The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mon, 2022-02-22 22:05:22

ทำเนียบวิจัย 65

ทำเนียบวิจัย 65

การพฒั นารูปแบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 28

4. การประเมินแบบแผนสุขภาพเป็นแบบเวชระเบียนซ่ึงพยาบาลจะต้องเป็นผู้ทาหน้าท่ี
ประเมินสุขภาพของผู้ป่วยทุกคน ได้พัฒนาให้พิมพ์แบบเวชระเบียนจากการสร้างรูปแบบมาตรฐานของ
เวชระเบียนซึ่งพยาบาลสามารถสัง่ พิมพ์จากคอมพวิ เตอรล์ ูกข่ายได้ ดงั ภาพท่ี 6

ภาพที่ 6 แบบการประเมินแบบแผนสขุ ภาพ

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 29

5. ฟอร์มปรอท เป็นแบบที่พยาบาลจะต้องเป็นผู้ประเมินผู้ป่วยตามอาการแสดงของผู้ป่วย
ได้พัฒนาให้พิมพ์แบบเวชระเบียนจากการสร้างรูปแบบมาตรฐานของเวชระเบียนซ่ึงพยาบาลสามารถสั่งพิมพ์
จากคอมพิวเตอรล์ กู ขา่ ยได้ ดงั ภาพที่ 7

ภาพที่ 7 ฟอร์มปรอท

การพัฒนารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 30

6. แบบรายงานผลทางห้องปฏิบัติการ สามารถพิมพ์แบบรายงานผลทางห้องปฏิบัติการตามแบบ
มาตรฐาน เพ่ือพยาบาลจะต้องพิมพ์ผลการตรวจทางห้องปฏิบตั ิการเพื่อมาติดไว้สาหรบั ให้แพทย์และพยาบาล
ผ้เู ก่ยี วข้องอ่านผลชนั สูตรสาหรบั ติดตามการเปล่ียนแปลงของผ้ปู ่วย ดังภาพท่ี 8

ภาพที่ 8 แบบรายงานผลทางห้องปฏิบตั กิ าร

การพฒั นารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 31

7. แบบบนั ทึกการให้ยา โปรแกรมสามารถระบยุ าซง่ึ เชอื่ มโยงขอ้ มลู รายการยา วิธใี ช้ มาจากการ
คัดลอกคาส่ังแพทย์โดยกลุ่มงานเภสัชกรรมขณะ Admit ผู้ป่วยช่วยลดความคลาดเคลื่อนทางยาท่ีเกิดจาก
การคัดลอกได้ ลดข้ันตอนการคัดลอกยาโดยเจ้าหน้าท่ีหอผู้ป่วยใน ซึ่งตามแบบเวชระเบียนแบบเดิม
พยาบาลหอผปู้ ว่ ยใน ตอ้ งคดั ลอกรายการยาเอง ดังภาพท่ี 9

ภาพท่ี 9 แบบบันทึกการให้ยา

การพัฒนารปู แบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 32

8. ใบสรุปค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน ได้พัฒนาโปรแกรมสามารถพิมพ์ส่วนท้ายของแบบประเมิน
คอื ชือ่ -สกลุ อายุ HN AN หอผ้ปู ว่ ย หมายเลขเตียง ประวตั ิการแพย้ า ดังภาพท่ี 10

ภาพท่ี 10 ใบสรปุ ค่ารักษาพยาบาลผ้ปู ่วยใน

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean 33

9. แบบบันทึกทางการพยาบาล ได้พัฒนาให้พิมพ์แบบบันทึกทางการพยาบาล(NURSE’S NOTE)
ตามมาตรฐานของโรงพยาบาลศรีประจันต์ เพ่ือเจ้าหน้าท่ีสามารถสั่งพิมพ์ได้จากคอมพิวเตอร์ลูกข่ายซึ่ง
สามารถพิมพ์ได้ตามจานวนท่ีต้องการโดยลดภาระการทาสาเนาแบบเวชระเบียนของเจ้าหน้าที่กลุ่มงาน
บริหารงานทวั่ ไป ดงั ภาพที่ 11

ภาพท่ี 11 แบบบนั ทกึ ทางการพยาบาล

การพัฒนารูปแบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 34

10. Doctor’s Order Sheet ได้พัฒนาให้พิมพ์ Doctor’s Order Sheet ตามมาตรฐานของ
โรงพยาบาลศรีประจันต์ เพื่อเจ้าหน้าท่ีสามารถสั่งพิมพ์ได้จากคอมพิวเตอร์ลูกข่ายซ่ึงสามารถพิมพ์ได้ตาม
จานวนทีต่ ้องการโดยลดภาระการทาสาเนาแบบเวชระเบยี นของเจ้าหนา้ ท่กี ล่มุ งานบรหิ ารงานท่ัวไป ดังภาพท่ี 12

ภาพที่ 12 Doctor’s Order Sheet

การพฒั นารูปแบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 35

11. แบบรายละเอียดการเตรียมผู้ป่วย/ญาติเพ่ือดูแลสุขภาพก่อนจาหน่ายสาหรับผู้ป่วยแผล
กดทบั สามารถพิมพ์แบบเวชระเบียนตามมาตรฐานของโรงพยาบาลศรีประจันต์จากคอมพิวเตอรล์ ูกข่าย
เพอ่ื ใชก้ บั เวชระเบยี นผปู้ ่วยที่แผลกดทบั ดังภาพท่ี 13

ภาพที่ 13 แบบรายละเอยี ดการเตรยี มผูป้ ว่ ย/ญาติ สาหรับผปู้ ว่ ยแผลกดทับ

การพฒั นารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 36

12. แบบบันทึกอาการเปลี่ยนแปลง โรงพยาบาลศรีประจันต์ สามารถพิมพ์แบบเวชระเบียน
ตามมาตรฐานของโรงพยาบาลศรีประจันตจ์ ากคอมพวิ เตอร์ลกู ขา่ ยเพอ่ื ใช้กับเวชระเบียนผู้ป่วยทกุ ราย
ดังภาพท่ี 14

ภาพท่ี 14 แบบบันทึกอาการเปลี่ยนแปลง

การพัฒนารปู แบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 37

13. แบบบันทึกสัญญาณทางระบบประสาท สามารถพิมพ์แบบเวชระเบียนตามมาตรฐานของ
โรงพยาบาลศรีประจันต์จากคอมพิวเตอรล์ ูกขา่ ย เพอ่ื ใชก้ บั เวชระเบยี นผปู้ ่วยทุกราย ดังภาพท่ี 15

ภาพท่ี 15 แบบบันทกึ สญั ญาณทางระบบประสาท

การพัฒนารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean 38

14. แบบเฝ้าระวังการติดเช้ือ สามารถพิมพ์แบบเวชระเบียนตามมาตรฐานของโรงพยาบาล
ศรีประจันต์จากคอมพิวเตอร์ลูกข่าย โดยลดภาระการบันทึกข้อมูล หน่วยงาน ชื่อผู้ป่วย อายุ เพศ เตยี งที่
HN AN วันทรี่ บั ไว้ การวนิ ิจฉัยแรกรบั อาการสาคัญ สัญญาณชพี ของพยาบาล/เจ้าหนา้ ที่ ดงั ภาพที่ 16

ภาพที่ 16 แบบเฝา้ ระวงั การตดิ เช้อื

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean 39

ภาพที่ 16 แบบเฝา้ ระวงั การติดเช้ือ ( ตอ่ )

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean 40

ภาพที่ 16 แบบเฝา้ ระวงั การติดเช้ือ ( ตอ่ )

การพฒั นารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 41

15. บันทึกข้อความจากแพทย์ถึงผู้อานวยการโรงพยาบาลศรีประจันต์ เพ่ือขออนุมัติจัดจ้างตรวจ
วเิ คราะห์ทางห้องปฏิบัติการ กรณีจาเป็นต้องส่ังตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกโรงพยาบาล (มาตรการควบคุม
ค่าใช้จ่ายในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ) โปรแกรมสามารถพิมพ์ ช่ือ-สกุล อายุ เพศ HN หอผู้ป่วย
บ้านเลขที่ หมู่ท่ี ตาบล อาเภอ จังหวัด เลขประจาตัวประชาชน สิทธิการรักษาพยาบาล ลดภาระ
พยาบาล/เจ้าหนา้ ที่ และความคลาดเคลอื่ นจากการเขียน ดังภาพท่ี 17

ภาพท่ี 17 แบบบนั ทึกข้อความจากแพทย์ถงึ ผอู้ านวยการโรงพยาบาลศรีประจนั ต์

การพฒั นารูปแบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 42

16. ใบจอง/ขอโลหิต กรณีผู้ป่วยจาเป็นต้องได้รับโลหิต พยาบาลสามารถส่ังพิมพ์ ได้ทันที
โปรแกรมสามารถพิมพ์ ชื่อ-สกุล อายุ เพศ HN AN หอผู้ป่วยการวินิจฉัย ลดภาระพยาบาล/เจ้าหน้าที่
และความคลาดเคลอ่ื นจากการเขียน ดงั ภาพที่ 18

ภาพท่ี 18 ใบจอง/ขอโลหิต

การพัฒนารปู แบบการจดั ทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean 43

17. แบบบันทึกการใช้เคร่ืองช่วยหายใจ สามารถพิมพ์แบบเวชระเบียนตามมาตรฐานของ
โรงพยาบาลศรีประจันต์จากคอมพวิ เตอร์ลูกข่าย เพื่อใชก้ ับผปู้ ว่ ยทกุ ราย ดงั ภาพท่ี 19

ภาพที่ 19 แบบบนั ทึกการใช้เครอ่ื งชว่ ยหายใจ

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคดิ Lean 44

18. แบบรายละเอียดการเตรียมผู้ป่วย/ญาติเพ่ือดูแลสุขภาพก่อนจาหน่าย สาหรับผู้ป่วย
โรคเบาหวาน สามารถพิมพ์แบบเวชระเบียนตามมาตรฐานของโรงพยาบาลศรีประจันต์จากคอมพิวเตอร์
ลูกข่าย ดังภาพท่ี 20

ภาพท่ี 20 แบบรายละเอียดการเตรียมผู้ปว่ ย/ญาติเพอ่ื ดูแลสุขภาพกอ่ นจาหน่าย สาหรับผปู้ ว่ ยโรคเบาหวาน

การพฒั นารูปแบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean 45

18. แบบบันทึกการดูแลผู้ป่วยไขเ้ ลือดออกท่ีกาลงั อยู่ในภาวะวกิ ฤต สามารถพิมพ์แบบเวชระเบียน
ตามมาตรฐานของโรงพยาบาลศรีประจนั ตจ์ ากคอมพิวเตอร์ลกู ขา่ ย ดังภาพที่ 21

ภาพที่ 21 แบบบันทึกการดแู ลผู้ป่วยไข้เลือดออกทีก่ าลงั อยู่ในภาวะวกิ ฤต

การพัฒนารูปแบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคดิ Lean 46

ส่วนท้ายของเวชระเบียนทุกฉบับสามารถระบุ ชื่อ – สกุล HN AN อายุ หอผู้ป่วย เลขท่ีเตียง
ประวัติการแพ้ยา ซึ่งเป็นภาระของพยาบาล/เจ้าหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลดังกล่าว และได้พัฒนาให้ใช้การ
พิมพ์ข้อมูลทั้งหมดลงบนกระดาษสติกเกอร์เพื่อติดส่วยท้ายของเวชระเบียน โดยส่ังทากระดาษสติกเกอร์ท่ีมี
ขนาดเฉพาะสาหรับใช้งาน ซึ่งการพิมพ์เวชระเบียนจากคอมพิวเตอร์สามารถลดภาระการเขียนของพยาบาล/
เจ้าหนา้ ท่ี และลดการสง่ั ซือ้ กระดาษสต๊ิกเกอร์ของโรงพยาบาลศรปี ระจันต์

การลดขั้นตอนการจดั ทาชาร์ตผู้ปว่ ยใน
จากการวิจัยพบว่า สามารถลดขั้นตอนการจัดทาเวชระเบียนของพยาบาล ตลอดจนการบันทึก

ข้อมูล การคัดลอกรายการยา การบันทึกข้อมูลส่วนบคุ คล ซ่ึงนาไปสู่การลดเวลาการปฏบิ ัตงิ าน ไดแ้ ก่ การ

เตรียมเอกสารเวชระเบยี นผู้ปว่ ยรับใหม่ การบนั ทกึ ขอ้ มูลประวัติทางการแพทย์ การบนั ทกึ ข้อมลู ใน

In Patient Summary การบันทึกรายการยาและวิธีใช้ยา ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ในแบบเวชระเบียนแต่ละ

ฉบับโดยไม่ทาให้มาตรฐานของข้อมูลที่ต้องการขาดหาย สามารถลดระยะเวลาการจัดทาเวชระเบียนผู้ป่วยรับ

ใหม่ลง 15 นาท(ี ก่อนพัฒนาเวชระเบยี นตามแนวคิด LEAN ใช้เวลา 30 นาที หลังพัฒนาเวชระเบียนตาม

แนวคดิ LEAN ใชเ้ วลา 15 นาที) ดังตารางที่ 1

ตารางท่ี 1 แสดงข้ันตอนการจดั ทาเวชระเบียนก่อน-หลังพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN

ลาดับที่ ขนั ตอน การปฏิบัติ ระยะเวลาท่ปี ฏบิ ัติ(นาท)ี
กอ่ น หลัง กอ่ น หลงั

ขัน้ ตอนการจัดทาเวชระเบยี นผ้ปู ว่ ย

1 เตรียมเอกสารเวชระเบียนสาหรบั ผ้ปู ว่ ยรับใหม่ × 1 0

2 บันทกึ ข้อมลู บนแบบประวัตทิ างการแพทย์ × 4 0

3 บันทกึ ข้อมลู บนแบบ In Patient Summary × 2 0

4 บนั ทกึ รายการยาและวิธใี ชบ้ นแบบบันทึกการให้ยา  × 3 0

5 บนั ทกึ ข้อมูลบคุ คลในแบบเวชระเบยี นอ่นื ๆ × 2 0

6 พมิ พ์ ชอื่ -สกุล HN AN อายุ ประวตั กิ ารแพ้ยา บน  × 1 0

สติ๊กเกอร์เพื่อตดิ ท้ายเวชระเบียนทกุ แผน่

การพัฒนารปู แบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 47

ตารางที่ 1 แสดงขัน้ ตอนการจัดทาเวชระเบยี นก่อน-หลงั พัฒนาเวชระเบียนตามแนวคดิ LEAN(ต่อ)

ลาดับที่ ขันตอน การปฏิบัติ ระยะเวลาท่ีปฏบิ ัติ(นาท)ี
ก่อน หลงั กอ่ น หลัง

7 ตดิ สต๊ิกเกอรท์ ี่ท้ายเวชระเบียนทกุ แผ่น × 2 0

รวมระยะเวลาในการจดั ทาเวชระเบียน 1-6 15 0

ขน้ั ตอนการเตรียมตวั ผปู้ ว่ ย

8 การซกั ประวัติ ตรวจสญั ญาณชพี  5 5

9 อธบิ ายกระบวนการรักษา   10 10

รวมระยะเวลาทง้ั หมด 1-9 30 15

หมายเหตุ ขอ้ 5 จากข้อมลู พบว่า เคยใชว้ ธิ ใี ห้พยาบาลเป็นผเู้ ขยี น ชื่อ-สกลุ อายุ HN AN แผนก
เลขทเ่ี ตียง ประวตั ิการแพย้ า ท่ีสว่ นท้ายเวชระเบียนทุกแผน่ ท่ไี มป่ รากฏข้อความข้างตน้ ในสว่ นอ่ืน
ของเวชระเบียน ตอ่ มาไดพ้ ัฒนาให้พมิ พ์ข้อมูลทัง้ หมดลงบนกระดาษสติกเกอร์ ขนาด
1.5 ซม. x 10 ซม. ติดในสว่ นท้ายเวชระเบยี นแทน เพือ่ ลดภาระงานพยาบาล

การคดิ ตน้ ทุนการจัดทาชาร์ตผู้ปว่ ยใน
3.1 ตน้ ทุนการจดั ทาแบบเวชระเบียนแบบทาสาเนา
ต้นทุนทางตรง
1. คา่ กระดาษ แผ่นละ 0.20 บาท
2. ค่าหมกึ โรเนียว [535/(5,000-10,000)] = 0.05-0.07 บาท
3. ค่าสต๊ิกเกอร์ตดิ ท้ายเวชระเบียน แผ่นละ 0.15 บาท
[1.5 บาท / (1 แผ่น: 10 ดวง)]
รวมต้นทุนคา่ เวชระเบยี นแบบทาสาเนา 0.40 - 0.42 บาท
ตน้ ทนุ ทางออ้ ม
1. คา่ แรงเจา้ หนา้ ที่จดั ทาสาเนาแบบเวชระเบยี น
2. คา่ เส่อื มของครภุ ณั ฑส์ านักงาน(เครอื่ งโรเนียว)
3.2 ต้นทุนทางตรงการพมิ พ์แบบเวชระเบยี นจากคอมพวิ เตอร์
ต้นทุนทางตรง

การพฒั นารูปแบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 48

1. คา่ กระดาษ แผน่ ละ 0.20 บาท(100 บาท/รมี (500แผน่ ))
2. ค่าหมกึ เครอื่ งพมิ พ์ แผน่ ละ 0.20 บาท (0.10-0.25 บาท)
3. คา่ สต๊ิกเกอร์ตดิ ท้ายเวชระเบยี น แผ่นละ 0.00 บาท

รวมตน้ ทุนค่าเวชระเบยี นตามแนวคิด LEAN 0.30 - 0.45 บาท
ตน้ ทุนทางอ้อม

1. คา่ เส่อื มของครภุ ัณฑค์ อมพิวเตอร์(เครือ่ งปรนิ ซ์)
ผลการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ต้นทุนค่าจัดทาเวชระเบียนผู้ป่วย
ในสูงขึน้ หรือต่าลงอย่างไรก็ตามพบวา่ มตี ้นทนุ ที่ไม่แตกตา่ งกนั

การประเมนิ ความพึงพอใจของพยาบาล
จากการประเมนิ ความพึงพอใจของพยาบาลงานผู้ป่วยใน ทง้ั หมด 32 คน พบวา่
ดา้ นคุณภาพของเวชระเบียน
ความพึงพอใจด้านความครอบคลุมของข้อมูลตามมาตรฐานจากการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด

LEAN มคี วามพงึ พอใจระดบั มากทสี่ ุด รอ้ ยละ 93.75 ระดับมาก รอ้ ยละ 6.25
ความพึงพอใจด้านความถูกต้องตามมาตรฐานจากการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN มี

ความพึงพอใจระดบั มากท่ีสุด รอ้ ยละ 90.63 ระดับมาก ร้อยละ 9.38
ความพึงพอใจด้านความรวดเร็วของการจัดทาเวชระเบียนจากการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด

LEAN มคี วามพงึ พอใจระดบั มากทีส่ ุด ร้อยละ 100.00
ความพึงพอใจด้านความสะดวกของการจัดทาเวชระเบียนจากการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด

LEAN มีความพึงพอใจระดับมาก ร้อยละ 90.63 ระดบั มากท่ีสุด ร้อยละ 9.38
ความพึงพอใจในภาพรวมของการจัดเวชระเบียนจากการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN มี

ความพงึ พอใจระดบั มากท่สี ดุ ร้อยละ 93.75 ระดบั มาก ร้อยละ 6.25
ดา้ นการบริการของเจา้ หน้าท่ี
ความพึงพอใจในการบริการแก้ไขปญั หากรณีพบความผดิ พลาด มีความพงึ พอใจระดับมาก ร้อยละ

78.13 ระดับมากท่ีสดุ รอ้ ยละ 12.50 ระดบั ปานกลาง ร้อยละ 9.38
ความพึงพอใจในการอธบิ าย/ช้แี จงวธิ ีการพมิ พ์เวชระเบยี นตามแนวคิด LEAN มคี วามพงึ พอใจ

ระดับมาก ร้อยละ 84.38 ระดบั ปานกลาง รอ้ ยละ 15.63

การพัฒนารูปแบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 49

ความพึงพอใจภาพรวมในการบริการของเจ้าหนาที่ มคี วามพึงพอใจระดบั มากทสี่ ดุ รอ้ ยละ 84.38
ระดบั มาก ร้อยละ 15.63

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 50

บทที่ 5
อภิปรายผล สรปุ และข้อเสนอแนะ

อภิปรายผล
การพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN ผู้วิจัยได้สร้าง แบบเวชระเบียนผู้ป่วยในที่สามารถ

พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์และรายงานข้อมูลซ่ึงได้ทาการบันทึกไว้ในฐานข้อมูลกลางสา หรับผู้ป่วยที่เข้ารับการ
รักษาเป็นผู้ป่วยใน ณ วันทรี่ ับบริการได้ ประกอบด้วย แบบบันทกึ ประวัตทิ างการแพทย์ แบบ IN-PATIENT
SUMMARY แบบประเมินสภาวะสุขภาพผู้ป่วย แบบประเมินแผนสุขภาพ ฟอร์มปรอท แบบรายงานผล
ทางห้องปฏิบัติการ แบบบันทึกการให้ยา ใบสรุปค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน แบบบันทึกทางการพยาบาล
Doctor’s Order Sheet ใบแจ้งยอดผู้ป่วย/อาหารประจาวัน ใบยินยอมรับการผ่าตัด/หัตถการ ใบส่ง
ตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยใน แบบบันทึกการใช้เคร่ืองช่วยหายใน แบบบันทึกอาการเปล่ียนแปลง ใบ
จอง/ขอโลหิต กลุ่มเทคนิคการแพทย์ แบบเฝ้าระวังการติดเช้ือในโรงพยาบาลและใบรับรองแพทย์ ซึ่งช่วย
ลดภาระการบันทึกข้อมูลของพยาบาลได้ประมาณ 15 นาที ต่อการรับผู้ป่วยใหม่ 1 ราย การลดภาระของ
เจ้าหน้าที่ในการเตรียมแบบเวชระเบียน เจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารท่ัวไปในการจัดทาสาเนาแบบเวชระเบียน
เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของพยาบาล ลดความขัดแย้งในการอ่านลายมือท่ีเขียนไม่ชัดเจนและอ่านยาก ลด
ความขัดแย้งกรณีเปล่ียนแปลงแบบเวชระเบียน สอดคล้องกับ Beuscart-Zéphir, Brender, Beuscart&
Ménager-Depriester,1997; Moody, Slocumb, Berg, & Jackson 2004;Torrey, 2001; Turpin, 2005
ระบุว่า การบันทึกข้อมูลทางสุขภาพด้วยอิเล็กทรอนิกมีประโยชน์ คือ บุคลากรด้านสุขภาพสามารถดึงข้อมูล
และประวัติการรักษาของผู้ป่วยมาใช้แบบ real time ข้อมูลและประวัติการรักษาของผู้ป่วยถูกจัดเก็บอย่าง
เป็นระบบ เป็นการรับประกันได้ว่าข้อมูลและประวัติการรักษาของผู้ป่วยจะถูกเก็บอย่างปลอดภัย
ประหยดั เวลาในการบันทึก เนื่องจากการบันทึกไม่มคี วามซ้าซ้อน ช่วยให้พยาบาลมีเวลาในการดูแลผู้ป่วยมาก
ขึ้น ง่ายต่อการสืบค้น เนื่องจากมีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ลดความผิดพลาดท่ีเกิดจากการบันทึกด้วย
ลายมือ เช่น ใช้คาย่อท่ีไม่เป็นแบบสากล ลายมือหวัด อ่านไม่ออก มีการลบเลือน ข้อมูลบางส่วนขาดหายไป
และประคิณ สุจฉายาและคณะ (2549) ได้ศึกษาถึงบันทึกทางการพยาบาลและกรณีศึกษาในโรงพยาบาลของ
รฐั ระดับตติยภูมิ และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย 3 แห่ง ซ่ึงได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาการบนั ทึกทางการ
พยาบาลเพอ่ื ใหม้ ีการใช้ประโยชน์และพัฒนาการปฏิบตั กิ ารพยาบาลทสี่ าคัญควรมีการนาระบบเทคโนโลยมี าใช้
ในการพัฒนาซ่งึ อาจใส่แผนการพยาบาลไวใ้ นคอมพิวเตอร์หรือระบบสารสนเทศและพฒั นาระบบสารสนเทศให้
สามารถเชอื่ มโยงภายในองคก์ รอย่างมีประสิทธภิ าพ

การพฒั นารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 51

จากการวิจัยพบว่า สามารถลดข้ันตอนการจัดทาเวชระเบียนของพยาบาล ตลอดจนการบันทึก
ข้อมูล การคัดลอกรายการยา การบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล ซงึ่ นาไปสู่การลดเวลาการปฏิบัติงาน ไดแ้ ก่ การ
เตรียมเอกสารเวชระเบียนผู้ป่วยรับใหม่ การบันทึกข้อมูลประวัติทางการแพทย์ การบันทึกข้อมูลใน In
Patient Summary การบันทึกรายการยาและวิธีใช้ยา ข้อมูลสว่ นบคุ คลอน่ื ๆ ในแบบเวชระเบียนแต่ละฉบับ
โดยไม่ทาให้มาตรฐานของข้อมูลที่ต้องการขาดหาย สามารถลดระยะเวลาการจัดทาเวชระเบียนผู้ป่วยรับใหม่
ลง 15 นาที สอดคล้องกับบุญรอบ แก้วดี และคณะแผนกผู้ปว่ ยใน โรงพยาบาลภูสิงห์ (2556) เวชระเบียน
รับใหม่....ง่ายแค่ปลายนิ้ว พบว่า สามารถลดระยะเวลาในการทาชาร์ทรับใหม่จากก่อนทาเฉล่ีย 17.30 นาที
ปัจจุบันใช้เวลาเฉล่ีย 9.10 นาที และ สานักงานอธิการบดี หาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2553) การลด
ระยะเวลาและระยะทางในการรับบริการตรวจสุขภาพประจาปีบคุ ลากร พบวา ระยะทางในการใชบริการทั้ง
กระบวนงานลดลง รอยละ 10 ลดข้ันตอนลงจากเดิม 14 ข้ันตอน เหลือ 12 ขั้นตอน ลดขั้นตอนเรียกคิวรอ
หน้าหองเจาะเลือดปจจบุ ันเรยี กคิวแลวเขาที่จุดรับ tube เจาะเลือดไดเลย ลดระยะเวลาในการรอคอยเจาะ
เลือด รอยละ 60 และงานการพยาบาลผูปวยศัลยกรรมอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 2 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
เฉลิมพระเกียรติ (2553) โครงการลดขั้นตอนการจาหนาย เพ่ือลดระยะเวลาในการรอคอยเอกสารจาก
พยาบาลในหน่วยงาน เพื่อใหผูปวยและญาติไดรับความสะดวกและรวดเรว็ พบวา ทาใหลดระยะเวลาในการ
หาสถานท่ีไดระดับหน่ึงและผลจากการประเมิน ความพอใจของญาติจัดอยูในเกณฑดีนอกจากนี้ยังไดมีการแจ้ง
ญาติใหทราบเม่ือแพทยสัง่ จาหนายเพื่อระหวางที่รอญาตพิ ยาบาลสามารถเบกิ ยาและทาเอกสารการจาหน่ายรอ
ไดเมือ่ ญาติมารับกส็ ามารถกลบั บานไดเร็วขึ้น

ด้านความพึงพอใจต่อการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN ด้านความครอบคลุมของข้อมูล มี
ความพึงพอใจระดับมากที่สุด ร้อยละ 93.75 ด้านความถูกต้องตามมาตรฐาน มีความพึงพอใจระดับมาก
ทส่ี ดุ รอ้ ยละ 90.63 ด้านรวดเร็วของการจดั ทาเวชระเบยี น รอ้ ยละ 100.00 ด้านสะดวก มีความพึงพอใจ
ระดับมาก ร้อยละ 90.63 ความพึงพอใจในภาพรวมของการจัดเวชระเบียนจากการพัฒนาเวชระเบียนตาม
แนวคิด LEAN มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด ร้อยละ 93.75 สอดคล้องกับสานักงานอธิการบดี
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2553) การลดระยะเวลาและระยะทางในการรับบริการตรวจสุขภาพประจาปี
บคุ ลากร เพ่ือลดเวลาในการรอคอยและผูรับบริการไดรับความพึงพอใจมากทส่ี ุดโดยการนาแนวคิด Lean
ระดับความพึงพอใจโครงการตรวจสุขภาพประจาป 2550 – 2553 จะอยู่ในเกณฑ์ระดับดีท้ัง 4 ปี และ
บุญรอบ แก้วดี และคณะแผนกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลภูสิงห์ (2556) เวชระเบียนรับใหม่....ง่ายแค่ปลายนิ้ว
มีวัตถุประสงค์เพ่ือลดระยะเวลาในการทาชาร์ท เพ่ิมความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานง่ายในการสื่อสาร
ใชท้ รพั ยากรทมี่ อี ยูเ่ ดมิ คมุ้ คา่ สูงสดุ พบวา่ ความพงึ พอใจของเจ้าหนา้ ท่ที ่ีทาชารท์ อยใู่ นระดับมากคิดเปน็

การพัฒนารปู แบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคิด Lean 52

ร้อยละ 81.8, ร้อยละ 90.9, และร้อยละ100 ความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพด้านสุขภาพ พบว่ามี

ความพึงพอใจเวชระเบียนก่อนดาเนินการรอ้ ยละ 68.77 และหลังดาเนินการเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพดา้ นสุขภาพ

มคี วามพึงพอใจเวชระเบยี นรอ้ ยละ 93.44

สรปุ

จากการวิจัยสามารถพัฒนาเวชระเบียนให้พยาบาลสามารถส่ังพิมพ์แบบเวชระเบียนจาก
คอมพิวเตอร์ลูกข่ายซ่ึงเชื่อมโยงเข้ากับเคร่ืองแม่ข่ายของโรงพยาบาลศรีประจันต์ และนาไปใช้ในการ
ปฏิบตั งิ านไดจ้ รงิ โดยเมื่อมผี ู้ปว่ ยเขา้ นอนรักษาในแผนกผ้ปู ่ายใน พยาบาลสามารถสงั่ พิมพเ์ วชระเบยี นชุด
รบั ใหม่ไดใ้ นครัง้ เดียว คอมพิวเตอร์จะส่ังพมิ พ์เอกสารเวชระเบยี นทีจ่ าเป็นทุกฉบับพร้อมข้อมูลที่มีทัง้ หมด ทา
ให้มีระยะเวลาในการปฏิบัติงานการดูแลผู้ป่วยมากข้ึน ลดการเขียนด้วยลายมือ ลดความคลาดเคลื่อนของ
การคัดลอกยาจากลายมอื แพทย์และกรณตี ้องการใชแ้ บบเวชระเบียนเพิม่ เติม ผู้วจิ ัยได้จดั ทาแบบเวชระเบียน
เพม่ิ เติมให้สามารถเลือกส่งั พมิ พไ์ ด้ตามความตอ้ งการ

สามารถลดระยะเวลาการจดั ทาเวชระเบียนผปู้ ่วยรบั ใหมล่ ง 15 นาท(ี กอ่ นพฒั นาเวชระเบียนตาม
แนวคิด LEAN ใช้เวลา 30 นาที หลังพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN ใช้เวลา 15 นาที) ซึ่งเกิด
จากการท่ีพยาบาลไม่ต้องคัดลอกรายการยา การบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล การบันทึกข้อมูลประวัติทาง
การแพทย์ การบันทึกขอ้ มลู ใน In Patient Summary การบันทึกรายการยาและวิธีใช้ยา ข้อมูลส่วนบคุ คล
อื่นๆ ในแบบเวชระเบยี นแต่ละฉบับโดยไม่ทาใหม้ าตรฐานของข้อมลู ทตี่ ้องการขาดหาย

ด้านความพึงพอใจต่อการพัฒนาเวชระเบียนตามแนวคิด LEAN ด้านความครอบคลุมของข้อมูล มี
ความพึงพอใจระดับมากท่ีสุด ร้อยละ 93.75 ด้านความถูกต้องตามมาตรฐาน มีความพึงพอใจระดับมาก
ที่สดุ รอ้ ยละ 90.63 ด้านรวดเรว็ ของการจัดทาเวชระเบยี น ร้อยละ 100.00 ดา้ นสะดวก มีความพงึ พอใจ
ระดับมาก ร้อยละ 90.63 ความพึงพอใจในภาพรวมของการจัดเวชระเบียนจากการพัฒนาเวชระเบียนตาม
แนวคิด LEAN มีความพงึ พอใจระดับมากท่ีสุด รอ้ ยละ 93.75 เนื่องจากพบว่า การพัฒนาเวชระเบียนตาม
แนวคิด LEAN สามารถเช่ือมโยงขอ้ มลู ของผปู้ ่วยแต่ละแผนกให้สามารถใชข้ อ้ มลู รว่ มกนั ได้แบบ Real time
เป็นการให้ผปู้ ฏบิ ตั งิ านสะดวกในการปฏบิ ัติงานของพยาบาลแบบไรร้ อยต่อ(Seamless)

ต้นทนุ การผลการพัฒนาเวชระเบยี นตามแนวคิด LEAN เมอื่ เปรยี บเทยี บการจดั ทาเวชระเบียน

แบบทาสาเนา ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ต้นทุนทางตรงของค่าจดั ทาเวชระเบียนผู้ป่วยในสูงข้ึนหรือต่าลง

อย่างไรกต็ ามพบว่ามีตน้ ทนุ ที่ไม่แตกต่างกัน แต่พบวา่ ต้นทุนทางอ้อม ได้แก่ ลดภาระงานของกลุ่มงาน

บรหิ ารงานท่ัวไปในการจดั ทาสาเนาเวชระเบยี น การปรบั เปลี่ยนแบบเวชระเบยี นแตล่ ะครั้งไมต่ ้องท้ิงแบบเดิม

ท่สี ารองไว้ในแผนกผู้ปว่ ยใน

การพัฒนารปู แบบการจดั ทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 53

ขอ้ เสนอแนะจากการวิจยั
1. เนื่องจากการพัฒนาแบบเวชระเบียนผู้ป่วยในทาให้พยาบาลมีความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล

ผู้ป่วย ผปู้ ฏิบัติงานควรเปดิ ใช้งานตามความจาเป็นและ Log out โปรแกรมทุกคร้ังทไ่ี ม่ตอ้ งการเข้าถงึ ข้อมลู
2. กอ่ นพมิ พ์เวชระเบยี นผู้ปฏบิ ัตงิ านควรตรวจสอบรายชอื่ ใหแ้ น่ใจก่อนเพื่อป้องกันความผิดพลาด
3. การบันทึกข้อมูลผู้ป่วยต้ังแต่ผู้ป่วยเข้ามาในโรงพยาบาลจะต้องมีความถูกต้องสมบูรณ์เพื่อ

ป้องกันความผดิ พลาด
4. การปรับเปล่ียนแบบบันทึกเวชระเบียนควรดาเนินการอย่างมีแบบแผน โดยเอกสารควรผ่าน

การรับรองจากหน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องและได้รับการรับรองจากองค์กรเรยี บร้อยแล้ว

ประโยชน์ที่ไดร้ บั
1. พยาบาลท่ีทาหน้าที่รับผู้ป่วยใหม่สามารถตรวจสอบข้อมูลทั่วไปของเวชระเบียนผู้ป่วยให้

ถูกต้องได้งา่ ยเนื่องจากระบบรายงานสามารถพิมพ์ช่ือผู้ป่วยออกมาโดยท่พี ยาบาลไม่ต้องเขียนด้วยลายมือ จาก
การสารวจความพงึ พอใจ พบว่า ความพงึ พอใจของพยาบาล 100 %

2. ไม่พบอุบัติการณ์ ความคลาดเคล่ือนทางยา (Administration error) จากการอ่านช่ือยา
พยาบาลที่ทาหน้าที่รับผู้ป่วยใหม่สามารถอ่านช่อื ยาซ่งึ ถูกส่ังมาจากแพทย์ท่ีส่ังให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลได้ง่าย
และชัดเจน รวมถึง วิธีใช้ เวลารับประทานยา ช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพการบริหารยาสาหรับผู้ป่วย ซ่ึงลดปัญหา
การอา่ นลายมอื แพทย์ได้

3. ลดภาระงานเจ้าหนา้ ท่ีงานบริหารงานทั่วไป จากเดิมเจา้ หน้าทตี่ ้องทาหน้าที่ในการทาสาเนา
แบบเวชระเบียนสาหรับงานผู้ป่วยใน ประมาณ 55 แบบบันทึก สามารถไปปฏิบัติงานอ่ืนได้เนื่องจากยกเลิก
การทาสาเนาดงั กลา่ ว

4. สะดวกในการเปล่ียนแก้ไขแบบบันทึกเวชระเบียน เดิมการเปล่ียนแปลงแบบบันทึก
เวชระเบียนอาจมีหอผู้ปว่ ยบางแห่งท่ียังสง่ ต่อขอ้ มูลกนั ไม่ทวั่ ถึงมีการใช้แบบเวชระเบียนท่ีไม่ถกู ต้อง การพิมพ์
แบบเวชระเบียนจากฐานข้อมูลสามารถแก้ไขจากแม่ข่ายไดท้ ันทีผู้ใช้สามารถใช้ฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงได้พรอ้ มกัน
ทง้ั องค์กร

5. ลดการสูญเสียทรัพยากร เดิมเปลี่ยนแปลงแบบบันทึกเวชระเบียนจะต้องมีแบบบันทึกเหลือ
ซึ่งจะต้องท้ิงไปการพิมพ์แบบบันทึกจากฐานข้อมูลทาให้หอผู้ป่วยในไม่ต้องเก็บแบบบันทึกเปล่าไว้ในสถานที่
ปฏิบัตงิ านอกี ตอ่ ไป

การพัฒนารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 54

เอกสารอ้างอิง

เกียรตขิ จร โฆมานะสนิ , LEAN วถิ แี หง่ รสรา้ งคณุ ค่าสู่องคก์ รที่เป็นเลิศ, บริษัทอมั รินทร์ปร๊ินติง้ แอนด์
พับลิชช่ิง จากดั (มหาชน)

จันทร์ทิรา เจียรณยั , การพฒั นาโปรแกรมบนั ทึกทางการพยาบาล, มหาวิทยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี
พฤษภาคม 2553

สถาบนั ส่งเสรมิ การบริหารกิจการบ้านเมืองทด่ี ี สานกั งาน ก.พ.ร. มิถนุ ายน 2547
อนันทพนั ธ์ จันทพันธ์ การปรบั ปรงุ กระบวนการทางานในคลงั สินค้า : กรณศี ึกษา โรงงาน

อุตสาหกรรมเคมีภณั ฑ์ สารนิพนธห์ ลกั สูตรวิทยาศาสตร์มหาบณั ฑิต
มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบณั ฑติ ย์ 2555
Beuscart-Zephir, MC., Brender, J., Beuscart, R., & Manager-Depriester, I.(1997). Cognitive
evaluatution : How to assess the usability of information technology in healthcare.
Moody, J.E., Slocumb, E., Berg, B., Jackson (2004). Electronic health records documentation in
Nursing : nurse’ perception, attitudes, and preferences. Computer Informatics
Nursing, 22(6)
Torrey, C.O. (2001). Issues Impacting healthcare in the new millennnium : Privacy, electronic
medical records, and internet. Journal of Nursing Law, 7(4)
Turpin, P.G.(2005). Transitioning from paper of computerized documentation.
Gastroenterology Nursing 28(1)
http://www.qa.ku.ac.th/Download/bestpractices2553/2553w/2553w_Hospital.PDF
สบื คน้ เมอ่ื 29 มกราคม 2560
203.157.165.4/ssko_presents/file_presents/3330534213124-7-0363.doc สืบค้นเมื่อ 5
กมุ ภาพันธ์ 2560
http://as.nida.ac.th/~ornet/conf05/paper_orconf48/_29_metanee_%20Simulation.pdf
www.hospital.tu.ac.th/HA/Doc/Lean.doc สืบคน้ เมอ่ื 3 กุมภาพนั ธ์ 2560

การพฒั นารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 55

http://www.med.cmu.ac.th/hospital/nis/blog/?p=177 สบื ค้นเม่ือ 29 มกราคม 2560
http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%
A5%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A
D%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4
%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99
สบื คน้ เม่ือ 29 มกราคม 2560
http://www.pungooy.com/mrsubon/mean.htm สบื คน้ เมือ่ 31 มกราคม 2560 http://www.pte-
cal.kmutt.ac.th สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2560
http://eep.cpportal.net/Knowledge Sharing สบื ค้นเมือ่ 29 มกราคม 2560

การพฒั นารปู แบบการจดั ทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean 56

ภาคผนวก

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคดิ Lean 57

แบบประเมนิ ความพึงพอใจต่อการใชเ้ วชระเบยี นผปู้ ว่ ยในตามแนวคิด LEAN

แบบประเมินนี้ใชเ้ พื่อสารวจความพึงพอใจต่อการใชเ้ วชระเบียนผปู้ ่วยในตามแนวคดิ LEAN เทา่ น้นั

ข้อมลู ท่วั ไป

1. สถานะผตู้ อบแบบสอบถาม

พยาบาลวิชาชพี ผู้ชว่ ยเหลือคนไข้

2. สถานทีป่ ฏิบัตงิ าน

งานผู้ปว่ ยใน 1 งานผ้ปู ่วยใน 2 งานผู้ปว่ ยใน 3 งานผู้คลอด

3. ความพึงพอใจ

คาอธิบายระดับการประเมิน

ระดบั 1 หมายถึง พึงพอใจนอ้ ยท่สี ดุ ระดับ 2 หมายถึงพึงพอใจนอ้ ย

ระดบั 3 หมายถึง พงึ พอใจปานกลาง ระดับ 4 หมายถึงพึงพอใจมาก

ระดบั 3 หมายถงึ พงึ พอใจมากท่ีสดุ ระดับ 2 หมายถึงพงึ พอใจน้อย

หัวขอ้ ประเมนิ ระดับการประเมนิ
1 2 3 45
ดา้ นคณุ ภาพของเวชระเบยี นตามแนวคดิ LEAN
ความครอบคลุมของแบบเวชระเบียน
ความถูกตอ้ งของแบบเวชระเบียน
ระยะเวลาในการพิมพ์เวชระเบียน
ความสะดวกในการพมิ พ์เวชระเบยี น
ความพงึ พอใจในภาพรวม

ดา้ นการบรกิ ารของเจ้าหน้าท่ี
ความรวดเร็วในการบริการแก้ไขปญั หา
การอธิบาย/ชีแ้ จงแนวทางการพิมพ์เวชระเบยี น
ความพึงพอใจในภาพรวม

การพัฒนารูปแบบการจัดทาเวชระเบียนตามแนวคดิ Lean 58

กาหนดการจัดทาวจิ ยั : การพัฒนารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคิด Lean
วันท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐

ณ หอ้ งสมุด(ป.อ.ปยตุ ฺโต)ฺ ช้ัน ๓ โรงพยาบาลศรีประจันต์

เวลา ศกึ ษารูปแบบเวชระเบยี นผู้ป่วยในทั้งหมด
๐๙.๐๐ น. – ๑๐.๓๐ น. พักรับประทานอาหารวา่ ง
๑๐.๓๐ น. – ๑๐.๔๕ น. ข้ันตอนการจัดทาเวชระเบียนของงานพยาบาลผปู้ ว่ ยใน
๑๐.๔๕ น. – ๑๒.๐๐ น. - การจดั ทาชดุ เวชระเบียน
- ข้นั ตอนการรับผู้ป่วยใหมเ่ ข้านอนพักรักษาในโรงพยาบาล
๑๒.๐๐ น. – ๑๓.๐๐ น. พกั รบั ประทานอาหารกลางวัน
๑๓.๐๐ น. – ๑๔.๓๐ น. แนวคิดระบบ Lean
๑๔.๓๐ น. – ๑๔.๔๕ น. พักรับประทานอาหารว่าง
๑๔.๔๕ น. – ๑๖.๐๐ น. ระดมสมองเพอื่ ลดการจัดทาเวชระเบียนผูป้ ่วยใน

วันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐
ณ หอ้ งสมดุ (ป.อ.ปยตุ โฺ ต)ฺ ชั้น ๓ โรงพยาบาลศรปี ระจันต์

เวลา จัดทาชุดคาสั่ง My_sql เพอื่ ออกแบบเวชระเบียนสาหรับการพิมพ์
๐๙.๐๐ น. – ๑๐.๓๐ น. จากคอมพวิ เตอร์
พักรบั ประทานอาหารวา่ ง
๑๐.๓๐ น. – ๑๐.๔๕ น. นาเสนอรปู แบบเวชระเบยี นท่ีพิมพจ์ ากคอมพวิ เตอร์เพื่อตรวจสอบ
๑๐.๔๕ น. – ๑๒.๐๐ น. ความถูกต้องตามมาตรฐานการพยาบาล
พกั รับประทานอาหารกลางวัน
๑๒.๐๐ น. – ๑๓.๐๐ น. ทดสอบการพิมพเ์ วชระเบียนในงานผ้ปู ่วยใน เพือ่ คน้ หาปญั หาการใช้งาน
๑๓.๐๐ น. – ๑๔.๓๐ น. พกั รับประทานอาหารวา่ ง
๑๔.๓๐ น. – ๑๔.๔๕ น. จดั เตรยี มอุปกรณ์เพอ่ื รองรบั การใช้งานจริง
๑๔.๔๕ น. – ๑๖.๐๐ น.

การพฒั นารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคดิ Lean 59

วันท่ี ๖ มถิ ุนายน ๒๕๖๐
ณ หอ้ งสมดุ (ป.อ.ปยุตโฺ ตฺ) ชั้น ๓ โรงพยาบาลศรปี ระจันต์

เวลา รับฟังความคิดเห็นจากผเู้ กยี่ วขอ้ งในการใช้งานเพื่อเตรยี มการแก้ไขป้ ญั หา
๐๙.๐๐ น. – ๑๐.๓๐ น. พกั รับประทานอาหารว่าง
๑๐.๓๐ น. – ๑๐.๔๕ น. สรปุ ข้อดี-ขอ้ ดอ้ ยของการพมิ พ์เวชระเบียนด้วยคอมพวิ เตอร์
๑๐.๔๕ น. – ๑๒.๐๐ น. พกั รับประทานอาหารกลางวัน
๑๒.๐๐ น. – ๑๓.๐๐ น. นาเสนอขั้นตอนการพิมพ์เวชระเบียนจากคอมพิวเตอร์
๑๓.๐๐ น. – ๑๔.๓๐ น. พักรบั ประทานอาหารวา่ ง
๑๔.๓๐ น. – ๑๔.๔๕ น. นาเสนอข้นั ตอนการพิมพเ์ วชระเบียนจากคอมพวิ เตอร์(ต่อ)
๑๔.๔๕ น. – ๑๖.๐๐ น.

วนั ท่ี ๘ มิถุนายน ๒๕๖๐
ณ หอ้ งสมุด(ป.อ.ปยุตโฺ ต)ฺ ช้ัน ๓ โรงพยาบาลศรปี ระจันต์

เวลา รับฟงั ความคิดเหน็ จากผเู้ ก่ียวขอ้ งเพ่ือรองรบั ปัญหากรณเี ครอื ข่ายขัดข้อง
๐๙.๐๐ น. – ๑๐.๓๐ น. พกั รับประทานอาหารวา่ ง
๑๐.๓๐ น. – ๑๐.๔๕ น. ประเมนิ ผลกระทบในการพิมพ์เวชระเบยี นจากคอมพวิ เตอร์
๑๐.๔๕ น. – ๑๒.๐๐ น. - ระยะเวลาการจดั ทาเวชระเบียนสาหรับการรบั ผูป้ ่วยใหม่
- สถานที่การจดั เก็บเวชระเบียน
๑๒.๐๐ น. – ๑๓.๐๐ น. - บุคลากรในการจดั ทาแบบเวชระเบยี น
๑๓.๐๐ น. – ๑๔.๓๐ น. - งานอน่ื ๆ ที่เกีย่ วข้อง
พักรบั ประทานอาหารกลางวัน
๑๔.๓๐ น. – ๑๔.๔๕ น. สรุปผลการดาเนินงานการพัฒนารูปแบบการจดั ทาเวชระเบยี น
๑๔.๔๕ น. – ๑๖.๐๐ น. ตามแนวคดิ Lean
พักรบั ประทานอาหารวา่ ง
จดั ทารปู แบบการนาเสนอต่อผ้บู ริหาร

การพัฒนารปู แบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคดิ Lean 60

ประวัติคณะผู้วจิ ยั

1. ชอ่ื - นามสกลุ นายวีระพล บญุ เรอื งโรจน์
ชือ่ - นามสกลุ Mr. Weerapon Boonreangroj

2. ตาแหน่งปจั จบุ นั นักวิชาการสาธารณสุขชานาญการ
3. หนว่ ยงานและสถานทีอ่ ยู่ที่ติดต่อได้สะดวก โรงพยาบาลศรีประจันต์

หมายเลขโทรศัพท์ 035-581-750 ตอ่ 227 โทรศัพท์มอื ถือ 084-331-1127
โทรสาร 035-581-204 E-mail [email protected]
4. ประวัติการศึกษา สาธารณสุขศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
สาขา สาธารณสขุ ศาสตร์ ปีท่จี บการศกึ ษา 2549
5. งานวิจัยท่ีเกย่ี วข้องและทาเสรจ็ แลว้ : ช่อื ผลงานวจิ ยั Si Prachan Exclusive breastfeeding ปีทพ่ี มิ พ์
2556 การเผยแพร่ การประชมุ วิชาการอนามยั แม่และเดก็ ครงั้ ที่ 5

การพัฒนารูปแบบการจัดทาเวชระเบยี นตามแนวคดิ Lean 61

ประวัติคณะผู้วจิ ัย

1. ช่อื - นามสกลุ นางสาวสพุ รรณิกา อบุ ลบาน
ช่ือ - นามสกลุ Miss. Suphannika Ubolban

2. ตาแหน่งปัจจบุ นั นักวิชาการสาธารณสุขชานาญการ
3. หนว่ ยงานและสถานท่ีอยู่ท่ตี ดิ ตอ่ ได้สะดวก โรงพยาบาลศรีประจันต์

หมายเลขโทรศัพท์ 035-581-750 ตอ่ 227 โทรศัพท์มอื ถือ 081-705-6674
โทรสาร 035-581-204 E-mail [email protected]
4. ประวตั ิการศึกษา วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (สาธารณสุขศาสตร์) สาขา สุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลยั มหิดล ปที ่ีจบการศกึ ษา 2553
5. งานวจิ ัยท่เี กี่ยวข้องและทาเสร็จแล้ว : การประยกุ ตท์ ฤษฎแี รงจงู ใจเพื่อสง่ เสริมพฤติกรรมการแปรงฟนั ของ
นักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4-5 อาเภอศรีประจนั ต์ จังหวดั สุพรรณบุรี 2553 การเผยแพร่ การประชมุ
วชิ าการสาธารณสุข วิทยาลัยการสาธารณสขุ สิรนิ ธรชลบรุ ี

ประสิทธิภาพและ
ประสทิ ธิผลของรปู แบบการ
ดาเนินงานดูแลสขุ ภาพ
ผู้สูงอายุ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี



ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของรปู แบบการดาเนินงาน
ดแู ลสขุ ภาพผ้สู ูงอายุ จงั หวัดสุพรรณบรุ ี

สวุ มิ ล ปานะชา
เพช็ รน้อย ศรีผุดผ่อง

สานักงานสาธารณสุขจังหวดั สพุ รรณบุรี
ปี พ.ศ. 2561

Efficiency and Effectiveness of the Elderly Health Care
Operation Model, Suphanburi Province

Suvimon Panacha
Petchnoi Sriputphong

Suphanburi Public Health Center
2018



บทคดั ยอ่

การวิจัยและพัฒนา (The Research and Development – R&D) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
ประสิทธิผลของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจังหวัดสุพรรณบุรีภายหลังการเพ่มิ ประสิทธิภาพ
การดาเนินงาน แบ่งการศึกษาออกเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 ศึกษาบริบท สภาพ ปัญหา และอุปสรรคของ
รูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของจังหวัดสุพรรณบุรี (R1) ระยะเวลาการศึกษา พ.ศ.2557 –
2559 โดยศึกษาจากเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก การอภิปรายกลุ่ม และแบบสอบถาม ระยะท่ี 2 ระยะ
พัฒนา (D) แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก (D1) การค้นหาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบ
การดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และขั้นตอนท่ีสอง (D2) จัดทากรอบข้อเสนอในการเพ่ิมประสิทธิภาพ
รูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ระยะเวลาการศึกษา พ.ศ.2559-2560 ระยะที่ 3 ระยะวิจัย
และประเมินผล (R2) เป็นการทดลองใช้รูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุท่ีพัฒนาประสิทธิภาพ
และศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจังหวัดสุพรรณบุรีภายหลังการเพิ่ม
ประสิทธิภาพ ระยะเวลาการศึกษา พ.ศ.2560 -2561 และระยะที่ 4 การสรุปผลการวิจัย ระยะเวลา
การศึกษาปี พ.ศ. 2561 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยประกอบด้วย ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
จากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เครื่องมือในการศึกษา ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ก่ึงมีโครงสร้าง แนวคาถามในการ
อภิปรายกลุ่มแบบกึ่งมีโครงสร้าง แบบสอบถาม และแบบรวบรวมข้อมูลผลการดาเนินงานจากคลังข้อมูล
สุขภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) ได้แก่ ความถ่ี ร้อยละ
ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเทคนิคตารางไขว้ และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เน้ือหา
(Content Analysis) ผลการศึกษาพบว่า

1. การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพรูปแบบการดาเนนิ งานดแู ลสุขภาพผู้สงู อายุ จากตวั แบบการดาเนนิ งาน
ดแู ลสขุ ภาพผ้สู งู อายุระดับจงั หวัด (Provincial Model) ควรเพ่ิมประเดน็ การเขา้ ถึงยาและบรกิ ารทจี่ าเปน็

2. ประสิทธิผลของรูปแบบการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจังหวัดสุพรรณบุรีภายหลังการ
เพ่ิมประสิทธิภาพ ด้านผลการดาเนินงาน (Output) (1) ผลการดาเนินงานคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุใน
ภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มสูงข้ึน (2) ผลการดาเนินกิจกรรมดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ พบว่า ประเด็นที่มีการ
ดาเนินงาน และเจ้าหน้าที่ให้ความสาคัญมากที่สุดคือ การมอบนโยบายและแนวทางการดาเนินงาน
การส่งเสริมการมสี ่วนร่วมของชุมชมในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุทั้งด้านกาลงั คน และงบประมาณ การจัดทา
แนวทางให้บริการ และมีการส่ือสารช่องทางด่วนเพื่อให้ความรู้และคาแนะนาโดยตรงแก่ผู้สูงอายุและญาติ
ด้านผลลัพธ์ (Outcome) (1) ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจในภาพรวมต่อรูปแบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
ในระดบั มากทส่ี ดุ และ (2) แนวโน้มของผูส้ ูงอายุทม่ี ีความสามารถในการประกอบกจิ วัตรประจาวนั เพม่ิ ขึน้

ข้อเสนอแนะจากการวิจัยคือ การเพิ่มมาตรการการจัดบรกิ ารเชิงรุก และการปอ้ งกันปญั หาการดแู ล
ระยะยาว ส่งเสรมิ การมีสว่ นร่วมของชุมชม และสร้างแนวทางและนวตั กรรมใหมๆ่ ในการดาเนินงาน
คำสำคัญ: กำรพัฒนำรูปแบบกำรดแู ลสขุ ภำพผู้สูงอำยุ ประสิทธภิ ำพ ประสทิ ธิผล



กติ ตกิ รรมประกาศ

รายงานการวจิ ัยฉบับน้ีสามารถดาเนนิ การใหส้ าเร็จได้ โดยความกรณุ าและความช่วยเหลือเป็น
อย่างดีย่ิงจากความร่วมมือของบุคลากรและเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข ผู้รับผิดชอบงานจากหน่วยงานท่ี
เก่ียวขอ้ ง ได้แก่ พฒั นาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จงั หวัด ท้องถ่ินจังหวัด เทศบาล องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ิน แกนนา อสม. แกนนาผู้สูงอายุ และผู้แทนของหน่วยงานในสังกัดสานักงานสาธารณสุข
จังหวัดแต่ละระดับ ผู้แทนจากเครือข่ายต่างๆ ในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้อง
ทกุ ทา่ นท่ีกรณุ าใหค้ วามรว่ มมือในครง้ั น้ี

ขอขอบคุณสานักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี คณะกรรมการจริยธรรมวิจัยท่ีสนับสนุน
และให้คาแนะนาในการวิจัยคร้ังน้ี ขอขอบคุณผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกท่านท่ีให้กาลังใจและสนับสนุน
การดาเนินการวิจัยมาโดยตลอด คุณประโยชน์จากการวิจัยครั้งน้ีขอมอบแด่บิดา มารดา นายแพทย์
สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี สาธารณสุขอาเภอ ผู้รับผิดชอบงานจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่
พัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์จังหวัด ท้องถ่ินจังหวัด เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
แกนนา อสม. แกนนาผู้สูงอายุ และผู้แทนของหน่วยงานในสังกัดสานักงานสาธารณสุขจังหวัดแต่ละ
ระดับและผู้ทีเ่ กย่ี วข้องทุกท่านทเี่ ขา้ รว่ มดาเนินการวจิ ัย ตลอดจนผมู้ ีอปุ การคณุ ทกุ ทา่ น

คณะผู้วิจัยรู้สึกซาบซ้ึงในความเสียสละและความร่วมมือของทุกท่านที่ทาให้โครงการวิจัยน้ี
เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษาวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์และนาไปใช้เป็นแนวทางใน
อันที่จะทาให้การดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในจังหวัดสพุ รรณบุรีมีประสิทธภิ าพ และประสิทธิผล
ย่งิ ขนึ้ ตอ่ ไป

สุวมิ ล ปานะชา
เพช็ รน้อย ศรีผดุ ผอ่ ง

มกราคม 2562

ABSTRACT

The objectives of this research and development ( R&D) were to evaluate the
effectiveness of elderly health care operation in Suphanburi Province after increasing
level of the efficiency. The study consisted of four phrases. In the first phrase, the
related context, problem, and obstacles of elderly health care operation in Suphanburi
Province (R1) were studied during 2014 to 2016. The study was conducted using
document study, in-depth interview, group discussion, and questionnaire. In the
second phrase, the development stage (D) was applied. The first step of development
stage (D1) was to specify the approach to increase the efficiency development of the
elderly health care operation, and the second step (D2) was to draw the proposal
framework related to increasing the efficiency development of the elderly health care
operation during 2016 to 2017. In the third phrase, the research and evaluation (R2)
was applied. In this phrase, was an experiment to use the elderly health care model
to improve efficiency and to study the effectiveness of the elderly health care
operation model in Suphanburi Province after increasing level of the efficiency
development during 2014 to 2016. And, the final phrase 4 was the phase of the
conclusion of the research study conducted in 2018. The research target group consists
of executives, practitioners, stakeholders from related agencies. The research
instrument included semi-structured interview, semi-structured group discussion, and
data collection from Health Data Center. Quantitative data analyses were used
percentage, mean, standard deviation, and cross-tabulation and content analysis for
qualitative data.

The study revealed two main points as follows;
1. The increase of effectiveness of elderly health care operation from the
provincial model proved that the access to essential medicine and services was
necessary.
2. The output derived from the effectiveness of elderly health care operation
in Suphanburi Province after increasing level of the efficiency were the development
in elderly health care screening, and the main points raised by officers were policy and
strategy implementation related to health promotion. And, for the outcome of this



study were the high level of satisfaction toward the overall model of elderly health
care, and the elderly tended to increase their daily activities.

The suggestions toward further study were to increase measure level of
proactive service, and prevent problem related to long term care, also, to stimulate
the level of participation of community, and to create new approaches and
innovations in operations.
Key word: the Elderly Health Care Operation Model Efficiency Effectiveness

สารบัญ หนา้

บทคดั ย่อ ข
กิตตกิ รรมประกาศ ค
ABSTRACT ง
สารบัญ จ
สารบัญตาราง ฉ
สารบญั แผนภาพ ช
คายอ่ ๑
บทที่ ๑ บทนา ๑
6
ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา 6
วัตถุประสงค์ 8
ขอบเขตของการศึกษา 9
ขอ้ จากดั ของการวิจัย 10
กรอบแนวคิดในการวิจัย 12
นยิ ามศัพท์ปฏิบตั กิ าร 13
ประโยชน์ท่ีได้รับจากการวจิ ัย 13
บทท่ี ๒ การทบทวนวรรณกรรม 30
แนวคิดทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องการการดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุ 35
แนวคิดในการวเิ คราะหป์ ัจจยั แวดลอ้ มท่ผี ลต่อการดาเนนิ งานดแู ลสขุ ภาพ
ผสู้ ูงอายุ 47
แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกบั ประสิทธิภาพและประสิทธิผล และตวั แบบการ ๕๐
ประเมนิ ผลเชิงระบบ (Input Output Model หรือ System Approach 61
Model) 61
แนวคิดการวิจยั และการพัฒนา (Research and Development – R&D) 65
ผลงานวจิ ัยท่เี กี่ยวข้อง 70
บทท่ี ๓ ระเบียบวธิ ีวิจยั 73
ประชากรและตัวอยา่ ง 76
แบบของการวจิ ยั
เครื่องมอื ในการวิจยั
การเก็บรวบรวมข้อมลู
การวิเคราะห์ และแปลผลขอ้ มลู



สารบญั (ต่อ)

บทที่ ๔ บรบิ ทของรูปแบบการดาเนินงาน และแนวทางในการเพ่ิมประสิทธภิ าพ หนา้
รปู แบบการดาเนนิ งานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 78
ส่วนที่ 1 การศึกษาบริบท สภาพ ปัญหา และอุปสรรคของรูปแบบการ
ดาเนินงานดแู ลสขุ ภาพผ้สู งู อายขุ องจงั หวัดสุพรรณบรุ ี 78
สว่ นที่ ๒ การค้นหาแนวทางการเพิม่ ประสิทธิภาพรูปแบบการดาเนินงานดูแล
สุขภาพผู้สูงอายุของจังหวดั สุพรรณบุรี 90
ส่วนที่ 3 การจัดทากรอบข้อเสนอในการเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบการ
ดาเนินงานดแู ลสขุ ภาพผ้สู ูงอายุ และสรปุ ตัวแบบทใ่ี ช้ 98
ส่วนท่ี 4 การจัดทาแนวทางการดาเนินงานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุภายหลังการ
เพิม่ ประสิทธิภาพ 115

บทที่ ๕ การประเมนิ ประสิทธผิ ลของรปู แบบการดาเนนิ งานดแู ลสุขภาพผู้สูงอายุ 128
สว่ นท่ี 1 ผลการดาเนินงาน (Output) 128
ส่วนท่ี 2 การประเมินผลลัพธ์(Outcome) 145
154
บทท่ี 6 สรุป การอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 15๕
สรปุ ผลการวจิ ยั 16๐
การอภปิ รายผล 17๘
ข้อเสนอแนะจากการวิจยั 18๔

บรรณานุกรม 19๓
ภาคผนวก 19๗
20๓
ก แนวคาถามในการสัมภาษณ์เชงิ ลึก 20๗
ข แบบสอบถามสภาพแวดลอ้ มภายนอกท่ีมีผลต่อประสิทธภิ าพการดาเนินงานฯ 2๐๙
ค แนวคาถามในการอภิปรายกลุ่ม 21๕
ง ตารางการวเิ คราะห์ปจั จยั ใน และปัจจัยภายนอก 2๑๘
จ แบบสอบถามการปฏิบตั แิ ละความคดิ เหน็ ต่อความสาคัญของการดาเนนิ งานฯ 24๑
ฉ แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อรปู แบบการจดั บริการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
ซ ผลการศึกษา (รายละเอียดประกอบ)
ประวตั ิย่อผวู้ จิ ัย



สารบญั ตาราง

ตารางที่ จำนวนผรู้ ว่ มกำรอภปิ รำยกลุ่ม (Group Discussion) จำแนกตำมสำยงำน หนา้
3.1 ประชำกรผสู้ งู อำยุ และตวั อย่ำงในกำรวจิ ยั 63
3.2 กำรออกแบบกำรวิจยั 65
3.3 สรปุ ปัจจัยภำยนอกท่ีสำคัญ 10 อันดบั แรก 67
4.1 สรปุ ผลกำรวิเครำะหป์ ัจจยั ภำยใน 91
4.2 สรุปขอ้ เสนอในกำรแก้ปญั หำหรือพฒั นำแนวทำงกำรดำเนนิ งำน 92
4.3 แนวทำงกำรดำเนินงำนดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุตำมข้อเสนอท่ี 1: สร้ำง 104
4.5 นวัตกรรม และกิจกรรมท่ีโดดเด่นในกำรดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุในตำบลดูแล 116
สุขภำพผสู้ ูงอำยรุ ะยะยำว
4.6 สรุปมำตรกำรและกิจกรรมในกำรขับเคลื่อนกำรดำเนินงำนดูแลสุขภำพ 123
5.1 ผสู้ ูงอำยุ 129
5.2 รอ้ ยละผลกำรคัดกรองสุขภำพผู้สูงอำยุ 10 เรื่อง ปี 2559 - 2561 131
5.3 จำนวนและรอ้ ยละของข้อมูลทว่ั ไปของบุคลำกรสำธำรณสุข 136
จำนวน และร้อยละของกำรปฏิบัติตำมกิจกรรมดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุด้ำน
5.4 กำรพัฒนำรูปแบบกำรบริกำร และระดับควำมคิดเห็นต่อควำมสำคัญของ 137
กำรดำเนนิ งำน
5.5 จำนวน และร้อยละของกำรปฏิบัติตำมกิจกรรมดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุด้ำน 139
5.6 กำรพัฒนำกำลังคน และระดับควำมคิดเห็นต่อควำมสำคัญของกำร 139
ดำเนนิ งำน
5.7 จำนวน และร้อยละของกำรปฏิบัติตำมกิจกรรมดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุด้ำน 142
กำรเงนิ กำรคลัง และระดบั ควำมคดิ เห็นต่อควำมสำคญั ของกำรดำเนนิ งำน
5.8 จำนวน และร้อยละของกำรปฏิบัติตำมกิจกรรมดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุด้ำน 143
กำรพัฒนำระบบกำรจัดกำร และระดับควำมคิดเห็นต่อควำมสำคัญของ
5.9 กำรดำเนนิ งำน 145
จำนวน และร้อยละของกำรปฏบิ ัตติ ำมกิจกรรมดแู ลสุขภำพผสู้ ูงอำยุด้ำน
กำรพฒั นำระบบกำรสือ่ สำรสำธำรณะ และระดับควำมคดิ เห็นต่อ
ควำมสำคัญของกำรดำเนินงำน
จำนวน และร้อยละของกำรปฏบิ ตั ิตำมกิจกรรมดูแลสุขภำพผู้สงู อำยุดำ้ น
กำรพฒั นำระบบยำ และบริกำรที่จำเปน็ และระดับควำมคิดเห็นตอ่
ควำมสำคญั ของกำรดำเนินงำน
จำนวนและร้อยละของข้อมลู ทวั่ ไปของผสู้ งู อำยุ

จช

สารบญั ตาราง (ต่อ)

ตารางที่ คำ่ รอ้ ยละ คะแนนเฉลย่ี ส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำน และระดับควำมพงึ พอใจ หน้า
5.10 ของผู้สูงอำยุต่อรปู แบบกำรดูแลสุขภำพผสู้ งู อำยุ 148
ผลกำรประเมินควำมสำมำรถในกำรประกอบกิจวตั รประจำวันของผู้สงู อำยุ
5.11 (ADL) 152
ผ1 คำ่ ควำมเปน็ ไปได้และผลกระทบต่อประสทิ ธภิ ำพกำรดำเนินงำนดูแล 2๑๘
ผ2 สุขภำพผสู้ งู อำยจุ ำกกลมุ่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 22๑
ผ3 ผลกำรวิเครำะห์Cross -Matrix Analysisด้ำนรูปแบบบริกำร กับปัจจัย 22๔
ผ4 ภำยนอก 22๕
ผ5 ผลกำรวิเครำะห์Cross -Matrix Analysisด้ำนบุคลำกรสำธำรณสุข กับ 22๖
ผ6 ปัจจัยภำยนอก 2๒๘
ผ7 ผลกำรวิเครำะห์Cross -Matrix Analysisด้ำนระบบสำรสนเทศ กับปัจจัย 2๒๙
ผ8 ภำยนอก 23๐
ผ9 ผลกำรวิเครำะห์Cross -Matrix Analysisด้ำนกำรเข้ำถึงยำ/บริกำรที่จำเป็น 23๐
ผ 10 กับปจั จัยภำยนอก 23๑
ผ 11 ผลกำรวิเครำะห์Cross -Matrix Analysis ด้ำนระบบกำรเงินกำรคลัง กับ 23๑
ผ 12 ปจั จยั ภำยนอก 23๒
ผ 13 ผลกำรวิเครำะห์Cross -Matrix Analysisภำวะผู้นำและกำรอภิบำลระบบกับ 23๓
ผ 14 ปัจจยั ภำยนอก 23๔
ผ 15 กำรประยกุ ตใ์ ช้ ERIC-SAPในกำรขบั เคลอ่ื นตำมขอ้ เสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอที่ 1 23๕
ผ 16 กำรประยุกต์ใช้ ERIC-SAPในกำรขบั เคลอ่ื นตำมข้อเสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอท่ี 2 23๖
ผ 17 กำรประยุกต์ใช้ ERIC-SAPในกำรขับเคลอื่ นตำมข้อเสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอที่ 3 2๓๗
ผ 18 กำรประยุกตใ์ ช้ ERIC-SAPในกำรขับเคลอ่ื นตำมขอ้ เสนอนโยบำย: ข้อเสนอที่ 4 2๓๘
ผ 19 กำรประยกุ ต์ใช้ ERIC-SAPในกำรขับเคลอ่ื นตำมข้อเสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอท่ี 5 2๓๙
ผ 20 กำรประยุกตใ์ ช้ ERIC-SAPในกำรขบั เคลื่อนตำมขอ้ เสนอนโยบำย: ข้อเสนอที่ 6 24๐
ผ 21 กำรประยกุ ตใ์ ช้ ERIC-SAPในกำรขับเคลื่อนตำมข้อเสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอท่ี 7 24๐
กำรประยุกต์ใช้ ERIC-SAPในกำรขับเคลอ่ื นตำมขอ้ เสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอท่ี 8
กำรประยกุ ต์ใช้ ERIC-SAPในกำรขบั เคล่ือนตำมข้อเสนอนโยบำย: ข้อเสนอที่ 9
กำรประยกุ ต์ใช้ ERIC-SAPในกำรขับเคล่อื นตำมข้อเสนอนโยบำย: ข้อเสนอท่ี 10
กำรประยุกตใ์ ช้ ERIC-SAPในกำรขบั เคล่ือนตำมข้อเสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอท่ี 11
กำรประยุกตใ์ ช้ ERIC-SAPในกำรขบั เคลื่อนตำมขอ้ เสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอที่ 12
กำรประยกุ ต์ใช้ ERIC-SAPในกำรขับเคลอื่ นตำมข้อเสนอนโยบำย: ขอ้ เสนอที่ 13
กำรประยุกตใ์ ช้ ERIC-SAPในกำรขับเคลื่อนตำมข้อเสนอนโยบำย: ข้อเสนอท่ี 14



สารบัญแผนภาพ

แผนภาพที่ หนา้
๑.1 สดั ส่วนประชำกรสูงอำยุ จำแนกตำมเพศ และกลุ่มชว่ งวัย 2
1.๒ กรอบแนวคิดในกำรศึกษำ 9
2.1 รูปแบบกำรดำเนนิ งำนดูแลผสู้ ูงอำยุระดับจังหวดั (Provincial Model) 25
2.2 กรอบแนวคิดระบบสขุ ภำพขององค์กำรอนำมัยโลก (The WHO Health 31
System Framework) 46
48
2.3 รูปแบบกำรประเมินเชิงระบบ 49
2.4 กระบวนกำรวิจยั และพฒั นำ (R&D Process) 84
2.5 องค์ประกอบของกำรวิจยั และพัฒนำ (R&D) 85
4.1 ผลกำรศึกษำปัจจยั ภำยนอก: จำแนกบรบิ ทตำมปญั หำ PESTLE รำยดำ้ น 100
4.2 ผลกำรศึกษำปัจจัยภำยนอก: จำแนกตำมบริบทในกำรวิเครำะห์ PESTLE 115
116
Analysis
123
4.3 ตวั อยำ่ งกำรวิเครำะห์ Cross -Matrix Analysisปจั จยั ภำยนอกและภำยใน
4.4 รปู แบบกำรดำเนนิ งำนดสู ขุ ภำพผู้สงู อำยรุ ะดบั จังหวดั จงั หวดั สุพรรณบุรี
4.5 แนวทำงกำรดำเนินงำนดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุตำมข้อเสนอท่ี 1: สร้ำง

นวัตกรรมและกิจกรรมที่โดดเด่นในกำรดูแลสุขภำพผู้สูงอำยุในตำบลดูแล
สขุ ภำพผู้สูงอำยรุ ะยะยำว
4.6 สรุปมาตรการและกิจกรรมในการขับเคลื่อนการดาเนินงานดูแลสุขภาพ
ผู้สงู อายุ

กศน. ช

คปสอ. คายอ่
ผอ.รพ.สต.
พมจ. ศนู ยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำม
รพ.สต. อธั ยำศัย
รพช. คณะกรรมกำรประสำนงำนสำธำรณสขุ อำเภอ
รพท. ผู้อำนวยกำรโรงพยำบำลสง่ เสรมิ สขุ ภำพตำบล
รพศ. พฒั นำสังคมและควำมมัน่ คงของมนษุ ยจ์ ังหวดั
ศสม. โรงพยำบำลส่งเสริมสขุ ภำพตำบล
อบจ. โรงพยำบำลชมุ ชน
อบต. โรงพยำบำลทัว่ ไป
อปท. โรงพยำบำลศูนย์
อสม. ศนู ย์สขุ ภำพชุมชนเมือง
ADL องค์กำรบรหิ ำรส่วนจังหวัด
dBPop องค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบล
LTC องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
NCD อำสำสมัครสำธำรณสุข
PCA Activity Daily Living
PCU Database Population
WM Long Term Care
Non communicable Disease
Primary Care Award
Primary Care Unit
Web Manager

บทที่ ๑
บทนำ

ควำมเป็นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ

ภายหลังจากยุค “Baby Boom” ซึ่งเป็นยุคที่ประชากรท่ีเกิดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หรือประมาณปี พ.ศ.2489 – 2507 มีจานวนมาก ทาให้โครงสร้างทางประชากรมีการเปล่ียนแปลง
เนื่องจากหลายๆ ประเทศท่ัวโลก รวมท้ังประเทศไทยได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการเพ่ิมจานวน
ประชากร เพื่อเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาและฟื้นฟูประเทศหลังเหตุการณ์สงคราม ประกอบกับ
สภาพการเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศท่ัวโลก รวมท้ังการพัฒนาทางด้าน
เทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ีดี ทาให้ประชาชนมีอายุยืนยาวข้ึน จากการเคลื่อนไหวของ
ประชากรกลุ่มดงั กล่าวจนถึงปจั จุบัน (พ.ศ.2559) จะพบว่าส่วนใหญ่เข้าสูว่ ัยผูส้ ูงอายุแลว้ และอีกส่วน
หนึ่งกาลังก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ ผลที่ตามมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและขนาดของประชากร
อันเน่ืองมาจากการลดลงของอัตราตายและอัตราเกิดอย่างต่อเน่ือง ทาให้สัดส่วนของประชากรสูงอายุ
เพ่ิมสูงข้ึน โดยในประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุมานานกว่า 40-50 ปี
เช่น ฝรงั่ เศส สวีเดน สหรัฐอเมรกิ า อิตาลี และญ่ปี ุ่น สว่ นประเทศกาลังพฒั นา เช่น เกาหลี สิงคโปร์ จีน
อินโดนีเซีย บรูไน ไทย และเวียดนาม ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้วในช่วง 5 ปีเศษที่ผ่านมา
(สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2553: 9)

โครงสร้างด้านประชากรของประเทศไทยเข้าสู่การเป็น "สังคมสูงวัย" (Aged society) ตั้งแต่
ปี 2548 ตามการแถลงข่าวของผู้อานวยการสานักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า สดั สว่ นประชากรอายุ 60 ปี
ขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 10 และตามการคาดประมาณประชากรของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์”
(Complete aged society) เม่ือประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 20 ของประชากร
ท้ังหมด และในปี 2574 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super aged society)
เมื่อประชากรอายุ 60 ปีข้ึนไป มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด และจากผลจากการ
สารวจประชากรไทย มีจานวน 67.6 ล้านคน ในปี 2560 เป็นชาย 33 ลา้ นคน และหญิง 34.6 ล้าน
คน มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไป 11.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.7 ของประชากรทั้งหมด เป็นชาย
5.08 ล้านคน (ร้อยละ 15.4) และหญิง 6.23 ล้านคน (ร้อยละ 18.0) เม่ือแบ่งกลมุ่ ผู้สงู อายุออกเป็น
3 ช่วงวัย คือ ผู้สูงอายุวัยต้น (อายุ 60-69 ปี) ผู้สูงอายุวัยกลาง (อายุ 70-79 ปี) และผู้สูงอายุวัย
ปลาย (อายุ 80 ปีข้ึนไป) จะพบว่า ผู้สูงอายุของไทยส่วนใหญ่จะมีอายุอยู่ในช่วงวัยต้นร้อยละ 57.4
ของผู้สูงอายุท้ังหมด (แผนภาพท่ี ๑) เม่ือพิจารณาถึงแนวโน้มอัตราของผู้สูงอายุ หมายถึง อัตราส่วน
ของผู้สูงอายุต่อประชากรท้ังสิ้น 100 คน จะพบว่า เพ่ิมข้ึนอย่างเห็นได้ชัด (จากร้อยละ 6.8 ในปี
2537 เพ่ิมขึ้นเป็นร้อยละ 9.4 ในปี 2545 เป็นร้อยละ 10.7 ในปี 2550 ร้อยละ 12.2 ในปี
2554 ร้อยละ 14.9 ในปี 2557 และเพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ 16.7 ในปี 2560) (ไทยโพสต์, (2561:
Online)



แผนภำพที่ ๑.1 สดั สว่ นประชากรสงู อายุ จาแนกตามเพศ และกลมุ่ ชว่ งวยั
ท่ีมำ: สานักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสารวจประชากรสงู อายุในประเทศไทย พ.ศ. 2560.

สานักงานสถิติแห่งชาติ. กระทรวงดิจิทัลเพอ่ื เศรษฐกิจและสังคม, 2561.
จากการเปล่ียนแปลงสถานการณ์ด้านประชากรของโลก และประเทศไทยที่พบว่าความเร็วของ

การสูงอายุทางประชากรเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มการเพ่ิมข้ึนของผู้สูงอายุวัยปลาย (อายุ
80 ปีข้ึนไป) ผลการสารวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ.๒๕๖๐ พบว่า ผู้สูงอายุ (อายุ ๖๐ ปี
ข้ึนไป) นอกจากจะมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่องยังพบว่า ดัชนีการสูงอายุมีการเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง
โดยจากร้อยละ 22.6 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 97.0 ในปี 2560 เช่นเดียวกันกับอัตราส่วนพ่ึงพิงวัย
สูงอายุเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 10.7 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 25.3 ในปี 2560 ในขณะที่
อัตราส่วนเกื้อหนุนลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 9.3 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 3.9 ในปี 2560
(สานักงานสถิติแหง่ ชาติ, 2561: xi) กลมุ่ ผสู้ ูงอายวุ ัยปลายอาจต้องเป็นกลุ่มท่ีตอ้ งพึ่งพาผู้อื่นทง้ั ในด้าน
เศรษฐกิจ สังคม และการทากิจวัตรประจาวันมีแนวโน้มเพ่ิมมากขึ้น ทาให้ประเด็นผู้สูงอายุนับว่ามี
ความสาคัญต่อความมั่นคงทางสังคมของประเทศ และส่งผลต่อความเสียเปรียบเชิงเศรษฐกิจตามมา
จากความจาเป็นท่ีภาครัฐและครัวเรือนจะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดูแลและพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตของผู้สูงอายุในด้านต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อภาระงบประมาณของภาครัฐและค่าใช้จ่ายของครัวเรือนใน
การดูแลสุขภาพอนามัย และการจัดสวัสดิการทางสังคม ทาให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ หาก
ไม่มกี ารเตรียมความพรอ้ มทเ่ี หมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์

ในแง่ผลกระทบเชงิ สงั คม และสขุ ภาพจากการเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็วของผูส้ ูงอายกุ ็คือ ผูส้ งู อายุ
จานวนมากต้องเผชิญกับปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคเร้ือรัง และประสบภาวะทุพพลภาพ การเพ่ิมข้ึน
ของผู้สูงอายุท่ีเข้าสู่ภาวะพึ่งพิงอย่างรวดเรว็ เช่นน้ี ทาใหต้ ระหนักถึงการเตรียมการดูแลผู้สงู อายุให้คงไว้
ซ่ึงสุขภาพที่ดีให้นานที่สุด เพื่อลดทอนโอกาสและระยะเวลาท่ีต้องตกอยู่ภาวะพ่ึงพิง และผู้สูงอายุอาจ
ต้องเผชิญกับความยากลาบาก โดยเฉพาะหากขาดแคลนผู้ดูแลในอนาคต ซึ่งจากผลการสารวจ
ประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ.๒๕๖๐ พบว่า ผู้สูงอายุประเมินตนเองว่าในช่วง 7 วันก่อนวัน
สัมภาษณ์มีสุขภาพร่างกายดีมาก/ดีลดลงจากร้อยละ 45.7 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 41.7 ในปี
2560 ผู้สูงอายุประเมินระดับความสุขของตนเองว่าในระหว่าง 3 เดือนท่ีผ่านมาตนเองมีความสุขใน
ระดับ “มีความสุขมาก”ร้อยละ 53.7 (สานักงานสถิติแห่งชาติ, 2561: xi-xii)


Click to View FlipBook Version