The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธัญญาดล อุปชิตกุล, 2020-05-06 02:43:47

แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

๑๔๘

สื่อ / แหล่งเรยี นรู้

ลาดับที่ รายการสื่อ กจิ กรรมที่ใช้ แหลง่ ท่ีไดม้ า
๑ เกม เพิ่มเติมความชัดเจนในเน้ือหา ครูจัดเตรยี ม

๒ บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นทาบัตรกิจกรรม ครจู ดั ทา

๓ หนังสือเรยี น ชุด วิวธิ ภาษา นกั เรียนดูภาพและฝึกอา่ น ครูจัดหา
ครูจัดทา
ช้ัน ม. ๒ ครจู ัดทา

๔ เฉลยบัตรกิจกรรม ตรวจสอบแบบทดสอบ

ตรวจสอบบตั รกิจกรรม

๕ แบบประเมนิ การสังเกต บันทกึ การสงั เกตพฤติกรรม

พฤติกรรม

การวัดผลและประเมนิ ผล

กิจกรรม-พฤตกิ รรมที่ เครื่องมือที่ใช้ใน วธิ ีการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมิน
๑. นกั เรียนแตง่ ประโยค การประเมิน
๒. นกั เรียนทาบตั รกิจกรรม
การเรียนรู้ แบบประเมนิ รายกลุ่ม สงั เกตรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป

๓. ประเมินพฤติกรรมและ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหว่างเรียน
พฤติกรรม และแบบ

ประเมนิ ผลงาน

แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุม่ ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป

ผลงานระหว่างเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
..............................................................................................................................................................................

๑๔๙

บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้ตามผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวัง
นกั เรยี นทัง้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมินระดับปรบั ปรุง – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................

..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ..............................

๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรบั ปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................

ลงชอ่ื ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธัญญาดล อุปชิตกุล)
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ

๑๕๐

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๑๕๑

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. จงเตมิ ความหมายของคาศพั ท์ที่ใชใ้ นการประชุมให้ถูกต้องและได้ใจความ

คาศัพท์ ความหมาย

๑. องคป์ ระชุม ...........................................................................

๒. ครบองคป์ ระชุม ...........................................................................

๓. ญตั ติ ...........................................................................

๔. มติ ...........................................................................

๕. เรรระับื่อเงรบแอียจงบงร้ วเาพายรื่องะาทนกจรเากางหรบาเมปขราปรยี ะะนรสชะรมุมชูปุมแบบร...า......ย.........ง......า......น......ก.........า......ร......ป......ร......ะ......ช.........มุ......ท.........ี่ถ......ูก.........ต......อ้.........ง......โ...ด.........ย......ก......า......ห.........น.........ด......ย......่อ.........ห......น.........้า......และจานวน
๖.
๗.

๘. เร่ืองสืบเนื่อง ...........................................................................

๙. เรื่องเสนอเพ่ือพจิ ารณา ...........................................................................

๑๐. เรื่องอ่ืนๆ ...........................................................................

๑๕๒

๒. คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขียนความหมายของคาจากบทเรียนให้ถูกต้อง

เสนอ ……………………………………………………………………………
ข้อเสนอ ……………………………………………………………………………
สนบั สนนุ ……………………………………………………………………………
คดั ค้าน ……………………………………………………………………………
ประธาน ……………………………………………………………………………
กรรมการ ……………………………………………………………………………
เลขานกุ าร ……………………………………………………………………………
อภปิ ราย ……………………………………………………………………………
ผ่าน ……………………………………………………………………………
ตก ……………………………………………………………………………
มติ ……………………………………………………………………………

๑๕๓

เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๑. จงเตมิ ความหมายของคาศพั ทท์ ีใ่ ชใ้ นการประชุมให้ถกู ต้องและได้ใจความ

คาศัพท์ ความหมาย

๑. องคป์ ระชุม จานวนสมาชิกในการประชุม

๒. ครบองคป์ ระชุม มีผเู้ ขา้ ประชุมครบตามจานวนท่ีระบุ

๓. ญตั ติ ขอ้ เสนอแนะของสมาชิกเพื่อพจิ ารณาลงมติ

๔. มติ ขอ้ ตกลงในที่ประชุมเกี่ยวกบั ญตั ติต่างๆ

๕. เรรระับื่อเรงบแอียจงบงร้ วเาพายรื่องะาทนกจรเากางหรบาเมปขราปรียะะนรสชะรมุมชูปุมแบบรายงานกกพเารารื่ิจอรปางแรรทจณะี่จง้ชาะเรแุมนื่อกทางไ้เ่ถี ทขขูกา้่ีเรปตทา็้อนยี่ปงงปรโาะรดนชะยกุโมกายเารพชหป่ือนนรป์ตะดร่อชยึกทุม่อษี่ปคหารรนห้ังะา้ากชแร่อุมือลนกะจนั านวน
๖.
๗.

๘. เรื่องสืบเน่ือง เรื่องที่คา้ งจากการประชุมคร้ังก่อน

๙. เร่ืองเสนอเพ่ือพิจารณา เรื่องที่เป็นหวั ขอ้ สาคญั

๑๐. เรื่องอื่นๆ เรื่องเร่งด่วนนอกระเบียบวาระการประชุม

๑๕๔

๒. คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเขียนความหมายของคาจากบทเรียนให้ถกู ต้อง

เสนอ การแจง้ ความคดิ เห็นในเรื่องใดเร่ืองหนงึ่ ให้ทปี่ ระชมุ พิจารณา
ข้อเสนอ เร่อื งทจี่ ะนาเสนอต่อท่ปี ระชมุ
สนบั สนุน การทผ่ี ูเ้ ขา้ ประชมุ มีความคิดเหน็ เดยี วกบั ข้อเสนอ
คดั คา้ น การทีผ่ ้เู ขา้ ประชุมแสดงความคดิ เหน็ ไมเ่ ห็นดว้ ยกบั ผเู้ สนอ
ประธาน ผูท้ ี่ทาหนา้ ท่ีควบคุมการประชุม ใหด้ าเนนิ ไปตามระเบยี บวาระท่ีวางไว้
กรรมการ ผ้ทู ีทาหนา้ ที่พจิ ารณาเร่ืองที่อยูใ่ นวาระการประชุมและรว่ มเสนอความคดิ เห็น
เลขานุการ ผทู้ จี่ ดั ระเบยี บวาระการประชุม โดยความเหน็ ของประธานการประชมุ
อภปิ ราย การแสดงความคิดเห็นของผสู้ นบั สนุนและคัดคา้ นข้อเสนอ
ผ่าน การที่ประชมุ ยอมรับขอ้ เสนอ
ตก การทป่ี ระชมุ ไม่ยอมรบั ขอ้ เสนอ
มติ ข้อตัดสินใจของท่ปี ระชมุ เพื่อนาไปปฏิบัติ

๑๕๕

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓.๔

กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๒

หนว่ ยที่ ๓ ถกประเดน็ ทาเป็นรายงาน เวลา ๔ ชัว่ โมง

เร่ือง สรปุ สมมุติเรอื่ งราว เวลา ๑ ชว่ั โมง

ใชส้ อนวนั ท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคิด เพื่อนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ
มาตรฐานที่ ท ๓.๑ แก้ปัญหาในการดาเนินชวี ิตและมีนสิ ยั รักการอา่ น
สามารถเลอื กฟังและดู อยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์

ตวั ช้ีวดั
ท ๑.๑ ม.๒/๕ วเิ คราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อมูลสนับสนนุ และข้อคดิ เห็นจากบทความท่อี ่าน
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู รายงานเรือ่ ง หรอื ประเด็นที่ศกึ ษาค้นควา้
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/ท้องถิ่น

ท ๑.๑ ม.๒/๕ วิเคราะหแ์ ละ ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)
จาแนกข้อเทจ็ จรงิ ข้อมูล
สนบั สนนุ และข้อคดิ เห็นจาก - นยิ ามและ - ฝกึ วเิ คราะห์ จาแนก - มมี ารยาทในการอ่าน
บทความท่ีอ่าน
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู รายงาน ตวั อยา่ งข้อเทจ็ จริง ข้อเทจ็ จรงิ ข้อคิดเห็น
เรอื่ ง หรือประเด็นท่ีศกึ ษา
ค้นควา้ ข้อคิดเหน็
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มีมารยาทใน
การฟัง การดู และการพูด หลกั การพูด ฝกึ พูดรายงานจาก -มมี ารยาทในการพูด
รายงาน การค้นคว้า

หลักการฟัง การดู ฝึกพดู ฟัง และดู -มีมารยาทในการพูด
และการพูด การฟังและการดู

๑๕๖

สาระสาคญั
การประชุมตามสถานการณ์จาลอง เป็นพื้นฐานสาคญั ในการเขา้ ร่วมการประชุมทจ่ี ะตอ้ งมีในอนาคต

สาระการเรยี นรู้
สถานการณ์การประชุมจาลอง

กระบวนการจัดการเรยี นรู้
๑. ครสู นทนากับนกั เรียนเกี่ยวกับ รายงาน และการประชุม มารยาทในการประชมุ
๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ฝึกการประชุม ตามตัวอย่าง เป็นสถานการณ์จาลอง โดยกาหนดตาแหน่ง

สมาชิก กาหนดวาระการประชุม เตรียมการประชุม และจะสถานทป่ี ระชมุ พร้อมทัง้ ดาเนนิ การประชุม
๓ . เมอื่ นกั เรยี นดาเนินการประชุม ควรมกี ารจดบันทกึ การแสดงความคดิ เหน็ และให้ผทู้ ี่มีหนา้ ที่

ตา่ ง ๆ ในการประชุม ได้ทาหน้าท่อี ยา่ งจรงิ จัง เตม็ ที่
๔. ครูถามนักเรียนว่าเข้าใจทผี่ ู้เขียนตอ้ งการสอ่ื หรือไม่ จากน้ันครูกบั นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปราย

เกี่ยวกบั ข้อคิดท่ไี ด้จากการฟังการประชุมระดบั ชาติ
๖. ให้นักเรียนสรปุ เรื่องสถานการณจ์ าลองลงในบัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้
๗. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ บทเรียน ดว้ ยการตอบคาถามทบทวน

สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้

ลาดับที่ รายการสอื่ กิจกรรมท่ใี ช้ แหล่งที่ไดม้ า
๑ ตัวอยา่ งสถานการณ์จาลอง เพม่ิ เติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ัดเตรียม

๒ บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นทาบตั รกจิ กรรม ครูจดั ทา

๓ หนังสือเรยี น ชุด วิวธิ ภาษา นกั เรยี นดภู าพและฝกึ อา่ น ครจู ัดหา
ครูจัดทา
ช้ัน ม. ๒ ครจู ัดทา

๔ เฉลยบัตรกจิ กรรม ตรวจสอบแบบทดสอบ

ตรวจสอบบัตรกจิ กรรม

๕ แบบประเมนิ การสังเกต บันทึกการสังเกตพฤติกรรม

พฤติกรรม

๑๕๗

การวดั ผลและประเมินผล

กจิ กรรม-พฤตกิ รรมท่ี เคร่อื งมือที่ใช้ใน วธิ กี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมนิ
๑. สถานการณ์จาลอง การประเมิน
๒. นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินรายกลมุ่ สังเกตรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขนึ้ ไป

๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึน้ ไป
ผลงานระหว่างเรียน
พฤติกรรม และแบบ

ประเมนิ ผลงาน

แบบประเมินพฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขนึ้ ไป

ผลงานระหว่างเรียน

กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
............................................................................................................................. .................................................

๑๕๘

บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรตู้ ามผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง
นักเรียนทงั้ หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรบั ปรงุ – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

๓. ปญั หาและอุปสรรคระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
....................................................................................................................................................... .
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรบั ปรุงแกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. .................................................
๕. ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอ่ื ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๑๕๙

ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................ ...........................................................

ลงชือ่ .................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผอู้ านวยการโรงเรียนโคกโพธ์ิไชยศกึ ษา

๑๖๐

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นแสดงบทบาทสมมตุ ิฝกึ จัดการประชุมในหอ้ งเรยี น โดยแบง่ กลุ่มเสนอเร่ืองท่ี
ควรมีส่วนรว่ มในการแก้ปัญหาของโรงเรยี นหรือชมุ ชน เช่น เรอื่ งของหายในโรงเรียน การหลกี เล่ยี งสิ่งเสพติด
สภาวะแวดล้อมเปน็ พิษ ฯลฯ แล้วใหท้ ุกคนในกลมุ่ ชว่ ยกันคิดเลอื กหวั ข้อทน่ี ่าสนใจท่สี ุด นาไปดาเนนิ การจัด
ประชุมกลุม่ ดังน้ี

๑)กาหนดตาแหน่งสมาชิกในกลุ่ม เชน่ ประธาน เลขานกุ าร
๒)กาหนดวาระการประชมุ
๓.เตรยี มการประชมุ เช่น ทาหนงั สือเชญิ ประชมุ จัดสถานทป่ี ระชุมดาเนินการประชุม
ประธานหรอื เลขานุการของกลุม่ สรปุ ผลการจดั ประชมุ หน้าหอ้ งเรียนและใหเ้ พื่อนกลุ่มอืน่ แสดงความ
คดิ เห็นเพิ่มเติมเพื่อนาไปแกไ้ ขปรับปรงุ ต่อไป

.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................

๑๖๑

๒.ให้นักเรียน ระบผุ ู้ทเ่ี กยี่ วข้องกบั สถานการณจ์ าลองการประชุม

ผจู้ ดั ประชมุ
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
ผูเ้ ข้าประชุม
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
ผู้มีสิทธเิ ข้าประชุม
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
องคป์ ระชมุ
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
ระเบียบวาระการประชุม
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
เร่อื งท่ีประชุม หรอื ญัตติ
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
มติ
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๑๖๒

แบบประเมินหลงั แผนการจดั การเรียน

๑๖๓

แบบประเมินพฤติกรรมและผลงานระหว่างเรียน

ความหมาย

๑. ตง้ั ใจ หมายถงึ ความมานะ อดทนทางานจนเสรจ็ ( A )

๒. ความรว่ มมอื หมายถึง สมาชิกในกลมุ่ ให้ความร่วมมือทางานจนเสรจ็ ( A )

๓. ความมีวนิ ัย หมายถึง ผลงาน หรือการทางานเป็นระบบระเบยี บเรียบร้อย สะอาด

สวยงาม และได้เนื้อหาครบถ้วน ทนั หรอื ตรงต่อเวลา ( A,K )

๔. คณุ ภาพของผลงาน หมายถงึ ผลงานเรยี บรอ้ ย สวยงาม เนอื้ หาครบถ้วน

ภาษาทใ่ี ช้เหมาะสม (P – Product, K)

๕. การนาเสนอผลงาน หมายถึง การพูดอธบิ ายนาเสนอผลงานได้ตามลาดับ

และเน้ือหาถูกต้อง ( P – Process, K )

เกณฑ์การประเมนิ

๔ หมายถงึ ทาไดด้ ีมาก ๓ หมายถึง ทาได้ดี

๒ หมายถึง ทาได้พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรงุ

เลขท่ี ความต้งั ใจ ความรว่ มมอื ความมีวินัย คุณภาพของ การนาเสนอ รวม

(๔) (๔) (๔) ผลงาน (๔) ผลงาน (๔) (๒๐)

๑๖๔

เกณฑ์การให้คะแนนกระบวนการทางานกล่มุ

ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน/ระดับ
๑. การกาหนด –
๓๒๑
เปา้ หมายรว่ มกัน
สมาชิกทกุ คนมีสว่ น สมาชิกสว่ นใหญม่ ี สมาชิกส่วนน้อยมี
๒. การแบง่ หน้าท่ี
รับผดิ ชอบ ร่วมในการกาหนด สว่ นร่วมในการกาหนด ส่วนรว่ มในการกาหนด

๓. การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี เปา้ หมายการทางาน เป้าหมายในการ เป้าหมายในการ
ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
อย่างชดั เจน ทางาน ทางาน
๔. การประเมนิ และ
ปรบั ปรงุ ผลงาน กระจายงานได้อย่าง กระจายงานไดท้ ัว่ ถงึ กระจายงานไม่ท่วั ถึง

ทวั่ ถงึ และตรงตาม แต่ไม่ตรงตาม

ความสามารถของ ความสามารถของ

สมาชกิ ทกุ คน สมาชกิ

ทางานได้สาเรจ็ ตาม ทางานไดส้ าเร็จตาม ทางานไมส่ าเร็จตาม

เปา้ หมายท่ีไดร้ ับ เป้าหมายแต่ชา้ กว่า เป้าหมาย

มอบหมาย ตาม เวลาทก่ี าหนด

ระยะเวลาที่กาหนด

สมาชกิ ทกุ คนรว่ ม สมาชิกบางส่วนมีส่วน สมาชกิ บางส่วนไม่มี

ปรึกษาหารือ ตดิ ตาม รว่ มปรกึ ษาหารือแต่ไม่ สว่ นร่วมปรึกษาหารอื

ตรวจสอบและปรบั – ชว่ ยปรบั ปรุงผลงาน และไม่ช่วยปรับปรงุ

ปรงุ ผลงานเป็นระยะ ผลงาน

๑๖๕

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ กล่มุ ท่ี …….....

ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็
๓๒๑
๑. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั
๒. การแบ่งหน้าทร่ี ับผิดชอบ
๓. การปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ที ี่ได้รับมอบหมาย
๔. การประเมินและปรับปรุงผลงาน

รวม

ลงชอื่ ผู้ประเมิน
( )

เกณฑ์การประเมิน ดมี าก
๑๑ – ๑๒= ดี
๘ – ๑๐ = พอใช้
๕–๖ = ปรบั ปรงุ
๐–๔ =

๑๖๖

เกณฑ์การประเมนิ การนาเสนอผลงาน

แนวทางการพจิ ารณา

หวั ขอ้ การพจิ ารณา/ระดับการปฏบิ ัติหรอื พฤติกรรม

ระดบั เนื้อหา กลวิธีการนาเสนอ ขัน้ ตอนการ การใชภ้ าษา ตอบคาถาม/
คะแนน นาเสนอ เวลา
๔ มกี ารเรยี งลาดับ
เน้อื หาไดด้ ี มกี ารนาเขา้ สูเ่ นอ้ื มกี ารนาเสนอ ออกเสียงถูกต้อง ตอบคาถามได้
มคี วามต่อเนอ่ื ง เรอ่ื ง มีความ อย่างมีภมู ริ ู้
มปี ระโยชน์ สัมพันธ์กับเนอ้ื อย่างต่อเนอ่ื ง ตามอักขรวิธแี ละดงั และมคี วาม
ให้แง่คิด เรื่อง เรา้ ใจผู้ฟงั ชัดเจน มีแหล่ง
มีความมัน่ ใจ ราบรน่ื เปน็ ไปตาม ชัดเจน ใชภ้ าษา อ้างองิ
ใชเ้ วลาตาม
ขน้ั ตอน เหมาะสม เข้าใจ กาหนด
ตอบคาถามได้
ง่าย มีการใช้ คอ่ นข้างชดั
เจน มแี หลง่
สานวนโวหาร อ้างองิ
ใช้เวลาเกนิ
๓ มีการเรยี งลาดับ มกี ารนาเขา้ ส่เู นื้อ การนาเสนอ ออกเสยี งถูกตอ้ ง กาหนด ๑
เรอ่ื ง มีความ ต่อเนอ่ื ง มีการ ตามอกั ขรวิธีและดงั นาที
เน้ือหาไดด้ ี สัมพนั ธก์ ับเนือ้ ขา้ มข้นั ตอนบา้ ง ชัดเจน ใชภ้ าษา ตอบคาถามได้
เร่อื ง เรา้ ใจผฟู้ ัง เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย ไมค่ ่อยชัดเจน
มคี วามต่อเนือ่ ง ไมม่ ีความมัน่ ใจใน ไมม่ ีการใช้สานวน มีแหล่งอา้ งองิ
การนาเสนอ โวหาร เปน็ บางสว่ น
มีประโยชน์ ใช้เวลาเกิน
กาหนด
ให้แง่คดิ นอ้ ย ๒ นาที
ตอบคาถาม
๒ มีการเรยี งลาดับ มกี ารนาเขา้ สเู่ นื้อ การนาเสนอ ออกเสยี งถกู ตอ้ ง ไมไ่ ด้เป็น
เรื่อง มคี วาม ตอ่ เนอื่ ง ไม่มี ตามอกั ขรวิธีและดงั สว่ นใหญ่
เนื้อหาไดด้ ี สัมพนั ธ์กบั เนอื้ ขน้ั ตอนเปน็ สว่ น ชัดเจน ใชภ้ าษา ใช้เวลาเกิน
เรอ่ื ง ไม่ เรา้ ใจผฟู้ ัง ใหญ่ เขา้ ใจยาก ไมม่ ี กาหนด ๕
มคี วามต่อเนอ่ื ง ไมม่ ีความมัน่ ใจใน การใชส้ านวน นาที
การนาเสนอ โวหาร
มปี ระโยชนน์ ้อยให้

แง่คดิ นอ้ ย

๑ มกี ารเรยี งลาดบั มีการนาเขา้ สู่เน้อื การนาเสนอ ออกเสียงถูกต้อง
เรื่อง ไมม่ ีความ ไมต่ ่อเนอื่ ง ตามอกั ขรวธิ ีและดัง
เน้อื หาไดด้ ี สมั พนั ธ์กับเนอ้ื นาเสนอสับสน ชดั เจน ใช้ภาษาไม่
เรอ่ื ง ไมเ่ ร้าใจผูฟ้ งั เหมาะสม เข้าใจ
ไม่มคี วามต่อเนื่อง ไมม่ ีความมั่นใจใน ยาก ไมม่ กี ารใช้
การนาเสนอ สานวนโวหาร
มปี ระโยชนน์ อ้ ยให้

แงค่ ิดน้อย

๑๖๗

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน

กลุ่มที่............................................................ห้อง.......................

เนอื้ หา กลวธิ ี ขัน้ ตอนการ การใช้ การตอบ รวม

๔ การ นาเสนอ ภาษา คาถาม คะแนน

ประเดน็ นาเสนอ ๔ ๔ /เวลา ๒๐

ชือ่ – สกุล ๔๔
สมาชกิ
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๖.
๘.

ลงช่อื ......................................................ผ้ปู ระเมิน
()
วนั ที่......เดือน......................ปี................

เกณฑก์ ารประเมนิ ๔ หมายถงึ ดีมาก
๓ หมายถึง ดี
๒ หมายถงึ พอใช้
๑ หมายถึง ตอ้ งปรับปรุง

๑๖๘

แผนการจัดการเรียนรูภ้ าษาไทย

ภาคเรียนท่ี ๑
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
หน่วยที่ ๔ เขา้ เมอื งตาหลิ่วตอ้ งหลว่ิ ตาตาม

โดย

นางสาวธญั ญาดล อุปชิตกุล

โรงเรียนโคกโพธไ์ิ ชยศึกษา

อาเภอโคกโพธไ์ิ ชย จังหวดั ขอนแก่น
สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต ๒๕

๑๖๙

แผนผงั ความคดิ การบูรณาการการเรยี นรู้
ภายในกลมุ่ สาระ

การฟงั การดู
การพูด

วรรณคดแี ละ การอ่าน
วรรณกรรม

การใช้ภาษา การเขยี น

๑๗๐

แผนผงั ความคดิ การบรู ณาการ
นอกกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้

คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ฯ
-การนบั จานวน - การคิดอย่างเป็ น
-การจดั กลมุ่ -สะทอ้ นสภาพสงั คมไทย
ระบบ -คณุ ธรรมและมารยาท
- การวเิ คราะหเ์ ร่ือง
- หลกั เศรษฐกจิ
พอเพยี ง

สขุ ศึกษาและ เขา้ เมอื ง ภาษาองั กฤษ
พลศึกษา ตาหลิว่ ตอ้ ง -ความหมายของคา
หลว่ิ ตาตาม
-มนษุ ยสมั พนั ธ์ -เขยี นคาศัพท์
-การเคลอื่ นไหว -เขยี นสานวน
-การเลน่ เกม

การงานอาชีพ ศิลปะฯ
และเทคโนโลยี - การเรียนรู้
-การใชค้ อมพวิ เตอร์ วฒั นธรรม
-ใชใ้ ชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต - วาดภาพประกอบ

-ขบั รอ้ งทานองเสนาะ

๑๗๑

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๔.๑

กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒

หนว่ ยที่ ๓ เขา้ เมอื งตาหลิ่วตอ้ งหลิ่วตาตาม เวลา ๕ ช่ัวโมง

เรือ่ ง อา่ นคดิ พินจิ เรอ่ื ง เวลา ๑ ช่วั โมง

ใช้สอนวันที่ ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพ่ือนาไปใช้ตัดสนิ ใจ
แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอ่าน

ตัวชีว้ ดั
ท ๑.๑ ม. ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง
ท ๑.๑ ม. ม.๒/๒ จบั ใจความสาคัญ สรุปความและอธบิ ายรายละเอียด จากเรือ่ งทอ่ี ่าน

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/ทอ้ งถนิ่

ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลักษณะ (A)

ท.๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออก - หลักการอา่ นออก - ฝึกทักษะการอา่ นออกเสียง -มมี ารยาทในการอ่าน

เสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบท เสียงรอ้ ยแก้วและร้อย ร้อยแก้วและรอ้ ยกรอง -อา่ นได้ถูกต้องชัดเจน

ร้อยกรองได้ถกู ต้อง กรอง ตามหลกั การอ่าน

ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความ - หลักการอา่ น - ฝกึ ทกั ษะการอ่านจับ - อา่ นจบั ใจความและ

สาคญั สรุปความและ จบั ใจความและ ใจความและสรปุ ความ สรปุ ความไดถ้ ูกต้อง

อธบิ ายรายละเอียด จาก สรุปความ

เร่ืองท่ีอ่าน

สาระสาคัญ
การอ่านเพ่ือจบั ใจความสาคัญ เป็นพน้ื ฐานท่ีจาเป็นในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความ

ชานาญจนสามารถจับใจความสาคัญในงานเขยี นทุกประเภท

๑๗๒

สาระการเรียนรู้
การอ่านในใจ อ่านจบั ใจความบทเรียนเรอ่ื ง เข้าเมืองตาหลวิ่ ต้องหลว่ิ ตาตาม

กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครูแจง้ ตวั ช้วี ดั และใหน้ ักเรียนทาขอ้ สอบก่อนเรียน
๒. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับสานวน สุภาษิต คาพังเพยที่เคยได้ยิน ถามถึงความหมาย

และสานวนท่วี ่า เขา้ เมอื งตาหล่ิวต้องหล่ิวตาตาม หรอื ไม่ แล้วถามนักเรยี นวา่ มีความหมายวา่ อยา่ งไร
๓. นกั เรยี นดรู ปู ภาพสานวนภาษติ ท่คี รูเตรยี มมาแล้วบอกความหมาย
๔. นักเรียนอา่ นจับใจความสาคญั ของเรื่อง เข้าเมืองตาหลวิ่ ตอ้ งหลว่ิ ตาตาม
๕. ครูกับนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกบั สานวน ทไ่ี ด้อ่าน
๖. สนทนาถึงสานวนสุภาษิต ที่นักเรียนคิดว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องท่ีนักเรียนได้ อ่าน และร่วมกัน

วิเคราะหว์ จิ ารณ์วา่ การแตง่ กาย ทเ่ี หมาะสมในแตล่ ะสถานที่น้นั มคี วามสาคัญอย่างไร
๗. ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมบัตรกิจกรรมการเรียนรู้
๘. ครูและนักเรยี นช่วยกันสรุปบทเรยี น

สื่อ / แหล่งเรียนรู้

ลาดับท่ี รายการสื่อ กิจกรรมท่ีใช้ แหล่งที่ไดม้ า
๑ รูปภาพสานวนภาษติ เพม่ิ เติมความชัดเจนในเนื้อหา ครูจัดเตรยี ม
๒ นักเรียนทาบัตรกิจกรรม ครูจัดทา
๓ บตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้ นักเรียนดูภาพและฝกึ อา่ น ครจู ดั หา

๔ หนังสอื เรยี น ชุด ววิ ธิ ภาษา ตรวจสอบบตั รกจิ กรรม ครูจัดทา
๕ ชั้น ม. ๒ บนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม ครจู ดั ทา
เฉลยบตั รกจิ กรรม
๖. แบบประเมินการสงั เกต ตรวจสอบแบบทดสอบ ครจู ัดทา
พฤติกรรม
แบบทดสอบหลังเรียน

๑๗๓

การวัดผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤตกิ รรมที่ เคร่ืองมอื ทใี่ ชใ้ น วิธกี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
ประเมนิ การประเมนิ สงั เกตรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
๑. นกั เรยี นทาแบบทดสอบ
ก่อนเรียน แบบประเมนิ รายบุคคล
๒. นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
พฤติกรรม และแบบ
๓. ประเมินพฤติกรรมและ ประเมนิ ผลงาน
ผลงานระหวา่ งเรียน แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป

ผลงานระหว่างเรียน

กจิ กรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
............................................................................................................................. .................................................

๑๗๔

บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามผลการเรยี นรูท้ ี่คาดหวัง
นกั เรยี นท้งั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปรับปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................ ......................................

๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
๔. การปรับปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. .................................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่ือ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล)
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๑๗๕

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๑๗๖

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

ให้นักเรียน ตอบคาถามต่อไปนี้

ขนุ วิจิตรมาตรา ได้อธบิ ายสานวน เข้าเมืองตาหล่ิวตอ้ งหลว่ิ ตาตาม
ไว้ในหนังสอื ....................ไวว้ า่
………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
มารยาทในการรบั ประทานอาหาร

คนจนี คนญปี่ นุ่ ใช้ ................................
ชาวตะวันตกใช้ ........................................
คนไทยใช้ ............................................

๑๗๗

ข้อสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนบอกความหมายของสานวนตอ่ ไปนี้

๑. กนิ ล้างกินผลาญ ......................................................................................................
๒. กนิ เหมอื นหมู อยู่เหมอื นหมา .................................................................................................. ....
๓. เข้ากนั เปน็ ปีเ่ ปน็ ขลยุ่ ......................................................................................................
๔. เขา้ ตามตรอก ออกตามประตู ......................................................................................................
๕. เข้าหูซ้ายทะลุหขู วา ......................................................................................................
๖. ตีงใู หก้ ากิน ......................................................................................................
๗. ตตี นก่อนไข้ ......................................................................................................
๘. ตวี วั กระทบคราด ......................................................................................................
๙. ตีสองหนา้ .............................................................................................. ........
๑๐. นา้ ข้นึ ให้รีบตกั ......................................................................................................
๑๑. นา้ ขุ่นไวใ้ น นา้ ใสไวน้ อก ......................................................................................................
๑๒. น้าเช่ยี วอย่าขวางเรอื ......................................................................................................
๑๓. นา้ พงึ่ เรอื เสอื พ่ึงปา่ ......................................................................................................
๑๔. เป็นกอบเป็นกา ......................................................................................................
๑๕. เป็นเงินเปน็ ทอง ......................................................................................................
๑๖. ไมเ่ ปน็ โล้เป็นพาย ......................................................................................................
๑๗. ไม่มปี มี่ ีขลยุ่ ......................................................................................................
๑๘. ไมร่ ้อู โี หนอ่ เี หน่ ......................................................................................................
๑๙. ไม้ออ่ นดดั งา่ ย ไม่แกด่ ัดยาก .................................................................................................... ..
๒๐. ร้งู ู ๆ ปลา ๆ ......................................................................................................

๑๗๘

เฉลยข้อสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน

คาชี้แจง ให้นกั เรียนบอกความหมายของสานวนต่อไปน้ี

๑. กินลา้ งกินผลาญ กินท้ิงกนิ ขว้าง

๒. กนิ เหมอื นหมู อยู่เหมือนหมา เลอะเทอะไม่มรี ะเบยี บ

๓. เข้ากันเปน็ ปเ่ี ป็นขลุย่ ทางานเขา้ กันไดด้ ีไม่ขัดกันต่างฝา่ ยก็สนับสนนุ ซง่ึ กันและกัน

๔. เข้าตามตรอก ออกตามประตู ในการสู่ขอใหร้ ูจ้ กั ทาให้ถกู ต้องเหมาะสมตามประเพณีอนั ดงี าม

๕. เขา้ หูซา้ ยทลุ ุหูขวา สอนไมจ่ า, บอกหรือสอนไม่ไดผ้ ล

๖. ตงี ใู หก้ ากนิ ทาสิง่ ที่ตนควรจะได้รับผลประโยชน์ แตก่ ลับไม่ได้

๗. ตตี นก่อนไข,้ พอได้ขา่ วว่าอะไรไมส่ ู้ดีเกดิ ขึน้ ก็กระวนกระวายทกุ ขร์ ้อนไป

เสยี ก่อนทง้ั ที่เรื่องยงั ไม่เกิดขึ้น

๘. ตวี วั กระทบคราด โกรธคนหนง่ึ แต่ทาอะไรเขาไม่ได้จงึ แกล้งพดู หรือทาสิ่งใดสิง่ หนงึ่ กับผู้ที่

เกีย่ วขอ้ งให้กระทบไปถึงคนน้นั

๙. ตีสองหนา้ กลับกลอกไมค่ งทโ่ี ดยการประจบทั้งสองข้าง

๑๐. นา้ ขึ้นใหร้ ีบตกั มีโอกาสทาอะไรใหเ้ ป็นประโยชนแ์ ก่ตนได้ใหร้ บี ทา

๑๑. นา้ ขุ่นไวใ้ น น้าใสไวน้ อก มคี วามไมพ่ อใจใหเ้ ก็บไว้ในใจสว่ นภายนอกให้แสดงสีหนา้ ยิ้มแย้ม

๑๒. น้าเช่ยี วอย่าขวางเรอื อยา่ ขดั ขวางผมู้ อี านาจ

๑๓. น้าพงึ่ เรอื เสอื พึ่งป่า ตา่ งก็ต้องพึ่งพาอาศยั กนั

๑๔. เป็นกอบเป็นกา เปน็ ช้ินเป็นอัน, เปน็ ก้อนใหญ่ทาประโยชนต์ ่อไปไดด้ ี

๑๕. เปน็ เงินเปน็ ทอง มรี าคา, มคี ่า

๑๖. ไมเ่ ป็นโลเ้ ปน็ พาย ไมเ่ ป็นแกน่ สาร

๑๗. ไมม่ ีปี่มกี ลอง, ไม่มปี ่ีมีขลุย่ ไม่มีเค้ามาก่อน

๑๘. ไม่ร้อู ีโหนอ่ ีเหน่ ไม่รู้เร่อื งราวท่เี กดิ ขึ้น

๑๙. ไมอ้ ่อนดดั ง่าย ไม่แก่ดดั ยาก อบรมสง่ั สอนเด็กให้ประพฤติดี ทาได้ง่ายกวา่ อบรม ส่งั สอนผใู้ หญ่

๒๐. รงู้ ู ๆ ปลา ๆ รูไ้ ม่จริง รู้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ

๑๗๙

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๔.๒

กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒

หน่วยที่ ๔ เข้าเมืองตาหล่ิวต้องหลิ่วตาตาม เวลา ๔ ช่วั โมง

เรื่อง รเู้ ฟ่อื งเรื่องสานวนสุภาษติ เวลา ๑ ชว่ั โมง

ใชส้ อนวนั ท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจแกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวิต
มาตรฐานที่ ท ๔.๑ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ

ตวั ชว้ี ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคิดเหน็ และข้อโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เร่ืองที่อ่าน
ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคาในภาษาไทย

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ท้องถนิ่

ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปราย ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คุณลกั ษณะ (A)
แสดงความคดิ เหน็ และข้อ
โต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองที่อา่ น - นิยามหลักการ - ฝกึ อภปิ รายแสดงความ - มีมารยาทในการ

ท ๔.๑ ม.๒/๑ สรา้ งคา อภิปรายแสดงความ คดิ เห็นและ อภิปรายและแสดง
ในภาษาไทย
คิดเหน็ และขอ้ โตแ้ ย้ง ขอ้ โต้แยง้ ความคิดเห็น

ขอ้ โต้แยง้

-หลกั การสร้าง คาซ้า - ศกึ ษาเรื่อง หลักการสร้าง - รู้ เข้าใจการสร้าง

คาซอ้ น คาซ้า คาซ้อนคาสมาสและ คาสมาสและคาสนธิ

-หลักการสร้าง สนธิ - จาแนกคาสมาสและ

คาสมาสและคาสนธิ - ฝึกหลกั การสร้างคาคาซ้า คาสนธิ

คาซ้อนสมาสและคาสนธิ ไดถ้ ูกตอ้ ง

- ฝกึ วเิ คราะหก์ ารสรา้ งคาซ้า

คาซ้อนคาสมาสและคาสนธิ

๑๘๐

สาระสาคญั
สานวน หมายถงึ ถ้อยคาหรอื ข้อความท่ีกล่าวสืบต่อกนั มาชา้ นานแล้ว
สภุ าษติ หมายถงึ ถ้อยคาท่เี ป็นคตเิ ตอื นใจ มีจุดมงุ่ หมายเพื่อสอนให้ละเวน้ หรือให้ปฏบิ ัติ

สาระการเรยี นรู้
- สานวนและความหมาย

กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครูนาภาพสานวนมาใหน้ กั เรียนทาย และสนทนากับนักเรียน เร่อื ง “สานวน”
๒. ครูให้นกั เรียนศึกษา ค้นควา้ สานวน จากหนงั สือ บัตรความรู้ จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นช่วยกันบอก

ความหมายของสานวนต่างๆ
๓. นกั เรยี นแบ่งกล่มุ คละความสามารถ ให้ แต่ละกลุ่มหาสานวนทีข่ ึ้นตน้ ด้วยคาต่อไปนจี้ าก

หนังสือสานวนไทย พร้อมท้ังให้บอกความหมายของสานวน และใชส้ านวนนนั้ ๆ แตง่ ประโยคมาด้วย ดัง
ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี

จับปลาสองมือ หมายถึง หมายจะเอาให้ได้ทัง้ ๒ อย่าง, เสยี่ งทา ๒ อยา่ งพร้อม กัน
ซึง่ อาจไมส่ าเรจ็ ทัง้ ๒ อยา่ ง

ตัวอย่าง เธอควรจะตกลงใจกบั ใครเสียให้แน่ มัวแต่จบั ปลาสองมอื อยู่อย่างนี้จะทาให้คนเข้าใจผิด
แลว้ ความเสียหายก็จะอยูท่ ี่ เธอคนเดียว

กลมุ่ ๑ หาสานวนท่ีข้นึ ตน้ ดว้ ยคาว่า “กนิ ”
กลุ่ม ๒ หาสานวนท่ีขึน้ ต้นด้วยคาวา่ “เข้า”
กลมุ่ ๓ หาสานวนที่ข้ึนต้นด้วยคาวา่ “ตี”
กลุ่ม ๔ หาสานวนทข่ี ึ้นตน้ ดว้ ยคาวา่ “นา้ ”
กลุม่ ๕ หาสานวนที่ข้นึ ต้นด้วยคาว่า “เป็น”
กล่มุ ๖ หาสานวนทีข่ นึ้ ต้นดว้ ยคาว่า “ไม่”
กลมุ่ ๗ หาสานวนท่ีขน้ึ ตน้ ดว้ ยคาว่า “ไม้”
กลมุ่ ๘ หาสานวนที่ขึ้นต้นดว้ ยคาว่า “ร”ู้
๒. เมื่อเสรจ็ แล้วให้แตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงาน จากน้นั นาผลงานที่ไดจ้ าก
การศกึ ษาค้นคว้าทาเป็นรายงานภาษาไทย เร่ือง สานวน
๕. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ผลการทากจิ กรรมของนักเรยี นแต่ละกลมุ่ และสรปุ ถึงการทางาน
ร่วมกันของนกั เรียน

๑๘๑

ส่ือ / แหล่งเรียนรู้

ลาดับท่ี รายการส่อื กจิ กรรมทใ่ี ช้ แหลง่ ทไี่ ด้มา
๑ รปู ภาพสานวน ภาษิต เพ่ิมเติมความชดั เจนในเนื้อหา ครูจดั เตรยี ม
นักเรยี นทาบัตรกจิ กรรม ครจู ดั ทา
๒ บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นดูภาพและฝึกอา่ น ครจู ดั หา

๓ หนงั สือเรยี น ชุด ววิ ิธภาษา
ชั้น ม. ๒

๔ เฉลยบตั รกิจกรรม ตรวจสอบแบบทดสอบ ครจู ดั ทา
ตรวจสอบบตั รกิจกรรม ครูจัดทา
๕ แบบประเมนิ การสงั เกต บันทึกการสงั เกตพฤติกรรม
พฤติกรรม

การวดั ผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมที่ เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ น วิธกี ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมนิ
๒. นักเรียนตอบคาถาม การประเมนิ
๓. นักเรียนทาบตั รกิจกรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมนิ รายกล่มุ สงั เกตรายกลุม่ ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป

๔. ประเมินพฤติกรรมและ แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหวา่ งเรยี น
พฤติกรรม และแบบ

ประเมินผลงาน

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป

ผลงานระหวา่ งเรียน

กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
............................................................................................................................. .................................................

๑๘๒

บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรู้ตามผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวัง
นักเรยี นทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรับปรุง – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน
........................................................................................................................................................

............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................... .......................................................................
๔. การปรับปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. .................................................
๕. ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชือ่ ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชิตกลุ )
ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๑๘๓

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธืไชยศกึ ษา

๑๘๔

บตั รความรู้
ตัวอยา่ ง สานวน

กระต่ายหมายจนั ทร์

ตวั อย่าง เขาหลงรกั เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์

๑๘๕

ไก่เหน็ ตนี งู

ตวั อยา่ ง คนอยา่ งเขาสองคนเรยี กว่าไก่เห็นตีนงู งูเหน็ นมไก่

๑๘๖

กนิ ก่อนล่อนแก่น กินทหี ลังนั่งแทน บตั รความรู้
กนิ เกลอื กนิ กะปิ
กนิ แกลบกนิ รา เรอ่ื ง “สานวน”
กนิ ขันหมาก
กนิ ขาหมู เลน่ การพนันได้ก่อนอาจเสียคืนอีกสคู้ นกินทีหลังไมไ่ ด้
กนิ ข้าวตม้ กระโจมกลาง อดทนต่อความลาบากยากแค้น
กนิ ขา้ วร้อนนอนตนื่ สาย โง่
กินไข่แดง ได้แต่งงานกันตามประเพณี
กินคาโต กนิ สนิ บน
กินเครือ่ งเซน่ ทาอะไรด้วยความใจรอ้ น
กินดบิ ผู้ทีอ่ ยูแ่ บบสขุ สบายแบบเจา้ นาย
กนิ ตัว ไดข้ องเดน่ หรอื ของขวญั
กินตามนา้ ไดค้ ร้ังละมาก ๆ
กนิ โต๊ะ การรบั สนิ บน หรือการกนิ สนิ บน
กนิ แถว ทาใหค้ ล่อง ๆ , ชนะโดยง่ายดาย
กนิ ทล่ี บั ไขทแี่ จง้ พดู เชงิ ทา้ ทายต่อกนั วา่ ใครจะดีกว่ากันโดยเอาสิง่ นัน้ มาเป็นเดมิ พนั
กนิ นอกกินใน รบั ของสมนาคณุ ที่เขาเอามาใหโ้ ดยไม่ไดเ้ รียกร้อง
กนิ น้าตา กนิ อาหารในงานเลย้ี ง, รุมทารา้ ย
กินน้าตาต่างข้าว ตลอดทงั้ แถว, ไล่เรียงเอาทุกคน
กินนา้ ใตศ้ อก ทาอะไรในทีล่ ับ แล้วนามาเปิดเผยใหค้ นอื่นรู้
กินน้าพริกถว้ ยเก่า เอากาไรในการซ้ือขาย ท้งั ในราคาและนอกราคาที่กาหนด
กินน้าพริกถว้ ยเดยี ว ร้องให้, โศกเศร้า
กินน้าไม่เผ่ือแล้ง ร้องให้เศร้าโศกจนไมเ่ ป็นอนั กิน
กนิ น้าเหน็ ปลงิ จาตอ้ งยอมเปน็ รองเขา, ไม่เทยี มหนา้ เทียมตา
กนิ บนเรือนขบี้ นหลังคา อย่กู ับเมียคนเดิม
กินบ่อนนอนบ่อน จาเจอยูแ่ ต่กับเมยี คนเดยี ว
กินบ้านกินเมือง มอี ะไรใช้หมดทันทีไมค่ ดิ ถึงวันข้างหนา้
กนิ บญุ เกา่ รู้สกึ ตะขิดตะขวงใจ เหมอื นจะกนิ นา้ เห็นปลงิ อยใู่ นนา้ ก็กนิ ไมล่ ง
คนเนรคุณทีอ่ าศัยอยู่กับเขาแล้วยังทาใหเ้ ขาเดือดรอ้ น
เล่นการพนันขนาดหนัก อยา่ งหามรุง่ หามคา่ ไมย่ อกกลบั บ้าน
ตื่นสายมาก, ฉอ้ ราษฎร์บังหลวง
ไดร้ บั อานสิ งส์แห่งคณุ ความดีท่ีทาไว้แต่ชาติก่อน

กินปนู ร้อนท้อง ๑๘๗
กินเป็นต้น นอนเป็นประธาน
ทาอาการพิรุธขึ้นเอง, แสดงอาการเดือนร้อนขึน้ เอง
กินผวั เทย่ี วเปน็ ปริโยสาน เกียจครา้ น เอาแตก่ ินกับนอน แลว้ เท่ยี วไม่
กนิ เผอ่ื หมา ทางานให้เกิดประโยชน์
กนิ เมีย มีสามีก่ีคนก็ตายหมด
กนิ รังแตน กนิ จนลน้ กระเพาะต้องอาเจยี นออกมา
กินลมกินแลง้ มเี มยี ก่ีคนก็ตายหมด
กนิ ล้างกนิ ผลาญ มอี ารมณเ์ สยี และเอด็ ตะโรเกินกวา่ เหตุ
กนิ เลก็ กินน้อย ทาเหนอ่ื ยเปล่า ๆ ไมไ่ ด้ผลตอบแทน
กินเศษกินเลย กินทงิ้ กินขวา้ ง
เบียดบงั เอาเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ
กินสารับ เบียดบงั เอาเล็ก ๆ น้อย ๆ , กนิ กาไร, ยักเอาส่วนทีเ่ หลอื ไวเ้ ป็น
กินหัวพงุ หวั มัน ของตน, เอาเพียงบางสว่ นไว้เป็นของตน
กินเหมอื นหมู อยูเ่ หมือนหมา, กินอาหารท่ีเขาจัดมาเปน็ สารับ, กนิ อาหารอย่างดี
กินเหลก็ กนิ ไหล กินแตท่ ด่ี ี ๆ
กนิ อยู่กบั ปาก อยากอยู่กบั ทอ้ ง กินอย่างหมู อยู่อย่างหมา เลอะเทอะไม่มีระเบียบ
กนิ อยู่พวู าย ทนต่อความเหนด็ เหน่อื ยหรือความเจ็บปวดได้อย่างผิดปรกติ
เข้ากระดูกดา รูด้ อี ยแู่ ก่ใจแล้วแต่แกล้งทาเป็นไมร่ ู้
เข้ากระเปา๋ กนิ อย่างอ่มิ หนาสาราญ
เข้ากนั เป็นป่เี ป็นขล่ยุ ฝังติดเป็นนิสัย, ติดแน่นจนถอนไม่ขน้ึ
เข้าขา เอาเป็นของตน
เขา้ ขน้ั ตรีทูต ทางานเข้ากันไดด้ ไี ม่ขดั กนั ต่างฝ่ายก็สนบั สนนุ ซงึ่ กนั และกัน
เขา้ คอ ชอบทางเดียวกัน, เข้ากนั ได,้ รจู้ ักกัน
เขา้ ไคล มีอาการหนักปางตาย
เข้าด้ายเข้าเข็ม มีความประพฤตถิ กู กัน
เป็นลักษณะของมะมว่ งท่ีแก่จะมีผวิ นวลและเมล็ดแขง็
เข้าตาจน การทาอะไรท่จี วนแจกาลงั สาเร็จอยแู่ ล้วกพ็ อดมี ีอะไรบางอย่าง
เขา้ ตามตรอก ออกตามประตู มาขัดจงั หวะเสยี , คบั ขัน, สาคญั
เขา้ ตารา เข้าที่อบั จนไม่มีทางบา่ ยเบี่ยงได้
เขา้ ตู้ ในการสูข่ อใหร้ ู้จกั ทาใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมตามประเพณีอันดีงาม
เข้าไต้เข้าไฟ เข้ากบั แบบท่ีเคยมีมา
เข้าถงึ ก้นครัว ลืมวิชาความรู้ทเ่ี รียนมาหมดแลว้
เวลาพลบค่า
สนทิ สนมกนั มากถงึ เขา้ นอกออกในบ้านได้

เขา้ เถื่อนอยา่ ลืมพรา้ ๑๘๘

เขา้ ทรง เป็นคาเตือนใหม้ ีสติอยา่ ประมาท ให้เตรียมพร้อมไว้ อาจต้อง
เขา้ เนอ้ื เผชิญเหตกุ ารณค์ ับขันขา้ งหน้า
เขา้ ปง้ิ เชิญวญิ ญาณมาสิงสใู่ นตวั คน
เขา้ ผเู้ ขา้ คน ขาดทนุ , เสียเปรยี บ
เขา้ พกเขา้ ห่อ อยู่ในความลาบากแกไ้ ขยาก, ถกู จบั กมุ คมุ ขงั
เข้าพระเข้านาง ติดต่อกับคนอ่นื ได้
เข้าพุง เก็บมาเปน็ ของตนเอง
เข้าฝูงหงส์เป็นหงส์ เข้าฝูงกาเปน็ กา แสดงบทในการเก้ียวพาราสี
เข้าเมืองตาหลวิ่ ตอ้ งหล่วิ ตาตาม จาได้ไม่ตอ้ งอาศยั ตารา
เข้ารกเข้าพง อยใู่ นหม่ใู ดกท็ าตนเป็นเช่นนั้น
เขา้ รปู เขา้ รอย ประพฤติตามทค่ี นส่วนใหญ่ประพฤตกิ ัน
เขา้ แว่น พดู หรือทาไม่ถูกต้องกับเรื่องเพราะขาดความเขา้ ใจในเร่ืองนนั้
เขา้ หนา้ ถูกกบั แบบแผน
เขา้ หซู ้ายทุลุหขู วา สายตาไม่ดีต้องสวมแว่น
เขา้ ไหนเข้าได้ เผชญิ หน้า
ติกนิ สอนไมจ่ า, บอกหรือสอนไม่ไดผ้ ล
ตีขลมุ สามารถตดิ ต่อหรือคบหาสมาคมกบั ใคร ๆ ได้
ตฆี ้องร้องป่าว ทกึ ทักเอา, ประสมกิน
ตีงขู ้างหาง ฉวยโอกาสอ้างวา่ เปน็ ของตน
ตงี ูให้กากิน นาข่าวไปปา่ วรอ้ งบอกให้รู้โดยท่ัวกัน
ทาอะไรไมม่ นั่ เหมาะจะเกิดอันตรายแก่ตวั ได้
ตงี ใู ห้หลงั หัก ทาสง่ิ ใด ๆ ไวแ้ ล้ว แตผ่ ลประโยชน์กลับไปตกแก่ผู้อน่ื ,
ทาสิ่งทต่ี นควรจะได้รับผลประโยชน์ แตก่ ลับไม่ได้
ตีตนกอ่ นไข้, ตีตนตายก่อนไข้ ทาอะไรแกศ่ ัตรูไม่เด็ดขาดจริงจังยอ่ มมผี ลร้ายแกต่ นเองใน
ภายหลงั
ตีตนเหินหา่ ง พอไดข้ ่าววา่ อะไรไม่สดู้ ีเกดิ ข้นึ ก็กระวนกระวายทุกขร์ ้อนไป
ตตี ื้น เสยี ก่อนทั้งท่ีเรื่องยังไม่เกดิ ข้นึ
ตที ้ายครวั ทาตวั หา่ งเหนิ ไป
ตที ้ายน้า ทาได้ดีขน้ึ กว่าเดิม, เสยี ไปมากแต่ได้คนื กลบั มาบา้ ง
ตีปลาหนา้ ไซ ลอบเข้าไปเป็นชู้กบั เมียคนอื่น
เข้าทาในตอนหลัง
พดู หรือทาใหก้ จิ กรรมของผอู้ ่ืนซ่ึงกาลงั ดาเนนิ ไปด้วยดีกลบั
เสยี ไป

ตปี ่าให้เสอื กลวั ๑๘๙
ตฝี ีปาก
ตวี วั กระทบคราด ข่ใู หก้ ลวั หรอื ขู่ให้หนีไป
พูดโต้โดยแสดงโวหารฉะฉาน
ตสี องหนา้ โกรธคนหนงึ่ แตท่ าอะไรเขาไม่ได้จงึ แกลง้ พูดหรือทาส่ิงใด
ตสี านวน สิ่งหนงึ่ กับผ้ทู ่เี กยี่ วข้องใหก้ ระทบไปถึงคนน้ัน
ตเี สมอ กลบั กลอกไมค่ งทโี่ ดยการประจบท้ังสองข้าง
ตหี น้าตาย พูดใช้โวหารเชงิ อวดฉลาด
ตีหลายหนา้ วางตัวเทา่ เทียมกับผสู้ ูงกวา่ , ทาได้เท่า ๆ กัน
ตอี กชกหวั ทาหนา้ ตาถมึงทงึ แสดงอาการโกรธ
นา้ กล้ิงบนใบบอน ทากลับกลอก, ตลบตะแลง
นา้ ขึ้นใหร้ บี ตกั ร้องให้คร่าครวญ
นา้ ขุ่นไว้ใน นา้ ใสไวน้ อก ใจไมแ่ นน่ อน, กลบั กลอก
มีโอกาสทาอะไรให้เปน็ ประโยชน์แก่ตนไดใ้ หร้ ีบทา
นา้ เช่ยี วอย่าขวางเรือ มีความโกรธแคน้ ไม่พอใจให้เก็บไวใ้ นใจ ส่วนภายนอก
น้าซมึ บ่อทราย ใหแ้ สดงสีหน้าย้ิมแย้ม
น้าตาเชด็ หวั เข่า อยา่ ขดั ขวางผมู้ ีอานาจ
นา้ ตาตกใน ไดม้ าทลี ะนิดละหน่อย เรอ่ื ย ๆ อยา่ งสมา่ เสมอ
น้าตาลใกล้มดใครจะอดได้ ร้องให้ด้วยความชอกช้าระกาใจทต่ี อ้ งผดิ หวงั
มคี วามเศรา้ โศกอยา่ งมาก แตไ่ มก่ ล้าแสดงใหใ้ ครเห็น
นา้ ท่วมทงุ่ ผักบุง้ โหรงเหรง หญิงกับชายทอ่ี ยู่ใกล้ชดิ สนิทสนมกนั ย่อมห้ามใจไม่ใหร้ กั
น้าทว่ มปาก กันได้ยาก
พดู มากแตไ่ ด้ใจความนอ้ ย
นา้ น้อยแพไ้ ฟ พดู ไมไ่ ด้เพราะเกรงจะมภี ัยต่อตนเองหรอื คนอ่ืน,
นา้ น่งิ ไหลลกึ ไม่สามารถพูดไดเ้ พราะความจาเปน็ บางอยา่ ง
นา้ บอ่ น้อย ฝา่ ยท่ีนอ้ ยกวา่ ย่อมพ่ายแพแ้ ก่ฝา่ ยทม่ี ากกวา่
นา้ พึ่งเรือเสือพ่งึ ปา่ คนท่ไี ม่ค่อยพูดหรือมีทา่ หงิม ๆ มกั มีความคิดลึกซึ้ง
น้ามาปลากนิ มด น้าลดมดกินปลา นา้ ลาย
น้ารอ้ นปลาเปน็ น้าเย็นปลาตาย ต่างก็ต้องพ่ึงพาอาศัยกัน
ทีใครทมี นั
น้าลดตอผดุ คาพดู ที่ตรงไปตรงมาฟงั ไมไ่ พเราะ เปน็ การเตือนให้ระวัง
ตัวแตก่ ไ็ ม่เปน็ พิษเป็นภัย ส่วนคาพูดทไี่ พเราะ ซ่ึงถูกใจ
คนฟงั ทาให้ตายใจ แต่อาจเป็นพิษเปน็ ภัยได้
ถึงคราวตกอับหรือเมื่อหมดอานาจ ความชว่ั รา้ ยตา่ งๆ ที่
ทาไวก้ จ็ ะปรากฏให้เห็น

๑๙๐

น้าลอดใต้ทราย ทาอย่างลี้ลับไม่มีใครเหน็

น้าล้างหวั ล้าน ไมเ่ ข้มขน้ , ไม่มรี สชาติ

นา้ ลบู ทอ้ ง อดทนไปก่อน คือไม่มีอาหารกินก็กนิ น้าประทงั ชวี ิตไม่

พลางก่อน

นา้ ส่งั ฟา้ ปลาส่งั ฝน, ฝนส่ังฟ้า ปลาส่งั หนอง ส่งั เสียเป็นครงั้ สดุ ทา้ ย, ทาการใด ๆ ที่สาคญั เพ่ือไว้

อาลยั ก่อนจากไป

น้าหนงึ่ ใจเดยี วกนั มีความสามัคคีกัน, มคี วามคิดเป็นอย่างเดียวกนั

เปน็ กอบเปน็ กา เป็นช้นิ เปน็ อัน, เป็นก้อนใหญท่ าประโยชนต์ อ่ ไปได้ดี

เปน็ คงุ้ เปน็ แคว อาการทีเ่ ลา่ เป็นเรอ่ื งเป็นราวยืดยาวติดตอ่ กันเหมือนกบั รู้

เหน็ มาดว้ ยตนเอง

เป็นเงาตามตัว คอยตดิ ตามอยู่ตลอดเวลา, เพม่ิ ข้นึ หรือลดลงตามสว่ น

เป็นเงินเปน็ ทอง มีราคา, มคี ่า

เปน็ ดงั้ หนา้ คอยออกหน้ารับแทน

เปน็ ตอ่ ได้เปรยี บ

เป็นตวั เปน็ ตน เปน็ หลักฐานปรากฏชัด

เป็นตเุ ป็นตะ อาการท่ีเลา่ เปน็ จริงเป็นจงั เหมือนกับร้เู ห็นมาดว้ ยตนเอง

เป็นนา้ เปน็ นวล มีผิวพรรณผุดผ่องสวยงาม

เป็นเนื้อเปน็ ตัว เปน็ หลักเป็นฐาน, สามารถตงั้ หลักฐานขึน้ มาได้

เปน็ เนือ้ เป็นหนงั เปน็ ช้นิ เปน็ อัน

เป็นบ้าเปน็ หลงั เอาจริงเอาจังเกินไป

เป็นปเี่ ปน็ ขลยุ่ ถกู คอกัน, เขา้ กันได้ดี

เป็นฝงั่ เปน็ ฝา เป็นหลักฐานมั่นคง, เปน็ ชิน้ เปน็ อัน, เปน็ จรงิ เปน็ จัง

เปน็ โล้เป็นพาย เอางานเอาการ, ไดเ้ รอื่ งได้ราว, แข็งขนั

เป็นวรรคเปน็ เวร, เป็นวกั เปน็ เวน ไมร่ ้จู ักจบจกั ส้นิ

เปน็ หนา้ เป็นตา เปน็ ที่เชดิ หนา้ ชตู า

เปน็ หนุ่ ให้เชดิ อยู่ในฐานะท่ีต้องทาตามที่เขาสั่ง

เป็นหูเป็นตา ใชส้ ดบั ตรับฟงั และชว่ ยดูแลรกั ษาแทน

ไมก่ ินเสน้ ไมถ่ ูกกนั

ไมก่ ่ีอัฐ, ไมก่ ่ีอฐั ฬส ราคาถกู

ไม่เข้ายา ไมไ่ ด้ความ, ไมเ่ ขา้ ทา่

ไมเ่ จยี มกะลาหวั ไม่เจยี มตัว

ไม่ใช่ขี้ไก่ ไมเ่ ลว, มีอะไรดีเหมือนกนั , ดูถูกกนั ไม่ได้

ไมใ่ ช่พระอฐิ พระปนู ทนน่ิงอยู่ไม่ได้

๑๙๑

ไมด่ ูเงาหวั ไมร่ ้จู กั ประมาณตน

ไมด่ ดู าดูด,ี ไมด่ ดู าดแู ดง เลิกเก่ียวข้องกนั อย่างเด็ดขาด

ไมใ่ ชพ่ ระอฐิ พระปูน ทนนง่ิ อยู่ไม่ได้

ไมด่ ูเงาหัว ไมร่ ้จู กั ประมาณตน

ไม่ดูตามา้ ตาเรือ ไมพ่ ิจารณาใหร้ อบคอบ

ไมไ่ ดเ้ บย้ี ออกข้าว ไมม่ ีสว่ นได้อะไรด้วยแตย่ งั ต้องเสยี ผลประโยชน์ไปอกี

ไมไ่ ดเ้ บ้ยี เอาข้าว ไมไ่ ดอ้ ยา่ งหนึ่งตอ้ งเอาอกี อย่างหนึ่ง คอื ไม่ยอมกลบั มอื เปล่า

ไม่ตายก็คางเหลือง ปว่ ยหรือบาดเจ็บอาการหนักมาก

ไม่เต็มเตง็ , ไมเ่ ต็มบาท, สองสลงึ เฟือ้ ง, สามสลงึ เฟื้อง บ้า ๆ บอ ๆ สติไม่สมบูรณ์

ไมท่ ันกน้ หม้อดา หญิงชายแตง่ งานกินอยู่กนั ได้ไมน่ านกเ็ ลิกรากันไป

ไม่เปน็ โลเ้ ป็นพาย ไม่เปน็ แกน่ สาร

ไม่พูดพร่าทาเพลง รวดเรว็ ทันใจ, ลงมอื กระทาทันที

ไม่ฟังอีรา้ คา้ อรี ม ไมฟ่ ังเสียง, ไม่ทนั ดูให้รอบคอบเสียก่อน

ไม่มเี งาหวั เป็นลางวา่ จะตายรา้ ย

ไมม่ ีปี่มีกลอง, ไม่มปี ี่มขี ลยุ่ ไม่มีเค้ามาก่อน

ไม่มีมลู ฝอยหมาไมข่ ้ี ไม่มีอะไรเปน็ เค้ามูลอยู่ ก็ไม่มีเรอ่ื งเกิดข้นึ , ไมม่ ีเหตยุ ่อม

ไมเ่ กิดเหตุ

ไม่มหี ่วงเอาหว่ งมาแขวนคอ หาภาระมาใสต่ ัวโดยไม่จาเป็น

ไมร่ ูจ้ กั เสือ เอาเรือมาจอด ไมจ่ ักมอดเอาไม้เข้ามาวาง เซอ่ เซอะ ไม่ร้จู กั วา่ ใครเป็นใคร, ทาสิง่ ที่

ไม่รวู้ า่ จะเปน็ ภัยแกต่ นเอง

ไมร่ ู้จกั หัวนอนปลายตนี ไม่ร้คู วามเปน็ มาหรอื พื้นเพ

ไม่รู้อโี หน่อเี หน่ ไมร่ ้เู ร่ืองราวท่เี กิดข้ึน

ไมล่ งโบสถ์ ไม่ถูกกนั , ไม่ร่วมเป็นพวกดว้ ย

ไมเ่ หน็ น้าตัดกระบอก ไมเ่ หน็ กระรอกโก่งหน้าไม้ ด่วนทาล่วงหน้าไปก่อน โดยท่ยี ังไม่ถึงเวลาท่ี

จะกระทา

ไม่เหลือบา่ กวา่ แรง ไมเ่ กินความสามารถที่จะทาได้

ไมเ่ ออออห่อหมก ไมต่ กลงด้วย

ไม่เอาถ่าน เหลวไหล ไมเ่ อาใจใสใ่ นการท่ีจะทาตัวให้เป็นคนดี

ไมใ้ กลฝ้ งั่ คนมอี ายุมาก, แกช่ ราเต็มทีไมร่ ู้จะตายเม่ือไร

ไมง้ ามกระรอกเจาะ หญงิ งามมักไมบ่ รสิ ุทธ์ิ

ไมซ้ ีกงัดไม้ซงุ ผู้น้อยไปคัดค้านผมู้ ีอานาจย่อมไมส่ าเรจ็ มีแต่เป็น อนั ตราย

ไมต้ าย ทาหรอื ยกเอาขอ้ สาคญั มากล่าวอ้างให้อกี ฝา่ ยหนึ่งกลัว

ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อยู่ด้วยกนั อย่างมีความสุขจนแกจ่ นเฒ่า

๑๙๒

ไม้นอกกอ คนทป่ี ระพฤตินอกแบบแผนของวงศต์ ระกลู

(มักใชใ้ นทางท่ีไมด่ ี)

ไมเ้ บ่ือไม้เมา ไมล่ งรอยกัน, ขัดแย้งกันตลอดเวลา

ไมป้ ่าเดียวกนั พวกเดียวกัน, เป็นผ้ชู ายดว้ ยกนั หรอื เป็นผู้หญิงด้วยกนั

ไม้รม่ นกจับ ผมู้ ีวาสนาย่อมมีคนมาพ่ึงบารมี

ไมล้ ม้ เงาหาย คนที่เคยมวี าสนา เมอื่ ตกต่าลงผู้ทมี่ าพ่ึงบารมีกห็ นหี นา้ ไปหมด

ไม้ลาเดยี วยงั ต่างปล้อง พ่ีกับนอ้ งยังต่างใจ จติ ใจความคิดเห็นของแต่ละคนยอ่ มต่างกัน

ไม้หลกั ปักเลน, ไม้หลักปักขี้ควาย โลเล, ไมแ่ น่นอน

ไม้อ่อนดัดงา่ ย ไมแ่ กด่ ัดยาก อบรมสง่ั สอนเดก็ ใหป้ ระพฤติดี ทาไดง้ า่ ยกว่าอบรม

สัง่ สอนผใู้ หญ่

รงู้ ู ๆ ปลา ๆ ร้ไู มจ่ รงิ รบู้ า้ งเลก็ ๆ น้อย ๆ

รู้จกั เกบ็ รจู้ ักเข่ีย รู้จกั หาสะสมรวบรวมไว้

รจู้ กั เกบ็ รจู้ กั งา รู้จักเกบ็ ขา้ วของไว้ไม่ให้สูญหาย

รเู้ ชน่ เหน็ ชาติ เคยเหน็ หรือรู้จกั มาอยา่ งด,ี ร้กู าพดื

รู้มากยากนาน รูน้ อ้ ยพลอยราคาญ ร้มู ากเกินไปจนทาใหย้ งุ่ ยากใจ และรนู้ อ้ ยไม่เข้าใจ

ทา ให้เกิดความราคาญใจ

รมู้ ือ รู้จกั หรอื เคยเหน็ ฝีมือกนั

ร้ยู าวรู้ส้นั รจู้ กั ผอ่ นปรน, ร้จู กั ผอ่ นสนั้ ผอ่ นยาว

รวู้ ่าเสอื อยา่ เอาเรือไปจอด รู้ว่าเป็นอันตรายจงหนไี ปใหไ้ กล

รู้ไวใ้ ชว่ า่ ใสบ่ ่าแบกหาม เรยี นรไู้ ว้ไม่เสยี หายอะไร

รู้ไส้ รู้เรอ่ื งส่วนตวั เปน็ อยา่ งไร

รู้หลบเป็นปกี รู้หลีกเปน็ หาง รู้จกั หลบเอาตัวรอดไปได้ หรือปรบั ตวั ให้เขา้ กับ เหตกุ ารณ์

รู้หาญรูข้ ลาด กล้าในสงิ่ ที่ควรกล้า กลวั ในสิ่งทีค่ วรกลัว

รอู้ ย่างเปด็ รู้หลายเรอ่ื งแต่รไู้ ม่จรงิ สกั เร่ืองเดียว, รอู้ ยา่ งผวิ เผนิ ไม่ถงึ ข้ันลกึ ซ้ึง

๑๙๓

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑
ใหน้ กั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดังต่อไปน้ี
๑. “รวบรวมเป็นหมวดหมู่” ใหน้ กั เรยี นนาคาสุภาษิตทก่ี าหนดให้มาเติมลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง

ทำดีไดด้ ีทำชว่ั ไดช้ วั่ น้ำเชี่ยวอยำ่ งขวำงเรือ น้ำขนุ่ ไวใ้ น น้ำใสไวน้ อก
ปลูกเรือนตำมใจผอู้ ยู่ ผกู อูต่ ำมใจผนู้ อน ควำมประมำทเป็ นหนทำงแห่งควำมตำย

ตนเป็ นท่ีพ่ึงแห่งตน น้ำข้ึนใหร้ ีบตกั เวรท้งั หลำย ระงบั ดว้ ยกำรไม่จองเวร
อยำ่ ไวใ้ จทำง อยำ่ วำงใจคน พงึ ชนะควำมโกรธ ดว้ ยควำมไม่โกรธ

สุภาษิตทเี่ ป็นคากล่าวของนักปราชญ์โบราณ สุภาษติ ท่มี าจากคาสอนในศาสนา
๑. ๑.
๒. ๒
๓. ๓.
๔. ๔.
๕. ๕.

๒. “มลู เหตทุ ีม่ า” จบั คแู่ หล่งท่ีมากับสานวนไทยให้ถกู ต้อง

เกิดจำกธรรมชำติ   โคน่ กลว้ ยไวห้ น่อ
เกิดจำกนิทำน   ตกั บำตรถำมพระ
เกิดจำกกำรกระทำ   ไก่รองบอ่ น
เกิดจำกศำสนำ   ตน้ ไมต้ ำยเพรำะลูก
เกิดจำกกำรละเล่น   กบเลือกนำย

๑๙๔

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๒

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ หาสานวนที่ขึ้นตน้ ด้วยคาท่ีรบั ผิดชอบ พร้อมท้งั วาดภาพ บอก
ความหมายของสานวน และใชส้ านวนนนั้ ๆ แตง่ ประโยคมาด้วย

สานวน
............................................................................................................................. .

............................................................................................................................. ..........
หมายถึง

............................................................................................................................. .
...................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ..........
ตัวอยา่ ง

..............................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........

๑๙๕

เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑

ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดังต่อไปนี้
๑. “รวบรวมเปน็ หมวดหมู่” ให้นกั เรยี นนาสภุ าษิตท่ีกาหนดใหเ้ ตมิ ลงในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง

ทำดีไดด้ ีทำชวั่ ไดช้ วั่ น้ำเช่ียวอยำ่ งขวำงเรือ น้ำข่นุ ไวใ้ น น้ำใสไวน้ อก
ปลูกเรือนตำมใจผอู้ ยู่ ผกู อตู่ ำมใจผนู้ อน ควำมประมำทเป็ นหนทำงแห่งควำมตำย

ตนเป็ นท่ีพ่งึ แห่งตน น้ำข้ึนใหร้ ีบตกั เวรท้งั หลำย ระงบั ดว้ ยกำรไมจ่ องเวร
อยำ่ ไวใ้ จทำง อยำ่ วำงใจคน พงึ ชนะควำมโกรธ ดว้ ยควำมไม่โกรธ

สภุ าษติ ทเี่ ปน็ คากล่าวของนักปราชญโ์ บราณ สุภาษิตที่มาจากคาสอนในศาสนา

๑. นา้ ขุ่นไว้ใน น้าใสไว้นอก ๑. ทาดีไดด้ ที าชวั่ ไดช้ ัว่

๒. น้าเช่ยี วอยา่ งขวางเรือ ๒. ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย

๓. ปลกู เรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผนู้ อน ๓. เวรท้ังหลาย ระงบั ด้วยการไม่จองเวร

๔. อย่าไวใ้ จทาง อย่าวางใจคน ๔. ตนเป็นทพ่ี ่งึ แหง่ ตน

๕. น้าขึ้นใหร้ บี ตกั ๕. พงึ ชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ

๒. “มูลเหตุทม่ี า” จบั คู่แหล่งทม่ี ากับสานวนไทยให้ถูกต้อง

เกิดจำกธรรมชำติ   โค่นกลว้ ยไวห้ น่อ
เกิดจำกนิทำน   ตกั บำตรถำมพระ
เกิดจำกกำรกระทำ   ไก่รองบ่อน
เกิดจำกศำสนำ   ตน้ ไมต้ ำยเพรำะลูก
เกิดจำกกำรละเล่น   กบเลือกนำย

๑๙๖

เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ ๒

( อยูใ่ นดลุ พนิ ิจของคร)ู

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๔.๓

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒

หน่วยที่ ๔ เขา้ เมืองตาหล่ิวตอ้ งหล่ิวตาตาม เวลา ๕ ชั่วโมง

เรอ่ื ง รเู้ ฟ่อื งเร่อื งคาพังเพย เวลา ๑ ชัว่ โมง

ใชส้ อนวนั ท่ี ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคิด เพ่ือนาไปใช้ตดั สนิ ใจแก้ปญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ และมนี ิสัยรกั การอ่าน
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ

ตัวชวี้ ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคิดเหน็ และข้อโต้แย้งเกยี่ วกับเร่ืองที่อ่าน
ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคาในภาษาไทย

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง/ท้องถน่ิ

ตัวชว้ี ัด ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)

ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภปิ ราย - นยิ ามหลกั การ - ฝกึ อภปิ รายแสดงความ - มีมารยาทในการ
แสดงความคดิ เหน็ และข้อ
โต้แยง้ เกยี่ วกบั เรื่องท่ีอา่ น อภปิ รายแสดงความ คดิ เห็นและ อภปิ รายและแสดง

ท ๔.๑ ม.๒/๑ สรา้ งคา คดิ เห็นและขอ้ โต้แยง้ ข้อโต้แย้ง ความคดิ เห็น
ในภาษาไทย
ขอ้ โตแ้ ยง้

-หลักการสร้าง คาซ้า - ศกึ ษาเร่ือง หลกั การสร้าง - รู้ เข้าใจการสร้าง

คาซ้อน คาซา้ คาซ้อนคาสมาสและ คาสมาสและคาสนธิ

-หลกั การสร้าง สนธิ - จาแนกคาสมาสและ

คาสมาสและคาสนธิ - ฝึกหลักการสร้างคาคาซา้ คาสนธิ

คาซ้อนสมาสและคาสนธิ ได้ถูกต้อง

- ฝกึ วิเคราะหก์ ารสรา้ งคาซ้า

คาซ้อนคาสมาสและคาสนธิ

๑๙๗

สาระสาคญั
สานวน หมายถงึ ถ้อยคาหรือข้อความที่กล่าวสบื ต่อกันมาช้านานแลว้
สุภาษิต หมายถงึ ถ้อยคาทีเ่ ป็นคติเตือนใจ มจี ดุ ม่งุ หมายเพ่ือสอนใหล้ ะเวน้ หรือใหป้ ฏบิ ัติ
คาพงั เพย เปน็ สานวนทก่ี ล่าวใหเ้ ปน็ ข้อคิด กล่าวถึงพฤติกรรมหรือการกระทา

สาระการเรียนรู้
สานวนและความหมาย คาพังเพย

กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครนู าภาพคาพังเพยมาใหน้ ักเรียนทาย และสนทนากบั นักเรียน เร่ือง “คาพังเพย”จากน้ัน

อ่าน เรอื่ ง คาพังเพย ในหนังสือเรยี น หน้า ๑๒๕
๓. ครใู ห้นักเรียนศึกษา ค้นคว้าคาพงั เพย จากหนังสือ จากนั้นใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั บอก

ความหมายของคาพังเพย ต่างๆ
๔. นักเรียนแบง่ กลุม่ ๘ กลุม่ ให้ แต่ละกลุ่มหาคาพังเพย จากหนงั สือสานวนไทย พรอ้ มท้งั ให้

บอกความหมายของสานวน และใช้สานวนนัน้ ๆ แตง่ ประโยคมาดว้ ย ดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี
๕. กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง หมายถึง รูด้ ีอยู่แก่ใจแลว้ แตแ่ กลง้ ทาเปน็ ไมร่ ู้

ตวั อยา่ ง มานีขโมยปากกาเพื่อนแต่ไมย่ อมรบั ผิด เพื่อนๆจงึ พดู ว่า
เธอกนิ อยู่กบั ปาก อยากอยู่กับทอ้ งแลว้ จะมาถามทาไม

๖. เมอื่ เสรจ็ แล้วให้แตล่ ะกล่มุ สง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลงาน จากนน้ั นาผลงานท่ไี ดจ้ าก
การศึกษาค้นควา้ ทาเปน็ งานภาษาไทย เร่อื ง คาพงั เพย

๗. นกั เรยี นทาบัตรกิจกรรมการเรยี นรแู้ ละสรปุ ความหมายของคาวา่ พงั เพย


Click to View FlipBook Version