The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธัญญาดล อุปชิตกุล, 2020-05-06 02:43:47

แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

๒๙๘

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๒๙๙

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนพิจารณาคณุ คา่ ของโคลงสภุ าษติ นฤทมุ าการ ตามความเข้าใจในชอ่ งวา่ งท่ี
กาหนดให้

…………………… ……………………… …………………
…………………… ……………………… …………………
…………………… ……………………… …………………
…………………… ……………………… …………………
…..

คุณค่าโคลง
สุภาษติ

……………………… ………………………
……………………… ………………………
……………………… ………………………
……………………… ………………………
…..

๓๐๐

แนวเฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นพิจารณาคุณคา่ ของโคลงสุภาษิตนฤทมุ าการ ตามความเข้าใจในชอ่ งวา่ งที่
กาหนดให้

เป็นเรื่องท่ีเกี่ยวขอ้ ง การใชภ้ าษาใชค้ าง่ายๆ เป็ นคาสอนที่คน
กบั ชีวติ ประจาวนั เป็ นคาไทยแท้ ทว่ั ไปสามารถ

ของคน ความหมายชดั เจน ปฏิบตั ิได้
และเป็ นเรื่ องอุดมคติ เขา้ ใจ ง่ายเห็น

ภาพพจน์

คุณค่าโคลง
สุภาษิต

สอดคลอ้ งกบั ธรรมมะ เป็นขอ้ เตือนใจในการ
ในพระพุทธศาสนา ซ่ึง ดารงชีวิตอยใู่ นสังคม
ผปู้ ฏิบตั ิจะเกิดความ
ไดท้ ุกยคุ ทุกสมยั
สงบสุข

๓๐๑

แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน

คาชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเคร่ืองหมายถูกหน้าข้อความที่นักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเครื่องหมายผิด
หน้าข้อทน่ี ักเรียนคดิ วา่ ผดิ

...............๑ ผู้ที่ประสบความสาเร็จมักจะมีหลักธรรมประจาใจเพ่ือเป็นแนวทางในการดาเนินชีวิต
แนวทางตา่ ง ๆ เปน็ ขอ้ คดิ ที่นักปราชญ์แต่โบราณไดร้ วบรวมไว้ ดงั ปรากฏในโคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์

............... ๒ โคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์ เดิมเป็นสุภาษิตภาษาอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยูห่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้กวใี นราชสานกั แปลและประพันธเ์ ปน็ โคลงภาษาไทย

..............๓ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคเ์ ปน็ โคลงสสี่ ุภาพ ซึง่ มบี ทนา ๑ บท เน้ือเร่ือง ๑๖ บท และบทสรุป
๑ บท บอกจานวนสุภาษิต วา่ มี ๑๖ หมวด หมวดละ ๓ ขอ้ รวมเป็น ๔๘ ขอ้

...............๔ ในพระราชนิพนธ์น้ี “ไตรยางค์” หมายถึงจานวนส่ิงท่ีควรแสวงหาหรือควรละเว้น ซ่ึงในโคลง
แต่ละบทจะมอี ยู่ ๓ ส่งิ

...............๕ สามสง่ิ ควรรัก ได้แก่ ความกล้า ความสุภาพ และความรักใคร่ สามสง่ิ ควรชม ได้แก่ อานาจ
เกยี รติยศ และ มีมารยาทดี

...............๖ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมบี ทนา ๑ บท เนอ้ื เร่ือง 4 บท และบทสรุป ๑ บท
............... ๗ ช่ือวา่ ทศนฤทมุ นาการ หมายถึง “กิจ ๑๐ ประการที่ผูป้ ระพฤตยิ งั ไมเ่ คยเสียใจ”
...............๘ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ เป็นข้อแนะนาท้ังทางด้านมโนกรรม (การคิด) วจีกรรม (การพูด)
และกายกรรม (การกระทา) ซึ่งครอบคลุมและเหมาะสมที่จะเป็นเกราะป้องกันผู้ประพฤติมิให้ต้องเสียใจ
เพราะส่งิ ท่ีตนคิด พูด และกระทา
............... ๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลนิทานอิสปไว้ ๒๔ เร่ือง
และทรงพระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิตประกอบนิทาทนร่วมกับกวีอีก ๓ ท่าน โคลงสุภาษิตดังกล่าวรวมเรียกว่า
โคลงสุภาษิตอศิ ปปกรณา
............... ๑๐ อิศป หรือ อีสป (Aesop) เป็นช่ือนักโทษชาวกรีก เล่ากันว่า อีสปเป็นทาสผู้มีร่างกายพิกล
พิการ แต่ชาญฉลาด มักยกนทิ านขึ้นมาเลา่ เพอื่ เปรยี บเปรย หรอื เตอื นสติให้ผู้อื่นไดค้ ิด

๓๐๒

เฉลยทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน

คาช้ีแจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมายถูกหน้าข้อความที่นักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเคร่ืองหมายผิด
หนา้ ข้อทน่ี กั เรียนคิดวา่ ผิด

...............๑ ผู้ท่ีประสบความสาเร็จมักจะมีหลักธรรมประจาใจเพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินชีวิต
แนวทางต่าง ๆ เปน็ ขอ้ คิดท่นี กั ปราชญแ์ ตโ่ บราณได้รวบรวมไว้ ดังปรากฏในโคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์

............... ๒ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ เดิมเป็นสุภาษิตภาษาอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กวีในราชสานักแปลและประพันธ์เป็นโคลง
ภาษาไทย

...............๓ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์เป็นโคลงสี่สุภาพ ซ่ึงมีบทนา ๑ บท เนื้อเร่ือง ๑๖ บท และ
บทสรุป ๑ บท บอกจานวนสุภาษติ วา่ มี ๑๖ หมวด หมวดละ ๓ ขอ้ รวมเปน็ ๔๘ ข้อ

...............๔ ในพระราชนิพนธ์น้ี “ไตรยางค์” หมายถึงจานวนสิ่งที่ควรแสวงหาหรือควรละเว้น ซึ่งใน
โคลงแต่ละบทจะมีอยู่ ๓ ส่ิง

...............๕ สามส่ิงควรรัก ได้แก่ ความกล้า ความสุภาพ และความรักใคร่ สามสิ่งควรชม ได้แก่
อานาจ เกียรตยิ ศ และ มมี ารยาทดี

...............๖ โคลงสภุ าษิตนฤทุมนาการมีบทนา ๑ บท เนื้อเร่ือง 4 บท และบทสรปุ ๑ บท
............... ๗ ชือ่ ว่า ทศนฤทมุ นาการ หมายถึง “กิจ ๑๐ ประการท่ีผู้ประพฤตยิ งั ไม่เคยเสยี ใจ”
...............๘ โคลงสุภาษิตนฤทมุ นาการ เปน็ ข้อแนะนาทง้ั ทางด้านมโนกรรม (การคดิ ) วจีกรรม (การพูด)
และกายกรรม (การกระทา) ซ่ึงครอบคลุมและเหมาะสมที่จะเป็นเกราะป้องกันผู้ประพฤติมิให้ต้องเสียใจ
เพราะส่งิ ทีต่ นคดิ พูด และกระทา
............... ๙ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลนิทานอิสปไว้ ๒๔ เรื่อง
และทรงพระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิตประกอบนิทาทนร่วมกับกวีอีก ๓ ท่าน โคลงสุภาษิตดังกล่าวรวมเรียกว่า
โคลงสุภาษิตอศิ ปปกรณา
............... ๑๐ อศิ ป หรอื อสี ป (Aesop) เปน็ ช่ือนกั โทษชาวกรกี เล่ากันวา่ อีสปเปน็ ทาสผมู้ รี ่างกายพกิ ล
พกิ าร แต่ชาญฉลาด มักยกนิทานขึ้นมาเลา่ เพ่ือเปรยี บเปรย หรอื เตือนสติใหผ้ ้อู ่นื ได้คิด

๓๐๓

แบบประเมินหลงั แผนการจดั การเรียน

๓๐๔

แบบประเมินพฤติกรรมและผลงานระหว่างเรียน

ความหมาย

๑. ตง้ั ใจ หมายถงึ ความมานะ อดทนทางานจนเสรจ็ ( A )

๒. ความรว่ มมอื หมายถึง สมาชิกในกลมุ่ ให้ความรว่ มมือทางานจนเสรจ็ ( A )

๓. ความมีวนิ ัย หมายถึง ผลงาน หรือการทางานเป็นระบบระเบยี บเรียบร้อย สะอาด

สวยงาม และได้เนื้อหาครบถ้วน ทนั หรอื ตรงต่อเวลา ( A,K )

๔. คณุ ภาพของผลงาน หมายถงึ ผลงานเรยี บรอ้ ย สวยงาม เนอื้ หาครบถว้ น

ภาษาทใ่ี ช้เหมาะสม (P – Product, K)

๕. การนาเสนอผลงาน หมายถงึ การพูดอธบิ ายนาเสนอผลงานได้ตามลาดับ

และเน้ือหาถูกต้อง ( P – Process, K )

เกณฑ์การประเมนิ

๔ หมายถงึ ทาไดด้ ีมาก ๓ หมายถึง ทาได้ดี

๒ หมายถึง ทาได้พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ

เลขท่ี ความต้งั ใจ ความรว่ มมอื ความมีวินัย คุณภาพของ การนาเสนอ รวม

(๔) (๔) (๔) ผลงาน (๔) ผลงาน (๔) (๒๐)

๓๐๕

เกณฑ์การให้คะแนนกระบวนการทางานกล่มุ

ประเด็นการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน/ระดับ
๑. การกาหนด –
๓๒๑
เปา้ หมายรว่ มกัน
สมาชิกทกุ คนมีสว่ น สมาชิกสว่ นใหญม่ ี สมาชิกส่วนน้อยมี
๒. การแบง่ หน้าท่ี
รับผดิ ชอบ ร่วมในการกาหนด สว่ นร่วมในการกาหนด ส่วนรว่ มในการกาหนด

๓. การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี เปา้ หมายการทางาน เป้าหมายในการ เป้าหมายในการ
ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
อย่างชดั เจน ทางาน ทางาน
๔. การประเมนิ และ
ปรบั ปรงุ ผลงาน กระจายงานได้อย่าง กระจายงานไดท้ ัว่ ถงึ กระจายงานไม่ท่วั ถึง

ทวั่ ถงึ และตรงตาม แต่ไม่ตรงตาม

ความสามารถของ ความสามารถของ

สมาชกิ ทกุ คน สมาชกิ

ทางานได้สาเรจ็ ตาม ทางานไดส้ าเร็จตาม ทางานไมส่ าเร็จตาม

เปา้ หมายท่ีไดร้ ับ เป้าหมายแต่ชา้ กวา่ เป้าหมาย

มอบหมาย ตาม เวลาทก่ี าหนด

ระยะเวลาที่กาหนด

สมาชกิ ทกุ คนรว่ ม สมาชิกบางส่วนมีส่วน สมาชกิ บางส่วนไม่มี

ปรึกษาหารือ ตดิ ตาม รว่ มปรกึ ษาหารือแต่ไม่ สว่ นร่วมปรึกษาหารอื

ตรวจสอบและปรบั – ชว่ ยปรบั ปรุงผลงาน และไม่ช่วยปรับปรงุ

ปรงุ ผลงานเป็นระยะ ผลงาน

๓๐๖

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกลุ่ม

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ กล่มุ ท่ี …….....

ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเหน็
๓๒๑
๑. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั
๒. การแบ่งหน้าทร่ี ับผิดชอบ
๓. การปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ที ี่ได้รับมอบหมาย
๔. การประเมินและปรับปรุงผลงาน

รวม

ลงชอื่ ผ้ปู ระเมิน
( )

เกณฑ์การประเมิน ดมี าก
๑๑ – ๑๒= ดี
๘ – ๑๐ = พอใช้
๕–๖ = ปรบั ปรงุ
๐–๔ =

๓๐๗

เกณฑ์การประเมนิ การนาเสนอผลงาน

แนวทางการพิจารณา

หัวข้อการพิจารณา/ระดบั การปฏบิ ตั หิ รอื พฤติกรรม

ระดับ เน้อื หา กลวิธีการนาเสนอ ขน้ั ตอนการ การใชภ้ าษา ตอบคาถาม/
คะแนน นาเสนอ เวลา
๔ มีการเรียงลาดบั ตอบคาถามได้
เนอ้ื หาไดด้ ี มกี ารนาเข้าสเู่ นอ้ื มกี ารนาเสนอ ออกเสียงถูกตอ้ ง อย่างมภี มู ริ ู้
มีความตอ่ เนือ่ ง และมคี วาม
มีประโยชน์ เรื่อง มีความ อย่างตอ่ เนื่อง ตามอกั ขรวิธแี ละดงั ชัดเจน มีแหลง่
ให้แงค่ ดิ อา้ งอิง
สมั พนั ธ์กับเนอ้ื ราบร่นื เปน็ ไปตาม ชดั เจน ใช้ภาษา ใช้เวลาตาม
กาหนด
เรื่อง เร้าใจผู้ฟัง ขัน้ ตอน เหมาะสม เข้าใจ ตอบคาถามได้
ค่อนขา้ งชัด เจน
มีความมน่ั ใจ ง่าย มกี ารใช้ มแี หลง่ อ้างองิ
ใช้เวลาเกิน
สานวนโวหาร กาหนด ๑ นาที

๓ มีการเรียงลาดับ มีการนาเข้าสู่เน้อื การนาเสนอ ออกเสียงถูกตอ้ ง ตอบคาถามไดไ้ ม่
เนือ้ หาไดด้ ี เร่อื ง มีความ ต่อเนื่อง มีการ ตามอกั ขรวธิ ีและดงั ค่อยชัดเจน
มคี วามต่อเน่อื ง สัมพนั ธก์ ับเนื้อ ข้ามขน้ั ตอนบา้ ง ชัดเจน ใช้ภาษา มีแหล่งอา้ งองิ
มีประโยชน์ เรื่อง เรา้ ใจผูฟ้ ัง เหมาะสมเข้าใจงา่ ย เปน็ บางส่วน
ใหแ้ ง่คดิ น้อย ไมม่ คี วามมน่ั ใจใน การนาเสนอ ไม่มีการใช้สานวน ใช้เวลาเกิน
การนาเสนอ ต่อเนอื่ ง ไมม่ ี โวหาร กาหนด
๒ มกี ารเรยี งลาดบั มีการนาเขา้ สเู่ น้ือ ข้ันตอนเปน็ ส่วน ออกเสยี งถกู ต้อง ๒ นาที
เนอ้ื หาไดด้ ี เรื่อง มีความ ใหญ่ ตามอกั ขรวิธแี ละดงั ตอบคาถามไมไ่ ด้
มคี วามต่อเนอื่ ง สมั พนั ธ์กบั เนื้อ ชดั เจน ใช้ภาษา เปน็
มีประโยชน์น้อยให้ เรอ่ื ง ไม่ เรา้ ใจผู้ฟงั เขา้ ใจยาก ไม่มี ส่วนใหญ่
แง่คดิ นอ้ ย ไม่มีความมัน่ ใจใน การใช้สานวน ใชเ้ วลาเกนิ
การนาเสนอ โวหาร กาหนด ๕ นาที

๑ มกี ารเรยี งลาดับ มีการนาเขา้ สเู่ นอ้ื การนาเสนอ ออกเสยี งถูกต้อง
เน้อื หาไดด้ ี เรอ่ื ง ไม่มีความ ไมต่ อ่ เน่อื ง ตามอกั ขรวธิ แี ละดงั
ไม่มคี วามตอ่ เนื่อง สมั พนั ธก์ ับเน้อื นาเสนอสบั สน ชดั เจน ใช้ภาษาไม่
มีประโยชน์นอ้ ยให้ เร่อื ง ไมเ่ ร้าใจผู้ฟัง เหมาะสม เขา้ ใจ
แงค่ ิดนอ้ ย ไม่มีความมัน่ ใจใน ยาก ไมม่ ีการใช้
การนาเสนอ สานวนโวหาร

๓๐๘

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

กลุ่มที่............................................................หอ้ ง.......................

เนอื้ หา กลวธิ ี ขน้ั ตอนการ การใช้ การตอบ รวม

๔ การ นาเสนอ ภาษา คาถาม คะแนน

ประเดน็ นาเสนอ ๔ ๔ /เวลา ๒๐

ชือ่ – สกุล ๔๔
สมาชกิ
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๖.
๘.

ลงชื่อ......................................................ผปู้ ระเมิน
()
วันท่.ี .....เดือน......................ปี................

เกณฑก์ ารประเมนิ ๔ หมายถงึ ดีมาก
๓ หมายถึง ดี
๒ หมายถงึ พอใช้
๑ หมายถึง ตอ้ งปรับปรุง

๓๐๙

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน
คาชีแ้ จง ใหท้ าเครอื่ งหมาย / ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมทีก่ าหนด

รายการสังเกต

เลขท่ี ช่ือ – สกุล
ความสนในเร่ือง
ี่ท ่อาน
ีมมารยาทในการ
อ่าน
ีมสมาธิในการอ่าน
อ่านคาถูก ้ตอง
้นาเสียง ัชดเจน
ถูกต้อง
อ่านไม่กดหรือเติม
คา
จับห ันงสือได้
ถูก ้ตอง
สรุปผลการประเมินผ่าน

/ ไม่ผ่าน

๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑ ๐๒๑๐










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐

เกณฑก์ ารให้คะแนน ๒= ด,ี ๑ = ปานกลาง, ๐ = ต้องปรับปรุงแก้ไข
(ลงช่ือ)……………………………………….ผปู้ ระเมนิ
วันที่……….เดอื น…………………….พ.ศ………………

๓๑๐

แบบประเมินก่อนเรยี นและหลังเรยี น หนว่ ยท่ี ๕

แบบทดสอบ แบบทดสอบ สรปุ

เลขท่ี ชอื่ – สกลุ ก่อนเรียน หลังเรยี น ผลตา่ ง

๑ ๒๐ ๒๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น








๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐

๓๑๑

แผนการจัดการเรยี นรูภ้ าษาไทย

ภาคเรยี นที่ ๑
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๒
หน่วยที่ ๖ ราวงลอยกระทง

โดย

นางสาวธญั ญาดล อปุ ชิตกลุ

โรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

อาเภอโคกโพธ์ิไชย จังหวดั ขอนแก่น
สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาเขต ๒๕

๓๑๒

แผนผงั ความคดิ การบูรณาการการเรยี นรู้
ภายในกลมุ่ สาระ

การฟงั การดู
การพูด

วรรณคดแี ละ การอ่าน
วรรณกรรม

การใช้ภาษา การเขยี น

๓๑๓

แผนผงั ความคดิ การบรู ณาการ
นอกกลมุ่ สาระ การเรยี นรู้

คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ฯ
-กำรนบั จำนวน - กำรคดิ อย่ำงเป็ น
-กำรจดั กลมุ่ -สะทอ้ นสภำพสงั คมไทย
ระบบ -คณุ ธรรมและมำรยำท
- กำรวิเครำะหเ์ รื่อง
- หลกั เศรษฐกิจ
พอเพียง

สขุ ศึกษาและ รำวงลอย ภาษาองั กฤษ
พลศึกษา กระทง -ควำมหมำยของคำ

-มนษุ ยสมั พนั ธ์ -เขยี นคำศัพท์
-กำรเคลอื่ นไหว -เขยี นสำนวน
-กำรเลน่ เกม

การงานอาชีพ ศิลปะฯ
และเทคโนโลยี - กำรเรียนรู้
-กำรใชค้ อมพิวเตอร์ วฒั นธรรม
-ใชใ้ ชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต - วำดภำพประกอบ

-ขบั รอ้ งทำนองเสนำะ

๓๑๔

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๖.๑

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒

หนว่ ยที่ ๒ ราวงวันลอยกระทง เวลา ๔ ช่ัวโมง

เรอื่ ง อา่ นคดิ พินิจเรือ่ ง เวลา ๑ ชั่วโมง

ใชส้ อนวันที่ ....................................................................................................................

มาตรฐานท่ี ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ัญหาในการดาเนนิ ชวี ิตและมีนิสัยรกั การอา่ น

ตวั ช้วี ดั
ท ๑.๑ ม. ม.๒/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง
ท ๑.๑ ม. ม.๒/๒ จับใจความสาคัญ สรุปความและอธบิ ายรายละเอียด จากเร่อื งท่ีอ่าน

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ทอ้ งถน่ิ

ม.๒/๑ อา่ นออกเสียงบท ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)
ร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง
ไดถ้ ูกต้อง - หลักการอา่ นออก - ฝกึ ทกั ษะการอา่ นออกเสยี ง -มมี ารยาทในการอ่าน
ม.๒/๒ จบั ใจความสาคญั
สรปุ ความและอธิบาย เสียงรอ้ ยแก้วและรอ้ ย ร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง -อ่านได้ถกู ต้องชัดเจน
รายละเอียด จากเรื่องท่ี
อา่ น กรอง ตามหลกั การอ่าน

- หลกั การอา่ น - ฝึกทักษะการอา่ นจับ - อ่านจับใจความและ

จบั ใจความและ ใจความและสรุปความ สรปุ ความได้ถูกต้อง

สรปุ ความ

สาระสาคญั
การอา่ นเพ่ือจบั ใจความสาคญั เปน็ พ้ืนฐานที่จาเปน็ ในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนใหเ้ กิดความ

ชานาญจนสามารถจบั ใจความสาคัญในงานเขียนทุกประเภท
สาระการเรียนรู้

- การอา่ นในใจ อา่ นจบั ใจความบทเรียนเรอ่ื ง ราวงวนั ลอยกระทง

๓๑๕

กระบวนการจัดการเรยี นรู้
๑. ครูแจง้ ตวั ชีว้ ดั ครนู านกั เรียนร้องเพลงราวงลอยกระทง
๒. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับวันลอยกระทง ว่านักเรียนมีกิจกรรมอะไรบ้าง และนักเรียนรู้

ประวตั ิความเปน็ มา และความสาคัญของวันลอยกระทงหรือไม่
๓. นักเรียนอ่านจับใจความสาคัญของเรื่อง ราวงวันลอยกระทง โดยจับใจความที่เก่ียวกับการ

กลา่ วถึง ราวง ว่ามีความเป็นมาอยา่ งไร มีรายละเอยี ดอย่างไร
๔ . เมื่อนกั เรียนอ่านจบและเข้าใจดีแล้ว ใหน้ กั เรยี นต้ังและตอบคาถามในเนอ้ื เร่ืองทอ่ี า่ นคนละ

๕ ขอ้ ถา้ สงสัยใหถ้ ามกบั ครูผสู้ อน
๕. ครูกบั นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกบั ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากเร่ือง ว่ามีการเล่นราวงกนั อย่างไร ที่ใด

และเมื่อใด ใครเปน็ คนเล่นกนั บา้ ง
๖. ใหน้ ักเรียนทากจิ กรรมบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
๗. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรปุ บทเรยี น รวมทง้ั สรุปพฤติกรรมที่ได้จากบทเรียนและการนาไปใช้

ในชีวติ ประจาวัน

สอ่ื / แหล่งเรียนรู้

ลาดับท่ี รายการสอื่ กิจกรรมทีใ่ ช้ แหลง่ ทีไ่ ดม้ า
๑ เพลงราวงวนั ลอยกระทง เพิ่มเติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ดั เตรียม
๒ นกั เรยี นทาบตั รกิจกรรม ครูจัดทา
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นดภู าพและฝกึ อา่ น ครจู ัดหา

หนังสือเรยี น ชุด ววิ ิธภาษา
ชน้ั ม. ๒

๔ เฉลยบัตรกิจกรรม ตรวจสอบแบบทดสอบ ครจู ัดทา
ตรวจสอบบัตรกจิ กรรม ครจู ดั ทา
๕ แบบประเมนิ การสังเกต บนั ทกึ การสงั เกตพฤติกรรม
พฤติกรรม

๓๑๖

การวดั ผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ น วธิ ีการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
ประเมนิ การประเมิน สงั เกตรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
๒. นกั เรยี นเลา่ เรอ่ื งและตั้ง – ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
แบบประเมนิ รายกล่มุ
ตอบคาถาม ตรวจงานรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๓. นกั เรียนทาบตั รกจิ กรรม แบบประเมินการสงั เกต
การเรยี นรู้ พฤติกรรม และแบบ
ประเมินผลงาน
๔. ประเมนิ พฤติกรรมและ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ
ผลงานระหวา่ งเรียน
ผลงานระหว่างเรยี น

กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………

๓๑๗

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรูต้ ามผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรยี นทงั้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับปรับปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

๓. ปัญหาและอุปสรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ............................................
๔. การปรบั ปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................................................................
๕. ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
......................................................................................................... ...............................................
............................................................................................................................. ..........................................

ลงช่ือ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธญั ญาดล อุปชติ กุล )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๓๑๘

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน
........................................................................................................................................................

............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................... ..........................................
......................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรียนโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๓๑๙

บตั รความรู้
เรื่อง “ราวง” หรอื “ราโทน”

เพลงราวง
ของชาวตาบลเขาทอง อาเภอพยุหะคีรี จังหวดั นครสวรรค์
๑. เพลง “กาเหว่า”
กาเหวา่ บนิ มาลอยล่อง กาเหว่าบินมาลอยลอ่ ง ไม่ใชค่ คู่ รองฉันมองละเมอยนื เฉย

ใครเลยจะไมเ่ ก้อยนื เฉยใครเลยจะไมเ่ กอ้ ไม่ใช่คู่เธอละเมอแลมอง
๒. เพลง “ชักชวนสาวงาม”
ชักชวนสาวงาม ฟ้อนราถวายเจา้ พอ่ อนิจจารูปหลอ่ รูปลอ่ ยกั คิ้วข้างเดียวเอาเรือ

เข้าไปรบั ขากลบั กระไรน้าเช่ยี ว รักเธอคนเดยี ว นา้ เช่ียวกต็ ้องพายไป น้าเช่ยี วกต็ ้องพายไป
๓. เพลง “ดาวเคียงเดือน”
อยู่ในดงหลงชมแต่ดอกไม้ อยู่ในดงหลงชมแต่ดอกไม้ สญั ญาวา่ ไว้จะไมล่ มื กนั

พบรักคนใหม่ก็ชื่นใจก็ไหมเล่า พบรักคนใหม่ก็ชื่นใจก็ไหมเล่า มาลืมรักเก่าเสียเมื่อดาวเคียงเดือน ดาวเคียง
เดือนเตือนหัวใจให้หมอง เจบ็ ใจยิง่ นักคนรักใจสอง เจบ็ ใจย่งิ นกั คนรักใจสอง เฝ้าแตแ่ ลมองไม่รู้ว่าใคร

๓๒๐

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

ให้นักเรยี นตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี

๑. ท่ีมาของ “ราโทน” ๒. เพลงราวงมาตรฐานมี ๑๐ เพลงคือ
……………………………………… ……………………………………………
……………………………………… ……………………………………………
……………………………………… ……………………………………………
………………………………………. …………………………………………...

๓. เน้ือเพลงราวงมาตรฐานมีเน้ือหา ๔. เพลงพ้ืนบา้ นท่ีนกั เรียนรู้จกั ไดแ้ ก่
หลกั เก่ียวขอ้ งกบั อะไรบา้ ง เพลงอะไรบา้ ง
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
……………………………………… ………………………………………
………………………………………. ……………………………………….

๕. คุณค่าของเพลงพ้นื บา้ น คือ
………………………………………
………………………………………
………………………………………
……………………………………….

๓๒๑

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี

๑. ที่มาของ “ราโทน” ๒. เพลงราวงมาตรฐานมี ๑๐ เพลงคือ
เป็นการเล่นพ้ืนเมืองท่ีนิยมเล่นกนั ในฤดู
เทศกาล เครื่องดนตรีท่ีใช้ ได้แก่ ฉิ่ง ดวงจนั ทร์วนั เพญ็ ดอกไมข้ องชาติ
ฉาบ กรับ และโทน จึงเรียกการฟ้ อน
ราแบบน้ีวา่ “ราโทน” หญิงไทยใจงาม ดวงจนั ทร์ขวญั ฟ้ า

๓. เน้ือเพลงราวงมาตรฐานมีเน้ือหา ยอดชายใจหาญ บชู านกั รบ
หลกั เกี่ยวขอ้ งกบั อะไรบา้ ง
๑. ชมโฉม งามแสงเดือน ชาวไทย
๒. เชิดชูทหาร
๓. ปลุกใจ รามาซิมารา คืนเดือนหงาย

๔. เพลงพ้ืนบา้ นท่ีนกั เรียนรู้จกั ไดแ้ ก่
เพลงอะไรบา้ ง
เพลงซอ เพลงพวงมาลยั
เพลงเซิ้ง เพลงเรือ

๕. คุณค่าของเพลงพ้นื บา้ น คือ
๑. ใหค้ วามบนั เทิง
๒. ใหก้ ารศึกษา
๓. ส่งเสริมความสามคั คี
๔. ใหค้ วาม รู้เรื่องการใชภ้ าษา

๓๒๒

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๖.๒

กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒

หน่วยที่ ๖ ราวงลอยกระทง เวลา ๔ ชว่ั โมง

เรื่อง ร้เู ฟ่ืองเรื่องเพลงราวง เวลา ๑ ชั่วโมง

ใชส้ อนวนั ที่ ....................................................................................................................

มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู อย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคิด ความรูส้ ึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์

ตัวชีว้ ดั
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุปใจความสาคญั ของเรื่องท่ีฟังและดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เหน็ และความน่าเชื่อถือของขา่ วสารจากสื่อต่างๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ทอ้ งถิน่

ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คุณลักษณะ (A)

ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุป การพดู สรุปความ ฝึกพดู สรปุ ความ - มีมารยาทในการพูด

ใจความสาคญั ของเรอ่ื งท่ี - มมี ารยาทในการฟัง

ฟังและดู การดู

ท ๓.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์ วิเคราะห์ข้อเท็จจรงิ - ฝึกพดู วเิ คราะห์ขอ้ เท็จจรงิ - มีมารยาทในการพดู

ข้อเท็จจรงิ ขอ้ คดิ เหน็ และ และข้อคิดเห็น และข้อคิดเหน็

ความนา่ เช่อื ถือของ

ข่าวสารจากส่อื ตา่ งๆ

ท ๓.๑ ม.๒/๖ มี หลักการฟัง การดู ฝึกพดู ฟัง และดู -มมี ารยาทในการพูด

มารยาทในการฟัง การดู และการพูด การฟงั และการดู

และการพูด

๓๒๓

สาระสาคญั
การฟงั เชงิ วิเคราะห์ วิจารณ์ หมายถึง การฟังสารด้วยความเอาใจใส่พิจารณาไตร่ตรอง แยกแยะสาร

ออกเป็นสว่ น ๆ อยา่ งถถ่ี ้วน เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจเรื่องในหลายแง่หลายมุมโดยแยก ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นออก
จากกนั แลว้ ติ – ชม หรอื ประเมนิ ค่าสงิ่ ทไี่ ด้ฟังน้ัน เพอ่ื นาไปใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน

สาระการเรยี นรู้
- การวิเคราะห์เน้ือหาเรอื่ ง ราวงวันลอยกระทง

กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ เพลงงามแสงเดือน เพลงชาวไทย และเพลง ช่อมาลี รวมทั้ง

เพลงลอยกระทง ทนี่ ักเรียนเคยเรียนไปแลว้
๒. ครูเปิดเทปเพลงหรือร้องนาให้นักเรียนร่วมกันร้องเพลงลอยกระทง เพลงงามแสดงเดือน

เพลงชาวไทย และเพลงชอ่ มาลี
๓ . เม่ือนักเรียนรว่ มรอ้ งแล้ว ครูถามวา่ มคี วามคิดเห็นหรือมีความรสู้ ึกอยา่ งไร กับเพลงราวง

นกั เรียนตอบลงบัตรกิจกรรมการเรียนรู้
๔. ครถู ามนักเรียนว่าเขา้ ใจที่ผ้เู ขียนตอ้ งการสอื่ หรือไม่ จากนั้นครกู ับนักเรยี นร่วมกนั อภิปราย

เกยี่ วกับข้อคดิ ท่ไี ดจ้ ากเรอ่ื ง
๕. ใหน้ ักเรียนทากจิ กรรมบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
๖. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรุปบทเรียน รวมทงั้ สรุปการนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั

สื่อ / แหล่งเรยี นรู้

ลาดบั ท่ี รายการสอ่ื กิจกรรมท่ีใช้ แหล่งท่ไี ด้มา
๑ เทปเพลงราวงวันลอยกระทง เพิม่ เติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ดั เตรียม
๒ นกั เรียนทาบตั รกจิ กรรม ครูจัดทา
๓ บัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้ นักเรยี นดภู าพและฝกึ อา่ น ครูจดั หา

๔ หนงั สือเรียน ชดุ ววิ ธิ ภาษา ตรวจสอบบัตรกจิ กรรม ครจู ัดทา
๕ ช้นั ม. ๒ บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ดั ทา
เฉลยบัตรกจิ กรรม
แบบประเมินการสังเกต
พฤติกรรม

๓๒๔

การวดั ผลและประเมินผล

กจิ กรรม-พฤตกิ รรมที่ เคร่อื งมือทใี่ ชใ้ น วิธีการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
ประเมิน
๑. นกั เรียนร้องเพลง การประเมิน
๒. นักเรยี นทาบัตรกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินรายกล่มุ สงั เกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป

๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป
ผลงานระหวา่ งเรียน
พฤติกรรม และแบบ

ประเมินผลงาน

แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป

ผลงานระหวา่ งเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………

๓๒๕

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรตู้ ามผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง
นักเรียนทงั้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเป็นร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรบั ปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤตกิ รรมระหวา่ งเรยี น
........................................................................................................................................................

............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
...............................................................................................................................................................

๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
.................................................................................................................... ....................................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรบั ปรุงแก้ไข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................... .............................................
๕. ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................... ........................

ลงช่ือ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวธัญญาดล อปุ ชิตกุล )
ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ

๓๒๖

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๓๒๗

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
ใหน้ กั เรยี นอา่ นเน้ือรอ้ งเพลงพ้นื บ้านตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคาถาม

ชาย เออ้ ระเหยลอยมา ลอยมาก็ลอยไป
เรามาผกู รักเสียบา้ ง จะขืนผกู ชงั ทาไม
ช่อมะมว่ งพวงมาลยั รับรักพไ่ี วเ้ ถิดเอย (ลูกคูซ่ ้า)
หญงิ เออ้ ระเหยลอยมา พดั ชีวาเยน็ ใจ
ถา้ พี่รักจริงใหพ้ ่มี าขอ ถา้ พร่ี ักลอ้ ใหถ้ อยไป

พวงเอ๋ยมาลยั เชื่อคานอ้ งไวเ้ ถิดเอย (ลูกคูซ่ ้า)

๑. เน้อื รอ้ งของเพลงอะไร .........................................................................................
๒. นิยมเลน่ ในโอกาสใด .........................................................................................
๓. เนื้อเรือ่ งเกย่ี วกบั อะไร .........................................................................................

๒. ให้นกั เรยี นยกตวั อยา่ งเพลงราวงทีน่ กั เรยี นชื่นชอบมา ๑ เพลง พร้อมตอบคาถาม

เพลง งามแสงเดือน

งามแสงเดือนมาเยอื นส่องหลา้ งามใบหนา้ เมื่ออยวู่ งรา (ซ้า)

เราเล่นกนั เพื่อสนุก เปล้ืองทุกขว์ ายระกา

ขอใหเ้ ล่นฟ้ อนรา เพื่อสามคั คีเอย

ช่ือเพลง .........................................................................................ผูแ้ ต่งบทรอ้ ง........................................
สาเหตุทช่ี อบ .............................................................................................................................................
ความหมายของเพลง ................................................................................................................................ .

๓๒๘

๓. ใหน้ กั เรียน แต่ละกลุ่ม บรรยายความรู้สึกเกี่ยวกับเพลงราวง

..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๓๒๙

เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้
ให้นักเรยี นอ่านเนื้อรอ้ งเพลงพ้ืนบ้านต่อไปน้ี แลว้ ตอบคาถาม

ชาย เออ้ ระเหยลอยมา ลอยมากล็ อยไป
เรามาผกู รักเสียบา้ ง จะขืนผกู ชงั ทาไม
ช่อมะมว่ งพวงมาลยั รับรักพ่ไี วเ้ ถิดเอย (ลูกคู่ซ้า)
หญงิ เออ้ ระเหยลอยมา พดั ชีวาเยน็ ใจ
ถา้ พรี่ ักจริงใหพ้ ีม่ าขอ ถา้ พร่ี ักลอ้ ใหถ้ อยไป

พวงเอ๋ยมาลยั เช่ือคานอ้ งไวเ้ ถิดเอย (ลูกคู่ซ้า)

๑. เน้ือร้องของเพลงอะไร เพลงพวงมาลัย
๒. นยิ มเล่นในโอกาสใด นยิ มเล่นตามเทศกาล และงานมงคลตา่ งๆ
๓. เน้ือเรอื่ งเกย่ี วกบั อะไร บทร้องโต้ตอบชายหญิง โดยฝา่ ยชายขอความรักจากฝา่ ยหญงิ

๒. ใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งเพลงราวงทนี่ ักเรยี นชน่ื ชอบมา ๑ เพลง พรอ้ มตอบคาถาม

เพลง งามแสงเดือน

งามแสงเดือนมาเยอื นส่องหลา้ งามใบหนา้ เม่ืออยวู่ งรา (ซ้า)

เราเล่นกนั เพ่ือสนุก เปล้ืองทุกขว์ ายระกา

ขอใหเ้ ล่นฟ้ อนรา เพ่ือสามคั คีเอย

ชื่อเพลง งามแสงเดอื น ผู้แต่งบทร้อง จมื่นมานติ ย์นเรศ

สาเหตุท่ีชอบ ใหค้ วามรู้สึกสนุกสนาน เน้ือเพลงสั้นๆ จาง่าย

ความหมายของเพลง เม่ือพระจนั ทรส์ ่องแสงสว่างมายังโลกมนษุ ย์ ทุกคนท่ีกาลังราวงอยกู่ ม็ ใี บหน้าทเ่ี ปี่ยมสขุ

ขอให้การราวงนี้ปลดเปล้ืองความทกุ ข์ในใจใหม้ ีแต่ความสนุกสนานและความสามคั คี

๔. ให้นักเรียน แตล่ ะกล่มุ บรรยายความร้สู กึ เก่ยี วกับเพลงราวง
(อย่ใู นดุลพินิจของครู)

๓๓๐

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๖.๓

กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒

หน่วยที่ ๖ ราวงลอยกระทง เวลา ๔ ช่ัวโมง

เรอื่ ง ร้เู ฟอ่ื งเรื่องคาศพั ท์ เวลา ๑ ช่วั โมง

ใชส้ อนวันที่ ........................................................................................................................................

มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดู อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ความคดิ ความรสู้ กึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้
เป็นสมบตั ิ

ตวั ชว้ี ัด
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรปุ ใจความสาคัญของเร่ืองท่ีฟงั และดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหข์ อ้ เทจ็ จริง ขอ้ คดิ เหน็ และความนา่ เช่อื ถอื ของข่าวสารจากส่ือตา่ งๆ
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ าราชาศัพท์

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/ท้องถิ่น

ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุป ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ใจความสาคัญของเรอ่ื งที่ การพูดสรปุ ความ
ฟงั และดู ฝกึ พูดสรปุ ความ - มมี ารยาทในการพดู
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู หลกั การพูดรายงาน
รายงานเรื่อง หรือประเดน็ - มีมารยาทในการฟงั
ทศี่ กึ ษาคน้ ควา้ การใชค้ าราชาศัพท์
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใช้คา การดู
ราชาศพั ท์
ฝกึ พูดรายงานจาก -มมี ารยาทในการพูด

การคน้ ควา้

ฝกึ ใชค้ าราชาศัพท์ - ใชค้ าราชาศัพท์ได้
ถกู ต้องเหมาะสม ตาม
ระดบั ของบุคคล

๓๓๑

สาระสาคัญ
คาศัพท์เกี่ยวกบั การฟ้อนราและการละเลน่

สาระการเรยี นรู้
- คาศพั ทเ์ ก่ยี วกับการฟ้อนราและการละเล่น

กระบวนการจดั การเรียนรู้
๑. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ คาศัพท์เก่ียวกับการฟ้อนรา และการเล่นเพลงราวง โดยการ

นาบัตรคาศัพทม์ าใหน้ ักเรยี นดูและอ่านความหมาย เช่น การระบา ฟอ้ น เซิง้ เปน็ ตน้
๒. นกั เรียนอา่ นจับใจความสาคญั ของเรอื่ งคาศัพท์เกยี่ วกบั การฟ้อนราและการละเล่น ในหนังสือ

เรียน วิวธิ ภาษา หนา้ ๑๓๗
๓ . เมอ่ื นักเรียนอา่ นจบและเข้าใจดแี ล้ว ใหจ้ ับคูก่ ันทายความหมายของคาศัพทก์ บั เพือ่ น จน

คลอ่ งและสามารถจาได้
๔. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนมาแข่งขนั ตอบคาถามกันท่ลี ะขอ้ โดยครูตั้งคาถามในบทเรียน

แลว้ ใหร้ วบรวมคะแนนที่ได้
๕. ใหน้ กั เรยี นทากิจกรรมบตั รกจิ กรรมการเรยี นรู้
๖. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรปุ บทเรียน

ส่อื / แหล่งเรยี นรู้

ลาดบั ท่ี รายการสอื่ กจิ กรรมที่ใช้ แหลง่ ท่ไี ดม้ า
๑ บตั รคาศัพท์ เพิ่มเติมความชดั เจนในเนื้อหา ครูจดั เตรยี ม
๒ นกั เรยี นทาบัตรกจิ กรรม ครจู ัดทา
๓ บตั รกิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรียนดูภาพและฝึกอา่ น ครูจัดหา

๔ หนังสอื เรยี น ชุด วิวธิ ภาษา ตรวจสอบบัตรกิจกรรม ครูจัดทา
๕ ชน้ั ม. ๒ บันทึกการสังเกตพฤติกรรม ครูจดั ทา
เฉลยบตั รกจิ กรรม
แบบประเมนิ การสังเกต
พฤติกรรม

๓๓๒

การวัดผลและประเมนิ ผล

กิจกรรม-พฤติกรรมที่ เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ใน วธิ ีการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมิน
๑. นกั เรียนเลน่ เกมแข่งขนั การประเมนิ
๒. นักเรียนทาบัตรกจิ กรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมนิ รายกลมุ่ สงั เกตรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป

๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ แบบประเมนิ การสังเกต ตรวจงานรายบคุ คล ร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป
ผลงานระหว่างเรียน
พฤติกรรม และแบบ

ประเมินผลงาน

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลมุ่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป

ผลงานระหว่างเรียน

กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………

๓๓๓

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรียนรตู้ ามผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวัง
นักเรยี นทง้ั หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับปรบั ปรงุ – คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤติกรรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรับปรุงแกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ
............................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................ ...............................................................

ลงชื่อ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธัญญาดล อุปชิตกุล )
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ

๓๓๔

ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...........................

..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอ่ื .................................................ผตู้ รวจสอบ
( ................................................. )

ผอู้ านวยการโรงเรียนโคกโพธ์ิไชยศึกษา

๓๓๕

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

ใหน้ ักเรียน เขยี นอธบิ ายคาศพั ทต์ อ่ ไปนี้

รา........................................................................................................................... ...............
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
ระบา......................................................................................................................... .................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
ฟอ้ น......................................................................................................................... .................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
เซิง้ ........................................................................................................................ ..................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
การเล่น ..................................................................................................................... .....................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
การละเล่น ..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................

๓๓๖

เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

ให้นกั เรยี น เขียนอธบิ ายคาศัพท์ต่อไปนี้

รา เป็นการแสดงทีผ่ ู้แสดงเคล่ือนไหวมือ แขน ขา และลาตัวให้อยใู่ นอิริยาบถทอี่ อ่ นชอ้ ย
งดงามเข้าจงั หวะเพลง ดนตรี เน้ือร้อง ทานอง
ระบา เปน็ การราที่มผี ู้รามากกว่า ๒ คน การแสดงท่าท่ีฟ้อนรา ไมเ่ ปน็ เร่อื งราว ม่งุ ความสวยงาม
และความบันเทิง
ฟอ้ น คือการจับระบาชนดิ หนง่ึ ใชผ้ ู้แสดงชายหญงิ คูห่ นึง่ หรือมากกว่า โดยทวั่ ไปใช้
ในการแสดงพื้นเมอื ง เชน่ ฟอ้ นลาวแพน ฟอ้ นเลบ็ ฟอ้ นเง้ยี ว
เซิ้ง เป็นการรอ้ งราทาเพลงแบบชาวอสี าน เชน่ เซ้งิ สวงิ เซิ้งกระตบิ ข้าว
การเลน่ หมายถึง การทาทาอะไรเพื่อผ่อนคลาย ให้เกิดความสนกุ สนาน เช่นการเล่นของเดก็
การเลน่ ดนตรีไทย การเล่นกีฬา
การละเลน่ หมายถงึ มหรสพหรือการแสดงตา่ งทีจ่ ดั ขึน้ เพ่ือความสนุกสนาน เชน่ มโนหร์ า
ลาตดั หนังตะลงุ

๓๓๗

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๖.๔

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๒

หนว่ ยท่ี ๖ ราวงลอยกระทง เวลา ๔ ชว่ั โมง

เร่อื ง รู้เฟ่อื งเรอื่ งประโยคกรยิ าความเรียง เวลา ๑ ชวั่ โมง

ใชส้ อนวนั ที่ ....................................................................................................................

มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสตา่ งๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลยี่ นแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็น
สมบตั ิ

ตวั ช้ีวัด
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุปใจความสาคญั ของเร่ืองที่ฟังและดู
ท ๔.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะหโ์ ครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวมและประโยคซ้อน

สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/ท้องถน่ิ

ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุป ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
ใจความสาคัญของเร่อื งท่ี การพดู สรปุ ความ
ฟงั และดู ฝกึ พดู สรุปความ - มีมารยาทในการพดู
ท ๔.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์ นิยาม/ลักษณะของ
โครงสรา้ งประโยคสามัญ ประโยคสามญั - มีมารยาทในการฟงั
ประโยครวมและประโยค ประโยคความรวม
ซ้อน ประโยคความซ้อน การดู

ศกึ ษาเร่ืองชนิดของ - รแู้ ละเข้าใจเรื่อง

- ประโยคสามญั ประโยคสามัญ

- ประโยคความรวม ประโยคความรวม

-ประโยคความซ้อน ประโยคความซ้อน

- วเิ คราะห์ประโยคสามัญ - จาแนกประโยคสามัญ

ประโยคความรวม - ประโยคความรวม

ประโยคความซ้อน - ประโยคความซ้อน

ได้ถูกต้อง

๓๓๘

สาระสาคญั
ประโยคกริยาเรียง เป็นประโยคพน้ื ฐานท่เี ป็นเอกลักษณ์แบบหนึ่งในภาษาไทย

สาระการเรยี นรู้
ประโยคกรยิ าเรยี ง

กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครแู ละนักเรียนสนทนาเร่ือง ประโยคที่ใช้ในเพลงราวง และการละเล่น แล้วถามนักเรียนรู้จัก

ประโยคกริยาเรยี งหรอื ไม่
๒. ครใู หน้ กั เรยี นดูแถบประโยค ครถู ามนักเรยี นถงึ ประโยค ท่ีใชใ้ นปัจจุบนั ว่านกั เรียนรู้จัก

ประโยคกีร่ ปู แบบ นกั เรียนรจู้ ัก ประโยคความรวม หรือไม่ จากนั้นครแู นะนาเดยี วอย่างง่าย ๆ และแนะนา
ประโยคความรวมอยา่ งง่าย ใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ลองสังเกตความแตกต่างของประโยคทัง้ สอง แล้วใหน้ กั เรยี นลอง
อา่ น เรือ่ ง ประโยคกริยาเรียง ในหนังสอื เรยี น หน้า ๑๓๗

๓ . เม่อื นักเรยี นแสดงความคิดเห็นแลว้ ครอู ธบิ ายเพ่ิม เพ่อื ทาความเข้าใจเรื่องประโยค
๔. ครูอธิบายเรื่องประโยคความเดียวและประโยคความรวมให้นักเรียนฟัง พร้อมยกตัวอย่าง
ประโยค แล้วให้นกั เรยี นแต่งประโยค ถา้ นกั เรยี นยังไม่เขา้ ใจรปู ประโยคให้ซักถามกับครูเป็นราย ๆ หรือถามกับ
เพ่ือนทเี่ ข้าใจแลว้
๖. ให้นักเรยี นทากจิ กรรมบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๗. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันสรุปบทเรียน รวมทง้ั สรปุ พฤติกรรมความพอเพยี งด้านต่างๆท่ีได้จาก
บทเรียนและการนาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน

ส่อื / แหล่งเรยี นรู้

ลาดับที่ รายการสอ่ื กิจกรรมทีใ่ ช้ แหลง่ ทไี่ ดม้ า
เพ่มิ เติมความชัดเจนในเนื้อหา ครจู ัดเตรียม
๑ แถบประโยค เพิ่มเติมความชัดเจนในเน้ือหา ครูจัดเตรียม
นักเรยี นทาบตั รกจิ กรรม ครจู ดั ทา
๒ บัตรความรู้ นักเรยี นดภู าพและฝกึ อ่าน ครจู ัดหา

๓ บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ ตรวจสอบ ครูจัดทา
บนั ทึกการสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทา
๔ หนังสอื เรียน ชุด วิวิธภาษา
ช้นั ม. ๒

๕ เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๖ แบบประเมนิ การสงั เกต

พฤติกรรม

๓๓๙

การวดั ผลและประเมินผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ใน วธิ กี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมนิ การประเมนิ
๑. นักเรยี นตอบคาถาม
๒. นักเรยี นทาบัตรกจิ กรรม แบบประเมินรายกลุม่ สังเกตรายกล่มุ รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
การเรียนรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบคุ คล รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ พฤติกรรม และแบบ
ผลงานระหวา่ งเรยี น
ประเมินผลงาน

แบบประเมินพฤติกรรมและ ตรวจงานรายกล่มุ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหว่างเรยี น

กิจกรรมเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………
………………………………………….………………………………………………………………………………………………….……………
………………………………………………………………………………….………………………………………………………

๓๔๐

บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรตู้ ามผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวัง
นกั เรยี นท้งั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ปรบั ปรุง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤติกรรมระหว่างเรียน
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..................................

๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรับปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
.................................................................................................................... .............................................
๕. ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................................... ........................

ลงชอ่ื ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวธัญญาดล อุปชิตกลุ )
ครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ

๓๔๑

ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

........................................................................................................ ......................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจสอบ
( ................................................. )

ผู้อานวยการโรงเรยี นโคกโพธิ์ไชยศึกษา

๓๔๒

บัตรความรู้

เรอ่ื ง “ประโยคความเดยี วและประโยคความรวม”
ประโยคความเดยี ว

ประโยคความเดียว หมายถึง ประโยคท่ีมงุ่ กลา่ วถึงสงิ่ ใดส่งิ หน่ึงเพียงสิ่งเดียว และส่ิงน้ันแสดงกิริยา
อาการหรอื อยู่ในสภาพอย่างใดอย่างหน่งึ เพยี งอยา่ งเดียว เช่น

ภาคประธาน ภาคแสดง

ปลานา้ จืดหลายชนิด ว่ายทวนนา้

ทองคาบริสทุ ธ์ิ กาลงั ขึ้นราคา

เทวดาทกุ องค์ ไม่เขา้ ข้างคนผิด

สวนสัตว์ดุสิต เปน็ สมบัติของส่วนรวม

อาเภอขุนยวม ตัง้ อยูใ่ นจังหวดั แม่ฮ่องสอน

ประโยคความรวม
ประโยคความรวม ก็คือ ประโยคท่ีรวมเอาประโยคความเดียวตั้งแต่ ๒ ประโยคข้ึนไปเข้ามาไว้

ด้วยกนั มีสนั ธาน เปน็ เครอ่ื งเช่ือม หรือเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในการรวม นอกจากน้ันจะเห็นว่า ประโยคความ
เดียวแต่ละประโยคทบ่ี รรจอุ ยู่ในประโยคความรวมนนั้ มีความอันบริบูรณ์ที่เป็นอิสระต่อกัน คือ เม่ือแยกออก
จากกันแล้วกย็ ังสามารถสือ่ สารให้เป็นท่ีเข้าใจได้ การท่ีนามารวมไว้ก็เพ่ือให้ประโยคกะทัดรัดข้ึน ทาให้เข้าใจ
ได้รวดเร็วกว่าท่ีจะกล่าวเป็นประโยคความเดียวหลายประโยค ในท่ีน้ีเราเรียกประโยคความเดียว แต่ละ
ประโยคทม่ี ลี ักษณะดังกลา่ วว่า ประโยคยอ่ ย

บรรดาประโยคความรวมทั้งหลายที่ใช้ส่ือสารกันในภาษาไทยน้ัน ส่วนมากมักจะต้องมีคา สันธาน
เป็นตัวเชื่อมอยู่ในประโยคเสมอ คาสันธานที่ใช้ให้เหมาะสมแก่ข้อความในประโยคความรวมน้ีเองจะเป็น
เคร่อื งชี้ประเภทตา่ งๆ ของประโยคความรวมว่ามลี กั ษณะเชน่ ไรดงั ทีจ่ ะได้กลา่ วต่อไปนี้

๓๔๓

ประเภทของประโยคความรวม

ประโยความรวมท่ใี ช้กันทวั่ ไปในภาษาไทย อาจแบ่งออกไดเ้ ปน็ ประเภทต่างๆ ตามเนื้อความของประโยคย่อย
ในที่นีจ้ ะนามาใหพ้ ิจารณาเพยี ง ๓ ประเภทก่อน ดังต่อไปนี้

๑. ประโยคความรวมทมี่ ีเนอ้ื ความคล้อยตามกนั
ประโยคความรวมชนิดนี้ สงั เกตได้เมอื่ ใช้สันธาน และ หรอื ทัง้ …และเปน็

คาเช่อื มนอกจากนัน้ ยังใชส้ นั ธานท่แี สดงลาดับการกระทาก่อน หลัง ได้ด้วย เช่น คร้ัน…จึง พอ…ก็ แล้ว…ก็
ฯลฯ

ตัวอย่าง
ก. เขาทางานเสรจ็ แล้วเขากก็ ลบั บา้ นตามปกติ
ข. เราเดินทางขึน้ ไปถึงยอดภกู ระดึงแล้ว เรากร็ ูส้ กึ หายเหนอื่ ยเป็นปลิดทงิ้
ค. ทมี ฟุตบอลโรงเรียนเราชนะเลิศ และไดร้ ับคาชมเชยเปน็ อยา่ งมาก
ง. ละครเร่อื งนที้ ัง้ คนเลน่ และคนดู ตา่ งสนุกสนานพอๆ กนั
จ. พอฉันเห็นเงาคนตะคมุ่ ๆ อยู่ ฉนั ก็ตะโกนถามไป
๒. ประโยคความรวมท่ีมเี น้อื ความแยง้ กนั
ประโยคความรวมประเภทนส้ี งั เกตได้เมอ่ื ใช้สนั ธาน แตเ่ ปน็ คาเชือ่ มหรอื สันธาน
ที่เกิดจากการประสมคาอนื่ กับคาวา่ แต่ เช่น แต่ว่า แต่ทว่า เพื่อให้นักเรียนมองเห็นว่าข้อความในประโยค
แย้งกันอย่างไร จะได้ใช้ตัวอย่างคล้ายๆ กับตัวอย่างในข้อ ๑ แต่แสดงความแย้งกัน มิใช่แสดงความคล้อย
ตามกัน นอกจากคา แตย่ ังมีคา แม้ แม…้ ก็
ตวั อย่าง
ก. เขาทางานเสรจ็ แล้ว แตเ่ ขาไม่กลับบา้ นตามปกติ
ข. เราเดนิ ทางขึน้ ไปถงึ ยอดภกู ระดงึ แล้ว แต่เราไมร่ ู้สึกหนาวเลยแม้แตน่ ้อย
ค. ทีมฟุตบอลโรงเรยี นเราชนะเลิศ แต่ทว่าไมไ่ ด้รบั คาชมเชย
ง. ละครเรื่องน้คี นดูสนุกมาก แตค่ นเล่นเหน่ือยเหลือเกนิ
จ. ฉันเหน็ เงาคนตะคุ่มๆ อยู่ แต่ทว่าฉนั ไมก่ ล้าตะโกนถามไป
ฉ. รถยนตช์ นกนั ตรงสีแ่ ยก แตก่ ารจราจรก็ไม่ตดิ ขดั
ช. แมเ้ ขายากจน เขากไ็ ม่เคยขอใครกิน
ซ. สมยั ก่อน แม้ฝนจะตกหนักสักเพียงไหน น้าก็ไม่ท่วมกรงุ เทพฯ
๓. ประโยคความรวมทม่ี เี นือ้ ความให้เลือก
ประโยคความรวมชนดิ นี้สงั เกตได้เมอ่ื ใช้สันธาน หรอื หรือไมก่ ็ ไม…่ ก็
ตัวอยา่ ง
ก. ไปเชยี งใหม่เทีย่ วนี้ เราอาจขับรถยนต์ไปเอง หรืออาจนง่ั รถทัวรไ์ ปกไ็ ด้

๓๔๔

ข. งว่ งกน็ อนเสีย หรอื ไม่ก็ลกุ ขนึ้ ลา้ งหน้า
ค. ไมต่ ารวจก็ผู้รา้ ย ต้องตายกันไปขา้ งหน้า
ง. ปีหนา้ เธอจะศกึ ษาตอ่ หรืออกทางาน

หมายเหตุ
ประโยคความรวมที่ใช้ หรือเปน็ ตัวเชื่อมนอี้ าจจะเปน็ ประโยคคาถามได้ ซ่งึ มใี ชอ้ ย่เู สมอในการส่ือสาร

ประจาวนั เชน่
ก. คณุ หรอื เพื่อนคุณกันแน่ประสงคจ์ ะขอรบั ทนุ
ข. คณุ จะซื้อต๋วั ชัน้ ที่หนงึ่ หรือช้นั ทส่ี อง
ค. ทา่ นจะรับของไปวนั น้ี หรือจะมอบใหค้ นอื่นมารบั วันหลัง
ประโยคความรวมซ่ึงเป็นประโยคคาถามทั้ง ๓ ข้อข้างต้นน้ี ต้องการคาตอบอย่างใดอย่างหน่ึง

ตามที่กาหนดไวใ้ หใ้ นแต่ละประโยค
สรุปได้ว่า ประโยคความรวมประกอบด้วยประโยคย่อยที่มีความอันบริบูรณ์มากกว่าประโยคเดียว

และมสี ันธานเป็นเคร่อื งเชอ่ื มระหว่างประโยค ทาใหม้ ีเน้ือความตา่ งออกไปบา้ ง

๓๔๕

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

จงบอกประเภทของประโยคตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกต้อง

๑. น้องของฉันนอนอยู่บนทน่ี อน
เป็นประโยค……………………………………………..

๒. ผ้หู ญิงท่ีไว้ผมยาวคนนัน้ เป็นเพือ่ นของฉันเอง
เปน็ ประโยค……………………………………………..

๓. ท้งั แก้วและพลอยรอ้ งเพลงเกง่ ทั้งคู่
เป็นประโยค……………………………………………..

๔. เธอชอบม้าตวั ที่แข็งแรง
เป็นประโยค……………………………………………..

๕. แป้งชอบกนิ ขนมแตจ่ อยชอบกินกว๋ ยเตยี๋ ว
เป็นประโยค……………………………………………..

๖. คนซ่อื สัตย์ย่อมมีคนเชอ่ื ถอื
เปน็ ประโยค……………………………………………..

๗. ทา่ นท่รี ้องเพลงอวยพรโปรดขนึ้ เวทอี กี คร้ังหนงึ่
เป็นประโยค……………………………………………..

๘. เพ่ือนของฉนั เปน็ คนคดิ มาก
เปน็ ประโยค……………………………………………..

๙. ฉนั ชอบไปเที่ยวท่ีแมฮ่ อ่ งสอน
เป็นประโยค……………………………………………..

๑๐. เพ่อื นย่อมเช่ือท่เี พือ่ นแนะนา
เปน็ ประโยค……………………………………………..

๓๔๖

เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

จงบอกประเภทของประโยคต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง

๑. น้องของฉนั นอนอยู่บนทน่ี อน
ประโยคความเดียว

๒. ผหู้ ญงิ ทไ่ี ว้ผมยาวคนนั้นเป็นเพือ่ นของฉันเอง
ประโยคความซอ้ น

๓. ทง้ั แก้วและพลอยร้องเพลงเกง่ ทงั้ คู่
ประโยคความรวม

๔. เธอชอบม้าตวั ทแี่ ข็งแรง
ประโยคความซอ้ น

๕. แปง้ ชอบกนิ ขนมแต่จอยชอบกินก๋วยเตย๋ี ว
ประโยคความรวม

๖. คนซอ่ื สัตยย์ อ่ มมคี นเช่ือถือ
ประโยคความซ้อน

๗. ทา่ นที่ร้องเพลงอวยพรโปรดขึน้ เวทีอีกคร้ังหนึ่ง
ประโคความซ้อน

๘. เพื่อนของฉนั เป็นคนคดิ มาก
ประโยคความเดียว

๙. ฉันชอบไปเทย่ี วทแี่ มฮ่ ่องสอน
ประโยคความเดียว

๑๐. เพอ่ื นยอ่ มเชือ่ ทีเ่ พ่อื นแนะนา
ประโยคความซอ้ น

๓๔๗

แบบประเมินหลงั แผนการจดั การเรียน


Click to View FlipBook Version