๑๕๓
(3) ด้านการเงินการคลัง ประเด็นที่มีการดาเนินงานตามแนวทาง/กิจกรรมมากที่สุด
คือ การประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เช่น ท้องถิ่น พัฒนาสังคมฯ
กาชาดฯและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเห็นว่าประเด็นที่มีระดับความสาคัญต่อการดาเนินงานสูงกว่าด้านอ่ืน
ส่วนประเด็นท่ีมีการดาเนินงานต่ากว่าด้านอื่นคือ การได้รับการอบรมความรู้ เรื่องจัดทาแผนการพัฒนา
คุณภาพด้านการเงินการคลังของหน่วยบริการ และความรู้เร่ืองการจัดทาบัญชีของโรงพยาบาล และ
ประเด็นท่ีเจ้าหน้าท่ีให้ความสาคัญต่อการดาเนินงานต่ากว่าด้านอ่ืนคือ จัดทาแผนการพัฒนาคุณภาพด้าน
การเงนิ การคลงั ของหนว่ ยบริการ
(4) ด้านการพัฒนาระบบการจัดการ ประเด็นที่มีการดาเนินงานตามแนวทาง/
กิจกรรมมากท่ีสุดคือ การมอบนโยบายและแนวทางการดาเนินการดูแลผู้สูงอายุแก่บุคลากร และ
ผู้ปฏิบัติงานเห็นว่าประเด็นนี้มีความสาคัญมากกว่าประเด็นอ่ืน ส่วนประเด็นท่ีมีการดาเนินงานต่ากว่าด้าน
อน่ื และเจ้าหน้าที่ใหค้ วามสาคญั น้อยกว่าประเดน็ อ่ืน คือ หน่วยบริการไดจ้ ัดทาขอ้ ตกลง (MOU) กับองคก์ ร
ปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยบรรจุกิจกรรมสาคัญด้านผู้สูงอายุไว้ในแผนสุขภาพชุมชน เช่น การสร้างทีมดูแล
สขุ ภาพผู้สูงอายุทไ่ี ม่มญี าติ การรับ-ส่งต่อผู้สูงอายุเพ่ือรับบริการในระดับสูงขึ้น การปรับปรุงสภาพแวดล้อม
เหมาะสม ปลอดภัย ฯ
(5) ด้านการพัฒนาระบบการส่ือสารสาธารณะ ประเด็นที่มีการดาเนินงานตาม
แนวทาง/กิจกรรมมากที่สุดคือ การสอื่ สารชอ่ งทางด่วนและการให้ความรู้และคาแนะนาโดยตรงแกผ่ ู้สูงอายุ
และญาติ และการสื่อสารสาธารณะความรู้ในเร่ืองอาการผิดปกติและการส่งต่อเร็ว เช่น FACE ,FAST) และ
เจา้ หน้าที่สาธารณสุขให้ความสาคัญตอ่ การดาเนนิ งาน/ กิจกรรมมากกว่าด้านอ่ืนเชน่ กัน แต่ประเด็นที่มีการ
ดาเนินงานต่ากว่าด้านอื่นคือ จัดช่องทางการให้ความรู้ที่เข้าถึงง่ายสะดวกรวดเร็วแก่บุคคลทั่วไป เช่น
Application ให้ความรู/้ ชอ่ งทางด่วนบรกิ ารสขุ ภาพเพอ่ื เปน็ ทางเลือกของการเข้าถงึ บริการ
(6) การพัฒนาระบบยา และบริการท่ีจาเป็น ประเด็นท่ีมีการดาเนินงานมากที่สุด
และเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขให้ความสาคัญต่อการดาเนินงาน/ กิจกรรมมากกว่าด้านอื่น คือ การจัดทา
แนวทางให้บริการตามช่องทางด่วน (Fast Track) เช่น Stroke Fast Track, STEMI Fast Track) เพื่อการ
ดูแลเป็นไปตามมาตรฐานและการปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน ส่วนประเด็นท่ีมีการดาเนินงานต่ากว่าด้าน
อ่ืนคือ การพัฒนาระบบการเข้าถึงยาที่จาเป็น เช่น ยาละลายล่ิมเลือด ยารักษาโรคสมองเส่ือม และการจัด
ช่องทางการให้ความรู้ท่ีเข้าถึงง่ายสะดวกรวดเร็วแก่บุคคลท่ัวไป เช่น Application ให้ความรู้/ช่องทางด่วน
บ ริ การสุ ขภ าพ เพ่ื อเป็ น ท างเลื อกขอ งก ารเข้ า ถึ งบ ริ การ เป็ น ป ระเด็ น ท่ี เจ้ าห น้ าท่ี ผู้ รั บ ผิ ด ช อบ งาน ให้
ความสาคัญตา่ กว่าด้านอืน่
2. ผลลัพธ์ (Outcome) ผลการประเมินจาก
2.1 ความความพึงพอใจของผู้สูงอายุต่อการดาเนินงาน พบว่า ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจ
ในภาพรวมต่อรปู แบบการดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อายุในระดับมากทีส่ ดุ
2.2 ความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจาวันของผู้สูงอายุ พบว่า แนวโน้มของ
ผู้สูงอายุทม่ี คี วามสามารถในการประกอบกิจวัตรประจาวนั เพมิ่ ข้ึน (ผ่านเกณฑเ์ ปา้ หมายตวั ชี้วัด)
บทท่ี ๖
สรปุ การอภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ
การวิจัยครั้งน้ีเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ดาเนินการในรูปแบบ
ของการวิจัยและพัฒนา (The Research and Development – R&D) มีวัตถุประสงค์เพ่ือ (1) ศึกษา
สภาพ ปัญหา และอุปสรรคของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของจังหวัดสุพรรณบุรี
(2) ค้นหาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และจัดทากรอบ
ข้อเสนอในการเพ่ิมประสิทธิภาพรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ของจังหวัดสุพรรณบุรี
และประเมิน และ (3) เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจังหวัด
สุพรรณบุรีภายหลังการเพ่มิ ประสิทธิภาพ โดยการเก็บรวบรวมขอ้ มลู แบ่งออกเป็น
1. การศึกษาสภาพ ปัญหา และอุปสรรคของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุของจังหวัดสุพรรณบุรี ใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ ประกอบด้วย
(1) การศึกษาจากเอกสาร (Document Study) เอกสารหลักของการศึกษาคือ เอกสารสรุปผลการ
นิเทศงานของสานักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรีประจาปี 2558 เอกสารสรุปผลการตรวจ
ราชการและนิเทศงานกรณีปกติ ประจาปี 2558-2559 รายงานประจาปีของสานักงานสาธารณสุข
จังหวัดสุพรรณบุรี ปี ๒๕๕๘ และเอกสารนโยบายและทิศทางการปฏิรูประบบสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุ
กระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) (2) การสัมภาษณ์เชงิ ลึก (In-depth Interview) จากผู้ให้ข้อมูลคน
สาคัญ (Key Informants)ประกอบด้วย หัวหน้ากลุ่มงาน/ผู้รับชอบงานที่เก่ียวข้อง ผู้รับผิดชอบงาน
ผู้สูงอายุของโรงพยาบาล สานักงานสาธารณสุขอาเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล รวม
๑๕ คน (3) การสอบถามความคิดเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีผลต่อประสิทธิภาพการดาเนินงาน
ดูแลผู้สูงอายุจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มผู้บริหาร และผู้รับผิดชอบงานจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง
ได้แก่ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ท้องถ่ินจังหวัด เทศบาล องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น แกนนา อสม. แกนนาผู้สูงอายุ และผู้แทนของหน่วยงานในสังกัดสานักงานสาธารณสุขจังหวัด
แต่ละระดับ จานวน 106 คน และ (4) ใช้เทคนิคการอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) ในกลุ่ม
แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุขท่ีมีประสบการณ์ด้านผู้สูงอายุ และ
บุคลากรอื่นๆ เช่น นักวิชาการท่ีปฏิบัติงานด้านข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศ ด้านการเงินและบัญชี
เจา้ หนา้ ที่สาธารณสขุ ระดบั ตาบล จานวน 50 คน
2. การค้นหาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุ และจัดทากรอบข้อเสนอในการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
ใช้เทคนิคระดมสมอง (Brain Storming) จากผู้ให้ข้อมูลคนสาคัญ (Key Informants) ประกอบด้วย
แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข และบุคลากรอ่ืนๆ เช่น นักวิชาการท่ี
ปฏิบัติงานด้านข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศ ด้านการเงินและบัญชี เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขระดับตาบล
จานวน 50 คน
๑๕๕
3. การประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจังหวัด
สุพรรณบุรีภายหลังการเพ่ิมประสิทธิภาพ โดยการใช้ (1) แบบสัมภาษณ์ (Questionnaire) สอบถาม
การดาเนินงานจากผู้รับผิดชอบงานผู้สงู อายุของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลทุกแห่ง โรงพยาบาล
ทุกแห่ง และสานักงานสาธารณสุขอาเภอทุกอาเภอ จานวน 194 คน และการสอบถามความพึงพอใจ
ต่อรูปแบบการดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุจากผู้สงู อายุจานวน 396 คน และ (2) การใชข้ อ้ มูลจากศูนยข์ ้อมูล
กลาง (Health Data Center) เพ่ือประเมินประสทิ ธิผลของรปู แบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผ้สู ูงอายุ
จังหวดั สุพรรณบุรีภายหลังการเพิม่ ประสิทธภิ าพการดแู ลสุขภาพผูส้ งู อายุ ของจังหวดั สพุ รรณบุรี
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐาน และเทคนิคตารางไขว้ และสถติ ทิ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชงิ คุณภาพใชก้ ารวิเคราะห์เนอ้ื หา
สรปุ ผลการวิจยั
ผลการศึกษามีประเด็นสาคัญดังน้ี
๑. สภาพ ปัญหา และอุปสรรคของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุของจังหวัด
สุพรรณบุรีพบว่า ผู้สูงอายุโดยส่วนมากผู้สูงอายุมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคของความเส่ือมถอยตามวัย
ของสภาพร่างกาย เช่น อาการปวดเม่ือยตามร่างกาย เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ โรคเกี่ยวกับตา ปัญหา
สุขภาพช่องปาก หลงๆลืมๆหรือความจา และผู้สูงอายุมีภาวะความดันโลหิตสูง และเบาหวานอยู่ใน
ลาดับต้นๆ ในขณะท่ีรูปแบบของบริการ กิจกรรมที่ดาเนินการเพ่ือดูแลผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่ดาเนินการ
จะเป็นกิจกรรมดูแลทั่วๆไป เน้นการดาเนินงานในชมรมผู้สูงอายุ ยังไม่มีการดาเนินงานเพ่ือปรับ
สภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อผู้สงู อายุในชุมชน สถานบรกิ ารยงั มีความขาดแคลนด้านบุคลากรในเชิงปริมาณ
ในทุกระดับของการบริการ ในส่วนของการดาเนินงานในชุมชนยังไม่มีความเข้มแข็งเพียงพอ ขาดการ
วิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือนามาแก้ไขปัญหา ทาให้พบว่าการดาเนินงานไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย และ
กิจกรรมการดาเนินงานยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหา การจัดบรกิ ารที่จาเป็นสาหรับ
ผู้สูงอายุ รวมท้ังระบบยาในผู้สูงอายุยังไม่ได้กาหนดแนวทางที่ชัดเจน นโยบายและการดาเนินงานยัง
ขาดการบูรณาการ และการสนับสนุนของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน และผู้บริหาร
ยงั ใหค้ วามสาคญั กบั งานดาเนนิ งานผสู้ งู อายุเหมือนงานใหบ้ ริการท่ัวไปไม่ไดม้ ีนโยบายมุ่งเน้นเพม่ิ เตมิ
๒. แนวทางการเพิ่มประสทิ ธิภาพรูปแบบการดาเนนิ งานดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุ พบว่า ปัจจัย
ภายในทจี่ าเป็นตอ้ งเพมิ่ ประสิทธิภาพการดาเนินงานมีประเด็นสาคญั ดงั นี้
๑) การจัดบริการเพื่อการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ยังขาดแนวทางและนวัตกรรมใหม่ๆ และ
ยังไม่มีการดาเนินงานแก้ไขปัญหาท่ีเฉพาะเจาะจง/ กิจกรรมยังไม่สอดคล้องกับวิถีการดาเนินชีวิตและ
พฤติกรรมเส่ียงด้านสุขภาพ ขาดความต่อเน่ือง ความเช่ือมโยง และขาดการประสานงานท่ีดีระหว่าง
สถานบริการแต่ละระดับ และการบูรณาการกับหน่วยงานภายนอก รวมท้ังระบบงานเชิงรุกในการดูแล
ผ้สู งู อายยุ ังขาดประสิทธิภาพ เชน่ ระบบการคัดกรอง ระบบการเย่ียมบ้าน รวมทงั้ กิจกรรมดูแลเก่ียวกับ
การจดั สภาพแวดล้อม เพ่อื ความปลอดภัยหรอื การป้องกันอุบตั ิเหตุในผูส้ ูงอายุ
2) การขาดแคลนบุคลากร เฉพาะสาขา ได้แก่ กายภาพบาบัด และทันตกรรม ส่วน
บุคลากรผู้รับผิดชอบงานยังขาดการบริหารจัดการการดาเนินงานที่ดี และบางส่วนขาดทักษะ
๑๕๖
โดยเฉพาะการบริหารจดั การ และการพัฒนานวัตกรรม ในส่วนการดาเนินงานในระดับพื้นที่ หลายพื้นที่
ยังขาดผู้นาทางสงั คมที่จะเขา้ มาช่วยเป็นแกนนาในการดาเนนิ งาน
3) ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ เพ่ือใช้ในการสนับสนุนการดาเนินงานยังไม่มี
ประสิทธิภาพ และยังไม่มกี ารใช้เทคโนโลยกี ารสื่อสารท่ีทนั สมัยทจี่ ะทาให้ผสู้ ูงอายุ และประชาชนเขา้ ถึง
ข้อมูลข่าวสารดา้ นสขุ ภาพไดง้ ่าย
4) ระบบยาในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลขาดการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และมี
ความเสี่ยงต่อการใช้ยาในผู้สูงอายุ และนโยบายและแนวทางเกี่ยวกับการจัดบริการท่ีจาเป็นยังไม่มีการ
ระบุอยา่ งเป็นรปู ธรรมชดั เจน
5) ระบบการเงนิ การคลงั ขาดข้อมูลท่ีเพียงพอในการสะทอ้ นปญั หา และใชใ้ นการวางแผน
6) ขาดการพัฒนานโยบายท่ีสาคัญต่อการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ การบูรณาการงานใน
ข้ันตอนของการนานโยบายสกู่ ารปฏิบตั ยิ ังไม่ชดั เจน รวมทงั้ ขาดการกากบั ติดตามทเ่ี ป็นรูปธรรมชดั เจน
สว่ นปจั จยั ภายนอกทเี่ ออื้ ตอ่ การพัฒนา หรอื สามารถแก้ไข และปรบั ปรุงได้ในระยะส้นั ได้แก่
1) การมีลกั ษณะของชุมชน และการมีเครอื ข่ายของชมุ ชนท่เี ข้มแข็ง
2) วิถกี ารดาเนนิ ชวี ติ และพฤตกิ รรมเสย่ี งดา้ นสุขภาพของประชาชน
3) การใหค้ วามร้เู รอื่ งสิทธิ และกฎหมายทเ่ี ก่ยี วข้องกบั ผู้สูงอายุ
4) การสอ่ื สารและเผยแพรข่ ้อมลู ข่าวสารดา้ นสุขภาพเกีย่ วกับโรคท่ีป้องกันได้
5) การขับเคลื่อนการดาเนินงานตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขด้านการพัฒนา
สขุ ภาพตามกลุม่ วยั : การดูแลผสู้ ูงอายุระยะยาว (Long Term Care )ใหเ้ ป็นรูปธรรมชัดเจน
2.1 กรอบข้อเสนอในการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุ หรือตัวแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระดับจังหวัด (Provincial Model)ของ
จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ควรประกอบด้วย
1) รูปแบบบริการ กาหนดให้ผู้สูงอายุต้องเข้าถึงบริการภายใต้ชุดสิทธิประโยชน์ (Service
Package) แตท่ ั้งนี้ ตอ้ งเพิ่มการสร้างนวตั กรรมและแนวทางการจดั บริการท่ีโดดเด่นในการดูแลสขุ ภาพ
ผู้สูงอายุ และการพัฒนาสถานบริการทุกแห่งให้เป็นสถานบริการที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ (Age-friendly
Hospital)
2) ด้านกาลังคน (Man Power)จะต้องมีแนวทาง (๑) ผู้ดูแลผู้สูงอายุท่ีเป็นทางการ
(Formal Caregiver) /ไม่เป็นทางการ (Informal Caregiver ) ได้รับการพัฒนา และ (๒) พิจารณา
สัดส่วนผู้ดูแลผู้สูงอายุเมื่อเทียบกับจานวนผู้สูงอายุทั้งหมด และประเด็นที่ต้องให้ความสาคัญคือ การมี
และสรา้ งเครือข่ายเพ่ือแบ่งปนั ทรัพยากรทั้งด้านคน เงิน วสั ดสุ งิ่ ของ รว่ มกนั
3) ระบบการเงินการคลัง (Financial System)ที่ต้องดาเนินการคือ (๑) ท้องถิ่น ชุมชน มี
ระบบการเงิน/กองทุนในการดูแลผู้สูงอายุ และ (๒) ความคุ้มค่า คุ้มทุน รู้ต้นทุน (Unit Cost) ในการ
ดูแล และประเด็นที่ต้องให้ความสาคัญคือ การจัดทาแผนพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุท่ีชัดเจน
(แผนพฒั นาระบบบรกิ ารและแผนการเงนิ การคลงั )
4) ระบบการบริหารจัดการ (Management System)ประกอบด้วยการดาเนินการ (๑) มี
ระบบเชื่อมต่อในการให้คาปรึกษาหรือการส่งต่อ (Consultation and Referral System) ระหว่าง
ชุมชน/ครอบครัว กับสถานพยาบาล และ (๒) ท้องถ่ิน ชุมชน มีผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ/ ผู้ดูแล
๑๕๗
ผู้สูงอายุ (Care Manager/Care Coordinator) ทาหน้าที่บริหารจัดการการดูแลผู้สูงอายุในพ้ืนที่
ชุมชน และประเด็นที่ควรเพ่ิมเติม ได้แก่ การส่งเสริม และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ
ดาเนินงานด้านผู้สูงอายุโดยใช้ชุมชน หรือครอบครัวเป็นฐานในการดูแล (Community- based Care
or Home-based Care) การพัฒนาระบบข้อมลู ขา่ วสารท่ีเกยี่ วข้องกบั ผู้สงู อายุ การพัฒนากลไกในการ
ขับเคลื่อนการดาเนินงานแบบบูรณาการ และ การมีระบบการกากับ ติดตาม และประเมินผล (M&E)ที่
มีประสทิ ธิภาพ
5) การสื่อสารสาธารณะท่ีเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ/ครอบครัว/อาสาสมัคร การรับรู้ข้อมูล
ข่าวสาร โดยมีประเด็นท่ีควรเพิ่มเติม ได้แก่ การส่ือสารและเผยแพรข่ ้อมูลความรทู้ ่ีเป็นความรอบรู้ด้าน
สุขภาพ (Health Literacy) สิทธิ กฎหมายที่เก่ียวข้อง และบริการที่จาเป็นแก่ผู้สูงอายุ และประชาชน
ผ่านช่องทางการสอ่ื สารทีท่ นั สมัยและหลากหลาย
6) การเข้าถึงยาและบริการท่ีจาเป็น (Essential Medicines) ซึ่งเกี่ยวกับการกาหนด
นโยบายและพัฒนารูปแบบบริการท่ีจาเป็น และการพัฒนาระบบยาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาล
สง่ เสริมสุขภาพตาบล เป็นประเด็นเพิ่มเติมของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุ
7) การควบคุมมาตรฐานและอภิบาลระบบ อาทิเช่น การพัฒนาหลักสูตรและฝึกอบรม
ควบคุมมาตรฐานผู้ดูแลผู้สูงอายุในบ้านและชุมชน (Care Manager and Care Giver) การพัฒนา
เทคโนโลยี/นวัตกรรม/สารสนเทศพัฒนาระบบการส่งเสริมสุขภาพดูแลผู้สูงอายุท่ีบ้านและการดูแล
ผ้สู งู อายุทีม่ ภี าวะฉกุ เฉินและประสบภยั พิบัติ เป็นตน้
2.2 การจัดทาแนวทางการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุภายหลังการเพิ่ม
ประสทิ ธิภาพ
๑๕๘
การจัดทาแนวทางการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ได้กาหนดเป็นมาตรการท่ีต้องการ
ดาเนินการก่อน-หลังตามระยะต่างๆมาตรการระยะสั้น (ไม่เกิน 6เดือน)ส่วนใหญ่เป็นแนวทาง/
กิจกรรมเก่ียวกับการจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยตรง เช่น การมอบนโยบาย การจัดโครงสร้าง
และการมอบหมายงาน การจัดทาและวิเคราะห์ข้อมูล การจัดทาแผนการบริการ (รวมท้ังการกาหนด
บริการท่ีจาเป็น และแนวทางการแบ่งปันทรัพยากร) การจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพก่อนปฏิบัติการ
การบริการดูแลสุขภาพตั้งแต่การคัดกรองจนถึงบริการในระดับสูงข้ึน การให้คาแนะนา/สื่อสารความรู้
ส่วนมาตรการระยะกลางเป็นการดาเนินการตามนโยบาย การจัดทาคู่มือ/แนวทางการปฏิบัติงานที่
ชดั เจน การสร้างและพัฒนาเครอื ข่ายผ้ดู ูแลผู้สูงอายุ การพัฒนาระบบยา ระบบเตือนภยั ความเสี่ยง การ
ถอดบทเรียนประจาปี และมาตรการระยะยาว ได้แก่ การขยายการดาเนินงานในพ้ืนที่ที่ประสบ
ความสาเร็จ การสร้างระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลท่ีเข้าถึงง่าย และการเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับ
หน่วยงานภายนอก
๓. ประสิทธิผลของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุจังหวัดสุพรรณบุรภี ายหลัง
การเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพ พบวา่ ประสทิ ธิผลของการดาเนินงานใน ๒ ประเดน็ คือ
3.1 ผลการดาเนินงาน (Output) ใน 2 ประเด็นคือ 1) ผลการดาเนินงานคัดกรอง
สุขภาพผู้สูงอายุ พบวา่ ผลการคัดกรองสุขภาพผสู้ ูงอายุใน 10 เรื่อง ได้แก่ การคัดกรองความดันโลหิตสูง
เบาหวาน ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง (CVD) สุขภาพช่องปาก ภาวะสมองเส่ือม
(AMT) การคัดกรองโรคซึมเศร้าด้วย 2 คาถาม (2Q) การคัดกรองข้อเข่าเสื่อม ภาวะหกล้ม การ
ประเมินความสามารถในการทากิจวัตรประจาวัน (ADL) และการคัดกรองภาวะโภชนาการ: ดัชนีมวล
กาย (BMI) ผลการศกึ ษาพบวา่ โดยภาพรวมผลการคดั กรองจากปี 2559 – 2561 มแี นวโน้มเพ่ิมขึน้
และ 2) ผลการดาเนินงานตามกิจกรรมดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ พบว่า
(1) ด้านการพัฒนารูปแบบการบริการ ประเด็นท่ีมีการดาเนินงานตามแนวทาง/
กิจกรรมมากท่ีสุดคือ “การเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุ/ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมท่ีสอดคล้อง
กับสภาพปัญหาความต้องการและบริบทของผู้สูงอายุและชุมชนเอง”(ร้อยละ 85.1) ส่วนประเด็นท่ีมี
การดาเนินงานน้อยที่สุดคือ “การขยายนวัตกรรมหรือแนวทางที่ผ่านการทดลอง/ประเมินผล/ปรับปรุง
เพื่อสนับสนุนให้พ้ืนที่อ่ืนได้ใช้” (ร้อยละ 53.1) และระดับความคิดเห็นต่อความสาคัญของแนวทาง/
กิจกรรมของการดาเนินงานดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุพบว่า “การเปิดโอกาสให้ผู้สงู อายุ/ชุมชนมีสว่ นร่วมใน
การพัฒนานวัตกรรมที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการและบริบทของผู้สูงอายุและชุมชนเอง”
มีระดับคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าประเด็นอื่น ( ̅ =3.70) แต่ประเดน็ ท่ีมคี ะแนนเฉล่ียความสาคัญตา่ กว่าด้าน
อน่ื คอื “การมีนโยบายการดาเนนิ งานนวตั กรรมโรงเรียนผู้สูงอายุใหค้ รอบคลมุ ทกุ ตาบล” ( ̅ =3.34)
(2) ด้านการพัฒนากาลังคนที่เก่ียวข้องกับการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
ประเด็นที่มีการดาเนินงานตามแนวทาง/กิจกรรมมากที่สุดคือ “สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ
ดูแลผู้สูงอายุ เช่นสร้างผู้ดูแล (Caregiver) ผู้สูงอายุ และสร้างทีมผู้ดูแล (Care Team) เพ่ือผลัดเปลี่ยน
หมุนเวียนกันดูแลผู้สูงอายุทมี่ ีปัญหาสุขภาพหรือติดเตียงในชมุ ชน” รอ้ ยละ 99.และระดับความคิดเห็น
ต่อความสาคัญของแนวทาง/กิจกรรมของการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุพบว่า “สร้างการมีส่วน
ร่วมของชุมชนในการดูแลผู้สูงอายุ เช่น สร้างผู้ดูแล (Caregiver) ผู้สูงอายุ และสร้างทีมผู้ดูแล (Care
Team) เพื่อผลัดเปลยี่ นหมุนเวยี นกันดูแลผู้สูงอายุท่ีมีปญั หาสขุ ภาพหรือติดเตียงในชุมชน” ( ̅ =4.08)
๑๕๙
ส่วนประเด็นท่ีมีค่าคะแนนต่ากว่าด้านอ่ืนคือ “การจัดทาคู่มือการปฏิบัติงาน (Work Manual) ในการ
ปฏิบัติงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีได้ศึกษาแนวปฏิบัติในการดาเนินงานที่เป็นทิศทาง
เดียวกัน” และ “การจัดการอบรมเสริมสร้างทักษะท่ีจาเป็นต่อการปฏิบัติงานเพื่อเติมช่องว่างของการ
พฒั นา (Gap) การดาเนินงานดา้ นผสู้ งู อายุ” มคี า่ เฉลี่ยเทา่ กนั คือ 3.57
(3) ด้านการเงินการคลัง ประเด็นที่มีการดาเนินงานตามแนวทาง/กิจกรรมมากที่สุด
คอื “การประสานขอรับการสนับสนนุ งบประมาณจากหน่วยงานท่เี กี่ยวข้อง เช่น ทอ้ งถ่ิน พัฒนาสังคมฯ
กาชาดฯ” ร้อยละ 86.6 ส่วนประเดน็ ที่มีการดาเนินงานต่ากว่าด้านอน่ื คือ “การไดร้ ับการอบรมความรู้
เรื่องจัดทาแผนการพัฒนาคุณภาพด้านการเงินการคลังของหน่วยบริการ และความรู้เร่ืองการจัดทา
บัญชีของโรงพยาบาล”ร้อยละ 76.3 และประเด็นท่ีมีระดับความสาคัญต่อการดาเนินงานสูงกว่าด้าน
อ่ืนคือ “การประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เช่น ท้องถ่ิน พัฒนา
สังคมฯ กาชาด ฯ” ( ̅ =3.79) ส่วนประเด็นท่ีมีระดับความสาคัญต่อการดาเนินงานต่ากว่าด้านอื่นคือ
“จัดทาแผนการพัฒนาคุณภาพด้านการเงินการคลังของหนว่ ยบริการ” ( ̅ =3.73)
(4) ด้านการพัฒนาระบบการจัดการ ประเด็นที่มีการดาเนินงานตามแนวทาง/
กจิ กรรมมากท่ีสุดคือ “การมอบนโยบายและแนวทางการดาเนินการดูแลผู้สูงอายุแก่บุคลากร” ร้อยละ
97.9 ส่วนประเด็นที่มีการดาเนินงานต่ากว่าด้านอ่ืนคือ “หน่วยบริการได้จัดทาข้อตกลง (MOU) กับ
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยบรรจุกิจกรรมสาคัญด้านผู้สูงอายุไว้ในแผนสุขภาพชุมชน เช่น การ
สร้างทีมดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่ไม่มีญาติ การรับ-ส่งต่อผู้สูงอายุเพื่อรับบริการในระดับสูงข้ึน การ
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมเหมาะสม ปลอดภัย ฯ” (ร้อยละ 68.6 ) และประเด็นที่ผู้รับผิดชอบงาน
ผู้สูงอายุให้ความสาคัญต่อการดาเนินงาน/กิจกรรมมากกว่าประเด็นอื่นคือ “การมอบนโยบายและ
แนวทางการดาเนินการดูแลผู้สูงอายุแก่บุคลากร” ( ̅ =3.99) ในขณะที่ระดับความสาคัญต่อ
การดาเนินงานต่ากว่าด้านอ่ืนคือ “หน่วยบริการได้จัดทาข้อตกลง (MOU) กับองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น โดยบรรจุกิจกรรมสาคัญด้านผู้สูงอายุไว้ในแผนสุขภาพชุมชน เช่น การสร้างทีมดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุที่ไม่มีญาติ การรับ-ส่งต่อผู้สูงอายุเพื่อรับบริการในระดับสูงข้ึน การปรับปรุงสภาพแวดล้อม
เหมาะสม ปลอดภยั ฯ” ( ̅ =3.63)
(5) ด้านการพัฒนาระบบการสื่อสารสาธารณะ ประเด็นท่ีมีการดาเนินงานตาม
แนวทาง/กิจกรรมมากที่สุดคือ “การส่ือสารช่องทางด่วนและการให้ความรู้และคาแนะนาโดยตรงแก่
ผู้สูงอายุและญาติ” และ “การส่ือสารสาธารณะความรู้ในเรื่องอาการผิดปกติและการส่งต่อเร็ว เช่น
FACE ,FAST)”คะแนนเท่ากันคือ ร้อยละ 94.8 ส่วนประเด็นท่ีเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขให้ความสาคัญต่อ
การดาเนินงาน/กิจกรรมมากกว่าด้านอื่นคือ “การสื่อสารสาธารณะความรู้ในเรื่องอาการผิดปกติและ
การส่งต่อเร็ว เช่น FACE ,FAST)” ( ̅ =4.05) และประเด็นที่มีการดาเนินงานต่ากว่าด้านอื่นคือ
“จัดช่องทางการให้ความรู้ท่ีเข้าถึงง่ายสะดวกรวดเร็วแก่บุคคลทั่วไป เช่น Application ให้ความรู้/
ชอ่ งทางด่วนบริการสุขภาพเพื่อเป็นทางเลือกของการเขา้ ถึงบรกิ าร” ( ̅ =3.44)
(6) การพัฒนาระบบยา และบริการท่ีจาเป็น ประเด็นที่มีการดาเนินงานมากท่ีสุดคือ
“การจัดทาแนวทางให้บริการตามช่องทางด่วน (Fast Track) เช่น Stroke Fast Track, STEMI Fast
Track) เพื่อการดูแลเป็นไปตามมาตรฐานและการปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกนั ” ร้อยละ 90.2 ประเด็น
ที่มีการดาเนินงานตา่ กว่าด้านอ่ืนคือ “การพัฒนาระบบการเข้าถึงยาที่จาเป็น เช่น ยาละลายลิ่มเลือด
๑๖๐
ยารักษาโรคสมองเสื่อม” ร้อยละ 76.3 และเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขให้ความสาคัญต่อการดาเนินงาน/
กิจกรรมมากกว่าด้านอ่ืนคือ “การจัดทาแนวทางให้บริการตามช่องทางด่วน (Fast Track) เช่น Stroke
Fast Track, STEMI Fast Track) เพ่ือการดูแลเป็นไปตามมาตรฐานและการปฏิบัติเป็นแนวทาง
เดียวกัน” ( ̅ =4.05) ส่วน “การจัดช่องทางการให้ความรู้ที่เข้าถึงง่ายสะดวกรวดเร็วแก่บุคคลท่ัวไป
เช่น Application ให้ความรู้/ช่องทางด่วนบริการสุขภาพเพื่อเป็นทางเลือกของการเข้าถึงบริการ”
เปน็ ประเดน็ ที่เจา้ หนา้ ท่ีผู้รบั ผิดชอบงานให้ความสาคัญต่ากวา่ ด้านอืน่ ( ̅ =4.05)
3.2 ผลลัพธ์ (Outcome) พบว่า ผู้สูงอายุมีความความพึงพอใจต่อรูปแบบการดูแล
สุขภาพผู้สูงอายุในระดับมากที่สุด และผู้สูงอายุที่มีความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจาวันของ
ผ้สู ูงอายุ มแี นวโน้มเพ่มิ ข้นึ
การอภิปรายผล
จากผลการวิจัยสามารถอภิปรายผลการศึกษาได้ดังน้ี
1. ด้านประสิทธภิ าพการดแู ลสขุ ภาพผ้สู ูงอายพุ บประเด็นท่ีตอ้ งเพ่มิ ประสิทธภิ าพ
1.1 รปู แบบบรกิ าร การที่พบว่า การจัดบรกิ ารนอกจากจดั ไปตามชุดสิทธปิ ระโยชน์
แล้ว จาเป็นต้องเพิ่มการสร้างนวัตกรรมและแนวทางการจัดบริการท่ีโดดเด่นในการดูแลสุขภาพ
ผู้สงู อายุ และการพัฒนาสถานบรกิ ารทกุ แห่งให้เปน็ สถานบริการท่ีเป็นมิตรกบั ผู้สงู อายุ (Age-friendly
Hospital) ท้ังน้ี เน่ืองมาจากการดาเนินงานให้บริการผู้สูงอายุ สถานบริการส่วนใหญ่มกี ารดาเนินงาน
โดยยึดแนวทางจากแผนงานพัฒนาสุขภาพของผู้สูงอายุที่จะให้แนวปฏิบัติ เช่น การส่งเสริมสุขภาพ
และป้องกันโรคของผู้สูงอายุมีการแบ่งการดาเนินงานเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ การป้องกันโรคในระดับ
ปฐมภูมิเป็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีตามควรแก่อัตภาพ กิจกรรมที่แนะนาจะเกี่ยวกับการ
ส่งเสริมการออกกาลังกาย การปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรม โภชนาการ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเฉพาะโรค
อาทิ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด กระดูกพรุน ภาวะหกล้ม การป้องกันโรคในระดับทุติยภูมิ เป็น
การป้องกันโรคที่เกิดข้ึนแล้วไม่ให้พยาธิสภาพลุกลาม กิจกรรมท่ีกาหนดจะเก่ียวกับการคัดกรอง
สุขภาพ และการป้องกันโรคในระดับตติยภูมิ เป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อน ป้องกันการเกิดโรคซ้า
และป้องกันความพิการ (กรมการแพทย์, ๒๕๕๗: ๑๐๗-๑๑๓) และการให้บริการส่งเสริมสุขภาพ
ผสู้ ูงอายุ และแนวทางการดแู ลผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ดาเนินการไปตามแนวทางของกรมอนามยั (๒๕๕๓:
๔๐-๔๓) ท่ีแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุตามศักยภาพ และกาหนดบทบาทของการดูแลผู้สูงอายุว่าใคร หน่วยใด
ควรดูแลผู้สูงอายุเช่นไรบ้าง ซ่ึงกิจกรรมดงั กล่าวเปน็ การกาหนดแนวทางตามแนวคิดหรอื ทฤษฎี แต่ใน
ส่วนของเทคนิค หรือวิธีปฏิบัติจึงข้ึนอยู่กับผู้ให้บริการว่าได้มีการทบทวนหรือประเมินกิจกรรมว่า
สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ แล้วนาปรับปรุงหรือประยุกต์กิจกรรมให้มี
ความนา่ สนใจ สอดคลอ้ งกับปัญหา และความต้องการ ซึ่งในส่วนน้ีสอดคล้องกบั ผลการศกึ ษาจากการ
สัมภาษณ์เชิงลึก และการระดมสมองจากผู้เก่ียวข้องในการศึกษาครั้งน้ีที่พบว่า สภาพการจัดบริการ
เป็นการให้บริการโดยทั่วไป กิจกรรมยังไม่มีความโดดเด่น และไม่ได้แสดงถึงการเน้นเพ่ือการแก้ไข
ปัญหาที่ชัดเจน รวมท้ังไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆในการแก้ไขปัญหา เช่นเดียวกันการเพ่ิมเติมประเด็นการ
พฒั นาสถานบริการทุกแห่งให้เป็นสถานบริการท่ีเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ เน่ืองจากบริการดังกลา่ วเป็นไป
ตามแนวคิดของการบริการที่สอดคล้องและเข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุตามการแนวคิดบริการ
๑๖๑
สุขภาพที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุขององค์การอนามัยโลกซึ่งประกอบด้วยหลักการ 3 ประการ คือ 1)
ผู้ให้บริการท่ีเอ้ืออาทรผู้สูงอายุ (Age-friendly Health Care Providers) 2) ระบบบริการสุขภาพที่
เอ้ืออาทรผู้สูงอายุ (Age-friendly Service System) และ 3) ส่ิงแวดล้อมท่ีเอ้ืออาทรผู้สูงอายุ (Age-
friendly Environment) (World Health Organization, 2013: Online) ซึ่งแนวคิดน้ียังไม่ได้มี
นโยบายการดาเนินการท่ีเป็นรูปธรรมชัดเจน เน่ืองจากยังอยู่ในช่วงของการศึกษานาร่องของประเทศ
แต่อย่างไรก็ดีมีผลการศึกษารูปแบบชุมชนต้นแบบท่ีเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ ของกมลชนก ภูมิชาติ
ปรีชา สามัคคี และลัญจกร นิลกาญจน์ (2561: 115-131) พบว่า ชุมชนต้นแบบท่ีเป็นมิตรกับ
ผู้สูงอายุควรมีรปู แบบใน 3 รูปแบบ ได้แก่ (1) การดูแลและส่งเสริมผู้สูงอายุโดยผู้สูงอายุเอง (2) การ
ดูแลและส่งเสริมผู้สูงอายุโดยผู้ดูแลหรือครอบครัว และ (3) การดูแลและส่งเสริมผู้สูงอายุโดย
หน่วยงานหรือองคก์ รในชมุ ชน และการดูแลและส่งเสริมผสู้ ูงอายุประกอบด้วย 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ การดแู ล
และส่งเสริมผู้สูงอายุด้านสุขภาพกายและจิตใจ การดูแลและส่งเสริมผู้สูงอายุ ด้านอาหารและ
โภชนาการ การดูแลและส่งเสริมผู้สูงอายุด้านการออกกาลังกาย การดูแลและส่งเสริมผู้สูงอายุด้านท่ี
อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม และผลท่ีสนับสนุนให้เห็นความสาคัญของการพัฒนานวัตกรรม เช่น
การศึกษาของ วิราภรณ โพธิศิริ และคณะ (2559: บทสรุปผู้บริหาร)ที่ศึกษาตามโครงการศึกษา
ต้นแบบของการบูรณาการระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในกลุ่มผู้สูงอายุท่ีมีภาวะพ่ึงพิง โดยมี
ข้อเสนอใหม้ กี ารพฒั นานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพือ่ ช่วยเหลือผสู้ ูงอายใุ นการใชช้ ีวิตประจาวนั เพ่อื ลด
การพง่ึ พาและการเข้าสู่สถานบริบาลผู้สูงอายุก่อนความจาเป็น และรัฐควรเพ่ิมศักยภาพในการพัฒนา
นวัตกรรมทางเทคโนโลยใี นด้านตา่ งๆ ดังน้ี (1) เทคโนโลยีเพ่อื การป้องกันการบาดเจ็บ (2) เทคโนโลยี
เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ (3) เทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพ และ (4) เทคโนโลยีเพื่อการติดตามการ
บาบัดรักษา และจากการวิเคราะห์แนวโน้มการดูแลผู้สูงอายุในศตวรรษท่ี 21 ของจินตนา อาจสันเท๊ียะ
และ รัชณีย์ ป้อมทอง (2561: 39-46) พบว่าการดูแลผู้สูงอายุในศตวรรษที่ 21 ต้องมีความเข้าใจ
สภาพ ความสูงอายุส่ิงแวดล้อม และแบบแผนการดาเนินชีวิตตามความเป็นจริงและการเปลี่ยนแปลง
ในการจัดการปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นไม่ว่ายุคใดสมัยใดก็ต้องประยุกต์ใช้สิ่งแวดล้อมท่ีเอ้ือใน
ยุคน้ันๆ เช่นเดียวกับศตวรรษท่ี 21 ท่ีมีความก้าวหน้าโดดเด่นที่เป็นการดูแลสุขภาพยุคไทยแลนด์
4.0 มาเป็นประโยชน์ในการดูแลสุขภาพให้พ่ึงตนเองได้มากที่สุด การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วย
อานวยความสะดวก และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารท่ีทันสมัย สะดวกรวดเร็ว การเข้าถึงบริการต่างๆ ได้
สะดวกและง่ายเป็นระบบ และใช้การดูแลด้วยการสร้างสรรค์ประโยชน์ต่างๆ เช่นเดียวกันกับ
การศึกษาการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่มีภาวะพ่ึงพิงในยคุ ประเทศไทย 4.0 ของ อัญชษิ ฐฐา ศิริคาเพ็ง
และภักดี โพธิ์สิงห์ (2560: 235-243)ทีพ่ บว่า แนวคิดสาคัญในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพ่ึงพิงใน
ยุคประเทศไทย4.0 น่ันคือPIOEH ซ่ึงประกอบด้วย (1) P = Policyการมีนโยบายสาธารณะที่จริงจัง
และต่อเน่ือง (2) I = Innovation & Technology เน้นการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ
จัดบริการดูแลผู้สูงอายุ (3) O = Green Organization การจัดองค์กรท่ีเป็นมิตรสาหรับดูแลผสู้ ูงอายุ
(4) E = Elderly มีชมรมผู้สูงอายุครอบคลุมทุกหมู่บ้าน และ (5) H = Human Resource
Development มีการพัฒนาศักยภาพบุคคลถึงระดับครอบครัว เป็นการมุ่งเน้นให้มีนโยบาย
สาธารณะที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม เอื้อต่อการกระตุ้นให้นานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้
จัดระบบบริการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวท่ีมีภาวะพ่ึงพิงในยุคประเทศไทย 4.0 เช่นเดียวกันกับ
๑๖๒
การศึกษาและทบทวนรูปแบบการดูแลสาหรับผู้สูงอายุในชุมชนของ จินตนา อาจสันเท๊ียะ และพร
นภา คาพราว (2557: 123-127)พบว่า รูปแบบบริการที่ใส่ใจผู้สูงอายุบุคลากรที่เอื้ออาทรต่อ
ผู้สูงอายุ ผู้ให้บริการที่มีเจตคติที่ดีต่อผู้สูงอายุ และเข้าใจในความสูงอายุ มีความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุ
และมีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ นั่นคือบุคลากรท่ีเอ้ืออาทรต่อผู้สูงอายุ ระบบบริการท่ีเอ้ืออาทรต่อ
ผู้สูงอายุ นั่นคือ หน่วยบริการที่มีระบบการให้บริการที่นาความรู้เกี่ยวกับผู้สูงอายุมาเป็นตัวชี้นา
มกี ระบวนการทาอย่างเป็นระบบ และครอบคลุมเป้าหมายของทุกกลุ่มผู้สูงวัย ส่งิ แวดล้อมที่เอื้ออาทร
ต่อผู้สูงอายุ ส่ิงแวดล้อมท่ีปลอดภัยเข้าถึงได้และต้องเอาใส่ใจทั้งส่ิงแวดล้อมในหน่วยบริการในชุมชน
และที่บ้านจะก่อให้เกิดพลังความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นบนฐานวัฒนธรรมของตนเองและเป็น
รากฐานสาคัญสาหรับสร้างรปู แบบการดแู ลผสู้ งู อายุท่เี ข้มแข็งและยง่ั ยนื ต่อไปในอนาคต
1.2 ด้านกาลังคน ประเด็นท่ีต้องให้ความสาคัญคือ การมีและสร้างเครือข่ายเพื่อ
แบ่งปันทรัพยากรทั้งด้านคน เงิน วัสดุสิ่งของ ร่วมกัน ทั้งน้ี เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนกาลังคน
ด้านสาธารณสุข จากนโยบายการลดอัตรากาลังคนภาครฐั ทาใหส้ ถานบริการสาธารณสุขมีปญั หาขาด
แคลนแพทย์ พยาบาล และกาลังคนในสายงานเฉพาะทเี่ ก่ียวข้องกบั การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เช่น นัก
กายภาพบาบัด ทันตแพทย์ ทันตาภิบาล สายงานท่ีกล่าวมาแล้วเป็นสายงานท่ีมีความสาคัญกับการ
ดแู ลสุขภาพผู้สงู อายุ ซ่ึงมักโรคที่เก่ียวขอ้ งกับความเส่ือมถอยของวัย จึงจาเป็นต้องเน้นการใช้กาลังคน
ทม่ี ีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า และยังตอ้ งสร้างและพัฒนาเครือข่าย เช่น ญาติ อาสาสมัครใน
ชุมชน เพอื่ ชว่ ยกันดูแลผู้สูงอายุทน่ี ับวันจะมีแนวโน้มเพ่มิ จานวนมากขึ้น ผลการศึกษาจึงสอดคลอ้ งกับ
การศึกษาของ ธิติรัตน์ ราศิริ และ อาจินต์ สงทับ (2561: 315-328) ท่ีพบว่า การดาเนินการจะ
เกิดความยั่งยืนท่ีเป็นไปได้จริงจะต้องมีจุดเริ่มต้นที่ผู้สูงอายุและชุมชน ซ่ึงหมายถึง เกิดข้ึนจากความ
ต้องการของผู้สูงอายุและชุมชนโดยแท้จริงน่ันเอง โดยมีเจ้าหน้าท่ีทาหน้าท่ีช้ีแนะ/แนะนา สนับสนุน
ให้คาปรึกษาส่ือกลาง ประสาน เพิ่มศักยภาพด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่เหมาะสมให้กับผู้สูงอายุ
ภายใต้กลยุทธ์การส่งเสรมิ สุขภาพของกฎบัตรออตตาวา โดยที่ชุมชนต้องมีศักยภาพรวมถึงทรพั ยากร
เพียงพอในด้านความพร้อมท่ีจะร่วมกันพัฒนา นอกจากนี้ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมต้ังแต่ขั้นแรกจนถึง
ข้ันสุดทา้ ย เร่ิมจากการวเิ คราะห์ปัญหาการวางแผนการดาเนินการการรับผลประโยชน์ และสุดท้าย
การติดตาม และประเมินผล ในทุกขั้นตอน เพ่ือก่อให้เกิดผลลัพธ์ผู้สูงอายุสุขภาพดี และขยายไปยัง
ชุมชนอื่น ๆ ได้ด้วย บทบาททั้งชุมชน และเจ้าหน้าท่ี ถ้าการดาเนินการเกินขีดความสามารถฝ่ายใด
ฝ่ายหน่ึงแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งจะเข้ามาช่วย เพ่ือให้การดาเนินงานเกิดประสิทธิภาพ และเม่ือผู้สูงอายุมี
ความสุขภาพท่ีดีข้ึน สามารถนาโครงการ/กิจกรรมเก่ียวกับการส่งเสริมสุขภาพ หรือวิธีการ
กระบวนการไปขยายตอ่ ชุมชนอ่ืน เพื่อใหส้ นบั สนุน สง่ เสรมิ สขุ ภาพให้ผสู้ ูงอายมุ สี ขุ ภาพทดี่ ีอยา่ งย่ังยืน
ในขณะที่การศึกษาของกุลวดี โรจน์ไพศาลกิจ และ วรากร เกรียงไกรศักดา (2560: 81-97) และ
สภุ า เพง่ พิศ และคณะ (2558: บทสรุปผบู้ ริหาร) พบวา่ ปัจจัยที่สง่ ผลต่อความสาเร็จในการดาเนินงาน
ของชุมชนในการพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ด้านทุนทรัพยากรบุคคล ด้านเงินทุนในการ
ดาเนินงาน ด้านการสนับสนุนและความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย ด้านระบบการบริหารจัดการของ
ชมรมผู้สูงอายุ ด้านบริบทวัฒนธรรมชุมชน และด้านคุณลักษณะของประชาชนในตาบล การ
ประเมินผล และการสรุปแนวทางการดาเนินงานของชุมชนในการพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุ สามารถ
อธิบายได้ว่าการดาเนินงานเพ่ือพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุในชุมชนต้องดาเนินการภายใต้การสนับสนุน
๑๖๓
และความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายหนนุ เสรมิ การดาเนินการผ่านการจัดการระบบการพัฒนาสขุ ภาวะ
ผสู้ ูงอายุในชมุ ชน โดยมกี ลไกการดาเนินงานคือระบบบริหารจดั การชมรมผู้สงู อายุ และการดาเนินการ
อย่างมีส่วนร่วม โดยมีแกนนาผู้สูงอายุและผู้สูงอายุจิตอาสาในชุมชนเป็นกลไกด้านทรัพยากรบุคคลที่
สาคัญ ซ่ึงสะท้อนให้เห็นความสาคัญของภาคีเครือข่ายว่าเป็นทุนด้านทรัพยากรบุคคลท่ีสาคัญต่อการ
ดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพผู้สงู อายุ
1.3 ระบบการเงินการคลัง ประเด็นที่ต้องให้ความสาคัญคือ การจัดทาแผนพัฒนา
ระบบการดูแลผู้สูงอายุท่ีชัดเจน (แผนพัฒนาระบบบริการและแผนการเงินการคลัง) เน่ืองจากท่ีผ่าน
มาจะพบวา่ นโยบายการดูแลสุขภาพผู้สูงอายทุ ี่ชัดเจนมเี พียงการดูแลผู้สงู อายรุ ะยะยาว ส่วนนโยบาย
อ่ืนๆเป็นการให้ทางกว้างๆไว้ ไม่มีแนวทางการปฏิบัติท่ีเป็นรูปธรรม ทาให้การจัดทาแผนดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุที่ผ่านมาไม่ได้มีประเด็นมุ่งเน้น และยังไม่เคยมีการวิเคราะห์การเงินการคลังท่ีเก่ียวข้องกับ
การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ดังนั้น เมื่อมีข้อเสนอให้มีการจัดทาแผนพัฒนาระบบบริการผู้สูงอายุจึงควร
จดั ทาแผนด้านการเงนิ การคลังที่สอดคล้องกบั แผนพัฒนาระบบบริการ เพ่อื ให้แผนงาน แผนเงิน และ
แผนของมีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากผลการศึกษาขององค์การสหประชาชาติ
(United Nations, 2010: 43 - 44) ที่ศึกษาสถานการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุจากทั่วโลก พบว่า
ผู้สูงอายุมีความต้องการการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพเพ่ิมสูงข้ึนอย่างต่อเน่ือง อันเป็นผลมาจากการ
เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง และการสูญเสียความสามารถทางกาย แต่ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพสาหรับ
การเจ็บป่วยดังกล่าวมีมูลค่าสูง นับเป็นภาระของครอบครัวที่จะต้องจ่ายเงินจานวนมากไปกับการ
รักษาพยาบาล โดยเฉพาะในประเทศกลุ่มยากจน น่ีคือ อุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุ
หรือแม้แต่ในประเทศร่ารวยเองก็พบเช่นเดียวกันว่า ค่าใชจ้ ่ายในการดูแลผู้สูงอายุที่มีอายุยืนมากๆ ซึ่ง
มักจะมีปัญหาสุขภาพ ก็จะต้องจ่ายเงินจานวนมากไปด้วย เช่นเดียวกันการศึกษาของ Coward and
Peek (1996: 11-28) ท่ีศึกษาเกี่ยวกับการดูแลระยะยาวสาหรับผสู้ ูงอายุในชนบท พบว่า การดูแล
ระยะยาวดังกล่าวประสบปัญหาอุปสรรคด้านงบประมาณในการดูแลระยะยาวสาหรับผู้สูงอายุใน
ชนบท เนื่องจากการดูแลระยะยาวในกลุ่มผู้สูงอายุเป็นสถานการณ์ที่มีความจาเป็นมากขึ้น และมี
จานวนผู้ที่ต้องการการดูแลเพิ่มมากขึ้น จึงต้องพิจารณาถึงการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพื่อให้
ระบบการจดั บริการดแู ลระยะยาวมคี ุณภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้สงู อายุ ท้ังใน
องค์การภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ทั้งการดูแลในสถาบันและในชุมชน ดังนั้น ในการพัฒนา
รูปแบบการดาเนินงานการเงินการคลังด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ อาจใช้ข้อมูลส่วนหน่ึงจากการ
วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเร้ือรังมาใช้ในการวางแผน เพ่ือประกอบการพัฒนาการ
ดาเนินงาน ผลการศึกษาจึงสอดคล้องกับการศึกษาของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย
(2555: viii-x) ศึกษาวิจัยและสร้างการมีส่วนร่วมในกองทุนด้านการพัฒนาสังคม (กองทุนผู้สูงอายุ)
ประเด็นทพ่ี บด้านกลไกการเงนิ การคลัง ได้แก่ การทีร่ ายไดห้ ลักของกองทุนมาจากเงินงบประมาณเป็น
หลัก เงินจากแหล่งทุนอ่ืนมีน้อยมาก ทาให้ความมั่นคงของเงินรายได้น้อย ส่งผลต่อการกาหนด
แผนงานของกองทุน และเงินทุนมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังน้ันจึงควรมีการหาแหล่งทุนจาก
แหล่งอื่น และมีข้อเสนอให้มีการกาหนดแผนงานในการดาเนินการท่ีชัดเจนและกาหนดประเด็นของ
โครงการท่ีจะสนับสนุนเพื่อเป็นกรอบให้ผู้เสนอโครงการได้พัฒนาโครงการตรงตามเป้าหมายของ
กองทุน แต่ผลการศึกษาในมุมมองท่ีแตกต่างของวริยา จันทร์ขา หทัยชนก บัวเจริญ และชินวุฒิ
๑๖๔
อาสน์วิเชียร (2558: 22-41) ในประเด็นทุนทางสังคมและศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุท่ีพบว่า
ตาบลท่างาม จังหวัดสิงห์บุรีมีทุนต่างๆ เช่น ทุนคนมีผู้นา กล่าวคือนายกองค์การบริหารส่วนตาบล
ผู้นา แกนนา และเจ้าหน้าที่ในองค์การบริหารส่วนตาบลอาสาสมัครสุขภาพทเ่ี ข้มแข็งจานวน 130 คน
และทนุ กล่มุ องค์กรในพื้นท่จี านวน 86 กลมุ่ ทุนโครงสร้างพนื้ ฐานทางกายภาพ ทีช่ ่วยสนบั สนนุ ใหเ้ กิด
ความสาเร็จ คือ ศูนย์การเรียนรู้ของหมู่บ้านเป็นท่ีรวมกลุ่มของคนในหมู่บ้าน และท่ีทาการกลุ่มต่างๆ
ในการทากิจกรรม ทุนเครือข่าย หน่วยงานท่ีมีบทบาทในการหนุนเสริมการทางานที่สาคัญในตาบล
คอื 1) องค์การบริหารส่วนตาบลสุขภาวะ สนับสนุนงบประมาณ วิชาการ การประสานงาน 2) มลู นิธิ
อาสาเพ่ือนพ่ึง(ภาฯ)ยามยากสภากาชาดไทยสนับสนุนแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงการปลูกผักสวนครัว
ร้ัวกินได้การปลูกผักปลอดสารพิษ 3) สานักงานพัฒนาชุมชนสนับสนุนการส่งเสริมอาชีพ
4) สานักงานบรรเทาสาธารณภัยในการเยียวยาป้องกันภัยพิบัติโดยเฉพาะอุทกภัย 5) เกษตรอาเภอ
สนบั สนุนพันธ์พุ ืชผกั สวนครัวร้วั กินได้ 6) หน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาล ซึง่ ทุนเหลา่ นถี้ อื เป็น
ทุนที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว หากแต่ยังไม่มีผู้รวบรวมให้เป็นระบบ เช่นเดียวกันกับการศึกษาของกุลวดี โรจน์
ไพศาลกิจ และ วรากร เกรียงไกรศักดา (2560: 81-97)ที่พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดาเนินงาน
ของชุมชนในการพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุโดยชุมชนประการหนึ่งคือ ชุมชนมีเงินทุนในการดาเนินการ
จากแหล่งต่างๆ คือ (1) เงินทุนจากค่าธรรมเนียมสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ (2) เงินทุนจากเงินที่เก็บจาก
สมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ (3) การสนับสนุนงบประมาณจากสานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(สปสช.) 4) การสนับสนุนงบประมาณจาก อบต. ซึ่งบรรจุกิจกรรมพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุไว้ใน
แผนปฏิบัติการประจาปี 5) การได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก อบจ. (เมือ่ ชุมชนเสนอขอรับการ
สนบั สนุน) และ 6) เงินสมทบจากสมาชิกชมรมผู้สงู อายุที่ขายสนิ คา้ จากโครงการส่งเสริมการประกอบ
อาชพี ซง่ึ การจดั ระบบงบประมาณ/การเงนิ เปน็ ระบบที่มกี ารดาเนนิ การไว้อย่างชดั เจน
1.4 ระบบการบริหารจัดการ พบว่าประเด็นที่ควรเพิ่มเติมคือการส่งเสริม และ
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดาเนินงานด้านผู้สงู อายุโดยใช้ชุมชน หรอื ครอบครวั เป็นฐาน
ในการดูแล (Community- based Care or Home-based Care) การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารท่ี
เกยี่ วข้องกับผสู้ ูงอายุ การพฒั นากลไกในการขับเคลื่อนการดาเนินงานแบบบูรณาการ และการมีระบบ
การกากับ ติดตาม และประเมินผล (M&E) ท่ีมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เน่ืองจากการจัดบริการโดยใช้
ครอบครัวหรือชุมชนเป็นฐานสามารถสนองตอบความต้องการ โดยเฉพาะผู้สูงอายุท่ีอาศัยอยู่ในชุมชน
ซ่ึงจะมีครอบครัว เพ่ือนบ้าน และคนในชุมชนท่ีคุ้นเคยกัน เมื่อเจ็บป่วยไม่มากหรือไม่จาเป็นต้องให้
การดูแลอย่างใกล้ชิดก็ไม่ได้ต้องการที่จะนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และยังมีค่าใช้จ่ายท่ีต่ากว่า
การดูแลในสถานบริการสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จ
พระสังฆราชญาณสังวรเพ่ือผู้สูงอายุ (2557: 154) ที่พบว่า รูปแบบบริการที่ผู้สูงอายุต้องการมาก
ทสี่ ุดคือ การดแู ลสุขภาพที่บ้าน รองลงมาคือการฟ้ืนฟูสุขภาพ และทันตกรรม และกิจกรรมท่ีตอ้ งการ
ในการดูแลระยะยาวมากท่ีสุดคือ การเยย่ี มบ้าน การวางร่วมกับครอบครัวในการดูแลผู้สงู อายุ การนัด
หมายมาพบแพทย์ และการให้ความรู้แก่ญาติก่อนกลบั บ้าน ตามลาดบั นอกจากน้จี ากปญั หาการขาด
แคลนบุคลากรสาธารณสุข ทาให้ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึง จาเป็นต้องอาศัยเครือข่าย
ได้แก่ ญาติ หรือคนในชุมชนให้การช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุแทน ผลการศึกษาสอดคล้องกับการศึกษา
ของ วริยา จันทร์ขา หทัยชนก บัวเจริญ และชินวุฒิ อาสนว์ ิเชียร (2558: 22-41) ที่ศึกษารูปแบบ
๑๖๕
การดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นจดั การตนเอง พบวา่ ปัจจัยความสาเร็จเกิดจากการบูรณาการ คน
เงิน งาน ร่วมกันทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเป็นระบบมี
รูปธรรม มีการทางานจากระบบฐานข้อมูลผู้สูงอายุในพ้ืนที่ ภายใต้กลไกการทางาน “เวทีวงเดือน
ลาดวน” ซ่ึงเป็นเวทีประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประจาเดือน เพ่ือวางแผน ดาเนินกิจกรรม และติดตาม
ประเมินงานกิจกรรมท่ีเกี่ยวกับผู้สงู อายุในพื้นท่ีรว่ มกัน ในขณะท่ีการศึกษาของกุลวดี โรจน์ไพศาลกิจ
และ วรากร เกรียงไกรศักดา (2560: 81-97) พบว่า ปัจจัยด้านระบบการบริหารจัดการของชมรม
ผู้สูงอายุ มีขั้นตอนและแนวทางการดาเนินงานท่ีชัดเจน เช่น โครงสร้างการบริหารจัดการ การ
มอบหมายหน้าท่ี/ความรับผดิ ชอบ การจัดระบบงบประมาณ/การเงิน ที่สาคัญคอื กลไกการนาแกนนา
ในแต่ละหมู่บ้านมาร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารชมรม มีการสนับสนุนและความร่วมมือจากภาคี
เครือข่ายในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนในด้านต่างๆ จาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล อบต.
และโรงเรียน ในทานองเดียวกันกับการศึกษาของวิราพรรณ วิโรจน์รัตน์ ขวัญใจ อานาจสัตย์ซื่อ
และร.อ.หญิงศิริพันธ์ สาสัตย์ (2557: 104-115) เพื่อพัฒนารูปแบบบริการสุขภาพในการดูแล
ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาโดยการมีส่วนร่วม ระหว่าง ครอบครัว ชุมชน และองค์กรรัฐ พบว่า การนา
รูปแบบการดูแลผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพาผู้อ่ืนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานโดยมีอาสาสมัครเป็นผู้ประสานความ
ร่วมมอื ในการดูแลผสู้ ูงอายุระหว่าง ครอบครวั ชุมชน และศูนย์บริการสาธารณสุขไปทดลองใช้ พบว่า
ผู้สงู อายมุ ีความพงึ พอใจสูงกว่ากอ่ นใหบ้ รกิ ารอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถติ ิ (p<0.05) ผ้สู ูงอายุและผู้ดูแล
เข้าถึงบริการได้สูงขึ้นกว่าก่อนให้บริการอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) อย่างไรก็ตามภาวะ
สุขภาพของผู้สูงอายุและความพึงพอใจในบริการของผู้ดูแลไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทาง
สถิติ ซึง่ ผ้วู จิ ัยคาดว่าอาจเกิดจากการทดลองใช้รูปแบบระบบบรกิ ารสุขภาพนี้อยู่ในช่วงส้ันประมาณ 3
เดอื น ซึ่งไม่สามารถชว่ ยเหลอื แก้ปญั หาใหผ้ ู้ดแู ลได้หมดทกุ เรื่อง
ในขณะท่ีการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมีความจาเป็นท่ีต้องพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารที่
เก่ียวข้อง ท้ังนี้เพราะข้อมูลเป็นปัจจัยสาคัญของการบริหารจัดการต้ังแต่การวางแผน กากับติดตาม
และการประเมินประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการดาเนินงาน ประกอบกับนโยบายการปฏิรูป
ระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศสุขภาพได้กาหนดเปา้ หมายระยะยาว ๒๐ ปีคอื ประชาชนมีสุขภาวะ
และคณุ ภาพชีวิตท่ีดี สามารถเข้าถึงสารสนเทศเพอ่ื พัฒนาความฉลาดทางสุขภาพ (Health Literacy)
มีข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล (Personal Health Records) ท่ีครบถ้วน ปลอดภัย สามารถเข้าถึงและ
บริหารจัดการข้อมูลสุขภาพของตนได้เม่ือต้องการ และมีเทคโนโลยีดิจิทัลท่ีช่วยสนับสนุนการดูแล
ตนเอง (Self-care) และไดร้ ับบริการให้คาแนะนาด้านสุขภาพและวินิจฉยั โรคเบ้ืองต้นได้อย่างสะดวก
และท่ัวถึง ผู้ให้บริการมีระบบข้อมูลและสารสนเทศท่ีทันสมัยสามารถให้บริการสุขภาพและ
สาธารณสุขแก่ประชาชนท้ังการสร้างเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและการ
ฟื้นฟูสภาพที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ มีการใช้สารสนเทศเหล่าน้ันในการวิเคราะห์วางแผน และ
พัฒนาการจดั บรกิ ารให้คุณภาพและประสทิ ธิภาพดีขน้ึ มกี ารเชอ่ื มโยงข้อมูลสารสนเทศท่สี นับสนุนให้
เกิดระบบบริการแบบไร้รอยต่อ และมีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลท่ีเหมาะสม ท่ีครอบคลุม
ถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ในการสนับสนุนการตัดสินใจทางการแพทย์และการบริหารจัดการระบบ
สขุ ภาพ การให้บริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) การเฝา้ ระวัง และส่อื สารเตือนภัยด้านสุขภาพ
และการควบคุมโรค รวมไปถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพ่ือสุขภาพในรูปแบบใหม่ สนับสนุนให้เกิด
๑๖๖
อุตสาหกรรม และโอกาสทางเศรษฐกิจด้านสุขภาพและสาธารณสุข และรัฐบาลและผู้บริหารมีข้อมูล
สารสนเทศท่ีใช้บริหารจัดการการเงินการคลัง การบริการในระบบสุขภาพและสาธารณสุขอย่างมี
ประสิทธิภาพ เพ่ือสนับสนุนการมีสุขภาพ สุขภาวะท่ีดี หรือลดปัญหาสุขภาพของประชาชน
โดยเฉพาะอย่างย่ิงประชาชนในพ้ืนท่ีห่างไกล กลุ่มแม่และเด็ก กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้พิการ (กระทรวง
ดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม, 2561: Online) และจากผลการศึกษาครั้งน้ีได้พบว่า สภาพของ
ระบบการจัดเก็บข้อมูลด้านผู้สูงอายุท่ียังไม่ชัดเจน และขาดข้อมูลพื้นฐานท่ีเพียงพอสาหรับการ
วางแผน ดังนั้น ประเด็นการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารจึงมีความจาเป็นอย่างมากต่อการดาเนินงาน
ดูแลสุขภาพผู้สงู อายุ ซ่ึงการศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบข้อมูลขา่ วสารใหญ่พบว่ามีความสอดคลอ้ ง
กันคือ หน่วยงานต่างๆท่ีดาเนินการด้านผู้สูงอายุยังขาดแคลนข้อมูลท่ีจาเป็นสาหรับการดาเนินงาน
เช่น การศึกษาของ ทพญ.พัชราวรรณ ศรีศิลปะนันทน์ และคณะ (2551: บทสรุปผู้บริหาร)ที่ศึกษา
สถานการณ์ระบบข้อมูลสุขภาพและการพัฒนาตัวชี้วัดสุขภาพผู้สูงอายุ จังหวัดลาพูน พบว่า ปัญหา
ของระบบข้อมูลสุขภาพผู้สูงอายุในปัจจุบันในระดับผู้ปฏิบัติเกิดจากภาระงานของเจ้าหน้าที่จัดเก็บ
มาก ความครบถ้วนและถกู ตอ้ งของขอ้ มูลจากหนว่ ยจัดเก็บ ขาดเทคโนโลยใี นการจัดเกบ็ ข้อมูลจานวน
มาก ยังไมมีการนาข้อมูลท่ีจัดเก็บไปใช้ตามความต้องการของเจาของข้อมูล บัญชีรายงานในระบบมี
มากเกินไป การปรับเปล่ียน นโยบายและตวั ชี้วัด ตลอดจนความต้องการข้อมูลท่ีหลากหลายของกรม
กอง สาหรับความต้องการในการพัฒนาระบบ พบว่า หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องมีความต้องการของการ
สร้างระบบสารสนเทศที่สามารถสนับสนุนงานประจาได พร้อมท้ังสามารถให้บริการข้อมูลแก่ผู้ใช้
ภายนอกตามความจาเป็น และเหมาะสม ระบบข้อมูลท่ีถูกต้อง รวดเร็ว ทันเวลา ไดมาตรฐานและ
ตรวจสอบไดสามารถออนไลน์ไดท่ัวถึง มีศูนย์กลางในการกระจายข้อมูล เพ่ือป้องกันการซ้าซ้อนของ
ขอ้ มูล และทาให้ง่ายต่อการค้นหาขอ้ มูลต่างๆ สามารถนาข้อมูลไปใช้ประโยชนการแปลผลข้อมูลหรือ
ตัวชี้วัดในรูปแบบต่างๆ เช่น กราฟ แผนที่ฯลฯ สามารถวิเคราะห์ข้อมูล และนาเสนอข้อมูลให้ผู้นา
ข้อมูลไปใช้ เช่นเดียวกันกับการศึกษาของวิราภรณ โพธิศิริ และคณะ (2559: บทสรุปผู้บริหาร)
ที่ศึกษาต้นแบบของการบูรณาการระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในกลุ่มผู้สู งอายุที่มีภาวะพ่ึงพิง
พบว่า ปัจจัยท่ีเป็นจุดอ่อนหรือข้อจากัดด้านการบริหารจัดการประการหนึ่งคือ การขาดบุคลากรที่มี
ความรู้ความสามารถในการจัดเก็บ และจัดการข้อมูล ในขณะที่การศึกษาของ เล็ก สมบัติ ธนิกานต
ศักดาพร และยุวดี วงศวีระประเสริฐ (2555: ค) ได้ติดตามประเมินผลแบบมีส่วนร่วมพ้ืนท่ีต้นแบบ
งานผู้สูงอายุ พบว่า ผลการดาเนินงานในมิติการจัดทาฐานข้อมูล ส่วนใหญ่มีการดาเนินงานบรรลุตาม
เป้าหมายท่ีกาหนดไว้ในด้านการมีเจาภาพงานชัดเจน และมีแนวโน้มการเกิดระบบการบริหารจัดการ
ที่ดีมีหลายองค์กรร่วมเป็นเจ้าของข้อมูล มีการบูรณาการข้อมูลเพ่ือการจัดกิจกรรมและบริการที่
เหมาะสมกับผู้สูงอายุ และการให้หน่วยงาน/องค์กรภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้สูงอายุได สวนตัว
บ่งช้ีที่ยังไมบรรลุเป้าหมายท่ีวางไวคือ ผู้สูงอายุและชุมชนเห็นข้อมูลของตนเองและวางแผนพัฒนา
คณุ ภาพชีวติ ได สาหรบั ปัญหาท่พี บน้ันเปน็ ปญั หาทางเทคนคิ กล่าวคอื ระบบฐานข้อมูลท่ี มส.ผส.มอบ
ให้น้ันมคี วามแตกตา่ งจากระบบฐานข้อมลู ที่พน้ื ที่ต้นแบบใชม้ าก่อน
ส่วนประเด็นการมรี ะบบการกากับ ติดตาม และประเมินผล (M&E)ท่ีมีประสิทธิภาพ
ท้ังน้ีเพราะระบบกากับติดตามงานอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ทราบว่ากิจกรรมท่ีสาคัญต่างๆ ได้
ดาเนินการไปตามแผนหรือไม่ และควรจะมีการปรับเปลี่ยนระหว่างการดาเนินงานหรือไม่ เพื่อจะได้
๑๖๗
บังเกิดผลตามเป้าหมาย และจะวางแผนการจัดโครงการให้ดีขึ้นในอนาคต หรือเพ่ิมผลลัพธ์อย่างไร
ทาให้สามารถปรับแผน หรือแก้ไขปญั หาไดอ้ ย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตามจากปัญหาการบรู ณาการงาน
ด้านผู้สูงอายุต้ังแต่นโยบายระดับชาติท่ีมีหน่วยงานหลายหน่วยรับผิดชอบ และเป็นหน่วยงานต่าง
กระทรวงกัน ในขณะท่ีกระทรวงสาธารณสุขเองซ่ึงเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเร่ืองการจัดบริการสุขภาพก็มี
ปัญหาการบูรณาการนโยบายระหว่างกรมท่ีมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบการดาเนินงานอนั ประกอบด้วย ๕
กรม ได้แก่ กรมการแพทย์ในฐานะเจ้าภาพหลัก และมีกรมที่รับผิดชอบร่วม ได้แก่ กรมอนามัย กรม
ควบคุมโรค กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกรมสุขภาพจิต ดังน้ัน เมื่อมีการขับเคล่ือนการ
ดาเนินงานลงสู่พื้นที่จึงมีปัญหาในทางปฏิบัติท่ีบางงาน หรือบางกิจกรรมมีความซ้าซ้อน และบางงาน
ไม่มีเจ้าภาพที่ชัดเจนในการกากับดูแล ผลการศึกษาครั้งน้ีจึงสอดคล้องกับการศึกษาของ ศศิพัฒน์
ยอดเพชร (๒๕๕๒: ๘๗ – ๑๖๘) ท่ีทบทวนองค์ความรเู้ ร่ือง บูรณาการระบบการดแู ลระยะยาวสาหรับ
ผู้สูงอายุไทย และได้มีการศึกษาปัญหาอุปสรรคที่มีต่อการจัดตั้งระบบการดูแลระยะยาวของไทย
ประกอบด้วย พบว่า ปัญหาอุปสรรคท่ีมีผลต่อการดาเนินงานการดูแลระยะยาวของหน่วยงานที่
ให้บริการด้านสุขภาพ ได้แก่ การจัดบริการแบบแยกส่วน การจัดบริการสาหรับผู้สูงอายุของประเทศ
ไทย ยังคงเป็นรูปแบบการแบ่งส่วนความรับผิดชอบระหว่างผู้ให้บริการสุขภาพและผู้ให้บริการทาง
สังคม โดยกระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักท่ีรับผิดชอบการจัดบริการสุขภาพ ส่วนการ
จัดบริการสังคมยังไม่มีการบูรณาการหน่วยงานในการจัดบริการ โดยบริการท่ีมีส่วนใหญ่อยู่ภายใต้
ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์
ร่วมกับหน่วยงานอ่ืน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มูลนิธิการกุศล องค์กรศาสนา ลักษณะของบริการที่
จัดให้มีขึ้นยังมีลักษณะจากัด และมีเฉพาะบางประเภทเท่าน้ัน ส่วนด้านการจัดบริการสังคม
กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักท่ีรับผิดชอบ และมีหน่วยงานอ่ืน เช่น กรุงเทพมหานคร สานัก
นายกรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ (กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น) ทบวงมหาวทิ ยาลัย กระทรวงการ
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกัน
กับผลการศึกษาในระดับพ้ืนที่ของไพจิตรา ล้อสกุลทอง และวรรณภา ศรีธัญญรัตน์ (๒๕๕๕: ๑๒๘-
๑๓๙) ที่ศึกษาการพัฒนาระบบบริการดูแลระยะยาวสาหรับผู้สูงอายุในชุมชน ภายใต้บริบทของ
โรงพยาบาลระดับทุติยภูมิแห่งหน่ึง พบว่าในการดาเนินงานยังขาดระบบการบูรณาการบริการท้ังด้าน
สขุ ภาพจากโรงพยาบาล และบริการด้านสังคมจากเทศบาล ในขณะที่การศึกษาของพีรสิทธิ์ คานวณศิลป์
และคณะ (๒๕๔๒: ๑๐๕ – ๑๑๑) ท่ีประเมินแผนและนโยบายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ กระทรวง
สาธารณสุข ผลการศึกษาพบว่า มีปัญหาในการนานโยบายไปปฏิบัติ กล่าวคือ กระทรวงสาธารณสุข
ไมไ่ ด้จัด หรือกาหนดแผนงานเพ่ือรองรับนโยบายแต่อยา่ งใด การจดั ทาโครงการ หรอื กิจกรรมเป็นการ
ดาเนินการเพื่อรองรับนโยบายสาธารณสุขอ่ืนๆ หรือท่ัวๆไป นอกจากนี้ยังพบว่า แผนงานต่างๆ
เหล่าน้ันไม่ได้มีการกาหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ การจัดสรรงบประมาณ
และทรัพยากรจึงเป็นไปอย่างจากัด และผลการศึกษายังมีข้อค้นพบว่า หน่วยงานท่ีนานโยบายไป
ปฏิบัติยังไม่เห็นความสาคัญ และใช้ประโยชน์จากแผนงาน โครงการตามนโยบายที่กาหนดไว้ด้วย ทา
ให้การดาเนินนโยบายไม่บรรลุเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ รวมท้ังหน่วยงานทปี่ ฏิบัติระดับจังหวัดไม่มีระบบ
สารสนเทศเพ่ือรองรับในการวางแผน ดาเนินโครงการ และการติดตาม ประเมินผล ทาให้ระบบการ
ติดตามความก้าวหน้าเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง โดยไม่มีตัวช้ีวัดความก้าวหน้า และความสาเร็จของการ
๑๖๘
ดาเนินงานแต่อย่างใด นอกจากนี้การขาดสารสนเทศท่ีเหมาะสม ยังส่งผลกระทบต่อการวางแผน
พัฒนาบุคลากรที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการการดูแลของผู้สูงอายุอีกด้วย ซึ่ง
การศึกษาของสุภา เพ่งพิศ และคณะ (2558: บทสรุปผู้บริหาร) สนับสนุนว่าปัจจัยด้านกระบวนการ
ติดตามและประเมินผล การถอดบทเรียน การเสริมพลัง และการสนับสนุนอย่างต่อเน่ืองเป็นปัจจัย
สาคัญตอ่ ความสาคัญของการดาเนนิ งานดูแลสุขภาพผ้สู งู อายุ
ในภาพรวมจะพบว่าระบบการบริหารจัดการมีความสาคัญต่อความสาเร็จของการ
ดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ สอดคล้องกับการศึกษาของวริยา จันทร์ขา หทัยชนก บัวเจริญ และ
ชินวุฒิ อาสน์วิเชียร (2558: 22-41) ท่ีศึกษารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถ่ินจัดการ
ตนเอง ได้สะท้อนภาพรวมของระบบการบริหารจัดการ โดยพบว่า ปัจจัยแห่งความสาเร็จในการ
จัดการตนเองเกิดจากผู้นาท้องถิ่นมกี ารนาใช้ข้อมลู ของชุมชน เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนรว่ ม
คิด วางแผนแก้ไขปัญหา พัฒนาพื้นท่ี การแบ่งการทางานอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ จัดทาเป็น
แผนพัฒนาตาบลในการจัดสรรงบประมาณในระยะยาว และการศึกษาของการศึกษาของวิราภรณ
โพธิศิริ และคณะ (2559: บทสรุปผู้บริหาร) ปัจจัยที่เป็นจุดแข็งหรือโอกาส: ในเขตชนบทมีการ
จัดแบ่งพื้นท่ีและผู้รับผิดชอบชัดเจน และมีการประสานงานที่ดี โดยใช้เทคโนโลยีเสริม การเย่ียมบ้าน
เป็นกระบวนสาคัญที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างสมาชิกของทีมเยี่ยมบ้าน ในชนบทจะมีทีมหมอ
ครอบครัว ท่ีกาหนดตัวบุคคลรับผิดชอบชัดเจน ระบบที่เป็นอยู่ เช่น ระบบสุขภาพตาบลเป็นกลไกที่
เสริมศักยภาพการทางาน และช่วยขับเคล่ือนงานการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว มีการทาแผนเพื่อการ
ดแู ลผ้สู งู อายุระยะยาว และแผนพัฒนาคุณภาพชวี ิตผสู้ งู อายุ ปัจจัยที่เป็นจดุ ออ่ นหรอื ข้อจากัดคือ ขาด
บคุ ลากรท่ีมีความรู้ความสามารถในการจัดเก็บ และจัดการข้อมลู คนในชุมชนมศี ักยภาพจากัดในการ
จดั กิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุ การขาดระบบการดูแลระยะกลาง (Intermediate Care) นอกจากนี้ผลจาก
การถอดบทเรียนและจากการทบทวนวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง พบว่ากลไกสาคญั ที่ขับเคลื่อนระบบการ
ดูแลผู้สูงอายุอย่างมีบูรณาการมีท้ังหมด 4 กลไกด้วยกัน ได้แก่ 1) การมีพ้ืนท่ีสาธารณะ 2) การ
จัดการฐานข้อมูล 3) การบริหารจัดการแบบปรับเปล่ียน และ 4) การมีระบบการเงนิ ที่สนับสนุนการ
ดูแลระยะยาวแบบบูรณาการ ในขณะท่ีผลการศึกษารูปแบบการดูแลระยะยาวสาหรับผู้สูงอายุใน
ญี่ปุ่นและในประเทศไทยของกฤตวรรณ สาหร่าย (2560: 165-177) พบว่ารูปแบบระบบการดูแล
ระยะยาวสาหรับผู้สูงอายุ คือ การใช้โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการและใช้ชุมชนเป็นฐานในการดูแล
ระยะยาวสาหรับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามอาจมีข้อจากัดในเรื่องของนโยบายสู่การปฏิบัติที่ยังไม่มีความ
ชัดเจนในบางประเด็น เช่น จัดสรรงบประมาณ ระเบียบการเบิกจ่ายเงิน และเป็นการบริการเชิงรับ
มากกว่าเชิงรุก ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบการดูแลระยะยาวในญ่ีปุ่น ท่ีพบว่า 1) มีกฎหมาย
พระราชบัญญัติการประกันดูแลระยะยาวเป็นตัวขับเคล่ือนให้ทุกหน่วยงานและผู้ท่ีเก่ียวข้องปฏิบัติ
ตามกฎหมายอย่างเครง่ ครดั 2) มีระบบการประกนั การดูแลระยะยาวที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
และสอดรับกับกฎหมายพระราชบัญญัติการประกันดูแลระยะยาว ทาให้เกิดความเป็นรูปธรรมใน
ระบบการดูแลระยะยาวท้ังในส่วนของนโยบาย การบริหาร กฎหมาย ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ได้รับ
ผลประโยชน์ 3) การบริการมีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การส่งเสริมสุขภาพในรูปแบบต่างๆ
ภายใต้สิทธิประโยชน์การป้องกันรูปแบบใหม่มุ่งเน้นการป้องกันการเป็นโรคและความพิการหรอื ภาวะ
ทุพพลภาพ ส่วนผู้สูงอายุท่ีช่วยเหลือตนเองไม่ได้และมีความต้องการการดูแลระยะยาวจะได้รับการ
๑๖๙
บริการดูแลระยะยาวเต็มรูปแบบและบริการท่ีหลากหลาย 4) ระบบการเงินเป็นไปตามกฎหมายและ
ระบบการประกันการดแู ลระยะยาว ซงึ่ ชัดเจนในด้านการจา่ ยเงิน
1.5 การสื่อสารสาธารณะท่ีเก่ียวข้องกับผู้สูงอายุ/ครอบครัว/อาสาสมัคร การรับรู้
ข้อมูล ข่าวสาร โดยมีประเด็นที่ควรเพิ่มเติม ได้แก่ การส่ือสารและเผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่เป็นความ
รอบรู้ดา้ นสุขภาพ (Health Literacy) สิทธิ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และบริการที่จาเป็นแกผ่ สู้ งู อายุ และ
ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการส่ือสารที่ทันสมัยและหลากหลาย ท้ังน้ีเพราะการส่ือสารด้านสุขภาพ
เป็นปัจจัยสาคัญของการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยที่ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health
Literacy) เป็นทักษะต่างๆทางการรับรู้และทางสังคม ซ่ึงเป็นตัวกาหนดแรงจูงใจและความสามารถ
ของปัจเจกบุคคลในการที่จะเข้าถึง เข้าใจและการใช้ข้อมูลในวิธีการต่างๆเพื่อส่งเสริมและบารุงรกั ษา
สุขภาพของตนเองให้ดอี ยเู่ สมอ เปน็ ทักษะที่มคี วามจาเป็นสาหรับบุคคลในการดแู ลสุขภาพของตนเอง
เป็นผลลัพธ์ขั้นสูงของกระบวนการทางสุขศึกษาร่วมกับการสร้างส่ิงแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการมีสุขภาพดี
การพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพให้อยู่ในระดับสูง จะช่วยเพิ่มทักษะชีวิต ส่งผลเกื้อหนุนต่อสุขภาพ
ของปัจเจกบุคคลและชุมชน (อรวรรณ นามมนตรี, 2561: 122-128) และประเด็นความรอบรู้ท่ี
ผู้สูงอายุควรรอบรู้เกี่ยวกับสิทธิ และกฎหมายที่เก่ียวข้องกับและบริการที่จาเป็นแก่ผู้สูงอายุนั้น
เนื่องมาจากผลการศึกษาปัจจัยภายนอกและปัจจัยในท่ีส่งผลกระทบต่อรูปแบบการดาเนินงานดูแล
สุขภาพผู้สงู อายุของจังหวดั สุพรรณบุรีในคร้ังน้ีได้พบวา่ ผู้สูงอายุและประชาชนยังรับรู้เก่ียวกับบรกิ าร
ที่จาเป็น เช่น การรับรู้อาการเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพบแพทย์โดยด่วน อาทิ Stroke STEMI การเข้าถึง
บรกิ ารกรณเี จ็บปว่ ยฉุกเฉิน 1669 ผู้สงู อายุทราบบรกิ ารน้ียงั ไม่กว้างขวางมากนกั เช่นเดียวกันกับผล
การศึกษาที่พบประเด็น “ประชาชนและผู้สูงอายุยังขาดความรู้เร่ืองสิทธิ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง”
เป็นประเด็นด้านกฎหมายท่ีส่งผลต่อประสิทธิภาพการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมากท่ีสุด ผล
การศึกษาจึงสอดคล้องกับการทบทวนการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในประชากรผู้สูงวัยของ
ขวัญเมือง แก้วดาเกิง และดวงเนตร ธรรมกุล (2558: 1-8) ท่ีพบว่า การสร้างเสริมความรอบรู้ด้าน
สุขภาพในประชากรผู้สูงอายุท่ีผ่านมามุ่งเน้นความสามารถพื้นฐานมากเกินไป และให้ความสาคัญใน
การพัฒนาทักษะคอ่ นข้างนอ้ ย ดงั นน้ั จึงควรสรา้ งเสริมความรอบรดู้ ้านสุขภาพ (Health Literacy) ใน
ประเด็นสาคัญ ได้แก่ (1) การพัฒนาและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ความรู้สุขภาพท่ีจาเป็น (2) การ
พัฒนากลไกและกระบวนการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และบริการด้านสุขภาพ (3) สร้าง
จิตสานึกและคุณธรรม ในการผลิต และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และบริการด้านสุขภาพ
(4) สร้างการรู้เท่าทันสื่อให้กับผู้สูงอายุ (5) การพัฒนาระบบบริการที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ ซ่ึงหนทาง
ดังกล่าวนับเป็นวิถีทางหนึ่งในการเพิ่มพลังให้กับประชาชนในการตัดสินใจเลือกและปฏิบัติตนในการ
ดูแลสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ หากประชากรกลุ่มผู้สูงอายุสามารถแสวงหาและเพ่ิมพูนความรู้ท่ี
ถูกต้อง และนาความรู้น้ันมาแลกเปล่ียนเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง จะก่อให้เกิดพลังภายในกลุ่มสามารถ
ต้านทานหรือจัดการควบคุมอิทธิพลจากสิ่งเร้าต่างๆอันเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพในบริบทที่ตนเอง
อาศัยอยู่ได้ ผู้สูงอายุก็จะมีภูมิต้านทานด้านสุขภาพที่สร้างขึ้นมาจากความรอบรู้ในการใช้ข้อมูล
ขา่ วสารความร้ใู หเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ สขุ ภาพของตนเอง และพึ่งพาระบบบริการสุขภาพน้อยลง โดยจาก
การวิเคราะห์สถานะสุขภาพ พฤติกรรม ความรอบรู้ของคนไทยและการสื่อสารด้านสุขภาพได้พบว่า
ประชากรวัยสูงอายุเป็นกลุ่มเส่ียงท่ีมีความรอบรู้ด้านสุขภาพไม่เพียงพอสาหรับดูแลตนเอง และยัง
๑๗๐
พบว่า ประชาชนไทยมคี วามรอบรู้ด้านสุขภาพ ไดแ้ ก่ ด้านพฤติกรรมที่พึงประสงค์ตามกลุ่มวยั และการ
บริหารจัดการความเครียด (3อ. 2ส.) อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยต่ากว่าร้อยละ ๕๐ นอกจากน้ีประชาชนท่ีมี
ความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเองจานวนน้อย แต่มีช่องทางการส่ือสารกันเองเป็นวงกว้างมาก
ขึ้นทาให้มีข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพเป็นจานวนมาก จากหลากหลายช่องทาง โดยขาดระบบการคัด
กรอง และการยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ทาให้ ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพสูงประมาณ
ร้อยละ ๓.๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (๓๙๒,๓๖๘ ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในการ
รักษาพยาบาล (คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข, 2561: online) เช่นเดียวกันกับ
การศกึ ษาของ วรรณศริ ิ นิลเนตร (2557: ง) ทศ่ี ึกษาความฉลาดทางสขุ ภาพของผสู้ ูงอายุไทยในชมรม
ผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานครพบว่า ความฉลาดทางสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุส่วนใหญ่ (ร้อยละ
95.5) อยใู่ นระดบั พน้ื ฐาน
นอกจากนีจ้ ากข้อเสนอใหม้ ีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการสื่อสารที่ทนั สมัยและ
หลากหลาย เนื่องจากปัจจุบันช่องทางของการสื่อสารได้เพ่ิมมากข้ึนและมีความหลากหลาย และ
แนวคิดในการปฏิรูปความรอบรู้ด้านสุขภาพได้มีข้อเสนอในการปฏิรูป เพื่อการพัฒนาระบบสื่อสาร
สุขภาพ โดยมีประเด็นการเพิ่มช่องทางส่ือสารมวลชนสาธารณะทางสุขภาพและแนวทางเขียนส่ือ
สุขภาพ นาเสนอส่อื สขุ ภาพให้เข้าใจง่าย หลากหลาย เช่น การนารูปภาพหรอื ภาพวาดจากชีวติ จริงมา
สะท้อนเรอ่ื งราวของชีวิตหรือในประเดน็ ท่ีต้องการส่อื สาร เพอ่ื เสรมิ สร้างพลังอานาจให้กบั ประชาชนผู้
ที่มีข้อจากัดในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการสุขภาพ (Pictogram และ Photo Novella) หรือ
ใช้เทคโนโลยีประกอบมากขึ้น (คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข, 2561: Online)
อย่างไรกต็ ามการสื่อสารด้านสุขภาพแม้ว่าจะเป็นปัจจัยสาคัญของการสง่ เสรมิ ความรอบรู้ด้านสุขภาพ
ที่ประชาชนต้องเข้าถึง เข้าใจ ตรวจสอบข้อมูลที่มาจากหลากหลายแหล่งข้อมูลได้จนนาไปสู่การ
ตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง แต่โอกาสที่มีการแปลงสารที่ได้รับจากภาครัฐ
ตามความเข้าใจของตนเองที่เดิมเป็นผู้รับสาร ได้กลายมาเป็นผู้ผลิตสารเพื่อการส่งต่อมากข้ึน
ประกอบกับเทคโนโลยีที่พัฒนาขน้ึ ใหม่ ๆ และมีราคาท่ีคนสว่ นใหญ่เข้าถึงได้ จึงกลายมาเปน็ การสร้าง
เน้ือหาเองท่ีมีโอกาสผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงทางการแพทย์และส่งข่าวสารที่ผิดไปจากความจริง
ไปยงั ผใู้ กล้ชดิ ในเครอื ขา่ ย และกระจายสู่สงั คมในวงกว้างอย่างรวดเรว็ และมีจานวนเพ่ิมมากขึ้นเปน็ เงา
ตามตวั ซ่ึงสง่ ผลร้ายตอ่ การสร้างและการจดั การสุขภาพและคณุ ภาพชวี ิตของประชาชนได้
1.6 การเข้าถึงยาและบริการท่ีจาเป็น (Essential Medicines) ซ่ึงเกี่ยวกับการ
กาหนดนโยบายและพัฒนารูปแบบบริการที่จาเป็น และการพัฒนาระบบยาและเวชภัณฑ์ของ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล เป็นประเด็นเพ่ิมเติมของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผู้สงู อายุระดับจังหวัด เน่อื งจากผลการศึกษาได้พบวา่ การจัดบริการดูแลสขุ ภาพผู้สงู อายุส่วนใหญเ่ ป็น
การจัดบรกิ ารโดยทวั่ ไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพปญั หาของผู้สงู อายุ เช่น มโี รคประจาตัว อาทิ ความ
ดันโลหิตสูง เบาหวาน ซ่ึงมีภาวะเส่ียงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อาจทาให้เสียชีวิต หรือ
พิการ ทุพพลภาพได้ และอาจจาเป็นต้องพ่ึงบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ดังน้ัน จึงจาเป็นต้องกาหนด
ประเด็นนี้ไว้ในรูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระดับจังหวัด เพื่อให้มีการจัดการที่ชัดเจนและเป็น
รูปธรรม อย่างไรก็ตามประเด็นบริการท่ีจาเป็นนับเป็นแนวคิดใหม่ตามแนวคิดระบบสุขภาพของ
องค์การอนามัยโลก (The WHO Six Building Blocks of Health System) ซ่ึงจะพบว่ารูปแบบ
๑๗๑
ระบบบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุยังไม่มีการกาหนดรูปแบบบริการที่ชัดเจน เช่นเดียวกับประเด็น
ดา้ นยาและเวชภัณฑ์ในกลมุ่ ผู้สูงอายุ ซึ่งถือเปน็ กลมุ่ ทีม่ คี วามออ่ นไหว เปราะบางตอ่ การใชย้ า ประเด็น
นี้จึงมีความสาคัญท่ีต้องกาหนดไว้และต้องมีแนวทางการดาเนินการอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนในระบบ
การดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายนุ อกเหนือจากการให้บรกิ ารโดยทว่ั ไป ซ่ึงจากข้อมลู ของประเทศไทยพบความ
ชุกของการใช้ยาร่วมกันหลายขนานในผู้สูงอายุร้อยละ 29 ถึง 75 ผลกระทบจากการใช้ยาร่วมกัน
หลายขนาน ได้แก่ ปัญหาจากการใช้ยา เช่น การเกิดอันตรกิริยาระหว่างยา การเกิดอันตรกิริยา
ระหว่างโรคและยา การเกิดอาการไมพ่ ึงประสงค์จากยา การใช้ยาซ้าซ้อน รวมถงึ การขาดระเบียบวินัย
ในการใช้ยา ซ่ึงปัญหาเหล่านส้ี ง่ ผลให้ผู้สงู อายุมีภาวะทุพพลภาพและคณุ ภาพชีวิตท่แี ยล่ ง รวมท้ังสง่ ผล
ตอ่ ระบบสาธารณสุข เพิ่มการสูญเสียดา้ นทรัพยากรบุคลากรทางการแพทย์ และภาระการใช้จ่ายของ
ประเทศ (ศิรสา เรืองฤทธ์ิชาญกุล, 2561: 95-104) ในทานองเดียวกันการศึกษาของพสิษฐ์พล
วัชรวงศ์วาน (2559: S50-59) ที่พบปัญหาจากการใช้ยาดังกล่าวเช่นกัน และยังพบว่า ปัจจัยที่ทา
ให้ผู้ป่วยมีโอกาสใชย้ ารว่ มหลายขนานคอื การมโี รคเรือ้ รังหลายโรค อายุท่มี ากขึน้ และการไปพบแพทย์
หลายท่ี ผู้ป่วยสูงอายุโดยท่ัวไปมีโอกาสท่ีจะมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้ยาสูงกว่าวัยทางาน การใช้ยาร่วม
หลายขนานทา ใหโ้ อกาสที่จะมปี ญั หาเก่ยี วกบั การใช้ยาสงู ขึน้ เช่น ปญั หาการให้ความรว่ มมือในการใช้
ยาและการได้รับผลข้างเคียงจากยา นอกจากนี้การศึกษาพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุของ
อุไรวรรณ ชัยชนะวิโรจน และนิรนาท วิทยโชคกิติคุณ (2557: 43-54) พบประเด็นสาคัญคือ
พฤติกรรมการใชย้ าของผู้สงู อายุ โดยมีการใชย้ าไม่เป็นไปตามคาสั่งแพทย์ มีการใชย้ าด้วยตนเองอย่าง
ไม่ปลอดภัย ผู้สูงอายุบางรายมีการเปลี่ยนสถานที่รักษาไปเรื่อยๆ (Shop Around) โดยมีแหล่ง
ให้บริการมากมาย อาทิ โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลหรือคลินิกของเอกชน ร้านยา คนเร่ขายยา
การโฆษณาหรือการบอกต่อผู้สูงอายุบางรายมีการเกบ็ ยาที่ไม่เป็นระเบียบ เช่น เก็บยาทุกชนิดไวในถุง
เดียวกนั ท้ังหมด ไมสามารถบอกไดว่ายาชนิดใดใช้อย่างไร บางรายเกิดจากความไมรู หรอื เข้าใจผิดผิด
เช่น ยาอินสุลิน เมื่อเปิดใช้แลวจะเก็บไวนอกตูเย็น เพราะเข้าใจว่าเก็บไวในตูเย็นเฉพาะขวดที่ยังไม
เปิดใช้เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้สูงอายุมักมีการสะสมยาที่เหลือทั้งจากการจ่ายยาคร้ังก่อนหรือเก็บสะสม
ยาทแี่ พทย์ไมไดสั่งใช้แลว เพ่ือสารองไว้ใช้หากมีอาการกาเริบ หรือใช้ทดแทนหากยาท่ีแพทยส์ ง่ั ใช้หมด
กอ่ นวันนัด
1.7 การควบคุมมาตรฐานและอภิบาลระบบ ซึ่งการอภิบาลระบบโดยทั่วไปท่ีเป็นเรื่อง
ของความร่วมมือกันของภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายการมีส่วน
รว่ ม ทั้งในแง่การจัดสรรทรัพยากรร่วมกัน และพ่ึงพาอาศัยซ่ึงกันและกันมากขน้ึ อีกดว้ ย เช่น การดูแล
ผู้สูงอายุที่บ้าน จะมีการอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุในบ้านและชุมชน (Care Manager and Care Giver)
แต่เนื่องจากผู้ดูแลผู้สูงอายุในบ้านและชุมชนเป็นการดาเนินงานในลักษณะของอาสาสมัคร/เครือข่าย
ซง่ึ ไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุขโดยตรง หรือในบางแห่งเป็นสถานบริบาลของภาคเอกชน ดังนั้น จึงต้อง
มีระบบการควบคุมมาตรฐานผู้ดูแลผู้สูงอายุ หรือสถานบริบาลน้ันๆ ให้มีการดาเนินงานได้ตาม
มาตรฐาน เพื่อคุณภาพชีวิต และความปลอดภัยของผู้สูงอายุ ในทานองเดียวกันการพัฒนานวัตกรรม
เทคโนโลยีและสารสนเทศต่างๆท่ีนามาใช้กับผู้สูงอายุ จะต้องมีการควบคุมกากับด้านมาตรฐาน เพื่อ
เป็นการเฝ้าระวังและป้องกันอันตรายท่ีเกิดจากการใช้นวัตกรรม หรือส่ิงประดิษฐ์ต่างๆ รวมทั้งต้องมี
ระบบการกลั่นกรองข่าวสารสารสนเทศท่ีผู้สูงอายุนามาใช้ให้แน่ใจว่าเป็นเรื่องท่ีต้อง เหมาะสมกับ
๑๗๒
สภาพปัญหาของผู้สูงอายุจริง ผลการศึกษามีความสอดคล้องกันกับการศึกษาของพิสิษฐ์ พิริยาพรรณ
และคณะ (๒๕๕๘: 34-50 ) ที่ศึกษาการพัฒนามาตรฐานการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในศูนย์การ
ให้บริการแบบพักค้าง ท่ีพบว่า ในภาพรวมการนาไปปฏิบัติของมาตรฐานการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุใน
ศูนย์การให้บริการแบบพักค้าง จาก 5 องค์ประกอบ 10 มาตรฐาน คือ 1) ด้านการบริหารจัดการ
2) ด้านสุขภาพ 3) สิทธิและความคุ้มครอง 4) ด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพและระบบความ
ปลอดภัย และ 5) ด้านระบบมาตรฐานภายใน อยู่ในระดับมากที่สุด แต่ทั้งน้ีผลการศึกษาได้พบ
ประเด็นสาคัญแตกต่างจากการศึกษาอ่ืนคือ 1) ด้านการบริหารจัดการ ผู้สูงอายุได้ระบุถึงความ
ต้องการให้มีระบบการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน โดยความควบคุมดูแลของผู้เช่ียวชาญที่ผ่านการ
รับรองตามมาตรฐานวิชาชีพเฉพาะ ท้ังวิชาชีพ พยาบาล แพทย์ผู้ให้การดูแล และสหสาขาวิชาชีพ
รวมท้ังการขึ้นทะเบียนเป็นสถานบริบาลที่ถูกต้อง เพ่ือสร้างความมั่นใจ และเป็นหลักประกันได้ถึง
คุณภาพและมาตรฐานของการบริการ 2) ด้านการดูแลสุขภาพ ผู้สูงอายุมีความต่ืนตัว มีความรู้ และ
ต้องการการดูแลเร่ืองยาท่ีมีมาตรฐานและมีการควบคุมดูแลเพื่อป้องกันความคลาดเคล่ือนจากการใช้
ยาให้แก่ผู้สูงอายุ และ 3) ด้านระบบมาตรฐานภายใน ผู้สูงอายุมีความต้องการและมีความคิดเห็นว่า
มาตรฐานน้ี มีความสาคัญและจาเป็นในระดับท่ีมากท่ีสุด เน่ืองจากเป็นระบบและกลไกในการรับรอง
คณุ ภาพของการให้บรกิ าร ท่มี ีระบบการตรวจสอบ ให้การรับรองการพฒั นาคณุ ภาพอยา่ งต่อเน่อื ง
2. ด้านประสทิ ธิผลการดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ
2.1 ผลการดาเนินงานคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุภาพรวมผลการคัดกรองจากปี
2559 – 2561 มีแนวโน้มเพิ่มข้ึน ทั้งนี้เน่ืองจาก กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายการคัดกรองท่ี
กาหนดไว้อย่างชัดเจน และต่อเนอื่ ง ภายใตแ้ ผนงานส่งเสริมสุขภาพและปอ้ งกันโรค กล่มุ ผสู้ ูงอายุและ
ผู้พิการ เร่ิมกาหนดแผนที่ชัดเจนต้ังแต่ปี ๒๕๕๗ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานในระดับพ้ืนที่ได้รับการถ่ายทอด
นโยบายและแนวทางการดาเนินงาน และเห็นความสาคัญของการดาเนินงาน อย่างไรก็ดี ผลการคัด
กรองความดันโลหิต และเบาหวานอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ากว่าการคัดกรองอ่ืนๆ ในประเด็นน้ีอาจ
เป็นไปได้เก่ียวกับความผิดพลาดของการบันทึกข้อมูล ซ่ึงที่ผ่านมาพบว่า การประมวลผลจาก
ฐานข้อมูลกลาง (Health Data Center) หากมีการนาเข้าข้อมูลท่ีไม่สมบูรณ์ครบถ้วน เช่น ขาดการ
บันทึกฟิลด์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไม่ลงบันทึกน้าหนัก ส่วนสูง รอบเอว และการลงบันทึกค่าความดัน
โลหิต หรือค่านา้ ตาลผดิ พลาด จะทาใหโ้ ปรแกรมประมวลผลทไี่ ด้ตา่ กวา่ ความเป็นจริง ผลการศกึ ษาจึง
แตกต่างจากการประเมินผลการดาเนินงานตามแผนงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุและผู้พิการ ปี พ.ศ.
2556 ของ สุรเดช ดวงทิพย์สิริกุล และคณะ (2558: 937-949) ท่ีพบว่า ผลการดาเนินงานตาม
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านส่งเสริมผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดีตามมาตรฐานสุขภาพผู้สูงอายุที่พึงประสงค์
ตัวช้ีวัดประกอบด้วยการได้รับพัฒนาทักษะทางกายและใจ ตัวช้ีวัดกาหนดเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ 80
และเมื่อพิจารณาในภาพรวมพบว่าผู้สูงอายุการได้รับพัฒนาทักษะทางกายและใจร้อยละ 53 ผลของ
การได้รับการพัฒนาทักษะกายใจใน 11 รายการ พบว่ามี 4 รายการที่ถึงเป้าหมาย และ 7 รายการ
ไม่ถึงเป้าหมาย โดยรายการที่ไม่ถึงเป้าหมายมากที่สุด 3 ลาดับแรกคือ ผู้สูงอายุทราบว่าคาถาม 2Q
เป็นสัญญาณเตือนโรคซึมเศร้า (ร้อยละ 18) รองลงมาคือ ผู้ท่ีเป็นเบาหวานท่ีได้รับการตรวจวัดค่า
ระดับน้าตาลในเลอื ดมผี ลปกติ และ สามารถระบุผลได้ถูกต้อง (ร้อยละ 25) ผู้ท่ีเป็นความดันโลหิตสูง
ที่ได้รับการตรวจวัดค่าความดันโลหิตมีผลปกติ และสามารถระบุผลได้ถูกต้อง (ร้อยละ 26) สาหรับ
๑๗๓
ตัวชี้วัดอ่ืนๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์น้ีพบว่า การดาเนินงานตามแผนส่วนใหญ่ยังไม่ถึงเป้าหมาย อาทิ การ
ตรวจคัดกรองเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การคัดกรองโรคข้อเข่าเส่ือม ภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้
ผลการประเมินพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ของผู้สูงอายพุ บ ร้อยละ 26 จากค่าเป้าหมาย ร้อยละ
30 จากผลการศึกษาจึงมีข้อเสนอให้กรมอนามัยและผู้รับผิดชอบแผนงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
และผู้พิการ ปรับปรุงแผนงานโดยเน้นเชิงรุก และเพิ่มคุณภาพในการคัดกรองโรคสาหรับผู้สูงอายุ
ดังนั้น ผลการศึกษาในการศึกษาครั้งน้ีจงึ สอดคล้องกับข้อเสนอ และนโยบายการคัดกรองที่เริม่ มีความ
ชัดเจน และตอ่ เนอื่ ง
2.2 ผลการดาเนินงานตามกิจกรรมดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและความสาคัญของการ
ดาเนินงาน พบว่า ประเด็นทม่ี ีการดาเนนิ งานตามแนวทาง/กิจกรรมมากท่สี ดุ และเจ้าหนา้ ทสี่ าธารณสุข
เห็นว่ามีความสาคัญต่อการดาเนินงานมากในลาดับแรกๆคอื “การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ
ดูแลผ้สู งู อายุ เชน่ สร้างผู้ดูแล (Caregiver) ผู้สูงอายุ และสร้างทีมผู้ดูแล (Care Team) เพ่ือผลัดเปลย่ี น
หมุนเวียนกันดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพหรือติดเตียงในชุมชน” รองลงมาคือ “การมอบนโยบาย
และแนวทางการดาเนินการดูแลผู้สูงอายุแก่บุคลากร” “การกาหนดข้อมูลพื้นฐานท่ีจาเป็นต่อการ
ดาเนินงานดูแลสขุ ภาพผ้สู ูงอายุและจัดทาฐานข้อมูลผสู้ ูงอายุไว้” “การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้มีส่วน
ได้ส่วนเสียในการดาเนินงานเพื่อสร้างความร่วมมือในการดาเนินงาน” และประเด็น “การสื่อสาร
สาธารณะความรู้ในเร่ืองอาการผิดปกติและการส่งต่อเร็ว เช่น FAST)” เนื่องจากประเด็นดังกล่าว เช่น
สร้างผู้ดูแล (Caregiver) ผู้สูงอายุ และสร้างทีมผู้ดูแล (Care Team) เป็นส่วนหน่ึงของโปรแกรมที่
สามารถตอบสนองความต้องการ และสภาพปัญหาของผู้สูงอายุได้ตามนโยบายการดูแลระยะยาว
(Long Term Care) ท่ีในการศึกษาคร้ังน้ีพบว่า เป็นนโยบายที่มีความเป็นรูปธรรมชัดเจนมากท่ีสุด
ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนกาลังคนด้านสุขภาพ แต่ในขณะท่ีจานวนผู้สูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มมาก
ข้ึน ทาให้มีปญั หาขาดแคลนผู้ดูแล จึงจาเป็นท่ีตอ้ งอาศยั เครือข่ายด้านสุขภาพช่วยดูแล ผลการศึกษาจึง
สอดคล้องกับการศึกษาของภาสกร สวนเรือง อาณัติ วรรณศรี และสัมฤทธิ์ ศรีธารงสวัสด์ิ (2561:
437-451)ท่ีศึกษาบทบาทของผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) และกระบวนการในการดูแล
ผูส้ ูงอายุที่มีภาวะพ่ึงพิงในชมุ ชน หลังการมีนโยบายการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุข
สาหรบั ผูส้ งู อายทุ ี่มภี าวะพ่ึงพิงพบว่า ภายหลังมนี โยบายการดแู ลระยะยาว บทบาทของผู้ช่วยเหลอื ดูแล
ผู้สูงอายุและกระบวนการทางานในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนที่เปล่ียนแปลงอย่างเห็นได้ชัด คือ ผู้ช่วย
เหลือดูแลผู้สูงอายุมีองค์ความรู้และทักษะต่างๆ ในการดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงเพ่ิมมากขึ้น จากการ
ฝกึ อบรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยดูแลผูส้ ูงอายตุ ามกิจวัตรประจาวัน การแก้ปัญหาสุขภาพ การดูแล
เร่ืองสุขาภิบาลและส่ิงแวดล้อมที่บ้านของผู้สูงอายุมีการทางานเป็นทีมมากข้ึน โดยมีระบบพ่ีเลี้ยงและ
บัดด้ีมีรูปแบบในการทางานที่ชัดเจนข้ึน เห็นได้ชัดจากการทางานตามแผนการดูแลผู้สูงอายุรายบุคคล
(Care Plans) ที่มีแผนการทางาน มีรายละเอียดของผู้สูงอายุท่ีให้การดูแล รวมทั้งเป้าหมายในการ
ช่วยเหลอื บาบัดฟน้ื ฟูผสู้ ูงอายุให้สามารถชว่ ยเหลือตัวเองในชีวติ ประจาวนั ได้มากข้นึ ตามความเหมาะสม
กับผู้สูงอายุแต่ละราย ภายใต้การให้คาปรึกษาดูแลของผู้จัดการระบบการดูแลระยะยาวด้าน
สาธารณสุข (Care Managers) และการทางานร่วมทีมสหวิชาชีพ ที่สอดคล้องกับความต้องการการรับ
บริการของผู้สูงอายุแต่ละราย ในขณะที่พิมพวรรณ เรืองพุทธ และวรัญญา จิตรบรรทัด (2559: 49-60)
ที่ศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้สูงอายุท่ีต้องการการพึ่งพาในการทากิจวัตรประจาวัน
๑๗๔
พบว่า ปัจจัยหลักของการมีสว่ นร่วมคือ 1) การช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน 2) การเรียนร้จู าก
การกระทาการเรียนรู้จากการในการแก้ไขปัญหา 3) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดูแล และ
4) การสืบทอดการดูแลต่อเยาวชนรุ่นใหม่ ลักษณะของชุมชนที่ช่วยสนับสนุนการมีส่วนร่วมคือ
ความเข้มแข็งชุมชนการมีผนู้ าชมุ ชนท่เี ก่งมสี มั พนั ธภาพที่ดีกับคนในชุมชน
ในส่วนของการมอบนโยบายและแนวทางการดาเนินการดูแลผู้สูงอายุแก่บุคลากร
นับว่าเป็นประเด็นสาคัญ โดยภาพรวมแล้วนโยบายท่ีมีความสาคัญจะมีการมอบนโยบายและชี้แจง
แนวทางตั้งแต่ต้นปีงบประมาณของทุกปี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบแนวทางการปฏิบัติ และมีการเตรียม
ความพร้อมในการดาเนินงานตามแผนปฏิบัติงาน สาหรับการกาหนดข้อมูลท่ีจาเป็นและการจัดทา
ฐานข้อมูลผู้สูงอายุมีความสาคัญ เน่ืองจากการข้อมูลเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายให้
ตรงตามความจาเป็นและความต้องการอย่างทันเหตุการณ์ อีกท้ังยังเป็นเครื่องมือในการบริหาร การ
วาง/กาหนดนโยบาย การพยากรณ์แนวโน้มสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย และยังสามารถใช้เป็นข้อมูลเพ่ือ
การให้บริการกลุ่มเป้าหมายและภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือลดความเหลื่อมล้า และพัฒนาคุณภาพชีวิต
ผู้สูงอายุไทยต่อไป ดังนั้น ประเด็นดังกล่าวจึงนับว่ามีความสาคัญต่อการสนับสนุนการดาเนินงานดูแล
สขุ ภาพผู้สูงอายใุ ห้มปี ระสิทธิภาพเพม่ิ มากขน้ึ
ประเด็นต่อมาคือ ความสาคัญของเรื่องการสื่อสารสาธารณะความรู้ในเรื่องอาการ
ผิดปกติและการส่งต่อเร็ว เน่ืองจากการส่ือสารหรือการเตือนภัยเป็นกระบวนการถ่ายทอดข่าวสาร
ข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ เพ่ือลดพฤติกรรมเส่ียงของประชาชนในแนวกว้าง และสามารถสร้าง
กระแสสังคมให้เกิดความตระหนักและขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของ
ประชาชน จากปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุท่ีพบว่าส่วนใหญ่เจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเร้ือรัง เช่น ความ
ดนั โลหิตสูง เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด ซ่ึงโรคดังกล่าวก่อนท่ีจะไปสู่ภาวะวกิ ฤต มักจะมีอาการนา
เช่น โรคหลอดเลือดสมอง สามารถใช้หลัก F A S T ในการตรวจสอบอาการ ได้แก่ F=FACE ชาหรือ
อ่อนแรงท่ีใบหน้า ตามัวมองเหน็ ภาพซ้อนหรือเห็นคร่ึงซีก A =ARM อาการแขนขาอ่อนแรงข้างใด ข้างหน่ึง
S=SPEECH ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดลาบาก พูดไม่ได้ และ T=TIME เวลาท่ีจะต้องรีบไปโรงพยาบาลให้
เร็วที่สุด ดังน้ัน การสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วย ญาติ และประชาชนท่ัวไปทราบ จะช่วยทาให้นาส่งผู้ป่วยไป
รักษาได้อย่างรวดเร็ว สามารถรักษาชีวิตและลดความพิการที่จะเกิดขึ้นได้ และประเด็นสุดท้ายที่จะ
กล่าวถึงคือ ประเด็นการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดาเนินงานเพ่ือสร้างความ
ร่วมมือในการดาเนินงาน การที่พบว่าประเด็นดังกล่าวนี้เจ้าหน้าท่ีมีการปฏิบัติ และให้ความสาคัญใน
ลาดับต้นๆ อาจอธิบายโดยเช่ือมโยงต้ังแต่ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
การสื่อสารสาธารณะและการส่งต่อที่รวดเร็ว จึงจาเป็นต้องอาศัยภาคีเครือข่าย และภาคประชาชนเข้า
มามีส่วนร่วมในการสนับสนุนทั้งด้านทรัพยากรกาลังคน งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ เพื่อเพ่ิม
ประสิทธิภาพการดาเนินงาน ผลการศึกษาจึงสอดคล้องกับการศึกษาของงพัชราภรณ์ อุ่นเตจ๊ะ
และศิรอิ ร สนิ ธุ (2554: 53-62) ท่ีศึกษา พบว่าพฤติกรรมการเข้าถึงการรักษาในระยะก่อนถึง
โรงพยาบาล (Pre-hospital)ของผู้ป่วยSTEMIค่อนข้างช้ากว่าเวลาที่กาหนดตามมาตรฐาน ซึ่งข้อมูล
แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยโรคหัวใจยังขาดความรู้เกี่ยวกับการสังเกตอาการท่ีบ่งชี้ที่อันตรายของภาวะ
กล้ามเน้ือหัวใจขาดเลือด และผู้ป่วยยังขาดข้อมูลของระบบบริการที่ตนเองสามารถเข้าถึงการรักษาได้
อย่างรวดเรว็ ผลการวิจัยมขี ้อเสนอให้พัฒนาระบบการให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วย/ญาตใิ นผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายท่ี
๑๗๕
มีประสิทธิผล ทั้งการสังเกตอาการ การดูแลตนเองเบื้องต้น การรีบตัดสินใจแจ้งเหตุ การกาหนดหน่วย
บริการรับแจ้งเหตุสาหรับผู้ป่วยเฉพาะราย และเสนอให้มีการบูรณาการระบบการให้ข้อมูลประชาชน
ทั่วไปในรูปแบบส่ือสาธารณะ เนื่องจากประชาชนช่วงอายุ 30 ปีข้ึนไปอาจเป็นผู้ป่วยหรือผู้พบ
เหตุการณ์เจ็บป่วยกะทันหันจากภาวะหัวใจขาดเลือด ดังน้ันการให้ข้อมูลท่ีชัดเจนถึงวิธีการจัดการ
เบอ้ื งต้นหากเกดิ อาการที่อาจมีสาเหตุมาจากโรคหวั ใจอยา่ งเหมาะสม
สว่ นประเดน็ ท่ีมีการดาเนินงานตามแนวทาง/กิจกรรมน้อย และเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข
เห็นว่ามีความสาคัญต่อการดาเนินงานในลาดับท้ายๆส่วนใหญ่อยู่ในหมวดด้านการพัฒนารูปแบบ
บริการคือ “การมีนโยบายการดาเนินงานนวัตกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุให้ครอบคลุมทุกตาบล ”
“การขยายนวัตกรรมหรือแนวทางที่ผ่านการทดลอง/ประเมินผล/ปรับปรุงเพื่อสนับสนุนให้พื้นท่ีอื่นได้ใช้”
“การถอดบทเรียนการจัดการในพ้ืนที่ท่ีประสบความสาเร็จหรือเข้าร่วมกิจกรรมถอดบทเรียนเพื่อสร้าง
แนวปฏิบัติที่ดี (Good Practice) หรือแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)” เป็นต้น จะเห็นว่า
ประเด็นดังกล่าวเป็นการพัฒนารูปแบบบริการด้วยความคิดริเร่ิมมาตรการ/ แนวทางใหม่ๆ และตาม
แนวคิดของการขยายผลการวิจัย/นวัตกรรมสู่การนาไปใช้ของชุมชน จาเป็นต้องสร้างการยอมรบั ในองค์
ความรขู้ องงานวิจัยหรือนวัตกรรมเพ่ือให้เกิดการนานวตั กรรมน้ันๆ ไปใช้ โดยต้องปฏิบตั ใิ หเ้ ห็นจริงด้วย
การให้ชุมชนได้เข้าร่วมเรียนรู้ ปฏิบัติ และทดลองจนเห็นผลเชิงประจักษ์ (Rogers, 1983)
ซ่ึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอาจมีงานประจาท่ีต้องปฏิบัติ ทาให้ไม่มีความพร้อมที่จะคิดค้นงานวิจัย
นวัตกรรม หรือริเริ่มการดาเนินงานตามแนวทางใหม่ๆ หรืออาจเนื่องมาจากการขาดความรู้ ทักษะใน
การคิดค้นนวัตกรรม รวมท้ังนโยบายในจูงใจในการการสนับสนุนหรือผลักดันนวัตกรรมยังไม่ชัดเจน
หรือสร้างแรงจูงใจมากพอ เช่นเดียวกับกิจกรรมถอดบทเรียน เนื่องจากเป็นกระบวนการทบทวน สรุป
เหตกุ ารณ์และเง่ือนไขที่เกดิ ขึ้น มีการประมวลผลลพั ธเ์ ชื่อมโยงหลายมิติทง้ั ภายในและภายนอก สะท้อน
สิ่งทสี่ ่งผลให้เกิดความแตกต่าง แสวงหาบทเรยี นท่ีดีทส่ี ดุ หรือวิธีการปฏบิ ตั ิทด่ี ที ี่สุดท่ีจะก่อให้เกดิ ผลต่อ
พฤติกรรมเหมาะสม ผู้ที่จะดาเนินการได้ต้องมีความรู้ และทักษะในการดาเนินการ ด้วยเหตุผลที่กล่าว
มาแล้วเจ้าหน้าทส่ี าธารณสุข ดังนั้น จึงมีการปฏิบัติและให้ความสาคัญในประเด็นน้ีต่ากวา่ ประเด็นอ่ืนๆ
ซึ่งการศกึ ษาของ ศศิพัฒน ยอดเพชร ภาวนา พัฒนศรี และธนิกานต ศักดาพร (2560: 176) ได้ถอด
บทเรยี นตัวอย่างที่ดีของโรงเรียนและชมรมผู้สูงอายุ ที่มีกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ พบว่า ปญั หาอปุ สรรค
ของโรงเรียนผู้สูงอายุเกิดจากปัญหาด้านการบริหาร โดยพบว่า โรงเรียนส่วนใหญ่มีข้อจากัดในการใช้
งบประมาณ มีสถานที่เรียนไม่เหมาะสม การเปิดสอนไม่เป็นไปตามที่กาหนด และมีการดูงานจาก
หน่วยงานภายนอก ส่วนปัญหาด้านการเรียนการสอน พบวา่ โรงเรียนขาดครูผู้สอนในบางวิชา ครู บาง
คนมีความคาดหวังการเรียนรูจากนักเรียนค่อนข้างสูง ขาดเอกสารและอุปกรณ์ในการเรียน การสอน
แต่อย่างไรก็ดีผลการถอดบทเรียน พบว่า โรงเรียนผู้สูงอายุไดเสริมสร้างทักษะของผู้เรียนในประเด็น
ของการพึ่งตนเองและการตระหนักในคุณภาพชีวิตท่ีดีมากกว่าทักษะการดูแลตนเอง การทาในส่ิงที่
ปรารถนาไดตามศักยภาพของตน การมีสุขภาวะทางกายและจิตและมีชีวติ ยืนยาว และพึงพอใจในชีวิต
เช่นเดียวกนั กับการศกึ ษาของวรนาถ พรหมศวร และศุภรนิช วสุกาญจนเวช (C-115-C127) ที่ศกึ ษา
มุมมองเร่ืองโรงเรียนผู้สูงอายุตามบริบทชุมชนท้องถ่ิน สุรินทร์พบว่า รูปแบบของการจัดกิจกรรมของ
นวัตกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุเป็นการพัฒนาทักษะและและการศึกษาตามอัธยาศัยของผู้สูงอายุ เป็นเรื่อง
ท่ีผู้สูงอายุสนใจและมีความสาคัญต่อการดาเนินชีวิต ช่วยเพ่ิมพูนความรู้ทักษะชีวิตท่ีจาเป็น โดยปัจจัย
๑๗๖
เง่ือนไขของการพัฒนานวัตกรรมให้ประสบความสาเร็จเกิดจากปัจจัย 1) การมีส่วนร่วม จากความ
ร่วมมือของ ไดส้ นับสนุนด้านวิทยากร อุปกรณใ์ นการดาเนินงานในโรงเรยี น เช่น การตรวจระดับน้าตาล
ในเลือด อปท.สนับสนุนงบประมาณในการดาเนินงาน องค์กรชุมชนให้ความร่วมมือให้เกิดโครงการ
โรงเรียนผู้สูงอายุ กลุ่มผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรม และ อสม. เป็นจิตอาสาในการทาอาหาร วัดความดัน
ชักชวนผู้สูงอายุให้เข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นการทากิจกรรมตามบทบาท 2) การนาใช้
ทุนทางสังคมโรงเรียนผู้สูงอายุได้มีการนาใช้ทุนทางสังคมท่ีมีอยู่ เช่น หน่วยงานภาครัฐ คือ อปท. และ
องค์กรชมุ ชน คือ ผูใ้ หญ่บ้าน ผนู้ าชุมชน ในการเห็นชอบโครงการจากเวทีประชาคมหมูบ่ ้าน กลุ่ม อสม.
ท่ีเข้าร่วมเป็นจิตอาสา และภาคประชาชน คือ ผู้สูงอายุท่ีให้ความร่วมมือ นอกจากน้ียังมีการนาใช้ทุน
จากภายนอก คือ กศน. เป็นวิทยากรอบรม การทาอาชีพ และพมจ. มาให้ความรู้เรื่องสิทธิประโยชน์
ของผู้สงู อายุ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรุ ินทรใ์ หค้ วามรูเ้ กี่ยวกับผสู้ ูงอายุ 3) นโยบาย ซงึ่ นโยบาย
ในการดูแลผู้สูงอายุ เป็นประเด็นท่ีสาคัญที่ผลักดันให้เกิดแนวคิดการสร้างโรงเรียนผู้สูงอายุ ซึ่งเป็น
ความตอ้ งการที่จะพัฒนางานการดูแลผู้สงู อายเุ พื่อตอบสนองนโยบาย โดยมีเปา้ หมายหลัก คือ การดแู ล
สุขภาพผู้สูงอายุ ให้ได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพได้รับการดูแลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการ
เจ็บป่วย การให้มีกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน ผู้สูงอายุได้รับการเยี่ยมบ้าน เหล่านี้เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการดาเนินงานดังกล่าวนอกจากจะต้องมีความริเร่ิมแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือจาก
หลายภาคส่วน บคุ ลากรตอ้ งมแี รงจงู ใจท่ีมากพอท่ีจะเสียสละในการทางานให้ประสบความสาเรจ็
3.2 ผลลพั ธ์ (Outcome)
3.2.1 ผู้สูงอายุมีความความพึงพอใจต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในระดับ
มากที่สุด ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจากการที่ผู้สูงอายุได้รับบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เจ้าหน้าที่ท่ีให้บริการ
ให้บริการด้วยความสุภาพ เป็นกันเอง และจากความเชื่อม่ันตอ่ ทีมแพทย์ พยาบาล และผู้ให้บริการว่ามี
ความรู้ ทักษะ และความน่าเชื่อถือ ซึ่งในการศึกษาคร้ังน้ีพบว่าเป็นประเด็นที่ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจ
มากทสี่ ุดในลาดับต้นๆ ผลการศึกษาจึงสอดคล้องกับการศกึ ษาของวไิ ล ตาปะสี ประไพวรรณ ด่านประดิษฐ์
และสนี วล รัตนวิจิตร (2560: 42-54) ที่ศึกษารปู แบบการจัดบริการการดแู ลสุขภาพผูส้ ูงอายุโดยการ
มีส่วนร่วมของชุมชน ตาบลวังตะกู จังหวัดนครปฐม พบว่ารูปแบบการจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตาบลวังตะกู จังหวัดนครปฐม ประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ 1) การสร้าง
การเข้าถึงบริการ โดยการจัดทาสติ๊กเกอร์เบอร์โทรศัพท์ท่ีสาคัญแจกให้กับผู้สูงอายุ 2) การเยี่ยมบา้ น
ผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมขององค์ในชุมชน 3) ให้ความรู้กับผู้สูงอายุในเร่ือง การใช้ยา การออกกาลัง
กาย การรับประทานอาหาร และ 4) การดูแลผู้สูงอายุในขณะมารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยชมรม
ผู้สูงอายุ ได้จัดจิตอาสามาชว่ ยดูแลผู้สูงอายุระหว่างมารบั การรักษาทโี่ รงพยาบาล ผลการประเมินพบว่า
ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดบริการการดูแลสุขภาพท่ีพัฒนาข้ึน ในภาพรวม อยู่ในระดับ
มากท่ีสุด (ร้อยละเฉลี่ย 96.67) และสอดคล้องกับการศึกษาของสุภา เพ่งพิศ และคณะ (2558:
บทสรุปผู้บริหาร) ได้ดาเนินโครงการวิจัยบูรณาการเพ่ือพัฒนารูปแบบการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม
พบว่า โครงการ/กิจกรรมท่ีดาเนินการในกลุ่มผู้สูงอายุ ติดเตียง/พิการ ทาให้ผู้สูงอายุมีความสุข มี
กาลังใจ เช่นกันในกิจกรรมทางสังคมท่ีเชิญชวนผู้สูงอายุออกมาทากิจกรรมนอกบ้าน หรือกิจกรรมให้
ความรู้ และกิจกรรมสร้างสุขอ่ืนๆ ซึ่งปัจจัยความสาเร็จประการหนึ่งคือ โครงการ/กิจกรรมนั้น
ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุอยา่ งแทจ้ ริง
๑๗๗
อย่างไรก็ดีประเด็นท่ีผู้สูงอายุมีความพึงพอใจการดาเนินงาน/กิจกรรมการดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุต่ากว่าประเด็นอื่น แต่มีความพึงพอใจระดับมากคือ การจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมคี วาม
สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ อาจเป็นเพราะผู้สูงอายุมีปัญหามีความ
หลากหลาย แต่การจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ได้แยกบริการไว้เป็นสัดส่วน เนื่องจาก
ปัญหาเร่ืองอาคารสถานที่ และหากแยกแผนกก็จะประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่จะดูแล
ซ่ึงประเด็นดังกล่าวผู้สูงอายุอาจพึงพอใจต่ากว่าประเด็นอื่น ส่วนการเดินทางไปรับบริการดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุไม่มีญาติหรือมีคนไปด้วย และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับบริการดูแลสุขภาพ ประเด็น
ดงั กล่าวทาให้ความพึงพอใจต่ากวา่ ประเด็นอ่ืน เน่ืองจากผสู้ ูงอายุมขี ้อจา กัดในการเดินทางไปใช้บริการ
สุขภาพ ปัญหาการเดินทาง และการไม่มีผู้ไปด้วย ทาให้เกิดความไม่คล่องตัวและขาดคนดูแล จึงพบได้
ว่าประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ความพึงพอใจต่ากว่าประเด็นอื่นๆ ซ่ึงสอดคล้องกับการศึกษาของ World
Bank Group (2559: 9) ท่ีศึกษาการปิดช่องว่างการเข้าถึงบริการทางสุขภาพของผู้สูงอายุในประเทศ
ไทย พบว่า ยังมีช่องว่างปัญหาจากค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกี่ยวกับการรักษา และการสนับสนุนทางสังคมท่ีจะ
ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงและการใช้ประโยชน์จากบริการการรักษาสุขภาพ อาทิ การขาดผู้ดูแล และ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมายังสถานพยาบาลท่ีมีราคาแพงสาหรับกลุ่มผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในชนบท
ช่องว่างปัญหาเหล่าน้ีมีผลกระทบต่อผู้สูงอายุท่ียากจน และผู้สูงอายุวัยปลาย (80 ปีขึ้นไป) ซึ่งยืนยัน
ด้วยข้อมูลท่ีระบุว่าอัตราการใช้บริการทางสุขภาพลดลงในหมู่ผู้ใช้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในกลุ่ม
ผู้สูงอายวุ ัยปลาย เช่นเดียวกันกับการศึกษาของเพ็ญจันทร์ แสนประสาน และคณะ (2558: 29-43)
ท่ีศึกษาภาวะสุขภาพและการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน กลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
กรณีศึกษา: ตาบลคูบางหลวง จังหวัดปทุมธานี พบว่า ผู้สูงอายุมีข้อจากัดด้านความสามารถในการ
เดินทางไปใชบ้ รกิ าร และไม่สามารถเดนิ ทางมารบั บริการดว้ ยตนเองลาพัง
3.2.2 ผู้สูงอายุที่มีความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจาวันของผู้สูงอายุ
มีแนวโนม้ เพิ่มขนึ้ (ปี 2561 รอ้ ยละ 96.95) ท้งั นี้อาจเนื่องมาจากผสู้ ูงอายุส่วนใหญ่ยังเปน็ วัยผสู้ ูงอายุ
ตอนต้น และตอนกลาง ซึ่งเมื่อเจ็บป่วยยังดูแลรักษาตนเองได้ ประกอบกับปัจจุบันการส่ือสารด้าน
สุขภาพและเทคโนโลยีความก้าวหน้าทางการแพทย์ทาให้ผู้สูงอายุมีความสะดวกในการดูแลตนเองด้าน
สขุ ภาพมากขึ้น จึงยังสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจาวันต่างๆ ได้ และเดินทางไดไ้ ม่ต้องพึ่งพาผอู้ ่ืน รวมท้ัง
เจ้าหน้าท่ียังสามารถจะกระตุ้นกลุ่มเหล่านี้ให้เข้าร่วมกิจกรรมสังคม/ชมรมผู้สูงอายุได้ นอกจากน้ีอาจ
เป็นผลกระทบจากนโยบายการดูแลระยะยาว และการป้องกันความพิการในผู้สูงอายุของสานักงาน
สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี โดยเน้นให้มีการคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างเข้มข้นต้ังแต่วัยทางาน
ตอนปลาย เพื่อรองรับปัญหาก่อนจะเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ การสนับสนุนกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุที่ต่อเนื่อง
และการสร้างทีมดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น อาจส่งผลให้ผู้สูงอายุมีได้รับการดูแลและมีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น
ผลการศึกษาจึงสอดคล้องกับการศึกษาของ กนกวรรณ สิทธิวิรัชธรรม และศันสนีย์ เมฆรุ่งเรืองวงศ์
(2558: 11-21) ท่ีศึกษาความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจาวันของผู้สูงอายุในเขตเมือง
จงั หวัดอุตรดิตถ์ พบว่า ผู้สงู อายุมีภาวะพ่ึงพิง (ADL<12) ร้อยละ 5.5 เนื่องจากยงั เป็นผู้สงู อายชุ ่วงต้น
(อายุ 60-69 ป) ถึงร้อยละ 41.9 ยังคงสามารถช่วยเหลือตนเองไดมีรายไดมากเพียงพอในการ
ดารงชีวิตประจาวันถึงร้อยละ 71.5 และมีศักยภาพในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มทางสังคมเพื่อร่วม
กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน แต่แตกต่างจากการศึกษาของนงนุช แย้มวงษ์ (2557: 35-42)
๑๗๘
ที่ศึกษาความสามารถในการทากิจวัตรประจาวันของผู้สูงอายุที่มารับบริการในโรงพยาบาลศูนย์
การแพทย์สมเด็จพระเทพฯพบสัดส่วนของผู้สูงอายุท่ียังสามารถช่วยเหลือตนเองได้ร้อยละ 90 หรือ
ในทางกลับกันมีผู้สูงอายุที่มีต้องพ่ึงพาผู้อื่น ร้อยละ 13.87 และมีคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับปานกลาง
เนื่องจากการวิจัยได้พบว่ากลุ่มตัวอย่างเริ่มมีการพ่ึงพาคนอื่นเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพและมีโรค
ประจาตวั อาทิ โรคความดันโลหติ สงู โรคเบาหวาน และโรคขอ้ เขา่ เส่ือม ตามลาดับ
ข้อเสนอแนะจากการวจิ ัย
ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย
๑. การพัฒนานโยบายดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เพ่ือให้การดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมในทุกมิติ
ตั้งแต่ด้านสุขภาพร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และเศรษฐกิจ ต้องเร่ิมจากข้อเสนอปัญหาและความ
ต้องการจากส่วนประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการบูรณาการการดาเนินงานกับหน่วยงาน
ท่ีเก่ียวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ ซ่ึงต้องมีการหารือ ทาความตกลงร่วมกันที่ชัดเจน โดยในเบ้ืองต้น
สานักงานสาธารณสุขจังหวัด อาจต้องเป็นเจ้าภาพในการพูดคุย หารือ เพ่ือตกลงในการดูแลผู้สูงอายุ
ร่วมกัน แม้ว่าในปัจจุบันแผนพัฒนาผู้สูงอายุมีการกาหนดบทบาท และภารกิจของหน่วยงานในการ
ดาเนินงานแล้วก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติยังไม่ได้มีการบูรณาการ หรือขับเคลื่อนการดาเนินการที่เป็น
รูปธรรมร่วมกัน เช่น พัฒนาสังคมฯ เป็นศูนย์ในการจัดทีมผู้ดูแลผู้สูงอายุ ท้องถิ่นรับผิดชอบสนับสนุน
เร่ืองงบประมาณในการจ่ายค่าตอบแทนผู้ดูแลสูงอายุ ยานพาหนะรับ-ส่ง หน่วยบริการของสาธารณสุข
รับผิดชอบดูแลสุขภาพ และคุณภาพของการให้บริการของผู้ดูแล กาชาดร่วมกับพัฒนาสังคมฯ และ
ทอ้ งถ่นิ ชว่ ยเหลอื กล่มุ ผ้สู ูงอายุทีด่ อ้ ยโอกาส หรอื ขาดผู้ดแู ลหลกั เป็นต้น
๒. การขับเคล่ือนแผนพัฒนาสุขภาพผู้สูงอายุตามแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข
เน่ืองจากมีปัญหาในการบูรณาการการดาเนินงานในระดับกระทรวง ดังน้ัน ระดับจังหวัดจึงต้องมีการ
ทบทวนแนวทางของระดับกระทรวง และจดั ทาเป็นแนวทางปฏิบัติท่ีมีการบรู ณาการงานของจังหวัดเอง
ให้มีความชัดเจน และถ่ายทอดนโยบายสู่ปฏิบัติเพ่ือสร้างความเข้าใจในทิศทางเดียวกันของผู้ปฏิบัติใน
ระดบั อาเภอ และตาบล
๓. จากสภาพปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ดังน้ัน ระดับจังหวัดควรกาหนดมาตรการ
แก้ไขปญั หากาลงั คน โดยแบ่งเป็นการแกป้ ญั หาในระยะสนั้ และระยะยาวดังต่อไปน้ี
๓.๑ ในระยะสั้น ควรกาหนดโซนพื้นที่ในการดูแลประชาชนของ คปสอ. เพ่ือสามารถ
ให้การดูแลในลักษณะเครือข่าย ร่วมแบ่งปัน (Share) ทรัพยากรร่วมกันทั้งคน เงิน และวัสดุอุปกรณ์
เช่น การมีศูนย์กายภาพบาบัด ซึ่งไม่สามารถดาเนินการได้ในทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล
ดังน้ัน การจัดแบ่งโซน เพื่อให้การดูแล จะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องอัตรากาลังได้ และยังทาให้
ประชาชน หรือผู้ป่วยเข้าถึงบริการเฉพาะ หรือได้พบแพทย์ท่ีจะสามารถออกให้บริการได้ทั่วถึง หากมี
การจดั หมนุ เวียนในลักษณะโซน
๑๗๙
๓.๒ การสรา้ งให้มีเครือข่ายผู้ดแู ลผู้สูงอายุ เน่ืองจากปัญหาของผู้สงู อายุนับวันจะเพ่ิม
มากข้ึน อัตรากาลังเจ้าหน้าท่ีที่มีอยู่ในพื้นที่ คงไม่เพียงพอที่จะดูแลหรือให้บริการได้อย่างครอบคลุม
ดังนั้น คปสอ.ทุกแห่งต้องสร้างทีมผู้ดูแลผู้สูงอายุ หรือ Care Team ซ่ึงอาจใช้จิตอาสาในชุมชนที่มีใจ
อยากดูแลผู้สูงอายุ ดูแลผู้สูงอายุท่ีมีปัญหาร่วมกับญาติ และสนับสนุนให้แนวคิดการมีส่วนร่วมของ
ชุมชนในการดาเนินงานด้านผู้สูงอายุโดยใช้ชุมชน หรือครอบครัวเป็นฐานในการดูแล (Community-
based Care or Home-based Care) มกี ารขับเคลื่อนและนาสู่การปฏิบตั ิอย่างเป็นรปู ธรรม
๓.๓ กาหนดมาตรการด้านการวางแผนกาลังคนในระยะยาว เนื่องจากแนวโน้ม
สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จังหวัดอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่มีความซับซ้อน จึงต้องมี
การวางแผนในการจัดบริการผู้สูงอายุท่ีต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะเรอื่ ง ซึ่งจังหวัดต้องมีการระดม
ความคิดเห็นเพื่อวิเคราะห์ส่วนขาด หรือสว่ นทีต่ ้องการพัฒนาต่อไป ในส่วนแผนการพัฒนาบุคลากรของ
โรงพยาบาลสง่ เสริมตาบลอย่างน้อยควรมีแผนการอบรมเป็นพยาบาลวิชาชีพให้เป็นพยาบาลเวชปฏิบัติ
เพ่อื สามารถให้การดูแลผสู้ ูงอายุท่ีมปี ญั หาเจบ็ ป่วยซับซ้อนได้
๔. เน่ืองจากผลการวิจัยพบปัญหาเกย่ี วกับการใชย้ าของโรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบล
และโดยเฉพาะการใช้ยาท่ีเหมาะสมสาหรับผู้สูงอายุยังไม่มีแนวทาง หรือความชัดเจน ดังนั้น ระดับ
จังหวัดต้องเป็นเจ้าภาพในการขับเคล่ือนการดาเนินงาน โดยจัดให้มีการพัฒนาแนวทางการใช้ยาท่ี
จาเป็น ซึ่งสานักงานสาธารณสุขจังหวัดต้องร่วมกับโรงพยาบาลศูนย์ (งานเภสัชกรรมคลินิก)
โรงพยาบาลทั่วไป และ โรงพยาบาลชุมชน และผู้เกี่ยวข้องของ คปสอ. และการจัดทาบัญชียาผู้สูงอายุ
ในโรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบล
นอกจากน้ีจะต้องมีการจัดทาแนวทางการใช้ยาท่ีมีอันตรกิริยาระหว่างยากับยา (Drug
Interaction -DI) และระบบเตือนการจ่ายยา (Drug Alert) โดยจัดทาพัฒนาเป็นแผนพัฒนาบริการ
(Service Plan) สาขาเภสัชกรรมเพ่ือพัฒนาเครือข่ายระบบยาในจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้เกิดการ
กากับติดตามและตรวจสอบยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมท้ังการพัฒนาการใช้โปรแกรมคลังยาใน
ทกุ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลในกลุ่มโรค และผูป้ ่วยสาคัญ โดยเฉพาะยาในกลมุ่ ผสู้ ูงอายุท่ีพบว่า
เปน็ กล่มุ ออ่ นไหว และเปราะบางตอ่ การใช้ยา
๕. การพัฒนาระบบการเงินการคลัง ต้องกาหนดให้มีการวิเคราะห์ภาพการเงินการคลังที่
สะท้อนสภาพปัญหาท่ีแท้จริง และมีรายละเอียดมากกว่าการจัดทาในภาพกว้างๆ เช่น มีการวิเคราะห์
ค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเร้ือรงั ของผู้สูงอายุ การนาอายคุ าดเฉล่ยี ของการมีสุขภาพดี (Health
Adjusted Life Expectancy or HALE) เพื่อให้การจัดทาแผนการพัฒนาระบบบริการผู้สูงอายุ และ
การกาหนดแผนงบประมาณมีความสอดคล้องกับสภาพปญั หาทแี่ ท้จริง
6. กระทรวงสาธารณสุข ควรมีนโยบายเพ่ิมความเข้มข้นในการสนับสนุนการขับเคล่ือน
การพัฒนางานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ อาทิ การสร้างแรงจูงใจแก่บุคลากรท่ี
ดาเนินการวิจัย การสนับสนุนงบประมาณ การกาหนดให้การสร้างนวัตกรรม/งานวิจัย/การพัฒนา
เปน็ ตวั ชวี้ ัดสาคัญ
7. การสนับสนุนการพัฒนาสถานบริการทุกแห่งใหเ้ ป็นสถานบริการทเี่ ป็นมติ รกับผู้สงู อายุ
(Age-friendly Hospital) เช่น การจัดทาแนวทาง การออกแบบโครงสร้าง การสนับสนุนงบประมาณ
การปรับปรุง เป็นต้น รวมทั้งการประสานและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลาง เช่น
๑๘๐
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการร่วมกันออกแบบ และ
กาหนดนโยบายเมอื งท่ีเป็นมิตรกับผู้สงู อายุใหม้ ีความชัดเจน และมีกลไกการขับเคลื่อนการดาเนนิ งานที่
เป็นรูปธรรมชัดเจน
8. กระทรวงสาธารณสุข ควรมีแนวทางสนับสนุนการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารท่ีชัดเจน
ร่วมทั้งการสนบั สนุนการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการเพ่ิมช่องทาง หรือเพิม่ วธิ ีการท่ีเหมาะสมเพื่อใชใ้ น
การดูแลสขุ ภาพประชาชนตามสภาพปัญหาของและความต้องการของพ้ืนที่เอง
9. กรม/กองที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอนามัย กรมการแพทย์ กรมสนับสนุนระบบบริการ
สุขภาพ ควรประสานและบูรณาการร่วมกันในกาหนดรูปแบบและเนื้อหาที่จาเป็นเพื่อให้การส่ือสาร
สาธารณะมีความเป็นเอกภาพ และมีเนื้อหาท่ีครอบคลุมสภาพปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ
และประชาชน รวมทั้งการบูรณาการกันจัดทาความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ท่ีจาเป็นของ
กลุ่มวัยผู้สูงอายุ และการจัดทามาตรฐานการปฏิบัติงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุท่ีมีการบูรณาการการ
ดาเนินงานรว่ มกนั ของกรม/กองต่างๆ แลว้
6.3.2 ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติการ
๑. ระดับจังหวัดควรเพ่ิมมาตรการการจัดการบริการเชิงรุก และมาตรการป้องกันปัญหา
การดูแลระยะยาวท่ีสาคัญ คือ การป้องกันไม่ให้เกิดความพิการ และภาวะแทรกซ้อนท่ีจะต้องติดเตียง
หรือติดบ้านนานๆ ดังน้ัน รูปแบบบรกิ ารท่ีสาคัญเพื่อเป็นการเตรียมความพรอ้ ม และป้องกนั ปัญหา คือ
การจัดบริการตรวจคัดกรองโรคเชิงรุก เนื่องจากผู้สูงอายุวัยปลายอาจไม่สามารถเดินทางมารับบริการ
การจัดบริการเชิงรุกจะเพิ่มความครอบคลุม เพ่ือให้กลุ่มเส่ียงได้รับการดูแลที่มีความถูกต้องเหมาะสม
ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มป่วย และการดาเนินการเร่ืองช่องทางด่วน (Fast Track) โดยเฉพาะ Stroke
Fast Track, STEMI Fast Track ในกลุ่มเสี่ยง สาหรับในกลุ่มผู้ป่วยที่เจ็บป่วย ต้องป้องกันไม่ให้เกิด
ความพกิ าร และภาวะแทรกซอ้ น
นอกจากน้ีเม่ือกาหนดให้มีนโยบายจัดบริการช่องทางด่วนแล้ว ส่ิงสาคัญคือที่ต้อง
ดาเนินการเพ่ือให้เกิดความชัดเจนคือ การจัดทาแนวปฏิบัติในแผนพัฒนาระบบบริการ (Service Plan)
ผู้สูงอายุ และมีการจัดทาแนวปฏิบัติในภาพของ คปสอ. เพื่อให้บริการในทุกระดับมีความเชื่อมโยงกัน
ในการดูแล หรือการให้บริการที่มีความชดั เจน
๒. ระดับจังหวัดควรจัดให้มีการทบทวน และประเมินผลแนวทางการดาเนินงานท่ีกระทา
ซ้าๆแลว้ ไม่กอ่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุให้ดีข้ึน เพื่อกาหนดแนวทาง หรือสร้าง
มาตรการข้ึน เพื่อให้ตอบสนองตอ่ การแก้ไขปัญหา โดยใชข้ ้อมูลจากการทบทวนและประเมินผลมาสร้าง
มาตรการ หรือกิจกรรมใหม่แทน รวมทั้งเพ่ิมมาตรการเพ่ือสร้างแรงจูงใจให้ผู้ท่ีพัฒนางานวิจัย
นวัตกรรม หรือออกแบบเทคโนโลยีด้านสุขภาพใหม่ๆ จากประเด็นท่ีพบว่า รูปแบบของกิจกรรม
ให้บริการดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ สว่ นใหญ่ยังไมม่ คี วามโดดเด่น และไม่สะทอ้ นการแกไ้ ขปัญหาท่ีชัดเจน
๓. การจัดบริการดูแลควรคานึงถึงสภาพปัญหาและความสะดวกในการรับบริการของ
ผู้สูงอายุเป็นสาคัญ เช่น การจัดบริการหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ ออกพร้อมกับหน่วยแพทย์หมุนเวียน
ตามโซนการให้บริการ หรือการจัดบริการช่องทางด่วนสาหรับผู้สูงอายุ นอกเหนือจากบริการ ๗๐ ปี
๑๘๑
ไม่มีคิว จากสภาพปัญหาความไม่สะดวกในการเดนิ ทาง หรือการรอคอยของผู้สูงอายุ และมอบหมายให้
คปสอ.กาหนดโซนการให้บริการต้ังแต่การคัดกรองสุขภาพ การให้บริการตรวจรักษา ทันตกรรม การ
ฟ้ืนฟูภาพ อาทิ ศูนย์กายภาพบาบัด และการพัฒนาเครือข่ายการดาเนินงานด้านผู้สูงอายุในชุมชน
รวมท้ังการปรับโครงสร้างของสถานบริการให้มีลักษณะเป็นมิตรสาหรับผู้สูงอายุ เช่น ทางลาด ลิฟท์
ราวเกาะ ห้องน้าการให้บริการชั้นล่าง ท่ีน่ังรอ ฯลฯ ซ่ึงนอกจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร
(คน เงิน ของ) ของหน่วยบริการ ยังเป็นการดาเนินการในลักษณะท่ีเป็นเชิงรุกให้สอดคล้องกับความ
ต้องการ และเพิ่มการเข้าถึงบริการในกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกเดินทาง ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่า
ประเดน็ ดังกล่าวผสู้ ูงอายมุ ีความพึงพอใจต่ากวา่ ประเดน็ อืน่
๔. กาหนดใหจ้ ังหวัดมีดาเนินการพฒั นาระบบข้อมูลข่าวสาร ดังน้ี
4.1 ระดับพื้นที่มีการวิเคราะห์จาแนกกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการให้ครอบคลุม
กลุ่มสุขภาพดี กลุ่มเส่ียง และกลุ่มป่วย และมีการวิเคราะห์เพ่ือการจัดการรายปัญหา หรือรายบุคคล
ดาเนนิ การเฉพาะกรณีในกลุ่มท่ีควบคุมไม่ได้ (Un-control) ซ่ึงสถานบรกิ ารทุกระดับจะต้องมีการจัดทา
ข้อมูลพื้นฐานที่จาเป็น (Minimum Data Set) เช่น การจาแนกตามระดับการปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน
ของผู้สูงอายุ (ADL) จะทาให้ไม่สามารถแยกแยะกลุ่มสุขภาพดี กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มป่วย ดังนั้น เมื่อ
สถานบริการมีจาแนกผู้สูงอายุออกเป็น ๓ กลุ่มตามแนวทางของกรมอนามัยคือ กลุ่มติดสังคม กลุ่มติด
บ้าน และกลุ่มติดเตียงแล้ว ควรจะมีการจาแนกให้ละเอียดลงไปว่าในแต่ละกลุ่มมีกลุ่มสุขภาพดี กลุ่ม
เสี่ยง และกลุ่มป่วยเท่าใด และในกลุ่มเสี่ยงให้ค้นหาให้ไดว้ ่ามาจากกลุ่มท่ียังไม่เคยไดร้ ับบริการตรวจคัด
กรอง หรือเป็นกลุ่มเส่ียงเดิมอยู่แล้วเปล่ยี นกลายไปเป็นกลมุ่ ป่วย เพ่ือจะไดใ้ ช้วิธีการแกไ้ ขปัญหา หรือมี
แนวทาง (Intervention) ที่แตกตา่ งกนั
4.2 ระดับอาเภอ/ตาบลต้องมีการตรวจสอบ กากับติดตามการบันทึกข้อมูลให้มี
ประสิทธิภาพ (มีความครบถว้ น ถูกต้อง ทนั ต่อเวลา) เน่อื งจากผลการบันทึกขอ้ มูลการคัดกรองความดัน
โลหิตสูง เบาหวาน และการคัดกรอง CVD ในผู้สูงอายุค่อนข้างต่า (การคัดกรอง เบาหวาน ความดัน
โลหิตสูง จากแฟ้ม NCDSCREEN และการคัดกรอง CVD จากแฟ้ม CHRONIC, CHRONICFU, LABFU,
NCDSCREEN ในฐานข้อมูล 43 แฟ้ม) และไม่สัมพันธ์กับการคัดกรองความดันโลหิตสูง ในประชากรไทย
อายุ 35 ปีขึ้นไปของจงั หวัดสุพรรณบรุ ี
4.3 ระดับจังหวัดจะต้องเป็นเจ้าภาพในการจัดระดมความคิดเห็น เพื่อจัดทาข้อมูล
พ้ืนฐาน หรือการค้นหาข้อมูลเชิงลึกท่ีจาเป็นต่อการวางแผน และการจัดบริการ รวมท้ังเปิดช่องทางใน
การเข้าถึงข้อมูล โดยคานึงถึงการรวบรวมข้อมูลท่ีจาเป็นต้องไม่เป็นภาระให้หน่วยบริการต้องมีการ
บันทึกข้อมูลเพ่ิมเติมจากท่ีมีการดาเนินการอยู่แล้ว รวมท้ังการสนับสนุนให้หน่วยงานใช้ Big Data ใน
การสนับสนุนการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพประชาชนที่สามารถตอบสนอง
กับสภาพปัญหาของและความต้องการของพ้ืนท่ีเอง เช่น การจัดทาแอปพลิเคชั่นเพื่อสนับสนุนการ
เข้าถงึ ข้อมลู และการดแู ลสุขภาพตนเอง
๕. ระดับจังหวัดควรมีการผลักดันและขับเคลื่อนการทาหน้าท่ีตามบทบาทของผู้จัดการ
แผน (Program Manager) และผู้จัดการรายโครงการ (Project Manager) ให้มีความชัดเจนในเรื่อง
ของการวางแผน และการควบคุมกากับ และสนับสนุนทางวิชาการให้แก่ผู้จัดการรายโครงการระดับ
อาเภอ และเจ้าหน้าที่ระดับตาบล รวมทั้งระดับจังหวัด ควรเน้นการกากับ ติดตาม และมีการสุ่ม
๑๘๒
ประเมินการดาเนินงานของสถานบริการทุกระดับ และมีการกากับเกี่ยวกับธรรมาภิบาลในการดูแล
ประชาชน
๖. ในการจัดทาแผนพัฒนาสุขภาพผู้สูงอายุของจังหวัด ผู้จัดการแผน นอกจากจะให้
ความสาคัญกับการจัดทาแผนงานด้านผู้สูงอายุแล้ว จะต้องร่วมกับผู้จัดการแผนของกลุ่มวัยอื่น
โดยเฉพาะกลุ่มวัยทางาน เพื่อกาหนดกลยุทธ์ และมาตรการที่มีความเชื่อมโยงกับการส่งเสริมสุขภาพ
และป้องกันปัญหาของผู้สูงอายุที่เป็นผลกระทบสืบเน่ืองจากพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มวัยทางาน อันจะ
เป็นมาตรการการแกไ้ ขปัญหาในระยะยาว
๗. นาเสนอผลการศึกษาต่อคณะกรรมการบริหารงาน สานักงานสาธารณสุขจังหวัดและ
คณะกรรมการวางแผนและประเมินผลจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อผลักดัน การนาไปใช้ให้เป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะ การกาหนดแนวทางการจัดบรกิ ารท่ีจาเปน็ เช่น ระบบ Fast Track การเฝ้าระวังการใชย้ าที่
มีอันตรกิริยาระหว่างยากับยา (Drug Interaction -DI) ควรมีการดาเนินการทันที เนื่องจากเป็นเร่ืองท่ี
อันตรายหรอื กระทบต่อตัวผู้รับบริการโดยตรง
8. ระดับจังหวัดวางแผนดา้ นบุคลากรเพื่อรองรับสังคมสูงวัย โดยกาหนดวางแผนกาลงั คน
แผนการผลิต และการพัฒนาหลักสูตรอบรมผู้ดูแลและผู้ประสานงานด้านการจัดการดูแลผู้สูงอายุให้มี
คุณภาพ/มาตรฐาน และเพียงพอต่อผู้สูงอายุในแต่ละพ้ืนที่ รวมทั้งเพิ่มหลักสูตรการอบรมความรู้และ
ทักษะเชิงการบริหารจัดการ การจัดการความรอบรู้ การถอดบทเรียนแก่บุคลากรในทุกระดับ เพื่อให้
บุคลากรมีความสามารถจัดการกับปัญหาด้านต่างๆ ท่ีมีความซับซ้อน และมีทักษะหรือความเช่ียวชาญ
เฉพาะได้
9. การพัฒนาระบบการเงินการคลัง สถานบริการทุกระดบั มกี ารวิเคราะหภ์ าพการเงินการ
คลังที่สะท้อนสภาพปัญหาที่แท้จริง มีการจัดทาบัญชีของ คปสอ.และการวิเคราะห์ต้นทุน หรือการ
วิเคราะห์สัดส่วนค่าใช้จ่ายของ คปสอ. รวมท้ังมีแผน และการจัดหาแหล่งทุนที่สามารถสนับสนุนการ
ดาเนนิ งานดแู ลสุขภาพผสู้ งู อายุนอกเหนือจากแหลง่ งบประมาณจากภาครฐั
10. ระดับจังหวัดมีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาแนวทางใหม่ๆ การวิจัย การพัฒนา
เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ท้ังนี้ต้องเพม่ิ มาตรการเพ่ือสร้างแรงจูงใจในการ
พัฒนา และสร้างความต่อเนอ่ื งยั่งยืน
11. หน่วยบริการเพ่ิมช่องทางการสื่อสารกฎหมาย สิทธิ และความรู้ท่ีจาเป็นสาหรับ
ผู้สูงอายุผ่านช่องทางการส่ือสารที่ทันสมัย และในประเด็นความเสี่ยงที่มีความสาคัญต่อชีวิต เช่น
Stroke Fast Track, STEMI ควรเพ่ิมการสื่อสารความเส่ียงในลักษณะการตลาดทางตรง (Direct
Marketing) เช่น การให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุโดยตรง การส่ือสารความรู้เกี่ยวกับอาการแสดงความเสี่ยง
บริการฉกุ เฉิน 1669 การจดั ทาพกิ ดั บา้ นผู้สูงอายทุ ีเ่ จบ็ ปว่ ย เป็นต้น
12. สานักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี ต้องกาหนดกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับการ
กากับดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้ชัดเจน โดยมีการกาหนดบทบาท และการมอบหมายงาน เพื่อขับเคลื่อน
และผลักดันรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพในระดับจังหวัดให้เกิดความชัดเจน และเป็นรูปธรรม
รวมท้ังการกาหนดวิธีการควบคุมมาตรฐาน และอภิบาลระบบให้มีความต่อเนื่อง และยั่งยืน เนื่องจาก
บางภารกิจตามข้อเสนอบางภารกิจเป็นงานใหม่ยังไม่มีเจ้าภาพท่ีชัดเจน และบางภารกิจยังมีการ
ดาเนินงานท่ซี า้ ซอ้ นกนั อยู่
๑๘๓
6.3.3 ข้อเสนอแนะสาหรับการวจิ ัยครงั้ ต่อไป
๑. ควรมีการวิจัย เพื่อค้นหารูปแบบ หรือแนวทางในการจัดการการดูแลประชาชนกลุ่มวัย
ทางาน เพ่ือลดผลกระทบของปัญหาในผู้สูงอายทุ ี่อาจต้องใช้การดแู ลระยะยาวในอนาคต
2. ควรมีการวิจัยและพัฒนาเร่ืองระบบยาในผู้สูงอายุ เน่ืองจากพบว่าการใช้ยาในผู้สูงอายุเป็น
เรื่องอ่อนไหวและเปราะบางต่อความเสี่ยงในการใช้ยา ในขณะที่แนวทางในการพัฒนาในด้านน้ียังมีการ
ดาเนินการค่อนข้างน้อย
3. ควรมีการวิจยั และพัฒนาเพอ่ื การบริหารจดั การภาคีเครือขา่ ยในการดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
4. ควรมีวิจัยเพื่อศึกษาความรอบรู้ทางสุขภาพ (Health Literacy) ท่ีจาเป็นตามกลุ่มวัย เพ่ือ
จะได้มีการแนวทางในการสร้างความรอบรู้ที่ถูกต้องเหมาะสม และความสอดคล้องกันในแต่ละกลุ่มวัย
ตัง้ แต่สตรีมคี รรภ์ เดก็ จนถึงวยั สูงอายุ
5. ควรมีการวิจัยเพื่อประเมินผลรูปแบบท่ีพัฒนาข้ึนจากการวิจัยในคร้ังนี้เป็นระยะๆ ซ่ึงควร
ดาเนินการควบคู่กันทั้งการวิจัยคุณภาพในเชิงลึก และวิจัยเชิงปริมาณ โดยมีการติดตามประเมินจนถึง
ผลกระทบ (Impact) ที่เกิดขน้ึ จากการดาเนนิ งาน
บรรณานกุ รม
กนกวรรณ สทิ ธวิ ิรชั ธรรม และศันสนีย์ เมฆรงุ่ เรืองวงศ.์ (2558). ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ ความสามารถในการ
ประกอบกจิ วัตรประจาวันของผู้สูงอายุในเขตเมือง จังหวดั อุตรดติ ถ.์ วารสารพยาบาลศาสตร์
และสุขภาพ. 3 (4), 11-21.
กมลชนก ภูมชิ าติ ปรชี า สามคั คี และลญั จกร นลิ กาญจน.์ (2561). รปู แบบชุมชนต้นแบบ ทีเ่ ปน็ มติ รกับ
ผู้สงู อาย.ุ อินทนลิ ทักษิณสาร. 13 (1), 115-131.
กรมการแพทย์. (2557). แผนงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้พิการ. กระทรวง
สาธารณสขุ . อัดสาเนา.
กรมอนามยั . (2553). การดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อายุระยะยาว. นนทบรุ ี: ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทย.
กระทรวงดจิ ิทลั เพือ่ เศรษฐกจิ และสงั คม. (2561, 11 มิถนุ ายน). แผนการปฏิรปู ประเทศด้าน
สาธารณสขุ : เร่อื งและประเดน็ การปฏริ ปู ท่ี ๒ : ระบบเทคโนโลยแี ละสารสนเทศสขุ ภาพ.
สืบค้นจาก http://www.mdes.go.th/view/1/กลมุ่ งานปฏิรูปประเทศ.
กฤตวรรณ สาหร่าย. (2560, กรกฎาคม). การศกึ ษารปู แบบการดแู ลระยะยาวสารับผู้สงู อายุในญป่ี นุ่ และ
ในประเทศไทย. การสมั มนาวชิ าการระดบั ชาตดิ ้านคนพกิ าร ครงั้ ท่ี 9 ปี 2560 .
กรมส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพชีวติ คนพิการ. ณ ศนู ยป์ ระชมุ วายภุ กั ษ์ โรงแรมเซน็ ทราบาย
เซน็ ทรา ศูนยร์ าชการและคอนเวนชน่ั เซน็ เตอร,์ 165-177.
กลมุ่ งานพัฒนายุทธศาสตรส์ าธารณสุข. (2557). รายงานการสารวจสภาวะสขุ ภาพประชาชนจงั หวัด
สุพรรณบรุ ี ปี 2556. สานกั งานสาธารณสุขจงั หวัดสุพรรณบุรี.
กล่มุ งานพัฒนายทุ ธศาสตรส์ าธารณสุข. (2559, 30 กนั ยายน). รายงานประจาปสี านกั งานสาธารณสุข
จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ปี 2558. สานักงานสาธารณสขุ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี. สบื คน้ จาก
http://164.115.40.212/web/dplan.
กลุ วดี โรจนไ์ พศาลกจิ และ วรากร เกรยี งไกรศกั ดา. (2560). การพฒั นาแนวทางการดาเนินงานของ
ชุมชนในการพฒั นาสขุ ภาวะผู้สูงอายุ. วารสารสมาคมนักวิจยั . 22 (1), 81-97.
ขวัญเมือง แก้วดาเกิง และดวงเนตร ธรรมกลุ . (2558). การเสริมสร้างความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพใน
ประชากรผ้สู งู วยั . วารสารวิจัยทางวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ. 9 (2), 1-8.
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข. (2561, กันยายน). เรื่องและประเด็นการปฏิรูปด้าน
สาธารณสุข: ประเด็น ความรอบรู้ด้านสุขภาพ. เอกสารประกอบการจัดทาแผนการปฏิรูป
ประเทศด้านสาธารณสุขประเด็น ความรอบรดู้ ้านสุขภาพ. คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้าน
สาธารณสขุ . สบื ค้นจาก http://dohhl.anamai.moph.go.th/ewt_dl_link.php?nid=57.
๑๘๕
คณะกรรมการผสู้ งู อายแุ ห่งชาต.ิ (2553). แผนผู้สงู อายุแหง่ ชาติฉบบั ท่ี ๒ (๒๕๔๕ – ๒๕๖๔).
ฉบับปรบั ปรุง ครัง้ ท่ี ๑ พ.ศ.๒๕๕๒. กรงุ เทพฯ: เทพเพญ็ วานชิ ย์.
จินตนา อาจสันเที๊ยะ และ รชั ณีย์ ป้อมทอง. (2561). แนวโนม้ การดแู ลผู้สูงอายุในศตวรรษท่ี 21: ความ
ท้าทายในการพยาบาล. วารสารพยาบาลทหารบก. 19 (1), 39-46.
จนิ ตนา อาจสันเท๊ียะ และพรนภา คาพราว. (2557). รปู แบบการดแู ลสาหรบั ผู้สงู อายุในชุมชน.
วารสารพยาบาลทหารบก. 5 (3), 123-127.
ติน ปรชั ญาพฤทธ์ิ และไกรยุทธ ธีรตยาคีนันท์. (2537). ประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั ิงานของขา้ ราชการ
พลเรือน. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั .
ไทยโพสต์. (2561, 23 พฤษภาคม) . สถิติบอกอะไร ผ้สู งู วัยปจั จุบันและอนาคต. สบื คน้ จาก
https://www.posttoday.com/pr/547428 (16 สิงหาคม 2561).
ธติ ิรตั น์ ราศิริ และ อาจินต์ สงทบั . (2561). แนวทางการมสี ว่ นร่วมภาคเี ครือข่ายในการส่งเสรมิ สขุ ภาพ
ผสู้ ูงอายเุ พื่อกา้ วสู่ “ศตวรรษท่ี 21”. วารสารเครือข่ายวิทยาลยั พยาบาลและการสาธารณสุข
ภาคใต้. 5 (1), 315-328.
นงนุช แย้มวงษ.์ (2557). คุณภาพชีวิตและความสามารถในการทากิจวตั รประจาวนั ของผู้สูงอายทุ ่ีมารับ
บริการในโรงพยาบาลศนู ยก์ ารแพทยส์ มเด็จพระเทพฯ. วารสารการแพทย์และวทิ ยาศาสตร์
สขุ ภาพ (Journal of Medicine and Health Sciences). 21 (1), 35-42.
พงษ์เทพ จนั ทสุวรรณ. (2553). ประสิทธิผลองค์การ: ปฏบิ ทแห่งมโนทัศน์. วารสารรม่ พฤกษ์. 28 (3),
134-182.
พงษ์พิสุทธ์ิ จงอดุ มสขุ , จรวยพร ศรศี ลกั ษณ์ และ สายศิริ ด่านวฒั นะ. (๒๕๕๔) บทสังเคราะห์ข้อเสนอ
บทบาทกระทรวงสาธารณสุขในศตวรรษที่ ๒๑. สถาบนั วิจัยระบบสาธารณสขุ (สวรส.)
นนทบุรี: หจก. สหพฒั นไพศาล,
พสิษฐ์พล วัชรวงศว์ าน. (2559). ผูป้ ว่ ยสูงอายแุ ละการใช้ยารว่ มหลายขนาน: แนวทางการปรับปรุงการ
ใช้ยาในแผนกผปู้ ว่ ยนอก. ธรรมศาสตรเ์ วชสาร. ๑๖ (ฉบับผนวก), S50-59.
พชั ราภรณ์ อนุ่ เตจ๊ะ และศิริอร สนิ ธ.ุ (2554). โครงการประเมนิ ปจั จัยท่เี กย่ี วขอ้ งกับความสาเรจ็ ในการ
เข้าถงึ การรกั ษาของผปู้ ่วยกล้ามเน้อื หัวใจตายเฉยี บพลันชนิดเอสทยี กสูง (STEMI) เพื่อพัฒนา
ระบบการแพทย์ฉุกเฉนิ .สถาบันการแพทยฉ์ กุ เฉนิ แห่งชาติ. สบื คน้ จาก
https://www.niems.go.th/th/Upload/File/
255907081003085669_bJ8PgJ0H84CNeiaD.pdf.
ทพญ.พชั ราวรรณ ศรีศลิ ปะนันทน์ และคณะ. (2551). รายงานสถานการณร์ ะบบข้อมูลสขุ ภาพและการ
พัฒนาตวั ชว้ี ดั สุขภาพผู้สงู อายุ จงั หวดั ลาพูน.ตอนท่ี 1 สถานการณร์ ะบบข้อมลู สขุ ภาพ
ผูส้ ูงอายุ. สานกั งานพฒั นาระบบข้อมลู ข่าวสารสขุ ภาพ. สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสุข.
๑๘๖
พิมพวรรณ เรืองพทุ ธ และวรัญญา จิตรบรรทัด. ( 2559). การมีส่วนรว่ มของชมุ ชนในการดูแลผู้สูงอายุท่ี
ต้องการการพ่งึ พาในการทากิจวตั รประจาวัน. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี
นครราชสมี า. 22 (2), 49-60.
พรี สิทธิ์ คานวณศิลป์ และคณะ. (2552). การประเมนิ แผนและนโยบายด้านสุขภาพของผู้สงู อายุ
กระทรวงสาธารณสขุ . ขอนแกน่ : พระธรรมขันต์.
เพ็ญจนั ทร์ แสนประสาน และคณะ. (2558). ภาวะสขุ ภาพและการเขา้ ถงึ บริการสขุ ภาพของประชาชน
กลมุ่ เสยี่ งโรคหวั ใจและหลอดเลือดกรณีศึกษา: ตาบลคูบางหลวง จังหวดั ปทุมธานี .
วารสารพยาบาลโรคหวั ใจและทรวงอก. 26 (1), 29-43.
ไพจติ รา ล้อสกุลทอง และวรรณภา ศรธี ญั ญรตั น์. (2555). การพัฒนาระบบบริการดูแลระยะยาว
สาหรับผู้สงู อายุในชุมชนภายใต้บริบทของโรงพยาบาลระดับทุตยิ ภมู แิ หง่ หน่ึง.
Graduate Research Conference 2012. Khon Kaen University.
ภรณี กีรตบิ ุตร. (2529). การประเมินประสิทธผิ ลขององค์การ. กรงุ เทพมหานคร: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
ภาสกร สวนเรอื ง อาณัติ วรรณศรี และสมั ฤทธิ์ ศรธี ารงสวสั ด์ิ. (2561). การดแู ลผสู้ งู อายุท่มี ีภาวะพ่ึงพิง
ของผ้ชู ่วยเหลอื ในชมุ ชน ภายใตน้ โยบายการพฒั นาระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุข
สาหรับผูส้ ูงอายทุ ม่ี ีภาวะพ่งึ พิง. วารสารวจิ ัยระบบสาธารณสุข. 12 (3), 437-451.
มูลนิธสิ ถาบนั วจิ ัยและพัฒนาผูส้ งู อายุไทย. (2555). โครงการศึกษาวิจัยและสรา้ งการมีส่วนร่วมในกองทนุ
ดา้ นการพัฒนาสังคม(กองทนุ ผู้สงู อายุ). มลู นธิ สิ ถาบันวิจัยและพฒั นาผ้สู ูงอายุไทย.
เล็ก สมบตั ิ ธนิกานต ศักดาพร และ วยวุ ดี วงศวีระประเสริฐ. (2555). การตดิ ตามประเมินผลแบบ
มสี ว่ นร่วมพื้นทต่ี ้นแบบงานผูสงู อาย. กรงุ เทพมหานคร: เจพรน้ิ ท 20.
วรนาถ พรหมศวร และศภุ รนชิ วสุกาญจนเวช. (2559, ธันวาคม). โรงเรยี นผูส้ ูงอายุ มุมมองตามบรบิ ท
ชุมชนทอ้ งถนิ่ สรุ ินทร์. การประชุมวิชาการระดับชาติ “ราชมงคลสรุ นิ ทรว์ ิชาการ ครงั้ ท่ี 8”
“วิจัยเพื่อประเทศไทย 4.0” มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตสรุ นิ ทร์,
C115-127.
วรรณศริ ิ นิลเนตร. (2557). ความฉลาดทางสุขภาพของผู้สูงอายไุ ทยในชมรมผู้สงู อายใุ นเขต
กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรดษุ ฎีบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
วรยิ า จนั ทรข์ า หทยั ชนก บวั เจริญ และชินวุฒิ อาสนว์ ิเชยี ร. (2558). รปู แบบการดูแลผู้สงู อายโุ ดย
ชุมชนท้องถิน่ จดั การตนเอง กรณีศกึ ษา : องค์การบริหารสว่ นตาบลท่างาม อาเภออนิ ทรบ์ ุรี
จงั หวดั สิงห์บุร.ี วารสารวจิ ยั เพ่ือการพัฒนาเชงิ พืน้ ที่. 7 (3), 22-41.
วิไล ตาปะสี ประไพวรรณ ดา่ นประดษิ ฐ์ และสนี วล รัตนวิจติ ร. (2560). รปู แบบการจัดบรกิ ารการดแู ล
สขุ ภาพผู้สูงอายุโดยการมสี ่วนรว่ มของชมุ ชนตาบลวังตะกูจังหวัดนครปฐม.วารสารเกือ้
การณุ ย์. 24 (1), 42-54.
๑๘๗
วริ าพรรณ วโิ รจนร์ ัตน์ ขวัญใจ อานาจสัตยซ์ ื่อ และร.อ.หญิงศิรพิ ันธ์ สาสัตย์. (2557). การพัฒนารปู แบบ
บรกิ ารสุขภาพในการดูแลผ้สู งู อายทุ ี่มภี าวะพง่ึ พาผอู้ น่ื . วารสารสภาการพยาบาล.
29 (3), 104-115.
วริ าภรณ โพธศิ ริ ิ และคณะ. (2559). โครงการศึกษาตนแบบของการบรู ณาการระบบการดูแลผู้สงู อายุ
ระยะยาวในกลุ่มผู้สูงอายุท่ีมภี าวะพึ่งพิง. วิทยาลยั ประชากรศาสตร จฬุ าลงกรณ
มหาวทิ ยาลยั .
วีรชัย ตันตวิ รี ะวิทยา. (2537). ด้นั ดน้ หาความเป็นเลศิ : ประสบการณจ์ ากบรษิ ัทอเมริกนั ช้นั นาของโลก.
กรุงเทพมหานคร ซเี อด็ ยเู คช่ัน,
ศศพิ ัฒน ยอดเพชร ภาวนา พฒั นศรี และธนกิ านต ศกั ดาพร. การถอดบทเรยี นตวั อยา่ งทีด่ ีของโรงเรียน
และชมรมผู้สูงอายทุ ี่มกี ิจกรรมถา่ ยทอดความร.ู้ กรุงเทพมหานคร: เจพริ้นท 20, 2560.
ศิรพิ ันธ์ุ สาสัตย.์ (2552). รูปแบบการปฏิบัตกิ ารดูแลผู้สูงอายรุ ะยะยาวในสถานบรกิ ารในประเทศไทย.
รายงานผลวจิ ัยฉบบั สมบรู ณ์. สถาบนั วิจัยระบบสาธารณสุข.
ศิรสา เรอื งฤทธช์ิ าญกุล. (2561). การใชย้ ารว่ มกนั หลายขนานในผูส้ ูงอาย.ุ วารสารรามาธิบดีเวชสาร
(Ramathibodi Medical Journal). 41 (1), 95-104.
ศุภามณ จันทรส์ กุล. (2557). ยุคสมัยของการประเมนิ ผลและแนวคิดทฤษฎขี องนักประเมนิ .
วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอสี เทริ น์ เอเชยี . ฉบบั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
8 (1), 68 - 79.
สถาบันเวชศาสตรส์ มเด็จพระสังฆราชญาณสงั วรเพ่ือผู้สงู อาย.ุ (2557). การศึกษาความพรอ้ มและ
ความต้องการสนับสนนุ ในการจดั บรกิ ารสุขภาพ ผสู้ ูงอายุระยะยาวของโรงพยาบาลในสังกัด
กระทรวงสาธารณสุข. รายงานวจิ ยั กรมการแพทย์. กระทรวงสาธารณสุข.
สมพงษ์ เกษมสนิ . (2526). การบริหารงานบุคคลแผนใหม.่ กรงุ เทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช.
โสภณ เมฆธน ในเอกชยั เพียรศรีวัชรา. (2558). นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ และการขบั เคล่ือนการพฒั นา
สขุ ภาพผู้สงู อายุไทย. สังคมผูส้ งู อายุไทยกบั การประกอบสรา้ งทางประวัติศาสตร์. สืบคน้ จาก
http://www.shi.or.th/upload/SHI%20annual%20conf%202015/Akachai.pdf.
สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน อ้างใน ธุวนนั ท์ พานชิ โยทัย (2541). การเสรมิ สรา้ ง
ประสิทธภิ าพในการทางานของกรมสง่ เสรมิ การเกษตร พ.ศ. ๒๕๓๘. กรงุ เทพมหานคร:
กรมสง่ เสริมการเกษตร.
สานกั งานราชบัณฑิตยสภา. (2561, 30 กันยายน) พจนานุกรมฉบับบัณฑติ ราชยสถานฉบับ
พ.ศ.2554. สืบค้นจาก http://www.royin.go.th/dictionary.
สานักงานสถิติแห่งชาติ. (2561). รายงานการสารวจประชากรสูงอายใุ นประเทศไทย พ.ศ. 2560.
สานักงานสถติ แิ ห่งชาติ. กระทรวงดจิ ิทัลเพ่ือเศรษฐกจิ และสงั คม.
๑๘๘
สานกั งานสาธารณสุขจังหวดั สุพรรณบรุ ี. (2561). การตรวจราชการและนเิ ทศงานกรณีปกติ
ระดบั กระทรวง รอบ ๒ ประจาปี ๒๕๖๑. กล่มุ งานพฒั นายุทธศาสตรส์ าธารณสขุ .
สานักงานสาธารณสขุ จังหวัดสพุ รรณบุรี.
สานักนโยบายและยุทธศาสตร. (2560). คมู อื การบรู ณาการความรว่ มมอื ๔ กระทรวง การพฒั นาคน
ตลอดชวงชีวิตในชวงวยั ผสู งู อาย.ุ สานกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
กระทรวงสาธารณสขุ .
สภุ า เพ่งพิศ และคณะ. (2558). โครงการวจิ ัยบูรณาการเพอื่ พัฒนารปู แบบการดูแลผู้สูงอายแุ บบ
องค์รวม ระยะที่ 2. พิมพ์ครั้งที่ 1. นครปฐม: สถาบนั พัฒนาสขุ ภาพอาเซียน
มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล.
สุรเดช ดวงทพิ ยส์ ิรกิ ุล และคณะ. (2558). การประเมนิ ผลการดาเนินงานตามแผนงานสง่ เสรมิ สุขภาพ
ผู้สงู อายุและผู้พิการปี พ.ศ. 2556. วารสารวชิ าการสาธารณสขุ . 24 (5), 937-949.
อญั ชษิ ฐฐา ศริ คิ าเพง็ และภักดี โพธสิ์ งิ ห.์ (2560). การดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวท่มี ภี าวะพ่ึงพิงในยุค
ประเทศไทย 4.0. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์. 17 (3), 235-243.
อุไรวรรณ ชัยชนะวโิ รจน และนิรนาท วิทยโชคกติ ิคุณ. (2557). พฤติกรรมการใชย้ าในผู้สูงอายไุ ทย.
รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ, สถาบันวจิ ยั ระบบ
สาธารณสขุ , มลู นธิ สิ ถาบนั วจิ ยั และพฒั นาผ้สู งู อายไุ ทย.
อรวรรณ นามมนตรี. (2561). ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพ(Health literacy). วารสารทนั ตาภิบาล 29 (1),
122 - 128.
เอ้อื มพร หลนิ เจรญิ . (2555) เทคนคิ การวิเคราะหข์ อ้ มลู เชิงคณุ ภาพ. วารสารการวดั ผลการศกึ ษา.
17 (1).
Amanda Dcosta. (2561, 27 ธนั วาคม). A Review of PESTLE Analysis History and
Application. สืบค้นจาก https://www.brighthubpm.com/project-planning/
100279-pestle-analysis-history-and-application.
Alkin, Marvin C. (1969) Evaluation Theory Development. Los Angeles: U.S.A.
Becker, S. and Neuhauser, D. (1975). The Efficient Organization. New York:
Elsevier Scientific Publishing Co.
Bureau of Policy and Strategy. (2014). Strategy, Indicators and Guidelines for Data Storage
Ministry of Public Health Fiscal Year 2015 Revised 30 September 2014.
Nonthaburi: Ministry of Public Health.
Cameron, K. S. (1979). Evaluating Organizational Effectiveness in Organized Anarchies.
Paper Presented at the 1979 Meeting of the Academy of Management.
๑๘๙
Cameron, K. S. (1981). The Enigma of Organizational Effectiveness. In Measuring
Effectiveness. D. Baughr, ed. San Francisco: Jossey-Bass.
Cambell, J.P. (1977). On the Nature of Organizational Effectiveness. In New Perspective
On Organizational Effectiveness. Edited by Goodman, Paul S. and Penning,
Johannes M. San Francisco : Jossey – Publishers.
Emerson, Harrington. The Twelve Principles of Efficiency. New York: The Engineering
Magazine.
Etzioni A. (1964). Modern Organizations. Englewood Cliffs. N.J. Prentice-Hall.
Gibson, J.L., Ivancevich,JM. and Donnelly J.H. (1973). Organizations: Behavior, Structure
Process. (4thed). Texas: Business Publication.
Good Cater V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hill Book Company.
Goodman, P.S. and Pennings, J.M. (1977). New Perspective on Organizational
Effectiveness. San Francisco: Jossey – Publishers.
Hoy, W.K. and Mislel, C. (2001). Educational administration: theory, Research, and
Practice. (4thed). New York: McGraw-Hill.
Hoy, W.K. and Mislel, C. (1991). Educational Administration: theory, Research, and
Practice. (4thed). New York: McGraw-Hill.
Katz D., and Kahn, R.L. (1966). The Social Psychology of Organizations. New York: Wiley.
Katz, Daniel & Kahn, Robert L. (1978). The Social Psychology of Organization 2nd ed.
New York: McGraw-Hill,
Keeley, M. (1978). A Social Justice Approach to Organizational Evaluation.
Administration Science Quarterly. 22, 272 - 292.
Likert. (1967). In Marc-Philippe Lumpé. (2016). Leadership and Organization in the
Aviation Industry. Routledge.
Parson (1960). In Scott, W. Richard and Gerald F. Davis. (2016). Organizations and
Organizing: Rational, Natural and Open Systems Perspectives. Routledge.
Provus, Malcdm. (1669). Evaluation of Ongoing Programs in the Public School Systems:
The Sixty – eighth Year Book of the National Society for the Study of
Education. Chicago: The University of Chicago Press.
๑๙๐
Quinn, R. E. and Rohrbaugh, J. (1983). A Spatial Model of Effectiveness Criteria: Towards a
Competing Values Approach to Organizational Analysis. Management Science.
29 (3), 363-377.
Rogers, E. M. 1983. Diffusion of Innovations. (3th ed). The Free Press. New York:
Collier Macmillan.
Scott, W. R. (1977). Effectiveness of Organizational Effectiveness Studies. In . P. S.
Goodman and J. M.Pennings, eds. New Perspectives on Organizational
Effectiveness. Sand Francisco: Jossey-Bass, 63 – 95
Scriven, M. The Methodology of Evaluation. AERA. (1967). Monograph Series in
Curriculum Evaluation. No 1. Chicago: Rand McNally.
Simon Herbert A. (1960). Administrative Behavior. New York: Mc Millan.
Stake, R.E. (1967). The Countenance of educational evaluation. Unpublished Chart.
Illinois. Center for Instructional Research and Curriculum Evaluation.
University of Illinois.
Steers, R.M. and Porter. (1977). Organizational Effectiveness. SantaMonica Calif: Goodyear
Publishing Company, Inc.
Steers, R.M., Ungson, G.R. and Mowdy, R.M. (1985). Managing Effective Organization:
An Introduction Boston: Kent Publishing Company.
Stufflebeam. Evaluation Models. (2001).New Directions for Evaluation. 89 ( Spring).
Western Michigan University. สบื ค้นจาก https://wmich.edu/sites/default/files/
attachments/u58/2015/Evaluation_Models.pdf
Stufflebeam , D.L. The CIPP Model for Program Evaluation. (1967). In F.M. George,
S.S.Michael & L.S.Denial (Eds.) Evaluation Model. Viewpoints on Education and
Services Evaluation. Hingham. Massachusetts: Kluwer NiThotf.
Tyler, R. W. (1950). Basic Principle of Curriculum and Instruction. Chicago. University of
Chicago Press.
UNEP. (2005). The Stakeholder Engagement Manual. Volume 2. The Practitioner’s
Handbook on Stakeholder Engagement.
๑๙๑
World Bank Group. (2559, 30 กนั ยายน). ปิดชอ่ งวา่ งการเข้าถงึ บรกิ ารทางสขุ ภาพของผสู้ ูงอาย:ุ
ความเป็นธรรมทางสุขภาพและความครอบคลมุ ทางสงั คมในประเทศไทย. สานักงานภมู ภิ าค
เอเชียและแปซิฟิก. สืบค้นจาก
http://documents.worldbank.org/curated/en/596071468185030891/pdf/
AUS13326-TAIWANESE-WP-P146231-PUBLIC-World-Bank-Thai-version-ok.pdf
World Health Organization. 2007. Everybody Business: Strengthening Health Systems to
Improve Health Outcomes: WHO’s Framework for Action. Printed by the
WHO Document Production Services, Geneva, Switzerland.
World Health Organization. (2010). Monitoring the Building Blocks of Health Systems:
A Handbook of Indicators and Their Measurement Strategies. Geneva:
World Health Organization.
World Health Organization. (2018, 30 November). Towards Age-friendly Primary Health
Care. [cited 2013 February 11] สืบค้นจาก
http://www.who.int/hpr/ageing/af_ report.pdf
Yamane, Taro. (1973). Statistics, an Introductory Analysis. 3rded. New York: Harrer & Row,
Publishers.
Yuchtman, E. and Seashore, S. (1967). A System Resource Approach to Organizational
Effectiveness. American Sociological Review. 32 (December), 891-903.
ภาคผนวก
ก แนวคำถำมในกำรสมั ภำษณเ์ ชงิ ลึก
ข แบบสอบถำมสภำพแวดลอ้ มภำยนอกท่ีมีผลต่อประสิทธภิ ำพ
กำรดำเนินงำนดูแลสุขภำพผสู้ ูงอำยุ
ค แนวคำถำมในกำรอภิปรำยกลมุ่
ง ตำรำงกำรวเิ ครำะหป์ จั จยั ใน และปัจจยั ภำยนอก
จ แบบสอบถำมกำรปฏิบัติและควำมคิดเหน็ ต่อควำมสำคัญของกำรดำเนินงำนตำม
รูปแบบกำรดำเนินงำนดแู ลสขุ ภำพผู้สูงอำยุจังหวัดสพุ รรณบรุ ี
ฉ แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจต่อรูปแบบกำรจดั บริกำรดูแลสุขภำพของผ้สู งู อำยุ
ช เอกสารรับรองโครงการวจิ ยั
ซ ผลกำรศึกษำ (รำยละเอียดประกอบ)
ภาคผนวก ก
แนวคำถำมในกำรสัมภำษณเ์ ชิงลกึ
1. สภาพปัจจุบันของการดาเนินงานเพื่อการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ปัญหาและอุปสรรค ใน
ดา้ นตา่ งๆต่อไปนี้เป็นเช่นไรบา้ ง
1.1 รูปแบบบริการ ได้แก่
1) บริการท่ีครอบคลุม (ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาพยาบาล และการ
ฟื้นฟสู มรรถภาพ)
- การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพท่ีดาเนินการเพ่ือการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมี
อะไรบ้าง ดาเนินการอย่างไร ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น มีการจัดการแก้ไขปัญหาที่ดาเนินการไปแล้ว
หรือไม่ อย่างไรบ้าง
- การจัดบริการด้านการป้องกันโรคที่ดาเนินการเพ่ือการดูแลสุขภาพ
ผสู้ งู อายุมีอะไรบ้าง ดาเนินการอย่างไร ปัญหาอปุ สรรคท่ีเกดิ ขึน้ มีการจดั การแก้ไขปัญหาท่ดี าเนินการ
ไปแลว้ หรือไม่ อยา่ งไรบา้ ง
- การจัดบริการด้านการรักษาพยาบาลที่ดาเนินการเพ่ือการดูแลสุขภาพ
ผู้สงู อายุมอี ะไรบ้าง ดาเนินการอยา่ งไร ปัญหาอปุ สรรคที่เกดิ ขน้ึ มกี ารจดั การแก้ไขปญั หาที่ดาเนินการ
ไปแล้วหรือไม่ อย่างไรบา้ ง
- การจัดบริการด้านการฟ้ืนฟูสมรรถภาพที่ดาเนินการเพ่ือการดูแลสุขภาพ
ผูส้ งู อายุมีอะไรบ้าง ดาเนินการอย่างไร ปัญหาอุปสรรคที่เกิดข้นึ มีการจดั การแกไ้ ขปัญหาทด่ี าเนินการ
ไปแล้วหรือไม่ อยา่ งไรบา้ ง
2) บริการพน้ื ฐานท่เี ขา้ ถึง (ท่บี ้าน ในชมุ ชน)
- มีการจัดบริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เพื่อการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพใน
ผู้สูงอายุหรือไม่ มีการดาเนินการอย่างไร ปัญหาอุปสรรคท่ีเกิดขึ้น มีการจัดการแก้ไขปัญหาที่
ดาเนินการไปแลว้ หรอื ไม่ อยา่ งไรบา้ ง
- มีการจัดบริการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน เพื่อการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพ
ในผู้สูงอายุหรือไม่ มีการดาเนินการอย่างไร ปัญหาอุปสรรคที่เกิดข้ึน มีการจัดการแก้ไขปัญหาท่ี
ดาเนนิ การไปแลว้ หรือไม่ อยา่ งไรบ้าง
3) มกี ารจดั บรกิ ารครอบคลุมกลุ่มผูส้ ูงอายุเป้าหมาย (กลุ่มสุขภาพดี, กลุ่มเสยี่ ง,
กลุ่มป่วย) หรือไม่ ถ้ามแี ตล่ ะกลุ่มดาเนินการเพอื่ เฝา้ ระวังและดูแลสุขภาพอย่างไรบ้าง ปัญหาอุปสรรค
ที่เกิดข้ึน มีการจัดการแกไ้ ขปัญหาทด่ี าเนนิ การไปแลว้ หรือไม่ อย่างไรบา้ ง
4) การจัดบริการมีความเช่ือมโยงต่อเนื่องกันต้งั แต่ระดับปฐมภูมิ ระดับทุติยภูมิ
ตติยภูมิ และศูนย์เชี่ยวชาญ/ เฉพาะทาง หรือไม่ แต่ละระดับของบริการมีการดาเนินการเกี่ยวกับการ
เฝ้าระวังและดูแลสขุ ภาพในผสู้ ูงอายุอยา่ งไรบา้ ง
5) การบรกิ ารที่มีคณุ ภาพ
- การจัดบริการเพ่ือการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่ดาเนินการอยู่สามารถ
ปอ้ งกนั ปัญหาสขุ ภาพที่ตามมาได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด (ประสิทธิภาพ) ปัญหาอุปสรรคที่เกิดข้ึน มี
การจัดการแก้ไขปญั หาที่ดาเนนิ การไปแลว้ หรือไม่ อย่างไรบา้ ง
๑๙๔
- การจัดบริการท่ีมีการคานึงถึงความปลอดภัยของผู้สูงอายุ มีการ
ดาเนินการอย่างไรบ้าง ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น มีการจัดการแก้ไขปัญหาที่ดาเนินการไปแล้วหรือไม่
อยา่ งไรบา้ ง
- การจัดบริการที่การตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุมีการ
ดาเนินการอย่างไรบ้าง ปัญหาอุปสรรคท่ีเกิดขึ้น มีการจัดการแก้ไขปัญหาที่ดาเนินการไปแล้วหรือไม่
อยา่ งไรบา้ ง
- การยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง มีการดาเนินการอย่างไรบ้าง ปัญหา
อุปสรรคทีเ่ กดิ ข้นึ มีการจดั การแก้ไขปญั หาท่ีดาเนนิ การไปแลว้ หรอื ไม่ อย่างไรบา้ ง
- มีการประสานงาน และความร่วมมือของเครือข่ายหรือไม่ อย่างไรบ้าง
ปัญหาอุปสรรคทเ่ี กิดขนึ้ มกี ารจดั การแกไ้ ขปัญหาท่ดี าเนนิ การไปแลว้ หรอื ไม่ อย่างไรบา้ ง
1.2 การจัดการดา้ นบุคลากร
1) มีโครงสร้างและการกาหนดผู้ปฏิบัติงาน เพื่อการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
หรือไม่ /อย่างไร ผู้ปฏิบัติงานประกอบด้วยใครบ้าง (บุคคล /กลุ่ม/ หน่วยงาน) มีการกาหนด
ผู้รับผิดชอบการดาเนินงานที่ชัดเจนหรือไม่ อย่างไรบ้าง ปัญหา อุปสรรคเกี่ยวกับโครงสร้าง และ
ผูร้ ับผดิ ชอบงานเป็นเชน่ ไร
2) บุคลากรที่ปฏิบัติงานมีความพอเพียงต่อการดาเนินงานเพื่อขับเคล่ือนการ
ดาเนินงานดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ หรือไม่ หากไม่เพียงพอมีวธิ ีการเพื่อแก้ไขปญั หาอย่างไรบ้าง
3) บุคลากรท่ีปฏิบัติงานได้รับการพัฒนาความรู้ และทักษะในการปฏิบัติงาน /
การศึกษาเฉพาะทาง เพ่ือขับเคลื่อนการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เพียงพอหรือไม่ อย่างไรบ้าง
ปัญหาอุปสรรค มีการจดั การเพื่อการแก้ไขปญั หาที่ดาเนนิ การไปแลว้ หรอื ไม่ อย่างไรบา้ ง
4) บุคลากรท่ีปฏิบัติงานมีการคิดค้น นวตั กรรม เทคโนโลยี แนวทางใหม่ๆ เพ่ือ
ดูแลสุขภาพผ้สู ูงอายุ หรือไม่ อย่างไรบา้ ง
5) บคุ ลากร/ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านมีแรงจูงใจ/ ไดร้ บั แรงจูงในการปฏบิ ัติงานดแู ลสุขภาพ
ผู้สูงอายุ เพียงพอหรือไม่ อย่างไรบ้าง ปัญหาอุปสรรค มีการจัดการเพื่อการแก้ไขปัญหาท่ีดาเนินการ
ไปแลว้ หรือไม่ อยา่ งไรบา้ ง
1.3 ระบบสารสนเทศ
1) สภาพปัจจุบันของระบบข้อมูลที่จาเป็นสาหรับการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผูส้ งู อายุ เป็นเช่นไร
2) ข้อมูลท่ีมีอยู่ท่ีใช้ในการดาเนินงานด้านผู้สูงอายุ และดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
ประกอบด้วยอะไรบา้ ง เชน่
- ข้อมูลปัจจัยท่ีเป็นตัวกาหนดสุขภาพ (เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม
พนั ธกุ รรม)
- ข้อมูลปัจจัยนาเข้าในการดาเนินงาน เช่น นโยบาย โครงสร้างองค์กร
โครงสร้างพื้นฐาน สง่ิ อานวยความสะดวก /วสั ดุอุปกรณ์ ต้นทนุ บคุ ลากร งบประมาณ ระบบข้อมลู
- ข้อมูลกระบวนการในการดาเนนิ งาน เช่น การเข้าถึงบริการ ความพร้อม/
ความสะดวก คุณภาพการบรกิ าร (การใชบ้ ริการ ความพึงพอใจ) การตอบสนองบรกิ าร
๑๙๕
- ข้อมูลผลลัพธ์การดาเนินงาน (อัตราป่วย อัตราตาย การระบาดของโรค
สถานะสขุ ภาพ ความพิการ คณุ ภาพชีวิต)
- ข้อมูลเก่ียวกับความเป็นธรรม (ความครอบคลุมบริการ ,ผลลัพธ์ของ
สขุ ภาพ จาแนกตามคุณลักษณะเพศ เศรษฐกิจ สงั คม เชือ้ ชาติ และพนื้ ที่)
3) ปัญหาและอุปสรรคเก่ียวกับระบบข้อมูลด้านผู้สูงอายุ และข้อมูลที่จาเป็น
สาหรบั การใช้เพ่ือดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ
1.4 ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ และบริการทจ่ี าเป็น สาหรบั การดแู ลสุขภาพผู้สูงอายุ
1) ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ สาหรับการป้องกันความพิการในผู้สูงอายุ ในปัจจบุ ัน
ท่ีสาคัญ และจาเป็น ประกอบด้วยอะไรบ้าง อย่างไรบ้าง มีปัญหาอุปสรรคเก่ียวกับความพอเพียง/
การเข้าถงึ / การใช้/ แนวปฏบิ ัติ / อ่นื ๆ หรอื ไม่ อยา่ งไรบา้ ง
2) บริการที่จาเป็น สาหรับดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในปัจจุบันมีอะไรบ้าง และ
บริการดังกล่าวเป็นเช่นไร มีปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับความพอเพียง/ การเข้าถึง/ การใช้/ แนวปฏิบัติ /
อืน่ ๆ หรอื ไม่ อยา่ งไรบา้ ง
- Early Prevention (Health promotion เช่น การให้สุขศึกษา/ การให้
ความรู้เก่ียวกับออกกาลังกาย ควบคุมน้าหนัก ลดอาหารหวาน มัน เค็ม and Specific protection
เช่น วัคซีน ยาป้องกัน อปุ กรณป์ ้องกัน)
- Early Detection การค้นหาผู้ป่วยในระยะทยี่ ังไม่มีอาการ เช่น การตรวจ
คดั กรอง การตรวจสุขภาพ การตรวจทางรงั สี
- Early Diagnosis การวินิจฉัยผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วเม่ือพบมีอาการ เช่น
การตรวจรา่ งกาย การตรวจทางห้องปฏบิ ตั กิ าร การทดสอบต่างๆ
- Early Treatment การรักษาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เชน่ Fast Track
1.5 การเงินการคลังด้านสุขภาพ (สาหรับการดาเนินงานดา้ นผู้สูงอายุ /การป้องกัน
ความพิการในผ้สู ูงอาย)ุ
- มีการจัดงบประมาณเพียงพอต่อการดาเนินงานเพื่อป้องกันความพิการใน
ผสู้ ูงอายุหรอื ไม่ อย่างไร
- มีงบประมาณสาหรับการจัดซื้อยาและการจัดบริการท่ีจาเป็นเพียงพอ
หรอื ไม่ อย่างไร
- มีแหล่งงบประมาณในการสนับสนุนการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
หรอื ไม่ อย่างไร
- การกาหนดวงเงิน/ สัดส่วนงบประมาณในการดูแลสุขภาพตามกลุ่มวัยท่ี
เหมาะสม /จัดวงเงนิ งบประมาณสาหรบั การดแู ลเพ่อื ปอ้ งกันปัญหาสุขภาพในผสู้ งู อายุ หรือไม่ อยา่ งไร
6) ภาวะผนู้ าและการอภบิ าลระบบ
- นโยบายเก่ยี วกบั การดาเนนิ งานดา้ นการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และการ
ป้องกนั ความพิการในผู้สงู อายุมีความชัดเจน ความทนั สมยั และความต่อเน่ือง หรือไม่ อย่างไรบา้ ง
- มีแผนปฏิบตั ิการด้านการดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ และการป้องกนั ความ
พิการในผสู้ ูงอายุที่มคี วามชัดเจน และมกี ารปฏบิ ัตติ ามแผนไดจ้ ริง
๑๙๖
- หนว่ ยงานมกี ารกาหนดเปา้ หมายและผลงานเพอ่ื บุคลากรมีความมงุ่ มัน่
และความต้ังใจปฏิบัติงาน
- ผู้บรหิ ารใหค้ วามสาคัญ และผลกั ดนั การดาเนนิ งานดา้ นการดแู ลสขุ ภาพ
ผู้สงู อายุ และการป้องกันความพิการในผู้สูงอายุอย่างต่อเน่ือง
- มกี ารเปิดโอกาสให้ทกุ ภาคสว่ นเข้ามามีสว่ นรว่ มในการดาเนนิ งาน
- กลไกการกากับติดตามเปน็ ไปอย่างต่อเนอื่ ง
2. จากสภาพปจั จบุ ันในการดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพผู้สูงอายุ ขอความคิดเหน็ ในการนาเสนอ
รูปแบบ หรือแนวทางในการการบริหารจดั การ ดแู ลสุขภาพผสู้ งู อายุ ตามประเด็น 1 – 6) ว่าจะต้อง
ดาเนนิ การอย่างไรบ้าง โดยพิจารณาความเปน็ ไปได้ของการดาเนนิ การทง้ั ด้านคน เงนิ ของ และ
ศกั ยภาพการจัดการของหนว่ ยงานในแตล่ ะระดบั และมขี ้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ อืน่ ๆในการพัฒนา
รปู แบบการดาเนนิ งานดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ หรือไม่ อย่างไรบ้าง
ภาคผนวก ข
แบบสอบถาม
สภาพแวดล้อมภายนอกท่ีมีผลต่อประสิทธิภาพการดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพผู้สูงอายุ
………………………………….
คาช้ีแจง : แบบสอบถามน้ีเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุ ของจงั หวัดสพุ รรณบุรี แบบสอบถามแบ่งออกเป็น 2 สว่ น คือ
สว่ นที่ 1 แบบสอบถามข้อมลู ทว่ั ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม เปน็ แบบเลือกตอบ
ส่วนท่ี 2 แบบสอบถามสภาพแวดล้อมภายนอกท่ีมผี ลตอ่ ประสทิ ธิภาพการดาเนินงานดูแลสขุ ภาพผู้สงู อายุ
แตล่ ะข้อให้ทา่ นตอบขอ้ มูลทัง้ 2 ส่วน คือ
1. ความเป็นไปได้ของการเกิดผลต่อประสิทธิภาพการดาเนินงาน หมายถึง โอกาสท่ีนโยบาย/
มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัตินน้ั ๆจะสง่ ผลตอ่ ความสาเร็จ/ ไมส่ าเร็จในการดาเนนิ งานดแู ลสุขภาพผูส้ ูงอายุ โดยมี
เกณฑก์ ารให้คะแนนดังนี้
ระดับ 1 หมายถึง หมายถึง โอกาสที่นโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัตินั้นๆจะส่งผลต่อ
ความสาเร็จในระดับนอ้ ยทีส่ ุด
ระดับ 2 หมายถึง หมายถึง โอกาสที่นโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัตินั้นๆจะส่งผลต่อ
ความสาเร็จในระดับนอ้ ย
ระดับ 3 หมายถึง หมายถึง โอกาสท่ีนโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัตินั้นๆจะส่งผลต่อ
ความสาเร็จในระดับปานกลาง
ระดับ 4 หมายถึง หมายถึง โอกาสที่นโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัตินั้นๆจะส่งผลต่อ
ความสาเรจ็ ในระดบั มาก
ระดับ 5 หมายถึง หมายถึง โอกาสท่ีนโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัติน้ันๆจะส่งผลต่อ
ความสาเรจ็ ในระดบั มากทีส่ ุด
2. ระดบั ของผลกระทบตอ่ ประสทิ ธภิ าพการดาเนนิ งาน หมายถึง ขนาด /ความรนุ แรง/ ความสาคญั ของ
นโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบตั นิ ้ันๆทจ่ี ะส่งผลต่อความสาเรจ็ / ไม่สาเร็จในการดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ โดย
มีเกณฑ์การใหค้ ะแนนดังนี้
ระดับ 1 หมายถึง ขนาด /ความรุนแรง/ ความสาคัญของนโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัตินั้นๆ
ทจ่ี ะส่งผลต่อความสาเรจ็ / ไมส่ าเร็จตอ่ การดาเนินงานดแู ลสขุ ภาพผู้สงู อายุในระดับน้อยทีส่ ดุ
ระดับ 2 หมายถึง ขนาด /ความรนุ แรง/ ความสาคัญของนโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏบิ ัตินั้นๆ
ทีจ่ ะส่งผลต่อความสาเรจ็ / ไม่สาเร็จต่อการดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพผูส้ ูงอายุในระดบั น้อย
ระดับ 3 หมายถึง ขนาด /ความรนุ แรง/ ความสาคัญของนโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏบิ ัตนิ ั้นๆ
ที่จะส่งผลตอ่ ความสาเรจ็ / ไม่สาเร็จตอ่ การดาเนินงานดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อายุในระดับปานกลาง
ระดับ 4 หมายถึง ขนาด /ความรุนแรง/ ความสาคัญของนโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏบิ ัตนิ ั้นๆ
ที่จะส่งผลต่อความสาเร็จ/ ไมส่ าเรจ็ ตอ่ การดาเนนิ งานดแู ลสุขภาพผูส้ งู อายุในระดบั มาก
ระดับ 5 หมายถึง ขนาด /ความรนุ แรง/ ความสาคัญของนโยบาย/ มาตรการ/ แนวทาง/ การปฏิบัติน้ันๆ
ทจี่ ะสง่ ผลตอ่ ความสาเร็จ/ ไม่สาเรจ็ ตอ่ การดาเนนิ งานดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุในระดับมากทส่ี ุด
๑๙๘
สว่ นท่ี 1 แบบสอบถามขอ้ มลู ทวั่ ไป
คาช้ีแจง โปรดทาเครอื่ งหมาย √ ลงในชอ่ ง และเติมคาในช่องว่างหน้าข้อความที่ตรงกบั ความเป็นจริง
1. เพศ ชาย หญงิ
2. อายุปีเต็มของท่าน.............................ปี (เศษของอายเุ กนิ 6 เดือน ปัดเป็นหนง่ึ ปี)
3. สถานภาพสมรสของท่านในปจั จุบนั
โสด สมรส/คู่ อนื่ ๆ
4. ระดบั การศึกษา
ต่ากวา่ ปรญิ ญาตรี ปริญญาตรี ปริญญาโท/ สงู กวา่
5. หนว่ ยงานทปี่ ฏบิ ัตงิ าน
โรงพยาบาลศนู ย์/ ทว่ั ไป โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบล
สานักงานสาธารณสขุ จังหวดั สานักงานสาธารณสุขอาเภอ
พัฒนาสงั คมและความมัน่ คงของมนษุ ย์จงั หวดั ท้องถ่นิ จังหวัด เทศบาล/ อบต.
ผแู้ ทนผู้สูงอายุ ผแู้ ทนอาสาสมคั รสาธารณสขุ อืน่ ๆระบ.ุ .......................................
6. ประสบการณ์ทางานท่ีเกย่ี วขอ้ งกับผู้สูงอาย.ุ ......................ปี
ปัจจยั ความเป็นไปได้ของการ ระดับของผลกระทบต่อ
ด้านการเมอื ง เกิดผลต่อประสทิ ธภิ าพการ ประสิทธิภาพการ
1 นโยบายรัฐบาลด้านผสู้ ูงอายุมผี ลตอ่ ดาเนินงาน
ดาเนินงาน
ประสทิ ธภิ าพในการดาเนนิ งานดูแลสุขภาพ 12345 12345
ผู้สงู อายุ
2 นโยบายของกระทรวงสาธารณสขุ ด้านการ
พฒั นาสุขภาพตามกลมุ่ วยั : การดแู ลผสู้ งู อายุ
ระยะยาว (Long Term Care )มผี ลตอ่
ประสทิ ธภิ าพในการดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพ
ผสู้ งู อายุ
3 นโยบายดา้ นผสู้ งู อายุของหน่วยงานที่
เก่ยี วข้อง เช่น พฒั นาสงั คมและความมั่นคง
ของมนษุ ย,์ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ มผี ล
ต่อประสทิ ธิภาพในการดาเนินงานดูแล
สุขภาพผสู้ ูงอายุ
๑๙๙
ความเปน็ ไปได้ของการ ระดับของผลกระทบต่อ
เกิดผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพการ ประสิทธิภาพการ
ปัจจัย ดาเนินงาน ดาเนินงาน
4 นโยบายการดาเนนิ งานดา้ นผสู้ งู อายุมี 1234512345
(-) หนว่ ยงานทรี่ บั ผิดชอบหลายหน่วยงาน และ
ขาดการบรู ณาการงานท่ีเปน็ รปู ธรรมชัดเจน
ทาให้ส่งผลตอ่ ประสิทธิภาพในการดาเนนิ งาน
ดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ
5 นโยบาย มกี ารเปลีย่ นแปลงในรายละเอยี ด
(-) ของการแนวทางปฏบิ ตั ิบ่อย ทาใหก้ าร
ดาเนนิ งานขาดความชดั เจนและความต่อเนอื่ ง
6 การให้ความสาคัญของรัฐบาล เชน่ การวาง
นโยบายรบั มือสงั คมผสู้ ูงอายุมีผลตอ่
ประสทิ ธภิ าพการดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพ
ผู้สูงอายุ
7 ความคาดหวังของกลุ่มผู้มสี ่วนได้สว่ นเสยี จาก
(-) การดาเนินงานดแู ลสุขภาพผูส้ งู อายุมีผลตอ่
ประสทิ ธภิ าพการดาเนินงาน
8 การผลกั ดันการขบั เคลอื่ นนโยบายดา้ น
ผู้สูงอายโุ ดยการสนับสนุนของกลมุ่ เอน็ จโี อ
(NGO) กลมุ่ เครือขา่ ยภาคประชาชนมีผลต่อ
ประสทิ ธภิ าพการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผูส้ ูงอายุ
ดา้ นเศรษฐกิจ
9 การสรา้ งกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ตอ่ ผู้สงู อายุ
เพือ่ เพม่ิ รายไดม้ ผี ลตอ่ ประสิทธภิ าพการ
ดาเนินงานดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ
10 มาตรการสง่ เสรมิ ดา้ นการทางานและการ
ขยายการจา้ งงานในผสู้ ูงอายมุ ผี ลต่อ
ประสทิ ธภิ าพการดาเนินงานดแู ลสุขภาพ
ผู้สงู อายุ
๒๐๐
ความเปน็ ไปไดข้ องการ ระดบั ของผลกระทบตอ่
เกดิ ผลตอ่ ประสิทธภิ าพการ ประสิทธภิ าพการ
ปจั จัย ดาเนินงาน ดาเนินงาน
11 ภาระทางเศรษฐกิจที่เปน็ ภาคการเงนิ การคลัง 1234512345
(-) ของรฐั ทมี่ ากขนึ้ เชน่ ค่าใชจ้ า่ ยดา้ นการ
รักษาพยาบาลของประเทศที่สงู ขน้ึ รายไดข้ อง
รฐั บาลท่จี ะลดลงจากการทเ่ี ก็บภาษีได้ลดลง
มผี ลตอ่ ประสิทธิภาพการดาเนนิ งานดแู ล
สขุ ภาพผสู้ ูงอายุ
12 การใหค้ วามช่วยเหลือผสู้ งู อายุ เชน่ การให้
เบยี้ ยงั ชีพแก่ผูส้ งู อายรุ ายเดือนมผี ลตอ่
ประสิทธภิ าพการดาเนนิ งานดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุ
13 ภาวะค่าครองชพี ความยากจน และรายได้
(-) ของประชาชนในจังหวดั มีผลต่อประสิทธิภาพ
การดาเนินงานดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
ดา้ นสังคม
14 ระบบสวสั ดิการและบรกิ ารทางสงั คมมผี ลต่อ
ประสิทธภิ าพการดาเนนิ งานดูแลสุขภาพ
ผู้สงู อายุ
15 โครงสรา้ งประชากรทม่ี ีการเพมิ่ จานวนของ
(-) ผู้สงู อายมุ ผี ลตอ่ ประสิทธิภาพการดาเนินงาน
ดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
16 ลกั ษณะของชุมชน และการมเี ครอื ขา่ ยของ
ชุมชนที่เข้มแข็งมผี ลตอ่ ประสทิ ธิภาพการ
ดาเนินงานดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ
17 วถิ กี ารดาเนนิ ชีวติ และพฤติกรรมเสย่ี งดา้ น
(-) สขุ ภาพของประชาชนมีผลต่อประสิทธิภาพ
การดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพผ้สู ูงอายุ
18 ประชาชนขาดความรู้เร่อื งการดูแลสขุ ภาพ
(-) จากโรคทปี่ อ้ งกนั ได้มีผลต่อประสทิ ธภิ าพการ
ดาเนนิ งานดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ
๒๐๑
ความเปน็ ไปได้ของการ ระดบั ของผลกระทบตอ่
เกดิ ผลต่อประสิทธภิ าพการ ประสิทธิภาพการ
ปัจจยั ดาเนินงาน ดาเนินงาน
19 โครงสร้างพน้ื ฐานของชุมชน เช่น สถาน 1234512345
บริการสุขภาพ บุคลากรด้านสุขภาพ สถานท่ี
ออกกาลังกาย สง่ิ อานวยความสะดวกแก่
ผูส้ ูงอายุ มผี ลต่อประสิทธิภาพการดาเนนิ งาน
ดแู ลสุขภาพผสู้ งู อายุ
20 การสอ่ื สารและเผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ น
สุขภาพมผี ลตอ่ ประสทิ ธภิ าพการดาเนนิ งาน
ดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ
ด้านเทคโนโลยี
21 การพัฒนาระบบยา วคั ซีน และเทคโนโลยี
ทางการแพทย์มผี ลตอ่ ประสทิ ธิภาพการ
ดาเนินงานดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ
22 เทคโนโลยีการสอื่ สารทีท่ นั สมยั ทาให้
ประชาชนเขา้ ถึงข้อมลู ขา่ วสารดา้ นสุขภาพได้
งา่ ย สง่ ผลต่อประสทิ ธภิ าพการดาเนนิ งาน
ดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ
23 การขาดการพัฒนาด้านงานวิจยั และ
(-) นวตั กรรมท่ีจะช่วยสนบั สนุนการดาเนินงาน
ดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ
24 ข้อมลู ข่าวสารผา่ น Social Media มกี าร
(-) บิดเบือน ก่อใหเ้ กิดการหลงเชอื่ ทาให้มกี าร
บริโภค และพฤตกิ รรมสขุ ภาพทไ่ี มถ่ กู ต้อง
ส่งผลต่อประสทิ ธิภาพการดาเนินงานดูแล
สุขภาพผสู้ ูงอายุ
ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม
25 สภาพแวดลอ้ มในบา้ น และทอ่ี ยู่อาศัยท่ี
เหมาะสมมผี ลตอ่ ประสิทธภิ าพการดาเนินงาน
ดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
๒๐๒
ความเปน็ ไปได้ของการ ระดบั ของผลกระทบตอ่
เกดิ ผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพการ ประสทิ ธภิ าพการ
ปจั จยั ดาเนินงาน ดาเนินงาน
26 สภาพแวดล้อมในชุมชนท่ีเออื้ ต่อการมสี ขุ ภาพ 1234512345
ดี เชน่ สถานท่อี อกกาลังกาย สวนสาธารณะ
มผี ลตอ่ ประสิทธภิ าพการดาเนินงานดูแล
สุขภาพผสู้ งู อายุ
27 การขาดการวางแผนด้านโครงสร้างพนื้ ฐานที่
(-) เหมาะสม เช่น ส่งิ ก่อสร้าง ระบบคมนาคม
อาคารสาธารณะ และสง่ิ อานวยความสะดวก
มีผลตอ่ ประสทิ ธิภาพการดาเนินงานดแู ล
สขุ ภาพผสู้ ูงอายุ
28 ปญั หาการคมนาคมทไ่ี มส่ ะดวก ปลอดภยั
(-) ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดาเนินงานดแู ล
สุขภาพผสู้ ูงอายุ
ดา้ นกฎหมาย
29 การดาเนินการตามพระราชบญั ญตั ผิ สู้ งู อายุ
พ.ศ.2546 มีผลตอ่ ประสิทธภิ าพการ
ดาเนนิ งานดแู ลสุขภาพผสู้ งู อายุ
30 ประชาชนและผสู้ งู อายยุ งั ขาดความรู้เรื่องสิทธิ
และกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง สง่ ผลต่อ
ประสิทธภิ าพการดาเนินงานดแู ลสุขภาพ
ผู้สงู อายุ
ขอขอบคุณท่ีกรณุ าสละเวลาตอบแบบสอบถาม