The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธัญญาดล อุปชิตกุล, 2020-05-06 02:43:47

แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

๒๔๘

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๑

ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาโคลงสุภาษติ ต่อไปนี้ แล้วตอบคาถาม

โคลงทปี่ ระทบั ใจ

เพราะทาความดีทวั่ ไป

ทาดีไป่ เลือกเวน้ ผใู้ ด ใดเฮย

แต่ผกู ไมตรีไป รอบขา้ ง

ทาคุณอุดหนุนใน การชอบ ธรรมนา

ไร้ศตั รูปองมลา้ ง กลบั ซอ้ งสรรเสริญ

๑.๑ ประทับใจเพราะเหตใุ ด จงบอกเหตุผล
“การทาความดี” คาสั้นๆ แตม่ ีความหมายกวา้ งครอบคลุมทัง้ กาย วาจา ใจ ใครทส่ี ามารถ

ประพฤติปฏบิ ตั ไิ ด้ชวี ติ จะมีแต่ความสุขความเจริญ มีแต่คนรักใคร่
๑.๒ บอกสานวน สุภาษิต หรือคาพงั เพย ที่มีความหมายสมั พนั ธ์กับโคลงที่ประทับใจ

ทาดีไดด้ ี ทาช่วั ไดช้ ัว่ .........................................................................................................................
๑.๓ ถอดคาประพนั ธ์ และเรยี บเรยี งถอ้ ยคาสานวนให้สละสลวยดว้ ยสานวนของนักเรียนเอง

การทาความดี ควรทากับบุคคลท่วั ไปเสมอกนั รู้จักผูกไมตรีกับคนรอบข้าง ทาแต่สง่ิ ท่ีถกู ต้องตาม
หลกั คุณธรรม ก็จะมแี ตผ่ ูแ้ ซ่ซอ้ งสรรเสรญิ ไม่มีศตั รูปองร้าย……………………………………………….
(เฉลยตามความคิดเห็นของนักเรียน และอยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผ้สู อน) ..........................................................

๒๔๙

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๒

๑. ให้นักเรยี นถอดคาประพันธ์มาพอเข้าใจ
(อยูใ่ นดลุ พนิ ิจของครู )

๒. นักเรียนคิดวา่ บทประพนั ธข์ า้ งตน้ นบ้ี รรยายเก่ียวกับอะไรบา้ ง และสิ่งท่บี รรยายให้ข้อคิดคตเิ ตือนใจอยา่ งไร
บ้าง

(อยูใ่ นดุลพนิ จิ ของครู )

๒๕๐

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๕.๓

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒

หน่วยท่ี ๕ โคลงสภุ าษิต เวลา ๗ ช่ัวโมง

เรอ่ื ง อา่ นคดิ วิเคราะหเ์ ร่ืองราว เวลา ๑ ชั่วโมง

ใชส้ อนวนั ท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สินใจแกป้ ญั หา
มาตรฐานท่ี ท ๒.๑ ในการดาเนนิ ชวี ิตและมีนิสัยรักการอา่ น
มาตรฐานที่ ท ๔.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบ
ตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสิทธิภาพ
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ

ตัวช้วี ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์และแสดงความรู้ความคิดเห็นหรอื โต้แย้งในเรื่องท่ีอ่านอย่างมี

เหตผุ ล
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ าราชาศัพท์

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/ท้องถ่ิน

ตวั ชวี้ ัด ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คุณลักษณะ (A)

(P)

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบท - หลกั การอา่ นออก - ฝกึ ทักษะการอ่านออก -มมี ารยาทในการอ่าน

รอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ เสยี งรอ้ ยแกว้ และ เสียงรอ้ ยแกว้ และรอ้ ย -อา่ นได้ถูกต้องชัดเจน

ถกู ต้อง รอ้ ยกรอง กรอง ตามหลักการอา่ น

ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขยี นวิเคราะห์ - หลักการเขยี น - ฝกึ เขยี นวิเคราะห์ - เขียนถกู ต้อง

๒๕๑

วิจารณ์และแสดงความรคู้ วาม วิเคราะห์ วจิ ารณ์ วจิ ารณ์ แสดง สวยงาม
ความคดิ เห็นหรือ - มมี ารยาทใน
คิดเหน็ หรือโตแ้ ย้ง และแสดงความ โต้แยง้
ฝึกใช้คาราชาศัพท์ การเขยี น
ในเรือ่ งท่ีอา่ นอย่างมีเหตผุ ล คดิ เห็นหรอื โตแ้ ยง้ - ใชค้ าราชาศพั ท์ได้
ถูกต้องเหมาะสม ตาม
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์ การใช้คาราชาศัพท์ ระดับของบุคคล

สาระสาคัญ
การอ่านเพ่ือจบั ใจความสาคญั เปน็ พนื้ ฐานที่จาเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกดิ ความ

ชานาญจนสามารถจับใจความสาคัญในงานเขยี นทุกประเภท

สาระการเรียนรู้
การอ่านบทวเิ คราะหจ์ ากบทเรยี นเร่อื ง “โคลงสุภาษิต พระราชนพิ นธ์พระบาทสมเดจ็ พระ

จลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว” แสดงความคดิ เห็นเชิงวิเคราะห์และประเมนิ คา่

กระบวนการจัดการเรยี นรู้
๑. ครแู ละนกั เรยี นสนทนาทบทวนบทเรียนจากชัว่ โมงท่ีผ่านมาโดยการถามความหมายจากบัตร

คา
๒. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกล่มุ ๖ กลุ่ม (สมาชิกของกลุ่มตามความเหมาะสม) แล้วให้แต่ละ

กลุ่มอ่านในใจ ดงั นี้
กลุ่มท่ี ๑ โคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์
กลมุ่ ที่ ๒ โคลงสภุ าษติ นฤทมุ นาการ
กลมุ่ ที่ ๓ โคลงสภุ าษิตอศี ปปกรณา เร่ือง “ราชสหี ก์ ับหนู”
กล่มุ ที่ ๔ โคลงสุภาษติ อีศปปกรณา เรอื่ ง “บิดากับบุตรท้ังหลาย”
กล่มุ ท่ี ๕ โคลงสุภาษติ อศี ปปกรณา เรอ่ื ง “สุนัขป่ากบั ลกู แกะ”
กลุ่มที่ ๖ โคลงสุภาษติ อีศปปกรณา เรอื่ ง “กระต่ายกับเต่า”

แล้วให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสรุปใจความสาคญั และแสดงความคดิ เหน็ จากเรอ่ื ง “โคลงสภุ าษิต พระราชนิพนธ์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”

๓. ให้แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลของการระดมสมองให้เพ่ือนฟัง โดยใชว้ ิธีจับฉลาก เมอ่ื
เสนอดว้ ยการพูดจบแล้ว ใหท้ ุกกลุ่มส่งรายงานท่ีครู

๔. นาสง่ิ ท่ีเหมือนกัน และแตกตา่ งกนั ของแตล่ ะกลุ่มมาแสดงใหน้ ักเรยี นเห็นถงึ ความ
หลากหลายของความคิด ซ่งึ ข้นึ อยกู่ ับเหตผุ ล

๒๕๒

๕. ให้นกั เรยี นทาบัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้ เสร็จแล้วสง่ ให้ครตู รวจ
๖. ครูและนกั เรยี นช่วยกนั สรุปบทเรียน
๘. มอบหมายใหน้ กั เรยี นไปอ่านหนงั สอื หรือศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเตมิ เรื่องโคลงสภุ าษติ พระราช
นิพนธพ์ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั เปน็ การบ้าน

สือ่ / แหล่งเรียนรู้

ลาดับท่ี รายการสอ่ื กิจกรรมทใี่ ช้ แหลง่ ท่ีไดม้ า
๑ นกั เรยี นทาบตั รกจิ กรรม ครจู ัดทา
๒ บัตรคา นกั เรยี นทาบัตรกิจกรรม ครจู ดั ทา
๓ นักเรยี นดภู าพและฝกึ อา่ น ครจู ัดหา
บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
๔ หนงั สือเรียน ชดุ วรรณคดี ตรวจสอบ ครจู ดั ทา
๕ วจิ กั ษ์ ช้ัน ม.๒ บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครูจดั ทา
เฉลยบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
แบบประเมนิ การสังเกต
พฤติกรรม

การวดั ผลและประเมินผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครื่องมือท่ใี ช้ใน วธิ กี ารประเมิน เกณฑ์การประเมิน
ประเมนิ การประเมิน
๑. นักเรยี นนาเสนอ
๒. นักเรยี นทาบัตรกิจกรรม แบบประเมนิ รายกล่มุ สงั เกตรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป
การเรียนรู้
แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรยี น พฤติกรรม และแบบ

ประเมนิ ผลงาน

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป

ผลงานระหวา่ งเรียน

กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ..........................

๒๕๓

บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรียนร้ตู ามผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง
นักเรียนทั้งหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเป็นร้อยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรับปรงุ – คน คิดเป็นรอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

๓. ปญั หาและอุปสรรคระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรับปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................

ลงชอ่ื ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชติ กลุ )
ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๒๕๔

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๒๕๕

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

ใหน้ กั เรยี นเปรยี บเทยี บความหมายของโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ กบั สุภาษติ และสานวนทกี่ าหนดโดย
เขยี นโคลงให้สัมพนั ธก์ บั สภุ าษติ สานวนทใี่ หม้ า

๑. หูเบา ๒. ทาดีไดด้ ี
…………………………………………… ………………………………………………
…………………………………………… ………………………………………………
…………………………………………… ………………………………………………
…………………………………………… ………………………………………………
…………………………………………… ………………………………………………

๓. พดู ไปสองไพเบ้ีย น่ิงเสียตาลึงทอง
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………

๒๕๖

๔. ใหท้ ่านทา่ นจกั ใหต้ อบสนอง
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………

๕. กระตา่ ยตื่นตูม
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………
……………………………………………

๒๕๗

เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

ให้นักเรียนเปรียบเทยี บความหมายของโคลงสภุ าษติ นฤทมุ นาการ กบั สุภาษติ และสานวนทกี่ าหนดโดย
เขยี นโคลงให้สมั พันธ์กับสุภาษิต สานวนท่ใี หม้ า

๑. หูเบา

เพราะถามฟังความก่อนตดั สิน

ยนิ คดีมีเรื่องนอ้ ย ใหญไ่ ฉน กด็ ี

ยงั บ่ลงเห็นไป เด็ดดว้ น

ฟังตอบขอบคาไข คิดใคร่ ครวญนา

ห่อนตดั สินหว้ นหว้ น เหตุดว้ ยเบาความ ๒. ทาดีไดด้ ี

เพราะความดีทว่ั ไป
ทาดีไป่ เลือกเวน้ ผใู้ ด ใดเฮย

แต่ผกู ไมตรีไป รอบขา้ ง

ทาคุณอุดหนุนใน การชอบ ธรรมนา

ไร้ศตั รูปองมลา้ ง กลบั ซอ้ งสรรเสริญ

๓. พดู ไปสองไพเบ้ีย น่ิงเสียตาลึงทอง
เพราะอดพูดในเวลาโกรธ

สามารถอาจหา้ มงด วาจา ตนเฮย

ปางเม่ือยงั โกรธ ข่นุ แคน้

หยดุ คิดพิจารณา แพช้ นะ ก่อนนา

ชอบผดิ คิดเห็นแมน้ ไมย่ ้งั เสียความ

๒๕๘

๔. ใหท้ า่ นท่านจกั ใหต้ อบสนอง

เพราะไดก้ รุณาตอ่ คนท่ีถึงอบั จน

กรุณานรชาติผู้ พอ้ งภยั พิบตั ิเฮย

ช่วยรอดปลอดความกษยั สวา่ งร้อน

ผลจกั เพ่มิ พนู ใน อนาคต กาลแฮ

ชนจกั ชูช่ือชอ้ น ป่ าง เบ้ือง

ปัจจุบนั ๕. กระตา่ ยตื่นตมู
เพราะไม่หลงเช่ือวา่ ร้าย

อีกหน่ึงไป่ เช่ือถอ้ ย คาคน ถือแฮ
บอกเล่าข่าวเหตุผล เร่ืองร้าย

สืบสวนประกอบจน แจม่ เทจ็ จริงนา

ยงั บด่ ่วนยกั ยา้ ย ต่ืนเตน้ ก่อนกาล

๒๕๙

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑.๔

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒

หนว่ ยท่ี ๕ โคลงสภุ าษติ เวลา ๗ ชว่ั โมง

เรอ่ื ง อ่านคล่องเขียนถกู เวลา ๑ ช่ัวโมง

ใช้สอนวนั ท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ดั สนิ ใจแก้ปญั หา
มาตรฐานท่ี ท ๒.๑ ในการดาเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรือ่ งราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ

ตัวชีว้ ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขยี นวเิ คราะห์ วิจารณ์และแสดงความรู้ความคดิ เหน็ หรอื โต้แยง้ ในเรื่องที่อา่ นอยา่ งมี

เหตผุ ล
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คาราชาศัพท์

สาระการเรียนร้แู กนกลาง

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถิ่น

ตัวชวี้ ดั ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ (A)

(P)

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบท - หลกั การอา่ นออก - ฝกึ ทักษะการอา่ นออก -มีมารยาทในการอ่าน

รอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ เสยี งรอ้ ยแก้วและ เสียงรอ้ ยแกว้ และร้อย -อ่านได้ถกู ต้องชดั เจน

ถกู ต้อง รอ้ ยกรอง กรอง ตามหลักการอ่าน

๒๖๐

ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขยี นวเิ คราะห์ - หลักการเขียน - ฝึกเขียนวเิ คราะห์ - เขียนถกู ต้อง
วิจารณ์ แสดง สวยงาม
วจิ ารณแ์ ละแสดงความรู้ความ วิเคราะห์ วิจารณ์ ความคดิ เหน็ หรือ
โตแ้ ยง้ - มมี ารยาทใน
คิดเหน็ หรอื โตแ้ ย้ง และแสดงความ ฝกึ ใชค้ าราชาศัพท์ การเขียน

ในเรือ่ งท่ีอา่ นอย่างมีเหตุผล คิดเห็นหรอื โตแ้ ยง้ - ใช้คาราชาศัพท์ได้
ถูกต้องเหมาะสม ตาม
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ าราชาศัพท์ การใชค้ าราชาศัพท์ ระดับของบุคคล

สาระสาคญั
การเรยี นร้คู า คายาก ขอ้ ความและสานวนภาษาไทยในบทเรียนและนาไปใช้ให้ถูกต้อง ถอื เป็นการ

พัฒนาทักษะทางภาษาทผ่ี ูเ้ รียนควรได้รับการฝึกฝน เพือ่ พัฒนาทกั ษะให้ถูกต้อง จึงจะทาให้การเรยี นร้ภู าษา
เปน็ ไปด้วยดีและเกดิ การพัฒนาตามมา

สาระการเรียนรู้
๑. อา่ น และเขยี นคา คายาก ขอ้ ความ และสานวนในบทเรียน
๒. การนาคา คายาก ข้อความและสานวนภาษาในบทเรียนไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์

กระบวนการเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นเลม่ เกม “การเลือกใชค้ าแต่งประโยค” (ยดื หยนุ่ ได้ตามความเหมาะสม)
๒. นกั เรยี นแบง่ กล่มุ ออกเป็นกลุ่มตามความสมคั รใจ (ตามความเหมาะสม)
๓. นาบตั รคาใหม่และคายากในบทเรยี น ติดท่กี ระเปา๋ ผนังและใหน้ กั เรยี นทุกคนฝึกอ่าน

รว่ มกันอภิปรายความหมายบันทกึ ลงสมุด
๔. แจกบตั รคาใหม่คายากในบทเรียนใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ได้ศึกษาและฝกึ อา่ น
๕. นกั เรยี นทุกกลมุ่ หาคาใหม่ศัพท์จากหน่วยท่ี ๕ แล้วชว่ ยกนั แตง่ ประโยคใหม่ โดยไมใ่ ห้ซ้า

กัน กลุ่มละ ๕ คา แลว้ บันทกึ ลงสมุด แลว้ ส่งตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียน
๖. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจผลงานของแตล่ ะกลุ่ม พร้อมท้ังอภปิ รายสรุปการเลือกใช้คา

ให้ถูกต้องตามความหมาย ปรบมอื และกล่าวใหค้ าชมเชยกลมุ่ ทแ่ี ตง่ ประโยค ไดถ้ กู ต้อง
๗. นักเรียนแข่งขนั กันเขียนคา กลุม่ คา สานวนภาษา บนกระดานดากล่มุ ใดเขยี นได้มาก

เขียนถูกต้อง เปน็ ฝ่ายชนะ
๘. มอบหมายใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคาใหม่ในบทเรียนแล้ว

๒๖๑

หาความหมายจากพจนานุกรม แลว้ แต่งประโยคแลว้ นาผลงานสง่ ใหค้ รูตรวจ

๙. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรุปบทเรียน จากการแขง่ ขนั กันเขยี นคา และกลมุ่ คา

บนกระดานดา โดยใหน้ กั เรยี นตอบคาถาม ดงั นี้

- นกั เรียนร้ไู หมวา่ คาเหล่านเี้ ป็นคาชนิดใด
- คาเหลา่ นีท้ าหนา้ ท่ีในประโยคอะไรไดบ้ ้าง
- คาเหล่าน้ีสามารถนาไปใชแ้ ต่งประโยคได้อย่างไรบา้ ง
- นักเรียนคดิ วา่ จะนาคาเหล่าน้ีไปใชเ้ ป็นประโยชน์ทางภาษาไดอ้ ย่างไรหรือไม่ ฯลฯ
๑๐. นกั เรยี นทาบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้

ส่อื / แหล่งเรียนรู้

ลาดับท่ี รายการสอ่ื กิจกรรมที่ใช้ แหล่งที่ได้มา
๑ นักเรยี นทาบตั รกิจกรรม ครูจดั ทา
๒ บตั รคา นกั เรยี นทาบัตรกจิ กรรม ครูจดั ทา
๓ นักเรียนดภู าพและฝกึ อ่าน ครจู ัดหา
บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
๔ หนังสือเรียน ชดุ วรรณคดี ตรวจสอบ ครจู ดั ทา
๕ วิจักษ์ ช้นั ม.๒ บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
เฉลยบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต
พฤติกรรม

การวัดผลและประเมินผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่ืองมือที่ใช้ใน วิธกี ารประเมิน เกณฑ์การประเมิน
ประเมิน การประเมนิ
๑. นักเรยี นนาเสนอ
๒. นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลุ่ม สงั เกตรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขนึ้ ไป
การเรยี นรู้
แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรยี น พฤติกรรม และแบบ

ประเมนิ ผลงาน

แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป

ผลงานระหวา่ งเรยี น

๒๖๒

กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ..........................

๒๖๓

บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรูต้ ามผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรยี นท้งั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั ปรับปรงุ – คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... ......................

๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรับปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
....................................................................................................... ..........................................................
๕. ขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ
............................................................................................................................. ...........................
.................................................................................................................................. .....................................

ลงช่อื ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกุล )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๒๖๔

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๒๖๕

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. ใหน้ กั เรยี นนาคาทกี่ าหนดให้เติมลงในชอ่ งวา่ งใหส้ มบรู ณ์พร้อมแสดงเหตผุ ล

อกตญั ญู ชว่ั เลวทราม หนา้ เน้ือใจเสือ

ฤษยา ความหยงิ่ กาเริบ เกียจคร้าน

พลนั รักพลนั จืด ความดุร้าย วาจาฟ่ันเฝื อ

๑. ๒.

Three Things to Hate Three Things to Despise
…………………………… ………………………………
…………………………… ………………………………
…………………………… ………………………………
…………………………… ………………………………
๓. …………………………… ………………………………
๔.
Three Things to Suspect
…………………………… Three Things to Avoid
…………………………… ………………………………
…………………………… ………………………………
…………………………… ………………………………
…………………………… ………………………………
…………… ………………………………

……………………………………
……………………………………
……………………………………
……………………………………
……………………………………
……………………………………

๒๖๖

เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. ให้นกั เรยี นนาคาที่กาหนดใหเ้ ตมิ ลงในช่องวา่ งใหส้ มบูรณ์พร้อมแสดงเหตผุ ล

อกตญั ญู ชว่ั เลวทราม หนา้ เน้ือใจเสือ
ความหยง่ิ กาเริบ เกียจคร้าน
ฤษยา ความดุร้าย วาจาฟั่นเฝื อ

พลนั รักพลนั จืด ๒. Three Things to Despise
๑. ๑. ชวั่ เลวทราม
๒. มารยา
Three Things to Hate ๓. ฤษยา
๑. ความดุร้าย
๒. ความหยง่ิ กาเริบ
๓. อกตญั ญู

๓. ๔.

Three Things to Suspect Three Things to Avoid
๑. ยอ ๑. เกียจคร้าน
๒. หนา้ เน้ือใจเสือ ๒. วาจาฟั่นเฝื อ
๓. พลนั รักพลนั จืด ๓. หยอกหยาบแลแสลงฤาขดั
คอ

ท้งั ๔ ขอ้ เป็ นส่ิงท่ีไม่ควรกระทา
อยา่ งยงิ่ เพราะเป็นลกั ษณะนิสัยไม่ดี
ก่อให้เกิดผลร้ายท้งั ต่อตนเอง และ
คนรอบขา้ ง ทาให้เป็ นที่น่ารังเกียจ

ของคนท่ัวไป ดังน้ันเราจึงควร
หลีกเล่ียงพฤติกรรมดงั กล่าว

๒๖๗

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๕.๕

กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒

หน่วยท่ี ๕ โคลงสภุ าษติ เวลา ๗ ช่ัวโมง

เร่ือง อา่ นไพเราะเสนาะทานอง เวลา ๑ ช่ัวโมง

ใช้สอนวันท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิด เพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจแกป้ ญั หา
มาตรฐานท่ี ท ๒.๑ ในการดาเนนิ ชวี ิตและมีนสิ ัยรักการอ่าน
มาตรฐานที่ ท ๕.๑ ใช้กระบวนการเขียนสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราว
ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ

ตวั ช้ีวดั

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง

ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจง คร่งึ บรรทดั

ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทร้อยกรองที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจ

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถนิ่

ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คุณลกั ษณะ (A)

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออก - หลกั การอ่านออก - ฝึกทักษะการอ่านออกเสยี ง -มีมารยาทในการอ่าน

เสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบท เสียงร้อยแก้วและรอ้ ย รอ้ ยแก้วและร้อยกรอง -อ่านได้ถูกต้องชดั เจน

ร้อยกรองได้ถูกต้อง กรอง ตามหลกั การอ่าน

ท ๒.๑ ม.๒/๑ คัดลายมือ - หลกั การเขยี น - ฝึกคัดลายมอื - เขยี นถกู ต้องและ

ตัวบรรจง คร่งึ บรรทัด ตวั อักษรไทยและ ตวั บรรจง คร่ึงบรรทดั สวยงาม

เลขไทย

ท ๕.๑ ม.๒/๕ ทอ่ งจาบท บทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน - ซาบซง้ึ
อาขยานตามที่กาหนด บทร้อยกรอง บทรอ้ ยกรอง - นาความร้ทู ่ีไดจ้ าก
และบทร้อยกรองท่ีมคี ุณค่า การอา่ นไปประยกุ ตใ์ ช้
ตามความสนใจ ในชวี ิตจรงิ

๒๖๘

สาระสาคัญ
การอ่านออกเสยี งเป็นการส่อื สารทมี่ ีความสาคัญ เพราะเป็นการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด

ความรสู้ กึ และอารมณข์ องผู้ส่งสารไปผรู้ ับสาร ดังนนั้ หากรูห้ ลกั การอา่ นและมีทักษะในการอา่ นย่อมจะทาให้
การสอื่ สารเกดิ สัมฤทธผ์ิ ล

สาระการเรยี นรู้
การอ่านออกเสียงบทเรยี นเรอ่ื ง “ โคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางค์ ” การอ่านทานองเสนาะ การเล่า

เร่อื ง การย่อเรื่อง

กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สนทนาบทเรียนจากชัว่ โมงที่ผ่านมา จากน้ันครนู า

บตั รความรูเ้ รื่อง การอา่ นทานองเสนาะมาแจกนกั เรียนทุกคน แลว้ ครอู ธิบายประกอบเพอื่ ให้
นกั เรียนเขา้ ใจไดด้ ยี ่งิ ขนึ้ ในหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้

- ความหมายของการอา่ นทานองเสนาะ
- วตั ถปุ ระสงค์ในการอา่ นทานองเสนาะ
- รสที่ใช้ในการอ่านทานองเสนาะ
- หลักการอา่ นทานองเสนาะ
- ประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการอา่ นทานองเสนาะ
๒. เปดิ เครือ่ งบันทกึ เสยี งการอ่านทานองเสนาะเรื่อง “โคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางค์” ให้นกั เรยี น
ฟงั พร้อมทง้ั สงั เกตท่วงทานองการอ่าน แล้วให้ นกั เรยี นทากจิ กรรมการอา่ นตามลาดับ ดงั น้ี
- อ่านออกเสียงธรรมดาให้ถูกต้องตามอกั ขรวิธี พร้อมท้ังแบ่งวรรคตอนให้
ถกู ต้อง
- ใหอ้ ่านทานองเสนาะพร้อม ๆ กัน ตามครทู ลี ะบท
- ใหอ้ ่านทานองเสนาะพร้อม ๆ กนั ทั้งชน้ั
- แบ่งกลมุ่ ให้อ่านทานองเสนาะต่อกนั จนจบเรื่อง
- ให้อา่ นทานองเสนาะเป็นรายบุคคล
๓. ครแู ละนกั เรียนช่วยวิจารณ์การอ่านของแตล่ ะคนว่าถูกต้อง และมคี วามไพเราะเพยี งใด
๔. แบ่งนกั เรยี นออกเป็นกลุ่ม (จานวนกล่มุ และสมาชิกกลมุ่ ตามความเหมาะสม) แล้ว
ใหท้ ากิจกรรมดังหาความหมายของคาจากพจนานุกรม
๕. ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาเสนอผลการคน้ คว้าหนา้ ชนั้ เรยี น พร้อมสง่ เอกสาร

๒๖๙

ประกอบการรายงาน
๖. ครตู ง้ั คาถามใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามจากเร่ือง
๗. นักเรียนทาบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
๘. ครมู อบหมายงานให้นักเรยี นไปฝึกท่องจาคาประพันธ์อา่ น “โคลงสุภาษติ โสฬสไตรยางค์”

ส่ือ / แหล่งเรยี นรู้

ลาดบั ที่ รายการสื่อ กิจกรรมท่ีใช้ แหลง่ ที่ไดม้ า
๑ เพ่มิ เติมความชดั เจนในเน้ือหา ครูจดั เตรียม
๒ เครอ่ื งบันทึกเสียง นกั เรียนทาบตั รกจิ กรรม ครูจดั ทา
๓ นักเรียนดูภาพและฝึกอ่าน ครูจดั หา
บตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๔ ตรวจสอบ ครูจัดทา
๕ หนังสือเรียน ชุด วรรณคดี เพ่ิมเติมความชดั เจนในเนื้อหา ครูจดั เตรียม
วิจักษ์ ชนั้ ม.๒
๖ เฉลยบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ บันทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครจู ดั ทา
เคร่อื งบันทกึ เสียงการอา่ น
ทานองเสนาะ
แบบประเมินการสงั เกต
พฤติกรรม

การวัดผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครือ่ งมอื ที่ใช้ใน วิธีการประเมิน เกณฑ์การประเมิน
ประเมิน การประเมนิ สงั เกตรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๑. นกั เรียนท่องจาคา
ประพนั ธ์ แบบประเมนิ
๒. นักเรียนทาบัตรกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
พฤติกรรม และแบบ
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ ประเมินผลงาน
ผลงานระหว่างเรยี น แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุม่ ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป

ผลงานระหว่างเรยี น

๒๗๐

กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ..........................

๒๗๑

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรตู้ ามผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรยี นทงั้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับปรับปรุง – คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
......................................................................................................... ...............................................

............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... ..........................................

๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
.................................................................................................................................. ..................
๔. การปรับปรุงแก้ไข
............................................................................................ ...............................................
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ
................................................................................................................................... .....................
.............................................................................................................. .........................................................

ลงชื่อ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อปุ ชติ กุล )
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ

๒๗๒

ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...........................

..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอ่ื .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )

ผอู้ านวยการโรงเรียนโคกโพธ์ิไชยศึกษา

๒๗๓

บัตรความรู้

๑. ความหมายของ “การอ่านทานองเสนาะ”
การอ่านทานองเสนาะคือวิธีการอ่านออกเสยี งอย่างไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรองประเภท โคลง

ฉันท์ กาพย์ กลอน ( พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ หนา้ ๓๙๘ )
บางคนใหค้ วามหมายวา่ การอ่านทานองเสนาะคือ การอ่านตามทานอง ( ทานอง = ระบบเสียงสงู

ตา่ ซง่ึ มีจงั หวะส้ันยาว ) เพ่ือให้เกิดความเสนาะ ( เสนาะ , นา่ ฟัง , เพราะ , วงั เวงใจ )
๒. วัตถปุ ระสงค์ในการอา่ นทานองเสนาะ

การอ่านทานองเสนาะเปน็ การอ่านใหค้ นอ่นื ฟัง ฉะน้นั ทานองเสนาะตอ้ งอ่านออกเสยี ง เสยี งทาให้
เกดิ ความรสู้ กึ - ทาให้เห็นความงาม - เห็นความไพเราะ - เห็นภาพพจน์ ผฟู้ ังสัมผสั ด้วยเสียงจึงจะ
เขา้ ถึงรสและความงามของบทรอ้ ยกรอง ท่ีเรยี กวา่ อ่านแล้วฟังพริ้ง – เพราะเสนาะโสด การอ่านทานอง
เสนาะจงึ มุ่งใหผ้ ู้ฟงั เข้าถึงรสและเหน็ ความงามของบทร้อยกรอง
๓. ทม่ี าของการอ่านทานองเสนาะ

เขา้ ใจว่า การอ่านทานองเสนาะมมี านานแล้วแตค่ รง้ั กรุงสุโขทัย เท่าทป่ี รากฎหลกั ฐานในศิลาจารกึ
พ่อขนุ รามคาแหง พุทธศักราช ๑๘๓๕ หลกั ท่หี น่งึ บรรทัดที่ ๑๘ - ๒๐ ดังความว่า “ ……….. ด้วยเสียง
พาเสยี งพิณ เสยี งเล้ือน เสยี งขบั ใครจักมกั เลน่ เลน่ ใครจักมักหวั – หัว ใครมักจกั เล้ือน เลอื้ น
……………..”จากขอ้ ความดงั กล่าว ฉนั ทิชย์ กระแสสนิ ธ์ุ กล่าวว่า เสยี งเลื้อนเสยี งขับ คอื การรอ้ ง
เพลงทานองเสนาะ

ส่วน ทองสืบ ศภุ ะมารค ช้ีแจงวา่ “ เลื้อน ” ตรงกบั ภาษาไทยถ่ินว่า “ เลนิ่ ” หมายถงึ การ
อา่ นหนังสอื เอื้อนเป็นทานอง ซึ่งคลา้ ยกับทป่ี ระเสริฐ ณ นคร อธิบายวา่ เล้ือน เปน็ ภาษาถิ่น แปลว่า
อา่ นทานองเสนาะ โดยอ้างอิง บรรจบ พนั ธเุ มธา กลา่ ววา่ คานเี้ ป็นภาษาถิ่นของไทย ในพมา่ คือไทย
ในรฐั ฉานหรอื ไทยใหญน่ ่ันเอง จากความคดิ เหน็ ของผู้รู้ ประกอบกับหลักฐาน พ่อขนุ หลามคาแหงดังกล่าว
ทาใหเ้ ชอ่ื ว่า การอ่านทานองเสนาะของไทยมีมานานหลายร้อยปีแลว้ โดยเรยี กเปน็ ภาษาถ่ินวา่ “ เลื้อน ”

ทมี่ าของตน้ เค้าของการอา่ นทานองเสนาะพอจะสันนิษฐานได้วา่ น่าจะมบี ่อเกดิ จากการดาเนินวิถี
ชวี ิตของคนไทยสมยั กอ่ นท่มี คี วามเกย่ี วพันกบั การร้องเพลงทานองต่าง ๆ ตลอดมา ทงั้ นี้จากเหตุผลท่วี ่า คน
ไทยมีนิสยั ชอบพูดคาคล้องจองใหม้ ีจังหวะด้วยลกั ษณะสมั ผัสเสมอ ประกอบกบั คาภาษาไทยที่มวี รรณยกุ ต์
กากับจงึ ทาใหค้ ามีระดบั เสยี งสูงต่าเหมือนเสียงดนตรี เม่อื ประดษิ ฐ์ทานองง่าย ๆ ใสเ่ ขา้ ไปก็ทาให้สามารถ
สร้างบทเพลงร้องขึน้ มาได้แล้ว ดังนน้ั คนไทยจงึ มีโอกาสไดฟ้ งั และชื่นชมกบั การร้องเพลงทานองต่าง ๆ ตั้งแต่
เกิดจนตายทีเดยี ว

๒๗๔

ศลิ ปะการอ่านทานองเสนาะจึงข้นึ อยู่กับความสามารถของผู้อ่าน และความไพเราะของบทประพนั ธ์

แต่ละประเภท โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงผ้อู า่ นทานองเสนาะจึงต้องศึกษาวิธกี ารอา่ นให้ไพเราะและต้องหม่ันฝึกฝน

การอ่านจนเกดิ ความชานาญ

อน่งึ ศลิ ปะการอ่านทานองเสนาะอยู่ทต่ี วั ผูอ้ ่านต้องรู้จกั วธิ ีการอ่านทอดเสียง โดยผ่อนจงั หวะใหช้ ้า

ลง การเอือ้ นเสียง โดยการลากเสยี งช้า ๆ เพื่อใหเ้ ข้าจังหวะและใหห้ างเสยี งให้ไพเราะ การคร่ันเสียง

โดยทาเสยี งสะดดุ สะเทือนเพ่ือความไพเราะเหมาะสมกับบทกวีบางตอน การหลบเสียง โดยการหกั เหให้

พลิกกลบั จากเสียงสูงลงมาเป็นตา่ หรือจากเสยี งต่าข้ึนไปเปน็ เสียงสูง เนื่องจากผอู้ า่ นไมส่ ามารถท่ีจะ

ดาเนนิ ตามทานองต่อไปไดเ้ ป็นการหลบหนจี ากเสียงที่เกินความสามารถ จึงตอ้ งหกั เหทานองพลกิ กลับเข้ามา

ดาเนินทานองในเขตเสยี งของตน และ การกระแทกเสยี ง โดยการอา่ นกระชากเสยี งให้ดงั ผิดปกตใิ นโอกาสท่ี

แสดงความโกรธหรือความไม่พอใจหรือเมื่อต้องการเนน้ เสยี ง

( มนตรี ตราโมท ๒๕๒๗ : ๕๐ )

๔. รสทใี่ ชใ้ นการอ่านทานองเสนาะ

๔.๑ รสถ้อย ( คาพดู ) แตล่ ะคามีรสในคาของตนเอง ผอู้ า่ นจะต้องอ่านใหเ้ กดิ รสถ้อย

ตวั อยา่ ง

สกั วาหวานอ่ืนมหี มื่นแสน ไม่เหมือนแมน้ พจมานท่หี วานหอม

กลน่ิ ประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจติ โนม้ ดว้ ยโลมลม

แม้นลอ้ ลามหยามหยาบไม่ปลาบปลม้ื ดงั ดดู ด่ืมบอระเพด็ ต้องเข็ดขม

ผู้ดไี พร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟังลมเมินหนา้ ระอาเอย

( พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงบดนิ ทรไ์ พศาลโสภณ )

๔.๒ รสความ (เรอ่ื งราวทีอ่ า่ น) ขอ้ ความทอ่ี ่านมเี ร่ืองราวเก่ยี วกับอะไร เช่น โศกเศร้า

สนุกสนาน ตน่ื เต้น โกรธ รกั เวลาอา่ นตอ้ งอา่ นให้มีลีลาไปตามลกั ษณะของเน้ือเรื่องน้นั ๆ

ตัวอยา่ ง : บทโศกตอนท่ีนางวนั ทองไปสง่ พลายงามให้ไปหายา่ ทองประศรที ส่ี ุพรรณบรุ ี

ลูกก็แลดแู ม่แม่ดลู ูก ตา่ งพนั ผกู เพียงว่าเลือดตาไหล

สะอ้ืนร่าอาลาดว้ ยอาลัย แล้วแขง็ ใจจากนางตามทางมา

เหลียวหลงั ยังเหน็ แม่แลเขม้น แม่กเ็ ห็นลูกน้อยละห้อยหา

แต่เหลยี วเหลียวเล้ยี วลบั วับวญิ ญาณ์ โอเ้ ปล่าตาต่างสะอ้ืนยนื ตะลึง

( เสภาขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนกาเนดิ พลายงาม : สนุ ทรภู่ )

ตวั อยา่ ง : บทสนกุ สนาน ในนิราศพระบาท ขณะมีมวยปล้า

ละครหยุดอุตลุดดว้ ยมวยปล้า ยนื ประจาหมายสู้เป็นคู่ขัน

มงคลใสส่ วมหวั ไม่กลัวกัน ตั้งประจันจดจบั ขยับมอื

ตเี ข้าปบั รับโปกสองมือปิด ประจบติดเตะผางหม้อขว้างหวอื

กระหวดั หวิดหววิ ผวาเสียงฮาฮอื คนดอู ้อเออกนั สนนั่ อึง

๒๗๕

๔.๓ รสทานอง ( ระบบสงู ตา่ ซึง่ มีจงั หวะสนั้ ยาว ) ในบทร้อยกรองไทยจะประกอบดว้ ยทานอง

ตา่ ง ๆ เช่น ทานองโคลง ทานองฉันท์ ทานองกาพย์ ทานองกลอน และทานองร่าย เป็นตน้ ผู้อา่ น

จะตอ้ งอา่ นให้ถูก ตอ้ งตามทานองของร้อยกรองนน้ั เช่น โคลงส่ีสภุ าพ

สตั ว์ พวกหน่งึ นี้ช่อื พหบุ า ทาแฮ

มี อเนกสมญา ยอกย้อน

เทา้ เกิดย่งิ จัตวา ควรนบั เขานอ

มาก จวบหมื่นแสนซ้อน สดุ พ้นประมาณ ฯ

๔.๔ รสคลอ้ งจอง ในบทรอ้ งกรองต้องมีคาคลอ้ งจองในคาคล้องจองน้นั ต้องให้ออกเสยี ง

ต่อเนื่องกัน โดยเน้นเสียงสัมผัสนอกเป็นสาคัญ เชน่

ถงึ โรงเหลา้ เตากลน่ั ควันโขมง มีคันโพงผกู สายไว้ปลายเสา

โอ้บาปกรรมน้านรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึง่ บา้ เป็นน่าอาย

ทาบุญบวชกรวดนา้ ขอสาเรจ็ พระสรรเพชญโพธญิ าณประมาณหมาย

ถึงสรุ าพารอดไม่วอดตาม ไม่ใกลก้ รายแกลง้ เมินกเ็ กินไป

ไมเ่ มาหล้าแต่เรายังเมารัก สุดจะหกั หา้ มจติ คดิ ไฉน

ถงึ เมาเหลา้ เช้าสายก็หายไป แตม่ าใจนี้ประจาทุกคา่ คืน

( นิราศภเู ขาทอง : สุนทรภู่ )

๔.๕ รสภาพ เสยี งทาให้เกิดภาพ ในแต่ละคาจะแฝงไปด้วยภาพ ในการอ่านให้เห็นภาพต้อง

ใช้เสียง สูง – ตา่ ดงั – คอ่ ย แล้วแตจ่ ะใหเ้ กดิ ภาพอย่างไร เช่น

“ มดเอย๋ มดแดง เล็กเลก็ เรยี่ วแรงแข็งขยัน ”

“ สุพรรณหงส์ทรงพหู่ ้อย งามชดชอ้ ยลอยหลังสินธุ์ ”

“ อยธุ ยายศลม่ แลว้ ลอยสวรรค์ ลงฤา ”

๕. หลักการอา่ นทานองเสนาะ มีดงั น้ี

๕.๑ กอ่ นอา่ นทานองเสนาะใหแ้ บ่งคาแบ่งวรรคให้ถกู ต้องตามหลกั คาประพนั ธ์เสยี ก่อน โดยตอ้ ง

ระวงั ในเรอ่ื งความหมายของคาดว้ ย เพราะคาบางคาอา่ นแยกคากนั ไม่ได้ เชน่

“ สรอ้ ยคอขนมยรุ ะ ยงู งาม ”

( ขน – มยรุ ะ , ขนม – ยุระ )

“ หวนห่วงมว่ งหมอนทอง อกี อกร่องรสโอชา ”

( อีก – อก – รอ่ ง , อี – กอ – กร่อง )

“ ดเุ หวา่ จบั เตา่ รา้ งรอ้ ง เหมอื นจากห้องมาหยารศั มี ”

( เหมือน – มด , เหมอื น – มด – อด )

๒๗๖

๕.๒ อา่ นออกเสียงธรรมดาใหค้ ล่องก่อน

๕.๓ อา่ นใหช้ ดั เจน โดยเฉพาะออกเสียง ร ล และคาควบกล้าให้ถกู ต้อง เชน่

“ เกดิ เป็นชายชาตรอี ยา่ ขี้ขลาด บรรยากาศปลอดโปรง่ โล่งสมอง

หยิบน้าปลาตราสบั ปะรดให้ทดลอง ไหนเลา่ นอ้ งครมี นวดหน้าทาให้ที

เนอ้ื นน้ั มโี ปรตนี กินเขา้ ไว้ คนเคราะห์ร้ายคลุ้มคลัง่ เร่อื งหนงั ผี

ใชน้ า้ คลองกรองเสียก่อนจึงจะดี เห็นมาลีคล่ีบานหนา้ บา้ นเอย ”

๕.๔ อ่านให้เออื้ สัมผสั เรยี กวา่ คาแปรเสยี ง เพือ่ ใหเ้ กิดเสียงท่ีไพเราะ เชน่

พระสมุทรสดุ ลกึ ล้น คณนา

( อ่านวา่ พระ – สะ – หมดุ – สุด – ลกึ – ล้น คน – นะ – นา )

ข้าขอเคารพอภิวาท ในพระบาทบพิตรอดสิ ร

( ขา้ – ขอ – เคา – รบ – อบ – พิ – วาด ใน – พระ – บาด – บอ – พดิ – อะ – ดดิ – สอน )

ขอสมหวังตงั้ ประโยชน์โพธิญาณ

( อ่านว่า ขอ – สม – หวงั – ตง้ั – ประ – โหยด – โพด – พิ – ยาน )

๕.๕ ระวัง ๓ ต อย่าให้ ตกหลน่ อยา่ ตอ่ เติม และอย่าตตู่ ัว

๕.๖ อา่ นให้ถูกจงั หวะ คาประพันธแ์ ต่ละประเภทจะมีจังหวะแตกต่างกนั ตอ้ งอ่านใหถ้ ูกวรรค

ตอนตามแบบแผนของคาประพันธ์นน้ั ๆ เช่น

มุทิงคนาฉันท์ ( ๒ - ๒ - ๓ )

“ ปะ๊ โท่น / ปะ๊ โทน / ปะ๊ โท่นโทน บรุ ุษ / สิโอน / สะเอวไหว

อนงค์ / นาเคล่ือน / เขย้ือนไป สะบัด / สไป / วไิ ลตา ”

๕.๗ อา่ นใหถ้ ูกทานองของคาประพนั ธน์ ัน้ ๆ ( รสทานอง )

๕.๘ ผู้อ่านตอ้ งใสอ่ ารมณ์ตามรสความของบทประพนั ธ์นัน้ ๆ รสรัก โศก ตื่นเตน้ ขบขัน

โกรธ แลว้ ใส่น้าเสียงใหส้ อดคลอ้ งกับรสหรอื อารมณ์ตา่ ง ๆ เหลา่ นนั้

๕.๙ อา่ นใหเ้ สียงดงั ( พอทีจ่ ะได้ยนิ กันทวั่ ถึง ) ไม่ใช่ตะโกน

๕.๑๐ ถา้ เปน็ ฉันท์ ตอ้ งอ่านให้ถูกต้องตามบังคับของครุ - ลหุ ของฉันท์น้ัน ๆ

ลหุ คอื ทีผ่ สมด้วยสระเสียงส้ัน และไม่มตี ัวสะกด เชน่ เตะ บุ และ เถอะ

ผวั ะ ยกเวน้ ก็ บ่อ นอกจาก นี้ถอื เป็นคาครุ ( คะ – รุ ) ท้ังหมด

ลหุ ให้เคร่ืองหมาย ( ุ ) แทนในการเขยี น

ครุ ใชเ้ ครอ่ื งหมาย ( ั ) แทนในการเขยี น

ตัวอย่าง : วสันตดลิ กฉนั ท์ ๑๔ มีครุ - ลหุ ดงั น้ี

ัั ั ั ุ ั ุ ุ ุ ั ุุัุ ัั

ั ั ุ ัุ ุ ุ ั ุุ ัุ ั ั

๒๗๗

อา้ เพศกเ็ พศนุชอนงค์ อรองค์กบั อบบาง

( อ่านว่า อ้า – เพด – ก็ – เพด – นุ – ชะ – อะ – นง อะ – ระ – อง – กอ้ – บอบ – บาง )

ควรแตผ่ ดงุ สิริสะอาง ศุภลกั ษณป์ ระโลมใจ

( อา่ นว่า ควน – แต่ – ผะ – ดงุ – สิ – หริ – สะ – อาง สุ – พะ – ลัก – ประ – โลม – ใจ )

๕.๑๑ เวลาอา่ นอ่านอยา่ ให้เสยี งขาดเป็นชว่ ง ๆ ต้องให้เสียงติดต่อกนั ตลอด เช่น

“ วันนั้นจนั ทร มดี ารากร เปน็ บรวิ าร เหน็ ส้นิ ดินฟ้า ในป่าทา่ ธาร มาลคี ลี่บาน ใบกา้ น

อรชร ”

๕.๑๒ เวลาจบใหท้ อดเสียงช้า ๆ

๖. ประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการอา่ นทานองเสนาะ

๖.๑ ชว่ ยให้ผฟู้ งั เขา้ ถึงถึงรสและเห็นความงามของบทร้อยกรองทีอ่ ่าน

๖.๒ ช่วยใหผ้ ้ฟู งั ไดร้ บั ความไพเราะและเกดิ ความซาบซง้ึ ( อาการรู้สกึ จบั ใจ

อยา่ งลกึ ซ้งึ )

๖.๓ ชว่ ยใหเ้ กดิ ความสนกุ สนาน ความเพลิดเพลิน

๖.๔ ชว่ ยให้จาบทรอ้ ยกรองได้รวดเรว็ และแมน่ ยา

๖.๕ ชว่ ยกลอ่ มเกลาจติ ใจให้เปน็ คนออ่ นโยนและเยือนเยน็

๖.๖ ช่วยสืบทอดวัฒนธรรม ในการอา่ นทานองเสนาะไวเ้ ป็นมรดกต่อไป

๒๗๘

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑

๑. ใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรม “นิทานเร่อื งนสี้ อนใหร้ ู้ว่า” โดยสรปุ ข้อคดิ ทไ่ี ด้จากนทิ านอสี ป ดังตอ่ ไปนี้

เทวดากบั คนขบั เกวียน

ชายผู้หนึ่งขบั เกวยี นไปในปา่ ลกู ล้อเกวยี นตกหล่มลกึ ควายลากไปไม่ไหว ชายผู้น้ันกลัวจะมืดค่ากลาง
ทาง จึงบนบานขอให้เทวดาชว่ ย ในขณะน้นั เทวดาทีเ่ ป็นเจ้าป่าลงมาบอกแกช่ ายผนู้ ั้นว่า

“จะยนื ดูอยู่ทาไมอีกเลา่ จงเอาบ่าแบกลูกล้อเข้า แล้วเฆ่ียนควายให้เดิน ลูกล้อก็จะเคล่ือนท่ีขึ้นจาก
หล่มได้ การที่ร้องโวยวายไปเสียก่อน ยังไมท่ นั จะไดล้ องกาลังของตนเองให้เต็มฝีมือดังนี้ จะให้ใครเขามีแก่ใจ
ชว่ ยเจา้ ได้”

นิทานเร่อื งนี้สอนใหร้ ้วู ่า ................................................................................................. ........

ลกู ปูกับแม่ปู

วนั หน่งึ เวลาน้าลงงวด ปสู องตวั แม่ลูกพากนั ไต่ลงไปหากินตามชายเลน ขณะเม่ือไต่ไปนั้นลูกเดินหน้า
แม่เดนิ หลงั ตาแม่จบั อยูท่ ่ีลูก พอไตไ่ ปได้สกั หนอ่ ย แมก่ ร็ อ้ งบอกไปแก่ลูกวา่

“นั่นทาไมเจ้าจึงงุ่มง่าม ซัดไปเซมาดังนั้น จะเดินให้ตรงๆ ทางไม่ได้หรือ จะได้ไปถึงที่หากินเสีย
เรว็ ๆ มัวเดนิ คดไปคดมาเช่นนี้ นา้ กจ็ ะข้ึนมาเสยี ก่อนเราไปถงึ ท่ี”

แม่ปกู เ็ ดินตรงไม่ได้ ด้วยวสิ ยั ปูยอ่ มเดนิ คดไปคดมาเปน็ ธรรมดา แตห่ ากแมป่ ไู มร่ ู้สึกตวั เอง
นทิ านเรอ่ื งนี้สอนให้รู้วา่ ................................................................................................. ........

๒๗๙

คนเล้ียงแพะกบั ลูกเสือ

ชายคนหน่ึงเปน็ พ่อคา้ ขายแพะ เลย้ี งแพะไวท้ ่รี มิ สถานีรถไฟฝูงหน่งึ วนั หน่ึงชายนั้นเข้าป่าจะไปตัดไม้
ไผม่ าทาคอกแพะ ขณะเม่อื เดินไปถึงเชิงเขา ชายผู้นั้นพบลูกเสือหลงแม่ตัวหน่ึงเดินอยู่แต่ลาพัง จึงจับเอามา
เล้ยี งไว้แลว้ หดั ให้ลกู เสือเที่ยวขโมยลกู แพะของชาวบ้านทใ่ี กลเ้ คียง

ส่วนลูกเสือน้ัน ถ้าวันไหนขโมยลูกแพะของชาวบ้านได้สองตัว ก็กัดกินเสียตัวหน่ึง เหลือเอาไปให้
เจ้าของแค่ตัวเดียว ถ้าวันไหนขโมยแพะของคนอ่ืนไม่ได้ พอตกกลางคืนลงก็ขโมยแพะของเจ้าของกินเสียทุก
วนั ไป

นทิ านเรอ่ื งนี้สอนใหร้ ู้วา่ .........................................................................................................

๒๘๐

เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑

๑. ให้นักเรียนทากจิ กรรม “นทิ านเรอื่ งนี้สอนใหร้ ูว้ ่า” โดยสรปุ ข้อคิดทีไ่ ด้จากนิทานอสี ป ดงั ต่อไปนี้

เทวดากับคนขับเกวียน
ชายผหู้ นง่ึ ขบั เกวียนไปในป่า ลกู ล้อเกวยี นตกหล่มลึกควายลากไปไม่ไหว ชายผู้นั้นกลังจะมืดค่ากลาง
ทาง จึงบนบานขอให้เทวดาชว่ ย ในขณะนัน้ เทวดาที่เป็นเจา้ ป่าลงมาบอกแก่ชายผู้น้นั วา่
“จะยืนดูอยทู่ าไมอีกเล่า จงเอาบ่าแบกลูกล้อเข้า แล้วเฆ่ียนควายให้เดิน ลูกล้อก็จะเคล่ือนท่ีขึ้นจาก
หล่มได้ การทีร่ ้องโวยวายไปเสยี ก่อน ยงั ไม่ทันจะไดล้ องกาลังของตนเองให้เต็มฝีมือดังน้ี จะให้ใครเขามีแก่ใจ
ชว่ ยเจ้าได้”
นิทานเร่อื งนีส้ อนใหร้ ูว้ ่า การหมายพงึ่ ตัวเองดกี วา่ พง่ึ ผอู้ ืน่

ลูกปูกบั แม่ปู
วนั หนึ่งเวลานา้ ลงงวด ปูสองตวั แมล่ ูกพากันไต่ลงไปหากนิ ตามชายเลน ขณะเม่ือไต่ไปนั้นลูกเดินหน้า
แม่เดินหลัง ตาแม่จับอยทู่ ล่ี กู พอไต่ไปไดส้ ักหนอ่ ย แมก่ ็รอ้ งบอกไปแกล่ ูกว่า
“น่ันทาไมเจ้าจึงงุ่มง่าม ซัดไปเซมาดังนั้น จะเดินให้ตรงๆ ทางไม่ได้หรือ จะได้ไปถึงที่หากินเสีย
เรว็ ๆ มวั เดนิ คดไปคดมาเชน่ นี้ นา้ กจ็ ะข้นึ มาเสยี ก่อนเราไปถงึ ท่ี”
แมป่ กู ็เดนิ ตรงไมไ่ ด้ ด้วยวสิ ัยปยู อ่ มเดนิ คดไปคดมาเปน็ ธรรมดา แต่หากแมป่ ูไมร่ สู้ ึกตวั เอง
นทิ านเร่ืองน้สี อนใหร้ ู้วา่ การท่จี ะส่งั สอนผูอ้ นื่ ใหท้ าอยา่ งใดน้ัน เราตอ้ งทาได้เองกอ่ น

๒๘๑

คนเล้ยี งแพะกับลกู เสือ
ชายคนหนึ่งเปน็ พอ่ ค้าขายแพะ เลยี้ งแพะไวท้ ีร่ ิมสถานีรถไฟฝงู หนง่ึ วนั หน่ึงชายนั้นเข้าป่าจะไปตัดไม้
ไผ่มาทาคอกแพะ ขณะเมอ่ื เดินไปถึงเชิงเขา ชายผู้นั้นพบลูกเสือหลงแม่ตัวหนึ่งเดินอยู่แต่ลาพัง จึงจับเอามา
เล้ียงไว้แลว้ หดั ให้ลกู เสอื เทยี่ วขโมยลกู แพะของชาวบ้านทใี่ กล้เคียง
ส่วนลูกเสือน้ัน ถ้าวันไหนขโมยลูกแพะของชาวบ้านได้สองตัว ก็กัดกินเสียตัวหนึ่ง เหลือเอาไปให้
เจ้าของแต่ตัวเดียว ถ้าวันไหนขโมยแพะของคนอ่ืนไม่ได้ พอตกกลางคืนลงก็ขโมยแพะของเจ้าของกินเสียทุก
วันไป
นิทานเร่ืองนี้สอนใหร้ วู้ า่ การคดิ หาประโยชน์ใส่ตัวในทางมิชอบ ลงท้ายมกั จะเสียประโยชน์ตนเอง

๒๘๒

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๒

คาชี้แจง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มคัดเลือกโคลงสุภาษิต แล้วคัดด้วยตัวบรรจงครึ่งบรรทัด กลุ่มละ ๓ บท
แล้วถอดคากลอนนน้ั เปน็ รอ้ ยแกว้

คำกลอนที่คดั เลือกมำคือ.....
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................

๒๘๓

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑.๖

กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒

หนว่ ยที่ ๑ โคลงสภุ าษิต เวลา ๗ ช่วั โมง

เร่ือง รอ้ ยกรองร้อยความคิด เวลา ๑ ชั่วโมง

ใชส้ อนวันท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใช้ตดั สนิ ใจแก้ปัญหา
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ในการดาเนนิ ชีวิตและมีนสิ ัยรักการอา่ น
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ

ตัวชว้ี ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แต่งบทร้อยกรอง

สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/ท้องถน่ิ

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออก ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คุณลกั ษณะ (A)
เสยี งบทรอ้ ยแก้วและบท
ร้อยกรองได้ถกู ต้อง - หลกั การอา่ นออก - ฝกึ ทักษะการอ่านออกเสียง -มมี ารยาทในการอ่าน
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บท
รอ้ ยกรอง เสียงรอ้ ยแก้วและร้อย รอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรอง -อ่านได้ถูกต้องชดั เจน

กรอง ตามหลกั การอ่าน

การแตง่ กลอนสุภาพ ฝึกแต่งกลอนสุภาพ - แต่งกลอนสภุ าพ

การแต่งโคลงสี่สภุ าพ ฝึกแตง่ โคลงสสี่ ุภาพ -แตง่ โคลงสส่ี ภุ าพ

ไดถ้ ูกตอ้ งตาม

ฉันทลกั ษณ์

๒๘๔

สาระสาคัญ
๑. การอ่านบทร้อยกรองได้ถูกต้องไพเราะสละสลวย และเขา้ ใจสาระการเรียนร้ทู าให้

เหน็ ความงาม และคุณค่าของภาษาไทย เป็นการส่งเสริมศิลปวฒั นธรรมทางภาษาของชาติ
๒. การเขียนบทรอ้ ยกรองโดยเข้าใจลกั ษณะฉนั ทลกั ษณ์ของคาประพนั ธ์ และเขียนสาระ

การเรียนรไู้ ด้เหมาะสม จะทาให้ผูอ้ ่านเกิดความซาบซงึ้ และเห็นคณุ ค่าของภาษาไทยมากขึน้

สาระการเรียนรู้
๑. การอ่านบทเรียน เรื่อง โคลงสุภาษิต พระราชนพิ นธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั
๒. การฝกึ แต่งคาประพันธป์ ระเภทโคลงสุภาษติ

กระบวนการเรยี นรู้
๑. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สนทนาถึงการอนรุ ักษ์ภาษาไทยในฐานะที่เปน็ ศลิ ปวฒั นธรรม

และเอกลกั ษณ์ของชาติ
๒. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลมุ่ (ตามความเหมาะสม) โดยให้แตล่ ะกลุม่ ศึกษาบทร้อยกรอง

โคลงสุภาษติ พระราชนิพนธพ์ ระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั จากหนังสือเรียนภาษาไทย ชดุ
วรรณคดวี จิ กั ษ์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ โดยดาเนนิ การ สารวจคาศัพทห์ รือสานวนภาษา แลว้ ศึกษาคาอ่าน
และความหมายร่วมกนั จากนั้นสมาชิกในกล่มุ อภปิ รายสรุปใจความสาคัญและข้อคิดท่ไี ดจ้ ากบทเรยี นโคลง
สภุ าษติ และนักเรียนร่วมกันฝึกอ่านบทเรียนเปน็ ทานองเสนาะ แนะนา ข้อบกพร่อง และแนวทางแกไ้ ข
ใหแ้ กเ่ พื่อนภายในกล่มุ จากนน้ั นักเรียนผลดั เปลีย่ นกันอ่านโคลงสภุ าษิตเป็นทานองเสนาะ และให้เพือ่ นใน
กลมุ่ ทเี่ หลือประเมินผลการอา่ น

๓. นกั เรยี นทุกกลมุ่ ชว่ ยกันลากเสน้ โยงคาเสน้ สมั ผัสระหวา่ งวรรคของคาประพนั ธป์ ระเภท
โคลงสุภาษิตจากแบบฝึกหดั

๔. นาแผนผงั คาประพันธโ์ คลงสุภาษิตติดกระดานดา และใหน้ ักเรียนทกุ กลุ่มตรวจสอบ
ความถูกต้องให้สมาชกิ แต่ละกลุ่ม แข่งขนั กนั เรยี งแถบข้อความให้ถูกต้องตามลักษณะโคลงสภุ าษิตตาม
ขั้นตอน

๕. นกั เรยี นและครชู ่วยกนั สรปุ บทเรียน เรื่อง การอ่านบทรอ้ ยกรองใหเ้ ป็นทานองเสนาะ
และสรุปหลักเกณฑใ์ นการแต่งคาประพนั ธป์ ระเภทโคลงสภุ าษิต

๖. นักเรยี นทาบตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๗. มอบหมายให้นกั เรยี นไปอ่านโคลงสุภาษิตหรือศึกษาค้นควา้ เพิ่มเติมเปน็ การบา้ น

๒๘๕

ส่ือ / แหล่งเรียนรู้

ลาดับที่ รายการส่อื กิจกรรมทใ่ี ช้ แหล่งทีไ่ ด้มา
๑ นกั เรียนทาบัตรกจิ กรรม ครูจัดทา
๒ บัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นดูภาพและฝกึ อ่าน ครจู ัดหา

๓ หนังสอื เรยี น ชุด วรรณคดี ตรวจสอบ ครูจดั ทา
๔ วิจกั ษ์ ช้ัน ม.๒ บนั ทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
เฉลยบตั รกิจกรรมการเรียนรู้
แบบประเมนิ การสังเกต
พฤติกรรม

การวัดผลและประเมนิ ผล

กิจกรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่อื งมอื ทีใ่ ชใ้ น วธิ กี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
ประเมนิ การประเมิน
๑. นกั เรียนนาเสนอ
๒. นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรม แบบประเมินรายกลุ่ม สังเกตรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขึน้ ไป
การเรียนรู้
แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรียน พฤติกรรม และแบบ

ประเมินผลงาน

แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป

ผลงานระหวา่ งเรียน

กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ..........................

๒๘๖

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรูต้ ามผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรยี นทงั้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับปรับปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ............................................
๔. การปรบั ปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................................................................
๕. ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
......................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. ..........................................

ลงช่ือ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกุล )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๒๘๗

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๒๘๘

บตั รความรู้

เร่อื ง “การแตง่ โคลงส่ีสภุ าพ”

โคลง คือ คาประพนั ธ์ซึง่ เป็นวิธีเรียงร้อยถ้อยคาเข้าคณะ มีกาหนดเอกโทและสัมผัสโคลงมีลักษณะ
บังคับ ๖ อย่างได้แก่ คณะ พยางค์ สมั ผสั คาเอกคาโท คาเป็นคาตาย และคาสรอ้ ย

ในใบความรปู้ ระกอบน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะ “โคลงสส่ี ภุ าพ” เท่านน้ั
คา “สุภาพ” ในโคลงน้ัน อาจารย์กาชัย ทองหล่อ ได้อธิบายไว้ว่า มีความหมายเป็น ๒ อย่าง
คือ
๑. หมายถงึ คาทไ่ี มม่ เี คร่ืองหมายวรรณยกุ ตเ์ อกโท (คือ คาธรรมดาทไี่ ม่กาหนดเอก
โทจะมีหรือไม่มีกไ็ ด้)
๒. หมายถงึ การบังคบั คณะและสมั ผัสอยา่ งเรยี บๆ ไม่โลดโผน โคลงสุภาพทง้ั ๗
ชนดิ มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ดังจะได้อธบิ ายตอ่ ไป
ก่อนอืน่ นกั เรียนควรรจู้ ักลักษณะระดับของโคลง ซ่ึงมดี งั น้ี
๑. คณะ คอื ขอ้ กาหนดเกี่ยวกับรปู แบบของคาประพันธแ์ ตล่ ะชนดิ วา่ จะต้อง
ประกอบดว้ ยสว่ นย่อยๆ อะไรบ้าง
คาทเี่ ปน็ คายอ่ ยของคณะ ไดแ้ ก่ บท บาท วรรค คา
ลักษณะบังคับขอ้ นสี้ าคัญมาก คาประพันธ์ทกุ ชนิดจะตอ้ งมีคณะ ถ้าไมม่ ีก็ไม่เป็นคาประพันธ์ คณะที่
เป็นสง่ิ ทชี่ ่วยกาหนดรูปแบบของคาประพันธแ์ ต่ละชนิดให้เปน็ ระเบียบเพอื่ ใช้เป็นหลักในการแตง่ ต่อไป
๒. พยางค์ คือ เสียงทีเ่ ปลง่ ออกมาครั้งหนงึ่ ๆ บางทกี ม็ ีความหมาย เช่น เมอื งไทยนี้ดี
บางทีก็ไม่มีความหมาย แต่เป็นส่วนหนึ่งของคา เช่น ภิ ในคาว่า อภินิหาร ยุ ในคายุวชน กระ ในคา
กระถาง เปน็ ตน้
เน่ืองจากคนไทยเราแต่เดิมมีพยางค์เดียวโดยมาก ฉะน้ันในการแต่งคาประพันธ์เราถือว่าพยางค์ก็คือ
คานัน่ เอง ในคาประพนั ธ์แต่ละชนิดมกี ารกาหนดพยางค์ (คา) ไว้แนน่ อน ว่าวรรคหนึง่ มกี ่ีพยางค์ (คา)
ในคาประพันธป์ ระเภทฉนั ท์ ซ่งึ ถือ ครุ ลหุ เปน็ สาคัญ เรานับแต่ละพยางค์เป็น ๑ คาเสมอ เช่น
สจุ รติ นบั เปน็ ๓ พยางค์ (๓ คา) แต่ถ้าสุจรติ ไปอยใู่ นโคลง เชน่
“สุจริต คือ เกราะบัง ศาสตร์พ้อง” เรานับเพียง ๒ คาเท่าน้ัน คือ ให้รวมเสียง ลหุ ๒
พยางคท์ ่อี ยูใ่ กลก้ ัน เป็น ๑ คา
และในทานองเดียวกัน ถ้าคาใดมี ๒ พยางค์ เป็นลหุพยางค์หนึ่ง เช่น กระถาง สมัคร ตลอด
สะบดั กอ็ นโุ ลมใหน้ บั เปน็ ๑ พยางค์ (คา) ได้

๒๘๙

จะเห็นได้ว่าในการนับพยางค์ (คา) น้ันต้องแล้วแต่ลักษณะบังคับของร้อยกรองแต่ละประเภท ซึ่งผู้
แต่งคาประพนั ธ์จะตอ้ งสงั เกตใหด้ ี

๓. สมั ผสั คอื ลกั ษณะทีย่ งั บงั คบั ให้ใชค้ าคล้องจองกัน สมั ผัส เป็นลักษณะทสี่ าคัญ
ทีส่ ดุ ในคาประพนั ธ์ของไทย คาประพันธท์ ุกชนดิ จาเป็นตอ้ งมสี ัมผัส

๔. คาเอก คาโท หมายถงึ พยางค์ทีบ่ ังคับดว้ ย ไมเ้ อก และไม้โท สาหรบั ใชก้ บั
คาประพนั ธ์ประเภทโคลงเท่าน้ัน มีขอ้ กาหนดดังน้ี

คาเอก ไดแ้ ก่ พยางคท์ ่ีมไี ม้เอกบงั คบั ทั้งหมด เชน่ จ่า ปี่ ขี่ ส่อ น่า คี่ และพยางค์ที่เป็นคาตาย
ทง้ั หมด จะมเี สียงวรรณยกุ ตใ์ ดก็ได้ เชน่ กาก บอก มาก โชค คิด รัก

คาเอกโทษ คือ คาทไ่ี มเ่ คยใชไ้ ม้เอกแต่เอามาแปลงใช้โดยเปล่ียนวรรณยุกต์ เป็นเอกเพื่อให้
ได้เสียงเอกตามบังคับ เช่น เส้ียม เปล่ียนเป็น เซี่ยม, สร้าง เปล่ียนเป็น ซ่าง คาเช่นนี้ อนุโลมให้เป็นคา
เอกได้

คาโท ได้แก่ พยางคท์ ีม่ ไี ม้โทบังคบั ทัง้ หมด เช่น ถา้ ป้า น้า น้อย ปอ้ ม ยม้ิ
คาโทโทษ คอื คาท่ไี มเ่ คยใชไ้ ม้โท แตเ่ อาแปลงใช้โดยเปล่ยี นวรรณยุกต์เป็นโท เพ่ือได้เสียง

โทตามบังคบั เชน่ เล่น เปลย่ี นเป็น เหล้น, ชว่ ย เปลย่ี นเป็นฉ้วย คาเชน่ น้อี นโุ ลมใหเ้ ป็นคาโทได้
๕. คาเปน็ คาตาย
คาเป็น ได้แก่ พยางค์ท่ีผสมด้วยสระเสียงยาวในมาตราแม่ ก กา เช่น มา ข่ี ถือ เมีย กับ

พยางค์ที่ผสมด้วย สระ อา ไอ ใอ เอา เช่น ทา ไม่ เขา และพยางค์ท่ีสะกดด้วยมาตราแม่ ก ง กน
เกย เกอว เช่น สัง่ ถ่าน ลม้ ตาย เรว็

คาตาย ได้แก่ พยางค์ท่ีผสมด้วยสระเสียงสั้น ในมาตราแม่ ก กา เช่น จะ ติ และพยางค์ที่
สะกดดว้ ยมาตราแม่ กก กด กบ เชน่ ปกั นาค คดิ มอื เก็บ สาป คาตายน้ีใช้แทนคาเอกในโคลงได้

๖. คาสร้อย คอื คาที่ใชเ้ ตมิ ลงทา้ ยวรรค ท้ายบาท หรอื ท้ายบท เพือ่ ความไพเราะ
หรือเพ่อื ใหค้ รบจานวนคาตามลักษณะบงั คับ บางแหง่ กใ็ ชเ้ ป็นคาถาม หรือใช้ย้าความ คาสร้อยน้ีใช้เฉพาะใน
โคลงและรา่ ย และมักจะเป็นคาเป็น เช่น แลนา พี่เอย ฤาพี่ แมแ่ ล น้อยเฮ หนง่ึ รา

ตวั อยา่ ง : คาสร้อย

โคลงสี่สภุ าพ

เอยี งอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย
เมรุชบุ สมทุ รดนิ ลง เลขแต้ม
อากาศจดั จารผจง จารกึ พอฤา
โฉมแม่หยาดฟา้ แย้ม อยูร่ อ้ ยฤาเหน็

(นริ าศนรินทร์)

๒๙๐

โคลงสสี่ ุภาพ
ผงั ภมู ิ :

สรอ้ ย

สร้อย

ตวั อยา่ ง ๑

เสียงลอื เสียงเล่าอ้าง อนั ใด พ่ีเอย

เสยี งยอ่ มยอยศใคร ทัว่ หล้า

สองเขอื พี่หลับใหล ลืมตน่ื ฤาพี่

สองพคี่ ดิ เองอ้า อย่าได้ถามเผือ

(ลลิ ติ พระลอ)

ตวั อยา่ ง ๒

จากมามาล่ิวล้า ลาบาง

บางยี่เรือราพลาง พพ่ี ร้อง

เรอื แผงชว่ ยพานาง เมียงมา่ น มานา

บางบ่รับคาคล้อง คลา่ วน้าตาคลอ

(นิราศนรินทร)์

หมายเหตุ : โคลงสองบทน้ี ถือเป็นโคลงสี่สุภาพแม่บทที่มีบังคับสัมผัสเอกโทถูกต้องตามลักษณะบังคับ

ของโคลงสี่สภุ าพทกุ อยา่ ง นักเรียนควรทอ่ งจาไว้ใหไ้ ด้

๒๙๑

กฎ :

๑. คณะ มดี ังน้ี

โคลงส่สี ุภาพบทหนึง่ มี ๔ บาท บาทหน่งึ มี ๒ วรรค คือ วรรคหนา้ กบั วรรค

หลัง วรรคหลังของทุกบาท มีวรรคละ ๕ คา วรรคหลังของบาทท่ี ๑, ๒ และ ๓ มีวรรคละ ๒ คา

ส่วนของบาทท่ี ๔ มี ๔ คา รวมโคลงสีส่ ภุ าพ บทหน่งึ มี ๓๐ คา

๒. สัมผสั มดี งั นี้

คาที่ ๗ ของบาทที่ ๑ สมั ผสั กับคาที่ ๕ ของบาทที่ ๒ และ ๓ คาที่ ๗ ของบาท

ท่ี ๒ สมั ผสั กับคาที่ ๕ ของบาทที่ ๔

ถา้ จะให้โคลงทีแ่ ต่งไพเราะยง่ิ ข้ึน ควรมีสัมผสั ใน และสัมผัสอกั ษรระหว่างวรรคดว้ ย

กล่าวคือ ควรให้คาสุดท้ายของวรรคหน้า สัมผัสอักษรกับคาหน้าของวรรคหลัง จากตัวอย่างในโคลงได้แก่

คา “อ้าง” กับ “อนั ” “ใหล” กบั “ลืม”

๓. คาเอกคาโทและคาเป็นคาตาย มีดงั น้ี

๑) ต้องมคี าเอก ๗ แหง่ และคาโท ๔ แหง่ ตามตาแหน่งท่เี ขียนไวใ้ นแผนผงั ภูมิ

๒) ตาแหนง่ คาเอก และโท ในบาทที่ ๑ อาจสลบั ท่ีกนั ได้ คอื เอาคาเอกไปไวใ้ น

คาท่ี ๕ และเอาคาโทมาไว้ในคาที่ ๔ เชน่

อยา่ โทษไทท้าวทว่ ย เทวา

อยา่ โทษสถานภูผา ยา่ นกว้าง

อย่าโทษหมู่วงศา มติ รญาติ

โทษแต่กรรมเองสร้าง สง่ ใหเ้ ปน็ เอง

(โคลงโลกนติ )ิ

๓) คาท่ี ๗ ของบาทท่ี ๑ และคาที่ ๕ ของบาทท่ี ๒ และ ๓ หา้ ใช้คาที่มรี ปู
วรรณยกุ ต์

๔) หา้ มใช้คาตายที่ผนั ดว้ ยวรรณยกุ ตโ์ ท ในตาแหน่งโท
๕) คาสดุ ท้ายของบท หา้ มใชค้ าตาย และคาที่มรี ปู วรรณยุกต์ และเสยี งทนี่ ยิ ม
กันว่าไพเราะ คือ เสียงจัตวาไม่มีรูป หรือจะใช้เสียงสามัญก็ได้เพราะเป็นคาจบ จะต้องอ่านเอื้อนลากเสียง
ยาว

๒๙๒

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

คาชแ้ี จง นักเรยี นลากเส้นโยงคาสัมผัสในแผนภูมิโคลงส่ีสุภาพให้ถกู ต้อง แลว้ ฝกึ แตง่ โคลงสี่สภุ าพคนละ ๒ บท
ตามความชอบและจนิ ตนาการของนกั เรียนเอง

โคลงสสี่ ุภาพ
ผงั ภมู ิ :

สร้อย

สร้อย

............................... .....................
............................................. .....................
............................................ .....................
........................................... .....................

............................... ......................
............................................. ......................
............................................. ......................
............................................. ......................

๒๙๓
คาชี้แจง นักเรยี นลากเส้นโยงคาสมั ผัสในแผนภมู โิ คลงสีส่ ุภาพให้ถูกตอ้ ง แลว้ ฝกึ แตง่ โคลงส่ีสภุ าพคนละ ๒ บท
ตามความชอบและจนิ ตนาการของนักเรียนเอง

โคลงสส่ี ภุ าพ
ผงั ภูมิ :

สร้อย

สร้อย

( การแต่งอยูใ่ นดุลพินจิ ของครูผสู้ อน )

๒๙๔

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๕.๗

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒

หนว่ ยที่ ๑ โคลงสุภาษติ เวลา ๗ ช่ัวโมง

เรื่อง อา่ นคิดสรุปเรอ่ื ง เวลา ๑ ชัว่ โมง

ใชส้ อนวันท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพื่อนาไปใช้ตดั สนิ ใจแกป้ ัญหา
มาตรฐานท่ี ท ๕.๑ ในการดาเนนิ ชีวติ และมีนิสัยรกั การอา่ น
เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็
คุณค่าและนามาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง

ตัวช้วี ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคิดเห็นและข้อโต้แย้งเกยี่ วกับเรอื่ งท่ีอ่าน
ท ๕.๑ ม.๒/๑. สรปุ เนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ นในระดับที่ยากขึน้
ท ๕.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดวี รรณกรรม และวรรณกรรมท้องถน่ิ ท่ีอ่าน พร้อมยก

เหตุผลประกอบ
ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทีอ่ ่าน

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/ทอ้ งถ่นิ

ตวั ชว้ี ัด ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลักษณะ (A)

ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภปิ รายแสดง (P)
ความคิดเหน็ และข้อโตแ้ ยง้
เกี่ยวกับเร่อื งทอ่ี ่าน - นิยามหลกั การ - ฝกึ อภปิ รายแสดง - มมี ารยาทในการ

ท ๕.๑ ม.๒/๑. สรุปเนือ้ หา อภิปรายแสดงความ ความคดิ เหน็ และ อภปิ รายและแสดง
วรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่าน
ในระดบั ที่ยากขนึ้ คิดเหน็ และข้อโต้แยง้ ข้อโต้แยง้ ความคิดเหน็
ท ๕.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์และ
ข้อโตแ้ ย้ง

การจบั ใจความสาคัญ - ฝกึ จบั ใจความสาคัญ - มมี ารยาทในการอา่ น

- ฝึกสรปุ เนอ้ื หา

การวิเคราะห์คุณคา่ - ฝึกวเิ คราะห์คุณคา่ - เหน็ คุณค่าและซาบซ้งึ

๒๙๕

วจิ ารณ์วรรณคดีวรรณกรรม และ ของวรรณคดีไทย ของวรรณคดไี ทยและ
วรรณกรรมท้องถน่ิ
วรรณกรรมท้องถิ่นท่อี า่ น พร้อม และวรรณกรรม
ฝกึ เขียนอธบิ าย
ยกเหตผุ ลประกอบ ท้องถิ่น วเิ คราะหค์ ุณคา่ ของ
วรรณคดไี ทยและ
ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่า การวเิ คราะห์คณุ คา่ วรรณกรรมท้องถน่ิ - เห็นคุณค่าและซาบซึ้ง

ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่ ของวรรณคดีไทย

อา่ น และวรรณกรรม

ท้องถน่ิ

สาระสาคัญ
๑. การอภิปรายบทเรียน แสดงเหตุผลประกอบการพูด เป็นการเพ่ิมทกั ษะด้าน

การวิเคราะห์ ทาใหส้ รุปข้อคิดจากบทเรียนไดง้ า่ ยและตรงประเด็น
๒. การย่อความจากเรื่องท่ีอา่ น โดยอาศัยแผนภาพโครงเรื่อง จะทาให้ย่อเรื่องไดง้ า่ ยและ

สมบูรณ์มากขึน้

สาระการเรยี นรู้
๑. การอภิปรายขอ้ คิดจากบทเรยี น
๒. การเขียนย่อความ
๓.การทดสอบหลังการเรยี นรู้

กระบวนการเรียนรู้

๑. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สนทนาทบทวนเน้ือหาสาระการเรยี นรูจ้ ากช่ัวโมงทีผ่ ่านมา

๒. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลมุ่ (ตามความเหมาะสม) โดยให้นกั เรียนรว่ มกันศึกษา

วเิ คราะห์เนือ้ หาจากบทเรยี นแล้วดาเนนิ การอภิปรายสรปุ ข้อคิดจากบทเรยี น แลว้ เขยี นสรปุ ขอ้ คดิ ลงในสมุด
แบบฝึกหัด

๓. นกั เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเขียนย่อความกบั เพื่อนในกลมุ่ แล้วเขยี นย่อความจาก
บทเรยี นลงในสมดุ และสง่ ตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลงานการเขียนสรุปขอ้ คิดจากบทเรียนและย่อความของตนเอง
หน้าชน้ั เรยี น

๔. นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภปิ รายสรปุ ข้อคิดจากบทเรยี น เสนอแนะขอ้ บกพรอ่ งการ

เขยี นย่อความ และแนวทางปรบั ปรงุ แก้ไข สนทนาถึงการทางานกลมุ่ และการทางานรายบคุ คลของนักเรยี น
๕. นกั เรียนทาบัตรกิจกรรมการเรียนรู้

๒๙๖

๖. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังการเรียนรู้

ส่ือ / แหล่งเรยี นรู้

ลาดับท่ี รายการสอื่ กิจกรรมทใี่ ช้ แหล่งท่ไี ด้มา
๑ ครจู ัดทา
๒ แบบทดสอบกอ่ น-หลังเรียน นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ครจู ัดทา

๓ แผนภมู ิความหมายของคาศัพท์ นกั เรียนศกึ ษาและอา่ น ครจู ดั หา

๔ และสานวนจากเร่ือง ครูจัดทา

หนงั สอื เรียน ชดุ วรรณคดี นักเรียนดภู าพและฝึกอ่าน

วิจกั ษ์ ช้ัน ม.๒

แบบประเมนิ การสังเกต บันทกึ การสังเกตพฤติกรรม

พฤติกรรม

การวดั ผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมที่ เครอื่ งมอื ที่ใชใ้ น วธิ ีการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
การประเมนิ ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
ประเมนิ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
๑. นกั เรยี นทาแบบทดสอบ
หลังเรยี น แบบประเมินรายกลุ่ม สังเกตรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป

๒. นกั เรียนนาเสนอหนา้ ชัน้ แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุม่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
เรยี น ผลงานระหวา่ งเรยี น
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรยี น

กิจกรรมเสนอแนะ
ในกจิ กรรมการสอนภาษาไทยทุกชัว่ โมง ครูตอ้ งกวดขนั ให้นักเรยี นใชต้ วั เลขไทย เพ่ือให้เกดิ ความ

เคยชินและติดเป็นนสิ ยั อีกทั้งใหม้ คี วามภูมิใจในการใชต้ ัวเลขไทย อันเป็นสมบตั ิของชาติ

๒๙๗

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรตู้ ามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
นกั เรียนทั้งหมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรับปรงุ – คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤติกรรมระหว่างเรียน
.................................................................................................. ......................................................

............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................... .....................
.............................................................................................................. .................................................

๓. ปญั หาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรับปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................... .............................................
๕. ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................... ........................

ลงช่อื ..........................................................ผูส้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อปุ ชติ กุล )
ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพิเศษ


Click to View FlipBook Version