................................
ลงช่อื ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกุล )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
๒๓๗
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๒๓๘
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง
๑. นกั เรียนคดิ ว่าสิ่งใดท่สี าคัญทสี่ ุดในเรื่อง“โคลงสุภาษิต พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หวั ”
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๒. นกั เรยี นคิดวา่ “โคลงสุภาษติ พระราชนิพนธพ์ ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อย่หู ัว ”มกี ลวิธีการ
เขียนอย่างไรบ้าง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๓. นักเรียนคิดวา่ เมอื่ อา่ นเร่ือง “โคลงสภุ าษิต พระราชนพิ นธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัว ”
แลว้ ให้ประโยชน์อย่างไรบา้ ง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๔. นักเรียนคิดว่า เรอื่ ง “โคลงสุภาษิต พระราชนิพนธพ์ ระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ” ให้
ขอ้ คิดอย่างไร
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
๒๓๙
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
คาช้ีแจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมายถูกหน้าข้อความที่นักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเคร่ืองหมายผิด
หนา้ ขอ้ ทน่ี กั เรยี นคดิ ว่าผิด
..............๑ ผู้ทปี่ ระสบความสาเร็จมักจะมีหลักธรรมประจาใจเพอื่ เปน็ แนวทางในการดาเนินชีวิต แนวทาง
ตา่ ง ๆ เปน็ ข้อคดิ ที่นกั ปราชญแ์ ตโ่ บราณไดร้ วบรวมไว้ ดงั ปรากฏในโคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์
.............. ๒ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ เดิมเป็นสุภาษิตภาษาอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ ัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มให้กวใี นราชสานกั แปลและประพันธ์เปน็ โคลงภาษาไทย
...............๓ โคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางคเ์ ป็นโคลงสีส่ ภุ าพ ซ่งึ มบี ทนา ๑ บท เนือ้ เร่ือง ๑๖ บท และบทสรุป
๑ บท บอกจานวนสุภาษติ ว่ามี ๑๖ หมวด หมวดละ ๓ ข้อ รวมเปน็ ๔๘ ขอ้
...............๔ ในพระราชนิพนธ์น้ี “ไตรยางค์” หมายถึงจานวนสิ่งที่ควรแสวงหาหรือควรละเว้น ซ่ึงในโคลง
แตล่ ะบทจะมอี ยู่ ๓ ส่งิ
...............๕ สามส่งิ ควรรัก ไดแ้ ก่ ความกลา้ ความสภุ าพ และความรกั ใคร่ สามสิง่ ควรชม ได้แก่ อานาจ
เกียรตยิ ศ และ มีมารยาทดี
...............๖ โคลงสุภาษติ นฤทุมนาการมบี ทนา ๑ บท เนื้อเรือ่ ง 4 บท และบทสรุป ๑ บท
.............. ๗ ชื่อวา่ ทศนฤทุมนาการ หมายถงึ “กิจ ๑๐ ประการท่ีผู้ประพฤตยิ งั ไมเ่ คยเสียใจ”
...............๘ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ เป็นข้อแนะนาท้ังทางด้านมโนกรรม (การคิด) วจีกรรม (การพูด)
และกายกรรม (การกระทา) ซึ่งครอบคลุมและเหมาะสมที่จะเป็นเกราะป้องกันผู้ประพฤติมิให้ต้องเสียใจ
เพราะสง่ิ ทต่ี นคดิ พูด และกระทา
............... ๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลนิทานอิสปไว้ ๒๔ เร่ือง
และทรงพระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิตประกอบนิทาทนร่วมกับกวีอีก ๓ ท่าน โคลงสุภาษิตดังกล่าวรวมเรียกว่า
โคลงสุภาษติ อศิ ปปกรณา
............... ๑๐ อิศป หรือ อีสป (Aesop) เป็นชื่อนักโทษชาวกรีก เล่ากันว่า อีสปเป็นทาสผู้มีร่างกายพิกล
พกิ าร แต่ชาญฉลาด มกั ยกนทิ านข้นึ มาเลา่ เพอื่ เปรยี บเปรย หรอื เตอื นสติให้ผู้อนื่ ไดค้ ิด
๒๔๐
เฉลยทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน
คาชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเคร่ืองหมายถูกหน้าข้อความที่นักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเครื่องหมายผิด
หน้าขอ้ ทนี่ ักเรียนคดิ วา่ ผิด
...............๑ ผู้ที่ประสบความสาเร็จมักจะมีหลักธรรมประจาใจเพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินชีวิต
แนวทางต่าง ๆ เป็นขอ้ คดิ ทีน่ ักปราชญแ์ ต่โบราณไดร้ วบรวมไว้ ดงั ปรากฏในโคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์
............... ๒ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ เดิมเป็นสุภาษิตภาษาอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กวีในราชสานักแปลและประพันธ์เป็นโคลง
ภาษาไทย
...............๓ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์เป็นโคลงส่ีสุภาพ ซ่ึงมีบทนา ๑ บท เน้ือเร่ือง ๑๖ บท และ
บทสรปุ ๑ บท บอกจานวนสุภาษติ วา่ มี ๑๖ หมวด หมวดละ ๓ ขอ้ รวมเปน็ ๔๘ ขอ้
...............๔ ในพระราชนิพนธ์น้ี “ไตรยางค์” หมายถึงจานวนสิ่งท่ีควรแสวงหาหรือควรละเว้น ซ่ึงใน
โคลงแต่ละบทจะมอี ยู่ ๓ สง่ิ
...............๕ สามสิ่งควรรัก ได้แก่ ความกล้า ความสุภาพ และความรักใคร่ สามส่ิงควรชม ได้แก่
อานาจ เกียรตยิ ศ และ มีมารยาทดี
...............๖ โคลงสภุ าษติ นฤทุมนาการมีบทนา ๑ บท เนอื้ เรือ่ ง 4 บท และบทสรุป ๑ บท
............... ๗ ชื่อวา่ ทศนฤทุมนาการ หมายถงึ “กจิ ๑๐ ประการท่ีผูป้ ระพฤติยังไม่เคยเสียใจ”
...............๘ โคลงสภุ าษิตนฤทมุ นาการ เปน็ ขอ้ แนะนาท้งั ทางดา้ นมโนกรรม (การคิด) วจีกรรม (การพูด)
และกายกรรม (การกระทา) ซ่ึงครอบคลุมและเหมาะสมท่ีจะเป็นเกราะป้องกันผู้ประพฤติมิให้ต้องเสียใจ
เพราะสิ่งทตี่ นคดิ พดู และกระทา
............... ๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลนิทานอิสปไว้ ๒๔ เรื่อง
และทรงพระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิตประกอบนิทาทนร่วมกับกวีอีก ๓ ท่าน โคลงสุภาษิตดังกล่าวรวมเรียกว่า
โคลงสุภาษิตอศิ ปปกรณา
............... ๑๐ อศิ ป หรอื อสี ป (Aesop) เป็นช่อื นกั โทษชาวกรกี เลา่ กันว่า อีสปเป็นทาสผูม้ ีรา่ งกายพกิ ล
พิการ แตช่ าญฉลาด มกั ยกนทิ านขึน้ มาเลา่ เพอ่ื เปรยี บเปรย หรือเตอื นสตใิ ห้ผ้อู ื่นได้คดิ
๒๔๑
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๕.๒
กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒
หน่วยท่ี ๕ โคลงสภุ าษิต เวลา ๗ ชว่ั โมง
เร่ือง อ่านคิดวเิ คราะห์เรอ่ื ง เวลา ๑ ชั่วโมง
ใช้สอนวนั ที่ ....................................................................................................................
มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิด เพ่ือนาไปใช้ตดั สนิ ใจ
มาตรฐานที่ ท ๓.๑
แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชวี ิตและมนี สิ ยั รักการอา่ น
สามารถเลอื กฟังและดู อยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชว้ี ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความสาคญั สรุปความและอธบิ ายรายละเอยี ด จากเร่อื งท่อี ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการอ่าน
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พูดรายงานเรื่อง หรือประเด็นที่ศกึ ษาค้นควา้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถนิ่
ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความ - หลักการอ่าน - ฝกึ ทกั ษะการอา่ นจบั - อา่ นจับใจความและ
สาคัญ สรุปความและ จบั ใจความและ ใจความและสรปุ ความ สรุปความไดถ้ ูกต้อง
อธบิ ายรายละเอียด จาก สรปุ ความ
เรือ่ งท่ีอา่ น
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มีมารยาท - หลักการอา่ น - ฝกึ อ่านทง้ั ร้อยแก้ว - มีมารยาทใน
ในการอ่าน และรอ้ ยกรอง การอา่ น
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู หลักการพดู รายงาน ฝึกพูดรายงานจาก -มีมารยาทในการพูด
รายงานเรือ่ ง หรือประเดน็ การคน้ คว้า
ที่ศกึ ษาค้นคว้า
๒๔๒
สาระสาคัญ
การอ่านวเิ คราะหเ์ นื้อหาจากบทเรียน เปน็ การเพื่อจับใจความสาคญั แล้วแสดงความคิดเห็นเชิง
วิเคราะห์และประเมนิ คา่ เป็นพืน้ ฐานทจ่ี าเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชานาญ จน
สามารถวิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ ในงานเขียนทกุ ประเภทได้
สาระการเรยี นรู้
การอา่ นบทวเิ คราะหจ์ ากบทเรยี นเรื่อง “โคลงสุภาษติ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว” แล้วแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะหแ์ ละประเมินคา่
กระบวนการจดั การเรยี นรู้
๑. ครูและนกั เรียนสนทนาทบทวนบทเรียนจากช่ัวโมงท่ีผ่านมา
๒. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลมุ่ ๖ กลุ่ม (สมาชกิ ตามความเหมาะสม) แลว้ ให้แตล่ ะกลุ่ม
อ่านบทวิเคราะห์ ดังนี้
กลุ่มท่ี ๑ โคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์
กลุ่มที่ ๒ โคลงสภุ าษิตนฤทุมนาการ
กลุ่มที่ ๓ โคลงสุภาษติ อศี ปปกรณา เรอ่ื ง “ราชสีห์กับหนู”
กลุ่มที่ ๔ โคลงสภุ าษิตอศี ปปกรณา เร่อื ง “บิดากบั บุตรทง้ั หลาย”
กลมุ่ ที่ ๕ โคลงสภุ าษติ อศี ปปกรณา เร่ือง “สุนัขปา่ กบั ลกู แกะ”
กลุ่มที่ ๖ โคลงสภุ าษติ อศี ปปกรณา เรอ่ื ง “กระต่ายกับเตา่ ”
แล้วใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มสรุปใจความสาคัญและแสดงความคิดเห็นเชงิ วิเคราะหจ์ ากเรื่อง “โคลง
สุภาษติ พระราชนพิ นธ์พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
๓. ใหแ้ ต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลของการระดมสมองใหเ้ พ่ือนฟงั โดยใช้วธิ จี บั ฉลาก เม่อื
เสนอดว้ ยการพูดจบแล้ว ให้ทกุ กลุม่ ส่งรายงานท่ีครู
๔. นาสงิ่ ท่เี หมือนกนั และแตกต่างกนั ของแต่ละกลมุ่ มาแสดงให้นักเรียนเหน็ ถงึ ความ
หลากหลายของความคิด ซึง่ ขึ้นอยกู่ ับเหตผุ ล
๕. ใหน้ ักเรียนทาบัตรกิจกรรมการเรยี นรูเ้ รื่อง “โคลงสภุ าษติ พระราชนพิ นธพ์ ระบาทสมเดจ็
พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว” เสร็จแลว้ สง่ ใหค้ รตู รวจ
๖. ครแู ละนกั เรียนช่วยกันสรปุ บทเรยี น
๗. มอบหมายให้นกั เรยี นไปทาแบบฝึกหัดเปน็ การบ้านและอ่านหนังสือเพิ่มเติมเปน็ การบา้ น
๒๔๓
ส่ือ / แหล่งเรยี นรู้
ลาดับที่ รายการสื่อ กิจกรรมท่ีใช้ แหล่งทไี่ ดม้ า
๑ นกั เรียนทาบัตรกิจกรรม ครูจดั ทา
๒ บัตรกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนดูภาพและฝกึ อ่าน ครูจัดหา
๓ หนังสือเรยี น ชดุ วรรณคดี ตรวจสอบ ครูจัดทา
วจิ กั ษ์ ชนั้ ม.๒
เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้
๔ แบบประเมินการสังเกต บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
พฤติกรรม
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กจิ กรรม-พฤตกิ รรมท่ี เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ น วธิ ีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมนิ การประเมิน
๑. นกั เรียนทากิจกรรมกลมุ่
๒. นกั เรียนทาบัตรกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลมุ่ สงั เกตรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
การเรยี นรู้
แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรยี น พฤติกรรม และแบบ
ประเมินผลงาน
แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
ผลงานระหวา่ งเรียน
กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
............................................................................................................................. ..........................
๒๔๔
บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรูต้ ามผลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวัง
นักเรียนทงั้ หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรุง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................
๓. ปัญหาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรบั ปรงุ แกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
....................................................................................................................................................... ..........
๕. ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................
ลงชอื่ ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพิเศษ
๒๔๕
ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา
๒๔๖
บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑
ให้นกั เรียนพจิ ารณาโคลงสภุ าษิตตอ่ ไปนี้ แลว้ ตอบคาถาม
โคลงทป่ี ระทบั ใจ
เพราะทาความดีทว่ั ไป
ทาดีไป่ เลือกเวน้ ผใู้ ด ใดเฮย
แต่ผกู ไมตรีไป รอบขา้ ง
ทาคุณอุดหนุนใน การชอบ ธรรมนา
ไร้ศตั รูปองมลา้ ง กลบั ซอ้ งสรรเสริญ
๑.๑ ประทับใจเพราะเหตุใด จงบอกเหตุผล
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๑.๒ บอกสานวน สภุ าษติ หรอื คาพังเพย ท่ีมคี วามหมายสัมพนั ธ์กบั โคลงท่ีประทบั ใจ
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๑.๓ ถอดคาประพนั ธ์ และเรียบเรียงถอ้ ยคาสานวนให้สละสลวยดว้ ยสานวนของนกั เรียนเอง
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๒๔๗
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๒
ความรู้คู่เปรียบด้วย กาลงั กายแฮ
สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง
อาวุธ
ปัญญาประดุจดัง อาจแกล้วกลางสนาม
กมุ สติต่างโล่ป้ อง
๑. ใหน้ กั เรยี นถอดคาประพนั ธม์ าพอเขา้ ใจ
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๒. นกั เรียนคิดว่าบทประพันธข์ ้างตน้ นบ้ี รรยายเกีย่ วกับอะไรบา้ ง และสงิ่ ทบี่ รรยาย
ให้ข้อคิดคติเตือนใจอยา่ งไรบ้าง
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….