The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตอบข้อสอบกฎหมายอย่างไรให้ได้คะแนน ถาม - ตอบ อาญา แก้ไขเพิ่มเติม 2563 อาจารย์สมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-10-26 10:13:10

ตอบข้อสอบกฎหมายอย่างไรให้ได้คะแนน ถาม - ตอบ อาญา แก้ไขเพิ่มเติม 2563 อาจารย์สมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์

ตอบข้อสอบกฎหมายอย่างไรให้ได้คะแนน ถาม - ตอบ อาญา แก้ไขเพิ่มเติม 2563 อาจารย์สมชาย พงษ์พัฒนาศิลป์

1

ตอบขอ้ สอบกฎหมายอย่างไร
ใหไ้ ด้คะแนน

ถาม - ตอบ

อาญา

แก้ไขเพ่ิมเตมิ ล่าสดุ

๒๕๖๓

สมชาย พงษ์พัฒนาศลิ ป์

ช่อื หนงั สือ 2
ISBN
ถาม – ตอบ อาญา แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ล่าสดุ ๒๕๖๓
978-916-568-932-8

ผแู้ ต่ง สมชาย พงษ์พฒั นาศิลป์
จานวนหนา้ ๖๒๐ หน้า
ราคา ๔๘๐ บาท

พมิ พ์ครง้ั ที่ ๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๕ พมิ พ์ครง้ั ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕
พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ พิมพ์ครั้งท่ี ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
พิมพค์ รง้ั ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ พิมพ์คร้งั ท่ี ๖ สงิ หาคม ๒๕๖๐
พิมพค์ ร้งั ท่ี ๗ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ พมิ พค์ รั้งที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๒
พิมพค์ รง้ั ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓

ปีท่พี ิมพ์ กรกฎาคม ๒๕๖๓

พิมพ์ที่ ห้างหุ้นส่วนจากัด เจริญรฐั การพมิ พ์
๔๘๖/๒๙-๓๒ หมูท่ ี่ ๑๑ แขวงบางปะกอก
เขตราษฎรบ์ ูรณะ กรงุ เทพฯ ๑๐๑๔๐
โทร. ๐๒-๘๗๗-๕๕๓๘-๙

จดั พมิ พแ์ ละ นายวรเมธ ธนาภากรรตั นกุล
จัดจาหน่ายโดย เลขที่ ๑๐๓ หม่ทู ี่ ๔ บ้านฟากนา ตาบลนาอาน

อาเภอเมือง จังหวดั เลย ๔๒๐๐๐
โทร ๐๘๘-๖๒๘-๖๒๘๘

3

คานา

(ในการพมิ พ์คร้งั ที่ ๙)

การพิมพ์คร้ังน้ีแก้ไขเพิ่มเติมจนถึงคาพิพากษาฎีกาจัดพิมพ์โดยเนติฯ ปี ๒๕๖๒ ถึงเล่ม ๙
และคาพิพากษาฎีกาจัดพิมพ์โดยศาลฎีกา ปี ๒๕๖๒ ถึงเล่ม ๕ ท่ีน่าสนใจมาแต่งคาถามและคาตอบ
เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนคาถามท่ีจะออกมาเพ่ิมเติมขอให้ติดตามจากเพจ ถามตอบกฎหมาย อ. สมชาย
พงษ์พฒั นาศลิ ป์

หนังสือเล่มนี้ผู้แต่งเห็นว่า จะเป็นประโยชน์สาหรับผู้ท่ีเตรียมสอบเป็นเนติบัณฑิต
สอบคดั เลือกฯ ผชู้ ่วยผู้พิพากษา อัยการผู้ช่วย และข้าราชการตารวจ ที่จะได้นาคาพิพากษาฎีกาใหม่
มาฝึกเขยี นตอบขอ้ สอบและทดสอบความรู้ท่ไี ดศ้ ึกษามา

อนึ่ง บทนาในหนังสือเล่มน้ีจะช้ีแจงวิธีการสอบและการตอบข้อสอบ กับการใช้หนังสือ
เล่มนี้ให้ได้ประโยชน์สูดสดุ ซ่งึ ผ้แู ต่งอยากให้ผ้อู ่านทาความเข้าใจบทนาก่อนอ่านเน้ือหาต่อไป

สว่ นดีของหนังสือเล่มนผ้ี ู้แต่งขอมอบให้แด่บดิ ามารดาและอาจารย์ทุกทา่ นท่ีถ่ายทอดความรู้
ให้ผู้แต่ง โดยเฉพาะอย่างย่ิง คือ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ อาจารย์ผู้สอน
วิชากฎหมายอาญา ภาคทั่วไป ต้ังแต่ระดับปริญญาตรีและที่สานักอบรมศึกษากฎหมายแห่ง
เนติบัณฑิตยสภา แตห่ ากมีขอ้ ผิดพลาดประการใดในหนังสือเล่มน้ีผแู้ ต่งก็ขอน้อมรับไว้เพื่อแกไ้ ขตอ่ ไป
โดยผอู้ ่านสามารถสง่ ขอ้ ทว้ งติงมาได้ท่ี FACEBOOK ถามตอบกฎหมาย อ. สมชาย พงษพ์ ฒั นาศลิ ป์

สมชาย พงษ์พัฒนาศลิ ป์
กรกฎาคม ๒๕๖๓

4

คานา

(ในการพิมพค์ ร้ังที่ ๘)

การพิมพ์คร้ังนี้แก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับท่ี ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ราชกิจจา
นเุ บกษาวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเตมิ มาตรา ๑ (๑๘) มาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗
มาตรา ๒๗๗ ทวิ มาตรา ๒๗๗ ตรี มาตรา ๒๗๘ วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี มาตรา ๒๗๙
มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๐/๑ มาตรา ๒๘๑ มาตรา ๒๘๕ มาตรา ๒๘๕/๒ มาตรา ๒๘๖ และ
มาตรา ๓๖๖/๑ สาหรับคาพิพากษาฎีกาเพิ่มเติมถึงคาพิพากษาฎีกาจัดพิมพ์โดยเนติฯ ปี ๒๕๖๑ ถึง
เล่ม ๘ และคาพิพากษาฎีกาจัดพิมพ์โดยศาลฎีกา ปี ๒๕๖๑ ถึงเล่ม ๘ ที่น่าสนใจมาแต่งคาถาม
และคาตอบเพ่ิมขนึ้ ดว้ ย

หนังสือเล่มนี้ผู้แต่งเห็นว่า จะเป็นประโยชน์สาหรับผู้ที่เตรียมสอบเป็นเนติบัณฑิต
สอบคัดเลอื กฯ ผู้ช่วยผู้พิพากษา อัยการผู้ช่วย และข้าราชการตารวจ ที่จะได้นาคาพิพากษาฎีกาใหม่
มาฝกึ เขยี นตอบข้อสอบและทดสอบความรูท้ ่ไี ด้ศึกษามา

อน่ึง บทนาในหนังสือเล่มนี้จะชี้แจงวิธีการสอบและการตอบข้อสอบ กับการใช้หนังสือ
เล่มนใี้ หไ้ ดป้ ระโยชนส์ ูดสดุ ซ่งึ ผู้แตง่ อยากใหผ้ ู้อา่ นทาความเข้าใจบทนากอ่ นอ่านเนอ้ื หาตอ่ ไป

สว่ นดีของหนังสือเล่มนผี้ ู้แต่งขอมอบให้แด่บดิ ามารดาและอาจารย์ทุกทา่ นที่ถา่ ยทอดความรู้
ให้ผู้แต่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ อาจารย์ผู้สอน
วิชากฎหมายอาญา ภาคทั่วไป ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีและที่สานักอบรมศึกษากฎหมาย
แห่งเนติบัณฑิตยสภา แต่หากมีข้อผิดพลาดประการใดในหนังสือเล่มนี้ผู้แต่งก็ขอน้อมรับไว้เพ่ือ
แก้ไขต่อไป โดยผู้อ่านสามารถส่งข้อท้วงติงมาได้ท่ี FACEBOOK ถามตอบกฎหมาย อ. สมชาย
พงษพ์ ฒั นาศิลป์

สมชาย พงษ์พฒั นาศลิ ป์
สิงหาคม ๒๕๖๒

5

คานา

หนังสือเล่มน้ีผู้แต่งได้นาหนังสือ “ถาม-ตอบ อาญา ภาค ๑ นิติกรรมสัญญา” “ถาม-ตอบ
อาญา เล่ม ๑” “ถาม-ตอบ แพ่ง อาญา เล่ม ๒” “ถาม-ตอบ แพ่ง อาญา เล่ม ๓” “ถาม-ตอบ
แพ่ง อาญา เล่ม ๔” “ถาม-ตอบ แพ่ง อาญา เล่ม ๕” มารวมไว้ในเล่มเดียวกัน โดยปรับปรุง
คาตอบให้ตรงตามคาพิพากษาฎีกาและกฎหมายล่าสุด และนาคาพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจมารวมไว้
คือ ฎีกาเนติฯ ปี ๒๕๔๕ ถึงปี ๒๕๕๓ ถึงเล่ม ๑๑ ฎีกาสานักงานศาลยุติธรรม ปี ๒๕๔๕ ถึงปี
๒๕๕๓ ถึงเล่ม ๑๐ โดยนาคาพิพากษาฎีกาดังกล่าวและคาอธิบายกฎหมายอาญาของศาสตราจารย์
จิตติ ติงศภัทิย์ และ ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ ท่ีน่าสนใจมาแตง่ เป็นคาถาม เพื่อใช้เป็นตัวอย่างใน
การฝึกเขยี นตอบข้อสอบ โดยผู้แต่งได้แยกส่วนไว้ให้เห็นได้ชัดเจนว่าธงคาตอบส่วนใดเป็นขอ้ เท็จจริง
จากคาถาม ข้อกฎหมาย และเหตุผลประกอบพร้อมสรุป โดยส่วนของ “ข้อเท็จจริงจากคาถาม”
ใช้ตัวอักษรขีดเส้นใต้ “ข้อกฎหมาย” ใช้ตัวอักษรหนา และ “เหตุผลประกอบพร้อมสรุป”
ใช้ตัวอักษรหนาขีดเส้นใต้ และนาคาพิพากษาฎีกาท่ีวินิจฉัยตามคาถามและคาตอบมารวมไว้
ต่อจากคาตอบ เพ่ือความสะดวกในการศึกษาและอ้างอิง โดยเฉพาะในกรณีท่ีมีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ
ได้บันทึกหมายเหตุท้ายฎีกาท่ีมีคุณค่าทางวิชาการเป็นอย่างย่ิงไว้ ผู้แต่งก็ได้นาหมายเหตุดังกล่าว
มารวมไว้เพื่อให้นักศึกษาใช้เป็นข้อพิจารณาและพัฒนาความคิดของนักศึกษา อีกท้ังได้นาตัวอย่าง
ที่นักศึกษาตอบคาถามมาทาง http://www. arjarnsomchai. com ซึ่งเป็นตัวอย่างท่ีตอบมาโดย
มีข้อบกพร่อง และผู้แต่งได้แนะนาว่าจะต้องแก้ไขอย่างไร เพื่อนักศึกษาจะได้นาไปแก้ไขข้อบกพร่อง
และพัฒนาการเขียนตอบข้อสอบของตนเองต่อไป นอกจากนี้ผู้แต่งได้นาคาพิพากษาฎีกาท่ีน่าสนใจ
ในเรือ่ งเดียวกันมารวมไว้ท้ายเรอ่ื งท่ีมคี าถามและคาตอบด้วย

หนังสือเล่มนี้ผู้แต่งเห็นว่า จะเป็นประโยชน์สาหรับผู้ท่ีเตรียมสอบเป็นเนติบัณฑิต
สอบคดั เลือกฯ ผ้ชู ่วยผู้พิพากษา อัยการผู้ช่วย และข้าราชการตารวจ ท่ีจะได้นาคาพิพากษาฎีกาใหม่
มาทดสอบความรู้ทีไ่ ดศ้ กึ ษามา

ส่วนดีของหนังสือเลม่ น้ีผู้แต่งขอมอบให้แด่บดิ ามารดาและอาจารยท์ ุกทา่ นท่ีถา่ ยทอดความรู้
ให้ผแู้ ตง่

สมชาย พงษพ์ ฒั นาศิลป์
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

6

สารบาญ

เรอื่ ง หน้า

บทนา ............................................................................................................................................ ๑๗

การกระทา ขอ้ ๑ ........................................................................ ๒๐

ข้อ ๒ ........................................................................ ๒๒

ขอ้ ๓ ........................................................................ ๒๔

ขอ้ ๔ ........................................................................ ๓๐

ข้อ ๕ ........................................................................ ๓๒

ฎกี านา่ สนใจเรือ่ งการกระทาโดยงดเว้น ........................................................................................ ๓๓

องคป์ ระกอบภายนอก ขอ้ ๖ ........................................................................ ๓๕

ขอ้ ๗ ........................................................................ ๓๙

ข้อ ๘ ........................................................................ ๔๒

ขอ้ ๙ ........................................................................ ๔๓

ข้อ ๑๐ ..................................................................... ๔๔

องคป์ ระกอบภายใน ข้อ ๑๑ ..................................................................... ๔๖

ข้อ ๑๒ ..................................................................... ๔๙

ขอ้ ๑๓ ..................................................................... ๕๐

ขอ้ ๑๔ ..................................................................... ๕๑

ขอ้ ๑๕ ..................................................................... ๕๒

ข้อ ๑๖ ..................................................................... ๕๖

ข้อ ๑๗ ..................................................................... ๕๗

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑ (๕) ............................................................................................................ ๕๘

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๕ ................................................................................................................... ๕๘

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๘ ............................................................................................................... .... ๕๙

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๐ ................................................................................................................ ๕๙

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๙ ................................................................................................................ ๖๐

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๙/๑ ............................................................................................................ ๖๑

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๘ ................................................................................................................ ๖๒

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๕๖ ................................................................................................................ ๖๒

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๕๙ ไมร่ ู้ ถอื ว่าไมม่ ีเจตนา ............................................................................ ๖๔

ประสงคต์ อ่ ผลหรือย่อมเลง็ เหน็ ผล ................................................................................................ ๖๗

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๕๙ วรรคสี่ .................................................................................................... ๗๐

7

เร่อื ง หน้า

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๖๐ ................................................................................................................ ๗๓

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๖๑ ................................................................................................................ ๗๕

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๖๒ ................................................................................................................ ๗๕

ความสมั พันธ์ระหว่างการกระทาและผล ขอ้ ๑๘ ..................................................................... ๗๘

ข้อ ๑๙ ..................................................................... ๘๐

ข้อ ๒๐ ..................................................................... ๘๓

ข้อ ๒๑ ..................................................................... ๘๔

ฎกี านา่ สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหวา่ งการกระทาและผล ........................................................... ๘๖

กฎหมายยกเว้นความผิด ข้อ ๒๒ ..................................................................... ๙๔

ข้อ ๒๓ ..................................................................... ๙๖

ข้อ ๒๔ ..................................................................... ๙๗

ข้อ ๒๕ .................................................................. ๑๐๐

ขอ้ ๒๖ .................................................................. ๑๐๑

กฎหมายยกเวน้ ความผิด ............................................................................................................ ๑๐๓

ฎกี านา่ สนใจเร่ืองกฎหมายยกเวน้ โทษตามมาตรา ๖๗ ............................................................... ๑๑๐

ฎีกาน่าสนใจเร่อื งกฎหมายยกเวน้ โทษตามมาตรา ๗๑ ............................................................... ๑๑๑

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๖๙ ............................................................................................................. ๑๑๑

บันดาลโทสะ ขอ้ ๒๗ .................................................................. ๑๑๔

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๗๒ ............................................................................................................. ๑๑๕

พยายามกระทาความผดิ ขอ้ ๒๘ .................................................................. ๑๒๒

ข้อ ๒๙ .................................................................. ๑๒๓

ขอ้ ๓๐ .................................................................. ๑๒๕

ขอ้ ๓๑ .................................................................. ๑๒๗

ขอ้ ๓๒ .................................................................. ๑๒๙

ขอ้ ๓๓ .................................................................. ๑๓๐

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๘๐ ............................................................................................................. ๑๓๒

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๘๑ ............................................................................................................. ๑๓๖

ตัวการ ข้อ ๓๔ .................................................................. ๑๔๐

ขอ้ ๓๕ .................................................................. ๑๔๒

ข้อ ๓๖ .................................................................. ๑๔๓

ขอ้ ๓๗ .................................................................. ๑๔๖

ขอ้ ๓๘ .................................................................. ๑๔๙

8

เรื่อง หน้า
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๘๓ ............................................................................................................. ๑๕๐
พูดในที่เกดิ เหตุเป็นตัวการ .......................................................................................................... ๑๕๒
พูดในท่ีเกดิ เหตเุ ปน็ ผู้ใช้ .............................................................................................................. ๑๕๒
พดู ในทเ่ี กดิ เหตุเปน็ ผู้สนบั สนุน ................................................................................................... ๑๕๓
ต่างคนตา่ งทาไมเ่ ป็นตวั การ ........................................................................................................ ๑๕๓
เป็นตวั การร่วมกันทาร้าย แตบ่ างคนทาเกินขอบเขตหรือผลเกินขอบเขต .................................. ๑๕๖
เป็นตวั การรบั ผดิ รว่ มกนั ............................................................................................................. ๑๕๗
ไมอ่ ยใู่ นท่เี กิดเหตุเปน็ ตวั การได้หรอื ไม่ ....................................................................................... ๑๕๙
ผ้ใู ช้ ............................................................................................................................................. ๑๖๒

ขอ้ ๓๙ .................................................................. ๑๖๒
ขอ้ ๔๐ .................................................................. ๑๖๓
ขอ้ ๔๑ .................................................................. ๑๖๕
ขอ้ ๔๒ .................................................................. ๑๖๖
ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๘๔ ............................................................................................................. ๑๖๗
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๘๖ ............................................................................................................. ๑๗๔
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๘๗ ............................................................................................................. ๑๗๙

ภาคความผิด

แจง้ ขอ้ ความอันเป็นเทจ็ แก่เจา้ พนกั งาน ขอ้ ๔๓ .................................................................. ๑๘๒
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๓๖ .......................................................................................................... ๑๘๕
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๓๗ .......................................................................................................... ๑๘๖
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๓๘ .......................................................................................................... ๑๘๘
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๓๙ .......................................................................................................... ๑๘๘
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๔๐ .......................................................................................................... ๑๙๐
ใหส้ ินบนแก่เจา้ พนกั งาน, เจา้ พนกั งานเรยี กรบั สินบน ขอ้ ๔๔ ................................................... ๑๙๑

ขอ้ ๔๕ .................................................................. ๑๙๓
ขอ้ ๔๖ .................................................................. ๑๙๔
ขอ้ ๔๗ .................................................................. ๑๙๖
ขอ้ ๔๘ .................................................................. ๑๙๗
ขอ้ ๔๙ .................................................................. ๒๐๒
ขอ้ ๕๐ .................................................................. ๒๐๘
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๔๓ .......................................................................................................... ๒๑๐

9

เร่อื ง หน้า
ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๑๔๔ .......................................................................................................... ๒๑๑
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๔๕ .......................................................................................................... ๒๑๔
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๔๗ .......................................................................................................... ๒๑๔
เจา้ พนกั งานใชอ้ านาจในตาแหนง่ โดยมชิ อบ ขอ้ ๕๑ .................................................................. ๒๑๙
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๔๘ .......................................................................................................... ๒๒๑
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๔๙ .......................................................................................................... ๒๒๑
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๕๑ .......................................................................................................... ๒๒๔
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๕๒ .......................................................................................................... ๒ ๒๘
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๕๓ .......................................................................................................... ๒๒๙
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๕๔ .......................................................................................................... ๒๓๐
เจ้าพนักงานปฏบิ ัติหน้าที่โดยมิชอบ ข้อ ๕๒ .................................................................. ๒๓๑

ข้อ ๕๓ .................................................................. ๒๓๔
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๕๗ กรณเี ป็นเจา้ พนักงาน ....................................................................... ๒๓๕
กรณีไมเ่ ป็นเจา้ พนักงาน ............................................................................................................. ๒๓๗
กรณีเจา้ พนกั งานไม่มอี านาจหน้าท่ี ............................................................................................ ๒๔๐
กรณีเจ้าพนกั งานมอี านาจหน้าที่ ................................................................................................ ๒๔๕
ไม่เป็นการปฏบิ ัตหิ รอื ละเวน้ การปฏิบตั ิหน้าทโี่ ดยไมช่ อบ ........................................................... ๒๔๗
เปน็ การปฏิบัติหรอื ละเว้นการปฏบิ ัติหน้าท่โี ดยมิชอบ ................................................................ ๒๕๐
เพ่อื ใหเ้ กิดความเสยี หายแกผ่ ู้หน่งึ ผ้ใู ด ........................................................................................ ๒๕๔
โดยทุจรติ ................................................................................................................... ................. ๒๕๔
กรณคี ุณสมบัติของผู้กระทาความผดิ .......................................................................................... ๒๕๖
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๕๘ .......................................................................................................... ๒๕๖
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๖๑ .......................................................................................................... ๒๕๗
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๖๒ .......................................................................................................... ๒๕๘
ความผดิ ตอ่ เจา้ พนักงานในการยตุ ิธรรม ข้อ ๕๔ .................................................................. ๒๖๐

ขอ้ ๕๕ .................................................................. ๒๖๒
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๗๒ .......................................................................................................... ๒๖๔
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๗๓ .......................................................................................................... ๒๖๕
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๗๔ .......................................................................................................... ๒๖๖
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๗๕ .......................................................................................................... ๒๖๗
ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๑๗๖ .......................................................................................................... ๒๖๙
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๗๗ เปน็ ข้อสาคญั ในคดี ........................................................................... ๒๖๙

10

เรื่อง หน้า

ไม่เป็นขอ้ สาคญั ในคดี ................................................................................................................. ๒๗๒

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๑๘๐ .......................................................................................................... ๒๗๕

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๘๑ .......................................................................................................... ๒๗๗

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๘๔ .......................................................................................................... ๒๗๗

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๘๗ .......................................................................................................... ๒๗๗

ทาใหเ้ สียหายหรอื เอาไปเสียซ่งึ เอกสาร ขอ้ ๕๖ .................................................................. ๒๘๐

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๑๘๘ .......................................................................................................... ๒๘๑

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๑๙๐ .......................................................................................................... ๒๘๔

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๑๙๑ .......................................................................................................... ๒๘๔

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๑๙๘ .......................................................................................................... ๒๘๕

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๑๙๙ .......................................................................................................... ๒๘๕

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๐๐ .......................................................................................................... ๒๘๗

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๐๖ .......................................................................................................... ๒๘๗

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๒๐๙ .......................................................................................................... ๒๘๘

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๑๐ .......................................................................................................... ๒๘๘

มวั่ สมุ เพือ่ กระทาความผดิ ขอ้ ๕๗ .................................................................. ๒๙๑

วางเพลงิ เผาทรัพย์ ขอ้ ๕๘ .................................................................. ๒๙๓

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๑๘ .......................................................................................................... ๒๙๓

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๒๑ .......................................................................................................... ๒๙๕

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๒๓ .......................................................................................................... ๒๙๕

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๒๕ .......................................................................................................... ๒๙๕

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๒๒๗ .......................................................................................................... ๒๙๖

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๒๘ .......................................................................................................... ๒๙๖

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๒๙ .......................................................................................................... ๒๙๗

ความผดิ เก่ียวกบั เงนิ ตรา ข้อ ๕๙ .................................................................. ๒๙๘

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๔๐ .......................................................................................................... ๓๐๐

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๔๙ .......................................................................................................... ๓๐๒

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๖๓ .......................................................................................................... ๓๐๒

ความผดิ เก่ยี วกบั เอกสาร ขอ้ ๖๐ .................................................................. ๓๐๔

ขอ้ ๖๑ .................................................................. ๓๐๖

ข้อ ๖๒ .................................................................. ๓๐๙

ฎีกานา่ สนใจเร่อื งเป็นเอกสาร ..................................................................................................... ๓๑๑

11

เร่อื ง หน้า
อานาจในการทาเอกสาร ............................................................................................................. ๓๑๒
ปลอมขึ้นท้ังฉบับหรอื ปลอมแต่ส่วนหน่ึงส่วนใด .......................................................................... ๓๑๖
โดยประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแกผ่ ู้อื่นหรอื ประชาชน .................................................. ๓๑๗
เพอ่ื ใหผ้ ู้หนงึ่ ผูใ้ ดหลงเชอ่ื วา่ เป็นเอกสารทแ่ี ท้จริง ........................................................................ ๓๑๙
เอกสารสิทธิ เอกสารราชการ ..................................................................................................... ๓๑๙
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๖๗ .......................................................................................................... ๓๒๔
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๖๘ .......................................................................................................... ๓๒๕
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๖๙ .......................................................................................................... ๓๒๗
ความผดิ เกีย่ วกบั บตั รอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ขอ้ ๖๓ .................................................................. ๓๒๙

ขอ้ ๖๔ .................................................................. ๓๓๐
ขอ้ ๖๕ .................................................................. ๓๓๕
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๖๙/๘ ...................................................................................................... ๓๓๗
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๗๑ .......................................................................................................... ๓๓๗
ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๗๒ .......................................................................................................... ๓๓๘
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๗๓ .......................................................................................................... ๓ ๓๙
ความผดิ เกี่ยวกบั เพศ (แกไ้ ขใหม่) ............................................................................................... ๓๔๐
ขอ้ ๖๖ .................................................................. ๓๕๐
ขอ้ ๖๗ .................................................................. ๓๕๑
ข้อ ๖๘ .................................................................. ๓๕๓
ข้อ ๖๙ .................................................................. ๓๕๕
ฎกี านา่ สนใจเรอ่ื ง เปน็ การกระทาชาเราตามมาตรา ๑ (๑๘) ...................................................... ๓๖๐
ไม่เป็นการกระทาชาเราตามมาตรา ๑ (๑๘) ............................................................................... ๓๖๐
พยายามขม่ ขนื หรือกระทาอนาจาร ............................................................................................ ๓๖๒
ข่มขืนหรือยินยอม ...................................................................................................................... ๓๖๒
ขม่ ขนื สาเร็จแลว้ หรือไม่ .............................................................................................................. ๓๖๒
ผู้ถูกข่มขนื .................................................................................................................................. ๓๖๓
อายุเด็ก ...................................................................................................................................... ๓๖๓
ตวั การร่วม .................................................................................................................................. ๓๖๔
รมุ โทรม ...................................................................................................................................... ๓๖๔
กระทาโดยมีอาวธุ ปืนหรอื วัตถรุ ะเบดิ ......................................................................................... ๓๖๕
กระทาโดยใชอ้ าวธุ ..................................................................................................................... ๓๖๖
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๗๗ วรรคท้าย .......................................................................................... ๓๖๖

12

เรื่อง หน้า

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๗๘ .......................................................................................................... ๓๖๗

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๗๙ .......................................................................................................... ๓๖๗

พา พราก ขม่ ขนื กระทาชาเรา กรรมเดียวหรอื หลายกรรม ......................................................... ๓๖๙

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๘๐ .......................................................................................................... ๓ ๗๐

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๘๑ .......................................................................................................... ๓๗๑

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๒๘๒ .......................................................................................................... ๓๗๒

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๘๓ .......................................................................................................... ๓๗๓

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๘๓ ทวิ .................................................................................................... ๓๗๓

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๘๕ .......................................................................................................... ๓๗๔

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๘๖ .......................................................................................................... ๓๗๖

ความผิดเก่ยี วกบั สอ่ื ลามกอนาจารเด็ก ....................................................................................... ๓๗๗

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๑๒ ตรี ..................................................................................................... ๓๗๘

ผู้ที่ถกู พรากต้องอยู่ภายใตอ้ านาจปกครอง ................................................................................. ๓๗๘

เป็นการพราก ............................................................................................................................. ๓๘๐

ไมเ่ ปน็ การพราก ......................................................................................................................... ๓๘๗

เพือ่ การอนาจารหรอื ไม่ .............................................................................................................. ๓๙๑

ความผดิ ตอ่ ชวี ิต ร่างกาย ขอ้ ๗๐ .................................................................. ๓๙๔

ข้อ ๗๑ .................................................................. ๓๙๕

ขอ้ ๗๒ .................................................................. ๓๙๖

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๘๘ เร่อื งผู้อน่ื ต้องมีชีวิตขณะถูกฆ่า ......................................................... ๓๙๘

ใช้ปืนถอื วา่ มเี จตนาฆา่ ................................................................................................................ ๓๙๙

ใชป้ ืนแตไ่ ม่มเี จตนาฆา่ ................................................................................................................ ๔๐๐

ใช้มีดถอื วา่ มีเจตนาฆา่ ................................................................................................................ ๔๐๓

ใชม้ ีดถอื วา่ มเี จตนาทารา้ ย .......................................................................................................... ๔๐๔

ใช้ของอืน่ ถอื ว่ามเี จตนาฆ่า .......................................................................................................... ๔๐๖

ใชข้ องอื่นถอื วา่ มีเจตนาทารา้ ย ................................................................................................... ๔๐๘

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๒๘๙ (๒) .................................................................................................... ๔๐๙

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๒๘๙ (๔) .................................................................................................... ๔๐๙

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๘๙ (๕) .................................................................................................... ๔๑๓

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๒๘๙ (๖) .................................................................................................... ๔๑๔

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๒๙๐ .......................................................................................................... ๔๑๔

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๙๑ .......................................................................................................... ๔๑๗

13

เรอื่ ง หน้า

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๒๙๖ .......................................................................................................... ๔๑๙

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๙๗ (ผลธรรมดา) ..................................................................................... ๔๑๙

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๙๗ (๔) .................................................................................................... ๔๒๐

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๙๗ (๘) .................................................................................................... ๔๒๐

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๒๙๙ .......................................................................................................... ๔๒๐

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๐๐ .......................................................................................................... ๔๒๑

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๑๐ .......................................................................................................... ๔๒๒

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๑๒ .......................................................................................................... ๔๒๒

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๑๓ .......................................................................................................... ๔๒๓

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๒๖ เร่อื งการใส่ความต้องเป็นการยนื ยนั ข้อเทจ็ จริง ................................ ๔๒๕

ตอ้ งยืนยันจนบุคคลทส่ี ามรู้ไดแ้ น่นอนว่าเป็นใคร ........................................................................ ๔๒๕

โดยประการทีน่ ่าจะทาให้ผู้น้ันเสียช่อื เสียง ถกู ดูหมิ่น หรอื ถกู เกลยี ดชัง ..................................... ๔๒๖

การหมิ่นประมาทตอ้ งมเี จตนา .................................................................................................... ๔๒๗

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๒๘ .......................................................................................................... ๔๒๘

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๒๙ .......................................................................................................... ๔๒๘

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๓๓๑ .......................................................................................................... ๔๓๔

ลักทรพั ย์ ..................................................................................................................................... ๔๓๖

วตั ถทุ ี่ลกั ต้องเป็นทรพั ย์ ข้อ ๗๓ .................................................................. ๔๓๗

ข้อ ๗๔ .................................................................. ๔๓๙

วัตถทุ ล่ี ักตอ้ งเปน็ ทรพั ย์ .............................................................................................................. ๔๔๑

ฎกี าเร่อื งอสังหารมิ ทรพั ย์กถ็ ูกลกั ได้............................................................................................. ๔๔๑

เป็นทรัพย์ของผูอ้ ่ืน ข้อ ๗๕ .................................................................. ๔๔๒

ขอ้ ๗๖ .................................................................. ๔๔๓

ข้อ ๗๗ .................................................................. ๔๔๔

ข้อ ๗๘ .................................................................. ๔๔๖

เปน็ ทรพั ย์ของผอู้ ่นื ..................................................................................................................... ๔๔๙

เปน็ ทรพั ยท์ ี่มผี อู้ น่ื ครอบครองอยู่ ข้อ ๗๙ .................................................................. ๔๕๑

ขอ้ ๘๐ .................................................................. ๔๕๔

ข้อ ๘๑ .................................................................. ๔๕๗

ข้อ ๘๒ .................................................................. ๔๖๐

ข้อ ๘๓ .................................................................. ๔๖๑

เป็นทรพั ยท์ ี่มีผูอ้ ่ืนครอบครองอยู่ ................................................................................................ ๔๖๓

14

เรื่อง หน้า

ผกู้ ระทาต้องเขา้ ครอบครองทรัพย์ .............................................................................................. ๔๖๘

การเข้าครอบครองนนั้ ต้องเปน็ การแย่งการครอบครอง .............................................................. ๔๖๙

ข้อ ๘๔ .................................................................. ๔๗๐

ขอ้ ๘๕ .................................................................. ๔๗๑

ขอ้ ๘๖ .................................................................. ๔๗๓

ข้อ ๘๗ .................................................................. ๔๗๕

ขอ้ ๘๘ .................................................................. ๔๗๗

การเข้าครอบครองนน้ั ต้องเป็นการแย่งการครอบครอง .............................................................. ๔๘๐

พาทรัพย์เคลอ่ื นทไ่ี ป ข้อ ๘๙ .................................................................. ๔๘๗

ลงมือลกั ทรัพย์แลว้ หรือไม่ .......................................................................................................... ๔๘๙

พาทรพั ยเ์ คลื่อนท่ีไป ................................................................................................................... ๔๙๐

เป็นการเอาไปในลักษณะตดั กรรมสทิ ธิ์ ขอ้ ๙๐ .................................................................. ๔๙๔

เป็นการเอาไปในลกั ษณะตัดกรรมสิทธิ์ ....................................................................................... ๔๙๖

โดยทุจรติ .................................................................................................................................... ๕๐๐

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๓๕ .......................................................................................................... ๕๐๓

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๓๖ .......................................................................................................... ๕๐๖

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๓๖ ทวิ .................................................................................................... ๕๐๘

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๓๗ .......................................................................................................... ๕๐๙

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๓๘ .......................................................................................................... ๕๑๔

ชิงทรัพย์ ปลน้ ทรัพย์ ข้อ ๙๑ .................................................................. ๕๑๕

ขอ้ ๙๒ .................................................................. ๕๑๗

ข้อ ๙๓ .................................................................. ๕๑๙

ขอ้ ๙๔ .................................................................. ๕๒๐

ฎกี าน่าสนใจเรอ่ื งชิงทรัพย์ ปลน้ ทรัพย์ ต้องเป็นลักทรัพย์ถึงจะเป็นชิงทรัพย์ ปล้นทรพั ย์ .......... ๕๒๒

พยายามชิงทรัพยห์ รอื พยายามปล้นทรัพย์ ................................................................................. ๕๒๓

ลกั โดยใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ยหรอื ข่เู ขญ็ วา่ ในทนั ใดจะใช้กาลงั ประทุษร้าย ..................................... ๕๒๔

ขาดตอน ..................................................................................................................................... ๕๓๑

ไม่มเี จตนาลักขณะทารา้ ย ........................................................................................................... ๕๓๔

มเี จตนารว่ มกนั ........................................................................................................................... ๕๓๖

ผลของการกระทา ...................................................................................................................... ๕๓๙

ใช้อาวุธปืน .................................................................................................................................. ๕๔๐

ใชย้ านพาหนะเพ่อื กระทาความผดิ ............................................................................................. ๕๔๐

15

เรอื่ ง หน้า

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๔๑ เปน็ การหลอกลวงผอู้ ่นื ..................................................................... ๕๔๒

ไมเ่ ป็นการหลอกลวงผ้อู น่ื ........................................................................................................... ๕๔๖

ได้ไปซึง่ ทรัพย์สนิ จากผู้ถูกหลอกลวงหรอื บคุ คลท่สี าม ................................................................ ๕๔๘

ผู้ถกู หลอกลวงไม่ต้องเปน็ เจา้ ของทรพั ย์ท่ีมอบให้ ....................................................................... ๕๕๐

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๔๒ .......................................................................................................... ๕๕๐

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๔๓ .......................................................................................................... ๕๕๑

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๔๙ .......................................................................................................... ๕๕๓

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๓๕๐ .......................................................................................................... ๕๕๓

ยักยอก ข้อ ๙๕ .................................................................. ๕๖๕

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๕๒ เรอ่ื งไมใ่ ชท่ รัพยท์ ีจ่ ะยักยอกได้ ......................................................... ๕๖๘

ไม่ได้เบียดบงั ไมผ่ ดิ ยกั ยอก .......................................................................................................... ๕๗๒

ผิดสัญญาทางแพ่งไมผ่ ดิ ยักยอก .................................................................................................. ๕๗๓

เปน็ การเบียดบังผดิ ยกั ยอก ......................................................................................................... ๕๗๕

ผู้กระทาผิดครอบครองทรพั ยแ์ ลว้ เบียดบังผดิ ยกั ยอกไม่ใชล่ ักทรพั ย์ .......................................... ๕๗๘

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๕๒ วรรคสอง .......................................................................................... ๕๘๑

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๕๓ .......................................................................................................... ๕๘๒

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๕๔ .......................................................................................................... ๕๘๓

รับของโจร ขอ้ ๙๖ .................................................................. ๕๘๕

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๕๗ .......................................................................................................... ๕๘๗

ทาใหเ้ สียทรัพย์ ข้อ ๙๗ .................................................................. ๕๙๑

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๕๘ .......................................................................................................... ๕๙๓

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๖๐ .......................................................................................................... ๕๙๔

บกุ รุก ข้อ ๙๘ .................................................................. ๕๙๕

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๖๒ .......................................................................................................... ๕๙๖

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๖๔ .......................................................................................................... ๖๐๑

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๖๕ .......................................................................................................... ๖๐๖

ความผดิ เกยี่ วกบั ศพ ข้อ ๙๙ .................................................................. ๖๐๗

ขอ้ ๑๐๐ ............................................................... ๖๐๙

ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๖๖/๓ ...................................................................................................... ๖๑๒

ฎีกานา่ สนใจมาตรา ๓๘๖ .......................................................................................................... ๖๑๓

ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๙๑ .......................................................................................................... ๖๑๓

ฎกี าน่าสนใจมาตรา ๓๙๒ .......................................................................................................... ๖๑๔

16

เรอ่ื ง หน้า
ฎีกาน่าสนใจมาตรา ๓๙๓ .......................................................................................................... ๖๑๔
ฎกี านา่ สนใจมาตรา ๓๙๗ .......................................................................................................... ๖๑๖
บรรณานกุ รม .............................................................................................................................. ๖๑๗

17

บทนา

การศึกษาวิชากฎหมายในทุกสถาบันจะวัดผลการศึกษาด้วยข้อสอบอัตนัยซ่ึงแตกต่างจาก
วิชาอื่น ๆ ท่ีมักจะวัดผลด้วยข้อสอบปรนัย นอกจากนี้การตอบข้อสอบอัตนัยวิชากฎหมาย ก็จะมี
ลักษณะพิเศษท่ีแตกต่างจากวิชาอื่น ดังนั้น วิธีการตอบข้อสอบจึงเป็นเรื่องสาคัญอีกประการหน่ึง
ท่ีนักศึกษาต้องให้ความสาคัญ กล่าวคือ แม้นักศึกษาจะเข้าเรียนและอ่านตาราอย่างสม่าเสมอจนมี
ความรู้เป็นอย่างดี แต่ถ้านักศึกษาไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ท่ีมีลงในสมุดคาตอบ ให้อาจารย์
ที่ตรวจข้อสอบเข้าใจได้ภายในระยะเวลาจากัด นักศึกษาก็ไม่สามารถสอบผ่านได้ จากการท่ีผู้แต่ง
มีโอกาสตรวจข้อสอบในสนามสอบต่าง ๆ ผู้แต่งพบว่านักศึกษาจานวนมากตอบข้อสอบถูกธง
แต่ไม่ได้คะแนนเพราะเขียนตอบข้อสอบอัตนัยไม่เป็น วิธีการเขียนตอบข้อสอบอัตนัยท่ีถูกต้องตาม
หลักเกณฑ์ของการศึกษาวิชากฎหมาย จึงเป็นปัจจัยสาคัญอีกประการหน่ึงท่ีนักศึกษาจะต้องเรียนรู้
และฝึกฝนควบคไู่ ปกบั การเขา้ เรียนหรอื อา่ นตารา นกั ศึกษาจึงจะสอบผ่านได้

การสอบวิชากฎหมายซ่ึงเป็นข้อสอบอัตนัยนั้น อาจแยกข้อสอบได้เป็น ๒ ประเภท คือ
ข้อสอบบรรยาย และข้อสอบปัญหาตุ๊กตา

ข้อสอบบรรยาย เป็นข้อสอบท่ีนักศึกษาต้องอ่านตาราและจารายละเอียดต่าง ๆ มาตอบ
ขอ้ สอบให้ได้ครบถ้วนทส่ี ุด ปญั หาของการตอบข้อสอบบรรยาย ก็มีเพียงว่านักศึกษาจาหลักกฎหมาย
ข้อยกเว้น ข้อสังเกต และความเห็นต่าง ๆ ได้ครบถ้วน กับควบคุมเวลาในการเขียนตอบข้อสอบ
ให้เหมาะสม ไม่ไปกินเวลาในการตอบข้อสอบข้ออ่ืนได้ นักศึกษาก็จะไม่มีปัญหาในการตอบข้อสอบ
บรรยาย

ข้อสอบปัญหาตุ๊กตา เป็นข้อสอบที่อาจารย์ผู้ออกข้อสอบจะต้ังปัญหาตุ๊กตาข้ึนมา
แล้วให้นักศึกษาตอบปัญหาเหล่าน้ัน การตอบข้อสอบปัญหาตุ๊กตาจะมีวิธีการตอบ ๒ วิธี คือ
การตอบขอ้ สอบโดยวางหลักกฎหมาย และการตอบขอ้ สอบโดยฟนั ธง

การตอบขอ้ สอบโดยวางหลักกฎหมาย มีวิธีการตอบ คอื
๑. วางหลักกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องในคาตอบ
๒. นาข้อเท็จจรงิ ในคาถามมาปรบั เขา้ กับข้อกฎหมาย
๓. ให้เหตุผลประกอบ เหตุผลในการตอบอาจจะมาจากทฤษฎีต่าง ๆ ท่ีอธิบายไว้ในตารา
คาพพิ ากษาฎกี า หรอื จากหลักกฎหมายอื่น ๆ ทเี่ กย่ี วข้องกไ็ ด้
๔. สรปุ ผลทางกฎหมาย
การตอบข้อสอบโดยวางหลักกฎหมายมีข้อดี คือ หากตอบผิดธง นักศึกษายังอาจจะ
ได้คะแนนจากหลักกฎหมายบ้าง คะแนนส่วนน้ีอาจจะช่วยให้นักศึกษาสอบผ่านก็ได้ อย่างไรก็ตาม
การตอบข้อสอบโดยวางหลักกฎหมายยังมีข้อเสีย คือ ต้องเสียเวลาในการเขียนตอบข้อสอบมาก
ถ้าข้อสอบมีหลายประเด็น หากตอบข้อสอบวิธีนี้นักศึกษาอาจจะทาข้อสอบไม่ทัน จึงขอให้นักศึกษา
พิจารณาข้อดีของการตอบข้อสอบโดยฟันธงประกอบด้วย โดยเฉพาะในกรณีท่ีข้อสอบมีหลาย
ประเดน็ ต้องพจิ ารณาว่าการตอบขอ้ สอบวธิ ใี ดจะเหมาะสมกว่า

18

การตอบข้อสอบโดยฟันธง ก็จะคล้ายกับการตอบข้อสอบโดยวางหลักกฎหมาย แต่จะตัด
ข้อ ๑. ที่กล่าวมาแล้วออก ก็คือจะนาข้อเท็จจริงในคาถามมาปรับเข้ากับข้อกฎหมาย พร้อมกับ
ให้เหตุผลประกอบ แล้วจึงสรุปผลทางกฎหมาย การตอบข้อสอบวิธีนี้มีข้อดี คือ ไม่ต้องเสียเวลามาก
ในการตอบข้อสอบ โดยเฉพาะในกรณีที่ข้อสอบมีหลายประเด็น หากตอบฟันธงนักศึกษา
จะทาข้อสอบได้ทันเวลา อย่างไรก็ตาม การตอบข้อสอบวิธีน้ีมีข้อเสีย คือ หากนักศึกษาตอบผิดธง
กจ็ ะไมไ่ ด้คะแนนจากหลักกฎหมายเลย

การสอบช้ันปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะมีจานวนข้อสอบและเวลาต่างกัน เช่น
ข้อสอบ ๕ ข้อ ใช้เวลาสอบ ๓ ชวั่ โมง หรอื ข้อสอบ ๔ ข้อใช้เวลาสอบ ๓ ชั่วโมง หรือที่เนติฯ ข้อสอบ
๑๐ ข้อ ใช้เวลาสอบ ๔ ช่ัวโมง ข้อสอบบางข้ออาจจะมีหลายประเด็น แต่บางข้ออาจจะมีเพียงหน่ึง
หรือสองประเดน็ หากนักศกึ ษามัวไปเสียเวลาทาข้อสอบท่ีมีหลายประเด็นจนหมดเวลาโดยไมไ่ ดต้ อบ
ข้อสอบบางข้อ นักศึกษาก็จะไม่มีโอกาสได้คะแนนจากข้อที่ไม่ได้ตอบเลย ดังนั้น การคุมเวลาในการ
ทาข้อสอบแต่ละข้อ กเ็ ปน็ เรอ่ื งสาคัญท่ีนกั ศกึ ษาต้องตระหนกั ไว้ให้มาก จากท่ีกล่าวมาแลว้ ในตอนต้น
ว่าการตอบข้อสอบโดยวางหลักกฎหมายหรือฟันธงมีท้ังข้อดีและข้อเสีย โดยเฉพาะเรื่องเวลา
ที่แตกต่างกัน นักศึกษาจึงต้องพิจารณาว่าข้อสอบข้อใดควรจะตอบด้วยวิธีใด เพ่ือจะทาข้อสอบได้
ทันเวลาและได้คะแนนบ้างหากตอบผิดธง เช่น ข้อสอบท่ีมีประเด็นน้อยควรตอบโดยวางหลัก
กฎหมาย ข้อสอบที่มีหลายประเด็นก็อาจจะตอบแบบผสม โดยวางหลักกฎหมายเฉพาะประเด็น
ที่สาคัญท่ีสุดเพียงหน่ึงหรือสองประเด็น ประเด็นอื่นก็ตอบโดยฟันธง ส่วนข้อสอบท่ีมีหลายประเด็น
มาก ๆ ก็อาจจะตอบโดยฟนั ธงทง้ั หมด

นอกจากจะต้องรู้วิธีการเขียนตอบขอ้ สอบที่ถูกต้องแล้ว นักศกึ ษาต้องฝึกเขียนตอบข้อสอบ
อย่างสม่าเสมอ โดยใช้เวลาเท่ากับการสอบจริงของในแต่ละสนามสอบ เพื่อจะได้ควบคุมเวลา
ในการทาขอ้ สอบและจะได้ฝึกเลือกว่าข้อใดควรจะตอบโดยฟันธง ข้อใดควรตอบแบบผสม หรือข้อใด
ควรจะตอบโดยวางหลักกฎหมาย นักศึกษายิ่งฝึกเขียนตอบข้อสอบได้มากเท่าใด พัฒนาการกจ็ ะมาก
ขึ้นเท่านั้น เม่ือเข้าสนามสอบจริงก็จะเลือกวิธีการตอบท่ีเหมาะสมได้ หากนักศึกษาฝึกเขียนตอบ
อย่างสม่าเสมอแล้ว นักศึกษาจะได้คะแนนดีเท่าที่นักศึกษามีความรู้ได้ ไม่เสียคะแนนไปอย่างไม่น่า
จะเสยี

คาถามในหนังสือเล่มนี้บางข้อจะมีประเด็นมากเกินไป ไม่เหมาะท่ีจะเป็นข้อสอบจริง
ในระดับปริญญาตรี แต่เป็นเรื่องที่ผู้แต่งต้ังใจทา เพราะหากนักศึกษาฝึกทาข้อสอบซ่ึงมีประเด็น
มาก ๆ ก็จะได้ฝึกจับประเด็นและจัดลาดับประเด็นที่ยุ่งยากได้ จนมีความชานาญในการจับและ
จดั ลาดับประเด็นของข้อสอบท่ีมีประเด็นมาก ๆ ได้ เมื่อเข้าสอบแล้วนักศึกษาพบข้อสอบท่ีมปี ระเด็น
น้อย การจับและจัดลาดับประเด็นท่ีง่ายกว่า นักศึกษาก็จะทาข้อสอบได้สบายขึ้น ในหนังสือเล่มน้ี
ขอ้ สอบบางข้อจะเป็นข้อสอบท่ีผ้แู ต่งแต่งข้ึนเอง แต่บางข้อนาคาถามและธงคาตอบในการสอบเนติฯ
หรือการสอบฯ ผู้ช่วยผู้พิพากษา มาปรับปรุงให้สอดคลอ้ งกับวิธีการของผู้แต่ง โดยจะระบุสนามสอบ
และวันที่สอบไว้ หากนักศึกษาต้องการดูธงคาตอบจริงของข้อสอบดังกล่าว ก็สามารถหาดูได้จาก

19

หนังสือที่หนว่ ยงานดังกล่าวรวบรวมไว้
ข้อบกพร่องในการตอบข้อสอบที่พบเป็นประจาก็คือ นักศึกษาลอกคาถามเกือบท้ังหมด

มาปรับเข้ากับข้อกฎหมาย ซึ่งข้อเท็จจริงจากคาถามบางประการไม่จาเป็นต้องนามาปรับเข้ากับ
ข้อกฎหมาย เม่ือใส่เข้ามาก็จะทาให้คาตอบวกวนเย่ินเย้อและเสียเวลาในการเขียนท้ังจะทาให้
ได้คะแนนไม่ดีด้วย หลักกฎหมายบางมาตรามีหลายกรณี กรณีใดท่ีไม่เกี่ยวข้องกับคาตอบนักศึกษา
ไม่ต้องเขียนมา เพราะจะทาให้อาจารย์สงสัยว่านักศกึ ษารู้หรือไม่ว่ากรณีตามคาถามเป็นกรณีใด เช่น
การพยายามกระทาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐ มี ๒ กรณีคือ ๑. ลงมอื กระทา
ความผิดแล้ว แต่กระทาไปไม่ตลอด ๒. ลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทานั้น
ไม่บรรลุผล ตัวอย่างเช่น ก เล็งปืนขึ้นจะยิง ข แต่ ค มาแย่งปืนไปก่อนท่ี ก จะยิง เป็นการพยายาม
กระทาความผิดที่ลงมือกระทาความผิดแล้ว แต่กระทาไปไม่ตลอด หรือ ก ยิงถูก ข แต่แพทย์
ช่วยชีวิตไว้ทัน เป็นการพยายามกระทาความผิดท่ีลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทา
นนั้ ไม่บรรลผุ ล คาถามเช่นน้ี นกั ศกึ ษาต้องตอบให้ชัดเจนว่า เปน็ การพยายามกระทาความผิดกรณีท่ี
ลงมือกระทาความผิดแล้ว แต่กระทาไปไม่ตลอด หรือกรณีท่ีลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้ว
แตก่ ารกระทาน้ันไม่บรรลุผล ไมใ่ ช่ตอบมาหมดทง้ั ๒ กรณี

ข้อบกพร่องต่อไปที่พบก็คือนักศึกษาลอกคาถามมาแล้วฟันธงโดยไม่มีหลักกฎหมายและ
เหตุผลประกอบ การตอบข้อสอบดว้ ยวิธดี งั กลา่ วนจ้ี ะไม่ไดค้ ะแนนเลย

การตอบข้อสอบกฎหมายที่ดตี ้องนาข้อเท็จจริงจากคาถามมาปรับเขา้ กับข้อกฎหมายและให้
เหตุผลประกอบที่สั้นกระชับ แต่มีเนื้อหาครบถ้วน ซึ่งเป็นส่วนสาคัญท่ีผู้แต่งต้องการจะนาเสนอ
ในหนังสอื เล่มน้ี โดยผแู้ ตง่ นาธงคาตอบมาแยกให้เหน็ ว่า ธงคาตอบสว่ นใดเป็นข้อเทจ็ จริงท่นี ามาจาก
คาถาม จะพิมพ์ด้วยตัวอักษรขีดเส้นใต้ ส่วนใดเป็นข้อกฎหมาย จะพิมพ์ด้วยตัวอักษรหนา
และส่วนใดเป็นเหตุผลประกอบการวินิจฉัยและสรุปผลทางกฎหมาย จะพิมพ์ด้วยตัวอักษรหนา
ขีดเส้นใต้ ซึ่งนักศึกษาจะได้นาไปเป็นตัวอย่างในการฝึกเขียนตอบข้อสอบต่อไป และยังนาตัวอย่าง
คาตอบที่นักศึกษาตอบมา แล้วมีข้อบกพร่อง โดยแนะนาแนวทางในการแกไ้ ขและปรับปรงุ การเขียน
ตอบใหด้ ว้ ย

สุดท้ายนี้ผู้แต่งขอฝากว่า ผู้ที่ฝึกเขียนตอบข้อสอบอย่างสม่าเสมอควบคู่กับการอ่านตารา
เม่อื เขา้ สอบจรงิ จะทาขอ้ สอบไดด้ ีกว่าผู้ทไ่ี มเ่ คยฝกึ เขียนตอบข้อสอบอย่างแนน่ อน

20

ถาม - ตอบ
อาญา

การกระทา

ข้อ ๑ คาถาม เจา้ หนา้ ท่ีตารวจสายปราบปรามจับกุมนายหน่งึ และนายสองส่งมอบพนักงาน
สอบสวนดาเนินคดีเก่ียวกับการค้ายาเสพติด เจ้าพนักงานตารวจจึงนานายหนึ่งและนายสองไป
ควบคุมตัวไว้ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหาในสถานีตารวจเพ่ือรอพนักงานสอบสวนทาการสอบสวนตาม
กฎหมาย โดยมีสิบตารวจตรีสามได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้อยเู่ วรเฝ้าห้องควบคุมผู้ต้องหา
เพื่อดูแลความปลอดภัยผู้ต้องหาในวันดังกล่าว ซ่ึงห้องทางานของผู้ควบคุมอยู่หน้าห้องควบคุม
ผู้ต้องหา เมื่อสิบตารวจตรีสามใส่กุญแจห้องควบคุมโดยนายหน่ึงและนายสองอยู่ภายในแล้ว
สิบตารวจตรีสามก็ออกจากสถานีตารวจไปเท่ียวห้างสรรพสินค้าเพราะนัดกับแฟนไว้ท้ังที่ยัง
ไม่ออกเวร ต่อมาไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดเหตเพลิงใหม้ในสถานีตารวจและลุกลามไปยังห้องควบคุม
ผู้ต้องหาในสถานีตารวจ นายหนึ่งและนายสองตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเป็นเวลานานจึงมี
พลเมืองดีเอาขวานมาฟันกุญแจออกและช่วยพานายหน่ึงออกไปได้โดยปลอดภัย เมื่อจะเข้าไปช่วย
นายสองปรากฏวา่ ไฟลกุ โหมแรงมากจนไมอ่ าจเข้าไปช่วย นายสองถกู ไฟคลอกตาย

ให้วินิจฉัยว่า สิบตารวจตรีสามมีความผิดต่อชีวิตของนายหน่ึงและนายสองหรือไม่เพียงใด
คาตอบ การท่ีสิบตารวจตรีสามได้รบั มอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้อยู่เวรเฝ้าห้องควบคุม
ผู้ต้องหา สิบตารวจตรีสามมีหน้าท่ีโดยตรงในการควบคุมและดูแลความปลอดภัยของผู้ต้องหาที่
ถูกควบคุมอยู่ แต่สิบตารวจตรีสามออกจากสถานีตารวจไปเท่ียวทั้งท่ียังไม่ออกเวร เป็นการไม่อยู่
ปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากเหตุอันสมควร จึงเป็นการกระทาโดยงดเว้นการท่ีจักต้องกระทาเพื่อ
ป้องกันผลคืออันตรายที่อาจเกิดข้ึนแก่ชีวิตของนายสอง การไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวของ
สิบตารวจตรีสาม จึงถือว่าเป็นการกระทาโดยงดเว้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๙
วรรคทา้ ยแลว้
การไม่อยู่ปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าวของสิบตารวจตรีสามเป็นกระทาโดยปราศจากความ
ระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามภาวะวิสัยและพฤติการณ์และสิบตารวจตรีสาม
อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ การกระทาของสิบตารวจตรีสาม
จงึ เปน็ การกระทาโดยประมาทตามมาตรา ๕๙ วรรคสี่
แม้มีเหตุเพลิงไหม้ทาให้เกิดผลคือความตายของนายสองด้วย แต่ก็ไม่ทาให้ความสัมพันธ์
ระหว่างการกระทาโดยประมาทของสิบตารวจตรีสามและผลคือความตายของนายสองขาดตอนลง
เพราะถ้าสิบตารวจตรีสามอยู่ปฏิบัติหน้าท่ี สิบตารวจตรีสามย่อมช่วยเหลือนายสองได้ทัน
และนายสองจะไม่ถึงแก่ความตาย เนื่องจากสิบตารวจตรีสามมีหน้าที่ทางานอยู่หน้าห้องควบคุม
ต้องถือว่าความตายของนายสองเป็นผลโดยตรงจากการกระทาโดยประมาทของสิบตารวจตรี

21

สาม และเหตุไฟไหม้ก็เป็นเหตุแทรกแซงท่ีวิญญูชนย่อมคาดหมายได้ สิบตารวจตรีสามจึงตอ้ งรับ
ผิดในผลคือความตายของนายสอง สิบตารวจตรีสามจึงมีความผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็น
เหตใุ หน้ ายสองถงึ แกค่ วามตาย (ฎีกาท่ี 7581/2561)

แม้สิบตารวจตรสี ามจะมีความผดิ ฐานกระทาโดยประมาทเปน็ เหตใุ ห้นายสองถึงแกค่ วาม
ตาย ซ่ึงต้องถือว่าเป็นการกระทาโดยประมาทต่อนายหน่ึงด้วย แต่การที่พลเมืองดีช่วยนายหนึ่ง
จนปลอดภัย สิบตารวจตรีสามย่อมไม่มีความรับผิดทางอาญาต่อนายหนึ่ง เพราะการกระทาโดย
ประมาทของสบิ ตารวจตรสี ามมิไดเ้ กดิ ผลต่อนายหนึ่ง นอกจากนี้การกระทาของสิบตารวจตรีสาม
ยังไม่เป็นการพยายามกระทาความผดิ ต่อนายหน่ึงอีกด้วย เพราะการกระทาโดยประมาทไม่มีการ
พยายามกระทาความผิด เน่ืองจากการพยายามกระทาความผิดมีไดเ้ ฉพาะการกระทาโดยเจตนา
ข้อสังเกต คำถำมข้อน้ีผู้แต่งตัดประเด็นกำรละเว้นกำรปฏิบัติหน้ำที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหำยตำม
มำตรำ ๑๕๗ ออก คำถำมจึงถำมว่ำมีควำมผิดต่อชีวิตฐำนใด เนื่องจำกคดีน้ีโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ
มำตรำ ๑๕๗ ด้วย แต่ศำลล่ำงตัดสินว่ำไม่ผิดมำตรำ ๑๕๗ โจทก์ไม่ฎีกำ ศำลฎีกำจึงวินิจฉัยประเด็น
ตำมมำตรำ ๒๙๑ โดยศำลฎีกำจะวินิจฉัยควำมผิดตำมมำตรำ ๑๕๗ ลองตำมดูคำบรรยำยเนติว่ำ
อำจำรย์ผู้บรรยำยเห็นว่ำผิดมำตรำ ๑๕๗ หรือไม่ หำกออกข้อสอบอัยกำรและคำถำมไม่ได้จำกัดว่ำ
เป็นควำมผิดต่อชีวิตคงต้องตอบมำตรำ ๑๕๗ ด้วยหรือไม่ แต่ข้อสอบเนติฯ และข้อสอบผู้ช่วย
ผู้พิพำกษำมักจะไมอ่ อกสอบในประเดน็ ทีศ่ ำลฎีกำไม่ไดว้ ินิจฉัย

ฎีกาท่ี 7581/2561 การท่ีจาเลยมีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมและดูแลความปลอดภัย
ของผู้ต้องหา แต่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากเหตุอันสมควร จึงเป็นการกระทาโดยงดเว้นการที่
จักต้องกระทาเพื่อป้องกันผลคือ อันตรายที่อาจเกิดขึ้นแก่ชีวิตของผู้ตาย เมื่อจาเลยกระทาโดย
ปราศจากความระมัดระวงั ซึง่ บุคคลในภาวะเชน่ นน้ั จักต้องมตี ามภาวะวิสัยและพฤติการณ์และจาเลย
อาจใช้ความระมดั ระวังเชน่ วา่ นั้นได้แต่หาไดใ้ ชใ้ ห้เพียงพอไม่ การกระทาของจาเลยจึงเปน็ การกระทา
โดยประมาท แม้มีเหตุเพลิงไหม้ทาให้เกิดผลคือความตายของผู้ตายด้วย ก็ไม่ทาให้ความสัมพันธ์
ระหว่างการกระทาโดยประมาทของจาเลยและผลคือความตายของผู้ตายขาดตอนลง เพราะถ้า
จาเลยอยู่ปฏิบัติหน้าที่ย่อมช่วยเหลือผู้ตายได้ทันเนื่องจากห้องทางานของจาเลยอยู่หน้าห้องขัง
เยาวชนและติดกับห้องขังหญิง ความตายของผู้ตายจึงเป็นผลโดยตรงจากการกระทาโดยประมาท
ของจาเลย
ขอ้ สังเกต ฎีกำน้ีมี 3 ประเด็น 1. เป็นกำรกระทำโดยงดเว้น เพรำะจำเลยมีหน้ำท่ีโดยตรง 2. เป็น
กำรกระทำโดยประมำท 3. ควำมตำยของผู้ตำยเป็นผลโดยตรงจำกกำรกระทำโดยประมำทของ
จำเลย อ่ำนฎีกำแล้วต้องตอบให้ครบ 3 ประเด็น ถ้ำตอบมำเพียงว่ำจำเลยกระทำโดยประมำทเป็น
เหตุให้ผู้ตำยถึงแก่ควำมตำย จะได้ไม่เกิน 3 คะแนน นี่คอื กำรเรียนและกำรอ่ำนฎีกำอย่ำงเข้ำใจ โดย
วิเครำะห์ปัญหำตำมโครงสร้ำงควำมรับผิดทำงอำญำซึ่งฎีกำน้ีวินิจฉัยไว้ครบ อยู่ท่ีนักศึกษำจะอ่ำน
แลว้ วิเครำะหป์ ญั หำไดค้ รบหรอื ไม่

22

ข้อ ๒ คาถาม นายแดงขับรถจักรยานยนต์พานางสาวขาวซ่ึงเป็นหญิงคนรักน่ังซ้อนท้าย
ไปเที่ยวงานสงกรานต์ ระหว่างทางนายแดงขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงมาก เม่ือถึงทางโค้ง
ก็ไม่ลดความเร็วลงจนเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ท่ีนายแดงขับล้มลง ทาให้นางสาวขาวตกจาก
รถจักรยานยนต์ขาหักได้รับอันตรายสาหัสนอนหมดสติในพงหญ้าข้างทาง แล้วนายแดงขับ
รถจักรยานยนต์หลบหนีไม่ให้ความช่วยเหลือทิ้งให้นางสาวขาวนอนหมดสติในท่ีเกิดเหตุและไม่แจ้ง
ให้ผู้ใดทราบ ระหว่างน้ันนางสาวดาซึ่งแอบชอบนายแดงและขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาทางเดียวกัน
เห็นนางสาวขาวนอนหมดสติในพงหญ้าข้างทาง แต่ก็ขับรถจักรยานยนต์ผ่านไปเที่ยวต่อไม่ให้
ความช่วยเหลือ ต่อมาอีก ๘ วัน นายยอดไปหากบหาเขียดบริเวณพงหญ้าข้างทางพบนางสาวขาว
นอนหมดสติอย่จู งึ พานางสาวขาวไปสง่ โรงพยาบาล แพทยร์ กั ษานางสาวขาวไม่ถึงแกค่ วามตาย

ใหว้ ินิจฉยั วา่ นายแดงและนางสาวดามคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด
คาตอบ นายแดงขับรถจักรยานยนต์พานางสาวขาวนั่งซ้อนท้ายไปด้วยความเร็วสูงมาก
เมื่อถึงทางโค้งก็ไม่ชะลอความเร็วลง เป็นกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะ
เชน่ น้ันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผกู้ ระทาอาจใชค้ วามระมัดระวังเช่นว่าน้ันได้ แต่หา
ได้ใช้ให้เพียงพอไม่ เมื่อนายแดงไม่ลดความเร็วรถจักรยานยนต์ลงก่อนถึงทางโค้งจน
รถจักรยานยนต์ท่ีขับล้มลงทาให้นางสาวขาวตกจากรถจักรยานยนต์ขาหักได้รับอันตรายสาหัส
จึงเป็นการกระทาโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๐๐ บทหน่ึง
การกระทา ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดข้ึนโดยงดเว้นจากการที่
จักต้องกระทาเพ่ือป้องกันผลน้ันด้วยตามมาตรา ๕๙ วรรคท้าย การท่ีนายแดงขับรถจักรยานยนต์
พานางสาวขาวนั่งซ้อนท้ายไปเกิดอุบัติเหตุจนทาให้นางสาวขาวตกจากรถจักรยานยนต์ขาหักได้รับ
อันตรายสาหัสนอนหมดสติในพงหญ้าข้างทาง แล้วนายแดงขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไม่ให้ความ
ชว่ ยเหลือท้ิงให้นางสาวขาวนอนหมดสติในท่ีเกิดเหตุและไม่แจ้งให้ผู้ใดทราบนั้น เป็นการกระทาโดย
งดเว้นท่ีนายแดงมีหน้าท่ีต้องกระทาเพื่อป้องกนั ผล คือ ความตายของนางสาวขาว ซึ่งเป็นหน้าที่
อันเกิดจากการกระทาก่อน ๆ ของตน กล่าวคือการขับรถจักรยานยนต์ล้มทาให้นางสาวขาว
ตกจากรถ ซึ่งก่อให้เกิดหน้าที่ต้องช่วยเหลือนางสาวขาว การท่ีนายแดงกระทาโดยงดเว้นไม่ให้
ความช่วยเหลือนางสาวขาวและไม่แจ้งให้ผู้ใดทราบโดยนางสาวขาวนอนหมดสติ ในพงหญ้าข้างทาง
นายแดงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทาน้ันได้ว่านางสาวขาวอาจถึงแก่ความตายได้อย่างแน่นอน
เท่าท่ีจิตใจของบุคคลในฐานะเช่นน้ันจะเล็งเห็นได้ แม้นายแดงจะไม่ประสงค์ต่อผลในความตาย
ของนางสาวขาว แต่นายแดงก็มีเจตนาฆ่านางสาวขาวโดยเล็งเห็นผลแล้ว เม่ือนางสาวขาว
ไม่ถึงแก่ความตาย นายแดงลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทาน้ันไม่บรรลุผล
นายแดงจึงมคี วามผดิ ฐานพยายามฆ่าผู้อ่นื โดยเจตนาเล็งเห็นผลตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา
๘๐ และมาตรา ๕๙ วรรคท้าย อกี บทหนึ่ง (ฎีกาที่ ๑๖๔๑๒/๒๕๕๕)
นางสาวดาเห็นนางสาวขาวนอนหมดสติขา้ งทางแต่ก็ไม่ให้ความช่วยเหลอื ไมเ่ ปน็ การกระทา

23

โดยงดเว้นในความผิดฐานฆ่าผู้อ่ืนโดยเจตนา เพราะนางสาวดาไม่มีหน้าที่ที่จักต้องกระทาเพ่ือ
ป้องกันผล แต่เป็นการกระทาโดยละเว้น เพราะนางสาวดาเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต
ซ่ึงตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจาเป็นตาม
มาตรา ๓๗๔ แม้นางสาวขาวไม่ถึงแก่ความตาย แตก่ ารกระทาของนางสาวดาก็ไม่เป็นการพยายาม
กระทาความผิดตามมาตรา ๓๗๔ ประกอบมาตรา ๘๐ เพราะมาตรา ๓๗๔ เป็นการกระทาโดย
ละเว้นซึ่งเป็นความผิดท่ีไม่ต้องการผล นางสาวดาจึงมีความผิดฐานเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตราย
แห่งชีวติ ซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไมค่ วรกลัวอนั ตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ชว่ ยตามความจาเป็น
ตามมาตรา ๓๗๔ ซงึ่ เป็นการกระทาโดยละเวน้ อนั เป็นความผดิ สาเร็จ

ฎีกาที่ ๑๖๔๑๒/๒๕๕๕ วันเวลาเกิดเหตุจาเลยพาผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นหญิงคนรักน่ังซ้อน
ท้ายรถจักรยานยนต์ ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ท่ีจาเลยขับล้มลงทาให้ผู้เสียหาย
ท่ี ๒ ตกจากรถจักรยานยนต์ได้รับอันตรายสาหัสนอนหมดสติในพงหญ้าข้างทาง แล้วจาเลยหลบหนี
ไม่ให้ความช่วยเหลือ ท้ิงให้ผู้เสียหายท่ี ๒ นอนหมดสติในที่เกิดเหตุเป็นเวลานานถึง ๘ วัน และ
ไม่แจ้งให้ผู้เสียหายท่ี ๑ ซ่ึงเป็นมารดาทราบ จนมีผู้ไปพบผู้เสียหายที่ ๒ จาเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า
การงดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือ ผู้เสียหายที่ ๒ อาจถึงแก่ความตายได้ เม่ือผู้เสียหายท่ี ๒ ไม่ถึงแก่
ความตาย จาเลยจึงมีความผดิ ฐานพยายามฆ่าผอู้ นื่ ตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ และ
มาตรา ๕๙ วรรคทา้ ย
ข้อสังเกต ฎีกำน้ีศำสตรำจำรย์ ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ วิเครำะห์ไว้ใน FACEBOOK เกียรติขจร
วัจนะสวสั ดิ์ ว่ำ

“(๑) จำเลยขับรถโดยประมำททำให้ผู้เสียหำยได้รับอันตรำยสำหัส เพียงเท่ำนี้ ก็ผิดมำตรำ
๓๐๐ แลว้ ซ่งึ ศำลชั้นต้นและศำลอุทธรณภ์ ำค ๔ กล็ งโทษจำเลยฐำนนี้ ซง่ึ ศำลฎกี ำเห็นพ้องด้วย

(๒) กำรหลบหนีไม่ช่วยเหลือท้ิงให้ผู้เสียหำยนอนหมดสติในท่ีเกิดเหตุนำน ๘ วัน จนมี
ผู้ไปพบผู้เสียหำย กำรกระทำส่วนน้ี ศำลฎีกำลงโทษจำเลยตำมมำตรำ ๒๘๘ ประกอบมำตรำ ๘๐
และมำตรำ ๕๙ วรรคท้ำย

วเิ ครำะห์
(ก) จำเลยฆ่ำผู้เสียหำย เป็นกำรกระทำโดย “งดเว้น” กำรที่จำเลยมีหน้ำท่ีต้องกระทำเพื่อ
ป้องกันผล (ผล คือ ควำมตำยของผู้เสียหำย) เป็นหน้ำท่ีอันเกิดจำก “กำรกระทำก่อน ๆ ของตน”
กล่ำวคือกำรขบั รถล้มทำใหผ้ ้เู สียหำยตกจำกรถ ซงึ่ ก่อใหเ้ กิดหนำ้ ทตี่ อ้ งช่วยเหลอื ผู้เสียหำย
(ข) จำเลยมีเจตนำฆำ่ ซง่ึ ศำลฎกี ำวนิ ิจฉัยว่ำ เป็นเจตนำฆำ่ โดยเล็งเหน็ ผล
(ค) จำเลยเล็งเห็นผลว่ำ จะทำให้ผเู้ สียหำยตำย (ผลเกิด) แตเ่ ม่ือผู้เสียหำยไม่ตำย (ผลไม่เกดิ )
จึงผดิ ฐำนพยำยำมฆ่ำ
ข้อสังเกต: ฎีกำนี้เป็นบรรทัดฐำนได้ว่ำ กำรฆ่ำโดย “งดเว้น” หำกผลไม่เกิด ก็ผิดฐำน
พยำยำมฆ่ำได้ ดังน้ัน หำกแม่ต้องกำรฆ่ำลูก แม่ไม่ให้นมลูกกิน ลูกอดนมใกล้ตำย แต่มีผู้มำช่วยเหลือ
ทัน แม่ก็ผดิ ฐำนพยำยำมฆ่ำลูกไดเ้ ชน่ กนั

24

ข้อสังเกต: แต่ถ้ำเป็นกำรกระทำโดย “ละเว้น” ผู้กระทำก็ไม่ผิดฐำนพยำยำม เช่น แดง
ไม่ช่วยดำที่กำลังจะจมน้ำตำยไปต่อหน้ำ ท้ัง ๆ ท่ีช่วยได้ แต่ขำวลงช่วยจนดำไม่ตำย แดงผิดมำตรำ
๓๗๔ ไม่ใช่มำตรำ ๓๗๔ ประกอบมำตรำ ๘๐ เพรำะมำตรำ ๓๗๔ เป็นกำรกระทำโดย “ละเว้น”
ซึ่งเป็นควำมผิดท่ไี มต่ ้องกำรผล”

ข้อ ๓ คาถาม นายเอกจ้างนายโทอดีตนักว่ายน้าทีมชาติที่ตกอับให้ไปฆ่านายตรีด้วยการ
ใช้ปืนยิงให้ตาย นายโทไม่มีปืนจึงตั้งใจว่าจะไปหาซ้ือปืน แต่ก่อนท่ีนายโทจะได้ปืน นายตรีมาว่ายน้า
ในสระท่ีนายโทคอยดแู ลใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผู้มาว่ายน้า ขณะทน่ี ายตรวี ่ายน้าอย่คู นเดียวในสระน้าโดย
มีนายโทดูแลความปลอดภัยอยู่นั้น นายตรีเป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย นายโทเห็นเหตุการณ์
แต่อยากได้เงินค่าจ้าง นายโทจึงแกล้งหลับไม่ช่วยเหลือนายตรี ในเวลาเดียวกันนั้น นายจัตวา
เดินผ่านมามองเห็นเหตุการณ์พอดี แต่นายจัตวาก็ไม่ช่วยเหลือนายตรีเช่นเดียวกัน ท้ังท่ีนายจัตวา
ไม่ต้องกลัวว่าจะเกดิ อันตราย ขณะท่ีนายตรีกาลังจะจมน้านายโทเกิดความสงสาร จึงกระโดดลงสระ
ไปช่วยนายตรีขนึ้ มา นายตรไี มต่ าย เพยี งแต่เปน็ เหตใุ ห้เกิดอนั ตรายแกก่ ายเทา่ นั้น

ใหว้ ินจิ ฉัยความรบั ผดิ ทางอาญาของนายเอก นายโท และนายจัตวา
คาตอบ ประมวลกฎหมายอาญาที่เก่ยี วข้องมใี จความสาคญั วา่
มาตรา ๕๙ วรรคท้าย การกระทาโดยงดเว้นให้หมายความรวมถึง การให้เกิดผลอันหน่ึง
อันใดข้ึน โดยงดเวน้ การที่จักต้องกระทาเพ่ือป้องกนั ผลน้ันดว้ ย
มาตรา ๘๐ ผู้ใดลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทาน้ันไม่บรรลุผล ผู้น้ัน
พยายามกระทาความผิด ต้องระวางโทษสองในสามของความผิด (หลักกฎหมำยที่เก่ียวข้องทั้งหมด
คอื เรื่องกำรกระทำโดยงดเว้นและละเว้น กำรพยำยำมกระทำควำมผิด กำรกลับใจแก้ไขไมใ่ หเ้ กดิ ผล
ผใู้ ช้ ขอบเขตของกำรใช้ และเหตุส่วนตวั ตำมมำตรำ ๕๙, ๘๐, ๘๒, ๘๔, ๘๗, ๘๙ ซงึ่ ไมอ่ ำจวำงหลัก
ท้ังหมดได้ทนั จึงวำงหลกั เฉพำะ ๒ มำตรำดงั กล่ำว)
ความรับผิดทางอาญาของนายโท ขณะที่นายตรีเป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย เมื่อนายโท
มองเหน็ แล้วนายโทยังแกล้งหลับไมช่ ว่ ยเหลือ เปน็ การกระทาโดยงดเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๕๙ วรรคท้าย ซึ่งให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้น โดยงดเว้นการที่
จักต้องกระทาเพ่ือป้องกันผลนั้นด้วย เพราะนายโทมีหน้าที่โดยเฉพาะเจาะจงที่จะต้องคอยดูแล
ให้ความช่วยเหลือนายตรีผู้มาว่ายน้าเพ่ือป้องกันไม่ให้เกิดผล คือ ความตายของนายตรี
การไมเ่ คล่ือนไหวของนายโทจงึ เปน็ การกระทาโดยงดเว้นแล้ว (๒ คะแนน)
เมื่อนายโทแกล้งหลับไม่ช่วยเหลือขณะที่นายตรีกาลังจะจมน้า แต่นายตรีไม่ถึงแก่ความตาย
การกระทาของนายโทผ่านพ้นขั้นตระเตรียมเข้าสู่ข้ันลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้ว แต่การ
กระทานนั้ ไม่บรรลผุ ล เพราะการกระทาของนายโทใกลช้ ิดตอ่ ผลคือความตายของนายตรีจากการ
จมน้าตายแล้ว ต้องถือว่านายโทพยายามฆ่านายตรีโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยเจตนาตามมาตรา
๒๘๙ (๔), ๘๐ (๒ คะแนน)

25

แม้นายโทจะพยายามฆ่านายตรีดังที่วินิจฉัยมาแล้ว แต่นายโทเกิดความสงสารจึงกระโดด
ลงสระไปช่วยนายตรีข้ึนมา นายตรีไม่ตาย เป็นกรณีท่ีผู้พยายามกระทาความผิดกลับใจแก้ไขไม่ให้
การกระทานน้ั บรรลุผล เพราะหากนายโทไม่ช่วยนายตรคี งจะจมน้าตาย เน่ืองจากไมม่ ีคนอื่นชว่ ย
เม่อื นายโทชว่ ยจึงได้รับยกเวน้ โทษในความผดิ ฐานพยายามฆา่ ตามมาตรา ๘๒ (๑ คะแนน)

อย่างไรก็ตาม การกระทาของนายโทเป็นเหตใุ ห้เกิดอันตรายแกก่ ายของนายตรี จึงเป็นกรณี
การที่ได้กระทาไปแล้ว ต้องตามบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิด นายโทจึงต้องรับโทษ
ในความผิดฐานทาร้ายร่างกายนายตรีโดยไตร่ตรองไว้กอ่ นตามมาตรา ๒๙๖, ๘๒ (๑ คะแนน)

ความรับผดิ ทางอาญาของนายเอก แม้นายเอกจะจา้ งนายโทใหไ้ ปฆา่ นายตรีด้วยการใชป้ ืนยิง
แต่นายโทไปฆ่านายตรีด้วยการไม่ช่วยเหลือนายตรี เมื่อนายโทกระทาความผิดถึงขั้นลงมือ ซ่ึงถือว่า
เปน็ การพยายามฆ่านายตรโี ดยไตรต่ รองไว้ก่อนโดยเจตนาดังทว่ี นิ ิจฉัยมาแล้ว แม้นายโทไมไ่ ด้ใชป้ ืนยิง
นายตรีตามที่นายเอกใช้ แต่ก็ถือว่าการกระทาความผิดของนายโทยังอยู่ในขอบเขตการใช้ของ
นายเอก เพราะนายเอกเปน็ ผูก้ ่อให้นายโทไปฆ่านายตรีด้วยการจ้าง เม่อื นายโทไปกระทาความผิด
กถ็ อื วา่ นายโทกระทาความผดิ เพราะการก่อของนายเอกโดยไมต่ ้องคานึงถงึ วิธีการฆา่ เมือ่ นายโท
ผู้ถูกใช้ได้กระทาความผิด นายเอกผู้ใช้ก็ต้องรับโทษเสมือนตัวการตามมาตรา ๘๔ วรรคสาม, ๘๗
วรรคแรก (๒ คะแนน)

แม้การกลับใจแก้ไขไม่ใหเ้ กิดผลของนายโท จะทาใหน้ ายโทได้รับยกเว้นโทษในความผิดฐาน
พยายามฆ่านายตรีโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยเจตนาดังที่วินิจฉัยมาแล้ว แต่ก็จะนาเหตุยกเว้นโทษนี้
มาใช้กับนายเอกผู้ใช้ไม่ได้ เพราะการกลับใจเป็นเหตุส่วนตัวของนายโทตามมาตรา ๘๙ นายเอก
จึงมีความผิดและต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อ่ืนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยเจตนา
โดยเป็นผู้ใช้ (๑ คะแนน)

ความรับผิดทางอาญาของนายจัตวา ขณะท่ีนายตรีเป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย นายจัตวา
เดินผ่านมามองเห็นเหตุการณ์พอดี แต่นายจัตวาก็ไม่ช่วยเหลือนายตรีเช่นเดียวกัน ทั้งท่ีนายจัตวา
ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอันตราย ไม่เป็นการกระทาโดยงดเว้นในความผิดฐานฆ่าผู้อ่ืนโดยเจตนา
เพราะนายจัตวาไม่มีหน้าที่ท่ีจักต้องกระทาเพ่ือป้องกันผล แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทาโดยละเว้น
ไม่ช่วยเหลือผ้ซู ึ่งตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต ซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแกต่ นเอง
แต่ไม่ช่วยตามความจาเป็นตามมาตรา ๓๗๔ ซ่ึงไม่ใช่การพยายามกระทาความผิด เพราะการ
ละเวน้ ตามมาตรา ๓๗๔ เป็นความผิดที่ไม่ต้องการผลแห่งการกระทา จึงเป็นความผิดสาเร็จตาม
มาตรา ๓๗๔ แล้ว (๑ คะแนน)
ข้อสังเกต คำถำมข้อน้ีมีหลำยประเด็นหำกตอบข้อสอบโดยวำงหลักกฎหมำยจะทำข้อสอบไม่ทัน
จึงควรตอบโดยฟันธง แต่เพ่ือป้องกันควำมผิดพลำด ควรตอบแบบผสมโดยวำงหลักกฎหมำยเพียง
บำงส่วน ข้อควำมในหลักกฎหมำยไม่จำเป็นต้องตรงตำมตัวบททุกถ้อยคำขอให้ได้ใจควำมสำคัญ
ครบถว้ นกเ็ พียงพอ สำหรับชอื่ กฎหมำยและเลขมำตรำท่ีมีในคำตอบ หำกนักศกึ ษำจำเลขมำตรำไม่ได้
ก็ไม่ต้องใส่ เพรำะหำกตอบหลักกฎหมำยถูกโดยไม่มีเลขมำตรำ นักศึกษำก็จะได้คะแนนดีอยู่แล้ว

26

แตถ่ ำ้ นกั ศึกษำตอบหลกั กฎหมำยถูกโดยใส่เลขมำตรำผดิ อำจำรยบ์ ำงท่ำนอำจหกั คะแนน
หำกนักศึกษำจะใส่เลขมำตรำเพื่อให้คำตอบสมบูรณ์จริง ๆ ช่ือกฎหมำยควรจะใช้ชื่อเต็ม

(ไม่ใช้ชื่อย่อ) โดยระบุช่ือกฎหมำยครั้งแรกเพียงคร้ังเดียว คร้ังต่อ ๆ ไปจะใส่เฉพำะมำตรำโดย
ไม่ใส่ชื่อกฎหมำย เช่น ใช้คำว่ำ ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๕๙ ในกำรกล่ำวถึงครั้งแรก
ต่อไปใชเ้ พียงคำว่ำ ตำมมำตรำ ๒๘๙ (๔), ๘๐ โดยไม่ต้องระบชุ ่ือกฎหมำย เพรำะเมื่อกลำ่ วถึงมำตรำ
ภำยหลงั กค็ ือประมวลกฎหมำยอำญำท่ีกล่ำวมำตอนแรก กำรเขียนวธิ ีนี้เป็นกำรเขยี นตอบวิธเี ดียวกับ
ธงคำตอบของขอ้ สอบเนติฯ และผชู้ ว่ ยผู้พิพำกษำ

ถำ้ มีหลำยกฎหมำยจะเขียนอย่ำงไร เช่น ตอบวิชำกฎหมำยอำญำ แต่ต้องอ้ำงหลักกฎหมำย
แพ่งประกอบเหตุผลในคำตอบ นักศึกษำควรใส่ช่ือและเลขมำตรำเฉพำะช่ือและเลขมำตรำตำม
ประมวลกฎหมำยอำญำ ส่วนกฎหมำยแพ่งท่ีตอบควรจะอ้ำงเพียงหลักกฎหมำยโดยไม่ต้องอ้ำงชื่อ
กฎหมำยและเลขมำตรำ เพอื่ ไมใ่ หส้ ับสนว่ำมำตรำทอ่ี ำ้ งถงึ เป็นกฎหมำยแพง่ หรืออำญำ

คำถำมข้อนี้มี ผู้ถูกกระทำ เพียงคนเดียว แต่มี ผู้กระทำหลำยคน กำรตอบข้อสอบต้อง
วินิจฉัย ผู้กระทำท่ีเป็นผู้ลงมือกระทำควำมผิด คือ นำยโทเสียก่อนในทุกประเด็นท่ีเก่ียวข้อง แล้ว
จึงวินิจฉัยผู้กระทำที่เป็น ตัวกำร ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ต่อไป หำกไม่วินิจฉัยตำมลำดับดังกล่ำว
แต่ไปวินิจฉัยผู้ใช้ก่อน คำตอบจะวกวน เช่น กำรวินิจฉัยควำมรับผิดทำงอำญำของนำยเอกก่อน
นักศึกษำก็ต้องวินิจฉัยควำมรับผิดทำงอำญำของนำยโทในกำรวินิจฉัยควำมรับผิดของนำยเอกด้วย
เพรำะผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนตัวกำร เมื่อถึงกำรวินิจฉัยควำมรับผิดทำงอำญำของนำยโท ก็จะต้อง
วินิจฉัยควำมรับผิดของนำยโทซึ่งวินิจฉัยไปแล้วขณะที่วินิจฉัยควำมรับผิดของนำยเอก จะทำให้
คำตอบวกวนสับสน ดังนั้น ก่อนตอบขอ้ สอบนักศึกษำต้องจดั ลำดบั เสียก่อนวำ่ จะวินิจฉัยควำมรับผิด
ทำงอำญำของ ๑. นำยโท ๒. นำยเอก และ ๓. นำยจัตวำ ตำมลำดับ และในควำมรับผิดของ
แต่ละบุคคลจะต้องวินิจฉัยประเด็นใดบ้ำง ก็ต้องจัดลำดับไว้ ๑. กรณีของนำยโทก็ต้องวินิจฉัยว่ำ
๑.๑ เป็นกำรกระทำโดยงดเว้น ๑.๒ เป็นกำรพยำยำมกระทำควำมผิด ๑.๓ มีกำรกลับใจได้รับ
ยกเว้นโทษ ๑.๔ ต้องรับโทษในควำมผิดท่ีได้กระทำไปแล้ว ๒. กรณีของนำยเอกต้องวินิจฉัยว่ำ
๒.๑ ขอบเขตและผลของกำรใช้ ๒.๒ เหตุส่วนตัวของผู้กระทำควำมผิด ๓. กรณีของนำยจัตวำต้อง
วินิจฉัยวำ่ ๓.๑ ไม่เป็นกำรกระทำโดยงดเว้น แต่เป็นกำรละเวน้ ๓.๒ ไม่ใช่พยำยำมกระทำควำมผิด
ตำมมำตรำ ๓๗๔

ข้อเทจ็ จริงในคำถำมบำงอย่ำง เชน่ "นำยโทเปน็ อดีตนักว่ำยน้ำทมี ชำติที่ตกอับ" ไม่ต้องเขียน
มำในคำตอบ เพรำะไม่ใช่ข้อเท็จจริงท่ีต้องนำมำปรับเข้ำกับข้อกฎหมำย มีอำจำรย์หลำยท่ำนเห็นว่ำ
เมื่อไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ต้องนำมำปรับเข้ำกับข้อกฎหมำย ก็ไม่ควรจะมีในคำถำม แต่ผู้แต่งเห็นว่ำกำร
ต้งั คำถำมตกุ๊ ตำ แม้จะมีข้อเทจ็ จรงิ บำงประกำรที่ไม่ต้องนำมำปรับเข้ำกับข้อกฎหมำย ก็นำ่ จะมีอยู่ใน
คำถำมได้หำกไม่ทำให้คำถำมยำวจนเกินไป ซึ่งจะวัดผลได้ว่ำนักศึกษำจับประเด็นได้หรือไม่ เพรำะ
ถ้ำนักศึกษำเขียนสิ่งเหล่ำนี้มำในคำตอบแสดงว่ำนักศึกษำไม่รู้ว่ำข้อเท็จจริงใด ควรนำมำปรับเข้ำกับ
ข้อกฎหมำย ข้อเท็จจริงใดไม่จำเป็นต้องเขียนตอบ ซ่ึงจะเป็นจุดท่ีใช้แยกควำมแตกต่ำงระหว่ำง

27

นกั ศึกษำทไ่ี ดค้ ะแนนเตม็ กับนกั ศึกษำที่ตอบถูกธงแต่ได้คะแนนน้อย
ต่อไปจะเป็นตัวอย่างคาตอบที่นักศึกษาตอบมาทาง http://www.arjarnsomchai. com

ซง่ึ จะเป็นประโยชน์แก่นกั ศึกษาเพอ่ื จะทราบแนวทางในการให้คะแนนและปัญหาในการตอบข้อสอบ
นกั ศึกษาจะไดน้ าไปปรบั ปรุงและพัฒนาการเขียนตอบขอ้ สอบตอ่ ไป

ในตัวอย่างคาตอบ ตัวอักษรปกติท้ังหมดเป็นคาตอบท่ีนักศึกษาตอบมา ส่วนท่ีผู้แต่งให้
คะแนนและแนะนาจะ (ใส่ไว้ในวงเล็บพิมพ์ด้วยตัวอักษรหนา) ส่วนใดที่นักศึกษาไม่ควรตอบจะ
ทาเป็นตัวอักษรทถ่ี กู ขีดฆา่

ตวั อย่างคาตอบที่ ๑ นายเอกจ้างนายโทไปฆ่านายตรี (เป็นการก่อให้ผู้อ่ืนกระทาความผิด
ด้วยการจา้ งให้ผู้อื่นกระทาความผิด) นายเอกเป็นผู้ใช้ใหผ้ ู้อน่ื กระทาความผดิ ตามประมวลกฎหมาย
อาญา ม.๘๔มาตรา ๘๔ (ขาดหลักกฎหมายที่เตมิ ใหพ้ อใหไ้ ด้ ๑ คะแนน)

นายโทมีหน้าที่ในการดูแลให้ความช่วยเหลือผู้มาว่ายน้าในสระว่ายน้า นายตรีมาว่ายน้า
ในสระเป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย นายโทมีหน้าท่ีต้องช่วยเหลือ แต่ได้งดเว้นการที่จักต้องกระทา
เพื่อป้องกันผล ตาม ม.๕๙ ว.๕ เพื่อต้องการให้นายตรีถึงแก่ความตาย ม. ๒๘๘ และต้องการค่าจ้าง
ตามท่ีนายเอกจ้างฆ่านายตรี จึงไม่ให้ความช่วยเหลือนายตรี (ไม่ได้ตอบว่างดเว้นเพราะมีหน้าที่
โดยเฉพาะเจาะจง ให้เพียง ๑ คะแนน) แต่ขณะท่ีนายตรีกาลังจะจมน้านายโทสงสารจึงลงไปช่วย
เป็นการพยายามกระทาความผิด (ไม่ได้ตอบว่า การกระทาผ่านพ้นข้ันตระเตรียมเข้าสู่ข้ันลงมือ
อันเป็นการพยายามกระทาความผิด เพราะการกระทาใกล้ชิดต่อผลแล้ว ให้เพียง ๑ คะแนน)
แต่ยับย้ังเสีย (ข้อนี้ประเด็นเป็นการกลับใจ ไม่ใช่ยับย้ัง ไม่ได้คะแนนประเด็นน้ี) ไม่ให้การกระทา
น้ันบรรลุผล ม. ๘๒ จงึ ไมต่ อ้ งรบั โทษสาหรับการพยายามกระทาความผดิ นน้ั

นายจัตวา เดินผ่านมามองเห็นเหตุการณ์นายตรีจะจมน้าแต่นายจัตวาไม่มีหน้าท่ี
ในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งนายจัตวาสามารถช่วยนายตรีได้แต่ไม่ช่วยตามความจาเป็นเป็นการ
กระทาความผดิ ตาม ม.๓๗๔ (๑ คะแนน)
ข้อเสนอแนะ ได้รวมจำกทุกประเด็น ๔ คะแนน อ่ำนในภำพรวมแล้วพอให้ได้ ๕ คะแนนจำก ๑๐
คะแนน กำรนำผูใ้ ชข้ ้ึนก่อนผิดหลักกำรตอบ เพรำะต้องตอบผู้ลงมือก่อน ในคำตอบคำวำ่ "ม." ควรใช้
"มำตรำ" "ว." ควรใช้ "วรรค" คำตอบนี้หำกดูจำกคำตอบแล้ว น่ำเช่ือว่ำนักศึกษำมีควำมรู้
เพียงพอที่จะตอบใหไ้ ด้คะแนนดีกวำ่ นี้ได้ แต่ยังขำดทักษะกำรเขียนตอบ จึงได้คะแนนน้อยกว่ำที่ควร
จะได้ หำกพยำยำมฝึกเขียนต่อไป กำรตอบให้ได้ข้อละ ๘ คะแนนข้ึนไป จำก ๑๐ คะแนน ไม่ใช่เร่ือง
ยำก กำรตอบข้อสอบได้ แต่ทำไมสอบไม่ผ่ำน ก็อำจจะเป็นเพรำะเขียนตอบยังไม่ดีพอเช่นนักศึกษำ
ท่ำนนี้ ซ่ึงสำมำรถแก้ไขได้ด้วยกำรฝึกเขียนตอบข้อสอบและลองอ่ำนดูข้อบกพร่องของคนอื่น เพ่ือ
พัฒนำกำรเขยี น

ตัวอย่างคาตอบท่ี ๒ ความรับผิดของนายโท นายเอกจ้างนายโทให้ไปฆ่านายตรีด้วยการใช้
ปืนยิงให้ตาย นายโทไม่มีปืนจึงตั้งใจว่าจะไปหาซ้ือปืน แต่ก่อนที่นายโทจะได้ปืน (ข้อความข้างหน้า
ไม่ต้องตอบในการวินิจฉัยประเด็นนี้) นายตรีมาว่ายน้าในสระที่นายโทคอยดูแลให้ความช่วยเหลือ

28

ผู้มาว่ายนา้ ขณะทนี่ ายตรวี า่ ยน้าอยู่คนเดียวในสระน้าโดยมีนายโทดแู ลความปลอดภยั อยู่นัน้ นายตรี
เป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย นายโทเห็นเหตุการณ์แต่อยากได้เงินค่าจ้าง นายโทแกล้งหลับไม่
ช่วยเหลือนายตรี (ไม่ได้ตอบประเด็น "งดเว้น") เช่นน้ี (ผ่านพ้นข้ันตระเตรียม) เป็นการลงมือฆ่า
นายตรีโดยวิธีการไม่ช่วยเหลือเม่ือนายตรีกาลังจะจมน้าตายแล้ว (เพราะการกระทาใกล้ชิดต่อผล
เป็นการพยายามกระทาความผิดแล้ว) (ขาดเหตุผลสาคัญที่เติมให้ประเด็นน้ีให้เพียง ๑ คะแนน)
แต่ขณะที่นายตรีกาลังจะจมน้านายโทเกดิ ความสงสาร จงึ กระโดดลงสระไปช่วยนายตรีขึ้นมา นายตรี
ไม่ตายเพียงแต่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่าน้ัน เป็นการพยายามกระทาความผิดซึ่งผู้กระทา
กลับใจยับย้ังเสียเองไม่กระทาไปโดยตลอด (ท่ีถูกคือ กลับใจแก้ไขไม่ให้เกิดผล) มีผลทาให้นายโท
ไม่ตอ้ งรับผิด (ทถี่ ูกคือ ไม่ต้องรับโทษ) ฐานพยายามฆ่านายตรีโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน (ให้ ๑ คะแนน)
แต่ต้องรับผิดฐานทาร้ายร่างกายนายตรีให้เกิดอันตรายแก่กายนายตรีตาม ปอ.มาตรา ๘๒ (ให้ ๑
คะแนน)

ความรับผิดของนายเอก การท่ีนายเอกจ้างนายโทให้ไปฆ่านายตรีด้วยการใช้ปืนยิงให้ตาย
แม้นายโทไม่ได้ใช้ปืนยิงแต่ใช้วิธีไม่ช่วยนายตรีเม่ือกาลังจะจมน้าตายแทน ก็ถือว่ายังอยู่ใน
วัตถุประสงค์ (ขอบเขต) ของการใช้ให้กระทาความผิดของนายเอก นายเอกจึงเป็นผู้ใช้ให้
นายโทกระทาผิดฐานฆ่านายตรีโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เม่ือนายโทรับผิดฐานพยายามกระทาความผิด
ฐานฆ่านายตรีโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายเอกต้องรับโทษเสมือนนายโทคือรับโทษสองในสามส่วนของ
โทษของความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (๒ คะแนน) และนายเอกไม่ได้รับการยกเว้นโทษ
สาหรับความผิดฐานดงั กล่าวเหมือนนายโท เพราะการกลับใจไม่กระทาผิด (แก้ไขไม่ให้เกิดผล) ของ
นายโทเปน็ เหตุเฉพาะตวั ของนายโทเทา่ น้นั (๑ คะแนน)

ความรับผดิ ของนายจัตวา การที่นายตรีเป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย นายจัตวาเดินผา่ นมา
มองเห็นเหตุการณ์พอดี แต่นายจัตวาก็ไม่ช่วยเหลือนายตรี ทั้งที่นายจัตวาไม่ต้องกลัวว่าจะเกิด
อันตรายนน้ั นายจัตวาไม่ได้เป็นผู้มีหน้าท่ีในการช่วยเหลือผู้ว่ายน้าที่สระว่ายน้าโดยตรงจึงไม่เป็นการ
กระทาความผิดโดยการงดเว้นหน้าท่ีท่ีต้องช่วยเหลือ แต่เป็นความผิดฐานละเว้นไม่ช่วยนายตรี
ผตู้ กอยู่ภายในภยันตรายต่อชีวิตซ่งึ ตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายต่อตนเองเป็นความผิดตาม
ปอ. มาตรา ๓๗๔ (๑ คะแนน)
ขอ้ เสนอแนะ ได้รวมทุกประเด็น ๗ คะแนน ท่ีใช้คำว่ำ "ปอ. มำตรำ ๘๒" ควรใช้ "ประมวลกฎหมำย
อำญำ มำตรำ ๘๒" นกั ศึกษำทำ่ นน้ีฝึกเขียนตอบต่อไปจะได้คะแนนขอ้ นเี้ ต็มได้

ตัวอย่างคาตอบท่ี ๓ การท่ีนายโทเป็นเจ้าหน้าท่ีดูแลความปลอดภัยผู้มาว่ายน้าในสระน้า
มหี นา้ ทีด่ ูแลให้ความช่วยเหลือผู้มาวา่ ยนา้ ขณะที่นายตรีวา่ ยน้าอยู่คนเดียวในสระเกิดเปน็ ตะครวิ และ
กาลงั จะจมน้า นายโทเห็นเหตุการณ์แต่แกล้งหลบั ไม่ชว่ ยเหลือนายตรี การกระทาดงั กล่าวของนายโท
เจตนาไม่ช่วยเหลือผู้อ่ืน ซึ่งตนมีหน้าท่ี (เฉพาะเจาะจง) ต้องกระทา นายโทจึงต้องรับผิดฐานงดเว้น
กระทาเพ่ือป้องกันผลน้ัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคท้าย (ถ้าใช้คาให้ดีกว่าเดิม
กค็ ือ “เป็นการกระทาโดยงดเว้นในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” เพราะงดเว้นเป็น

29

การกระทาโดยงดเวน้ ไม่ใช่ฐานความผิด ให้ ๑.๕ คะแนน)
นายโทประสงค์ให้นายตรีตาย สมดังเจตนาของตน แม้ว่าวิธีปฏิบัติจะไม่เป็นไปตามแผนที่

วางไว้ ดังนั้น จงึ มีความผดิ ฐานฆ่าผ้อู ื่นโดยไตร่ตรองไว้กอ่ นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙
(๔) แต่ (ผ่านพ้นขั้นตระเตรียม เข้าสู่ข้ันลงมือ เพราะการกระทาใกล้ชิดต่อผล) เมื่อนายตรีไม่ตาย
นายโทจึงต้องรับผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา ๒๘๙ (๔) , ๘๐ (ขาดหลัก
กฎหมายทเ่ี ตมิ ดา้ นหนา้ ประเดน็ น้ีให้เพียง ๑ คะแนน)

การที่นายโทพยายามฆ่านายตรีโดยปล่อยให้นายตรีจมน้าตายน้ัน เมื่อนายตรีไม่ตาย
เน่ืองจากนายโทสงสารจึงกระโดดลงสระไปช่วยข้ึนมา การกระทาดังกล่าวเกิดจากการกลับใจแก้ไข
ไม่ให้การกระทาน้ันบรรลุผล นายโทจึงไม่ต้องรับผิด (ท่ีถูกคือ ไม่ต้องรับโทษ) ฐานพยายามกระทา
ความผดิ ตามมาตรา ๘๒ (ใหเ้ พียง ๑ คะแนน)

แต่การท่ีนายโทปล่อยให้นายตรีเกือบจมน้าตายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น นาย
ตรจี งึ ต้องรับผดิ ฐานทาร้ายร่างกาย ตามมาตรา ๒๙๕, ๘๐ (ท่ีถกู ๒๙๖, ๘๐ ใหเ้ พียง ๐.๕ คะแนน)

นายเอกเป็นผู้ว่าจ้างนายโทให้ไปฆ่านายตรี (เป็นการก่อให้ผู้อ่ืนกระทาความผิดด้วยการ
จ้าง) นายเอกจึงเป็นผู้ใช้ให้นายโทไปกระทาผิดกฎหมาย เมื่อนายโทรับผิดฐานทาร้ายร่างกาย นาย
เอกผู้ใช้ จงึ ตอ้ งรบั ผิดดว้ ยตามมาตรา ๒๙๕, ๘๐, ๘๔ (ประเด็นนี้ ๐ คะแนน)

นายจัตวาผ่านมาเห็นเหตุการณ์ขณะท่ีนายตรีตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต ซ่ึงตนอาจช่วยได้
โดยไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อตนเองหรือผู้อ่ืน แต่ก็ละเว้นกระทาการช่วยเหลือตามความจาเป็น
นายจัตวาจงึ มคี วามผิดตามมาตรา ๓๗๔ (๑ คะแนน) รวมได้ ๕ คะแนน

ตัวอย่างคาตอบที่ ๔ ตาม ปอ. (ประมวลกฎหมายอาญา) มาตรา ๘๒ วางหลักว่า ผู้ใด
พยายาม (ลงมือ) กระทาความผิด (ไปตลอดแล้ว) หากยับยั้งไม่กระทาไปให้ตลอด (กลับใจแก้ไข
ไม่ให้เกิดผล) ผู้น้ันไม่ต้องรับโทษสาหรับการพยายามกระทาความผิดน้ัน แต่การใดที่กระทาไปแล้ว
ต้องบทบัญญัติที่บัญญัติเป็นความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษสาหรับความผิดน้ัน ๆ (คาถามถามเรื่อง
กลับใจ แต่วางหลักกฎหมายเรื่องยับย้ังมา หลักกฎหมายท่ีวางมาถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะมาตรา
๘๒ มี ๑. ยับย้งั ๒. กลบั ใจ ท่ถี ูกจะตอ้ งเลือกเฉพาะส่วนของกลบั ใจ)

ความรบั ผิดของนายโทต่อนายตรี ผู้ใดฆ่าผู้อ่ืน ผู้นั้นมีความผิดตาม ปอ. มาตรา ๒๘๘ การท่ี
นายโทเห็นนายตรีซ่ึงว่ายน้าอยู่เป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย แต่นายโทแกล้งหลับไม่ช่วยเหลือ
นายตรี ท้ังท่ีนายโทมีหน้าทีด่ ูแลให้ความช่วยเหลือผู้มาว่ายน้าในสระว่ายน้าน้ัน จึงเป็นการฆา่ นายตรี
โดยงดเว้นการอันจักพึงต้องกระทาเพ่ือป้องกันผลน้ันตามมาตรา ๕๙ วรรคท้าย (ควรตอบด้วยว่า
เพราะมีหน้าที่เฉพาะเจาะจงตามสัญญา ให้เพียง ๑.๕ คะแนน) เมื่อ (การกระทาผ่านพ้น
ขั้นตระเตรียมเข้าสู่ขั้นลงมือกระทาความผิด เพราะการกระทาใกล้ชิดต่อผล แต่) นายตรีไม่ตาย
เพราะนายโท ยับยั้งไม่กระทาไปโดยตลอด (ลงมือกระทาความผิดโดยตลอดแล้ว แต่การกระทา
ไม่บรรลุผล) นายโทจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบ ๘๐ (ไม่ได้ตัดคะแนน
ประเด็นมาตรา ๒๘๙ (๔) ให้เพยี ง ๑ คะแนน)

30

แต่การท่ีนายโทกระโดดลงสระไปช่วยนายตรีขึ้นมา จนนายตรีไม่ตายน้ันถือเป็นการยับยั้ง
ไม่กระทาไปให้ตลอด (กลับใจแก้ไขไม่ให้เกิดผล) นายโทจึงไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานพยายาม
ฆ่านายตรี แต่นายโทยังคงต้องรับผิดฐานทาร้ายร่างกายผู้อ่ืนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตาม
มาตรา ๘๒ (๑ คะแนน)

ความรับผิดของนายเอกต่อนายตรี การท่ีนายเอกจ้างนายโทให้ไปฆ่านายตรี ถือเป็นการก่อ
ให้นายโทกระทาความผดิ นายเอกจึงเป็นผ้ใู ชใ้ ห้ผู้อ่ืนกระทาความผดิ ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา
๘๔ วรรคหน่ึง การที่นายเอกจ้างนายโทให้ไปฆ่านายตรีด้วยการใช้ปืนยิงให้ตาย เมื่อนายโทผู้ถูกใช้
ลงมือกระทาความผิด แม้จะลงมือกระทาความผิดด้วยวิธีการไม่ช่วยเหลือนายตรีซึ่งกาลังจะ
จมน้าตายทั้งท่ีนายโทมีหน้าที่ นายเอกก็ต้องรับผิดฐานผู้ใช้ซึ่งต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ
ตามมาตรา ๒๘๘, ๘๐ ประกอบ ๘๔ วรรคสอง (ไม่ได้ตอบว่าอยู่ภายในขอบเขตแห่งการใช้
ใหเ้ พียง ๑ คะแนน)

แต่การที่นายโทกระโดดลงสระไปช่วยนายตรีข้ึนมา จนนายตรีไม่ตายนั้นถือเป็นการ ยับย้ัง
ไม่กระทาไปให้ตลอด (กลับใจแก้ไขไม่ให้เกิดผล) ทาให้นายโทไม่ต้องรับโทษในความผิดฐาน
พยายามฆา่ เหตยุ กเวน้ โทษดังกลา่ วเปน็ เหตุในลักษณะคดีซึ่งมีผล (เหตสุ ว่ นตวั ไม่มผี ล) ถงึ นายเอก
ผใู้ ช้ด้วย ดังน้ัน นายเอกจึง ไม่ ต้องรับโทษฐานใช้ผู้อ่ืนให้กระทาความผิดฐานพยายามฆ่า แต่อย่างไร
ก็ตามนายเอกยังคงต้องรับผิดในการกระทาซ่ึงเป็นความผิด นายเอกจึงต้องรับผิดฐานใช้ให้ผู้อื่น
กระทาความผดิ ฐานฆ่าผอู้ ื่น แตผ่ ู้ถกู ใช้ยังมิได้กระทา ซ่งึ ต้องระวางโทษหนง่ึ ในสามตามมาตรา ๒๘๘,
๘๔ วรรคสอง (๐ คะแนน)

ความรับผิดของนายจัตวาตอ่ นายตรี ผู้ใดเห็นผู้อ่นื อยู่ในภยันตรายต่อชีวิต ไม่ช่วยเหลือผู้อ่ืน
โดยไม่ตอ้ งกลัวว่าตนจะเกิดอันตราย ผู้นั้นมีความผิดตามมาตรา ๓๗๔ การที่นายจตั วาเหน็ เหตุการณ์
แต่นายจัตวาก็ไม่ช่วยเหลือนายตรีซ่ึงเป็นตะคริวกาลังจะจมน้าตาย ทั้งที่นายจัตวาไม่ต้องกลัวว่าจะ
เกิดอันตราย นายจัตวาจึงมีความผิดตามมาตรา ๓๗๔ แม้นายตรีจะไม่ถึงแก่ความตายเพราะนายโท
ชว่ ยเหลือได้ทันก็ตาม เพราะความผิดตามมาตรา ๓๗๔ เป็นความผิดท่ีไม่ต้องการผลแห่งการกระทา
แต่อยา่ งใด เพยี งแคไ่ มช่ ว่ ยเหลือกเ็ ป็นความผดิ สาเร็จแล้ว (๑ คะแนน)
ข้อเสนอแนะ ได้รวมแต่ละประเด็น ๕.๕ คะแนน กำรให้คะแนนทั้งข้อจะไม่ให้คร่ึงคะแนน โดย
อำจำรย์ผตู้ รวจจะอำ่ นแลว้ ดใู นภำพรวมอีกครงั้ ข้อน้อี ำ่ นในภำพรวมแลว้ ให้ ๕ คะแนน

คำถำมข้อน้ี ที่ผู้แต่งนำมำให้ลองทำดูก่อนข้ออื่นเพรำะต้องกำรให้นักศึกษำเห็นว่ำกำรตอบ
ข้อสอบที่มีผู้กระทำผิดหลำยคน ต้องตอบ "ผู้ลงมือต่อผู้เสียหำย" "ผู้ใช้ต่อผู้เสียหำย" "ผู้สนับสนุน
ตอ่ ผู้เสียหำย" กำรตอบข้อสอบกฎหมำยอำญำจะมีรูปแบบท่ีคล้ำยกัน กำรฝึกเขียนมำก ๆ ก็จะทำให้
จดั ลำดบั ในกำรตอบข้อสอบได้ง่ำยขนึ้

ข้อ ๔ คาถาม นายโดมขับรถยนต์ไปงานแต่งงานของเพื่อน ระหว่างขับรถนายโดมเกิด
อาการชักเพราะเป็นโรคลมบ้าหมู โดยที่นายโดมไม่ทราบมาก่อนว่าตนเป็นโรคน้ี การชักดังกล่าว
ทาให้นายโดมเหยียบคันเร่งอย่างแรง เป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งชนนายโจถึงแก่ความตาย สามวัน

31

ต่อมานายโดมตรวจสอบสภาพรถยนต์อีกคันหน่ึงทราบว่าห้ามล้อไม่ดี แต่นายโดมก็ขับรถยนต์
คันดังกล่าวไปธุระ เพราะรถคันท่ีใช้ประจายังซ่อมไม่เสร็จ ระหว่างทางขณะท่ีนายโดมขับรถ
ด้วยความเร็วตามอัตราที่กฎหมายกาหนด นายก้องวิ่งตัดหน้ารถในระยะกระช้ันชิดมาก แม้รถ
ท่นี ายโดมขับจะมีห้ามลอ้ ดี นายโดมก็ไมส่ ามารถหยุดรถไดท้ นั รถจงึ ชนนายก้องถึงแก่ความตาย

ใหว้ ินจิ ฉัยความรบั ผดิ ทางอาญาของนายโดม
คาตอบ หลักกฎหมาย บุคคลจะต้องรับผิดต่อเมื่อมีการกระทาซ่ึงเกิดจากการเคล่ือนไหว
หรือไมเ่ คลื่อนไหวร่างกายภายใต้บงั คบั ของจิตใจ
การกระทาโดยประมาท เป็นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะ
เช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ซ่ึงอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ ใช้
ใหเ้ พยี งพอไม่
ผลโดยตรงตามทฤษฎีเงื่อนไขมีหลักว่า ถ้าไม่ทาผลไม่เกิด ถือว่าผลเกิดจากการะทานั้น แต่
ถา้ แม้ไม่มีการกระทาผลกย็ ังต้องเกิด จะถอื วา่ ผลเกิดจากการกระทานั้นไมไ่ ด้
ความรับผิดทางอาญาของนายโดมต่อนายโจ บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเม่ือ
ได้กระทาโดยประมาทในกรณีท่ีกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเม่ือได้กระทาโดยประมาทน้ัน
จะต้องมีการกระทาซ่ึงเกิดจากการเคลื่อนไหวหรือไม่เคลื่อนไหวร่างกายภายใต้บังคับของจิตใจ
นายโดมชักเพราะเป็นโรคลมบ้าหมูเป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งชนนายโจถึงแก่ความตายโดยนายโดม
ไม่ทราบมาก่อนว่าตนเป็นโรคน้ี การชักดังกล่าวมิได้อยู่ภายใต้บังคับของจิตใจ ไม่ใช่การกระทา
ตามความหมายของกฎหมาย นายโดมจึงไม่มีความรับผิดทางอาญาต่อนายโจ เพราะ
ขาดองค์ประกอบภายนอกของความผิดในส่วนของการกระทา เม่ือนายโดมไม่มีการกระทา
จงึ ไมต่ อ้ งพจิ ารณาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการกระทาและผล
ความรับผิดทางอาญาของนายโดมต่อนายก้อง นายโดมทราบว่ารถห้ามล้อไม่ดี แต่นายโดม
ก็ยังฝืนขับรถยนต์คันดังกล่าว เป็นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะ
เช่นน้ันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และนายโดมอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่าน้ันได้
แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ กล่าวคือนายโดมควรจะนารถไปซ่อมห้ามล้อให้เรียบร้อยก่อนนารถ
ไปขับ การที่นายโดมยังฝืนขับรถดังกล่าวทั้งที่ห้ามล้อไม่ดี จึงเป็นการกระทาโดยประมาทตาม
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๙ วรรคส่ี แลว้
แม้ว่านายโดมจะกระทาโดยประมาทและเกิดผล คือ ความตายของนายก้อง แต่นายโดม
จะต้องรับผิดในผล ก็ต่อเมื่อความตายของนายก้องเป็นผลโดยตรงจากการกระทาโดยประมาท
ของนายโดมตามทฤษฎีเงื่อนไขเท่านั้น หากความตายของนายก้องไม่เป็นผลโดยตรงจากการ
กระทา นายโดมก็ไมต่ ้องรบั ผดิ ในผล เมือ่ นายโดมไมส่ ามารถหยุดรถได้ทัน เพราะนายกอ้ งว่ิงตดั หน้า
รถในระยะกระช้ันชิดมาก แม้รถจะห้ามล้อดี รถก็ยังต้องชนนายก้องตาย ต้องถือว่าแม้ไม่มีการ
กระทาผลก็ยังต้องเกิด จะถือว่าผลเกิดจากการกระทานั้นไม่ได้ ความตายของนายก้องไม่ใช่
ผลโดยตรงจากการกระทาของนายโดม แม้นายโดมจะประมาท แต่ก็ไม่ต้องรับผิดในผลคือ

32

ความตายของนายก้อง นายโดมจึงไม่มีความรับผดิ ทางอาญาต่อนายก้อง
ข้อสังเกต คำถำมข้อนี้หำกเปล่ียนข้อเท็จจริงเป็นว่ำ นำยโดมรู้ว่ำตนเป็นโรคลมบ้ำหมู แต่ก็ยังขับรถ
แล้วเกิดอำกำรชักจนเกิดอุบัติเหตุรถชนนำยโจตำย ผลของคดีจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นว่ำ นำยโดม
กระทำโดยประมำทเป็นเหตุให้นำยโจถึงแก่ควำมตำย เพรำะถือว่ำมีกำรกระทำโดยประมำทตั้งแต่
เรมิ่ ขับรถแลว้ เพรำะรู้วำ่ ร่ำงกำยไมด่ กี ไ็ ม่ควรขบั รถ ไมใ่ ชป่ ระมำทขณะทชี่ กั

โดยปกติแล้วในควำมผิดที่กระทำโดยเจตนำ หำกควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรกระทำและผล
ไม่สอดคล้องกัน แม้ผู้กระทำจะไม่ต้องรับผิดในผล แต่ผู้กระทำต้องรับผิดเท่ำที่กระทำไปแล้ว เช่น
ก ยิง ข ข ว่ิงหนีไปถูกฟ้ำผ่ำตำย แม้จะเป็นผลโดยตรงแต่ ก ไม่ต้องรับผิดในผล เพรำะมี
เหตุแทรกแซงท่ีวิญญูชนไม่อำจคำดเห็นได้ ก จึงไม่ต้องรับผิดในผล คือ ไม่ต้องรับผิดฐำนฆ่ำผู้อ่ืน
แตต่ ้องรบั ผดิ ฐำนพยำยำมฆำ่

แต่ถ้ำเป็นกรณีควำมผิดท่ีกระทำโดยประมำท ผู้กระทำไม่ต้องรับผิดเลย เพรำะกำรกระทำ
โดยประมำทไม่มพี ยำยำมกระทำควำมผิด

ข้อ ๕ คาถาม นายเอกและนายโทมาอาศัยนอนพักท่ีบ้านนายตรี คืนหน่ึงนายเอกละเมอ
หยิบปืนขึ้นมาเลง็ จะยงิ ไปทีน่ ายโท นายโทเขา้ ใจว่านายเอกจะฆ่าตน นายโทไวกว่า นายโทจึงหยบิ ปืน
ของตนยิงไปที่นายเอก กระสุนถูกนายเอก แต่นายเอกไม่ตายเพราะแพทย์ช่วยทัน ได้รับอันตราย
สาหัส และกระสุนปืนดงั กล่าวยังทะลฝุ ากน้ั หอ้ งไปถูกนายตรีถึงแก่ความตาย

ให้วินิจฉัยความรับผิดทางอาญาของนายเอกและนายโท
คาตอบ หลักกฎหมายเร่ืองการกระทา เจตนา พลาด สาคัญผิด ป้องกัน พยายาม ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙, ๖๐, ๖๒, ๖๘, ๘๐
ความรับผิดทางอาญาของนายเอกต่อนายโท การท่ีบุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญา
ก็ต่อเม่ือได้กระทาโดยเจตนานั้น จะต้องมีการกระทาซ่ึงเกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกายภายใต้
บังคับของจิตใจ ตามปัญหานายเอกละเมอหยิบปืนขึ้นมาเล็งจะยิงไปท่ีนายโท การเคลื่อนไหว
ดังกล่าวมิได้อยู่ภายใต้บังคับของจิตใจนายเอก ถือว่าไม่มีการกระทาตามกฎหมาย นายเอกจึงไม่มี
ความรับผดิ ทางอาญาตอ่ นายโท
ความรับผิดทางอาญาของนายโทต่อนายเอก นายโทยิงนายเอก แต่นายเอกไม่ตาย เป็น
การลงมอื กระทาความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทาน้ันไม่บรรลผุ ล ถือว่าการกระทาของนายโท
ครบองค์ประกอบความผิดฐานพยายามฆ่านายเอกแล้ว แต่นายโทยิงนายเอกเพราะเข้าใจว่านาย
เอกจะฆ่าตนนั้น นายโทกระทาไปโดยสาคัญผิดในข้อเท็จจริง ซ่ึงถ้ามีอยู่จริงจะทาให้การกระทา
ไม่เป็นความผิด แม้ข้อเท็จจริงน้ันจะไม่มีอยู่จริง แต่นายโทสาคัญผิดว่ามีอยู่จริง การกระทาของ
นายโทย่อมไม่เป็นความผิด กล่าวคือความจริงนายเอกละเมอต้องถือว่าไม่มีการกระทา จึงเป็น
ภยันตรายซ่ึงมิได้เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย แต่นายโทสาคัญผิดว่าเป็น
ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย การท่ีนายโทยิงนายเอก นายโทย่อม

33

ไมม่ ีความผดิ ฐานพยายามฆา่ นายเอกโดยเจตนา เพราะเป็นการป้องกันโดยชอบดว้ ยกฎหมายโดย
สาคัญผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ประกอบมาตรา ๖๒ วรรคแรก

ความรับผิดทางอาญาของนายโทต่อนายตรี การที่นายโทยิงนายเอกไม่เป็นความผิด เพราะ
เป็นการป้องกันโดยสาคัญผิด แล้วกระสุนปืนพลาดไปถูกนายตรีตาย เป็นการกระทาโดยเจตนา
ต่อบุคคลหนึ่ง แตผ่ ลของการกระทาเกิดแกอ่ ีกบคุ คลหน่ึงโดยพลาดไป ถอื วา่ นายโทเจตนาฆ่านาย
ตรีโดยพลาดไปด้วย ตามมาตรา ๖๐ ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายโดย
สาคัญผิด ไม่เปน็ ความผิดด้วยเช่นเดียวกนั เพราะเป็นผลสืบเนอ่ื งมาจากการปอ้ งกันโดยชอบดว้ ย
กฎหมายต่อนายเอก นายโทจึงไม่มีความรับผิดทางอาญาต่อนายตรีในความผิดฐานฆ่าผู้อ่ืน
โดยเจตนา เพราะเป็นการป้องกันโดยสาคัญผดิ และพลาดไป
ข้อสังเกต ข้อนี้แม้ในคำถำมมีข้อเท็จจริงที่ว่ำ นำยเอกได้รับอันตรำยสำหัส แต่นักศึกษำอย่ำตอบมำ
ว่ำนำยโททำร้ำยเป็นเหตุให้นำยเอกรับอันตรำยสำหัสโดยไมต่ ้องรับผดิ เนื่องจำกป้องกนั โดยสำคัญผิด
เพรำะเร่ืองนี้เป็นเจตนำฆ่ำมำต้งั แต่แรก เม่ือไม่ตำยกต็ ้องเป็นพยำยำมฆ่ำ สำหรับลำดบั ในกำรวนิ ิจฉัย
ข้อน้ี ควรวนิ ิจฉัยควำมรับผิดทำงอำญำของนำยเอกก่อน เพ่ือจะได้นำควำมรบั ผดิ ของนำยเอกมำตอบ
ในส่วนควำมรบั ผิดทำงอำญำของนำยโท

คำถำมข้อน้ีถ้ำนำยโททรำบว่ำนำยเอกละเมอโดยไม่มีกำรสำคัญผิด นำยโทไม่อำจอ้ำง
ป้องกันได้ เพรำะกำรกระทำของนำยเอก แม้จะเป็นภยันตรำย แต่ก็มิได้เกิดจำกกำรประทุษร้ำย
อันละเมิดต่อกฎหมำย อย่ำงไรก็ตำม นำยโทอำจอ้ำงว่ำกระทำผิดด้วยควำมจำเป็น เพื่อเป็นเหตุ
ยกเวน้ โทษไดต้ ำมมำตรำ ๖๗ (๒)

ฎกี านา่ สนใจเร่ืองการกระทาโดยงดเว้น

ฎีกาท่ี ๗๕๘๑/๒๕๖๑ ฎ.๒๘๘๐ จาเลยเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาปฏิบัติหน้าท่ีเป็น
สิบเวรมีหน้าท่ีโดยตรงในการควบคุมและดูแลความปลอดภัยของผู้ต้องหา แต่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าท่ี
โดยปราศจากเหตุอันสมควร เป็นการกระทาโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทาเพ่ือป้องกันผล คือ
อนั ตรายท่ีอาจเกิดข้ึนแก่ชีวิตของผู้ต้องหา เมื่อจาเลยกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคล
ในภาวะเช่นน้ันจักต้องมีตามภาวะวิสัยและพฤติการณ์ และจาเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่น ว่า
นั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอหรือไม่ การกระทาของจาเลยเป็นการกระทาโดยประมาท แม้มีเหตุ
เพลิงไหม้ทาให้เกิดผลคือความตายของผู้ตายด้วย แต่ก็ไม่ทาให้ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาโดย
ประมาทของจาเลยและผลคือความตายของผู้ตายขาดตอนลง เพราะถ้าจาเลยอยู่ปฏิบัติหน้าที่ย่อม
ชว่ ยเหลือผู้ตายได้ทัน เน่ืองจากห้องทางานของจาเลยอยู่หน้าห้องขังซ่ึงใช้ควบคุมผู้ตายรวมทั้งผู้ตาย
คนอ่ืน ผลคือความตายของผู้ตายก็จะไม่เกิดข้ึน ความตายของผู้ตายเป็นผลโดยตรงจากการกระทา
โดยประมาทของจาเลย จาเลยมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ป.อ.
มาตรา ๒๙๑

34

ฎีกาที่ ๓๔๙๓/๒๕๖๒ (ประชุมใหญ่) ฎ.ส.ล.๔ น.๔๔ พ.ร.บ. จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.
๒๕๕๐ มาตรา ๔ บัญญัติว่า ในพระราชบัญญัติน้ี "ผู้พิมพ์" หมายความว่า บุคคลซึ่งจัดการและ
รบั ผิดชอบในการพิมพ์ "ผู้โฆษณา" หมายความว่า บุคคลซงึ่ รับผิดชอบในการจัดให้สิ่งพิมพ์แพร่หลาย
ด้วยประการใด ๆ ไม่วา่ จะเป็นการขายหรอื ใหเ้ ปล่า "บรรณาธิการ" หมายความว่า บุคคลผู้รบั ผดิ ชอบ
ในการจัดทา และควบคมุ เน้ือหาข้อความหรอื ภาพทลี่ งพมิ พ์ในหนังสือพิมพ์ รวมท้งั วัสดหุ รอื เอกสารท่ี
แทรกในหนังสือพิมพ์โดยความเห็นชอบของบรรณาธิการด้วย จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
เปน็ การกาหนดความรับผิดของบคุ คลผู้เป็นบรรณาธิการ ผพู้ ิมพ์ ผู้โษณา ต้องรับผดิ ชอบในการจัดทา
และควบคุมเนอื้ หาขอ้ ความหรอื ภาพทีล่ งพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ รับผิดชอบในการพิมพ์ และรับผดิ ชอบ
ในการจัดให้สิ่งพิมพ์แพร่หลายด้วยประการใด ๆ จาเลยที่ ๒ ในฐานะบรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา
หนังสือพิมพ์ ท. จึงต้องรับผิดชอบในการจัดทาและควบคุมเน้ือหาข้อความหรือภาพท่ีลงพิมพ์ใน
หนังสือพิมพ์ ท. มิให้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หนังสือพิมพ์ ท. มีเพียงจาเลยท่ี ๒ ท่ีมีช่ือเป็น
บรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาแต่ผู้เดียว เมื่อกฎหมายกาหนดให้จาเลยท่ี ๒ ซ่ึงเป็นบรรณาธิการ
ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณามีหน้าท่ีกระทาการดังกล่าวแล้ว แต่จาเลยที่ ๒ กลับไม่ได้ใส่ใจตรวจสอบ คัดเลือก
หรือควบคุมข่าวท่ีลงพิมพ์ โดยปล่อยให้มีการตีพิมพ์ข้อความในหนังสือพิมพ์ ท. ท่ีไม่เป็นความจริง
กระทบสิทธิและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อ่ืน เป็นการไม่รักษาจริยธรรมของส่ือมวลชน อันเป็น
การกระทาการโดยงดเว้นการท่ีจักต้องกระทาเพ่ือป้องกันผลนั้นตาม ป.อ. มาตรา ๕๙ วรรคท้าย ถือ
ได้ว่าจาเลยที่ ๒ เป็นตัวการร่วมกระทาความผิดและต้องรับผิดในขอ้ ความทลี่ งพิมพ์ หากข้อความน้ัน
เปน็ การหม่นิ ประมาทโจทก์ตาม ป.อ. มาตรา ๘๓

แม้ข้อความที่ลงพิมพ์ดังกล่าวจะมิได้ระบุช่ือหรือช่ือสกุลของโจทก์หรือชื่อร้านค้าของโจทก์
แต่เมื่อร้านขายอาหารและก๋วยเต๋ียวที่อยู่ตรงข้ามบริษัท ค. มีร้านค้าของโจทก์เพียงร้านเดียว การท่ี
หนังสือพิมพ์ ท. ลงพิมพ์ข้อความว่า ร้านอาหารและร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ตรงข้ามบริษัท ค. ขายอาหาร
บังหน้า แต่เบ้ืองหลังปล่อยยาบ้า บุคคลท่ัวไปท่ีอ่านข้อความดังกล่าวย่อมทราบหรือเข้าใจได้ทันทีว่า
ร้านอาหารและรา้ นกว๋ ยเตยี๋ วของโจทก์จาหน่ายยาเสพติดซึ่งเป็นสงิ่ ผิดกฎหมาย ข้อความที่ลงพิมพ์ใน
หนังสือพิมพ์ ท. ดังกล่าวจึงเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามทาให้โจทก์เส่ือมเสียชื่อเสียง
ถูกดหู มิ่น ถูกเกลียดชัง เป็นการหม่ินประมาทโจทก์ และมิใช่เป็นการแสดงความคดิ เห็นหรอื ข้อความ
โดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา จาเลยท่ี ๒ จึงมีความผิด
ฐานหมน่ิ ประมาทโจทก์

35

องคป์ ระกอบภายนอก

ข้อ ๖ คาถาม นายสอนต้องการฆ่านางสีภรรยาของตนที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเพราะ
ต้องการทรัพย์มรดกของนางสี นายสอนพบนางสาวสวยซึ่งเป็นพยาบาลท่ีห้องประชาสัมพันธ์
โรงพยาบาล นายสอนจึงหลอกนางสาวสวยว่า นางสีต้องการรับประทานไก่ย่างตนจึงซ้ือมาฝาก
แล้วนายสอนมอบถุงไก่ย่างผสมยาพิษ เพ่ือให้นางสาวสวยนาไปใส่จานให้นางสีรับประทาน
โดยนางสาวสวยไม่ทราบว่าไก่ย่างมียาพิษผสมอยู่ นางสาวสวยเทไก่ย่างใส่จานและต้ังใจ
จะนาไปให้นางสีรับประทานที่ห้องคนไข้ ซ่ึงอยู่ห่างจากห้องประชาสัมพันธ์ประมาณ ๕๐ เมตร
ระหว่างเดินไปท่ีห้องคนไข้นางสาวสวยเดินหกล้มไก่ย่างหกไปท่ีพ้ืน ขณะเดียวกันน้ันนายสุจูงสุนัข
ของตนเดนิ ผ่านมาเพ่อื ไปเยี่ยมคนไข้ สุนัขของนายสุเห็นไก่ย่างตกที่พ้ืนจงึ เข้าไปกินไกย่ ่าง เป็นเหตุให้
สนุ ขั ของนายสตุ าย

ให้วินิจฉัยความรับผิดทางอาญาของนายสอนและนางสาวสวย เฉพาะในความผิดต่อชีวิต
และความผิดฐานทาใหเ้ สยี ทรพั ย์

คาตอบ ประมวลกฎหมายอาญาทีเ่ กยี่ วขอ้ งมีใจความสาคัญว่า
บคุ คลจะต้องรับผิดทางอาญาต่อเม่อื ไดก้ ระทาโดยเจตนา การกระทาโดยเจตนา คือ กระทา
โดยรู้สานึกในการที่กระทาและผู้กระทาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทาน้ัน
ถ้าผู้กระทามิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทาประสงค์ต่อผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานั้นไม่ได้ (หลักกฎหมำยท่ีเก่ียวข้องทั้งหมด คือ เร่ืองผู้กระทำผิด
โดยทำงอ้อม เจตนำตำมควำมเป็นจริง เจตนำโดยผลของกฎหมำย (พลำด) และกำรพยำยำมกระทำ
ควำมผิด ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๕๙, ๖๐, ๘๐ สำหรับคำตอบข้ออ่ืน ๆ จะไม่วำงหลัก
กฎหมำยให้ โดยขอให้นักศึกษำพจิ ำรณำวำงหลักกฎหมำยเอง)
ความรับผิดทางอาญาของนางสาวสวยต่อนางสีและนายสุ แม้การที่นางสาวสวยจะนา
ไก่ย่างผสมยาพิษไปให้นางสีรับประทานจะเป็นการฆ่าผู้อ่ืน แต่เมื่อนางสาวสวยไม่รู้ว่าไก่ ย่าง
มียาพิษผสมอยู่ ต้องถือว่านางสาวสวยไม่มีเจตนากระทาความผิด เพราะถ้าผู้กระทามิได้รู้
ขอ้ เท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเลง็ เห็นผล
ของการกระทานั้นไม่ได้ นางสาวสวยจึงไม่มีความรับผิดทางอาญาต่อนางสีและนายสุเพราะ
ขาดเจตนากระทาผิด (๓ คะแนน)
ความรับผิดทางอาญาของนายสอนต่อนางสี นายสอนต้องการฆ่านางสีและนายสอนหลอก
ให้นางสาวสวยนาไก่ย่างผสมยาพิษไปให้นางสีรับประทาน นายสอนไม่เป็นผู้ใช้เพราะนางสาวสวย
ไม่มีเจตนากระทาความผิดดังที่วินิจฉัยมาแล้ว แต่นายสอนเป็นผู้กระทาความผิดโดยทางอ้อม
โดยมีนางสาวสวยเป็นเคร่ืองมือในการกระทาความผิด เมื่อนายสอนมอบถุงไก่ย่างผสมยาพิษ
ให้นางสาวสวย ต้องถือว่าการกระทาของนายสอนได้ผ่านพ้นขั้นตระเตรียมเข้าสู่ข้ันลงมือกระทา
ความผิด เพราะนายสอนได้กระทาการในข้ันสุดท้ายซ่ึงตนต้องกระทาแล้ว เพียงแต่รอนางสาว
สวยซ่ึงเป็นเคร่ืองมือในการกระทาความผิดไปดาเนินการต่อไปเท่าน้ัน การกระทาของนายสอน

36

ใกล้ชิดต่อผล จึงเป็นการลงมือกระทาความผิดแล้ว เมื่อนางสาวสวยเดินหกล้มไก่ย่างหกไปท่ีพ้ืน
นางสีไม่ได้รับประทานไก่ย่างจึงไม่ตาย ต้องถือว่านายสอนลงมือกระทาผิดไปตลอดแล้ว แต่การ
กระทาไม่บรรลุผลซึ่งเป็นการพยายามกระทาความผิดแล้ว นายสอนจึงมีความผิดฐานพยายาม
ฆ่านางสีโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยเจตนา ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษในความผิดน้ัน
โดยเปน็ ผูก้ ระทาผดิ โดยทางออ้ ม (๔ คะแนน)

ความรับผิดทางอาญาของนายสอนต่อนายสุ การท่ีนายสอนเจตนาฆ่านางสีและได้กระทา
ถึงข้ันลงมือฆ่านางสีดังที่วินิจฉัยมาแล้ว แม้การกระทาดังกล่าวจะทาให้สุนัขของนายสุตาย ก็ไม่อาจ
ถือว่าเป็นเจตนาที่จะกระทาต่อบุคคลหนง่ึ แต่ผลของการกระทาเกดิ แก่อกี บุคคลหนึ่งโดยพลาดไป
ซ่ึงเป็นการกระทาโดยพลาดในความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ของนายสุ เนื่องจากการกระทาที่จะ
เป็นการกระทาโดยพลาดได้ จะต้องเป็นการกระทาโดยเจตนาในความผิดฐานเดียวกัน หากเป็น
กรณีเจตนากระทาต่อบุคคลแล้วไปเกิดผลแก่ทรัพย์ของอีกบุคคลหนึ่ง ต้องถือว่าผู้กระทาไม่มี
เจตนากระทาความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ เพราะผู้กระทาไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ประกอบ
ความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ เมื่อนายสอนเจตนาฆ่านางสี แต่ผลเกิดแก่ทรัพย์คือสุนัขของนายสุ
การกระทาของนายสอนจึงไม่เป็นการกระทาโดยพลาด นายสอนไม่มีความรับผิดทางอาญา
ต่อนายสใุ นความผดิ ฐานทาให้เสยี ทรพั ย์ (๓ คะแนน)
ข้อสงั เกต คำถำมข้อน้ีมหี ลำยประเด็น หำกนักศกึ ษำตอบข้อสอบโดยวำงหลักกฎหมำยจะทำข้อสอบ
ไม่ทัน จึงควรตอบโดยฟันธง แต่เพ่ือป้องกันควำมผิดพลำด จึงควรตอบแบบผสม ข้อควำมใน
หลักกฎหมำยไม่จำเป็นต้องตรงตำมตัวบททุกถ้อยคำ แต่ขอให้ได้ใจควำมสำคัญครบถ้วน และ
นักศึกษำไม่ควรจะใช้คำว่ำ กฎหมำย "บัญญัติว่ำ" เน่ืองจำกคำว่ำ "บัญญัติว่ำ" หำกมีข้อควำมต่อไป
ขอ้ ควำมนน้ั ต้องตรงตำมกฎหมำยทุกประกำร หำกมีข้อควำมบำงข้อควำมไม่ตรงตำมตัวบท อำจำรย์
บำงท่ำนอำจจะหักคะแนน เพรำะถือว่ำใช้ภำษำไทยผิด กำรใช้คำว่ำ กฎหมำยมีใจควำมสำคัญว่ำ
หรืออ่ืน ๆ ที่ไม่ใช่ "บัญญัติว่ำ" น่ำจะปลอดภัยกว่ำ นอกจำกนี้ ขอให้พิจำรณำด้วยว่ำ คำตอบข้อนี้
มีแต่หลักกฎหมำยในคำตอบโดยไม่มีเลขมำตรำเลยแม้แต่มำตรำเดียว เมื่ออ่ำนแล้วก็รู้เร่ืองเข้ำใจได้
แสดงว่ำกำรไมใ่ สเ่ ลขมำตรำ ไม่ทำให้คำตอบบกพร่อง หรอื ไม่ทำให้ได้คะแนนน้อยลงเลยดังท่ีกล่ำวไว้
ในตอนต้นแลว้

คำถำมข้อนี้มี ผู้กระทำ ๒ คน มี ผู้ถูกกระทำ ๒ คน กำรตอบข้อสอบกรณีผู้กระทำ
คนหน่ึงเป็นเคร่ืองมือในกำรกระทำควำมผิดและผู้กระทำอีกคนหนึ่งเป็นผู้กระทำควำมผิด
โดยทำงอ้อมต้องตอบ ๑. ผู้กระทำที่เป็น เครื่องมือ ในกำรกระทำควำมผิด ก่อน โดยตอบถึง
ผู้ถูกกระทำทุกคน เพรำะเมื่อบุคคลท่ีเป็นเครื่องมือไม่รู้ ถือว่ำไม่มีเจตนำต่อผู้ถูกกระทำคนหน่ึง
ย่อมไม่มีเจตนำต่อผู้ถูกกระทำคนอ่ืน ๆ ด้วย ๒. แล้วจึงตอบ ผู้กระทำท่ีเป็น ผู้กระทำควำมผิด
โดยทำงอ้อม โดยตอบผู้กระทำควำมผิดโดยทำงอ้อมต่อผู้ถูกกระทำคนแรก และผู้กระทำควำมผิด
โดยทำงอ้อมต่อผู้ถูกกระทำคนหลัง ดังนั้น ก่อนตอบข้อสอบนักศึกษำต้องจัดลำดับเสียก่อนว่ำจะ
วินจิ ฉัยควำมรับผิดทำงอำญำของ ๑. นำงสำวสวยต่อนำงสีและนำยสุ ๒. นำยสอนต่อนำงสี และ

37

๓. นำยสอนตอ่ นำยสุ ตำมลำดับ
เน่ืองจำกคำถำมไม่ได้ถำมเรื่องปลอมปนอำหำรตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๒๓๖

จึงไม่ต้องตอบเรื่องดังกล่ำว หำกคำถำมถำมว่ำมีควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำฐำนใด
นกั ศกึ ษำต้องตอบมำตรำ ๒๓๖ เรอื่ ง ปลอมปนอำหำรด้วย

สำหรับภำษำท่ีใช้ขอให้นักศึกษำใช้ภำษำสุภำพท่ีเป็นทำงกำรด้วย เนื่องจำกขณะตรวจ
ข้อสอบข้อน้ีในสมุดคำตอบเล่มแรกผู้แต่งต้องย้อนกลับไปดูในคำถำมว่ำ ผู้แต่งใช้คำว่ำ "สุนัข" หรือ
ใชค้ ำวำ่ "หมำ" เพรำะนกั ศกึ ษำหลำยคนพำ "หมำ" มำเที่ยวในสมดุ คำตอบ ซึง่ นักศกึ ษำไม่ควรจะทำ

ข้อเท็จจริงท่ีว่ำ ฆ่ำเพรำะต้องกำรทรัพย์มรดก ไม่ใช่ข้อเท็จจริงท่ีจะต้องนำมำปรับเข้ำกับ
ข้อกฎหมำย จึงไม่ควรมใี นคำตอบ

เม่ือนักศึกษำฝึกทำข้อสอบข้อน้ีแล้วขอให้สังเกตว่ำ หำกข้อเท็จจริงในคำถำมข้อน้ีเปล่ียนไป
เล็กน้อย เช่น เปล่ียนจำกเดิมท่ีนำยสอนหลอกนำงสำวสวย เป็นนำยสอนจ้ำงนำงสำวสวยฆ่ำนำงสี
คำตอบจะเปลย่ี นไปอยำ่ งไร ขอให้พิจำรณำจำกคำถำมและคำตอบข้อ ๒๙ หน้ำ ๑๒๓

ตัวอย่างคาตอบท่ี ๑ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๙ วรรคแรก วางหลักว่า บุคคล
จะต้องรับผิดทางอาญาต่อเม่ือได้กระทาโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทาโดยประมาทในกรณีที่
กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเม่ือได้กระทาโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้
โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทาโดยไม่มีเจตนา และวรรคสอง วางหลักว่า กระทาโดยเจตนา
ได้แก่ การกระทาความผิดโดยรู้สานึกในการกระทา และในขณะเดียวกันผู้กระทาประสงค์ต่อผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทา และวรรคสาม วางหลักว่า ถ้าผู้กระทามิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็น
องคป์ ระกอบของความผิดจะถือว่า ผู้กระทาประสงค์ต่อผลหรอื ยอ่ มเลง็ เห็นผลของการกระทาน้นั มิได้

ตามปัญหา นายสอนต้องการฆ่านางสีจึงหลอกให้นางสาวสวยนาไก่ย่างผสมยาพิษไปให้นาง
สี ตามพฤตกิ ารณ์ถอื วา่ นางสาวสวยไม่รขู้ ้อเท็จจริงอันเปน็ องคป์ ระกอบของความผิดคอื ไม่รูว้ า่ มียาพิษ
ผสมอยู่ จะถือว่านางสาวสวยกระทาโดยเจตนามิได้ นางสาวสวยเปน็ เพียง innocent agent จงึ ไม่มี
ความผดิ ฐานพยายามฆา่ นางสีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐

การที่นางสาวสวยหกล้มไก่ย่างตกพ้ืน และสุนัขของนายสุมากินและตาย นางสาวสวยไม่ผิด
ฐานทาให้เสียทรัพย์ตามมาตรา ๓๕๘ เนื่องจากองค์ประกอบความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์จะต้อง
มีเจตนาอันเป็นองค์ประกอบความผิด นางสาวสวยมิได้มีเจตนากระทาต่อสุนัขของนายสุ และ
ความผดิ ฐานทาให้เสียทรพั ยโ์ ดยประมาทไม่อาจมไี ด้ (๓ คะแนน)

สาหรับนายสอนมีเจตนาฆ่าผู้อ่ืน คือ นางสีภรรยาของตน จึงได้หลอกให้นางสาวสวยนา
ไก่ย่างผสมยาพิษไปให้นางสีกิน ถือว่านายสอนเป็นผู้กระทาผิดเองโดยตรง (โดยอ้อม) เม่ือนายสอน
นาไก่ย่างผสมยาพิษไปมอบให้นางสาวสวยถือว่านายสอนได้กระทาในข้ันตอนสุดท้ายท่ีนายสอนต้อง
กระทาแล้ว พ้นข้ันตระเตรียม เน่ืองจากใกลช้ ิดกับความผดิ สาเรจ็ เม่ือการกระทาไม่บรรลุผลคอื นางสี
ไม่ตาย ถือว่านายสอนลงมือกระทาความผิดฐานฆ่านางสีตลอดแล้ว แต่การกระทานั้นไม่บรรลุผล
นายสอนมีความผิดฐานพยายามฆ่าผอู้ น่ื โดยเจตนาตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ (ประเดน็ น้ี

38

ให้ ๔ คะแนน โดยไม่ตัดคะแนนกรณีผิดมาตรา ๒๘๘ หรือมาตรา ๒๘๙ (๔) เพราะต้องการวัด
ความรู้ภาคทั่วไป แต่ถ้าเป็นข้อสอบฯ ผู้ช่วยผู้พิพากษา ข้อสอบฯ อัยการผู้ช่วย หรือข้อสอบ
เนติฯ อาจถกู ตัดคะแนนประเด็นมาตรา ๒๘๙ (๔))

การท่ีสุนัขของนายสุตาย เน่ืองจากนายสอนไม่มีเจตนากระทาต่อสุนัขของนายสุ จึงไม่มี
ความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ตามมาตรา ๓๕๘ และความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์โดยประมาท
ไม่อาจมีได้ เนื่องจากต้องมีเจตนาเป็นองค์ประกอบความผิด (ไม่ได้ปรับบทมาตรา ๖๐ เร่ืองพลาด
ไดค้ ะแนนน้อยลง ให้เพียง ๑ คะแนน ไดร้ วม ๘ คะแนน)

ตวั อยา่ งคาตอบท่ี ๒ ๑. การท่ีนางสาวสวยนาไก่ย่างผสมยาพิษใส่จานเพ่ือนาไปให้นางสีกิน
โดยไม่รู้ว่าไก่ย่างดังกล่าวมียาพิษผสมอยู่น้ัน การกระทาดังกล่าวของนางสาวสวยเป็นการกระทาไป
โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงอนั เปน็ องค์ประกอบของความผิด กล่าวคือว่านางสาวสวยไม่รู้ว่าไก่ย่างดงั กล่าวน้ัน
มียาพิษผสมอยู่จึงเป็นการกระทาโดยขาดเจตนากระทาความผิดฐานพยายามฆ่านางสี อน่ึง การท่ี
นางสาวสวยทาไก่ย่างตกพื้น แม้เป็นการกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้สุนัขของนายสุกินแล้วตาย
นางสาวสวยก็ไม่ต้องรับผิดในผลของการกระทาดังกล่าวเน่ืองจากไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด
(๓ คะแนน)

๒. กรณีของนายสอนการที่นายสอนหลอกนางสาวสวยให้นาไก่ย่างผสมยาพิษดังกล่าวไปให้
นางสีกินน้ัน มิใช่เป็นการก่อให้ผู้อ่ืนกระทาความผิดเน่ืองจากนางสาวสวยมิได้มีเจตนาท่ีจะกระทา
ความผิดฐานฆา่ คนตายตามที่นายสอนกอ่ ขึ้น จงึ มิใชเ่ ป็นการใช้ให้ผู้อื่นกระทาความผิด แต่การกระทา
ดังกล่าวของนายสอนเป็นการลงมือกระทาความผิดแต่กระทาไปไม่ตลอด (ไปตลอดแล้วแต่ไม่
บรรลุผล) เน่ืองจากนางสียังมิได้กินไก่ย่างดังกล่าว (ขาดเหตุผลว่า ผ่านพ้นข้ันตระเตรียม
กับเหตผุ ลวา่ ใกลช้ ิดต่อผลแล้ว) นายสอนจึงเปน็ ผู้กระทาความผิดโดยอ้อมความผิดฐานพยายามฆ่า
ผู้อื่นตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ โดยนางสาวสวยเป็นเคร่ืองมือในการกระทาความผิด
(๒.๕ คะแนน)

อน่ึง การท่ีสุนัขของนายสุตายเนื่องจากกินไก่ย่างดังกล่าว นายสอนไม่ต้องรับผิดในผลของ
การกระทาดังกล่าว เนื่องจากนายสอนมิได้มีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลของการกระทา
ในความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ และการกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้สุนัขของนายสุกินแล้วตาย
นายสอนก็ไม่ต้องรับผิดในผลของการกระทาดังกล่าวเนื่องจากไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด
(ไม่ได้ปรับบทการกระทาโดยพลาดตามมาตรา ๖๐ ให้เพียง ๑ คะแนน รวมได้ ๖.๕ คะแนน แต่
การให้คะแนนจะให้เป็นจานวนเตม็ ดูภาพรวมแล้วให้ ๗ คะแนน)

ตัวอย่างคาตอบท่ี ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วางหลักไว้ว่า บุคคลจะต้อง
รับผิดในทางอาญาก็ต่อเม่ือได้กระทาโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทาโดยประมาท ในกรณีท่ีกฎหมาย
บัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทาโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีท่ีกฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัด
ให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทาโดยไม่มีเจตนา กระทาโดยเจตนา ได้แก่ กระทาโดยรู้สานึกในการที่กระทา
และในขณะเดียวกันผู้กระทาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานั้น ถ้าผู้กระทามิได้รู้

39

ข้อเทจ็ จริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือวา่ ผ้กู ระทาประสงคต์ ่อผลหรือย่อมเลง็ เหน็ ผลของ
การกระทานัน้ มไิ ด้

ความรับผิด ชอบ ทางอาญาของนางสาวสวยต่อนางสี แม้ว่าการท่ีนางสาวสวยจะนาไก่ย่าง
ผสมยาพิษไปให้นางสีนั้น จะถือว่าเป็นการฆ่าผู้อ่ืน แต่เมื่อนางสาวสวยไม่รู้ว่าไก่ย่างที่ตนนาไปนั้น
มียาพิษอยู่ จึงต้องถือว่านางสาวสวยน้ันไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทาผิด เพราะถ้าผู้กระทาความผิด
มิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้น้ัน (เจตนา) กระทาความผิดมิได้
จึงถือว่านางสาวสวยเป็นเครื่องมือในการกระทาความผิดของนายสอนโดย (นายสอนเป็นผู้กระทา
ความผิดโดย) ทางอ้อม นางสาวสวยจงึ ไม่มีความผิดทางอาญา (๒.๕ คะแนน)

ความรบั ผดิ ทางอาญาของนายสอนต่อนางสี นายสอนได้หลอกให้นางสาวสวยนาไก่ยา่ งท่ีตน
ผสมยาพิษไว้นั้นไปให้นางสีรับประทาน เมื่อนายสอนนาไก่ไปให้นางสาวสวยแล้ว ถือว่านายสอน
ได้กระทาความผิดฐานฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเป็นการกระทาความผิดทางอ้อม แต่เมื่อ
นางสาวสวยได้เดินล้มและไก่หกลงพ้ืน จึงทาให้นางสีไม่ตาย ต้องถือว่านายสอนได้ (กระทาผ่านพ้น
ข้ันตระเตรียม เข้าสู่ข้ันลงมือ) กระทาความผิด (ใกล้ชิดต่อผล เป็นการกระทาผิดไป) โดยตลอด
แล้ว แต่ไม่บรรลผุ ล จึงเป็น แค่ (เพียง) การพยายามฆ่านางสีโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จึงต้องระวางโทษ
สองในสามสว่ นของความผดิ (๒.๕ คะแนน)

ความรับผิดทางอาญาของนายสอนต่อนายสุ การที่นายสอนต้องการฆ่านางสีนั้น
แตก่ ระทาไม่สาเร็จ และผลทาให้สนุ ัขของนายสตุ ายนัน้ ไมถ่ ือว่าเปน็ การกระทาโดยพลาด (ฐานทาให้
เสียทรัพย์) เพราะการกระทาที่จะเป็นความผิดโดยพลาดน้ันจะต้องเป็นการกระทาท่ีเจตนาฐาน
เดียวกนั หากเป็นการกระทาต่อบุคคลหนึ่งแล้วไปเกิดผลต่อทรัพย์ของอีกบุคคลหน่ึง เพราะผู้กระทา
ไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ประกอบของความผิดที่ทาให้เสียทรัพย์ จึงถือว่านายสอนไม่มีความผิด
ในการกระทาโดยพลาด (๓ คะแนน รวมได้ ๘ คะแนน)

ข้อ ๗ คาถาม นายหน่ึงเป็นพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับคาสั่งจากผู้บังคับบัญชา
ให้ไปปรับปรุงระบบสายไฟฟ้าบริเวณทางโค้งแห่งหนึ่ง ซ่ึงมีต้นไม้กีดขวางแนวทางพาดสายไฟฟ้าอยู่
ตน้ หน่ึง นายหน่ึงจึงไปสอบถามนายสองซ่ึงเป็นผู้ชว่ ยผู้ใหญ่บ้านท้องท่ี โดยนายสองเคยมกี รณพี ิพาท
ฟอ้ งร้องนายขาวแยง่ กรรมสิทธใิ์ นท่ีดินทปี่ ลูกตน้ ไม้ดังกล่าวและศาลมคี าพิพากษาถึงที่สดุ ว่าทด่ี ินและ
ต้นไม้ดังกล่าวเป็นกรรมสทิ ธ์ิของนายขาว แต่นายสองต้องการแกล้งนายขาว จึงบอกนายหน่ึงว่าท่ีดิน
ดังกล่าวเป็นของนายสองและอนุญาตให้ตัดฟันต้นไม้ได้ นายหนึ่งเช่ือโดยสุจริต จึงจ้างนายสาม
ชาวบ้านในบริเวณนั้นให้ตัดต้นไม้ นายสามต้องการเงินค่าจ้าง จึงรับจ้างเข้าไปตัดฟันต้นไม้ในท่ีดิน
ดังกล่าว ทง้ั ๆ ที่รูว้ า่ นายขาวเปน็ เจ้าของทด่ี ินและไมไ่ ด้ยนิ ยอมให้เขา้ ไปตัดต้นไม้

ให้วนิ จิ ฉัยความรบั ผิดทางอาญาของนายหนง่ึ นายสอง นายสาม
(ปรับปรุงจากข้อสอบฯ ผู้ช่วยผพู้ พิ ากษา (สนามเลก็ ) เมือ่ วันที่ ๑๕ มถิ นุ ายน ๒๕๔๖)

คาตอบ หลักกฎหมายเร่ืองผู้กระทาผิดโดยทางอ้อม เจตนา ผู้ใช้ ตามประมวลกฎหมาย

40

อาญามาตรา ๕๙, ๘๔
ความรับผิดทางอาญาของนายสาม นายสามรับจ้างนายหน่ึงเข้าไปตัดฟันต้นไม้ในท่ีดินของ

นายขาวท้ัง ๆ ท่ีรู้ว่านายขาวเป็นเจ้าของท่ีดินและไม่ได้ยินยอมให้เข้าไปตัดต้นไม้ ทาให้ต้นไม้ของ
นายขาวเสียหาย แสดงว่านายสามมีเจตนาเข้าไปกระทาการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการ
ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนายขาวโดยปกติสุข และมีเจตนาที่จะทาให้ต้นไม้ของนายขาว
เสียหาย เพราะนายสามรู้ข้อเท็จจริงท่ีเป็นองค์ประกอบความผิด และประสงค์ต่อผลในการ
กระทาความผิด การกระทาของนายสามจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกและฐานทาให้เสียทรัพย์ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๕๘

ความรับผิดทางอาญาของนายหนงึ่ แม้การที่นายหนึง่ จา้ งนายสามใหเ้ ข้าไปตดั ต้นไม้ จะเป็น
การก่อให้นายสามกระทาความผิดด้วยการจ้าง ครบองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐาน
บุกรุกและฐานทาให้เสียทรัพย์ตามมาตรา ๓๖๒, ๓๕๘ ประกอบมาตรา ๘๔ แต่เมื่อนายหน่ึงเชื่อ
โดยสุจริตตามที่นายสองบอกว่าที่ดินท่ีปลูกต้นไม้ดังกล่าวเป็นของนายสองและอนุญาตให้ตัดฟันได้
นัน้ ถือได้ว่านายหน่ึงไมร่ ู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองคป์ ระกอบของความผิด จะถือว่านายหน่ึงผู้กระทา
ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทาน้ันมิได้ ตามมาตรา ๕๙ วรรคสาม นายหน่ึงจึง
ไม่มีเจตนาใช้ให้นายสามกระทาความผิด เพราะไม่รู้ย่อมไม่มีเจตนา นายหน่ึงเป็นเพียงเครือ่ งมือ
ในการกระทาความผดิ ของนายสองเทา่ นัน้ นายหนงึ่ จึงไม่มีความรับผดิ ทางอาญาตอ่ นายขาว

ความรับผิดทางอาญาของนายสอง นายสองทราบว่าท่ีดินและต้นไม้เป็นของนายขาว
แต่ต้องการแกล้งนายขาว จึงบอกนายหนึ่งว่าท่ีดินเป็นของตนและอนุญาตให้ตัดฟันต้นไม้ได้นั้น
แม้ถือไม่ได้ว่านายสองเป็นผู้ใช้ให้นายหนึ่งกระทาผิดตามมาตรา ๘๔ เพราะนายหนึ่งขาดเจตนา
กระทาความผิดก็ตาม แต่เมื่อนายหนึ่งจ้างนายสามให้เข้าไปตัดต้นไม้ และนายสามได้กระทาผิด
โดยรู้ว่านายขาวเป็นเจ้าของท่ีดินและไม่ได้ยินยอมให้เข้าไปตัดต้นไม้นั้น การกระทาของนายสอง
ย่อมถือได้ว่านายสองเป็นผู้ก่อให้นายสามกระทาความผิดด้วยวิธีอ่ืนใด อันเป็นผู้กระทาผิด
โดยทางอ้อม โดยมีนายหน่ึงเป็นเคร่ืองมือในการกระทาความผิด นายสองจึงเป็นผู้ใช้ให้นายสาม
กระทาความผดิ เมื่อนายสามไปกระทาความผิดตามท่ีใช้ นายสองจงึ ตอ้ งรับโทษเสมือนตวั การ
ข้อสังเกต กำรไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบควำมผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๕๙
วรรคสำม และกำรสำคัญผิดในข้อเท็จจริงท่ีจะทำให้กำรกระทำไม่เป็นควำมผิดตำมมำตรำ ๖๒
วรรคแรก ต่ำงก็เป็นเรื่อง "สำคัญผิด" หรืออีกนัยหน่ึงคือ "เข้ำใจผิด" เหมือนกัน แต่ควำมสำคัญผิด
หรือเข้ำใจผิดดังกล่ำวแตกต่ำงกันตรงท่ีว่ำกรณีตำมมำตรำ ๕๙ วรรคสำม เป็นควำมสำคัญผิดท่ีทำให้
ผู้กระทำ "ขำดเจตนำ" ส่วนควำมสำคัญผิดตำมมำตรำ ๖๒ วรรคแรก เป็นควำมสำคัญผิดที่ทำให้
ผูก้ ระทำซ่ึง "มีเจตนำ" อยูแ่ ล้วไม่มีควำมผิด (ดูเพ่ิมเติมในศำสตรำจำรย์ ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสด์ิ,
คำอธิบำยกฎหมำยอำญำภำค ๑ เลม่ ๑ พิมพ์คร้งั ท่ี ๑๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้ำ ๒๙๔ ถงึ ๒๙๘)

กำรไม่รู้ข้อเท็จจริงท่ีเป็นองค์ประกอบ ต้องถือว่ำไม่มีเจตนำตำมมำตรำ ๕๙ วรรคสำม ซึ่งมี
ฎีกำที่ ๖๔๐๕/๒๕๓๙ ตัดสินว่ำ กำรท่ีจำเลยกระทำชำเรำผู้เสียหำยอำยุ ๑๔ ปีเศษ โดยสำคัญผิดว่ำ

41

อำยุ ๑๗ ปี เท่ำกับไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบควำมผิดตำมมำตรำ ๒๗๗ วรรคแรก ถือว่ำ
ไม่มีเจตนำกระทำควำมผิดตำมมำตรำ ๕๙ วรรคสำม ซึ่งตัดสินถูกต้องตำมหลักกฎหมำยแล้ว แต่
ต่อมำมฎี ีกำที่ ๔๖๙๘/๒๕๔๐ ตดั สินวำ่ จำเลยไมท่ รำบว่ำผูเ้ สียหำยทยี่ อมใหต้ นรว่ มประเวณดี ว้ ยอำยุ
ไม่เกิน ๑๕ ปี เป็นกำรสำคัญผิดในข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบควำมผิดตำมมำตรำ ๒๗๗
วรรคแรก ประกอบมำตรำ ๖๒ วรรคแรก จำเลยไม่มีควำมผดิ ซ่งึ ไม่น่ำจะตรงตำมหลักกฎหมำยดังที่
กล่ำวมำแล้ว ปัญหำน้ีศำสตรำจำรย์จิตติ ติงศภัทิย์ ได้อธิบำยควำมแตกต่ำงระหว่ำงมำตรำ ๕๙
วรรคสำม และมำตรำ ๖๒ วรรคแรก ไว้อย่ำงชัดเจนในบันทึกท้ำยฎีกำท่ี ๑๐๗๖/๒๕๒๒ น.๑๐๙๑
ดังน้ี (หำก) ข้อเท็จจริงท่ีทำให้เป็นควำมผิดมีอยู่ครบถ้วน แต่ผู้กระทำ "ไม่รู้" ข้อเท็จจริงเหล่ำนั้น
ผู้กระทำ (ก็) ไม่มีเจตนำกระทำผิดตำมมำตรำ ๕๙ วรรคสำม (แต่) ถ้ำข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ประกอบ
ควำมผิดมีอยู่ครบถ้วนและผู้กระทำ "ก็รู้แล้ว" (เป็นกำร) ครบองค์ (ประกอบภำยนอกของ) ควำมผิด
แล้ว ... แต่ผู้กระทำ "เข้ำใจผิด" ว่ำมีข้อเท็จจริงอ่ืนน้ันอีกที่ทำให้กำรกระทำไม่เป็นควำมผิด (จึง)
เป็นกรณีตำมมำตรำ ๖๒ วรรคแรก ท่ี (ทำให้) ผู้กระทำไมม่ ีควำมผิด หรืออำจจะกลำ่ วได้วำ่ สำคัญผิด
ในองค์ประกอบ คือ ขำดเจตนำตำมมำตรำ ๕๙ วรรคสำม แต่สำคัญผิดในเหตุยกเว้นควำมผิด
(เชน่ ปอ้ งกันโดยสำคญั ผิด) ไม่มคี วำมผดิ ตำมมำตรำ ๖๒ วรรคแรก

ต่อมำฎีกำท่ี ๕๙๐๗/๒๕๔๖ ตัดสินว่ำ จำเลยตัดฟันต้นยูคำลิปตัสของผู้เสียหำยโดยเข้ำใจ
โดยสุจริตว่ำผู้เสียหำยอนุญำตให้ตัดไปขำยแล้ว จำเลยจึงขำดเจตนำกระทำควำมผิดฐำนลักทรัพย์
และที่ ๔๖๖๕/๒๕๔๗ ตัดสินว่ำ จำเลยพรำกผู้เสียหำยซง่ึ มอี ำยุไม่เกนิ ๑๕ ปี ไปเพ่ือกำรอนำจำรและ
ไดร้ ่วมประเวณีกบั ผเู้ สียหำย โดยจำเลยเขำ้ ใจวำ่ ผูเ้ สยี หำยอำยุ ๒๐ ปี เป็นกำรสำคญั ผดิ ในข้อเท็จจริง
เร่ืองอำยุ อันเป็นองค์ประกอบควำมผิดตำมมำตรำ ๒๗๗ วรรคแรก และมำตรำ ๓๑๗ วรรคสำม
กำรกระทำของจำเลย จึงขำดเจตนำกระทำควำมผิดฐำนดังกล่ำวตำมมำตรำ ๕๙ วรรคสำม ซ่ึงเป็น
คำพิพำกษำฎีกำใหม่ล่ำสุดท่ีถกู ต้องตำมหลักกฎหมำย ดังนั้น กำรตอบข้อสอบในประเด็นนี้นักศึกษำ
ต้องตอบตำมบรรทัดฐำนฎีกำที่ ๕๙๐๗/๒๕๔๖, ที่ ๔๖๖๕/๒๕๔๗ ตัดสินไว้ว่ำ กำรสำคัญผิดใน
ข้อเทจ็ จริงอนั เปน็ องคป์ ระกอบถือว่ำขำดเจตนำกระทำควำมผดิ

อนึ่ง ธงคำตอบกำรสอบฯ ผู้ช่วยผู้พิพำกษำ วันที่ ๑๕ มิถุนำยน ๒๕๔๖ วำงธงคำตอบว่ำ
นำยหน่ึงเช่ือโดยสุจริตตำมที่นำยสองบอกว่ำที่ดินที่ปลูกต้นไม้ดังกล่ำวเป็นของนำยสองและอนุญำต
ให้ตัดฟันได้ จึงว่ำจ้ำงนำยสำมให้ตัดต้นไม้ถือว่ำนำยหนึ่งกระทำไปโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่ำ
เจ้ำของท่ีดินและต้นไม้อนุญำตให้กระทำได้ ซึ่งหำกมีอยู่จริงจะทำให้กำรกระทำไม่เป็นควำมผิด
ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงดังกล่ำวจะไม่มีอยู่จริง แต่นำยหนึ่งผู้กระทำสำคัญผิดว่ำมีอยู่จริง นำยหน่ึงย่อม
ไม่มีควำมผิดตำมมำตรำ ๖๒ วรรคแรก (เทียบฎีกำที่ ๖๖๗๗/๒๕๔๐) ข้อสอบผู้ช่วยฯ ดังกล่ำวสอบ
ขณะที่ฎกี ำท่ี ๕๙๐๗/๒๕๔๖, ท่ี ๔๖๖๕/๒๕๔๗ ยงั ไม่ไดต้ ัดสิน ธงคำตอบจงึ เป็นไปตำมคำพิพำกษำ
ฎีกำเดิม ต่อมำเมื่อฎีกำที่ ๕๙๐๗/๒๕๔๖, ท่ี ๔๖๖๕/๒๕๔๗ ตัดสินกลับหลักเดิมไปแล้ว หำก
ประเดน็ นอี้ อกข้อสอบอีกขอให้นักศึกษำตอบข้อสอบตำมคำพิพำกษำฎีกำใหม่ล่ำสดุ

42

ข้อ ๘ คาถาม นายเหล่ียมใช้ปืนไล่ยิงนายกลม นายกลมว่ิงหนี นายเหลี่ยมก็ยังไล่ตามมา
ยิงอีก แต่กระสุนไม่ถูกนายกลม นายกลมว่ิงหนีเข้าไปในบ้านของนายรี นายกลมมองเห็นปืนของ
นายรีวางอยู่จึงหยิบปืนขึ้นมา นายเหล่ียมเข้ามายิงนายกลมอีก ๑ นัด แล้วยังวิ่งเข้ามาแย่งปืนจาก
นายกลม โดยท่ีนายกลมยังไม่ทันได้เล็งปืนไปที่นายเหล่ียม ขณะแย่งปืนกันอยู่นั้นปืนล่ันถูกนาย
เหล่ยี มตาย

ให้วินิจฉัยความรับผิดทางอาญาของนายกลมในความผิดต่อชีวิตของนายเหลี่ยม และ
ความผดิ ฐานบุกรุกบ้านของนายรี

คาตอบ หลกั กฎหมายเรอ่ื งการกระทาขาดองค์ประกอบภายนอก เจตนา ประมาท พยายาม
ปอ้ งกนั จาเป็น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙, ๘๐, ๖๘, ๖๗

ความรับผิดทางอาญาของนายกลมต่อนายเหลี่ยม การท่ีนายกลมหยิบปืนขึ้นมายังไม่ทัน
ได้เล็งไปที่นายเหลี่ยม แล้วนายเหลี่ยมเข้ามาแย่งปืนจนปืนลน่ั ถูกนายเหลี่ยมตายนั้น การกระทาของ
นายกลมดังกล่าวอยู่เพียงข้ันตระเตรียมการในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเท่านั้น ยังไม่ถึง
ขั้นลงมือ เพราะการกระทาของนายกลมยังไม่ใกล้ชิดต่อผล ยังไม่เป็นการพยายามกระทา
ความผิด เม่ือการกระทาของนายกลมอยู่เพียงข้ันตระเตรียมการ ต้องถือว่าการกระทาของ
นายกลมขาดองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานฆ่านายเหลีย่ มโดยเจตนา เพราะการกระทา
ยังไม่ถึงขั้นตอนท่ีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เมื่อการกระทาไม่เป็นความผิด จึงไม่ต้อง
พิจารณาเรื่องการกระทาโดยป้องกันซึ่งเป็นโครงสร้างความรับผิดทางอาญาในเร่ืองกฎหมาย
ยกเวน้ ความผิด

นอกจากน้ี บุคคลในภาวะเช่นนายกลมที่ถูกผู้อื่นไล่ยิงตามวิสัยและพฤติการณ์ย่อม
กระทาเช่นเดียวกับนายกลม เพื่อรักษาชีวิตของตน ต้องถือว่านายกลมไม่ได้กระทาโดยประมาท
เป็นเหตุให้นายเหลีย่ มตาย นายกลมจึงไม่ผิดฐานกระทาโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อน่ื ถึงแก่ความ
ตาย

ความรับผิดทางอาญาของนายกลมต่อนายรี การท่ีนายกลมวิ่งเข้าไปในบ้านของนายรี เป็น
การเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยเจตนา จึงเป็นการกระทาที่ครบ
องคป์ ระกอบความผิดฐานบุกรกุ แลว้ ปัญหาท่ตี ้องวินจิ ฉัยต่อไปวา่ มีเหตุยกเวน้ ความผิดแก่นายกลม
หรือไม่ แม้ว่าการท่ีนายเหล่ียมใช้ปืนไล่ยิงนายกลมจะเป็นภยันตรายต่อชีวิตของนายกลมที่เกิด
จากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายท่ีใกล้จะถึงจากการกระทาของนา ย
เหลี่ยม แต่นายกลมจะอ้างป้องกันได้น้ัน นายกลมจะต้องกระทาต่อนายเหลี่ยมผู้ก่อภัยเท่านั้น
กรณีตามปัญหานายกลมบุกรุกบ้านของนายรีซึ่งไม่ใช่ผู้ก่อภัย นายกลมจึงไม่อาจอ้างว่ากระทาผิด
ฐานบุกรุกโดยเจตนาพิเศษเพื่อป้องกันสิทธิต่อนายรีได้ เพราะนายรีไม่ใช่ผู้ก่อภัย แต่นายกลม
สามารถอ้างได้ว่ากระทาความผิดด้วยความจาเป็น เพราะนายกลมบุกรุกบ้านของนายรีเพื่อให้
ตนเองพ้นจากภยันตรายจากการท่ีนายเหล่ียมไล่ยิงนายกลม และนายกลมไม่สามารถหลีกเลี่ยง
ให้พ้นโดยวธิ ีอ่ืนใดได้ เม่ือภยนั ตรายมิได้เกดิ จากความผิดของนายกลม และการกระทาน้ันไมเ่ กิน

43

สมควรแก่เหตุ นายกลมจึงไม่ต้องรับโทษ เพราะการกระทาความผิดด้วยความจาเป็น อ้างต่อ
บุคคลที่ไม่ใช่ผู้ก่อภัยได้ นายกลมจึงมีความผิดฐานบุกรุกบ้านของนายรี แต่นายกลมไม่ต้องรับ
โทษ
ข้อสังเกต ในประเด็นเรื่องจำเป็น หำกบ้ำนท่ีนำยกลมวงิ่ เข้ำไป ไม่ใช่บ้ำนของนำยรี แต่เป็นบ้ำนของ
นำยเหลี่ยม นำยกลมสำมำรถอ้ำงป้องกันในควำมผิดฐำนบุกรุกบ้ำนนำยเหลี่ยมได้ เพรำะเป็นกำร
กระทำต่อนำยเหลี่ยมซ่งึ เปน็ ผกู้ ่อภยั

ถ้ำหำกนำยกลมเลง็ ปืนยิงไปที่นำยเหล่ยี มเปน็ กำรลงมือกระทำควำมผิดแลว้ นำยกลมจะอำ้ ง
ปอ้ งกันต่อนำยเหล่ยี มได้

ส่วนประเด็นเร่ืองควำมประมำทนั้นข้อนี้ผู้ก่อภัยถูกปืนลั่นตำย นำยกลมเป็นผู้ถูก
ประทุษร้ำยจึงไม่ประมำท แต่ถ้ำผู้ที่ไปประทุษร้ำยคนอื่น เช่น ก ไปดักยิง ข ก เห็น ข เดินผ่ำนมำ
ก ว่ิงเข้ำไปจะยิง ข โดยยังไม่ทันได้เล็งปืนไปท่ี ข ข เข้ำมำแย่งปืน ปืนล่ันถูก ข ตำย ผลจะเป็น
อยำ่ งไรขอให้ดูในคำถำมข้อตอ่ ไป

ข้อ ๙ คาถาม นายแดงต้องการฆ่านายดา นายแดงจึงไปจ้างนายขาวให้ไปฆ่านายดา
นายขาวตกลงแต่ไม่มีปืน จึงไปขอยืมปืนของนายเขียว นายเขียวให้ยืมปืนไปท้ัง ๆ ที่รู้ว่านายขาวจะ
ใช้ปืนน้ันไปยิงนายดา นายขาวซุ่มรออยู่ที่หน้าบ้านนายดาซ่ึงอยู่ติดทางสาธารณะ เม่ือเห็นนายดา
หยิบกุญแจเพ่ือจะเปิดประตูบ้าน นายขาวจึงเดินออกมาจากท่ีซุ่มพร้อมกับหยิบปืนข้ึนมาโดยที่
ยังไม่ได้เล็งไปท่ีนายดา นายดาเหน็ นายขาวก็ทราบวา่ นายขาวจะมาฆ่าตน นายดาไม่มปี ืนจึงว่ิงเข้าไป
แยง่ ปืนจากมอื นายขาว แลว้ มกี ารยื้อแย่งปนื กนั ปรากฏวา่ ปืนลน่ั กระสุนถกู นายดาตาย

ให้วินิจฉัยความรับผิดทางอาญาของนายแดง นายขาว และนายเขียวตามประมวลกฎหมาย
อาญา

คาตอบ หลกั กฎหมายเรือ่ งการกระทาขาดองคป์ ระกอบภายนอก เจตนา ประมาท พยายาม
ผ้ใู ช้ ผสู้ นบั สนนุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙, ๘๐, ๘๔, ๘๖

ความรับผิดทางอาญาของนายขาว นายขาวหยิบปืนข้ึนมาโดยที่ยังไม่ได้เล็งไปท่ีนายดา
นายดาเข้ามาแยง่ ปืนจนปืนลั่นถูกนายดาตายน้นั การกระทาของนายขาวอยู่เพยี งขั้นตระเตรยี มการ
ไม่ถึงขั้นลงมือ ยังไม่เป็นการพยายามกระทาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐
เพราะการกระทาของนายขาวยังไม่ใกล้ชิดต่อผลคือความตายของนายดา การกระทาของ
นายขาวจึงขาดองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม
มาตรา ๒๘๙ (๔)

อย่างไรก็ตาม การที่นายขาวพกปืนมาเพ่ือจะยิงนายดาแลว้ มีการแยง่ ปนื กันจนปนื ลัน่ กระสุน
ถูกนายดาตาย เป็นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นนายขาว
จักต้องมีตามวสิ ัยและพฤติการณ์ และนายขาวอาจใชค้ วามระมัดระวงั เชน่ วา่ นน้ั ได้ แต่หาได้ใชใ้ ห้

44

เพียงพอไม่ เพราะปืนเป็นอาวุธร้ายแรง นายขาวไม่ควรนามาดักยิงผู้อื่น นายขาวจึงมีความผิด
ฐานกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้นายดาถึงแก่ความตายตามมาตรา ๒๙๑ และความผิดฐาน
พาอาวธุ ปนื ไปตามทางสาธารณะโดยไม่มเี หตุสมควรตามมาตรา ๓๗๑

ความรับผิดทางอาญาของนายแดง การกระทาของนายขาวต่อนายดายังไม่ถึงข้ันลงมือและ
ไม่เป็นการพยายามกระทาความผิดดังท่ีวินิจฉัยมาแล้ว ต้องถือว่าความผิดท่ีใช้ยังมิได้กระทาลง
นายแดงผู้ใช้จึงต้องรับโทษหนึ่งในสามของความผิดฐานใช้ให้ฆ่านายดาโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดย
เจตนาตามมาตรา ๒๘๙ (๔) ประกอบมาตรา ๘๔ วรรคสอง แต่นายแดงไม่มีความผิดฐานกระทา
โดยประมาทเป็นเหตุให้ผอู้ ่ืนถงึ แก่ความตายตามมาตรา ๒๙๑ ในฐานะเป็นผู้ใช้ เพราะมาตรา ๘๔
วรรคสาม ท่ีว่าถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทาความผิด ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการนั้น หมายถึงกรณี
ผถู้ กู ใช้ได้กระทาความผิดตามท่ีใช้โดยเจตนาเท่านนั้ การกระทาโดยประมาทจะมกี ารใช้ใหก้ ระทา
ความผดิ ไม่ได้

ความรับผิดทางอาญาของนายเขียว แม้นายเขียวให้นายขาวยืมปืนไปท้ัง ๆ ท่ีรู้ว่านายขาว
จะใช้ปนื นน้ั ไปยิงนายดา แต่การกระทาของนายเขียวก็ไม่เป็นการช่วยเหลอื นายขาวในการกระทา
ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น อันจะเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๘๖ เพราะนายขาวผู้ลงมือไม่มีความผิด
การกระทาของนายเขียวจึงไม่เป็นการสนับสนุนนายขาวในการกระทาความผิดฐานฆ่านายดา
โดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยเจตนา และนายเขียวยังไมม่ ีความผดิ ฐานเป็นผู้สนับสนุนนายขาวในการ
กระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้นายดาถึงแก่ความตาย เพราะผู้สนับสนุนต้องช่วยเหลือหรือ
ให้ความสะดวกในการท่ีผู้อ่ืนกระทาความผิดโดยเจตนาเท่านั้น การกระทาโดยประมาทไม่อาจ
มีผสู้ นับสนนุ ได้

อน่ึง การที่นายเขียวให้นายขาวยืมปืนไปยิงนายดา เป็นการช่วยเหลือนายขาวก่อนกระทา
ความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร นายเขียวจึงเป็นผู้สนับสนุน
นายขาวให้กระทาความผิดตามมาตรา ๓๗๑ ประกอบมาตรา ๘๖ แต่เม่ือเป็นผู้สนับสนุนในการ
กระทาความผิดลหโุ ทษ นายขาวจึงไมต่ อ้ งรบั โทษตามมาตรา ๑๐๖

ข้อ ๑๐ คาถาม นายหนึ่งถอดรองเท้าวางไว้ท่ีบันไดก่อนเดินขึ้นไปบนศาลาวัดเพื่อฟังเทศน์
เมื่อเดินลงมานายหนึ่งเข้าใจว่ารองเท้าของนายสองเปน็ รองเท้าของนายหนึ่ง นายหนงึ่ จึงสวมรองเท้า
ของนายสองกลับบ้าน และนายหน่ึงยังได้หยิบรองเท้าของตน ซ่ึงนายหน่ึงเข้าใจว่าเป็นของนายสอง
ใสถ่ ุงกลับบ้านด้วย

ใหว้ ินิจฉัยวา่ นายหนึง่ มคี วามรบั ผดิ ทางอาญาหรือไม่
คาตอบ หลักกฎหมายเร่ืองการกระทาขาดองค์ประกอบภายใน (เจตนา) ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ การกระทาขาดองค์ประกอบภายนอก
การที่นายหน่ึงสวมรองเท้าของนายสองกลับบ้าน แม้จะเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อ่ืนไป

45

ซ่ึงครบองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานลักทรัพย์ในส่วนวัตถุแห่งการกระทา แต่การที่
นายหนึ่งเข้าใจว่ารองเท้าของนายสองท่ีตนสวมไปเป็นรองเท้าของตน จึงเป็นการเข้าใจผิดว่า
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ทเ่ี อาไปเป็นของตนเอง มีผลเท่ากับนายหน่ึงไม่รขู้ ้อเทจ็ จริงทเี่ ปน็ องคป์ ระกอบ
ความผิดในส่วนวัตถุแห่งการกระทาว่าทรัพย์ที่เอาไปเป็นทรัพย์ของผู้อ่ืน ต้องถือว่านายหน่ึงไม่มี
เจตนากระทาความผิด เพราะถ้าผู้กระทามิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด
จะถือว่าผู้กระทาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทาน้ันมิได้ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๕๙ วรรคสาม การท่ีนายหน่ึงสวมรองเท้าของนายสองกลับบ้าน จึงไม่เป็นความผิด
ฐานลกั ทรพั ย์เพราะขาดองคป์ ระกอบภายใน (เทยี บฎีกาท่ี ๔๖๖๕/๒๕๔๗)

วัตถุแห่งการกระทาของความผิดฐานลักทรัพย์ จะต้องเป็นการเอาไปซ่ึงทรัพย์ของผู้อ่ืน
หรือผอู้ ื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย การท่นี ายหนึ่งได้หยิบรองเท้าของตนซ่ึงนายหน่ึงเข้าใจว่าเปน็ ของ
นายสองใส่ถุงกลับบ้านน้ัน ไม่ใช่ทรัพย์ของผู้อ่ืน จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะ
ขาดองค์ประกอบภายนอกของความผิดในส่วนวัตถุแห่งการกระทา (เทียบฎีกาที่ ๗๑๔๔/๒๕๔๕)
นายหนึ่งจึงไม่มีความรับผิดทางอาญา
ข้อสังเกต คำถำมข้อน้ีต้องกำรทดสอบควำมเข้ำใจเร่ืององค์ประกอบภำยนอกและองค์ประกอบ
ภำยในซ่ึงทั้งสองเรื่องนี้มีแง่มุมทำงวิชำกำรที่น่ำสนใจ เก่ียวกับคำตอบข้อน้ี ส่วนแรกหำกนักศึกษำ
ตอบข้อสอบว่ำนำยหน่ึงสวมรองเท้ำของนำยสองไป ไม่เป็นควำมผิดฐำนลักทรัพย์เพรำะ
ขำดองค์ประกอบภำยนอก นักศึกษำจะไม่ได้คะแนน เพรำะถูกธงแต่เหตุผลผิด เน่ืองจำกข้อเท็จจริง
ตำมคำถำมส่วนน้ีองค์ประกอบภำยนอกของควำมผิดฐำนลักทรัพย์มีอยู่ครบถ้วน คือมีรองเท้ำของ
นำยสองซ่ึงเป็นทรัพย์ของผู้อ่ืนครบองค์ประกอบภำยนอกแล้ว และในส่วนหลังหำกตอบว่ำนำยหน่ึง
หยิบรองเท้ำของตนเองไป ไม่เป็นควำมผิดฐำนลักทรัพย์เพรำะขำดองค์ประกอบภำยใน ก็จะไม่ได้
คะแนน เพรำะถูกธงแต่เหตุผลผิดเช่นเดียวกัน เน่ืองจำกคำตอบส่วนนี้เป็นเรื่องขำดองค์ประกอบ
ภำยนอก คำตอบข้อนี้ท่ีผู้แต่งอ้ำงคำพิพำกษำฎีกำว่ำ เทียบคำพิพำกษำฎีกำ เพรำะข้อเท็จจริงตำม
คำถำมไม่ตรงกับคำพิพำกษำฎีกำ เพียงแต่นำหลักกฎหมำยที่ศำลฎีกำตัดสินไว้มำเทียบเคียง
กำรอ้ำงอิงจึงใช้คำว่ำ เทียบคำพิพำกษำฎีกำ หำกข้อเท็จจริงตำมคำถำมตรงตำมคำพิพำกษำฎีกำ
เวลำอำ้ งก็จะไมใ่ ช้คำว่ำ "เทยี บ" แตจ่ ะอำ้ งคำพพิ ำกษำฎกี ำ ขอใหส้ งั เกตในคำตอบขอ้ อื่นต่อไป

46

องค์ประกอบภายใน

ข้อ ๑๑ คาถาม มะโรงเอาปืนพกออกมาทาความสะอาด เสร็จแล้วจึงยกปืนเล็งไปยังมะเส็ง
เพื่อล้อเล่น โดยเข้าใจว่าไมม่ ีกระสนุ ปืนเหลืออยู่ในลูกโม่ และเหน่ียวไกปืน บังเอิญยงั มีกระสุนปืนค้าง
อยู่ในลูกโม่ ๑ นัด กระสุนปืนถกู มะเสง็ ตาย

ให้วนิ ิจฉัยวา่ มะโรงมคี วามรบั ผดิ ทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่
คาตอบ หลักกฎหมายเร่อื งเจตนา ประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามีใจความสาคัญว่า บุคคลจะต้องรับผิดทางอาญา
เม่อื กระทาโดยเจตนา หรือกรณีประมาททกี่ ฎหมายบัญญัติว่าเปน็ ความผิด
กระทาโดยเจตนา คือ กระทาโดยผ้กู ระทาประสงคต์ อ่ ผลหรือยอ่ มเล็งเห็นผล
หากผู้กระทาไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ประกอบความผิดจะถือว่าประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็น
ผลไม่ได้
กระทาโดยประมาท ได้แก่ กระทาความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทาโดยปราศจากความ
ระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นน้ันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทาอาจใช้ความ
ระมดั ระวังเช่นว่านน้ั ได้ แต่หาได้ใชใ้ หเ้ พียงพอไม่
การท่ีมะโรงยกปืนเล็งไปยังมะเส็งและเหน่ียวไกปืน กระสุนปืนถูกมะเส็งตาย เป็นการฆ่า
ผู้อ่ืนซึ่งครบองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานฆ่าผ้อู ื่น แต่มะโรงจะมคี วามรับผิดทางอาญา
หรือไม่จะต้องพิจารณาองค์ประกอบภายในต่อไป (๓ คะแนน)
การกระทาโดยเจตนาหมายถึงการกระทาท่ีผู้กระทาต้องรู้ข้อเท็จจริงที่เป็นองค์ประกอบ
และประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผล การท่ีมะโรงเข้าใจว่าไม่มีกระสุนปืนเหลืออยู่ในลูกโม่
เป็นกรณที ี่มะโรงไม่รู้ว่าการเหนย่ี วไกปืนเป็นการฆ่ามะเส็ง จะถือว่ามะโรงประสงคต์ ่อผลหรอื ย่อม
เล็งเห็นผลในการฆ่ามะเส็งไม่ได้ เม่ือมะโรงไม่รู้ต้องถือว่าไม่มีเจตนาฆ่ามะเส็ง มะโรงจึงไม่ต้อง
รบั ผดิ ฐานฆ่ามะเส็งโดยเจตนา เพราะขาดเจตนาซงึ่ เปน็ องค์ประกอบภายใน (๔ คะแนน)
แต่การทมี่ ะโรงจ้องปืนไปยังมะเสง็ เป็นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคล
ในภาวะเช่นน้ันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และมะโรงอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่าน้ันได้
แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ เพราะปืนเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง เมื่อไม่ระมัดระวังให้ดี มะโรง
จึงมีความผดิ ฐานกระทาโดยประมาทเปน็ เหตใุ หม้ ะเส็งถึงแกค่ วามตาย (๓ คะแนน)
ตัวอย่างคาตอบท่ี ๑ การที่มะโรงใช้อาวุธปืนยิงมะเส็ง โดยเจตนาเพื่อล้อเล่น และเข้าใจว่า
ปืนไม่มีกระสุนเหลืออยู่เป็นผลให้มะเส็งถูกยิงถึงแก่ความตายจากอาวุธปืนดังกล่าวนั้น เมื่อมะโรง
ไดก้ ระทาการดังกลา่ วไปโดยเจตนาเพ่ือลอ้ เล่นและเข้าใจวา่ อาวุธปืนดังกล่าวไม่มีกระสุน (เป็นกรณีที่
มะโรงไมร่ ู้วา่ การเหนีย่ วไกปืนเป็นการฆ่ามะเส็ง จะถือว่ามะโรงประสงค์ตอ่ ผลหรือย่อมเล็งเหน็ ผล
ในการฆ่ามะเส็งไม่ได้) จึงต้องถือว่ามะโรงมิได้มีเจตนาประสงค์ผลหรือเล็งเห็นผลจากการกระทา
ดังกล่าวอันจะถือว่ามะโรงมีเจตนาฆ่ามะเส็งได้ มะโรงจึงไม่ต้องรับผิดในผลคือความตายของมะเส็ง
ในฐานความผดิ ฆ่าคนตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ (๔ คะแนน)

47

อนึ่ง แม้มะโรงจะมิได้มีเจตนาฆ่ามะเส็งก็ตาม แต่การที่มะโรงใช้อาวุธปืนยิงมะเส็งโดยเข้าใจ
ว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีลูก ซึ่งหากมะโรงใช้ความระมัดระวังตรวจดูก็จะทราบได้โดยง่ายว่าอาวุธปืน
ดังกล่าวมีกระสุนตกค้างอยู่หรือไม่ การกระทาดังกล่าวของมะโรงจึงเป็นการกระทาโดยปราศจาก
ความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นมะโรงจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ซ่ึงมะโรงผู้กระทา
สามารถใช้ความระมัดระวังเช่นว่าน้ันได้แต่หาใช้ให้เพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทาโดยประมาท เมื่อ
มะเส็งถึงแก่ความตายจากการกระทาโดยประมาทของมะโรง มะโรงจึงต้องรับผิดในผลที่เกิดข้ึนจาก
การกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้มะเส็งถึงแก่ความตายตามมาตรา ๒๙๑ ประกอบมาตรา ๕๙
วรรคสี่ (๓ คะแนน ไม่ไดต้ อบว่าครบองคป์ ระกอบภายนอก ได้รวมเพยี ง ๗ คะแนน)

ตัวอยา่ งคาตอบท่ี ๒ กรณีตามปัญหาการทม่ี ะโรงทาความสะอาดปืนพกเสร็จแล้วยกปืนขึ้น
เล็งไปท่ีมะเส็งเพื่อล้อเล่นโดยเข้าใจว่าไม่มีกระสุนเหลืออยู่ที่ลูกโม่นั้น ถือได้ว่ามะโรงไม่มีเจตนา
ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทา แม้การกระทาของมะโรงจะครบองค์ประกอบ
ภายนอกของการกระทาความผิดอาญาฐานฆ่าผู้อื่น (๓ คะแนน) (แต่เป็นกรณีที่มะโรงไม่รู้ว่าการ
เหน่ียวไกปืนเป็นการฆ่ามะเส็ง จะถือว่ามะโรงประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลในการฆ่ามะเส็ง
ไม่ได้) แต่มะโรงไม่มีเจตนาฆ่าผู้อื่น การกระทาของมะโรงจึงไม่มีความรับผิดทางอาญาแต่อย่างใด
(๒ คะแนน) อย่างไรก็ตาม ปืนถือเป็นอาวุธร้ายแรง ผู้ครอบครองจะต้องใช้ความระมัดระวังในการ
ตรวจสอบและการใช้การที่มะโรงไม่ตรวจสอบให้ดีแล้วยกขึ้นเล็งไปที่มะเส็ง (เป็นการกระทาโดย
ปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นน้ันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และมะโรง
อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่) ถือได้ว่าเกิดจากความประมาท
ซึ่งกรณีกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิด มะโรงจึงต้องรับผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้มะเส็ง
ถงึ แก่ความตาย (๒ คะแนน รวม ๗ คะแนน)

ตัวอย่างคาตอบที่ ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคหน่ึง วางหลักวา่ บุคคล
จะต้องรับผิดทางอาญาต่อเมื่อได้กระทาโดยเจตนา เว้นแต่ จะได้กระทาโดยประมาทในกรณีที่
กฎหมายบัญญัติให้ตอ้ งรับผิดเมื่อได้กระทาโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดย
แจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้กระทาโดยไม่มีเจตนา วรรคสอง วางหลักว่ากระทาโดยเจตนาได้แก่การ
กระทาโดยรู้สานึกในการที่กระทา และในขณะเดียวกันผู้กระทาประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผล
ของการกระทานั้น (ขาดเรื่อง ไม่รู้ข้อเท็จจริงท่ีเป็นองค์ประกอบจะถือว่าประสงค์ต่อผลหรือย่อม
เล็งเห็นผลไม่ได้) และวรรคส่ี วางหลักว่า กระทาโดยประมาท ได้แก่ กระทาความผดิ มิใชโ่ ดยเจตนา
แต่กระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์
และผูก้ ระทาอาจใชค้ วามระมัดระวงั ไดแ้ ตห่ าไดใ้ ชใ้ หเ้ พยี งพอไม่

ตามปัญหา การที่มะโรงยกปืนเล็งไปยังมะเส็งเพื่อล้อเล่น โดยเข้าใจว่าไม่มีกระสุนปืน
เหลืออยู่ในลูกโม่และเหนี่ยวไกปืน กระสุนปืนถูกมะเส็งตาย ประเด็นท่ีต้องพิจารณาสาหรับการ
กระทาของมะโรง มีดังนี้ การกระทาของมะโรงจะเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา
๒๘๘ ประกอบมาตรา ๕๙ วรรคหนึ่ง, วรรคสอง หรือเป็นความผิดฐานทาให้ผูอ้ ่นื ถงึ แกค่ วามตายโดย

48

ประมาทตามมาตรา ๒๙๑ ประกอบมาตรา ๕๙ วรรคสี่
ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา ๒๘๘ มีองค์ประกอบความผิดดังนี้ ๑. มีเจตนา

ฆา่ ซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบภายใน ๒. ผอู้ ื่นซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบภายนอก (องค์ประกอบภายนอกต้องมา
ก่อนองค์ประกอบภายใน) ตามปัญหาการที่นายมะโรงยกปืนเล็งไปทางมะเส็ง มะโรงมีเจตนาเพียง
ล้อเล่นมิได้มีเจตนาฆ่ามะเส็ง ดังน้ัน (เป็นกรณีท่ีมะโรงไม่รู้ว่าการเหนี่ยวไกปืนเป็นการฆ่ามะเส็ง
จะถือว่ามะโรงประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลในการฆ่ามะเส็งไม่ได้) จึงขาดองค์ประกอบเรื่อง
เจตนาฆ่าอันเป็นองค์ประกอบภายในของความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๕๙
วรรคหน่ึง และวรรคสอง ดังน้ัน การกระทาของมะโรงไม่เป็นความผิดฐานฆ่ามะเส็งโดยเจตนาตาม
มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๕๙ วรรคแรก และ วรรคสอง (๓ คะแนน)

แต่อย่างไรก็ตาม การกระทาของมะโรงที่ยกปืนเล็งไปยังมะเส็งโดยไม่ดูให้ดีเสียก่อนว่าปืน
ยังมีกระสุนหรือไม่ เป็นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นนายมะโรง
จะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และนายมะโรงอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้
ใหเ้ พียงพอไม่ ดังน้ัน การกระทาของมะโรงจงึ เป็นความผดิ ฐาน ฆา่ (กระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้)
มะเส็งตายโดยประมาทตามมาตรา ๒๙๑ (ใหด้ ูมาตรา ๒๘๘ ใช้คาว่า "ฆ่า" แตม่ าตรา ๒๙๑ ใช้คา
ว่า "กระทาโดยประมาท" ใช้คาตามมาตรา ๒๙๑ น่าจะดีกว่า) ประกอบมาตรา ๕๙ วรรคส่ี
(๓ คะแนน รวม ๖ คะแนน)

ตัวอย่างคาตอบท่ี ๔ การท่ีมะโรงยกปืนขึ้นเล็งไปยังมะเส็งและเหน่ียวไกปืนถูกมะเส็งตาย
โดยรู้สานึกถือได้ว่ามีการกระทาถึงข้ันลงมือในความผิดฐานฆ่าผู้อ่ืนแล้ว (คาถามข้อนี้ต้องการให้
ตอบว่าครบองค์ประกอบภายนอกในความผิดฐานฆ่าผู้อืน่ ว่ามีการ "ฆ่า" ไม่ได้ถามว่าลงมือแล้ว
หรือไม่) แต่มะโรงทาเพราะล้อเล่นมิได้มีเจตนาฆ่า อีกท้ังเข้าใจว่าปืนไม่มีกระสุน การยิงปืนท่ีไม่มี
กระสุนย่อม ไม่เป็นการฆ่า (แม้การยิงปืนจะเป็นการฆ่า แต่ก็) ทาให้การกระทาขาดองค์ประกอบ
(ภายในของ) ความผิด เมื่อมะโรงไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดจึงถือไม่ได้ว่ามะโรง
ประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผล มะโรงจึงไม่ต้องรับผิดฐานฆ่าคนตายโด ยเจตนาเพราะขาด
องคป์ ระกอบความผดิ ในเรือ่ งเจตนา (๓ คะแนน)

อย่างไรก็ตามการท่ีมะโรงเล็งปนื และเหนีย่ วไกปืนไปทม่ี ะเสง็ โดยไม่ตรวจดูให้ดีเสยี กอ่ นว่ามี
กระสุนหรือไม่ (เป็นการกระทาโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมี
ตามวิสัยและพฤติการณ์ และมะโรงอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอ
ไม่) อีกท้ังบุคคลท่ัวไปต้องใช้ความระมัดระวังไม่เล็งปืนไปที่บุคคลอื่น เพราะปืนเป็นอาวุธอันตราย
ถือได้ว่าเป็นการกระทาโดยประมาท มะโรงจึงต้องรับผิดฐานทาให้คนตายโดยประมาท (๒ คะแนน
ไดร้ วม ๕ คะแนน)

49

ขอ้ ๑๒ คาถาม นายเอกเก็บปืนขนาด .๓๘ ได้ ๑ กระบอก นายเอกจึงไปซ้ือลูกกระสุนปืน
บรรจุดินปืนอัดด้วยกระดาษใส่จนเต็มรังเพลิง เพื่อเอาไว้หลอกผู้อื่นเวลาใช้ปืน เพราะไม่มีเงินซ้ือ
ลูกกระสุนปืนบรรจุเม็ดตะก่ัวท่ีใช้กันตามปกติ วันหนึ่งนายเอกดื่มสุรากับนายโทที่หน้าบ้านของ
นายเอกแล้วทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน นายเอกไล่นายโทให้กลับบ้าน นายโทไม่ยอมกลับและชกต่อย
นายเอกอกี นายเอกจึงเดนิ เข้าไปในบ้านหยบิ ปนื ทเ่ี ก็บได้ดงั กลา่ วยิงนายโทโดยเล็งไปทีห่ น้าอก ๑ นัด
นายโทหลบกระสุนปืนไม่ถูกนายโท นายโทใจดีสู้เสอื กระโดดเข้ามาแยง่ ปืนจากมือนายเอกแล้วใช้ปืน
ดงั กล่าวยิงถูกนายเอกทีห่ น้าอก นายเอกมแี ผลถลอกเล็กน้อย

ให้วินจิ ฉัยความผิดของนายเอกและนายโทในความผิดต่อชวี ติ
คาตอบ นายเอกยิงนายโทโดยเล็งปืนไปที่หน้าอก ๑ นัด นายโทหลบ กระสุนปืนไม่ถูก
นายโท แม้ในกรณีท่ัวไปจะถือว่ามีเจตนาฆ่า แต่นายเอกทราบว่าลูกกระสุนปืนบรรจุดินปืนอัดด้วย
กระดาษ นายเอกย่อมรู้ว่าการใช้ปืนยิงนายโทไม่สามารถทาให้นายโทถึงแก่ความตายได้ นายเอก
มิได้ประสงค์ต่อผลคือความตายของนายโท ต้องถือว่านายเอกไม่มีเจตนาฆ่านายโท นายเอกจึง
ไมม่ คี วามผิดฐานพยายามฆ่านายโท (ฎีกาที่ ๙๕๐/๒๕๕๒)
นายโทใช้ปืนยิงถูกนายเอกที่หน้าอก เป็นการลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้วแต่การ
กระทาน้ันไม่บรรลุผล ถือว่านายโทพยายามกระทาความผิดแล้ว แม้ลูกกระสุนปืนบรรจุดินปืน
อัดด้วยกระดาษ แต่นายโทไม่ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว ต้องถือว่านายโทมีเจตนาฆ่านายเอกแล้ว
เพราะการใช้ปืนยิงท่ีหน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสาคัญถือว่าประสงค์ต่อชีวิต แต่เป็นการกระทาการ
โดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่การกระทานั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่าง
แน่แท้ เพราะเหตุปจั จัยซ่ึงใช้ในการกระทาคือลูกกระสนุ ปนื บรรจุดินปืนอัดด้วยกระดาษ ต้องถือว่า
นายโทพยายามกระทาความผิด แต่ให้ลงโทษไม่เกินก่ึงหนึ่งของโทษที่กฎหมายกาหนดไว้สาหรับ
ความผิดนน้ั นายโทจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อน่ื โดยไมส่ ามารถจะบรรลผุ ลได้อย่างแนแ่ ท้
ข้อสังเกต คำถำมข้อนี้ถ้ำไม่ได้จำกัดขอบเขตให้วินิจฉัยควำมผิดของนำยเอกในควำมผิดต่อชีวิต
นำยเอกอำจมีควำมผิดฐำนใช้กำลังทำร้ำยผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรำยแก่กำยหรือจิตใจ
ตำมมำตรำ ๓๙๑ และฐำนยิงปืนซ่ึงใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้ำนหรือที่ชุมนุมชนตำม
มำตรำ ๓๗๖ แต่กำรสอบผู้ช่วยผู้พพิ ำกษำและเนติฯ ควำมผิดลหุโทษจะไม่มีในธงคำตอบ เพรำะกำร
ตอบควำมผิดในภำค ๒ ควำมผิด ก็มีประเด็นมำกมำยจนเขียนตอบกันไม่ทันอยู่แล้ว ส่วนข้อสอบ
อัยกำรผู้ช่วยท่ีผ่ำนมำธงคำตอบจะมีควำมผิดลหุโทษด้วย ก็ขอให้ดูว่ำในธงคำตอบของแต่ละ
สนำมสอบยังเปน็ ไปตำมข้อสงั เกตนหี้ รอื ไม่
ฎกี าที่ ๙๕๐/๒๕๕๒ ฎ.๒๐๓ กระสุนปืนที่จาเลยใช้ยิงผู้เสียหายไม่ได้บรรจุเมด็ ตะกั่ว บรรจุ
เฉพาะดินปืนอดั ด้วยกระดาษเท่านั้น จาเลยทราบดีว่าไม่สามารถทาให้ผู้เสยี หายถงึ แก่ความตายหรือ
ไดร้ ับอันตรายแกก่ าย การกระทาของจาเลยจงึ ถอื ไมไ่ ดว้ า่ มีเจตนาฆ่าผเู้ สยี หาย

50

ข้อ ๑๓ คาถาม นายแดงใช้ก้อนหินก้อนไม่ใหญ่ขว้างนายดาจนศีรษะแตก และหินกระเด็น
ไปถูกรถยนต์ของนายม่วงกระจกแตก มีพลเมืองดีพานายดาไปส่งโรงพยาบาล แต่นายดาเป็น
โรคโลหิตไหลไม่หยุดจึงถึงแก่ความตายก่อนถึงโรงพยาบาล หากนายดาไม่เป็นโรคนี้ก็จะไม่ถึงแก่
ความตาย

ใหว้ นิ ิจฉยั ว่า นายแดงมคี วามผดิ ฐานใด
คาตอบ นายแดงใช้กอ้ นหนิ ก้อนไมใ่ หญ่ขว้างนายดาศรี ษะแตก เปน็ การกระทาโดยประสงค์
ต่อผลในการทาร้ายผู้อ่ืนให้เกิดอันตรายแก่กาย จึงมีเพียงเจตนาทาร้ายร่างกายตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ การที่นายดาศีรษะแตกมพี ลเมืองดพี านายดาไปส่งโรงพยาบาล แต่นาย
ดาเป็นโรคโลหิตไหลไม่หยุด จึงถงึ แก่ความตายก่อนถงึ โรงพยาบาลน้นั เมื่อพิจารณาผลโดยตรงตาม
ทฤษฎีเง่ือนไขที่ว่า ถ้าไม่ทาผลไม่เกิด ถือว่าผลเกิดจากการกระทานั้น แม้จะมีเหตุอ่ืนประกอบ
ด้วยก็ตาม กรณีน้ีถ้านายแดงไม่ใช้ก้อนหินขว้างนายดา ศีรษะนายดาจะไม่แตกจนโลหิต
ไหลไม่หยุดจนถึงแก่ความตาย ต้องถือว่าความตายของนายดาเป็นผลโดยตรงจากการกระทา
ของนายแดงตามทฤษฎีเง่ือนไขแล้ว แม้นายดาเป็นโรคโลหิตไหลไม่หยุดจึงถึงแก่ความตายก่อนถึง
โรงพยาบาล หากนายดาไม่เป็นโรคนี้ก็จะไม่ถึงแก่ความตาย แต่โรคดังกล่าวเป็นสิ่งที่มีอยู่ก่อน
กระทา ไม่ใช่เหตุแทรกแซง เพราะเหตุแทรกแซงต้องเป็นเหตุท่ีเกิดขึ้นหลังการกระทาผิด
เม่ือความตายของนายดาเป็นผลโดยตรงจากการทาร้ายของนายแดง โดยไม่มีเหตุแทรกแซง
นายแดงจึงมคี วามผดิ ฐานทารา้ ยจนเป็นเหตุให้นายดาถงึ แกค่ วามตายตามมาตรา ๒๙๐
ส่วนการท่ีนายแดงใช้ก้อนหินขว้างนายดาและหินกระเด็นไปถูกรถยนต์ของนายม่วงกระจก
แตกน้ัน แม้ผู้ใดเจตนาท่ีจะกระทาต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทาเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดย
พลาดไป ให้ถือว่าผู้น้ันกระทาโดยเจตนาแก่บุคคลซ่ึงได้รับผลร้ายจากการกระทาน้ันตามมาตรา
๖๐ แต่จะถือเอาเจตนาที่นายแดงมีเจตนาทาร้ายนายดาเป็นเจตนาทาให้เสียทรัพย์โดยพลาด
ไม่ได้ เพราะเจตนาทาร้ายผู้อ่ืนเป็นเจตนาคนละประเภทกับเจตนาทาให้เสียทรัพย์ อีกท้ังกรรม
ของการกระทาก็ต่างกัน จึงถือว่าเป็นการกระทาโดยพลาดมิได้ แม้นายแดงอาจจะกระทาโดย
ประมาท แต่การทาให้เสียทรัพย์โดยประมาทไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดตามประมวล
กฎหมายอาญา (ฎีกาที่ ๒๒๗๗/๒๕๕๔) นายแดงจึงไมม่ คี วามผิดทางอาญาตอ่ นายม่วง
ฎีกาที่ ๒๒๗๗/๒๕๕๔ ฎ.๔๖๑ จาเลยท้ังสองเข้าไปในบ้านผู้เสียหายและใช้ก้อนหินขว้าง
ผู้เสียหายแต่ไม่ถูก แต่เป็นเหตุให้กระเบื้องหลังคาแตก การกระทาของจาเลยทั้งสองจึงเป็นความผิด
ฐานพยายามทาร้ายร่างกายผู้เสียหายและฐานบุกรุกเคหสถานต้ังแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน
อันเป็นการกระทากรรมเดียวผดิ ต่อกฎหมายหลายบท
แต่สาหรับความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ ตามคาฟ้องของโจทก์บรรยายว่า ก้อนหินที่ขว้างไป
ถูกกระเบื้องหลังคา แสดงว่าเป็นเพราะพลาดไปถูกหลังคา มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจาเลย
ท้ังสองมีเจตนาทาให้เสียทรัพย์ด้วย จึงถือเอาเจตนาท่ีจาเลยท่ี ๑ และท่ี ๒ มีเจตนาทาร้ายผู้เสียหาย
เป็นเจตนาทาให้เสียทรัพย์โดยพลาดตาม ป.อ. มาตรา ๖๐ ด้วยไม่ได้ เพราะเจตนาทาร้ายผู้อื่นเป็น


Click to View FlipBook Version