The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.3 No. 2 July – December 2020 26
เตรียมอุปกรณ์ขอ้ สะโพกเทียมและขอ้ เข่าเทียมจากทุก http://warakornclinic.com/content/30.pdf.
ขนาดเป็ นเตรียมได้ตรงกบั ขนาดที่เหมาะสมกบั ผูป้ ่ วย วโิ รจน์ กวนิ วงศโ์ กวทิ .โรคขอ้ เข่าเสื่อมเป็นปัญหา
สะดวกรวดเร็ว ช่วยลดเวลาในการผ่าตดั ท้งั ยงั ช่วยลด
ค่าใช้จ่ายที่เป็ นตน้ ทุนในการผ่าตดั เช่น ค่าแรง ค่าวสั ดุ สาธารณสุขที่สาคญั .สืบคน้ เม่ือ 20 ธนั วาคม
ค่าลงทุน เช่นการทาให้อุปกรณ์เวอร์เนียคาลิปเปอร์ 2560, จากวกิ ิพีเดีย
ปราศจากเช้ือ https://med.mahidol.ac.th/ortho/sites/default/fil
es/public/file/pdf/knee_book_0.pdf.
4. เสนอต่อผูเ้ ก่ียวขอ้ ง เช่น แพทย์ ในเรื่องการ Kenneth L. B & Barry T. A. (1987). Textbook of
ผา่ ตดั เปล่ียนขอ้ เข่าเทียมเป็ นการตดั ผิวขอ้ กระดูกท่ีเสื่อม radiographic positioning and retated anatomy.
ออกสัมพนั ธ์กับความรุนแรงของโรคการวดั ตาแหน่ง Ed.2,st.Louis, C.V. Mosby,.
กระดูกจริ งด้วยเวอร์เนียคาลิปเปอร์อาจเกิดความ Stewart C. B. (2004). Geometric Factors .Radiologic
คลาดเคลื่อน ไม่ตรงกับตาแหน่งการวดั จากภาพรังสี Science for Technologist.;279-280.
ดิจิตอล ศลั ยแพทยก์ ระดูกสามารถพิจารณาปรับใช้ให้ Surface landmark. สืบคน้ เม่ือ 25 ธนั วาคม 256, จากวกิ ิพี
เหมาะสมกบั ความรุนแรงของโรคได้ เดีย
http://downloads.lww.com/wolterskluwer_vital
เอกสารอ้างองิ stream_com/sample-
จุฑาสินี พรพทุ ธศรี.งานวดั และตรวจสอบ.สืบคน้ เม่ือ 10 content/9781582558011_Moorcroft/samples/C
hapter_05.pdf.279-280.
มกราคม 2561,จากวกิ ิพีเดีย
http://pws.npru.ac.th/Jutasinee/data/files.9A.pdf.
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช จงั หวดั
สุพรรณบุรี.(2560).ฐานขอ้ มูลงานสารสนเทศ
โปรแกรม HosXP.
วรากร จริงจิตร. การผา่ ตดั ขอ้ สะโพกเทีย. สืบคน้ เมื่อ 4
มกราคม 2561, จากวกิ ิพีเดีย
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลเซลลว์ ทิ ยานรี
เวชจากการตรวจด้วยวธิ ีแป๊ปสเมยี ร์
แบบดั้งเดิมและผลจลุ พยาธวิ ิทยา ณ
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 105 ความสัมพันธ์ระหว่างผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจ
ปีท่ี 40 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มีนาคม 2564 ด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิม และผลจุลพยาธิวิทยา
ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
ความสัมพนั ธ์ระหว่างผลเซลลว์ ทิ ยานรีเวชจากการตรวจ ินพน ์ธ ้ตนฉบับ Original Article
ดว้ ยวธิ ีแปป๊ สเมียร์แบบดัง้ เดิมและผลจลุ พยาธิวิทยา
ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
Correlation between Gynecologic Cytology from Conventional
Papanicolaou Smears and Histopathological Findings
at Chaophraya Yommarat Hospital
สุพัชร์ กอกติ รัตนกุล, พ.บ., ส.ม. Supat Gogitrattanagul, M.D., M.P.H.
วว. พยาธวิ ทิ ยากายวภิ าค Dip., Thai Board of Anatomical Pathology
กลมุ่ งานพยาธวิ ทิ ยากายวภิ าค Division of Anatomical Pathology
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช Chaophraya Yommarat Hospital
จงั หวดั สพุ รรณบุรี Suphan Buri
บทคัดยอ่
วตั ถปุ ระสงค์ : ศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลเซลลว์ ทิ ยานรเี วชจากการตรวจดว้ ยวธิ แี ปป๊ สเมยี รแ์ บบดงั้ เดมิ
และผลจุลพยาธวิ ิทยา รวมถึงศกึ ษาความไวและความจ�ำเพาะของการตรวจเซลลว์ ทิ ยานรเี วชด้วยวธิ ีแปป๊ สเมียรแ์ บบ
ด้งั เดมิ ในการคดั กรองความผดิ ปกตขิ องเซลล์เย่อื บุและมะเร็งปากมดลกู
วธิ กี ารศกึ ษา : การศกึ ษาเชงิ วเิ คราะหย์ อ้ นหลงั จากเวชระเบยี น โดยทบทวนผลเซลลว์ ทิ ยานรเี วชจากการตรวจ
แป๊ปสเมียรแ์ บบดง้ั เดมิ ของผู้ทีเ่ ข้ารับการตรวจ ตง้ั แตว่ ันที่ 1 มกราคม ถงึ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 จากน้นั ติดตามผล
ทางจลุ พยาธิวทิ ยาของขอ้ มูลดงั กลา่ ว เพือ่ วเิ คราะหข์ อ้ มูล
ผลการศึกษา : กลุ่มตัวอยา่ ง 256 ราย ผลเซลลว์ ทิ ยานรีเวชจากการตรวจดว้ ยวิธแี ป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดมิ มี
ความสมั พนั ธก์ บั ผลจลุ พยาธวิ ทิ ยา (c2 = 100.0,คา่ p<.001) และมคี วามสมั พนั ธอ์ ยใู่ นระดบั สงู (Cramer’s V = 0.625)
ความไวและความจ�ำเพาะของการตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิมในการคัดกรองความผิดปกติ
ของเซลลเ์ ย่ือบุและมะเรง็ ปากมดลกู เท่ากบั รอ้ ยละ 98.2 และ 71.0 ตามลำ� ดับ
สรุป : การตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิม สามารถน�ำมาใช้ในการคัดกรองความผิด
ปกตขิ องเซลลเ์ ยื่อบแุ ละมะเร็งปากมดลกู ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
คำ� ส�ำคญั : แปป๊ สเมียร์ จลุ พยาธิวทิ ยา ปากมดลกู
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 2564 ; 40(1) : 105-111.
105
Region 4-5 Medical Journal 106 Correlation between Gynecologic Cytology from
Vol. 40 No. 1 January-March 2021 Conventional Papanicolaou Smears and Histopathological
Findings at Chaophraya Yommarat Hospital
ABSTRACT
Objective : The aim was to study a correlation between gynecologic cytology from
conventional Papanicolaou smears and histopathological findings. In addition, the research also
includes studying sensitivity and specificity of conventional Papanicolaou smears as screening tests
in epithelial cell abnormalities and malignancy of cervix.
Methods : The research was retrospective cohort study. Gynecologic cytology from
conventional Papanicolaou smear results since 1 January until 31 December 2019 had been reviewed
by the researcher. After that, histopathological findings of those aforementioned data were followed
for analysis.
Results : The sample of this research was 256 results of gynecologic cytology from
conventional Papanicolaou smear. Furthermore, the gynecologic cytology from conventional
Papanicolaou smear had a correlation to histopathological findings (c2 = 100.0, p-value<.001) and
could be also considered as a high level of correlation (Cramer’s V = 0.625). Finally, the sensitivity
and the specificity in the study were 98.2 percent and 71.0 percent respectively.
Conclusion : The conventional Papanicolaou smear can be effectively used as a test for
screening epithelial cell abnormalities and malignancy of cervix.
Keywords : pap smear, histopathology, cervix
Received : Jun 22, 2020 Revised : Jul 5, 2020 Accepted : Sep 6, 2020
Reg 4-5 Med J 2021 ; 40(1) : 105-111.
บทนำ� ตอนการเก็บส่ิงส่งตรวจ การย้อมสีสไลด์ การแปลผล
ตลอดจนการรายงานผล และบางกรณตี อ้ งพจิ ารณารว่ ม
ใน พ.ศ. 2561 ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วย กบั ผลจลุ พยาธิวิทยาอันเปน็ การวินจิ ฉัยสดุ ทา้ ย
มะเร็งปากมดลูกรายใหม่ 8,622 ราย คิดเป็นร้อยละ
10.1 ของผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั้งหมดในเพศหญิง ดังนั้นผู้วิจัยจึงท�ำการศึกษาเชิงวิเคราะห์ย้อน
และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 5,015 ราย1 หลังจากเวชระเบียน เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง
ปัจจัยท่ีมีผลต่ออุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ ผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์
ความชกุ ของการตดิ เชอ้ื เอชพวี ี (HPV) ในกลมุ่ ประชากร แบบดงั้ เดิมและผลจลุ พยาธิวทิ ยา รวมถงึ ศกึ ษาความไว
และประสทิ ธภิ าพของการตรวจคัดกรอง2 และความจำ� เพาะของการตรวจเซลลว์ ทิ ยานรเี วชดว้ ยวธิ ี
แปป๊ สเมยี รแ์ บบดงั้ เดมิ ในการคดั กรองความผดิ ปกตขิ อง
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชใช้วิธีการตรวจ เซลลเ์ ยอื่ บแุ ละมะเรง็ ปากมดลกู เพอ่ื นำ� ความรทู้ ไี่ ดร้ บั มา
แป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิมในการตรวจคัดกรองมะเร็งปาก พัฒนางานด้านเซลล์วิทยาของโรงพยาบาลเจ้าพระยา
มดลูก โดยค�ำนึงถึงความพร้อมของทรัพยากรอย่างไร ยมราช อีกท้ังผู้วิจัยหวังว่างานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์
ก็ตามการตรวจแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิมเป็นการตรวจ ในการพฒั นางานดา้ นเซลลว์ ทิ ยาสำ� หรบั องคก์ รอนื่ ตอ่ ไป
คัดกรองและยังมีข้อจ�ำกัดในหลายประการ ตั้งแต่ข้ัน
106
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 107 ความสัมพันธ์ระหว่างผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจ
ปีที่ 40 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มีนาคม 2564 ด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิม และผลจุลพยาธิวิทยา
ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
วิธีการศึกษา ผลจุลพยาธิวิทยาวินิจฉัยเป็นความผิดปกติของ
อวัยวะอื่นนอกเหนือจากปากมดลกู
วิจัยนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงวิเคราะห์แบบ
ย้อนหลัง ผู้วิจัยท�ำการทบทวนข้อมูลจากเวชระเบียน ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ
อย่างเป็นระบบโดยทบทวนผลเซลล์วิทยานรีเวชจาก ของผู้เข้ารับการตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ป
การตรวจแปป๊ สเมยี รแ์ บบดง้ั เดมิ ของผทู้ เ่ี ขา้ รบั การตรวจ สเมียร์แบบด้ังเดิมซึ่งมีผลการตรวจอยู่ในกลุ่มตัวอย่าง
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ด้วยค่าน้อยที่สุด ค่ามากที่สุด ร้อยละ ค่าเฉล่ีย และ
และติดตามผลจุลพยาธิวิทยาของผู้ที่เข้ารับการตรวจ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลผลเซลล์วิทยา
แปป๊ สเมยี รแ์ บบดงั้ เดมิ ดงั กลา่ ว ตง้ั แตว่ นั ที่ 1 มกราคม 2562 นรีเวชจากการตรวจด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิม
ถึง 30 เมษายน 2563 เน่ืองด้วยในการรักษาแพทย์ และผลจุลพยาธิวิทยาด้วยค่าร้อยละ วิเคราะห์ความ
มกั พจิ ารณาผลเซลลว์ ทิ ยานรเี วชกอ่ น จงึ ทำ� หตั ถการเพอื่ สัมพันธ์ระหว่างผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจด้วย
สง่ ตรวจทางจลุ พยาธวิ ิทยาตามแนวทางปฏบิ ัต3ิ วิธีแป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิมและผลจุลพยาธิวิทยาด้วยค่า
ไคสแควร์ (chi-square) ก�ำหนดนัยส�ำคัญทางสถิติท่ี
กลุ่มตัวอย่าง คือ ผลเซลล์วิทยานรีเวชจาก ระดับ .05 โดยใช้โปรแกรมส�ำเร็จรูป SPSS วิเคราะห์
การตรวจด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิมของผู้ท่ีเข้ารับ ระดบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลเซลลว์ ทิ ยานรเี วชจากการ
การตรวจ ณ โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช ตงั้ แต่วนั ที่ ตรวจดว้ ยวธิ แี ปป๊ สเมยี รแ์ บบดงั้ เดมิ และผลจลุ พยาธวิ ทิ ยา
1 มกราคม ถึง 31 ธนั วาคม 2562 และมผี ลจุลพยาธิ ดว้ ยคา่ สมั ประสทิ ธส์ิ หสมั พนั ธว์ ขี องคราเมอร์(Cramer’sV)
วทิ ยาซงึ่ เปน็ การวนิ จิ ฉยั สดุ ทา้ ยผวู้ จิ ยั เกบ็ ขอ้ มลู ระหวา่ ง โดยผวู้ จิ ยั กำ� หนดความหมายของคา่ สมั ประสทิ ธสิ์ หสมั พนั ธ์
วนั ที่ 10 มถิ ุนายน – 10 กรกฎาคม 2563 โดยมเี กณฑ์ แสดงรายละเอยี ดในตารางท่ี 14,5 และวเิ คราะหค์ วามไว
การคดั เขา้ คอื กลมุ่ ตวั อยา่ งตอ้ งเปน็ ผลเซลลว์ ทิ ยานรเี วช และความจ�ำเพาะของการตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วย
จากการตรวจด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิมของผู้ที่เข้า วิธีแป๊ปสเมยี ร์แบบดง้ั เดมิ ในการคัดกรองความผิดปกติ
รบั การตรวจ ณ โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช ตง้ั แตว่ นั ที่ ของเซลล์เยื่อบุและมะเร็งปากมดลูก ด้วยค่าความไว
1 มกราคม ถงึ 31 ธนั วาคม 2562 และมเี กณฑก์ ารคดั ออก (sensitivity) และความจำ� เพาะ (specificity) ตามลำ� ดบั
ในกรณีไม่มีผลจุลพยาธิวิทยา ไม่สามารถรายงานผล
จุลพยาธิวิทยาที่เป็นการวินิจฉัยสุดท้ายได้ รวมถึง
ตารางท่ี 1 ความหมายของคา่ สมั ประสิทธิส์ หสัมพนั ธ์วขี องคราเมอร์ (Cramer’s V)4,5
คา่ สัมประสทิ ธสิ์ หสัมพันธว์ ีของคราเมอร์ ความหมาย
0.00 สองตัวแปรไม่มคี วามสัมพนั ธ์
สองตัวแปรมคี วามสมั พนั ธใ์ นระดับต่�ำ
0.01 – 0.25 สองตวั แปรมีความสัมพันธร์ ะดบั ปานกลาง
0.26 – 0.55 สองตัวแปรมคี วามสมั พันธใ์ นระดบั สงู
0.56 – 0.75 สองตัวแปรมคี วามสมั พันธ์ในระดับสงู มาก
0.76 – 0.99 สองตวั แปรมีความสัมพนั ธอ์ ย่างสมบรู ณ์
1.00
107
Region 4-5 Medical Journal 108 Correlation between Gynecologic Cytology from
Vol. 40 No. 1 January-March 2021 Conventional Papanicolaou Smears and Histopathological
Findings at Chaophraya Yommarat Hospital
ผลการศึกษา ผลการวิจัย พบว่าส่วนใหญ่อายุของผู้เข้ารับ
การตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบ
มีผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจด้วยวิธี ด้ังเดิมซ่ึงมีผลการตรวจอยู่ในกลุ่มตัวอย่างอยู่ในช่วง6
แป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิมได้รับการตรวจเพิ่มเติมทางจุล 30 - 60 ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 77 ของทงั้ หมด โดยมอี ายนุ อ้ ย
พยาธิวิทยา 266 ราย เม่ือพิจารณาผลจุลพยาธิวิทยา ท่ีสดุ 19 ปี มอี ายมุ ากท่สี ุด 90 ปี มีอายุเฉลย่ี 47.33 ปี
พบวา่ มี 7 รายที่ไม่สามารถรายงานผลจุลพยาธวิ ิทยาท่ี และมสี ่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของอายุ เท่ากับ 13.53 ปี
เปน็ การวนิ จิ ฉยั สดุ ทา้ ยได้ และ 3 รายทผ่ี ลจลุ พยาธวิ ทิ ยา
วินิจฉัยเป็นความผิดปกติของอวัยวะอื่นนอกเหนือจาก ข้อมูลผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจด้วย
ปากมดลกู อย่างไรก็ตามมี 256 ราย ท่เี ข้าเกณฑ์กล่มุ วิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิมและผลจุลพยาธิวิทยา ณ
ตัวอยา่ งของการวจิ ยั โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช พ.ศ. 2562 แสดงราย
ละเอียดในตารางท่ี 2 และ 3 ตามล�ำดับ
ตารางท่ี 2 ผลเซลล์วิทยานรเี วชจากการตรวจดว้ ยวิธแี ปป๊ สเมยี รแ์ บบดั้งเดมิ
ผลเซลล์วทิ ยานรเี วช จ�ำนวน (ราย) ร้อยละ
Negative for intraepithelial lesion or malignancy 143 55.9
Atypical squamous cells of undetermined significance 35 13.7
Atypical squamous cells cannot exclude HSIL* 33 12.9
Low-grade squamous intraepithelial lesion 10 3.9
High-grade squamous intraepithelial lesion 22 8.6
HSIL with features suspicious for invasion 3 1.2
Squamous cell carcinoma 1 0.4
Atypical endocervical cells 6 2.3
Atypical glandular cells 1 0.4
Atypical endocervical cells, favor neoplastic 1 0.4
Atypical glandular cells, favor neoplastic 0 0.0
Endocervical adenocarcinoma in situ 1 0.4
Endocervical adenocarcinoma 0 0.0
Adenocarcinoma, not otherwise specified 0 0.0
Other malignancy of cervix 0 0.0
รวม 256 100.0
* High-grade squamous intraepithelial lesion
108
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 109 ความสัมพันธ์ระหว่างผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจ
ปีที่ 40 ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม 2564 ด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิม และผลจุลพยาธิวิทยา
ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
ตารางที่ 3 ผลจลุ พยาธิวิทยา จำ� นวน (ราย) ร้อยละ
200 78.1
ผลจุลพยาธิวิทยา 8 3.1
Benign 38 14.8
Low-grade squamous intraepithelial lesion 5 2.0
High-grade squamous intraepithelial lesion 0 0.0
Squamous cell carcinoma 4 1.6
Endocervical adenocarcinoma in situ 1 0.4
Endocervical adenocarcinoma 256 100.0
Other malignancy of cervix
รวม
ส�ำหรับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์และระดับ จัดกลุ่มของผลเซลล์วิทยานรีเวชและผลจุลพยาธิวิทยา
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลเซลลว์ ทิ ยานรเี วชจากการตรวจ แสดงรายละเอียดในตารางที่ 4 พบว่า ค่าไคสแควร์
ด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิมและผลจุลพยาธิวิทยา เท่ากับ 100.0 โดยมีค่า p-value <.001 และ
เพื่อใหเ้ ป็นไปตามขอ้ ก�ำหนดของสถิตใิ นการวิจยั ผวู้ ิจัย คา่ สมั ประสทิ ธิส์ หสมั พนั ธว์ ีของคราเมอร์ เทา่ กับ 0.625
ตารางท่ี 4 กลมุ่ ของผลเซลล์วทิ ยานรเี วชและผลจลุ พยาธิวิทยา (วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์และระดับความสมั พนั ธ์)
กลุม่ ของผลเซลล์วทิ ยานรเี วช (ราย) Benign กลุ่มของผลจลุ พยาธิวทิ ยา (ราย) รวม
Epithelial cell
Negative for intraepithelial lesion or malignancy 142 abnormalities 143
Atypical cells 47 & malignancy 76
Epithelial cell abnormalities & malignancy 11 1 37
200 29 256
รวม 26
56
การวิเคราะห์ความไวและความจ�ำเพาะของ และผลจุลพยาธิวิทยา แสดงรายละเอียดในตารางท่ี 5
การตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบ พบว่าความไวและความจ�ำเพาะของการตรวจเซลล์
ด้ังเดิมในการคัดกรองความผิดปกติของเซลล์เย่ือบุและ วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิมในการ
มะเร็งปากมดลูก เพ่ือให้เป็นไปตามข้อก�ำหนดของ คัดกรองความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุและมะเร็ง
สถิติในการวิจัย ผู้วิจัยจัดกลุ่มของผลเซลล์วิทยานรีเวช ปากมดลูก เทา่ กบั ร้อยละ 98.2 และ 71.0 ตามลำ� ดบั
109
Region 4-5 Medical Journal 110 Correlation between Gynecologic Cytology from
Vol. 40 No. 1 January-March 2021 Conventional Papanicolaou Smears and Histopathological
Findings at Chaophraya Yommarat Hospital
ตารางที่ 5 กล่มุ ของผลเซลลว์ ิทยานรีเวชและผลจลุ พยาธวิ ทิ ยา (วเิ คราะห์ความไวและความจ�ำเพาะ)
กล่มุ ของผลเซลลว์ ิทยานรีเวช (ราย) กลุม่ ของผลจลุ พยาธวิ ทิ ยา (ราย)
Epithelial cell abnormalities &
malignancy Benign รวม
113
Positive 55 58 143
Negative 1 142 256
รวม 56 200
วจิ ารณ์ และ Patil และคณะ10 ซ่ึงศึกษาความไวของการตรวจ
เซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิมในการ
ผลการวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่อายุของผู้เข้ารับ คดั กรองความผดิ ปกตขิ องเซลลเ์ ยอ่ื บแุ ละมะเรง็ ปากมดลกู
การตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบ เทา่ กบั รอ้ ยละ 65.38 และ 77.7 ตามลำ� ดบั อธบิ ายไดว้ า่
ด้ังเดิมซึ่งมีผลการตรวจอยู่ในกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในช่วง การวิจัยน้ีมีโอกาสที่ผู้มีความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุ
30 – 60 ปี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 77 ของท้ังหมด ซึ่งชว่ งอายุ และมะเร็งปากมดลูกมีผลการตรวจท่ีเป็นบวกสูงกว่า
ดังกล่าวสอดคล้องกับช่วงอายุของสตรีกลุ่มเป้าหมาย การศึกษาก่อนหน้า อย่างไรก็ตามผลการวิจัยนี้พบว่า
ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามแผนพัฒนา ความจ�ำเพาะของการตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธี
ระบบบรกิ ารสขุ ภาพ สาขาโรคมะเรง็ พ.ศ. 2561 – 2565 แป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิมในการคัดกรองความผิดปกติ
ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวง ของเซลล์เย่ือบุและมะเร็งปากมดลูก มีค่าเท่ากับ
สาธารณสขุ 6 ในการศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผลเซลล์ รอ้ ยละ 71.0 ขณะทผี่ ลการวจิ ยั ของ Joshi และคณะ9
วทิ ยานรเี วชจากการตรวจดว้ ยวธิ แี ปป๊ สเมยี รแ์ บบดงั้ เดมิ และ Patil และคณะ10 ซงึ่ ศกึ ษาความจำ� เพาะของการ
และผลจลุ พยาธิวิทยาพบว่าค่าไคสแควร์ เท่ากับ 100.0 ตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิม
โดยมคี า่ p-value <.001 ซงึ่ นอ้ ยกว่า 0.05 อธบิ ายว่า ในการคัดกรองความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุและมะเร็ง
ผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์ ปากมดลูก เท่ากับ ร้อยละ 95.83 และ 84.2 ตามลำ� ดับ
แบบด้ังเดิมมีความสัมพันธ์กับผลจุลพยาธิวิทยาอย่าง อธบิ ายไดว้ า่ การวจิ ยั นมี้ โี อกาสทผี่ ไู้ มม่ คี วามผดิ ปกตขิ อง
มีนัยส�ำคัญที่ระดับ .05 สอดคล้องกับผลการวิจัยของ เซลล์เยื่อบุและมะเร็งปากมดลูกมีผลการตรวจเป็นลบ
Sosic และคณะ7 และ Atla และคณะ8 ซึ่งศกึ ษาความ ต�่ำกว่าการศึกษาก่อนหน้า ผู้วิจัยพบว่าค่าผลบวกลวง
สัมพันธ์ระหว่างผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจด้วย คือ เหตุที่ท�ำให้ค่าความจ�ำเพาะของการศึกษานี้ต่�ำกว่า
วธิ แี ปป๊ สเมยี รแ์ บบดงั้ เดมิ และผลจลุ พยาธวิ ทิ ยาดว้ ยการ การศกึ ษากอ่ นหนา้ และเมอื่ พจิ ารณารายละเอยี ดพบวา่
ทดสอบไคสแควร์พบว่ามีความสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ รอ้ ยละ70.7(41ราย)ของผลบวกลวงทง้ั หมดเกดิ จากการ
พบว่าค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์วีของคราเมอร์เท่ากับ แปลผลการตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์
0.625 อธิบายได้ว่าผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจ แบบดั้งเดิม ในกลุ่ม atypical squamous cells
ด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบด้ังเดิมมีความสัมพันธ์กับผล อธิบายเพ่ิมเติมได้ว่าในหลายการเปล่ียนแปลง เช่น
จุลพยาธวิ ิทยาในระดบั สูง4,5 การอกั เสบ ลักษณะเซลล์ผิดเพ้ียนจากการแห้ง การฝอ่
และเส่ือมของเซลล์ ผลจากฮอร์โมนและสาเหตุ
ผลการวจิ ยั นพ้ี บวา่ ความไวของการตรวจเซลล์ รบกวนอนื่ สง่ ผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงของเซลลแ์ ละนำ� มา
วทิ ยานรเี วชดว้ ยวธิ แี ปป๊ สเมยี รแ์ บบดง้ั เดมิ ในการคดั กรอง ซง่ึ การแปลผล atypical squamous cells ได้11
ความผดิ ปกตขิ องเซลลเ์ ยอ่ื บแุ ละมะเรง็ ปากมดลกู เทา่ กบั
ร้อยละ 98.2 ขณะทผ่ี ลการวิจัยของ Joshi และคณะ9
110
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 111 ความสัมพันธ์ระหว่างผลเซลล์วิทยานรีเวชจากการตรวจ
ปีที่ 40 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มีนาคม 2564 ด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์แบบดั้งเดิม และผลจุลพยาธิวิทยา
ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
สรุป 6. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์กระทรวง
สาธารณสขุ . นยิ ามตวั ช้วี ดั Service plan สาขา
การตรวจเซลล์วิทยานรีเวชด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์ โรคมะเรง็ ปี 2561-2565 [อนิ เทอร์เนต็ ]. (ม.ป.ท.).
แบบด้ังเดิมสามารถน�ำมาใช้ในการคัดกรองความ [เข้าถึงเมอ่ื 7 ก.ค. 2563].เข้าถึงได้จาก: http://
ผิดปกติของเซลล์เย่ือบุและมะเร็งปากมดลูกได้อย่าง www.nci.go.th/th/New_web/index.html.
มปี ระสทิ ธภิ าพอยา่ งไรกต็ ามในทางเวชปฏบิ ตั ิการซกั ประวตั ิ
ตรวจรา่ งกาย การสอ่ งกล้องปากมดลูก (colposcopy) 7. Sosic GM, Babic G, Dimitrijevic A, et al.
รวมถึงการเก็บส่ิงส่งตรวจอย่างเหมาะสมล้วนมีความ Correlation between cervical cytology and
สำ� คญั ในการคดั กรองผปู้ ว่ ยเพอื่ นำ� ไปสกู่ ารตรวจทางจลุ histopathological cervical biopsy findings
พยาธิวิทยาซ่ึงเปน็ การวนิ จิ ฉัยสดุ ท้ายตอ่ ไป according to the Bethesda system. Ser J Exp
Clin Res. 2014;15(4):205-16. Doi: 10.2478/
กิตติกรรมประกาศ SJECR-2014-0026
งานวิจัยน้ีส�ำเร็จได้ด้วยความกรุณาในการให้ 8. Atla BL, Uma P, Shamili M, et al. Cytological
คำ� ปรกึ ษา ขอ้ เสนอแนะ ตลอดจนตรวจแกไ้ ขจากแพทย์ patterns of cervical Pap smears with
หญงิ รตกิ ร อนสุ รธนาวฒั น์ ผวู้ จิ ยั รสู้ กึ ซาบซง้ึ เปน็ อยา่ งสงู histopathological correlation. IJRMS.
2015;8(2015): 1911-6. doi: http://dx.doi.
เอกสารอ้างอิง org/10.18203/2320-6012.ijrms20150300
1. International Agency for Research on 9. Joshi C, Kujur P, Thakur N. Correlation of
Cancer. Globocan 2018 Thailand. The Pap smear and colposcopy in relation to
Global cancer observatory [internet]. histopathological findings in detection
2018 [cite 2020 May 9]. Available from: of premalignant lesions of cervix in a
https://gco.iarc.fr/today/data/factsheets/ tertiary care centre. International Journal
populations/764-thailand-fact-sheets.pdf. of Scientific Study 2015; 3(8): 55-60. doi:
10.17354/ijss/2015/508
2. สุรพันธุ์ คณุ อมรพงศ์, สุมาลี ศิริอังกลุ . พยาธวิ ิทยา
ของปากมดลูก. เชียงใหม่: คณะแพทยศาสตร์ 10. Patil PR, Jibhkate SN. Cytohistopathological
มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม;่ 2561. correlation of Papanicolaou smears: a
hospital based study. IJRCOG. 2016;
3. ปิยวัฒน์ เลาวหุตานนท์, อาคม ชัยวีระวัฒนะ, 5(6): 1695-9. Doi: http://dx.doi.
วรี วฒุ ิ อมิ่ สำ� ราญ, บรรณาธกิ าร. แนวทางการตรวจ org/10.18203/2320-1770.ijrcog20161424
คัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก.
กรงุ เทพฯ: โฆสิตการพิมพ;์ 2561. 11. Nayar R, Wlibur DC. The Bethesda system
for reporting cervical cytology. 3rded.
4. กลั ยา วานิชยบ์ ัญชา, ฐิตา วานชิ ยบ์ ญั ชา. การใช้ Switzerland: Springer International
SPSS for Windows ในการวเิ คราะห์ข้อมลู . พมิ พ์ Publishing; 2015.
ครง้ั ท่ี 31. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พส์ ามลดา; 2561.
5. ดรุณี ปัญจรัตนากร. สถิติท่ีใช้ในการวิจัย
[อนิ เทอรเ์ นต็ ]. (ม.ป.ท.). [เขา้ ถงึ เมอ่ื 7 ก.ค. 2563].
เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://www.darunee.com/brm/
download/3-formula-new.pdf.
111
ผลของไซโคนวิ โรบิคส์ ในการลดอาการ
ปวดเฉียบพลนั ในผู้ปว่ ยโรคข้ออกั เสบรู
มาตอยด์ โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
จงั หวัดสุพรรณบุรี
วา่ งขาว
112
112
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 22
ผลของไซโคนิวโรบิคส์ ในการลดอาการปวดเฉียบพลนั ในผู้ป่ วยโรคข้ออกั เสบรูมาตอยด์ โรงพยาบาล
เจ้าพระยายมราช จังหวดั สุพรรณบุรี
กรพินทุ์ ปานวเิ ชียร พ.ย.บ., วทม.*
บทคดั ย่อ
การวิจยั แบบก่ึงทดลองน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาผลของไซโคนิวโรบิคส์ในการลดอาการปวด
เฉียบพลนั ในผูป้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์ แบบหน่ึงกลุ่มวดั ก่อนและหลงั ทดลอง เลือกกลุ่มตวั อย่าง
แบบเจาะจง คือผปู้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยดท์ ่ีมีอาการปวดเฉียบพลนั ขณะมารับบริการ จานวน 20 คน
เครื่องมือท่ีใช้ ไดแ้ ก่ คู่มือแนวปฏิบตั ิประยุกตต์ ามรูปแบบสมาธิรักษาโรควิธีไซโคนิวโรบิคส์ (Psycho
Neurobics: PN) ในการลดอาการปวด แบบทดสอบสภาวะจิตใจ แบบสอบถาม และแบบประเมินความ
ปวด ตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหาโดยผูท้ รงคุณวุฒิ 3 คน มีคา่ ความเชื่อมนั่ IOC เทา่ กบั 0.91 และ 0.92
ตามลาดบั ใชส้ ถิติ ไดแ้ ก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้ paired t-test ในการ
เปรียบเทียบคา่ เฉล่ียคะแนนระดบั ความปวดก่อนและหลงั ทดลอง
ผลการวิจยั พบวา่ การใชส้ มาธิรักษาโรควิธีไซโคนิวโรบิคส์ มีผลทาใหร้ ะดบั ความปวดก่อนและ
หลงั ทดลองทนั ที แตกต่างกนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.01 (p<0.001), หลงั ทดลองทนั ทีและ
หลงั ทดลอง 1 วนั แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 (p=0.002) ก่อนและหลงั ทดลอง 1
วนั แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.01 (p<0.001) ผลการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความ
ปวดระหวา่ งหลงั ทดลองทนั ทีและหลงั ทดลอง 1 วนั มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั
0.05 (p= 0.002) โดยพบวา่ ระดบั ความปวดก่อนทดลองมีคะแนนความปวดเฉลี่ย 7.55 คะแนน มีระดบั
ปวดรุนแรงมากที่สุด ร้อยละ 85.0 หลงั ทดลองทนั ที มีคะแนนความปวดเฉล่ีย 4.15 คะแนน มีระดบั ปวด
มาก ร้อยละ 85.0 รองลงมา ระดบั ปวดปานกลาง ร้อยละ 10.0 และไม่ปวด ร้อยละ 5.0 ตามลาดบั หลงั
ทดลอง 1 วนั มีคะแนนความปวดเฉล่ีย 2.75 คะแนน ระดบั ปวดปานกลาง ร้อยละ 50.0 รองลงมา ระดบั
ปวดมาก ร้อยละ 40.0 และไม่ปวด ร้อยละ 10.0
จากผลการวิจยั แสดงใหเ้ ห็นวา่ ไซโคนิวโรบิคส์ มีผลทาให้ระดบั ความปวดเฉียบพลนั ของผูป้ ่ วย
โรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์ ลดลง ลดการใช้ยาแก้ปวด เป็ นวิธีที่มีความปลอดภยั ประหยดั คุม้ ค่า และมี
ประสิทธิผล
คาสาคญั : ไซโคนิวโรบิคส์, ลดอาการปวด, ผปู้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์
* พยาบาลวชิ าชีพชานาญการ โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
E-mail: [email protected]
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 23
Effects of Psycho Neurobics for Instant Acute Pain Relief with Rheumatoid Arthritis Patients
Chaopraya Yommarat Hospital Suphan Buri province
Korapin phanwichian B.N.S., M.Sc.
ABSTRACT
This quasi-experimental research aims to study the effects of Psycho Neurobics (PN) for instant
acute pain relief with Rheumatoid Arthritis patients. Method: Pretest-posttest one group design. Sample
group was 20 patients with acute pain Rheumatoid Arthritis. The tools used were the guidelines for
meditation, psychotherapy for pain reduction, mental status test, questionnaire and pain assessment.
The content validity was checked by 3 experts with IOC's 0.91 and 0.92, respectively. Statistic used
were percentage, mean, standard deviation and paired t-test were used to compare the level of pain,
from the questionnaire before and after experiments.
Results: Using meditation of PN resulted in pain levels before and after experiment immediately,
the difference was statistically significant at 0.01 level (p <0.001). after experiment immediately and 1
day after the experiment, the difference was statistically significant at 0.05 level (p=0.002). Found that
the pain level before the experiment had an average pain score of 7.55 and pain level was the most
severe at 85.0%. after experiment immediately average pain score=4.15, pain level 85.0%, moderate
pain level of 10.0% respectively.
The results of the research show that PN results, the reduction of acute pain levels in Rheumatoid
Arthritis patients, reducing the use of pain medication, as a safe, cost-effective tool and productive.
Keyword : Psycho Neurobics, Instant Acute Pain Relief, Rheumatoid Arthritis
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 24
บทนา ปวดสาหรับผู้ป่ วยโรคข้ออักเสบรู มาตอยด์
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid คลินิกโรคขอ้ และในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพ
พยาบาล ได้เล็งเห็นความสาคัญของการ
Arthritis) เป็ นโรคเร้ือรังท่ีมีความชุกประมาณ แก้ปัญหาท่ีวิกฤติของผู้ป่ วย ต้องแสดงการ
0.5-1% (สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย, ปฏิบตั ิบทบาท ความสามารถ ตามมาตรฐาน
2559) มีการอักเสบของอวยั วะต่าง ๆ ได้ท่ัว วิชาชีพด้านการพยาบาล เพื่อให้กลุ่มผู้ป่ วย
ร่างกายแต่มีอาการเด่นท่ีขอ้ ต่อต่าง ๆ ได้เกือบ ไดร้ ับการดูแลท่ีถูกตอ้ งเหมาะสมและปลอดภยั
ทุกขอ้ ลกั ษณะของการอกั เสบมกั เป็ นมากสลบั ซ่ึงพบปัญหาจากการทางานประจาในคลินิก คือ
นอ้ ย แต่มกั ไม่มีช่วงท่ีปลอดอาการผูป้ ่ วยส่วน ผปู้ ่ วยโรคขอ้ มีความทุกขจ์ ากความเจบ็ ปวดจาก
ใหญ่แม้จะได้รับการรักษาอาการดีข้ึน แต่ไม่ พยาธิสภาพของโรคที่เป็ นและจากหัตถการที่
หายขาด ตอ้ งรับประทานยาควบคุมโรคอย่าง ไดร้ ับ รวมไปถึงญาติและผดู้ ูแลก็เกิดความทุกข์
ต่อเนื่อง ซ่ึงผูป้ ่ วยบางรายโรคสงบจนอาการ จากการที่เห็นผปู้ ่ วยเจ็บปวด (ดารงพนั ธ์, 2556)
เ ห มื อ น ป ก ติ บ า ง ร า ย ป ล อ ด อ า ก า ร แ ต่ มี ก า ร ประกอบกับยงั ไม่มีแนวทางการจดั การความ
ดาเนินโรคต่อไปจนเกิดการทาลายขอ้ ในท่ีสุด ปวดแบบไม่ใชย้ าท่ีชดั เจน และเป็ นรูปธรรมมา
บางรายโรครุนแรงมีอาการขอ้ ปวดบวมตลอด ผสมผสานใชใ้ นคลินิกและหน่วยงานอ่ืน ดงั น้นั
ร ว ม ท้ ัง อ า จ เ กิ ด ก า ร ท า ล า ย ข้อ อ ย่า ง ร ว ด เ ร็ ว จึงได้ร่วมกนั ทบทวนกระบวนการดูแลรักษา
ภายในระยะเวลา 6 เดือนแรกหลงั เกิดอาการได้ ด้านความปวด หาวิธีการพฒั นาต่อยอดคู่มือ
นอกจากน้ีผูป้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์เป็ น แนวทางปฏิบตั ิการบริหารจัดการความปวด
โรคท่ียังเป็ นปั ญหาแล ะมี ผล กระทบต่อ และวิธีการจดั การความปวดแบบไม่ใช้ยาข้ึน
สาธารณสุขระดบั ชาติ ท้งั ดา้ นความรุนแรงของ โดยมุ่งเน้น ดา้ นจริยธรรม มนุษยธรรม ท้งั น้ีมี
โรค ความเร้ื อรังที่นาไปสู่ความพิการ และ วตั ถุประสงคเ์ พ่ือใหผ้ ปู้ ่ วยสามารถจดั การความ
ทุพพลภาพหากการรักษาไม่ถูกตอ้ งการอกั เสบ ปวดได้ด้วยตนเองในเบ้ืองต้น และมีคุณภาพ
ของขอ้ ทาให้ผูป้ ่ วยมีอาการปวดซ่ึงสร้างความ ชีวติ ที่ดีข้ึน
ทุกขท์ รมานใหแ้ ก่ผปู้ ่ วย (ปารว,ี 2561)
งานวิจยั น้ีได้นาแนวปฏิบตั ิประยุกต์ตาม
อ า ก า ร ป ว ด จ า ก พ ย า ธิ ส ภ า พ ข อ ง โ ร ค มี รูปแบบสมาธิรักษาโรควธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ เป็ น
ผลกระทบต่อการประกอบกิจวตั รประจาวนั ศาสตร์ของราชาโยคะ เป็ นนวตั กรรมทางจิต
ภาวะจิตใจ อารมณ์ ระบบพลงั งานในร่างกาย ที่ วิญญาณ เป็ นศาสตร์แห่งการบาบดั จิตใจและ
สาคัญมีผลต่อคุณภาพชีวิต จากการที่ได้รับ อารมณ์ เมื่อฝึ กฝนอย่างต่อเน่ืองด้วยการดึง
มอบหมายให้รับผิดชอบด้านการจดั การความ ศกั ยภาพภายในของตนเองมาใช้บาบดั ตวั เอง
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 25
จะเกิดพลังงานทางจิตที่แข็งแรง เกิดกระแส วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย
คล่ืนพลงั ช่วยเปิ ดประตูแห่งชีวติ ใหร้ ู้จกั "หมอ เพื่อเปรียบเทียบผลของไซโคนิวโรบิคส์
ในกายในจิต" ของตนเอง ส่งผลทาให้เกิด
ความสุข ช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจ อารมณ์ ในการลดอาการปวดเฉียบพลนั ในผปู้ ่ วยโรคขอ้
สามารถทาให้กา้ วพน้ การรักษาดว้ ยยา ไม่เพียง อกั เสบรูมาตอยด์ก่อนการทดลองกบั หลงั การ
เพื่อมีสุขภาพดี แต่ถึงข้นั เพ่ือชีวิตเป็ นสุขไดอ้ ีก ทดลองทนั ทีและหลงั การทดลอง 1 วนั
ด้วย (Shekhar C. ผูแ้ ปล ขนิษฐา, 2558). ด้วย
ค ว า ม ส า คัญ ข อ ง ปั ญ ห า แ ล ะ เ ห็ น ป ร ะ โ ย ช น์ ขอบเขตของการวธิ ีวจิ ัย
งานวจิ ยั น้ีจึงเป็ นส่วนสาคญั ของภารกิจดา้ นการ การวิจยั น้ี เป็ นการวิจยั ก่ึงทดลอง แบบ
พยาบาล นอกจากเป็ นทางเลือกในการบาบดั
ตนเองให้กับผู้ป่ วยแล้ว การนาผลการวิจัย หน่ึงกลุ่มวดั 2 คร้ัง วดั ก่อนและหลงั การทดลอง
ทางการพยาบาลไปใช้ในคลินิกหรือการบูรณา ศึกษาระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม
การความรู้จากการวิจยั ไปใชใ้ นการปฏิบตั ิการ 2560
พยาบาลเป็ นการพฒั นาคุณภาพการพยาบาล
ความรู้ที่ไดส้ ามารถปรับปรุงคุณภาพการดูแล กรอบแนวคดิ งานวจิ ัย
ผูป้ ่ วยที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทว่ั โลก ตวั แปรอิสระ ประกอบดว้ ย
ดงั น้นั การถ่ายทอดผลงานวิจยั ลงสู่การปฏิบตั ิ 1. ขอ้ มูลเบ้ืองตน้ และลกั ษณะ
ให้กับบุคลากรด้านสุขภาพจึงเป็ นสิ่งสาคัญ
ความเข้าใจสภาวะของผูป้ ่ วย รวมท้งั วิธีการ อาการปวดเฉียบพลนั ของผปู้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรู
จดั การเพื่อนาไปวางแผนดูแลผูป้ ่ วยที่มีภาวะ มาตอยด์ ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลทวั่ ไป ระดบั การปวด
ปวดและมี เป้ า หมา ยสู งสุ ดเพ่ื อลดควา มทุก ข์ ความสุข การใชย้ าและไม่ใชย้ าแกป้ วด
ทรมาน ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เพิ่มคุณภาพ ประสบการณ์ และความพึงพอใจ
ชีวติ แลว้ ยงั รวมถึงทาให้ผปู้ ่ วยเกิดความสุขทาง
จิตวญิ ญาณ 2. แนวปฏิบตั ิประยกุ ตต์ าม
รูปแบบสมาธิรักษาโรควธิ ี Psycho Neurobics
คือการดึงพลงั ธรรมชาติเขา้ สู่ระบบประสาท
นามาใชเ้ พื่อลดอาการปวดเฉียบพลนั ในผปู้ ่ วย
โรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์
ตวั แปรตาม คือผลของไซโคนิวโร
บิคส์ ในการลดอาการปวดเฉียบพลนั ในผปู้ ่ วย
โรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์ ก่อนการทดลองกบั
หลงั การทดลองทนั ทีและหลงั การทดลอง 1 วนั
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 26
ตวั แปรอสิ ระ ตวั แปรตาม
ขอ้ มลู เบ้ืองตน้ และลกั ษณะ แนวปฏิบตั ิประยกุ ตต์ าม รูปแบบ ผลของไซโคนิวโรบิคส์ ใน
อาการปวดเฉียบพลนั ของผปู้ ่ วย สมาธิรักษาโรควธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ การลดอาการปวดเฉียบพลนั ใน
โรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์ ผปู้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์
ก่อนการทดลองกบั หลงั การ
ทดลองทนั ทีและหลงั การทดลอง
1 วนั
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดของงานวจิ ยั เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในงานวจิ ัย
ชุดที่ 1 เครื่องมือทดสอบระดับอารมณ์
วธิ ีดาเนินการวจิ ัย
ประชากรที่ศึกษา คือผู้ป่ วยโรคข้อ ส ภ า ว ะ จิ ต ใ จ ( Invisible Doctor Happiness
Machine-stethoscope) IOC =0.91 จานวน 4 ขอ้
อกั เสบรูมาตอยด์ท่ีมารักษาท่ีคลินิกพิเศษโรค เพื่อทดสอบระดับอารมณ์ สภาวะจิตใจของ
ขอ้ โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช ในช่วงก่อน ผูป้ ่ วยโรคข้ออกั เสบรูมาตอยด์ เพื่อศึกษาผล
ทดลองเดือนตุลาคม 2559-มกราคม 2560 ของไซโคนิวโรบิคส์ ในการลดอาการปวด
ท้งั หมดมีจานวน 253 คน เฉียบพลนั ของผูป้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด์
เกณฑ์ในการเลือกคาตอบดังน้ี 1=ไม่มี 2=
กลุ่มตัวอย่าง เลือกแบบเจาะจง ตาม เล็กนอ้ ย 3=ค่อนขา้ งมาก 4=มาก 5=มากที่สุด
เกณฑ์การคัดเข้า (inclusion criteria) คือเป็ น
ผูป้ ่ วยโรครูมาตอยด์ท่ีมารักษาที่คลินิกโรคขอ้ ชุ ดที่ 2 แบบสอบถามสาหรับกลุ่ ม
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราชในวนั น้นั และมี ตวั อย่าง เพ่ือศึกษาขอ้ มูลเบ้ืองตน้ และลกั ษณะ
อาการปวดเฉียบพลนั และกาลังปวดขณะน้ัน อาการปวดเฉียบพลนั ของผปู้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรู
รู้สึกตวั ดี สามารถสื่อสารไดเ้ ขา้ ใจและสมคั รใจ มาตอยด์ แบ่งเป็น 4 ส่วน จานวน 28 ขอ้ ดงั น้ี 1)
เข้าร่วมงานวิจยั ขนาดตัวอย่าง (sample size) ขอ้ มูลทวั่ ไป 2) แบบประเมินอาการปวดโดยใช้
คานวณโดยใช้โปรแกรม G*Power โดยใช้ T- ตวั เลข (Numeric pain Scale) 3) วิธีการจดั การ
Test(นิพิฐพนธ์และคณะ, 2560) จานวน 20 คน อาการปวด และ 4) ระดับความพึงพอใจการ
เกณฑ์การคดั ออก (exclusion criteria) ในขณะ
ทาการทดลองไมส่ ามารถอยไู่ ดต้ ลอดระยะเวลา
ท่ีกาหนดและมีภาวะรู้สึกตวั เปล่ียนไป
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 27
ตอบมี 3 ระดับ คือ 1=พอใจเล็กน้อย 2= ปาน ข้นั ตอนดาเนินงานวจิ ัย แบ่งเป็น 3 ข้นั ตอน
กลาง 3=มาก ดงั น้ี
ชุดท่ี 3 แนวปฏิบตั ิประยุกต์ตามสมาธิ 1. ศึกษาข้อมูลเบื้องต้น ได้แก่ ข้อมูล
รักษาโรควธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ ทว่ั ไป และลกั ษณะอาการปวด ระดบั ความปวด
วิธีการจดั การความปวดแบบใช้ยาและไม่ใชย้ า
การตรวจสอบคุณภาพของเคร่ืองมือ ปัจจัยที่ทาให้ปวดมากข้ึน ก่อนการทดลอง
1. การตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหา เริ่ มต้นผู้วิจัยได้ให้ข้อมูลเพ่ือประกอบการ
ตดั สินใจของผูป้ ่ วยในการเขา้ ร่วมการวิจยั และ
ข อ ง เ ค ร่ื อ ง มื อ ( Content Validity) ท า ก า ร เม่ือผูป้ ่ วยและญาติ (ถ้ามีขณะน้ัน) ตดั สินใจว่า
ตรวจสอบเพ่ือพิจารณาถึงความสอดคล้อง จะเขา้ ร่วมงานวิจยั ดว้ ยความสมคั รใจจึงเขา้ สู่
ร ะ ห ว่ า ง ว ัต ถุ ป ร ะ ส ง ค์กับ แ บ บ ท ด ส อ บ โ ด ย กระบวนการ คดั เลือกกลุ่มตวั อย่าง และเม่ือได้
พิจารณาเป็ นรายข้อ โดยใช้ค่าสัมประสิทธ์ิ ตามเกณฑ์การคัดเข้า ให้กลุ่มตวั อย่างเซ็นชื่อ
ค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง IOC (Item Objective ยินยอม ในเอกสาร และแจ้งแพทย์ผูท้ าการ
Congruence) จากผู้เชี่ยวชาญ จานวน 3 ท่าน รักษาให้ทราบ เก็บขอ้ มูลและถ่ายภาพ (กลุ่ม
ไดแ้ ก่ แพทยห์ ญิงวิไลพร สกุลพิพฒั น์ศิลป์ ดร. ตวั อยา่ งยนิ ยอม)
กาญจนาณัฐ ทองเมืองธัญเทพ และนาย
ธานินทร์ สุธีประเสริฐ 2. การใช้ แนวปฏิบัติประยุกต์ ตาม
รู ป แบ บ ส ม าธิ รั ก ษ า โรค วิธี ไ ซ โคนิ วโรบิ ค ส์
2. ผลการทดสอบเครื่ องมือทดสอบ วธิ ีดาเนินการโดย ผวู้ ิจยั เป็นผดู้ าเนินการอธิบาย
ระดับอารมณ์ สภาวะจิตใจ IOC =0.91 แบบ สาธิ ตและนาเข้าสู่ การทดลองโดยใช้รู ปแบบ
ประเมินอาการปวดโดยใช้ตัวเลข (Numeric Psycho Neurobics
pain Scale) IOC =0.92 แนวปฏิบตั ิประยุกตต์ าม
สมาธิบาบดั วธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ IOC =0.91 และ - เริ่มให้ผปู้ ่ วยทา Peaceful Psycho
แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดการ Neurobics ใชพ้ ลงั แห่งความสงบ
อาการปวดท่ีไดร้ ับ IOC =0.93
- ใหผ้ ปู้ ่ วยทา Empowering psycho
การพทิ กั ษ์สิทธ์ิของกลุ่มตวั อย่าง neurobics ใชพ้ ลงั แห่งความแขง็ แรงของกระดูก
ก่ อ น ท า ก า ร วิจัย ผู้วิจัย ไ ด้รั บ ร อ ง กลา้ มเน้ือและเส้นเอน็ โรคกระดูก ไขขอ้
รวมถึงความเขม้ แขง็ ของจิตใจ เรียกวา่ เป็ นพลงั
จริยธรรมการวจิ ยั จาก โรงพยาบาลเจา้ พระยายม ใจ (Will power) ที่มุง่ มน่ั จะทาสิ่งท่ีมุ่งหวงั ต้งั ใจ
ราช เลขท่ี035และดาเนินการวิจัยภายใต้
จริยธรรมการวจิ ยั ในมนุษยโ์ ดยเคร่งครัด
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 28
ไวใ้ หส้ าเร็จ ท้งั ความต้งั ใจท่ีจะหายจากการ ผลการวจิ ัย
เจบ็ ป่ วย กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่เพศหญิง
3. การทดสอบผลการทดลอง ก่อน-หลงั ร้อยละ 90.0 ศาสนาพทุ ธทุกคน มีอายุ 60 ปี ข้ึน
การทดลองทันที และหลังการทดลอง 1 วนั ไป ร้อยละ 60.0 จบการศึกษาระดบั
(ผูว้ ิจยั โทรศพั ท์ถึงกลุ่มตวั อยา่ ง เพ่ือเก็บขอ้ มูล ประถมศึกษา ร้อยละ 65.0 ประกอบอาชีพ
และติดตามเยยี่ ม) เกษตรกร ร้อยละ 70.0 ใชส้ ิทธ์ิในการ
รักษาพยาบาลบตั รทอง ร้อยละ 75.0 โรค
ประจาตวั ขอ้ เขา่ เส่ือมมากท่ีสุด ร้อยละ 75.0 ดงั
ตารางท่ี 1
ตารางที่ 1 จานวนและร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ ง จาแนกตามขอ้ มูลทวั่ ไป (n=20)
ข้อมูลทว่ั ไป จานวน ร้อยละ
เพศ 90.0
10.0
หญิง 18
100.0
ชาย 2
15.0
ศาสนา 25.0
60.0
พุทธ 20
65.0
อายุ 15.0
10.0
ต่ากวา่ 49 ปี 3 10.0
50 - 59 ปี 5 5.0
60 ปี ข้ึนไป 12
ระดบั การศึกษาสูงสุด
ประถมศึกษา 13
มธั ยมศึกษาตอนตน้ /ตอนปลาย/เทียบเท่า 3
ปวช./ปวส.หรือ อนุปริญญา 2
ปริญญาตรี/สูงกวา่ ปริญญาตรี 2
อาชีพ
รับราชการ 1
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 29
ข้อมูลทว่ั ไป จานวน ร้อยละ
เกษตรกร 14 70.0
คา้ ขาย/รับจา้ งทว่ั ไป 5 25.0
สิทธ์ิการรักษา
ขา้ ราชการจา่ ยตรง 1 5.0
บตั รประกนั สุขภาพ (บตั รทอง) 15 75.0
ชาระเงินเอง/รัฐวสิ าหกิจ 2 10.0
ประกนั สังคม 2 10.0
โรคประจาตวั (ตามการวนิ ิจฉยั ของแพทย)์
ขอ้ เข่าเสื่อม 15 75.0
เบาหวาน 1 5.0
ความดนั โลหิตสูง 2 10.0
หวั ใจ/ไขมนั ในเส้นเลือด 1 5.0
อว้ น 1 5.0
การใชว้ ธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ มีผลทาให้ กนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี p=0.000 ดงั
ระดบั ความปวดก่อนทดลองกบั หลงั ทดลอง ตารางท่ี 2
ทนั ทีแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี
p=0.000 หลงั ทดลองทนั ทีและหลงั ทดลอง 1
วนั แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี
p=0.002 ก่อนและหลงั ทดลอง 1 วนั แตกตา่ ง
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 30
ตารางที่ 2 ระดบั ความปวด ก่อนทดลอง หลงั ทดลองทนั ที และหลงั ทดลอง 1 วนั (n=20)
จานวน (คน) M SD t df p-value
0.000
ก่อนทดลอง กบั หลงั ทดลองทนั ที 0.002
ก่อนทดลอง 20 7.55 1.538 7.768 19 0.000
หลงั ทดลองทนั ที 20 4.15 2.059
หลงั ทดลองทันทีและหลงั ทดลอง 1 วนั
หลงั ทดลองทนั ที 20 4.15 3.687 19
หลงั ทดลอง 1 วนั 20 2.059
2.75 1.618
ก่อนทดลองและหลงั ทดลอง 1 วนั
7.55 1.538 9.211
ก่อนทดลอง 20 2.75 1.618 19
หลงั ทดลอง 1 วนั 20
ระดบั ความปวดก่อนทดลองมีคะแนน ตามลาดบั หลังทดลอง 1 วนั มีคะแนนความ
ความปวดเฉลี่ย 7.55 คะแนน มีระดับปวด ปวดเฉล่ีย 2.75 คะแนน ระดบั ปวดปานกลาง
รุนแรงมากท่ีสุด ร้อยละ 85.0 หลงั ทดลองทนั ที ร้อยละ 50.0 รองลงมา ระดบั ปวดมาก ร้อยละ
มีคะแนนความปวดเฉลี่ย 4.15 คะแนน มีระดบั 40.0 และไม่ปวด ร้อยละ 10.0 ตามลาดับ ดัง
ปวดมาก ร้อยละ 85.0 รองลงมา ระดบั ปวดปาน ตารางท่ี 3
กลาง ร้อยละ 10.0 และไม่ปวด ร้อยละ 5.0
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 31
ตารางที่ 3 จานวนและร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามระดบั ความปวด ก่อนทดลอง หลงั การ
ทดลองทนั ทีและหลงั ทดลอง 1 วนั (n=20)
ระดบั ความปวด ก่อนทดลอง หลงั ทดลองทนั ที หลงั ทดลอง 1 วนั
จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
ไม่ปวด 0 0.0 1 5.0 2 10.0
ปวดปานกลาง 0 0.0 2 10.0 10 50.0
ปวดมาก 3 15.0 17 85.0 8 40.0
ปวดรุนแรง 17 85.0 0 0.0 0 0.0
̅ 7.55 4.15 2.75
SD 1.538 2.059 1.618
ผลการใชแ้ นวปฏิบตั ิวธิ ีไซโคนิวโร 30 ดา้ นจิตใจรู้สึก สงบนิ่ง มากท่ีสุดร้อยละ 70
บิคส์ จาแนกตามประสบการณ์ระหวา่ งทา เบาสบายโล่งดีมากสุดร้อยละ 60 ตามลาดบั ดงั
Peaceful Neurobics ดว้ ยโยคะมุทราพบวา่ กลุ่ม ตารางท่ี 4
ตวั อยา่ งมีประสบการณ์ ท่ีหลากหลาย มีการ
เปลี่ยนแปลง ท้งั ดา้ นร่างกายและดา้ นจิตใจร้อย
ละ 100 ร่างกายเป็นสีฟ้าตลอด มากที่สุดร้อยละ
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 32
ตารางที่ 4 ผลการใชแ้ นวปฏิบตั ิวธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ ประสบการณ์ระหวา่ งทา Peaceful Neurobics ดว้ ย
โยคะมุทรา (วายมุ ุทรา) (n=20)
ประสบการณ์ จานวน ร้อยละ
ด้านร่างกาย
ไมเ่ ปล่ียนแปลง 0 0.0
เปลี่ยนแปลง 20 100.0
ร่างกายเป็นสีฟ้า(ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ตวั เลือก)
ร่างกายเป็ นสีฟ้าตลอด 6 30.0
สีฟ้าเขา้ ชดั ตลอด 5 25.0
สีฟ้าไหลเขา้ บางช่วงลางๆ 4 20.0
เห็นสีดาออก 4 20.0
สีฟ้าไหลเขา้ บางช่วงชดั 3 15.0
ไมเ่ ห็นสีฟ้า 2 10.0
เห็นสีฟ้าแวบๆ 2 10.0
อ่ืนๆ
ผอ่ นคลาย 20 100.0
หายใจสบาย 2 10.0
เบาๆ 1 5.0
ปวดไปปลายนิ้วเห็นสีดาไหลออกเป็ นเส้น 1 5.0
เห็นดาวเลก็ ๆ เห็นสีดาพงุ่ ออกไปตาม 1 5.0
เห็นสีฟ้าจากทอ้ งฟ้า 1 5.0
ด้านจิตใจไมเ่ ปลี่ยนแปลง 0 0.0
เปลี่ยนแปลง 20 100.0
สงบนิ่ง 14 70.0
เบาสบาย 12 60.0
ดี 3 15.0
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 33
ผลการใชแ้ นวปฏิบตั ิวธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ หลากหลาย มีการเปลี่ยนแปลงท้งั ดา้ นร่างกาย
จาแนกตามประสบการณ์ระหวา่ งทา ร้อยละ 100 และดา้ นจิตใจ เปลี่ยนแปลง ร้อยละ
Empowering Neurobics ดว้ ยโยคะมุทรา (มหาวี 90 ดงั ตารางท่ี 5
ระมุทรา) พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งมีประสบการณ์
ตารางท่ี 5 ผลการใชแ้ นวปฏิบตั ิวธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ ประสบการณ์ระหวา่ งทา Empowering Neurobics
ดว้ ยโยคะมุทรา(ธาตุลม) (มหาวรี ะมุทรา) (n=20)
ประสบการณ์ จานวน ร้อยละ
ดา้ นร่างกาย
ไม่เปลี่ยนแปลง 0 0.0
เปลี่ยนแปลง 20 100.0
ร่างกายเป็นสีแดง(ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ตวั เลือก)
ไมเ่ ห็น 7 35.0
สีแดงเขา้ ชดั ตลอด 6 30.0
บางช่วง 3 15.0
เห็นแวบๆ 2 10.0
ชดั ท้งั ตวั 1 5.0
แขง็ แรง 1 5.0
อื่นๆ
ขยบั ขอ้ คล่องข้ึน 2 10.0
ขอ้ จากร้อนเป็นอุ่น 2 10.0
ท่ีอ้ือๆ โล่ง 2 10.0
ตวั คลายความร้อน 1 5.0
ท้งั แขนรู้สึกสบาย 1 5.0
มีแรงข้ึน 1 5.0
ตวั เบาข้ึน 1 5.0
เกร็งนอ้ ยลง/ความร้อนออก 1 5.0
เจบ็ ขอ้ นอ้ ยลง 1 5.0
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 34
ประสบการณ์ จานวน ร้อยละ
ขอ้ จากร้อนเป็นเยน็ 1 5.0
ดา้ นจิตใจ 2 10.0
ไม่เปลี่ยนแปลง 18 90.0
เปลี่ยนแปลง 15 75.0
ปลดปล่อย 3 15.0
สบาย
เปรี ยบเทียบระดับสภาวะจิตใจก่อน 50 และมีความหดหู่ใจลดลง จากร้อยละ 85.0
ทดลองและหลังการทดลองทนั ที พบว่า หลงั เป็นร้อยละ 15.0
การทดลอง ความสุขเพิ่มข้ึนมากท่ีสุด ร้อยละ ดงั ตารางท่ี 6
ตารางท่ี 6 เปรียบเทียบระดบั สภาวะจิตใจก่อนทดลองและหลงั การทดลองทนั ที (n=20)
ระดบั สภาวะจิตใจ ก่อนทดลอง หลงั ทดลองทนั ที
(เตม็ 100 คะแนน) จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
มีความสุขมาก (1-20) 0 0.0 2 10.0
มีความสุข (21-50) 0 0.0 10 50.0
มีความเครียด (51-75) 3 15.0 5 25.0
ความหดหู่ใจ (76-100) 17 85.0 3 15.0
ก่อนทดลองจดั การความปวดโดยใช้ยา โดยไมใ่ ชย้ า ร้อยละ 65.0 และใชย้ านอ้ ยลง ร้อย
ร้อยละ 75.0 ไม่ใช้ยา ร้อยละ 5.0 หลงั ทดลอง ละ 71.4 เทา่ กนั ดงั ตารางท่ี 7
ทนั ทีและหลังทดลอง 1 วนั จดั การความปวด
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 35
ตารางที่ 7 จานวนและร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ ง จาแนกตามวธิ ีการจดั การความปวด (n= 20)
วธิ ีการใชย้ า ก่อนทดลอง หลงั ทดลองทนั ที หลงั ทดลอง 1 วนั
จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
65.0
ไม่ใชย้ า 5 25.0 13 65.0 13 35.0
ใชย้ า 0
มากข้ึน 15 75.0 7 35.0 7 71.4
นอ้ ยลง 28.6
เท่าเดิม 00 0 0 0
00 5 71.4 5
15 100.0 2 28.6 2
โดยรวมมีความพึงพอใจต่อการจดั การ สามารถเลือกวิธีลดความปวดไดด้ ว้ ยตนเองใน
ความปวดท่ีได้รับ ในระดับดี ร้อยละ 80.0 ระดบั ดีมาก ร้อยละ 100.0 ดงั ตารางที่ 8
ตารางที่ 8 จานวนและร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ ง จาแนกตามระดบั ความความพงึ พอใจต่อการจดั การ
ความปวดท่ีไดร้ ับ (n=20)
ความพงึ พอใจต่อการจดั การความปวด ปานกลาง ดี ดีมาก
จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
สามารถทาไดร้ วดเร็วเมื่อมีอาการปวด 7 35.0 10 50.0 3 15.0
ทาง่าย 7 35.0 10 50.0 3 15.0
สามารถเลือกวธิ ีลดความปวดไดด้ ว้ ย 0 0.0 0 0.0 20 100.0
ตนเอง
โดยภาพรวม 0 0.0 16 80.0 4 20.0
อภิปรายผลการวจิ ัย/วจิ ารณ์ ความสาคญั ของการแกป้ ัญหาที่วกิ ฤติของผูป้ ่ วย
จากการที่ไดร้ ับมอบหมายให้รับผิดชอบ ท้ั ง น้ี ต้ อ ง แ ส ด ง ก า ร ป ฏิ บั ติ บ ท บ า ท
ความสามารถ ตามมาตรฐานวิชาชีพด้านการ
ดา้ นการจดั การความปวดสาหรับผูป้ ่ วยโรคขอ้ พยาบาล เพื่อให้กลุ่มผูป้ ่ วยได้รับการดูแลท่ี
อกั เสบรูมาตอยด์ คลินิกโรคขอ้ และในฐานะผู้ ถูกตอ้ งเหมาะสมและปลอดภยั ซ่ึงพบปัญหา
ป ร ะ ก อ บ วิ ช า ชี พ พ ย า บ า ล ไ ด้ เ ล็ ง เ ห็ น
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 36
จากการทางานประจาในคลินิก คือ ผูป้ ่ วยโรค กนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติ ไดแ้ ก่ ก่อน-หลงั
ข้อมีความทุกข์จากความเจ็บปวดจากพยาธิ ทดลองทนั ทีและหลงั ทดลอง 1 วนั โดยพบว่า
สภาพของโรคที่เป็ นและจากหัตถการท่ีได้รับ ระดับความปวดก่อนทดลองมีคะแนนความ
รวมไปถึงญาติและผูด้ ูแลก็เกิดความทุกข์จาก ปวดเฉล่ียสูงกวา่ หลงั การทดลอง ซ่ึงสอดคลอ้ ง
การท่ีเห็นผูป้ ่ วยเจ็บปวด (ดารงพันธ์, 2556) กบั การศึกษาของ ศิริญญา และชนกพร (2558)
ประกอบกบั ยงั ไม่มีแนวทางการจดั การความ ท่ีศึกษาพบวา่ ประสิทธิผลของการทดลองแนว
ปวดแบบไม่ใชย้ าที่ชดั เจน และเป็ นรูปธรรมมา ปฏิบตั ิทางคลินิกในการดูแลผูป้ ่ วยท่ีมีอาการ
ผสมผสานใชใ้ นคลินิกและหน่วยงานอื่น ดงั น้นั ปวดเฉียบพลันส่งผลให้ผูป้ ่ วยมีอาการปวด
จึงได้ร่วมกนั ทบทวนกระบวนการดูแลรักษา ลดลง และประโยชนข์ องไซโคนิวโรบิคส์` ช่วย
ด้านความปวด หาวิธีการพฒั นาต่อยอดคู่มือ แก้ไขโรคปวดข้อ ไขข้ออักเสบ เป็ นการดึง
แนวท างป ฏิ บัติ การบริ หา รจัดการควา มปวด ศกั ยภาพภายในของผปู้ ่ วยมาใชบ้ าบดั ตวั เอง จะ
และวิธีการจดั การความปวดแบบไม่ใช้ยาข้ึน เกิดพลงั งานทางจิตท่ีแข็งแรง เกิดกระแสคล่ืน
โดยมุ่งเน้น ด้านจริยธรรม มนุษยธรรม ท้งั น้ีมี พลงั แม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุน้ การหลง่ั ฮอร์โมน
วตั ถุประสงคเ์ พ่ือใหผ้ ปู้ ่ วยสามารถจดั การความ เกิดการจบั ตวั ใหม่ของโมเลกุลของกล้ามเน้ือ
ปวดได้ด้วยตนเองในเบ้ืองต้น และมีคุณภาพ ส่งผลทาให้เกิดความสุข ช่วยเยียวยาร่างกาย
ชีวิตที่ดีข้ึน การใช้แนวปฏิบตั ิสมาธิรักษาโรค และจิตใจ อารมณ์ ทาให้ลดอาการทุกข์ทรมาน
วธิ ีไซโคนิวโรบิคส์ ในการดึงพลงั ธรรมชาติเขา้ ท่ีเป็ นอยู่ให้กลบั มาสู่สภาวะที่ไม่เจ็บป่ วย และ
สู่ ร ะ บ บ ป ร ะ ส า ท เ พื่ อ บ ร ร เ ท า อ า ก า ร ป ว ด ใ น เกิดจากเมื่อจิตใจผ่อนคลาย ร่างอารมณ์จะมี
ผูป้ ่ วยโรคข้ออกั เสบรูมาตอยด์ เป็ นกลไกการ พลังมากข้ึน ทาให้ร่างพลังงาน (ร่างทิพย์) มี
บาบดั รักษาและช่วยในการดารงชีวิตให้เป็ นสุข พลังมากข้ึนด้วย มีผลทาให้ระบบประสาท
ท้ังกาย ใจและจิตวิญญาณ ซ่ึ งเป็ นแพทย์ อตั โนมัติกระตุ้นต่อมไร้ท่อให้หลั่งฮอร์โมน
ทางเลือกนอกเหนือจากการใชย้ าอยา่ งเดียว ความสุขออกมา
ผลการวิจยั ที่พบว่า การใช้แนวปฏิบตั ิ ผลการวิจัยที่พบว่า กลุ่มตัวอย่างมี
สมาธิรักษาโรควิธีไซโคนิวโรบิคส์ มีผลทาให้ ประสบการณ์จากการทาไซโคนิวโรบิคส์ มีการ
ระดบั ความปวดก่อนและหลงั ทดลองแตกต่าง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ที่ ห ล า ก ห ล า ย ต่ า ง กัน ท้ ัง ด้ า น
ร่างกายและดา้ นจิตใจ Peaceful Neurobic ดา้ น
จิตใจรู้สึก สงบน่ิง เบาสบาย โล่งดีตามลาดบั `
สอดคลอ้ งกบั Peaceful Neurobic เป็ นพลงั แห่ง
ความสงบท่ีอยู่ภายในจิตใจ และร่างกายเป็ นสี
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 37
ฟ้า ส่วน Empowering Neurobics ดา้ นจิตใจรู้สึก คล่ืนพลงั งานที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ ช่วย
ปลดปล่อย สบาย ขยบั ขอ้ คล่องข้ึน ขอ้ จากร้อน เยียวยาร่างกายและจิต ด้วยการดึงศักยภาพ
เป็ นอุ่น ร่ างกาย เป็ นสี แดงเข้าชัดตล อด ภายในของผูป้ ่ วยมาใช้บาบดั ตวั เอง ทาให้ลด
สอดคล้องกับ Empowering Neurobic ซ่ึงเป็ น อาการทุกขท์ รมานท่ีเป็ นอยู่ ใหก้ ลบั มาสู่สภาวะ
พลงั แห่งความแข็งแรง บาบดั และป้องกนั โรค ที่ไม่เจ็บป่ วย หรือช่วยให้สามารถรักษาชีวิต
กระดูก ไขขอ้ ประโยชน์ท่ีจะได้รับเม่ือบุคคล แบบ “ไซโคนิวโรบิคส์” เป็ นนวตั กรรมทางจิต
ฝึ กสร้างกระแสจิตทางบวก ร่างกายจะสามารถ วญิ ญาณ คือศาสตร์ท่ีทาใหเ้ กิดความสุขและการ
ดึ ง พ ลัง ม หัศ จ ร ร ย์จ า ก ธ ร ร ม ช า ติ เ ข้า สู่ ร ะ บ บ มีสุขภาพท่ีแขง็ แรง ร่วมท้งั เป็ นศาสตร์แห่งการ
ประสาทไปกระตุน้ ต่อมไร้ท่อให้เกิดการหลั่ง บาบดั จิตและอารมณ์ อีกดว้ ย จากคากล่าวท่ีว่า
ฮอร์ โมนและเอนไซม์ไปกระตุ้นอะตอม “หมอท่ีดีที่สุ ด คือตัวเราเอง” เพราะชีวิตมี
โ ม เ ล กุ ล ส า ร พั น ธุ ก ร ร ม ( DNA: “กาย” และ “ใจ” กายและใจถูกเชื่องโยงดว้ ยจิต
Deoxyribonucleic Acid) โครโมโซมในร่างกาย วญิ ญาณ เพ่อื ใหก้ ายและใจทางานสอดคลอ้ งกนั
ให้เกิดความสมดุลและทางานตามปกติเรียกวา่ อยา่ งเหมาะสมดีท่ีสุด เกิดเป็ นพลงั กายและพลงั
เกิดการเยียวยารักษาตวั เอง (self healing) เพ่ิม ใจ นนั่ คือ “ชีวิตที่เป็ นปกติสุข”และสอดคลอ้ ง
ภูมิคุม้ กันเพิ่มเติมเคมีลดการอกั เสบหรือการ กบั รสสุคนธ์ (2560) ท่ีว่าพลงั งานของร่างกาย
เส่ือมของเซลล์ซ่ึงเป็ นสาเหตุของความแก่ จานวน 600,000,000 เซลล์ มีพลงั ธาตุ 108 น้นั
สามารถป้องกันและยารักษาโรค (อิทธิกร, ร่างกายจะมีรัศมีของพลังงานเป็ นของตัวเอง
2557) พบวา่ หลงั ทดลองมีความสุขเพ่ิมข้ึน และ ผ่านการฝึ กฝนสมาธิ พลังเหล่าน้ีสามารถ
ความหดหู่ใจลดลง ส่วนใหญ่ไม่ใช้ยาแก้ปวด ปลดปล่อยความหงุดหงิดหรือความเจบ็ ปวดใน
โดยรวมมีความพึงพอใจต่อการจัดการความ ร่างกายไดท้ ้งั หมด เนื่องจากองคป์ ระกอบจะถูก
ปวดท่ีได้รับระดับดี ซ่ึงวิธีการฝึ กสงบจิตเพ่ือ ปรับให้เหลืออยู่เหนือส่วนเกินเพ่ือให้เป็ น ใน
สร้างพลงั งานบวก (positive energy) ในขณะท่ี การปรับจนกวา่ องคป์ ระกอบระดบั ที่เหมาะสม
ร่างกายปฏิบตั ิกิจวตั รประจาวนั คลื่นพลงั งาน ดงั น้นั กวา่ ความเจบ็ ปวดจะหายไป
บวกจะเกิดเป็ นกระแสคลื่นพลงั งานสมดุลเกิด ข้อเสนอแนะการนาไปใช้ประโยชน์
ความสงบสุ ข ความพอใจและความปิ ติสุ ข
สอดคล้องกบั การศึกษาของ Tiwari (2018) ท่ี 1. เพ่ือให้การนาผลการวิจยั ไปใช้กับ
ศึกษาเก่ียวกบั ระดบั การปวดโดยใชว้ ธิ ีการรักษา ผูป้ ่ วย สามารถปฏิบตั ิไดส้ อดคล้องไปกบั งาน
แบบ ไซโคนิวโรบิคส์ พบวา่ ไซโคนิวโรบิคส์ ประจา เสนอผูบ้ ริหารทางการพยาบาล ให้เห็น
คือพลังงานทางจิตวิญญาณ ทาให้เกิดกระแส คุณค่าของการนาผลงานวจิ ยั มาใชใ้ นการปฏิบตั ิ
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 38
และส่งเสริม สนบั สนุน เปิ ดโอกาสให้สามารถ แล้วยังสามารถ นาไปปฏิบัติกับผู้ป่ วยได้
นาผลการวิจยั ที่เป็ นแนวคิดใหม่มาใช้ในการ จากน้ันสอดแทรกการนาผลการวิจัยทางการ
ปฏิบัติการพยาบาล ออกเป็ นแนวปฏิบัติ พยาบาลน้ีเขา้ ไปในการปฏิบตั ิงานประจาวนั
ประกาศเป็ นนโยบาย ในการจดั การความปวด ข้อเสนอแนะในการศึกษาคร้ังต่อไป
แบบไม่ใชย้ า
ก า ร ศึ ก ษ า วิ จั ย น้ี มี ค ว า ม เ ป็ น
2. เพอ่ื ความต่อเนื่องและ เป็นโครงการ วิทยาศาสตร์ กล่าวคือ 1) มีหลกั การและทฤษฎี
ที่ยง่ั ยนื จาเป็ นตอ้ งขยายองคค์ วามรู้แสดงความ ร อ ง รั บ ( Discipline) 2 ) มี ก า ร ท ด ล อ ง
เป็ นเอกลักษณ์ของวิชาชีพให้มีความเด่นชัด (Experiment) 3) มีการตรวจวดั ผลการทดลอง
หรือเป็ นที่ประจกั ษ์ ทางสังคม โดยวางแผน ก่อนและหลงั (Measurement) จึงเป็ นการศึกษา
พัฒนาคุณภาพระบบบริ การพยาบาลโดย ที่น่าสนใจและจะเป็ นประโยชน์ต่อวงการดูแล
กระบวนการ มีส่วนร่วมของกลุ่มงานวิจยั และ รักษาสุ ขภาพมิติใหม่ (New Dimension of
พฒั นาการพยาบาล โรงพยาบาลเจา้ พระยายม Healthcare)การศึกษาน้ีเป็ นความพยายามที่จะ
ราชโดย การพัฒนาต่อยอด งานวิจัย เชิ ง นาแนวคิดในเร่ืองของ พลังงานละเอียดอ่อน
ปฏิบตั ิการแบบมีส่วนร่วมและนารูปแบบการ (Subtle Energy)ท่ีวดั ยากในทางฟิ สิกส์ (Non
พฒั นาฯ มาปฏิบตั ิและปรับปรุง Physical) มาอธิบาย ดงั น้นั
3. เพ่ือส่งเสริมให้พยาบาลใช้บทบาท 1. ควรมีการติดตามผล หลังการวิจัย
อิสระในการให้การพยาบาลผปู้ ่ วย พยาบาลนกั เป็ นระยะ ดูว่าการใช้ศาสตร์ดังกล่าวมีความ
จดั การความปวด และผูเ้ ก่ียวขอ้ งได้แก่แพทย์ ยงั่ ยนื อยา่ งไร
เจา้ ของไข้ พยาบาลประจาคลินิก ควรพิจารณา
ดาเนินการนาลงไปปฏิบตั ิจริง ในคลินิก โดย 2. ควรนาไปศึกษาใหค้ รบกระบวนการ
เริ่มดว้ ยการเตรียมความพร้อม พยาบาลประจา ทางการแพทย์ หรือกระบวนการทางสุขภาพ
ที่ปฏิบตั ิงานเกี่ยวกบั การจดั การความปวดแบบ กล่าวคือ ใช้ป้องกนั การเกิดโรค ใช้รักษา และ
ไม่ใชย้ า โดยการจดั ประชุมเชิงปฏิบตั ิการ เพื่อ ใชใ้ นการฟ้ื นฟูจนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
อบรมพยาบาลแกนนา ฝึ กปฏิบตั ิการ จากน้ัน
ขยายผลโดยให้พยาบาลแกนนา จดั เวลาสอน 3. ควรศึกษาในการนา แนวปฏิบัติ
พยาบาลในหอผูป้ ่ วยให้สามารถปฏิบตั ิได้ทุก ประยุกตต์ าม รูปแบบสมาธิรักษาโรควิธีไซโค
คน ซ่ึงเป็ นสิ่งที่สามารถกระทาไดเ้ พราะแมแ้ ต่ นิวโรบิคส์ ไปใชก้ บั โรคอ่ืนๆ
สมาชิกใน ครอบครัวผปู้ ่ วย ถา้ ไดร้ ับการฝึ กฝน
The Journal of Boromarjonani College of Nursing Suphanburi
Vol.4 No. 1 January– June 2021 39
เอกสารอ้างองิ สมาคมรูมาติสซมั่ แห่งประเทศไทย. (2559).
การรักษาโรคขอ้ อกั เสบรูมาตอยด.์ [ม.
ดารงพนั ธ์ วฒั นะโชติ. (2556). โยคะสมาธิรักษา ป.ท.] เขา้ ถึงเม่ือ 21 มีนาคม 2559.
โร ค . พิ ม พ์ค ร้ั ง ท่ี 1 . ก รุ ง เ ท พ ฯ : เขา้ ถึงไดจ้ าก
สานกั พมิ พบ์ ีเวลล์ สปี เชียล. https://www.thairheumatology.org
นิพิฐพนธ์ สนิทเหลือ, วชั รีพร สาตร์เพช็ ร์, ญา อิทธิกร วฒั นะ. (2557). มิติใหมใ่ นการเพิม่
ดา นภาอารักษ์. (2560). การคานวณ สมรรถนะและพฒั นาความจาผบู้ ริหาร
ขนาดตวั อย่างดว้ ยโปรแกรมสาเร็จรูป และบุคลากร. สถาบนั ส่งเสริมการ
G*POWER. วารสารวิชาการ สถาบนั พฒั นาทรัพยากรมนุษยแ์ ห่งประเทศ
เทคโนโลยแี ห่งสุวรรณภูมิ : 496-507. ไทย. [ม.ป.ท.]. เขา้ ถึงเม่ือ 31 มีนาคม
2560. เขา้ ถึงไดจ้ าก
ปารวี สุวรรณาลยั . โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์. http://home.dsd.go.th
(2561). เขา้ ถึงเมื่อ 3 มิถุนายน 2561.
[ม.ป.ท.]. 12 หนา้ . เขา้ ถึงไดจ้ าก Shekhar C. (ผแู้ ปล ขนิษฐา แดนศิลป์ ). (2558).
https://med.mahidol.ac.th หมอในกายในจิต : 7 วนั แห่งการ
ค้นพบหมอภายในตัวเรา =
รสสุคนธ์ พุ่มพนั ธุ์วงศ.์ (2560). แพทยท์ างเลือก Invisibledoctor : 7 days to meet the
(เล่าสู่กนั ฟัง) "ศาสตร์เพ่ือชีวติ ".บนั ทึก doctor within. กรุงเทพฯ: ภารตะ.
การเรียนรู้จากชมรมบา้ นสุขภาพมูลนิธิ
ภู มิ ปั ญ ญ า ส า ก ล แ ล ะ เ ค รื อ ข่ า ย . Tiwari PD, Shekhar C. (2018). Study on the
กรุ งเทพฯ: ชมรมบ้านสุขภาพ และ Level of Healing Techniques in
เครือข่าย. Psychonurobics. Med. Res. Chron. 5
(6): 490-492.
ศิริญญา ชุ่มเต็ม, ชนกพร จิตปัญญา. (2558).
ความสัมพนั ธ์ระหว่างอาการปวดข้อ
ความเหนื่อยลา้ คุณภาพการนอนหลบั
ภ า ว ะ ซึ ม เ ศ ร้ า แ ล ะ คุ ณ ภ า พ ชี วิ ต ด้า น
สุขภาพของผูป้ ่ วยโรคขอ้ อกั เสบรูมา
ตอยด์. วารสารเก้ือการุณย์ 22(1): 113-
128.
ผลลัพธท์ างคลนิ ิกของผปู้ ่วยเด็กโรคหืด
หลงั จากการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์
ประเมนิ สมรรถภาพปอด ในคลนิ กิ เดก็
โรคหืด โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
วารสารแพทย์เขต 4-5 219 ผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กโรคหืดหลังจากการใช้การตรวจ
ปีที่ 40 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2564 สไปโรเมตรีย์ประเมินสมรรถภาพปอดในคลินิกเด็กโรคหืด
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
ผลลัพธท์ างคลนิ กิ ของผูป้ ว่ ยเดก็ โรคหืดหลงั จากการ ินพน ์ธ ้ตนฉบับ Original Article
ใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรียป์ ระเมินสมรรถภาพปอดในคลนิ กิ เดก็ โรคหืด
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
Clinical Outcome of Asthmatic Pediatric Patients Following
Spirometry Assessment of Pulmonary Function in Pediatric Asthma
Clinic Chaophrayayommaraj Hospital.
สุธิดา ชวี ะอิสระกุล พ.บ., Suthida Cheewaisrakul M.D.,
วว. กุมารเวชศาสตร์ Dip.,Thai Board of Pediatrics
กลมุ่ งานกุมารเวชกรรม Devision of Pediatrics
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช Chaophrayayommaraj hospital
จงั หวัดสุพรรณบรุ ี Suphan Buri
บทคัดยอ่
วัตถุประสงค:์ เพ่ือเปรียบเทียบอตั ราระดบั อาการโรคหดื ทค่ี วบคมุ ได้ อตั ราการไหลของอากาศหายใจออก
ท่สี ูงท่ีสุด (PEFR) จากการวัดด้วยเครอ่ื งวัดความเร็วสูงสดุ ของลมทเ่ี ป่าออกได้ (peak flow meter) ของผู้ปว่ ยเด็ก
โรคหดื ก่อนและหลังการใช้การตรวจสไปโรเมตรียใ์ นการประเมนิ สมรรถภาพปอดเพอ่ื ตดิ ตามผลการรกั ษา
วิธีการศึกษา: ศกึ ษายอ้ นหลังแบบกงึ่ ทดลองในผูป้ ่วยเด็กโรคหดื อายุ 5 ปีขึ้นไป ทรี่ กั ษาในคลนิ ิกเด็กโรคหืด
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช ระหว่าง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ถงึ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 ข้อมลู ผูป้ ว่ ยถูกเกบ็ และ
แบ่งเป็นกลุม่ ก่อนและกลมุ่ หลังการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์ในการติดตามผลการรกั ษาประเมินผลที่ 6 เดือน เปรียบ
เทยี บอตั ราระดบั ควบคมุ อาการโรคหดื ตาม GINA guideline 2019 และอตั ราการไหลของอากาศหายใจออกทส่ี งู ทส่ี ดุ
นำ� ขอ้ มลู ทไี่ ดม้ าวเิ คราะหโ์ ดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางสถติ ิ คอื chi-square test หรอื Fisher exact test และ unpaired t test
ผลการศึกษา: หลังจากการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์ในการติดตามผลการรักษาเป็นเวลา 6 เดือน พบผู้
ป่วยโรคหืดระดับ partly controlled และ uncontrolled มจี �ำนวนลดลง แต่ไม่มีนยั สำ� คัญทางสถิติ (รอ้ ยละ 11.4
กับ รอ้ ยละ 1.9 และ ร้อยละ 6.3 กับ ร้อยละ 0, p-value=.445) วัด peak flow meter พบค่า % predicted
PEFR เฉล่ยี สูงขึน้ (74.9+15.14 กับ 81.2+12.74, p-value<.001) และผู้ป่วยท่ีมคี ่า PEFR > 80% predicted
มีจ�ำนวนเพิ่มข้ึน (ร้อยละ 38.6 กับ ร้อยละ 60.8, p-value<.001) มีนัยส�ำคัญทางสถิติ พบการใช้ยาควบคุม
โรคหดื สงู ขนึ้ ในกลมุ่ long-acting beta-2 agonist รว่ มกบั corticosteroid มจี ำ� นวน 107 คน (รอ้ ยละ 67.7) จากเดมิ
ท่ใี ช้ 49 คน (ร้อยละ 31)
สรปุ : การใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรยี ใ์ นการตดิ ตามการรกั ษาโรคหดื ทำ� ให้แพทยส์ ามารถปรบั ยาใหเ้ หมาะสม
มากขึน้ เปรียบเทยี บจากเดมิ ท่ีใชอ้ าการทางคลินกิ ประเมินเพยี งอย่างเดยี ว
คำ� สำ� คัญ : อัตราระดับควบคมุ อาการโรคหดื อตั ราการไหลของอากาศหายใจออกทส่ี ูงทส่ี ดุ สไปโรเมตรีย์
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 2564 ; 40(2) : 219-228.
39
Region 4-5 Medical Journal 220 Clinical Outcome of Asthmatic Pediatric Patients Following
Vol. 40 No. 2 April-June 2021 Spirometry Assessment of Pulmonary Function in Pediatric
Asthma Clinic Chaophrayayommaraj Hospital.
ABSTRACT
Objective: The purpose was to compare the control level of asthma and peak expiratory
flow rate which was measured by peak flow meters, before with after using spirometry assessment
of pulmonary function in pediatric asthmatic patients.
Methods: This was a retrospective quasi-experimental study of asthmatic pediatric patients
aged 5 years and over who were treated in pediatric asthma clinic at Chaophrayayommaraj Hospital
from October 1, 2016 to September 30, 2019. Data were collected and divided into two groups, i.e.,
before and after 6 months of pulmonary function measurement, thereafter; comparing asthmatic
control level according to GINA guideline 2019 and peak expiratory flow rate was done. Data were
analyzed by chi-square test or Fisher exact test and unpaired t test.
Results: After 6 months of pulmonary function assessment, the numbers of partly controlled
and uncontrolled asthmatic patients were found to be lower but no statistical significance (11.4%
vs 1.9% and 6.3% vs 0% respectively, p-value=.445). By peak flow meters, mean % PEFR was higher
(74.9+15.14 vs 81.2+12.74, p-value<.001) and the number of patients with PEFR > 80% predicted
increased (38.6% vs 60.8%, p-value<.001) with statistical significance. The amount of usage of the
long-acting beta-2 agonist + corticosteroid also increased in 107 patients (67.7%) from 49 patients
(31%).
Conclusion: Spirometry assessment improved asthmatic control better than using of clinical
symptom only. It helped physicians to adjust the controlling drugs more properly.
Keywords : asthmatic control rate, peak expiratory flow rate, spirometry
Received : Oct 1, 2020 Revised : Oct 10, 2020 Accepted : Dec 12, 2020
Reg 4-5 Med J 2021 ; 40(2) : 219-228.
บทน�ำ โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช มีจำ� นวนผ้ปู ่วย
เดก็ โรคหืดท่รี กั ษาทคี่ ลินกิ โรคหดื ปีงบประมาณ 2562
โรคหดื ในเดก็ เปน็ โรคทพ่ี บไดบ้ อ่ ย ความชกุ ของ จ�ำนวน 444 คน มีกมุ ารแพทย์โรคระบบการหายใจเปน็
โรคนีใ้ นประเทศไทยอยทู่ ีร่ อ้ ยละ 6.8-11.91-2 การรกั ษา ผู้รักษา การตรวจสไปโรเมตรีย์ได้เร่ิมท�ำตั้งแต่
ต้องมีการติดตามรักษาต่อเน่ือง เพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีใน พฤศจกิ ายน 2560 จงึ เปน็ ทม่ี าของการศึกษาถงึ ผลลพั ธ์
การควบคุมโรคหืด ช่วยเพ่ิมคุณภาพชีวิตของครอบ การดูแลรักษาผู้ป่วยเด็กโรคหืด หลังจากใช้การวัด
ครัวผู้ป่วยโรคหืดในเด็ก การประเมินระดับควบคุม สมรรถภาพปอดโดยการตรวจสไปโรเมตรยี ์ เมอ่ื เทยี บกบั
โรคหืดจากการซักถามอาการจากผู้ปกครองมีโอกาส ก่อนหนา้ นที้ ย่ี ังไม่เคยมีการตรวจสไปโรเมตรยี ์
ได้ขอ้ มูลท่ีไมถ่ กู ตอ้ ง GINA guideline 20193 แนะน�ำ
ให้ตรวจวัดสมรรถภาพปอดโดยสไปโรเมตรีย์เพิ่มเติม วัตถุประสงค์
จากการซกั ถามจากผปู้ กครอง สง่ ผลในการรกั ษาควบคมุ
โรคหืดใหเ้ หมาะสมยงิ่ ขึน้ 4 วัตถุประสงค์หลัก: เปรียบเทียบอัตราระดับ
ควบคมุ อาการโรคหดื ของผปู้ ว่ ยเดก็ โรคหดื กอ่ นและหลงั
40
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 221 ผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กโรคหืดหลังจากการใช้การตรวจ
ปีท่ี 40 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2564 สไปโรเมตรีย์ประเมินสมรรถภาพปอดในคลินิกเด็กโรคหืด
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
การใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรยี ใ์ นการตดิ ตามผลการรกั ษา เจ้าพระยายมราช ระหวา่ ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึง
ท้ังนี้ระดับการควบคุมโรคหืดตาม GINA guideline 30 กันยายน พ.ศ. 2562 เก็บข้อมูลผู้ป่วยหลังจากได้
20193 แบ่งเป็น 3 ระดับคือ controlled asthma รับอนุมัติการท�ำวิจัยในมนุษย์จากคณะกรรมการวิจัย
(ควบคุมอาการได้), partly controlled asthma โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช หมายเลข YM025/2563
(ควบคมุ อาการไดบ้ ้าง), และ uncontrolled asthma
(ควบคุมอาการไมไ่ ด้) มีเกณฑ์คัดเข้า คือ อายุ 5-15 ปี ได้รับการ
วัตถุประสงค์รอง: เปรียบเทียบอัตราการไหล วัดสมรรถภาพปอดโดยการตรวจสไปโรเมตรีย์หลังจาก
ของอากาศหายใจออกท่ีสูงท่ีสุด (peak expiratory เขา้ คลนิ ิกโรคหดื อย่างนอ้ ย 1 ครั้ง และผลสมรรถภาพ
flow rate; PEFR) จากการวัดด้วยเคร่ืองวัดความเร็ว ปอดนั้นสามารถอ่านผลได้ มีการติดตามผลการรักษา
สูงสุดของลมที่เป่าออกได้ (peak flow meter) ของ ในคลินิกต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนก่อนและหลัง
ผู้ป่วยเด็กโรคหืดก่อนและหลังการใช้การตรวจสไปโรเม การใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์ในการติดตามการรักษา
ตรยี ์ในการตดิ ตามผลการรกั ษา และเกณฑ์คัดออก คือ ผู้ป่วยท่ีไม่ให้ความร่วมมือ
ในการตรวจสไปโรเมตรีย์ หรือแพทย์ส่งต่อผู้ป่วยไปยัง
วธิ ีการศกึ ษา สถานพยาบาลอ่ืนก่อนจบการศึกษา เก็บข้อมูล
แบ่งเป็นก่อนและหลังการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์
ศกึ ษายอ้ นหลงั แบบกงึ่ ทดลอง (a retrospective วัดสมรรถภาพปอด ท่ี 0 และ 6 เดอื น
quasi-experimental study) ในผู้ป่วยเด็กโรคหืด
อายุ 5 ปีข้ึนไป ที่รักษาในคลินิกเดก็ โรคหดื โรงพยาบาล
การวเิ คราะหข์ ้อมูล
การคำ� นวณขนาดตวั อยา่ ง ตามสตู ร two dependent proportions (จาก application n4Studies)
n = ขนาดตัวอยา่ งกลุ่มทดลอง
p01 = อตั ราควบคุมโรคหืดในระดบั ควบคมุ อาการไม่ได้ (partly controlled, uncontrolled) หลังตรวจ
สไปโรเมตรยี ์
สไปโรเมตpร1ีย0์ = อัตราควบคุมโรคหดื ในระดับควบคมุ อาการไม่ได้ (partly controlled, uncontrolled) กอ่ นตรวจ
α= 0.05 ß = 0.2
อา้ งองิ จากอัตราการควบคมุ โรคหืดปงี บประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561-กันยายน 2562) ในผู้ปว่ ยโรคหดื
444 คน คอื controlled asthma (ควบคุมอาการได้) เท่ากบั รอ้ ยละ 88.9
คดิ p10 เท่ากบั 0.111 ก่อนทำ� สไปโรเมตรยี ์ ส่วน p01 คาดคะเนวา่ ลดจาก p10 เทา่ กับรอ้ ยละ 80 คือเท่ากบั
0.022 ค�ำนวณขนาดกล่มุ ท่ีทำ� การศึกษาคอื 130 คน และบวกเพิ่มอกี 13 คนรวมเปน็ 143 คน (เผอื่ ร้อยละ 10 drop
out)
41
Region 4-5 Medical Journal 222 Clinical Outcome of Asthmatic Pediatric Patients Following
Vol. 40 No. 2 April-June 2021 Spirometry Assessment of Pulmonary Function in Pediatric
Asthma Clinic Chaophrayayommaraj Hospital.
สถิตทิ ใ่ี ชว้ ิเคราะห์ controlled, uncontrolled) อตั ราการไหลของอากาศ
1. สถิติเชิงพรรณนา ข้อมูลไม่ต่อเน่ืองน�ำ หายใจออกทส่ี งู ทส่ี ดุ (peak expiratory flow rate) จาก
เสนอดว้ ยจำ� นวน (n) และรอ้ ยละ ไดแ้ ก่ เพศ (ชาย,หญงิ ); การวัดดว้ ย peak flow meter ของผู้ป่วยเด็กโรคหืด
โรครว่ ม (โรคภมู แิ พจ้ มกู ,โรคอว้ น,ไมม่ )ี ; สบู บหุ รภี่ ายในบา้ น เทยี บเป็น 2 ชว่ ง คอื กอ่ นและหลังการใช้การตรวจสไป
(ม,ี ไมม่ )ี ; ยาทีใ่ ชค้ วบคุมโรคหดื ขอ้ มูลต่อเนื่องน�ำเสนอ โรเมตรีย์วัดสมรรถภาพปอด ที่ 0 และ 6 เดอื น สำ� หรับ
ด้วยค่าเฉล่ยี และคา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน ไดแ้ ก่ อายุ (ป)ี ; ข้อมูลไม่ต่อเนื่องเปรียบเทียบด้วย chi-square test
นนำ้ หนกั (กิโลกรัม); สว่ นสูง (เซนตเิ มตร); ดชั นีมวลกาย หรือ Fisher exact test ขน้ึ อยู่กับลกั ษณะของข้อมูล
(กิโลกรัม/เมตร2); ค่าสมรรถภาพปอด (FEV1: forced สำ� หรบั ขอ้ มลู ตอ่ เนอื่ งเปรยี บเทยี บดว้ ย unpaired t test
expiratory volume in the เfทirsยี tบกseับcfoonrcde,dFvEiVta1/l ถา้ ขอ้ มลู มกี ารกระจายแบบปกติ กำ� หนดค่า p < 0.05
FVC ratio: bอFeัตEtรFwา2ส5e-ว่7e5นn%ข:2อ5งmFaeEnaVdn1 forced expiration ถอื วา่ แตกตา่ งอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ิ วเิ คราะหข์ อ้ มลู
capacity, 75% of forced vital โดยใช้ โปรแกรม SPSS version 16
flow rate
capacity, และ PEFR: peak expiratory flow rate คอื ผลการศึกษา
อัตราการไหลของอากาศหายใจออกที่สูงที่สุด) เกณฑ์
ค่าปกติเมื่อเปรียบเทียบกับค่า predicted5 คอื >FE7V01%> กลมุ่ ประชากรทศ่ี กึ ษามจี ำ� นวน 523 คน ไดร้ บั
80% และ F>EV801/%FVC > 80% และ FEF25-75% การตรวจสมรรถภาพปอดจำ� นวน 202 คน คดั ออก 44 คน
และ PEFR ได้กลุ่มตัวอย่างท้ังส้ิน 158 คน พบเพศชายมากกว่า
2. สถิติเชงิ วเิ คราะห์หรอื เชงิ อนุมาน เพศหญงิ มีอายุเฉลย่ี 9.7 ปี (SD + 2.4) พบโรคร่วม
เปรียบเทียบอัตราระดับควบคุมอาการโรคหืด เปน็ โรคภมู แิ พจ้ มกู จำ� นวน 88 คน (รอ้ ยละ 55.7) ขอ้ มลู
ตาม GINA guideline 20193 (controlled, partly พนื้ ฐานแสดงดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลพื้นฐานของผูป้ ่วยโรคหดื เดก็ ท่ที ำ� การศึกษา (n = 158) ผลลัพธ์
รายละเอยี ด 107 (67.7)
51 (32.3)
เพศ, จ�ำนวนคน (รอ้ ยละ) 9.7 + 2.4
ชาย 38.9 + 15.8
หญิง 139.2 + 16.1
20.4 + 11.9
อายุ, ปี
ค่าเฉลย่ี +คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน
นำ�้ หนัก,กโิ ลกรมั
คา่ เฉลี่ย+ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน
สว่ นสูง, เซนติเมตร
คา่ เฉลี่ย+ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ดัชนมี วลกาย (กโิ ลกรมั /เมตร2)
ค่าเฉลยี่ +คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน
42
วารสารแพทย์เขต 4-5 223 ผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กโรคหืดหลังจากการใช้การตรวจ
ปีท่ี 40 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2564 สไปโรเมตรีย์ประเมินสมรรถภาพปอดในคลินิกเด็กโรคหืด
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
ตารางที่ 1 แสดงขอ้ มูลพนื้ ฐานของผูป้ ว่ ยโรคหืดเดก็ ทีท่ �ำการศึกษา (n = 158) (ตอ่ ) ผลลัพธ์
รายละเอยี ด 88 (55.7)
18 (11.4)
โรคร่วม, จ�ำนวนคน (ร้อยละ) 63 (39.9)
โรคภมู ิแพจ้ มกู 68 (43)
โรคอ้วน 90 (57)
ไมม่ ี
สบู บหุ ร่ีภายในบา้ น, จำ� นวนคน (ร้อยละ)
มี
ไมม่ ี
ตารางที่ 2 แสดงผลการวดั สมรรถภาพปอดโดยการตรวจสไปโรเมตรยี ์ (n = 158) ผลวัดที่ได้
ค่าสมรรถภาพปอด 84.3 + 14.9
100 (63.3)
FคE่าVเฉ1ลี่ย+คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน (%predicted) 87.7 + 7.5
> 80% จ�ำนวนคน (ร้อยละ) 132 (83.5)
คF่าEเฉVล1/่ยี F+VคCา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน (%predicted) 86.8 + 28.1
> 80% จำ� นวนคน (ร้อยละ) 116 (73.4)
คFา่ EเฉF2ล5่ีย-75+%ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (%predicted) 86.63 + 14.6
> 70% จำ� นวนคน (ร้อยละ) 111 (70.3)
PEFR
คา่ เฉล่ีย+คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน (%predicted) 68 (43)
> 80% จ�ำนวนคน (ร้อยละ)
คา่ สมรรถภาพปอดทุกตัวอยใู่ นเกณฑ์ปกต*ิ
จ�ำนวนคน (รอ้ ยละ)
จากตารางท่ี 2 แสดงผลการวัดสมรรถภาพ (รอ้ ยละ 63.3), FEV1/FVC > 80% จ�ำนวน 132 คน
ปอดโดยการตรวจสไปโรเมตรยี ์ พบวา่ ผปู้ ว่ ยกลมุ่ ศกึ ษา (รอ้ ยละ 83.5), FEF25-75%> 70% จำ� นวน 116 คน (รอ้ ยละ
มีทุกค่าเฉลี่ยของผลตรวจอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ FEV1 73.4), PEFR > 80% จ�ำนวน 111 คน (ร้อยละ 70.3)
เทา่ กบั ร้อยละ 84.3 predicted (SD + 14.9), เFทEา่ Vก1บั / แ8แ0ลล%ะะคPา่แEสลFมะRรFร>ถEVภ810า/พ%FปV)Cอมดจี>ท�ำุกน8ตว0วัน%อ6ยแ8ู่ใลนคะเกนFณE(รฑF้อ2ป์ 5ย-ก7ล5ต%ะิ (>4FE37V)01ซ%>ง่ึ
Fรอ้VยCลเะท8า่ ก6.บั 8รp้อrยeลdะic8te7d.7(S(SDD++287..15)),แFลEะFP25E-7F5R% เทา่ กบั มจี �ำนวนไมถ่ ึงครง่ึ ของกลุ่มทศ่ี กึ ษา
รอ้ ยละ 86.63 predicted (SD + 14.6) เม่ือพิจารณา
เป็นรายบุคคลพบค่า FEV1 > 80% จ�ำนวน 100 คน
43
Region 4-5 Medical Journal 224 Clinical Outcome of Asthmatic Pediatric Patients Following
Vol. 40 No. 2 April-June 2021 Spirometry Assessment of Pulmonary Function in Pediatric
Asthma Clinic Chaophrayayommaraj Hospital.
ตารางท่ี 3 แสดงยาทใ่ี ชค้ วบคมุ โรคหดื กอ่ นและหลงั การใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรยี ใ์ นการตดิ ตามผลการรกั ษา (n = 158)
ยาทใี่ ชค้ วบคุมโรคหดื ก่อนการใช้การตรวจ หลังการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์
Short-acting beta-2 agonist สไปโรเมตรยี ์ ที่ 6 เดือน
Inhaled corticosteroid จ�ำนวนคน รอ้ ยละ
Leukotriene modifier จำ� นวนคน ร้อยละ 1 0.6
Long-acting beta-2 agonist+ corticosteroid 3 1.9 47 29.7
96 60.8 51 32.3
44 27.8 107 67.7
49 31
หลังการติดตามผลการรักษาที่ 6 เดือน พบ แต่ไม่มีนัยส�ำคัญทางสถิติ โดยมีระดับควบคุมโรคหืด
ปรมิ าณการใชย้ าควบคมุ โรคหดื สงู ขน้ึ ในกลมุ่ long-acting partly controlled ลดลง (รอ้ ยละ 11.4 กบั รอ้ ยละ 1.9,
beta-2 agonist + corticosteroid และกลุ่ม p-value=.445) และไม่พบระดับควบคุมโรคหืด
leukotriene modifier พบปริมาณการใช้ยาควบคุม uncontrolled หลงั การใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรยี ท์ ี่ 6 เดอื น
โรคหืดลดลงในกลุ่ม inhaled corticosteroid และ (รอ้ ยละ 6.3 กบั ร้อยละ 0, p-value=.445) พบผู้ป่วย
short-acting beta-2 agonist ขอ้ มลู แสดงดงั ตารางท่ี 3 มกี ารควบคมุ โรคหดื ระดบั controlled ทส่ี งู ขน้ึ หลงั การ
ใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรยี ท์ ี่ 6 เดอื น ซง่ึ มจี ำ� นวน 155 คน
ผลเปรียบเทียบระดับควบคุมโรคหืดก่อนและ (ร้อยละ 98.1) เม่ือเทียบกับก่อนการใช้การตรวจ
หลังการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์ในการติดตามผลการ สไปโรเมตรีย์มีจ�ำนวน 130 คน (ร้อยละ 82.3),
รักษา จากตารางท่ี 4 พบวา่ ผ้ปู ่วยโรคหดื ระดบั partly p-value=.445
controlled และ uncontrolled มีจ�ำนวนลดลง
ตารางที่ 4 แสดงการเปรียบเทียบระดับควบคุมโรคหืดก่อนและหลังการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์ในการติดตาม
ผลการรกั ษา (n = 158)
ระดับควบคุม ก่อนการใชก้ ารตรวจ หลังการใช้การตรวจ P-value
โรคหดื สไปโรเมตรยี ์ สไปโรเมตรีย์ .445a
ที่ 6 เดอื น
Controlled จ�ำนวนคน รอ้ ยละ จำ� นวนคน ร้อยละ
Partly controlled 130 82.3 155 98.1
Uncontrolled 18 11.4 3 1.9
a = Fisher’s exact test 10 6.3 00
44
วารสารแพทย์เขต 4-5 225 ผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กโรคหืดหลังจากการใช้การตรวจ
ปีท่ี 40 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2564 สไปโรเมตรีย์ประเมินสมรรถภาพปอดในคลินิกเด็กโรคหืด
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
ตารางท่ี 5 แสดงการเปรียบเทยี บคา่ % predicted PEFR จาก peak flow meter กอ่ นและหลังการใช้การตรวจ
สไปโรเมตรีย์ในการติดตามผลการรักษา (n = 158)
% Predicted PEFR ก่อนการใชก้ ารตรวจ หลงั การใช้การตรวจ P-value
จาก peak flow meter สไปโรเมตรยี ์ สไปโรเมตรยี ์ < .001b
74.9 + 15.1 ท่ี 6 เดอื น < .001c
ค่าเฉลีย่ +ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 61 (38.6) 81.2 + 12.7
มากกว่าหรือเทา่ กับ 80% predicted, จำ� นวนคน (รอ้ ยละ) 96 (60.8)
b = paired t test, c = chi-square test
จากตารางที่ 5 แสดงการเปรยี บเทยี บคา่ PEFR ตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติเพียงร้อยละ 43 สอดคล้องกับ
จาก peak flow meter ก่อนและหลังการใช้การตรวจ ผลการศึกษาของ Schifano และคณะ9 ที่พบถึงความ
สไปโรเมตรยี ใ์ นการตดิ ตามผลการรกั ษาพบว่า คา่ เฉล่ยี ไ ม ่ สั ม พั น ธ ์ ข อ ง อ า ก า ร ท า ง ค ลิ นิ ก กั บ ผ ล ต ร ว จ
ของ PEFR หลังการใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์ในการ สไปโรเมตรยี ์ในผูป้ ว่ ยโรคหืดในเด็ก โดยพบว่ามีจำ� นวน
ติดตามผลการรักษาท่ี 6 เดือน เท่ากับร้อยละ 81.2 ผู้ป่วยร้อยละ 36 ที่มีระดับควบคุมโรคหืดที่ประเมินได้
predicted (SD 12.7) มีค่าที่สูงข้ึนเม่ือเทียบกับก่อน ระดับรุนแรงน้อยกว่าระดับท่ีประเมินจากการตรวจ
การใช้การตรวจสไปโรเมตรีย์ซึ่งเท่ากับร้อยละ 74.9 สไปโรเมตรยี ซ์ ง่ึ อยใู่ นระดบั รนุ แรงมากกวา่ เชน่ เดยี วกบั
predicted (SD 15.1), p-value < .001 และพบว่า ผลการศกึ ษาของ David และคณะ10ทพี่ บวา่ ผปู้ ว่ ยโรคหดื
ผปู้ ่วยท่มี คี ่า PEFR > 80% predicted มมี ากขึ้นโดย ในเดก็ ทคี่ วบคมุ โรคในระดบั ดแี ตพ่ บผลตรวจสไปโรเมตรยี ์
พบท่ี 6 เดอื นมีจ�ำนวน 96 คน (รอ้ ยละ 60.8) เมือ่ เทียบ ผิดปกติถึงร้อยละ 54 ทั้งน้ีการตรวจสไปโรเมตรีย์
กบั กอ่ นการใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรยี ซ์ งึ่ มจี ำ� นวน 61 คน ทพ่ี บการอดุ กน้ั ในหลอดลม อาจไมแ่ สดงอาการในผปู้ ว่ ย
(รอ้ ยละ 38.6), p-value < .001 โรคหืดในเด็ก โดยการอุดกั้นเร้ือรังของหลอดลมในเด็ก
จะแสดงอาการหอบเหนื่อยน้อยกว่ากลุ่มเด็กท่ีมีอาการ
วิจารณ์ อดุ กนั้ หลอดลมแบบเฉยี บพลัน11,12
พยาธิสรีรวิทยาของโรคหืด เกิดจากการอัก จากผลตรวจสไปโรเมตรีย์ส่งผลให้มีการปรับ
เสบเร้ือรังของหลอดลม มีผลให้เกิดการอุดก้ันของทาง ยาควบคุมโรคหืดให้เหมาะสมมากขึ้น ในการศึกษาน้ี
เดินอากาศ6 การตรวจสไปโรเมตรยี ์ (spirometry) เป็น พบปรมิ าณการใชย้ าควบคมุ โรคหดื ในกลมุ่ long-acting
เครอื่ งมอื ใชว้ ดั สมรรถภาพปอด ทำ� ใหส้ ามารถบอกระดบั beta-2 agonist + corticosteroid สูงขึ้นในผู้ป่วย
ความรุนแรงของโรคหืดและประเมินอาการของโรคหดื 7 จำ� นวน 107 คน (รอ้ ยละ 67.7) จากเดิมทใี่ ช้ 49 คน
รวมทั้งช่วยประเมินการตอบสนองของการรักษาและ (รอ้ ยละ31)สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของTalissaและคณะ7
ควบคมุ โรคหดื 8 pทprพrี่ eeบddวiicา่ctผteปู้edว่d,ยFเไดEดก็V้ตท1�่ำ/เี่ FปกVน็วCโ่าร%ผคู้ปหp่วดื rยรeะเdดดi็กcบั tทรeนุี่เdปแร็นแงลโวระดั คคหFา่ EืดFFรE2ะV5–ด17%5ับ%
ไมร่ นุ แรงถงึ ปานกลาง สง่ ผลใหม้ กี ารใชย้ าควบคมุ โรคหดื
จากการศึกษาน้ีพบว่า ถ้าประเมินจาก ที่เพ่ิมขึ้น นอกจากการปรับยายังต้องประเมินความ
อาการทางคลินิกเพียงอย่างเดียวผู้ป่วยโรคหืดมีระดับ
controlled asthma ที่ร้อยละ 82.3 ในขณะที่ผล
ตรวจจากสไปโรเมตรีย์พบค่าสมรรถภาพปอดทุก
45
Region 4-5 Medical Journal 226 Clinical Outcome of Asthmatic Pediatric Patients Following
Vol. 40 No. 2 April-June 2021 Spirometry Assessment of Pulmonary Function in Pediatric
Asthma Clinic Chaophrayayommaraj Hospital.
ร่วมมือการใช้ยาท่ีถูกต้องของผู้ป่วยและการหลีกเลี่ยง สมั พนั ธก์ บั คา่ % FEV1และ %FEF25–75%จากการตรวจดว้ ย
สารกอ่ ภมู ิแพ้ การศกึ ษานี้พบว่า หลังมีการนำ� ผลตรวจ สไปโรเมตรีย1์ 7,18 Bruce และคณะ19 พบว่า ผู้ป่วยเด็ก
สไปโรเมตรีย์มาใช้ประเมินเพ่ิมเติมร่วมกับอาการทาง %โโรรคคFไหดEืด้ดVที1/่ีมผFีลอVจาCกากาทกรี่ตหา่�ำรอกตบวร่ากวก�ำจลเสรุ่มไิบผปมู้ปโรีค่วเ่ยามเตดFร็กEียโV์รท1คี่แ,หยFืด่ลVทงCส่ีค,ัมวบพแคันลุมะธ์
คลนิ ิกพบว่า ผู้ปว่ ยโรคหืดในระดับ partly controlled กับระดับความรุนแรงของโรคหืด อัตราโรคหอบก�ำเริบ
และ uncontrolled มีจ�ำนวนลดลง ส่วนระดับ โอกาสนอนโรงพยาบาล โอกาสมีภาวะหายใจล้มเหลว
controlled asthma มจี ำ� นวนมากขน้ึ (รอ้ ยละ 82.3 กบั ท่ีมากข้นึ และคุณภาพชวี ติ ที่แยล่ ง19-20
ร้อยละ 98.1, p-value=.445) แต่ไม่มีนัยส�ำคัญทาง
สถิติ ซึ่งอาจเป็นจากจ�ำนวนกลุ่มตัวอย่างมีจ�ำนวน ท้ังน้ีหลักการรักษาส�ำหรับผู้ป่วยโรคหืด6
ไมม่ ากพอ และเดิมมอี ัตราระดับ controlled asthma ควรค�ำนึงถึง 3 ข้อหลัก คือ การให้ความรู้แก่ผู้ป่วย
ทีค่ อ่ นข้างสงู และครอบครัว เพ่ือสร้างความมีส่วนร่วมในการรักษา
โรคหดื การคน้ หาและหลกี เลย่ี งสารกอ่ ภมู แิ พแ้ ละปจั จยั
หลงั จากมกี ารใชก้ ารตรวจสไปโรเมตรยี ใ์ นการ เสยี่ ง และการประเมนิ ระดบั ความรนุ แรงรกั ษาเฝา้ ระวงั
ตดิ ตามผลการรกั ษาเปน็ เวลา 6 เดอื น จากการวดั peak ตดิ ตามและควบคุมอาการของโรคหดื
flow meter พบคา่ % predicted PEFR เฉลย่ี ทสี่ งู ข้ึน
(74.9+15.14 กบั 81.2+12.74, p-value<.001) และ สรปุ
ผปู้ ว่ ยทมี่ คี า่ PEFR > 80% predicted มจี ำ� นวนเพม่ิ ขนึ้
(รอ้ ยละ 38.6 กบั รอ้ ยละ 60.8, p-value<.001) ซงึ่ มนี ยั การตรวจสไปโรเมตรีย์เป็นเคร่ืองมือช่วย
สำ� คญั ทางสถติ ิ จงึ เปน็ ไปตามคำ� แนะนำ� การรกั ษาโรคหดื ตดิ ตามอาการผปู้ ว่ ยเดก็ โรคหดื ไดถ้ กู ตอ้ งแมน่ ยำ� มากขนึ้
ในเดก็ เพอ่ื ควบคมุ โรคไดต้ ามเปา้ หมาย ควรตรวจสไปโร ช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการใช้ยาควบคุมโรคหืด
เมตรีย์เป็นระยะในเด็กทมี่ อี ายุ 5 ปีขึน้ ไป3,13,14 ลดอัตราระดับควบคุมอาการโรคหืดในระดับ partly
controlled และ uncontrolled และเพ่มิ คา่ % PEFR
Peak expiratory flow rate; PEFR คอื อตั รา
การไหลของอากาศหายใจออกที่สูงที่สุด ซ่ึงใช้เป็นตัว กติ ติกรรมประกาศ
บ่งชี้ของเส้นผ่าศูนย์กลางทางเดินหายใจในโรคหอบหืด
สามารถวัดได้จากเคร่ืองวัดความเร็วสูงสุดของลม ขอขอบคุณ นางญาณิศา สุวรรณศรี และ
ที่เป่าออกได้ (peak flow meter) หรือการตรวจ พยาบาลตึกผู้ป่วยนอกเด็ก ที่ให้ความร่วมมือในการ
สไปโรเมตรยี ์ (spirometry) จากการศกึ ษาของ Sorkness ท�ำวิจัย และแพทย์หญิงรติกร อนุสรธนาวัฒน์ ท่ีให้
และคณะ15 พบว่าค่า PEFR มีความสัมพันธ์กับระดับ คำ� ปรึกษางานวจิ ัยนเ้ี ปน็ อยา่ งดี
อาการโรคหดื และใชใ้ นการประเมนิ ผลการรกั ษาดว้ ยยา
สามารถวัดค่า PEFR ที่เพิ่มขึ้นจากค่า PEFR พ้ืนฐาน เอกสารอ้างอิง
เพ่ือติดตามผลการรักษาหลังใช้ยาควบคุมอาการ
โรคหดื 16 สอดคลอ้ งกบั ผลการศกึ ษานท้ี ผี่ ลวดั จาก peak 1. Trakultivakorn M. Prevalence of asthma,
flow meter พบผปู้ ว่ ยโรคหดื มคี า่ % predicted PEFR rhinitis, and eczema in northern Thai
เฉลย่ี ทส่ี งู ขน้ึ และผปู้ ว่ ยทม่ี คี า่ PEFR > 80% predicted children from Chiang Mai (International
มีจ�ำนวนเพิ่มข้ึนสัมพันธ์กับจ�ำนวนผู้ป่วยในระดับ Study of Asthma and Allergies in Childhood,
controlled asthma ทม่ี จี ำ� นวนมากขนึ้ หลงั มกี ารตรวจ ISAAC). Asian Pac J Allergy Immunol. 1999;
สไปโรเมตรยี ์ ทัง้ น้ีพบวา่ ค่า % PEFR ของผปู้ ่วยมีความ 17(4): 243-8.
46
วารสารแพทยเ์ ขต 4-5 227 ผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กโรคหืดหลังจากการใช้การตรวจ
ปีท่ี 40 ฉบับท่ี 2 เมษายน-มิถุนายน 2564 สไปโรเมตรีย์ประเมินสมรรถภาพปอดในคลินิกเด็กโรคหืด
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
2. Vichyanond P, Jirapongsananuruk O, 9. Schifano ED, Hollenbach JP, Cloutier MM.
Visitsuntorn N, et al. Prevalence of asthma, Mismatch between asthma symptoms
rhinitis and eczema in children from the and spirometry: implications for managing
Bangkok area using ISAAC (International asthma in children. J Pediatr 2014; 165:
Study for Asthma and Allergy in Children) 997–1002.
questionnaires. J Med Assoc Thai. 1998;
81(3): 175-84. 10. David KH, Caroline SB, Damian R, et al. Lung
function and asthma control in school-age
3. Global Initiative for Asthma. Global Strategy children managed in UK primary care: a
for Asthma Management and Prevention cohort study. Thorax. 2020; 75(2): 101–7.
(Internet). 2019 (cited 2020 May 20). doi: 10.1136/thoraxjnl-2019-213068
Available from: https://ginasthma.org/
wp-content/uploads/2019/06/GINA-2019- 11. Maria AT, Michela S, Roberta O, et
main-report-June-2019-wms.pdf al. Breathlessness perception assessed by
visual analogue scale and lung function
4. Louis-Philippe B, Robert P, Paul O, et al. in children with asthma: a real-life
Evaluation of asthma control by physicians study. Pediatr Allergy Immunol. 2012; 23:
and patients: Comparison with current 537–42.
guidelines. Can Respir J. 2002; 9(6): 417-23.
12. Baker RR, Mishoe SC, Zaitoun FH, et
5. สุมาลี ฮ่ันตระกูล, จิตลัดดา ดีโรจนวงศ์. Office al. Poor perception of airway obstruction in
spirometry. ใน: อรุณวรรณ พฤทธิพันธ์, children with asthma. J Asthma. 2000; 37(7):
ดุสติ สถาวร, พนิดา ศรสี นั ต,์ หฤทยั กมลาภรณ,์ 613–24. doi: 10.3109/02770900009090817.
บรรณาธกิ าร. Optimizing practice in pediatric
respiratory diseases. กรุงเทพฯ: บียอนด์ 13. National Asthma Education and
เอน็ เทอรไ์ พรซ์; 2554. หน้า 164-169. Prevention Program. Expert panel report
3 (EPR-3): guidelines for the diagnosis
6. อภชิ าติ คณิตทรัพย์, มุกดา หวังวรี วงศ์. แนวทาง and management of asthma – summary
การวนิ จิ ฉยั และรกั ษาโรคหดื ในประเทศไทยสำ� หรบั report 2007. J Allergy Clin Immunol. 2007;
ผใู้ หญแ่ ละเดก็ พ.ศ.2555. กรงุ เทพฯ: ยเู นยี นอตุ รา 120 Suppl 5: S94–S138.
ไวโอเร็ต; 2555.
14. British Thoracic Society Scottish
7. Talissa AA, John PM , Kai R, et al. Clinical Intercollegiate Guidelines Network. British
Correlates of Lung Ventilation Defects guideline on the management of
in Children with Asthma. J Allergy Clin asthma. Thorax. 2008; 63 Suppl 4: iv1–
Immunol. 2016; 137(3): 789–96. iv121.
8. Chung KF, Wenzel SE, Brozek JL, et al. 15. Sorkness CA, Lemanske RF Jr, Mauger DT,
International ERS/ATS Consensus Definition, et al. Long-term comparison of 3 controller
Mechanisms, Evaluation and Treatment of regimens for mild-moderate persistent
Severe Asthma. Eur Respir J 2014; 43(2): childhood asthma: the Pediatric Asthma
343-73. Controller Trial. J Allergy Clin Immunol.
2007; 119(1): 64–72.
47
Region 4-5 Medical Journal 228 Clinical Outcome of Asthmatic Pediatric Patients Following
Vol. 40 No. 2 April-June 2021 Spirometry Assessment of Pulmonary Function in Pediatric
Asthma Clinic Chaophrayayommaraj Hospital.
16. Goldberg S, Springer C, Avital A, et al. 19. Bruce RT, Jo AD, Matthew JE, et al.
Can peak expiratory flow measurements Peripheral lung function in patients with
estimate small airway function in asthmatic stable and unstable asthma. J Allergy Clin
children?. Chest. 2001; 120(2): 482–8. Immunol. 2013; 131(5): 1322-8.
17. Eid N, Yandell B, Howell L, et al. Can peak 20. National Institutes of Allergy, Asthma, and
expiratory flow predict airflow obstruction Infectious Diseases. Standardizing Asthma
in children with asthma?. Pediatrics. 2000; Outcomes in Clinical Research: Report of
105(2): 354–8. the Asthma Outcomes Workshop. J Allergy
Clin Immunol. 2012; 130: 1227–442.
18. Reddel HK, Salome CM, Peat JK, et al.
Which index of peak expiratory flow is
most useful in the management of stable
asthma? Am J Respir Crit Care Med. 1995;
151(5): 1320–25.
48
เร่ืองความชกุ และปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งของ
ภาวะซึมเศรา้ ในผ้ปู กครองของผ้ปู ่วย
สมาธสิ ้นั ท่ีมารักษาท่โี รงพยาบาล
เจา้ พระยายมราช
1
เพ่อื แต่งตง้ั ใหด้ ำรงตำแหนง่ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
ชื่อ – สกลุ นางสาวภาระวี ชโลธร
สังกัด กลมุ่ งานจิตเวชและยาเสพตดิ โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
ผลงานวิชาการ เรอื่ งความชุกและปัจจยั ที่เก่ียวข้องของภาวะซึมเศรา้ ในผู้ปกครองของผู้ป่วยสมาธสิ น้ั ท่ีมารักษา
ท่ีโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
บทคดั ยอ่
วัตถุประสงค์: เพ่อื ศึกษาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของภาวะซึมเศร้าในผู้ปกครองของผู้ป่วยสมาธิส้ัน
ท่มี ารักษาท่โี รงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
วิธีการทำวิจัย : เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา โดยกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ กลุ่มผู้ปกครองของผู้ป่วย
สมาธิสั้นที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ ที่มารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกจิตเวช โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
ช่วงเดือน มิถุนายน 2563 - กันยายน 2563 ทั้งผู้ป่วยเก่าและใหม่จำนวน 197 ราย โดยใช้แบบสอบถาม
ทปี่ ระกอบด้วย ขอ้ มูลทว่ั ไปของผูป้ กครองและผปู้ ว่ ยสมาธสิ ัน้ แบบสอบถาม Patient Health Questionnaire
(PHQ9) เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าในผู้ปกครอง หากคะแนนแบบสอบถามเข้าเกณฑ์ จะได้รับการสัมภาษณ์
เพ่อื ยนื ยันการวินจิ ฉยั โดยจิตแพทย์ วเิ คราะห์ข้อมลู โดยใชส้ ถิติเชงิ พรรณนา, Chi-square test
ผลการศึกษา : พบว่าผู้ปกครองของผู้ป่วยสมาธิสั้นมีภาวะซึมเศร้า ผ่านเกณฑ์เป็นกลุ่มเสี่ยง 57 ราย
(ร้อยละ 28.9) และผ้ทู ไ่ี ดร้ บั การสัมภาษณโ์ ดยจิตแพทยเ์ พ่ือยืนยนั การวินจิ ฉัยพบ 32 ราย (รอ้ ยละ16.2) ปัจจัย
ที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครองที่มีภาวะซึมเศร้า ได้แก่ การมีโรคร่วมทางจิตเวชของผู้ป่วยสมาธิสั้น ( p=0.007)
ระยะเวลาท่ีเร่มิ รักษา (p=0.001) และผลการเรียนเฉลย่ี (p=0.004)
สรุป : ควรเฝ้าระวังและมีการคัดกรองภาวะซึมเศร้าในผู้ปกครองของผู้ป่วยสมาธิสั้น โดยเฉพาะในผู้ป่วย
สมาธสิ ัน้ ท่ีมโี รครว่ มทางจิตเวช และตระหนกั ถงึ ความสามารถในการเรียนของผู้ป่วยโรคสมาธิส้นั ร่วมดว้ ย
คำสำคัญ : สมาธิสน้ั , ซมึ เศร้า,ผูป้ กครองเดก็ สมาธิสนั้
2
Abstract
Aims: To determine the prevalence and associated factors of depression among
primary caregivers of children and adolescents with ADHD at Chaophraya Yommarat Hospital
in Thailand.
Methods: This is a cross-sectional descriptive study. 197 caregivers participated in this
study. Initially, this study assessed depression symptoms in primary caregivers accompanied
with children and adolescents with ADHD, conducted from June to September, 2020 by using
the Patient Health Questionaire-9 (PHQ-9) Depression Test Questionnaire, and participants’
sociodemographic background. A study respondent who rated 7 and above was regarded as
having depression. The psychiatrist accordingly interviewed by using descriptive statistics and
chi-square test to compare the association between depression symptoms and baseline
characteristic in this population of the study.
Results: Of the 197 caregivers that completed the study, the percentage of caregivers
with probable depressive disorder were 28.9% (n = 57). 16.2% (n = 32) were diagnosed by
psychiatrist with depression. ADHD complications/ comorbidities (p = 0.007), Duration of
caregiving (p = 0.001), school records (p = 0.004) were significant associated factors for the
development of depression in caregivers found in this study.
Conclusion: The depression in caregivers causes a great psychophysiological burden.
Early intervention and diagnosis of these caregivers are important to offering appropriate
support and treatment, especially in ADHD caregivers, with the comorbidity and school and
behavioural issues.
Keywords : ADHD caregivers, Depression, children and adolescents with ADHD
3
หลักการและเหตุผล / Background
ปัจจุบันปัญหาโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder-ADHD) พบบ่อยมากขึ้น
ทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ การศึกษาโรคสมาธิสั้นในเด็กในต่างประเทศพบความชุกร้อยละ 5-12 พบในเพศชาย
มากกว่าเพศหญิง 2-5:1 กรมสุขภาพจิต ได้ทำการศึกษาในนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศพบความชุก
ร้อยละ 8.1 โดยมีความชุกในเพศชายร้อยละ 12 และเพศหญิงร้อยละ 4.21 โรคสมาธิสั้นนั้นประกอบด้วย
อาการผิดปกติในด้านพฤติกรรม 3 ด้าน ได้แก่ 1) ขาดสมาธิที่ต่อเนื่อง (inattention) 2) ซนมากกว่าปกติหรือ
อยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity)และ 3) ขาดการยั้งคิดหรือหุนหันพลนั แล่น (impulsivity)และทำให้เสียหน้าที่ในการ
ดำเนนิ ชวี ิตประจำวนั ซ่งึ จะเริ่มแสดงอาการตัง้ แต่ในวัยเดก็ 2
โรคสมาธิสั้นเป็นโรคที่เกิดจากพัฒนาการที่บกพร่องของสมอง(neurodevelopmental disorder)
ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความผิด ปกติของพฤติกรรม อารมณ์ การเรียนรู้ และการเข้าสังคมกับผู้อื่น 3 ทำให้เกิดผล
กระทบตอ่ ตวั ผปู้ ่วยเอง ครอบครัวและสังคม โดยเฉพาะผู้ป่วยทมี่ ีอาการอยไู่ ม่นิ่ง อารมณห์ งุดหงิดงา่ ย ไม่อดทน
รอคอย จึงมักตามมาดว้ ยพฤตกิ รรมกรดี ร้อง อาละวาด แผดเสยี งดัง (temper tantrum) เวลาไมไ่ ด้ดังใจ ทำให้
มีปัญหาสัมพันธภาพกับผู้ปกครอง นอกจากนี้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการประสบอุบัติเหตุและได้รับ
บาดเจ็บสูงกว่าเด็กปกติ ส่วนในผู้ป่วยท่ีมอี าการขาดสมาธเิ ป็นอาการเดน่ มกั จะประสบปญั หาการเรยี นรู้ช้ากว่า
ปกติเนื่องจากมีอาการวอกแวก เหม่อลอย อีกทั้งเด็กสมาธิสั้นมักมีโรคร่วมทีทำให้เกิดปัญหาพฤติกรรม
และปัญหาอารมณ์รุนแรงขึ้น เช่น โรคดื้อต่อต้าน (oppositional defiant disorder-ODD) โรควิตกกังวล
ภาวะบกพร่องทางการสื่อสาร (communication disorders) เปน็ ต้น4 ปัญหาข้างต้นจึงทำให้เกดิ ความยากลำบาก
ในการดูแลของผู้ปกครอง
จากพฤติกรรมและปัญหาที่เกิดขึน้ กับเด็กนั้นได้ส่งผลกระทบต่อผู้ปกครองที่มีบุตรสมาธิสั้นโดยเฉพาะ
ปัญหาสุขภาพจิตของผู้ปกครอง เพราะประสบปัญหาในการควบคุมเลี้ยงดู เนื่องจากต้องดูแลบุตรเพิ่มมากข้ึน
เชน่ การรบั ประทานยา การพามาตรวจรักษา การปรบั พฤตกิ รรม รวมไปถงึ ค่าใชจ้ ่ายในการรักษาด้วย5
มีการศึกษาพบว่าปัญหาพฤติกรรมของผปู้ ว่ ยเด็กสมาธสิ ั้นทำใหเ้ กิดความเครยี ดในมารดาของผูป้ ่วยโรค
สมาธิสั้นมากกว่ามารดาของเด็กปกติ และยิ่งมารดามีความเครียดในการเลี้ยงดูผู้ป่วยโรคสมาธิส้ันมากเท่าไหร่
ยิง่ สง่ ผลกระทบต่อการเล้ียงดูเด็กมากเท่านั้น6 ปญั หาทเ่ี กิดข้ึนมีไดท้ ั้งภาวะซึมเศร้า วติ กกังวลและแยกตัวจากสังคม
ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของลูก มีหลายการศึกษาที่พบว่ามารดาของเด็กสมาธิสั้นมีคะแนนภาวะซึมเศร้า
และความชุกของการเกดิ โรคซึมเศร้าสงู กว่ามารดาของเด็กปกติ7 การศึกษาในต่างประเทศพบว่าพ่อแม่ของเดก็
ที่มีโรคร่วมหลายโรคจะมีปัญหาซึมเศร้า เครียดและรู้สึกเป็นภาระมากขึ้น8 Minichil และคณะพบว่ามีภาวะ
ซึมเศร้าในผู้ดูแลเด็กที่มีโรคทางจิตเวชถึง 64 % และสัมพันธ์กับการที่ไม่มีผู้ช่วยในการดูแลและระยะของโรค
ทเ่ี ปน็ มานาน9ภาวะซึมเศร้าในมารดาน้นั จะสง่ ผลกระทบตอ่ เดก็ โดยจะไปเพ่ิมความเสีย่ งต่อการเกิดปัญหาทางอารมณ์
และพฤติกรรมในเด็ก ขณะที่มารดามีภาวะซึมเศร้าจะมีการตอบสนองตอ่ ปฏิสัมพันธก์ ับเด็กช้ามีการตำหนิเด็ก
อย่างรุนแรง มีความจำกัดในการกำหนดกฎเกณฑ์และการสร้างวินัย และเป็นแบบอย่างทางอารมณ์ที่เด็ก
จะเลียนแบบ7
ในการรักษาโรคสมาธิสั้นในเด็กมักใชย้ าและการปรับพฤติกรรมร่วมด้วย ดังนั้นบทบาทของผู้ปกครอง
จึงมีความสำคัญต่อการรักษา เนื่องจากในต่างจังหวัดบิดามารดามักไปทำงานต่างถิ่นและให้บุตรอยู่กับญาติ
เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งต้องรับหน้าที่ในการดูแลเด็กสมาธิสั้นแทน ผู้ทำวิจัยจึงสนใจทำการศึกษาภาวะซึมเศร้า
4
และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในผู้ดูแลผู้ป่วยสมาธิสั้นที่เข้ารักษาในแผนกผู้ป่วยนอก หน่วยจิตเวชเด็กและวัยรุ่น
โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ซ่งึ ยังไมม่ ผี ู้ใดศึกษามาก่อนและผลการวิจยั นจ้ี ะเป็นประโยชน์ในการค้นพบผู้ป่วย
ทเ่ี ริม่ มีภาวะซึมเศร้า และเป็นประโยชน์ในการวางแผนช่วยเหลือผู้ปว่ ยสมาธิสั้นอย่างเป็นองค์รวมตอ่ ไป
วตั ถปุ ระสงค์ / Objectives
เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของภาวะซึมเศร้าในผู้ปกครองของผู้ป่วยสมาธิสั้นที่มารักษา
ที่โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช
ข้นั ตอนในการดำเนนิ งาน / Methods
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาโดยเก็บข้อมูลระหว่างเดือนมิถุนายน – กันยายน 2563
โครงการศึกษาครั้งนี้ได้ผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2563 รหัสโครงการ YM016/2563 ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 197 ราย
โดยเก็บตวั อยา่ งทุกรายท่มี ีคุณสมบัตติ ามเกณฑ์คดั เลือกจนครบจำนวนโดยไมม่ ีการสุม่ กลุ่มตวั อย่าง
กลุ่มประชากรคือ ผู้ปกครองของผู้ป่วยเด็กสมาธิสั้นท่ีมารักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ที่สมัครใจ
เข้าร่วมการวิจัย สามารถสื่อสารและเข้าใจภาษาไทยได้ดี เกณฑ์การคัดออกจากการศึกษาได้แก่ ผู้ปกครอง
ที่มคี วามบกพร่องด้านการมองเหน็ การฟังและระดับสตปิ ัญญา
เครอื่ งมือท่ีใช้ในการวจิ ัย
1. ขอ้ มูลทั่วไปของผู้ปกครองและเด็ก ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศกึ ษา รายไดต้ ่อเดือน โรคประจำตัวทางกาย
โรคประจำตัวทางจิตเวช การมีผู้ช่วยในการเลี้ยงดูเด็ก ข้อมูลทั่วไปของเด็กสมาธิสั้น ได้แก่ เพศ อายุ
เกรดเฉลยี่ ระยะเวลาท่ีเร่มิ เขา้ รบั การรักษา ชนดิ ของโรคสมาธิส้ัน โรคร่วมทางจิตเวช
2. แบบสอบถามอาการโรคซึมเศร้า 9 คำถาม โดยมีค่า sensitivity ร้อยละ 86.15 , specificity ร้อยละ
83.12 ประกอบด้วยคำถามเกี่ยวกับอาการของโรคซึมเศร้า 9 ข้อ ให้เลือกตอบ 4 ตัวเลือก คือ ไม่มีอาการ
เลยให้ค่า = 0 คะแนน เป็นบางวันให้ค่าคะแนน = 1 คะแนน และเป็นทุกวันให้ค่าคะแนน = 3 คะแนน
มีคา่ คะแนนรวมสูงสดุ 27 คะแนน จุดตดั ของคะแนนคอื ตง้ั แต่ 7 ข้ึนไป10
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
ผู้ปกครองของผู้ป่วยเด็กโรคสมาธิสั้นที่มารักษาที่แผนกจิตเวช โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชใน
ช่วงเวลาที่ทำการศึกษาจะได้รับการติดต่อและสอบถามความยินดีเข้าร่วมการศึกษาโดยผู้ช่วยวิจัยซึ่งมิได้เป็น
แพทย์ผู้รักษา ก่อนการเก็บข้อมูล ผู้ช่วยวิจัยจะได้รับคำอธิบายเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการใช้แบบประเมินและ
แบบสอบถาม และทำหนา้ ทข่ี อความยนิ ยิมเข้ารว่ มวจิ ยั ด้วย ผู้เข้ารว่ มวิจยั กรอกแบบสอบถามและแบบประเมิน
โดยอิสระ ประมาณ 15 นาที หากคะแนนแบบสอบถามอาการโรคซึมเศรา้ เขา้ เกณฑ์ ผวู้ ิจยั จะทำการสัมภาษณ์
และใหก้ ารวนิ ิจฉยั โรคซึมเศร้าต่อไป
การวิเคราะข้อมลู
สถิติที่ใช้ สถิติเชิงพรรณนา สำหรับข้อมูลทั่วไป ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน
โรคประจำตัวทางกาย โรคประจำตัวทางจิตเวช การมีผู้ช่วยในการเลี้ยงดูเด็ก ข้อมูลทั่วไปของเด็กสมาธิส้ัน
ได้แก่ เพศ อายุ เกรดเฉลี่ย ระยะเวลาที่เริ่มเข้ารับการรักษา ชนิดของโรคสมาธิสั้น โรคร่วมทางจิตเวชของเดก็
ในรปู แบบของความถ่ี ร้อยละ
5
สถติ ิวเิ คราะห์ความสัมพันธร์ ะหว่างเพศ ระดับการศึกษา การมีโรคประจำตวั การมีผชู้ ว่ ยในการเลี้ยงดูเด็ก
อายุของเด็ก ชนิดของโรคสมาธิสั้น ระยะเวลาที่เริ่มเข้ารับการรักษา เกรดเฉลี่ย โรคร่วมทางจิตเว ชของเด็ก
ใชส้ ถติ ิ Chi-square test
ผลการศึกษา / Results
ผู้ปกครองของผู้ป่วยเด็กสมาธิสั้นที่เข้าร่วมการศึกษามีจำนวน 197 ราย เป็นเพศชาย 36 ราย (ร้อยละ 18.3)
เพศหญิง 161 ราย (ร้อยละ 81.7) ลักษณะทั่วไปของกลุ่มประชากรที่ศึกษา อายุเฉลี่ยอยู่ในช่วง 31-40 ปี
(ร้อยละ 40.1) ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับมัธยมร้อยละ 38.3 ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้
เฉลี่ยอยู่ในช่วง 5,000-15,000 บาท ร้อยละ 53.6 มีผู้ช่วยเหลือดูแลเด็ก ร้อยละ 44.6 ตามตารางท่ี 1
และข้อมลู พน้ื ฐานของเดก็ สมาธสิ ัน้ ตารางที่ 2
ตารางที่ 1 แสดงจำนวนและร้อยละ ของข้อมลู ท่วั ไปของกล่มุ ตัวอยา่ ง
ลกั ษณะขอ้ มูลทั่วไป จำนวนราย (ร้อยละ)
เพศ
- ชาย 36 18.3
- หญิง 161 81.7
อายุ 23 11.7
- 20-30 ปี 79 40.1
- 31-40 ปี 53 26.9
- 41-50 ปี 27 13.7
- 51-60 ปี 12 6.1
- 61-70 ปี 3 1.5
- 71- 80 ปี
21
ระดับการศกึ ษา 51 26
75 38.3
- ไมไ่ ด้รับการศกึ ษา 31 15.8
- ประถมศึกษา 37 18.9
- มัธยมศึกษา
- ปวช./ปวส. 19 9.6
- ปริญญาตรีขน้ึ ไป 28 14.2
อาชีพ 86 43.7
- ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ 26 13.2
- ธุรกจิ ส่วนตัว
- รบั จ้างทัว่ ไป
- เกษตรกรรม
ลกั ษณะขอ้ มูลท่ัวไป 6
อาชีพ
จำนวนราย (รอ้ ยละ)
- ว่างงาน
18 9.1
- อ่นื ๆ 20 10.2
รายไดต้ ่อเดอื น (บาท)
54 27.8
- <5,000 104 53.6
- 5,000-15,000 22 11.3
- 15,001-25,000 9 4.6
- 25,001-35,000 3 1.5
- 35,001-45,000 21
- >45,000
โรคประจำตัวทางจติ เวช 187 94.9
- ไม่มี 8 4.1
- มไี ม่ระบโุ รค 21
- โรคซึมเศรา้
108 55.4
ผชู้ ว่ ยดแู ลเด็กในครอบครัว 87 44.6
- ไม่มี
- มี